โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 2
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
ตารางท่ี 2.4.2-3 ขอ้ มลู เปรียบเทยี บระดับเกบกักที่เหมาะสม (ตอ่ )
ข้อมลู ท่ีใชเ้ ปรยี บเทียบ ทางเลอื ก 1 ทางเลือกท่ี ทางเลอื ก 3
+105 ทางเลอื ก 2 +115
4. ด้านเศรษฐศาสตร์ ม.รทก. ม.รทก.
4.1 ค่าลงทุนก่อสรา้ งเขือ่ นและอาคารประกอบ +110
4.2 คา่ ลงทุนตอ่ ปริมาตรนำ้ เก็บกกั ม.รทก.
(ล้านบาท) 608.6 700 854.4
(บาท/ลบ.ม.) 86.6 69 68.9
ผลการใหค้ ะแนนปัจจัยต่าง ๆ ในทุกทางเลอื ก แสดงดังตารางที่ 2.4.2-4 สรปุ ได้วา่ ทางเลือกท่ี 2 เก็บกักนำ้ ท่ี
ระดับ +110.00 ม.รทก. มคี วามจเุ หมาะสมที่สดุ
ตารางท่ี 2.4.2-4 การวิเคราะห์เปรียบเทียบทางเลือกระดับเกกกกั ท่ีเหมาะสม
ปัจจัย ทางเลือก 1 ทางเลือก ระดบั เก็บกัก ทางเลือก 3
คา่ ตวั คูณ คะแนน ทางเลือก 2 คา่ ตวั คูณ คะแนน
1. ด้านวิศวกรรม
1.1 ความจุเก็บกักน้า ค่า ตัวคูณ คะแนน
1.2 อัตราส่วนปริมาณน้าเก็บกักต่อปริมาณน้าไหลลงอ่างฯ
2. ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม 7.03 0.50 7.50 10.14 1.00 15.00 12.40 1.00 15.00
2.1 ผลกระทบต่อพื้นท่ีเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า 0.20 0.25 3.75 0.29 0.25 3.75 0.36 0.25 3.75
2.2 ผลกระทบต่อพ้นื ท่ีป่าเพ่อื การอนุรักษ์ (ป่าโซน C)
2.3 สูญเสียพ้นื ทนี่ ิเวศป่าไม้ต่อพน้ื ทที่ ้ากิน 12.60 0.75 7.50 26.00 0.50 5.00 51.10 0.25 2.50
3. ด้านผลกระทบต่อสังคม 1.70 1.00 10.00 6.00 0.75 7.50 10.90 0.50 5.00
3.1 ผลกระทบต่อพืน้ ทที่ ้ากินของราษฎร 26.78 0.75 3.75 31.10 0.75 3.75 35.49 0.75 3.75
3.2 ผลกระทบต่อจ้านวนครัวเรือนที่ถูกน้าท่วม
3.3 พืน้ ทรี่ ับประโยชน์ 6.00 1.00 10.00 16.00 1.00 10.00 32.00 1.00 10.00
4. ด้านเศรษฐศาสตร์ 13.00 0.50 2.50 51.00 0.25 1.25
4.1 ค่าลงทุนโครงการ 12,256.00 0.75 3.75 26.00 1.00 10.00 12,256.00 1.00 10.00
4.2 อัตราส่วนค่าลงทุนต่อปริมาตรเก็บกักน้า
1.00 10.00 12,256.00
608.60 0.75 6.00 700.00 0.75 6.00 854.40 0.25 2.00
86.60 1.00 12.00 69.00 1.00 12.00 68.90 1.00 12.00
รวม 74.25 75.50 65.25
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-83 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 2
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
2.4.3 การกำหนดทางเลือกชนิดเขื่อนท่เี หมาะสม
หลังจากได้ทำการศึกษาท่ีตั้งหัวงานโครงการที่เหมาะสมแล้วในลำดับต่อไปท่ีปรึกษาจะได้พิจารณาถึงความ
เหมาะสมของชนิดเขือ่ นที่เหมาะสม โดยนำข้อมูลซึ่งเกย่ี วขอ้ งกบั ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ลักษณะทางธรณีวทิ ยาและฐานราก
ประกอบกับแหล่งวัสดุก่อสร้างมาพิจารณาประกอบกัน เพื่อให้ได้หัวงานเข่ือนซ่ึงมีความประหยัดและปลอดภัย ดังนั้น
เขือ่ นทไ่ี ดน้ ำมาพจิ ารณาเปรียบเทียบจะประกอบด้วยหัวงานเขอ่ื น 3 ทางเลือก คือ
1) ทางเลอื กท่ี 1 เขือ่ นดิน
2) ทางเลอื กท่ี 2 เขื่อนหินท้งิ แกนดินเหนยี ว
3) ทางเลือกท่ี 3 เขื่อนคอนกรีตบดอดั (Roller Compacted Concrete, RCC)
โดยมรี ายละเอียดและรปู ร่างลักษณะโดยท่วั ไปของเขือ่ นแตล่ ะชนดิ ดงั ต่อไปน้ี
1. เขื่อนดิน เขื่อนดินเปน็ เขื่อนท่ีใช้วัสดุในการก่อสร้างปริมาตรค่อนข้างสูงมาก ดังนัน้ ในพื้นที่โครงการ หรือ
บริเวณใกล้เคียงจะต้องมีแหล่งดนิ จำนวนมากพอ และมีดินส่วนท่ีมีคุณสมบตั ิทึบน้ำ (Impervious) ทีจ่ ะนำมากอ่ สร้าง
แกนเขื่อน และส่วน Semi-Pervious สำหรับทำ Filter ด้วย สำหรบั ฐานรากของเขื่อนดินไม่จำเป็นต้องมีค่า Bearing
Capacity สงู มาก ท้งั นี้ เพราะ เขื่อนดินมีพ้ืนทีส่ ว่ นท่มี ีขนาดใหญ่ ทำให้มคี วามดันท่ีกระทำต่อฐานรากค่อนข้างตำ่ และ
การทรุดตัวของฐานรากก็ไม่ใช่ตัวการที่ก่อให้เกิดปัญหาสำหรบั ตัวเข่ือน ลักษณะรูปร่างทั่วไป (Typical Section) ของเข่ือน
ดนิ แสดงดังรปู ที่ 2.4.3-1
2. เขื่อนหินท้ิงแกนดินเหนียว เขื่อนหินจะใช้วัสดุในการก่อสร้างน้อยกว่าเข่ือนดิน อย่างไรก็ตาม จะต้องมี
แหล่งหินในพ้นื ท่ีหรือบริเวณใกลเ้ คยี งจำนวนมาก รวมถึงวสั ดุทบึ น้ำ (Impervious/สำหรับทำแกนเขื่อนด้วย) และวัสดุ
สำหรับ Filter ด้วย ส่วนปัญหาเร่ืองฐานรากน้ัน ถึงแม้ว่าเข่ือนหินจะมีความดันกระทำต่อฐานรากมากกว่าเขื่อนดิน
ก็ตามแต่โดยท่ัวไปค่าความสามารถในการรับน้ำหนักของฐานรากและการทรุดตัวก็ไม่ใช่ปัญหาหลักการของเขื่อนหิน
แกนดินเหนยี ว ลกั ษณะโดยทั่วไปของเขอื่ นหินทง้ิ แกนดนิ เหนียว แสดงดังรูปท่ี 2.4.3-2
3. เข่ือนคอนกรีตบดอัด (Roller Compacted Concrete, RCC) เขื่อนคอนกรีตบดอัด (RCC) เป็นเข่ือน
ประเภทท่ีค่อนข้างใหม่สำหรับประเทศไทย ได้ถูกนำมาก่อสร้างเป็นองค์ประกอบบางส่วนของเข่ือนปากมูล เป็น
แห่งแรกเม่ือปี 2536 อย่างไรก็ตามเข่ือนประเภทนี้ได้เริ่มใช้ในต่างประเทศต้ังแต่ปี 2523 และมีการนำมาใช้ในการ
กอ่ สร้างเข่ือนเพิ่มจำนวนมากข้ึน มีอัตราการขยายตัวในประเทศต่างๆ ท่ีรวดเร็วมาก ลักษณะรปู ร่างท่ัวไปของเข่ือน RCC
แสดงดังรปู ท่ี 2.4.3-3
สำหรับวัสดุท่ีใช้ในการก่อสร้างเข่ือน RCC นั้น นอกจากหิน กรวด ทราย และ ซีเมนต์ เช่นเดียวกันกับที่ใช้
ในการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตทั่วไปแล้ว เข่ือน RCC ยังต้องการสาร Pozzolan เช่น ข้ีเถ้าลอย (Fly Ash) ประมาณ
120-150 กโิ ลกรัมตอ่ ปริมาตรคอนกรตี 1 ลกู บาศกเ์ มตร ด้วย
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 2-84 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 2
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
รูปที่ 2.4.3-1 ลักษณะทั่วไปของเขื่อนดนิ
รูปที่ 2.4.3-2 ลกั ษณะท่ัวไปของเข่อื นหนิ แกนดินเหนยี ว
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-85 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทท่ี 2
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
รูปที่ 2.4.3-3 ลักษณะทว่ั ไปของเขอื่ นคอนกรีตบดอดั (RCC)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-86 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 2
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
โดยในการออกแบบเบือ้ งตน้ เพอื่ เปรยี บเทียบและคัดเลือกรูปแบบเข่อื นที่เหมาะสม จะพิจารณาออกแบบให้
รองรับการเกดิ แผ่นดินไหวท่ี 0.050 g
ข้อมูลประกอบการพิจารณาเพอ่ื คัดเลือกรูปแบบเขื่อนทม่ี ีความเหมาะสม แสดงดังตารางท่ี 2.4.3-1
ตารางที่ 2.4.3-1 ข้อมลู เปรียบเทยี บทางเลือกชนิดเขอ่ื นทเี่ หมาะสม
รายการ หน่วย ทางเลอื กที่ 1 ทางเลอื กชนิดเขื่อน ทางเลอื กท่ี 3
(เข่อื นดิน) ทางเลอื กท่ี 2 (เข่ือนคอนกรีตบดอดั )
1. ลกั ษณะอ่างเกบนำ้ ม. รทก. (เข่ือนหนิ ท้ิงแกนดนิ เหนียว)
- ระดบั ทอ้ งนำ้ ม. รทก. เข่ือนดนิ เขื่อนคอนกรตี บดอัด
- ระดับน้ำตำ่ สุด ม. รทก. 10.00 +66.00 10.00
- ระดับนำ้ เกบ็ กกั ม. รทก. 474.00 +75.00 474.00
- ระดบั น้ำสูงสุด ม. รทก. 48.00 +110.00 48.00
- ระดบั สันเข่อื น ลา้ น ลบ.ม. 1,368,283 +111.65 -
- ความจทุ ีร่ ะดบั น้ำตำ่ สุด ล้าน ลบ.ม. +114.00 -
- ความจทุ ร่ี ะดับน้ำเกบ็ กกั ลา้ น ลบ.ม. - 0.20 267,168
- ความจุใช้การ - 10.14
- พื้นทนี่ ้ำทว่ มทร่ี ะดับนำ้ เก็บกกั ไร่ 9.94 695.00
- พืน้ ที่น้ำท่วมที่ระดบั นำ้ สงู สุด ไร่ 465.00 343.75
2. ลักษณะตัวเขื่อน 350
- ชนิดเขอื่ น -
- ความกวา้ งสันเขื่อน ม. เขอื่ นหินท้ิงแกนดินเหนยี ว
- ความยาวสนั เขอื่ น ม. 10.00
- ความสูงเขอื่ นทส่ี ูงทีส่ ดุ ม. 474.00
3. ปริมาณวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง 48.00
- ดินถม ลบ.ม.
- หนิ ลบ.ม. 372,934
- คอนกรตี ลบ.ม. 485,125
4. พืน้ ท่ีชลประทาน
- ฤดฝู น ไร่ -
- ฤดูแลง้ ไร่
5. ราคาคา่ ก่อสร้าง (ไมร่ วมคา่ ชดเชยท่ีดินและทรพั ยส์ ิน) 7,500
- เขอื่ นและอาคารประกอบ ล้านบาท 2,000
515.00
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 2-87 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 2
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
สำหรบั เกณฑ์การคดั เลือกรปู แบบเขื่อนท่เี หมาะสม จะพิจารณาจากการเปรียบเทียบขอ้ ดี-ขอ้ เสีย ในเชิง
วศิ วกรรม ประกอบดว้ ย ความเสีย่ งต่อการพิบตั ขิ องเขอ่ื นหากเกดิ แผ่นดินไหว ปริมาณวสั ดกุ อ่ สรา้ งทีต่ อ้ งใช้ความ
เหมาะสมของพ้ืนที่กอ่ สร้าง ความแข็งแรงและความยากงา่ ยในการกอ่ สรา้ งของรูปแบบเขื่อนแตล่ ะประเภท
การเปรียบเทยี บขอ้ ดี-ขอ้ เสยี ของทางเลือกชนดิ เข่อื นท่ีเหมาะสม แสดงดังตารางท่ี 2.4.3-2
ตารางที่ 2.4.3-2 การเปรียบเทียบข้อดแี ละข้อเสียของรปู แบบเขอื่ นแต่ละประเภท
ทางเลือก ขอ้ ดี ขอ้ เสยี
1. เขื่อนดนิ - ราคาคา่ กอ่ สรา้ งถกู ที่สุด - ใชพ้ ้ืนที่ในการก่อสรา้ งมาก
- การกอ่ สรา้ งง่ายท่ีสดุ - ต้องใช้ปรมิ าณดินในการกอ่ สร้างมาก (ปริมาตรเขอื่ นมากที่สุด)
2. เขื่อนหนิ ทิ้ง - การบำรงุ รกั ษาง่ายและค่าใชจ้ า่ ยในการ
แกนดิน ซงึ่ กรณแี หลง่ วสั ดุดนิ ในอา่ งเกบ็ น้ำมีปริมาณไม่เพยี งพอ ต้องใช้
เหนียว บำรงุ รักษาต่ำ ดินนอกอา่ งซึ่งจะกระทบกับท่ีทำกนิ ของราษฎร
- เหมาะกบั พื้นท่ีทเ่ี สย่ี งต่อการเกิด
3. เข่อื นคอนกรีต - วัสดหุ ินท่ีตอ้ งใช้ในการก่อสร้าง ซงึ่ ต้องใช้ประมาณร้อยละ 60
บดอัด (RCC) แผ่นดินไหวปานกลาง ของปริมาตรเขื่อน
- เหมาะสำหรับพ้ืนที่ทมี่ ีความเสีย่ งตอ่ การ อาจไมเ่ พียงพอต่อการกอ่ สร้างและต้องหาจากแหล่งอื่นๆ
ข้างเคยี ง
เกิดแผ่นดินไหวมาก
- ปริมาณวัสดุที่ใช้ในการกอ่ สรา้ ง - เสียค่าขนส่งแหล่งวัสดุหนิ มาจากแหลง่ อ่ืนๆ
- สภาพธรณฐี านรากโครงการมหี ินผุค่อนขา้ งลกึ จำเป็นตอ้ งขดุ
(ปรมิ าตรเขื่อน) นอ้ ยกว่าเขื่อนดิน
- ระยะเวลากอ่ สรา้ งเร็วกว่าเขือ่ นดนิ เปดิ ถึงหน้าหนิ ดา้ นล่างทำให้คา่ ก่อสร้าง และปรับปรุงฐานราก
- ใชพ้ นื้ ทใ่ี นการก่อสร้างน้อยท่ีสุด ค่อนข้างสงู กว่าทางเลือกอ่ืน
- ปริมาณวัสดุทใี่ ช้ในการกอ่ สรา้ งนอ้ ยทสี่ ุด - ผูก้ ่อสรา้ งตอ้ งมคี วามชำนาญในการก่อสร้างและการทดสอบ
วัสดุตอ้ งมีการควบคุมอย่างใกล้ชดิ
(ปรมิ าตรเขื่อน) - จะต้องกอ่ สร้างติดตอ่ กันจนเสรจ็
- ใช้ระยะเวลาในการกอ่ สร้างนอ้ ยท่ีสดุ - ราคาค่ากอ่ สรา้ งสูง
- อาคารระบายนำ้ ล้น อาคารทอ่ ส่งน้ำจะ - ไม่เหมาะกับพนื้ ที่ท่เี ส่ยี งต่อการเกดิ แผ่นดินไหวรุนแรง
-แหลง่ วัสดุเพือ่ การก่อสร้างคอ่ นข้างไกล จากทีต่ ง้ั หัวงาน
อยู่ในตวั เขื่อนไมต่ ้องออกแบบแยก
- มีความแข็งแรงต่อการกัดเซาะของน้ำ
จากการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของรูปแบบเขื่อนแต่ละประเภทและข้อมูลเปรียบเทียบทางเลือกชนิด
เขื่อนท่ีเหมาะสม สรปุ ได้ว่าทางเลือกท่ี 1 เขอ่ื นดิน เปน็ ทางเลือกชนดิ เข่ือนทีม่ ีความเหมาะสมเน่ืองจาก วัสดุท่ีใช้ในการ
ก่อสร้างทั้งชนิดและปริมาณจากบ่อยืมดินที่ได้มีการสำรวจไว้มีความเหมาะสมกับเขื่อนดิน อีกท้ังราคาค่าก่อสร้างถูก
ท่ีสดุ การกอ่ สร้างง่ายท่ีสดุ การบำรงุ รักษาง่ายและคา่ ใชจ้ า่ ยในการบำรงุ รกั ษาตำ่
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-88 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 2
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
2.4.4 สรุปองคป์ ระกอบของโครงการท่ีเหมาะสม
จากผลการศึกษาทบทวนทางเลือกในการพัฒนาโครงการและจากการออกแบบเบื้องต้น สรุป
องค์ประกอบของโครงการท่ีสำคัญได้ดังนี้
1) ท่ีต้ังหัวงาน
- ท่ีต้งั บา้ นเหมืองตะกัว่ หม่ทู ่ี 1 ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลงุ
พกิ ดั 618,472E 795,885N
แผนทชี่ ดุ L7018 โซน 47P ระวาง 5023 III
2) อทุ กวทิ ยา
- พืน้ ทรี่ ับนำ้ ฝน 20.27 ตร.กม.
- ปริมาณฝนรายปีเฉลย่ี 2,384.1 มม.
- ปริมาณน้ำไหลลงอา่ งเก็บนำ้ รายปีเฉลย่ี 34.68 ล้าน ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำหลากสูงสุด รอบ 500 ปี 228.05 ลบ.ม./วินาที
3) อ่างเกบ็ นำ้
- ระดบั น้ำสงู สดุ +111.65 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับนำ้ เก็บกัก +110.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับนำ้ ตำ่ สุด +75.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั ท้องน้ำประมาณ +66.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ความจอุ า่ งเกบ็ นำ้ ทีร่ ะดับน้ำสงู สดุ 11.13 ลา้ น ลบ.ม.
- ความจอุ ่างเกบ็ น้ำท่ีระดบั น้ำเก็บกัก 10.14 ล้าน ลบ.ม.
- ความจอุ า่ งเกบ็ น้ำทีร่ ะดับน้ำต่ำสุด 0.20 ลา้ น ลบ.ม.
- พนื้ ทีผ่ ิวน้ำท่ีระดบั น้ำสงู สดุ ประมาณ 350 ไร่
- พ้นื ทผี่ วิ นำ้ ที่ระดับนำ้ เก็บกกั ประมาณ 343.75 ไร่
- พ้ืนท่ผี ิวน้ำทรี่ ะดับนำ้ ต่ำสดุ ประมาณ 31.25 ไร่
4) เขือ่ นเกบ็ กักน้ำ
- ชนดิ เข่ือนดินถมชนดิ แบ่งส่วน
(Zoned Earthfill Dam)
- ระดับสันเขอ่ื น +114.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ความกว้างสันเขอ่ื น 10.00 ม.
- ความยาวสันเขื่อน 474 ม.
- ความสูงเข่ือน 48.00 ม.
- ลาดเขอื่ นดนิ ด้านเหนือน้ำ 1:3.5
ด้านทา้ ยนำ้ 1:2.5
5) อาคารประกอบเขือ่ นเก็บกักนำ้
- อาคารทางระบายนำ้ ล้น
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-89 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 2
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
ท่ีต้งั ฝ่งั ซ้ายของตัวเข่ือน
ชนดิ
ลักษณะสันฝาย Overflow Spillway
ระดับสนั ฝาย Uncontrolled Bath Tub Ogee Crest
ความยาวสันฝาย
อัตราการระบายสูงสุด (รอบ 500 ป)ี (Double Side Channel Spillway)
- อาคารท่อส่งน้ำ (อาคารระบายน้ำลงลำนำ้ เดิม)
ทตี่ ง้ั +110.00 ม.(ร.ท.ก.)
ชนดิ ทอ่
ขนาดเส้นผ่าศูนยก์ ลางท่อ 51.56 ม.
อตั ราการระบายสงู สุด
6) พนื้ ท่ชี ลประทาน 198.31 ลบ.ม./วินาที
- พ้นื ท่ีชลประทาน ฤดฝู น
ฝั่งขวาของตวั เขอื่ น
ฤดแู ลง้ ท่อเหล็กห้มุ ดว้ ยคอนกรีต
1.20 ม.
12.81 ลบ.ม./วินาที
7,500 ไร่
2,000 ไร่
2.5 การออกแบบและการประมาณราคาค่าก่อสรา้ งเบ้ืองต้น
2.5.1 ข้อมูลสำหรับการพจิ ารณาออกแบบ
การออกแบบเบ้ืองต้นของหัวงานเขื่อน อาคารประกอบและระบบชลประทานให้ถูกต้องตามมาตรฐานทางวิศวกรรม
และความปลอดภัย สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ง่าย รวดเร็วและประหยัดค่าก่อสร้างมากท่ีสุด โดยมีเป้าหมายหลัก
เพ่อื กำหนดขนาดและรูปร่างทางด้านชลศาสตร์สำหรบั เป็นขอ้ มูลในการประเมินราคาคา่ ลงทุนก่อสร้างโครงการเบือ้ งต้น
จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเพื่อใช้ประกอบการออกแบบท้ังในส่วนของข้อมูลผลสำรวจด้านวิศวกรรม ข้อมูล
อุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา ปริมาณความต้องการใช้น้ำรวมทั้งหลักเกณฑ์และข้อกำหนดในการออกแบบ โดยมี
รายละเอยี ดอธบิ ายได้พอสงั เขปดงั น้ี
1) ผลสำรวจด้านวิศวกรรม ข้อมูลผลสำรวจด้านวิศวกรรมสำหรับเข่ือน อาคารประกอบและระบบส่งน้ำ
ชลประทานเบื้องต้น ประกอบด้วย ข้อมูลสำหรับการออกแบบเขื่อนและอาคารประกอบ ได้แก่ ผลสำรวจสภาพ
ภูมิประเทศบริเวณหัวงานและอ่างเก็บน้ำ รวมทั้งข้อมูลจากการเจาะสำรวจและทดสอบด้านธรณีวิทยาฐานรากและ
ปฐพีกลศาสตร์ ส่วนข้อมูลสำหรับการออกแบบระบบชลประทานจำเป็นต้องใช้ผลสำรวจภูมิประเทศในขอบเขตพื้นที่
รบั ประโยชน์ของโครงการ มาตราส่วน 1 : 10,000 ประกอบกบั ข้อมูลสภาพการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภาพถ่ายดาวเทียม
ปปี ัจจุบันและผลการศึกษาความเหมาะสมของดินเพื่อการชลประทาน เพ่ือนำมาพจิ ารณากำหนดแนวการวางท่อและ
คลองส่งน้ำ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-90 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 2
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
2) ข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา ประกอบด้วย ปริมาณน้ำหลากสูงสุด ณ รอบปีการเกิดซ้ำต่าง ๆ
ปริมาณน้ำสูงสุดในช่วงฤดูน้ำแล้งและปริมาณน้ำต่ำสุดสำหรับการหล่อเลี้ยงระบบนิเวศวิทยาด้านท้ายน้ำ ข้อมูล
ดังกล่าวนำมาใช้ในการออกแบบอาคารระบายน้ำล้น (Spillway) อาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม (River Outlet)
ตลอดจนการออกแบบทางผันน้ำระหว่างก่อสร้างและการออกแบบความสูงของตัวเขื่อนให้สามารถรองรับปริมาณน้ำ
หลากสูงสุดในรอบปีการเกิดที่พจิ ารณาได้อย่างม่ันคงแขง็ แรง
3) ปริมาณความต้องการใช้น้ำ ได้จากผลการศึกษาความต้องการใช้น้ำของกิจกรรมต่าง ๆ ในพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน์ของโครงการ สำหรับใช้ประเมินค่าชลภาระในการออกแบบขนาดของระบบชลประทาน รวมถึงปริมาณน้ำ
ที่ต้องระบายผ่านอาคารส่งน้ำลงลำน้ำเดิมด้านท้ายน้ำ ให้สามารถส่งน้ำให้กับทุกกิจกรรมได้ตามความต้องการและ
ครอบคลุมทั้งพน้ื ทร่ี บั ประโยชน์
4) หลักเกณฑ์และข้อกำหนดในการออกแบบ จะต้องสอดคลอ้ งกับสภาพเงื่อนไขและข้อจำกัดสำคญั ในพื้นที่
เช่น การกำหนดเกณฑ์การออกแบบเข่ือนและอาคารประกอบในพ้ืนท่ีเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว เพื่อให้เกิดความปลอดภัย
และเป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบของกรมชลประทาน เป็นตน้
ทั้งนี้ การดำเนนิ การสำรวจและรวบรวมขอ้ มลู สำหรับใชใ้ นขั้นตอนการออกแบบเขอื่ นอาคารประกอบและ
ระบบสง่ นำ้ ชลประทาน รวมท้ังผลการออกแบบเบ้ืองตน้ ของโครงการ อธบิ ายรายละเอียดไวใ้ นหัวขอ้ ถัดไป
2.5.2 การสำรวจด้านวิศวกรรม
ภายหลงั จากการคัดเลอื กองคป์ ระกอบการพัฒนาโครงการจากขน้ั ตอนการวางแผนการพัฒนาโครงการ จนได้
แนวทางการพัฒนาโครงการที่มีความเหมาะสม เพื่อให้สามารถศึกษารายละเอียดด้านวิศวกรรมสำหรับการกำหนด
องค์ประกอบโครงการในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดลอ้ ม จำเป็นจะตอ้ งมีการสำรวจขอ้ มูล
ดา้ นวิศวกรรมเพิ่มเตมิ ประกอบดว้ ย การสำรวจภูมิประเทศเพื่อจดั ทำแผนท่ี Site Plan บริเวณหวั งาน การสำรวจเพื่อ
จัดทำแผนท่ีภูมิประเทศบริเวณอ่างเก็บน้ำ การสำรวจธรณีวิทยาบริเวณหัวงานและการสำรวจปริมาณวัสดุก่อสร้าง
ในเขตอา่ งเก็บน้ำ โดยมรี ายละเอียดอธิบายได้พอสังเขป ดังน้ี
1. การสำรวจและจัดทำแผนที่ภูมิประเทศ
จากการทบทวนตรวจสอบข้อมูลผลการสำรวจด้านวิศวกรรมที่กรมชลประทานได้ดำเนินการแล้ว ได้แก่
แผนทีภ่ ูมปิ ระเทศบริเวณอ่างเก็บนำ้ และบรเิ วณหวั งานโครงการ จากการพิจารณาแล้วมขี อ้ มูลเพยี งพอในข้ันการศกึ ษา
ความเหมาะสม จึงใช้ผลสำรวจข้างต้นในการออกแบบเบื้องต้นและทบทวนองค์ประกอบของโครงการ แสดงดัง
รูปที่ 2.5.2-1 และรูปที่ 2.5.2-2
2. การสำรวจธรณีวิทยาฐานราก ปฐพีกลศาสตร์และแหล่งวัสดุ
จากการทบทวนรายงานผลการสำรวจและทดสอบธรณีวิทยาฐานราก และรายงานสำรวจและทดสอบ
ปฐพีกลศาสตร์ ท่ีกรมชลประทานได้ดำเนินการแล้วบริเวณอ่างเก็บน้ำ หัวงานเขื่อนและอาคารประกอบ ซึ่งจากการ
พิจารณาแล้วมีข้อมูลเพียงพอในขั้นการศึกษาความเหมาะสม จึงใช้ผลสำรวจข้างต้นในการออกแบบเบ้ืองต้นและ
ทบทวนองค์ประกอบของโครงการ โดยตำแหน่งหลมุ เจาะธรณีวิทยาฐานรากบริเวณหัวงานและอาคารประกอบ แสดง
ดังรปู ท่ี 2.5.2-3 รายละเอยี ดในการเจาะสำรวจและทดสอบมีดังน้ี
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-91 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 2
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
1) สภาพธรณวี ิทยาฐานรากบริเวณแนวแกนเขอ่ื น
บริเวณแนว Abutment ฝั่งขวา (DH.6-DH.10 และ DHN.1) ช้ัน Overburden มีความหนาต้ังแต่
1.55-7.30 เมตร เป็นชั้นดินกลุ่ม Silty Sand (SM), Clayey Sand (SC), Sand Clay (CL) เกิดจาก Slope Wash
Deposits ส่วนตอนล่างเป็นชั้นดิน ท่ีเกิดจากการผุสลายในที่ (Residual Soils) จากหินแกรนิต (Granite) อัตราการ
ร่ัวซึมของน้ำผ่านช้ันดิน พบว่ามีอยู่ในเกณฑ์ท่ีค่อนข้างสูง (6.68×10-3 – 1.15×10-4 cm/sec) ชั้นหินฐานราก เป็น
หินแกรนิต บริเวณเนินสูง (DH.7 และ DH.10) มวลหินแกรนิตช่วงบน (4.30-15.10 เมตร) มีอัตราการผุสลายในช้ัน
Completely Weathered Rock (CW) สภาพมวลหินที่ผุสลายน้ีมีลักษณะ คล้ายดินกลุ่ม Sandy Silt (ML) และ Clayey
Sand (SC) ส่วนท่ีระดับลึกถัดลงไปมวลหินแกรนิตมีอัตราการผุสลายอยู่ในชั้น Moderately Weathered Rock (MW) to
Fresh Rock (Fr) พบแนวแตกเปิด (Opened Joints) ในเน้ือหินแกรนิตเฉพาะช่วงตอนบน ส่วนที่ระดับลึกลงไปของ
ทุกหลุมเจาะพบรอยแตกปิด (Closed Joints) อัตราการรั่วซมึ ของน้ำผา่ นช้ันหินฐานราก ที่เนินสูง มคี ่าอยู่ในเกณฑท์ ี่ค่อนขา้ ง
สงู มาก (5.47×10-3–1.34×10-4 cm/sec) และในช่วงประมาณ 3-6 เมตร จากหน้าหินแข็ง พบว่าอตั ราการรวั่ ซึมของน้ำผา่ น
ช้ันหินฐานราก มีค่าอยู่ในเกณฑ์ท่ีค่อนข้างสูง (6.01-48.49 Lugeon) ส่วนท่ีความลึกถัดลงไป มีค่าอยู่ในเกณฑ์ที่
คอ่ นข้างสูงจนถงึ ทบึ น้ำ (0.00-10.55 Lugeon)
ส่วนท่ี DHN.1 ที่เจาะสำรวจเพมิ่ เติม พบว่าช้ันดินบน (Overburden) หนาเพยี ง 1.55 เมตร เป็นชั้น
ดินท่ีเกิดจาก Slope Washed Deposits มีค่ารั่วซึมน้ำท่ีสูงมาก (4.39×10-3 cm/sec) ชั้นหินเป็นหินแกรนิต ในช่วง 1.55-4.00
เมตร มอี ัตราการผุสลายที่สูง (Highly Weathered Rock, HW) ทค่ี วามลึกถัดลงไป มีอัตราการผุสลายในช้ัน Moderately
Weathered Rock และมีอตั ราการรว่ั ซึมของน้ำท่สี งู มาก (82.22-142.86 Lugeon) ตลอดความลึกของหลุมเจาะ
บริเวณกลางน้ำ (DH.5) ชั้น Overburden หนาประมาณ 0.80 เมตร แต่ใกล้เคียงพบหินแกรนิตโผล่
ระดับทอ้ งน้ำ ส่วนขอบตลิง่ บริเวณผิวดินพบ Boulder ของหินแกรนิตกระจายอยู่ เป็นชั้นตะกอนที่เกิดจาก Channel
Filled Deposits ในตอนลา่ งกอ่ นถึงช้ันหินฐานราก ที่มีกรวดขนาดตั้งแต่ Fine Gravels to Boulders ของหินแกรนิต
กระจายอยู่ ช้ันหนิ ฐานราก ช่วงบน (0.80-9.00 เมตร) เป็นหนิ แกรนติ คอ่ นขา้ งสด (Slightly Weathered Rock ; SW)
พบรอยแตกในมวลหนิ แกรนิต ซึ่งรอยแตกเอียงเทคอ่ นขา้ งสงู (65-80 องศา) ส่วนทค่ี วามลกึ ถัดลงไปมวลหนิ แกรนติ สด
(Fresh Rock) อัตราการร่ัวซึมของน้ำผ่านหินฐานราก พบว่า ช่วงความลึก 0.80-10.00 เมตร มีค่าตั้งแต่ 5.18-7.07
Lugeon ส่วนทร่ี ะดับความลกึ ถัดลงไปมีคา่ ค่อนข้างตำ่ จนถงึ ทบึ นำ้ (0.00-4.72 Lugeon)
บริเวณแนว Abutment ฝั่งซ้าย ช้ัน Overburden มีความหนาต้ังแต่ 2.55-5.80 เมตร เป็นช้ันดิน
กลุ่ม Silty Sand (SM) และ Sandy Clay (CL) ท่ีเกิดจาก Slope Washed Deposits และการผุสลายในที่ของหิน
ฐานราก (Residual Soils) อัตราการรั่วซึมของน้ำผ่านชั้นดิน พบว่ามีค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูงจนถึงทึบน้ำ
(6.63×10-4 cm/sec – Impervious) ชั้นหินฐานรากเป็นมวลหินแกรนิตผุสลายสูง ในขั้น Completely to Highly
Weathered Rock (CW-HW) ช่วงความลึก 5.30-11.00 เมตร มวลหินแกรนิตผุเน้ือคล้ายดิน ส่วนท่ีหลุมเจาะ DH.2-
DH.4 เป็นช้ันหินแกรนิต มวลหินค่อนข้างสด (Slightly Weathered to Fresh Rock ; SW-Fr) อตั ราการรวั่ ซึมของน้ำ
ผา่ นชั้นหินฐานราก ท่เี นนิ สูง (DH.1) ต้ังแต่ความลึก 5.30-15.00 เมตร มีคา่ อยู่ในเกณฑ์ที่คอ่ นข้างสงู มาก (1.76×10-3-
1.46×10-4 cm/sec) สว่ นท่ี DH.3 ชว่ งความลึก 3.15-6.00 เมตร และ DH.4 ช่วงบน 3.30-9.00 เมตร อตั ราการรว่ั ซึม
ของน้ำผ่านช้ันหินฐานราก พบว่าอยู่ในเกณฑ์ท่ีสูง (8.24-22.30 Lugeon) ส่วนท่ีความลึกถัดลงไป พบว่ามีค่าอยู่ใน
เกณฑ์ท่คี ่อนข้างต่ำจนถึงทึบน้ำ (0.00-4.68 Lugeon)
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-92 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 2
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
สรปุ ผลสภาพธรณวี ทิ ยาฐานรากตามแนวศนู ย์กลางเขื่อนแสดงดงั รปู ท่ี 2.5.2-4
2) สภาพธรณีวิทยาฐานรากบริเวณแนวศูนยก์ ลางอาคารทางระบายนำ้ ล้น
แนวศนู ยก์ ลางอาคารทางระบายน้ำล้น (Spillway) กำหนดไวท้ ี่ฐานยนั ฝงั่ ซ้ายเปน็ เนนิ สูงตัดแกนเขอ่ื นที่ DH.3 มี
หลุมเจาะเพิ่มเติม 8 หลุม คือ DHS.1-DHS.8 โดยที่ DHS.1-DHS.2 อยู่ด้านเหนือน้ำ และ DHS.4-DHS.8 อยู่ทางด้าน
ท้ายนำ้ เจาะสำรวจลกึ ต้งั แต่ 10.00-17.00 เมตร สามารถสรปุ คุณสมบัตทิ างวิศวกรรมธรณีของชัน้ ดนิ -หิน ได้ดังน้ี
ด้านเหนือน้ำและแกนเข่ือน (DHS.1-3) พบว่าชั้น Overburden หนาต้ังแต่ 2.80-3.30 เมตร และ
ประมาณ 4.80 เมตร ท่ีแกนเข่ือน ที่ตอนบนเป็นชั้นดินกลุ่ม Silty Sand (SM) หนาประมาณ 1.00-1.30 เมตรเป็นช้ัน
ดินที่เกดิ จาก Slope Washed Deposits ถดั ลงไปเปน็ ชั้นดินกลุ่ม Sandy Clay (CL), Clayey Sand (SC) ซึง่ เป็นชั้นดินอัดแน่นตาม
ธรรมชาติ ท่ีเกิดจากการผุสลายในท่ีของมวลหินแกรนิต (Residual Solis) มีอัตราการร่ัวซึมของน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก
ในช่วงบน (1.51×10-3 - 6.94×10-4 cm/sec) ชั้นหินฐานรากเป็นหินแกรนิตที่ DHS.1 และ DHS.3 ช่วงบน (3.30-6.80, 4.80-
6.00 เมตร) เป็นหินแกรนิตค่อนข้างผุมาก (Completely to - Highly Weathered Rock; CW-HW) และมีค่ารั่วซึม
นำ้ สงู มาก (47.33-116.67 Lugeon) ยกเวน้ ช่วงลา่ งของ DHS.2 ทม่ี ีค่าค่อนข้างทบึ นำ้ (0.00 Lugeon)
ด้านท้ายน้ำ (DHS.4- DHS.8) ชั้นดินหนาต้ังแต่ 1.80-6.25 เมตร ตอนบน (1.30 เมตร) เป็นช้ันดิน
กลุ่ม Silty Sand (SM), Clayey Sand (SC) ที่เกิดจาก Slope Washed Deposits และความลึกถัดลงไปเป็นชั้นดิน
กลุ่ม Clayey Sand (SC), Sandy Clay (CL) ที่เกดิ จากหินแกรนิตผสุ ลายในที่ (Residual Soils) ค่าอัตราการรว่ั ซมึ มี
ค่าสูงมาก (1.49×10-3 – 4.94×10-4 cm/sec) ในช่วงตอนบน ส่วนท่ีความลึกถัดลงไปมีค่าต่ำลงจนถึงทึบน้ำ ชั้นหิน
ฐานรากเป็นหินแกรนิต ท่ี DHS.4 ผุสลายสงู ในข้ัน Highly Weathered Rock ในชว่ งความลึก 1.80-7.00 เมตร และท่ี
ความลึกถดั ลงไปเปน็ หินแกรนติ ผสุ ลายปานกลาง อตั ราการรั่วซึมของน้ำผา่ นหินฐานราก พบว่าช่วงความลกึ 3-6 เมตร
จากหน้าหิน มีคา่ ร่วั ซึมท่ีสูงมาก (40.00-116.67 Lugeon) และลดต่ำลงเมือ่ ความลึกเพ่ิมขึน้
สรปุ ผลสภาพธรณีวิทยาฐานรากตามแนวศนู ยก์ ลางอาคารทางระบายน้ำล้นแสดงดังรปู ที่ 2.5.2-5
3) สภาพธรณีวทิ ยาฐานรากบรเิ วณแนวศูนย์กลางอาคารทอ่ สง่ นำ้
3.1) บรเิ วณแนวท่อสง่ น้ำฝัง่ ขวา
ชน้ั Overburden มีความหนาค่อนขา้ งมากต้งั แต่ 4.30-7.30 เมตร เป็นชั้นดินกลุ่ม Silty Sand
(SM), Sandy Silt (ML), Clayey Sand (SC) และ Sandy Silt (ML) ดินตอนบน (1.30-2.30) เป็นช้ันดินท่ีเกิดจาก
Slope Washed Deposits ส่วนที่ความลึกถัดลงไปเป็นชั้นดินที่เกิดจากการผุสลายในท่ีของหินแกรนิต (Residual
Soils) อตั ราการร่ัวซึมของน้ำผ่านชั้นดนิ พบวา่ มคี ่าเปลี่ยนแปลงมากตอนบนในบางช่วงมีอัตราการรั่วซึมอยู่ในเกณฑ์ที่
ค่อนข้างสูงจนถึงทึบนำ้ (6.63×10-4 cm/sec - Impervious) ส่วนช้ันดินกลุ่ม Sandy Silt (ML) ที่เกิดจากหินแกรนิต
ผุพบว่าบางช่วงร่ัวซึมน้ำสูงมากเช่นกัน ช้ันหินฐานรากเป็นมวลหินแกรนิตผุสลายสูงในข้ัน Completely to Highly
Weathered Rock (CW-HW) ในช่วงความลึก 5-10 เมตร จากหน้าหิน มวลหนิ แกรนิตผเุ นือ้ คล้ายดิน ยกเวน้ ตอนล่าง
ของหลมุ เจาะท่แี กนเขอื่ น และDHO.7,DHO.8 มวลหินคอ่ นข้างสด (Slightly Weathered Rock; SW)
อัตราการรว่ั ซมึ ของน้ำผา่ นชนั้ หินฐานรากมีคา่ อยู่ในเกณฑ์ทค่ี ่อนขา้ งสูงมาก เป็นช่วง 5 เมตรแรกจากหน้า
หิน ท้ังนี้เนื่องจากแนวแตกในมวลหินแกรนิตในช่วงน้ีท่ีพบเป็นกลุ่มกระจายหนาแน่น ทำให้การรั่วซึมของมวลหินช่วง
บนมคี ่าสูงมาก แตจ่ ะลดต่ำลงเม่อื ความลึกเพ่มิ ขนึ้
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-93 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 2
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
3.2) บรเิ วณแนวท่อส่งน้ำฝงั่ ซา้ ย
ช้นั Overburden มคี วามหนาตั้งแต่ 2.60-4.70 เมตร ตอนบน 1.30-2.30 เมตร เปน็ ชนั้ ดนิ กลุ่ม
Silty Sand (SM), Clayey Sand (SC) ท่ีเกดิ จาก Slope Washed Deposits มีอัตราการรั่วซึมของนำ้ อยใู่ นเกณฑ์ท่ีสูง
มาก (1.30×10-3 – 4.26×10-4 cm/sec) และชั้นดินกลุ่ม Clayey Sand (SC), Sandy Clay (CL) ท่ีเกิดจากการผุสลายในที่ของ
หินแกรนิต (Residual Soils) อัตราการร่ัวซึมของน้ำผ่านชั้นดิน มีค่าเปลี่ยนแปลงมากต้ังแต่ค่อนข้างสูงมากจนถึงทึบน้ำ
(1.74×10-3 cm/sec-Impervious) ช้ันหินฐานรากเป็นมวลหินแกรนิตผุสลายสูงในข้ัน Moderately Weathered
Rock; MW ในช่วงความลึก 3.00-5.00 เมตรแรกจากหน้าหิน และค่อนข้างสุดท่ีความลึกถัดลงไป ยกเว้นหลุมที่เจาะ
DHO.13 เป็นช้ันหินแกรนิต มวลหินค่อนข้างสด (Slightly Weathered Rock ; SW) อัตราการรั่วซึมของน้ำผ่านชั้น
หินฐานราก และมีอัตราการรั่วซึมของน้ำผา่ นชัน้ หนิ ฐานราก มคี ่าอยใู่ นเกณฑ์ที่ทึบน้ำ (0.00 Lugeon)
สรุปผลสภาพธรณีวิทยาฐานรากตามแนวศนู ยก์ ลางอาคารอาคารท่อสง่ น้ำและลำนำ้ แสดงดังรปู ที่ 2.5.2-6
4) การสำรวจแหลง่ วัสดุก่อสรา้ ง
จากการทบทวนรายงานผลการสำรวจปฐพกี ลศาสตร์ที่กรมชลประทานได้ดำเนนิ การไวแ้ ล้วเมื่อปี พ.ศ.
2550 เพ่ือสำรวจหาแหล่งบ่อยืมดิน (Borrow Area) โดยทำการสำรวจดินในบริเวณพื้นท่ีอ่างเก็บน้ำ โดยใช้ Hand
Auger เจาะสำรวจแบบเจาะสุ่ม (Random Sampling) ทั่วบริเวณพ้ืนท่ีอ่างเก็บน้ำ และด้านท้ายน้ำของตัวเข่ือน เม่ือ
พบตัวอย่างดินที่เหมาะสมจึงเริ่มดำเนินการสำรวจอย่างละเอียดโดยสำรวจเป็นแปลงแบบกริด ขนาด 100 × 100
เมตร จำนวน 2 แปลง คือแปลง A อยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ และแปลง B อยู่นอกอ่างเก็บน้ำ ด้านท้ายน้ำฝ่ังซ้าย การ
สำรวจเพ่ือพิจารณาชั้นดินอย่างละเอียด ใช้วิธีขุดบ่อสำรวจ (Test Pit) เพ่ือตรวจสอบลักษณะช้ันดิน เก็บตัวอย่างดิน
ปริมาณมาก และทดสอบคุณสมบัติด้านวิศวกรรมและด้านวิทยาศาสตร์ แผนท่ีแสดงตำแหน่งและขอบเขตบ่อยืมดิน
แสดงดังรปู ท่ี 2.5.2-7 ผลการเจาะสำรวจสรุปได้ดงั นี้
บ่อยืมดินแปลง A อยู่ในบริเวณอ่างเก็บน้ำ ห่างจากศูนย์กลางเข่ือนหลัก ไปทางด้านเหนือน้ำเป็น
ระยะทางประมาณ 380 เมตร คดิ เป็นพ้ืนท่ีสำรวจ 490,000 ตารางเมตร ได้ปริมาณดนิ รวม 2,371,600 ลูกบาศก์เมตร
จำแนกชนิดดินออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
ดินเหนยี วปนตะกอน (CL) ปริมาณ 125,100 ลูกบาศก์เมตร
ทรายปนดินเหนียว (SC) ปริมาณ 1,044,300 ลูกบาศก์เมตร
ทรายปนตะกอนความเหนยี วตำ่ ถงึ สงู (SM) ปรมิ าณ 788,700 ลกู บาศกเ์ มตร
ทรายปนตะกอนไม่มีความเหนียว (SM) ปรมิ าณ 266,500 ลูกบาศก์เมตร
Top Soil ปริมาณ 147,000 ลกู บาศกเ์ มตร
บ่อยืมดินแปลง B อยู่นอกบริเวณอ่างเก็บน้ำ ห่างจากศูนย์กลางเข่ือนไปทางด้านซ้าย ฝ่ังซ้ายเป็น
ระยะทางประมาณ 300 เมตร คิดเป็นพ้ืนที่สำรวจ 1,080,000 ตารางเมตร ได้ปริมาณดินรวม 5,605,200 ลูกบาศก์
เมตร จำแนกชนดิ ดนิ ออกเปน็ 6 กล่มุ ดังนี้
ดินเหนยี วปนตะกอน (CL) ปริมาณ 40,900 ลกู บาศก์เมตร
ทรายปนดินเหนยี ว (SC) ปริมาณ 3,935,400 ลกู บาศก์เมตร
ตะกอนปนทรายละเอียด (MH) ปรมิ าณ 487,500 ลกู บาศก์เมตร
บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 2-94 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 2
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
ทรายปนตะกอน ความเหนียวตำ่ ถงึ สูง (SM) ปริมาณ 426,200 ลูกบาศก์เมตร
ทรายปนตะกอนไม่มีความเหนียว (SM) ปรมิ าณ 391,200 ลูกบาศก์เมตร
Top Soil ปริมาณ 324,000 ลกู บาศก์เมตร
รายละเอียดปริมาณงานและปริมาณดิน แสดงดังตารางที่ 2.5.2-1 และชนิดกลุ่มดินและปริมาณดินใน
แปลงบ่อยืมดิน แสดงดังตารางท่ี 2.5.2-2
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-95 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด ตารางท่ี 2.5.2-1 รา ี ร า งา ร า
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั
พนื้ ที่ Hand Auger Test Pit ปริมาณดินที่ส้ารวจ ปริมาณดนิ ปริมาณดนิ ท่ี โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง
แปลง (ตารางเมตร) จ้านวนหลุม ความลึกรวม ความลึกเฉล่ีย จ้านวนบ่อ ความลึกรวม ความลึกเฉลี่ย พบ มร่ วม Top Soil Top Soil ส้ารวจรวมทั้งส้ิน
(หลุม) (เมตร) (เมตร (บ่อ) (เมตร) (เมตร) (ลูกบาศก์เมตร) (ลูกบาศก์เมตร) (ลูกบาศก์เมตร)
A 490,000 64 146.30 2.29 9 43.60 4.84 2,224,600 147,000 2,371,600
B 1,080,000 131 340.90 2.6 37 192.00 5.19 5,281,200 324,000 5,605,200
2-96
รวม 1,570,000 195 487.20 - 46 235.60 - 7,505,800 471,000 7,976,800
หมายเหตุ : 1.ปรมิ าณดินท่ีสา้ รวจได้คิดจากบ่อ Test Pit บทที่ 2
2.ชันดิน Top Soil หนา 0.30 เมตร การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
รายงานฉบับกลาง
(Interim Report)
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด ตารางที่ 2.5.2-2 รา ใ ง ื
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั
แปลง กลุ่มดินทึบน้า (ลูกบาศก์เมตร) กลุ่มดินกึ่งทึบนา้ (ลูกบาศก์เมตร) กลุ่มดนิ มท่ ึบนา้ กลุ่มดนิ มเ่ หมาะสม น โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว
(ลูกบาศก์เมตร) การก่อสร้าง (ลูกบาศก์เมตร) รวมปริมาณดิน % อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง
CL % SC % MH % SM % SM(non-plastic) % Top Soil %
A 125,100 5.30 1,044,300 44 - - 788,700 33.30 266,500 11.20 147,000 6.2 2,371,600 100.00
B 40,900 0.70 3,935,400 70.20 487,500 8.70 426,200 7.60 391,200 7.00 324,000 5.8 5,605,200 100.00
2-97
166,000 2.10 4,979,700 62.40 487,500 6.10 1,214,900 15.20
รวม 5,145,700 (64.50 %) 1,702,400 (21.30 %) 657,700 8.30 471,000 5.9 7,976,800 100.00
6,848.100 -85.80%
รายงานฉบับกลาง บทที่ 2
(Interim Report) การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 2
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
จากผลการสำรวจแหล่งบอ่ ยืมดนิ สรุปได้ดงั น้ี
- ปริมาณดินท้ังบ่อยืมดนิ แปลง A และแปลง B สรุปรวมได้ดังน้ี
กลุ่มดินเหนียวปนตะกอน (CL) 166,000 ลกู บาศกเ์ มตร
กลุ่มทรายปนดนิ เหนียว (SC) 4,979,700 ลูกบาศกเ์ มตร
กลุ่มตะกอนปนทราย (MH, medium to high plasticity) 487,500 ลกู บาศกเ์ มตร
กลุ่มทรายปนตะกอน (SM, low to high plasticity) 1,214,900 ลกู บาศก์เมตร
ลมุ่ ทรายปนตะกอน ไม่มีความเหนียว (SM, non-plastic) 657,700 ลูกบาศกเ์ มตร
Top Soil 471,000 ลูกบาศก์เมตร
รวมท้งั สน้ิ 7,976,800 ลกู บาศก์เมตร
- จากผลการสำรวจพบกลุ่มดินรวม 4 กลมุ่ คือ CL, SC, MH, SM และ SM (non-plastic) มีปรมิ าณรวม
ท้ังสิ้น 7,505,800 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณมากกว่าความต้องการ (ความต้องการดินถมอัดแน่นประมาณ 1,400,000
ลกู บาศก์เมตร) แยกเปน็ กลมุ่ ดินทึบน้ำ 2 กลุ่ม (CL, SC) มปี ริมาณ 5,145,700 ลกู บาศก์เมตร กลุม่ ดินก่งึ ทึบน้ำ 2 กลุ่ม
(MH, SM) มีปริมาณ 1,702,400 ลูกบาศก์เมตร กลุ่มดินไม่ทึบน้ำ (SM non-plastic) มีปริมาณ 657,700 ลูกบาศก์
เมตร และ Top Soil มีปริมาณ 471,000 ลูกบาศก์เมตร ปริมาณดินที่เหมาะสมในการก่อสร้าง (CL, SC, MH, SM
และ SM (non-plastic)) รวม 6,848,100 ลกู บาศก์เมตร หรอื คดิ เปน็ 5 เทา่ ของความตอ้ งการใชง้ าน
- แปลงบ่อยมื ดินแปลง A อยู่ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำ เป็นพ้ืนที่สวนยาง และมเี อกสารสิทธ์ิถอื ครอง
- แปลงบ่อยมื ดินแปลง B อยนู่ อกพืน้ ท่อี ่างเกบ็ นำ้ ดา้ นท้ายฝั่งซ้าย ห่างจากตวั เข่ือนออกไป เป็นระยะทาง
300 เมตร เปน็ พื้นท่ีสวนยาง และมีเอกสารสทิ ธิ์ถือครอง
- เม่อื นำตัวอย่างดนิ จากบ่อ Test Pit มาทดสอบการกระจายตวั ไม่พบดนิ กระจายตวั
- จากปริมาณกลุ่มดินที่พบ สามารถกำหนดรูปแบบตัวเข่ือนเป็นแบบเขื่อนดินถมชนิดแบ่งส่วน (Zoned
Earthfill Dam) ตามแหล่งวัสดทุ ี่พบ
2.5.3 การออกแบบเบื้องต้น
จากผลการศึกษาทบทวนทางเลือกในการพัฒนาโครงการและจากการออกแบบเบื้องต้น สรุป
องค์ประกอบของโครงการท่ีสำคัญได้ดังน้ี
1) ท่ีตั้งหัวงาน
- ท่ีตัง้ บา้ นเหมืองตะกวั่ หมทู่ ี่ 1 ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จงั หวัดพทั ลุง
พิกัด 618,472E 795,885N
แผนท่ีชุด L7018 โซน 47P ระวาง 5023 III
2) อทุ กวิทยา
- พืน้ ท่รี ับน้ำฝน 20.27 ตร.กม.
- ปรมิ าณฝนรายปเี ฉลี่ย 2,384.1 มม.
- ปริมาณน้ำไหลลงอา่ งเก็บนำ้ รายปเี ฉล่ีย 34.68 ลา้ น ลบ.ม.
- ปริมาณนำ้ หลากสูงสุด รอบ 500 ปี 228.05 ลบ.ม./วนิ าที
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-98 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 2
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
3) อ่างเกบ็ นำ้ +111.65 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั น้ำสงู สุด +110.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับน้ำเกบ็ กกั +75.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดบั นำ้ ตำ่ สุด +66.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ระดับทอ้ งน้ำประมาณ 11.13 ลา้ น ลบ.ม.
- ความจุอา่ งเก็บนำ้ ท่ีระดบั น้ำสูงสุด 10.14 ล้าน ลบ.ม.
- ความจอุ ่างเก็บนำ้ ที่ระดบั น้ำเก็บกัก 0.20 ลา้ น ลบ.ม.
- ความจอุ ่างเก็บนำ้ ท่ีระดับนำ้ ตำ่ สุด 350 ไร่
- พื้นทผ่ี วิ น้ำท่ีระดับนำ้ สูงสดุ ประมาณ 343.75 ไร่
- พ้นื ทผ่ี ิวนำ้ ที่ระดับน้ำเก็บกกั ประมาณ 31.25 ไร่
- พน้ื ท่ผี วิ นำ้ ท่รี ะดับนำ้ ตำ่ สุดประมาณ
เข่อื นดินถมชนิดแบ่งสว่ น
4) เขื่อนเก็บกักนำ้
- ชนิด (Zoned Earthfill Dam)
- ระดับสนั เขื่อน +114.00 ม.(ร.ท.ก.)
- ความกว้างสันเข่ือน
- ความยาวสันเขื่อน 10.00 ม.
- ความสูงเขือ่ น
- ลาดเขอื่ นดนิ ด้านเหนือนำ้ 474 ม.
ด้านท้ายน้ำ 48.00 ม.
5) อาคารประกอบเขื่อนเก็บกกั น้ำ
1:3.5
- อาคารทางระบายน้ำล้น
ทตี่ ั้ง 1:2.5
ชนิด
ลักษณะสนั ฝาย ฝั่งซ้ายของตัวเขอื่ น
ระดบั สันฝาย Overflow Spillway
ความยาวสันฝาย
อัตราการระบายสูงสุด (รอบ 500 ป)ี Uncontrolled Bath Tub Ogee Crest
- อาคารทอ่ ส่งน้ำ (อาคารระบายนำ้ ลงลำนำ้ เดิม)
ท่ีตั้ง (Double Side Channel Spillway)
ชนดิ ท่อ
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางท่อ +110.00 ม.(ร.ท.ก.)
อัตราการระบายสูงสดุ
51.56 ม.
198.31 ลบ.ม./วินาที
ฝ่งั ขวาของตัวเข่ือน
ท่อเหล็กหมุ้ ด้วยคอนกรีต
1.20 ม.
12.81 ลบ.ม./วินาที
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-99 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว บทท่ี 2
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
6) พ้ืนท่ชี ลประทาน ฤดฝู น 7,500 ไร่
- พนื้ ท่ีชลประทาน ฤดแู ล้ง 2,000 ไร่
รูปที่ 2.5.3-1 ถงึ รูปท่ี 2.5.3-6 แสดงองค์ประกอบบริเวณหวั งานเขอ่ื นและอาคารประกอบ
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 2-100 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปที่ 2.5.2-1 แผน
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทท่ี 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
นที่บรเิ วณอา่ งเกบน้ำ รายงานฉบับกลาง
101 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รูปที่ 2.5.2-2 แผนท
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ทบี่ รเิ วณหัวงานเขอ่ื น รายงานฉบับกลาง
102 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รปู ท่ี 2.5.2-3 แปลนตำ
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ำแหน่งธรณวี ิทยาฐานราก รายงานฉบับกลาง
103 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รูปที่ 2.5.2-4 รูปตัดธรณวี ิทยาฐ
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ฐานรากตามแนวศูนยก์ ลางเขื่อน รายงานฉบบั กลาง
104 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปท่ี 2.5.2-5 รปู ตดั ธรณีวิทยาฐานรากต
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทท่ี 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ตามแนวศูนยก์ ลางอาคารทางระบายนำ้ ล้น รายงานฉบบั กลาง
105 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะก่ัว
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปที่ 2.5.2-6 รูปตัดธรณวี ทิ ยาฐานร
บรษิ ัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทท่ี 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
รากตามแนวศนู ย์กลางอาคารท่อสง่ น้ำ รายงานฉบบั กลาง
106 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปที่ 2.5.2-7
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
แผนท่บี อ่ ยืมดิน รายงานฉบบั กลาง
107 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลุง
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปท่ี 2.5.3-1 แผนทีแ่ สดงขอ
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
อบเขตอ่างเกบน้ำและทีต่ ้งั เขื่อน รายงานฉบบั กลาง
108 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลุง
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปท่ี 2.5.3-2 ผงั บริเวณหวั
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
วงานเข่ือนและอาคารประกอบ รายงานฉบบั กลาง
109 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัว
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รปู ท่ี 2.5.3-3 รปู ตัดต
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ตามแนวศนู ยก์ ลางเข่อื น รายงานฉบับกลาง
110 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปที่ 2.5.3-4 รปู
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทท่ี 2
การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
ปตัดขวางเขอื่ นดนิ รายงานฉบับกลาง
111 (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รปู ท่ี 2.5.3-5 แปลนและรปู ตัดตามแ
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทที่ 2
การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
แนวศนู ย์กลางอาคารทางระบายนำ้ ล้น รายงานฉบบั กลาง
112 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พทั ลงุ
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด รูปที่ 2.5.3-6 แปลนและรูปตัดต
บรษิ ัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั 2-1
บทท่ี 2
การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
ตามแนวศูนยก์ ลางอาคารทอ่ ส่งน้ำ รายงานฉบับกลาง
113 (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 2
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
2.5.4 การประมาณราคาค่าก่อสร้างเบอ้ื งตน้
ค่าลงทุนโครงการ ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างองค์ประกอบของโครงการ ค่าดำเนินการและบำรุงรักษาและ
คา่ ดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์และติดตามผลกระทบด้านส่ิงแวดลอ้ ม สำหรับค่าก่อสร้างองค์ประกอบของโครงการ
จัดทำโดยการรวบรวมและนำผลสรุปจากการศึกษาความเหมาะสมและ แบบเบื้องต้นของโครงการมาคิดปรมิ าณงาน
ขององคป์ ระกอบต่าง ๆ แยกตามลักษณะและประเภทของงาน เชน่ งานขุดดนิ งานขุดระเบิดหิน งานปรบั ปรงุ ฐานราก
งานคอนกรีต งานท่อเหล็ก เปน็ ตน้ แล้วคณู กบั ราคาต่อหน่วยทรี่ วบรวมไว้ของงานนั้น ๆ ค่าดำเนินการและบำรุงรักษา
ได้จากการรวบรวมข้อมูลสถิติงบประมาณ O&M แผนงานของกรมชลประทานมาเป็นพ้ืนฐานในการจัดทำ ส่วนค่า
ดำเนินการด้านประชาสัมพันธ์และติดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเป็นผลจากการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ของโครงการ
1. เกณฑใ์ นการประมาณราคาคา่ กอ่ สร้างเบื้องต้น
สำหรับการประมาณราคาเบ้ืองต้นในการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในครั้งน้ี ดำเนินการภายใต้
หลักเกณฑ์การพิจารณาต่าง ๆ อธิบายรายละเอยี ดไดพ้ อสังเขป ดังนี้
1) การคำนวณปริมาณงานประเภทต่าง ๆ โดยอาศยั เกณฑ์ ดงั น้ี
(1) ในกรณีท่ีเป็นอาคารสำคัญ เช่น เข่ือนและอาคารประกอบ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ อาคารรับน้ำคลองส่งน้ำ
เป็นตน้ จะคำนวณปรมิ าณงานโดยคิดจากแบบท่ไี ด้ดำเนนิ การออกแบบไวใ้ นขั้นการศึกษาความเหมาะสม
(2) ในกรณีทเ่ี ป็นอาคารมาตรฐาน เชน่ ทอ่ ลอด ท่อระบาย สะพาน ไซฟอน ซึ่งจะเป็นอาคารอยตู่ าม
แนวคลองส่งนำ้ จะคำนวณปรมิ าณงานโดยอาศยั แบบมาตรฐานขนาดต่าง ๆ ทกี่ ำหนดไว้
(3) การคำนวณปริมาตรงานประเภทคันป้องกันน้ำท่วม หรืออาคารป้องกันการกัดเซาะตลิ่งท้ายน้ำ
จะคำนวณจากรูปตัดมาตรฐานและความยาวทก่ี ำหนดไว้ในการออกแบบในการศึกษาความเหมาะสม
(4) ส่วนอาคารอื่น ๆ เช่น ถนนเข้างานก่อสร้าง (Access Road) เป็นต้น จะคำนวณโดยอาศัยแบบ
มาตรฐาน
2) การคำนวณราคางานตอ่ หนว่ ย (Unit Cost) ในการคำนวณราคาต่อหน่วยของงานประเภทต่าง ๆ น้ัน
พจิ ารณาจัดทำราคาตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคางานตน้ ทุนตอ่ หน่วย งานก่อสร้างชลประทาน ซ่ึงอยู่ในหลักเกณฑ์
การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างฉบับใหม่ (กรมบัญชีกลาง ปีล่าสุด) ทั้งนี้เพื่อให้ได้ราคาต่อหน่วยที่ใกล้เคียงความ
เป็นจริงมากท่ีสุด โดยราคาต้นทุนต่อหน่วยของงานส่วนใหญ่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ ค่าวัสดุ ค่าขนส่ง และ
คา่ แรงงาน พอสรปุ ได้ดังน้ี
(1) คา่ วัสดุ
(1.1) ค่าวัสดุหลักในการกอ่ สร้าง เช่น ดิน หิน ทราย ใชร้ าคาจากการสำรวจแหล่งวัสดุก่อสร้าง
ในข้นั ตอนการศกึ ษาความเหมาะสมโครงการ
(1.2) ปูนซีเมนต์ เหล็ก ไม้แบบ ใช้ราคาวัสดุในจังหวัดจากสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า กระทรวง
พาณชิ ย์
(1.3) วัสดอุ ืน่ ๆ ใช้การสืบราคาจากแหล่งผลิตหรือจำหน่ายทใ่ี กล้สถานที่ก่อสรา้ ง
(2) ค่าขนส่ง ใช้อัตราค่าขนส่งตามหลักเกณฑ์ที่ราคาน้ำมันในเดือนท่ีทำการประเมินราคา ร่วมกับ
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 2-114 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 2
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลงุ การศกึ ษาทบทวนความเหมาะสม
การสำรวจเกบ็ ข้อมลู ระยะทางสภาพภูมิประเทศและผิวทางของเส้นทางขนสง่ วัสดแุ ต่ละชนิดมายงั สถานท่กี ่อสร้างเพื่อ
คำนวณคา่ ตวั แปรคา่ ขนส่งตามสภาพภูมิประเทศและผิวทาง และปรบั เพิ่มค่าขนสง่ ให้มีความเหมาะสมตามหลักเกณฑ์
การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างฉบับใหม่ (กรมบัญชีกลาง ปีล่าสุด) ต่อไป ซ่ึงจากการสำรวจในเบื้องต้น สภาพภูมิ
ประเทศในแต่ละเส้นทางมีสภาพต้ังแต่เป็นทางราบ เนินเขา และภูเขา ส่วนสภาพทางมีทั้งทางลาดยางและลูกรัง ซ่ึง
ลกั ษณะเสน้ ทางทต่ี า่ งจากปกตทิ ั่วไป (ทางลาดยาง-ราบ) จะมีผลตอ่ ราคาค่าขนส่งอยา่ งมาก
(3) ค่าแรงงาน ค่าแรงงานที่ใช้เคร่ืองจักรส่วนใหญ่จะกำหนดไว้แล้วในหลักเกณฑ์การคำนวณราคา
กลางงานก่อสรา้ งฉบับใหม่ (กรมบัญชีกลาง ปีล่าสุด) สำหรับส่วนท่ีไม่ได้กำหนดไว้ เช่น ค่าตอกเสาเข็ม เป็นต้น ใช้วิธีการ
สืบราคาในพื้นท่ี
ค่าแรงงานคนกำหนดให้ใช้ตามอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ ตามประกาศกระทรวงแรงงานและ
สวัสดิการสังคม โดยเลือกใช้ตามจงั หวัดท่ีสถานทีก่ อ่ สร้างตั้งอยู่
3) การประมาณราคาค่าก่อสร้างโครงการและค่าลงทุนอ่ืน ๆ ในการประมาณราคาค่าก่อสร้างโครงการ
ใช้วิธีการคำนวณแยกรายละเอียดปริมาณงาน รวมท้ังทำการวิเคราะห์ค่าก่อสร้างต่อหน่วย โดยพิจารณาราคาของ
วสั ดุอปุ กรณ์ ค่าขนส่ง ค่าแรง วิธีการก่อสร้างและสภาพในบรเิ วณโครงการ ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานท่ีราชการยอมรับ
ราคาค่าก่อสรา้ งในข้ันการศึกษาความเหมาะสมประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง ค่าเผื่อเหลือเผ่ือขาด ภาษี กำไรและค่าดำเนินการ
โดยจะแยกค่ากอ่ สร้างดงั กลา่ วเปน็ รายปีตามแผนงานการก่อสร้างทกี่ ำหนดไว้
นอกจากนี้ ราคาค่าลงทุนในโครงการยังประกอบด้วย ค่าลงทุนอื่น ๆ เช่น ค่าติดต้ังระบบพยากรณ์
น้ำหลาก ระบบโทรมาตร ค่าลงทุนอันเนื่องมาจากค่าเวนคืนและค่าชดเชยทรัพย์สิน รวมท้ังมาตรการลดผลกระทบ
ส่ิงแวดล้อม ซึ่งได้จากข้ันตอนการศึกษาความเหมาะสมและการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมนำไปคิดรวมกับค่าก่อสร้าง
เป็นค่าลงทนุ โครงการ เพอื่ นำไปศึกษาผลตอบแทนตอ่ การลงทนุ ในการวเิ คราะห์ดา้ นเศรษฐศาสตรส์ ิง่ แวดลอ้ มตอ่ ไป
4) การประมาณการค่าใช้จ่ายรายปีในโครงการ นอกจากราคาค่าลงทุนโครงการแล้ว การประมาณ
ค่าใช้จ่ายอันเนือ่ งมาจากการดำเนนิ การอน่ื ๆ ท่ีต้องการทำทกุ ปี เชน่ คา่ บริหารโครงการ การซอ่ มบำรงุ การปฏิบัติงาน
ตลอดอายุโครงการ รวมท้ังค่าใช้จ่ายรายปีในมาตรการลดผลกระทบส่ิงแวดล้อม และการประเมินผลด้านส่ิงแวดล้อม
ยงั ถือเป็นอีกสว่ นสำคัญซงึ่ จะต้องนำมาพจิ ารณาในการวเิ คราะหโ์ ครงการตอ่ ไป
ราคาค่ากอ่ สร้างเบื้องต้นและแผนงานก่อสรา้ งของโครงการ แสดงดังตารางที่ 2.5.4-1
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 2-115 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 2
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาทบทวนความเหมาะสม
ตารางที่ 2.5.4-1 ราคาคา่ กอ่ สร้างองค์ประกอบโครงการเบ้อื งต้น
ล้าดับ รายการ / งาน ปริมาณงาน ค่าก่อสร้าง ปีท่ี 1 ปีงบประมาณ (บาท) ปีท่ี 4
ท่ี (บาท) ปีที่ 2 ปีที่ 3
ก. งานอ่างเก็บนา้ และอาคารประกอบ
1 งานเตรียมงานเบ้ืองต้น
1.1 ค่าก่อสร้างส่วนประกอบอ่ืน (เตรียมงานเบ้ืองต้น) 60,000,000.00 40,000,000.00 - - 20,000,000.00
1.1.1 ปรบั พืนทบ่ี รเิ วณหวั งาน 400 ไร่ 8,500,000.00 8,500,000.00 - - -
1.1.2 ท่ที า้ การบา้ นพัก 1 งาน 23,500,000.00 23,500,000.00 - - -
1.1.4 ลอ้ มรวั บรเิ วณหวั งาน 1 งาน 500,000.00 500,000.00 - - -
1.1.5 ระบบไฟฟ้า-ประปา 1 งาน 3,500,000.00 3,500,000.00 - --
1.1.6 ถนนทดแทน 1 งาน 20,000,000.00 - - - 20,000,000.00
1.1.7 งานขยายเขตไฟฟ้า 1 งาน 4,000,000.00 4,000,000.00 - - -
1.2 งานก่อสร้างอ่างเก็บนา้ และอาคารประกอบ 640,000,000.00 - 220,000,000.00 220,000,000.00 200,000,000.00
1.2.1 ทา้ นบดินหวั งานและอาคารประกอบ 1 งาน 560,000,000.00 - 220,000,000.00 220,000,000.00 120,000,000.00
1.2.2 ระบบทอ่ สง่ นา้ 1 งาน 80,000,000.00 - - - 80,000,000.00
ข ปรับปรุงระบบฝายส่งน้าเดิม 10,000,000.00 5,000,000.00 5,000,000.00
1 ปรบั ปรงุ ฝายทดนา้ คลองทา่ ยงู เหมา 5,000,000.00 2,500,000.00 2,500,000.00
2 ปรบั ปรงุ ฝายทดนา้ คลองบา้ นใหม่ เหมา 5,000,000.00 2,500,000.00 2,500,000.00
รวมค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 710,000,000.00 40,000,000.00 220,000,000.00 225,000,000.00 225,000,000.00
ท่มี า : สำนกั งานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 16 กองพัฒนาแหล่งนำ้ ขนาดกลาง กรมชลประทาน และผลการทบทวนโดยบรษิ ัทที่ปรึกษา
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 2-116 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกว่ั บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้
บทท่ี 3
ความก้าวหนา้ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้
3.1 เหตุผลและความจำเป็น
สำนักบริหารโครงการ กรมชลประทาน ได้ศึกษาและพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ
เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค ของราษฎรในพื้นที่ตำบลหนองธงและบริเวณใกล้เคียง พบว่ามีแนวทางสามารถ
ดำเนินการได้ จึงได้จัดทำรายงานวางโครงการแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2552 จากผลการศึกษาพบว่าบริเวณท่ีเหมาะสม
สำหรับการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต้ังอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง เม่ือ
ตรวจสอบขอ้ มูลและตดิ ต่อสอบถามไปยงั หนว่ ยงานทเ่ี กีย่ วขอ้ งในขณะนั้น พบวา่ มีพน้ื ท่ีบางส่วนตดิ ตอ่ คาบเกีย่ วหรืออยู่
ใน เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด ซ่ึงมีสภาพเป็นป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายอยู่ในอำนาจหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของ
สำนักบรหิ ารพืน้ ท่อี นุรักษ์ที่ 6 สงั กดั กรมอุทยานแหง่ ชาติ สัตว์ปา่ และพันธพ์ุ ืช และติดอยู่ในเขตพืน้ ที่ปา่ อนรุ ักษเ์ พิ่มเติม
ในป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัดแปลงท่ี 1 ตอน 3 ตามผลการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดิน
ป่าไม้ในพื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 10 และ 17 มีนาคม 2535 เมื่อตรวจสอบกับแผนที่การ
กำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคใต้ ปรากฏว่าโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อยู่ในเขตช้ัน
คุณภาพลุ่มน้ำท่ี 2, 3 และ 4 ดังนั้น โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จะต้องดำเนินการ
ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น (IEE) เพื่อประกอบการขอเพิกถอนพ้ืนที่บางส่วนในเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขา
บรรทดั
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง
นับว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็น ท้ังนี้เพราะถ้ามีการพัฒนาโครงการตามเป้าหมายของกรมชลประทานแล้ว อาจจะ
ก่อใหเ้ กิดผลกระทบต่อทรพั ยากรสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ ทางชีวภาพ ตลอดจนคุณค่าการใช้ประโยชนข์ องมนุษย์ และคณุ ค่า
ต่อคุณภาพชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นท่ีจะต้องทำการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น ในการเข้าไปศึกษาและ
พฒั นาโครงการฯ ซึง่ อยู่ในพ้นื ทีเ่ ขตรกั ษาพนั ธุส์ ัตวป์ า่ เขาบรรทดั และป่าสงวนแหง่ ชาตปิ ่าเทอื กเขาบรรทัด แปลงที่ 1 ตอนที่ 3
จึงต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และจากกรมป่าไม้ก่อน และต้องดำเนินการด้วยความ
ระมัดระวงั ละเอียดรอบคอบ และได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายท่ีเกย่ี วขอ้ ง กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานรับผดิ ชอบดา้ น
การพัฒนาแหล่งน้ำ จงึ ได้นำการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นมาใช้เป็นเคร่ืองมือในการคาดการณ์ผลกระทบ
จากการพัฒนาโครงการอ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว รวมทงั้ จดั ทำมาตรการปอ้ งกนั และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการ
ติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การพัฒนาของโครงการเกิดผลกระทบต่อทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
น้อยท่สี ดุ และอยู่ในระดับท่ียอมรับได้ เพือ่ ให้กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพันธุพ์ ืช และกรมป่าไม้ สามารถใชเ้ ป็นข้อมูล
ประกอบการตดั สนิ ใจในข้ันตอนต่างๆ รวมถึงการเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธ์ุสัตวป์ า่ เขาบรรทดั บางส่วนและขอใช้ประโยชน์
ในพืน้ ท่ปี ่าสงวนแหง่ ชาติ เพือ่ การก่อสร้างและดำเนินโครงการต่อไป
บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-1 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้
3.2 การรวบรวมข้อมลู และเอกสารทเ่ี กีย่ วข้อง
ในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการรวบและทบทวนข้อมูลจากเอกสารและรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง
ในส่วนกลาง และส่วนท้องถ่ิน เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมควบคุมมลพิษ กรมประมง
กรมทางหลวง กรมการปกครอง กรมการท่องเท่ียว สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสาธารณสขุ จังหวัดพทั ลงุ และข้อกฎหมายที่เก่ยี วข้อง เปน็ ต้น
3.2.1 การศกึ ษาขอ้ กฎหมายและขอ้ จำกัดด้านสงิ่ แวดลอ้ ม
1) พระราชบญั ญตั ปิ ่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 สาระสำคัญท่ีเกี่ยวข้องกับการศึกษาของโครงการมีดังนี้
- ป่าสงวนแห่งชาติ ตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ หมายถึงบรรดาป่าท่ีเป็น
ป่าสงวนอยู่แล้ว ตามกฎหมายวา่ ด้วยการคุม้ ครองและสงวนปา่ และปา่ อ่ืนใดที่รัฐมนตรีเหน็ สมควรกำหนดเปน็ ป่าสงวน
แหง่ ชาติ เพ่ือรักษาสภาพป่าไม้ ของป่า หรอื ทรพั ยากรธรรมชาติอืน่ โดยใหอ้ อกเป็นกฎกระทรวง การเปล่ียนแปลงเขต
หรือการเพิกถอนป่าสงวนแหง่ ชาติ ให้กระทำไดโ้ ดยออกกฎกระทรวง
- ในกรณีท่ีส่วนราชการ และองค์การของรัฐมีความประสงค์จะใช้พ้ืนท่ีบางแห่งภายในเขตป่าสงวน
แห่งชาติเป็นสถานท่ีปฏิบัติงานหรือเพื่อประโยชน์ของรัฐอย่างอ่ืน ให้อธิบดีโดยอนุมัติของรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศ
กำหนดบรเิ วณดงั กลา่ วเป็นบรเิ วณท่ที างราชการใช้ประโยชนภ์ ายในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติได้
- เพื่อประโยชน์ในการควบคุม ดูแล รักษา หรือบำรุงป่าสงวนแห่งชาติ อธิบดีมีอำนาจสั่งเป็นหนังสือ
ให้พนักงานเจา้ หน้าท่ีกระทำการอย่างหนงึ่ อย่างใดในเขตปา่ สงวนแหง่ ชาตไิ ด้
- ในการขออนุญาตเพ่ือเข้าศึกษาวิจัย ตามมาตรา 17 ระบุว่าเพ่ือประโย ชน์ในการศึกษาหรือ
วิจัยทางวิชาการอธิบดีมีอำนาจอนุญาตเป็นหนังสือแก่กระทรวง ทบวง กรมหรือบุคคลอ่ืนใดให้กระทำการอย่างหนึ่ง
อย่างใดในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรีและเมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรจะส่ัง
ยกเว้น ค่าธรรมเนยี มคา่ ภาคหลวง และค่าบำรุงป่าก็ได้
2) พ.ร.บ.ป่าสงวนแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 4 พ.ศ.2559
- ในจังหวดั ใดที่มีปา่ สงวนแหง่ ชาติ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึง เรียกว่า “คณะกรรมการควบคุมและ
รักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด” ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ อัยการจังหวัด
ผอู้ ำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมจงั หวดั เกษตรและสหกรณ์จังหวัด เจา้ พนักงานท่ีดนิ จงั หวัด
ปฏิรูปที่ดินจังหวัด ปลัดจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้แทนเทศบาล
แห่งท้องที่ท่ีป่าสงวนแห่งชาติตงั้ อยู่จำนวนหน่ึงคน และผู้แทนองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งท้องท่ีท่ีป่าสงวนแห่งชาติ
ตั้งอยูจ่ ำนวนสามคน เปน็ กรรมการ
- คณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัดมีอำนาจหน้าท่ี กำหนดมาตรการ
ในการควบคุมดูแล และการส่งเสริมการปลูกป่า รวมท้ังการฟ้ืนฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ให้สอดคล้องกับแนวทาง
ที่อธิบดกี ำหนด ทัง้ นี้ แนวทางดงั กลา่ วตอ้ งกำหนดเก่ยี วกบั การมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในพน้ื ที่ดว้ ย
บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-2 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)
โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
3.2.2 มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 10 มีนาคม 2535 เร่ือง การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดิน
ป่าไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรี วันท่ี 17 มีนาคม 2535 เร่ือง ผลการจำแนกเขตการใช้
ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติเพ่ิมเติม ตามมติคณะรัฐมนตรี ได้มีการจำแนกเป็นเขต
ต่าง ๆ ตามการใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรและท่ีดินป่าไมเ้ ปน็ 3 เขต (Zone) ดงั น้ี
1. เขตพ้ืนท่ีป่าเพื่อการอนุรักษ์ (Zone C) หมายถึงพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ ที่กำหนดไว้เพ่ือการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ พันธ์ุพืช และพันธ์ุสัตว์ท่ีมีคุณค่าหายาก เพื่อการป้องกันภัยธรรมชาติอันเกิดจากน้ำท่วมและการ
พังทลายของดนิ ตลอดทั้งเพ่อื ประโยชน์ในด้านการศึกษา การวจิ ัย นนั ทนาการของประชาชนและความมน่ั คงของชาติ
แบง่ ออกเปน็ 2 ส่วน คือ พน้ื ท่ีป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายและมตคิ ณะรัฐมนตรี และพื้นที่ปา่ อนุรกั ษ์เพ่มิ เติม กลา่ วคอื
พ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี หมายถึง พ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติที่ได้ประกาศ
เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เก่ียวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปแล้ว พื้นท่ี
ลักษณะน้ี ไดแ้ ก่
• พื้นที่เขตรกั ษาพนั ธ์ุสตั วป์ ่า ทีไ่ ดป้ ระกาศโดยพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัตสิ งวนและคุม้ ครอง
สัตวป์ า่ พ.ศ.2535
• พนื้ ที่อทุ ยานแห่งชาติ ที่ไดป้ ระกาศโดยพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบญั ญัติอทุ ยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
• พื้นที่ลุ่มน้ำช้ันท่ี 1 ตามผลการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ โดยสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ ตามมตคิ ณะรฐั มนตรี
• พื้นท่ีเขตอนุรักษ์ป่าชายเลน ตามผลการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนที่ป่าชายเลน
ประเทศไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี
พ้ืนท่ีป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม หมายถึง พ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์หรือมีศักยภาพเหมาะสม
ตอ่ การอนุรกั ษธ์ รรมชาติ เพื่อรักษาไวซ้ ึง่ ความสมดลุ ของธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ ม พ้ืนท่ลี กั ษณะน้ไี ด้แก่
• พ้นื ทปี่ ่าทมี่ ลี ักษณะสมบรู ณต์ ลอดจนพ้ืนท่ปี า่ ทสี่ มควรสงวนไว้ เพื่อรกั ษาสภาพแวดลอ้ มและ ระบบนเิ วศ
• พน้ื ที่ป่าท่มี คี วามเหมาะสมต่อการสงวนไว้เพ่อื เปน็ สถานทศ่ี ึกษาวจิ ัย
• พืน้ ทีป่ ่าท่ีห้ามมใิ หบ้ คุ คลเข้าไปหรืออยอู่ าศยั ตามแนวชายแดน
• พ้นื ทป่ี า่ ที่เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของท้องถ่ิน
• พ้ืนท่ีป่าซึ่งเป็นเขตท่ีตั้งแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ
ส่ิงแวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ.2535
• พื้นทปี่ า่ ซ่ึงกำหนดเปน็ โบราณสถาน โบราณวัตถตุ ามพระราชบญั ญัติสถาน โบราณวตั ถุ ศิลปวตั ถุ และ
พพิ ธิ ภัณฑ์สถานแหง่ ชาติ พ.ศ.2504
บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-3 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)