จ ู ฬธาตป ุ ั จจยโชต ิ กา พจนานุกรมบาลี-ไทย (อ) พระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท ป.ธ.๙) ตรวจชำระ พระมหาจารัญ พุทฺธปฺปโย ป.ธ.๙ รจนาเปนภาษาบาลี พระมหานพพร อริยาโณ ป.ธ.๙ แปลเปนภาษาไทย
จูฬธาตุปจจยโชติกา : พจนานุกรมบาลี-ไทย © พระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท ป.ธ.๙) ตรวจชำระ พระมหาจารัญ พุทฺธปฺปโย ป.ธ.๙ รจนาเปนภาษาบาลี พระมหานพพร อริยาโณ ป.ธ.๙ แปลเปนภาษาไทย ISBN: พิมพครั้งที่: มีนาคม ๒๕๖๖ จำนวน ๕๐๐ เลม ที่ปรึกษา พระศรีสุทธิเวที ผศ. ดร. (ขวัญ ถิรมโน ป.ธ.๙) พระครูปลัดสุวัฒนรัตนคุณ ดร. (ชุมพร นิตสิาโร ป.ธ.๔) พิสูจนอักษร พระมหาศตวรรธนวิฺ ุวํโส ป.ธ.๙ พระมหากรพสิทิธิ์วรสิทฺธิ ป.ธ.๙ พระมหาสงวน สุทฺธิาโณ ป.ธ.๗ ที่พิมพ: บริษัท พิมพสวย จำกัด ๕/๕ ถ. เทศบาลรังสฤษฎเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. ๑๐๙๐๐ โทร. ๐ ๒๙๕๓ ๙๖๐๐ ที่ติดตอ : วัดอรุณราชวราราม แขวงวัดอรณุเขตบางกอกใหญ กทม. ๑๐๖๐๐ โทร. ๐๘ ๕๑๓๙ ๙๓๓๒
อ อก (นปุ.) ๑. ไมใชสุข, ทุกข วิ. น กํ สุขนฺติ อกํ ทุกฺขํ (สภาพใดไมใช ก คือสุข เหตุนั้น สภาพนั้น ชื่อวา อก-ไมใชสุข ไดแก ทุกข) ยถา นาโกติ สคฺโค (เชน คำวา นาโก หมายถึง สวรรค), [แปลง น เปน อ], อนึ่ง พึงทราบวา คำวา ยถา มีความหมายวา อติวิยตฺถ (ยิ่ง) โยคตฺตา (สมควร), วิจฺฉา (ค่ำซ้ำ), ปทตฺถานติวตฺต (ไม ขามอรรถของบทคือตามลำดับ) นิทสฺสน (ตัวอยาง) ในคำวา ยถา นาโกติ สคฺโค นี้มี ความหมายวา นิทสฺสน (ตัวอยาง แปลวา เชน) นัยแหง เนปาติกปท ในปทรูปสิทธิ; ๒. ได กระทำแลว (กิ.อา.) อถ วา อกนฺติ อิทํ อาขฺยาตปทํ โหติ หิยฺยตฺตนิยํ (นัยหนึ่ง บทวา อกํ นี้ เปนอาขยาตบท หิยัตตนีวิภัตติ) อกต (ติ.นปุ.) พระนพิพานอันปจจัยไมปรุงแตง แลว วิ. กรียิตฺถาติ กตํ (ภาวะใดอันปจจัยทำ แลว เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา กต-อันปจจัยทำ แลว), [กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ต ปจจัย เปนกรรมวาจก, ลบที่สุดธาตุ], ก็ในขอนี้ พึงเห็น วา คำวา กร ธาตุ เปนการทำสมาสบทเขากับ รุฬหีนาม (คือนามที่มีความหมายไมตรงกับ สภาพที่เปนจริง) ดวยสูตรแหงสัททนีติ (นีติ. ๖๘๗) วา รูฬฺหีนาเมหิ จ, แมคำวา คมุธาตุ กรธาตุ สิวิภตฺติ เปนตน ที่จะกลาวตอไป ขางหนา ก็นัยนี้, วิ. ปจฺจเยหิ น กตนฺติ อกตํ นิพฺพานํ (สิ่งใดอันปจจัยทั้งหลาย ไมกระทำแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกต ไดแก พระนิพพาน), [แปลง น เปน อ ในตัปปุริสสมาส กจฺ.๓๓๓ รูป. ๓๔๔ วา อตฺตํ นสฺส ตปฺปุริเส], ๓. ตามแนวแหง พระวินัย (วินย.อ. ๓/๕๑๘)คำวาอกต หมายถงึ สิกขาบทที่ไมปนกับสมุฏฐานอื่น หมายความ วา เปนนิยตสมุฏฐาน; ๔. บางแหง อกต มี ความหมายวา ใหม (อภินว); ๕. บางแหง อกต มีความหมายวา ไมปรุงแตง (อปริสงฺขตํ), ที่เปน เชนนี้เพราะธาตุมีหลายความหมาย บัณฑิตพึง พิจารณาดูในที่นั้นๆ เถิด อกตฺู (ติ.) ๑. ผูไมรูอุปการคุณที่คนอื่น กระทำไว วิ. น กตํ อุปการคุณํ ชานาตีติ อกตฺู (ผูใดยอมไมรูซึ่งอุปการคุณอันผูอื่น กระทำแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกตฺู-ผูไมรู อุปการคุณที่ผูอื่นกระทำไว), บทนี้จัดเปน อสมัตถสมาส (สมาสที่ไมอยูในขายจะสมาส แตก็สามารถเขาสมาสได เหมือนเปนบทสมาสที่ เหมาะ) เพราะ น ขามไปปฏิเสธ ชานาติ, เชน (นีติ.๖๘๙) อปุนเคยฺยา (คาถาที่ไมควรสวดอีก วิ. น ปุน คียตีติ อปุนเคยฺยา), อสูริยปสฺสา (หนาที่ไมเห็นพระอาทิตย วิ. สูริยํ น ปสฺสตีติ อสูริยปสฺสา), อจนฺทมุลฺโลกิกานิ (หนาอันไม แหงนดูพระจันทร วิ. จนฺทํ น อุลฺโลเกนฺตีติ อจนฺทมุลฺโลกิกานิ), สมาสนี้ ทานเรียกวา อยุตฺต สมาส บาง, อสมฺพนฺธสมาส บาง [น + กต + า ธาตุในความรู + รู ปจจัย]; ๒. ผูรูนิพพาน อันปจจัยอะไรๆ ไมปรุงแตงแลว วิ. อกตํ นิพฺพานํ ชานาตีติ อกตฺู (ผูใดยอมรูพระ
๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นิพพาน อันปจจัยอะไรๆ ไมปรุงแตงแลว เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อกตฺู-ผูรูนิพพานอันปจจัย อะไรๆ ไมปรุงแตงแลว), สมาสนี้เปน ยุตฺตตฺถ สมาส, [อกต + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + รู ปจจัย, ซอน ฺ], เชน อกตฺู มิตฺตทุพฺพี (ชา.อ.๓/๙๒) (อกตัญู ประทุษรายมิตร) อสฺสทฺโธ อกตฺู(ธ.อ.๔/๗๓) (ไมมีศรัทธา ผูรู พระนิพพานอันปจจัยอะไรๆ ไมปรุงแตงแลว), ก็ในที่นี้ อกตฺู ทั้ง ๒ นัย พึงทราบวาเปน อสมานปวตฺตินิมิตฺตก เพราะเปนคำที่เกิดจาก การปรุงศัพทสื่อความหมายวา กตากตาชานน ชานน (ไมรูอุปการคุณที่คนอื่นกระทำ และรู พระนิพพานอันปจจัยอะไรๆ ไมปรุงแตง), พึง เห็นวาศัพทนี้เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค, บาง แหงวา รู ปจจัยในลักษณะนี้เปนอิตถีลิงค ก็มี, เชน บาลีวา สาหํ คนฺตฺวา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา (ขุ.วิมาน.๒๖/๓๔/๖๐) (ฉันไดไป บังเกิดเปนมนษุยอีกจักเปนผูรูจักความประสงค ของผูขอ ปราศจากความตระหนี่) และวา โกธนา อกตฺู จ (ขุ.ชา.๒๗/๖๒/๒๐) (ธรรมดาวาหญิงเปนคนมักโกรธ ไมรูจักคุณ), ฉะนั้น เวน นี ปจจัย ศัพทกิตกทั้งหลายที่เปน อู การันต เปนอิตถีลิงคก็ได แจกแบบ ชมฺพู (ไม หวา) อกนิฏ(ปุ.) อกนิฏฐพรหม, ๑. พรหมชั้นที่ไมมี ผูต่ำตอย วิ. สพฺเพหิเยว คุเณหิ จ ภวสมฺปตฺติยา จ เชา นตฺเถตฺถ กนิาติ อกนิา (ผูยิ่งใหญ ดวยคุณทั้งปวงนั่นแล และดวยภพสมบัติ คือ ไม มีเทพต่ำตอยในที่นั้น เหตุนั้น จึงชื่อวา อกนิ- เหลาเทพไมมีผูต่ำตอย), ๒. พรหมผูไมมีความ ต่ำตอย วิ. ปฺจมภูมิวาสิโน อุปริ อฺสฺส ภูมนฺตรคตสฺส รูปพฺรหฺมุโน นตฺถิตาย นตฺถิ รูปนํ สตฺตานํ มชฺเฌ เกนจิ คุเณน กนิภาโว เอเตสนฺติ อกนิา (ความต่ำตอยดวยคุณอะไรๆในหมูรปู พรหม ไมมีแกพรหมเหลานั้น เพราะรูปพรหม อื่นที่อยูชั้นสูงๆ ขึ้นไปไมมีแกรูปพรหมที่อยูใน ชั้นที่ ๕ เหตุนั้น พรหมเหลานั้น ชื่อวา อกนิ), ๓. พรหมผูไมมีสมบัติต่ำตอย วิ. ปฺจมตลวาสิโน วา อุกฺกสมฺปตฺติกตฺตา นตฺถิ เอเตสํ กนิ- ภาโวติ อกนิา (ความต่ำตอยไมมีแกพรหม เหลานั่น เพราะรูปพรหมชั้นที่ ๕ เปนผูมีสมบัติ ชั้นเลิศ เหตุนั้น จึงชื่อวา อกนิ), วิ. อุกฺก- สมฺปตฺตีหิ โยคโต นตฺถิ เอเตสํ กนิา สมฺปตฺตีติ อกนิา, อกนิา เทวา (สมบัติอันต่ำตอยของ พรหมเหลานั่น ไมมี เพราะประกอบดวยสมบัติ ชั้นเลิศ เหตุนั้น พรหมเหลานั้นจึงชื่อวา อกนิ, ไดแก พวกพรหมชื่อวา อกนิฏฐเทวา) อกนิฏคามี (ติ.) ผูไปสูอกนิฏฐภพ, ชื่อของ พระอนาคามีพวกหนึ่ง วิ. อกนิํ คจฺฉตีติ อกนิคามี (พระอนาคามีใด ยอมไปสูภพชื่อ อกนิฏฐ เหตุนั้น พระอนาคามีนั้น ชื่อวา อกนิคามี), [อกนิ + คมุ ธาตุ คมเน ใน ความไป + ณี ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา]. เอตฺถ อุทฺธํโสตอกนิคามีติ วา อุทฺธํโสตนอกนิ- คามีติ วา จตุพฺพิเธน ชานิตพฺพา (พระอนาคามี เหลานั้น บัณฑิตพึงทราบ ๔ ชนิด โดยชื่อวา อทธังโสตอกนิฏฐคามี บาง, อุทธังโสตนอกนิฏฐ คามี บาง, บัณฑิตพึงทราบโดยพิสดารในคัมภีร ปุคฺคลปฺตฺติ) อกรานิ(ติ.) กรรมไมควรทำ วิ. น กตฺตพฺพํ เต ชมฺม กมฺมนฺติ อกรานิ (แนะคนเลว กรรมอันเจา ไมควรทำ เหตุนั้น กรรมนั้น ชื่อวา อกรานิ), [น + กร ธาตุ ในความทำ + ลง อานิ ปจจัย กจฺ.
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓ ๖๔๕ รูป.๖๖๒ วา อกฺโกเส นมฺหานิ ], คงรูป อยางนี้ใน ๓ ลิงค ๒ วจนะ นีติ.๑๒๘๑ อกฺกนฺต (ติ.) เหยียบแลว วิ. ปาเทน อกฺกมิตฺถาติ อกฺกนฺโต (ผูใดกาวไปแลวดวยเทา เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา เหยียบแลว), [อา + กมุ ธาตุ ปาทคมเน ในการไปดวยเทา + ต ปจจัย ในกัตตุวาจก และกัมมวาจก, แปลง ม เปนนิคหิต, แปลง นิคหิต เปน นฺ, ซอน กฺ, อุกฺกนฺโต วิกฺกนฺโต นิกฺขนฺโต สงฺกนฺโต โอกฺกนฺโต อวกฺกนฺโต อปกฺกนฺโต อติกฺกนฺโต ปฏิกฺกนฺโต ก็นัยนี้ แตมี รูปตางกันดวยอำนาจอุปสัค อกลฺล (นปุ.) ความไมสบาย, ความเจ็บไขวิ. น กลติ เยน ตํ อกลํ, ตเมว อกลฺลํ พฺยาธิ (บุคคลไป ไหนไมไดดวยเหตุใด เหตุนั้น ชื่อวา อกล-ความ ไมสบาย, อกล นั่นเอง ชื่อวา อกลฺล ไดแก พยาธิ ค ื อ ค ว า ม เ จ ็ บ ไข ) , [น + ก ล ธ า ตุ ค ติ - สงฺขฺยาเนสุ ในความไปและความนับ + อ ปจจัย, ล สกัตถ หรือ ณฺย ปจจัย], อกลฺล ศัพทเปน นปุงสกลิงคแตถาเปนวาจจลิงคคอืเปนวิเสสนะ พึงทราบวาเปน ๓ ลิงค เชน อกลฺโลติ คิลาโน (เถรี.อ.๔๑๕) (บทวา อกลฺล หมายความวา ผู เจ็บปวย) อกลฺลก (ติ.) ผูไมสบาย, ผูเจ็บไข วิ.กลฺลํ วุจฺจติ สุขํ, ตํ เอตสฺส อตฺถีติ กลฺลโก, อสฺสตฺถิตทฺธิเต โก, น กลฺลโก อกลฺลโก อาตุโร, คิลาโน วา อสมตโฺถ วาติ อตฺโถ (ความสุข ทานเรียกวา กลฺล, ความสุขนั้น ของผูนั่นมีอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา กลฺลก-ผูมีความสุข, ก ปจจัยในตทัสสตถิตัทธิต, ผูมีความสุขหามิได ชื่อวา อกลฺลก-ผูไมมี ความสุข ไดแก ผูกระสับกระสาย หมายความวา ปวย หรือไมสามารถ), ปาฐะวา อกลฺยโก ก็มี คำวา อกลฺยก นี้เปนไวพจนของ อกลฺลก วิ. กาลํ ขมตีติ กลฺยํ อโรคตา, ตสฺสํ นิยุตฺโต กลฺยโก, ขมติตทฺธิเต กาลโต ณฺโย, ปุน นิยุตฺตตทฺธิเต โก, น กลฺยโก อกลฺยโก (สิ่งใดทนไดตลอดเวลา สิ่งนั้น ชื่อวา กลฺย-สิ่งที่ทนไดตลอดเวลา คือ ความไมมีโรค, ผูประกอบความไมมีโรคนั้น ชื่อวา กลฺยก-ผูไมมีโรค, กาล + ณฺย ปจจัย แทน ขมติ, ลง ก ปจจัย แทน นิยุตฺต อีก, ไมใชผูไมมี โรค ชื่อวา อกลฺยโก-ผูไมมีโรคหามิได) อกลฺย (นปุ.) สิ่งที่กำหนดไมได วิ. น กลิยติ สงฺขิยตีติ อกลฺยํ (สิ่งใดอันเขากำหนดไมได คือ นับไมได เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อกลฺย-อันเขา กำหนดไมได), [น + กล ธาตุ สงฺขฺยาเน ในความ นับ + ย ปจจัย], ปาฐะวา อกลฺยตา ก็มี, ความหมายเหมือนกัน อกฺก (ปุ.) พระอาทิตย, ตนรัก, ตนรักแดง, ตน ขอนดอก, ดอกรัก, เพลารถ มีหลายนัย ไดแก ๑. สิ่งที่เทพบูชา วิ. เทเวหิป อจฺจิยเต ปูชิยเตติ อกฺโก (พระอาทิตยใด แมเทวดาทั้งหลายก็บูชา เหตุนั้น พระอาทิตยนั้น จึงชื่อวา อกฺก), [อจฺจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ณ ปจจัย, แปลง จ เปน กฺ]; ๒. สิ่งที่ไมตองกาวไป แตไปดวยวิมาน ที่เกิดแตบุญ วิ. น กมติ น คจฺฉติ ปาเทน อตฺตโน ปฺุชวิมาเนน คจฺฉตีติ อกฺโก อาทิจฺโจ (สภาพใดไมตองกาวไป คือไปดวยวิมานอันเกิด จากบุญของตน เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา อกฺก ได คือ อาทิจฺจ-พระอาทิตย), [น + กมุ ธาตุ ใน ความไป + กฺวิ ปจจัย, ลบ ม ที่สุดธาตุ ซอน กฺ] ๓. ผูไปในอากาศ วิ. ยุคนฺธรุพฺเพธปฺปมาเณ อากาเส อรติ คจฺฉตีติ อกฺโก (สภาพใดไปใน อากาศ สูงประมาณเขายุคันธร เหตุนั้น สภาพ นั้นชื่อวา อกฺก-ผูไปในอากาศ), [อร ธาตุ คมเน ในการไป + ก ปจจัย, ลบ ร ที่สุดธาตุ ซอน กฺ]
๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ๔. สิ่งที่เขายกยองชมเชย วิ. สูริโย อกฺกิยติ อภิตฺถวิยตีติ อกฺโก (พระสูริยใด อันเขา ยกยองชมเชย เหตุนั้น พระสูริยนั้น ชื่อวา อกฺกอันเขาชมเชย), [อกฺก ธาตุ ถวเน ในความชมเชย + อ ปจจัย, อีกนัยหนึ่ง มหาชุติตาย อกฺกียติ อภิตฺถวียติ ตปฺปสนฺเนหิ ชเนหีติ อกฺโก สูริโย (พระสูริยใดอันชนทั้งหลาย ที่เลื่อมใสพระสูริย นั้น ยกยองชมเชย เพราะมีความรุงเรืองมาก เหตุนั้น พระสูริยนั้น จึงชื่อวา อกฺก) ๕. สิ่งที่ เคลื่อนไป, พระอาทิตย; ไมพุมชนิดหนึ่งคือ ตนรัก วิ. อรติ ยาตีติ อกฺโก สูโร วิฏปวิเสโส จ (สิ่งใดยอมไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺก ไดแก พระอาทิตย และไมพุมชนิดหนึ่ง คือตนรัก), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ก ปจจัย โมคฺ.๗/๑๔ วา อิภีกากรารวกสกวาหิ โก, แปลง ร เปน กฺ] ๖. สิ่งที่ทำใหรอน วิ. อกฺกยติ ตาเปตีติ อกฺโก (สิ่งใดยอมทำใหรอน เหตุนั้น ส่งินั้น ชื่อวา อกฺกพระอาทิตย), [อกฺก ธาตุ ถุติตาเปสุ ใชในอรรถ วาชมเชยและใหรอน + อ ปจจัย, พระอาทิตย ชื่อวา อกฺก] ๗. รักดอกขาว, ตนขอนดอก, เพลารถ วิ. ตปฺปริยายนามกตฺตา อรติ ยาตีติ อกฺโก วิกีรโณ อฬกฺโก วา (สิ่งใดยอมดำเนินไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺก ไดแก ตนขอนดอก หรือ รักดอกขาว), เพราะแปลยักเยื้องตามชื่อ ของสิ่งนั้นๆ เชน อกฺกผลสุตฺตมยมฺป อกฺกวากมยเมว ปฏิกฺขิตฺตนฺติ (วชิร.ฏี.๖๗๑) (ผาแมทำ จากดายผลรัก ก็จัดเปนผาทอจากเปลือกไม นั่นเอง เปนอันหามดวย), [ณ ปจจัย แทน อรติ] อกฺก ศัพท มีความหมายวา ไมพุม และพระ อาทิตย เปนตน เปนปุงลิงค อกฺกม (ปุ.) การเหยียบ วิ อกฺกมนํ อกฺกโม (การ เหยียบ ชื่อวา อกฺกม), [อา บทหนา + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในการกาวไป + อ ปจจัย, ซอน ก, รัสสะ อา เปน อ] สวนคำวา อกฺกมน ลง ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ อาเทศ ยุ เปน อน อกฺกมฺม (กิ.กิต.) เหยียบแลว วิ. อกฺกมิตฺวาติ อกฺกมฺม (อกฺกมฺม แปลวา อกฺกมิตฺวา-เหยียบ แลว) เชน สุกฺขปณฺณํว อกฺกมฺม (ขุ.ชา.๒๗/ ๖๘๐/๑๕๙) (เหมือนคนเหยียบใบไมแหง) [อา + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในความกาวไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง มฺย เปน มฺม] อกฺกุฏ(ติ.) ดาแลว, อันเขาดาแลว วิ. อกฺโกจฉฺิ ปริภาสิตฺถาติ อกฺกุโ, อกฺโกสียิตฺถาติ วา อกฺกุโ (ผูใดดาแลวบริภาษแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกฺกุ-ดาแลว, อีกอยางหนึ่ง ผูใด อันเขาดาแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อกฺกุ- อันเขาดาแลว), [อา + กุส ธาตุ อกฺโกเส ในความ ดา + ต ปจจัยในกัตตุวาจกหรือกัมมวาจก, รัสสะ อา เปน อ, แปลง ต กับที่สุดธาตุเปน , กจฺ.๕๗๓ รูป.๖๒๖ วา สาทิ สนฺต เปนตน] นัยหนึ่ง [อา + กุส + ต, แปลง ต หลัง กุส เปน ฺ, แปลงสระที่สุดธาตุพรอม ส เปน , ซอน กฺ ตนศัพท], พึงทราบวา อกฺกุ ศัพท เปนวาจจ ลิงคคือเปนวิเสสนะ เปน ๓ ลิงค อกฺกุทฺธ (ติ.) ๑. ผูโกรธ วิ. อกฺกุชฺฌตีติ อกฺกุทฺโธ (ผูใดยอมโกรธจัด เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา ผูโกรธ) เชน เภทาธิปฺปาเยน วา โย อกฺกุทฺโธ (กงฺขาวิตรณีอกถา, ๒๒๖) (ผูใดโกรธจัด เพราะมุงทำความแตกแยกก็ดี) [อา + กุธ ธาตุ โกเป ในความโกรธ + ต ปจจัย เปนได ๓ กาล, แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ ที่สุดธาตุ เปน ทฺ] ๒. ไมโกรธแลว วิ. น กุทฺโธ อกฺกุทฺโธ (ผูไมโกรธ แลว ชื่อวา ไมโกรธแลว เชน อกฺกุทฺโธ รกฺขติ (องฺ.อ.๒/๓๙๔) (ผูไมโกรธยอมรักษาไวได),
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕ แมคำวา อกฺโกโธ ที่เปนภาวสาธนะ ก็นัยนี้, อ ปจจัย อกฺโกสก (ติ.) ผูดา วิ. อกฺโกสติ ปริภาสตีติ อกฺโกสโก ปริภาสโก (ผูใดยอมดา คือบริภาษ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ผูดา คือ ผูบริภาษ), [อา + กุส ธาตุ อกฺโกเส ในความดา + ณฺวุ ปจจัย] อกฺโกสน (นปุ.) -นา (อิต.) การดา วิ. อกฺโกสิยเต อกฺโกสนํ อภิสงฺโค (อันเขาดาอยู ชื่อวา อกฺโกสน คือ การดา), [อา + กุส ธาตุ อกฺโกเส ในความดา + ยุ, ซอน กฺ, รัสสะ อา เปน อ] ปาฐะวา อกฺโกสนา ลง อา ปจจัยใน อิตถีลิงค, อกฺโกโส ก็มี ลง ณ ปจจัย ความวา การแชง ก็ได อกฺข (ปุ.) ๑. สมอพิเภก วิ. โรคํ อสติ ภกฺขตีติ อกฺโข วิภีตโก (สิ่งใดขจัด คือกัดกินโรค เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺข คือสมอพิเภก), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ข ปจจัย + แปลง ส เปน กฺ] ๒. เกวียน วิ. อรนฺติ เอเตนาติ อกฺโข (ชน ทั้งหลายยอมไปดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺข-เกวียน, เพลา, เพลารถ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ข ปจจัย โมคฺ.๗/๓๑ วา มุขาทโย, แปลง ร เปน กฺ] ๓. สิ่งที่ไปในอารมณ = อินทรีย (นป.) วิ. วิสเย อุขติ คจฺฉตีติ อกฺขํ วิสยี (สิ่งใดเที่ยวไปในอารมณ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺข ไดแก อินทรีย), [อุข ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน อ, ซอน กฺ] ๔. สิ่งเปน เหตุปรากฏ, คดี, การวินิจฉัยอธิกรณ, การ พิจารณาคดี วิ. อกฺขติ อเนนาติ อกฺขํ (ชื่อวา อกฺข เพราะเปนเครื่องทำใหปรากฏ), [อกฺข ธาตุ พฺยตฺติสงฺขาเตสุ ในความฉลาดและการนับ พรอม + อ ปจจัย] ๕. อินทรีย, ทุกข วิ. นตฺถิ ขํ สุขเวทนา เอตฺถาติ อกฺขํ อินฺทฺริยํ (ข คือสุข เวทนา ไมมีในสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺข ไดแก อินทรีย), [น + ขํ] ๖. เพลาเกวียน วิ. อรนฺติ ยนฺติ เอเตนาติ อกฺโข สกฏาวยโว, ทฺวินฺนํ รถจกฺกานํ อนฺตรคโต กวิเสโสติ อตฺโถ (เกวียนเคลื่อนที่ไปดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา เพลา ไดแก สวนประกอบของเกวียน, หมายถึง เครื่องไมอยางหนึ่ง สอดระหวางลอทั้ง สอง) เชน ในขอวา อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา (รอยไวดวยเพลาที่สำเร็จดวย อาสวสมุทัย), อกฺข หมายถึง ปาสโก คือ ลูกเตา, ลูกสกา, ลูกบาศก, คะแนน, คานประตู ก็ได ที่แปลวา ลูกสะกา เชน เทฺว อกฺขธุตฺตา อกฺเขหิ ทิพฺพึสุ (นักเลงสกาสองคนเลนสกากัน) ที.ม. ๑๐/๓๒๓/๓๐๒; ๗. อักขะ คือมาตราสำหรับชั่ง น้ำหนักอยางหน่ึง ๑ อักขะ เทากับขาวเปลือก ๑๖ เม็ด, [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ข ปจจัย, แปลง ร เปน ก] นัยหนึ่ง ๒ มาสก เทากับ ๑ อักขะ; อกฺขผลสมานครุกตฺตา วา อกฺโข อกฺขานมกํ สุวณฺโณ นาม. (อนึ่ง ชื่อวา อักขะ เพราะหนัก เทาผลสมอพิเภก, ประมาณ ๘ อักขะ ชื่อวา สุวณฺณ) ๘. สิ่งเปนเครื่องไป = ลอ วิ. อกติ เอเตนาติ อกฺโข ปาสโก (เกวียนเปนตนยอมไป ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อกฺข ไดแก ลอ, [อก ธาตุ คติยํ ในความไป + ข ปจจัย] ๙. ลูก สกา วิ. อกติ คจฺฉตีติอกฺโข ปาสโก ชูตํ จ (สิ่งใด ยอมไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺข ลูกสกาและ การพนัน), [อก ธาตุ คมเน ในความไป + ข ปจจัย]; อกฺข ยังมีความหมายอื่นอีกมาก ที่แปลวา เพลา, เพลาเกวียน, ลอ, ทอง, ราก ขวัญ เปนตน เปนปุงลิงค แตถาแปลวา อินทรีย อธิกรณ เลนสกา เปนนปุงสกลิงค; อนึ่ง อกฺข =
๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา หตฺถิทนฺต เปนได ๓ ลิงค, สวนในบาลีลิปกรม หนา ๓ วา อกฺข แปลวา นิพพาน ก็ได อกฺขก (ปุ.นปุ.) กระดูกไหปลารา, กระดูกราก ขวัญ วิ. อกติ คจฺฉตีติอกฺขโก (กระดูกใดยอมไป เหตุนั้น กระดูกนั้นชื่อวา กระดูกไหปลารา) เชน จตสฺโส ทาา เทฺว อกฺขกา อุณฺหีสนฺติ อิมา สตฺต ธาตุโย น วิปฺปกิรึสุ ที.อ.๒/๒๑๓ (พระธาตุ ๗ เหลานี้คือ พระเขี้ยวแกว ๔ พระรากขวัญ ๒ พระอุณหิส ๑ ไมกระจัดกระจาย), บางปาฐะวา เปน อกฺขกํ (นปุ.) เชน อกฺขกํ ปน ชาณุมณฺฑลฺจ วินย.อ.๒/๔๒ (ก็รากขวัญและมณฑลเขา), บาง แหงวาเปน อกฺโข (ปุ.) เชน อกฺขโต อุทฺธํ สีเส (ตั้งแตรากขวัญไปถึงศีรษะ), [อก ธาตุ คมเน ในความไป + ข ปจจัย + ก สกัตถ]; คลสฺส กณฺสฺส เหิมนฺเต ชาตมิ คลนฺติ อกฺขโก (อกฺขก คือกระดูกไหปลารา คือ กระดูก ใกลหลุมคอ เกิดที่ใตคอ), ศัพทนี้เปนปุงลิงคและ นปุงสกลิงค อกฺขณา (อิตฺ.) ๑. สายฟา, สายฟาแลบ วิ. ขณมตฺตมฺป น ติตีติ อกฺขณา อจิรปฺปภา, (สิ่งใดไมตั้งอยูแมชั่วขณะ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺขณา ไดแก อจิรปฺปภา-แสงที่ปรากฏไมนาน, ฟาแลบ เชน อกฺขณา วุจฺจติ วิชฺชุ (สายฟา เรียกวา อกฺขณา), [น + ขณ ธาตุ ติายํ ในความตั้งอยู + อ ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถี ลิงค, ซอน กฺ] แตใน อภิธานวรรณนา ปรากฏวา อกฺขตา, อกฺขณ ศัพท ถาเปนปุงลิงค ตัดบทเปน น ขโณ อกฺขโณ (ไมใชขณะ ชื่อวา อกฺขณ) เชน วิมาน.อ.๒๒๐ วา อ อกฺขณา นาม ตโย อปายา อรูปา อสฺสตฺตา ปจฺจนฺตเทโส อินฺทฺริยานํ เวกลฺลํ นิยตมิจฺฉาทิิกตา อปาตุภาโว พุทฺธสฺส (สมัยไมใชขณะ ๘ ไดแก การเกิดในอบาย ๓ อรูปภูมิ อสัญญสัตวภูมิ ๑ ปจจันตประเทศ ๑ บกพรองของอินทรีย ๑ ความเปนนิยตมิจฉาทิฏฐิ ๑ ความไมปรากฏ พระพุทธเจา ๑) อกฺขโณ แปลวา อสมโย (ไมใช เวลา) ในสันสกฤตมีรูปเปน อกฺษณะ อกฺขต (นปุ.) ๑. ขาวตอก, ไมตองขุด วิ. น ขตํ อกฺขตํ (สิ่งที่ไมตองขุด ชื่อวา อกฺขต), น + ขนุ ธาตุ อวทารเณ ในความขุด ทำลาย, เจาะ + ต ปจจัย, อกฺขต ที่แปลวา ธัญญวิกัติ-ขาวตอก เปนนปุงสกลิงค; ๒. อกฺขต (ติ.) ไมถูก เบียดเบียน สวนใน อรรถกถาวิมานวัตถุ วา อกฺขตนฺติ อนุปทฺทุตํ ปาฏลิปุตฺตํ. อกฺขตนฺติ วา อนาพาธํ อนุปฺปฬํ, อนนฺตราเยนาติ อตฺโถติ วุตฺตํ. อกฺขโตติ อนุปหโต, [บทวา อกฺขตํ ไดแก ถึงกรุงปาฏลิบุตรโดยไมวุนวาย. อีกอยางหนึ่ง บทวา อกฺขตํ แปลวา ไมปวยไข ไมถูกเบียดเบียน. ความวา โดยไมมีอันตราย] บทวา อกฺขโต แปลวา ไมถูกเบียดเบียน อกฺขทสฺส (ปุ.) ผูพิพากษา, ตุลาการ, ผูชำระ ความ วิ. อกฺเข โวหาเร ปสฺสตีติ อกฺขทสฺโส ธมฺมาธิกรณิโย (ผูใดยอมพิจารณาในศาล พิจารณาคดี คือในศาลที่วาความ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อกฺขทสฺส คือผูวาความโดยธรรม), อกฺข + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความเห็น + ณ ปจจัย, แปลง ทิส เปน ทสฺส; สารัตถทีปนีฎีกา วา อกฺขทสฺสาติ เอตฺถ อกฺขสทฺเทน กิร วินิจฺฉยสาลา วุจฺจติ. ตตฺถ นิสีทิตฺวา วชฺชาวชฺชํ ปสฺสนฺตีติ อกฺขทสฺสา วุจฺจนฺติ ธมฺมวินิจฺฉนกาติ (ในคำวา อกฺขทสฺสา นั้น นัยวา ทานเรียกศาลวินิจฉัยคดี ดวย อกฺข ศัพท, บุคคลเหลาใดนั่งพิจารณาโทษ นอยใหญแลวในศาลนั้น เหตุนั้น จึงชื่อวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗ อกฺขทสฺส ไดแก ผูวินิจฉัยโดยธรรม), อกฺขทสฺส ศัพท เปนไวพจนของผูพิพากษา เปนปุงลิงค อกฺขธุตฺต (ปุ.) วิ. ๑. นักเลงสกา วิ. ธูปตีติ ธุตฺโต (ผูใดยอมเมามาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ธุตฺต), [ธูป ธาตุ โสณฺฑิเย ในความเมามายนักเลงโต หรือ ธู ธาตุ กมฺปเน ในความทำใหหวั่นไหว + ต ปจจัย ใน ๓ กาล + รัสสะ อู เปน อุ, แปลง ต กับที่สุด ธาตุเปน ตฺต], วิ. อกฺเขสุ ธุตฺโต อกฺขธุตฺโต (นักเลง ในสกาทั้งหลาย ชื่อวา อกฺขธุตฺต) ๒. นัก พนัน วิ. ธาวนฺตี อตฺติ ธุตฺติ, นิปาตนา, ตํโยคา ธุตฺโต (การเที่ยวคุยโว ใหสำเร็จรูปเปน ธุตฺติ, เพราะประกอบดวยการเที่ยวคุยโว จึงชื่อวา ธุตฺต-นักเลง), [ธุตฺติ + ณ ปจจัย] วิ. อกฺเขสุ ธุตฺโต อกฺขธุตฺโต ชูตกาโร (นักเลง ในสกา ทั้งหลาย ชื่อวา อกฺขธุตฺต ไดแก นักพนัน) ๓. นักเลงสกา วิ. อกติ กุฏิลํ คจฺฉติ อเนนาติ อกฺโข (บุคคลเดินไมตรง คือเดินไปแวะไปมา ดวยเครื่องเลนนั่น เหตุนั้น เครื่องเลนนั้นชื่อวา สกา), [อก ธาตุ คมเน ในความไป + ข ปจจัย] วิ. ธาวนฺติ มริยาทมติกฺกมฺม กีฬาทิปสุตํ คจฺฉนฺตีติ ธุตฺตา (ชนเหลาใดยอมแลนไป คือไปเลนเปนตน เกินขอบเขต เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา นักเลง), [ธุ ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, ซอน ต] วิ. อกฺเขสุ ธุตฺตา อกฺขธุตฺตา (นักเลง ในสกา ทั้งหลาย ชื่อวา นักเลงสกา), สุราธุตฺโต (นักเลง สุรา) อิตฺถิธุตฺโต (นักเลงสตรี) ก็นัยนี้ อกฺขเทวี (ปุ.) นักเลงสกา, นักพนัน วิ. อกฺเขหิ ชูเตหิ ทิพฺพตีติ อกฺขเทวี อกฺขธุตฺโต ชูตกาโร จ (ผูใดยอมเลนดวยสกา คือการพนัน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกฺขเทวี ไดแก นักเลงสกา และ นักพนัน), [อกฺข + ทิวุ ธาตุ ทิพฺพเน ในการเลน + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อิ เปน เอ] อกฺขร (ปุ.นปุ.) ๑. ไมรูจักสิ้น วิ. นามปฺตฺติ- รูปตฺตา นกฺขรนฺติ ขยวยํ น คจฺฉนฺตีติ อกฺขรา (สภาวะเหลาใดไมสิ้นไป คือไมถึงความหมดสิ้น ไป เพราะเปนรูปนามบัญญัติ เหตุนั้น สภาวะ เหลานั้นจึงชื่อวา อักขระ) ดังคำวา นามและ โคตรยอมไมเสื่อมสิ้นไป, ๒. ไมสิ้น, ไมหมด วิ. อนนฺตาธิปฺปายํ ปฏกตฺตยมฺป วา ปตฺวา นกฺขรติ น ขียตีติ อกฺขโร (สิ่งใดแมเขียนพระไตรปฎกได มากมายตามที่ตองการก็ไมเสื่อม ไมสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ ขเย ในความสิ้นไป + อ ปจจัย]; ใน ธาตฺวตฺถสงฺคห (คาถา ๗๙) วิเคราะหไววา นกฺขรนฺติ นกฺขียนฺตีติ อกฺขรานิ, นกฺขรียนฺติ น สิฺจียนฺตีติ อกฺขรา (สิ่งใดไมสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ เสกนาเส ในความรด-ราด + อ ปจจัย], ๓. ไมพินาศ นกฺขรติ น นสฺสตีติ อกฺขโร (สิ่งใดไมพินาศไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ นสฺสเน ในความพินาศ + อ ปจจัย] ๔. ไมเปนของแข็ง วิ. กกฺขฬภาวํ นกฺขรติ น คจฺฉตีติ อกฺขโร (สิ่งใดไมถึงความเปน ของแข็ง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย] ๕. ไม หวั่นไหว วิ. นกฺขรติ น จลตีติ อกฺขโร (สิ่งใดไม หวั่นไหวไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ จลเน ในความหวั่นไหว + อ ปจจัย] ๖. ไมสิ้น วิ. น ขียตีติ อกฺขโร (สิ่งใดไมสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อักขระ), [น + ขี ธาตุ ขเย ในความสิ้นไป + อร ปจจัย] ๗. พระนิพพาน วิ. ขรนฺติ วินสฺสนฺตีติ ขรา สงฺขตา, เต ยตฺถ น สนฺติ ตํ อกฺขรํ นิพฺพานํ (สภาวะเหลาใด พินาศ
๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ไป เหตุนั้น สภาวะเหลานั้น ชื่อวา ขระ ไดแก สังขต-ถูกปรุงแตง, สภาวะที่พินาศไปนั้น ไมมีใน สิ่งใด สิ่งนั้นเรียกวา อักขระ ไดแก พระ นิพพาน), [น + ขร ธาตุ วินาเส ในความพินาศ + อ ปจจัย] ๘. สิ่งที่ไมเที่ยวไป วิ. ขรติ สฺจรตีติ ขรํ, น ขรํ อกฺขรํ (สิ่งใดยอมเที่ยวจรไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา ขร สิ่งที่เที่ยวไป, สิ่งที่เที่ยวไปหา มิได ชื่อวา อักขระ), [น + ขร ธาตุ สฺจรเณ ใน ความเที่ยวไป + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ, ซอน ก]; ศัพทนี้ เปนปุงลิงค และนปุงสกลิงค ใชใน อรรถวา ลิป = ตัวหนังสือ และ โมกฺข = พระ นิพพาน; ในสัททนีติ ปทมาลา (ฉบับพระมหา นิมิตร ธมฺมสาโร และจำรูญ ธรรมดา แปล, ๒๕๕๖ หนา ๘๒๐) วา อกฺขร ศัพท เปนได ๒ ลิงค เพราะพบตัวอยางวา โย ปุพฺโพ อกฺขโร และตัวอยางวา อกฺขรานิ, อีกนัยหนึ่ง อกฺขร ศัพท มีความหมายวา พระนิพพานและนามบัญญัติ เปนนปุงสกลิงคแนนอน ดังมีตัวอยางวา ปทมจฺจุตมกฺขรํ (ปทํ, อจฺจุตํ, อกฺขรํ=พระ นิพพาน), มหาชนสมฺมโตติ โข วาเส มหา สมฺมโตเตฺวว ปมํ อกฺขรํ นิพฺพตฺตนฺติเอวมาทีสุ (ดูกอนวาเสฏฐะ พระนามครั้งแรกวา มหาสมมตุิ ไดเกิดขึ้น เพราะไดรับการแตงตั้งจากมหาชน), สวน อกฺขร ในขอความวา อกฺขราย เทเสติ, อกฺขรกฺขราย อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส (แสดงธรรม โดยอักษร ตองอาบัติปาจิตตียทุกตัวอักษร) จะกลาววาเปนปุงลิงคก็ได เปนนปุงสกลิงคก็ได แตไมควรกลาววาเปน อิตถีลิงค. ก็บทวา อกฺขราย นี้ พระผูมีพระภาคทรงแสดงไวโดยวิภัตติวิปลลาส เหมือนศัพทวา ธนฺจยาย, วจนาย ใน ตัวอยางเปนตนวา อสกฺกตา จสฺม ธนฺจยาย (พวกเราเปนผูอันพระเจาธนัญชัยไมสักการะ แลว) วิรมถายสฺมนฺโต มม วจนาย (ขอทานผูมี อายุ จงงดวากลาวเรา) ไมไดทรงแสดงไวดวย อ ำ น า จ ข อ ง ล ิ ง ค ว ิ ป ล ล า ส ) , แตใน สัททนีติ สุตตมาลา (ฉบับพระมหานิมิตร ธมฺมสาโร และจำรูญ ธรรมดา แปล, ๒๕๔๕: หนา ๑๓๐๙) วา พฺยฺชนฉกฺเก อกฺขรํ นาม รูป อนิจฺจนฺติอาทีสุ อตฺถโชตกปทนฺโตคโธ รูอิจฺจาทิ- เอเกโกเยว วณฺโณ เจว (อักขระ ในพยัญชนะ ฉักกะ มีความหมาย วา อักษรแตละพยางค รวมกันเปนบทซึ่งสามารถสื่อความหมายให เขาใจได เชนคำวา รู ในขอความพระบาลีนี้วา รูป อนิจฺจํ เปนตน) โย ปุพฺเพ กรณียานิ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏนฺติอาทีสุ อตฺถโชตโก โยการโสการาทิโก เอโก วณฺโณ จ (หมายถึง บทที่มี พยางคเดียวซึ่งสามารถสื่อความหมายใหเขาใจ ได เชนบทวา โย และ โส ในขอความพระบาลีนี้ วา โย ปุพฺเพ กรณียานิ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏํ) สิวสฺสสหสฺสานีติอาทินา เอเกกํ คาถํ วตฺตุกาเมหิ วุตฺโต สอิจฺจาทิวณฺโณ จ อกฺขรนฺติ คเหตพฺโพ (หมายถึง อักษรพยางคแรกเชน ส อักษรที่ผูมีความประสงคจะพูดวา สิวสฺสสหสฺสานิ กลับกลาวเพียงสั้นๆ วา ส) อกฺขรจินฺตกานํ มเต ปน อกฺขรสฺาวิสเย อการาทโย กการาทโย จ วณฺณา อกฺขรนฺติ คเหตพฺพา (สวน ตามมติของนักไวยากรณ ตอนวาดวยการตั้งชื่อ อักษร เทาเหลานั้น ไดแสดงความเห็นไวดังนี้วา อักขระ หมายถึง อักษรทั้งหลาย มีสระ อ เปนตนและพยัญชนะ มี ก เปนตน) โลกิยมหาชเนน กตฺตพฺเพ โลกิยมหาชเนน กตสฺาว ิ ส เย ม ห า ส ม ฺ ม โ ต เต ฺ ว ว ป มํ อ ก ฺ ข รํ อุปนิพฺพตฺตนฺติอาทีสุ ปทภูโต อตฺถโชตโก วณฺณสมุทาโย อกฺขรนฺติ คเหตพฺโพ (สำหรับใน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙ ขอความพระบาลีตอนวาดวยการตั้งชื่อซึ่ง โลกิยมหาชนไดสมมติตั้งไวดังนี้วา มหาสมฺมโต เตฺวว ปมํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺตํ เปนตน คำวา อกฺขร ในขอความนั้น หมายถึงหมูอักษรที่สำเร็จ เปนบทแลว ซึ่งสามารถสื่อความหมายใหเขาใจ ได) ชาตกกถายมฺป กึ เตตฺถ จตุมสฺสาติ อิมสฺส ปาิปฺปเทสสฺส พฺยฺชนํ โสภนํ, อกฺขรตฺโถ อโสภโนติ อตฺถสํวณฺณนายํ ปทภูโต อตฺถโชตโก วณฺณสมุทาโยเยว พฺยฺชนนฺติ อกฺขรนฺติ จ นาเมน วุตฺโตติ คเหตพฺพนฺติ (ขอความแมในอรรถกถาชาดกวา พฺยฺชนํ อโสภณํ, อกฺขรตฺโถ อโสภโน ซึ่งเปนขอความ อธิบายบทพระบาลีนี้วา กึ เตตฺถ จตุมสฺส, พึง ทราบคำวา พฺยฺชนํ และคำวา อกฺขรํ ใน ขอความนั้น ก็หมายถึงหมูอักษรที่สำเร็จเปนบท แลวซึ่งสามารถสื่อความหมายใหเขาใจได เชนกัน), อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ตตฺถ โอโลเกตพฺโพ (ความสังเขปในที่นี้เทานี้, สวน ความพิสดาร พึงคนดูในสัททนีติเถิด) อกฺขาตุ (ปุ.) ๑. ผูบอก, ผูกลาว, ผูแสดง วิ. อกฺขาติ กเถตีติ อกฺขาตา (ผูใดยอมบอกกลาว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ผูบอก) เชน อกฺขาตาโร ตถาคตา (พระตถาคตเปนเพียงผูบอก) ขุ.ธ.๒๕/ ๓๐/๕๑ [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ตุ ปจจัย, ซอน กฺ, รัสสะ อา เปน อ] นัยเดียวกนั เชน อกฺขาโต, ในคำนี้ วิ. อกฺขาสิ กเถสีติ อกฺขาโต (ผูใดกลาวแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อกฺขาต), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ต ปจจัย] วิ. อกฺขายติ กถียตีติ อกฺขาตํ (คำใด อันเขาบอกกลาว เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อกฺขาต), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ต ปจจัย ในกัมมวาจก], นัยเดียวกัน อกฺขาตาวี (บอก แลว) ตาวี ปจจัย, อกฺขาตพฺพํ(อันเขาพึงกลาว) ตพฺพ ปจจัย ในกัมมวาจก อกฺขาน (นปุ.) การบอก, การกลาว, การแสดง, การชี้แจง, การสวด, เรื่อง, นิทาน, การเลา นิทาน, เสภา, อาขยาน (บททองจำ), การเลา เรื่อง, สาธยาย วิ. ๑. การบอก วิ. อกฺขายเต อกฺขานํ อาจิกฺขนํ (อันเขากลาว ชื่อวา การกลาว ไดแกการบอก) เชน อุตุกฺขานํ (การบอกฤดู) ๒. นิทาน วิ. อกฺขายติ เอเตนาติ วา อกฺขานํ กถนํ (อีกนัยหนึ่ง เขากลาวดวยเรื่องนั้น เหตุนั้น เรื่องนั้น ชื่อวา อกฺขาน ไดแก เรื่องเลา), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + อน ปจจัย]; ปาฐะวา อกฺขายนํ ก็มี เชน อกฺขายนสีโล ลง ย อาคม อกฺขายก (ปุ.นปุ.) ๑. ผูกลาว, ผูบอก วิ. อกฺขายตีติ อกฺขายโก (ผูใดยอมกลาว เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อกฺขายก-ผูกลาว), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ณก ปจจัย โมคฺ.๕/ ๓๓ วา กตฺตริ ลฺตุณกา, ย อาคม โมคฺ. ๕/๙๑ วา อาสฺสาณาปมฺหิ ยุก; ๒. ผูควรเพื่อการกลาว เปนตน อนึ่ง ณก ปจจัยนั้น ใชในอรรถวา อรห (ควร) สตฺติ (ความสามารถ) สีล (เปนปกติ) ธมฺม (เปนธรรมดา) สาธุการ (ทำไดดี) เพราะจัดใน กลุมที่ใชในความหมายทั่วไป ฉะนั้น อกฺขายก จึงหมายถึง อกฺขาตุํ อรหติ, สกฺโกติ (ควร-, สามารถเพื่อจะกลาว), อกฺขานมสฺส สีลํ, ธมฺโม (มีการกลาวเปนปกติ, -เปนธรรมดา) กลาวคือ อกฺขานํ สกฺกจฺจํ กโรติ (ทำการกลาวโดยเคารพ). สำเร็จรูปแลวใชไดทั้ง ๓ กาล (ผูกลาว, กลาว แลว, จักกลาว) ดังนี้ ปุพฺเพป อกฺขาสิ, อชฺชป อกฺขาติ, ปจฺฉาปอกฺขายิสสฺต (เขากลาวแลว แม ิ ในการกอน, เขายอมกลาวแมในวันนี้, เขาจัก
๑๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา กลาวแมในภายหลัง), อิตถีลิงคเปน อกฺขายิกา โดยแปลง อ ของ อก เปน อิดวยสูตรแหงคมัภรี นิรุตติทีปนี (นิรุตฺติ.๕๖๐) วา อธาตุสฺส เก สฺยาทิโต เฆสฺสิ; นปุงสกลิงคเปน อกขฺายกํกุลํ อกฺขายิต (ติ.) ของที่ยังไมถูกกัดกิน วิ. น ขายิตํ อกฺขายิตํ (วัตถุอันสัตวทั้งหลายไมกัดกินแลว ชื่อวา อกฺขายิต) เชน พหุํ ขายิตํ โหติ, อปฺป อกฺขายิตนฺติ (ที่ถูกกัดกินแลวมาก ที่ยังไมถูกกัด กินแลวนอย), แปลง น เปน อ ดวยสูตร รูป. ๓๔๔ วา อตฺตํ นสฺส ตปฺปุริเส, ซอน ก, บัณฑิต พึงดูการแยกธาตุปจจัยที่ ขายิต กลาวคือ เข ธาตุ ขาทเน ในความเคี้ยวกัน + ต ปจจัย, แปลง เอ เปน อาย, อิ อาคม. เชน สมนฺตปาสาทิกา วิยนกถาย อตฺถโยชนา ๒/๖๒๓ วา อกฺขายิเตติ สตฺเตหิ อขาทิเต คำวา อกฺขายิเต หมายความวา สัตวทั้งหลายยังไมกัดกิน) อกฺขายี(ติ.) ผูพูด, ผูมีปกติกลาว วิ. อกฺขายตีติ อกฺขายี, อกฺขายนสีโล, อกฺขายนธมฺโม, อกฺขาเน สกฺกจฺจการิตายุตฺโตติ อตฺโถ (ผูใดยอมกลาว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกฺขายี คือผูกลาวเปนปกติ, ผูมีการกลาวเปนธรรมดา, หมายความวา ประกอบดวยความเปนผูทำดวยความเคารพใน การกลาว), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในการกลาว + ณี ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ. ๕/๕๓ วา สีลาภิกฺขฺาวสฺสเกสุ ณี, กาลตฺตเยป สิชฺฌติ สามฺวิธานตฺตา สำเร็จใน ๓ กาล เพราะเปน วิธีทั่วไป + ในเพราะธาตุมี อา เปนที่สุด ลง ย อาคม ดวยสูตร โมคฺ.๕/๙๑ วา อาสฺสาณาปมฺหิ ยุกฺ, ซอน กฺ, รัสสะ อา เปน อ], นัยเดียวกันเชน นิทฺทายี ทา ธาตุ สุปฺปเน ในความหลับ, อนฺนทายี ทา ธาตุ ทาเน ในความให, มชฺชปายี ปา ธาตุ ปาเน ในความดื่ม อกฺขิ (นปุ.) ๑. ตา, ดวงตา, นัยนตา, อวัยวะ เปนเครื่องเห็น วิ. อกฺขติ อเนนาติ อกฺขิ โลจนํ (บุคคลยอมเห็นดวยอวัยวะนั่น เหตุนั้นอวัยวะ นั้นชื่อวา อกฺขิ ไดแก ตา), อกฺข ธาตุ ทสฺสเน ใน ความเห็น + ลง อิ ปจจัย ดวยสูตรโมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๘ วา ทธฺยาทโย; ๒. อวัยวะเปนเครื่องดู วิ. อกฺขติ ปสฺสติ เอเตนาติ อกฺขิ (บุคคลยอมดู คือยอมเห็น ดวยอวัยวะนั่น เหตุนั้น อวัยวะนั้น ชื่อวา อกฺขิ), อกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ณิ หรือ อิ ปจจัย; ๓ สิ่งที่แผไป วิ. อสติ วิสเยสุ พฺยาป วิย ภวตีติ อกฺขิ (อวัยวะใดแผไป คือเปน ดุจแผซานไปในอารมณทั้งหลาย เหตุนั้น อวัยวะ นั้นชื่อวา อกฺขิ), อสุ ธาตุ พฺยาปเน ในความซาน ไป + ขิ ปจจัยดวยสูตร ปทรูปสิทฺธิ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, แปลง ส เปน ก; ๔. สิ่งที่เห็น คือแผซานไปในรูปารมณ วิ. อกฺขติ วิสเยสุ พฺยาป วิย ภวตีติ อกฺขิ (สิ่งใดยอมแผซานไป คือ เปนดุจแผซานไปในอารมณทั้งหลาย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อกฺขิ), อกฺข ธาตุ พฺยาปเน ในความ ซานไป + อิ ปจจัย; ๕. อวัยวะที่ใชดู วิ. วิสยํ รูปารมฺมณํ สมวิสมํ วา อิกฺขติ ปสฺสติ อเนนาติ อกฺขิ เนตฺตํ (บุคคลยอมเล็งดูวิสัย คือรูปารมณ ที่เสมอและไมเสมอ ดวยอวัยวะนั่น เหตุนั้น อวัยวะนั้น ชื่อวา อกฺขิ ไดแก ดวงเนตร), อิกฺข ธาตุ ทสฺสนงฺเกสุ ในความเห็น ในความกำหนด + อิ ปจจัย, แปลง อิ เปน อ; ศัพทนี้เปน อิ การันต ในนปุงสกลิงค อกฺขิก (ติ.) ๑. ผูชนะดวยสกาหรือผูเลนดวย สกา วิ. อกฺเขหิ ชยติ ทิพฺพตีติ วา อกฺขิโก (ผูใด ยอมชนะ หรือยอมเลนดวยสกาทั้งหลาย เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อกฺขิก), ณิก ปจจัยแทน ชยติ ศัพทเปนตน; คำวา สาลากิโก (ผูชนะดวย
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑ สลาก), ตินฺทุกิโก (ผูชนะดวยผลมะพลับ), อมฺพผลิโก (ผูชนะดวยผลมะมวง) ก็นัยนี้; ๒. ทรัพยที่ชนะมาดวยสกา วิ. อกฺเขหิ ชิตํ ธนํ อกฺขิกํ (ทรัพยที่เขาชนะมาดวยสกาทั้งหลาย ชื่อวา อกฺขิก), ลง ณิก ปจจัยแทน ชิต ศัพท ดวย สูตรโมคคัลลานะ โมคฺ.๔/๒๙ วา เตน กตํ กีตํ เปนตน; สาลากกิํ ก็นัยนี้ อกฺขิค (นปุ.) ขนเกิดบนตา, ขนหางตา, ขนตา, ขนคิ้ว วิ. อกฺขิมฺหิ ชาตํ โลมํ อกฺขิคํ ปขุมํ (ขนที่ เกิดบนตา ชื่อวา อกฺขิค ไดแก ขนตา), [อกฺขิ + ค ปจจัยในตัทธิตแทน ชาต ศัพท] อกฺขิตฺต (ติ.) ไมถูกขวาง, ไมถูกขัดขวาง, ไมถูก คัดคาน, ไมถูกปฏิเสธ, ไมหาม วิ. น ขิตฺโต น ปฏิเสธิโต อกฺขิตฺโต, อนวกฺขิตฺโต (สิ่งใด อัน เขาไมไดขวางไป ไมคัดคาน ชื่อวา อกฺขิตฺต คือ ไมถูกขวางทิ้งไป) เชน อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุโ ชาติวาเทน วินย.๒/๗๓๕/๔๘๖ (กษัตริย ผูไมมี ใครคัดคาน ติเตียน โดยกลาวถึงชาติได), [น + ขิป ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, ซอน กฺ, แปลง ป เปต ตฺ], นัย เดียวกันเชน ปฏิกฺขิตฺโต, บทนี้ลง ปฏิ บทหนา อกฺขุล (ปุ.) ผูใหเปนไปเพื่อทำลาย วิ. อกฺเขตุํ เขเปตุํ วินาเสตุํ อุลติ ปวตฺเตตีติ อกฺขุโล (ผูใดให ไป คือใหเปนไป เพื่อทำลาย เพื่อเสื่อมสิ้นไป เพื่อพินาศไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกฺขุล) เชน อกฺขุโล ภกฺขุโล (ยักษผูทำลาย ผูจับกิน), ยกฺขรกฺขสปสาจสีหพฺยคฺฆาทีสุ อฺตโร โย โกจิ มนุสฺสานํ อนตฺถาวโหติ อตฺโถ อุทาน.อ.๗ (ไดแกบรรดายักษ รากษส ปศาจ ราชสีห และ เสือโครง เปนตน ตนใดตนหนึ่ง ซึ่งนำความ พินาศมาใหแกพวกมนุษย), [อา + ขี ธาตุ ขเย ในความสิ้นไป และ อุล ธาตุ ปวตฺตเน ในความ เปนไป + อ ปจจัย, ซอน ก, รัสสะ อา เปน อ] อกฺเขยฺย (ติ.) ๑.อันเขาพึงกลาว วิ. อกฺขาตพฺพํ กเถตพฺพนฺติ อกฺเขยฺยํ (สิ่งใดอันเขาพึงกลาว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อันเขาพึงกลาว), [อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ฆฺยณ ปจจัย แปลง อา เปน เอ, พึงดู นิรุตฺติทีปนี สูตร ๗๗๘, ซอน อักษรที่มีรูปไมเสมอกันคือ กฺ, รัสสะ อา เปน อ, ซอน ย]; ๒. อันเขากลาว วิ. อกฺขายติ กถียติ ปฺาปยตีติ อกฺเขยฺยํ กถาวตฺถุ (เรื่องใดอันเขา บอกกลาวเลาใหรู เหตุนั้น เรื่องนั้น ชื่อวา อกฺเขยฺย ไดแก กถาวัตถุ เรื่องควรกลาว), แตวา โดยความหมาย คำนี้ หมายถึง เบญจขันธ มีรูป เปนตน, [อา + ขา ปกถเน ในความกลาว + ณฺย ปจจัย], ในขอนี้มีตัวอยาง เชน สํ.อ.๑/๔๓ วา อกฺเขยฺยํ อปริฺายาติ ปฺจกฺขนฺเธ ตีหิ ปริฺาหิ อปริชานิตฺวา (สองบทวา อกฺเขยฺยํ อปริฺาย คือ ไมกำหนดรูขันธ ๕ ดวยปริญญา ๓) และ สุตตนิบาต, ๔๐๕ วา นามํเยวาวสิสฺสติ อกฺเขยฺยํ เปตสฺส ชนฺตุโน (สำหรับสัตวที่ตายไป แลว ชื่อนั่นเทียวอันบุคคลพึงกลาวจักเหลอือยู); นัยเดียวกันเชน อกฺขาตพฺพํ, บทนี้ลง ตพฺพ ปจจัยในกัมมวาจก, แตใน สัททนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๔๖) วา ขา และ ขฺยา ธาตุ ปกถเน ในความกลาวประการตางๆ เชน ปกถนํ การบอก คือ อาจิกฺขนํ การกลาว เทสนํ วา หรือการแสดง อกฺโขภิณี(อิต.)อักโขภิณี วิ.โขเภตุํน สกฺกุโณตตีิ อกฺโขภิณี (จำนวนใดไมอาจใหแยกออกได เหตุนั้น จำนวนนั้นชื่อวา อักโขภิณี), น + ขุภ ธาตุ โขเภ ในความกำเริบ + ยุ + อี, แปลง น เปน อ, ซอน กฺ, พฤทธิ์ อุ เปน โอ, แปลง ยุ เปน
๑๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อน, อ ที่ ภ เปน อิ, แปลง น เปน ณ, ลบสระ หนา คือ สระ อ ที่ ณ; ปาฐะวา อกฺโขภณี, อกฺโขภนี, อกฺโขภินี, อกฺขุภิณี ก็มี, จำนวนรอย แสนนินนหุต เปน หนึ่งอักโขภิณี คือเขียนเลข ๑ ประกอบศูนย ๔๒ ตัว; นัยเดียวกันเชน อกฺโขภํ บทนี้ลง อ ปจจัย, อกฺโขภนียํ บทนี้ลง อนีย ปจจัย อการ (ปุ.) ๑. อ วิ. อ เอว อกาโร (อ นั่นเอง ชื่อวา อการ), [อ + การ ปจจัย] การ ปจจัยใชใน อรรถสกัตถ จัดเปนปจจัยในตัทธิตใชในสกัตถ เชน เทโว เอว เทวตา (เทพนั่นเอง ชื่อวา เทพ), ตา ปจจัยในที่นี้ไมมีความหมาย เพราะ เปนสกัตถ), นัยเดียวกัน อา วิ. อา เอว อากาโร (อา นั่นเอง ชื่อวา อากาโร), ย เอว ยกาโร (ย นั่นเอง ชื่อวา ยกาโร), ๒. อ อักษร อีกนัยหนึ่ง การ ปจจัยแทน อกฺขร ศัพท ทานแสดงนัยนั้นไว ในคัมภีรปทรูปสิทธิ รูป.๖๘๔ วา อกฺขเรหิ การ; ๓. เสียง อ อีกนัยหนึ่ง อกาโร เปนสมาส วิ. อ จ โส กาโร จาติ อกาโร (อ ดวย เสียงดวย ชื่อวา อการ-เสียง อ) ก็ การ ศัพท ตามนัยนี้แทนคำวา สทฺท-เสียง ไมใช การ ปจจัยที่ใชแทนอักษร, แตบางครั้งก็ไมประกอบ การ หลังอักขระ เพราะเปนความประสงคผูกลาวอยางนั้น; คำแปลวา เสียง อ นี้ วิเคราะหไดนัยหนึ่งวา วิ. กรณํ กาโร, ออิติ กาโร อกาโร, ออิติ อุจฺจารณํ, อสทฺโทติ อตฺโถ (การกระทำ ชื่อวา การะ, การะ วา อ คือการออกเสียงวา อ ชื่อวา อการ, หมายความวา อสทฺท-เสียงวา อ), แม กกาโร (ศัพทวา ก) ก็นัยนี้, พึงเทียบกับ เอว ศัพทกับนัยขางหนาดวย; อนึ่ง อ อักษร มีหลาย ความหมาย คือ อ แปลวา เจริญ (วุฑฺฒิยํ), มีความหมายเทากับศัพทที่ตนประกอบ (ตพฺภาเว), เหมือน (สทิเส), ปฏิเสธ (นิเสเธ), อฺเ (อื่น), อปฺปเก (นอย), พระวิษณุ (อสงฺขาเต วิสฺณุมฺหิ), ตำหนิ (นินฺทายํ), ตรงขาม (วิรุทฺเธ), ปราศจาก (วิรเห), วาง (สฺุเ), สักวาทำบทให เต็ม (ปทปูรเณ); บัณฑิตพึงคนดูใน จตุปทวิภาค แหงสัททนีติสุตตมาลา (ฉบับแปล หนา ๑๒๓๖) ทานแสดงอรรถแหง อ อักษรไววา ปฏิเสเธ วุทฺธิตพฺภาเว อฺตฺเถ สทิเสป จ วิรุทฺเธ ครเห สฺุเ อกาโร วิรหปฺปเกติ. อ ศัพท วา ปฏิเสธ (การหาม), วุทฺธิ (ความ เจริญ), ตพฺภาว (อรรถของบทที่ตนประกอบ นั้น), อฺตฺถ (เหลาอื่น), สทิส (เหมือน), วิรุทฺธ (ตรงกันขาม), ครห (ติเตียน, ตำหนิ), สฺุ (วางเปลา), วิรห (ปราศจาก) และ อปฺปก (นอย) ผูศึกษาพึงคนดูจากสัททนีติสุตตมาลานั้น สวนในคำวา วิษฺณุ-วิสฺณุ กลาวดวยอำนาจ ภาษาสันสกฤต, แตในบาลีควรไดรูปเปน วิณฺหุ, ความจริง วาตามมติของอาจารยพวกอื่น อ ศัพท ใชในความหมายวา วิณฺหุ, ดังคัมภีรมุคธ โพธฎีกา (คำอธิบายสูตร ๑) วา อกาโร วิณฺหุ อุทฺทิโ อุกาโร ตุ มหิสฺสโร มกาเรโนจฺจเต พฺรหฺมา ปณเวน ตโย มตา (บัณฑิตทราบตรีเทพไดดวยอักษรที่ลี้ลับคือ คือ อ อักษร หมายถึง พระวิษณุ อุ อักษร หมายถึงพระศิวะ สวน ม อักษร หมายถึง พระพรหม) เมื่อทำตัวรูปตามมติของอาจารยพวกอื่น จึง ไดรูปวา โอมฺ (ดู สัททานุกรมพระไตรปฎกเชิง วิจัย เลม ๑ หนา ๑๓) อกาลิก (ติ.) ๑. ไมจำกัดกาลใหผล วิ. อกาโล ผลํ ททาตีติ อกาลิโก (ธรรมใดไมจำกัดกาล ใหผล เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อกาลิก), อกาล+
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓ ณิก ปจจัย. ๒. ใหผลไมตองรอเวลา วิ. อตฺตโน ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส อาคเมตพฺโพ กาโล อตฺถีติ อกาโล, โสเยว อกาลิโก (กาลอันธรรมนั้น มุงการใหผลของตนพึงใหมา มีอยูหามิได เหตุ นั้นธรรมนั้น จึงชื่อวาอกาโล, อกาโล นั่นเองชื่อ วา อกาลิโก) คือ หาไดรอกาล ๕ วัน ๗ วัน ใหผลไม แตยอมใหผลติดตอกันไปกับความ เปนไปของตนทีเดียว วิ. อถวา อตฺตโน ผลปฺปทาเน วิปฺปกโ ทูโร กาโล ปตฺโต อุปนีโต อสฺสาติ กาลิโก กาลนฺตรผลทายี. อตฺตโน ผลปฺปทาเน ปกโ กาโล ปตฺโต อสฺสาติ วา กาลิโก นัยหนึ่ง กาล ในอันใหผลแหงธรรมนั้น ยังไกลที่จะถึง เหตุนั้น ธรรมนั้น จึงชื่อวา กาลิกะ ไดแก ธรรมที่ ใหผลในกาลมีระหวาง (ไมติดตอกัน) ถามวา ธรรมนั้นคืออะไร ตอบวา ธรรมนั้น คือกุศล ธรรมที่เปนโลกิยะ อยํ ปน สมนนฺตรผลตฺตา น กาลิโก อกาลิโก, โก โส ? มคฺคธมฺโม. แตธรรมนี้ ไมใช กาลิก-ไมใชธรรมที่ใหในกาลมีระหวาง เพราะใหผลตอเนื่องกันไป จึงชื่อวา อกาลิก ถามวา ธรรมนั้นคืออะไร ตอบวาธรรมนั้นคือ มรรคธรรม แตใน วิสุทธิมรรค ๑/๒๗๖ แสดง ความหมายไววา อตฺตโน ผลทานํ สนฺธาย นาสฺส กาโลติ อกาโล, อกาโลเยว อกาลิโก (ธรรมนั้น มุงการใหผล หามีกาลไม เพราะเหตุนั้น จึงชื่อวา อกาโล อกาลิโก ก็ อกาโล นั่นเอง) อกาลุสฺสิย (นปุ.) ๑. ความไมขุนมัว, ใส วิ. กลฺยเต อเนนาติ กลุสํ อนจฺโฉ (บุคคลยอมนบั ยอมติเตียน ดวยสภาวะนั่น เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อกุส (บาป) ไดแก ความขุนมัว), [กล ธาตุ สงฺขฺยาเน ในความนับ + อุส ปจจัย]. วิ. กลุสสสฺ ภาโว กาลุสิยํ (ความเปนแหงความขุนมัว ชื่อวา กาลุสิย), [กลุส + ณิย ปจจัย, ทีฆะ อ ที่ ก เปน อา], วิ. น กาลุสิยํ อกาลุสฺสิยํ (ความเปนแหง ความขุนมัวหามิได ชื่อวา อกาลุสฺสิย), [น + กา ลุสิย, ซอน สฺ], ใน ปรมตฺถมฺชุสา วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา ๓/๑๐๕ อธิบายวา อกาลุสภาโว อกาลุสฺสิยํ, อนาวิลภาโวติ อตฺโถติ; ฉบับภูมิพโล ภิกขุ ภาค ๕ หนา ๒๗๙ แปลวา อกาลุสภาโว เปน อกาลุสฺสิยํ มีความหมายวา ความไมขุนมัว; ๒. จิตไมขุนมัว ใน อนุทีปนีปาฐะ วา อกาลุสสฺํ วุจฺจติ อนาวิลํ จิตฺตํ. อกาลุสฺสํ เอว อกาลุสฺสิยํ (จิตที่ไมขุนมัว เรียกวา อกาลุสฺสํ, อกาลุสฺสํ นั่นเอง ชื่อวา อกาลุสฺสิย), [อกาลุสฺส + ณิย หรอื ณฺย สกัตถ + หนา ย ลง อิ อาคมดวยมหาสูตร วา เตสุวุทฺธิ เปนตน], ปาฐะวา อกาลุสฺโส ก็มี อกิฺจน (ปุ.นปุ.) ๑. คนยากจน วิ. นตฺถิ กิฺจนํ อปฺปมตฺตมฺป ธนํ ยสฺส โส อกิฺจโน ทลิทฺโท. (ทรัพยแมนิดหนอยของบุคคลใดไมมี บุคคลนั้น ชื่อวา อกิฺจโน ไดแก คนยากจน), [น + กิฺจน], ๒. กิเลสที่ย่ำยีสัตว วิ. กิฺเจติ สตฺเต มทฺทตีติ กิฺจนํ (กิเลสใดยอมย่ำยีสัตวทั้งหลาย เหตุนั้น กิเลสนั้น ชื่อวา กิฺจน), [กิจิ ธาตุ มทฺทเน ในความย่ำยี + ยุ ปจจัย], ๓. ผูไมมี กิเลสเปนเครื่องกังวล วิ. นตฺถิ กิฺจนํ ปลิโพโธ ยสฺส โส อกิฺจโน นิปฺปลิโพโธ. (กิเลสเปนเครื่อง กังวลคือปลิโพธ ของบุคคลใดไมมี บุคคลนั้นชื่อ วา อกิฺจน), ๓. ปฐมารุปปวิญญาณ วิ. นาสฺส ปมารุปฺปวิฺาณสฺส กิฺจนนฺติ อกิฺจนํ. (กิญจนะของอรุปปวิญญาณที่ ๑ มีอยูหามิได เหตุนั้น จึงชื่อวา อกิฺจน), นตฺถิ กิฺจนํ อปฺปมตฺตกํ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺป อวสิํ อสฺสาติ อกิฺจนํ (กิญจนะที่ยังเหลืออยูประมาณ หนอยหนึ่ง โดยที่สุดแมการแตกไป ของสภาพ นั้นไมมี เหตุนั้น จึงชื่อวา อกิฺจน)
๑๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อกิลาสุ (ปุ). ๑. คนไมเกียจคราน วิ. น กุ อปฺป กุจฺฉิตํ วา ลสตีติ อกิลาสุ นิกฺโกสชฺโช (ผูใดไม ชอบใจงานนอย หรือไมชอบใจของนาเกลียด เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อกิลาสุ ไดแก คนไม เกียจคราน), ศัพทนี้เปนปุงลิงค [น + กุ + ลส ธาตุ กนฺติยํ ในความชอบใจ + ณุ ปจจัย, แปลง อุ ที่ กุ เปน อิ], สำหรับ กุ ในที่นี้หมายถึง อปฺป (นอย) และ กุจฺฉิต (นาเกลียด); ๒. คนขยัน วิ. อกึ อปฺป ลสตีติ อกิลาสุ (ผูใดยอมยินดี นิดหนอย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อกิลาสุ), [อกิ แปลวา นอย + ลส ธาตุ กนฺติยํ ในความยินดี + ณุ ปจจัย, ทีฆะตนธาตุ], ปาฐะวา อกิลาสู ก็มี; ขยัน, หมั่นเพียร, ไมเบื่อหนาย อกุโตภย (ติ.) ผูมีภัยแตที่ไหนมิได, ผูไมมีภัย นตฺถิ กุโต ภวโต วา อารมฺมณโต วา เอเตสํ ภยนฺติ อกุโตภยา นิพฺภยาติ อตฺโถ (ภัยแตที่ ไหนๆ คือทั้งแตภพ และแตอารมณ ของบุคคล ทั้งหลายเหลานั่น ไมมี เหตุนั้น บุคคลทั้งหลาย เหลานั้นจึงชื่อวา อกุโตภย หมายความวา ผูไมมี ภัย), [น + กุโต + ภย] อกุสล (นปุ.) อกุศล, ตรงขามกับกุศล วิ. น กุสลํ อกุสลํ (สิ่งที่ไมเปนกุศล ชื่อวา อกุศล-ตรงขาม กับกุศล), [น + กุสล, แปลง น เปน อ], สิ่งที่ตรง ขามกับกุศล เพราะเปนสิ่งที่ตองละสำหรับผูละ เหมือน อมิตรคือศัตรูตรงขามกับมิตร; ยํ ธมฺมชาตํ น อโรคํ, น อนวชฺชํ, น สุขวิปากํ, น จ โกสลฺลสมฺภูตํ, ตํ อกุสลํ. (ธรรมชาติใด ไมใช สิ่งที่ไมมีโรค, ไมใชสิ่งที่ไมมีโทษ, ไมใชสิ่งที่ใหผล เปนสุข ไมใชสิ่งที่เกิดแตความฉลาด, ธรรมชาติ นั้นชื่อวา อกุศล), อ อักษรในคำวา อกุสล ใชใน อรรถวาตรงกันขาม (ปฏิปกฺขตฺเถ), สวนการ จำแนกธาตุและปจจัย ทานกลาวไวใน กุสล บัณฑิตพึงคนดูเถิด อขาต (ปุ.นปุ.) วิ. เหมืองนอย, สระไมไดขุด, สระเกิดเอง วิ. น ขาตํ อขาตํ เทวขาตโก, ชาตสสฺโรติอตฺโถ (บอน้ำที่ไมไดขุด ชื่อวา อขาต ไดแก เหมืองนอยที่เทวดาบันดาล หมายความ วา สระเกิดเอง), [น + ขนุ ธาตุ อวทารเณ ใน ความขุด + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, ลบ น, ทีฆะ อ ที่ ข เปน อา], เปนนปุงสกลิงค แตใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา อธิบายคาถา ๖๘๐ วา เปน อขาโต เปนปุงลิงค อขิล (ติ.) ทั้งปวง, ทั้งมวล, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ไมเหลือ วิ. น ขียเตติ อขิลํ สพฺพํ(ส่งิใดไมสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อขิล คือ ทั้งปวง) (น + ขิ/ ขี ธาตุ ขเย ในความสิ้น + ล ปจจัย + ถา ขี ธาตุ รัสสะ). แตใน มธุฏีกา ทานอธิบายวา ขิล ศัพท ในที่นี้ หมายถึง ไมเหลือ (อวเสสวาจโก); ๒. ไมใชนอย, ไมใชสิ่งที่ถือเอาสิ่งที่สิ้นไป วิ. น ขิลํ อขิลํ. ขยํ ลาติ คณฺหาตีติ วา ขิลํ อปฺปกํ (ไมใชนอย ชื่อวา อขิล อีกนัยหนึ่ง สิ่งใดยึดเอา ถือเอาสิ่งที่สิ้นไปแลว ชื่อวา ขิล ไดแก อปฺปกนิดหนอย), [ขย + ลา ธาตุ คหเณ ในความ ถือเอา + อ ปจจัย, ลบ ย, แปลง อ เปน อิ] วิ. น ขิลํ อขิลํ (ไมใชสิ่งที่ถือเอาสิ่งที่สิ้นไป) แปลง น เปน อ อค (ปุ.) ๑. สิ่งที่ไมเคลื่อนที่มีเสาเปนตน วิ. น คจฺฉตีติ อโค, ถมฺภาทโย (สิ่งใดไมเคลื่อนที่ไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อค-เสาเปนตน), [น + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, แปลง น เปน อ, ลบ ม]; ๒. หิน, ตนไม, ตนไมใหญ, ตนไมยืนตน วิเคราะหเหมือนนัยกอน, ศัพท ๒ ศัพท ไดแก อโค และ นโค หมายความวา หิน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕ และ ตนไม (เสลรุกฺเขสุ) ก็ได; ๓. คนตกยาก, คนถอย, คนต่ำทราม แตในนิรุตฺติทีปนี นิรุตฺติ. ๓๘๐ วา อโค วสโล กึ เตน. เอตฺถ อโคติ ทุคฺคตชโน, วสโลติ ลามโก, กึ เตนาติ นินฺทาวจนํ, สีเตนาติป ปาโ (คนตกยาก ต่ำทราม ประโยชน อะไรดวยเจาเลา, ในตัวอยางนี้ อโค หมายถึง ทุคฺคตชโน-คนตกยาก, วสโล-คนถอย, ลามโกคนต่ำทราม, กึ เตน เปนคำตำหนิ, ปาฐะวา สีเตน ดังนี้ก็มี) อคติ (อิต.) ๑. อคติอันพระอริยเจาไมถึง วิ. อริยา เอตาย น คจฺฉนฺตีติ อคติ (ผูเจริญยอมไมไป ดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้นธรรมชาตินั้นชื่อวา อคติ), ไดแก อคติ ๔ อยาง มีฉันทาคติเปนตน, [น + คม ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ติ ปจจัย]. ๒. อคติอันพระอริยเจาไมพึงถึง วิ. อริเยหิ น คนฺตพฺพาติ อคติ (กิเลสชาติใดอันพระอริยเจา ทั้งหลาย ไมพึงถึง เหตุนั้น กิเลสชาตินั้นชื่อวา อคติ), [น บทหนา + คมุ ธาตุ คติยํ ในความไป + ติ ปจจัย, แปลง น เปน อ, ลบ ม], ๓. การทำ ไมสมควร, การถึงไมสมควร วิ. อนนุรูปา คตีติ อคติ (การถึงอันไมควร เหตุนั้นชื่อวา อคติ), [อ + คติ, อ ศัพท ในที่นี้ ใชในอรรถวาไมควร (อนนุรูป), คติ ในที่นี้ วิ. คมนํ กรณํ คติ กิริยา (การไปคือการทำ ชื่อวา คติ คือการทำ). ๔. การ ถึงที่บัณฑิตติเตียน วิ. คาเรยฺหา คติ อคติ (การ ถึงอันบัณฑิตติเตียน ชื่อวา อคติ) ก็ อ ศัพท ใน ที่นี้ใชในความหมายวา อันบัณฑิตติเตียน (คาเรยฺห). ๕. นิพพาน วิ. ปฺจมาเรหิ น คนฺตพฺพาติ อคติ นิพฺพานํ. นตฺถิ วา มารานํ คติ เอตฺถาติ อคติ. (สภาพใดอันมาร ๕ ไมพึงถึง เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา อคติ ไดแก พระนิพพาน อีกนัยหนึ่ง การไปแหงมาร ไมมีในสภาพนั้น เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา อคติ) อคท (ปุ.) ๑. ยา, สิ่งที่ไมมีโรค วิ. คโท ยสฺมึ สมเย น วิชฺชเตติ อคโท เภสชฺชํ (โรคไมมีใน สมัยใด เหตุนั้น สมัยนั้นชื่อวา อคโท-สมัยท่ีไมม ี โรค ไดแก เภสัช), [น + คท ธาตุ โรเค ในความ เปนโรค ในความเจ็บปวย + อ ปจจัย]. อีกนัย หนึ่ง วิ. น วิชฺชเต คโท อสฺมินฺติ อคโท (โรคไมมี ในสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคท-ยาที่ไมมี โรค), น + คท ธาตุ โรเค ในความเปนโรค ใน ความเจ็บปวย + อ ปจจัย], อีกนัยหนึ่ง วิ. โค วุจฺจติ ทุกฺขํ, ตํ เทตีติ คโท โรโค (ทุกข ทาน เรียกวา ค, สภาพใดยอมใหซึ่งทุกขคือ ค นั้น เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา คท-สภาพที่ใหทุกข ไดแก โรค), [ค + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย]. น วิชฺชเต คโท ยสฺมึ โส อคโท (โรคไม มีในสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคท); ๒. สิ่งที่ เปนเหตุไมมีโรค วิ. นตฺถิ คโท โรโค เอเตนาติ อคโท. (สิ่งที่ใหทุกข คือโรค ไมมีดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคโท); ๓. สิ่งที่ขจัดโรค วิ. อคํ โรคํ ทาติ อวขณฺฑตีติ อคโท (สิ่งใดยอม ตัดคือขจัด ซึ่ง อค คือซึ่งโรค เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อคท-ยาที่ขจัดโรค), [อค + ทา ธาตุ อวขณฺฑเน ในความตัด + อ ปจจัย]; ๔. การ เทศนาที่ชัดเจน, การสะสมบุญ วิ. อคโท วิยาติ อคโท (สิ่งใดเปนประดุจยาขจัดโรค เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคท) ก็ถามวา อคท นี้คือ อะไร ตอบวา การเทศนาที่ชัดเจน (เทสนาวิลาโส) และการสะสมบุญ (ปฺุุสฺสโย) อคท ศัพทเปน ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคและนปุงสกลิงค อคมานิ (นปุ.) ที่อันเขาไมควรไป วิ. น คมิตพฺโพ เต ชมฺม เทโสติ อคมานิ (ชัมมะ ประเทศอันทาน
๑๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ไมควรไป เหตุนั้น ประเทศคือสถานที่นั้น ชื่อวา อคมานิ), [น + คม ธาตุ คมเน ในความไป + อานิ ปจจัย ดวยสูตรแหงปทรูปสิทธิ รูป.๖๖๒ วา อกฺโกเส นมฺหานิ] อครุ (ปุ.ติ.) กฤษณา วิ. ลหุนามกตฺตา อครุ อคลุ อคฬุ โลหํ, ตครนฺติ อตฺโถ (ชื่อวา อครุ เพราะเปนของที่ไดชื่อวา เบา), เปน อคลุ, อคฬุ บาง หมายถึง โลห (นปุ.) (กฤษณา) ตคร (นปุ.) (กฤษณา), แปลง ร เปน ฬ บาง, ศัพทนี้ใชใน ความหมายวา กฤษณา เปนนปุงสกลิงค๒. ผูไม หนักใจ, ผูไมควรเคารพ วิ. น ครุ ยสฺส โส อครุ, อครุโก (ความหนักใจของบุคคลใดไมมี บุคคล นั้นชื่อวา อครุ ไดแก ผูไมหนักใจ) อถ วา คารวํ กาตุํ น อรโหติ อตฺโถ (นัยหนึ่ง หมายความวา ผูไมควรเพื่อกระทำความเคารพ) เชน อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จาติ. ๓. ไมหนัก, เบา (ติ.) วิ. น ครุ อครุ อภาริยํ ลหุ วา (ไมหนัก ชื่อวา อครุ ไดแก ไมหนัก หรือเบา, [น + ครุ]. ในบาง แหงหมายถึง สุภรตา (ความเปนผูเล้ยีงงาย) อคฺค (ติ.) ๑. ผูประเสริฐ วิ. สีลาทีหิ อชิตพฺโพ อุปคนฺตพฺโพติ อคฺโค วิสิโ (ผูใดอันเขาพึงเขา ไปหา เพราะศีลเปนตน เหตุนั้นผูนั้น ชื่อวา อคฺค ไดแก ผูประเสริฐ), [อช ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย], แปลง ช เปน คฺ, ซอน ค, ๒. ผู บรรลุความเปนพระพุทธเจา, พระชินเจา (ปุ.) วิ. อคฺคติ อุตฺตมภาวํ เสภูตํ วา พุทฺธภาวํ ปาปุณาตีติ อคฺโค ชิโน (ผูใดยอมถึง คือบรรลุ ความเปนผูสูงสุด หรือความเปนพุทธะซึ่งเปน ภาวะประเสริฐสุด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค ไดแก พระชินเจา), [อคฺค ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย]; ๓. สภาวะที่ถึงไดดวยบุญ (ปุ.) วิ. ปฺุเน อชฺชิยเตติ อคฺโค (สภาวะใดอัน บุคคลถึงไดดวยบุญ เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อคฺค), [อชฺช ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย], ๔. ผูเสวยสุขคือพระนิพาน (ปุ) วิ. นิพฺพานสุขํ อทติ ภกฺขตีติ อคฺโค (ผูใดยอมเสวยคือกิน นิพพานสุข เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค), [อท ธาตุ อนุภวเน ในความเสวย + ณ ปจจัย + แปลง ท เปน ค ดวยมหาสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, ซอน คฺ], ๕. ผูกำจัดเวรคือ กิเลส (ปุ) วิ. กิเลสเวรํ อมติ หึสตีติ อคฺโค (ผูใด ยอมกำจัดคือขจัดเวรคือกิเลส เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อคฺค), [อม ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ณ ปจจัย + แปลง ม เปน ค]; ๖. ผูยังกิเลส ใหสิ้นไป (ปุ.) วิ. กิเลเส อสติ อเชติ วา เขเปตีติ อคฺโค (ผูใดทำกิเลสสิ้นไป หรือยังกิเลสใหเสื่อม สิ้นไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค), [อสุ ธาตุ เขเป ในความสิ้นไป + ณ ปจจัย, แปลง ส เปน ค, ซอน ค หรือ อช ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + อ ปจจัย, แปลง ช เปน ค +ซอน คฺ], ๗. ที่ดำรงอยู นาน (ปุ.) วิ. จิรํ อชิยเต จิรํ ิยเต อสฺมินฺติอคฺโค (ผูใดตั้งอยูนาน คือดำรงอยูนาน ในสภาพนั้น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค-เปนที่ดำรงอยูนาน), [เพราะธาตุมีหลายความหมาย อช ธาตุ จึงใชใน อรรถวาดำรง (ิติยํ) + ณ ปจจัย, แปลง ช เปน ค], ๘. ผูยังอกุศลธรรมใหสิ้นไป (ปุ.) วิ. อชติ อกุสเล ธมฺเม เขเปตีติ อคฺโค (ผูใดยังอกุศลธรรม ทั้งหลายใหสิ้นไป เหตุนั้น ผนูั้นชื่อวา อคฺค), [อช ธาตุ เขเป ในความทำใหสิ้นไป + ณ ปจจัย, แปลง ช เปน ค], ๙. สภาพที่ถึงกอน คือ เบื้องตน, เบื้องแรก, วันแรก (นปุ.) วิ. ปุพฺพํ อชติ คจฺฉตีติอคฺคํ ปุพฺพํ(ส่งิใดยอมถึง คือไปถึง กอน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคฺค ไดแก เบื้องตน), [อช ธาตุคมเน ในความไปความถงึ+ อ ปจจัย];
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗ ๑๐. ผูถึงความเปนผูประเสริฐ (ปุ.) วิ. อชติ อชฺชติ คจฺฉติ เสภาวนฺติ อคฺโค เสโ (ผูใด ยอมไปถึง คือบรรลุถึงความเปนผูประเสริฐ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค ไดแก ผูประเสริฐ), [อช ธาตุคมเน ในความไป + อ ปจจัย, แปลง ช เปน ค, ซอน ค], แตในโมคคัลลานะ วา ลง คกฺ ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ.๗/๓๒ วา อชวชมุทคทคมา คกฺ]; ๑๑. ที่เปนที่ไป, โรง, ศาลา, อารมณ (นปุ.) วิ. อชติ คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถาติ อคฺคํ (บุคคล เที่ยวเปนไปในที่นั่น เหตุนั้นที่นั่นชื่อวา อคฺค), สำหรับตัวอยางวา อคฺคํ เสํ อุตฺตมํ นี้ อคฺค ศัพทเปน ๓ ลิงค, [อช ธาตุ คติยํ ในความไป + คกฺ ปจจัย]; ๑๒. ผูถึงความเปนอารมณ (ปุ.นปุ.) วิ. อชติ อารมฺมณภาวํ คจฺฉตีติ อคฺโค (สภาวะไปคือถึงความเปนอารมณ เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อคฺค) เปน อคฺคํ (นปุ.) บาง, [อช ธาตุ คมเน ในความไป + ค ปจจัย]; ๑๓ ที่สุด, ยอดปลาย (ปุ.) วิ. อชติ โกฏิภาเวน คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อคฺโค (ผูใดไป คือดำเนินไป โดยความเปนยอด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค), [อช ธาตุ คติยํ ในความไป + ณ ปจจัย เปนกัตตุ สาธนะ); ๑๔ เบื้องตน (ปุ.) วิ. อาทิภาเวน อชติ คจฺฉตีติ อคฺโค (สภาพใดไปถึง โดยความเปน เบื้องตน เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา อคฺค), [อช ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัยเปนกัตตุสาธ นะ, แปลง ช เปน ค]; ๑๕. ผูบรรลุพระนิพพาน (ปุ.) วิ. นิพฺพานํ อชติ คจฺฉตีติ อคฺโค (ผูใดถึงคือ บรรลุพระนิพพาน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺค), [อช ธาตุ คติยํ ในความไป + ณ ปจจัยเปนกัตตุ สาธนะ]; บางมติวา อคฺค ศัพทมีที่ใชในอรรถวา อาทิ-โกาส-โกฏิ-อารมฺมณ-าน-คณนปฏิปาฏิ-สาลา-การณ-ปุรตตฺเถสุ (เบื้องตน สวน ยอด อารมณ ที่ จำนวน นิบาต ศาลา เหตุ ขางหนา) เปนนปุงสกลิงค สวนที่ใชในอรรถวา ประเสริฐ (วรตฺถ) เปน ๓ ลิงค, สวนในคัมภีร กัจจายนัตถทีปนี วา อคฺคสทฺโท อุตฺตมตฺถวาจี รุฬฺหี อนิปฺผนฺนปาฏิปทิโก (อคฺค ศัพท มี ความหมายวา สูงสุด เปนรุฬหีศัพท เปน อนิปผันนปาฏิปทิกะ (คือ นามศัพทที่ไมสำเร็จ ดวยความเปนสมาส ตัทธิต หรือกิตก จึงตั้ง วิเคราะหไมได) (ดู กังขาวิตรณี เลม ๒, พระคันธสาราภิวงศ, หนา ๕๘) อคฺคช (ปุ.) บุคคลผูเกิดกอน, ลูกคนหัวป, ลูก คนแรก, พี่ชาย วิ. อคฺเค ปุเร กาเล ชายตีติ อคฺคโช เชโ (ผูใดเกิดกอน คือในกาลกอน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺคช ไดแก ลูกชายผูเจริญ ที่สุด), [อคฺค + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย, ลบ น] อคฺคช ศัพท บางแหงใชเปน นามบัญญัติ (คือเปนชื่อเฉพาะ) เชน อรรถกถา อปทาน ๒/๓๑๕ วา อคฺคชํ ปุปฺผมาทายาติ อคฺคชนามกํ ปุปฺผํ คเหตฺวา (ขอวา อคฺคชํ ปุปฺผมาทาย คือถือเอาดอกอัคคชะคือดอก คันทรง) อคฺคฺ (ติ.) ๑. บุคลพึงรูกันวาเลิศ วิ. อคฺคํ อิติ ชานิตพฺพนฺติ อคฺคฺํ (ทานอันบุคคลพึงรู วาเลิศ), อคฺคาติ ชานิตพฺพา สพฺพวํเสหิ เส- ภาวโตติ วา อคฺคฺา (บุคคลเขาพึงทราบวา เลิศ เพราะความเปนผูประเสริฐกวาวงศ ทั้งปวง), [อคฺค + า ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย, เท๎วภาวะ ]; ๒. อันเขาพึงกำหนด วาเลิศ (ติ.) วิ. อคฺคนฺติ ปมานิตพฺพนฺติ วา อคฺคฺํ (สิ่งใดอันเขาพึงกำหนดวาเลิศ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคฺคฺ) เชน ที.อ.๑/๔๕๕ วา มหาทานํ อคฺคฺํ รตฺตฺํ วํสฺนฺติ,
๑๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา [อคฺค + มา ธาตุ มาเน ในความนับถือ + อ ปจจัย, แปลง ม เปน ]; ๓. ผูรูวาเลิศ (ปุ.) วิ. อคฺคํ ชานาตีติ อคฺคฺโ (ผูใดยอมรูวาเลิศ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺคฺ), [อคฺค + า ธาตุ อวคมเน ในความรู + อ ปจจัย], แตใน อรรถ กถาปาฏิกวรรค วา คำวา อคฺคฺํ หมายถึง โลกบัญญัติสวนในฎีกาปาฏิกวรรคนนั้อธิบายวา อคฺคนฺติ ายตีติ อคฺคฺํ (ชื่อวา อคฺคฺ เพราะอรรถวา อันเขารูกันวาเปนพระสูตรอัน เลิศ) อีกประการหนึ่ง พึงทราบคำอธิบายวา ชื่อวา อัคคัญญสูตร เปนพระสูตรที่เปนไป เพราะอำนาจการแสดงเทียบเคียงโลกิยธรรมใน กาลกอน อคฺคโต (อัพ.) ขางหนา, ตอหนา, ในที่มีหนา พรอม (สมฺมุขตฺเถ), ศัพทวา เอกโต (ในที่ เดียวกัน), ปุรโต (ในที่ตอหนา), อคฺคโต (ในที่มี หนาพรอม) เปนตน เปนนิบาตลง โต ปจจัย ใชในอรรถปญจมีและสัตตมีวิภัตติ. อคฺคล (ปุ.) ดาล, กลอนประตู, ลิ่ม, สลัก, กลผาปะ, ผาดาม วิ. อคฺคติ กุฏิลํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อคฺคโฬ อคฺคลํ อคฺคฬํ ปลิโฆ ทฺวารกวาฏํ จ (สิ่งใดยอมคด คือยอมเปนไปคด เหตุนั้นสิ่งนั้นชื่อวา อคฺคฬ ไดรูปเปน อคฺคล บาง, หมายถึง ปลิฆ กลอน และ ทฺวารกวาฏ บานประตู บาง, [อคฺค ธาตุ คติโกฏิลฺเล ในความ ไปคด + ลง อล ปจจัย กจฺ.๖๖๕ รูป.๖๗๕ วา ปฏาทีหฺยลํ] วิ. ๒. ผาดาม, ผาปะ, ผาที่ควร ประกอบในที่สุด (นปุ.) วิ. อคฺเค อลนฺติ อคฺคลํ (ผาที่ประกอบในที่สุด ชื่อวา อคฺคล), [อคฺค + อล]. ใน สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา ๒/๑๒๑ วา อุทฺธริตฺวา อลฺลียาปนขณฺฑํ อคฺคฬํ (ผาดาม คือ ทอนผาที่ยกขึ้นดามติดไว) หมายความวา นำผา เกาที่ผุออกแลวดามใชผาปะติดไว อคฺคสาวก (ปุ.) ๑. พระอัครสาวก, ผูฟงธรรม อันเลิศ วิ. อคฺคํ ธมฺมํ สุณาตีติ อคฺคสาวโก (ผูใด ยอมฟงซึ่งธรรมอันเลิศ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อัครสาวก), [อคฺค + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + อาเทศ อุ เปน อาว + ณฺวุ ปจจัย รูป. ๕๗๐ วา อนกา ยุณวฺ ูน], บทนี้เปนสมาสมีกิตกเปนภายใน ํ ๒. สาวกผูเลิศ (ปุ.) วิ. อถ วา อคฺโค จ โส สาวโก จาติ อคฺคสาวโกติ วิคฺคโห กาตพฺโพ (อีกนัยหนึ่ง พึงทำการวิเคราะหวา พระสาวกนั้นดวย ผูเลิศดวย เหตุนั้นจึงชื่อวา อัครสาวก), นัย เดียวกันเชน อคฺคทกฺขิเณยฺโย เปนตน, อถ วา ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺโค อคฺคทกฺขิเณยฺโยติ วิคฺคโห กาตพฺโพ. อยํ อุตฺตรปทสฺส ปุพฺพนิปาตภาเวน วุตฺโต ทุราชานมคฺโค นาม ฉีตปฺปุริโสติ เวทิตพฺโพ (อีกนัยหนึ่ง พึงทำวิเคราะหวา ผูเลิศ กวาพระทักขิไณยบุคคลทั้งหลาย ชื่อวา อคฺคทกฺขิ- เณยฺย, นัยนี้พึงทราบวา เปนสมาสชื่อ ทุราชานมัคคฉัฏฐีตัปปุริสสมาส เปนสมาสที่มีทางรู ไดยาก เพราะทานกลาวไวโดยความที่บทหลัง วางไวขางหนาสลบักัน) อคฺคฬตฺถมฺภ (ปุ.) เสาสำหรับใสลิ่ม วิ. อคฺคฬํ นาม กวาฏโก, ตสฺส ถมฺโภ อคฺคฬตฺถมฺโภ, กปสีโส, กวาฏตฺถมฺโภติ อตฺโถ (ลิ่มสลักประตู ชื่อวา อคฺคฬ, เสาแหงลิ่มสลักประตูนั้น ชื่อวา อคฺคฬตฺถมฺภ, ไดแก ลิ่มไม หมายถึง ดาลประตู) อคฺคิ(ปุ.) ไฟ ๑. วิ. อคฺคติ กุฏิลํ คจฺฉตีติ อคฺคิ อคฺคินิ (สิ่งใดไปไมตรง คือไปคด เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อคฺคิ-ไฟ), [อคฺค ธาตุ กุฏิลคมเน ในความ เปนไปคด + ลง อิ ปจจัย รูป.๖๗๘ วา มุนาทีหิ จิ], ไดรูปวา อคฺคินิ บาง คือเมื่อลง สิ วิภัตติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙ หลัง อคฺคิ แลว แปลงที่สุดแหง อคฺคิ เปน อินิ รูป.๑๔๕ วา อคฺคิสฺสินิ; ๒. วิ. กุฏิลภาเวน อคติ คจฺฉตีติ อคฺคิ (สิ่งใดลุกวับไหว คือไปโดยความ ไมตรง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคฺคิ), [อค ธาตุ กุฏิลมฺหิ ในความคด + อิ ปจจัย, ซอน คฺ]; ๓. วิ. อชติ ชลมาโน กุฏิลํ คจฺฉตีติ อคฺคิ (สิ่งใด ไปคด คือลุกโชนขึ้นมีเปลวไปคด เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อคฺคิ), [อช ธาตุ คติโกฏิลฺเล ในความไป คด + อิ ปจจัย, แปลง ช เปน ค, ซอน ค]; ๔. อคติ กุฏิโล หุตฺวา คจฺฉตีติ อคฺคิ ปาวโก (สิ่งใดไปคด คือเปนสภาพคดลุกโชนขึ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคฺคิ ไดแก ไฟ), [อค ธาตุ กุฏิลคมเน ในความไปคด + ลง คิ ปจจัย ดวย สูตรโมคคัลลานะ โมคฺ. ๗/๓๔ วา อคา คิ] บางแหงทานกลาววา อคฺคิ ไฟ หมายถึง อุตุ (ฤดู) เชน รโว จิตฺตคฺคิโช ศัพทนี้เปน อิการันต ในปุงลิงค, บทเหลานี้เปนชื่อของ อคฺคิ (ไฟ) นั้น ไดแก ชาตเวโท, สิขี, โชติ, ปาวโก, ทหโน, อนโล, หุตาวโห, อจฺจิมา, ธูมเกตุ, คินิ, เตโช เปนตน, แตในพระบาลีปรากฏบทที่เปนไวพจน ของ อคฺคิ ๓ บทไดแก อคฺคิ คินิ อคฺคินี, ใน ๓ บทนี้ อคฺคินิ (อคฺคิ + สิ แปลง สิ เปน นิ บาง) โมคฺ.๒/๑๔๗ วา สิสฺสคฺคิโต นิ, ในเพราะ พยัญชนะ ลบ สระหนา สำเร็จรูปเปน คินิ โมคฺ.๑/๔๗, นิรุตฺติ.๓๓ วา ตทมินาทีนิ, แตใน สันสกฤตมีรูปวา อคฺนิ อคฺคิชาลา (อิตฺ.) ๑. เปลวไฟ วิ. อคฺคิโน ชาลา อคฺคิชาลา อจฺจิ (เปลวแหงไฟ ชื่อวา อคฺคิชาลา ไดแก เปลวไฟ); ๒. บัวชนิดหนึ่ง แปลกันวา บัว สัตตบุษย คลายสัตตบงกชแตดอกสีขาว. ผักปลาบ, ผักเปลว, ผักแผว ก็วา, วิ. อคฺคิชาลสมานปุปฺผตาย อคฺคิชาลา ธาตกี (บัวชื่อวา อคฺคิชาลา เพราะมีดอกคลายเปลวไฟ), [อคฺคิ + ชาลา]. บันทึก : ฉลาด บุญลอย และคณะ วา พืชชนิดหนึ่งดอกสีแดงใชปรุงน้ำเมาหรือเปนยา ธาตุ มติของนาคะประทีปวา “สัตตบุด หรือผัก ปลาบ” อคฺคิมนฺถ (ปุ.) คันทรง, มะไฟ, คนทีสอ, ภังคี, เจตภังคี วิ. อคฺคิ มนฺถียเต อเนนาติ อคฺคิมนฺโถ กณิกา, กเหิ ฆํสิยมาโน อคฺคิ อุหตีติ อตฺโถ (ไฟถูกเสียดสีใหลุกขึ้นดวยไมนั่น เหตุนั้น ไมนั้น ชื่อวา อคฺคิมนฺถ ไดแก คนทีสอ หมายความวา เขาใชไมสีกันทำไฟลุกขึ้น), [อคฺคิ + มนฺถ ธาตุ มนฺถเน เปนไปในความกวน + ณ ปจจัย] อคฺคิยาคาร (นปุ.) เรือนไฟ, โรงไฟ วิ. อคฺคิโน อคารํ อคฺคิยาคารํ, อคฺยาคารํ วา, อคฺคิสาลา (เรือนแหงไฟ ชื่อวา เรือนไฟ สำเร็จรูปเปน อคฺคิยาคารํ, อคฺยาคารํ ไดแก โรงไฟ), คำวา อคฺคิยาคารํ อาเทศ อิ เปน อิย รูป. ๓๐ วา ฌลานมิยุวา สเร วา, คำวา อคฺยาคารํ พยัญชนะ ซอนกัน ๓ ตัว ลบพยัญชนะที่มีรูปเสมอกัน อคฺคิเวสฺสน (ปุ.) ผูนับถือไฟ, ชื่อนิครนถนาฏ บุตร สัจจปริพาชก ทีฆนขปริพาชก และ สามเณรอจิรวต วิ. อคฺคึ วิเสเสน สนติ สมฺภชตีติ อคฺคิเวสฺสโน (ผูใดนับถือไฟ โดยพิเศษ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อคฺคิเวสฺสน); [อคฺคิ + วิ + สน ธาตุ สมฺภตฺติยํ ในความสมคบ + ณ ปจจัย, แปลง อิ ที่ วิ เปน เอ, ซอน ส], บันทึก : มงฺคลตฺถทีปนี ๒/๓๑๑ วา อคฺคิเวสฺสโนติป ตสฺเสว นามํ (แมคำ วาอัคคิเวสสนะ ก็เปนชื่อของนิครนถนั้น เหมือนกัน), อคฺคิเวสฺสายน (ปุ.) เหลากอแหงอัคคิเวสสะ วิ. อคฺคิเวสฺสสฺส อปจฺจํ อคฺคิเวสฺสายโน (เหลา กอแหงอัคคิเวสสะ ชื่อวา อคฺคิเวสฺสายน), [อคฺคิ-
๒๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เวสฺส + ณายน แทน อปจฺจ ศัพท], ปาฐะวา อคฺคิเวสฺสาโน ก็มี ลง ณาน ปจจัย. ใน สทฺทนีติ สุตฺตมาลา อธิบายสูตร ๕๘๘ วา บัณฑิตประสงค อุทาหรณวา อคฺคิเวสฺสน จากตัวอยางที่ปรากฏ ในพระบาลีวา อปสฺสุ มํ อคฺคิเวสฺสน ติสฺโส อุปมา ปฏิภํสุ. ฉบับแปล หนา ๔๘๓ วา ดูกอน อัคคิเวสสนะ อุปมา ๓ ขอ ปรากฏแจมแจงแลว นั่นเทียวแกญาณของเรา อคฺคิสฺิต (ปุ.) ตนเจตมูลเพลิง วิ. อคฺคิอิติ สฺายเตติ อคฺคิสฺิโต จิตฺตโก อคฺคิปริยายนามโก (ตนไมใดอันเขากำหนดวา เพลิง เหตุนั้น ตนไมนั้น จึงชื่อวา อคฺคิสฺต ไดแก ตน เจตมูลเพลิง), จิตฺตก กับ อคฺคิสฺต เปนคำ ไวพจนกัน, [อคฺคิ + สฺต] อคฺฆ (ปุ.) ตนทุน, มูลคา, คา, ราคา วิ. อคฺฆตีติ อคฺโฆ (ส่งิใดมีมูลคา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อคฺฆ); [อคฺฆ ธาตุ อคฺฆเน มูเลฺย วา ในการตีราคา หรือ มูลคา + อ ปจจัย], สวน อ ศัพท ในคำวา อนคฺฆา (ประมาณคาไมได) มีความหมายวา มาก (มหาตฺถวาจโก); ๒. การบูชา, ของบูชา (นปุ.) วิ. อคฺฆนํ ปูชนํ อคฺฆํ (การตอนรับ คือการ บูชา ชื่อวา อคฺฆ), [อคฺฆ ธาตุ ปูชายํ ในความ บูชา + อ ปจจัย, สำเร็จรูปเปน อคฺฆนํ อคฺฆนกํ บาง ลง ยุ ปจจัย]. อคฺค ศัพทมีความหมายวา ทรัพย, มูลคา (มูลธน) และ ปูชา (ปูชน); เปน ปุงลิงคและนปุงสกลิงค, อคฺฆสโมธาโนติ เอตฺถ ปน มูลปริจฺเฉโทติ ตสฺส อตฺโถ ทพฺโพ (สวนใน ขอควา อคฺฆสโมธาน พึงทราบวา อคฺฆ นั้นมี ความหมายวา การกำหนดมูลคา), มหาวคฺคอกถา วุตฺตํ อคฺฆนฺติ อติถิโน อุปนาเมตพฺพํ วุจฺจตีติ (ในอรรถกถามหาวรรค กลาวไววา ทาน เรียก สิ่งของที่เขานอมเขาไปเพื่อแขก วา อคฺฆ) มหาวคฺคฏีกายํ วุตฺตํ อคฺฆนฺติ ครุานิยานํ ทาตพฺพํ อาหารนฺติ (สวนในฎีกามหาวรรคอธิบาย วา คำวา อคฺฆ ไดแก ของควรใหที่พวกเขานอม นำไปเพื่อชนทั้งหลายผูดำรงอยูในฐานะที่เคารพ นับถือ), ปาฐะวา อคฺฆิ ก็มี, แปลวา การตอนรับ, ของตอนรับแขก, ของชำรวย ก็ได อคฺฆิย (นปุ.) ๑. การตอนรับ, การบูชา, ของ ตอนรับแขก วิ. อคฺฆนํ ปูชนํ อคฺฆิยํ, อคฺฆยมฺป (การตอนรับ คือการบูชา ชื่อวา อคฺฆิย บาง อคฺฆยํ บาง), [อคฺฆ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ณฺย ปจจัย, หรือลง อิย ปจจัยในความหมายวามี สิ่งนั้น ตอทาย อคฺฆ ศัพท], ปาฐะวา อคฺฆนกํ อคฺฆิกํ ก็มี, ๒. สถานที่ควรบูชา, เจติยสถาน (นปุ.) อีกนัยหนึ่ง พึงทราบวา คำวา อคฺฆิย หมายถึง เจติยสถาน คือสถานที่ควรบูชา อคฺฆิยํ นาม เจติยสณฺานํ ดังที่ทานวา อคฺฆิยตฺถมฺโภ (เสาอันควรบูชา) ในวิมติวิโนทนี ปรากฏคำวา ปุปฺผอคฺฆิยานีติ กูฏาคารสทิสานิ ปุปฺผเจติยานีติ. (คำวา ปุปฺผอคฺฆิยานิ ความวา เจดียดอกไม เชน กับเรือนยอด) อคฺยาหิต (ปุ.) ผูบูชาไฟ วิ. อาหิโต อคฺคิ เยน โส อคฺยาหิโต, อาหิตคฺคิ วา (ไฟอันพราหมณใด บูชาแลว เหตุนั้น พราหมณนั้นชื่อวา อคฺยาหิต หรือ อาหิตคฺคิ), แปลง อิ เปน ย, ลบพยัญชนะ สังโยคตัวตน, จัดเปน ทุราชานมคฺโค พหุพฺพีหิ สมาส เพราะอำนาจการสลับตำแหนงวิเสสนะ อคาธ (ติ.) ลึก, หยั่งไมได, หยั่งไมถึง, ที่ยืนไมได วิ. น คาธติ ปติฺาติ เอตฺถาติ อคาธํ คมฺภีโร (บุคคลหยั่ง คือยืนในที่นั้นไมได เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อคาธ-ที่ยืนไมได หมายถึง ลึก), ศัพทนี้เปนคุณนามได ๓ ลิงค, [น + คาธ ธาตุ ปติฺายํ ในความยืน + อ ปจจัย]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑ อคาร (ปุ.นปุ.) เรือน คือ ที่ไป วิ. อคนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ อคารํ (เจาของเรือนยอมไปในที่นั่น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อคาร), [อค ธาตุ กุฏิลคมเน ในความไปคด + ลง อาร ปจจัย ดวยสูตรแหง โมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๑๖๔ วา สิงฺคฺยงฺคาค มชฺชกลาลา อาโร]; ๒. เรือน คือ สิ่งยึดเสา เปนตนไว วิ. น คจฺฉนฺตีติ อคา ถมฺภาทโย. เต อเค ราติ คณฺหาตีติ อคารํ (เครื่องเรือนเหลาใด ยอมไมเคลื่อนที่ไป เหตุนั้น เครื่องเรือนเหลานั้น ชื่อวา อคา ไดแก เครื่องเรือนมีเสาเปนตน, สิ่งใดยอมยึดคือจับ อค คือเครื่องเรือนมีเสาเปน ตนนั้นไวเหตุนั้น ส่งินั้นชื่อวา อคาร-เรือน), [อค + รา ธาตุ คหเณ ในความจับ + อ ปจจัย], ปาฐะ วาวา อาคารํ ทีฆะ อ เปน อา ก็มี, อคาร ศัพท เปน ๒ ลิงค คือ ปุงลิงคและนปุงสกลิงค เปนไวพจนของ เคห, นิเวสน, สาลา อคาริก (ปุ.) ผูครองเรือน, คฤหัสถ, ชาวบาน, ผูอยูในเรือน วิ. อคาเร เคเห วสตีติ อคาริโก อาคาริโก (บุคคลใดอยูในเรือน คือเคหสถาน เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อคาริก หรือ อาคาริก), [ณิก ปจจัย แทน วสติ], ๒. ผูประกอบในเรือน วิ. อคาเร นิยุตฺโต อคาริโก, คหโ (ผูประกอบ ในเรือน ชื่อวา อคาริก ไดแก คฤหัสถ), [ณิก ปจจัย แทน นิยุตฺต], ตรงขามกับ อนคาริโก (ผู ไมไดครองเรือน ไดแก บรรพชิต) ปาฐะวา อคาริโย (ปุ.) อคาริยํ (นปุ.) ก็มีลง ณิย ปจจัย, หรือ แปลง ก เปน ย, รูปสำเร็จศัพทตัทธิต หลากหลายวิจิตร เพราะปจจัยมีเนื้อความ มากมาย, ดูศัพทวา อนคาริย ตอไป อฆ (นปุ.) ๑. ทองฟา, อากาศ, กลางหาว วิ. น หฺเตติ อฆํ คคนํ อากาโส จ (สิ่งใดไมถูก เบียดเบียน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฆ ไดแก ทองฟา และอากาศ), [น + หน ธาตุ หึสายํ ใน ความเบียดเบียน + อ หรือ ร ปจจัย], อีกนัย หนึ่ง แปลง หน เปน ฆ]; ๒. ที่ไมถูกเบียด, ที่ไม คับแคบ (อิตฺ) วิ. รุกฺขคจฺฉาทินา เกนจิ น หฺตีติ อฆา อพาธา, อสมฺพาธาติ อตฺโถ, (สิ่งใดอันอะไรๆ มีตนไม พุมไมเปนตนไมเบียด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ อฆา ไดแก ไมเบียดกัน หมายความวา ไมคับแคบ), [น + หน ธาตุ + อ ปจจัย]; ๓. ที่ไมกระทบกับอะไร (นปุ.) วิ. เกนจิ น ฆเฏตีติ อฆํ อนฺตลิกฺขํ (ที่ใดยอมไมกระทบ กับอะไรๆ เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อฆ ไดแก กลาง หาว), [น + ฆฏ ธาตุ สงฺฆาเต ฆฏเน วา ในความ กระทบ หรือในความเสียดสี + กฺวิ ปจจัย, ลบ ฏ]; ๔. ทุจริต คือ กรรมที่คนดีไมพึงถึง วิ. สาธูหิ น หนฺตพฺพนฺติ อฆํ ทุจฺจริตํ (กรรมใด อันสาธุชนทั้งหลายไมควรถึง เหตุนั้น กรรมนั้น ชื่อวา อฆ ไดแก ทุจริต), [น + หน ธาตุ คติยํ ใน ความไปความถึง + อ ปจจัย, แปลง หน เปน ฆ]; ๕. ทุกข และ กิเลส คือ สิ่งเปนเหตุใหสัตว ทำบาป (ปุ.นปุ.) วิ. อฆยนฺติ ปาป กโรนฺติ สตฺตา เอเตนาติ อฆํ ทุกฺขํ กิเลโส จ, อโฆ วา (สัตว ทั้งหลายสรางบาป คือทำบาปดวยธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อฆ ไดแก ทุกข และกิเลส), [อฆ ธาตุ ปาปกรเณ ในความกระทำ บาป + อ ปจจัย]. ๖. ทุกข (นปุ.) วิ. อฆยติ ทุกฺขยตีติ อฆํ. อฆยติ ทุกฺขากาเรน ปวตฺตตีติ อฆํ ทุกฺขํ (สิ่งใดใหทำบาป ใหกอทุกข เหตุนั้น ชื่อวา อฆ. สิ่งใดยอมใหทำบาป หรือเปนไปโดย อาการเปนทุกข เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฆ ไดแก ทุกข, [อฆ ธาตุ ปาปกรเณ ในการทำบาป + อ ปจจัย]; ๗. ทุกข คือ ภาวะที่ทำลายสิ่งที่ ปรารถนา (นปุ.) วิ. อิจฺฉิตํ หนตีติ อฆํ ทุกฺขํ
๒๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (ภาวะใดทำลายสิ่งที่ปรารถนา เหตุนั้น ภาวะนนั้ ชื่อวา อฆ ไดแก ทุกข), [อิจฺฉิต + หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย, ลบ จฺฉิต, แปลง อิ เปน อ, หน เปน ฆ]; ๘. ทุกข, ความ ฉิบหาย, สภาพที่ไมไปสูความสำราญ (นปุ.) วิ. น หนฺติ ธฺมิติ อฆํ ทุกฺขํ พฺยสนฺจ (สภาวะ ใดยอมไมไปสูความสำราญ เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อฆ คือ ทุกข และความฉิบหาย), [น + หน ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย, แปลง หน เปน ฆ]; ๙. ทุกข, ปาป, ภาวะที่บีบคั้น กดดันอยางแรงกลา วิ. ภุโส หนติ พาธตีติ อฆํ ทุกฺขํ ปาปฺจ (ภาวะใดยอมบีบคั้นกดดันอยาง แรงกลา เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อฆ ไดแก ทุกข และ บาป), [อา + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย + แปลง หน เปน ฆ, รัสสะ อา เปน อ ตามบทสำเร็จที่ปรากฏ] อฆาวี (ปุ.) คนเปนทุกข, คนบาป วิ. อฆํ ทุกฺขํ ปาป วา คจฺฉตีติ อฆาวี (ผูใดยอมถึงซึ่ง อฆ คือ ถึงซึ่งทุกข หรือบาป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฆาวี), [อฆ + อาวี ปจจัย ดวยสูตรแหงนิรุตติทีปนี นิรุตฺติ.๕๕๒ วา ทิสฺสนฺตฺเป ปจฺจยา], ในฎีกา มหาวรรค วา อฆํ ทุกฺขํ อาเวนฺติ ปกาเสนฺตีติ อฆาวิโน, ปากฏีภูตทุกฺขาติ. (ชนเหลาใดเผย ทุกข หรือทำทุกขใหปรากฏตัวชัดแจง เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อฆาวี-ผูมีทุกขไดแกผมูีทุกข ปรากฏ) องฺก (ปุ.) ๑. เครื่องหมาย, ลักษณะที่ใชกำหนด, เลขบอกจำนวน, เลขบอกหนา วิ. อํกิยเต ลกฺขิยเต อเนนาติ องฺโก ลฺฉนํ ลกฺขณํ, จิหนนตฺิ อตฺโถ (หนาหนังสือเปนตน อันบุคคลยอม กำหนดหมายดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา องฺก ไดแก เครื่องหมาย ลักษณะที่ใชกำหนด หมายความวา รอยที่กำหนดหมาย), [อํก ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด + อ ปจจัย, แปลง นิคหิตเปน งฺ]; ๒. ชายพก, ตัก, สะเอว, แขน, หัวไหล วิ. องฺกียเต คจฺฉียเตติ องฺโก, อุจฺฉงฺคํ พาหุ อํสกูโฏ วา (สิ่งใดอันเขาไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา องฺก ไดแก ชายพก, ตัก, สะเอว, แขน หรือ หัวไหล), [องฺค ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] องฺค ธาตุ ใชในความหมายวา รู ก็ได เชน วิ. สมุทิตานํ ฌานธมฺมานํ อวยวภาเวน องฺคิยนฺตีติ องฺคานิ, อวยวานิ, องฺค วิชานเนติ ธาตุ (ธรรมมีวิตกเปนตน เหลาใด อันบัณฑิต ยอมรูโดยความเปนสวนประกอบแหงฌานธรรม ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแลว เหตุนั้น ธรรมเหลานั้นจึง ชื่อวา องฺคานิ ไดแก สวนประกอบ, องฺค ธาตุ ใน อรรถวารู) นัย.อภิธัมมัตถวิภาวินี วิ. องฺกียเต ลกฺขียเตติองฺโก องฺกนํ อุจฺฉงฺโค จ [สิ่งใดอันเขา กำหนดหมาย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา องฺก ไดแก เครื่องหมาย และสะเอว], [องฺก หรือ อกิ ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด + อ ปจจัย], ทั้ง ๒ นัย นี้เปน ปุงลิงคและนปุงสกลิงคในคัมภรีอมรโกส วา อุจฺฉงฺคจิหเนสฺวงฺโก (องฺก หมายถึง ตัก และ เครื่องหมาย) สวนในอภิธานปฺปทีปกาฏีกา อธิบายสูตร ๑๐๘๙ วา อปราเธ นาฏกปริจฺเฉเทป องฺโกติ (องฺก ใชในความหมายวา ความผิด, นักฟอน, การกำหนด); บางอาจารย แปล องฺก วา ตัก, พก, เอว, บั้นเอว, สะเอว, ขาง, สีขาง ก็มี องฺกน (นปุ.) การนั่ง, ที่นั่ง, ตัก, การกำหนด, หมาย, เครื่องหมาย, การทำเครื่องหมาย, การ ประทับตรา วิ. องฺกิยเตติ องฺกนํ อาสนํ, องฺโกติ อตฺโถ (อันเขายอมกำหนด เหตุนั้น ชื่อวา องฺกน ไดแก อาสนะ-การนั่ง) หมายถึง องฺโก เชน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓ คำวา ปลฺลงฺโก (ที่นั่ง), [อกิ ธาตุ ลกฺขเณ ใน ความกำหนด + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน + นิคหิตอาคมเปนตน] องฺกฺย (ปุ.) ชื่อกลองพิเศษชนิดหนึ่ง, ตะโพน, กลอง, โทนเล็ก, กลองสองหนา, กลองอังกยะ วิ. องฺเก อุจฺฉงฺเค ภโว สาธุ วา องฺโกฺย มุทิงฺโค (กลองที่มี หรือเหมาะจะวางที่หนาตัก หรือเอว ชื่อวา กลองอังกยะ ไดแก มุทิงค-ตะโพน), [องฺก + ณฺย ปจจัย] องฺกิต (ปุ.) เครื่องหมาย, อันเขากำหนดแลว วิ. องฺกียิตฺถ สลฺลกฺขียิตฺถาติ องฺกิโต ลกฺขิโต (สิ่ง ใดอันเขากำหนดหมายแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา องฺกิต-อันเขากำหนดแลว) เชน จกฺเกนงฺกิตปาท ในมหาวงศ๒/๑๒๕ วา จกฺเกนงฺกิตปาเทหิ (พระบาทอันเขากำหนดแลวดวยจักร), [อกิ ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด + ต ปจจัย + อิ อาคม + นิคหิตอาคม แปลงเปน งฺ ที่สุดวรรค] องฺกุร (ปุ.) ๑. หนอเนื้อ, เชื้อสาย, ผูอันเขา กำหนด วิ. องฺกียติ ลกฺขียตีติ องฺกุโร พีชปสโว (สิ่งใด/ผูใดอันเขากำหนดหมายไว เหตุนั้น สิ่งนั้น/ผูนั้น ชื่อวา องฺกุร), เชน พุทฺธพีชํ-เชื้อ สายของพระพุทธเจา เรียกวา พุทฺธงฺกุโรติ, [อํก/ องฺก/อกิ ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด + ลง อุร ปจจัย ดวยสูตรแหงโมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๑๔๗ วา มนฺทงฺกสสาสมถจตา อุโร, แปลง นิคหิตเปน ง]; ๒. หนอไม, ตนกลา, ตนออน, ตนไมอันเขา กำหนดวาเกิดใหมๆ (ปุ.นปุ.) วิ. องฺกียติ รุกฺโข นวํ อุคฺคโตติ ลกฺขียติ เอเตหีติ องฺกุรา นวุพฺภินฺนา (ตนไมอันเขาหมายไว คือกำหนดวา งอกขึ้นใหม ดวยสิ่งทั้งหลายเหลานั้น เหตุนั้น สิ่งน้ันจึงช่ือวา องฺกุร-ตนออนงอกขึ้นใหมๆ) เชน ปตสิงฺคิ- เวราทีนํ องฺกุรา (หนอขิงที่เก็บไวเปนตน), [องฺก ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด + อุร ปจจัย]. องฺกุร เปน ปุงลิงคและนปุงสกลิงคใชใน ความหมายวา กีร-หนอไม, วํส-วงศ, องฺกุรเชื้อสาย, สวนที่เปนนามบัญญัติคือชื่อเฉพาะ เปนปุงลิงค ปาฐะวา องฺคุโร ก็มี องฺกุส (ปุ.นปุ.อิต.) ๑. ขอสับชาง, ขอ, ไมขอ สอยผลไม, อุปกรณสำหรับเกี่ยวหรือสับ วิ. อฺเ องฺกติ อเนนาติ องฺกุโส คชปโตโท, องฺกุสํ วา (ควาญชางกำหนดชางอื่นดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั่นชื่อวา องฺกุส ไดแก ขอของควาญชาง), เปน องฺกุสํ (นปุ.) บาง เชน ภทฺทปํ องฺกุสํ โตมโร, [อํก ธาตุ ลกฺขเณ ในการกำหนด + ลง สกฺ ปจจัย ดวยสูตรโมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๒๑๕ วา ผสฺสาทโย, แปลง อ ที่ ก เปน อุ], พึงทราบ วาศัพทนี้ เปน อิตถีลิงค ก็มี เพราะมีตัวอยางวา ทณฺเฑเนเก ทมยนฺติ องฺกุสาหิ กสาหิ จ (พวก หนึ่งยอมสับชางและมา ดวยใชทอนไมบาง ใช ขอบาง ใชแสบาง) แตในปจจุบันนี้ ในคัมภีร ทั้งหลาย โดยมากปรากฏวา องฺกุเสหิ องฺกุเสภิ ๒. ขอ, ขอเหล็กใชแทง (ปุ). วิ. มุขฺยโต องฺเก วิชฺฌนาเน อุทฺธโฏ อสติ อนฺโต ปวิสตีติ องฺกุโส (สิ่งใดเขายกขึ้นแทงไปขางหนาเขาไปที่ เปาหมายคือที่เหมาะสำหรับแทง คืออุปกรณที่ แทงเขาไปขางใน เหตุนั้น อุปกรณนั้นชื่อวา องฺกุส), [องฺก + อุ + อส ธาตุ ปวิสเน ในความ เขาไป + อ ปจจัย] องฺกุสก (ปุ.) อังกุสกนัย, อังกุสนัย, นัยเหมือน ขอชาง วิ. องฺกียเต ลกฺขียเต อเนนาติ องฺกุโส (ชางอันเขากำหนดดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา องฺกุส), [องฺก ธาตุ ลกฺขเณ ในความกำหนด +อุส ปจจัย], คชมตฺถกมฺหิ วิชฺฌนกณฺฑโก (องฺกุส หมายถึง ขอแหลมที่ใชแทงหัวชาง)
๒๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วิ. องฺกุโส วิยาติ องฺกุสโก (นัยใดเหมือนขอชาง เหตุนั้น นัยนั้น ชื่อวา องฺกุสก), [ก ปจจัย สทิสตฺเถ ใชในอรรถวาเหมือน), ปาฐะวา องฺกุโส ก็มีบาง, แตในที่นี้ ผูศึกษาพึงวิเคราะหวา อาโลจิตานํ ธมฺมานํ อตฺถนยตฺตยโยชเน สมานยนโต องฺกุโส วิยาติ องฺกุโส นโย (อังสกนัย คือนัยที่เหมือนขอ เพราะเกี่ยวธรรมที่ สอดสองแลวมารวมกันไวในการประกอบนัยที่ แสดงขอความ) เนตติอรรถกถา, ฉบับแปล หนา ๖๑ องฺโกร (ปุ.) ไมปรู, ชื่อตนไมขนาดกลางถึง ขนาดใหญ, ปลู, มะเกลือกา วิ. อํกิยเต ลกฺขิยเต อเนนาติ องฺโกโร ลิโกจโก (ปาอันเขากำหนด หมายดวยตนไมนั้น เหตุนั้น ตนไมนั้น ชื่อวา องฺโกร ไดแก ตนปรู), [อํก ธาตุ ลกฺขเณ ในความ กำหนด + โอร ปจจัย, แปลง นิคหิตเปน งฺ] หนอ, หนอไม, เชื้อสาย ก็วา องฺโกล (ปุ.) ไมปรู, ชื่อตนไมขนาดกลางถึง ขนาดใหญ, ปลู, มะเกลือกา วิ. อํกิยเต ลกฺขิยเต กีลเกหีติ องฺโกโล ลิโกจโก (ตนไมใดอัน พวกเลนสนุกหมายปอง เหตุนั้น ตนไมน้ันชื่อวา องฺโกล ไดแก ตนปรู) เชน ขุ.อป. ๓๒/๑๙๗/ ๒๙๔ วา องฺโกลํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา (เห็นตนปรู มี ดอกบานสะพรั่ง), [อํก ธาตุ + โอล] องฺค (ปุ.นปุ.) ๑. เหตุ, กาย, อวัยวะ, ความถึง พรอมดวยทรัพย วิ. องฺคิยเต ายเต อเนนาติ องฺคํ เหตุ, องฺโค ธนสมฺปตฺติ (ผลอันเขารูคือ ทราบไดดวยภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา องฺค ไดแก เหตุ, หรือเปน องฺโค ปุ. หมายถึง ความถึงพรอมดวยทรัพย), [องฺค ธาตุ าเณ ใน ความรู + อ ปจจัย]; ๒. เหตุ (นปุ.) วิ. องฺเคติ คเมติ อตฺตโน ผลํ าเปตีติ องฺคํ เหตุ (ภาวะใด ใหทราบผลของตน เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา องฺค ไดแก เหตุ), [องฺค ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย, นัยนี้นับเปนการิต (ใหทราบ); ๓. สวน, อวัยวะ, เครื่องประกอบ, ชั้น, พื้น (นปุ.) วิ. องฺคียติ ายติ ปุถุลภาโว เอเตนาติ องฺคํ ปริกฺเขโป (ความแตกตางกันอันเขากำหนดรูได ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา องฺค ไดแก สวนประกอบ), [องฺค ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย]. ๔. หมู, สิ่งที่รู (นปุ.) สมุทาโย องฺคิยเต ายเต อเนนาติ องฺคํ (หมูชื่อวา องฺค เพราะ เปนเครื่องกำหนดรู), [อคิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ลง อ ปจจัย ดวยสูตร รูป. ๕๖๘ วา สพฺพโต ณฺวุตฺวาวี วา, ลงนิคหิตอาคมตนธาตุ แปลงเปน งฺ], วิ. องฺคียติ อวยวภาเวน ายตีติ องฺคํ, องฺค คมเนติ ทณฺฑกปฺปกรเณ อาคตธาตุ, กมฺมนิ ณปจฺจโย (สิ่งนั้นอันเขากำหนด คือรูไดโดยความ เปนองคประกอบ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา องฺคองค, องฺค ธาตุ มาในคัมภีรทัณฑกปกรณวาใช ในความไป, ณ ปจจัย เปนกัมมสาธนะ) ๕. อวัยวะ (ปุ.นปุ.) อวยวภาเวน องฺคิยตีติ องฺคํ, องฺโค วา, สิ่งใดอันเขากำหนดรู โดยความเปน อวัยวะ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ องฺคํ หรือ องฺโค) เชน องฺโค อวยโว, [องฺค ธาตุ าเณ ในความรู] วิ. หตฺถปาทกณฺณนาสจกฺขาทิสรีราวยวฺจ ชีวิตินฺทฺริยปฏิพทฺธสกลสรีรฺจ องฺคติ คจฺฉติ กาเยติ องฺโค, จกฺขาทิสรีราวยโว (องคประกอบ ของรางกายมีมือ เทา หู จมูก ตา เปนตน และ รางกายทั้งสิ้นที่เนื่องกับชีวิตินทรียใด ยอม เปนไปในกาย องคประกอบนั้นชื่อวา องฺค ไดแก สวนประกอบของรางกายมีตาเปนตน), [อคิ ธาตุ ยํ ในความไป + อ ปจจัย] ๖. รางกาย (นปุ.) วิ. เสภาวํ อชติ คจฺฉตีติ องฺคํ (สิ่งใดไปถึง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕ ความประเสริฐได เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา องฺค), [อช ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย, แปลง ช เปน ค, ลงนิคหิตเปนตน] ๗. รางกาย วิ. องฺคติ คจฺฉตีติ องฺคํ วปุ (สิ่งใดเดินไปได เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา องฺค ไดแก รางกาย), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย] ๘. เหตุ, มูลเคา, เปนเหตุ (ปุ.นปุ.) วิ. องฺคติ คจฺฉติ ผลนิพฺพานํ เอเตนาติ องฺคํ การณํ (บุคคลบรรลุ ถึงพระนิพพานอันเปนผลดวยสภาวะนั่น เหตุนั้น ชื่อวา องฺค) เชน มคฺคงฺคํ (มูลเคาแหง มรรค), [อคิ ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย], ปาฐะวา องฺโค (ปุ.) ก็มี เชน อริยสาวกสฺส องฺโค การณํ (มูลเคาคือเหตุแหงอริยสาวก) สติ- สมฺโพชฺฌงฺโค (มูลเคาคือเหตุแหงการตรัสรูคือ สติ), องฺค ศัพทเหลานี้ใชในความหมายวา วปุ- กาย, อวยว-อวัยวะ, เหตุ-มูลเคา; ๙. องฺค (นปุ.) คือ ภวังคจิต วิ. องฺคยติ เหตุภาเวน ปวตฺตตีติ องฺคํ ภวงฺคจิตฺตํ (จิตใดไป คือดำเนินไป เพราะ เปนเหตุ เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา องฺค ไดแก ภวังคจิต), [องฺค ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย] ๑๐. องฺค (นปุ.) คือ สรีระ, รางกาย วิ. องฺคมสฺส อตฺถีติ องฺคํ, สรีรํ (องคคือภวังคจิต ของธรรมชาตินั้นมีอยู เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา องฺค ไดแก สรีระ), ลง ณ ปจจัย ดวยสูตร รูป.๔๐๕ วา สทฺธาทิโต ณ] เชน องฺค ศัพทในคำ วา มาตงฺค ในขอวา มาตงฺโค มหนฺโต องฺโค สรีรเมตสฺสาติ กตฺวาติ (ชื่อวา มาตงฺค เพราะ วิเคราะหวา มีตัวใหญ), ในคัมภีรนานัตถสังคหะ (อางถึงในอภิธานัปปทีปกาฎีกา-สูจิ) วา องฺคํ คตฺตนฺติโกปาย- ปติเกสฺวปฺปธานเก องฺคเทสวิเสสมฺหิองฺคา สมฺโพธเนพยฺยํ (องฺคํ นปุงสกลิงค ใชในความหมายวา คตฺต รางกาย, อนฺติก ปลาย, สุด, ใกล, ชิ้นสวน อุปาย เหตุ, ทาง ปติก สำคัญ, ใหญ, ประธาน อปฺปธาน ไมสำคัญ, เล็ก, รอง) องฺคา เปน ปุงลิงค พหุวจนะ หมายถึง แควนอังคะ, องฺค เปนอัพยยศัพทคือนิบาต สมฺโพธเน ใชในการ เรียกใหรูตัว) ๑๑. ชนบทชื่อวาอังคะ (ปุ.) วิ. องฺคนฺติ คจฺฉนฺตีติ องฺคา (ชนบทใดยอมดำเนินไป เหตุนั้น ชนบทนั้นชื่อวา องฺค), [องฺค ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย], องฺค ศัพทที่เปนชื่อ ชนบท มักประกอบดวยพหุวจนะ เชนคำวา องฺเคสุ (ในชนบทชื่ออังคะ), วิ. องฺคา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสนฺนิวาโส เอโกป ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน องฺคาติ วุจฺจติ (พระราช กุมารทั้งหลาย ชาวชนบทชื่อวา อังคะ, ชนบทที่ อยูของพระราชกุมารเหลานั้น แมเปนชนบท เดียวทานก็เรียกวา องฺคา-อังคะทั้งหลาย เพราะ เปนรุฬหีศัพท) ๑๒. เชิญเถิด (อพฺ.) อปจ องฺคสทฺโท อามนฺตเน นิปาโต (อีกประการหนึ่ง องฺค ศัพทเปนนิบาตในความเชื้อเชิญ) องฺคชนปท (ติ.) ชนบทชื่อวาอังคะ วิ. องฺคา จ เต ชนปทฺจาติ องฺคชนปทํ (เมืองอังคะนั้นดวย ชนบทดวย ชื่อวา องฺคชนปท), เปน กมฺมธารยสมาส, วิสทิสลิงฺควจนาป สทฺทา เอกตฺถา โหนฺติ (ศัพททั้งหลาย แมกลาวตางลิงคและวจนะกัน แตก็มีความหมายเดียว) นัยเดียวกัน มคธรํ, กาสิรํ องฺคชาต (นปุ.) อวัยวะในที่ลับ, องคชาต, อวัยวะเพศ ๑. วิ. อิตฺถิโย ปุริสา วา องฺคิยนฺติ ายนฺติ เอเตนาติ องฺคํ (สตรีหรือบุรุษ อันเขารู ไดดวยอวัยวะนั่น เหตุนั้น อวัยวะนั้นชื่อวา องฺค)
๒๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วิ. องฺคํ หุตฺวา ชาตํ, รหสฺสงฺคภาเวน วา ชาตนฺติ องฺคชาตํ (สิ่งที่เกิดกลายเปนองค หรือเกิดโดย ความเปนของลับ ชื่อวา องฺคชาต) ๒. วิ. องฺเค สรีเร ชาตํ องฺคชาตํ ปุริสาทินิมิตฺตํ (นิมิตที่เกิดที่ สรีระ ชื่อวา องฺคชาต ไดแก เครื่องเพศแหงบุรุษ เปนตน), อวัยวะอื่นๆ ที่เหลือในรางกายนี้ ก็เปน อยางนั้น แตคำนี้ใชเรียกอวัยวะนั้น เพราะเปน รุฬหีศัพท, [องฺค + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ต ปจจัย, แปลง ชน เปน ชา] อนึ่งคำตอไปนี้ เปนไวพจนของ องฺคชาต ไดแก รหสฺสงฺคํ, วตฺถุคยฺหํ, เมหนํ องฺคณ (นปุ.) กิเลสชื่ออังคณะ ๑. กิเลสเปนเหตุ ถึงความเปนคนชั่ว วิ. ตํสมงฺคี สตฺตา หีนภาวํ องฺคนฺติ คจฺฉนฺติ เอเตนาติ องฺคณํ กิเลโส (สัตว ทั้งหลายผูประกอบดวยกิเลสนั้น ถึงความเปน คนชั่วดวยกิเลสนั่น เหตุนั้น กิเลสนั่นจึงชื่อวา องฺคณ-ไดแก กิเลส) เชน ราโค องฺคณํ. (ราคะ ชื่อวาอังคณะ) วิ. องฺคติ คจฺฉติ เอเตนาติ วา องฺคณํ (อีกนัยหนึ่ง ชนยอมไปดวยกิเลสนั่น เหตุนั้น กิเลสนั้นจึงชื่อวา องฺคณ), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ยุ ปจจัย], ๒. ทางสี่แพรง (นปุ.) วิ. องฺคติ คจฺฉติ เอตฺถาติ องฺคณํ จจฺจรํ. (คนเดินทางยอมไปในที่นั่น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา องฺคณ ไดแก ทางสี่แพรง), ๓. ที่ไปแหงราคะ เปนตน (นปุ.) วิ.ราคาทโย องฺคนฺติ เอตฺถาติ องฺคณํ (กิเลสมีราคะเปนตนไปในกิเลสนั่น เหตุ นั้น กิเลสนั้นชื่อวา องฺคณ), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + ยุ ปจจัย], ๔. กิเลสย่ำยีที่อาศัยของ ตน (ปุ.) อตฺตโน นิสฺสยํ องฺคนฺติ มตฺเถนฺตีติ องฺคณา, กิเลสา ราคโทสโมหา (กิเลสเหลาใดย่ำ ยีที่อาศัยของตน เหตุนั้นกิเลสเหลานั้นชื่อวา องฺคณ ไดแกกิเลส คือราคะ โทสะ โมหะ), [องคฺ ธาตุ มตฺถเน ในความย่ำยี + ยุ ปจจัย], ๕. มลทินเปนตนที่แปดเปอน, เปอกตม (นปุ.) วิ. อฺชติ มกฺเขติ อฺชติ วา สมฺมกฺเขตีติ องฺคณํ มลาทิ (สิ่งใดทาคือแปดเปอน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อ วา องฺคณ ไดแก มลทินเปนตน) เชน รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย (ละธุลีหรือเปอกตม) [อฺช ธาตุ มกฺขเน ในความทา + ยุ ปจจัย, แปลง ฺช เปน งฺค] ๖. ลาน, เนิน อฺชติ ตตฺถ ิตํ อติสุนฺทรตาย อภิพฺยฺเชตีติ องฺคณํ วิวโฏ ภูมิปฺปเทโส (สิ่งที่ตั้งอยูที่นั้นยอมปรากฏโดดเดน คือทำใหชัดเจนยิ่ง เพราะความเปนสิ่งที่ดียิ่ง เหตุนั้น จึงชื่อวา องฺคณ ไดแก ลานที่โลง คือภูมิ ประเทศแหงหนึ่ง) เชน เจติยงฺคณํ (ลานพระ เจดีย), [อฺช ธาตุ อฺชเน ในความปรากฏ แจงชัด + ยุ] (นัยนี้พึงดูคัมภีร สารตฺถทีปนีฏีกา ๑/๑๙๔, มูลปณฺณาสฏีกา ๑/๓๐๗), ๗. กิเลส เปนเหตุถึงความเปนคนชั่ว (นปุ.) สวนใน อภิธมฺมตฺถวิภาวินิยา อตฺถโยชนา ๑/๑๘ วา องฺคนฺติ เอเตหิ ตํสมงฺคิปุคฺคลา [สตฺตา] นิหีนภาวํ คจฺฉนฺตีติ องฺคณา [องฺคณานิ] (ชนทั้งหลายที่ ประกอบดวยกิเลสมีราคะเปนตนนั้นยอมไปคือ ถึงความเปนคนเลวดวยกิเลสมีราคะเปนตน เหลานั้น เหตุนั้น กิเลสทั้งหลายเหลานั้น จึงชื่อ วา องฺคณา [คือ องฺคณานิ, แบบแจก อ การันต ใน นปุ. ตามคัมภีรสัททศาสตร รูปวา จิตฺตา, จิตฺตานิ ก็มี] ไดแก ราคะ โทสะ เปนตน, [อค ธาตุ คติยํ ในความไปความถึง + ลง ยุ ปจจัย กรณสาธนะ ดวยสูตรแหงปทรูปสิทธิ รูป.๕๙๗ วา กตฺตุกรณปฺปเทเสสุ จ, อาเทศเปน อน ดวย สูตร รูป.๕๗๐ วา อนกา ยุณฺวูนํ, แปลง น เปน ณ ดวยสูตร รูป.๕๕๐ วา รหาทิโต ณ, นำไป ประกอบกัน ดวยสูตร รูป.๑๔ วา นเย เปนตน,
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๗ ลงนิคหิตตนธาตดุวยมหาสูตร รูป. ๓๗๐ วา เตสุ วุทฺธิ เปนตน แปลงนิคหิตเปนพยัญชนะทาย วรรค ดวยสูตร รูป. ๔๙ วา วคฺคนฺตํ วา วคฺเค, ลง โย วิภัตติ, แปลง โย เปน อา ดวยสูตร รูป.๖๙ วา สพฺพโยนีนมาเอ, แยกพยัญชนะ นฺ ออกสระ อ ดวยสูตร รูป. ๑๒ วา ปุพฺพมโธ เปนตน, ลบสระ อ หนา ปกติสระ อา หลัง ดวย สูตร รูป.๖๗ วา สรโลโป เปนตน, นำไปประกอบ กัน ดวยสูตร รูป.๑๔ วา นเย เปนตน, สวนการ แยกธาตุปจจัยไดแสดงไวแลว ดูนัยที่ ๑; องฺคณ ศัพท ใชในความหมายวา ภูมิภาเค (เนิน, ลาน) กิเลเส (กิเลส) มเล (มลทิน, ธุลี) ปงฺเก (เปอก ตม). ๘. จุดตกกระ, ตอม, ปม (นปุ.) มีเรื่องควร แสดงไวอีกเล็กนอย คือใน อรรถกถามูลปณณาสก ๓/๕๑๓ วา องฺคณนฺติ ตตฺถ ชาตกํ ติลกํ วา ปฬกํ วาติ (บทวา องฺคณํ ไดแก จุดตกกระหรือ ตอมที่เกิดบนใบหนานั้น), ใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปลหนา ๗๔) สรุปความหมายของ องฺคณ ศัพทวา ราคาทีสุ กิเลเสสุ ปงฺเก กายมลมฺหิ จ วิวเฏ ภูมิภาเค จ องฺคณนฺติ รโว คโตติ (องฺคณ ศัพท ใชในความหมายวา กิเลสมีราคะ เปนตน เปอกตม, สิ่งปฏิกูลในรางกาย และพื้นที่ โลงเตียน) องฺคท (นปุ.) ทองตนแขน, กำไลตนแขน, เครื่องประดับแขน. วิ. องฺคํ ทายติ โสเธตีติ องฺคทํ เกยูรํ, พาหุมูลวิภูสนนฺติ อตฺโถ (เครื่องประดับใด ชำระรางกายใหสะอาด เหตุนั้น เครื่องประดับ นั้น ชื่อวา องฺคท ไดแก เกยูร-ทองตนแขน หมายถึง เครื่องประดับตนแขน), [องฺค + ทา ธาตุ โสธเน ในความชำระใหสะอาด + อ ปจจัย] ใน มูลปณฺณาสฏีกา ๒/๑๕๑ วา องฺคทํ นานาคนฺธคนฺธิตํ, เกวลํ วา สุวณฺณมยํ พาหุวลยนฺติ (องฺคท คือเครื่องประดับแขนรอยจากทองเล็ก ตางๆ ชนิด หรือทำจากทองทั้งหมด) องฺคนา, -ณา (อิตฺ.) ๑. หญิงสาว, ผูหญิง วิ. องฺคติ คจฺฉตีติ องฺคนา องฺคณา วธู (หญิงที่ ยวรยาตรไป เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา องฺคนา, องฺคณา ไดแก หญิงสาว), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + ยุ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค], ๒. หญิงงาม (อิตฺ.) วิ. กลฺยาณํ องฺคํ เอติสฺสา อิตฺถิยา อตฺถีติ องฺคนา (รางกายงามของหญิงนั้น มีอยู เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา องฺคนา), ลง น ปจจัยทาย องฺค ศัพท ดวย จ ศัพทในสูตร แหงปทรูปสิทธิ รูป. ๓๙๘ วา ตทสฺสตฺถีติ วี จ, หรือลง น ปจจัย ในความหมายวา มนฺตี (คน ฉลาด) ทาย องฺค ศัพท ดวยสูตรโมคคัลลานะ โมคฺ.๔/๙๒ วา องฺคา โน กลฺยาเณ. ตามนัยนี้ องฺคนา จึงหมายถึง นารีงาม, สาวสวย (วิสินาริยมฺป องฺคนา), ๓. เครื่องหมาย วิ. องฺคิยเต ายเต อเนนาติ องฺคนํ (ชื่อวา องฺคน เพราะเปนเครื่องอันเขากำหนดรู) เชน ลีลกฺขนฺธวคฺคฏีกา หนา ๔๖๒ วา ลกฺขณํ องฺคนํ าปนํ (ลกฺขณ ไดแก องฺคน-เครื่องหมายให ทราบ, าปน-เหตุใหทราบ), [องฺค ธาตุ าเณ ในความรู + ยุ ปจจัย] องฺคปจฺจงฺค (นปุ.) องคและองคอาศัย, อวัยวะ นอยใหญ, สรรพางคกายวิ.องฺคฺจ ปจฺจงฺคจฺ องฺคปจฺจงฺคํ (องคและองคอาศัย ชื่อวา องฺคปจฺจงฺค), องฺคมงฺคํ ก็มี, บทนี้เปน ทวันทวสมาส องฺคมาคธิก (ปุ.) ผูเปนใหญในเมืองอังคะและ มคธ, ชาวอังคะและมคธ วิ. องฺคมคเธสุ อิสฺสโร องฺคมาคธิโก, องฺคมคเธหิ อาคตาติ องฺคมาคธิกา
๒๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (ผูเปนใหญในอังคะและมคธ ชื่อวา องฺคมาคธิก, ผูมาแลวจากอังคะและมคธ ชื่อวา องฺคมาคธิก), [องฺคมคธ + ณิก ปจจัยในตัทธิต แทน อิสฺสร, อาคต, ทีฆะกลางศัพท] องฺควิกฺเขป (ปุ.) การรายรำ, การฟอนรำ, เตนรำ, การเคลื่อนไหวรางกายมีมือและเทา เปนตน วิ. องฺคานํ หตฺถปาทาทิสรีราวยวานํ วิกฺเขโป องฺควิกฺเขโป (การเคลื่อนไหวแหง รางกายมีมือและเทาเปนตน ชื่อวา องฺควิเขป), [องฺค + วิกฺเขป], ใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา อธิบายคาถา ๑๐๑ วา ภรตสตฺเถ วุตฺตอุตฺตรสตกรณนิปฺผนฺนถิรหตฺถปริยตฺถกาทินามโก ทฺวตฺตึสปฺปกาโร นจฺจวิเสโส องฺควิกฺเขโปติ. (องฺควิกฺเขป คือนาฏยศาสตรแผนกหนึ่ง มีการ ฟอนรำ ๓๒ ทา เปนชื่อของศาสตรที่กำหนดทา รายรำแมบท ซึ่งเรียกวา กรณ ๑๐๘ ทา ดังที่ แสดงไวในคัมภีรภารตะนาฏยศาสตร) องฺควิชฺช (ปุ.) ผูทำนายรางกาย, หมอดู ลักษณะ วิ. องฺควิชฺชํ อธีเตติ องฺควิชฺโช (ผูเรียน การทำนายรางกาย ชื่อวา องฺควิชฺโช), [องฺควิชฺช + ณ ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ.๔/๑๔ วา ตมธีเต ตํ ชานาติ กณิกา จ. คำวา เนมิตฺโต (ผูทำนายฝน), โมหุตฺโต (หมอดูฤกษ), วตฺถุวิชฺโช (หมอดูพื้นที่), เวนยิโก (ผูเรียนวินัย), สุตฺตนฺติโก (ผูเรียนรู พระสูตร) ก็นัยนี้ องฺคหาร (ปุ.) การออกทาทางดวยอวัยวะ, การ ออกทาทางขณะพูด, การรายรำ วิ. องฺคสฺส หาโร องฺคหาโร (การนำไปซึ่งอวัยวะ ชื่อวา องฺคหารการ) นาฏกสตฺเถ วุตฺตอุตฺตรสตกรณนิปฺผนฺนกรหตฺถปริยนฺติกาทินามโก พตฺตึสปฺปการโก นจฺจวิเสโส องฺคหาโร องฺควิกฺเขโป นาม. (องฺคหาร ชื่อวา การรายรำ คือนาฏยศาสตรแผนกหนึ่ง มีการฟอนรำ ๓๒ ทา เปนชื่อของศาสตรที่กำหนดทารายรำแมบท ซึ่งเรียกวา กรณ ๑๐๘ ทา ดังที่แสดงไวในคัมภีร ภารตะนาฏยศาสตร) องฺคานุสารี (ปุ.) ลมในกาย, ลมที่ซานไปใน รางกาย วิ. สพฺพงฺเคสุ อนุสรติ สีเลน เสทโลหิตาทิสมฺปาทนโตติ องฺคานุสารี, วาโต (ธาตุ ลมใดแลนไปทั่วทั้งกาย โดยปกติ เพราะทำให เหงื่อและเลือดเรียบรอยดี เหตุนั้น ธาตุลมนั้น ชื่อวา องฺคานุสารี ไดแก ลม), [องฺค + อนุ + สร ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณี ปจจัยใชในอรรถ แหงตัสสีละ], ปาฐะวา องฺคมงฺคานุสารี แปลวา ลม-วาโย บาง โอชา-ผอง ก็มีบาง ปาฐะวา องฺคมงฺคานุสารินิ ก็มีบาง, ในคำนั้น วิ. องฺคานิ จ มหนฺตานิ, องฺคานิ จ ขุทฺทกานิ องฺคมงฺคานิ, องฺคปจฺจงฺคานีติ อตฺโถ (อวัยวะใหญและอวัยวะ นอย ชื่อวา องฺคมงฺคานิ หมายถึง อวัยวะใหญ นอย) วิ. อถ วา องฺคฺจ องฺคฺจ องฺคมงฺคํ, ตํ ตํ องฺคนฺติ อตฺโถ, มหนฺตงฺคขุทฺทกงฺคนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตานิ, ตํ วา อนุสารี องฺคมงฺคานุสารี (อวัยวะ ดวย อวัยวะดวย ชื่อวา องฺคมงฺค, หมายถึง อวัยวะนั้นๆ, มีคำอธิบายวา อวัยวะใหญและ อวัยวะนอย, ลมที่ซานไปทั่วอวัยวะใหญนอย เหลานั้น หรืออวัยวะใหญนอยนั้น ชื่อวา องฺคมงฺคานุสารี-ลมที่ซายไปทั่วราง) องฺคาร (ปุ.นปุ.) ๑. ถานเพลิง วิ. องฺคติ หานึ คจฺฉตีติองฺคาโร ทิตฺตกํ (สิ่งใดไหมไป คือไปสู ความสูญสิ้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา องฺคาร ไดแก ฟนที่ไฟไหม), [องฺค/อคิ ธาตุ คมเน ในความไป + ลง นิคหิตอาคมเสมอ เพราะธาตุมี อิ เปน ที่สุด + อาร ปจจัย], ๒. ถาน วิ. องฺคติ วินาสํ คจฺฉตีติ องฺคาโร, ทฑฺฒกํ (สิ่งใดไหมไป คือถึง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๙ ความพินาศไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา องฺคาร ไดแก ฟนที่ถูกไฟไหมแลว), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อาร ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ. ๗/ ๑๖๔ วา สิงฺคฺยงฺคาคมชฺชกลาลา อาโร], ศัพทนี้เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค, ติกัณฑเสส (อางถึงในอธิธานัปปทีปกาฎีกา) วา อลาเตนิตถฺิ กุเชงฺคาโร (องฺคาร ศัพท ใชในอรรถวา ดุนฟน ติดไฟและดาวอังคาร) องฺคารปกฺก (ติ.) อันเขาปงแลวบนถานเพลิง, ปง, ยาง, เผา วิ. องฺคาเร ปกฺกํ องฺคารปกฺกํ, วีตจฺจิกงฺคาเรสุ ปกฺกนฺติ อตฺโถ (สิ่งที่เขาปงบน ถานเพลิง ชื่อวา องฺคารปกฺก หมายความวา ปง ยางบนเถาถานไฟ) เชน ใน สํ.อ. ๓/๘๑ วา องฺคารปกฺกํ ติตฺติรมํสํ ขาทิตุกาโมสฺมิ (ขาพเจา ประสงคจะกินเนื้อนกกระทาปงบนถานเพลิง) องฺคิการ (ปุ.) คำรับรอง, การยืนยัน, คำ ปฏิญญา, การทำสัญญา วิ. องฺคํลกฺขณํกโรตตีิ องฺคิกาโร ปฏิฺา (ภาวะใดทำการกำหนด หมาย เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา องฺคิการ ไดแก คำปฏิญญา), [องฺค ศัพท + กร ธาตุ, ณ ปจจัย, ลง อิ อาคม], ปาฐะวา องฺคีกาโร ก็มีบาง อภิธานปฺปทีปกาฏีกา อธิบายคาถา ๑๗๑ วา คำรับรอง มีหลายศัพท เชน สํวิทาคู [สํวิทา อาคู], ปฏิสฺสโว, ปฏิฺานํ, นิยโม, อสฺสโว, สํสโว, อภฺยุปคโม, สมาธิ, ปฏิฺา องฺคิรส (ปุ.) ๑. พระพุทธเจา, พระอังคีรส, ผู ทรงมีพระรัศมีซานไปจากพระองค วิ. องฺคโต รํสิโย สํสรนฺติ ยสฺสาติ องฺคิรโส (พระรัศมีซาน ออกจากพระวรกายของพระผูมีพระภาคเจา พระองคใด เหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น พระนามวา องฺคีรส), [ณ ปจจัย + อิ อาคม], ๒. เชื้อสายฤษีชื่อวาอังคิรส (ปุ.) วิ.องฺคิรสสฺสอิสโิน อปจฺจํองฺคิรโส, จิตฺรสิขณฺฑิโน อปจฺจํ ปุตฺโต (เหลากอแหงฤษีชื่อวาอังคิรส ชื่อวา องฺคิรส ไดแก บุตรของทานจิตรสิขัณฑี), อีกนัยหนึ่ง ๓. ผูมีความรุงเรือง (ปรอท) วิ. องฺคมฺหิ [อภิธานปฺปทีปกาฏีกายํ องฺคิมฺหีติ ทิสฺสติ] กาเย รโส สิทฺธิปฺปตฺโต ปารโท ยสฺสาติ องฺคิรโส (รส คือความรุงเรือง [ตามศัพทแปลกัน วา ปรอท] ที่ถึงความสำเร็จในองคคือกายของ บุคคลใด เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา องฺคิรส) องฺคีรส (ปุ.) ๑. ผูทรงมีพระรัศมีซานไปจาก พระองค วิ. องฺเค กาเย รโส รํสิ ทิปฺปเต ยสฺสาติ องฺคีรโส (รส คือพระรัศมี รุงเรืองในพระองคคือ พระวรกายของพระพุทธเจาพระองคใด เหตุนั้น พระพุทธเจาพระองคนั้น พระนามวา องฺคีรส), [องฺค + รส + ณ ปจจัย + อี อาคม]. นัยนี้เปนวิเคราะหตัทธิต มีสมาสเปนทอง, เรียกวาสมาสมีตัทธิตเปนที่สุดก็ได เชนในคำวา เอหิปสฺสิโก เปนตน วิ. องฺคโต สรีรโต นิคฺคตา รสฺมิ รโส ยสฺส โส องฺคีรโส (รส คือพระรัศมี พุงออกจากพระวรกายของพระพุทธเจา พระองคใด พระองคนั้นพระนามวา องฺคีรส), [องฺค + รส + ณ ปจจัย + อี อาคม], อธิบายวา สพฺพทา พฺยามปฺปภาย กายโต นิจฺฉรณวเสน องฺคีรโส. องฺคโต รํสิโย สํสรนฺติ, ภควโต องฺคมงฺเคหิ รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ, ตสฺมา องฺคีรโสติ วุจฺจติ. (พระพุทธเจา พระนามวา อังคีรส เพราะ รัศมีประมาณวาหนึ่งพุงออกจากพระวรกายใน กาลทุกเมื่อ รัศมีแลนออกจากพระวรกาย คือ พระรัศมีพวยพุงจากพระวรกายนอยใหญของ พระผูมีพระภาคเจา ฉะนั้น บัณฑิตจึงถวายพระ นามวา อังคีรส); ในอรรถกถาเถรคาถา ๒/๒๗๗ วา องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺสาติ.
๓๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (บทวา องฺคีรสสฺส ไดแก เปนผูสมบูรณดวย พระคุณมีศีลที่พระองคทรงบำเพ็ญมาแลว เปนตน); ในอรรถกถาเปตวัตถุ, ๑๗๑ วา องฺคีรสสฺสาติ องฺคโต นิกฺขมนกชุติสฺส. รโสติ หิ ชุติยา อธิวจนนฺติ (บทวา องฺคีรสสฺส ผูมีรัศมี ซานออกจากตน. จริงอยูบทวา รโส เปนชื่อของ ความโชติชวง); ๒. เหลากอแหงฤษีชื่อวา อังคีรส (ปุ.) วิ. องฺคีรสสฺส อิสิโน อปจฺจํ องฺคีรโส จิตฺรสิขณฺฑีปุตฺโต (เหลากอแหงฤษีชื่อ วาอังคีรส ชื่อวา องฺคีรส ไดแก บุตรของทาน จิตรสิขณฑ)ี, ลง ณ ปจจัย แทน อปจฺจ ศัพท องฺคุฏฺ (ปุ.) นิ้วหัวแมมือ วิ. อคฺเค ปุเร ติติ อุหตีติ วา องฺคุโ (นิ้วที่ตั้งอยูกอน หรืออยู ตรงหนา เหตุนั้น นิ้วนั้นชื่อวา องฺคุ), [อคฺค + า ธาตุ ติายํ ในความตั้งอยู + อ ปจจัย, ลบ ค สังโยค, ลง นิคหิตตนศัพท แปลงเปน งฺ, แปลง อ เปน อุ, ซอน ], วิ. องฺคติ คจฺฉตีติ องฺคุโ (องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + / ปจจัย, ซอน , แปลง อ เปน อุ], ปรากฏปาฐะ วา องฺคุโก บาง, ลง ก สกัตถ; คำวา องฺคุโ นี้ เปนชื่อของนิ้วหัวแมมือ เชน องฺคุโ (นิ้วหัวแมมือ) ตชฺชนี (นิ้วชี้) มชฺฌิมา (นิ้วกลาง) อนามิกา (นิ้วนาง) และ กนิา (นิ้วกอย) ตามลำดับ. องฺคุตฺตร (ปุ.) อังคุตตรนิกาย, เพิ่มขึ้นทีละ ๑ วิ. เอเกเกหิ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโก เอตฺถาติ องฺคุตฺตโร (หมวดธรรมมีจำนวนเพิ่ม มากขึ้นทีละหนวย ในนิกายนั้น เหตุนั้น นิกาย นั้นชื่อวา องฺคุตฺตร), ในเอกกนิปาตฏีกา (คือใน สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา ๑/๑๔๗) วา เอกกาทีหิ องฺเคหิ อุปรูปริ อุตฺตโร อธิโกติ องฺคุตฺตโรติ. (นิกายที่มีองคธรรมเพิ่มขึ้นไปจากหมวดละ ๑) องฺคุตฺตราป (ปุ.) ๑. อังคุตราปชนบท วิ. (ใน สุตตนิบาตอรรถกถา ๒/๓๕๕) วา องฺคา เอว โส ชนปโท, คงฺคาย ปน ยา อุตฺตเรน อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา อุตฺตราโปติป วุจฺจติ. กตรคงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโปติ, มหามหีคงฺคาย. ตสฺสา คงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโป ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท องฺคุตฺตราโป เวทิตพฺโพ (ชนบทคือ อังคะนั้น ทานเรียกวา อุตฺตราป เพราะไมไกล น้ำ ที่ไหลจากแมน้ำใหญไปทางทิศเหนือ, ถาม วา น้ำเหลาใดอยูดานเหนอืแมน้ำใหญไหน,ตอบ วา เหนือแมน้ำใหญชื่อมหามหี, น้ำเหลาใดไหล จากแมน้ำใหญชื่อมหามหีนั้นไปทางทิศเหนือ ชนบทนั้น บัณฑิตพึงทราบวา องฺคุตฺตราป เพราะไมไกลน้ำเหลานั้น), ใน ม.ฏี.๓/๒๓ วา มหิยา นทิยา อาโป ตสฺส ชนปทสฺส อุตฺตเรน โหนฺติ, ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท อุตฺตราโป. (น้ำทั้งหลาย ไหลมาจากแมน้ำมหี ผานทางดาน ทิศเหนือของชนบทชื่ออังคะนั้น เพราะไมไกล น้ำเหลานั้น ชนบทชื่อวาอังคะนั้น จึงชื่อวา อุตฺตราป), อาโป ในที่นี้ อาจารยทานประสงคให เปนอิตถีลิงค พหุวจนะ; ๒. อังคุตราปชนบท (ปุ.) แตทานพระอัครวงศาจารย หาไดประสงค อิตถีลิงคไม, ในสัททนีติ ปทมาลา จึงอธิบายไว วา ตถา หิ องฺคุตฺตราเปสุ วิหรติ อาปณํ นาม องฺคานํ นิคโมติ ปาิ ทิสฺสติ. ตตฺถ อุตฺตเรน มหามหิยา นทิยา อาโป เยสํ เต อุตฺตราปา, องฺคา จ เต อุตฺตราปา จาติ องฺคุตฺตราปาติ. (ฉบับแปล หนา ๓๖๔) วา เพราะปรากฏพระ บาลีวา พระผูมีพระภาคประทับอยูที่อาปณนิคม ซึ่งเปนนิคมของพวกอังคะในแควนอังคตุตราปะ. ในปาฐะวา อุงฺคุตฺตราเปสุ นั้น คำวา อุงฺคุตฺตราป มีวิเคราะหวา น้ำจากแมน้ำมหามหี ไหลผาน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓๑ ทานดานทิศเหนือของแควนใด แควนนั้น เรียกวา อุตราปะ, แควนอังคะดวย แควนอังคะ นั้นเปนแควนที่มีแมน้ำใหญผานทางดานทิศเหนอื ดวย เพราะเหตุนั้น จึงเรียกวา อังคุตตราปะ), พึง คนดูวินิจฉัยในสัททนีติเถิด; ใน ม.อ. ๓/๑๗ วา วชฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตาเน ปน คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหีติ ปฺจธา สงฺขํ คตา, เอวเมตา ปฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปภวนฺติ. ตาสุ ยา อยํ ปฺจมี มหี นาม, สา อิธ มหามหีติ อธิปฺเปตา. (ในที่ ๆ กระแทกติรัจฉานบรรพต ชื่อวัชฌะ แยกเปนกระแสน้ำหาสาย ก็กลายเปนแมน้ำทั้ง หา คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหี, มหานที ๕ สายเหลานี้ยอมเกิดมาแตหิมวันตบรรพต ดวยประการฉะนี้. ในมหานที ๕ สายนั้น มหา นทีสายที่ ๕ ชื่อมหี ทานหมายเอาวา มหีมหานที) องฺคุล (ปุ.นปุ.) ๑. นิ้วมือ, นิ้วเทา, อวัยวะที่ชูขึ้น วิ. องฺคติ อุคฺคจฺฉตีติ องฺคุลํ องฺคุลิ, กรสาขาติ อตฺโถ (อวัยวะใดไป หรือชูขึ้นไป เหตุนั้น อวัยวะ นั้น ชื่อวา องฺคุล ไดแก องคุลิ หมายถึง นิ้วมือ), [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อุล ปจจัย], ๒. อวัยวะที่ชวยใหรู (นปุ.) วิ. องฺคนฺติ ชานนฺติ เอเตนาติ องฺคุลํ (ชนทั้งหลายยอมรูได ดวย อวัยวะนั่น เหตุนั้น อวัยวะนั้นชื่อวา องฺคุล), [องฺค ธาตุ าเณ ในความรู + อุล ปจจัย ดวย สูตรแหงโมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๑๙๕ วา องฺคา อุโลลิ, องฺคุล เปน ปุ. และ นปุ. ความหมายวา องฺคุลิ (นิ้วมือ) และมาตราตวงชั่ง เทากับ ๗ เมล็ดขาวเปลือก (สตฺตธฺมาส) องฺคุลฺยาภรณ (นปุ.) เครื่องประดับนิ้ว, แหวน วิ. องฺคุลีนํ องฺคุลีสุ วา อาภรณํ องฺคุลฺยาภรณํ องฺคุลิยกํ (เครื่องประดับนิ้ว หรือประดับที่นิ้ว ชื่อวา องฺคุลฺยาภรณ ไดแก แหวน), [องฺคุลิ + อาภรณํ, แปลง อิ เปน ยฺ, รูป. ๒๑ วา อิวณฺโณ ยํ นวา] องฺคุลิ (อิตฺ.) ๑. นิ้วมือ, นิ้วเทา, กีบเทาโค วิ. องฺคติ อุทฺธํ คจฺฉตีติ องฺคุลิ (อวัยวะใดยอมชู คือชี้ไปขางบน เหตุนั้น อวัยวะนั้น ชื่อวา องฺคุล)ิ, [องฺค ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อุลิ ปจจัย ดวย สูตร โมคฺ.๗/๑๙๕ วา องฺคา อุโลลิ], ๒. นิ้วมือ, อวัยวะที่งอกจากมือ ๕ นิ้ว (อิตฺ.) วิ. องฺคติ หตฺถโต ปฺจธา ภิชฺชิตฺวา อุคฺคจฺฉตีติ องฺคุลิ กรสาขา (อวัยวะใดงอกออกไปจากมือแยกเปน ๕ นิ้ว เหตุนั้น อวัยวะนั้น ชื่อวา องฺคุลิ ไดแก นิ้วมือ), [องฺค ธาตุ คมเน ในความไป + ลง อุลิ ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๖๓๘ รูป.๖๖๐ วา วชาทีหิ เปนตน]. ๓. อวัยวะที่ใชลูบ วิ. องฺคติ ตํ ตํ กายงฺคํ ปรามสติ เอตายาติ องฺคุลิ (บุคคลไปคือ ลูบไปทั่วสวนรางกายนั้นๆ ดวยนิ้วใด เหตุนั้น นิ้วนั้นชื่อวา องฺคุลิ), [อคิ ธาตุ คติยํ ในความไป + อุลิ ปจจัย + นิคหิตอาคม แปลงเปน งฺ], ๔. อวัยวะที่ใชลูบ วิ. องฺคํ กายงฺคํ อุลติ คจฺฉติ ปรามสติ เอตายาติ องฺคุลิ (บุคคลยอมลูบคลำ สรีระคือสวนแหงรางกายดวยนิ้วนั่น เหตุนั้น นิ้วนั้นชื่อวา องฺคุลิ), [องฺค + อุล ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อิ ปจจัย], องฺคุลิ ศัพท เปนอิการันต อิตถีลิงค, ปาฐะวา องฺคุลี ก็มีบาง ลง อี ปจจัย ดวย กจฺ. ๒๓๘ วา นทาทิโต วา อี. แตในคัมภีร กัจจายนวัณณนา วาใหทีฆะ อิ ในที่สุดดวยสูตร กจฺ. ๔๐๓, รูป. ๓๕๔ วา กฺวจาทิมชฺฌุตฺตรานํ ทีฆรสฺสา ปจฺจเยสุ จ องฺคุลิก (ปุ.นปุ.) สิ่งที่มีในนิ้ว, แหวน, การเจมิ, วิ. องฺคุลิยํ ภวํ องฺคุลิกํ (สิ่งใดมีในนิ้ว เหตุนั้น
๓๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา สิ่งนั้น ชื่อวา องฺคุลิก), [องฺคุลิ + ณิก ปจจัย ในตัทธิตแทน ภว ศัพท], ๒. ผูนำไปดวยนิ้ว, ผูเจิม วิ. องฺคุเลน วหตีติ องฺคุลิโก (ผูใดยอม นำไปดวยนิ้ว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา องฺคุลิก), [องฺคุล + ณิก ปจจัย แทน วหติ] องฺคุลิมาล (ปุ.) พระองคุลิมาล, ผูมีมาลัยนิ้วมือ วิ. องฺคุลิสงฺขาตา มาลา เอตสฺส อตฺถีติ องฺคุลิมาโล, (มาลัยคือนิ้วมือ ของบุคคลนั่นมีอยู เหตุนั้น บุคคลนั่นชื่อวา องฺคุลิมาล), [องฺคุลิ + มาลา + ณ]. เลากันมาวา ทานฆาคนตายแลวตัดนิ้วมือ รอยเปนพวงมาลัยคลองไว ฉะนั้น จึงเกิดคำ เรียกทานวา องคุลิมาล, ณ ปจจัย บทนี้เปน สมาส มีตัทธิตเปนที่สุด พึงคนดูในอรรถกถา มัชฌิมปณณาสก องฺคุลิมุทฺทา (อิต.) หัวแหวนมีอักษร, แหวน ตรา, แหวนมีอยูที่นิ้วมือ วิ. องฺคุลิยํ ภวา มุทฺทา องฺคุลิมุทฺทา, องฺคุลิมุทฺทิกา (แหวนตราอันมีใน นิ้ว ชื่อวา องฺคุลมิุทฺทา, องฺคุลิมุทฺทิกา), [องฺคุลิ+ มุทฺทา, ณิก สกัตถ]. อนุทีปนี วา องฺคุลิเวนา นาม องฺคุลิมุทฺทิกา (สิ่งพันสวมนิ้ว ชื่อวา องฺคุลิมุทฺทิกา) องฺคุลีมุทฺทิกา (อิตฺ.) แหวนสวมนิ้ว, แหวนนิ้ว วิ. องฺคุลิยํ ปเวสิตา มุทฺทิกา องฺคุลีมุทฺทิกา (แหวนที่สวมนิ้ว ชื่อวา องฺคุลมีุทฺทิกา), [องฺคุลิ+ ปเวสิต + มุทฺทิกา], นัยนี้เปน มัชเฌโลปตัปปุริส สมาส องฺคุลียกํ (นปุ.) สิ่งที่มีในนิ้ว, แหวน, การเจิม วิ. องฺคุลิยํ ภวํ องฺคุลียกํองฺคุลิยกํ องฺคุลิเวธกํ, องฺคุลิ, อีโย อิโย, สกตฺเถ โก. (สิ่งที่มีในนิ้ว ชื่อวา องฺคุลียกํ รูป องฺคิยกํ ก็มี ไดแก แหวน, ลง อีย อิย ปจจัย ในตัทธิต แทน ภว ศัพท และ ก สกัตถ) อจล (ปุ.ติ.) สิ่งที่ไมเคลื่อนที่, ภูเขา, ไมหวั่นไหว วิ. น จลตีติ อจโล ปพฺพโต (สิ่งใดไมเคลื่อนที่ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจล ไดแก บรรพต), [น + จล ธาตุ จลเน ในความเคลื่อนไหว + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ]. อจล ศัพท แปลวา ภูเขา เปน ปุงลิงค แตถาเปนวาจจลิงค คือเปนวิเสสนะที่ แปลวา ไมหวั่นไหว พึงทราบวาเปนได ๓ ลิงค อจฺจ (ปุ.) ๑. ผูบูชา วิ. อจฺจตีติ อจฺโจ (ผูใดยอม บูชา เหตุนั้นผูนั้นชื่อวา อจฺจ), [อจฺจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + อ ปจจัย], ๒. ลวงเลยไป, ลวงแลว, พน (อพฺ.) วิ. อติเอตฺวา อติจฺจ อจฺจ (ลวงแลว เลยเลย ชื่อวา อจฺจ), [อติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อิ เปน จฺจ], สัททนีติ สุตตมาลา นีติ. ๑๖๗ วา ลบ ติ ดวยสูตรวา อติจฺจสฺส วา ติโลโป เชน อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ (ฉบับแปล หนา ๑๔๒) ทอนตรง กลางนี้ ลวงเลย [จากทอนหัวและทอนหาง] อจฺจนฺตโกธน (ปุ.) โกรธจัด, โกรธลวงเลยถึง ที่สุด, ผูดุราย วิ. อนฺตํ อติกฺกนฺตํ อจฺจนฺตํ อนฺตมติจฺจ วา อจฺจนฺตํ อจฺจนฺตํ อติเรกํ กุชฺฌตีติ อจฺจนฺตโกธโน อจฺจนฺตโกปโน วา จณฺโฑ (สิ่งที่ลวงที่สุด ชื่อวา อจฺจนฺต นัยหนึ่ง ลวงเลยที่สุดชื่อวา อจฺจนฺต ผูใดโกรธลวงที่สุด คือยิ่งเกิน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อจฺจนฺตโกธนผูโกรธจัด ไดแก ผูดุราย), อจฺจนฺตโกปโน บาง [อติ + อนฺต + กุธ/กุป ธาตุ โกเป ในความโกรธ +ยุ ปจจัย นัยนี้เปนวิเคราะหสมาสมีกิตกเปน ที่สุด หรือเปนวิเคราะหกิตกมีสมาสเปนทอง] บทนี้เปนสมาสมีกิตกเปนที่สุด หรือเปน วิเคราะหกิตกมีสมาสเปนทอง อจฺจนฺตนมสฺสเนยฺย (ติ.) ควรนอบนอมโดย สวนเดียว วิ. นมสฺสิตพฺพนฺติ นมสฺสเนยฺยํ (พระ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓๓ รัตนตรัยอันเทพและมนุษยทั้งหลายควรบูชา เหตุนั้น จึงชื่อวา นมสฺสเนยฺย), [นมุ ธาตุ นมเน ในความนอบนอม + สฺส ปจจัย, หรือ นมสฺส ธาตุ นมเน ในความนอบนอม + อนีย ปจจัย, แปลง อี เปน เอ, ซอน ย], วิ. นมสฺสนํ อรหตีติ นมสฺสเนยฺยํ (พระรัตนไตรใด ยอมควรซึ่งการ นอบนอม เหตุนั้น พระรัตนไตร นั้นชื่อวา นมสฺสเนยฺย), เอยฺย ปจจัยใชในอรรถวาควร วิ. อจฺจนฺตํ เอกนฺเตน นมสฺสเนยฺยํ อจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ (รัตนะควรซึ่งการนอบนอมโดย สวนเดียว ชื่อวา อจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ) อจฺจนฺตสํโยค (ปุ.) ชื่อเรียกบทที่ประกอบดวย ทุติยาวิภัตติที่แปลวา สิ้น, ตลอด ในสัมพันธไทย หรือวากยสัมพันธ, แปลวา การประกอบอยาง ตอเนื่องไมขาดสาย วิ. อนฺตํ สีมํ อติกฺกนฺตํ อจฺจนฺตํ, อจฺจนฺตํ นิรนฺตรํ ทพฺพคุณกิริยาหิ กาลสฺส วา อทฺธุโน วา สํโยโค อจฺจนฺตสํโยโค (สิ่งที่ลวงเขตไป ชื่อวา อจฺจนฺต-ลวงเขต, ตอเนื่อง, การประกอบอยางตอเนื่อง ไมขาดสาย แหงกาลและระยะทาง เขากับทัพพะ คุณ และ กิริยา), แตใน สทฺทนีติ สุตฺตมาลา (ฉบับแปล หนา ๑๑๙๒) วา อติสทฺโท อติกฺกนฺเตติ. (อติ ศัพท ใชในอรรถไมสิ้นสุด), อจฺจนฺตสํโยค คือการ สัมพันธบทบอกกาลและระยะทางเขากับกิริยา คุณ และทัพพะ), บันทึกผูแปล : สัมพันธเขากับ กิริยา เชน มาสํ ภฺุชติ (รับประทานอาหาร ตลอดเดือน), กับคุณ เชน สพฺพกาลํ รมณียํ นนฺทนํ (สวนนันทวันรื่นรมยตลอดฤดูกาล), กับ ทัพพะ เชน โยชนํ ทีโฆ ปพฺพโต (ภูเขายาวตลอด โยชน), อจฺจนฺตสํโยค คือการประกอบไมขาด สาย จำแนกเปน ๑) กาลอัจจันตสังโยคะ การ ประกอบอยางตอเนื่องโดยกาล เชน มาสํ-ตลอด เดือน และ ๒) อัทธานอัจจันตสังโยคะ การ ประกอบอยางตอเนื่องโดยอัทธานะ เชน โยชนํ- ตลอดโยชน (ดู วิธีสัมพันธตามหลักสัททาวิเสส, พระมหานิมิตร ธมฺมสาโร พิมพรวมใน วิชา สัมพันธไทย ภาค ๕, หนา ๔๖๗) อจฺจนา (อิตฺ.) การเซนสรวงบูชา, การบูชา, พลี วิ. อจฺจิยเต อจฺจนา พลิ (อันเขาบูชา ชื่อวา อจฺจนา ไดแก พลี), [อจฺจ ธาตุ ปูชายํ ในการ บูชา + ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ แปลงเปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อจฺจย(ปุ.) ๑. การลวงไป, ความตาย, การกาว ลวง, โทษอันเปนไปลวง, ความผิด วิ. อติกฺกมิตฺวา อยนํ อจฺจโย มจฺจุ วีติกฺกมนํ วชฺชํ อปราโธ จ (การไปลวง ชื่อวา อจฺจย ไดแก มจฺจุ-ความตาย, วีติกฺกมนํ-การกาวลวง, วชฺชํ-โทษอันเปนไปลวง, อปราโธ-ความผิด), [อติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความ ไป + อ ปจจัย ดวย กจฺ. ๕๒๗, รูป. ๕๖๘ วา สพฺพโต ณฺวุตฺวาวี วา, แปลง อิ เปน เอ ดวย กจฺ. ๔๘๕, รูป. ๔๓๔ วา อฺเสุ จ เปนตน, แปลง เอ เปน อย, อ นั้น หรือลง ณ ก็ได] ๒. โทษ ลวงเกิน, การลวงละเมิด วิ. อจฺเจติ อภิภวิตฺวา ปวตฺตติ เอเตนาติ อจฺจโย (บุคคลยอมลวงเกิน คือไปกดขี่ ดวยโทษนั่น เหตุนั้น โทษนั้นชื่อวา อจฺจโย-โทษลวงเกิน) ไดแก อติจฺจ อยนํ ปวตฺตนํ อจฺจโย วีติกฺกโม (วีติกฺกม คือ การเปนไป ลวงเกิน), [อติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย, แปลง ติ เปน จ ซอน จฺ อาเทศ อิ เปน อย] วิ. อจฺจยนํ สาธุมริยาทํ อติกฺกมฺม มทฺทิตฺวา ปวตฺตนํ อจฺจโย อปราโธ (อปราธ คือความผิดที่ เปนย่ำยีลวงเลยความดีงามและขอบเขต) อจฺจสรา (อิตฺ.) ความเจาเลห, ความมีมายา วิ. กตฺวา ปาป ปุน ปฏิจฺฉาทนโต อติจฺจ อสฺสรติ
๓๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เอตาย สตฺโตติ อจฺจสรา, มายาวิตา (สัตวทำ บาปแลว ก็ยังลวงละเมิดคือทำบาปอีก เพราะ ความเปนผูปกปดไว ดวยธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อจฺจสรา คือความเปนผูมี มายา), [อติ + อา + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ต ทั้งตัว เปน จ แปลง ติ เปน จ ดวย รูป. ๒๒ วา สพฺโพ จํ ติ, ซอน จฺ, รัสสะ อา เปน อ] อจฺจาทาน (นปุ.) การยึดถืออยางยิ่ง คือ เปน ที่ตั้งเพื่อการตัดเปนทอนๆ วิ. อติอาทียเต อจฺจาทานํ (สิ่งที่เขาทำใหเปนทอนๆ ชื่อวา อจฺจาทาน), [อติ + อา + ทา ธาตุ อวขณฺฑเน ในการทำใหเปนทอน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อ, อาเทศ ติ เปน จ, ซอน จฺ] อจฺจาธาย (กิ.กิตฺ.) ซอนเทา, เหลื่อมเทา วิ. อติอาธาย อีสกํ อติกฺกมฺม เปตฺวาติ อจฺจาธาย (อจฺจาธาย แปลวา วางเหลื่อมไป คือ ใหเลยไปหนอยหนึ่งแลววางไว) เชน ที.ม. ๑๐/ ๑๒๔/๑๕๗ วา ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย (พระผูมี พระภาคเจา ทรงซอนพระบาทเหลื่อมพระ บาท), [อติ + อา + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรง ไว + ตฺวา ปจจัย อาเทศ ตฺวา เปน ย] อจฺจายิก (ติ.) เรงดวน, รีบ วิ. อติอยิตพฺพานีติ อจฺจายิกานิ (กรรมใดอันเขาไปดวน เหตุนั้น กรรมนั้นชื่อวา อจฺจายิก) เชน อจฺเจกจีวรนฺติ อจฺจายิกจีวรํ วุจฺจติ (อจฺเจกจีวรํ หมายถึง อจฺเจกจีวร-จีวรที่รีบถวาย) มีคำอธิบายวา ยานิ กมฺมานิ ปุคฺคเลน สีฆตรํ อยิตพฺพานิ อิติ ตสฺมา ตานิ กมฺมานิ อจฺจายิกานีติ อตฺโถ (กรรมเหลาใด อันบุคคลตองรีบดวนไปทำ เหตุนั้น กรรม เหลานั้น ชื่อวา อจฺจายิกานิ-กรรมที่ตองรีบไป ทำ), [อติ + อย ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย + ณิก ปจจัย]. เปนวิเคราะหกิตกมีตัทธิต เปนที่สุด วิ. สีฆํ ปวตฺเตตพฺพกิจฺจํ อจฺจายิกํ (กิจ ที่ตองใหเปนไปโดยดวน ชื่อวา อจฺจายิก), อติ ศัพทในที่นี้ใชในความหมายวา สีฆ-ดวน เชน อติ ในคำวา ปาณาติปาโต เปนตน อจฺจาสร (อิตฺ) กิริยาที่ทำใหหลง, ความวางทา, ความเจาเลห วิ. กตฺวา ปาป ปุน ปฏิจฺฉาทนโต อติจฺจ อาสรนฺติ เอตาย สตฺตาติ อจฺจาสรา, วฺจนาทิ (วิภงฺควณฺณนา, ๕๓๔) (สัตวทั้งหลาย ทำบาปแลว ก็ยังลวงละเมิดคือทำบาปอีก เพราะความเปนผูปกปดไว ดวยสภาวะใด เหตุ นั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อจฺจาสร ไดแก ความเจา เลห เปนตน), [อติ + อา + + สร ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค]. เปนไวพจนของ มายา เชน อภิ.วิ.๓๕/๙๑๑/ ๔๘๔ อจฺจิ (นปุ.อิตฺ.) ไฟ, เปลวไฟ, แสงสวาง, รัศมี ๑. สิ่งที่เขาบูชา = ไฟ วิ. อจฺจิยติ ปูชิยตีติ อจฺจิ (สิ่งใดอันเขาบูชา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺจิ), [อจฺจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + อิ ปจจัย กจฺ. ๖๖๙ รูป.๖๗๙ วา มุนาทีหิ จิ], ๒. เครื่องบูชา = เปลวไฟ วิ. อจฺจเต ปูชเต หวิ อเนนาติ อจฺจิ (การบูชาอันเขาเซนสรวงบูชา ดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺจิ), ๓. สิ่งที่ ลุกไหมขึ้นเร็ว = ไฟ วิ. ภุโส จยติ วฑฺฒตีติ อจฺจิ (สิ่งใดกอขึ้น หรือเจริญขึ้นเร็ว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺจิ], [อา + จิ ธาตุ จเย ในความ กอ + กฺวิ ปจจัย, ซอน จฺ, รัสสะ อา เปน อ], อจฺจิ เปน อิการันต มีความหมายวา ชาลา-เปลว ไฟ และ รํสิ แสงสวาง เปน อปุเม ไมใชปุงลิงค), ในคัมภีรสัททศาสตรวาเปน นปุ. สวนในคัมภีร ทั้งหลาย เชน ในพระบาลี เปนตน เปน อปุเม
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓๕ ไมใชปุงลิงค เชนใน ธมฺมสงฺคณีวณฺณนา, ๓๕๘ วา ภูมิโต วุิตา ยาว พฺรหฺมโลกา วิธาวติ อจฺจิ อจฺจิมโต โลเก ฑยฺหมานมฺหิ เตชสาติ (ในคราวใดโลกจะพินาศดวยไฟเผาผลาญ ใน คราวนั้น ไฟยอมโพลงขึ้นตั้งแตพื้นดินไปถึง พรหมโลก) ในอิตถีลิงค ตัวอยางเชน อิจฺจิยา วา สติ ธูเม วา สติ, รูปวา อิจฺจิตํ หรือ อจฺจิกํ ก็มี เชน วิคตอจฺจิตานํ วีตจฺจิกานํ อจฺจิต (ติ.) อันเขานอบนอม, อันเขาบูชา วิ. อจฺจิยเต ปูชิยเตติ อจฺจิโต อปจิโต ปูชิโต จ (ผูใดอันเขานอบนอมบูชา เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อันเขานอบนอมบูชา), [อจฺจ ธาตุ ปูชายํ ใน ความบูชา + ต ปจจัย กัมมสาธนะ + อิ อาคม] อจฺจิมนฺตุ (ปุ.) ๑. สิ่งที่มีเปลว = ไฟ วิ. อจฺจิ อสฺส อตฺถีติ อจฺจิมา อคฺคิ (เปลวของสิ่งนั้นมีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อจฺจิมา ไดแก ไฟ), [อจฺจิ + มนฺตุ ดวย กจฺ.๓๖๙ รูป.๔๐๓ วา สตฺยาทีหิ มนฺตุ], ๒. สิ่งที่ประกอบดวยเปลว (ปุ.) วิ. อจฺจิ วุจฺจติ ชาลา, ตาย โยคโต อจฺจิมา (เปลวไฟ ทาน เรียกวา อจฺจิ เพราะประกอบดวยเปลวนั้น จึง ชื่อวา อจฺจิมา) เชน ม.ม. ๑๓/๖๒๒/๕๖๕ วา อคฺคิ อจฺจิมา เจว วณฺณวา จ ปภสฺสโร จาติ. (ไฟ มีเปลว มีสี มีแสงสวาง) อจฺจุต (นปุ.ปุ.) พระนิพพาน, คนชื่ออัจจุตะ, ภาวะที่ไมหวั่นไหวแหงพระอริยเจา วิ. นตฺถิ เอตสฺมึ นิพฺพาเน อธิคตานํ อริยานํ จุตํ จวนนฺติ อจฺจุตํ นิพฺพานํ (การจุติ คือเคลื่อนไป แหงพระ อริยเจาทั้งหลายผูถึงพระนิพพานนั่นไมมี เหตุนั้น พระนิพพานนั้นจึงชื่อวา อจฺจุต), [น + จุ ธาตุ จวเน ในความเคลื่อน + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, ซอน จฺ] อีกอยางถึง ถา อจฺจุต เปน ชื่อเฉพาะ และเปนวิเสสนะ เปนปุงลิงค อจฺเจก (ติ.) ไปดวน, รีบรอน, จำเปน วิ. สีฆํ เอติ ปวตฺตตีติ อจฺเจกํ (สิ่งใดดำเนินไปดวน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺเจก), [อติ + อิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + ณฺวุ ปจจัย, แปลง ติ เปน จ รูป. ๒๒ วา สพฺโพ จํ ติ, แปลง อิ เปน เอ], อติ ศัพทมีความหมายวา สีฆ ดวน เชน อติ ในคำวา ปาณาติปาโต เปนตน อจฺฉ (ปุ.อิต.) หมี, สัตวที่พุงไป วิ. อสติ ขิปตีติ อจฺโฉ อิกฺโก, อิกฺกา วา อจฺฉา อฆมฺมิคาติ อตฺโถ (สัตวใดพุงไป เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อจฺโฉ ไดแก หมีตัวผู, หรือใน อิตฺ.เปน อจฺฉา ไดแก หมีตัว เมีย หมายถึง สัตวที่กอทุกขให), [อส ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ฉ ปจจัย โมค. ๗/๔๓ วา อสมสวทกุจกจา โฉ, แปลง ส เปน จ, ๒. ใส บาง (ติ.) วิ. ทสฺสนํ น ฉินฺทตีติ อจฺโฉ ปสนฺโน ตนุโก จ (สภาพใดไมตัดซึ่งการมองเห็น เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อวา อจฺฉ ไดแก ใส และ บาง), [น + ฉิทิ ธาตุ ทฺวิธากรเณ ในการทำเปน ๒ สวน, ใน ความตัด + กฺวิ ปจจัย] อจฺฉนฺน (ติ.) ๑. ไมไดมุง (หลังคา) วิ. น ฉาทียิตฺถาติ อจฺฉนฺโน, เกนจิ อจฺฉนฺโน ปเทโส (สวนใดอันเขาไมไดมุง ชื่อวา อจฺฉนฺน ไดแก ประเทศที่อะไรๆ ไมไดมุงไว) เชน สารตฺถทีปนี ๓/๒๔๘ วา เอโก ฉนฺโน, เสสา อจฺฉนฺนา (มุงสวนเดียว สวนที่เหลือไมไดมุง) ปาฐะวา อจฺฉาทิตา ก็มี [น บทหนา + ฉท ธาตุ สํวรเณ ในความปองกัน, จัดเขาในหมวด จุร ธาตุ + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน อนฺน] ๒. อันเขามุงแลว, อันเขาบังแลว วิ. อจฺฉาทียิตฺถาติ วา อจฺฉนฺโน (อีกนัยหนึ่ง สวนใดอันเขามุงแลว เหตุนั้น สวน
๓๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นั้นชื่อวา อจฺฉนฺน), [อา + ฉท ธาตุ สํวรเณ ใน ความปองกัน + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน อนฺน, และ ลบ ท] หรือสำเร็จรูปเปน อจฺฉาทิโต ก็มี [ฉท ธาตุ สํวรเณ ในความปองกัน, จัดเขาใน หมวด จุร ธาตุ + ต ปจจัย + อิ อาคม, พฤทธิ์ อ เปน อา] อจฺฉมฺภี (ปุ.) ผูไมสะดุงกลัว, ไมมีความ หวาดเสียว, กลาหาญเด็ดเดี่ยว วิ. ฉมฺภนํ ฉมฺโภ [ถภิ ธาตุ ภเย ในความกลัว + ณ ปจจัย, แปลง ถ เปน ฉ, นิคหิตอาคม] กายสฺส ฉมฺภิตตฺตเหตุภูโต พลวจิตฺตุตฺราโส (การสะดุง กลัว ชื่อวา ฉมฺภ ไดแก ความสะดุงแหงจิต ที่ เปนเหตุแหงความหวาดหวั่นทางกาย), วิ. โส เอเตสํ อตฺถีติ ฉมฺภี (ความสะดุงกลัวนั้น ของชน ทั้งหลายเหลานั้นมีอยู เหตุนั้น ชนทั้งหลาย เหลานั้น ชื่อวา ฉมฺภี), อี ปจจัย ในตทัสสัตถิ ตัทธิต. วิ. น ฉมฺภี อจฺฉมฺภี (ชนทั้งหลายผูมี ความสะดุงกลัวหามิได ชื่อวา อจฺฉมฺภี) เชน ตถาคโต อจฺฉมฺภี(พระตถาคตเจาผูไมทรงสะดงุ กลัว) อจฺฉรา (อิตฺ) นางอัปสร, นิ้วมือ, ขอนิ้ว ๑. ผูพุงไป (อิตฺ) วิ. อสติ วิสฺสชฺเชตีติ อจฺฉรา เทวกฺา องฺคุลิ องฺคุลิโผฏนฺจ (ชื่อวา อจฺฉรา เพราะซัดไป คือพุงไป ไดแก นางฟา, นิ้วมือ, ขอ นิ้ว), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ฉร ปจจัย โมค. ๗/๑๕๖ วา วสาสา ฉโร + อา ใน อิตถีลิงค, แปลง สฺ เปน จฺ], ๒. ผูมีวรรณผองใส (อิตฺ) อจฺโฉ นิมฺมลวณฺโณ เอติสฺสาตฺถีติ อจฺฉรา (ความผองใส คือมีผิวพรรณสะอาด ของนาง เทพธิดานั่นมีอยู เหตุนั้น เทพธิดานั้น ชื่อวา อจฺฉรา), สันสกฤตวา อปฺสรสฺ, ร ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต, กจฺ. ๓๖๗ รูป. ๔๐๑ วา มธฺวาทิโต โร. ๓. ผูบำรุงบำเรออยางดี (อิตฺ.) วิ. ภุโส จาเรติ ปริจาเรตีติ อจฺฉรา เทวี (ผูใด ยอมบำรุงบำเรออยางดียิ่ง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อ จ ฺ ฉ ร า ไ ด แ ก เ ท วี ) , [อ า + จ ร ธ า ตุ ปริจริยายํ ในความรับใช + อ ปจจัย + อา ปจจัยใน อิต., แปลง จ เปน ฉ ดวยมหาสูตร], ๔. ผูมีใบหนาผองใส (อิตฺ.) วิ. อจฺฉํ ปสนฺนตรํ รํ มุขํ ยาย สา อจฺฉรา (ร คือหนาของเทพธิดาใด ผองใสกวา เทพธิดานั้นชื่อวา อจฺฉรา), ร อักษร ใชในความหมายวา หนา (มุขตฺเถ) ลงหลัง อจฺฉ ศัพท ๕. อัศจรรย, การประพฤติใหยิ่ง (นปุ.) วิ. อา ภุโส จรณนฺติ อจฺฉรํ, อจฺเฉรํ (การ ประพฤติยิ่ง คือแรงกลา ชื่อวา อจฺฉร ไดแก อัศจรรย), [อา + จร ธาตุ คติยํ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, แปลง จร เปน จฺฉร, จฺเฉร, รัสสะ อา เปน อ, สวน นมกฺการฏีกา วา วิมฺหาปนิยเน อจฺเฉรํ. อยฺหิ อจฺเฉรสทฺโท วิมฺหยตฺถวาจโก อนิปฺผนฺนปาฏิปทิโก. อถ วา อาภุโส วิมฺหโย จรติ ปวตฺตตีติ อจฺเฉรํ, ปาฏิเหรํ, อาปุพฺพ - จร ธาตุ, อ, จรธาตุสฺส จฺเฉราเทโส, อาการสฺส รสฺโส (ชื่อวา อจฺเฉร เพราะอรรถวานาฉงน. ความจริง อจฺเฉร ศัพท กลาวอรรถวา นาฉงน เปนอนิปผันนปฏิปทิก คือ นามศัพทที่ไมสำเร็จ ดวยความเปนสมาส ตัทธิต หรือกิตก จึงตั้ง วิเคราะหไมได. อีกนัยหนึ่ง สิ่งใดที่นาพิศวง อยางยิ่งเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺเฉร, ปาฏิเหร, [อา บทหนา + จร ธาตุ + อ ปจจัย อาเทศ จร เปน จฺเฉร, รัสสะ อา เปน อ) ๖. ปาฏิหาริย, ไมเปนไปตามปกติ (นปุ.) วิ. อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหณํ วิย นิจฺจํ น จรติ น ปวตฺตตีติ อจฺเฉรํ ปาฏิเหรํ (สิ่งใดไมไปหรือไม เปนไปตามปกติ เชน การขึ้นเขาของคนตาบอด
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓๗ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺเฉร ไดแก ปาฏิหาริย), [น + จร ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย], เหมือนอยางวา การขึ้นภูเขาของคนตาบอดไม เกิดมีประจำ มีบางคราวเทานั้น ฉันใด ปาฏิหาริย สำหรับพระผูมีพระภาคเจาก็ไมเกิดมีประจำ มี บางคราวเทานั้น ฉะนั้น ปาฏิหาริยนั้นจึงชื่อวา อจฺเฉร อัศจรรย, เพราะเหตุนั้น ใน เนตติอรรถกถาจึงวา ยํ อภิณฺหํ น ปวตฺตติ, ตํ อจฺฉริยนฺติ (สิ่งใดไมเปนไปเนืองๆ สิ่งนั้นชื่อวา อจฺฉริย อัศจรรย), แปลง น เปน อ, อาเทศ จร ธาตุเปน จฺเฉร อจฺฉริย (นปุ.ติ.) ๑. อัศจรรย, สิ่งที่ควรเพื่อดีด นิ้ว วิ. อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อจฺฉริยํ อจฺเฉรํ วา (สิ่งใดควรเพื่อจะดีดนิ้ว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺฉริย หรือเปน อจฺเฉร), ยออักษร (อกฺขรสํขิตฺต) ดวยมหาสูตร เชน อภิกฺขณํ เปน อภิณฺหํ, อาจริโย เปน อาเจโร, สุณิสา เปน สุณฺหา, ปุพฺพณฺโห เปน ปณฺโห เปนตน, [อิย หรือ ณฺย ปจจัย ใชใน อรรถ ยุตฺต], ๒. สิ่งที่ประกอบนิ้วมือ วิ. อจฺฉรา โยคฺโคติ อจฺฉริโย (การประกอบดวยนิ้วมือ ชื่อ วา อจฺฉริย), ทำตัวรูปโดยวิธีนิรุตตินัย, ใน อนภิณฺหวุตฺติก วา อจฺฉริย ศัพท หมายถึง อัน เขาปรารถนาแลว (อิจฺฉิต), อธิบายวา อันเขาดีด นิ้วปรารถจะเห็น, อจฺฉริยํ ก็วา, [ณิย ปจจัย ใช ในอรรถ โยคฺค], ๓. การประพฤติใหยิ่ง (นปุ.ปุ.) วิ. อา ภุโส จรณํ จริยํ วา อิติ อจฺฉริยํ (การเที่ยว ไป หรือการประพฤติใหยิ่ง ชื่อวา อจฺฉริย), วิ. อา ภุโส จริตพฺโพติ อจฺฉริโย วิมฺหโย (สภาวะ อันเขาพึงประพฤติยิ่ง คือแกกลา ชื่อวา อจฺฉริย ไดแก ความนาพิศวง), สันสกฤตวา อาศฺจรฺยะ [อา + จร ธาตุ คติยํ ในความไป, กฺวิ ปจจัย, แปลง จร เปน จฺฉริย, รัสสะ อา เปน อ, แปลง จฺฉริย และลง กฺวิ ปจจัย ดวย จ ศัพท ในสูตร รูป. ๖๕๕ วา อาปุพฺพจรสฺส จ, ศัพทนี้ถาเปน นาม (อภิเธยฺยลิงฺค) พึงทราบวาเปนนปุงสกลิงค แตถาเปนคุณนาม (วาจฺจลิงฺค) เปนได ๓ ลิงค ตตฺถ อภิเธยฺยลิงฺโคติ ปธานลิงฺโค, คุณีปทสงฺขาตลิงฺโค วา. วาจฺจลิงฺโคติ อปฺปธานลิงฺโค, คุณนามสงฺขาตลิงฺโค วา. ใน ๒ อยางนั้น อธิเธยยลิงค หมายถึง ศัพทที่เปนนามหลัก คือ ศัพทที่ใชเปนคุณีบท (บทนามนามที่คูคุณนาม) วาจจลิงค หมายถึง ศัพทที่ไมใชคำนามหลัก หรือศัพทประเภทคุณนาม, แมพบคำนี้ตอไปก็ นัยนี้ และจะไมกลาวนัยนี้ซ้ำอีก เพราะคัมภีรนี้ จะหนักไป, ดู สัททนีติ ปทมาลา ปริจเฉทที่ ๑๑ (ฉบับแปล หนา ๗๙๕) แตในคัมภีรอื่น เชน อภิธานัปปทีปกา ตรงกันขาม คืออภิเธยยลิงค หมายถึง คุณนาม อจฺฉา (อิตฺ) ใส, ความริษยา, พระนางกัณหาชินะ วิ. อชนํ อจฺฉา (การไป ชื่อวา อจฺฉา), [อช ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ฉ ปจจัย, แปลง ช เปน จฺ, อา ปจจัยใน อิต.], อจฺฉนํ อจฺฉา (การเขาไปหา ชื่อวา อจฺฉา), [อาส ธาตุ อุปเวสเน ในความเขา ไปนั่งใกล + อ ปจจัย + อา ปจจัยใน อิต., แปลง ส ที่สุดธาตุ เปน จฺฉ, รัสสะ อา เปน อ], อจฺฉา ศัพท มีความวา วิปฺปสนฺโนทกอิสฺสากณฺหาชินวาจโก (น้ำใส, ความริษยา, พระนางกัณหาชินะ) อจฺฉาทน (นปุ.) ๑. ผา, เครื่องปกปดรางกาย วิ. สรีรํ อจฺฉาเทติ สํวรติ อเนนาติ อจฺฉาทนํ วตฺถํ (เขาปกปดรางกายดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวาอจฺฉาทน ไดแกผา), [อา + ฉท ธาตุ สํวรเณ ในความปองกัน + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน + ทีฆะ อ ที่ ฉ กลางศัพท เปน อา, ซอน จฺ และรัสสะเปน อ], ๒. หลังคา, เครื่องปกปด,
๓๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เครื่องบัง, เครื่องมุง (นปุ.) วิ. อา ภุโส ฉาทียเต เอเตนาติ อจฺฉาทนํ, ฉทนํ. (เรือนเปนตน อันเขา ปกปดไวดียิ่ง ดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อจฺฉาทน ไดแก เครื่องมุง), ๓. เสื้อผา, เครื่อง ปกปดใหเรียบรอย (นปุ.) วิ. อา ภุโส ฉาเทติ ปริทหติ เอเตนาติ อจฺฉาทนํ, นิวาสนํ (เขายอม ปกปด คือหมดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อจฺฉาทน ไดแก ผานุงหม) ๔. การมุง, การ ปกปด, การนุง วิ. อจฺฉาทียเต อจฺฉาทนํ (อัน เขายอมปกปด ชื่อวา อจฺฉาทน), [อา บทหนา + ฉท ธาตุ ฉาทเน ในความปกปด จัดเขาในหมวด จุร ธาตุ + ยุ ปจจัย] อจฺฉาเทตฺวา (กิ.กิตฺ.) หมแลว, ใหหมแลว วิ. ปริทหิตฺวาติ อจฺฉาเทตฺวา (อจฺฉาเทตฺวา แปลวา หมแลว), [อา + ฉท ธาตุ ฉาทเน ใน ความปกปด + เณ ปจจัย จุราทิคเณ ในหมวด จุร ธาตุ + ตฺวา ปจจัย, อีกนัยหนึ่ง อา + ฉท ธาตุ ฉาทเน ในความปกปด + เณ ปจจัย การิเต ในอรรถการิต คือใชใหคนอื่นทำ + ตฺวา ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อจฺฉาเทนฺโต, ลง อนฺต ปจจัย อจฺฉิ (นปุ.) ๑. ตา, นัยนตา วิ. อจฺฉติ ปสฺสติ อเนนาติ อจฺฉิ จกฺขุ (บุคคลมองเห็นดวยอวัยวะ นั่น เหตุนั้น อวัยวะนั้นชื่อวา อจฺฉิ ไดแก นัยนตา), [อจฺฉ ธาตุ ทสฺสนพฺยาปเนสุ ใน ความเห็นและซานไป + อิ ปจจัย], อจฺฉิ ศัพท เปน อิการันต ใน นปุ. ๒. นยันตาชางกุญชร ใน ที่บางแหง คือใน วชิรพุทธิฏีกา ๑๕๕ วา อจฺฉีติ กฺุชรกฺขิ (คำวา อจฺฉฺ หมายถึง ตาชางกุญชร), ๓. เขาไปแลว (กิ.อา.) อีกอยางหนึ่ง บทนี้เปน อาขยาต ก็ไดบาง มีความหมายวา เขาไปแลว (อุปาสิ) อจฺฉิชฺช (กิ.กิต.) ชิงเอาแลว วิ. อจฺฉินฺทิตฺวาติ อจฺฉิชฺช วิลุมฺปตฺวา (ชิงเอาแลว ชื่อวา อจฺฉิชฺช ไดแก ปลนแลว), [อา + ฉิทิ ธาตุ ทฺวิธากรเณ ใน ความตัดเปน ๒ สวน อาทาเน วา หรือในความ ถือเอา + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ชฺช และ ลบที่สุดธาตุ ดวย กจฺ. ๖๐๐ รูป. ๖๔๕ วา มหท เภหิ มฺม-ยฺห-ชฺช-พฺภ-ทฺธา จ, ซอน จฺ, รัสสะ อา เปน อ], นัยเดียวกันเชน อจฺฉินฺทิตฺวา ลงนิคหิต อาคม และ อิ อาคม, อจฺฉินฺทิย แปลง ตฺวา เปน ย, ปาฐะวา อจฺเฉชฺช ก็มี, นัยเดียวกัน ลง อนฺต ปจจัย เปน อจฺฉินฺทนฺโต อจฺฉินฺน (ติ.) ๑. อันเขาตัดแลว วิ. อจฺฉินฺทียิตฺถาติ อจฺฉินฺโน (สิ่งใดอันเขาตัดแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อจฺฉินฺน), [อา + ฉิทิ ธาตุ เฉทเน ในการ ตัด + ลง กฺต ปจจัย กจฺ.๖๔๓ รูป.๖๓๕ วา ภฺยาทีหิ มติพุธิปูชาทีหิ จ กฺโต], ๒. อันเขาตอง ตัด (ติ.) วิ. อจฺฉินฺทิตพฺโพติ อจฺฉินฺโน (สวนอัน เขาพึงตัด ชื่อวา อจฺฉินฺน), [อา + ฉิทิ ธาตุ ทฺวิธากรเณ ในความตัด + ต ปจจัย แปลงเปน อนฺน], ๓. สิ่งที่ขาดแลว วิ. อจฺฉิชฺชิตฺถาติ อจฺฉินฺนํ (สิ่งใดขาดแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อจฺฉินฺน), [อา + ฉิทิ ธาตุ ทฺวิธากรเณ ในความ ตัดเปน ๒ สวน + ต ปจจัย แปลงเปน อินฺน และ ลบที่สุดธาตุ ดวยสูตร กจฺ.๕๘๒ รูป.๖๓๑ วา ภิทาทิโต เปนตน ], ๔. อันเขาชิงเอาแลว (ติ.) คำวา อจฺฉินนฺ ในคำวา อจฺฉินนฺจีวโร ในอัญญาตกวิญญัตติสิกขาบท มีความหมายวา อันเขาชิงเอา (วิลุตฺตํ) หรือลักแลว (อาทินฺนํ วา), [อา + ฉิทิ ธาตุ อาทาเน ในความถือเอา เพราะธาตุมีหลาย ความหมาย + ต ปจจัย], สวนใน โยชนาปาจิตยฺาท- ิ โยชนา อธิบายวา อจฺฉิทฺทจีวโรติ เอตฺถ อากาโร โกธตฺโถ, อฑฺฑตฺโถ วา โหติ, ฉิทฺทตฺโถ ทูสนตฺโถ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๓๙ โหติ (อา อักษรในคำวา อจฺฉิทฺทจีวโร มี ความหมายวา โกรธเคือง (โกธ ทุสฺสน) หรือ ทำใหขาด (อฑฺฑ ฉิทฺท), เพราะฉะนั้น จึงอธิบาย วา อา โกเธน อฑฺเฑน วา ฉิทฺโท ทูสิโตติ อจฺฉิทฺโท (ผูอันเขาตัดหรือประทุษรายดวยความ โกรธและทำใหขาด), ปาฐะวา อจฺฉินฺโน ก็มี. นัยเดียวกัน อจฺฉินฺทนํ (การตัดขาด, การชิงเอา), ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ. อจฺเฉโท (การตัด, การชิง เอา) ณ ปจจัย ในภาวสาธนะ วิ. น ฉินฺโน อจฺฉินฺโน (ไมใชการตัด ชื่อวา อจฺฉินฺโน-ไมมี ชอง) เชน อจฺฉินฺโน อสุสิโร เอกคฺฆโน (ทึบเปน เนื้อเดียว ไมมีชอง ไมมีโพรง), ปาฐะวา อจฺฉิทฺโท ก็มี อจฺฉุเปยฺย (นปุ.) ผาดามอันเขาพึงดาม, ผาอันเขาพึงนำไปที่ชองซึ่งกลมหมือนดวงตา วิ. อจฺฉิ วุจฺจติ เนตฺตมณฺฑลํ, ตํ วิยาติ อจฺฉิ ฉิทฺโท (ดวงตา อันเขาเรียกกันวา อจฺฉิ, ชองขาด เรียกวา อจฺฉิ เพราะเปนเหมือนดวงตานั้น), ตสฺมึ อุปคนฺตพฺพํ อุปเนตพฺพนฺติ อจฺฉุเปยฺยํ (ผาดามอันเขาพึงนำไปที่ชองนั้น เหตุนั้น ผานั้น จึงชื่อวา อจฺฉุเปยฺย), [อจฺฉิ + อุป + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ณฺย ปจจัย] อจริม (ติ.,กิ.วิ.) ไมใชสุดทาย, ไมหลัง วิ. น จริมํ อจริมํ (สิ่งที่ไมใชสุดทาย ชื่อวา อจริม), [แปลง น เปน อ], เปน นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส, บัณฑิตพึงเทียบการจำแนกธาตุปจจัยกับบทวา จริม ขางหนา อจินฺเตยฺย (ติ.) ไมควรคิด วิ. จินฺเตตพฺพนฺติ จินเฺตยฺยํ, น จินฺเตยฺยํ อจินเฺตยฺยํ, อจินตฺิยํ (สิ่งใด อันบุคคลพึงคิด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา จินฺเตยฺย, สิ่งที่อันบุคคลไมควรคิด ชื่อวา อจินฺเตยฺย ไดแก สิ่งที่ไมควรคิด), [น + จินฺต ธาตุ จินฺตายํ ใน ความคิด + ฆฺยณฺ ปจจัย, ลง อี อาคม แปลงเปน เอ, ซอน ยฺ] ในขอนี้มีตัวอยางวา พุทฺธานํ ภิกฺขเว พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโย น จินฺเตตพฺโพ, ยํ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺส. ฌายิสฺส ภิกฺขเว ฌานวิสโย อจินฺเตยฺโย ฯเปฯ กมฺมวิปาโก ภิกฺขเว อจินฺเตยฺโย ฯเปฯ โลกจินฺตา ภิกฺขเว อจินฺเตยฺยา องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๗๖/๑๐๒ [ดูกอนภิกษุทั้งหลาย พุทธวิสัยของพระพุทธเจา ทั้งหลาย เปนอจินไตย อันบุคคลไมควรคิด เมื่อคิด พึงเปนผูมีสวนแหงความเปนบา, ดูกอน ภิกษุทั้งหลาย ฌานวิสัยของผูไดฌาน เปน อจินไตย ฯลฯ, ดูกอนภิกษุทั้งหลายวิบากแหง กรรม เปนอจินไตย, ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ความคิดเรื่องโลก เปนอจินไตย] เอวํ อจินฺติยา พุทฺธา, พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา, อจินฺติเย ปสนฺนานํ วิปาโก โหติ อจินฺติโย นัย.ขุ.อป.๓๒/๑/๙ [ดวย ป ระ การฉะนี้ พร ะ พุท ธเจ า ธร รมของ พระพุทธเจาๆ ใครๆ ไมอาจคิดได เมื่อบุคคล เลื่อมใสในพระพุทธเจาและพระธรรม อันใครๆ ไมอาจคิดได ยอมใหผลอันใครๆ คิดไมได] ใน คัมภีรชินาลังการฎีกา (รังษี สุทนต แปล, น.๖๖) วา ในคำวา อจินฺติโย ใครไมควรคิดนี้ อ อักษร มีเนื้อความวาเจริญ ดุจในคำวา อเสกฺขา ธมฺมา อเสกขธรรม จริงอยูอันการคิดเรื่องพุทธคุณนี้ เปนความคิดที่ถึงความเจริญแผขยาย ในวิสัย ชาวโลกเปนตน ที่ไมควรคิด อันสิ่งที่พึงคิดดวย จิต ที่ถึงความอัศจรรย ความแปลกใจ ความ ประหลาดใจ อยางนี้ นอกจากนี้ไมมี อีกอยาง หนึ่ง อ อักษรนี้มีเนื้อความปฏิเสธ พระพุทธคุณ ของพระผูมีพระภาคนั้น ใครไมพึงถึง คือพึงไป ดวยความคิด หาที่สิ้นสุดมิได เพราะเหตุนั้น จึง ชื่อวา อจินฺติโย ใครไมพึงคิด เพราะเหตุไร
๔๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เพราะเหตุที่พระพุทธคุณนั้นละเอียดออนยิ่งนัก ลุมลึกคัมภีรภาพ กำหนดประมาณมิได และมิใช วิสัย นี้เปนเพียงตัวอยางแหงพุทธคุณ, แต คำอธิบายตอจากนี้ ผูศึกษาพึงคนดูจากบาลีและ อรรถกถาเปนตนเถิด อจิรปกฺกนฺต (ติ.) ผูไปแลวไมนาน, ผูเพิ่งไป วิ. อจิรํ ปกฺกนฺตํ ยสฺส โสยํ อจิรปกฺกนฺโต (การ กาวไปยังไมนานของคนนั้นมีอยู เหตุนั้น คนนั้น ชื่อวา อจิรปกฺกนฺต), อีกนัยหนึ่ง อปกฺกมีติ ปกฺกนฺโต, ปุริโส, อจิรํ ปกฺกนฺตสฺส ยสฺส โสยํ อจิรปกฺกนฺโต (บุรุษผูกาวไปแลวชื่อวา ปกฺกนฺต, ระยะเวลาไมนานของคนนั้นมีอยู เหตุนั้น คนนั้น ชื่อวา อจิรปกฺกนฺต) นัยนี้เปนวิเคราะหสมาส มีกิตกเปนทอง อจิรปพฺพชิต (ปุ.) ผูบวชยังไมนาน, ผูบวช ใหม วิ. อจิรํ ปพฺพชิตํ ยสฺส โสยํ อจิรปพฺพชิโต, อธุนาคโต อิมํ ธมฺมวินยํ, อปุราณวณฺณี วา (การ บวชไมนานของภิกษุนั้นมีอยู เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อวา อจิรปพฺพชิต ไดแก ผูเขามาสูพระธรรม วินัยนี้ยังไมนาน หรือผูมีหนายังไมเกา) อจิรปรินิพฺพุต (ปุ.) ผูทรงปรินิพพานยังไม นาน, ผูเพิ่งปรินิพพาน วิ. อจิรํ ปรินิพฺพุตํ ยสฺส โสยํ อจิรปรินิพฺพุโต (การปรินิพพานยังไมนาน ของพระพุทธเจาพระองคใด พระพุทธเจา พระองคนั้น พระนามวา อจิรปรินิพฺพุโต), วิ. อจิรํ ปรินิพฺพุตสฺส อสฺสาติ อจิรปรินิพฺพุโต (ระยะเวลาไมนานของพระพุทธเจาผูปรินิพพาน แลวนั้น เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระนามวา อจิรปรินิพฺพุต), นัยนี้เปน จตุตฺถีพหุพฺพีหิสมาส หมายความวา สตฺตาหปรินิพฺพุโต (ปรินิพพาน ไปเพียง ๗ วัน) เชน มาสชาโต เปน พาหิรัตถะ พหุพพิหิสมาส อจิรปฺปภา (อิตฺ) สายฟาแลบ, สายฟาที่ ปรากฏไมนาน วิ. อจิรํ ปภา ทิตฺติ ยสฺสา สา อจิรปฺปภา วิชฺชุ. (สายฟา คือแสงสวาง ไมนาน ของภาวะใด เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อจิรปภาไดแก สายฟา) บทนี้เปนพหุพพิหิสมาส อจิรวตี (อิตฺ) แมน้ำอจิรวดี, แมน้ำมีกระแสเชี่ยว, แมน้ำมีการไหลไมชา วิ. อจิรํ สีฆํ คมนเมติสฺสํ อตฺถีติ อจิรวตี (การไหลไปไมชา หรือเชี่ยว ใน แมน้ำนั่น เหตุนั้น แมน้ำนั้นชื่อวา อจิรวตี), [วนฺตุ ปจจัย + อี ปจจัย ในอิตถีลิงค + แปลง นฺตุ เปน ต, กจฺ. ๒๔๑, รูป.๑๙๑ วา นฺตุสฺส ตมีกาเร], มหานที ๕ ที่เกิดจากภูเขาหิมวันต คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู และมหี อเจลก (ปุ.) คนไมนุงผา, คนเปลือย, พวก นิครนถซึ่งเปนนักบวชนอกพุทธศาสนา วิ. นตฺถิ เจลํ วตฺถเมตสฺสาติ อเจลโก นิคณฺโ (ทอนผา คือผาของนักบวชนั่นไมมี เหตุนั้น นักบวชนั้นชื่อวา อเจลก ไดแก นิครนถ), [ลง ก ปจจัยทายสมาส], ใน สารตฺถทีปนี ๔/๑๔๖ วา ปริพาชกชีเปลือย มี ๒ พวก คือ อาชีวก และ อเจลก ใน ๒ พวกนี้ อาชีวก สอดผาดานหนึ่ง เขาไปใกลรักแรแลวหมไวเปลือยตอนลาง อเจลก เปลือยหมดเลย (อเจลโก สพฺเพนสพฺพํ นคฺโคเยว), รูปวา อเจโล ก็มี คำวา สพฺเพนสพฺพํ นั้นเปนนิบาตทั้ง ๒ บท อช (ปุ). แพะ, ๑. สัตวที่เดินไป วิ. อชติ คจฺฉตีติ อโช ฉคลโก (สัตวใดยอมเดินไป เหตุนั้น สัตวนนั้ ชื่อวา อช ไดแก แพะ), [อช ธาตุ คมเน ในความ ไป + อ ปจจัย], ๒. สัตวที่ไมเกิด วิ. น ชายตีติ อโช, อชามิโค, วิณฺหุ วา (สัตวใดไมเกิด เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อช ไดแก เนื้อคือแพะ, หรือ พระวิษณุ), [น + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด +
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๔๑ กฺวิ ปจจัย], สวนใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา (ฉบับ แปล หนา ๓๒๕) วา อโชติ เอฬโก (อช คือ แพะ), คำวา อโช เอฬโก อุรพฺโภ อวิ เมณฺโฑ เปนไวพจนกัน, ในคำเหลานี้ อุรพฺโภ คือ เอฬโก ที่เรียกกันวา อช (แพะ), อวิ คือแพะมีขนแดง, เมณฺโฑ คือแพะมีเขางอ, อยางไรก็ตามในชนก ชาดก ทานกลาวแยกกันระหวาง อช กับ เมณฺฑ คือกลาวแยกตางกันระหวางรถเทียมแพะ (อช รถ) กับรถเทียมแกะ (เมณฺฑรถ), อีกนัยหนึ่ง อช กับ เอฬก ก็ตางกัน ฉะนั้น จะเรียก เมณฺฑ ดวย เอฬก ก็ได แตใน อรรถกถามโหสธชาดก ทาน กลาววา เมณฺฑ กับ เอฬกา ไมตางกัน; ในอิตถี- ลิงค ไดรูปเปน อชา อชี (แพะตัวเมีย), ลง อา และ อี ปจจัยในอิตถีลิงคตามลำดับ อชคร (ปุ.) งูเหลือม, สัตวที่กลืนกินแพะ วิ. อชํ ฉาคํ คิลตีติ อชคโร วาหโส (สัตวใดยอมกลืนกิน แพะ เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อชคร ไดแก งูเหลือม), [คิล ธาตุ คิลเน ในความกลืนกิน + อ ปจจัย, แปลง อิ เปน อ, แปลง ล เปน ร, บาง คัมภีรเกาในที่บางแหง ปาฐะวา อชคโล อชฺ (นปุ.) ๑. อันตราย, สิ่งที่ไมไดเกิด ตลอดเวลา วิ. สพฺพกาลํ น ชายตีติ อชฺํ (สิ่งใด ไมเกิดขึ้นตลอดเวลา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺ), [น + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ณฺย ปจจัย, แปลง นฺย เปน ฺ]. ๒. สิ่งที่ไมให ผลประโยชนเกิด วิ. ผลํ น ชเนตีติ อชฺํ (สิ่งใดไมใหผลประโยชนเกิด เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อชฺ), ๒. สิ่งที่นาเกลียด (ติ.) อชฺนฺติ อมนฺุํ ชิคุจฺฉนียํ, ปฏิกูลํ อมนาปเมว (คำวา อชฺ หมายถึง ไมนาชอบใจ นารังเกียจ เปน ของปฏิกูล คือไมนาชอบใจนั่นเอง เชน อชฺํ ชฺสงฺขาตํ (นาเกลียด แตนับกันวานาชอบใจ), วิ. ตํ หิ ธูโม วิย อคฺคิสฺส กมฺมผลสฺส ปกาสนมตฺตเมว กโรติ, น จ ตํ ชเนตีติ อชฺํ อีติ, อุปสคฺโค อุปทฺทโว วา (ก็อันตรายที่ชื่อวา อชัญญะ นั้น ทำไดเพียงประกาศผลกรรมของ ตน เหมือนควันประกาศใหทราบไฟ, และ อันตรายอันนาเกียจนั้นก็ไมใหผลประโยชน เกิดขึ้นได ฉะนั้น จึงชื่อวา อชัญญะ ไดแก ความ จัญไร คือ อันตราย หรืออุปสัค), [น + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ณฺย ปจจัย]. อชฏากาส (ปุ.) กลางหาว, ทองฟา, อากาศไม มีที่รกชัฏ, วิ. นตฺถิ ชฏํ อสฺสาติ อชโฏ (ที่รกชัฏ ของอากาศนั้นไมมี เหตุนั้น อากาศนั้น ชื่อวา อชฏ) แตใน อนุทีปนี วา วิ. นตฺถิ ชฏา เอตฺถาติ อชโฏ (ที่รกชัฏบนอากาศนั้นไมมี เหตุนั้น อากาศนั้นจึงชื่อวา อชฏ), อชโฏ เอว อากาโส อชฏากาโส (อากาศคืออชฏะ ชื่อวา อชฏากาส), คำนี้มีความหมายวา อนฺตลิกฺโข (กลางหาว) นภํ (ทองฟา) ตุจฺฉากาโส (อากาศวางเปลา) อชป (ปุ.) ผูสวดไมได, ไมสามารถสาธยาย วิ. น ชปนฺตีติ อชปา พฺราหฺมณา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ (พราหมณเหลาใด ไมสวด เหตุนั้น พราหมณเหลานั้น ชื่อวา อชปาพราหมณแกสวดมนตไมได, หมายความวา ผูไม สามารถสาธยายมนต), [น + ชป ธาตุ จิตฺตนติวาจาสุ ในความคิดและกลาว + อ ปจจัย] อชปาล (ปุ.) ๑. ตนไมเปนที่พักของชนเลี้ยง แพะ วิ. อชํ ปาเลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโล (ชนทั้งหลายเลี้ยงแพะอยู ยึดเอาที่พัก ที่ตนไมนั้น เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อชปาล), [อช + ปาล ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ณ ปจจัย], ๒. ผูเลี้ยงแพะ (ปุ.) วิ. อชํ ปาเลตีติ อชปาโล, อชปาลโก (ผูใดยอมบริบาลซึ่งแพะ
๔๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชปาล, อชปาลก), [อช + ปาล ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ณ ปจจัย, และ ณฺวุ ปจจัย] ๓. ที่พักของพวกพราหมณที่ สามารถสวดพระเวทไดแลว วิ. อชปา พฺราหฺมณา ลนฺติ นิวาสํ คณฺหนฺติ เอตฺถาติ อชปาโล (พวกพราหมณที่ไมสามารถสวดพระ เวท ยึดไวคือยึดที่พักที่ตนไมนั้น เหตุนั้น ตนไม นั้นชื่อวา อชปาล ตนไมที่พักของพวกพราหมณ ที่สามารถสวดพระเวทไดแลว), [อชป + ลา ธาตุ คหเณ ในความถือเอา + อ ปจจัย, ทีฆะกลาง ศัพท) อชปาลก (นปุ.) ตนโกฐ, ตนไมที่รักษาแพะที่ เขามาอาศัยเงาตน วิ. อตฺตโน ฉายูปคเต อเช ปาเลตีติ อชปาลกํ กุํ (ตนไมใดยอมรักษา แพะที่เขาไปอาศัยเงาตน เหตุนั้น ตนไมนั้น ชื่อวา อชปาลก ไดแก ตนโกฐ), [อช + ปาล ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ณฺวุ ปจจัย อาเทศเปน อก] อชปาลนิโคฺรธ (ปุ.) ตนอชปาลนิโครธ, ตนไทรชื่ออชปาล, ตนไมเปนที่นั่งพักของคน เลี้ยงแพะ วิ. อเช ปาเลนฺตีติ อชปาลา, เตสํ นิสินฺโนกาโส นิโคฺรโธ อชปาลนโิครฺโธ (ชนเหลา ใดเลี้ยงแพะ เหตุนั้น ชนเหลานั้น จึงชื่อวา อชปาล, ตนไทร เปนที่พวกชนเลี้ยงแพะนั้นนั่ง จึงชื่อวา อชปาลนิโคฺรธ), ๒. ตนไทรเปนที่พัก ของพวกพราหมณแกที่ไมสามารถสาธยาย พระเวท (ปุ.) อาจารยบางพวกกลาวกันวา พราหมณแกไมสามารถสาธยายพระเวทไดแลว เขาจึงลอมเครื่องลอมใหพำนักอยูที่ตนไมนั้น ตนไมนั้นจึงไดชื่อวา อชปาลนิโคฺรโธ วิ. น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ, อชปา พฺราหฺมณา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโล (พราหมณแกเหลาใดไมสวด เหตุนั้น พราหมณแกเหลานั้น จึงชื่อวา อชปา, พราหมณ ที่สวดไมไดนั้น ยอมยึดที่พักที่ตนไทรนั้น เหตุนั้น ตนไทรนั้น ชื่อวา อชปาล), ๓. ตนไมที่รักษา แพะที่เขาไปภายในเงาตน บางอาจารยอธิบาย วา ยสฺมา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิเ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา อชปาโล ติสฺส นามํ รุฬฺหนฺติ (เพราะตนไทรรักษาแพะที่ เขาไปอาศัยรมเงาเวลาเที่ยงวัน ฉะนั้น คำวา อชปาล จึงกลายเปนชื่อของตนไทรนั้น), ที่กลาว มาทุกนัยนั้น เปนชื่อของตนไม, เมื่อได อชปาโล แลว จึงสมาสกับบทวา นิโคฺรโธ วา อชปาโล จ โส นิโคฺรโธ เจติอชปาลนโิครฺโธ (ตนอชปาลนั้น ดวย ตนไทรดวยชื่อวา อชปาลนิโคฺรโธ) อชฺช (อพฺ.) ในกาลน้ี, บัดน้ี, แปลกันวา ในวันนี้ วิ. อิมสมฺึกาเล อชฺช, อิม + ชฺช ปจจัย กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยท เปนตน ในอรรถกาลสัตตมี, ใน นีติ.สุตฺต. วา อชนํ อชฺชา คตินิวตฺตนํ (การ หยุด ชื่อวา อชฺชา), [อช ธาตุ คติกฺเขปเน ใน ความหามการไป+ ช ปจจัย นีติ.สุตฺต ๑๒๕๙ วา อชสทโต โช] อชฺชตน (ติ.) ๑. มีในกาลน้,ี มีในวันนี้ วิ. อชฺช ภโว อชฺชตโน (มีในวันนี้ ชื่อวา อชฺชตน), [อชฺช + ตน ปจจัย แทน ภว (มี) โมคฺ. ๔/๒๑ วา อชฺชาทีหิ ตโน], บทวา สฺวาตโน (มีในวันพรุง), หิยฺยตฺตโน (มีในวันวาน) ก็นัยนี้, มติ ปทรูปสิทฺธิ อธิบายสูตร ๔๒๓ วา อิมสฺมึ กาเล อิมสฺมึ ทิวเส วา อชฺช (มีในกาลนี้ หรือในวันนี้ ชื่อวา อชฺช), สมาเน กาเล สชฺชุ (มีในกาลเดียวกัน ชื่อวา สชฺชุ), อปรสฺมึ ทิวเส อปรชฺชุ (มีในวันพรุงนี้ ชื่อ วา อปรชฺชุ), ตน ปจจัย ใชลงหลังนิบาต มี ความหมายวา ภว (มี) เชน อชฺช ภวํ อชฺชตนํ (มี
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๔๓ ในวันนี้), อชฺช ภวา อชฺชตนี(มีในวันนี้), เสฺว ภวํ สฺวาตนํ(มีในวันพรุง), คำวา ปุราตนํ (มีในกอน) ก็นัยนี้, สวนใน ปาจิตฺยาทิโยชนา วา อสฺมึ อหนิ อชฺช, อิมสทฺทโต อหนีติ อตฺเถ ชฺชปจฺจโย, อิมสทฺทสฺส จ อกาโร, อชฺช เอว อชฺชตนา, สฺวตฺโถ หิ ตนปจฺจโยติ (ในวันนี้ ชื่อวา อชฺช, ลง ชฺช ปจจัย หลัง อิม ศัพท ในอรรถวา ในวัน) และ แปลง อิม เปน อ, อชฺช นั่นเอง ชื่อวา อชฺชตนา, ความจริง ตน ปจจัย ใชในอรรถสกัตถ อชฺชตคฺค (อพฺ. ติ.) วันน้เีปนตนไป, มีวันน้เีปน เบื้องตน, เบื้องตนในวันน้ี คำวา อชฺชตคฺค นี้ ในสมันตปาสาทิกา ๑/๑๙๖ ปรากฏเปนสัตตมี วิภัตติ เปน อชฺชตคฺเค อธิบายวา อคฺค ศัพทนี้ ในบทวา อชฺชตคฺเค นี้ ยอมปรากฏในอรรถวา อาทิ (เบื้องตน) โกฏิ (เบื้องปลาย) โกฏฐาสะ (สวน) และ เสฏฐะ (ประเสริฐ) ถามวามีตัวอยาง หรือไม, ตอบวา มีตัวอยาง เชนวา อุปาสโกหํ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คโต (ขาพเจาเปน อุบาสก ถึงพระรัตนตรัยวาเปนสรณะตลอดชีวิต จำเดิมแตวันนี้ เปนตนไป), สวนใน สารตฺถทีปนี, ๔/๑๐๐ วา อชฺชตคฺเคติ เอตฺถายํ อคฺคสทฺโท อาทิอตฺเถ, ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ, อชฺชตนฺติ อชฺช ภาวํ, อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวา (อคฺค ศัพทในบทวา อชฺชตคฺเค นี้ มีความหมายวา เปนตน เพราะฉะนั้น พึงทราบความหมายของบทวา อชฺชตคฺเค อยาง นี้วา อชฺชตํ อาทึ กตฺวา แปลวา กระทําความ เปนวันนี้ใหเปนตน. บทวา อชฺชตํ ความเทากับ อชฺชภาวํ แปลวาความเปนวันนี้. อีกอยางหนึ่ง ปาฐะเปน อชฺชทคฺเค. ท อักษรกระทําปทสนธิ ความเทากับวา อชฺช อคฺคํ กตฺวา ความวา กระทําวันนี้ใหเปนตนไป), สทัทนีตินีติ.๑๔๗ วา อชฺชตํ อคฺคํ ลบนิคหิตดวยสูตรวา โลป ใน ปทรูปสิทธิ รูป.๓๔ วา ในเพราะ อคฺค อยูหลัง ลง ต อาคม หลัง อชฺช ดวยสูตรวา ยวมทนตรลา จาคมา อชฺชนฺห (อพฺ.) ขณะนี้ของวัน, เฉพาะวันนี้, วันนี้วันเดียว วิ. อหสฺส อชฺช อชฺชนฺหํ (ในวันนี้ แหงวัน), แปลง อห เปน อนฺห ดวยสูตร กจฺ. ๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน คำนี้ทานกลาว ไวโดยถือนัยภาษาสันสกฤต แตในบาลีไดมีรูป อยางนี้ วิ. อชฺช จ ตํ อโห จาติ อชฺชณฺโห (ขณะนี้ นั้นดวย วันนี้ดวย ชื่อวา อชฺชณฺห) วิ. อชฺช จ ตํ อหํ จาติ อชฺชณฺหํ (ขณะนี้นั้นดวย วันดวย ชื่อวา อชฺชณฺห), แปลง อห ซึ่งอยูหลัง ปุพฺพ ศัพทเปนตน เปน ณฺห ดวยสูตร โมคฺ.๓/๑๑๐ วา ปุพฺพาปรชฺชสายมชฺเฌหาหสฺส โณฺห นัยเดียวกันเชน อปรนฺหํ อปรณฺหํ, อปรณฺโห (ชวงหลังของวัน) ปุพฺพนฺหํ ปุพฺพณฺหํ, ปุพฺพณฺโห (ชวงแรกของวัน) มชฺฌนฺหํ มชฺฌณฺหํ (กลางวัน), สายนฺหํ สายณฺหํ, สายณฺโห (สายัณห, กาลสิ้นไปแหงวัน) อชฺชว (นปุ.) ความชื่อตรง, ความเปนแหง บุคคลผูซื่อตรง วิ. อุชุโน ภาโว อชฺชวํ, อชิมฺหตา อกุฏิลตา อวงฺกตาติ อตฺโถ (ความเปน แหงคนซื่อตรง ชื่อวา อชฺชว, ไดแกความเปนผู ซื่อตรง ความไมคด ความไมโกง), [ณ ปจจัย กจฺ. ๓๖๑ รูป.๓๘๘ วา วิสมาทีหิ, เพราะ ณ แปลง อุ เปน อา, ซอน ชฺ และรัสสะ อา เปน อ ดวย รูป. ๓๕๔ กฺวจาทิ เปนตน]; สทฺทนีติ สุตฺตมาลา สูตร ๘๕๗ ฉบับแปล หนา ๘๔๕ วา สำหรับคำวา “อาชฺชวํ” ซึ่งมีรูปวิเคราะหวา “อุชุโน ภาโว อาชฺชวํ” นี้ ขาพเจาแสดงตามความเห็นของนัก
๔๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ไวยากรณ, แตตามนัยพระบาลี จะมีรูปที่รัสสะ อา เปน อ วา อชฺชโว โดยวิเคราะหวา “อุชุโน ภาโว อชฺชโว” (ความเปนผูซื่อตรง). คำนี้ โดยมากนิยมใชเปนรูปปุงลิงค เหมือน คารว ศัพท ในขอความนี้วา “คารโว จ นิวาโต จ” ดังมีหลักฐานจากพระบาลีวา อชฺชโว จ มทฺทโว จ (ความซื่อตรงและความออนโยน), จะอยางไร ก็ตาม รูปศัพทเหลานี้ บางแหง ก็ใชเปนรูป นปุงสกลิงคบาง แตไมมากนัก เชน อชฺชวํ, คารวํ, มทฺทวํ และ อนชฺชวํ ตรงขามกับ อชฺชวํ อชฺชิต (ติ.) อันเขาไดแลว, -แสวงหาแลว, -สั่งสมแลว วิ. ลทฺโธ ปริเยสิโต อุปจิโต วา อชฺชิโต (สิ่งอันเขาไดแลว แสวงหาแลว หรือสั่ง สมแลว ชื่อวา อชฺชิต), [อชฺช ธาตุ ลาภคเวสน อุปจินเนสุ, ในความได แสวงหา และสั่งสม + ต ปจจัย + อิอาคม] อชฺชุก (ปุ.) แมงลัก, ออยชาง, ผักบุงรวม วิ. อชฺชติ คจฺฉตีติ อชฺชุโก เสตปณฺณาโส (ตนไม ใดยอมไป เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อชฺชุก ไดแก แมงลัก), [อชฺช ธาตุ คมเน ในความไป + ณฺวุ ปจจัย, แปลง อ เปน อุ]. วิ. รชฺชุํ อชฺเชตีติ อชฺชุโก (ตนไมใด เลื้อยเกี่ยวกันเปนสาย เหตุนั้น ตนไม นั้น ชื่อวา อชฺชุก), [อชฺช ธาตุ อติสฺสชฺชเน ใน ความตกแตงตระเตรียม + อุก ปจจัย], อชฺชุก ศัพท เปนนามบัญญัติคือชื่อเฉพาะก็ได เชน อายสฺมา อชฺชุโก (ทานอัชชุกะ) อชฺชุน (ปุ.) ตนกุม, ตนรกฟา วิ. อชฺเชติ ธนสฺจยํ กโรตีติ อชฺชุโน ราชา รุกฺขวิเสโส [กกุโธ] จ (ภาวะใดยอมอยู คือทำการสะสม ทรัพย เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อชฺชุน ไดแก พระ เจาอัชชุนะ และตนกุม), [อชฺช ธาตุ อชฺชเน ใน ความอยู + กุน ปจจัย โมค.๗/๑๐๑ วา วรารกรตรทรยมอชฺชมิถสกา กุโน. บางแหง ปรากฏปาฐะวา อชฺชุนฺโน ไมเหมาะ อชฺเชยฺย (ติ.) ขุมทรัพย, อันเขาพึงสั่งสม, ขุมทรัพยอันศตัรูไมพึงชนะชิงไป วิ. อชฺชิตพฺโพ อุปจิตพฺโพติ อชฺเชยฺโย (สิ่งใดอันเขาพึงสั่งสมขึ้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺเชยฺย), [อชฺช ธาตุ อุปจเย ในความสั่งสม, ณฺย ปจจัย], ในอรรถกถาขุททกปาฐะ (ขุทฺทก.อ ๓๐๔) วา อเชยฺโยติ ปเรหิ เชตฺวา คเหตุํ น สกฺกา (บทวา อเชยฺโย ไดแก คนอื่นๆ ไมอาจผจญแลวเอาไปได), อจฺเจยฺโย ก็มี ความ วา ตสฺส อจฺจิตพฺโพ อจฺจนารโห หิตสุขตฺถิเกน อุปจิตพฺโพติ อตฺโถติ (อันใคร ๆ ไมพึงชนะ ไม ควรชนะคือผูตองการประโยชนสุขควรกอสราง เอง), บทหนา คือ อเชยฺย น + ชิ ธาตุ, บทหลัง คือ อจฺเจยฺย อจฺจ ธาตุ อชฺฌกฺข (ปุ.) ผูตรวจการณ, คนตรวจตรา, ยาม, เจาพนักงาน, นายตรวจ, เจาหนาที่, เจาการ, คนดูแล วิ. คาเมสุ อธิกตฺตา อธิกา อิกฺขา อนุภวนเมตสสฺาติอชฺฌกฺโข อธิกโต (การ ดูแลงานที่สำคัญใหงานสำเร็จ ในหมูบาน เพราะ เปนใหญ มีอยูแกผูนั่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชฺฌกฺข คือ ผูดูแล), [อธิ + อิกฺขา + ณ ปจจัย, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, แปลง อิ เปน อ], ๒ ศัพท นี้เปนชื่อของถายุก และโคป, ตตฺร เอกคาเม อธิกโต ถายุโก, พหูสุ คาเมสุ อธิกโต โคโป. (ใน ๒ คนนั้น ถายุโก หมายถึง ผูดูแลหมูบานเดียว, โคโป หมายถึง ผูดูแลหมูบานจำนวนมาก) อชฺฌตฺต (อพฺ.) ภายในตน, เปนไปภายในตน, วิ. อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตีติ อชฺฌตฺตํ (สิ่งใดยอมทำอยางยิ่ง คือเจาะจงซึ่งตน คืออัตภาพ เปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺฌตฺตํ), [อธิ บทหนา + อตฺต], หมายความวา อตฺตานํ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๔๕ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ อชฺฌตฺตํ, จกฺขาทิ (สิ่งที่ ทำอยางยิ่งคือเจาะจงตนเปนไป ไดแก จักษุ เปนตน) นี้เปนการวิเคราะหของนักอักษรจินดา คือนักไวยากรณ, แตวาตามมติของพระมูลฎีกาจารย พึงทราบอยางนี้ วิ. อตฺตานํ อธิ อชฺฌตฺตํ (เปนไปทับซึ่งตน ชื่อวา อชฺฌตฺต) เปน อพฺยยี- ภาวสมาส, อธิ ศัพทในที่สมาสไดมีความหมาย วา อธิการ-เปนใหญ และ ปวตฺติ-เปนไป, แตใน บางแหง คำวา อชฺฌตฺต มีความหมายวา ในตน (อตฺตนิ) หรือ แกตน (อตฺตโน), อธิ อุปสรรคมี ความหมายวา ผูทำ (การก). อชฺฌตฺต ใชใน ความหมาย ๔ อยาง ไดแก (๑) โคจร- ( โ ค จ ร ชฺ ฌ ตฺ ต ต ฺ เ ถ ) ( ๒ ) น ิ ย ก- ข อ งต น (นิยกชฺฌตฺตตฺเถ) (๓) อชฺฌตฺต-ภายใน (อชฺฌตฺตชฺฌตฺตตฺเถ), และ (๔) วิสย- (วิสยชฺฌตฺตตฺเถ), พึงคนดูใน อภิธานปฺปทีปกา สูจิ, เชนเดียวกัน พึงคนดูความแตกตางระหวาง อชฺฌตฺต-อชฺฌตฺติก และ พหิทฺธา-พาหิร ใน วิสุทธิมรรคและวิสุทธิมรรคฎีกานั้น อชฺฌตฺติก (ติ.) อันเปนภายใน, ภายในตน วิ. อตฺตสงฺขาตํ ปฺจทฺวาริกจิตฺตํ อธิกิจฺจ ตสฺส ทฺวารภาเวน ปวตฺตตีติ อชฺฌตฺตํ, อตฺตสทฺโท จิตฺตวาจโก, ตเทว อชฺฌตฺติกํ (สิ่งใดเปนไป เจาะจงจิตที่เปนไปทางทวาร ๕ กลาวคือจิต เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺฌตฺต, อตฺต ศัพท หมายถึง จิต, อชฺฌตฺต นั่นเอง ชื่อวา อชฺฌตฺติก), อถวา ยทิ มยํ น โหม, ตฺวํ กกลิงฺครูปโม ภวิสฺสสีติ วทนฺตา วิย อตฺตภาวสฺส สาติสยํ อุปการตฺตา จกฺขาทีเนว วิเสสโต อชฺฌตฺติกานิ นาม. เอตฺถ อตฺตภาวสฺส อธุปการานีติ อชฺฌตฺติกานีติ วุตฺตํ โหติ ดู อภิธมฺมตฺถวิภาวินี ฏีกา, (อีกนัยหนึ่ง ปสาทรูป ๕ มีจักขุปสาทรูป เปนตนเทานั้น ชื่อวา อัชฌัตติกรูป โดยพิเศษ เพราะความเปนธรรมชาตทำความเกื้อกูลอยาง ดียิ่งแกอัตภาพ คลายจะพูดวา ถาพวกเราไมมี ทานก็จักเปนดุจทอนไม ๒. ปสาทรูป, อายตนะ ภายใน วิ. อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ อธิกิจฺจ อุทฺทิสฺส ปวตฺตตีติอชฺฌตฺตํ (สิ่งใดมุงเฉพาะ คือ เจาะจงตนกลาวคืออัตภาพ เปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺฌตฺต), ศัพทนี้เปน ทุติยาอพฺยยี ภาวสมาส วิ. อชฺฌตฺตเมว อชฺฌตฺติกํ ปสาทรูป (อชฺฌตฺต นั่นเอง ชื่อวา อชฺฌตฺติก ไดแก ปสาทรูป), ลง ณิก ปจจัยสกัตถ, ๓. ธรรมหรือขันธที่ มีภายใน, -ที่ปรากฏภายใน วิ. อชฺฌตฺเต ภวํ อชฺฌตฺติกํ (รูปที่มีภายในตน ชื่อวา อชฺฌตฺติก), [อิก ปจจัย แทน ภว ศัพท) วิ. อชฺฌตฺเต วิทิโต ปากโฏติ อชฺฌตฺติโก, ธมโม ขนฺโธ วา (ธรรม หรือขันธที่แจงชัดหรือปรากฏในภายในตน เหตุนั้น ชื่อวา อชฺฌตฺติก) อชฺฌยก (ปุ.) ผูเรียน, นักเรียน วิ. อชฺฌยตีติ อชฺฌยโก (ผูใดยอมเรียน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชฺฌยก), [อธิ + อิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความ เปนไป + ณฺวุ ปจจัย, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, แปลง อิ เปน อย + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก], อชฺฌยน (นปุ.) การสาธยาย, การสวด, การศึกษา วิ. สชฺฌายนํ อชฺฌยนํ, อุจฺจารณํ สิกฺขนํ วา อชฺฌยนํ (การสาธยาย ชื่อวา อชฺฌยน ไดแก การสวด, อีกนัยหนึ่ง การศึกษา ชื่อวา อชฺฌยน), [อธิ + อิ ธาตุ อชฺฌยเน ในการศึกษา + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อชฺฌยนีย (นปุ.) สิ่งอันเขาพึงเรียน วิ. อธิ เอตพฺพนฺติ อชฺฌยนียํ (อันเขาพึงเรียน ชื่อวา อชฺฌยนีย), [อธิ + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป +
๔๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนีย ปจจัย], นัยเดียวกัน อชฺเฌยฺยํ ลง ณฺย ปจจัย. อชฺฌยิตพฺพํ ลง ตพฺพ ปจจัย อชฺฌา (อิตฺ.) การหยุด, การยืน วิ. อชนํ อชฺฌา (การหยุด ชื่อวา อชฺฌา), [อช ธาตุ คติกฺเขปเน ในการหามการไป + ฌ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถี ลิงค] อชฺฌาจริย (นปุ.) วัตถุอันบุคคลพึงประพฤติ ลวงละเมิด วิ. อธิภวิตฺวา อาจริตพฺพนฺติ อชฺฌาจริยํ (วัตถุใดอันบุคคลพึงประพฤติลวง ละเมิด เหตุนั้น วัตถุนั้นชื่อวา อชฺฌาจริย), [อธิ + อา + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, ไมพฤทธิ์ หรือ ลง อิย ปจจัย แปลง อธิ เปน อชฺฌ] หรือสำเร็จรูปเปน อชฺฌาจรณียํ ก็ได ลง อนีย ปจจัยในกรรมวาจกแปลง น เปน ณ อชฺฌาจาร (ปุ.) ๑. การลวงละเมิด, การ ประพฤติลวงละเมิด, ลวงขอบเขต, การลวง ละเมิดทางเพศ วิ. มริยาทาติกฺกโม อาจาโร อชฺฌาจาโร (การประพฤติลวงขอบเขต ชื่อวา อชฺฌาจาร), [อธิ+ อาจาร], ๒. การลวนลาม, การขมขืน วิ. อธิภวิตฺวา วีติกฺกมิตฺวา อาจริตพฺพตฺตา อชฺฌาจาโร (ชื่อวา อชฺฌาจาร เพราะการประพฤตลิวนลามลวงเกิน), [อธิ+ อา + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณ ปจจัย ในกัมมสาธนะ, ทีฆะ อ เปน อา, แปลง อธิ เปน อชฺฌ], วิ. อธิหิตฺวา อาจรณํ อชฺฌาจาโร (การ มุงมั่นประพฤติลวงเกิน ชื่อวา อชฺฌาจาร) ๓. การประพฤติผิดประเพณี วิ. สฺมเวลํ อภิภวิตฺวา ปวตฺโต อาจาโร อชฺฌาจาโร, วีติกฺกโม. (การประพฤติเปนไปลวงประเพณี ชื่อวา อชฺฌาจาร) ไดแก การลวงละเมิด), ๔. การลวงละเมิดเปนสังกิเลสและกรรมกิเลส วิ. สํกิเลสธมฺมานํ กมฺมกิเลสานํ วา โย กายวจี- ทฺวาเรสุ วีติกฺกโม อชฺฌาจาโร นาม (อีกประการ หนึ่ง บรรดาสังกิเลส หรือกรรมกิเลส การลวง ละเมิดในกายทวารและวจีทวาร ชื่อวา อชฺฌาจาร) อชฺฌายก (ปุ.) ๑. ผูไมjเจริญฌาน วิ. น ฌายตีติ อชฺฌายโก, ฌานภาวนาวิรหิโตติ อตฺโถ (พราหมณใดไมไดเพง เหตุนั้น พราหมณนั้นชื่อ วา อชฺฌายก ไดแก ผูเวนจากการเจริญฌาน), [น + เฌ ธาตุ จินฺตายํ ในความคิด + ณฺวุ ปจจัย, แปลงเปน อก, แปลง เอ เปน อาย, แปลง น เปน อ, ซอน ชฺ], ๒. ผูสาธยายมนต วิ. มนฺตํ อชฺฌายตีติ อชฺฌายโก (ผูใดยอมสาธยายมนต เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชฺฌายก), [อธิ + อิ ธาตุ อชฺฌายเน ในการสาธยาย + ณฺวุ ปจจัย], ๓. ผูทำการสาธยาย, นักศึกษา วิ. อชฺฌายํ กโรตีติ อชฺฌายโก สิกฺขโก (ผูใดยอมทำการ สาธยาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชฺฌายก ไดแก นักศึกษา), [อชฺฌาย + กร ธาตุ กรเณ ในความ กระทำ + กฺวิ ปจจัย + ลบ ร]. ใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๑๔๑) วา บทวา อชฺฌายก มีคำอธิบายวา ถอยคำตำหนินี้ เกิดขึ้น แลวแกพวกพราหมณผูเวนจากฌาน (ผูไมได ฌาน) ในยุคสมัยตนกัปปอยางนี้วา น ทานิเม ฌายนฺติ, น ทานิเม ฌายนฺตีติ โข วาเส อชฺฌายกา อชฺฌายกาเตฺวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺตํ (ดูกอนวาเสฏฐะ บัดนี้ พวก พราหมณเหลานี้ไมเขาฌาน จึงไดมีการบัญญัติ คำประเภทที่ ๓ วา อชฺฌายก, อชฺฌายก [ผูไมได ฌาน]) แตบัดนี้ ชาวโลก กลับใชคำนั้นเปนคำ สรรเสริญดวยความหมายนี้วา อชฺฌายตีติ อชฺฌายโก ชื่อวา อชฺฌายก เพราะสาธยาย, ราย
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๔๗ มนต; อนึ่ง สำหรับความหมายวา “ผูสาธยาย” นี้ นักศึกษา พึงทราบวาเปนศัพทที่สำเร็จมาจาก อิ = อชฺฌายเน (สวดสาธยาย) โดยมี อธิ เปนบท หนา. คำวา “อชฺฌายโก (ผูสาธยาย), มนฺตธโร (ผูทรงจำมนต)” ที่มีการกลาวไวในขอความพระ บาลีนั้นๆ พึงทราบวา เปนการกลาวเพื่อหมาย เอา อิ ธาตุที่มี อธิ เปนบทหนา และมี ความหมายที่ตรงกันขามกับ อชฺฌายก ที่ สำเร็จรูปมาจาก เฌ ธาตุนี้ ดวยประการฉะนี้ อชฺฌาโรห (ปุ.) ปลาชื่ออัชฌาโรหะ, ปลามี ตัวใหญโต วิ. อธิโก อาโรโห อสฺสาติ อชฺฌาโรโห (ตัวใหญมากของปลานั้นมีอยู เหตุนั้น ปลานั้น ชื่อวา อชฺฌาโรห), [อธิ + อา + รุห ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ณ ปจจัย].คำวาอชฺฌาโรห เปนชอื่ ปลาใหญ, ในอรรถกถานิทานวรรค (ที.อ.๒/ ๑๓๖) วา ปลาตัวใหญประมาณ ๑,๐๐๐ โยชน ทั้ง ๔ คือ ปลาอานนท (อานนฺโท) ปลาติมินนท (ติมินนฺโท) ปลาอัชฌาโรหะ (อชฺฌาโรโห) ปลา มหาติมิ (มหาติมิ); ในอรรถกถาชาดก วา ปลา ตัวใหญประมาณ ๕๐๐ โยชน ทั้ง ๓ คือ ปลา อานนท (อานนฺโท) ปลาติมินนท (ติมินนฺโท, อุปนนฺโท ก็วา, ปลาอัชฌาโรหะ (อชฺฌาโรโห). บัณฑิตพึงพิจารณาดูในที่นั้นๆ ตามสมควรเถิด อชฺฌาวร (ปุ.) การบริการ, การรับใช, บริวาร, ผูแขงขัน, ผูภักดี วิ. อชฺฌาวรตีติ อชฺฌาวโร (ผูใดยอมคอยบริการ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อชฺฌาวร), [อธิ + อา + วร ธาตุ ภตฺติยํ ในความ ภักดี + อ ปจจัย] อชฺฌาวสถ (ปุ.) ที่อยู, ที่พักแรม, ภายในที่พัก วิ. อาวสนฺติ เอตฺถาติ อาวสโถ (ชนทั้งหลายพัก อยูในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั่นชื่อวา อาวสถ), [อา + วส ธาตุ นิวาเส ในความอยู + ถ ปจจัย], วิ. อชฺฌาวสโถ นาม ปริกฺขิตฺตสฺส อาวาสถสฺส อนฺโต อาวสโถ (ภายในแหงที่พักที่ลอมไว ชื่อวา อชฺฌาวสถ), สำหรับที่พักซึ่งไมไดลอมไว นับเอา เขตอุปจาร, ระยะ ๒ เลฑฑุบาต (ระยะทางที่ โยนกอนดินตกไป ๒ ครั้ง) ชื่อวา อุปจาร. แมคำ วา อชฺฌาราเม ก็นัยนี้ อชฺฌาวุตฺถ (ปุ.) อันเขาอยูครอบครองแลว, อาศัยอยูแลว, ยึดครอง วิ. อชฺฌาวสิตฺถาติ อชฺฌาวุตฺโถ (บานเปนตน อันเขาอยูครองครอง แลว เหตุนั้น บานเปนตนนั้น ชื่อวา อชฺฌาวุตฺถ), [อธิ + อา + วส ธาตุ นิวาเส ในความอยู + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ถ, แปลงที่สุดธาตุ และทำ ใหเปนสงัโยคพยัญชนะที่๑ คือต, แปลง อ ของ ฺ วส ธาตุ เปน อุ, โมคฺ. ๕/๑๑๑ วา อสฺสุ ปาฐะวา อชฺฌาวุโ ก็มีบาง, นัยเดียวกันเชน นิวุตฺโถ, นิวุโ อชฺฌาสย (ปุ.) ๑. อัชฌาสัย, อัธยาศัย, นิสัย ใจคอ, รสนิยม วิ. อธิกิจฺจ อาสยติ ปวตฺตตีติ อชฺฌาสโย (สิ่งใดไป คือเปนไปเฉพาะตน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺฌาสย), [อธิ + อา + สิ ธาตุ + อ ปจจัย, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, อาเทศ อิ เปน อย], ๒. ความชอบใจ, ความพอใจ, วิ. อธิอาคนฺตฺวา จิตฺเต สยติ ปวตฺตีติ อชฺฌาสโย (ภาวะใดซานไปนอนเนื่องในจิต เหตุนั้น ภาวะ นั้น ชื่อวา อชฺฌาสย), วิ. อารมฺมณํ อธิกิจฺจ สียติ ปวตฺตียตีติ อชฺฌาสโย, ฉนฺโท รุจิ มโนรโถ วา (สิ่งใดเปนไปเจาะจงอารมณ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อชฺฌาสย ไดแก ฉันทะ ความพอใจ หรือ ความปรารถนา), [อธิ + อา + สิ ธาตุ ปวตฺติยํ ในความเปนไป + อ ปจจัย กจฺ.๕๒๗ รูป.๕๖๘ วา สพฺพโต ณฺวุตฺวาวี วา], ๓. ทิฏฐิ, ความรู วิ. อฺตฺถ ปวตฺติตฺวาป จิตฺตํ อาคมฺม ยตฺถ เสติ,
๔๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา โส ตสฺส อาสโย, มิคาสโย วิย, อาสโยเอว อชฺฌาสโย. โส อตฺถโต ทิิ าณฺจ (จิตแม เที่ยวไปในที่อื่นกลับมานอนเนื่องในที่ใด ที่นั้น ชื่อวา อาสย คือที่นอนเนื่องของจิตนั้น, อาสย นั่นเอง ชื่อวา อชฺฌาสย. วาโดยความหมาย หมายถึง ทิฏิ และ าณ เชน สารตฺถ.ฏี.๑/ ๑๑๔ สสฺสตุจฺเฉททิิ จ ขนฺติ เจวานุโลมิเก ยถาภูตฺจ ยํ าณํ เอตํ อาสยสทฺทิตนฺติ. (สัสสตทิฏฐิ ๑ อุจเฉททิฏฐิ ๑ อนุโลมิกขันติ ญาณ ๑ ยถาภูตญาณ (กัมมัสสกตาญาณ) ๑ นี้ ชื่อวา อาสยะ) ปฐมชวนจิตชั้นอุดม [โลกุตระ] (อุตฺตมปมชวนเจตนา) เรียกวา อชฺฌาสย ก็มี, อีกนัยหนึ่ง วิ. อธิโก เสโ อาสโย นิสฺสโย อชฺฌาสโย (ที่ อาศัยเปนไป อันยอดเยี่ยม ชื่อวา อชฺฌาสย ไดแก ที่อาศัยอันยอดเยี่ยม) อชฺฌาสยก (ปุ.) อัชฌาสัย, ที่นอนเนื่องแหง จิต วิ. จิตฺตํ อชฺฌาคนฺตฺวา สยตีติ อชฺฌาสยโก (จิตที่มานอนเนื่อง เหตุนั้น ชื่อวา อชฺฌาสยก), [อธิ + อา + สิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความไป + อ ปจจัย + ก สกัตถ] อชฺฌิฏ (ติ.) ผูอันเขาเชื้อเชิญแลว, ผูอันเขา ปรารถนาแลว วิ.อชฺเฌสโิต อชฺฌิโ, อาณตฺโต (ผูใดอันเขาเชื้อเชิญแลว ชื่อวา อชฺฌิ ไดแก ผูอันเขาสั่งแลว), [อธิ + อิส/อิสุ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความปรารถนา + ต ปจจัย, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, อาเทศ สฺต เปน ] อชฺฌุเปกฺขน (นปุ.) การวางเฉย, การเพิกเฉย วิ. อชฺฌุเปกฺขิยเต อชฺฌุเปกฺขนํ (อันเขาเพิกเฉย ชื่อวา อชฺฌุเปกฺขน), [อธิ + อุป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ยุ ปจจัย, ศัพทนี้ไมใช ปุงลิงค (อปุเม), นัยเดียวกัน อชฺฌุเปกฺขิตฺวา, อชฺฌุเปกฺขิตฺวาน บทนี้ลง ตฺวา และ ตฺวาน ปจจัย อชฺเฌน (นปุ.) การสวดมนต, การเรียนมนต วิ. สชฺฌายนํ อชฺเฌนํ มนฺตคหณํ (การสาธยาย ชื่อวา สชฺฌายน ไดแก การเรียนมนต), [อธิ + อิ ธาตุ อชฺฌยเน ในการสาธยาย + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, วิการ อิ เปน เอ] อชฺเฌยฺย (นปุ.) สิ่งควรเรียน, อันเขาพึงเรียน วิ. อชฺฌายิตพฺพนฺติ อชฺเฌยฺยํ, อธิเยยฺยํ (สิ่งใด อันเขาพึงเรียน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺเฌยฺย ไดแก สิ่งที่พึงเรียน), [อธิ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ฆฺยณฺ ปจจัย + แปลง อิ เปน เอ, ซอน ย, แปลง อธิ เปน อชฺฌ] อชฺเฌสนา (อิตฺ.) ๑. การเชิญ วิ. อชฺเฌสิยเต อชฺเฌสนา (อันเขาเชื้อเชิญ ชื่อวา อชฺเฌสนา), [อธิ + อิส ธาตุ ยาจเน ในการขอ + ยุ ปจจัย]. ๒. การแสวงหา วิ. อชฺเฌสิยเต คเวสิยเตติ อชฺเฌสนา (อันเขาแสวงหา ชื่อวา อชฺเฌสนา), [อธิ + อิส หรือ เอส ธาตุ คเวสเน ในการ แสวงหา + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อิ ที่ อิส เปน เอ, หรือ อชฺเฌสนํ อิสุ ธาตุ อายาจเน ในความออนวอน] นัยเดียวกัน อชฺเฌสิโต (ผอูันเขาเชื้อเชิญแลว) ต ปจจัย เปน กัมมวาจก, อิ อาคม อชฺโฌกาส (ปุ.) กลางแจง, สิ่งที่ตั้งอยูตอหนา วิ. อชฺโฌกสตีติ อชฺโฌกาโส (ที่ใดตั้งอยูตอหนา เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อชฺโฌกาส), หมายความวา ที่ไมถูกปดบังดวย ฝุนควัน (กุฏ) บานประตู หนาตาง (กวาฏ) เสื่อลำแพน (กิลฺช) มาน (สาณิปาการ) ตนไม (รุกฺข) เสา (ถมฺภ) โกตฺถี (ฉาง) อยางใดอยางหนึ่ง, [อธิ + อว +