The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บรมครู ฉบับ 6 ประชุมฤาษีมุนีเทวา
380 หน้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-10-27 04:15:36

บรมครู ฉบับ 6 ประชุมฤาษีมุนีเทวา

บรมครู ฉบับ 6 ประชุมฤาษีมุนีเทวา
380 หน้า

พระพรหมส์ ทั ธาเทพ
พระพรหมส์ ทั ธาทิพ

127

พระพรหมม์ ะเหศวร

128

พระสะหะบดีพรหม
พระพรหมธาดา

129

รามาวะตาล
๏ขชุ ชาวตาล
กิศณุอะวะตาล คือบรมจกฤษณปราบพนาสูรในอะนิรุท

130

พระขนั ธกมุ ารทรงมยุรพาหณ

131

ทุสะดีอะวะตาล

132

ทุสะดีอะวะตาล

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ เมื่อดวงจติ
องั คฐุ พรหมจตุ ิยงั โลกมนุษย ์ เกิดเป็ นมา้ ชอื่ อสรุ กณั ฐะกะ เที่ยว
เบียดเบียนสามโลก มีจติ พยาบาทพระอิศวร จงึ เหาะไปเชงิ เขา
ไกรลาส ขณะนั้น พระฤๅษีเทวบิดเป็ นพนกั งานนํ้าสรงพระ
อศิ วรลงมาตกั นํ้าในสระอโนดาต อสรุ กณั ฐะกะไลก่ ดั ขบฤๅษี
เทวบิด ฤๅษีเทวบิดหนีไปเฝ้ ากราบทลู พระอิศวร พระอิศวรจงึ ให ้
เทพยดาจตั บุ ท จตั บุ าท ไปเชญิ เสด็จพระนารายณม์ าปราบ
พระนารายณจ์ ึงกระทําเทวฤทธอิ ์ วตารเป็ นมนุษย ์ ๒ กร กร
ซา้ ยทรงรม่ ทิพย ์ กรขวาทรงไมแ้ ส ้ ชอื่ ทลุ กีอวตาร ขนึ้ หลงั มา้
เทวกณั ฐศั มีปี ก บินไลอ่ สรุ กณั ฐะกะ อสรุ กณั ฐะกะหนีไปฝ่ัง
แม่นํ้าสินธุ ขณะน้ันมีพระดาบสชอื่ พระสชั นาไลย อาศยั อย่ใู น
ถาํ้ เขารตั นประพาฬ ออกจากอภิญญาไปแสวงหาผลไม้ พบ
อสรุ กณั ฐะกะ อสรุ กณั ฐะกะก็ไลข่ บกดั กินศีรษะพระดาบสถึง
กาลกิริยา ทลุ กีอวตารตามมาทนั จึงเอาแสฟ้ าดอสรุ กณั ฐะกะลม้
ลง แลว้ ตดั ศีรษะอสรุ กณั ฐะกะมากระทําเทวฤทธริ ์ า่ ยวิษณุมนต ์
ตอ่ ศีรษะพระสชั นาไลย พระดาบสจงึ มีหนา้ เป็ นมา้ และมอบรม่
ทิพยก์ บั แสใ้ ห ้ ใหพ้ ระดาบสสอนการอศั วกรรมสบื ไป พระดาบส
จึงไดช้ อื่ วา่ อิสีกลั ไลยะกะ เป็ นครมู า้ สืบมา พระทลุ กีจึงสาปรา่ ง
อสรุ กณั ฐะกะใหเ้ ป็ นฝูงแม่ลา เมื่อมา้ พลาหกมาสมจรแม่ลา มี
บตุ รเป็ นชาติอศั ดรแลว้ ใหท้ ําลายทอ้ งแม่ลาออกมาใหแ้ ม่ลาถึง
แกค่ วามตาย แลว้ พระนารายณเ์ สด็จกลบั ไป

133

พระปรเมศวรทรงธนโู มลี
สาตรว์ ราหป์ ราบหิรนั ตส์ ูร

บุรุษรามาวะตาล

134

สาตรว์ ราหป์ ราบหิรนั ตส์ ูร

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ มีพรหมตน
หนึ่งริษยาพรหมธาดา ผลกรรมจึงใหจ้ ตุ ิเป็ นอสรู ชอื่ หิรนั ตยกั ษ ์
ไดพ้ รพระอิศวรจึงกาํ เริบ กระทาํ ใหก้ ายใหญม่ ว้ นแผ่นดิน พระ
อิศวรจึงใหเ้ ชญิ พระนารายณม์ าปราบ พระนารายณจ์ ึงอวตาร
เป็ นเศวตวราหะนามวา่ วราหวตาร ไปสงั หารหิรนั ตยกั ษแ์ ลว้
กลบั มาบรรทมสินธใุ นเกษียรสมุทร กระทําเทวฤทธใิ ์ หเ้ กิดดอก
ปทมุ ชาติจากเบือ้ งอทุ รประเทศ บงั เกิดพระอโนมาตนั จากดอก
ปทมุ ชาติ จึงพาพระอโนมาตนั ไปถวายพระอิศวร พระอิศวรให ้
พระอินทรก์ บั ฤๅษี ๔ องค ์ คือ ยุทธ , อกั ขระ, ทหระ, ยา
คะ ลงมาสรา้ งเมือง ในป่ าประชมุ ศรีทงทวารมีตน้ ชมุ เหด็
จึงใหช้ อื่ วา่ พระนครศรีอยุทธยา เมื่อสรา้ งเมืองพรอ้ ม
ประชากรแลว้ พระอิศวรจงึ ใหพ้ ระอโนมาตนั เป็ นตน้ วงศก์ ษตั ริย ์
ในพระนครศรีอยทุ ธยา (ในรามเกียรติ ์ พระราชนิพนธใ์ น ร.๑
วา่ พระอศิ วรใหพ้ ระอินทรง์ มาสรา้ งเมือง พบกบั ฤๅษีอจนคาวี,
ยุคอคั ระ, ทหะ, ยาคะ ในป่ าทวารวดี จงึ ตงั้ ชอื่ วา่ อยธุ ยา)

135

บุรุษรามาวะตาล

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ เมื่อทศกณั ฐ ์
อาสาชลอเขาไกรลาสใหต้ ง้ั ตรง พระอิศวรจงึ วา่ ถา้ เอ็งชลอเขา
ไกรลาสตรงแลว้ เอ็งปรารถนาซงึ่ นางใดในไกรลาส แมบ้ าท
บริจาริกาของเราก็จะใหด้ งั ปรารถนา ทศกณั ฐส์ ามารถชลอเขา
ไกรลาสใหต้ รงไดแ้ ละทลู ขอพระอมุ าจากพระอิศวร พระอิศวรจงึ
จาํ พระทยั ยกพระอมุ าให ้ พระอมุ าบนั ดาลใหร้ อ้ น ทศกณั ฐจ์ งึ
เชญิ องคพ์ ระอมุ าขนึ้ ทนู เศียรเกลา้ ไป เทพยดาจึงไปเชญิ พระ
นารายณม์ าชว่ ย พระนารายณจ์ ึงนิรมิตกายเป็ นบรุ ษุ นามรามาว
ตาร ในโคลงนารายณส์ ิบปางวา่ มหลั ลกอสุรวตาร มาปลกู
ตน้ ไม้ เอาปลายลงขวางทางทศกณั ฐเ์ ป็ นกลอบุ าย ทศกณั ฐไ์ ม่รู้
จงึ กลา่ วติเตียนวา่ ท่านนี้เป็ นคนโฉด มาปลกู ตน้ ไมเ้ อาปลายลง
ฉะนี้ เหตไุ ฉนจงึ่ จะเป็ นภกั ผลเลา่ บรุ ษุ รามาวตารตอบวา่ ทา่ น
เป็ นคนโฉดเขลาเองเสียอีก ทา่ นทลู ขอองคพ์ ระอมุ ามาน้ันเพื่อจะ
ประสงคส์ ิ่งอนั ใด นางมณฑก (ในรามเกียรติ ์ พระราชนิพนธใ์ น
ร.๑ วา่ นางมณโฑ) ที่เป็ นบาทบริจาริกาอย่ขู า้ งอาสนพ์ ระอิศวร
นั้น มีโฉมงามบริสทุ ธปิ ์ ระกอบไปดว้ ยเบญจลกั ษณะ ควรที่จะ
เป็ นมเหสีได ้ เป็ นไรจึง่ ไม่ทลู ขอเอาไป มาทลู ขอซงึ่ องคพ์ ระอมุ า
ภควดี ซงึ่ เป็ นมารดาสดุ าในสรุ าลยั นั้น ถา้ ท่านเอาไปเป็ นมเหสี
เศียรทา่ นจะแตกออกเป็ นเจ็ดภาค ทศกณั ฐไ์ ดฟ้ ังก็คิดได ้ จงึ พา
พระอมุ ากลบั ไปคนื พระอิศวรและทลู ขอนางมณฑก พระอิศวรก็
ประสาทให ้ พระนารายณก์ ็กลบั ไปยงั เกษียรสมุทร

136

มจั ฉาอะวะตาลปราบหมู่สงั ขอะสูร
ชมั ภูวราช

ขฉั ชปาวะตาลปราบอสูรมจั ฉา

137

มจั ฉาอะวะตาลปราบหมู่สงั ขอะสูร

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ เมื่อพระ
นารายณอ์ วตารเป็ นกจั ฉะปาวตารไปปราบผีเสือ้ นํา้ ที่ลกั คมั ภีร ์
ไตรเพทมาใหอ้ สรุ มจั ฉารอ้ ยโกฏิ อสรุ มจั ฉาจึงเอาคมั ภีรไ์ ตรเพท
ไปฝากสงั ขอสรู พระนารายณจ์ ึงอวตารเป็ นปลากรายทองชอื่
มจั ฉาวตาร (ฉบบั โรงพิมพว์ ชั รินทรว์ า่ มจั ฉาอวตาร) ตามไป
ปราบสงั ขอสรู สงั ขอสรู กลืนคมั ภรั ไ์ ตรเพทลงทอ้ ง พระ
นารายณจ์ ึงสงั หารสงั ขอสรู แลว้ งา้ งปากลว้ งเอาคมั ภีรไ์ ตรเพทคืน
พระนารายณส์ าปปลากรายวา่ ถึงมนุษยจ์ ะเสพเองเป็ นอาหารไป
ภายหนา้ ก็ลาํ บากนัก แลว้ สาปสงั ขว์ า่ ถา้ มนุษยจ์ ะทําการมงคล
พิธไี ปภายหนา้ ก็จงเอาสงั ขน์ ีเ้ ขา้ อย่ใู นการพิธนี ั้น ถา้ ผูใ้ ดรด
นํา้ ในอทุ รสงั ขก์ ็ใหเ้ ป็ นมงคลกนั อบุ าทวเ์ สนียดจญั ไร ดว้ ยสงั ข ์
กลืนคมั ภีรไ์ ตรเพทไวใ้ นอทุ ร (ฉบบั โรงพิมพว์ ชั รินทรว์ า่ มีพรหม
ตนหนึ่งริษยาพระพรหมธาดา จงึ จตุ ิมาเป็ นสงั ขอสรู ครงั้ หนึ่ง
พระพรหมธาดานําคมั ภีรพ์ ระเวท พระธรรมศาสตรม์ าถวายพระ
อิศวร ระหวา่ งทางไดแ้ วะสรงนํา้ สงั ขอสรู จงึ ใชผ้ ีเสือ้ นํา้ ไปลกั
คมั ภีรม์ า พระพรหมไปกราบทลู พระอิศวร พระอิศวรจงึ ใหพ้ ระ
นารายณไ์ ปปราบ พระนารายณอ์ วตารเป็ นปลากรายทองชอื่
มจั ฉาอวตาร ไปสงั หารผีเสือ้ นํ้าและสงั ขอสรู แลว้ สาปสงั ขว์ า่
รอยนิว้ หตั ถแ์ หง่ เราอนั เป็ นมงคลซงึ่ ยื่นลว้ งเขา้ ไปเอาคมั ภีรพ์ ระ
เวท พระธรรมศาสตร ์ ตามชอ่ งปากแหง่ สงั ขน์ ี้ แลอรุ ะสงั ขก์ ็เป็ น
ที่ทรงไวซ้ งึ่ พระคมั ภีร ์ อนึ่ง พระพรหมซงึ่ จตุ ิลงมาเป็ นสงั ขม์ ี
อานุภาพ มงคลทง้ั สามนี้ภายหนา้ ไปบคุ คลจะเอาสงั ขไ์ ปเป่ าได ้
ยินเสียงสงั ขจ์ นสถานที่ใดก็ใหเ้ ป็ นมงคลจนสดุ เสียงสงั ขน์ ้ัน)

138

ชมั ภูวราช

นารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวง วา่ ชามพูวราช
เกิดจากไมไ้ ผ่ทอ่ นปลาย ของพระฤๅษีสุขวฒั น ทีพ่ ระ
อิศวรหกั (ฉบบั โรงพิมพว์ ชั รินทรว์ า่ ไมไ้ ผ่ทอ่ นเบือ้ งบน) สว่ น
ชมพูพาน รามเกียรติ ์ พระราชนิพนธใ์ น ร.๑ วา่ เกิดจากเหงื่อ
ไคลพระอิศวร

ขฉั ชปาวะตาลปราบอสูรมจั ฉา

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ อสรุ ผีเสือ้ นํ้า
ไดข้ โมยคมั ภีรไ์ ตรเพทจากพระพรหมมาใหอ้ สรุ มจั ฉารอ้ ยโกฏิ
พระอิศวรจงึ ใหพ้ ระนารายณไ์ ปปราบ พระนารายณจ์ งึ อวตารเป็ น
เตา่ ทอง นามวา่ กจั ฉะปาวตาร (ฉบบั โรงพิมพว์ ชั รินทรว์ า่
สวุ รรณกจั ฉะปะอวตาร) ไปปราบผีเสือ้ นํา้ และอสรุ มจั ฉารอ้ ยโกฏิ
อสรุ มจั ฉาจึงเอาคมั ภีรไ์ ตรเพทไปฝากสงั ขอสรู กจั ฉะปาวตารจึง
สงั หารอสรุ มจั ฉารอ้ ยโกฏิตายสิน้ แลว้ อวตารเป็ นมจั ฉาวตารไป
ตามสงั ขอสรู (ฉบบั โรงพิมพว์ ชั รินทรว์ า่ วา่ มีพรหมหมู่หนึ่งริษยา
พระพรหมธาดา จึงจตุ ิมาเป็ นอสรู มจั ฉา เหลา่ อสณู มจั ฉาจงึ
วา่ ยเขา้ เบียดเชงิ เขาพระสเุ มรใุ หพ้ งั ลง เทวดาและฤๅษีมาทลู พระ
อศิ วร พระอิศวรจงึ ใหพ้ ระนารายณไ์ ปปราบ พระนารายณจ์ งึ
อวตารเตา่ ทอง นามวา่ สวุ รรณกจั ฉะปะอวตาร ไลส่ งั หารเหลา่
อสรู มจั ฉาจนหมด)

139

ปัญจะศรีขอรดิดพิณ

140

ปัญจะศรีขอรดิดพิณ

พระปัญจสีขร หรือ พระปัญจสงิ ขร ในไตรภมู ิพระรว่ ง
หรือเตภมู ิกถา วา่ เดิมเป็ นเด็กเลีย้ งโค มีผม 5 ปอย ชอบสรา้ ง
สิง่ ที่เป็ นสาธารณะประโยชนค์ ือ ศาลา สระนํ้า ถนน และ
ยานพาหนะ แตไ่ ดเ้ สียชวี ิตไปตงั้ แตย่ งั หนุ่ม ดว้ ยคณุ ความดีจงึ
ทําใหบ้ งั เกิดเป็ นเทพบตุ ร ในชน้ั จาตมุ หาราชกิ า นามวา่ ปัญจ
สิขคนธรรพเทพบตุ ร นักดนตรีไทยมีความเชอื่ เกีย่ วกบั พระปัญ
สิงขรวา่ เป็ นครเู ทพแหง่ ดนตรีเครื่องสายมโหรี มีหนา้ ที่บรรเลง
ดนตรี ขบั รอ้ งและฟ้ อนราํ บําเรอเทพเจา้ บนสวรรค ์ จงึ ไดร้ บั การ
แตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็ นเจา้ แห่งเครื่องดนตรีทง้ั ปวง สวมมงกฎุ ยอดนํ้าเตา้
๕ ยอด รา่ งกายเป็ นสีทอง มีกณุ ฑล (ตมุ้ ห)ู มีอาภรณป์ ระดบั
ดว้ ยนิลรตั น์ นุ่งผา้ สีแดง มีความสามารถในเชงิ ดีดพิณและขบั
ลาํ นํา บา้ งวา่ มีกายสีขาว มี ๔ กร ถือพิณและบณั เฑาะว ์ ซงึ่
พิณมีพรรณเลือ่ มเหลืองดจุ ผลมะตมู สกุ สะอาด คนั พิณยาว ๑
คาวตุ (๔ ,๐๐๐ เมตร) เป็ นแกว้ อินทนิลมณี มีทง้ั หมด ๕๐
สายทําดว้ ยเงิน..สว่ นลกู บิดทําดว้ ยแกว้

141

พระอิศวรสรา้ งพระหิมพานในร่มไมส้ กรม
ในพระหตั ถท์ รงถือบณั เฑาะวแ์ ละมฤค ซงึ่ คลา้ ยคลึงกบั
เทวรปู ของพระศิวะในอินเดียใต ้ บางที่ทรงถือขวานแทนกลอง
บณั เฑาะว ์

142

พระนรายนป์ ราบอสูรหิด

143

พระอิศวร

144

พระศิวะลิงคสยมภูวนาถ

145

146

พระสมุดรูปพระไสยศาสตรห์ รือเทวรูป
(พระสมุทรูปพระไสยสาสตร)์

เลขที่ ๓๓ สมุดไทยดาํ
เขยี นดว้ ยเสน้ ขาว

อกั ษรบรรยายเขยี นดว้ ยเสน้ หรดาล
หอพระสมุดวชริ ญาณซอื้ จากนายขดี นาคเทวิน

วนั ที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๑

147

พระฤๅษีเทวบิศ

ในนารายณส์ ิบปาง ฉบบั โรงพิมพห์ ลวงวา่ เมื่อดวงจิต
องั คฐุ พรหมจตุ ิยงั โลกมนุษย ์ เกิดเป็ นมา้ ชอื่ อสรุ กณั ฐะกะ เที่ยว
เบียดเบียนสามโลก มีจติ พยาบาทพระอิศวร จงึ เหาะไปเชงิ เขา
ไกรลาส ขณะน้ันพระฤๅษีเทวบิดเป็ นพนักงานนํ้าสรงพระอิศวร
ลงมาตกั นํา้ ในสระอโนดาต อสรุ กณั ฐะกะไลก่ ดั ขบฤๅษีเทวบิด
ฤๅษีเทวบิดหนีไปเฝ้ ากราบทลู พระอิศวร พระอิศวรจงึ ใหเ้ ทพยดา
จตั บุ ท จตั บุ าท ไปเชญิ เสด็จพระนารายณม์ าปราบ

148

คาํ บูชาพระนารายณ์

ของพระราชครูวามเทพมุนี

จากหนงั สือนารายณส์ ิบปางและพงศใ์ นเรื่องรามเกียรติ์

๏ โอม นะโม นารายณส์ ะหะคะณะ
ปะริวารา อาคจั ฉันตุ ปะริภญุ ชนั ตุ สะวาหาย
๏ โอม สพั พะอปุ าทะ สพั พะทกุ ขะ สพั พะโศกะ
สพั พะโรคะ วินาสายะ สพั พะสตั ตรปู ะมุจจะติ

๏ โอม นารายณ์ เทวะตา สะทารกั ขนั ตุ
สะวาหะ สะวาหาย สะวาหาง

149

คาํ บูชาพระอศิ วร
ของพระราชครูวามเทพมุนี

โอม นะมสั สิวายะ
จาํ เป นะเคารา นะสีระกายายะ
กตั ตะปูระณะ กาวะนะสี จะกายอ
นะมสั สิ วายะยายะ จะนะมสั สิวายะยอ
กตั ตกุ รี ศิกากงั คะมะติจตั ติตายายะ
เสตารฉิ ัน จตั ติตอยอ สะกณุ ธะลายายะ
มะนิกณุ ธะลายอ นะมสั สิวายายะ จะนะมสั สิวายา
อะระคมั สมั ปญุ ญมั สีวิรสุ ตะไรยยะเก

กาเม จะมะเหยะเต

150

พระราชปุจฉาเรื่องทา้ วโลกบาล

151

พระราชปุจฉาที่ ๓

วา่ ดว้ ยเรื่อง จตโุ ลกบาล

พระที่น่ังบรรณาคมสรณีย ์
วนั ที่ ๓๐ ธนั วาคม ร.ศ. ๑๒๑

กราบทลู กรมหมื่นวชริ ญาณวโรรส
ดว้ ยเด๋ียวนีก้ าํ ลงั คน้ เรื่องจตโุ ลกบาล เพื่อประกอบการเขยี นที่วดั

เบญจมบพิตร ไดต้ รวจดทู กุ แหง่ ซงึ่ จะพึงมีกลา่ วถึง ทงั้ ภายใน
ภายนอกพระพุทธศาสนา ไดค้ วามวา่ แตกกนั ไปบา้ งซงึ่ จะทูลใหท้ รง
ทราบในหนังสือนีก้ ็จะยืดยาวไป

ขอ้ ปัญหาเชน่ ในอาฏานาฏิยสูตร ทา้ ววริ ฬุ หกเป็ น เจา้ แหง่
กมุ ภณั ฑ ์ สว่ นคาถาทา้ ย อาฏานาฏิยปริตในสิบสองตาํ นานวา่ เป็ น
เจา้ แหง่ เทวดา คาํ ซงึ่ กลา่ วผิดกนั นี้ เกิดดว้ ยเหตใุ ดขอใหท้ รง
วนิ ิจฉัย สว่ นความตอ้ งการที่จะทราบเพื่อสอบสวน ตอ้ งการวา่ ทา้ ว
มหาราชองคใ์ ดรปู แลชาติ วรรณ อาวธุ อย่างไร เป็ นเจา้ แกบ่ ริษทั หมู่
ใด ถา้ ไดท้ อดพระเนตรเห็นแห่งใดฤๅจะคน้ ไดใ้ นที่แห่งใด ขอไดโ้ ปรด
ใหท้ ราบดว้ ย

ควรมิควรแลว้ แตจ่ ะโปรด
สยามินทร

152

แกพ้ ระราชปุจฉาที่ ๓

วดั บวรนิเวศวิหาร
ที่ ๒๑๙
วนั ที่ ๓๑ ธนั วาคม ร.ศ. ๑๒๑

ขอถวายพระพร
พระราชหตั ถเลขาลงวนั วานนี้ ไดร้ บั พระราชทานแลว้ ความ

แผกกนั เรือ่ งทา้ วจตโุ ลกบาลน้ัน ไดเ้ คยพบอยู่ แลลงสนั นิษฐานวา่ เป็ น
เพราะความเขา้ ใจหรือความอนุมานเป็ นไปในเวลาตา่ งกนั แตย่ งั หาได ้
เคยรวบรวมไวแ้ หง่ เดียวกนั ไม่ จะขอคน้ ถวายกอ่ น หวงั วา่ บางทีจะได ้
ขา่ วในหนังสือของพวกขา้ งเหนือดว้ ย เรื่องเทวดาของพวกขา้ งใตอ้ ยู่
ขา้ งจะมีนอ้ ยกวา่ ของเรา

ควรมิควรสดุ แลว้ แตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรด
ขอถวายพระพร
กรมหมื่นวชริ ญาณ

153

154

เรื่องทา้ วโลกบาล

จานวนทา้ วโลกบาล

ในตารบั พราหมณ์ ทา้ วโลกบาลมี ๘ องค ์
๑. พระอินทร ์ ประจาํ ทิศบรู พา
๒. พระเพลิง ประจาํ ทิศอาคเนย ์
๓. พระยม ประจาํ ทิศทกั ษิณ
๔. พระอาทิตย ์ ประจาํ ทิศหรดี นางนิรฤติ ก็วา่
๕. พระพิรณุ ประจาํ ทิศประจิม
๖. พระพาย ประจาํ ทิศพายพั
๗. ทา้ วกเุ วระ ประจาํ ทิศอดุ ร
๘. พระจนั ทร ์ ประจาํ ทิศอีสาน

นางพระธรณี หรือพระอิศวร ในเพศแหง่ พระอีสาน ก็วา่ ตาม
ตาํ รบั นี้ อนุทิศทงั้ ๔ ไดช้ อื่ ตามทา้ วโลกบาลผปู ้ ระจาํ อยู่น้ัน

ในตาํ รบั ขา้ งพวกถือพระพุทธศาสนาทงั้ ฝ่ ายเหนือและฝ่ ายใต ้
ทา้ วโลกบาลมี ๔ องค ์ :-

๑. ทา้ วธตรฐ ประจาํ ทิศบรู พา
๒. ทา้ ววริ ฬุ หก ประจาํ ทิศทกั ษิณ
๓. ทา้ ววริ ปู ักข ์ ประจาํ ทิศประจมิ
๔. ทา้ วกเุ วระ ประจาํ ทิศอดุ รทา้ วเวสวณั ก็เรียกแตอ่ งคเ์ ดียวกนั
ในหนังสือธรรมสงั คหะ ของพวกฝ่ ายเหนือ (๑ ก) กลา่ ว ถึง
ทา้ วโลกบาลเป็ นพวกๆ ทา้ วโลกบาล ๔ ก็มี ๘ ก็มี ๑๔ ก็มี แต่

155

ไม่ไดร้ ะบใุ หค้ รบวา่ องคไ์ หนประจาํ ทิศไหน ทา้ วโลกบาล ๔ ตอ้ งกนั
กบั ขา้ งหลงั เป็ นแตเ่ รียกนามเป็ นภาษาสนั สกฤต ทา้ วโลกบาล ๘ ก็
ตอ้ งกนั แตไ่ ม่กลา่ วปรกิ ปั เล็งตรงลงไปวา่ พระอินทร ์ พระยม พระ
พิรณุ ทา้ วกเุ วร พระอีสาน พระเพลิง พระไนรฤตะ พระพาย ทา้ ว
โลกบาล ๑๐ เติมพระพรหมประจาํ ทิศเบือ้ งบน พระกฤษณป์ ระจาํ ทิศ
เบือ้ งต่าํ ทา้ วโลกบาล ๑๔ คือ ทา้ วโลกบาล ๑๐ กบั เติมพระจนั ทร ์
พระอาทิตย ์ นางพระธรณี อสรู เขา้ ดว้ ย ในหนังสือนีไ้ ม่มีคาํ พรรณา
นา แสดงแตเ่ พียงชอื่ เทา่ นี้

156

157

คาพรรณนาเฉพาะทา้ วโลกบาล ๔ องค ์

ในบาลีมหาสมยั สตู รพรรณนาไวด้ งั นี้

๑. ทา้ วธตรฐ

เป็ นอธบิ ดีของพวกคนธรรพ ์ ครองทิศบูรพา

๒. ทา้ ววิรุฬหก

เป็ นอธบิ ดีของพวกกมุ ภณั ฑ ์ ครองทิศทกั ษิณ

๓. ทา้ ววิรูปักข ์

เป็ นอธบิ ดีของพวกนาค ครองทิศประจิม

๔. ทา้ วกเุ วระ

เป็ นอธบิ ดีของพวกยกั ษ ์ ครองทิศอดุ ร
เพราะคาํ วา่ ททฺทลฺลมานา รงุ่ เรืองอยู่ ไดช้ อื่ วา่ พรรณนาวา่
ทา้ วจตโุ ลกบาลน้ัน มีรศั มี

ในอาฏานาฏิยสตู ร พรรณนาความเชน่ เดียวกนั ตา่ งแตโ่ วหาร
และไม่ไดก้ ลา่ วถึงรศั มี กบั มีขอ้ แปลกออกไปคือ กลา่ วถึงเมืองของทา้ ว
กเุ วระซงึ่ จะมีแจง้ ขา้ งหนา้ เพราะคาํ วา่ รมติ นจจฺ คิเตหิ ยินดีดว้ ยราํ
และขบั รอ้ ง ไดช้ อื่ วา่ พรรณนาวา่ ทา้ วจตโุ ลกบาลน้ันโปรดการเลน่
เชน่ น้ัน

158

ในหนังสือพุทธศาสนาฝ่ ายจนี กลา่ วความเคา้ เดียวกนั แตม่ ี
แปลกกนั บา้ ง ดงั นี้

๑. ทา้ วธฤตราษฎระ

เป็ นอธบิ ดีของพวกคนธรรพก์ บั พวกไวษชะ (ซงึ่ ไม่ทราบวา่
อะไร) อภิบาลทวปี ในทิศบรู พา

๒. ทา้ ววิรุฒกะ

เป็ นอธบิ ดีของพวกกพุ านฺท อภบิ าลทวปี ในทิศทกั ษิณ คือ
ชมพูทวีป

๓. ทา้ ววิรูปากษะ

เป็ นอธบิ ดีของพวกนาค กบั พวกปูตนา (คือพวกผีผูห้ ญิงที่
คอยทํารา้ ยทารก) อภิบาลทวีปในทิศประจมิ

๔. ทา้ วไวศฺรวณะ

เป็ นอธบิ ดีของพวกยกั ษ ์ และพวกรากษส (คือพวก
อสรุ กาย?) อภบิ าลทวปี ทิศเหนือ

เพราะคาํ วา่ Warlike มีทา่ รบ ไดช้ อื่ วา่ พรรณนาวา่ ทา้ วจตุ
โลกบาลนั้น มีอาการเป็ นทหารเขม้ แขง็

ในอภิธานัปปทีปิ กา กลา่ วชอื่ ทวีป ๔ นั้น เรียงลาํ ดบั ดงั นี้
ปุพพฺ วเิ ทหะ อปรโคยาน ชมพูทวีป อตุ ตฺ รกรุ ุ ตามนัยนี้ ไดช้ อื่ วา่
เรียงลาํ ดบั ทิศดงั นี้ บรู พา ประจมิ ทกั ษิณ อดุ ร ทว่ งทีเดียวกบั ลาํ ดบั

159

ทิศในบาลีมหาวรรคพระวนิ ัย และบาลีอริยวงั สิกสตู ร แตใ่ นที่ ๒ แห่ง
นั้น เรียงทิศอดุ รไวก้ อ่ นทิศทกั ษิณ ในธรรมสงั คหะ เรียงลาํ ดบั ทวปี
ดงั นี้ ปรู วฺ วิเทห ชมพฺ ูทวปี อปรโคทานิ (อปรโคทานก็เรียก) อตุ ตฺ รกรุ ุ
ตามนัยนี้ ไดช้ อื่ วา่ เรียงลาํ ดบั ทิศดงั นี้ บูรพา ทกั ษิณ ประจมิ อดุ ร
เชน่ เดียวกนั กบั ลาํ ดบั ทิศในมหาสมยั สตู ร และอาฏานาฏยิ สตู รไดค้ วาม
วา่

๑. ทวีปในทิศบูรพา ชอื่ บูรพวิเทหะ
๒. ทวีปในทิศทกั ษิณ ชอื่ ชมพูทวีป
๓. ทวีปในทิศประจมิ ชอื่ อปรโคยาน (อปรโคทาน)
๔. ทวปี ในทิศเหนือ ชอื่ อตุ ตรกรุ ุ

160

คนธรรพแ์ ละเจา้ ของเขา

คนธรรพน์ ั้น กลา่ วตอ้ งกนั ทงั้ ฝ่ ายพราหมณ์ และฝ่ ายพวกถือ
พระพุทธศาสนาวา่ เป็ นพวกบรรเลงดนตรีบาเรอเทวดา ในหนังสือ
ปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรือ่ งฮินดู มีคาํ พรรณนาวา่ พวก
คนธรรพใ์ นคมั ภีรเ์ วทนั้น มีที่อยู่ในอากาศ อากาสฏั ฐก เทวดามี
หนา้ ที่แตง่ นํา้ โสมะสาํ หรบั เทวดา เขาพอใจในสตรี และมือาํ นาจทําให ้
พวกสตรีรกั คนธรรพ ์ ในชน้ั หลงั ก็มีอาการดจุ เดียวกนั มีหนา้ ที่แตง่
นํา้ โสมะ เขา้ ใจในโอสถ มีตบะเครง่ ครดั และชอบสตรี

คนธรรพใ์ นพิภพของพระอินทร ์ เป็ นพวกขบั ประโคมบําเรอ
เทวดาในเวลาสโมสรเสพโภชนาหาร ตอ่ นีผ้ เู ้ รียงปทานุกรมนี้ ชกั คาํ ที่
กลา่ วในที่อืน่ อนั แผกกนั มาแสดงวา่ ในหริวงั วงั ศกลา่ ววา่ พวกคนธรรพ ์
มีเจา้ ชอื่ จิตรฺ รถ และมีนางอปั สรเป็ นคู่ เมืองของพวกคนธรรพน์ ้ัน
เลา่ วา่ รงุ่ เรืองยิ่งนัก ในวิษณุปุราณเลา่ เรือ่ งพวกคนธรรพร์ บกบั พวก
นาคในบาดาล พวกคนธรรพช์ นะ เขา้ ยึดพิภพและสมบตั ิของพวก
นาค พวกนาคทลู ขอใหพ้ ระพิษณุทรงชว่ ย ทา้ วเธออวตารเป็ นบรุ ษุ
ชอื่ ปุรุกตุ ฺสะ ใหน้ าง นรมฺ ทา นอ้ งสาวพวกนาคนําลงไปบาดาล
ปราบพวกคนธรรพ ์

161

ในทา้ ยอาฏานาฏยิ ปริตรสิบสองตาํ นาน กลา่ วชอื่ พวกนีว้ า่ ภูต
ถา้ ไดแ้ กพ่ วกไวษชะ ก็เขา้ กนั ได ้ ไม่เชน่ น้ัน ก็แปลกไปสว่ นหนึ่ง เวน้
ไดแ้ ตจ่ ะประสงคว์ า่ เป็ นผูท้ ี่มิใชเ่ ทวดาแท.้

เจา้ ของพวกคนธรรพน์ ี้ ในตาํ รบั ของพวกถือพระพุทธศาสนา
ชอื่ ทา้ วธตรฐ ในภาษามคธ ชอื่ ทา้ วธฤตราษฎระ ในภาษาสนั สกฤต
มีลกั ษณะและอาการอย่างไร ยงั ไม่เคยพบในตาํ รบั ของพวกฝ่ ายใต ้ ใน
หนังสือพุทธศาสนาฝ่ ายจีน ผรู ้ จนาเลา่ ถึงรปู ที่ทําไวใ้ นวดั ที่ประตโู บสถ ์
ทา้ วธฤตราษฎระ มีหน้าสีขาบ ถอื พิณ พอดีดขนึ้ โลกย่อม
คอยฟั ง บางคนกลา่ ววา่ พอดีดขนึ้ คา่ ยของพวกพวกศตั รเู กิดไฟ
ไหมท้ นั ที (แยกสนั นิษฐาน)

ตามคาํ ในปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรือ่ งฮินดู โวหารหนึ่ง
วา่ พระอินทรเ์ ป็ นเจา้ ของพวกคนธรรพ ์ อีกโวหารหนึ่งวา่ จติ รฺ รถ คาํ
หลงั ไม่มีอธบิ ายอะไร นอกจากแปลศพั ทว์ า่ มีรถอนั วจิ ิตร

162

กมุ ภณั ฑแ์ ละเจา้ ของเขา

พวกนีเ้ ขา้ ใจตา่ งกนั ไป บา้ งก็วา่ เป็ นพวกผี บา้ งก็วา่ เป็ นพวก
เทวดา ที่วา่ เป็ นพวกผีนั้น ดงั แสดงในบาลีอาฎานาฏิยสตู ร วา่ เยน

เปตา ปวจุ จฺ นฺติ เป็ นตน้ ความวา่ พวกคนสอ่ เสียด เบียตเบียน
ผอู ้ ืน่ เลีย้ งชพี ดจุ กินเนือ้ ที่หลงั เป็ นพรานทําปาณาติบาต เป็ นโจร
และลอ่ ลวงเขา ผตู ้ ายไปแลว้ ท่านกลา่ วไวใ้ นทิศใด ทิศน้ันแตน่ ีไ้ ป
มหาชนเรียกทิศทกั ษิณที่ทา้ วมหาราชผูม้ ียศ อธบิ ดีของพวก
กมุ ภณั ฑ ์ มีนามวา่ ทา้ ววริ ฬุ หก อภบิ าลอยู่ ตามคาํ นีไ้ ดค้ วามวา่
พวกคนประพฤติหยาบชา้ ที่ตายไป ชอื่ วา่ กมุ ภณั ฑ ์ ที่วา่ เป็ นพวก
เทวดาน้ัน ดงั แสดงในอรรถกถาแหง่ อาฏานาฏิยสตู รน้ันเอง พระคนั ถ

รจนาจารยเ์ ขา้ ใจวา่ พวกกมุ ภณั ฑเ์ ป็ นเทวดา จึงพรรณนาความแหง่

คาํ วา่ เยน เปตา ปวุจจฺ นฺติ แกเ้ ขา้ หาความเขา้ ใจของตนวา่ คนตาย

และคนหยาบชา้ มีคนเจรจาสอ่ เสียด เป็ นตน้ เขากลา่ วกนั วา่ เขา
นําออกไปจากเมืองทางทิศใด เพื่อเผา หรือเพื่อประหารชวี ติ แลว้ แก ้

บท กมุ ภฺ ณฺฑานํ ตอ่ ไปวา่ เต กริ เทวา เป็ นตน้ ความวา่ ไดย้ ินวา่
เทวดาเหลา่ นั้น มีทอ้ งใหญ่ มีตวั ลา่ํ แตส่ น้ั เหมือนหมอ้ เหตดุ งั น้ัน

เขาจึงเรียกวา่ กมุ ภณั ฑ ์ ในทา้ ยอาฏานาฏิยปรติ รสิบสองตาํ นาน วา่

เป็ นเทวดาเหมือนกนั และในอภิธานัปปทีปิ กาก็วา่ กมุ ฺภณโฺ ฑ เทว

เภเท จ ศพั ทว์ า่ กมุ ภณั ฑ ์ จดั เขา้ ในประเภทแหง่ เทวดาดว้ ย ใน
ตาํ รบั ของพวกฝ่ ายเหนือยงั ไม่พบคาํ อธบิ าย แสดงแตช่ อื่ วา่ กพุ านฺท
ซงึ่ ไม่มีคาํ แปลในที่ไหน แตจ่ ะไดแ้ กศ่ พั ทว์ า่ กพนฺธ ที่แปลวา่ ซากศพ
ไม่มีศีรษะบา้ ง ผีไม่มีศีรษะบา้ งกระมงั ในตาํ รบั พราหมณ์ ศพั ทน์ ีไ้ ม่มี

163

ท่านอาจารยโ์ มเนีย วลิ เลียมส ์ ชกั เอามาแสดงในปทานุกรมสนั สกฤต
ก็วา่ กมุ ภฺ าณฺฑ ศพั ทน์ ีม้ ีในตาํ รบั ขา้ งพระพุทธศาสนา เป็ นชอื่ ของผี
และพรรณนาไปตามรปู ศพั ทว์ า่ มีอณั ฑะใหญ่เหมือนหมอ้

เจา้ ของพวกกมุ ภณั ฑน์ ี้ ในตาํ รบั ของพวกถือพระพุทธศาสนา
ชอื่ ทา้ ววริ ฬุ หกในภาษามคธ ชอื่ ทา้ ววิรฒุ ก ในภาษาสนั สกฤต ใน
หนังสือพุทธศาสนาฝ่ ายจนี ผูร้ จนาเลา่ ถึงรปู ที่เห็นเขาทําไวว้ า่ ทา้ ววิ
รฒุ ก มีหนา้ ดาํ ท่าทางดรุ า้ ย ถือดาบ

สว่ นในอรรถกถาแห่งอาฬาวกสตู ร ในสตุ ตนิบาต กลา่ ววา่
พระยมมีดวงตาเป็ นอาวธุ ถา้ ทา้ วเธอโกรธถลึงตาแลดแู ลว้ พวก
กมุ ภณั ฑห์ ลายๆ พนั พินาศระเนนไปเหมือนหญา้ และใบไมใ้ นกระเบือ้ ง
อนั รอ้ นจดั ดงั นี้ ดเู หมือนท่านผกู ้ ลา่ วเขา้ ใจวา่ พระยมเป็ นเจา้ ของ
พวกกมุ ภณั ฑ ์ สมกบั ลทั ธขิ องพวกพราหมณว์ า่ พระยมเป็ นโลกบาล
ประจาํ ทิศทกั ษิณ

ในปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรื่องฮินดู พรรณนาพระยมวา่
ในคมั ภีรเ์ วท พระยมเป็ นเจา้ แหง่ มรณะ (ทีไดแ้ กพ่ ระยามจั จรุ าช)
วิญญาณของผตู ้ ายแลว้ ไปอยกู่ บั ทา้ วเธอ แตใ่ นมนตอ์ ืน่ กลา่ ววา่ เป็ น
มนุษยค์ นแรกที่ตายและไปขนึ้ สวรรค ์ แตน่ ีผ้ แู ้ ตง่ ชกั เอาคาํ ของผูอ้ ืน่ มา
แสดง บางแหง่ กลา่ ววา่ ในฤคเวทไม่ไดแ้ สดงวา่ พระยมเป็ นผลู ้ งโทษแก่
คนประพฤติมิชอบ ถึงอยา่ งนั้นก็ยงั เป็ นผูท้ ี่น่ากลวั เขาแสดงทา้ วเธอ
ไวว้ า่ มีสนุ ัขที่ตะกลามจดั ๒ ตวั มนั มีสี่ตา รจู มูกกวา้ ง คอยรกั ษา
ทางแห่งภพของทา้ วเธอ คนตายผูไ้ ปทงั้ น้ันดยั งรืบผ่านไปใหเ้ ร็ว

164

สนุ ัข ๒ ตวั นี้ เขากลา่ ววา่ ทา้ วเธอใชใ้ หเ้ ที่ยวไปไนหมู่คน เพื่อ
เรียกเขาไปหาเจา้ ของตวั บางแหง่ ก็วา่ ทา้ วเธอใชน้ กใหม้ าเที่ยวบอ
กลางรา้ ย ในที่บางแหง่ กลา่ ววา่ พระยมนั้น เป็ นเจา้ ของวญิ ญาณที่ละ
รา่ งไปแลว้ และเป็ นผูพ้ ิพากษาของผูต้ าย วญิ ญาณเมื่อละรา่ งไปแลว้
ตอ้ งไปสภู่ พของทา้ วเธอในชนั้ ต่าํ นายยมบาลชอื่ จติ รคปุ ตผ์ ถู ้ ือบญั ชี
ก็อา่ นเรื่องของผูน้ ั้นจากบญั ชใี หญ่ แลว้ ผูน้ ั้นก็ไดร้ บั คาํ พิพากษา ให ้
ขนึ้ ไปเกิดในสถานของพวกปิ ตฤฺ (คือบรรพบุรษุ หรือภมุ มเทวดา)
บา้ ง ใหไ้ ปตกนรกในชนั้ ตา่ งๆ กนั บา้ ง ใหม้ าเกิดในมนุษยโ์ ลกนีใ้ หม่
บา้ ง ตามสมควรแกก่ รรมที่กระทํา อนึ่ง พระยมเป็ นโลกบาลประจาํ ทิศ

ทกั ษิณ เขาแสดงลกั ษณะและอาการไวว้ า่ มีสีเขยี ว (ใบไม)้ ทรงภษู า

แดง ทรงมหิงสเ์ ป็ นพาหนะ ทรงกระบองใหญแ่ ละเชอื กบาศเป็ นอาวธุ

ในเทวทตู สตู ร ก็กลา่ ววา่ พระยมเป็ นผพู ้ ิพากษาของผตู ้ าย

เหมือนกนั แตก่ ลา่ วเฉพาะแตผ่ ปู ้ ระพฤติทจุ ริตวา่ พอตายไปเกิดใน

นรก นายนิ ริยบาลจบั ตวั ไปถวายพระยม ทา้ ววเธอตรสั ซกั ถามวา่ ได ้
เห็นเทวทูต ๓ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย บา้ งหรือไม่ เมื่อผนู ้ ั้นทูล
วา่ ไดเ้ ห็น ทา้ วเธอตรสั ซกั ถามตอ่ ไปวา่ เชน่ นั้น ไฉนไม่คิดบําเพ็ญ
กศุ ลบา้ งเลา่ เมื่อผูน้ ้ันทูลวา่ มวั ประมาทเสีย แตน่ ั้นทา้ วเธอพิพากษา

วา่ นายนิ รยิ บาลเขาจกั ทํากะเจา้ ตามฐานเป็ นคนประมาทเสีย ไม่
บําเพ็ญกศุ ล บาปกรรมนี้ ไม่มีใครทาํ ให ้ เจา้ ทาํ ของเจา้ เอง เจา้ จกั
ตอ้ งเสวยผลของบาปกรรมนั้นเอง แลว้ นิ่งอยู่ นายนิ ริยบาลก็นําผูน้ ้ัน
ไปลงโทษตา่ งๆ ตามสมควรแกก่ รรมที่กระทาํ นั้น.

165

มนุ สฺสนาคมานโว

วนั ที่ประสตู ิมี ฝนตกหนักมากราวกบั ฟ้ ารว่ั เหมือนพญานาคใหน้ ํา้
บริเวณน้ัน. พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ อยู่หวั พระบรมชนกนาถ ทรง

ถือเป็ นมงคลนิมิตจึงพระราชทานนามวา่ พระเจา้ ลูกยาเธอ

พระองคเ์ จา้ มนุษยนาคมานพ อนั หมายถึงเหลา่ กอของมนุษยผ์ ู้

เกิดมาตามรอยพระพุทธเจา้

166

พวกนาคและเจา้ ของเขา

พวกนีเ้ ขา้ ใจตอ้ งกนั ทงั้ ฝ่ ายพราหมณแ์ ละฝ่ ายผูถ้ ือ

พระพุทธศาสนาวา่ เป็ นชาติงูมีภพอย่ภู ายใต ้ เรียกบาดาล ฝ่ าย
พราหมณก์ ลา่ วตามหนังสือปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรือ่ งฮินดู

จดั เป็ นพวก เทวดากลายๆ มีหนา้ อยา่ งมนุษย ์ มีหางอยา่ งงู มีคอ
พอกอย่างงู ที่เรียกในภาษาองั กฤษวา่ Cobra นาคนั้นมีตงั้ พนั ตระกลู
ที่เป็ นสตรีมีรปู งาม ไดร้ ว่ มคกู่ บั มนุษยก์ ็มี ฝ่ ายพวกถือ

พระพุทธศาสนา เขา้ ใจวา่ มีปกติเป็ นงู แตจ่ าํ แลงเป็ นมนุษยไ์ ด ้
ตามใจ และชอบเลา่ เรือ่ งไวใ้ นที่นั้นๆ เป็ นอนั มาก

เจา้ ของพวกนาคนี้ ในตาํ รบั ขา้ งพระพุทธศาสนา ชอื่ ทา้ ววริ ู
ปักข ์ ในภาษามคธชอื่ ทา้ ววริ ปู ากษฺ ในภาษาสนั สกฤต ในหนังสือ
พุทธศาสนาฝ่ ายจีน ผูร้ จนาเลา่ ถึงรปู ที่เห็นเขาทาํ ไวว้ า่ ทา้ ววิรปู ากษฺ
มีหนา้ แดงถือกลดหรือฉัตร ( Umbrella) พอกางขนึ้ ก็เกิดพายใุ หญ่
ฟ้ าคะนองฝนตก อีกปากหนึ่งวา่ พอกางขนึ้ ก็เกิดมืดทว่ั ไปทนั ที

ในปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรื่องฮินดู กลา่ ววา่ ทา้ ว
โลกบาลประจาํ ทิศประจิมน้ัน ชอื่ พระวรณุ เป็ นเทวดาเกา่ แกอ่ งคห์ นึ่ง
ในคมั ภรี เ์ วท เล็งเอาฟ้ าที่ใหส้ าํ เร็จสิง่ ทง้ั ปวง เป็ นผทู ้ าํ และเป็ นผรู ้ กั ษา
สวรรคแ์ ละแผ่นดิน เมื่อเป็ นเชน่ นี้ ทา้ วเธอไดช้ อื่ วา่ เป็ นเจา้ แห่งโลก
เป็ นเจา้ แห่งเทวดามนุษย ์ มีความรหู ้ าที่สดุ มิได ้ เป็ นเทวดาผูใ้ หญ่
เป็ นที่นับถือยิ่ง ทา้ วเธอเป็ นคกู่ บั เทวดาชอื่ มิตร ทา้ วเธอเป็ นเจา้ แห่ง

167

คืน เทวดตาชอื่ มิตรเป็ นเจา้ แหง่ วนั แตช่ อื่ ของทา้ วเธอ มกั ปรากฏแต่
ผูเ้ ดียว ชอื่ ของเทวดาชอื่ มิตร มกั เงียบหายไป ในกาลภายหลงั มา
ทา้ ววรณุ เป็ นประธานในหมู่อากาสฏั ฐกเทวดาชนั้ ตา่ํ เรียกพวกอาทิตย ์
และภายหลงั แตน่ ั้นลงมาอีก เป็ นเจา้ แหง่ ทะเลและแม่นํา้ ทรงมงั กรเป็ น
พาหนะ ขอ้ เหลา่ นีย้ งั เป็ นอาการของทา้ วเธอ เครือ่ งหมายของทา้ วเธอ
เป็ นปลา ทา้ วเธอเป็ นโลกบาลประจาํ ทิศประจิม และเป็ นดาวนักษตั ร
ฤกษ ์

อนึ่ง ในคมั ภีรเ์ วท ทา้ วเธอไม่เกีย่ วกบั นํา้ โดยตรง แตม่ ีทางที่
ทา้ วเธอเนื่องกบั ธาตแุ ห่งนํา้ ทงั้ ในอากาศและในปฐพี ที่ใหเ้ ขา
พรรณนาอาการและกิจของทา้ วเธอเนื่องกบั ธาตแุ ห่งนํา้ ทง้ั ในอากาศ
และในปฐพี ที่ให่เ้ ขาพรรณนาอาการและกิจของทา้ วเธอเชน่ กลา่ ว
แลว้ นั้นในคมั ภีรโ์ บราณทงั้ หลาย พระวรณุ เป็ นเจา้ แห่งนํา้ และของติด
องคข์ องทา้ วเธอคือบ่วง ที่เทวดาในคมั ภีรเ์ วทใชถ้ ือสาํ หรบั ผกู ศตั รู
เรียกวา่ นาคบาศ ที่ประพาสที่โปรดของทา้ วเธอ คือ เขาปุษฺปคิริ
และภพของทา้ วเธอ ชอื่ สธุ านครหรือสขุ า ทา้ วเธอมีกลดหรือฉัตร
(Umbrella) ที่นํา้ ซมึ เขา้ ไม่ได ้ ทาํ ดว้ ยหนังพงั พานงู ซงึ่ เรียกใน
ภาษาองั กฤษวา่ Cobra.

168

169

พวกยกั ษก์ บั เจา้ ของเขา

พวกนีเ้ ขา้ ใจตอ้ งกนั ทงั้ ฝ่ ายพราหมณแ์ ละฝ่ ายผูถ้ ือ
พระพุทธศาสนา เป็ น ๒ อย่าง

๑. เป็ นที่ดีควรนับถือ เป็ นพวกเทวดากลายๆ เชน่ แสดง
ไวใ้ นเรื่องมฏั ฐกณุ ฑลีเทวบุตร เป็ นคาํ พราหมณพ์ ูด
แกม่ ฏั ฐกณุ ฑลีเทวบุตร อตฺถกาโมสิ เม ยกขฺ ขา้
แตย่ กั ษ ์ ท่านเป็ นผหู ้ วงั ประโยชนท์ ี่ควรตอ้ งการแค่
ขา้ พเจา้ หิตกาโมสิ เทวเต ขา้ แตเ่ ทวดา ทา่ นเป็ นผู ้
หวงั ประโยชนเ์ กือ้ ทูลแกข่ า้ พเจา้ บทอาลปนะในคาํ นี้
คือ ยกขฺ ก็ดี เทวเต ก็ดี เป็ นคาํ เรียกมฏั ฐกณุ ฑลี
เทวบุตรผเู ้ ดียวกนั

๒. เป็ นเทือกผี แตเ่ ขา้ ใจจา่ ดงั จะมีรปู ที่จาํ แลงไดต้ ามใจ
แตห่ ายตวั ก็ได ้ มีปกติดรุ า้ ย ตวั แสดงในบาลีอาฏานา
ฏิยสตู ร เขา้ ใจกนั ตามประเภทหลงั นีเ้ ป็ นพืน้

เจา้ ของพวกยกั ษน์ ี้ ชอื่ ทา้ วกเุ วระ ตอ้ งกนั ทง้ั ฝ่ ายพราหมณ์ ทง้ั
ฝ่ ายพระพุทธศาสนา อีกชอื่ หนึ่งเรียกวา่ ทา้ วเวสสฺ วณะ ในภาษามคธ
ไวศรฺ กณะ ในภาษาสนั สกฤตและกลา่ ววา่ เป็ นโลกบาลประจาํ ทิศอดุ ร
ก็ถกู กนั

170

ในอภธิ านัปปทีปิ กา กลา่ ววา่ มีคทาคือกะบองสน้ั เป็ นอาวธุ มี
ราชธานีชอื่ อาลกา อาลกมนั ทาก็ชอื่

ในอรรถกถาอาฬวกสตู ร ในสตุ ตนิบาต กลา่ ววา่ ทา้ วเวสสวณั
มีกะบองสน้ั เป็ นอาวธุ เมื่อครง้ั ทา้ วเธอเป็ นบุถชุ น ขวา้ งกะบองไป กะ
บองน้ันตอ่ ยศีรษะพวกยกั ษห์ ลายพนั ใหแ้ ตกแลว้ กลบั มาอย่ใู นที่มือหยิบ

ถึงอีก
ในบาลีอาฏานาฏยิ สตู ร กลา่ ววา่ ทา้ วกเุ วระตง้ั เมืองอยใู่ น

อากาศขา้ งทิศที่อตุ ตรกรุ ทุ วีป และเขาพระสเุ มรยุ อดสทุ ศั น์ (ที่เป็ นผา
ทอง) ตง้ั อยู่ มีราชธานี ๒ ชอื่ อาลกมนั ทา ๑ ชอื่ วสิ าณา ๑ มี
นครอีก ๘ ชอื่ อาฏานาฏาเป็ นตน้ ทา้ วเธอครองวสิ าณาราชธานีอีก
๙ นคร มียกั ษร์ ฐั กามาตยเ์ ป็ นผคู ้ รอง มีสระโบกขรณี ชอื่ ธรณี ที่
เมฆหอบนํา้ ไปจากนั้นแลว้ และตกเป็ นฝน และที่นํา้ ฝนลน้ ไหลจากน้ัน
วา่ ไปในที่แหง่ อื่น ที่ฝังสระมีสภาคารชอื่ ภคลวตี เป็ นที่ประชมุ พวก
ยกั ษ ์ สระน้ันเป็ นที่น่าอภิรมย ์ มีหมู่ไมต้ า่ งพรรณประดบั และเซง็ แซ่

ดว้ ยเสยี งนกตา่ งชนิด งามอยทู่ ุกเมือง

ในหนังสือพุทธศาสนาฝ่ ายจีน กลา่ ววา่ ทา้ วกเุ วระมีหนา้ ขาว
ถือนาคบาศและสตั วท์ ี่ทํารา้ ยมนุษยบ์ างอยา่ ง แตท่ า้ วเธอทาํ มนั ใหอ้ ยู่

ในอาํ นาจและเป็ นไปไดด้ งั ใจหวงั

ในหนังสือปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรื่องฮินดู กลา่ ววา่ ใน
คมั ภรี เ์ วท ทา้ วกเุ วระเป็ นเจา้ ของพวกผีที่ชว่ั อนั อาศยั อยู่ในรม่ เงา

171

เรียกวา่ ไวศรฺ วณะตามโคตรบา้ ง ภายหลงั ความเขา้ ใจเปลี่ยนไปวา่

เป็ นเจา้ แห่งทรพั ย ์ และเจา้ แห่งพวกยกั ษแ์ ละพวกคหุ ยฺ กะ (คือพวก
หายตวั ) เมืองของทา้ วเธอ ชอื่ อาลกา เรียกชอื่ วา่ ประภาบา้ ง วสธุ รา
บา้ ง วสสุ ถฺ ลีบา้ งก็มี ตง้ั อย่บู นเขาหิมาลยั สว่ นชอื่ จติ รฺ รถ ตง้ั อยบู่ น
เขามนั ทร ที่เป็ นยอดอนั หนึ่งของเขาพระเมรุ ที่พวกกินนรบําเรอทา้ ว
เธออยู่ ณ ที่นั้น

บางโวหารกลา่ ววา่ วมิ านของทา้ วเธออย่บู นเขา้ ไกลาส วิษกร
รมเทวบุตรเป็ นผูเ้ นรมิต โวหารนีก้ ลา่ ววา่ ทา้ วเธอสรา้ งตบะอยตู่ ง้ั
หลายพนั ปี จึงไดพ้ รจากพระพรหมวา่ อยา่ ใหต้ าย ใหอ้ ยยู่ ง่ั ยืนเป็ น
โลกบาลองคห์ นึ่งและเป็ นเจา้ แหง่ ทรพั ยเ์ สมอไป ทา้ วเธอจึงไดเ้ ป็ น

โลกบาลประจาํ ทิศอดุ ร และเป็ นผรู ้ กั ษาทรพั ยแ์ ผ่นดินและพระพรหม

ประทานรถบุษบกเดินไปในอากาศแกท่ า้ วเธอ ทา้ วเธอมีเทพีเรียกวา่
ยกั ษีบา้ ง จารวฺ บี า้ ง เกาเวรีบา้ ง มีโอรสชอื่ มณิครี หรือกรรณกวิ ๑
ชอื่ นลกพุ รหรือมยรุ าช ๑ มีธดิ าชอื่ มินากษฺ ี ๑ เขาแสดงเธอวา่ เป็ น
คนขาว แตม่ ีรปู รา่ งวิกล มี ๓ ขา มีฟัน ๘ ซกี เทา่ นั้น องคข์ อง
ทา้ วเธอมีเครือ่ งประดบั เต็มไป ทา้ วเธอไดช้ อื่ วา่ กเุ วระ ก็เพราะ

หมายความวา่ มีองคน์ ่าเกลียด

สนั นิษฐาน

ทา้ วจตโุ ลกบาลกบั บริษทั ๔ เหลา่ ถึงมีชอื่ ตา่ งกนั ดงั แสดงมา
ในหนหลงั แลว้ น้ันก็จริง แตเ่ คา้ เงื่อนก็คงเป็ นอนั เดียวกนั ความเขา้ ใจ
คอ่ ยกลายไปโดยลาํ ดบั มนุษยม์ ีอธั ยาศยั คอ่ ยเจริญขนึ้ ก็คอ่ ยเขา้ ใจ
ทา้ วจตโุ ลกบาลเปลี่ยนใหม้ ีจริยาเจริญขนึ้ ตามอธั ยาศยั ของตนน้ันแล

172

หนงั สือที่อา้ งถงึ ในเรื่องนี้

๑. ธรมฺ สงคฺ รฺ หะ ของพวกพทุ ธศาสนิกฝ่ ายเหนือ นักพรตญีป่ ่ นุ ชอื่ เกนชวิ กสว
ระ เรยี บเรียงไว ้ ภายหลงั เมื่อเขาถงึ มรณะแลว้ อาจารยแ์ มกซม์ เู ลอ ไดต้ รวจสอบอกี
ลงพิมพท์ ี่วทิ ยาลยั เมืองออกซฟอรด์ เป็ นภาษาสนั สกฤต.

ก. จาํ นวนทา้ วโลกบาล ขอ้ ที่ ๗ ถึงขอ้ ที่ ๑๐.
ข. ทวปี ๔ ขอ้ ที่ ๑๒๐.
๒. มหาสมยั สตู ร มาในทีฆนิกาย มหาวรรค สตู รที่ ๗ สมดุ พิมพห์ นา้ ที่
๓๐๔ ในสวดมนตก์ ็มี สมดุ พิมพค์ รงั้ แรกหนา้ ๕๕.
๓. อาฏานาฏิยสตู ร มาในทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สตู รที่ ๙ สมุดพิมพห์ นา้
๒๐๑ ในสวดมนตก์ ็มี อย่ใู นจตตุ ถภาณวาร สมุดพิมพค์ รงั้ แรกหนา้ ๑๒๖.
๕. หนังสือพทุ ธศาสนาฝ่ ายจนี ของหมอเอดกนิ ส ์ ครสู อนศาสนา ( Chinese
Buddhism by Rev. Joseph Edkins, D.D.) หนา้ ๒๑๖ กบั ๒๔๐.
๕. อภิธานัปปทีปิ กา
ก. วา่ ดว้ ยทวปี ๔ ภมู ิวรรค คาถาที่ ๑๘๓.
ข. แกศ้ พั ทก์ มุ ภณั ฑ ์ อเนกตั ถวรรค คาถาที่ ๑๐๓๐.
ค. อาวธุ และภพของทา้ วกเุ วระ สคั คกณั ฑ ์ คาถาที่ ๓๒.
๖. บาลีมหาวรรคแห่งพระวินัย เล่ม ๑ มหาขนั ธกะ ตอนอปุ ัชฌายวตั ร สมดุ
พิมพห์ นา้ ๘๖.
๗. อริยวงั สิกสตู ร มาในจตกุ กนิบาต องั คตุ ตรนิกาย สมดุ พิมพห์ นา้ ๓๕.
๘. ปทานุกรมวา่ ดว้ ยชอื่ ตา่ งๆ ในเรือ่ ง ฮินดู ( The Classical Dictionary
of Hindu Mythology by Prof. John Dawson.)
๙. ทา้ ยอาฏานาฏิยปรติ ร แบบสิบสองตาํ นาน ในสวดมนต ์ สมุดพิมพค์ รง้ั
แรกหนา้ ๓๙.
๑๐. อรรถกถาแหง่ อาฏานาฏิยสตู ร มาในสมุ งั คลวลิ าสินีอรรถกถาทีฆนิกาย
มหาวรรค ผกู ๗.
๑๑. ปทานุกรมทีต่ ง้ั ศพั ทส์ นั สกฤต แปลในภาษาองั กฤษ ของโมเนีย วิล
เลียมส ์ (Sanskrit-English Dictionary by Prof. Monier Williams)
๑๒. อรรถกถาแหง่ อาฬวกสตู ร มาในปรมตั ถโชตกิ า อรรถกถาสตุ ตนิบาต
วรรคที่ ๑ ผูก ๑๐.
๑๓. เทวทตู สตุ ร มาในติกนิบาต องั คตุ ตรนิกาย สมดุ พิมพห์ นา้ ๑๗๖.
๑๔. เรอื่ งมฏั ฐกณุ ฑลีเทวบตุ ร มาในอรรถกถาแหง่ วิมานวตั ถุ แตช่ กั มากลา่ ว
ในอรรถกถาธรรมบท นิทานที่ ๒ บน้ั ตน้ ผูก ๑.

173

174

เทวดา

พระเป็ นเจา้ ของพราหมณ์

พระราชนิพนธ ์ ใน พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั

๑. พระนารายน์ เป็ นพระเป็ นเจา้ องค ์ ๑ ในหมู่

๒. พระเป็ นเจา้ ทงั้ ๓ ในศาสนาพราหมณ์ มีพระนามปรากฏ
หลายอย่าง ที่ใชอ้ ยู่มากคือนารายน์ วิษณุ ฤๅ พิษณุ หริ
ฤๅ หริรกั ษ ์ มธสุ ทู นะ (ผสู ้ งั หารมธ)ุ ไกตะราชติ (ผชู ้ าํ นะ
ไกตะภะ มธกุ บั ไกตะภะทงั้ ๒ นีเ้ ป็ นอสรู ซงึ่ ไดเ้ กิดขนึ้ จาก
พระกรรณพระนารายน์ ขณะเมื่อบรรทมอยู่เหนือพญาเศษ
นาคเมื่อสิน้ กลั ป และกาํ ลงั จะผลาญพระพรหมาซงึ่ อยู่ใน
ดอกบวั อนั ผุดขนึ้ มาจากพระนาภีพระนารายนน์ ั้น ก็พอ
พระนารายนต์ ื่นบรรทมขนึ้ สงั หารอสรู เสียทนั ) ไวกณู ฐนารถ
(ไวกณู ฐคือที่สถิตของพระนารายน)์ เกศวะ (ผมู ้ ีเกศาอนั
งาม) มธวะ (เกิดแตม่ ธ) สวยมั ภู (เกิดขนึ้ เอง) ปิ ตมั วร ฤๅ
ปิ ตมั พร (ผูท้ รงเครื่องสีเหลือง) ชนรรททนะ (ผทู ้ าํ ใหช้ น
บชู า) วษิ วมั วร (ผคู ้ มุ ้ เกรงโลก) อนันตะ (ไม่มีที่สดุ ) ทา

175

โมทร (มีเชอื กคาด) มุกนุ ท (ผชู ้ ว่ ยใหร้ อดพน้ ) ปรุ ษุ ฤๅ

มหาบุรษุ ปุรโุ ษตมะ ฤๅ ปรุ โุ ษดม ยชั เนศวร (ผเู ้ ป็ นใหญ่
ในพลีกรรม) ตริโลกนาถ ฤๅ ไตรโลกนาถ เหลา่ นีเ้ ป็ นตน้

พระนารายนม์ ีอวตารสาํ คญั ๑๐ ปาง คือ (๑) มตั สาวตาร


เป็ นปลา (๒) กรู มาวตาร เป็ นเตา่ (๓) วราหาวตาร เป็ นหมู ลงมา
สงั หารหิรญั อกั ษะอสรู (๔) นรสิงหาวตาร เป็ นนรสิงห ์ ลงมาสงั หาร
หิรญั กสิปอุ สรู ทง้ั ๔ ปางนีอ้ ยใู่ นสตั ยยุค คือยคุ ที่ ๑ แห่งกลั ป (๕)
วามนาวตาร เป็ นคนคอ่ ม ลงมาลวงเอาไตรโลกคืนจากพลิราชอสรู
(๖) ปรศรุ ามาวตารเป็ นปรศรุ าม (คือรามสรู ) (๗) รามจนั ทราวตาร
เป็ นพระรามจนั ทรใ์ นรามายณะ (๘) กฤษณาวตาร เป็ นพระกฤษณ
ฤๅที่เรียกวา่ ทา้ วบรมจกั รกฤษณ์ ในเรือ่ งอณุ รทุ ฤๅอีกนัยหนึ่ง
เรียกวา่ พลรามาวตาร คือเป็ นพระพลราม (พระพลเทพ) นอ้ ง
พระกฤษณ (๙) พุทธาวตาร เป็ นพระพุทธเจา้ (๑๐) กลั กยาวตาร
เป็ นคนขมี่ า้ ขาว ปางนีจ้ ะมีมาตอ่ เมื่อปลายกาลียคุ


(คือยคุ ที่ ๔ ปัตยุบนั นี)้ พระกลั กยาวตารจะไดล้ า้ งโลกนีท้ ง้ั สิน้ แลว้ จะ
ไดเ้ ริ่มกลั ปใหม่ เป็ นสตั ยยคุ ตอ่ ไป

รปู พระนารายนม์ ีสีก่ ร โดยมากถือสงั ข ์ ๑ จกั ร ๑ คทา ๑
กอ้ นดินเป็ นเครื่องหมายแหง่ โลก (ฤๅดอกไมเ้ ป็ นเครือ่ งหมายแหง่ ของ
เกิดแตด่ ิน) ๑ นอกจากนีบ้ างทีถือธนู ลกู ศร ตรี เป็ นตน้ พญาเศษ
นาค อีกนัยหนึ่งเรียกวา่ อนันตนาคราช เป็ นบลั ลงั กบ์ รรทมลอยอยู่

ในกลางเกษียรสมุทร พญาครฑุ เป็ นพาหนะ

176


Click to View FlipBook Version