The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pang Natthiyaa, 2022-07-27 01:24:21

รายงานฉบับกลาง

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

(5) การสาธารณสขุ
มีสถานบริการสาธารณสุข จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านด่านโลด

โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพตำบลบา้ นร่มโพธ์ไิ ทร และศนู ย์สาธารณสขุ มูลฐานชมุ ชนควนเสาธง
(6) ความปลอดภยั ในชีวิตและทรพั ยส์ ิน
มีสถานีตำรวจภูธรอำเภอตะโหมดรับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน และมี

บุคลากรในการปฏิบัตงิ านด้านปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน 6 คน
(7) การบริการพืน้ ฐาน
การคมนาคม มถี นนลาดยางแอลฟัลทถ์ นนคอนกรีตเสรมิ เหลก็ และถนนลูกรัง
การโทรคมนาคม ปัจจุบันทุกหมู่บ้านใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นส่วนใหญ่ และท่ีทำการไปรษณีย์

ที่ใกล้ที่สุด ได้แก่ ไปรษณีย์แม่ขรีตั้งอยู่ ตำบลแม่ขรี อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง ห่างจากเทศบาลตำบลควนเสาธง
อำเภอตะโหมด จงั หวดั พทั ลงุ ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 4 กโิ ลเมตร

การไฟฟา้ มรี ะบบไฟฟ้าครบทุกหมู่บา้ น
การประปา มรี ะบบประปาบาดาลหมบู่ ้าน จำนวน 11 หม่บู า้ น

(8) เทศบาลตำบลคลองใหญ่
(1) เขตการปกครองและประชากร

เทศบาลตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง มีเนื้อที่โดยประมาณ 51.52 ตาราง
กิโลเมตร หรือประมาณ 32,200 ไร่ แบ่งการปกครองออกเป็น 10 หมู่บ้าน หมู่บ้านในเขตเทศบาลฯ เต็มทั้งหมู่บ้าน
จำนวน 7 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 3, หมู่ท่ี 4, หมู่ท่ี 5,หมู่ท่ี 6,หมู่ท่ี 7, หมู่ที่ 8 และ หมู่ที่ 10 และหมู่บ้านในเขต
เทศบาลฯ. บางสว่ น 3 หมู่ ไดแ้ ก่ หมู่ที่ 1, 2 และ 9 มปี ระชากรทงั้ ส้นิ จำนวน 6,701 คน เป็นเพศชาย จำนวน 3,359
คน และ เพศหญิง จำนวน 3,342 คน (ธันวาคม 2562) มีความหนาแน่นประชากร ประมาณ 130 คนต่อตาราง
กโิ ลเมตร

(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
สภาพท่ัวไปของเทศบาลตำบลคลองใหญ่ เหมาะแก่การประกอบอาชีพทางการเกษตรพื้นท่ีเป็น

เนินสูง และราบลุ่มในบางพ้ืนที่ ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการทำสวนยางพารา ทำนา สวนผลไม้ และปศุสัตว์
หน่วยธุรกิจในเขตเทศบาลฯ ได้แก่ ป๊ัมน้ำมันและก๊าซ 4 แห่ง โรงสี 5 แห่ง โรงเลื่อย 2 แห่ง และโรงอบยางแผ่น
8 แห่ง

(3) การศกึ ษา
มีโรงเรียนประถมศึกษา จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านคลองใหญ่ ต้ังอยู่ในหมู่ที่ 1 โรงเรียน

ทุ่งหนองสิบบาท ต้ังอยู่ในหมู่ท่ี 6 โรงเรียนบ้านพรุนายขาว ต้ังอยู่ในหมู่ท่ี 7 และโรงเรียนบ้านท่าเชียด ตั้งอยู่ใน
หมทู่ ่ี 10 และมีศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ จำนวน 4 แหง่ (หม่ทู ี่ 1, หมู่ท่ี 3 หมู่ที่ 4 และ หมูท่ ี่ 6)

(4) ศาสนา
ในเขตเทศบาลตำบลคลองใหญ่ มีวัด จำนวน 1 แห่ง ได้แก่ วัดพรุนายขาว สำนักสงฆ์ จำนวน

2 แห่ง ได้แก่ สำนักสงฆ์ต้นข้ีกวาง และสำนักสงฆ์ทุ่งหนองสิบบาท และมัสยิด จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ มัสยิดนุรลุ ฮูด้าห์
มัสยดิ มูฮายีรีน มัสยิดโหละ๊ บา้ มสั ยดิ ยามีอุสสอละฮ์ มัสยดิ ดารุลมาอารีฟ และบาลาเซาะฮ์ (บ้านโหล๊ะบ้า)

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-154 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งต้น

(5) การสาธารณสขุ
มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพของตำบล 5 แห่ง ต้ังอยู่หมู่ท่ี 1, หมู่ที่ 4, หมู่ท่ี 7, หมู่ท่ี 8 และ

หมู่ท่ี 10)
(6) ความปลอดภัยในชีวติ และทรพั ยส์ ิน
มปี อ้ มสายตรวจ 2 แห่ง
(7) การบรกิ ารพ้ืนฐาน
การคมนาคม มีถนนสายสำคัญที่ตัดผ่าน 2 สาย คือ ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 4122 (สายป่า

บอน–คลองหมวย) เป็นถนนลาดยางสภาพถนนอย่างดี แยกจากทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 ที่หมู่ 7 บา้ นหนองนก
ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถคมนาคมติดต่อกับองค์การบริหารส่วน
ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน และเทศบาลตำบลตะโหมด และถนนหมายเลข 4025 (สายแม่ขรี – บ้านท่าเชียด)
เป็นถนนลาดยาง สภาพดี ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร สำหรับถนนภายในเขตเทศบาลฯ มีประมาณ 34 สาย
เปน็ ถนนลาดยาง 7 สาย สว่ นทีเ่ หลือเปน็ ถนนลูกรัง มที ั้งสภาพใชก้ ารไดด้ แี ละท่ีตอ้ งปรับปรงุ ซ่อมแซม

การโทรคมนาคม หอกระจายข่าวหมู่บ้าน มี 9 แห่ง (หมู่ที่ 1, หมู่ท่ี 3, หมู่ที่ 4, หมู่ที่ 5, หมู่ที่ 6,
หมทู่ ่ี 7, หมู่ท่ี 8, หมู่ที่ 9 และ หมทู่ ่ี 10)

แหล่งน้ำ มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ คลองท่าเชียด คลองเหมืองตะก่ัว คลองวังคราม คลองใหญ่
และห้วย 22 แห่ง ในทุกหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำที่สร้างข้ึน ได้แก่ ฝาย 15 แห่ง ได้แก่ หมู่ท่ี 2, 4
และ 5 หมู่บ้านละ 1 แห่ง หมู่ที่ 6, 7, 8 และ 10 หมู่บ้านละ 3 แห่ง บ่อน้ำตื้น 5 แห่ง บ่อโยก 8 แห่งและ บ่อบาดาล
10 แหง่

(8) ศกั ยภาพของชุมชนและพืน้ ที่
การรวมกล่มุ ของประชาชน มีกลุม่ อาชีพ 27 กลุ่ม กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 6 กล่มุ และกองทุน

หมู่บ้าน 10 กล่มุ

3.7.2 สุขภาพอนามัยและการบรกิ ารสาธารณสขุ
1) วัตถปุ ระสงคก์ ารศกึ ษา
เพ่ือศกึ ษารวบรวมขอ้ มูลด้านสาธารณสขุ ในปัจจบุ นั บรเิ วณพืน้ ทโี่ ครงการ เพอ่ื เป็นขอ้ มลู พน้ื ฐานในการ

ประเมนิ ผลกระทบท่ีอาจเกดิ ขึน้ จากการพัฒนาโครงการและปัญหาด้านสาธารณสขุ ชมุ ชน
2) วิธกี ารศึกษา
ดำเนินการรวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลจากเอกสารและรายงาน ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่

เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะข้อมูลของสถานพยาบาลท่ีอยู่ใกล้เคียง ซ่ึงอาจอยู่ในรูปของรายงานจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เฝ้า
ระวังทางระบาดวิทยา 5 อันดับแรก (แบบ รง.506)/รายงานผู้ป่วยนอกแยกตามกลุ่มสาเหตุโรค 21 กลุ่มโรค
(แบบ รง.504) หรืออยใู่ นรูปของรายงานสรุปประจำปี เปน็ ตน้

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-155 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

3) ผลการศกึ ษา
1) ผลการรวบรวมข้อมลู ทตุ ิยภูมิ
1.1) สถานบริการสาธารณสขุ

• สถานบริการสาธารณสุขบรเิ วณพนื้ ทศ่ี ึกษาโครงการ
พื้นที่ศึกษาของโครงการครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ ของจังหวัดพัทลุง ได้แก่ อำเภอ

ป่าบอน และอำเภอตะโหมด ท้งั นพ้ี บสถานพยาบาลทีอ่ ย่ใู กล้เคยี งพื้นทข่ี องโครงการ จำนวน 2 แหง่ ไดแ้ ก่ โรงพยาบาล
ป่าบอน และโรงพยาบาลตะโหมด

1.2) บคุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ
จังหวดั พทั ลุง มบี ุคลากรด้านสาธารณสขุ ทงั้ หมด 1,675 โดยแบง่ เป็น แพทย์ จำนวน 51 คน

ทันตแพทย์ จำนวน 50 คน เภสัชกร จำนวน 68 คน และพยาบาลวิชาชีพ 802 คน นักวิชาการสาธารณสุข /
เจา้ พนกั งานสาธารณสุข 650 คน และแพทย์แผนไทย 54 คน รายละเอยี ดแสดงดังตารางที่ 3.7.2-1

สำหรับพ้ืนทศ่ี ึกษาโครงการ มบี คุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ ประกอบไปด้วย โรงพยาบาลป่าบอน
มีแพทย์ 3 คน ทันตแพทย์ 5 คน เภสัชกร 7 คน พยาบาลวิชาชีพ 46 คน นักวิชาการสาธารณสุข 4 คน
นักกายภาพบำบัด 2 คน แพทย์แผนไทย 2 คน เจ้าพนักงานสาธารณสุข 1 คน และนักเทคนิคการแพทย์ 2 คน
เจา้ พนักงานทนั ตสาธารณสุข 2 คน และนกั รังสกี ารแพทย์ 1 คน และโรงพยาบาลตะโหมด มีแพทย์ 4 คน ทันตแพทย์
3 คน เภสัชกร 5 คน พยาบาลวิชาชีพ 42 คน นักวิชาการสาธารณสุข 5 คน นักกายภาพบำบัด 2 คน นักรังสี
การแพทย์ 1 คน และนกั เทคนคิ การแพทย์ 2 คน รายละเอยี ดแสดงดังตารางที่ 3.7.2-1

ตารางที่ 3.7.2-1 บุคลากรด้านสาธารณสุขบริเวณพน้ื ทศ่ี กึ ษาโครงการ

ตำแหน่ง จังหวดั พทั ลงุ โรงพยาบาลป่าบอน โรงพยาบาลตะโหมด

แพทย์ 51 3 4

ทนั ตแพทย์ 50 5 3

เภสัช 68 7 5

พยาบาลวิชาชีพ 802 46 42

นกั วชิ าการสาธารณสุข/เจา้ พนักงานสาธารณสุข 650 5 5

นกั เทคนิคการแพทย์ -2 2

เจา้ พนกั งานทันตสาธารณสขุ -2 -

นกั รังสีการแพทย์ -1 1

นกั กายภาพบำบัด -2 2

แพทยแ์ ผนไทย 54 2 -

รวม 1,675 75 64

ทมี่ า : สำนกั งานสาธารณสุขจังหวดั พัทลุง โรงพยาบาลป่าบอน และโรงพยาบาลตะโหมด, 2562 (ขอ้ มูล ณ เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-156 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งตน้

1.3) สถติ ดิ า้ นสขุ ภาพ
(1) จำนวนผู้ป่วยตามกลุม่ สาเหตุการปว่ ย 21 กล่มุ โรค

• จังหวัดพัทลุง จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง
ปี พ.ศ.2558–2559 พบว่า โรคที่มีผู้ป่วยมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคระบบหายใจ โรคอาการแสดงและ
สิ่งผิดปกติท่ีพบได้จากการตรวจทางคลินิกและทางห้องปฏิบัติการที่ไม่สามารถจำแนกโรคในกลุ่มอ่ืนได้ และโรค
เก่ียวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการและเมตะบอลิซัม สำหรับในปี พ.ศ.2559 พบว่า โรคที่มีผู้ป่วยมากท่ีสุด คือ โรคระบบ
หายใจ มีผู้ป่วยจำนวน 305,454 ราย รองลงมา ได้แก่ โรคอาการแสดงและสิ่งผิดปกติท่ีพบได้จากการตรวจทางคลินิก
และทางห้องปฏบิ ตั ิการที่ไม่สามารถจำแนกโรคในกลมุ่ อ่ืนได้ มีผู้ปว่ ยจำนวน 280,865 ราย และ โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ
โภชนาการและเมตะบอลิซมั มีผปู้ ว่ ยจำนวน 275,643 ราย รายละเอียด แสดงดังตารางท่ี 3.7.2-2

• โรงพยาบาลป่าบอน จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ โรงพยาบาลป่าบอน ปี พ.ศ.
2558–2562 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วยมากท่ีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคระบบไหลเวียนเลือด โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ
โภชนาการ และเมตะบอลิซัม และโรคระบบหายใจ สำหรับในปี พ.ศ.2562 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วยมากท่ีสุด คือ โรคระบบ
ไหลเวียนเลือด มีผู้ป่วยจำนวน 13,171 ราย รองลงมา ได้แก่ โรคเก่ียวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิซัม
มีผูป้ ว่ ยจำนวน 12,646 ราย และ โรคระบบหายใจ มผี ้ปู ว่ ยจำนวน 8,157 ราย รายละเอยี ด แสดงดังตารางที่ 3.7.2-3

• โรงพยาบาลตะโหมด จากการรวบรวมรายงาน รง.504 ของ โรงพยาบาลตะโหมด
ปี พ.ศ. 2558–2562 พบว่า โรคทมี่ ีผู้ป่วยมากท่ีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ โรคเก่ียวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิ-
ซัม โรคระบบไหลเวียนเลือด และโรคระบบย่อยอาหาร รวมโรคในช่องปาก สำหรับในปี พ.ศ.2562 พบว่า โรคท่ีมีผู้ป่วย
มากที่สุด คือ โรคเก่ียวกับต่อมไร้ท่อ โภชนาการ และเมตะบอลิซัม มีผู้ป่วยจำนวน 17,791 ราย รองลงมา ได้แก่
โรคระบบไหลเวยี นเลอื ด มีผปู้ ว่ ยจำนวน 14,173 ราย และ โรคระบบหายใจ มีผู้ป่วยจำนวน 11,269 ราย รายละเอียด
แสดงดงั ตารางท่ี 3.7.2-4

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-157 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

ตารางท่ี 3.7.2-2 จำนวนผูป้ ่วยตามกลุม่ สาเหตกุ ารปว่ ย 21 กลมุ่ โรค จังหวดั พัทลงุ ปี พ.ศ.2558 – 2562

สาเหตกุ ารป่วย (กลุ่มโรค) จำนวนผูป้ ว่ ย (ราย) รวม

1. โรคตดิ เชื้อและปรสิต พ.ศ.2558 พ.ศ.2559 พ.ศ.2560 พ.ศ.2561 พ.ศ.2562 140,969
2. เนือ้ งอก (รวมมะเร็ง) 69,162 - 26,545
3. โรคเลอื ดและอวยั วะสร้างเลือดและความผิดปกติ 12,605 71,807 - - -
25,690
เกยี่ วกบั ภูมคิ ุ้มกนั 13,940 - - -
4. โรคเกยี่ วกับตอ่ มไรท้ ่อ โภชนาการและเมตะบอลซิ มั 540,439
5. ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤตกิ รรม 12,285 13,405 - - - 92,535
6. โรคระบบประสาท - 52,279
7. โรคตารวมสว่ นประกอบของตา 264,796 275,643 - - - 77,050
8. โรคหูและปุ่มกกหู 42,272 50,263 - - - 34,533
9. โรคระบบไหลเวียนเลือด 27,713 24,566 - - - 520,006
10. โรคระบบหายใจ 40,436 36,614 - - - 606,609
11. โรคระบบยอ่ ยอาหาร รวมโรคในชอ่ งปาก 16,940 17,593 - - - 426,663
12. โรคผิวหนงั และเน้อื เยื่อใตผ้ ิวหนงั 256,392 263,614 - - - 146,158
13. โรคระบบกล้ามเน้ือ รวมโครงร่างและเน้ือยึดเสรมิ 301,155 305,454 - - - 390,183
14. โรคระบบสบื พนั ธ์ุร่วมปสั สาวะ 201,996 224,667 - - - 176,549
15. ภาวะแทรกในการตงั้ ครรภ์ การคลอด และระยะหลงั 70,774 75,384 - - -
198,191 191,992 - - 18,926
คลอด 82,479 94,070 - - -
16. ภาวะผิดปกติของทารกท่ีเกิดขน้ึ ในระยะปรกิ ำเนิด 2,131
9,901 9,025 - - -
(อายคุ รรภ์ 22 สปั ดาหข์ ึ้นไปจนถึง 7 วนั หลงั คลอด) 4,504
17. รูปรา่ งผิดปกติแต่กำเนิด การพิการจนผดิ รูปแต่กำเนดิ 1,134 997 - - -
551,888
และโครโมโซมผดิ ปกติ 2,334 2,170 - - -
18. อาการ, อาการแสดงและสง่ิ ผดิ ปกติทพ่ี บไดจ้ ากการ 909
271,023 280,865 - - - 25,507
ตรวจทางคลินกิ และทางหอ้ งปฏิบัตกิ ารทไี่ ม่สามารถ - 144,009
จำแนกโรคในกล่มุ อน่ื ได้ 464 445 - - - 4,034,082
19. การเปน็ พษิ และผลท่ตี ามมา 12,291 13,216 - - -
20. อุบตั เิ หตจุ ากการขนสง่ และผลท่ตี ามมา 77,252 66,757 - -
21. สาเหตุจากภายนอกอืน่ ๆ ที่ทำให้ ป่วยหรอื ตาย 1,971,595 2,062,487 - -

รวม

ท่ีมา : สำนักงานสาธารณสขุ จงั หวดั พทั ลุง, 2562 (ขอ้ มลู ณ เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-158 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

ตารางที่ 3.7.2-3 จำนวนผู้ป่วยตามกลมุ่ สาเหตุการป่วย 21 กลมุ่ โรค โรงพยาบาลปา่ บอน ปี พ.ศ.2558 – 2562

สาเหตุการปว่ ย (กลมุ่ โรค) พ.ศ. จำนวนผู้ป่วย (ราย) พ.ศ. รวม
2558 พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2562
1. โรคติดเชอื้ และปรสิต 3,258 2559 2560 2561 3,137 18,133
2. เนื้องอก (รวมมะเร็ง) 536 4,460 3,521 3,757 377 2,515
3. โรคเลอื ดและอวัยวะสร้างเลือด 490 532 510 560 789 3,265
4. โรคเกยี่ วกับต่อมไร้ทอ่ โภชนาการและเมตะบอลิซัม 11,077 674 587 725 12,646 60,632
5. ภาวะแปรปรวนทางจิตและพฤติกรรม 1,121 10,825 12,274 13,810 1,809 8,462
6. โรคระบบประสาท 1,102 1,708 1,962 1,862 1,188 5,505
7. โรคตารวมส่วนประกอบของตา 1,317 1,143 935 1,137 1,418 7,116
8. โรคหูและปุม่ กกหู 616 1,236 1,401 1,744 606 3,065
9. โรคระบบไหลเวียนเลือด 13,393 577 560 706 13,171 68,522
10. โรคระบบหายใจ 10,682 12,977 13,833 15,148 8,157 48,977
11. โรคระบบยอ่ ยอาหาร รวมโรคในชอ่ งปาก 8,438 10,618 9,272 10,248 7,606 44,348
12. โรคผิวหนังและเน้อื เยือ่ ใต้ผวิ หนงั 2,378 10,412 8,765 9,127 1,685 11,472
13. โรคระบบกล้ามเนือ้ รวมโครงร่างและเนื้อยึดเสริม 7,448 2,531 2,371 2,507 7,762 38,068
14. โรคระบบสบื พนั ธรุ์ ว่ มปสั สาวะ 2,527 8,139 6,981 7,738 5,066 18,423
15. ภาวะแทรกในการตง้ั ครรภ์ การคลอด 489 2,836 3,478 4,516 427 2,750
16. ภาวะผิดปกตขิ องทารกทีเ่ กิดข้ึนในระยะปริกำเนดิ 133 692 716 426 79 551
17. รปู ร่างผิดปกติแตก่ ำเนิด 72 119 113 107 65 340
18. อาการ, อาการแสดงและสิ่งผิดปกติท่ีพบได้จากการ 8,974 61 74 68 7,482 44,012
9,947 9,054 8,555
ตรวจทางคลินกิ และทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร 102
19. การเป็นพิษและผลทตี่ ามมา 872 61 68 89 47 367
20. อบุ ตั เิ หตจุ ากการขนส่งและผลทต่ี ามมา 3,041 797 727 770 599 3,765
21. สาเหตุจากภายนอกอ่ืน ๆ ท่ีทำให้ ป่วยหรือตาย 78,066 3,318 3,706 4,472 3,724 18,261
83,663 80,908 88,072 77,840 408,549
รวม

ท่มี า : โรงพยาบาลป่าบอน, 2562 (ข้อมลู ณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-159 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้

ตารางที่ 3.7.2-4 จำนวนผ้ปู ่วยตามกลุ่มสาเหตุการป่วย 21 กลุม่ โรค โรงพยาบาลตะโหมด ปี พ.ศ.2557 – 25561

สาเหตกุ ารปว่ ย (กลุม่ โรค) พ.ศ. จำนวนผปู้ ่วย (ราย) พ.ศ. รวม
2558 พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. 2562
1. โรคติดเชอ้ื และปรสิต 3,481 2559 2560 2561 4,360 18,891
2. เนื้องอก (รวมมะเร็ง) 395 3,394 3,548 4,108 382 2,108
3. โรคเลอื ดและอวัยวะสรา้ งเลอื ดและความผิดปกติ 373 445 510
281 842 2,873
เก่ียวกบั ภมู ิค้มุ กัน 361 603 786
4. โรคเก่ียวกับตอ่ มไร้ท่อ โภชนาการและเมตะบอลซิ ัม 15,480 17,791 78,984
5. ภาวะแปรปรวนทางจติ และพฤตกิ รรม 2,158 15,755 13,771 16,187 2,164 10,204
6. โรคระบบประสาท 928 1,988 1,908 1,986 1,255 5,524
7. โรคตารวมส่วนประกอบของตา 1,093 997 1,037 1,307 945 5,141
8. โรคหแู ละปมุ่ กกหู 839 960 1,003 1,140 718 3,609
9. โรคระบบไหลเวียนเลอื ด 12,585 631 636 785 14,175 67,333
10. โรคระบบหายใจ 11,404 13,203 12,790 14,580 11,148 57,515
11. โรคระบบยอ่ ยอาหาร รวมโรคในช่องปาก 8,414 11,854 11,485 11,624 11,269 43,588
12. โรคผิวหนงั และเนอ้ื เย่ือใตผ้ วิ หนงั 2,463 9,948 9,556 10,397 2,523 12,954
13. โรคระบบกลา้ มเนือ้ รวมโครงร่างและเนือ้ ยดึ เสริม 8,267 2,794 2,413 2,761 10,671 46,938
14. โรคระบบสืบพันธร์ุ ่วมปัสสาวะ 2,371 8,465 8,633 10,902 9,273 26,988
15. ภาวะแทรกในการต้ังครรภ์ การคลอด และระยะหลัง 2,570 4,733 8,041
614 994 4,145
คลอด 647 823 1,067
16. ภาวะผดิ ปกตขิ องทารกที่เกิดขึ้นในระยะปริกำเนิด 45 66 277
47 53 66
(อายคุ รรภ์ 22 สัปดาหข์ ้นึ ไปจนถึง 7 วันหลังคลอด) 34 47 231
17. รูปรา่ งผดิ ปกติแตก่ ำเนิด การพกิ ารจนผดิ รปู แตก่ ำเนิด 54 49 47
7,653
และโครโมโซมผิดปกติ 8,341 7,251 7,131 8,460 38,836
18. อาการ, อาการแสดงและสง่ิ ผิดปกติที่พบไดจ้ ากการ 78
726 75 87 98 103 441
ตรวจทางคลนิ กิ และทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ ารทไี่ ม่สามารถ 3,010 767 868 811 895 4,067
จำแนกโรคในกลุ่มอ่ืนได้ 82,319 3,363 3,607 4,589 4,255 18,824
19. การเปน็ พิษและผลทต่ี ามมา 86,587 79,302 98,924 102,339 4,449,471
20. อบุ ัติเหตุจากการขนสง่ และผลท่ีตามมา
21. สาเหตุจากภายนอกอ่ืน ๆ ท่ีทำให้ ป่วยหรอื ตาย

รวม

ที่มา : โรงพยาบาลตะโหมด, 2562 (ข้อมลู ณ เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-160 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งตน้

(2) โรคทีเ่ ฝ้าระวงั ทางระบาดวิทยา

• จังหวัดพัทลุง จากการรวบรวมรายงานระบาดวิทยา รง.506 ของสำนักงานสาธารณสุข
จังหวัดพัทลุง ในปี พ.ศ.2558-2562 พบว่าในปี พ.ศ.2562 มีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงมากท่ีสุด โดยมีผู้ป่วยจำนวน
1,177.84 ต่อแสนประชากร รองลงมา คือ โรคไข้หวัดใหญ่ มีผู้ป่วยจำนวน 250.93 ต่อแสนประชากร และ
โรคไข้เลือดออก มผี ปู้ ว่ ยจำนวน 239.11 ตอ่ แสนประชากร ตามลำดับ รายละเอียด แสดงดังตารางท่ี 3.7.2-5

• โรงพยาบาลป่าบอน จากการรวบรวมรายงานระบาดวิทยา รง.506 ของโรงพยาบาล
ป่าบอน ในปี พ.ศ.2558-2562 พบว่า ในปี พ.ศ.2562 มีผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงมากท่ีสุด โดยมีอัตราป่วย 1,411.82
ต่อแสนประชากร รองลงมา คือ โรคไข้เดงก่ี มีอัตราป่วย 215.36 ต่อแสนประชากร และโรคไข้ไม่ทราบสาเหตุ
มอี ัตราปว่ ย 191.43 ตอ่ แสนประชากร ตามลำดบั รายละเอยี ด แสดงดังตารางที่ 3.7.2-6

• โรงพยาบาลตะโหมด จากการรวบรวมรายงานระบาดวิทยา รง.506 ของ โรงพยาบาล
ตะโหมด ในปี พ.ศ.2559-2562 พบว่า ในปี พ.ศ.2562 มีผู้ป่วยอุจจาระร่วงมากท่ีสุด โดยมีผู้ป่วยจำนวน 335 ราย
รองลงมา คือ ไข้เลือดออก มีผู้ป่วยจำนวน 57 ราย และ ปอดบวม มีผู้ป่วยจำนวน 43 ราย ตามลำดับ รายละเอียด
แสดงดงั ตารางที่ 3.7.2-7

ตารางที่ 3.7.2-5 โรคทีเ่ ฝา้ ระวังทางระบาดวทิ ยา (รง.506) จงั หวดั พัทลุง ปี พ.ศ.2558–2562

ลำดับท่ี โรค ปี พ.ศ. (ราย) 2561 2562
2558 2559 2560 1,640.18 1,177.84
308.37 250.93
1. อจุ จาระร่วง 1,813.40 1,961.52 1,788.84 120.10 239.11
316.20 207.10
2. โรคไขห้ วัดใหญ่ 95.74 122.98 184.66 87.45 86.88
126.40 83.83
3. โรคไขเ้ ลอื ดออก 104.23 283.62 207.44 97.95 54.68
63.20 44.77
4. โรคปอดบวม 313.46 278.43 332.97 26.11 22.86
32.08 20.96
5. โรคสกุ ใส 96.12 113.18 110.99

6. โรคตาแดง 223.90 170.63 181.03

7. โรคมอื เท้า ปาก 101.53 101.65 124.38

8. โรคตดิ ต่อทางเพศสมั พนั ธ์ 83.77 77.82 69.27

9. โรคชิคุนกนุ ยา 0.77 0.19 0.00

10. โรคอาหารเปน็ พิษ 42.66 33.82 30.43

ที่มา : สำนกั งานสาธารณสขุ จังหวัดพทั ลงุ , 2562 (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-161 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้

ตารางที่ 3.7.2-6 โรคทเ่ี ฝ้าระวังทางระบาดวทิ ยา (รง.506) โรงพยาบาลปา่ บอน ปี พ.ศ.2558–2562

ลำดบั ท่ี โรค ปี พ.ศ. (อัตราปว่ ยตอ่ แสนประชากร) 2562
2558 2559 2560 2561
1,411.82
1. โรคอุจจาระรว่ ง 765.73 957.17 646.09 622.16 191.43
119.65
2. โรคไข้ไม่ทราบสาเหตุ 574.30 981.10 813.59 646.09 119.65
215.36
3. โรคไข้เลอื ดออก 23.93 287.15 23.93 0 71.79
71.79
4. โรคปอดอกั เสบ 71.79 71.79 47.86 119.65
0
5. โรคไข้เดงกี่ 0 71.79 0 23.93 23.93

6. โรคเย่ือบุตาอักเสบ 143.58 95.72 23.93 23.93 0

7. โรคสกุ ใส 47.86 47.86 0 47.86

8. โรคไขห้ วัดใหญ่ 71.79 0 0 47.86

9. โรควัณโรคปอด 0 0 0 47.86

10. โรคฉ่หี นู 23.93 0 23.93 0

ทีม่ า : โรงพยาบาลปา่ บอน, 2562 (ข้อมลู ณ เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

ตารางท่ี 3.7.2-7 โรคทเี่ ฝา้ ระวังทางระบาดวิทยา (รง.506) โรงพยาบาลตะโหมด ปี พ.ศ.2559–2562

ลำดบั ที่ โรค 2559 ปพี .ศ. (ราย) 2562
2560 2561 335
1. โรคอจุ จาระรว่ ง 303 645 505 57
39 46 43
2. โรคไขเ้ ลือดออก 164 172 90 34
42 30 18
3. โรคปอดบวม 166 60 55 17
61 62 10
4. โรคสุกใส 29 39 13 7
46 16 6
5. โรคไขห้ วดั ใหญ่ 8 3
--
6. โรคมือ เทา้ ปาก 37 --

7. โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ 45

8. โรคตาแดง 31

9. โรควัณโรค -

10. โรคไวรสั ตบั อกั เสบ -

ทม่ี า : โรงพยาบาลตะโหมด, 2562 (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)

(3) อตั ราการเกิด-อตั ราการตาย

• จังหวัดพัทลุง จากการรวบรวมข้อมูลอัตราการเกิด-อัตราการตาย ของ สำนักงาน
สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ในปี พ.ศ.2558-2562 พบว่า ปี พ.ศ.2562 มีอัตราการเกิด จำนวน 6.01 ต่อพันประชากร
ซึ่งลดลงจากปี พ.ศ.2558-2561 ท่ีมีอัตราการเกิด จำนวน 9.48 6.34 6.48 และ 6.71 ต่อพันประชากร ตามลำดับ
ส่วนอัตราการตาย พบว่า ปี พ.ศ. 2562 มีอัตราการตาย จำนวน 3.73 ต่อพันประชากร ซึ่งลดลงจากปี พ.ศ.2558-

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-162 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้

2559 ที่มีอัตราการตาย จำนวน 6.27 และ 5.45 ตามลำดับ แต่เพิ่มข้ึนจากปี พ.ศ.2560-2561 ท่ีมีอัตราการตาย
จำนวน 2.63 และ 3.25 ตอ่ พันประชากร ตามลำดบั รายละเอียด แสดงดังตารางที่ 3.7.2-8

• โรงพยาบาลป่าบอน จากการรวบรวมข้อมลู อตั ราการเกิด-อัตราการตาย ของโรงพยาบาล
ป่าบอน ในปี พ.ศ.2558-2561 พบว่า ปี พ.ศ.2561 มีอัตราการเกิด 8.55 ต่อพันประชากร ลดลงเม่ือเทียบกับ
ปี พ.ศ. 2559 ที่มีอัตราการเกิด 10.78 ต่อพันประชากร แต่เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2560 ที่มีอัตราการเกิด
3.56 และ 6.95 ตามลำดับ ส่วนอัตราการตาย พบวา่ ปี พ.ศ.2561 มีอัตราการตาย 3.39 ต่อพันประชากร ซึ่งลดลงจาก
ปี พ.ศ.2559 ท่ีมีอัตราการตาย 4.03 ต่อพันประชากร แต่เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2560 ที่มีอัตราการตาย
2.53 และ 2.36 ตามลำดบั รายละเอียด แสดงดงั ตารางท่ี 3.7.2-9

• โรงพยาบาลตะโหมด จากการรวบรวมขอ้ มูลอัตราการเกิด-อตั ราการตาย ของ โรงพยาบาล
ตะโหมด ในปี พ.ศ.2558-2562 พบว่า ปี พ.ศ.2562 มีอัตราการเกิด จำนวน 12.32 ต่อพันประชากร ซึ่งเพ่ิมข้ึนจากปี
พ.ศ.2559 ท่ีมีอัตราการเกิด จำนวน 12.25 ต่อพันประชากร แต่เพ่ิมข้ึนจากปี พ.ศ.2558 และ พ.ศ.2560-2561 ท่ีมี
อัตราการเกิด จำนวน 14.93 12.34 และ 12.35 ตามลำดับ ส่วนอัตราการตาย พบว่า ปี พ.ศ.2562 มีอัตราการตาย
จำนวน 3.38 คน ซึ่งมีจำนวนเท่ากับปี พ.ศ.2560 แต่เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.2558-2559 ท่ีมีอัตราการตาย จำนวน 2.03
และ 2.51 ต่อพันประชากร และลดลงจากปี พ.ศ.2561 ทีม่ ีอัตราการตาย จำนวน 3.46 ต่อพันประชากร รายละเอียด
แสดงดงั ตารางท่ี 3.7.2-10

ตารางท่ี 3.7.2-8 อัตราการเกิด-อตั ราการตาย จังหวดั พทั ลุง ปี พ.ศ.2558 – 2562

ลำดับท่ี รายการ 2558 ปี พ.ศ. (ราย) 2561 2562
2559 2560 6.71 6.01
3.26 3.73
1 อัตราการเกดิ 9.48 6.34 6.48

2 อัตราการตาย 6.27 5.45 2.63

ท่มี า : สำนักงานสาธารณสุขจังหวดั พัทลุง, 2562 (ขอ้ มลู ณ เดอื นพฤศจกิ ายน พ.ศ.2562)

ตารางท่ี 3.7.2-9 อตั ราการเกดิ -อัตราการตาย โรงพยาบาลป่าบอน ปี พ.ศ.2558 – 2562

ลำดับท่ี รายการ 2558 ปี พ.ศ. 2560 2561
2559 8.55
3.39
1 อตั ราการเกิด 3.56 10.78 6.95

2 อัตราการตาย 2.53 4.03 2.36

ท่ีมา : โรงพยาบาลปา่ บอน, 2562 (ขอ้ มลู ณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

ตารางที่ 3.7.2-10 อัตราการเกิด-อตั ราการตาย โรงพยาบาลตะโหมด ปี พ.ศ.2558 – 2562

ลำดับท่ี รายการ 2558 ปี พ.ศ. (คน) 2561 2562
อตั ราการเกดิ 14.93 2559 2560 12.35 12.32
1 3.38
12.25 12.34

2 อัตราการตาย 2.03 2.51 3.38 3.46

ท่ีมา : โรงพยาบาลตะโหมด, 2562 (ข้อมูล ณ เดอื นพฤศจิกายน พ.ศ.2562)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-163 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบื้องต้น

3.7.3 การท่องเที่ยว กฬี า แหลง่ นนั ทนาการ และสุนทรียภาพ
1) วตั ถปุ ระสงค์
ศกึ ษาภาพรวมของแหล่งท่องเทยี่ วในบรเิ วณพนื้ ทโ่ี ครงการ

(1) เพื่อศกึ ษาสถิติจำนวน กิจกรรม การทอ่ งเทยี่ วในพน้ื ทโ่ี ครงการและพนื้ ท่ีใกลเ้ คยี ง

(2) เพ่อื ประเมินสถานภาพและความสำคัญเบอ้ื งตน้ ของแหลง่ ท่องเทยี่ วและการพักผอ่ นหย่อนใจในสถานที่
สำคัญทางทง้ั ในประเภทธรรมชาติ โบราณสถาน และแหลง่ ศลิ ปวฒั นธรรมในเขตพน้ื ทดี่ ำเนนิ โครงการ

(3) เพ่อื ประเมินผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้นตอ่ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วและการพกั ผ่อนหย่อนใจในสถานที่สำคญั
ทางทงั้ ในประเภทธรรมชาติ โบราณสถาน และแหลง่ ศลิ ปวฒั นธรรมในเขตพ้ืนทด่ี ำเนนิ โครงการ

2) วธิ กี ารศึกษา
รวบรวมข้อมูลการท่องเท่ียว พักผ่อนหย่อนใจ และสุนทรียภาพบริเวณพื้นท่ีโครงการและใกล้เคียง

จากเอกสารรายงาน หรือหนว่ ยงานท่ีเก่ยี วข้อง เช่น สำนกั งาน ททท. การทอ่ งเท่ียวแห่งประเทศไทย โดยรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกับ
สถานท่ีท่องเที่ยวทั้งในประเภทธรรมชาติ โบราณสถาน และแหล่งศิลปวัฒนธรรม จำนวนนักท่องเที่ยว กิจกรรม เส้นทาง
ท่องเท่ยี ว สถติ ิ และแนวโนม้ ท่ีผ่านมา ทม่ี ีความสำคัญในพ้ืนทโี่ ครงการ

3) ผลการศึกษา

ดำเนินการรวบรวมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ ในระยะ 5 กิโลเมตร จากขอบเขต
พ้ืนที่ศึกษาโครงการ มีสถานท่ีท่องเที่ยวหลายแห่งและมีสถานท่ีที่เป็นธรรมชาติ ภาพแหล่งท่องเที่ยวแสดง
ดงั รูปที่ 3.7.3-1 และจุดที่ต้ังของแหลง่ ท่องเทย่ี วแสดงดังรปู ท่ี 3.7.3-2 รายละเอียดแสดงดงั ตารางท่ี 3.7.3-1

แหล่งท่องเทย่ี วในเขตรักษาพนั ธุส์ ัตวป์ ่าเขาบรรทัด มีแหล่งท่องเทยี่ วเชิงนิเวศวทิ ยา เชน่ น้ำตกลานหม่อมจุ้ย
และน้ำตกโตนสะตอ เป็นน้ำตกที่เกดิ ขึ้นเองตามธรรมชาตทิ ี่สวยงาม จัดเปน็ สถานท่ีพักผ่อนหยอ่ นใจและท่องเที่ยวของ
ประชาชนท่ัวไป เขตรักษาพันธ์ุฯ ในอนาคตเมื่อเกิดการพัฒนาโครงการจะสามารถพัฒนาเพ่ือเพ่ิมศักยภาพเป็นแหล่ง
ทอ่ งเทีย่ วท่ีสำคัญได้

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-164 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้

จดุ ชมวิวควนตาคม พกิ ดั 617168.355 806970.688
น้ำตกตะโหมด พกิ ัด 614367.858 801973.704
น้ำตกลาดเตย พิกดั 615710.356, 799266.879

นำ้ ตกโตนสะตอ พกิ ัด 618297.119, 795708.715
รูปที่ 3.7.3-1 แหล่งทอ่ งเท่ยี วบริเวณพน้ื ทีศ่ ึกษาโครงการ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-165 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ภบู รรทัด พิกัด 619279.435, 792881.83
รูปที่ 3.7.3-1 แหลง่ ท่องเที่ยวบรเิ วณพืน้ ทศ่ี ึกษาโครงการ (ตอ่ )

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-166 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้

รปู ที่ 3.7.3-2 แผนทแ่ี สดงแหล่งทอ่ งเที่ยวบรเิ วณพื้นที่ศึกษาโครงการและพืน้ ทีใ่ กลเ้ คยี ง ในรัศมี 5 กโิ ลเมตร

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-167 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งต้น

ตารางที่ 3.7.3-1 รายละเอียดสถานทท่ี อ่ งเทย่ี วพน้ื ที่ศกึ ษาโครงการ

ระยะห่างจาก

ชือ่ ทีต่ ้งั พนื้ ที่ศกึ ษา สภาพปัจจุบัน/ความสำคัญ

โครงการ

1. จดุ ชมวิวควนตา ม.3 ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด ภายใน 5 จุ ด ช ม วิ ว ค ว น ต า ค ม มี ลั ก ษ ณ ะ เป็ น เนิ น ค ว น สู ง ร า ว
คม จ.พัทลงุ กิโลเมตร 50 เมตร และมีพื้นที่ตรงกลางโล่ง ไว้สำหรับเป็นแหล่งท่องเท่ียว
สำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินพื้นที่ยืนชมวิวทิวทัศน์ได้
โดยรอบ ทั้งทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้ ซึ่งแต่ละ
ทิศล้วนแล้วแต่มีธรรมชาติท่ีน่าสนใจแตกต่างกัน จึงน่าจะถูกใจ
สำหรับนักท่องเที่ยวท่ีชื่นชอบการถ่ายภาพ พร้อมช่ืนชม
บรรยากาศของทอ้ งทงุ่ นาและผืนป่า

2. นำ้ ตกตะโหมด ในบรเิ วณหนว่ ยพิทกั ษ์สัตว์ ภายใน 5 เดิมชื่อน้ำตกลานหม่อมจุ้ยหรือน้ำตกหม่อมจุ้ย อยู่ในบริเวณหน่วย
ปา่ ตะโหมด หมู่ 11 ต.ตะ กโิ ลเมตร พิทักษ์สัตวป์ ่าตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง น้ำตกตะโหมด มีช้ันน้ำตก
โหมด เตี้ยๆ แต่มีหลายช้ันลดหล่ันลงไปตามธารน้ำตกที่เต็มไปด้วยโขดหิน
อ.ตะโหมด จ.พัทลุง บางชั้นก็มีแอ่งน้ำตืน้ ๆให้เล่นน้ำได้ น้ำตกตะโหมดยังมีลานกว้างเหมาะ
แก่การพักผ่อนหย่อนใจ มีอาณาบริเวณท่ีร่มร่ืนด้วยไม้นานาพรรณไว้
ให้นักท่องเท่ียวได้ศึกษาพืชพรรณไม้ต่าง ๆและยังมีสถานที่รองรับใน
เรอ่ื งของการจดั อบรมสัมมนา การเขา้ ค่ายพกั แรม

3. น้ำตกลาดเตย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขา ภายใน 5 น้ำตกลาดเตย อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อยู่ท่ามกลาง
บรรทดั ทอ้ งที่ หมู่ที่ 4 กโิ ลเมตร ผืนป่าเขียวขจีร่มรื่น มีน้ำใสไหลเย็นตลอดท้ังปี สามารถแช่น้ำสองฝ่ัง
บา้ นโหล๊ะบ้า ต.คลองใหญ่ นำ้ ตกและตามแก่งหินต่าง ๆ ท่ีมีกระแสน้ำไหลไม่แรง แล้วยังมีพรรณ
อ.ตะโหมด จ.พัทลงุ ไม้ของป่าดิบช้ืนในภาคใต้ ที่แปลกตาพร้อมส่องกล้องดูนกป่าประจำ
ถน่ิ ท่สี วยงามอกี หลายชนิด

4. น้ำตกโตนสะตอ หมู่ท่ี 1 ต.หนองธง อ.ปา่ ภายใน 5 น้ำตกโตนสะตอถือเป็นน้ำตกที่สวยงาม มีน้ำใสไหลเย็นตลอดท้ังปี
บอน จ.พัทลุง กิโลเมตร เน่อื งจากมพี ื้นท่ีปา่ ที่สมบูรณ์เหมาะสำหรับการพกั ผอ่ นแบบค้างคืน
ตง้ั แคมป์หา่ ง จากตัวหมู่บา้ นราว 1.5 กิโลเมตร ด้วยผืนป่าท่มี ีความ
หลากหลาย ตลอดเส้นทาง น้ำตกจะมีต้นไคร้ย้อยหรือกระด่ึง
นางฟ้า ขึ้นปกคลุม มีทั้งต้นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ท่ีกำลังออก
ดอกสชี มพู และตวั น้ำตกมีแอง่ นำ้ แบ่งเป็นชั้น ๆ รวม 5 ชนั้

5. ภูบรรทดั เทือกเขาบรรทัด ต.หนองธง ภายใน 5 ภูบรรทัดหรือเทือกเขาบรรทัดเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้น
อ.ปา่ บอน จ.พัทลงุ กโิ ลเมตร นำ้ หล่อเล้ียงชีวิตประชาชนในหลายอำเภอของจงั หวดั พัทลุง อีกท้ัง
ยังเป็นท่ีอยู่อาศัยชาวปาซาไกหรือชาวมันนิ เป็นแหล่งท่องเท่ียงเชิง
อนุรักษ์เขาสามภู กับชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูบรรทัดหนองธง
รว่ มกบั หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งนารี ตามรอยสมเสร็จในป่าดิบที่ความสูง
จากระดับนำ้ ทะเลกว่า 1,100 เมตร เขตรอยตอ่ ตรงั สตูล พทั ลงุ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-168 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งต้น

3.7.4 โบราณคดีและประวตั ศิ าสตร์

1) วตั ถุประสงค์

(1) เพ่ือตรวจหาร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดี ได้แก่ เมืองโบราณ ชุมชนโบราณ แหล่งโบราณคดี
รวมท้ังโบราณสถาน โบราณวัตถุและสถานที่สำคัญทางประวตั ิศาสตรท์ อ่ี าจจะมอี ยู่ในเขตพื้นทีด่ ำเนินโครงการ

(2) เพ่ือประเมินสถานภาพและความสำคัญเบ้ืองต้นของแหล่งโบราณคดีและสถานที่ สำคัญทาง
ประวัติศาสตร์ท่ีอาจจะพบในเขตพื้นทด่ี ำเนนิ โครงการ

(3) เพอื่ ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งต้นต่อแหล่งโบราณคดีและสถานท่สี ำคัญทางประวัติศาสตร์
ทอ่ี าจจะพบในเขตพนื้ ที่ดำเนินโครงการ

2) วิธีการศึกษา

(1) รวบรวมขอ้ มูลแหลง่ โบราณคดี และส่ิงท่มี คี ณุ ค่าทางประวัตศิ าสตร์ รวมท้ังวัฒนธรรมและวถิ ีชีวติ ของชมุ ชน
โดยใช้ข้อมูลจากเอกสาร รายงาน และแผนทท่ี ีแ่ สดงแหลง่ โบราณคดแี ละสถานท่ีสำคัญในพน้ื ท่ศี กึ ษาของโครงการ

(2) ศึกษาข้อมูลและผลการศึกษาจากรายงานการศึกษาวางโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว ปี พ.ศ.
2552

(3) ประเมินผลกระทบท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้น ต่อแหล่งโบราณคดี และส่ิงมีค่าทางประวัติศาสตร์ กรณีท่ีมี
การพฒั นาโครงการ

3) ผลการศึกษา

ผลการรวบรวมข้อมลู ทุติยภูมิ

จังหวัดพัทลุงมีหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หลักฐานสำคัญ ได้แก่
เครื่องมือหินท่ีพบกระจายทั่วไปในพ้ืนที่หลายอำเภอ เช่น ขวานหินรูปจงอยู่ปากนก พบบริเวณทุ่งนาใกล้เขาชัยสน
อำเภอเขาชัยสน ปจั จุบนั เกบ็ รักษาในพิพิธภัณฑว์ ัดเขียนบางแก้ว อำเภอเขาชัยสน

เม่ือลว่ งเข้าสู่สมัยประวตั ิศาสตร์ พ้ืนท่ีจังหวดั พัทลุงปรากฏชุมชนท่ีนับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน
โดยรบั วฒั นธรรมอินเดยี ทผ่ี ่านเข้ามาทางคาบสมุทรภาคใต้ หลกั ฐานสำคญั ได้แก่ พระพมิ พ์ดนิ ดบิ รูปพระโพธิสัตวท์ ีพ่ บ
จากแหล่งโบราณคดีถ้ำเขาอกทะลุ อำเภอคูหาสวรรค์ เป็นพระพิมพ์ในศิลปะแบบศรีวิชัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12
(https://www.m-culture.go.th/th/article_view.php?nid=11019)

ในสมัยกรุงศรีอยธุ ยา ปรากฏชือ่ เมอื งพทั ลุงในเอกสารประวตั ศิ าสตร์ ได้แก่ กฎหมายพระอัยการนาทหาร
หัวเมือง พ.ศ.1997 ซงึ่ ตรงกับรัชสมัยของสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.1991 – 2031) ท่ีระบุ
วา่ เมอื งพัทลงุ มฐี านะเปน็ หวั เมืองชน้ั ตรขี องกรงุ ศรอี ยุธยา (http://www.phatthalung.go.th/history)

ในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ เมืองพัทลุงยังคงเป็นหัวเมืองสำคญั เมืองหนึ่งทางปักษ์ใต้ และได้รับ
การยกฐานะขน้ึ เป็นหวั เมอื งชั้นโทในรัชสมัยของพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช รัชกาลท่ี 1 แห่งกรุง
รตั นโกสินทร์ (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2325 – 2352)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-169 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น

ในรชั สมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ครองราชย์
ระหว่าง พ.ศ.2412 – 2453) โปรดให้มีการปฏิรูปการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาลในปี พ.ศ.2437 สำหรับหัว
เมืองปักษ์ใต้ โปรดให้ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชในปี พ.ศ.2439 ประกอบด้วยหัวเมืองปักษ์ใต้ โดยมีเมืองพัทลุง
เป็นหนึ่งในหัวเมืองที่ขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาในปี พ.ศ.2476 มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑล
เปลยี่ นเปน็ จงั หวดั และอำเภอ เมอื งพทั ลงุ จึงมฐี านะเปน็ จังหวัดพัทลงุ มาจนถงึ ปจั จบุ นั (http://www.phatthalung.go.th/history)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพทั ลุง อยู่ในเขตท้องที่บ้านเหมอื งตะก่ัว ตำบลหนองธง อำเภอปา่ บอน

อำเภอป่าบอน ต้ังข้ึนเม่ือวันท่ี 22 พฤษภาคม 2523 เม่ือแรกตั้ง มีฐานะเป็นก่ิงอำเภอป่าบอน โดยแยก
การปกครองจากอำเภอปากพะยูน เดิมมี 3 ตำบล คือ ตำบลป่าบอน ตำบลโคกทราย และตำบลหนองธง ต่อมายก
ฐานะเป็นอำเภอป่าบอน เมอื่ วนั ที่ 1 เมษายน 2533 แบง่ พ้ืนท่เี ป็น 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลทุ่งนารี ตำบลหนองธง ตำบล
วงั ใหม่ ตำบลปา่ บอน และตำบลโคกทราย (http://www.oic.go.th/INFOCENTER34/3414/)

จากการศกึ ษาเอกสารตา่ ง ๆ ตลอดจนระบบภมู สิ ารสนเทศของกรมศลิ ปากร ไมพ่ บแหล่งโบราณคดี และ
สถานท่ีสำคัญทางประวัติศาสตร์ในเขตพื้นท่ีศึกษาตามโครงการฯ และได้ดำเนินการส่งตรวจสอบโบราณคดีและ
ประวัติศาสตร์กับทางศิลปากรสำนักศิลปากรที่ 11 จังหวัดสงขลา และได้รับหนังสอื กรมศิลปากรท่ี 11 ที่ได้ลงตรวจสอบพ้ืนท่ี
พบวา่ พ้ืนท่ีกอ่ สร้างอา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกั่วฯ ยังไม่เคยมีสำรวจทางโบราณคดีในพื้นที่ก่อสร้างโครงการอา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
โดยพบแหล่งโบราณคดีที่ใกล้ท่ีสุด คือ แหล่งโบราณคดีถ้ำเขาจันทร์ ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เป็นแหล่ง
โบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ห่างจากพื้นที่โครงการประมาณ 2 กิโลเมตร แสดงดังรูปที่ 3.7.4-1 รายละเอียดแสดงดัง
ภาคผนวก ค.

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-170 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น

รูปท่ี 3.7.4-1 แหลง่ โบราณคดีถำ้ เขาจนั ทร์ ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จงั หวัดพทั ลุง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-171 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบือ้ งตน้

3.7.5 การชดเชยท่ีดินและทรพั ยส์ นิ

การชดเชยทรัพย์สินเป็นมาตรการลดผลกระทบหรือบรรเทาความเดือดร้อนที่มีความสำคัญอย่างย่ิง
ตอ่ ผู้ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ิท่ีดินหรือทรัพย์สินอนื่ ๆ ท่ีได้รับผลกระทบโดยตรงจากการพัฒนาโครงการ ทั้งนี้เน่ืองจาก
กลุ่มคนเหล่าน้ีอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอันเป็นผลมาจากการพัฒนาโครงการ ดังน้ันการชดเชยทรัพย์สิน
ที่เป็นธรรมและโปร่งใสทั้งวิธีการกำหนดอัตราค่าชดเชยและการจ่ายค่าชดเชยจึงเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติโดยหน่วยงาน
ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายค่าชดเชยทรัพย์สิน ทั้งนี้นอกจากจะเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับ
ผลกระทบแล้วยังมีส่วนช่วยให้ผู้ท่ีได้รับผลกระทบเหล่านั้นมีทัศนคติที่ดีต่อโครงการ และต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
โครงการ จะส่งผลให้การดำเนินโครงการสามารถบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ คือ เพ่ือใช้เป็นแหล่ง
เกบ็ กกั น้ำสำหรับการอุปโภคและบรโิ ภค ช่วยเหลอื พื้นที่เพาะปลูกของราษฎรในฤดฝู นและฤดูแลง้ เป็นแหล่งเพาะพนั ธ์ุ
ปลาน้ำจดื และเป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียวพกั ผอ่ นหยอ่ นใจของราษฎรบริเวณพนื้ ท่ีโครงการและพ้นื ท่ีใกลเ้ คยี ง

3.7.5.1 วัตถุประสงค์ของการศึกษา

(1) เพื่อศึกษาสำรวจ ขนาด และลักษณะการถือครองที่ดิน บ้านเรือนและส่ิงปลูกสร้าง ตลอดจน
พชื ผลและไมย้ นื ต้นของราษฎร และหน่วยงานของรฐั ทอ่ี ยใู่ นบริเวณพ้นื ท่ีโครงการ

(2) เพื่อศึกษาหลักเกณฑ์ และอัตราค่าชดเชย หรือค่าขนย้ายที่ดิน ค่าทดแทน หรือค่าร้ือย้าย
บ้านเรอื น สิ่งปลกู สร้าง พร้อมทงั้ ค่าทดแทน หรือคา่ รื้อยา้ ยพชื ผลและไม้ยนื ต้นต่างๆ

(3) เพ่ือศึกษาสภาพเศรษฐกิจสังคม และทัศนคติของราษฎรท่ีได้รับผลกระทบจากการพัฒนา
โครงการ เพ่ือนำข้อมูลมาประกอบการคำนวณอัตราค่าชดเชย ค่าทดแทน หรือค่าขนย้ายท่ีดินและทรัพย์สินที่ได้รับ
ผลกระทบ

(4) เพ่ือประมาณราคาค่าชดเชย หรือค่าขนย้ายท่ีดิน ค่าทดแทน หรอื ค่าร้ือย้าย บ้านเรือน ส่ิงปลูกสร้าง
พืชผลและไม้ยืนต้น รวมทงั้ ค่าใช้จา่ ยต่างๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับการชดเชยทรัพย์สนิ

(5) เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเก่ียวกับการเวนคืน ทดแทน หรือขนย้ายที่ดินและ
ทรัพยส์ นิ

(6) เพอ่ื ศึกษาแนวทาง วิธกี าร ขั้นตอนและระยะเวลา รูปแบบการจ่ายค่าชดเชย ค่าทดแทน หรอื ค่า
ขนยา้ ยทีด่ ิน บ้านเรือน สิง่ ปลกู สรา้ ง พืชผลและไม้ยนื ต้น

3.7.5.2 ขอบเขตและวิธีการศึกษา

(1) การรวบรวมข้อมลู
ในการศึกษาได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ เพ่ือนำมาร่วมพิจารณาประกอบการศึกษา

เพ่ือให้ผลการศึกษาออกมาถูกต้องและครบถ้วน โดยทำการรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานราชการในกรุงเทพมหานคร
และขอ้ มูลจากหนว่ ยงานราชการทีอ่ ยใู่ นบริเวณพ้ืนทโ่ี ครงการ ขอ้ มูลทร่ี วบรวมมดี ังนี้

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-172 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้

1) รายงานการศึกษาวางโครงการ (Pre-Feasibility Study) โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
(อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ) อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง กลุ่มงานวางโครงการ 3 ส่วนวางโครงการ สำนักบริหาร
โครงการ มิถุนายน พ.ศ. 2552

2) แผนที่ ร.ว. 43 ก. มาตราส่วน 1:4,000 ปี พ.ศ. 2558 จากสำนักงานก่อสร้างชลประทาน
ขนาดกลางที่ 16 กรมชลประทาน บริเวณพ้ืนท่ีหวั งาน พืน้ ทอ่ี ่างเกบ็ น้ำ และพื้นท่ถี นนเข้าหัวงาน

3) คำสั่งจังหวัดพัทลุง เร่ือง แต่งต้ังคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินท่ีถูกเขตชลประทาน
และจ่ายเงินค่าทดแทน โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ท้องที่อำเภอป่าบอน จังหวัด
พทั ลุง ส่ัง ณ วนั ที่ 27 สงิ หาคม 2561

4) ราคาประเมินที่ดินตามบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ท่ีดินในการจดทะเบียนสิทธิและ
นิตกิ รรมเก่ียวกับอสังหาริมทรพั ย์ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ปี พ.ศ. 2559-2562 จากสำนักงานที่ดินจังหวัด
พทั ลุง สาขาปากพะยนู

5) บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างในการจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ปี พ.ศ. 2559-2562 จากสำนักงานท่ีดิน
จังหวัดพัทลงุ สาขาปากพะยนู

6) บัญชีมาตรฐานราคาค่าทดแทนส่ิงปลูกสรา้ ง ประจำปี 2557 (ที่ปรับปรุง) บัญชี 1 และบัญชี 2
ฝ่ายบรหิ ารทั่วไป สำนกั กฎหมายและทด่ี นิ กรมชลประทาน

7) บัญ ชีมาตรฐานกำหนดค่าร้ือย้ายอาคารบ้านเรือนราษฎรท่ีถูกเขตชลประทาน
ฝ่ายสถาปัตยกรรม กองออกแบบ กรมชลประทาน ปี พ.ศ. 2535 (ปัจจุบันยังใช้อยู)่

8) บัญชีรายละเอียดค่าทดแทนต้นไม้และไม้ผลท่ีถูกเขตชลประทาน ปี พ.ศ. 2560 จากสำนัก
กฎหมายและที่ดนิ กรมชลประทาน

9) ระเบียบ ข้อกำหนด กฎเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรี และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการเวนคืน
ประกอบดว้ ย

1. รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. 2560

2. พระราชบัญญตั วิ ่าด้วยการเวนคนื และการไดม้ าซึ่งอสงั หาริมทรพั ย์ พ.ศ. 2562

สามารถสรุปข้อกำหนด กฎเกณฑ์ ได้ดังนี้ การกำหนดราคาอสังหาริมทรัพย์

เบื้องต้น (ส่วนท่ี 2) การกำหนดราคาเบ้ืองต้นสำหรับที่ดินท่ีเวนคืน ให้คำนึงถึงราคา สภาพ เหตุและวัตถุประสงค์

ดงั ต่อไปนี้

ก. ราคาท่ีซ้ือขายกันตามปกติในท้องตลาดของท่ีดินในวันใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา

ตามมาตรา 8

ข. ราคาประเมินท่ีดินของทางราชการท่ีกำหนดข้ึนเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี

ที่ดินและส่ิงปลกู สรา้ ง

ค. ราคาประเมินทุนทรัพย์เพ่ือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและ

นิติกรรมตามประมวลกฎหมายทดี่ ิน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-173 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ง. สภาพและทต่ี ง้ั ของท่ดี ินนัน้ และ
จ. เหตแุ ละวตั ถปุ ระสงคแ์ หง่ การเวนคืน
เงินค่าทดแทน (ส่วนที่ 4) เงินค่าทดแทนสำหรับกรณีเวนคืนที่ดินและโรงเรือน
ส่ิงปลูกสร้าง และอสังหาริมทรัพย์อื่นอันติดอยู่กับที่ดิน ให้ประกอบด้วยค่าท่ีดิน ค่าโรงเรือนหรือส่ิงปลูกสร้างและ
อสังหารมิ ทรัพยอ์ ื่นอันติดอยกู่ ับทด่ี นิ และค่าเสียหายอืน่ อันเกดิ จากการท่ีเจา้ ของต้องออกจากทีด่ ินท่ีเวนคืน
ในการเวนคืนท่ีดิน ถ้าเจ้าของประสงค์จะให้เวนคืนโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง และ
อสังหาริมทรัพยอ์ ืน่ อันตดิ อยูก่ ับท่ีดนิ ใหเ้ จา้ หน้าท่ดี ำเนินการตามความประสงค์ของเจ้าของ
โดยเงินค่าทดแทนนั้นให้กำหนดแกบ่ คุ คล ดงั ต่อไปนี้
ก. เจา้ ของทด่ี ินที่ตอ้ งเวนคืน
ข. เจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ ซ่ึงมีอยู่ในท่ีดินที่ต้องเวนคืน
นั้นในวันใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 8 หรือได้ปลูกสร้างข้ึน
ภายหลังโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าหนา้ ที่
ค. เจ้าของต้นไม้ยืนต้นท่ีขึ้นอยู่ในท่ีดินในวันที่ใช้บังคับพระราชบัญญัติเวนคืน
อสงั หาริมทรัพย์ หรือพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 8
ง. ผู้เชา่ หรือผู้เชา่ ช่วงท่ีดนิ โรงเรอื น หรือส่ิงปลูกสร้างอื่นในท่ดี ินที่ตอ้ งเวนคืน
จ. บุคคลผู้เสียสิทธิในการใช้ทาง วางท่อน้ำ ท่อระบายน้ำ สายไฟฟ้า หรือส่ิงอื่นซึ่ง
คล้ายกนั ผา่ นทดี่ ินที่ต้องเวนคืนน้ันตามมาตรา 1349 หรอื มาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์
ฉ. เจ้าของหรอื บคุ คลใดซึ่งอยู่อาศยั หรอื ประกอบการคา้ ขายหรอื การงานอันชอบด้วย
กฎหมายในอสงั หาริมทรัพยท์ ี่ตอ้ งเวนคนื นนั้ และไดร้ ับความเสียหายเนอ่ื งจากการท่ตี ้องออกจากอสงั หาริมทรพั ย์น้ัน
ในกรณีท่ีมีการเช่าที่ดนิ หรอื อสังหาริมทรัพย์ทตี่ ั้งอยู่บนทดี่ ินท่เี วนคืน หากมีหลักฐานเป็น
หนังสือหรือแม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าเป็นผู้เช่าท่ีดินหรืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวจริง
ให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ผู้เช่าช่วงแต่ละรายเป็นค่าขนย้าย และค่าเสียหายอ่ืนท่ีต้องออกจาก
อสงั หารมิ ทรัพย์ แต่สำหรับผเู้ ช่าหรือผเู้ ช่าช่วงท่ีไมม่ ีหลักฐานเปน็ หนงั สอื ใหจ้ า่ ยใหเ้ ฉพาะค่าขนยา้ ย
ในกรณีที่มีการเช่าท่ีดินและผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงเป็นผู้ลงทุนหรือก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์
หรือมีข้อตกลงอื่นใดในลักษณะเดียวกัน หรือได้มีการชำระค่าเช่าหรือค่าตอบแทนล่วงหน้า ให้เจ้าหน้าที่จ่าย เงิน
ค่าทดแทนเป็นค่าเสียสิทธิการเช่าจากการที่สัญญาเช่าต้องระงับก่อนกำหนด โดยคิดตามส่วนของระยะเวลาเช่าที่
เหลืออยู่ นับแต่วันท่ีตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 25 จนถึงวันที่สัญญาเช่าส้ินสุดลง ท้ังน้ี ให้หักเงินค่า
ทดแทนทีจ่ า่ ยตามวรรคน้อี อกจากเงนิ คา่ ทดแทนที่จ่ายให้แกเ่ จ้าของด้วย
ในกรณีเจ้าของโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่บนที่ดิน มีสัญญา
กำหนดให้กรรมสิทธิ์ในโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรืออสังหาริมทรัพย์ท่ีตั้งอยู่บนท่ีดินน้ันตกเป็นกรรมสิทธ์ิของเจ้าของ
ที่ดินเมื่อครบระยะเวลาการเช่าที่ดิน ให้เจ้าของที่ดินมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนสำหรับโรงเรือน ส่ิงปลูกสร้าง หรือ

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-174 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น

อสงั หาริมทรัพยท์ ่ีตงั้ อยู่บนท่ีดิน โดยผเู้ ชา่ หรือผู้เช่าช่วงมสี ิทธิไดร้ ับค่าเสียสิทธิในการใชท้ ี่ดนิ และโรงเรือน สิง่ ปลูกสรา้ ง
หรอื อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนที่ดิน โดยคำนวณตามส่วนของระยะเวลาเช่าที่เหลืออยู่ ค่าขนย้าย และค่าเสียหายอื่น
สำหรับค่าเสยี สิทธใิ นการใชท้ ่ดี ินให้หกั ออกจากเงินคา่ ทดแทนท่ีเจ้าของไดร้ บั

3. มติคณะรฐั มนตรี เมอื่ วันท่ี 11 กรกฎาคม 2532 (กรณที ่ีดินไมม่ เี อกสารสทิ ธ)์ิ
ในการจัดหาที่ดินเพ่ือการชลประทาน นอกจากจะเข้าก่อสร้างตามโครงการในท่ีดนิ ที่

เอกสารสิทธ์อิ ยา่ งน้อยเป็นหนงั สือรับรองการทำประโยชน์ (นส. ๓) แลว้ ยังจะตอ้ งเขา้ ดำเนินการในที่ดินประเภทพื้นที่
ป่าสงวนแห่งชาติ ท่ีดินอุทยานแห่งชาติ และท่ีดินสาธารณประโยชน์อย่างอื่นๆ แต่เม่ือเข้าสำรวจดำเนินการปรากฏ
ขอ้ เทจ็ จริงว่าในพื้นทที่ ีจ่ ะเข้าทำการก่อสร้างมรี าษฎรเข้าไปยึดถอื ครอบครอง อาศยั ต้ังบ้านเรือน และทำกนิ ในพ้ืนท่ีโดย
ไม่มเี อกสารสิทธิม์ าเป็นเวลานานแล้ว ในกรณีน้ีอาจเป็นไปไดว้ ่าราษฎรเหล่านั้นมิไดย้ ื่นเรื่องราวขอออกเอกสารสิทธใ์ิ น
ที่ดินหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่อาจดำเนินการให้ได้เพราะขัดต่อระเบียบและกฎหมาย เม่ือดำเนินการก่อสร้างส่วน
ราชการที่มหี น้าท่ีเกย่ี วขอ้ งกับที่ดนิ ไมส่ ามารถจะให้ราษฎรเหล่าน้นั โยกย้ายออกจากพื้นท่ีเขตปฏบิ ตั ิการได้หากไม่ได้รับ
การแก้ไขจะทำใหต้ อ้ งหยดุ ชะงกั การก่อสรา้ งโครงการตามแผนทก่ี ำหนดไว้

ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวข้างต้นให้ดำเนินการไปได้ด้วยความ
เรียบร้อยอันจะทำให้การดำเนินการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จตามแผนงบประมาณท่ีได้รับ อีกท้ังให้เกิดความ
เปน็ ธรรมและบรรเทาเยียวยาความเดือดร้อนของราษฎรและทรพั ยส์ ิน กระทรวงเกษตรและสหกรณจ์ งึ ไดน้ ำเร่ืองเสนอ
รัฐมนตรี เพ่ือพิจารณาแก้ไขปัญหาโดยการอนุมัติในหลักการเก่ียวกับการจ่ายเงินค่าทดแทนทรัพย์สินต่างๆ เป็นกรณี
พเิ ศษดงั นี้

ก. บ้านเรือน สงิ่ ปลูกสร้าง พืชผลและไมย้ นื ตน้ ซ่ึงปลกู สร้างในท่ีดนิ ป่าสงวนแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติ ท่ีดินสาธารณประโยชน์ และหรือท่ีดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์อื่นๆ ซ่ึงราษฎรได้เข้าครอบครองทำ
ประโยชน์ก่อนทห่ี น่วยงานของรฐั เข้าทำการก่อสรา้ งโครงการ

ข. พืชล้มลุกท่ียังไม่เก่ียวผล ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่มีหรือไม่มีเอกสารสิทธิ์จะจ่าย
ค่าทดแทนให้เฉพาะท่ีเสียหายเน่ืองจากก่อสร้างองค์ประกอบของโครงการเพ่ือก่อสร้างระบบชลประทาน โดยไม่
สามารถจะเก็บเก่ยี วผลไดท้ นั

ค. ท่ดี ินทีไ่ ม่มเี อกสารสิทธ์ิทั้งท่ีอยู่ในเขตหรือนอกเขตสงวนหวงหา้ มของทางราชการ
แต่อยู่ในเขตทำการก่อสร้างการชลประทาน โดยได้ครอบครอง และทำประโยชน์มาก่อนที่กรมชล ประทานจะเข้า
ดำเนินการก่อสร้าง

ง. ที่ดินที่มีหลักฐาน น.ค. 3 หรอื สมาชกิ ในเขตสหกรณ์และนิคมสร้างตนเองท่ีมีสิทธิ์
ที่จะได้รับหลักฐาน น.ค. 3 ตามหลักเกณฑ์ในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพ่ือการครองชีพ และหนังสือรับรองการทำ
ประโยชน์แต่ห้ามโอนตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติจัดท่ีดินเพื่อการครองชีพ ซึ่งทางอำเภอไม่สามารถที่จะจด
ทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรมไดใ้ นขณะนั้นใหม้ ีสทิ ธิไ์ ดร้ บั เงินค่าชดเชยทีด่ ินเปน็ กรณพี เิ ศษ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-175 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้

4. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2539 สมัยรัฐบาลของ ฯลฯ บรรหาร

ศิลปะอาชา ได้มีมติให้แก้ปัญหาผู้เดือดร้อนจากการสร้างเข่ือน โดยมีมติให้จ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ครอบครองที่ดินทุก

ประเภท ท้ังที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธ์ิ และทุกกรณีเข่ือน โดยยึดหลักเกณฑ์ตา มมติคณะรัฐมนตรี

เมื่อวันท่ี 11 กรกฎาคม 2532

10) แผนทีภ่ มู ปิ ระเทศ มาตราส่วน 1 : 50,000 กรมแผนทที่ หาร ชดุ L 7018

11) แผนที่ภาพถา่ ยดาวเทยี ม (Google Earth) ปี พ.ศ. 2562 (ปีลา่ สุด)
(2) การสำรวจภาคสนาม ดำเนนิ การดังน้ี

1) กำหนดขอบเขตพื้นท่ี : ตรวจสอบพ้ืนท่ีและวางแนวทางการดำเนินงานชดเชยทรัพย์สิน
ในพนื้ ที่ภาคสนามจรงิ ด้วยการทำการเปรยี บเทียบขอบเขตพื้นที่ระหวา่ งแผนที่องคป์ ระกอบโครงการ เช่น พนื้ ทีห่ ัวงาน
พืน้ ทอ่ี ่างเก็บนำ้ พนื้ ทีถ่ นนเขา้ หัวงาน กบั อาณาเขตพืน้ ทจ่ี ริง

2) เก็บรวบรวมข้อมลู : ดำเนนิ การเก็บรวบรวมข้อมลู รายงาน เอกสารตา่ งๆ จากหนว่ ยงานของ
รฐั ในบริเวณพื้นที่ก่อสร้างองค์ประกอบโครงการต่างๆ และจากราษฎรท่ีได้รับผลกระทบ เพ่ือเป็นข้อมูลประกอบการ
ตรวจสอบ อ้างอิง และนำมาวเิ คราะห์ข้อมลู มีดังนี้

1. ราคาประเมินท่ีดินตามบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินในการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ปี พ.ศ. 2559-2562 จากสำนักงานที่ดิน
จงั หวัดพทั ลงุ สาขาปากพะยนู

2. บัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างในการจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ปี พ.ศ. 2559-2562 จากสำนักงานที่ดิน
จงั หวดั พัทลงุ สาขาปากพะยนู

3. แผนท่ี ร.ว. 43 ก. มาตราสว่ น 1:4,000 ปี พ.ศ. 2558 จากสำนักงานกอ่ สร้างชลประทาน
ขนาดกลางท่ี 16 กรมชลประทาน บรเิ วณพื้นที่หัวงาน พน้ื ทีอ่ า่ งเก็บน้ำ และพื้นที่ถนนเขา้ หวั งาน

4. คำสัง่ จงั หวัดพทั ลงุ เรอ่ื ง แตง่ ตั้งคณะอนกุ รรมการตรวจสอบทรพั ย์สนิ ท่ถี กู เขตชลประทาน
และจ่ายเงินค่าทดแทน โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ท้องท่ีอำเภอป่าบอน จังหวัด
พัทลุง สง่ั ณ วนั ท่ี 27 สิงหาคม 2561

3) สำรวจบริเวณพื้นท่ีที่จะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างและพัฒนาโครงการ
โดยดำเนินการสำรวจภาคสนามในพ้ืนท่ีองค์ประกอบโครงการ ซึ่งประสานงานกับผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชน เพื่อเข้า
สำรวจขอบเขตพื้นที่ สำรวจทดี่ นิ และสิง่ ปลูกสร้างต่างๆ ตลอดจนพชื ผลและไม้ยืนตน้ พรอ้ มทั้งสำรวจสภาพเศรษฐกจิ -
สงั คมของผู้ทีไ่ ด้รับผลกระทบจากการพฒั นาโครงการ โดยมรี ายละเอยี ดทีไ่ ดส้ ำรวจดงั น้ี

1. การชดเชย หรอื ขนย้ายที่ดิน (ท่ีดนิ ไมม่ เี อกสารสทิ ธ์ิ)
ก. สำรวจจำนวน ขนาดแปลงที่ดินถือครอง หรือเนื้อที่ ประเภทเอกสารสิทธิ์ และ

เจา้ ของกรรมสทิ ธ์กิ ารครอบครองทีด่ ินในบรเิ วณพ้ืนทอี่ งค์ประกอบโครงการ
ข. สำรวจรายละเอียดลักษณะการใช้ประโยชน์ท่ีดินและขอบเขตพื้นท่ีในการชดเชย

ทรัพย์สิน
ค. สำรวจราคาซื้อขายท่ีดินตามราคาท้องตลาดท่ัวไป และราคาที่ดินที่เจ้าของที่ดิน

ต้องการในบรเิ วณพน้ื ท่ีองคป์ ระกอบโครงการ เพอ่ื นำมาประเมินค่าชดเชยท่ดี ินทต่ี ้องจา่ ยค่าชดเชยใหก้ ับราษฎรท่ีไดร้ ับ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-176 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้

ผลกระทบดว้ ยความเปน็ ธรรมทง้ั สองฝา่ ยระหวา่ งหน่วยงานของรฐั และราษฎรเจ้าของพ้ืนทีท่ จี่ ะตอ้ งสูญเสยี พน้ื ท่ีทำกนิ
ง. กำหนดประเภทกรรมสิทธ์ิท่ีดินที่ถือครองที่ต้องชดเชย โดยอาศัยหลักเกณฑ์ กรอบ

ของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี ในการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ถือครองท่ีมีเอกสารสิทธ์ิถูกต้อง และจ่ายค่าท่ีดิน
ในรปู แบบค่าขนยา้ ย (ที่ดนิ ) ใหแ้ ก่ผู้ทถี่ ือครองทีไ่ ม่มีเอกสารสทิ ธิ์

2. การชดเชยสง่ิ ปลูกสร้าง โดยสำรวจประเภทส่ิงปลกู สร้างต่างๆ โดยพิจารณาจาก ขนาด
รปู แบบ และวสั ดุก่อสร้าง ตามบัญชมี าตรฐานราคาค่าทดแทนส่ิงปลูกสร้าง ประจำปี 2557 (ท่ีปรับปรุง) บัญชี 1 และ
บัญชี 2 ฝ่ายบริหารท่ัวไป สำนักกฎหมายและท่ีดิน กรมชลประทาน และบัญชีมาตรฐานกำหนดค่าร้ือย้ายอาคาร
บ้านเรือนราษฎรท่ีถูกเขตชลประทานฝ่ายสถาปัตยกรรม กองออกแบบ กรมชลประทาน ปี 2535 (ปัจจุ บันยังใช้อยู่)
คัดเลือกประเภทส่ิงปลูกสร้างต่างๆ ของราษฎรด้วยการถ่ายรูปนำมาถอดแบบและจำแนกวัสดุก่อสร้าง เพ่ือประเมิน
ราคาคา่ ชดเชยหรือคา่ ทดแทนสิ่งปลูกสร้าง

3. การชดเชยพชื ผลและไม้ยนื ตน้
ก. สำรวจชนิด และแหล่งพื้นท่ีเพาะปลูกพืชผลและไม้ยืนต้นต่างๆ ที่มีการเพาะปลูก

กนั มากหรือพืชเศรษฐกจิ หลักในพื้นท่ีองค์ประกอบโครงการ โดยพิจารณาจากการใชป้ ระโยชน์ทด่ี ินเพ่ือการเพาะปลูก
พร้อมท้ังนบั จำนวนพชื ผลและไม้ยนื ตน้

ข. สำรวจรายละเอียดเก่ียวกับต้นทุนการเพาะปลูก และมูลค่าราคาพืชผลและไม้ยืนต้น
ตามราคาทั่วไปในท้องถิ่น

ค. กำหนดประเภทพืชผลและไม้ยืนต้นที่ต้องชดเชย โดยอาศัยหลักเกณฑ์พิจารณาจ่าย
ค่าทดแทนพืชผลและไม้ยืนต้นเท่านั้น ส่วนธัญพืชและพืชล้มลุกจะพิจารณาจ่ายเฉพาะกรณีจำเป็นต้องใช้พ้ืนท่ีหรือ
แปลงทีด่ ินอย่างเร่งดว่ นจนทำใหไ้ ม่สามารถเกบ็ เก่ียวผลผลติ ทันกอ่ นเริม่ ดำเนนิ ก่อสร้างโครงการ

4. การสำรวจสภาพเศรษฐกิจ สังคมและความคิดเห็นของครัวเรือนราษฎรผู้ได้รับ
ผลกระทบจากการชดเชยทรัพย์สนิ ในบรเิ วณพืน้ ที่องค์ประกอบโครงการท่ีคาดว่าอาจจะถกู เวนคนื ท่ดี ินและทรพั ยส์ ิน
ซ่งึ จะดำเนินการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับหัวหน้าครัวเรือนราษฎร หรือตัวแทนครัวเรือนราษฎรท่ีอาศัยอยู่หรือ
มที ่ีทำกนิ และทรัพยส์ ินทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบ โดยดำเนินการจะเกบ็ รวบรวมข้อมลู เก่ยี วกบั รายละเอยี ดสภาพเศรษฐกจิ และ
สงั คมท่ัวไป การต้ังถน่ิ ฐาน รูปแบบและค่าทดแทนท่ีต้องการขายให้แก่โครงการ ราคาซอื้ ขายทด่ี ินตามราคาท้องตลาด
ท่ัวไป รูปแบบการชดเชยทรัพย์สิน ตลอดจนประมวลความคิดเห็นของราษฎรหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา
โครงการ โดยอาศยั ความตอ้ งการของผไู้ ด้รบั ผลกระทบและความเหมาะสมทางการปฏิบัตเิ ปน็ หลัก

5. การประเมินผลกระทบ ทำการประเมินผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ ทงั้ ทางด้านเศรษฐกจิ -สังคม
วฒั นธรรม และสขุ ภาพจิต ความวิตกกังวล หรือประเมนิ การสญู เสยี ทรัพย์สินของราษฎร ของชุมชนและของรัฐ

6. การนำเสนอมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ การเสนอมาตรการที่เหมาะสม
ประกอบการวางแผนการจ่ายค่าชดเชยท่ีดินและทรัพย์สิน โดยกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชย
ตามข้อกฎหมายที่เก่ียวข้องกำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม และสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และเสนอ
แผนการปอ้ งกนั แก้ไข และลดผลกระทบ และการดำเนนิ งานตามแผนการชดเชยท่ดี นิ และทรพั ย์สิน

นอกจากน้ียังเสนอแนะแนวทางปฏิบตั ิทเี่ หมาะสมประกอบกับวางแผนการจ่ายค่าชดเชย
ท่ีดิน ส่ิงปลูกสร้าง พืชผลและไม้ยืนต้น ตลอดจนทำข้อเสนอแนะเพื่อลดผลกระทบต่างๆ เช่น การจัดต้ังองค์กร
ในรูปแบบคณะกรรมการตา่ งๆ ที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่ายทง้ั กรมชลประทานและหน่วยงานราชการท่ีเกีย่ วข้อง ผู้นำชมุ ชน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-177 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้

ตวั แทนประชาชน หรอื องคก์ รอืน่ ๆ ไดแ้ ก่
ก. คณะกรรมการจดั ซอ้ื และกำหนดราคาค่าชดเชยทรพั ยส์ นิ
ข. คณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน
ค. คณะอนกุ รรมการจ่ายเงนิ ค่าชดเชยทรัพยส์ นิ

3.7.5.3 ผลการศึกษา

ผลการศึกษาด้านการชดเชยท่ีดินและทรัพย์สินในบริเวณพื้นท่ีองค์ประกอบโครงการอ่างเก็บน้ำ
เหมืองตะก่ัว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง ประกอบด้วยพ้ืนท่ีหัวงานและพ้ืนที่อ่างเก็บน้ำ พื้นท่ีถนนเข้า
หัวงาน ซ่ึงพ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนที่ทำกินของราษฎร ในการศึกษาครงั้ น้ีเปน็ การประมาณการเบื้องต้น โดยอาศัยข้อมูล
ทุติยภูมิ และข้อมูลปฐมภูมิมาพิจารณาร่วมกับสภาพเศรษฐกิจสังคมของชุมชน ความคิดเห็นของราษฎรท่ีได้รับ
ผลกระทบถึงอตั ราค่าชดเชย หรือค่าขนย้ายที่ดิน ท่ีผูไ้ ด้รับผลกระทบต้องการ รวมถงึ อตั ราราคาที่ดนิ ที่มีการซือ้ ขายใน
บริเวณพ้ืนที่องค์ประกอบโครงการ และบริเวณพื้นท่ีใกล้เคียงกับโครงการ เพ่ือนำมาประเมินค่าชดเชยหรือค่าขนย้าย
ที่ดินและทรัพย์สินที่ต้องจ่ายให้กับราษฎรที่ได้รับผลกระทบด้วยความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายระหว่างหน่วยงานของรัฐ
และราษฎรเจ้าของพื้นที่ท่ีจะต้องสูญเสียพื้นท่ีทำกินไปเป็นพ้ืนท่ีองค์ประกอบโครงการ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ
จะนำเสนอในรายงานเล่มถดั ไป

3.7.5.4 แผนการดำเนินงานในขั้นถดั ไป
วางแผนและดำเนินการสำรวจภาคสนามในช่วงเดือน มีนาคม 2563 เพ่ือนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์

และประเมินคา่ ชดเชยทรัพยส์ นิ ของโครงการ โดยมขี ั้นตอนการดำเนินการ ประกอบดว้ ย
(1) กำหนดขอบเขตพื้นที่ และวางแผนการดำเนินงานด้านชดเชยทรัพย์สินในพื้นที่สนามจริง ด้วย

การเปรียบเทียบขอบเขตพนื้ ทศ่ี ึกษาในแผนท่ีกับอาณาเขตพืน้ ท่จี ริง
(2) เกบ็ รวบรวมข้อมลู ต่างๆ เพิม่ เติมจากหนว่ ยงานของรฐั ในบริเวณพน้ื ทีศ่ กึ ษา จากการสำรวจพนื้ ท่ี

เพ่ือเป็นขอ้ มลู ทีใ่ ช้ในการตรวจสอบ อ้างองิ และนำมาวเิ คราะห์
(3) สำรวจพื้นท่ีท่ีจะได้รับผลกระทบ โดยดำเนินการประสานงานสำรวจร่วมกับผู้นำชุมชน

เชน่ องคก์ ารบริหารสว่ นตำบล (อบต.) กำนนั ผ้ใู หญบ่ า้ น หรือราษฎรที่ไดร้ บั ผลกระทบจากการพฒั นาโครงการเพอ่ื เข้า
สำรวจพ้ืนท่ี ส่ิงปลูกสร้างต่าง ๆ พืชผลและไม้ยืนต้น พร้อมท้ังสัมภาษณ์ผู้ท่ีได้รับผลกระทบด้วยแบบสอบถาม
ความคดิ เห็นดา้ นการชดเชยท่ดี ินและทรัพย์สิน

1) การชดเชย หรอื ขนย้ายทด่ี ิน (ทีด่ ินไมม่ ีเอกสารสิทธิ)์
1. ทำการสำรวจท่ีดิน การถือครองกรรมสิทธ์ิที่ดิน เอกสารสิทธ์ิในท่ีดิน ในบริเวณพื้นที่

องค์ประกอบโครงการ และรวบรวมแผนท่ี ร.ว. 43 ก. ทไ่ี ด้มีการสำรวจรังวดั พืน้ ที่ โดยขอความอนเุ คราะหข์ อ้ มูลแผนท่ี
ร.ว. 43 ก. จากสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางท่ี 16 กรมชลประทาน และจากการตรวจสอบแจงนับปรากฏ
ว่าจำนวนพ้ืนท่ีทำกินท่ีได้รับผลกระทบรวมทั้งหมด จำนวน 125 แปลง และผู้ท่ีได้รับผลกระทบรวมทั้งหมด จำนวน
93 ราย ซึ่งลักษณะแปลงที่ดินท่ีได้รับผลกระทบ แสดงดังรูปที่ 3.7.5-1 รายชื่อเจ้าของท่ีดินทำกิน แสดงดังตารางที่
3.7.5-1 และเจ้าของพน้ื ทด่ี นิ ทำกิน แสดงดังรปู ที่ 3.7.5-2

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-178 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้

รปู ที่ 3.7.5 -1 แปลงพื้นทท่ี ำกินของราษฎรทไ่ี ด้รบั ผลกระทบบริเวณพืน้ ท่โี ครงการอา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่วั
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลงุ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-179 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้อื งต้น

รปู ที่ 3.7.5 -1 แปลงพื้นทท่ี ำกินของราษฎรทไ่ี ดร้ ับผลกระทบบริเวณพื้นทโ่ี ครงการอา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกัว่
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง (ต่อ)

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-180 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

ตารางที่ 3.7.5-1 รายชื่อผู้ท่ีได้รับผลกระทบในบริเวณพ้ืนท่ีหัวงาน พ้ืนที่อ่างเก็บน้ำ และพื้นท่ีถนนเข้าหัวงาน
โครงการอ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกว่ั อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลงุ

จ้านวน หมายเลข จ้านวน ชอื่ -สกุล ที่อยู่ จ้านวนพนื้ ที่ท้ากินท่ีได้รับผลกระทบ
ราย เลขที่ หมทู่ ่ี ชอื่ หมบู่ ้าน ต้าบล อ้าเภอ จังหวัด ไร่ งาน วา2
แปลง แปลง
พน้ื ที่หัวงานและพนื้ ท่ีอ่างเก็บนา้
11
22 1 นางเตีย เหล็มหมาด 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 1 34
33
44 นางเตีย เหล็มหมาด 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 1 55
55
66 2 นายอับดุลเลาะ หมัดอาดัม 224 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 91
77
88 นายอับดุลเลาะ หมัดอาดัม 224 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 65
99
10 10 3 นายสุรพจน์ สิทธิวรกาญจน์ 434 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 5 3 48
11 18
12 11 นายสุรพจน์ สิทธิวรกาญจน์ 434 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 1 89
13 12
14 13 4 นายก่อเส็ม อุดหลี หนองธง ป่าบอน พัทลุง 7 0 43
15 14
16 15 นายก่อเส็ม อุดหลี หนองธง ป่าบอน พัทลุง 6 1 18
17 16
18 17 5 นางอุไร เด็นเพชรหนอ๊ ง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 13
19 19
20 96 6 นายสุรยิ า โต๊ะหลงหมาด 148 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 14 0 28
21 20
22 21 นายสุรยิ า โต๊ะหลงหมาด 148 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 17 3 4
23 77
24 22 7 นางสาวฮาลีมะห์ วรงั อาสน์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 9 3 20
25 23
26 34 8 นายเหยะ โต๊ะหลงหมาด 73 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 12 0 53
27 24
28 60 9 นางเนตรนภา ปานดา้ 196 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 3 76
29 25
30 98 10 นายพิน ชูสิงห์ 74 5 หลักสิบ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 1 56
31 26
32 27 11 นายเปี้ยน นวนเปียน 108 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 75
33 28
34 29 12 นายสงบ อินทะระนก 44 5 หลักสิบ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 6 1 19
35 30
36 31 13 นางสุวิไล ศรเี กตุ 144 7 ศิรวิ รรณดี วังใหม่ ป่าบอน พัทลุง 7 2 18
37 32
38 87 14 นายกวีวัจน์ สายสินธุ์ 116 - นาชด คูหาสวรรค์ เมือง พัทลุง 10 0 22
39 88
40 33 นายกวีวัจน์ สายสินธ์ุ 116 - นาชด คูหาสวรรค์ เมือง พัทลุง 7 2 70
41 35
42 36 15 นางดะ หมัดอาดัม 224 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 4 0 31
43 37
44 38 16 นางประดับ เทพสุข 5 7 โพรงเข้ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 1 3 49
45 39
46 40 นางประดับ เทพสุข 5 7 โพรงเข้ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 4 2 79
47 41
48 51 17 นายสมมาตร ไหมแก้ว 23 13 พรพุ ้อ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 1 0 58
49 42
18 นายสนน่ั สันอี 64 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 2 13

นายสนน่ั สันอี 64 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 2 79

19 นางหนบั เสียะ สันอี 64 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 1 1

นางหนบั เสียะ สันอี 64 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 35

20 นางกันยา สมเพชร 89 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 4 1 99

นางกันยา สมเพชร 89 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 8 0 47

21 นายหมุด หลีอะรญั (ขาย) นางกันยา สมเพชร 89 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 0

22 นายสวัสดิ์ เพชรมณี 164 12 พรพุ ้อใต้ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 4 0 36

23 นางพนดิ า สารภี 485 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 8

24 นางสะหรอ หมานระโต๊ะ 236 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 1 98

25 นางสุมณทา ศศิลักษณ์ 175 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 77

26 นางหนบั สะ อุดหลี 389 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 0 23

27 นายกะเดช หลีอะรญั 222 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 3 84

นายกะเดช หลีอะรญั 222 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 2

นายกะเดช หลีอะรญั 222 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 0 18

28 นายประจวบ เกลียงจนั ทร์ 132 6 ยางขาคีม ทุ่งนารี ป่าบอน พัทลุง 13 0 72

29 นายสรศักดิ์ หวัดแท่น 508 8 ทุ่งผีปั้นรปู ป่าบอน ป่าบอน พัทลุง 5 3 19

30 นายวีรศักดิ์ เด็นเพชรทนงั หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 86

31 นายปรดี า อุเส็น หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 42

32 นายมานพ ส่องช่วย 188 6 ยางขาคีม ทุ่งนารี ป่าบอน พัทลุง 0 3 35

33 นางอามีนะ๊ อุดหลี 106 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 55

34 นางอารยา อับดุลเดช หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 12

35 นายพัน อินสุวรรณ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 4 3 71

นายพัน อินสุวรรณ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 6 2 45

36 นางกรกุลย์ บุญเกียรติ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 8 0 98

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-181 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้

ตารางท่ี 3.7.5-1 รายช่ือผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริเวณพ้ืนที่หัวงาน พ้ืนท่ีอ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน
โครงการอ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่วอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง (ต่อ)

จ้านวน หมายเลข จ้านวน ชอ่ื -สกุล ท่ีอยู่ จังหวัด จ้านวนพน้ื ที่ท้ากินท่ีไดร้ ับผลกระทบ
ราย พัทลุง ไร่ งาน วา2
แปลง แปลง 37 นายค้านงึ หนเู พ็ง เลขที่ หมทู่ ่ี ชอื่ หมบู่ ้าน ต้าบล อ้าเภอ พัทลุง 4 1 20
50 43 38 นายเจะ๊ ดลเลาะ หล้าปูเต๊ะ 113 9 โหล๊ะจงั กระ คลองเฉลิม กงหรา พัทลุง 2 2 76
51 44 39 นายย๊ะหยา กลาง 218 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 3 0 45
52 45 40 นายจดั ไชยสิงห์ 63 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 314
53 46 41 นายเกียรติศักดิ์ อินทรสุวรรณ 69 5 ห้วยไทร หนองธง ป่าบอน พัทลุง 5 2 39
54 47 42 นายช้านาญ กิติเศวตจติ พัทลุง 3 0 35
55 48 นายช้านาญ กิติเศวตจติ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 10 1 91
56 50 43 นายช้านาญ กิติเศวตจติ 136 4 บ้านไร่ สมหวัง กงหรา พัทลุง 2 0 34
57 53 44 นายอาหลี ตละหมัด 136 4 บ้านไร่ สมหวัง กงหรา พัทลุง 400
58 49 นายภัทรวุธ จา้ นง 136 4 บ้านไร่ สมหวัง กงหรา พัทลุง 2 2 75
59 52 45 นายภัทรวุธ จา้ นง พัทลุง 4 0 23
60 95 46 นายโกด สาแหละหมัน หนองธง ป่าบอน พัทลุง 120
61 54 47 นายปรชี า หมันหมาด หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 37
62 55 48 นายยูโส๊ะ รงุ่ สวัสดิ์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 2 23
63 56 นายดลหลี มากกลาย หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 0 45
64 57 49 นายดลหลี มากกลาย หนองธง ป่าบอน พัทลุง 4 0 53
65 86 50 นางรอบีอ๊ะ สุไลมาน หนองธง ป่าบอน พัทลุง 6 3 35
66 58 51 นายเจะ๊ หมัด มูฮมั หมัด 281 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 16
67 59 52 นางโรจนา ไหมละหมัด 281 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 79
68 61 53 นายหมี พุทธเสน 225 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 93
69 62 54 นายเปรมี่ พรหมคง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 44
70 63 55 นางอุบลรตั น์ พรหมคง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 14
71 64 56 นายเหียน หนรู ตั นแ์ ก้ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 57
72 65 นายมูฮมั หมัด หมัดโส๊ะ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 408
73 66 57 นายมูฮมั หมัด หมัดโส๊ะ ทุ่งนารี ป่าบอน พัทลุง 501
74 72 58 นายเลาะ มากกลาย 84 8 ควนปอม โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 4 2 38
75 67 59 นางไหวเด๊าะ มากกลาย หนองธง ป่าบอน พัทลุง 1 0 88
76 68 นางสาวเมธินนั ท์ ฉิมกลาง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 65
77 69 60 นางสาวเมธินนั ท์ ลิมกลาง 6 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 0 28
78 71 นางสาวเมธินนั ท์ ลิมกลาง 6/1 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 69
79 73 61 นายบุญทม หนรู ตั นแ์ ก้ว 16 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 2 1 71
80 70 62 นายบุญทม หนรู ตั นแ์ ก้ว 16 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 0 1 53
81 74 63 นายบุญทม หนรู ตั นแ์ ก้ว 16 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 2 1 95
82 101 64 นายคล้อง หมูชู 202 13 พรพุ ้อ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 4 2 97
83 75 65 นายแคล้ว หมูชู 202 13 พรพุ ้อ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 527
84 76 นายหมัดอาด เภอเกลียง 202 13 พรพุ ้อ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 6 0 33
85 78 66 นางคิ่น เรอื งรกั ษ์ หนองธง ป่าบอน สงขลา 6 0 87
86 79 67 นายฮาม เภอเกลียง หนองธง ป่าบอน สงขลา 5 2 91
87 80 68 นายฮาม เภอเกลียง 243 5 ทอนหาน คลองทรายขาว กงหรา พัทลุง 618
88 83 69 นางสาวเทวี พรหมจนั ทร์ 28 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 7 2 32
89 81 นายพรอ้ ม เรอื งรกั ษ์ 142 5 หัวปาบ ห้วยลึก ควนเนยี ง พัทลุง 602
90 82 70 นายสุรพงษ์ รกั นยุ้ 142 5 หัวปาบ ห้วยลึก ควนเนยี ง พัทลุง 4 3 96
91 84 71 นายทศพลธ์ อิมมนต์เพียร 28 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 5 1 29
92 85 72 นายทศพลธ์ อิมมนต์เพียร 115 5 คลองล้ายูง ชุมพล ศรนี ครนิ ทร์ พัทลุง 1 0 96
93 90 73 นายทศพลธ์ อิมมนต์เพียร 58 10 หนองผักบุ้ง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 4 0 66
94 91 74 นางสมศรี ไหมแก้ว 194 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 2 1 29
95 89 นางอุบล เขียวเอียด 194 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 5 1 60
96 92 นายการณรงค์ สายสินธุ์ 194 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 8 3 68
97 93 นายสนอง ศรเี กตุ 31 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 14 0 61
98 94 นายเหลาะ มากกลาย ทุ่งนารี ป่าบอน 0 2 65
99 97 110 - ผาสุข คูหาสวรรค์ เมือง
144 7 ศิรวิ รรณดี วังใหม่ ป่าบอน
6 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-182 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้

ตารางที่ 3.7.5-1 รายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริเวณพ้ืนที่หัวงาน พื้นท่ีอ่างเก็บน้ำ และพื้นท่ีถนนเข้าหัวงาน
โครงการอ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่วั อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลงุ (ต่อ)

จ้านวน หมายเลข จ้านวน ชอ่ื -สกุล ที่อยู่ จ้านวนพน้ื ท่ีท้ากินท่ีไดร้ ับผลกระทบ
แปลง แปลง ราย เลขที่ หมทู่ ่ี ชอื่ หมบู่ ้าน ต้าบล อ้าเภอ จังหวัด ไร่ งาน วา2

100 99 75 นายอนชุ า มามะ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 96

101 100 76 นายเส็น หมุดแห๊ละ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 5 0 7

102 102 77 นางสาวฐิติมน สุวรรณจนั ทร์ 5 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 0 2 86

103 103 นางสาวฐิติมน สุวรรณจนั ทร์ 5 7 ควนแหวง โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 0 2 60

104 104 78 นางผ่อง อินมณเฑยี ร 193 6 เขาจนั ทร์ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 57

105 106 79 นายอาทิตย์ อุดหลี หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 45

รวมพน้ื ท่ีท้ากินของราษฎรที่ได้รับผลกระทบในบริเวณพน้ื ท่ีหัวงาน และพนื้ ท่ีอ่างเก็บนา้ ท้ังหมด จ้านวน 105 แปลง 407 1 1

พน้ื ท่ีถนนเขา้ หัวงาน

106 1 1 นายหีม พุทธเสน 343 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 20

107 2 2 นางใหมสุหรี พุทธเสน 430 1 เหมืองตะก่ัว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 22

108 3 3 นางสาวกิตติมา พุทธเสน 482 1 เหมืองตะกั่ว หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 28

109 4 4 นายวรศักดิ์ สันหละ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 59

110 5 5 นางมิเด๊าะ มีนาดาโอ๊ะ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 1 97

111 7 นางมิเด๊าะ มีนาดาโอ๊ะ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 11

112 6 6 นางอ๊ะ หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 38

112 8 7 นายดลรอหมาน หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 60

114 10 นายดลรอหมาน หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 22

115 12 นายดลรอหมาน หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 1 2

116 9 8 นางสาวกอดีหย๊ะ หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 1 77

117 11 9 นางล่ะ หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 1 27

118 15 นางล่ะ หมุดงา หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 69

119 13 10 นายยะโก๊ะ แวยูนุ หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 84

120 14 11 นายอูเส๊น หมัดอาดัม หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 3 56

121 16 12 นายหล่อเฉด เภอเกลียง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 86

122 17 13 นายนอ้ ม ส่งศรี หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 1 86

123 18 14 นายโกด หวังจกั ร หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 67

124 19 15 นายอาหลี ตละหมัด หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 0 56

125 20 16 นางเตีย เหล็มหมาด 2 หนองธง หนองธง ป่าบอน พัทลุง 0 2 20

รวมพนื้ ท่ีท้ากินของราษฎรท่ีได้รับผลกระทบในบริเวณพน้ื ท่ีถนนเขา้ หัวงาน ทั้งหมด จ้านวน 20 แปลง 7 1 87

รวมพนื้ ที่ท้ากินของราษฎรที่ไดร้ ับผลกระทบในบริเวณพนื้ ที่หัวงาน พน้ื ที่อ่างเก็บน้า และพนื้ ที่ถนนเขา้ หัวงาน ท้ังหมด จ้านวน 125 แปลง 414 2 88

หมายเหตุ : จำนวนแปลงท่ีดนิ ทำกนิ ทไี่ ด้รบั ผลกระทบ จำนวน 125 แปลง ผู้ท่ไี ด้รับผลกระทบ จำนวน 93 ราย (หักรายชอื่ ซ้ำซ้อนแลว้ )

ที่มา : แผนท่ี และบัญชีรายชื่อเจา้ ของทด่ี ินท่ีได้นำทำการรงั วัดแบง่ แยกทีด่ นิ เพอ่ื การชลประทาน (ร.ว. ๔๓ ก.) 27 กุมภาพนั ธ์ 2558

2. สำรวจรายละเอียดการใช้ประโยชน์ท่ีดินเพื่อการชดเชยทรัพย์สิน และขอบเขตพื้นที่ใน

การชดเชยทรัพยส์ นิ

3. สำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับค่าพัฒนาที่ดิน ราคาซ้ือขายท่ีดินตามราคาท้องตลาดท่ัวไป

และราคาท่ีดินท่ีเจ้าของท่ีดินต้องการหรอื ราคาชดเชยที่ราษฎรต้องการ (ทัศนคติของราษฎรจากการทำแบบสอบถาม

ผู้ท่ีได้รับผลกระทบ 100 เปอร์เซ็นต์) เพ่ือนำมาประเมินค่าชดเชยที่ดินที่เหมาะสมเพื่อจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับ

ผลกระทบดว้ ยความเป็นธรรมทงั้ สองฝ่ายระหว่างหน่วยงานของรัฐ และราษฎรเจ้าของพนื้ ที่ทจ่ี ะตอ้ งโยกย้ายออกจาก

ทด่ี ินทำกนิ

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-183 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

รปู ท่ี 3.7.5-2 เจ้าของพืน้ ทด่ี ินทำกินในบริเวณพ้นื ท่หี วั งาน พนื้ ท่ีอา่ งเก็บนำ้ และพ้นื ท่ีถนนเขา้ หวั งาน
โครงการอ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกว่ั (อนั เน่อื งมาจากพระราชดำร)ิ อำเภอป่าบอน จงั หวัดพัทลุง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-184 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งตน้

2) การชดเชย ทดแทน หรือรอ้ื ยา้ ยสิ่งปลูกสร้าง
1. สำรวจประเภทส่ิงปลูกสร้างของราษฎรทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ในบริเวณพ้ืนท่ีหัวงาน

พื้นท่ีอ่างเก็บน้ำ พ้ืนท่ีถนนเข้าหัวงาน และพ้ืนที่องค์ประกอบโครงการอื่นๆ โดยประสานงานกับผู้นำชุมชน และหรือ
ราษฎรที่ได้รบั ผลกระทบ

2. กำหนดกลุ่มประเภทส่ิงปลูกสร้างต่างๆ ของราษฎร และหน่วยงานของรัฐที่อยู่ในบรเิ วณ
พ้ืนที่ศึกษาของโครงการ โดยพิจารณาจากขนาด รูปแบบ และวสั ดุก่อสร้างตามลักษณะแบบมาตรฐานการกำหนดค่า
รื้อย้ายอาคารบ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้าง ตามบัญชีมาตรฐานราคาค่าทดแทนส่ิงปลูก สร้าง ประจำปี 2557
(ท่ีปรับปรุง) บัญชี 1 และ บัญชี 2 ฝ่ายบริหารท่ัวไป สำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน และจากบัญชีกำหนด
ราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับอสังหาริมทรัพย์ ในรอบปี
พ.ศ. 2559–2562 ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และบัญชีมาตรฐานกำหนดค่าร้ือย้ายอาคารบ้านเรือนราษฎรท่ี
ถกู เขตชลประทาน จากฝา่ ยสถาปัตยกรรม กองออกแบบ กรมชลประทาน ปี 2535 (ปัจจบุ ันยงั ใชอ้ ยู่)

3. คัดเลือกประเภทส่งิ ปลกู สรา้ งดว้ ยการถ่ายรูปนำมาถอดแบบและจำแนกวัสดุก่อสรา้ งเพื่อ
ประเมินราคาสง่ิ ปลกู สร้างในบรเิ วณพ้ืนท่ศี ึกษา

ซึ่งลักษณะสิ่งปลูกสร้างที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบในบริเวณพื้นท่ีองค์ประกอบโครงการ
แสดงดังรูปที่ 3.7.5-3

3) การชดเชย หรือร้อื ยา้ ยพืชผลและไมย้ ืนตน้
1. สำรวจชนิด และแหล่งพ้ืนทเ่ี พาะปลูกพืชผลและไม้ยืนต้นตา่ งๆ ทีม่ ีการเพาะปลูกกนั มาก

หรอื พืชเศรษฐกจิ หลักในบรเิ วณพนื้ ทศ่ี ึกษา โดยพจิ ารณาจากการใชป้ ระโยชน์ทด่ี นิ เพอ่ื การเพาะปลูก
2. สำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับต้นทุนการปลูกพืชหลัก และมูลค่าราคาพืชผล และไม้ยืนต้น

ตามราคาทว่ั ไปในทอ้ งถ่ิน
3. กำหนดประเภทพืชผลและไม้ยืนต้นท่ีต้องชดเชย หรือรื้อย้ายโดยอาศัยหลักเกณฑ์

พิจารณาจ่ายค่าทดแทน หรือรื้อย้ายพืชผลและไม้ยืนต้นเท่าน้ัน ส่วนธัญพืชและไม้ล้มลุกจะพิจารณาจ่ายเฉพาะกรณี
จำเป็นต้องใช้พืน้ ทหี่ รอื แปลงที่ดนิ อย่างเรง่ ดว่ นจนทำใหไ้ มส่ ามารถเก็บเกยี่ วผลผลิตทันกอ่ นเรม่ิ ดำเนินกอ่ สรา้ งโครงการ
ลักษณะพืชผลและไมย้ ืนตน้ ในบริเวณพื้นที่องคป์ ระกอบโครงการ แสดงดังรปู ที่ 3.7.5-4

(4) สำรวจสภาพเศรษฐกิจสังคม และความคิดเห็นของครัวเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการ
ชดเชยท่ีดินและทรัพย์สินในพ้ืนท่ีศึกษาที่คาดว่าอาจจะถูกเวนคืนที่ดินและทรัพย์สิน ซ่ึงจะดำเนินการเก็บรวบรวม
ข้อมูลด้วยแบบสอบถามกับหัวหน้าครัวเรือนหรือตัวแทนครัวเรือนราษฎรท่ีอาศัยหรือมีที่ทำกินและทรัพย์สินได้รับ
ผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ

ท้ังน้ี จะเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดสภาพเศรษฐกิจและสังคมทั่วไป การต้ังถ่ินฐาน
รูปแบบการและค่าทดแทนท่ีต้องการขายให้กับโครงการ ราคาซ้ือขายที่ดินตามราคาท้องตลาดทั่วไป รูปแบบการ
ชดเชยทรัพย์สิน ความคิดเห็นต่อโครงการ โดยอาศัยความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบและความเหมาะสมทางการ
ปฏบิ ตั เิ ปน็ หลัก

(5) การประเมินผลกระทบ ทำการประเมินผลกระทบท่ีเกิดขึ้นทั้งทางเศรษฐกิจ-สังคม วัฒนธรรม
และสุขภาพจิต ความวติ กกงั วล หรอื ประเมนิ การสูญเสียทรัพยส์ นิ ของราษฎรของชุมชนและของรฐั

(6) การนำเสนอมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ การเสนอมาตรการท่ีเหมาะสม ประกอบ

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-185 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น

การวางแผนการจ่ายค่าชดเชยที่ดินและทรพั ยส์ นิ โดยกำหนดระยะเวลา หลกั เกณฑก์ ารจ่ายค่าชดเชยตามข้อกฎหมาย
ที่เกี่ยวขอ้ งกำหนดไวเ้ ป็นรูปธรรม และสอดคลอ้ งกับความต้องการของราษฎร และการดำเนินงานตามแผนการชดเชย
ทด่ี นิ และทรพั ย์สิน

นอกจากนี้ ยังเสนอแนะแนวทางปฏิบัติท่ีเหมาะสมประกอบกับวางแผนการจ่ายค่าชดเชยท่ีดิน
ส่ิงปลูกสร้าง พืชผลไม้ยืนต้น ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะเพ่ือลดผลกระทบต่างๆ รวมท้ังเสนอแผนการติดตาม
ตรวจสอบผลกระทบท่เี หมาะสมของโครงการ เช่น การจัดต้ังองค์กรในรูปแบบคณะกรรมการต่างๆ ท่ีเก่ยี วข้องทุกฝ่าย
ทั้งกรมชลประทาน หน่วยงานที่เก่ียวข้อง ผู้นำชุมชนและตัวแทนประชาชนหรือองค์กรอื่นๆ ได้แก่ คณะกรรมการ
จัดซื้อและกำหนดราคาค่าชดเชยทรัพย์สิน คณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน และคณะอนุกรรมการจ่ายเงิน
คา่ ชดเชยทรพั ยส์ นิ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-186 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอื้ งตน้

.

รูปที่ 3.7.5-3 ลักษณะสิง่ ปลูกสร้างในบริเวณพน้ื ทีห่ ัวงาน พ้ืนท่ีอา่ งเก็บนำ้ และพ้นื ท่ถี นนเขา้ หวั งาน
โครงการอา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) อำเภอป่าบอน จงั หวดั พัทลุง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-187 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้

รปู ท่ี 3.7.5-4 ลกั ษณะพืชผลและไม้ยนื ตน้ ในบริเวณพน้ื ทหี่ วั งาน พน้ื ที่อา่ งเก็บนำ้ และพนื้ ที่ถนนเข้าหัวงาน
โครงการอ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว (อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ) อำเภอป่าบอน จังหวดั พัทลงุ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-188 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 4

อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน

บทท่ี 4
การประชาสัมพันธ์ มวลชนสมั พนั ธ์ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน

4.1 วตั ถปุ ระสงค์การประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน
1) เพ่อื เผยแพรข่ ้อมูลขา่ วสารการดำเนินงาน และแนวทางการพฒั นาโครงการฯ ให้หน่วยงานและประชาชน

รบั ทราบ ตลอดจนสร้างความเข้าใจท่ีถูกต้อง
2) เพ่ือรับฟังความคิดเห็นเก่ียวกับแนวทางการดำเนินโครงการ รวมท้ังแนวทางการแก้ไข ตลอดจน

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ประชาชน และกรมชลประทาน เพ่ือรับทราบความต้องการ
ในพ้นื ที่โครงการฯ ซึง่ เป็นการสรา้ งโอกาสการมีส่วนรว่ มและนำขอ้ มูลมาประกอบการวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปญั หา
ที่มีความสอดคล้องกนั เหมาะสม และเปน็ ทย่ี อมรบั ของประชาชน

3) เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของกรมชลประทานในการพัฒนาแหล่งน้ำควบคู่กับความใส่ใจต่อ
ส่ิงแวดล้อมและความเปน็ อยขู่ องประชาชน

4.2 พนื้ ทดี่ ำเนนิ งานและกล่มุ เป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายของการจดั การมีส่วนร่วมของประชาชน ดำเนินการตามแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน

และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางสังคม ในกระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2561
ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ซึ่งจำแนกผมู้ สี ่วนได้เสียจากการพฒั นาโครงการไว้
7 ประเภท ประกอบดว้ ย

1) ผ้รู ับผลกระทบ (ผู้ได้ประโยชน์และผู้เสยี ประโยชน์)
2) ผทู้ ร่ี ับผิดชอบจัดทำรายงานการประเมนิ ผลกระทบส่งิ แวดลอ้ ม (เจ้าของโครงการ)
3) ผูท้ ท่ี ำหนา้ ทีพ่ จิ ารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม
4) หนว่ ยงานราชการในระดับต่างๆ และรัฐวิสาหกิจ ทั้งสว่ นกลาง ส่วนภมู ภิ าค และส่วนทอ้ งถน่ิ
5) องค์กรเอกชนด้านสงิ่ แวดล้อม องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศกึ ษาและนกั วิชาการอสิ ระ
6) สอื่ มวลชน
7) ประชาชนท่วั ไป

4.3 การดำเนินงานการประชาสัมพนั ธ์ มวลชนสมั พันธ์ และการมีสว่ นร่วม
การดำเนินงานการประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วม มีแผนดำเนินการตามกรอบเวลา

การศึกษา 330 วัน ดังแสดงดังตารางที่ 4.3-1 และสรุปกระบวนการส่ิงท่ีนำเข้า (INPUT) และผลได้ (OUTPUT)
ดงั รูปที่ 4.3-1

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-1 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 4

อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ การประชาสมั พนั ธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน

ตารางท่ี 4.3 - 1 แผนดำเนนิ การดา้ นการประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมีส่วนร่วมของโครงการ

แผนงาน/กจิ กรรม เดอื น, วัน

1) การศกึ ษาทบทวนลักษณะโครงการ/แผนการดาเนนิ งาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11
2) การกาหนดกล่มุ เปา้ หมายและพนื้ ทเี่ ป้าหมาย
3) เข้าพบและประสานหนว่ ยงาน/ผนู้ าชุมชน ส.ค. 62 ก.ย. 62 ต.ค. 62 พ.ย. 62 ธ.ค. 62 ม.ค. 63 ก.พ. 63 มี.ค. 63 เม.ย. 63 พ.ค. 63 มิ.ย. 63
4) การจัดประชุมรับฟงั ความคดิ เหน็
30 60 90 120 150 180 210 240 270 300 330
4.1) การประชุมปฐมนเิ ทศโครงการ
4.2) การประชุมกลุ่มย่อย
4.3) การประชุมปัจฉมิ นเิ ทศโครงการ
5) การจัดทารายงานการประชุม/สมั มนา
6) การจัดทาสื่อ/เผยแพร่สอ่ื
6.1) เอกสารประกอบการประชุม/แบบแสดงความคดิ เหน็ 3 ครั้ง
6.2) บอร์ดนทิ รรศการ (3 ครั้ง)
6.3) แผน่ พบั 2 คร้ัง
6.4) จดหมายข่าว 2 ครั้ง
6.5) ข่าวแจกสอ่ื มวลชน 2 คร้ัง
6.6) บทความทางหนงั สือพมิ พ์ 1 คร้ัง
6.7) บทความเผยแพร่ทางวิทยุ 2 คร้ัง
6.8) จัดทาวีดทิ ศั น์ 1 คร้ัง
7) จัดทาข้อเสนอแนะ

แผนการสง่ รายงาน IR PR ITR DFR FR

หมายเหตุ : บางช่วงเวลา
IR = รายงานเร่ิมงาน PR = รายงานความก้าวหน้า ITR = รายงานฉบับกลาง DFR = ร่างรายงานฉบับสุดท้าย FR = รายงานฉบับสดุ ท้าย

INPUT กระบวนการ OUTPUT
- ความเปน็ มาและวัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ เขา้ พบและประสานงานหน่วยงาน ผู้นาชมุ ชน - สภาพปญั หาและความเร่งดว่ นของปญั หา
- แนวทางและขอบเขตการศกึ ษา เดือนท่ี 1 หรอื กอ่ น ัดประชมุ ป มนิเท โครงการ
- ทต่ี งั้ ลกั ษณะโครงการ และพนื้ ทศ่ี กึ ษา และความตอ้ งการของประชาชนในพนื้ ที่
การประชมุ ป มนิเทศโครงการ - นโยบายรัฐทมี่ ีผลตอ่ การศกึ ษาโครงการ
- ความเปน็ มาและวัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ เดือนท่ี 3 หรอื หลงั ส่งรายงานความก้าวหนา้ - คาแนะนาในการจดั การมีสว่ นร่วมของประชาชน
- แนวทางและขอบเขตการศกึ ษา
- ทตี่ ง้ั ลกั ษณะโครงการ และพน้ื ทศ่ี กึ ษา การประชุมกลุ่มยอ่ ย - สภาพปญั หาและความเร่งดว่ นของปญั หา
- ผลการทบทวนการศกึ ษาเบอ้ื งตน้ เดอื นที่ หรอื หลังสง่ รายงาน บบั กลาง และความตอ้ งการของประชาชนในพนื้ ที่

- ความเปน็ มาและวัตถปุ ระสงคโ์ ครงการ การประชมุ ปจฉมิ นิเทศโครงการ - ข้อมูลเพอ่ื ประกอบการพจิ ารณาศกึ ษาโครงการ
- แนวทางและขอบเขตการศกึ ษา เดอื นท่ี หรอื หลงั ส่งร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ - คาแนะนาในการทางานของโครงการ
- ทตี่ งั้ ลกั ษณะโครงการ และพน้ื ทศี่ กึ ษา
- ผลการทบทวนการศกึ ษาเบอ้ื งตน้ ส่ิงแวดล้อม - สภาพปญั หาและความเร่งดว่ นของปญั หา
และความตอ้ งการของประชาชนในพน้ื ท่ี
- สรุปผลการศกึ ษาโครงการ
- ร่างผลการประเมินผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม - ข้อมูลเพอื่ ประกอบการพจิ ารณาศกึ ษาโครงการ
- คาแนะนาในการทางานของโครงการ
มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ขผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม
- ความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะตอ่ การประเมินผลกระทบ
มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ขผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม

- นาผลการรับฟังความคดิ เห็นไปประกอบการพิจารณา
ปรับปรุงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม

รูปที่ 4.3-1 กระบวนการดำเนนิ งานประชาสัมพนั ธ์ มวลชนสมั พนั ธ์ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-2 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 4

อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน

4.4 ความก้าวหน้าของการดำเนินงาน

4.4.1 การเขา้ พบและประสานงานหนว่ ยงาน/ผนู้ ำชุมชน
ในการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับการศึกษาและกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ได้มีการเข้าพบและ

ประสานหน่วยงาน/ผู้นำชุมชนท่ีเกี่ยวข้องในพ้ืนที่ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นายอำเภอป่าบอน นายกองค์การ
บริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานชลประทานในพื้นท่ี ได้แก่ สำนักงานชลประทานที่ 16 โครงการ
ชลประทานพัทลุง ต้ังแต่เริ่มต้นโครงการก่อนการประชุมปฐมนิเทศโครงการ เพื่อแนะนำโครงการและ
รับฟังแนวความคิดในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งข้อเสนอแนะในการดำเนินงานด้านการมีส่วนร่วมของประชาช น
และจะประสานงานเปน็ ระยะๆ อย่างตอ่ เนื่องตลอดการศกึ ษาโครงการ มรี ายละเอียดดังน้ี

1) การเข้าพบผ้ใู หญ่หมทู่ ี่ 1 บ้านเหมืองตะกวั่ ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน
เม่ือวันท่ี 4 กันยายน 2562 กลุ่มบริษัทท่ีปรึกษาฯ ประกอบด้วย ผู้จัดการโครงการ ผู้ชำนาญการด้าน

สง่ิ แวดล้อม และผเู้ ชย่ี วชาญด้านการมีสว่ นร่วมของประชาชน ได้เขา้ พบนายหมดั ยู่นาน หวาเอียด ผู้ใหญ่บ้านหมูท่ ่ี 1
บ้านเหมืองตะก่ัว ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแนะนำโครงการและรับฟังแนวความคิด
ในการพัฒนาโครงการ รวมทั้งขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาโครงการ ดังรปู ที่ 4.4-1

รปู ที่ 4.4-1 กล่มุ บริษทั ทป่ี รึกษาฯ เขา้ พบนายหมดั ยนู่ าน หวาเอยี ด ผู้ใหญ่บา้ นหมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-3 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 4

อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ การประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมีสว่ นร่วมของประชาชน

2) การเขา้ พบ นายภดู ิส ชนะวรรณโณ นายอำเภอปา่ บอน จังหวัดพทั ลงุ
เม่ือวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เวลา 14.30 น. นายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วม

ของประชาชน ได้เข้าพบนายภูดิส ชนะวรรณโณ นายอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อแนะนำโครงการรับฟัง
แนวความคิดและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการต่อไป

3) การเข้าพบ นายประเจือบ มลยงค์ กำนันตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลงุ
เม่ือวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เวลา 16.00 น. นายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของ

ประชาชน ได้เข้าพบนายประเจือบ มลยงค์ กำนันตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อแนะนำโครงการ
รับฟังแนวความคิดและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการต่อไป รวมทั้งส่งหนังสือเชิญกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในเขต
ตำบลหนองธง เข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศโครงการ ในวนั พฤหัสบดที ี่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอ
ปา่ บอน อำเภอปา่ บอน จังหวดั พัทลุงด้วย

4) การเข้าพบนายเดชา เหล็มหมาด ประธานกล่มุ รกั ษ์โตนสะตอ
เม่ือวันที่ 3 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน

และผู้ใหญ่บ้านหมู่ท่ี 1 ตำบลหนองธง ได้เข้าพบนายเดชา เหล็มหมาด ประธานกลุ่มรักษ์โตนสะตอ ตำบลหนองธง
อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อแนะนำโครงการ รับฟังแนวความคิดและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการต่อไป
รวมทั้งส่งหนังสือเชิญกลุ่มรักษ์โตนสะตอ และเครือข่าย เข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศโครงการ ในวันพฤหัสบดีที่ 10
ตุลาคม พ.ศ. 2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอปา่ บอน อำเภอปา่ บอน จังหวัดพัทลุง ดังรูปท่ี 4.4-2

รปู ที่ 4.4-2 ผู้เชย่ี วชาญด้านการมสี ว่ นร่วมของประชาชนเขา้ พบผนู้ ำชุมชน

5) การเขา้ ประชมุ รว่ มกับสำนักกอ่ สรา้ งชลประทานขนาดกลางที่ 16
เม่ือวันที่ 7 ตุลาคม 2562 เวลา 09.30 น. นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง ประธานกรรมการฯ นายอัตตาพันธ์

ดิลกโศภณ กรรมการฯ นายกาจวิศว์ กล้าหาญ ผู้จัดการโครงการ และนายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เช่ียวชาญด้าน
การมีส่วนร่วมของประชาชน ได้เข้าประชุมร่วมกับ นายทวีวัฒน์ สืบสุขม่ันสกุล นายช่างชลประทานอาวุโส
สำนกั ก่อสรา้ งชลประทานขนาดกลางท่ี 16 ท่ีสำนกั ก่อสร้างชลประทานขนาดกลางท่ี 16 สงขลา เพอื่ ช้แี จงรายละเอยี ด
แนวทางการดำเนินการศึกษาโครงการ และรับฟังแนวความคิด ขอ้ เสนอแนะในการพัฒนาโครงการต่อไป

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-4 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 4

อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การประชาสัมพนั ธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน

6) การเข้าประชุมรว่ มกับการประชุมหวั หนา้ ส่วนราชการจงั หวัดพทั ลุง
เม่ือวันท่ี 7 ตุลาคม 2562 เวลา 14.00 น. นายเกื้อศักด์ิ ทาทอง ประธานกรรมการฯ นายอัตตาพันธ์

ดิลกโศภณ กรรมการฯ นายกาจวิศว์ กล้าหาญ ผู้จัดการโครงการ และนายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เช่ียวชาญด้าน
การมีสว่ นรว่ มของประชาชน ได้เข้าประชมุ ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพัทลุงในการประชุมหัวหน้าสว่ นราชการ
จงั หวัดพัทลุง ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพ่ือชี้แจงรายละเอียด แนวทางการดำเนินการศกึ ษาโครงการ การจัดประชุม
ปฐมนิเทศโครงการ และรับฟังแนวความคิด ขอ้ เสนอแนะในการพัฒนาโครงการตอ่ ไป ดังรูปที่ 4.4-3

รปู ที่ 4.4-3 เข้าพบผวู้ า่ ราชการ งั หวัดพัทลุง

4.4.2 การประชมุ สมั มนาครง้ั ท่ี 1 การประชุมป มนเิ ท โครงการ
ท่ีปรกึ ษาได้ขออนมุ ัตจิ ดั ประชุมสัมมนาครัง้ ที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ) เมือ่ วนั ที่ 12 กนั ยายน 2562 และได้จัด

ประชุมไปแล้ว เม่ือวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอป่าบอน อำเภอป่าบอน
จังหวดั พทั ลงุ มีรายละเอยี ด ดงั นี้ ดงั รปู ที่ 4.4-4

1) วัตถุประสงค์การประชุมสัมมนาครัง้ ที่ 1 ป มนิเท โครงการ
(1) เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียกับโครงการได้รับทราบ ความเป็นมาของโครงการฯ วัตถุประสงค์ พื้นท่ีศึกษา

รายละเอยี ดขั้นตอนการศึกษา และประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั จากการโครงการฯ
(2) เพอ่ื เป็นการสื่อสารระหว่างโครงการกบั ผู้มสี ว่ นได้เสยี ในทกุ ภาคส่วนทเ่ี ก่ียวขอ้ งใหเ้ กิดการรับร้ขู อ้ มูล

ที่จะนำไปสูค่ วามเขา้ ใจท่ถี กู ต้อง และให้ความรว่ มมอื ตอ่ การพฒั นาโครงการ
(3) เพ่ือรบั ฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เก่ียวกับแนวทางการดำเนินโครงการระหว่างผู้มีสว่ นได้เสีย

ที่เกี่ยวข้องกับโครงการกับกรมชลประทานและที่ปรึกษา ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสการมีส่วนร่วมและนำข้อมูล
มาประกอบการวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีความสอดคล้องและเหมาะสม ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม
ความเปน็ อยู่ของประชาชน และความตอ้ งการของผู้มสี ่วนได้เสีย และเป็นที่ยอมรับของประชาชนพื้นท่ี

(4) เพ่ือให้เกิดความร่วมมือที่ดีต่อการทำงานของกรมชลประทาน จากการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน
โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ในการดำเนินงานดา้ นการมีส่วนรว่ มของประชาชน

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-5 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 4

อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การประชาสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีสว่ นรว่ มของประชาชน

ผ้เู ขา้ รว่ มประชมุ ลงทะเบียน ผเู้ ขา้ ร่วมประชมุ ชมบอร์ดนิทรรศการ ผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ชมบอร์ดนิทรรศการ

นายวิรัตน์ รกั พนั ธ์ นายเกือ้ ศกั ด์ิ ทาทอง บริษทั ทปี่ รกึ ษานำเสนอ
รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั พัทลุง เปดิ การประชุม ผแู้ ทนกรมชลประทาน กล่าวรายงาน

ผรู้ ว่ มแสดงความคิดเห็น ผ้รู ว่ มแสดงความคิดเหน็ ผรู้ ว่ มแสดงความคิดเหน็

ผ้รู ว่ มแสดงความคิดเห็น ผรู้ ่วมแสดงความคิดเห็น บรรยากาศที่ประชุม

ผูแ้ ทนกรมชลประทานและบรษิ ัททป่ี รกึ ษา ผูแ้ ทนจากหนว่ ยงานตา่ งๆ ร่วมถา่ ยรูป ผนู้ ำชุมชนร่วมถา่ ยรูป
ตอบข้อคดิ เหน็

รูปท่ี 4.4-4 การประชมุ ป มนิเท โครงการ วนั พฤหสั บดที ่ี 10 ตุลาคม 2562 ณ าลาประชาคมอำเภอปา่ บอน

อำเภอปา่ บอน งั หวดั พัทลุง

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-6 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 4

อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ การประชาสัมพนั ธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของประชาชน

2) พน้ื ทเ่ี ป้าหมาย ครอบคลมุ พื้นทตี่ ง้ั โครงการ และพนื้ ทไี่ ด้รับผลกระทบท้งั ดา้ นบวกและด้านลบ
3) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ หน่วยงานราชการระดับภูมิภาค ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับตำบล และ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขตตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน ตำบลแม่ขรี และตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด
จังหวัดพัทลุง องค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ที่เก่ยี วข้อง สถาบันการศกึ ษา ส่ือมวลชน ผู้นำชุมชนและประชาชนท่ีอยู่ใน
พ้นื ทเ่ี ป้าหมายที่ได้รบั ผลกระทบจากโครงการฯ
4) การเตรียมการประชมุ ป มนเิ ท

ภายหลังจากท่ีปรึกษาฯ ได้รับอนุมัติจัดประชุมปฐมนิเทศ เมื่อวันท่ี 12 กันยายน 2562 ท่ีปรึกษาฯ ได้
จดั สง่ หนงั สือเชิญประชมุ ใหก้ ลุ่มเป้าหมายต่างๆ ผ่านทางไปรษณีย์ ผ่านระบบอีเมล์ (Email) ระบบโทรสาร และได้โทร
ตดิ ตาม นอกจากนี้ยังได้ลงมาสง่ หนังสอื เชญิ และประสานงานกับผนู้ ำชมุ ชน ในพนื้ ทอี่ กี ครั้ง สรปุ ได้ดังน้ี

(2) การเข้าพบ นายภดู สิ ชนะวรรณโณ นายอำเภอปา่ บอน จังหวัดพทั ลุง
เม่ือวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เวลา 14.30 น. นายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วม

ของประชาชน ได้เข้าพบนายอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อประสานงานในการเตรียมการประชุมปฐมนิเทศ
โครงการ ในวนั พฤหสั บดที ี่ 10 ตลุ าคม พ.ศ.2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอปา่ บอน อำเภอปา่ บอน จงั หวัดพัทลุง

(2) การเข้าพบ นายประเจอื บ มลยงค์ กำนนั ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จงั หวัดพทั ลงุ
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เวลา 16.00 น. นายยิ่งเจริญ คูสกุลรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีส่วนร่วม

ของประชาชน ได้เข้าพบนายประเจือบ มลยงค์ กำนันตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพ่ือแนะนำ
โครงการ และส่งหนังสือเชิญกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในเขตตำบลหนองธง เข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศโครงการ ในวัน
พฤหัสบดีที่ 10 ตลุ าคม พ.ศ.2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอปา่ บอน อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุงดว้ ย

(3) การเขา้ พบนายเดชา เหลม็ หมาด ประธานกลุม่ รักษ์โตนสะตอ
เม่ือวันท่ี 3 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้เช่ียวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน

และผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง ได้เข้าพบนายเดชา เหล็มหมาด ประธานกลุ่มรักษ์โตนสะตอ ตำบลหนองธง
อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เพื่อแนะนำโครงการ รับฟังแนวความคิดและข้อเสนอแนะในการพัฒนาโครงการต่อไป
รวมท้ังส่งหนังสือเชิญกลุ่มรักษ์โตนสะตอ และเครือข่าย เข้าร่วมประชุมปฐมนิเทศโครงการ ในวันพฤหัสบดี
ที่ 10 ตลุ าคม พ.ศ.2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอปา่ บอน อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลงุ

(4) การเข้าประชมุ ร่วมกับการประชมุ หัวหน้าสว่ นราชการจังหวดั พทั ลงุ
เมื่อวันท่ี 7 ตุลาคม 2562 เวลา 14.00 น. นายเก้ือศักดิ์ ทาทอง ประธานกรรมการฯ

นายอัตตาพันธ์ ดิลกโศภณ กรรมการฯ นายกาจวิศว์ กล้าหาญ ผู้จัดการโครงการ และนายย่ิงเจริญ คูสกุลรัตน์
ผู้เช่ียวชาญด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้เข้าประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพัทลุงในการประชุม
หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพัทลุง ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพ่ือชี้แจงรายละเอียด แนวทางการดำเนินการศึกษา
โครงการ และการจัดประชุมปฐมนิเทศโครงการ

5) ผู้เขา้ รว่ มประชุมป มนิเท
การประชมุ รับฟงั ความคดิ เห็นของประชาชนและหนว่ ยงานทเี่ กีย่ วข้อง ครัง้ ท่ี 1 (การปฐมนิเทศโครงการ)

โครงการศึกษาผลกระทบ สิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ
จงั หวดั พัทลุง ได้ดำเนินการในวันพฤหัสบดีท่ี 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ณ ศาลาประชาคมอำเภอป่าบอน อำเภอปา่ บอน
จังหวัดพัทลงุ ท่ผี ่านมา ในการประชุมดงั กล่าวมีผู้เขา้ ร่วมประชุม ทั้งหมด 182 คน ประกอบด้วย

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 4-7 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 4

อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การประชาสมั พนั ธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน

(1) หนว่ ยงานราชการในระดับตา่ งๆ (หน่วยงานส่วนภมู ภิ าค หน่วยงานราชการระดับจงั หวัด หนว่ ยงาน
ราชการระดบั อำเภอ หนว่ ยงานรฐั วสิ าหกจิ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ) ตวั แทนหนว่ ยงานราชการ จำนวน 57 คน

(2) ผู้ได้รับผลกระทบ (ผู้เสยี ผลประโยชน์ และผไู้ ดร้ ับผลประโยชน์) จำนวน 103 คน
(3) สถาบนั การศกึ ษา/วิจัย/องคก์ รพัฒนาเอกชน (NGOs) จำนวน 2 คน
(4) สอื่ มวลชน จำนวน 2 คน
(5) กรรมการ จำนวน 9 คน
(6) ท่ีปรึกษา จำนวน 9 คน
รายละเอยี ดจำนวนผู้เข้าร่วมประชมุ ดังตารางท่ี 4.4.2-1 และรายชื่อผเู้ ข้ารว่ มประชุมแสดงดังภาคผนวก ง.1
6) ข้ันตอนการดำเนินงาน วิธีการและเทคนิคในการประชุม (หนังสือเชิญประชุม รายช่ือหน่วยงานและ
กำหนดการประชุมแสดงดังภาคผนวก ง.2)
(1) ข้ันตอนที่ 1 เริ่มลงทะเบียน เวลาประมาณ 08.30 น เพื่อรับเอกสารประชุม แผ่นพับ ข้อมูล
รายละเอียดเบื้องต้นของโครงการ และแบบสอบถามความคิดเห็นผู้เข้าร่วมประชุม จากนั้นเข้าสู่พิธีการเปิดประชุม
โดยมีนายเก้ือศักด์ิ ทาทอง ประธานกรรมการฯ ตวั แทนกรมชลประทานเป็นผกู้ ล่าวรายงาน และนายวิรัตน์ รกั ษ์พนั ธ์
รองผู้วา่ ราชการจังหวัดพัทลงุ ไดร้ บั มอบหมายจากทา่ นผวู้ ่าราชการจังหวัดพัทลงุ กล่าวเปดิ การประชุม
(2) ข้ันตอนท่ี 2 ภายหลังจากพิธีเปิดการประชุมแล้ว ที่ปรึกษาได้นำเสนอข้อมูลรายละเอียดโครงการ
โดยใช้ power point ข้อมูลที่นำเสนอประกอบด้วยความเป็นมา วัตถุประสงค์ แนวทางและวิธีการศึกษาความ
เหมาะสม การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้นของโครงการ และการดำเนนิ การประชาสมั พนั ธ์ และการมสี ่วนร่วม
ของประชาชน
(3) ขั้นตอนที่ 3 ภายหลังที่ปรึกษานำเสนอข้อมูลรายละเอียดโครงการเสร็จแล้ว ได้มีการเปิดเวทีเพื่อ
รบั ฟงั ความคดิ เหน็ โดยการซักถาม ข้อเสนอแนะ จากผูเ้ ข้าร่วมประชุม และมีการชีแ้ จงจากทป่ี รกึ ษา
(4) ขั้นตอนท่ี 4 ภายหลังจากการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นแล้ว ที่ปรึกษาฯ ได้สรุปข้อคิดเห็นและ
ข้อเสนอแนะเบ้ืองต้นจากผู้เข้าร่วมประชุม และชี้แจงกิจกรรมท่ีจะดำเนินการต่อไป จากน้ันได้เชิญตัวแทน
กรมชลประทานกล่าวขอบคุณและกล่าวปิดการประชุมเวลาประมาณ 12.00 น. ภาพบรรยากาศในวันประชุมแสดง
ในภาคผนวก ง.3
(5) ส่ือที่ใช้ในการดำเนินงานประชุม ประกอบด้วย เอกสารประกอบการประชุม แผ่นพับ บอร์ด
นิทรรศการ วดิ ที ศั น์ และ power point (ภาคผนวก ง.4)
7) สรุปความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะจากการเปิดเวทรี ับฟงั ความคดิ เห็น
ภายหลงั จากท่ีปรกึ ษาได้นำเสนอขอ้ มลู รายละเอยี ดโครงการเรียบรอ้ ยแลว้ ไดเ้ ปิดเวทีรบั ฟังความคิดเห็น
จากผู้เข้าร่วมประชุม ซ่ึงมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ท้ังหมด 8 คน (ไม่รวมในส่วนกรรมการและ
ทปี่ รกึ ษาฯ ชแี้ จง) มปี ระเดน็ ตา่ ง ๆ สรุปได้ ดังน้ี

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-8 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะก่ัว บทท่ี 4

อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน

ตารางที่ 4.4.2-1 ำนวนผเู้ ขา้ รว่ มประชมุ ป มนเิ ท โครงการ แยกตามหน่วยงาน

กลมุ่ เปา้ หมยในการประชุม ำนวน ราย ร้อยละ
56.59
ผไู้ ดร้ ับผลกระทบ 103 9.89
0.00
ผู้ทรี่ บั ผิดชอบจัดทำรายงาน 18 31.32

หน่วยงานท่ีทำหนา้ ทพี่ ิจารณารายงาน (สผ.) 0 1.10
1.10
หนว่ ยงานราชการในระดบั ตา่ งๆ (หนว่ ยงานสว่ นภมู ภิ าค หนว่ ยงาน 57 100.00
ราชการระดับจังหวดั หน่วยงานราชการระดับอำเภอ หนว่ ยงาน
รฐั วสิ าหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน)

หน่วยงานภาคเอกชน/องคก์ รพฒั นาเอกชน/สถาบนั การศึกษา 2

สือ่ มวลชน 2

รวมทงั้ ส้นิ 182

(1) ประเดน็ ท่ี 1 คุณสาทร สมพงศ์
คุณสาทร สมพงศ์ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว โดย

ได้ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมว่า ได้เสนอความคิดเห็นเร่ืองการจัดการนำ้ ให้กบั หน่วยงานทีเ่ กย่ี วข้องต้ังแต่ปี 2557 และได้มกี าร
ปรกึ ษาหารือกับหน่วยงานท่ีเก่ียวขอ้ งท่ศี าลากลางจงั หวดั สตูล เรื่องการกำหนด TOR เพือ่ กำหนดขอบเขตในการศึกษา
กับความเป็นไปได้ของโครงการ ดังน้ันจึงเห็นด้วยท่ีกรมชลประทานจะได้มีการศึกษาความเหมาะสม ความเป็นไปได้
ของโครงการ กอ่ นท่ีจะตดั สินใจในการดำเนินงานโครงการตอ่ ไป

นอกจากน้ีได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว จะทำให้
ชาวบ้านสูญเสียวิถีชีวิต เสียพ้ืนท่ีป่า (สะตอป่า) เสียสัตว์ป่า (น้ำผึ้งป่า) อ่างเก็บน้ำมีอายุแค่ 50 ปี แต่ต้นน้ำไม่มีวัน
หมดอายุ การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเป็นการทำลายป่าซ่ึงตรงข้ามกับยุทธศาสตร์จังหวัดพัทลุงท่ีวางไว้ เรื่องเพ่ิมพ้ืนท่ีป่า
การมีอ่างเก็บน้ำอาจเป็นการเปลี่ยนธรรมชาติทำให้เกิดผลกระทบต่อปลา สัตว์น้ำ การสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อมาเติมน้ำ
ในฝายนนั้ ไม่เป็นความจริง แตจ่ ะทำให้มีการบุกรกุ พื้นที่ป่ารอบอา่ งเพิม่ ขึ้นและทำให้น้ำในลำหว้ ยแหง้ ลง จากขอ้ มูลของ
จังหวัดพัทลุง มีเพียงอำเภอปากพะยูนท่ีขาดแคลนน้ำ ฝายห้วยยูงสง่ น้ำ ประมาณ 4,500 ไร่ และฝายหัวสะตอ ส่งน้ำ
ประมาณ 2,500 ไร่ รวมแลว้ ประมาณ 7,000 ไร่

ขอ้ ชแ้ี งของโครงการ ขอเอกสารท่ีคณุ สาทร สมพงศ์ นำเสนอในท่ีประชุมในวนั น้ี เพือ่ มาทำขอ้ มูล
ประกอบการชีแ้ จงตอ่ ไปเพราะมหี ลายประเดน็

(2) ประเดน็ ที่ 2 คณุ เดชา เล็มหมาด ไดใ้ ห้ความเหน็ ว่า
ขอใหผ้ ู้ที่มาเก็บข้อมูลหรอื หนว่ ยงานท่ีเกี่ยวข้องมีความเป็นกลาง เนอ่ื งจากที่ผ่านมามีการดำเนนิ การ

โดยไม่แจ้งให้ประชาชนทราบในการที่จะเสนอโครงการหรือประชุมเกี่ยวกับโครงการ ดังน้ันเม่อื เริม่ การศึกษาใหม่แล้ว
จึงอยากให้ร่วมกันเก็บขอ้ มูล เพือ่ ใหเ้ กดิ ความโปรง่ ใส และไมใ่ ห้เกิดความขดั แยง้ ในพนื้ ท่ี

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-9 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 4

อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมสี ่วนร่วมของประชาชน

ขอให้มีการศึกษาอ่างเก็บน้ำ จำนวน 3 อ่างในจังหวัดพัทลุง (บริเวณใกล้กับพื้นท่ีโครงการ) ท่ีได้
ดำเนินการกอ่ สรา้ งไปแลว้ ว่ามีประโยชน์ คุม้ ค่ากบั การลงทนุ หรือผลกระทบอะไรบ้าง

อยากให้มีการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมด้านสุขภาพ (EHIA) เน่ืองจากในปี พ.ศ. 2557
มเี หตกุ ารณ์รุนแรงเกิดข้ึนในพ้ืนที่ ทำให้ชาวบา้ นเกดิ ความหวาดระแวง

อยากให้มีการศึกษาเก่ียวกับสัตว์น้ำในพ้ืนที่ ต้ังแต่ปี 2550 ถึงปัจจบุ ัน ว่ามกี ารเปลี่ยนแปลงหรือไม่
อย่างไร

ในการศึกษาโครงการคร้ังน้ี ขอให้มกี ารเปิดเผยข้อมลู ทุกอย่างกบั ชาวบ้านในพื้นท่อี ยา่ งทวั่ ถงึ เพ่อื ให้
ชาวบ้านเขา้ ถงึ ข้อมลู ไดง้ ่าย และเปน็ ข้อมลู ท่ีเชื่อถือได้

อยากให้ศึกษาความเปลี่ยนแปลงของพื้นท่ีที่จะเกิดข้ึนในอนาคต หากมีโครงการเกิดข้ึน และขอให้
ศึกษาการจดั การระบบประปาของชมุ ชนที่มีอยู่ในระหวา่ งการก่อสร้างดว้ ย

อยากได้ข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องพ้ืนท่ีป่าบริเวณที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำ ขอให้ศึกษาความถูกต้องของการ
ไดม้ าของที่ดนิ ดว้ ย

อยากให้ศึกษาภาพรวมของจังหวัดพัทลุงว่า มีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างไรท่ีจะมีแผนในการ
ก่อสรา้ งอ่างเก็บน้ำในจงั หวัดพทั ลงุ ถงึ 21 แหง่

ในเรื่องการขออนุญาตใช้พ้ืนที่เพื่อการกอ่ สรา้ งโครงการ อยากให้กรมชลประทานชะลอออกไปก่อน
เนอื่ งจากปจั จุบนั ในพ้ืนท่ยี งั มีการขัดแยง้ ของประชาชนอยู่ ขอให้รอผลการศึกษาผลกระทบกอ่ น

ขอ้ ชี้แ งของโครงการ
1. ในการศึกษาท่ีปรึกษาจะดำเนินการตามท่ีสภาวิชาชีพควบคุมในเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพอยู่
แล้ว การเขียนรายงานจะเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในการศึกษาที่ปรึกษาพร้อมและยินดีท่ีจะให้มีประชาชน
มาร่วมศึกษาทุกคร้ังที่ลงศึกษาสำรวจข้อมูล นอกจากน้ียังสามารถตรวจสอบข้อมูลในรายงานต่างๆ ของท่ีปรึกษาได้
ท้ังหมด เพราะที่ปรกึ ษาไม่ไดม้ สี ว่ นได้เสยี ในการก่อสร้างโครงการ
2. กรมชลประทานและที่ปรึกษาขอขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ได้ให้โอกาสทีมงานเข้ามาศึกษาและ
ค้นหาความจริงให้กับพ่ีน้องประชาชน ซ่ึงทีมงานศึกษาจะนำข้อเสนอแนะต่างๆ ของคุณเดชา ไปดำเนินการตามที่
เสนอแนะ
3. เรื่องการประปาในระหว่างการก่อสร้างจะยังไม่มีการเปล่ียนแปลงใด แต่ภายหลังก่อสร้างแล้ว
สามารถใช้น้ำในโครงการได้ซึ่งท่ีปรึกษาจะได้มีการศึกษาในเร่ืองน้ีเพิ่มเติมให้ ส่วนเร่ืองคุณภาพน้ำ ในการศึกษาครั้งน้ี
จะมกี ารเก็บตัวอย่างนำ้ เพ่ือไปวิเคราะห์คุณภาพนำ้ อยแู่ ลว้ จะได้ทราบผลทแ่ี ท้จรงิ ในเรือ่ งคุณภาพน้ำ
4. ในปัจจุบันการดำเนินการใดๆของกรมชลประทานต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของพ้ืนท่ีก่อน
จงึ จะดำเนนิ การได้ ไม่ว่าจะเปน็ กรมอทุ ยานฯ หรอื กรมปา่ ไม้
5. ในเรื่องจำนวนอ่างต่างๆ ท่ีมีถึง 21 แห่ง เป็นผลมาจากการศึกษาในระดับแผนลุ่มน้ำ
อ่างเหล่าน้ันเป็นอ่างที่มีศักยภาพเท่าน้ัน ต้องมีการสอบถามความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ีอีกครั้งก่อนจะมีการ
ดำเนนิ การก่อสร้าง

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 4-10 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทท่ี 4

อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน

3 ประเดน็ ท่ี 3 คณุ สวุ ทิ ย์ เจะโซะ (ผอ.โรงเรียนบา้ นหนองธง)
ขอให้ทบทวนเร่ือง การขอพระราชทาน (จุดเร่ิมต้น) โครงการ เพราะคุณโสภณ กสิวงศ์

ประธานสภาราษฎรจังหวัดพัทลุง ไม่ใช่ประชาชนในเขตตำบลหนองธง และโครงการควรมีการศึกษาวิเคราะห์จุดแข็ง
จุดออ่ น หรอื ทำ SWOT Analysis กอ่ นทจ่ี ะมาทำโครงการ

การเข้าร่วมประชุมคร้ังนี้ มาตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ มาตรา 50 วงเล็บ 8 สิทธิตามหน้าที่ในการที่
สนับสนุน อนุรักษ์ คุ้มครอง และมาตามหนังสือเชิญของกรมชลประทาน และมาเน่ืองจากเป็นผู้ท่ีได้รับผลกระทบ
โดยตรง เพราะฉะนนั้ การถามจึงเป็นสทิ ธิตามทไี่ ด้กล่าวมาแล้ว

น้ำตกโตนสะตอหรือท่ีต้ังหัวงานของโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว ช่วงเดือน มกราคม -
พฤษภาคม จะเป็นสถานท่ีท่องเที่ยวท่ีสำคัญของประชาชนในพื้นที่ เพราะปัจจุบันน้ำตกแม่แตงไม่มีแล้วเน่ืองจากการ
สร้างเข่ือน ดังน้ันถ้าท่านให้ข้อมูลว่าจะสร้างอ่างเก็บน้ำเพ่ือการท่องเท่ียว จึงขอให้ท่านได้ศึกษาสถิตินักท่องเที่ยวของ
เขือ่ นป่าบอน และเขื่อนหวั ชา้ งด้วย รายไดข้ องชุมชนเปน็ อย่างไร

นอกจากนี้ ปัจจุบันประชาชนบางส่วนได้รับผลกระทบจากอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างมาแล้ว เพราะ
อา่ งเก็บน้ำคลองหัวช้างสร้างเสร็จแล้วปล่อยน้ำแต่ละครง้ั คุณภาพน้ำไม่ดี ใชง้ านไม่ได้ ในฤดูแล้งชาวบ้านเหมืองตะกั่ว
ต้องใช้น้ำ แล้วถ้าคุณภาพน้ำไม่ดี ชาวบ้านจะยอมรับได้หรือไม่ ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำป่าบอนยังมีน้ำไม่เพียงพอท่ีจะให้
ชาวบ้านได้ใช้ ดังนั้นหากแก้ไขให้อ่างเก็บน้ำป่าบอนมีการกักเก็บน้ำให้ชาวบ้านใช้อย่างเพียงพอตามที่มีการศึกษาไว้
ก็จะเป็นประโยชน์อย่างย่ิง อยากให้มีการศึกษาถึงผลกระทบจากการสร้างเข่ือนอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง และอ่างเก็บ
นำ้ ป่าบอน ด้วย

ข้อช้ีแ งของโครงการ ความเป็นมาของโครงการอ้างอิงมาจากเอกสารราชการ ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตามท่ีมีข้อมูลอยู่ เช่น หน่วยงาน กปร. ซ่ึงมีหนังสือมาให้กรมชลประทานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามใน
การศึกษาครั้งน้ีจะเป็นการทบทวนความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นท่ีอี กคร้ังว่ายังมีความต้องการโครงกา ร
หรือไม่ ดังน้ันขอให้ทีมงานได้เข้ามามีโอกาสศึกษาเพ่ือนำข้อมูลต่างๆ ที่แท้จริงในปัจจุบันไปเปิดเผยหรือชี้แจงต่อ
หน่วยงานที่เก่ียวข้องต่อไป ซึ่งจะมีการศึกษาความเหมาะสมด้านวิศวกรรม ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านส่ิงแวดล้อม
และดา้ นการมีสว่ นร่วมของประชาชนควบคูก่ นั ไปดว้ ย

การทำ SWOT Analysis กรมชลประทานจะดำเนินการในการศึกษาในระดับลุ่มน้ำ เพ่ือให้ได้
แผนงาน กอ่ นที่จะมาศึกษาโครงการ ซึ่งในการศกึ ษาครง้ั นเ้ี ปน็ การศึกษาในระดับโครงการ อยา่ งไรก็ตามการจะอธบิ าย
เร่อื งการทำ SWOT Analysis ใหก้ ับประชาชนท่ัวไปได้เขา้ ใจเปน็ เรื่องยาก

4 ประเด็นที่ 4 คณุ ประสิทธช์ ัย หนูนวล ได้ให้ความเหน็ วา่
เรื่องที่ดินในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว จะใช้ที่ดินในเขตป่าสงวน ซึ่งปัจจุบันป่าใน

ประเทศไทยเหลือน้อย และมีบทเรียนมากมายจากการสร้างเขื่อนแล้วเป็นการทำลายป่า และขอให้ท่ีปรึกษาได้
ตรวจสอบการถือครองสิทธิ์ที่ดินในพ้ืนท่ีด้วย ว่าเป็นประชาชนในพื้นท่ีหรือไม่ แล้วการจ่ายค่าชดเชยต่างๆ สามารถ
ดำเนินการตามกฎหมายได้หรือไม่ ไมอ่ ยากให้เปน็ การหลอกลวงประชาชนในเรือ่ งนี้

กรมชลประทานควรมีการศึกษาระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ก่อนในแต่ละลุ่มน้ำ โดยเฉพาะในภาคใต้
เพราะถา้ เปน็ การศึกษา IEE แลว้ จะเปน็ การนำไปสกู่ ระบวนการขอใช้พืน้ ท่ี

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 4-11 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 4

อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลงุ การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมีส่วนรว่ มของประชาชน

ขอให้มีการทบทวนวา่ โครงการน้ีเป็นโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จรงิ หรือไม่
ขอใหก้ รมชลประทานไปศึกษาเรอ่ื งการจดั การนำ้ กอ่ นท่ีจะมกี ารก่อสร้างอ่างเกบ็ นำ้ น้ำควรจะอยู่ใน
คลองมีการใชป้ ระโยชนต์ ้งั แตต่ น้ นำ้ จนท้ายนำ้ การสร้างอา่ งเกบ็ น้ำเปน็ การกีดขวางลำน้ำ ซึง่ จะก่อให้เกิดความเสียหาย
หรือเกิดผลกระทบตามมา โดยเฉพาะผู้ทีอ่ ย่ทู ้ายนำ้
ขอ้ ชแี้ งของโครงการ
1. เร่ืองการชดเชยท่ีดนิ เราจะพจิ ารณาการซือ้ ขายอยา่ งเปน็ ธรรม
2. ระบบแหล่งน้ำและทิศทางน้ำ อยู่ในการศึกษาคร้ังน้ีอยู่แล้ว ในการศึกษาจะไม่ได้ศึกษาเรื่อง
ความตอ้ งการอย่างเดยี ว แต่จะมกี ารศึกษาผลกระทบดา้ นท้ายนำ้ ดว้ ย เพือ่ รักษาระบบนเิ วศ ระดับนำ้ ก่อนมีอ่างเกบ็ น้ำ
และหลงั มีอ่างเก็บน้ำปริมาณนำ้ จะมกี ารเปลี่ยนแปลงเปน็ อยา่ งไร ซง่ึ สว่ นหนึง่ ขึ้นอย่กู ับความตอ้ งการน้ำของพื้นที่ในฤดู
แล้งด้วย
3. ในส่วนการอ้างชื่อโครงการพระราชดำริ นั้น ในการศึกษาคร้ังน้ีตามเอกสารที่ปรากฏมีหนังสือ
ชัดเจนว่ามลี ำดบั การดำเนินการอย่างไร
4. ขอให้ท่ีปรึกษาไปศึกษาพื้นท่ีรับน้ำกับการสร้างเขื่อนมีผลกระทบต่อปริมาณน้ำหรือไม่ แม้ว่า
ภาคใต้จะมีฝนตกชกุ แต่ช่วงหน้าแล้งกไ็ ม่มนี ้ำ
5 ประเด็นที่ 5 คณุ สมชาย เล็มหมาด (ส.อบต.หนองธง) ไดใ้ หค้ วามเหน็ ว่า
ปัจจุบันเศรษฐกิจตกต่ำ อยากให้ผู้ที่คัดค้านไปตรวจสอบความแห้งแล้งหรือความต้องการน้ำ
ของในพื้นที่ตำบลหนองธงทั้งด้านการบริโภค อุปโภค ด้านการเกษตร ซึ่งในอนาคตยังต้องมีการพัฒนาพื้นที่ต่อไป
ยิ่งทำให้มีความต้องการน้ำมากยิ่งข้ึน และขอให้ทางทีมการศึกษาไปสำรวจความต้องการของประชาชนในพื้นที่ให้
ครอบคลุมด้วย อย่าสำรวจหรอื ศกึ ษาดา้ นส่ิงแวดลอ้ มเพยี งอยา่ งเดยี ว
ข้อชีแ้ งของโครงการ
1. ในการศึกษาจะมีทีมสำรวจเศรษฐกิจสังคม ลงไปสำรวจ สอบถามประชาชนในพื้นที่ถึงสภาพ
ปญั หาตา่ งๆ ทเ่ี กี่ยวข้องโดยเฉพาะเรื่องความต้องการน้ำ
2. ส่วนโครงการอ่างเก็บน้ำป่าบอน ท่ีปรึกษาจะไปตรวจสอบสภาพปัจจุบันที่เกิดขึ้น เพื่อนำมา
ประกอบการศึกษาผลกระทบและเสนอมาตรการปอ้ งกันแก้ไขผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มของโครงการต่อไป
6 ประเด็นที่ 6 คุณสันติ จิตเกษม ได้ให้ความเห็นวา่
การมาศึกษาอีกคร้ังเป็นเร่ืองท่ีดี เนื่องจากเรอื่ งน้ีเกิดมา 30 ปีแล้ว ประชาชนท่ีคัดค้านก็อย่าเพิ่งไป
กล่าวโทษ ขอใหศ้ ึกษาอยา่ งละเอียด ตรงไปตรงมา เพ่ือลูกหลานรนุ่ ตอ่ ไปจะไดไ้ ม่วา่ เราเสยี ค่าโง่
ประเด็นที่ คุณสุนิสา จนั ทร์ประสิทธิ์ ไดใ้ ห้ความเห็นวา่
เป็นเรื่องท่ีดีที่กรมชลประทาน มีการเริ่มศึกษาโครงการใหม่อีกคร้ัง เพ่ือเป็นการทบทวนการศึกษา
โครงการว่าปัจจุบันอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วยังมีความจำเป็นหรือไม่ เพราะระยะเวลาผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว ขอให้มี
การศกึ ษาวา่ ชาวบ้านส่วนไหนได้ประโยชน์ส่วนไหนเสียประโยชน์ วันนี้เปน็ เรื่องที่น่ายนิ ดที ี่ทางกรมชลประทานและทีม
ท่ีปรึกษามีการรบั ฟังความคิดเห็นของประชาชน
อยากเสนอว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ท่ีจะให้มีหน่วยงานท่ี 3 (third party) เข้าร่วมในการศึกษาข้อมูล
เพอื่ ความสบายใจของกลุ่มประชาชนมากย่ิงข้ึน รวมทัง้ การให้ชุมชนเองเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการศึกษาด้วย ความขดั แย้ง
ทีม่ ีอยกู่ อ็ าจจะคลค่ี ลายลงได้

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-12 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 4

อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพันธ์ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน

ข้อชี้แ งของโครงการ ในเรื่องการเข้าร่วมในการศึกษาข้อมูลของโครงการท่ีปรึกษาขอหารือกับ
คณะกรรมการก่อนวา่ จะตดิ ขดั ระเบยี บหรอื ขอ้ จำกัดท่เี กี่ยวขอ้ งหรือไม่

8) ประเด็นท่ี 8 คุณบำรงุ คงสมา ผอ.ส่วนการควบคมุ และปฏบิ ตั ิการไฟป่า ได้ให้ความเห็นว่า
ในพนื้ ทีร่ บั นำ้ ท้ังหมด ประมาณ 12,500 ไร่ มีการสร้างอา่ ง 350 ไร่ อยากให้ศึกษาพ้นื ทรี่ บั ประโยชน์

ว่ามีกี่ไร่ และอยากให้สรุปเร่ืองการปนเปื้อนของสารเคมีเข้าสู่อ่างเก็บน้ำ เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงความปลอดภัย
ของน้ำในอา่ ง หากมีการนำไปใชเ้ พือ่ การอุปโภคบรโิ ภค

8) สรปุ ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ ากการวิเคราะหแ์ บบสอบถาม ากผ้เู ข้ารว่ มประชุม
การประชุมดังกล่าว ภายหลังจากการนำเสนอของบริษัทฯ ท่ีปรึกษา มีผู้ตอบแบบสอบถามกลับมา

ทั้งหมด 134 คน คิดเป็นร้อยละ 81.71 ของผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด (ผู้เข้าร่วมประชุม 164 คน ไม่รวมที่ปรึกษาฯ
และคณะกรรมการฯ) ผลการวเิ คราะห์แบบสอบถามที่ผู้เข้ารว่ มประชมุ ตอบกลบั มา สรุปได้ดงั นี้

(1) ผู้ท่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย ร้อยละ 49.25 เป็นเพศหญิง ร้อยละ 38.81
และไมต่ อบ รอ้ ยละ 11.49 มอี ายรุ ะหว่าง 51-60 ปี ร้อยละ 36.57 รองลงมาอายุ 41-50 ปี ร้อยละ 23.88

ผู้ที่ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นประชาชนท่ัวไป (ผู้ได้รับผลกระทบ) ร้อยละ 53.73 รองลงมา
สังกัดหน่วยงานราชการ ร้อยละ 23.13 สมาชิกสภาท้องถิ่น ร้อยละ 9.70 และกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน 6.72 ตามลำดับ
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 62.79 รองลงมาอาชีพรับราชการ ร้อยละ 25.37 ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
คดิ เป็นรอ้ ยละ 5.97 และ รบั จ้างทว่ั ไป รอ้ ยละ 2.99 ตามลำดับ

การศึกษา ส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษา ร้อยละ 29.10 รองลงมา เป็นระดับมัธยมศึกษา
ตอนต้น ปรญิ ญาตรี สูงกวา่ ปริญญาตรี และ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. คิดเป็นรอ้ ยละ 24.63, 16.42, 11.94
และ 11.19 ของผู้ตอบแบบสอบถามทง้ั หมด ตามลำดับ

(2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายในอนาค ตของโครงการพัฒ นาอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง ผู้เข้าร่วมประชุมที่ตอบแบบสอบถามในข้อน้ี ร้อยละ 76.87 ของผู้ที่ตอบ
แบบสอบถาม เห็นด้วยในระดับมาก ว่าควรมีเป้าหมายเพ่ือการแก้ไขปัญหาน้ำแล้งเพื่อการเกษตร รองลงมา
เป็นการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตประปา การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเท่ียว การเพิ่มพื้นท่ีแหล่งประมงน้ำจืด
ให้กับประชาชน และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม คิดเป็นร้อยละ 72.39, 70.90, 67.91 และ 41.04 ของผู้ท่ีตอบ
แบบสอบถาม ตามลำดบั

(3) ผู้เข้าร่วมประชุมท่ีตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.78 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ท้ังหมด
ได้รับความรู้และเข้าใจในเน้ือหาของการจัดประชุมในระดับมาก รองลงมา อยู่ในระดับปานกลาง และน้อย คิดเป็น
รอ้ ยละ 40.30 และ 2.99 ตามลำดบั โดยมีผูท้ ยี่ งั ไมเ่ ข้าใจร้อยละ 0.75 และมผี ้ทู ี่ไม่ตอบคำถามรอ้ ยละ 11.19

ผู้เข้าร่วมประชมุ ที่ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.73 ใหค้ วามเห็นว่าการประชุมมกี ารเปิด
โอกาสให้ซักถามและแสดงความคิดเห็นได้ในระดับมาก และร้อยละ 19.40 ให้ความเห็นว่าอยู่ในระดับปานกลาง
รอ้ ยละ 21.64 ไม่ตอบแบบสอบถามในขอ้ นี้

สำหรับช่องทางในการให้ข้อมูล ข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ของโครงการ ส่วนใหญ่ร้อยละ
22.22 เห็นว่าควรผ่านการจัดประชุม รองลงมาเห็นว่าควรผ่านกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ผ่านกลุ่มผู้ใช้น้ำ ผ่านเสียงตามสาย
ของหมู่บา้ น ผ่านเทศบาล/อบต. และ ผ่านอำเภอ คิดเป็นรอ้ ยละ 18.92, 13.81, 11.41, 9.61 และ 9.31 ตามลำดบั

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-13 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 4

อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลงุ การประชาสมั พันธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมสี ว่ นร่วมของประชาชน

(4) ความคิดเหน็ เก่ียวกบั ประโยชน์ที่ท้องถ่นิ ชุมชน ประชาชน จะได้รับจากการดำเนินโครงการพัฒนา
อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัวอันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.67 ของผู้ท่ีตอบแบบสอบถาม
ให้ความเห็นว่าจะได้รับประโยชนจ์ ากโครงการ รอ้ ยละ 21.64 ไม่ตอบแบบสอบถามในข้อน้ี ร้อยละ 8.21 ของผู้ทตี่ อบ
แบบสอบถาม เห็นวา่ ไม่ไดร้ บั ประโยชน์ และรอ้ ยละ 4.48 ยงั ไมม่ คี วามเหน็ ในเรื่องนี้

กลุ่มที่ให้ความเห็นว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการ ให้ความเห็นเพ่ิมเติมว่า เป็นแหล่งน้ำต้นทุน
ให้กับชุมชน ซ่ึงมีความจำเป็นสำหรับการอุปโภค บริโภค การเกษตรและกิจกรรมเสริม อ่ืนๆ เช่น การประมง
การทอ่ งเทยี่ ว เศรษฐกจิ ดีขนึ้ และความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขนึ้

กลุ่มที่เห็นว่าจะไม่ได้รับประโยชน์น้ันให้ความเห็นเพ่ิมเติมว่า จะกระทบต่อวิถีชีวิตการพ่ึงพาอาศัย
ปา่ คุณภาพน้ำทแ่ี ยล่ ง เกดิ ความขัดแยง้ ในชุมชน ไม่อยากใหม้ ีการสรา้ งเขอื่ นในหมู่บา้ นเพราะถ้ามกี ารสร้างเขือ่ นทีไ่ หน
ก็มีปัญหาทุกท่ี มีแต่พวกนายทุนแหล่งท่ีได้รับประโยชน์ ที่ทำกินเสียหาย ป่าไม้ถูกทำลาย วิถีชีวิตชุมชนเปลี่ยน
ที่ท่องเท่ียวเสียหาย ปัญหาในชุมชนตามมามากมาย จากข้อมูลที่นำเสนอยังไม่มีผลประโยชน์ต่อประชาชน และยังมี
ข้อมลู การรับทราบข้อมูลไม่ครบถว้ นต้องคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อระบบนิเวศของธรรมชาติทจ่ี ะเปลย่ี นไปโดยสิ้นเชงิ

กลมุ่ ที่ยังไมม่ คี วามเหน็ ในเร่ืองนเ้ี ห็นวา่ ขอ้ มลู ยังไมเ่ พียงพอ และไม่ได้รจู้ กั พืน้ ทเ่ี ทา่ ทคี่ วร

4.4.3 การประชาสมั พนั ธ์และให้ขอ้ มลู ข่าวสาร ท่ีผ่านมา
1) เอกสารประกอบการประชมุ
จดั ทำเป็นเล่มขนาด A4 ในการประชมุ ปฐมนิเทศโครงการ จำนวน 200 ชุด
2) โปสเตอร์
จดั ทำโปสเตอร์ รูปแบบ X Stand Banner ขนาด 80 x 190 เซนติเมตร และ/หรือบอร์ดขนาดฟิวเจอร์

บอรด์ มาตรฐาน ที่มีความเหมาะสมกับภาพทต่ี ้องการส่อื ในการประชมุ ปฐมนิเทศโครงการ จำนวน 3 ชน้ิ งาน
3) แผน่ พบั
จดั ทำแผน่ พบั เปน็ กระดาษขนาด A4 พับสาม พิมพ์สี จำนวน 200 ชุด

4.5 แผนการดำเนนิ งานขัน้ ต่อไป
4.5.1 แผนการประชมุ กลมุ่ ยอ่ ย

1) วัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอผลการคัดเลือกแนวทางการพัฒนาโครงการ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารโครงการ
ให้แก่ผู้ท่ีเกี่ยวข้องได้รับรู้รับทราบ พร้อมทั้งรับฟังปัญหา ข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงาน
ศึกษาโครงการ

2) ข้อมูล/ข่าวสารที่ต้องการนำเสนอ สรุปผลการศึกษาโครงการในภาพรวมทั้งหมด ข้อดี ข้อเสีย รวมทั้ง
ขอ้ จำกัดในการพัฒนาโครงการ ร่างการประเมินผลกระทบส่งิ แวดลอ้ ม มาตรการปอ้ งกนั และแกไ้ ข

3) พื้นที่เป้าหมาย ครอบคลุมพื้นที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมพื้นท่ีเหนือน้ำ พ้ืนท่ีท้ายน้ำ พ้ืนท่ีตาม
แนวคลอง พ้นื ทช่ี ลประทาน

4) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ หน่วยงานราชการระดับอำเภอ ตำบล ที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชนและผู้ที่อยู่ในพื้นที่
เป้าหมายทีไ่ ด้รบั ผลกระทบจากโครงการฯ

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 4-14 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Intrim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 4

อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ การประชาสัมพนั ธ์ มวลชนสัมพนั ธ์ และการมสี ่วนรว่ มของประชาชน

5) ขนั้ ตอนการดำเนินงาน วธิ ีการและเทคนิค
- ขั้นตอนที่ 1 ลงทะเบยี น กล่าวรายงาน กลา่ วเปิดการประชมุ
- ขน้ั ตอนที่ 2 นำเสนอข้อมลู ตามรายละเอยี ดขอ้ มลู ตามท่ีกลา่ วไว้ขา้ งตน้
- ขั้นตอนที่ 3 รับฟังความคดิ เหน็ และแลกเปลย่ี นข้อมูล
- ขน้ั ตอนที่ 4 สรปุ การประชุมและชแ้ี จงกจิ กรรมที่จะดำเนินการต่อไป

6) อุปกรณ์เคร่ืองมือ/ประเภทของสื่อ สื่อที่ใช้ ได้แก่ เอกสารประกอบการประชุม แบบแสดงความคิดเห็น
บอร์ดนิทรรศการ นิทรรศการ (รูปแบบ X Stand Banner ขนาด 80x180 เซนติเมตร และ/หรือบอร์ดขนาดฟิวเจอร์
บอรด์ มาตรฐาน) สไลด์ประกอบคำบรรยาย

7) ระยะเวลาดำเนินการ กำหนดการประชุมหลังตรวจรับรายงานฉบับกลาง (ITR) มีระยะเวลาดำเนินการ
ภายใน 1 วัน

8) สถานทด่ี ำเนนิ การ พจิ ารณาใช้สถานทใี่ นอำเภอปา่ บอน
9) ผู้รับผิดชอบดำเนินการ ประกอบด้วย ผู้จัดการโครงการ ผู้เช่ียวชาญด้านชลประทาน ผู้ชำนาญด้าน
สิ่งแวดล้อม ผู้เช่ียวชาญด้านการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วม และผู้เชี่ยวชาญสาขาอ่ืนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง
นักวิชาการผชู้ ว่ ยและบุคลากรสนับสนนุ
10) ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รบั

- ผู้เข้าร่วมประชุมได้รับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบส่ิงแวดล้อมโครงการ
พรอ้ มท้ังแสดงความคิดเห็นต่อผลการศึกษาของโครงการ

- โครงการนำผลจากการประชุมมาประกอบการพิจารณาปรับปรุงผลการศึกษาให้สมบูรณ์ย่ิงขึ้น
สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของประชาชนใหม้ ากที่สุดบนพนื้ ฐานขอ้ มูลและการวิเคราะหท์ างวิชาการ

4.5.2 แผนการประชาสัมพันธ์
การจัดทำและเผยแพร่ส่ือเพื่อการประชาสัมพันธ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลการศึกษา

ความเหมาะสมและผลกระทบส่ิงแวดล้อมของโครงการ ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่หน่วยงานและ
ประชาชนท่ีสนใจในวงกว้าง และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมรับรู้ ร่วมคิดและให้ข้อมูล โดยดำเนินการเป็นระยะๆ
อย่างต่อเน่ือง และเลือกใช้ประเภทส่ือให้เหมาะสม สอดคล้องกับการนำเสนอผลการศึกษาของโครงการ โดยจัดทำสื่อ
ต่างๆ ให้กรมชลประทานเหน็ ชอบกอ่ นดำเนนิ การจดั กจิ กรรมการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน ดงั น้ี

1) การผลติ วดี ที ศั น์
ความยาวประมาณ 8-12 นาที ดำเนินการ 1 คร้ัง นำเสนอในการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการ

2) จดหมายขา่ ว
จัดทำเป็นกระดาษ ขนาด A4 พิมพ์สี ความยาวประมาณ 1-2 หน้าเพ่ือให้ข่าวสารโครงการและจัดส่งให้

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของกรมชลประทานทั้งในส่วนกลางและส่วนท้องถ่ิน สำนักงาน
ประชาสัมพันธ์จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และส่ือมวลชนท้องถ่ิน รวมท้ังประชาชนในพ้ืนท่ี
โครงการ เน้อื หาประกอบดว้ ย ความก้าวหนา้ ของงาน และกจิ กรรมการมีสว่ นรว่ มของประชาชน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 4-15 รายงานฉบบั กลาง
บรษิ ทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Intrim Report)


Click to View FlipBook Version