ก
สารบญั 1
2
ทา้ วหิรญั พนาสูร 7
ประวตั ิ ทา้ วหริ ญั พนาสรู 8
ชา่ งหลอ่ ชาวอติ ตาเลย่ี นคอเคล็ด 8
การสงั เวย ทา้ วหริ ัญพนาสรู
คาถาบชู า ทา้ วหริ ัญพนาสรู 9
ฤาษีพิราลยั ฤาษีตาไฟ ฤาษีตาววั 10
ตานานพระเครื่องสกลุ พระกาแพงทุง่ เศรษฐี
11
ฤาษีนอโม และฤาษีลูจี 13
ปฐมบรมครแู ห่งเขาออ้ 14
14
ตาํ นานสงั เวยฤาษีสรา้ งอยุธยา 14
วนั วลิต
16
สุเทวฤาษีสรา้ งเมืองหริภุญไชย
ข
สุพรหมฤาษีสรา้ งนครเขลางค ์
พระฤาษี 4 องคส์ รา้ งพระรอด
พระฤาษี 4 ตนสรา้ งพระธาตุสีม่ ุมเมืองยวม
๙ ฤาษีจากโองการไหวค้ รู
ของบทความของ ส.พลายนอ้ ย
เรื่องเลา่ พระฤาษี 17
ส.พลายนอ้ ย 18
20
บทไหวค้ รขู องเกา่ 22
ฤาษีนน้ั แบ่งออกเป็ น ๘ จาํ พวก 23
จดั ฤาษีไว ้ ๔ ชนั้
ฤาษีนารอด ฤาษีตาววั ฤาษีตาไฟ 27
27
ประวตั ิพระฤๅษี
ฤๅษีไดอ้ ภญิ ญา ๕ ประการ 28
ฤๅษีมีภรรยาได ้ 28
29
ฤๅษีเพชรฉลูกณั ฑ ์
ตีมูรติอวตาร, ภาคหนึ่งของพระนารายณ์ 30
32
ปางวิษณุกรรม
ปางเทวกรรมประสิทธิ ์ 33
ปางเพชรฉลกู ณั ฑ ์
ค
ฤๅษีพระพิราพ
พระศิวะอวตารภาคปราบมาร
ฤๅษีนารอท (นารทะ)
ฤๅษีภรตมุนี
ผรู้ จนาคมั ภีรน์ าฏยาศาสตร ์ ๑๐๘ ท่ารา
ฤๅษีตาไฟ พระเนตรมุนีศวร 34
ฤๅษีกไลยโกฏิ 35
ผคู้ น้ พบพนั ธขุ ์ า้ วสาลี ผใู ้ หก้ าเนิดเหล็กไหล 36
37
ฤๅษีอิศวร มุนีภพ
37
พระฤๅษีนารายณ์ 38
38
ฤๅษีนาเรศ 39
นอ้ งชายฤๅษีนารอท บรมครแู ห่งวชิ าชบุ ตวั
40
ฤๅษีพระประคนธรรพ ์
41
ฤๅษีปัญจสิงขร 42
42
ฤๅษีพรหมปรเมศ
บรมครแู ห่งพระเวทมนตราทุกแขนง ง
ฤๅษีพรหมบุตร
คือเศียรพ่อแกเ่ ศียรแรกของโลก
ฤๅษีโคตรบุตร
อาจารยข์ องทศกณั ฐ ์
ฤๅษีตาววั
ฤๅษีนนทิ หรือ ฤๅษีหน้าววั
ฤๅษีปู่เจา้ สมิงไพร 43
บา้ งก็เรียก ป่ เู จา้ สมิงพราย
44
ฤๅษีเจา้ เขาเขยี ว
บิดาของแม่นางกวกั 45
45
ฤๅษีพระพฤหสั บดี หรือ ฤๅษีองั คีรส
บรมครแู ห่งสรรพศาสตร ์ 46
47
ฤๅษีพระศกุ ร ์ หรือ ฤๅษีอศุ นศั 48
48
ฤๅษีวาลมีกิ 49
ผรู้ จนาคมั ภรี ร์ ามายณะ 49
ฤๅษีวยาสะ 50
ฤๅษีคเณศวร จ
ฤๅษีโคตรมะ หรือ เคาตม โคดม
ฤๅษีกาลสิทธิ์ หรือ ฤๅษีหน้าเสือ
ฤๅษีหิมวตั หรือ ฤๅษีหน้าเสือ
ฤๅษีทกั ษะปชาบดี (ฤๅษีหน้าแพะ)
ผเู้ ป็ นพ่อตาของเหลา่ ทวยเทพและฤๅษี
พระมหาฤๅษีโพธิสตั ว ์ 51
อดีตชาติของพระสมณโคดม 52
53
ฤๅษีอลั ไลยะกะ หรือ ฤๅษีหน้ามา้
53
ฤๅษีปรศุราม
ภาคหนึ่ งของพระนารายณ ์ 54
พระมหาฤๅษีโพธิสตั ว ์ 55
อดีตชาติของพระสมณโคดม
57
ฤๅษีโพธิสตั ว ์ 57
พระโพธสิ ตั วผ์ บู ้ าเพ็ญเป็ นฤๅษี
59
ฤๅษีชวี กโกมารภจั จ ์ 59
แพทยป์ ระจาพระพุทธองค ์ 60
ฤๅษีสุทนั ตะ หรือ สุกกทนั ต ์ ฉ
ผูส้ รา้ งเมืองหริภุญไชยร่วมกบั ฤๅษีวาสุเทพ
ทา้ วหิรญั พนาสูร อสูรฤๅษี
ฤๅษีพูพูออ่ ง
พระอาจารยข์ องพระเจา้ บุเรงนอง
“พระยอดขนุ พลบเุ รงนอง”
ตาํ นานฤๅษีโภคทรพั ย ์ ๕ พระองค ์
ฤๅษีพรหมนิ มิต 611
บรมครแู หง่ นิมิตฝัน บอกเหตลุ ว่ งหนา้
62
ฤๅษีพรหมจุลี 62
บิดาของทา้ วพรหมทตั 62
63
ฤๅษีพรหมจกั ร 63
ฤๅษีพรหมประสิทธิ ์ 63
ฤๅษีพรหมโลก 64
ฤๅษีพรหมมินทร ์ 64
ฤๅษีชนกจกั รวรรดิ 64
ราชบิดาบุญธรรมของนางสีดา 65
ฤๅษีไชมินี ช
บรมครผู รู้ อบรธู ้ รรมและรภู ้ าษาวิหคทุกชนิด
ฤๅษีมารกณั เฑยะ
ผรู้ จนาคมั ภีรม์ ารกณั เฑยะปุราณะ
ฤๅษีหิมพานต ์ หรือหิมวตั
บิดาของพระอมุ าเทวี
ฤๅษีทุรวาส
ผสู ้ าปพระอินทรใ์ หเ้ สือ่ มฤทธิ ์
ฤๅษีสุขวฒั น์ 65
ผคู้ นพบไผ่สีสกุ
66
ฤๅษีเทวราชมุนี
ผรู้ บั มอบศรจากพระศิวะ 67
ฤๅษีรามเทพมุนี 67
ของฤๅษีวสิษฐ ์ 68
69
ฤๅษีองั คต หรือ องั คตะ
อาจารยข์ องพาลี, 69
69
ฤๅษีสิงหล 70
70
ฤๅษีกศยปมุนี 70
70
ฤๅษีคิชฌกูฎ 71
บรมครู หมอยาอีกตนหนึ่ ง
ซ
ฤๅษีสิงขร
ฤๅษีนาวนั
ฤๅษีไพรวนั
ฤๅษีโกมุท
ฤๅษีสตั ตบงกช
ฤๅษีอคสั ตยะ
ฤๅษีคาวินท ์ 71
ฤๅษีโควินท ์ 72
ผปู้ กป้ องคมุ ้ ครองทา่ วไกยเกษ
72
ฤๅษีศรภงั ค ์
ฤๅษีผูส้ ละชวี ิตเขา้ กองไฟ 73
ฤๅษีอจนคาวี ฤๅษียุทธกั ขระ ฤๅษีทะหะ ฤๅษียาคะ 73
ฤๅษี ๔ ตนผรู ้ ว่ มสรา้ งกรงุ อโยธยา
74
ฤๅษีโรมสิงห,์ ฤาษีวตนั ตะ, ฤๅษีวชริ ะ, ฤๅษีวิสุทธิ
ฤๅษี ๔ ตนผชู ้ บุ ชวี ิตนางมณโฑ 74
75
พระอาฬารดาบสกาลามโคตร 75
พระอาจารยข์ องสมเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา้ 75
76
ฤๅษีสุเมธ
อาจารยข์ องไมยราพณใ์ นเรือ่ งรามเกียรติ ์
ฤๅษีสมมิตร เจา้ สาํ นกั ฤๅษีที่โดง่ ดงั
ฤๅษีสุตะ ศิษยเ์ อกของฤาษีวยาสะ
ฤๅษีกษิโรธ บิดาของพระลกั ษมีเทวี
ฤๅษีศิลาทะ บิดาของฤๅษีนนทิ
ฌ
ฤๅษีภฤคุ ผูเ้ ชยี่ วชาญในคมั ภีรไ์ ตรเพท 76
ฤๅษีปุลสั ตยะ เปาลสั ตยนั , ทา้ วจตุรพกั ตร ์ 76
บิดาของทา้ วลสั เตียนในเรื่องรามเกียรติ ์
77
ฤๅษีอลั ลกปั ปกะ 77
บรมครแู ห่งวิชาโหราศาสตร ์ 77
78
ฤๅษีทะธิวา 78
78
ดาบสสินีหน้ากวาง (สีดา) 79
ฤๅษีมุสิก 79
ฤๅษีสตั ยพรต 79
ฤๅษีโคศกะ หรือ ฤๅษีกกแกว้ 79
ฤๅษีตุลสีทาส หรือ โคสวามี ญ
ฤๅษีตลุ สีทาส
เป็ นผเู ้ ขยี นเรื่อง “ศรีรามจริตมานสะ” เป็ นภาษาฮินดู
ฤๅษีครรคยมุนี
บตุ รของฤๅษีองั คีรส
ฤๅษีกาลลาวีสิกขี
พระผอู้ ยใู่ นกาลอนั มืดมิด
ฤๅษีมุนีภทั รเวช 79
ราชฤๅษีผคู้ วรคา่ แกก่ ารบชู า 79
ฤๅษีมหาเทวะมุนี เวช 79
บรมครแู ห่งยารกั ษาโรค
79
ฤๅษีสมิทธิ 79
บรมครแู ห่งวชิ านวดแผนโบราณ ดดั ตน 80
80
ฤๅษีพยาธิประลยั 80
บรมครแู ห่งการแพทยแ์ ผนโบราณ
80
ฤๅษีวาลมีกิ หรือวชั มฤค 80
สวมชฎาดอกลาโพงสีอิฐแดง
ฎ
ฤๅษีสนตั กมุ าร
คือฤๅษี ๔ ตน
ฤๅษีชมทคั นี
หนึ่งในฤๅษีเจ็ดตน, บิดาของปรศรุ าม
ฤๅษีวสิษฐ ์
ฤๅษีพุทธชฏิล
บรมครแู หง่ วิชาแรธ่ าตุ
ฤๅษีภรทั วาช
หนึ่ งในฤๅษีเจ็ดตน
ฤๅษีอตั ริ 80
หนึ่ งในฤๅษีเจ็ดตน
80
ฤๅษีวิศวามิตร 80
หนึ่ งในฤๅษีเจ็ดตน 81
ฤๅษีอคสั ตยะ 81
ฤๅษีหลี่เจง๋
81
ฤๅษีสุนาขยาติ (ฤๅษีหน้าสุนขั ) 81
เป็ นศิษยข์ องฤๅษีนารอท 81
81
ฤๅษีหน้าแมว 81
เป็ นศิษยข์ องฤๅษีนารอท 82
ฤๅษีประตาภา (ฤๅษีหนา้ กวางอีกตนหนึ่ง)
ฏ
ฤๅษีอตุ ริ (ฤๅษีหนา้ ลิง)
ฤๅษีสุติกษณะ (ในรามเกียรติเ์ รียก สทุ ศั น)์
ฤๅษีมาฆะ
ฤาษีเกศ เมืองหลวงโยคะโลก
พระฤาษีทิวาลยั เป็ นประธาน
วดั พระศรีรตั นมหาธาตุ เมืองสพุ รรณฯ 82
83
พระภรตมุนี 83
ฤาษีผูส้ รา้ งกรุงอโยธยา มี 4 ตน 84
อจนคาวี
ยทุ ธอกั ขระ 85
ทะหะ 89
ยาคะ 91
93
กไลโกฎ-ฤาษี
95
ตานานปราสาท เมอื งครฑุ เมอื งสงิ ห์ 9595
ฤาษีพระอาจารย ์ 96
ของทา้ วอทู่ องกบั ทา้ วเวชสวุ รรณโณ 96
องคเ์ ทพมหาฤาษีนวโกฏิ ฐ
โคธชาดก ฤาษีกินเหีย้
ตาํ นานพระธาตศุ รีดอนคาํ
ฤๅษี
โดยพระธรรมกิตติวงศ ์
อิสิปตนะ
ฤษี
โยคี
มุนี
ฤาษีในไทย 97
พระวาสเุ ทพฤษี 97
อสีพรหมสิฤษี 97
ฤษีผสู้ รา้ งและปลกุ เสกพระซมุ ้ กอ 97
ฤษีพิราลยั 97
สกุ ทนั ตฤษี 97
ฤาษีแปลวา่ ผูเ้ หน็ 98
ตริกาลชญั
ฤาษีรุ่นแรก มหาฤาษี เป็ นหมาครุ ุของโลก 99
1.พรหมฤาษีหรือพรหมรรษี 100
2.เทพฤาษีหรือเทวรรษี 101
3.ราชฤาษีหรือราชรรษี 102
4.มหาฤาษีหรืมหรรษี 103
5.บรมฤาษี(ปรมฤาษี) 103
6.ศรุตฤาษี 104
7.กาณฑฤาษี 104
การแบง่ กลุม่ ฤาษี
1.กลุ่มสตั ปฤาษี 104
1.โคตม 2.ภทั รวาช 3.วิศวามิตร 4.ชมทศั นี 5.วศิษฐ ์ 6.กศั ยปและ 7.
อตั ริ
2.กลุ่มประชาบดี 105
ความสําคญั ของฤาษี 106
ฑ
1.เป็ นกวีรนุ่ แรกของอนิ เดีย 106
2.เป็ นผแู ้ ตง่ ตาราฟ้ อนรา 106
3.เป็ นผปู ้ ระสิทธปิ ์ ระสาทวชิ าดนตรี 106
4.เป็ นผูป้ ระสิทธปิ ์ ระสาทวิชาทางการแพทย ์ 106
5.เป็ นผปู ้ ราบปรามความชว่ั รา้ ย 106
6.เป็ นผสู ้ รา้ งบา้ นเมือง 106
คติความเชอื่ เรื่องของฤาษี 107
พระสมุทรูปพระไสยสาสตร ์ 109
พระนารายณป์ ระทบั บลั ลงั คน์ าค 110
พระนารายบ์ นั ธมสินธใุ ์ นกระเศียรสมุทร 111
พระนรายนจ์ าสถานน่ัง 111
พระปรเมศวร 112
พระนรายนท์ รงบาชปราบเอกทนั ท ์ 112
พระอิศวรเหยียบองคกุ ะพรหม 112
พระนรายนจ์ บั ระบา 113
พระนรายนเ์ สด็จไปเมืองจิตตรมะลา 113
พระนรายท์ รงขลยุ่ 113
พระนรายน์ นนทกุ ข 114
ภาพซา้ ยสดุ ไม่ทราบชอื่ 114
พระนรายนจ์ าสถานยืน 114
พระนรายนเ์ สดจจะไปปราบนนทกุ ขพรหม 115
พระลศั มีคือองคศ์ ิดา 115
พระมเหศวารยิ ์ 115
พระอมุ าภคั วดี 116
พระนรายนท์ รงสิงหภาหน์ 117
พระขนั ธกมุ ารทรงมยรุ ภาหน์
ฒ
พระพรหมน์ ารถ 118
พระพรหมนารถ 118
พระพรหมธาดา 118
พระทระริงคม์ ดั อสรุ สตั วบาพดว้ ยบ่วงเชอื กบาช 119
พระทระริงคม์ ดั อสรุ สตั วบาพดว้ ยบว่ งเชอื กบาช 119
พระอินศวรทรา้ งมหาธนโู มลิดว้ ยลาไมศ้ รีสกุ 119
พระวิสณุ 122
พระศิวา 122
พุทธาวตาลเพื่อจะถือเอาซงึ่ พระศิวะลึงคแ์ ตอ่ สรู ตรีบุรา 122
สิหว์ ะตาลปราบเหรนั ตยกั ษ ์ 123
พระนรายนน์ นทุกข 124
พระนรายนเ์ ทพกรรม ์ 124
พระเทพกรรมป์ ระสิทธิ ครปู ะกาหมอชา้ ง 125
พระอินทรเจา้ ฟ้ าทรงชา้ งคชเอราวรรณ 126
พระพรหมส์ ทั ธาเทพ 127
พระพรหมส์ ทั ธาทิพ 127
พระพรหมม์ ะเหศวร 128
พระสะหะบดีพรหม 129
พระพรหมธาดา 129
รามาวะตาล 130
ขชุ ชาวตาล 130
กิศณุอะวะตาล 130
พระขนั ธกมุ ารทรงมยุรพาหณ 131
ทุสะดีอะวะตาล 132
พระปรเมศวรทรงธนโู มลี 134
สาตรว์ ราหป์ ราบหิรนั ตส์ รู 134
บรุ ษุ รามาวะตาล 134
มจั ฉาอะวะตาลปราบหมูส่ งั ขอะสรู 137
ณ
ชมั ภวู ราช 137
ขฉั ชปาวะตาลปราบอสรู มจั ฉา 137
ปัญจะศรีขอรดิดพิณ 140
พระอิศวรสรา้ งพระหิมพานในรม่ ไมส้ กรม 142
พระนรายนป์ ราบอสรู หิด 143
พระอิศวร 144
148
พระฤๅษีเทวบิศ 149
คาํ บูชาพระนารายณ์ 150
ของพระราชครวู ามเทพมุนี
จากหนังสือนารายณส์ ิบปางและพงศใ์ นเรือ่ งรามเกียรติ ์ 151
คาํ บูชาพระอิศวร 155
ของพระราชครวู ามเทพมุนี
ด
พระราชปุจฉาเรื่องทา้ วโลกบาล
สยามินทร
กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรส
ทา้ วโลกบาล
ตาํ รบั พราหมณ์ ทา้ วโลกบาลมี ๘ องค ์
๑. พระอินทร ์ ประจา ทิศบูรพา
๒. พระเพลิง ประจา ทิศอาคเนย ์
๓. พระยม ประจา ทิศทกั ษิณ
๔. พระอาทิตย ์ ประจา ทิศหรดี นางนิรฤติ ก็วา่
๕. พระพิรณุ ประจา ทิศประจมิ
๖. พระพาย ประจา ทิศพายพั
๗. ทา้ วกเุ วระ ประจา ทิศอดุ ร 158
๘. พระจนั ทร ์ ประจา ทิศอีสาน
159
ตาํ รบั ขา้ งพวกถอื พระพุทธศาสนา 160
๑. ทา้ วธตรฐ ประจา ทิศบูรพา
๒. ทา้ ววิรฬุ หก ประจา ทิศทกั ษิณ ต
๓. ทา้ ววิรปู ักข ์ ประจา ทิศประจิม
๔. ทา้ วกเุ วระ ประจา ทิศอดุ ร
คาํ พรรณนาเฉพาะทา้ วโลกบาล ๔ องค ์
ในบาลีมหาสมยั สตู รพรรณนา
๑. ทา้ วธตรฐ
เป็ นอธบิ ดีของพวกคนธรรพ ์ ครองทิศบูรพา
๒. ทา้ ววิรุฬหก
เป็ นอธบิ ดีของพวกกมุ ภณั ฑ ์ ครองทิศทกั ษิณ
๓. ทา้ ววิรูปักข ์
เป็ นอธบิ ดีของพวกนาค ครองทิศประจมิ
๔. ทา้ วกเุ วระ
เป็ นอธบิ ดีของพวกยกั ษ ์ ครองทิศอดุ ร
ในหนังสือพุทธศาสนาฝ่ ายจีน
๑. ทา้ วธฤตราษฎระ
๒. ทา้ ววิรุฒกะ
๓. ทา้ ววิรูปากษะ
๔. ทา้ วไวศรฺ วณะ
ในมหาสมยั สูตร และอาฏานาฏิยสูตร
๑. ทวีปในทิศบูรพา ชอื่ บรู พวเิ ทหะ
๒. ทวปี ในทิศทกั ษิณ ชอื่ ชมพทู วปี
๓. ทวปี ในทิศประจิม ชอื่ อปรโคยาน (อปรโคทาน)
๔. ทวีปในทิศเหนือ ชอื่ อตุ ตรกรุ ุ
คนธรรพแ์ ละเจา้ ของเขา 161
กุมภณั ฑแ์ ละเจา้ ของเขา 163
มนุ สฺสนาคมานโว 166
พระเจา้ ลูกยาเธอ พระองคเ์ จา้ มนุษยนาคมานพ
พวกนาคและเจา้ ของเขา 167
พวกยกั ษก์ บั เจา้ ของเขา 170
เทวดา 175
พระเป็ นเจา้ ของพราหมณ์
พระราชนิพนธ ์ ใน พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั 177
178
พระนารายน์ 181
พระเป็ นเจา้ ทง้ั ๓ 182
พระนารายนม์ ีอวตารสาคญั ๑๐ ปาง 183
พระลกั ษมี 184
พระอิศวร 185
พระอมุ า
พระคเณศร ์
พระขนั ทกมุ าร
พระพรหมา
พระสรสั วดี (สะรสั วติ)
ถ
พระอินทร ์ 187
มเหสีพระอินทร ์ 189
พระปรรชนั ย ์ 190
พระอาทิตย ์ 191
พระจนั ทร ์ 192
พระองั คาร 194
พระพุฒ (ฤๅพุธ) 194
พระพฤหสั บดี 194
พระศกุ ร ์ 194
พระเสาร ์ 195
พระราหู 197
พระเกตุ 197
พระเพลิง (อคั นี) 198
พระวรณุ (พิรณุ ) 199
พระอศั วนิ 200
พระวายุ (พาย)ุ 201
พระยม 202
พระวศิ กุ รรม 203
ทา้ วกเุ วร ฤๅทา้ วเวศวณั และพระไพรศพณ์ 204
พระสมุทร 207
แม่พระคงคา 207
พระหิมาลยั 209
เทวกาํ เนิด 211
พระยาสัจจาภิรมยอ์ ุดมราชภกั ดี ท
จากตน้ ฉบบั พมิ พค์ ร้ังแรก ปี พ.ศ. 2474
พระเป็ นเจา้ ของพราหมณ์ 216
224
1. พระอิศวร หรือ พระศิวะ 229
2. พระนารายณ์ หรือ พระพิษณุ
3.พระพรหม 236
จตั โุ ลกบาล 241
4. พระอินทร ์ โลกบาลทิศบรู พา 248
5. พระยม ยมบาล โลกบาลทิศทกั ษิณ 251
6. พระวรณุ าทิตย ์ โลกบาลทิศปรศั จิม
7. พระกเุ วร โลกบาลทิศอดุ ร 254
260
นพเคราะห ์ 267
270
8. พระอาทิตย ์ หรือ สรุ ิยาทิตย ์ 275
9. พระจนั ทร ์ 278
10. พระองั คาร 281
11. พระพุธ 286
12. พระพฤหสั บดี
13. พระศกุ ร ์ 288
14. พระเสาร ์ 289
15. พระราหู รวม พระเกตดุ ว้ ย 292
คณะเทพ 295
16. พระกศป เทพบิดร 300
17. พระอทิติ เทพมารดา
18. พระอมุ า ธ
19. พระลกั ษมี
20 พระสรสั วดี
21. พระคงคา
22. พระคเณศ หรือ วฆิ เนศวร
23. พระขนั ทกมุ าร 303
24. พระอคั นี 306
25. พระพายุ 309
26. พระกามเทพ 312
27. พระทกั ษะ 317
28. พระอศั วนิ 322
29. พระยาครฑุ 325
30. พระยานาค 328
ฤๅษีในพระเป็ นเจา้ ของพราหมณ์ 333
พระราชนิพนธ ์ ใน พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
๑. วาลมีกิ 333
๒. นารท 335
๓. วสิษฐ ์ 335
๔. สนตั กุมาร 335
๕. กสป 336
๖. วิภาณฑก 336
๗. ฤษย์ ศฤงค ์ 336
๘. สุยชั นา 337
๙. วามเทพ 337
๑๐. ชาวาลี 337
สมุดภาพพระพุทธประวตั ิ 339
339
โดย ครูเหม เวชกร
อสิตดาบสมาเยี่ยม
เห็นกมุ ารประกอบดว้ ยมหาปุรสิ ลกั ษณะก็ถวายบงั คม
น
เสด็จไปศึกษาลทั ธฤิ าษีชปี ่ ากบั อาฬารดาบส 341
342
บุรพาจารยข์ องพราหมณ์
344
พระไตรปิ ฎก เลม่ ที่๙ พระสตุ ตนั ตปิ ฎกเลม่ ที่ ๑ 345
ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค (บรุ พฤาษี) 347
347
ฤาษีอฏั ฐกะ 348
ฤาษีวามกะ
ฤาษีวามเทวะ
ฤาษีเวสสามติ ร
ฤาษียมตัคคี
ฤาษีองั ครี ส
ฤาษีภารทวาชะ
ฤาษีวาเสฏฐะ
ฤาษีกสั สปะ
ฤาษีภคุ
คาบชู าพระภรตฤาษี
ฤๅษีในรามเกยี รติ์
ฤๅษีในพระเป็ นเจา้ ของพราหมณ์
ฤๅษีในพุทธประวตั ิ
ฤๅษีในตาํ นานฮินดู
บ
ป
ทา้ วหิรญั พนาสูร
ระหินะ ภูมาสี ภะสะติ นิรนั ตะรงั
ลาภะสขุ งั ภะวนั ตเุ ม
1
ทา้ วหิรญั พนาสูร1
ในปี พุทธศกั ราช 2449 พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้
เจา้ อยูห่ วั 2 ไดเ้ สด็จพระราชดาํ เนินประพาสมณฑลพายพั ขณะที่เริ่ม
จะเสด็จออกจากจงั หวดั อตุ รดิตถเ์ ขา้ ไปในป่ า ขา้ ราชบริพารที่ตาม
เสด็จไปในครง้ั นั้น
ตา่ งก็พากนั หวาดกลวั ความไขแ้ ละภยนั ตราย
นานัปการที่จะพึงบงั เกิดขนึ้ ไดท้ ุกขณะ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้
เจา้ อยู่หวั ทรงมีพระราชดาํ รสั ปลอบใจวา่
“ธรรมดาเจา้ ใหญน่ ายโต จะเสดจ็ แหง่ ใดๆกด็ ี คงจะมีทงั้ เทวดา
และปี ศาจหรืออสูร อนั เป็ นสมั มาทิฎฐคิ อยติดตาม ป้ องกนั
ภยนั ตรายทงั้ ปวง มีใหม้ ากลํา้ กรายพระองค ์ และบริวารผูโ้ ดย
เสดจ็ ได้ ถึงในการเสดจ็ ครง้ั นี้กเ็ หมือนกนั อย่าใหผ้ ูห้ นึ่งผูใ้ ดมี
ความวิตกไปเลย”
ขา้ ราชบริพารตา่ งก็อนุ่ ใจตามๆกนั เริม่ เดินทางโดยปกติขณะที่เดินทาง
ไปนั้น ก็เกิดมีขา้ ราชบริพารที่ตามเสด็จผูห้ นึ่งบนั ดาลฝันไปวา่
เห็นชายผหู ้ นึ่งรปู รา่ งลา่ํ สนั ใหญ่โต ไดบ้ อกกบั ผทู ้ ี่ฝันนั้นวา่ ตนชอื่ หิ
รนั ยะ3 เป็ นอสรู ชาวป่ า เป็ นผตู ้ ง้ั อย่ใู นสมั มาปฏบิ ตั ิ ในครงั้ นีจ้ ะมาตาม
เสด็จพระราชดาํ เนินไปในกระบวน เพื่อคอยดแู ละระวงั มิใหภ้ ยนั ตราย
1 ความรเู้ กีย่ วกบั พระราชกรณียกจิ ในรชั กาลที่ 6 ของ กรมศลิ ปากร ฉบบั พิมพ ์
พทุ ธศกั ราช 2503
2 ก่อนท่ีรัชกาลท่ี 6 ข้ึนครองราชย์ 4 ปี
3 ชื่อตวั สะกดของทา้ วหิรัญพนาสูร ในบทความน้ีอาจไม่ตรงกบั ที่เคุน้ เคยกนั
2
ทง้ั ปวงอนั จะพึงบงั เกิดมีขนึ้ ไดใ้ นระยะทางกลางป่ านั้นมากลาํ้ กราย
พระองคร์ ชั กาลที่ 6 หรือราชบริพารได ้
ครน้ั รชั กาลที่ 6 ทรงทราบเชน่ นีจ้ งึ มีพระราชดาํ รสั ใหจ้ ดั ธปู
เทียน พรอ้ มทง้ั เครื่องสงั เวยไปเซน่ ที่ป่ าริมพลบั พลา และในเวลาเสวย
พระกระยาหารคา่ํ ก็จะโปรดใหแ้ บ่งพระกระยาหาร จากเครื่องเสวยไปตงั้
เซน่ เสมอทกุ วนั ปรากฏวา่ การเสด็จในครง้ั น้ัน มิไดม้ ีภยนั ตรายแตอ่ ยา่ ง
ใด
ตอ่ มาในคราวเสด็จประพาสที่อื่นๆ ก็เชน่ กนั พระองคแ์ ละขา้
ราชบริพาร ก็จะอญั เชญิ หิรนั ยะอสูรใหต้ ามเสด็จไปดว้ ยทุกแหง่ บาง
คราวมีผเู้ ห็นอญั เชญิ หิรนั ยะอสรู ตามเสด็จบา้ ง น่ังอยู่ใตต้ น้ ไมใ้ กลๆ้ ที่
ประทบั บา้ ง และอา้ งวา่ เห็นพรอ้ มกนั หลายๆคนก็เคยมี
หิรนั ยะอสรู จงึ กลายเป็ นที่เคารพสกั การะของคนทว่ั ไปตงั้ แต่
น้ันเป็ นตน้ มา การที่มีผูน้ ับถือกนั มากนั้นรชั กาลที่ 6 ทรงพระราชดาํ ริ
วา่
ธรรมดาคนโดยมาก ยงั ละเวน้ ความประสงคท์ ี่จะหาเทวดาหรือมนุษย ์
เป็ นที่พึ่งคมุ ้ เกรงภยนั ตรายตา่ งๆน้ันมิไดข้ าดทีเดียว เมื่อมีที่นิยมยึด
เหนี่ยวอย่เู ชน่ หิรนั ยะอสรู นีเ้ ป็ นตน้ ก็มกั จะทําใหเ้ ป็ นที่อนุ่ ใจ การที่จะ
เดินทางไปในที่ที่อื่นกนั ดาร
ถา้ แมใ้ จดีอยูแ่ ลว้ ก็มกั จะไม่คอ่ ยเป็ น
อนั ตราย
ตอ่ มาในปี พุทธศกั ราช 2453 พระองคไ์ ดเ้ สด็จเถลงิ ถวลั ย
ราชสมบตั ิเป็ นรชั กาลที่ 6 แลว้ ก็ทรงอนุสรณค์ าํ นึงถึง หิรนั ยะอสูร ที่
คอยคมุ ้ ครองพระองคแ์ ละขา้ ราชบริพารในคราวเสด็จไปไหนทว่ั ทุกแห่ง
เป็ นไปโดยสวสั ดิภาพ และเป็ นที่อนุ่ ใจของขา้ ราชบริพารทว่ั ไป
3
จึงทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหช้ า่ งหลอ่ รปู หิรนั ยะอสูร
ดว้ ยทองสาํ ริดมีชฎาเทริดอยา่ งไทยโบราณกบั มีไมเ้ ทา้ เป็ นเครือ่ งประดบั
ยศดว้ ย แลว้ เสร็จบริบรู ณใ์ นเดือนเมษายน พุทธศกั ราช 2454 โปรด
ใหเ้ จา้ พนักงาน จดั เครือ่ งสงั เวยเซน่ สรวงตามสมควร แลว้ อญั เชญิ หิ
รนั ยะอสูร เขา้ สิงสถิตในรปู สาํ ริดดงั กลา่ วแลว้ โปรดพระราชทานนาม
ใหม่วา่ ทา้ วหิรนั ยพนาสูร หรือ ทา้ วหิรนั ยฮู ปรากฏขอ้ ความใน
ประกาศสงั เวยตอนหนึ่งวา่
“..ขอเชญิ ทา้ วหิรนั ยพนาสูร รบั เครื่องสงั เวยสกั การะอนั โปรด
ใหแ้ ตง่ ตง้ั เป็ นอามิส และทรงพระราชกิจส่วนพระราชกศุ ล
สุจริตธรรมในไตรทวาร อนั ไดท้ รงสง่ั สมมานน้ั เป็ นธรรมตรี ขอ
จงไดร้ บั ส่วนพระราชกศุ ลและอนโุ มทนาแลว้ จงอภิบาล
บาํ รุงรกั ษา พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั เวลา
เสดจ็ พระราชดาํ เนินประพาสในทิศานุทิศใดๆ ขอใหส้ ่งเกษม
อปุ ัทวนั ตรายพรอ้ มทงั้ ราช
สําราญปราศจากโรคภยั พิบตั ิ
บริพารทง้ั ปวง และใหท้ รงพระเจริญพระชนมายุ สุขสิริสวสั ดิ์
สมบูรณด์ ว้ ยพระราชกรณียกิจ เดชานุภาพแผไ่ พศาลสรรพ
สิริสมบตั ิ ส วิญญาณ อภิญญาณอนั พิเศษตา่ งๆ จงมา
เพิ่มพูนประดบั พระบารมี ใหส้ ําเร็จดงั พระราชหฤทยั ประสงค ์
ทุกประการเทอญ”
อนุสาวรียท์ า้ วหิรญั พนาสรู ปัจจบุ นั ประดิษฐอ์ ยูใ่ นบริเวณ
โรงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ ถนนพญาไทนครหลวง กรงุ เทพธนบุรี
4
ทา้ วหิรญั พนาสูรเทพารกั ษป์ ระจาํ พระองค ์
เป็ นเทพเจา้ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั พระ
นางเจา้ สวุ ทั นา พระวรราชเทวี และ สมเด็จพระเจา้ ภคินีเธอ เจา้ ฟ้ า
เพชรรตั นราชสดุ า สิริโสภาพณั ณวดี
เมื่อแรกสรา้ งนั้น ทรงสรา้ งองคด์ ว้ ยเงิน(โลหะเนือ้ เงิน) มีขนาด
เล็ก สงู ราวประมาณ 20 เซนติเมตร จาํ นวน 4 องค ์ โดยมี
ลกั ษณะเป็ นชายรา่ งกาํ ยํา ทรงเทริดอย่างโบราณ ถือธารพระกร (ไม้
เทา้ ) ดว้ ยพระหตั ถข์ วา ยกเวน้ องคพ์ ระราชทานพระยาอนิรุทธ
เทวาที่ถือดว้ ยพระหตั ถซ์ า้ ย
องคแ์ รก ทรงใหต้ งั้ ที่ขา้ งพระแทน่ บรรทม และเชญิ ตามเสด็จไป
ทกุ ที่ ตอ่ มาเมื่อสวรรคต
พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้
เจา้ อยูห่ วั พระราชทานแก่ พระนางเจา้ สวุ ทั นา พระวรราช
เทวี และ สมเด็จพระเจา้ ภคินีเธอ เจา้ ฟ้ าเพชรรตั นราชสดุ า
สิรโิ สภาพณั ณวดี เพื่อใหป้ กปักรกั ษาทงั้ สองพระองค ์ ปัจจบุ นั
ประดิษฐานในหอ้ งทรงนมสั การ วงั รื่นฤดี ซงึ่ ทง้ั สองพระองค ์
โปรดใหเ้ ชญิ ตามเสด็จไปทุกที่เชน่ กนั
องคท์ ี่สอง พระราชทานแก่ พระยาอนิรทุ ธเทวา
(หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) โดยประดิษฐานในหอที่ตง้ั อยูบ่ น
กาํ แพงในบา้ นบรรทมสินธุ ์ ปัจจบุ นั เป็ นทําเนียบรฐั บาล
องคท์ ีส่ าม ไวห้ นา้ รถยนตพ์ ระที่น่ังรอง ยี่หอ้ โอเปิ้ลปัจจบุ นั
ประดิษฐานอยูท่ ี่กองรถยนตห์ ลวง
องคท์ ีส่ ี่ อยู่ที่กรมมหาดเล็กหลวง ตอ่ มาไดต้ ง้ั ไวท้ ี่ชนั้ บนของ
พระที่น่ังราชกรณั ยสภา
5
ทา้ วหิรญั พนาสูร หน้ารถยนตพ์ ระทีน่ ่งั
พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบญุ ) ทา้ วหิรญั พนาสูร
ของพระยาอนิรธุ เทวา
6
ใน พ.ศ. ๒๔๖๕ เมื่อการสรา้ งพระราชวงั พญาไท สาํ หรบั
ประทบั เป็ นการถาวรเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ได ้ โปรดเกลา้ ฯใหช้ า่ งหลอ่
รปู ทา้ วหิรญั ยพนาสรู ขนาดใหญ่ดว้ ยทองสมั ฤทธมิ ์ ีชฎา เทริดอย่างไทย
โบราณ และไมเ้ ทา้ เป็ นเครื่องประดบั ยศ มีพระราชพิธบี วงสรวงขอ
เขา้ สิงสถิตยนรปู สมั ฤทธเิ ์ มื่อเป็ นศาล
เชญิ ทา้ วหิรญั ยพนาสรู
เทพารกั ษป์ ระจาํ พระราชวงั พญาไท
ชา่ งหลอ่ ชาวอติ ตาเลี่ยนคอเคลด็
การจดั สรา้ งรปู ฯ สรา้ งรปู ทา้ วหิรญั พนาสรู ในครง้ั น้ัน
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยูห่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ
ให ้ พระยาอาทรธรศิลป์ (ม.ล.ชว่ ง กญุ ชร) เป็ นผดู ้ าํ เนินการ
โดยมี มิสเตอรแ์ กลเลตตี นายชา่ งชาวอิตาเลี่ยน ที่มาทํางานในกรม
ศิลปากรเป็ นผูห้ ล่อ เมื่อหลอ่ เสร็จก็จะยกขนึ้ ตงั้ บนฐานในพระราชวงั
พญาไท มิสเตอรแ์ กลเลตตีกเ็ อาเชอื กผูกคอทา้ วหิรญั ฮูชกั
รอกขนึ้ ไป
เสร็จแลว้ มิสเตอรแ์ กลเลตตีก็ป่ วยกะทนั หนั ทาํ งานไม่ได ้
เพราะคอเคลด็ โดยไมร่ ูส้ าเหตุ พอพระยาอาทรไปเยี่ยม ทา่ นพอจะ
รสู ้ าเหตุ จงึ บอกวา่ คงเป็ นเพราะเอาเชอื กไปผกู คอรปู หลอ่ ทา้ วหิรญั ฮใู ห ้
เอาดอกไม ้ ธปู เทียนไปขอขมาเสีย เมื่อนายชา่ งชาวอิตาเลี่ยนทํา
ตามคอที่เคล็ดจงึ กลบั มาเป็ นปกติอย่างอศั จรรย ์
7
การสงั เวย
ในสมยั รชั กาลที่ 6 จะทรงโปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ดั กระยาหาร
สงั เวยทุกวนั เวลาเพล ตอ่ มา พระนางเจา้ สุวทั นา พระวรราช
เทวี ทรงกาํ หนดธรรมเนียมให ้ สมเดจ็ พระเจา้ ภคินีเธอ เจา้ ฟ้ า
เพชรรตั นราชสุดา สิริโสภาพณั ณวดี สงั เวยกระยาหารแกท่ า้ ว
หิรญั พนาสรู พรอ้ มกบั พระบรมอฐั ขิ องรชั กาลที่ 6 ทุกวนั วนั ละ 2
เวลา คือ 08.00 น และ 11.00 น พรอ้ มทง้ั ทรงสกั การบูชาดว้ ย
ดอกไมธ้ ปู เทียนในเวลา 20.00 น ที่หอ้ งพระ วงั รืน่ ฤดี
ถา้ เสด็จไปปฏบิ ตั ิพระกรณียกิจตา่ งจงั หวดั ก็จะจดั พระกระยา
หารสงั เวยทุกเวลาเพล ถือเป็ นเทวรปู ที่ปกปักรกั ษาพระองค ์ เฉก
เชน่ เดียวกบั ที่เคยปกปักรกั ษารชั กาลที่ 6 มากอ่ น
สว่ นเวลาเพลของทกุ วนั หอ้ งเครือ่ งพระตาํ หนักจติ รลดา
รโหฐานจะจดั กระยาหารใสป่ ิ่ นโต มาสงั เวยที่ พระที่น่งั กรณั ยสภา
ทุกๆ วนั
คาถาบูชาทา้ วหิรญั พนาสูร
(เทพเจา้ แหง่ ดงพญาเย็น)
(จดุ ธปู 16 ดอก)
นะโม 3 จบ
ระหินะ ภูมาสี ภะสะติ นิรนั ตะรงั
ลาภะสุขงั ภะวนั ตเุ ม
(สวด 9 จบ)
8
ฤาษีพิราลยั ฤาษีตาไฟ ฤาษีตาววั
ตาํ นานพระเครื่องสกลุ พระกาํ แพงทุง่ เศรษฐี
ตาํ นานจารึกบนแผน่ ลานเงิน ไดค้ ดั จากสาํ เนาเดิมดงั นี้ ณ
ตาํ บลเมืองพิษณโุ ลก เมืองกาํ แพงเพชร..
วา่ มีฤาษี ๑๑ ตน ฤาษีเป็ นใหญ่ ๓ ตน ฤาษีพิราลยั ตน
หนึ่ง ฤาษีตาไฟตนหนึ่ง ฤาษีตาววั ตนหนึ่ง เป็ นประธานแกฤ่ าษี
ทง้ั หลาย จึงปรึกษากนั วา่ เราทงั้ นีจ้ ะเอาอนั ใดใหแ้ กพ่ ระยาศรีธรรมา
โศกราช ฤาษีทง้ั ๓ จงึ ปรึกษาแกฤ่ าษีทงั้ ปวงวา่ เราจะทําดว้ ยฤทธ ์
ทาํ เครือ่ งประดิษฐานเงินทองไวฉ้ ะนีฉ้ ลองพระองคจ์ งึ ทําเป็ นเมฆพตั ร
อทุ มุ พรเป็ นมฤตยพ์ ิศม ์ อายุวฒั นะ พระฤาษีประดิษฐานไวใ้ นถาํ้ เหว
ใหญน่ อ้ ย เป็ นอานุภาพแกม่ นุษยท์ ง้ั หลาย สมณชพี ราหมณาจารย ์
ไปถว้ น ๕,๐๐๐ พรรษา พระฤาษีตนหนึ่งจงึ วา่ แกฤ่ าษีทง้ั ปวงวา่ ทา่ นจง
ไปเอาวา่ นทงั้ หลายอนั มีฤทธเิ ์ อามาใหไ้ ด ้ ๑ ,๐๐๐ เก็บเอาเกสรดอกไม้
อนั วเิ ศษ ที่มีกฤษณาเป็ นอาทิ ใหไ้ ดส้ กั ๑,๐๐๐ ครน้ั เสร็จแลว้ ฤาษี จงึ
ป่ าวรอ้ งเทวดาทง้ั ปวงใหม้ าชว่ ยบดยา ทําเป็ นพระพิมพไ์ วส้ ถานหนึ่ง
ทําเป็ นเมฆพตั รสถานหนึ่ง ฤาษีทงั้ ๓ ตนนั้น จงึ บงั คบั ฤาษีทง้ั ปวง
ใหเ้ อาวา่ นทําเป็ นผงป้ันเป็ นกอ้ น ถา้ ผใู ้ ดไดถ้ วายพระพรแลว้ จึงเอาไว ้
ใชต้ ามอานุภาพเถิด ใหร้ ะลึกถึงพระฤาษีที่ทําไวน้ ั้นเถิด
9
ฤาษีนอโม และฤาษีลูจี
ปฐมบรมครูแหง่ เขาออ้
ฤาษีนอโมและฤาษีลูจี ทา่ นทง้ั สองเป็ นผมู ้ อบตาํ ราวทิ ยาคม
จากสายพราหมณผ์ เู ้ รืองเวทยก์ บั พระภกิ ษุนามวา่ "ทอง"
10
ตาํ นานสงั เวยฤาษีสรา้ งอยธุ ยา4
วนั วลิต 5 ที่ระบไุ วว้ ่ า “ ขณะน้ันพระองค(์ พระเจา้ อทู่ อง) ได ้
ทรงทราบขา่ วเกีย่ วกบั เกาะ ซงึ่ จะเป็ นที่ตงั้ เมืองอยธุ ยาและพระองคท์ รง
ฉงนพระทยั เป็ นอย่างมาก สถานที่ที่สวยงามเชน่ น้ัน ไม่มีผคู ้ นอาศยั
อยู่หรือมีใครตง้ั เมืองขนึ้ แตพ่ ระองคก์ ็ไดพ้ บ พระฤาษีตนหนึ่ง ซงึ่ ได ้
ทูลพระองคว์ า่ เมื่อกอ่ นนีม้ ีเมืองๆ หนึ่งตง้ั อยชู่ อื่ วา่ อยุธยา แตพ่ ระ
ฤาษีไม่สามารถจะกราบทูลไดว้ า่ เมืองน้ันไดเ้ สื่อมโทรมไปอย่างไร และยงั
ไดเ้ พิ่มเติมอีกวา่ ไม่มีใครจะสรา้ งเมืองบนเกาะนั้นไดอ้ ีก
เหตผุ ลหนึ่งก็คือมีสถานที่ หนึ่งชอื่ Whoo Talenkengh
(วดั ตะแลงแกง?) ปัจจบุ นั อยู่ใจกลางเมือง มีบอ่ ซงึ่ เป็ นที่อาศยั ของมงั กร
ดรุ า้ ยตวั หนึ่ง ซงึ่ ชาวสยามเรียกวา่ นาคราช ( Nack Phaij) เมื่อไรก็
ตามที่มงั กรตวั นี้ ถกู รบกวนก็จะพ่นนํา้ ลายพิษออกมา ซงึ่ ทําใหผ้ คู ้ นที่
อาศยั อยู่รอบๆ บริเวณน้ันเกิดโรคระบาดเสียชวี ิตลง เพราะกลิ่นเหม็น
4 ตาํ นานพระเจา้ อทู่ องฆ่ามงั กร “ปราบโรคระบาด” สรา้ งอยธุ ยา?
https://www.silpa-mag.com/history/article_15539
5 วนั วลิต เป็ นพ่อคา้ ชาวฮอลนั ดา เดินทางเขา้ มาประจาํ สาํ นักงานการคา้
อยทู่ ี่พระนครศรีอยธุ ยาระหวา่ ง พ.ศ. 2176-2185 ในแผ่นดินพระเจา้
ปราสาททอง ไดศ้ ึกษาหาความรเู ้ กี่ยวกบั ราชอาณาจกั รสยามในสมยั น้ัน
แลว้ เรียนรภู ้ าษาไทยดว้ ย
11
ทา้ วอทู่ องตรสั ถามพระฤาษีวา่ จะฆ่ามงั กรและถมสระเสียจะได ้
หรือไม่ พระฤาษีกราบทูลวา่ ไม่มีวิธที ี่จะแกไ้ ขได้ นอกจากจะตอ้ งหา
ฤาษี (ที่ลกั ษณะเหมือนฤาษีองคน์ นั้ ) โยนลงไปใหม้ งั กร ทา้ วอู่
ทองจึงมีพระบรมราชโองการใหส้ ืบหาฤาษีลกั ษณะดงั กลา่ วทว่ั ประเทศ
พระฤาษีกลา่ วตอ่ วา่ เมื่อฆ่ามงั กรและถมสระแลว้ หากทา้ วอู่
ทองตอ้ งการจะอยู่ในที่น้ันดว้ ยสขุ ภาพพลานามยั สมบรู ณ์ จะตอ้ งทาํ 3
ประการตามนี้ ยิงลูกธนู ออกไปและตอ้ งใหก้ ลบั มาเขา้ กระบอก
ธนู ชโลมร่างกายทุกวนั ดว้ ยมูลโค และเป่ าเขาสตั วท์ ุกวนั เฉก
เชน่ พราหมณป์ ฏิบตั ิบตั ิเมื่อเวลาลงโบสถ ์ หรือไปยงั สถานที่สกั การะ
ทา้ วอทู่ องตรสั วา่ พระองคท์ รงสามารถทาํ ตามเงื่อนไขดงั กลา่ ว
ได ้ และพระองคจ์ ะเสด็จลงเรือเล็ก มุ่งสยู่ งั กึง่ กลางแม่นํา้ ยิงลกู ธนไู ป
ยงั ตน้ นํา้ ขณะที่ลกู ธนไู หลตามนํา้ มาพระองคก์ ็ใชก้ ระบอกลกู ธนูดกั ลกู
ธนไู วไ้ ด ้
แทนที่พระองคจ์ ะใชม้ ูลโคชโลมพระวรกาย พระองคก์ ลบั ใช ้
ขา้ วผสมนํา้ มนั ขผี้ ึง้ เล็กนอ้ ย ตรสั วา่ ขา้ วขนึ้ ไม่ไดถ้ า้ ไม่ไดใ้ สป่ ๋ ยุ มูลโค
ทงั้ นีพ้ ระองคท์ รงหมายความวา่ มูลโคเป็ นสว่ นหนึ่งของขา้ ว
12
ในเรื่องเป่ าเขาสตั วน์ ้ัน พระองคไ์ ดม้ ีพระราชโองการ ใหม้ ว้ น
ใบพลู และเสวยเป็ นหมากพลู ซงึ่ มีลกั ษณะเหมือนเป่ าเขาสตั ว ์
ในระหวา่ งนั้นผูส้ ง่ ขา่ ว ซงึ่ ไดส้ ง่ ออกไปสืบหาพระฤาษีได ้
กลบั มาทูลวา่ ไม่สามารถจะหาพระฤาษีได ้ ทา้ วอทู่ องทรงเก็บเรือ่ งนีไ้ ว ้
เป็ นความลบั และไดเ้ สด็จพรอ้ มกบั พระฤาษี ออกไปที่ปากสระซงึ่ เป็ นที่
อยมู่ งั กร และโดยที่ไม่ไดต้ รสั ใหพ้ ระฤาษีรตู ้ วั พระองคท์ รงเหวีย่ ง
พระฤาษีลงสระไปและถมสระ
ตงั้ แตบ่ ดั น้ันเป็ นตน้ มา มงั กรก็ไม่ปรากฏตวั ขนึ้ มาอีก และ
แผน่ ดินก็พน้ จากโรคระบาด จากน้ันทา้ วอทู่ องก็เริม่ บูรณะเมืองในวนั
ขนึ้ หา้ ค่าํ เดือนสี่ (ตรงกบั เดือนมีนาคม) ปี ขาล และเรียกเมืองนี้
วา่ อยธุ ยา
สเุ ทวฤาษีสรา้ งเมืองหริภุญไชย
สเุ ทวฤาษีเป็ นผสู ้ รา้ งเมืองหริภญุ ไชย แตเ่ นื่องจากเป็ นผู ้
บําเพ็ญสมาบตั ิ จงึ ไปเชญิ พระนางจามเทวีซงึ่ เป็ นพระธดิ าของพระยา
จกั วตั ิแหง่ เมืองละโวม้ าปกครองเมืองหริภญุ ไชยแทน
พระฤาษีวาสเุ ทพ (สเุ ทวฤาษี) ซงึ่ จาํ ศีลภาวนาอยู่ ณ ดอยสเุ ทพ
..
13
ทา่ นฤาษีวาสเุ ทพและท่านฤาษีสกุ กทนั ตะ ไดพ้ รอ้ มกนั สรา้ งนครหริ
ภณุ ชยั ขนึ้ และไดเ้ ทิดทูลเชญิ เสด็จพระนางเจา้ จามเทวี ราชธดิ าของ
พระเจา้ กรงุ ละโวข้ นึ้ มาเป็ นปฐมกษตั ริย ์
สพุ รหมฤาษีสรา้ งนครเขลางค ์
จงั หวดั ลาํ ปาง สรา้ งเมื่อ พ.ศ. 1223 จากหนังสือพงศาวดาร
โยนกกลา่ ววา่ “ สพุ รหมฤาษี ” สรา้ งเมืองเพื่อให ้ เจา้ อนันตยศ
โอรสพระนางจามเทวี ครองคกู่ บั เมืองหริภญุ ชยั (ลาํ พูน) ใหช้ อื่ เมือง
วา่ “ นครเขลางค ์ ” ตอ่ มาเปลี่ยนเป็ น “ นครอมั ภางค ์ ” และเปลีย่ น
ชอื่ เป็ น “ นครลาํ ปาง ” ในภายหลงั
พระฤาษี 4 องคส์ รา้ งพระรอด
พระรอดน้ันสรา้ งในสมยั พระนางจามเทวี เจา้ ผูค้ รองแควน้
น่านเจา้ คือที่นครเชยี งใหม่ พระนางทรงมีความเคารพเลือ่ มใสในพุทธ
ศาสนาเป็ นอยา่ งยิ่ง จึงรบั สง่ั ใหส้ รา้ งพระพุทธปฏิมากรรมทางเมือง
เชยี งใหม่และลาํ พูนเป็ นอนั มาก พระองคท์ า่ นมีรบั สง่ั ใหส้ รา้ งพระรอด
ขนึ้ โดยมอบหมายใหพ้ ระฤาษี 4 องคเ์ ป็ นผสู ้ รา้ ง คือ พระฤาษีตา
ไฟ พระฤาษีนารอท พระฤาษีนาลยั และพระฤาษีนาววั
พรอ้ มดว้ ยพระฤาษีอีก 108 องคเ์ ป็ นผชู ้ ว่ ยเหลือ โดยที่พระรอด
ทงั้ หมดไดน้ ํามาบรรจไุ วใ้ นพระเจดียก์ รวุ ดั มหาวนั
พระฤาษี 4 ตนสรา้ งพระธาตุสีม่ ุมเมืองยวม
พระธาตจุ อมกิตติมีลกั ษณะเป็ นเจดียส์ ถปู ไสตลล์ า้ นนาซงึ่
ภายนอกขององคเ์ จดียม์ ีสีขาว แตส่ ว่ นยอดของเจดียม์ ีสีทอง พระธาตุ
จอมกิตติเป็ นหนึ่งในพระธาตทุ ี่สาํ คญั ของอาํ เภอแม่สะเรียงซงึ่ เรียกกนั
วา่ พระธาตุ 4 จอม ซงึ่
14
มีเรื่องเลา่ กนั ตอ่ ๆมาวา่ มีพระฤาษี 4 ตน เป็ นพี่นอ้ งกนั ไดเ้ ป็ น
ผูร้ ิเริม่ สรา้ งพระธาตสุ ีม่ ุมเมืองยวม คือ พระธาตจุ อมมอญ พระธาตุ
จอมแจง้ พระธาตจุ อมทอง พระธาตจุ อมกิตติ พระฤาษีทง้ั สี่พี่นอ้ ง
เป็ นผมู ้ ีตะบะเดชะ มีวิทยาคมแกก่ ลา้ มาก ไดศ้ ึกษาเลา่ เรียนเพียร
ปฏบิ ตั ิจากพระฤาษีอีกองคห์ นึ่ง ผเู ้ ป็ นอาจารยซ์ งึ่ มีฤทธมิ ์ ากและมีอายุ
มากแลว้ ไดบ้ าํ เพ็ญเพียรอยใู่ นถาํ้ แห่งหนึ่งทางเหนือของเมืองยวม
กลา่ วกนั วา่ ถาํ้ น้ันชอื่ ถาํ้ เหงา้ หลงั จากท่านฤาษีทง้ั สีต่ นพี่
นอ้ งเรียนศิลปศาสตรต์ า่ งๆ จนจบแลว้ จึงกราบลาอาจารยไ์ ปบําเพ็ญ
เพียรสรา้ งบารมีตอ่ ฤาษีทง้ั สีต่ นน้ันมีความเกง่ ไปคนละดา้ น คือ
ฤาษีผพู ้ ี่เกง่ ในทางรกั ษาโรค สามารถปรงุ ยาชบุ ชวี ติ คนตาย
ใหฟ้ ื้นคืนชพี ได ้ ตง้ั สาํ นักอยู่ ณ ดอยจอมกิตติ
พระฤาษีผนู ้ อ้ งรองลงมาเกง่ ในทางเลน่ แรแ่ ปรธาตุ สามารถ
แปรเปลีย่ นธาตหุ รือซดั ตะกว่ั ใหเ้ ป็ นทองก็ทาํ ได ้ ตงั้ สาํ นักอยชู่ อื่ วา่
ดอยจอมทอง เกง่ ในทางอาคมไสยศาสตรท์ ง้ั หลาย
พระฤาษีผนู ้ อ้ งที่สาม
พํานักอยทู่ ี่ ดอยจอมแจง้
ฝ่ ายฤาษีผนู ้ อ้ งทา้ ยสดุ เกง่ ในทางเรียกฝน เรียกลมดว้ ย
อาํ นาจแหง่ พลงั จิตสาํ เร็จกสิณอภญิ ญา สามารถเดินเหินบนนํา้ หรือ
เหาะขนึ้ ไปบนอากาศก็ไดด้ ว้ ยอาํ นาจแหง่ วาโยกสิณเพ่งลมจนกายเบา
ใจเบาพาตวั เองลอยละลิ่วไปในอากาศได ้ พระฤาษีตนสดุ ทา้ ยนีพ้ ํานัก
อยณู่ ดอยจอมมอญ
15
๙ ฤาษีจากโองการไหวค้ รู
ของบทความของ ส.พลายนอ้ ย
พระฤาษีนารอด
พระฤาษีนารายณ์
พระฤาษีตาวนั
พระฤาษีตาไฟ
พระฤาษีเกตุ
พระฤาษีเนตร
พระฤาษีมุชติ วา
พระฤาษีมหาพรหมเมศ
พระฤาษีสมุหวนั
16
เรื่องเลา่ พระฤาษี
ส.พลายนอ้ ย6
"พุทธวนั ทิตวา ขา้ พเจา้ ของอาราธนาบารมีคณุ พระ
พุทธคุณนัง ธรรมคณุ นัง สงั ฆคณุ นัง วนั ทิตวา ขา้ พเจา้ ขอ
อาราธนาบารมีคณุ พระสงั ฆคณุ นัง อีกทง้ั คณุ พระบิดา พระมารดา
พระอนุกรรมวาจา อปุ ัชฌายค์ รบู าอาจารย ์ อีกทงั้ พระฤาษีนารอด
พระฤาษีนารายณ์ พระฤาษีตาวนั พระฤาษีตาไฟ พระฤาษี
เกตุ พระฤาษีเนตร พระฤาษีมุชติ วา พระฤาษีมหาพรหม
เมศ พระฤาษีสมุหวนั ทง้ั พระเพชรฉลกู นั และนักสิทธวิทยา อีก
ทงั้ พระคงคา พระเพลิง พระพาย พระธรณี พระอิศวรผเู ้ ป็ นเจา้ ฟ้ า
ขออญั เชญิ เสด็จลงมาประสิทธพิ ระพรชยั ใหแ้ กพ่ วกขา้ พเจา้ ในเวลา
วนั นี้ ขา้ พเจา้ ขอเชญิ เทพดาเจา้ ทงั้ หลายทว่ั พืน้ ปถพีดล พระฤาษี
๑๐๘ ตน บนั ดาลดลดว้ ยสรรพวิทยา พระครยู า พระครเู ฒ่า พระ
ครภู กั และอกั ษร สถาพรเป็ นกรรมสิทธิ ์ ใหแ้ กพ่ วกขา้ พเจา้ ในเวลา
บดั นีเ้ ถิด
ขา้ พเจา้ ขออาราธนาองคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา้
เชญิ เสด็จลงมาปกเกลา้ ปกกระหม่อม ขา้ พเจา้ ขอเชญิ พระพรหมลง
มาอยู่บา่ ซา้ ย ขอเชญิ พระนารายณม์ าอยู่บา่ ขวา ขอเชญิ พระคงคา
ลงมาเป็ นนํา้ ลาย ขอเชญิ พระพายลงมาเป็ นลมปาก ขอเชญิ
พญานาคลงมาเป็ นสรอ้ ยสงั วาล ขา้ พเจา้ ขอเชญิ พระองั คารมาเป็ น
ดว้ ยใจ ถา้ แมน้ ขา้ พเจา้ จะไปรกั ษาไขแ้ หง่ หนึ่งแหง่ ใด ใหม้ ีชยั ชนะแก่
โรค ขอจงประสิทธใิ หแ้ กข่ า้ พเจา้ ทกุ ครง้ั พุทธสงั มิ ธรรมสงั มิ สงั ฆ
สงั มิ" (คดั ตามตน้ ฉบบั เดิม)
6 ส.พลายนอ้ ย เป็ นนามปากกาทีร่ จู้ กั กนั ดีและใชอ้ ย่างแพรห่ ลายของ สมบตั ิ
พลายน้อย เป็ นนักเขยี นสารคดเี กยี่ วกบั ประวตั ิศาสตร ์
ไทย วฒั นธรรม ภมู ิศาสตร ์ ประเพณี สงั คมไทยดา้ นตา่ ง ๆ ไดร้ บั ยกย่องเป็ นศลิ ปิ น
แหง่ ชาตสิ าขาวรรณศิลป์ ในปี พ.ศ. 2553
17
ที่นํามากลา่ วขา้ งตน้ น้ันคือ บทไหวค้ รขู องเกา่ ที่ผมไดจ้ ดไว ้
ตง้ั แตส่ มยั ยงั เป็ นนักเรียนเตรียมอดุ มศึกษา เพราะมีกิจตอ้ งเขา้ พิธไี หว ้
ครกู บั ลงุ ซงึ่ เป็ นหมอแผนโบราณอย่เู ป็ นประจาํ ทุกปี
คนไทยเราดูจะคนุ ้ กบั ฤาษีอยูม่ าก เพราะตามพงศาวดารสมยั
โบราณ หรือจดหมายเหตเุ กา่ ๆ มกั จะกลา่ วถึงฤาษี อยา่ งเชน่ ฤาษี
วาสุเทพกบั ฤาษีสุกกทนั ต ์ ผูส้ รา้ งเมืองหริภุญไชย และในคาํ
ไหวค้ รทู ี่กลา่ วถึงขา้ งตน้ ไดอ้ อกชอื่ ฤาษีแปลกๆ หลายชอื่ ซงึ่ จะได ้
กลา่ วถึงตอ่ ไปขา้ งหนา้
นอกจากนี้ ในวรรณคดีตา่ งๆ ก็มกั จะมีเรือ่ งของฤาษีแทบทกุ
เรื่อง เพราะพระราชโอรสของพระเจา้ แผน่ ดินจะตอ้ งไปศึกษาเลา่ เรียน
กบั ฤาษี และฤาษีเป็ นเจา้ พิธกี ารตา่ งๆ เป็ นตน้
ตาํ ราของวิชาการหลายสาขา เชน่ ดนตรี แพทย ์ ก็มีเรื่อง
ของฤาษีมาเกี่ยวขอ้ งอยูด่ ว้ ย ดงั จะเห็นวา่ พวกดนตรีและนาฏศิลป์
เคารพบชู าฤาษี แพทยแ์ ผนโบราณก็มีรปู ฤาษีไวบ้ ูชา ดงั นีเ้ ป็ นตน้
ลกั ษณะของฤาษีแบบไทยๆ มกั จะรจู ้ กั กนั ในรปู ของคนแก่ นุ่ง
หม่ หนังเสือ โพกศีรษะเป็ นยอดขนึ้ ไป ทําไมจึงตอ้ งนุ่งห่มหนังเสอื
ลองเดาตอบดู ก็เห็นจะเป็ นเพราะอยใู่ นป่ า ไม่มีเสือ้ ผา้ ก็ใชห้ นังสตั ว ์
แทน สว่ นจะไดม้ าโดยวิธอี ยา่ งไรไม่แจง้ แตค่ งไม่ใชจ่ ากการฆา่ แน่นอน
เพราะฤาษีจะตอ้ งไม่ฆ่าสตั วต์ ดั ชวี ติ แตถ่ า้ มีคนเอาเนือ้ สตั วม์ าถวายก็
กินได ้ ไม่เป็ นไร
ฉะน้ัน หนังสตั วก์ ็อาจจะเป็ นของพวกนายพราน หรือคนที่
เคารพนับถือ เอามาถวายก็เป็ นได ้ ถึงอยา่ งน้ันก็ยงั อาจจะสงสยั ตอ่ ไป
อีกวา่ ทาํ ไมจึงเลือกเอา หนังเสือ เรื่องนีก้ ็ตอ้ งเดาตอบเอาอีกวา่
เพราะหนังเสอื นุ่มดี
18
แตฤ่ าษีไทยเราเห็นครองแตห่ นังเสอื เหลือง สงั เกตจากรปู
ฤาษีสว่ นมาก จะระบายสีเป็ นอย่างเสือลายเหลืองสลบั ดาํ แตฤ่ าษีของ
บางอาจารยป์ ิ ดทองก็มี
ชดุ เครื่องหนังนีอ้ า่ นตามหนังสือวรรณคดีวา่ เป็ นชดุ ออกงาน
เชน่ เขา้ เมืองหรือไปทําพิธอี ะไรตา่ งๆ ก็ใชช้ ดุ หนัง แตถ่ า้ บริกรรม
บําเพ็ญตบะอยู่กบั อาศรมในป่ าก็ใช ้ ชดุ คากรอง คือนุ่งห่มดว้ ย
ตน้ หญา้ ตน้ คา
ในหนังสือบทละครเรื่องอณุ รทุ พระราชนิพนธร์ ชั กาลที่ ๑
กลา่ ว ไวต้ อนทา้ วไกรสทุ รบั สง่ั ใหส้ งั ฆการีออกไปนิมนตฤ์ าษีนารอท
มาเขา้ พิธอี ภเิ ษกสมรสพระอณุ รทุ กบั นางศรีสดุ า มีความวา่
"เมือ่ นน้ั พระนารอททรงญาณฌานกลา้ ไดแ้ จง้ ไมแ่ คลง
วิญญา กบ็ อกหมู่สิทธาพรอ้ มกนั ตา่ งผลดั เปลือกไมค้ ากรอง
ครองหนงั เสือสอดจาํ มขนั กรกมุ ไมเ้ ทา้ งกงนั พากนั รีบมายงั
ธานี "
ดงั นีแ้ สดงวา่ เวลาอยปู่ ่ านุ่งเปลือกไมค้ ากรอง ออกนอกอาศรม
เขา้ เมือง ก็เปลี่ยนเป็ นเครื่องหนัง และที่กลา่ วมานีท้ ี่จะเป็ นฤาษีแบบ
ไทยๆ ที่มีระเบียบวฒั นธรรมแลว้ หรืออย่างไรไม่ทราบ ฤาษีของอินเดีย
ก็วา่ นุ่งหม่ สีขาว ทีจะเป็ นฤาษีเมื่อบา้ นเมืองเจริญแลว้ ดึกดาํ บรรพ ์
กอ่ นโนน้ จะมีนุ่งหนังเสอื บา้ งกระมงั
ตามภาพเขยี นสมยั โบราณ ถา้ มีภาพป่ าหิมพานต ์ มีรปู ตน้
มกั กะลีผล จะเห็นพวกวทิ ยาธรและพวกที่แตง่ ตวั คลา้ ยๆ ฤาษีเหาะขนึ้
ไปเชยชมสาวมกั กะลีผลกนั เป็ นกลมุ่ ๆ ความจริงไม่ใชฤ่ าษีแท ้ เป็ น
พวกนกั สิทธ นี่วา่ ตามคติอินเดียที่เขาถือวา่ นักสิทธไม่ใชฤ่ าษี เป็ น
แตผ่ ูส้ าํ เร็จจาํ พวกหนึ่งเท่านั้น ทาํ นองเดียวกบั พวกวทิ ยาธรหรือ
พิทยาธร ในหนังสือวรรณคดีไทยเรียกวา่ ฤาสิทธ ก็มี มกั เรียก
รวมๆ กนั วา่ ฤาษีฤาสิทธ หรือ ฤาษีสิทธวิทยาธร
19
ในวรรณคดีอินเดียกาํ หนดจาํ นวนพวกนักสิทธไวต้ ายตวั มี
จาํ นวน ๘๘,๐๐๐ ทางไทยเราดูจะนับนักสิทธเป็ นฤาษีไปดว้ ย
ในเอกสารที่เกา่ ที่สดุ ของไทยคือ ไตรภมู ิพระรว่ ง ของ
พระญาลิ ไท ก็เรียกฤาสิทธวา่ เป็ นอย่างเดียวกบั ฤาษี ดงั ความตอน
หนึ่ งวา่
"ครนั้ วา่ นางสิน้ อายุศมแ์ ลว้ จงึ ลงมาเกิดที่ในดอกบวั หลวงดอก ๑ อนั
มีอยู่ในสระๆ หนึ่ง มีอยแู่ ทบตีนเขาพระหิมวนั ตฯ์ เมื่อนน้ั ยงั มีฤาษี
สิทธองค ์ ๑ ธ นั้นอยู่ในป่ าพระหิมพานต ์ ธ ย่อมลงมาอาบนํา้ ใน
สระน้ันทุกวนั ธ เห็นดอกบวั ทง้ั ปวงน้ันบานสิน้ แลว้ ทุกดอก ๆ แลวา่
ยงั แตด่ อกเดียวนีบ้ มิบานแล ดจุ อยู่ดงั นีบ้ มิบานดว้ ยทง้ั หลายได ้ ๗ วนั
ฯ พระมหาฤาษีนั้น ธ ก็ดลยมหศั จรรยน์ ักหนา ธ จงึ หนั เอาดอกบวั
ดอกน้ันมา ธ จงึ เห็นลกู ออ่ นอยู่ในดอกบวั นั้นแล เป็ นกมุ ารีมีพรรณ
งามดง่ั ทองเนือ้ สกุ พระมหาฤาษีน้ัน ธ มีใจรกั นักหนา จงึ เอามาเลีย้ ง
ไวเ้ ป็ นพระปิ ยบตุ รบุญธรรม แลฤาษีเอาแม่มือใหผ้ นู ้ อ้ ยดดู กินนม แล
เป็ นนํา้ นมไหลออก แตแ่ ม่มือมหาฤาษีน้ันดว้ ยอาํ นาจบญุ พระฤาษี"
ดงั นีจ้ ะเห็นวา่ ใชค้ าํ ฤาสิทธ ในความหมายเดียวกบั ฤาษี
และนิยายทํานองนีด้ จู ะแพรห่ ลายมาก ในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง
มีเรื่องฤาษีเกบ็ เดก็ จากดอกบวั มาเลีย้ งแทรกอยู่เสมอ
ลกั ษณะความเป็ นอยู่ของฤาษีเท่าที่เราเขา้ ใจกนั โดยทว่ั ๆ
ไปนั้น ก็วา่ กินเผือกมนั เป็ นอาหาร เพราะไม่มีการทาํ ไรไ่ ถนา บาง
คมั ภรี ม์ ีขอ้ หา้ มพวกฤาษีไม่ใหเ้ ขา้ หมู่บา้ น ไม่ใหย้ า่ งเหยียบเขา้ ไปใน
เขตพืน้ ดิน ที่เขาไถแลว้ แตใ่ นที่บางแห่งกลา่ ววา่ ฤาษีนน้ั แบ่ง
ออกเป็ น ๘ จาํ พวกดว้ ยกนั คือ
๑.สปุตตภริยา คือฤาษีที่รวบรวมทรพั ยไ์ วบ้ ริโภคเหมือนมี
ครอบครวั
20
๒.อญุ ฉาจริยา คือฤาษีที่เที่ยวรวบรวมขา้ วเปลือกและถว่ั งา
๓.อนคั คิปักกิกา เป็ นตน้ ไวห้ ุงตม้ กิน
๔.อสามปักกา คือฤาษีที่รบั เฉพาะขา้ วสารไวห้ งุ ตม้ กิน
คือฤาษีที่รบั เฉพาะอาหารสาํ เร็จ (ไม่หุงตม้
๕.อสั มุฏฐิกา กินเอง)
๖.ทนั ตวกั กลิกา คือฤาษีที่ใชก้ อ้ นหินทุบเปลือกไมบ้ ริโภค
๗.ปวตั ตผลโภชนา คือฤาษีที่ใชฟ้ ันแทะเปลือกไมบ้ ริโภค
๘.ปัณฑุปลาสิก คือฤาษีที่บริโภคผลไม ้
คือฤาษีที่บริโภคผลไมห้ รือใบไมเ้ หลืองที่
หลน่ เอง
ในหนังสือ ลทั ธิของเพื่อน โดย เสฐียรโกเศศ นาค
ประทีป ไดก้ ลา่ วถึงพวกฤาษีไวต้ อนหนึ่งวา่
"เกิดมีพวกนักพรตประพฤติเนกขมั มข์ นึ้ พวกนีม้ กั อาศยั อยู่ ในดง
เรียกวา่ วานปรสั ถ ์ (ผอู ้ ยปู่ ่ า) หรือเรยี กวา่ ฤาษี (ผแู ้ สวง) ปลกู เป็ น
กระท่อมไมห้ รือมุงกน้ั ดว้ ยใบไม ้ (บรรณศาลา) เป็ นที่อาศยั "
กระท่อมชนิดนีถ้ า้ อยรู่ วมกนั ไดห้ ลายคนเรียกวา่ อาศรม
พวกฤาษีใชเ้ ปลือกไมห้ รือหนังสตั วเ์ ป็ นเครื่องนุ่งหม่ และขมวดผมมวย
ใหเ้ ป็ นกลมุ่ สงู เรียกวา ชฎา อาศยั เลีย้ งชพี ดว้ ยมูลผลาหารของป่ า
ลทั ธทิ ี่ประพฤติมีการบาํ เพ็ญตบะทรมานกาย อยา่ งเครง่ เครี
ยด เพียรพยายามทนความหนาวรอ้ น อดอาหาร และทรมานดว้ ยวิธี
ตา่ งๆ
ความมุ่งหมายที่บําเพ็ญตบะ ยงั คงหวงั ใหม้ ีฤทธิเดช อยา่ ง
ความคิดในชนั้ เดิมอยู่ แตว่ า่ เริม่ จะมุ่งทางธรรมแทรกขนึ้ อีกชน้ั หนึ่ง
ดว้ ย กลา่ วคือการบําเพ็ญตบะ เป็ นทางที่จะ ซกั ฟอกวิญญาณให้
บริสุทธิส์ ะอาด เขา้ ถึงพรหม และเกิดฤทธเิ ดชเหนือเทวดามนุษย ์
21
ในอีกแห่งหนึ่งกลา่ ววา่ "ผูท้ ี่อยากเป็ นฤาษีเขามีตาํ ราเรียนเรียกวา่
คมั ภีรอ์ ารญั ยกะ แปลวา่ เนื่องหรือเกี่ยวกบั ป่ า ชายหนุ่มที่ไปบวช
เรียน เป็ นฤาษีจะตอ้ งเรียนและปฏิบตั ิที่มีกาํ หนดไวใ้ นคมั ภรี ์
อะไรเป็ นปัจจยั ใหต้ อ้ งประพฤติตนเป็ นฤาษี ตอบไดไ้ ม่ยาก
นักคือ เขาเห็นวา่ ความประพฤติของ ชาวกรงุ ชาวเมืองในมธั ยม
ประเทศสมยั โนน้ เลอะเทอะเต็มที มกั ชอบประพฤติ แตเ่ รื่องสรุ ยุ่ สรุ า่ ย
เออ้ เฟ้ อ อยูด่ ว้ ยกามคณุ ตอ้ งการจะมีความเป็ นอยอู่ ยา่ งง่ายๆ
เหมือนบรรพบุรษุ ครงั้ ดึกดาํ บรรพ ์ ครง้ั ไกลโนน้ ประพฤติกนั อยู่ ชะรอย
บรรพบรุ ษุ ของชาวอริยกะครงั้ กระโนน้ จะไม่ใชเ่ ป็ นคนเพาะปลกู และ
ใชเ้ ปลือกไมแ้ ละหนังสตั วเ์ ป็ นเครือ่ งนุ่งหม่ เห็นที่จะเอาอยา่ งบรรพบรุ ษุ
ครง้ั ดึกดาํ บรรพ ์ ซงึ่ ยงั ไม่รจู ้ กั หวา่ นไถและยงั ไม่รจู ้ กั ทอผา้ คงจะสรา้ ง
ทบั กระทอ่ มกนั อยู่ในป่ า ไวผ้ มสงู รกรงุ รงั พวกฤาษีจึงไดเ้ อาอย่าง"
เทา่ ที่กลา่ วมาขา้ งตน้ น้ันคือ ลกั ษณะและความเป็ นอย่ขู อง
ฤาษีโดยทว่ั ๆ ไป แตย่ งั มีอีกลกั ษณะหนึ่งซงึ่ ไม่ไดก้ ลา่ วถึง คือ การมี
บตุ รและภรรยา
ฤาษีประเภทนีม้ ีมากจนเป็ นที่รกู ้ นั ทว่ั ไปวา่ ฤาษีมีเมียได ้ ซงึ่
จะไดเ้ ลา่ ถึงในประวตั ิของฤาษีตา่ งๆ ตอ่ ไปขา้ งหนา้
ดงั ไดก้ ลา่ วแลว้ วา่ ฤาษีตอ้ งเพียรบาํ เพ็ญตบะกนั อย่างหนัก
ฉะน้ัน ผลที่เกิดขนึ้ จงึ มีแตกตา่ งกนั ไป ตามความเพียรพยายาม ใคร
ปฏิบตั ิไดม้ ากก็ไดร้ บั การยกย่องใหเ้ ป็ นฤาษีอนั ดบั สงู เท่าที่ทราบเขา
จดั ฤาษีไว ้ ๔ ชนั้ ดงั นี้
๑.ราชรรษี (เจา้ ฤาษี)
๒.พราหมณรรษี (พราหมณฤาษี)
๓.เทวรรษี (เทพฤาษี)
๔.มหรรษี (มหาฤาษี)
22
แตใ่ นบางแหง่ ก็จดั ฤาษีที่สาํ เร็จตบะไวเ้ พียง ๓ ชนั้ คือ
๑.พรหมฤาษี คือผมู ้ ีตบะเลิศ ขม่ จิตสงบไดจ้ ริง ไม่ยินดี
๒.มหาฤาษี ยินรา้ ยในสิง่ ทงั้ ปวง
๓.ราชฤาษี คือเป็ นพวกฤาษีชน้ั กลาง มีตบะ ขม่ กาม
คณุ ไดห้ มดสิน้ แลว้
ไดแ้ ก่ ฤาษีที่มีตบะฌานสาํ เร็จเป็ นอนั ดบั
ตน้
การไตอ่ นั ดบั ไม่ไดใ้ ชร้ ะบบการสอบ ผทู ้ ี่จะเลื่อนชน้ั จะตอ้ ง
ปฏบิ ตั ิบําเพ็ญตบะจน ไดผ้ ลตามที่กาํ หนดไว ้ ซงึ่ จะตอ้ งใชค้ วามเพียร
พยายามและความอดทนอยา่ งยิ่งยวด
ในคาํ ไหวค้ รู ที่ไดย้ กมากลา่ วในตอนตน้ มีชอื่ ฤาษีที่คนุ ้ หูคน
ไทยสว่ นมากอยู่ ๓ ตนดว้ ยกนั คือ ฤาษีนารอด ฤาษีตาววั ฤาษี
ตาไฟ
ฤาษีทง้ั สามนีค้ นระดบั ชาวบา้ นสมยั กอ่ นรจู ้ กั กนั ดี มกั พูดถึง
อยู่เสมอในตาํ นานพระพิมพ ์ ที่วา่ จารึกไวใ้ นลานเงินก็ไดก้ ลา่ วถึงฤาษี
ตาววั (งวั ) และฤาษีตาไฟไวเ้ หมือนกนั ดงั ความวา่
"ตาํ บลเมืองพิษณโุ ลก เมืองกาํ แพงเพชร เมืองพิไชยสงคราม เมือง
พิจติ ร เมืองสพุ รรณ วา่ ยงั มีฤาษี ๑๑ ตน ฤาษีเป็ นใหญ่ ๓ ตนๆ
หนึ่งฤาษีพีลาไลย ตนหนึ่งฤาษีตาไฟ ตนหนึ่งฤาษีตางวั เป็ นประธาน
แกฤ่ าษีทง้ั หลาย จึงปรึกษากนั วา่ เราท่านทง้ั หลายนีจ้ ะ เอาอนั ใด
ใหแ้ ก่ พระยาศรีธรรมาโศกราช ฤาษีทง้ั ๓ จึงวา่ แกฤ่ าษีทงั้ ปวงวา่
เราจะทาํ ดว้ ยฤทธทิ ์ าํ ดว้ ยเครือ่ งประดิษฐานเงินทองไวฉ้ ะ นีฉ้ ลอง
พระองค ์ จึงทาํ เป็ นเมฆพตั ร อทุ ุมพร เป็ นมฤตยพ์ ิศม ์ อายวุ ฒั นะ
พระฤาษีประดิษฐานไวใ้ นถาํ้ เหวใหญ่นอ้ ย เป็ นอานุภาพแกม่ นุษย ์
ทงั้ หลาย สมณชพี ราหมณาจารยเ์ จา้ ไปถว้ น ๕๐๐๐ พรรษา
23
พระฤาษีองคห์ นึ่งจงึ วา่ แกฤ่ าษีทงั้ ปวงวา่ ท่านจงไปเอาวา่ น ทงั้ หลาย
อนั มีฤทธิ ์ เอามาใหส้ กั ๑๐๐๐ เก็บเอาเกสรไมอ้ นั วเิ ศษ ที่มีกฤษณา
เป็ นอาทิใหไ้ ด ้ ๑๐๐๐ ครน้ั เสร็จแลว้ ฤาษีจงึ ป่ าวรอ้ งเทวดาทง้ั ปวง
ใหช้ ว่ ยกนั บดยา ทาํ เป็ นพระพิมพไ์ วส้ ถานหนึ่ง ทําเป็ นเมฆพตั ร
สถานหนึ่ง ฤาษีทง้ั ๓ องคน์ ั้น จึงบงั คบั ฤาษีทงั้ ปวงใหเ้ อาวา่ นทาํ เป็ น
ผง เป็ นกอ้ น ประดิษฐานดว้ ยมนตค์ าถาทงั้ ปวงใหป้ ระสิทธทิ กุ อนั จึง
ใหฤ้ าษีทงั้ นั้น เอาเกสรและวา่ นมาประสมกนั ดีเป็ นพระใหป้ ระสิทธแิ ลว้
ดว้ ยเนาวหรคณุ ประดิษฐานไวบ้ นเจดียอ์ นั หนึ่ง ถา้ ผใู ้ ดใหถ้ วายพระพร
แลว้ จงึ เอาไวใ้ ชต้ ามอานุภาพเถิด ใหร้ ะลึกถึงคณุ พระฤาษีที่ทําไวน้ ้ัน
เถิด"
ดงั นีแ้ สดงวา่ แตก่ าลกอ่ นทางภาคพืน้ ประเทศไทยเราก็มีฤาษี
อย่มู าก โดยเฉพาะ ฤาษีตาววั กบั ฤาษีตาไฟ ติดปากคน
มากกวา่ ฤาษีอื่นๆ และประวตั ิก็มีมากกวา่ เทา่ ที่ทราบพอจะรวบรวมได ้
ดงั ตอ่ ไปนี้
ฤาษีตาววั นั้นเดิมทีเป็ นสงฆต์ าบอดทง้ั สองขา้ ง แตช่ อบ
เลน่ แรแ่ ปรธาตุ จนสามารถทาํ ใหป้ รอทแขง็ ได ้ แตย่ งั ไม่ทนั ใชใ้ หเ้ กิด
ประโยชนอ์ ย่างไร ก็เอาไปทําหลน่ ตกถาน (สว้ มของพระตามวดั ) เสีย
จะหยิบเอามาก็ไม่ได ้ เพราะตามองไม่เห็น เก็บความเงียบไว ้ ไม่กลา้
บอกใคร จนกระทง่ั วนั หนึ่ง ลกู ศิษยไ์ ปถาน แลเห็นแสงเรืองๆ จมอยู่
ใตถ้ าน ก็กลบั มาเลา่ ใหอ้ าจารยฟ์ ัง หลวงตาดีใจบอกใหศ้ ิษยพ์ าไป
เห็นแสงเรืองตรงไหนใหจ้ บั มือจมุ่ ลงไปตรงน้ัน จะเลอะเทอะอยา่ งไรชา่ ง
มนั
ศิษยก์ ลนั้ ใจทาํ ตาม หลวงตาก็ควกั เอาปรอทคืนมาได ้ จดั แจงลา้ งนํา้
ใหส้ ะอาดดีแลว้ ก็แชไ่ วใ้ นโถนํา้ ผึง้ ที่ท่านฉัน ไม่เอาติดตวั ไปไหนอีก
เพราะกลวั จะหลน่ หาย
อยู่มาวนั หนึ่ง ท่านก็มาราํ พึงถึงสงั ขาร วา่ เราจะมาน่ังตาบอดอยูท่ ําไม
มีของดีของวิเศษอย่างนีแ้ ลว้ ก็น่าจะลองดู จงึ ใหศ้ ิษยไ์ ปหาศพคนตาย
24
ใหม่ๆ เพื่อจะควกั เอาลกู ตา แตล่ กู ศิษยห์ าศพใหม่ๆ ไม่ได ้ ไปพบววั
นอนตายอยู่ตวั หนึ่ง เห็นเขา้ ที่ดีก็เลยควกั ลกู ตาววั มาแทน
หลวงตาจงึ เอาปรอทที่แชน่ ํา้ ผึง้ ไวม้ าคลึงที่ตา แลว้ ควกั เอาตาเสียออก
เอาตาววั ใสแ่ ทน แลว้ เอาปรอทคลึงตามหนังตา ไม่ชา้ ตาทง้ั สองขา้ งก็
กลบั เห็นดีดงั ธรรมดา แลว้ หลวงตาก็สึกจากพระ เขา้ ถือเพศเป็ นฤาษี
จงึ ไดเ้ รียกกนั วา่ ฤาษีตาววั มาตงั้ แตน่ ้ัน
สว่ น ฤาษีตาไฟ นั้นยงั ไม่พบตน้ เรือ่ งวา่ ทาํ ไมจงึ เรียกวา่
ฤาษีตาไฟ ที่ตาของท่านจะแรงรอ้ นเป็ นไฟ แบบตาที่สามของพระ
อิศวรกระมงั
อยา่ งไรก็ตาม ฤาษีทงั้ สองนีเ้ ป็ นเพื่อนเกลอกนั และไดส้ รา้ ง
กฎุ อี ยู่ใกลก้ นั บนเขาใกลเ้ มืองศรีเทพ ท่านออกจะรกั และโปรดมาก มี
อะไรก็บอกใหร้ ู ้ ไม่ปิ ดบงั
วนั หนึ่งฤาษีตาไฟไดเ้ ลา่ ใหศ้ ิษยค์ นนีฟ้ ังวา่ นํา้ ในบอ่ สองบอ่ ที่
อยู่ใกลก้ นั น้ันมีฤทธอิ ์ าํ นาจไม่เหมือนกนั นํา้ ในบ่อหนึ่ง เมื่อใครเอามา
อาบก็จะตาย และถา้ เอานํา้ อีกบอ่ หนึ่งมารดก็จะฟื้นขนึ้ มาไดอ้ ีก
ศิษยไ์ ม่เชอื่ วา่ จะเป็ นไปได ้ ฤาษีตาไฟจงึ บอกวา่ จะทดลองใหด้ กู ็ได ้
แตต่ อ้ งใหส้ ญั ญาวา่ ถา้ ตนตายไปแลว้ ตอ้ งเอานํา้ อีกบ่อหนึ่งมารดให ้
คืนชวี ิตขนึ้ ใหม่ ศิษยก์ ็รบั คาํ ฤาษีตาไฟจงึ เอานํา้ ในบอ่ ตายมาอาบ
ฤาษีก็ตาย ฝ่ ายศิษยเ์ ห็นเชน่ น้ันแทนที่จะทาํ ตามสญั ญา กลบั วงิ่ หนี
เขา้ เมืองไปเสีย
กลา่ วฝ่ ายฤาษีตาววั ซงึ่ เคยไปมาหาสฤู่ าษีตาไฟอยูเ่ สมอ
เมื่อเห็นฤาษีตาไฟหายไปผิดสงั เกตเชน่ นั้นก็ชกั สงสยั จงึ ออกจากกฎุ ี
มาตาม เมื่อเดินผา่ นบ่อนํา้ ตายเห็นนํา้ ในบ่อเดือด ก็รวู ้ า่ เกิดเหตรุ า้ ย
ขนึ้ แลว้ เดินตอ่ ไปอีกก็พบซากศพของฤาษีตาไฟ
ฤาษีตาววั จึงตกั นํา้ อีกบ่อหนึ่งมาราดรด ฤาษีตาไฟก็ฟื้นคืน
ชพี ขนึ้ มา แลว้ เลา่ เรือ่ งที่เกิดขนึ้ ใหฤ้ าษีตาววั ฟัง และวา่ จะตอ้ งแกแ้ คน้
ศิษยล์ กู เจา้ เมือง ตลอดจนประชาชนพลเมืองทงั้ หมดอีกดว้ ย
25
ฤาษีตาววั ก็ปลอบวา่ อย่าใหม้ นั รนุ แรงถึงอยา่ งนั้นเลย ฤาษีตาไฟก็ไม่
เชอื่ ฟังไดเ้ นรมิตววั ขนึ้ ตวั หนึ่ง เอาพิษรา้ ยบรรจไุ วใ้ นทอ้ งววั จนเต็ม
แลว้ ปลอ่ ยววั กายสิทธใิ ์ หเ้ ดินขคู่ าํ รามดว้ ยเสียงกึกกอ้ ง รอบเมืองทง้ั
กลางวนั กลางคืน แตเ่ ขา้ เมืองไม่ได ้ เพราะทหารรกั ษาประตปู ิ ดประตไู ว ้
พอถึงวนั ที่เจ็ด เจา้ เมืองเห็นวา่ ไม่มีอะไรเกิดขนึ้ ก็สง่ั ใหเ้ ปิ ดประตเู มือง
ววั กายสิทธคิ ์ อยทีอยแู่ ลว้ ก็วิง่ ปราดเขา้ เมือง ทนั ทีน้ันทอ้ งววั ก็ระเบิด
ออก พิษรา้ ยก็กระจายพุ่งออกมาทําลาย ผคู ้ นพลเมืองตายหมด
เมืองศรีเทพก็เลยรา้ งมาแตค่ รง้ั นั้น
ถา้ วา่ ตามเรือ่ งที่เลา่ มานี้ ฤาษีตาววั ก็ดจู ะใจดีกวา่ ฤาษีตาไฟ
และคงจะเป็ นดว้ ยฤาษีตาววั เป็ นผูช้ ว่ ยใหฤ้ าษีตาไฟฟื้น คืนชพี ขนึ้ มา
นี่ เองกระมงั
ทางฝ่ ายแพทยแ์ ผนโบราณจึงไดถ้ ือเป็ นครู สว่ นทางฝ่ าย
ทหารออกจะยกย่องฤาษีตาไฟ ดงั มีมนตบ์ ทหนึ่งกลา่ วไวใ้ นตาํ ราพิชยั
สงครามวา่ "ขอพระศรีสุทศั นเ์ ขา้ มาเป็ นดวงใจ พระฤาษีตาไฟ
เขา้ มาเป็ นดวงตา" ดงั นี้
26