The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pang Natthiyaa, 2022-07-27 01:24:21

รายงานฉบับกลาง

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น

3.6 การศึกษาคณุ คา่ การใชป้ ระโยชน์ของมนุษย์

3.6.1 การชลประทาน

3.6.1.1 ความก้าวหน้าของการศึกษา

1. โครงการพัฒนาแหล่งนำ้

โครงการพฒั นาแหล่งนำ้ ของกรมชลประทานทีไ่ ดด้ ำเนนิ การในพืน้ ทล่ี มุ่ ทะเลหลวง จากอดตี จนถงึ ปจั จบุ นั 2563 มี

จำนวนท้ังหมด 3 แหง่ ได้แก่ โครงการอ่างเกบ็ นำ้ ปา่ พะยอม โครงการอ่างเกบ็ นำ้ ปา่ บอน และโครงการอา่ งเกบ็ นำ้ คลองหัวชา้ ง

อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ โดยการพฒั นาแหล่งน้ำทงั้ หมดในปจั จบุ นั สามารถเก็บกกั นำ้ ไดป้ ระมาณ 70.50 ล้านลูกบาศก์เมตร

1) โครงการอ่างเกบ็ นำ้ ป่าพะยอม

เพ่ือการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตโครงการฝายบ้านพร้าว จังหวัดพัทลุง กรมชลประทานจึง

วางโครงการพิจารณาก่อสร้างโครงการเก็บน้ำป่าพะยอมอันเนื่องมาจากพระราชดำริข้ึนโดยมีลักษณะโครงการย่อย คือ สร้าง

เขือ่ นดินปิดก้ันคลองป่าพะยอมทางต้นน้ำเหนือฝายทดน้ำของโครงการบ้านพรา้ วขึ้นไปประมาณ 15 กิโลเมตร มีพนื้ ที่รับน้ำฝน

เหนอื เขือ่ นประมาณ 24 ตารางกิโลเมตร และจากการทำ RESERVIOR OPERATION STUDY เพอื่ หาขนาดความจขุ องอ่างเก็บน้ำ

ที่เหมาะสม ปรากฏว่าควรสรา้ งอ่างเก็บน้ำมีความจปุ ระมาณ 20.50 ล้านลูกบาศก์เมตร ความยาวเข่ือนดิน 255 เมตร ความสูง

33.00 เมตร พร้อมทัง้ สรา้ งอาคารระบายนำ้ และทอ่ สง่ นำ้ จากอา่ งเกบ็ น้ำลงสลู่ ำนำ้ เดิมด้านทา้ ยเขอื่ น เพ่อื ใช้ระบายนำ้ ลงส่ลู ำน้ำ

ให้กับฝายบ้านพร้าวที่อยู่ตอนล่าง เมื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำป่าพะยอมเสร็จแล้วจะสามารถช่วยเหลือพ้ืนท่ีเพาะปลูกในเขต

โครงการบ้านพรา้ ว ในพืน้ ท่ชี ลประทาน 35,700 ไร่ โดยเฉลีย่ ในระยะฤดฝู นประมาณ 21,500 ไร่ และประมาณ 4,000 ไร่ ในระยะ

ฤดแู ลง้

ที่ต้ังหัวงานตั้งอยู่ที่ Lattitude 7-45-31 เหนือ Longtitude 99-45-35 ตะวันออก บ้านวังเลน ตำบลเกาะเต่า

อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพทั ลุง สรุปรายละเอียดโครงการได้ดังน้ี

- พ้นื ทรี่ ับนำ้ ฝนเหนอื เข่ือน 24 ตารางกโิ ลเมตร

- ทำนบดนิ สงู 33.0 เมตร

- ยาว 255 เมตร

- ระดับสนั ทำนบดนิ +112.50 เมตร (รทก.)

- ระดบั นำ้ เก็บกัก +109.00 เมตร (รทก.)

- ระดับนำ้ สูงสุด +110.50 เมตร (รทก.)

- ระดับธรณีท่อสง่ น้ำ +91.00 เมตร (รทก.)

- ความจนุ ำ้ ทีร่ ะดบั เก็บกัก 20.50 ลา้ นลูกบาศกเ์ มตร

- พน้ื ทผี่ วิ นำ้ ทรี่ ะดับเกบ็ กัก 2.17 ตารางกโิ ลเมตร

- River Outlet ขนาด 1-∅ 1.00 เมตร ยาว 195.90 เมตร

สามารถระบายนำ้ ได้ 5.0 ลกู บาศก์เมตร/วินาที 1 แหง่

- อาคารทางระบายนำ้ ขนาด 2-3.00✕3.35 เมตร ยาว 250.80 เมตร

สามารถระบายนำ้ ได้ 80 ลกู บาศก์เมตร/วินาที 1 แหง่

ทำนบดินปดิ ชอ่ งเขาขาด 1 แห่ง มรี ายละเอยี ดดงั นี้

- ทำนบดนิ สงู 7 เมตร

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-104 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งต้น

- ยาว 350.00 เมตร

- ระดับสนั ทำนบดนิ +112.50 เมตร (รทก.)

งานระบบประปาเพือ่ การอปุ โภคและบรโิ ภค

- ท่อสง่ นำ้ สายใหญ่ และสายซอย 7 กิโลเมตร

2) โครงการอา่ งเก็บน้ำป่าบอน

โครงการอ่างเก็บน้ำป่าบอน ต้ังอยู่ที่บ้านโหล๊ะหาร หมู่ 7 ตำบลทุ่งนารี อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง

ตามแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร มาตราส่วน 1:50,000 III 47 NPJ 792 - 620 เร่ิมก่อสร้างปี พ.ศ. 2537 ก่อสร้างเสร็จ

ปี พ.ศ. 2543 สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่ฝายทดน้ำคลองป่าบอน พื้นที่รับประโยชน์ 7,000 ไร่ ให้มีน้ำสำหรับทำนาได้

อย่างเพียงพอและท่ัวถึง สรปุ รายละเอยี ดโครงการได้ดงั น้ี

อา่ งเกบ็ นำ้

- ขนาดความจุ 20 ลา้ นลกู บาศก์เมตร

- พ้นื ที่ผวิ อา่ งเกบ็ นำ้ ท่รี ะดบั เกบ็ กัก 1.15 ตารางกโิ ลเมตร

- พื้นทผี่ วิ อ่างเก็บนำ้ ท่รี ะดบั นำ้ สูงสดุ 1.25 ตารางกิโลเมตร

- พืน้ ที่รับน้ำเหนอื จดุ ท่ีต้ังหวั งานโครงการฯ 29.70 ตารางกโิ ลเมตร

- ความยาวของลำนำ้ จากตน้ นำ้ ถงึ หัวงานโครงการฯ 10.00 กิโลเมตร

- ความลาดเทของลำนำ้ บรเิ วณหัวงานโครงการฯ 1:9,000

- ปริมาณนำ้ ไหลผา่ นหัวงานโครงการฯปีละประมาณ 33,179,000 ลกู บาศกเ์ มตร

- ปรมิ าณฝนเฉล่ียปลี ะ 2,736.36 ลูกบาศก์มิลลเิ มตร

- จำนวนวันที่ฝนตกเฉล่ยี ทง้ั ปี 102 วนั

- อัตราการระเหยของน้ำเฉลยี่ ท้งั ปี 1,317.40 ลกู บาศก์มลิ ลิเมตร

ทำนบดนิ

- ทำนบดนิ ชนดิ Zone Type

- สนั ทำนบดินกวา้ ง 10.00 เมตร

- ความสงู ทำนบดินทรี่ ะดับสงู สดุ 46.00 เมตร

- ความยาวทำนบดนิ 750.00 เมตร

- ระดับท้องนำ้ ประมาณ +69.00 เมตร (รทก.)

- ระดับนำ้ ต่ำสดุ Dead Storage +86.20 เมตร (รทก.)

- ระดับนำ้ ท่รี ะดบั เกบ็ กัก +110.00 เมตร (รทก.)

- ระดับนำ้ ทีร่ ะดบั สงู สดุ +112.00 เมตร (รทก.)

- ระดบั หลงั ทำนบดิน +114.00 เมตร (รทก.)

อาคารประกอบ

-.อาคารระบายน้ำ (RIBER OUTLET)

- ประเภททอ่ กลม (STEEL LINER) 2.50 เมตร

- ความยาว 250.00 เมตร

- สามารถระบายนำ้ ได้สูงสดุ 50.00 ลกู บาศก์เมตร/วินาที

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-105 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอ้ื งตน้

- อาคารระบายน้ำล้น (SPKLLWAY)

- ประเภท CHANNEL

- สามารถระบายน้ำไดส้ งู สดุ 140.00 ลกู บาศกเ์ มตร/วนิ าที

3) โครงการอ่างเก็บนำ้ คลองหวั ช้าง อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ

โครงการอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ตั้งอยู่ที่ บ้านหัวช้าง หมู่ท่ี 2 และบ้าน

คลองนุ้ย หมู่ที่ 5 ตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง Latitude 7๐ 18' 43" เหนือ Longtitude 100๐ 01'

03" ตะวนั ออก เริ่มก่อสร้างปี พ.ศ. 2548 ก่อสรา้ งเสรจ็ ปี พ.ศ. 2549 เพ่ือเป็นแหล่งนำ้ ตน้ ทนุ ช่วยเหลือการเพาะปลูก

ให้แก่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาท่าเชียด จังหวัดพัทลุง แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาวะฝนทิ้งช่วง สรุป

รายละเอยี ดโครงการได้ดังนี้

- พ้ืนที่รับน้ำลงอา่ งฯ 30.80 ตารางกิโลเมตร

- ปรมิ าณนำ้ ทา่ ไหลลงอา่ งฯ ในเขตเกณฑเ์ ฉลย่ี 41.83 ล้านลกู บาศก์เมตร/ปี

- ปริมาณฝนเฉลี่ยทง้ั ปีประมาณ 2,130 มลิ ลิเมตร

- จำนวนวนั ทฝี่ นตกเฉลี่ยทั้งปปี ระมาณ 63.8 วัน

- ความยาวของลำนำ้ จากตน้ นำ้ ถึงทำนบดนิ ประมาณ 11.50 กม.

- ปริมาณนำ้ นองสูงสุดในรอบ 100 ปี ประมาณ 140 ลกู บาศกเ์ มตร/วนิ าที

- ปริมาณนำ้ นองสงู สดุ ในรอบ 500 ปี ประมาณ 180 ลูกบาศกเ์ มตร/วนิ าที

อา่ งเกบ็ นำ้

- ประเภทโครงการอ่างเกบ็ น้ำ

- ระดับนำ้ สงู สุด (รนส.) +66.22 เมตร (รทก.)

- ระดบั นำ้ เก็บกกั (รนก.) +64.50 เมตร (รทก.)

- ระดับนำ้ ตำ่ สดุ (รนต.) +47.00 เมตร (รทก.)

- ปริมาณนำ้ ท่ีระดบั เก็บกกั 30.00 ล้าน ลูกบาศก์เมตร

- ปรมิ าณนำ้ ทีร่ ะดบั ตำ่ สุด 0.550 ล้าน ลกู บาศกเ์ มตร

- พน้ื ที่ผวิ น้ำทร่ี ะดับสูงสดุ 3,056 ไร่

- พื้นทผ่ี วิ น้ำที่ระดบั เก็บกัก 2,750 ไร่

- พื้นทีน่ ำ้ ทีร่ ะดบั นำ้ ตำ่ สดุ 138 ไร่

- ระดบั สนั เขอ่ื น +68.50 เมตร (รทก.)

- ความยาวสันเข่ือน 747.00 เมตร

- ความกวา้ งสนั เข่ือน 9.00 เมตร

- ความสูงเขอ่ื น 28.00 เมตร

นอกจากน้ีกรมชลประทานยงั มีแผนพัฒนาแหลง่ น้ำในเขตพ้ืนที่ศกึ ษา จำนวน 4 แหง่ สามารถเก็บกกั น้ำ
ได้ความจุรวมประมาณ 34.14 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่, โครงการอ่างเก็บน้ำพรุพ้อ,
โครงการอ่างเก็บน้ำโล๊ะจังกระ และโครงการอ่างเก็บน้ำโตนแพรทอง โดยรายละเอียดของโครงการ แสดงดังตารางที่
3.6.1-1 และตำแหนง่ โครงการพฒั นาแหลง่ น้ำปจั จุบันและอนาคต แสดงดังรปู ท่ี 3.6.1-1

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-106 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบื้องต้น

2. การสำรวจและตรวจเย่ยี มพน้ื ที่โครงการ
กลุ่มผู้เช่ียวชาญและวิศวกรสนับสนุน ได้ตรวจสอบบริเวณพ้ืนที่โครงการ เม่ือวันท่ี 9 ตุลาคม 2562

ไดเ้ ขา้ พบประชาชนในพนื้ ทแี่ ละตรวจสอบพ้ืนท่ีโครงการเบื้องตน้ แสดงดังรปู ที่ 3.6.1-2

ตารางท่ี 3.6.1-1 โครงการพัฒนาแหลง่ น้ำทีม่ ศี ักยภาพในพนื้ ทศ่ี กึ ษา

ท่ีตง้ั ศักยภาพของโครงการ ปีท่ีเร่ิม พกิ ัด (WGS)
ก่อสร้าง
ล้าดับที่ ชอ่ื โครงการ ต้าบล อ้าเภอ จังหวัด ความจุเพม่ิ ขน้ึ พนื้ ท่ีรับปรโยชนเ์ พมิ่ ขนึ้ LAT LONG
2565
(ล้าน ลบ.ม.) (ไร่ ) 2565
2565
1 อ่างเก็บนา้ คลองใหญ่ บ้านนา ศรีนครินทร์ พัทลุง 15.00 49,300.00 2566 7.5794 99.8503
2 อ่างเก็บนา้ พรพุ ้อ โคกทราย ป่าบอน พัทลุง 7.169739 100.171591
3 อ่างเก็บนา้ โล๊ะจงั กระ คลองเฉลมิ กงหรา พัทลุง 10.50 13,000.00 7.3241
4 อ่างเก็บนา้ โตนแพรทอง พัทลุง 7.4871 99.9793
รวม กงหรา กงหรา 5.04 7,000.00 99.9026
จ้านวน 4 แห่ง
3.60 5,000.00

34.14 74,300.00

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-107 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งตน้

ทมี่ า : กลมุ่ บรษิ ทั ท่ีปรกึ ษา, 2563

รปู ท่ี 3.6.1-1 โครงการพัฒนาแหล่งนำ้ ในปจั จบุ นั และอนาคตของพืน้ ที่ลมุ่ นำ้ ทะเลหลวง

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-108 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอื้ งต้น

รปู ท่ี 3.6.1-2 พบประชาชนในพนื้ ที่และตรวจสอบพื้นที่โครงการเบ้อื งตน้

3.6.1.2 ปัญหาอปุ สรรคและแนวทางการแก้ไข
ไม่พบปญั หาและอปุ สรรคแต่อยา่ งใด

3.6.1.3 แผนการดำเนนิ งานในขัน้ ถดั ไป
คัดเลอื กรูปแบบทางเลือกระบบชลประทาน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-109 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบ้อื งตน้

3.6.2 เกษตรกรรม ปศุสตั ว์ และการเพาะเลีย้ งสัตว์น้ำ
3.6.2.1 การศกึ ษาด้านการเกษตร

3.6.2.1.1 ระบบการปลกู พืช และความเข้มขน้ ของการปลกู พชื เมอ่ื มกี ารพฒั นาโครงการ
1) กรณปี จั จบุ ัน / อนาคตไม่มโี ครงการฯ

ผลการศึกษาเก่ียวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในส่วนของบริเวณที่เป็นพื้นทร่ี ับประโยชน์ของโครงการมีจำนวน
12,256.14 ไร่ พบวา่ ปี พ.ศ.2561 มีการใช้ประโยชน์ทดี่ ิน 4 ประเภท โดยพืน้ ท่ีส่วนใหญ่ประมาณ 9 ส่วนใน 10 สว่ น
ของพื้นที่รับประโยชน์เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 10,779.74 ไร่ (พ้ืนท่ีร้อยละ 87.97 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) การใช้
ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนท่ีเกษตรกรรม แบ่งออกเปน็ กล่มุ พชื และกลุ่มสตั ว์ชนดิ ต่าง ๆ โดยพ้ืนท่ีส่วนใหญ่หรอื เกือบท้ังหมด
ในพ้ืนที่เกษตรกรรมเป็นกลุ่มไม้ยืนต้น (พ้ืนที่ร้อยละ 86.17 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พื้นที่ส่วนท่ีเหลืออีกไม่มากนัก
ประกอบดว้ ยกลุ่มไม้ผล (พืน้ ที่รอ้ ยละ 0.99) กลุม่ พ้นื ทีน่ า (พ้ืนทร่ี ้อยละ 0.47) กลุม่ ท่งุ หญ้าเล้ียงสัตว์และโรงเรอื นเลยี้ ง
สัตว์ (พื้นที่ร้อยละ 0.27) และกล่มุ พืชไร่ (พื้นที่รอ้ ยละ 0.07) สำหรับพ้ืนท่ีเกษตรกรรมยังแบ่งย่อยออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ
ไดด้ ังนี้

- กลุ่มไม้ยืนต้น : พบว่ามีพ้ืนที่มากที่สุดในพื้นที่เกษตรกรรมโดยมีจำนวน 10,560.17 ไร่ คิดเป็นร้อยละ
97.96 ของพน้ื ทเ่ี กษตรกรรม พื้นทีส่ ว่ นใหญ่หรอื เกือบทั้งหมดเปน็ พ้นื ท่ีปลกู ยางพารา (พนื้ ทีร่ อ้ ยละ 96.90) พืน้ ท่ีสว่ นท่ี
เหลืออีกไม่มากนักเป็นพ้ืนที่ปลูกปาล์มน้ำมัน (พ้ืนที่ร้อยละ 1.03) และท่ีมีพ้ืนที่เพียงเล็กน้อยมาก ๆ เป็นพ้ืนที่ปลูก
กระถนิ (พื้นทร่ี ้อยละ 0.03)

- กลุ่มไมผ้ ล : พบว่ามีพ้ืนทีค่ ่อนข้างน้อยในพ้นื ที่เกษตรกรรม โดยมจี ำนวน 121.63 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 1.13
ของพื้นที่เกษตรกรรม พ้ืนท่ีส่วนใหญ่หรือเกือบท้ังหมดเป็นพ้ืนที่ปลูกไม้ผลผสม (พื้นท่ีร้อยละ 1.07) พื้นท่ีส่วนที่เหลือ
อีกเพียงเล็กน้อย ประกอบด้วยพ้ืนที่ปลูกลางสาด ลองกอง (พ้ืนที่ร้อยละ 0.04) และพื้นท่ีปลูกกล้วย (พ้ืนท่ีร้อยละ
0.02)

- กลุ่มพื้นที่นา : พบว่ามีพ้ืนที่น้อยมากในพ้ืนท่ีเกษตรกรรม โดยมีจำนวน 57.08 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.53
ของพน้ื ท่เี กษตรกรรม พ้นื ท่ีเกือบทง้ั หมดเปน็ นาข้าว (พืน้ ท่รี อ้ ยละ 0.47) ส่วนท่เี หลอื อกี เพียงเล็กน้อยเปน็ นาร้าง (พน้ื ท่ี
รอ้ ยละ 0.05)

- กลุ่มทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และโรงเรือนเล้ียงสัตว์ : พบว่ามีพื้นท่ีน้อยในพื้นท่ีเกษตรกรรม โดยมีจำนวน
32.94 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.30 ของพื้นที่เกษตรกรรม ประกอบด้วยโรงเรือนเล้ียงสัตว์ปีก (พื้นที่ร้อยละ 0.22) และ
โรงเรอื นเล้ียงสุกร (พนื้ ท่ีร้อยละ 0.08)

- กลุม่ พืชไร่ : พบว่ามีพนื้ ท่เี พียงเล็กน้อยมาก ๆ ในพื้นที่เกษตรกรรม โดยมจี ำนวน 7.92 ไร่ คิดเป็นรอ้ ยละ
0.07 ของพ้ืนที่เกษตรกรรม ประกอบด้วยพื้นท่ีปลูกสับปะรด (พ้ืนที่ร้อยละ 0.05) และพ้ืนท่ีปลูกมันสำปะหลัง (พ้ืนที่
ร้อยละ 0.02)

สำหรับประสิทธิภาพพ้ืนที่ใช้ประโยชน์ที่ดินทางการเกษตรนั้นจะไม่นำพื้นท่ีนาร้าง จำนวน 5.68 ไร่
มาคำนวณด้วย ซ่งึ พนื้ ที่ดังกล่าวเปน็ พน้ื ทที่ ไ่ี มไ่ ด้ใช้ประโยชน์ จึงส่งผลใหพ้ ้นื ทรี่ บั ประโยชน์ของโครงการมปี ระสิทธิภาพ
การใช้ประโยชน์พื้นท่ีการเกษตร (Cropping Intensity: CI) เท่ากับ 99.95 % เปรียบเทียบการใช้พื้นที่รับประโยชน์
ทางการเกษตรทั้งหมด โดยระบบปฏิทินการผลิต กรณีปจั จบุ นั /อนาคตไม่มโี ครงการ แสดงดังตารางที่ 3.6.2-1

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-110 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะก่วั บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้

ตารางท่ี 3.6.2-1 ประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์พ้ืนที่การเกษตร (Cropping Intensity: CI) และระบบป ทิ ินการ
ผลิตพชื กรณีปัจจุบัน/อนาคตไม่มโี ครงการ

สภาพพนื้ ท่ี/ระบบการผลติ ปฏิทินการผลติ เนอื้ ที่ (ไร่)/ฤดกู าลผลติ /ร้อยละของพนื้ ทกี่ ารเกษตร

ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ฤดฝู น ร้อยละ ฤดแู ลง้ ร้อยละ ตลอดปี ร้อยละ

ท่ีราบลุ่ม ระบบข้าวนาปเี ชิงเด่ียว 51.40 0.48

ข้าวพนั ธ์พุ นื เมือง ข้าวพนั ธพุ์ นื้ เมือง 51 ไร่ 51.40 0.48 - - --

พชื ไร่ -- -- 7.92 0.07

มันส้าปะหลงั มนั สาปะหลงั 1.98 ไร่ -- -- 1.98 0.02

สบั ปะรด สบั ปะรด 5.94 ไร่ -- -- 5.94 0.06

ไม้ยนื ต้น 10,560.17 97.96

ยางพารา ยาพารา (10.446.62 ไร่ -- - - 10,446.62 96.91

ปาลม์ น้ามัน ปาลม์ น้ามัน 111.02 ไร่ -- -- 111.02 1.03

ไม้สกั กระถิน 2.53 ไร่ -- -- 2.53 0.02

ไม้ผล 121.63 1.13

ไม้ผลผสม ไมผ้ ลผสม (114.31 ไร่ -- -- 114.31 1.06

กลว้ ย กล้วย (1.99 ไร่ -- -- 1.99 0.02

ลางสาด ลองกอง ลางสาด ลองกอง (5.33 ไร่ -- -- 5.33 0.05

ทงุ่ หญ้าเลี้ยงสัตว์และโรงเรอื นเลี้ยงสัตว์ 32.94 0.31

โรงเรือนเลยี งสตั วป์ กี โรงเรือนเล้ยี งสัตวป์ ีก (24.27 ไร่ -- -- 24.27 0.23

โรงเรือนเลยี งสกุ ร โรงเรอื นเลยี้ งสุกร (8.67 ไร่ -- -- 8.67 0.08

รวมพนื้ ทก่ี ารผลติ (ไร่) 51.40 0.48 - - 10,722.66 99.47

ประสทิ ธภิ าพการใช้ประโยชน์พน้ื ทกี่ ารเกษตร (Croping Intensity: CI) 99.95 %

2) กรณีอนาคตเมอื่ มโี ครงการ

สภาพการผลติ ทางการเกษตรในพ้ืนท่ี 10,779.74 ไร่ เม่ือมกี ารพฒั นาแหล่งน้ำในอนาคตกรณีมโี ครงการฯ จะทำให้
มีปริมาณน้ำต้นทนุ ท่สี ามารถนำไปพัฒนาดา้ นการเกษตรและดา้ นอ่ืน ๆ ได้เพยี งพอ หลังจากมีโครงการ พ้นื ทนี่ ารา้ งจะ
ถกู เปล่ียนมาเป็นนาข้าว ทำใหพ้ ้ืนทนี่ าข้าวเพิม่ ขึ้นเป็น 57.08 ไร่ ส่วนในช่วงฤดแู ล้งเกษตรกรในท้องถิน่ สามารถใชพ้ ื้นที่
รอ้ ยละ 50 ของพืน้ ท่ีปลูกข้าวนาปีมาเพาะปลกู ขา้ วนาปรัง พืชทเ่ี สนอแนะโดยปกติพน้ื ที่ลมุ่ ที่ใชท้ ำนาขา้ วหลังการเก็บ
เกี่ยวยังคงมีความชื้นในดินสำหรบั ปลูกพืชชนดิ อ่ืน เช่น พืชไร่อายุสั้น โดยเฉพาะข้าวโพดเลยี้ งสัตว์ พืชตระกูลถ่ัว หรือ
พชื ผกั ทดแทนการทำนาปรงั โดยจำแนกเปน็

1) การปลูกพืชไร่อายสุ ั้นภายหลงั การเกบ็ เกย่ี วข้าวนาปี เช่น ข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์ พชื ดงั กล่าวเปน็ พชื ท่มี คี วาม
ต้องการของตลาดและมีความเหมาะสมในการปลูกในดินนาข้าว ในฤดูแล้งหลังจากเก็บเก่ยี วข้าวนาปีจึงเสนอใหม้ ีการ
ปลูกขา้ วโพดเล้ียงสัตว์ประมาณร้อยละ 10 ของเนอ้ื ท่ปี ลูกข้าวนาปี หรอื คิดเปน็ เนื้อที่ 11.50 ไร่

2) การปลูกพืชตระกูลถ่ัวหรือพืชผักกินใบท่ีมีอายุส้ัน หลังการทำนาปีที่ดินยังมีความชื้นอยู่ พิจารณาจาก
ความเหมาะสมของทรัพยากรดิน แต่เนื่องจากการปลูกและดูแลรักษาต้องใช้แรงงานมากและต้องพิจารณาถึงปริมาณ
ผลผลิตท่ีออกสู่ตลาด จึงกำหนดให้มีการปลูกทดแทนพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังประมาณร้อยละ 10 ของเน้ือท่ีปลูกข้าวนา
ปรงั หรอื คิดเปน็ เนื้อที่ 5.70 ไร่ (ปลูก 2 รอบ)

นอกจากนี้ปริมาณน้ำที่เพ่ิมข้ึนทำให้เกษตรกรในท้องถ่ินสามารถเปลี่ยนพื้นที่การปลูกไม้ยืนต้น คือ
ยางพารา ร้อยละ 10 มาปลกู ไมผ้ ลเพิม่ ข้นึ ได้แก่ ไมผ้ ลผสม กลว้ ย ลางสาดและลองกอง ท้ังท่เี ป็นการปลูกใหมแ่ ละปลูก
ทดแทนต้นที่ครบอายุ ส่งผลกระทบทางบวกให้ประสิทธิภาพการใช้ท่ีดิน (cropping intensity) เพ่ิมสูงขึ้นจาก
99.95% เป็น 100.40% เปรียบเทียบกับการใช้พื้นที่รับประโยชน์ทางการเกษตรทั้งหมด ทั้งน้ีการมีปริมาณน้ำต้นทุน
รองรับอย่างเพียงพอและต่อเน่ืองตลอดฤดูกาลจะเป็นการลดความเส่ียงจากการทำการเกษตร และจากการที่มี

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-111 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งตน้

โครงการทำให้ประสิทธิภาพการปลกู พชื ดียิ่งข้ึน ผลผลติ จะเพม่ิ ข้ึนเฉล่ยี ร้อยละ 25 จากเดมิ ระบบปฏิทินการผลิต กรณี
อนาคตเม่ือมีโครงการ แสดงดงั ตารางท่ี 3.6.2-2

ตารางท่ี 3.6.2-2 ประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์พืน้ ที่การเกษตร (Cropping Intensity: CI) และระบบป ทิ ินการ
ผลิตพชื กรณีอนาคตเมอื่ มีโครงการ

สภาพพนื้ ท่ี/ระบบการผลติ ปฏิทนิ การผลติ เนอื้ ที่ (ไร่)/ฤดกู าลผลติ /ร้อยละของพน้ื ทกี่ ารเกษตร

ทรี่ าบลุ่ม ระบบข้าวนาปเี ชิงเดี่ยว ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ฤดฝู น ร้อยละ ฤดแู ลง้ ร้อยละ ตลอดปี ร้อยละ
ข้าวพนั ธุ์พนื เมือง
ขา้ วพนั ธสุ์ ง่ เสริม 57.08 0.53

ระบบข้าวนาปรัง ขา้ วพันธพุ์ ้นื เมือง 28.54 ไร่ 28.54 0.26 - - --
ข้าวพนั ธ์สุ ง่ เสรมิ ข้าวพนั ธส์ุ ง่ เสริม 28.54 ไร่ 28.54 0.26 - - --

พชื ไร่ 25.69 0.24
ข้าวโพดเลยี งสตั ว์
มันสา้ ปะหลงั ขา้ วพนั ธุส์ ง่ เสรมิ 25.69 ไร่ - - 25.69 0.24 --
สบั ปะรด
11.50 0.11 7.92 0.07
ไม้ยนื ต้น
ยางพารา ขา้ วโพดเลย้ี งสัตว์ 11.5 ไร่ - - 11.50 0.11 --
ปาลม์ นา้ มัน
ไม้สกั มนั สาปะหลัง 1.98 ไร่ -- -- 1.98 0.02

ไม้ผล สับปะรด 5.94 ไร่ -- -- 5.94 0.06
ไม้ผลผสม
กลว้ ย 9,515.17 88.27
ลางสาด ลองกอง
ยาพารา (9,401.62 ไร่ -- -- 9,401.62 87.22
พชื สวน/พชื ผัก/ไม้ดอก
พชื ผกั /ผกั กนิ ใบ ปาล์มน้ามัน 111.02 ไร่ -- -- 111.02 1.03
กระถิน 2.53 ไร่ -- -- 2.53 0.02
ทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ 10.82
โรงเรอื นเลยี งสตั วป์ ีก 1,166.63
โรงเรือนเลยี งสกุ ร
ไมผ้ ลผสม (845.81 ไร่ -- -- 845.81 7.85

กลว้ ย (158.74 ไร่ -- -- 158.74 1.47
ลางสาด ลองกอง (162.08 ไร่
-- -- 162.08 1.50

5.70 0.05

พชื ผัก 2.85 ไร่ พชื ผกั ไร่ 5.70 0.05

32.94 0.31

โรงเรือนเลยี้ งสัตวป์ กี (24.27 ไร่ -- -- 24.27 0.23

โรงเรอื นเลย้ี งสุกร (8.67 ไร่ -- -- 8.67 0.08

รวมพนื้ ทกี่ ารผลติ (ไร่) 57.08 0.53 42.89 0.40 10,722.66 99.47

ประสทิ ธภิ าพการใช้ประโยชนพ์ น้ื ทก่ี ารเกษตร (Croping Intensity: CI) 100.40 %

3.6.2.1.2 เปรียบเทียบมูลค่าผลตอบแทนทางการเกษตรเป็นรายปีสภาพปัจจุบันและสภาพอนาคตเม่ือมี
โครงการ

การคาดคะเนผลผลิต ต้นทุน และผลตอบแทนในอนาคตหลังจากมีโครงการ เมื่อพืชได้รับน้ำในปริมาณ
เพ่ิมขึ้นและตรงตามระยะท่ีเหมาะสมการเจริญเติบโตของพืช เกษตรกรมีการใช้เทคโนโลยีและเคร่ืองจักรกลทางการ
เกษตรท่ีเหมาะสมตามคำแนะนำจะทำให้มีต้นทุนค่าแรงงานดูแลรักษาลดลงประมาณ 25% เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้
เครื่องจักรกลทดแทนแรงงานคน รวมไปถึงการใช้พันธุ์ที่เหมาะสมจะส่งผลให้ได้ผลผลิตและผลตอบแทนเพิ่มข้ึน
ประมาณ 25 % แสดงดงั ตารางท่ี 3.6.2-3 เปรียบเทยี บกบั ก่อนมโี ครงการ แสดงดงั ตารางที่ 3.6.2-4

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-112 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้ืองต้น

ตารางท่ี 3.6.2-3 ต้นทุนและผลตอบแทนของการปลูกพืชเศรษฐกจิ ในกรณอี นาคตเมือ่ มโี ครงการ

รายการ ยางพารา ปาลม์ น้ามัน ข้าวนานา้ ฝน ข้าวนา ไม้ผล ข้าวโพด มัน ผกั กนิ ใบ
ชลประทาน (ลองกอง เลยี้ งสตั ว์ สา้ ปะหลงั
เงาะ มังคดุ )

1. ตน้ ทุนผนั แปร 7,675 5,380 2,757 3,039 14,745 3,230 3,975 5,685

1.1 คา่ แรงงาน 5,970 1,900 1,357 1,450 7,825 1,540 1,725 2,900

- คา่ ดแู ลรักษา 850 630 367 280 3,525 640 825 1,650

- คา่ เครื่องจักร/เกบ็ เกี่ยว 5,120 1,270 990 1,170 4,300 900 900 1,250

1.2 คา่ ปัจจัยการผลติ 1,705 3,480 1,400 1,589 6,920 1,690 2,250 2,785

- เมล็ดพนั ธ์ุ - - 400 430 - 390 350 650

- ปยุ๋ 1,050 2,960 930 980 2,680 1,000 1,100 1,380

- สารเคมปี ้องกัน/ก้าจัดศตั รูพชื 210 360 20 140 1,900 110 450 440

- คา่ น้ามนั เชือเพลงิ และไฟฟา้ 40 80 35 14 1,420 100 130 120

- คา่ อุปกรณแ์ ละวัสดสุ นิ เปลอื ง 390 70 10 10 640 30 100 150

- คา่ ซ่อมแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 15 10 5 5 280 60 120 45

2. ตน้ ทุนคงที่ 725 557 345 610 2,480 620 940 220

- คา่ เช่าท่ดี นิ 475 520 300 500 1,200 600 800 200

- คา่ เสื่อมอปุ กรณก์ ารเกษตร 250 37 45 110 1,280 20 140 20

3. ตน้ ทุนรวมตอ่ ไร่ 8,400 5,937 3,102 3,649 17,225 3,850 4,915 5,905

4. ผลผลติ (กก./ไร่) 345 3,980 525 590 870 875 4,750 1,250

5. ราคาผลผลติ ท่เี กษตรกรขายได้ ณ ไร่นา (บาท/กก.) 46 2 10 8 25 7 2 10

6. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 15,698 9,512 5,250 4,720 21,750 6,125 9,500 12,500

7. ผลตอบแทนสุทธิ 7,298 3,575 2,148 1,071 4,525 2,275 4,585 6,595

ท่มี า: สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร (จากการประมาณการ)

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-113 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอ้ื งตน้

ตารางที่ 3.6.2-4 ตน้ ทนุ และผลตอบแทนของการปลกู พชื เศรษฐกิจในกรณีไมม่ ีโครงการ

รายการ ยางพารา ปาลม์ น้ามัน ข้าวนานา้ ฝน ข้าวนา ไม้ผล ข้าวโพด มัน ผกั กนิ ใบ
ชลประทาน (ลองกอง เลยี้ งสตั ว์ สา้ ปะหลงั
1. ตน้ ทุนผันแปร เงาะ มังคดุ )
1.1 คา่ แรงงาน
- คา่ ดแู ลรักษา 7,955 5,590 2,880 3,129 15,920 3,440 4,250 6,235
- คา่ เคร่ืองจักร/เก็บเกยี่ ว
1.2 คา่ ปัจจัยการผลติ 6,250 2,110 1,480 1,540 9,000 1,750 2,000 3,450
- เมลด็ พนั ธุ์
- ป๋ยุ 1,130 840 490 370 4,700 850 1,100 2,200
- สารเคมปี ้องกัน/ก้าจัดศตั รูพชื
- คา่ น้ามนั เชือเพลงิ และไฟฟา้ 5,120 1,270 990 1,170 4,300 900 900 1,250
- คา่ อปุ กรณแ์ ละวสั ดสุ นิ เปลอื ง
1,705 3,480 1,400 1,589 6,920 1,690 2,250 2,785

-- 400 430 - 390 350 650

1,050 2,960 930 980 2,680 1,000 1,100 1,380

210 360 20 140 1,900 110 450 440

40 80 35 14 1,420 100 130 120

390 70 10 10 640 30 100 150

- คา่ ซ่อมแซมอุปกรณก์ ารเกษตร 15 10 5 5 280 60 120 45
2. ตน้ ทุนคงที่ 725 557 345 610 2,480 620 940 220

- คา่ เช่าทด่ี นิ 475 520 300 500 1,200 600 800 200
- คา่ เสือ่ มอปุ กรณก์ ารเกษตร 250 37 45 110 1,280 20 140 20

3. ตน้ ทุนรวมตอ่ ไร่ 8,680 6,147 3,225 3,739 18,400 4,060 5,190 6,455
4. ผลผลติ (กก./ไร่) 276 3,186 420 472 700 700 3,800 1,000

5. ราคาผลผลติ ทเี่ กษตรกรขายได้ ณ ไร่นา (บาท/กก.) 46 2 10 8 25 7 2 10
7,615 4,200 3,776 17,500 4,900 7,600 10,000
6. ผลตอบแทนตอ่ ไร่ 12,558 1,468
975 37 - 900 840 2,410 3,545
7. ผลตอบแทนสทุ ธิ 3,878

ทีม่ า: สำนักงานเศรษฐกจิ การเกษตร (จากการประมาณการ)

3.6.2.2 การศึกษาดา้ นการประมง

เมือ่ มโี ครงการฯ การเลี้ยงสตั ว์นำ้ ทีม่ ีศักยภาพและควรได้รับการสง่ เสรมิ ในโครงการ ไดแ้ ก่
(1) การเพาะเลี้ยงปลาไว้ขาย และเพื่อการบรโิ ภคในครัวเรือน หรือบริเวณที่ลุ่มริมลำน้ำ โดยขุดเป็นบ่อเล้ียง
ปลาทำคนั นาล้อมรอบเพ่ือเลี้ยงปลาในนาข้าว
(2) การเลี้ยงปลาไว้ขายและเพื่อบริโภคในครัวเรือน หรือจับปลาตามแหล่งน้ำธรรมชาติ การปล่อยปลาใน
แหลง่ นำ้ สาธารณะ หนองบงึ ธรรมชาติ และสระนำ้ ประจำโรงเรียน มตี ้นทุนและผลตอบแทน แสดงดังตารางที่ 3.6.2-5
(3) การขุดบ่อเลย้ี งปลา ในพืน้ ท่นี าดอนทนี่ ำ้ ไมท่ ่วมสามารถขุดเป็นบ่อเลี้ยงปลาโดยทำคันขนาดใหญล่ อ้ มรอบ
และปลูกไม้ยืนต้นในรูปของการทำการเกษตรแบบผสมผสาน หรือขุดบ่อเลียงปลาเป็นอาชีพ เป็นการเล้ียงปลา
เบญจพรรณ ที่มีวงจรชีวิตส้ัน ปลาท่ีแนะนำเป็นปลากินพืชคละกันเป็นลักษณะเบญจพรรณ ได้แก่ปลานิล ปลาไน
ปลาตะเพียน ปลานวลจันทร์ และปลาจีน ปลาหมอ เป็นตน้ แนะนำให้มบี อ่ เล้ียงปลาคิดเปน็ เนื้อทรี่ อ้ ยละ 2.00 - 3.00
ของพนื้ ที่ชลประทานท้ังหมด
(4) การส่งเสริมการเลี้ยงปลาในนาข้าว ภายใต้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านวิชาการและพันธุ์ปลาของ
สำนักงานประมงจังหวัดพัทลุง ชนิดปลาที่แนะนำให้เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นปลากินพืชคละกันเป็นลักษณะเบญจพรรณ
รวมทั้งการเลีย้ งปลาดุกพนั ธ์ลุ กู ผสม

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-114 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องต้น

ตารางท่ี 3.6.2-5 ต้นทุนและผลตอบแทนในอนาคตเมอ่ื มีโครงการจากการเลยี้ งปลานำ้ จดื

รายการ ต้ น ทุ น ก า ร ผ ลิ ต หมายเหตุ
(บาท)

คา่ พันธ์ุปลา 1,000 - บอ่ เล้ียงปลาควรมีขนาดอยา่ งนอ้ ย 400 ตารางเมตร

คา่ อาหาร 4,500 - ใส่ปุย๋ คอก 100-200 กก./ไร่

คา่ นำ้ มันเชื้อเพลงิ 800 - อตั ราการปลอ่ ยพันธป์ุ ลา ขนาด 3-5 เนติเมตร

ค่าปูนขาว 1000 - ปลานิล 2,000-4,000 ตวั /ไร่

ค่าปยุ๋ คอก 1,000 - ปลาไน 2,000-4,000 ตวั /ไร่

ค่าแรงงาน 1,500 - ปลาตะเพียนขาว 3,000-4,000 ตัว/ไร่

รวม 9,800 - ปลายส่ี กเทศ 1,000-2,000 ตัว/ไร่

ผลผลิต (กก./ไร)่ 950 - ปลาสลิด 3,000-5,000 ตวั /ไร่

รายได้ 50 บาท/กก.) 47,500 - ใส่ปนู ขาว 160 กก./ไร่

กำไร 37,700

ท่มี า : ดดั แปลงขอ้ มูลจากโครงการชลประทานที่อยใู่ กล้เคยี ง, 2560

3.6.2.3 การศึกษาด้านปศุสตั ว์

ในอนาคตเมอื่ มโี ครงการ ระบบการเล้ียงปศุสัตว์ท่ีมีศักยภาพและควรได้รบั การสง่ เสรมิ ในโครงการทมี่ ีดงั น้ี
(1) การเลี้ยงโคเน้ือ: เสนอให้เกษตรกรในพ้ืนท่ีโครงการท่ีมีพื้นที่ทำกินเป็นท่ีดอนหรือนาดอนเลี้ยงโคเน้ือเป็น
อาชีพเสริม ด้วยการเล้ียงโคเนื้อพันธ์ุลูกผสมระหว่างโคพันธ์ุพ้ืนเมืองโดยเล้ียงแบบปล่อยให้หาอาหารกินในพื้นท่ี
สาธารณะตามธรรมชาติ ครัวเรอื นละ 2-3 ตัว และเสนอให้มกี ารเลี้ยงโคขุนพันธุ์พน้ื เมอื งท่มี ีสายเลือดผสมโคพันธุ์จาก
ทวีปยุโรป เช่น พันธุ์ชาร์โรเลย์ซินเบนรอล หรือริมูซีนโดยนำโคที่มีอายุ 2-2.5 ปี น้ำหนักประมาณ 200 กิโลกรัม ใช้
เวลาขุนนานประมาณ 6 เดือน ให้ได้น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 450 กก. จำหน่ายทั้งตัวกิโลกรัมละ 95-110 บาท ให้
ผลตอบแทนตัวละ 42,750-44,000 บาท โดยแนะนำให้เกษตรกรเล้ียง 2-3 ตัวต่อครัวเรือน นอกจากน้ียังแนะนำให้
เกษตรกรเลี้ยงโคเพศเมียผสมเทียมและผลิตลูกโคพันธ์ุผสมขายให้กับผู้เลี้ยงโคขุน ด้วยการใช้หญ้า วัสดุเศษเหลือจาก
การเก็บเกีย่ วพชื ได้แก่ ฟางข้าว ลำต้นใบของข้าวโพดฝักสด พชื ผัก ตน้ ถัว่ ลิสง เป็นอาหาร ซึง่ สำนักงานปศสุ ัตว์จงั หวัด
สงขลาให้การสง่ เสริมสนบั สนุนการจัดตั้งธนาคารโคในพื้นทีอ่ ยา่ งเตม็ ที่ แนะนำให้เกษตรกรทำแปลงหญ้าเลีย้ งโคเป็นของ
ตนเองและปลูกหญ้ากินนีสีม่วง หญ้ารูซ่ี หญ้าแพงโกล่า และหญ้าเนเปียร์ปากช่อง ตัดเลี้ยงโคเนื้อ ประเภทโคขุน ซ่ึง
แปลงหญ้าที่มีเนื้อท่ี 1 ไร่ เลี้ยงโคขุนได้ 2-3 ตัว หรอื ตดั หญ้าสดจำหน่ายให้แก่ผู้เล้ียงปศุสตั ว์ท่ัวไป ปัจจยั การผลิตและ
ผลผลติ ทคี่ าดวา่ จะไดร้ ับจากการเลี้ยงโคเนอื้ แสดงดังตารางที่ 3.6.2-6
(2) การเลี้ยงสุกร: ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร ที่นับถือศาสนาพุทธเล้ียงสุกรไว้เพ่ือการบริโภคใน
ครัวเรือนและขายในส่วนที่เหลือเพ่ือเป็นรายได้เสริมของครัวเรือน โดยแนะนำให้เล้ียงครัวเรือนละ 2-3 ตัว เฉพาะ
ครัวเรือนท่ีมีศักยภาพในการเล้ียง และเลี้ยงพันธุ์ลาร์จไวท์และแลนด์เรซ เล้ียงแบบขังคอกโยให้อาหารท่ีมีอยู่ในพ้ืนที่
และอาหารสำเร็จรปู

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-115 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองตน้

(3) การเล้ียงไก่: เป็นพันธุ์ไก่พื้นเมือง ไก่เนื้อพันธุ์ลูกผสมสามสายเลือดระหว่างสายพันธ์ุไก่ชนที่ทนทานต่อ
โรคระบาดหาอาหารเก่ง ไก่ไข่พันธ์ุพันธุ์โรสไอแลนด์เรด และไก่ชนเสนอให้เกษตรกรเลี้ยงไก่เน้ือ ร้อยละ 30 ส่วนท่ี
เหลอื ร้อยละ 70 เป็นไก่พ้ืนเมอื ง โดยทำคอกยกสูงจากพืน้ ประมาณ 1 เมตร เพ่ือให้อากาศถา่ ยเทได้สะดวกและปอ้ งกัน
ผลกระทบท่ีเกิดจากความช้ืนจากดิน เล้ียงแบบกึ่งพ้ืนเมืองปล่อยแบบธรรมชาติและกินอาหารที่เหลือจากครัวเรือน
และกงึ่ วิชาการที่มกี ารทำคอกของแต่ละบ้านโดยจำนวนเล้ียง 5-10 ตวั ต่อครวั เรือนมีวตั ถปุ ระสงค์ในการเลย้ี งเพือ่ การ
บริโภคในครัวเรือน และจำหน่ายในส่วนท่ีเหลือเป็นรายได้เสริมของครัวเรือน โดยใช้ข้าวที่ผลิตได้ และวัสดุผลิตผล
เกษตรที่เหลือเป็นอาหารและต้องป้องกันกำจัดโรคอย่างจริงจังโดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนฤดูกาล เช่น ฝนต้นหนาวและ
ในฤดูรอ้ นไมค่ ่อยมกี ารใหว้ คั ซนี หรือป้องกนั โรค มกี ารเล้ียงแบบประกนั ราคา

ตารางที่ 3.6.2-6 การใชป้ ัจจยั การผลิตและผลผลิตท่ีคาดว่าจะได้รบั จากการเลี้ยงโคเนื้อ

รายการ หน่วย ปรมิ าณ

1. ค่าลงทุน

- โรงเรอื น บาท/ตวั 500

- โคกอ่ นขนุ บาท/ตัว 10,000

- อาหารข้น บาท/ตัว 4,000

- อาหารหยาบ (หญ้า) บาท/ตัว 300

- แรงงานเลีย้ งดู บาท/ตวั 500

- ถา่ ยพยาธิ บาท/ตวั 60

- อปุ กรณ์ บาท/ตัว 200

- ขนสง่ บาท/ตวั 300

- เสียโอกาส บาท/ตวั 800

- อนื่ ๆ บาท/ตวั 100

รวม บาท/ตวั 16,760

2. ราคาขาย บาท/ตวั 45,600

3. รายไดส้ ุทธิ บาท/ตัว 28,840

ท่มี า : ปรับแปลงข้อมูลจากโครงการชลประทานทอ่ี ยใู่ กลเ้ คยี ง และขอ้ มลู สำนกั งานปศสุ ตั ว์จังหวัด, 2560

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-116 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะก่ัว บทที่ 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองตน้

1) การประเมินผลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม
1) กรณีไม่มีโครงการ เม่ือพิจารณาจากประสิทธิภาพการใช้ท่ีดินในพื้นท่ีโครงการ เน่ืองจากเกษตรกรท้องถ่ิน
มวี ิถีชวี ิตในการทำการเกษตรแบบดงั้ เดมิ หรือทำการเกษตรน้ำฝนเป็นหลกั ทำให้มโี อกาสเส่ียงกับปัญหาการขาดแคลน
น้ำในช่วงฤดกู าลเพาะปลกู คอ่ นข้างสูงมาก สง่ ผลกระทบให้คุณภาพชีวติ ของเกษตรกรด้อยลง มคี วามเสี่ยงหรอื ไม่มนั่ คง
ทางด้านเศรษฐกิจตลอดเวลา
2) กรณีมีโครงการ ในการพัฒนาโครงการฯ คาดว่าจะทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบต่อการเกษตรและ
การเล้ียงสัตวด์ งั นี้
1. ผลกระทบเชิงบวก

ก) ประสิทธิภาพการใช้ดินเพ่ือการเกษตรละผลผลติ เพ่ิมสูงข้ึน หากมีการพัฒนาโครงการฯ ทำให้ประสิทธิภาพ
การใช้ทีด่ ินเพ่อื การเกษตรเพม่ิ ขึ้นเน่อื งจากมีปริมาณน้ำเพยี งพอกับการเพาะปลูกทั้งในฤดูฝนและฤดูแลง้ โดยเม่ือมกี าร
พัฒนาโครงการจะเพ่ิมค่า Cropping Intensity (C.I.) เป็น 100.40 % รวมทั้งการใช้ปัจจัยการผลิตด้านการเกษตรที่
เพ่ิมสูงข้ึน และการส่งเสริมการเกษตรอย่างต่อเนื่องโดยหน่วยงานภาครัฐทำให้ เกษตรกรท้องถิ่นสามารถเพ่ิมผลผลิต
ของพชื ไดส้ ูงขนึ้ เป็นผลกระทบทางบวกในระดบั มาก

ข) การมีน้ำชลประทานจากโครงการฯ มีส่วนช่วยเสริมความม่ันคงและลดความเส่ยี งในการทำการเกษตรในฤดู
ฝนโดยเฉพาะในช่วงฝนทิ้งช่วง ซ่ึงเป็นการประกันความแน่นอนของเกษตรกรที่จะมีน้ำเพื่อการเพาะปลูก อย่างน้อย
1 ครง้ั ในฤดูฝน เปน็ ผลกระทบทางบวกในระดับปานกลาง

ค) ควรลดโอกาสเส่ียงในการทำการเกษตรใช่ช่วงฤดูแล้ง และเพิ่มพูนรายได้เกษตรกร ระบบการปลูกพืชท่ีได้
เสนอแนะไวใ้ นกรณีมีโครงการฯ จะทำให้เกิดการเปล่ียนแปลงระบบการเกษตรจากดั้งเดมิ ท่ีเคยเพาะปลกู พชื ชนิดเดียว
มาเป็นระบบการเกษตรทีม่ ีความหลากหลาย (Diversified) หรอื ผสมผสานมากข้นึ กลา่ วคอื มีการปลูกขา้ วนาปี พืชไร่
พืชผัก และไม้ผล หรือเป็นการจัดระบบการเกษตรแบบเข้มข้น (Intensive Cropping) ทำให้มีการใช้ทรัพยากรที่มี
อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดซ่ึงจะช่วยลดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรชนิดใดชนิดหนึ่ง
ตกต่ำหรือไม่แนน่ อนในบางปี ชว่ ยลดภาวการณ์ขาดทุน ช่วยเพมิ่ พูนรายไดต้ อ่ ปีต่อครวั เรือนให้แกเ่ กษตรกร และยังเปน็
การช่วยกระจายแรงงานของครอบครัวให้มีงานทำตลอดปี ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานในท้องถ่ิน
เป็นผลกระทบทางบวกในระดบั ปานกลาง

ง) ผลกระทบตอ่ การสร้างงานในภาคการเกษตร เนือ่ งจากสภาพการผลติ ทางการเกษตรในปัจจบุ นั ทำใหแ้ รงงาน
ในภาคการเกษตรโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ผู้อยู่ในวัยแรงงานอาจจำเปน็ ต้องยา้ ยถ่ินฐานออกไปรับจา้ งทำงานนอกพน้ื ที่เพื่อมี
รายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของครอบครัว หากมีการพฒั นาโครงการแล้วจะทำให้เกิดความต้องการแรงงานในการ
ผลิตในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น ทำให้แรงงานไม่ต้องย้ายถิ่นออกไปรับจ้างทำงานนอกพื้นท่ี เป็นผลกระทบทางบวกในระดับ
ปานกลาง

2. ผลกระทบเชงิ ลบ
ก) ผลกระทบจากการใช้สารเคมีทางการเกษตร ในพ้ืนท่ีโครงการมีโอกาสเกิดข้ึนได้ ถ้าในพื้นท่ีโครงการได้รับ

การส่งเสรมิ ให้เป็นระบบการเกษตรแบบเข้มข้น กล่าวคอื มกี ารปลูกพืชท้ังในฤดฝู นและฤดแู ลง้ รวมทง้ั มีการใชป้ ยุ๋ และ
สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมากขึ้นเพ่ือเพ่ิมผลผลิตทางการเกษตร ถ้าเกษตรกรขาดความรู้ความเข้าใจและมีการใช้
สารเคมีในปริมาณมากเกินความจำเป็น ไม่ถูกหลักวิชาการจะก่อให้เกิดการปนเป้ือนของสารเคมีในแหล่งน้ำ ดิน และ
พืช ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ สัตว์ในดิน ผลผลิตพืช รวมถึงตัวเกษตรกรท้องถ่ินและผู้บริโภค

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-117 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมืองตะก่วั บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้

ปจั จยั การค้าสนิ คา้ เกษตรระหว่างประเทศมีการกีดกันทางการคา้ โดยประเด็นท่ีไมใ่ ชภ่ าษี (non – tariff barrier) ก็คือ
สุขอนามัยพืช (phytosanitary) หากสินค้าเกษตรและอาหารมีการปนเปื้อนของสารเคมีจะถูกปฏิเสธการซื้อขาย
ดงั น้ัน ถ้าเกษตรกรได้รับการถ่ายทอดความร้ดู ้านการใช้สารเคมีทางการเกษตรอย่างปลอดภัยมีสว่ นช่วยให้เกดิ ปัญหา
น้อยลงหรอื ไม่มีเลย จงึ คาดวา่ ผลกระทบดงั กล่าวจะอยู่ในระดบั น้อย

ข) ตน้ ทุนการผลติ ทางการเกษตรท่ีเพ่ิมสูงข้ึน หากระบบการเกษตรในพนื้ ทโ่ี ครงการได้รับการพัฒนา/ส่งเสรมิ ให้
เป็นระบบการผลิตแบบเข้มข้น เพื่อเพ่ิมผลผลิตให้สูงข้ึน จำเป็นต้องใช้ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ เช่น เครื่องจักร ปุ๋ย และ
สารเคมีเพ่ิมขึ้น สง่ ผลให้ต้นทุนการผลิตสงู ขึ้น เกษตรกรทอ้ งถนิ่ อาจเพ่ิมต้นทุนโดยตอ้ งกยู้ ืมเงินจากแหล่งเงนิ ทุนต่าง ๆ
มาใช้จ่าย ทำให้เกิดภาวะหนี้สิน ถ้าการพัฒนาโครงการฯ มุ่งเน้นให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามแนวเกษตรทฤษฎี
ใหม่ หรือมกี ารทำโครงการกู้ยมื เงินจากธนาคารของรฐั โดยมีดอกเบี้ยต่ำจะมีสว่ นชว่ ยลดปญั หาดงั กล่าวลงได้ คาดวา่ จะ
มีผลกระทบในด้านน้ใี นระดบั นอ้ ย

4. มาตรการป้องกันแกไ้ ขและลดผลกระทบส่ิงแวดลอ้ ม
1) มาตรการปอ้ งกนั แก้ไข

ก. มาตรการป้องกัน
1. การประยุกต์ใช้เกษตรดีท่ีเหมาะสม (good agricultural practices, GAP) ในการปลูกพืชและ

เลย้ี งสัตว์
ก) การให้ความรู้แก่เกษตรกรเก่ียวกับ GAP การตรวจรับรองฟาร์มที่ปฏิบัติตาม GAP และการ

ออกใบรบั รองฟารม์ ที่ผา่ นการปฏบิ ตั ิตาม GAP
ข) การกำหนดราคาสินค้าเกษตรที่ผ่านการรับรองการปฏิบัติตาม GAP ให้สูงกว่าราคาสินค้า

เกษตรท่ีไมผ่ า่ นการรับรอง
2. การฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ผู้ประกอบธุรกิจการค้าสารเคมีทางการเกษตร รวมทั้งเกษตรกร

อยา่ งสมำ่ เสมอเปน็ ประจำทกุ ปี เพอ่ื ให้เกดิ ความเข้าใจในการใช้สารเคมที างการเกษตรอยา่ งปลอดภยั
3. การให้ความรู้แกเ่ กษตรกรด้านการจัดการดนิ และการจดั การปลูกพชื ให้ถูกตอ้ งเหมาะสมกับชนิด

ของดิน
4. ดำเนินการวิจัยเชิงสาธิตในพื้นท่ีเกย่ี วกับการจัดการผลิตพืช โดยเลือกเกษตรกรเขา้ ร่วมโครงการ

ปฏิบัติตามคำแนะนำของนักวิชาการ สำหรับนักวิชาการต้องมีการติดตามการดำเนินงานและสรุปผลทุกปี เพ่ือแก้ไข
ปัญหาในระยะยาว

5. การให้ความรู้แก่เกษตรกรด้านการใช้พลังงานทดแทนในฟาร์มปลูกพืช ฟาร์มเลี้ยงปศุสัตว์
ตามแนวคิด zero waste

ข. มาตรการแกไ้ ข (ทำต่อเนือ่ งทกุ ปี)
1. การให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการค้าสารเคมีทางการเกษตรในเรื่องการแก้ไข

ปญั หาดิน และการใช้ปยุ๋ ท่เี หมาะสม
2. การให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจการค้าสารเคมีทางการเกษตรในเรื่องการใช้

สารเคมีทางการเกษตรอยา่ งปลอดภัย

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-118 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น

2) มาตรการลดผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ ม

ก) ระยะก่อสร้างโครงการ การก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบอ่ืน ๆ เสนอแนะให้กรม
ชลประทานหลกี เลีย่ งการใช้พื้นทท่ี ม่ี ีศกั ยภาพเหมาะสมดา้ นการเกษตร เพื่อลดการสูญเสียพน้ื ท่ีการเกษตรซึ่งเปน็ แหล่ง
ผลิตอาหารของทอ้ งถ่นิ หากไมส่ ามารถหลกี เลี่ยงไดจ้ ะต้องพจิ ารณาจา่ ยคา่ ชดเชยให้แกเ่ กษตรกรเจ้าของทีด่ ินในราคาที่
เหมาะสมและยุติธรรม หรือต้องจัดหาที่ดินที่มีความเหมาะสมต่อการทำการเกษตรในพื้นที่ใกล้เคียงกับอา่ งเก็บน้ำท่ีมี
ปริมาณน้ำอย่างอุดมสมบูรณ์ โดยเกษตรกรผู้สูญเสียท่ีดินจะใช้พื้นท่ีใหม่ทำการเพาะปลูกพืชและมีรายได้จากพ้ืนที่
เกษตรแหง่ ใหมไ่ ม่ตำ่ กวา่ รายไดท้ ไี่ ดจ้ ากการใชพ้ ้ืนทดี่ ัง้ เดิมทำการเกษตร

ข) ระยะดำเนนิ การโครงการ กรมชลประทานควรประสานและขอความรว่ มมือจากกรมวชิ าการเกษตร
ที่มีศูนย์หรือสถานีวิจัยพืชประจำท้องถิ่น กรมส่งเสริมการเกษตร (สำนักงานเกษตรจังหวัด และอำเภอ) หรือกรมปศุ
สัตว์ และลดผลกระทบทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ได้ดังนี้

2.1) กจิ กรรมการส่งเสริมการผลติ ทางการเกษตร
ก) กำหนดกิจกรรมการปลูกพืชใหช้ ดั เจน โดยเฉพาะการปลูกยางพาราซ่งึ เปน็ พืชหลกั ของพนื้ ท่ี
ข) ลดต้นทุนการผลิตพืช/สตั ว์ โดยใช้เทคโนโลยีท่เี หมาะสมในท้องถ่ินเพอื่ การผลิตพชื และสัตว์

แบบครบวงจรในการทำการเกษตรสมัยใหม่ หรือแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการแปรรูป สง่ เสริมและ
แนะนำพันธ์ุพืชท่เี หมาะสม รวมท้งั ให้ความช่วยเหลือทางด้านปัจจยั การผลิตอื่น ๆ เช่น เคร่ืองจักรกล ปุ๋ย และสารเคมี
ฯลฯ ซ่ึงจะชว่ ยเพิม่ รายไดใ้ ห้แกเ่ กษตรกรท้องถิ่น

ค) สนบั สนุนและสง่ เสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรตามชนดิ พชื /สัตว์ทผ่ี ลิต หรือตามกิจกรรม
ที่เกษตรกรในท้องถ่ินทำร่วมกัน การให้คำแนะนำเพ่ือให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่
สมาชกิ เชน่ กลุ่มผ้ปู ลูกผัก กลุม่ ผใู้ ช้น้ำ หรือกล่มุ ผูเ้ ล้ียงสตั ว์ ฯลฯ

ง) ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนเงินทุนแก่เกษตรกรท้องถ่ิน โดยผ่านสถาบันการเงิน เช่น
ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือธนาคารออมสนิ เพ่อื จัดหาเงนิ กดู้ อกเบยี้ ตำ่ ใหแ้ ก่เกษตรกร

จ) หน่วยงานภาครัฐต้องสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรท้องถ่ินในดา้ นต่าง ๆ เช่น ให้ความ
ช่วยเหลือด้านการตลาดและกลไกการตลาดของผลผลิตพืช/สัตว์ ข้อมูลข่าวสาร ความเคล่ือนไหวของชนิดและราคา
พืชผลทางการเกษตรท่ตี ลาดมีความต้องการสูง และได้รบั ผลตอบแทนสูงเพ่ือให้แน่ใจว่าเกษตรกรทอ้ งถ่ินจะเลือกปลูก
พชื ชนิดทมี่ ีตลาดรองรบั ในแต่ละฤดกู าลเพอ่ื ลดความเส่ียงดา้ นการตลาดและยกระดับราคาของผลผลติ ใหส้ ูงข้นึ

2.2) การส่งเสริมให้ความรแู้ ก่เกษตรกรด้านการใช้สารเคมีทางการเกษตร
หนว่ ยงานสว่ นทอ้ งถน่ิ ไดแ้ ก่ สำนกั งานเกษตรจงั หวดั /อำเภอ/ตำบล ต้องจัดโครงการแนะนำและอบรมหรือ
สร้างแปลงสาธิตเพ่อื ให้ความร้คู วามเข้าใจแก่เกษตรกรในการใช้สารเคมีทางการเกษตรดังนี้

ก) แนะนำและอบรมให้เกษตรกรท้องถิ่นมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับชนิดและปริมาณการใช้
ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยเคมีควบคกู่ ันไป ตลอดจนช่วงเวลาการใชท้ ี่เหมาะสม ทัง้ น้ีเพอ่ื ลดการชะล้างสิ่งปนเปื้อนลงสูแ่ หล่งน้ำ หรอื เน้น
ใหม้ กี ารอนุรกั ษ์ดนิ และการใช้ป๋ยุ อินทรียเ์ พอ่ื การบำรงุ ดิน

ข) แนะนำให้เกษตรกรรับทราบเกย่ี วกับสารเคมตี ่าง ๆ ท่ีหน่วยงานราชการไมร่ ับข้ึนทะเบียนและ
หา้ มนำเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศ เช่น สารเคมีกำจัดแมลง (DDT, Dieldrin และ Aldrin ฯลฯ) เน่ืองจากสารเคมีดังกล่าว
เปน็ สารทอ่ี าจก่อใหเ้ กดิ มะเร็ง ความผิดปกติของทารก และเปน็ สารท่มี พี ิษตกค้างในสิง่ แวดล้อมได้เปน็ ระยะเวลานาน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-119 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งต้น

ค) ฝึกอบรมให้เกษตรกรท้องถ่ินมคี วามรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการกำจัดศัตรูพืช
โดยวธิ ผี สมผสาน (integrated pest management) และคำนงึ ถงึ สภาพแวดลอ้ มเป็นหลกั เชน่ วิธีการตรวจศตั รพู ชื ใน
แปลงปลูกก่อนตัดสินใจใช้แนวทางในการกำจัด การใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเฉพาะท่ีมีความจำเป็น การ
เลือกใช้พันธต์ุ ้านทาน และการปอ้ งกนั กำจัดโดยชวี วิธี

ง) แนะนำวธิ ีเลือกใชส้ ารเคมีให้ถูกต้องตามชนิดของศัตรูพืช โรค และแมลง การปฏิบัติตาม
คำแนะนำบนสลากกำกบั สารเคมีอย่างเคร่งครดั และฉีดพ่นสารเคมใี นเวลาท่ีเหมาะสม

จ) ในอนาคตเมื่อมีโครงการ และมีการปลูกพืชหลายชนิด ควรปฏิบัติตามมาตรฐานเกษตรดี
ที่เหมาะสม หรือ GAP ของแต่ละพืช เน่ืองจากมาตรฐานดังกล่าวได้ผ่านการวิจัย และประเมินผลมาแล้วว่าถ้าหาก
เกษตรกรสามารถปฏิบตั ิตาม GAP ได้ ภายใต้คำแนะนำของนักวิชาการเกษตรจากหน่วยงานที่เกีย่ วขอ้ ง การปนเปื้อน
ของสารเคมีทางการเกษตรในส่ิงแวดล้อมและผลิตผลการเกษตรมโี อกาสเกดิ ขึ้นนอ้ ยมาก

3) มาตรการตดิ ตามตรวจสอบ
เสนอใหม้ ีการติดตามตรวจสอบกิจกรรมทางการเกษตรในพน้ื ท่ีรบั ประโยชน์ภายหลังมีโครงการ เช่น

การใช้น้ำจากโครงการเพ่ือการเพาะปลูก ชนิดพืช ปฏิทินการปลูกพืช ผลผลิตทางการเกษตร ชนิดและปริมาณการใช้
ป๋ยุ /กำจดั ศตั รูพชื เปน็ ต้น โดยเสนอให้ทำการตดิ ตามตรวจสอบโดยการสอบถามไปพรอ้ มกบั การติดตามตรวจสอบด้าน
สภาพเศรษฐกจิ สงั คมในระยะเปดิ ดำเนนิ การปีเว้นสองปี เปน็ เวลา 3 ปี

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-120 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งต้น

3.6.3 การใชน้ ำ้

ความตอ้ งการใช้นำ้ ในพ้นื ท่ีลมุ่ น้ำยอ่ ยคลองป่าบอน สามารถจำแนกออกได้ ดงั น้ี
1) ความต้องการใชน้ ำ้ เพ่ือการเกษตร
2) ความต้องการใชน้ ำ้ เพ่อื การอปุ โภคบริโภค
3) ความตอ้ งการใช้นำ้ เพอ่ื การปศุสตั ว์
4) ความตอ้ งการใช้น้ำ เพือ่ การอตุ สาหกรรม
5) ความต้องการใชน้ ำ้ เพ่ือรกั ษาระบบนิเวศวทิ ยาท้ายน้ำ
การศึกษาด้านความต้องการใช้น้ำมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการศึกษาสมดุลน้ำของพ้ืนท่ี
โครงการ โดยได้ประเมนิ ความต้องการใช้นำ้ ลมุ่ นำ้ ยอ่ ยคลองป่าบอน ในปัจจุบนั (ปี 2561) แยกตามกิจกรรมการใช้น้ำ
ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ การเกษตร การอุปโภคบริโภค การปศุสัตว์ และการรักษาระบบนิเวศท้ายน้ำ พบว่าในปัจจุบัน
พน้ื ที่โครงการมีความต้องการใช้น้ำรวมทกุ กิจกรรม 12.623 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยความต้องการใช้น้ำสว่ นใหญ่
เป็นความต้องการใช้น้ำในภาคการเกษตร ซึ่งมีถึงร้อยละ 56.53 ของความต้องการใช้น้ำทั้งหมด ซึ่งผลการวิเคราะห์
ความต้องการใช้นำ้ ในทกุ กิจกรรม แสดงดังตารางท่ี 3.6.3-1

ตารางที่ 3.6.3-1 ความตอ้ งการใช้นำ้ ในพ้ืนทีล่ ่มุ นำ้ ย่อยคลองป่าบอน

กจิ กรรม ความตอ้ งการใชน้ ้ำ (ล้าน ลบ.ม./ป)ี
สภาพปจั จุบัน
1. การเกษตร 7.136
2. การอุปโภคบรโิ ภค 0.336
3. การปศุสัตว์ 0.141
4 รักษาระบบนิเวศ 5.01
12.623
รวม

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-121 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้อื งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้

3.6.4 การระบายน้ำและการบรรเทาอทุ กภัย

1. สภาพปญั หาด้านอุทกภัย

พ้ืนที่โครงการตั้งอยู่ในลุ่มน้ำทะเลหลวงซ่ึงเป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีพื้ นท่ีรับน้ำ

ประมาณ 4,522.98 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพ้ืนท่ีอำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอระโนด อำเภอควนขนุน อำเภอตะโหมด

อำเภอเขาชัยสน อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว อำเภอปากพะยูน อำเภอสทิงพระ อำเภอศรีบรรพต อำเภอศรนี ครินทร์

อำเภอกงหรา และอำเภอเมืองพัทลุง มีคลองเกิด คลองอ้ายโต คลองใหญ่ และคลองท่าแคเป็นลำน้ำสายหลัก และมี

คลองเล็ก ๆ หลายสายไหลมารวมกัน ได้แก่ คลองหัวช้าง คลองโละ๊ จังกระ คลองตะโหมด คลองเหมืองตะกวั่ คลองหลาย

พนั เปน็ ต้น ซง่ึ ต้นน้ำเกดิ จากเทอื กเขาบรรทัด ไหลผ่านเขตอำเภอตะโหมด จังหวดั พัทลุง ลงสู่ทะเลสาบสงขลา ลกั ษณะ

ทางกายภาพบริเวณตอนบนของพื้นท่ีโครงการ มีลักษณะเป็นพื้นท่ีลาดเชิงเขา โดยปัญหาการระบายน้ำหลากของพ้ืนท่ี

โครงการ มีสาเหตุหลักมาจากคลองธรรมชาติสายต่าง ๆ ในพื้นท่ีท่ีเป็นคลองระบายน้ำน้ัน ปัจจุบันต้ืนเขินไม่สามารถ

ระบายน้ำได้อย่างเต็มท่ี ความจุคลองธรรมชาติบางช่วง โดยเฉพาะอย่างย่ิงช่วงปากคลอง มีค่าต่ำมาก เม่ือ

เทียบกับอัตราปริมาณน้ำหลากไหลในคลอง เป็นผลให้น้ำล้นตล่ิงมาท่วมพื้นท่ีเกษตรและพ้ืนที่อยู่อาศัย ตาม

แนวคลองธรรมชาติ

2. สภาพปญั หาดา้ นภยั แลง้

จากพ้ืนท่ีเสยี่ งภัยแล้งของจังหวดั พทั ลงุ โดยกรมพัฒนาที่ดนิ พ.ศ.2556 พบวา่ บรเิ วณพื้นทโี่ ครงการอยู่ใน

เขตอำเภอปา่ บอน จัดอยูใ่ นพนื้ ที่เสยี่ งตอ่ การเกดิ ภัยแล้งในระดบั ต่ำ แสดงดังรูปที่ 3.6.4-1

3. แนวคิดการแก้ไขปญั หา
โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

จงั หวัดพัทลุง มรี ะบบระบายน้ำประกอบด้วยคลองระบายนำ้ ธรรมชาติสายหลัก คือ คลองเกิด คลองอา้ ยโต คลองใหญ่
คลองท่าแค และคลองระบายน้ำธรรมชาติอีกหลายสาย ท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีโครงการ แต่เป็นคลองท่ีมีขนาดเล็ก ทำให้ไม่
สามารถระบายน้ำด้านเหนือนำ้ ไดท้ ันเวลา

แนวทางการวเิ คราะห์อทุ กภยั ในพนื้ ท่โี ครงการ เมื่อมีโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวจะสามารถเก็บกักนำ้ ได้
10.14 ล้าน ลบ.ม. จะช่วยลดภาวะนำ้ ไหลล้นตล่ิงได้ในระดบั ปานกลาง ท้ังนี้ท้ังนั้นขึ้นอยู่กบั แนวทางการบริหารจัดการ
นำ้ ซ่ึงจะศึกษาดว้ ยแบบจำลองคณติ ศาสตร์เสนอในรายงานฉบับตอ่ ไป

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-122 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้

ทมี่ า : กรมพัฒนาทดี่ นิ , 2556

รูปที่ 3.6.4-1 พน้ื ทเ่ี สีย่ งตอ่ การเกดิ ภัยแล้ง บรเิ วณพื้นท่โี ครงการและขา้ งเคยี ง

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-123 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบ้ืองต้น

4. มาตรการหลกั ในการบรรเทาอทุ กภัย

อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วมีความจุที่ระดับเก็บกัก 10.14 ล้าน ลบ.ม. มีระดับน้ำเก็บกัก +111.65 ม.รทก
จากผลการศึกษาด้านอุทกวิทยา ปริมาณน้ำสูงสุดก่อนมีโครงการ รอบ 500 ปี .228.05. ลบ.ม./วินาที เม่ือมีโครงการ
ปริมาณน้ำสูงสุดจะลดลงเหลือ.198.31 ลบ.ม./วินาที. จะสามารถลดภาวะน้ำไหลล้นตลิ่งได้ในระดับปานกลาง ท้ังนี้
ทง้ั นน้ั ข้นึ อยูก่ ับแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ซึง่ จะเสนอในรายงานฉบบั ตอ่ ไป

3.6.5 การใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ
1) วตั ถปุ ระสงคข์ องการศึกษา
การศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณ พื้นที่ศึกษาของโครงการ ศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม

เบื้องต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัวอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ มีวัตถุประสงค์ ดังน้ี
1.1) เพื่อศึกษาสภาพการใช้ประโยชน์ท่ีดินประเภทต่าง ๆ ในบริเวณพื้นที่ศึกษาโครงการ โดย

เปรียบเทียบข้อมูลปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.2561 และจัดเตรียมแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นปีปัจจุบัน
(ปี พ.ศ.2562)

1.2) เพื่อเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์สำหรับนำไปประกอบใช้ในการศึกษาด้าน ต่าง ๆ เช่น
ด้านการเกษตรและดา้ นอ่นื ๆ ที่เก่ียวขอ้ ง

1.3) เพ่ือประเมินผลกระทบที่เกิดข้ึนต่อการใช้ประโยชน์ที่ดินจากการพัฒนาโครงการและเสนอ
มาตรการการติดตาม ตรวจสอบผลกระทบดงั กล่าว

2) ขอบเขตและวธิ ีการศึกษา
2.1) การรวบรวมข้อมูลด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินประกอบด้วยข้อมูลจากแผนท่ีสภาพการใช้

ประโยชน์ที่ดินมาตราส่วน 1 : 50,000 ของจังหวัดพัทลุงท่ีจัดทำและเผยแพร่ในปี พ.ศ.2550 และแผนท่ีการใช้
ประโยชน์ที่ดินมาตราส่วน 1 : 25,000 ของจังหวัดพัทลุงที่จัดทำและเผยแพร่ในปี พ.ศ.2561 โดยกรมพัฒนาที่ดิน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซงึ่ ใช้เป็นข้อมลู พน้ื ฐานในการศึกษา

2.2) การสำรวจและตรวจสอบลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินสภาพปัจจุบันในภาคสนามโดยใช้ข้อมูล
แผนทส่ี ภาพการใช้ประโยชน์ที่ดิน ของปี พ.ศ.2561 เปน็ พ้ืนฐานประกอบการสำรวจ

2.3) การวิเคราะห์ข้อมลู การใช้ประโยชน์ทีด่ ินในบริเวณพ้ืนทศ่ี ึกษาของโครงการ และจัดเตรียมแผนที่
สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดนิ เป็นปปี ัจจบุ ัน (ปี พ.ศ.2562)

2.4) การประเมนิ ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการใช้ประโยชน์ท่ีดินจากการพฒั นาโครงการและเสนอมาตรการ
ปอ้ งกันแก้ไข รวมทง้ั สองมาตรการตดิ ตามตรวจสอบผลกระทบดงั กล่าว

3) ผลการศกึ ษา
การศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณพ้ืนที่ศึกษาโครงการ จะใช้เกณฑ์การจำแนกประเภทการใช้

ประโยชน์ที่ดิน ที่กำหนดโดยกรมพัฒนาท่ีดิน ท่ีได้จำแนกออกเป็น 5 ประเภท ประกอบด้วย พ้ืนท่ีเกษตรกรรม
พนื้ ทป่ี ่าไม้พ้ืนทชี่ ุมชนและสง่ิ ปลูกสรา้ ง พื้นทเ่ี บด็ เตลด็ และพนื้ ทน่ี ำ้

ประเภทที่ 1 ; พ้ืนที่เกษตรกรรม : การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนท่ีเกษตรกรรมในบริเวณพื้นท่ี
ศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็นกลุ่มพืชและสัตว์ชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยพ้ืนท่ีนา พืชไร่ ไม้ยืนต้น ไม้ผล ทุ่งหญ้าเล้ียง

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-124 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบือ้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้

สตั ว์และโรงเรือนเลย้ี งสตั ว์ ซง่ึ ในแต่ละกลมุ่ ชนิดของการใช้ประโยชน์ท่ีดนิ ยงั แบง่ เป็นพชื และสัตว์ชนดิ ตา่ ง ๆ ดงั นี้
กลมุ่ พ้นื ทน่ี า ประกอบดว้ ย ส่วนที่เปน็ นารา้ งและนาขา้ ว
กลุ่มพืชไร่ ประกอบดว้ ย ส่วนที่เป็นมนั สำปะหลังและสบั ปะรด
กลมุ่ ไม้ยนื ตน้ ประกอบดว้ ย ส่วนทีเ่ ปน็ ยางพารา ปาลม์ นำ้ มันและกระถนิ
กลุ่มไมผ้ ล ประกอบด้วย สว่ นทเ่ี ป็นไมผ้ ลผสม กลว้ ยและลางสาดลองกอง
กลุ่มทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และโรงเรือนเล้ียงสัตว์ ประกอบด้วย ส่วนท่ีเป็นโรงเรือนและสัตว์ปีกและโรงเรือน

เลยี้ งสุกร
ประเภทท่ี 2 ; พื้นท่ี ป่าไม้ : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นท่ีป่าไม้ในบริเวณพื้นท่ีศึกษาโครงการ เป็นกลุ่ม

ปา่ ไม้ผลดั ใบ ประกอบด้วยป่าเพยี งชนิดเดยี วคือปา่ ไม้ผลดั ใบสมบรู ณ์
ประเภทที่ 3 ; พื้นที่ ชุมชนและส่ิงปลูก : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนที่ชุมชนและส่ิงปลูกไม้ในบริเวณ

พื้นท่ีศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็นกลุ่มสถานที่ชนิดต่าง ๆ ได้ 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มหมู่บ้าน มีเพียงชนิดเดียว
(ได้แก่ หมู่บ้านบนพ้ืนที่ราบ/ไม้ผลผสม) กลุ่มสถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ และกลุ่มสถานีคมนาคม มีเพียงชนิด
เดยี ว (ได้แก่ ถนน)

ประเภทท่ี 4 ; พื้นท่ีเบ็ดเตล็ด : การใช้ประโยชน์ที่ดินในพ้ืนที่เบ็ดเตล็ด ในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาโครงการ
แบ่งออกเป็นกลุ่มพ้ืนท่ีชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วย กลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ส่วนที่
เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติ และส่วนท่ีเป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้ละเมาะ และกลุ่มเหมืองแร่บ่อขุดซ่ึงแบ่งย่อยออกได้เป็น
2 ชนดิ เชน่ เดยี วกนั ประกอบดว้ ยสว่ นทเ่ี ปน็ บ่อลูกรังและสว่ นทเี่ ปน็ บ่อดนิ

ประเภทที่ 5 ; พ้ืนที่น้ำ : การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนที่น้ำ ในบริเวณพ้ืนท่ีศึกษาโครงการ แบ่งออกเป็น
กลุ่มของแหล่งน้ำชนิดต่าง ๆ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มของแหล่งน้ำธรรมชาติ ประกอบด้วยแหล่งน้ำ 2 ชนิดคือ ส่วนท่ีเป็น
แม่น้ำ ลำห้วย ลำคลอง และส่วนที่เป็นหนองบึงทะเลสาบ และกลมุ่ ของแหล่งน้ำที่สร้างข้ึนประกอบด้วยแหล่งน้ำชนิด
เดียว ได้แก่ อา่ งเกบ็ นำ้

ผลการศึกษาด้านการใชป้ ระโยชน์ทด่ี ินในบริเวณพืน้ ทศ่ี ึกษาโครงการ จะแบ่งแยกกล่าวละเอียดออกเป็น
พื้นท่แี ต่ละสว่ น โดยองค์ประกอบของพน้ื ท่ศี กึ ษาโครงการ ประกอบด้วย 5 สว่ น ดงั นี้

(1) พืน้ ทีอ่ ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกวั่ (พืน้ ที่ 357.37 ไร)่
(2) พน้ื ท่ีหวั งาน (พ้นื ที่ 263.50 ไร)่
(3) พน้ื ท่ถี นนเข้าหัวงาน (พืน้ ที่ 12.53 ไร)่
(4) พน้ื ท่ีบอ่ ยมื ดินทา้ ยน้ำ (พน้ื ท่ี 887.21 ไร)่
(5) พ้นื ที่รบั ประโยชน์ (พนื้ ที่ 12,256.14 ไร่)

ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินประเภทต่าง ๆ 5 ประเภท ในพื้นท่ีแต่ละส่วนของโครงการ โดย
จากการใช้ข้อมูลในปี พ.ศ.2550 (อดีต) และข้อมูลของปีงบ พ.ศ.2561 รวมท้ังการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน
โดยการเปรยี บเทียบขอ้ มลู ปี พ.ศ.2550 กบั ข้อมูลปีงบ พ.ศ.2561

(1) พื้นทอี่ า่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะก่ัว (พืน้ ท่ี 357.37 ไร่)
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพ้ืนท่ีอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวของโครงการจะ

แยกกลา่ วรายละเอียดเป็นสว่ นของการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ ในปี พ.ศ.2550 และสว่ นการใชป้ ระโยชนข์ องปีงบ พ.ศ.2561

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-125 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งตน้

รวมทั้งการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินชนิดต่าง ๆ (เปรียบเทียบข้อมูลปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.
2561) รายละเอยี ด แสดงดงั ตารางที่ 3.6.5-1 รปู ท่ี 3.6.5-1 (ปี พ.ศ.2550) และรูปท่ี 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)

ตารางที่ 3.6.5-1 แสดงการใช้ประโยชนท์ ี่ดินแตล่ ะชนดิ ในบริเวณพน้ื ทีอ่ า่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะก่ัว พื้นที่หัวงาน พ้ืนท่ี
ถนนเข้าหวั งาน และพื้นท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำของโครงการ

ชนดิ พ้ืนที่ของข้อมูล พ้ืนทขี่ องข้อมูล พ้ืนทีท่ เ่ี ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ี่ดิน ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561
ไร่ ร้อยละ ไร่ รอ้ ยละ พ้นื ท่ีเพิ่มข้ึน (+) พื้นท่ีลดลง (-)
พื้นที่อา่ งเกบ๋ นา้ เหมืองตะกวั่ :
- ไม้ยนื ตน้ ผสม ไร่ ร้อยละ ไร่ รอ้ ยละ
- ยางพารา
- ไม้ผลผสม 15.20 4.25 0.00 0.00 15.20 4.25
- ปา่ ไม่ผลดั ใบสมบูรณ์ 170.45 47.69 202.71 56.72 32.26 9.03
50.81 14.22 43.51 12.18
รวม 120.91 33.84 111.15 31.10 7.30 2.04
พ้นื ที่หวั งาน : 357.37 100.00 357.37 100.00 9.76 2.74
- ยางพารา 32.26 9.03 32.26 9.03
- ไม้ผลไม้ผสม
- ทุ่งหญ้าสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมาะ 175.92 66.73 178.07 67.55 2.15 0.82
29.59 11.24 29.59 11.24 0.00 0.00
รวม 57.99 22.03 55.84 21.21
พืน้ ท่ถี นนเข้าหวั งาน : 263.50 100.00 263.50 100.00 2.15 0.82
- ยางพารา 2.15 0.82 2.15 0.82
- หมู่บา้ นบนพนื ราบ/ไม้ผลผสม
- ถนน 11.73 93.59 11.72 93.59 0.01 0.00
0.80 6.41 0.67 5.31 0.13 1.10
รวม 0.00 0.00 0.14 1.10 0.14 1.10
พ้ืนทบ่ี อ่ ยมื ดินทา้ ยนา้ : 12.53 100.00 12.53 100.00 0.14 1.10 0.14 1.10
- ไม้ยนื ตน้ ผสม
- ยางพารา 69.46 7.83 0.00 0.00 69.46 7.83
- ไม้ผลผสม 735.34 82.88 825.14 93.00 89.80 10.12
- ทุ่งหญ้าสลบั ไม้พมุ่ /ไม้ละเมาะ 81.07 9.14 0.00 0.00
1.34 0.15 62.07 7.00 81.07 9.14
รวม 887.21 100.00 887.21 100.00 60.73 6.85
150.53 16.97 150.53 16.97

หมายเหตุ : 1. พน้ื ทคี่ ิดเป็นร้อยละของพนื้ ท่รี วมของพน้ื ทแี่ ต่ละสว่ น
2. พื้นทท่ี เ่ี ปล่ยี นแปลงทั้งในส่วนของพื้นท่เี พ่มิ ข้นึ (+) หรือพื้นที่ลดลง (-) เป็นการเปรยี บเทียบของ

ขอ้ มูล ปี พ.ศ.2550 กับข้อมูลปี พ.ศ.2561 มกี ารใช้ประโยชน์ทีด่ นิ แตล่ ะชนดิ เป็นพนื้ ท่ีเพ่มิ ขึ้นหรอื ลดลง
จากปี พ.ศ.2550

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-126 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

รูปที่ 3.6.5-1 แสดงการใช้ประโยชน์ทีด่ นิ ในพ้ืนทีโ่ ครงการ ปี พ.ศ.2550

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-127 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอื้ งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

รูปที่ 3.6.5-2 แสดงการใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ในพืน้ ทีโ่ ครงการ ปี พ.ศ. 2561

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-128 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบ้ืองต้น

การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินชนิดต่าง ๆ ใน
บริเวณพื้นท่ีอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัวของปี พ.ศ.2550 พบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม่ผลัดใบสมบูรณ์ (พ้ืนท่ีร้อยละ
33.84 ของพ้ืนท่ีอา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั ) และเปน็ พนื้ ทป่ี ลกู ยางพารา (พน้ื ท่ีรอ้ ยละ 47.69) พน้ื ท่ีสว่ นท่ีเหลืออีกไมม่ าก
นกั เป็นพื้นทปี่ ลกู ไมผ้ ล (พ้ืนที่ร้อยละ 14.22) และเปน็ พืน้ ท่ปี ลกู ไม้ยนื ต้นผสม (พื้นทรี่ ้อยละ 4.25)

การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินชนิดต่าง ๆ ใน
บรเิ วณพ้นื ท่ีอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกว่ั ของปี พ.ศ.2561 พบวา่ พนื้ ท่ีสว่ นใหญ่เปน็ พน้ื ที่ปลูกยางพารา (พนื้ ท่รี ้อยละ 56.72
ของพ้ืนที่อ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว) และเป็นป่าไม้ผลัดใบสมบูรณ์ (พ้ืนที่ร้อยละ 31.10) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกไม่มากนัก
เป็นพ้นื ทีป่ ลกู ไม้ผลผสม (พนื้ ท่ีรอ้ ยละ 12.18) ไมพ่ บสว่ นของไมย้ นื ต้นผสม

การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน : ผลการศึกษาการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินใน
บรเิ วณพื้นทอี่ ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัวพบว่าในปี พ.ศ.2561 ส่วนที่เปน็ พ้ืนท่ีปลูกยางพารามีพน้ื ที่เพ่มิ มากข้นึ (พ้ืนท่เี พิ่มข้ึน
32.26 ไร่ หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 9.03 ของพ้ืนท่อี ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว) เมือ่ เปรียบเทียบกบั ข้อมูลในปี พ.ศ.2550 ในขณะ
ทพ่ี ื้นทปี่ ลูกไมย้ ืนต้นผสม มีพ้นื ที่ลดลง (พื้นที่ลดลง 15.20 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 4.25) พน้ื ท่ีปลูกไม้ผลผสมกม็ ีพื้นที่ลด
น้อยลงเช่นเดียวกัน (พ้ืนท่ีลดลง 7.30 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.04 ) รวมทั้งส่วนท่ีเป็นป่าไม่ผลัดใบสมบูรณ์ก็มีพ้ืนท่ีลด
น้อยลงเช่นเดียวกัน (พ้ืนที่ลดลง 9.76 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 2.74 ) การลดลงของพื้นที่ท้ัง 3 ส่วนน้ีถูกเปล่ียนแปลง
นำไปใช้ประโยชน์ในการปลกู ยางพาราทม่ี พี ื้นที่เพม่ิ มากข้นึ ดงั กลา่ ว

(2) พ้ืนทห่ี ัวงาน (พื้นท่ี 263.50 ไร่)
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นท่ีหัวงานของโครงการ ของปี พ.ศ.2550

และปี พ.ศ. 2561 พบว่าการใช้ประโยชน์ที่ดนิ แต่ละชนิดมีพ้ืนท่ีใกล้เคียงกัน แสดงดังตารางที่ 3.6.5-1 รูปที่ 3.6.5-1
(ปี พ.ศ.2550) และ รปู ท่ี 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)

การใช้ประโยชน์ทีด่ ินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาพบวา่ พื้นที่สว่ นใหญ่เป็นพื้นทีป่ ลูกยางพารา
(พนื้ ท่ีร้อยละ 66.73 ของพ้ืนที่หัวงาน) รองลงมาเปน็ ทุ่งหญ้าสลับไมพ้ มุ่ /ไม้ละเมาะ (พื้นท่ีรอ้ ยละ 22.03) และทม่ี ีพ้ืนที่
น้อยสุดเปน็ พ้ืนท่ปี ลูกไมผ้ ลผสม (พนื้ ที่รอ้ ยละ 11.24)

การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาพบว่าพน้ื ท่ีสว่ นใหญเ่ ป็นพื้นทป่ี ลูกยางพารา
(พื้นท่ีรอ้ ยละ 67.55 ของพ้ืนทห่ี ัวงาน) รองลงมาเป็นท่งุ หญา้ สลับไม้พ่มุ /ไม้ละเมาะ (พ้ืนทร่ี ้อยละ 21.21) และที่มพี ้ืนที่
นอ้ ยสดุ เปน็ พืน้ ทีป่ ลูกไม้ผลผสม (พนื้ ท่ีรอ้ ยละ 11.24)

การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน : ผลการศึกษาการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินใน
บริเวณพ้ืนท่ีหวั งานพบวา่ มกี ารเปล่ียนแปลงน้อยมาก คดิ เป็นพนื้ ท่เี ปลีย่ นแปลงเพยี ง 2.15 ไร่ หรอื คิดเป็นร้อยละ 0.82
ของพ้ืนที่หัวงาน โดยพ้ืนที่ปลูกยางพารามีแนวโน้มมีพ้ืนท่ีเพิ่มข้ึนเพียงเล็กน้อย ส่วนพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/ไม้
ละเมาะ มแี นวโนม้ มพี น้ื ที่ลดลงเพยี งเลก็ น้อยเชน่ เดียวกนั ไม่พบการเปล่ยี นแปลงของพื้นท่ีปลูกไม้ผลผสม

(3) พ้ืนท่ีถนนเข้าหวั งาน (พ้ืนที่ 12.53 ไร)่
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณพ้ืนที่ถนนเข้าหัวงานที่มีพื้นท่ีน้อยมาก พบว่า

มีการใช้ประโยชน์ท่ีดินแต่ละชนิดเป็นพ้ืนที่ใกล้เคียงกันท้ังของปี พ.ศ.2550 และปี พ.ศ.2561 แสดงดัง
ตารางท่ี 3.6.5-1 รปู ที่ 3.6.5-1 (ปี พ.ศ.2550) และรูปที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)

การใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาพบว่าพื้นท่ีเกือบท้ังหมดเป็นพื้นท่ีปลูกยางพารา
(พนื้ ทีร่ อ้ ยละ 93.59 ของพื้นที่ถนนเข้าหัวงาน) ส่วนทีเ่ หลอื เปน็ หมูบ่ ้านบนพื้นราบ/ไม้ผลผสม (พื้นท่ีร้อยละ 6.41)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-129 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น

การใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาพบว่าพ้ืนที่เกือบทั้งหมดเป็นพื้นท่ี
ปลูกยางพาราซ่ึงมีพื้นท่ีเท่ากับพื้นท่ีปลูกยางพาราในปี พ.ศ.2550 (พ้ืนที่ร้อยละ 93.59 ของพื้นท่ีถนนเข้าหัวงาน)
ส่วนทเี่ หลือเปน็ หมู่บา้ นบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 5.31) และส่วนที่เปน็ ถนน (พืน้ ท่ีรอ้ ยละ1.10)

การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดิน : ผลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินใน
บรเิ วณพืน้ ที่หัวงานพบว่า มีการเปลีย่ นแปลงน้อยมาก โดยในปี พ.ศ.2561 มพี ้ืนที่ปลกู ยางพารา ซ่ึงมีพ้ืนท่ีเทา่ กบั พ้ืนที่
ปลูกยางพาราในปี พ.ศ.2550 พ้ืนที่ส่วนท่ีเป็นหมู่บ้านบนพื้นราบ/ไม้ผลผสมในปี พ.ศ.2561 มีแนวโน้มมีพื้นที่ลดลง
เพียงเล็กน้อยมากจากปี พ.ศ.2550 และในปี พ.ศ.2561 มีพ้ืนท่ีถนนเพิ่มเข้ามาแต่ก็เป็นพื้นท่ีเล็กน้อยมาก ๆ เช่นกัน
(พ้ืนทีเ่ พ่มิ ขน้ึ 0.14 ไร่ หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 1.10)

(4) พนื้ ทบี่ ่อยืมดนิ ท้ายนำ้ (พนื้ ท่ี 887.21 ไร่)
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำของโครงการ จะแยก

กล่าวรายละเอียดเป็นส่วนของการใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2550 และในปี พ.ศ.2561 รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงการ
ใช้ประโยชนท์ ีด่ ินชนดิ ตา่ ง ๆ (เปรียบเทยี บข้อมูลของปี พ.ศ.2550 กับข้อมลู ของปี พ.ศ.2561) แสดงดังตารางท่ี 3.6.5-
1 รูปที่ 3.6.5-1 (ปพี .ศ.2550) และรูปที่ 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)

การใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในปี พ.ศ.2550 : ผลการศึกษาดา้ นการใชป้ ระโยชนท์ ดี่ นิ ในบริเวณพนื้ ท่บี ่อ
ยืมดินท้ายน้ำของปี พ.ศ.2550 พบว่าพ้ืนที่ส่วนใหญ่ประมาณมากกว่า 8 ส่วนใน 10 ส่วนเพียงเล็กน้อยของบ่อยืมดิน
ท้ายน้ำเป็นพ้ืนที่ปลูกยางพารา (พื้นที่ร้อยละ 82.88 ของพื้นที่บ่อยืมดินท้ายน้ำ) พ้ืนที่ส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 2 ส่วนใน
10 ส่วน ประกอบด้วยส่วนที่เป็นพ้ืนที่ปลูกไม้ผลผสม (พื้นท่ีร้อยละ 9.14) ส่วนที่เป็นพื้นท่ีปลูกไม้ยืนต้นผสม (พ้ืนที่
ร้อยละ 7.83) และมพี ้นื ท่ีอีกเพียงเล็กน้อยมากเปน็ ทุ่งหญา้ สลบั ไม้พ่มุ /ไมล้ ะเมาะ (พื้นท่รี อ้ ยละ 0.15)

การใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2561 : ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินชนิดต่าง ๆ ใน
บริเวณพ้ืนท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำของ พ.ศ.2561 พบว่าพ้ืนที่ส่วนใหญ่ประมาณมากกว่า 9 ส่วนใน 10 ส่วนเพียงเล็กน้อย
ของพ้ืนที่บ่อยืมดินท้ายน้ำ เป็นพ้ืนท่ีปลูกยางพารา (พ้ืนที่ร้อยละ 93.00 ของพ้ืนท่ีบ่อยืมดินท้ายน้ำ) พ้ืนท่ีท่ีเหลือเป็น
ทงุ่ หญ้าสลับไมพ้ ุ่ม/ไมล้ ะเมาะ (พื้นทีร่ อ้ ยละ 7.00) ไม่พบพ้นื ท่ปี ลูกไม้ยนื ตน้ ผสมและพน้ื ที่ปลกู ไมผ้ ลผสม

การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน : ผลการศึกษาการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินใน
พ้ืนที่บ่อยืมดินท้ายน้ำพบว่าในปี พ.ศ.2561 ส่วนที่เป็นพ้ืนท่ีปลูกยางพาราที่มีพ้ืนที่ส่วนใหญ่ (พ้ืนที่ร้อยละ 93.00)
มีพื้นที่เพ่ิมมากขึ้น (พื้นท่ีเพิม่ ข้ึน 89.80 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 10.12 ของพื้นที่บ่อยืมดินท้ายน้ำ) เม่ือเปรียบเทียบกับ
ข้อมลู ในปี พ.ศ.2550 พืน้ ที่สว่ นทเี่ ปน็ ทุ่งหญ้าสลับไม้พ่มุ /ไม้ละเมาะ ก็พบว่าในปี พ.ศ.2561 มพี ื้นท่ีเพิม่ ขนึ้ เช่นเดยี วกัน
(พน้ื ที่เพ่ิมข้ึน 60.73 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 6.85 ของพื้นท่ีบอ่ ยืมดินท้ายน้ำ) ในขณะท่ีพื้นท่ปี ลูกไม้ยนื ต้นผสม มีพน้ื ท่ี
ลดน้อยลง (พื้นทล่ี ดลง 69.46 ไร่หรอื คิดเป็นร้อยละ 7.83 ของพืน้ ทบี่ อ่ ยมื ดนิ ท้ายนำ้ ) และพื้นทปี่ ลูกไมผ้ ลผสมก็มพี ้นื ที่
ลดลงเช่นเดียวกัน (พื้นท่ลี ดลง 81.07 ไรห่ รือคิดเป็นร้อยละ 9.14 ของพ้ืนทบ่ี ่อยมื ดินด้านท้ายน้ำ) การลดลงของพื้นที่
2 สว่ นหลังดงั กลา่ วน้ี ไดม้ กี ารเปล่ยี นแปลงถูกนำไปใชป้ ระโยชน์เพอื่ การปลกู ยางพาราทม่ี ีพ้นื ทีเ่ พม่ิ มากขึ้นดังที่กลา่ วไป
ในตอนต้น และมีพืน้ ที่บางส่วนถูกปลอ่ ยใหเ้ ป็นทงุ่ หญา้ สลบั ไม้พุ่ม/ไมล้ ะเมาะ
สรปุ : การใช้ประโยชนท์ ี่ดินชนดิ ต่าง ๆ ในพน้ื ทที่ งั้ 4 สว่ นดงั กล่าวในปี พ.ศ.2550 และในปี พ.ศ.2561

(1) พื้นทีอ่ า่ งเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกวั่ (พน้ื ที่ 357.37 ไร)่ : พบวา่ พนื้ ท่สี ่วนใหญ่เป็นพ้นื ที่ป่าไม่ผลัดใบสมบูรณ์และ
พน้ื ท่ีปลกู ยางพารา

(2) พื้นท่หี วั งาน (พืน้ ท่ี 263.50 ไร)่ : พบวา่ พนื้ ทส่ี ว่ นใหญ่เป็นพืน้ ท่ปี ลกู ยางพารา

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-130 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกั่ว บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบื้องตน้

(3) พน้ื ทถ่ี นนเขา้ หวั งาน (พนื้ ท่ี 12.53 ไร่) : พบว่าพืน้ ทีส่ ่วนใหญเ่ ปน็ พ้ืนทีป่ ลกู ยางพารา
(4) พน้ื ทบี่ อ่ ยืมดินท้ายนำ้ (พื้นที่ 887.21 ไร)่ : พบวา่ พน้ื ที่สว่ นใหญเ่ ป็นพ้ืนที่ปลูกยางพารา
(5) พื้นทีร่ บั ประโยชน์ (พ้นื ท่ี 12,256 ไร)่

ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นท่ีรับประโยชน์ของโครงการ จะแยกกล่าว
รายละเอียดเป็นส่วนของการใช้ประโยชน์ที่ดินในปี พ.ศ.2550 และส่วนของการใช้ประโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561
รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชนท์ ่ีดินประเภท กล่มุ ชนดิ ตา่ ง ๆ (เปรยี บเทียบข้อมลู ของปี พ.ศ.2550 และข้อมลู
ของปี พ.ศ.2561) โดยการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินประเภท/ชนดิ ต่าง ๆ ของปี พ.ศ.2561 มีพนื้ ทเี่ พิ่มข้ึน (+) หรือมีพืน้ ท่ลี ดลง
(-) เม่ือเปรียบเทียบกับการใช้ประโยชน์ท่ีดินของปี พ.ศ.2550 ดั งสรุปรายละเอียดแสดงดังตารางที่ 3.6.5-2
รปู ที่ 3.6.5-1 (ปพี .ศ.2550) และรปู ท่ี 3.6.5-2 (ปี พ.ศ.2561)

การใชป้ ระโยชน์ทีด่ นิ ในปี พ.ศ.2550
ผลการศึกษาดา้ นการใช้ประโยชนท์ ่ีดินในบริเวณพน้ื ท่ีได้รับประโยชนข์ องโครงการ ปี พ.ศ.2550 พบว่ามี

การใช้ประโยชน์ที่ดิน 4 ประเภท โดยพ้ืนที่ส่วนใหญ่ประมาณ 9 ส่วนใน 10 ส่วนของพื้นที่รับประโยชน์ เป็นพ้ืนท่ี
เกษตรกรรม (พื้นทร่ี ้อยละ 90.38 ของพ้นื ที่รับประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลอื อีกประมาณ 1 ส่วน 10 ส่วน ประกอบดว้ ย
การใช้ประโยชน์ท่ีดินอกี 3 ประเภท โดยมีพื้นที่เรียงลำดับจากมากไปหานอ้ ยดังนี้ พื้นท่ีเบ็ดเตลด็ (พื้นที่ร้อยละ 6.25)
พนื้ ท่ีชุมชนและสิ่งปลูกสรา้ ง (พื้นท่ีร้อยละ 2.85) และพื้นท่ีน้ำ (พ้ืนท่ีรอ้ ยละ 0.51) ไม่พบพน้ื ทีป่ ่าไม้ในบริเวณพนื้ ทรี่ ับ
ประโยชนข์ องโครงการ

การใช้ประโยชน์ที่ดินในแต่ละประเภท ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชกลุ่มของสถานท่ีกลุ่มของพ้ืนท่ีและ
กลมุ่ ของแหลง่ นำ้ ชนดิ ตา่ ง ดงั นี้

พนื้ ท่เี กษตรกรรม (พ้ืนท่ี 11,078.62 ไร่ หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 90.38 ของพนื้ ท่รี ับประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นที่เกษตรกรรม แบ่งออกเป็นกลุ่มพืชชนิดต่าง ๆ ดังน้ีโดยพ้ืนท่ีส่วนใหญ่
ประมาณ 8 ส่วนใน 9 ส่วนของพื้นท่ีเกษตรกรรมเป็นกลุ่มไม้ยืนต้น (พ้ืนที่ร้อยละ 80.92 ของพื้นที่รับประโยชน์)
พื้นท่ีส่วนท่ีเหลืออีกประมาณ 1 ส่วนใน 9 ส่วน ประกอบด้วย กลุ่มไม้ผล (พ้ืนที่ร้อยละ 5.09) และกลุ่มพื้นท่ีนา
(พื้นทรี่ ้อยละ 4.38)
พ้ืนทขี่ องกลุ่มพืชชนิดตา่ ง ๆ ยงั แบ่งยอ่ ยออกเปน็ พชื ชนดิ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี
- กล่มุ พน้ื ทีน่ า : พบว่าพื้นทีส่ ว่ นใหญเ่ ป็นนาขา้ ว (พ้ืนท่ีร้อยละ 3.53 ของพื้นทร่ี ับประโยชน)์ ส่วนทเี่ หลอื
เป็นนาร้าง (พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 0.85)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-131 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะก่วั บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบือ้ งตน้

ตารางท่ี 3.6.5-2 แสดงการใชป้ ระโยชนท์ ่ดี นิ แต่ละประเภท/ชนดิ ในบรเิ วณพื้นทีร่ ับประโยชน์ของโครงการ

ประเภท/กลุ่ม/ชนดิ พืน้ ที่ของข้อมูล พนื้ ทข่ี องข้อมูล พน้ื ทที่ ีเ่ ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ด่ี ิน ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561
ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ พ้นื ทเี่ พ่ิมข้ึน (+) พืน้ ที่ลดลง (-)
พ้ืนที่รวมทั้งหมด 12,256.14 100.00 12,256.14 100.00
รวมพื้นทเ่ี กษตรกรรม : 11,078.62 90.38 10,779.74 87.97 ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ
536.86 4.38 57.08 0.47
พืน้ ทน่ี า 104.75 0.85 5.68 0.05 347.47 2.82 347.47 2.82
- นารา้ ง 432.11 3.53 51.40 0.42
- นาขา้ ว 0.00 0.00 7.92 0.07 298.88 2.42
พชื ไร่ 0.00 0.00 1.98 0.02
- มันสา้ ปะหลงั 0.00 0.00 5.94 0.05 479.78 3.91
- สบั ปะรด 9,917.77 80.92 10,560.17 86.17
ไม้ยนื ต้น 9,838.38 80.27 10,446.62 85.24 99.07 0.80
- ยางพารา 79.39 0.65 111.02 0.91
- ปาลม์ นา้ มัน 0.00 0.00 2.53 0.02 380.71 3.11
- กระถิน 623.99 5.09 121.63 0.99
ไม้ผล 623.99 5.09 114.31 0.93 7.92 0.07
- ไม้ผลผสม 0.00 0.00 1.99 0.02
- กลว้ ย 0.00 0.00 5.33 0.04 1.98 0.02
- ลางสาด ลองกอง 0.00 0.00 32.94 0.27
ทุง่ หญ้าเลี้ยงสัตว์และโรงเรือน 5.94 0.05
เลี้ยงสัตว์
- โรงเรอื นเลยี งสตั วป์ ีก 642.40 5.25
- โรงเรือนเลยี งสกุ ร
รวมพืน้ ทช่ี ุมชนและสิ่งปลูกสร้าง : 608.24 4.97
หมู่บา้ น
- หมู่บ้านบนพนื ราบ/ไม้ผลผสม 31.63 0.26
สถานท่รี าชการและสถาบนั ต่างๆ
- สถานท่ีราชการและสถาบนั 2.53 0.02
ตา่ งๆ
สถานคี มนาคม 502.36 4.10
- ถนน
รวมพ้นื ท่เี บด็ เตล็ด : 509.68 4.16
ทงุ่ หญ้าและไม้ละเมาะ
- ทุ่งหญ้าธรรมชาติ 1.99 0.02
- ทุ่งหญ้าสลบั ไม้พมุ่ /
ไม้ละเมาะ 5.33 0.04

32.94 0.27

0.00 0.00 24.27 0.20 24.27 0.20
0.00 0.00 8.67 0.07 8.67 0.07
349.57 2.85 674.33 5.49 324.76 2.64
349.57 2.85 666.39 5.43 316.82 2.58
349.57 2.85 666.39 5.43 316.82 2.58
0.00 0.00 6.36 0.05 6.36 0.05
0.00 0.00 6.36 0.05 6.36 0.05

0.00 0.00 1.58 0.01 1.58 0.01
0.00 0.00 1.58. 0.01 1.58 0.01
765.99 6.25 717.40 5.85
765.99 6.25 680.94 5.55 48.59 0.40
0.00 0.00 24.55 0.19 85.05 0.70
765.99 6.25 656.39 5.36 24.55 0.19
109.60 0.89

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-132 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอื้ งต้น

ตารางท่ี 3.6.5-2 แสดงการใชป้ ระโยชน์ท่ีดินแตล่ ะประเภท/ชนดิ ในบริเวณพ้ืนทร่ี ับประโยชน์ของโครงการ (ต่อ)

ประเภท/กลุ่ม/ชนดิ พ้นื ทขี่ องข้อมูล พ้ืนทข่ี องข้อมูล พ้ืนทที่ เี่ ปลี่ยนแปลง
การใช้ประโยชนท์ ดี่ ิน ปี พ.ศ.2550 ปี พ.ศ.2561
ไร่ รอ้ ยละ ไร่ รอ้ ยละ พ้ืนทเี่ พิม่ ข้ึน (+) พืน้ ทลี่ ดลง (-)
เหมืองแรบ่ อ่ ขุด 0.00 0.00 36.46 0.30
- บ่อลกู รงั 0.00 0.00 29.18 0.24 ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ
- บ่อดนิ 0.00 0.00 7.28 0.06
พ้นื ทน่ี า้ : 61.96 0.51 84.67 0.69 36.46 0.30
แหล่งนา้ ธรรมชาติ 55.97 0.46 78.68 0.64
- แม่นา้ ลา้ หว้ ย ลา้ คลอง 0.00 0.00 21.41 0.17 29.18 0.24
- หนอง บงึ ทะเลสาบ 55.97 0.46 57.27 0.47
แหล่งนา้ ทสี่ รา้ งข้ึน 5.99 0.05 5.99 0.05 7.28 0.06
- อา่ งเกบ็ นา้ 5.99 0.05 5.99 0.05
22.71 0.18

22.71 0.18

21.41 0.17

1.30 0.01

0.00 0.00

0.00 0.00

- กลุ่มไม้ยนื ตน้ : พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เกือบท้ังหมดเป็นพ้ืนที่ปลูกยางพารา (พื้นที่ร้อยละ 80.27 ของพ้นื ทร่ี ับ
ประโยชน)์ พน้ื ท่สี ว่ นที่เหลอื อกี ไม่มากนกั เปน็ พ้ืนทปี่ ลกู ปาล์มนำ้ มัน (พ้นื ทร่ี ้อยละ 0.65)

- กลุ่มไม้ผล : พบว่าพ้ืนท่ีทั้งหมดเป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลผสม (พื้นท่ีร้อยละ 5.09 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนที่
ชมุ ชนและสิ่งปลูกสรา้ ง (พื้นท่ี 349.57 ไร่ หรือคดิ เป็นรอ้ ยละ 2.85 ของพ้ืนทร่ี บั ประโยชน์)

การใช้ประโยชน์ทด่ี ินในพื้นท่ีชุมชนและสงิ่ ปลูกสรา้ ง พบว่ามีกลมุ่ ของสถานที่เพียงกลุ่มเดยี ว คือกลมุ่ หมู่บา้ น
(พื้นที่ร้อยละ 2.85 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) โดยมีเพียงชนิดเดียว ได้แก่ หมู่บ้านบนพื้นราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนท่ี ร้อยละ
2.85 ของพ้นื ทีร่ ับประโยชน์)

พืน้ ท่เี บด็ เตลด็ (พ้นื ท่ี 765.99 ไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 6.25 ของพนื้ ท่ีรับประโยชน์)
การใช้ประโยชนท์ ่ีดนิ ในพ้ืนท่ีเบ็ดเตล็ด พบว่ามีกลุ่มของพน้ื ท่ีเพียงกลุ่มเดียว คือ พื้นทีท่ ี่เป็นกล่มุ ทุ่งหญ้าและ
ไม้ละเมาะ (พื้นท่รี อ้ ยละ 6.25 ของพน้ื ที่รบั ประโยชน)์
พืน้ ท่ีนำ้ (พ้ืนที่ 61.96 ไร่ หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 0.51 ของพน้ื ท่ีรับประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนที่น้ำ แบ่งออกเป็นแหล่งน้ำ 2 กลุ่ม โดยพ้ืนท่ีส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของแหล่งน้ำ
ธรรมชาติ (พื้นท่ีร้อยละ 0.46 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พ้ืนที่ส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยเป็นกลุ่มของแหล่งน้ำ
ท่สี รา้ งขึน้ (พื้นท่ีรอ้ ยละ 0.05)
พ้นื ทีข่ องกลุ่มแหล่งน้ำ 2 กลุม่ ยังแบง่ ยอ่ ยออกเป็นแหลง่ น้ำชนดิ ตา่ ง ๆ ดังนี้

- กลุ่มของแหล่งน้ำธรรมชาติ : พบว่ามีแหล่งน้ำเพียงชนิดเดยี ว ได้แก่ หนอง บึง ทะเลสาบ (พน้ื ที่รอ้ ยละ 0.46
ของพน้ื ที่รับประโยชน)์

- กลุ่มของแหล่งน้ำท่ีสร้างข้ึน : พบว่ามีแหล่งน้ำเพียงชนิดเดียว ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ (พื้นท่ีร้อยละ 0.05
ของพนื้ ทร่ี บั ประโยชน์)

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-133 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้

การใชป้ ระโยชน์ท่ีดินในปี พ.ศ.2561
ผลการศึกษาด้านการใช้ประโยชน์ท่ีดินในบริเวณพื้นท่ีรับประโยชน์ของโครงการ ปี พ.ศ.2561 พบว่ามี

การใช้ประโยชน์ท่ีดิน 4 ประเภท โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ประมาณ 9 ส่วนใน 10 ส่วนของพื้นท่ีประโยชน์ เป็นพ้ืนท่ี
เกษตรกรรม (พ้ืนที่ร้อยละ 87.97 ของพ้ืนที่รบั ประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1 ส่วน10 ส่วน ประกอบด้วย
การใช้ประโยชน์ท่ีดินอีก 3 ประเภท โดยมีพื้นท่ีประมาณครึ่งหนึ่งเป็นพ้ืนที่เบ็ดเตล็ด (พ้ืนที่ร้อยละ5.85) และพื้นท่ีอีก
ประมาณคร่ึงหนึ่งเป็นพื้นท่ีชุมชนและสงิ่ ปลูกสร้าง (พื้นที่รอ้ ยละ 5.49) พื้นท่ีสว่ นที่เหลืออีกเพยี งเล็กน้อยเป็นพื้นที่น้ำ
(พืน้ ทีร่ ้อยละ 0.69) ไม่พบพื้นท่ีป่าไม้ในบรเิ วณพ้นื ที่รบั ประโยชนเ์ ช่นเดยี วกนั กบั ในปี พ.ศ.2550

การใช้ประโยชน์ในแต่ละประเภท ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มของพืชกลุ่มของสัตว์ กลุ่มของสถานท่ี กลุ่มของ
พน้ื ทแี่ ละกลมุ่ ของแหล่งนำ้ ชนดิ ต่าง ๆ ดงั น้ี

พน้ื ท่ีเกษตรกรรม (พื้นที่ 10,779.74 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 87.97 ของพนื้ ท่รี ับประโยชน์)
การใชป้ ระโยชน์ท่ีดนิ ในพื้นท่ีเกษตรกรรม แบ่งออกเป็นกลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ชนดิ ต่าง ๆ ดังนี้ โดยพน้ื ที่สว่ น

ใหญ่หรือเกือบท้ังหมดในพ้ืนที่เกษตรกรรมเป็นกลุ่มไม้ยืนตน้ (พ้ืนที่ร้อยละ 86.17 ของพ้ืนที่รบั ประโยชน์) พ้ืนที่ส่วนท่ี
เหลืออกี ไมม่ ากนัก (ร้อยละ 1.80) ประกอบดว้ ยกลุ่มไม้ผล (พืน้ ท่รี ้อยละ 0.99) กลุ่มพ้ืนทนี่ า (พื้นทีร่ ้อยละ 0.47) กลุ่ม
ทุ่งหญา้ เล้ียงสตั ว์และโรงเรือนเล้ยี งสัตว์ (พ้ืนที่รอ้ ยละ 0.27) และกลมุ่ พืชไร่ (พน้ื ที่ร้อยละ 0.07)

พื้นทข่ี องกลุม่ พชื และของกลมุ่ สตั วช์ นิดตา่ ง ๆ ยงั แบง่ ยอ่ ยออกเป็นพชื และสัตว์ชนดิ ต่าง ๆ ดงั นี้
- กลุ่มพ้ืนที่นา : พบว่ามีพ้ืนที่น้อยมากในพื้นที่เกษตรกรรมโดยพื้นที่เกือบท้ังหมดเป็นนาข้าว (พ้ืนที่รอ้ ยละ

0.42 ของพื้นที่รบั ประโยชน์) ส่วนทเี่ หลอื อกี เพียงเลก็ น้อย เปน็ นาร้าง (พน้ื ทร่ี ้อยละ 0.05)
- กลุ่มพืชไร่ : พบว่ามีพ้ืนที่เพียงเล็กน้อยมาก ๆ ในพ้ืนท่ีเกษตรกรรม ประกอบด้วย พื้นท่ีปลูกสับปะรด

(พืน้ ทีร่ อ้ ยละ 0.05 ของพื้นที่รบั ประโยชน)์ และพื้นท่ปี ลูกมันสำปะหลงั (พ้นื ทีร่ ้อยละ 0.02)
- กลุม่ ไม้ยนื ตน้ : พบวา่ มีพื้นท่ีมากท่ีสดุ ในพ้ืนทเ่ี กษตรกรรมโดยพนื้ ทีส่ ่วนใหญ่หรือเกือบท้ังหมดเปน็ พืน้ ที่

ปลูกยางพารา (พ้ืนที่ร้อยละ 85.24 ของพ้ืนที่รับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนที่เหลืออีกไม่มากนักเป็นพ้ืนที่ปลูกปาล์มน้ำมัน
(พ้ืนทร่ี อ้ ยละ 0.91) และทีม่ พี น้ื ท่ีเพียงเลก็ น้อยมาก ๆ เปน็ พนื้ ทป่ี ลกู กระถิน (พืน้ ท่รี ้อยละ 0.02)

- กลุ่มไม้ผล : พบว่ามีพื้นที่ค่อนข้างน้อยในพื้นท่ีเกษตรกรรมโดยพื้นท่ีส่วนใหญ่หรือเกือบท้ังหมดเป็น
พน้ื ท่ีปลกู ไม้ผลผสม (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.93 ของพื้นที่รบั ประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกเพียงเลก็ น้อย ประกอบด้วยพ้ืนท่ี
ปลูกลางสาด ลองกอง (พ้ืนที่รอ้ ยละ 0.04) และพ้นื ทีป่ ลูกกล้วย (พนื้ ทร่ี ้อยละ 0.02)

- กลุ่มทุ่งหญ้าเล้ียงสัตว์และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ : พบว่ามีพ้ืนที่น้อยในพื้นท่ีเกษตรกรรม ประกอบด้วย
โรงเรือนเลย้ี งสัตว์ปีก (พนื้ ทร่ี ้อยละ 0.20 ของพ้นื ทร่ี ับประโยชน์) และโรงเรอื นเล้ยี งสุกร (พ้นื ทร่ี อ้ ยละ 0.07)

พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง (พ้นื ท่ี 674.33 ไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 5.49 ของพ้นื ท่รี บั ประโยชน์)
การใชป้ ระโยชน์ทด่ี ินในพื้นที่ชุมชนและส่งิ ปลูกสร้าง แบ่งเปน็ กล่มุ สถานทต่ี ่าง ๆ โดยพ้ืนท่เี กือบทั้งหมด

เป็นกลุ่มของหมู่บ้าน (พื้นที่ร้อยละ 5.43 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อยมาก ๆ
ประกอบด้วย กลุ่มของสถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ (พ้ืนท่ีร้อยละ 0.05) และกลุ่มของสถานีคมนาคม (พื้นท่ี
ร้อยละ 0.01) โดยพื้นที่ของแต่ละกลมุ่ ดังกล่าวน้ี ประกอบด้วยสถานทชี่ นดิ ตา่ ง ๆ ดงั น้ี

- กลุ่มหมู่บ้าน : พบว่ามีสถานท่ีเพียงชนิดเดียว คือหมู่บ้านบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนที่ร้อยละ 5.43
ของพืน้ ที่รบั ประโยชน)์

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-134 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอ้ื งตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกัว่ บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น

- กลุ่มสถานท่ีราชการและสถาบันต่าง ๆ : พบว่ามีสถานที่เพียงชนิดเดียว คือ สถานท่ีราชการและ
สถาบนั ตา่ ง ๆ (พ้นื ทรี่ อ้ ยละ 0.05 ของพ้ืนที่รบั ประโยชน์)

- กลมุ่ สถานีคมนาคม : พบว่ามีสถานทเี่ พยี งชนดิ เดยี ว คอื ถนน (พ้ืนทรี่ ้อยละ 0.01 ของพืน้ ทีร่ ับประโยชน์)
พื้นทเี่ บ็ดเตล็ด (พืน้ ที่ 717.40 ไร่ หรอื คดิ เปน็ ร้อยละ 5.85 ของพ้นื ทร่ี ับประโยชน์)

การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพื้นที่เบ็ดเตล็ด แบ่งออกเป็นกลุ่มพื้นที่ชนิดต่าง ๆ โดยพ้ืนท่ีเกือบทั้งหมดได้แก่
ส่วนท่ีเป็นกลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ (พ้ืนที่ร้อยละ 5.55 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์) พื้นที่ส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย
ไดแ้ ก่ กลุ่มเหมืองแร่บ่อขุด (พื้นท่ีร้อยละ 0.30) ซึ่งกลุ่มพื้นที่ 2 กลุ่มดงั กล่าวน้ียังแบ่งย่อยออกเปน็ พนื้ ที่ชนิดต่าง ๆ ได้
ดงั น้ี

- กลุ่มทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ : พบว่าพ้ืนที่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้แก่ ทุ่งหญ้าสลับไม้พุ่ม/
ไม้ละเมาะ (พ้ืนที่ร้อยละ 5.36 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนที่ส่วนที่เหลืออีกเพียงเล็กน้อย ได้แก่ ทุ่งหญ้าธรรมชาติ
(พื้นท่รี ้อยละ 0.19)

- กลุ่มเหมืองแร่บ่อขุด : พบว่าพื้นท่ีเกือบทั้งหมด ได้แก่ บ่อลูกรัง (พื้นท่ีร้อยละ 0.24 ของพื้นท่ีรับ
ประโยชน์) สว่ นทเี่ หลอื ได้แก่ บ่อดิน (พ้ืนทร่ี ้อยละ 0.06)

พน้ื ทน่ี ำ้ (พื้นที่ 84.67 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 0.69 ของพนื้ ทีร่ ับประโยชน์)
การใช้ประโยชน์ท่ีดินในพ้ืนท่ีน้ำ แบ่งออกเป็นแหล่งน้ำ 2 กลุ่ม โดยพื้นท่ีเกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มของ

แหล่งน้ำธรรมชาติ (พ้ืนที่ร้อยละ 0.64 ของพื้นที่รับประโยชน์) พ้ืนท่ีส่วนท่ีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยมาก ได้แก่ กลุ่มของ
แหลง่ น้ำท่สี ร้างข้ึน (พ้นื ที่รอ้ ยละ 0.05) พืน้ ทีข่ องกล่มุ แหลง่ น้ำ 2 กล่มุ ดงั กล่าวยงั แบ่งยอ่ ยออกเปน็ แหล่งนำ้ ชนิดต่าง ๆ ดงั น้ี

- กลุ่มของแหล่งน้ำธรรมชาติ : พบว่ามีแหล่งน้ำอยู่ 2 ชนิด โดยพื้นท่ีส่วนใหญ่ ได้แก่ ส่วนที่เป็นหนอง
บึง ทะเลสาบ (พื้นที่ร้อยละ 0.47 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พ้ืนที่ส่วนท่ีเหลือ ได้แก่ ส่วนที่เป็นแม่น้ำ ลำห้วย ลำคลอง
(พ้ืนท่รี อ้ ยละ 0.17)

- กลุ่มของแหล่งน้ำที่สร้างข้นึ : พบว่ามีแหล่งน้ำอยู่เพียงชนดิ เดียว ได้แก่ อ่างเก็บน้ำ (พนื้ ที่ร้อยละ 0.05
ของพื้นท่ีรับประโยชน)์

การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ทดี่ นิ (เปรียบเทยี บขอ้ มูลของปี พ.ศ.2550 กบั ขอ้ มลู ของปี พ.ศ.2561)
การเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภท/กลุ่ม/ชนิด ในบริเวณพ้ืนที่รับประโยชน์ของโครงการ
เป็นการเปรยี บเทียบขอ้ มูลของปี พ.ศ.2550 และขอ้ มูลของปี พ.ศ.2561 วา่ ในปี พ.ศ.2561 มีการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ของ
แต่ละประเภท/กลุ่ม/ชนิด โดยมพี ื้นท่ีเพ่ิมขึ้น (+) หรอื มีพื้นที่ลดลง (-) เม่ือเปรียบเทียบกับข้อมูลของการใช้ประโยชน์
ทด่ี นิ ในปี พ.ศ.2550 ผลการศึกษาได้สรุป แสดงดงั ตารางท่ี 3.6.5-2
ผลการศึกษาของการเปล่ียนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ีดินของแต่ละประเภท (ประกอบด้วย 4 ประเภท)
ในพ้ืนทีร่ บั ประโยชนข์ องโครงการแบ่งออกได้เปน็ 2 กลมุ่ ดังน้ี
กลมุ่ ของประเภทการใช้ประโยชนท์ ี่ดินท่มี ีพ้ืนที่เพิ่มมากข้ึน (+) (พนื้ ทเ่ี พิ่มขน้ึ ท้ังหมด 347.47 ไร่ หรือคิด
เป็นรอ้ ยละ 2.82 ของพ้ืนที่รับประโยชน์)
ผลการศึกษาประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินท่ีมีพ้ืนท่ีเพิ่มมากข้ึน (+) ในปี พ.ศ.2561 เม่ือเปรียบเทียบกับ
ปี พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 2 ประเภท ประกอบด้วย พ้ืนที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างมีพื้นท่ีเพ่ิมขึ้น 324.76 ไร่ (คิดเป็น
ร้อยละ 2.64 ของพื้นที่รับประโยชน์) และอีกประเภทหนึ่งเป็นพื้นท่ีน้ำซึ่งมีพ้ืนที่เพิ่มข้ึนไม่มากนัก คือ 22.71 ไร่
(คดิ เป็นร้อยละ 0.18 ของพ้ืนทีร่ ับประโยชน)์

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-135 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบ้อื งตน้

กลุ่มของประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีพ้ืนที่ลดน้อยลง (-) (พื้นที่ลดลงทั้งหมด 347.47 ไร่ หรือ
คดิ เป็นรอ้ ยละ 2.82 ของพนื้ ท่ีรับประโยชน)์

ผลการศึกษาประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินที่มีพ้ืนท่ีลดน้อยลง (-) ในปี พ.ศ.2561 เมื่อเปรียบเทียบกับปี
พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 2 ประเภท ประกอบด้วยพื้นที่เกษตรกรรมมีพ้ืนที่ลดลง 298.88 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 2.42 ของพ้ืนท่ี
รับประโยชน์) และอีกประเภทหนึ่งเป็นพื้นท่ีเบ็ดเตล็ดซ่ึงมีพื้นที่ลดลงไม่มากนัก คือ 48.59 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 0.40 ของ
พน้ื ทรี่ ับประโยชน)์

การลดลงของการใช้ประโยชนท์ ่ีดนิ ประเภทท่เี ป็นพ้ืนท่ีเกษตรกรรม และประเภททเ่ี ปน็ พ้นื ทเ่ี บ็ดเตลด็ ใน
ปี พ.ศ.2561 พบว่าพื้นท่ีท่ีลดลงไป ส่วนใหญ่จะถูกเปล่ียนนำไปใช้ประโยชน์เป็นการใช้ประโยชน์ท่ีดินประเภทที่เป็น
พื้นท่ีชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหมู่บ้านชนิดท่ีเป็นหมู่บ้านบนพ้ืนราบ/ไม้ผลผสม (พ้ืนที่เพ่ิมขึ้น
316.82 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 2.58 ของพ้ืนท่ีรบั ประโยชน์) พื้นท่ีส่วนท่ีเหลือที่มีพื้นที่ไม่มากนักถูกนำไปใช้ประโยชน์
เป็นสถานท่ีราชการและสถาบันตา่ ง ๆ (พ้ืนท่ี 6.36 ไร่ หรือคดิ เป็นร้อยละ 0.05) และส่วนท่ีเป็นสถานีคมนาคม ท่เี ป็น
ถนน (พ้ืนท่ี 1.58 ไร่ หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 0.01) นอกจากน้ันมีพ้ืนท่ีอีกเพียงเล็กน้อยถูกเปลีย่ นแปลงนำไปใชป้ ระโยชน์
เปน็ พืน้ ท่ีน้ำ โดยพ้นื ที่ท่ีเพม่ิ ขน้ึ อยู่ในกลมุ่ ของแหลง่ นำ้ ธรรมชาติ ทีส่ ่วนใหญ่เปน็ ส่วนของแมน่ ้ำ ลำหว้ ย ลำคลอง (พื้นท่ี
21.41 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.17) และมีพื้นท่ีเพียงเล็กน้อยมาก ๆ ที่เป็นหนอง บึง ทะเลสาบ (พ้ืนที่ 1.30 ไร่ หรือ
คิดเป็นร้อยละ 0.01)

การเปล่ยี นแปลงการใช้ประโยชนใ์ นพนื้ ท่เี กษตรกรรม

การใช้ประโยชน์ที่ดินในประเภทท่ีเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นพื้นท่ีหลักมีพื้นที่มากที่สุดในพ้ืนที่รับ
ประโยชน์ของโครงการ (คิดเป็นร้อยละ 87.97 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) พบว่ากลุ่มพืชและกลุ่มสัตว์ต่าง ๆ ยังมีการ
เปลย่ี นแปลงทงั้ เปน็ ในสว่ นที่มพี นื้ ทเี่ พิม่ มากขนึ้ (+) และในส่วนทมี่ ีพน้ื ท่ลี ดน้อยลง (-) โดยมรี ายละเอยี ดดังน้ี

กล่มุ พชื หรือกล่มุ สัตวท์ ่ีมพี นื้ ทีเ่ พม่ิ มากขน้ึ (+)
การใช้ประโยชนท์ ่ีดินทเี่ ปน็ กลมุ่ พชื หรือกลุ่มสตั วท์ ี่มีพน้ื ที่เพม่ิ มากขึ้นใน (+) ปี พ.ศ.2561 เมื่อเปรียบเทยี บ
กับปี พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 3 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มไม้ยืนต้นท่ีมีพื้นที่เพิ่มข้ึน (+) เป็นพื้นที่มากที่สุด (พื้นที่เพิ่มข้ึน
642.40 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 5.25 ของพ้ืนท่ีรับประโยชน์) โดยพื้นที่ท่ีเพิ่มขึ้นเป็นพื้นที่ปลูกยางพารา (พ้ืนที่เพิ่มข้ึน
608.24 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.97 ของพื้นท่ีรับประโยชน์) ส่วนการใช้ประโยชน์ท่ีดินของอีก 2 กลุ่ม ท่ีมีพ้ืนที่เพิ่มขึ้น
เพยี งเล็กนอ้ ย ได้แก่ กลุ่มทงุ่ หญ้าเลย้ี งสัตวแ์ ละโรงเรอื นเล้ียงสตั ว์ (พื้นที่เพิม่ ขึน้ 32.94 ไร่ หรอื คิดเปน็ รอ้ ยละ 0.27) และ
กลมุ่ พืชไร่ (พ้นื ทเี่ พมิ่ ขนึ้ 7.92 ไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ 0.07)
กล่มุ พืชทีม่ ีพืน้ ท่ีลดนอ้ ยลง (-)
การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นกลุ่มพืช ที่มีพ้ืนที่ลดน้อยลง (-) ในปี พ.ศ.2561 เม่ือเปรียบเทียบกับปี
พ.ศ.2550 พบว่ามีอยู่ 2 กลุ่ม ที่มีพ้ืนที่ลดน้อยลงใกล้เคียงกัน ประกอบด้วยกลุ่มไม้ผล (พ้ืนที่ลดลง 502.36 ไร่
หรือคดิ เปน็ ร้อยละ 4.10 ของพนื้ ท่ีรับประโยชน)์ และกลมุ่ พื้นที่นา (พ้นื ท่ลี ดลง 479.78 หรือคิดเป็นรอ้ ยละ 3.91)
พ้ืนที่ส่วนใหญ่ของกลุ่มไม้ผลท่ีมีพ้ืนท่ีลดน้อยลง พื้นท่ีเกือบทั้งหมดเป็นไม้ผลผสมท่ีมีพ้ืนท่ีลดน้อยลง และ
พื้นท่ีบางส่วนของกลุ่มพื้นท่ีนาท่ีพ้ืนที่เกือบท้ังหมดเป็นนาข้าว ที่มีพื้นท่ีลดลงเช่นเดียวกันโดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูก
เปลย่ี นไปเป็นพ้นื ท่ีกลุ่มไม้ยืนต้นซ่งึ ส่วนใหญ่เป็นพ้ืนท่ีปลูกยางพารา (พ้ืนที่เพ่ิมขึ้น 608.24ไร่ หรือคิดเปน็ ร้อยละ4.97ของพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน)์ และมพี ้ืนท่อี ีกเพียงเล็กน้อยท่ีเป็นพน้ื ท่ีปลกู ปาล์มน้ำมนั (พนื้ ท่ีเพิ่มขน้ึ 31.63 ไร่ หรอื คิดเป็นรอ้ ยละ 0.26)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-136 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบือ้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมืองตะกวั่ บทที่ 3
อันเนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องตน้

สรปุ การเปลยี่ นการใชป้ ระโยชนท์ ่ดี ินในบริเวณพืน้ ทร่ี บั ประโยชนข์ องโครงการ :

การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ท่ดี นิ ประเภทต่าง ๆ ในบริเวณพื้นทร่ี บั ประโยชนข์ องโครงการ

ประเภทการใช้ประโยชนท์ ีด่ นิ พื้นที่เพิม่ ขึน้ (+) พื้นทลี่ ดลง (-)
ไร่ รอ้ ยละ ไร่ รอ้ ยละ

พืน้ ทเ่ี กษตรกรรม 298.88 2.42

พนื้ ท่ชี มุ ชนและสิง่ ปลกู สรา้ ง 324.76 2.64

พนื้ ทเ่ี บ็ดเตลด็ 48.59 0.40

พ้นื ท่ีนำ้ 22.71 0.18

รวม 347.47 2.82 347.47 2.82

การเปลย่ี นแปลงการใชป้ ระโยชนข์ องกลมุ่ พืชและกลมุ่ สัตว์ชนดิ ตา่ ง ๆ ในบริเวณพื้นทเ่ี กษตรกรรม

การใช้ประโยชน์ทด่ี ินของกลุ่มพชื / พืน้ ทีเ่ พม่ิ ขน้ึ (+) พื้นที่ลดลง (-)

กลุม่ สัตว์ ไร่ รอ้ ยละ ไร่ ร้อยละ
3.91
กลมุ่ พ้ืนที่นา 479.78
4.10
กลุ่มพืชไร่ 7.92 0.07
8.01
กลุ่มไม้ยืนตน้ 642.40 5.25 2.42

กลมุ่ ไมผ้ ล 502.36

กล่มุ ทงุ่ หญ้าเลยี้ งสตั ว์และโรงเรอื น 32.94 0.27

เลี้ยงสัตว์

รวม 683.26 5.59 982.14

รวมพน้ื ทท่ี ัง้ หมดทเ่ี ปลย่ี นแปลง 298.88

4) แผนการดำเนินงานในขน้ั ถดั ไป
ทำการสำรวจสภาพการใช้ประโยชน์ทดี่ นิ ภาคสนามในบรเิ วณพืน้ ที่ศึกษาของโครงการ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-137 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องตน้

3.6.6 การคมนาคมขนส่ง

1) วัตถุประสงคก์ ารศึกษา
เพ่ือศึกษาโครงข่ายเสน้ ทางคมนาคมท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การพัฒนาโครงการ รวมทัง้ ปริมาณการจราจรบน

เส้นทางท่เี กยี่ วขอ้ งต่าง ๆ ในพน้ื ที่ศึกษา
2) วธิ ีการศึกษา
2.1) การรวบรวมขอ้ มูลจะรวบรวมข้อมูลเสน้ ทางที่สำคัญที่เช่ือมต่อพ้ืนที่โครงการจากกรมทางหลวง

และกรมทางหลวงชนบท เช่น การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณการจราจรเฉล่ียรายวัน (AADT) และ
องค์ประกอบของการจราจรท่ผี า่ นมา โดยเนน้ เสน้ ทางเข้า-ออกพน้ื ทโ่ี ครงการ เส้นทางต่อเชอื่ ม เส้นทางท่ีจะใชล้ ำเลียง
วสั ดกุ ่อสร้าง ปัจจัยการเกษตรและผลผลิตการเกษตร รวมทั้งจะตรวจสอบและสอบถามข้อมูลเก่ียวกับปัญหาอุปสรรค
และความพึงพอใจต่อสภาพการจราจรในปจั จบุ ันเพิม่ เตมิ

2.2) การสำรวจในภาคสนามและเก็บข้อมูลเพ่ิมเตมิ จะสำรวจสภาพการคมนาคมในพ้นื ทบี่ ริเวณพืน้ ท่ี
กอ่ สร้างหัวงาน และถนนเข้าสูห่ วั งาน โดยเนน้ ความเชื่อมโยงกบั พนื้ ทโ่ี ครงการ สภาพเส้นทาง ความสำคญั ของเส้นทาง
และแนวโน้มของความสำคัญในอนาคตบรเิ วณทีจ่ ะดำเนนิ การสำรวจปริมาณจราจร

3) ผลการศึกษา
1) ผลการรวบรวมข้อมลู ทตุ ิยภมู ิ

จังหวัดพัทลุง มีการคมนาคมสะดวกเพราะตั้งอยู่กึ่งกลางของภาคใต้ (กึ่งกลางระหว่างจังหวัดชุมพร-
นราธิวาส) เป็นศูนย์รวมของการคมนาคมทางบก จากภาคใต้ตอนบน (ฝั่งอ่าวไทย) และภาคตะวันตก (ฝั่งอันดามัน)
ลงสูภ่ าคใตต้ อนลา่ ง โดยใช้เส้นทางเพชรเกษม (หมายเลข 4)

1. การขนสง่ ทางบก เป็นการคมนาคมขนส่งท่สี ะดวกทส่ี ุด
1) การเดินทางโดยรถยนต์ มีทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอป่าพะยอม ควนขนุน เมือพัทลงุ เขาชยั สน
บางแก้ว ตะโหมด ปา่ บอน และทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านอำเภอเมืองพทั ลุง ศรีนครนิ ทร์ เขาชยั สน บางแกว้ ตะโหมด
และปา่ บอน นอกจากนีย้ งั มีถนนหรอื ทางหลวงท่อี ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบของหนว่ ยงานอน่ื ๆ
2) การเดินทางโดยรถไฟ มีรถไฟสายใต้ผ่านท้องที่อำเภอควนขนุน เมอื งพทั ลุง เขาชัยสน บางแก้ว ปา่ บอน
และอำเภอปากพะยูน มีสถานีรับส่งผู้โดยสารและสินค้า 9 สถานี ได้แก่ สถานีแหลมโตนด ปากคลอง พัทลุง
บา้ นตน้ โดน เขาชัยสน บางแก้ว ควนเคยี่ ม หารเทา และสถานโี คกทราย
2. การขนสง่ ทางน้ำ มกี ารเดินทางเพียงสายเดียว คือ เสน้ ทางระหว่างจงั หวัดพัทลงุ กับอำเภอระโนด จังหวัด
สงขลา มีทา่ เทียบเรือท่สี ำคญั เพยี งแห่งเดยี ว คือ ท่าเทยี บเรอื ปากพะยนู อำเภอปากพะยูน จงั หวัดพัทลุง
3. การคมนาคมทางอากาศ จังหวัดพัทลุงไม่มีสนามบินพาณิชย์ของตนเอง การเดินทางทางอากาศ อาศัย
สนามบนิ พาณิชย์ตรัง สนามบนิ พาณชิ ย์หาดใหญ่ และสนามบนิ พาณชิ ย์นครศรีธรรมราช
4. ระบบโครงข่ายคมนาคมและขนส่งครอบคลุมพ้ืนท่ีโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะก่ัว และพื้นท่ีรับ
ประโยชน์ของโครงการ พบวา่ เป็นระบบคมนาคมขนสง่ ท่ีมีสภาพดี และสามารถตดิ ต่อเช่ือมโยงกันได้อยา่ งสะดวกและ
รวดเร็ว
5. การสำรวจเส้นทางเขา้ สูพ่ ื้นที่หวั งาน การเดนิ ทางเข้าสู่หัวงานสามารถเดินทางได้สะดวกโดยรถยนต์ โดย
เรมิ่ จากตัวเมืองพัทลุงมุ่งหน้าไปทางทิศใต้บนถนนหมายเลข 4 เป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร จากนั้นเล้ียวขวา
เข้าสู่ถนนหมายเลข 4122 มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรจากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทาง

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-138 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบอ้ื งต้น อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดลอ้ มเบื้องต้น

หลวงชนบทหมายเลข 1029 มงุ่ หน้าทางทิศใต้เป็นระยะทางประมาณ 2 กโิ ลเมตร จากน้ันเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางลาดยางสู่
น้ำตกโตนสะตอ ประมาณ 500 เมตร และเดนิ เท้าอีกประมาณ 200 เมตรจะถึงทต่ี ้ังหวั งานโครงการ

6. ข้อมูลปริมาณการจราจร จากการรวบรวมข้อมูลปรมิ าณจราจรต่อวันตลอดปี (AADT) บนทางหลวงสาย
หลักทางหลวงหมายเลข 4 บริเวณพืน้ ท่ีศึกษาและบริเวณใกล้เคียง ปี 2561 พบว่าชนิดรถทม่ี ีการวง่ิ บนถนนทางหลวง
หมายเลข 4 มากทส่ี ุด คือ รถยนตน์ ัง่ (ไม่เกิน 7 คน) รองลงมารถบรรทุกขนาดเล็ก (4 ลอ้ ) รถยนต์นั่ง (เกนิ 7 คน) และ
รถจกั รยานยนต์ ตามลำดับ แสดงดงั ตารางที่ 3.6.6-1

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-139 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นรชิ คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั ตารางท่ี 3.6.6-1 ปริมาณจราจรต่อวนั ตลอดปี (AADT) บนทางหลวงสายหลักทางหลวงหมายเลข 4 ปี 2561
บริษทั เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด
ทาง ตอน รถยนตน์ ง่ั รถยนตน์ งั่ รถ รถ รถบรรทุก รถบรรทุกขนาด รถบรรทุก รถบรรทุกพว่ ง รถบรรทุกกึ่ง % จักรยาน สามล้อ
ล้าดับ หลวง ควบคุ จุดส้ารวจ (ไมเ่ กิน (เกิน 7 โดยสาร รถโดยสาร โดยสาร ขนาดเล็ก 2 เพลา ขนาด 3 เพลา (มากกว่า 3 พว่ ง (มากกว่า รวม ของ 2 ล้อ และ เคร่ืองและ แขวงทาง จังหวัด
ชอ่ื สายทาง 7 คน) คน) ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ (4 ล้อ) ยานยนต์ จักรยาน 3 ล้อ จักรยานยนต์ หลวง โครงการศึกษาผลกระทบสิง่ แวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะกั่ว
ที่ สาย ม อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลงุ
(6 ล้อ) (10 ล้อ) เพลา) 3 เพลา) หนกั

1 4 1301 เขาพับผ้า - พัทลุง 1144+104 4,230 1,524 62 39 57 3,234 252 194 112 237 9,941 8.96 18 1,440 ขท.พัทลุง พัทลุง
2 4 1301 เขาพับผ้า - พัทลุง
3 4 1302 พัทลุง - นาโหนด 1160+640 10,390 1,354 209 234 132 8,088 517 423 209 209 21,765 7.92 42 4,269 ขท.พัทลุง พัทลุง
4 4 1304 ห้วยทราย - พรพุ ้อ
5 4 1401 พรพุ ้อ - เนนิ พิชัย 1173+259 6,251 6,031 411 373 426 5,353 4,967 5,111 4,983 4,960 38,866 53.57 0 3,918 ขท.พัทลุง พัทลุง
6 4 1401 พรพุ ้อ - เนนิ พิชัย
1205+559 5,890 2,989 17 36 120 10,480 1,017 1,431 1,448 1,095 24,523 20.99 6 1,564 ขท.พัทลุง พัทลุง

1220+559 10,313 3,244 78 89 153 1,406 820 947 921 821 18,792 19.96 31 1,179 ขท.สงขลาที่ 1 สงขลา

1230+459 12,563 6,469 155 138 169 2,522 958 1,205 1,137 1,385 26,701 18.70 41 2,541 ขท.สงขลาที่ 1 สงขลา

ที่มา: กรมทางหลวง, 2561

3-140

รายงานฉบับกลาง บทท่ี 3
(Interim Report) การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบือ้ งต้น อ่างเก็บนำ้ เหมืองตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลงุ การศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบือ้ งต้น

3.7 คุณคา่ ตอ่ คุณภาพชวี ติ
3.7.1 เศรษฐกจิ และสงั คม

1) วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา
(1) เพ่ือศึกษาสภาพเศรษฐกิจสังคม ลักษณะประชากร ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนสภาพแวดล้อมในชุมชน

บรเิ วณพื้นทศี่ กึ ษาโครงการ
(2) เพอ่ื ศกึ ษาประเมินการรับรู้ ความคดิ เห็น และปฏกิ ริ ยิ าของประชาชนตอ่ การพฒั นาโครงการ
(3) เพื่อนำผลท่ีได้จากการสำรวจสภาพเศรษฐกิจสังคม และความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อโครงการ ไป

พิจารณาประกอบการศกึ ษาสภาพเศรษฐกิจสังคม
(4) เพื่อประเมินผลกระทบต่อวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชนในชุมชนและผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ

สงั คม ทงั้ ในระยะก่อสรา้ ง และระยะดำเนินการ
(5) เพื่อเสนอแนะมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบด้าน

เศรษฐกิจสังคม
2) ขั้นตอนและวิธีการศึกษา
การศึกษาวเิ คราะหด์ า้ นเศรษฐกจิ สงั คมของโครงการ มีขอบเขตการศึกษาทสี่ ำคญั ประกอบด้วย การศึกษาและ

รวบรวมข้อมูลสภาพเศรษฐกิจและสังคมของชุมชน ผู้นำชุมชนและครัวเรือนในพื้นที่ศึกษา และรวบรวมความคิดเห็นของ
ประชาชนในชุมชนที่มตี อ่ การพฒั นาโครงการ โดยมีแนวทางและวธิ ีการศึกษา ดงั นี้

(1) การศึกษาขอ้ มลู ทตุ ยิ ภูมิ
รวบรวมและศกึ ษาทบทวนขอ้ มลู ทตุ ยิ ภมู ิดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม จากหนว่ ยงานตา่ งๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ดงั นี้
1. ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจและสังคม ในรอบ 10 ปี (ปี พ.ศ. 2551-2560) จากสำนักงานสภาพัฒนาการ

เศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ ได้แก่ มูลค่าผลิตภณั ฑม์ วลรวมจงั หวดั (GPP) มลู ค่าผลติ ภัณฑ์มวลรวมภาคใต้ (GRP) และ มลู ค่า
ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)

2. สภาพเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดพัทลุง และของพื้นท่ีศึกษาโครงการ ได้แก่ จำนวนครัวเรือน
จำนวนประชากร อตั ราเฉล่ียของจำนวนประชากรต่อครัวเรือน ระดบั การศกึ ษา อาชพี การนบั ถอื ศาสนา การทำงานและการมี
งานทำ รายได้-รายจ่ายของครวั เรอื น หนี้สินและการเก็บออมเงินครัวเรือน ข้อมูลลักษณะการใชท้ ี่ดนิ การถือครองกรรมสิทธ์ิ
ท่ีดิน สภาพน้ำด่ืม น้ำใช้ การมีไฟฟ้า จากขอ้ มูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน พ.ศ. 2560 ของสำนักงาน
สถิติแห่งชาติ ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ) ปี พ.ศ. 2560 และข้อมูล กชช.2ค ปี พ.ศ. 2560 ของกรมการพัฒนาชุมชน
กระทรวงมหาดไทย และข้อมูลสำนกั งานพระพุทธศาสนา จงั หวัดพทั ลุง ข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ข้างต้นจะนำมาใช้เพ่ือแสดงสภาพ
เศรษฐกิจสังคมในปัจจุบันก่อนมีการดำเนินงานโครงการ และใช้เป็นข้อมูลเพ่ือศึกษาประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คมตอ่ ไป

(2) การสำรวจขอ้ มูลปฐมภูมิ
การศึกษาสภาพของบริบทชุมชนในระดับท้องถ่ิน ได้ใช้หลายวิธีประกอบกัน ซ่ึงที่ปรึกษาได้ดำเนินการ

รวบรวมข้อมูลสภาพเศรษฐกิจสังคมของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย โดยใช้แบบสอบถาม สภาพเศรษฐกิจสังคม เพื่อรวบรวมข้อมูล
เศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งความคิดเห็น หรือข้อวิตกกังวล ตลอดจนข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะในการจัดการปัญหา หรือ
ผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึน ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ในการนำไปพิจารณาประกอบการประเมินผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอแนะ
มาตรการในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขผลกระทบจากการพัฒนาโครงการ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-141 รายงานฉบบั กลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น อา่ งเกบ็ น้ำเหมอื งตะกว่ั บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลงุ การศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบือ้ งตน้

1. พื้นท่ศี ึกษา
การศึกษาโครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว อันเนื่องมาจาก

พระราชดำริ จังหวัดพัทลุง มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นแหล่งเก็บกักน้ำต้นทุนไว้ใช้เสริมการเพาะปลกู ใหก้ ับพ้ืนที่ชลประทาน
ของโครงการ เพือ่ เป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค-บริโภค และเล้ียงสตั ว์ของราษฎรในเขตตำบลหนองธงและตำบลใกล้เคียง เพ่ือ
ยกฐานะความเป็นอยู่ของราษฎร ในเขตพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการให้ดีขึ้น โดยให้การสนับสนุนแหล่งน้ำ ซ่ึงเป็น
ปัจจยั พนื้ ฐานของผลผลติ ทางด้านเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ฯลฯ และเพือ่ เป็นแหลง่ เพาะพันธุป์ ลาและสตั วน์ ำ้ อ่ืน ๆ

การพัฒนาโครงการ ประกอบด้วย การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ และระบบชลประทาน ซึ่งพ้ืนท่ีศึกษา
โครงการครอบคลุมพ้ืนที่เขตการปกครอง 2 อำเภอ 3 ตำบล ไดแ้ ก่ บริเวณพ้นื ท่ีตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน พื้นที่ตำบลแม่
ขรี และตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด จงั หวดั พทั ลุง แสดงดังรปู ที่ 3.7.1-1 พนื้ ท่ีซึ่งคาดจะไดร้ ับผลกระทบจากการกอ่ สร้าง
โครงการ ได้แก่ พนื้ ทร่ี บั นำ้ ของโครงการ พื้นทอ่ี ่างเก็บน้ำ พ้นื ทหี่ ัวงาน พืน้ ท่ีท้ายน้ำ และพ้ืนท่ชี ลประทาน

2. ประชากร
ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษา แบ่งออกเป็น 3 กล่มุ คือ กลมุ่ ผใู้ ห้ขอ้ มลู สำคญั หรอื กล่มุ ผนู้ ำชุมชน

กล่มุ ผู้ทไี่ ด้รบั ผลกระทบจากการกอ่ สรา้ งโครงการ และกลุ่มผทู้ คี่ าดวา่ จะได้รบั ประโยชนจ์ ากการพฒั นาโครงการ
3. การกำหนดกลุ่มตวั อย่าง
- กลุ่มผู้นำชุมชน หมายถึง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลสอบถามข้อมูลจากผู้นำ

ชุมชน หรือกรรมการหมูบ่ ้านทกุ หมู่บ้านท่ีไดท้ ำการสำรวจข้อมลู ระดับครัวเรอื น หรือบคุ คลท่ไี ด้รับมอบหมายจากผนู้ ำชุมชน
จากหมู่บา้ นตวั อย่างในพื้นท่ีศึกษา

- กลุ่มผู้ท่ไี ดร้ ับผลกระทบจากการกอ่ สร้างโครงการ หมายถึง กลุ่มเจา้ ของท่ีดินท่ีไดร้ ับผลกระทบ
จากการสูญเสียพื้นท่ีดิน (ถูกเวนคืน) ได้แก่ พื้นท่ีอ่างเก็บน้ำ พ้ืนที่หัวงาน พ้ืนท่ีท้ายน้ำ และพ้ืนที่ชลประทานโดยในการเก็บ
รวบรวมข้อมูลจะเก็บข้อมูลจากเจ้าของที่ดิน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของท่ีดินท่ีให้ความร่วมมือที่จะตอบ
แบบสอบถามทกุ รายท่ีสามารถตดิ ตามตวั ได้

- กลุ่มผู้ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาโครงการ หมายถึง ครัวเรือนท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีรับ
ประโยชน์ หรอื กลุ่มครัวเรือนในพื้นท่ชี ลประทาน/ครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบทางบวก และครัวเรือนใกล้เคยี งพนื้ ที่ก่อสร้าง
และดำเนินงานโครงการ

การสุ่มตัวอย่าง โดยกำหนดค่าความเชื่อถือได้อยู่ท่ีร้อยละ 95 และค่าความคลาดเคล่ือน
ไม่เกินรอ้ ยละ 5 ท้ังน้จี ำนวนตวั อย่างจะมีการปรบั ให้มคี วามเหมาะสม ภายหลงั จากไดท้ ำการสำรวจภาคสนามอยา่ งละเอียดอีก
ครัง้ สำหรับสูตรทีค่ ำนวณ หาขนาดตวั อย่างเป็นสตู รอย่างง่าย (Parel และคณะ, 1973:13) ดงั น้ี

n = NZ² P(1-P)
ND²+Z² P(1-P)
N หมายถงึ จำนวนครวั เรือนตวั อยา่ ง
N หมายถงึ จำนวนครวั เรอื นรวม
Z หมายถงึ คา่ ความเชือ่ มน่ั ของการเลือกตวั อยา่ ง
กำหนดให้เทา่ กับ รอ้ ยละ 95 ทำใหค้ ่า Z เทา่ กบั 1.96
P หมายถึง คา่ สดั สว่ นของประชากร ในทน่ี ้ีกำหนดให้เปน็ 0.5
D หมายถงึ ความนา่ จะเปน็ ของความผิดพลาดทยี่ อมให้เกดิ ขนึ้ ได้ ในทนี่ ี้กำหนดให้ไม่เกนิ ร้อยละ

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-142 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบื้องต้น อ่างเก็บน้ำเหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดลอ้ มเบื้องต้น

5 ท้าให้ D มคี า่ เทา่ กบั 0.05
ทง้ั น้ี จำนวนตวั อยา่ งทจ่ี ะทำการสำรวจจะไมน่ ้อยกวา่ 200 ตัวอยา่ ง

3) ผลการศึกษาทบทวนดา้ นเศรษฐกจิ -สงั คม บรเิ วณพน้ื ท่ศี ึกษา
พื้นท่ีโครงการตั้งอยู่บริเวณพ้ืนที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง และมีบริเวณพื้นท่ีรับ

ประโยชน์ได้แก่ บริเวณพ้ืนท่ีตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน พ้ืนที่ตำบลแม่ขรี และตำบลคลองใหญ่ อำเภอ ตะโหมด
จงั หวดั พัทลงุ จากการทบทวนขอ้ มูลด้านเศรษฐกิจสังคมของพ้ืนทท่ี ้ัง 3 ตำบล 2 อำเภอ สรุปไดด้ ังนี้

(1) องคก์ ารบริหารสว่ นตำบลหนองธง
(1) เขตปกครองและประชากร

องค์การบริหารส่วนตำบลหนองธง มีเน้ือท่ีมีเน้ือที่ท้ังหมดประมาณ 75.792 ตารางกิโลเมตร หรือ
ประมาณ 47,370 ไร่ ครอบคลมุ จำนวนหมู่บ้าน 9 หมู่ หมบู่ า้ นในเขตองคก์ ารบรหิ ารส่งตำบลเต็มทั้งหมบู่ ้าน จำนวน 6
หมู่ ได้แก่ หมู่ที่ 1, หมู่ที่ 2, หมู่ท่ี 4, หมู่ที่ 5, หมู่ท่ี 6 และหมทู่ ่ี 9 และหมู่บ้านในเขตองค์การบริหารส่งตำบลบางส่วน
3 หมู่ ได้แก่ หมู่ที่ 3, หมทู่ ี่ 7 และ หมู่ท่ี 8 มีประชากร ท้ังสน้ิ จำนวน 8,630 คน เป็นเพศชาย จำนวน 4,312 คน และ
เพศหญงิ จำนวน 4,318 คน (ธันวาคม 2562) มคี วามหนาแนน่ ประชากร ประมาณ 114 คนตอ่ ตารางกโิ ลเมตร

(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
ประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองธง ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก

รองลงมามีอาชพี รบั จ้างทางการเกษตร อาชีพคา้ ขาย รับจา้ งทวั่ ไป และรับราชการบา้ งเลก็ น้อย อาชีพทางการเกษตรที่
สำคัญ คือการทำสวนยางพารา ทำนา ทำสวนผลไม้ และพืชไร่ ประเภทของพืชท่ีปลูก ได้แก่ ยางพารา ปาล์ม
(เล็กน้อย) และผลไม้ เช่น สละ ทุเรียน มังคุด เป็นต้น มีการประกอบอาชีพการค้าขายภายในหมู่บ้าน เช่น ร้านขาย
ของชำ ร้านซอ่ มรถ โรงสีข้าว รา้ นตดั ผม รา้ นเสรมิ สวย เปน็ ตน้

(3) การศกึ ษา
ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองธง มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 5 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก

บ้านเหมืองตะก่ัว ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองธง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหลักสิบ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งค่าย
และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ประจำมสั ยดิ บา้ นหนองธง

มีโรงเรียนระดับประถมศึกษา จำนวน 3 โรงเรียน คือ โรงเรียนบ้านเหมืองตะก่ัว (ขยายโอกาส
การศึกษา) หมู่ที่ 1 บ้านเหมืองตะกั่ว โรงเรียนบ้านหนองธง (ขยายโอกาสการศึกษา) หมู่ท่ี 2 บ้านหนองธง และ
โรงเรียนมติ รมวลชน 1 หมูท่ ี่ 6 บ้านเขาจันทร์

มโี รงเรียนระดับมัธยมศึกษา จำนวน 3 แห่ง คอื โรงเรยี นนูรุ้ลอิสลามหนองธง หมู่ที่ 2 บ้านหนองธง
โรงเรียนภกั ดีอนุสรณ์ หมทู่ ี่ 2 บ้านหนองธง และโรงเรียนอะมาดยิ ะห์ หมูท่ ่ี 6 บา้ นเขาจนั ทร์

(4) การนับถอื ศาสนา
ประชากรส่วนใหญ่ ประมาณร้อยละ 60 นับถือศาสนาพุทธ ส่วนอีกร้อยละ 40 นับถือศาสนา

อิสลาม
ศาสนสถานในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองธง ประกอบด้วย วัด จำนวน 1 แห่ง คือ

วัดหลักสิบ มัสยิด จำนวน 7 แห่ง ตั้งอยูห่ มู่ท่ี 1, หมู่ที่ 2 และ หมู่ท่ี 6 และบาลาเสาะฮ์ จำนวน 2 แห่ง ต้ังอยู่หมู่ที่ 1
และ หมทู่ ่ี 2

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-143 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบอื้ งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกวั่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น

(5) การสาธารณสขุ
มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองธง 1 แห่ง ตั้งอยู่ท่ีหมู่ที่ 2 และมีศูนย์สาธารณสุขมูลฐาน

ชมุ ชนในทุกหมู่บ้าน
(6) ความปลอดภัยในชีวิตและทรพั ยส์ ิน
มีปอ้ มสายตรวจตำรวจ 1 แห่ง ตั้งอย่หู มทู่ ี่ 1 และชุดรักษาความปลอดภยั หมู่บา้ นทกุ หมูบ่ ้าน
(7) การบริการดา้ นพืน้ ฐาน
การคมนาคม มที างหลวงชนบท หมายเลข 4122 บ้านป่าบอน – โล๊ะจังกระ ส่วนเส้นทางคมนาคม

ท่ีใช้สัญจรภายในหมู่บ้านหรือระหว่างหมู่บ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นถนนลูกรังและหินคลุก จะมีบางหมู่บ้านท่ีได้มีการ
กอ่ สร้างถนนคอนกรีตภายในหมู่บ้าน

การโทรคมนาคมและการสื่อสาร มีการให้บริการโทรคมนาคมสื่อสาร แต่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่
ท้ังหมดของตำบล มีหอกระจายข่าวประจำหม่บู ้าน จำนวน 9 หมบู่ า้ น

การไฟฟ้า มีการให้บริการไฟฟ้าครัวเรือนครอบคลุมเกือบทงั้ ตำบล จะมีบางครัวเรือนท่ยี ังไมม่ ีไฟฟ้า
ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค แต่ได้ดำเนินการประสานงานกับสำนักงานการไฟฟ้าเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป และ
นอกจากนย้ี ังไดม้ ีการขยายเขตไฟฟ้าสาธารณะ (ไฟส่องสวา่ ง) ครอบคลุมทกุ หม่บู า้ น

การประปา มีการให้บริการประปาหมู่บ้าน มีถังกักเก็บน้ำประจำหมู่บ้านทุกหมู่บ้าน ประปาภูเขา
ได้ใช้ประโยชน์

แหล่งน้ำ มสี ระน้ำ รพช. 1 แหง่ ตงั้ อยู่หมทู่ ี่ 6 บ้านเขาจันทร์
(8) การรวมกลุ่มของประชาชน

กลุ่มออมทรพั ย์ 11 กลุม่ ได้แก่
1. กลุ่มสจั จะออมทรพั ย์ หมู่ที่ 1
2. กลุ่มสจั จะออมทรพั ย์ หมู่ที่ 2
3. กลมุ่ ออมทรัพย์ หมู่ท่ี 3
4. กลุ่มออมทรพั ย์ หมู่ที่ 4
5. กลุ่มออมทรัพย์บ้านกอยออก หมู่ท่ี 4
6. กลุม่ ออมทรัพย์ ห้วยไทร หมทู่ ี่ 5
7. กลุ่มออมทรัพยห์ ลกั สิบ หมทู่ ี่ 5
8. กลุ่มออมทรัพย์ เพอ่ื การผลติ หม่ทู ่ี 6
9. กล่มุ ออมทรัพย์แมบ่ ้านเกษตร หมู่ท่ี 8
10. กลมุ่ ออมทรพั ย์ เพอ่ื การผลิตสายกลาง หมู่ท่ี 9
11. กลมุ่ ออมทรัพย์สหกรณก์ ารค้าในกอย หมู่ท่ี 9

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-144 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ รชิ คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น อา่ งเกบ็ นำ้ เหมืองตะกั่ว บทท่ี 3
อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น

กลมุ่ อาชีพ จำนวน 7 กล่มุ
1. กลุ่มไม้ผล ตำบลหนองธง
2. กลมุ่ นวดแผนโบราณ สถานอี นามัยหนองธง
3. กลุ่มแม่บา้ น
4. กลุ่มเล้ยี งแพะ
5. กลมุ่ จักรสาน
6. กลุ่มเยาวชน เครอ่ื งหนงั และบาติก
7. กลุ่มประยกุ ตศ์ ลิ ป์
กองทุนหมบู่ ้าน 8 กลมุ่
1. กลมุ่ กองทุนหมบู่ ้านเหมืองตะก่วั หมทู่ ่ี 1
2. กลุ่มกองทุนหมูบ่ ้านหนองธง หมทู่ ่ี 2
3. กลุ่มกองทนุ หมู่บ้านทงุ่ ค่าย หมทู่ ่ี 3
4. กลุ่มกองทนุ หมบู่ า้ นทงุ่ ลานชา้ ง หมู่ท่ี 4
5. กลุ่มกองทนุ หมู่บ้านหลกั สิบ หมู่ที่ 5
6. กล่มุ กองทุนหมู่บ้านเขาจันทร์ หมูท่ ่ี 6
7. กลุ่มกองทนุ หมู่บ้านหอยโขง่ หมู่ที่ 8
8. กลมุ่ กองทุนหมูบ่ า้ นสายกลาง หม่ทู ่ี 9

(2) เทศบาลตำบลป่าบอน
(1) เขตการปกครองและประชากร

เทศบาลตำบลป่าบอน ต้ังอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ตามเส้นทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม พัทลุง – สงขลา ห่างจากอำเภอเมือง ระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร มีพื้นที่ 8.25
ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 5,156.25 ไร่ ครอบคลุมพ้ืนที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลป่าบอน ครอบคลุมพื้นท่ีบางส่วน
ของหมู่ที่ 3 และพ้ืนที่ทั้งหมดของหมู่ท่ี 10 ตำบลวังใหม่ ครอบคลุมพ้ืนท่ีบางส่วนของหมู่ท่ี 6 และหมู่ที่ 7 และตำบล
หนองธง ครอบคลุมพ้ืนท่ีบางส่วนของหมู่ท่ี 3, 7 และหมู่ที่ 8 เทศบาลตำบลป่าบอนได้แบ่งเขตการปกครองในเขต
เทศบาลออกเปน็ ชมุ ชน จำนวน 6 ชุมชน ประกอบด้วย ชมุ ชนบ้านหนองนก ชุมชนบา้ นหว้ ยทราย ชุมชนตลาดปา่ บอน
ชุมชนบ้านน้ำรุ้ง ชุมชนบ้านหัวสะพาน และชุมชนบ้านทุ่งบ่อลึก มีประชากร ท้ังส้ิน จำนวน 4,012 คน เป็นเพศชาย
จำนวน 1,985 คน และ เพศหญิง จำนวน 2,027 คน (ธนั วาคม 2562) มีความหนาแน่นประชากร ประมาณ 246 คน
ต่อตารางกโิ ลเมตร

(2) สภาพทางเศรษฐกิจ
ประชากรส่วนใหญ่ในเขตเทศบาลประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ท้ังการเพาะปลูกและเลี้ยง

สตั ว์ ทำสวนยางพาราและค้าขาย เป็นต้น สำหรับรายได้ของประชาชนพบว่าไม่ค่อยมีความแน่นอน ข้ึนอยู่กับสภาวะ
การตลาดและสภาพดินฟา้ อากาศของพ้ืนที่

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-145 รายงานฉบับกลาง
บริษทั เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้อื งตน้ อ่างเก็บนำ้ เหมอื งตะกัว่ บทท่ี 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบือ้ งตน้

ด้านการพาณิชย์ ในเขตเทศบาลมีสถานประกอบการเอกชน โดยมีการจำหน่ายสินค้าท้ังอาหารสด
อาหารแห้ง ตลอดจนเครอ่ื งมือเคร่ืองใชแ้ ละสินค้าเพ่ือการอุปโภคและบรโิ ภคต่าง ๆ นอกจากนยี้ ังมรี ้านค้าทั่วไป และมี
ตลาดนดั เปิดท้ายในแต่ละสปั ดาห์

ด้านการอตุ สาหกรรม ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็กและอตุ สาหกรรมในครัวเรือน เช่น โรงสี
ขา้ ว และกลมุ่ อาชีพต่างๆ เป็นตน้

ด้านการท่องเที่ยว ในเขตเทศบาลตำบลป่าบอนไม่มีสถานท่ีท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของประชาชน
ท่ัวไป เป็นเพียงทางผ่านไปสู่สถานท่ีท่องเที่ยวในพ้ืนท่ีอ่ืน เช่น อำเภอตะโหมด อำเภอเมืองพัทลุง รวมถึงอำเภอเมือง
และอำเภอหาดใหญ่ จงั หวัดสงขลา และพืน้ ท่ีใกลเ้ คยี งอ่นื ๆ

ดา้ นปศุสัตว์ ส่วนใหญใ่ นเขตเทศบาลฯจะเป็นการเลี้ยงสตั ว์ของเกษตรกรรายย่อยซ่ึงเลี้ยงไว้เพ่ือเป็น
อาหารสำหรับการบริโภคในครัวเรือนและเพื่อการจำหน่ายภายในเขตเทศบาลและพ้ืนท่ใี กล้เคียง เชน่ ไก่ เป็ด หมู วัว
เปน็ ต้น

(3) การศกึ ษา
ในเขตเทศบาลตำบลป่าบอนมสี ถานศกึ ษา ประกอบดว้ ย
ระดับก่อนประถมศึกษา มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง ซ่ึงสังกัดเทศบาลตำบลป่าบอน คือ ศูนย์

พัฒนาเดก็ เล็กเทศบาลตำบลป่าบอน
ระดับประถมศึกษาจำนวน 2 แห่ง ซ่ึง สังกดั สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาพัทลงุ เขต 2

คือ โรงเรียนหว้ ยทรายมิตรภาพท่ี 150 และ โรงเรยี นอนุบาลป่าบอน
ระดับมัธยมศึกษาจำนวน 1 แห่ง ซ่ึง สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 คือ

โรงเรียนปา่ บอนพทิ ยาคม
นอกจากน้ีในเขตเทศบาลตำบลป่าบอนยังมีศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอป่าบอน ซ่ึงสังกัด

สำนักงานการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดพัทลงุ และห้องสมุดประชาชน จำนวน 1 แหง่ กฬี า
นันทนาการ สำหรับการกฬี าและนนั ทนาการพบว่าในเขตเทศบาลมสี นามบาสเก็ตบอล จำนวน 3 แห่ง สนามฟุตบอล
4 แห่ง และมีลานกีฬาหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลป่าบอน จำนวน 1 แหง่

(4) สถาบันและองคก์ รศาสนา
ในเขตเทศบาลฯ ประชากรส่วนใหญน่ บั ถือศาสนาพุทธ คดิ เป็นร้อยละ 99.97 รองลงมาเปน็ ศาสนา

คริสต์ และอิสลาม ตามลำดับ (กชช 2 ค 2560)
สำหรับศาสนสถาน มวี ัด 3 แห่ง และสำนกั สงฆ์ 1 แห่ง ได้แก่ วัดห้วยทราย ต้ังอยใู่ นชมุ ชนบ้านห้วย

ทราย วดั หนองนก ตง้ั อยู่ในชุมชนบา้ นหนองนก และวัดปา่ บอนบน ตั้งอยใู่ นชุมชนตลาดปา่ บอน และวัดน้ำรุ้ง ตั้งอยใู่ น
ชุมชนบา้ นนำ้ ร้งุ

ในส่วนของวัฒนธรรมในเขตเทศบาลฯ พบว่ามีกิจกรรมการทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา และ
ประเพณีสำคัญของภาคใต้ เช่น กิจกรรมวันเสาร์ เดือนสิบ วันเข้าพรรษา ทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่และวัน
สงกรานต์ (วนั กตญั ญู) เปน็ ตน้

บรษิ ัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-146 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้ อา่ งเก็บนำ้ เหมอื งตะกว่ั บทท่ี 3
อนั เน่ืองมาจากพระราชดำริ จังหวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบื้องต้น

(5) การสาธารณสุข
ในเขตเทศบาลตำบลป่าบอน มีสถานีอนามัย 1 แห่ง มีสถานพยาบาลเอกชน (คลินิก) จำนวน

2 แห่ง และนอกจากนี้ยังมีสถานพยาบาลของรัฐท่ีอยู่ในพ้ืนที่ใกล้เคียง คือโรงพยาบาลป่าบอน เป็นโรงพยาบาลขนาด
10 เตยี ง ปจั จุบันมแี พทย์จำนวน 3 คน ซึ่งตัง้ อย่นู อกเขตเทศบาล

(6) ความปลอดภัยในชวี ติ และทรพั ย์สนิ
มีปอ้ มยามตำรวจชุมชน จำนวน 1 แห่ง ปจั จุบันพบว่าปัญหายาเสพตดิ เป็นปญั หาทเ่ี กดิ ขนึ้ มากทีส่ ุด

และมแี นวโน้มทีจ่ ะมากขึ้นในอนาคต
(7) การบริการพนื้ ฐาน
การคมนาคม สภาพถนนในเขตเทศบาลป่าบอน สามารถติดต่อกับชุมชนอื่นได้สะดวกโดยการ

คมนาคมทางบกที่สำคัญ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4122
(ปา่ บอน – กงหรา) ทางหลวงหมายเลข 4049 และถนนทางเข้าวดั ป่าบอน สำหรบั ถนนในเขตเทศบาลตำบลปา่ บอน
มีถนนท้งั หมด 57 สาย รวมความ ยาวทง้ั หมด 20.212 กโิ ลเมตร แบง่ เปน็ ถนนคอนกรีต จำนวน 9 สาย รวมระยะทาง
ทัง้ หมด 7.60 กิโลเมตร ถนนลาดยาง จำนวน 22 สาย รวมระยะทางทง้ั หมด 16.97 กโิ ลเมตร และถนนหินคลุก/ถนน
ลกู /ถนนดนิ จำนวน 8 สาย รวมระยะทางทั้งหมด 7.35 กโิ ลเมตร

การประปา อยู่ในความรับผิดชอบของกองการประปาเทศบาลตำบลป่าบอน โดยมีแหล่งน้ำดิบใน
การผลิตจากคลองป่าบอน มีโรงกรองน้ำขนาด 50 ลูกบาศก์เมตรต่อช่ัวโมง จำนวน 1 แห่ง ถังน้ำใส ขนาด 400
ลูกบาศก์เมตร จำนวน 1 ชุด โรงสูบน้ำแรงต่ำแบบบ่อแห้ง จำนวน 1 แห่ง สามารถให้บริการแก่ประชาชนในเขต
เทศบาลไดอ้ ย่างทั่วถงึ สามารถผลิตน้ำไดป้ ระมาณ 1,600 ลบม./วนั ปริมาณการใชน้ ้ำ วนั ละ 1,300 ลบ.ม.

การไฟฟ้า อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง สามารถ
ให้บริการไฟฟ้าอย่างทั่วถึงทุกครัวเรือนในเขตเทศบาลฯ และมีระบบไฟฟ้าสาธารณะ (ไฟฟ้าส่องสว่าง) ภายในเขต
เทศบาล จำนวน 287 จดุ

การส่ือสาร มีที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข 1 แห่ง ต้ังอยูร่ ิมถนนทางหลวงหมายเลข 4 ให้บรกิ ารรับส่ง
ข่าวสารและพัสดุภัณฑ์ บริการภายในเขต เทศบาลและพื้นท่ีใกล้เคียง สำหรับการให้บริการโทรศัพท์สาธารณะมี
จำนวน 6 ตู้ ซึ่งยังไม่เพยี งพอกับการให้บรกิ ารประชาชนในปัจจุบัน

ลักษณะการใช้ที่ดิน ประชากรส่วนใหญ่ในเขตเทศบาลตำบลป่าบอนมีพ้ืนท่ีทำกินเป็นของตนเอง
และพบวา่ ประมาณ ร้อยละ 80 ของพนื้ ทีท่ งั้ หมดไดใ้ ชใ้ นการประกอบอาชีพทางการเกษตร เช่น สวนยางพารา เปน็ ต้น
และอกี ร้อยละ 20 ใชเ้ พอ่ื การอยอู่ าศัย เป็นอาคารพาณิชย์ ร้านค้าและประกอบอาชีพอน่ื ๆ

(3) องคก์ ารบริหารส่วนตำบลป่าบอน
(1) เขตการปกครองและประชากร
ตำบลป่าบอน อยู่ในเขตอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ต้ังอยู่ทางทิศเหนือของที่ว่าการอำเภอป่าบอน

ห่างจากที่ว่าการอำเภอป่าบอน ประมาณ 9 กิโลเมตร องค์การบริหารส่วนตำบลป่าบอนมีพ้ืนท่ีทั้งส้ิน 77.85 ตาราง
กิโลเมตร โดยครอบคลมุ เขตพ้ืนท่ีตำบลป่าบอน ทง้ั หมด 10 หมู่บ้าน ได้แก่ หมทู่ ี่ 1, หมทู่ ี่ 2, หมทู่ ี่ 3, หมทู่ ่ี 4, หมู่ที่ 5,
หมูท่ ่ี 6, หม่ทู ี่ 7, หมู่ที่ 8, หมทู่ ี่ 9 และหมู่ที่ 11 มีประชากร ท้งั สิน้ จำนวน 8,526 คน เปน็ เพศชาย จำนวน 4,172 คน
และ เพศหญงิ จำนวน 4,354 คน (ธนั วาคม 2562) มีความหนาแน่นประชากร ประมาณ 110 คนตอ่ ตารางกโิ ลเมตร

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกัด 3-147 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบอื้ งตน้ อ่างเกบ็ นำ้ เหมอื งตะก่ัว บทท่ี 3
อนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศกึ ษาผลกระทบส่งิ แวดล้อมเบอ้ื งต้น

(2) สภาพทางเศรษฐกิจ
ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างท่ัวไป ดังน้ี ทำสวนยาง 878 ครัวเรือน

ทำนา 308 ครัวเรือน รับจ้างกรีดยาง 468 ครัวเรือน ทำนา / ทำไร่ 364 ครัวเรือน รับจ้างท่ัวไป 370 ครัวเรือน และ
เลย้ี งสัตว์ 193 ครัวเรือน

(3) การศึกษา
มีศนู ยพ์ ัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 1 แห่ง คือ ศูนย์พฒั นาเด็กเล็กบ้านปา่ บอนต่ำ และโรงเรียนระดับช้ัน

ประถมศึกษา จำนวน 1 แห่ง คอื โรงเรยี นวัดปา่ บอนตำ่
(4) สถาบันและองค์กรศาสนา
มีวดั จำนวน 1 แห่ง สำนักสงฆ์ จำนวน 3 แหง่ และมัสยิด จำนวน 1 แหง่
(5) การสาธารณสุข
มีโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพประจำตำบล 2 แห่ง มีบคุ ลากรประจำ 12 คน อัตราการมีและใช้สุขา

ที่ถูกสุขลกั ษณะ ร้อยละ 100
(6) ความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ ิน
มปี อ้ มยามตำรวจชมุ ชน จำนวน 1 แหง่

(4) เทศบาลตำบลตะโหมด
(1) เขตปกครองและประชากร

เทศบาลตำบลตะโหมด มีพื้นท่ีโดยประมาณ 13 ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ 8,125 ไร่
ครอบคลุมพ้ืนทบ่ี างส่วนของตำบลตะโหมด หมู่ที่ 3, หมู่ที่ 4, หมู่ท่ี 9, หมู่ท่ี 11 และ หมู่ท่ี 12 และบางสว่ นของตำบล
คลองใหญ่ หมู่ท่ี 1 , หมู่ที่ 2 และ หมู่ที่ 9 ปัจจุบัน ได้มีการกำหนดแนวเขตชุมชนในเขตเทศบาลฯ เพ่ือประโยชน์ต่อ
การพัฒนาท้องถ่ิน ออกเป็น จำนวน 8 ชุมชน มีประชากร ทั้งสิ้น จำนวน 4,396 คน เป็นเพศชาย จำนวน 2,185 คน
และ เพศหญงิ จำนวน 2,211 คน (ธันวาคม 2562) มีความหนาแน่นประชากร ประมาณ 338 คนต่อตารางกโิ ลเมตร

(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
ประชาชนเขตเทศบาลตำบลตะโหมด สว่ นใหญป่ ระกอบอาชีพการเกษตร เช่น สวนยางพารา สวนผลไม้
ทำนา รบั ราชการ รบั จา้ งทวั่ ไป มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 59,000 บาท/คน/ปี
(3) การศึกษา
สถานศึกษาในพื้นท่ีเทศบาลตำบลตะโหมด ประกอบด้วย ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน จำนวน 1
แหง่ โรงเรียนเทศบาลสังกัดเทศบาล จำนวน 1 แห่ง โรงเรียนระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาในเขตเทศบาล (สพฐ.) จำนวน 1
แห่ง โรงเรยี นระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ และตอนปลาย (สพฐ.) จำนวน 1 แห่ง และศนู ย์การศกึ ษานอกโรงเรยี นประจำ
ตำบลตะโหมด จำนวน 1 แห่ง
(4) สถาบนั และองคก์ รศาสนา
ประชากรในพื้นที่เทศบาลตำบลตะโหมด ร้อยละ 80 นับถือศาสนาพุทธ และอีกร้อยละ 20 นับถือ
ศาสนาอิสลาม
สำหรับศาสนสถานในเขตเทศบาล มีวัด 1 แห่ง คือ วัดตะโหมด มัสยิด 1 แห่ง คือ มัสยิดนูรุดดีนียะห์
บา้ นควน

บรษิ ทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-148 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น อ่างเกบ็ น้ำเหมืองตะกัว่ บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งต้น

ประเพณีและงานประจำปี ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลตะโหมดอยู่ร่วมกัน 2 ศาสนามาอย่างยาวนาน
เป็นที่รักใคร่ปรองดอง และยอมรับซึ่งกันและกัน ในประเพณี วัฒนธรรม มีความผสมผสานอย่างไม่แบ่งแยก ซ่ึงประเพณี
วฒั นธรรมประจำปี ในเขตเทศบาลตำบลตะโหมด

(5) การสาธารณสุข
ประกอบด้วย สถานพยาบาลของรัฐ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านตะโหมด
และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเกาะเรียน สถานให้บริการของเอกชน จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ พิญทพิ ย์ผดุงครรภ์
ตั้งอยู่ชมุ ชนวดั ตะโหมด และสภุ าพรผดงุ ครรภ์ ตงั้ อยู่ชุมชนวดั ตะโหมด และมชี มรมอาสาสมัครสาธารณสุข จำนวน 75 คน
(6) ความปลอดภัยในชีวติ และทรัพยส์ ิน
มสี ถานีตำรวจ 1 แห่ง โดยอาชญากรรมในพนื้ ที่เทศบาลตำบลตะโหมด จากขอ้ มลู คดอี าชญากรรมจะมีน้อย
ปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาที่เกิดข้ึนในพ้ืนที่ สารเสพติดที่แพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชนจะเป็นน้ำใบกระท่อม
เทศบาลตำบลตะโหมดมีแนวทางแก้ไขปัญหาโดยการส่งเสริมการกีฬาให้เด็กและเยาวชน ทั้งการรวมกลุ่มและการแข่งขัน
ในบทบาทของชุมชน ให้เยาวชน ประชาชน ได้ใช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ เป็นทางเลือกตอ่ การป้องกันและต่อตา้ นยาเสพ
ตดิ
(7) การบรกิ ารพน้ื ฐาน
การคมนาคม การคมนาคมขนส่งทางบกของเทศบาลตำบลตะโหมด มีถนนลาดยางตัดผ่านเขตพื้นที่
เทศบาลท่ีสำคัญ คือ ถนนทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4122 (ถนนสายป่าบอนเหนือ - บ้านนา) เป็นถนนท่ีสามารถ
เดินทางไปยัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเดินทางไปยังจังหวัดตรัง ได้สะดวก และ ถนนทางหลวงแผ่นดิน
หมายเลข 4237 สายแม่ขรี – ตะโหมด (ถนนชนะสิทธ์ิวิถี) สำหรับการเดินทางไปยัง ที่ว่าการอำเภอตะโหมด
อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง และสามารถเดินทางไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้สะดวก นอกจากน้ียังมีถนน
ทเ่ี ทศบาลตำบลตะโหมด ได้ดำเนินการสรา้ งเพื่อเป็นการบรกิ ารสาธารณะในชมุ ชนทั้ง 8 ชุมชน
ทรัพยากรน้ำ แหล่งน้ำจืดจากน้ำตกหม่อมจุ้ย ถือเป็นต้นน้ำสำคัญมาก ท่ีนำน้ำมาใช้ประโยชน์ในการ
ทำการเกษตร และเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปาสำหรับการอุปโภคและบริโภคในปัจจุบัน แหล่งน้ำจืดในพ้ืนท่ีเทศบาล
ตำบล ตะโหมด มากจากคลองตะโหมดและคลองกง ที่มีแหล่งต้นน้ำท่ีสำคัญมาจากเทือกเขา บรรทัดทาง
ด้านทศิ ตะวันตกเฉียงใต้ของตำบลตะโหม
การประปา เทศบาลตำบลตะโหมดมีระบบประปาเป็นของตนเอง ระบบประปาผิวดิน ขนาดใหญ่มาก
มีกำลังผลิต 50 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และ จำนวนน้ำประปาที่ใช้ เฉลี่ย 1,000 ลูกบาศก์เมตร/ วัน มีผู้ใช้น้ำประปา
จำนวน 1,528 ราย แหล่งนำ้ ดิบท่ีใช้ในการผลติ ประปา คอื น้ำจากน้ำตกลานหม่อมจุ้ย ซึง่ มีความสะอาด

(5) เทศบาลตำบลแม่ขรี
(1) เขตการปกครองและประชากร

เทศบาลตำบลแม่ขรี มีเน้ือที่ทั้งหมด 6.33 ตารางกิโลเมตรโดยครอบคลุม พ้ืนท่ีบางส่วนของตำบลสอง
ตำบล ใน 2 อำเภอรวม 6 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลแม่ขรีอำเภอตะโหมดประกอบไปด้วยหมู่ท่ี 1 หมู่6 และหมู่ 7 และตำบล
โคกสักอำเภอบางแก้วประกอบไปด้วย หมู่ท่ี 7 และ 8 มีประชากร ทั้งส้ิน จำนวน 6,222 คน เป็นเพศชาย จำนวน 2,984
คน และ เพศหญิง จำนวน 3,238 คน (ธันวาคม 2562) มคี วามหนาแน่นประชากร ประมาณ 983 คนต่อตารางกิโลเมตร

บริษทั เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-149 รายงานฉบับกลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบส่ิงแวดล้อมเบื้องตน้ อ่างเก็บน้ำเหมอื งตะกั่ว บทที่ 3
อันเนอื่ งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศกึ ษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบอื้ งตน้

(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
ประชาชนในเขตเทศบาลตำบลแมข่ รีมีการประกอบอาชพี ดงั ตอ่ ไปน้ี
การเกษตร ประชากรมีอาชีพ ทำสวนยางพาราปลูกไม้ผลและพืชไร่ต่าง ๆ โดยผลผลิตทาง

การเกษตรทีส่ ำคญั คือยางพารา
การปศุสัตว์ การปศุสัตว์ในเขตเทศบาลน้ันส่วนใหญ่เป็นการเล้ียงรายย่อยในครัวเรือนเพื่อการ

บรโิ ภคการเลีย้ งเพื่อเป็นอาชพี นน้ั มเี ปน็ สว่ นนอ้ ย เชน่ ไก่ โคและสกุ ร
การท่องเท่ียว ในพื้นท่ีเทศบาลตำบลแม่ขรีไม่มีสถานท่ีท่องเที่ยวแต่เป็นเมืองที่ เป็นทางผ่านไปสู่

สถานทีท่ ่องเท่ยี วในอำเภอตะโหมดและเทศบาลตำบลตะโหมดเสน้ น้ำตกหมอ่ มจุ้ย น้ำตกไพรวัลย์
อตุ สาหกรรม การอตุ สาหกรรมในเขตเทศบาลตำบลแมก่ าลสี ่วนมากเป็นอุตสาหกรรมขนาดเลก็ เช่น

ซ่อมรถยนต์ ซ่อมจกั รยานยนต์ โรงพมิ พ์
การพาณิชย์และกลุม่ อาชีพ ในเขตเทศบาลตำบลแม่ขรีมีลกั ษณะเปน็ ชมุ ชนเมืองประชากรสว่ นหน่ึง

ประกอบธุรกิจค้าขายโดยสามารถจำแนกได้ดังน้ี 1 ร้านขายของชำจำนวน 68 รายการ ร้านขายอาหารจำนวน
70 รายการ ร้านเสริมสวยจำนวน 29 รายการ กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขจำนวน
110 รายการ โรงแรมจำนวน 4 รายการ ธนาคารจำนวน 6 แห่ง ตลาดประเภท 1 จำนวน 1 แห่ง นวดแผนโบราณ
กายภาพบำบัดจำนวน 3 แห่ง

(3) การศึกษา
การศึกษาในเขตเทศบาลตำบลแม่ขรี มีสถานการศึกษาท้ังภาครัฐและเอกชน จำนวน 6 แห่ง

โรงเรียนเอกชนจำนวน 2 แห่ง โรงเรียนสังกัดกรมสามัญ 1 แห่ง โรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมการศึกษา
แห่งชาติ 1 แห่ง สถานศกึ ษาในสงั กัดเทศบาลตำบลแมข่ รี 1 แหง่ และศูนย์พัฒนาเดก็ เลก็ 1 แหง่

(4) สถาบันและองค์กรศาสนา
ประชาชนในพืน้ ทม่ี ีการนับถอื 2 ศาสนา ไดแ้ ก่ ศาสนาพทุ ธ และ ศาสนาครสิ ตเ์ ป็นส่วนใหญ่

(5) การสาธารณสุข
ในเขตเทศบาลตำบลแม่ขรีมีสถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน คือ โรงพยาบาลของรัฐจำนวน

1 แหง่ สำนักงานสาธารณสขุ 1 แห่ง และคลินิกเอกชนจำนวน 12 แหง่
(6) ความปลอดภยั ในชีวติ และทรพั ยส์ นิ
สถิติไฟไหม้ในรอบปีงบประมาณจำนวน 4 คร้ัง 2 รถยนต์ดับเพลิง จำนวน 1 คัน รถบรรเทา

ทุกข์น้ำจำนวน 2 คัน พนักงานดับเพลิงจำนวน 10 คน รถกู้ภัยเคลื่อนท่ีเร็วจำนวน 1 คัน เรือท้องแบนจำนวน 2 ลำ
จำนวนอาสาปอ้ งกันฝา่ ยพลเรอื น (อปพร.) จำนวน 29 คน และ สถานีตำรวจ อยหู่ ่างจากศูนย์ประมาณ 2 กิโลเมตร

(7) การบรกิ ารพื้นฐาน
การคมนาคมขนสง่ เทศบาลตำบลแมข่ รมี ีเส้นทางคมนาคมไดท้ างเดียวคอื ทางบกสามารถตดิ ต่อ

กับ อำเภอบางแกว้ จงั หวดั พัทลุง และอำเภอบางบอน จังหวัดพทั ลงุ ได้โดยทางหลวงพนื้ ดนิ หมายเลข 4 และเทศบาล
ตำบลแมข่ รสี ามารถตดิ ตอ่ กับ อำเภอตะโหมด จงั หวัดพทั ลงุ ได้ โดยถนนแม่กาลี – โล๊ะจังกระ

บริษทั เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-150 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซัลแตนท์ จำกดั (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดลอ้ มเบอ้ื งตน้ อา่ งเก็บน้ำเหมอื งตะก่วั บทที่ 3
อันเน่อื งมาจากพระราชดำริ จงั หวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งต้น

การไฟฟ้า
ดำเนินงานโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ทุกครัวเรือนในเขต เทศบาล
ตำบลแม่คะรมี ีกระแสไฟฟ้าใช้อยา่ งท่ัวถึงและมีไฟสาธารณะ ครอบคลุมทกุ ถนนทุกสายในเขตเทศบาลไฟฟ้าสาธารณะ
ภายในเขตเทศบาลมีจำนวน 967 จดุ ครอบคลมุ ถนน 65 สาย
การประปา การประปาของเทศบาลตำบลแม่กาลีสามารถผลิตน้ำประปาได้ 2,600 ลูกบาศก์
เมตรต่อวัน มีราษฎรใช้น้ำในเขตเทศบาลตำบลแม่กาลี 2,862 ครัวเรือน แหล่งน้ำท่ีใช้ผลิตน้ำประปาคือ
คลองชลประทานทา่ เชียดโดยมีน้ำประปาใชต้ ลอดทงั้ ปี
โทรศพั ท์ สำนักงานบริการโทรศัพท์จำนวน 1 แห่ง
ไปรษณีย์หรือการสื่อสารหรือการขนสง่ และวัสดุครุภัณฑ์ ทที่ ำการไปรษณยี จ์ ำนวน 1 แหง่
(6) เทศบาลตำบลเขาหัวชา้ ง
(1) เขตการปกครองและประชากร
เทศบาลตำบลเขาหัวช้าง อยู่ห่างจากท่ีว่าการอำเภอตะโหมดไปทางทิศตะวันตกประมาณ
15 กิโลเมตร อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดพัทลุงไปทางทิศใต้ตามเส้นทางถนนสายเพชรเกษม ถนนทางหลวง
หมายเลข 4 ( หาดใหญ่ - พัทลุง ) ระยะทางประมาณ 39 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 884 กิโลเมตร
มีพ้ืนท่ีทั้งหมดประมาณ 170 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 43,750 ไร่ มีพื้นที่การปกครองทั้งหมด 12 หมู่บ้าน
ในพื้นที่ตำบล ตะโหมด ได้แก่ บางส่วนของ หมู่ที่ 3, หมู่ที่ 4, หมู่ท่ี 11, และหมู่ที่ 12 และพ้ืนท่ีที่เต็มหมู่บ้าน ได้แก่
หมู่ที่ 1, หมู่ท่ี 2, หมู่ที่ 5, หมู่ที่ 6, หมู่ท่ี 7, หมู่ท่ี 8 และหมู่ท่ี 9 มีประชากร ท้ังสิ้น จำนวน 7,115 คน เป็นเพศชาย
จำนวน 3,544 คน และ เพศหญิง จำนวน 3,571 คน (ธันวาคม 2562) มีความหนาแน่นประชากร ประมาณ 42 คน
ต่อตารางกิโลเมตร
(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
ด้านการเกษตร ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นท่ปี ระกอบอาชพี ทางการเกษตร การทำสวนยางพาราและ
การทำสวนผลไม้ มีบางพ้ืนท่ีในเขตหมู่ที่ 1, หมู่ท่ี 3, หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 12 ท่ียังพ้ืนที่ทำนาอยู่ ซึ่งการทำนาในพื้นที่
จะเน้นเป็นนาอินทรีย์ทป่ี ลอดการใช้สารเคมี และเน้นการทำนาไว้กนิ เองมากกว่าการทำเพ่อื การขาย รายได้สว่ นใหญ่
มาจากสวนยางพารา เม่ือราคายางลดต่ำลง การเกษตรก็เปลีย่ นมาเป็นการเกษตรผสมผสานที่ปลูกหลายๆอยา่ งในพืน้ ท่ี
เดยี วกัน โดยน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาปรับใช้ในพน้ื ท่ี ปัญหาที่พบมากทส่ี ุดในพ้ืนที่คอื ปริมาณผลผลติ ทม่ี าก
ในช่วงระยะเวลาท่ีออกผลพร้อมกัน ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เกษตรกรไม่สามารถพยุงราคาให้อยู่ใน
จดุ คุม้ ทุนได้
ด้านการประมง มกี ารเลี้ยงปลาในกระชังบรเิ วณอ่างเกบ็ นำ้ คลองหวั ชา้ ง
ด้านการปศสุ ตั ว์ ส่วนมากเป็นการเลี้ยง วัว หมู และไก่ กันเองตามครัวเรอื น ซึง่ เป็นอาชีพเสริมจาก
อาชีพหลักท่ีประกอบการทำสวนยางพารา ในระยะหลังมีการเลี้ยงแบบมีระบบมากขึ้น มีการทำแปลงหญ้าในการให้
ความสะดวก มีระบบฟาร์มปิดเข้ามาในพื้นที่เป็นอาชีพหลักให้กับเกษตรกร ทำให้มีการเปล่ียนสภาพท่ีดินเป็นฟาร์ม
ขนาดใหญ่ในพน้ื ที่ ในสว่ นของการเล้ยี งปลามกี ารเล้ียงปลาไว้กนิ เองและขายกันเองตามตลาดนัดในชมุ ชน
ด้านการบริการ มีการบริการการท่องเท่ียวในพื้นท่ีผ่านกลุ่มองค์กรจัดการท่องเท่ียวในชุมชน
ที่มีโฮมสเตย์ไว้สำหรับผู้ที่เข้ามาท่องเท่ียว และพักผ่อน มีบริการห้องประชุมเล็ก ๆ ในพ้ืนที่ สามารถติดต่อผ่านทาง
สำนักงานเทศบาลตำบลเขาหัวชา้ งได้

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกัด 3-151 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นรชิ คอนซัลแตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศึกษาผลกระทบสง่ิ แวดล้อมเบ้ืองตน้ อา่ งเกบ็ น้ำเหมืองตะกวั่ บทท่ี 3
อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ จังหวดั พัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้อื งต้น

การท่องเท่ียว ในพื้นที่มีแหล่งท่องเท่ียวมากมายที่เป็นแหล่งการจัดการท่องเท่ียวเชิงนิเวศตะโหมด
เกิดจากความต้องการที่จะป้องกันรักษาทรัพยากรของชุมชนเอาไว้ โดยใช้การท่องเที่ยวเป็นเคร่ืองมือ โดยอำเภอ
ตะโหมด จังหวัดพัทลุง เป็นอำเภอที่อยู่ติดบริเวณเทือกเขาบรรทัดสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบสูงลาดต่ำไปทาง
ทิศตะวนั ออก สภาพป่าอดุ มสมบรู ณ์ มแี หล่งทอ่ งเที่ยวเปน็ นำ้ ตก และวฒั นธรรมประเพณีอนั ดีงามสบื ทอดมาแต่โบราณ

อุตสาหกรรม ไม่มีระบบการผลิตอุตสาหกรรมในพื้นที่ มีเพียงกิจการขนาดเล็กท่ีเป็น
การประกอบการเพือ่ การสรา้ งรายไดใ้ นระดบั ครวั เรอื นเป็นหลัก ในเชิงพาณชิ ยแ์ ละการอาชพี เป็นหลกั

(3) การศึกษา
สถานศกึ ษาในพื้นที่เทศบาล มีดังนี้
ศนู ย์พัฒนาเด็กเลก็ ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลเขาหัวช้างจำนวน 4 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์

พัฒนาเด็กเล็กบ้านควนอินนอโม ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโหล๊ะเหรียง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหัวช้างและศูนย์พัฒนา
เด็กเลก็ บา้ นคลองนุ้ย

โรงเรียนในระดับประถมศึกษา จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านควนอินนอโม โรงเรียน
วัดโหละ๊ จันกระ และโรงเรยี นบา้ นหวั ช้าง

นอกจากน้ียังมีโรงเรียนเอกชนท่ีสอนศาสนาและสายสามัญควบคู่ไปด้วย คือโรงเรียนมุสลิมวิทยา
มลู นิธิ

(4) ศาสนา
ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นท่ีนับถือศาสนาอิสลาม ประมาณร้อยละ70 ท่ีเหลืออีกร้อยละ 30 นับถือ

ศาสนาพทุ ธ
ศาสนสถานในพื้นที่ ประกอบด้วย วัด 1 แห่ง ได้แก่ วัดโหล๊ะจันกระต้ังอยู่หมู่ที่ 6 และมัสยิด

6 แห่ง ได้แก่ มัสยิดนูรุลฮาบิดีน ตั้งอยู่หมู่ท่ี 2 มัสยิดนูหรนฮูดา ต้ังอยู่หมู่ท่ี 5 มัสยิดบ้านต้นเลียบ ต้ังอยู่หมู่ท่ี 5
มสั ยิดนูรุลอสิ ลาม ตัง้ อยหู่ มู่ที่ 7 มัสยิดสมบูรณ์ศาสตร์ ตั้งอยหู่ มทู่ ี่ 8 และมสั ยดิ ห้วยหาร ตง้ั อยหู่ มู่ท่ี 10

(5) การสาธารณสขุ
มโี รงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพประจำตำบล จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

บ้านควนอินนอโม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านคลองนุ้ย (รพ.สต.บ้านคลองนุ้ย) และโรงพยาบาลส่งเสริม
สุขภาพตำบลตะโหมด และมีกองทุนสขุ ภาพประจำตำบลท่ีเป็นสว่ นในการส่งเสริมการจัดกจิ กรรมรณรงคใ์ ห้ประชาชน
ดแู ลสขุ ภาพ

(6) ความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ
ในพ้ืนท่ีเทศบาลตำบลเขาหัวช้าง ไม่ค่อยมีคดีอาชญากรรม ส่วนมากเป็นคดีลักเล็กขโมยน้อย

เป็นการขโมยพืชผลทางการเกษตร ยางพารา ผลไม้ เป็นต้น มีการทะเลาะวิวาทบ้าง การลักขโมยรถจักรยานยนต์แต่
ไม่มาก ส่วนปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาท่ีมีทุกพ้ืนที่ ส่วนมากจะเป็นยาเสพติดประเภทน้ำกระท่อมในกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมี
เกือบทุกหมู่บ้าน เทศบาลก็มีศูนย์แก้ไขปัญหายาเสพติดท่ีคอยให้ความรู้ และมีกิจกรรมจัดอบรมให้ความรู้กับเยาวชน
ในพื้นที่

(7) การบรกิ ารพืน้ ฐาน
การคมนาคมขนสง่ มีถนนสายกงหรา- ป่าบอน และถนนสายแม่ขรี – กงหรา เป็นเส้นทางสายหลกั จาก
พื้นที่ภายนอกท่ีเขา้ มาในพื้นที่เทศบาล ในพืน้ ที่มีเส้นทางถนนหลายสายทีเ่ ชื่อมเส้นทางการเดนิ ทางระหว่างหมู่บา้ นต่อ

บริษัท เอช ทู โอ คอนซลั ท์ จำกดั 3-152 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอน็ ริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)

โครงการศกึ ษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบอ้ื งต้น อา่ งเก็บนำ้ เหมืองตะก่วั บทที่ 3
อนั เนื่องมาจากพระราชดำริ จงั หวัดพัทลุง การศึกษาผลกระทบสิง่ แวดลอ้ มเบ้ืองตน้

หมู่บ้าน ระหว่างพื้นท่ีตำบล โดยส่วนมากถนนในพ้ืนที่ทเ่ี ชื่อมต่อหมู่บา้ นจะเป็นถนนคอนกรีตและลาดยาง มีบางเส้นท่ี
ยงั เปน็ ถนนทบ่ี ดอดั ซึ่งในชว่ งฤดฝู นก็เปน็ ปญั หาอปุ สรรคในการเดินทางพอสมควร

การไฟฟ้า ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่มีไฟฟ้าใช้เกือบครบทุกครัวเรือน ในส่วนของไฟฟ้าสาธารณะท่ีใช้
ตามพื้นถนน มีบางหมู่บ้านที่มีไม่เพียงพอ ต้องเพิ่มเติมอีกหลายจุด เพ่ือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ
ประชาชน

การประปา ระบบการจัดการประปาของเทศบาลมีการจัดการด้วยเทศบาลเองในพื้นที่เกือบทุกหมู่บ้าน
มีเพียงหมู่ที่ 6 บ้านวัดโหล๊ะจันระ และพื้นท่ีหมู่ท่ี 10 บ้านทุ่งสบายที่บริหารจัดการโดยกลุ่มองค์กรจัดการน้ำในพ้ืนที่
ของตนเอง ระบบประปาของหมบู่ ้าน เป็นระบบหอถังและประปาผิวดนิ บางพืน้ ทีก่ ็ใช้แหลง่ นำ้ ดบิ จากอา่ งเก็บน้ำคลอง
หวั ช้าง อันเน่อื งมาจากพระราชดำรปิ ัญหาระบบประปาที่เกิดขึ้นส่วนมากจะเป็นปริมาณท่ีเข้าสูร่ ะบบไม่เปน็ ทเ่ี พยี งพอ
และในเรื่องความสะอาดก็มรี ะบบดูแลอย่างดี

(7) เทศบาลตำบลควนเสาธง
(1) เขตการปกครองและประชากร

เทศบาลตำบลควนเสาธง มีพื้นท่ี 53.69 ตารางกิโลเมตร งบประกอบด้วยจำนวนหมู่บ้าน 11
หมู่บ้าน โดยจำนวนหมู่บ้านในเขตเทศบาลเต็มหมู่บ้าน จำนวน 8 หมู่บ้าน ได้แก่หมู่ท่ี 2, หมู่ท่ี 3, หมู่ที่ 4, หมู่ท่ี 5,
หมู่ที่ 8, หมู่ท่ี 9, หมู่ท่ี 10 และ หมู่ที่ 11 จำนวนหมู่บ้านในเขตเทศบาลบางส่วน จำนวน 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1,
หมู่ท่ี 6 และ หมู่ที่ 7 มีประชากรท้ังสิ้น จำนวน 7,598 คน เป็นเพศชาย จำนวน 3,732 คน และ เพศหญิง จำนวน
3,866 คน (ธนั วาคม 2562) มีความหนาแนน่ ประชากร ประมาณ 142 คนตอ่ ตารางกิโลเมตร

(2) สภาพทางเศรษฐกจิ
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักทำการเกษตร ได้แก่ ทำสวนยางพารา ทำนาข้าว ทำสวนผลไม้ทำพืช

ไร/่ พชื ผัก ทีเ่ หลือประกอบอาชพี ประมง โดยมีการเลี้ยงปลาในกระชงั บ่อปลา การปศุสตั ว์ มีการเล้ียงโค แพะ และหมู
ประกอบอาชพี ส่วนตวั และรับจ้าง

(3) การศกึ ษา
มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทุ่งเหรียง ศูนย์พัฒนาเด็ก

เลก็ บ้านด่านโลด และศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ บ้านมาบ
มีโรงเรียนประถมศึกษา 3 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนบ้านด่านโลด โรงเรียนร่มโพธ์ิไทร และโรงเรียนบ้าน

ปลกั ปอม
(4) ศาสนา
ประชาชน หมู่ท่ี 1, หมู่ที่ 5, หมู่ท่ี 6, หมู่ท่ี 9 และหมู่ที่ 10 นับถือศาสนาพุทธ ประชาชน หมู่ท่ี 2

และหมู่ท่ี 11 นับถือศาสนาอิสลาม ประชาชน หมู่ที่ 3, หมู่ที่ 4, หมู่ที 7 และหมู่ที่ 8 นับถือศาสนาพุทธและศาสนา
อิสลาม

ศาสนาสถานในเขตเทศบาล ประกอบด้วย วัด จำนวน 2 วัด ได้แก่ วัดปลักปอม 7 และวัดหนองปด
มัสยดิ จำนวน 6 แห่ง ไดแ้ ก่ มสั ยดิ ฮีดายาต้ลุ ฮีดายะห์ มัสยดิ อลั อา้ มาลุสซอลฮี ะห์ มัสยิดฮีซอลาฮุดดนี มสั ยดิ นูรุลยากีน
มัสยดิ ดาหรสไซรีหย๊ะ และมสั ยิดบา้ นควนล่อน

บริษัท เอช ทู โอ คอนซัลท์ จำกดั 3-153 รายงานฉบบั กลาง
บริษัท เอ็นริช คอนซลั แตนท์ จำกัด (Interim Report)


Click to View FlipBook Version