การประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยดึ มัน่ ความซือ่ สัตย์สจุ รติ
ศุภวฒั นากร วงศธ์ นวสุ สรุ เดช ทวีแสงสกลุ ไทย ฌาน เรอื งธรรมสงิ ห์
วชริ าวุธ ธรรมวเิ ศษ จตุภูมิ เขตจัตรุ สั สรุ ยิ านนท์ พลสมิ
ปนุ่ เท่ยี งบรู ณธรรม พัชรินทร์ พูลทวี ณรงค์เดช มหาศริ ิกลุ
สุภาวดี แก้วคาแสน ภาภรณ์ เรืองวิชา ภัทรพล ขวัญสดุ
พิมพค์ รั้งท่ี 1 สิงหาคม 2564
จานวน 100 เล่ม
ISBN 978-616-438-617-4
จัดพมิ พโ์ ดย สานกั ตา้ นทจุ รติ ศึกษา สานักงาน ป.ป.ช.
โครงการประเมนิ พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตยส์ จุ รติ
361 ถ.นนทบุรี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบรุ ี 10300
Website: https://tyintegrity.org
Email: [email protected]
พมิ พท์ ี่ หจก. โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา
232/199 หมู่ 6 ถนนศรีจันทร์ ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จงั หวัดขอนแกน่ 40000
คำนำ
“เด็กและเยำวชน” ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือประเทศท่ีกาลังพัฒนา ล้วนถูกคาดหวัง
จากคนในสังคมให้เติบโตเป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพ ก้าวสู่การเป็นอนาคตของสังคมท่ีเต็มเป่ียมไปด้วยความรู้
ความสามารถ เปน็ กาลังอนั สาคัญของประเทศในการขับเคลือ่ นความเจริญและการพัฒนาประเทศชาติบ้านเกิด
ของตนเอง อย่างไรก็ตาม การที่ทาเช่นนั้นได้ รัฐจาเป็นจะต้องออกแบบระบบการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่มี
คุณภาพ ส่ังสมกระบวนการหล่อหลอมและขัดเกลาทางสังคมท่ีเป็นธรรมชาติและขับเคลื่อนแบบคติร่วม
(collectivism) ท่ีเป็นหนง่ึ เดียวกันระหว่างผู้คน กระบวนการ และสถาบนั ต่าง ๆ ท่มี ีอยูใ่ นสังคม
เป้าหมายปลายทางอันเป็นภาพลักษณ์สุดท้ายของเด็กและเยาวชนในฐานะ “อนาคตของชาติ”
หรือพลเมืองผู้จะก้าวไปเป็นกาลังอันสาคัญของการพัฒนาประเทศน้ี ดูจะมีความท้าทายไม่น้อย เน่ืองจาก
จดุ เน้นสาคัญประการแรกท่ีรัฐทุกรัฐให้ความสนใจอย่างมากต่อการหล่อหลอมเด็กและเยาวชนในประเทศของ
ตนเองก็คือ การพัฒนาความรู้ความสามารถหรือทักษะท่ีมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความ
เจริญก้าวหน้ากับประเทศเป็นหลัก (hard science) โดยอาจจะละเลยที่จะให้ความสาคัญต่อการพัฒนาระบบ
การคิดและการตระหนักรู้ของเด็กและเยาวชนต่อตัวตนและการดารงอยู่ของตนเองในฐานะปัจเจกบุคคล
และพลเมืองคนหน่ึงของสังคม โดยเฉพาะอย่างย่ิงความสามารถในการคิดแยกแยะ และตระหนักรู้ได้ด้วย
ตนเองว่า ชุดพฤติกรรมในลักษณะใดท่ีอาจก่อให้เกิดความไม่โปร่งใส และความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม
และประเทศชาติได้ และความสามารถในการดารงอยู่ในสังคมโดยยึดแนวปฏิบัติท่ีถกู ต้องไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย
ค่านิยมและแนวปฏิบัติร่วมกันเพ่ือประโยชน์ส่วนรวมของคนในชุมชนและสังคม เป็นต้น สิ่งเหล่าน้ีคือ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการที่มีความยืดหยุ่นสูง (soft science) ไม่ได้เน้นการพัฒนาความรู้หรือทักษะ
ทางเทคนิคเฉพาะด้านเพื่อมุ่งนาไปใช้ขับเคล่ือนเศรษฐกิจเป็นหลัก แต่เน้นการพัฒนาเชิงลึกในระดับปัจเจก
สาหรับขับเคล่ือนการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมเพ่ือสร้างสังคมท่ีมีคุณภาพ เกิดพฤติกรรมท่ีขัดต่อกฎหมายหรือ
ศีลธรรมนอ้ ยที่สุด
ในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะอย่างย่ิงประเทศท่ีพัฒนาแล้วได้ออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอน
ท่ีเน้นให้ความสาคัญกับการพัฒนาความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน (hard science) และการพัฒนาแบบ
บูรณาการ (soft science) เพื่อเน้นให้เด็กและเยาวชนตระหนักรู้ต่อการดารงอยู่และพฤติกรรมของตนเอง
ในกระบวนการทางสังคมได้ เชน่ เดียวกับแนวโน้มการปฏิรปู ระบบการศึกษาทั่วโลกซึ่งกาลังให้ความสาคัญกับ
การจัดการเรียนการสอนท่ีนาเอาข้อเท็จจริงของสังคมมาใช้เป็นฐานในการเรียนรู้ของผู้เรียนเพื่ อให้ผู้เรียน
ซึ่งเป็นเด็กและเยาวชนเข้าใจต่อการดารงอยู่ กระบวนการ และการเปล่ียนแปลงของสังคมมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศีลธรรมและ “ความถูกต้อง” กับ “ความเหมาะสม” ของชุดพฤติกรรม
และกระบวนการหน่ึง ๆ ซึ่งถือเป็นความท้าทายไม่น้อยต่อการจัดการเรียนการสอนเพ่ือให้เด็กและเยาวชน
สามารถตระหนักรู้ได้ด้วยตนเองว่าพฤติกรรมใดเหมาะสม ถูกต้อง หรือขัดต่อแนวปฏิบัติร่วมกันของคน
ในสงั คมหรอื ไม่
ในกรณีของประเทศไทย ได้มีความพยายามท่ีจะปฏิรูประบบการศึกษามาอย่างยาวนาน เพื่อพัฒนา
เด็กและเยาวชนทั้งในระบบและนอกระบบการศึกษาให้ สามารถเติบโตเป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพครอบคลุม
ทั้งทักษะด้านวิชาการและกระบวนการทางสังคม อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสังคมไทยกลับพบ
ความท้าทายสาคัญ คือ หากสมมติฐานโดยท่ัวไปคือ ถ้าเรามีพลเมืองท่ีมีคุณภาพ ประเทศชาติย่อม
เจริญก้าวหน้า เศรษฐกิจย่อมเติบโต อันจะทาให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่ข้อเท็จจริงในสังคมไทย
กก
กลับพบว่า ประเทศไทยติดกับดักความยากจนและไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่กาลังพัฒนาได้มา
เป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ รวมถึงภาพลักษณ์ในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของไทยในระดับ
นานาชาติกลับพบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีมีความม่ันคงทางการเมืองต่า ในขณะที่มีการทุจริตค่อนข้าง
สูงมาก ด้วยเหตุนี้ จึงมีความพยายามของหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องไม่ว่าเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ (สานักงาน ป.ป.ช.) ได้มาทางานร่วมกันเพ่ือพัฒนาหลักสูตร “ต้ำนทุจริตศึกษำ
(Anti-Corruption Education)” ขึ้น โดยมุ่งหวังว่า หลักสูตรดังกล่าวนี้จะถูกนาไปใช้จัดการเรียนการสอน
เพื่อพัฒนาและปลูกฝังเด็กและเยาวชนในสถาบันการศึกษาท่ัวประเทศไทยให้เติบใหญ่ไปเป็นพลเมืองที่มี
คุณภาพ กลายเป็นพลเมืองที่ไม่ทนต่อการทุจริตและพฤติกรรมที่อาจนาไปสู่ความเสียหายต่อส่วนรวมทุก
รปู แบบ หลกั สูตรดงั กลา่ ว คณะรัฐมนตรี ได้มมี ติเม่ือวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เห็นชอบหลกั สูตรต้านทุจริต
ศึกษา (Anti-Corruption Education) ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ประกอบด้วย ๕ หลักสูตร ได้แก่
๑. หลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา
(วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ (ตามแนวทางรับ
ราชการ กลุ่มทหารและตารวจ) ๔. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากร
ผู้นาการเปล่ียนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต) และ ๕. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพ่ือการรู้คิดต้านทุจริต) โดยให้
กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการ
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษาไปพิจารณา
ดาเนินการในส่วนท่ีเกี่ยวข้อง และประสานงานกับสานักงาน ป.ป.ช. อย่างใกล้ชิด พร้อมท้ังให้กระทรวง
กลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สานักงาน
ตารวจแห่งชาติ และหน่วยงานท่ีเกีย่ วข้องหารือรว่ มกับสานกั งาน ป.ป.ช. เพอ่ื พิจารณานาหลกั สูตรไปปรบั ใช้ใน
โครงการฝกึ อบรมหลักสูตรขา้ ราชการ บุคลากรภาครฐั หรือพนกั งานรัฐวิสาหกิจที่บรรจุใหม่
ประกอบกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติ
มิชอบ (พ.ศ. 2561-2580) ได้กาหนดให้ “การประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์
สุจริต” เป็นตัวชี้วัดสาคัญในการขับเคลื่อนการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในการนี้ สานักงาน
ป.ป.ช. ได้คัดเลือกมหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามารับผิดชอบในฐานะท่ีปรึกษาฯ เพื่อทาการประเมิน
เด็กและเยาวชนไทยว่า มีพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตมากน้อยเพียงใด และมีความท้าทายในด้านใด
ที่จาเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุงหรือต่อยอดในอนาคตด้วย ซ่ึงคณะผู้วิจัยจากหลากหลายสาขาวิชา
จากมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น รว่ มกับภาคีเครอื ข่ายจากหลายภูมภิ าค ได้ร่วมกันทางานอย่างเต็มที่เพ่ือสะท้อนให้
เห็นข้อเท็จจริงและสถานภาพของแนวความคิดและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์
สุจริตในปัจจุบัน โดยมุ่งหวังและเช่ือมั่นเป็นอย่างย่ิงว่า หลักสูตรต้านทุจริตศึกษานี้ จะกลายมาเป็นฟันเฟือง
ชิ้นสาคัญในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ พร้อม ๆ กับหล่อหลอม ขัดเกลาพฤติกรรมและชุดความคิดของ
เด็กและเยาวชนในประเทศไทยให้สามารถเติบโตเป็นพลเมืองท่ีมีคุณภาพและกลายเป็นกาลังสาคัญขับเคลื่อน
การสร้างสังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance Society) ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ไดใ้ นทส่ี ุด
คณะผูว้ จิ ยั มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เมษายน 2564
ข
ข
กติ ตกิ รรมประกำศ
“Integrity” หรือ พฤติกรรมท่ียึดม่ันในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นคาที่ทรงพลังและมีอิทธิพลอย่างสูงย่ิง
ต่อการดารงอยู่ของคน ท่ีจะต้องธารงไว้ซึ่งศักด์ิศรีของความเป็นคนในฐานะท่ีเป็น “ปัจเจก” รวมถึงการเป็น
ส่วนหนึ่งที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคมในทุกมิติ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต การปลูกฝังความยิ่งใหญ่ให้อยู่ในใจ
ในกายของทุกผู้ทุกคนในสังคม จึงเป็นกลไกสาคัญในการขับเคลื่อนระดับการพัฒนาผ่านกระบวนการ
กล่อมเกลาในสังคมทุกรุ่นวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ให้มีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ที่ทุกฝ่าย ทุกองค์กร
ทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน ผสานและผนึกกาลังกันในการปลูกฝัง “ระบบคิด” น้ีให้บังเกิดในสังคมไทย
จึงนับเป็นความภาคภูมิใจของคณะนักวิจัยท่ีได้รับความไว้วางใจจากสานักงาน ป.ป.ช. ให้เป็นส่วนหนึ่ง
ของระบบใหญ่น้ี
การตอบโจทย์ใหญ่ท่ีต้องเกี่ยวข้องกับหลากหลายศาสตร์ จึงเป็นโอกาสให้งานวิจัยช้ินน้ี เป็นพ้ืนท่ีทาง
สังคมที่ทาให้นักวิจัยจากหลากหลายศาสตร์ ท้ังรัฐประศาสนศาสตร์ สังคมศาสตร์ นโยบายสาธารณะ
วิทยาการคอมพิวเตอร์ จิตวิทยา การวัดผลและประเมินผล สถิติและคณิตศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์
และพยาบาลศาสตร์ได้มาทางานผสานบูรณาการความรู้ ทักษะ และประสบการณ์กับผู้บริหารสถานศึกษา
ครู/อาจารย์ ผู้ปกครองเด็กและเยาวชน จนทาให้ได้แบบประเมินพฤติกรรมที่ยึดม่ันในความซ่ือสัตย์สุจริตท่ี
สอดคล้อง ทั้งเชิงทฤษฎีและบริบทของสังคมไทยถึง 28 ชุด ผนวกกบั การมีสถานการณ์จาลองที่เป็นพ้ืนท่ีเปิด
(Open Space) ให้เด็กต้ังแต่ปฐมวัยได้ถูกปลูกฝังวินัยต้ังแต่เยาว์วัยผ่านเครื่องมือชุด “หมีน้อยคอยได้”
เด็กโตได้สะท้อนผู้ที่ตนเองอยากจะเห็นอยากจะเป็น ผ่านตัวแทน (Role Model) ที่ตนเองอยากจะเป็น
โดยใช้ส่ิงที่เรียกว่า Kid’s Cast ส่วนเยาวชนในระดับอุดมศึกษาสามารถใช้เป็นพ้ืนที่เปิดที่มีพื้นที่ “Voice”
ได้อย่างเสรี โดยไม่มีผู้ใดปิดกั้น สิ่งเหล่าน้ี คือความภาคภูมิใจของคณะนักวิจัย อีกทั้งยังได้ใช้การแปลงวิกฤต
เป็นโอกาสจากการแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ก่อให้เกิดระบบที่มีชอื่ ว่า TYIntegrity
ที่เป็น Collaborative Digital platform ที่สถานศึกษาหลายแห่งได้ใช้เป็นโอกาสในการทดสอบ
และประเมินศักยภาพและความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐในการรองรับกับโลกดิจิ ทัล
รวมถึงเป็นเครื่องมือในการสร้างความสมั พนั ธ์กับกลุม่ ผมู้ สี ว่ นได้สว่ นเสียในยุค Covid-19
การทางานของโครงการท่ีมีเป้าหมายครอบคลุมสถานศึกษาท่ีกระจายตัวอยู่ใน 76 จังหวัด
รวมทั้งกรุงเทพมหานคร จะสาเร็จลงไม่ได้ หากไม่ได้รับความไว้วางใจจากสานักงาน ป.ป.ช. โดยรอง
ศาสตราจารย์ ดร.มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ ท่ีปรึกษาประธานกรรมการ ป.ป.ช . และนายอุทิศ บัวศรี
รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ท่านทั้งสองเปรียบเสมือนที่ปรึกษาของคณะผู้วิจัย ที่ติดขัดอะไร
ท่านให้คาช้ีแนะ ขอขอบคุณคณะผู้บริหารและบุคลากรทุกระดับของสานักต้านทุจริตศึกษา นาโดย
นางสวรรยา รัตนราช ผู้อานวยการสานักต้านทุจริตศึกษา ที่ให้การสนับสนุนทีมวิจัยมาโดยตลอด ขอขอบคุณ
นางสาวชนิดา อาคมวัฒนะ รักษาราชการแทนหัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบและวิชาการ สานักประเมินคุณธรรม
และความโปร่งใส ผู้ที่มีความมุ่งม่ันและเชื่อม่ันในศักยภาพของทีมวิจัยว่า “พวกเราทาได้” ซึ่งแรงผลัก
อยา่ งมุ่งมน่ั ทาให้เราต้องเดินหน้าส่เู ป้าหมายเพียงอย่างเดยี ว
งานน้ีจะสาเร็จลงไมไ่ ด้เชน่ กนั หากไมไ่ ด้รับการสนับสนนุ เชงิ นโยบายจาก ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน รวมท้ังผู้บริหารสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาท้ัง 209 เขต ผู้บริหาร
สถานศึกษา ผนวกครูผู้สอน สังกัด สพฐ. กว่า 12,562 คน ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนสังกัด
องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน 702 คน เด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง รวมท้ังเพ่ือน 131,751 คน
คค
ที่ร่วมกันให้ข้อมูลสะท้อน “ตัวตน” รวมทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษาและผู้ปกครองจาก 50
สถาบันการศึกษา ภายใต้การประสานงานกากับติดตามและสนับสนุนส่งเสริมอย่างใกล้ชิด และเป็น
กัลยาณมิตรจากเครือข่ายนักวิจัยประจาในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย หากไม่ได้กัลยาณมิตรเหล่าน้ี
ช่วยสนับสนนุ โครงการนี้จะสาเรจ็ ลงไม่ไดเ้ ช่นเดยี วกนั
คณะผู้วิจัยขอขอบคุณทุกองค์กร ท้ังท่ีได้เอ่ยนามและไม่ได้เอ่ยนาม ที่ท่านได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคม
กลอ่ มเกลาเดก็ และเยาวชนไทยให้เติบใหญ่ในสงั คมทไ่ี ม่ทนต่อการทุจรติ ต่อไป
คณะผู้วิจยั จากมหาวิทยาลยั ขอนแกน่
งง
บทสรุปผูบ้ ริหาร
การประเมนิ ผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยทยี่ ดึ มน่ั ความซื่อสัตย์สจุ รติ
1. ความเป็นมาและความสาคัญ
ตามท่ีคณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันท่ี 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เห็นชอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
(Anti-Corruption Education) ตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอประกอบด้วย 5 หลักสูตร อันได้แก่
๑. หลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ๒. หลักสูตรอุดมศึกษา
(วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) ๓. หลักสูตรกลุ่มทหารและตารวจ (ตามแนวทางรับราชการ
กลุ่มทหารและตารวจ) ๔. หลักสูตรวิทยากร ป.ป.ช./บุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ (สร้างวิทยากรผู้นา
การเปล่ียนแปลงสู่สังคมท่ีไม่ทนต่อการทุจริต) และ ๕. หลักสูตรโค้ช (โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต) และสานักงาน
ป.ป.ช. ได้มีการหารอื ร่วมกบั หน่วยงานต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวข้องในการพิจารณานาหลักสูตรไปปรับใช้ในการจัดการเรียน
การสอนของสถาบนั การศึกษา รวมทัง้ การพัฒนาบุคลากรในทกุ ระดับ
ในด้านการนาหลักสูตรไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอนของสถาบันการศึกษาท่ีผา่ นมา สานักงาน ป.ป.ช.
ได้บูรณาการความร่วมมือกับสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) ในการนาหลักสูตรการศึกษา
ขัน้ พื้นฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใชใ้ นการจัดการเรียนการสอนตง้ั แต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา
2562 (พฤษภาคม 2562) รวมทั้งสถาบันอุดมศึกษาได้นาหลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster
with Good Heart”) ไปปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนตามความพร้อมของแต่ละสถาบันการศึกษา
โดยมีเป้าประสงค์เพ่ือมุ่งปรับฐานคิดของเด็กและเยาวชน ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบ หรือ
กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคม ผ่านการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานคิดหลักในการต้าน
ทุจริต ส่งเสริมความตระหนักและปลูกฝังค่านิยมต่อต้านการทุจริตผ่านระบบการศึกษา โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียน
กลายเป็นพลเมอื งทไ่ี มท่ นต่อการทุจริต มจี ติ พอเพียง และเป็นพลเมืองท่รี บั ผิดชอบตอ่ สงั คม
หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา จึงกลายเป็นเครื่องมือสาคัญในการขับเคล่ือนแผนงานด้านการตอ่ ตา้ นการทจุ ริต
และประพฤติมิชอบ ภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประเด็นที่ ๒๑ การต่อต้านการทุจริตและ
ประพฤติมิชอบ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๘๐) เป้าหมายและตัวช้ีวัดที่ 1 ที่ได้กาหนดเป้าหมายของแผนงาน คือ
ประชาชนมวี ัฒนธรรมและพฤติกรรมซอื่ สตั ย์สุจริต โดยกาหนดให้มี “การประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ี
ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต” โดยในระยะแรก (พ.ศ. 2561 - 2565) กาหนดค่าเป้าหมายตัวชี้วัดเด็กและเยาวชน
ไทยมีพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และตามแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการ
ทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะท่ี 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) ตัวชี้วัดท่ี 1.1 กาหนดค่าเป้าหมายเด็กและเยาวชน
ไทยมพี ฤติกรรมท่ียดึ มั่นความซื่อสัตยส์ ุจรติ ในปี2563 ไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ 46 ซึ่งสานักงาน ป.ป.ช. ได้คดั เลือกให้
มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นที่ปรึกษาในการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์
สุจริต และประเมินผลสัมฤทธใ์ิ นการใช้หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยเฉพาะหลกั สูตรท่ีนาไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอนของสถานศึกษา 2 หลกั สตู ร
ก-1
ก-1
2. รูปแบบการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ียึดมน่ั ความซื่อสัตย์สจุ ริต
รูปแบบการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตในคร้ังนี้ มีลักษณะ
การประเมินทคี่ รอบคลุม 360 องศา โดยที่เดก็ และเยาวชนที่เป็นกลุม่ เป้าหมายหลักไดแ้ ก่ เด็กและเยาวชน 7 ช่วง
วัย คือ 1) ปฐมวัย 2) ประถมศึกษาตอนต้น 3) ประถมศึกษาตอนปลาย 4) มัธยมศึกษาตอนต้น 5) มัธยมศึกษา
ตอนปลาย 6) อดุ มศึกษาปีท่ี 1-2 และ 7) อุดมศึกษาปีท่ี 3-4 ท่ีอยู่ในสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) จานวน 4,316 แห่ง องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน จานวน 177 แห่ง และกระทรวง
การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จานวน 50 แห่ง รวมทั้งส้ินจานวน 4,542 แห่ง กระจายอยู่ใน
77 จังหวัด รวมท้งั กรงุ เทพมหานคร โดยผูท้ จ่ี ะตอ้ งประเมนิ เด็กและเยาวชน ประกอบดว้ ย 4 กลุ่ม คือ 1) เดก็ และ
เยาวชนต้องประเมินตนเอง 2) ครู/อาจารย์ผู้สอนหรืออาจารย์ที่ปรึกษา 3) เพื่อนของเด็กและเยาวชน
และ 4) ผ้ปู กครองของเด็กและเยาวชน รวมทั้ง 4 กลมุ่ มจี านวนทงั้ สิน้ 140,625 คน
นอกจากนี้ยังมีการจัดทาฐานสถานการณ์จาลอง เพ่ือสังเกตพฤติกรรมเด็กและเยาวชน
ในแต่ละ สถานศกึ ษาอีกจานวน 4,542 ฐาน ปรากฏดงั ตารางท่ี 1
3. เครอื่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการประเมินเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ดึ มนั่ ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ
เคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตมี 2 ลักษณะ คือ
1) แบบประเมินเชิงปริมาณ ที่มุ่งเน้นประเมินพฤติกรรมเชิงจริยธรรมท่ีพึงประสงค์ของกลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 กลุ่ม
ซง่ึ จาแนกเป็น 7 ช่วงวัย จานวน 28 ชุดเครือ่ งมือ และ 2) ฐานสถานการณจ์ าลอง ซ่ึงเป็นการประเมินเชิงคุณภาพ
ทใี่ ห้เดก็ และเยาวชนไดส้ ะทอ้ นมมุ มองและความคดิ เห็นทีม่ ีต่อสถานการณบ์ างอย่าง (ซ่ึงในการศึกษาน้ไี ด้จัดทาฐาน
จาลอง 3 ลักษณะ มีชอ่ื วา่ 1) Kid’s คิด 2) Kid’s Cast และ 3) Youth’s Voice)
เครอื่ งมือทกุ ประเภทท่ีได้กล่าวไปแล้วข้างตน้ ไดม้ ีกระบวนการพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับแนวคดิ ทฤษฎี
และการทบทวนวรรณกรรมทั้งของไทยและต่างประเทศ ในสาระสาคัญของคาว่า “Integrity” ประกอบกับ
การศึกษาภาคสนามเพื่อให้สอดรับกับบริบทสังคมไทย รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือท้ังความตรงเชิง
เน้อื หาและความน่าเช่ือถอื โดยผู้เชยี่ วชาญและวธิ ีการทางสถติ ิ
3.1 ระบบ TYIntegrity หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการการประเมินผลพฤติกรรมเด็ก
และเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต หรือ Thai Youth Integrity Assessment Management System
เป็นรูปแบบโปรแกรมประยกุ ต์ในลกั ษณะ Web-application ที่สามารถเปิดผ่าน browsers ในเครือ่ งคอมพิวเตอร์
รวมถึงโทรศพั ท์มือถือท่ีเชื่อมต่ออนิ เตอร์เน็ตได้อย่าง Real Time ระบบประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทย
ทย่ี ึดมั่นความซ่ือสัตยส์ ุจริต จะเป็นระบบย่อยส่วนหน่ีงในระบบโปรแกรมประยกุ ต์ TYIntegrity และมีระบบจดั การ
สาหรับสถานศึกษา นับตั้งแต่การสุ่มช่วงชั้น หรือห้องเรียนท่ีจะประเมิน ระบบการส่งต่อแบบประเมินให้กับ
กลุ่มเป้าหมายท่ีเก่ียวข้อง ระบบติดตามความก้าวหน้าในการประเมินของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การประมวลผลและ
วิเคราะหข์ ้อมูล และระบบรายงานผลการประเมิน ซ่งึ ทั้งหมดนีเ้ ป็นการจดั การของระบบ TYIntegrity
3.2 การประมวลและการวิเคราะห์ข้อมลู โดยใชร้ ะบบ TYIntegrity ซง่ึ มกี ารคดิ คะแนนรวมประเมินผล
พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต ซ่ึงได้กาหนดน้าหนักความสาคัญของคะแนนประเมิน
ดังน้ี
ก-2
ก-2
3.๒.1 แนวคดิ การกาหนดนาหนักคะแนน (Scoring)
ให้ X๑ = ค่าคะแนนทเ่ี ดก็ และเยาวชนประเมนิ ตนเอง
X๒ = ค่าคะแนนที่ครผู ้สู อนประเมนิ
X๓ = ค่าคะแนนทเ่ี พื่อนประเมนิ
X๔ = คา่ คะแนนทผ่ี ู้ปกครองประเมิน
Win = คา่ ถ่วงน้าหนักของคะแนนเดก็ และเยาวชนในแต่ละช่วงช้นั
i = ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ ซ่งึ หมายถงึ ช่วงชั้นของเด็กและเยาวชน
n = ๑, ๒, ๓, ๔ หมายถงึ กล่มุ ผูป้ ระเมิน
โดยที่
i = ๑ หมายถึง ชว่ งชั้นปฐมวัย
i = ๒ หมายถึง ช่วงชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓
i = ๓ หมายถงึ ช่วงชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ – ๖
i = ๔ หมายถงึ ชว่ งชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓
i = ๕ หมายถงึ ช่วงชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ – ๖
i = ๖ หมายถงึ ชว่ งช้ันอดุ มศึกษาปีที่ ๑ – ๒
i = ๗ หมายถงึ ชว่ งชนั้ อดุ มศึกษาปที ่ี ๓ – ๔
n = ๑ หมายถึง เดก็ /เยาวชน ประเมนิ ตนเอง
n = ๒ หมายถงึ ครผู สู้ อน ประเมนิ
n = ๓ หมายถึง กลมุ่ เพอ่ื น ประเมนิ
n = ๔ หมายถึง ผปู้ กครอง ประเมนิ
ดังน้ัน ค่าคะแนนพฤตกิ รรมของเดก็ และเยาวชนแต่ละคน (Y) จะมคี ่าเท่ากบั ผลรวมของค่าถ่วงน้าหนักของ
แต่ละกลุ่มท่เี ปน็ ผ้ปู ระเมนิ คณู ดว้ ยค่าคะแนนท่ีแตล่ ะกลมุ่ ประเมิน
Y = W๑X๑ + W๒X๒ + W๓X๓ + W๔X๔ ซง่ึ คา่ ถว่ งนา้ หนักคะแนนของแตล่ ะกลุ่มไดจ้ าก
ผลการศกึ ษาภาคสนามที่มกี ารยนื ยันจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ
3.๒.2 การแปลความหมายรายคน คะแนนดิบ (Y) ที่ได้จากเคร่ืองมือแต่ละช่วงช้ันจากแต่ละกลุ่ม
ผู้ประเมินจะนามาแปลความหมายในลักษณะคะแนนอิงกลุ่ม (Norm referenced score) โดยในการแปล
ความหมาย ถ้าคะแนนดิบที่ไดม้ ีค่าคะแนนสูงกว่าค่าเฉล่ียของช่วงนนั้ ๆ หมายถึง เด็กและเยาวชนไทยมพี ฤติกรรม
ทีย่ ึดมัน่ ความซื่อสตั ยส์ ุจรติ
3.๒.3 การแปลความหมายภาพรวมของประเทศ พิจารณาจากจานวนคนท่ีผ่านเกณฑ์แล้วรายงานเป็น
ร้อยละ (%) ทั้งน้ี เกณฑ์การตัดสินว่าเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต พิจารณาจาก
จานวนคนท่ีผ่านเกณฑ์มากกว่าร้อยละ ๔๖.๐ เนื่องจากเป็นเกณฑ์ท่ีกาหนดในปี ๒๕๖๓ ของตัวชี้วัด ๑.๑ ร้อยละของ
เดก็ และเยาวชนไทยมีพฤติกรรมท่ยี ึดมัน่ ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต รอ้ ยละ ๔๖.๐
ก-3
ก-3
4. การประเมินความตรงของผลการวจิ ยั ประเมินผลโดยผูเ้ ช่ียวชาญ (Expert Validation)
หลังจากการวิเคราะห์และจัดทารายงานผลการวิจัยเรียบร้อยแล้ว คณะผู้วิจัยได้ดาเนินการจัดประชุม
พิจาณาความตรงของผลการวิจัยประเมินผลโดยผู้เช่ียวชาญจากสานักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต
แห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เชี่ยวชาญจากสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และ
ผู้เช่ียวชาญจากสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษา โดยผลจากการประชุมสะท้อนผลและให้ข้อเสนอแนะเพ่ือการ
ปรับปรุงทัง้ ในสว่ นผลของการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ คณะผู้วจิ ัยไดน้ ามาปรบั ปรุงผลการวจิ ัยประเมินให้มี
ความสอดคล้องกับขอ้ เสนอแนะของผู้เชย่ี วชาญ เพ่อื นาไปใช้ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สุดต่อไป
ตารางท่ี 1 ขนาดตวั อย่างในการประเมินผลพฤตกิ รรมเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ดึ ม่นั ความซื่อสัตยส์ ุจริต
จานวน ประชากรกล่มุ ตวั อยา่ ง (คน) กลุ่ม รวม ฐานการ
สถานศกึ ษา ผูป้ กครอง ประชากร จาลอง
ลาดบั สงั กัด/ระดับ ช่วงชน้ั เดก็ และ ครผู ู้สอน กลมุ่ เพอื่ น (ฐาน)
(แห่ง) เยาวชนผถู้ กู ผถู้ กู ผถู้ กู ผูถ้ ูก กลุ่ม
ประเมนิ ประเมนิ ประเมนิ ตัวอย่าง
ประเมนิ (คน)
๑ สังกดั สพฐ.
ระดบั ปฐมวัย 1,831 8,649 1,756 8,649 8,649 84,719 1,831
ระดับประถมศึกษา 8,896 1,799 8,896 8,896
8,907 1,808 8,907 8,907
ปฐมวยั 26,452 5,363 26,452 26,452
ประถมศกึ ษาปีท่ี 1-3
ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6
รวม
ระดับมธั ยมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1-3 10,769 2,170 10,769 10,769
มธั ยมศึกษาปที ่ี 4-6 3,499 713 3,499 3,499
รวม 2,485 14,268 14,268 14,268 45,687 2,485
2,883
๒ สงั กดั อปท. 177 563 113 563 563
ระดับปฐมวยั ปฐมวัย 572 114 572 572
ระดบั ประถมศกึ ษา ประถมศกึ ษาปีที่ 1-3 642 120 642 642
ประถมศกึ ษาปีที่ 4-6 675 135 675 675
ระดับมัธยมศกึ ษา 212 42 212 212
มัธยมศึกษาปีท่ี 1-3 2,664 525 2,664 2,664 8,517 177
มัธยมศกึ ษาปีที่ 4-6
รวม
สังกดั อว. 266 51 266 266 1,702 50
๓ ระดับอุดมศกึ ษา 267 52 267 267 140,625 4,542
533 103 533 533
ปที ่ี 1-2 43,917 8,874 43,917 43,917
ปีท่ี 3-4
รวม 50
รวมทงั หมด 4,542
ก-4
ก-4
4. องคป์ ระกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ มน่ั ความซ่ือสัตย์สจุ รติ
พฤติกรรมท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตเน้นไปท่ีพฤติกรรมที่เช่ือมโยงกับองค์ประกอบของเน้ือหาสาระที่
เช่ือมโยงกับหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 2 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม
การป้องกันการทุจริต) และ 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) และมุ่ง
ประเมินผ่านกรอบ 4 ด้านตามชุดสาระการเรียนรู้ของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อันประกอบด้วย 1) การคิด
แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม ในแต่ละองค์ประกอบ
มพี ฤติกรรมยอ่ ยทม่ี ่งุ ประเมินดังทป่ี รากฏดงั แผนภาพที่ 1
แผนภาพที่ 1 องคป์ ระกอบพฤติกรรมทีย่ ดึ มัน่ ความซอื่ สัตย์สุจรติ
ก-5
ก-5
5. ผลการประเมิน
5.1 ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยทีย่ ึดม่นั ความซอื่ สตั ยส์ ุจริตในภาพรวม
5.1.1 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตยส์ จุ ริตเทียบกับคา่ เป้าหมาย
ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต มีค่าเท่ากับร้อยละ 52.1
กาหนดไว้ในแผนปฏิบตั ิการดา้ นการตอ่ ต้านการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563-2565) พบว่า
สงู กวา่ ค่าเปา้ หมาย อยู่ร้อยละ 6.1 ปรากฏดงั แผนภาพที่ 2
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทย 4544444454545454302738112906..............00000000000000 46.0 52.1
ที่ ีมพฤติกรรม ึยด ่มันความ ่ืซอ ัสต ์ย ุสจริต คา่ เปา้ หมาย ปี 2563 ผลการประเมิน ปี 2563
แผนภาพที่ 2 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซือ่ สตั ย์สุจรติ เทียบกับคา่ เปา้ หมาย
ปี 2563 ตามแผนปฏิบตั ิการ ดา้ นการต่อตา้ นการทุจรติ และประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1
(พ.ศ. ๒๕๖3 – ๒๕๖๕)
5.1.2 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่ียดึ มัน่ ความซอ่ื สัตย์สุจริต จาแนกตามชว่ งชนั
หากวิเคราะห์จาแนกตามช่วงช้ัน พบว่า ในทุกช่วงชั้นมีร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤตกิ รรมยึดม่ัน
ความซ่ือสัตย์สุจริต สูงกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ท่ีร้อยละ 46.0 ยกเว้นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สูงกว่า
คา่ เป้าหมาย เท่ากับ รอ้ ยละ 49.9 ทง้ั นี้ ช่วงชนั้ ที่เดก็ และเยาวชนไทยมีพฤตกิ รรมยึดม่ันความซอื่ สตั ยส์ จุ ริตสงู ทสี่ ุด
คือ ระดับปฐมวัย คดิ เป็นรอ้ ยละ 55.6 ปรากฏดงั ตารางที่ 3
58 55.6 54.9
56้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 53.9
ี่ท ีมพฤ ิตกรรมยึดมั่นความซ่ือสัต ์ยสุจ ิรต54 53.0
ปฐม ัวย 51.0 50.8
52 ประถม ึศกษาตอน ้ตน 49.9
50 ประถม ึศกษาตอนปลาย
ัมธยม ึศกษาตอน ้ตน48
46 ัมธยม ึศกษาตอนปลาย
อุดม ึศกษา ีป ี่ท 1-2
อุดม ึศกษา ีป ่ีท 3-4
แผนภาพท่ี 3 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยทีย่ ึดม่ันความซ่ือสตั ย์สุจรติ จาแนกตามชว่ งชัน้ ก-6
ก-6
5.1.3 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยทม่ี ีพฤตกิ รรมยึดม่ันความซื่อสตั ย์สุจรติ จาแนกตามเพศ
เมื่อพิจารณาจาแนกตามเพศ พบว่า เด็กและเยาวชนไทยเกือบทุกกลุ่มเพศมีพฤติกรรมท่ียึดม่ันความ
ซ่อื สัตย์สุจริตสูงกว่าค่าเป้าหมายที่กาหนดไว้ท่ีร้อยละ 46.0 ยกเว้นเพศชายที่ต่ากว่าค่าเป้าหมายเล็กน้อย เท่ากับ
ร้อยละ 43.8 ทั้งน้ีเพศของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมท่ียึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงที่สุด คือ เพศหญิง
คิดเป็นรอ้ ยละ 60.8 ปรากฏแผนภาพท่ี 4
65.0 60.8
60.0 52.3
55.0
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 50.0 หญิง ไมป่ ระสงคร์ ะบเุ พศ
ที่ ีมพฤ ิตกรรมยึด ่ัมนความ ื่ซอสัตย์สุจ ิรต 45.0 43.8
40.0
35.0
30.0
25.0
20.0
15.0
10.0
5.0
0.0
ชาย
แผนภาพท่ี 4 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสตั ย์สุจริตจาแนกตามเพศ
5.1.4 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่มี ีพฤตกิ รรมยึดม่ันความซื่อสตั ยส์ ุจริตจาแนกตามภมู ภิ าค
เม่ือพิจารณาจาแนกตามภูมิภาค พบว่า ในทุกภูมิภาคมีร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรม
ยึดมั่นความซือ่ สัตย์สุจริต สูงกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ท่ีร้อยละ 46.0 ท้ังนี้ ภูมภิ าคทม่ี ีสัดส่วนเด็กและเยาวชน
ไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูงที่สุด คือ ภาคกลาง คิดเป็นร้อยละ 53.9 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มสี ัดส่วนตา่ สดุ คอื รอ้ ยละ 50.9 ปรากฏดงั แผนภาพที่ 5
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 55 53.9
ที่มีพฤ ิตกรรม ึยด ่ัมนความ ่ืซอ ัสต ์ยสุจริต 54
53 52.1
52 51.3 50.9
51
50 กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ใต้
49
เหนอื
แผนภาพที่ 5 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยดึ ม่นั ความซ่อื สัตย์สจุ ริตจาแนกตามภมู ภิ าค
ก-7
ก-7
5.1.5 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกตาม
ภาคของสานักงาน ป.ป.ช.
เมอ่ื พจิ ารณาจาแนกตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. พบว่า สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 มีสดั ส่วนเด็กและ
เยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่นั ความซื่อสัตยส์ ุจริตสูงทีส่ ุด คดิ เปน็ ร้อยละ 55.7 ส่วนสานักงาน ป.ป.ช. ภาค 3
มีสัดส่วนต่าสุด คอื รอ้ ยละ 48.6 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 6
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 9 49.9 52.653.2 54.4
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 8 49.4 51.6 55.7
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 7 48.6
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 55.0
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 5
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 4
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 3
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 2
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 1
45.0 46.0 47.0 48.0 49.0 50.0 51.0 52.0 53.0 54.0 55.0 56.0 57.0
ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยที่มพี ฤตกิ รรมยดึ มนั่ ความซือ่ สตั ย์สจุ รติ
แผนภาพท่ี 6 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มพี ฤติกรรมยึดมนั่ ความซื่อสตั ยส์ จุ ริตจาแนกตามภาคของ
สานกั งาน ป.ป.ช.
ตารางที่ 2 รายช่อื จงั หวัดตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. ทีม่ ีสดั สว่ นเดก็ และเยาวชนไทยทม่ี พี ฤตกิ รรมยึดม่ันความ
ซื่อสตั ยส์ ุจรติ สูงสดุ และตา่ สุด
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค เด็กและเยาวชนไทยที่ยึดมน่ั ความซือ่ สตั ย์สุจริต
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 1 สงู สดุ รอ้ ยละ ต่าสุด รอ้ ยละ
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 2 ชยั นาท 64.6 พระนครศรีอยธุ ยา 48.8
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 3 ตราด 59.1 จนั ทบุรี 44.3
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 4 อุบลราชธานี 54.9 นครราชสมี า 44.5
สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 5 เลย 58.4 มุกดาหาร 48.0
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 6 เชียงใหม่ 58.2 พะเยา 44.6
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 7 ตาก 56.7 กาแพงเพชร 43.7
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 8 สมทุ รสงคราม 67.7 เพชรบุรี 44.1
สานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 9 ชุมพร 62.8 พงั งา 45.8
สตลู 54.9 นราธวิ าส 43.8
ก-8
ก-8
เมื่อพิจารณาจังหวัดตามภาคของ สานักงาน ป.ป.ช. ข้อมูลตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละภาคของ
สานักงาน ป.ป.ช. จงั หวัดทีม่ ีสดั ส่วนของเดก็ และเยาวชนท่ีมพี ฤตกิ รรมยดึ มั่นในความซอ่ื สัตย์สุจรติ สูงสุดและต่าสุด
ดังตัวอย่างเช่น สานักงาน ป.ป.ช. ภาค 1 สัดส่วนสูงสุดอยู่ที่จังหวัดชัยนาท (ร้อยละ 64.6) ต่าสุดอยู่ที่จังหวัด
พระนครศรอี ยุธยา (ร้อยละ 48.8) ปรากฏดังตารางที่ 2
5.1.6 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามจังหวัด
รายเขตพนื ท่กี ารศึกษา ทังในระดบั ประถมศึกษาและมธั ยมศกึ ษา
เมื่อพจิ ารณาค่ารอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ยี ึดมัน่ ความซ่ือสตั ย์สุจริตจาแนกตามเขตพ้ืนที่การศึกษา
ทั้ง 209 เขต พบว่า เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาที่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความ
ซื่อสัตย์สุจริตสูงสุด คือ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา เลย เขต 3 (ร้อยละ 84.0) รองลงมาคือ
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษานคร พนม เขต 1 (ร้อยละ 80.0) ส่วนเขตพ้ืนท่ีการศึกษาที่มีสัดส่วน
เด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตต่าสุด คือ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา
บุรีรัมย์ เขต 4 (ร้อยละ 13.3) (ในเขตพื้นท่ีการศึกษาน้ีมีโรงเรียนตกเป็นตัวอย่างในการประเมินเพียง 1 แห่ง
เท่าน้ัน) ในส่วนเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษาท่ีมีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์
สุจริตสูงสดุ คือ สานักงานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 2 (ร้อยละ 70.0) รองลงมาคือ สานักงานเขตพ้ืนท่ี
การศึกษามัธยมศึกษา เขต 35 (ร้อยละ 67.8) ส่วนเขตพ้ืนท่ีการศึกษาท่ีมีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมี
พฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตต่าสุด คือ สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 (ร้อยละ 24.2)
ปรากฏดงั ตารางที่ 3
ตารางท่ี 3 รายช่ือเขตพื้นที่การศึกษาท่ีมสี ัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ มั่นความซ่ือสัตย์สจุ ริตสูงสุด
และต่าสุด
เขตพนื ที่การศกึ ษา สูงสดุ เดก็ และเยาวชนไทยท่ียึดมนั่ ความซ่ือสัตย์สจุ ริต รอ้ ยละ
สพป. สพป.เลย เขต 3 รอ้ ยละ ต่าสุด 13.3
84.0 สพป.บรุ รี มั ย์ เขต 4
สพม. สพม.เขต 2 70.0 สพม.เขต 24 24.2
รวม สพป.เลย เขต 3 84.0 สพป.บุรรี ัมย์ เขต 4 13.3
หมายเหตุ *การวิจัยเก็บข้อมูลฯ ระหว่างวันที่ 12 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2564 ก่อนมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ือง การกาหนด
และแก้ไขเปลยี่ นแปลงเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษา ประกาศ ณ วันที่ 17 กมุ ภาพันธ์ 2564
ก-9
ก-9
5.1.7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามสังกัดของ
สถานศกึ ษา
เมื่อพิจารณาจาแนกตามสังกัด พบว่า ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์
สุจริต ในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) สังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.)
สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน (อปท.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
มีสัดส่วนสูงกว่าค่าเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ท่ีร้อยละ 46.0 ยกเว้นเด็กและเยาวชนไทยท่ีอยู่ในสถานศึกษาสังกัด
เมืองพัทยา มีเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต เพียงร้อยละ 40.1 เท่าน้ัน ซ่ึงต่ากว่าค่า
เปา้ หมายทีก่ าหนดไว้รอ้ ยละ 6.1 ปรากฏดงั แผนภาพที่ 7
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 35354645005005 52.3 49.6 50.8 40.1 54.4
่ีทมีพฤ ิตกรรมยึด ่ัมนความซ่ือสัตย์สุจริต 2112050550
สพฐ. อสปถท. กทม. เมืองพทั ยา อว.
แผนภาพท่ี 7 ร้อยละของเด็กและเยาวชน. ไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามสังกัดของ
สถานศกึ ษา
5.1.8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามขนาดของ
สถานศึกษา
เมอื่ พิจารณาจาแนกตามขนาดของสถานศึกษา ซึ่งแบ่งเป็น 3 ขนาด คอื สถานศึกษาขนาดเล็กที่มีนักเรียน
ตั้งแต่ 1 - 499 คน สถานศึกษาขนาดกลางที่มีนักเรียนต้ังแต่ 500-1,499 คน และสถานศึกษาขนาดใหญ่ที่มี
นักเรียนต้ังแต่ 1,500 คน พบว่า จากจานวนเด็กนักเรียนที่อยู่ในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. จานวน 40,720 คน
โดยในสถานศึกษาขนาดใหญ่กว่าจะมีสัดส่วนของเด็กท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันในความซื่อสัตย์สุจริตสูงกว่าใน
สถานศึกษาท่ีมีขนาดเล็กกว่า เม่ือนาช่วงชั้นมาพิจารณาร่วมด้วย พบว่า สถานศึกษาขนาดเล็กมีสัดส่วนเด็กและ
เยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุดอยู่ในช่วงชั้นปฐมวัย (ร้อยละ 55.0) สัดส่วนต่าสุดอยู่
ในช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 45.2) สถานศึกษาขนาดกลางมีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมี
พฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตสูงสุดอยู่ในช่วงช้ันปฐมวัย (ร้อยละ 57.9) สัดส่วนต่าสุดอยู่ในช่วงชั้น
ประถมศึกษาตอนต้น (ร้อยละ 50.7) สถานศึกษาขนาดใหญ่มีสัดส่วนเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซ่ือสตั ย์สุจรติ สงู สดุ อยู่ในชว่ งช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้น (ร้อยละ 68.0) สดั ส่วนต่าสุดอยู่ในช่วงช้ันประถมศึกษา
ตอนปลาย (ร้อยละ 53.9) ปรากฏรายละเอียดแผนภาพท่ี 8
ก - 10
ก - 10
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย 80 55 53.7 51.1 47.9 45.2 57.9 50.7 52.4 52.6 54.8 66.7 59.6 53.9 68 59.8
ที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความ ื่ซอ ัสตย์ ุสจ ิรต 60
40
20
0 สถานศกึ ษาขนาดกลาง สถานศึกษาขนาดใหญ่
สถานศึกษาขนาดเล็ก
ปฐมวัย ประถมศึกษาตอนตน้ ประถมศกึ ษาตอนปลาย มัธยมศึกษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
แผนภาพท่ี 8 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดมัน่ ความซื่อสัตย์สจุ ริตจาแนกตามขนาดของ
สถานศึกษา
5.1.9 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามประเภท
ท่อี ยอู่ าศยั
เม่ือพิจารณาจาแนกตามประเภทท่ีอยู่อาศัยที่แบ่งเป็น 3 ลักษณะ คือ บ้านเช่า บ้านตนเอง
และอาศัยอยู่กับผู้อื่น พบว่า เด็กและเยาวชนไทยที่มีท่ีอยู่อาศัยเป็นบ้านของตนเอง มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรม
ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต ร้อยละ 52.6 รองลงมา คือ ผู้ที่อาศัยอยู่บ้านเช่า ร้อยละ 50.6 และต่าท่ีสุด คือ ผู้ท่ี
อาศยั อยู่กบั ผู้อน่ื รอ้ ยละ 49.1 ปรากฏดังแผนภาพท่ี 9
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่ ีม 53 52.6
พฤติกรรม ึยด ่ัมนความ ื่ซอ ัสต ์ยสุจริต 52 บ้านตนเอง
51 50.6
50 49.1
49 อาศัยกับผู้อ่ืน
48
47
บ้านเช่า
แผนภาพท่ี 9 รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสตั ย์สุจริตจาแนกตามประเภทท่ีอยู่อาศัย
ก - 11
ก - 11
5.1.10 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามสถานะ
การเงินของครอบครวั
เม่ือพิจารณาจาแนกตามสถานะการเงินของครอบครัวที่แยกเป็นครอบครัวที่ไม่มีหน้ีสิ้น ครอบครัวที่มี
หนี้สินน้อยกว่าทรัพย์สนิ และมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สนิ พบว่า เด็กและเยาวชนไทยที่อยู่ในครอบครัวทไี่ ม่มีหน้ีส้ิน
มีสดั ส่วนของผู้ท่ีมีพฤตกิ รรมยึดม่ันความซือ่ สัตย์สจุ ริตสงู สดุ คอื เกือบร้อยละ 60 รองลงมา คอื ผู้ที่อยใู่ นครอบครัว
ทม่ี หี นี้สนิ น้อยกว่าทรัพย์สิน ร้อยละ 53.1 ต่าสดุ คอื เด็กและเยาวชนที่อยใู่ นครอบครวั ที่มหี น้สี นิ มากกว่าทรพั ย์สิน
รอ้ ยละ 45.2 ซ่ึงกลุ่มหลงั น้ี มีสดั ส่วนตา่ กวา่ คา่ เป้าหมายกาหนดไว้ทร่ี อ้ ยละ 46.0 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 10
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่ ีม 567000 59.1 53.1 45.2
พฤติกรรมยึด ่ัมน
ความ ื่ซอสัตย์สุจริต 40
30
12000 มหี นี้สินนอ้ ยกวา่ ทรัพย์สนิ มีหนี้สนิ มากกวา่ ทรพั ยส์ นิ
ไม่มหี นส้ี นิ
แผนภาพท่ี 10 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ พี ฤตกิ รรมยดึ มน่ั ความซือ่ สัตย์สจุ ริตจาแนกตามสถานะการเงนิ
ของครอบครวั
5.1.11 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามลักษณะ
ครอบครวั หรือประเภทครอบครวั
เม่ือพิจารณาจาแนกตามลักษณะครอบครัวหรือประเภทครอบครัว พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีอยู่ใน
ครอบครัวเดี่ยว (Nuclear Family) ท่ีมีลักษณะการอยู่ร่วมกันเฉพาะพ่อแม่ลูก มีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุด คือ ร้อยละ 53.9 รองลงมา คือ ผู้ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวขยาย (Extended Family)
ท่ีมีลักษณะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่มีสมาชิกครอบครัวท่ีมีหลากหลายรุ่นวัยอย่างน้อยท่ีสุด 3 รุ่นวัย
ร้อยละ 53.3 ส่วนผู้ที่อาศัยอยู่กับพ่อหรือแม่ตามลาพังมีร้อยละ 49.4 และอยู่กับผู้สูงอายุตามลาพังรวมถึงผู้ท่ีอยู่
อาศัยในรูปแบบอ่ืน ๆ อาทิเช่น ผู้อยู่อาศัยตามลาพัง หรืออยู่หอพักเป็นต้น มีร้อยละ 46.7 และร้อยละ 41.7
ตามลาดับ ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 11
55 53.9 53.3
50
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยท่ี ีม 49.4 46.7
พฤ ิตกรรม ึยด ่ัมนความ ื่ซอสัตย์สุจ ิรต
อยู่ ่รวม ักนเฉพาะ
่พอแ ่มลูก
อ ู่ย ่รวม ักนเป็น
ครอบค ัรวใหญ่
อ ่ยู ักบ ่พอห ืรออ ู่ย
กับแ ่มตามลา ัพง
ผู้สูงอา ุยเลี้ยง ูดเ ็ดก
ตามลาพัง
่ือน ๆ
45 41.7
40
แผนภาพท่ี 11 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซ่ือสตั ย์สจุ ริตจาแนกตามลักษณะ
ครอบครวั หรือประเภทครอบครวั
ก - 12
ก - 12
5.1.12 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามภาระของ
ครอบครวั (เด็กเลก็ ผ้พู ิการ ผสู้ ูงอายุ และผ้ปู ว่ ยเรือรงั )
เมื่อพิจารณาจาแนกตามภาระของครอบครัว (ต้องดูแลเด็กเล็ก ผู้พิการ ผู้สงู อายุ หรอื ผู้ป่วยเร้ือรัง) พบว่า
เด็กและเยาวชนไทยผู้ท่ีอาศัยอยู่ในครอบครัวท่ีไม่มีภาระมีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตสูง
กว่าผู้ทอี่ าศัยอยใู่ นครอบครัวทม่ี ภี าระ ร้อยละ 53.0 และร้อยละ 50.9 ตามลาดบั ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 12
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทย ่ที ีม 55555555555549110001133222.............1347802584961 53.0 50.9
พฤ ิตกรรมยึด ่ัมนความ ่ืซอ ัสตย์ ไมม่ ภี าระ มภี าระ
ุสจ ิรต
แผนภาพที่ 12 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี พี ฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ จาแนกตามภาระ
ของครอบครัว
5.1.13 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามความรัก
ในครอบครวั
เม่ือพิจารณาจาแนกตามความรักในครอบครัว พบว่า เด็กและเยาวชนไทยผู้ท่อี ยู่ในครอบครัวท่ีมีความรัก
และความใกล้ชิดต่อกันมาก มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงกว่าผู้ท่ีอยู่ในครอบครัวที่มี
ความรักความใกล้ชดิ ต่อกนั น้อย รอ้ ยละ 56.6 และรอ้ ยละ 50.2 ตามลาดบั ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 13
้รอยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่ ีม 58 56.6 50.2
พฤ ิตกรรมยึด ่ัมนความ ืซ่อสัต ์ยสุจ ิรต 56 มีความรักใกลช้ ิดกันในครอบครัวน้อย
54
52
50
48
46
มคี วามรกั ใกลช้ ิดกนั ในครอบครวั มาก
แผนภาพที่ 13 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามความรัก
ในครอบครัว
ก - 13
ก - 13
5.1.14 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามปัจจัย
นเิ วศวิทยาครแู ละกลมุ่ เพ่ือน
เม่ือพิจารณาจาแนกตามปัจจัยนิเวศวิทยาที่เกี่ยวข้องกับครูและกลุ่มเพื่อน พบว่า ปัจจัยในเรื่องการได้รับ
การดูแลอย่างดดี ้วยความเสมอภาคในการดูแลเอาใจใส่จากคร/ู อาจารย์ คิดเป็นรอ้ ยละ 57.06 และปัจจัยในเร่ือง
การช่วยเหลือเกื้อกูลมีความสัมพันธ์กันอย่างดีกับกลุ่มเพื่อน คิดเป็นร้อยละ 55.3 ซึ่งท้ังสองปัจจัยฯ มีสัดส่วน
สูงกวา่ คา่ เป้าหมายที่กาหนดไวท้ ีร่ ้อยละ 46.0 ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 14
741236500000000 57.6 45.8 55.3 43
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่ ีม
พฤ ิตกรรม ึยด ่ัมนความ ่ืซอสัต ์ยสุจริต
ได้รับการดูแลอย่างดี
ด้วยความเสมอภาค
การดูแลเอาใจใ ่สยัง
ไม่เ ีพยงพอ
่ชวยเห ืลอเก้ือกูล ีม
ความ ัสม ัพนธ์กัน
อย่าง ีด
ความสัม ัพนธ์กับกลุ่ม
เ ื่พอนไ ่ม ่คอยดี
การดูแลเอาใจใสจ่ ากครู/อาจารย์ ความสมั พนั ธก์ ับกล่มุ เพอื่ น
แผนภาพที่ 14 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมัน่ ความซื่อสตั ย์สจุ รติ จาแนกตามปัจจยั นิเวศวิทยา
ครแู ละกลมุ่ เพ่ือน
5.1.15 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามปัจจัย
นเิ วศวิทยาดา้ นสงั คม ชุมชน
เม่ือพิจารณาจาแนกตามปัจจัยนิเวศวิทยาด้านสังคม ชุมชน พบว่า เด็กและเยาวชนไทยท่ีใช้เวลา
ในการท่องโลกออนไลน์ไม่มากในแต่ละวัน มีสัดส่วนของพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต (คิดเป็นร้อยละ
59.6) ซ่ึงมีคา่ สงู กวา่ เด็กและเยาวชนทีใ่ ชเ้ วลากบั ออนไลนใ์ นแต่ละวันมากกวา่ ปรากฏในแผนภาพท่ี 15
ส่วนผู้ที่มกี ิจกรรมร่วมกับชุมชนน้อยกว่ากลบั มีผทู้ ี่มีพฤตกิ รรมยดึ ม่ันความซอื่ สัตย์สุจริตในสัดส่วนสูงกว่าผู้
ที่ร่วมกิจกรรมกับชุมชนเป็นประจา ในส่วนของข้อคาถามเก่ียวกับปฏิสัมพันธ์กับชุมชนน้ี จะถามเฉพาะในช่วงช้ัน
ระดับประถมศึกษาตอนปลายข้ึนไปถึงอุดมศึกษาช้ันปีท่ี 3-4 ในข้อคาถามว่า นักเรียน/นักศึกษา ได้มีโอกาสทา
กจิ กรรมกับชุมชนทีพ่ ักอาศัยอยู่ บ่อยครั้งเพียงใด โดยเด็กและเยาวชนท่ีร่วมกจิ กรรมกับชุมชนบ่อย ๆ หมายถึง ผู้ที่
ระบุว่า ทากิจกรรมกับชุมชนเกือบทุกวัน และ ทากิจกรรมกับชุมชนทุกวัน นอกเหนือจากน้ี ถือว่า เป็นกลุ่มท่ีร่วม
กจิ กรรมกับชมุ ชนน้อยมาก ปรากฏดงั แผนภาพท่ี 15
ก - 14
ก - 14
ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ี ีมพฤติกรรมยึด ่ัมนความซ่ือสัต ์ยสุจริต 65.0 63.0
60.0 59.6
55.0
50.0 48.0 47.8
45.0
40.0
รว่ มกิจกรรมกับชุมชนบ่อย ๆ ร่วมกิจกรรมกบั ชมุ ชนน้อยมาก ใช้เวลาออนไลนไ์ ม่มากในแตล่ ะวัน ใช้เวลาออนไลนม์ ากในแตล่ ะวัน
กจิ กรรมกับชุมชน การใช้เวลาในสงั คมออนไลน์
แผนภาพที่ 15 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซ่ือสัตยส์ ุจริตจาแนกตามปจั จัยนิเวศวิทยา
ด้านสังคม ชมุ ชน
5.2 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบ และจาแนกตามช่วงวยั
หากพิจารณาค่าคะแนนพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนจาแนกตาม 4
องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต อันได้แก่ องค์ประกอบท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม องค์ประกอบที่ 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต
องค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และองค์ประกอบที่ 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม
ผลการประเมิน พบว่า ในภาพรวมของคะแนนรวมมีคะแนนร้อยละอยู่ระหว่าง 72.03 - 81.50 โดยช่วงช้ัน
ปฐมวัยมีคะแนนสูงสุด และช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนต้นมีคะแนนต่าสุด ซ่ึงจากตารางที่ 5 แสดงให้เห็นว่า
เด็กนักเรียนช้ันปฐมวัยมีค่าคะแนนเฉล่ียขององค์ประกอบท่ี 1 2 และ 3 สูงสุด ในขณะท่ีเด็กนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาตอนต้นมคี ่าคะแนนในองค์ประกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคมสูงสุด (82.7 คะแนน)
เด็กและเยาวชนท่ีอยู่ในระดับประถมศึกษาตอนปลายข้ึนไปถึงระดับอุดมศึกษา มีค่าคะแนนเฉลี่ยในองค์ประกอบ
ท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริตต่าท่ีสุด เมื่อเทียบกับองค์ประกอบท่ี 1 ปรากฏดังตารางที่ 5
และแผนภาพที่ 16
ก - 15
ก - 15
ตารางท่ี 5 คา่ คะแนนผลการประเมนิ พฤตกิ รรมทยี่ ดึ ม่นั ความซื่อสตั ยส์ ุจริตของเด็กและเยาวชนไทย
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซือ่ สตั ย์สุจริต
ชว่ งชนั ภาพรวมผลคะแนนการประเมนิ พฤตกิ รรมฯ ในแตล่ ะช่วงชนั จาแนกตาม 4 องค์ประกอบ คะแนน
องคป์ ระกอบท่ี 1 องคป์ ระกอบที่ 2 องคป์ ระกอบที่ 3 องคป์ ระกอบท่ี 4 รวมเฉล่ีย
81.5
ปฐมวยั 84.3 80.5 84.9 78.3 77.9
ประถมศกึ ษาตอนต้น 77.9 76.6 74.2 82.7 75.1
ประถมศกึ ษาตอนปลาย 76.3 72.1 75.7 77.4 72.0
มัธยมศกึ ษาตอนตน้ 72.8 68.5 75.6 73.8 73.0
มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 73.9 69.4 78.1 74.4 75.5
อุดมศกึ ษาปที ี่ 1-2 75.2 74.5 76.3 76.1 75.6
อุดมศกึ ษาปีท่ี 3-4 74.5 75.6 76.8 75.4
แผนภาพท่ี 16 คา่ คะแนนพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซ่ือสัตยส์ จุ ริตของเด็กและเยาวชน จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบ
พฤตกิ รรมท่ียึดม่นั ความซื่อสัตย์สุจรติ
องคป์ ระกอบที่ 4 องค์ประกอบที่ 1 องค์ประกอบที่ 2 ชว่ งชันปฐมวยั
86 อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ 3 STRONG:
84 จิตพอเพียงต้านทุจริตมีค่าคะแนน
82 สูงสุด (ร้อยละ 84.3) ต่าสุดอยู่ท่ี
80 องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ
777684 ความรับผิดชอบต่อสังคม (ร้อยละ
78.3)
องคป์ ระกอบท่ี 3
ก - 16
ก - 16
ชว่ งชนั ประถมศกึ ษาตอนต้น องคป์ ระกอบท่ี 4 องค์ประกอบท่ี 1 องค์ประกอบที่ 2
องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ 85
ความรับผิดชอบต่อสังคม มีค่า 80
คะแนนสูงสดุ (ร้อยละ 82.7) และ 75
ค่าคะแนนต่าสุดอยทู่ ่ีองค์ประกอบ 70
ที่ 3 STRONG: จิตพอเพียงต้าน 65
ทุจริต (รอ้ ยละ 74.2)
องค์ประกอบท่ี 3
องค์ประกอบท่ี 4 องคป์ ระกอบที่ 1 องค์ประกอบที่ 2 ช่วงชนั ประถมศกึ ษาตอนปลาย
80 องค์ประกอบ 4 พลเมืองและ
75 ความรับผิดชอบต่อสังคม มีค่า
70 คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 77.4) และ
65 ค่าคะแนนต่าสุดอยทู่ ่ีองค์ประกอบ
ท่ี 2 ความละอายและไม่ทนต่อ
องค์ประกอบที่ 3 การทจุ ริต (ร้อยละ 72.1)
ช่วงชันมัธยมศกึ ษาตอนต้น องค์ประกอบที่ 4 องค์ประกอบท่ี 1 องคป์ ระกอบที่ 2
องคป์ ระกอบท่ี 3 STRONG: 80
จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า 75
คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 75.6) 70
แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ท่ี 65
องค์ประกอบ 2 ความละอาย 60
และไม่ทนต่อการทุจริต (ร้อยละ
68.5)
องคป์ ระกอบท่ี 3
ก - 17
ก - 17
องคป์ ระกอบที่ 4 องคป์ ระกอบที่ 1 องคป์ ระกอบท่ี 2 ชว่ งชันมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
80 องค์ประกอบท่ี 3 STRONG:
75 จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า
70 คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 78.1)
65 แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ท่ี
องค์ประกอบ 2 ความละอาย
และไม่ทนต่อการทจุ ริต (ร้อยละ
69.4)
องค์ประกอบที่ 3
ช่วงชนั อดุ มศกึ ษาปีท่ี 1-2 องคป์ ระกอบที่ 4 องคป์ ระกอบท่ี 1 องค์ประกอบท่ี 2
องค์ประกอบที่ 3 STRONG: 77
จิตพอเพียงต้านทุจริต มีค่า 76
คะแนนสูงสุด (ร้อยละ 76.3) 75
แ ล ะ ค่ า ค ะ แ น น ต่ า สุ ด อ ยู่ ที่ 74
องค์ประกอบ 2 ความละอาย 73
และไม่ทนต่อการทุจริต (ร้อยละ
74.5)
องคป์ ระกอบที่ 3
องคป์ ระกอบที่ 4 องค์ประกอบท่ี 1 องค์ประกอบท่ี 2 ชว่ งชนั อุดมศกึ ษาปที ี 3-4
78 อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ที่ 3 STRONG:
76 จติ พอเพียงตา้ นทจุ รติ มีค่าคะแนน
74 สูงสุด (ร้อยละ 76.8) และค่า
72 คะแนนต่าสุดอยู่ท่ีองค์ประกอบ 1
ก า ร คิ ด แ ย ก แ ย ะ ร ะ ห ว่ า ง
องค์ประกอบท่ี 3 ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ส่ ว น ต น กั บ
ผลประโยชน์ส่วนรวม (ร้อยละ
75.6)
ก - 18
ก - 18
5.2.1 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบที่ 1 การคิดแยกแยะระหว่าง
ผลประโยชนส์ ว่ นตนกบั ผลประโยชน์สว่ นรวม
เมื่อพิจารณาแต่ละองค์ประกอบ พบว่า องค์ประกอบท่ี 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ่วนตนกับ
ผลประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรมย่อย 3 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) แยกแยะ
ระหว่างส่วนตนและส่วนรวม 2) ระบบคิดฐานสอง และ 3) เสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ผลการประเมิน
มีดงั น้ี
แยกแยะระหว่างส่วนตนและส่วนรวม ในเด็กปฐมวัย
มีค่าคะแนนสูงสดุ (84.3 คะแนน) และคะแนนน้ี มีค่า
ลดน้อยลง เม่ือเด็กอยู่ในช่วงวัยท่ีโตข้ึน จนกระท่ังถึง
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นมีค่าต่าสุด จากนั้นมีค่า
คะแนนเพ่ิมข้ึนเล็กน้อยเม่ือถึงระดับอุดมศึกษาปีที่ 1-
2 ก่อนที่จะเริม่ ลดลงอีกคร้งั เมื่ออยู่ในระดับอุดมศึกษา
ปีที่ 3-4
ระบบคิดฐานสอง (ในเด็กปฐมวัย ไม่ได้มีการประเมิน
พฤติกรรมย่อยข้อน้ี) จากผลการประเมิน พบว่า เด็ก
นักเรียนช้ันประถมศึกษาตอนต้น มีค่าคะแนนสูงสุด
(97.0) และคะแนนน้ีมีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเด็ก
และเยาวชนอยู่ในช่วงวัยที่สูงขึ้น จนกระทั่งต่าที่สุดใน
ระดับอุดมศึกษาปีท่ี 1-2 มีค่าคะแนนเพียง 65.0
ค ะ แ น น แ ล ะ เ พ่ิ ม ขึ้ น เ ป็ น 6 7 . 1 เ ม่ื อ อ ยู่ ใ น
ระดับอดุ มศึกษาปีที่ 3-4
เสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมินน้ี จะประเมินเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไปถึงระดับอุดมศึกษา)
ผลการประเมินแสดงให้เห็นว่า ค่าคะแนนสาหรับชั้น
มัธยมศึกษาตอนต้นมีค่าต่าสุด (65.5) และค่าคะแนน
เพิ่มขึ้นตามช่วงวัย จนกระท่ังถึง 71.5 คะแนน ซ่ึงมี
ค่าสูงสดุ เมื่ออยูใ่ นระดับอุดมศกึ ษาปีที่ 3-4
ก - 19
ก - 19
5.2.2 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อ
การทุจริต
องค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไมท่ นต่อการทุจริต ซง่ึ มีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรอื กลุ่มพฤตกิ รรม
ยอ่ ย 6 พฤติกรรม ได้แก่ 1) รับผิดชอบต่อตนเอง 2) ระเบียบวินัย 3) ละอายต่อการทุจริต 4) ไม่ทนต่อการทุจริต
5) ซือ่ สตั ย์ พูดความจริง และ 6) ยอมรับการกระทาของตนเอง ผลการประเมนิ ในแตล่ ะพฤติกรรมย่อย มดี ังน้ี
รับผิดชอบต่อตนเอง เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนความ
รับผิดชอบต่อตนเองสูงสุด (85.0) ซึ่งคาถามเน้นไปท่ี
ความรับผิดชอบพื้นฐาน เช่น สามารถแต่งกายด้วย
ตนเองได้ หรอื เกบ็ ของเล่นเข้าทเี่ ปน็ ต้น รองลงมา คือ
กลุ่มมัธยมศึกษาตอนปลาย (80.7) ส่วนประถมศึกษา
ตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย และมัธยมศึกษา
ตอนต้น มคี ่าคะแนนพอ ๆ กนั คอื ประมาณ 70 - 71
คะแนน
ระเบียบวินัย (กลุ่มเด็กปฐมวัยไม่ได้มีการประเมิน
พฤติกรรมนี้) ผลการประเมิน พบว่า กลุ่มที่มรี ะเบียบ
วินัยสูงสุด คือ นักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา
รองลงมา คือ กลุ่มประถมศึกษาตอนต้น (74.3)
และตา่ ทสี่ ดุ คือ กลุ่มมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (67.2)
ละอายต่อการทุจริต เป็นท่ีน่าสนใจที่เด็กปฐมวัยมีค่า
คะแนนสูงสุด (89.2) (โดยการใช้คาถามที่ว่า หาก
เพ่ือน ๆ กาลังต่อแถวรับขนมแล้ว เด็กท่ีถูกประเมินมา
ทีหลังจะรอได้หรือไม่ได้) รองลงมาคือ เด็กท่ีอยู่ในช้ัน
ประถมศึกษาตอนต้น ต่าสุด คือ ระดับมัธยมศึกษาท้ัง
ตอนต้นและตอนปลายมีค่าคะแนนพอ ๆ กัน ส่วน
นักศึกษาชั้นอุดมศึกษาปีที่ 3-4 มีค่าคะแนนสูงกว่าช้ัน
อดุ มศึกษา ปีท่ี 1-2
ก - 20
ก - 20
ไม่ทนต่อการทุจริต กลุ่มที่ถือว่า ไม่ทนต่อการทุจริต
มากท่ีสุด (ถ้าพิจารณาจากค่าคะแนนท่ีสูงสุด) คือ
กลุ่ มเ ด็ กป ฐ ม วั ย ช่ ว ง วัย อื่ น ๆ ตั้ งแ ต่ ระ ดั บ
ประถมศึกษาตอนต้น จนกระทง่ั ถึงระ ดบั อุดมศึกษา
มีคา่ คะแนนพอ ๆ กัน คอื ระหวา่ ง 72 - 75 คะแนน
ซ่ือสัตย์ พูดความจริง เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่า
คะแนนความซ่ือสัตย์ พูดความจริงสูงสุด (82.2)
รองลงมา คอื กลมุ่ เด็กประถมศึกษาตอนปลาย (77.0)
ส่วนเด็กปฐมวัย มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอน
ปลาย อุดมศึกษาปีท่ี 1-2 และอุดมศึกษาปีท่ี 3-4 มี
คา่ คะแนนอยูร่ ะหว่าง 73 - 76 คะแนน
ยอมรับการกระทาของตนเอง (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมินน้ี จะประเมินเฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน
ช้ันปฐมวัย และระดับอุดมศึกษา) ผลการประเมิน
แสดงให้เห็นว่า การยอมรับการกระทาของตนเอง
แปรผันไปตามอายุท่ีเพ่ิมข้ึน โดยนักศึกษาอุดมศึกษา
ปีที่ 3-4 มีค่าคะแนนการยอมรับการกระทาของ
ตนเองสูงสุด (85.0) รองลงมา คือ นักศึกษา
อุดมศึกษาปีที่ 1-2 มีค่าคะแนน 83.4 ส่วนช้ัน
ปฐมวัยมคี ่าคะแนน 80.0
5.2.3 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้าน
ทจุ ริต
องค์ประกอบที่ 3 STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ซึ่งมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรมย่อย
6 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) พอประมาณ 2) โปร่งใสและตรวจสอบได้ 3) มุ่งม่ันทางานมุ่งพัฒนา 4) เอื้ออาทร
และ 5) อดทนอดกลน้ั ผลการประเมินในแต่ละพฤตกิ รรมยอ่ ยมดี ังน้ี
ก - 21
ก - 21
พอประมาณ ในเด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนสูงสุด (97.4
คะแนน) รองลงมา คือ เด็กกลุ่มประถมศึกษาตอนต้น
มีค่าคะแนน 79.8 และคะแนนน้ีมีค่าลดน้อยลง เมื่อ
เด็กอยู่ในช่วงวัยท่ีโตขึ้น จนกระทั่งถึงระดับอุดมศึกษา
ปีที่ 3-4 มคี ่าคะแนนตา่ สดุ คอื 59.4 คะแนน
โปร่งใสและตรวจสอบได้ (กลุ่มเด็กปฐมวัยไม่ได้มีการ
ประเ มินพฤ ติกรร มนี้) ผลก ารปร ะเมิน พบว่ า
เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่าคะแนนโปร่งใสและ
ตรวจสอบได้สูงสุด (96.3) รองลงมา คือ กลุ่มเด็ก
ประถมศึกษาตอนปลาย (87.0) ส่วนเด็กมัธยมศึกษา
ตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย อุดมศึกษาปีที่ 1-2
และอุดมศึกษาปีที่ 3-4 มคี ่าคะแนนอยู่ระหว่าง 61 -
66 คะแนน
มุ่ ง มั่ น ท า ง า น มุ่ ง พั ฒ น า ( ก ลุ่ ม เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย
ประถมศึกษาตอนต้น และประถมศึกษาตอนปลาย
ไม่ได้มีการประเมนิ พฤติกรรมน้ี) ผลการประเมินพบว่า
นักศึกษาอุดมศึกษาปีท่ี 1-2 มีค่าคะแนนการมุ่งมั่น
ทางานมงุ่ พัฒนาสงู สดุ (83.5) รองลงมา คือ นักศึกษา
อุดมศึกษาปีท่ี 3-4 มีค่าคะแนน 79.4 ส่วนเด็ก
มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย มีค่า
คะแนนอยู่ระหว่าง 64 - 74 คะแนน
เอืออาทร เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนความเอ้ือ
อาทรสูงสุด (84.7 คะแนน) รองลงมา คือ นักศึกษา
อุดมศึกษาปีท่ี 1-2 มีค่าคะแนน 82.7 ส่วนกลุ่มที่มี
คะแนนความเอ้ืออาทรต่าสุด คือ นักเรียนช้ัน
ประถมศึกษาตอนปลาย มีคา่ คะแนน 74.0
ก - 22
ก - 22
อดทนอดกลนั อดทนอดกลัน (พฤติกรรมมุ่งประเมินนี้ จะประเมิน
เฉพาะเด็กและเยาวชนที่อยู่ในชั้นปฐมวัย) ผลการ
ประเมินแสดงให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนท่ีอยู่ในชั้น
ปฐมวัยมีความอดทนอดกลั้นสูง โดยมีค่าคะแนน
เทา่ กบั 81.2 คะแนน
5.2.4 การแสดงค่าคะแนนผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต
ในภาพรวมของประเทศ จาแนกตามองค์ประกอบย่อยในองค์ประกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อ
สังคม
องค์ประกอบท่ี 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม ซ่ึงมีพฤติกรรมมุ่งประเมินหรือกลุ่มพฤติกรรม
ย่อย 5 พฤติกรรม อันได้แก่ 1) เคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น 2) จิตสานึกความเป็นเจ้าของประเทศ
3) รับผิดชอบต่อสังคม 4) จติ สาธารณะ และ 5) ปฏิบัติตามกฎ กตกิ าข้อตกลง ผลการประเมินในแตล่ ะพฤติกรรม
ยอ่ ยมดี ังนี้
เคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น เด็กประถมศึกษา
ตอนต้นมีค่าคะแนนการเคารพสิทธิหน้าท่ีต่อตนเองและ
ผู้อ่ืนสูงสุด (85.2 คะแนน) รองลงมา คือ เด็กและ
เยาวชนในช้ันประถมศึกษาตอนปลายมีคา่ คะแนน 81.9
ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนการเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและ
ผู้อ่ืนต่าสุด คือ เด็กและเยาวชนช้ันประถมศึกษาตอนต้น
มคี ่าคะแนน 74.4
จิตสานึกความเป็นเจ้าของประเทศ (พฤติกรรมมุ่ง
ประเมินนี้ จะประเมนิ เฉพาะเดก็ และเยาวชนที่อยู่ใน
ชั้นประถมศึกษาตอนต้น ประถมศึกษาตอนปลาย
อุดมศึกษาปีที่ 1-2 และอุดมศึกษาปีที่ 3-4) ผลการ
ประเมินแสดงให้เห็นว่า การมีจิตสานึกความเป็น
เจ้าของประเทศลดลงตามช่วงวัย เด็กและเยาวชนที่
อยู่ในช้ันประถมศึกษาตอนต้นมีคะแนนจิตสานึก
ความเป็นเจ้าของประเทศสูงสุด (86.2 คะแนน)
ร อ ง ล ง ม า คื อ เ ด็ ก แ ล ะ เ ย า ว ช น ที่ อ ยู่ ใ น ช้ั น
ก - 23
ก - 23
ประถมศึกษาตอนต้นมีคะแนน 74.5 ส่วนเด็กและ
เยาวชนท่ีมีคะแนนจิตสานึกความเป็นเจ้าของ
ประเทศต่าสดุ คือ นักศึกษาอดุ มศึกษาปีท่ี 3-4 มคี ่า
คะแนนเทา่ กบั 64.3
รับผิดชอบต่อสังคม เด็กประถมศึกษาตอนต้นมีค่า
คะแนนความรับผิดชอบต่อสังคม สงู สุด (79.3 คะแนน)
รองลงมา คือ เด็กและเยาวชนในช้ันประถมศึกษาตอน
ปลายมีค่าคะแนน 76.9 ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนความ
รับผิดชอบต่อสังคม ต่าสุด คือ เด็กและเยาวชนชั้น
ปฐมวัยมคี า่ คะแนน 65.7
จิตสาธารณะ เด็กปฐมวัยมีค่าคะแนนการมีจิต
สาธารณะสูงสุด (98.3 คะแนน) รองลงมา คือ เด็ก
และเยาวชนในช้ันประถมศึกษาตอนปลายมีค่า
คะแนน 76.0 ส่วนกลุ่มท่ีมีคะแนนการมีจิต
สาธารณะต่าสุด คือ นักศึกษาระดับอุดมศึกษาปีท่ี
3-4 มีคา่ คะแนน 64.9
ปฏบิ ัติตามกฎ กติกาข้อตกลง เด็กประถมศกึ ษาตอนต้น
มีค่าคะแนนการปฏิบัติตามกฎ กติกาข้อตกลง สูงสุด
(86.1 คะแนน) รองลงมา คือ เด็กและเยาวชนในช้ัน
ปฐมวัยมีค่าคะแนน 83.4 ส่วนกลุ่มที่มีคะแนนการ
ปฏิบตั ิตามกฎ กติกาข้อตกลงต่าสุด คือ เด็กและเยาวชน
ในชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลายมคี า่ คะแนน 70.8
5.3 การนาหลกั สตู รตา้ นทุจรติ ศกึ ษาไปใช้
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (ในการประเมินคร้ังน้ี) โดยจาแนกออกเป็น 2 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตร
การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) และ 2) หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด
“Youngster with good heart”) ผลการประเมินเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตของแต่
ละหลักสตู รมีดงั ตอ่ ไปนี้
ก - 24
ก - 24
5.3.1 หลกั สตู รการศึกษาขนั พืนฐาน (รายวชิ าเพิ่มเติม การป้องกนั การทจุ รติ )
หลักสูตรนี้ สถานศึกษามีรูปแบบการนาไปใช้ 6 รูปแบบ คือ 1) บูรณาการกับวิถีชีวิตในโรงเรียน
2) จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 3) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอื่น ๆ
5) บรู ณาการการเรยี นการสอนกบั กลมุ่ สาระสังคมศึกษา และ 6) เปิดรายวิชาเพมิ่ เติม
เมื่อวิเคราะห์เด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกตามรูปแบบการนาหลักสูตร
ไปใช้ ผลการประเมินดังท่ีปรากฏในตารางท่ี 6 แสดงให้เห็นว่า สถานศึกษาที่มีรูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ใน
ลักษณะเป็นกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มีสัดส่วนของเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตร้อยละ
56.2 สูงกว่าการนาไปใช้ในรูปแบบอื่น ๆ รองลงมาคือ การบูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอ่ืน ๆ หรือ
บูรณาการกับกลุ่มสาระสังคมศึกษามีสัดส่วนพอ ๆ กัน คือ ร้อยละ 54.0ส่วนต่าสุด คือ บูรณาการกับวิถีชีวิตใน
โรงเรียนร้อยละ 51.6 แต่ในท้ัง 6 รูปแบบ ก็ถือว่า มีจานวนเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์
สุจริตสงู กวา่ คา่ เปา้ หมายรอ้ ยละ 46.0 ปรากฏดังตารางที่ 6
ตารางท่ี 6 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามรู ปแบบ
การนาหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน (รายวิชาเพม่ิ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ ริต) ไปใช้
รูปแบบการนาไปใช้ กลาง ตะวันออก ใต้ เหนือ รวม
เฉียงเหนือ
บรู ณาการกบั วิถีชีวิตในโรงเรียน 51.8 51.5 55.5 49.3 51.6
จัดเปน็ กจิ กรรมเสรมิ หลักสตู ร 53.2 53.3 52.0 51.3 52.3
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน 57.7 53.5 59.0 53.9 56.2
บูรณาการการเรียนการสอนกบั กลมุ่ สาระอ่ืน ๆ 59.5 51.0 51.7 53.2 54.4
บรู ณาการการเรียนการสอนกับกลมุ่ สาระสังคมศกึ ษา 54.3 54.3 53.5 54.6 54.2
เปิดรายวชิ าเพมิ่ เตม็ 55.0 54.0 51.4 54.9 53.9
้รอยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤ ิตกรรม4455565551719739
ยึด ่มันความ ่ืซอ ัสตย์ ุสจริต
ูบรณาการ ักบวิถีชีวิต
ในโรงเ ีรยน
ัจดเ ็ปนกิจกรรมเส ิรม
ห ัลก ูสตร
กิจกรรมพัฒนา
ู้ผเ ีรยน
ูบรณาการการเ ีรยน
การสอนกับก ่ลุม
สาระอื่น ๆ
ูบรณาการการเ ีรยน
การสอนกับก ุ่ลม
สาระ ัสงคม ึศกษา
เ ิปดรายวิชาเ ิพ่มเ ็ตม
รวม กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ ใต้ เหนือ
แผนภาพท่ี 16 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สจุ ริตจาแนกตามรูปแบบการนา
หลักสตู รการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (รายวชิ าเพมิ่ เตมิ การปอ้ งกนั การทจุ รติ ) ไปใช้
ก - 25
ก - 25
5.3.2 หลกั สูตรอุดมศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”)
เมื่อวิเคราะห์เด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต จาแนกตามรูปแบบท่ีสถาบัน
อุดมศึกษานาไปใช้ ผลการประเมินพบว่า การเปิดเป็น 1 รายวิชา จานวน 3 หน่วยกิต มีสัดส่วนของเด็ก
และเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูงสุด ร้อยละ 75 ต่าสุด คือ จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร
รอ้ ยละ 43.9 ปรากฏดังตารางท่ี 7
ตารางท่ี 7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตาม รูปแบบ
การนาหลักสตู รอดุ มศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
รูปแบบการนาไปใช้ ร้อยละเดก็ และเยาวชนไทยท่ีมพี ฤตกิ รรมยึดมัน่
ความซ่ือสตั ย์สจุ รติ
จดั ทาเป็นวชิ าเลือก 57.5
บูรณาการหรอื สอดแทรกเนอื้ หากับรายวิชาอ่ืน ๆ 65.3
จดั เปน็ กจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตร 43.9
เปิดเปน็ 1 รายวิชา จานวน 3 หนว่ ยกติ 75.0
80 75
ร้อยละของเ ็ดกและเยาวชนไทยที่มีพฤ ิตกรรมยึด ัม่นความ ื่ซอสัตย์65.3
สุจ ิรต7057.5
60
จัดทาเ ็ปนวิชาเ ืลอก
บูรณาการห ืรอสอดแทรกเ ้นือหากับ
รายวิชา ่ือน ๆ
ัจดเ ็ปนกิจกรรมเส ิรมห ัลกสูตร
เ ิปดเป็น 1 รายวิชา จานวน 3 หน่วย
กิต
50 43.9
40
30
20
10
0
แผนภาพท่ี 17 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามรูปแบบ
การนาหลักสูตรอดุ มศกึ ษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
ก - 26
ก - 26
5.4 ความสัมพันธ์ระหว่างระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาไปใช้กับร้อยละของ
เดก็ และเยาวชนทม่ี ีพฤตกิ รรมยดึ ม่ันความซื่อสัตยส์ ุจรติ
ระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรการศึกษาไปใช้ในสถานศึกษาในภาพรวม การศึกษาครั้งนี้
พบว่า มี 5 ระดับ คือ 1) มีศักยภาพและความพร้อมมาก (A) 2) มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง (B)
3) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C) 4) มีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก (D) และ 5) ไม่มีศักยภาพและ
ความพร้อม (E)
เม่ือนามาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต
ผลการประเมินช้ีให้เห็นว่า สถานศึกษาที่มีระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้สูง คือ มีศักยภาพและ
ความพร้อมสูง เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาน้ัน มีสัดส่วนของผู้ท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตสูง และ
เมื่อระดับคะแนนผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้ลดลง สัดส่วนของเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
มคี า่ ลดน้อยลงเช่นกัน สัมพันธ์กนั อยา่ งมนี ยั สาคญั ทางสถติ ิทีร่ ะดับ 0.05
ตารางที่ 8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตจาแนกตามระดับคะแนน
ผลสมั ฤทธิ์ในการใช้หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษาในภาพรวม
ระดับ การแปลความหมาย คะแนนประเมิน สถานศกึ ษา รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนทม่ี ี
ผลสัมฤทธ์ิ (จานวน) พฤติกรรมยดึ มั่นความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ
A มศี กั ยภาพและความพร้อมมาก ๘๕ - ๙๔.๙๙ 9 75.8
B มีศกั ยภาพและความพรอ้ มปานกลาง ๗๕ - ๘๔.๙๙ 234 66.9
C มศี กั ยภาพและความพร้อมนอ้ ย ๖๕ - ๗๔.๙๙ 888 56.5
D มีศกั ยภาพและความพร้อมน้อยมาก ๕๕ - ๖๔.๙๙ 949 50.5
E ไม่มีศักยภาพและความพรอ้ ม ๕๐ - ๕๔.๙๙ 407 49.0
5.4.1 หลักสูตรการศกึ ษาขันพืนฐาน (รายวชิ าเพมิ่ เติม การป้องกันการทุจริต)
ระดับผลสัมฤทธ์ิในการนาหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) ไปใช้ใน
สถานศึกษาสังกัด สพฐ. และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการศึกษาคร้ังน้ี พบว่า มี 5 ระดับ คือ
1) มีศักยภาพและความพร้อมมาก (A เท่ากับ ๘๕-๙๔.๙๙) 2) มีศักยภาพและความพร้อมปานกลาง
(B เท่ากับ ๗๕-๘๔.๙๙) 3) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C เท่ากับ ๖๕-๗๔.๙๙) 4) มีศักยภาพและ
ความพร้อมน้อยมาก (D เทา่ กับ ๕๕-๖๔.๙๙ ) และ 5) ไม่มศี ักยภาพและความพรอ้ ม (E เท่ากบั ๕๐-๕๔.๙๙)
เมื่อนาระดับผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรไปใช้มาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมี
พฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตยส์ ุจริต ผลการประเมินช้ีให้เห็นว่า สถานศึกษาท่ีมีระดับผลสัมฤทธ์ใิ นการนาหลกั สูตร
ไปใช้สูง คือ มีศักยภาพและความพร้อมสูง เด็กและเยาวชนในสถานศึกษานั้น มีสัดส่วนของผู้ที่มีพฤติกรรมยึดมั่น
ความซ่ือสัตย์สุจริตสูง และเมื่อระดับผลสัมฤทธ์ิในการนาหลักสูตรไปใช้ลดต่าลง สัดส่วนของเด็กและเยาวชนท่ีมี
พฤตกิ รรมทพ่ี ึงประสงค์มีคา่ ลดน้อยลงเชน่ กนั และความแตกต่างนี้ มนี ยั สาคัญทางสถิตทิ ร่ี ะดบั 0.05
ก - 27
ก - 27
ระดับ การแปลความหมาย คะแนน สถานศึกษา ร้อยละของเด็กและเยาวชนทีม่ ี
A มศี ักยภาพและความพรอ้ มมาก ประเมนิ (จานวน) พฤตกิ รรมยดึ มน่ั ความซ่อื สตั ย์สุจริต
B มศี ักยภาพและความพร้อมปานกลาง ผลสัมฤทธ์ิ
C มศี กั ยภาพและความพรอ้ มน้อย ๘๕ - ๙๔.๙๙ 9 75.8
D มศี ักยภาพและความพรอ้ มนอ้ ยมาก ๗๕ - ๘๔.๙๙ 234 66.9
E ไมม่ ีศักยภาพและความพร้อม ๖๕ - ๗๔.๙๙ 887 56.5
๕๕ - ๖๔.๙๙ 947 50.5
๕๐ - ๕๔.๙๙ 356 48.3
้รอยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ี ีม 80 75.8 66.9 48.3
พฤ ิตกรรมยึด ่มันความ ื่ซอสัตย์ ุสจ ิรต 60 56.5 50.5 E
40
20 BCD
0 ระดับผลสัมฤทธิ์
A
แผนภาพที่ 18 ร้อยละของเดก็ และเยาวชนไทยท่มี ีพฤตกิ รรมยึดมนั่ ความซอื่ สัตย์สจุ ริตจาแนกตามระดับ
ผลสมั ฤทธิ์ในการนาหลกั สูตรการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (รายวิชาเพ่ิมเติม การปอ้ งกนั การทุจริต) ไปใช้
5.4.2 หลกั สูตรอุดมศึกษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”)
ระดับผลสัมฤทธ์ิในการนาหลกั สูตรอุดมศกึ ษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
ของสถาบันอุดมศึกษาที่พบในการประเมินคร้ังนี้ มีอยู่ 3 ระดับ คือ 1) มีศักยภาพและความพร้อมน้อย (C)
2) มีศักยภาพและความพร้อมน้อยมาก (D) และ 3) ไม่มีศักยภาพและความพร้อม (E) เม่ือนาระดับผลสัมฤทธิ์
ดังกล่าวมาวิเคราะห์ร่วมกับร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต ผลของการ
วิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า ไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่า ศักยภาพและความพร้อมในการนาหลักสูตรไปใช้มี
ความสัมพันธ์กับร้อยละของเยาวชนที่มีพฤติกรรมยึดม่ันในความซ่ือสัตว์สุจริต ดังจะเห็นได้จาก กลุ่มที่ถือว่า ไม่มี
ศักยภาพและความพร้อม (เกรด E) มีร้อยละของเด็กและเยาวชนท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซ่ือสัตย์สูงกว่ากลุ่มท่ีมี
ศักยภาพและความพร้อม (เกรด D) แต่กลุ่มที่มีศักยภาพและความพร้อมอยู่ในระดับ C มีสัดส่วนของผู้ท่ีมี
พฤติกรรมที่ยึดมั่นในความซ่ือสัตย์สุจริตสูงกว่า อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาดูภาพรวมท้ังหมด โดยแบ่งเป็นกลุ่มท่ี
ถือว่า มีศักยภาพและความพร้อม (กลุ่ม C และกลุ่ม D) กับกลุ่มท่ีไม่มีศักยภาพและความพร้อม ถือว่า มีความ
แตกต่างกนั
ก - 28
ก - 28
ระดบั การแปลความหมาย คะแนน สถานศกึ ษา ร้อยละของเด็กและเยาวชนทม่ี ี
C มศี กั ยภาพและความพร้อมน้อย ประเมนิ (จานวน) พฤตกิ รรมยดึ ม่ันความซอ่ื สตั ย์สุจริต
D มีศกั ยภาพและความพรอ้ มน้อยมาก ผลสัมฤทธ์ิ
E ไม่มศี ักยภาพและความพร้อม ๖๕ - ๗๔.๙๙ 1 80.0
๕๕ - ๖๔.๙๙ 2 50.0
๕๐ - ๕๔.๙๙ 51 54.1
้รอยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มี 100.0 80.0 50.0 54.1
พฤ ิตกรรมยึดม่ันความ ื่ซอ ัสตย์ ุสจ ิรต 80.0 C E
60.0 D
40.0 ระดบั ผลสมั ฤทธ์ิ
20.0
0.0
แผนภาพท่ี 19 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยดึ ม่ันความซื่อสตั ย์สุจริตจาแนกตามระดับ
ผลสัมฤทธิ์ในการนาหลักสูตรอุดมศกึ ษา (วยั ใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้
5.4.3 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนท่ีมพี ฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตยส์ จุ รติ จาแนกตามโครงการตา้ น
ทุจรติ อืน่ ๆ ท่ีดาเนินการในสถานศกึ ษานอกเหนอื จากหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการดาเนินโครงการต้านทุจริตอ่ืน ๆ ที่ดาเนินการในสถานศึกษานอกเหนือจาก
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาท่ีได้ดาเนินการในสถานศึกษาที่ตกเป็นตัวอย่าง พบว่ามี 10 โครงการหลักที่ได้ดาเนินการ
คือ 1) โรงเรียนสีขาว 2) โรงเรียนคุณธรรม 3) โรงเรียนสุจริต 4) โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ
5) โรงเรียนศีล 5 6) บริษัทสร้างการดี 7) โตไปไม่โกง 8) สถานศึกษาพอเพียง 9) ส่งเสริมประชาธิปไตย
ในโรงเรียน และ 10) โครงการอืน่ ๆ คอื โครงการต้านทจุ รติ อื่น ๆ ทส่ี ถานศึกษาได้ริเริม่ ดาเนินการเอง
ส่วนใหญ่โครงการต้านทุจริตอื่น ๆ ท่ีสถานศึกษาดาเนินการนอกเหนือจากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
พบมากที่สุดคือโครงการโรงเรียนคุณธรรม (ร้อยละ 67.1) รองลงมาคือ โครงการโรงเรียนสีขาว (ร้อยละ 28.2)
โครงการโรงเรียนสจุ ริต (ร้อยละ 14.7) และโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ์ (ร้อยละ 11.5) ตามลาดับ ท้ังนี้พบโครงการ
ต้านทุจริตอ่ืน ๆ ท่ีสถานศึกษาระบุว่าได้ริเริ่มดาเนินการเอง (ร้อยละ 7.0) อาทิ โครงการของหายได้คืน โครงการ
โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โครงการโรงเรียนดีประจาตาบล โครงการยุติธรรม โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม
โครงการพระโพธิสัตย์น้อย โครงการโรงเรียนต้นกล้าคุณธรรม โครงการโรงเรียนปลอดบุหร่ี โครงการสมุดบันทึก
ความดี เปน็ ต้น
ก - 29
ก - 29
ตารางท่ี 9 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตจาแนกตามโครงการ
ตา้ นทจุ รติ อื่น ๆ ทด่ี าเนนิ การในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสตู รตา้ นทุจรติ ศึกษา
โครงการตา้ นทจุ ริตอ่ืน ๆ สถานศกึ ษาท่มี โี ครงการฯ รอ้ ยละของเดก็ และเยาวชนไทย
โรงเรียนสขี าว ทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มั่นความ
โรงเรยี นคุณธรรม จานวน รอ้ ยละ ซ่ือสตั ย์สุจริต
โรงเรียนสุจริต 53.1
โรงเรยี นวธิ ีพทุ ธ 590 28.2 52.5
โรงเรียนศีล 5 1,405 67.1 51.1
บริษัทสร้างการดี 304 14.7 51.3
โตไปไม่โกง 240 11.5 53.8
สถานศึกษาพอเพียง 49.8
สง่ เสริมประชาธปิ ไตยในโรงเรียน 21 1.0 59.0
โครงการอ่นื ๆ 30 1.4 50.6
40 1.9 54.3
31 1.5 53.0
53 2.5
146 7.0
เม่ือจาแนกรอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่ือสัตย์สจุ ริตจาแนกตามโครงการต้าน
ทุจริตอ่ืน ๆ ท่ีดาเนินการในสถานศึกษานอกเหนือจากหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในแต่ละโครงการ พบว่า
เด็กและเยาวชนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนที่มีโครงการต้านทุจริตอื่น ๆ โครงการโตไปไม่โกงมีค่าร้อยละของ
เดก็ และเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซื่อสัตย์สจุ ริตสงู ท่ีสดุ (รอ้ ยละ 59.0) รองลงมาได้แกเ่ ด็กและเยาวชนท่ี
อยู่ในสถานศึกษาท่ีดาเนินโครงการส่งเสริมประชาธิปไตยในโรงเรียนที่ร้อยละ 54.3 โครงการโรงเรียนศีล 5
ที่ร้อยละ 53.8 โครงการโรงเรียนสีขาวและโครงการอ่ืน ๆ ท่ีโรงเรียนดาเนินการเองสัดส่วนใกล้เคียงกันท่ี
ร้อยละ 53.1 โรงเรียนคุณธรรมที่ร้อยละ 52.5 ตามลาดับ ส่วนเด็กและเยาวชนท่ีอยู่ในสถานศึกษาที่ดาเนิน
โครงการบริ ษัทสร้ างการดีมี ร้ อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึ ดม่ันความซ่ื อสัตย์ สุจริต ต่าสุดที่
ร้อยละ 49.8
4.5 การวเิ คราะห์ร้อยละของเด็กและเยาวชนทีม่ พี ฤติกรรมยึดม่นั ความซื่อสัตย์สจุ ริต จาแนกตามตัวแปร
สาคญั โดยการวิเคราะหก์ ารจาแนกพหุ (Multiple Classification Analysis หรือ MCA)
การวิเคราะห์ที่ไดก้ ลา่ วไปแล้วข้างต้น คณะผู้วจิ ัยไดท้ าการวิเคราะหร์ ้อยละของพฤติกรรมเด็กและเยาวชน
ไทยท่ีมีพฤติกรรมยดึ ม่นั ความซอ่ื สัตย์สุจรติ จาแนกตามตัวแปรเดียวในลกั ษณะทีเ่ ป็น Univariate เท่านั้น แต่หัวข้อ
ต่อไปน้ี คณะผู้วิจัยจะได้ทาการวิเคราะห์ตัวแปรสาคัญ ๆ อันได้แก่ ภูมิภาค รูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ ขนาด
ของสถานศึกษา และโครงการต้านทุจรติ ศึกษาอื่น ๆ ทีไ่ ด้มีการดาเนินการในสถานศกึ ษาสังกัด สพฐ. โดยใชว้ ิธกี าร
การวิเคราะห์การจาแนกพหุ (Multiple Classification Analysis) ซึ่งก่อนที่จะทาการวิเคราะห์ คณะผู้วิจัย
ก - 30
ก - 30
ได้ทาการจัดกลุ่มของคาตอบใหม่สาหรับตัวแปรรูปแบบการนาหลักสูตรไปใช้ และโครงการต้านทุจริตศึกษาอื่น ๆ
โดยที่รปู แบบการนาไปใช้ของสถานศึกษาสังกัด สพฐ. เดิมมี 6 รูปแบบ คือ 1) บรู ณาการกับวิถชี วี ิตในโรงเรยี น 2)
จัดเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร 3) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 4) บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระอ่ืน ๆ 5)
บูรณาการการเรียนการสอนกับกลุ่มสาระสังคมศึกษา และ 6) เปิดรายวชิ าเพิม่ เต็ม แตค่ ณะผู้วจิ ยั ไดท้ าการจัดกลุ่ม
ใหม่ให้เหลือเพียง 2 กลุ่ม (เพ่ือให้เห็นความแตกต่างระหว่าง 2 รูปแบบท่ีชัดเจนขึ้น) คือ 1) เปิดรายวิชาเพ่ิมเติม
และ 2) รปู แบบอื่น ๆ สว่ นโครงการตา้ นทุจริตศึกษาอื่น ๆ ที่ดาเนินการในสถานศกึ ษานอกเหนือจากหลักสูตรต้าน
ทุจริตศึกษา คณะผู้วิจัยก็ได้ทาการจัดกลุ่มของคาตอบโดยนาสถานศึกษาที่ไม่ได้มีการดาเนินโครงการต้านทุจริต
ศึกษาอ่ืนใดเลยแบ่งเป็นกลุ่มท่ี “ไม่มีโครงการ” ส่วนโครงการต้านทุจริตศึกษาอื่น ๆ ท่ีดาเนินการ (10 โครงการ)
จัดเป็นกลมุ่ ที่ “มีโครงการ”
ตารางท่ี 10 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี พี ฤติกรรมยึดมนั่ ความซอื่ สตั ย์สุจริต จาแนกตามตัวแปรสาคัญโดย
การวเิ คราะห์การจาแนกพหุ
ตวั แปรสำคญั ขนำดตัวอย่ำง ร้อยละของเด็กและเยำวชนไทยทมี่ พี ฤตกิ รรมยดึ ม่ันควำม
(n)
ภูมิภำค ซ่อื สัตยส์ จุ ริต
กลาง 11,023
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 11,018 กอ่ นปรบั หลังปรบั
ใต้ 5,778
เหนือ 9,210 54.6 54.1
51.0 51.1
รปู แบบกำรนำหลกั สตู รไปใช้ 11,352 52.1 52.2
เปิดรายวชิ าเพ่มิ เตมิ 25,677 51.8 52.3
รูปแบบอนื่ ๆ
30,423 53.0 53.4
ขนำดของสถำนศกึ ษำ 4,947 52.2 52.0
ขนาดเลก็ 1,659
ขนาดกลาง 51.7 51.7
ขนาดใหญ่ 34,147 53.7 53.4
2,822 63.0 62.8
โครงกำรต้ำนทุจริตศกึ ษำอนื่
มโี ครงการ 52.4 52.4
ไมม่ โี ครงการ 52.9 52.8
ก - 31
ก - 31
เมื่อนาร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตมาวิเคราะห์จาแนกพหุ
ผลที่ปรากฏในตารางท่ี 10 แสดงให้เห็นว่า ในภาพรวมแล้ว ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่น
ความซื่อสัตย์สุจริตก่อนและหลังปรับ มีค่าทั้งเพ่ิมขึ้นและลดลง โดยในกลุ่มที่เพ่ิมข้ึน คือ กลุ่มที่อยู่ในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ และเปิดรายวิชาเพ่ิมเติม (แต่ความแตกต่างที่เพ่ิมข้ึน มีไม่ถึงร้อยละ
1) ส่วนกลุ่มอ่ืน ๆ นอกเหนือจากที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ัน
ความซื่อสัตย์สุจริตมีค่าลดลง หลังจากที่ได้มีปรับอิทธิพลของตัวแปรอื่น ๆ แต่ค่าท่ีลดลงมีไม่ถึง
รอ้ ยละ 1 เช่นกัน
ข้อมูลจากตารางเดียวกันนี้ ช้ีให้เห็นอีกว่า เมื่อใช้การวิเคราะห์การจาแนกพหุ ภาคกลางยังคงมีสัดส่วน
สูงสุด (ร้อยละ 54.1) รองลงมา คือ ภาคเหนือและภาคใต้มีสัดส่วนพอ ๆ กัน (ร้อยละ 52.3) ส่วนภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณร้อยละ 51.1 การเปิดรายวิชาเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับรูปแบบการนาไปใช้รูปแบบ
อนื่ ๆ พบวา่ แมจ้ ะมีค่าสูงกวา่ แต่ความแตกตา่ งนี้ กไ็ มม่ ีนยั สาคัญทางสถิติแตอ่ ย่างใด
ในส่วนร้อยละฯ ตามขนาดของสถานศึกษา ซึ่งจาแนกเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก
เมอื่ นามาวเิ คราะห์ร่วมกับตัวแปรอน่ื ๆ ขอ้ มูลที่ปรากฏในตารางท่ี 10 แสดงให้เห็นวา่ สถานศึกษาท่มี ขี นาดต่างกัน
สั ด ส่ ว น ข อ ง เ ด็ ก ท่ี มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ยึ ด ม่ั น ค ว า ม ซื่ อ สั ต ย์ สุ จ ริ ต ต่ า ง กั น อ ย่ า ง มี นั ย ส า คั ญ โ ด ย ข น า ด
ของสถานศึกษาแปรผันโดยตรงกับสัดส่วนของเด็กที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ในขณะที่สถานศึกษา
ขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีสัดส่วนพอ ๆ กัน ส่วนโครงการต้านทุจริตศึกษาอื่น ๆ ที่สถานศึกษาได้มีการ
ดาเนินการ เม่ือเปรียบเทียบกับสถานศกึ ษาที่ระบุว่า ไม่มีการดาเนนิ โครงการใด ๆ เลย พบว่า สดั สว่ นของเด็กและ
เ ย า ว ช น ท่ี มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ยึ ด มั่ น ค ว า ม ซ่ื อ สั ต ย์ สุ จ ริ ต ไ ม่ ต่ า ง กั น อ ย่ า ง มี นั ย ส า คั ญ ท า ง ส ถิ ติ แ ม้ ว่ า
จะมีสดั สว่ นสงู กว่ากต็ าม
5.6 ขอ้ มูลเชิงคณุ ภาพทไี่ ด้จากเคร่อื งมือฐานจาลองสถานการณ์สะทอ้ นพฤตกิ รรมเด็กและเยาวชนทีย่ ึดมน่ั ความ
ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
จากการวิเคราะห์ข้อมูลฐานจาลอง Kid’s คิด
เด็กในช่วงช้ันปฐมวัยหรือระดับอนุบาล สะท้อนฐานคิดผ่าน
ภาพการ์ตูนเคลื่อนไหว โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการตัดสินใจต่อ
แถวเข้าคิวเพ่ือซื้อขนม พบว่า เด็กปฐมวัยท่ีเป็นกลุ่มตัวอย่าง
ทัง้ ในภาพรวม จาแนกตามสังกดั ของสถานศกึ ษาและในระดับ
ภูมิภาค มีการแสดงความคิดเห็นท่ีคล้ายกัน คือ สามารถ
เขา้ แถวรอ จนกวา่ จะถงึ คิวของตนเองเพื่อซื้อขนม มเี พียงสว่ น
น้อยที่ไม่รอต่อคิว ส่วนหนึ่ง คือ มากินในวันอื่น หรือรอ
จนกว่าคนนอ้ ยจงึ มาซือ้
ในฐานจาลอง Kid’s Cast จะมีบทสนทนาอยู่ใน 3 รูปแบบแตกต่างกันไปตามช่วงชั้น โดยในช่วงชั้น
ประถมศึกษาตอนต้น (ป.1-3) บทสนทนาออกแบบเพื่อให้เด็กสะท้อนพัฒนาการการเรียนรู้โดยการเลียนแบบ
หัวข้อในบทสนทนาจะให้เด็กสะท้อนว่าโตข้ึน เขาอยากเป็นเหมือนกับใคร แล้วทาไมถึงอยากเป็นเหมือนคนน้ัน
ก - 32
ก - 32
แล้วให้เด็กสะท้อนเพ่ิมเติมว่า เด็กอยากทาอะไรให้คนอ่ืนบ้าง ผลการวิเคราะห์ข้อมูล Kid’s Cast ของบทสนทนา
ในช่วงชั้นประถมศึกษาตอนต้น พบว่า บุคคลที่เด็กอยากเป็นและเปน็ แบบอย่าง ส่วนใหญ่จะเปน็ บุคคลที่อยใู่ กล้ตัว
ของเด็กๆ ได้แก่ พ่อ แม่ หรือครู โดยเด็กๆให้เหตุผลว่า เน่ืองจาก ใจดี ขยัน สอนนักเรียนให้มีความรู้ ทางานเก่ง
บางส่วนอยากเป็น แพทย์ พยาบาล ทหาร ตารวจ เหตุผลเพราะจะไดช้ ่วยเหลือคนอ่นื
Kid’s Cast ช่วงช้ันประถมศึกษาตอนปลาย (ป.4-
6) บทสนทนาออกแบบเพื่อให้เด็กได้สะทอ้ นถึงเพ่ือนว่ามองตัว
เด็กเป็นอย่างไรและมุมมองที่เด็กมีต่อตนเอง ซึ่งในช่วงวัยนี้ถือ
ได้ว่ากลุ่มเพ่ือนและมุมมองท่ีมีต่อตนเองจะมีบทบาทในการ
หล่อหลอมการมีทัศนคติต่อพฤติกรรมท่ีจะกระทาหรือไม่
กระทา ผลการศึกษา พบว่า มีความหลากหลาย ส่วนใหญ่ตอบ
ว่าเพื่อนมองตนเองว่าเป็นคนดี (มีน้าใจ) เป็นคนสนุกสนานร่า
เริง ตลก เฮฮา อารมณ์ดี และเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูด อยู่
พอประมาณ คาตอบค่อนข้างตอกย้านิสัยโดยส่วนใหญ่ของคน
ไทย ที่มองว่าเป็นคนมีน้าใจ และเป็นคนย้ิมง่าย สนุกสนานร่า
เริง เม่ือสอบถามถึงมุมมองต่อตนเองว่าเคยทาความดีอะไรบ้าง
พบว่ามี 3 ลกั ษณะ คือ การทาความดีตอ่ ตนเอง เช่น ตั้งใจเรยี น
เชื่อฟังพ่อแม่ ส่งงานตรงเวลาทุกคร้ัง การทาความดีต่อผู้อื่น
เช่น ช่วยครูถือของ ช่วยพ่อแม่ทางานบ้าน และการทาความดี
ต่อส่วนรวม เช่น เก็บขยะ ทาความสะอาดบริเวณโรงเรียน
เปน็ ตน้
ฐานจาลอง Kid’s Cast ในช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3) บทสนทนายังคงต้องการให้เด็กสะท้อน
ฐานคิดว่าเพื่อนมองเด็กเป็นคนเช่นไร ต่อด้วยการให้เด็กสะท้อนสภาพสังคมในเวลาน้ีในความคิดของเด็ก และเขา
จะทาอย่างไรได้บ้าง พบว่าในฐานคิดเก่ียวกับตนเองในมุมมองของเพ่ือน ๆ คาตอบมคี วามคลา้ ยคลึงกับบทสนทนา
เดียวกันในช่วงช้ันประถมศึกษาตอนปลาย ท่ีมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่ตอบว่าเพื่อนมองตนเองว่าเป็นคนดี
(มีน้าใจ) เป็นคนสนุกสนานรา่ เรงิ ตลก เฮฮา อารมณ์ดี และเป็นคนเงียบ ๆ ท่ีเพ่ิมเติมของคาตอบในช่วงช้ันน้ี คือ
คาตอบจะมีการกระจายตวั มาก และจะมีลกั ษณะคาตอบของมมุ มองท่ีเป็นมติ ิอารมณ์หลากหลาย เชน่ มองว่า เป็น
ก - 33
ก - 33
คนอารมณ์ร้อน บ้า ๆ บอ ๆ แต่รักเพื่อน นอกเหนือจากคาตอบว่าดี ท่ีดูเหมือนจะเป็นคาตอบตามความคาดหวัง
ของสังคมแล้ว พบว่าคาตอบที่เหลือมีความหลากหลายสูงมาก กระจายตัวในลักษณะคาตอบขนาดเดียวกัน ท้ัง
ระนาบ ดีเยี่ยม ดมี าก ดี สงบสุข ปกติ เฉย ๆ พอใช้ แข่งขัน ไมน่ า่ อยู่ ไม่ดี วุ่นวาย เห็นแก่ตัว ถึงแยม่ าก
ฐานจาลองสุดท้าย Youth Voice สาหรับช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6)และระดับอุดมศึกษา
มีบทสนทนาอยู่ใน 2 รูปแบบในสามช่วงช้ัน ในช่วงช้ันมัธยมศึกษาตอนปลายบทสนทนาชักชวนให้เยาวชนมองถึง
การเปลี่ยนแปลงสังคม และความคาดหวังต่ออนาคตเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ในประเทศไทย คาตอบในบทสนทนาน้ี
พบวา่ เยาวชนส่วนใหญ่อยากเปลยี่ นแปลงสังคมให้ดีข้ึน โดยมองด้าน ความเสมอภาค ทกุ คนมีสิทธิเ์ ทา่ เทยี มกัน ใน
สงั คมมากที่สุด และอยากให้ลดความเหล่ือมลา้ ทางสังคม ลดการคดโกงไม่มีคอร์รัปชัน เป็นประชาธิปไตย เพ่ิมการ
รับฟังความเห็นประชาชน และมีเศรษฐกิจการศึกษาที่ดี ในข้อสนทนาเกี่ยวกับความซ่ือสัตย์สุจริตในประเทศไทย
ส่วนใหญ่มองว่าความซื่อสัตย์สุจริตของคนในสังคมยังไม่ค่อยมีหรือมีอยู่น้อยมาก ต้องมีการปรับปรุง ในขณะท่ี
บางส่วนมีมุมมองที่น่าสนใจว่าความซ่ือสัตย์สุจริตไม่มีอยู่จริง ต่อข้อสนทนาในด้านความคาดหวังต่อการอนาคต
เกี่ยวกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน เยาวชนมีฐานคิดแยกกันเป็นสามกลุ่มความคิด กลุ่มแรกมองว่าเป็นไปได้ท่ีการ
ทุจริตคอร์รัปชันในประเทศจะลดน้อยลงได้ ในกลุ่มท่ีสองจะมองว่า สังคมสามารถลดการทุจริตคอร์รัปชัน
ได้เช่นกันแต่ไม่ง่าย ต้องร่วมมือกัน และในกลุ่มสุดท้ายมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศ
จะลดน้อยลงได้ สะทอ้ นให้เห็นถึงความแตกต่างกันในความเชื่อ ความคิด ของเยาวชนในชว่ งชน้ั
ก - 34
ก - 34
Youth Voice ช่วงชน้ั อุดมศึกษาปีที่ 1 – 2 และชว่ งชัน้ อุดมศึกษาปที ่ี 3 – 4 บทสนทนาออกแบบเพื่อให้
เป็นพื้นที่เปิดให้เยาวชนสะท้อนฐานคิดมุมมอง ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันหรือในบทสนทนาใช้คาง่าย ๆ ว่า
สถานการณ์คนขี้โกงตอนน้ีของสังคมไทยเป็นอย่างไร ถ้าเราเจอแล้วจะทาอย่างไร และถ้าจะไม่ให้มีการข้ีโกงใน
สังคมเราจะทาอย่างไร จากการวเิ คราะห์บทสนทนาพบว่า คาตอบของทง้ั สองชว่ งช้ันในระดับอุดมศึกษา เป็นไปใน
แนวทางเดยี วกัน คอื สว่ นใหญ่มองว่าประเทศไทยมีการทจุ รติ คอร์รปั ชันอยู่มาก เห็นไดจ้ าก ข่าวหรอื คดจี ากสือ่ จาก
เศรษฐกจิ ไทยในปัจจุบัน ผลงานท่ีเปน็ อยู่ และจากประสบการณ์ทพ่ี บเห็นเอง วธิ ีแก้ไขส่วนใหญ่ยัง มองเร่ืองการใช้
กฎหมายเป็นหลัก การจัดการอย่างเด็ดขาด กับนักการเมืองและข้าราชการ จัดการกับคนโกง และการปลูกฝัง
จติ สานึกท่ีดี เมือ่ วิเคราะห์ถึงบทสนทนาทีจ่ ะต้องทาอย่างไรถ้าเยาวชนเจอกบั การทุจรติ คอรร์ ปั ชัน เยาวชนทีต่ กเป็น
กลุม่ ตัวอยา่ งส่วนใหญ่ แจ้งหน่วยงานทีร่ ับผิดชอบ นาไปรอ้ งเรียน ทาเท่าที่เราทาได้ และมีมุมมองอยมู่ ากพอสมควร
เหมือนกันท่ีมองว่า ต้องดูก่อนว่ามันจะนามาซึ่งความเดือดร้อนหรือไม่ หนีออกมา หลีกเลี่ยงหรือ อยเู่ ฉย ๆ ไปเลย
ทาอะไรไม่ได้
5.6 ขอ้ เสนอแนะตอ่ สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ
ผลการวิจัยประเมินผลพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริตชิ้นนี้ สานักงาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสามารถใช้ในการวัดความสาเร็จตามเป้าหมายและตัวช้ีวัด
ของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประเด็นที่ 21 การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ.
2561-2580) ซง่ึ ผลการประเมินปี 2563 มีค่าร้อยละอยู่ท่ีระดับ 52.1 ซ่ึงเป็นคา่ ร้อยละที่สงู กวา่ ค่าเป้าหมายอยู่
ร้อยละ 6.1 ถือได้ว่าประสบความสาเร็จตามเป้าหมายและตัวช้ีวัดท่ีกาหนด ผลการวิจัยช้ินน้ียังสามารถใช้
ประกอบการประเมินผลความสาเร็จการขับเคล่ือน หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 2 หลักสูตร ทั้งในระดับนโยบายและ
ระดับปฏิบัติ โดยคณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะต่อสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ดงั ตอ่ ไปน้ี
5.6.1 จากผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต เมื่อจาแนกตามช่วง
ช้ัน จะพบว่า ค่าผลร้อยละมีลักษณะเป็นตัววีในภาษาอังกฤษ (V-shape) กล่าวคือ ในช่วงชั้นปฐมวัย มีสัดส่วนของ
เด็กท่ีมีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตสูง และมีแนวโน้มลดลง เม่ือเด็กเข้าสู่ช่วงชั้นที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่
ในช่วงมัธยมศึกษาตอนต้นมีสัดส่วนต่าสุด และสัดส่วนน้ีค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นเม่ือเข้าสู่ช่วงชั้นที่สูงขึ้นจนกระท่ังถึง
ระดับอุดมศึกษา ผลดังกล่าวแสดงให้เหน็ ว่า ในการปลูกฝังความซ่ือสัตย์สุจริต สานักงานคณะกรรมการป้องกันและ
ก - 35
ก - 35
ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติควรเน้นไปยังช่วงชั้นมัธยมศึกษา โดยเฉพาะมัธยมศึกษาตอนต้น ท่ีต้องได้รับการ
ปลกู ฝงั และเสรมิ แรงอย่างมีนยั สาคัญแตกต่างจากช่วงชั้นอ่ืน ๆ
5.6.2. จากการศึกษาในครง้ั นี้ทีพ่ บว่า ผลสัมฤทธ์ิในการใช้หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษาที่มีผลต่อระดับความรู้
ความเข้าใจ เจตคติ และพฤติกรรมท่ียึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งในการศึกษาวิจัยครั้งน้ี
เน่ืองด้วยข้อจากัดของข้อมูลระดับการนาหลักสูตรไปใช้ของสถานศึกษาท่ีมีหลากหลายถึง 6 รูปแบบและเพ่ือ
สามารถสุ่มสถานศึกษาให้ได้อย่างทั่วถึงสามารถนาผลการประเมินใช้ในการวัดความสาเร็จตามเป้าหมายและ
ตัวชี้วัดของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การประเมินจึงมุ่งเน้นประเมินผลสัมฤทธ์ิในมิติศักยภาพใน
การนาหลักสูตรไปใช้ของสถานศึกษาเพียงมิติเดียว ดังนั้นเพ่ือให้ทราบถึงผลสัมฤทธ์ิในการใช้หลักสูตรต้านทุจริต
ศกึ ษาทม่ี ีผลต่อระดบั ความรูค้ วามเข้าใจ เจตคติ และพฤติกรรมท่ียึดม่นั ความซอ่ื สัตยส์ ุจรติ ของเดก็ และเยาวชนไทย
อย่างแท้จริง สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ควรจัดการประเมินผลสัมฤทธ์ิใน
การใช้หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษาเฉพาะกับสถานศกึ ษาท่ีมีรูปแบบการนาหลักสูตรต้านทจุ ริตศึกษาไปใช้เต็มรปู แบบ
กล่าวคือ เปิดรายวิชาเพ่ิมเติม การป้องการทุจริต สาหรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และ เปิดเป็น 1 รายวิชา
จานวน 3 หนว่ ยกติ สาหรับหลักสตู รอุดมศกึ ษา รวมถงึ พิจารณาประเมินให้ครอบคลุมท้ัง 5 หลักสูตร
5.6.3. การที่ค่าเฉล่ียร้อยละพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์สุจริ ต ของ
สถาบันการศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมืองพัทยา และกรุงเทพมหานคร มีค่าน้อยกว่า
สถาบันการศึกษาทสี่ ังกัดสานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พนื้ ฐานในทุกองคป์ ระกอบ อาจจะมาจากหลายปัจจัย
ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีลักษณะของการกระจายอานาจ แตกต่าง
จากการจัดการแบบรวมศูนยอ์ านาจ รวมถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมอื่น ๆ อาทิ นิเวศครอบครัว ภูมเิ ศรษฐกิจ ภูมิสังคม
ของเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ที่อาจจะมีเศรษฐฐานะที่ต่ากว่า ส่งผลต่อค่าร้อยละ
พฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยที่ยึดม่ันความซ่ือสัตย์สุจริต ดังน้ันในการขับเคล่ือนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา อาจจะ
ต้องมีการดาเนินการที่แตกต่างกันระหว่างสถาบันการศึกษาท่ีสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
กับสถาบันการศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท่ีต้องการโครงสร้างการประสานงานท่ีมีประสิทธิภาพสูง
เน่อื งดว้ ยโครงสร้างการจดั การศกึ ษาของสถานศึกษาเหลา่ น้ันอยูใ่ นรปู แบบการกระจายอานาจการส่งั การ
5.6.4. จากการวเิ คราะหใ์ นรายละเอยี ดองคป์ ระกอบยอ่ ยหรือพฤตกิ รรมบ่งชีข้ ององค์ประกอบพฤติกรรมท่ี
ยึดมน่ั ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ จะเหน็ วา่ พฤติกรรมบง่ ชี้ ระบบคิดฐานสอง พอประมาณ โปร่งใสตรวจสอบได้ จติ สานึก
ความเป็นเจ้าของประเทศ และจิตสาธารณะ มีแนวโน้มค่าคะแนนพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตของ
เด็กและเยาวชนลดลงชัดเจนอย่างต่อเน่ืองเม่ือเด็กและเยาวชนอยู่ในช่วงวัยที่สูงขึ้น ดังน้ันในการปรับปรุงหลักสูตร
ตา้ นทุจรติ ศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติอาจจะต้องมกี ารปรบั ปรุงเนอ้ื หา
ทม่ี งุ่ เน้นการเสริมสร้างพฤตกิ รรมเหล่าน้ีให้เข้มข้นและตอ่ เนื่องในทุกช่วงช้นั และเช่นเดียวกันจากผลการวิจยั ทพี่ บว่า
พฤตกิ รรมม่งุ ประเมิน คอื ความรับผิดชอบต่อตนเอง มีคา่ ต่าในช่วงช้ันประถมศึกษาตอนปลาย มัธยมศึกษาตอนต้น
และมัธยมศึกษาตอนปลาย และพฤติกรรม ระเบียบวินัย ละอายต่อการทุจริต และการปฏิบัติตามกฎ กติกา
ข้อตกลง ท่ีพบค่าคะแนนต่าในมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย เนื้อหาหลักสูตรตา้ นทุจริตศึกษาควร
ได้รับการปรบั ปรงุ ใหม้ งุ่ เป้าการสร้างเสรมิ ในชว่ งชนั้ นน้ั ๆ ให้เข้มข้นดว้ ยเช่นกัน
ก - 36
ก - 36
5.6.5. ผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากเคร่ืองมือฐานจาลองสถานการณ์สะท้อนพฤติกรรมเด็ก
และเยาวชนที่ยึดมั่นความซื่อสตั ย์สจุ ริต ตอกย้าความสาคัญของการเอาใจใสส่ ง่ั สอนและการเป็นตวั อย่างทีด่ ีจากพอ่ -
แม่ ผู้ปกครองและครูท่ีใกล้ชิด ในช่วงชั้นปฐมวัยและประถมศึกษาตอนต้น กลุ่มเพ่ือนและส่ือเข้ามามีบทบาทมาก
ขึ้น นอกเหนือจากโรงเรียนในช่วงช้ันประถมศึกษาตอนปลายและมัธยมศึกษาตอนต้น และมุมมองความต้องการ
ความเสมอภาค สิทธิ์เท่าเทียมกัน ของคนในสังคม ของเยาวชนในช่วงชั้นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
และระดบั อุดมศึกษา จากผลดังกล่าวจะเหน็ ไดว้ ่า ในชว่ งชั้นปฐมวัยถึงประถมศึกษาตอนต้น การปลูกฝังพฤติกรรม
ที่ได้ผล ต้องมาจากท้งั ฝงั่ ผู้ปกครองและครูทีใ่ กลช้ ิดท่ีตอ้ งหลอ่ หลอมแนวคิดพฤตกิ รรมให้เปน็ ไปในแนวทางเดียวกัน
หลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในช่วงชั้นเหล่าน้ี อาจจะต้องเน้นย้าการมีส่วนร่วมของพ่อ-แม่ ผู้ปกครองในการจัด
การศกึ ษา ในช่วงช้ันประถมศกึ ษาตอนปลายถงึ มธั ยมศึกษาตอนต้น นอกเหนอื จากการเรยี นในเนื้อหา การรวมกลุ่ม
กันของเด็กเยาวชนในกิจกรรมร่วมกับชุมชนควรได้รับการสนับสนุน รวมถึงการสนับสนุนส่ือท่ีดี และควรมีเน้ือหา
การเรียนรู้สือ่ (Media Literacy) เพ่ือสร้างการรับรู้ การคดิ วิเคราะหแ์ ละแยกแยะ เนอื้ หา จากส่อื ต่าง ๆ ได้ ในการ
เสริมสร้างความยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริตในช่วงชั้นเยาวชน (มัธยมศึกษาปลายถึงอุดมศึกษา) เป็นโจทย์ท่ีท้าทาย
เพราะในช่วงช้ันนี้การเรียนการสอนทางด้านสังคมในสถาบันการศึกษาจะไม่มีผลเท่ากับมุมมอง ความเช่ือม่ัน
ศรัทธา และเส้นเรื่องของสังคม จากผลการวิจัยน่าจะสรุปได้ว่า ในความคิดของเยาวชนในปัจจุบัน ความเชื่อม่ัน
ศรทั ธาในความซอ่ื สตั ยส์ จุ ริตจะเกิดข้นึ ถา้ เส้นเร่ืองของสังคมไทย ให้ค่ากบั ความเสมอภาคและความเท่าเทยี มกนั
5.6.6. จากผลการประเมินจาแนกตามเพศและภูมภิ าค ท่ีพบว่า เด็กและเยาวชนในช่วงช้ันเดียวกนั แต่มคี ่า
คะแนนร้อยละพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซ่ือสัตย์สุจริต แตกต่างกัน และจากผลการศึกษาสภาพแวดล้อมทางสังคม
ต่าง อาทิ ขนาดของโรงเรียน ประเภทที่อยู่อาศัย สถานะครอบครัว ภาระของครอบครัว ความรักในครอบครัว
ปัจจัยครู/อาจารย์ ปัจจัยกลุ่มเพ่ือน สังคมออนไลน์ พบว่า ปัจจัยเหล่าน้ีมีผลต่อพฤติกรรมที่ยึดม่ันความซื่อสัตย์
สุจริตของเด็กและเยาวชนไทย ดังน้ัน ในการจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริตแหง่ ชาติ อาจะต้องออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสม ใหค้ วามสาคัญกับ
ความแตกต่างกับปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ อาจจะต้องเปิดโอกาสให้สถานศึกษาหรือเขตพ้ืนท่ีการศึกษาและชุมชน
ได้มโี อกาสออกแบบเน้อื หาและกิจกรรมไดเ้ อง เพ่ือสร้างความตระหนักและการมีส่วนรว่ มของการเป็นส่วนหนึง่ ของ
สงั คม ร่วมสรา้ งวัฒนธรรมความซ่ือสตั ยส์ จุ รติ ให้ชมุ ชนและสงั คม
ก - 37
ก - 37
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยดึ มนั่ ความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะนิ เพมฤินตกิพรรฤมตเดิกก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะ่ียเึดยมาั่นวควชานมซไอ่ื ทสตัยยทส์ ุจย่ี รึดติ มน่ั ความซอื่ สัตยส์ จุ รติ
สารบัญภาสพา(รต่อบ)ญั หนา้ หน้า
สารบญั ภาพ (ต่อ) ก หนา้
แผนภาพท่ี 4-71 การสะท้อนความคิดพฤติกรรมของเยาวชนอดุ มศกึ ษาปีที่ 1-2 ในประเด็น ค
คานา ถ้าไม่ใหม้ กี ารขโี้ กงจะทาอยา่ งไร 4-95 ก-14-95
บกิตทแตสผกิรนรปุ รภผมาู้บปพรรทิหแแะผผ่ีาก4นนราภภ-าาศ7พพทท1่ีี่ 44--7732กถ้าาไรกกมมาาีคสรรน่ใะสสขหะะทีโ้ ททก้ม้อ้้อองีกในนนนคคาเมคววราาือวขมมงคคไาี้โทิดิดมกยพพเงคฤฤรจาตติดเิกิกะยพรรอทรระฤมมหาขขตรออออื ิกงงยไเเมรยย่า่าารงววมชชไนนรขอออุดดุ มมงศศเกึกึยษษาาาวปปีททีชี่ี่ น33--อ44ดุ ใในนมปปศรระะึกเเดดษ็็นนาปที ่ี 41-9-72 ในประเด็น 1-1
บทแทผี่ 1นภาพบ1ทแท.ผี่ ข4นนภอ้ า-า7มพูลท2ี่โ4ค-7ร4งกมกาีคารถกตนร้าาัวสไขรเรมะสา้ีโ่ใะทเหกทอม้ ง้อ้องกีจนในาะคนรทควขาเาโี้อมวมกยงคาือ่าดิจมงงพไะรคไทฤถทตาดิา้ อิกเยพจยรอเรา่ ฤรมงคไขนาตรอขเิกงยโี้ เกรยองารวะมชหนขอรอดุ อื มงไศเมกึยษ่าาวปทีช่ี น3-อ4ุดในมปศระึกเดษ็นาปีท่ี 43-9-74 ในประเด็น 1-14-97
1-4
4-98 1-4 -97
แผนภาพ2ท.่ี ว4ัต-ถ7ุป3ระสกงคา์โรคสระงทก้อานรความคิดพฤติกรรมของเยาวชนอดุ มศกึ ษาปที ่ี 3-4 ในประเดน็ 1-5
3. ขอบเขตกาถร้าดไมาเ่ในหนิ้มงีกาานรข้ีโกง จะทาอยา่ งไร 1-54-98
แผนภาพ4ท.ี่ ป4ร-7ะโ4ยชน์ทกค่ีาราสดะวท่าจ้อะนไคดวร้ าับมคดิ พฤติกรรมของเยาวชนอดุ มศกึ ษาปีท่ี 3-4 ในประเด็น 2-1
5. นยิ ามศัพทตเ์ ัวฉเพราาะเอ/งรจายะทละาเออยีย่าดงพไรฤถตา้ ิกเจรอรคมน(ขBี้โeกhงavior Templete) 2-2
บทท่ี 2 แนวคดิ และทฤษฎีทใ่ี ชใ้ นการวิจัยประเมินผล 2-5
1. ทฤษฎีการขัดเกลาทางสังคม (Socialization Theory) 2-7
2. ทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูม (Bloom’s Taxonomy) 2-8
3. ทฤษฎีพฒั นาการทางจรยิ ธรรมของโคลเบอรก์ 2-10
(Kohlberg’s Moral Development) 2-18
4. แนวคดิ แรงผลักดนั พน้ื ฐานของความซื่อสัตยส์ จุ รติ 2-23
(The Foundational Drives of Integrity) 3-1
5. ความหมายและองค์ประกอบของความซอ่ื สัตยส์ ุจริต (Integrity) 3-1
6. งานวจิ ัยท่เี กยี่ วข้อง 3-1
7. กรอบแนวคิดในการวจิ ยั 3-7
บทท่ี 3 ระเบยี บวิธีวิจัย 3-14
1. ประชากรและตวั อย่าง 3-36
2. วิธีการสมุ่ ตวั อยา่ ง 3-62
3. เครอ่ื งมือทใี่ ช้ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3-71
4. กระบวนการสรา้ งและตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมือประเมนิ พฤติกรรม 3-72
เดก็ และเยาวชนไทยทีย่ ดึ ม่ันความซือ่ สตั ย์สุจรติ 4-1
5. การออกแบบระบบการประเมิน TYintegrity 4-1
6. เกณฑ์การวัดผล การให้คะแนน การแปลความหมาย 4-22
7. การวิเคราะห์ข้อมูล
8. การตรวจสอบความตรงของผลการวจิ ัยโดยผู้เช่ยี วชาญ (Expert Validation)
บทท่ี 4 ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยทีย่ ดึ มัน่ ความซือ่ สตั ย์สุจรติ
1. ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยทีย่ ดึ ม่ันความซอื่ สัตย์สุจริต
2. ผลการประเมินพฤติกรรมเด็กและเยาวชนไทยท่ียึดมนั่ ความซอื่ สตั ย์สุจริต
จาแนกตามองค์ประกอบ และจาแนกตามชว่ งวัย
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยดึ มัน่ ความซอื่ สตั ยส์ จุ รติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะินเพมฤนิ ติกพรรฤมตเดกิก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะ่ียเึดยมา่ันวควชานมซไอ่ื ทสัตยยทส์ ุจย่ี รึดติ มน่ั ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
สาสรบาญั รภบาพญั (ต(อ่ ต) ่อ) หน้า หนา้
สารบญั ภาพ (ตอ่ )
บทที่ 4 ผลกแผานรภปาพรทะ่ี เ4ม-7ิน1พฤกถต้าาไริกมส่ใะรหทรม้ ้อกีมนาคเรดวขาโี้ ็กมกงคแจิดะลพทฤะาตอเิกยยร่าารงมไวรขชองนเยไาทวชยนอทุดย่ีมศึดึกมษา่นั ปทีค่ี ว1-า2มในซป่อื ระสเดัต็นยส์ ุจร4ิต-95(ต่อ) 4-48
แแแแผผผผนนนนภภภภาาาา4356พพพพ.... ททททรคกรตจรโจแแแค้ออ้ผผผอ้ี่ี่่ีี่าวา้าา4444นนนรรยยแานยแภภภงวม----ลลนลนทาาาก7777ิเพพพสะะะกกคจุาททท3421ขขมัขตตรรรี่่่ีี อ4อ44พอาิตาตา---งงะมงม777นัศา้ เเเห342กนตึกดดธดกตกกมถกถ์ราร์ทวัษ็ก็ก็ก้้าาาาาาวัีคอ้ระแไไแแรรรรจุาเแถกตกมกนนยรมมหปา้าาาัวีคสสสสลลรลไขรรรเานาล่่ใใรมวิตะะะะรสสสะะะขเาหห้โีห่ใะะะะา่สททททออเห้ีโเเกเทททอกยยมม้้งลขยม้างื่นง้้้้ออออ้้้ออองงรกีาจาักกีีอกาใคจนนนในนนนนาะะวววคคคนงๆสาาัะญรเทดมคคคควววชชขชเรราูตเทาาาือโี้ดอับมววววนนทขขมมนมกงโรายก็งคคคไาาาาือดผ้ีีโ้โททดี่ท่าตทอิดดิดิจมมมมกกแงงยยลาพพพี่ม่มีา้ไี่มะยเลงงรคคคคไทฤฤฤเกสรนีพพีถพี่าทจนาตตตะาิิดดิดดิ้าามัจเทงอิิกกิกฤฤะยเฤยนิเพพพรพจยไรรระฤยอุจทตตตอเรรรา่รวกะทฤฤฤฤทรามมมงคริกิกหถกิาิเไาขขขนาวตตตตคติารธรอรร้าอออรรขเอืชอิิิกกกิ์ใิกรศงงงรรย้โีเรใยไนเเเกนจมายนรรรยยรยมมึกมอ่าง่าาาะกอรรรรท่าสษยยงยวววะหมมมมางคชชชไี่มถึดึดึดหานนนไรรขขข์ขกนพีาไมมรมอออรนปออออานุดดุดุขัน่นั่ือฤ่นัามมรมงงงงใ้ีโศไตคคศศหศคจชเเเเกมึึกกึกึกยยยยิกวววาล้งษษษ่ษาาาาาาแราักาาาววววมปปมปรมานสทีีทีทชชชชมนซซซกูต่ีี่ี่ นนนน333ย่ืื่อออ่ือพร---ออออดึสสก444สตหดุุดดุดุมตััตเัตใใใา้ ุหนนนมมมมัน่ยยนยปปปนศศศศ์สส์คส์รรรทะะะือึกึกกึจุุจึกวุจุจเเเดดดจารรษษษษรรน็็็นนามติติิติตาาาากซปปปปศจหื่อีีทททีทีกึาลสษแ่ีี่ี่ี่ 444ัก133ัต3นา---ส999ย----ไก8774244ตูป์สตรุจใาใใใใชรนนนนม้กติ ปปปปับรรรระะะะเเเเดดดด็็นนน็น็ 4-50 หน้า
4-95
4-53 4-97
4-97
4-98
(Multiple Classification Analysis หรือ MCA) 4-54
7. ข้อมลู ท่ัวไปร้อยละของผตู้ อบแบบประเมนิ พฤติกรรมเด็กและเยาวชนที่ยดึ ม่ัน
ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต 4-56
บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 5-1
1. สรปุ 5-1
2. สรปุ ผลการศกึ ษา 5-2
3. อภิปรายผล 5-16
4. ข้อจากดั ในการวิจยั 5-22
3. ข้อเสนอแนะ 5-22
เอกสารอ้างอิง 6-1
ภาคผนวก: เคร่ืองมอื ประเมินผลพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยทย่ี ืดมน่ั ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต 7-1
รายงานการประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ียึดมั่นความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะนิ เพมฤนิ ตกิพรรฤมตเดกิก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะ่ียเึดยมาน่ั วควชานมซไอื่ ทสัตยยทส์ จุีย่ รึดติ ม่นั ความซอื่ สัตยส์ ุจรติ
สารบสญั าภราบพญั (ต่อต)าราง หนา้ หน้า
สารบัญภาพ (ตอ่ ) หนา้
ตารางที่ 2-1แผนภาสพรทุปี่ 4อ-7ง1คป์ กถรา้าะไรมสก่ใะหอท้ม้อบีกนาคครวขวา้โี ามกงคมจดิ ะซพทฤอ่ื าตอสิกยัตร่ารงยมไรขส์ อจุงเรยาิตวช(นIอnุดtมeศgึกษriาtปyที )ี่ 1จ-2ากในกปาระรเดท็นบทวน4ว-9ร5รณกรรม
ตารแาผงทน่ีภ2า-พ2ทแแผผ่ี 4นนภภ-าา7สใพพนรทท1ตปุี่ี่ 44่าอ--77งง32ปคกถรา้า์ปะไรกกมรมเาาคีสะทรรน่ใะสสกขหศะะทโี้ อททก้ม้อ้้อองบกีในนนนคคคาเมควววราาือวาขมมงคคไาม้โีทิดิดมกซยพพเงคฤฤ่อืรจาตตดิสเิกิกะยพตัรรอทรระฤยมมหาขขตส์รออออื ิกุจงงยไเเมรรยยา่ ่าาติรงววมชชไ(นนรขIออnอดุดุ tมมงeศศเgกึกึยษษrาiาาtวปปyทีทีช)ี่ี่ น33จ--อ44าุดกใในนมกปปศารระะรกึ เเดดทษ็น็นบาปททีวน่ี 41ว-9-ร72รณในกปรรรมะเดน็ 2-13
ตารแาผงทนี่ภ2า-พ3ทแผี่ 4นภ-า7ใอพนงท2ปคี่ 4ป์ร-7ะร4เมกะทกาีคศรถกตอน้าาัวสบไขรเรมะสขาโี้่ใะทเหกทออม้ ง้อ้องงกีจนในาะคคนรทคววขาเาโี้อามวมกยมงคาือ่าดิจมซงงพไะรคไ่ือทฤถทตาิดสา้ อิกเยตัพจยรอเรา่ ยฤรมงคไส์ขนาตรอขเุจิกงยี้โเกรรยองติารวะมชหนขอรอุดอื มงไศเมึกยษ่าาวปทีช่ี น3-อ4ดุ ในมปศระึกเดษ็นาปีที่ 43-9-74 ในประเดน็ 4-95
4-98 2-14
2-146-97
ตารแาผงทน่ีภ2า-พ4ท่ี 4-7อง3ค์ปรกะการอสบะขทอ้องนIคnวteาgมrคitิดyพฤติกรรมของเยาวชนอดุ มศึกษาปีท่ี 3-4 ในประเดน็ 2-22
ตารางท่ี 3-1 ขนาดตถวั ้าอไยมา่ ่ใงหใ้มนกี ารขปีโ้รกะงเมจินะผทลาพอยฤา่ตงกิ ไรรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยดึ มนั่ ความ
แผนภาพท่ี 4-7ซ่อื4สตั ยกส์ าุจรรสิตะท้อนความคิดพฤติกรรมของเยาวชนอดุ มศกึ ษาปีที่ 3-4 ในประเด็น 4-97
ตารางท่ี 3-2 ชดุ เครื่อตงัวมเรือาสเาอหงจรับะทปารอะยเม่าินงไพรฤถตา้ เิกจรอรคมนทขย่ี โี้ ึดกมงน่ั ความซ่ือสัตย์สุจรติ ของ 3-5
เด็กและเยาวชนไทย
ตารางที่ 3-3 กลมุ่ พฤตกิ รรมย่อยภายใต้แต่ละองคป์ ระกอบ 4-98
ตารางที่ 3-4 กลุ่มพฤตกิ รรมย่อยภายใต้แต่ละองคป์ ระกอบแยกตามระดับช้นั 3-7
และแหลง่ การประเมิน 3-18
ตารางที่ 3-5 ชดุ เครื่องมือสาหรับประเมินพฤตกิ รรมท่ียึดมั่นความซอื่ สตั ย์สจุ ริตของ
เด็กและเยาวชนไทย 3-21
ตารางท่ี 3-6 รายชอ่ื ผ้เู ช่ยี วชาญตรวจสสอบความตรงเชิงเน้อื หาของชดุ เครอ่ื งมือ
ตารางท่ี 3-7 สถานศกึ ษากลุ่มเปา้ หมาย 3-26
ตารางท่ี 3-8 พน้ื ที่ทดลองใช้เคร่ืองมือฉบับ paper pencil 3-28
ตารางที่ 3-9 ดัชนีความตรงเชิงเนอื้ หาทัง้ ฉบบั (Content Validity Index for Scale: S-CVI) 3-29
ของเครือ่ งมือแตล่ ะชุด 3-32
ตารางท่ี 3-10 คา่ สมั ประสทิ ธ์คิ วามเท่ียงของแบบประเมนิ ตนเองแยกตามลักษณะของวิธีการวดั
ของการประเมนิ ตนเองนักเรยี น (self-rating) 3-33
ตารางท่ี 3-11 การตรวจสอบพฤติกรรมการตอบตามความปรารถนาของสังคมของนกั เรยี น
ประถมศกึ ษา ตอนปลายและมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ 3-35
ตารางที่ 3-12 การตรวจสอบพฤตกิ รรมการตอบตามความปรารถนาของสงั คมของนักเรียน
มัธยมศกึ ษาตอนปลายและมหาวทิ ยาลยั 3-66
ตารางท่ี 3-13 โครงสรา้ งการให้คะแนนในแต่ละองค์ประกอบทมี่ ุง่ วัดในรูปคะแนนดบิ
(raw score) 3-67
ตารางท่ี 4-1 รายช่อื จงั หวดั ตามภาคของสานกั งาน ป.ป.ช. ทีม่ สี ดั สว่ นเดก็ และเยาวชนไทย
ท่มี ีพฤติกรรมยึดมั่นความซอื่ สัตย์สุจรติ สูงสดุ และตา่ สุด 3-68
ตารางท่ี 4-2 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดม่ันความซื่อสตั ยส์ จุ ริต
จาแนกตามจังหวดั ในสานกั งาน ป.ป.ช. ภาค 4-4
4-5
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยทย่ี ดึ มน่ั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะินเพมฤินติกพรรฤมตเดกิก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะีย่ เึดยมาัน่ วควชานมซไอื่ ทสตัยยทส์ จุีย่ รึดติ มน่ั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
สารสบาัญรบัญตภาารพา(งตอ่ ()ต่อ) หน้า หน้า
สารบญั ภาพ (ต่อ)
แรผานยภาชพอื่ ทเี่ ข4-ต7พ1 ้นื ทถก้าา่กี ไรมสา่ใะหรท้มศ้อกี นึกาครษวขาโี้ามกทงคจดิ ่ีมะพทีสฤาตอัดิกยสร่ารงว่มไรขนอขงเอยางวเชดนอก็ ดุ แมลศึกะษเายปาีท่ีว1ช-2นใทนป่ีมระีพเดฤน็ ติกรร4ม-ย95ดึ ม่ัน
ตารางท่ี 4-3 หนา้
ตารางทแี่ 4ผ-น4ภาพทแแรคผผ่ี อ้ว4นนยภภา-าามล7พพซะทท1ขอื่่ีี่ 44อส--77งัต32เถกยด้าา์ส็กไรมกกุจแมาาคีสรรรนล่ใะสสติขหะะะทโ้ีสททก้มเ้อ้้อองยูงีกในนสนนาคคาเวดุมคววราาือชแวขมมงนลคคไาโี้ทิดิดมกทะยพพเงคตี่มฤฤรจาตตดิ่าพีเิกิกะยสพรรฤอทรรุดะฤตมมหาขขติกรออออื ิกรงงยไเเมรรยยา่ ่าามรงววมชชยไนนรขดึ อออมดุุดมมงนั่ ศศเึกึกคยษษาวาาวาปปทีีทชม่ี่ี นซ33--ื่ออ44สุดใในนตัมปปยศรระะส์ึกเเดดุจษ็นน็ ราิตปีที่ 41-9-72 ในประเด็น 4-7 4-95
ตตาารราางงททแแแ่ี่ี 44ผผผ--นนน56ภภภาาาพพพทททแรรใใจสสผ่ีีี่่นน้อ้อาจจุุ444นรรแยยภรร---ะะานติติลล777พดดะะกท324จจบับัขขี่ต4าาชชออา-แแ7น้ััน้มงงนน4ผผถมตกกกปปขกกู้ตตู้า้าาาัวคีนรฐตตไรรรออเถกตะนมารม้าาาาัวสสสบบถดวไขรเามม่ใรมะะะสมแแยัสเาหโ้ี่ใะสสทททอเหกศบบทถอม้ม้งัังงง้้้อออ้องึากบบกีจกกีกจนในนนานะษคนปปดัดัาะรทคคควขศราาแแเทรราโ้ีอมวววขึกมกตะะลลายงคาาาือ้โีษอ่าเเะอะิดจมมมกมมงงนพาไตตะยงรคคคไิินนทฤตถาา่าทตสาิิดดิดพพา้จมมงอ้นิกเยังพพพจยไระฤฤลลกอเร่ารทฤฤฤรตตมงคักักัดถไขนาตตตาริิกกษษา้อขเอิิกกิกสรรงยโ้ีเณณเกจยรรรรยรพองาอะะมมรรรา่ ฐวะมมมขขงคชเเ.หดดนไอ้้อขขขนทรอรกก็็ ออมมอดุขือีเ่แแมงงดงลููลโ้ี ไศลลเเเก็กปปมกึยยยะะงษแ่จััจาาาเเาลววจจวยยปีทชชชะยััยาาี่ววเนนนนน3ยชช-อออเิิเ4าววนนดุดุุดวใศศนททมมมชปทที่ี่ยยศศนศร่ีสี่สะดดึึึกกึกึศเ่ง่งดมมษษษกึผผ็น่นัน่ัษาาาลลปปปคคาตตววอีททีที่อ่อาาย่ีี่่ีพพ44มม333ู่--ฤฤ99ซซ---87ตต444ื่ื่ออิกิกสสใใใรรตตัันนนรรยยปปปมม์์ รรระะะเเเดดดน็็นน็ 444--11-866
4-97
4-97
4-98
ตารางท่ี 4-7 ร้อยละของผูต้ อบแบบประเมินพฤติกรรมเดก็ และเยาวชนที่ยดึ มัน่ ความซื่อสตั ย์
สจุ ริต จาแนกตามสงั กดั และตามลกั ษณะข้อมูลปจั จยั นิเวศทีส่ ่งผลต่อพฤติกรรม
ในระดับช้นั ประถมศึกษาตอนปลายจนถึงระดับชน้ั อุดมศึกษาปที ี่ 3-4 4-16
ตารางท่ี 4-8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนในแตล่ ะช่วงชน้ั ท่มี ีพฤตกิ รรมยดึ ม่นั ความซ่ือสตั ย์
สุจรติ จาแนกตามลกั ษณะข้อมลู ท่วั ไปของเด็กและเยาวชน และผ้ปู กครอง 4-19
ตารางท่ี 4-9 ค่าคะแนนพฤติกรรมทย่ี ดึ มัน่ ความซอื่ สตั ย์สุจรติ ของเด็กและเยาวชน
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมท่ียึดมนั่ ความซ่ือสัตย์สุจรติ 4-23
4-27
ตารางที่ 4-10 การแสดงคา่ คะแนนองค์ประกอบที่ 1 การคดิ แยกแยะระหว่างผลประโยชน์ 4-29
ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม จาแนกตามแต่ละชว่ งวยั
ตารางท่ี 4-11 การแสดงค่าคะแนนองค์ประกอบท่ี 2 ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ ริต
จาแนกตามแต่ละชว่ งวยั
ตารางที่ 4-12 การแสดงค่าคะแนนองคป์ ระกอบท่ี 3 STRONG : จิตพอเพียงตา้ นทจุ ริต
จาแนกตามแตล่ ะชว่ งวัย 4-31
ตารางท่ี 4-13 การแสดงคา่ คะแนนองคป์ ระกอบที่ 4 พลเมอื งกบั ความรับผิดชอบตอ่ สงั คม
จาแนกตามแตล่ ะชว่ งวัย 4-33
ตารางที่ 4-14 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยึดมนั่ ความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต
จาแนกตามรูปแบบการนาหลกั สูตรการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน 4-48
(รายวิชาเพมิ่ เติม การปอ้ งกันการทจุ ริต) ไปใช้
ตารางท่ี 4-15 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยท่มี ีพฤติกรรมยึดมน่ั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
จาแนกตามรปู แบบการนาหลกั สตู รตา้ นทุจริตศึกษา หลักสูตรอดุ มศกึ ษา
(วัยใส ใจสะอาด “Youngster with Good Heart”) ไปใช้ 4-50
ตารางท่ี 4-16 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยดึ มั่นความซื่อสตั ย์สจุ ริตจาแนก 4-51
ตามระดบั คะแนนผลสัมฤทธิใ์ นการใช้หลักสตู รตา้ นทุจริตศึกษาในภาพรวม
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยที่ยึดมนั่ ความซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะนิ เพมฤินตกิพรรฤมตเดิกก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะีย่ เดึยมา่นั วควชานมซไอื่ ทสัตยยทส์ จุ่ียรึดติ มัน่ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
สสาารบรญั บภญัาพต(ตา่อร)าง (ตอ่ ) หนา้ หน้า
สารบัญภาพ (ต่อ) หนา้
ตารางท่ี 4-1แ7ผนภาพรทอ้ ี่ ย4-ล7ะ1ขอถกง้าาเไรมดส่ใะ็กหท้มแ้อีกนลาคระวขาเ้ีโมกยงคาจิดะวพทชฤาตอนิกยรไ่ารทงมไรยขอทงเ่มียาีพวชฤนตอดุ ิกมรศกึรษมายปีทึด่ี 1ม-น่ั2 คในวปาระมเดซ็นอื่ สัตย4ส์ -9ุจ5ริต
แผนภาพทแแผผ่ี 4นนภภ-าา7พพหจทท1าลี่ี่ แ44ัก--นส77ก32ูตกถตร้าาากไรกมกมมาาาีคสรรนรร่ใะสสขหะศะะทโ้ี ททดก้มึก้อ้้อองับษกีในนนนคคคาาเมคววรขะาาือวขมมงแ้นั คคไาโ้ีทนพดิิดมกยพพนื้นเงคฤฤรจผาตตฐิดเิกิกะยลาพรรอทนสรระฤมมหาัมขขต(รอออฤรือิกงงยไาทเเมรยยย่า่าาธรงวววใ์ิมชชไชินนนรขาออกอดุดุเาพมมงรศศเิ่มึกึกใยษชษเาตาาห้วปปิมทีทีชล่ีี่ นัก33ก--สอา44รูตุดใใปนนรมปปตอ้ศรร้าะะงกึ เเนกดดษนน็็ันทากจุปารที รติ ่ีท4ศ1-จุกึ9-ร72ษิตา)ในประเด็น 4-541-95
ตารแาผงนทภ่ี 4าพ-1ทแ8ผ่ี 4นภ-า7พรจท2อ้าี่แย4-นล7ะก4กมขตาคี อารตถกนมงา้าัวสเไขรเรรมดะสาี้โะ่ใะท็กเหกทอด้มแง้อ้องีกบัจนใลนาะคนครทะควขาเะาเี้โอมวมกยแยงคาือา่านิดจมงงวพไะนรคไชทฤถทผตาิดนา้ อิกเลยพจยรไอสเร่าทฤรมงคัมไยขนาตรอฤขเทิกงยีโ้ ทเก่ีมรยองาธรีพวะิ์ใมชฤหนนขตอกรอดุ ิกือามงรรไศเมึกรใยษชม่าา้หวยปีทชลึดี่ นกั3ม-สอัน่4ูตดุคในรมวปตศารา้ะมกึ เนดซษ็นทือ่ าุจสปรตัีทติ ยี่ 44ศ3ส์ --ึก99ุจ-874ษรติาในประเด็น
4-97
แผนภาพที่ 4-7ห3ลักสูตกราอรดุสมะทศึก้อษนาคว(วามัยใคสดิ พใจฤสตะิกอรารดมข“อYงoเuยnาวgsชtนeอrุดwมitศhกึ ษGาoปoีทdี่ 3H-e4arใtน”ป) ระเดน็ 4-53
ตารางที่ 4-19 รอ้ ยละถขา้ อไงมเ่ใดห็ก้มแกี ลาะรเขยี้โากวงชนจไะททยาทอม่ียา่ีพงฤไตริกรรมยึดมน่ั ความซื่อสตั ยส์ ุจริต
4-97
แผนภาพที่ 4-7จ4าแนกกตาารมสโะคทร้องกนาครวตา้ามนคทิดจุ พรฤิตตอิกื่นรรๆมทขอ่ดี งาเเยนานิ วกชานรอในดุ สมถศาึกนษศาึกปษที าี่ น3อ-4กเใหนนปือรจะาเกด็น 4-544-98
หลักสตู ตรวั ตเรา้ านเทอจุงจระติ ทศาึกอษยา่างไรถา้ เจอคนข้โี กง 4-55
ตารางที่ 4-20 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดม่นั ความซ่อื สตั ยส์ จุ ริต 4-56
จาแนกตามตวั แปรสาคัญโดยการวิเคราะห์การจาแนกพหุ
ตารางที่ 4-21 ขอ้ มูลท่ัวไปร้อยละของผตู้ อบแบบประเมินพฤตกิ รรมเด็กและเยาวชนทีย่ ดึ ม่ัน 5-10
ความซือ่ สตั ย์สุจริต จาแนกตามสงั กดั และช่วงชนั้
ตารางท่ี 5-1 แนวโน้มพฤตกิ รรมที่ยึดมัน่ ความซื่อสตั ย์สุจรติ จาแนกตามองค์ประกอบย่อย
หรอื พฤตกิ รรมมุ่งประเมินขององค์ประกอบพฤติกรรมทยี่ ดึ ม่ันความซ่ือสตั ย์สจุ รติ
รายงานการประเมินพฤตกิ รรมเดก็ และเยาวชนไทยทย่ี ดึ มนั่ ความซอื่ สัตยส์ ุจรติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะนิ เพมฤินตกิพรรฤมตเดกิก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะย่ี เดึยมา่ันวควชานมซไอื่ ทสตัยยทส์ จุ่ียรดึติ ม่นั ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ
สสาารรบัญบภัญาพภ(าตอ่พ) หนา้ หนา้
สารบัญภาพ (ต่อ) 4-95 2-2 หน้า
แผนภาพท่ี 2-1 แผนภแาพนทวี่ 4ค-ิด71และถกทา้าไรมฤส่ใะษหท้ม้อฎีกนาที ครวข่ีเา้โีกมก่ียงคจดิวะพทขฤา้อตอิกยงรา่ทรงมไ่ีใรขชอใ้งเนยากวชานรอวุดจิมศยั ึกษาปที ี่ 1-2 ในประเดน็
แผนภาพแผทน่ี 2ภ-า2พทแแผผี่ 4นนภภ-แ(าาT7พพรhทท1งeี่ี่ผ44ล--F77ัก32oกถดu้าานั nไรกกมพมาาีคสdรรน่ใ้ืนะสสaขหะะฐทt้ีโททกม้iาo้อ้้อองกีในนนnนนคคาขเaมคววราอาือlวขมมงงคคDไาโี้ทคิดิดมกrยพพวiเงคvฤฤราจาตตeิดมเิกิกะยsพรรซอทรระฤoมม่ือหาขขตfสรอออือิกตังงIยไnเเมรยยยา่ ่tาาร์สงววeมชชไจุgนนรขrรออiอุดุดิตtมมyงศศ)เึกกึยษษาาาวปปทีทีชี่่ี น33--อ44ดุ ใในนมปปศรระะึกเเดดษนน็็ าปีที่ 41-9-72 ในประเด็น 2-9 4-95
แแผผนนภภาาพพแผททน่ี่ี 22ภ--า34พทแผี่ 4นภ-กอา7พงรท2คอี่ ์ปบ4-รแ7ะ4นกมกวาคี อครกถตนบิ้าดาวัสไขรเพรมใะสา้ีโน่ใะทฤเหกทอก้มตง้อ้องกีจานใิกนาะครนรทรควขวาเารีโ้อมวิจมกมยงคายัือ่าดิทจมงงพไะ่ียรคไทฤถทึดตาิ้าอิกเยมพจยรอเรา่ั่นฤรมงคไขคนาตรอขเวิกงยโ้ี เการยองมารวะซมชหนือ่ขอรสอดุ อื มตังไศเยมึกย์สษ่าาุจวปรทีชิต่ี น3ใ-อ4นดุ งในมาปนศระวกึ เดิจษ็นยั าปที ี่ 43-9-74 ในประเดน็ 2-17
2-23 4-97
4-98
แผนภาพแผทน่ี 3ภ-า1พที่ 4-ก7า3รพฒั นกาาเรคสระื่อทง้อมนือคปวราะมเมคนิดิ พพฤฤตติกิกรรรรมมทขอ่ียงดึ เมยนั่าวคชวนามอซดุ ื่อมสศัตกึ ยษ์สาจุปรีทิตี่ ข3อ-4ง ในประเดน็
เดก็ และถเยา้ าไมวช่ใหนม้ไทีกยารข้ีโกง จะทาอย่างไร 3-14 4-97
แผนภาพแผทนี่ 3ภ-า2พที่ 4-โ7มเ4ดลกากราวรดั สพะฤทต้อิกนรครวมาขมอคงิดเดพ็กฤแตลิกะรเรยมาขวอชงนเยไทายวชทนี่ยอดึ ุดมมน่ั ศคกึวษามาซปอ่ืีทสี่ 3ตั ย-4ส์ จุ ใรนิตประเดน็ 3-17
แผนภาพที่ 4-1 ร้อยละขตอวั งเเรดา็กเอแงลจะะเยทาาวอชยน่าไงทไรยถท้าม่ี เจีพอฤคตนิกขรโ้ีรกมงยึดมั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ 4-98
เทยี บกบั ค่าเปา้ หมาย 4-2
แผนภาพที่ 4-2 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทย่ี ึดม่นั ความซ่ือสตั ยส์ ุจรติ ในภาพรวม
ของประเทศทกุ ช่วงช้ัน 4-2
แผนภาพที่ 4-3 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
จาแนกตามเพศ 4-3
แผนภาพที่ 4-4 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทมี่ ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สัตย์สจุ ริต
จาแนกตามภูมิภาค 4-3
แผนภาพท่ี 4-5 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมั่นความซ่อื สัตย์สจุ ริต
จาแนกตามภาคของสานักงาน ป.ป.ช. 4-4
แผนภาพท่ี 4-6 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มน่ั ความซื่อสตั ย์สุจริต
จาแนกตามสังกดั ของสถานศึกษา 4-7
แผนภาพท่ี 4-7 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยึดมน่ั ความซอ่ื สัตย์สุจริต
จาแนกตามขนาดของสถานศึกษาสงั กัด สพฐ. ทเี่ ดก็ และเยาวชนศึกษาอยู่ 4-8
แผนภาพที่ 4-8 ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยทีม่ ีพฤติกรรมยดึ มน่ั ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
จาแนกตามประเภทท่ีอยู่อาศัย 4-9
แผนภาพที่ 4-9 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ ริต
จาแนกตามสถานะการเงนิ ของครอบครวั 4-9
แผนภาพที่ 4-10 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยที่มีพฤติกรรมยึดมน่ั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
จาแนกตามลักษณะครอบครวั หรือประเภทครอบครัว 4-10
แผนภาพท่ี 4-11 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยทม่ี ีพฤติกรรมยดึ มั่นความซอ่ื สัตยส์ ุจริต
จาแนกตามภาระของครอบครวั (เดก็ เล็ก ผู้พกิ าร ผ้สู ูงอายุ และผ้ปู ว่ ยเรือ้ รัง) 4-10
แผนภาพท่ี 4-12 รอ้ ยละของเด็กและเยาวชนไทยท่ีมีพฤติกรรมยึดมั่นความซื่อสตั ย์สุจริต
จาแนกตามความสามารถในการพง่ึ พาตนเองได้ของครอบครัว 4-11
รายงานการประเมนิ พฤติกรรมเดก็ และเยาวชนไทยท่ยี ดึ มั่นความซอื่ สัตยส์ จุ รติ
รายรงายางนานกกาารรปประรเมะนิ เพมฤนิ ตกิพรรฤมตเดิกก็ แรลระมเยเาดวชก็ นแไทลยทะยี่ เดึยมาั่นวควชานมซไอื่ ทสัตยยทส์ จุี่ยรดึติ มั่นความซอ่ื สัตยส์ จุ รติ
สาสรบาญัรบภาญัพ (ภตอ่า)พ (ต่อ) หนา้ หนา้
สารบญั ภาพ (ต่อ) หนา้
แผนภาพท่ี 4แ-ผ1นภ3าพที่ 4ร-7้อ1ยละถก้าาขไรมอส่ใะงหทเม้ ้อดีกนา็กครวขแาีโ้ ลมกงคะจดิ ะเพยทฤาาตอิกวยร่าชรงมนไรขไอทงเยยาทวชี่มนอีพุดฤมศตึกิกษารปรีทมี่ 1ย-2ึดใมนน่ัปรคะเวดา็นมซอ่ื ส4ตั-9ย5์สุจรติ
แผนแผภนาพภาทพี่ 4ทแแ-ผผี่ 14นนภภ4-าา7พพทท1ี่ี่ 44รจ--77้อา32แยถกนลา้าะกไรมกกมาาคีขสตรรน่ใอะสสาขหะะทมง้ีโททก้มเท้อ้้อองดีกในนนนุ็กคคาเมคววทแราาือวลขมมางคคไางโี้ะทิดิดมกสยเพพยเงังคฤฤรจคาาตตดิ เิกิกวะยมพรรอชทรรขะฤมมนหาอขขตรไออองอืิทกงงยคไเเมรยยยา่ร่าารทงวอวมชชไี่มบนนรขออีพคอดุุดรฤมมงัวศศตเึกกึยขิกษษาอาารวปปงรีททีชคม่ีี่ น33รย--อ44ดึ บดุ ใใมนนมค่นัปปศรรรคะะวัึกเเวดดษาน็็นามปซที่อื ี่ส41ตั-9-ย72ส์ ุจในรติประเดน็ 4-12
แผนแผภนาพภาทพ่ี 4ทแ-ผี่ 14นภ5-า7พท2ี่ 4จร-7้อา4แยมกนลาคี ะกรตกถนา้าวัขสตไขรเรมอะสาาโี้่ใะทมงเหกทอเม้คง้อ้องดกีจนใวนาะ็กคนรทาควขแาเมาี้โอมวลมกรยงคาือะ่าักดิจมงงเพไะใยรคไทฤนถทาตาดิา้คอิกวเยพจยรรชอเรา่ ฤอรมงคนไขนาตบรไอขเิทกงคยโี้ เกรยยองารวัทวะมชห่มี นขอีพรอุดอื ฤมงไศตเมึกยิกษ่าารวปรีทชม่ี น3ย-อ4ึดุดใมนมน่ัปศรคะึกเวดษาน็ ามปซีท่ือี่ส443ตั--99-ย784ส์ ุจในริตประเดน็ 4-95
แผนภาพท่ี 4-73 จาแกนากรสตะาทมป้อนัจจคยัวนามเิ วคศิดวพิทฤยตาิกครรรแู มลขะอกงลเุ่มยาเพว่ือชนนอุดมศึกษาปีที่ 3-4 ในประเดน็ 4-13
แผนภาพท่ี 4-16 รอ้ ยถลา้ ะไมข่ใอหงม้เดีก็กาแรลขี้โะกเยงาจวะชทนาไอทยา่ทงีม่ ไรีพฤติกรรมยดึ มนั่ ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ 4-97
แผนภาพที่ 4-74 จาแกนากรสตะาทมป้อนัจจคัยวนามเิ วคศิดวพทิ ฤยตาิกดรา้ รนมสขงั อคงมเยชาุมวชนอุดมศึกษาปที ่ี 3-4 ในประเด็น 4-14
แผนภาพท่ี 4-17 ค่าคตะัวแเรนานเอพงฤจตะิกทรารอมยท่ายี่งไึดรมถ่ันา้ คเจวอาคมนซข่ือีโ้สกัตงย์สจุ รติ ของเด็กและเยาวชน 4-97
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมที่ยดึ มั่นความซื่อสัตย์สุจรติ 4-15
แผนภาพท่ี 4-18 ค่าคะแนนพฤตกิ รรมที่ยดึ มน่ั ความซื่อสัตยส์ จุ รติ ของเด็กและเยาวชน 4-98
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมทยี่ ึดมัน่ ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต
ตามชว่ งช้นั ปฐมวยั 4-22
แผนภาพที่ 4-19 ค่าคะแนนพฤติกรรมทยี่ ึดมัน่ ความซื่อสตั ยส์ จุ ริตของเดก็ และเยาวชน
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมทีย่ ึดมั่นความซื่อสัตยส์ ุจริต 4-23
ตามช่วงชน้ั ประถมศกึ ษาตอนตน้
แผนภาพท่ี 4-20 คา่ คะแนนพฤติกรรมท่ยี ดึ ม่นั ความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ของเด็กและเยาวชน 4-24
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมท่ยี ดึ ม่ันความซื่อสตั ยส์ ุจรติ
ตามชว่ งชน้ั ประถมศกึ ษาตอนปลาย 4-24
แผนภาพท่ี 4-21 คา่ คะแนนพฤติกรรมทย่ี ดึ มน่ั ความซื่อสัตยส์ ุจริตของเดก็ และเยาวชน
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ มน่ั ความซื่อสัตยส์ จุ รติ 4-25
ตามช่วงชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น
แผนภาพท่ี 4-22 ค่าคะแนนพฤตกิ รรมที่ยึดมั่นความซอื่ สตั ย์สจุ ริตของเด็กและเยาวชน 4-25
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤตกิ รรมที่ยดึ มน่ั ความซ่ือสัตย์สุจริต
ตามชว่ งช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 4-26
แผนภาพท่ี 4-23 ค่าคะแนนพฤตกิ รรมทีย่ ึดมน่ั ความซอ่ื สัตยส์ จุ ริตของเด็กและเยาวชน
จาแนกตาม 4 องคป์ ระกอบพฤติกรรมท่ียึดมน่ั ความซื่อสตั ยส์ จุ ริต 4-26
ตามระดับอุดมศึกษาปที ี่ 1-2 4-28
แผนภาพท่ี 4-24 ค่าคะแนนพฤติกรรมทย่ี ดึ มั่นความซอ่ื สตั ย์สุจริตของเด็กและเยาวชน
จาแนกตาม 4 องค์ประกอบพฤติกรรมทย่ี ดึ ม่ันความซื่อสตั ย์สุจริต
ตามระดบั อุดมศึกษาปที ี่ 3-4
แผนภาพที่ 4-25 พฤติกรรมยอ่ ยในองคป์ ระกอบท่ี 1 การคิดแยกแยะระหวา่ งผลประโยชน์
ส่วนตนกับผลประโยชนส์ ่วนรวม จาแนกตามแตล่ ะชว่ งวัย