โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น
ทมี่ า : ดดั แปลงจาก กรมทรัพยากรธรณีวิทยา, 2550
รปู ท่ี 3.4.4-2 แผนทธ่ี รณีวิทยาพน้ื ทโี่ ครงการ
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-54 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้
พนื้ ท่ศี ึกษา
ท่ีมา : กรมทรัพยากรธรณี, 2562
รูปที่ 3.4.4-3 แผนทรี่ อยเล่ือนมีพลังในประเทศไทย
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-55 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้
ทม่ี า : กรมทรัพยากรธรณี, 2561
รูปท่ี 3.4.4-4 แผนท่ภี ยั พิบตั แิ ผ่นดินไหวประเทศไทย
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-56 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งต้น
ท่มี า : ดัดแปลงจากแผนท่ีรอยเลอื่ นมพี ลงั ในประเทศไทย, 2562
รปู ท่ี 3.4.4-5 กลมุ่ รอยเลอื่ นในรศั มี 150 กิโลเมตรจากพนื้ ทโี่ ครงการ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-57 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
รูปที่ 3.4.4-6 แผนที่เ ่สียง ัภยดินถ ่ลม จังห ัวดพัทลุง
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-58 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้
ตารางที่ 3.4.4-1 สถติ กิ ารเกิดแผน่ ดนิ ไหวของกรมอุตุนิยมวิทยา ปี พ.ศ.2550-2560
วนั เดอื น ปี ตำแหนง่ ศนู ย์กลาง/สถานที่รู้สกึ สนั่ ไหว ขนาด เหตุการณ์
(รกิ เตอร์)
6-ม.ค.-2550 อ.แม่รมิ จ.เชียงใหม่ รสู้ กึ สั่นสะเทือนไดท้ ี่ อ.แมร่ ิม อ.เมือง จ.เชยี งใหม่
22-เม.ย.-2550 อ.เวียงปา่ เป้า 3.1 รู้สกึ ส่ันสะเทือนได้ที่ อ.เวยี งป่าเป้า จ.เชยี งราย และ จ.พะเยา
27-เม.ย.-2550 ตอนเหนอื เกาะสุมาตรา 4.5 รูส้ ึกส่นั สะเทอื นไดท้ ่ี จ.ภเู กต็
15-พ.ค.-2550 พรมแดนลาว-เมยี นมาร์ 6.1 รู้สกึ สน่ั สะเทอื นไดท้ ่ี จ.เชียงราย
16-พ.ค.-2550 พรมแดนลาว-เมยี นมาร์ 5.1 รู้สกึ สน่ั สะเทือนได้ท่ี จ.เชยี งราย และหลายจังหวัดภาคเหนอื
19-ม.ิ ย.-2550 อ.แมร่ มิ จ.เชยี งใหม่ 6.1 รู้สึกสน่ั สะเทือนไดท้ ่ี อ.แม่ริม จ.เชยี งใหม่ และ จ.ลำพนู
20-ก.พ.-2551 ตอนเหนือเกาะสมุ าตรา 4.5 รู้สกึ สั่นไหวบนตึกสงู ในกรุงเทพฯ และ จ.ภูเก็ต
12-พ.ค.-2551 7.5 รู้สึกส่ันไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ประเทศจีนมี
มณฑลเสฉวน, จนี ผู้เสยี ชีวิตประมาณ 20,000 คน
21-ส.ค.2551 7.8 รู้สึกส่ันไหวบนตึกสูงในกรุงเทพฯ หลายแห่ง ประเทศจีนมี
22-ก.ย.-2551 ผ้เู สียชีวติ 1 คน บาดเจ็บหลายคน
30-ก.ย.-2552 พรมแดนพมา่ -จนี 5.7 รสู้ ึกสั่นไหวบนตกึ สูงหลายแห่งในกรงุ เทพฯ
รู้สกึ สั่นไหวบนตกึ สงู ในกรงุ เทพฯ ประเทศอนิ โดนเี ซยี มีผู้เสียชีวิต
20-มี.ค.-2553 ชายฝง่ั ตอนใตข้ องพมา่ 5.2 ประมาณ 1,000 คน
7-เม.ย.-2553
9-พ.ค.-2553 ตอนกลางเกาะสุมาตรา 7.9 รู้สกึ สั่นสะเทอื นได้ท่ี จ.เชยี งราย
4-ก.พ.-2554
23-ก.พ.-2554 ประเทศเมียนมาร์ ห่างจากพรมแดนไทย (แม่สาย) 5.0 รสู้ ึกสั่นสะเทอื นไดท้ อ่ี าคารสงู กทม. หลายแหง่
ประมาณ 80 กิโลเมตร รสู้ ึกสั่นไหวอาคารสงู จ.ภูเกต็ พังงา สรุ าษฏร์ธานี จ.สงขลาและ
24-มี.ค.-2554 กรุงเทพมหานคร
ตอนเหนอื เกาะสุมาตรา 7.6 รสู้ กึ บนอาคารสงู กทม. หลายแหง่
30-เม.ย.-2554 รู้สึกที่ แพร่ น่าน อุดรธานี เลย หนองคาย หน องบัวลำภู
10-พ.ค.-2554 ตอนเหนือสุมาตรา 7.3 ขอนแกน่ มหาสารคาม
6-ก.ย.-2554 รู้สึกได้ในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือและ อาคาร สูงใน
5-มี.ค.-2555 พรมแดนพม่า-อินเดีย 6.8 กทม.หลายแห่ง และมีความเสียหายที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย มี
ผเู้ สียชีวิต 1 คนจากผนังบ้านพังทบั ศรษี ะ
11-เม.ย.-2555 ลาว 5.4 รสู้ ึกสนั่ สะเทอื นที่ จ.ภเู ก็ต
รสู้ ึกส่นั สะเทือนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
16-เม.ย.-2555 พมา่ 6.7 รสู้ ึกสั่นสะเทือนท่ี อ.เมอื ง จ.ภเู กต็ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
รสู้ ึกไหวเลก็ นอ้ ยท่ี จ.ภูเก็ต
4-ม.ิ ย.-2555 ทะเลอนั ดามัน 4.4 รสู้ ึกไดใ้ นหลายจงั หวัดในภาคใต้และภาคกลาง รวมถึง
23-มิ.ย.-2555 พม่า 4.0 ภาคอีสาน เกดิ คล่ืนสึนามสิ ูง 80 ซม. ทปี่ ระเทศอนิ โดนเี ซีย และ
11-พ.ย.-2555 ตอนเหนือเกาะสมุ าตรา 6.7 30 ซม. ท่เี กาะเมยี ง จ.พงั งา
11-พ.ย.-2555 ตอนเหนอื เกาะสุมาตรา 5.2 รู้สึกไหวในหลายพ้ืนท่ีใน จ.ภูเก็ต บ้านเรือนแตกร้าวหลายหลัง
ใน อ.ถลาง จ.ภเู ก็ต เกิดอฟั เตอร์ชอ็ คมากกวา่ 26 ครง้ั
ชายฝั่งตะวันตกทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา 8.6 รู้สกึ สั่นไหวท่ี ต.เขานเิ วศน์ ต.บางนอน อ.เมอื งระนอง
จ.ระนอง
ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 4.3 รู้สกึ บนอาคารสงู จ.ภเู กต็ และ จ.สงขลา
รู้สกึ ส่ันไหวทจ่ี .เชยี งใหม่ จ.นนทบรุ ี จ.กรุงเทพมหานคร
อ.เมอื ง จ.ระนอง 4.0 รู้ สึ ก สั่ น ไห ว ที่ จ .เชี ย ง ให ม่ แ ล ะ บ น ตึ ก สู ง ข อ ง
ตอนเหนอื เกาะสมุ าตรา 6.3 กรงุ เทพมหานคร
เมยี นมาร์ 6.6
เมียนมาร์ 5.8
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-59 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น
ตารางที่ 3.4.4-1 สถติ กิ ารเกดิ แผน่ ดนิ ไหวของกรมอุตนุ ยิ มวทิ ยา ปี พ.ศ.2550-2560 (ตอ่ )
วัน เดือน ปี ตำแหน่ง ศูนย์กลาง/สถานท่ีรสู้ ึกสนั่ ไหว ขนาด เหตุการณ์
(ริกเตอร์)
20-ธ.ค.-2555 เมยี นมาร์ 4.6 รู้สึกส่ันไหวท่ี อ.แม่สาย จ.เชียงราย และบนอาคารสูง
4.3 จ.เชยี งใหม่
7-ก.พ.-2556 เมียนมาร์ 5.1 รู้สกึ สั่นไหวที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
11-เม.ย.-2556 เมยี นมาร์ 5.4 รสู้ กึ ส่ันไหวที่ จ.แม่ฮอ่ งสอน
รู้สึกส่ันไหว ท่ีบ้านและบนอาคาร อ.แม่สาย อ.เมือง
7-พ.ค.-2556 เมียนมาร์ 6.0 จ.เชียงราย
4.1 รู้สึกส่ันไหวบริเวณ จ.ภูเก็ต จ.พังงา และอาคารสูงใน
2-ก.ค.-2556 ตอนเหนือของเกาะสมุ าตรา ประเทศอินโดนีเซีย 6.4 กรงุ เทพมหานคร
รู้สึกสั่นไหวท่ี ต.สนั ทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
11-ต.ค.-2556 ต.ทงุ่ หลวง อ.พรา้ ว จ.เชียงใหม่ 6.3 รสู้ กึ สน่ั ไหวที่ อ.เมอื ง จ.ภเู ก็ต
21-ม.ี ค.-2557 หมูเ่ กาะนิโคบาร์,ประเทศอินเดยี ถนน อาคารและบ้านเรือน บริเวณใกล้จุดศูนย์กลาง
5.9 ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิต 1 คน เกิด
5-พ.ค.-2557 ต.ดงมะดะ อ.แมล่ าว จ.เชยี งราย โค ล น ผุ ด รู้สึ ก ส่ั น ไห ว ที่ จ .เชี ย งรา ย , จ .แ พ ร่ ,
4.0 จ.แม่ฮ่องสอน, จ.อุตรดิตถ์, จ.พิษณุโลก, จ.เชียงใหม่
6-ธ.ค.-2557 ยูนนาน ประเทศจีน 4.6 และตึกสูงในกรงุ เทพมหานคร
4.5 รู้สึกส่ันไหวท่ี ตึกสูง จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่และ
20-ก.พ.-2558 อ่าวพังงา ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว 5.1 กรงุ เทพมหานคร
จ.พังงา 4.8 รู้สึกส่ันไหวที่ อ.เมือง อ.กะทู้ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต, เกาะ
6-พ.ค.-2558 ในทะเลบรเิ วณ อ.เกาะยาว จ.พงั งา 6.2 ยาวใหญ่ จ.พังงา
7-พ.ค.-2558 ในทะเลบรเิ วณ อ.เกาะยาว จ.พังงา รสู้ กึ สน่ั ไหวบริเวณ จ.พังงา จ.ภูเก็ต และ จ.กระบ่ี
24-พ.ค.-2558 เมยี นมาร์ 6.8 รู้สึกสั่นไหวบริเวณ จ.พังงา จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่
14-ก.ค.-2558
ต.ปรังเผล อ.สงั ขละบุรี จ.กาญจนบรุ ี 4.5 รูส้ กึ ส่นั ไหวบรเิ วณ จ.เชยี งใหม่ จ.เชยี งราย และ จ.แมฮ่ อ่ งสอน
6.5
8-พ.ย.-2558 หมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอนิ เดีย 4.2 รสู้ ึกส่ันไหวบรเิ วณ อ.สังขละบรุ ี, อ.ทองผาภมู ิ จ.กาญจนบุรี
5.1
24-ส.ค.-2559 เมยี นมาร์ 3.9 รสู้ ึกสั่นไหวที่ อ.เมอื ง จ.ภูเก็ต ,อ.ตะกั่วปา่ จ.พังงา ,อ.เมอื ง
จ.สรุ าษฎรธ์ านี, อ.เมอื ง จ.กระบี่
29-ต.ค.-2559 เมียนมาร์ รู้สึกสั่นไหวที่บริเวณ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ
กรุงเทพมหานคร
7-ธ.ค.-2559 ทางตอนเหนอื ของเกาะสุมาตรา, อนิ โดนีเซยี รู้สึกส่ันไหวที่บริเวณ อ.เมืองตาก อ.แม่สอด อ.ท่าสองยาง
15-ม.ค.-2560 อ.จอมทอง จ.เชยี งใหม่ จ.ตาก
รสู้ กึ สน่ั ไหวท่ีบริเวณ จ.กระบ่ี จ.สงขลา และ จ.ภูเกต็
18-เม.ย.-2560 เมียนมาร์ รสู้ กึ ส่ันไหวที่บริเวณ จ.แมฮ่ อ่ งสอน และ จ.เชียงใหม่
รู้สึกสัน่ ไหวทบี่ รเิ วณ อ.เมอื ง อ.แมจ่ นั อ.แมส่ าย อ.เชียงแสน
22-เม.ย.-2560 อ.นานอ้ ย จ.น่าน จ.เชยี งราย
ทมี่ า : สำนกั เฝ้าระวงั แผ่นดนิ ไหว กรมอตุ นุ ยิ มวิทยา (2560) รู้สกึ สั่นไหวทบี่ รเิ วณ อ.นาน้อย อ.เวียงสา จ.น่าน
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-60 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้
3.4.5 แหลง่ แร่
จังหวัดพัทลุงมีแหล่งทรัพยากรแร่ที่สำคัญทางเศรษฐกิจ 2 ชนิด คือ แร่ตะก่ัว และหินปูน (หินปูนเพื่อ
อุตสาหกรรมก่อสร้าง หินปูนเพ่ืออุตสาหกรรมอ่ืน ๆ และหินปูนที่จำแนกประเภทไม่ได้) นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรอีก
ชนิดหนึ่ง คือ ทรายก่อสร้าง โดยแหล่งแร่ดังกล่าว มีประทานบัตรทำเหมืองแร่ที่ยังไม่ส้ินอายุและเปิดการอยู่ท้ังส้ิน
2 แปลง (หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมกอ่ สร้าง 2 แปลง) คำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ 4 แปลง (โดโมไมต์ 1 แปลงและ
หินปูนเพ่ืออุตสาหกรรม 3 แปลง) เม่ือคิดในเชิงพื้นท่ีแล้ว พื้นท่ีแหล่งแร่ในจังหวัดมีเนื้อท่ีทั้งหมด 110.88 ตารางกิโลเมตร
หรือคิดเป็น 3.24% ของเนอ้ื ทจี่ ังหวดั แสดงดงั ตารางท่ี 3.4.5-1
ตารางที่ 3.4.5-1 พื้นที่แหลง่ แรใ่ นจังหวดั พัทลุง เนือ้ ทีแ่ หล่งแร่ ปรมิ าณสำรอง
(ไร่) (ล้านเมตรกิ ตนั )
ชนิดแร่ 57,806
1,413 28,430
หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมกอ่ สร้าง 7,781 415
หนิ ปนู เพ่ืออุตสาหกรรมอืน่ ๆ 2,300 3,917
หนิ ปนู ที่จำแนกไมไ่ ด้ 69 300 2
ตะก่วั 32 764
รวม
ในการจำแนกเขตทรัพยากรแร่ได้นำพ้ืนท่ีแหล่งแร่มาจำแนกออกเป็น 3 เขต คือ เขตสงวนทรัพยากรแร่
เขตอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรแร่ และเขตสงวนทรพั ยากรแร่ เขตอนรุ ักษท์ รพั ยากร และพัฒนาทรัพยากรแร่
(1) เขตสงวนทรัพยากรแร่ หมายถึง พ้ืนท่ีแหล่งแร่ท่ีควรสงวนรักษาทรัพยากรแร่ไว้ ซึ่งเป็นพื้นท่ีที่อยู่ภายใต้
ข้อจำกัดของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่ไม่เอ้ืออำนวยให้นำทรัพยากรแร่ขึ้นมาใช้ประโยชน์ใน
ปัจจบุ ัน ควรเก็บรกั ษาไวใ้ ห้ชนรนุ่ หลังใชป้ ระโยชนย์ ามจำเป็นเม่ือเกดิ วกิ ฤตทิ างเศรษฐกิจแกป่ ระเทศชาตเิ ทา่ น้ัน
(2) เขตอนุรักษ์ทรัพยากรแร่ หมายถึง พื้นที่แหล่งแร่ท่ีควรเก็บรักษาเพื่อสำรองไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคต ซ่ึง
เป็นพืน้ ที่ท่เี ปิดโอกาสใหน้ ำทรพั ยากรแรข่ ้ึนมาใช้ประโยชน์ในปัจจบุ ันได้โดยมีเงอ่ื นไขพเิ ศษ ทงั้ น้ีตอ้ งอย่ภู ายใตข้ อ้ จำกัด
ของกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี กฎ ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หลกั เกณฑ์ในการพิจารณาจำแนกเขตอนรุ ักษ์ทรพั ยากรแร่
คอื พนื้ ทแี่ หลง่ แร่ทอี่ ยใู่ นเขตพ้ืนที่ทีผ่ ่อนผนั ให้เขา้ ทำประโยชน์เป็นกรณีพิเศษ อันได้แก่ พ้ืนทลี่ ุ่มนำ้ ช้ันที่ 1 เขตพนื้ ท่ีป่า
อนุรักษ์เพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เขตพื้นที่ป่าเพ่ือการเกษตร เขตปฏิรูปท่ีดินเพื่อการเกษตร เขตป่าชายเลน
เศรษฐกิจ ก เขตประกาศมาตรา 6 ทวิ วรรคหนง่ึ
(3) เขตพัฒนาทรัพยากรแร่ หมายถึง พื้นท่ีแหล่งแร่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาใช้ประโยชน์ได้ เป็นพื้นที่ท่ีอยู่
นอกเขตสงวนทรัพยากรแร่และเขตอนุรักษ์ทรพั ยากรแร่ในการพฒั นาใชป้ ระโยชน์ตอ้ งอยภู่ ายใตข้ ้อจำกัดของกฎหมาย
มตคิ ณะรัฐมนตรี กฎ ระเบยี บต่าง ๆ ทีเ่ ก่ียวกับการใชป้ ระโยชน์พ้นื ทด่ี ินของรัฐเอกชน
แหล่งแร่ในจังหวัดพัทลุง สามารถจำแนกได้เป็น 3 เขต แสดงดังรูปท่ี 3.4.5-1 คือ เขตสงวนทรัพยากรแร่
เขตอนรุ ักษท์ รัพยากรแร่ และเขตพัฒนาทรัพยากรแรด่ งั แสดงดังตารางที่ 3.4.5-2 ถงึ ตารางที่ 3.4.5-4
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-61 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น
เขตสงวนทรัพยากรแร่มีจำนวนแหล่งแร่ทั้งหมด 16 แหล่ง โดยแหล่งแร่ตะก่ัวพบอยู่ ในเขตอุทยานแห่งชาติ
เขาปู่-เขาย่า ส่วนแหล่งหินปูนเพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้างพบอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เขตรักษาพันธ์ุสัตว์
ป่าเขาบรรทัด และเขตวนอุทยานเมืองเก่าชัยบุรี และแหล่งหินปูนที่จำแนกประเภทไม่ได้พบอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์
ป่าเขาบรรทัด และบริเวณเกาะสเ่ี กาะห้า
เขตอนุรกั ษ์ทรัพยากรแรท่ ่ีมีจำนวนแรท่ ั้งหมด 106 แห่ง โดยแหล่งหินปูนเพ่ืออุตสาหกรรมก่อสร้างพบอยู่ใน
เขตลุม่ น้ำชัน้ ที่ 1 เขตปฏริ ูปที่ดินเพือ่ การเกษตร และเขตป่าอนุรกั ษ์เพ่ิมเตมิ ตามมติคณะรัฐมนตรี สว่ นแหล่งหินปูนเพื่อ
อุตสาหกรรมอืน่ ๆ พบอยใู่ นเขตล่มุ น้ำชน้ั ท่ี 1 และแหลง่ หินปูนทจี่ ำแนกประเภทไมไ่ ดพ้ บอยใู่ นเขตลุม่ นำ้ ชั้นที่ 1
เขตพัฒนาทรัพยากรแร่มีจำนวนแหล่งแร่ทั้งหมด 138 แหล่ง ไม่จำนวนนี้เป็นแหล่งท่ีมีเน้ือท่ีมากกว่า
0.1 ตารางกิโลเมตร จำนวน 18 แหลง่ โดนแหล่งหินปูนเพอื่ อุตสาหกรรม กอ่ สร้างมีจำนวนท้ังสนิ้ 17 แหล่ง และแหล่ง
หินปนู เพ่ืออุตสาหกรรมอื่น ๆ มีจำนวน1 แหล่ง
ตารางที่ 3.4.5-2 เขตสงวนทรพั ยากรแร่ จังหวดั พัทลุง
ชนิดแร่ จำนวนแหลง่ เนอื้ ทแ่ี หล่งแร่ ปริมาณสำรอง
รวม (ไร่) (ล้านเมตริกตนั )
2,300
ตะกวั่ 1 42,231 2
28,584
หินปูนเพอื่ อตุ สาหกรรม 11 7,544
52 075 3,896
ก่อสรา้ ง 32 482
หนิ ปนู ทจี่ ำแนกประเภทไมไ่ ด้ 4
รวม 16
ตารางที่ 3.4.5-3 เขตอนุรักษ์ทรพั ยากรแร่ จังหวดั พทั ลงุ
ชนิดแร่ จำนวนแหล่ง เนอ้ื ทแี่ หล่งแร่ ปรมิ าณสำรอง
รวม ตร.กม.(ไร)่ (ล้านเมตรกิ ตนั )
15.90 (9,938)
หินปูนเพอ่ื อุตสาหกรรม 99 4,099
1.67 (1,044)
กอ่ สร้าง 0.23 (144) 345
17.80 (11 125) 25
หินปูนเพื่ออตุ สาหกรรมอืน่ ๆ 4 4 468
หนิ ปนู ที่จำแนกประเภทไมไ่ ด้ 3
รวม 106
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-62 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น
ท่ีมา : กรมทรพั ยากรธรณี
รปู ท่ี 3.4.5-1 แผนท่ีจำแนกเขตสงวน เขตอนุรกั ษ์ และเขตพฒั นาทรพั ยากรแร่ จังหวดั พัทลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-63 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้
ตารางท่ี 3.4.5-4 เขตพฒั นาทรพั ยากรแร่ จงั หวดั พทั ลุง
ลำดบั ชนิดแร่ ชอ่ื พ้ืนที่แหล่งแร่ เนื้อท่แี หล่งแร่ ปรมิ าณสำรอง
(ไร่) (ลา้ นเมตริกตนั )
1 หนิ ปูนเพื่ออุตสาหกรรมกอ่ สร้าง เขาผี-เขาแดง 113
2 หนิ ปูนเพอ่ื อุตสาหกรรมก่อสร้าง ตะวนั ออกของเขาอกทะลุ 75 6
3 หินปูนเพอ่ื อตุ สาหกรรมก่อสรา้ ง หุบระหว่างชอ่ งเขาเหมน 1000 18
ฝ่ังตรงขา้ ม ร.ร.ตะแพนพิทยา 76
4 หนิ ปนู เพื่ออุตสาหกรรมก่อสรา้ ง ทรี่ าบบรเิ วณบ้านในวงั 444
5 หนิ ปูนเพอ่ื อุตสาหกรรมก่อสร้าง เขาย่า 31 178
6 หินปนู เพือ่ อตุ สาหกรรมกอ่ สร้าง เขาวัง-เขาโพรกเพลง 406 9
7 หนิ ปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสรา้ ง ดา้ นตะวันตกของเขาหัวชา้ ง 331 74
8 หนิ ปูนเพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง ตะวนั ตกของเขาพูด 181 174
9 หินปูนเพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สรา้ ง บา้ นนาบอน 75 49
10 หินปนู เพอ่ื อตุ สาหกรรมก่อสร้าง สำนักสงฆ์ถำ้ พุทธโคดม 75 3
11 หินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสรา้ ง บ้านใสแตระ 456 5
12 หินปูนเพือ่ อุตสาหกรรมกอ่ สรา้ ง ควนขีแ้ รด 531 184
13 หินปูนเพอื่ อตุ สาหกรรมกอ่ สร้าง ทร่ี าบบริเวณบา้ นทุ่งใหญ่ 1000 214
ต.ของเขาในวัง 402
14 หินปนู เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง เขาพนมวงั ก์ 413
15 หนิ ปนู เพอ่ื อตุ สาหกรรมก่อสร้าง ตะวันออกของเขาชยั บุรี 194 96
16 หนิ ปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสรา้ ง เขาจิงโจ้ 0.13 (81) 81
17 หนิ ปนู เพื่ออตุ สาหกรรมกอ่ สร้าง บ้านคู 2 0.13 (81) 8
18 หนิ ปนู เพอื่ อตุ สาหกรรมก่อสร้าง เขารนุ 0.39 (244) 33
7.79 (4 869) 37
รวม 1 644
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-64 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้
3.4.6 การกดั เ าะ และการตกตะกอน
1) การรวบรวมและทบทวนข้อมลู
ปริมาณตะกอนแขวนลอยรายเดือนและรายปีได้รวบรวมข้อมูลจากสถานีตรวจวัดรวม 11 สถานี แยก
เป็นสถานีของกรมชลประทาน 9 สถานี และกรมทรัพยากรน้ำ 2 สถานี ข้อมูลที่รวบรวมได้ล่าสุดถึงปี พ.ศ. 2561
รายชื่อสถานวี ัดตะกอนแขวนลอยและช่วงปีสถิตขิ อ้ มูล แสดงดงั ตารางที่ 3.4.6-1 และทต่ี ้ังสถานีแสดงในรปู ท่ี 3.4.6-1
ตารางที่ 3.4.6-1 รายชือ่ สถานวี ดั ปรมิ าณตะกอนแขวนลอยและสถติ ปิ รมิ าณตะกอนแขวนลอยทีร่ วบรวม
ไดใ้ นพนื้ ท่ศี กึ ษาและขา้ งเคยี ง
สถานีวัดน้าท่า จังหวัด รหัส พนื ที่ ช่วงปีสถติ ิ ปริมาณตะกอนแขวนลอย ปริมาณตะกอนแขวนลอย
สถานี รับน้าฝน ขอ้ มูล
(ตร.กม.) รายปีเฉลย่ี รายปีเฉลย่ี ต่อพนื ท่ี
(ตัน) (ตัน/ตร.กม.)
1. คลองท่ามะเดื่อท่ีวัดมหรรณธวัช พทั ลงุ X.21B 330.0 2506 - 2512 24,575 74.47
2. คลองรัตภูมิที่บ้านกา้ แพงเพชร สงขลา X.67 272.0 2521 - 2532 11,941 43.90
3. คลองตา้่ ท่ีบ้านควนลงั สงขลา X.71B 148.0 2548 - 2561 10,185 68.82
4. คลองอู่ตะเภาที่บ้านบางศาลา สงขลา X.90 1,546.8 2521 - 2561 55,946 36.17
5. คลองบางแก้วที่บ้านควนอินนอโม พทั ลงุ X.109 131.0 2526 - 2561 10,481 80.03
6. คลองเหลา้ ปังที่บ้านทุ่งปราบ สงขลา X.113 118.5 2522 - 2561 7,865 66.40
7. คลองท่ามะเดอื่ ท่ีบ้านคลองอ้ายโต พทั ลงุ X.129 332.0 2526 - 2536 16,000 48.19
8. คลองหวะท่ีบ้านคลองหวะ สงขลา X.174 115.9 2546 - 2561 23,583 203.46
9. คลองท่าเชียดท่ีบ้านแม่ขรี พทั ลงุ X.267 295.0 2550 - 2561 31,248 105.93
10. ห้วยลา้ สนิ ธทิ์ ่ีบ้านโตน พทั ลงุ 230301 25.0 2525 - 2540 6,451 258.06
11. คลองนาบอนที่บ้านทุ่งโพธ์ิ พทั ลงุ 230302 18.1 2527- 2540 2,415 133.43
ที่มา: กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้า
2) การวเิ คราะหป์ รมิ าณตะกอน
การวเิ คราะห์ปริมาณตะกอน พบว่าสถานีวัดปริมาณตะกอนแขวนลอย แสดงดังตารางที่ 3.4.6-1 มีช่วง
พิสัยของขนาดพื้นที่รบั น้ำฝนท้ัง 11 สถานี อยรู่ ะหว่าง 18.1 – 1,546.8 ตร.กม. และมีช่วงพิสัยของค่าปรมิ าณตะกอน
แขวนลอยรายปีเฉล่ียต่อหน่วยพ้ืนที่อยู่ระหว่าง 36.17 – 258.06 ตัน/ตร.กม. ค่าเฉล่ียปริมาณตะกอนแขวนลอยราย
เดอื นทส่ี ถานีวัดตะกอนต่าง ๆ แสดงดงั ตารางท่ี 3.4.6-2
ในการวิเคราะหค์ วามสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉลีย่ และพืน้ ที่รบั น้ำฝน ของสถานวี ัด
ปริมาณตะกอนแขวนลอยจำนวน 11 สถานี แสดงผลการวิเคราะห์ถดถอยความสัมพันธ์ดังกล่าว แสดงดังรูปท่ี 3.4.6-2
และไดส้ มการแสดงความสัมพนั ธ์ดงั ตอ่ ไปน้ี
QS = 593.83061 A0.61506 (R2 = 0.78388)
เม่ือ QS = ปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปเี ฉล่ยี (ตนั /ปี)
A = พ้นื ทร่ี บั นำ้ ฝน (ตร.กม.)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-65 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้
รูปที่ 3.4.6-1 ตำแหน่งทต่ี ้ังสถานีตรวจวัดปริมาณนำ้ ท่าและปริมาณตะกอน
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-66 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั ตารางท่ี 3.4.6-2 ปรมิ าณตะกอนแขวนลอยรายเดือนและรายปเี ฉลี่ยที่สถานีวัดตะกอนในพ้นื ที่ศกึ ษาและบริเวณข้างเคยี ง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั
ชอื่ สถานี จังหวัด รหัส พนื ที่ ชว่ งปีสถิติ ปริมาณตะกอนแขวนลอยรายเดือนเฉลยี่ , ตัน ปริมาณตะกอน ปริมาณตะกอน โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
สถานี รับน้าฝน ข้อมูล แขวนลอย แขวนลอยรายปี อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง
รายปีเฉลย่ี เฉลย่ี ต่อพนื ท่ี
(ตร.กม.) เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ม.ค. ก.พ. มี.ค. (ตัน) (ตัน/ตร.กม.)
1. คลองท่ามะเดื่อท่ีวัดมหรรณธวัช พทั ลงุ X.21B 330.0 2506 - 2512 199.1 518.6 297.3 185.7 228.1 338.1 1,515.0 5,320.7 10,259.4 4,442.3 836.1 434.3 24,574.86 74.47
11,940.83 43.90
2. คลองรัตภูมิท่ีบ้านกา้ แพงเพชร สงขลา X.67 272.0 2521 - 2532 141.4 330.5 111.6 506.6 174.8 275.8 547.5 2,814.9 5,949.7 677.9 219.1 191.1 10,184.78 68.82
55,945.77 36.17
3. คลองต้่าที่บ้านควนลงั สงขลา X.71B 148.0 2548 - 2561 430.1 536.8 448.1 283.2 592.4 763.1 457.2 1,662.9 3,471.4 742.0 360.1 437.3 10,480.88 80.03
7,865.22 66.40
4. คลองอู่ตะเภาท่ีบ้านบางศาลา สงขลา X.90 1,546.8 2521 - 2561 747.9 2,520.8 1,919.1 2,209.9 1,996.1 3,018.1 6,856.2 16,086.6 16,853.4 2,765.6 534.2 437.8 16,000.00 48.19
23,583.33 203.46
5. คลองบางแก้วท่ีบ้านควนอินนอโม พทั ลงุ X.109 131.0 2526 - 2561 379.6 300.1 228.5 261.8 228.8 371.5 886.1 2,882.6 3,535.8 746.6 302.0 357.6 31,248.27 105.93
6,451.41 258.06
6. คลองเหลา้ ปังท่ีบ้านทุ่งปราบ สงขลา X.113 118.5 2522 - 2561 267.5 565.9 283.4 523.4 577.0 698.6 1,594.3 1,804.8 972.8 127.2 107.3 343.0 2,415.03 133.43
7. คลองท่ามะเดื่อท่ีบ้านคลองอ้ายโต พทั ลงุ X.129 332.0 2526 - 2536 168.7 274.2 186.5 163.2 143.9 118.4 311.5 2,943.4 10,059.9 774.5 375.8 480.0
8. คลองหวะท่ีบ้านคลองหวะ สงขลา X.174 115.9 2546 - 2561 526.0 551.6 593.3 430.9 428.3 500.3 910.1 5,434.6 8,294.8 4,351.8 735.2 826.6
9. คลองท่าเชียดท่ีบ้านแม่ขรี พทั ลงุ X.267 295.0 2550 - 2561 1,111.3 908.0 593.9 300.7 306.1 524.7 1,010.2 8,654.1 9,884.7 5,579.5 1,006.5 1,368.6
3-67 10. ห้วยลา้ สนิ ธทิ์ ี่บ้านโตน พทั ลงุ 230301 25.0 2525 - 2540 105.3 159.5 158.0 206.9 266.6 287.9 511.2 1,296.8 2,539.8 505.4 245.3 168.6
11. คลองนาบอนท่ีบ้านทุ่งโพธ์ิ พทั ลงุ 230302 18.1 2527- 2540 38.3 86.2 57.9 80.6 145.6 160.0 180.3 745.4 584.9 205.9 73.0 56.9
ท่ีมา: กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรนา้
รายงานฉบับกลาง บทท่ี 3
(Interim Report) การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้
100,000
ป ิรมาณตะกอนแขวนลอยราย ีปเฉ ่ีลย ( ัตน/ ีป) 10,000 X.90
230301 X.267
230302 X.21B
X.174
X.129
X.109 X.67
X.71B
X.113
QSy== 559933.8.83036016x10.6A15006.61506
RR2² ==0.708.37888388
1,000 100 1,000 10,000
10 พ้ืนทร่ี ับน้าฝน ตร.กม.
รูปที่ 3.4.6-2 ความสมั พันธ์ระหวา่ งปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉลย่ี และพนื้ ทร่ี บั น้ำฝน
3) การประเมินปรมิ าณตะกอนท่ีไหลผ่านจดุ ทต่ี ัง้ อา่ งเก็บน้ำ
จากความสัมพนั ธ์ระหว่างปริมาณตะกอนแขวนลอยรายปีเฉล่ียและพืน้ ที่รับน้ำฝน สามารถคำนวณปริมาณ
ตะกอนแขวนลอยรายปีเฉลยี่ สำหรับพ้ืนที่รับน้ำฝนของอา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว โดยกำหนดให้ปริมาณตะกอนท้องน้ำมี
ค่าประมาณร้อยละ 30 ของปริมาณตะกอนแขวนลอย ได้ผลการคำนวณปริมาณตะกอนท่ีคาดว่าจะไหลเข้าสู่อ่างเก็บ
นำ้ เหมืองตะกว่ั ดงั นี้
อา่ งเกบ็ นำ้ ปรมิ าณตะกอนรายปีเฉลยี่ (ตนั )
อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว
ตะกอนแขวนลอย ตะกอนท้องน้ำ ตะกอนรวม
4,913.6
3,779.7 1,133.9
4) นำ้ หนักตอ่ หนว่ ยปริมาตร (Unit weight of Deposited Sediment)
การคำนวณค่าน้ำหนักตะกอนต่อหนึ่งหน่วยปริมาตรเร่ิมต้น ได้ใช้วิธีการของ Lara and Pemberton
โดยกำหนดลักษณะการจัดการอ่างเก็บน้ำเป็นประเภทที่ 2 คือ ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำจะลดลงมากหรือค่อนข้างมาก
เน่ืองจากการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ซ่ึงเป็นลักษณะท่ีเกิดขึ้นโดยท่ัวไปสำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กถึงขนาดกลางใน
ประเทศไทย ส่วนร้อยละส่วนผสมของดินเหนียว ตะกอนทรายและทรายของตะกอนท่ีไหลเข้ามาสู่อ่างเก็บน้ำ ใช้จาก
รายงานการศึกษาปริมาณการสะสมตะกอนที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณความจุของอ่างเก็บน้ำ กรณีศึกษาอ่างเก็บน้ำ
คลองกะทูน อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ของกรมชลประทาน ปี 2557 โดยมีร้อยละส่วนผสมของดินเหนียว
ตะกอนทราย และทรายของตะกอนที่ไหลเข้ามาสู่อา่ งเก็บน้ำมีค่าเท่ากับร้อยละ 36.31 53.35 และ 10.34 ตามลำดับ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-68 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองต้น
ซ่ึงสามารถคำนวณค่าน้ำหนักต่อหน่ึงหน่วยปริมาตรเริ่มต้นของตะกอนที่ไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวได้เท่ากับ
0.971 ตนั /ลกู บาศกเ์ มตร และเมอื่ ใชง้ านอ่างเก็บน้ำไปเปน็ เวลานาน ๆ คา่ นำ้ หนักต่อหน่ึงหน่วยปริมาตรของตะกอนท่ี
ตกสะสมในอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วจะมีค่าเพ่ิมข้ึน ซึ่งสามารถคำนวณได้โดยใช้วิธีการของ Lara and Pemberton
เชน่ เดยี วกนั ซง่ึ สามารถสรปุ ผลได้ดงั นี้
อายุการใช้งานอา่ งเก็บน้ำ (ปที )ี่ 25 50 75 100 150 200
น้ำหนกั ตอ่ หน่วยปรมิ าตรของตะกอน 1.037 1.054 1.065 1.073 1.084 1.092
ในอ่างเกบ็ นำ้ (ตัน/ลบ.ม.)
5) ประสิทธภิ าพในการดกั ตะกอน (Trap Efficiency)
ตะกอนท่ีปะปนมากับน้ำท่าท่ีไหลลงอ่างเก็บน้ำทั้งหมด มีเพียงส่วนหนึ่งเท่าน้ันท่ีจะตกจมอย่ใู นอ่างเก็บ
น้ำส่วนท่ีเหลือจะไหลผ่านออกไปทางท่อส่งน้ำและทางระบายน้ำล้น โดยอัตราส่วนระหว่างตะกอนที่
ตกจมในอ่างเกบ็ น้ำกับตะกอนทงั้ หมดท่ีปะปนมากบั นำ้ ท่าเรียกว่า ประสทิ ธิภาพการดักตะกอนของอ่างเกบ็ น้ำซึ่งขึน้ อยู่
กับปัจจัยที่สำคัญสามประการ คือ ลักษณะตะกอน การหน่วงของน้ำท่า และอายุของอ่างเก็บน้ำ โดยท่ัวไปแล้วถ้า
ช่วงเวลาที่น้ำถูกเก็บกักอยู่ในอ่างเก็บน้ำเป็นเวลานาน ความเร็วของน้ำท่ีไหลลงอ่างเก็บน้ำไม่มากและมีการปั่นป่วน
น้อย เปอร์เซ็นต์การตกตะกอนก็จะสูง Brune (1953) เสนอให้ใช้อัตราส่วนระหว่างความจุอ่างและปริมาณน้ำท่า
(Capacity-Inflow Ratio) เป็นตัวกำหนดค่า Trap Efficiency โดยได้พัฒนากราฟของความสัมพันธ์ระหว่าง
Capacity-Inflow Ratio และ Percent of Sediment Trapped แสดงดงั รปู ท่ี 3.4.6-3
การคำนวณปรมิ าตรตะกอนทจ่ี ะตกสะสมในอ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกัว่ ได้ใชว้ ิธีการวเิ คราะห์ประสิทธิภาพการ
ดักตะกอนของอา่ งเก็บนำ้ ของ Gunnar Brune ไดด้ งั นี้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว มีปริมาตรความจุท่ีระดับเก็บกักเท่ากับ
10.41 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำท่ารายปีเฉลยี่ ทไ่ี หลลงอา่ งเกบ็ น้ำเทา่ กบั 34.68 ล้านลกู บาศกเ์ มตรตอ่ ปี ซ่ึง
สามารถคำนวณค่าอัตราส่วนปริมาตรความจุ-ปริมาณน้ำท่าไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำได้เท่ากับ 0.30 และสามารถหาค่า
ประสิทธิภาพการดักตะกอนได้เท่ากับร้อยละ 94.93 และเมื่อนำไปวิเคราะห์ร่วมกับผลการคำนวณคำนวณปริมาณ
ตะกอนท่ไี หลเข้าอ่างเก็บนำ้ สามารถคำนวณปริมาตรตะกอนท่ีคาดว่าจะตกสะสมในอา่ งเก็บน้ำสำหรบั อายุการใช้งาน
ต่าง ๆ ได้ดงั นี้
ปรมิ าตรตะกอนทต่ี กสะสมในอ่างเกบ็ น้ำทอ่ี ายกุ ารใช้งานปตี ่าง ๆ (ลา้ น ลบ.ม.)
25 ปี 50 ปี 75 ปี 100 ปี 150 ปี 200 ปี
0.112 0.221 0.328 0.435 0.646 0.855
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-69 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งต้น
รปู ที่ 3.4.6-3 ความสัมพนั ธ์ระหว่าง Capacity-Inflow Ratio กับ Trap Efficiency
(Brune, 1953)
6) การเปลี่ยนแปลงระดบั ศนู ยท์ ้องน้ำและอายใุ ชง้ านอา่ งเกบ็ นำ้
การวิเคราะห์การเปล่ียนแปลงระดับศูนย์ใหม่ท่ีตัวเขื่อน และการเปลี่ยนแปลงโค้งปริมาตรความจุ -
พ้ืนท่ี ผิวน้ำ - ระดับน้ำของอ่างเก็บน้ำ โดยใช้วิธี Area Increment Method และใช้ปริมาตรตะกอนที่
ตกสะสมในอ่างเก็บน้ำที่คำนวณจากสมการถดถอย โดยผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงระดับศูนย์ท่ีตัวเขื่อน และกา ร
เปลย่ี นแปลงปริมาตรความจุและพ้ืนที่ผวิ น้ำทร่ี ะดบั เก็บกักปกตหิ ลงั จากระยะเวลาเกบ็ กักน้ำในอ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว
ปีตา่ ง ๆ ที่กำหนดไดแ้ สดงดังตารางที่ 3.4.6-3 และคา่ ระดบั ศนู ยใ์ หมท่ ต่ี วั เข่ือนสามารถสรปุ ได้ดงั น้ี
อา่ งเก็บน้ำ ค่าระดบั ศูนยใ์ หม่ที่ตวั เขอ่ื น (ม.รทก.)
ระดับศูนย์เดิมทต่ี วั เข่ือน 65.00 ม.รทก. อายกุ ารใชง้ านอา่ งเก็บนำ้ ปีตา่ ง ๆ
25 50 75 100 150 200
66.22 67.46 68.75 70.02 70.53 71.04
จากผลการศึกษาปรมิ าตรตะกอนที่ตกจมในอ่างเก็บน้ำ และการเปลีย่ นแปลงระดับศนู ย์ (ท้องน้ำ) ท่ีตัว
เขื่อนของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว พบว่าท่ีอายุการใช้งานเข่ือน 100 ปี ระดับศูนย์เขื่อนจะเปล่ียนแปลงจากระดับ
+65.00 ม.รทก. เป็น +70.02 ม.รทก. แสดงดังรูปท่ี 3.4.6-4 ซ่ึงมีการเปล่ียนแปลงในระดับท่ีน้อย ดังนั้นในการ
กำหนดระดบั นำ้ ตำ่ สุดสำหรบั อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ ไวท้ ีร่ ะดับ +75.00 ม.รทก. จึงเพียงพอท่ีจะรองรับปรมิ าณตะกอน
ท่ีจะไหลลงอ่างเก็บน้ำในอนาคต ดังแสดงรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงโค้งปริมาตร-พ้ืนที่ผิวน้ำ-ระดับน้ำ หลังจาก
ระยะเวลาการใช้งานของอา่ งเก็บน้ำที่ระยะเวลา 25 ปี 50 ปี และ 100 ปี แสดงดงั ตารางที่ 3.4.6-4
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-70 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้ืองตน้
ตารางที่ 3.4.6-3 ผลศึกษาการเปลย่ี นแปลงระดบั ศนู ย์ท่เี ขือ่ น ปรมิ าตรความจุ พืน้ ทผ่ี ิวนำ้ ทีร่ ะดับเกบ็ กักปกติ
หลงั จากระยะเวลาเกบ็ กักน้ำในอา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว
รายการ หน่วย ระยะเวลาเก็บกักของอ่างเก็บน้า, ปี 200
20 25 50 75 100 150 0.855
1. ปริมาตรตะกอนที่ตกสะสมในอ่าง
ลา้ น ลบ.ม. 0.090 0.112 0.221 0.328 0.435 0.646 71.04
2. ระดับศูนยใ์ หม่ที่ตัวเขอื่ น
ม.รทก. 65.97 66.22 67.46 68.75 70.02 70.53 9.555
3. การเปลยี่ นแปลงท่ีระดับเก็บกักปกติ 0.855
ลา้ น ลบ.ม. 10.320 10.298 10.189 10.082 9.975 9.764 8.209
3.1 ปริมาตรความจุหลงั การใชง้ าน ลา้ น ลบ.ม. 0.090 0.112 0.221 0.328 0.435 0.646
ปริมาตรความจุลดลง 0.869 1.081 2.125 3.155 4.177 6.202 0.530
ร้อยละของการลดลง 0.0204
ตร.กม. 0.548 0.548 0.545 0.542 0.540 0.535 3.702
3.2 พนื ท่ีผวิ น้าหลงั การใชง้ าน ตร.กม. 0.0019 0.0024 0.0049 0.0075 0.0102 0.0153
พนื ท่ีผวิ นา้ ลดลง 0.442 0.893 1.365 1.860 2.774
ร้อยละของการลดลง 0.354
หมายเหตุ : ระดับศูนยเ์ ดิม (ท้องน้าเดิม) ที่ตัวเขอื่ น 65.00 ม.รทก.
ระดับเก็บกักปกติ 110.00 ม.รทก.
ปริมาตรความจุท่ีระดับเก็บกักปกติ 10.41 ลา้ น ลบ.ม.
พนื ที่ผวิ น้าที่ระดับเก็บกักปกติ
0.55 ตร.กม.
0.6 0.5 0.4 0.3 0.2 0.1 0.0
120 120
110 110
100 100
90 90
80 80
70 70
60 60
0.0 2.0 4.0 6.0 8.0 10.0 12.0
รูปที่ 3.4.6-4 การเปลี่ยนแปลงความสมั พนั ธร์ ะหว่างระดบั นำ้ กับปรมิ าตรและพื้นทผ่ี ิวน้ำของ
อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกวั่ ทรี่ ะยะเวลาใช้งาน 100 ปี
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-71 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น
ตารางที่ 3.4.6-4 รายละเอียดการเปล่ยี นแปลงโค้งปริมาตร-พ้นื ท่ีผิวนำ้ -ระดบั น้ำ หลังจากระยะเวลา
การใช้งานของอ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั 25 ปี 50 ปี และ 100 ปี
ระดับ สภาพเริ่มแรกของอ่าง ระยะเวลาใช้งาน 25 ปี ระยะเวลาใช้งาน 50 ปี ระยะเวลาใช้งาน 100 ปี
(ม.รทก.)
พ้ืนท่ีผิวน้า ปริมาตร พ้ืนที่ผิวน้า ปริมาตร พื้นที่ผิวนา้ ปริมาตร พื้นท่ีผิวนา้ ปริมาตร
110.00
109.00 (ตร.กม.) (ล้าน ลบ.ม.) (ตร.กม.) (ล้าน ลบ.ม.) (ตร.กม.) (ล้าน ลบ.ม.) (ตร.กม.) (ล้าน ลบ.ม.)
108.00 0.550 10.410 0.548 10.298 0.545 10.189 0.540 9.975
107.00 0.534 9.833 0.531 9.723 0.529 9.617 0.524 9.408
106.00 0.518 9.256 0.515 9.148 0.513 9.044 0.507 8.841
105.00 0.501 8.678 0.499 8.573 0.496 8.472 0.491 8.274
104.00 0.485 8.101 0.483 7.998 0.480 7.900 0.475 7.707
103.00 0.469 7.524 0.467 7.424 0.464 7.327 0.459 7.140
102.00 0.455 7.090 0.453 6.992 0.450 6.898 0.445 6.717
101.00 0.441 6.657 0.439 6.562 0.436 6.470 0.431 6.294
100.00 0.426 6.223 0.424 6.130 0.421 6.041 0.416 5.870
99.00 0.412 5.790 0.410 5.699 0.407 5.613 0.402 5.447
98.00 0.398 5.356 0.396 5.268 0.393 5.184 0.388 5.024
97.00 0.380 5.003 0.378 4.917 0.375 4.836 0.370 4.681
96.00 0.362 4.650 0.360 4.567 0.357 4.488 0.352 4.338
95.00 0.344 4.297 0.342 4.216 0.339 4.140 0.334 3.995
94.00 0.326 3.944 0.324 3.866 0.321 3.792 0.316 3.652
93.00 0.308 3.591 0.306 3.515 0.303 3.443 0.298 3.310
92.00 0.294 3.318 0.292 3.244 0.289 3.175 0.284 3.047
91.00 0.280 3.045 0.278 2.974 0.275 2.907 0.270 2.784
90.00 0.266 2.772 0.264 2.703 0.261 2.639 0.256 2.521
89.00 0.252 2.499 0.250 2.433 0.247 2.371 0.242 2.259
88.00 0.238 2.226 0.236 2.162 0.233 2.103 0.228 1.996
87.00 0.224 2.023 0.222 1.962 0.219 1.905 0.214 1.803
86.00 0.210 1.820 0.208 1.761 0.205 1.707 0.200 1.610
85.00 0.196 1.617 0.194 1.560 0.191 1.509 0.186 1.418
84.00 0.182 1.414 0.180 1.360 0.177 1.311 0.172 1.225
83.00 0.168 1.211 0.166 1.159 0.163 1.113 0.158 1.032
82.00 0.152 1.083 0.150 1.034 0.147 0.989 0.142 0.914
81.00 0.136 0.954 0.134 0.907 0.131 0.865 0.126 0.795
80.00 0.121 0.826 0.119 0.782 0.116 0.742 0.111 0.678
79.00 0.105 0.697 0.103 0.655 0.100 0.618 0.095 0.559
78.00 0.089 0.569 0.087 0.529 0.084 0.495 0.079 0.441
77.00 0.083 0.494 0.081 0.457 0.078 0.425 0.073 0.376
76.00 0.077 0.420 0.075 0.385 0.072 0.356 0.067 0.313
75.00 0.071 0.346 0.069 0.314 0.066 0.287 0.061 0.249
74.00 0.065 0.272 0.063 0.242 0.060 0.218 0.055 0.185
73.00 0.059 0.198 0.057 0.171 0.054 0.149 0.049 0.121
72.00 0.049 0.163 0.047 0.138 0.044 0.119 0.039 0.097
71.00 0.040 0.129 0.038 0.106 0.035 0.089 0.030 0.073
70.00 0.030 0.094 0.028 0.074 0.025 0.059 0.020 0.048
69.00 0.020 0.060 0.018 0.042 0.015 0.030 0.010 0.024
68.00 0.010 0.025 0.008 0.010 0.005 0.000 0.000 0.000
67.00 0.008 0.020 0.006 0.007 0.003 0.000 0.000 0.000
66.00 0.006 0.015 0.004 0.005 0.001 0.000 0.000 0.000
65.00 0.004 0.010 0.002 0.002 0.000 0.000 0.000 0.000
0.002 0.005 0.000 0.000 0.000 0.000 0.000 0.000
0.000 0.000 0.000 0.000 0.000 0.000 0.000 0.000
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-72 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น
3.4.7 อุทกวทิ ยาน้ำผิวดนิ
การศึกษาด้านอุทกวิทยาน้ำผิวดินได้แสดงรายละเอียดในบทที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมโดยสรุปผลการ
วิเคราะหไ์ ดด้ ังนี้
1. ปริมาณนำ้ ฝน
ข้อมูลปริมาณฝนรายเดือนและรายปีส่วนใหญ่ท่ีรวบรวมได้มีสถิติข้อมูลจนถึงปี 2562 และจากข้อมูล
ปริมาณฝนรายเดือนและรายปีของสถานดี งั กลา่ ว สามารถนำมาสร้างแผนท่ีแสดงเสน้ ช้ันปริมาณฝนเฉลย่ี รายปีในพ้ืนท่ี
ลุ่มน้ำและข้างเคียง แสดงดงั รปู ท่ี 3.4.7-1 การกระจายรายเดือนของปริมาณฝนเฉล่ียของสถานวี ดั นำ้ ฝนทั้ง 17 สถานี
ในพน้ื ทล่ี มุ่ นำ้ และขา้ งเคยี ง แสดงดังรปู ที่ 3.4.7-2
จากผลการศึกษาดังกลา่ ว พบว่าปรมิ าณฝนรายปีเฉลี่ยจะผันแปรจาก 1,700 มม. ทางด้านทิศตะวันออก
ของพ้ืนที่ศึกษา โดยมีปริมาณฝนน้อยที่สุดท่ีบริเวณอำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา มีปริมาณฝนรายปีเฉล่ีย 1,477
มิลลิเมตรแล้วปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้นจนถึง 2,900 มิลลิเมตร ไปทางด้านทิศตะวันตกของพื้นที่ศึกษา ซ่ึงจากสถานีวัด
น้ำฝน จำนวน 17 สถานี มีค่าเฉล่ียรายเดือนและรายปี แสดงดังตารางท่ี 3.4.7-1 พบปริมาณฝนมากที่สุดบริเวณ
หน่วยพิทักษ์ป่าบ้านโตน อำเภอตะโหมด (350184) มีปริมาณฝนรายปีเฉลี่ย 2,962 มิลลิเมตร และมีฤดู ฝนในช่วง
เดือนพฤษภาคมถึงธนั วาคม และฤดูแล้งในชว่ งเดือนมกราคมถึงเมษายน โดยปริมาณฝนมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน
และปรมิ าณฝนน้อยที่สุดในเดอื นกุมภาพันธ์
จากการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ยปริมาณฝนรายเดือนและรายปีของพ้ืนที่รับน้ำฝนของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
ด้วยวิธีรูปเหล่ียมธีเอสเสน (Thiessen Polygons) พบว่าพ้ืนที่อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว มีปริมาณฝนรายปีเฉล่ีย
2,384.1 มิลลิเมตร เป็นปริมาณฝนในชว่ งฤดูฝน (พ.ค.- ธ.ค.) 1,845.6 มิลลเิ มตร คิดเป็นร้อยละ 77.4 ของปริมาณฝน
ท้งั ปี และปริมาณฝนในช่วงฤดแู ลง้ (ม.ค.- เม.ย.) 538.5 มิลลเิ มตร คิดเป็นรอ้ ยละ 22.6 ของปรมิ าณฝนทงั้ ปี
1) ปรมิ าณการระเหยสุทธจิ ากอ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกั่ว
การวเิ คราะหป์ ริมาณการระเหยสทุ ธจิ ากอ่างเก็บน้ำ โดยใชส้ มการดังน้ี
Enet = 0.70Epan - (1 - C)R
เม่ือ Enet = ปริมาณการระเหยสทุ ธจิ ากอา่ งเกบ็ น้ำรายเดือนเฉลยี่ , มม.
Epan = ปรมิ าณการระเหยจากถาดรายเดอื นเฉล่ีย, มม.
R = ปรมิ าณฝนรายเดือนเฉลยี่ , มม.
C = สมั ประสิทธน์ิ ำ้ ทา่
ผลการวิเคราะห์ปรมิ าณการระเหยสุทธิจากอา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว รายเดือนเฉลี่ย สรุปได้ดงั นี้
ปริมาณการระเหยสุทธิจากอา่ งเกบ็ นำ้ รายเดอื นเฉลีย่ (มม.) รายปี
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. (มม.)
0.00 0.00 0.79 23.19 1.04 0.00 0.00 0.00 0.00 0.00 34.95 0.00 59.97
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-73 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งตน้
ที่มา : กล่มุ บริษัททป่ี รึกษา, 2563
รปู ที่ 3.4.7-1 แผนทเ่ี สน้ ช้นั น้ำฝนรายปีเฉลย่ี ในพนื้ ทศ่ี กึ ษาและบริเวณใกล้เคียง
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-74 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
700
600 สถานี 350022 สถานี 350071
500 สถานี 350081 สถานี 350110
ปริมาณ ้นาฝน (มม.) 400 สถานี 350130 สถานี 350161
300
200
100
0
เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค.
700
600 สถานี 350184 สถานี 350204
500 สถานี 350232 สถานี 350262
ปริมาณ ้นาฝน (มม.) 400 สถานี 350272 สถานี 350292
300
200
100
0
เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.
500
450 สถานี 350320 สถานี 580032
400 สถานี 580132 สถานี 580170
350
ปริมาณ ้นาฝน (มม.) 300 สถานี 580312
250
200
150
100
50
0
เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค.
ทม่ี า : กลมุ่ บรษิ ัททป่ี รึกษา, 2563
รปู ที่ 3.4.7-2 การผันแปรรายเดือนของปริมาณฝนเฉลีย่ ของสถานีวัดน้ำฝนทีต่ ัง้ อยู่ในพ้ืนทศี่ กึ ษา
และขา้ งเคียง จำนวน 17 สถานี
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-75 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั ตารางท่ี 3.4.7-1 ปรมิ าณน้ำฝนรายเดือนและรายปเี ฉลีย่ ของสถานีวดั น้ำฝนที่อยใู่ นพ้นื ทีศ่ กึ ษาและขา้ งเคยี ง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั
สถานีวัดนา้ ฝน รหัส ช่วงสถติ ิ ปริมาณฝนรายเดือนเฉลย่ี (มม.) ปริมาณฝนเฉลยี่ (มม.)
1. อ.ปากพยูน จ.พทั ลงุ สถานี ปีข้อมูล เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. ฤดูฝน ฤดูแลง้ รายปี โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
2. คลองอ้ายโต (X.21B), อ.เขาชัยสน จ.พทั ลงุ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง
3. คลองท่าเชยี ด อ.เขาชัยสน จ.พทั ลงุ (พ.ค.- ธ.ค.) (ม.ค.- เม.ย.)
4. โครงการควนกุฎ อ.เมือง จ.พทั ลงุ
5. โครงการป่าบอน อ.ปากพะยูน จ.พทั ลงุ 350022 2514 - 2559 62.07 94.27 61.15 68.89 72.93 88.46 195.43 511.02 365.25 80.11 28.31 57.85 1,457.39 228.34 1,685.73
6. คลองบางแก้ว (X.109) อ.ตะโหมด จ.พทั ลงุ
7. หน่วยพทิ ักษป์ ่าบ้านโตน จ.พทั ลงุ 350071 2506 - 2552 105.58 184.17 103.68 120.05 147.95 164.53 287.21 591.28 499.48 146.24 59.06 86.08 2,098.35 396.95 2,495.30
8. หน่วยพทิ ักษป์ ่าบ้านตะโหมด จ.พทั ลงุ
9. อ.ตะโหมด จ.พทั ลงุ 350081 2503 - 2551 86.33 151.91 167.38 115.20 98.25 140.16 366.35 439.10 382.53 123.05 53.94 87.20 1,860.88 350.51 2,211.39
10. อ.ป่าบอน จ.พทั ลงุ
11. อ.ป่าพะยอม จ.พทั ลงุ 350110 2506 - 2552 79.62 114.29 75.47 75.90 86.71 95.87 230.76 457.37 379.74 91.73 35.44 56.11 1,516.11 262.90 1,779.01
12. อ.บางแก้ว จ.พทั ลงุ
13. อ่างเก็บน้าป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พทั ลงุ 350130 2515 - 2552 125.37 195.12 104.37 115.01 114.45 136.77 309.64 559.18 459.30 104.18 35.26 87.75 1,993.83 352.56 2,346.40
14. อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
15. นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จ.สงขลา 350161 2528 - 2536 83.96 158.06 73.33 147.81 140.44 185.46 211.18 491.68 369.74 82.56 27.68 75.21 1,777.68 269.41 2,047.09
16. ชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
17. อ.ควนเนียง จ.สงขลา 350184 2533 - 2562 128.95 135.13 129.60 123.71 188.50 179.54 355.10 617.75 534.00 280.21 96.45 192.79 2,263.33 698.40 2,961.73
เฉลยี่ 350204 2533 - 2562 154.68 154.23 111.45 87.35 119.54 148.75 262.36 505.84 456.10 175.40 69.19 139.27 1,845.62 538.53 2,384.15
สงู สดุ
ตา่้ สดุ 350232 2535 - 2562 81.44 117.34 90.04 77.07 97.19 129.84 243.95 486.54 431.71 142.79 54.13 108.13 1,673.69 386.49 2,060.18
ที่มา: กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมชลประทาน
350262 2537 - 2560 95.15 84.21 61.90 70.84 103.71 123.03 208.08 459.22 391.04 141.68 67.72 91.10 1,502.02 395.65 1,897.67
350272 2537 - 2562 107.94 119.05 76.02 80.32 106.77 116.49 235.42 533.65 422.97 174.66 51.06 123.24 1,690.68 456.90 2,147.58
3-76 350292 2537 - 2559 72.46 90.27 52.04 81.27 125.01 96.08 225.58 514.47 414.83 184.74 66.42 109.75 1,599.54 433.37 2,032.91
350320 2545 - 2554 94.33 153.90 120.40 99.33 115.57 134.10 278.80 449.39 290.77 119.51 72.73 176.03 1,642.26 462.60 2,104.85
580032 2495 - 2560 99.28 118.41 73.54 95.98 92.97 103.99 231.11 400.53 331.83 98.66 32.10 58.33 1,448.36 288.38 1,736.74
580132 2507 - 2558 76.67 125.57 87.80 85.14 110.54 130.39 234.48 373.55 298.23 72.23 22.47 50.89 1,445.72 222.26 1,667.98
580170 2506 - 2552 106.40 144.54 87.75 111.52 108.68 122.32 254.36 439.01 388.56 99.65 35.14 66.74 1,656.74 307.93 1,964.66
580312 2531 - 2560 66.73 75.18 64.38 85.88 83.71 78.35 194.43 365.73 296.68 81.33 32.39 52.74 1,244.33 233.19 1,477.52
95.70 130.33 90.61 96.55 112.52 127.89 254.37 482.08 394.87 129.34 49.38 95.25 1,689.21 369.67 2,058.88 บทท่ี 3
การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
154.68 195.12 167.38 147.81 188.50 185.46 366.35 617.75 534.00 280.21 96.45 192.79 2,263.33 698.40 2,961.73
62.07 75.18 52.04 68.89 72.93 78.35 194.43 365.73 290.77 72.23 22.47 50.89 1,244.33 222.26 1,477.52
รายงานฉบับกลาง
(Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบื้องตน้
2. ปรมิ าณน้ำทา่
จากรายละเอียดการประเมินปริมาณน้ำท่าในบทท่ี 2 ของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วโดยแบบจำลอง NAM
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลการศึกษาโดยการพิจารณาแบบลุ่มน้ำรวม และผลการตรวจวัดปริมาณน้ำท่าท่ีไหลเข้าสู่
อ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน และอา่ งเกบ็ นำ้ คลองหัวชา้ ง ซ่งึ มีตำแหน่งท่ตี งั้ อยู่ใกลเ้ คยี ง พบว่า ค่าปริมาณน้ำทา่ รายปีเฉลี่ย
ตอ่ หน่วยพื้นที่รับน้ำฝนของปริมาณน้ำท่าท่ีไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว โดยแบบจำลอง NAM มีค่าต่ำท่ีสุด 40.78
ลิตร/วนิ าที/ตร.กม. และปรมิ าณน้ำท่ารายปีเฉล่ียต่อหน่วยพื้นที่รับน้ำฝนของปริมาณน้ำท่าท่ีไหลเข้าอ่างเก็บน้ำคลอง
หัวช้าง มีค่าสงู ท่ีสุด 74.87 ลิตร/วินาที/ตร.กม. ในขณะที่ปริมาณนำ้ ท่ารายปีเฉลยี่ ตอ่ หน่วยพน้ื ที่รับน้ำฝนของปรมิ าณ
น้ำท่าที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเหมือนตะก่ัว โดยการพิจารณาแบบลุ่มน้ำรวม มีค่า 54.26 ลิตร/วินาที/ตร.กม. ซ่ึงมีค่า
ใกล้เคียงกับของอ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน 53.47 ลิตร/วินาที/ตร.กม. จึงพิจารณาเลือกใช้ค่าปริมาณน้ำท่าท่ีไหลเข้าสู่
อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่วั จากผลการวเิ คราะห์โดยการพจิ ารณาแบบลุม่ นำ้ รวมสำหรับการศึกษาในลำดับต่อไป
ปรมิ าณน้ำทา่ ที่ไหล อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกั่ว ขอ้ มูลตรวจวดั ขอ้ มลู ตรวจวัด
เข้าสู่อ่างเก็บน้ำ (พนื้ ทร่ี บั นำ้ ฝน 20.27 ตร.กม.) ของอ่างเกบ็ นำ้ ของอา่ งเกบ็ น้ำ
การวเิ คราะห์ โดย การวิเคราะหโ์ ดย คลองป่าบอน คลองหวั ช้าง
- ปริมาณน้ำทา่ ทไ่ี หลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำ แบบจำลอง การพิจารณา (พืน้ ทร่ี ับนำ้ ฝน (พ้นื ทร่ี บั นำ้ ฝน
รายปีเฉลีย่ (ล้านลกู บาศก์เมตร) 29.7 ตร.กม.) 30.8 ตร.กม.)
- ปรมิ าณนำ้ ท่ารายปเี ฉล่ยี ต่อหนว่ ย NAM แบบลุ่มนำ้ รวม
พ้ืนท่ีรับนำ้ ฝน (ลิตร/วินาท/ี ตร.กม.) 50.08 72.72
26.07 34.68
53.47 74.87
40.78 54.26
3. ปริมาณน้ำนองสูงสดุ
จากผลการคำนวณปรมิ าณน้ำนองสูงสุดที่รอบปีการเกดิ ซ้ำของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว จากการวิเคราะห์
แจกแจงแบบลุม่ นำ้ รวม การวิเคราะหก์ ราฟนำ้ นองสูงสดุ จากข้อมูลพายุฝน ได้แสดงรายละเอยี ดไว้ในบทที่ 2 ได้ทำการ
เปรียบเทียบกับผลการศกึ ษาเดิมของอ่างเหมืองตะกว่ั แสดงดังตารางที่ 3.4.7-2 เมื่อพิจารณาท่ีรอบปีการเกิดซ้ำ 500
ปี ซึ่งเป็นรอบปีการเกิดที่ใช้ในการออกแบบอาคารระบายน้ำล้นของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว พบว่า ปริมาณน้ำ นอง
สูงสุดจากการวิเคราะห์แจกแจงแบบลุ่มน้ำรวม การวิเคราะหก์ ราฟนำ้ นองสูงสดุ จากขอ้ มลู พายฝุ น และการศกึ ษาเดมิ มี
ค่าเท่ากับ 261.0 228.0 และ 222.1 ลบ.ม./วินาที ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า ผลการคำนวณปริมาณน้ำนองสูงสุดจาก
ข้อมูลพายุฝน มีค่าใกล้เคียงกับผลการศึกษาเดิม และมีค่าเหมาะสมสำหรับใช้ในการศึกษาการเคลื่อนตัวของกราฟ
น้ำนองสงู สดุ ผ่านอาคารน้ำลน้ ของอา่ งเกบ็ นำ้ ตอ่ ไป
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-77 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น
ตารางท่ี 3.4.7-2 การเปรียบเทยี บปริมาณนำ้ นองสงู สุดกับผลการศกึ ษาเดมิ ของเหมืองตะกว่ั
ผลการศีกษา ปริมาณนา้ นองสงู สดุ ท่ีรอบปีของการเกิดต่าง ๆ, ลบ.ม./วินาที
2 5 10 20 25 50 100 200 500 1,000 10,000
1. การแจกแจงแบบลมุ่ นา้ รวม 65.1 103.0 128.2 152.3 160.0 183.5 206.9 230.2 261.0 284.2 361.4
2. กราฟนา้ นองสงู สดุ จากข้อมูลพายฝุ น 68.1 93.9 110.8 129.3 138.0 157.4 177.7 198.8 228.0 251.2 335.1
3. การศึกษาเดิม - - - - - 120.7 148.1 178.2 222.1 - -
1) การวิเคราะหก์ ราฟน้ำนองสงู สุดเคล่อื นตัวผา่ นอาคารนำ้ ลน้ ของอ่างเกบ็ น้ำ
การวิเคราะห์กราฟน้ำนองสูงสุดเคล่ือนตัวผ่านอาคารน้ำล้นของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว เป็นการ
วเิ คราะห์การเปล่ียนแปลงของกราฟน้ำนองสูงสุดที่ไหลเข้ามาสู่อา่ งเก็บน้ำและระบายลน้ ออกทางทางระบายน้ำล้นไป
ด้านทา้ ยน้ำ ตลอดจนการคำนวณระดบั นำ้ สูงสุดของอา่ งเกบ็ นำ้ เมอื่ กราฟน้ำนองสูงสดุ ขนาดตา่ ง ๆ ไหลลงสู่อ่างเกบ็ น้ำ
ทง้ั น้ีเพื่อตรวจสอบความสามารถในการระบายนำ้ ของอาคารนำ้ ล้น และระดบั นำ้ สงู สดุ ในอ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
จากผลการศึกษาการเคล่ือนตัวของกราฟน้ำนองสูงสุดที่รอบปีการเกิด 500 ปี ท่ีใช้ออกแบบขนาด
อาคารระบายน้ำลน้ โดยมีความยาวสันอาคารระบายน้ำลน้ ให้มขี นาด 45 เมตร ผลวเิ คราะห์ แสดงดงั ตารางที่ 3.4.7-3
และแสดงการเปรียบเทียบกราฟน้ำนองสูงสดุ ไหลเข้าและไหลออกทางอาคารนำ้ ล้นของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว แสดง
ดังรปู ท่ี 3.4.7-3 พบวา่ ทรี่ อบปกี ารเกิด 500 ปี มรี ะดบั น้ำนองสูงสดุ ท่ี +111.59 เมตร (รทก.) ซึ่งมีระดับนำ้ สงู กวา่ สัน
อาคารระบายน้ำล้น 1.59 เมตร แต่ยังคงมีระยะจากระดับน้ำนองสูงสุดถึงระดับสันเข่ือน (Dry Freeboard) 2.41 เมตร
ซ่ึงอยใู่ นระดับท่ปี ลอดภัย จึงสรุปลกั ษณะของอาคารระบายน้ำลน้ ของอา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่วจากผลการศึกษาไดด้ งั นี้
ทตี่ งั้ ฝ่งั ขวาของตัวเขอ่ื น
ชนิด Duckbill weir Spillway
ความยาวสนั อาคารระบายนำ้ ลน้ 45.00 เมตร
ระดับสนั ฝาย +110.00 เมตร (รทก.)
ระดับนำ้ นองสงู สุด +116.50 เมตร (รทก.)
ระบายน้ำไดส้ ูงสดุ ประมาณ (รอบ 500 ป)ี 198.31 ลกู บาศก์เมตรตอ่ วินาที
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-78 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น
ตารางที่ 3.4.7-3 ผลการวเิ คราะห์การเคลอ่ื นตวั ของกราฟนำ้ นองสูงสุดผ่านอาคารระบายน้ำลน้ ของ
อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว
รอบปี ปริมาณการไหล ระดับนา้ นอง Surcharge ปริมาณการไหล ร้อยละการลดลงของ
ของการเกิด เขา้ สงู สดุ สงู สดุ Depth ออกสงู สดุ ปริมาณการไหลออก
( ม.)
( ปี ) ( ลบ.ม./วินาที ) ( ม.รทก.) 0.66 ( ลบ.ม./วินาที ) สงู สดุ ( % )
2 68.09 110.66 0.83 53.02 22.14
5 93.91 110.83 0.93 74.80 20.35
10 110.80 110.93 1.05 89.49 19.23
20 129.31 111.05 1.10 106.41 17.71
25 137.95 111.10 1.21 114.35 17.11
50 157.43 111.21 1.32 132.36 15.93
100 177.70 111.32 1.44 151.20 14.91
200 198.82 111.44 1.59 170.90 14.04
500 228.05 111.59 1.70 198.31 13.04
1,000 251.23 111.70 2.09 220.12 12.38
10,000 335.14 112.09 299.96 10.50
หมายเหตุ : 1) ระดับสนั ฝายอาคารระบายนา้ ลน้ เท่ากับ +110.0 ม.รทก.
2) ความยาวสนั อาคารระบายนา้ ลน้ 45 เมตร
ปริมาณน้านอง ูสงสุด ลบ.ม./ ิวนาที 250 ปรมิ าณนา้ นองสงู สุดไหลเขา้
ปริมาณนา้ นองสงู สดุ ไหลออก
500 ปี
200 500 ปี
100 ปี
150 50 ปี 100 ปี
20 ปี 50 ปี
10 ปี 20 ปี
100 10 ปี
50
0
0 5 10 15 20 25 30
ชว่ งเวลา ชัว่ โมง
รปู ที่ 3.4.7-3 กราฟน้ำนองสงู สดุ ไหลเขา้ และออกที่คาบความถ่ีการเกิด 10 20 50 100 และ 500 ปี
สำหรับอ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-79 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งต้น
3.4.8 คุณภาพน้ำผิวดิน
1) วตั ถุประสงค์การศกึ ษา
(1) เพอ่ื ศกึ ษาสภาพปัจจบุ นั ของคุณภาพน้ำผวิ ดินในพน้ื ที่การพฒั นาโครงการ และลำน้ำท่ีเก่ียวข้องตามบริเวณ
ทีค่ าดว่าจะกอ่ ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในพ้ืนที่โครงการ และบรเิ วณท่ีจะทำการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงการซ่ึงอาจจะมี
ผลกระทบต่อคณุ ภาพน้ำในแหล่งน้ำดังกลา่ วมาแล้ว รวมถึงการศกึ ษาทบทวนคุณภาพน้ำในลำนำ้ เหลา่ น้ีและประเมนิ ผลกระทบ
ทจี่ ะเกิดข้ึนจากโครงการ
(2) เพื่อศึกษาความเหมาะสมของคุณภาพน้ำผวิ ดนิ ในลำน้ำบริเวณโครงการต่อการใชป้ ระโยชน์ต่าง ๆ เช่น การ
อุปโภคบรโิ ภค การประมง/การเพาะเลยี้ งสัตวน์ ้ำ การชลประทาน การเพาะปลูก การปศสุ ัตว์ ระบบนิเวศทางน้ำ เป็นตน้
(3) เพอ่ื ประเมนิ ผลกระทบทีค่ าดว่าจะเกิดข้ึนเน่ืองจากการพฒั นาโครงการต่อคณุ ภาพน้ำ เช่น การก่อสร้างอา่ ง
เก็บนำ้ คลองสง่ นำ้ งานดินอื่นๆ งานปรับพืน้ ท่ี และการปรับปรงุ ทางนำ้
(4) เพอ่ื ศกึ ษาผลกระทบของกิจกรรมการประมงและการเพาะเลย้ี งในลำน้ำต่างๆ การระบายนำ้ เสยี ของชุมชนใน
พ้นื ที่โครงการ การเลี้ยงปศุสัตว์ การเกษตรกรรม และกิจกรรมอุตสาหกรรมจากพื้นที่ลมุ่ น้ำต่อคุณภาพน้ำในต้นน้ำและบรเิ วณ
ทา้ ยน้ำ
(5) เพ่ือเสนอมาตรการลดผลกระทบของโครงการต่อคณุ ภาพน้ำในแหล่งน้ำ ในระยะก่อสร้างและดำเนินการใน
ทุกบรเิ วณท่ีคาดว่าจะเกดิ ผลกระทบที่สำคัญ
2) ขอบเขตและวธิ กี ารศึกษา
(1) รวบรวมข้อมูลทุติยภูมิจากรายงานและเอกสารท่ีเก่ียวข้อง เช่น ผลการศึกษาจากรายงานการศกึ ษา
วางโครงการอา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว ปี พ.ศ.2552
(2) ดำเนินการสำรวจภาคสนาม เพื่อศึกษาสภาพคุณภาพน้ำ การเก็บตัวอย่างน้ำจะให้ครอบคลุมการ
เปล่ียนแปลงคณุ ภาพนำ้ ตามกจิ กรรมการก่อสร้างโครงการ สำหรบั จดุ เก็บตัวอย่างจะครอบคลมุ ท้งั บริเวณพ้ืนท่ีอ่างเก็บ
น้ำ พ้ืนที่หัวงาน บริเวณท่ีจะทำการก่อสร้างฝาย และพื้นท่ีชลประทาน โดยเก็บตัวอย่างน้ำ จำนวน 4 สถานี 2 คร้ัง เพื่อ
เปน็ ตวั แทนของ 2 ฤดูกาล คอื ฤดูฝนและฤดูแลง้ ไดแ้ ก่
สถานีท่ี 1 บริเวณอ่างเก็บน้ำ พิกดั 618150E, 795543N
สถานีที่ 2 บริเวณท่ตี งั้ หวั งานเขอ่ื น พิกัด 618471E, 795884N
สถานีท่ี 3 บริเวณท่ตี ั้งฝายทดน้ำคลองบา้ นใหม่ พกิ ดั 619878E, 805880N
สถานีท่ี 4 บริเวณพื้นที่ชลประทาน (ท้ายน้ำ) บริเวณบ้านคลองใหญ่ พิกัด 619543E, 798848N
แสดงดังรูปท่ี 3.4.8-1
(3) การเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินจะดำเนินการโดยใช้กระบอกเก็บตัวอย่างน้ำ (Water Sampler) ทำการ
เก็บน้ำท่ีบริเวณจุดกึ่งกลางลำน้ำ และกึ่งกลางความลึกของลำน้ำ ตัวอย่างน้ำท่ีได้จะนำมาทำการวิเคราะห์โดยใช้วิธี
ตาม Standard Method for the Examination of Waters and Wastewater 22th Edition, (2012) และวิธีที่
สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมยอมรับ สำหรับดัชนีคุณภาพน้ำผิวดินท่ีจะทำการ
วิเคราะห์ แสดงดังตารางที่ 3.4.8-1
3) ผลการศกึ ษา
ผลการสำรวจภาคสนาม
รอหนงั สอื อนุญาตเข้าศึกษาวิจยั จากหนว่ ยงานที่เกีย่ วข้องและดำเนินการสำรวจภาคสนามต่อไป
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-80 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งต้น
รปู ท่ี 3.4.8-1 สถานีเก็บตวั อยา่ งคุณภาพนำ้ ผวิ ดินและนเิ วศวทิ ยาทางน้ำของโครงการ
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-81 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้
ตารางท่ี 3.4.8-1 ดชั นีคุณภาพนำ้ ทท่ี ำการวิเคราะห์บรเิ วณพ้นื ท่ีโครงการ
ดัชนคี ุณภาพนำ้ วิธีการตรวจวัดวเิ คราะห์
1. ความเปน็ กรด-ดา่ ง (pH) Electrometric Method
2. อณุ หภูมินำ้ (Temperature) วดั ในสนามโดยใช้ Thermometer
3. ความเค็ม (Salinity) Salinity meter
4. ความโปรง่ ใส (Transparcncy) วัดในสนามโดยใช้ Secchi Disc
5. ความขนุ่ (Turbidity) Nephelometric Method
6. การนำไฟฟ้า (Conductivity) วดั ในสนามโดยใช้ Conductivity Meter
7. ออกซิเจนละลายน้ำ (DO) Azide Modification
8. บีโอดี (BOD) 5-Day BOD Test
9. แคลเซยี ม (Ca2+) Atomic Absorption Spectrometer Method
10. แมกนเี ซียม (Mg2+) Atomic Absorption Spectrometer Method
11. โซเดียม (Na+), Atomic Absorption Spectrometer Method
12. Sodium Absorption Ratio (SAR) คำนวณ
13. RSC (Residual Sodium Carbonate) คำนวณ
14. ความกระด้างทั้งหมด (Total hardness as EDTA Titrimetric Method
CaCO3)
15. ซัลเฟต (SO42-) Ion Chromatography Method
16. ฟอสเฟต (PO4) Ascorbic Acid Method
17. คลอไรด์ (Cl-), Ion Chromatography Method
18. ไนเตรท (NO3-) Ion Chromatography Method
19. แมงกานีส (Mn) Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
20. เหล็ก (Fe) Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
21. ปริมาณสารแขวนลอย (TSS) Dried at 103–105°C
22. ปรมิ าณของแขง็ ทลี่ ะลายได้ (TDS) Dried at 180°C
23. ตะกว่ั Digestion, Electrothermal Atomic Absorption
Spectrometric Method
24. แคดเมียม Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
25. ปรอท Cole Vapour Atomic Absorption Method
26. โครเมียม Atomic Absorption Spectrometric Method
27. สงั กะสี Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
28. ทองแดง Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
29 สารหนู Atomic Absorption Spectrometric Method
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-82 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น
ตารางที่ 3.4.8-1 ดัชนคี ุณภาพนำ้ ทีท่ ำการวเิ คราะหบ์ รเิ วณพื้นที่โครงการ (ต่อ)
ดัชนีคณุ ภาพน้ำ วิธีการตรวจวดั วิเคราะห์
30. โคลิฟอร์มแบคทเี รียทัง้ หมด Total Coliform Bacteria Most Probable Number Method
31. ฟคี อลโคลฟิ อร์มแบคทีเรยี Fecal Coliform Bacteria Most Probable Number Method
32. ดดี ีที (DDT Gas Chomatography
33. แอลฟา-บเี อชซี (Alpha-BHC) Gas Chomatography
34. อลั ดริน (Aldrin) Gas Chomatography
35. ดลี ดริน (Dieldrin) Gas Chomatography
36. เอนดรนิ (Endrin) Gas Chomatography
37. เฮปตาคลอร์ และเฮปตาคลอร์อีปอกไซด์ Gas Chomatography
(Heptachlor and Heptachlor epoxide)
38. ไซยาไนท์ (cyanide) Distillation, Colorimetric Method
39. ไบคารบ์ อเนต (HC O3-) Calculation
3.4.9 นำ้ ใต้ดนิ
1) วัตถปุ ระสงค์
(1) เพ่ือรวบรวมการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพของแหล่งน้ำใต้ดิน บ่อน้ำบาดาลและบ่อน้ำตื้นในพ้ืนที่
โครงการ โดยเฉพาะพื้นท่ีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงการ เช่น พื้นที่โครงการบริเวณท้ายน้ำ เป็นต้น รวมถึงสภาพ
อทุ กวทิ ยาน้ำใตด้ ินในฤดกู าลต่างๆ ด้วย
(2) เพ่ือรวบรวมและวิเคราะห์เรอ่ื งการใช้น้ำ/ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพ้ืนที่ดังกลา่ วข้างต้น ตลอดจน
การใช้น้ำใต้ดินเพ่ือประโยชน์ตา่ ง ๆ เช่น การเกษตร การอุปโภคบรโิ ภค การพัฒนาน้ำใตด้ ินในอดีตที่ผ่านมาเพื่อเสริม
การใช้ประโยชน์จากนำ้ ผิวดิน ศกั ยภาพและขอ้ จำกดั ของการพัฒนานำ้ ใต้ดนิ ในบริเวณพืน้ ทโ่ี ครงการ
(3) เพ่อื ศึกษาคณุ ภาพนำ้ ใต้ดินในบรเิ วณท่จี ะมีการพัฒนาตามโครงการ โดยเฉพาะพนื้ ที่ชลประทานจาก
ข้อมูลท่ีมีอยู่ เช่น พ้ืนที่โครงการ เป็นต้น เพื่อศึกษาความเหมาะสมและศักยภาพการพัฒนาน้ำบาดาล และน้ำใต้ดิน
เปน็ แหล่งนำ้ อปุ โภคบรโิ ภค ในบรเิ วณเหล่าน้ี หลงั จากมีการกอ่ สรา้ งโครงการ
(4) เพื่อประเมินผลกระทบเบ้ืองต้นของการพัฒนาโครงการต่อปริมาณน้ำใต้ดินและผลกระทบของการ
ใช้สารเคมีเพ่ือการเกษตรเพ่ิม เช่น ปุ๋ยและสารปราบศัตรูพืชต่อคุณภาพน้ำใต้ดิน ตลอดจนผลกระทบของการ
ชลประทานต่อความเคม็ ของดนิ และนำ้ ใตด้ ิน
(5) เพ่ือเสนอมาตรการลดผลกระทบต่างๆ ต่อทรัพยากรน้ำใต้ดิน อันเนื่องมาจากการพัฒนาโครงการ
รวมถึงการลดปญั หาการร่ัวซมึ และปญั หาทเี่ กิดจากการใช้สารเคมเี พือ่ การเกษตร
2) วธิ กี ารศกึ ษา
(1) รวบรวมและทบทวนเอกสารข้อมูลและผลการศึกษาจากหน่วยงานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เช่น
กรมทรัพยากรธรณี กรมการพฒั นาชมุ ชน เป็นตน้ โดยจะทำการรวบรวมขอ้ มลู ท่เี ก่ียวกับประเภท และจำนวนบอ่ น้ำใต้
ดิน (ทั้งบ่อต้ืนและบ่อบาดาล) ในพ้ืนที่โครงการจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและรวบรวมข้อมูลต่อไปที่จะทำได้ เช่น
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-83 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้
หน่วยงานรับผิดชอบ ที่ต้ัง ความลึก ประเภทช้ันอุ้มดิน Yield คุณภาพน้ำ การใช้ประโยชน์ของน้ำใต้ดิน โดยจะ
รวบรวมข้อมูลทรัพยากรน้ำใต้ดินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอื กรมทรัพยากรน้ำบาดาล (เกี่ยวกับสภาพการพัฒนาใน
อดตี และแนวโน้มในอนาคต) เพื่อศึกษาการเปล่ียนแปลงระดับน้ำและคณุ ภาพแหลง่ น้ำใต้ดินดว้ ย
(2) ทบทวนข้อมูล ทุติยภูมิจากเอกสารรายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ผลการศึกษาจากรายงานการศึกษา
วางโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกัว่ ปี พ.ศ.2552
(3) ดำเนินการสำรวจภาคสนาม เพื่อรวบรวมข้อมูลท่ีเก่ียวกับประเภทและจำนวนบ่อน้ำใต้ดิน ทั้งบ่อ
นำ้ ตนื้ และบอ่ บาดาล และสภาพของบอ่ (Water Inventory) รวมทง้ั การใชน้ ้ำใต้ดินในปัจจบุ ัน
3) วิธีการเกบ็ และวิเคราะห์ตัวอยา่ งนำ้ คณุ ภาพน้ำใต้ดนิ
ทำการรวบรวมขอ้ มูลแหล่งน้ำใต้ดนิ บรเิ วณพน้ื ที่โครงการและบรเิ วณใกล้เคยี ง ประกอบด้วย
1. ข้อมูลแผนท่ี อทุ กธรณีวทิ ยา มาตราส่วน 1:250,000 จากกรมทรัพยากรธรณี
2. ข้อมูลบอ่ บาดาลจากกรมทรพั ยากรน้ำบาดาล
3. ข้อมูลพ้นื ฐานดา้ นแหลง่ นำ้ จากที่ว่าการอำเภอป่าบอน
4. ระบุพกิ ดั และความลึกของบอ่
- ทำการรวบรวมและทบทวนขอ้ มลู ทุติยภูมิจากเอกสารรายงานทเี่ กี่ยวข้อง
- ดำเนินการสำรวจภาคสนาม เพ่ือรวบรวมข้อมูลที่เก่ียวกับประเภทและจำนวนบ่อน้ำใต้ดิน ท้ังบ่อ
นำ้ ตืน้ และบอ่ บาดาล และสภาพของบอ่ (Water Inventory) รวมทง้ั การใชน้ ำ้ ใตด้ นิ ในปจั จบุ นั
- ทำการเก็บตัวอย่างน้ำใต้ดิน 2 ครั้ง ตามฤดูกาล คือ ฤดูฝนและฤดูแล้ง ทั้งจากบ่อน้ำตื้นและ
บอ่ บาดาล ทอี่ ยใู่ กลเ้ คียงพื้นทโี่ ครงการแสดงดงั รปู ที่ 3.4.9-1 และตารางท่ี 3.4.9-1 โดยมีจดุ เก็บตัวอยา่ ง 3 สถานี ได้แก่
สถานีท่ี 1 บอ่ นำ้ ใตด้ ินที่บ้านเหมืองตะก่ัว พิกัด 619262E, 798489N
สถานีท่ี 2 บอ่ น้ำใตด้ ินท่บี ้านทา่ เขยี ด พิกัด 620392E, 803059N
สถานีท่ี 3 บอ่ นำ้ ใต้ดินที่บา้ นคลองใหญ่ พกิ ดั 619306E, 805993N
สำหรับดัชนีคุณภาพน้ำท่ีจะทำการตรวจวัด ได้แก่ ความเป็นกรด-ด่าง, สี, อุณหภูมิ, ความขนุ่ ,
ความนำไฟฟ้า, ความเค็ม, ความกระด้างทั้งหมด, ปริมาณของแข็งที่ละลายได้ท้ังหมด, ไนเตรท, ซัลเฟต, เหล็ก, สังกะสี, ตะก่ัว,
สารหนู, ซลิ ิเนียม, ทองแดง, โครเมียม เฮกซาวาเลนท์, นิเกิล,ปรอท, แมงกานีส, แคดเมียม, ฟลูออไรด์, คลอไรด์, โคลิ
ฟอรม์ แบคทีเรยี ทงั้ หมด, ฟคี อลโคลิฟอรม์ แบคทเี รีย, อโี คไล และสารกำจัดศตั รพู ชื
ทง้ั น้วี ิธีการวเิ คราะหแ์ ละดชั นีการตรวจวัดจะเป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการส่งิ แวดลอ้ ม
แห่งชาติ ฉบับที่ 20 พ.ศ.2543 ซ่ึงกำหนดให้ใช้วิธีการมาตรฐานสำหรับการวิเคราะห์น้ำและน้ำเสีย (Standard
Methods for the Examination of Water and Wastewater) ซึ่ ง American Public Health Association,
American Water works Association and water Environmental Federation ของสหรัฐอเมรกิ าร่วมกันกำหนด
หรอื ตามคมู่ อื วเิ คราะห์น้ำและนำ้ เสยี ของสมาคมวศิ วกรสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ประเทศไทย
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-84 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งตน้
4) ผลการศึกษา
(1) ขอ้ มูลทตุ ยิ ภูมิ
ช้นั หนิ ให้นำ้ โครงการอา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว
จากการตรวจสอบแผนที่น้ำบาดาลจังหวัดพัทลุง มาตราส่วน 1:100,000 กองน้ำบาดาล
กรมทรัพยากรธรณี พ.ศ. 2544 พบว่าบรเิ วณพ้ืนทตี่ ้ังเขือ่ นและอา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว พบวา่ ทงั้ หมดเปน็ ช้นั หนิ ให้น้ำ
หินแกรนิต (Gr) ส่วนบริเวณพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการส่วนใหญ่เป็นช้ันหินให้น้ำตะกอนก่ึงหินแปรยุคคาร์บอนิ
เฟอรสั (CMS) รองลงมาคอื ชั้นหินให้นำ้ ตะกอนเศษหินเชงิ เขา (Qcl) รายละเอยี ดแสดงดงั รปู ที่ 3.4.9-2
1. ชั้นหินให้น้ำตะกอนตะพกั ลำน้ำ (High Terrace Aquifer: Qht)
ประกอบดว้ ยช้นั ของตะกอน กรวดขนาดใหญ่ ทราย ทรายแป้ง และดินเหนยี ว ที่เกิดจากการพัด
พามาสะสมทางน้ำสมัยโบราณ ขนาดของกรวดมีต้ังแต่ 2 เซนติเมตร จนถึงมากกว่า 20 เซนติเมตร มีความกลมมน
ปานกลางถึงกลมมนค่อนข้างสูง การคัดขนาดไม่ดี ประกอบด้วย ควอตซ์เซิร์ด ควอร์ตไซต์ ควอตซ์ซีสต์ หินทราย หิน
ทรายแป้ง และหนิ แกรนิต ตะกอนทางน้ำปัจจุบันบางสว่ นวางตัวอยู่ดา้ นล่างของตะกอนทางนำ้ ปัจจุบัน ชั้นหินดังกลา่ ว
ให้คุณภาพน้ำดี ปริมาณการให้น้ำส่วนใหญ่ อยู่ในช่วง 5 – 10 ลูกบาศก์เมตร/ช่ัวโมง ความลึกที่พัฒนาน้ำบาดาลอยู่
ในช่วง 20 – 70 เมตร
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-85 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
รูปที่ 3.4.9-1 สถานีเก็บตวั อยา่ งคณุ ภาพนำ้ ใตด้ ินของโครงการ
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-86 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
ตารางท่ี 3.4.9-1 ลกั ษณะคุณสมบัติของน้ำใต้ดนิ และวิธกี ารทใ่ี ช้ในการศกึ ษาวเิ คราะห์
พารามิเตอร์ หน่วย วธิ กี ารวัด/วเิ คราะห์1/
1. สี (Color) Pt-Co Visual Comparison Method
2. ความขุ่น (Turbidity) NTU Nephelometric Method
3. ความเปน็ กรด-ด่าง (pH) Electrometric Method
4. การนำไฟฟา้ (Conductivity) - Electrometric Conductivity
5. ความเค็ม (Salinity) µs/cm Electrometric Conductivity
6. เหล็ก (Fe) ppt Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
7. แมงกานสี (Mn) mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
8. ทองแดง mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
9. สงั กะสี mg/l Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
10. ซลั เฟต mg/l Ion Chromatography Method
11. คลอไรด์ (Cl-) mg/l Ion Chromatography Method
12. ฟลอู อไลด์ mg/l Ion Chromatography Method
13. ไนเตรท (NO3-) mg/l Ion Chromatography Method
14. ความกระด้างท้งั หมด Total Hardness as CaCO3 mg/l EDTA Titrimetric Method
15. ปรมิ าณของแข็งทล่ี ะลายได้ (TDS) mg/l Dried at 180°C
16. สารหนู mg/l Digestion, Hydride Generation / Atomic
mg/l Absorption Spectrometric Method
17. ไซยาไนด์ Distillation, Colorimetric Method
18. ตะก่ัว mg/l Digestion, Electrothermal Atomic Absorption
mg/l Spectrometric Method
19. ปรอท Digestion, Cold-Vapor Atomic Absorption
mg/l Spectrometric Method
20. แคดเมียม Digestion, Inductively Coupled Plasma Method
21. ซีลเี นยี ม mg/l Digestion, Hydride Generation / Atomic
mg/l Absorption Spectrometric Method
22. อีโคไล (E.Coli) Most Probable Number Method
23. ความกระด้างถาวร MPN/100 ml EDTA Titrimetric Method
24. บักเตรที ่ีตรวจพบโดยวธิ ี Standard plate count mg/l Standard plate count
25. บักเตรีท่ีตรวจพบโดยวิธี Most Probable Multiple Tube Fermentation Technique
Number (MPN) Colony/ml
MPN/100 ml
หมายเหตุ : 1/ แหล่งนำ้ ประเภทที่ 3 (การอปุ โภคและบรโิ ภคตอ้ งผ่านการฆ่าเช้ือโรคตามปกตแิ ละผา่ นกระบวนการปรับปรุงคณุ ภาพน้ำ
ทั่วไปก่อน และเพอ่ื การเกษตร) ตามประกาศคณะกรรมการส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ ฉบับท่ี 8 (พ.ศ. 2537) เรื่องกำหนด
มาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งนำ้ ผิวดิน
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-87 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้
2. ช้ันหินใหน้ ำ้ ตะกอนเศษหินเชงิ เขา (Colluviums Aquifer: Qcl)
ประกอบดว้ ย กรวด ทราย ทรายแป้ง ดินเหนียว และเศษหนิ แตกหกั เปน็ ชนั้ ตะกอนหนาทีม่ ีการ
คัดขนาดของเม็ดตะกอน พบท่ัวไปในบริเวณเชงิ เขาท่ตี ิดต้อกับบริเวณที่ราบ ส่วนประกอบของแต่ละชนั้ ตะกอนขน้ึ อยู่
กับชนิดของหินที่เป็นต้นกำเนิดว่าเป็นหินชนิดใด น้ำบาดาลถูกกักเก็บอยู่ภายในช่องระหว่างกรวด ทราย ทรายแป้ ง
และเศษหิน ช้ันหินดังกล่าวให้คุณภาพน้ำดี ปริมาณน้ำส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 2 – 10 ลูกบาศก์เมตร/ช่ัวโมง ความลึกท่ี
พัฒนาน้ำบาดาลอยูใ่ นช่วง 20 - 70 เมตร
3. ช้ันหินให้น้ำตะกอนกึ่งหินแปรยุคคาร์บอนิเฟอรัส (Carboniferous Meta-sedimentary
Aquifer: CMS)
ประกอบด้วยหินดินดาน หินทรายแป้ง หินทราย บางบริเวณถูกขบวนการแปรสภาพสัมผัส
เปล่ียนไปเป็น หินชนวน หินฟิลไลต์ และหินควอร์ตไซต์ น้ำบาดาลถูกกักเก็บอยู่ภายในรอยแตก รอยแยก รอยเล่ือน
บริเวณท่ีหินผุ ซึ่งแหล่งน้ำบาดาลประเภทน้ีพบในทุกอำเภอของจังหวัดพัทลุง ช้ันหินดังกล่าวให้คุณภาพน้ำดี ปริมาณ
การให้น้ำอยู่ในเกณฑ์ 2 – 10 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และมีบางบริเวณในเขตตำบลแม่ขรี มีปริมาณการให้น้ำอยู่ใน
เกณฑ์ต้งั แต่ 10 ถงึ มากกว่า 20 ลูกบาศก์เมตร/ชัว่ โมง สามารถพฒั นานำ้ บาดาลไดท้ ีค่ วามลกึ 20 - 50 เมตร
4. ชั้นหินให้น้ำหินแปรอายุไ ลูเรียน -ดีโวเนียน (Silurian-Devonian Metamorphic
Aquifers: SDMM)
ประกอบด้วยหินควอรต์ ไซต์ หินฟลิ ไลต์ หินชีสต์ หินควอร์ตซีสต์ และหนิ ชนวน น้ำบาดาลถูกกัก
เก็บอยใู่ นรอยแตก รอยแยก แนวรอยเลอื่ น และรอยตอ่ ระหว่างชน้ั หิน ชั้นหินดงั กล่าวในเขตอำเภอตะโหมดให้คณุ ภาพ
นำ้ ดี ปริมาณการให้น้ำอยใู่ นเกณฑ์ 2 – 10 ลูกบาศก์เมตร/ชัว่ โมง สามารถพัฒนาน้ำบาดาลได้ท่ีความลกึ 35-45 เมตร
สำหรับในเขตอำเภอป่าบอน จะมีปริมาณการให้น้ำอยู่ในเกณฑ์ 2 – 10 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ความลึกพัฒนาน้ำ
บาดาลอยู่ในชว่ ง 20 – 30 เมตร
5. ชน้ั หนิ ให้น้ำหินแกรนติ (Granitic Aquifer: Gr)
ซึ่งเป็นพวกทัวร์มาลีนแกรนิต และไบโอไทต์แกรนิต บางบริเวณมีหินเพ็กมาไทต์ และสายแร่
ควอร์ตแทรก เป็นหินเนื้อแน่นและแข็ง บางบรเิ วณมีการแตกแบบเป็นกาบ หนิ ที่พบในบริเวณท่ีเนินเต้ียๆ และบริเวณ
ราบเชิงเขา มักเป็นหินผุจนถึงผมุ าก สำหรับในเขตอำเภอตะโหมด และอำเภอปา่ บอน ไมม่ ีการพัฒนาในชั้นหินใหน้ ้ำนี้
เน่อื งจากเป็นที่ภเู ขาสงู
ท้ั งน้ี จาก ก ารรวบ รวม ข้อมู ล บ่ อน้ ำบ าด าล ของก รม ท รัพ ย าก รน้ ำบ าด าล (ท่ี ม า :
http://app.dgr.go.th/ newpasutara/xml/map_well.html) บริเวณพ้ืนที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน พ้ืนท่ี
ตำบลป่าใหญ่ และตำบล แม่ขรี อำเภอตะโหมด ที่มีข้อมูลความลึกพัฒนาของน้ำบาดาล จำนวน 43 บ่อ โดยน้ำ
บาดาลจะกระจายในพื้นที่ชุมชน และพ้ืนท่ีรอบนอกของพื้นที่รบั ประโยชน์ของโครงการ โดยไมม่ ีบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่
อา่ งเกบ็ น้ำ และพ้นื ที่ตง้ั เขอ่ื นแตอ่ ยา่ งใด สำหรบั ทศิ ทางการไหลของนำ้ ใต้ดนิ จากการตรวจสอบขอ้ มูลความลกึ พัฒนา
ของบ่อน้ำบาดาลโดยรอบพ้ืนทโ่ี ครงการ พบว่าทิศทางการไหลส่วนใหญ่จะไหลตามทิศทางการไหลของนำ้ ผิวดิน คือมี
ทศิ ทางไหลจากทศิ ใต้ไปทางทิศเหนือ และทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือ รายละเอียดแสดงดงั รูปท่ี 3.4.9-3
(2) ผลการสำรวจภาคสนาม
รอหนังสืออนุญาตเขา้ ศึกษาวิจัยจากหน่วยงานที่เกย่ี วข้องและดำเนนิ การสำรวจภาคสนามต่อไป
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-88 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น
รูปท่ี 3.4.9-2 ชัน้ หนิ ใหน้ ำ้ บรเิ วณพ้นื ท่ีโครงการ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-89 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น
รปู ท่ี 3.4.9-3 ทศิ ทางการไหลของน้ำบาดาลบริเวณพืน้ ทีโ่ ครงการ และใกล้เคยี ง
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-90 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น
3.5 การศึกษาทรัพยากรชีวภาพ
3.5.1 ป่าไม้
1) วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา
(1) เพ่ือศึกษานิเวศวิทยาป่าไม้ ปริมาณ ขนาด ปริมาตร ความหนาแน่น ความสมบูรณ์ และการใช้
ประโยชนข์ องทรพั ยากรปา่ ไม้ สังคมพืช ความสำคัญของชนดิ ไม้ พน้ื ทอ่ี นรุ กั ษต์ ามธรรมชาติตา่ ง ๆ สภาพการบกุ รกุ พ้ืนที่
ป่าของชาวบา้ นและกจิ กรรมของโครงการท่อี าจกอ่ ให้เกิดการเปล่ียนแปลงนิเวศวทิ ยาป่าไม้
(2) เพอ่ื ประเมนิ ผลกระทบทีอ่ าจเกดิ ขน้ึ ตอ่ ลักษณะนิเวศวทิ ยาปา่ ไม้ จากการดำเนนิ กิจกรรมของโครงการ
(3) เพ่ือเสนอแนะมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมท่ีอาจเกิดขึ้น ตลอดจนกำหนด
มาตรการตดิ ตามตรวจสอบท่เี หมาะสม มีประสทิ ธิภาพ และเป็นธรรม
2) วิธกี ารศึกษา
2.1) ทำการรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิเก่ียวกับการใช้ท่ีดิน ข้อมูลป่าไม้และชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ รวมท้ัง
กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคบั ทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง จากเอกสารและรายงานตา่ งๆ
2.2) ศึกษาวเิ คราะห์ขอ้ มูลเกี่ยวกับนิเวศวิทยาบนบกในพ้ืนที่โครงการ และบริเวณใกล้เคียง ที่คาดว่าจะ
ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ โดยประเด็นสำคัญของการศึกษา ประกอบด้วย
• ลักษณะทางนิเวศวิทยา ความอุดมสมบูรณ์ และความสำคัญของระบบนิเวศ รวมถึงการใช้
ประโยชนจ์ ากระบบนิเวศ
• สภาพการเข้าใช้ประโยชน์/การบุกรุกพื้นที่ป่าของชาวบ้าน โดยเฉพาะบริเวณพื้นป่าสงวน
แห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัด แปลงท่ี 1 ตอนท่ี 3 และพ้ืนที่อนุรักษ์เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด แสดงดังรูปท่ี
3.5.1-1
• พชื ในระบบนิเวศ ไดแ้ ก่ ชนิดพันธุไ์ ม้ ความหนาแน่น ความหลากชนิด ปรมิ าณ ขนาด ปริมาตร
ไม้ และสถานภาพของทรพั ยากรป่าไม้ และสังคมพชื
2.3) การสำรวจข้อมูลด้านทรัพยากรป่าไม้ในภาคสนามจะดำเนินการในบริเวณที่ตั้งหัวงานเข่ือน และ
พ้ืนที่อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่โดยรอบ เพื่อให้ทราบถึงชนิดป่า ลักษณะการใช้ท่ีดิน และสิ่งปกคลุมดินโดยสังเขป โดยใช้
แผนที่ภูมิประเทศของกรมแผนท่ีทหาร มาตราส่วน 1:50,000 ข้อมูลดาวเทียม Google earth และเครื่อง GPS
(Global Positioning System) เป็นเครอื่ งมือช่วยในการสำรวจและวางแปลงศึกษา
โดยใช้การศึกษาสุ่มตัวอย่างแบบ Stratified Sampling โดยใช้วิธีการสำรวจแจงนับ (Forest
Inventory) แบบ Line plot System ในพื้นท่ีดำเนินการก่อสร้างโครงการครอบคลุมพื้นท่ีหัวงานและพ้ืนที่น้ำท่วม
โดยวางแปลงแนว Base Line ตามแนวลำน้ำเหมืองตะก่ัว และวางแนวสำรวจ Cruise Line ตัดกับแนว Base Line
โดยมรี ะยะหา่ งระหว่างแนว 100 เมตร และระยะหา่ งระหว่างแปลง 100 เมตร โดยเรมิ่ แนวจากสนั เขื่อน
ขนาดของแปลงตัวอยา่ ง ใช้แปลงตัวอย่างชั่วคราว (temporary sampling plots) แสดงดังรูป
ท่ี 3.5.1-2 เป็นรูปสเ่ี หลย่ี มขนาด 40x40 เมตร และในแปลงตัวอย่างขนาด 40x40 เมตร ไดด้ ำเนินการแบ่งแปลงย่อย
ออกเปน็ ขนาด 10x10 4x4 และ 1x1 เมตร ซ่งึ เปน็ ขนาดแปลงตวั อย่างทตี่ ามท่กี รมอุทยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพันธุ์
พชื กำหนดเช่นกนั แบ่งออกไดต้ ามลักษณะของพรรณไม้ 3 ขนาด ดังนี้
• แปลงขนาด 10x10 เมตร (0.01 เฮกแตร์ หรอื 0.625 ไร่) ทำการบนั ทกึ ชนดิ พรรณไม้ของไม้
ใหญ่ (tree) ทีม่ ีขนาดเสน้ รอบวงท่รี ะดับความสูงเพียงอก (GBH : girth at breast high) มากกวา่ 30 เซนตเิ มตร
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-91 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น
บันทึกขนาดเสน้ รอบวง (GBH) ขนาดความสูง (height) และตรวจสอบคุณภาพของต้นไมท้ ี่สามารถใช้ทำเป็นสนิ ค้าได้
(จำนวนท่อน, log)
• แปลงย่อยขนาด 4x4 เมตร (0.0016 เฮกแตร์ หรือ 0.01 ไร่) วางซ้อนทับตรงมุมแปลง
ตัวอย่างขนาด 10x10 เมตร บันทึกชนิดพรรณไม้ของไมห้ นุ่มหรือลูกไม้ (sapling) ทีม่ ีขนาดเส้นรอบวงท่ีระดับความสูง
เพยี งอกตำ่ กว่า 30 เซนตเิ มตร (GBH) และมีความสูงมากกวา่ 1.30 เมตร วัดและบันทกึ ขนาดเส้นรอบวง ความสูง และจำนวน
• แปลงยอ่ ยขนาด 1x1 เมตร (0.0001 เฮกแตร์ หรอื 0.000625 ไร่) วางซ้อนทับตรงมมุ แปลง
ตวั อยา่ งขนาด 4x4 เมตร บันทกึ ชนิดพรรณไม้และจำนวนของกลา้ ไม้ (seedling) ทีม่ ขี นาดความสูงนอ้ ยกว่า 1.30
เมตร ตลอดจนบนั ทกึ ชนดิ พรรณไมพ้ น้ื ล่างชนดิ ต่างๆ (undergrowth) ท่ีสำรวจพบในแปลงตวั อยา่ ง
แปลงตวั อย่างถาวร นอกจากนี้ทป่ี รกึ ษาได้ดำเนินการวางแปลงตัวอย่างถาวรขนาด 40x40 เมตร
ในบริเวณพ้ืนที่ป่าไม้ท่ีมีลักษณะเดียวกันกับพื้นท่ีป่าไม้ในพ้ืนท่ีโครงการ โดยแปลงตัวอย่างถาวรจะถูกกำหนดอยู่ใน
บริเวณพ้ืนท่ีรอบข้างอ่างเก็บน้ำหรือพ้ืนท่ีรับประโยชน์ ทั้งนี้เพื่อเป็นแปลงตัวอย่างท่ีใช้อ้างอิงประเภทของป่า และ
นอกจากนย้ี งั ไดด้ ำเนินการศึกษาลักษณะโครงสรา้ งทางดา้ นตัง้ (forest structure)
2.4) การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสำรวจและรวบรวมมาท้ังหมดจะนำมาวิเคราะหห์ าค่าต่าง ๆ
ดงั นี้
- จำแนกชนิดป่า ชนิดไม้และไม้เด่นที่พบในป่าแต่ละชนิด โดยแสดงทั้งช่ือไทยและช่ือ
วทิ ยาศาสตร์
- วิเคราะห์ความหนาแนน่ เฉล่ียของต้นไม้ ลกู ไม้ และกล้าไม้
- วิเคราะห์ความหลากหลายของชนิดไม้ คำนวณโดยใช้สมการของ Fisher’s Index of
Diversity (Fisher และคณะ, 1943)
- การแบง่ ชัน้ ความสงู ตามแนวด่งิ (Vertical Stratification) วิเคราะห์โดยใช้ Profile Diagram
- วเิ คราะห์ปริมาตรเฉล่ยี ของไม้ใหญ่ (Timber Volume) ในการคำนวณปริมาตรไม้มีการแบง่ ช้ัน
คุณภาพไม้ (TQ) ออกเป็น 3 ชนั้ ดงั น้ี
TQ 1 เป็นท่อนไม้ที่มีเสน้ ผา่ นศูนยก์ ลางเพยี งอก ต้งั แต่ 30 เซนติเมตรขนึ้ ไปแบง่ ออกเป็น
TQ 1.1 คือ ไม้ท่ีมีความเปลาตรงมาก สามารถนำไปแปรรูปใช้ได้ทุกประเภทมีเศษไม้ที่เกิดจากการแปร
รปู ไมน้ อ้ ย
TQ 1.2 คอื ไมท้ มี่ คี วามเปลาตรงลดลง แตย่ ังคงสามารถนำไปแปรรูปในเชงิ เศรษฐกิจได้ แต่จะมเี ศษไม้
เหลืออยมู่ าก
TQ 1.3 คอื ไม้ทีไ่ มส่ ามารถนำไปใชใ้ นการแปรรปู เปน็ ไม้แผน่ ได้ เนอ่ื งจากคดงอ
เปน็ โพรงหรือถูกทำลายโดยภยั ธรรมชาติ เหมาะที่จะใชใ้ นการทำไม้ฟนื หรอื ถา่ น
TQ 2 คือ ไม้ทม่ี ีความโตระหวา่ ง 10-30 เซนตเิ มตร เปลาตรง สามารถใชเ้ ป็นไมเ้ สากลมได้
TQ 3 คือ ไม้ทมี่ ีความโตมากกว่า 10 เซนติเมตรขนึ้ ไป คดงอ เปน็ โพรงหรอื มรี อยตำหนิไม่สามารถใช้
เปน็ ไม้เสากลมหรอื แปรรปู ได้ โดยท่ัวไปแลว้ จะใชเ้ ปน็ ไม้ฟนื
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-92 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้
รปู ท่ี 3.5.1-1 แผนทพ่ี น้ื ทีป่ ่าสงวนแหง่ ชาตปิ า่ เทือกเขาบรรทัด แปลงที่ 1 ตอนท่ี 3 ปา่ เทือกเขาบรรทัด (โ น C) และ
เขตรักษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ เขาบรรทดั บริเวณพื้นที่โครงการและบรเิ วณใกล้เคียง
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-93 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งตน้
รปู ท่ี 3.5.1-2 แสดงตำแหนง่ การสำรวจทรัพยากรปา่ ไม้บรเิ วณพนื้ ท่โี ครงการเบือ้ งต้น
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-94 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้
2.5) การตรวจสอบสถานภาพของพรรณพืช เป็นการพิจารณาถึงความสำคัญของตน้ ไมช้ นิดต่าง ๆ ท่ีพบ
ในพน้ื ที่ปา่ ไม้ สรปุ ได้ดงั น้ี
- พืชท่ีใกล้จะสูญพันธใุ์ นประเทศไทย
- ชนดิ พนั ธไ์ุ มห้ วงห้ามตามพระราชกฤษฎกี ากำหนดไมห้ วงหา้ ม พ.ศ. 2530
- สถานภาพปัจจบุ ัน อ้างองิ ตามการจำแนกของสำนกั งานนโยบายและแผนทรพั ยากร ธรรมชาตแิ ละ
ส่งิ แวดลอ้ ม (2540) และการจำแนกชนิดพนั ธุท์ ถี่ ูกคุกคามในประเทศไทย ตามฐานขอ้ มลู Red data of
Thailand (2548)
- ชนดิ พนั ธ์พุ ชื เฉพาะถ่ิน หรือพืชถิ่นเดียว (Endemic Species)
- ของป่าหวงห้าม ซ่ึงกำหนดตามพระราชกฤษฎีกากำหนดของปา่ หวงหา้ ม พ.ศ. 2530
2.6) ประเมินสถานภาพของทรัพยากรป่าไม้ โดยวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุ และข้อจำกัดต่างๆ เพื่อเป็น
ข้อมูลประกอบสำหรับการประเมินผลกระทบส่งิ แวดล้อมตอ่ ทรพั ยากรปา่ ไม้ รวมท้ังเสนอแนะแนวทางเพ่ือการอนุรกั ษ์
และจัดการพ้ืนทีป่ ่าไม้
2.7) เสนอแนะมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมท้ังมาตรการในการติดตามตรวจสอบ
ผลกระทบส่ิงแวดล้อมของโครงการท่ีเหมาะสม มีประสิทธภิ าพ และเป็นรปู ธรรม
3) ผลการศึกษา
(1) ข้อมูลทุติยภมู ิ
เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ปา่ เขาบรรทดั
ตั้งอยู่ในเทือกเขาบรรทัดซ่ึงเป็นเทือกเขาท่ีวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ และแบ่งระหว่างภาคใต้ฝั่ง
ตะวันออกและภาคใต้ฝ่ังตะวันตก แบ่งเป็นจังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรังเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ครอบคลุมพื้นท่ี
บางส่วนของ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา พื้นที่ประมาณ 791,847 ไร่
หรือ 1266.96 ตารางกิโลเมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ระหว่าง 100-1,350 เมตร และความสูงชัน
อยู่ระหว่าง 250-300 ภูเขาบริเวณเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด นอกจากจะเป็นท่ีอย่อู าศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก
และยังเป็นแหล่งต้นน้ำทะเลสาบสงขลา ซ่ึงอยู่ทางด้านทางทิศตะวันออกของเทือกเขานี้ ได้แก่ คลองนาท่อม
คลองหัวมร คลองทา่ มะเด่ือ คลองป่าบอน คลองพรุพ้อ และคลองรัตภูมิ ซึ่งคลองเหล่าน้ีจะเป็นที่รวมของลำน้ำเล็กอีก
จำนวนหลายสายท่ีไหลลงสูท่ ะเลสาปสงขลา ทางด้านตะวันตก น้ันก็เช่นเดยี วกันยังมี ลำน้ำอีกหลายสาย ท่ีต้นน้ำเกิด
จากภูเขาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ได้แก่ แม่น้ำตรัง แม่น้ำปะเหลียน คลองลิพัง
และคลองละงู
เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด มีสภาพป่าที่แตกต่างกัน 2 ลักษณะ คือ ป่าดิบช้ืนและ ป่าเขา
หินปูน ซึ่งเป็นป่าท่ีไม่ผลัดใบ-ป่าดงดิบช้ืน เป็นป่าที่ขึ้นปกคลุมพื้นท่ีส่วนใหญ่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พบตั้งแต่
บริเวณลำห้วยขึ้นไปจนถึงยอดเขา มีพรรณไม้ขนาดต่าง ๆ ข้ึนอยู่อย่างหนาแน่น เรือนยอดปกคลุมมากกว่า 80%
บริเวณพ้นื ท่ีปา่ ปกคลมุ ด้วยอนิ ทรียว์ ัตถุ ซ่ึงเป็นซากของใบไม้กิ่งไมเ้ ป็นจำนวนมาก-ปา่ เขาหนิ ปูน เป็นปา่ ท่ีข้ึนอยู่เฉพาะ
ตามภเู ขาท่เี ปน็ เขาหินปูนเทา่ น้ัน
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-95 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้
ในเขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด พบว่า ปา่ เขาหินปนู บริเวณหนว่ ยพิทกั ษป์ ่าโตนเต๊ะ และบรเิ วณ
ถ้ำเจ็ดคต ใกล้หนว่ ยพิทักษ์ป่าคีรวี ง สภาพป่าเปน็ ปา่ แคระแกร็น ไมท้ ่ีขนึ้ อยมู่ ีขนาดเลก็ เนอ่ื งจากมีซบั หนา้ ดินน้อยมาก
ชนดิ พรรณไมบ้ ริเวณที่ขนึ้ ถงึ นนั้ เปน็ เนนิ เขาเต้ียๆ ไมส่ ูงชนั มีชั้นหนา้ ดนิ คอ่ นขา้ งหนาและติดอยกู่ ับปา่ ดบิ ชน้ื
ทัง้ น้ที ่ีปรกึ ษาไดด้ ำเนินการตรวจสอบพ้ืนทโี่ ครงการที่ซ้อนทับอยู่ในพื้นท่ีอนรุ ักษ์ตามกฎหมายต่างๆ
พบว่า ทรัพยากรป่าไม้อำเภอป่าบอนมีพื้นท่ีป่าไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาจันทร์ ป่าสงวนแห่งชาติป่า
เทือกเขาบรรทดั แปลงท่ี 1 ตอนท่ี 3 และเขตรกั ษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ เขาบรรทัด แสดงดังตารางท่ี 3.5.1-1
ตารางท่ี 3.5.1-1 พ้ืนท่โี ครงการอ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั อันเนอื่ งมาพระราชดำริ อยใู่ นเขตพืน้ ที่อนรุ กั ษ์
ป่าเทือกเขาบรรทัด (ไร่) ป่าเขาจนั ทร์ (ไร่)
องคป์ ระกอบ พื้นท่ี เขตรกั ษาพนั ธ์ุ แปลงเอกสารสิทธิ์ พ้ืนทีป่ า่ พ้นื ท่ปี า่ อนรุ กั ษ์ พื้นทปี่ ่า พ้นื ท่ีปา่ อนุรกั ษ์
โครงการ (ไร่) สตั ว์ป่า (ไร่) (ไร่) เศรษฐกิจ (E) เพ่มิ เติม (C) เศรษฐกจิ เพ่ิมเติม (C)
- (E)
64.8
อา่ งเก็บนำ้ 357.4 26.0 334.6 325.4 6.0 - -
หัวงาน 263.5 44.5 - 152.1 2.1 - -
บ่อยมื ดนิ 887.2 251.0 209.7 74.3 - 17.7
ถนนเข้าหัวงาน 12.5 - - - - 12.5
ท่มี า : กล่มุ บรษิ ทั ทีป่ รกึ ษา, 2563
ชน้ั คุณภาพลุ่มน้ำ
รวบรวมเอกสารและขอ้ มูลจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เป็นต้น เอกสารและข้อมูลทีท่ ำการรวบรวม เช่น แผนที่แสดงขอบเขตที่ตั้งและรายละเอียดที่ต้ังโครงการ แผนที่แสดง
ขอบเขตช้ันคุณภาพลุม่ นำ้ บริเวณชน้ั คณุ ภาพล่มุ นำ้ ครอบคลมุ พน้ื ท่โี ครงการ แผนทีก่ ารใชท้ ี่ดนิ บรเิ วณพืน้ ที่โครงการ
จ า ก ก า ร ต ร ว จ ส อ บ พื้ น ท่ี ชั้ น คุ ณ ภ า พ ลุ่ ม น้ ำ บ ริ เว ณ พ้ื น ที่ โค ร ง ก า ร กั บ ส ำ นั ก ง า น น โย บ า ย แ ล ะ แ ผ น
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พบว่า พื้นท่ีอ่างเก็บน้ำ อยู่ในพื้นท่ีลุ่มน้ำช้ันท่ี 3 ประมาณ 0.03 ตาราง
กิโลเมตร และพ้ืนที่ลุ่มน้ำชั้น 4 ประมาณ 0.16 ตารางกิโลเมตร ท่อ PVC ผ่านพื้นท่ีลุ่มน้ำชั้นที่ 4 ประมาณ 0.33
ตารางกโิ ลเมตร และพ้นื ทีล่ ่มุ นำ้ ชน้ั 5 ประมาณ 13.69 ตารางกิโลเมตร และพน้ื ทรี่ บั ประโยชน์ อย่ใู นพน้ื ท่ีลุ่มน้ำชัน้ ท่ี 3
ประมาณ 0.01 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ลุ่มน้ำช้ัน 4 ประมาณ 0.07 ตารางกิโลเมตร และพ้ืนที่ลุ่มน้ำชั้น 5 ประมาณ
19.85 ตารางกิโลเมตร ดังภาคผนวก ข. ซึ่งบริเวณโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว มีพ้ืนท่ีน้ำท่วมและพ้ืนที่หัวงาน
ครอบคลุมพื้นท่ีทั้งหมด 118.71 ไร่ อยู่ในพ้ืนที่ชนั้ คุณภาพลมุ่ น้ำช้ันที่ 3 รองลงมาอยูใ่ นพื้นท่ีช้ันคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 4
ตามลำดับ สว่ นพ้ืนทร่ี ับประโยชนม์ ีพื้นที่ท้ังหมด 12,456 ไร่ พืน้ ท่ีบางส่วนอยู่ในพนื้ ที่ชัน้ คณุ ภาพลุ่มน้ำช้ันที่ 3 และชั้น
ท่ี 4 พนื้ ที่สว่ นใหญ่อยใู่ นชัน้ คุณภาพลมุ่ น้ำชั้นท่ี 5 ตามลำดบั แสดงดงั ตารางที่ 3.5.1-2 และรปู ที่ 3.5.1-2
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-96 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องตน้
ตารางที่ 3.5.1-2 พน้ื ที่ช้ันคณุ ภาพลมุ่ น้ำบริเวณพนื้ ทโ่ี ครงการ
พนื้ ทโ่ี ครงการ ชัน้ คณุ ภาพลมุ่ น้ำ หน่วย : ไร่
1A 1B 2 3 4 5 รวม
-
พน้ื ท่อี า่ งเก็บนำ้ - - - 18.75 100 8,556.25 118.75
12,406.25 8,762.5
ทอ่ ส่งนำ้ PVC - - - - 206.25 12,456.25
พน้ื ทรี่ ับประโยชน์ - - - 6.25 43.75
ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาตลิ ะสง่ิ แวดลอ้ ม, 2548
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-97 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้
รูปที่ 3.5.1-2 แผนท่ชี ้ันคณุ ภาพลุ่มน้ำบริเวณพื้นที่โครงการ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-98 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองต้น
3.5.2 ทรัพยากรสตั ว์ป่า
1) วตั ถปุ ระสงค์การศกึ ษา
(1) เพอ่ื ศกึ ษาความหลากชนิด ปรมิ าณ สัดสว่ น และการกระจายของชนิดพนั ธ์ุ
(2) เพ่ือประเมินสถานภาพของสัตว์ป่าท่ีอยู่/อาศัย รวมท้ังมีแหล่งหากิน และกระจายพันธ์ุอยู่บริเวณ
พืน้ ทโ่ี ครงการฯ และพ้ืนท่ีใกลเ้ คียง
(3) เพือ่ ใช้เปน็ ขอ้ มูลพน้ื ฐานในการวิเคราะห์และประเมนิ ผลกระทบตอ่ สัตว์ปา่ ต่อถนิ่ ท่ีอย/ู่ อาศัย แหล่ง
หากนิ และกระจายพนั ธขุ์ องสัตว์ป่า
(4) เพื่อเสนอมาตรการในการป้องกัน/แก้ไข/ลดผลกระทบทีเ่ กิดกบั สตั วป์ ่า
2) วธิ กี ารศกึ ษา
(1) การศึกษา และสำรวจความหลากชนิดของสตั วป์ า่ แบง่ ออกเป็น 2 รปู แบบดงั นี้
(1.1) การศึกษา และสำรวจทางตรง (Direct count) : เป็นการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูล
2 ลักษณะ คอื
การสังเกต (Observation) : คอื การเกบ็ ขอ้ มลู ในพืน้ ท่ีศึกษาจากการพบเหน็ ตวั สตั วโ์ ดยตรง และ
จากหลักฐานอ่ืนๆ เช่น รอยเท้า มูล รอยกัดกิน ร่องรอยการทำรัง/ขุดโพรง ขน คราบ ซาก และเสียงร้อง พร้อมทั้ง
บนั ทกึ ชนดิ ของสัตว์ปา่ และจำนวนของชนิดพนั ธุ์ท่พี บ เพ่ือนำมาประเมินความชุกชุม โดยการศกึ ษาทำในเวลากลางวัน
การดักจับ (Life trap) : เป็นการใช้อุปกรณ์ในการดักจับเป็น อาทิ กรงดัก กระป๋อง/ขวดน้ำ
พลาสติก ฯลฯ เมอ่ื สามารถตรวจสอบชนิดได้ก็ปล่อยสู่ธรรมชาติ เนื่องจากลักษณะบางอย่างท่ีใช้แยกชนิดสัตว์ป่าบาง
ชนดิ อย่บู ริเวณที่ยากต่อการมองเห็น หรอื บางชนดิ มคี วามเรว็ ในการเคลอื่ นไหว เชน่ หนู และจง้ิ เหลน
การศึกษา และสำรวจใชเ้ ทคนคิ ในการสำรวจสตั ว์ปา่ แต่ละชนดิ ดงั นี้
ก. สตั วส์ ะเทนิ น้ำสะเทินบก (Amphibians) สำรวจบริเวณแหลง่ นำ้ ต่าง ๆ ท่ีกระจายอยูใ่ นพ้ืน โดย
สำรวจทั้งในตัวเต็มวยั (adult) และลูกอ๊อด (tadpole)
ข. สัตว์เล้ือยคลาน (Reptiles) สำรวจในสภาพนิเวศต่าง ๆ ในพื้นท่ีโดยการเดินสำรวจ คุ้ยเข่ียหา
บรเิ วณทีเ่ ป็นกองวสั ดุ ในโพรง บนต้นไม้
ค. นก (Birds) สำรวจในสภาพนิเวศต่าง ๆ ในพ้ืนท่ี โดยใช้กล้องส่องสองตา (Binocular)
กลอ้ งสอ่ งทางไกลกำลงั ขยายสูงแบบตาเดยี ว (Telescope) และกลอ้ งถ่ายรปู
ง. สัตว์เล้ียงลกู ดว้ ยนม (Mammals) สำรวจในสภาพนิเวศต่าง ๆ ในพื้นท่ี โดยการเดินสำรวจ และ
การดักจบั เปน็ (กล่มุ ของหนู) รวมถึงการใชก้ ล้องดักถ่าย (camera trap)
(1.2) การศึกษา และสำรวจทางออ้ ม (Indirect count) : เปน็ การเก็บข้อมลู สัตวป์ า่ โดยการสอบถาม
จากประชาชนผทู้ ่อี ยใู่ นพ้นื ทโ่ี ครงการฯ/พ้ืนที่ใกล้เคียง รวมทง้ั เอกสาร/ข้อมูลที่เกย่ี วข้อง (ข้อมูลทตุ ยิ ภูมิ) เพื่อใชเ้ ป็น
ขอ้ มูลสำหรับช่วยในการทราบชนดิ ของสัตว์ปา่ ที่เคยพบเห็นเทา่ นน้ั
(2) การศึกษา และสำรวจแหล่งท่อี ย่อู าศยั ของสตั ว์ป่า (Ecological habitat) : ศึกษาสภาพนเิ วศ
ถ่นิ ท่ีอาศัย ท้ังในพื้นทศี่ กึ ษา และพ้ืนท่ใี กลเ้ คยี ง เพ่ือประเมนิ ปัจจัยทเี่ อือ้ อำนวยต่อการดำรงชีวิตของสตั วป์ ่า
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-99 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้
(3) การจำแนกชนิดและจัดลำดบั อนกุ รมวธิ านใชเ้ อกสารเก่ยี วข้องกบั สตั ว์ป่าแตล่ ะกลมุ่ ดังนี้
การจำแนกชนดิ
- สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม ใช้เกณฑ์วิเคราะห์ตาม Lekagul and McNeely, 1977. Francis, 2008
และ Corbett and Hill, 1992
- นก ใช้เกณฑ์วเิ คราะหต์ ามจารจุ ินต์, 2550. และ Robson, 2002.
- สัตวเ์ ลื้อยคลาน จำพวกงู กงิ้ กา่ จิ้งเหลน และจ้ิงจกตุ๊กแก ใชเ้ กณฑว์ ิเคราะห์ตาม Taylor, 1963
และ1965. Matsui, 1996 และ Cox et al, 1991. เต่า ใช้เกณฑ์วิเคราะห์ตาม Nuttaphand, 1979. , A Field
Guide to The Reptiles of Thailand and South-East Asia. 2010. และ A Field Guide to The Reptiles
of Thailand. 2015.
- สตั ว์สะเทินน้ำสะเทินบก ใช้เกณฑ์วเิ คราะห์ตาม Taylor, 1962., Inger, 1966., Berry, 1975.,
Matsui, 1996. และ ธัญญา, 2547.
การลำดบั อนกุ รมวธิ าน
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ใช้เกณฑ์วิเคราะห์ตาม Francis, 2008 และ IUCN (The International
Union for Conservation of Nature), 2016. และ Mammal Species of The World, 2016.
- นก ใช้เกณฑว์ เิ คราะห์ตาม Clements, 2015. The World Bird Database, 2016.
- สตั ว์เลอ้ื ยคลาน ใช้เกณฑว์ ิเคราะหต์ าม The Reptiles Database, 2016.
- สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ใช้เกณฑ์วิเคราะห์ตาม Amphibians Species of The World
2016.
(4) การวเิ คราะห์ประเมินสถานภาพสตั วป์ ่า แบ่งออกได้เปน็ 3 ประเภท ตามเกณฑ์ดังนี้
- สถานภาพตามกฎหมาย (พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยใช้ฉบับ
ปรบั ปรุง 2546) : เปน็ สถานภาพสตั ว์ป่าในประเทศไทยทไ่ี ด้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และแบ่งออกได้เปน็ สตั ว์ป่า
สงวน (Reserved Animals) สัตว์ป่าคุ้มครอง (Protected Animals) และสัตว์ป่านอกคุ้มครอง (Non-protected
Animals)
สถานภาพทรัพยากรชีวภาพ (กำหนดโดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม, 2548) : เป็นสถานภาพสตั ว์ปา่ ของประเทศไทยทถี่ กู จดั โดยผู้เชยี่ วชาญเฉพาะด้าน และจัดสถานภาพสัตว์
ป่าท่ีถูกคุกคามเสย่ี งตอ่ สภาวะการสูญพนั ธใ์ุ นประเทศไทย (Thailand Red Data) โดยมหี ลายระดบั ท่ถี ูกจดั แตม่ รี ะดบั
ใหญ่ที่สำคัญ แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามระดับมากน้อยของความเสี่ยง คือ ระดับใกล้สูญพันธ์ุอย่างย่ิง (Critically
Endangered : CE) ระดับใกล้สูญพันธ์ุ (Endangered : EN) และระดับมีแนวโน้มสูญพันธุ์ (Vulnerable : VU)
นอกจากน้ีมีสัตว์ป่าหลายชนิดท่ีไม่จัดอยู่ในประเภทสถานภาพสัตว์ป่าถูกคุกคาม แต่มีแนวโน้มหรือโอกาสสูงมากท่ีจะ
กลายเปน็ สตั วป์ า่ ทม่ี สี ถานภาพถกู คุกคามในระดับใดระดับหนง่ึ ซึ่งสัตว์ป่าเหล่านี้ไดร้ ับการจำแนกไวเ้ ป็นพวกระดบั ใกล้
ถกู คกุ คาม (Near Threatened : NT)
สถานภาพด้านอนุรักษ์ : เปน็ สถานภาพสัตว์ป่าในระดับนานาชาติ ตามเกณฑ์กำหนดของ IUCN
RED LIST, 2016 ซ่ึงพิจารณาจัดสถานภาพสัตว์ป่าที่ถูกคุกคามเส่ียงต่อสภาวะการสูญพันธุ์ของโลก (Threatened)
โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามระดับมากน้อยของความเสี่ยง คือ ระดับใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically
Endangered) ระดับใกล้สูญพันธ์ (Endangered) และระดับมีแนวโน้มสูญพันธุ์ (Vulnerable) ส่วนพวกสัตว์ป่า
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-100 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้อื งต้น
นอกจาก 3 ระดับดังกลา่ วนีม้ ีหลายชนิดท่ีไม่จัดอยใู่ นประเภทสถานภาพสัตว์ป่าถูกคกุ คาม แต่มีแนวโน้มหรอื โอกาสสูง
มากที่จะกลายเป็นชนิดสตั ว์ปา่ ท่ีมีสถานภาพถูกคุกคามในระดับใดระดับหนึ่งได้รับการจำแนกไว้เป็นพวกระดบั ใกล้ถูก
คกุ คาม (Near Threatened)
การวิเคราะห์ประเมนิ ความชกุ ชมุ สัมพทั ธ์ของประชากรสตั ว์ป่า
ในการประเมินสถานภาพสัตว์ป่าด้านประชากรในท้องถิ่น ตามรายงานฉบับน้ี ได้ใช้เกณฑ์
พิจารณาจากดัชนีความเด่นทางนิเวศวิทยา (Importance Value Index = IVI) สัตว์ป่าแต่ละชนิดพันธุ์ในพื้นท่ีศึกษา
ตาม ประทีป (2551ก) ซ่ึงแสดงถึงขนาดประชากรสัตว์ป่าท่ีได้จากการสำรวจโดยตรง และขอบเขตการกระจายพันธ์ุ
ตามแหล่งพ้ืนท่ีศึกษาทั้งหมด และแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ตามเกณฑ์ค่าเฉลี่ย IVI คือระดับชุกชุม(Common) ระดับ
คอ่ นข้างหายาก (Uncommon) ระดบั หายาก (Rare)
วิธกี ารคำนวณและวเิ คราะหข์ อ้ มลู สถานภาพประชากร
ความมากนอ้ ยชนิดพันธ์ุ (Specific Abundance - A)
% A = จำนวนครัง้ ที่พบตวั (t) × 100
จำนวนครั้งทีส่ ำรวจ (T)
ความมากน้อยสัมพทั ธ์ประชากร (Relative Abundance - RA)
RA = ความมากน้อยแต่ละชนิดพนั ธุ์ × 100
ผลรวมความมากนอ้ ยสัตวท์ ุกชนดิ
ความหนาแน่น (Relative density - RD)
RD = จำนวนตัวเฉลีย่ แต่ละชนิด/ระยะทาง (n/l) × 100
ผลรวมจำนวนตวั เฉลย่ี ทกุ ชนดิ /ระยะทาง (N/l)
ดัชนคี วามเดน่ ทางนิเวศวิทยา (Importance Value Index = IVI)
% IVI = (RA + RD)/ 2
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของสัตว์ป่าท่ีไม่สามารถนำมาประเมินสถานภาพได้ (มม.) เน่ืองจากเป็นข้อมูล
ทตุ ิยภมู ิ (ขอ้ มลู จากการสอบถาม) ไม่สามารถระบุความชัดเจน/ความแน่นอนของข้อมลู ในปัจจุบนั ได้และอาจทำใหเ้ กิด
ความคลาดเคลอื่ นของการประเมินสถานภาพ รวมท้ังระดบั ของผลกระทบทงั้ ในปัจจุบัน และการคาดการณใ์ นอนาคต
3) ผลการศึกษา
(1) ขอ้ มูลทุตยิ ภูมิ
เขตรักษาพันธสุ์ ตั วป์ ่าเขาบรรทัด
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด มีทรัพยากรสัตว์น้ัน แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สัตว์เลี้ยงลูก
ดว้ ยน้ำนม สัตว์จำพวกนก สตั วส์ ะเทนิ นำ้ สะเทินบก สัตวเ์ ลอื้ ยคลาน ดงั น้ี
กลุ่มสัตว์เล้ียงลูกด้วยน้ำนม เช่น ค้างคาวขอบหูขาว ค้างคาวขอบหูดำ ค้างคาวหัวดำ ค้างคาวหน้า
ยาว ค้างคาวหางโผล่ กระรอกหางม้า กระรอกดิน กระเต็น พญากระรอกบินหูแดง หนูขนเสียน หนูหวาย หนูฟาน
และหนูฟนั ขาว
กลุ่มนก จำนวน 283 ชนิดมีนกจำนวนหลายวงศ์ ที่มีจำนวนชนิดสูงมากเกิน 10 ชนดิ วงศ์กนิ แมลง
มีจำนวน 26 ชนิด วงศ์นกปรอด 17 ชนิด วงศ์นกหัวขวานมี 18 ชนิด วงศ์นกจับแมลง 14ช นิด วงศ์นกกินปลามี
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-101 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองต้น
12 ชนดิ และวงศ์นกคดั คู 11 ชนดิ
กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก มีวงศ์กบต่างๆ จำนวน 16 ชนิด วงศ์อึ่งต่างๆ จำ นวน 7 ชนิด
กลุ่มสัตว์เล้ือยคลาน กลุ่มเต่า กลุ่มตะพาบน้ำ มีจำนวน 3 วงศ์ 9 ชนิด กลุ่มต๊ักแก ก้ิงก่าและจ้ิงเหลน มี 4 วงศ์ 35
ชนิด กลุ่มงูมี 6 วงศ์ 28 ชนิด กลุ่มปลานำ้ จดื รวมท้ังสิน้ 29 ชนดิ วงศท์ ่ีมจี ำนวนชนดิ ที่สูงท่สี ุด คือ วงศ์ปลารากกล้วย
มจี ำนวน 6 ชนิด รองลงไปคอื วงศป์ ลาแขยง และวงศป์ ลาช่อน
(2) ผลการสำรวจภาคสนาม
รอหนงั สืออนญุ าตเข้าศึกษาวิจยั จากหนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วข้องและดำเนนิ การสำรวจภาคสนามต่อไป
3.5.3 นิเวศวทิ ยาทางน้ำ
1) วัตถปุ ระสงค์ของการศึกษา
(1) ศึกษาสิ่งมีชีวิตในน้ำเป็นหลัก ท้ังชนิด และปรมิ าณ ได้แก่ แพลงก์ตอนพืช (Phytoplankton) และ
แพลงก์ตอนสัตว์ (Zooplankton) สัตว์หน้าดิน ปลา และพรรณไม้น้ำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหาร และเป็น
ตวั ชว้ี ดั ถงึ ความอดุ มสมบูรณ์ของแหล่งน้ำธรรมชาติ
(2) เพ่อื ศึกษาความสำคญั ของระบบนเิ วศในนำ้ ในพื้นทศี่ กึ ษาของโครงการ
(3) เพอื่ รวบรวมและเคราะห์ข้อมลู เกยี่ วกับการประมงและการเพาะเล้ียงสัตวน์ ้ำ ในบริเวณพ้นื ทโี่ ครงการ
(4) เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลกระทบเนื่องจากกิจกรรมของโครงการในการก่อสร้างเส้นทางต่อ
ระบบนเิ วศในนำ้
(5) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบและแผนการติดตามตรวจสอบ
ผลกระทบต่อระบบนิเวศในนำ้
2) วธิ ีการและขอบเขตศกึ ษา
(1) ทำการรวบรวมข้อมูลทตุ ยิ ภูมิด้านนเิ วศวิทยาทางน้ำ จากรายงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง การสอบถามจากคนใน
พื้นที่ เกี่ยวกับพันธ์ุปลาและสัตว์น้ำในลำน้ำเหมืองตะก่ัวและลำน้ำใกล้เคียง และลำน้ำใกล้เคียง นอกจากนี้ได้
ดำเนินการสำรวจข้อมูลภาคสนาม และเก็บตัวอย่างส่ิงมีชีวิตทางน้ำ เพื่อให้ทราบถึงสภาพนิเวศวิทยาทางน้ำและ
ทรัพยากรประมงท่ีจะทำการเก็บรวบรวมภาคสนาม ได้แก่ แพลงก์ตอน สัตว์หน้าดิน ปลา และพรรณไม้น้ำ สำหรับ
สถานีเกบ็ ตวั อยา่ ง เปน็ สถานเี ดียวกนั กับการเก็บตัวอยา่ งคณุ ภาพนำ้ ผิวดนิ ท้ังหมด 4 สถานี รายละเอยี ด แสดงดังรปู ที่
3.4.8-1
(2) สำรวจและเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน สัตว์หน้าดิน ปลา และพรรณไม้น้ำ จำนวน 4 สถานี โดยการ
เกบ็ ตัวอย่างสถานีละ 2 ครง้ั ในชว่ งฤดฝู นและฤดแู ล้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) แพลงก์ตอนพชื และแพลงก์ตอนสตั ว์
- การเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์ จะใช้ถุงแพลงก์ตอนขนาดตา
30 ไมครอน เพ่ือกรองตัวอย่างน้ำปริมาณ 80 ลิตร เก็บตัวอย่างน้ำโดยใช้กระบอกแบบปดิ อัตโนมัติจากสถานที่เก็บ
ตัวอย่างท้ัง 2 แห่ง ท่ีความลึกประมาณ 0.6 เมตร ใต้ระดับผิวน้ำ ตัวอย่าง แพลงก์ตอนที่ค้างอยู่ในถุงจะถูกรวบรวม
และเก็บรักษาด้วยน้ำยาฟอร์มาลีนเข้มข้น 5-7% เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์จำแนกชนิ ดและจำนวน
ณ ห้องปฏบิ ัตกิ ารต่อไป โดยความหนาแน่นของสิง่ มชี ีวติ ในน้ำจะคำนวณในหน่วยเซลล์ต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากท่ีทำ
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-102 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้
การวเิ คราะห์ชนดิ และความหนาแน่นของแพลงก์ตอนของแต่ละแห่งแล้ว จะนำมาคำนวณความหลากหลายทางชีวภาพ
(Species Diversity Index) จากสมการของ Shannon-Wiener Index (Shannon และ Wiener, 1963) ดงั นี้
H’ = Pi(lnPi)
เมอื่ H’ = ดัชนีความหลากหลาย
Pi = ni/N
N = จำนวนแพลงกต์ อนทัง้ หมด
ni = จำนวนแพลงกต์ อนแต่ละชนดิ
นอกจากนี้แลว้ จะทำการเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อนำไปวิเคราะห์ Chlorophyll A และ Pheophytin
A โด ยมี วิธีก ารเก็บ ตัวอย่ างต าม Standard methods for the Examination of Water and Wastewater
(20 edition, 2017) ซงึ่ มีรายละเอยี ดดังนี้
1) กรองน้ำตัวอย่างด้วยกระดาษกรองขนาด 0.45 ไมครอน ทันทีท่ีเก็บตัวอย่างแล้วจด
ปริมาตรท่ีผ่านกระดาษกรองไว้เพื่อนำไปคำนวณหา Chlorophyll A ต่อไป โดยปริมาตรน้ำท่ีใช้ในการกรองให้ดูจาก
ความหนาแน่นของแพลงก์ตอน และปริมาณตะกอนท่ีมีอยู่ในตัวอย่างน้ำน้ันเป็นหลัก คือ อย่างน้อยบนกระดาษควร
ปรากฏสีเขยี วของแพลงก์ตอนให้เห็น
2) หยด MgCO3 ลงในกระดาษท่ีกรองน้ำผ่านแล้ว 3-4 หยด พับครึ่ง แล้วใส่ภาชนะปิดมดิ ชิด
เช่น กระดาษฟอยลใ์ นถุงพลาสตกิ ท่ีไม่มีอากาศ แลว้ นำไปเกบ็ ไว้ในชอ่ งแช่แขง็ และส่งห้องปฏิบตั กิ ารวิเคราะห์คณุ ภาพ
นำ้ ของคณะประมงมหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์
(2) สตั วห์ น้าดิน
จะทำการเก็บตัวอยา่ ง ณ สถานเี ดยี วกันกับสถานีเกบ็ ตัวอย่างแพลงกต์ อน โดยใช้ Ekman
Grab ขนาดพื้นท่ี 0.5 ตารางฟุต ตักดินพื้นท้องนำ้ ณ แต่ละสถานี จำนวน 3 ตัวอย่าง โดยตัวอย่างท้ังหมดท่ีเก็บได้จะ
ถูกนำมารวมเข้าด้วยกันเพ่ือจำแนกขนาดของสัตว์หน้าดิน โดยตะแกรงลวดหลายขนาด นอกจากนี้จะบันทึกลักษณะ
ตะกอน และดองตัวอย่างที่ค้างอยู่ในตะแกรงด้วยน้ำยาฟอร์มาลีนท่ีมีความเข้มข้น 5-7% เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์
จำแนกชนิดและจำนวน ณ ห้องปฏบิ ตั กิ ารต่อไป
(3) ปลาและสตั ว์น้ำและพรรณไม้น้ำอ่นื ๆ
จะทำการเก็บตัวอย่าง ณ สถานีเดียวกันกับสถานีเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน และสัตว์หน้า
ดินท้ังหมด 4 สถานี โดยใช้ตาข่ายล้อมปลา ปลาท่ีจับได้จะถูกนำมาจำแนกชนดิ น้ำหนักและความยาวของตัวปลา ซ่ึง
หากไม่สามารถจำแนกชนดิ ไดจ้ ะทำการเก็บรกั ษาตัวอย่างในถงุ พลาสตกิ ในน้ำยาฟอร์มารีน ความเขม้ ขน้ 10% และนำ
สง่ ไปวเิ คราะห์ท่ีหอ้ งปฏิบตั ิการตอ่ ไป นอกจากนีจ้ ะทำการเกบ็ ข้อมลู โดยการสอบถามจากชาวบา้ นบรเิ วณนั้นดว้ ย
ทั้งนี้ในขณะท่ีทำการเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอน สัตว์หน้าดินและปลา จะทำการตรวจสอบสภาพ
ปัจจบุ ันของการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินรมิ ฝั่งน้ำ พืชนำ้ ระบบนเิ วศวิทยาทางนำ้ รวมทัง้ การทำประมง และเพาะเลย้ี งสัตว์น้ำ
(หากม)ี ในลำน้ำทง้ั ด้านเหนือน้ำและท้ายน้ำดว้ ย
3) ผลการศกึ ษา
ผลการสำรวจภาคสนาม
รอหนังสอื อนุญาตเขา้ ศึกษาวิจยั จากหน่วยงานท่ีเกย่ี วข้องและดำเนนิ การสำรวจภาคสนามตอ่ ไป
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-103 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)