แบบประเมนิ แบบฝึกหัด เร่อื งการเปลี่ยนหนว่ ยอุณหภูมิ
ตอบถกู 1 ข้อ ได้ 2 คะแนน ตอบผิด ได้ 0 คะแนน
เกณฑก์ ารประเมิน
จำนวนคะแนน ระดับคุณภำพ
10-12 ดมี ำก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
1-3 ปรบั ปรุง
เกณฑ์การสรปุ ผลการประเมนิ
นักเรยี นได้ระดับคุณภาพที่ พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผา่ น
แผนจัดการเรียนรทู้ ี่ 5 หนว่ ยยอ่ ยที่ 5
ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ อณุ หภูมิและความรอ้ น เวลา 2 ช่ัวโมง
เรื่อง การถา่ ยโอนความร้อน ผ้สู อน ครูสกุ ฤตา ดวงสขุ
วันทท่ี ำการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
การถ่ายโอนความร้อน มี 3 วธิ ี คอื การนำความร้อน
มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/5 วเิ คราะห์สถานการณก์ ารถ่ายโอนความ
การพาความร้อน และการแผร่ ังสีความร้อนการนำความร้อน รอ้ น และคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ถี ่ายโอนระหวา่ งสสาร จนเกดิ
สมดุลความร้อน โดยใช้สมการ Qสญู เสยี = Qไดร้ ับ
3. เนอ้ื หาสาระการเรยี นรู้ 4. ชน้ิ งาน / ภาระงาน
การถ่ายโอนความรอ้ น
- ใบงาน Compare & Contrast เรื่องการถ่ายโอนความรอ้ น
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น - ใบงานตามแนว Pisa เรอื่ งการถ่ายโอนความรอ้ น
ความสามารถในการคดิ - แบบทดสอบออนไลน์ เร่ืองการถา่ ยโอนความรอ้ น 5 ขอ้
ความสาสารถในการแก้ปญั หา
6. เครื่องมือการสอนคิด
- Compare & Contrast
- Six thinking hats (Yellow hat) , (White hat)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ข้นั ของกิจกรรม 8. สอ่ื 9. วธิ ีวดั ผล
Do Now (3 นาที) - ไฟล์ Learn Education - ประเมินใบงาน
Compare & Contrast
บอกประโยคท่ีเป็นภาษาถ่ิน ทีน่ ักเรียนชอบมาคนละ 1 ประโยค เรอ่ื งการถา่ ยโอนความร้อน เรอื่ งการถ่ายโอนความ
ร้อน
โดยหา้ มตอบซ้ำกนั คาบที่ 3 - ประเมนิ ใบงานตาม
แนว Pisa เร่ืองการถ่าย
Purpose (2 นาที) - Power Point เร่อื งการถ่าย โอนความร้อน
- ประเมินแบบทดสอบ
เราจะเรยี นเร่ืองการถา่ ยโอนความรอ้ น เพอ่ื ให้นกั เรยี นอธบิ าย โอนความร้อน
ออนไลน์ เร่อื ง การถ่าย
กระบวนการถ่ายโอนความรอ้ นได้ - ใบงาน Compare &
โอนความรอ้ น 5 ข้อ
Work mode (110 นาท)ี Contrast เรื่องการถ่ายโอน
1. นักเรียนตอบคำถามโดยครใู ชค้ ำถามกระตุ้นความคิด “เม่ือนำเหล็ก ความร้อน
ทองแดง กระจก และไม้ ไปลนเปลวไฟ นกั เรยี นคดิ ว่าวตั ถุชนดิ ไหนเกดิ - ใบงานตามแนว Pisa เรอื่ ง
ความรอ้ นมากทีส่ ดุ เพราะอะไร” (คิด2 : คิดเปรียบเทียบ) (5นาที) การถ่ายโอนความรอ้ น
2. นกั เรียนศึกษาไฟลท์ ่ี 3 เรื่องการถา่ ยโอนความร้อน ผ่านระบบ - หอ้ งเรียนออนไลนเ์ รอ่ื งการ
Learn Education (พอเพียง3 : การมภี ูมคิ ุม้ กนั ท่ดี ี) (35 นาที) ถา่ ยโอนความรอ้ น
3. นกั เรียนทำแบบทดสอบท้ายบทเรยี นออนไลน์ 5 ขอ้ (5 นาที )
4. นกั เรียนฟงั ครอู ธิบายเพ่มิ เติมเร่ืองการถา่ ยโอนความร้อน โดยใช้สื่อ
Power point ประกอบการสอน (10นาที)
5. นกั เรียนแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 5-6 คน เพอ่ื ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
เกย่ี วกับการถ่ายโอนความร้อน จากใบความรูห้ รอื จากบทเรียนออนไลน์
โดยการแสกน QR-code เรอ่ื งการถ่ายโอนความร้อน (พอเพยี ง7 : สังคม)
(10นาที)
กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. สือ่ 9. วธิ ีวัดผล
7. ขนั้ ของกิจกรรม
6. นกั เรยี นเปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกต่างของ
กระบวนการถา่ ยโอนความร้อน ลงในใบงาน Compare & Contrast
เร่ืองการถา่ ยโอนความร้อน (10 นาท)ี
7. นกั เรียน (ตวั แทนโดยการสมุ่ ) ออกมานำเสนอใบงาน Compare &
Contrast เรอื่ งการถา่ ยโอนความร้อน ( 10 นาที )
8. นักเรียนลงมอื ทำใบงานตามแนว Pisa เรือ่ งการถา่ ยโอนความร้อน
(15 นาที)
9. นกั เรียนและครูสรุปเชอ่ื มโยงความรูเ้ กยี่ วกับเรือ่ งการถ่ายโอนความ
ร้อน พรอ้ มตอบคำถามดังนี้ (Six thinking hat) (10นาที)
9.1 การนำความร้อนคืออะไร (White hat)
9.2 การพาความรอ้ นคอื อะไร (White hat)
9.3 การแผ่รงั สีความร้อนคอื อะไร (White hat)
9.4 กระบวนการถา่ ยโอนความร้อนมปี ระโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั
อยา่ งไรบ้าง ? (Yellow hat)
Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 ส่งิ ทนี่ ักเรียนไดร้ ับจากการเรียนในวนั นีค้ อื (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้
เรือ่ ง การถ่ายโอนความรอ้ น
การถา่ ยโอนความรอ้ น
การถ่ายโอนความรอ้ น หมายถึง การถ่ายเทพลังงานความร้อนจากบรเิ วณทม่ี อี ุณหภมู สิ งู ไปยังบริเวณ
ทม่ี ีอณุ หภมู ิต่ำกวา่ เปรยี บเหมอื นการไหลของกระแสนำ้ โดยนำ้ จะไหลจากท่รี ะดบั สูงไปยงั ทีร่ ะดบั ต่ำกวา่ และ
จะหยดุ ไหลเมื่อมีระดับเทา่ กนั เชน่ ถ้ายนื ข้าง ๆ กองไฟหรอื เตาไฟ จะรูส้ กึ ว่ามีความรอ้ นจากกองไฟแผ่มาถึง
หรอื ถ้าจบั ช้อนโลหะที่จุ่มอยใู่ นน้ำรอ้ น จะรูส้ ึกวา่ ดา้ มช้อนน้นั รอ้ น การถ่ายโอนความรอ้ น มี 3 หลายแบบ
ดังนี้
1. การนำความร้อน
การนำความร้อนเปน็ การถา่ ยโอนความร้อนเกิดขึน้ จากโมเลกุลของสารในตำแหน่งทีส่ มั ผัสกบั
ความรอ้ นมีพลงั งานเพิ่มข้ึน ทำใหโ้ มเลกุลส่นั และสง่ ผลกระทบไปยังโมเลกุลอ่ืนทอ่ี ยู่ข้างเคยี งเปน็ การถ่าย
โอนพลงั งานความรอ้ นจากโมเลกุลหนึง่ ไปยังอกี โมเลกลุ หน่ึงต่อเนื่องกนั ไป การถ่ายโอนพลงั งานความรอ้ น
แบบนไี้ ม่มีการเคลอ่ื นท่ขี องโมเลกุล เป็นการถา่ ยโอนจากโมเลกุลหนึ่งไปส่โู มเลกุลตอ่ ๆ กันไป
สารแตล่ ะชนดิ มีความสามารถในการนำความรอ้ นไดต้ า่ งกนั เราเรียกวา่ สภาพนำความร้อน สารที่
นำความร้อนไดด้ ี เรียกว่า ตวั นำความรอ้ น เช่น โลหะ ของแขง็ สามารถนำความร้อนไดด้ ีกว่าของเหลวและ
ของเหลวนำความร้อนได้ดีกวา่ แก๊ส สว่ นสุญญากาศไมส่ ามารถนำความรอ้ นได้เลย สารท่นี ำความร้อนได้ไม่ดี
เรยี กว่า ฉนวนความรอ้ น เชน่ แก้ว ไม้ พลาสตกิ ยาง อากาศ เป็นตน้
การนำความรเู้ รื่องการนำความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์
1. ภาชนะท่ใี ช้ในการหงุ ตม้ เช่น ตัวกระทะ หรอื หมอ้ หุงตม้ ท่ีตอ้ งการใหค้ วามร้อนสง่ ผ่านไปยังอาหาร
ทีป่ รุงไดร้ วดเร็ว จะทำดว้ ยโลหะ สเตนเลสหรอื อลูมเิ นียมแตส่ ่วนดา้ มจบั ภาชนะหรอื หหู วิ้ จะเปน็ วัสดุประเภทไม้
หรือพลาสติก ซึง่ เป็นฉนวนความรอ้ น
2. ภาชนะท่ีใช้สำหรบั เก็บอาหารที่ปรุงแล้วต้องเป็นภาชนะทีเ่ ปน็ ฉนวนความร้อน เพือ่ ให้สามารถเก็บ
ความร้อนไวไ้ ดน้ าน เชน่ พลาสติก แก้ว และโฟม เปน็ ต้น
3. ในฤดูหนาวควรจะสวมเสื้อผ้าหรือหม่ ผา้ ทีห่ นา ๆ ท่ีทำดว้ ยขนสตั ว์ หรือสวมเสื้อ
หลาย ๆ ตัว อากาศทแ่ี ทรกอย่รู ะหวา่ งขนสตั ว์และเสื้อผ้าแต่ละชน้ั เปน็ ตัวนำความร้อนทีไ่ มด่ ี ทำให้การถา่ ย
โอนความร้อนจากรา่ งกายออกสภู่ ายนอกเปน็ ไปได้ยาก จงึ ทำใหร้ า่ งกายอบอุน่ ตลอดเวลา
4.พ้ืนของเตารีดจะทำดว้ ยโลหะ ท่ีจะนำความรอ้ นไปสู่ผ้าท่ีตอ้ งการรีด แต่มือจบั เตารีดจะทำดว้ ย
พลาสติกซ่ึงเป็นฉนวนความรอ้ น
5.ตัวกระตกิ นำ้ แขง็ นยิ มทำดว้ ยพลาสติก เพอ่ื ป้องกนั ความรอ้ นจากภายนอกไมใ่ หผ้ ่านเขา้ ไปภายใน
อาหารและเครือ่ งด่ืมในกระติกจึงเย็นและสดอยเู่ สมอ
6.กลอ่ งบรรจอุ าหารนยิ มใชส้ ไทโรโฟมซง่ึ เปน็ ฉนวนความรอ้ น ชว่ ยปอ้ งกนั อาหารท่เี กบ็ รักษาไม่ให้
สญู เสยี ความรอ้ นไปหรอื ป้องกันไมใ่ หค้ วามรอ้ นจากภายนอกเขา้ ไปขา้ งในได้ กรณีทต่ี ้องการเก็บรักษาอาหารให้
เย็น
7.ทร่ี องอุปกรณป์ รุงอาหารภายในครวั จะทำด้วยไม้คอร์ก เพื่อป้องกนั ไมใ่ ห้พนื้ โต๊ะเสียหาย เมื่อนำ
อปุ กรณป์ รุงอาหารท่ีร้อน ๆ มาวางบนโตะ๊
8.ถงุ มอื ท่จี บั ภาชนะหุงต้มอาหารจะมีชอ่ งหรอื บริเวณทใ่ี ช้เก็บกักอากาศ เพ่ือใหอ้ ากาศเปน็ ตัวกนั ไมใ่ ห้
ความร้อนไหลเข้าสูม่ ือ ขณะจับจาน กระทะ หรือภาชนะอื่น ๆที่ร้อนอยู่
9.ถา้ ข้อมือหรอื ข้อเท้าเกดิ อาการเคล็ด ขดั ยอก ให้ใช้ของเย็น ๆ ประคบตรงบรเิ วณท่ีเกิดอาการเพราะ
การกระทำดงั กลา่ วเป็นการนำความร้อนออกจากบริเวณร่างกายท่ีไดร้ บั บาดเจ็บ ซ่งึ จะช่วยลดการไหลเวียน
ของเลือด ไมใ่ ห้เกิดอาการปวดบวมมากข้ึนได้
2. การพาความร้อน
การพาความรอ้ น เปน็ วิธกี ารถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากจุดหน่ึงไปยงั อกี จดุ หนง่ึ ผา่ นวัตถหุ รอื
ตัวกลางที่เป็นของเหลวหรอื แก๊ส ซง่ึ ความรอ้ นจะเคลอ่ื นท่ไี ปกับตัวกลางนัน้ เชน่ เมื่อให้ความร้อนแกน่ ้ำไป
บีกเกอร์แกว้ โดยใช้เปลวไฟลนที่กน้ แกว้ นำ้ ดา้ นล่างได้รบั ความรอ้ นจะขยายตัวลอยข้ึนพาเอาความรอ้ นไปสู่
ตอนบน นำ้ ตอนบนที่เย็นกว่าก็จะจมลงและเมือ่ ได้รับความร้อนก็จะลอยตัวขน้ึ หมุนเวยี นเรอื่ ยไปจนนำ้ ในบีก
เกอรร์ ้อนทั่วกนั หรือถ้านักเรียนเอามอื ไปองั เหนอื เปลวไฟ นกั เรียนจะร้สู ึกรอ้ น ท้ังน้เี พราะอากาศท่อี ยู่
เหนอื เปลวไฟมอี ณุ หภมู ิสงู ขน้ึ ซงึ่ โมเลกลุ ของอากาศเม่อื ไดร้ บั ความรอ้ น จะเคล่ือนเร็วข้ึนและลอยตัวขึ้นมา
กระทบมอื เรา จนเรารู้สึกรอ้ น ขณะเดยี วกันโมเลกลุ ของอากาศทเี่ ย็นกว่าจะเข้ามาแทนท่ี การเคล่อื นทีข่ อง
อากาศในลกั ษณะนเ้ี ป็นไปอย่างตอ่ เน่อื ง ดังน้นั การท่ีเราเอามอื ไปองั เหนือเปลวไฟแล้วร้สู ึกร้อน ทง้ั ๆ ท่เี รา
องั ห่างจากเปลวไฟแล้ว นนั่ เปน็ เพราะอากาศเป็นตัวพาความรอ้ นจากเปลวไฟมาสมู่ ือเรา
การนำความรู้เรอื่ งการพาความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์
1.ชาวประมงใช้ประโยชนจ์ ากลมบกลมทะเล โดยการพาความร้อน ทำให้เกดิ กระแสลมในบริเวณต่าง
ๆ ทั้งนเี้ น่อื งจากอณุ หภมู ขิ องอากาศในบริเวณ 2 แห่งความแตกต่างกันจงึ ทำให้อากาศเย็นเคลอื่ นเข้าไป
แทนที่อากาศร้อน ตัวอย่างเช่น การเกดิ ลมบก ลมทะเล โดยลมบกและลมทะเลเกิดจากการพาความร้อน
ของอากาศซงึ่ ในเวลากลางวันพืน้ ดนิ ดูดซับความร้อนได้ดีกว่าพ้ืนน้ำ ทำใหม้ อี ุณหภูมิสูงกวา่ พน้ื นำ้ อากาศเหนือ
พ้ืนดนิ มีความหนาแนน่ น้อย จึงลอยตัวขึ้น อากาศเหนือพ้ืนนำ้ ท่ีเยน็ กว่าจะพดั เข้ามาแทนท่ี เกิดการ
หมุนเวยี นของอากาศ คือ มีลมพัดจากทะเลเขา้ สฝู่ ง่ั เรียกว่า ลมทะเล ซง่ึ ชาวประมงใชป้ ระโยชน์ในการนำ
เรอื ประมงท่อี อกหาปลาในเวลากลางคืนกลับเขา้ ฝ่ัง พอถึงเวลากลางคนื พื้นดนิ คายความรอ้ นไดเ้ รว็ กว่าพน้ื น้ำ
พ้นื นำ้ จึงมีอณุ หภมู ิสงู กว่าพนื้ ดิน ดังนน้ั อากาศบรเิ วณเหนือพื้นน้ำซ่ึงมี ความหนาแน่นนอ้ ยกว่าจะลอยตัว
สงู ขึน้ อากาศทเ่ี ย็นกวา่ เหนือพน้ื ดินจะเคล่อื นมาแทนทเ่ี กิดเป็นลมพดั จากพนื้ ดนิ ออกสู่ทะเล เรียกวา่ ลมบก
ซงึ่ ชาวประมงใช้ประโยชน์ในการนำเรือประมงออกหาปลาในเวลากลางคืน
2.ใชใ้ นการประดษิ ฐเ์ ครื่องใชไ้ ฟฟา้ ตา่ ง ๆ เช่น กาตม้ น้ำร้อน เครอ่ื งทำน้ำอนุ่ ตเู้ ยน็
เครื่องปรบั อากาศ
การนำความร้อน การพาความรอ้ น
1. สว่ นใหญเ่ กิดข้ึนในสารทม่ี สี ถานะเปน็ ของแขง็ 1.ส่วนใหญ่เกดิ ขึ้นในสารท่มี สี ถานะเป็นของไหล
( ของเหลวและแก๊ส )
2. ความร้อนสามารถไหลเวียนไปในทิศทางใด ๆ กไ็ ด้ 2. ความรอ้ นไหลขึน้ ไปสูเ่ บ้ืองบน
3. พลงั งานความรอ้ นจะสง่ ผ่านโมเลกลุ ของสารท่มี ี 3. ของไหล ( ตวั กลางทีม่ อี ณุ หภมู ิสูง ) จะเคลื่อนท่ีอย่าง
สถานะเป็นของแข็ง โดยท่ีโมเลกุลของสารนน้ั ไม่ อิสระ และนำพลงั งานติดตัวอนุภาคของของไหล
เคล่ือนที่ ไปยงั ทมี่ อี ุณหภูมิต่ำกวา่
3. การแผร่ ังสคี วามร้อน
เปน็ การถ่ายโอนพลังงานความรอ้ นจากบริเวณท่ีมีอณุ หภมู สิ ูงกว่า ไปยังบรเิ วณท่มี ีอณุ หภมู ิต่ำกวา่ โดย
ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งอาศยั ตัวกลางในการถา่ ยโอนความร้อน ( มีหรือไม่มีตัวกลางก็ได้ ) แต่สำหรบั การถา่ ยโอน
พลงั งานความร้อนแบบการแผ่รังสคี วามร้อน สามารถแผ่มาไดเ้ องในรูปของรงั สคี วามร้อน เชน่ ดวงอาทิตย์
แผร่ ังสคี วามรอ้ นมายังโลก หรอื พลงั งานรังสคี วามรอ้ นซ่งึ อยใู่ นรูปของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า
การนำความรู้เร่อื งการแผ่รังสคี วามร้อนไปใช้ประโยชน์
1.การใชแ้ ผ่นอะลมู ิเนยี มฟอยด์ (aluminium foil) หอ่ อาหารเน่อื งจากแผ่นอะลูมเิ นยี มฟอยด์มสี ี
เงินและเปน็ มนั ซงึ่ สมบตั ิในการแผ่รงั สคี วามรอ้ นไดช้ ้า จงึ ทำให้อาหารทอ่ี ยภู่ ายในรอ้ นอยไู่ ดน้ านกวา่ ปกติ
2.ภาชนะบรรจุน้ำรอ้ นเชน่ กระติกนำ้ ร้อน ควรจะมสี ีอ่อน ๆ หรอื เปน็ มนั วาวเพราะจะสามารถเก็บ
ความร้อนได้ดกี ว่าภาชนะท่ีมีสีดำ เน่อื งจากวัตถทุ ี่มีสเี ขม้ จะแผ่ รงั สคี วามรอ้ นไดด้ กี วา่ วตั ถทุ มี่ ีสอี อ่ น
ใบงาน Compare & Contra
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรียนเปรียบเทยี บความเหมอื นและความแตกต่าง การนำความรอ้
การการนำความร้อน การพาความรอ้ น
การแผร่ งั สคี วามรอ้ น
ชอ่ื ..........................................................................ชน้ั ...........เลขท.่ี ........
ast เรือ่ งการถา่ ยโอนความรอ้ น
อน การพาความรอ้ น และการแผ่รังสคี วามรอ้ น
การถ่ายโอนความร้อน สรุปไดว้ า่
...............................................................................................
...............................................................................................
...............................................................................................
...............................................................................................
.............................................................................................
เวลา 20 นาที ใบงานตามแนว Pisa
ระบปุ ระเด็นทางวทิ ยาศาสตร์
คะแนนเตม็ 2 คะแนน
ช่ือ - สกลุ ....................................................................................................ช้นั
........................................
โรงเรียน..........................................................อำเภอ......................................จังหวดั
..................................
คำช้แี จง
1. ขอ้ สอบชุดน้มี ีถ้อยความใหอ้ ่าน มีคำถามการอา่ นในใจและความเข้าใจการอ่าน ๑ ข้อ จำนวน ๑
หน้า
2. การตอบคำถามทกุ ขอ้ ให้ทำในชุดขอ้ สอบ
3. ใหน้ กั เรยี นอ่านคำถามทกุ ข้ออย่างละเอียดรอบคอบแล้วตอบคำถามให้ดีทสี่ ดุ เท่าทจี่ ะทำได้
3.1 บางคำถามจะมคี ำตอบให้เลือกตอบ ใหน้ กั เรียนวงกลมล้อมรอบตวั เลขท่ีอยหู่ น้าคำตอบ ท่ี
นักเรยี นคดิ ว่าถูกตอ้ ง
3.2 บางคำถามจะใหน้ กั เรียนเขยี นคำตอบส้นั ๆ ในทีว่ า่ งทเี่ ตรียมไว้ในขอ้ สอบ ใหน้ กั เรยี นเขียน
คำตอบเปน็ ตวั หนังสือ ตวั เลขไทย หรือเครอื่ งหมายตามทก่ี ำหนด
3.3 บางคำถามตอ้ งการใหน้ กั เรียนอธิบายคำตอบ หรอื บอกเหตุผลประกอบคำตอบ โดย
กำหนดเง่ือนไขให้ใชเ้ นอ้ื เร่ืองสนับสนุนคำตอบ นกั เรียนต้องเขียนอธิบาย หรอื เขียนเหตผุ ลประกอบ
ภายในถ้อยความท่กี ำหนดให้
(ให้นักเรยี นเขยี นด้วยลายมอื ท่ีอา่ นง่าย และชัดเจน)
พจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคำถาม
เดอื นเมษายนอากาศรอ้ น หมาก ปริญ ทำไอศกรีมแท่งโบราณจากสมนุ ไพรในบ้าน โดยมีข้นั ตอน
วธิ ีการทำไอศกรีม ดงั นี้
1. เตรยี มน้ำสมนุ ไพร
2. นำนำ้ สมุนไพรต้มกบั น้ำตาลจนเดอื ด
3. นำน้ำสมุนไพรใส่หลอด
4. ปิดฝา เขย่าประมาณ 15 นาที
5. ใส่ไม้เสยี บแทง่ ไอศกรมี
6. เมื่อแขง็ ตัวนำหลอดจุ่มน้ำคอ่ ยๆ ถอดออก พร้อมรับประทาน
ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/5 วเิ คราะหส์ ถานการณ์การถา่ ยโอนความรอ้ น และคำนวณปรมิ าณความร้อนที่
ถา่ ยโอนระหว่างสสาร จนเกิดสมดลุ ความรอ้ น โดยใชส้ มการ Qสูญเสยี = Qได้รับ
คำถามท่ี 1 2 คะแนน
จากการทำไอศกรีมแทง่ สมุนไพร ขอ้ ใดเรียงลำดบั ความร้อนและสถานการณไ์ ดถ้ กู ตอ้ ง
1.
2.
3.
4.
ลักษณะเฉพาะของข้อสอบ
สมรรถนะ : การใช้ประจกั ษ์พยานทางวทิ ยาศาสตร์
ความรู้ : การอธบิ ายเชงิ วิทยาศาสตร์
(ความร้วู ทิ ยาศาสตร์)
สถานการณ์ : สว่ นตวั
ลกั ษณะของข้อสอบ :เลือกตอบ
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
คะแนนเตม็ 2 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบขอ้ 3 คำตอบอ่นื ๆ
เพรำะ ตอ้ งเตรยี มนำ้ สมนุ ไพรโดยกำรตม้ 100 ๐C
ก่อนใส่หลอดและทำใหเ้ ย็นท่ี 0 ๐C
แลว้ จงึ ไดไ้ อศกรมี ท่ี 0 ๐C
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
2 คะแนน อยู่ในระดบั ดี
1 คะแนน อยใู่ นระดับ พอใช้
0 คะแนน อยู่ในระดับ ปรับปรุง
หมายเหตุ นกั เรียนได้ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป ถอื ว่าผา่ น
การจำแนกสมรรถนะ
ตามแนวการประเมินผลนักเรยี นร่วมกับนานาชาติ (PISA)
สมรรถนะ
รปู แบบขอ้ สอบ ข้อที่ คะแนน ระบปุ ระเดน็ ทาง อธบิ าย ใชป้ ระจกั ษ์พยาน
วทิ ยาศาสตร์ ปรากฏการณ์ใน ทางวทิ ยาศาสตร์
เลอื กตอบ เชิงวิทยาศาสตร์
แบบปกติ
(4 คะแนน) 12 X
รวมจำนวนข้อ
12 - ข้อ 1 ข้อ - ข้อ
- คะแนน 2 คะแนน - คะแนน
แนวขอ้ สอบ O –NET
แนวข้อสอบ O – NET
1.ความร้อนจากดวงอาทิตย์เคลื่อนท่มี ายงั โลกเปน็ การถ่ายโอนพลังงานความรอ้ นดว้ ยวธิ ีใด ?
ก. การพาความรอ้ น
ข. การนำความร้อน
ค. การแผ่รังสีความรอ้ น
ง. การสะทอ้ นรงั สีความรอ้ น
2. ในฤดหู นาวเม่อื จบั เก้าอีเ้ หลก็ แล้วรสู้ ึกเย็นเพราะเหตใุ ด ?
ก. ความเยน็ ไหลเข้าสู่มอื
ข. ความรอ้ นจากมอื ถา่ ยเทให้เก้าอ้ี
ค. เหลก็ มคี วามเย็น
ง. อุณหภมู ไิ หลจากมอื เข้าสเู่ ก้าอ้ี
ทมี่ า : หนังสือLearn Education Physics มธั ยมศกึ ษาปีที่1
แบบประเมนิ ใบงาน compare & contrast
คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน compare & contrast
ชื่อ-สกลุ รูปแบบ เน้ือหา นำเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผลการ
ลำดับที่ ของผรู้ บั การ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
ประเมนิ ไม่ผา่ น
ลงช่อื ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นักเรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพท่ี พอใช้ ข้ึนไปถือว่า ผ่าน
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน compare & contrast
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรงุ )
- ครบองค์ประกอบ - ครบองคป์ ระกอบ - ครบองค์ประกอบ - ครบองคป์ ระกอบ
- เปรียบเทยี บสง่ิ ที่เหมือน - เปรียบเทยี บสิ่งที่เหมือน - เปรียบเทียบส่ิงทีเ่ หมอื น - เปรียบเทียบสงิ่ ที่เหมอื น
และต่างได้ตรงตามเน้ือหา และตา่ งได้ตรงตามเนอ้ื หา และตา่ งไดต้ รงตามเนือ้ หา และต่างไดต้ รงตามเนอื้ หา
อยา่ งถกู ตอ้ งสมบูรณ์ อยา่ งถกู ต้อง อยา่ งถูกตอ้ ง อยา่ งถกู ตอ้ ง
80-99% 60-79% ตำ่ วา่ 59%
การแสดง - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคิดเหน็ - - แสดงความคิดเห็น
ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปญั หา/
ความคดิ เห็น ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปัญหา/ เหตุการณ์ได้ 6-7 ข้อ เหตกุ ารณไ์ ด้ นอ้ ยกวา่ 6
ข้อ
เหตุการฌ์ได้ 10 ขอ้ ข้ึนไป เหตุการณ์ได้ 8-9 ข้อ
เน้ือหา - เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระ - เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระท่ี - เน้อื หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี - เน้ือหาถกู ต้องตามสาระที่
กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ ว่า 59%
ท่กี ำหนด 100% กำหนด 80-99% - เขียนถูกต้องตามหลัก - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลัก
ภาษา 60-79% ภาษาต่ำวา่ 59%
- เขียนถกู ตอ้ งตามหลัก - เขียนถูกต้องตามหลัก - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรปุ ไมส่ มเหตุสมผล
สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ ว่า 59%
ภาษา 100% ภาษา 80-99%
- การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
- ลำดบั หัวข้อเนอ้ื หาชัดเจน - ลำดับหวั ข้อเน้ือหาชัดเจน - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง
ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำวา่ 59%
- มกี ารสรุปได้อย่าง - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99% - ใชส้ ีสันสวยงามและมี - ใชส้ สี นั สวยงามหรอื
ความสะอาด เปน็ ไปตามเกณฑอ์ ย่างใด
การนำเสนอ - พูดชดั เจนเสียงดงั ฟังชัด - พดู ชัดเจนเสยี งดังฟงั ชัด อย่างหน่ึง
- ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง
ตามอกั ขระ100% ตามอกั ขระ80-99%
- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บุคลกิ ภาพดี
มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการ
- มกี ารใชส้ ่ือประกอบการ นำเสนอไดบ้ างส่วน
นำเสนอ
- ความพร้อมในการ
นำเสนอ
ความสวยงาม - ใช้สสี ันสวยงาม - ใชส้ ีสนั สวยงาม
- มีความสะอาด - มีความสะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์ - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
- ความเป็นระเบยี บอ่านง่าย
ตอบคำถามถกู ต้อง เกณฑ์การใหค้ ะแนน PRACQUIZ
ตอบคำถามไมถ่ กู ตอ้ ง เร่อื ง การถา่ ยโอนความร้อน
1 คะแนน
0 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
5 ดมี าก
3-4 ดี
1-2 พอใช้
0 ปรับปรงุ
นักเรยี นได้ระดับคุณภาพท่ี ดี ขึ้นไปถอื วา่ ผา่ น
แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 6 หน่วยยอ่ ยท่ี 6
ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ อณุ หภูมิและความรอ้ น เวลา 1 ชวั่ โมง
เร่อื ง การนำความร้อน ผู้สอน ครูสกุ ฤตา ดวงสุข
วนั ที่ทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
การนำความร้อน (Conduction) คอื การถา่ ยโอน มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการถา่ ย
โอนความรอ้ น โดยการนำความรอ้ น การพาความร้อน การ
ความรอ้ นจากบริเวณทมี่ ีอุณหภูมสิ งู กวา่ ไปยังบริเวณทีม่ ี แผ่รังสี ความร้อน
อุณหภูมิต่ำกวา่ ผา่ นตวั กลางความรอ้ น ซ่งึ อยนู่ ิ่งๆ
3. เนือ้ หาสาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน / ภาระงาน
การนำความรอ้ น - ใบงาน Creative thinking เรอื่ งแบบจำลองการนำความรอ้ น
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน - ใบงานตามแนว Pisa เรือ่ งการนำความรอ้ น
ความสามารถในการคดิ 6. เคร่อื งมือการสอนคดิ
ความสาสารถในการแกป้ ัญหา - Creative thinking
ความสามารถในการสอ่ื สาร - Six thinking hats (Yellow hat) , (Green hat)
กิจกรรมการเรียนรู้
7. ข้ันของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วิธวี ดั ผล
Do Now (3 นาที) - คลิปวดิ โิ อ เรอื่ งการนำ - ประเมนิ ใบงาน
บอกสงิ่ ทีอ่ ย่ใู นหอ้ งครัวมาคนละ 1 อย่างโดยห้ามตอบซำ้ กัน ความรอ้ น Creative thinking เร่อื ง
Purpose (2 นาท)ี https://www.youtube. แบบจำลองการนำความ
com/watch?v=aZHRP รอ้ น
เราจะเรียนเรอ่ื งการนำความรอ้ นเพอื่ ใหน้ ักเรยี นสามารถอธิบายการนำ PK4lI4 - ประเมนิ ใบงานตาม
ความรอ้ นได้ - ใบความรูเ้ รอ่ื งการนำ แนว Pisa เรือ่ งการนำ
Work mode (50 นาที) ความร้อน ความรอ้ น
- ใบงาน Creative
1. นกั เรยี นตอบคำถามโดยครใู ช้คำถามกระต้นุ ความคดิ “สงิ่ ที่ทำให้เกิด
ความรอ้ นในชวี ติ ประจำวนั มีอะไรบ้าง” (คดิ 1 : คดิ วิเคราะห์ (5นาที)
2. นกั เรียนดคู ลปิ วิดโิ อเรอื่ งการนำความร้อนจาก YouTube (5นาท)ี thinking เร่ืองแบบจำลอง
3. นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเป็น กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อศึกษาใบความรูเ้ รอ่ื ง การนำความร้อน
การนำความร้อน (พอเพยี ง3 : การมภี มู ิคมุ้ กันที่ดี (10 นาท)ี - ใบงานตามแนว Pisa
4. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบจำลองอุปกรณท์ ่ีใช้ในชีวิตประจำวนั เรอ่ื งการนำความรอ้ น
เกี่ยวกับ การนำความรอ้ นลงในกระดาษบรฟู๊ (คดิ 8 : คิดสรา้ งสรรค์) (Green - หอ้ งเรยี นออนไลน์เรอื่ ง
Hat) (15 นาท)ี การนำความรอ้ น
5. นักเรียน (ตวั แทนโดยการสมุ่ ) ออกมานำเสนอผลงาน จากใบงาน
Creative thinking เรอื่ งแบบจำลองการนำความร้อน (5นาที)
กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. ส่อื 9. วิธวี ัดผล
7. ขัน้ ของกิจกรรม
6. นักเรียนลงมอื ทำใบงานตามแนว Pisa เรอ่ื งการนำความรอ้ น (5นาที)
7. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายเร่ืองการนำความรอ้ นหนา้ ชน้ั เรียน
(คดิ 6: คิดสงั เคราะห)์ พร้อมทั้งร่วมกนั ตอบคำถามดังนี้ (Six thinking hat)
“นกั เรียนสามารถนำความรเู้ รอ่ื งการการนำความรอ้ น ไปใชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั ได้อยา่ งไร?” (Yellow hat) (พอเพยี ง 2: ความมีเหตุผล)
(5 นาท)ี
Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 สิ่งทน่ี ักเรียนได้รับจากการเรียนในวนั นีค้ อื (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้
เรอ่ื ง การถ่ายโอนความรอ้ น
การถ่ายโอนความร้อน
การถา่ ยโอนความรอ้ น หมายถงึ การถ่ายเทพลงั งานความรอ้ นจากบริเวณท่มี ีอุณหภูมสิ งู ไปยังบรเิ วณ
ทมี่ อี ณุ หภูมิต่ำกว่า เปรยี บเหมือนการไหลของกระแสน้ำ โดยน้ำจะไหลจากทรี่ ะดับสงู ไปยงั ท่ีระดับต่ำกวา่ และ
จะหยุดไหลเมอ่ื มีระดับเท่ากนั เชน่ ถ้ายืนขา้ ง ๆ กองไฟหรอื เตาไฟ จะรูส้ กึ วา่ มีความรอ้ นจากกองไฟแผ่มาถึง
หรือถา้ จับชอ้ นโลหะท่ีจมุ่ อยู่ในนำ้ รอ้ น จะร้สู กึ ว่าดา้ มช้อนน้นั ร้อน
การนำความรอ้ น
การนำความร้อนเปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นเกดิ ขนึ้ จากโมเลกุลของสารในตำแหน่งที่สัมผัสกบั
ความร้อนมพี ลังงานเพ่ิมขน้ึ ทำให้โมเลกุลสั่น และส่งผลกระทบไปยงั โมเลกลุ อนื่ ที่อยูข่ ้างเคยี งเปน็ การถา่ ย
โอนพลังงานความรอ้ นจากโมเลกลุ หนึ่งไปยงั อกี โมเลกุลหน่งึ ตอ่ เนอ่ื งกันไป การถ่ายโอนพลงั งานความรอ้ น
แบบนไ้ี มม่ ีการเคลื่อนที่ของโมเลกุล เป็นการถ่ายโอนจากโมเลกุลหนงึ่ ไปสูโ่ มเลกุลต่อ ๆ กันไป
สารแตล่ ะชนดิ มีความสามารถในการนำความรอ้ นไดต้ ่างกัน เราเรยี กว่า สภาพนำความรอ้ น สารที่
นำความรอ้ นไดด้ ี เรยี กว่า ตัวนำความร้อน เชน่ โลหะ ของแขง็ สามารถนำความร้อนไดด้ กี วา่ ของเหลวและ
ของเหลวนำความร้อนไดด้ ีกว่าแก๊ส สว่ นสุญญากาศไมส่ ามารถนำความรอ้ นได้เลย สารทน่ี ำความร้อนได้ไม่ดี
เรยี กว่า ฉนวนความร้อน เช่น แกว้ ไม้ พลาสตกิ ยาง อากาศ เป็นต้น
การนำความรู้เรือ่ งการนำความร้อนไปใชป้ ระโยชน์
1. ภาชนะท่ใี ช้ในการหุงตม้ เช่น ตัวกระทะ หรือ หมอ้ หงุ ต้ม ทต่ี อ้ งการใหค้ วามรอ้ นสง่ ผ่านไปยงั อาหาร
ท่ีปรงุ ได้รวดเรว็ จะทำดว้ ยโลหะ สเตนเลสหรอื อลูมเิ นยี มแต่สว่ นด้ามจับภาชนะหรอื หหู ว้ิ จะเปน็ วสั ดุประเภทไม้
หรือพลาสติก ซง่ึ เปน็ ฉนวนความรอ้ น
2. ภาชนะที่ใช้สำหรบั เกบ็ อาหารท่ีปรุงแลว้ ต้องเป็นภาชนะที่เปน็ ฉนวนความร้อน เพื่อใหส้ ามารถเก็บ
ความร้อนไว้ได้นาน เชน่ พลาสติก แก้ว และโฟม เป็นตน้
3. ในฤดูหนาวควรจะสวมเสอ้ื ผ้าหรอื ห่มผา้ ทหี่ นา ๆ ทีท่ ำดว้ ยขนสัตว์ หรอื สวมเสือ้
หลาย ๆ ตวั อากาศท่ีแทรกอยรู่ ะหวา่ งขนสัตว์และเส้อื ผ้าแต่ละช้ัน เป็นตวั นำความรอ้ นที่ไมด่ ี ทำใหก้ ารถา่ ย
โอนความรอ้ นจากร่างกายออกสภู่ ายนอกเปน็ ไปไดย้ าก จึงทำให้ร่างกายอบอุ่นตลอดเวลา
4.พน้ื ของเตารีดจะทำดว้ ยโลหะ ท่ีจะนำความรอ้ นไปสูผ่ า้ ที่ต้องการรีด แต่มอื จบั เตารดี จะทำดว้ ย
พลาสติกซึ่งเป็นฉนวนความรอ้ น
5.ตวั กระตกิ น้ำแขง็ นยิ มทำดว้ ยพลาสติก เพอื่ ป้องกนั ความร้อนจากภายนอกไม่ให้ผ่านเข้าไปภายใน
อาหารและเครือ่ งด่มื ในกระติกจึงเย็นและสดอยูเ่ สมอ
6.กล่องบรรจอุ าหารนยิ มใชส้ ไทโรโฟมซ่ึงเป็นฉนวนความร้อน ชว่ ยป้องกนั อาหารท่ีเกบ็ รกั ษาไม่ให้
สญู เสยี ความร้อนไปหรือปอ้ งกนั ไมใ่ หค้ วามร้อนจากภายนอกเขา้ ไปข้างในได้ กรณีทต่ี อ้ งการเกบ็ รักษาอาหารให้
เย็น
7.ทีร่ องอปุ กรณป์ รุงอาหารภายในครัวจะทำดว้ ยไม้คอร์ก เพอื่ ปอ้ งกันไม่ให้พ้ืนโตะ๊ เสียหาย เมือ่ นำ
อปุ กรณ์ปรุงอาหารที่รอ้ น ๆ มาวางบนโต๊ะ
8.ถงุ มอื ทจี่ ับภาชนะหุงต้มอาหารจะมีชอ่ งหรือบริเวณทีใ่ ช้เก็บกักอากาศ เพ่ือให้อากาศเปน็ ตัวกันไม่ให้
ความร้อนไหลเขา้ สูม่ ือ ขณะจบั จาน กระทะ หรือภาชนะอนื่ ๆทร่ี อ้ นอยู่
9.ถ้าข้อมือหรือขอ้ เท้าเกิดอาการเคล็ด ขัดยอก ให้ใช้ของเยน็ ๆ ประคบตรงบริเวณท่ีเกดิ อาการเพราะ
การกระทำดงั กลา่ วเป็นการนำความร้อนออกจากบริเวณร่างกายที่ไดร้ ับบาดเจ็บ ซึง่ จะช่วยลดการไหลเวยี น
ของเลอื ด ไมใ่ ห้เกดิ อาการปวดบวมมากข้นึ ได้
ชื่อ..........................................................................ชนั้ ...........เลขที่.........
ใบงาน Creative thinking เร่อื งแบบจำลองการนำความรอ้ น
คำชี้แจง ให้นกั เรยี นออกแบบจำลองอปุ กรณท์ ี่ใช้ในชวี ิตประจำวนั เกี่ยวกบั เรือ่ ง การนำความร้อน ในรปู แบบ
ของ Creative thinking
เวลา 10 นาที ใบงานตามแนว Pisa
สมรรถนะการใชป้ ระจักษ์พยานทางวิทยาศาสตร์
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ชื่อ - สกลุ ..............................................................................................ชนั้ ........................................
โรงเรยี น........................................................อำเภอ......................................จงั หวัด.............................
คำช้แี จง
1. ข้อสอบชดุ นี้มถี อ้ ยความใหอ้ ่าน มคี ำถามการอ่านในใจและความเขา้ ใจการอ่าน 1 ขอ้
จำนวน 1 หน้า
2. การตอบคำถามทุกข้อใหท้ ำในชดุ ข้อสอบ
3. ให้นกั เรยี นอา่ นคำถามทุกข้ออย่างละเอยี ดรอบคอบแลว้ ตอบคำถามให้ดที ี่สดุ เท่าทีจ่ ะทำ
ได้
3.1 บางคำถามจะมคี ำตอบให้เลือกตอบ
ใหน้ กั เรียนวงกลมลอ้ มรอบตัวเลขทีอ่ ยูห่ นา้ คำตอบ ทนี่ กั เรียนคดิ วา่ ถูกต้อง
กำหนด 3.2 บางคำถามจะให้นักเรยี นเขยี นคำตอบสั้นๆ ในท่วี ่างทีเ่ ตรยี มไวใ้ นขอ้ สอบ
ให้นักเรยี นเขียนคำตอบเป็นตวั หนงั สอื ตวั เลขไทย หรือเครอื่ งหมายตามที่
3.3 บางคำถามตอ้ งการให้นกั เรียนอธิบายคำตอบ หรือบอกเหตผุ ลประกอบคำตอบ
โดยกำหนดเงอื่ นไขใหใ้ ชเ้ น้อื เรอ่ื งสนับสนนุ คำตอบ
นักเรียนตอ้ งเขียนอธิบาย หรือ เขยี นเหตุผลประกอบ ภายในถ้อยความทกี่ ำหนดให้
( ให้นกั เรยี นเขียนดว้ ยลายมือทีอ่ ่านง่าย และชดั เจน )
พิจารณาขอ้ ความตอ่ ไปนแ้ี ล้วตอบคำถามจากการทดลองรปู แบบของการทำปลาแดดเดยี วโดยใช้ตู้
กระจกแบบ A และแบบ B ในช่วงเวลาเดียวกันไดผ้ ล ดงั น้ี
ตวั ชีว้ ัด ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสรา้ งอปุ กรณ์ เพอ่ื แกป้ ัญหาในชีวิตประจำวัน โดย
ใช้ความรเู้ ก่ียวกับการถา่ ยโอนความร้อน
คำถามท่ี 1 จากการทดลองนกั เรียนจะเลอื กวธิ กี ารตากปลาแดดเดยี วแบบใด พร้อมให้เหตุผล
ประกอบ (2คะแนน)
ตอบ……………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
ลกั ษณะเฉพาะของข้อสอบ
สมรรถนะ : การใช้ประจักษพ์ ยานทางวทิ ยาศาสตร์
ความรู้ : การอธบิ ายเชงิ วิทยาศาสตร์
(ความรู้วทิ ยาศาสตร์)
สถานการณ์ : ส่วนตัว
ลกั ษณะของข้อสอบ :สร้างคำตอบอสิ ระ
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนบางสว่ น 1 คะแนน คะแนน 0 คะแนน
เม่ือตอบถูกและให้เหตุผล เม่ือตอบโดยเลอื กตากด้วยวธิ ี เมอ่ื ไมต่ อบหรอื ตอบไม่
ประกอบทส่ี มเหตุสมผลเมือ่ A ไดถ้ กู ตอ้ งโดยไม่ใหเ้ หตุผล
เลือกวธิ ีการตากด้วยวิธี A สอดคล้อง
โดยใหเ้ หตุผลทอ่ี ้างถงึ อณุ หภมู ิ หรอื ให้
ทส่ี ะสมในกลอ่ งเพมิ่ ขนึ้ ทำให้ เหตผุ ลไมถ่ กู ต้อง
ปลาแหง้ ไดเ้ ร็ว
เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ
2 คะแนน อยูใ่ นระดับ ดี
1 คะแนน อยู่ในระดับ พอใช้
0 คะแนน อยใู่ นระดบั ปรับปรุง
หมายเหตุ นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพพอใช้ข้นึ ไป ถือว่าผา่ น
การจำแนกสมรรถนะ
ตามแนวการประเมินผลนักเรยี นร่วมกับนานาชาติ (PISA)
สมรรถนะ
รูปแบบขอ้ สอบ ข้อที่ คะแนน ระบปุ ระเดน็ ทาง อธบิ าย ใช้ประจักษพ์ ยาน
วทิ ยาศาสตร์ ปรากฏการณ์ใน ทางวิทยาศาสตร์
สร้างคำตอบอิสระ เชิงวทิ ยาศาสตร์
( 1 คะแนน)
12 X
รวมจำนวนขอ้ 1 2 - ข้อ - ขอ้ 1 ข้อ
- คะแนน - คะแนน 2 คะแนน
แนวข้อสอบ O –NET
1. เมอื่ เราใชช้ ้อนตกั แกงจืดทีก่ ำลงั ร้อนในชามสกั ครเู่ รารู้สกึ ร้อนทมี่ อื ที่จบั ช้อนแสดงว่ามกี ารถา่ ย โอน
ความร้อนโดยวิธใี ด
1. การนำความร้อน
2. การพาความร้อน
3. การแผร่ ังสีความร้อน
4. ข้อ 1. และ 2. ถกู
2. ในฤดหู นาวเมื่อจับเก้าอเ้ี หล็กแล้วร้สู ึกเย็นเพราะเหตใุ ด ?
1. ความเยน็ ไหลเข้าสมู่ อื
2. ความรอ้ นจากมอื ถ่ายเทให้เก้าอี้
3. เหลก็ มีความเยน็
4. อุณหภมู ไิ หลจากมือเขา้ ส่เู กา้ อ้ี
ทม่ี า : หนังสือLearn Education Physics มัธยมศึกษาปีท่ี1
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Creative thinking
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
ความคดิ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ริเร่มิ
สร้างสรรค์ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่
- ไมซ่ ำ้ แบบใคร - ไม่ซำ้ แบบใคร - ดัดแปลง
- น่าสนใจ - ดัดแปลง
- ดดั แปลง
เน้อื หา - เนื้อหาครบถว้ น - เนือ้ หาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถว้ น
100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หา - ลำดบั หวั ขอ้ เนื้อหา - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรปุ ไม่
ชดั เจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลตำ่ วา่ 59%
- มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99% - สามารถร้องนำเสนอได้
- บคุ ลิกภาพไม่เหมาะสม
การนำเสนอ - ร้องชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - รอ้ งชดั เจนเสยี งดงั ฟังชดั - รอ้ งพดู เหมาะสม
- บคุ ลกิ ภาพดีและมีความ - บุคลิกภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
ม่ันใจ - ความพร้อมในการ
- ความพรอ้ มในการ นำเสนอได้บางส่วน
นำเสนอ
การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้า สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้
เวลา ตามเวลาที่กำหนด กวา่ เวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาท่ีกำหนด 10 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 15
นาที นาที นาที
แบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking
คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking
ควำมคิด เนอ้ื หา นำเสนอ
(5 (5
กลมุ่ ท่ี ช่ือ-สกุล ริเรมิ่ ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการประเมนิ
ของผูร้ บั การประเมิน สรำ้ งสรรค์ คะแนน) คะแนน) (5 คะแนน) 20 คะแนน ผ่าน/ไม่ผา่ น
(5 คะแนน)
ลงชอื่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผ่าน
แผนจัดการเรียนรู้ท่ี 7 หน่วยย่อยท่ี 7
ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ อุณหภูมแิ ละความรอ้ น เวลา 1 ชวั่ โมง
เรอ่ื ง การพาความร้อน ผูส้ อน ครสู ุกฤตา ดวงสุข
วันทีท่ ำการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
การพาความรอ้ น เป็นวธิ กี ารถา่ ยโอนพลงั งานความ มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสรา้ ง
อปุ กรณ์ เพ่ือแก้ไขปัญหาในชวี ติ ประจำวันโดยใชค้ วามรู้
ร้อนจากจุดหนึ่งไปยงั อีกจุดหนึ่งผ่านวตั ถุหรือตวั กลางทเี่ ปน็ เกี่ยวกบั การถา่ ยโอนความร้อน
ของเหลวหรือแกส๊ ซึ่งความร้อนจะเคลื่อนทีไ่ ปกับตัวกลางนนั้
3. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน / ภาระงาน
การพาความร้อน - ใบงาน Creative thinking เรือ่ งแบบจำลองการพาความ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น ร้อน
ความสามารถในการคิด 6. เครือ่ งมอื การสอนคิด
ความสามารถในการสื่อสาร - Creative thinking
ความสาสารถในการแก้ปญั หา - Six thinking hats (Yellow hat) , (Green hat)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขน้ั ของกจิ กรรม 8. ส่อื 9. วิธวี ดั ผล
Do Now (3 นาที) - ใบความรู้เร่ืองการพา - ประเมินใบงาน
บอกเมนอู าหารพ้นื เมืองท่นี ักเรียนชอบ 1 อย่างโดยหา้ มตอบซำ้ กนั ความร้อน Creative thinking เรอ่ื ง
Purpose (2 นาท)ี
- ใบงาน Creative แบบจำลองการพาความ
เราจะเรียนเร่ืองการพาความรอ้ นเพ่อื ใหน้ กั เรียนสามารถอธบิ ายการพา
ความร้อนได้ thinking เรื่องแบบจำลอง ร้อน
การพาความรอ้ น
Work mode (50 นาที) - หอ้ งเรียนออนไลน์เร่ือง
1. นักเรยี นตอบคำถามโดยครใู ช้คำถามกระตุ้นความคดิ “ปจั จัยท่สี ง่ ผลให้ การพาความรอ้ น
เกิดการเปลย่ี นแปลงของอณุ หภูมิมอี ะไรบา้ ง” (คดิ 1 : คดิ วเิ คราะห์ (5นาที)
2. นักเรยี นฟังครอู ธิบายเรอื่ งการพาความร้อน จากส่อื Power point
ประกอบการสอน (5นาท)ี
3. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเปน็ กล่มุ ละ 4-5 คน เพื่อศกึ ษาบทเรยี นออนไลน์
หรอื จากใบความรเู้ รื่อง การพาความรอ้ น (พอเพยี ง3 : การมภี มู ิคมุ้ กนั ทด่ี ี (10
นาท)ี
4. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ออกแบบจำลองอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นชีวติ ประจำวนั
เกย่ี วกบั การพาความรอ้ นลงในกระดาษบรฟู๊ (คดิ 8 : คิดสร้างสรรค์) (Green
Hat) (20 นาท)ี
5. นกั เรยี น (ตัวแทนโดยการสมุ่ ) ออกมานำเสนอผลงาน จากใบงาน
Creative thinking เร่อื งแบบจำลองการพาความรอ้ น (5นาที)
กิจกรรมการเรียนรู้ 8. ส่อื 9. วิธีวดั ผล
7. ข้ันของกจิ กรรม
6. นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายเรื่องการพาความรอ้ นหนา้ ชน้ั เรยี น
(คิด6: คดิ สังเคราะห)์ พรอ้ มท้งั รว่ มกันตอบคำถามดังนี้ (Six thinking hat)
“นักเรียนสามารถนำความร้เู รอ่ื งการการพาความร้อน ไปใช้ใน
ชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างไร?” (Yellow hat) (พอเพียง 2: ความมเี หตผุ ล)
(5 นาที)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- 1 สงิ่ ทนี่ กั เรยี นได้รับจากการเรยี นในวันนคี้ ือ (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้
เรื่อง การถ่ายโอนความร้อน
การถ่ายโอนความร้อน
การถา่ ยโอนความร้อน หมายถงึ การถา่ ยเทพลงั งานความร้อนจากบริเวณทม่ี ีอุณหภมู ิสูงไปยังบรเิ วณ
ที่มอี ุณหภูมิต่ำกวา่ เปรยี บเหมอื นการไหลของกระแสน้ำ โดยนำ้ จะไหลจากทร่ี ะดับสูงไปยังทรี่ ะดบั ต่ำกวา่ และ
จะหยดุ ไหลเม่อื มรี ะดบั เทา่ กนั เช่น ถ้ายนื ขา้ ง ๆ กองไฟหรือเตาไฟ จะรู้สึกว่ามคี วามรอ้ นจากกองไฟแผม่ าถึง
หรอื ถ้าจบั ชอ้ นโลหะทจ่ี ่มุ อยู่ในน้ำร้อน จะร้สู กึ ว่าด้ามชอ้ นนน้ั ร้อน
การพาความรอ้ น
การพาความร้อน เปน็ วธิ กี ารถ่ายโอนพลังงานความร้อนจากจุดหนงึ่ ไปยงั อีกจุดหนึ่งผา่ นวตั ถหุ รือ
ตัวกลางทีเ่ ป็นของเหลวหรอื แก๊ส ซึ่งความร้อนจะเคลอ่ื นท่ีไปกบั ตัวกลางนนั้ เช่น เมื่อให้ความรอ้ นแก่น้ำไป
บีกเกอรแ์ ก้วโดยใช้เปลวไฟลนท่ีก้นแกว้ น้ำดา้ นล่างไดร้ บั ความร้อนจะขยายตัวลอยข้นึ พาเอาความร้อนไปสู่
ตอนบน นำ้ ตอนบนท่ีเยน็ กวา่ ก็จะจมลงและเม่ือไดร้ บั ความรอ้ นก็จะลอยตวั ขึน้ หมุนเวียนเรอื่ ยไปจนนำ้ ในบีก
เกอร์ร้อนท่ัวกัน หรอื ถ้านกั เรียนเอามอื ไปองั เหนอื เปลวไฟ นกั เรียนจะรูส้ ึกรอ้ น ท้ังนี้เพราะอากาศทอ่ี ยู่
เหนือเปลวไฟมีอุณหภมู ิสูงขน้ึ ซ่งึ โมเลกลุ ของอากาศเม่อื ไดร้ บั ความรอ้ น จะเคลอื่ นเร็วข้ึนและลอยตัวขึน้ มา
กระทบมือเรา จนเราร้สู ึกร้อน ขณะเดียวกนั โมเลกุลของอากาศทเี่ ย็นกว่าจะเขา้ มาแทนที่ การเคลอ่ื นทีข่ อง
อากาศในลักษณะน้ีเปน็ ไปอยา่ งตอ่ เน่อื ง ดงั นั้น การท่ีเราเอามือไปองั เหนอื เปลวไฟแลว้ รูส้ กึ รอ้ น ท้ัง ๆ ที่เรา
องั ห่างจากเปลวไฟแลว้ นั่นเป็นเพราะอากาศเป็นตวั พาความร้อนจากเปลวไฟมาสู่มอื เรา
การนำความรเู้ รอื่ งการพาความรอ้ นไปใชป้ ระโยชน์
1.ชาวประมงใชป้ ระโยชนจ์ ากลมบกลมทะเล โดยการพาความร้อน ทำให้เกดิ กระแสลมในบรเิ วณต่าง
ๆ ทัง้ นี้เนอื่ งจากอณุ หภูมิของอากาศในบริเวณ 2 แห่งความแตกต่างกนั จงึ ทำให้อากาศเยน็ เคลือ่ นเข้าไป
แทนท่ีอากาศรอ้ น ตัวอยา่ งเชน่ การเกดิ ลมบก ลมทะเล โดยลมบกและลมทะเลเกิดจากการพาความรอ้ น
ของอากาศซ่ึงในเวลากลางวันพืน้ ดนิ ดูดซบั ความรอ้ นไดด้ ีกวา่ พน้ื นำ้ ทำใหม้ อี ณุ หภมู ิสงู กวา่ พ้นื นำ้ อากาศเหนือ
พื้นดนิ มีความหนาแนน่ น้อย จงึ ลอยตวั ขน้ึ อากาศเหนือพนื้ นำ้ ท่เี ย็นกวา่ จะพัดเขา้ มาแทนที่ เกดิ การ
หมนุ เวียนของอากาศ คอื มีลมพัดจากทะเลเขา้ สูฝ่ ง่ั เรียกว่า ลมทะเล ซ่ึงชาวประมงใชป้ ระโยชน์ในการนำ
เรือประมงทอ่ี อกหาปลาในเวลากลางคนื กลบั เข้าฝั่ง พอถึงเวลากลางคนื พืน้ ดินคายความร้อนได้เรว็ กว่าพ้ืนนำ้
พื้นน้ำจงึ มอี ณุ หภมู สิ ูงกวา่ พ้นื ดิน ดงั นน้ั อากาศบริเวณเหนอื พืน้ นำ้ ซ่งึ มี ความหนาแนน่ นอ้ ยกว่าจะลอยตัว
สูงขนึ้ อากาศทีเ่ ย็นกว่าเหนือพ้นื ดนิ จะเคลอื่ นมาแทนทเ่ี กิดเป็นลมพดั จากพ้นื ดินออกสูท่ ะเล เรียกว่า ลมบก
ซ่งึ ชาวประมงใชป้ ระโยชน์ในการนำเรอื ประมงออกหาปลาในเวลากลางคนื
2.ใชใ้ นการประดษิ ฐเ์ ครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เชน่ กาต้มนำ้ ร้อน เครอื่ งทำนำ้ อุ่น ตูเ้ ย็น
เครื่องปรบั อากาศ
การนำความร้อน การพาความร้อน
1. ส่วนใหญเ่ กิดข้ึนในสารท่มี ีสถานะเปน็ ของแขง็ 1.ส่วนใหญ่เกดิ ขึน้ ในสารที่มีสถานะเปน็ ของไหล
( ของเหลวและแกส๊ )
2. ความร้อนสามารถไหลเวียนไปในทศิ ทางใด ๆ กไ็ ด้ 2. ความรอ้ นไหลขนึ้ ไปสเู่ บอื้ งบน
3. พลงั งานความร้อนจะสง่ ผา่ นโมเลกลุ ของสารทม่ี ี 3. ของไหล ( ตัวกลางทมี่ อี ุณหภมู ิสูง ) จะเคลื่อนทอี่ ย่าง
สถานะเปน็ ของแข็ง โดยทโ่ี มเลกุลของสารนนั้ ไม่ อิสระ และนำพลังงานติดตวั อนภุ าคของของไหล
เคลอ่ื นที่ ไปยงั ท่มี ีอุณหภมู ิตำ่ กว่า
ช่อื ..........................................................................ชนั้ ...........เลขที่.........
ใบงาน Creative thinking เร่ืองแบบจำลองการพาความรอ้ น
คำชี้แจง ให้นักเรียนออกแบบจำลองอุปกรณท์ ่ีใชใ้ นชีวติ ประจำวันเกีย่ วกบั เรื่อง การพาความร้อน ในรปู แบบ
ของ Creative thinking
แนวขอ้ สอบ O –NET
1. เมื่อเรารสู้ กึ วา่ อากาศร้อนอบอา้ ว ความรอ้ นทไี่ ด้รบั พามาสู่ร่างกายเราไดโ้ ดยวธิ ใี ด
1. การนำความรอ้ น
2. การพาความร้อน
3. การแผร่ ังสีความร้อน
4. การพาและแผ่รงั สีความร้อน
2. ในฤดูหนาวเมือ่ จบั เก้าอเ้ี หลก็ แล้วรสู้ กึ เย็นเพราะเหตใุ ด ?
1. ความเย็นไหลเขา้ สู่มอื
2. ความร้อนจากมือถ่ายเทให้เก้าอ้ี
3. เหลก็ มีความเย็น
4. อุณหภมู ิไหลจากมอื เขา้ สูเ่ ก้าอี้
ทีม่ า : หนังสือLearn Education Physics มธั ยมศกึ ษาปที ี่1
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Creative thinking
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
ความคดิ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ริเร่มิ
สร้างสรรค์ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่
- ไมซ่ ำ้ แบบใคร - ไม่ซำ้ แบบใคร - ดัดแปลง
- น่าสนใจ - ดัดแปลง
- ดดั แปลง
เน้อื หา - เนื้อหาครบถว้ น - เนือ้ หาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถว้ น
100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หา - ลำดบั หวั ขอ้ เนื้อหา - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรปุ ไม่
ชดั เจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลตำ่ วา่ 59%
- มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99% - สามารถร้องนำเสนอได้
- บคุ ลิกภาพไม่เหมาะสม
การนำเสนอ - ร้องชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - รอ้ งชดั เจนเสยี งดงั ฟังชดั - รอ้ งพดู เหมาะสม
- บคุ ลกิ ภาพดีและมีความ - บุคลิกภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
ม่ันใจ - ความพร้อมในการ
- ความพรอ้ มในการ นำเสนอได้บางส่วน
นำเสนอ
การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้า สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้
เวลา ตามเวลาที่กำหนด กวา่ เวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาท่ีกำหนด 10 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 15
นาที นาที นาที
แบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking
คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking
ควำมคิด เนอ้ื หา นำเสนอ
(5 (5
กลมุ่ ท่ี ช่ือ-สกุล ริเรมิ่ ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการประเมนิ
ของผูร้ บั การประเมิน สรำ้ งสรรค์ คะแนน) คะแนน) (5 คะแนน) 20 คะแนน ผ่าน/ไม่ผา่ น
(5 คะแนน)
ลงชอื่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผ่าน
แผนจดั การเรยี นร้ทู ่ี 8 หน่วยย่อยท่ี 8
ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ อุณหภมู ิและความร้อน เวลา 1 ช่วั โมง
เร่ือง การแผร่ งั สคี วามรอ้ น ผสู้ อน ครสู ุกฤตา ดวงสขุ
วันทท่ี ำการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
การแผ่รงั สคี วามร้อน เปน็ การถา่ ยโอนพลังงานความ มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/6 สรา้ งแบบจำลองที่อธบิ ายการถา่ ย
โอนความรอ้ น โดยการนำความร้อน การพาความรอ้ น การ
ร้อนจากบรเิ วณที่มีอณุ หภูมิสูงกวา่ ไปยงั บริเวณท่ีมีอณุ หภูมติ ่ำ แผ่รังสี ความรอ้ น
กวา่ โดยไม่จำเปน็ ตอ้ งอาศยั ตวั กลางในการถา่ ยโอนความร้อน
3. เนื้อหาสาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน / ภาระงาน
การแผร่ งั สีความรอ้ น - ใบงาน CAF เรอื่ งผลกระทบของการแผ่รังสีความร้อนของ
5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ดวงอาทติ ย์
ความสามารถในการคิด
ความสาสารถในการแก้ปัญหา 6. เคร่ืองมือการสอนคิด
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - CAF
- Six thinking hats (Yellow hat) , (White hat)
กิจกรรมการเรียนรู้
7. ขัน้ ของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วธิ ีวัดผล
Do Now (3 นาท)ี - ใบความรู้เรือ่ งการแผ่ - ประเมนิ ใบงาน CAF
บอกสว่ นประกอบของผักกาดจอมาคนะละ 1 อยา่ งโดยห้ามตอบซ้ำกัน รงั สีความร้อน เร่ืองผลกระทบของการ
- ใบงาน CAF เร่ือง แผ่รังสคี วามรอ้ นของดวง
Purpose (2 นาท)ี ผลกระทบของการแผ่รังสี อาทติ ย์
เราจะเรียนเร่ืองการพาความร้อนเพ่อื ใหน้ กั เรียนสามารถอธิบายการแผ่ ความรอ้ นของดวงอาทิตย์
- ห้องเรียนออนไลนเ์ รอื่ ง
รังสีความรอ้ นได้ การแผร่ ังสีความรอ้ น
Work mode (50 นาที)
1. นกั เรยี นตอบคำถามโดยครใู ช้คำถามกระตนุ้ ความคดิ “ดวงอาทิตยม์ ี
ความสำคัญต่อสิง่ แวดล้อมอย่างไรบา้ ง” (คดิ 1 : คดิ วเิ คราะห์) (White Hat)
(5นาท)ี
2. นักเรียนฟังครอู ธบิ ายเร่ืองการแผร่ งั สคี วามร้อน จากสอ่ื Power point
ประกอบการสอน (5นาที)
3. นกั เรียนศกึ ษาบทเรียนออนไลน์หรือจากใบความร้เู ร่อื ง การแผร่ ังสีความ
ร้อน (พอเพยี ง3 : การมีภูมคิ มุ้ กนั ทีด่ ี (10 นาที)
4. นักเรยี นวเิ คราห์ ผลกระทบของการแผ่รังสดี วงอาทติ ย์ จากนน้ั ลงมือทำ
ใบงาน CAF เรื่องผลกระทบของการแผ่รงั สีความรอ้ นของดวงอาทิตย์
(20 นาที)
5. นักเรยี น (ตัวแทนโดยการสุ่ม) ออกมานำเสนอผลงาน จากใบงาน CAF
เร่ืองผลกระทบของการแผ่รังสคี วามร้อนของดวงอาทิตย์ (5นาที)
กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. ส่อื 9. วิธวี ดั ผล
7. ขน้ั ของกจิ กรรม
6. นักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายเร่ืองการแผร่ ังสคี วามรอ้ นหน้าชนั้ เรียน
(คิด6: คดิ สงั เคราะห)์ พรอ้ มท้ังร่วมกันตอบคำถามดังน้ี (Six thinking hat)
“นกั เรยี นสามารถนำความรูเ้ ร่อื งการการแผร่ งั สีความร้อน ไปใชใ้ น
ชวี ติ ประจำวันได้อย่างไร?” (Yellow hat) (พอเพียง 2: ความมเี หตผุ ล)
(5 นาท)ี
Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 สิง่ ทน่ี ักเรยี นได้รับจากการเรยี นในวนั นีค้ อื (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ช่อื ...............................................................เลขท่ี.................ชน้ั .............
ใบงาน CAF เรื่องผลกระทบของการแผร่ ังสคี วามร้อนของดวงอาทติ ย์
ผลกระทบของการแผ่รังสคี วามร้อนของดวงอาทติ ย์
ตัวช่วยในการคดิ มี 18 หวั ข้อ
1.การเงินและธุรกิจ 7.สนั ทนาการ 13.ความต้องการพ้นื ฐาน
2.การขนส่ง 8.การเมอื งการปกครอง 14.การป้องกนั
3.ความสมั พันธ์ทางสังคม 9.จริยธรรมและศาสนา 15.เศรษฐกจิ
4.สิง่ แวดลอ้ ม 10.ศลิ ปะและสนุ ทรยี ภาพ 16.กฏหมายและความยุตธิ รรม
5.การศกึ ษา 11.สขุ ภาพ 17.การส่อื สาร
6.เทคโนโลยี 12.สุขภาพจติ 18.อน่ื ๆ
สรปุ ผล
............................................................................................................................. ....................................................
.................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................................
ใบความรู้
เร่ือง การถา่ ยโอนความ
ร้อน
การถา่ ยโอนความร้อน
การถา่ ยโอนความรอ้ น หมายถึง การถ่ายเทพลงั งานความร้อนจากบริเวณท่ีมีอุณหภูมิสงู ไปยงั บริเวณ
ทีม่ ีอุณหภูมิต่ำกวา่ เปรียบเหมือนการไหลของกระแสน้ำ โดยน้ำจะไหลจากทรี่ ะดับสงู ไปยงั ท่รี ะดบั ต่ำกว่าและ
จะหยุดไหลเม่ือมรี ะดับเท่ากัน เชน่ ถ้ายนื ขา้ ง ๆ กองไฟหรือเตาไฟ จะรสู้ กึ วา่ มคี วามรอ้ นจากกองไฟแผม่ าถึง
หรือถา้ จับชอ้ นโลหะทีจ่ ุ่มอย่ใู นน้ำร้อน จะรู้สกึ ว่าด้ามชอ้ นน้ันร้อน
การแผร่ งั สีความร้อน
เปน็ การถา่ ยโอนพลังงานความรอ้ นจากบริเวณทม่ี ีอุณหภมู สิ งู กวา่ ไปยังบริเวณที่มอี ณุ หภมู ติ ่ำกวา่ โดย
ไม่จำเปน็ ตอ้ งอาศยั ตวั กลางในการถ่ายโอนความร้อน ( มหี รอื ไม่มีตัวกลางกไ็ ด้ ) แต่สำหรับการถ่ายโอน
พลังงานความร้อนแบบการแผ่รังสคี วามรอ้ น สามารถแผ่มาได้เองในรปู ของรงั สีความรอ้ น เช่น ดวงอาทิตย์
แผ่รงั สีความร้อนมายังโลก หรือพลังงานรงั สคี วามรอ้ นซึ่งอย่ใู นรูปของคล่นื แม่เหลก็ ไฟฟา้
การนำความรเู้ รอื่ งการแผร่ ังสคี วามรอ้ นไปใช้ประโยชน์
1.การใช้แผน่ อะลมู เิ นยี มฟอยด์ (aluminum foil) หอ่ อาหารเนือ่ งจากแผ่นอะลูมิเนยี มฟอยด์มีสเี งนิ
และเปน็ มนั ซ่ึงสมบตั ใิ นการแผร่ ังสคี วามร้อนได้ช้า จึงทำใหอ้ าหารท่ีอยู่ภายในร้อนอย่ไู ด้นานกวา่ ปกติ
2.ภาชนะบรรจุน้ำรอ้ นเชน่ กระติกนำ้ รอ้ น ควรจะมีสอี อ่ น ๆ หรือเป็นมันวาวเพราะจะสามารถเก็บ
ความร้อนไดด้ ีกวา่ ภาชนะทีม่ ีสดี ำ เนือ่ งจากวัตถทุ ี่มสี ีเขม้ จะแผ่ รังสีความร้อนไดด้ กี ว่าวตั ถุท่ีมีสีออ่ น
แนวขอ้ สอบ O –NET
1.พลงั งานความรอ้ นเดินทางจากดวงอาทติ ยม์ าถงึ โลก โดยกระบวนการใด
1. ความรอ้ นถกู แผ่รังสผี ่านอากาศ
2. ความรอ้ นเดนิ ทางผ่านลม
3. ความรอ้ นถกู นำผา่ นโมเลกุลอากาศ
4. การพาความร้อนผ่านกระแสอากาศ
2. การทคี่ วามรอ้ นสามารถเคลื่อนที่จากวัตถทุ ี่มีอณุ หภมู ิสูงไปยังวัตถทุ ่ีมีอุณหภูมิต่ำ เราเรยี กว่าอะไร
1. การดูดความร้อน
2. การคายความรอ้ น
3. การขยายตวั ความรอ้ น
4. การถ่ายโอนความรอ้ น
ที่มา : หนงั สือLearn Education Physics มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1
แบบประเมนิ ใบงาน CAF
คำชี้แจง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน CAF
ช่ือ-สกลุ กำรแสดง นำเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผลการ
ลำดับท่ี ของผรู้ ับการ ควำม เน้ือหา สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
คิดเห็น
ประเมิน ไมผ่ ่าน
ลงชื่อ ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขน้ึ ไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน CAF
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
การแสดง
ความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเห็น - แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคดิ เห็น - - แสดงความคิดเห็น
ผลกระทบของปัญหา/
การแสดง เหตุการได้ 10 ขอ้ ขึ้นไป ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปญั หา/
ความคิดเหน็
- ระบุสง่ิ ท่ไี ด้รับผลกระทบ เหตกุ ารได้ 8-9 ข้อ เหตุการได้ 6-7 ขอ้ เหตุการได้ น้อยกวา่ 6 ขอ้
จากปัญหา/เหตกุ ารณไ์ ด้
ครบถว้ น - ระบุสิง่ ทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบ -ระบสุ ่ิงทไ่ี ดร้ ับผลกระทบจาก
- แสดงความคดิ เหน็ จากปัญหา/เหตกุ ารณ์ 80- ปญั หา/เหตุการณ์
ผลกระทบของปญั หา/เหตุ
การฌ์ได้ 10 ข้อข้ึนไป 99% 60-79%
- แสดงความคิดเห็น - แสดงความคดิ เห็น - - แสดงความคิดเห็น
ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปัญหา/
เหตุการณไ์ ด้ 8-9 ข้อ เหตกุ ารณไ์ ด้ 6-7 ขอ้ เหตุการณ์ได้ น้อยกว่า 6
ขอ้
เน้ือหา - เนื้อหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่ - เน้อื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถกู ต้องตามสาระที่
การนำเสนอ กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ วา่ 59%
ความสวยงาม - เขยี นถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลักภาษา
100% 80-99% 60-79% ต่ำวา่ 59%
- ลำดบั หัวข้อเน้อื หาชัดเจน - ลำดับหัวข้อเน้อื หาชัดเจน - มกี ารสรุปไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผล
- มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% ต่ำวา่ 59%
สมเหตสุ มผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%
- พูดชดั เจนเสียงดังฟังชัด - พดู ชัดเจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
- ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง
อักขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระตำ่ วา่ 59%
- บคุ ลิกภาพดแี ละมีความ - บุคลิกภาพดี - บุคลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการนำเสนอ
- มกี ารใช้ส่อื ประกอบการ ไดบ้ างสว่ น - ใชส้ สี นั สวยงามและมีความ - ใช้สสี นั สวยงามหรือเปน็ ไป
นำเสนอ สะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอยา่ ง
- ความพร้อมในการนำเสนอ - ใช้สสี นั สวยงาม หน่ึง
- ใชส้ ีสนั สวยงาม - มีความสะอาด
- มีความสะอาด - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์
- ความเป็นระเบียบอา่ นง่าย
แผนจัดการเรยี นรู้ที่ 9 หนว่ ยย่อยที่ 9
ช่อื หน่วยการเรียนรู้ อณุ หภูมิและความร้อน เวลา 2 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง ความรอ้ นกับการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิของสาร ผู้สอน ครูสุกฤตา ดวงสุข
วันท่ีทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
สารในสถานะต่าง ๆ มลี ักษณะการจัดเรียง อนุภาค มาตรฐาน ว2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมลู และ
ระยะห่างระหว่างอนภุ าค และแรงยดึ เหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าค คำนวณปรมิ าณความร้อนทที่ ำใหส้ สารเปลย่ี นอณุ หภมู แิ ละ
แตกตา่ งกนั ในธรรมชาตสิ ารแต่ละชนดิ จะปรากฏอยูใ่ นสถานะใด เปลีย่ นสถานะ โดยใช้สมการ โดยใช้สมการ Q=mc T และ
สถานะหนึ่ง ได้แก่ ของแข็ง ของเหลว หรือแกส๊ เราสามารถทำให้ Q=mL
สารเปลีย่ นจากสถานะหนง่ึ ไปเปน็ สถานะหนง่ึ ได้ 4. ชิ้นงาน / ภาระงาน
3. เน้อื หาสาระการเรยี นรู้
ความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ิของสาร - ใบงาน Diagram เร่ืองความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ขิ องสาร
- ใบงานตามแนว Pisa เรอ่ื งความร้อนกบั การเปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ิของสาร
5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น - แบบทดสอบออนไลน์ ความรอ้ นกับการเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมขิ องสาร 5 ข้อ
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. เครือ่ งมือการสอนคดิ
- Diagram - Six thinking hats (Yellow hat) , (White hat)
กิจกรรมการเรียนรู้
7. ขั้นของกจิ กรรม 8. ส่ือ 9. วธิ ีวัดผล
Do Now (3 นาท)ี - ไฟล์ Learn Education - ประเมินใบงาน
บอกส่งิ ท่มี สี ถานะเปน็ ของแข็งมาคนละ 1 อย่าง โดยห้ามซำ้ กัน เร่อื งความรอ้ นกับการ Diagram เร่อื งความรอ้ น
Purpose (2 นาที) เปล่ียนแปลงอุณหภมู ขิ องสาร กบั การเปลี่ยนแปลง
คาบท่ี 4 อณุ หภมู ิของสาร
เราจะเรียนเรื่องความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมขิ องสาร - Power Point เรอ่ื งความ
เพื่อให้นักเรยี นสามารถอธิบายความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ขิ อง รอ้ นกับการเปลย่ี นแปลง - ประเมนิ ใบงานตาม
สาร ได้ อณุ หภมู ขิ องสาร แนว Pisa เร่อื งความรอ้ น
Work mode (110 นาท)ี - ใบงาน Diagram เร่ืองความ กบั การเปลีย่ นแปลง
รอ้ นกบั การเปลี่ยนแปลง อณุ หภมู ิของสาร
1. นักเรียนตอบคำถามโดยครใู ช้คำถามกระตุ้นความคดิ “สารมีการ อุณหภมู ิของสาร
เปล่ยี นแปลงสถานะอยา่ งไรบา้ ง” (5นาที) (คดิ 1 : คิดวิเคราะห์) - ใบงานตามแนว Pisa เรอ่ื ง - ตรวจแบบทดสอบ
ความรอ้ นกบั การ ออนไลน์ ความรอ้ นกับ
2. นกั เรยี นศกึ ษาไฟล์ท่ี 4 เรือ่ งความร้อนกับการเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิ การเปล่ยี นแปลงอุณหภูมิ
ของสาร ผา่ นระบบ Learn Education (พอเพยี ง3 : การมีภมู ิคมุ้ กนั ท่ดี )ี ของสาร 5 ขอ้
(35 นาที)
3. นักเรยี นทำแบบทดสอบท้ายบทเรยี นออนไลน์ 5 ข้อ (5 นาที ) เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร
4. นักเรยี นฟงั ครูอธิบายเพิม่ เตมิ เรื่องความร้อนกบั การเปล่ยี นแปลง - หอ้ งเรียนออนไลน์เรอ่ื ง
อณุ หภมู ขิ องสารโดยใช้สอ่ื Power point ประกอบการสอน (10นาที) ความรอ้ นกับการ
5. นกั เรยี นสรปุ ความรใู้ นรูปแบบแผนผงั มโนทัศน์ และทำใบงาน เปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของสาร
Diagram เรอื่ งความรอ้ นกบั การเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ิของสาร (คดิ 9 : คิด
เชงิ มโนทัศน์) (20 นาท)ี
6. ตัวแทนนกั เรยี นออกมานำเสนอใบงาน Diagram เร่อื งความร้อนกบั
การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมขิ องสาร (10 นาที)
กจิ กรรมการเรียนรู้ 8. สือ่ 9. วธิ วี ดั ผล
7. ข้นั ของกจิ กรรม
7. นักเรียนลงมือทำใบงานตามแนว Pisa เรือ่ งเรอื่ งความรอ้ นกบั การ
เปล่ียนแปลงอณุ หภมู ขิ องสาร (15 นาที)
8. นักเรียนและครสู รุปความรูเ้ กยี่ วกับเรอื่ ง ความร้อนกับการ เปลย่ี นแปลง
อุณหภูมิของสาร โดยนักเรยี นตอบคำถามดงั นี้ (Six thinking hat) (5นาท)ี
- ความจุความรอ้ นจำเพาะ คืออะไร ? (White hat) (คิด1: คิดวเิ คราะห์)
- ความจคุ วามรอ้ น กบั ความจคุ วามร้อนต่างกันอยา่ งไร
(คิด2 :คดิ เปรยี บเทียบ)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- 1 ส่งิ ทน่ี กั เรียนได้รับจากการเรยี นในวันนคี้ อื (3 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้เรือ่ งอณุ หภูมิและความร้อน
ความร้อนกบั การเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ขิ องสาร
เม่อื ใหค้ วามร้อนกบั สสาร อุณหภูมิของสสารจะสูงขึ้น หรอื เมื่อสสารสูญเสยี ความร้อน อุณหภมู ิของ
สสารจะลดต่ำลง นักฟิสกิ สจ์ ึงไดน้ ิยามปริมาณความร้อนท่ที ำใหส้ สารเปลย่ี นอณุ หภูมนิ ว้ี ่า
ความจุความรอ้ นของสสาร (Heat Capacity : C)
คือ ปริมาณความร้อนทที่ ำให้สสารมีอุณหภมู ิเปลี่ยนไป 1 องศาเซลเซยี สโดยที่สถานะไม่
เปล่ียน
ความจคุ วามรอ้ นจำเพาะของสาร (Specific Heat Capacity : c )
คอื ปรมิ าณความร้อนท่ีทำให้สารมวล 1 กรัมมอี ุณหภูมิเปล่ียนไป 1 องศาเซลเซยี สโดยท่ี
สถานะ ไม่เปลยี่ น
เราสามารถคำนวณปรมิ าณความร้อนท่ีทำให้สสารเปล่ยี นอุณหภูมไิ ด้จากสมการ
Q = ปริมาณความรอ้ นทใ่ี หส้ สารไดร้ ับหรือสญู เสียไป มหี นว่ ยเปน็ แคลอร่ี (Cal)
m = มวลของสสาร มหี นว่ ยเป็นกรมั (g)
c = ค่าความจคุ วามรอ้ นจาํ เพาะของสาร มีหนว่ ยเปน็ แคลอรต่ี ่อกรัม-องศาเซลเซยี ส
C = คา่ ความจุความรอ้ นของสสาร มีหน่วยเปน็ แคลอรต่ี อ่ องศาเซลเซียส
∆T = อณุ หภมู ทิ เ่ี ปล่ียนไป มีหนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส
ชื่อ..........................................................................ชนั้ ...........เลขท่.ี ........
ใบงาน Diagram เร่ืองความร้อนกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสาร
คำชแ้ี จง สรุปความรู้เร่ืองการเปลย่ี นแปลงสถานะของสารในรปู ของ Diagram
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
เวลา 15 นาที ใบงานตามแนว Pisa
ระบุประเดน็ ทางวทิ ยาศาสตร์
คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ชื่อ – สกลุ .............................................................................................ชนั้ .................................
โรงเรยี น...................................................................อำเภอ.......................จงั หวัด.......................
คำชีแ้ จง
4. ขอ้ สอบชุดน้มี ีถ้อยความให้อ่าน มคี ำถามการอ่านในใจแลความเขา้ ใจการอา่ น 5 ขอ้ จำนวน 2 หนา้
5. การตอบคำถามทกุ ขอ้ ให้ทำในชดุ ขอ้ สอบ
6. ให้นักเรยี นอา่ นคำถามทุกข้ออยา่ งละเอยี ดรอบคอบแล้วตอบคำถามใหด้ ีทสี่ ดุ เทา่ ที่จะทำได้