แผนจัดการเรยี นรทู้ ่ี 7 หนว่ ยยอ่ ยท่ี 3
ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ อณุ หภมู ิและความร้อน เวลา 2 ช่วั โมง
เร่อื ง การพาความร้อน ผู้สอน นายศุภกติ ติ์ ประเสริฐ
วนั ท่ที าการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคญั 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
ว 2.3 ม.1/7 สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการถ่ายโอนความ
การพาความ เปน็ การถา่ ยเทความร้อนทเี่ กิดขึ้นได้ ในสสารสองสถานะ ร้อน โดยการนาความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสี
คือ ของเหลวและกา๊ ซ เนอ่ื งจากเปน็ ส่งิ ที่สามารถเคลอื่ นทไ่ี ด้โดยจะมี ความร้อน
ทิศทางลอยข้นึ เทา่ น้ัน
3. สาระการเรยี นรู้ 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- การพาความร้อน - ใบงาน Mind mapping เรอื่ ง การพาความร้อน
5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น - ใบกจิ กรรมการทดลอง เรอื่ ง การพาความร้อน
- ความสามารถในการคิด 6. เครื่องมอื การสอนคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
- Mind mapping , Six thinking hats (White hat)
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ข้ันของกิจกรรม 8. ส่อื 9. วิธีวัดผล
Do Now ( 3 นาที ) - power point - ประเมนิ ใบงาน Mind
“บอกชื่อตัวละครในเรื่องบุพเพสนั นวิ าส” ประกอบการสอน เรอ่ื ง การ mapping เรือ่ ง การพา
พาความรอ้ น ความร้อน
Purpose ( 2 นาที ) - ใบความรู้ เรื่อง การพา - ประเมินใบกิจกรรมการ
เราจะเรียนเรื่อง การพาความรอ้ น เพือ่ ให้นกั เรียนสามารถอธบิ ายการถา่ ยโอนความรอ้ น ความร้อน ทดลอง เร่ือง การพา
- ใบงาน Mind mapping ความร้อน
โดยการพาความรอ้ นไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง เรื่อง การพาความรอ้ น
Work mode (110นาที)
1. นักเรยี นตอบคาถามกอ่ นเรม่ิ บทเรียน “นักเรยี นคิดวา่ การทเี่ รารู้สึกวา่ ไดร้ บั ลมรอ้ นเกิดขน้ึ - ใบกิจกรรมการทดลอง
ได้อยา่ งไร” (พอเพียง2:ความมีเหตุผล)(15นาท)ี เรอื่ ง การพาความรอ้ น
2. นักเรียนฟงั การบรรยายเรื่อง การพาความรอ้ น จากครผู สู้ อนโดยใชส้ ่อื ประกอบการสอน
Power point (สมรรถนะ 3) (25นาที)
3.นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ๆละ 5-6 คนศึกษาและ ทากจิ กรรมการทดลอง เรื่อง การพาความรอ้ น
ตามรูปแบบกิจกรรมที่กาหนดให้(พอเพยี ง3:การมีภูมคิ มุ้ กนั ท่ดี ีในตวั )(สมรรถนะ 4) (30นาที)
4. นักเรียนสรปุ ความรเู้ ปน็ แผนผงั ในรปู แบบ Mind mapping ลงในใบงาน เรื่อง การพา
ความร้อน (คดิ 9:คดิ เชงิ มโนทัศน์) (สมรรถนะ 2) (25นาที)
5. นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับการพาความรอ้ น
โดยใช้คาถาม ดงั นี้ (15นาที)
- สง่ิ ทสี่ ังเกตได้จากการทดลองดา่ งทบั ทิมมกี ารเคลอื่ นตวั หมุนวนขน้ึ ลงเนื่องจากอะไร(White
hat)
Reflective Thinking (5นาที)
“2 สิ่งท่นี กั เรยี นได้รับจากการเรยี นในวันน้ี” (3นาท)ี
นกั เรียนทาแนวขอ้ สอบ o-net 1 ข้อ (2นาท)ี
ใบความรู้
เรอ่ื ง การพาความรอ้ น
คำถำมชวนคิด
#จำนท่ีรบั ควำมรอ้ นไดเ้ รว็ ที่สดุ คอื
จำนสเตนเลส รองลงมำคือ จำน
กระเบอื้ ง และจำนพลำสตกิ ตำมลำดบั
#สว่ นจำนท่ีรอ้ นชำ้ ที่สดุ คอื จำน
กระดำษ คะ่ ทำใหร้ ูไ้ ดว้ ่ำ วสั ดแุ ตล่ ะ
ชนดิ รอ้ นเรว็ รอ้ นชำ้ ไดแ้ ตกตำ่ งกนั
ใบกิจกรรมการทดลองเรื่อง การพาความร้อน
กิจกรรมการทดลองวดั อุณหภูมจิ ากการทาไอศกรีม
อปุ กรณก์ ารทดลอง
ข้ันตอนการทดลอง
ใบงาน Mind mapping เร่อื ง การพาความรอ้ น
แบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping
คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนประเมินผลงานใบงานนกั เรียน โดยการประเมนิ คะแนนลงในช่องรายการประเมิน
กาหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Mind mapping
ช่อื -สกุล รูปแบบ เนอื้ หา นาเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผลการ
ลาดบั ท่ี ของผรู้ ับการ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
ประเมิน ไม่ผ่าน
ลงชื่อ ....................................................ผปู้ ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นได้ระดับคณุ ภาพที่ พอใช้ ข้ึนไปถอื ว่า ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Mind mapping
เกณฑ์การ ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
รปู แบบ 4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- เขียนความคิดรวบยอดหลกั - เขียนความคิดรวบยอดหลกั
เน้ือหา - เขียนความคดิ รวบยอด - เขยี นความคดิ รวบยอดหลัก
ไวต้ รงกลาง ไวต้ รงกลาง
การนาเสนอ - มีกิ่งแกว้ กง่ิ ก้อย และกง่ิ หลกั ไว้ตรงกลาง ไวต้ รงกลาง - มีก่งิ แกว้ ขาดกิง่ ก้อย แต่
ความสวยงาม ยอ่ ยตามลาดับ - มีกิง่ แกว้ ก่ิงกอ้ ย และก่งิ - มีกิง่ แก้ว กิง่ ก้อย และก่งิ ขาดกงิ่ ยอ่ ย
การตรงตอ่ - ตัวหนงั สืออยบู่ นเสน้ - ใช้สีสนั ไมท่ ั่วแผน่
- ใช้คาสาคญั ตรงประเดน็ ยอ่ ยตามลาดบั ยอ่ ยตามลาดับ
เวลา - ใช้สัญลักษณ์หรอื ภาพสอื่ - เน้อื หาถกู ตอ้ งตามสาระที่
- ตวั หนงั สอื อยูบ่ นเส้น - ใช้สสี นั ทวั่ แผน่ กาหนดต่าว่า 59%
ความหมาย - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา
- ใช้สสี นั ทัว่ แผน่ - ใชค้ าสาคญั ตรงประเด็น ต่าว่า 59%
- เนือ้ หาครบถ้วนตามสาระที่ - มีการสรุปไม่สมเหตุสมผล
กาหนด 100% - ใชส้ สี ันทว่ั แผ่น ตา่ ว่า 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา
100% - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระท่ี - เนอื้ หาถูกตอ้ งตามสาระที่ - สามารถพูดนาเสนอได้
- ลาดบั หัวข้อเน้ือหาชัดเจน - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ ง
- มีการสรปุ ได้อย่าง กาหนด 80-99% กาหนด 60-79% ตามอักขระตา่ วา่ 59%
สมเหตสุ มผล 100% - บุคลิกภาพเหมาะสม
- พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา
- ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชส้ สี นั สวยงามหรอื เป็นไป
อกั ขระ100% 80-99% 60-79% ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอย่าง
- บคุ ลกิ ภาพดแี ละมีความ หนงึ่
ม่นั ใจ - ลาดบั หวั ขอ้ เนอ้ื หาชดั เจน - มีการสรปุ ได้อย่าง
- มกี ารใช้สื่อประกอบการ สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ช้ากว่า
นาเสนอ - มีการสรุปไดอ้ ย่าง สมเหตสุ มผล 60-79% เวลาท่ีกาหนด 15 นาที
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ
- ใช้สสี ันสวยงาม สมเหตสุ มผล 80-99%
- มีความสะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์ - พูดชัดเจนเสยี งดังฟังชดั - การพูดเหมาะสม
- ความเปน็ ระเบียบอา่ นงา่ ย
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม
เวลาท่กี าหนด
อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79%
- บคุ ลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
- ความพร้อมในการนาเสนอ
ได้บางสว่ น
- ใชส้ ีสนั สวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงามและมคี วาม
- มคี วามสะอาด สะอาด
- มคี วามคดิ สร้างสรรค์
ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กว่า สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ ้ากวา่
เวลาทีก่ าหนด 5 นาที เวลาทีก่ าหนด 10 นาที
แนวข้อสอบ O-NET
1 การถา่ ยโอนความรอ้ นท่โี มเลกลุ ของสารเคล่ือนที่ไปดว้ ย เป็นการถา่ ยโอนความรอ้ นในรูปแบบใด
1.การพาความร้อน
2.การนาความร้อน
3.การแผร่ ังสคี วามรอ้ น
4.การขยายตวั ของความรอ้ น
ที่มา https://quizizz.com/admin/quiz/5a8696588b167700229457dc/-1-4-
แผนจัดการเรียนรู้ที่ 8 หนว่ ยยอ่ ยท่ี 3
ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ อณุ หภูมแิ ละความรอ้ น เวลา 1 ช่ัวโมง
เรอ่ื ง การแผร่ งั สีความร้อน ผูส้ อน นายศภุ กติ ติ์ ประเสริฐ
วันทที่ าการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคญั 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด
การแผร่ ังสคี วามรอ้ นเปน็ การแผร่ งั สีแม่เหลก็ ไฟฟ้า โดยไมจ่ า้ เปน็ ตอ้ ง ว 2.3 ม.1/7 สรา้ งแบบจา้ ลองท่อี ธบิ ายการถ่ายโอนความรอ้ น
อาศยั ตวั กลาง เกดิ จากการเคลื่อนที่ความรอ้ น ของอนภุ าคมปี ระจใุ นสสาร โดยการน้าความรอ้ น การพาความรอ้ น การแผร่ งั สี ความรอ้ น
ทกุ สสารทม่ี ีอณุ หภมู ิสงู กว่าศูนยอ์ งศาสมั บรู ณ์แผร่ งั สีความร้อนทงั สนิ
4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
3. สาระการเรยี นรู้ - ใบงาน Cause and Effect เรอ่ื ง รังสอี ลั ตราไวโอเลต และ
รงั สีอินฟราเรดที่มาพรอ้ มกับแสงแดดมผี ลต่อส่งิ ใดบา้ ง อยา่ งไร
การแผ่รังสคี วามรอ้ น - ใบงาน PISA เร่ือง การดูดกลืนการคายความร้อน
5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 6. เครื่องมือการสอนคดิ
- ความสามารถในการคดิ
- ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี Cause and Effect, Six thinking Hat (White hat,
Green hat)
กิจกรรมการเรียนรู้ 8. ส่อื 9. วธิ ีวดั ผล
7. ขั้นของกจิ กรรม - ประเมินใบงาน
- power point
Do Now ( 3 นาที ) ประกอบการสอน เรื่อง Cause and Effect เรื่อง
บอกวธิ ีเอาตัวรอดเม่อื อย่ทู ะเลทรายหา้ มซา้ กนั การแผร่ ังสคี วามร้อน รังสีอัลตราไวโอเลต และ
- ใบความรู้ เรอื่ ง การแผ่ รังสอี นิ ฟราเรดทีม่ าพรอ้ ม
Purpose ( 2 นาที ) รงั สคี วามรอ้ น กับแสงแดดมีผลต่อส่งิ
เราจะเรยี นเรอ่ื ง การแผร่ งั สคี วามร้อนเพ่ือใหน้ ักเรียนสามารถอธบิ ายเกี่ยวกับการแผร่ งั สี - ใบงาน Cause and ใดบ้าง อยา่ งไร
Effect เรอื่ ง รงั สี - แบบประเมิณใบงาน
ความรอ้ นได้ อลั ตราไวโอเลต และรงั สี PISA เร่อื ง การดูดกลืน
Work mode (50นาที) อนิ ฟราเรดทีม่ าพรอ้ มกับ การคายความรอ้ น
1.นกั เรยี นตอบคา้ ถาม “นักเรยี นคิดวา่ การแผ่รังสคี วามร้อนต้องอาศยั ตัวกลางหรือไม่” แสงแดดมีผลต่อสิ่งใดบา้ ง
(White hat) (5 นาที) อย่างไร
2.นกั เรียนสบื ค้นขอ้ มลู เกีย่ วกบั การแผ่รงั สีความรอ้ น โดยศึกษาจากใบความรู้/อนิ เทอร์เน็ต - ใบงานPISA เร่ือง การ
เรื่อง การแผร่ งั สีความรอ้ น และอธิบายเกยี่ วกบั ผลกระทบของ การแผร่ ังสคี วามรอ้ น โดยทา้ ดดู กลนื การคายความร้อน
ใบงาน Cause and Effect เร่ือง รงั สีอัลตราไวโอเลต และรงั สีอินฟราเรดที่มาพรอ้ มกบั
แสงแดดมผี ลตอ่ สง่ิ ใดบ้าง อย่างไร (คดิ 1 : คดิ วิเคราะห์) (สมรรถนะ 2)(15 นาท)ี
3.นกั เรียน(ตัวแทนโดยการสมุ่ )นา้ เสนอผลการศกึ ษาหน้าชนั เรยี นและร่วมกนั โต้แย้งเพอื่ หา
ข้อสรปุ ของหัวขอ้ ที่ศกึ ษา (คดิ 3 : คิดวพิ ากษ์) (สมรรถนะ 3)(5 นาท)ี
4. นกั เรียนฟงั ครูอธบิ ายเนือหาเพิม่ เตมิ เร่อื ง การแผ่รังสคี วามรอ้ น โดยใชส้ ื่อ Power point
เร่อื ง การแผร่ ังสคี วามร้อน (10 นาท)ี
5. นักเรียนทา้ ใบงานPISA เรอื่ ง การดูดกลืนการคายความรอ้ น (10 นาท)ี
5. นกั เรียนและครู ร่วมกนั สรปุ เรอ่ื ง การแผร่ ังสคี วามร้อน และตอบคา้ ถามต่อไปนี (5 นาท)ี
5.1นักเรยี นพบการแผร่ งั สีวามรอ้ นในชวี ิตประจา้ วนั อยา่ งไรบา้ ง
5.2นกั เรยี นมหี ลักการในการเลือกสีเสือในวันท่ีอากาศร้อน และมแี สงแดดจา้ อยา่ งไร
(Green hat)
Reflective Thinking (5นาที)
“2 ส่ิงทีน่ ักเรียนได้รบั จากการเรยี นในวันนี” (3นาท)ี
นกั เรียนท้าแนวข้อสอบ o-net 1 ขอ้ (2นาที)
ใบความรู้
เรือ่ ง การแผ่รงั สีความรอ้ น
ใบงาน Mind mapping เรือ่ ง การแผร่ งั สคี วามรอ้ น
แบบประเมินใบงาน Cause and Effect
คาช้ีแจง : ใหผ้ ูส้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมนิ
ก้าหนดตามตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Cause and Effect
ช่ือ-สกุล การแสดง นาเสนอ ความ ตรงตอ่ รวม สรุปผลการ
ลาดบั ท่ี ของผ้รู ับการ ความ เนื้อหา สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมนิ ผ่าน/
คดิ เหน็ (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมิน (4คะแนน) (4คะแนน) ไม่ผ่าน
ลงชอื่ ....................................................ผูป้ ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นักเรยี นได้ระดบั คุณภาพท่ี พอใช้ ขึนไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบท้ายแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect
เกณฑก์ าร ระดบั การประเมนิ
ประเมนิ
4 (ดมี าก) 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
การแสดง - แสดงความคดิ เห็น - - แสดงความคดิ เห็น
ความคดิ เหน็ - แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคดิ เหน็
ผลกระทบของปัญหา/เหตุ ผลกระทบของปัญหา/
การฌ์ได้ 10 ข้อขึนไป ผลกระทบของปญั หา/ ผลกระทบของปัญหา/ เหตกุ ารณไ์ ด้ น้อยกวา่ 6
ข้อ
เหตกุ ารณ์ได้ 8-9 ขอ้ เหตุการณไ์ ด้ 6-7 ขอ้
เนอื หา - เนอื หาครบถว้ นตามสาระที่ - เนือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนอื หาถกู ตอ้ งตามสาระที่ - เนอื หาถูกตอ้ งตามสาระท่ี
ก้าหนด 100% กา้ หนด 80-99% กา้ หนด 60-79% ก้าหนดต่้าว่า 59%
การน้าเสนอ - เขียนถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขียนถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขียนถูกตอ้ งตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลักภาษา
100% 80-99% 60-79% ต่้าว่า 59%
ความสวยงาม - ลา้ ดับหวั ขอ้ เนอื หาชัดเจน - ลา้ ดับหวั ข้อเนอื หาชดั เจน - มีการสรุปไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตุสมผล
การตรงต่อ - มีการสรปุ ได้อยา่ ง - มีการสรุปได้อย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ตา้่ ว่า 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตุสมผล 80-99%
เวลา - พดู ชดั เจนเสียงดังฟังชดั - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู น้าเสนอได้
- ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ ง
อกั ขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% ตามอกั ขระตา่้ วา่ 59%
- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บุคลิกภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม - บุคลกิ ภาพเหมาะสม
มั่นใจ - ความพร้อมในการนา้ เสนอ
- มีการใชส้ อ่ื ประกอบการ ไดบ้ างส่วน - ใช้สสี นั สวยงามและมีความ - ใช้สสี ันสวยงามหรอื เป็นไป
น้าเสนอ สะอาด ตามเกณฑ์อยา่ งใดอย่าง
- ความพร้อมในการน้าเสนอ - ใชส้ สี ันสวยงาม หนึง่
- ใช้สสี นั สวยงาม - มีความสะอาด สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า
- มคี วามสะอาด - มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ เวลาทกี่ ้าหนด 10 นาที ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กว่า
- มคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ เวลาทก่ี ้าหนด 15 นาที
- ความเปน็ ระเบยี บอา่ นง่าย ส่งผลงานครบถ้วน แต่ช้ากว่า
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม เวลาทก่ี ้าหนด 5 นาที
เวลาที่ก้าหนด
ใบงานPISA เรื่อง การดดู กลนื การคายความร้อน
คาช้แี จง : จงตอบคาถามขอ้ 1 – 4 จากภาพท่กี าหนดให้ต่อไปน้ี ( 10 คะแนน )
อา้ งอิง : http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31424-044022
คานวณท่ี 1 (ข้อละ 2 คะแนน)
จากข้อมลู จงเขียนวงกลมลอ้ มรอบค้าว่า “ใช”่ หรือ “ไมใ่ ช่” ในแต่ละข้อความ
ขอ้ ข้อความ คาตอบ
1. เมอ่ื ภายในมอี ุณหภูมิสูงจะแปลผกผันกบั ดา้ นนอก ใช่ / ไมใ่ ช่
2. เคร่ืองปรับอากาศจะชว่ ยเพ่ิมอุณหภูมดิ ้านใน ใช่ / ไม่ใช่
3. ฮตี เตอร์มหี นา้ ที่เพม่ิ อุณหภูมิภายใน ใช่ / ไมใ่ ช่
4. ปจั จัยส้าคัญในการลดอุณหภูมิคือเครอ่ื งปรับอากาศ ใช่ / ไมใ่ ช่
(สมรรถนะ : การระบุปญั หาเชงิ วทิ ยาศาสตร์)
คาถามท่ี 2 (ขอ้ ละ 1 คะแนน)
จากภาพ ปจั จัยส้าคญั ในขอ้ ใดท่ชี ว่ ยลดอณุ หภูมิภายในห้องเรยี น
1. คอมพวิ เตอร์ 3. ฮตี เตอร์
2. เครื่องปรับอากาศ 4. อากาศภายนอกหอ้ ง
ข้อ คาตอบ
(สมรรถนะ : การระบุปัญหาเชิงวิทยาศาสตร์)
เกณฑ์การใหค้ ะแนน / แนวคาตอบ
คาถามที่ 1 (ข้อละ 2 คะแนน)
จากขอ้ มลู จงเขียนวงกลมล้อมรอบค้าวา่ “ใช่” หรอื “ไม่ใช่” ในแต่ละขอ้ ความ
ขอ้ ขอ้ ความ คาตอบ
1. เมอ่ื ภายในมีอณุ หภูมิสูงจะแปลผกผนั กบั ด้านนอก ใช่ / ไม่ใช่
2. เครอื่ งปรบั อากาศจะชว่ ยเพ่มิ อุณหภูมิด้านใน ใช่ / ไม่ใช่
3. ฮตี เตอรม์ หี น้าท่ีเพ่มิ อณุ หภมู ภิ ายใน ใช่ / ไมใ่ ช่
4. ปัจจัยส้าคัญในการลดอุณหภมู คิ ือเครอื่ งปรับอากาศ ใช่ / ไมใ่ ช่
คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนเตม็ 1 คะแนน คะแนนเต็ม 0 คะแนน
ตอบถกู ทัง 4 ข้อ : ใช่ /
ไม่ใช่ / ใช่ / ไมใ่ ช่ ตอบถกู 3 ข้อ ตอบถกู 2-0 ขอ้
คาถามท่ี 2 (ขอ้ ละ 1 คะแนน) คาตอบ
ขอ้ เคร่ืองปรบั อากาศ
3
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
3 ดมี าก
2 ดี
1 พอใช้
จ ปรบั ปรงุ
นกั เรียนระดับคณุ ภาพท่ี พอใช้ ขึนไปถอื วา่ ผา่ น
แนวขอ้ สอบ O-NET
1 .ขอ้ ใดกล่าวไมถ่ ูกต้อง
1.วตั ถุสีดา้ จะคายความรอ้ นไดด้ กี ว่าวตั ถุสขี าว
2.แผน่ เหล็กจะคายความร้อนไดช้ า้ กวา่ ผงเหล็ก
3.นา้ เยน็ จะดูดกลืนความร้อนไดเ้ รว็ กว่าน้าร้อน
4.ลูกปงิ ปองจะดูดกลืนความร้อนไดช้ า้ กวา่ ลกู กอล์ฟ
ทม่ี า https://quizizz.com/admin/quiz/5a8696588b167700229457dc/-1-4-
แผนจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 หน่วยยอ่ ยท่ี 3
ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ อณุ หภูมิและความรอ้ น เวลา 2 ช่วั โมง
เรือ่ ง ความรอ้ นกับการเปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ขิ องสาร ผสู้ อน นายศุภกิตต์ิ ประเสริฐ
วนั ทีท่ าการสอน....................เดือน................................พ.ศ.................
1. สาระสาคญั 2. มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั
เม่อื ใหค้ วามร้อนกบั สาร อณุ หภมู ขิ องสารจะสงู ขึน หรอื เมอ่ื สารสญู เสยี ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายขอ้ มลู และคา้ นวณ
ความร้อนอณุ หภมู ิของสารจะลดต่้าลง ความร้อนท่ที ้าใหส้ ารเปลี่ยนอณุ หภูมิ ปรมิ าณความร้อนท่ีท้าใหส้ สารเปลยี่ นอณุ หภมู แิ ละ เปลีย่ น
นีเรียกวา่ ความจคุ วามร้อนจาเพาะของสาร คือปริมาณความร้อนทที่ ้าให้ สถานะ โดยใชส้ มการ Q = mc∆T และ Q = mL
สารมวล 1 กรมั มอี ณุ หภมู ิเปลีย่ นไป 1 องศาเซลเซยี ส โดยที่สถานะไม่
เปลยี่ นแปลง หรือ ความจคุ วามร้อนของสาร 4. ชิ้นงาน/ภาระงาน
- ใบงาน Diagram เรื่องการคา้ นวณปริมาณความรอ้ นทีท่ า้ ให้
3. สาระการเรยี นรู้ สารเปลย่ี นอุณหภูมิ
ความรอ้ นกับการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสาร - ใบงานตามแนว Pisa เรอื่ ง ความรอ้ นแฝง
5. สมรรถนะ 6. เคร่อื งมือการสอนคิด
- ความสามารถในการคิด Diagram, Six thinking hats (White hat)
กิจกรรมการเรียนรู้ 8. สื่อ 9. วธิ ีวดั ผล
7. ข้ันของกิจกรรม
- power point - ประเมินใบงาน
Do Now (3นาท)ี ประกอบการสอน เรอื่ ง Diagram เร่อื งการ
ความรอ้ นกับการ ค้านวณปริมาณ
จงบอกชือ่ ประเทศในภูมภิ าคเอเชยี คนละ 1 ประเทศห้ามซา้ กนั เปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของ ความร้อนที่ท้าให้
สาร สารเปลย่ี นอณุ หภมู ิ
Purpose (2นาที) - ใบความรู้ เรอ่ื ง ความ - ตรวจแบบฝึกหดั
รอ้ นกับการเปลีย่ นแปลง เร่อื ง ปรมิ าณความ
เราจะเรยี นเรอ่ื ง ความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมขิ องสาร เพื่อให้นักเรียนสามารถคา้ นวณ อณุ หภมู ิของสาร ร้อน
- ใบงาน Diagram เรือ่ ง - แบบประเมนิ ใบ
เกย่ี วกับความร้อนกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ขิ องสารได้อยา่ งถูกต้อง การค้านวณปริมาณความ งาน Pisa เร่อื ง
ร้อนที่ท้าให้สารเปลี่ยน ความรอ้ นแฝง
Work mode (110 นาที) อณุ หภมู ิ
1.นักเรยี นตอบค้าถามกระตุ้นความสนใจ ( 5 นาที) - แบบฝกึ หัด เรื่อง
ปริมาณความรอ้ น
1.1 ให้นักเรียนอธบิ ายความแตกตา่ งของการเปลีย่ นแปลงอุณหภมู กิ บั การเปลี่ยนแปลงสถานะ -ใบงานตามแนว Pisa
2. นักเรยี นฟงั ครอู ธิบายเรอ่ื ง ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของสารโดยใช้ power เร่อื ง ความรอ้ นแฝง
point ประกอบการสอน (15นาที)
3. นกั เรียนทา้ แบบฝกึ หดั เร่ือง ปรมิ าณความร้อน( 15 นาที )
4. นักเรยี นและครูรว่ มกันเฉลยแบบฝึกหดั เรอ่ื ง ปริมาณความรอ้ น ( 10 นาที )
5. นักเรียนศึกษาจากใบความรู้ เรือ่ ง ความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอณุ หภมู ขิ องสาร และสรุป
ความรู้ในรูปแบบแผนผงั ลงในใบงาน Diagram เร่อื งการคา้ นวณปรมิ าณความร้อนท่ีทา้ ใหส้ สาร
เปลยี่ นอณุ หภูมิ
(คิด 9 : คิดเชิงมโนทัศน)์ (สมรรถนะ 2) (30 นาท)ี
6. นกั เรียนแต่ละกล่มุ นา้ เสนอผลงานหนา้ ชนั เรียน และอภปิ รายผลงานร่วมกนั (คดิ 3 : คดิ
วพิ ากษ์) (สมรรถนะ 3) (15 นาที)
7.นักเรยี นทา้ ใบงานตามแนว Pisa เรื่อง ความร้อนแฝง (คดิ 1:คิดวเิ คราะห์) (15 นาที
8. นกั เรยี นและครูสรปุ บทเรียนรว่ มกนั โดยใช้คา้ ถาม ดังนี
“จากสตู รการหาปรมิ าณความรอ้ นช่วยใหน้ กั เรยี นทราบสง่ิ ใดไดบ้ า้ งอยา่ งไร” (White hat) (5
นาที)
Reflective thinking (5 นาท)ี
- “1 สิ่งท่นี ักเรียนได้รับ” (2 นาท)ี
- ทา้ แนวขอ้ สอบ O-NET 1 ข้อ (3 นาที)
.ใบความรู้ เร่ือง ความรอ้ นกบั การเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิของสาร
เมือ่ ใหค้ วามรอ้ นกบั สสาร อณุ หภมู ิของสสารจะสูงขนึ หรือเม่ือสสาร สญู เสยี ความรอ้ น อุณหภมู ขิ อง
สสารจะลดตำ่ลง นกั ฟสิ ิกส์จงึ ไดน้ ิยามปริมาณ ความร้อนท่ีท้าใหส้ สารเปล่ยี นอณุ หภมู ินีว่า ความจุความร้อน
จาเพาะของสสาร (specific heat capacity: c) คอื ปรมิ าณความรอ้ นท่ีท้าให้สารมวล 1 กรัม มี อุณหภูมิ
เปลย่ี นไป 1 องศาเซลเซยี ส โดยทส่ี ถานะไม่เปลยี่ นแปลง หรอื ความจุความรอ้ นของสสาร (heat capacity
: C) คอื ปรมิ าณความรอ้ นท่ที ้าให้สสาร มีอุณหภูมเิ ปล่ียนไป 1 องศาเซลเซยี ส โดยท่สี ถานะไมเ่ ปลยี่ นแปลง
แบบจ้าลองการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมขิ องน้า 1 กรัม เมื่อได้รบั หรือสญู เสยี ความร้อน 1 แคลอรี
ปริมาณความรอ้ นท่ที ้าให้สสารมอี ุณหภมู เิ ปลย่ี นไปใน สถานะไม่เปล่ียนแปลง สามารถค้านวณไดจ้ ากสมการ
Q = mc∆T
เมื่อ
Q คอื ปรมิ าณความร้อนท่สี สารไดร้ ับหรือสญู เสยี ไป มีหนว่ ยเป็นแคลอรี (cal)
m คือ มวลของสสาร มีหนว่ ยเป็นกรัม (g)
c คอื ค่าความจุความรอ้ นจา้ เพาะของสสาร มีหน่วยเปน็ แคลอรตี ่อกรัม-องศาเซลเซยี ส (cal g. ๐C)
C คือ ค่าความจุความร้อนของสสาร มหี น่วยเปน็ แคลอรตี อ่ องศาเซลเซยี ส (cal/°C)
∆T คอื อุณหภูมิทเ่ี ปลีย่ นไป มีหน่วยเปน็ องศาเซลเซียส (°C)
แบบฝึกหัด เรื่อง ความรอ้ นปรมิ าณ
1. ถา้ ใหค้ วามรอ้ น 100 แคลอรกี ับนา้ มวล 10 กรัม ซง่ึ มีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส จงหาวา่ อณุ หภมู ิ
ของนา้ หลังไดร้ ับความร้อนจะเป็นเท่าใด
2. จะต้องใหค้ วามร้อนกบั น้ามวล 80 กรัม ซึง่ มอี ุณหภมู ิ 25 oC ก่ีแคลอรี น้าจึงจะมอี ุณหภมู ิเพม่ิ ขึนเป็น
75 oC
3. ถ้าเดมิ น้ามวล 100 กรัม มอี ณุ หภูมิ 30 oC แตภ่ ายหลงั นา้ เขา้ ไปแชต่ ู้เย็นมอี ุณหภมู ลิ ดลงเหลอื 5 oC
จงหาหาว่านา้ สูญเสยี ความร้อนไปกแี่ คลอรี
4. ถ้าใหค้ วามร้อน 1,000 แคลอรี แก่เหล็กมวล 500 กรมั เดิมมอี ุณหภูมิ 25 oC จงหาว่าหลงั ไดร้ ับความ
รอ้ น เหลก็ จะมีอณุ หภูมกิ ่อี งศาเซลเซยี ส ( cเหล็ก =0.1 cal g-1 C-1 )
ใบงาน Diagram
เร่ือง การคานวณปริมาณความร้อนท่ีทาให้สารเปลีย่ นอุณหภมู ิ
สูตรทใี่ ช้ในการคานวน
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
ปริมาณความร้อนทท่ี าให้สาร
เปลย่ี นอุณหภูมิ
ความจคุ วามร้อนจาเพาะของสาร คือ นำ้ มวล 100 กรมั อุณหภมู ิ 30 ๐C ลดลงเหลอื
...............................................................
............................................................... 5๐C จงหำวำ่ นำ้ สญู เสยี ควำมรอ้ ไปก่ีแคลอรี
............................................................... ....................................................................
............................................................... ....................................................................
............................................................... ....................................................................
............................................................... ....................................................................
............................................................... ....................................................................
............................................................. ....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
....................................................................
แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram
คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนกั เรียน ใหท้ ้าเครอ่ื งหมายลงในชอ่ งรายการประเมนิ กา้ หนด
ความ ความ สรปุ ผล
สอดคล้อง สะอาด
ลา้ ดบั ที่ ชื่อ-สกลุ ความถูกต้อง ครอบคลมุ และเช่ือมโยง ตรงตอ่ เวลา เรียบร้อย รวม การ
ของผรู้ ับการประเมิน ของเนือหา เนอื หา ของเนือหา 4 20 ประเมิน
4 คะแนน ผ่าน/ไม่
4 4 4 ผ่าน
4321 43214 32 14321 4321
ประเมิน ลงชื่อ .................................................... ผู้
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นักเรียนไดร้ ะดับคุณภาพท่ี พอใช้ ขึนไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมินใบงาน Diagram
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมิน
รปู แบบ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง)
- มีหวั ข้อท่ีชัดเจน - มีหัวข้อที่ชดั เจน
เนือหา - เขยี นอยู่ในกรอบ - มหี ัวขอ้ ที่ชดั เจน - มีหัวขอ้ ทช่ี ัดเจน - เขียนอยใู่ นกรอบ
- ใชค้ ้าสา้ คัญตรงประเด็น
การน้าเสนอ - ใช้สญั ลกั ษณ์หรือภาพส่ือ - เขยี นอยู่ในกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เนอื หาถกู ต้องตามสาระท่ี
ก้าหนดต่า้ กว่า 59%
ความสวยงาม ความหมาย - ใช้ค้าส้าคญั ตรงประเด็น - ใชค้ า้ สา้ คญั ตรงประเด็น - เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา
การตรงต่อ - ใชส้ สี ันท่วั แผน่ ต้า่ กวา่ 59%
- เนือหาครบถ้วนตามสาระที่ - ใช้สัญลกั ษณห์ รอื ภาพสอ่ื - มีการสรปุ ไมส่ มเหตสุ มผล
เวลา ก้าหนด 100% ต่า้ กวา่ 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา ความหมาย
100% - สามารถพดู นา้ เสนอได้
- ลา้ ดบั หัวข้อเนอื หาชดั เจน - เนือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - เนือหาถูกตอ้ งตามสาระท่ี - ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง
- มกี ารสรปุ ได้อย่าง ตามอกั ขระต้า่ กว่า 59%
สมเหตุสมผล 100% ก้าหนด 80-99% ก้าหนด 60-79% - บุคลิกภาพเหมาะสม
- พูดชัดเจนเสียงดงั ฟังชดั
- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - เขยี นถูกตอ้ งตามหลักภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - ใชส้ สี ันสวยงามหรอื เป็นไป
อกั ขระ100% ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอยา่ ง
- บุคลิกภาพดีและมีความ 80-99% 60-79% หนงึ่
มน่ั ใจ
- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ - ล้าดับหวั ข้อเนือหาชดั เจน - มีการสรปุ ไดอ้ ย่าง สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กว่า
น้าเสนอ เวลาท่ีกา้ หนด 15 นาที
- ความพรอ้ มในการน้าเสนอ - มกี ารสรุปไดอ้ ยา่ ง สมเหตสุ มผล 60-79%
- ใชส้ สี นั สวยงาม
- มคี วามสะอาด สมเหตุสมผล 80-99%
- มีความคิดสรา้ งสรรค์
- ความเปน็ ระเบยี บอา่ นง่าย - พดู ชดั เจนเสียงดงั ฟงั ชดั - การพดู เหมาะสม
สง่ ผลงานครบถ้วน ตรงตาม
เวลาที่กา้ หนด - ใช้ภาษาทางการถูกต้องตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม
อกั ขระ80-99% อักขระ60-79%
- บุคลกิ ภาพดี - บุคลิกภาพเหมาะสม
- ความพรอ้ มในการน้าเสนอ
ได้บางสว่ น
- ใช้สีสนั สวยงาม - ใช้สีสนั สวยงามและมีความ
- มีความสะอาด สะอาด
- มีความคิดสร้างสรรค์
สง่ ผลงานครบถ้วน แต่ช้ากวา่ ส่งผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กว่า
เวลาทีก่ า้ หนด 5 นาที เวลาทีก่ ้าหนด 10 นาที
แนวขอ้ สอบ O-NET
1 .ช้อนมมี วล 60 กรัม อณุ หภูมิ 25 ้C นา้ ไปแช่ในน้ารอ้ นจนมอี ณุ หภมู เิ ปน็ 60 ้C ชอ้ นเงนิ ได้รับความร้อน
จากนา้ รอ้ นเท่าไร (ความจุความร้อนจ้าเพาะของเงิน = 0.05 cal/g ้C)
1. ∆Q = 105 cal
2. ∆Q = 205 cal
3. ∆Q = 305 cal
4. ∆Q = 405 cal
ท่มี า https://www.dek-d.com/board/view/2589369/
คาชีแ้ จง : จงตอบคาใถบามงขาอ้ น1PI–S4Aจากเรภอ่ืาพงทกี่ คาหวนาดมใหรต้ ้อ่อนไปแนฝ้ี ง( 10 คะแนน )
อา้ งองิ : https://www.google.com/search?q=%
คานวณท่ี 1 (ข้อละ 2 คะแนน)
จากข้อมูล จงเขยี นวงกลมล้อมรอบค้าว่า “ใช”่ หรือ “ไม่ใช่” ในแตล่ ะขอ้ ความ
ขอ้ ข้อความ คาตอบ
ใช่ / ไม่ใช่
1. ความร้อนแฝงเป็นการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิ
ใช่ / ไม่ใช่
2. การควบแน่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะจาก
ของเหลวเปน็ ของแขง็ ใช่ / ไมใ่ ช่
ใช่ / ไมใ่ ช่
3. ความร้อนแฝงแปลผกผันกับพลังงานความร้อน
4. ความร้อนแฝงแปลผันตรงกับมวล
(สมรรถนะ : การระบปุ ญั หาเชิงวทิ ยาศาสตร์)
คาถามท่ี 2 (ข้อละ 1 คะแนน)
ความรอ้ นแฝงมคี วามสมั พนั ธใ์ นสว่ นใดของวัตถุ
1. การเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ
2. มวลของวัตถุ
3. ความเรว็ ของแหล่งก้าเนดิ แสง
4. ความจุความร้อนจา้ เพาะ
ข้อ คาตอบ
(สมรรถนะ : การระบปุ ญั หาเชงิ วทิ ยาศาสตร์)
คาถามที่ 3 ๒ คะแนน
ความรอ้ นแฝง มีขอ้ ดอี ย่างไรบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
( สมรรถนะ : การอธิบายปรากฏการณใ์ นเชงิ วทิ ยาศาสตร์)
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน / แนวคาตอบ
คาถามท่ี 1 (ข้อละ 2 คะแนน)
จากขอ้ มลู จงเขยี นวงกลมล้อมรอบค้าว่า “ใช”่ หรอื “ไมใ่ ช่” ในแตล่ ะขอ้ ความ
ข้อ ขอ้ ความ คาตอบ
1. ความร้อนแฝงเปน็ การเปลยี่ นแปลงอณุ หภมู ิ ใช่ / ไม่ใช่
2. การควบแนน่ หมายถึงการเปล่ียนแปลงสถานะจาก ใช่ / ไม่ใช่
ของเหลวเปน็ ของแข็ง
3. ความรอ้ นแฝงแปลผกผนั กบั พลงั งานความรอ้ น ใช่ / ไมใ่ ช่
4. ความร้อนแฝงแปลผันตรงกับมวล ใช่ / ไม่ใช่
คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน คะแนนเตม็ 0 คะแนน
ตอบถูกทงั 4 ข้อ : ใช่ / ใช่ ตอบถูก 3 ขอ้ ตอบถูก 2-0 ขอ้
/ ไม่ใช่ / ไมใ่ ช่
คาถามท่ี 2 (ขอ้ ละ 1 คะแนน) คาตอบ
มวลของวัตถุ
ข้อ
2
ข้อ คาตอบ
3 - ท้าให้ทราบวา่ นา้ 0 องศาสามารถเป็นของเหลวไดเ้ ช่นกัน
- สามารถรู้เยอื กแขง็ จุดเดอื ด
เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
3 ดีมาก
2 ดี
1 พอใช้
จ ปรบั ปรุง
นกั เรยี นระดบั คุณภาพที่ พอใช้ ขึนไปถอื ว่า ผา่ น
แผนจัดการเรียนร้ทู ่ี 10 หน่วยย่อยท่ี 3
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ อณุ หภมู แิ ละความร้อน เวลา 1 ชั่วโมง
เรอ่ื ง การถ่ายโอนความรอ้ นในชีวติ ประจาวนั ผูส้ อน นายศุภกติ ต์ิ ประเสรฐิ
วนั ทีท่ าการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
ว 2.3 ม.1/6 สรา้ งแบบจาลองท่อี ธบิ ายการถ่ายโอนความ
การถ่ายโอนความรอ้ น หมายถงึ การถ่ายเทพลงั งานความ รอ้ น โดยการนาความร้อน การพาความร้อน การแผ่รงั สี
รอ้ นจากบริเวณท่ีมีอณุ หภูมสิ งู ไปยังบรเิ วณท่ีมอี ณุ หภมู ิต่ากวา่ การถ่าย ความร้อน
โอนความรอ้ นในชวี ิตประจาวนั เชน่ การใช้กระทะทาอาหาร การใช้
ไดรเ์ ปา่ ผม 4. ชน้ิ งาน / ภาระงาน
3. สาระการเรยี นรู้ ใบงาน Diagram เร่อื งการถา่ ยโอนความรอ้ นในชวี ิตประจาวัน
การถา่ ยโอนความร้อนในชีวิตประจาวัน
5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 6. เคร่อื งมือการสอนคิด
ความสามารถในการคิด - Diagram
ความสามารถในการสอ่ื สาร - Six thinking hats (Yellow hat) , (White hat)
กจิ กรรมการเรยี นรู้ 8. สอ่ื 9. วิธีวัดผล
7. ขั้นของกิจกรรม
- ใบงาน Diagram เร่อื ง - ประเมนิ ใบงาน
Do Now (3 นาที) การถา่ ยโอนความรอ้ น Diagram เรอ่ื ง การ
บอกวธิ กี ารคลายร้อนมาคนละ 1 อย่าง โดยหา้ มซากัน ในชีวติ ประจาวัน ถา่ ยโอนความรอ้ น
- ใบความรู้เรอ่ื ง การ ในชวี ติ ประจาวนั
Purpose (2 นาท)ี ถ่ายโอนความรอ้ นใน - ประเมินใบงาน
เราจะเรียนเร่ืองการถ่ายโอนความรอ้ นในชวี ิตประจาวันเพือ่ ใหน้ ักเรียนสามารถบอกการถ่ายโอน ชวี ติ ประจาวนั เร่อื ง การคานวณ
- หอ้ งเรียนออนไลน์เรอ่ื ง พลังงานความร้อน
ความรอ้ นในชวี ติ ประจาวนั ได้ การถา่ ยโอนความร้อน (ตามแนว Pisa)
Work mode (50 นาท)ี ในชวี ิตประจาวัน
1.นกั เรียนตอบคาถามโดยครใู ช้คาถามกระตุ้นความคดิ “การแผ่รังสขี องดวงอาทิตย์ส่งผลกระทบ - ใบงาน เร่อื ง การ
ต่อโลกอยา่ งไรบ้าง ?” (White hat) (5 นาท)ี คานวณพลงั งานความ
ร้อน (ตามแนว Pisa)
2. นักเรียนสบื คน้ ขอ้ มูลเกี่ยวกับการถา่ ยโอนความร้อนในชีวติ ประจาวนั โดยศึกษาจากใบความรู้
หรอื ห้องเรยี นออนไลน์ เรอื่ งการถา่ ยโอนความรอ้ นในชวี ิตประจาวัน (10 นาท)ี
3.นักเรยี นสรปุ ความรใู้ นรูปแบบผังมโนทัศนล์ งในใบงาน Diagram เรื่องการถา่ ยโอนความรอ้ นใน
ชีวติ ประจาวนั (พอเพยี ง 2 ความมีเหตุผล) (15 นาที)
4. นกั เรียน(ตวั แทนโดยการสมุ่ ) ออกมานาเสนอผลงานจากใบงาน Diagram การถา่ ยโอนความ
รอ้ นในชวี ติ ประจาวนั หนา้ ชนั เรยี น (คิด 3 : คิดวิพากย)์ (สมรรถนะ 3) (5 นาที)
5. นักเรยี นวิเคราะห์คาตอบโดยทาใบงานตามแนว pisa เรอ่ื ง คานวณพลังงานความรอ้ น (10นาท)ี
6. นกั เรียนและครู รว่ มกันสรุป เร่อื ง การถา่ ยโอนความร้อนในชีวติ ประจาวนั
นกั เรยี นตอบคาถาม ดังนี (Six thinking hat) (5 นาท)ี
“จงบอกประโยชนก์ ารถ่ายโอนความร้อน” (Yellow hat)
Reflective Thinking (5 นาที)
- 1 สง่ิ ที่นกั เรียนไดร้ ับจากการเรยี นในวนั นีคอื (3 นาท)ี
- ทาแนวข้อสอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้เรื่องการถา่ ยโอนความรอ้ นในชีวิตประจาวัน
การถ่ายโอนความร้อนในชีวิตประจาวัน
ภาชนะหงุ ตม้ นิยมทาด้วยโลหะ เช่น เหล็กกล้าและอะลมู ิเนยี มเพราะสามารถทนความรอ้ นเขา้
ไปสอู่ าหารไดอ้ ย่างรวดเร็ว ส่วนทด่ี า้ มจบั จะทาดว้ ยฉนวนความรอ้ นเพือ่ ปอ้ งกันไมใ่ ห้ความร้อนส่งผา่ น
มายังมือเรา
การนาความรอ้ น
การพาความร้อน ฉนวนความรอ้ น
การแผร่ งั สี
- ภาชนะทีใ่ ชเ้ กบ็ อาหารท่ีปรงุ แล้ว ควรทาด้วยวสั ดทุ เ่ี ป็นฉนวนความร้อน เช่น กระเบือง
พลาสติก และโฟม เพราะสามารถเก็บความร้อนของอาหารไวไ้ ด้นานจนถึงมอื ลกู ค้า
- ในฤดูหนาวเราควรสวมเสอื ผ้าขนสัตว์ หรือเสือผา้ หลาย ๆ ชัน เพ่อื ปอ้ งกนั การถา่ ยโอนความ
รอ้ นจากร่างกายสู่อากาศท่หี นาวเยน็ ภายนอกจงึ ช่วยให้รา่ งกายเราอบอุ่นตลอดเวลา
- การพาความรอ้ นทาให้เกดิ กระแสลมขนึ เพราะอากาศ 2 บริเวณมีอุณหภมู ิแตกตา่ งกัน อากาศ
เย็นจะเคลอื่ นตวั เข้าไปแทนอากาศรอ้ น
- แผน่ อะลูมิเนยี มฟอยล์ (Aluminium Foil) มีสเี งนิ ผวิ มนั วาวมีคุณสมบตั ิในการสะท้อนรังสี
ความรอ้ นไดด้ ี นิยมใช้ห่ออาหารโดยจะชว่ ยใหอ้ าหารร้อนนานกวา่ ปกติ
- เรอื นกระจกเพาะชาต้นไมจ้ ะไดร้ บั แสงอาทิตยใ์ ห้สอ่ งผา่ นมายังพชื เมื่อพืชคายความรอ้ น
ออกมา รงั สคี วามร้อนบางส่วนจะไม่สามารถทะลุผา่ นกระจกออกไปได้ จงึ ทาใหเ้ รือนกระจกมี
อณุ หถมู ิทสี่ งู กวา่ ภายนอก
แผ่นอะลูมเิ นียมฟอยล์ ช่วยให้
อาหารร้อนได้นานกว่าปกติ
ใบงาน Diagram เรือ่ งการถ
คาชแี้ จง ให้นักเรยี นสรปุ ความรลู้ งใน Diagram ให้ถูกต้องพรอ้ มทังสรุปความ
การถ่ายโอนความร้อน
ในชีวิตประจาวนั
ช่ือ..........................................................................ชนั้ ...........เลขที่.........
ถ่ายโอนความรอ้ นในชวี ิตประจาวนั
มร้เู รือ่ งการถ่ายโอนความร้อนในชวี ติ ประจาวนั
สรุปความรเู้ รอ่ื งการถ่ายโอนความรอ้ นใน
ชีวติ ประจาวนั …………………………………………………
………………………………………………………………………
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
……………………………………………………………………..
แนวขอ้ สอบ O –NET
1. ขอ้ ใดเป็นกจิ กรรมท่ีดที ี่ช่วยใหบ้ ้านรู้สึกเย็นในฤดรู อ้ น
1. เปิดตู้เยน็ บ่อยๆ
2. ปิดผ้าม่านเม่อื มแี สงแดด
3. เปดิ หน้าต่างในตอนกลางวัน
4. เปล่ยี นผ้าม่านเปน็ สเี ขม้ เพ่ือกนั แสง
2. ในฤดหู นาวเม่ือจับเก้าอ้เี หล็กแล้วรู้สึกเยน็ เพราะเหตใุ ด ?
1. ความเยน็ ไหลเขา้ สู่มือ
2. ความรอ้ นจากมือถา่ ยเทใหเ้ ก้าอี
3. เหล็กมคี วามเยน็
4. อณุ หภมู ิไหลจากมอื เข้าสเู่ กา้ อี
ที่มา : หนังสือLearn Education Physics มธั ยมศกึ ษาปีที่1
แบบประเมนิ ผลงานใบงาน Diagram
คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลงานใบงานนักเรียน ให้ทาเครอ่ื งหมายลงในช่องรายการประเมนิ กาหนด
ความ สรปุ ผล
ลาดบั ที่ ชื่อ-สกุล ความถกู ต้อง ครอบคลมุ สอดคลอ้ ง ตรงตอ่ เวลา ความสะอาด รวม การ
ของผูร้ บั การประเมนิ ของเนือหา เนือหา และเชื่อมโยง 4 เรยี บรอ้ ย 20 ประเมนิ
ของเนอื หา คะแนน ผา่ น/ไม่
4 4 4
4 ผา่ น
4321 43214 32 14321 4321
ลงชอื่ .................................................... ผูป้ ระเมิน
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรยี นได้ระดบั คณุ ภาพที่ พอใช้ ขึนไปถือว่า ผ่าน
ตารางแนบท้ายแบบประเมินใบงาน Diagram
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรงุ )
รูปแบบ
- มีหวั ข้อท่ชี ดั เจน - มีหัวขอ้ ทช่ี ดั เจน - มีหัวขอ้ ทีช่ ดั เจน - มีหัวข้อท่ีชัดเจน
เนอื หา - เขยี นอยใู่ นกรอบ - เขียนอยู่ในกรอบ - เขียนอยใู่ นกรอบ - เขยี นอย่ใู นกรอบ
- ใชค้ าสาคัญตรงประเดน็ - ใช้คาสาคัญตรงประเดน็ - ใชค้ าสาคัญตรงประเด็น
การนาเสนอ - ใช้สัญลักษณห์ รือภาพสอื่ - ใชส้ ญั ลกั ษณห์ รือภาพสอ่ื - เนือหาถูกต้องตามสาระท่ี
- เนอื หาถูกตอ้ งตามสาระที่ กาหนดต่ากว่า 59%
ความสวยงาม ความหมาย ความหมาย กาหนด 60-79% - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา
การตรงตอ่ - ใชส้ ีสนั ทวั่ แผ่น - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา ต่ากว่า 59%
- เนือหาครบถว้ นตามสาระท่ี - เนอื หาถูกตอ้ งตามสาระที่ 60-79% - มกี ารสรุปไม่สมเหตุสมผล
เวลา กาหนด 100% กาหนด 80-99% - มีการสรปุ ไดอ้ ย่าง ต่ากวา่ 59%
- เขยี นถกู ต้องตามหลักภาษา - เขยี นถูกต้องตามหลกั ภาษา สมเหตุสมผล 60-79%
100% 80-99% - สามารถพดู นาเสนอได้
- ลาดับหวั ขอ้ เนือหาชดั เจน - ลาดับหวั ข้อเนอื หาชดั เจน - ใชภ้ าษาทางการถูกตอ้ ง
- มกี ารสรปุ ได้อยา่ ง - มกี ารสรปุ ไดอ้ ย่าง ตามอักขระต่ากว่า 59%
สมเหตุสมผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99% - บุคลิกภาพเหมาะสม
- พดู ชดั เจนเสียงดังฟงั ชัด - พดู ชัดเจนเสียงดงั ฟังชดั - การพดู เหมาะสม - ใชส้ สี ันสวยงามหรือเป็นไป
ตามเกณฑ์อย่างใดอยา่ ง
- ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถูกต้องตาม หนึ่ง
อักขระ100% อกั ขระ80-99% อกั ขระ60-79% สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กว่า
เวลาทีก่ าหนด 15 นาที
- บคุ ลิกภาพดีและมีความ - บุคลกิ ภาพดี - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
มนั่ ใจ - ความพร้อมในการนาเสนอ
- มีการใช้สอ่ื ประกอบการ ได้บางสว่ น
นาเสนอ
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ
- ใช้สสี นั สวยงาม - ใชส้ สี ันสวยงาม - ใช้สสี นั สวยงามและมคี วาม
- มีความสะอาด - มีความสะอาด สะอาด
- มีความคิดสร้างสรรค์ - มคี วามคดิ สร้างสรรค์
- ความเป็นระเบยี บอ่านง่าย
ส่งผลงานครบถว้ น ตรงตาม ส่งผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่ สง่ ผลงานครบถ้วน แตช่ า้ กว่า
เวลาทก่ี าหนด เวลาทก่ี าหนด 5 นาที เวลาท่กี าหนด 10 นาที
ใบงานPISA เรื่อง การคานวณพลงั งานความรอ้ น
คาชแ้ี จง : จงตอบคาถามข้อ 1 – 4 จากภาพทก่ี าหนดให้ต่อไปนี้ ( 10 คะแนน )
อา้ งองิ : https://www.google.com/search?client=psy-ab&hl
คาถามที่ 1 (ขอ้ ละ 2 คะแนน)
จากข้อมูล จงเขยี นวงกลมลอ้ มรอบคาวา่ “ใช”่ หรือ “ไมใ่ ช่” ในแต่ละข้อความ
ขอ้ ขอ้ ความ คาตอบ
ใช่ / ไม่ใช่
1. สถานะของเหลวเรม่ิ ต้นจาก 0 องศาเซลเซียส
ใช่ / ไม่ใช่
2. พลังงานความรอ้ นเกดิ จากผลรวมความจุความร้อนและ
ความรอ้ นแฝง ใช่ / ไมใ่ ช่
ใช่ / ไมใ่ ช่
3. พลงั งานความร้อนขนึ อยูก่ บั มวลของวตั ถุ
4. พลังงานความร้อนจะมากขนึ เท่านนั
(สมรรถนะ : การระบปุ ัญหาเชงิ วทิ ยาศาสตร์)
คาถามที่ 2 (ข้อละ 1 คะแนน)
จากกราฟ พลังงานความรอ้ นผลผันกบั ส่งิ ใด
1. มวลของวตั ถุ
2. ความรอ้ นแฝง
3. ความจุความรอ้ นจาเพาะ
4. เวลา
ขอ้ คาตอบ
(สมรรถนะ : การระบปุ ญั หาเชงิ วทิ ยาศาสตร์)
เกณฑก์ ารให้คะแนน / แนวคาตอบ
คาถามท่ี 1 (ข้อละ 2 คะแนน)
จากข้อมูล จงเขยี นวงกลมลอ้ มรอบคาว่า “ใช”่ หรือ “ไมใ่ ช่” ในแตล่ ะข้อความ
ขอ้ ข้อความ คาตอบ
ใช่ / ไม่ใช่
1. สถานะของเหลวเรมิ่ ต้นจาก 0 องศาเซลเซียส
ใช่ / ไมใ่ ช่
2. พลงั งานความรอ้ นเกดิ จากผลรวมความจุความรอ้ นและ
ความร้อนแฝง ใช่ / ไม่ใช่
ใช่ / ไม่ใช่
3. พลังงานความรอ้ นขึนอยู่กบั มวลของวตั ถุ
4. พลงั งานความรอ้ นจะมากขนึ เทา่ นัน
คะแนนเต็ม 2 คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน คะแนนเต็ม 0 คะแนน
ตอบถกู ทงั 4 ขอ้ : ใช่ / ตอบถูก 3 ขอ้ ตอบถกู 2-0 ขอ้
ไมใ่ ช่ / ใช่ / ไม่ใช่
คาถามที่ 2 (ข้อละ 1 คะแนน)
ขอ้ คาตอบ
เวลา เน่ืองจากเมือ่ เวลาเพิ่มอณุ หภูมิจก
4 ลดลง
แผนจัดการเรยี นรูท้ ่ี 11 หน่วยย่อยที่ 4
ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ อณุ หภมู แิ ละความร้อน เวลา 2 ชัว่ โมง
เร่ือง ความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร ผสู้ อน นายศุภกิตต์ิ ประเสรฐิ
วันทที่ าการสอน..........เดือน................พ.ศ............
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
การเปลย่ี นสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว ต้อง
ว2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมลู และคานวณปริมาณ
ใช้พลงั งานความร้อนจานวนหนงึ่ ความร้อน น้ีเรยี กวา่ ความร้อนท่ีทาให้สสารเปล่ยี นอุณหภมู ิและเปลย่ี นสถานะ โดยใช้
ความร้อนแฝงของการหลอมเหลวของสาร สมการ โดยใชส้ มการ Q=mc T และ Q=mL
3. สาระการเรียนรู้ 4. ชนิ้ งาน / ภาระงาน
ความร้อนกับการเปลยี่ นสถานะของ
- ใบงาน Cause and Effect ถา้ นา้ แขง็ ขั้วโลกละลายจะส่งผลกระทบอยา่ งไร
5ส.สาสรมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น - ใบงานตามแนว Pisa เรอื่ งความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสาร
ความสามารถในการคดิ 6. เคร่อื งมือการสอนคดิ
- Cause and Effect - Six thinking hats (Yellow hat) , (White hat)
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
กิจกรรมการเรียนรู้ 8. สื่อ 9. วธิ ีวดั ผล
7. ขนั้ ของกิจกรรม - Power Point เรื่องความรอ้ น - ประเมินใบงาน
กบั การเปลี่ยนสถานะของสาร Cause and Effect ถ้า
Do Now (3 นาที) - ใบงาน Cause and Effect ถา้ น้าแขง็ ขั้วโลกละลายจะ
บอกถ้านา้ ในโลกหมดไป จะส่งผลกระทบอย่างไร โดยห้ามตอบซ้ากัน นา้ แข็งขั้วโลกละลายจะสง่ ผล สง่ ผลกระทบอยา่ งไร
กระทบอย่างไร - ประเมนิ ใบงานตาม
Purpose (2 นาท)ี - ใบงานตามแนว Pisa ความ
เราจะเรียนเรอ่ื งความรอ้ นกบั การเปลี่ยนสถานะของสาร เพอื่ ให้นกั เรยี นสามารถอธิบาย รอ้ นกบั การเปลี่ยนสถานะของ แนว Pisa เรอ่ื งความ
สาร
เรื่องความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสารได้ - ใบความรู้เรอื่ งความรอ้ นกบั รอ้ นกบั การเปลีย่ น
Work mode (110 นาท)ี การเปลี่ยนสถานะของสาร
- หอ้ งเรยี นออนไลน์เรื่องความ สถานะของสาร
1. นักเรียนตอบคาถามโดยครใู ช้คาถามกระตุ้นความคิด “ปัจจยั ท่ีทาใหส้ ารเปล่ียนสถานะ รอ้ นกับการเปลี่ยนสถานะของ
มอี ะไรบา้ ง” (5นาที) (คดิ 1 : คิดวิเคราะห์) สาร
2. นกั เรยี นดู VDO เรือ่ งความรอ้ นกับการเปลีย่ นสถานะของสาร (พอเพียง3 : การมี
ภูมคิ ุ้มกันที่ด)ี (15 นาที)
3. นักเรยี นฟังครูอธิบายเพมิ่ เตมิ เร่อื งความรอ้ นกบั การเปลยี่ นสถานะของสาร โดยใช้สื่อ
Power point ประกอบการสอน (15 นาที)
4. นกั เรยี นศึกษาเพิม่ เตมิ จากใบงานและหอ้ งเรียนออนไลน์โดยการแสกน Qr-Code เรอ่ื ง
ความรอ้ นกับการเปลยี่ นสถานะของสาร (10 นาที)
5. นกั เรยี นลงมอื ทาใบงาน Cause and Effect ถา้ น้าแขง็ ขว้ั โลกละลายจะสง่ ผลกระทบ
อยา่ งไร (คดิ 1 : คิดวเิ คราะห)์ (25 นาที)
6. นักเรียน (ตัวแทนโดยการสุ่ม) ออกมานาเสนอใบงาน Cause and Effect ถา้ น้าแข็งขว้ั
โลกละลายจะส่งผลกระทบอย่างไร (สมรรถนะ 3) (10นาท)ี
7. นักเรยี นลงมอื ทาใบงานตามแนว Pisa เร่อื งความรอ้ นกับการเปลีย่ นสถานะของ
สาร (20 นาที)
กิจกรรมการเรียนรู้
7. ขนั้ ของกิจกรรม 8. ส่อื 9. วธิ วี ดั ผล
8. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ และตอบคาถามดังนี้ Six thinking - VDO เรือ่ งความร้อนกบั
hat (10 นาท)ี การเปลยี่ นสถานะของสาร
8.1 ความร้อนแฝง คอื อะไร ? (White hat) (คิด1: คิดวิเคราะห)์
8.2 ประโยชนข์ องการเปลีย่ นสถานะของสารมีอะไรบ้าง (Yellow hat)
Reflective Thinking (5 นาท)ี
- 1 สงิ่ ที่นกั เรยี นไดร้ ับจากการเรยี นในวันนี้คือ (3 นาที)
- ทาแนวข้อสอบ O-NET 2 ขอ้ (2 นาที)
ใบความรู้เร่อื งความรอ้ นกับการเปลี่ยนสถานะของสาร
ความรอ้ นกับการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร
เมือ่ ให้ความร้อนกบั น้าแขง็ ทอ่ี ุณหภมู ิ 0 องศา นา้ แข็งจะละลายกลายเปน็ นา้ คาถามกค็ อื เราจะต้องให้ความร้อนใน
ปริมาณเทา่ ใดนา้ แขง็ ก้อนใหญล่ ะลายหมด หรอื หากนาน้ามาตม้ ในกาน้าจนน้ามีอณุ หภมู ิ 100 องศาคาถามคอื ต้องใหค้ วามร้อนอกี
เท่าใดนาฬกิ าน้าจงึ จะเดอื ดกลายเปน็ ไอท้ังหมด นกั ฟสิ ิกสไ์ ด้นยิ ามปริมาณความร้อนทที่ าใหส้ สารเปลยี่ นสถานะได้วา่
ความร้อนแฝงจาเพาะ (Specific Lalent Heat : L)
คือ ปรมิ าณความรอ้ นทท่ี าให้สสาร 1 G เปล่ยี นสถานะได้โดยทอี่ ณุ หภมู ิคงท่ี
ความร้อนแฝงจาเพาะของการหลอมเหลว
L(น้าแข็ง) = 80 cal/g
(น้ากลายเปน็ น้าแข็ง หรอื นา้ แข็งละลายกลายเป็นนา้ )
ความรอ้ นแฝงจาเพาะของการกลายเป็นไอ
L(ไอน้า) = 540 cal/g
(นา้ ระเหยเป็นไอนา้ หรือไอน้าควบแนน่ เป็นนา้ )
ปรมิ าณความร้อนทใ่ี ช้ในการเปลยี่ นสถานะโดยอุณหภูมคิ งที่ ณ จุดหลอมเหลวและจดุ เดอื ดนั้น สามารถคานวณได้จาก
สมการ
Q = ml
Q = ความร้อนทส่ี สารไดร้ บั ระหวา่ งการเปล่ยี นสถานะ มหี นว่ ยเป็นแคลอร่ี (Cal)
m = มวลของสสาร มหี นว่ ยเป็นกรมั (g)
L = ความร้อนแฝงจาเพาะ มีหน่วยเป็นแคลอรตี ่อกรัม cal/g
ตวั อย่าง จงหาว่าไอน้ามวล 10 กรัม ท่อี ณุ หภมู ิ 100 องศา จะต้องคายความรอ้ นกแี่ คลอร่ีในการควบแน่นกลายเป็นนา้ ไดท้ ัง้ หมด
พอดี
m = 10 g L(ไอน้า) = 540 cal/g
เนื่องจากไอน้าในโจทย์อยทู่ ่อี ณุ หภูมจิ ุดเดอื ดแล้ว และกระบวนการใดโจทยเ์ ปน็ การเปล่ียนแปลงทีน่ ้าสูญเสียความร้อน จึงได้วา่
Q = mL(ไอน้า) = 10g x 540 cal/g = 5400 cal
ดงั นน้ั ไอน้ามวล 10 กรมั น้ี จะตอ้ งคายความร้อน 5400 แคลอรี ในการกลนั่ ตวั เป็นน้าไดท้ ั้งหมดพอดี
ชื่อ..........................................................................ชนั้ ...........เลขท่ี.........
ใบงาน Cause and Effect ความร้อนกบั การเปลี่ยนสถานะของสาร
คาชี้แจง นักเรยี นบนั ทึกความรูท้ ่ีได้ ลงในตารางต่อไปน้ีพร้อมท้ังเขยี นสรปุ ลงในบรรทดั ที่วา่ งข้างลา่ ง ของแบบบันทึก
ใบงาน Cause and Effect
ผล
ผล
ถา้ นา้ แขง็ ขวั้ โลกละลายจะ ผล
ส่งผลกระทบอย่างไร ?
ผล
ผล
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………...
เวลา 15 นาที ใบงานตามแนว Pisa
ระบุประเด็นทางวิทยาศาสตร์
คะแนนเตม็ 7 คะแนน
ชื่อ – สกุล.............................................................................................ชัน้ .................................
โรงเรียน...................................................................อาเภอ.......................จงั หวัด.......................
คาชี้แจง
1. ข้อสอบชุดนมี้ ีถอ้ ยความใหอ้ ่าน มีคาถามการอ่านในใจแลความเขา้ ใจการอา่ น 3 ข้อ จานวน 2 หน้า
2. การตอบคาถามทุกขอ้ ใหท้ าในชุดข้อสอบ
3. ใหน้ กั เรยี นอ่านคาถามทุกขอ้ อย่างละเอียดรอบคอบแล้วตอบคาถามให้ดีท่สี ุดเทา่ ทจ่ี ะทาได้
สาระท่ี 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์
ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจาวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ ่ีเก่ียวข้องกับเสยี ง แสง
และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมลู และคานวณปริมาณความร้อนท่ีทาให้สสาร
เปลย่ี นอณุ หภมู แิ ละเปล่ียนสถานะ โดยใช้สมการ โดยใชส้ มการ Q=mc T และ Q=mL
อา่ นถอ้ ยความต่อไปนี้ แลว้ ตอบคาถามข้อ 1-3
องค์กรทางดา้ นการวจิ ยั ทะเลและอากาศของสหรัฐอเมริกา the National Oceanic And Atmospheric
Association (NOAA) เผยภาพสุดวกิ ฤต ถงึ การเปลยี่ นแปลงคร้ังใหญข่ องอากาศบนโลกใบน้ี
องคก์ รดังกล่าวเปดิ เผยภาพถา่ ยทางอากาศท่ถี ่ายไดเ้ ม่ือวนั กอ่ น แสดงให้เหน็ ว่าพน้ื ทเ่ี กนิ กว่าครงึ่ ของโลกกาลงั ถูก
ปกคลมุ ดว้ ยหิมะและน้าแขง็ ซ่งึ นกั วทิ ยาศาสตรก์ าลังถกเถียงเพ่อื หาสาเหตวุ า่ ทาไมหมิ ะจึงตกลงมามากผิดปกติ
โดยสว่ นหนงึ่ น่าจะเกดิ จากภาวะโลกร้อน หรือโกลเบิล วอรม์ ้ม่งิ ทโ่ี ลกกาลงั เผชิญอยู่
อย่างไรกต็ ามในหลายเมืองใหญ่กาลงั เผชญิ กบั วกิ ฤตน้ี เช่น ชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ทกุ อย่างต้องหยุดชะงัก
เพราะปริมาณหมิ ะที่ตกลงมาในปริมาณมากผดิ ปกติตลอดสัปดาหท์ ีผ่ ่านมา รวมถงึ รัฐคะฉิน่ ของประเทศพม่า ที่เพ่ิง
เกดิ หิมะตกคร้งั ใหญอ่ ยา่ งที่ไม่เคยเกิดข้ึนมากอ่ น
Sanook โลกวกิ ฤต! หมิ ะปกคลมุ แล้วคร่งึ โลก
ท่มี า : https://www.unigang.com/Article/5899
คาถามท่ี 1 1 คะแนน
จากข่าว โลกกาลังเผชิญกับเหตกุ ารณ์ใด
1. เอลนีโญ่ 3. ลานีญ่า
2. โกเบิล วอรม์ มง่ิ 4. พายุโซนรอ้ น
คาถามที่ 2 1 คะแนน
ข้อใดไมเ่ ก่ยี วขอ้ งกับภาวะโลกร้อน
1. ชคิ าโก 3. รฐั คะฉนิ่
2. สหรัฐอเมริกา 4. เวยี ดนาม
คาถามท่ี 3 ใช่ ไมใ่ ช่
5 คะแนน
จากถอ้ ยความข้างต้น ข้อความต่อไปนี้ เปน็ ความจรงิ หรอื ไม่เปน็ ความจริง
ขอ้ ความ เปน็ ความจริง จงเขียนเครือ่ งหมาย X ในชอ่ ง “ใช”่
ข้อความ ไมเ่ ปน็ ความจรงิ จงเขียนเครื่องหมาย X ในช่อง “ไมใ่ ช”่
ท่ี ขอ้ ความ
1 องค์กรทางด้านการวจิ ัยทะเลและอากาศของสหรัฐอเมรกิ า มีช่อื ย่อวา่ (NOAA)
2 พน้ื ที่เกินกว่าคร่งึ ของโลกกาลงั ถกู ปกคลมุ ด้วยหมิ ะและนา้ แข็ง
3 หิมะจึงตกลงมามากผดิ ปกติ โดยส่วนหนึ่งนา่ จะเกดิ จากภาวะโลกรอ้ น
4 ภาวะโลกรอ้ น ส่งผลกระทบทาให้อณุ หภูมขิ องโลกลดลงอยา่ งตอ่ เน่อื ง
5 รัฐคะฉ่ินของประเทศพม่า เผชิญภาวะแผ่นดนิ ไหวคร้งั ใหญอ่ ย่างท่ไี ม่เคยเกิดข้ึนมากอ่ น
เกณฑ์การให้คะแนน
คาถามท่ี 1 3. ลานีญา่ 1 คะแนน
จากข่าว โลกกาลังเผชญิ กบั เหตกุ ารณใ์ ด 4. พายุโซนรอ้ น 1 คะแนน
1. เอลนโี ญ่
2. โกเบิล วอร์มมง่ิ
คาถามท่ี 2 3. รัฐคะฉ่นิ
ข้อใดไม่เกย่ี วขอ้ งกบั ภาวะโลกรอ้ น 4. เวยี ดนาม
1. ชคิ าโก
2. สหรฐั อเมริกา
คาถามที่ 3 ใช่ ไมใ่ ช่
5 คะแนน
จากถ้อยความข้างต้น ขอ้ ความต่อไปนี้ เป็นความจรงิ หรอื ไมเ่ ป็นความจริง X
ข้อความ เป็นความจริง จงเขยี นเครอื่ งหมาย X ในช่อง “ใช”่ X
ข้อความ ไมเ่ ป็นความจริง จงเขียนเคร่อื งหมาย X ในช่อง “ไม่ใช”่ X
ท่ี ข้อความ X
X
1 องค์กรทางดา้ นการวจิ ยั ทะเลและอากาศของสหรัฐอเมรกิ า มชี ื่อยอ่ ว่า (NOAA)
2 พื้นที่เกินกว่าคร่งึ ของโลกกาลังถกู ปกคลมุ ดว้ ยหมิ ะและน้าแข็ง
3 หิมะจึงตกลงมามากผิดปกติ โดยส่วนหนงึ่ นา่ จะเกิดจากภาวะโลกรอ้ น
4 ภาวะโลกรอ้ น ส่งผลกระทบทาใหอ้ ุณหภมู ิของโลกลดลงอย่างตอ่ เน่อื ง
5 รฐั คะฉิ่นของประเทศพมา่ เผชญิ ภาวะแผน่ ดนิ ไหวคร้งั ใหญอ่ ย่างทีไ่ มเ่ คยเกดิ ข้ึนมากอ่ น
การจาแนกสมรรถนะ
ตามแนวการประเมนิ ผลนักเรยี นร่วมกับนานาชาติ (PISA)
สมรรถนะ
รปู แบบขอ้ สอบ ข้อที่ คะแนน ระบปุ ระเด็นทาง อธิบาย ใชป้ ระจักษพ์ ยาน
วิทยาศาสตร์ ปรากฏการณ์ใน ทางวิทยาศาสตร์
เลือกตอบ เชิงวทิ ยาศาสตร์
แบบเชิงซ้อน
( 1 คะแนน) 3.1 1 X
เลอื กตอบ 3.2 1 X
แบบปกติ
(4 คะแนน) 3.3 1 X
รวมจานวนข้อ 3.4 1 X
3.5 1 X
11 X
21 X
37 5 ข้อ - ข้อ - ข้อ
7 คะแนน - คะแนน - คะแนน
แนวข้อสอบ O –NET
1. ความรอนที่ทาใหนํา้ แข็ง 0 oC เปลย่ี นเปนนํ้า 0 oC คอื ขอใด
ก. ความรอนแฝงของการหลอมเหลว
ข. ความรอนแฝงของการกลายเปนไอ
ค. ความรอนจาเพาะ
ง. ถกู ทุกขอ
2. ความรอนที่ทาใหนํ้า 100 oC เปลี่ยนเปนไอนํา้ 100 oC คือขอใด
ก. ความรอนแฝงของการหลอมเหลว
ข. ความรอนแฝงของการกลายเปนไอ
ค. ความรอนจาเพาะ
ง. ถกู ทกุ ขอ
ท่ีมา : PRACQUIZ วิชาวิทยาศาสตร์ Learn education 2560.
แบบประเมินใบงาน Cause and Effect
คาชแ้ี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงานใบงานนักเรยี น โดยการประเมนิ คะแนนลงในชอ่ งรายการประเมินกาหนด
ตามตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect
ชือ่ -สกลุ การแสดง เนื้อหา นาเสนอ ความ ตรงต่อ รวม สรุปผลการ
ลาดบั ที่ ของผรู้ ับการ ความ สวยงาม เวลา 20 คะแนน ประเมิน ผ่าน/
คดิ เห็น (4คะแนน) (4คะแนน)
ประเมิน (4คะแนน) (4คะแนน) ไม่ผ่าน
ลงชอ่ื ....................................................ผ้ปู ระเมนิ
................/................/................
เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
18 - 20 ดมี าก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรงุ
นกั เรียนได้ระดบั คุณภาพที่ พอใช้ ข้นึ ไปถือว่า ผา่ น
ตารางแนบทา้ ยแบบประเมนิ ใบงาน Cause and Effect
เกณฑก์ าร ระดับการประเมนิ
ประเมนิ
4 (ดีมาก) 3 (ดี) 2 (พอใช)้ 1 (ปรบั ปรุง)
การแสดง
ความคิดเห็น - แสดงความคิดเหน็ - แสดงความคดิ เห็น - แสดงความคดิ เหน็ - - แสดงความคิดเหน็
ผลกระทบของปัญหา/ ผลกระทบของปญั หา/
ผลกระทบของปญั หา/เหตุ ผลกระทบของปัญหา/ เหตุการณ์ได้ 6-7 ข้อ เหตุการณไ์ ด้ นอ้ ยกว่า 6
ขอ้
การฌ์ได้ 10 ขอ้ ข้ึนไป เหตุการณ์ได้ 8-9 ข้อ
เนอ้ื หา - เนื้อหาครบถ้วนตามสาระท่ี - เน้ือหาถูกต้องตามสาระที่ - เนือ้ หาถกู ตอ้ งตามสาระท่ี - เน้อื หาถกู ต้องตามสาระที่
กาหนด 100% กาหนด 80-99% กาหนด 60-79% กาหนดตา่ ว่า 59%
การนาเสนอ - เขยี นถูกต้องตามหลกั ภาษา - เขยี นถกู ต้องตามหลกั ภาษา - เขียนถูกต้องตามหลักภาษา - เขยี นถกู ตอ้ งตามหลักภาษา
100% 80-99% 60-79% ต่าว่า 59%
ความสวยงาม - ลาดับหัวขอ้ เน้อื หาชัดเจน - ลาดบั หัวขอ้ เนื้อหาชดั เจน - มีการสรปุ ไดอ้ ยา่ ง - มีการสรุปไมส่ มเหตสุ มผล
การตรงตอ่ - มีการสรุปไดอ้ ย่าง - มกี ารสรปุ ได้อย่าง สมเหตุสมผล 60-79% ตา่ ว่า 59%
สมเหตสุ มผล 100% สมเหตสุ มผล 80-99%
เวลา - พูดชัดเจนเสยี งดังฟงั ชัด - พูดชัดเจนเสียงดงั ฟงั ชัด - การพดู เหมาะสม - สามารถพดู นาเสนอได้
- ใช้ภาษาทางการถูกตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใชภ้ าษาทางการถกู ตอ้ งตาม - ใช้ภาษาทางการถกู ต้อง
อักขระ100% อักขระ80-99% อักขระ60-79% ตามอกั ขระตา่ ว่า 59%
- บุคลิกภาพดีและมคี วาม - บคุ ลกิ ภาพดี - บคุ ลิกภาพเหมาะสม - บคุ ลกิ ภาพเหมาะสม
มน่ั ใจ - ความพรอ้ มในการนาเสนอ
- มีการใชส้ อ่ื ประกอบการ ไดบ้ างสว่ น - ใชส้ สี นั สวยงามและมีความ - ใช้สีสนั สวยงามหรือเป็นไป
นาเสนอ สะอาด ตามเกณฑอ์ ยา่ งใดอยา่ ง
- ความพรอ้ มในการนาเสนอ - ใช้สสี นั สวยงาม หน่งึ
- ใช้สีสนั สวยงาม - มีความสะอาด สง่ ผลงานครบถว้ น แต่ชา้ กว่า
- มีความสะอาด - มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ เวลาที่กาหนด 10 นาที สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
- มีความคดิ สร้างสรรค์ เวลาทก่ี าหนด 15 นาที
- ความเป็นระเบียบอ่านงา่ ย สง่ ผลงานครบถว้ น แตช่ า้ กวา่
ส่งผลงานครบถ้วน ตรงตาม เวลาทก่ี าหนด 5 นาที
เวลาทกี่ าหนด
แผนจัดการเรยี นร้ทู ี่ 12 หน่วยย่อยท่ี 4
ช่อื หน่วยการเรียนรู้ อณุ หภมู ิและความรอ้ น เวลา 2 ชว่ั โมง
เร่ือง ประโยชนข์ องการเปล่ียนแปลงสถานนะของสาร ผสู้ อน นายศภุ กิตต์ิ ประเสรฐิ
วันที่ทาการสอน.........เดือน.....................พ.ศ...........
1. สาระสาคัญ 2. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั
เมอื่ สารไดร้ ับความร้อนจะมีการเปล่ียนแปลงสถานะ เมื่อ
ว2.3 ม.1/1 วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคานวณปริมาณความร้อน
สารในสถานะต่าง ๆ ได้รบั ความร้อน สารจะเกดิ การเปลี่ยน ที่ทาใหส้ สารเปล่ียนอณุ หภูมแิ ละเปล่ยี นสถานะ โดยใชส้ มการ โดยใช้สมการ
Q=mc T และ Q=mL
3. เน้ือหาสาระการเรยี นรู้ 4. ชิน้ งาน/ภาระงาน
- ประโยชนข์ องการเปลี่ยนแปลงสถานนะของสาร
- ใบงาน KWL เรือ่ งประโยชน์ของการเปล่ียนแปลงสถานะของสาร
5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
ความสามารถในการคิด - ใบงาน เรอื่ งประโยชน์ของการเปลย่ี นแปลงสถานะของสาร
6. เคร่ืองมอื การสอนคิด
- KWL
กจิ กรรมการเรยี นรู้
7. ขั้นของกิจกรรม 8. ส่อื 9. วธิ วี ดั ผล
Do Now ( 3 นาที) - ใบงาน KWL เร่ือง - ประเมินใบงาน KWL
“นักเรยี นบอกถึงการเปลี่ยนแปลงสถานะของสารทีน่ ักเรียนรูจ้ กั ” ประโยชนข์ องการ เรอ่ื งประโยชนข์ องการ
Purpose (2 นาที) เปลีย่ นแปลงสถานะของ เปลย่ี นแปลงสถานะ
เราจะเรยี นเรื่อง การเปล่ยี นแปลงสถานะของสารเพ่ือให้นกั เรยี นสามารถสืบค้น สาร ของสาร
-ประเมินใบงาน เรอ่ื ง
อธิบายประโยชน์ได้ - Power point
Work mode (110 นาที) ประกอบการ เรียนการสอน ประโยชนข์ องการ
1. นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ “ไอศกรีมเกดิ จากการแข็งตัวของอะไร เร่อื งประโยชนข์ องการ เปลยี่ นแปลงสถานะ
บาง” (5 นาที) เปล่ยี นแปลงสถานะของ ของสาร
2. นักเรยี นทากจิ กรรม KWL เรอ่ื งประโยชน์ของการเปลยี่ นแปลงสถานะของ สาร
สาร โดยตอบคาถาม “นกั เรยี นรอู้ ะไรบ้าง เก่ียวกับประโยชนข์ องการ - ใบงาน เรอื่ งประโยชน์ของ
เปลีย่ นแปลงสถานนะของสาร” ลงในชอ่ ง K (15 นาที) การเปล่ียนแปลงสถานะ
3. นักเรียนและครูอภปิ รายร่วมกันบนกระดาน ในหวั ข้อ นกั เรียนรู้อะไรบา้ ง ของสาร
เก่ียวกับประโยชนข์ องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสาร ( คดิ 3 : คดิ วพิ ากษ์)
(พอเพยี ง 7 สังคม) (10 นาที)
4. นักเรยี นตอบคาถาม “นกั เรียนอยากรู้อะไรบา้ ง เก่ยี วกับประโยชน์ของการ
เปล่ียนแปลงสถานะของสาร” ลงในชอ่ ง W (15 นาที)
5. นักเรยี นและครูอภิปรายรว่ มกันบนกระดาน ในหวั ขอ้ นักเรียนอยากรู้
อะไรบ้าง เกย่ี วกบั ประโยชน์ของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร ( คิด 3 : คดิ
วิพากษ์) (พอเพียง 7 สงั คม) (5 นาที)
6. นกั เรยี นฟังครอู ธบิ ายเกย่ี วกบั ประโยชน์ของการเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร
โดยใช้ Power point ประกอบการเรียนการสอน (สมรรถนะ 3) ( 15 นาที )
7. นกั เรยี น (ตัวแทน ) และครูร่วมกันเฉลยคาตอบหน้าชน้ั เรียน ( 15 นาที)
8. นักเรยี นตอบคาถาม “นักเรยี นไดร้ บั ความรู้อะไรบ้าง เกย่ี วกับประโยชน์ของ
การเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร ” ลงในช่อง L (15 นาที)
9. นกั เรยี นและครูอภิปรายรว่ มกนั บนกระดาน ในหวั ขอ้ นกั เรียนไดร้ บั ความรู้
อะไรบ้าง เกยี่ วกับประโยชนข์ องการเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร ( คดิ 3 : คดิ
วิพากษ์)(พอเพียง 7 สังคม) (10 นาที)
10. นกั เรยี นและครู ร่วมกันสรุปความรู้ เร่อื งประโยชนข์ องการเปลย่ี นแปลง
สถานะของสาร (5นาที)
Reflective Thinking ( 5 นาที)
- 1 สงิ่ ท่ีนักเรียนไดร้ ับ จากการเรยี นในคาบเรยี นน้ี (3 นาที)
- แนวข้อสอบ O - net (2 นาที)
ใบงาน KWL
เรอื่ ง ................................................................ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่..........
ช่ือ.............................................สกุล......................................ช้ัน...............เลขท่ี.....................
คาช้ีแจง นักเรยี นบันทกึ ความรทู้ ไ่ี ด้ ลงในตารางต่อไปน้ีพรอ้ มทั้งเขียนสรุปลงในบรรทัดท่ีว่าง
ขา้ งล่างของแบบบันทกึ
K(นักเรยี นรูอ้ ะไร) W(นักเรียนตอ้ งการรู้อะไร) L(นักเรยี นไดเ้ รยี นรูอ้ ะไร)
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
เราสามารถใช้ประโยชน์จากการเปล่ียนสถานะของสารได้ดงั นี้
1. การเปล่ยี นสถานะของสารจากของแขง็ เป็นของเหลว เช่น การหลอ่ เทียน การหล่อพระพทุ ธรูป การหล่อ
เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ต่างๆ โดยนาสารทจี่ ะหล่อมาหลอมเหลวแลว้ ใส่ในแม่พมิ พ์ เปน็ ตน้
2. การเปล่ยี นสถานะของสารจากของแขง็ เป็นแก๊ส เชน่ การระเหดิ ของลูกเหม็น เปน็ ต้น
3. การเปลย่ี นสถานะของสารจากแกส๊ ไปเปน็ ของเหลว เชน่ การทาฝนเทียมโดยใชส้ ารเคมีเพอื่ ทาให้เกิดการ
ควบแน่นของไอน้าในอากาศกลายเปน็ ฝน ในกระบวนการกลั่นน้ามันปิโตรเลียม ตอ้ งอาศยั หลกั การควบแน่น
ของสาร เปน็ ต้น
4. การเปลีย่ นสถานะของสารจากของเหลวไปเปน็ แกส๊ เชน่ การทาน้าให้เดือดเพอ่ื ฆ่าเช้อื โรคในน้า การผลิต
กระแสไฟฟ้าจากแรงดันไอของน้าเดอื ด เปน็ ตน้
5. การเปลี่ยนสถานะของสารจากของเหลวไปเปน็ ของแขง็ เช่น การทานา้ แขง็ การทาไอศกรีม เป็นตน้
อุณหภูมกิ บั การเปลย่ี นสถานะ
เมอื่ สารได้รับความร้อนจะมีการเปลยี่ นแปลงสถานะ เม่ือสารในสถานะต่าง ๆ ได้รับความรอ้ น สารจะเกิดการ
เปล่ียน
สมบัติของของแขง็
ของแขง็ (อังกฤษ:solid) เป็น สถานะ ของ สสาร ซงึ่ มลี กั ษณะเฉพาะ ที่สามารถทนและต้านทานตอ่ การเสีย
รูปทรง และการเปล่ยี นแปลงในปรมิ าตรของ ตัวมันเอง มีการจัดเรียงตวั ของอนุภาคองคป์ ระกอบใกลช้ ิดกัน
แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนุภาคมคี า่ มาก อนุภาคของแขง็ จงึ เคล่ือนทไ่ี มไ่ ด้ แตจ่ ะส่ันไปมาได้เลก็ นอ้ ย เน่อื งจากมี
ช่องวา่ งระหว่างโมเลกลุ น้อยมาก ของแข็งจึงไหลไมไ่ ด้เหมอื นของเหลว และอดั ไม่ได้เหมือนแก๊ส ของแขง็ ส่วน
ใหญม่ ีลกั ษณะเป็นผลึก (crystalline) มีการจัดเรียง มีรปู ทรงเรขาคณติ ที่แนน่ อน หลายแบบทร่ี ะดับจลุ ภาค
(microscopic scale)
สมบัติของของเหลว
ของเหลว Liquid เปน็ สถานะ ของ ของไหล ซ่ึง ปรมิ าตร จะถกู จากัดภายใต้สภาวะคงที่
ของ อุณหภมู ิ และ ความดัน และรูปร่างของมันจะถูกกาหนดโดยภาชนะท่ีบรรจุมันอยู่ ย่งิ ไปกวา่ นน้ั ของเหลว
ยงั ออกแรงกดดนั ตอ่ ภาชนะดา้ นขา้ งและบางสิง่ บางอย่างใน ตัวของของเหลวเอง ความกดดนั นี้จะถกู ส่งผ่านไป
ทกุ ทศิ ทาง