327
328
329
330
331
332
ฤๅษีในพระเป็ นเจา้ ของพราหมณ[์ ร.๖]
๑. วาลมีกิ (เรียกในรามเกียรติว์ า่ วชั มฤคี) เป็ นลกู พระวรณุ ผู ้
เป็ นใหญ่ในนํา้ ทงั้ หลาย พระวาลมีกินีเ้ กิดในตระกลู พราหมณก์ ็จริง
แตใ่ นชน้ั ตน้ พอใจสมาคมกบั พวกชาวป่ าและโจร ครงั หนึ่งไดย้ กเขา้
ปลน้ สะดมพระฤษีทงั้ ๗ ตน ท่านฤษีทง้ั ๗ ตนไดว้ า่ กลา่ วชแี้ จงให ้
แลเห็นบาป แลว้ ไดส้ อนมนตใ์ หเ้ ลา่ บน่ มนตน์ ีม้ ีคาํ เดียววา่ “มรา” คือ
นามของพระรามหวนดงั นี้ พระวาลมีกิไดน้ ่งบ่นมนตน์ ีอ้ ย่หู ลายพนั ปี
และครน้ั เมื่อพระมุนีทงั้ ๗ กลบั มายงั ที่นั้น ก็ไดพ้ บอยทู่ ี่เดิม แตต่ น
กลายเป็ น “วลั มีกะ” คือจอมปลวก จงึ่ ไดน้ ามตอ่ มาวา่ “วาลมีกิ” ดงั นี้
พระวาลมีกินี้ สมมติวา่ เป็ นผูร้ จนาเรื่องรามายณะ ฤๅ
รามเกียรติ ์ เหตทุ ี่จะแตง่ ขนึ้ น้ัน ไดม้ ีกลา่ วไวโ้ ดยละเอียดในพาลกณั ฑ ์
คือกณั ฑท์ ี่ ๑ แห่งรามายณะ กลา่ วโดยย่อคือ เมื่อเสร็จสงครามใน
ลงกาแลว้ ได ้ ๑๖ ปี พระรามครองสิรริ าไชยสวรรยใ์ นกรงศรีอยธุ ยาอยู่
แลว้ พระวาลมีกิไดพ้ บพระนารท ไดต้ ง้ั ปัญหาถามพระนารทวา่ ใน
โลกนีใ้ ครจะเป็ นผทู ้ ี่น่านิยม และสรรเสริญบารมียิ่งกวา่ ชนทงั้ ปวง พระ
นารทตอบวา่ พระรามเป็ นผทู ้ ี่สมควรจะนิยมและสรรเสริญเชน่ น้ัน และ
เลา่ เรือ่ งของพระรามโดยยอ่ จนตลอด พระวาลมีกิไดฟ้ ังแลว้ ก็เป็ นที่จบั
333
ใจ ครนั้ พระนารทกลบั ไปสวรรคแ์ ลว้ พระวาลมีกิจึง่ ลงไปสรงนํา้ กบั พระ
ภารทวาช ณ ลาํ นํา้ ตะสา ในเมื่อไปลงสรงอยู่น้ัน ไดเ้ ห็นนกนางนวล
คู๋ ๑ เลน่ อยู่ริมฝ่ัง ขณะน้ันมีนายพรานผู ้ ๑ ไดย้ ิงนกนางนวลผตู ้ าย
ตกลงริมที่พระฤษีสรง นกเมียก็แสดงอาการกิริยาเศรา้ โศกตา่ ง ๆ
พระมุนีมีความสลดจติ ยิ่งนัก จึง่ ไดร้ าํ พนั เป็ นถอ้ ยคาํ แชง่ ดา่ นายพราน
ถอ้ ยคาํ ที่ไดร้ าํ พนั นั้นก็เป็ นวรรคตอนครลหไุ พเราะเป็ นที่น่าพิศวง พระ
วาลมีกิจึง่ ไดต้ ง้ั นามลกั ษณพ์ จนประพนั ธเ์ ชน่ นีว้ า่ “โศลก” เพราะเหตุ
ที่บงั เกิดขนึ้ แตแ่ ตค่ วามโศก ครน้ั เมื่อกลบั ไปยงั กฎุ ีแลว้ พระพรหม
ธาดาไดเ้ สด็จลงมาเฉพาะหนา้ พระวาลมีกิ พระมุนีก็ลกุ ขนึ้ รีบไปกระทาํ
สกั การบูชาตามควร แตใ่ นใจยงั คงนึกถึงถอ้ ยคาํ ที่ราํ พนั ถึงนายพราน
นั้น ท่าวจตรุ พกั ตรจึง่ ตรสั สง่ั พระวาลมีกิใหร้ จนา เรือ่ งรามายณะ
ประพนั ธเ์ ป็ นโศลกคาถา เพื่อเรื่องนีจ้ ะไดย้ ง่ั ยืนอย่ชู วั กลั ปาวสาน พระ
วาลมีกิรบั เทวโองการแลว้ เขา้ ฌาน จึง่ เล็งเห็นเหตกุ ารณท์ งั้ ปวงแตต่ น้
จนปลาย และประพนั ธไ์ วเ้ ป็ นโศลกคาถาตลอดเรื่อง ครนั้ จบลงแลว้
จงึ่ ไดส้ อนใหพ้ ระกศุ กบั พระลพราชโอรสแฝดแห่งพระราม ซงึ่ ไดม้ า
สาํ นักอยูด่ ว้ ย ณ ที่น้ัน ใหเ้ ลา่ บ่นจนจาํ ไดต้ ลอดทงั้ เรื่องรามายณะ
ผูท้ ี่ไดฟ้ ังก็มีความปี ติยิ่งนัก จนความเลื่องลือไปถึงพระกรรณพระราม
จึง่ ตรสั ใหห้ าเขา้ ไปใหพ้ ระกศุ และพระลพเลา่ เรือ่ งรามายณะนี้ ในขณะ
เมื่อพระองคก์ าํ ลงั ทรงกระทาํ พิธอี ศั วเมธแลว้ เรื่องรามายณะจงึ่ มีผู ้
กาํ หนดจดจาํ ไวไ้ ดม้ น่ั คงตอ่ มาจนกาลบดั นี้
334
สว่ นนามที่กลายจากวาลมีกิเป็ นวชั มฤคีไปนั้น คงจะเป็ นดว้ ยฟัง
ไม่ถนัด จงึ่ เขยี นเดา ๆ ไปเชน่ น้ันเอง
๒. นารท เป็ นเทพฤษี โอรสพระพรหมธาดา เป็ นเทวทูตและ
ชาํ นาญในการดรุ ิยางค ์ เป็ นผูเ้ ริม่ คิดทาํ พิณขนึ้ ในหนังสือวา่ เป็ นตริ
กาลชั ณะ คือผรู ้ อบรใู ้ นกาลทงั้ ๓ กลา่ วคืออดีต ปัจจบุ นั และ
อนาคต อีกนัยหนึ่งเรียกวา่ ตริโลกชั ณะ คือผูร้ จู ้ กั โลกทงั้ ๓ สามารถ
สอดสอ่ งเห็นทว่ั ไปดว้ ยอาํ นาจตะบะ ตามความนิยมมีอยูว่ า่ พระนารท
นีเ้ ป็ นผทู ้ ี่ไดเ้ ลา่ เรื่องรามายณะใหแ้ กพ่ ระวาลมีกิกอ่ น แลว้ พระวาลมีกิ
จึง่ ไดร้ จนาเรือ่ งขนึ้ ตามเทวโองการของพระพรหม
๓. วสิษฐ ์ เป็ นพรหมฤษี ปโุ รหิตประจาํ พระองคท์ า้ วทศรฐใ่ นรา
มายณะ เรียกวา่ โอรสพระพรหม โปรเฟสเสอ้ รมกั ซมุลเลอรกลา่ ววา่
เป็ นหวั หนา้ พวกชผี า้ ขาว (คือแตง่ ขาวลว้ น) กอ่ นที่ไดม้ าเป็ นปโุ รหิต
ทา้ วทศรฐไดเ้ ป็ นปโุ รหิตของพระราชาธบิ ดีในโบราณกาลมาแลว้ หลาย
องค ์ และไดเ้ คยววิ าทกบั พระวศิ วามิตร ์ เพราะแยง่ ที่ปุโรหิตกนั ครง้ั ๑
แตไ่ ม่เกี่ยวแกเ่ รือ่ งรามายณะ พระวสิษฐม์ ีชายานามวา่ อรนุ ธตี
๔. สนตั กุมาร พรหมฤษี เป็ นผทู ้ าํ นายเรือ่ งพระนารายนจ์ ะมา
อวตารในสรุ ิยวงศก์ รงุ อยธุ ยา
335
๕. กสป ฤๅเขยี นตามสงั สกฤตวา่ “กศย๎ ป” เป็ นนัดดาแห่งพระ
พรหมาธริ าช ไดม้ ีบตุ รเป็ นเทวดาหลายองค ์ (ดใู นเรื่องเทวดาตา่ ง ๆ
และเป็ นบิดาพญาครฑุ กบั อรณุ (ดเู รือ่ งพญาครฑุ ) มีพรหมฤษีเป็ นเผา่
พงศส์ ืบมาอีกมาก
๖. วิภาณฑก พรหมฤษี วงศพ์ ระกสป มีชอื่ เสียงในรามายณะ
เพราะเป็ นบิดาพระฤษยศฤงค ์
๗. ฤษย์ ศฤงค ์ (เขยี นตามบาลีวา่ “อิสีสิงค”์ - ยอดฤษี) พรหม
ฤษี โอรสพระวิภาณฑกมุนี ตามพาลกณั ฑแ์ หง่ รามายณะ สมุ นั ตร ์
เป็ นผูเ้ ลา่ เรือ่ งพระฤษยศฤงค ์ ถวายทา้ วทศรฐกอ่ น คือเรื่องฝนแลง้ใน
เมืององั ครฐั และทา้ วโลมบาทไดต้ รสั ใชใ้ หน้ างระบําไปลอ่ ลวงพระฤษย
ศฤงคซ์ งึ่ ไม่เคยพบสตรี จนไดพ้ ระฤษยศฤงคเ์ ขา้ ไปนคร และทา้ วโลม
บาทยกพระธดิ าใหพ้ ระฤษยศฤงค ์ ฝนจึง่ ตกตามประสงค ์ เรื่องตอนนี้
ตรงกบั เรื่องพระกไลยโกฎ ในพระราชนิพนธร์ ามเกียรติเ์ ลม่ ๖ สมุด
ไทย แตข่ องไทยเราเลา่ เป็ นเรื่องราวของพระกไลยโกฏโอรสพระอิสีสิงค ์
ในรามายณะเลา่ เป็ นเรื่องตวั พระอิสีสิงคเ์ อง พระฤษยศฤงคน์ ีท้ า้ วทศรฐ
336
ไดน้ ิมนตเ์ ขา้ ไปชว่ ยทาํ พิธอี ศั วเมธขอใหม้ ีราชโอรส (ซงึ่ เราเรียกวา่ พิธี
กวนขา้ วทิพย)์
อนึ่ง ฤษีกไลยโกฎ ไทยเราวา่ หนา้ เป็ นเนือ้ จึง่ ทํารปู เป็ นเชน่ น้ัน
แตใ่ นรามายณะกลา่ วแตว่ า่ พระฤษยศฤงคเ์ กิดในป่ าและเติบโตขนึ้ ในหมู่
เนือ้ มิไดเ้ ห็นรปู มนุษยใ์ ดนอกจากพระวิภาณฑกมุนีผูบ้ ิดา
เพราะฉะน้ันถา้ จะทําใหถ้ กู เห็นวา่ น่าจะใหค้ รองหนังเนือ้ ซงึ่ ตรงกบั
แผนของฤษีที่อยปู่ ่ า และมีศีรษ์ ะเนือ้ ครอบแทนชฎา
๘. สุยชั นา
๙. วามเทพ
๑๐. ชาวาลี สามตนนีเ้ ป็ นฤษีอยใู่ นแดนศรีอยธุ ยา ทา้ วทศรฐ
ไดน้ ิมนตไ์ ปเขา้ พิธอี ศั วเมธพรอ้ มดว้ ยพระฤษยศฤงคแ์ ละ พระวสิษฐ ์
พระชาวาลีน้ันเป็ นวงศพ์ ระกสป อีก ๒ ตนไม่ปรากฏเผ่าพงศ ์
ในรามเกียรตีข์ องเรา ฤษี ๕ ตนที่เขา้ พิธกี วนขา้ วทิพยน์ ้ัน คือ
พระกไลยโกฎ ๑ พระวสิษฐ ์ ๑ พระสวามิตร ์ ๑ พระวชั อคั คี ๑
พระภารทวาช ๒ (รามเกียรติเ์ ลม่ ๖ สมุดไทย) ไม่ตรงกบั ในหนังสือ
รามายณะ จะผิดไปดว้ ยเหตใุ ดก็เหลือคะเน
337
338
สมุดภาพพระพุทธประวตั ิ
ฉบบั อนุรกั ษภ์ าพเขยี นทางพระพุทธศาสนา
โดย ครูเหม เวชกร ภาพที่ ๔
อสิตดาบสมาเยีย่ ม
เหน็ กุมารประกอบดว้ ยมหาปุ ริสลกั ษณะกถ็ วายบงั คม
ภาพนีเ้ ป็ นตอนภายหลงั พระพุทธเจา้ ประสตู ิแลว้ ใหม่ๆ คือ
ภายหลงั พระพุทธบิดาทราบขา่ ว พระนางมายาประสตู ิพระโอรสระหวา่ ง
ทางที่สวนลมุ พินี แลว้ รบั สี่งใหเ้ สด็จกลบั เมืองแลว้ ผูท้ ี่มุ่นมวยผมเป็ น
ชฎา และมือทงั้ สองประนมแคอ่ กที่เห็นอย่นู ั้นคือ 'อสิตดาบส' หรือบาง
แหง่ เรียกวา่ 'กาฬเทวินดาบส' ทา่ นดาบสผนู ้ ีบ้ วชเป็ นฤาษีอยขู่ า้ งเขา
หิมพานต ์ หรือที่ทุกวนั นีเ้ รียกวา่ เขา หิมาลยั น่ันเอง ท่านเป็ นที่เคารพ
นับถือของพระเจา้ สทุ โธทนะและของราชตระกลู นี้ และเป็ นผคู ้ นุ ้ เคยดว้ ย
เมื่อทา่ นทราบขา่ ววา่ พระเจา้ สทุ โธทนะ ประมุขกษตั ริยก์ รงุ กบิลพสั ดุ ์
ทรงมีพระราชโอรส ใหม่ จงึ ออกจากอาศรมเชงิ เขา เขา้ ไปเยี่ยมเยียน
เพื่อถวายพระพรยงั ราชสาํ นัก พระเจา้ สทุ โธทนะทรง ทราบขา่ ววา่ ท่าน
ดาบสมาเยี่ยม ก็ทรงดีพระพระทยั นักหนา จึงตรสั สง่ั ใหน้ ิมนตท์ า่ นน่ัง
บนอาสนะแลว้ ทรงอมุ ้ พระราชโอรสออกมา เพื่อใหน้ มสั การทา่ นดาบส
พอท่านดาบสไดเ้ ห็นเจา้ ชายสิทธตั ถะ ก็ทาํ กริยาผิดวสิ ยั
สมณะ ๓ อยา่ ง คือ ยิม้ หรือแยม้ หรือที่ภาษากวีในหนังสือปฐม
สมโพธเิ รียกอย่างหนึ่งวา่ หวั เราะแลว้ รอ้ งไห ้ แลว้ กราบแทบพระบาทของ
เจา้ ชายสิทธตั ถะ ท่านยิม้ เพราะเห็นพระลกั ษณะของเจา้ ชายสิทธตั ถะ
ตอ้ งดว้ ยตาํ รบั มหาบุรษุ ลกั ษณ์ ทา่ นเห็นวา่ คนที่มีลกั ษณะอยา่ งนี้ ถา้
อย่างครองเรือนจะไดเ้ ป็ นพระเจา้ จกั รพรรดิผทู ้ รงมีพระบรมเดชานุภาพ
แผ่ไปไกล แตถ่ า้ ไดอ้ อกบวชจะไดเ้ ป็ นพระศาสดาผูม้ ีชอื่ เสียงที่สดุ ใน
โลก ที่ท่านรอ้ งไหก้ ็เพราะเชอื่ แน่วา่ เจา้ ชายราชกมุ ารนี้ จะตอ้ งออกบวช
เพราะเหตทุ ี่เชอื่ อย่างนี้ เลยนึกถึงตวั ท่านเองวา่ เรานี่แกเ่ กินการณเ์ สีย
ไม่มีโอกาสที่จะไดฟ้ ังธรรมจาก
แลว้ เลยเสียใจวา่ มีบุญนอ้ ย
339
พระพุทธเจา้ และที่กราบไหวพ้ ระบาทราชกมุ ารที่เพิ่งประสตู ิใหม่ ก็
เพราะเหตเุ ดียวที่กลา่ วนีฝ้ ่ ายเจา้ นายในราชตระกลู ไดเ้ ห็นและไดท้ ราบ
ขา่ ววา่ ท่านดาบสกราบพระบาทราชกมุ าร ตา่ งก็มีพระทยั นับถือพระ
ราชกมุ ารยิ่งขนึ้ จงึ ทูลถวายโอรสของตนใหเ้ ป็ นบริวารของเจา้ ชาย
สิทธตั ถะ ตระกลู ลองคๆ์ ทกุ ตระกลู
340
สมุดภาพพระพุทธประวตั ิ
ฉบบั อนุรกั ษภ์ าพเขยี นทางพระพุทธศาสนา
โดย ครูเหม เวชกร ภาพที่ ๑๙
เสดจ็ ไปศึกษาลทั ธิฤาษีชปี ่ ากบั อาฬารดาบส
เห็นวา่ มิใชท่ างตรสั รู ้
ในสมยั ที่กลา่ วนี้ แควน้ มคธมีนักบวชที่ตง้ั ตนเป็ นคณาจารย ์
ตา่ งๆ ที่มีชอื่ เสียงมากคณะดว้ ยกนั แตล่ ะคณะตา่ งก็มีศิษยส์ าวกและมี
คนนับถือมาก กรงุ ราชคฤหก์ ็เป็ นที่สญั จรจาริกผา่ นไปมาของเจา้ ลทั ธิ
ตา่ งๆ เพื่อเผยแพรล่ ทั ธขิ องตนใหค้ นเลื่อมใส คณาจารยท์ ี่มีชอื่ เสียง
มากที่สดุ ตอนเจา้ ชายสิทธตั ถะเสด็จออกบวช ซงึ่ อยูใ่ นแควน้ นีม้ ีสอง
คณะดว้ ยกนั คือ คณะอาฬารดาบสกาลามโคตร และคณะอทุ กดาบส
รามบุตร ทงั้ สองคณะนีต้ ง้ั อาศรม สอนศิษยอ์ ยูใ่ นป่ านอกเมือง พระมหา
บรุ ษุ จงึ เสด็จไปยงั ที่นี่ เพื่อทรงศึษาเลา่ เรียนและทดลองดวู า่ จะเป็ นทาง
ตรสั รหู ้ รือไม่ เสด็จไปทรงศึกษาที่สาํ นักแรกกอ่ น ทรงศึกษาจนสิน้
ความรขู ้ องท่านคณาจารยเ์ จา้ สาํ นักแลว้ ทรงเห็นวา่ ยงั มิใชท่ างตรสั รู ้
จงึ เสด็จไปทรงศึกษาในสาํ นักคณาจารยท์ ี่สอง ทรงไดค้ วามรเู ้ พิ่มเติม
ขนึ้ นิดหน่อย แตก่ ็ไดเ้ พียงสมาบตั ิแปด 'สมาบตั ิ' หมายถึง ฌาณ คือ
มีตง้ั แตอ่ ย่างหยาบขนึ้ ไปจนถึงละเอียดที่สดุ
วิธที าํ จติ ใหเ้ ป็ นสมาธิ
ทง้ั หมดมีแปดขน้ั ดว้ ยกนั ทรงเห็นวา่ จิตใจในระดบั นีก้ ็ยงั อยใู่ นชน้ั ของ
โลกีย ์ ปุถชุ นสามารถมีได ้ แตม่ ีแลว้ ยงั เสือ่ มได ้ ยงั ไม่ใชโ่ ลกตุ ตระคือ
ท่านคณาจารยท์ ง้ั สองสาํ นักชวนพระมหาบรุ ษุ ใหอ้ ยู่
ทางหลดุ พน้
ดว้ ยกนั เพื่อชว่ ยสง่ั สอนศิษยส์ าวกตอ่ ไป ทงั้ สองทา่ นสรรเสริญพระ
มหาบุรษุ วา่ ทรงมีความรยู ้ อดเยี่ยมเทียบกบั ตน แตพ่ ระมหาบุรษุ ทรง
ปฏิเสธคาํ เชญิ ชวนน้ันเสีย เมื่อทรงทดลองลทั ธขิ องคณาจารยท์ ี่
มหาชนยกย่องนับถือวา่ มีความรสู ้ งู สดุ แตท่ รงเห็นวา่ มิใชท่ างตรสั รไู ้ ด ้
ดว้ ยพระปรชี าญาณของพระองค ์ พระมหาบรุ ษุ จงึ ทรงดาํ ริจะลองทดลอง
สิ่งที่นักบวช นักพรตจาํ นวนมากสมยั น้ันนิยมปฏิบตั ิกนั วา่ จะเป็ นทาง
ตรสั รหู ้ รือไม่ ทางนั้นก็คือทกุ กรกิริยา ที่หมายถึง การบําเพ็ญเพียรที่
341
เขม้ งวด เกินที่วิสยั สามญั มนุษยจ์ ะทําได ้ ที่คนทว่ั ไปเรียกวา่ ทรมานตน
ใหไ้ ดร้ บั ความ ลาํ บากน่ันเอง
พระไตรปิ ฎก เล่มที่๙ พระสุตตนั ตปิ ฎก เลม่ ที่๑
ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค
“.. ดกู รวาเสฏฐะ ไดย้ ินวา่ พวกฤาษีผเู ้ ป็ นบุรพาจารยข์ อง
พวกพราหมณผ์ ไู ้ ดไ้ ตรวชิ ชา คือ ฤาษีอฏั ฐกะ ฤาษีวามกะ ฤาษี
วามเทวะ ฤาษีเวสสามิตร ฤาษียมตคั คี ฤาษีองั คีรส ฤาษี
ภารทวาชะ ฤาษีวาเสฏฐะ ฤาษีกสั สปะ ฤาษีภคุ ซงึ่ เป็ นผูผ้ กู
มนต ์ บอกมนต ์ ที่ในปัจจบุ นั นีพ้ วกพราหมณ์ ที่ไดไ้ ตรวิชชา ขบั
ตาม กลา่ วตาม ซงึ่ บทมนตเ์ กา่ นีท้ ี่ทา่ นขบั มาแลว้ บอกแลว้ รวบรวม
ไวแ้ ลว้ กลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง บอกไดถ้ กู ตอ้ งตามที่ไดก้ ลา่ วไว ้ บอกไว ้ ผูท้ ี่
กลา่ วอยา่ งนีว้ า่ พวกเรารพู ้ วกเราเห็นพรหมนั้นวา่ พรหมอย่ใู นที่ใด
อยโู่ ดยที่ใด หรืออยู่ในภพใด ดงั นี้ มีอยู่หรือ ? พราหมณผ์ ไู ้ ดไ้ ตร
วชิ ชาเหลา่ น้ัน กลา่ วอย่างนีว้ า่ พวกเราไม่รู ้ พวกเราไม่เห็น แตพ่ วก
เรา แสดงหนทางเพื่อความเป็ นสหายแหง่ พรหมนั้นวา่ หนทางนีแ้ หละ
เป็ นมรรคาตรง เป็ นทางตรง เป็ นทางนําออก นําผดู ้ าํ เนินไปตามทาง
นั้นใหเ้ ป็ นสหายแห่งพรหมได.้ .”
342
พระไตรปิ ฎก เล่มที่๙ พระสุตตนั ตปิ ฎกเลม่ ที่ ๑
ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค (บุรพฤาษี)
“.. ดกู รอมั พฏั ฐะ เธอก็เชน่ นั้นเหมือนกนั บรรดาฤาษีผเู ้ ป็ น
บรุ พาจารยข์ องพวกพราหมณค์ ือ ฤาษีอฏั ฐกะ ฤาษีวามกะ ฤาษี
วามเทวะ ฤาษีเวสสามิตร ฤาษียมตคั คี ฤาษีองั คีรส ฤาษีภาร
ทวาชะ ฤาษีวาเสฏฐะ ฤาษีกสั สปะ ฤาษีภคุ ซงึ่ เป็ นผูผ้ กู มนต ์
บอกมนต ์ ในปัจจบุ นั นี้ พวกพราหมณข์ บั ตาม กลา่ วตาม ซงึ่ บท
มนตข์ องเกา่ นีท้ ี่ทา่ นขบั แลว้ บอกแลว้ รวบรวมไวแ้ ลว้ กลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง
บอกไดถ้ กู ตอ้ ง ตามที่ท่านกลา่ วไว ้ บอกไว ้ เพียงคิดวา่ เรากบั อาจารย ์
เรียนมนต ์ ของทา่ นเหลา่ นั้น เธอจกั เป็ นฤาษีหรือปฏบิ ตั ิเพื่อเป็ นฤาษี
ได ้ ดงั นี้ น้ันไม่เป็ นฐานะที่จะมีได.้
ดกู รอมั พฏั ฐะ เธอจะสาํ คญั ความขอ้ นั้นเป็ นไฉน เธอไดฟ้ ัง
พราหมณผ์ เู้ ฒ่าผแู ้ ก่ ผเู ้ ป็ นอาจารยแ์ ละเป็ นปาจารยเ์ ลา่ กนั มาวา่
อย่างไร บรรดาฤาษีผเู ้ ป็ นบรุ พาจารยข์ องพวกพราหมณค์ ือ ฤาษี
อฏั ฐะ ฤาษีวามกะ ฤาษีวามเทวะ ฤาษีเวสสามิตร ฤาษี
ยมตคั คี ฤาษีองั คีรส ฤาษีภารทวาชะ ฤาษีวาเสฏฐะ
ฤาษีกสั สปะ ฤาษีภคุ ซงึ่ เป็ นผูผ้ ูกมนต ์ บอกมนต ์ ในปัจจบุ นั นี้
พวกพราหมณ์ ขบั ตาม กลา่ วตาม ซงึ่ บทมนตข์ องเกา่ นีท้ ี่ทา่ นขบั
แลว้ บอกแลว้ รวบรวมไวแ้ ลว้ กลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง บอกไดถ้ กู ตอ้ ง
ตามที่ท่านกลา่ วไว ้ บอกไว ้ ฤาษีเหลา่ นั้นอาบนํา้ ทาตวั เรียบรอ้ ย แตง่
ผม แตง่ หนวด สวมพวงดอกไมแ้ ละเครือ่ งอาภรณ์ นุ่งผา้ ขาว อิม่ เอิบ
พรง่ั พรอ้ ม บาํ เรออย่ดู ว้ ยกามคณุ หา้ เหมือนเธอกบั อาจารยใ์ นบดั นี้
หรือไม่? ..”
343
คาบชู าพระภรตฤาษี
ตง้ั นะโมฯ ๓ จบ
โอม นะโม พระภะระตายะ
นะโมนะมะ คนั ธะมาลา
สทิ ธาหะนัม กะพะมะนะ
สมั มาอะระหัง วันทามิ
สมั มาอะระหัง วนั ทามิ
สมั มาอะระหัง วนั ทามิ
344
ฤๅษีในรามเกียรติ ์
อจนคาวี (ราม.)ฤๅษีสรา้ งกรงุ อโยธยา 4 ตน
ยุทธอกั ขระ (ราม.)ฤๅษีสรา้ งกรงุ อโยธยา 4 ตน
ทะหะ (ราม.)ฤๅษีสรา้ งกรงุ อโยธยา 4 ตน
ยาคะ (ราม.)ฤๅษีสรา้ งกรงุ อโยธยา 4 ตน
สุทรรศน์ หรือ สุทศั ฤๅษีที่พระรามเดินดงครง้ั แรก 4 ตน
สไุ ข หรือ ศกุ ไขดาบสินี ฤๅษีที่พระรามเดินดงครงั้ แรก 4 ตน
องั คตะ หรือ อรรคต ฤๅษีที่พระรามเดินดงครง้ั แรก 4 ตน
สรภงั ค ์ ฤๅษีที่พระรามเดินดงครงั้ แรก 4 ตน
โรมสิงห ์ หรือมหาโรมสิง ฤๅษีที่ชบุ นางมณโฑ 4 ตน
หะ
วตนั ตะ หรือ อตนั ตา ฤๅษีที่ชบุ นางมณโฑ 4 ตน
วชริ ฤๅษีที่ชบุ นางมณโฑ 4 ตน
วิสุทธิ, วิสุทสั สี, วิสูต,หรือ ฤๅษีที่ชบุ นางมณโฑ 4 ตน
วิสุทธสี
โคดม หรือ โคตะมะ ฤๅษีที่ชบุ นางกาลอจั นา 1 ตน
หรือ พระฤๅษีโคดม
สุธามนั ตนั ฤๅษีที่อยแู่ ดนมิถิลา 1 ตน
องั คต ฤๅษีที่อยู่แดนขดี ขนิ 1 ตน
นารท หรือ นารอท อยู่ ฤๅษีที่อย่แู ดนเมืองลงกา 3 ตน
ที่เขาโอรส
โคบุตร อยู่ทีเ่ ขานินกา ฤๅษีที่อยู่แดนเมืองลงกา 3 ตน
ลา
กาล ฤๅษีที่อยูแ่ ดนเมืองลงกา 3 ตน
กไลโกฎ ( หน้าเนื้อ ) ฤๅษีหุงขา้ วทิพยใ์ นกรงุ อโยธยา 5 ตน
345
ภารทั วาช หรือ ภาร ฤๅษีหงุ ขา้ วทิพยใ์ นกรงุ อโยธยา 5 ตน
ทวาช
วชั อคั คี ฤๅษีหุงขา้ วทิพยใ์ นกรงุ อโยธยา 5 ตน
วสิษฐ ์ ฤๅษีหงุ ขา้ วทิพยใ์ นกรงุ อโยธยา 5 ตน
สวามิตร ฤๅษีหงุ ขา้ วทิพยใ์ นกรงุ อโยธยา 5 ตน
สุเมธ ฤๅษีที่อยู่เขาตรีกฏู 3 ตน
อมรเรศ หรือ อมเรศ ฤๅษีที่อย่เู ขาตรีกฏู 3 ตน
ปรเมศ ฤๅษีที่อยู่เขาตรีกฏู 3 ตน
ทิศไพ ฤๅษีที่อยู่เชงิ เขามรกต 1 ตน
คาวิน ฤๅษีที่อยู่เชงิ เขาไกรลาศ 2 ตน
สุขวฒั น ฤๅษีที่อยเู่ ชงิ เขาไกรลาศ 2 ตน
โควินท ์ ฤๅษีที่อยแู่ ดนไกษเกษ 1 ตน
วชั มฤค ฤๅษีที่อยปู่ ่ ากาลวาต 1 ตน
นารท ฤๅษีที่หนุมานพบเมื่อคราวไปถวาย
แหวนนางสีดา 2 ตน
ชฎิล ฤๅษีที่หนุมานพบเมื่อคราวไปถวาย
ทุรวาส แหวนนางสีดา 2 ต
สุธรรม เมือ่ ครง้ั ไปลกั นาง ฤๅษีที่อวตาร 1 ตน
สีดาที่ริมโคทาวารี ฤๅษีทศกณั ฐแ์ ปลง
สิทธิโคดม เมื่อครงั้ ไปหา
พระรามที่คา่ ย ฤๅษีทศกณั ฐแ์ ปลง
346
ฤๅษีในพระเป็ นเจา้ ของพราหมณ[์ ร.๖]
วาลมีกิ เรียกในรามเกียรติว์ า่ วชั มฤคี
นารท
วสิษฐ ์ เป็ นเทพฤษีโอรสพระพรหมธาดา
เป็ นพรหมฤษี ปุโรหิตประจาํ พระองค ์
สนตั กุมาร ทา้ วทศรฐ่
พรหมฤษี เป็ นผูท้ ํานายเรือ่ งพระนา
กสป
รายนอ์ วตาร
วิภาณฑก ฤๅเขยี นตามสงั สกฤตวา่ “กศย๎ ป”
ฤษย์ ศฤงค ์ เป็ นนัดดาแหง่ พระพรหมาธริ าช
พรหมฤษี วงศพ์ ระกสป
สุยชั นา
วามเทพ หรือ อิสีสิงค พรหมฤษี โอรสพระวิ
ชาวาลี ภาณฑกมุนี
สามตนนีเ้ ป็ นฤษีอยใู่ นแดนศรีอยธุ ยา
ทา้ วทศรฐไดน้ ิมนตไ์ ปเขา้ พิธอี ศั วเมธ
พรอ้ มดว้ ยพระฤษยศฤงค ์
ฤๅษีในพทุ ธประวตั ิ
ฤาษีอฏั ฐกะ พระไตรปิ ฎก เลม่ ที่ ๙
ฤาษีวามกะ พระสตุ ตนั ตปิ ฎก เลม่ ที่๑
ฤาษีวามเทวะ ทีฆนิกาย สีลขนั ธวรรค
ฤาษีเวสสามิตร
ฤาษียมตคั คี
ฤาษีองั คีรส
ฤาษีภารทวาชะ
ฤาษีวาเสฏฐะ
ฤาษีกสั สปะ
ฤาษีภคุ
347
อสิตดาบส หรือกาฬเท ฤาษีอยขู่ า้ งเขาหิมพานต ์
วินดาบส
อาฬารดาบสกาลามโคตร
อทุ กดาบสรามบุตร
ฤๅษีในตานานฮินดู
ตานานฮินดู พระประชาบดี (เทวฤษีที่เป็ นพระ
๑. มรีจิ ผสู ้ รา้ ง) 10 ตน
๒. อตั ริ
๓. องั คีรส หรือฤาษีพฤหสั
๔. ปุลสั ยตะ
๕. ปลุ หะ
๖. กรตุ
๗. วสิษฐ
๘. ประเจตสั หรือ ทกั ษะ
๙. ภฤคุ
๑๐. นารท
ฤๅษีชน้ั พรหม
พรหมเมศร ์
พรหมมา
พรหมมุนี
พรหมนารถ
พรหมวาลมีกิ
ภาริทวาช
เคาตม หรือโคดม
348
กศั ยป
วสิ วามิตร
พรหมบุตร
พรหมประทาน
พรหมปรเมศฎ ์
พรหมประสิทธิ ์
พรหมนิ มิตร
วิสิษฐ ์ (วสิษฐ)
พรหมมินทร ์
พรหมโลก
พรหมโลกา
พรหมจกั ร
อคสั ตยะ
กาลสิทธิ
พรหมจลุ ี
พระอาฬารดาบสกาลาม
โคตร
เศรษฐบุตร (ในรามเกียรติ ์
เรียกวา่ พระฤษีโคบตุ ร)
สนัตกมุ าร
วิภาณฑก
สตั ยพรหม
พรหมเกา้ หนา้
พระฤษีชน้ั พรหม
กศั ยป
กาลสิทธิ
เคาตม (ไทยเรียกโคดม)
349
พรหมเกา้ หนา้
พรหมจกั ร
พรหมจลุ ี
พรหมนารถ
พรหมนิ มิตร
พรหมบุตร
พรหมปรเมศฎ ์
พรหมประทาน
พรหมประสิทธิ ์
พรหมมา
พรหมมินทร ์
พรหมมุนี
พรหมเมศร ์
พรหมโลก
พรหมโลกา
พรหมวาลมีกิ
ภาริทวาช
วภิ าณฑก
วิสวามิตร
วิสิษฐ ์ (วสิษฐ)
เศรษฐบุตร (ในรามเกียรติเ์ รียกวา่ พระฤษีโค
บตุ ร)
สนัตกมุ าร
สตั ยพรหม
อคสั ตยะ
อาฬารดาบสกาลามโคตร
350
พระฤาษีชน้ั เทพ
กบิลฤาษี (พระฤาษีตาไฟ)
กษยศฤงคท์ หรือพระฤษีหนา้ เนือ้ ..(อิสีสิงค)์
กษิโรธ, พระฤาษี
คิชฌกฎู , พระฤาษี
จตทุ ิพยเนตร, พระฤาษี
ตาทิพย,์ พระฤาษี
ทุรวาส, พระฤาษี
เทวราตมุนี, พระฤาษี
นารอด, พระฤาษี
นารายณ,์ พระฤาษี
นาเรศร,์ พระฤาษี
บรมโกฏ,ิ พระฤาษี
ปรเมศ, พระฤาษี
ประตาภา(หนา้ กวาง) , พระฤาษี
ประลยั โกฏิ, พระฤาษี
ประไลยโกฏ,ิ พระฤาษี
ปัญจสิขร, พระ (หรือพระประคนธรรพ) บางที
เรียกวา่ พระประโคนทพั )
ปัญญาสด, พระฤาษี
ป่ เู จา้ สมิงพราย
พระพุธเทวฤษี
พิฆเนศ
เพชรฉลกู ณั ฑ ์
โพธสิ ตั ว ์
ภรตมุนี มหาฤษี
โลมศ(ไทยเรียกราเมศ)
สิงขรณ์
351
สิงหล
หนา้ เนือ้
หนา้ แพะ(พระทกั ษะประชาบดี)
หนา้ ววั (พระโคนนทิ)
หนา้ เสือ (กาลสิทธ)ิ ์
หนา้ เสือ (ทา้ วหิมวตั )
อคสั ตยะ หรืออคสั ติ
อสิต
องั คต
องั คีรส (ฤาษีพฤหสั )
อษั ฎง
อิศวร
อตุ ริ(หนา้ ลิง)
อศุ นัศ (พระศกุ ร)์
พระฤษีชน้ั มนุษย(์ ชน้ั ดิน)
กสิรมุนี
โกมุท
โกเมท
โกเมน
ไกรสรณ์
คงทน
ครรคยมุนี
คาวินท ์
โคดม
โคบตุ ร
352
โควินท ์
โคศก
ชนกจกั รวรรดิ
ชลหุ
ชาวาลี
ไชมินี
ตาววั
ตลุ สิทาส
ไตรภพ
ทธวิ ามุนี
ทะหะ
ธนั วนั ตรี
นาไลย
นาวนั
บรมโกฏิ
บพั พะตงั
บุพเทวา
บพุ พรต
ประทิศไพ
พยาธิประลยั
พระดาบสสินี ฤษีหนา้ กวาง(สีดา)
พุทธชฎิล
ไพรวนั
ภรทั วาชะ
มกนั ติมุนี
มหิทธกิ รรม
มาฆะ
มารกณั เฑยะ
353
มุรทาธร
มุสิกมุนี
ยาคะ
ยทุ ธอกั ขระ
โยฮนั หรือ นักบญุ เซน็ ตจ์ อหน์
รามเทพมุนี
โรมสิงห ์
ฤษีสเุ มธ
ลกู ประคาํ
วชริ ะ
วชริ ามุนี
วตนั ตะ
วยาสมุนี
วาปุระมุนี
วาโปนะมุนี
วมิ ุติ
วิสทุ ธิ
ศรภงั ค ์
ศิลาท
สมมิตร
สมิทธิ
สชั ชนาลยั
สตั ตบตุ ร
สตั บงกช
สตั บนั
สตั ยพรต
สมั ริด
สิงขะ
354
สิงคาน
สิทธดิ าบศ
สกุ ทนั ต ์ หรือพระฤษีฟันขาว
สขุ วฒั น์
สตุ ะ
สรุ นิ ทระ
หลีเจง๋
อจนคาวี
อมรประสิทธิ ์
อรรคต
อะแหม่
อลั ลกปั ปกะ
อาเตรยะ
อาเยมนั ตะระ
อินทรปัต
อธุ า
อศุ พั เนตร
พระฤษีชน้ั อสูร
ท่านทา้ วคีรีเนศร ์
ท่านทา้ วเวสสวุ ณั
ท่านทา้ วหสั กณั ฑ ์
ทา่ นทา้ วหิรญั พนาสรู
355
ทา้ วพลีหิรญั ยกั ษ ์
พระฤษีพิรอด
พระฤษีพิลาภ
วาณุราช
วาหโุ ลม
อนันตยกั ษ ์
อา้ งอิงหลกั จาก
ตาํ นานพระฤษีของ อาจารย ์ ว. จีนประดิษฐ ์
356