246
8.5 ธูป
8.6 ไมข้ ีดไฟ
8.7 สีไม้
9. ชิน้ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 02 ทิศทางการเคลือ่ นที่ของแสงหนา้ 76
10. การวัดและประเมินผล
ประเดน็ การประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การตดั สิน
1) บรรยายลกั ษณะการ สงั เกตการอภปิ รายความรู้ แบบประเมินการ คะแนน 3 หมายถึง ดี
เคลอื่ นที่ของแสงจาก ในช้ันเรยี น อภปิ รายความรู้ใน คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
แหล่งกาเนิดแสง สงั เกตทักษะกระบวนการ ชนั้ เรียน คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
2) ทักษะกระบวนการ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ แบบประเมนิ ทกั ษะ คะแนน 7 - 9 หมายถงึ ดี
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทากิจกรรม กระบวนการทาง คะแนน 4 – 6 หมายถงึ
- สังเกตลักษณะการ วทิ ยาศาสตร์ พอใช้
เคลื่อนที่ของแสงจาก สงั เกตด้านคุณลกั ษณะ คะแนน 1 - 3 หมายถึง
แหล่งกาเนิดแสง อนั พงึ ประสงค์ แบบประเมนิ คุณลักษณะ ปรบั ปรุง
- ลงความเห็นจากข้อมลู อันพึงประสงค์
เก่ยี วกบั การเคลื่อนท่ีของ คะแนน 3 หมายถึง ดี
แสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
- ตคี วามหมายข้อมลู และ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
ลงขอ้ สรุปเก่ยี วกับการ
เคลอ่ื นท่ีของแสงจาก
แหล่งกาเนดิ แสง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี
วนิ ยั และใฝร่ ู้
247
แบบประเมินการอภปิ รายความรู้ในช้ันเรียน
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 24 เร่อื ง การเคล่อื นทีข่ องแสง (3)
ชือ่ ผู้ประเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครัง้ ท่ี………………….... วันท่ี ……………..……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ /ระดับคะแนน รวมคะแนน
(10 คะแนน)
การสรุปความรู้ การตอบคาถาม
(6) ในชั้นเรยี น
(4)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ น้าหนัก คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 4
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 6
คาถามในช้ันเรยี น ถกู ต้องทั้งหมด ถกู ต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความรู้เขา้ ใจ
สว่ นใหญ่ เกีย่ วกับเรอื่ งท่ี
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ความ สรุปความร้คู วาม และไม่ครบถว้ น
ความเขา้ ใจ เข้าใจเก่ียวกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ
เกยี่ วกบั เรอ่ื งที่ เรอ่ื งที่ศึกษาได้ เร่อื งที่ศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางสว่ น
และครบถว้ น ครบถ้วน และไม่ครบถ้วน
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
248
แบบประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 24 เรอื่ ง การเคลือ่ นทข่ี องแสง (3)
ช่ือผู้ประเมิน………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลคร้ังที่………………….... วันท่ี ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดับคะแนน ผลรวม
การสังเกต การลงความเห็น การตีความหมาย คะแนน ผลการ
ประเมนิ
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ (3) จากข้อมูล ข้อมูลและ (9 คะแนน)
(3) ลงขอ้ สรุป
(3)
เกณฑ์การประเมิน
ทักษะกระบวนการ ระดบั ความสามารถ
ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
สามารถใช้ประสาทสมั ผสั ในการ
การสงั เกต สามารถใชป้ ระสาทสัมผสั ใน สามารถใชป้ ระสาทสมั ผสั ใน สงั เกตการเปล่ยี นแปลงทีเ่ กิดข้ึน
เมือ่ เปดิ หลอดไฟฟ้าในชุดสาธติ การ
การสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่ การสังเกตการเปลยี่ นแปลงที่ เคลอื่ นท่ีของแสง เมื่อไม่มคี วันธปู
และมคี วันธูปได้บางสว่ น แมจ้ ะ
เกดิ ขึน้ เม่ือเปดิ หลอดไฟฟ้าใน เกดิ ข้นึ เม่ือเปดิ หลอดไฟฟา้ ใน ได้รบั คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ื่น
ชดุ สาธิตการเคลอ่ื นท่ีของแสง ชดุ สาธติ การเคลือ่ นที่ของแสง สามารถใช้ความร้หู รือ
ประสบการณ์เดิมเพือ่ ลงความเห็น
เมือ่ ไมม่ ีควันธูปและมคี วนั ธปู เมื่อไม่มีควนั ธปู และมีควนั ธูป เกี่ยวกบั ลกั ษณะการเคล่ือนท่ีของ
แสงทีอ่ อกจากแหล่งกาเนดิ แสงได้
ไดด้ ว้ ยตนเอง ได้ จากการชแ้ี นะของครหู รือ บางสว่ น แม้จะได้รบั คาแนะนาจาก
ครูหรือผอู้ ื่น
ผอู้ ่ืน สามารถตีความหมายข้อมลู จาก
การสังเกตและลงข้อสรุปได้วา่ แสง
การลงความเหน็ สามารถใช้ความรูห้ รือ สามารถใชค้ วามรหู้ รือ เคลื่อนท่ีจากแหล่งกาเนดิ แสงเปน็
จากข้อมลู ประสบการณเ์ ดมิ เพอ่ื ลง ประสบการณเ์ ดมิ เพ่ือลง
ความเห็นเก่ียวกบั ลักษณะการ ความเห็นเกีย่ วกบั ลักษณะการ
เคลื่อนท่ีของแสงท่ีออกจาก เคลอื่ นที่ของแสงที่ออกจาก
แหล่งกาเนิดแสงได้ดว้ ยตนเอง แหล่งกาเนดิ แสงไดจ้ ากการ
ชแี้ นะของครหู รือผู้อ่นื
การตคี วามหมายข้อมูล สามารถตคี วามหมายข้อมูลจาก สามารถตคี วามหมายข้อมลู
และลงข้อสรุป การสงั เกตและลงข้อสรุปได้ว่า จากการสังเกตและลงขอ้ สรุป
แสงเคล่อื นทจี่ ากแหลง่ กาเนดิ ไดว้ า่ แสงเคล่ือนทจ่ี าก
249
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดับความสามารถ ปรบั ปรงุ (1)
ทางวิทยาศาสตร์ แสงเป็นแนวตรง ทุกทิศทางได้ พอใช้ (2) แนวตรง แต่สรุปทศิ ทางการ
ดว้ ยตนเอง เคลอ่ื นท่ีของแสงได้บางสว่ น ถึงแม้
แหล่งกาเนิดแสงเป็นแนวตรง จะไดร้ บั คาแนะนาจากครูหรอื ผ้อู ่ืน
ทุกทิศทาง จากการช้ีแนะของ
ครหู รอื ผูอ้ ่นื
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 7 - 9 หมายถงึ ดี
คะแนน 4 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 - 3 หมายถงึ ปรับปรงุ
แบบประเมินด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 24 เรอ่ื ง การเคลื่อนทข่ี องแสง (3)
ผู้ประเมิน/กลุ่มประเมนิ ............................................................................................................................. ....................
ชื่อกลุ่มรับการประเมนิ ....................................................................................................................................................
ประเมินผลคร้ังที่...............วนั ที่...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรอ่ื ง............................................................................................................................. ....................................................
ที่ ลักษณะ/พฤติกรรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
1. มวี นิ ัย เกดิ = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2. ใฝเ่ รียนรู้
รวมคะแนนทไ่ี ดท้ ้งั หมด
เกณฑค์ ุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
250
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 25
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว12101
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2 แสง หนว่ ยยอ่ ยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการเรยี นรทู้ ี่ 25 เรอื่ ง การเคลื่อนทีข่ องแสง (4) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ดั
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณ์ทเี่ ก่ียวข้องกบั เสยี ง แสง
และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทั้งนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ตวั ชี้วดั
ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลื่อนท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง และอธิบายการมองเหน็ วตั ถุ
จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคัญ
แสงเคลือ่ นทจี่ ากแหลง่ กาเนิดแสงทุกทิศทางเปน็ แนวตรง
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- บรรยายลกั ษณะการเคล่ือนท่ีของแสง
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สร้างแบบจาลองโดยการเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนิดแสง
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มวี นิ ัย
- ใฝ่เรียนรู้
4. สาระการเรยี นรู้
แสงเคลื่อนท่ีจากแหลง่ กาเนดิ แสงทุกทิศทางเป็นแนวตรง เราสามารถเขยี นแผนภาพแสดงแนวการ
เคล่ือนที่ของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงโดยใช้ลกู ศร ใหห้ วั ลกู ศรพุง่ ออกจากแหล่งกาเนดิ แสงในทกุ ทศิ ทาง
251
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการส่อื สาร
-บรรยายการเคลอ่ื นทขี่ องแสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- สร้างแบบจาลองโดยการเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง
5.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- มวี ินัย
- ใฝเ่ รียนรู้
6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝเ่ รียนรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรียน (เวลา 5 นาท)ี
1. ครตู รวจสอบความรู้เดมิ เกี่ยวการเขียนแผนการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสง ครนู าภาพเปลวเทยี นไขมาให้
นักเรยี นสงั เกตโดยใชส้ ่ือสไลด์ และส่มุ นกั เรียน 3 คนเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลอ่ื นทีข่ องแสงบนกระดาน
โดยใช้สัญลักษณล์ กู ศรแทนการเคลือ่ นท่ีของแสง ครยู งั ไม่เฉลยคาตอบ
ขัน้ สอน (เวลา 40 นาท)ี
2. ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรอู้ ีกคร้ังว่า ในช่วั โมงนน้ี กั เรยี นตอ้ งสร้างแบบจาลองโดยการเขียนแผนภาพแสดงแนว
การเคล่อื นท่ขี องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง โดยใชส้ ่ือสไลด์
3. ครูทบทวนความรเู้ กีย่ วกบั ลักษณะการเคลอื่ นที่ของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสงที่เรยี นในชัว่ โมงที่แล้ว โดยใช้คาถาม
ดังต่อไปนี้
3.1 แหล่งกาเนิดแสงคอื อะไร (หลอดไฟฟา้ ท่เี ปิดไฟ)
3.2 แนวการเคล่ือนที่ของแสงทเ่ี คลอื่ นทีอ่ อกจากหลอดไฟฟ้าเป็นอย่างไร ร้ไู ด้อยา่ งไร (เป็นแนวตรงออกมาทุกทศิ
ทกุ ทาง รู้ไดจ้ ากลาแสงเป็นเส้นตรง และออกจากทุกรรู อบลูกปิงปอง)
4. นกั เรียนอา่ นวิธีทาในใบกจิ กรรมที่ 1 แสงเคล่ือนทจ่ี ากแหล่งกาเนดิ แสงอย่างไร หน้า 75 และครตู รวจความเข้าใจ
โดยใชค้ าถาม ดังน้ี
4.1 นกั เรียนตอ้ งเขยี นแผนภาพอะไร (เขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง)
4.2 เมอ่ื นกั เรยี นเขยี นแผนภาพเสรจ็ แลว้ นักเรยี นตอ้ งทาอะไรต่อ (อธบิ ายแนวการเคลอ่ื นทีข่ องแสง)
252
5. ครชู วนนกั เรยี นเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคล่อื นท่ีของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง ครูอธบิ ายวธิ ีการเขยี น
แผนภาพ โดยใช้ลกู ศรแทนลาแสง โดยหางลูกศรใช้แทนตาแหน่งทีเ่ คลื่อนท่ีออกมาจากแหล่งกาเนดิ แสง หวั ลูกศร
ใช้แทนทิศทางท่ีแสงเคลื่อนท่ไี ป
6. ใหน้ กั เรยี นเขยี นแผนภาพลงในใบงาน 02 ทิศทางการเคลือ่ นท่ขี องแสง หน้า 77
7. ครูสุ่มนักเรียนนาเสนอผลการเขียนแผนภาพหนา้ ช้ันเรียน พรอ้ มอธบิ ายการเคลอ่ื นของแสง ครูและนกั เรียนร่วมกัน
ตรวจสอบความถกู ต้อง และแกไ้ ขความคลาดเคลอื่ น
8. ครูนาแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนท่ีของเปลวเทียนไขที่นักเรียนเขียนไว้แล้วในขั้นนาเข้าสู่บทเรียนและนักเรียน
ตรวจสอบความถกู ต้องและถ้าหากยังไม่ถูกต้องให้รว่ มกนั แก้ไขให้ถูกต้อง
9. ครใู หน้ กั เรยี นตอบคาถามหลงั ทากิจกรรมหน้า 79
ขน้ั สรปุ (เวลา 5 นาที)
10. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นสรปุ ดว้ ยตนเองว่าแสงเคลื่อนทจี่ ากแหล่งกาเนิดแสงเปน็ แนวตรงทุกทศิ ทาง เม่ือเขียน
แผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงโดยใช้ลกู ศรพุ่งออกจากแหลง่ กาเนดิ แสงในทุกทิศทาง
11. ครใู ห้นกั เรียนทาใบงาน 03 แบบฝกึ หดั เรอื่ งการเคลื่อนทขี่ องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง หนา้ 80-81 เปน็ การบ้าน
8. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
8.1 สื่อสไลด์ เรอื่ ง การเคลอื่ นท่ีของแสง (4)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 แสงเคลอื่ นทจี่ ากแหลง่ กาเนิดแสงอย่างไร หนา้ 75
8.3 ใบงาน 02 ทศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ องแสงหน้า 77-79
8.4 ใบงาน 03 แบบฝึกหัด เรื่องการเคลื่อนทข่ี องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง หน้า 80-81
9. ชน้ิ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 02 ทิศทางการเคล่อื นทขี่ องแสง หนา้ 77-79
9.2 ใบงาน 03 แบบฝกึ หดั เรือ่ งการเคลือ่ นท่ีของแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง หนา้ 80-81
10. การวดั และประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วิธกี าร เครื่องมือ เกณฑ์การตดั สนิ
1) บรรยายลักษณะการ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
เคลอื่ นท่ีของแสง สงั เกตการอภิปรายความรู้ แบบประเมินการ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
ในชัน้ เรียน อภิปรายความรู้ในชั้น คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
เรยี น คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
2) ทักษะกระบวนการ สังเกตทกั ษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทางวิทยาศาสตร์ในการ
ประเด็นการประเมนิ วิธีการ เครอ่ื งมือ 253
กระบวนการทาง
- สรา้ งแบบจาลองโดย ทากจิ กรรม วิทยาศาสตร์ เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
การเขยี นแผนภาพแสดง
แนวการเคลอ่ื นท่ขี องแสง
จากแหล่งกาเนิดแสง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี สังเกตดา้ นคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
วินัยและใฝ่รู้ อันพงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรุง
แบบประเมนิ การอภิปรายความรใู้ นช้ันเรยี น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 25 เรอ่ื ง การเคล่ือนท่ีของแสง (4)
ช่ือผ้ปู ระเมนิ ………………………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครง้ั ที่………………….... วันที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
การตอบ การสรปุ ความถกู ตอ้ ง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ชื่อ-สกุล/กลมุ่ คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ชั้นเรยี น (4) เน้อื หาในใบงาน
(4) (2)
254
เกณฑ์การประเมิน
ประเด็น ระดบั คณุ ภาพ นา้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมนิ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 4
ตอบคาถามไม่
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในช้ันเรยี น ถกู ต้องท้งั หมด ถูกต้องเปน็ ถกู ต้องบางสว่ น
2
ส่วนใหญ่
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรู้ความ สรุปความรูค้ วาม สรปุ ความรู้เข้าใจ 1.0
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกับ เข้าใจเก่ยี วกับ เกย่ี วกับเรือ่ งที่
เกยี่ วกบั เร่ืองที่ เรือ่ งท่ีศึกษาได้ เรอื่ งท่ีศกึ ษาได้ ศึกษาไม่ถูกต้อง
ศกึ ษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไม่ครบถ้วน
และครบถว้ น ครบถ้วน และไม่ครบถว้ น
เนือ้ หาทเี่ ขียนใน เน้อื หาทเ่ี ขียนใน 1.0
3. ความถกู ต้อง เนื้อหาท่ีเขยี นใน เนอื้ หาท่เี ขียนใน ใบงานมคี วาม ใบงานไม่ถกู ตอ้ ง
ครบถว้ นของ ใบงานมีความ ใบงานมีบางสว่ น ถกู ต้องเปน็ สว่ น
เนือ้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถ้วน ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี น้อย
ตามทีก่ าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถงึ ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรับปรงุ
255
แบบประเมินดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 25 เรอ่ื ง การเคลอื่ นท่ขี องแสง (4)
ชื่อผู้ประเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่ี………………….... วันท่ี …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เร่อื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ช่ือ-สกุล/กลมุ่ รายการประเมนิ / ผลรวม ผลการประเมนิ
ระดบั คะแนน คะแนน
(3 คะแนน)
การสรา้ งแบบจาลอง
(3)
เกณฑก์ ารประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ระดับความสามารถ
ทางวทิ ยาศาสตร์
การสรา้ งแบบจาลอง ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
สามารถเขียนแผนภาพแสดง สามารถเขยี นแผนภาพ สามารถเขียนแผนภาพ
แนวการเคลอื่ นที่ของแสงและ แสดงแนวการเคลื่อนท่ีของ แสดงแนวการเคล่ือนที่ของ
อธิบายลกั ษณะการเคลื่อนท่ี แสงและอธิบายลักษณะการ แสงและอธิบายลักษณะการ
ของแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง เคลอ่ื นท่ีของแสงจาก เคลือ่ นท่ีของแสงจาก
ไดถ้ ูกตอ้ งด้วยตนเอง แหล่งกาเนิดแสงไดถ้ ูกต้อง แหลง่ กาเนดิ แสงไดถ้ ูกต้อง
จากการชี้แนะของครหู รือ บางสว่ น แมจ้ ะไดร้ บั
ผอู้ ืน่ คาแนะนาจากครหู รือผอู้ ่ืน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
256
แบบประเมินด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 25 เรื่อง การเคล่อื นทีข่ องแสง (4)
ผ้ปู ระเมนิ /กลุ่มประเมิน............................................................................................................................. ....................
ชือ่ กลุ่มรบั การประเมนิ ....................................................................................................................................................
ประเมินผลคร้ังที่...............วนั ที่...........เดอื น..................................................พ.ศ.......................................
เรื่อง....................................................................................................................................................................... ..........
ที่ ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
1. มวี ินัย เกิด = 1 ไมเ่ กิด = 0
2. ใฝเ่ รยี นรู้
รวมคะแนนท่ีได้ทง้ั หมด
เกณฑ์คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50 % - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ตา่ กวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
257
เฉลยใบงาน
258
259
260
หลอดไฟฟา้
261
262
263
264
265
ทุกทศิ ทาง
ทุกทศิ ทาง
ทกุ ทิศทาง
266
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 26
กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2
ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเห็น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 26 เรือ่ ง การมองเหน็ วตั ถุ (1) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ดั
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธร์ ะหวา่ งสสาร
และพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ที่เก่ียวขอ้ งกบั เสยี ง แสง
และคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตัวชี้วดั ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลื่อนท่ขี องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง และอธิบายการมองเหน็ วตั ถุ
จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสาคัญ
เม่ือมีแสงจากแหลง่ กาเนิดแสงเคลอื่ นที่มาถึงตา จะทาใหม้ องเหน็ วตั ถทุ ่เี ปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- อธิบายการมองเหน็ วัตถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนิดแสง
3.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P)
- สงั เกตการมองเหน็ วัตถทุ เี่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง
- การลงความเหน็ จากข้อมูลเก่ยี วกบั สิง่ ท่ีทาให้มองเห็นวตั ถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนิดแสง
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A)
- มวี นิ ยั
- ใฝ่เรยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
เม่อื มีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงเคลือ่ นที่มายังตา จะทาให้มองเหน็ วัตถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้
แตถ่ า้ มีสิ่งต่าง ๆ มาก้ันแสงจากแหล่งกาเนิดแสงไว้ จะทาให้มองไมเ่ ห็นแหลง่ กาเนดิ แสง
267
5. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน
5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
- อธิบายการมองเหน็ วตั ถุท่ีเป็นแหล่งกาเนดิ แสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- ลงความเหน็ เกย่ี วกับสิง่ ท่ีทาใหม้ องเห็นวัตถุทเี่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง
5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา
- การแกป้ ญั หาในการทางานกลุ่มร่วมกนั
5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
- มวี นิ ยั
- ใฝ่เรยี นรู้
6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
6.1 มวี นิ ัย
6.2 ใฝเ่ รยี นรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน (เวลา 5 นาที)
1. ครใู ชส้ ่ือสไลด์ทบทวนความรูพ้ ื้นฐานโดยใชค้ าถามว่า แสงมลี กั ษณะการเคลอ่ื นท่ีจากแหล่งกาเนดิ แสงอยา่ งไร
(แสงเคลื่อนทจี่ ากแหล่งกาเนดิ แสงทุกทศิ ทาง เป็นแนวตรง)
2. ครตู รวจสอบความร้เู ดิมของนักเรียนเก่ยี วกับการมองเห็นวัตถุ โดยใชค้ าถามดงั ตอ่ ไปน้ี
2.1 เรามองเหน็ ส่ิงตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งไร (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
2.2 อะไรเปน็ สง่ิ จาเปน็ ในการมองเหน็ สง่ิ ต่าง ๆ (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง)
2.3 ถ้าไม่มีแสง เราจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้หรือไม่ (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ครูยังไม่เฉลย
คาตอบ แต่แนวคาตอบที่ถูกต้องท่ีครูควรทราบ คือ เรามองเห็นส่ิงต่าง ๆ เพราะมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสง
เคล่ือนท่ีมาถึงตา หรือมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงตกกระทบกับวัตถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง แล้วสะท้อน
แสงมาถึงตาของเรา และเม่ือไมม่ ีแสง เราจะมองไม่เห็นสง่ิ นน้ั )
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
3. ครใู ชส้ อ่ื สไลด์ชวนนักเรยี นหาคาตอบทถี่ ูกตอ้ งโดยทากิจกรรมท่ี 1 เรามองเห็นวตั ถุอย่างไร หน้า 83 โดยให้
นกั เรียนอ่านชือ่ กิจกรรมและจดุ ประสงค์ ข้อที่ 1 จากนั้นใช้คาถามตอ่ ไปน้ี
3.1 กจิ กรรมนนี้ ักเรียนจะได้เรียนเรอ่ื งอะไร (การมองเหน็ วัตถุท่เี ปน็ แหล่งกาเนดิ แสง)
3.2 นักเรยี นจะเรียนเรอื่ งน้ีด้วยวิธีใด (การสงั เกต)
3.3 เมื่อเรยี นแลว้ นักเรยี นจะทาอะไรได้ (อธบิ ายและเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ขี องแสงท่ีทาให้มองเหน็
วัตถทุ ่ีเป็นแหลง่ กาเนดิ แสง)
4. ครูแจง้ จุดประสงค์ใหน้ ักเรียนทราบว่า ในชว่ั โมงนน้ี กั เรยี นจะได้สังเกตและอธบิ ายการมองเห็นวัตถุที่เปน็
แหลง่ กาเนดิ แสง
268
5. ครใู ห้นกั เรยี นอ่านวธิ ที าในใบกิจกรรมที่ 1 ตอนท่ี 1 ข้อ 1-3 หนา้ 83 จากนนั้ ครตู รวจสอบความเข้าใจในขน้ั ตอน
การทากิจกรรมของนักเรียนจนแน่ใจว่านักเรียนทาได้ โดยครอู าจใช้คาถามดงั ต่อไปนี้
5.1 นกั เรยี นต้องสงั เกตอะไร (สังเกตเปลวเทยี นไข บนั ทึกผล)
5.2 นักเรยี นตอ้ งทาอะไรตอ่ (นากล่องทบึ ครอบเทียนไข แล้วสังเกตเปลวเทียนไขอกี ครงั้ และบันทึกผล)
5.3 ทาไมต้องครอบเทียนไขด้วยกล่องทึบ (เพ่ือเปรียบเทยี บการมองเหน็ เปลวเทยี นไขเมื่อครอบและไม่ครอบดว้ ย
กลอ่ งทบึ )
5.4 นักเรยี นจะได้อภิปรายเกี่ยวกับเรอ่ื งอะไร (เก่ียวกบั เรอื่ งการมองเห็นวัตถทุ ่ีเป็นแหล่งกาเนดิ แสง)
6. ครูใชส้ ื่อสไลด์อธิบายวธิ ีการบันทึกผลการทากิจกรรมในใบงาน 01 การมองเหน็ วตั ถุต่าง ๆ หนา้ 85
7. นักเรยี นสงั เกตผลการทากิจกรรมท่ี 1 เรามองเห็นวัตถุอยา่ งไร ตอนที่ 1 โดยครสู าธติ การทากิจกรรมหน้าช้นั เรียน
โดยจุดเทียนไข แลว้ ใหน้ กั เรียนสังเกตเปลวเทียนไขและบนั ทึกผล จากนัน้ นากล่องครอบเทียนไข แลว้ ให้นักเรียน
สงั เกตเปลวเทยี นไข และบนั ทึกผลอกี ครงั้ ในใบงาน 01 หน้า 85
8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทากิจกรรม โดยใชค้ าถามดงั นี้
8.1 ในกจิ กรรมนี้ แหล่งกาเนิดแสงคอื อะไร (เปลวเทียนไข)
8.2 แสงจากเปลวเทียนไขมแี นวการเคลื่อนที่อย่างไร (แสงจากเปลวเทยี นไขเคลื่อนท่ีเป็นแนวตรง ในทุกทศิ ทาง)
8.3 เมอ่ื ไมค่ รอบเทียนไขด้วยกล่องทึบ จะมองเหน็ เปลวเทียนไขหรอื ไม่ อยา่ งไร (มองเห็นเปลวเทียนไขเป็นแสง
สีสม้ หรือเปน็ เปลวเคลือ่ นไปเคลือ่ นมา)
8.4 เมื่อครอบเทียนไขดว้ ยกล่องทึบ จะมองเหน็ แสงจากเปลวเทียนไขหรือไม่ (มองไมเ่ ห็นแสงจากเปลวเทยี นไข)
8.5 ในขณะทคี่ รอบเทียนไขด้วยกล่องทึบ ภายในกล่องมีแสงจากเปลวเทยี นไขหรอื ไม่ (มีแสงจากเปลวเทยี นไข)
8.6 ถึงแม้จะมแี สงจากเปลวเทยี นไขในกลอ่ ง แต่เพราะเหตุใดเราจึงมองไมเ่ ห็นแสงจากเปลวเทยี นไขได้ (เพราะมี
กลอ่ งทึบมากั้นหรือบังไว้อยู่ ทาให้แสงไม่สามารถเคล่อื นท่ีมาถงึ ตาของเราได้)
8.7 เพราะเหตุใดเมื่อไม่ครอบเทียนไขด้วยกลอ่ งทึบ จงึ มองเห็นเปลวเทียนไขได้ (เพราะมีแสงจากเปลวเทยี นไข
เคลื่อนท่ีมาถึงตาของเรา)
8.8 เรามองเห็นวตั ถุทเี่ ป็นแหล่งกาเนิดแสงไดอ้ ย่างไร (มแี สงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคลอ่ื นทมี่ าถึงตาของเรา)
8.9 จากกจิ กรรมนี้ การมองเหน็ วตั ถทุ ่เี ป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้ ต้องมสี ่วนประกอบใดบ้าง (แหลง่ กาเนิดแสงและตา)
ขั้นสรุป (เวลา 5 นาที)
9. ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนได้สรุปความรู้ที่ไดเ้ รียนเกย่ี วกับการการมองเหน็ วัตถุท่ีเปน็ แหลง่ กาเนิดแสง โดยใชส้ อ่ื สไลด์
ว่า เมอื่ มแี สงจากแหล่งกาเนิดแสงเคลือ่ นท่ีมาถึงตาจะทาให้มองเหน็ วตั ถุทเ่ี ปน็ แหลง่ กาเนิดแสงได้ แต่ถ้ามีสง่ิ ตา่ ง
ๆ มากน้ั แสงจากแหลง่ กาเนิดแสงไว้จะทาให้มองไมเ่ หน็ แหล่งกาเนดิ แสง
8. สอ่ื /แหล่งเรยี นรู้
8.1 สือ่ สไลด์ เร่อื ง การมองเห็นวตั ถุ (1)
8.2 ใบกจิ กรรมที่ 1 เรามองเหน็ วัตถุอย่างไร หน้า 83
269
8.3 ใบงาน 01 การมองเห็นวัตถุตา่ ง ๆ หนา้ 85
8.4 เทียนไข
8.5 กลอ่ งทึบ
8.6 ไม้ขดี ไฟ
9. ช้ินงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การมองเหน็ วัตถตุ ่าง ๆ หน้า 85
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การตัดสนิ
1) อธบิ ายการมองเห็น สังเกตการตอบคาถาม แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
วัตถทุ ีเ่ ปน็ แหลง่ กาเนิดแสง ในช้นั เรยี นและใน คาถามในช้ันเรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ใบงาน ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
2) ทกั ษะกระบวนการ คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
ทางวิทยาศาสตร์ สังเกตทักษะ แบบประเมนิ ทกั ษะ คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
- สงั เกตการมองเห็นวตั ถุ กระบวนการ กระบวนการทาง คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
ท่เี ปน็ แหลง่ กาเนิดแสง ทางวทิ ยาศาสตร์ใน วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรับปรงุ
- การลงความเหน็ จาก การทากิจกรรม
ข้อมูลเก่ียวกับสิง่ ที่ทาให้ แบบประเมินคุณลักษณะ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
มองเหน็ วตั ถุที่เป็น สังเกตด้านคุณลกั ษณะ อันพึงประสงค์ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้
แหล่งกาเนดิ แสง อนั พึงประสงค์ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ
3) สงั เกตพฤติกรรมการมี
วนิ ัยและใฝเ่ รียนรู้
270
แบบประเมินการตอบคาถามในชัน้ เรียนและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 26 การมองเห็นวัตถุ (1)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ นา้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 6
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถูกต้อง 4
คาถามในชั้นเรียน ถกู ต้องท้งั หมด ถูกต้องเป็น ถูกต้องบางส่วน
สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ
ส่วนใหญ่ เก่ียวกับเรอื่ งที่
ศกึ ษาไม่ถูกต้อง
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรุปความรคู้ วาม และไม่ครบถ้วน
ความเข้าใจ เข้าใจเกี่ยวกับ เข้าใจเก่ียวกับ
เกย่ี วกับเรอื่ งท่ี เร่อื งที่ศึกษาได้ เรื่องที่ศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางส่วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไมค่ รบถว้ น
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
271
แบบประเมินดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 26 การมองเห็นวัตถุ (1)
ชอื่ ผ้ปู ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลคร้ังที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมิน/ระดบั คะแนน ผลรวม
ชื่อ-สกุล/กล่มุ การสังเกต (3) การลงความเหน็ คะแนน ผลการประเมิน
จากขอ้ มูล (3) (6 คะแนน)
เกณฑ์การประเมนิ ระดบั ความสามารถ
ทักษะกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)
การสงั เกต สามารถใช้ประสาทสัมผัสใน สามารถใช้ประสาทสมั ผัสใน สามารถใช้ประสาทสัมผสั ในการ
การลงความเหน็ การรวบรวมข้อมลู เกี่ยวกับ การรวบรวมขอ้ มูลเก่ยี วกบั รวบรวมขอ้ มลู เก่ยี วกับการ
จากข้อมูล
การมองเห็นวัตถทุ ี่เป็น การมองเหน็ วัตถุท่ีเปน็ มองเห็นวตั ถุทเี่ ป็นแหลง่ กาเนิด
แหล่งกาเนิดแสง ด้วยตนเอง แหลง่ กาเนิดแสง โดยการ แสงไดบ้ างอย่าง แม้จะไดร้ บั
โดยไม่เพ่ิมความคดิ เหน็ ชี้แนะของครูหรือผูอ้ ื่น คาแนะนาจากครหู รือผอู้ ื่น
สามารถใช้ความร้หู รือ สามารถใช้ความรู้หรือ สามารถใช้ความรูห้ รือ
ประสบการณ์เดมิ เพอื่ ลง ประสบการณเ์ ดมิ เพอื่ ลง ประสบการณ์เดิมเพื่อลง
ความเหน็ เก่ยี วกับสิ่งที่ทาให้ ความเหน็ เก่ยี วกับส่ิงท่ีทาให้ ความเห็นเกย่ี วกบั สิ่งที่ทาให้
มองเหน็ วตั ถุที่เปน็ มองเหน็ วัตถุที่เปน็ มองเห็นวตั ถุที่เป็นแหลง่ กาเนิด
แหล่งกาเนิดแสง ด้วยตนเอง แหล่งกาเนิดแสง โดยการ แสงได้บางอย่าง แมจ้ ะไดร้ ับ
ชี้แนะของครูหรือผูอ้ ่นื คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ่นื
เกณฑก์ ารตดั สนิ
คะแนน 5 - 6 หมายถึง ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรุง
272
แบบประเมนิ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 26 การมองเห็นวัตถุ (1)
ชือ่ ผปู้ ระเมนิ /กลุ่มประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชอื่ กลุ่มรบั การประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมนิ ผลครัง้ ที่………………….... วันที่ ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรือ่ ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลักษณะ/พฤตกิ รรมบ่งช้ี ระดบั พฤตกิ รรม
รวมคะแนนที่ไดท้ ัง้ หมด
1 มวี ินยั เกดิ = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 ใฝ่เรยี นรู้
เกณฑก์ ารประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
273
แผนการจัดการเรียนรูท้ ี่ 27
กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 2
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 27 เรื่อง การมองเห็นวัตถุ (2) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ดั
สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ีเ่ ก่ียวข้องกับเสียง แสง
และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวช้วี ดั ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลือ่ นท่ขี องแสงจากแหลง่ กาเนิดแสง และอธบิ ายการมองเห็นวัตถุ
จากหลักฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสาคัญ
เม่อื มีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคลือ่ นที่มาถึงตา จะทาใหม้ องเห็นวัตถทุ ีเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้
3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- อธบิ ายการมองเหน็ วัตถุท่เี ป็นแหลง่ กาเนดิ แสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- ตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ เกี่ยวกับการมองเหน็ วตั ถุท่ีเปน็ แหล่งกาเนดิ แสง
- สร้างแบบจาลองอธิบายการมองเห็นวตั ถุทีเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสงโดยการเขยี นแผนภาพแสดง
แนวการเคล่อื นท่ีของแสง
3.3 ด้านคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
เมอ่ื มีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคล่อื นที่มาถึงตา จะทาใหม้ องเหน็ วัตถทุ เ่ี ป็นแหล่งกาเนิดแสงได้
แต่ถ้ามีสง่ิ ต่าง ๆ มาก้นั แสงจากแหล่งกาเนิดแสงไว้จะทาให้มองไมเ่ ห็นแหลง่ กาเนิดแสง เราสามารถเขียน
แผนภาพแสดงแนวการเคลอื่ นทีข่ องแสงโดยเขยี นลูกศรให้หวั ลูกศรมีทศิ ทางพุ่งออกจากแหลง่ กาเนดิ แสงมาถึงตา
274
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการส่อื สาร
- อธิบายการมองเหน็ วัตถทุ ่เี ป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยการเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนทข่ี องแสง
5.2 ความสามารถในการคดิ
- เขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลือ่ นท่ีของแสง ท่ีทาให้มองเห็นวัตถุที่เปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
5.3 ความสามารถในการแก้ปญั หา
- การแกป้ ญั หาในการทางานกลุ่มรว่ มกัน
5.4 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
- มวี นิ ยั
- ใฝ่เรียนรู้
6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
6.1 มวี ินยั
6.2 ใฝ่เรียนรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ ส่บู ทเรียน (เวลา 5 นาที)
1. ครทู บทวนความรู้ของนักเรียนท่เี รยี นมาแล้วเก่ยี วกบั เร่ือง การมองเห็นวัตถทุ ีเ่ ปน็ แหล่งกาเนดิ แสง โดยใชค้ าถามว่า
ส่ิงทท่ี าให้มองเหน็ วตั ถุที่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสงได้มีอะไรบา้ ง (แหลง่ กาเนดิ แสง และตา)
2. ครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับการเคล่ือนที่ของแสง โดยนารูปหลอดไฟฟ้าที่สว่างกับรูปตามาให้
นักเรียนเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ีของแสงที่ทาให้มองเห็นวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสงตามความเข้าใจ
ของตนเอง โดยครยู งั ไมเ่ ฉลยคาตอบ
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาที)
3. ครูแจง้ จุดประสงคข์ องกิจกรรมท่ี 1 เรามองเห็นวัตถุได้อยา่ งไร ในช่ัวโมงนี้นักเรียนจะได้เขยี นแผนภาพแสดงแนว
การเคลอ่ื นทข่ี องแสงและอธิบายการมองเหน็ วตั ถุทเ่ี ปน็ แหล่งกาเนิดแสง
4. ครใู หน้ ักเรียนอา่ นวิธีทาในใบกิจกรรมท่ี 1 ตอนที่ 1 ขอ้ 4 หน้า 83 จากนนั้ ครูตรวจสอบความเข้าใจในขั้นตอนการ
ทากิจกรรมของนกั เรียนจนแน่ใจว่านกั เรียนทาได้ โดยครูใชค้ าถามว่า
4.1 นกั เรียนต้องเขียนแผนภาพอะไร (เขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลือ่ นทีข่ องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง)
4.2 เม่อื นักเรียนแผนภาพเสรจ็ แลว้ ต้องทาอะไรต่อไป (นาเสนอและอธิบายการมองเห็นวตั ถทุ ี่เปน็ แหลง่ กาเนดิ
แสง)
5. ครูและนักเรียนร่วมกันทบทวนวิธีการเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนที่ของแสงจากแหล่งกาเนิดแสงด้วยการ
เขียนลกู ศรแทนแนวการเคลอื่ นทีข่ องแสง โดยลกู ศรมที ศิ ทางพงุ่ ออกจากแหลง่ กาเนิดแสง เปน็ แนวตรง
6. ครูให้นักเรียนเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนท่ีของแสง ที่ทาให้มองเห็นวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสงในใบงาน
01 การมองเห็นวัตถตุ า่ ง ๆ หน้า 85
275
7. ครูสุ่มนักเรียนนาเสนอแผนภาพในหน้า 85 หน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนตรวจสอบความถูกต้องและร่วมกัน
อภิปรายการเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงท่ีทาให้มองเห็นวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสง โดยใช้
คาถามดังนี้
7.1 การเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ีของแสงท่ีทาใหม้ องเหน็ วัตถุทเ่ี ปน็ แหล่งกาเนดิ แสง ตอ้ งเขียนลูกศรช้ี
จากทใี่ ดไปท่ใี ด (เขียนใหล้ กู ศรชอี้ อกจากเปลวเทียนไขไปทต่ี า)
7.2 เรามองเห็นวัตถุทีเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสงได้อยา่ งไร (แสงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคล่อื นทมี่ าถึงตา)
8. ครูนาแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ีของแสงที่ทาให้มองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งกาเนิดแสงที่นักเรียนเขียนไว้ในขั้น
นาเข้าสู่บทเรียนมาตรวจสอบความถกู ต้อง หากยงั ไมถ่ ูกต้องให้แก้ไขใหถ้ ูกต้อง
9. ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมว่าเราไมส่ ามารถมองวัตถุทีเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสงได้ทุกอย่าง เพราะแหลง่ กาเนิดแสงบางอย่าง เช่น
ดวงอาทิตย์ เลเซอร์ ซึ่งมีแสงที่จ้ามาก จึงห้ามมองแหล่งกาเนิดแสงเหล่าน้ีด้วยตาเปล่า เพ่ือป้องกันอันตรายที่จะ
เกดิ กับดวงตา จนอาจถึงขนั้ ตาบอดได้
10. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายคาถามและตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม ตอนที่ 1 หน้า 86 โดยให้นักเรียน
รว่ มกนั นาเสนอคาตอบ และลงความคิดเหน็ ของคาตอบทถ่ี ูกต้องรว่ มกนั จากนนั้ ครเู ฉลยคาตอบโดยใช้ส่ือสไลด์อีก
คร้ัง
ข้ันสรุป (เวลา 5 นาที)
11. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สรปุ ความรู้ทไ่ี ด้เรียนเกยี่ วกับการมองเห็นวตั ถุท่ีเป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใชส้ ื่อสไลด์
สรุปได้ว่า เมอ่ื มีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงเคลื่อนที่มาถงึ ตา จะทาให้มองเห็นวัตถทุ เี่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้ แต่ถา้
มีส่ิงต่าง ๆ มากัน้ แสงจากแหลง่ กาเนิดแสงไว้จะมองไมเ่ ห็นแหล่งกาเนดิ แสง เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแนว
การเคลอ่ื นทข่ี องแสงโดยเขียนลูกศรใหห้ วั ลูกศรมีทิศทางพุ่งออกจากแหล่งกาเนิดแสงมาถึงตา
8. สอ่ื /แหลง่ เรยี นรู้
8.1 สอื่ สไลด์ เร่ือง การมองเหน็ วัตถุ (2)
8.2 กิจกรรมที่ 1 เรามองเห็นวัตถุไดอ้ ย่างไร หนา้ 83
8.3 ใบงาน 01 การมองเหน็ วตั ถุต่าง ๆ หน้า 85-86
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การมองเห็นวัตถตุ ่าง ๆ หนา้ 85-86
276
10. การวดั และประเมนิ ผล
ประเด็นการประเมิน วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การตดั สิน
แบบประเมนิ การตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
1) อธิบายการมองเหน็ สงั เกตการตอบคาถามใน คาถามในชัน้ เรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
วัตถุทเี่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง ชนั้ เรยี นและในใบงาน คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
2) ทกั ษะกระบวนการ สงั เกตทักษะกระบวนการ แบบประเมินทกั ษะ คะแนน 3 - 4 หมายถึง พอใช้
ทางวทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ กระบวนการทาง คะแนน 1 - 2 หมายถึง
- ตคี วามหมายข้อมูลและ ทากิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ ปรบั ปรงุ
ลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกับการ
มองเหน็ วัตถุที่เปน็ สังเกตดา้ นคุณลกั ษณะ แบบประเมนิ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
แหล่งกาเนิดแสง อันพงึ ประสงค์ คุณลักษณะ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
- สร้างแบบจาลองอธิบาย อันพึงประสงค์ คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง
การมองเหน็ วตั ถทุ เี่ ป็น
แหล่งกาเนิดแสงโดยการ
เขียนแผนภาพแสดงแนว
การเคลอื่ นทีข่ องแสง
3) สงั เกตพฤติกรรมการมี
วินยั และใฝเ่ รียนรู้
277
แบบประเมินการตอบคาถามในช้ันเรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 27 การมองเห็นวตั ถุ (2)
ชอ่ื ผ้ปู ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่ี………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ช่อื -สกุล/กลุ่ม คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ช้นั เรียน (4) เน้ือหาในใบงาน
(4) (2)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) นา้ หนกั คะแนน
การประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถูกต้อง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรียน ถูกต้องทง้ั หมด ถกู ต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น 4
ส่วนใหญ่ 2
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม สรปุ ความรูเ้ ข้าใจ 1.0
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ เก่ียวกบั เรื่องที่
เกี่ยวกบั เร่ืองที่ เร่ืองท่ีศึกษาได้ เร่ืองท่ีศึกษาได้ ศึกษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไมค่ รบถว้ น
และครบถว้ น ครบถว้ น และไมค่ รบถ้วน
เนอื้ หาท่เี ขียนใน เนอื้ หาทเี่ ขยี นใน 1.0
3. ความถูกต้อง เน้ือหาที่เขียนใน เนอ้ื หาทเ่ี ขยี นใน ใบงานมคี วาม ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างส่วน ถูกต้องเป็น
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถว้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี ส่วนน้อย
ตามทีก่ าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรับปรุง
278
แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 27 การมองเห็นวัตถุ (2)
ชือ่ ผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………….... วนั ที่ …………….........……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดบั คะแนน ผลรวม
ชอ่ื -สกุล/กลุ่ม การตีความหมาย การสร้างแบบจาลอง คะแนน ผลการประเมิน
ขอ้ มูลและ (3) (6 คะแนน)
ลงข้อสรปุ (3)
เกณฑ์การประเมนิ ระดบั ความสามารถ
ทกั ษะกระบวนการ
ทางวทิ ยาศาสตร์ ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรุง (1)
การตีความหมาย
ขอ้ มลู และลงข้อสรุป สามารถตคี วามหมายข้อมลู ท่ี สามารถตคี วามหมายข้อมลู สามารถตคี วามหมายข้อมลู ท่ี
สงั เกตได้และลงข้อสรปุ
การสร้างแบบจาลอง เก่ียวกบั การมองเหน็ วตั ถทุ ่ี ท่ีสังเกตไดแ้ ละลงข้อสรุป สังเกตได้และลงข้อสรปุ
เป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้อยา่ ง
ถูกต้อง และมีเหตผุ ลดว้ ย เกี่ยวกับการมองเหน็ วัตถทุ ่ี เกย่ี วกับการมองเหน็ วตั ถุท่เี ป็น
ตนเอง
สามารถอธบิ ายการมองเหน็ เป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้อยา่ ง แหล่งกาเนิดแสงได้ถูกต้อง
วัตถุท่เี ป็นแหล่งกาเนิดแสง
โดยการเขยี นแผนภาพแสดง ถกู ต้อง และมีเหตุผล โดย บางส่วน ถึงแมจ้ ะได้รับ
แนวการเคลอ่ื นท่ขี องแสงได้ การชีแ้ นะของครหู รือผู้อื่น คาแนะนาจากครหู รือผู้อื่น
ถูกต้องดว้ ยตนเอง
สามารถอธิบายการมองเหน็ สามารถอธิบายการมองเห็น
วัตถุที่เป็นแหล่งกาเนดิ แสง วัตถุท่เี ปน็ แหลง่ กาเนิดแสง
โดยการเขยี นแผนภาพแสดง โดยการเขยี นแผนภาพแสดง
แนวการเคล่ือนที่ของแสงได้ แนวการเคลอื่ นที่ของแสงได้
ถูกต้อง โดยการช้ีแนะของ ถูกต้องบางสว่ น ถงึ แมจ้ ะได้รับ
ครหู รอื ผอู้ นื่ คาแนะนาจากครหู รือผูอ้ ่ืน
279
เกณฑก์ ารตัดสิน
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรุง
แบบประเมินดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 27 การมองเห็นวตั ถุ (2)
ชื่อผ้ปู ระเมนิ /กลุ่มประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ช่อื กลุ่มรบั การประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลคร้ังที่………………….... วันท่ี ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
รวมคะแนนที่ได้ทัง้ หมด
1 มวี ินยั เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0
2 ใฝ่เรยี นรู้
เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สิน
คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุง
280
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 28
กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 2 แสง หน่วยย่อยท่ี 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 28 เรือ่ ง การมองเหน็ วัตถุ (3) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 1.2
เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่างสสาร
และพลงั งาน พลงั งานในชวี ติ ประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกบั เสยี ง แสง
และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตัวชีว้ ัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลือ่ นที่ของแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง และอธบิ ายการมองเห็นวัตถุ
จากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
2. สาระสาคญั
เมื่อมองวตั ถุท่ไี ม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสง จะสามารถมองเหน็ วัตถไุ ดเ้ มื่อมีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงมากระทบ
วัตถนุ นั้ แลว้ สะท้อนแสงมาถงึ ตา
3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- อธบิ ายการมองเห็นวัตถุท่ีไม่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- สังเกตการมองเหน็ วัตถุท่ีไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
- ลงความเหน็ จากข้อมูลเกีย่ วกบั การมองเหน็ วัตถุที่ไม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสง
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A)
- มวี ินยั
- มุง่ มั่นในการทางาน
4. สาระการเรียนรู้
การมองเห็นวัตถุท่ีไม่เปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง เชน่ ลูกบอล ดินสอ ตอ้ งอาศัยแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสงไป
ตกกระทบวัตถุนัน้ แล้วสะทอ้ นแสงมาถึงตา
281
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น
5.1 ความสามารถในการสื่อสาร
- อธบิ ายการมองเห็นวัตถุทีไ่ มเ่ ป็นแหลง่ กาเนดิ แสง
5.2 ความสามารถในการคดิ
- ลงความเหน็ จากขอ้ มูลเกย่ี วกับการมองเหน็ วตั ถทุ ่ีไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
- มวี ินัย
- มุง่ มั่นในการทางาน
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี นิ ยั
6.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสบู่ ทเรยี น (เวลา 5 นาท)ี
1. ครใู ชส้ ่ือสไลดท์ บทวนความรู้ของนักเรยี นเกี่ยวกับเร่ือง การมองเห็นวัตถุทีเ่ ป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใช้คาถามวา่
เราสามารถมองเหน็ วตั ถุทีเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้เพราะเหตุใด (เรามองเหน็ วัตถทุ ีเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้
เพราะมแี สงจากแหล่งกาเนิดแสงเคลอ่ื นที่มาถึงตา)
2. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ เก่ียวกบั การมองเห็นวตั ถุท่ีไมเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสง โดยใช้คาถามวา่ การมองเห็นวตั ถุที่
ไม่เปน็ แหล่งกาเนิดแสงจะเหมอื นกับการมองเหน็ วัตถุทเี่ ป็นแหล่งกาเนิดแสงหรือไม่ อย่างไร (นกั เรียนตอบตาม
ความเขา้ ใจของตนเอง) ครจู ดคาตอบของนกั เรียนบนกระดานโดยยังไมเ่ ฉลยคาตอบ
ข้นั สอน (เวลา 40 นาท)ี
3. ครใู ชส้ อ่ื สไลดช์ วนนักเรียนหาคาตอบทถ่ี ูกต้องโดยทากิจกรรมที่ 1 เรามองเห็นวตั ถุอย่างไร หน้า 83 โดยให้
นกั เรยี นอ่านชือ่ กิจกรรมและจดุ ประสงค์ ข้อที่ 2 จากนั้นใช้คาถามต่อไปนี้
3.1 กิจกรรมน้นี ักเรียนจะไดเ้ รยี นเรื่องอะไร (การมองเห็นวตั ถุที่ไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง)
3.2 นกั เรยี นจะเรยี นเรอ่ื งน้ีด้วยวิธใี ด (การสงั เกต)
3.3 เมอ่ื เรยี นแล้วนกั เรยี นจะทาอะไรได้ (อธบิ ายและเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนท่ีของแสงทที่ าใหม้ องเห็น
วตั ถทุ ่ีไมเ่ ป็นแหลง่ กาเนิดแสง)
4. ครูแจ้งจดุ ประสงคใ์ หน้ ักเรียนทราบว่าในช่วั โมงนีน้ กั เรียนจะไดส้ งั เกตและอธบิ ายการมองเหน็ วัตถุที่ไม่เปน็
แหล่งกาเนิดแสง
5. ครใู ชส้ อื่ สไลดช์ วนนกั เรยี นหาคาตอบโดยใหน้ ักเรยี นทากิจกรรมท่ี 1 ตอนท่ี 2 หนา้ 84 โดยให้นกั เรียนอา่ นวธิ ี
ทาขอ้ 1-5 แลว้ ทาความเข้าใจในข้นั ตอนการทากจิ กรรมจนแน่ใจว่านกั เรยี นทาได้ โดยใช้คาถามดงั นี้
5.1 นักเรยี นต้องทาอะไรเปน็ ลาดับแรก (นาแก้วกระดาษมาเจาะรตู รงก้นแกว้ 1 รู)
282
5.2 เม่ือไดแ้ ก้วกระดาษทเ่ี จาะรู 1 รู แลว้ ตอ้ งทาอะไรต่อ (นาแก้วกระดาษไปครอบวัตถุทเ่ี ลอื ก เชน่ ยางลบ
เศษกระดาษ ลกู ปดั อย่างใดอยา่ งหนงึ่ แล้วมองวตั ถผุ า่ นรูที่เจาะไว้ บนั ทึกผล)
5.3 นักเรียนต้องบันทึกผลการทากจิ กรรมนี้ท่ไี หน (บันทึกลงในตาราง การมองเห็นวตั ถทุ ี่อยใู่ นแกว้ กระดาษ
หน้า 87 คอลัมน์ที่ 1)
5.4 นกั เรยี นต้องทาอะไรต่อ (ค่อย ๆ เอียงแก้วกระดาษข้ึนจากพ้ืนโต๊ะเล็กนอ้ ย มองวตั ถุผ่านรูทีก่ ้นแก้วกระดาษ
อีกคร้ัง และบันทึกผลในตาราง หน้า 87 คอลัมน์ท่ี 2)
5.5 นักเรียนต้องร่วมกนั อภิปรายเกีย่ วกับเรอื่ งอะไร (การมองเห็นวตั ถุท่ีไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง)
6. ครูใช้สื่อสไลด์อธิบายวธิ ีการบนั ทึกผลการทากิจกรรมในใบงาน 01 การมองเห็นวัตถุต่าง ๆ ตอนที่ 2 หน้า 87
7. เมื่อนักเรยี นเข้าใจแล้ว ครใู ห้นกั เรยี นแต่ละคนทากิจกรรม โดยครูคอยสังเกตและชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรมแต่ละข้ันตอนได้อย่างถกู ต้อง และบันทกึ ผลลงในใบงาน 01 หน้า 87
8. ครสู มุ่ นกั เรียนออกมานาเสนอผลการทากิจกรรม และร่วมกนั อภิปรายโดยครูใช้คาถามดังนี้
8.1 วตั ถทุ ่อี ยใู่ นแก้วกระดาษเป็นแหลง่ กาเนิดแสงหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (ไม่เปน็ แหล่งกาเนิดแสง เพราะไมเ่ กดิ แสง
หรอื ไม่ใหแ้ สงจากตวั เอง)
8.2 เมอื่ ใช้แก้วกระดาษครอบวัตถทุ ่ีไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง แลว้ มองวตั ถผุ า่ นรทู ่ีกน้ แก้ว มองเห็นวตั ถนุ ัน้ ไดห้ รอื ไม่
(มองไม่เหน็ วตั ถทุ ่ีอยู่ภายในแก้วกระดาษ)
8.3 เพราะเหตใุ ดจงึ มองไมเ่ ห็นวัตถุท่ีอยใู่ นแกว้ กระดาษ (เพราะไม่มีแสง)
8.4 เมอื่ เอียงแกว้ กระดาษขน้ึ จากพ้ืนโตะ๊ เลก็ น้อย ทาให้มองเหน็ วตั ถภุ ายในแกว้ กระดาษแตกต่างกับเม่ือไม่เอียง
แก้วหรอื ไม่ อย่างไร (แตกต่างกนั โดยเมอื่ เอียงแก้วกระดาษทาให้มองเห็นวัตถทุ ่ีอยใู่ นแกว้ กระดาษครอบอยู่ แต่
เมื่อไมเ่ อียงแก้วกระดาษทาให้มองไมเ่ หน็ วัตถุที่อยใู่ นแก้วกระดาษครอบอยู่)
8.5 เพราะเหตุใดเมอื่ เอยี งแกว้ กระดาษขน้ึ จากพ้ืนโต๊ะเลก็ น้อย ทาให้มองเห็นวตั ถภุ ายในแก้วกระดาษได้ (เพราะ
มแี สงจากหลอดไฟฟ้าในห้องเรียน หรอื แสงจากดวงอาทิตย์ด้านนอกห้องมาท่วี ตั ถทุ าใหเ้ รามองเห็นวัตถุน้ันได้)
8.6 ส่ิงทท่ี าให้มองเห็นวตั ถุทไ่ี มเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสงได้มีอะไรบา้ ง (แสงจากแหล่งกาเนิดแสง วตั ถุ และตา)
9. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ เราสามารถมองเหน็ วตั ถุท่ีไม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสงได้ เม่ือมแี สงจากแหล่งกาเนดิ แสงมากระทบ
ทีว่ ัตถนุ ัน้ แล้วสะทอ้ นแสงมาถงึ ตา
ข้ันสรุป (เวลา 5 นาที)
10. ครูเปิดโอกาสให้นักเรยี นไดส้ รุปความรทู้ ไ่ี ด้เรยี นเกี่ยวกับการการมองเหน็ วัตถทุ ไี่ มเ่ ป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใช้
สอื่ สไลด์สรปุ ไดว้ ่า เม่ือมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงมากระทบวตั ถุทไ่ี ม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง แล้วสะทอ้ นแสงมาถึงตา
จะทาให้เรามองเห็นวัตถทุ ี่ไม่เปน็ แหล่งกาเนดิ แสงได้
8. สอื่ /แหล่งเรยี นรู้
8.1 สื่อสไลด์ เรื่อง การมองเห็นวตั ถุ (3)
8.2 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรามองเห็นวตั ถอุ ย่างไร หน้า 83
283
8.3 ใบงาน 01 การมองเหน็ วตั ถตุ ่าง ๆ หนา้ 87
8.4 วตั ถุ เช่น ยางลบ เศษกระดาษ หรอื ลกู ปดั
8.5 แก้วกระดาษ
8.6 ดนิ สอ
9. ช้นิ งาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การมองเหน็ วัตถุตา่ ง ๆ หน้า 87
10. การวดั และประเมนิ ผล
ประเดน็ การประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การตัดสิน
1) อธบิ ายการมองเหน็ สังเกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถงึ ดีมาก
วตั ถุทไ่ี ม่เป็นแหล่งกาเนิด ช้นั เรียนและในใบงาน คาถามในช้นั เรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
แสง คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
ตรวจใบงาน คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
2) ทกั ษะกระบวนการ สงั เกตทกั ษะ แบบประเมินทกั ษะ คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
กระบวนการทาง คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
ทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการ วทิ ยาศาสตร์
คะแนน 3 หมายถึง ดี
- สังเกตการมองเห็นวตั ถุที่ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการ แบบประเมนิ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คณุ ลักษณะ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ
ไม่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง ทากจิ กรรม อันพงึ ประสงค์
- ลงความเห็นจากข้อมลู
เก่ียวกับการมองเหน็ วัตถทุ ี่
ไม่เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง
3) สังเกตพฤติกรรมการมี สงั เกตด้านคุณลกั ษณะ
วนิ ัยและมุง่ ม่นั ในการ อนั พึงประสงค์
ทางาน
284
แบบประเมินการตอบคาถามในชัน้ เรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 28 การมองเห็นวตั ถุ (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น ระดับคณุ ภาพ นา้ หนกั คะแนน
1.0 รวม
การประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 6
ตอบคาถามไม่ 1.0
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม ถกู ต้อง 4
คาถามในชั้นเรียน ถกู ต้องท้งั หมด ถูกต้องเป็น ถกู ต้องบางส่วน
สรปุ ความร้เู ขา้ ใจ
ส่วนใหญ่ เก่ียวกบั เรือ่ งท่ี
ศึกษาไม่ถกู ต้อง
2. การสรุปความรู้ สรปุ ความรู้ สรปุ ความรู้ความ สรปุ ความรคู้ วาม และไมค่ รบถ้วน
ความเข้าใจ เข้าใจเกี่ยวกับ เขา้ ใจเกย่ี วกับ
เกย่ี วกับเรอื่ งท่ี เร่อื งที่ศึกษาได้ เรือ่ งที่ศึกษาได้
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถกู ต้อง แต่ไม่ ถูกต้องบางส่วน
และครบถ้วน ครบถ้วน และไม่ครบถว้ น
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถงึ ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรบั ปรงุ
285
แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 28 การมองเห็นวตั ถุ (3)
ชอ่ื ผปู้ ระเมิน…………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครงั้ ท่ี………………….... วนั ท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
ชอ่ื -สกุล/กลุม่ รายการประเมิน/ระดับคะแนน ผลรวม ผลการประเมนิ
การสงั เกต (3) การลงความเหน็ คะแนน
(6 คะแนน)
จากขอ้ มูล (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์ สามารถใชป้ ระสาทสมั ผัส พอใช้ (2)
การสงั เกต ในการรวบรวมขอ้ มลู เก่ยี วกบั สามารถใช้ประสาทสมั ผสั
การมองเหน็ วตั ถทุ ่ีไม่เปน็ สามารถใช้ประสาทสัมผัส ในการรวบรวมขอ้ มลู
การลงความเห็นจาก แหล่งกาเนดิ แสง ดว้ ยตนเอง ในการรวบรวมข้อมูล เก่ยี วกับการมองเหน็ วตั ถุที่
ขอ้ มูล โดยไมเ่ พ่ิมความคดิ เห็น เกยี่ วกับการมองเห็นวตั ถุที่ ไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสงได้
ไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง โดย บางอย่าง แม้จะไดร้ ับ
สามารถใชค้ วามรหู้ รือ การชแ้ี นะของครหู รอื ผู้อน่ื คาแนะนาจากครูหรือผอู้ ่ืน
ประสบการณ์เดิมเพื่อลง สามารถใชค้ วามรหู้ รือ
ความเห็นเกี่ยวกบั สิง่ ท่ีทาให้ สามารถใช้ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมเพือ่ ลง
มองเห็นวัตถุทไ่ี ม่เปน็ ประสบการณ์เดมิ เพอ่ื ลง ความเหน็ เกี่ยวกับสิ่งทที่ าให้
แหลง่ กาเนิดแสง ดว้ ยตนเอง ความเหน็ เกยี่ วกบั สิง่ ที่ทาให้ มองเหน็ วตั ถุที่ไม่เป็น
มองเหน็ วตั ถุที่ไมเ่ ป็น แหลง่ กาเนดิ แสงได้
แหล่งกาเนิดแสง โดยการ บางอยา่ ง แม้จะได้รบั
ชแ้ี นะของครหู รือผู้อื่น คาแนะนาจากครูหรือผู้อืน่
286
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถึง ปรับปรุง
แบบประเมินด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 28 การมองเหน็ วตั ถุ (3)
ชอื่ ผ้ปู ระเมิน/กลมุ่ ประเมนิ ………………………………………………………………………………………………………………………………..
ชือ่ กลุ่มรับการประเมิน…………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลครง้ั ที่………………….... วนั ท่ี ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤติกรรมบ่งช้ี ระดบั พฤติกรรม
1 มวี ินยั เกดิ = 1 ไมเ่ กดิ = 0
2 มุ่งมัน่ ในการทางาน
รวมคะแนนทีไ่ ด้ทัง้ หมด
เกณฑก์ ารประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
- มากกว่า 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากวา่ 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุ
287
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 29
กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 2
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 แสง หนว่ ยย่อยที่ 1 แสงและการมองเหน็
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 29 เรือ่ ง การมองเหน็ วัตถุ (4) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เข้าใจความหมายของพลงั งาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ระหว่างสสาร
และพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจาวัน ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ที่เก่ียวขอ้ งกบั เสยี ง แสง
และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทัง้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ตวั ช้วี ัด ว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคล่ือนทีข่ องแสงจากแหลง่ กาเนดิ แสง และอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุ
จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์
2. สาระสาคญั
เมอื่ มองวตั ถุท่ีไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง จะสามารถมองเหน็ วตั ถไุ ดเ้ มื่อมีแสงจากแหล่งกาเนดิ แสงมากระทบ
วตั ถุนั้น แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
- อธบิ ายการมองเห็นวัตถทุ ี่ไม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ เกยี่ วกับการมองเห็นวตั ถทุ ี่ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสง
- การสรา้ งแบบจาลองอธบิ ายการมองเห็นวตั ถทุ ี่ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสงโดยการเขียนแผนภาพแสดง
แนวการเคล่ือนที่ของแสง
3.3 ด้านคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม (A)
- มวี นิ ยั
- ใฝเ่ รยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
การมองเหน็ วตั ถทุ ่ีไม่เปน็ แหล่งกาเนดิ แสงต้องอาศยั แสงจากแหล่งกาเนิดแสงตกกระทบวตั ถุนั้น
แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา เราสามารถเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนทข่ี องแสงท่ีทาใหม้ องเหน็ วตั ถทุ ี่ไม่เปน็
แหล่งกาเนิดแสงได้ โดยเขยี นใหห้ ัวลกู ศรมีทิศทางพ่งุ ออกจากแหล่งกาเนิดแสงไปกระทบวัตถุ แล้วสะท้อนแสง
มาถงึ ตา
288
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
- อธบิ ายการมองเห็นวัตถุที่ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- เขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ขี องแสงทท่ี าให้มองเหน็ วัตถทุ ี่ไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง
5.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
- มวี นิ ัย
- ใฝ่เรยี นรู้
6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มวี ินัย
6.2 ใฝเ่ รียนรู้
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขัน้ นาเขา้ ส่บู ทเรยี น (เวลา 5 นาที)
1. ครทู บทวนความรขู้ องนักเรียนทีเ่ รียนมาแลว้ เก่ียวกบั เร่ือง การมองเหน็ วัตถทุ ่ีไมเ่ ป็นแหลง่ กาเนดิ แสง โดยใชค้ าถาม
ดังนี้
1.1 เราสามารถมองเหน็ วัตถุทไ่ี ม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้อย่างไร (เรามองเห็นวตั ถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้
เพราะมแี สงจากแหลง่ กาเนิดแสงมากระทบท่วี ัตถุ แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา)
1.2 ส่ิงทที่ าให้มองเห็นวัตถุทีไ่ ม่เปน็ แหลง่ กาเนิดแสงได้มีอะไรบา้ ง (แสงจากแหลง่ กาเนิดแสง วัตถุ และตา)
2. ครตู รวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเก่ียวกับการเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนที่ของแสงท่ีทาให้มองเห็นวัตถุ
ที่ไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสงในกระดาษ โดยนารูปหนังสือกับรูปดวงตามาให้นักเรียนเขียนแผนภาพแสดงแนวการ
เคลอ่ื นท่ีของแสงท่ที าใหม้ องเห็นวัตถุทเ่ี ป็นแหล่งกาเนดิ แสงตามความเขา้ ใจของตนเอง โดยครูยงั ไมเ่ ฉลยคาตอบ
ขั้นสอน (เวลา 40 นาท)ี
3. ครแู จ้งจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรมในชวั่ โมงนี้วา่ นกั เรียนจะได้เขยี นแผนภาพแสดงการเคล่อื นท่ีของแสงทท่ี าให้
มองเห็นวตั ถุทีไ่ ม่เป็นแหลง่ กาเนดิ แสง และอธิบายการมองเห็นวตั ถุที่ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสง
4. ครใู ชส้ ่อื สไลดช์ วนใหน้ กั เรยี นทากิจกรรมท่ี 1 ตอนท่ี 2 ขอ้ 6 หน้า 84 โดยให้นักเรยี นอา่ นวธิ ที าแล้วทาความเข้าใจ
ในขัน้ ตอนการทากิจกรรมจนแน่ใจว่านกั เรียนทาได้ ซึง่ ครูใชค้ าถามดงั น้ี
4.1 นกั เรยี นต้องเขียนแผนภาพอะไร (แผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงท่ีทาให้มองเห็นวัตถุทไี่ ม่เปน็
แหล่งกาเนดิ แสง)
4.2 เม่ือนกั เรยี นเขยี นแผนภาพเสร็จแล้ว ตอ้ งทาอะไรต่อไป (นาเสนอและอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุท่ีไม่เปน็
แหล่งกาเนิดแสง)
5. ครใู ห้นักเรียนเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลอื่ นทีข่ องแสง ทีท่ าให้มองเห็นวตั ถุท่ีไมเ่ ป็นแหล่งกาเนิดแสง หน้า 87
289
6. ครสู มุ่ นักเรยี นนาเสนอแผนภาพในหนา้ 87 หน้าช้ันเรียน ครแู ละนักเรียนตรวจสอบความถกู ต้องร่วมกัน
6.1 ในแผนภาพแสดงแนวการเคล่ือนที่ของแสงที่ทาให้มองเห็นวัตถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง ต้องเขียนลูกศร
อย่างไร (เขียนลูกศรเสน้ หน่งึ ช้จี ากแหล่งกาเนิดแสงไปทว่ี ัตถแุ ละเขียนลูกศรอีกเส้นหน่งึ ชจี้ ากวัตถุไปถึงตา)
6.2 เรามองเห็นวัตถุที่ไม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสงได้อย่างไร (การมองเห็นวัตถุที่ไม่เป็นแหล่งกาเนดิ แสงต้องอาศัยแสง
จากแหลง่ กาเนิดแสงตกกระทบวัตถุนน้ั แลว้ สะท้อนแสงไปถึงตา)
7. ครูนาแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนท่ีของแสงที่ทาให้มองเห็นวัตถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสงท่ีนักเรียนเขียนไว้ใน
ขั้นนาเขา้ สบู่ ทเรียนมาตรวจสอบความถูกต้อง หากยงั ไม่ถกู ตอ้ งให้แกไ้ ขให้ถกู ต้อง
ขัน้ สรุป (เวลา 5 นาที)
8. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้สรุปความร้ทู ี่ได้เรียนเกยี่ วกบั การการมองเหน็ วัตถุท่ไี ม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง โดยใช้
ส่ือสไลด์ สรุปได้ว่าการมองเห็นวัตถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสงต้องอาศัยแสงจากวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสง
ตกกระทบวัตถุน้ัน แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงท่ีทาให้
มองเหน็ วตั ถุท่ีไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสงได้ โดยเขียนให้หัวลูกศรมีทิศทางพงุ่ ออกจากแหลง่ กาเนดิ แสงไปกระทบวัตถุ
แล้วสะท้อนแสงมาถงึ ตา
8. สอื่ /แหล่งเรยี นรู้
8.1 สอื่ สไลด์ เรอ่ื ง การมองเหน็ วตั ถุ (4)
8.2 ใบกิจกรรมท่ี 1 เรามองเหน็ วตั ถอุ ย่างไร หน้า 84
8.3 ใบงาน 01 การมองเห็นวัตถตุ า่ ง ๆ หนา้ 87
9. ชิ้นงาน/ภาระงาน
9.1 ใบงาน 01 การมองเห็นวัตถุต่าง ๆ หนา้ 87
10. การวัดและประเมนิ ผล
ประเด็นการประเมนิ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารตดั สนิ
1) อธิบายการมองเห็น สงั เกตการตอบคาถามใน แบบประเมินการตอบ คะแนน 9 – 10 หมายถึง ดมี าก
วตั ถทุ ไี่ ม่เปน็ ชัน้ เรยี นและในใบงาน คาถามในช้ันเรียนและ คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
แหล่งกาเนดิ แสง ตรวจใบงาน คะแนน 5 - 6 หมายถึง พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถึง ปรับปรงุ
2) ทกั ษะกระบวนการ สงั เกตทักษะกระบวนการ แบบประเมินทักษะ คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
กระบวนการทาง คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
ทางวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ในการทา วทิ ยาศาสตร์ คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ
- การตคี วามหมายขอ้ มูล กจิ กรรม
และลงข้อสรุปเก่ยี วกับ
การมองเหน็ วตั ถทุ ่ีไมเ่ ป็น
แหล่งกาเนดิ แสง
ประเด็นการประเมนิ วิธกี าร เคร่อื งมอื 290
- การสร้างแบบจาลอง แบบประเมิน เกณฑ์การตัดสนิ
คุณลักษณะ
อธบิ ายการมองเห็นวัตถุ อนั พงึ ประสงค์ คะแนน 3 หมายถงึ ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
ทไี่ มเ่ ปน็ แหลง่ กาเนดิ แสง คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ
โดยการเขยี นแผนภาพ
แสดงแนวการเคลื่อนที่
ของแสง
3) สังเกตพฤติกรรมการ สงั เกตดา้ นคุณลกั ษณะ
มวี ินัยและใฝเ่ รยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์
291
แบบประเมินการตอบคาถามในช้ันเรยี นและตรวจใบงาน
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 29 การมองเห็นวตั ถุ (4)
ชอ่ื ผ้ปู ระเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมนิ ผลครั้งท่ี………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน
การตอบ การสรุป ความถกู ต้อง รวมคะแนน
(10 คะแนน)
ช่อื -สกุล/กลุ่ม คาถามใน ความรู้ ครบถ้วนของ
ช้นั เรียน (4) เน้ือหาในใบงาน
(4) (2)
เกณฑ์การประเมนิ
ประเด็น 4 (ดีมาก) ระดับคณุ ภาพ 1 (ปรบั ปรุง) นา้ หนกั คะแนน
การประเมนิ 3 (ดี) 2 (พอใช้) ตอบคาถามไม่ 1.0 รวม
ถูกต้อง 4
1. การตอบ ตอบคาถามได้ ตอบคาถามได้ ตอบคาถาม
คาถามในชัน้ เรียน ถูกต้องทง้ั หมด ถกู ต้องเป็น ถูกต้องบางสว่ น 4
ส่วนใหญ่ 2
2. การสรปุ ความรู้ สรุปความรู้ สรุปความรคู้ วาม สรุปความรคู้ วาม สรปุ ความรูเ้ ข้าใจ 1.0
ความเขา้ ใจ เข้าใจเกีย่ วกับ เขา้ ใจเกีย่ วกับ เก่ียวกบั เรื่องที่
เกี่ยวกบั เร่ืองที่ เร่ืองท่ีศึกษาได้ เร่ืองท่ีศึกษาได้ ศึกษาไม่ถูกต้อง
ศึกษาได้ ถูกต้อง ถูกต้อง แต่ไม่ ถกู ต้องบางสว่ น และไมค่ รบถว้ น
และครบถว้ น ครบถว้ น และไมค่ รบถ้วน
เนอื้ หาท่เี ขียนใน เนอื้ หาทเี่ ขยี นใน 1.0
3. ความถูกต้อง เน้ือหาที่เขียนใน เนอ้ื หาทเ่ี ขยี นใน ใบงานมคี วาม ใบงานไมถ่ ูกต้อง
ครบถ้วนของ ใบงานมคี วาม ใบงานมบี างส่วน ถูกต้องเป็น
เนอื้ หาในใบงาน ถกู ต้องครบถว้ น ไมถ่ ูกตอ้ ง ตามท่ี ส่วนน้อย
ตามทีก่ าหนด กาหนด
เกณฑก์ ารตัดสนิ
คะแนน 9 - 10 หมายถึง ดีมาก
คะแนน 7 - 8 หมายถึง ดี
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 0 - 4 หมายถงึ ปรับปรุง
292
แบบประเมินด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 29 การมองเหน็ วตั ถุ (4)
ชอ่ื ผู้ประเมนิ …………………………………………………………………………........................………………………………………..
ประเมินผลครัง้ ที่………………….... วันท่ี …………….........……... เดือน ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรอ่ื ง………………………………………………………………......……………………………………………………………………………….
รายการประเมนิ /ระดับคะแนน ผลรวม
ช่ือ-สกุล/กล่มุ การตคี วามหมาย การสรา้ งแบบจาลอง คะแนน ผลการประเมนิ
ขอ้ มูลและ (3) (6 คะแนน)
ลงขอ้ สรปุ (3)
เกณฑ์การประเมนิ
ทักษะกระบวนการ ดี (3) ระดบั ความสามารถ ปรบั ปรุง (1)
ทางวิทยาศาสตร์
การตคี วามหมาย สามารถตีความหมายข้อมูล พอใช้ (2) สามารถตีความหมายข้อมูล
ข้อมลู และลงข้อสรุป ทีส่ ังเกตไดแ้ ละลงข้อสรุป ทีส่ ังเกตไดแ้ ละลงขอ้ สรปุ
เกย่ี วกบั การมองเห็นวตั ถุท่ีไม่ สามารถตคี วามหมายข้อมูล เกี่ยวกับการมองเห็นวตั ถทุ ี่
การสร้างแบบจาลอง เป็นแหล่งกาเนิดแสงได้อย่าง ทีส่ ังเกตไดแ้ ละลงขอ้ สรุป ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนดิ แสงได้
ถกู ต้อง และมเี หตผุ ลด้วย เก่ยี วกับการมองเหน็ วตั ถุท่ี บางอยา่ ง ถงึ แมจ้ ะไดร้ บั
ตนเอง ไมเ่ ปน็ แหล่งกาเนิดแสงได้ คาแนะนาจากครูหรือผู้อ่นื
สามารถอธิบายการมองเห็น และมีเหตุผล โดยการช้ีแนะ สามารถอธิบายการมองเหน็
วตั ถทุ ่ไี ม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง ของครูหรอื ผ้อู น่ื วัตถุทไี่ มเ่ ป็นแหล่งกาเนิด
โดยการเขียนแผนภาพแสดง สามารถอธิบายการมองเหน็ แสง โดยการเขยี นแผนภาพ
แนวการเคล่อื นท่ีของแสงได้ วัตถุท่ไี มเ่ ปน็ แหล่งกาเนิด แสดงแนวการเคล่ือนที่ของ
ถกู ต้อง ดว้ ยตนเอง แสง โดยการเขียนแผนภาพ แสงได้บางอยา่ ง แมจ้ ะไดร้ ับ
แสดงแนวการเคล่ือนท่ีของ คาแนะนาจากครหู รือผู้อ่ืน
แสงไดถ้ ูกต้อง โดยการ
ชแ้ี นะของครูหรือผูอ้ นื่
293
เกณฑ์การตดั สนิ
คะแนน 5 - 6 หมายถงึ ดี
คะแนน 3 - 4 หมายถงึ พอใช้
คะแนน 1 - 2 หมายถงึ ปรบั ปรุง
แบบประเมินดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 29 การมองเห็นวตั ถุ (4)
ชื่อผู้ประเมิน/กล่มุ ประเมิน………………………………………………………………………………………………………………………………..
ช่อื กลุ่มรับการประเมนิ …………………………………………………………………………………………………………………….
ประเมินผลคร้งั ที่………………….... วันท่ี ……………..……... เดอื น ………..……….…. พ.ศ. ……...….…………........
เรื่อง……………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ท่ี ลกั ษณะ/พฤตกิ รรมบง่ ชี้ ระดับพฤติกรรม
รวมคะแนนที่ได้ทัง้ หมด
1 มวี ินยั เกิด = 1 ไม่เกดิ = 0
2 ใฝ่เรยี นรู้
เกณฑ์การประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
- มากกวา่ 80 % ได้ 3 คะแนน
- 50% - 79 % ได้ 2 คะแนน
- ต่ากว่า 50 % ได้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ
คะแนน 3 หมายถึง ดี
คะแนน 2 หมายถึง พอใช้
คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง
294
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 30
กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 2
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 รายวชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว12101
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 แสง หน่วยย่อยที่ 1 แสงและการมองเห็น
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 30 เร่อื ง การมองเห็นวัตถุ (5) เวลา 50 นาที
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด
สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3
เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธร์ ะหวา่ งสสาร
และพลงั งาน พลังงานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ที่เกยี่ วขอ้ งกับเสียง แสง
และคลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทั้งนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ตวั ชีว้ ัดว 2.3 ป. 2/1 บรรยายแนวการเคลอื่ นท่ขี องแสงจากแหล่งกาเนดิ แสง และอธบิ ายการมองเห็นวัตถุ
จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์
2. สาระสาคญั
เมอื่ มองวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสง จะมแี สงจากแหลง่ กาเนิดแสงมาถึงตา และเม่ือมองวัตถุท่ไี ม่เปน็
แหล่งกาเนดิ แสง จะสามารถมองเหน็ ได้เมื่อมแี สงจากแหล่งกาเนิดแสงมากระทบวัตถุน้นั แล้วสะทอ้ นแสงมาถงึ ตา
3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
- อธบิ ายการมองเหน็ วัตถุทเ่ี ป็นแหลง่ กาเนดิ แสงและไม่เป็นแหล่งกาเนิดแสง
3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
- ตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุปเกย่ี วกับการมองเห็นวัตถุทเ่ี ปน็ แหลง่ กาเนิดแสงและไม่เป็น
แหล่งกาเนดิ แสง
- สร้างแบบจาลองอธบิ ายการมองเห็นวตั ถุที่เปน็ แหล่งกาเนิดแสงและไม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง
โดยการเขยี นแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนทข่ี องแสง
3.3 ด้านคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A)
- มวี ินัย
- ใฝ่เรยี นรู้
4. สาระการเรยี นรู้
เม่ือมองวัตถุท่ีเป็นแหล่งกาเนิดแสงจะมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงมาถึงตา เราสามารถเขียนแผนภาพแสดง
แนวการเคลอ่ื นทขี่ องแสงโดยเขยี นลกู ศรให้หัวลกู ศรมที ศิ ทางพุ่งออกจากแหลง่ กาเนิดแสงมาถึงตา
295
เมื่อมองวัตถทุ ี่ไมเ่ ปน็ แหลง่ กาเนิดแสง จะสามารถมองเหน็ ไดเ้ มื่อมีแสงจากแหล่งกาเนิดแสงมากระทบวัตถุนั้น
แล้วสะท้อนแสงมาถึงตา เราสามารถเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลือ่ นที่ของแสงได้ โดยเขียนใหห้ ัวลูกศรมีทิศทาง
พ่งุ ออกจากแหล่งกาเนดิ แสงไปกระทบวัตถุ แลว้ สะท้อนแสงเขา้ สู่ตา
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
5.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
- อธบิ ายการมองเหน็ วัตถุตา่ ง ๆ ทีเ่ ป็นแหล่งกาเนดิ แสงและไม่เปน็ แหลง่ กาเนิดแสง
5.2 ความสามารถในการคิด
- เขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสง ท่ีทาให้มองเห็นวัตถุที่เป็นแหล่งกาเนิดแสงและไม่เป็น
แหลง่ กาเนิดแสง
5.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
- มวี ินัย
- ใฝ่เรยี นรู้
6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
6.1 มีวนิ ยั
6.2 ใฝ่เรยี นรู้
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนาเขา้ สู่บทเรยี น (เวลา 5 นาท)ี
1. ครใู ชส้ อื่ สไลด์ทบทวนความร้ทู ี่ไดเ้ รยี นมาแล้วของนกั เรียน โดยให้นกั เรยี นสังเกตรปู ภาพทีม่ ีคนกาลังเดินเข้าไปใน
ห้องทม่ี ืดสนทิ ในเวลากลางคนื เพื่อไปหาของบางอยา่ ง จากนั้นครูใช้คาถามดังนี้
1.1 ถ้าเราตอ้ งเดนิ เขา้ ไปหาของในห้องทีม่ ืดสนิท นักเรียนจะสามารถมองเหน็ ส่ิงของท่ีอยู่ในห้องไดห้ รอื ไม่
เพราะเหตุใด (ไมส่ ามารถมองเหน็ สง่ิ ใดในหอ้ งได้เลย เพราะไม่มแี สงมากระทบวตั ถแุ ล้วสะท้อนเข้าสู่ตา ทาให้
มองไม่เหน็ สิง่ ของ)
1.2 ทาอยา่ งไรจึงจะสามารถหาสงิ่ ของที่อยใู่ นห้องได้ (ต้องใช้แสงจากแหล่งกาเนดิ แสงต่าง ๆ เช่น แสงจาก
ไฟฉาย หรือแสงจากเปลวเทียนไขมาช่วยในการมองเหน็ ) ครูอาจสาธิตสถานการณ์นี้ในห้องเรียนเพื่อให้
นักเรียนเข้าใจมากยิง่ ขนึ้
ขน้ั สอน (เวลา 40 นาท)ี
2. ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรมในช่ัวโมงน้ีว่า นักเรียนจะได้ฝึกเขียนแผนภาพแสดงแนวการเคลื่อนที่ของแสงและ
อธบิ ายการมองเหน็ วตั ถุท่ีเป็นแหลง่ กาเนิดแสงและท่ีไม่เป็นแหลง่ กาเนิดแสง
3. ครูให้นกั เรียนร่วมกันอภิปรายคาถามและตอบคาถามหลังจากทากิจกรรม ตอนท่ี 2 หน้า 88-89 โดยให้นกั เรียน
รว่ มกันนาเสนอคาตอบ และลงความคิดเหน็ ของคาตอบท่ีถูกต้องร่วมกัน จากน้ันครูเฉลยคาตอบโดยใชส้ ือ่ สไลด์อีก
ครง้ั