The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pang Natthiyaa, 2022-07-27 01:24:21

รายงานฉบับกลาง

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

2. เขตพ้ืนท่ปี ่าเพ่ือเศรษฐกจิ (Zone E) หมายถงึ พ้ืนท่ปี ่าสงวนแห่งชาติที่กำหนดไวเ้ พ่ือผลติ ไม้ และของ
ป่ารวมถึงพื้นที่เศรษฐกิจตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดช้ันคุณภาพลุ่มน้ำและการจำแนกเขตการใช้
ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนท่ีป่าชายเลน พ้ืนที่เพ่อื การพัฒนาการทรัพยากรป่าไม้ และพ้ืนทีป่ ระสานการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
ระหว่างทรัพยากร ป่าไม้กับทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ เช่น ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรแร่ และทรัพยากรพลังงาน
เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและความม่ันคงของชาติ ตลอดทง้ั ต้องไม่อยู่ในหลกั เกณฑ์ที่จำแนกให้เป็นเขตพ้ืนท่ีป่าเพื่อ
การอนุรักษ์ พนื้ ทลี่ กั ษณะนี้ ไดแ้ ก่

พื้นท่ีพัฒนาป่าธรรมชาติ หมายถึง พ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติที่มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์และมีศักยภาพ
เหมาะสมในการจัดการปา่ ไม้ ตามหลักวชิ าการ เพอ่ื ให้ราษฎรได้ใชป้ ระโยชนจ์ ากไมแ้ ละของป่าร่วมกนั โดยไม่บกุ รุกเข้า
ไปใช้ประโยชนใ์ นเขตพืน้ ที่ปา่ เพอ่ื การอนุรักษต์ ่อไป พนื้ ทลี่ กั ษณะนีไ้ ด้แก่

• พนื้ ทปี่ ่าโครงการทำไมต้ า่ ง ๆ

• พื้นท่ีป่าชุมชน
พ้ืนที่พัฒนาทรัพยากรป่าไม้ หมายถึง พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติที่เสื่อมโทรม ซึ่งมีศักยภาพสูงในการฟ้ืนฟู
สภาพปา่ สามารถสง่ เสริมบทบาทและหน้าท่ขี องส่วนราชการและเอกชน ให้มีสว่ นรบั ผดิ ชอบในการจัดการและพัฒนา
ทรัพยากรป่าไม้ร่วมกัน เพ่ืออำนวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมให้มีไม้ใช้ประเทศและเพ่ือประโยชน์ในด้าน
อุตสาหกรรมแบบตอ่ เน่ือง โดยนำทุกส่วนของไม้มาใช้ประโยชน์ ให้บรรลุผลต่อการพัฒนาด้านอตุ สาหกรรม ตลอดจน
เศรษฐกิจและสงั คมของชาติ พืน้ ทลี่ กั ษณะน้ีไดแ้ ก่

• พน้ื ทป่ี ลกู ปา่ ภาครัฐบาล

• พน้ื ท่ีปลกู ปา่ ภาคเอกชน

• พ้นื ทป่ี ลูกป่าเพอ่ื ใช้สอยในครวั เรอื น
พ้ืนที่พัฒนาตามหลักวนศาสตรช์ ุมชน หมายถึง พ้ืนที่ป่าสงวน แห่งชาติที่กำหนดไว้เพ่ือแก้ไขปัญหาการ
บุกรุกทำลายป่าในรูปแบบต่าง ๆ โดยการวางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการตั้งถิ่นฐานให้สอดคล้องกับการ
ใช้ประโยชน์ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ การใช้ประโยชน์พ้ืนที่กระทำในลักษณะของวนเกษตร
พ้ืนทลี่ กั ษณะนไี้ ด้แก่

• พื้นท่ีโครงการตามพระราชดำริ

• พน้ื ที่โครงการพฒั นาเพอื่ ความมนั่ คง

• พนื้ ที่โครงการหมบู่ า้ นปา่ ไม้

• พืน้ ท่ี สทก.
พนื้ ที่พัฒนาทรพั ยากรธรรมชาตอิ ่ืน ๆ หมายถึง พน้ื ท่ปี า่ สงวนแหง่ ชาตทิ ไี่ ดอ้ นญุ าตใหใ้ ช้ประโยชน์ร่วมกนั
ระหวา่ งทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาตอิ ่ืน ๆ เช่น แหล่งน้ำ และทรพั ยากรธรณี เพอื่ ประโยชนต์ ่อการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ พน้ื ท่ลี กั ษณะนี้ ได้แก่

• พื้นทเ่ี ขตแหลง่ แร่

• พื้นที่เขตระเบดิ หนิ และย่อยหนิ

• พื้นทอ่ี นญุ าตใหส้ ่วนราชการ และเอกชนใชป้ ระโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-4 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้

3. เขตพ้ืนท่ีป่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร (Zone A) หมายถึง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติท่ีมีสมรรถนะท่ีดิน
เหมาะสมต่อการเกษตรหรอื ศักยภาพสูงในการพัฒนาดา้ นการเกษตร ตามผลการจำแนกสมรรถนะท่ีดินของกรมพฒั นา
ท่ีดิน รัฐสามารถพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎรได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกท้ังต้องไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ท่ีจะจำแนก
ให้เปน็ เขตพนื้ ทปี่ า่ เพ่อื การอนรุ กั ษ์ และเขตพืน้ ทป่ี า่ เพอ่ื เศรษฐกิจ พื้นทีล่ ักษณะนไี้ ด้แก่

• พื้นที่ป่าท่ีมสี มรรถนะของดินเหมาะสมต่อการเกษตร

• พ้ืนท่ีที่เหมาะสมต่อการเกษตร ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดช้ันคุณภาพลุ่มน้ำและ
การจำแนกเขตการใชป้ ระโยชน์ท่ีดนิ ในพ้ืนท่ีป่าชายเลน

สำหรบั การดำเนินการขออนุญาตเข้าไปในพ้ืนท่เี พอ่ื ศึกษาวิจัยหรอื วจิ ยั ทางวิชาการจำเป็นตอ้ งดำเนนิ การ
ตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาตินั้น ที่ปรึกษาได้ดำเนินการตามกระบวนการขออนุญาตต่าง ๆ ตัง้ แต่ช่วง
เร่ิมต้นการศึกษานับจากวันท่ีกรมชลประทานลงนามในสัญญาว่าจ้างหรือส่ังการให้ท่ีปรึกษาเร่ิมดำเนินการศึกษา
โครงการแล้ว
3.2.3 พ.ร.บ.สงวนและค้มุ ครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562

สาระสำคัญทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับการศึกษาของโครงการ มีดังน้ี
- ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์
ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2546 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสตั ว์ ฉบบั ที่ 3 พ.ศ. 2557
- หมวด 3 คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 39 ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึง เรียกว่า
“คณะกรรมการการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า” ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดลอ้ ม เป็นประธานกรรมการปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เป็นรองประธาน ปลัดกระทรวงการ
ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเล
และชายฝั่ง อธิบดีกรมที่ดิน อธิบดีกรมประมง อธิบดีกรมปศุสัตว์ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมศุลกากร เลขาธิการสำนัก
นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน
ไม่น้อยกว่าห้าคน แต่ไม่เกินเจ็ดคน ซ่ึงคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ซ่ึงมีความรู้ ความเช่ียวชาญ หรือมีประสบการณ์
ด้านสัตว์ป่า ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และ
วถิ ชี มุ ชน หรือดา้ นกฎหมายเปน็ กรรมการ ใหอ้ ธบิ ดีกรมอทุ ยานแห่งชาติสัตว์ปา่ และพนั ธ์ุพืช เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร
- มาตรา 45 คณะกรรมการมีหน้าท่ีและอำนาจ ดังต่อไปนี้

(1) พิจารณาให้ความเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าและ
การขายหรือการเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า

(2) เสนอแนะนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเพื่อการคุ้มครองและดูแลรักษาสภาพธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และพื้นที่ควบคุมเพื่อการจัดการ
สัตว์ป่า

(3) ให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการการอนุรักษ์สัตว์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และ
เขตห้ามล่าสัตว์ป่า

(4) กำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่ออนุรักษ์และเพาะพันธุ์สัตว์ป่า การค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-5 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้

และผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า และการประกอบกิจการสวนสัตว์
(5) พิจารณาให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศที่พระราชบัญญัติน้ี

กำหนดให้ตอ้ งไดร้ บั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
(6) ให้คำปรึกษาต่อรัฐมนตรีในเร่ืองที่เกี่ยวกับสัตว์ป่า และปฏิบัติงานอื่นตามท่ีคณะรัฐมนตรีหรือ

รัฐมนตรีมอบหมาย
(7) ปฏบิ ัติการอน่ื ใดตามทีก่ ฎหมายกำหนดใหเ้ ป็นหนา้ ทห่ี รอื อำนาจของคณะกรรมการ

มาตรา 46 ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตงั้ คณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน เพ่อื พิจารณาหรือปฏิบตั ิการอย่างหน่ึง
อย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

การประชมุ ของคณะอนุกรรมการ ใหน้ ำความในมาตรา 45 มาใช้บงั คบั โดยอนโุ ลม

- หมวด 4 เขตรักษาพนั ธุส์ ัตว์ป่า สว่ นท่ี 1 การกำหนดเขตรักษาพันธุ์สตั วป์ า่
มาตรา 47 เม่ือปรากฏว่าบริเวณพื้นท่ีใดมีสภาพธรรมชาติสมควรต้องอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย

ของสัตว์ป่าอย่างปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งพันธ์ุสัตว์ป่า ตลอดจนคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
หรือระบบนิเวศให้คงเดิม เพ่ือประโยชน์ในการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า และความหลากหลายทางชีวภาพ
ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืชโดยความคิดเห็นชอบของคณะกรรมการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้
ความเห็นชอบโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาและให้มีแผนท่ีแสดงแนวเขตน้ันด้วย บริเวณที่กำหนดนี้เรียกว่า
“เขตรักษาพันธุ์สตั วป์ ่า”

เม่ือพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหน่ึงมีผลใช้บังคบั แล้ว ให้มาตรการบังคบั หรือมาตรการคุ้มครองในพ้ืนท่ี
ดงั กล่าวเป็นไปตามทกี่ ำหนดในพระราชบญั ญตั นิ ้ี เวน้ แตก่ ฎหมายอื่นจะได้กำหนดมาตรการในเรอ่ื งดังกล่าวไวไ้ มต่ ่ำกว่า
มาตรการทกี่ ำหนดในพระราชบญั ญัตนิ ้ี

มาตรา 48 พื้นท่ีจะกำหนดให้เป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า ต้องมิได้เป็นที่ดินท่ีมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
หรือสิทธิ์ครอบครองตามประมวลกฎหมายท่ีดินหรือกฎหมายอ่ืนของบุคคลใด เว้นแต่เป็นที่ดินของหน่วยงานของรัฐ
การกำหนดรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในพื้นทท่ี ี่อยู่ความรับผิดชอบ ดูแลรักษา หรือเป็นหน่วยงานของรฐั หรือมีหน่วยงานของ
รัฐได้รับอนุญาตให้มีการใช้หรือทำประโยชน์ ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืชขอความเห็นจากหน่วยงาน
ของรฐั นัน้ กอ่ น

ในการกำหนดให้พ้ืนท่ีบริเวณใดเป็นเขตรกั ษาพันธ์สุ ัตวป์ ่า ให้มกี ารรับฟงั ความคดิ เห็นและการมีส่วนรว่ ม
ของผู้มีส่วนได้เสีย ชุมชนท่ีเก่ียวข้อง และประชาชน เพื่อนำมาประกอบพิจารณาดำเนินการ ท้ังน้ี ตามประกาศ
ทีร่ ฐั มนตรกี ำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

มาตรา 49 ในกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ปา่ และพันธ์ุพืชได้ทำการสำรวจพืน้ ที่ใดแล้วเห็นว่ามีความ
เหมาะสมท่ีจะกำหนดเป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าตามมาตรา 47 ให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เห็นชอบของคณะกรรมการประกาศเป็นพื้นท่ีเตรียมการกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อให้กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธ์ุพืชเตรียมการกำหนดให้บริเวณพ้ืนที่ดังกล่าวเป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าตามพระราชบัญญัติน้ีต่อไป
ในระหว่างการดำเนินการเพ่ือกำหนดให้พ้ืนที่เตรียมการตามวรรคหนึ่ง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามมาตรา 47
ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอำนาจควบคุมและคุ้มครองพื้นท่ีในพื้นที่เตรียมการกำหนด เป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-6 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น

ตามพระราชบัญญัตินี้กำหนดและตามระเบียบอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธ์ุพืชกำหนดโดยความ
เห็นชอบของคณะกรรมการ และในกรณีพื้นที่เตรียมการกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่ในพ้ืนท่ีป่าหรือป่าสงวน
แห่งชาติ ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอำนาจกระทำการตามกฎหมายวา่ ด้วยป่าไม้หรือกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติใน
พ้นื ทเ่ี ตรียมการดงั กลา่ วดว้ ย

มาตรา 50 ให้พนักงานเจ้าหน้าทจี่ ัดให้มีหลักเขต ป้าย เคร่ืองหมายแสดงแนวเขตเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า
และเครื่องหมายอน่ื ทจี่ ำเปน็ เพ่ือใหป้ ระชาชนทราบว่าเปน็ เขตรักษาพนั ธส์ุ ตั ว์ปา่ และอำนวยความสะดวกและให้ความรู้
แกป่ ระชาชน

หลักเกณฑ์ วิธีการ และรูปแบบ ในการจัดให้มีหลักเขต ป้าย เคร่ืองหมายแสดงแนวเขตและ
เคร่ืองหมายอืน่ ให้เปน็ ไปตามท่รี ะเบยี บท่ีอธบิ ดกี รมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ปา่ และพนั ธพ์ุ ชื กำหนด

มาตรา 51 การขยายหรือการเพกิ ถอนเขตรักษาพนั ธุ์สัตวป์ ่าไม่ว่าท้งั หมดหรือบางส่วนใหก้ ระทำโดยตรา
เปน็ พระราชกฤษฎกี า และในกรณีทเ่ี ปน็ การขยายหรือเพิกถอนเขตรักษาพนั ธุ์สตั ว์ปา่ บางสว่ น ใหม้ แี ผนท่ีแสดงแนวเขต
ที่เปล่ยี นแปลงไปแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาด้วย

ให้นำความในมาตรา 47 มาตรา 48 มาตรา 49 และมาตรา 50 มาใช้บังคับแก่การขยายหรือเพิกถอน
เขตรักษาพนั ธ์สุ ตั ว์ป่าโดยอนโุ ลม

3.3 ขั้นตอนและวิธกี ารศึกษา
การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นของโครงการ จะดำเนินการควบคู่ไปกับการศึกษาในด้านต่าง ๆ

ที่เกยี่ วขอ้ ง โดยจะพจิ ารณาถึงระบบการจดั การและการบรหิ ารการใช้ทรัพยากรด้านต่าง ๆ ของพนื้ ที่ รวมถึงจะทำการ
ทบทวนผลการศึกษาเดิมที่เก่ียวข้อง และศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้น
ในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง จึงมีข้ันตอน
การศึกษาท่ีสำคญั ในการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ ม แสดงดังตารางท่ี 3.3-1 และรปู ที่ 3.3-1

3.3.1 การสำรวจและเกบ็ ตวั อย่างในภาคสนาม
การสำรวจและเก็บตัวอย่างในภาคสนามที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาเป็นการออกสำรวจภาคสนามเบ้ืองต้น

ในลักษณะของการตรวจเย่ียมพ้ืนท่ีโครงการ และปรึกษาหารือกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องและผู้นำชุมชน เพื่อใช้เป็นข้อมูล
ประกอบการวางแผนงานสำรวจภาคสนาม สำหรับการสำรวจและเก็บข้อมูลสภาพแวดล้อมในปัจจุบันของพื้นท่ีศึกษา โดยได้
กำหนดแผนงานออกสำรวจภาคสนามในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2562-เมษายน พ.ศ.2563 ท้ังน้ี ยกเว้นการสำรวจภาคสนามท่ี
ต้องดำเนินการในพื้นป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาจันทร์ ป่าเทือกเขาบรรทัด และเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาบรรทัด ได้แก่ การเก็บ
ตวั อยา่ งคุณภาพน้ำผิวดนิ และสง่ิ มชี ีวติ นำ้ การสำรวจด้านทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรสตั วป์ ่า การสำรวจพาหะนำโรค การสำรวจ
ด้านดินและการใช้ประโยชน์ท่ีดิน เป็นต้น ซ่ึงยังไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากกรมป่าไม้และ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ให้ทำการศึกษาหรือวิจัยในพ้ืนท่ีในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาจันทร์ ป่าเทือกเขา
บรรทดั และพ้นื ท่เี ขตรักษาพนั ธสุ์ ตั ว์ป่าเขาบรรทดั

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-7 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งตน้

คณะท่ีปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการได้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ของโครงการ เข้าตรวจสอบ
ข้อมูลเบ้ืองต้นภาคสนามเพ่ือให้ทราบลักษณะและสภาพทางกายภาพ ตำแหน่งท่ีตั้ง และการเดินทางเข้าถึง อาทิ
สภาพภูมปิ ระเทศ แหลง่ น้ำ การใช้ประโยชนท์ ดี่ นิ สภาพชมุ ชน เมอ่ื วันที่ 4 กนั ยายน พ.ศ.2562

3.3.2 ดำเนินการขออนุญาตเข้าทำการศึกษาตามพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องกับแผนการศึกษา
ของโครงการ

1) ขอเข้าศึกษาวจิ ยั กรมปา่ ไม้ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ท่ี 12 (นครศรีธรรมราช) แผนที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าเทอื กเขาบรรทดั แปลงท่ี 1 ตอนที่ 3 จังหวดั นครศรีธรรมราช เม่อื วนั ที่ 16 ตลุ าคม พ.ศ.2562

2) ขอเขา้ ศึกษาวิจัยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ปา่ และพนั ธ์พุ ืช กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพนั ธุพ์ ืช เมอ่ื วนั ที่
16 ตุลาคม พ.ศ.2562 ทั้งน้ี การขออนุญาตเข้าทำการศึกษาวิจัยในพ้ืนที่ของหน่วยงานท่ีรับผิดชอบของแต่ละพื้นที่และได้รับ
อนญุ าตเขา้ ศึกษาวจิ ัยเมอื่ วนั ท่ี 3 มี่นาคม 2563 แสดงดังภาคผนวก ก. แสดงดงั ตารางที่ 3.3-2 ถึงตารางที่ 3.3-3

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-8 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้

ตาราง ี่ท 3.3-1 แผนการศึกษาและ ัจดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวด ้ลอม โครงการ ึศกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ่อางเ ็กบน้ำเหมืองตะกั่ว ัอนเนื่องมาจาก
พระราชดำ ิร ัจงห ัวด ัพทลุง

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-9 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

รวบรวมและศึกษาขอ้ มลู ทตุ ยิ ภมู ิทเ่ี กย่ี วขอ้ ง รวบรวมและศกึ ษาข้อมลู ลักษณะ
โครงการฯ

สำรวจภาคสนามบรเิ วณพนื้ ทโ่ี ครงการ และบรเิ วณใกล้เคียง
- คุณภาพน้ำผิวดนิ (ฤดฝู นและฤดแู ลง้ 4 สถานี)
- นิเวศวิทยาทางน้ำ (ฤดฝู นและฤดแู ลง้ 4 สถานี)
- คณุ ภาพนำ้ ใตด้ นิ (ฤดฝู นและฤดูแล้ง 3 สถานี)
- ทรัพยากรปา่ ไม้
- ทรพั ยากรสตั ว์ปา่ (ฤดูฝนและฤดูแล้ง 2 คร้ัง)
- สภาพเศรษฐกจิ -สังคม
- ทรัพยากรดนิ
- แหล่งแร่
- โบราณสถาน
- การชดเชยท่ดี นิ /ทรพั ย์สนิ
- สาธารณสขุ (สำรวจสุขภาพ)

ประเมนิ ผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ และจัดเตรียม
มาตรการป้องกนั แกไ้ ขและลดผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม
และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม

การจัดทำรา่ งรายงาน IEE
การจัดทำรายงาน IEE
รปู ที่ 3.3-1 ขนั้ ตอนการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-10 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

ตารางท่ี 3.3-2 แผนการขอเ ้ขา ึศกษาวิ ัจยใน ้พืน ่ีทป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาจันท ์รและป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาบรรทัด
แปลง ี่ท 1 ตอน ่ที 3

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-11 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

ตาราง ่ีท 3.3-3 แผนการขอเข้า ึศกษา ิว ัจยใน ้พืนที่เขตรักษา ัพน ์ธุสัต ์วป่าเขาบรร ัทด จากห ่นวยงาน ัรบผิดชอบ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-12 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องต้น

3.4 การศึกษาทรัพยากรทางกายภาพ

3.4.1 ลกั ษณะภูมิประเทศและระบบลมุ่ น้ำ
สภาพภูมิประเทศของพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัด

พัทลุง สภาพพ้ืนที่มีลักษณะเป็นภูเขาทางด้านตะวันตก ประกอบด้วย เทือกเขาบรรทัด มีระดับสูงจาก
ระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 60 – 800 เมตร รทก. หัวงานโครงการตั้งอยู่ท่ี บ้านเหมืองตะก่ัว หมู่ท่ี 1
ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง พิกัดท่ี ละติจูด 7o 11’47” เหนือ ลองติจูด 101o 04’29” พื้นท่ี
รับน้ำฝนของอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว 20.27 ตร.กม. และจากตำแหน่งท่ีต้ังโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
ไปยังพ้ืนท่ีด้านท้ายน้ำ มีลักษณะพื้นท่ีเป็นที่ราบสูงสลับท่ีดอนมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ย
0 - 15 เมตร รทก. ลักษณะความลาดชันโดยเฉลี่ยของพื้นที่มีทิศทางจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออก
จากพื้นท่ีต้นน้ำของโครงการทางทิศตะวันตกและลาดเทลงมาสู่ทะเลหลวงทางทิศตะวันออก ลักษณะภูมิ
ประเทศของโครงการ แสดงดงั รปู ท่ี 3.4.1-1

โครงการอ่างเก็บนำ้ เหมืองตะก่วั ต้ังอยูใ่ นพื้นท่ีลุ่มน้ำสาขาทะเลหลวง รหัสลุ่มน้ำสาขา 2303 ซึ่งเป็น
ล่มุ นำ้ สาขาของลุม่ นำ้ หลักทะเลสาบสงขลา รหัสล่มุ นำ้ หลกั 23 มีลำนำ้ คลองเหมอื งตะก่ัวเปน็ ลำน้ำสายหลกั ซึ่ง
คลองเหมืองตะกัว่ มีต้นน้ำอยู่ในเทอื กเขาบรรทัดในเขตอำเภอป่าบอน จังหวัดพทั ลุง และไหลจากต้นน้ำทางทิศ
ตะวันออกผ่านท่ีตงั้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกวั่ ไหลไปทางทิศตะวันตก จากนนั้ ไหลไปบรรจบกบั คลองยวนและมีช่ือ
เรียกใหม่ว่าคลองใหญ่ที่บ้านพรุนายขาว และไหลไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปบรรจบกับห้วย
แม่ไม้มุกที่บ้านหนองสิบบาทมีช่ือเรียกใหม่ว่าคลองท่าเชียด แล้วจึงไหลต่อไปทางทิศเหนือบรรจบกับคลอง
ตะโหมดบริเวณบ้านวังคลอง และไหลไปบรรจบกับคลองโหละจังกระท่ีอ่างเก็บน้ำคลองท่าเชียดโดยมีชื่อเรียก
ใหม่ว่าคลองเกิด จากน้ันไหลไปทางทิศตะวันออกไปบรรจบกับคลองป่าบอนท่ีบ้านท่าดินแดงและไหลต่อไปยัง
ทางตะวันออกผ่านอ่างเก็บน้ำควนเค่ียม ก่อนไหลลงสู่ทะเลหลวงท่ีบ้านปากเครียว อำเภอปากพะยูน จังหวัด
พัทลุง สภาพลมุ่ นำ้ และลำน้ำบรเิ วณพ้นื ที่โครงการ แสดงดังรูปที่ 3.4.1-2

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-13 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด รูปที่ 3.4.1-1 สภาพภูมปิ ระเทศ รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด 3-14 (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้

รูปที่ 3.4.1-2 สภาพลมุ่ นำ้ และลำน้ำบรเิ วณพน้ื ท่ีโครงการ

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-15 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้

3.4.2 สภาพภูมอิ ากาศ/อุตุนิยมวทิ ยา
การศึกษาด้านอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยา เพ่ือให้ทราบถึงสภาพภูมิอากาศโดยท่ัวไปของพื้นที่โครงการ

การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล ศึกษาและวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝน ปริมาณน้ำท่า ปริมาณน้ำหลาก และปริมาณตะกอน
ของโครงการ เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาวิเคราะห์ด้านระบายน้ำและอุทกภัย การศึกษาแนวทางการเพ่ิมปริมาณน้ำ
ต้นทุนและบรรเทาปญั หาภัยแล้ง และการศกึ ษาด้านการบริหารจดั การน้ำ โดยมีหวั ข้อการศกึ ษา ดังน้ี
1.สภาพภูมิอากาศ

1) การรวบรวมและทบทวนข้อมูล
การศึกษาด้านสภาพภูมิอากาศได้ทำการรวบรวมข้อมูลภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาท่ีตั้งอยู่ใกล้เคียง
บรเิ วณพ้นื ทศ่ี ึกษา ไดแ้ ก่ สถานีตรวจวัดภูมอิ ากาศอำเภอเมอื ง จังหวัดพทั ลุง และสถานีตรวจวัดภูมอิ ากาศอำเภอเมอื ง
จังหวัดสงขลา โดยมีช่วงปีสถิติข้อมูลที่บันทึกปี พ.ศ. 2549-2562 แสดงดังตารางท่ี 3.4.2-1 ถึง ตารางที่ 3.4.2-2
คา่ เฉล่ียรายปี และชว่ งพิสัยของค่าเฉล่ียรายเดือนของตัวแปรภมู ิอากาศบริเวณพน้ื ทโี่ ครงการ แสดงไดด้ งั น้ี

ตวั แปรภมู ิอากาศ คา่ เฉลี่ย ชว่ งพิสัยของค่าเฉลย่ี
รายปี รายเดือน
อณุ หภูมิ (องศาเซลเซียส) 27.85
ความช้ืนสมั พัทธ์ (ร้อยละ) 80.15 26.6 (ธ.ค.) - 29.0 (พ.ค.)
2.70 76.0 (ก.พ., ม.ิ ย.-ส.ค.) - 88.0 (พ.ย.)
ความเร็วลม (นอต) 6.45
ความครม้ึ ของเมฆ (0-10) 1,484.15 1.5 (พ.ย.) - 4.8 (ม.ค.)
ปริมาณการระเหยจากถาด (มม.) 4.6 (ก.พ.) - 7.4 (ต.ค.-พ.ย.)
68.3 (พ.ย.) - 173.0 (ม.ี ค.)

2) การวิเคราะหข์ อ้ มูลภมู อิ ากาศ
สภาพภูมิอากาศโดยท่ัวไปอย่ภู ายใต้อิทธิพลของลมมรสมุ ที่พดั ประจำเป็นฤดูกาล 2 ชนิดคอื ฤดหู นาว จะมี
ลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซ่ึงเป็นลมท่ีมีความเย็นและแห้งจากประเทศจีน พดั ปกคลมุ ประเทศไทย
ทำให้ภาคต่าง ๆ ทางตอนบนของประเทศต้งั แต่ภาคกลางข้ึนไป มีอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งทวั่ ไป แต่ภาคใตต้ ้ังแต่
จงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ลงไปรวมถึงจังหวัดพัทลุงกลบั มีฝนตกชุก เพราะลมมรสุมน้ีพัดผา่ นอา่ วไทย จึงพาเอาไอนำ้ และ
ความชุ่มช้ืนไปตกเป็นฝน อากาศจึงไม่หนาวเย็นเหมือนภาคอ่ืน ๆ ท่ีอยู่ตอนบนของประเทศ แต่อาจมีอากาศเย็นเป็น
ครั้งคราว ลมมรสุมอีกชนิดหนึ่งคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย จึงได้พาเอาไอน้ำและความ
ชุ่มชื้นมาสู่ประเทศไทย แต่เนื่องจากเทือกเขาตะนาวศรีซ่ึงอยู่ทางด้านตะวันตกกันกระแสลมไว้ ทำให้ภาคใต้ฝ่ัง
ตะวันออกและจังหวัดพัทลุงมีฝนน้อยกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันตก ซ่ึงเป็นด้านรับลม ดังแสดงทิศทางและช่วงเวลาการเกิด
ของลมมรสุมและพายุจรท่ีพัดเข้าสู่ประเทศไทย แสดงดังรูปท่ี 3.4.2-1 และแสดงการผันแปรของตัวแปรภูมิอากาศที่
สำคัญ แสดงดงั รปู ท่ี 3.4.2-2 และ รูปท่ี 3.4.2-3

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-16 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้

ตารางท่ี 3.4.2-1 สถิตขิ อ้ มลู ภมู อิ ากาศเฉลี่ยในคาบ 13 ปี (2549-2562) ของสถานีตรวจวัดอากาศพัทลุง

สถานี อุตุนิยมวิทยาเกษตรพทั ลงุ ระดับของสถานีเหนือระดับน้าทะเลปานกลาง 2.00 เมตร
รหัสสถานี 48560 ความสงู ของบารอมิเตอร์เหนือระดับนา้ ทะเลปานกลาง 4.15 เมตร
ละติจูด ความสงู ของเทอร์โมมิเตอร์เหนือพนื ดิน 1.25 เมตร
ลองติจูด 7° 35' 0.0" เหนือ ความสงู ของเครื่องวัดลมเหนือพนื ดิน 11.00 เมตร
100° 10' 0.0" ตะวันออก ความสงู ของเคร่ืองวัดนา้ ฝน 0.90 เมตร

ขอ้ มูล ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี

ความกดอากาศ (เฮคโตปาสคาล)

เฉลยี่ 1,011.3 1,011.2 1,010.3 1,009.1 1,008.4 1,008.2 1,008.4 1,008.6 1,009.4 1,009.7 1,009.6 1,010.5 1,009.6

สงู สดุ 1,019.3 1,018.6 1,016.5 1,015.6 1,013.7 1,015.1 1,013.8 1,013.7 1,014.9 1,015.9 1,015.7 1,017.1 1,019.3

ต่้าสดุ 1,003.0 1,004.4 1,003.4 1,002.8 1,002.6 1,002.3 1,003.2 1,003.6 1,004.0 1,002.7 1,001.6 1,004.0 1,001.6

พสิ ยั รายวัน 3.7 3.8 4.2 4.2 3.9 3.4 3.4 3.6 4.0 4.2 3.9 3.7 3.8

อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส)

เฉลยี่ 26.8 27.4 28.1 28.8 28.6 28.2 28.0 28.0 27.6 27.3 26.8 26.6 27.7

เฉลยี่ สงู สดุ 30.4 31.6 32.8 33.9 34.0 33.5 33.4 33.5 33.0 32.1 30.5 30.0 32.4

เฉลยี่ ต่า้ สดุ 23.8 23.8 24.3 25.1 25.1 24.7 24.4 24.4 24.4 24.3 24.3 24.2 24.4

สงู สดุ 32.8 34.5 36.3 39.4 37.8 36.7 36.7 37.7 36.8 36.4 34.7 35.0 39.4

ตา่้ สดุ 20.3 18.5 20.3 23.0 23.0 22.5 22.0 21.9 22.5 21.2 19.8 21.8 18.5

ความชนื สมั พทั ธ์ (%)

เฉลยี่ 84.0 81.0 80.0 81.0 81.0 80.0 80.0 80.0 81.0 84.0 88.0 87.0 82.2

เฉลย่ี สงู สดุ 95.0 93.0 94.0 94.0 94.0 94.0 94.0 94.0 94.0 96.0 97.0 96.0 94.5

เฉลย่ี ต้า่ สดุ 72.0 66.0 64.0 64.0 63.0 62.0 60.0 60.0 62.0 68.0 76.0 77.0 66.1

ต่้าสดุ 47.0 47.0 45.0 39.0 43.0 34.0 38.0 34.0 40.0 43.0 52.0 50.0 34.0

จุดนา้ ค้าง (องศาเซลเซียส)

เฉลย่ี 23.8 23.6 24.2 24.9 24.8 24.2 23.9 23.8 23.8 24.2 24.5 24.2 24.2

ปริมาณการระเหยจากถาด (มม.)

เฉลย่ี -ถาด 85.2 105.4 124.1 123.1 121.3 119.2 122.7 126.6 112.5 96.2 68.3 72.7 1,277.30

ความครึมของเมฆ (0-10)

เฉลย่ี 6.4 4.6 4.7 5.6 6.7 6.9 7.1 6.9 7.2 7.4 7.4 7.1 6.5

ชวั่ โมงที่มีแสงแดด (ชม.)

เฉลยี่ 172.2 235.7 232.8 218.5 193.1 176.8 178.2 186.8 160.4 158.1 125.1 140.6 2,178.3

ทัศนวิสยั (กม.)

เวลา 07:00 น. 7.2 7.7 7.7 8.0 8.0 8.0 8.0 8.1 8.0 7.7 7.3 7.3 7.8

เฉลยี่ 8.4 8.9 9.2 9.1 9.0 8.9 8.8 9.0 8.8 8.5 7.9 8.1 8.7

ลม (นอต)

ความเร็วลมเฉลย่ี 2.1 2.4 2.1 2.0 1.9 2.1 2.3 2.5 2.5 2.0 1.5 1.9 2.1

ทิศทาง E E E E W W W W W W NE,W E -

ความเร็วลมสงู สดุ 32 27 25 25 30 29 33 35 34 31 40 26 40

ฝน (มม.)

เฉลยี่ 257.8 57.5 123.9 128.1 110.2 87.9 83.6 88.6 106.5 252.9 552.9 448.2 2,298.1

จ้านวนวันท่ีฝนตก 14.9 5.4 7.5 10.3 14.1 11.6 12.4 13.3 14.7 19.4 22.1 21.3 167.0

ฝนสงู ที่สดุ ใน 24 ชม. 176.1 114.5 199.1 109.2 82.4 57.0 76.2 43.9 61.3 88.3 292.2 302.4 302.4

ปรากฏการณ์ (วัน)

เมฆหมอก 0.5 0.1 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.2 0.2 0.4 0.2 0.4 2.0

หมอก 0.6 2.1 2.6 3.4 3.2 5.3 5.1 3.9 4.1 1.4 0.5 0.1 32.3

ลกู เห็บ 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.1 0.0 0.1

ฟา้ คะนอง 1.1 0.4 3.1 5.7 9.8 4.7 4.6 4.4 5.3 7.7 7.4 3.1 57.3

พายุฝน 0.0 0.0 0.1 0.4 0.4 0.4 0.4 0.9 0.5 0.3 0.0 0.1 3.5

ทีม่ า : กรมอุตนุ ิยมวทิ ยา

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-17 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น

ตารางท่ี 3.4.2-2 สถติ ขิ ้อมูลภมู ิอากาศเฉลี่ยในคาบ 30 ปี (2533-2562) ของสถานีตรวจวดั อากาศสงขลา

สถานี อ้าเภอสงขลา ระดับของสถานีเหนือระดับนา้ ทะเลปานกลาง 4.57 เมตร
รหัสสถานี 48568 ความสงู ของบารอมิเตอร์เหนือระดับน้าทะเลปานกลาง 6.56 เมตร
ละติจูด ความสงู ของเทอร์โมมิเตอร์เหนือพนื ดิน 1.30 เมตร
ลองติจูด 7° 10' 55.6" เหนือ ความสงู ของเครื่องวัดลมเหนือพนื ดิน 17.78 เมตร
100° 36' 27.7" ตะวันออก ความสงู ของเครื่องวัดน้าฝน 0.80 เมตร

ขอ้ มูล ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี

ความกดอากาศ (เฮคโตปาสคาล)

เฉลย่ี 1,011.5 1,011.3 1,010.3 1,009.2 1,008.5 1,008.5 1,008.6 1,009.0 1,009.6 1,009.9 1,009.9 1,010.9 1,009.8

สงู สดุ 1,017.8 1,017.7 1,018.7 1,015.3 1,013.4 1,014.9 1,013.9 1,015.0 1,016.2 1,016.1 1,016.7 1,018.6 1,018.7

ต้า่ สดุ 1,003.4 1,004.5 1,002.7 1,003.3 1,002.9 1,003.0 1,002.6 1,003.5 1,003.6 1,003.2 1,003.0 1,004.2 1,002.6

พสิ ยั รายวัน 3.6 3.9 4.2 4.2 3.9 3.5 3.5 3.8 4.1 4.2 3.9 3.7 3.9

อุณหภูมิ (องศาเซลเซียส)

เฉลยี่ 27.1 27.5 28.1 28.9 29.0 28.7 28.5 28.3 28.0 27.4 27.0 26.9 28.0

เฉลย่ี สงู สดุ 29.8 30.5 31.5 32.6 33.4 33.4 33.3 33.3 32.6 31.6 30.0 29.5 31.8

เฉลย่ี ต้า่ สดุ 24.9 25.0 25.2 25.7 25.7 25.5 25.2 25.1 24.9 24.5 24.6 24.6 25.1

สงู สดุ 32.4 34.3 35.2 37.3 38.6 37.1 37.0 37.3 36.2 38.5 34.0 33.4 38.6

ตา้่ สดุ 20.5 19.3 22.1 21.3 22.6 22.1 21.6 21.7 21.4 22.0 21.7 21.8 19.3

ความชนื สมั พทั ธ์ (%)

เฉลยี่ 78.0 76.0 77.0 77.0 77.0 76.0 76.0 76.0 78.0 81.0 84.0 82.0 78.1

เฉลย่ี สงู สดุ 86.0 86.0 88.0 89.0 89.0 88.0 88.0 89.0 90.0 92.0 93.0 90.0 88.9

เฉลยี่ ตา่้ สดุ 70.0 67.0 67.0 65.0 63.0 60.0 59.0 59.0 62.0 68.0 74.0 73.0 65.7

ต้่าสดุ 49.0 32.0 48.0 35.0 38.0 34.0 39.0 35.0 39.0 42.0 48.0 49.0 32.0

จุดนา้ ค้าง (องศาเซลเซียส)

เฉลย่ี 22.8 22.8 23.6 24.3 24.3 23.8 23.5 23.3 23.5 23.8 24.0 23.4 23.6

ปริมาณการระเหยจากถาด (มม.)

เฉลยี่ -ถาด 137.9 152.6 173.0 166.7 155.8 137.8 143.2 149.6 135.1 125.5 101.3 112.5 1,691.00

ความครึมของเมฆ (0-10)

เฉลยี่ 5.8 5.0 5.0 5.1 6.4 6.6 7.0 6.9 7.1 7.2 7.4 7.0 6.4

ชวั่ โมงท่ีมีแสงแดด (ชม.)

เฉลย่ี 231.6 245.3 269.5 256.4 223.8 165.9 190.3 201.7 175.1 164.0 139.4 151.1 2,414.1

ทัศนวิสยั (กม.)

เวลา 07:00 น. 8.8 9.2 9.3 9.7 10.0 9.6 9.3 9.5 9.5 9.0 8.3 8.4 9.2

เฉลยี่ 9.7 10.1 10.3 10.5 10.5 10.2 10.0 10.1 10.0 9.6 9.2 9.2 10.0

ลม (นอต)

ความเร็วลมเฉลยี่ 4.8 4.6 3.8 2.8 2.4 2.5 2.8 3.0 2.8 2.5 3.0 4.1 3.3

ทิศทาง E E E NE SW SW SW SW SW,W SW NE E -

ความเร็วลมสงู สดุ 28 26 34 25 37 29 38 40 37 34 32 29 40

ฝน (มม.)

เฉลยี่ 129.8 52.9 73.9 84.9 114.7 98.4 95.2 131.3 121.7 283.9 564.1 451.5 2,202.3

จา้ นวนวันที่ฝนตก 11.2 6.2 7.7 8.7 13.3 13.4 13.3 14.8 15.5 20.4 23.0 21.0 168.5

ฝนสงู ที่สดุ ใน 24 ชม. 215.3 353.6 87.5 115.8 193.2 86.0 99.5 99.3 83.3 150.8 521.8 290.5 521.8

ปรากฏการณ์ (วัน)

เมฆหมอก 0.1 0.0 0.1 0.1 0.0 0.0 0.0 0.1 0.1 0.3 0.1 0.2 1.1

หมอก 0.9 0.5 0.8 2.2 0.9 2.4 3.1 2.0 1.0 1.0 0.2 1.4 16.4

ลกู เห็บ 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0

ฟา้ คะนอง 0.5 0.2 2.6 4.8 10.4 7.9 7.3 6.6 8.2 9.8 6.7 3.5 68.5

พายุฝน 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0 0.0

ทีม่ า : กรมอุตุนิยมวทิ ยา

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-18 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งตน้

ทมี่ า : กรมอุตนุ ิยมวิทยา

รปู ที่ 3.4.2-1 ทิศทางและชว่ งเวลาการเกดิ ของลมมรสุมและพายจุ รทีพ่ ดั เขา้ สปู่ ระเทศไทย

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-19 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องตน้

อุณหภูมิุอณห ูภมิ องศาเ ลเ ียส ความ ื้ชนสัม ัพท ์ธ เปอร์เ ็น ์ต ความชื้นสัมพัทธ์

ความเร็วลม นอต30 เม ปกคลุม (0 10) 90

ปริมาณการระเหยจากถาด มม.29 ปริมาณการคายระเหยของ ืพช ้อาง ิอง มม. 86

28 82

27 78

26 74

25 70
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.

ความเร็วลม ความคร้ึมของเมฆ

4.0 10
9
3.5 8
7
3.0 6
5
2.5 4
3
2.0 2
1
1.5 0
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค.
ปริมาณการระเหยจากถาด
ปริมาณการคายระเหยของพืชอ้างองิ
160.0
150.0 160.0
140.0 150.0
130.0 140.0
120.0 130.0
110.0 120.0
100.0 110.0
90.0 100.0
80.0 90.0
70.0 80.0
70.0
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.
ที่มา : กลุ่มบริษัทท่ีปรึกษา, 2563

รูปท่ี 3.4.2-2 การผนั แปรรายเดือนของตัวแปรภูมิอากาศของสถานีตรวจวดั อากาศพทั ลุง

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-20 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องต้น

อณุ หภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์

30 90

29 86

ุอณห ูภมิ องศาเ ลเ ียส 28 82 ความ ื้ชนสัม ัพท ์ธ เปอร์เ ็น ์ต

27 78

26 74

25 70
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.

ความเร็วลม นอต ความเร็วลม เม ปกคลุม (0 10) ความครึ้มของเมฆ

5.0 10
4.5 9
4.0 8
3.5 7
3.0 6
2.5 5
2.0 4
1.5 3
2
เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. 1
0

เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค.

ปริมาณการระเหยจากถาดปริมาณการระเหยจากถาด มม. ปริมาณการคายระเหยของ ืพช ้อาง ิอง มม. ปริมาณการคายระเหยของพืชอ้างอิง

160.0 160.0
150.0 150.0
140.0 140.0
130.0 130.0
120.0 120.0
110.0 110.0
100.0 100.0
90.0 90.0
80.0 80.0
70.0 70.0

เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. ม.ี ค.

ที่มา : กลมุ่ บรษิ ัทที่ปรกึ ษา, 2563

รูปที่ 3.4.2-3 การผนั แปรรายเดือนของตวั แปรภูมิอากาศหลักของสถานีตรวจวัดอากาศสงขลา

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-21 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งต้น

ฤดูกาลของจังหวัดพทั ลงุ แบง่ ออกเปน็ 2 ฤดกู าลดงั นี้
ฤดูฝน : เร่ิมต้ังแต่เดือนพฤษภาคมไปสิ้นสุดเดือนธันวาคม รวมระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ระหว่างเดือน
พฤษภาคมถงึ เดือนตลุ าคม ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต้พัดพาฝนเข้าสูพ่ ื้นที่ และในชว่ งระหวา่ งเดือนพฤศจิกายนถึงเดอื น
ธันวาคม ฝนทีต่ กในพืน้ ที่เกดิ จากมรสมุ ตะวันออกเฉยี งเหนอื และลมพายจุ รท่พี ดั ผา่ นเป็นประจำ ทำใหม้ ีฝนสงู สุดในช่วง
เดือนพฤศจกิ ายนของทกุ ปี
ฤดรู ้อน : เริ่มตง้ั แตเ่ ดือนมกราคมถงึ เดอื นเมษายน อุณหภมู ิเฉลยี่ ในช่วงน้ีไมไ่ ด้สูงกวา่ ฤดูฝนมากนกั เพียงแต่
มีปริมาณฝนตกนอ้ ย

สำหรับการคำนวณปริมาณการคายระเหยของพืชอ้างอิงด้วยวิธี FAO Penman-Monteith โดยใช้ข้อมูล
ตำแหน่งท่ีตั้งของสถานี ค่าเฉล่ียรายเดือนของตวั แปรภูมิอากาศที่เก่ียวขอ้ งได้แก่ อุณหภูมิ ความช้ืนสมั พัทธ์ ความเร็ว
ลม และช่วงระยะเวลาของแสงอาทิตย์ ของสถานีตรวจอากาศดังกล่าว โดยสรปุ ค่าเฉลี่ยรายเดือนของค่าปรมิ าณการ
คายระเหยของพชื อา้ งอิงของสถานตี รวจอากาศ แสดงดงั ตารางท่ี 3.4.2-3

ตารางที่ 3.4.2-3 ปรมิ าณการคายระเหยของพืชอา้ งอิงในพื้นทศี่ ึกษาและบรเิ วณใกลเ้ คยี ง
หน่วย : มลิ ลเิ มตร/เดือน

ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. ม.ิ ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. รายปี
สถานีตรวจอากาศพัทลงุ
106.4 126.4 142.7 139.6 132.8 123.7 128.0 134.4 123.8 115.6 92.8 94.6 1,460.8
สถานีตรวจอากาศสงขลา
133.4 138.8 158.9 152.4 143.3 124.8 136.1 143.4 130.6 120.5 102.0 107.1 1,591.5

ท่ีมา : กลุ่มบรษิ ัททีป่ รึกษา, 2563

3.4.3 ทรพั ยากรดิน

1) วัตถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา
การศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาของโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น

อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่วอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลงุ มวี ตั ถปุ ระสงค์ดงั นี้
1.1) เพื่อการศึกษาชนิดของดินและสมบัติของชนิดต่าง ๆ ท่ีพบในพ้ืนที่ศึกษาของโครงการและ

จัดเตรยี มแผนทีด่ นิ
1.2) เพื่อประเมินความเหมาะสมของดินในการปลูกพืชและประเมินความเหมาะสมของทด่ี นิ สำหรับการ

ชลประทานเพอื่ การปลกู พืช
1.3) เพ่ือประเมินผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อทรัพยากรดิน จากการพัฒนาโครงการและเสนอมาตรการ

ป้องกนั แก้ไขในการลดผลกระทบต่อทรัพยากรดิน รวมท้งั เสนอมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบดังกล่าว

2) ขอบเขตและวธิ กี ารศึกษา
2.1) การรวบรวมขอ้ มูลด้านทรัพยากรดิน จากเอกสารและรายงานที่เก่ียวข้อง ประกอบด้วย แผนท่ีดิน

มาตราส่วน 1 : 25,000 (รายละเอียดแบ่งออกเป็นกลุ่มชุดดินต่าง ๆ) และรายงานสำรวจดินเพ่ือการเกษตรของ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-22 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องต้น

จังหวัดพัทลุง ท่ีจัดทำและเผยแพร่ในปี พ.ศ 2553 โดยกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนท่ี
ภมู ปิ ระเทศมาตราสว่ น 1 : 50,000 ของกรมแผนที่ทหาร

2.2) การสำรวจดินภาคสนามและเก็บตัวอย่างดินท่ีเป็นตัวแทนของกลุ่มชุดดินต่าง ๆ ในบริเวณพื้นที่
ศึกษาโครงการ กระทำโดยใช้วิธีขุดเจาะดิน ด้วยสว่านเจาะดิน (Hand Auger) ในความลึกประมาณ 100 เซนติเมตร
ผิวดิน ทำการเจาะรวมท้ังหมด 8 หลุม และเก็บตัวอย่างดินในแต่ละหลุมที่ขุดเจาะ โดยแบ่งตัวอย่างดินออกเป็น
2 ตัวอย่าง/ 1 หลุมขุดเจาะ ประกอบด้วย ตัวอย่างดินชั้นบน (ความลึก 0-30 เซนติเมตร) และตัวอย่างดินชั้นล่าง
(ความลกึ 30-100 เซนตเิ มตร) รวมเป็นตัวอย่างดนิ ท้งั หมด 16 ตวั อย่าง/ 8 หลุมขดุ เจาะ นำตัวอย่างดินไปวเิ คราะหใ์ น
หอ้ งปฏบิ ัติการ เพ่ือตรวจสอบสมบัติบางประการท่ีจะนำมาประกอบใชใ้ นการประเมนิ ปญั หาและความอุดมสมบูรณ์ของดิน

2.3) การวิเคราะห์ข้อมูลและทำการประเมินความเหมาะสมของดิน เพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม
ประกอบด้วย ข้าว พืชไร่ ไม้ผล- ไม้ยืนต้น และทำการประเมินความเหมาะสมของที่ดินสำหรับการชลประทานเพื่อ
การปลกู พชื ตามมาตรฐานของกรมพัฒนาท่ดี นิ และการจดั เตรยี มแผนท่ดี นิ ในบริเวณพื้นทศ่ี กึ ษาของโครงการ

2.4) การประเมนิ ผลกระทบต่อทรัพยากรดิน การเสนอมาตรการป้องกนั แก้ไขในการลดผลกระทบและ
การเสนอมาตรการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบตอ่ ทรัพยากรดนิ ดังกลา่ ว เม่อื มีการพัฒนาโครงการ

การสำรวจดินภาคสนาม การเกบ็ ตัวอย่างดนิ และการวเิ คราะห์สมบัตบิ างประการของดนิ
(ก) การสำรวจดินภาคสนาม : ทำการสำรวจดินภาคสนามในบริเวณพ้ืนที่ศึกษาโครงการ

เพื่อตรวจสอบสภาพภูมิประเทศ และกลุ่มชุดดินต่าง ๆ รวมท้ังการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยใช้แผนที่ดินมาตราส่วน
1:25,000 (รายละเอียดแบง่ ออกเป็นกลุ่มชุดดินต่าง ๆ) ของจังหวดั พัทลุงจดั ทำโดยกรมพัฒนาทีด่ ินปี พ.ศ. 2553
และแผนท่ีภูมิประเทศ มาตราส่วน 1 : 50,000 ของกรมแผนท่ีทหารเป็นหลักในการสำรวจ ทำการตรวจสอบ
ลักษณะดินในภาคสนามโดยใช้วิธีขุดเจาะดินด้วยสว่านเจาะดิน (Hand Auger) ในความลึกประมาณ 100 ซม.
โดยลักษณะและสมบัติบางประการของดินท่ีทำการตรวจสอบ ประกอบด้วย ความลึกของดิน เน้ือดิน สีดิน
เป็นต้น นอกจากน้ียงั ทำการสำรวจสภาพพ้ืนที่ ความลาดเทของพื้นที่ และการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณหลุมที่
ทำการขดุ เจาะดิน ผลการศึกษาพบว่าขอ้ มลู จากการสำรวจดินในภาคสนามตรงกับขอ้ มูลของแผนทดี่ ินดังกล่าว

(ข) การเก็บตวั อยา่ งดิน : ทำการเก็บตัวอย่างดินในบริเวณหลุมที่ขุดเจาะดินที่เป็นตัวแทนของกลุ่ม
ชุดดินชนิดต่าง ๆ ในบริเวณพื้นท่ีศึกษาโครงการ โดยเก็บตัวอย่างดินจากหลุมขุดเจาะรวมทั้งหมด 9 หลุม
ในแต่ละหลุม ประกอบด้วย ดิน 2 ตัวอย่าง ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช้ัน ตามระดับความลึก คือ ตัวอย่างดินชั้นบน
(ความลึกจากระดับผิวดิน 0 ซม. ถึงระดับลึก 30 ซม.) และตัวอย่างดินชั้นล่าง (ความลึกตั้งแต่ 30 ซม. ลงไปถึง
100 ซม.) รวมจำนวนตัวอย่างดินท้ังหมด 18 ตัวอย่าง ซ่ึงนำมาวิเคราะห์สมบัติบางประการท่ีเกี่ยวข้องกับความ
อุดมสมบูรณ์ของดนิ ในห้องปฏิบัตกิ าร รายละเอียดเก่ียวกับตำแหน่งหรือพิกัดท่ีทำการขุดเจาะดิน จำนวน 9 หลุม
และเก็บตัวอย่างดินท่ีเป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มชุดดิน รวมท้ังประเภทของการใช้ประโยชน์ท่ีดิน แสดงดัง
ตารางท่ี 3.4.3-1 และรูปท่ี 3.4.3-1 โดยสรุปได้ดังนี้ กลุ่มชุดดินที่ 6 (1 หลุม) กลุ่มชุดดินที่ 17 (1 หลุม)
กลุ่มชุดดินท่ี 26C (1 หลุม) กลุ่มชุดดินที่ 32 (1 หลุม) กลุ่มชุดดินที่ 32B (1 หลุม) กลุ่มชุดดินที่ 34 (1 หลุม)
กลมุ่ ชดุ ดินที่ 34B (1 หลมุ ) กลุ่มชุดดินท่ี 39B (1 หลมุ ) และ กล่มุ ชดุ ดนิ ท่ี 45C (1 หลุม)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-23 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น

ตารางที่ 3.4.3-1 ตำแหน่งเก็บตวั อย่างดิน โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว

อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ

หลุมเจาะดิน กลุ่มชุดดนิ N E การใชป้ ระโยชนท์ ีด่ ิน 2561

P1 กล่มุ ชุดดนิ 6 808,698.62 620,308.02 ยางพารา

P2 กลมุ่ ชุดดิน 17 806,197.26 620,363.43 ยางพารา

P3 กลมุ่ ชดุ ดิน 26C 797,317.22 618,942.78 ยางพารา

P4 กลุ่มชดุ ดนิ 32 803,258.72 620,558.13 ยางพารา

P5 กลมุ่ ชดุ ดิน 32B 807,196.16 620,483.06 ยางพารา

P6 กลมุ่ ชดุ ดนิ 34 803,009.19 619,858.84 ยางพารา

P7 กลุ่มชดุ ดิน 34B 799,579.72 620,246.82 ยางพารา

P8 กลมุ่ ชดุ ดิน 39B 804,963.86 618,770.27 ยางพารา

P9 กลมุ่ ชดุ ดนิ 45C 799,320.64 619,121.55 ยางพารา

(ค) การวิเคราะห์สมบัติบางประการของดิน : ทำการวิเคราะห์สมบัติต่าง ๆ ของดิน เพื่อนำมาใช้
ประกอบในการประเมินระดับความสมบูรณ์ของดินในสภาพปัจจุบัน และประเมินปัญหาบางประการของดินท่ีมี
ผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของพืช สมบตั ติ ่าง ๆ ของดินทท่ี ำการวิเคราะห์ทางเคมี ประกอบดว้ ย

1. ปฏิกิริยาของดนิ หรือระดบั ความเปน็ กรดเป็นด่างของดนิ (คา่ pH)
2. ประเภทเนือ้ ดนิ (Soil Texture)
3. ปรมิ าณอนิ ทรียวัตถดุ ิน (Soil Organic Matter)
4. ปริมาณธาตฟุ อสฟอรสั ท่ีเป็นประโยชน์ (Available P)
5. ปริมาณธาตโุ พแทสเซยี มที่เป็นประโยชน์ (Available K)
6. ความจุแลกเปลีย่ นแคตไอออน (CEC)
7. ความอ่ิมตัวเบส (BS)
8. สภาพการนำไฟฟ้าท่ใี ช้เป็นดชั นีกระบอกระดบั ความเคม็ ของดนิ (คา่ EC)

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-24 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งตน้

รูปท่ี 3.4.3-1 ตำแหนง่ เกบ็ ตัวอยา่ งดนิ โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัว
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พทั ลงุ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-25 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

3) ผลการศึกษา
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพนื้ ทศ่ี ึกษาของโครงการ จะแบง่ แยกกลา่ วรายละเอยี ด ออกเปน็ แต่ละ
สว่ น โดยองค์ประกอบของพนื้ ท่ีศึกษาของโครงการประกอบด้วย 5 ส่วน ดงั นี้
(1) พน้ื ท่อี า่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั (พ้ืนท่ี 357.37 ไร)่
(2) พน้ื ทหี่ วั งาน (พ้ืนที่ 263.50 ไร)่
(3) พนื้ ที่ถนนเข้าหัวงาน (พนื้ ท่ี 12.53 ไร)่
(4) พ้นื ที่บอ่ ยมื ดนิ ท้ายน้ำ (พื้นท่ี 887.21 ไร่)
(5) พน้ื ท่ีรบั ประโยชน์ (พน้ื ที่ 12,256.14 ไร)่

ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพื้นที่แต่ละส่วนของพ้ืนท่ีศึกษาของโครงการ สรุปรายละเอียด
เกย่ี วกบั ชนิดและพื้นทขี่ องกลุ่มชดุ ดนิ ต่าง ๆ แสดงดังตารางที่ 3.4.3-2 และ รปู ที่ 3.4.3-2 โดยมีรายละเอียดดงั น้ี

กลุ่มชุดดินในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาทั้งหมดของโครงการ พบว่ามีอยู่รวมท้ังหมด 11 กลุ่มชุดดิน โดย
แบง่ ออกเปน็ 2 กลุ่ม

(ก) กลุ่มชดุ ดนิ ในพ้ืนท่ลี ่มุ : จำนวน 2 กลุ่มชุดดนิ ประกอบดว้ ย กลุ่มชุดดินท่ี 6 และกล่มุ ชดุ ดนิ ที่ 17 กล่มุ ชุด
ดินในพน้ื ท่ีลุ่ม โดยธรรมชาติใช้ประโยชนเ์ พ่ือการปลูกขา้ ว (นาปรงั ) หรือ ปลูกพชื ไร่ หรอื ปลูกพชื ผกั สวนครวั ทีม่ อี ายุเกบ็ เกย่ี ว
สัน้

(ข) กลุ่มชุดดินในพ้ืนทีด่ อน : จำนวน 9 กลมุ่ ชุดดิน ประกอบด้วย กลุ่มชุดดินที่ 26C กลุม่ ชุดดินที่ 32 กลุ่มชุด
ดนิ ที่ 32B กลุ่มชดุ ดินที่ 34 กลมุ่ ชุดดินที่ 34B กลุ่มชุดดินที่ 34C กลุ่มชดุ ดินที่ 39B กลมุ่ ชุดดินท่ี 45C และกลุ่มชุดดินท่ี 62
กลมุ่ ชดุ ดนิ ในพ้ืนที่ดอน โดยธรรมชาติใชป้ ระโยชน์เพ่อื การปลกู พืชไร่หรอื ไมผ้ ล หรือไมย้ นื ตน้ หรอื พชื ผกั สวนครัว

(1) พื้นทอ่ี ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกว่ั (พน้ื ที่ 357.37 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบรเิ วณพ้ืนทีอ่ ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะก่ัว พบว่ามดี ินชนดิ ตา่ ง ๆ แพร่กระจาย

อยู่ 2 กลุ่มชดุ ดนิ ทีเ่ ปน็ กลุ่มชุดดนิ ในพน้ื ทด่ี อน โดยเกอื บทง้ั หมดเปน็ กลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 62 (พื้นทีร่ ้อยละ 97.39 ของพื้นท่อี ่างเก็บ
นำ้ เหมืองตะกวั่ ) พื้นที่ส่วนท่ีเหลอื อีกเพียงเลก็ นอ้ ย เป็นกลุ่มชดุ ดินท่ี 32B (พน้ื ท่รี อ้ ยละ 2.61)

(2) พื้นทห่ี ัวงาน พ้ืนท่ี 263.50 ไร่)
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนที่หัวงาน พบว่ามีดินชนิดต่าง ๆ แพร่กระจายอยู่

4 กลุ่มดิน ท่ีเป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนท่ีดอน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 2 ส่ วน ใน 3 ส่วน เป็นกลุ่มชุดดินที่ 62
(พื้นทร่ี ้อยละ 64.50 ของพื้นทห่ี วั งาน) พ้ืนท่ีสว่ นทเี่ หลืออกี ประมาณ 1 ส่วน ใน 3 สว่ น สว่ นใหญเ่ ป็นกลุม่ ชดุ ดนิ ที่ 26C (พ้ืนท่ี
ร้อยละ 19.30) และกลุ่มชุดดินท่ี 32B (พื้นที่ร้อยละ 15.71) และท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยมากเป็นกลุ่ มชุดดิน
ท่ี 34B (พืน้ ท่ีร้อยละ 0.49)

(3) พื้นที่ ถนนเขา้ หวั งาน (พื้นท่ี 12.53 ไร)่
ผลการศกึ ษาดา้ นทรพั ยากรดินในบริเวณพืน้ ที่ถนนเข้าหัวงาน ทม่ี ีพน้ื ที่เพยี งเลก็ นอ้ ยมาก พบวา่ มดี นิ อยู่ 3

กลุ่มชุดดิน ที่เป็นกลุ่มชุดดินในพื้นที่ดอน โดยพ้ืนท่ีเกือบทั้งหมดเป็ นกลุ่มชุดดินที่ 34B (พื้นที่ร้อยละ 90.18
ของพ้ืนท่ีถนนเข้าหัวงาน) พ้ืนที่ที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยมาก ประกอบด้วย กลุ่มชุดดินท่ี 26C (พ้ืนท่ีร้อยละ 7.71)
และกลมุ่ ชุดดินที่ 62 (พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 2.11)

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-26 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบ้อื งตน้

(4) พื้นทบี่ อ่ ยืมดนิ ทา้ ยนำ้ (พืน้ ที่ 887.21 ไร)่
ผลการศึกษาดา้ นทรัพยากรดินในบริเวณพนื้ ท่บี ่อยืมดนิ ท้ายน้ำ พบว่ามีดนิ ชนิดต่าง ๆ แพรก่ ระจายอยู่ 5

กลุ่มชุดดิน ท่ีเปน็ กลุ่มชดุ ดินในพน้ื ทด่ี อน โดยพ้นื ท่สี ่วนใหญป่ ระมาณ 7 สว่ นใน 10 สว่ น ประกอบดว้ ย 2 กลุ่มชดุ ดนิ คอื กล่มุ
ชดุ ดินท่ี 62C (พื้นที่ร้อยละ 37.96 ของพ้ืนทบ่ี ่ยืมดินท้ายน้ำ) และกลุ่มชุดดินที่ 26C (พื้นที่ร้อยละ 33.83) พื้นที่ส่วนท่ีเหลือ
อีกประมาณ 3 ส่วนใน 10 ส่วน ประกอบด้วย 3 กลุ่มชุดดิน คือ กลุ่มชุดดินที่ 34C (พ้ืนท่ีร้อยละ 12.15) กลุ่มชุดดินท่ี 34B
(พ้ืนที่ร้อยละ 9.75) และกลุ่มชุดดินท่ี 32B (พนื้ ท่รี ้อยละ 6.31)

ตารางที่ 3.4.3-2 แสดงชนิดและพื้นที่ของกลุ่มชุดดิน ในบริเวณพื้นที่ศึกษาชองโครงการส่วนประกอบด้วยพ้ืนท่ีอ่างเก็บน้ำ
เหมืองตะกัว่ พืน้ ท่หี วั งาน พืน้ ทถี่ นนเข้าหัวงาน พืน้ ทบี่ ่อยมื ดนิ ทา้ ยนำ้ และพ้ืนทรี่ ับประโยชน์

กลมุ่ พ้ืนทีอ่ ่างเกบ็ น้ำ พืน้ ทหี่ ัวงาน พื้นทถ่ี นนเขา้ หวั งาน พ้นื ท่ีบ่อยมื ดนิ ท้ายน้ำ
ชดุ ดิน เหมอื งตะกั่ว ไร่ รอ้ ยละ
ไร่ ร้อยละ ไร่ ร้อยละ 0.97 7.71 ไร่ รอ้ ยละ
26C 50.85 19.30 300.15 33.83
32B 9.32 2.61 41.40 15.71 11.30 90.18 55.95 6.31
34B 1.29 0.49 86.49 9.75
34C 348.05 97.39 0.26 2.11 107.79 12.15
62 357.37 100.00 169.96 64.50 12.53 100.00 336.83 37.96
พ้นื ทีร่ วม 263.50 100.00 887.21 100.00

กลุ่มชุดดิน พน้ื ทีร่ บั ประโยชน์

กลมุ่ ชดุ ดินในพนื้ ท่ลี ุ่ม ไร่ ร้อยละ
6
17 489.60 3.99
2,318.05 18.91
รวมดินในพื้นท่ีลมุ่ 2,807.65 22.90
กลุ่มชดุ ดินในพื้นทด่ี อน
159.42 1.30
26C 2,264.77 18.48
32 2,432.00 19.84
32B 723.19 5.90
34 3,219.12 26.27
34B 118.84 0.97
34C 154.79 1.26
39B 312.49 2.55
45C 0.02
62 1.91

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-27 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบื้องต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพทั ลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้

ตารางท่ี 3.4.3-2 แสดงชนดิ และพื้นที่ของกลุ่มชดุ ดนิ ในบรเิ วณพ้ืนท่ีศึกษาชองโครงการส่วนประกอบด้วยพ้ืนที่อา่ งเกบ็ น้ำ
เหมอื งตะก่วั พ้ืนที่หัวงาน พืน้ ที่ถนนเข้าหวั งาน พื้นที่บอ่ ยมื ดินท้ายนำ้ และพน้ื ทร่ี บั ประโยชน์ (ตอ่ )

กลมุ่ ชดุ ดิน พน้ื ทีร่ บั ประโยชน์

รวมดินในพน้ื ท่ีดอน ไร่ ร้อยละ
แหลง่ น้ำ (W) 9,386.53 76.59
พื้นที่รวม 61.96 0.51
12,256.14 100.00

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-28 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องตน้

ทมี่ า : ดัดแปลงจากกรมพัฒนาทีด่ ิน, 2553

รปู ที่ 3.4.3-2 การแพรก่ ระจายของกลมุ่ ชดุ ดนิ ในบรเิ วณพ้นื ทศ่ี ึกษาโครงการ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-29 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองตน้

(5) พนื้ ท่ีรบั ประโยชน์ (พืน้ ท่ี 12,256.14 ไร)่
ผลการศึกษาด้านทรัพยากรดินในบริเวณพ้ืนที่รับประโยชน์ พบว่ามีดินชนิดต่าง ๆ แพร่กระจายอยู่

11 กลุ่มชุดดิน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนท่ีลุ่ม ประกอบด้วย 2 กลุ่มชุดดิน
(พื้นที่รวมกันคิดเป็นร้อยละ 22.90 ของพื้นที่รับประโยชน์) และอีกกลุ่มหน่ึงเป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน ประกอบด้วย
9 กลุ่มชุดดิน (พื้นที่รวมกันคิดเป็นร้อยละ 76.59 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยมาก ๆ
เปน็ พ้นื ทแี่ หล่งน้ำ (พ้นื ทรี่ ้อยละ 0.51 ของพื้นทรี่ ับประโยชน)์

(ก) กลมุ่ ชุดดินในพื้นทลี่ ุ่ม ; (พืน้ ท่ี 2,807.65 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 22.90 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน)์ :
พบวา่ มอี ยู่ 2 กลุม่ ชุดดนิ โดยพื้นทส่ี ่วนใหญ่ประมาณ 4 ส่วนใน 5 สว่ น ของพนื้ ท่กี ลุ่มชุดดินในพื้นท่ีล่มุ ท้ังหมด เปน็ กลมุ่
ชุดดินท่ี 17 (พื้นท่ีร้อยละ 18.91 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนที่เหลืออีกประมาณเกือบ 1 ส่วนใน 5 ส่วน
เปน็ กลุ่มชุดดินท่ี 6 (พ้ืนทร่ี ้อยละ 3.99 ของพ้นื ที่รับประโยชน์)

(ข) กลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน ; (พื้นท่ี 9,386.53 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 76.59 ของพน้ื ที่รบั ประโยชน์)
: พบว่ามีอยู่ 9 กลุ่มชุดดิน โดยพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ประมาณเกือบ 8.5 ส่วนใน 10 ส่วน ของพื้นท่ีกลุ่มชุดดินในพื้นท่ีดอน
ทั้งหมด ประกอบดว้ ย 3 กล่มุ ชดุ ดนิ ได้แก่ กลุ่มชุดดนิ ที่ 34B (พืน้ ทรี่ อ้ ยละ 26.27 ของพน้ื ทรี่ บั ประโยชน์) กลมุ่ ชดุ ดินท่ี
32B (พื้นที่ร้อยละ 19.84 ของพื้นที่รับประโยชน์) และกลุ่มชุดดินที่ 32 (พื้นที่ร้อยละ 18.48 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์)
พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1.5 ส่วนใน 10 ส่วน ประกอบด้วยดินอีก 6 กลุ่มชุดดิน ได้แก่ กลุ่มชุดดินที่ 34 (พื้นท่ี
รอ้ ยละ 5.90 ของพื้นทร่ี ับประโยชน์) กลุม่ ชดุ ดินที่ 45C (พ้ืนท่ีรอ้ ยละ 2.55 ของพนื้ ที่รบั ประโยชน์) กลุ่มชุดดินท่ี 26C
(พื้นทรี่ ้อยละ 1.30 ของพื้นที่รับประโยชน์) กลุม่ ชุดดินที่ 39B (พ้นื ท่ีร้อยละ 1.26 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) กลมุ่ ชุดดินท่ี
34C (พน้ื ที่ร้อยละ 0.97 ของพื้นท่รี บั ประโยชน)์ และกลุ่มชุดดินที่ 62 (พนื้ ท่รี ้อยละ 0.02 ของพ้นื ทร่ี ับประโยชน์)

สรปุ : ลำดับของกลมุ่ ชดุ ดินรวมทั้งหมด 11 กลุ่มชุดดินมีพ้ืนท่เี รียงลำดบั จากมากไปหาน้อย กลมุ่ ชุด
ดินท่ี 34B (ที่ดอน) (พื้นที่ร้อยละ 26.27 ของพ้ืนที่รับประโยชน์และมีพื้นที่มากสุด)> กลุ่มชุดดินที่ 32B (ท่ีดอน)
(พ้ืนที่ร้อยละ 19.84)> กลุ่มชุดดินที่ 17 (ที่ลุ่ม) (พ้ืนท่ีร้อยละ 18.91)> กลุ่มชุดดินท่ี 32 (พ้ืนที่ร้อยละ 18.48)
กลุ่มชุดดินท่ี 34 (ที่ดอน) (พื้นที่ร้อยละ 5.90)> กลุ่มชุดดินท่ี 6 (ท่ีลุ่ม) (พ้ืนที่ร้อยละ 3.99)> กลุ่มชุดดินที่ 45C
(ที่ดอน)(พื้นท่ีร้อยละ 2.55)> กลุ่มชุดดินท่ี 26C (ท่ีดอน) (พ้ืนที่ร้อยละ 1.30)> กลุ่มชุดดินท่ี 39B (ที่ดอน)
(พื้นที่ร้อยละ 1.26)> กลุ่มชุดดินที่ 34C (ท่ีดอน) (พ้ืนที่ร้อยละ 0.97)> กลุ่มชุดดินท่ี 62 (ที่ดอน) (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.02
และมพี น้ื ท่นี อ้ ยทสี่ ดุ )

4) ลกั ษณะและสมบตั ิบางประการของดินแต่ละกลุม่ ชุดดิน
ลักษณะและสมบัติท่ีสำคัญบางประการของดินแต่ละกลุ่มชุดดินในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาของโครงการ (จำนวน

11 กลุ่มชุดดิน) ประกอบด้วยความลาดชันและสภาพพื้นที่ ความลึกของดิน ประเภทของเน้ือดิน สภาพการระบายน้ำของดิน
การชะล้างพังทลายของหน้าดนิ ปฏิกิรยิ าของดิน และระดบั ความอดุ มสมบรู ณข์ องดิน โดยแบง่ แยกเปน็ ของกลุ่มชุดดนิ ในพื้นท่ี
ล่มุ และกลุ่มชดุ ดนิ ในพื้นท่ีดอน สรุป แสดงดังตารางท่ี 3.4.3-3 และตารางที่ 3.4.3-4 ตามลำดับ

(ก) กลมุ่ ชุดดนิ ในพ้นื ท่ลี ุ่ม (จำนวน 2 กลมุ่ ชดุ ดิน)
- กลุ่มชดุ ดนิ ที่ 6 : พบในสภาพพนื้ ท่ีท่ีราบเรียบ มีความลาดชนั 0 – 2 % เป็นดนิ ทมี่ คี วามลกึ มาก ดินชั้นบน

มีเน้อื ดินประเภทเป็นดินรว่ นเหนียวปนทรายแป้ง ถึงเป็นดินเหนียวปนทรายแป้ง ส่วนดินช้ันลา่ งมีเนื้อดนิ ประเภทดินเหนยี วปน

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-30 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพทั ลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

ทรายแป้งถึงเป็นดินเหนียว ดินมีสภาพการระบายน้ำเลวดินช้ันบนมีปฏิกริ ิยาเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดปานกลาง ส่วนดินชั้นล่าง
เป็นกรดจดั มากถึงเปน็ กรดจัด ดินมคี วามอุดมสมบรู ณต์ ามธรรมชาติอยใู่ นระดับปานกลาง

- กลุ่มชุดดินที่ 17 : พบในสภาพพ้ืนท่ีท่ีราบเรียบ มีความลาดชัน 0 – 2 % เป็นดินท่ีมีความลึกมาก
ดินชั้นบนมีเนื้อดินประเภทเป็นดินร่วนปนทรายถึงเป็นดินร่วน ส่วนดินชั้นล่างมีเนื้อดินประเภทดินร่วนเหนียวปนทรายดิน
มีสภาพการระบายน้ำเลว ดินช้ันบนมีปฏิกิริยาเป็นกรดจัดถึงเป็นกรดปานกลาง ส่วนดินชั้นล่างเป็นกรดจัดมาก ดินมีความ
อุดมสมบรู ณ์ตามธรรมชาติอยูใ่ นระดบั ต่ำ

(ข) กลุ่มชดุ ดินในพนื้ ท่ีดอน (จำนวน 9 กลมุ่ ชุดดิน)
- กลุ่มชุดดินที่ 26C : พบในสภาพพื้นท่ีที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดมีความลาดชัน 5-12% เป็นดินที่มี

ความลึกมาก ดินช้ันบนมีเน้ือดินประเภทเป็นดินร่วนถึงเป็นดินร่วนเหนียว ส่วนดินช้ันล่างมีเนื้อดินประเภทดินเหนียว ดินมี
สภาพการระบายน้ำดี มีการชะล้างพังทลายของหน้าดินในระดับปานกลาง ดินชั้นบนมีปฏิกิริยาเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกรด
เล็กนอ้ ย สว่ นดนิ ช้ันลา่ งเป็นกรดจดั มาก ดนิ มีความอุดมสมบรู ณ์ตามธรรมชาตอิ ยู่ในระดับค่อนขา้ งตำ่

- กลุ่มชุดดินที่ 32 : พบในสภาพพ้ืนที่ที่ราบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบมีความลาดชัน 0 – 2% เป็นดินท่ีมี
ความลกึ มาก ดนิ ชน้ั บนมีเนอื้ ดินประเภทเป็นดินรว่ นถงึ เป็นดนิ ร่วนปนทรายแปง้ ส่วนดนิ ชนั้ ลา่ งมเี น้ือดินประเภทดินรว่ นเหนยี ว
ถึงเป็นดนิ รว่ นเหนียวปนทรายแปง้ ดินมสี ภาพการระบายนำ้ ดี มีการชะลา้ งพังทลายของหนา้ ดนิ ในระดบั เลก็ น้อยมาก ดนิ ช้ันบน
มีปฏิกริ ิยาเป็นกรดจัด สว่ นดินชั้นล่างเป็นกรดปานกลางถึงเปน็ กรดเล็กน้อย ดินมคี วามอดุ มสมบูรณ์ตามธรรมชาติอยู่ในระดับ
ปานกลาง

- กลุ่มชุดดินที่ 32B : มีลักษณะและสมบัติต่าง ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินท่ี 32 ยกเว้นมีสภาพพ้ืนที่เป็น
ลูกคลน่ื ลอนลาดเลก็ น้อย และมคี วามลาดชัน 2 – 5% มีการชะลา้ งพังทลาย ของหนา้ ดนิ ในระดบั เลก็ นอ้ ย

- กลุ่มชดุ ดินท่ี 34 : พบในสภาพพื้นที่ทร่ี าบเรียบถึงค่อนข้างราบเรียบมีความลาดชนั 0 – 2 % เป็นดินท่ีมี
ความลึกมาก ดินช้ันบนมีเนื้อดินประเภทเป็นดินร่วนปนทราย ส่วนดินชั้นล่างมีเนื้อดินประเภทดินร่วนเหนียวปนทราย ดินมี
สภาพการระบายน้ำดี มีการชะล้างพังทลายของหน้าดนิ ในระดับเล็กน้อย ดินชั้นบนมีปฏิกริ ิยาเป็นกรดจัด ส่วนดินชั้นล่างเป็น
กรดจดั มากถึงเป็นกรดจดั ดนิ มคี วามอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาตอิ ยู่ในระดบั ต่ำ

- กลุ่มชุดดินท่ี 34B : มีลักษณะและสมบัติต่าง ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินที่ 34 ยกเว้นมีสภาพพื้นที่เป็น
ลกู คลื่นลอนลาดเลก็ น้อย และมีความลาดชัน 2 – 5% มกี ารชะลา้ งพังทลายของหน้าดินในระดับปานกลาง

- กลุ่มชุดดินท่ี 34C : มีลักษณะและสมบัติต่าง ๆ เช่นเดียวกับกลุ่มชุดดินท่ี 34 ยกเว้นมีสภาพพื้นท่ีเป็น
ลูกคลน่ื ลอนลาดเลก็ น้อย และมคี วามลาดชัน 5 – 12% มีการชะล้างพงั ทลายของหน้าดนิ ในระดับคอ่ นข้างรุนแรง

- กลุ่มชุดดนิ ที่ 39B : พบในสภาพพ้ืนท่ีที่เป็นลูกคล่นื ลอนลาดเลก็ นอ้ ย มีความลาดชัน 2 – 5% เปน็ ดินท่มี ี
ความลึกมาก ดนิ ช้ันบนมีเน้ือดนิ ประเภทเป็นดนิ รว่ นปนทราย ส่วนดนิ ชั้นล่างมีเนื้อดินประเภทดินรว่ นปนทรายโดยอาจพบชั้น
ดินรว่ นเหนยี วปนทรายหรือเศษหินผุ ดนิ มีสภาพการระบายนำ้ ดี มีการชะล้างพังทลายของหน้าดินในระดับปานกลาง ดินชน้ั บน
มีปฏกิ ิริยา เปน็ กรดจดั ถงึ เปน็ กรดปานกลาง ส่วนดนิ ชั้นล่างเป็นกรดจดั ดนิ มีความอดุ มสมบรู ณต์ ามธรรมชาติอย่ใู นระดบั ต่ำ

- กลุ่มชุดดินท่ี 45C : พบในสภาพพื้นที่ท่ีเป็นลูกคลื่นลอนลาดมีความลาดชัน 5 – 12% เป็นดินตื้นมีช้ัน
กรวดลูกรัง ดินชั้นบนมีเนื้อดินประเภทเป็นดินร่วนเหนียวถึงเป็นดินร่วนเหนียวปนกรวดหรือลูกรัง ส่วนดินชั้นล่างมีเนื้อดิน
ประเภทดินเหนียวปนกรวดหรือลูกรงั โดยพบช้นั ดินเหนียวในดินล่าง ดินมีสภาพการระบายนำ้ ดี มีการชะลา้ งพังทลายของหน้า

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-31 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น

ดินในระดับค่อนข้างรุนแรง ดินช้ันบนมีปฏิกิริยาเป็นกรดจัด ส่วนดินชั้นล่างเป็นกรดจัดมากถึงเป็นกรดจัด ดินมีความอุดม
สมบรู ณ์ตามธรรมชาตอิ ยูใ่ นระดบั ต่ำ

- กลุ่มชุดดนิ ที่ 62 : พบในสภาพพ้ืนทท่ี เ่ี ป็นเนินเขาสงู ถึงเปน็ ภูเขามีความลาดชนั มากกว่า 35% เป็นดิน
ที่มคี วามลกึ ไม่แน่นอน และมีเนื้อดินไมแ่ นน่ อนเช่นเดียวกนั ดนิ มีสภาพการระบายนำ้ ดีมาก มกี ารชะล้างพงั ทลายของหนา้ ดินใน
ระดับรุนแรงถึงรุนแรงมาก พบเศษหินกรวดท่ีผิวดินในปริมาณปานกลางถึงมาก ดินมีปฏิกิริยาไม่แน่นอน และมีความอุดม
สมบูรณ์อยใู่ นระดับต่ำ กลุ่มชุดดินที่ 62 ไมค่ วรนำมาใชป้ ระโยชน์ในทางการเกษตรควรปล่อยไว้ให้เป็นป่าไม้ ส่วนท่ีถูกนำไปใช้
ประโยชน์ในการปลูกไมย้ นื ตน้ หรอื ไม้ผลควรนำพืน้ ท่ีเปล่ียนมาเปน็ ปลกู ป่าทดแทน

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-32 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั ตารางท่ี 3.4.3-3 ลักษณะและสมบัติบางประการของดนิ ของแตล่ ะกลุ่มชดุ ดนิ ในพนื้ ที่ลุ่ม ในบรเิ วณพื้นทศ่ี ึกษาของโครงการ
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั
กล่มุ ความลกึ ของดิน ( ม.) ประเภทของเนื้อดิน ความลาดชัน (%) สภาพการระบายน้า ป ิกริ ยิ าของดิน ชว่ งระยะเวลาน้าขังทผ่ี วิ ดิน ระดับความ การใช้ประโยชน์ โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
ชดุ ดนิ ก. ชั้นบน (pH) (เดือน) อุดมสมบูรณ์ ทด่ี นิ ตามธรรมชาติ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง
ข. ช้นั ลา่ ง และสภาพพื้นที่ ของดิน ตามธรรมชาติ
ก. ชนั้ บน
6 > 150 ก. รว่ นเหนียวปนทรายแป้ง, ( 0-2%) เลว ข. ชัน้ ลา่ ง 3–5 ปานกลาง ข้าว
เลว ก. 5.0 - 6.0
เหนยี วปนทรายแป้ง ราบเรียบ ข. 4.5 - 5.5

ข. เหนยี วปนทรายแป้ง, เหนยี ว ก. 5.0 - 6.0
ข. 4.5 - 5.0
17 > 150 ก. รว่ นปนทราย, ร่วน ( 0-2%) 3 – 4 ตา่ ขา้ ว

ข. รว่ นเหนยี วปนทราย ราบเรียบ

3-33

รายงานฉบับกลาง บทท่ี 3
(Interim Report) การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั ตารางท่ี 3.4.3–4 ลักษณะและสมบัติบางประการของดินของแต่ละกลมุ่ ชุดดินในพน้ื ท่ดี อนในบรเิ วณพ้นื ท่ศี ึกษาของโครงการ
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั
กลมุ่ ความลกึ ของดนิ ประเภทของเนอื้ ดนิ ปริมาณเศษ ความลาดช้ัน (%) สภาพการ การชะลา้ ง ปฏิกริ ิยาของดนิ (pH) ระดบั ความอมุ ดม การใช้ประโยชน์ทด่ี นิ โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว
หินกรวด และสภาพพน้ื ที่ ระบายน้า พังทลาย ก. ชั้นบน สมบรู ณ์ ตาม ตามธรรมชาติ อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง
ชุดดนิ (ซม.) ก. ชั้นบน ทผี่ วิ ดนิ ของดนิ ของหนา้ ดนิ ข. ชั้นลา่ ง ธรรมชาติ
( 5 - 12 % ) ปานกลาง ก. 5.5 - 6.5 คอ่ นข้างต่้า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
ข. ชั้นลา่ ง ไมม่ ี ลกู คลน่ื ลอนลาด ดี ข. 4.5 - 5.0 พชื ไร่ ป่าไม้
เลก็ น้อยมาก ก. 5.0 - 5.5 ปานกลาง ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
26C > 150 ก. ร่วน, ร่วนเหนียว ไมม่ ี (0-2%) ดี ข. 5.5 - 6.0
ราบเรียบ ถึง คอ่ นข้างราบเรียบ เล็กน้อย ก. 5.0 - 5.5 ปานกลาง ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
ข. ร่วนเหนียว ไมม่ ี ดี ข. 5.5 - 6.0
(2-5%) เลก็ น้อย ก. 5.0 - 5.5 ต้่า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
32 > 150 ก. ร่วน, ร่วนปนทรายแป้ง ไมม่ ี ลูกคลน่ื ลอนลาดเลก็ น้อย ดี ข. 4.5 - 5.5 พชื ไร่ ป่าไม้
ปานกลาง ก. 5.0 - 5.5 ต้่า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
ข. ร่วนเหนียว, ร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ไมม่ ี (0-2%) ดี ข. 4.5 - 5.5 พชื ไร่ ป่าไม้
ราบเรียบ ถึง คอ่ นข้างราบเรียบ คอ่ นข้างรุนแรง ก. 5.0 - 5.5 ต้่า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
32B > 150 ก. ร่วน, ร่วนปนทรายแป้ง ไมม่ ี ดี ข. 4.5 - 5.5 พชื ไร่ ป่าไม้
(2-5%) ปานกลาง ก. 5.0 - 6.0 ต่้า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
ข. ร่วนเหนียว, ร่วนเหนียวปนทรายแป้ง ไมม่ ี ลกู คล่ืนลอนลาดเลก็ น้อย ดี ข. 5.0 - 5.5
คอ่ นข้างรุนแรง ก. 5.0 - 5.5 ต้่า ไมย้ ืนตน้ ไมผ้ ล
34 > 150 ก. ร่วนปนทราย ปานกลาง ( 5 - 12 % ) ดี ข. 4.5 - 5.5
ลกู คลื่นลอนลาด รุนแรง ถึง ไมแ่ น่นอน ต้่า ป่าไม้
ข. ร่วนเหนียวปนทราย ถึงมาก ดมี าก รุนแรงมาก
(2-5%)
34B > 150 ก. ร่วนปนทราย ลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย

ข. ร่วนเหนียวปนทราย ( 5 - 12 % )
ลูกคล่นื ลอนลาด
3-34 34C > 150 ก. ร่วนปนทราย
( >35 % )
ข. ร่วนเหนียวปนทราย เนินเขาสงู ถึงภูเขา

39B > 150 ก. ร่วนปนทราย

ข. ร่วนปนทราย (อาจพบชันดนิ ร่วนเหนียวปนทรายหรือเศษหินผุ

45C > 50 ถึงชันกรวด ก. ร่วนเหนียว, ร่วนเหนียวปนกรวดหรือลูกรัง

ลกู รัง ข. เหนียวปนกรวดหรือลูกรังพบชันดนิ เหนียวในดนิ ลา่ ง

62 ไมแ่ น่นอน ไมแ่ น่นอน บทท่ี 3
การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น
รายงานฉบับกลาง
(Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้

5) ความเหมาะสมของดินในการปลูกพืช การศึกษาถึงความเหมาะสมของดินท่ีจัดอยู่ในแต่ละกลุ่มชุดดินเพ่ือใช้
ประโยชน์ในการปลกู พืชชนดิ ตา่ ง ๆ (ประกอบด้วย ข้าว พืชไร่ และไม้ผล - ไมย้ ืนต้น) โดยนำข้อมูลต่าง ๆ มาพจิ ารณาประกอบ
รว่ มกนั ซ่ึงไดแ้ ก่ สภาพภมู ิประเทศ (สภาพพืน้ ที่และความลาดชนั ) สมบัติท่สี ำคัญของดนิ บางประการประกอบด้วย ความลกึ ของ
ดิน สภาพการระบายน้ำของดิน ประเภทของเนื้อดิน ปริมาณเศษหินกรวดที่ผิวดิน และในชน้ั หน้าตัดหรือระดับความลึกต่าง ๆ
จากผิวดินความเค็มของดินและระดับความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทง้ั การชะล้างพังทลายหรอื การกรอ่ นของหน้าดินและช่วง
ระยะเวลาน้ำขังท่ีผิวดนิ นอกจากนั้นยังใช้ข้อมูลทีไ่ ด้จากการสำรวจในภาคสนามในบริเวณพน้ื ที่ของโครงการนำมาร่วมประกอบ
ในการพิจารณา

การจำแนกชั้นความเหมาะสมของดินในการปลูกพืช จากข้อมูลต่าง ๆ ดังกล่าวที่นำมาประกอบใช้ในการ
พิจารณาถึงความเหมาะสมของดินเพื่อการเพาะปลูกพืชได้ทำการจัดชั้นความเหมาะสมของดิน โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับ
(ใช้ข้อมูลจากเอกสารของกรมพัฒนาที่ดิน เร่ืองรายงานการจัดการทรัพยากรดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจหลักตามกลุ่มชุดดิน
เล่มท่ี 1 ดินบนพื้นทีร่ าบตำ่ และเล่มท่ี 2 ดนิ บนท่ีดอน และรายงานสำรวจดินเพ่ือการเกษตรทั้งหมดของจังหวัดพัทลุงท่มี ีพืน้ ที่
โครงการแพร่กระจายอยู่ ประกอบในการศกึ ษา)

ชนั้ ความเหมาะสมที่ 1 ; ช้ันดินท่ีมคี วามเหมาะสม : สามารถแบ่งยอ่ ยออกเป็น 2 ระดับยอ่ ย คือ
1.1) ช้ันความเหมาะสมท่ี 1 (ไม่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษกำกับ ไม่มีข้อจำกัด) : ได้แก่

ดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชจริง ๆ โดยไม่มีข้อจำกัด (แตก่ ็ตอ้ งมีการจัดการบ้างเพ่ือใหไ้ ด้ผลผลิตสูง เช่น การใช้ปยุ๋ เคมี
บางชนดิ ทใ่ี หธ้ าตุไนโตรเจน ในปรมิ าณเล็กนอ้ ย เช่น ปยุ๋ ยเู รีย)

1.2) ชั้นความเหมาะสมท่ี 1 (มีตัวอักษรภาษาอังกฤษกำกบั มขี ้อจำกดั ในการปลูกพืช) :
ได้แก่ ดนิ ท่ีมีความเหมาะสมในการปลกู พืชแตม่ ีขอ้ จำกดั บา้ งเล็กนอ้ ยทไี่ ม่รนุ แรง ซง่ึ สามารถจัดการแก้ไขหรือปรับปรงุ ไดโ้ ดยงา่ ย
หรือวธิ กี ารท่ีไมย่ ุง่ ยาก เสยี คา่ ใช้จา่ ยไมส่ ูง และคมุ้ ทุน โดยท่ัวไปมีความเส่ยี งในการปลูกพชื

ชั้นความเหมาะสมท่ี 2 ; ชั้นดินที่ไม่ค่อยเหมาะสม : เนื่องจากมีข้อจำกัดรุนแรงมากขึ้น ซึ่งข้อจำกัดอาจมี
มากกว่าหน่ึงชนิด แต่ข้อจำกัดต่าง ๆ ดังกล่าวที่เป็นปัญหาในการปลูกพืช ยังสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ โดยอาจต้องใช้วิธีการ
ยุ่งยากมากข้ึน และอาจต้องลงทุนเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อาจไม่คุ้มทุนถ้ายังปลูกพืชชนิดน้ัน ดังน้ันชั้นที่ 2 จะต้องมีอักษร
ภาษาอังกฤษต่าง ๆ กำกับไวด้ ว้ ยเสมอ ซงึ่ บง่ บอกถึงชนดิ ของขอ้ จำกดั

ช้ันความเหมาะสมที่ 3 ; ช้ันดินท่ีไม่เหมาะสม : ซึ่งโดยธรรมชาติเป็นดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชโดยทั่วไป
เนื่องจากมีข้อจำกัดท่ีรุนแรงมาก ซึ่งปรับปรุงแก้ไขได้ยาก และยังต้องลงทุนเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก นอกจากนั้นถึงแม้จะทำการ
ปรับปรุงแล้วก็อาจมีความเสี่ยงท่ีทำความเสียหายให้แก่พืชท่ีปลูกได้ ดังน้ันชั้นท่ี 3 จะต้องมีอักษรภาษาอังกฤษกำกับไว้
ด้วยเสมอ

หมายเหตุ : ดนิ ที่จดั อยชู่ ั้นความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชชนดิ หนงึ่ (ช้ันท่ี 1) เมือ่ เปลี่ยนแปลงไปใชป้ ระโยชนใ์ น
การปลกู พชื ชนิดอื่น อาจถูกจัดใหมใ่ หอ้ ยู่ในช้นั อื่นได้ เช่น จัดอยู่ในชั้นที่ 2 (ช้นั ดินที่ไม่ค่อยเหมาะสม) หรือชัน้ ที่ 3 (ช้นั ดนิ ที่ไม่
เหมาะสม) ในทางกลับกันดินท่ีจัดอยู่ในช้ันท่ีไม่เหมาะสม (ช้ันที่ 3) ในการปลูกพืชชนิดหน่ึงอาจมีความเหมาะสม (ชั้นที่ 1)
สำหรบั การปลกู พืชอีกชนดิ หนง่ึ ได้

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-35 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้อื งต้น

ข้อจำกัดของดนิ ทใี่ ช้ประโยชน์ในการปลูกพชื ของแต่ละชัน้ ความเหมาะสม
ขอ้ จำกัดของดนิ ของกลุม่ ชุดดนิ ตา่ ง ๆ ท่ีใชป้ ระโยชนใ์ นการปลกู พืชในบรเิ วณพนื้ ทศี่ ึกษา จะใช้ตัวอกั ษรภาษาอังกฤษ
เปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนขอ้ จำกดั ต่าง ๆ โดยแยกกลา่ วเปน็ สว่ นของข้อจำกดั ของกลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ลุ่ม และ กลุ่มชุดดนิ ในพ้ืนทด่ี อน
สญั ลักษณ์ และ คำอธบิ ายท่ใี ชแ้ ทนข้อจำกดั ของดนิ ในพื้นทล่ี ุ่ม :

n = ดนิ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ตำ่
w = อันตรายท่เี กิดจากการมีนำ้ แช่ขังในช่วงฤดูฝน

สัญลักษณ์ และ คำอธิบายทใี่ ช้แทนข้อจำกัดของดนิ ในพ้ืนที่ดอน :
d = ดินมีสภาพการระบายน้ำดี
g = ดินมกี ้อนกรวดหรือลูกรังในช้ันหน้าตดั ดิน
n = ดนิ มีความอุดมสมบรู ณต์ ่ำ
& = เน้อื ดนิ ไม่ค่อยเหมาะสม (มเี นือ้ ดนิ ค่อนข้างเปน็ ทราย ทำให้ดนิ มโี อกาสเกิดการขาดแคลนนำ้

ไดง้ ่ายเมอื่ ฝนหยุดตก)
t = สภาพพ้นื ท่ีไม่เหมาะสม (มีความลาดชันคอ่ นข้างสูงถึงสูง)
ผลการศึกษาเก่ียวกับการจัดชั้นความเหมาะสมของดินแต่ละกลุ่มชุดดินเพื่อการปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม
(ข้าว พืชไร่ ไม้ผล - ไม้ยืนต้น) ในบริเวณพื้นที่ศึกษาของโครงการแสดงดังตารางที่ 3.4.3-5 โดยจะแยกกล่าว
รายละเอยี ดเปน็ พนื้ ทแ่ี ตล่ ะสว่ นของโครงการ
(1) พ้ืนท่ีอ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว (พื้นที่ 357.37 ไร่)

การจดั ชั้นความเหมาะสมของดิน ของกล่มุ ชุดดินตา่ ง ๆ ทเี่ ปน็ กลุ่มชุดดนิ ในพืน้ ทด่ี อน (2 กลุม่ ชดุ ดนิ )
เพอื่ การปลูกพชื เศรษฐกิจทงั้ 3 กลุ่ม ในบริเวณพน้ื ทอี่ ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั มีรายละเอยี ดดงั น้ี

- ชั้นที่ 3d : ชั้นดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือดนิ มีสภาพการระบายน้ำดี ทำให้
เกบ็ กกั นำ้ เอาไวไ้ ด้น้อย) ประกอบดว้ ย 1 กลุ่มชุดดินคือกลุ่มชุดดนิ ที่ 32B

- ชั้นที่ 3td : ช้ันดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าวหรือพืชไร่ หรือไม้ผล - ไมย้ ืนต้น (มีข้อจำกัดคือ
ดินมีสภาพการระบายน้ำดี ทำให้เก็บกักน้ำเอาไว้ได้น้อย พืชมีโอกาสขาดแคลนน้ำได้งา่ ย) ประกอบด้วย 1 กลุ่มชุดดิน
คือกลุ่มชุดดินที่ 62

- ชั้นที่ 1: ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น (ไม่มีข้อจำกัด) ประกอบด้วย
1 กลุ่มชดุ ดนิ คอื กล่มุ ชุดดินท่ี 32B

กลา่ วโดยสรุป ดนิ ทงั้ หมดในบรเิ วณพน้ื ที่อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัวเป็นดนิ ที่ไมเ่ หมาะสมในการปลูกข้าว (กลุ่ม
ชุดดนิ ท่ี 32B และ62) และมีพื้นทเี่ พยี งเลก็ นอ้ ยประมาณรอ้ ยละ 10 ของพ้ืนท่อี ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่วั เปน็ ดนิ มคี วามเหมาะสมใน
การปลกู พชื ไร่ หรือไม้ผล - ไมย้ ืนตน้ (กลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 32B)

(2) พ้ืนที่หวั งาน (พ้นื ที่ 263.50 ไร่)
การจัดชั้นความเหมาะสมของดิน ของกลุ่มชุดดินต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มชุดดินในพื้นท่ีดอน (4 กลุ่มชุดดิน)

เพอ่ื การปลกู พืชเศรษฐกจิ ทั้ง 2 กลุ่ม ในบรเิ วณพื้นที่หวั งาน มรี ายละเอียดดังนี้
- ช้นั ท่ี 3d : ชั้นดินท่ไี มเ่ หมาะสมในการปลูกขา้ ว (มขี ้อจำกดั คอื ดนิ มีสภาพการระบายนำ้ ดี) ประกอบดว้ ย

2 กลมุ่ ชุดดิน คือ กล่มุ ชุดดนิ ท่ี 32B และ 34B

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-36 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้อื งตน้

- ช้ันที่ 3td : ช้ันดินท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือ ดินมีสภาพพ้ืนท่ีไม่เหมาะสม และ
มสี ภาพการระบายน้ำด)ี ประกอบด้วย 2 กลุม่ ชุดดินคอื กล่มุ ชดุ ดินท่ี 26C และ 62

- ชัน้ ที่ 1 : ช้นั ดินทีม่ ีความเหมาะสมในการปลกู พืชไร่ หรอื ไมผ้ ล - ไมย้ นื ตน้ (ไม่มขี อ้ จำกัด) ประกอบด้วย
1 กลมุ่ ชุดดนิ คือ กลุ่มชุดดินท่ี 32B

- ชน้ั ท่ี 1n : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรอื ไม้ผล – ไม้ยืนต้น (มขี อ้ จำกัด คือ ดนิ มคี วาม
อดุ มสมบรู ณ์ตำ่ ) ประกอบดว้ ย 1 กลมุ่ ชุดดิน คือ กล่มุ ชุดดินที่ 26C

- ช้ันท่ี 1&n : ชั้นดนิ ท่ีมคี วามเหมาะสมในการปลูกพชื ไร่ หรือไม้ผล – ไมย้ นื ต้น (มขี ้อจำกัด คือ มีเน้อื ดิน
ไมค่ อ่ ยเหมาะสม และดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ) ประกอบด้วย 1 กลุ่มชุดดิน คือ กลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 34B

- ช้ันท่ี 3td : ช้นั ดนิ ทไ่ี มเ่ หมาะสมในการปลกู พืชไร่ หรอื ไม้ผล – ไม้ยนื ต้น (มีข้อจำกัดคอื มสี ภาพพืน้ ทไ่ี ม่
เหมาะสม และมีสภาพการระบายน้ำดี) ประกอบด้วย 1 กลมุ่ ชุดดิน คือ กลมุ่ ชดุ ดินที่ 62

กล่าวโดยสรุป ดินท้ังหมดในบริเวณพื้นท่ีหัวงานเป็นดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (กลุ่มชุดดินที่ 26C
32B 34B และ62) ส่วนในกรณขี องพืชไร่ หรือไมผ้ ลไมย้ นื ต้นพบว่า ดินส่วนหนงึ่ จดั อยใู่ นช้นั ดินทม่ี คี วามเหมาะสมในการปลกู พชื
2 กลุ่มดังกล่าวโดยมพี นื้ ท่รี วมกนั คดิ เปน็ รอ้ ยละ 35.50 ของพน้ื ท่ีหวั งาน (กลุม่ ชุดดนิ ที่ 26C 32B และ 34B) และดินอกี ส่วนหน่ึง
เป็นดินท่ีจัดอยู่ในชั้นดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือ ไม้ผล - ไม้ยืนต้น มีพ้ืนท่ีคิดเป็นร้อยละ 64.50 ของพื้นที่หัวงาน
(กลุ่มชดุ ดนิ ที่ 62)

(3) พ้นื ท่ถี นนเข้าหัวงาน (พนื้ ท่ี 12.53 ไร่)
การจัดช้ันความเหมาะสมของดิน ของกลุ่มชุดดินต่าง ๆ ที่เป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนที่ดอน เพ่ือการปลูกพืช

เศรษฐกิจทัง้ 3 กลุม่ ในบรเิ วณพ้นื ท่ถี นนเขา้ หัวงาน (ที่มพี น้ื ทนี่ อ้ ยมาก ๆ) มรี ายละเอยี ดดังนี้
- ชั้นที่ 3d : ชั้นดินทไี่ มเ่ หมาะสมในการปลกู ขา้ ว (มีขอ้ จำกดั คือดินมีสภาพการระบายน้ำด)ี ประกอบดว้ ย

1 กลุม่ ชดุ ดิน คอื กลุ่มชุดดินที่ 34B
- ชั้นที่ 3td : ช้ันดินท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือ ดินมีสภาพพื้นท่ีไม่เหมาะสมและ

มสี ภาพการระบายนำ้ ดี) ประกอบดว้ ย 2 กลมุ่ ชดุ ดินคือ กลุ่มชุดดนิ ที่ 26C และ 62
- ชัน้ ที่ 1n : ชัน้ ดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล – ไมย้ ืนตน้ (มีขอ้ จำกดั คือ ดินมคี วาม

อดุ มสมบูรณต์ ำ่ ) ประกอบด้วย 1 กลุ่มชุดดิน คอื กลุม่ ชุดดินที่ 26C
- ชน้ั ที่ 1&n : ชั้นดนิ ทม่ี คี วามเหมาะสมในการปลูกพชื ไร่ หรือไม้ผล – ไม้ยืนต้น (มขี ้อจำกัด คือ มีเน้ือดิน

ไม่ค่อยเหมาะสม และดนิ มคี วามอดุ มสมบรู ณต์ ่ำ) ประกอบดว้ ย 1 กลมุ่ ชดุ ดนิ คอื กลุม่ ชดุ ดนิ ที่ 34B
- ชั้นที่ 3td : ช้ันดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล – ไม้ยืนต้น (มีข้อจำกัดคือ ดินมีสภาพ

พ้ืนทไ่ี ม่เหมาะสม และมีสภาพการระบายน้ำด)ี ประกอบด้วย 1 กลุ่มชดุ ดิน คอื กลมุ่ ชุดดินที่ 62
กล่าวโดยสรุป ดินท้ังหมดในบรเิ วณพ้ืนทถี่ นนเข้าหวั งาน เป็นดินท่ไี ม่เหมาะสมในการปลูกขา้ ว (กลุม่ ชุดดนิ ท่ี

26C 34B และ 62) ส่วนในกรณีของ พืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้นพบว่า ดินส่วนหน่ึงจัดอยู่ในช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมในการ
ปลูกพืช 2 กลุ่มหลังดังกล่าว โดยมีพ้ืนท่ีรวมกันคิดเป็นร้อยละ 97.89 ของพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน (กลุ่มชุดดินที่ 26C และ 34B)
และดนิ อีกสว่ นหนึ่งเปน็ ดนิ ทจี่ ดั อยูใ่ นชน้ั ดนิ ทไี่ ม่เหมาะสมในการปลกู พืชไร่ หรือไมผ้ ลไมย้ นื ตน้ มพี ื้นที่คดิ เป็นรอ้ ยละ 2.11 ของ
พ้ืนทีถ่ นนเข้าหวั งาน (กล่มุ ชุดดินที่ 62)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-37 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องต้น

(4) พนื้ ที่บ่อยืมดนิ ท้ายนำ้ (พื้นท่ี 887.21 ไร่)
การจัดช้ันความเหมาะสมของดิน ของกลุ่มชนิดดินต่าง ๆ ท่ีเป็นกลุ่มชุดดินในพ้ืนท่ีดอน (5 กลุ่ม

ชุดดิน) เพอ่ื การปลกู พืชเศรษฐกจิ ท้งั 3 กลุ่ม ในบรเิ วณพ้ืนทบ่ี ่อยืมดินท้ายนำ้ มรี ายละเอียดดงั น้ี
- ชั้นท่ี 3d : ช้ันดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือ ดินมีสภาพการระบายน้ำดี)

ประกอบดว้ ย 2 กลมุ่ ชุดดนิ คอื กล่มุ ชุดดินท่ี 32B และ 34B
- ชนั้ ที่ 3td : ชนั้ ดินท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกขา้ ว (มีขอ้ จำกดั คอื ดนิ มสี ภาพพ้ืนทไ่ี มเ่ หมาะสมและ

มสี ภาพการระบายนำ้ ดี) ประกอบดว้ ย 3 กลุ่มชุดดิน คือ กลุ่มชดุ ดินที่ 26C 34C และ 62
- ช้ันที่ 1 : ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น (ไม่มีข้อจำกัด)

ประกอบด้วย 1 กลมุ่ ชดุ ดิน คือ กลุ่มชุดดินที่ 32B
- ชั้นท่ี 1n : ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรอื ไม้ผล - ไมย้ นื ต้น (มีข้อจำกดั คือ ดินมี

ความอุดมสมบรู ณ์ต่ำ) ประกอบด้วย 1 กลุม่ ชุดดนิ คอื กลุม่ ชุดดินท่ี 26C
- ช้ันท่ี 1&n : ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น (มีข้อจำกัดคือ

ดินมีเนอื้ ดนิ ไม่คอ่ ยเหมาะสม และมีความอดุ มสมบูรณ์ตำ่ ) ประกอบด้วย 2 กลุ่มชุดดิน คอื กลมุ่ ชดุ ดนิ ท่ี 34B และ 34C
- ช้ันที่ 3td : ช้ันดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น (มีข้อจำกัดคือดินมี

สภาพพืน้ ทีไ่ ม่เหมาะสม และมีสภาพการระบายน้ำด)ี ประกอบด้วย 1 กลุ่มชุดดนิ คอื กลมุ่ ชุดดินท่ี 62
กล่าวโดยสรุป ดินท้ังหมดในบริเวณพ้ืนท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำ เป็นดินท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว

(กลุ่มชุดดินท่ี 26C 32B 34B 34C และ 62) ส่วนในกรณขี องพชื ไร่ หรือไมผ้ ล - ไม้ยืนต้น พบว่าดินสว่ นพื้นที่ประมาณ
เกือบ 2 ใน 3 ส่วน ของพื้นท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำ เป็นดินที่จัดอยู่ในช้ันที่มีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล -
ไมย้ นื ต้น มีพ้นื ทร่ี วมกนั คดิ เปน็ ร้อยละ 62.04 (ประกอบด้วย 4 กลุ่มชดุ ดนิ คือ กลมุ่ ชดุ ดนิ ที่ 26C 32B 34B และ 34C)
พ้ืนท่ีส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 1 ส่วนใน 3 ส่วน เป็นดินที่จัดอยู่ในช้ันท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล -
ไมย้ ืนต้น มพี น้ื ท่คี ิดเปน็ รอ้ ยละ 37.90 (ประกอบด้วย 1 ชดุ ดนิ คือกลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 62)

(5) พ้ืนทรี่ บั ประโยชน์ (พืน้ ที่ 12,256.14 ไร)่
การจัดชั้นความเหมาะสมของดิน ของกลุ่มชุดดินต่าง ๆ จำนวน 11 กลุ่มชุดดิน เพ่ือการปลูกพืช

เศรษฐกิจ 3 กลุ่ม (ข้าว พืชไร่ ไม้ผล - ไม้ยืนต้น) ในบรเิ วณพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการ จะแยกกล่าวเป็นส่วนของ
กลมุ่ ชุดดินในพนื้ ทลี่ ุม่ และกลุม่ ชดุ ดินในพืน้ ท่ีดอน ซงึ่ มีรายละเอียดดังน้ี

(ก) กลุ่มชุดดินในพ้นื ที่ล่มุ
(ก-1) ชัน้ ความเหมาะสมของดินแต่ละกล่มุ ชุดดนิ ในพื้นทีล่ มุ่ สำหรับการปลกู ขา้ ว
ดินในพ้ืนท่ีลุ่ม จำนวน 2 กลุ่มชุดดิน จัดอยู่ในช้ันความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวชั้น

ต่าง ๆ โดยมีข้อจำกดั ดังน้ี
- ชั้นที่ 1 : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว (ไม่มีข้อจำกัด) ประกอบด้วย

1 กล่มุ ชดุ ดิน คอื กล่มุ ชดุ ดนิ ที่ 6
- ช้ันท่ี 1n : ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือ ดินมีความ

อดุ มสมบูรณต์ ำ่ ) ประกอบด้วย 1 กลุ่มชดุ ดิน คือ กลุม่ ชดุ ดนิ ท่ี 17

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-38 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องต้น

(ก-2) ช้ันความเหมาะสมของดินแตล่ ะกลุ่มชดุ ดินในพื้นทลี่ มุ่ สำหรบั การปลกู พืชไร่
ดินในพื้นท่ลี ่มุ จำนวน 2 กลุม่ ชดุ ดนิ จัดอย่ใู นชนั้ ความเหมาะสมสำหรบั การปลกู พืชไร่

ช้นั ตา่ ง ๆ โดยมขี ้อจำกดั ดังน้ี
- ช้ันที่ 3w : ช้นั ดินที่ไมเ่ หมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ (มขี ้อจำกัดคือ มีอันตรายที่เกิดจาก

การมนี ำ้ แช่ขังในชว่ งฤดูฝน) ประกอบดว้ ย 2 กลมุ่ ชุดดนิ คอื กลมุ่ ชดุ ดนิ ที่ 6 และกลุ่มชดุ ดินที่ 17
(ก-3) ช้นั ความเหมาะสมของดินแต่ละกลมุ่ ชดุ ดินในพื้นทลี่ ุ่มสำหรบั การปลกู ไมผ้ ล - ไมย้ นื ต้น
การจัดชั้นความเหมาะสมของดิน จำนวน 2 กลมุ่ ชุดดินในพื้นท่ลี ุ่ม สำหรับการปลูกไม้ผล
- ไม้ยืนต้น มีรายละเอยี ดเชน่ เดียวกับกรณีของพชื ไร่ดังท่ีกล่าวไปแลว้ ขา้ งต้น โดยทัง้ 2 กลุ่ม

ชดุ ดิน จัดอยู่ในชัน้ ดนิ ท่ไี มเ่ หมาะสม (ช้นั ที่ 3w)

แนวทางการแก้ไขปรับปรงุ ปัจจัยท่เี ป็นขอ้ จำกัดของดินในการปลกู พืชของกล่มุ ชดุ ดินในพนื้ ที่ล่มุ

(ก-1) ขอ้ จำกัดและแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงดินในพ้นื ทลี่ ่มุ สำหรับการปลูกขา้ ว

ขอ้ จำกัด แนวทางในการแก้ไขปรบั ปรุง

n = ดนิ มีความอดุ มสมบรู ณต์ ำ่ - ใสป่ ยุ๋ อินทรีย์ และปุ๋ยเคมี รวมทั้งไถกลบตอซงั เศษเหลือของพชื

(ก-2) ข้อจำกัดและแนวทางในการแก้ไขปรบั ปรุงดินในพ้ืนที่ลมุ่ สำหรับการปลกู พืชไร่

ข้อจำกดั แนวทางในการแก้ไขปรับปรุง

w = อนั ตรายทเ่ี กดิ จากการมนี ้ำแชข่ ัง - ทำคนั ดนิ รอบพ้นื ทป่ี ลกู พชื เพ่อื ปอ้ งกันน้ำทว่ มในช่วงฤดูฝนยกรอ่ งปลูก

ในช่วงฤดูฝน เพื่อชว่ ยการระบายนำ้ ของดนิ ใหด้ ีขน้ึ ขดุ ครู ะบายนำ้ และมรี ะบบการสูบนำ้

ออกจากพืน้ ท่ีเมอ่ื มีฝนตกหนักควรมีระบบชลประทานให้นำ้ และเลือกชนิด

พืชปลกู ท่ีเหมาะสม

(ก-3) ขอ้ จำกัด และ แนวทางในการแก้ไขปรับปรุงดินในพื้นทลี่ ุ่มสำหรับการปลกู ไมผ้ ล - ไม้ยืนต้น
มรี ายละเอียดเช่นเดียวกบั กรณีของพชื ไร่

(ข) กลมุ่ ชดุ ดินในพืน้ ท่ีดอน
(ข-1) ชัน้ ความเหมาะสมของดนิ แตล่ ะกลมุ่ ชุดดินในพื้นทด่ี อนสำหรบั การปลูกข้าว
ดินในพ้ืนท่ีดอน จำนวน 9 กลุ่มชุดดิน จัดอยู่ในช้ันความเหมาะสมสำหรับการปลูก

ขา้ ว ช้ันต่าง ๆ โดยมีขอ้ จำกดั ดังนี้
- ช้ันที่ 3d : ช้ันดินที่ไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว (มีข้อจำกัด คือดินมีสภาพ

การระบายน้ำดี) ประกอบด้วย 5 กลุ่มชุดดิน คือ กลุ่มชุดดินท่ี 32 กลุ่มชุดดินท่ี 32B กลุ่มชุดดินท่ี 34 กลุ่มชุดดินที่
34B กลุ่มชดุ ดินท่ี 39B

- ช้ันท่ี 3td : ชั้นดินท่ีไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าว (มีข้อจำกัดคือดินมีสภาพ
พ้ืนท่ีไม่เหมาะสม และมีสภาพการระบายน้ำดี) ประกอบด้วย 4 กลุ่ม ชุดดิน คือกลุ่มชุดดินที่ 26C กลุ่มชุดดินที่ 34C
กลมุ่ ชดุ ดนิ ท่ี 45C และกล่มุ ชดุ ดนิ ที่ 62

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-39 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

(ข-2)ชั้นความเหมาะสมของดนิ แตล่ ะกลมุ่ ชดุ ดนิ ในพ้นื ท่ีดอน สำหรบั การปลูกพชื ไร่
ดินในพ้ืนทด่ี อน จำนวน 9 กลุ่มชุดดิน จดั อยใู่ นชนั้ ความเหมาะสมสำหรับการการปลกู พืช
ไร่ชั้นตา่ ง ๆ โดยมขี อ้ จำกดั ดงั น้ี

- ช้ันท่ี 1 : ช้ันดินท่ีมีความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ (ไม่มีข้อจำกัด)
ประกอบดว้ ย 2 กลุ่มชดุ ดิน คอื กลมุ่ ชดุ ดนิ ท่ี 32 และกล่มุ ชดุ ดนิ ท่ี 32B

- ช้ันท่ี 1n : ชั้นดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ (มีข้อจำกัดคือ ดินมี
ความอดุ มสมบูรณต์ ่ำ) ประกอบด้วย 1 กล่มุ ชุดดิน คือ กลุม่ ชุดดินที่ 26C

- ชั้นท่ี 1&n : ช้ันดินที่มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ (มีข้อจำกัดคือ ดินมี
เนอ้ื ดนิ ไม่คอ่ ยเหมาะสม และดนิ มคี วามอุดมสมบรู ณต์ ำ่ ) ประกอบด้วย 4 กลุม่ ชุดดนิ คือ กล่มุ ชุดดินที่ 34 กลมุ่ ชุดดินที่
34B กลุม่ ชุดดนิ ท่ี 34C และ กลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 39B

- ชั้นที่ 2g : ชั้นดินท่ีไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับการปลูกพืชไร่ (มีข้อจำกัดคือ ดินมี
กอ้ นกรวดหรือลกู รงั ในช้ันหน้าตัดดนิ ) ประกอบดว้ ย 1 กลมุ่ ชุดดนิ คอื กล่มุ ชดุ ดินท่ี 45C

- ชนั้ ท่ี 3td : ชน้ั ดินที่ไม่เหมาะสมสำหรับการปลกู พืชไร่ (มขี ้อจำกัดคือ ดินมีสภาพ
พื้นทไี่ ม่เหมาะสม และมสี ภาพการระบายนำ้ ด)ี ประกอบด้วย 1 กลุม่ ชดุ ดิน คอื กลมุ่ ชุดดนิ ที่ 62

(ข-3) ช้ันความเหมาะสมของดินแต่ละกลุ่มชุดดินในพืน้ ท่ดี อน สำหรับการปลูกไม้ผล - ไมย้ ืนต้น
การจัดช้ันความเหมาะสมของดินในพ้ืนท่ีดอน จำนวน 9 กลุ่มชุดดิน สำหรับการปลูกไม้ผล – ไม้ยืนต้น
มีรายละเอยี ดเชน่ เดยี วกับกรณขี องพชื ไร่ ดงั ทกี่ ลา่ วไปแลว้ ข้างตน้

แนวทางในการแกไ้ ขปรับปรงุ ปจั จัยท่ีเปน็ ข้อจำกดั ของดนิ ในการปลูกพชื ของกล่มุ ชุดดนิ ในพ้ืนที่ดอน

(ข-1) ข้อจำกัดและแนวทางในการแก้ไขปรับปรงุ ดนิ ในพ้ืนทด่ี อนสำหรบั การปลูกขา้ ว

ข้อจำกัด แนวทางในการแกไ้ ขปรับปรงุ

d = ดินมีสภาพการระบายน้ำดี - ปรับสภาพพ้ืนที่ปลูกให้ราบเรียบสม่ำเสมอ ทำคันนาให้สูงเพ่ือเก็บกักน้ำ

ขังเอาไว้ได้ปรมิ าณมาก และอยู่ได้นานขนึ้ ควรมีการเพ่ิมวัสดุอินทรีย์ลงไป

ในดิน เช่น การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ และไถกลบตอซังข้าวลงไปในดินหลังเก็บ

เกย่ี วผลผลติ การมีระบบชลประทาน จะเปน็ ประกนั ความเสี่ยงในการปลูก

ขา้ ว

t = ดินมีสภาพพนื้ ทไ่ี ม่เหมาะสม - ปลูกขา้ วเป็นแบบข้ันบันไดขวางความลาดเทของพื้นท่ี (ในบริเวณพ้นื ท่ีที่

มีความลาดชัน) และปลูกหญ้าแฝกแซม เพอื่ ชว่ ยการอนรุ ักษ์ดินและน้ำ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-40 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

(ข-2) ขอ้ จำกดั และแนวทางในการแก้ไขปรบั ปรุงดนิ ในพนื้ ทด่ี อนสำหรบั การปลกู พืชไร่

ขอ้ จำกดั แนวทางในการแก้ไขปรับปรงุ

n = ดนิ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ตำ่ - ใสป่ ุ๋ยอินทรียแ์ ละปยุ๋ เคมี ไถกลบตอซงั พชื หลงั เกบ็ เกยี่ วจดั ระบบการปลูก

&n = ดินมเี นือ้ ดนิ ไมค่ ่อยเหมาะสมและมี พชื หมุนเวียนให้มพี ืชตระกลู ถ่ัวร่วมด้วย ควรมีระบบชลประทานให้น้ำร่วม

ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ด้วย กจ็ ะชว่ ยลดความเสี่ยงการขาดน้ำของพชื ท่ีปลกู

g = ดินมีก้อนกรวดหรือลูกรังในชั้นหน้า - ปลูกพืชท่ีมีระบบรากตื้น และเป็นพืชท่ีไม่ต้องการไถพรวนบ่อย

ตดั ดิน ควรมีระบบการอนุรักษด์ นิ และนำ้ และมรี ะบบชลประทาน

td = ดินมีสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมและมี - ปลูกพืชขวางความลาดเทของพื้นที่ เลือกชนิดพืชปลูกท่ีไม่ต้องไถพรวน

สภาพการระบายน้ำดี บ่อย ควรมีระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำ และควรมีระบบชลประทานร่วม

ด้วย

(ข-3) ข้อจำกัดและแนวทางในการแกไ้ ขปรับปรุงดนิ ในพื้นทด่ี อนสำหรบั การปลกู ไมผ้ ล – ไม้ยนื ต้น

ข้อจำกัด แนวทางในการแกไ้ ขปรบั ปรงุ

n = ดินมีความอดุ มสมบูรณต์ ่ำ - ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี ผสมดินปลูกท่ีมีสมบัติทางกายภาพท่ีดีในหลุม

&n = ดนิ มีเน้อื ดินไมค่ อ่ ยเหมาะสมและมี ปลูกพืช หาเศษพืชหรือวัสดุอินทรีย์มาคลุมหน้าดินบริเวณรอบหลุมปลูก

ความอุดมสมบูรณ์ตำ่ พืชเพ่ือช่วยลดการระเหยน้ำจากผิวดิน และควรมีระบบชลประทานร่วม

ด้วย (ใหน้ ้ำแกพ่ ืชโดยใชร้ ะบบน้ำหยด)

g = ดินมีก้อนกรวดหรือลูกรังในชั้นหน้า - ขดุ หลุมปลูกใหล้ ึก และกว้างพอประมาณ ผสมปยุ๋ อนิ ทรีย์ และดินปลูกท่ี

ตดั ดิน มสี มบตั ิที่ดลี งไปในหลมุ ปลูกพืช และเป็นพืชท่มี ีขนาดลำตน้ หรือทรงพมุ่ ไม่

ใหญจ่ นเกนิ ไป

ถ้าจำเป็นอาจตอ้ งมีการค้ำยันต้นพชื และควรมรี ะบบชลประทานรว่ มด้วย

td = ดินมีสภาพพื้นท่ีไม่เหมาะสมและมี - ปรับสภาพพ้ืนท่ีบริเวณรอบ ๆ หลุมปลูกพืชให้ราบเรียบ ควรมีระบบการ

สภาพการระบายนำ้ ดี อนุรกั ษ์ดนิ และนำ้ และมรี ะบบชลประทานร่วมดว้ ย

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-41 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้

สรปุ : ความเหมาะสมของดินในการปลกู พชื เศรษฐกจิ 3 กล่มุ (ขา้ ว พืชไร่ และไมผ้ ล - ไมย้ ืนตน้ ) ในบรเิ วณพืน้ ทีร่ ับ

ประโยชน์ของโครงการ แสดงดงั รูปที่ 3.4.3-3 ถึงรปู ท่ี 3.4.3-4

ความเหมาะสมของดินในการปลูกพชื ในบรเิ วณพื้นท่รี ับประโยชนข์ องโครงการ

ชน้ั ความเหมาะสมของดิน พ้นื ที่ กลุ่มชุดดิน
ในการปลูกพชื ไร่ ร้อยละ

ชั้นความเหมาะสมของดินในการปลกู ข้าว

- ชั้นความเหมาะสมที่ 1 2,807.65 23.02 6 17

- ชน้ั ความเหมาะสมท่ี 3 9,386.53 76.98 26C 32 32B 34 34B 34C
39B 45C 62

ช้นั ความเหมาะสมของดนิ ในการปลกู พชื ไร่

หรอื ไมผ้ ล - ไม้ยนื ตน้

- ชัน้ ความเหมาะสมท่ี 1 9,072.13 74.40 26C 32 32B 34 34B 34C
39B

- ชั้นความเหมาะสมท่ี 2 312.13 2.56 45

- ช้นั ความเหมาะสมท่ี 3 2,809.56 23.04 6 17 62

ความเหมาะสมของดินของกลุ่มชุดดินต่าง ๆ (จำนวน 11 กลุ่มชุดดิน) ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ 3 กลุ่ม
(ขา้ ว พชื ไร่ และ ไมผ้ ล - ไม้ยืนตน้ ) ในบริเวณพืน้ ทีร่ บั ประโยชน์ของโครงการ มดี ังน้ี

ช้ันความเหมาะสมของดินในการปลูกข้าว : พบว่าดินประมาณเกือบ 1 ส่วนใน 4 ส่วน ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์
เป็นดินท่ีจดั อยู่ในช้ันความเหมาะสมที่ 1 (ช้ันดนิ ท่ีมีความเหมาะสมในการปลูกขา้ ว) ประกอบด้วย 2 กลุ่มชดุ ดินท่เี ป็น
ดินในพื้นท่ีลุ่ม มีพื้นท่ีรวมกันคิดเป็นร้อยละ 23.02 ของพ้ืนที่รบั ประโยชน์ พื้นท่ีส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 3 ใน 4 ส่วน
เป็นดนิ ทจ่ี ดั อยู่ในช้ันความเหมาะสมที่ 3 (ชัน้ ดนิ ท่ไี มเ่ หมาะสมในการปลูกขา้ ว) ประกอบด้วย 9 กล่มุ ชุดดินท่เี ป็นดินใน
พืน้ ท่ีดอน มีพ้ืนทร่ี วมกนั คดิ เป็นร้อยละ 76.98 ของพน้ื ท่ีรับประโยชน์

ช้ันความเหมาะสมของดินในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น : พบว่าดินประมาณ 3 ส่วนใน 4 ส่วนเป็น
ดนิ ที่จัดอยู่ในช้ันความเหมาะสมที่ 1 (ช้ันดินทม่ี ีความเหมาะสมในการปลูกพืชไร่หรอื ไม้ผล - ไม้ยืนต้น) ประกอบด้วย
7 กลุ่มชุดดินท่ีเป็นดินในพ้ืนท่ีดอน มีพื้นท่ีรวมกันคิดเป็นร้อยละ 74.40 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์ พ้ืนที่ส่วนที่เหลืออีก
ประมาณเกือบ 1 ส่วนใน 4 สว่ น เป็นดินทจี่ ัดอยู่ในชั้นความเหมาะสมที่ 3 (ชั้นดินท่ีไม่เหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือ
ไม้ผล – ไม้ยนื ตน้ ) ประกอบด้วย 3 กลุม่ ชุดดนิ (2 กลมุ่ ชดุ ดินเปน็ ดนิ ในพน้ื ท่ีลุ่ม และ อกี 1 กล่มุ ชดุ ดินเป็นดินในพืน้ ท่ี
ดอน) มีพ้ืนท่รี วมกันคิดเป็นร้อยละ 23.04 ของพื้นทร่ี ับประโยชน์ พ้นื ที่ส่วนที่เหลืออีกสว่ นหนง่ึ ท่ีมีพ้ืนท่ีไม่มากนักเป็น
ดินที่จัดอยู่ในชั้นความเหมาะสมที่ 2 (ชั้นดินท่ีไม่ค่อยเหมาะสมในการปลูกพืชไร่ หรือไม้ผล - ไม้ยืนต้น) ประกอบด้วย
1 กลุม่ ชดุ ดินท่ีเปน็ ดนิ ในพ้ืนท่ดี อน มพี นื้ ท่ีคดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.56 ของพนื้ ที่รับประโยชน์

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-42 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้

ท่ีมา : ดดั แปลงจากกรมพฒั นาที่ดนิ , 2553

รปู ที่ 3.4.3-3 ขอ้ มลู ชัน้ ความเหมาะสมของดนิ ในการปลูกข้าว

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-43 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้

ท่ีมา : ดัดแปลงจากกรมพัฒนาท่ีดิน, 2553

รปู ท่ี 3.4.3-4 ขอ้ มลู ชั้นความเหมาะสมของดนิ ในการปลกู พชื ไร่ หรอื ไม้ผล-ไมย้ นื ต้น

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-44 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งตน้

ตารางที่ 3.4.3-5 ชน้ั ความเหมาะสมของดนิ ในการปลกู พืชของแตล่ ะกลุม่ ชุดดนิ ในพ้นื ทศ่ี ึกษาของโครงการ

อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกัว่

กล่มุ ชุดดิน ชัน้ ความเหมาะสมของดินในการปลูกพืช
ขา้ ว พืชไร่ ไม้ผล - ไมย้ นื ต้น

กลุ่มชดุ ดินในพ้ืนที่ลมุ่

6 1 3w 3w

17 1n 3w 3w

กลมุ่ ชุดดินในพืน้ ทด่ี อน

26C 3td 1n 1n

32 3d 1 1

32B 3d 1 1

34 3d 1&n 1&n

34B 3d 1&n 1&n

34C 3td 1&n 1&n

39B 3d 1&n 1&n

45C 3td 2g 2g

62 3td 3td 3td

6) ความเหมาะสมของที่ดนิ สำหรับการชลประทานเพอื่ การปลกู
การจัดช้ันความเหมาะสมของท่ีดินสำหรับการชลประทานเพ่ือการปลูกพืช ได้นำหลักเกณฑ์ของสำนักงาน

ฟื้นฟูที่ดินแห่งสหรัฐอเมริกา (United State Bureau of Raclamation : USBR) ที่ได้มีการปรับใช้พ้ืนที่แถบเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ และกรมพัฒนาท่ีดินไดน้ ำมาปรบั ใช้ในการจัดช้ันความเหมาะสมของดนิ สำหรับการชลประทานเพื่อ
การปลูกพชื โดยแบ่งออกเปน็ 6 ชนั้ ดังน้ี

1) ชนั้ ท่ี U1 : ทดี่ นิ มคี วามเหมาะสมมากสำหรับการชลประทานทดี่ อนเพือ่ การปลูกพชื ไร่ ไม้ผล
และไม้ยืนตน้

2) ช้ันที่ U2 : ท่ีดนิ มีความเหมาะสมปานกลางสำหรับการชลประทานที่ดอนเพื่อการปลูกพืชไร่ไม้ผล และ
ไม้ยืนตน้

3) ช้นั ท่ี U3 : ที่ดนิ ไมค่ ่อยเหมาะสมสำหรบั การชลประทานที่ดอนเพอื่ การปลูกพืชไร่ ไม้ผล และไม้ยืนตน้
4) ชน้ั ท่ี R1 : ท่ดี ินมีความเหมาะสมมากสำหรับการชลประทานทีร่ าบลุ่มเพอื่ การปลูกข้าว
5) ชั้นที่ R2 :ทีด่ ินมคี วามเหมาะสมปานกลางสำหรบั การชลประทานท่รี าบลุ่มเพื่อการปลูกข้าว
6) ชั้นท่ี R3 :ทีด่ ินไมเ่ หมาะสำหรบั การชลประทานเพือ่ การปลูกพืช

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-45 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้

เอกสารอ้างอิง :USBR. 1951 Bureau of Reclamation Manual. Vol. V . Irrigated land use. Part
2. Land classification. Bureau of Reclamation, Dept. of Interior, Denver Federal Center, Denver, Col.
80225, USA; USBR. 1967 Instructions for the conduct of feasibility grade land classification surveys
of the Lam Oon Project – Thailand. Office of Chief Engineer, Denver, Colorado, USA. ( ซึ่งกรมพัฒนา
ท่ี ดิ น ไ ด้ น ำ ม า ป รั บ ใ ช้ : Soil Interpretation Handbook for Thailand, Ministry of Agriculture and
Cooperatives, Department of Land Development and Food and Agriculture Organization of the
United Nations, Bangkok, February 1973)

การจัดชั้นความเหมาะสมของที่ดินสำหรับการชลประทานเพ่ือการปลูกพืช โดยการนำเอาข้อมูลต่าง ๆ
ของลักษณะภูมิประเทศ (ความลาดชันและสภาพพ้ืนที่และสมบัติท่ีสำคัญบางประการของดินแต่ละกลุ่มชุดดิน
ประกอบด้วยความลึกของดิน ประเภทของเน้ือดิน สภาพการระบายน้ำของดิน ปฏิกิริยาของดิน และความเค็มของดิน
นำมาประกอบใช้ในการพิจารณาการจัดช้ันความเหมาะเหมาะสมของทดี่ ินสำหรับการชลประทานเพ่ือการปลูกพืชของ
กลุ่มชดุ ดนิ ตา่ ง ๆ ในบรเิ วณพน้ื ทีร่ บั ประโยชน์โครงการ รายละเอียดผลการศกึ ษาไดส้ รปุ แสดงดังตารางที่ 3.4.3-6

ช้ันความเหมาะสมของทดี่ ินของแต่ละกลุ่มชดุ ดินสำหรับการชลประทานเพือ่ การปลูกพชื ในบริเวณพนื้ ท่รี ับ
ประโยชน์ของโครงการ มีรายละเอียดดังน้ี

- ชั้นที่ U1 ; ที่ดินมีความเหมาะสมมากสำหรับการชลประทานที่ดอนเพื่อการปลูกพืชไร่ ไม้ผล และ
ไมย้ ืนต้น : พบว่าประกอบดว้ ย 2 กลุ่มชดุ ดนิ คอื กลุ่มชุดดินท่ี 32 และกล่มุ ชุดดินที่ 32B มพี ื้นท่ีรวมกนั คิดเปน็ รอ้ ยละ
38.32 ของพ้ืนที่รับประโยชน์

- ชั้นที่ U2 ; ท่ีดินมีความเหมาะสมปานกลางสำหรับการชลประทานที่ดอนเพ่ือการปลูกพืชไร่ ไม้ผล
และไม้ยืนต้น : พบว่า ประกอบด้วย 4 กลุ่มชุดดินคือ กลุ่มชุดดินท่ี 26C กลุ่มชุดดินท่ี 34 กลุ่มชุดดินที่ 34B และ
กลุ่มชดุ ดินที่ 39B มีพื้นทีร่ วมกันคิดเปน็ รอ้ ยละ 34.73 ของพนื้ ทีร่ บั ประโยชน์

- ชัน้ ที่ U3 ; ท่ีดินไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับการชลประทานท่ีดอนเพอื่ การปลูกพชื ไร่ ไม้ผล และไม้ยนื ต้น
: พบว่าประกอบดว้ ย 1 กลุม่ ชดุ ดนิ คือ กลมุ่ ชดุ ดินท่ี 34C มพี นื้ ท่คี ดิ เปน็ รอ้ ยละ 0.97 ของพืน้ ท่ีรับประโยชน์

- ชั้นท่ี R1 ; ที่ดินมีความเหมาะสมมากสำหรับการชลประทานท่ีราบลุ่มเพ่ือการปลูกข้าว : พบว่า
ประกอบด้วย 2 กลุ่มชุดดิน คือกลุ่มชุดดินที่ 6 และกล่มุ ชุดดนิ ท่ี 17 มีพื้นท่ีรวมกนั คิดเป็นรอ้ ยละ 22.90 ของพื้นที่รับ
ประโยชน์

- ช้ันที่ 6 ; ที่ดนิ ไม่เหมาะสมสำหรบั การชลประทานเพื่อการปลูกพชื : พบวา่ ประกอบด้วย 2 กลมุ่ ชุดดิน
คอื กล่มุ ชุดดนิ ท่ี 45C และกลมุ่ ชุดดนิ ท่ี 62 มีพน้ื ท่รี วมกันคดิ เป็นรอ้ ยละ 2.57 ของพืน้ ท่ีรบั ประโยชน์

สรุป : ช้ันความเหมาะสมของที่ดินสำหรับการชลประทานเพื่อการปลูกพืชของกลุ่มชุดดินต่าง ในพ้ืนที่รับประโยชน์
ดังน้ี

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-46 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งต้น

ชั้นความเหมาะสมของท่ดี ิน กลุ่มชุดดนิ ท่จี ดั รวมอย่ใู นชนั้ พืน้ ท่ี
สำหรบั
ความเหมาะสมเดียวกนั ไร่ รอ้ ยละ
การชลประทานเพื่อการปลกู พชื 32 32B 4,696.77 38.32
U1 26 34 34B
39B 4,256.52 34.73
U2 34C
6 17 118.84 0.97
U3 45C 62 2,807.65 22.90
R1 314.40 2.57
6

ตารางท่ี 3.4.3-6 ช้ันความเหมาะสมของที่ดิน ของแตล่ ะกล่มุ ชดุ ดนิ สำหรบั การชลประทานเพ่อื การปลูกพชื ใน
พน้ื ทร่ี ับประโยชน์ของโครงการ
ชุดดิน ชั้นความเหมาะสมของท่ีดนิ เพอ่ื การชลประทานสำหรับการปลูกพชื

กล่มุ ชดุ ดนิ ในพ้นื ทล่ี ุม่ :
6 R1
17 R1

กลมุ่ ชดุ ดินในพ้ืนทดี่ อน :
26C U2
32 U1
32B U1
34 U2
34B U2
34C U3
39B U2
45C 6
62 6

4) แผนการดำเนินงานในขั้นถดั ไป
(1) จะทำการสำรวจดินในภาคสนามในบริเวณพ้ืนที่รับประโยชน์ของโครงการ และเก็บตัวอย่างดิน

มาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการประเมินปัญหาของดิน และระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินท่ี
เปน็ ปัจจุบนั

(2) ทำการจัดเตรยี มแผนที่ดินทเ่ี ป็นบริเวณพ้ืนทีศ่ กึ ษาโครงการ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-47 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทที่ 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้อื งต้น

3.4.4 ธรณีวทิ ยา แผน่ ดินไหว และวสั ดทุ ีใ่ ช้ในการก่อสรา้ ง
ลักษณะภูมิประเทศทั่วไปของจังหวัดพัทลุงเป็นเทือกเขาสูงทางด้านบริเวณตะวันตกตอนกลางและด้าน

ตะวนั ออกของจังหวัด เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำและที่ราบระหว่างหุบเขา บรเิ วณแนวรอยต่อระหว่างเทือกเขาด้านตะวันตก
กับท่ีราบตอนกลางเป็นท่ีเนินและที่ราบลอนลาด และมีที่ราบชายฝั่งทะเลเป็นแนวแคบ ๆ ขนานกับทะเลทางด้าน
ตะวันออกของจังหวัด พ้ืนที่จังหวัดพัทลุงรองรับด้วยหินแข็งอายุต้ังแต่ 570 ล้านปี มีทั้งหินตะกอน หินแปร และ
ตะกอนรว่ นแสดงดังรูปท่ี 3.4.4-1

1. ลำดับชัน้ หิน
พื้นที่จังหวัดพัทลุงร้อยละ 75 รองรับด้วย หินตะกอน หินแปร และตะกอนร่วน สามารถจาแนกย่อย

เป็นหนิ ตะกอนและหนิ แปร 9 หนว่ ย และตะกอนร่วน 7 หนว่ ย
หินตะกอน เกิดจากการสะสมและตกตะกอนทับถมของเศษหิน ดิน ทราย ที่แตกหลุดหรือ

ถกู ชะลา้ ง ละลายออกมาจากหนิ เดมิ โดยตัวการตามธรรมชาติ เช่น นำ้ ลม ธารนำ้ แข็ง นำ้ ทะเล พัดพาตะกอนไปทบั ถม
ในแอ่งสะสมตัวตะกอน ที่สะสมตัวมากขึ้นมีการกดทับอัดตัวกันแน่น การเช่ือมประสานและกลายเป็นหินในที่สุด
หนิ ตะกอนบางประเภทเกิดจากการตกตะกอนโดยมีปฏิกริ ยิ าทางเคมี เชน่ หินปนู หินโดโลไมต์

หินแปร เป็นหินท่ีเกิดจากการแปรสภาพของหินเดิม ซ่ึงเป็นได้ทั้งหินตะกอน หินอัคนี และหินแปร
ภายใต้อิทธิพลของความร้อนหรือความดัน หรือท้ังสองอย่าง กระบวนการแปรสภาพอาจทำให้เกิดการเรียงตัวของ
เม็ดแรห่ รอื เกิดแร่ใหมข่ ึ้น

ลาดบั ชัน้ หนิ ทีพ่ บในจงั หวัดพัทลงุ เรียงอายุจากแกไ่ ปออ่ น ได้ดังน้ี

1) หนิ ยุคแคมเบรียน (ε)
กลุ่มหินตะรุเตา เป็นชื่อที่ใช้เรียกหินยุคแคมเบรียน (อายุประมาณ 570-505 ล้านปี) ทางภาคใต้ของประเทศ

ประกอบ ด้วย หินทราย และหินควอร์ตไซต์สีขาว สีเทาอ่อน เม็ดละเอียดแสดงลักษณะเป็นช้ันหนาถึงบาง
มีการวางช้ันเรียงระดับ และแถบชั้นบาง พบกระจายตัวอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัด บริเวณท่ีติดต่อกับ
จงั หวดั สตูลและตรัง

2) หนิ ยุคออรโ์ ดวเิ ชยี น (O)
กลุ่มหินทุ่งสง ใช้เรียกหินปูนยุคออร์โดวิเชียน (อายุประมาณ 505-438 ล้านป)ี ซึง่ มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

ท้ังประเทศ ประกอบด้วย หินปูน สีเทา ผลึกละเอียดถึงหยาบ ช้ันบางถึงไม่แสดงชั้น มีเน้ือดินชั้นบาง ๆ แทรก
พบซากดึกดาบรรพ์จาพวกแกสโตรพอดและแบรคโิ อพอด

หินปูนมีส่วนประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) มีประโยชน์สามารถใช้
เป็นวัตถุดิบท้ังในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมเคมีนอกจากน้ียังสามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ดีหินปูนมี
คุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้ในน้ำที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ดังนั้นจึงมักพบถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยอยู่ในภูเขาหินปูน
หินปูนท่ีอยูใกล้หินแกรนิตจะแปรสภาพกลายเป็นหินอ่อน สามารถนำมาใช้เป็นหินประดับได้ ส่วนดินที่ผุพังมาจาก
หินปูนมักมีสีส้มแดงที่เรียกว่าดินแดงหรือดนิ แทร์รารอสซ่า (Terra rosa) มีแร่ธาตุท่ีจำเป็นต่อพืชอยหู่ ลายชนิด ดังนั้น
พื้นที่ราบที่อยู่ใกล้หินปูนจึงเป็นแหล่งเพาะปลูกได้ดีแม้ว่าภูเขาหินปูนจะมีความสูงชันและแสดงหน้าผาชัดเจน
แต่เน่ืองจากไม่มีตะกอนดินสะสมตัวอยู่บนยอดเขา ดังนั้นจึงไม่ใช่พื้นท่ีท่ีเส่ียงภัยต่อดินถล่ม แต่อาจพบปรากฏการณ์
หลมุ ยุบในบรเิ วณทร่ี าบใกลภ้ ูเขาหินปนู

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-48 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องต้น

กลุ่มหินทุ่งสงพบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของจังหวัด ต้ังแต่อาเภอศรีบรรพตลงมาจนถึง
อาเภอกงหรา ปรากฏเป็นเทือกเขาสูง เช่น เขาเขียว เขาพญาโฮ้ง เขาในวัง เขาครามเขาทุ่งโตน สามารถจาแนก
กลุม่ หนิ ทุ่งสงทพ่ี บในจังหวดั พทั ลงุ ออกเป็น 2 หมวดหินย่อย คอื

- หมวดหินแลตอง (Olt) ประกอบด้วย หินดินดาน และหินทรายแป้ง แทรกสลับด้วยหินปูน หินดินดานและ
หินทรายแป้งมีสีเทาแกมเขียว สีน้ำตาล แสดงลักษณะเป็นช้ันบาง หินปูนมีสีเทา แสดงลักษณะเป็นเลนส์ พบซากดึกดำบรรพ์
จำพวกหอยกาบคู่

- หมวดหินรังนก (Ork) ประกอบด้วย หินปูนเน้ือปนดิน สีเทาดา แสดงลักษณ ะเป็นชั้นบางถึง
ช้ันหนามาก พบซากดกึ ดำบรรพจ์ ำพวกแซฟาโลพอด ชนิดนอตลิ อยด์

3) หนิ ยคุ ไ ลเู รียน - ดโี วเนยี น (SD)
หมวดหินป่าเสม็ด (SDps) ประกอบด้วย หินดินดาน และหินโคลน มีสีดา พบซากดึกดาบรรพจาพวก

หอยกาบคู่แบรคิโอพอด แกรบโตไลต์ไทรโลไบต์และไครนอยด์ หมวดหินน้ีอายุประมาณ 438-360 ล้านปี
พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของอาเภอศรีบรรพต และด้านเหนือของอาเภอกงหรา ดินที่ผุพังมาจากหินดินดาน
มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์พอสมควร โดยเฉพาะแร่ธาตอุ าหารเสริมสำหรับพืชจึงสามารถใช้ประโยชน์ในดา้ นการเพาะปลูก
ไดค้ ่อนข้างดแี ตด่ ินอาจมคี วามร่วนซยุ ตำ่

4) หินยคุ คาร์บอนเิ ฟอรสั (C)
หมวดหินควนกลาง (Ck) ประกอบดวย หินโคลน หินโคลนเน้ือซิลิกา หินดินดาน หินเชิร์ต

และหินทราย มสี เี ทา แสดงลกั ษณะเปน็ ชน้ั บางถงึ หนา พบซากดกึ ดาบรรพ์จาพวกหอยกาบคู่ ไทรโลไบตแ์ ละไครนอยด์
หมวดหินนี้อายุประมาณ 360-286 ล้านปี ส่วนใหญ่พบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของจังหวัดพัทลุง และพบที่
อาเภอปากพยนู

5) หนิ ยคุ คาร์บอนเิ ฟอรัส - เพอรเ์ มยี น (CP)
กลุ่มหินแก่งกระจาน (CPk) เป็นชื่อท่ีใช้เรียกหินยุคคาร์บอนิเฟอรัส-เพอรเมียน (อายุประมาณ 320-255

ล้านปี) ประกอบด้วย หินโคลน และหินโคลนปนกรวด แทรกสลับด้วยหินทรายเกรย์แวก หินโคลนและ
หินโคลนปนกรวดมสี ีเทาแกมเขียวและสีเทาดา แสดงลักษณะเป็นชั้นหนา พบซากดึกดาบรรพ์จาพวกไทรโลไบตแ์ บรคิ
โอพอด หินทรายเกรย์แวกมีสีเทาดาและสีเทาแกมเขียว เม็ดละเอียดถึงหยาบปานกลาง ส่วนใหญ่ พบกระจายตัว
ทางดา้ นตะวนั ตกเฉียงเหนอื ของจงั หวัด ต้ังแตอ่ าเภอป่าพะยอมลงมาจนถึงกิ่งอาเภอศรีนครนิ ทร์วางตวั ในแนวตะวนั ตก
เฉียงเหนอื -ตะวนั ออกเฉยี งใตแ้ ละพบที่อาเภอตะโหมด

6) หินยุคเพอรเ์ มยี น (P)
กล่มุ หนิ ราชบุรีเปน็ ชือ่ ทใ่ี ชเ้ รยี กหนิ ยุคเพอรเ์ มยี น (อายปุ ระมาณ 286-245 ล้านป)ี ทแ่ี พร่กระจายอยตู่ ง้ั แต่

อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ลงมาจนถึงจังหวัดยะลาส่วนมากมีลักษณะเป็นเขาโดด กลุ่มหินสระบุรีโดยส่วน
ใหญ่แลว้ เป็นหินปูน แสดงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศแบบคาสต์ (karst)

หินปูนมีส่วนประกอบทางเคมีเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) มีประโยชน์สามารถใช้เป็นวัตถุดิบทั้งในอุตสาหกรรม
ปูนซีเมนต์และอุตสาหกรรมเคมี นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นวัสดุก่อสร้างได้ดีหินปูนมีคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้
ในน้ำทมี่ สี ภาพเป็นกรดออ่ นๆ ดงั นนั้ จึงมกั พบถ้ำทีม่ ีหินงอกหนิ ยอ้ ยอยูใ่ นภูเขาหนิ ปูน หินปนู ทีอ่ ยใู่ กล้หนิ แกรนติ จะแปร
สภาพกลายเป็นหินอ่อน สามารถนำมาใช้เป็นหินประดับได้ส่วนดินที่ผุพังมาจากหินปูนมักมีสีส้มแดงที่เรียกว่าดินแดง
หรือดินแทรร์ ารอสซ่า (Terra rosa) มแี ร่ธาตุท่ีจำเปน็ ต่อพืชอยู่หลายชนิด ดังนน้ั พ้ืนท่ีราบทอ่ี ยู่ใกล้หนิ ปูนจึงเปน็ แหล่ง

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-49 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

เพาะปลูกได้ดีแม้ว่าภูเขาหินปูนจะมีความสูงชันและแสดงหน้าผาชัดเจน แต่เน่ืองจากไม่มีตะกอนดินสะสมตัวอยู่บน
ยอดเขา ดงั น้ันจงึ ไม่ใชพ่ นื้ ทท่ี เ่ี สยี่ งภยั ต่อดินถลม่ แตอ่ าจพบปรากฏการณห์ ลุมยบุ ในบรเิ วณท่ีราบใกลภ้ เู ขาหนิ ปนู

กลมุ่ หินราชบุรี ประกอบด้วย หนิ ปูน และหินปนู เนอื้ โดโลไมต์ มีสเี ทาขาว แสดงลกั ษณะเป็นชน้ั ดี ชนั้ หนา
ถงึ หนามาก พบซากดกึ ดำบรรพจ์ ำพวกปะการังและแกสโตรพอด มกี ารกระจายตวั เปน็ เขาโดดลูกเล็ก ๆ ทม่ี ีความสูงไม่
เกิน 300 เมตร บริเวณเขาปู่ เขาย่า เขาวัง ในเขตอำเภอศรีบรรพต เขาชัยสน ในเขตอำเภอเขาชัยสนและเขาลูกโดด
ทางตะวันตกของอำเภอเมืองพัทลุง

7) หินยคุ ไทรแอส ิก (TR)
หมวดหนิ ไชยบรุ ี (TRch) ประกอบด้วย หินปูน สีเทาถึงเทาออ่ น แสดงชั้นหนิ ชัดเจนชน้ั หนาถงึ ไมแ่ สดงช้ัน

เน้ือหินตกผลึก พบซากดกึ ดำบรรพ์จำพวกโคโนดอนตห์ มวดหินนอี้ ายปุ ระมาณ 245-210 ลา้ นปี พบกระจายตัวเปน็ เขา
ลกู โดดด้านเหนอื ของอำเภอเมือง เช่น เขาชัยบุรี เขารุน เขานางชีเขาพลุ เขาจิงโจ้เขาอ้น เขาหนิ แทน่ เขาผเี ขาแดงเขา
อกทะลุ เขาคหู าสวรรค์ หินปูนบรเิ วณเขาพนมวังกเ์ ปน็ แหล่งหนิ ปูนเพ่อื อุตสาหกรรมกอ่ สรา้ งภายใน จังหวัดพทั ลุง

8) หนิ ยคุ จูแรส กิ – ครเี ทเชียส (JK)
กลุ่มหินตรัง เป็นชื่อที่ใช้เรียกหินตะกอนที่เกิดบนภาคพื้นทวีปในช่วงตอนต้นยุคจูแรสซิกถึงยุคครีเทเชีย

สตอนปลาย (อายุประมาณ 210-65 ลา้ นป)ี ท่พี บในภาคใต้ จงั หวัดพัทลงุ พบหมวดหินย่อยของกลุม่ หนิ ตรังเพียงหมวด
หินเดียว คือ หมวดหินลำทบั

หมวดหินห้วยลำทับ (JKI) ประกอบไปด้วย หินทรายอาร์โคส และหินทรายแป้ง สลับด้วยหินกรวดมน
หินทรายอาร์โคสมีสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลแดง เน้ือละเอียดถึงปานกลาง การคัดขนาดไม่ดีแสดงลักษณะเป็นชั้นบาง
หินทรายแป้งมีสีเทาแกมน้ำตาล สีน้ำตาลแกมแดง แสดงการวางช้ันเฉียงระดับ พบการกระจายตัวทางด้านตะวันตก
ของทะเลน้อย และด้านใต้ของอาเภอป่าบอน

หินทรายเนื้อละเอียดสามารถใช้เป็นแหล่งหินประดับและหินลับมีดได้บริเวณท่ีราบใกล้ภูเขาหินทรายใช้
ประโยชน์ในการเพาะปลูกได้คอ่ นข้างดี เนื่องจากดินมีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์พอสมควรสำหรับพืช ยกเว้นบริเวณท่เี ป็น
หนิ ทรายเนื้อควอตซซ์ งึ่ จะมแี ร่ธาตุคอ่ นขา้ งต่ำ

9) หินยุคเทอร์เชยี รี (T)
ประกอบด้วย หินโคลน หนิ ทรายแป้ง หนิ ทราย หินมาร์ล และหินปูนเนอื้ ดิน ท่ีมีลักษณะกงึ่ แข็งตัวเปน็ หิน

พบซากดึกดำบรรพ์มาก อีกทั้งพบลิกไนต์และยิปซัม หินยุคนี้ (อายุประมาณ 65-1.8 ล้านปี) พบกระจายตัวเป็นพื้นที่
เลก็ ๆ ทางดา้ นตะวนั ออกของอำเภอเขาชัยสนบรเิ วณแหลมจองถนน

10) ตะกอนร่วนยคุ ควอเทอรน์ ารี (Q)
ตะกอนยุคควอเทอร์นารีหมายถึง กรวด ทราย ดิน และดินเหนียว ที่ยังไม่แข็งตัวกลายเป็นหิน

อายุประมาณ 1.8 ล้านปีจนถึงปัจจุบัน กระจายตัวครอบคลุมพ้ืนที่จังหวัดพัทลุงเป็นบริเวณกว้างทางตอนกลางและ
ดา้ นตะวนั ออกของจังหวัด บริเวณด้านตะวันตกของขอบท่ีราบซึ่งติดต่อกับแนวเทือกเขาทางดา้ นตะวนั ตกของจังหวัด
เปน็ พวกตะกอนเศษหินเชงิ เขา บริเวณตอนกลางเปน็ ที่ราบตะกอนนำ้ พา สามารถจำแนกตะกอนร่วนในพ้ืนทโี่ ดยอาศัย
ชนดิ ของตะกอนและสภาวะแวดล้อมของการตกตะกอนออกเป็น 7 หน่วยตะกอนยอ่ ย คือ

1) ตะกอนน้ำพา (Qa) ประกอบด้วย กรวด ทราย ทรายแป้ง และดินเหนียว เกิดจากน้ำพัดพา กรวด หิน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-50 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

ดิน ทราย ไปสะสมตัวอย่างไม่เป็นระบบ มีอิทธิพลของความลาดชันและน้ำผิวดินปะปนบ้างจึงได้ตะกอนหลากหลาย
ชนิดปนกัน ลักษณะเป็นภูมิประเทศท่ีราบริมแม่น้ำพื้นท่ีราบนี้มักเป็นแหล่งสะสมตัวของช้ันทรายแม่น้ำ บางแห่ง
สามารถหาแหลง่ ทรายก่อสรา้ งและดินเหนียวสำหรับเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเครื่องป้ันดินเผา โดยทั่วไปสภาพดิน
เป็นดนิ ร่วนทม่ี ีแร่ธาตทุ ่ีจำเปน็ ต่อพชื อุดมสมบูรณ์เหมาะตอ่ การเพาะปลูกมากท่สี ดุ แตเ่ นื่องจากเปน็ ที่ราบจึงมักประสบ
กบั นำ้ ทว่ มขงั ในชว่ งฤดฝู นเป็นประจำ

2) ตะกอนเศษหินเชิงเขาและตะกอนผุพังอยู่กับท่ี (Qc) เศษหินประกอบด้วย หินควอร์ตไซต์หินทราย
หินทรายแปง้ หินแกรนิต ทราย ทรายแปง้ ดินลูกรงั และศลิ าแลง เกดิ จากการผพุ งั ของหินเดมิ ตะกอนถกู พดั พาไมไ่ กล
จึงมักพบตามเชิงเขาหรือขอบแอ่ง หน่วยตะกอนน้ีใช้เป็นแหล่งดินถมสำหรับการก่อสร้างได้และเป็นหลักฐานสำหรับ
แสดงถงึ การเกดิ แผ่นดินถลม่ ในอดีต เนื่องจากการปรับตัวสู่สมดุลของธรรมชาติซึ่งหลายพ้ืนท่ยี ังคงมีความเสยี่ งต่อการ
เกดิ ดินถลม่ ไดอ้ กี จึงไมเ่ หมาะสำหรบั การต้งั ทอี่ ย่อู าศัย

3) ตะกอนที่ลุ่มป่าชายเลน (Qmp) ประกอบด้วย พีต สีดำถึงน้ำตาลเข้ม ผุมาก พบซากไม้ ใบไม้ลำตน้ และราก
แทรกดว้ ยดนิ เหนียวเน้อื นมุ่

4) ตะกอนลากนู (Qlg) ประกอบด้วย ทรายแป้ง ทรายเน้อื ละเอียดมาก มีสเี ทาจาง เนอ้ื แนน่ รว่ น มีจุดประน้อย
5) ตะกอนที่ราบลุ่มน้ำข้ึนถึง (Qtf) ประกอบด้วย ดินเหนียว มีสีเทาและสีเทาแกมเขียว มีชั้นบาง ๆ ของ
ทรายเนือ้ ละเอียดมากหรือทรายแป้งแทรก พบเปลือกหอยและซากพชื
6) ตะกอนท่ีราบน้ำท่วมน้ำขึ้นถึงบนตะกอนป่าชายเลน (Qtm) ประกอบด้วย ดินเหนียว สีเทา สีเทาแกมเขียว
อ่อนนุ่ม วางตวั บนพตี หรือดนิ เหนียวเน้ือพีต ผุมาก
7) ตะกอนสันทรายเก่า (Qbo) ประกอบด้วย ทราย สีน้ำตาลจาง เม็ดละเอียดมากถึงปานกลาง ร่วน
การคัดขนาดดเี มด็ กลม
2. หินอคั นี
หินอัคนแี บ่งตามลกั ษณะการเกิดได้ 2 ชนิด คือ 1) หินอัคนีแทรกซอน ซึ่งเป็นหินอัคนีท่เี กิดอยู่ในระดับลึก
โดยการตกผลึกจากหินหนืด มีลักษณะเนื้อหยาบหรอื ค่อนข้างหยาบ (เม็ดแร่มีขนาดต้ังแต่ 1 มิลลเิ มตรข้นึ ไป) ที่รู้จักกนั ดี
ก็คือหินแกรนิต ซี่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับการกำเนิดแร่เศรษฐกิจหลายชนิด เช่น แร่ดบี ุก วุลแฟรม ฟลูออไรด์ และ
แบไรต์ หินแกรนิตมีความแข็งแกร่งสามารถนำมาใช้เป็นหินประดบั ได้และ 2) หนิ ภูเขาไฟ เป็นหินท่ีเกิดจากการระเบิด
ของภเู ขาไฟทพ่ี ุข้ึนมาเย็นตวั บนผวิ โลก หนิ ชนิดน้จี ะมีเน้อื ละเอยี ดหรือเนียนเปน็ เน้ือเดยี วกนั หมด มีความสัมพันธอ์ ยา่ ง
ใกล้ชิดกับแรท่ องคำ ทองแดง และแร่โลหะหลายชนิด ดินท่ีผพุ ังมาจากหนิ ภูเขาไฟจะอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตทุ ่ีจำเป็น
ต่อพืชจงึ เป็นพนื้ ท่ที เ่ี หมาะสมสำหรบั การเกษตรกรรมมาก
ประเทศไทยอยใู่ นเขตป่ารอ้ นชืน้ หนิ อัคนีจึงถกู กระบวนการผุพังไดง้ ่าย ทำให้เกิดช้ันดินหนาสะสมตัวอยู่บน
ยอดเขา เม่ือมีฝนตกเป็นจำนวนมากดินเหล่านี้จะไหลถล่มลงมา ดังนั้น พื้นท่ีที่อยู่ใกล้ภูเขาหินอัคนีจึงมีความเส่ียงต่อ
การเกดิ แผ่นดินถลม่ มาก จังหวัดพทั ลุงพบหินอัคนีเพียงประเภทเดียว คือ
หินอัคนแี ทรก อนชนดิ หนิ แกรนติ ยุคไทรแอส กิ (Trgr)
ประกอบด้วย หินไบโอไทต์-มัสโคไวต์แกรนิต เนื้อปานกลางถึงหยาบเนื้อสม่ำเสมอ และเน้ือของหินยุคน้ี
อายปุ ระมาณ 245-210 ล้านปี พบกระจายตัวเป็นเทอื กเขาสลับซบั ซ้อนทางด้านตะวนั ตกของจังหวัด วางตวั ทอดยาว
ในทศิ ทางตะวนั ตกเฉียงเหนือ-ตะวนั ออกเฉียงใต้เปน็ แนวเทอื กเขาทก่ี ัน้ ระหวา่ งจังหวัดพัทลงุ กบั ตรัง

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-51 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งต้น

3. สภาพธรณีวทิ ยาในพน้ื ที่โครงการ
สภาพธรณีวิทยาพ้ืนท่ีโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว

อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง พบตะกอนเศษหนิ เชิงเขาและตะกอนผพุ ังอยู่กับที่ (Qc) และ หินอัคนแี ทรก
ซอนชนดิ หนิ แกรนิต ยคุ ไทรแอสซกิ (Trgr) แสดงดังรปู ที่ 3.4.4-2

4. การเกิดแผน่ ดินไหว
จากการศึกษารอยเล่ือนมีพลังในประเทศไทย ฉบับ พ.ศ.2562 โดยกรมทรัพยากรธรณี กระทรวง

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำหนดรอยเล่ือนมีพลังจำนวน 16 กลุ่มรอยเล่ือนแสดงดังรูปท่ี 3.4.4-3
ไม่พบกลุ่มรอยเลอื่ นทอี่ ยู่ใกลพ้ น้ื ที่ศกึ ษา

จากการศึกษาแผนท่ีภัยพิบัติแผ่นดินไหวประเทศไทย ของกรมทรัพยากรธรณี พ.ศ.2561 พบว่า พื้นที่
โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติแผ่นดินไหวระดับ I-III ตามมาตราเมอร์คัลลี่ แสดงดังรูปที่ 3.4.4-4 ซึ่งอยู่ในระดับ
เบาคนธรรมดาจะไม่รูส้ กึ แต่เครือ่ งวัดสามารถตรวจจับได้

สำหรบั การศึกษาธรณีวิทยาแผ่นดินไหวในพ้ืนท่ีโครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเกบ็ น้ำ
เหมืองตะก่ัว อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง ได้ศึกษารอยเลื่อนที่อยู่ใกล้พ้ืนท่ีหัวงานสรุปจากแผนท่ีรอย
เล่ือนมีพลังในประเทศไทย ของกรมทรัพยากรธรณี ปี พ.ศ. 2562 พบว่าบรเิ วณท่ีต้ังโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ ในรศั มี 150 กิโลเมตร ไมม่ ีรอยเลื่อนทอ่ี ยใู่ นขอบเขต แสดงดงั รปู ท่ี 3.4.4-5

ทัง้ น้ี จากตารางท่ี 3.4.4-1 พบว่า ไมม่ สี ถิติการเกิดแผ่นดนิ ไหวท่มี ศี ูนยก์ ลางอยใู่ นบรเิ วณพ้ืนทศ่ี ึกษา

5. ดนิ ถล่ม
จากการศกึ ษาทบทวนข้อมูลพ้ืนทเี่ สีย่ งภัยดนิ ถลม่ ในพนื้ ที่โครงการและบริเวณใกลเ้ คียง โดยรวบรวมข้อมูล

จากแผนท่ีเสี่ยงภัยดินถล่ม จังหวัดพัทลุง ของกรมทรัพยากรธรณี ปี พ.ศ. 2556 ครอบคลุมพ้ืนที่หัวงาน, อ่างเก็บน้ำ
เหมืองตะกั่ว และพื้นที่รับประโยชน์ท้ายอ่างเก็บน้ำ พบว่า พื้นท่ีโครงการเป็นพ้ืนที่ที่มีระดับความเส่ียง ดังนั้นในการ
ออกแบบโครงสร้างจะออกแบบตามมาตรฐานกรมโยธาธิการและผังเมือง มยผ. 1916-62 : มาตรฐานประกอบการ
วิเคราะห์ความมน่ั คงในพน้ื ทีเ่ สีย่ งภัยดนิ ถลม่ แสดงดงั รูปท่ี 3.4.4-6

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-52 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

รูปท่ี 3.4.4-1 แผนที่ธรณี ิวทยาจังห ัวด ัพทลุง

่ทีมา : กรมท ัรพยากรธร ีณ, 2550

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-53 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)


Click to View FlipBook Version