The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมแผนการจัดการเรียนรู้โควิดศึกษา 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รวมแผนการจัดการเรียนรู้โควิดศึกษา 6

รวมแผนการจัดการเรียนรู้โควิดศึกษา 6

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ๙๗

แผนการจดั การเรียนรู้

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 การแพรก่ ระจายและการป้องกนั การตดิ เชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 เรื่อง การปอ้ งกนั การแพรเ่ ชอ้ื และการตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา 3 ชวั่ โมง

๑. ผลการเรยี นรู้
1) นักเรียนเข้าใจเร่ืองการปอู งกันการแพร่ระบาดของโรคในชวี ิตประจําวนั
2) นักเรียนอธบิ ายและแนะนาํ วธิ ีการดูแลตนเองเพ่ือปูองกนั การแพรร่ ะบาดของโรคให้กับคนอ่ืนๆ ได้
3) นักเรียนใหค้ วามหมาย การเว้นระยะหา่ งทางกายภาพ (Physical Distancing) หรือการรักษาระยะห่างทาง

สังคม (Social Distancing) ที่ชว่ ยลดการแพร่เชื้อได้
4) นักเรียนมพี ฤติกรรมท่ีหลกี เล่ียงการสมั ผัสใกลช้ ิดกนั โดยไมจ่ ําเป็น และเว้นระยะห่างระหว่างผู้คน ในช่วงที่มี

โรคระบาด เพ่ือช่วยลดการแพร่เช้ือ
5) นักเรียนแสดงความพร้อมในการปรบั ตวั และจดั ตารางชีวติ และคุ้นเคยกับ New Normal ภายหลัง

สถานการณโ์ ควิด-19 ได้
6) นักเรียนสามารถฟ้ืนฟูสภาพจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งอีกครงั้ กรณีทไี่ ด้รับผลกระทบ

2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนอธิบายและแนะนําวธิ ีการดูแลตนเองเพ่ือปูองกันการแพร่ระบาดของโรคใหก้ ับคนอนื่ ๆ ได้
2) นกั เรียนให้ความหมาย การเวน้ ระยะหา่ งทางกายภาพ (Physical Distancing) หรือการรกั ษาระยะห่างทาง

สงั คม (Social Distancing) ทชี่ ่วยลดการแพร่เชื้อได้
ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P)
3) ปฏิบตั ติ ามใบกิจกรรมเรอ่ื งการปูองกันการแพรเ่ ชอ้ื และการติดเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

แบบรวมพลังดว้ ยความรบั ผิดชอบได้
4) สร้าง(ชนิ้ งาน) การปูองกนั การแพรเ่ ชือ้ และการตดิ เชือ้ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเผยแพร่ได้
ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
5) เปน็ ผู้มีความรบั ผิดชอบตอ่ ตนเองและงานกลมุ่
6) มีเจตคติท่ดี ีต่อการเรยี นรู้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ความรู้ (K)
1) การปูองกนั ตนเองควร หลีกเลี่ยงการสัมผสั ใกลช้ ิดผูม้ ีอาการปวุ ย รักษาระยะห่างอยา่ งน้อย 1 เมตร

หลกี เลี่ยงการสัมผัสบรเิ วณตา จมกู และปาก โดยไม่ได้ลา้ งมือ ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยนํ้าและสบู่ หรอื นาํ้ ยา
แอลกอฮอลล์ ้างมือ 70% หากมไี ข้ ไอ หายใจลาํ บาก ให้ไปพบแพทย์ทนั ที และแจง้ ประวัตกิ ารเดินทาง

3.2 ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
1) ความสามารถในการสอื่ สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทาํ ใบงาน
๒) ความสามารถในการคิด

สาํ นกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 ๙๘

3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A)
๑) ซื่อสัตย์สุจรติ
๒) มีวินัย
๓) ใฝุเรยี นรู้
4) อย่อู ยา่ งพอเพียง
5) มุง่ มั่นในการทํางาน
6) มจี ิตสาธารณะ

4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1) ความสามารถในการสอื่ สาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ข้ันที่ ๑ การเรียนรตู้ ้ังคาถาม (learning to Question)
1) เสนอสิง่ เรา้ แล้วใหน้ ักเรียนสงั เกตเพื่อสงสยั
1.1 นักเรียนแสดงทา่ ออกกําลังกาย โดยให้แตล่ ะคนยืนหา่ งจากเพื่อนประมาณ 1 เมตร แกวง่ แขน

เหมือนนกกาํ ลงั กางปีกบิน แล้วกางแขนใหส้ ุดและขยบั ตัวหา่ งกนั เกนิ กวา่ ท่ีแขนจะแตะกนั ได้ ชวนทําทา่ ออกกําลัง
กายต่างๆ สัน้ ๆ หรือเล่นเกมจับคู่แบบใหมท่ ่ีต้องยนื ห่างกนั 1-2 เมตร เชน่ เปุายิงฉบุ ร้องเพลงสวัสดี

1.2 ครูอธิบายวา่ การเว้นระยะหา่ งทางกายภาพแบบน้ี ทาํ ให้เชื้อโรคไมส่ ามารถแพร่กระจายไปสู่อีกคน
หนง่ึ ได้

1.3 นักเรียนแบง่ เป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน สมมุติให้สมาชิกในกลุม่ เปน็ ครอบครัวเดียวกนั และแบ่ง
กันวา่ ใครจะเป็นสมาชิกคนไหนในครอบครวั (แต่ละครอบครวั ไมจ่ าํ เป็นตอ้ งมีจํานวนสมาชิกเทา่ กนั ) และเลือก
สถานท่ที ี่จะเป็น “บ้าน” ของครอบครัวตัวเอง

1.4 ครูสมมตุ ิเร่ืองราวของชุมชนหน่งึ และเหตุการณ์ทีเ่ กิดข้ึนระหว่างการแพรร่ ะบาดของโควิด-19
1.5 นักเรยี นออกมาเดนิ ปะปนนอกบา้ น ตามเรื่องราว และเงื่อนไขที่ครูเลา่ เป็นรอบๆ

รอบที่หนึ่ง ทุกคนออกจากบ้าน พ่อแมไ่ ปทาํ งาน ลูกไปโรงเรียน คุณยายไปตลาด
รอบที่สอง สมาชิกคนหน่ึงของบา้ นออกไปทาํ งาน แวะกินขา้ วกับเพ่ือนร่วมงานก่อนกลบั บา้ น
รอบที่สาม พ่อแมท่ ํางานท่ีบา้ น ลูกๆ ไมไ่ ดไ้ ปโรงเรยี น ตอนเย็นสมาชิกคนหนึ่งออกไปซื้อของที่
จาํ เป็นสําหรบั ครอบครวั
รอบท่ีสี่ พ่อแม่ทํางานทบี่ า้ น ลูกๆ ไม่ไดไ้ ปโรงเรียน แต่ออกไปเล่นกบั เพ่ือนๆ ที่บา้ นเพื่อน
รอบที่ห้า ทุกคนอยู่บ้าน เลน่ กันในบ้าน ทักทายเพื่อนๆ ผ่านการโบกมือจากบา้ นในระยะไกล
1.6 นักเรียนร่วมกันวิเคราะหว์ า่ ในแต่ละรอบ จาํ นวนคนท่อี อกมาพบปะ ติดต่อ ใกล้ชิดกนั มากน้อย
ตา่ งกันหรือไม่ เพราะเหตุใด และมีผลต่อความเสี่ยงในการรับเชื้อไวรสั มากขน้ึ หรือน้อยลง โดยมคี รชู ่วยตั้งคําถาม
1.7 นักเรียนรว่ มกันสรุปวา่ ในชว่ งที่เกิดโรคระบาด เราควรรักษาระยะหา่ งทางกายภาพอยา่ งน้อย 1-2
เมตร เพ่ือไม่ให้เช้ือโรคแพร่กระจาย และการอยูท่ ี่บา้ นเป็นการรักษาระยะห่างทางสงั คมเพื่อปูองกนั การแพร่กระจาย
ของเชื้อโรค
2) นักเรียนดูคลปิ วิดีโอ เกีย่ วกับการปรับเปลี่ยนการปฏิบัตติ นการใช้ชีวิตวิถีใหม่ New Normal จากยูทูป
3) นักเรยี นและครูรว่ มกันสนทนาพดู คยุ เกีย่ วกับการเปลย่ี นพฤติกรรมการใชช้ ีวิตแบบใหม่จากคลิปวิดโี อที่ดู

สํานกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ๙๙

4) นักเรยี นและครูรว่ มกนั สนทนาพูดคุยถงึ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชน่
ด้านเศรษฐกิจคนตกงาน ไมไ่ ด้ทาํ งาน ขาดรายได้ ไม่มีอาหารเพยี งพอ ห้างสรรพสนิ ค้า รา้ นอาหาร สถาน
บันเทิงต้องปิดทําการ
ด้านสังคม ทุกคนต้องเวน้ ระยะห่างกนั การเดนิ ทางมีข้อจาํ กัด ต้องมีการตรวจ คัดกรองในการเดินทาง เกิด
ความเครียด
ดา้ นการศึกษา โรงเรียนไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ต้องมกี ารเรยี นออนไลน์แทน
ชวนคุยชวนถาม
• หากมีคนหนึ่งในชุมชนนี้ทไี่ ด้รับเช้ือไวรัส ความเส่ียงในการสัมผัสใกล้ชิดและแพร่เชื้อซึ่งกันและกันเป็น
อยา่ งไร
• มีใครรจู้ ักคําวา่ “การรกั ษาระยะห่างทางสังคม” หรือ “การเว้นระยะห่างทางกายภาพ” บ้าง
• ในชว่ งที่มโี รคระบาด เราได้เจอใครน้อยลงหรือไม่ เพราะอะไร มีใครท่ีเราได้เจอบ่อยข้ึนหรือไม่
(เชน่ คุยทางโทรศัพท์แทนการเจอหน้า)
• ขณะท่ีเกิดโรคระบาด เราควรน่ังแบบไหน และปฏบิ ัติอยา่ งไรเวลากนิ ขา้ ว เราควรทาํ อยา่ งไรเวลาไปซ้ือ
ของท่ีร้าน
• ใครพบเหน็ มาตรการทช่ี ่วยรักษาระยะห่างทางกายภาพแบบไหนบา้ ง (เชน่ การมปี ูายติดบนเก้าอี้
ในหนว่ ยงานบริการประชาชนต่างๆ เพ่ือใหน้ ั่งห่างกัน 2-3 ตัว การทําช่องยืนในลิฟต์ของอาคารต่างๆ
การยืนคยุ กนั ห่างๆ)
• การอยู่บ้านและไม่ออกนอกบา้ นถา้ ไม่มีเหตุจาํ เปน็ ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค
ไดอ้ ย่างไร
• การอยู่เปน็ กลุ่ม/เดี่ยวมีผลต่อความไวของการแพร่เชื้ออย่างไร
• หากเปรียบเทียบกับชีวิตจรงิ เช้ือแพร่กระจายขา้ มประเทศไดอ้ ย่างไร
• จะทําอยา่ งไรใหท้ ่ัวโลกรู้ว่าตอนนี้ที่มีผตู้ ิดเชื้อทไ่ี หนบ้างและเป็นจาํ นวนเทา่ ไหร่
• เราจะปูองกนั การแพร่เชื้อได้อยา่ งไรบา้ ง
• ทําไมต้องคัดกรองคนท่ีเดินทางเข้าประเทศ
• มีปจั จยั อะไรบา้ งที่ทาํ ให้เช้ือไวรัสสามารถระบาดไปท่ัวโลกได้อย่างรวดเรว็ (เช่น มกี ารเดินทางข้ามประเทศ
โดยเคร่ืองบินอย่างแพร่หลาย คนอาศยั อยูใ่ นเขตเมืองท่ีแออัดมากข้ึน)
ขน้ั ที่ ๒ การเรียนร้แู สวงหาสารสนเทศ (Learning to Search)
1) ใหก้ ลมุ่ ปฏิบตั งิ านตามใบกิจกรรมช่อื การปูองกนั การแพรเ่ ชอื้ และการติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) แบบรวมพลงั ด้วย ความรับผิดชอบ
2) จากนน้ั ให้วิเคราะห์ข้อมูลแลว้ นาํ เสนอดว้ ยผังกราฟิกที่ เหมาะสม

Q: ไวรสั โคโรนาสายพนั ธุ์ใหม่ 2019 สามารถแพรก่ ระจายเชอ้ื ไดอ้ ยา่ งไร?
A: ไวรัสชนดิ น้มี ีความเปน็ ไปได้ทม่ี ีสัตวเ์ ป็นแหล่งรงั โรค ส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผู้ตดิ เชือ้
ผา่ นทางละอองเสมหะจากการไอ จาม นาํ้ มกู น้าํ ลาย ปัจจุบันยงั ไม่มีหลักฐานสนับสนนุ การแพรก่ ระจาย
เชอ้ื ผ่านทางการพื้นผิวสัมผสั ทีม่ ีไวรัสแลว้ มาสัมผสั ปาก จมูกและตา สามารถแพร่เช้อื ผ่านทาง
Fexo-oral route ได้ดว้ ย

สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดับช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ๑๐๐

Q: การป้องกนั ตนเองประชาชนทัว่ ไปควรป้องกันตนเองอย่างไร?
A: หลีกเล่ยี งการสมั ผัสใกล้ชดิ ผ้มู ีอาการปุวย รกั ษาระยะห่างอยา่ งน้อย 1 เมตร หลกี เลยี่ งการสัมผสั
บรเิ วณตา จมกู และปาก โดยไม่ได้ล้างมือ ควรล้างมือบ่อยๆ ดว้ ยนาํ้ และสบู่ หรอื นํา้ ยาแอลกอฮอลล์ า้ งมือ
70% หากมไี ข้ ไอ หายใจลาํ บาก ให้ไปพบแพทย์ทนั ที และแจง้ ประวัติการเดนิ ทาง

Q: เมอ่ื ทา่ นมอี าการป่วยทา่ นควรปอ้ งกนั การแพรก่ ระจายเชอ้ื สูผ่ ู้อ่ืนอยา่ งไร?
A: ควรพกั อยู่ท่ีบ้าน ปิดปากและจมูกดว้ ยทชิ ชูทุกครงั้ ที่ไอหรือจาม และทง้ิ ลงถังขยะ ทาํ ความสะอาดและ
ทาํ ลายเชอื้ ตามวัสดุสง่ิ ของ และผวิ สมั ผัสตา่ งๆ

Q: หากสงสัยว่ามีอาการป่วยจากไวรสั โคโรนาสายพนั ธ์ใุ หม่ 2019 ควรทาอยา่ งไร?
A: ผปู้ วุ ยสงสัยโรคติดเชอ้ื ไวรสั โคโรนาสายพันธใุ์ หม่ 2019 จะมอี าการไข้ รว่ มกับ อาการทางเดินหายใจ
เช่น ไอจาม มนี ้ํามกู เหน่ือยหอบ และมีประวัตเิ ดินทางไปยังประเทศจีน ภายใน 14 วนั กอ่ นเริม่ มอี าการ
หากมอี าการและประวตั เิ ดินทางดงั กล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ พรอ้ มแจ้งประวัติการเดนิ ทางเพ่ือรับการ
ตรวจวินิจฉยั และรกั ษาต่อไป

Q: ชนิดของหนา้ กากอนามัยทส่ี ามารถป้องกนั โรคติดเชื้อไวรสั โคโรนาได้
A: 1) บคุ คลทไี่ ม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ไมจ่ าํ เปน็ ต้องสวมหนา้ กากอนามัย (Surgical Mask
เนือ่ งจากไม่มีหลกั ฐานแสดงถึงการปอู งกนั บุคคลท่ีไม่ปวุ ย อยา่ งไรกต็ ามอาจสวมใส่หน้ากากอนามัย ใน
ประเทศท่มี ีความเสยี่ ง หรือเมื่ออยูใ่ นทีช่ ุมชนท่มี ีคนจํานวนมากเพอ่ื ปูองกันตวั เอง
2) บคุ คลท่ีมีอาการระบบทางเดินหายใจควรสวมหนา้ กากอนามัย (Surgical Mask) และไปพบแพทย์
หากมีไข้ ไอ และหายใจลําบาก

Q: การทาความสะอาดท่ีพัก
A: ควรมีการทําความสะอาดสถานที่ อปุ กรณ์ เคร่ืองใชท้ ี่มผี ู้สัมผสั จาํ นวนมาก เชน่ ลกู บิดประตู ราวบนั ได
โตะ๊ อาหาร ผา้ ห่ม ผา้ ปูเตียง เครื่องครัว จาน ชาม ช้อน ซอ้ ม แกว้ น้าํ ด้วยนํ้ายาทําความสะอาดหรือเชด็
ด้วยแอลกอฮอล์ 70% อยา่ งน้อยวนั ละ 1-2 คร้ัง

ขั้นท่ี ๓ การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct)
1) แต่ละกล่มุ นําเสนอผลการวเิ คราะห์ จากน้นั ครูอภิปราย ด้วยคาํ ถามสู่การสรุป
การปฏบิ ตั ิตนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ควรทําอยา่ งไร
- การเว้นระยะห่างทางสงั คมอย่างน้อย 1 เมตร
- การไอหรือจามลงบนข้อพับแขนของเรา
- การล้างมือบ่อยๆ ดว้ ยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างถกู วธิ ี
- การสวมหนา้ กากอนามัยทุกคร้ังเม่ือออกนอกบ้าน
- การรบั ประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรงุ สุกใหม่ กนิ ร้อน ช้อนตนเอง ลา้ งมือ

สํานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ๑๐๑

- ออกกาํ ลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลกี เล่ียงการไปอยู่ในที่แออัดหรือท่ีมีคนอยู่รวมกันเยอะๆ
- ใช้ของส่วนตัวไม่ใช้ของส่วนรวม
- การอยู่ท่บี า้ น เพื่อปูองกันการแพรร่ ะบาดและการตดิ เชื้อ (อยบู่ ้านหยดุ เชื้อเพ่ือชาต)ิ
2) กล่มุ แตล่ ะกลุม่ สรุปความรู้ แลว้ มกี ารนําสรปุ มาแลกเปลีย่ น กนั จนกลุ่มสามารถสรุป หรือสรา้ ง
ความรู้ได้สอดคล้องกับ มโนทัศน์ท่ีครูกําหนด
ครสู ามารถอธิบายเพ่ิมเติมได้วา่
การเว้นระยะหา่ งทางกายภาพ (Physical Distancing) หรือการรกั ษาระยะห่างทางสงั คม (Social
Distancing) จะสามารถลดความเส่ยี งในการแพร่กระจายเช้ือ ชะลอการระบาดของโรค ลดจํานวนคนปวุ ยและ
ผู้เสียชีวิต มีเวลาในการคัดกรอง ดูแลผูป้ วุ ย คิดค้นยารักษาและเตรียมพร้อมในการรับมือกับไวรัส โดยการรักษา
ระยะห่างทางสังคมหรือการเวน้ ระยะห่างทางกายภาพสามารถทาํ ไดต้ ง้ั แตร่ ะดับบุคคล จนไปถึงระดับองคก์ รหรือ
สังคม
3) นักเรียนและครูร่วมกันสรุปถงึ วิธีการปฏิบตั ิตนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
เน่ืองจากโรคโควดิ -19 ติดต่อกันได้จากการสัมผัสฝอยละอองระหว่างคนสู่คน การเวน้ ระยะหา่ งระหวา่ งกนั
อยา่ งน้อย 1 เมตร จะทําให้ฝอยละอองหรือเช้ือไวรสั ไม่แพรใ่ ส่กนั จะชว่ ยลดจาํ นวนคนปุวยได้ ดงั นนั้ ช่วงนี้ เราควร
รักษาระยะห่างระหวา่ งกันและหลีกเล่ียงการสัมผสั แตะต้องกันโดยไมจ่ าํ เป็น
โรคตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แพร่กระจายเช้ือได้อยา่ งไร
โรคชนดิ นีม้ ีความเปน็ ไปได้ที่มีสัตว์เป็นแหล่งรังโรค สว่ นใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผู้ติดเช้ือผ่านทาง
ละอองเสมหะจากการไอ นา้ํ มูก นาํ้ ลาย ปัจจุบนั ยงั ไมม่ ีหลักฐานสนับสนนุ การแพรก่ ระจายเช้อื ผ่านทางพน้ื ผิวสัมผัส
ที่มีไวรัส แล้วมาสัมผสั ปาก จมูก และตา สามารถแพร่เช้ือผ่านทางเช้ือที่ถูกขบั ถ่ายออกมากับอจุ จาระเข้าสู่อีกคนหน่งึ
โดยผ่านเข้าทางปากได้ด้วย
วิธปี ูองกันการแพร่ระบาดของโควดิ -19
1. รกั ษาระยะห่างทป่ี ลอดภยั จากผู้อนื่ แมว้ า่ ผนู้ น้ั จะไม่ไดป้ ุวยกต็ าม
2. สวมหน้ากากอนามัยในทส่ี าธารณะ โดยเฉพาะเม่ืออยใู่ นพนื้ ที่ปิดหรือเวน้ ระยะหา่ งไม่ได้
3. หลกี เลีย่ งพ้นื ทีป่ ดิ พยายามอย่ใู นพน้ื ทีเ่ ปิดโลง่ และอากาศถา่ ยเทสะดวก เปดิ หนา้ ตา่ งเมอ่ื อยู่ในพน้ื ที่
ปิด
4. ล้างมือบ่อยๆ โดยใชส้ บแู่ ละน้าํ หรือเจลลา้ งมือท่ีมีสว่ นผสมหลกั เปน็ แอลกอฮอล์
5. รบั วคั ซีนเมอื่ ได้รับสิทธ์ิ ปฏิบตั ิตามหลกั เกณฑใ์ นพื้นทเี่ กยี่ วกับการฉีดวคั ซีน
6. ปิดจมกู และปากดว้ ยขอ้ พับดา้ นในข้อศอกหรือกระดาษชําระเม่อื ไอหรือจาม
7. เกบ็ ตวั อยู่บ้านเม่ือรูส้ ึกไมส่ บาย
8. หากมีไข้ ไอ และหายใจลาํ บาก โปรดไปพบแพทย์ โดยติดตอ่ ลว่ งหน้าเพ่ือท่ผี ใู้ หบ้ ริการด้านสุขภาพ
จะไดแ้ นะนําให้คุณไปยังสถานพยาบาลที่ถูกต้อง ซ่งึ จะชว่ ยปกปอู งคุณ รวมถึงปูองกันการแพรก่ ระจายของไวรสั
และการตดิ เชื้ออืน่ ๆ
4) นกั เรียนแตล่ ะคนทาํ แบบฝกึ หดั
ขัน้ ท่ี ๔ การเรยี นรเู้ พ่ือการสื่อสาร (Learning to Communicate)
1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มเล่าเร่อื งทีไ่ ด้เรียนร้สู ู่กันฟัง (ส่ือสาร)
2) กล่มุ มกี ารสะท้อนคิดถงึ จดุ เด่น จดุ บกพร่อง และส่ิงใครร่ ู้ หรือคําถามใหม่
ข้นั ที่ ๕ การเรยี นรูเ้ พื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service)
1) ครใู หก้ ลุม่ นําความรูไ้ ปประยกุ ตส์ ร้างผลงาน

สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 ๑๐๒

2) นาํ ผลงานไปเผยแพร่
6. สอื่ การเรยี นรู้

1) ใบงานเรื่องการปูองกันการแพรเ่ ชอื้ และการติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
2) ใบความรูเ้ ร่ืองการปอู งกันการแพร่เชื้อและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
3) เกมใครแพร่เช้ือ
4) ภาพประกอบ

7. การวัดและประเมินผล

1. การประเมินตามจุดประสงค/์ ตวั ชี้วัด

ส่งิ ท่ีต้องการประเมนิ วธิ กี ารประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
- ผา่ นการประเมินคะแนน
๑. ด้านความรู้ (K) - สอบ - แบบสอบความรู้ ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป
- ความรู้ - สมั ภาษณ์ - แบบสัมภาษณ์
- ความเข้าใจ - สงั เกต - แบบสงั เกต (คะแนนเต็ม ๑0 คะแนน)
- มโนทัศน์ คะแนน 9 – 10 ระดับดี
เยีย่ ม
๒. ด้านทักษะกระบวนการ (P) คะแนน 7 – 8 ระดบั ดี
มาก
- ทักษะการคิด (วิเคราะห์ - วัด - แบบวดั คะแนน 5 – 6 ระดับผา่ น
คะแนน 0 – 4 ระดับปรับ
สงั เคราะห์ สือ่ สาร) - สังเกต - แบบสงั เกต ปรุ
เกณฑ์การประเมนิ
- ทักษะการทาํ งานกลมุ่ - ประเมิน - แบบประเมนิ คะแนน 57 – 75 ระดบั ดี
มาก
- การปฏบิ ัติการทดลอง - สมั ภาษณ์ - แบบสัมภาษณ์ คะแนน 38 – 56 ระดับดี
คะแนน 19 – 37 ระดบั
- ทกั ษะทางสังคม - ประเมินตนเอง - แบบประเมินตนเอง พอใช้
คะแนน0 – 18 ระดบั
- ทักษะปฏบิ ตั ิ - ประเมนิ - แบบประเมนิ ชิ้นงาน ปรับปรุง

- สร้างชนิ้ งาน สร้างภาระงาน - แบบประเมนิ สมรรถนะ

3. สมรรถนะสําคญั ของผ้เู รยี น - การสังเกต - แบบบนั ทึกการสังเกต

- ความสามารถในการสอ่ื สาร

- ความสามารถในการคิด

- ความสามารถในการ

แกป้ ัญหา

- ความสามารถในการใช้ทักษะ

ชีวิต

- ความสามารถในการใช้

เทคโนโลยี

สาํ นกั งานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ๑๐๓

สิ่งที่ต้องการประเมิน วธิ ีการประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน

4. ด้านคุณลักษณะอันพงึ - การสังเกต - แบบบันทึก เกณฑ์การประเมิน
ประสงค์ (A) ดีมาก = 42 – 54 คะแนน
- ซื่อสตั ยส์ ุจรติ การสงั เกต ดี = 28 – 41 คะแนน
- มวี ินัย พอใช้ = 14 – 27 คะแนน
- ใฝุเรยี นรู้ ปรับปรุง = 0 – 13
- อยู่อย่างพอเพียง คะแนน
- ม่งุ มัน่ ในการทาํ งาน
- มีจติ สาธารณะ

8. ความคดิ เห็นของผ้บู รหิ าร
................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................... .........................
................................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื
(......................................................................)

ผูอ้ ํานวยการโรงเรียน................................................

สํานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ๑๐๔

9. บนั ทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
9.๑ ผลการจดั การเรียนรู้
นกั เรยี นจาํ นวน .............................. คน
ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้โดยรวม ................. คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ...................
ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรโู้ ดยรวม.............. คน คิดเป็นรอ้ ยละ.....................
ไดแ้ ก่
๑)…………………………………………………………………………………....................................……
2)…………………………………………………………………………………....................................……
นักเรยี นทม่ี ีความสามารถพิเศษ/นกั เรียนเด็กพิเศษ ได้แก่
๑)…………………………………………………………………………………....................................……
2)…………………………………………………………………………………....................................……
นักเรยี นทไี่ มผ่ า่ นการประเมินจุดประสงค์ด้านความรู้ (K) จํานวน ............ คน ไดแ้ ก่
................................................................................................................ ............................................
............................................................................................................................................................
นกั เรยี นทไี่ ม่ผา่ นการประเมินจดุ ประสงคด์ า้ นทักษะ (P) จํานวน ............ คน ไดแ้ ก่
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................................................
นักเรยี นทไี่ ม่ผ่านการประเมนิ จดุ ประสงคด์ า้ นเจตคติ (A) จํานวน ............ คน ได้แก่
............................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................
9.๒ ปญั หา/อปุ สรรค
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
9.๓ กิจกรรมเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงชือ่
(......................................................................)

ตาํ แหน่ง ครู โรงเรยี น ..............................................

สํานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๐๕

ภาคผนวก

 ภาพประกอบ
 ใบความรู้เรื่องการปอู งกันการแพร่เชื้อและการติดเชอื้ ไวรสั โคโรนา 2019

(COVID-19)
 ใบงานเรื่องการปูองกันการแพรเ่ ชื้อและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

(COVID-19)
 ใบกิจกรรม
 แบบประเมนิ ผลและการสะท้อนผล

สาํ นักงานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๐๖

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๐๗

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๐๘

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๐๙

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๐

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๑๑

ใบความรู้
การปอ้ งกันการแพรเ่ ชอื้ และการติดเชือ้

การปอู งกันการแพรเ่ ชื้อ และการติดเชื้อ
1. ลา้ งมอื ด้วยน้าํ และสบู่ ให้ทั่ว และนานพอ (ประมาณ 20 วนิ าที) และเช็ดมอื ให้ แห้ง
– การล้างมือดว้ ยนาํ้ และสบู่จะกําจดั คราบสกปรก และฆ่าเชื้อไวรัส ไมจ่ าํ เปน็ ต้องใชส้ บู่ที่ผสมสารฆา่

เชือ้
– ถ้าไม่มีนา้ํ และสบู่ จึงใชแ้ อลกอฮอล์(60-70 % ซ่งึ มักอยใู่ นรปู เจล หรือสเปรย์) ทาทั่วมือทไี่ ม่เปยี ก

เพอ่ื ฆ่าเชอ้ื โรค (ถา้ มือเปียก แอลกอฮอล์จะเจือจางจนฆา่ เช้ือไม่ได้) ทิง้ ให้แห้ง ห้ามล้างนา้ํ ต่อ เพราะจะล้าง
แอลกอฮอล์หมดไป แตถ่ ้ามือสกปรกต้องล้างมือด้วยนาํ้ และสบู่ เพราะแอลกอฮอล์จะไม่สามารถฆา่ เช้ือโรคท่ีอยู่
ในคราบเป้ือน

2. ไม่เอามือจบั หนา้ ปาก จมูก หรือ ตา ถา้ จาํ เป็น ควรทาํ มือใหส้ ะอาดกอ่ น
3. เวน้ ระยะห่างจากคนอ่นื ที่อาจจะแพร่เช้อื (keep distance) ไดแ้ ก่

- คนทีม่ อี าการซ่ึงอาจจะเกิดจากการติดเช้ือทางเดินหายใจ เชน่ ไข้ ไอ
- หลกี เลีย่ งการไปในทท่ี ี่มีคนหนาแน่น โดยเฉพาะอย่างยิง่ คนทไ่ี ม่รจู้ ักและอาจติดเช้อื โดยไมส่ ามารถ
อยหู่ า่ งกนั เกนิ 1 เมตร ไดต้ ลอดเวลา ถา้ จาํ เปน็ ควรใส่ หน้ากากอนามยั และไมห่ นั หนา้ เผชญิ กนั เพราะเขาอาจ
ไอ จามรดได้
4. ทําความสะอาดสิ่งแวดลอ้ ม โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ บรเิ วณที่อาจปนเปอ้ื นเสมหะ นํา้ มูก น้ําลาย จากผ้ปู ุวย
และมีไวรสั

คนกล่มุ ตา่ งๆ ที่มีโอกาสสมั ผัสเชอื้ โรคนี้ ควรปฏบิ ัติดังน้ี
1. คนทุกคน

มือสะอาด : ลา้ งมือดว้ ยนํ้าและสบ่อู ย่างถกู วิธีเป็นหลัก โดยเฉพาะเม่ือมีคราบสกปรก ใชแ้ อลกอฮอล์
เจลเฉพาะเวลาท่ไี ม่สามารถใชน้ า้ํ และสบูล่ า้ งมือ

หน้า : ไม่สัมผัสดว้ ยมอื ท่ียังไม่สะอาด เพราะปาก จมูก ตา เปน็ ทางเข้าของเชอ้ื
หนา้ กากปูองกนั : คนท่ีไม่ติดเชือ้ ไม่จาํ เปน็ ต้องใชห้ นา้ กากเม่อื อยูใ่ นที่ชุมชนท่แี น่ใจว่าไม่มีผตู้ ดิ เชอ้ื อาจ
ใชห้ นา้ กากผ้าที่มีคุณภาพ เพ่ือปอู งกนั อบุ ตั ิเหตุที่คาดไม่ถึง ว่าจะมีคนไอ จามรด หากเกิดขึน้ รีบเอาหนา้ กากออก
ลา้ งหนา้ หรือเช็ดหน้า หากไม่เกดิ อุบัติเหตุ จดั การหน้ากากท่ีใช้ครั้งเดียวเชน่ เดยี วกบั ขยะทวั่ ไป สว่ นหนา้ กากผ้า
นน้ั ซกั แลว้ ใช้ใหมไ่ ด้
กนิ : อาหารปรุงใหมๆ่ ดว้ ยกระบวนการทสี่ ะอาด ล้างมอื ก่อนกนิ อาหาร และไม่ปนเป้ือนอาหาร
สว่ นกลางดว้ ยช้อนสอ้ มส่วนตัว
2. ผู้ปวุ ย
- หน้ากากปอู งกนั : ใชห้ น้ากากอนามยั ทางการแพทย์ ใชแ้ ละทิง้ อยา่ งขยะติดเช้ือ ในท่ีที่มกี ารจดั ไว้ให้ที่
เปน็ ลกั ษณะปิด หรอื ทิ้งในถงุ หรือถงั ขยะปิด ท่ีใชเ้ ฉพาะ

สาํ นักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดับช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ๑๑๒

- ไอ จาม : ให้ปลอดภัยต่อคนอนื่ เวน้ ระยะหา่ งและหนั หน้าออกจากคนอื่น ใช้ข้อพับศอกด้านในปิดปาก
และจมูก หรือใชท้ ชิ ชปู ดิ ปากและจมูก แล้วท้ิงในถงั ขยะติดเชื้อ หรือใส่ถุงที่ปดิ หากใส่หนา้ กากอนามยั อยู่ ให้ไอ
จามในหนา้ กากอนามัย ถา้ ใชผ้ า้ เช็ดหนา้ ปดิ ปากจมูก เสร็จแล้วใหพ้ บั ดา้ นเปื้อนไวข้ า้ งใน เก็บไว้ในถุงพลาสติก
กอ่ นนาํ ไปซัก

- อยูห่ า่ งจากคนอ่ืน : งดหรือเล่ยี งการเขา้ ใกลค้ นอ่ืนในระยะนอ้ ยกวา่ 1 เมตร
3. ผ้ดู ูแลผู้ปุวย

ถา้ ตอ้ งเปน็ ผูด้ แู ลผปู้ ุวยทีบ่ ้าน
1. แยกผปู้ วุ ยจากคนอนื่ เว้นระยะหา่ งใหเ้ กนิ 1-2 เมตร ตลอดเวลาหากเป็นไปได้ ผูป้ ุวยควรจะอยู่ใน
หอ้ งแยกและแยกใช้หอ้ งน้าํ จากคนอ่นื
2. หนา้ กากอนามยั ผู้ปวุ ยใสห่ น้ากากอนามยั เมื่ออยใู่ นห้องรว่ มกบั คนอื่น คนท่ดี ูแลผปู้ วุ ยใกลช้ ดิ กค็ วร
จะใส่หน้ากากอนามยั เม่ืออยู่ในห้องผปู้ ุวย โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมอื่ ผปู้ ุวยใส่ไม่ได้
3. ระมดั ระวงั ในการสมั ผัสเสมหะ น้าํ มูก น้ําลาย และสิง่ คัดหล่ังอ่ืน จากผปู้ ุวย ใสห่ น้ากากอนามัย
ผ้ากนั เป้ือน และถงุ มอื ตามกรณี และล้างมือ
4. ทาํ ความสะอาดบรเิ วณที่ใช้ดูแลผู้ปุวย และสงิ่ ของ เชน่ โทรศัพท์
5. ลา้ งมือดว้ ยสบแู่ ละนํา้ ใช้แอลกอฮอลเ์ มือ่ ไม่มสี บูแ่ ละนํ้า

สาํ นกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๓

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ๑๑๔

จดั ทาโปสเตอร์รณรงค์ เรอื ง การปอ้ งกัน COVID-19

ออกแบบ โปสเตอร์ให้ความรูเ้ รื่อง การปูองกัน COVID-19 จํานวน 1 แผน่
สามารถออกแบบดว้ ยกระดาษ หรือโปรแกรม Microsoft Word หรือ โปรแกรมอ่นื ๆ ท่ีตนถนดั

1. หัวขอโปสเตอร .........................................................................................................................................
2. สาระสําคัญ .....................................................................................................................................................
.................................................................................... ..........................................................................................
3. โครงรางโปสเตอร.............................................................................................................................................

สาํ นกั งานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๕

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๖

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๗

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๘

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๑๙

แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน

เลขที่ ช่ือ – สกุล คะแนนทไี่ ด้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผา่ น ไม่ผา่ น



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

14

15

16

17

18

19

20

สรปุ

ลงช่ือ.........................................ผ้ตู รวจ
(....................................................)

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ขึ้นไปถอื วา่ ผ่าน

สํานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๒๐

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน
ช่ือนักเรยี น..............................................................ช้นั .................ภาคเรยี นที.่ .........ปกี ารศึกษา..................

คาชแี้ จง การบันทกึ ให้กาเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั พฤติกรรมทเี่ กิดข้ึนจรงิ

ระดับการปฏบิ ัติ

ที่ พฤติกรรม เปน็ ประจํา บางครง้ั นอ้ ยครัง้ ไม่ทาํ เลย/
ไมช่ ดั เจน
(๓) (๒) (๑)
(๐)

๑ มคี วามรบั ผิดชอบในหน้าท่ีการงาน
๒ ต้ังใจและเอาใจใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ไี ด้รบั มอบหมาย
๓ ทํางานด้วยความเพียรพยายาม
๔ รจู้ กั แก้ปัญหาในการทาํ งานเม่ือมีอุปสรรค
๕ อดทนเพอื่ ให้งานสําเร็จตามเปูาหมาย
๖ ปรบั ปรุงและพัฒนาการทํางานให้ดีขน้ึ ด้วยตนเอง

รวมคะแนน/ระดับคณุ ภาพ

ลงชื่อ..................................................ผ้ปู ระเมิน
(......................................................)

เกณฑก์ ารประเมิน

ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารประเมิน

ดเี ย่ียม ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ีผลการประเมินข้อใดขอ้ หนึ่งตํา่ กว่า ๒ คะแนน

ดี ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มีผลการประเมินข้อใดข้อหน่ึงต่ํากว่า ๐ คะแนน

ผา่ น ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมินขอ้ ใดข้อหนึง่ ต่ํากวา่ ๐ คะแนน

ไมผ่ า่ น ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๐-๕ คะแนน

สํานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๒๑

แบบประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

ช่อื -นามสกลุ ผู้เรียน ......................................................................ชัน้ ......................... เลขที่ .....................

ใหค้ รสู ังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั

คะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน

อนั พึงประสงค์ดา้ น ๓๒๑๐

๑. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 1. ใหข้ ้อมูลทีถ่ กู ต้องและเปน็ จริง ไมโ่ กหก

2. มวี ินัย 2. ไมถ่ ือเอาส่ิงของหรอื ผลงานของผู้อ่นื มาเปน็ ของตนเองไม่
3. ใฝ่เรียนรู้ ลกั ขโมย
4. อย่อู ยา่ งพอเพยี ง 3. ไมห่ าผลประโยชน์ในทางที่ไม่ถกู ต้อง ไม่คดโกง

5. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 1. ปฏิบตั ติ นตามข้อตกลง กฎระเบียบของครอบครวั โรงเรียน
6. มจี ติ สาธารณะ และสงั คม
2. ตรงตอ่ เวลาและรบั ผดิ ชอบในการเรยี น การปฏบิ ัตงิ าน

3. ปฏบิ ัตติ นในกิจวตั รประจาํ วนั โดยไมล่ ะเมดิ สิทธิผูอ้ ่นื

1. ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรยี นสนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้
ต่าง ๆ
2. แสวงหา ศึกษา คน้ ควา้ ความรจู้ ากแหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ

3. บันทกึ ความร้วู เิ คราะห์ตรวจสอบ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้

1. ใช้ทรัพยส์ ินของตนเองและของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ ค่า
รวมทงั้ ใชเ้ วลาอย่างเหมาะสม
2. ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจด้วยความรอบคอบมเี หตุผล

3. วางแผนการเรยี นการทํางานบนพ้ืนฐานของความรู้ ข้อมลู
ข่าวสาร มภี ูมิคุ้มกนั ในตวั ทดี่ ี
1. ต้ังใจและรบั ผดิ ชอบในการทํางานให้สําเร็จ

2. ทุ่มเททาํ งาน อดทนไม่ย่อทอ้ ตอ่ ปัญหาและอปุ สรรค

3. ปรบั ปรุงพัฒนาการทํางานและผลงานดว้ ยตนเอง

1. ช่วยเหลอื ผู้อื่น แบ่งปันสิง่ ของ อาสาทํางานให้ด้วยความ
เตม็ ใจ ไม่หวงั ผลตอบแทน
2. เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรยี น ชุมชนและสังคม

3. ดแู ลรกั ษาสาธารณสมบตั แิ ละสง่ิ แวดลอ้ มด้วย ความเตม็ ใจ

คะแนน

สรุปผลคะแนน

ลงชอื่ ..................................................ผปู้ ระเมิน

(....................................................)

สํานักงานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๒๒

เกณฑก์ ารให้คะแนน

- พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ัตชิ ัดเจนและสมํ่าเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤตกิ รรมทป่ี ฏิบัติชดั เจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน

- พฤติกรรมท่ีปฏบิ ตั บิ างคร้ัง ให้ 1 คะแนน

- พฤตกิ รรมทไ่ี มป่ ฏิบตั ิ ให้ 0 คะแนน

สรุปเกณฑก์ ารประเมิน
 ดีมาก ได้ 42 – 54 คะแนน
 ดี ได้ 28 – 41 คะแนน
 พอใช้ ได้ 14 – 27 คะแนน
 ปรับปรงุ ได้ 0 – 13 คะแนน

สํานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 ๑๒๓

แบบประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน

ชือ่ -นามสกลุ ผเู้ รียน ................................................................ช้ัน ............................... เลขที่ .....................
ให้ครูสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดบั
คะแนน

สมรรถนะท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน สรุปผล
3210
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
1.1 มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร
1.2 มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ความคิด

ความเข้าใจของตนเอง โดยใช้ภาษาอยา่ งเหมาะสม
1.3 ใช้วิธีการส่ือสารท่เี หมาะสม
1.4 วิเคราะหแ์ สดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตผุ ล
1.5 เขยี นบนั ทกึ เหตกุ ารณ์ประจาํ วนั แล้วเล่าให้เพ่อื นฟังได้

สรุปผลการประเมนิ
2. ความสามารถในการคดิ
2.1 มคี วามสามารถในการคิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์
2.2 มีทักษะในการคดิ นอกกรอบอยา่ งสรา้ งสรรค์
2.3 สามารถคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ
2.4 มคี วามสามารถในการคิดอย่างมีระบบ
2.5 ตดั สนิ ใจแก้ปญั หาเกี่ยวกับตนเองได้

สรุปผลการประเมนิ

3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
3.1 สามารถแกป้ ญั หาและอุปสรรคตา่ ง ๆ ท่เี ผชญิ ได้
3.2 ใชเ้ หตุผลในการแก้ปญั หา
3.3 เข้าใจความสมั พนั ธแ์ ละการเปลย่ี นแปลงในสังคม
3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกตค์ วามรู้มาใช้ในการปูองกันและแก้ไขปัญหา
3.5 สามารถตัดสนิ ใจได้เหมาะสมตามวยั

สรปุ ผลการประเมิน

4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
4.1 เรยี นรู้ดว้ ยตนเองไดเ้ หมาะสมตามวยั
4.2 สามารถทํางานกล่มุ ร่วมกบั ผูอ้ ่ืนได้
4.3 นําความรูท้ ไ่ี ดไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตประจาํ วนั
4.4 จดั การปญั หาและความขดั แย้งได้เหมาะสม
4.5 หลกี เลย่ี งพฤติกรรมไม่พงึ ประสงคท์ สี่ ่งผลกระทบตอ่ ตนเอง

สรปุ ผลการประเมิน

สํานกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดับชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๒๔

สมรรถนะที่ประเมนิ ระดับคะแนน สรปุ ผล

5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 3210
5.1 เลอื กและใชเ้ ทคโนโลยไี ดเ้ หมาะสมตามวัย
5.2 มที กั ษะกระบวนการทางเทคโนโลยี
5.3 สามารถนําเทคโนโลยไี ปใชพ้ ัฒนาตนเอง
5.4 ใช้เทคโนโลยใี นการแก้ปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์
5.5 มคี ุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี

สรุปผลการประเมิน

เกณฑ์การให้คะแนน

- พฤติกรรมทปี่ ฏบิ ัตชิ ดั เจนและสม่ําเสมอ ให้ 3 คะแนน

- พฤตกิ รรมทปี่ ฏบิ ตั ชิ ัดเจนและบ่อยคร้ัง ให้ 2 คะแนน

- พฤตกิ รรมท่ีปฏบิ ตั บิ างครัง้ ให้ 1 คะแนน

- พฤติกรรมที่ไม่ปฏิบัติ ให้ 0 คะแนน

สรุปเกณฑก์ ารประเมนิ
 ดมี าก ได้ 57 – 75 คะแนน
 ดี ได้ 38 – 56 คะแนน
 พอใช้ ได้ 19 – 37 คะแนน
 ปรับปรุง ได้ 0 – 18 คะแนน

สํานักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๒๕

แผนการจดั การเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การแพรก่ ระจายและการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 เรื่อง ลกั ษณะการติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลา 2 ชวั่ โมง

๑. ผลการเรยี นรู้
1) นกั เรียนอธบิ ายลกั ษณะการติดเช้ือไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) ได้

2. จุดประสงค์การเรียนรู้
ด้านความรู้ (K)
1) นักเรียนสามารถอธิบายลกั ษณะการตดิ เช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้
2) นักเรยี นสามารถแยกลักษณะการตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
3) ปฏิบตั ิตามใบกจิ กรรมเร่อื ง ลกั ษณะการตดิ เช้อื ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) แบบรวมพลงั ด้วย

ความรับผดิ ชอบได้
4) สรา้ ง (ชน้ิ งาน) เรอ่ื ง ลักษณะการติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเผยแพร่ได้
ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
5) เป็นผ้มู ีความรับผิดชอบต่อตนเองและงานกล่มุ
6) มีเจตคตทิ ด่ี ตี ่อการเรียนรู้

3. สาระการเรียนรู้
3.1 ความรู้ (K)
1) อาการของผู้ปุวยโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาการทั่วไป ได้แก่ อาการระบบทางเดิน

หายใจ มีไข้ ไอ มีน้ํามูก เจ็บคอ หายใจลาํ บาก เหน่ือยหอบ ไมไ่ ด้กล่ิน ไม่ร้รู ส ในกรณีท่ีอาการรุนแรงมาก อาจ
ทาํ ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดอกั เสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิต

3.2 ทักษะ/กระบวนการ (P)
1. ความสามารถในการสือ่ สาร
๑.๑ การสนทนาถาม – ตอบ
๑.๒ การทําใบงาน
๒. ความสามารถในการคดิ

3.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
๑) ซอ่ื สัตย์สุจรติ
๒) มีวินัย
๓) ใฝุเรียนรู้
4) อยู่อย่างพอเพยี ง
5) มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน
6) มีจิตสาธารณะ

4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
1) ความสามารถในการสอื่ สาร
2) ความสามารถในการคดิ
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา

สาํ นกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ๑๒๖

4) ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. กระบวนการจัดการเรียนรู้
ข้ันที่ ๑ การเรียนรูต้ ้งั คาถาม (learning to Question)
1) เสนอส่ิงเรา้ ......แล้วใหน้ กั เรียนสังเกตเพื่อสงสัย

1. ครูจาํ ลองให้นักเรียนฟงั วา่ พน้ื ห้องคือแผนที่โลกขนาดใหญ่
2. ให้นักเรียนทุกคนเลือกวา่ อยากยืนจุดไหนของห้อง อยากยนื อยู่กับใคร เป็นกลุ่มหรือเดยี่ วก็ได้ และ
หา้ มขยบั ตัว
3. ครูส่มุ นักเรียน 1 คน ให้เป็นคนท่ีตดิ เชื้อ ซึง่ พร้อมเดินทางไปท่วั โลก
4. ใหค้ นที่ติดเชื้อหมุนดนิ สอบนพน้ื หากปลายดนิ สอชีไ้ ปทิศทางใด ให้เดนิ ไปทิศทางน้นั จนสดุ กาํ แพงห้อง
ระหวา่ งทางให้แปะแพร่เชื้อให้ทุกคนทีย่ ืนขวางเสน้ ทางการแพร่เชื้อน้นั ให้หมด (หากยนื ขวางเป็นกลุ่ม ก็แปะทั้งกลุ่ม)
5. เม่ือคนท่ตี ิดเช้ือเดินไปจนถึงกําแพงอีกฝั่ง ให้ทุกคนทโี่ ดนแปะและตดิ เชื้อหมนุ ดนิ สอพร้อมกนั แล้วเดนิ ไป
ทิศทางตามปลายดินสอของตนเอง ไปแปะเพ่ือแพรเ่ ชื้อต่อไป
ชวนคุยชวนถาม
• การอยู่เป็นกลุ่ม/เดี่ยวมีผลต่อความไวของการแพร่เช้ืออยา่ งไร
• หากเปรียบเทียบกบั ชีวิตจริง เชื้อแพร่กระจายขา้ มประเทศไดอ้ ย่างไร
• จะทําอยา่ งไรให้ทั่วโลกร้วู ่าตอนนี้ท่มี ีผู้ติดเช้ือทีไ่ หนบา้ งและเปน็ จาํ นวนเทา่ ไหร่
• เราจะปูองกนั การแพร่เชื้อได้อย่างไรบา้ ง
• ทาํ ไมต้องคัดกรองคนท่ีเดนิ ทางเข้าประเทศ
• มีปัจจยั อะไรบา้ งทีท่ ําให้เช้ือไวรสั สามารถระบาดไปท่ัวโลกได้อยา่ งรวดเรว็ (เช่น มกี ารเดินทางขา้ มประเทศ
โดยเคร่ืองบินอยา่ งแพร่หลาย คนอาศยั อยใู่ นเขตเมืองทีแ่ ออัดมากขึน้
แนวทางสรุป
เราจะพบวา่ หากเราอยรู่ วมกันเป็นกลุ่ม โอกาสทไี่ วรัสจะแพร่ระบาด (จํานวนคนท่โี ดนแปะ) จะงา่ ยขึ้น
และมีจํานวนมากข้ึน น่คี ือเหตุผลว่าทําไมเราจงึ ควรหลีกเล่ียงการสัมผสั โดยไม่จําเป็น หรือแม้แต่การรักษาระยะห่าง
ทางกายภาพในช่วงที่มีโรคระบาด หากมกี ารคัดกรองคนก่อนเข้าประเทศหรือเข้าเมืองก็จะสามารถช่วยลดการ
แพร่ระบาดของโรคได้
2) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันระบุคําถามสาํ คัญ
1. ลักษณะการติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คืออะไร/หมายถงึ อะไร
2. ประเภทของลักษณะการตดิ เชือ้ ไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19) มีอะไรบ้าง
3) ให้กลุ่ม (4 คน/กลุ่ม) คาดคะเนคาํ ตอบของคาํ ถามขา้ งตน้

Q: อาการของผปู้ วุ ยไวรสั โคโรนาสายพันธุใ์ หม่ 2019 มีอาการอย่างไร?
A: อาการท่ัวไป ได้แก่ อาการระบบทางเดนิ หายใจ มีไข้ ไอ หายใจถ่ี หายใจลําบาก ในกรณีที่อาการ
รนุ แรงมาก อาจทําใหเ้ กดิ ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชวี ติ
ขนั้ ที่ ๒ การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search)
1) ให้กลุ่มปฏิบัติงานตามใบกิจกรรมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) แบบรวมพลงั ด้วย ความรับผดิ ชอบ
2) จากนัน้ ให้วเิ คราะหข์ ้อมูลแลว้ นาํ เสนอด้วยผงั กราฟกิ ที่เหมาะสม

สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 ๑๒๗

อาการของผปู้ ุวยโรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อาการท่ัวไป ได้แก่ อาการระบบทางเดิน
หายใจ มไี ข้ ไอ มีนํา้ มูก เจ็บคอ หายใจลําบาก เหนื่อยหอบ ไมไ่ ด้กลิ่น ไม่รรู้ ส ในกรณีท่ีอาการรุนแรงมาก อาจ
ทาํ ให้เกดิ ภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ ไตวาย หรืออาจเสียชีวิต

ขนั้ ที่ ๓ การเรียนร้เู พ่ือสร้างองคค์ วามรู้ (Learning to Construct)
1) ใหก้ ลมุ่ ทุกกลมุ่ นําเสนอผลการวิเคราะห์ จากน้นั ครอู ภปิ ราย ด้วยคําถามสู่การสรปุ (ใหร้ ะบคุ าํ ถาม)
2) กล่มุ แต่ละกลุม่ สรุปความรู้ แล้วมกี ารนําสรุปมาแลกเปลยี่ น กนั จนกลุ่มสามารถสรุป หรือสรา้ ง

ความรไู้ ดส้ อดคล้องกบั มโนทัศน์ทีค่ รูกาํ หนด
3) ใหน้ ักเรียนแต่ละคนทําใบงาน การทําแผนผงั ความคิด
4) นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4 คน จัดทําโครงงานตามกจิ กรรมทกี่ าํ หนด

ขั้นที่ ๔ การเรยี นรูเ้ พ่ือการส่ือสาร (Learning to Communicate)
1) ให้กล่มุ เลา่ เร่ืองทไี่ ดเ้ รียนรสู้ ู่กันฟัง (ส่อื สาร)
2) กล่มุ มกี ารสะท้อนคิดถึงจุดเดน่ จุดบกพรอ่ ง และสิ่งใคร่รู้ หรอื คําถามใหม่

ข้ันที่ ๕ การเรยี นร้เู พ่ือตอบแทนสังคม (Learning to Service)
1) ครูใหก้ ลุ่มนําความรไู้ ปประยกุ ตส์ รา้ งผลงาน
2) นําผลงานไปเผยแพร่โดยจัดแสดงนิทรรศการ จัดปูายแสดงความรู้ การนําเสนอหน้าเสาธง และนํา

ความรูท้ ไ่ี ดร้ บั ไปเผยแพรใ่ นชุมชน
6. ส่ือการเรียนรู้

1) ใบความรู้
2) ใบงาน
3) ภาพประกอบ

7. การวัดและประเมินผล

1. การประเมินตามจุดประสงค/์ ตวั ชว้ี ดั

ส่ิงที่ตอ้ งการประเมนิ วิธกี ารประเมิน เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
- ผ่านการประเมนิ คะแนน
๑. ดา้ นความรู้ (K) - สอบ - แบบสอบความรู้ รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป
- ความรู้ - สัมภาษณ์ - แบบสัมภาษณ์
- ความเขา้ ใจ - สงั เกต - แบบสงั เกต (คะแนนเต็ม ๑0 คะแนน)
- มโนทศั น์ คะแนน 9 – 10 ระดบั ดีเยยี่ ม
คะแนน 7 – 8 ระดบั ดมี าก
๒. ด้านทักษะกระบวนการ (P) - การสังเกต - แบบสังเกต คะแนน 5 – 6 ระดบั ผา่ น
คะแนน 0 – 4 ระดับปรบั ปรงุ
- ทกั ษะการคิด (วิเคราะห์ พฤติกรรมการ

สังเคราะห์ สื่อสาร) ทาํ งานเป็นกลุ่ม

- ทกั ษะการทํางานกลุ่ม

สาํ นกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๒๘

สง่ิ ที่ต้องการประเมิน วิธีการประเมิน เครื่องมือ เกณฑ์การประเมิน
- การสงั เกต - แบบบนั ทกึ การสงั เกต เกณฑ์การประเมิน
3. สมรรถนะสาํ คญั ของผู้เรยี น คะแนน 57 – 75 ระดบั ดีมาก
- ความสามารถในการสอื่ สาร - การสังเกต - แบบบันทึก คะแนน 38 – 56 ระดับดี
- ความสามารถในการคดิ การสงั เกต คะแนน 19 – 37 ระดับพอใช้
- ความสามารถในการ คะแนน0 – 18 ระดบั ปรบั ปรงุ
แกป้ ญั หา
- ความสามารถในการใช้ทักษะ เกณฑ์การประเมนิ
ชีวิต ดมี าก = 42 – 54 คะแนน
- ความสามารถในการใช้ ดี = 28 – 41 คะแนน
เทคโนโลยี พอใช้ = 14 – 27 คะแนน
ปรบั ปรงุ = 0 – 13 คะแนน
4. ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์
(A)
- ซอ่ื สัตย์สจุ รติ
- มวี ินัย
- ใฝุเรียนรู้
- อยู่อยา่ งพอเพยี ง
- มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน
- มจี ติ สาธารณะ

8. ความคดิ เห็นของผูบ้ รหิ าร
................................................................................................................................................................................
................................................................................................................... .............................................................
......................................................................................................................... .......................................................

ลงชอ่ื
(......................................................................)

ผู้อํานวยการโรงเรียน................................................

สาํ นกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๒๙

9. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
9.๑ ผลการจดั การเรียนรู้
นกั เรียนจํานวน .............................. คน
ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้โดยรวม ................. คน คดิ เปน็ ร้อยละ ...................
ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรโู้ ดยรวม.............. คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.....................
ได้แก่
๑)…………………………………………………………………………………....................................……
2)…………………………………………………………………………………....................................……
นกั เรียนทมี่ ีความสามารถพเิ ศษ/นกั เรียนเด็กพเิ ศษ ไดแ้ ก่
๑)…………………………………………………………………………………....................................……
2)…………………………………………………………………………………....................................……
นักเรยี นทไี่ ม่ผ่านการประเมนิ จุดประสงคด์ ้านความรู้ (K) จาํ นวน ............ คน ได้แก่
...................................................................................................................... ......................................
............................................................................................................................................................
นักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นการประเมินจุดประสงค์ด้านทกั ษะ (P) จาํ นวน ............ คน ได้แก่
............................................................................................................................. ...............................
............................................................................................................................................................
นักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ นการประเมนิ จุดประสงค์ดา้ นเจตคติ (A) จาํ นวน ............ คน ไดแ้ ก่
................................................................................................. ...........................................................
............................................................................................................................................................
9.๒ ปญั หา/อปุ สรรค
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
9.๓ กิจกรรมเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................

ลงชือ่
(......................................................................)

ตาํ แหนง่ ครู โรงเรียน ..............................................

สาํ นักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 6 ๑๓๐

ภาคผนวก

 ใบความรู้
 ภาพประกอบ
 ใบงาน
 แบบประเมนิ ผลและการสะท้อนผล

สํานักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ๑๓๑

ใบความรู้
ลกั ษณะของโรค COVID-19

การวนิ จิ ฉัย และ การรกั ษา
การติดเชอ้ื ทางเดินหายใจจากไวรัส ระบบทางเดนิ หายใจเร่ิมจากจมูกลงไปถึงถงุ ลมในปอด แบ่ง

ออกเปน็ ทางเดินหายใจส่วนบน (จมกู โพรงรอบจมูกหรือไซนสั กล่องเสยี ง) และสว่ นล่าง (หลอดลม และปอด)
ความเจ็บปุวยจากการตดิ เช้ือที่ทางเดนิ หายใจสว่ นบน จะไม่รนุ แรงเทา่ การตดิ เชอ้ื ทางเดินหายใจส่วนลา่ ง ไวรัสที่
ชอบทางเดนิ หายใจส่วนลา่ งจงึ กอ่ โรครนุ แรงกว่า ความเจ็บปุวยจากการตดิ เช้อื ไวรสั ทีท่ างเดนิ หายใจ เปน็ ผลจาก
ทีไ่ วรสั เข้าไปแบ่งตวั ในเซลลข์ องทางเดินหายใจ และเกดิ ปฏิกริ ยิ าตอ่ ต้านจากร่างกาย ความรุนแรงของโรคมาก
นอ้ ยขน้ึ อยูก่ ับ

1. ลักษณะเฉพาะตัวของไวรัส ซึ่งชอบทจ่ี ะไปอยู่ที่ส่วนไหนของทางเดนิ หายใจ เชน่ ในรจู มกู ทําให้มี
นาํ้ มูก หรอื ลงปอดเกิดปอดอักเสบ และความสามารถในการ กระต้นุ ปฎิกริ ิยาการอักเสบ

2. ปฏกิ ริ ยิ าทางอิมมูนของผตู้ ิดเชอ้ื เพ่ือการกาํ จัดไวรสั ซึ่งอาจก่อใหเ้ กดิ การอักเสบมากเกินพอ และ
หากกระบวนการยับยั้งไมด่ ี ก็จะทําใหโ้ รครนุ แรง

การดาเนินโรค
การตดิ เชือ้

ไวรสั โควดิ -19 รวมถงึ ไวรัสอื่นทที่ าํ ใหต้ ิดเชื้อท่ีทางเดินหายใจ เข้าสู่ร่างกายโดยทาง “ปาก จมูก ตา”
โดยที่ไวรสั จะเขา้ ไปเกาะตดิ และเขา้ ไปแบ่งตวั ในเซลล์ของเย่ือบุ ทางเดินหายใจ ไวรสั ไม่เข้าทางผิวหนงั หรือแผล
ที่ผวิ หนัง

ระยะฟักตัว (Incubation period, IP) หมายถึงระยะเวลาต้ังแตร่ ับเชื้อจนถึงเริ่มมีอาการปุวย
ระยะฟักตวั ของโรค COVID-19 เทา่ กบั 2-14 วัน ซึ่งเปน็ เหตุผลที่ให้ผสู้ ัมผัสโรคกักกนั ตวั จากคนอืน่
14 วนั
จากรายงานผปู้ วุ ยนอกเมืองอู่ฮ่ัน ระหว่าง มค.-กพ. 2563 พบว่าคา่ มธั ยฐาน (median, ค่ากลาง) ของ
ระยะฟกั ตวั ของโรคน้ี ประมาณ 5.1 วัน (95% CI, 4.5 to 5.8 days) และ 97.5% ของผู้ปวุ ยมรี ะยะฟกั ตวั
ของโรคน้อยกวา่ 11.5 วัน (95% CI, 8.2 to 15.6 days)
ปจั จัยท่ีมีผลต่อระยะฟกั ตวั ไดแ้ ก่
1. ปริมาณของเช้ือไวรัสท่ีได้รับ ถ้ามากจะทําใหเ้ กดิ โรคเรว็ คอื ระยะฟกั ตวั สนั้
2. ทางเขา้ ของเชือ้ โรค เช่น ไวรัส COVID-19 หากเขา้ สูป่ อดโดยตรงทางจมูก และปาก จะเกิดโรคเร็ว
กวา่ การรบั เชื้อทางเย่ือบตุ า
3. ความเร็วของการเพม่ิ จาํ นวนไวรสั ในรา่ งกายมนุษย์
4. สุขภาพของผทู้ ี่ไดร้ บั เชอ้ื
5. ปฏกิ ิริยาทางอิมมูนของผู้ติดเช้ือต่อไวรสั ซึ่งมีผลทงั้ ในการกาํ จดั เชอ้ื และ การอักเสบซ่ึงมผี ลใหเ้ กิด
อาการของโรค เช่น ไข้ ไอ หอบ

สาํ นกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๓๒

อาการป่วย (Symptoms)
โดยทั่วไป ผปู้ ุวยจะมอี าการคล้ายไขห้ วดั ใหญ่ มีอาการ “ไข้ และ ไอ” เป็น พ้นื ฐาน ส่วนใหญเ่ รม่ิ จาก

ไอแห้งๆ ตามด้วย ไข้ ผ้ปู ุวยสว่ นนอ้ ยคือ ร้อยละ 5 มี นาํ้ มกู เจบ็ คอ หรือ จาม ไมม่ อี าการเสียงแหบหรือเสียง
หาย

รอ้ ยละ 98.6 มไี ข้ (ไข้อาจจะไมไดเ้ รมิ่ ในวันแรกของการปุวย)
ร้อยละ 69.6 มีอาการอ่อนเพลยี ผดิ ปรกติ
รอ้ ยละ 59.4 ไอแหง้ ๆ

ความรุนแรงของโรค
ความรุนแรงของโรค ขน้ึ อยกู่ ับ
1. ปรมิ าณไวรสั ทไ่ี ด้รับเขา้ ทางเดินหายใจ
2. ปัจจัยทางผตู้ ิดเช้ือ เช่น สขุ ภาพ โรคประจําตัว ปฏกิ ริ ิยาอิมมูน การปฏบิ ัตติ น เม่ือเริ่มปวุ ย
3. การดูแลรกั ษาเม่ือตดิ เช้ือและปวุ ย ผตู้ ิดเชื้อส่วนใหญ่มอี าการนอ้ ย และส่วนน้อยมากไม่มอี าการปวุ ย

เลย เด็กส่วนใหญม่ อี าการน้อย ผสู้ ูงอายุและผ้มู โี รคประจําตวั มกั จะมีอาการหนกั กวา่
-ร้อยละ 80 มีอาการนอ้ ย คล้ายไขห้ วัดธรรมดา หรอื ไขห้ วัดใหญท่ อี่ าการน้อย หายได้เองหลังพักผ่อน

และดูแลตามอาการ
-รอ้ ยละ 14 มอี าการหนกั จากปอดอกั เสบ หายใจผดิ ปรกติ
-ร้อยละ 5 มอี าการวกิ ฤติ เชน่ การหายใจล้มเหลว ชอ็ คจากการปวุ ยรนุ แรง
-รอ้ ยละ 1-2 เสียชวี ิต หลังจากมอี าการหนัก มักเกิดกับผูส้ ูงอายุ ผมู้ โี รคประจําตวั ทางหวั ใจและปอด

เบาหวาน ภมู ิตา้ นทานตํา่ หรือโรคประจําตวั อื่นๆ

ระยะเวลาที่ป่วย
ขอ้ มลู ผปู้ วุ ย 55,924 ราย ให้ค่ามัธยฐาน (median time หรอื คา่ กลาง) ของ ระยะเวลาจากเรม่ิ มี

อาการ จนถึงวนั ท่ีเรมิ่ ฟ้ืนตัวจากการปุวย คืออาการเรม่ิ ดีขึ้น ดงั น้ี
- ผปู้ ุวยท่มี อี าการน้อย (mild cases) 2 สปั ดาห์
- ผู้ปุวยที่มีอาการหนัก (severe or critical) 3-6 สัปดาห์
- เร่ิมปุวยจนมีอาการหนัก 1 สปั ดาห์
- เร่ิมปวุ ยจนถึงแก่กรรม 2-8 สัปดาห์ (WHO-China Joint Mission, publish Feb 28,

2020 by WHO)

สํานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 ๑๓๓

อตั ราตายจากการตดิ เช้ือไวรัสสายพนั ธุ์ใหม่ทเี่ คยพบในประเทศไทย
พ.ศ. 2545: โรค SARS ร้อยละ 10
พ.ศ.2553: ไขห้ วัดใหญ่-2009 (Flu-pandemic 2009) ร้อยละ 0.03-0.5
พ.ศ. 2557: โรค MERS รอ้ ยละ 30
พ.ศ. 2562-2563: โรค COVID-19 รอ้ ยละ 1-2 (ซ่งึ นา่ จะตํา่ กว่าขณะนี้)

การวินจิ ฉัยโรค และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1. ขอ้ มูลจากประวตั อิ าการผิดปรกติ และการสัมผสั โรค
1.1 ประวตั ิอาการไม่สบาย ผลการตรวจรา่ งกาย และการตรวจแลบ็ พ้ืนฐาน
1.2 ประวตั สิ มั ผสั โรค ตามท่ีกล่าวแล้วในเร่ืองผสู้ ัมผสั
2. การตรวจหาไวรสั SARS-CoV-2 (หรอื ไวรสั โควดิ ไนน์ทีน)
วตั ถปุ ระสงค์:
1. การควบคุมการแพรร่ ะบาด
2. การพิจารณาใชย้ าต้านไวรสั ท่ตี รงกบั ชนดิ ของเชื้อ
3. การวิจยั เพ่ือใชใ้ นการควบคุมโรค และการรักษา การตดิ ตามดกู ารเปลย่ี นแปลงของไวรัส
การตรวจ
มกี ารพัฒนาการตรวจเพิ่มเติมและดขี ้ึนเร่ือยๆ หลักการมีดังน้ี
1. สิ่งส่งตรวจ
- สารท่ีเก็บจากดา้ นในของจมูกและคอหอย โดยการเกบ็ ตรวจอย่างถูกต้องตาม
- เลอื ด
2. วิธกี ารตรวจ
- Real-Time RT-PCR for coronavirus จากสิง่ ส่งตรวจจากทางเดนิ หายใจ เปน็ การ

ตรวจหลักในปัจจุบัน ซ่ึงเป็นการตรวจระดับโมเลกุล การเก็บส่งิ สง่ ตรวจไมด่ ี ทําให้ตรวจไมพ่ บไวรัสได้ บอกไม่ได้
จากผลตรวจวา่ มไี วรัสทมี่ ีชวี ติ หรือไม่

- Serology คอื การตรวจเลือดหา immuglobulin ท่เี ฉพาะต่อเช้ือ ซึ่งเป็นสว่ นหนงึ่
ของปฏิกริ ยิ าภมู ิตา้ นทาน หลักการในการตรวจหาการตดิ เช้ือไวรสั โดยทัว่ ไป จะตรวจ IgM ในสปั ดาห์แรก และ
IgG หลังจาก 1 สัปดาห์ นบั ต้ังแตต่ ิดเช้อื

- Viral culture คือการเพาะเช้ือไวรสั จากสงิ่ ส่งตรวจ ใช้ในการวจิ ยั เป็นหลกั
การปอู งกันอนั ตรายในห้องแลปยากกว่า และค่าใชจ้ ่ายสงู กว่า

3. การตรวจปอดด้วยภาพรังสี (Chest X-ray, CT- Chest)
- ในช่วงที่มีการระบาดหนกั ในประเทศจีนจนการตรวจทางโมเลกลุ รบั ไม่ไหว ไดม้ ีการ

แนะนําการตรวจปอดดว้ ยภาพเอ็กซเรย์คอมพวิ เตอร์ เพอ่ื การวินจิ ฉยั COVID-19 อาจพิจารณาเป็น
สว่ นประกอบของการวนิ ิจฉยั ทางการแพทย์ และเปน็ ทางเลือก

สาํ นกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศึกษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๓๔

การดูแลรักษาผตู้ ิดเช้ือ
โรคนี้คลา้ ยกบั ไข้หวดั ใหญ่ คือ ผูป้ วุ ยสว่ นใหญ่ (ประมาณ ร้อยละ 80) มอี าการน้อย และหายไดเ้ อง แต่

ตอ้ งปฏบิ ัตติ วั ให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตวั เอง และปูองกนั คนอ่ืน
1. การรักษา
1.1 การรกั ษาท่วั ไป:
1. พักผอ่ นทนั ทีท่เี ร่มิ ปุวย และพักผ่อนให้พอ ใหร้ ่างกายอบอนุ่ กินอาหาร และดื่มน้ํา

ใหเ้ พียงพอ รักษาตามอาการ เชน่ ลดไข้
2. ปรึกษาแพทย์ เพ่ือการดูแลรักษา ถา้ เปน็ ผ้เู สยี่ งต่อการท่ีจะปุวย รนุ แรง เช่น

ผู้สงู อายุ ผมู้ โี รคประจาํ ตวั หญิงมคี รรภ์ หรือมีอาการหนกั
3. ผู้ปุวยทม่ี ีอาการน้อย สามารถรกั ษาตวั ที่บ้าน ผู้ปุวยทมี่ ีอาการหนัก ตอ้ งรับการ

รกั ษาในโรงพยาบาล ในระยะท่ผี ตู้ ิดเชื้อยงั ไมม่ ากเกินกาํ ลงั ควบคมุ ดูแล มีข้อกาํ หนดใหร้ ับผู้ตดิ เช้อื ไวใ้ น
สถานพยาบาลท้ังหมด เพื่อการดแู ลรักษาและปอู งกันการแพรเ่ ชือ้

1.2 เฉพาะโรค: เริม่ มียาตา้ นไวรัสต่อไวรัสชนิดน้ีในขัน้ ทดลองในวงกว้างแล้ว
2. การปูองกัน

- ในระยะที่ควบคมุ การระบาด ตอ้ งรายงานเจา้ พนักงาน เม่อื มีผูต้ ดิ เชื้อ
- ปอู งกนั การแพรเ่ ชื้อให้คนอ่ืน ตามข้อแนะนาํ ภูมิต้านทานหลงั ตดิ เชื้อ คนที่เคยตดิ เชือ้ ไวรัส
COVID-19 แลว้ จะติดเชอ้ื น้ีอีกไหม ? แมว้ า่ จะยังไม่มขี ้อมูลทชี่ ัดเจนในเร่ืองนี้ แต่ขอ้ มูลจากการตดิ เช้ือโคโรนา
ไวรสั อ่ืนท่คี ล้ายคลงึ กนั เช่น โรค SARS ในปี 2545 และ MERS-CoV ในปี 2557 ช้ีแนะวา่ ภมู ิตา้ นทานท่เี กดิ
จากการตดิ เช้ือไวรัสโคโรนา ไมใ่ ชภ่ ูมิตา้ นทานที่จะอย่นู าน ไม่น่าจะมีการตดิ เช้ือซ้าํ ในระยะเวลาใกล้ๆ เช่น
ภายใน 1 ปี ทง้ั นี้ การสรา้ งภมู ิต้านทานต่อ COVID-19 ยังไมเ่ ป็นทเ่ี ขา้ ใจดีนัก

สาํ นักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๓๕

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๓๖

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๓๗

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๓๘

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๓๙

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๔๐

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๔๑

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลักสตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๔๒

สาํ นกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควดิ ศกึ ษา” ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๔๓

ใบงาน เร่อื ง การแพรเ่ ช้ือและการรับเชื้อไวรสั โคโรนา 2019 (COVID-19)

ชอ่ื -สกลุ ....................................................... โรงเรียน ............................................เลขที่....................ช้ัน
....................

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นทําแผนผงั ความคดิ เพื่อสรา้ งองค์ความรเู้ ร่ืองลกั ษณะการติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019

สํานักงานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศกึ ษา” ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 ๑๔๔

ใหน้ กั เรียนนำควำมรจู้ ำกเร่ืองที่เรียนทง้ั หมดมำใชเ้ ป็ นขอ้ มลู ในกำรจดั ทำ
๑. การแพรเ่ ชื้อและการรับเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

๒. การปอู งกันการแพรเ่ ชอ้ื และการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

๒. ๓. ลกั ษณะการติดเช้อื ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

สํานกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสมี า เขต 2

หลกั สตู ร “โควิดศึกษา” ระดบั ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 ๑๔๕

แบบตรวจใหค้ ะแนนใบงาน

เลขที่ ช่ือ – สกลุ คะแนนทไี่ ด้ สรุปผล
(๑๐ คะแนน) ผา่ น ไม่ผา่ น



















๑๐

๑๑

๑๒

๑๓

14

15

16

17

18

19

20

สรปุ

ลงช่ือ.........................................ผ้ตู รวจ
(....................................................)

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
- นักเรียนผา่ นเกณฑร์ ้อยละ ๘๐ ขึ้นไปถอื วา่ ผ่าน

สํานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2

หลักสตู ร “โควดิ ศึกษา” ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 ๑๔๖

แบบสังเกตพฤตกิ รรมนักเรียน
ช่ือนักเรยี น..............................................................ช้ัน.................ภาคเรยี นท.ี่ .........ปกี ารศึกษา..................

คาชแี้ จง การบันทกึ ให้กาเครื่องหมาย  ลงในช่องท่ีตรงกับพฤติกรรมทีเ่ กิดขึ้นจรงิ

ระดบั การปฏบิ ัติ

ที่ พฤติกรรม เป็นประจํา บางคร้ัง น้อยครัง้ ไม่ทาํ เลย/
ไมช่ ดั เจน
(๓) (๒) (๑)
(๐)

๑ มคี วามรบั ผิดชอบในหน้าท่ีการงาน
๒ ต้ังใจและเอาใจใส่ต่อการปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ีได้รบั มอบหมาย
๓ ทํางานด้วยความเพียรพยายาม
๔ รจู้ กั แก้ปัญหาในการทาํ งานเม่ือมีอุปสรรค
๕ อดทนเพอื่ ให้งานสําเร็จตามเปูาหมาย
๖ ปรบั ปรุงและพัฒนาการทํางานให้ดีขน้ึ ด้วยตนเอง

รวมคะแนน/ระดับคณุ ภาพ

ลงชอื่ ..................................................ผปู้ ระเมิน
(......................................................)

เกณฑก์ ารประเมิน

ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การประเมนิ

ดเี ย่ียม ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๕-๑๘ คะแนน และไมม่ ผี ลการประเมินข้อใดข้อหน่ึงต่ํากว่า ๒ คะแนน

ดี ไดค้ ะแนนรวมระหวา่ ง ๑๑-๑๔ คะแนน และไม่มีผลการประเมนิ ข้อใดข้อหน่ึงตา่ํ กวา่ ๐ คะแนน

ผา่ น ได้คะแนนรวมระหวา่ ง ๖-๑๐ คะแนน และไม่มผี ลการประเมนิ ข้อใดข้อหนง่ึ ตา่ํ กวา่ ๐ คะแนน

ไมผ่ า่ น ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง ๐-๕ คะแนน

สํานักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2


Click to View FlipBook Version