The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนรายวิชาวิทยาศาสตร์2(lean)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by scicrpaoschool, 2022-12-14 03:52:49

แผนรายวิชาวิทยาศาสตร์2(lean)

แผนรายวิชาวิทยาศาสตร์2(lean)

ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน KWL

เกณฑ์การ ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรงุ )
การแสดง
ความคดิ เห็น - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง K - แสดงความคิดเห็นในช่อง K - แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง K - แสดงความคดิ เห็นในช่อง K
ได้ 10 ขอ้ คำถามข้ึนไป ได้ 9-10 ขอ้ คำถาม ได้ 7-8 ข้อคำถาม ได้ น้อยกวา่ 7 ขอ้

- แสดงความคดิ เหน็ ในช่อง - แสดงความคิดเห็นในช่อง - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง
W ได้ 10 ข้อคำถามขึ้นไป W ได้ 9-10 ข้อคำถาม W ได้ 7-8 ขอ้ คำถาม W ได้ น้อยกวา่ 7 ข้อ

- แสดงความคดิ เหน็ ในชอ่ ง L - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง L - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง L - แสดงความคดิ เห็นในช่อง L
ได้ 10 ขอ้ คำถามข้ึนไป ได้ 9-10 ขอ้ คำถาม ได้ 7-8 ข้อคำถาม ได้ น้อยกวา่ 7 ขอ้

เนอื้ หา - เนอื้ หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนอ้ื หาถูกต้องตามสาระที่ - เนอื้ หาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนื้อหาถูกตอ้ งตามสาระที่
กำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำว่า 59%
การนำเสนอ - เขยี นถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลักภาษา - เขียนถกู ต้องตามหลักภาษา - เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา
100% 80-99% 60-79% ตำ่ วา่ 59%
ความสวยงาม - ลำดับหัวข้อเน้อื หาชดั เจน - ลำดบั หัวข้อเน้ือหาชดั เจน - มีการสรปุ ไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไมส่ มเหตสุ มผล
การตรงต่อ - มกี ารสรุปไดอ้ ยา่ ง - มกี ารสรปุ ไดอ้ ยา่ ง สมเหตุสมผล 60-79% ต่ำว่า 59%
สมเหตสุ มผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%
เวลา - พูดชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชดั - พดู ชดั เจนเสยี งดังฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู นำเสนอได้
- ใชภ้ าษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ต้อง
อกั ขระ100% อักขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอักขระต่ำว่า 59%
- บคุ ลิกภาพดแี ละมคี วาม - บุคลิกภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
มนั่ ใจ - ความพร้อมในการนำเสนอ
- มกี ารใชส้ ่ือประกอบการ ไดบ้ างส่วน - ใช้สสี ันสวยงามและมคี วาม - ใชส้ สี ันสวยงามหรอื เปน็ ไป
นำเสนอ สะอาด ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอยา่ ง
- ความพร้อมในการนำเสนอ - ใช้สสี ันสวยงาม หนง่ึ
- ใชส้ ีสนั สวยงาม - มคี วามสะอาด สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
- มคี วามสะอาด - มีความคิดสรา้ งสรรค์ เวลาท่ีกำหนด 10 นาที สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
- มีความคิดสรา้ งสรรค์ เวลาท่ีกำหนด 15 นาที
- ความเป็นระเบียบอา่ นงา่ ย ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ ้ากวา่
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม เวลาที่กำหนด 5 นาที
เวลาทก่ี ำหนด


ตอบคำถามถกู ต้อง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน PRACQUIZ
ตอบคำถามไมถ่ กู ต้อง เรื่อง สมดลุ ความร้อน

1 คะแนน
0 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

5 ดมี าก

3-4 ดี

1-2 พอใช้

0 ปรบั ปรงุ

นกั เรยี นไดร้ ะดบั คุณภาพที่ ดี ข้นึ ไปถือว่า ผา่ น


แผนจดั การเรียนร้ทู ี่ 15 หนว่ ยย่อยที่ 15
ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ อุณหภูมแิ ละความรอ้ น เวลา 2 ชั่วโมง
เรื่อง การดดู กลนื และคายความรอ้ นของสาร ผสู้ อน ครสู ุกฤตา ดวงสขุ
วนั ท่ีทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั

วตั ถทุ กุ ชนิดสามารถดูดกลืนพลงั งานรงั สี การดดู กลนื มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องความรู้
พลงั งานรงั สีของวตั ถุเรยี กว่า "การดูดกลนื ความร้อน" จากการคน้ พบ ของการหดและขยายตวั ของสสารเนอื่ งจากความรอ้ น โดยวเิ คราะห์
ของนกั วทิ ยาศาสตรพ์ บว่า วตั ถทุ ่มี ผี วิ นอกสดี ำทึบหรือสีเขม้ จะดดู กลืน สถานการณ์ปญั หา และเสนอแนะวิธีการนำความรู้มาแก้ปัญหาใน
ความร้อนไดด้ ี โดยวัตถุทีม่ ีผิวนอกสดี ำจะคายความรอ้ นได้ไม่ดีเทา่ วตั ถุ ชวี ติ ประจำวัน
ที่มีผวิ นอกขาว

3. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน / ภาระงาน

การดดู กลนื และคายความรอ้ นของสาร - ใบงาน Creative Thinking การดูดกลนื และคายความรอ้ นของสาร
- แบบทดสอบออนไลน์ เรือ่ งอณุ หภมู ิและความรอ้ น 5 ขอ้

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เคร่อื งมือการสอนคดิ
ความสามารถในการคิด - Creative Thinking - Six thinking hat (Yellow hat)

กิจกรรมการเรยี นรู้

7. ขน้ั ของกจิ กรรม 8. สือ่ 9. วธิ วี ัดผล

Do Now (3 นาที) - ไฟล์ Learn Education - ใบงาน Creative

บอกชอื่ จงั หวัดที่ลงท้ายดว้ ย สระ อี โดยหา้ มตอบซำ้ กนั เร่ืองการดูดกลืนและคาย Thinking การดดู กลนื

Purpose (2 นาที) ความรอ้ นของสารคาบที่ และคายความร้อนของ

เราจะเรียนเรือ่ งการดดู กลนื และคายความรอ้ นของสารเพ่ือใหน้ ักเรียน 7 สาร

สามารถอธบิ ายการดูดกลืนและคายความรอ้ นของสารได้ - Power Point เรือ่ งการ - ประเมินแบบทดสอบ

Work mode (110 นาท)ี ดูดกลนื และคายความร้อน ออนไลน์ เรอื่ ง อุณหภมู ิ

1. นักเรยี นทบทวนจากการเรยี นคาบที่แลว้ โดยครูใช้คำถาม “สมดลุ ความ ของสาร และความรอ้ น 5 ข้อ

รอ้ นคอื อะไร” (White Hat) (5นาที) - ใบงาน Creative

2. นกั เรยี นศึกษาไฟล์ที่ 7 เร่อื งการดูดกลนื และคายความร้อนของสาร ผ่าน Thinking การดดู กลนื

ระบบ Learn Education (พอเพียง3 : การมีภูมิคุม้ กันที่ดี) (35 นาท)ี และคายความรอ้ นของ

3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบทา้ ยบทเรียนออนไลน์ 5ข้อ (5 นาที ) สาร

4. นกั เรยี นฟังครูอธิบายเพ่มิ เตมิ เร่ืองอณุ หภมู ิและความรอ้ น โดยใช้ส่อื - ใบความรู้เรอื่ งการ

Power point ประกอบการสอน (15นาที) ดูดกลืนและคายความร้อน

5. นกั เรียนลงมอื ทำใบงาน Creative Thinking การดูดกลืนและคายความ ของสาร

ร้อนของสาร ในหัวข้อ “ออกแบบบ้านทีอ่ ยอู่ าศัยให้เหมาะกบั สภาพอากาศใน - หอ้ งเรยี นออนไลน์เรอ่ื ง

ปัจจุบนั ” (คดิ 8 : คิดสรา้ งสรรค์) (30 นาที) การดูดกลนื และคายความ

6. นกั เรียน (ตวั แทนโดยการสมุ่ ) ออกมานำเสนอผลงาน Creative ร้อนของสาร

Thinking การดดู กลืนและคายความร้อนของสาร ในหวั ข้อ “บา้ นทีอ่ ยู่อาศัย

ให้เหมาะกับสภาพอากาศในปัจจบุ นั ” (10นาที)


กจิ กรรมการเรียนรู้ 8. สือ่ 9. วธิ วี ัดผล
7. ข้นั ของกิจกรรม

7. นกั เรยี นและครสู รุปความรเู้ กี่ยวกับเรอ่ื ง การดูดกลนื และคายความรอ้ น
ของสสาร โดยนกั เรยี นตอบคำถามดังน้ี (Six thinking hat) (10นาท)ี

การดูดกลืนและคายความรอ้ นนำไปใช้ประโยชนใ์ นด้านใดได้บา้ ง ?
(Yellow hat)
Reflective Thinking (5 นาที)

- 1 สิ่งท่นี กั เรียนไดร้ ับจากการเรียนในวนั นีค้ อื (3 นาที)
- ทำแนวข้อสอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)


ใบความร้เู รื่องการดดู กลนื และคายความรอ้ นของสาร

การดดู กลืนและการคายความรอ้ น

เมอ่ื ประมาณ 4,600 ลา้ นปีท่ีผ่านมา ดวงอาทติ ย์ไดส้ ่องแสงมายงั โลกตลอดเวลา โดยพืชใช้แสงใน
กระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ซึง่ เป็นปฏกิ ิริยาทางเคมที ม่ี ีความจำเป็นตอ่ สง่ิ มชี ีวิตบนโลก

เมอ่ื ปี พ.ศ. 2210 เซอร์ไอแซค นิวตัน นักวิทยาศาสตรช์ าวองั กฤษ ไดท้ ดลองเกยี่ วกับเรอ่ื งแสง
พบว่าถา้ ใหแ้ สงอาทติ ย์สอ่ งผา่ นปริซมึ แสงจะเกิดการหกั เหออกมาเปน็ แสงสตี ่าง ๆ 7 สี เรมิ่ จากแสงที่มี
ความยาวคลื่นส้นั ไปหาแสงท่ีมีความยาวคลืน่ ยาวไดด้ งั น้ีคอื ม่วง คราม นำ้ เงนิ เขยี ว เหลอื ง สม้ และแดง
ทส่ี ามารถมองเห็นไดน้ อกจากแสงท้งั 7 สแี ลว้ ยงั มรี งั สีอน่ื ๆ ทตี่ าไม่สามารถมองเหน็ ไดอ้ ีกหลายชนดิ ท้ังท่ี
มีความยาวคลื่นส้ันและท่มี คี วามยาวคลน่ื ยาว

ในปี พ.ศ. 2343 วลิ เลยี ม เฮอร์สเชล (William Herschel) นักดาราศาสตรช์ าวองั กฤษไดค้ ้นพบ
แสงชนิดใหมท่ ี่สายตามนุษย์ไมส่ ามารถมองเห็นได้ โดยเฮอร์สเชลให้แสงอาทิตย์ส่องผ่านปริซมึ แล้ววัด
อุณหภูมิของสที ้งั 7 สี ที่เรยี กวา่ สเปกตรัม เขาพบวา่ สีแดง เป็นสที รี่ อ้ นทสี่ ุด แตส่ ่งิ ทนี่ ่าแปลกใจก็คือ
ช่วงแสงทีอ่ ยถู่ ดั จากแสงสแี ดงออกไปมอี ณุ หภูมสิ งู กวา่ แสงสีแดง ซึง่ ช่วงแสงดังกลา่ วเป็นรงั สคี วามร้อนที่มอง
ไมเ่ ห็นท่ีเรียกว่า รงั สีใต้แดง (Infrared)

เม่อื พ.ศ. 2428 แมกซ์ แพลงค์ (Max Planck) ไดค้ ้นพบทฤษฎีความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งอณุ หภมู ิ
และการแผ่รังสีความร้อน ซง่ี เขาไดพ้ สิ ูจนว์ ่าวตั ถุทกุ ชนดิ เมือ่ ไดร้ ับรังสจี ากดวงอาทติ ย์จะทำให้มีอุณหภูมิสงู ขึ้น
หมายความว่าวตั ถุทกุ ชนิดนั้นสามารถรบั พลงั งานความร้อนในรปู ของแสงหรอื รงั สจี ากดวงอาทิตย์ และ
สามารถถ่ายเทพลงั งานความร้อนออกมาได้

การดูดกลนื ความรอ้ นของวตั ถุ
การดดู กลืนความรอ้ นของวัตถุ หมายถงึ การท่วี ัตถุบนโลกไดร้ บั ความร้อนจากดวงอาทิตย์แล้วเก็บ

สะสมความรอ้ นไวภ้ ายใน ส่งผลใหว้ ตั ถุได้รับพลงั งานความร้อนเพ่ิมข้ึน เชน่ ถ้านักเรยี นยนื อย่กู ลางแสงแดด
เปน็ เวลานาน จะร้สู กึ รอ้ นและพบว่ารา่ งกายของนักเรียนแตล่ ะส่วนจะมีอณุ หภูมิไมเ่ ท่ากนั ซง่ึ บริเวณทีร่ อ้ น
ทีส่ ดุ คอื ศรี ษะทั้งน้เี นอ่ื งจากดวงอาทติ ยจ์ ะแผ่พลังงานความร้อนออกมายงั โลกในรปู ของพลงั งานแสง เมื่อ
มากระทบกับวตั ถบุ นโลก วตั ถุเหล่าน้ันจะดูดกลืนความร้อนเกบ็ สะสมไวภ้ ายใน ส่งผลใหว้ ัตถุไดร้ ับพลังงาน
ความร้อนเพ่มิ ข้นึ ดงั นั้น เม่ือเวลาอยกู่ ลางแสงแดดจงึ ทำใหว้ ัตถุร้อนข้ึน


การคายความร้อนของวตั ถุ หมายถงึ การท่วี ตั ถุดูดกลนื พลงั งานความร้อนไวแ้ ลว้ กจ็ ะแผร่ งั สีความ
ร้อนหรอื ปลดปลอ่ ยความร้อนออกมา วัตถุทด่ี ูดกลืนความรอ้ นไว้มากจะแผร่ ังสีความร้อนท่มี ีความยาวคลืน่
ของแสงสแี ดง ดงั น้นั วัตถทุ ีร่ ้อนจัดจงึ เห็นเปน็ สีแดง และเม่ือทำให้รอ้ นขน้ึ ไปอีกกจ็ ะแผร่ งั สีอ่นื ท่มี ีความยาว
คลื่นแตกต่างกนั ออกมาเร่อื ย ๆ จนในที่สุดเม่อื ร้อนจัดก็จะปล่อยแสงสว่างที่ตาเรามองเหน็ ไดอ้ อกมา

ปัจจยั ท่มี ผี ลตอ่ การดูดกลืนและการคายความรอ้ น

วัตถตุ า่ ง ๆ มีสมบตั กิ ารดูดกลนื และคายความรอ้ นแตกตา่ งกนั หากเรามคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับ
สมบัติดงั กล่าวของวตั ถุ กจ็ ะทำให้สามารถเลือกใช้วัตถไุ ด้อย่างเหมาะสม ซ่งึ การดูดกลืนจะคายความรอ้ นของ
วัตถขุ ้ึนอยกู่ บั ปัจจัย ดงั น้ี

1) สี วตั ถุท่มี ีสเี ขม้ จะดูดกลืนและคายความรอ้ นไดด้ ีกว่าวตั ถทุ ่ีมีสอี อ่ น เช่น รถยนตส์ ีดำกับรถยนต์
สีขาว เมื่อจอดปิดกระจกอยู่กลางแดด ภายในรถยนตส์ ดี ำจะร้อนเรว็ กว่ารถยนตส์ ีขาว และคายความร้อนได้
เร็วกวา่ ดว้ ย

2) เนอ้ื วตั ถุ วตั ถุท่มี ีเน้อื หยาบและผวิ ด้านจะดดู กลืนและคายความร้อนได้ดกี วา่ วตั ถทุ มี่ ีเนื้อละเอียด
ผวิ เป็นมัน

3. อุณหภูมิ วตั ถทุ ีม่ ีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิของส่ิงแวดล้อมมากจะดูดกลนื ความร้อนไดเ้ รว็ เช่น
แก้วกาแฟสองใบต้ังไวใ้ นหอ้ งท่ีมีอณุ หภูมิ 25 ℃ แก้วกาแฟท่มี ีอณุ หภูมิ 10 ℃ จะดูดกลืนความรอ้ นได้
เรว็ กว่าแก้วกาแฟท่ีมอี ณุ หภูมิ 20 ℃

วัตถุทมี่ อี ณุ หภมู ิสูงกว่าอณุ หภูมขิ องสิ่งแวดลอ้ มมาก จะแผ่รังสีหรือคายความร้อนได้เร็ว เช่น ตั้ง
แก้วกาแฟทง้ั สองใบไวใ้ นห้องอุณหภมู ิ 25 ℃ แก้วกาแฟใบทีม่ อี ณุ หภูมิ 80 ℃ จะคายความรอ้ นไดเ้ รว็
กว่าแกว้ กาแฟทมี่ อี ุณหภูมิ 40 ℃

4) พืน้ ที่ผวิ วตั ถุท่มี พี นื้ ที่ผวิ มากจะดูดกลนื และคายความรอ้ นไดเ้ รว็ กว่าวัตถทุ ีม่ ีพืน้ ผิวน้อย

➢การนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

มนุษยน์ ำความรู้เร่อื งการดูดกลืนและคายความร้อนมาใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวนั เช่น
- กลอ้ งเทอรม์ อล อิมเมจ (thermal image) การประดษิ ฐก์ ล้องเทอรม์ อล อิมเมจ
สอ่ งดูวตั ถุ หรือสงิ่ ต่าง ๆ ในทีม่ ืดสนทิ ทำให้เราสามารถมองเหน็ วตั ถใุ นทีม่ ดื ได้ กลอ้ งชนิดน้จี ะอาศยั หลกั การ
ทว่ี ่าวตั ถุทุกชนดิ จะแผร่ งั สคี วามรอ้ นออกมาตลอดเวลาน่นั เอง

- การเอกซเรย์ ในทางการแพทยส์ ามารถใชร้ งั สเี อกซ์ถ่ายภาพส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย
คนลงบนแผ่นฟลิ ม์ เพือ่ วนิ ิจฉยั โรค เนื่องจากอวัยวะ แต่ละส่วนจะแผ่รงั สีความรอ้ นออกมาไม่เท่ากัน ภาพท่ี
ถา่ ยไดจ้ ึงมสี ตี ่างกัน ถ้าอวยั วะสว่ นใดเกดิ โรคขึน้ จะทำใหภ้ าพท่ีออกมามีสผี ิดไปจากปกติ

- ในทางอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่ต้องใช้ไอน้ำท่สี ง่ มาตามทอ่ จะต้องห้มุ ท่อดว้ ย


ฉนวนทีห่ นา เพ่ือป้องกนั ความร้อนรัว่ ไหลออกจากผนงั ทอ่ ถ้าเกิดมรี อยรวั่ แมแ้ ต่เพียงเล็กนอ้ ย จะทำให้
ความร้อนสญู หายไป ซ่ึงไม่สามารถตรวจสอบดว้ ยตาไดเ้ ลย แต่ถ้าใช้ถ่ายดว้ ยฟลิ ม์ ไวแสงอนิ ฟราเรด จะเห็น
รอยร่ัวได้อย่างชดั เจน

- การสำรวจทรพั ยากรธรรมชาติ โดยการถ่ายภาพของผิวโลก และใตผ้ วิ โลกจาก
ดาวเทียมท่โี คจรอยรู่ อบโลกดว้ ยฟิล์มไวแสงอนิ ฟราเรด ซง่ึ อาศยั หลกั การที่วา่ วัตถุทกุ ชนดิ สะทอ้ นคลืน่ ความ
ร้อนออกมา โดยนำ้ จะไม่สะท้อนคลน่ื ความร้อน แต่จะสะทอ้ นแสงสเี ขียว-นำ้ เงนิ พชื สเี ขยี วจะสะทอ้ นคลื่น
ความร้อนได้ดี ซงึ่ จะไดภ้ าพสีส้ม-แดง จากภาพทีถ่ ่ายไดจ้ งึ สามารถสำรวจพน้ื ทไ่ี ดว้ ่ามที รัพยากรธรรมชาติใด
อยู่บ้าง

- การกอ่ สร้างอาคารโดยใช้แก้วเปน็ ผนัง เนื่องจากความมนั วาว ของผนังแก้วจะสะทอ้ นรังสี
ความร้อน ดว้ ยเหตทุ ่ีแก้วเป็นตัวนำความร้อนทไ่ี มด่ ี ความรอ้ นจึงไม่สามารถสง่ ผ่านจากภายนอกอาคารเข้าไป
ในอาคารได้งา่ ย ๆ

- การก่อสร้าง นยิ มใช้คอนกรีตเปน็ วัสดใุ นการกอ่ สรา้ ง เพราะคอนกรตี เป็นตวั นำความรอ้ นทีไ่ ม่
ดี ความร้อนจากดวงอาทิตย์และสภาพแวดล้อมโดยรอบอาคารไมส่ ามารถเคลื่อนที่ผ่านคอนกรีตได้ง่าย จึงทำ
ใหอ้ ุณหภูมิภายในอาคารไม่ร้อน

- การออกแบบชุดนักบนิ อวกาศ จะตอ้ งออกแบบให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิตในอวกาศ
โดยชุดภายนอกจะมีสีขาวเพื่อให้สะท้อนรงั สีที่แผ่มาจากดวงอาทติ ยซ์ ่งึ จะชว่ ยป้องกนั นกั บินอวกาศจากการ
ดดู กลนื รงั สี ซ่ึงอาจทำให้รา่ งกายของเขาได้รับความรอ้ นในปริมาณที่มาก นอกจากน้ีหมวกกันภัยยงั ประดิษฐ์
ขึ้นจากวัสดุท่ีเป็นฉนวนพิเศษใช้ป้องกันการสง่ ผ่านความร้อนโดยการนำความรอ้ น

- การประดิษฐก์ าต้มน้ำร้อน ซึง่ ตัวกาต้มน้ำรอ้ นจะประดษิ ฐใ์ ห้มสี ีเงินวาวและผิวมนั เรียบ เพราะ
คุณลักษณะเช่นนี้ จะทำให้กาต้มน้ำรอ้ นเปน็ ตวั ปลดปลอ่ ยรงั สีความรอ้ นทไ่ี ม่ดจี ึงทำให้นำ้ ท่ตี ้มแล้วเก็บไว้นาน
ๆ น้ำกย็ งั รอ้ นอยู่

- การสรา้ งรถบรรทุกนำ้ มนั และถังน้ำมนั ตวั ถังน้ำมนั ของรถบรรทุกนำ้ มนั นิยมเคลอื บผิวหน้า
ด้วยสขี าวเพอ่ื ชว่ ยให้สะทอ้ นรงั สีที่มาจากดวงอาทิตย์ ทำให้นำ้ มนั ที่บรรจอุ ยูใ่ นถงั เยน็ ตวั
หรอื อณุ หภูมติ ำ่ ปอ้ งกนั การลุกไหม้ของนำ้ มันที่เกบ็ รกั ษาไว้

- การเลือกสวมเสอื้ ผ้าใหเ้ หมาะสมกับสภาพอากาศหรือฤดกู าล โดยถา้ อากาศร้อนหรอื เป็นฤดู
รอ้ น ก็ควรสวมเส้อื ผา้ สอี อ่ น เนอ่ื งจากวตั ถสุ ีออ่ นจะดูดกลืนความร้อนไดน้ ้อย ทำให้รสู้ กึ เยน็ สบาย และถ้า
อากาศเยน็ หรอื เปน็ ฤดูหนาวกค็ วรสวมเสอ้ื ผ้าสีเข้ม เนือ่ งจากวัตถสุ ีเขม้ จะดดู กลนื ความร้อนได้มาก ทำให้
ร่างกายรสู้ กึ อบอุน่


ช่ือ..........................................................................ชน้ั ...........เลขที่.........

ใบงาน Creative Thinking เรอื่ งการดูดกลนื และคายความรอ้ นของสาร

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นออกแบบบา้ นทอี่ ยู่อาศยั ใหเ้ หมาะกับสภาพอากาศในปัจจบุ นั

แนวคดิ การออกแบบบ้าน

…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………


แนวขอ้ สอบ O –NET

1. สีและลกั ษณะในขอ้ ใดทีส่ ามารถดดู กลนื และคายความรอ้ นไดด้ ที ีส่ ุด
1. สดี ำ ผวิ หยาบ
2. สีดำผวิ เรียบ
3. สีขาว ผวิ หยาบ
4. สีขาว ผวิ ขรขุ ระ

2. ขอ้ ใดเปน็ ประโยชนจ์ ากการสมบตั กิ ารดดู ความรอ้ นท่ีตา่ งกันของวัตถุ
1. การสรา้ งรางรถไฟ
2. การสร้างเครอ่ื งเรอื น
3. การเลอื กสีทาบ้าน
4. การสรา้ งถนน

ทมี่ า : หนงั สอื เรียน Learneducation ข้อสอบ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 . 2559


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Creative thinking

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
ความคดิ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
ริเร่มิ
สร้างสรรค์ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่ -แปลกใหม่

- ไมซ่ ำ้ แบบใคร - ไม่ซำ้ แบบใคร - ดัดแปลง

- น่าสนใจ - ดัดแปลง

- ดดั แปลง

เน้อื หา - เนื้อหาครบถว้ น - เนือ้ หาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถ้วน - เนื้อหาไมค่ รบถว้ น
100% 80-99% 60-79% ตำ่ ว่า 59%
- ลำดบั หัวขอ้ เนอ้ื หา - ลำดบั หวั ขอ้ เนื้อหา - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรปุ ไม่
ชดั เจน ชดั เจน สมเหตุสมผล 60-79% สมเหตุสมผลตำ่ วา่ 59%
- มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99% - สามารถร้องนำเสนอได้
- บคุ ลิกภาพไม่เหมาะสม
การนำเสนอ - ร้องชดั เจนเสยี งดงั ฟงั ชัด - รอ้ งชดั เจนเสยี งดงั ฟังชดั - รอ้ งพดู เหมาะสม

- บคุ ลกิ ภาพดีและมีความ - บุคลิกภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม

ม่ันใจ - ความพร้อมในการ

- ความพรอ้ มในการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

การตรงต่อ สง่ ผลงานครบถ้วน ตรง ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้า สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้
เวลา ตามเวลาที่กำหนด กวา่ เวลาทกี่ ำหนด 5 กวา่ เวลาท่ีกำหนด 10 กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 15
นาที นาที นาที


แบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking

คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ

กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Creative thinking

ควำมคิด เนอ้ื หา นำเสนอ
(5 (5
กลมุ่ ท่ี ช่ือ-สกุล ริเรมิ่ ตรงต่อเวลา รวม สรปุ ผลการประเมนิ
ของผูร้ บั การประเมิน สรำ้ งสรรค์ คะแนน) คะแนน) (5 คะแนน) 20 คะแนน ผ่าน/ไม่ผา่ น

(5 คะแนน)

ลงชอื่ ....................................................ผ้ปู ระเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

นกั เรียนได้ระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผ่าน


เกณฑก์ ารให้คะแนน PRACQUIZ
เรอ่ื ง การดดู กลนื และคายความร้อนของสาร

ตอบคำถามถูกต้อง 1 คะแนน
ตอบคำถามไมถ่ ูกตอ้ ง 0 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

5 ดีมาก

3-4 ดี

1-2 พอใช้

0 ปรบั ปรุง

นักเรียนได้ระดับคุณภาพที่ ดี ข้ึนไปถือวา่ ผา่ น


แผนจดั การเรยี นรทู้ ี่ 16 หนว่ ยยอ่ ยที่ 16
ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ อุณหภมู ิและความรอ้ น เวลา 1 ช่วั โมง
เร่อื ง การขยายตัวเชงิ ความรอ้ นของสาร ผู้สอน ครสู ุกฤตา ดวงสขุ
วนั ท่ที ำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
เมอ่ื วตั ถสุ องสิง่ อยู่ในสมดลุ ความรอ้ น วัตถทุ ้งั สองมี
มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/3 สร้างแบบจำลองที่อธบิ ายการ
อุณหภมู ิเท่ากนั การขยายตวั ของวตั ถุเปน็ ผลจากความร้อนทว่ี ตั ถุ ขยายตัวหรือการหดตวั ของสสารเนื่องจากไดร้ ับหรือสูญเสยี ความ
ได้รบั เพิ่มขนึ้ การนำความรเู้ รอื่ ง การขยายตัวของวตั ถเุ มอ่ื ได้รับ รอ้ น
ความร้อนไปใช้ประโยชน์

3. เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 4. ชน้ิ งาน / ภาระงาน
การขยายตัวเชงิ ความร้อนของสาร
- ใบงาน PMI การขยายตัวเชงิ ความรอ้ นของสาร
- แบบทดสอบออนไลน์ เร่อื งการขยายตัวเชิงความรอ้ นของสาร 5 ข้อ

5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 6. เครอื่ งมือการสอนคิด
ความสามารถในการคดิ - PMI - Six thinking hat (Yellow hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ข้ันของกจิ กรรม 8. สอ่ื 9. วิธีวัดผล

Do Now (3 นาที) - ไฟล์ Learn Education - ประเมินใบงาน OPV

บอกสถานท่ีคลายร้อนสำหรับนักเรียนมาคนละ 1 ท่ี ห้ามซำ้ กนั เร่ืองการขยายตัวเชงิ ความ การขยายตัวเชงิ ความรอ้ น

Purpose (2 นาที) ร้อนของสาร คาบท่ี 7 ของสาร

เราจะเรยี นเร่อื ง การขยายตวั เชงิ ความร้อนของสสาร เพอื่ อธบิ ายความ - Power Point เร่ืองการ - ประเมนิ แบบทดสอบ

รอ้ นและผลของความรอ้ นตอ่ การขยายตวั ของสาร และนำความรูไ้ ปใช้ ขยายตัวเชงิ ความร้อนของ ออนไลน์ เรอ่ื งการขยายตัว

ประโยชน์ได้ สาร เชงิ ความรอ้ นของสาร 5

Work mode (50 นาที) - ใบงาน OPV เรื่องการ ข้อ

1. นกั เรียนตอบคำถามกระตุน้ ความคิด โดยครใู ชค้ ำถาม “ยกตัวอยา่ งการ ขยายตัวเชิงความร้อนของ

ดูดกลืนและคายความรอ้ นของสารในชวี ิตประจำวนั ” (White Hat) (3นาที) สาร

2. นกั เรียนศกึ ษาไฟลท์ ่ี 7 เรอ่ื งการขยายตวั เชิงความรอ้ นของสสารผา่ น - ใบความรูเ้ ร่ืองการการ

ระบบ Learn Education (พอเพียง3 : การมภี มู ิคมุ้ กันทดี่ ี) (25 นาที) ขยายตัวเชงิ ความรอ้ นของ

3. นักเรยี นทำแบบทดสอบท้ายบทเรยี นออนไลน์ 5ขอ้ (5 นาที ) สาร

4. นักเรยี นฟังครอู ธบิ ายเพิ่มเติมเร่ืองการขยายตวั เชิงความร้อนของสารโดย - ห้องเรียนออนไลนเ์ รอ่ื ง

ใชส้ ือ่ Power point ประกอบการสอน (5นาที) การขยายตวั เชิงความรอ้ น

5. นกั เรยี นบอกขอ้ ดี ข้อเสยี และขอ้ เสนอแนะ ลงมอื ใบงาน PMI การ ของสาร

ขยายตวั เชงิ ความรอ้ นของสาร (คิด1 : คดิ วเิ คราะห์) (5 นาท)ี

6. นักเรยี น (ตวั แทนโดยการสุ่ม) ออกมานำเสนอใบงาน OPV การขยายตัว

เชิงความร้อนของสาร (5นาที)


กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. สอ่ื 9. วิธีวัดผล
7. ขนั้ ของกจิ กรรม

7. นกั เรยี นและครสู รุปความรู้เก่ียวกับเรื่อง การขยายตัวเชิงความร้อนของ
สาร โดยนักเรยี นตอบคำถามดงั นี้ (Six thinking hat) (2นาท)ี

- ยกตวั อย่างการขยายตัวเชิงความร้อนของ ของแข็ง (White Hat)
- ยกตัวอยา่ งการขยายตัวเชิงความรอ้ นของ ของเหลว (White Hat)
- ยกตัวอยา่ งการขยายตัวเชิงความรอ้ นของ ของแกส๊ (White Hat)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- 1 สง่ิ ทนี่ กั เรยี นได้รับจากการเรยี นในวันนค้ี ือ (3 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาท)ี


ใบความรูเ้ ร่อื งการขยายตวั เชงิ ความรอ้ นของสสาร

ความร้อนกับการขยายตัวของสาร

เคยสงสยั หรอื ไมค่ รับว่าทำไม เวลาหน้าร้อน ประตหู ้องของคุณจะปิดยากขึ้นกว่าปกติ (หากเป็นประตูไมน้ ะ
ครับ)
และทำไมรางรถไฟจึงไมต่ ่อเปน็ เสน้ เดียวกนั โดยตลอด ทำไมจึงต้องเวน้ ช่องว่างเล็กๆ เอาไว้ระหว่างรางแต่ละเสน้

เนื่องจากว่า วัตถเุ มอื่ ได้รบั ความร้อนจะเกิดการขยายตวั ทำให้ความยาว พน้ื ที่หน้าตดั และปริมาตรของ
วัตถเุ พมิ่ ขึ้นมากกว่าเดิม ในทางตรงกนั ข้ามถา้ วัตถุคายความร้อนออก (วตั ถมุ ีอุณหภมู ิเย็นลง) ย่อมทำใหเ้ กิดการหดตัว
ความยาว พ้ืนที่หน้าตดั และปริมาตรลดนอ้ ยลง

การขยายตัวของวัตถุ
วัตถบุ างชนดิ จะขยายตัวเมือ่ ได้รับความรอ้ นและจะหดตัวเม่ือคายความร้อน การขยายตวั ของวตั ถุเป็นสมบัติ

เฉพาะตัวของวัตถุ อัตราสว่ นระหว่างขนาดของวัตถุท่ีเปล่ียนแปลงไปกับขนาดเดิมของวตั ถุต่ออุณหภมู ทิ ่ีเปลี่ยนแปลง
เรยี กวา่ "สมั ประสทิ ธข์ิ องการขยายตวั " วัตถใุ ดท่ีมีสัมประสทิ ธ์ขิ องการขยายตัวมากจะขยายตวั ได้มากกวา่ วัตถทุ ่ีมี
สมั ประสทิ ธ์ิการขยายตวั น้อย เชน่ ทอี่ ุณหภมู ิ 25 องศาเซลเซียส และความดนั บรรยากาศเดยี วกนั สงั กะสี ตะกวั่
อะลมู เิ นียม จะขยายตัวไดม้ ากไปน้อย ตามลำดบั

ความรู้เรือ่ งการขยายตัวของวัตถเุ ม่ือได้รับความร้อนถูกนำไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งกวา้ งขวาง เช่น การเว้นรอยต่อ
ของรางรถไฟ การเว้นช่องว่างของหัวสะพาน การประดิษฐ์เทอร์มอมิเตอร์ และการตดิ ตง้ั เทอรม์ อสแตตไฟฟา้ เพ่ือใช้
ควบคมุ ระดับอณุ หภูมิของเคร่ือง

ข้อสงั เกตทุ ค่ี วรทราบ
1. วตั ถชุ นิดเดียวกนั หากมคี วามยาวเทา่ กนั เมอ่ื ได้รับความร้อนปรมิ าณเทา่ กนั วตั ถจุ ะขยายตวั ออก (ความ

ยาว หรือ พนื้ ทหี่ น้าตดั ) เท่ากนั
2. วัตถุตา่ งชนิดกนั หากมีความยาวเทา่ กนั เมอื่ ไดร้ ับความรอ้ นปรมิ าณเท่ากัน วัตถุจะขยายตัวออก (ความ

ยาว หรือ พ้ืนท่หี น้าตดั ) ไมเ่ ทา่ กนั

การทดลอง
สามารถทำการทดลองงา่ ยๆ โดยการนำเหลก็ มา 2 แทง่ ความยาวเทา่ กนั เพิ่มความร้อนใหแ้ ท่งเหลก็ ทงั้ 2 ในปรมิ าณ
ท่ีเทา่ กัน เม่ือวัดความยาวสดุ ท้ายจะต้องเทา่ กัน
หากใช้เหล็ก กบั ทองแดง ท่ีความยาวเทา่ กัน แทนท่ี การทดลองดังกล่าว กจ็ ะพบว่า เหลก็ และทองแดง มีความยาว
สุดท้ายต่างกนั

การที่วัตถขุ ยายตัวไมเ่ ท่ากันน้ี เนอื่ งจากว่าวตั ถุแตล่ ะชนิดมีคณุ สมบตั ิคา่ หน่ึงท่ไี มเ่ ท่ากนั จะแปรเปลีย่ นไปตาม
วตั ถุแตล่ ะชนดิ ซงึ่ สามารถเรียกคณุ สมบตั อิ นั นว้ี า่ “สมั ประสิทธ์ิการขยายตวั ตามยาว” การขยายตัวตามยาวของวัตถุ
ใดๆ หมายถงึ การท่วี ตั ถุนน้ั ขยายตวั ออกไปทางดา้ นใดดา้ นหนงึ่ ตามความยาวเมอ่ื วัตถุน้นั ไดร้ บั ความร้อน


ช่ือ..........................................................................ชน้ั ...........เลขที่.........

ใบงาน OPV การขยายตวั เชงิ ความรอ้ นของสาร

คำชี้แจง ให้นกั เรยี นบอก ข้อดี ขอ้ เสีย และขอ้ เสนอแนะของการขยายตวั เชิงความรอ้ นของสสาร
PM I


แนวขอ้ สอบ O –NET

1.ข้อใดต่อไปนี้ไมไ่ ด้นำความรเู้ ร่ืองการขยายตัวเชงิ ความรอ้ นของสสารมาประยกุ ตใ์ ช้
1. การเว้นชอ่ งว่างของรอยตอ่ ระหวา่ งแผน่ โลหะรางรถไฟ
2. หลกั การทำงานของเทอรม์ อมิเตอร์
3. การขึงสายไฟฟ้าระหว่างเสา
4. การสง่ สัญญาณโทรศัพทม์ อื ถือ

2. การทีเ่ รานำลกู ตมุ้ เหล็กไปวางบนห่วงเหล็กวงกลม ลูกตุ้มเหล็กจะลอดห่วงเหล็กวงกลมได้ แตเ่ มอื่ เรานำ
ลกู ตุ้มเหลก็ ไปเผาไฟใหร้ ้อนแลว้ นำไปวางบนหว่ งเหล็กวงกลม ลูกตุ้มเหล็ก ไมส่ ามารถผา่ นได้เป็นเพราะ
สาเหตุใด

1. ความร้อน
2. ความดัน
3. ความหนาแนน่
4. ถกู ท้งั 3 ขอ้

ที่มา : หนังสือเรยี น Learn education ข้อสอบ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 . 2559


แบบประเมินใบงาน PMI

คำชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน PMI

ลำดับ ชอ่ื -สกลุ การแสดงความ เนื้อหา นำเสนอ ความสวยงาม ตรงตอ่ เวลา รวม สรุปผลการ
ที่ ของผ้รู บั การประเมนิ คิดเหน็ 20 คะแนน ประเมนิ
( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ( 4 คะแนน ) ผ่าน/ไมผ่ า่ น
( 4 คะแนน )

ลงชือ่ ....................................................ผู้ประเมิน
................/................/................

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ำกว่า 10 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นไดร้ ะดบั คุณภาพท่ี พอใช้ ขึ้นไปถือวา่ ผ่าน


ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน PMI

เกณฑก์ าร ระดบั การประเมิน
ประเมนิ
4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง)
การแสดง - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง
ความคิดเหน็ - แสดงความคิดเห็นในช่อง - แสดงความคิดเหน็ ในช่อง - แสดงความคิดเห็นในช่อง
P ได้ นอ้ ยกว่า 7 ขอ้
P ได้ 10 ข้อขึ้นไป P ได้ 9-10 ข้อ P ได้ 7-8 ข้อ - แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง

- แสดงความคิดเห็นในชอ่ ง - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง - แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง M ได้ น้อยกวา่ 7 ข้อ
- แสดงความคิดเหน็ ในชอ่ ง I
Mได้ 10 ข้อขึน้ ไป M ได้ 9-10 ข้อ M ได้ 7-8 ขอ้
ได้ น้อยกว่า 7 ข้อ
- แสดงความคิดเหน็ ในช่อง - แสดงความคิดเห็นในช่อง - แสดงความคิดเห็นในช่อง

I ได้ 10 ขอ้ ขึน้ ไป I ได้ 9-10 ข้อ I ได้ 7-8 ข้อ

เน้ือหา - เน้ือหาครบถ้วนตามสาระ - เน้ือหาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี - เนอ้ื หาถูกตอ้ งตามสาระที่
ท่ีกำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดต่ำกว่า 59%
การนำเสนอ - เขียนถกู ต้องตามหลกั - เขียนถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั
ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กวา่ 59%
ความ - ลำดับหวั ข้อเนอื้ หาชัดเจน - ลำดบั หัวข้อเนอ้ื หาชดั เจน - มกี ารสรปุ ได้อย่าง - มีการสรปุ ไม่สมเหตุสมผล
สวยงาม - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ กว่า 59%
การตรงตอ่ สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
เวลา - พดู ชัดเจนเสียงดังฟงั ชัด - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟังชดั - การพูดเหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง - ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง
ตามอกั ขระ100% ตามอกั ขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอักขระต่ำว่า 59%
- บุคลิกภาพดีและมคี วาม - บุคลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บคุ ลิกภาพเหมาะสม
มัน่ ใจ - ความพร้อมในการ
- มกี ารใช้สือ่ ประกอบการ นำเสนอไดบ้ างส่วน - ใชส้ สี ันสวยงามและมี - ใช้สีสนั สวยงามหรือเปน็ ไป
นำเสนอ ความสะอาด ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอย่าง
- ความพร้อมในการ - ใช้สีสันสวยงาม หนง่ึ
นำเสนอ - มีความสะอาด สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้
- ใชส้ สี นั สวยงาม - มคี วามคิดสร้างสรรค์ กว่าเวลาท่ีกำหนด 10 สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้
- มคี วามสะอาด นาที กวา่ เวลาทก่ี ำหนด 15
- มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ า้ นาที
- ความเปน็ ระเบยี บอา่ น กวา่ เวลาทีก่ ำหนด 5 นาที
งา่ ย
สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม
เวลาทกี่ ำหนด


เกณฑ์การใหค้ ะแนน PRACQUIZ
เรื่อง การขยายตวั เชงิ ความรอ้ นของสาร

ตอบคำถามถกู ต้อง 1 คะแนน
ตอบคำถามไม่ถูกตอ้ ง 0 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

5 ดีมาก

3-4 ดี

1-2 พอใช้

0 ปรบั ปรุง

นกั เรยี นไดร้ ะดบั คณุ ภาพที่ ดี ข้นึ ไปถือวา่ ผ่าน


แผนจดั การเรียนรทู้ ี่ 17 หนว่ ยย่อยที่ 17
ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ อุณหภมู ิและความรอ้ น เวลา 2 ช่ัวโมง
เร่อื ง การทดลองพลังงานความร้อนกับการขยายตวั ของวัตถุ ผู้สอน ครสู กุ ฤตา ดวงสขุ
วันท่ีทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
เมอ่ื วตั ถุสองสงิ่ อยูใ่ นสมดลุ ความรอ้ น วัตถทุ ง้ั สองมี
มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชนข์ องความรูข้ องการ
อณุ หภูมเิ ท่ากนั การขยายตวั ของวตั ถุเปน็ ผลจากความรอ้ นที่วตั ถุ หดและขยายตวั ของสสารเน่อื งจากความร้อน โดยวิเคราะห์
ไดร้ บั เพิม่ ขน้ึ การนำความร้เู รื่อง การขยายตัวของวตั ถุเมือ่ ได้รับ สถานการณ์ปัญหา และเสนอแนะวิธกี ารนำความรู้มาแก้ปัญหาใน
ความร้อนไปใช้ประโยชน์ ชีวติ ประจำวัน

3. เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 4. ชนิ้ งาน / ภาระงาน
การทดลองพลังงานความรอ้ นกับการขยายตัวของ - ใบงานการทดลองพลังงานความรอ้ นกบั การขยายตัวของวตั ถุ

วตั ถุ 6. เคร่ืองมอื การสอนคดิ
- Six thinking hat (White hat)
5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
ความสามารถในการแกป้ ญั หา

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ขน้ั ของกิจกรรม 8. สือ่ 9. วธิ วี ัดผล

Do Now (3 นาที) - ใบงานการทดลอง - ใบงานการทดลอง

ถ้านกั เรยี นเปดิ รา้ นขายอาหารทก่ี าดบวั บาน นักเรียนจะขายเมนอู ะไร พลังงานความรอ้ นกับ พลังงานความรอ้ นกบั

ตอบคนละ 1 เมนู โดยห้ามตอบซำ้ กนั การขยายตวั ของวตั ถุ การขยายตัวของวัตถุ

Purpose (2 นาท)ี - หอ้ งเรยี นออนไลน์

เราจะเรียนเรื่อง การทดลองพลงั งานความรอ้ นกบั การขยายตัวของวัตถุ เรอื่ ง พลงั งานความรอ้ น

เพือ่ ให้นักเรียนอธิบายการทดลองพลังงานความรอ้ นกบั การขยายตวั ของวัตถุได้ กบั การขยายตวั ของวัตถุ

Work mode (110 นาท)ี

1. นกั เรียนตอบคำถามเพือ่ ทบทวนความรู้เดิม “ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการดดู กลืน

และคายความร้อนของสาร มอี ะไรบา้ ง” (คดิ 1 : คิดวิเคราะห)์ (10 นาที)

2. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน เพื่อศกึ ษาใบงานการทดลองการทดลอง

พลังงานความรอ้ นกับการขยายตัวของวตั ถุ (พอเพียง3 : การมภี มู ิคมุ้ กนั ทดี่ ีในตัว)

(25 นาที)

3. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ลงมือปฏบิ ัติการทดลองเรอื่ ง การทดลองพลังงานความ

ร้อนกับการขยายตัวของวตั ถุ พร้อมกบั บนั ทึกผลการทดลองลงในใบงานการ

ทดลองการทดลองพลงั งานความรอ้ นกับการขยายตัวของวตั ถุ (พอเพียง7 :

สังคม) (40 นาท)ี

4. นกั เรียนรว่ มกนั ระดมความคิดสรุปผลการทดลองลงในใบงานการทดลอง

(คิด3 : คิดวิพากษ์) (15 นาที)


กิจกรรมการเรียนรู้ 8. สื่อ 9. วิธวี ดั ผล
7. ข้ันของกิจกรรม

5. นักเรยี น (ตัวแทนโดยการสุ่ม) ออกมานำเสนอผลงงานหนา้ ชน้ั เรยี น จาก
ใบงานการทดลองการทดลองพลังงานความร้อนกบั การขยายตัวของวัตถุ
(10 นาท)ี

6. นกั เรยี นและครูสรปุ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการทดลองพลังงานความร้อน
กับการขยายตวั ของวตั ถุ นกั เรยี นตอบคำถามดังนี้ (10 นาที)

- หากเราให้ความรอ้ นกับลกู เหล็กสองลกู ในเวลาทต่ี ่างกนั ลูกเหล็กจะ
ขยายตวั ต่างกนั หรือไม่ เพราะเหตุใด Six thinking hat (white hat)
(คดิ 2: คดิ เปรยี บเทยี บ) (พอเพียง 2: ความมีเหตผุ ล)

Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 ส่งิ ท่ีนักเรยี นไดร้ ับจากการเรียนในวันนีค้ อื (3 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาท)ี


ใบงานการทดลองเรื่องพลงั งานความร้อนกบั การขยายตัวของวตั ถุ

การขยายตวั ของวัตถุท่เี ปน็ ของแขง็ เมอื่ ได้รับความร้อน

วตั ถปุ ระสงค์ ศกึ ษาผลของความรอ้ นทม่ี ีผลต่อการขยายตวั ของวัตถุทเ่ี ปน็ ของแข็ง

วสั ดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี 1. ลกู เหลก็ ทรงกลมพรอ้ มโซ่ 1 ลูก
2. หว่ งเหลก็ 1 ห่วง
3. ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอล์ 1 ชุด
4. คมี 1 อนั

วิธกี ารทดลอง 1. ใชค้ ีมจบั โซด่ งึ ลกู เหลก็ ผา่ นห่วงเหลก็ สงั เกตการณล์ อดผา่ น (ผา่ นหรอื ไม)่ บนั ทกึ ผลการ
ทดลอง
2. นำลูกเหล็กลูกเดิมมาใหค้ วามร้อนโดยใชต้ ะเกยี งแอลกอฮอล์เผาเปน็ เวลาประมาณ 2
นาที
3. นำลูกเหลก็ ร้อนไปผา่ นหว่ งเหลก็ อีกคร้งั สังเกตการณ์ลอดผ่าน บนั ทึกผลการทดลอง
4. ทิง้ ลูกเหล็กร้อนไว้จนเย็น ลองนำไปผา่ นห่วงเหล็กอกี คร้ัง บนั ทึกผลการทดลอง

สมมุติฐาน .................................................................................................................................................

ตัวแปรทเี่ ก่ียวขอ้ ง ตวั แปรตน้ ....................................................................................................................
ตัวแปรตาม ..................................................................................................................
ตวั แปรควบคุม...............................................................................................................

ตารางบนั ทึกผลการทดลอง

กำรทดลอง ผลกำรลอดผ่ำนห่วงเหล็ก
ผ่ำน ไมผ่ ่ำน
ลกู เหล็กก่อนให้ควำม
ร้อน

ลูกเหลก็ เมอื่ ได้รับควำม
ร้อน

ลูกเหลก็ ท่ที งิ้ ไว้จนเย็น


สรปุ ผลการทดลอง

.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

คำถามท้ายการทดลอง

1. กรณใี ดบ้างทลี่ กู เหลก็ สามารถผ่านห่วงเหล็กได้
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

2. นกั เรียนคิดว่าการใหค้ วามรอ้ นแก่ลูกเหล็ก สง่ ผลตอ่ การลอดผ่านห่วงอย่างไร
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

3. หากเปลี่ยนจากการใช้ลูกเหลก็ ทรงกลมเปน็ การใชว้ ัสดอุ ่นื แตม่ ีรูปทรงเดียวกัน นกั เรียนคิดวา่ ผลการทดลองท่ี
ได้จะเหมอื นกนั หรอื ไม่ และเพราะเหตุใด
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

4. จากการทดลอง หากเราให้ความร้อนแกล่ ูกเหล็กนานข้ึน นักเรยี นคิดว่าขนาดของลูกเหล็กจะขยายตัวมากข้ึน
หรือไม่ เพระเหตใุ ด
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................


ข้อสอบ O-net

1. ขอ้ ใดเป็นการนำหลกั ของการขยายตัวของวัตถเุ นื่องจากความรอ้ นไปใช้ประโยชน์อยา่ ง
ถกู ตอ้ ง

ก. การนอนอาบแดดในฤดรู อ้ น
ข. การวางรางรถไฟโดยเว้นช่องว่างใหห้ า่ งกันพอสมควร
ค. การทำทจี่ บั พลาสตกิ ของหม้อต้มเพอื่ ปอ้ งกันความรอ้ น
ง. การเติมนำ้ ในหม้อน้ำรถยนต์จนเตม็ เพอ่ื ปอ้ งกันเครอื่ งยนตเ์ สียหาย

2. การขยายตวั และการออ่ นตัวลงของเหล็กเมอ่ื ได้รบั ความร้อน เป็นการขยายตวั ในรปู แบบใด

ก. การขยายตวั เชงิ เส้น
ข. การขยายตวั เชงิ พืน้ ที่
ค. การขยายตวั เชิงคุณภาพ
ง. การขยายตัวเชิงปริมาตร

ที่มา : https://quizizz.com/admin/quiz/5a8696588b167700229457dc/-1-4-


ชือ่ – สกุล แบบประเมนิ การทำการทดลอง

สมาชกิ กลมุ่
1.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขที่……...
2.……………………… ………………………………………...ชั้น………..เลขที่……...
3.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขท่ี……...
4.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขที่……...
5.……………………… ………………………………………...ชั้น………..เลขที่……...
6.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขท่ี……...

คำช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในช่องรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงานการทดลอง

ชอื่ -สกุล การแบ่ง การ การทำ ปฏิบัติกา ผลการ รวม สรุปผลการ
ลำดบั ที่ ของผู้รับการ หนา้ ท่ี ร้จู กั การ รทดลอง ทดลอง 20 คะแนน ประเมิน ผา่ น/
ภายใน แสดง ทดลอง เสร็จ ถกู ต้อง
ประเมนิ กล่มุ ความ ตาม ทนั เวลา สะอาด ไมผ่ ่าน
คดิ เห็ ขัน้ ตอน เรียบร้อย


ลงชื่อ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

นักเรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผา่ น 10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ


เกณฑก์ ารประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทดลอง

เกณฑก์ ารให้คะแนน

เกณฑ์การ ดีมาก(4) ดี(3) พอใช(้ 2) ต้องปรบั ปรุง(1)
ประเมนิ

1.การแบง่ หนา้ ท่ี มีการแบง่ หน้าที่กนั มกี ารแบง่ หนา้ ที่กันอยา่ ง มีการแบ่งหนา้ ที่กันอย่าง ไมม่ กี ารแบง่ หนา้ ทกี่ ัน
ภายในกลุ่ม อยา่ งชดั เจนมีความ ชัดเจนมีความรบั ผิดชอบ ชัดเจนไม่รบั ผิดชอบงานตาม อยา่ งชดั เจนไม่
งานตามบทบาทหน้าท่ีเป็น บทบาทหนา้ ท่ี รบั ผิดชอบงานตาม
รับผดิ ชอบงานตาม ส่วนใหญ่ บทบาทหน้าที่
บทบาทหนา้ ที่

2.การร้จู ักแสดง รจู้ กั แสดงความ รู้จกั แสดงความคิดเห็นใน รู้จกั แสดงความคิดเหน็ ในกล่มุ ไมแ่ สดงความคิดเห็นใน

ความคิดเห็น คดิ เหน็ ในกลมุ่ ดมี าก กลมุ่ เป็นสว่ นใหญ่ บางครั้ง 60 – 69% กลุ่ม ตำ่ กว่า 59%

90-100% 70-89%

3.การทำการ มีการทำการทดลอง มกี ารทำการทดลองตาม มกี ารทำการทดลองตาม ทำการทดลองไม่ตรง
ทดลองตาม ขน้ั ตอนเป็นบางครั้ง ตามขน้ั ตอน
ขน้ั ตอน ตามข้นั ตอนดีมาก ขัน้ ตอนเป็นสว่ นใหญ่ 60 – 69% ต่ำกวา่ 59%

90-100% 70-89%

4.ปฏบิ ตั กิ าร ทำการทดลองเสร็จ ทำการทดลองเสรจ็ ตาม ทำการทดลองชา้ และไมค่ อ่ ย ทำการทดลองชา้ และ
ทดลองเสร็จ ตามเวลาท่ีกำหนด เวลาท่กี ำหนดและถกู ต้อง ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง
ทันเวลา และถูกตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่

5.ผลการทดลอง ผลการทดลอง ผลการทดลองถกู ต้อง ผลการทดลองถูกตอ้ งแตไ่ ม่ ผลการทดลองไม่
ชัดเจนไม่สะอาด เรยี บรอ้ ย ถกู ตอ้ งชดั เจนไม่สะอาด
ถกู ต้องสะอาด ถูกต้องชัดเจนดีมาก ชดั เจน เรียบรอ้ ย

เรียบร้อย สะอาด เรยี บร้อย ไมค่ อ่ ยสะอาดและไม่ค่อย

เรียบรอ้ ย


แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 18 หน่วยย่อยที่ 18
ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ อุณหภูมิและความรอ้ น เวลา 1 ช่วั โมง
เรื่อง การขยายตวั ของแก๊สเมอื่ ไดร้ บั ความรอ้ น ผ้สู อน ครูสกุ ฤตา ดวงสขุ
วันท่ีทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
เมอื่ วัตถุสองสง่ิ อยูใ่ นสมดลุ ความรอ้ น วตั ถทุ ้ังสองมี
มาตรฐาน ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้
อณุ หภูมเิ ท่ากัน การขยายตวั ของวัตถเุ ป็นผลจากความร้อนทว่ี ตั ถุ ของการหดและขยายตัวของสสารเน่อื งจากความร้อน โดยวเิ คราะห์
ได้รับเพ่มิ ข้นึ การนำความรู้เรือ่ ง การขยายตัวของวตั ถุเมือ่ ได้รับ สถานการณ์ปญั หา และเสนอแนะวิธีการนำความรมู้ าแก้ปัญหาใน
ความรอ้ นไปใช้ประโยชน์ ชีวิตประจำวัน

3. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน / ภาระงาน
การทดลองการขยายตัวของแกส๊ เมอ่ื ไดร้ ับความร้อน
- ใบงานการทดลองการทดลองการขยายตวั ของแกส๊ เมื่อได้รบั ความ
รอ้ น

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 6. เครอ่ื งมอื การสอนคดิ
ความสามารถในการแกป้ ญั หา - Six thinking hat (Yellow hat)

กิจกรรมการเรียนรู้

7. ข้นั ของกจิ กรรม 8. สื่อ 9. วิธีวัดผล

Do Now (3 นาท)ี - ใบงานการทดลองการ - ประเมนิ ใบงานการ

บอกชอื่ จังหวดั ทขี่ น้ึ ตน้ ด้วยพยัญชนะ ก มาคนละ 1 จังหวดั โดยห้ามตอบซ้ำ ขยายตัวของแก๊สเมอื่ ทดลองการขยายตัวของ

กัน ได้รับความร้อน แก๊สเมือ่ ไดร้ ับความรอ้ น

Purpose (2 นาที) - ห้องเรยี นออนไลน์

เราจะเรียนเรอ่ื ง การขยายตัวของแก๊สเม่ือไดร้ ับความร้อนเพอื่ ใหน้ ักเรียน เร่อื ง การทดลองการ

อธิบายการทดลองการขยายตวั ของแก๊สเมื่อไดร้ ับความร้อนได้ ทดลองการขยายตวั ของ
Work mode (50 นาท)ี แกส๊ เมื่อไดร้ บั ความร้อน

1. นกั เรียนตอบคำถามเพอ่ื กระตุ้นความคิด “ขนาดของวัตถุมีผลต่อการ

ดูดกลืนและคายความรอ้ นของสารหรือไม่ อย่างไร” (คิด1 : คดิ วิเคราะห)์

(5 นาที)

2. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 5-6 คน เพือ่ ศึกษาใบงานการทดลองการทดลอง

การขยายตวั ของแกส๊ เมือ่ ไดร้ ับความร้อน (พอเพียง3 : การมีภมู ิคมุ้ กันท่ีดีในตัว)

(10 นาที)

3. นกั เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบตั ิการทดลองเรือ่ ง การขยายตัวของแก๊สเมือ่

ไดร้ บั ความร้อน พรอ้ มกับบนั ทกึ ผลการทดลองลงในใบงานการทดลองการ

ทดลองการขยายตัวของแกส๊ เมื่อไดร้ ับความรอ้ น (พอเพยี ง7 : สังคม) (20 นาที)

4. นักเรยี นร่วมกนั ระดมความคิดสรุปผลการทดลองลงในใบงานการทดลอง

(คดิ 3 : คิดวิพากษ)์ (5 นาที)


กิจกรรมการเรยี นรู้ 8. สื่อ 9. วิธวี ดั ผล
7. ขั้นของกจิ กรรม

5. นักเรียน (ตัวแทนโดยการส่มุ ) ออกมานำเสนอผลงงานหนา้ ชน้ั เรยี น จาก
ใบงานการทดลองการขยายตวั ของแก๊สเมอื่ ได้รับความรอ้ น (5 นาท)ี

6. นกั เรยี นและครสู รปุ ความรเู้ กี่ยวกับเร่ือง ใบงานการทดลองการขยายตัว
ของแก๊สเมือ่ ไดร้ บั ความรอ้ น นกั เรียนตอบคำถามดังนี้ (5 นาที)

- เมื่อใหค้ วามร้อนกับบอลลนู บอลลูนจะมีการเปลย่ี นแปลงอยา่ งไร
เพราะเหตุใด Six thinking hat (white hat) (คดิ 1 : คดิ วเิ คราะห์)
(พอเพยี ง 2: ความมเี หตุผล)

Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 ส่งิ ทนี่ กั เรียนได้รับจากการเรยี นในวันนีค้ อื (3 นาท)ี
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาท)ี


ใบงานการทดลองเรอื่ งการขยายตวั ของแกส๊ เม่อื ไดร้ ับความรอ้ น

การขยายตัวของแกส๊ เมื่อได้รบั ความรอ้ น

วตั ถุประสงค์ ศกึ ษาผลของความรอ้ นทม่ี ผี ลตอ่ การขยายตวั ของแก๊ส

วสั ดุอปุ กรณแ์ ละสารเคมี 1. ลกู ปิงปอง 1 ลกู
2. บกี เกอร์ 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร 1 ใบ
3. ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด
4. นำ้

วธิ กี ารทดลอง 1. นำลูกปงิ ปองมาบบี ให้บุบ แตไ่ ม่ใหม้ ีการแตก แล้ววาดรปู ปงิ ปองท่ีบุบลงในตาราง
บันทึกผลการทดลอง
2. ตม้ น้ำในบกี เกอรด์ ้วยตะเกยี งแอลกอฮอล์จนเดอื ด
3. ทิง้ ไวป้ ระมาณ 2 นาที จึงนำลูกปงิ ปองออกมา วาดรูปลกู ปิงปองลงในตารางบนั ทกึ ผล
การทดลองอีกครงั้
4. หากทำการทดลองในข้อ 3 เสร็จแล้ว ลกู ปงิ ปองยังไมก่ ลับมาเป็นทรงเดิใ ให้นกั เรียนต้ม
ต่อไปจนกระท่ังไดล้ ูกปงิ ปองทเ่ี ป็นทรงกลม

สมมตุ ฐิ าน .................................................................................................................................................

ตัวแปรทเ่ี กยี่ วข้อง ตัวแปรตน้ ....................................................................................................................
ตวั แปรตาม ..................................................................................................................
ตัวแปรควบคมุ ...............................................................................................................

ตารางบันทกึ ผลการทดลอง

รูปทรงของปงิ ปองเมื่อถกู ทุบจนบบุ รูปทรงของปิงปองเมือนำไปตม้ เปน็ เวลา 2
นาที


สรุปผลการทดลอง

.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

คำถามท้ายการทดลอง

1. เมื่อนำลูกปิงปองบบุ ไปต้มจะเกิดอะไรขนึ้ กับลูกปงิ ปอง
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

2. เพราะเหตุใด เมอ่ื นำลูกปิงปองทบี่ ุบไปต้มจึงทำใหล้ กู ปิงปองกลับสู่รูปทรงเดมิ ได้
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................


ขอ้ สอบ O-net

1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่การใช้ประโยชน์จากความรู้เรอื่ งการขยายตวั และหดตัวของวัตถุ
ก. การหุ้มด้ามจับกระทะด้วยพลาสติก
ข. การขงึ สายไฟระหวา่ งเสาให้หยอ่ นเลก็ น้อย
ค. การวางรางรถไฟโดยเวน้ ช่องวา่ งตรงรอยตอ่ เลก็ นอ้ ย
ง. ไมข่ บั รถบนถนนท่ีรอ้ นจดั เปน็ เวลานาน เนื่องจากยางรถอาจระเบดิ ได้

2. หนูนาเลน่ ปิงปองจนลกู ปงิ ปองยุบ หนนู าควรทำอยา่ งไรเพ่อื ให้ลกู ปิงปองกลับมาเปน็ เหมอื นเดิม
ก. นำไปตม้
ข. แช่ในตู้เยน็
ค. แช่ในแอลกอฮอล์
ง. แชใ่ นสารละลายกรด

ทมี่ า : https://quizizz.com/admin/quiz/5a8696588b167700229457dc/-1-4-


ชือ่ – สกุล แบบประเมนิ การทำการทดลอง

สมาชกิ กลมุ่
1.……………………… ………………………………………...ช้ัน………..เลขท่ี……...
2.……………………… ………………………………………...ช้ัน………..เลขที่……...
3.……………………… ………………………………………...ช้ัน………..เลขท่ี……...
4.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขที่……...
5.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขท่ี……...
6.……………………… ………………………………………...ชน้ั ………..เลขที่……...

คำช้แี จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน โดยการประเมินคะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
กำหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงานการทดลอง

ชอื่ -สกุล การแบ่ง การ การทำ ปฏิบตั กิ า ผลการ รวม สรปุ ผลการ
ลำดบั ที่ ของผู้รับการ หนา้ ท่ี ร้จู กั การ รทดลอง ทดลอง 20 คะแนน ประเมิน ผา่ น/
ภายใน แสดง ทดลอง เสร็จ ถกู ตอ้ ง
ประเมนิ กล่มุ ความ ตาม ทนั เวลา สะอาด ไม่ผา่ น
คดิ เห็ ขัน้ ตอน เรียบร้อย


ลงช่ือ ....................................................ผปู้ ระเมนิ
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

นักเรยี นไดร้ ะดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ขึน้ ไปถือว่า ผา่ น ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ


เกณฑก์ ารประเมินผลการสงั เกตพฤตกิ รรมการทดลอง

เกณฑก์ ารให้คะแนน

เกณฑ์การ ดีมาก(4) ดี(3) พอใช(้ 2) ต้องปรบั ปรุง(1)
ประเมนิ

1.การแบง่ หนา้ ท่ี มีการแบง่ หน้าที่กนั มกี ารแบง่ หนา้ ที่กันอยา่ ง มีการแบ่งหนา้ ที่กันอย่าง ไมม่ กี ารแบง่ หนา้ ทกี่ ัน
ภายในกลุ่ม อยา่ งชดั เจนมีความ ชัดเจนมีความรบั ผิดชอบ ชัดเจนไม่รบั ผิดชอบงานตาม อยา่ งชดั เจนไม่
งานตามบทบาทหน้าท่ีเป็น บทบาทหนา้ ท่ี รบั ผิดชอบงานตาม
รับผดิ ชอบงานตาม ส่วนใหญ่ บทบาทหน้าที่
บทบาทหนา้ ที่

2.การร้จู ักแสดง รจู้ กั แสดงความ รู้จกั แสดงความคิดเห็นใน รู้จกั แสดงความคิดเหน็ ในกล่มุ ไมแ่ สดงความคิดเห็นใน

ความคิดเห็น คดิ เหน็ ในกลมุ่ ดมี าก กลมุ่ เป็นสว่ นใหญ่ บางครั้ง 60 – 69% กลุ่ม ตำ่ กว่า 59%

90-100% 70-89%

3.การทำการ มีการทำการทดลอง มกี ารทำการทดลองตาม มกี ารทำการทดลองตาม ทำการทดลองไม่ตรง
ทดลองตาม ขน้ั ตอนเป็นบางครั้ง ตามขน้ั ตอน
ขน้ั ตอน ตามข้นั ตอนดีมาก ขัน้ ตอนเป็นสว่ นใหญ่ 60 – 69% ต่ำกวา่ 59%

90-100% 70-89%

4.ปฏบิ ตั กิ าร ทำการทดลองเสร็จ ทำการทดลองเสรจ็ ตาม ทำการทดลองชา้ และไมค่ อ่ ย ทำการทดลองชา้ และ
ทดลองเสร็จ ตามเวลาท่ีกำหนด เวลาท่กี ำหนดและถกู ต้อง ถูกต้อง ไม่ถกู ต้อง
ทันเวลา และถูกตอ้ ง เปน็ สว่ นใหญ่

5.ผลการทดลอง ผลการทดลอง ผลการทดลองถกู ต้อง ผลการทดลองถูกตอ้ งแตไ่ ม่ ผลการทดลองไม่
ชัดเจนไม่สะอาด เรยี บรอ้ ย ถกู ตอ้ งชดั เจนไม่สะอาด
ถกู ต้องสะอาด ถูกต้องชัดเจนดีมาก ชดั เจน เรียบรอ้ ย

เรียบร้อย สะอาด เรยี บร้อย ไมค่ อ่ ยสะอาดและไม่ค่อย

เรียบรอ้ ย


แผนจดั การเรียนรทู้ ่ี 19 หน่วยยอ่ ยที่ 1
ชอื่ หนว่ ยการเรยี นรู้ บรรยากาศ เวลา 2 ช่วั โมง
เรอ่ื ง ระบบบรรยากาศของโลก ผู้สอน ครสู กุ ฤตา ดวงสขุ
วนั ที่ทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
บรรยากาศเป็นช้ันของแกส๊ ท่หี อ่ หุ้มโลกอยู่ ทำหนา้ ท่ี มาตรฐาน ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองที่อธิบายการ

ป้องกนั การแผ่รงั สจี ากดวงอาทิตย์มายงั พ้ืนผวิ โลก ซึง่ อากาศมี แบง่ ช้ันบรรยากาศ และเปรียบเทียบประโยชน์ของบรรยากาศ
ความสำคัญและมีความจำเปน็ สำหรับสิ่งมีชีวติ ทุกชนดิ ทอ่ี าศยั อยู่ แต่ละช้นั
บนโลก
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน / ภาระงาน
- ใบงาน Diagram ระบบบรรยากาศของโลก
ระบบบรรยากาศของโลก - แบบทดสอบออนไลน์ เรอ่ื งระบบบรรยากาศของโลก 5 ข้อ
- ใบงาน PISA ระบบบรรยากาศของโลก
5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น
6. เครือ่ งมอื การสอนคิด
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปัญหา - Diagram - Six thinking hats (Yellow hat) (White Hat)

กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. ส่อื 9. วิธีวัดผล
7. ขั้นของกจิ กรรม - ประเมินใบงาน
- ไฟล์ Learn Education Diagram ระบบ
Do Now (3 นาท)ี เร่ืองระบบบรรยากาศของ บรรยากาศของโลก
บอกสถานท่ีท่นี กั เรียนอยากนัง่ เครื่องบนิ ไปเท่ียวคนละ 1 ที่ ห้ามซำ้ กัน โลก คาบที่1 - ประเมินแบบทดสอบ
- Power Point เรอื่ ง ออนไลน์ เร่อื งระบบ
Purpose (2 นาท)ี ระบบบรรยากาศของโลก บรรยากาศของโลก 5 ขอ้
เราจะเรียนเรื่อง ระบบบรรยากาศของโลกเพื่อให้นกั เรยี นสามารถอธบิ าย - ใบความรู้เรอ่ื ง ระบบ - ประเมินใบงาน PISA
บรรยากาศของโลก ระบบบรรยากาศของโลก
ระบบบรรยากาศของโลกได้ - ใบงาน Diagram ระบบ
Work mode (110 นาท)ี บรรยากาศของโลก
- หอ้ งเรียนออนไลน์
1. นักเรยี นตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ โดยครูใชค้ ำถาม “PM 2.5 ส่งผล ระบบบรรยากาศของโลก
กระทบในชีวิตประจำวันอย่างไรบา้ ง จงยกตวั อย่าง ” (Black Hat) (5นาท)ี

2. นักเรียนศกึ ษาไฟล์ท่ี 1 เร่อื งระบบบรรยากาศของโลก ผ่านระบบ Learn
Education (พอเพยี ง3 : การมภี ูมิคุ้มกันท่ีด)ี (35 นาที)

3. นกั เรยี นทำแบบทดสอบท้ายบทเรียนออนไลน์ 5ข้อ (5 นาที )
4. นกั เรยี นฟงั ครอู ธิบายเพม่ิ เตมิ เร่ืองระบบบรรยากาศของโลก โดยใชส้ ่ือ
Power point ประกอบการสอน (10 นาท)ี
5. นกั เรยี นสืบค้นเพิ่มเติมจากห้องเรยี นออนไลน์ แลว้ สรุปความรใู้ นรูปแบบ
แผนผังมโนทศั น์ ลงมอื ทำใบงาน Diagram ระบบบรรยากาศของโลก
(คิด1 : คิดวิเคราะห)์ (20 นาที)
6. นักเรยี น (ตัวแทนโดยการสุม่ ) ออกมานำเสนอใบงาน Diagram ระบบ
บรรยากาศของโลก (10นาที)
7. นกั เรียนลงมือทำใบงาน PISA ระบบบรรยากาศของโลก (20นาท)ี


กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. สื่อ 9. วิธวี ดั ผล
7. ขั้นของกิจกรรม

8. นักเรียนและครูสรปุ ความรเู้ กย่ี วกับเร่อื ง ระบบบรรยากาศของโลก โดย
นักเรยี นตอบคำถามดังนี้ (10นาท)ี

8.1 บรรยากาศคอื อะไร (white hat)
8.2 ชั้นบรรยากาศโลกแบง่ เป็นกช่ี นั้ อะไรบา้ ง? (white hat) (คิด 1: คดิ
วิเคราะห)์
8.3 จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีบรรยากาศ? (Black hat)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- 1 สิ่งทน่ี ักเรยี นไดร้ ับจากการเรยี นในวันน้ีคอื (3 นาที)
- ทำแนวขอ้ สอบ O-NET 2 ข้อ (2 นาท)ี


ใบความร้เู รื่องระบบบรรยากาศของโลก

อากาศคืออะไร
อากาศอยูร่ อบตัวเราเสมอ เราสามารถรู้วา่ มีอากาศอยู่รอบๆตัวเราไดโ้ ดยโบกมือไปมา

กระแสลมท่ีเกิดขน้ึ และปะทะกบั ฝ่ามอื ของเรา ก็แสดงวา่ อากาศมีจรงิ หรอื ถ้าเรายนื อย่ใู นที่ทีม่ ลี ม
พดั ผา่ น เราจะรู้สึกว่ามีอากาศหรือลมพัดมาถูกตัวเรา แรงลมสามารถทำให้เกดิ คล่ืนนำ้ หรอื หมุน
กงั หนั ลมได้
ส่วนประกอบของอากาศ

ส่วนผสมของกา๊ ซต่างๆและไอน้ำ ซง่ึ สว่ นใหญ่ไดแ้ ก่ ก๊าซไนโตรเจน ก๊าซออกซเิ จน
คารบ์ อนไดออกไซด์ และโอโซน อากาศมีอยู่รอบๆตวั เราทุกหนทกุ แหง่ ทั้งบนยอดสูงสุดของภูเขา
และในท่ีจอดรถใต้ดนิ อากาศมีอยูใ่ นบ้าน มอี ยู่ในโรงเรียนและในรถยนต์ อากาศไมม่ ีสี ไม่มีรสชาติ
และไมม่ ีกล่ินไนโตรเจนเป็นก๊าซทม่ี ีมากท่ีสุด ประมาณ 78% ก๊าซท่ีมีปรมิ าณรองลงมาคือ ก๊าซ
ออกซเิ จน ประมาณ 21% เป็นกา๊ ซท่จี ำเป็นตอ่ สง่ิ มีชวี ติ ส่วนกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ และโอโซนมี
ปริมาณน้อยมาก

บรรยากาศ คอื อะไร ?
บรรยากาศ (Atmosphere)

คือ มวลกา๊ ซทีห่ อ่ หุ้มต้งั แต่ผวิ โลกจนสงู ขึ้นไปประมาณ 900 กโิ ลเมตร โดยจะเกิดรว่ มกบั ลักษณะทาง
กายภาพอืน่ ได้แก่ อณุ หภมู ิ ความกดอากาศ ความชน้ื ลม และอนภุ าคฝนุ่ ผงหรือมลสาร (Pollutant) ซึง่ อยู่ใน
ระดับตำ่ และคงอยู่ได้ดว้ ยแรงโน้มถว่ งของโลก บรรยากาศที่สูงข้ึนประมาณ 80 กิโลเมตรจะมสี ว่ นผสมของกา๊ ซ


คลา้ ยคลึงกัน คนในสถานที่ตา่ งๆจึงหายใจเอาอากาศเขา้ ไปโดยไมร่ ้สู ึกผดิ ปกตแิ ต่อย่างใดบรรยากาศจำแนก
ตามลกั ษณะและระดับความสงู

ประโยชนข์ องชน้ั บรรยากาศ

ช้ันบรรยากาศท่ีห่อห้มุ โลกมปี ระโยชนต์ อ่ สงิ่ มชี วี ิตบนโลก ดังน้ี

1. ช่วยปรบั อุณหภูมิของโลกใหเ้ หมาะสมกับการดำรงชวี ติ กลา่ วคอื โดยปกติในช่วงกลางวนั ที่มี
แสงแดด อากาศที่หอ่ หมุ้ โลกจะชว่ ยดูดกลนื ความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ไว้บางส่วนทำใหโ้ ลกมีความอบอนุ่ ข้นึ
สว่ นชว่ งกลางคืนท่ีไม่มแี สงแดด อากาศจะชว่ ยระบายความร้อนทำให้โลกเย็นลง ถ้าไมม่ ีอากาศห่อหุ้มโลกไว้
แล้วในช่วงกลางวันอุณหภูมบิ นผิวโลกจะสูงถงึ ประมาณ 110 องศาเซลเซียส และในชว่ งกลางคนื อณุ หภมู บิ น
ผิวโลกจะลดต่ำลงจนถึงประมาณ -180 องศาเซลเซยี ส

2. ชว่ ยปอ้ งกันอนั ตรายจากรงั สีต่าง ๆ จากดวงอาทติ ย์ เช่น รงั สีอัลตราไวโอเลต (รังสีเหนอื ม่วง) จะ
ถูกแก๊สโอโซนในบรรยากาศดดู ซบั ไวบ้ างสว่ นและปล่อยรงั สอี ลั ตราไวโอเลต ลงมายงั ผิวโลกในปรมิ าณท่ี
เหมาะสม สำหรับมนุษย์ถ้ารา่ งกายถูกรังสีอัลตราไวโอเลตท่ีมีความเขม้ มากเกินไป เซลลผ์ ิวหนังจะถูกทำลาย
และอาจทำใหเ้ ป็นมะเรง็ ทผ่ี ิวหนังได้

3. ช่วยป้องกันอันตรายจากอนุภาคตา่ งๆ ที่มาจากนอกโลก เชน่ อุกกาบาตหรอื สะเกด็ จากดาว
เคราะหต์ า่ ง ๆ เปน็ ตน้ โดยอนภุ าคเหล่านีจ้ ะเสียดสีกับอากาศทห่ี อ่ หมุ้ โลกและเกดิ การลุกไหม้จนหมด หรอื มี
ขนาดเลก็ ลงก่อนตกลงสู่ผิวโลก

4. ส่วนผสมของแก๊สต่าง ๆ ในอากาศ ช่วยให้เกดิ กระบวนการบางอยา่ งทจ่ี ำเปน็ ตอ่ การดำรงชวี ติ ของ
สิ่งมีชวี ิต เชน่ แก๊สออกซิเจนเปน็ แกส๊ ท่ใี ช้ในกระบวนการหายใจของสิ่งมีชีวติ และ ช่วยใหไ้ ฟตดิ แกส๊
คาร์บอนไดออกไซดเ์ ปน็ แกส๊ ทใ่ี ช้ในกระบวนการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพืช


ชอื่ ..........................................................................ชน้ั ...........เลขที่.........

ใบงาน Diagram ระบบบรรยากาศของโลก

คำชี้แจง ให้นักเรยี นสรปุ ความรเู้ ร่อื งระบบบรรยากาศโลกในรปู ของ Diagram

ระบบบรรยำกำศของ
โลก
อำกำศ

คอื

บรรยำกำศ
กำรแบ่งชนั้
ตำมกำรเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิ

ตำมประเภทแก๊ส


แนวขอ้ สอบ O –NET

1. สว่ นประกอบของอากาศทมี่ ปี รมิ าณมากท่สี ดุ คอื อะไร
1.กา๊ ซอาร์กอน
2.ก๊าซออกซิเจน
3.กา๊ ซไนโตรเจน
4.กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์

2. องคป์ ระกอบใดใบบรรยากาศทำใหเ้ กดิ ปรากฎการณ์ทางล้มฟ้าอากาศ ?
1. แก๊สออกซิเจน
2. แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์
3. ไอนำ้
4. แกส๊ ไนโตรเจน

ที่มา : หนังสือเรียน Learn education ข้อสอบ วทิ ยาศาสตร์ ม.1 . 2559


ใบงานตามแนว PISA

สมรรถนะการอธิบายปรากฏการเชงิ วิทยาศาสตร์

เวลา 20 นาที คะแนนเต็ม 5 คะแนน

ช่ือ - สกุล............................................................................................................ชน้ั ........................................
โรงเรยี น................................................................อำเภอ......................................จงั หวดั ..................................

คำช้แี จง

1. ขอ้ สอบชุดนี้มีถอ้ ยความให้อา่ น มคี ำถามการอ่านในใจและความเขา้ ใจการอ่าน 3 ขอ้ จำนวน 5
หน้า

2. การตอบคำถามทุกข้อให้ทำในชุดข้อสอบ
3. ให้นักเรียนอ่านคำถามทุกข้ออย่างละเอียดรอบคอบแล้วตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าท่จี ะทำได้

๓.๑ บางคำถามจะมคี ำตอบให้เลือกตอบ
ให้นกั เรยี นวงกลมล้อมรอบตัวเลขท่ีอยูห่ น้าคำตอบ ทีน่ ักเรียนคิดว่าถูกตอ้ ง

๓.๒ บางคำถามจะใหน้ ักเรยี นเขยี นคำตอบสน้ั ๆ ในที่วา่ งท่ีเตรยี มไว้ในข้อสอบ
ใหน้ ักเรยี นเขียนคำตอบเปน็ ตวั หนังสือ ตัวเลขไทย หรือเครอ่ื งหมายตามท่ี

กำหนด

๓.๓ บางคำถามต้องการให้นักเรยี นอธบิ ายคำตอบ หรอื บอกเหตุผลประกอบคำตอบ
โดยกำหนดเง่ือนไขให้ใชเ้ นื้อเรื่องสนับสนนุ คำตอบ
นกั เรยี นตอ้ งเขียนอธบิ าย หรือ เขียนเหตุผลประกอบ ภายในถอ้ ยความท่กี ำหนดให้

( ใหน้ กั เรยี นเขยี นด้วยลายมือทอี่ ่านงา่ ย และชดั เจน )


อา่ นถ้อยความตอ่ ไปน้ี แลว้ ตอบคำถามขอ้ ๑ – ๓

ปรากฏการณเ์ รือนกระจกคืออะไร?
"ปรากฏการณเ์ รอื นกระจก" (greenhouse effect) คือ ปรากฏการณท์ โี่ ลกมอี ณุ หภมู ิ

สงู ขึ้น
เน่อื งจาก พลงั งานแสงอาทิตย์ ์ในชว่ งความยาวคล่นื อนิ ฟราเรดที่สะท้อนกลับถูกดูดกลืนโดย
โมเลกลุ ของ ไอนำ้ คารบ์ อนไดออกไซด์ C2O มีเทน (CH4) และ CFCsไนตรัสออกไซด์ (N2O)
ในบรรยากาศทำให้โมเลกุลเหล่านม้ี ีพลังงานสูงขนึ้ มกี ารถ่ายเทพลังงานซ่งึ กนั และกนั ทำให้
อณุ หภูมใิ นชน้ั บรรยากาศสูงขน้ึ การถา่ ยเทพลังงานและความยาวคลนื่ ของโมเลกุลเหลา่ นี้
ต่อๆกันไป ในบรรยากาศทำใหโ้ มเลกุลเกดิ การส่ันการเคลือ่ นไหว ตลอดเวลาและมาชน
ถูกผิวหนังของเรา ทำให้เรารู้สกึ รอ้ น

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นกา๊ ซท่สี ะสมพลงั งานความร้อนในบรรยากาศโลกไว้
มากทส่ี ุดและมผี ลทำให้ อณุ หภมู ิของโลกสงู ขน้ึ มากทสี่ ุดในบรรดาก๊าซเรือนกระจกชนิดอ่นื ๆ CO2
สว่ นมากเกิดจากการกระทำของมนษุ ย์เชน่

- การเผาไหมเ้ ชอื้ เพลงิ
- การผลิตซีเมนต์
- การเผาไมท้ ำลายปา่

ท่ีมา : http://www.il.mahidol.ac.th/emedia/ecology/chapter2/chapter2_airpollution13.htm


สาระท่ี 6 กระบวนการเปลย่ี นแปลงของโลก
ตวั ช้วี ัด ว 6.1 ม.1/7 สบื ค้น วเิ คราะห์และอธิบายผลของภาวะโลกร้อน รโู หวโ่ อโซน และฝนกรด ทมี่ ตี อ่
สิ่งมีชีวิตและสงิ่ แวดลอ้ ม

คำถามท่ี 1 1 คะแนน

ข้อใดตอ่ ไปนไี้ ม่ใชแ่ ก๊สเรอื นกระจก 3. แก๊สมีเทน
1. แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ 4. แก๊สออกซเิ จน
2. แก๊สไนตรสั ออกไซด์

ลกั ษณะเฉพาะของขอ้ สอบ
สมรรถนะ : การอธิบายปรากฏการเชิงวิทยาศาสตร์
ความรู้ : ระบบกายภาพ(ความรวู้ ทิ ยาศาสตร์)
การใช้ความรู้ : ภยั อันตราย
สถานการณ์ : โลก
ลกั ษณะของขอ้ สอบ : เลือกตอบ

คำถามท่ี 2 1 คะแนน

การเกิดปรากฏการเรือนกระจกเกี่ยวข้องกับเหตุการณใ์ ดนอ้ ยที่สุด

1. เกิดความแห้งแล้งรนุ แรง 3. ส่ิงมีชวี ติ บางชนิดสญู พันธุ์

2. เกิดไฟป่าบ่อยข้ึน 4. นำ้ แข็งขวั้ โลกละลายเพ่ิมขึน้

ลักษณะเฉพาะของข้อสอบ
สมรรถนะ : การอธบิ ายปรากฏการเชงิ วทิ ยาศาสตร์
ความรู้ : ระบบกายภาพ(ความร้วู ทิ ยาศาสตร์)
การใช้ความรู้ : ภยั อนั ตราย
สถานการณ์ : โลก
ลกั ษณะของข้อสอบ : เลอื กตอบ


คำถามท่ี 3 3 คะแนน
จากถอ้ ยความข้างตน้ ข้อความตอ่ ไปน้ี เป็นความจรงิ หรอื ไม่เปน็ ความจริง
ข้อความ เป็นความจริง จงเขยี นเครอ่ื งหมาย X ในช่อง “ใช”่ ใช่ ไมใ่ ช่
ข้อความ ไมเ่ ปน็ ความจริง จงเขียนเครอื่ งหมาย X ในชอ่ ง “ไมใ่ ช”่ X
X
ท่ี ขอ้ ความ
X
1 แกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ สะสมพลังงานความรอ้ นไวม้ ากทีส่ ุด X
2 greenhouse effect คอื ปรากฏการณ์ทโี่ ลกมีอุณหภูมิสงู ข้นึ X
3 แกส๊ เรอื นกระจกคอื แกส๊ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพียงชนดิ เดยี ว X
4 แกส๊ เรอื นกระจกไม่มีความสำคญั กับโลก
5 การกระทำของมนุษยก์ ่อใหเ้ กิดแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดน์ อ้ ยทสี่ ุด
6 ในอนาคตโลกของเรานมแี นวโน้มทจ่ี ะเกดิ ภาวะโลกรอ้

ลกั ษณะเฉพาะของขอ้ สอบ
สมรรถนะ : การอธิบายปรากฏการเชงิ วทิ ยาศาสตร์
ความรู้ : ระบบกายภาพ(ความรวู้ ิทยาศาสตร์)
การใชค้ วามรู้ : ภยั อนั ตราย
สถานการณ์ : โลก
ลกั ษณะของข้อสอบ : เลอื กเชิงซอ้ น


เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน

คำถามขอ้ ท่ี 1 คะแนนเตม็ 1 คะแนน ไมม่ ีคะแนน
คำตอบอ่นื ๆ
ข้อ 4
แกส๊ ออกซเิ จน

คำถามขอ้ ท่ี 2 คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
คำตอบอน่ื ๆ
ขอ้ 2
เกิดไฟป่าบอ่ ยขึน้

คำถามขอ้ ท่ี 3

คะแนนเตม็ 3 คะแนน คะแนนเต็ม 1.5 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน ไม่มคี ะแนน
ตอบถกู 6 คำตอบ ตอบถูก 3-5 คำตอบ ตอบถกู 2 คำตอบ ตอบถกู 0-1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
5 คะแนน อยู่ในระดบั ดี
3 – 4 คะแนน อยู่ในระดับ พอใช้
0 – 2 คะแนน อยู่ในระดับ ปรบั ปรงุ

หมายเหตุ นักเรยี นได้ระดบั คุณภาพพอใชข้ ึ้นไป ถอื วา่ ผ่าน


แบบประเมินผลงานใบงาน Diagram

คำช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน ใหท้ ำเคร่อื งหมาย✓ลงในช่องรายการประเมินกำหนด

ความ ความ สรุปผล
สอดคล้อง สะอาด
ลำดับท่ี ชื่อ-สกลุ ความถูกตอ้ ง ครอบคลุม และเชอ่ื มโยง ตรงตอ่ เวลา เรยี บรอ้ ย รวม การ
ของผูร้ บั การประเมนิ ของเนือ้ หา เนอ้ื หา ของเนอื้ หา 4 20 ประเมิน
4 คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 4 ผ่าน

4321 43214 32 14321 4321

ประเมนิ ลงชอื่ .................................................... ผู้
................/................/................

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

18 - 20 ดมี าก

14 - 17 ดี

10 - 13 พอใช้

ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ

นักเรยี นได้ระดับคุณภาพท่ี พอใช้ ขึ้นไปถือว่า ผ่าน


ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Diagram

เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ

ประเมิน 4 (ดีมาก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง)

รูปแบบ - มีหัวขอ้ ทีช่ ดั เจน - มีหวั ขอ้ ทีช่ ัดเจน - มีหัวข้อที่ชดั เจน - มหี วั ขอ้ ทชี่ ัดเจน

- เขยี นอยู่ในกรอบ - เขียนอย่ใู นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ

- ใชค้ ำสำคัญตรงประเด็น - ใชค้ ำสำคญั ตรงประเด็น - ใช้คำสำคัญตรงประเด็น

- ใช้สญั ลักษณห์ รอื ภาพส่ือ - ใช้สัญลักษณห์ รอื ภาพสื่อ

ความหมาย ความหมาย

- ใช้สสี นั ทว่ั แผน่

เนอ้ื หา - เนื้อหาครบถ้วนตามสาระ - เนือ้ หาถูกต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เนือ้ หาถูกต้องตามสาระที่

ท่กี ำหนด 100% กำหนด 80-99% กำหนด 60-79% กำหนดตำ่ กว่า 59%

- เขยี นถกู ต้องตามหลัก - เขียนถกู ต้องตามหลกั - เขยี นถูกต้องตามหลกั - เขียนถูกต้องตามหลัก

ภาษา 100% ภาษา 80-99% ภาษา 60-79% ภาษาตำ่ กว่า 59%

- ลำดับหวั ข้อเน้ือหาชดั เจน - ลำดับหัวข้อเน้อื หาชัดเจน - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไมส่ มเหตุสมผล

- มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง - มกี ารสรุปไดอ้ ย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ตำ่ กว่า 59%

สมเหตสุ มผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%

การนำเสนอ - พดู ชดั เจนเสียงดังฟังชดั - พูดชดั เจนเสยี งดังฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพูดนำเสนอได้

- ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง - ใช้ภาษาทางการถูกต้อง - ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง

ตามอักขระ100% ตามอักขระ80-99% ตามอักขระ60-79% ตามอกั ขระตำ่ กว่า 59%

- บุคลิกภาพดแี ละมคี วาม - บุคลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม - บุคลิกภาพเหมาะสม

ม่ันใจ - ความพร้อมในการ

- มกี ารใช้สื่อประกอบการ นำเสนอได้บางส่วน

นำเสนอ

- ความพรอ้ มในการ

นำเสนอ

ความ - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงาม - ใช้สีสันสวยงามและมี - ใชส้ ีสนั สวยงามหรอื

สวยงาม - มคี วามสะอาด - มีความสะอาด ความสะอาด เป็นไปตามเกณฑอ์ ยา่ งใด

- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ - มีความคดิ สรา้ งสรรค์ อย่างหนง่ึ

- ความเป็นระเบยี บอา่ น

ง่าย

การตรงตอ่ สง่ ผลงานครบถว้ น ตรงตาม ส่งผลงานครบถ้วน แต่ชา้ ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้า ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ า้

เวลา เวลาทกี่ ำหนด กว่าเวลาทกี่ ำหนด 5 นาที กว่าเวลาทก่ี ำหนด 10 กว่าเวลาที่กำหนด 15

นาที นาที


ตอบคำถามถกู ต้อง เกณฑก์ ารให้คะแนน PRACQUIZ
ตอบคำถามไมถ่ ูกต้อง เรอ่ื ง ระบบบรรยากาศของโลก

1 คะแนน
0 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

5 ดีมาก

3-4 ดี

1-2 พอใช้

0 ปรบั ปรงุ

นักเรยี นได้ระดับคณุ ภาพที่ ดี ข้นึ ไปถือว่า ผา่ น

แผนจัดการเรยี นร้ทู ่ี 20 หนว่ ยย่อยท่ี 2
ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ อุณหภมู ิและความร้อน เวลา 1 ชวั่ โมง
เร่อื ง การแบ่งชน้ั บรรยากาศ ผสู้ อน ครูสกุ ฤตา ดวงสขุ
วนั ที่ทำการสอน..........เดือน................พ.ศ............

1. สาระสำคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั
บรรยากาศของโลกประกอบด้วยส่วนผสมของแกส๊ ต่าง ๆ มาตรฐาน ว 3.2 ม.1/1 สรา้ งแบบจำลองที่อธิบายการ

ทอี่ ยรู่ อบโลก บรรยากาศไม่ได้แบ่งเปน็ ช้นั ทมี่ องเห็นได้ แต่ แบ่งชน้ั บรรยากาศ และเปรียบเทยี บประโยชน์ ของบรรยากาศ
การศกึ ษาของนกั วิทยาศาสตร์ สามารถแบง่ ชน้ั บรรยากาศ แต่ละชนั้
ออกเปน็ 5 ชนั้ ตามอุณหภูมิ และความสูงจากพนื้ ดนิ

3. สาระการเรยี นรู้ 4. ช้ินงาน / ภาระงาน
การแบ่งช้นั บรรยากาศ - ใบงาน Diagram เรือ่ ง การแบ่งชัน้ บรรยากาศ
- ใบงานตามแนว PISA เร่ืองการแบ่งชนั้ บรรยากาศ
5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น
ความสามารถในการคิด 6. เคร่อื งมอื การสอนคดิ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี - Diagram - Six thinking hat (White hat)

กจิ กรรมการเรยี นรู้

7. ข้ันของกิจกรรม 8. ส่ือ 9. วธิ ีวดั ผล
- ใบความรูเ้ รือ่ ง การ - ประเมินใบงาน
Do Now (3 นาท)ี


ใบความรเู้ รื่องการแบ่งชน้ั บรรยากาศ

การแบง่ ชน้ั บรรยากาศ
การแบง่ ชัน้ บรรยากาศที่หอ่ หุ้มโลกอาจใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ในการแบ่งไดห้ ลายรูปแบบ เช่น

ใช้อุณหภมู ิเปน็ เกณฑใ์ ช้สมบัติของแกส๊ หรอื ส่วนผสมของแกส๊ เปน็ เกณฑ์หรือใชส้ มบัตทิ าง
อุตุนยิ มวิทยาเป็นเกณฑ์ซง่ึ อาจมชี อ่ื เรียกช้ันบรรยากาศเหมือนกันหรอื แตกต่างกัน

การแบง่ ช้ันบรรยากาศโดยใช้อุณหภมู ิเปน็ เกณฑ์ แบง่ ได้เปน็ 5 ช้นั ดังนี้
1. โทรโพสเฟยี ร์ (Troposphere) วัดไดจ้ ากพ้นื ดนิ สูงข้ึนไปประมาณ 10 กิโลเมตรขอบเขตของ
บรรยากาศช้ันนี้ในแต่ละแหง่ ของโลกจะไม่เทา่ กนั เชน่ บรเิ วณเส้นศูนยส์ ตู รบรรยากาศช้ันนีจ้ ะสูงจากพนื้ ดนิ ขน้ึ
ไปประมาณ 16-17 กโิ ลเมตร สว่ นบริเวณข้วั โลกจะมรี ะยะสูงจากพื้นดินขน้ึ ไปประมาณ 8-10 กิโลเมตร
บรรยากาศช้นั โทรโพสเฟยี ร์ มลี กั ษณะดังนี้

1.1 อุณหภมู จิ ะลดลงตามระดบั ความสงู ทเ่ี พ่มิ ข้นึ โดยเฉล่ยี จะลดลงประมาณ6.5°C
ต่อ 1 กิโลกรัม สุดเขตของบรรยากาศชั้นเรยี กวา่ โทรโพพอส (Tropopause) มีอุณหภูมิต่ำ มาก เชน่ ใน
บริเวณเสน้ ศนู ยส์ ูตร อณุ หภูมปิ ระมาณ –80°C และในบรเิ วณขัว้ โลก ประมาณ –55°C

1.2 บรรยากาศชนั้ นมี้ คี วามแปรปรวนมากเนอ่ื งจากเป็นบรเิ วณทมี่ ไี อน้ำเมฆฝนพายุ
ตา่ ง ๆ ฟ้าแลบ ฟา้ ร้องและฟ้าผา่

2. สตราโสเฟียร์ (Stratosphere) มคี วามสงู จากพ้ืนดินตัง้ แต่ 10-50 กิโลเมตร มีอากาศเบาบาง มเี มฆ
น้อยมาก เน่ืองจากมีปริมาณไอนำ้ นอ้ ยอากาศไม่แปรปรวน นักบนิ จึงนำเครอ่ื งบินบนิ อย่ใู นช้นั นี้ บรรยากาศชน้ั
น้ีมีแก๊สโอโซนมาก ซง่ึ อยูท่ ่ีความสงู ประมาณ 25 กิโลเมตร แก๊สโอโซนนี้จะชว่ ยดดู กลนื รังสีอลั ตราไวโอเลตจาก
ดวงอาทติ ยไ์ วบ้ างส่วน เพ่อื ไม่ใหร้ งั สอี ลั ตราไวโอเลตผ่านลงมาสูพ่ ้ืนผวิ โลกมากเกินไป อุณหภูมิของบรรยากาศ
ชัน้ นจ้ี ะเพม่ิ ขึน้ ตามระดบั ความสงู ทีเ่ พิ่มข้นึ สุดเขตของบรรยากาศชน้ั นีเ้ รียกวา่ สตราโตพอส (Stratospause)


Click to View FlipBook Version