พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙๙ อุตฺถ ดวยสูตรในปทรูปสิทธิ กจฺ.๕๗๔ รูป.๖๑๓ วา วสโต อุตฺถ, ลบสระหลัง] ๒. เทวดาผูสิงแลว วิ. อธิวสิตฺถาติ อธิวตฺถา (เทวดาใดสิงแลว เหตุนั้น เทวดานั้นชื่อวา อธิวตฺถา), โดยมากไมมี อุ อักษรเชนในขอวา รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตาเทวดาสิงที่ตนไม, [อธิ + วส ธาตุ นิวาเส ใน ความอยู + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ถ, แปลง ที่สุดธาตุเปนพยัญชนะสังโยค ตฺ], สวนใน ขนฺธวคฺคฏีกา (สํ.ฏี.๒/๓๒๘) วา อธิวตฺถาติ มูลคนฺธํ อธิาย, อภิภุยฺย วา วสนฺตา (ขอวา อธิวตฺถา ความวา เทพที่สิงกลิ่นรากไม หรือ ครอบงำกลิ่นรากไมอยู) อธิวาส (ปุ.) ๑. ผูอยู, การอยู, การอบกลิ่น, เครื่องอบ, ผา, การอดทน วิ. อธิวสตีติ อธิวาโส (ภาวะใดยอมอยู เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อธิวาส), ๒. ที่เปนที่อยู, บาน, เรือน วิ. สวนใน อนุทีปนี วิ. อธิวสนฺติ เอตฺถาติ อธิวาโส (ชนทั้งหลาย ยอมอยู ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อธิวาส), [อธิ + วส ธาตุ อุปเสวายํ ในการเขาไปอาศัยอยู + ณ ปจจัย], วิ. อธิวสนฺติ เอตฺถ วิหาเร ภิกฺขูติ อธิวาโส (ภิกษุทั้งหลาย ยอมอยูในที่นั้น คือในวิหาร เหตุนั้น วิหารนั้น จึงชื่อวา อธิวาส) อธิวาสนา (อิตฺ.) ความอดกลั้น, ความอดทน วิ. อธิวาเสติ ขมติ เอตายาติ อธิวาสนา อธิวาสนํ วา ขนฺติสํวโร (บุคคลยอมอดกลั้น ดวยธรรมชาติ นั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อธิวาสนา อธิวาสนํ คือ การยับยั้งดวยขันติ), สีตาทีนํ ขมนากาเรน ปวตฺโต อโทโส, ตปฺปธานา วา จตฺตาโร กุสลกฺขนฺธาติ อตฺโถ (หมายความวา อโทสะ ที่เปนไปโดยอาการทนความหนาว เปนตน, หรือกุศลขันธ ๔ ประการซึ่งมีอโทสะ เปนประธานนั้น), [อธิ + วส ธาตุ ขนฺติยํ ใน ความอดกลั้น + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถี ลิงค], วิ. อธิวาสียเต อธิวาสนํ (อันเขาอดทน ชื่อวา อธิวาสน), [อธิ + วส ธาตุ นิวาเส ในความ อยู + เณ ปจจัย จุราทิคเณ ใน จุร ธาตุ + ยุ ปจจัยในภาวสาธนะ แปลงเปน อน, ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา], นัยเดียวกันเชนอธิวาส โก ณฺวุ ปจจัยในกัตตุวาจก อธิวาเสตฺวา (กิ.กิตฺ.) อดทนแลว, อดกลั้น, ระงับยับยั้ง วิ. อธิวาเสสีติ อธิวาเสตฺวา (บทวา อธิวาเสตฺวา แปลวา อดทนแลว), [อธิ + วส ธาตุ ขนฺติยํ ในความอดทน + ใน รูปสิทฺธิฏีกา วาลง เณ ปจจัย ดวยสูตร รูป.๕๔๐ วา ธาตูหิเณณย เปนตน เณ + ตฺวา ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพทฤธิ์ อ เปน อา] อธิวุตฺติ (ติ.) ๑. มิจฉาทิฏฐิ, ธรรมชาติที่ย่ำยี่ ความเปนจริงไป วิ. ภูตํ อตฺถํ อธิภวิตฺวา วตฺตนฺตีติ อธิวุตฺติโย, มิจฺฉาทิีติ อตฺโถ (ธรรมชาติเหลาใด เปนไปครอบงำความเปนจริง เหตุนั้น ธรรมชาติเหลานั้นชื่อวา อธิวุตฺติ), [อธิ + วตุ ธาตุ วตฺตเน ในความเปนไป + ติ ปจจัย, แปลง อ ที่ ว เปน อุ] ๒. วิ. อถวา อธิวุตฺตีติ อธิวจนํ (อีกนัยหนึ่ง คำพูด ชื่อวา อธิวุตฺติ), ปาฐะวา อธิมุตฺติโย ก็มีบาง ๓. วิ. ภูตสภาวโต มุจฺจนฺตีติ อธิมุตฺติโย (ภาวะเหลาใด พนจาก ความเปนจริง เหตุนั้น ภาวะเหลานั้น ชื่อวา อธิมุตฺติโย), [อธิ + มุจ ธาตุ โมกฺเข ในความพน + ติ ปจจัย, แปลง จ เปน ตฺ] อธิวุตฺถ (ติ.) ๑. อยูทับแลว, รับแลว, อยูจำ แลว, จำพรรษาแลว วิ. อธิวาสียิตฺถาติ อธิวตุ ฺโถ วสฺสาวาโส, อธิวาสิโตติอตฺโถ (พรรษาอันภิกษใุด จำพรรษาแลว เหตุนั้น ภิกษุนั้นชื่อวา อธิวตฺถ
๑๐๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา คือผูอยูจำพรรษาแลวหมายความวา อยูประจำ แลว), [อธิ + วส ธาตุ อจฺฉาทเน ในความปดบัง + เณ ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ + ต ปจจัย, แปลง ต พรอมพยัญชนะหนา ต เปน อุตฺถ ดวยสูตร กจฺ.๕๗๔ รูป.๖๑๓ วา วสโต อุตฺถ, ลบสระหนา], เชน อธิวุตฺถํ มยา คหปติ สฺวาตนาย ภตฺตนฺติ เจว จูฬสุภทฺทาย นิมนฺตนํ อธิวาสิตนฺติ จ. ธ.อ.๗/ ๑๑๕ (ดูกอนคหบดี ภัตเพื่อพรุงนี้ เรารับแลว ดังนี้ และเชนวา คำนิมนตของอุบาสิกาชื่อจูฬ สุภัททา อันเรารับแลว), ปาฐะวา อธิวุก็มี ๒. อยูทับแลว, สิงแลว วิ. อธิวสิตฺถาติอธิวุตฺถา (ผูใดอยูแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธิวุตฺถา) เชน สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา, ๒/๔๒๙ วา มหานุภาวา มฺเ เอตฺถ อธิวุตฺถา เทวตาติ (ในที่นี้ เห็นจะมี เทวดาผูมีอนุภาพมากสิงอยู), [อธิ + วส ธาตุ นิ วาเส ในความอยู + ต ปจจัย] อธิสย (ปุ.) ที่นอน, ที่พัก วิ. อธิสยติ เอตฺถาติ อธิสโย (เขายอมนอนทับในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อธิสย), [อธิ + สิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความ เปนไป + อ ปจจัย แปลง อิ เปน อย] อธิสีล (นปุ.)อธิศีล, ศีลอันยิ่ง, ปาติโมกขสงัวรศลี ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วิปสฺสนาเหตุตฺตา เสสสีลโต อธิกํ วิสิํ สีลํอธิสีลํ(ปาติโมกขสังวรศีล ชื่อวา เปนศีลที่ยิ่งคือประเสริฐกวาศีลที่เหลือ เพราะ เปนเหตุแหงวิปสสนา) วิ. เอวรูปานํ วา อปริยนฺตภูตานํ วิวฏนิสฺสิตานํ สีลานํ สํวรปาริ- สุทฺธิ วิวฏนิสฺสิตตฺตา เสสสีลโต อธิกํ สีลํ อธิสีลํ (อีกนัยหนึ่ง ความบริสุทธิ์แหงความสำรวมศีล อาศัยวิวัฏฏะ อันเปนศีลไมมีที่สุดเห็นปานนี้ ทานกลาววา เปนอธิศีลเพราะเปนศีลยิ่งกวาศีล ที่เหลือ เพราะอาศัยวิวัฏฏะ) อธิสยิตฺวา, อธิเสตฺวา (กิ.กิต.) นอนแลว, นอนทับแลว วิ. อธิสยิตฺถาติ อธิสยิตฺวา, อธิเสตฺวา วา (นอนแลว เหตุนั้น ชื่อวา สยิตฺวา ไดรูปวา อธิเสตฺวา บาง), [อธิ + สิ ธาตุ สเย ใน ความนอน + อิ อาคม + ตฺวา ปจจัย, แปลง อิ เปน อย], นัยเดียวกัน อธิยิตฺวา อิ อาคม แปลง เปน ย อธิเสยฺย (นปุ.) การนอน, ที่นอน, สิ่งอันเขา ควรนอนทับ วิ. อธิสยิตพฺพนฺติ อธิเสยฺยํ (สิ่งใด อันเขาควรนอนทับ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อธิเสยฺย), [อธิ + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, ซอน ยฺ] นิรุตฺติ. ๗๗๙, นัยเดียวกันเชน อธิเธยฺย อิ ธาตุ คมเน ใน ความไป, อุเปยฺยํ เปนตน อธิหาร (ปุ.) การนำไปยิ่ง, การนำไปขางหนา วิ. อธิกํ หรณํ อธิหาโร (การนำไปขางหนาชื่อวา อธิหาร), [อธิ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] รูป.๒๘๒ อธีต (ติ.) เรียนแลว, สาธยายแลว วิ. อธียิตฺถาติ อธีโต, ปริยตฺโต (สิ่งใดอันเขาเรียนแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อธีต), [อธิ + อิ ธาตุ อชฺฌยเน ในการสาธยาย +กฺต ปจจัย], วิ. อธียติ สิกฺขตีติ อธีเต (กิริยาที่เรียน คือศึกษา เหตุนั้น กิริยานั้น ชื่อวา อธีเต), [อธิ + อิ ธาตุ + ต ปจจัย], แปลง สิ ปฐมาวิภัตติเปน เอ เชน น เหวํ วตฺตพฺเพ (ไมพึงกลาวอยางนั้น), อีกนัยหนึ่งเปนบท อาขยาตซึ่งสำเร็จดวย เต วิภัตติ อธีน (ปุ.) ผูอยูใตปกครอง, บาว, ผูอาศัย, ผูสนับสนุน, ผูเกี่ยวของ, ผูเปนเหตุใหลุ จุดหมาย วิ. อธิคโต อิโน ปภู เยนาติ อธีโน ปริคฺคโห, อายตฺโต จ (เจา คือนายเจา บรรลุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๐๑ จุดหมายได ดวยผูใด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อธีน ไดแก ผูสนับสนุน และผูเกี่ยวของ), [อธิ+ อิโน] อธีริต (ติ.) หวั่นไหว, เปนไปยิ่ง, ถูกทำใหไหว วิ. อธิกํ อีริตพฺพนฺติ อธีริตํ (สิ่งใดอันเขาพึงไปยิ่ง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธีริตํ), [อธิ + อีร ธาตุ กมฺปนคตีสุ ในความหวั่นไหว และความไป + อิต ปจจัย หรือ ต ปจจัย, อิ อาคม] กจฺ. ๒๖, นิรุตฺติ ๓๗. อธุนา (อพฺ.) ในกาลน้ี, เดี๋ยวนี้, เมื่อกี้ วิ. อิมสฺมึ กาเล อธุนา (ในการนี้ ชื่อวา อธุนา), [อิม ศัพท + ธุนา ปจจัย, แปลง อิม เปน อ] กจฺ. ๒๘๑ อโธคงฺค (อพฺ.) ภายใตแหงแมน้ำคงคา วิ. คงฺคาย อโธ อโธคงฺคํ (ภายใตแหงแมน้ำคงคา ชื่อวา อโธคงฺคํ), บทนี้เปน อพฺยยีภาวสมาส. นัย เดียวกันเชน อุปริคงฺคํ (เบื้องบนแหงแมน้ำคง คา), โอเรคงฺคํ (ฝงในแหงแมน้ำคงคา) เปนตน ในคัมภีรโมคคัลลานะ โมคฺ.๓/๘ วา โอเรปริปติ- ปาเรมชฺเฌเหุทฺธาโธนฺโต วา ฉิยา] คงฺคาย อุปริ อุปริคงฺคา วา (อีกนัยหนึ่ง เบื้อง บนแหงแมน้ำคงคา ชื่อวา อุปริคงฺคา), บทนี้ จัดเปน อมาทิปรตปฺปุริสสมาส อโธคม (ปุ.) ตด, ลมพัดลงเบื้องต่ำ, ชื่อลมใน รางกายอยางหนึ่ง วิ. อุจฺจารปสฺสาวาทีนํ นีหรณวเสน อโธภาคํ คจฺฉตีติ อโธคโม (ลมใดถึง สวนเบื้องต่ำ โดยการขับอุจจาระ ปสสาวะ ซึ่ง เปนสิ่งที่อาศัยอยู เหตุนั้น ลมนั้น ชื่อวา อโธคม), [อโธ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย] อโธคามินี (อิตฺ.) ไปภายใต, เรือที่ลองตาม กระแสน้ำ วิ. อโธ อนุโสตํ คจฺฉตีติ อโธคามินี อนุโสตคามินี นาวา (เรือใดลองไปภายใตคือไป ตามกระแสน้ำ เหตุนั้น เรือนั้นชื่อวา อโธคามินี คือเรือที่ลองไปตามกระแสน้ำ), เชน เอกํ นาวํ อภิรุเหยฺย อุทฺธํคามินึ วา อโธคามินึ วา วินย.๒/ ๔๕๗/๒๙๕ (โดยสารเรือลำเดียวกัน ทวนน้ำขึ้น ไปก็ดี ลองตามน้ำก็ดี), [อโธ + คมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ณี ปจจัย + อินี ปจจัยในอิตถีลิงค, ทีฆะกลางบท] อน (ปุ.นปุ.) เกวียน, พาหนะที่สงเสียง (ปุ.) วิ. อนตีติ อโน (พาหนะใดยอมสงเสียง เหตุนั้น พาหนะนั้น ชื่อวา อน), [อน ธาตุ วทเน ในการ กลาว + อ ปจจัย] ๒. พาหนะไมมีงอน (นปุ.) วิ. นตฺถิ นาสา ยสฺสาติ อนํ สกโฏ (งอนของ พาหนะใดไมมี เหตุนั้น พาหนะนั้น ชื่อวา อน คือเกวียน), [ลบ ส, รัสสะ อา เปน อ] อนคาริย (นปุ.,อิตฺ.) บรรพชา, ไมมีเรือน, ที่ไม มีงานที่เปนประโยชนเกื้อกูลเรือน วิ. อคารสฺส หิตํ กสิโครกฺขาทิกมฺมํอคาริยํ, อาคาริยํ วา (การ งานมีกสิกรรมและโครักขธรรมเปนตน ที่เกื้อกูล แกเรือน ชื่อวา อคาริย หรือ อาคาริย), [อิย ปจจัย แทน หิต ศัพท] วิ. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยา, ปพฺพชฺชา, อนาคาริยํ วา (กรรมที่ เกื้อกูลแกเรือน ไมมีในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อนาคาริยา หรือ อนาคาริยํ ไดแก บรรพชา), บทนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส ๒. วิ. อนคาเร นิยุตฺตตฺตา อนคาริยํ (ชื่อวา อน คาริย เพราะประกอบดวยภาวะที่ไมมีกรรมที่ เกื้อกูลแกเรือน), [ณิก ปจจัย แปลง ก เปน ย] อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริย (นปุ.) อินทรีย แหงผูปฏิบัติดวยมุงวาเราจักรูสัจจธรรมที่ยัง มิไดรู ไดแก โสดาปตติมัคคญาณ ๑. วิ. ยํ ปุพฺเพ อนฺาตํ,ตํอิทานิสสฺามิอิต ปวตฺตสฺส ิ อินฺทฺริยํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ (สิ่งใดที่ ยังไมรูมากอน, อินทรียของผูปฏิบัติที่เปนไปโดย
๑๐๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา มุงวา เราจักรูสิ่งนั้นในบัดนี้ ชื่อวา อนัญญาตัญญัสสามีตินทริย), ศัพพเหลาอื่น เขาสมาสกับ นามศัพท ที่มีความหมายวากริยาโดยมาก ดวย สูตร นิรุตฺติ. วา อฺเ จ, แมกิริยาศัพทและ นามศัพท ครั้นถึงความเปนชื่อแลว ก็ยอมเปน นิบาตไป, อีกนัยหนึ่ง วิ. อนฺาตฺสฺสามีติ เอวํ ปฏิปนฺนสฺส ปวตฺตํ อินฺทฺริยํ อนฺาตฺ- สฺสามีตินฺทฺริยํ (อินทรียที่เปนไป ของผูปฏิบัติ อยางนี้วา เราจักรูสัจจธรรมที่ยังมิไดรู), สมาส เขากับบทหนาที่ประกอบดวย อิติ ศัพท ตาม นัยสัททนีติ สุตตมาลา (นีติ.๖๘๔ วา อิตินา จ) เชน โชติปาโลตินามํ (ชื่อวา โชติปาละ), ๒. ปุพฺพภาเค อนฺาตํ อมตํ ปทํ จตุสจฺจธมฺมํ วา ชานิสฺสามีติ เอวํ ปฏิปนฺนสฺส อุปฺปชฺชนโต, อินฺทฺริยสมฺภวโต จ อนฺาตฺสฺสามี- ตินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติ มคฺคาณํ (ชื่อวา อนัญญาตัญญัสสามีตินทริย เพราะเกิดขึ้นแกผูปฏิบัติ ดวยมุงวา เราจักรูอตมบทหรือสัจจธรรม ๔ ที่ยัง ไมรูมากอน และเพราะอรรถวาเปนใหญ ไดแก โสดาปตติมัคคญาณ) ๓. อนาทิมติ สํสาเร อนฺาตํ อสจฺฉิกตํ จตุสจฺจธมฺมํ, นิพฺพานเมว วา สฺสามีติ ปวตฺตสฺส อินฺทฺริยํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ, ปมมคฺคาณํ (อินทรีย ของผูปฏิบัติที่เปนไปโดยมุงวา เราจักรูสัจจะ ธรรม ๔ ที่ยังไมรู คือยังไมบรรลุในสังสารอันไมรู เบื้องตนและที่สุด หรือวาพระนิพพานนั่นเอง ชื่อวา อนัญญาตัญญัสสามีตินทริย ไดแก โสดาปตติมรรคญาณ) อนติกฺกม (ปุ.) การไมละเมิด, การไมกาวลวง วิ. ปุริสสฺส หิตสุขํ อนติกฺกมิตฺวา วตฺตตีติ อนติกฺกโม (ภาวะใดเปนไปไมลวงเลยประโยชน สุขของบุรุษ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนติกฺกม), [น + อติ + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในความกาว เทา + อ ปจจัย, เพราะสระอยูหลัง แปลง น เปน อนฺ ดวยสูตร กจฺ.๓๓๔ รูป.๓๔๕ วา สเร อนฺ, ซอน กฺ] ๒. ไมละเมิดศีล วิ. น อติกฺกโม อน ติกฺกโม, อวีติกฺกโม (การไมละเมิด ชื่อวา อนติกฺกม คือการไมลวงละเมดิ), สมาทินฺนสีลสสฺ กายิกวาจสิโก อนติกฺกโมติ อตฺโถ (หมายความ วา การไมละเมิดศีลที่สมาทานแลว ทั้งทางกาย และวาจา), บทนี้เปน นปุพพปท กัมมธารยสมาส อนติธาวน (นปุ.) การไมแลนลวงเลยไป, การ วิ่งเลยไป วิ. อติกฺกมิตฺวา อธาวนํ อปกฺขนฺทนํ อนติธาวนํ (การไมแลนลวงเลยไป ชื่อวา อนติธาวน), [น + อติ + ธาวุ ธาตุ ชวเน ในความ แลนไป + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, เพราะสระ อยูหลัง จึงแปลง น เปน อน] อนติริตฺต (ติ.) ไมเปนเดน, ไมเหลือ, ไมเกิน วิ. อติเรกํ ริจติ คจฺฉตีติ อติริตฺตํ (สิ่งใดยอมถึง การเปนของเกิน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อติริตฺต), [อติ + ริจ ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง จ เปน ตฺ] วิ. น อติริตฺตํ อนติริตฺตํ น อธิกนฺติ อตฺโถ (ไมใช สิ่งอันเปนเดน ชื่อวา อนติริตฺตํ หมายความวา ไมเกิน), เชนขอวา อนติริตฺตปฺปมาณาติ สุคตวิทตฺถิยา ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย ติริยํอฑฒฺเตยฺยวิทตฺถิฺจ อนติกฺกนฺตปฺ- ปมาณาติ. อกปฺปยกตนฺติวา อตฺโถ คเหตพฺโพ (คำวา ไมเกินประมาณ มีความวา ดานยาว ๖ คืบ ดานกวาง ๒ คืบครึ่ง โดยคืบสุคต ชื่อวา ไมเกินประมาณ), เชนคำวา อนติริตฺตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา (ของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี อันมิใช เดน)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๐๓ อนตฺตา (อิตฺ.) อนัตตา ๑. ไมใชตัวตน วิ. น อตฺตา อนตฺตา (ไมใชตัวตน ชื่อวา อนตฺตา), นัยนี้เปน นนิปาตปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส ๒. ไมมีตัวตน วิ. นตฺถิ เอเตสํ อตฺตาติ อนตฺตา (ตัวตนของภาวะทั้งหลายเหลานั่น ไมมี เหตุนั้น ภาวะทั้งหลายเหลานั้นชื่อวา อนตฺตา), นัยนี้เปน นนิปาตปุพฺพปท พหุพฺพีหิสมาส. ผูประสงคจะ ทราบเนื้อความ พึงดูการจำแนกธาตุและปจจัย ที่ อตฺต ศัพท ที่อธิบายไวในตนตนแลว) มี คำอธิบายวา อนตฺตาติ ขนฺธปฺจกเมว, ตฺหิ อวสวตฺตนเน จ อตฺตสฺุตาทีหิ จตูหิ การเณหิ จ อนตฺตา (คำวา อนตฺตา หมายถึง เบญจขันธนั่นเอง, จริงอยู เบญจขันธนั้น จัดเปน อนัตตา เพราะอรรถวาไมเปนไปตามอำนาจ และเพราะเหตุ ๔ ประการมีความวางเปลาจาก ตัวตนเปนตน) อนตฺถต (ปุ.) ผูใหความฉิบหาย, ผูกอความ เสียหาย วิ. อนตฺถํ ททาตีติ อนตฺถโท อนตฺถโต (ผูใดยอมใหสิ่งที่ไมใชประโยชน เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนตฺถท คือ อนตฺถต), [อนตฺถ + ทา ธาตุ + อ ปจจัย, แปลง ท เปน ต,] วิ. อนตฺโถ อโต อนตฺถโต (ความเสื่อมเสียจักมีแกเราจากบุรุษ นั้น ชื่อวา อนตฺถโต), [ลบ โอ], วินย.อ.๓/๒๖๘ อนตฺถท (ปุ.) ผูใหความฉิบหาย, ผูกอความ เสียหาย วิ. อนตฺถํ ททาตีติ อนตฺถโท (ผูใดยอม ใหสิ่งที่ไมใชประโยชน เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนตฺถท), [อนตฺถ + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย] วินย.อ.๓/๒๖๘, อนตฺถกาโม นัยนี้, [อนตฺถ + กมุ ธาตุ อิจฺฉากนฺตีสุ ในความตองการ ความประสงค + ณ ปจจัย], นัยเดียวกันนี้เชน อนตฺถชนโน โลโภ, โทโส, โมโห จ (โลภะ โทสะ โมหะ กอใหเกิดอนัตถะ), วิ. น อตฺถํ อนตฺถํ, ตํ อนตฺถํ อุปฺปาเทตีติ อนตฺถชนโน (ไมใชสิ่งที่มี ประโยชน ชื่อวา อนัตถะ, กิเลสใดยังสิ่งที่ไมมี ประโยชนนั้นเกิดขึ้น เหตุนั้น กิเลสนั้น ชื่อวา อนตฺถชนน กิเลสที่กอใหเกิดสิ่งที่ไมมีประโยชน), ชน ธาตุ ชนเน ในความใหเกิด + ยุ ปจจัย + เณ ปจจัย เปนบทที่มีการิตปจจัยในรูปวิเคราะห) อนทฺท (อิตฺ.) ๑. ความไมเอื้อเฟอ, หัวดื้อ, หัวแข็ง, ไมรับโอวาท, ไมเคารพยำเกรง วิ. อนาทิยนา อนาทริยํ โอวาทอคฺคหณํ อจิตฺตีกาโร อนทฺทา (การไมเอื้อเฟอ ไมอาทร ไมรับโอวาท ไมเคารพยำเกรง ชื่อวา อนทฺทา), [น + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย + รัสสะ อา เปน อ, แปลง น เปน อน, ซอน ทฺ] ๒. ความไมออนโยน, กระดาง วิ. สุกฺขกสฺส วิย อนลฺลตา อมุทุตา วา อนทฺทา (ความไมสดชื่น หรือความไมออนโยน เหมือนไมแหง ชื่อวา อนทฺทา) อทฺทนํ อทฺทา, อทฺท อลฺลภาเว, น อทฺทา อนทฺทา (ความสดชื่น ชื่อวา อทฺทา, อทฺท ธาตุ อลฺลภาเว ในความ สดชื่น, ความสดชื่นหามิได ชื่อวา อนทฺทา), พระไตรปฏกสยามรัฐ เปน อนาทา (อภิ.วิ.๓๕/ ๙๕๔/๕๐๑) อนทฺธ (ติ.) ๑. ไมถูกรัด, ไมถูกครอบงำ, ไมถูก ปกปด วิ. อปริโยนทฺโธ อนภิภูโต อพนฺธิโต อนทฺโธ (ผูใดไมถูกรวบรัด ไมถูกครอบงำ ไมถูก ผูกมัด ผูนั้นชื่อวา อนทฺธ), [น + นห ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, แปลง ต เปน ธ, แปลง ห เปน ทฺ ๒. ไมถูกมัด, ไมใช เวลา วิ. น อทฺธา อนทฺธา จัดเปน นปุพพบท กัมมธารยสมาส ไมใชอัทธา ชื่อวา อนทฺธา) ดู อทฺธา
๑๐๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนธิวร (ปุ.) ไมมีใครประเสริฐยิ่งกวา, พระพทุธเจา วิ. ๑. อธิวโร อสฺส นตฺถีติ อนธิวโร (ผูที่ประเสริฐยิ่งกวา ของพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น ไมมี เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระ นามวา อนธิวร) ๒. อตฺตโน อธิกสฺส กสฺสจิ อุตฺตมปุคฺคลสฺส อภาวโต อนธิวโร (พระผูมีพระ ภาคเจา ทรงพระนามวา อนธิวร เพราะไมมี บุคคลสูงสุดไรๆ เหนือกวาพระองค) ๓. น ตโต อธิโก วโร อตฺถีติ อนธิวโร ภควา. (บุคคลผู ประเสริฐ ยิ่งกวาพระผูมีพระภาคเจาพระองค นั้น มีอยูหามิได เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระ นามวา อนธิวร) ๔. สพฺพปริยนฺตคตตฺตภาวตฺตา วา นตฺถิ เอตสฺส อิโต อฺโ อธิโก ปตฺเถตพฺโพ อตฺตภาโวติ อนธิวโร ภควา (อัตภาพอื่น อันบุคคลผูปรารถนา ยิ่งกวาพระวรกายนี้ ของ พระผูมีพระภาคเจาพระองคนั่นไมมี เพราะ อัตภาพของพระองคถึงความประเสริฐกวา อัตภาพทั้งหมด เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระ นามวา อนธิวร) อนนฺตก (ติ.) ไมมีที่สุด, ไมมีชาย, ไมมีราคา วิ. นนฺตกเมว อนนฺตกํ (ไมมีที่ชายนั่นเอง ชื่อวา อนนฺตก), คำนี้แสดงในไว นนฺตก พึงดูที่นั้น ใน สทฺทนีติ สุตฺตมาลายํ(นิปาตปท, ฉบับแปล หนา ๑๒๓๘) วา อ ในที่บางแหง เปนเพียงคำที่ทำให สละสลวย ปรากฏในบาลี เชนในบาลี โคปาลวิมานวตฺถุ (ขุ.วิ.๒๖/๘๐/๑๓๓) วา ขิป อนนฺตกํ (วางผาไมมีชาย) ในบาลีนี้ อธิบายวา ตตฺถ อนฺนตกนฺติ นนฺตกํ ปโลติกนฺติ (ในบทเหลานั้น บทวา อนนตฺก ไดแก ทอนผาไมมีชาย) อนนฺตริตฺวา (กิ.กิตฺ.) ตอเนื่อง, ทำใหไมมี ระหวาง, ทำใหไมมีชองวาง วิ. อนนฺตรํ กตฺวา อนนฺตริตฺวา, อตฺตโน อนนฺตรํ อพฺยวหิตํ กตฺวาติ อตฺโถ (อนนฺตริตฺวา แปลวา ทำใหไมมีระหวาง, หมายความวา กระทำใหไมมีระหวางแหงตน), [อนนฺตร ศัพทอพฺยวธานตฺถ มีอรรถวาตอเน่ือง + อิ ปจจัย ลงหลังนามใชในความหมายธาตุ ดวยสูตรนิรุตติทีปนี นิรุตฺติ.๗๑๒ วา ธาตฺวตฺเถ นามสฺมิ + ตฺวา ปจจัย], ปาฐะวา อนฺตริตฺวา ดังนี้ อนฺตริกํ พฺยวหิตํ กตฺวาตฺยตฺโถ (หมายถึง ทำใหมี ระหวาง) อนปายินี (อิตฺ.) ไมมีการไปปราศ, ติดตามไป ๑. วิ. อปอยนํ อปาโย, อปาโย เอติสฺสา อตฺถีติ อปายินี, น อปายินี อนปายินี (การไปปราศ เรียกวา อบาย, การไปปราศ ของภูมินั้น มีอยู เหตุนั้น ภูมินั้น ชื่อวา อปายินี, การไปปราศหา มิได ชื่อวา อนปายินี), [น + อป + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ, แปลง อิ เปน อาย, อี ในปจจัยในตทัสสัตถ ตัทธิต + อินี ปจจัย ในอิตถีลิงค แปลง น เปน อน, น ปุพพบทกัมมธารยสมาส มีวิเคราะหกิตก และตัทธิต เปนทอง], ๒. วิ. อนปายตีติ อนปายินี (สิ่งใดยอมตามไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อนปายินี เชน ฉายาว อนปายินี(เหมือนเงา ที่ติดตามไป), ก็ในวิเคราะหนี้ คำวา อนปายติ มี การสลับที่กันและกันแหง น กับ อ อักษร เชน ในคำวา อนภิเนยฺย เปนตน, ปาฐะวา อนุปายินี ก็มีบาง, อีกนัยหนึ่ง น หรือ อนุ + อป + อย ธาตุ คมเน ในการไป + ณี ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ + อินี ปจจัยในอิตถีลิงค อนเปกฺขิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมเพงเล็ง, ไมมุงหวัง, ไมพิจารณา วิ. น อเปกฺขิตฺวา อนเปกฺขิตฺวา (อนเปกฺขิตฺวา แปลวา ไมเพงเล็งแลว), [น + อป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม, แปลง น เปน อ, แปลง อิ เปน เอ]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๐๕ หรือไดรูปเปน อนเปกฺขิย ก็ได, พึงดูการจำแนก ธาตุและปจจัยโดยการเทียบบทวา อเปกฺขิยาน, นัยเดียวกันเชน อนเปกฺโข ลง อ ปจจัย อนพฺภิต (ติ.) ไมไดอัพภาน, ผูที่สงฆยังไมไดทำ อัพภานกรรม วิ. น อพฺเภตพฺโพติ อนพฺภิโต (ภิกษุใด อันสงฆยังไมอัพภาน เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อวา อนพฺภิต), [น + อภิ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ต ปจจัย, แปลง อภิ เปน อพฺภ, แปลง น เปน อน]สวนในอรรถกถาแหงปาราชกิ กัณฑ วา อนพฺภิโตติ น อพฺภิโต, อสมฺปฏิจฺฉิโต, อกตพฺภานกมฺโมติ วุตฺตํ โหติ, อนวฺหาโตติ วา อตฺโถติ (บทวา อนพฺภิโต ไดแก เปนผูอันสงฆ ไมไดอัพภาน คือ ไมไดรับรอง มีคำอธิบายวา ยัง ไมไดทำอัพภานธรรม มีใจความวา สงฆยังไมได เรียกเขาหมู) อนภาวงฺกต (ติ.) ๑. ทำใหไมมีในภายหลัง, ทำใหไมมีภายหลังตอๆ ไปอีก วิ. อนุอภาวํ กตา อนภาวงฺกตา. อนภาวงฺคตาติป ปาโ. ตสฺส อนุอภาวํ คตาติ อตฺโถ (ธรรมชาติ อันทานทำให ถึงความไมมีในภายหลัง ชื่อวา อนภาวงฺกตา, ปาฐะวา อนภาวงฺคตา ก็มี, หมายความวา ถึงความที่สิ่งนั้นไมมี), ในคำวา อนภาวงฺกตา นั้น พึงทำการตัดบทวา อนุอภาวํ คตา อนภาวํคตา เชน อนุอจฺฉริยา อนจฺฉริยาติ ๒. ภาวะที่ถึง ความไมมีภายหลังตอๆ มา วิ. อนุ อนุ อภาวํ คเมตีติ อนภาวงฺคโต (ภาวะใดยอมถึงความไมมี ภายหลังภายหลัง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนภาวงฺคต), [อนุ + อภาว + คมุ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ต ปจจัย, ลบ ม], สารตฺถทีปนีฏีกา อธิบายวา อนุสทฺโท ปจฺฉาสทฺเทน สมานตฺโถติ (อนุ ศัพท มีความหมายเทากับศัพทวา ปจฺฉา) อนภิภูต (ติ.) ไมถูกครอบงำ วิ. น อภิภูยิตฺถาติ อนภิภูโต (ผูใดไมถูกครอบงำ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนภิภูต), [น + อภิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ต ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อปริภูโต บทนี้ น + ปริ บทหนา อนภิรติ (อิตฺ.) ๑. ความไมยินดี, ความไมชอบใจ, ความไมชอบใจยิ่ง วิ. ปรสมฺปตฺตีสุ นาภิรมตีติ อนภิรติ, อนภิรตภาโว (ภาวะใดไมอภิรมย ใน เพราะสมบัติผูอื่น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนภิรติ ไดแกความเปนแหงบุคคลผูไมยินดี), [น + อภิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ติ ปจจัย, แปลง น เปน อน] ๒. ไมยินดี, เบื่อหนาย, ระอา วิ. อนภิรมณํ อนภิรติ อุกฺกา (ความไมยินดี ชื่อวา อนภิรติ คือเบื่อหนาย), [น + อภิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ติ ปจจัยในอรรถ ภาวะ], นัยเดียวกันเชน อนภิรโต บทนี้ลง ต ปจจัย, อนภิรทฺโธติ น สุขิโต น วา ปสาทิโตติ อนภิรทฺโธ (ในบทวา อนภิรทฺโธ มีคำอธิบายวา ชื่อวา อนภิรทฺโธ เพราะอธิบายวา ผูมีความสุข หามิได หรือผูเลื่อมใสหามิได), อถ วา อนภิรทฺโธติ อปริปุณฺณสงฺกปฺโป, โน ปคฺคหิตจิตฺโต, อนภิราธิโต อปริโตสิตจิตฺโตติ วุตฺตํ โหติ (อีกนัยหนึ่ง ที่ชื่อวา อนภิรทฺโธ ผูไมยินดี ไดแก ผูมีความดำริไม บริบูรณ, ผูมีจิตอันยกขึ้นแลวหามิได มีคำที่ทาน อธิบายวา ไมใชผูยินดีแลว ไมใชผูมีจิตผองใส) อนภิรทฺธิ (อิตฺ.) ๑. ความไมยินดียิ่ง, ขึ้งเคียด วิ. ปรสมฺปตฺตีสุ นาภิรมฺภตีติ อนภิรทฺธิ (ภาวะใด ไมยินดีสมบัติผูอื่น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนภิรทฺธิ), [น + อภิ + รภ ธาตุ อารมฺเภ ใน ความพยายาม + ติ ปจจัย] ๒. พยาบาล, ปองราย วิ. เนว อตฺตโน น ปเรสํ หิตํ อภิราธยตีติ อนภิรทฺธิ พฺยาปาโท (อาการใดไมยินดีเกื้อกูลทั้ง
๑๐๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แกตนและบุคคลอื่น เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อวา อนภิรทฺธิ คือพยาบาท), ศัพทนี้เปนอิตถีลิงค), [น + อภิ + ราธ ธาตุ อาราธเน ในความยินดี + ติ ปจจัย, แปลงเปน ทฺธ, รัสสะ อา เปน อ, บท วา อนภิรทฺโธ ก็นัยนี้ ต ปจจัย อนมตคฺค (ติ.) สังสารวัฏมีเบื้องตนที่สุดอัน บุคคลไมรู ๑. มนิตพฺโพ าตพฺโพติ มโต, มโต เอว อมโต (สังสารวัฏใด อันบุคคลกำหนดรู เหตุ นั้น สังสารวัฏนั้น ชื่อวา มต-สังสารอันบุคคลพึง รู, มต นั้นเอง ชื่อวา อมต), อ ในที่นี้เปน อรรถตัพภาวะ มีความหมายเทากับ มต เชน อ ในคำวา อนวชฺชํ [อ + วชฺชํ = อวชฺชํ-โทษ, น + อวชฺชํ = อนวชฺชํ-ไมมีโทษ], วิ. นตฺถิ อมโต าตพฺโพ อคฺโค โกฏิ ยสฺส สํสารปวตฺตสฺสาติ อนมตคฺโค (เบื้องตน ที่สุด อันบุคคลพึงกำหนด รู แหงสังสารวัฏใดที่หมุนไป ไมมี เหตุนั้น สังสารวัฏนั้น ชื่อวา อนมตคฺค-สังสารวัฏอัน บุคคลไมรูเบื้องตนและที่สุด), วิ. มนิตพฺโพ อคฺโค โกฏิ นตฺถีติ อตฺโถ. สํสารสฺส ปุพฺพโกฏิ นตฺถิ อิจฺเจวํ วุตฺตํ โหติ (อธิบายวา เบื้องตนที่สุดอัน บุคคลกำหนดรูไมมีหมายความวา สังสารวัฏไม มีเบื้องตนและที่สุด) ๒. มนิยตีติ อมโต โย อคฺโค ปณฺฑิเตน, อกาโร ตพฺภาเว วตฺตติ (เบื้องตนและ ที่สุดใดอันบัณฑิตกำหนดรู เหตุนั้น เบื้องตนและ ที่สุดนั้น ชื่อวา อมต, อ ใชในอรรถตัพภาวะ-มี ความหมายเดียวกับ มต), วิ. อชนํ ปมํ คมนํ ปวตฺตนํ อคฺโค (การถึงคือเปนไปกอน ชื่อวา อคฺค), [อช ธาตุ คมเน ในความไป + ค ปจจัย และ แปลง ช เปน ค, กจฺ.๖๓๘ รูป.๖๖๐ วา วชาทีหิ เปนตน] วิ. นตฺถิ อมโต อคฺโค อาทิ ยสฺส สํสารสฺส โส อนมตคฺโค (เบื้องตนและที่สุด คือ เริ่มตนและที่สุดอันบุคคลกำหนดรู ของ สังสารวัฏใด ไมมี เหตุนั้น สังสารวัฏนั้นชื่อวา อนมตคฺค), ในปรมัตถมัญชุสา ๑/๑๗๒ แสดงไว วา อนมตคฺเคติ อนุ อนุ อมตคฺเค อนาทิมติ (คำวา อันมีที่สุดที่ใครๆ รูไมได คือรูวาไมมี เบื้องตนในสังสารวัฏอันมีที่สุดที่ใครๆ ตามรู ไมได) ๓. วิ. มตํ เอว อมตํ, น อมตํ อนมตํ, อนมตํ อคฺคํ ยสฺสาติ อนมตคฺโค, นนิปาโต ตพฺภาวตฺโถ, มน าเณ, ต, นโลโป (การรูนั่นเอง ชื่อวา อมต, การรูหามิได ชื่อวา อนมต-การไมรู, การไมรู เปนยอดแหงสังสารวัฏใดมีอยู เหตุนั้น สังสารวัฏนั้นชื่อวา อนมตคฺค), [น นิบาต + อ ตัพพภาวะ คืออักษรที่ไมมีความหมายเพิ่ม + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ต ปจจัย + ลบ น ที่สุดธาตุ] อนย (ปุ.) ๑. ไมใชความเจริญ, ความเสื่อม วิ. น อโย อนโย, อวุฑฒฺิยา เอตํนยํ(ความเจรญิ หามิได ชื่อวา อนย, การนำไปนั่นเพื่อความไม เจริญ), [น + อย ธาตุ วุฑฺฒิยํ ในความเจริญ + อ ปจจัย], ๒. ไมนำพาความเจริญ วิ. อนยํ น วา อยํ นยตีติ อนโย (ภาวะใดไมนำ หรือไมนำ ความเจริญ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนย), [น + นี ธาตุ นเย ในความนำไป + ณ ปจจัย, แปลง อี เปน อย] ๓. ไมใชสิ่งที่เกิดเพราะบุญ, ความ ทุกข วิ. ปฺุกมฺมโต เอติ อุปฺปชฺชตีติ อโย, สุขํ วฑฺฒิ วา (สิ่งใดยอมเกิดขึ้น จากบุญกรรม เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อย คือสุข หรือความ เจริญ), [อิ ธาตุ อุปฺปชฺชเน ในความเกิดขึ้น + อ ปจจัย, แปลง อี เปน อย] วิ. ตปฺปฏิปกฺขโต อนโย, ทุกฺขํ อวฑฺฒิ วา (ชื่อวา อนย คือทุกข เพราะตรงขามกับ อย คือความสุข หรือความไม เจริญ) ๔. ทุกข, ภาวะที่ตรงกับภาวะที่เปนไป โดยความชอบใจ วิ. เอติ อิภาเวน ปวตฺตตีติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๐๗ อโย, สุขํ (ภาวะใดยอมไป คือเปนไปโดยความ เปนสิ่งที่เขายินดีแลว เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อย ไดแก สุข), [อิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อ ปจจัย], ตปฺปฏิกฺเขเปน อนโย, ทุกฺขํ (ที่ชื่อ วา อนย เพราะเปนสิ่งตรงขามกับ อย-สุข ไดแก ทุกข) อนริย (ติ.) ไมใชอริยะ, ไมประเสริฐ, ไมใชของ อารยชน, ไมหมดจด, ไมใชสิ่งสูงสุด วิ. น อริโย อนริโย, น วิสุทฺโธ น อุตฺตโม, วิ. น วา อริยานํ สนฺตโก อนริโย (อีกนัยหนึ่ง ไมใชของพระอริย เจาทั้งหลาย จึงชื่อวา อนริย), [น + อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณฺย ปจจัย, แปลง น เปน อ, อิ อาคม] อนล (ปุ.) ไฟ ๑. ไฟเปนเหตุมีชีวิตอยู วิ. อนติ ชีวติ เอเตนาติ อนโล (บุคคลยอมมีชีวิตเปนอยู ได ดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนล), [อน ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + อล ปจจัย] ๒. ไฟเปนเครื่องรักษาชีวิตสัตว วิ. อนนฺติ ปาเลนฺติ อเนนาติ อนโล ปาวโก (สัตวทั้งหลาย ยอมรักษาไวได ดวยไฟใด เหตุนั้น ไฟนั้น ชื่อวา อนล คือไฟ), [อน ธาตุ ปาลเน ในความรักษา + อล ปจจัย] ใน อรรถกถาชาดก (ชา.อ.๗/๒๖๕) แปลวา ไมอิ่ม คือแสดงไววา อนโลติ อติตฺโต (บทวา อนโล แปลวา ไมอิ่ม), ๓. ผูไมมี ความสามารถ วิ. นตฺถิ อลํ สมตฺโถ ยสฺสาติ อนโล (ความสามารถของบุคคลใดไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อนล), [น + อลํ, พหุพฺพีหิ สมาส], ในบางแหงกลาววา อนล หมายถึง อุตุ เชนในคำวา กมฺมจิตฺตานลาหารปจฺจยานํ วเสนิธ วิ. นตฺถิ อลํ สมตฺโถ ยสฺสาติ อนโล (ภาวะที่ เหมาะ คือสามารถ ของไฟใด ไมมี เหตุนั้น ไฟนั้นชื่อวา อนล), [น + อลํ], นปุพพบทกัมม ธารยสมาส อนวชฺช (ติ.) ไมควรติเตียน, ไมใชสิ่งที่ควรติ เตียน, ไมมีโทษ วิ. ชาตฺยาจาราทีหิ นิหีโนยนฺติ น อวทิตพฺโพติ อนวชฺโช (ผูใดอันเขาไมควรติ เตียนวา ผูนี้เลวทรามโดยชาติและมารยาท เปนตน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนวชฺช), [น + อ อักษรเปน ตพฺภาว คืออักษรที่เติมลงไปมี ความหมายเทาเดิม + วท ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในความกลาว + ณฺย ปจจัย, แปลง ทฺย เปน ชฺช, แปลง น เปน อน] ๒. ไมใชโทษ วิ. น อวชฺชํ อนวชฺชํ (สิ่งที่มีโทษหามิได ชื่อวา อนวชฺช), นปุพฺพปทสมาส อนวฏาน (นปุ.) ไมมั่นคง, ไมตั้งมั่น, ไมหยุดยั้ง, ไมใชฐานะ วิ. อวียเต อวานํ (อันเขาตั้งลง ชื่อวา อวาน), [อว + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหามการไป + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน, ซอน ] วิ. น อวานนฺติ อนวานํ (ไมใชสิ่งที่ตั้งลง ชื่อวา อนวาน), แปลง น เปน อน ปาฐะวา อนวตฺถานํ ก็มี มีความหมาย วา สมฺภโม หมุน, กลิ้ง หรือ อวูปสโม ไมสงบ อนวตตฺต (ปุ.) สระน้ำ, สระอโนดาต, สระที่น้ำ ไมแหงไป ๑. วิ. อุทเกน น อวตปติ เอตฺถาติ อนวตตฺโต (ความรอนไมเผาใหเหือดแหง เพราะ มีน้ำในที่นั่น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อนวตตฺต), [น + อว + ตป ธาตุ ตปเน ในความรอน + ต ปจจัย] ๒. สูริยรํสิสมฺผุ ภาเวน อุทกํ น อวตปติ เอตฺถาติ อนวตตฺโต อโนตตฺโต (น้ำไมอุน เพราะ แสงอาทิตยสองไมถึงในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อนวตตฺต ไดแก สระอโนดาต), [น + อว + ตป ธาตุ ตปเน ในความรอน + ต ปจจัย, แปลง น เปน อน, แปลง โอ เปน อว]
๑๐๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนวรต (ติ.) แนนอน, เนืองนิตย, เที่ยงแท, ประจำ, ทุกเมื่อ วิ. น อวรมตีติ อนวรตํ สนฺตตํ (สิ่งใดไมเวน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนวรต ไดแก ตอเนื่อง), [น + อว + รมุ ธาตุ รมเณ ในความ ยินดี + ต ปจจัย, ลบ ม] อิติ.อ. ๓๖๒ อนวฺหาต (ติ.) ผูอันเขาไมไดเรียก, ไมไดเรียก เขาหมู, ยังไมอัพภาน วิ. อปกฺโกสิโต อนพฺภิโตติ อนวฺหาโต (ผูใดอันเขาไมรองเรียก ไมเรียกหา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนวฺหาต), [น + อา + เวฺห ธาตุ อวฺหายเน ในการเรียก + ต ปจจัย, แปลง น เปน อน, รัสสะ อา เปน อ, แปลง เอ เปน อา] อนวฺหิต (ติ.) ผูอันเขาไมรองเรียก, ผูอันเขา ไมไดรองขอ วิ. อปกฺโกสิโต อยาจิโต วา อนวฺหิโต (ผูอันเขาไมเรียกแลว หรือไมไดรองขอ ชื่อวา อนวฺหิต), [น + อา + เวฺห ธาตุ อวฺหายนยาจเนสุ ในความรองเรียกและรองขอ + ต ปจจัย + อิ อาคม] อนวาห (ปุ.) วัว วิ. อนํ สกฏํ วหตีติ อนวาโห (สัตวใดยอมนำไปซึ่งเกวียน เหตุนั้น สัตวนั้น ชื่อ วา อนวาห), [อน + วห ธาตุ วหเน ในความ นำไป + ณ, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อนสน (นปุ.) ๑. การอดอาหาร วิ. อภฺุชนํ อนสนํ (การไมบริโภค ชื่อวา อนสน), [น + อส ธาตุ ภกฺขเณ ในความกิน + ยุ ปจจัย], ๒. ความ ไมกระปรี้กระเปรา, การคุดคู, ความเกียจครานทางกาย วิ. อวิปฺผาริกภาโว กายาลสิยํ อนสนํ (ความไมกระปรี้กระเปรา ความเกียจครานทางกาย ชื่อวา อนสน), กายิกกิริยาอสมตฺถตาเหตุภูโต สรีรสงฺโกโจติ อตฺโถ (หมายความวา การนอนคุดคู มีความไมสามารถ ทำการทางกายไดเปนเหตุ), [น + อส ธาตุ พฺยาเป ในความเอิบอาบ + ยุ ปจจัย] อนสฺสว (ติ.) ไมเชื่อฟง, วาไมฟง วิ. น อาทเรน สุโณตีติ อนสฺสโว (สิ่งใดยอมไมฟง โดยเอื้อเฟอ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนสฺสว) เชน ยฺเจ ปุตฺตา อนสฺสวา (สํ.ส. ๑๕/๖๙๐/๒๕๙) (พวก บุตรที่ไมเชื่อฟงจะดีอะไร), [น + อา + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + ณ หรือ อ ปจจัย, แปลง น เปน อน, แปลง อุ เปน อว, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ] อนสฺสาวี (ติ.) ผูไมเลื่อนไหลไป, ผูไมชอบใจ ๑. วิ. น อาสวติ สนฺทตีติ อนสฺสาวี (ผูใดยอมไม เลื่อนไหลไป เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนสฺสาวี), สาตวตฺถูสุ กามคุเณสุ ตณฺหาสนฺถววิรหิโตติ อตฺโถ (หมายความวา ผูเวนการเสพสนิทตัณหาใน กามคุณ ซึ่งเปนธรรมชาตินาพึงพอใจ), [น + อา + สุ ธาตุ สนฺทเน ในความไหลไป + อาวี ปจจัย], ๒. วิ. อสฺสวติ สีเลนาติ อสฺสาวี (ผูใดไหลไปโดย ปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสฺสาวี), [อา + สุ ธาตุ ปคฺฆรเณ ในการไหล + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อุ เปน โอ แปลงเปน อาว, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ] วิ. น อสฺสาวี อนสฺสาวี (ไมใชผูไหลไปเปน ปกติชื่อวาอนสฺสาวี), นบุพพบท กัมมมธารยสมาส. อนฺต (ปุ., นปุ.) ๑. ต่ำทราม, ชั่วชา, เลว วิ. ลามกภาวํ อมติ คจฺฉตีติ อนฺโต (สิ่งใดยอม ดำเนินไปสูความเลวทราม เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย] วิ. อมฺมติ ปริภุยฺยติ หิียตีติ อนฺโต ลามโก (สิ่งใดอันเขารังเกียจดูหมิ่นดูแคลน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต ไดแก ลามก) ที.ฏี.๓/๒๔๑ ๒. ลำไสใหญ (นปุ.) วิ. อนฺติยตีติ อนฺตํ, อนฺติยติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๐๙ พนฺธิยติ อนฺตคุเณนาติ อนฺตํ (สิ่งใดอันลำไสนอย พันไว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺต), [อติ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อ ปจจัย, นิคหิตอาคม] ธาตวัตถสังคหะ อธิบายคาถาที่ ๙ วิ. อนฺตติ, อนฺติยติ อนฺตคุเณนาติ อนฺตํ (สิ่งใดยอมติด หรือ อันลำไสนอยพันไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต) ๓. ที่สุด, ชาย, ริม, เขต, แดน, ปลาย, ไปอยู วิ. อมติ คจฺฉตีติ อนฺโต (ภาวะใดยอมไป ยอมถึง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อนฺต ปจจัย, ลบ ม] วิ. อวสานภาเวน อมิยติ ายตีติ อนฺโต อนฺตํ (ภาวะใดอัน เขารู โดยความเปนสิ่งสุดทาย เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย + ลบ ม, แปลง ต เปน นฺต] วิ. โอสานภาเวน อมติ ปวตฺตตีติ อนฺโต (ภาวะใดยอม เปนไป โดยความเปนสิ่งสุดทาย เหตุนั้น ภาวะ นั้น ชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ ปวตฺตเน ในความ เปนไป + อนฺต ปจจัย] ๔. ที่สุดภพ, สุดทาย, โรค วิ. อมติ คจฺฉติ ภวปฺปพนฺโธ โอสานเมตฺถาติ อนฺโต (ความตอเนื่องแหงภพถึงที่สุดในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อนฺต) วิ. อมติ คจฺฉติ เอตฺถ โวสานนฺติ อนฺโต (สัตวเปนตนไปถึงที่สุดในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อนฺต) วิ. อมตีติ อนฺโต (ภาวะใดเปนโรค เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ โรเค ในความเปนโรค + อนฺต ปจจัย] ๕. สวน วิ. อวยวภาเวน อาสนฺนภาเวน วา อมติ ปวตฺตตีติ อนฺโต (สิ่งใดยอมเปนไป โดยความ เปนสวนประกอบ หรือความเปนของใกลกัน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ + ต ปจจัย, แปลง ม เปน น] วิ. อมติ ยาตีติ อนฺโต (สิ่งใด ยอมเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย โมคฺ.๗/๘๒ วา วาทีหิ โต, แปลง ม เปน นฺ] วิ. อสติ ยาตีติ อนฺโต (สิ่งใดยอมเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต), [อส ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง ส เปน นฺ] วิ. อวตีติ อนฺโต (สิ่งใดยอม เปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต), [อว ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง ว เปน นฺ] ๖. พระนิพพาน, พระอรหัตผล วิ. สงฺขารานํ อวสาเน ชาตํ อนฺตํ, นิพฺพานํ. อถ วา มคฺคสฺส ปริโยสาเน ปวตฺตํ อนฺตํ, อรหตฺตผลํ (ภาวะที่เกิด ในที่สุดแหงสังขารทั้งหลาย ชื่อวา อนฺต คือ พระนิพพาน, อนึ่ง ภาวะที่เปนไปในที่สุดแหง มรรค ชื่อวา อนฺต คือ อรหัตผล) เชน เวทนฺตคู (ผูถึงที่สุดแหงเวท); อนฺต ศัพท อนิตฺถิยํ เปน ปุงลิงคและนปุงสกลิงค ในสัททนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๑๘๕) แสดงความหมาย อนฺต ศัพทไววา กุณปนฺตํอนตฺิมฺจ มริยาโท จ ลามกํ โกาโส โกฏิเม อตฺถา อนตฺสทฺเทน ภาสิตา (ทานกลาวความหมายแหง อนฺต ศัพทไววา กุณปนฺต-ไสใหญ, อนฺติม-ริม, ชาย, มริยาท-เขต, แดน, ลามก-เลว, ทราม, โกาส-สวน, โกฏิ- ที่สุด), การอธิบายโดยพิสดารบัณฑิตพึงคนดู ในสัททนีตินั้นเถิด, อนฺต ที่เปนนิบาต อพฺภนฺตร ใชในความหมายวาภายใน เชนในคำวา นครสฺส อนฺโต อนฺโตนครํ อนฺตก (ปุ.) ผูทำที่สุด, ผูทำความพินาศ, ผูทำ ใหถึงความเลว, มัจจุราช, ความตาย, มาร วิ. โลกานํ อนฺตํ วินาสํ ลามกภาวํ วา กโรตีติ อนฺตโก มจฺจุราชา มาโร จ (ภาวะใดยอมกระทำ ที่สุด ความพินาศ และความเลวทราม ใหแก ชาวโลก เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนฺตก ไดแก ความตาย และมาร), [อนฺต + กร ธาตุ + ร
๑๑๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปจจัย กจฺ.๕๓๘ รูป.๕๙๕ วา สํหนฺาย วา โร โฆ, ลบ ร] อนฺตกร (ปุ.) พระผูมีพระภาคเจา, ผูทรง กระทำที่สุดแหงทุกข วิ. อนฺตํ กโรตีติ อนฺตกโร, สกลวฏทุกฺขสฺส สกสนฺตาเน, ปรสนฺตาเน จ วินาสกโร อภาวกโรติ อตฺโถ, ภควา (พระพุทธเจา ทรงกระทำที่สุด หมายความวา ทำใหทุกขใน วัฏฏะทั้งสิ้น ในสันดานพระองค และในสันดาน สัตวอื่น ใหพินาศหมดสิ้นไป เหตุนั้น พระองคจึง ทรงพระนามวา อนฺตกร ไดแก พระผูมีพระภาค เจา), [อนฺต + กร ธาตุ + อ ปจจัย] อนฺตคฺคาหิกา (อิตฺ.) ทิฐิที่ถือเอาที่สุดคือเลว คือสัสสตทิฐิและอุจเฉททิฐิ วิ. สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาตํ อนฺตํ ลามกํ คณฺหาติ, คณฺหาเปตีติ วา อนฺตคฺคาหิกา (ทิฐิที่ถือหรือใหยึดถือเอาที่สุดคือ เลวทรามคือสัสสตทิฐิและอุจเฉททิฐิ เหตุนั้น ทิฐินั้นชื่อวา อนฺตคฺคาหิกา), [อนฺต + คห ธาตุ อุปาทาเน ในความยึดถือ + ณฺวุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อนฺตคุณ (นปุ.) ลำไสเล็ก, สำไสที่พันลำไสใหญ วิ. อนฺเต คุณติ พนฺธตีติ อนฺตคุณํ อนฺตโภโค (สิ่งใดยอมพันลำไสใหญ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตคุณ ไดแกลำไส), [อนฺต + คุณ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อ ปจจัย], วิ. อนฺตโต คุณํ รสฺสภาวนฺติ อนฺตคุณํ (ทบไสที่มีความสั้นกวาลำไส ใหญ ชื่อวา อนฺตคุณ) อนฺตคู (ปุ.) ๑. พระอรหันต, ผูถึงที่สุดคือ พระนิพพาน วิ. อนฺตํ นิพฺพานํ คจฺฉตีติ อนฺตคู, วฏทุกฺขสฺส ตีหิ ปริฺาหิ อนฺตคตตฺตา อนฺตคู, อรหา (ผูใดยอมบรรลุถึงที่สุดคือพระนิพพาน เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺตคู ผูถึงที่สุด, ชื่อวา อนฺตคู เพราะเปนผูถึงที่สุดทุกขในวัฏฏะ ดวย ปริญญา ๓ ไดแก พระอรหันต), [อนฺต + คม ธาตุ + รู ปจจัย, ลบ ร และ ม], วิ. อนฺตํ คนฺตุํ สีลมสฺสาติ อนฺตคู(การถึงที่สุดเปนปกตขิองพระ อรหันตนั้น เหตุนั้น พระอรหันตองคนั้น ชื่อวา อนฺตคู), ๒. มาร, ผูมีปกติไปที่สุด วิ. อนฺตคมนสีโล อนฺตคู มาโร (ผูใดยอมไปสูที่สุด เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺตคู ไดแกมาร), วิ. มรณํ ปาปนโต วา อกุสลานํ ธมฺมานํ อนฺตํ คตตฺตา วา อนฺตคู (มาร ไดชื่อวา อนฺตคู เพราะใหถึงตาย หรือ เพราะทำใหถึงที่สุดอกุศลธรรม), [อนฺต + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + รู ปจจัย ลบ ร เปนตน] อนฺตมโส (อพฺ.) ๑. โดยเปนสิ่งที่เกิดมีในที่สุด วิ. อนฺเต ชาโต อนฺติโม (ธรรมที่เกิดในที่สุด ชื่อ วา อนฺติม), [อนฺต + อิม ปจจัย + โส ปจจัยใน อรรถแหง นา วิภัตติ, แปลง อิ เปน อ], ๒. กำหนดที่สุด, ครอบคลุมไปถึงที่สุด (ติ.) วิ. อนฺตํ วา มสตีติ อนฺตมโส (อีกนัยหนึ่ง สิ่งใด มุงไปถึงที่สุด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺตมโส), [อนฺต + มส ธาตุ อามสเน ในความลูบคลำ + อ ปจจัย] อนฺตร (ติ.) มีในที่ระหวาง, มีในภายใน, เวน, วาง, ผา, เครื่องนุงหม ๑. วิ. อนฺตเร ภวํ อนฺตรํ (สิ่งใดมีในระหวาง สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตร), [ณ ปจจัยแทน ภว] ๒. ระหวาง, กลาง, ที่ยึดขาง ทั้งสองไว วิ. เทฺว ปกฺเข อนฺตติ พนฺธตีติ อนฺตรํ (สิ่งใดผูกยึดขางทั้งสองไว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตร), [อติ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อร ปจจัย] ๓. อนฺตํ ราติ ททาตีติ อนฺตรํ (สิ่งใดยอม ใหที่สุด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺตร), [อนฺต + รา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย]; อนฺตร ศัพท ปรากฏความหมายตางๆ เชน ทามกลาง ผา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑๑ เปนตน ฉะนั้น ใน อภิธานปฺปทีปกา (คาถา ๘๐๒) จึงแสดงความหมาย ของ อนฺตร วา อนฺตรํ มชฺฌวตฺถฺ- ขโณกาโสธิเหตุสุ พฺยวธาเน วินตฺเถ จ เภเท ฉิทฺเท มนสฺยป อนฺตร ศัพท มีความหมายวา มชฺฌ-ทามกลาง, วตฺถ-ผา, อฺ-อื่น, ขณ-ชั่วขณะ, โอกาส โอกาส, โอธิ-เขตแดน, เหตุ-เหตุ, พฺยาวธาน-ระหวาง, วินตฺถ-การเวน, เภท-ความแตกตาง, ฉิทฺท-ชอง, มน-ใจ อีกอยางหนึ่ง บางแหง อนฺตร ศัพท เปน ไวพจนของคำวา สารถี เชนคำวา ปุริสนฺตร, บางแหงมีความหมายวา นานตฺต ความตางกัน เชนในขอวา วิฺเยฺยํ เตสมนฺตร แตใน สัททนตีิ สุตตมาลา ฉบับแปล หนา ๑๒๙๔ วา อนฺตรา ศัพท ใชในความหมายวา เหตุ ขณะ จิต ทามกลาง ระหวาง เปนตน, จริงอยางนั้น อนฺตรา ศัพท ใชในอรรถวา เหตุ เชนในขอวา ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย อฺตฺร ตถาคตา (นอกจากพระตถาคต ใครเลาจะพึงรูเหตุนั้น), ใชในอรรถวา ขณะ เชนในขอวา อทฺทส มํ ภนฺเต อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺติ (ขา แตพระองคผูเจริญ หญิงคนหนึ่งลางภาชนะ ได เห็นขาพระองคในขณะฟาแลบ), ใชในอรรถวา จิต เชนในขอวา ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ ปาปา (ปาป ไมมีในจิตของบุคคลใด), ใชในอรรถวา ทามกลาง เชนในขอวา อนฺตราโวสานมาปาทิ (ถึงที่สุดในทามกลาง), ใชในอรรถวา ระหวาง เชนในขอวา อปจายํ ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย คจฺฉติ (อีกประการหนึ่ง บอน้ำรอน ชื่อวา ตโปทา นี้ มาจากระหวางมหานรกทั้ง สอง), นัยเดียวกันเชน อนฺตริตา ลง อิต ปจจัย แทน สฺชาต อนฺตรกถา (อิตฺ.) ถอยคำที่มาถึงทามกลาง, ถอยคำยังไมจบ, ถอยคำอยูระหวางคำเริ่มและ คำลงทาย วิ. มชฺฌํ ปตฺตา กถา อนฺตรกถา. อนฺตรกถาติ อวสานํ อปฺปตฺวา อารมฺภสฺส จ อวสานสฺส จ เวมชฺฌานํ ปตฺตกถา (ถอยคำที่ มาถึงทามกลาง ชือวา อนฺตรกถา, ถอยคำที่ยัง ไมถึงที่สุด มาถึงถึงตรงกลางระหวางคำเริ่มและ คำลงทาย ชื่อวา อนฺตรกถา), ในพระบาลีวา อนฺตรากถา อนฺตรฆร (อพฺ.นปุ.) ระแวกบาน, ภายในบาน, หมูบาน วิ. อนฺตเร ฆรานิ เอตฺถ, เอตสฺสาติ วา อนฺตรฆรํ (เรือนทั้งหลาย ในระหวาง มีอยูใน บานนั้น หรือเรือนทั้งหลายแหงบานนั่น มีอยู เหตุนั้น บานนั้นชื่อวา อนฺตรฆร ไดแก หมูบาน), นัยนี้เปน พหุพพิหิสมาส. อนฺตรฆรนฺติ กตฺถจิ นครทฺวารสฺส พหิอินฺทขีลโต ปาย อนฺโตคาโม วุจฺจติ, กตฺถจิ ฆรุมฺมารโต ปาย อนฺโตเคหํ (คำ วา อนฺตรฆร ในที่บางแหง ทานกลาวมุงถึงตั้งแต ริมนอกเสาหลักเมืองนอกประตูเมือง ถึงภายใน หมูบาน, บางแหงมุงถึง ตั้งแตธรณีประตูเรือนถึง ภายในเรือน) อนฺตรธาน (นปุ.) อันตรธาน, ไมปรากฏ, การ สูญ, ภาวะสิ่งที่ทรงความวาง วิ.อนฺตรํ ธรติ อนฺตรธายตีติ วา อนฺตรธานํ (ภาวะใดทรงไวซึ่ง ความวาง หรือสูญหาย เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺตรธาน), [อนฺตร + ธา ธาตุ ธารเณ ในความ ทรงไว + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อนฺตรวาสก (ปุ.) อันตรวาสก, ผาที่อยูกลาง, ผานุง เรียกแบบสามัญวา ผาสบง ๑. วิ. อนฺตเร มชฺเฌ ภโว วาโส อนฺตรวาสโก (ผานุงที่อยู ระหวางกลาง ชื่อวา อนฺตรวาสก), [ก สกัตถ] ๒. วิ. อนฺตรํ มชฺเฌ กฏิปฺปเทเส วาโส วตฺถํ
๑๑๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนฺตรวาโส, อนฺตรวาโสเอว อนฺตรวาสโก (ผานุงตรงกลาง คือที่เอว ชื่อวา อนฺตรวาส, อนฺตรวาส นั่นเอง ชื่อวา อนฺตรวาสก) ๓. อนฺตเร วสตีติ อนฺตรวาสโก (พระนุงผาใดไว ขางใน เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา อนฺตรวาสก), [อนฺตร + วส ธาตุ นิวาเส ในการนุง + ณฺวุ ปจจัย] ใน นิรุตฺติทีปนี(นิรุตฺติ. ๗๙๑) วิ. อนฺตเร วาสียติ นิวาสียตีติอนฺตรวาสโก (ผาใดเขานุงไว ขางใน เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา อนฺตรวาสก) วิ. วสติ สีเลนาติ วาสโก (เขานุงผาใดโดยปกติ เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา วาสก), [วส ธาตุ นิวาเส ในความนุง + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก และ พฤทธิ์ อ เปน อา] วิ. อนฺตเร วาสโก อนฺตรวาสโก (ผานุงในภายใน ชื่อวา อนฺตรวาสก), ทีฆโต มุิปฺจกํ ติริยํ ทฺวิหตฺถํ ปมาณิกจีวรํ (ไดแก จีวรไดประมาณ ยาว ๕ ศอกกำ กวาง ๒ ศอก), มุิปฺจกนฺติ จตุหตฺเถ มินิตฺวา ปฺจมํ หตฺถํ มุฐึ กตฺวา มินิตพฺพํ (คำวา ๕ ศอกกำ หมายถึง กำหนดนับ ๔ ศอกแลว ศอกที่ ๕ ทำมือใหเปน กำปน) อนฺตรหิต (ติ.) อันตรธานแลว วิ. อนฺตรธายีติ อนฺตรหิโต (สิ่งใดอันตรธานแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตรหิต), [อนฺตร + ธา ธาตุ ธารเณ ใน ความทรงไว + ต ปจจัยเปนกัตตุวาจก, แปลง ธา เปน หิ] อนฺตราปรินิพฺพายี (ปุ.) ผูปรินิพพานใน ระหวาง, ๑ ในอนาคามี ๕ วิ. อายุกปฺปสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ อวสฺสํ ปรินิพฺพายิสฺสตีติ อนฺตราปริ- นิพพฺายี(พระอนาคามีใดจักปรินิพพานแนนอน ในระหวางแหงอายุกัป เหตุนั้น พระอนาคามีนั้น ชื่อวา อนฺตราปรินิพฺพายี), [อนฺตรา + ปริ + นิ + วา ธาตุ คติยํ ในความไป + ณี ปจจัย + ย อาคม, ซอน วฺ, แปลง วฺว เปน พฺพ], ในอภิธรรม มัตถสังคหทีปนฎีีกา วา อนฺตราปรินิพฺพายีติ เอวํ เอวรูโป ปุคฺคโล ปฺจสุ สุทฺธาวาสภูมีสุ เอเกกสฺมึ อุปฺปชฺชิตฺวา อุปฺปนฺนสมนนฺตรา วา อายุปฺปมาณเวมชฺฌํ อปฺปตฺตํ วา อรหตฺตํ ปตฺวา อายุ- เวมชฺฌสฺส อนฺตราเยว ปรินิพฺพายนโต อนฺตรา ปรินิพฺพายีติ วุจฺจตีติ (บทวา อนฺตราปรินิพฺพายี มีความวา บุคคลมีอยางนั้นเปนรูป ทานเรียกวา อนฺตราปรินิพฺพายี เพราะปรินิพพานในระหวาง ใกลเกิด เพราะที่เกิดในภูมิใดภูมิหนึ่ง บรรดา สุทธาวาสภูมิ ๕ หรือบรรลุพระอรหันตยังไมถึง กลางอายุแลวปรินิพพานระหวางกลางอายุ) พึงทราบอธิบายวา วา ศัพทรวบเอาความหมาย วา บรรลุพระอรหันตถึงกลางอายุเขามาดวย, จริงอยางนั้น ในอรรถกถาปฏิสัมภิทามรรค วา พระอนาคามี ชื่อวา เพราะปรินิพพาน ดวย การดับกิเลสในระหวางกลางอายุนั่นแล อนึ่ง พระอนาคามีนั้นมี ๓ จำพวก คือ ทานผูจะ ปรินิพพานในระหวางใกลเกิด ๑ ทานผูจะ ปรินิพพานในระหวางอายุยังไมถึงกึ่ง ๑ ทานผู จะปรินิพพานในระหวางอายุถึงกึ่ง ๑ อนฺตราย (ปุ.) ๑. อันตราย, สิ่งขัดขวาง, สิ่งรบกวน วิ. จุติปฏิสนฺธีนํ อนฺตเร อยตีติ อนฺตราโย (สิ่งใดยอมเปนไปในระหวางจุติและ ปฏิสนธิ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อันตราย), [อนฺตร + อย ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อ ปจจัย] ๒. อันตราย, สิ่งรบกวน วิ. จุติปฏิสนฺธีนํ อนฺตเร อายนฺติ อาตปนฺติ อเนนาติ อนฺตราโย (สัตวเกิด ทั้งหลายเดือดรอนในระหวางจุติและปฏิสนธิ ดวยเหตุนั้น ฉะนั้น เหตุนั้น จึงชื่อวา อนฺตราย), [อาย ธาตุ อาตาเป ในความเดือดรอน + ณ ปจจัย] ๓. เหตุทำใหความสำเร็จมีชองวาง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑๓ วิ. การิยสิทฺธํ อนฺตรํ วยฺวธานํ อายติ คจฺฉติ อเนนาติ อนฺตราโย (กรรมที่ควรทำใหสำเร็จไป ถึงระหวาง หรือมีระหวาง ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตราย) ๔. อันตราย, สิ่งที่คั่น ระหวาง วิ. อนฺตรา เวมชฺเฌ เอติ อาปตตีติ อนฺตราโย (สิ่งใดตกไประหวางกลาง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตราย) วิ. ตนฺตํสมฺปตฺติยา วา วิพนฺธนวเสน สตฺตสนฺตานสฺส อนฺตเร เวมชฺเฌ เอติ อาคจฺฉตีติ อนฺตราโย (สิ่งใดมากั้นกลาง ระหวางแหงสันดานแหงสัตว ดวยการตัดสมบัติ นั้นๆ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺตราย), ไดแกสิ่งที่ ไมใชประโยชนในทิฏฐธรรม เปนตน หรือ อุปททวะ, [อนฺตรา + อิ ธาตุ + ณ ปจจัย, แปลง อิ เปน อาย] อนฺตรายิก (ติ.) อันตรายิกธรรม, ธรรมที่ทำ อันตราย ๑. วิ. สคฺคโมกฺขานํ อนฺตรายํ กโรตีติ อนฺตรายิโก (ธรรมใดยอมกระทำอันตราย แก สวรรคและนิพพาน เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อนฺตรายิก-อันตรายิกธรรม), อันตรายิกธรรมนั้น มี ๕ ไดแก กรรม กิเลส วิบาก อุปวาท และ อาณาวีติกกมะ ๒. วิ. อติกฺกมนเน ตสฺมึ อนฺตราเย นิยุตฺโต, อนฺตรายํ วา ผลํ อรหติ, อนฺตรายสฺส วา กรณสีโลติ อนฺตรายิโก (ธรรมที่ ประกอบอันตราย เพราะอรรถวากาวลาง หรือ ธรรมใดควรผลที่เปนอันตราย หรือธรรมที่มี ปกติทำอันตราย เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อนฺตรายิก) เปน อนฺตรายกโร ก็มี, [ณิก ปจจัย ในตัทธิต) อนฺตราฬ (อพฺ.) ภายในระหวาง, ระหวางการ หยุดพัก, ภาวะที่ยึดเอาระหวาง วิ. อนฺตรํ อาราติ คณฺหาตีติ อนฺตราฬํ (ภาวะใดยอมยึด เอาในระหวาง เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺตราฬ), [อนฺตร + อา + รา ธาตุ อาทาเน ใน ความถือเอา + อ ปจจัย, แปลง ร เปน ล, เปน ฬ ดวยขอกำหนดแหงปทรูปสิทธิ (รูป. อธิบาย สูตร ๓๔) วา ลฬานมวิเสโส (ล และ ฬ ไม ตางกัน) อนฺตรีป (นปุ.) เกาะ, ที่ตั้งอยูระหวงน้ำที่แยก ออกเปน ๒ สวน วิ. ทฺวิธาคตานํ อาปานํ อนฺตรคตํอนฺตรีป, ทีโป (สิ่งที่ตั้งอยูระหวางน้ำที่ แยกเปน ๒ สวน ชื่อวา อนฺตรีป คือเกาะ), [อนฺตร + อาป], แปลง อา เปน อี อนฺตรีย (นปุ.) ผานุง, เครื่องนุง, อันตรวาสก วิ. พาหุลฺเยน อนฺตเร มชฺเฌ ภวํอนฺตรียํ, อนฺตรวาสโกติ อตฺโถ (ผานุงที่อยูกลางตัวเปนสวนมาก ชื่อวา อนฺตรีย หมายถึง อันตรวาสก), [อีย ปจจัย ภวตฺเถ ใชในความหมายวา มี] อนฺตลิกฺข (ปุ.,นปุ.) ทองฟา, กลางหาว ๑. เหตุ แหงการเห็น (นปุ.) วิ. อิกฺขนํ ทสฺสนํ อิกฺขา, อิกฺขาย อนฺตรํ การณํ อนฺตลิกฺขํ (การดู การเห็น ชื่อวา อิกฺขา, เหตุแหงการมองเห็น ชื่อวา อนฺตลิกฺข) ๒. ทองฟา, เปนที่-เปนเหตุมองเห็น วัตถุตางๆ กัน (นปุ.) วิ. เตสํ เตสํ วตฺถูนํ อนฺตรํ นานตฺตํ อิกฺขเต โลโก เอตฺถ เอเตนาติ วา อนฺตลิกฺขํ,อาทิจฺจปโถ (ชาวโลกมองเหน็วาวัตถุ นั้นๆ ตางกันในที่ใด หรือเพราะที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อนฺตลิกฺข คือทองฟาที่เที่ยวไปแหง พระอาทิตย) ๓. อากาส, มองเห็นเพราะเปน ชองวาง (ปุ.) วิ. อนฺตเรน ฉิทฺเทน อิกฺขิตพฺโพติ อนฺตลิกฺโข, อากาโส, อชฏากาโสติ อตฺโถ (สิ่งใด เขาพึงมองเห็นดวยชองวาง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺตลิกฺข ไดแก อากาศ, กลางหาว), [อนฺตร + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน องฺเก วา ในการมองเห็น หรือ การกำหนด + อ ปจจัย, แปลง ร เปน ล]
๑๑๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ๔. ทองฟา, ที่ทำเสนขอบฟา วิ. อนฺตํ ปริโย สานํ โกฏึ ลิขเต สํกริสฺสตีติ อนฺตลิกฺขํ (สิ่งใด เขียนคือสรางสรรคเบื้องตนและเบื้องปลายฟา ไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺตลิกฺข), อถ วา อนฺตํ ปริโยสานํ ลิขฺยเต โอโลกิยเต เอเตนาติ อนฺตลิกฺขํ (อีกนัยหนึ่ง ที่สุดฟา อันบุคคลกำหนด เห็นได ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺตลิกฺข), [อนฺต + ลิข + สํกรณโอโลกเนสุ ใน ความสรางสรรคและการมองเห็น + อ ปจจัย, ซอน กฺ] อนฺตลิกฺขจร (ปุ). บวงคือราคะที่เที่ยวไปใน อากาศ, ราคะที่เที่ยวไปในอากาศ วิ. อนฺตลิกฺเข จรนฺตานํ ปฺจาภิฺานมฺป พนฺธนตฺตา อนฺตลิกฺเข จรติ ปวตฺตตีติ อนฺตลิกฺขจโร, ราคปาโส (กิเลสที่ทองเที่ยวไปในอากาศกลางหาว เพราะ ผูกแมผูไดอภิญญา ๕ ที่เที่ยวไปในอากาศ เหตุ นั้น กิเลสนั้นชื่อวา อนฺตลิกฺขจร ไดแก บวง ราคะ), [อนฺตลิกฺข + จร ธาตุ จรเณ ในการ เที่ยวไป + อ ปจจัย] อนฺติก (ติ.) ๑. ประกอบในที่สุด วิ. อนฺเต นิยุตฺตํ อนฺติกํ (สิ่งที่ประกอบในภายใน ชื่อวา อนฺติก), [ณิก ปจจัย] ๒. ภายใน, ที่สุด (ปุ.นปุ.) วิ. อนฺโต เอว อนฺติโก, อนฺติกํ วา, อวสานํ (ภายในนั่นเอง ชื่อวา อนฺติโก, อนฺติกํ คือที่สุด), [อิก สกัตถ] ๓. ที่ใกล (นปุ.) แตอาจารยทั้งหลาย ใหความหมาย อนฺติก ศัพท วา สมีป-ใกล, วา ตามมติของอาจารยเหลานั้นตองประกอบ อนฺต ศัพท วา สมีปภาเวน อมติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อนฺโต (สิ่งใดยอมดำเนินไป เพราะความหมายวา ใกล เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺต), อนฺตโยคา อนฺติกํ สนฺติกํ (เพราะประกอบในที่ใกลจึงชื่อวา อนฺติก, สนฺติก), อิก ปจจัย นัยเดียวกันเชน อนฺติโย ลง ณิย หรือ อิย ปจจัยแทน นิยุตฺต อนฺติม (ติ.) ๑. มีในที่สุด, สุดทาย วิ. อนฺเต ภโว อนฺติโม (บุคคลเปนตน มีในที่สุด ชื่อวา อนฺติม), [อิม ปจจัยแทน ภว-มี] นัยเดียวกันนี้ เหิโม (มีในเบื้องลาง) อุปริโม (มีในเบื้องบน) โอริโม (มีในเบื้องต่ำ) ปจฺฉิโม (มีในเบื้องหลัง) อพฺภนฺตริโม (มีในภายใน) ปจฺจนฺติโม (มีใน ที่สุด), ก็แมในคำวา อนฺตริโต เปนตน ก็นัยนี้ เหมือนกัน ลง อิต ปจจัยแทน สฺชาต อนฺติมเทหธร (ปุ.) ผูทรงไวซึ่งกายอันมีใน ที่สุด วิ. อนฺติมํ อวสานํ เทหํ สรีรํ ธาเรตีติ อนฺติมเทหธโร (ผูใดยอมทรงไวซึ่งรางกายอันมี ในที่สุด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺติมเทหธร), [อนฺติมเทห + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อ ปจจัย] อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนก (ปุ.อิตฺ.) ผูตอง อันติมวัตถุ, ผูตองวัตถุอันมีในที่สุด, ผูตอง อาบัติปาราชิก วิ. ปพฺพชฺชาย ปาติโมกฺขสํวรสีลสฺส วา อนฺเต วินาเส ภโวติ อนฺติโม, ปาราชิกาปนฺโน ปุคฺคโล. ตสฺส วตฺถุ อนฺติมภาวสฺส การณตฺตา ปาราชิกาปตฺติ อนฺติมวตฺถูติ วุจฺจติ. อนฺติมวตฺถุํ จตุนฺนํ ปาราชิกานํ อฺตรํ อชฺฌาปชฺชตีติ อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก (ผูที่มี ในที่สุดคือในความพินาศไปแหงการบวช หรือ แหงปาติโมกขสังวรศีล ชื่อวา อนฺติม, ไดแก ผู ตองอาบัติปาราชิก, วัตถุแหงบุคคลผูตอง ปาราชิกนั้น คืออาบัติปาราชิก เพราะเปนเหตุ แหงความเปนผูมีในที่สุดแหงการบวช ทาน เรียกวา อนฺติมวตฺถุ, ผูใดตองอันติมวัตถุ หรือ ตองอาบัติอยางใดอยางหนึ่งในปาราชิก ๔ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺติมวตฺถุอชฺฌาปนฺนโก),
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑๕ [อนฺติมวตฺถุ + อธิ + อา + ปท ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + ต ปจจัย, ก สกัตถ, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, อาเทศ ต เปน อนฺน และลบที่สดุธาต] ุ อนฺเตปุร (นปุ.) ๑. มีภายในบุรี, เรือนฝายใน, เรือนของเจาฝายใน วิ. ปุรสฺส อนฺเต ภวํ อิติ อนฺเตปุรํ, อิตฺถาคารํ (เรือนมีภายในแหงบุรี เหตุนั้น ชื่อวา อนฺเตปุร ไดแก เรือนแหงสตรี, พระราชวังชั้นใน) ๒. เรือนในภายใน วิ. อนฺเต อพฺภนฺตเร ปุรํ เคหํ อนฺเตปุรํ (เรือนภายใน ชื่อวา อนฺเตปุร) ในอรรถกถาชาดก (ช.อ.๗/ ๑๓๖) วา อนฺเตปุรนฺติ กุมารสฺส วสนานนฺติ วุตฺตํ (บทวา อนฺเตปุรํ ทานกลาวหมายถึง ที่ ประทับของพระกุมาร) อนฺเตวาสิก (ปุ.) ๑. อันเตวาสิก, ผูอยูภายใน วิ. อนฺเต วสตีติ อนฺเตวาโส (ภาวะใดอยูใน ภายใน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺเตวาส การอยูภายใน), [อนฺเต + วส ธาตุ นิวาเส + ณ ปจจัย], นัยนี้จัดเปนสมาสมีกิตกเปนที่สุดโดย เปนสมาสไมลบวิภัตติ, อนฺเตวาโส อสฺส อตฺถีติ อนฺเตวาสิโก (การอยูในภายใน ของผูนั้นมีอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺตวาสิก ผูมีการอยูใน ภายใน), [อิก ปจจัย ในตทัสสัตถตัทธิต] ๒. ศิษยผูอยูภายในสำนักนิสสยาจารย เปนตน วิ. นิสฺสยาจริยาทีนํ อนฺเต สมีเป วสตีติ อนฺเตวาสิโก (ผูใดยอมอยูภายในคือใกลนิสสยาจารย เปนตน ผูนั้น ชื่อวา อันเตวาสิก-ผูอยูในสำนัก), [อนฺเต + วส ธาตุ นิวาเส ในความอยู + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก และพฤทธิ์ อ เปน อา, แปลง อ เปน อิ ดวยมหาสูตร; อุปสัมบันหรือ สามเณรก็ตาม ผูยังถือนิสัยในสำนักอาจารยก็ดี, ผูรับโอวาทอาจารยแลวบรรพชาก็ดี, ผูที่อาจารย นั้นสวดกรรมวาจารยบวชใหก็ดี, ผูเรียนธรรมใน สำนักของอาจารยนั้นก็ดี ทั้งหมดนั้นเรียกวา อันเต วาสิก, ผูที่ ๑ ชื่อวา นิสสยันเตวาสิก, ที่ ๒ ชื่อวา ปพพัชชันเตวาสิก, ที่ ๓ ชื่อวา อุปสัมปทันเตวาสิก, ที่ ๔ ชื่อวา ธัมมันเตวาสิก สวนอันเตวาสิกอื่นๆ จากนี้ เรียกวา สิปปนเตวาสิก อนฺเตวาสี (ปุ.) ๑. ผูอาศัยอยูดวย, ผูมีปกติอยู ภายใน, คนใกลชิด, คนรับใช วิ. อนฺเต สมีเป วสนสีโล อนฺเตวาสี ปริจารโก (ผูมีปกติอยู ภายใน คืออยูใกลชิด ชื่อวา อนฺเตวาสี คือ คน รับใช) ๒. ศิษย, ผูอยูในสำนัก วิ. สิปฺป วา อุคฺคณฺหมาโน ปฺหํ วา สุณนฺโต สนฺติเก นิวุตฺโถ อนฺเตวาสี สิสฺโส (ผูที่เรียนศิลปะและคอยฟง ปญหาพักอยูในสำนัก ชื่อวา อนฺเตวาสี คือ ศิษย), [อนฺต + วส ธาตุ นิวาเส ในความพักอยู + ณี ปจจัย ลงในอรรถตัสสีละเปนตน], เมื่อลง ก สกัตถ รัสสะ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๓ รูป.๓๕๔ วา กฺวจาทิมชฺฌุตฺตรานํ เปนตน เปน อนฺเตวาสิโก เชน ปณฺฑปาตี เปน ปณฺฑปาติโก, สวนในคำวา ปนฺเตวาสี นี้ เปนกัมมธารยสมาส วิ. ปโร อนฺเตวาสี ปนฺเตวาสี (ผูอยูในภายในรุนตอมา ชื่อวา ปนฺเตวาสี บุตรรุนหลัง, หลาน) อนฺโตคต (ติ.) อยูภายใน, นับเขาใน, นับเน่ือง วิ. อนฺโต คจฺฉตีติ อนฺโตคตํ ปริยาปนฺนํ(ส่งิใดไป ในภายใน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺโตคต ไดแก นับเนื่องกัน), [อนฺต + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความ ไป + ต ปจจัย, ลบ ม] อนฺโตคธ (ติ.) อยูภายใน, นับเขาใน, ตั้งอยูใน, หยั่งลงใน วิ. อนฺโต โอคาธตีติ อนฺโตคธํโอคธํ (สิ่งใดตั้งอยูในภายใน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺโตคธ, โอคธํ), [อนฺโต + อว + คาธ ธาตุ ปติายํ ในความตั้งอยู + อ ปจจัย, แปลง โอ เปน อว, ลบสระหนา, รัสสะ อา เปน อ]
๑๑๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนฺโตชาต (ปุ.) ผูเกิดภายใน, ลูกทาสที่เกิดใน ทองนางทาสีในเรือน วิ. อนฺโตเคเห ฆรทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ ชาโต อนฺโตชาโต. อนฺโตชาโต นาม ชาติทาโส ฆรทาสิยา ปุตฺโต (บุตรที่เกิดภายใน เรือน คือเกิดในทองของทาสีในเรือน ชื่อวา อนฺโตชาต, ที่ชื่อวา เกิดภายใน ไดแก ผูเปนทาส โดยชาติกำเนิด เปนบุตรของนางทาสีในเรือน), นัยเดียวกันเชน อนฺโตปูติ วิ. อนฺโต ปูติภูโต อนฺโตปูติ (ขางในเนา ชื่อวา เนาใน) อนฺโตนคร (อพฺ.) ภายในเมือง, ในพระนคร วิ. นครสฺส อนฺโต อนฺโตนครํ (ภายในแหงเมือง ชื่อวา อนฺโตนคร), อนฺโตปาสาทํ, อนฺโตวสฺสํ เปนตนก็นัยนี้ อนฺทุ (อิตฺ.) ๑. โซ, ตรวน, เครื่องจองจำ วิ. สตฺตา อนฺทนฺติ พนฺธนฺติ อเนน เอตาย วาติ อนฺทุ สงฺขลิกา (สัตวทั้งหลาย ติดขัดดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺทุ คือตรวน), [อทิ/อนฺท ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อุ ปจจัย ดวย โมคฺ. ๗/๒ วา ภรมรจรตรอรครหนตนมน เปนตน ๒. เครื่องจองจำ, เครื่องเสวยทุกข, เครื่องคุมไว วิ. อทติ ภกฺขติ อนุภวติ ทุกฺขํ เอเตน วา รกฺขติ วา อเนนาติ อนฺทุ (นักโทษเสวยทุกขเพราะ สิ่งนั้น หรือเขาคุมนักโทษไวดวยสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺทุ), [อท ธาตุ ภกฺขรกฺขเณ ในความกินและความรักษา + อุ ปจจัย, นิคหิต อาคม], บัณฑิตพึงกำหนด อนฺทุ ศัพท วาเปน อิตถีลิงค เพราะปรากฏตัวอยางวา โส โอริมตีเร ทฬฺหาย อนฺทุยา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนพนฺโธ (นีติ.ปทมาลา. ฉบับแปล หนา ๒๓๗) (เขาถูกใชเชือกมัดแนนไพลหลังอยางแนนที่ริม ฝงนี้) ๓. เบญจกามคุณ, เปนเหมือนตรวน วิ. อปจ อนฺทนเน พนฺธนเน อนฺทุ วิยาติ อนฺทุ, ปฺจ กามคุณา (อนึ่ง กามคุณ ๕ ชื่อวา อนฺทุ เพราะเปนเหมือนตรวน เพราะอรรถวา ผูกมัดไว), ณ ปจจัย แทน อุปมา อนฺทุก (ปุ.) เครื่องผูก, โซผูกเทาชาง วิ. อนฺทติ อทติ วา พนฺธติ อเนนาติ อนฺทุโก นิคโฬ (เขาผูก หรือมัดสัตวไวดวยเครื่องผูกใด เหตุนั้น เครื่อง ผูกนั้น ชื่อวา อนฺทุก คือเชือกผูกเทาชาง), [อทิ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ณฺวุ ปจจัย แปลง เปน อก, นิคหิตอาคม, แปลง อ เปน อุ] อนฺธ (ติ.) ๑.บอด, มืด, ไมมีปญญา, เปนเหตุ เปนอยู วิ. อนติ ชีวติ เอเตนาติ อนฺโธ (สัตวยอม มีชีวิตอยู ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺธ), [อน ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + ธ ปจจัย โมค.๗/๙๘ วา ขนานทมรมา โธ] ๒. คนพาล, สักวาหายใจอยูไปวันๆ วิ. อมตีติ อนฺโธ (ผูใด ยอมมีชีวิตอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺธ), [อม ธาตุ ปาณเน ในความหายใจ + อ ปจจัย, แปลง ม กับ อ เปน อนฺธ] วิ. อนติ ชีวตีติ อนฺโธ (ผูใด ยอมเปนอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺธ), [อน ธาตุ ปาณเน ในความหายใจ + ธ ปจจัย] ๓. บอด, ตาเสีย วิ. จกฺขุนา อมติ รุชฺชตีติ อนฺโธ อนฺธโก (ผูใดยอมลำบากทางตา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺธ ไดแก คนตาบอด), [อม ธาตุ โรเค ในความ เบียดเบียน + แปลง อม เปน อนฺธ รูป.๖๗๔ วา ขาทามคมานํ ขนฺธนฺธคนฺธา และ + ก ปจจัย ลบ ก อนุพันธ ๔. มืด, มองไมเห็น วิ. อนฺธตีติ อนฺโธ (ภาวะใดทำลายสิ่งที่เคยมองเห็น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนฺธ), [อนฺธ ธาตุ ทิุปสํหาเร ในความทำลายสิ่งที่ตามองเห็น + อ ปจจัย] อนฺธก (ติ.) คนตาบอด, ชนชาวรัฐชื่ออันธกะ วิ. อนฺธตีติ อนฺธโก อนฺธกริโก (ผูใดยอมมอง ไมเห็น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺธก ไดแก ชนชาว
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑๗ รัฐชื่ออันธกะ), [อนฺธ ธาตุ + ณฺวุ ปจจัย], มหึสกมณฺฑลํ นาม อนฺธกรํ, ยกฺขปุรรนฺติ วุจฺจติ. อนฺธกอกถา นาม ทกฺขิณาปเถ อนฺธกภาสาย [เตลคูภาสาย] ลิขิตา อกถา. อนฺทกรํ อนฺธรรนฺติป ปาา (แควนอันธกะ เมืองมืด ซึ่งเรียกกันวา เมืองยักข ชื่อวา มหิงสก มณฑล), อรรถกถาที่เขียนดวยภาษาชาวอันธกะ [เตลคูภาษา] ในทักขิณาบถ ชื่อวา อันธกอรรถ กถา), ปาฐะวา อนฺทกรํ อนฺธรรํ ก็มี ดู ศาสนวงศ, หนา ๑๕, อนฺธการ (ปุ.) ๑. ความมืด, กาลกระทำซึ่งมืด, หมอก วิ. อนฺธํ หตํ ทิิสตฺติกํ โลกํ กโรตีติ อนฺธกาโร ติมิสํ, อนฺธการํ วา, อนฺธมตํ ลพฺภติ (กาลใดยอมกระทำซึ่งชาวโลกใหเปนผูมืด ถูกทำลาย ไมสามารถมองเห็น เหตุนั้น กาลนั้น ชื่อวา อนฺธการ คือ หมอก หรือความมืด หมายถึงความมืดมาก), [อนฺธ + กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และ พฤทธิ์ อ เปน อา] ๒. โมหะ, อวิชฺชา วิ. อนฺธํ ตมํ กโรตีติ อนฺธกาโร, อวิชฺชาสงฺขาตโมโห (ธรรมชาติใดยอมกระทำความมืดบอด เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อนฺธการ ไดแก โมหะ กลาวคืออวิชชา),วิ.อนฺธํปฺาจกฺขอุนฺธํกโรตีติ อนฺธกาโร, โมโห (ธรรมชาติใดยอมกระทำความ มืดบอด คือความมืดแหงดวงตาคือปญญา เหตุ นั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อนฺธการ คือโมหะ) อนฺธกิย (ติ.) ผูประกอบในที่มืด วิ. อนฺเธ นิยุตฺโต อนฺธกิโย (ผูประกอบในที่มืด ชื่อวา อนฺธกิย), [กิย ปจจัย แทน นิยุตฺต], อนฺธิโก ก็นัยนี้ เหมือนกัน วิ. อนฺเธน นิยุตฺโต อนฺธิโก (ผู ประกอบแลวดวยความมืด ชื่อวา อนฺธิโก), แต บทวา อนฺธิตา เปนตน อิต ปจจัย อนฺธช (ติ.) ผูเกิดในที่มืด วิ. อนฺเธ ชาโต อนฺธโช (ผูเกิดในที่มืด ชื่อวา อนฺธช ผูเกิดในที่มืด), [อนฺธ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย, ลบ น], ปาฐะวา อนฺธชาโต ก็มีบาง นัยนี้เปน สัตตมี ตัปปุริสสมาส อนฺน (นปุ.) ของกิน, ของควรกิน, ภัตร, ของเคี้ยว, ขาว วิ. อทิตพฺพนฺติ อนฺนํ กุรํ (สิ่งใดอันเขาพึง กิน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺน ไดแก ภัตร), [อท ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ต, แปลงเปน อนฺน, ลบ ท] อนฺนท (ปุ.) ผูใหขาว, บุคคลผูใหอาหาร วิ. อนฺนํ เทตีติ อนฺนโท (ผูใดยอมใหซึ่งขาว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺนท), [อนฺน + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย], นัยเดียวกันเชน อนฺนทโท, เทวภาวะ (ซอน) ทา และรัสสะ อา เปน อ อนฺนทายก (ติ.) ผูใหของกิน, ผูถวายอาหาร วิ. อนฺนํ ททาตีติ อนฺนทายโก (ผูใดยอมใหซึ่ง ของกิน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนินทายก), [อนฺน + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ณฺวุ ปจจัย แปลง เปน อก] อธาตุสฺส กาสฺยาทิโต เฆสฺสีติ ปโยค สิทฺธิปาสุตฺเตน เฆ ปเร อสฺส อิอาเทโส อนฺน ทายิกา. อนฺนทายกํ กุลํ, อาสฺสาณาปมฺหิ ยุกฺอิติ ณาปโตฺตฺร ยุกฺ. (เพราะลง ฆ คือ อา ในอิตถี ลิงคอยูหลัง อาเทศ อ เปน อิ ดวยสูตร ปโยคสิทฺธิปาสุตฺต วา อธาตุสฺส กาสฺยาทิโต เฆสฺสิ, สำเร็จรูปเปน อนฺนทายิกา ในนปุงสกลิงค เชน อนฺนทายกํ กุลํ (ลง ยุกฺ คือ ย อาคม ในที่เวน ณาป ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ.๕/๙๑ วา อาสฺสาณาปมฺหิ ยุกฺ ความวา ในที่ที่มีปจจัยอันมี ณ อนุพันธ ที่นอกจาก ณาป ปจจัย ลง ย อาคม ในที่สุดของธาตุที่มี อา เปนที่สุด), แตมติแหง
๑๑๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปทรูปสิทธิวา อาเทศที่สุดธาตุที่มี อา เปนที่สุด เปน อาย ดวยสูตร รูป.๕๖๔ วา อาการนฺตานมาโย ลง อา ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๒๓๗ รูป. ๑๗๖ วา อิตฺถิยมโต อาปจฺจโย, แปลง อ เปน อิ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน] อนฺนทายี (ปุ.) ผูใหขาวเปนปกติ วิ. อนฺนํ ททาติ สีเลนาติ อนฺนทายี (ผูใดยอมใหขาว โดย ปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺนทายี), [อนฺน + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ณี ปจจัย โมค.๕/๕๓ วา สีลาภิกฺขฺาวสฺสเกสุ + ในเพราะอำนาจ ธาตุมี อา เปนที่สุด ลง ย อาคม ดวยสูตร โมค. ๕/๙๑ วา อาทนฺเตสุ อาสฺสาณาปมฺหิ ยุก], บท วา อนฺนทายโก ก็นัยเดียวกัน อาเทศ อา เปน อาย กจฺ.๕๙๓ รูป.๕๖๔ วา อาการนฺตานมาโย ณฺวุ ปจจัย อาเทศเปน อก, ในอิตถีลิงคเปน อนฺนทายิกา, แปลง อ เปน อิ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วา เตสุ วุทฺธิ เปนตน อนฺนา (อิตฺ.) มารดา, ผูพรรณนาความดีงาม ของบุตร วิ. ปุตฺตานํ สุนฺทรภาวํ อนติ สาเวตีติ อนฺนา มาตา (หญิงใดพรรณนาความดีงามของ บุตรทั้งหลาย เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อวา อนฺนา คือ มารดา), [อน ธาตุ สาวเน ในการสาธยาย + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค) รูป.๑๘๑ อนฺวค (ติ.) ผูติดตาม, ผูไปตาม วิ. อนุคจฺฉตีติ อนฺวโค (ผูใดยอมตามไป เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺวค), [อนุ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, แปลง อุ เปน ว, ลบที่สุดธาตุ] อนฺวจารี (ติ.) ผูประพฤติตาม, ผูเที่ยวไปตาม วิ. อนุจรติ สีเลนาติ อนฺวจารี, อนุจารี วา (ผูใด ยอมประพฤติตาม โดยปกติ เหตนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺวจารี หรือ อนุจารี), [อนุ + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณี ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ พฤทธิ์ อ เปน อา, แปลง อุ เปน ว] อนฺวตฺถ (นปุ.) อันวัตถนาม, คลอยตาม ความหมาย, สอดคลองกับความหมายของคำ, ไปตามเหตุผล, ชื่อที่มีความหมายตรงตาม สภาพที่เปนจริง วิ. อตฺถํ วจนตฺถํ การณํ วา อนุคตํ อนฺวตฺถํ (ชื่อที่ไปตามความหมายแหงคำ หรือสมเหตุสมผล ชื่อวา อนฺวตฺถ), การณสาเปกฺขํ พุทฺโธตฺยาทิ นามํ (คือชื่อที่มุงความเปน เหตุเปนผล เชน พระนามวา “พุทฺโธ” เปนตน) (ปทวิจารทีปนี หนา ๒๔๙) นัยนี้เปน อมาทิ- ปรตัปปุริสสมาส อนฺวทิ (ติ.) สิ่งที่ติดตามไป วิ. อนุอนฺทติ อนุพนฺธตีติ อนฺวทิ (สิ่งใดยอมติดตามไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺวทิ), [อนุ + อทิ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อิ ปจจัย, แปลง อุ เปน ว) นีติ.ธาตุมาลา. ฉบับแปล หนา ๒๓๖ วา อวิชฺชา ภิกฺขเว ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา อนฺวเทว อหิริกนฺติ ปาิ เอตฺถ อนุอนฺทติ อนุพนฺธตีติ อนฺวทิ. อนฺวทิ เอว อนฺวเทวาติ กิตวิคฺคโห สนฺธิวิคฺคโห จ เวทิตพฺโพ. ตถา หิ อกถายํ อนฺวเทวาติ อนุพนฺธมานเมวาติ วุตฺตํ, ตํ อวิชฺชมหิริกํ อนุพนฺธมานเมว โหตีติ อตฺโถติ (พระบาลีวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อวิชชา เปนหัวหนาในการยังอกุศลธรรมใหถึง พรอม ในคําวา อนฺวเทว นี้ นักศึกษา พึงทราบ กิตวิเคราะหและสนธิวิเคราะหดังนี้วา ชื่อวา อนฺวทิ เพราะเปนผูติดตาม, เปนเพียงผูติดตาม เทานั้น เรียกวา อนฺว ดังที่ในอรรถกถาพระอรรถกถาจารยทานไดอธิบายบทวา อนฺวเทว วา ติดตามอยูนั่นเทียว หมายความวา ความไม ละอายเปนเพียงสิ่งที่ติดตามอวิชชาเทานั้น)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๑๙ อนฺวทฺธมาส (อพฺ.) ทุกกึ่งเดือน, ทุกครึ่งเดือน วิ. อทฺธมาสํ อทฺธมาสํ อนุ อนฺวทฺธมาสํ (ทุกกึ่ง เดือน ทุกกึ่งเดือน ชื่อวา อนฺวทฺธมาส) นี้เปนมติ ของนักไวยากรณ, แตมติพระอรรถกถาจารย พึงทราบอยางนี้ วิ. อนุ อนุ อทฺธมาสํ อนฺวทฺธมาสํ. อทฺธมาเส อทฺธมาเสติ อตฺโถ. (ทุกๆ กึ่ง เดือน ชื่อวา อนฺวทฺธมาส หมายความวา ในกึ่ง เดือน ในกึ่งเดือน), คำวา อนฺวทฺธมาส ทานกลาว ตามนัยสันสกฤต แตนัยบาลีมีรูปเปน อนฺวฑฺฒมาส เปนอัพยยีภาวสมาส, แล อนุ อุปสัคเปน วิจฉา แมในคำวา อนุฆร ก็นัยนี้ วิ. อนุพนฺโธ อฑฺฒมาโส อนฺวฑฺฒมาโส (กึ่งเดือนที่ติดตามมา ประจำ ชื่อวา อนฺวฑฺฒมาส) นัยนี้เปนกัมมธารย สมาส อนฺวย (ปุ.ติ.) ๑. การเปนไปตาม, ความเปนไป ตามลำดับ, การสืบสาย, เชื้อสาย, วงศ, สิ่งที่ อำนวยใหตระกูลเปนตนสืบไป วิ. อนฺวยติ อเนนาติ อนฺวโย กุลวํโส (ตระกูลยอมเปนไป ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺวย คือ วงศ ตระกูล), [อนุ + อย ธาตุ ปวตฺตเน ในความ เปนไป + อ ปจจัย] ๒. สิ่งที่เปนไปตามลำดับ วิ. อนุปุพฺเพน เอติ ปวตฺตีติ อนฺวโย (สิ่งใดเปนไป ตามลำดับ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนฺวย), [อนุ + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย] ๓. สิ่งที่ ไปโดยอนุโลมและปฏิโลม วิ. อนุรูปโต อนุโลมโต วา อยติ ปวตฺตตีติ อนฺวยํ, อนุมานํ (อีกนัยหนึ่ง สิ่งใดยอมเปนไปโดยอนุโลมและปฏิโลม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺวย ไดแกอนุมาน), [อนุ + อย ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน ว] (วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา, ๓/๕๓๒) ๓. คำพูดที่คลอยตามคำหนา วิ. ปกตฺยตฺถสฺส ปุพฺพวจนสฺส อนุรูเปน อยติ ปวตฺตตีติ อนฺวโย, อนฺวยวากฺยํ (คำใดยอมไปคือเปนไปคลอยตาม คำกอนซึ่งมีความหมายปกติ เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อนฺวย ไดแก คำพูดที่คลอยตาม), ๔. การรู คลอยตาม วิ. อนฺเวตีติ อนฺวโย, ชานาติ, อนุพุชฺฌตีติ อตฺโถ. อนฺเวติ ยถาคหิตสงฺเกตสฺส อนุคมนวเสน เอติ ชานาตีติ อนฺวโย (ภาวะใด ยอมรูคลอยตาม อธิบายวารูตาม เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อนฺวย. ภาวะใดยอมรูคลอยตาม คือรู ดวยอำนาจการรูสอดคลองตามที่ไดกำหนด หมายไว เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนฺวย), ๕. เหตุ วิ. อนฺวยตีติ อนฺวโย, เหตุ (สิ่งใดอันผล ยอมตามไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺวย ไดแก เหตุ) อนฺวาจย (ปุ.) ๑. การเชื่อมขอความทอนหลัง, อรรถชนดิหนึ่งของ จ ศพัท, รวบรวมภายหลัง, อรรถอันกำหนดรูในภายหลัง วิ. อนุ ปจฺฉา อาจียเต โพชฺฌเต ยตฺถาติ อนฺวาจโย, วากฺยสมุจฺจโย (อรรถอันทานกำหนดรูใน ภายหลัง ในที่ใด เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อนฺวาจย ไดแก จ ศัพทที่ลงในอรรถรวบรวม), [อนุ + อา + จิ ธาตุ อวโพธเน ในความรู + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน ว, แปลง อิ เปน อย] (รูป.๓๕๗, ปทรูป สิทธิมัญชรี สมาสกัณฑ หนา ๓๕๙), ในสัททนีติ สุตตมาลา วา จ ศัพทที่ลงในอันวาจยสมุจจยะ พึงทราบวาในเพราะบทที่มีกิริยาตางกันเชน ภิกฺขฺจ เทหิ, ควฺจาเนหีติ วา ทานฺจ เทหิ, สีลฺจ รกฺขาหิ ๒. ปธานโต อฺโ อนุ ปจฺฉา อาจียเต โพธียเต ยตฺราติ อนฺวาจโย (บทอื่นจาก บทประธาน อันเขารูคลอยตามได ในศัพทใด เหตุนั้น ศัพทนั้น ชื่อวา อนฺวาจย), ๓. วิ. อนุ ปจฺฉา ปธานานุโรเธน จยนํ อนฺวาจโย (การ ประกอบคำขึ้นภายหลังคือคลอยตามประธาน
๑๒๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ชื่อวา อนฺวาจย), [อนุ + อา + จิ ธาตุ จเย ใน ความกอ + อ ปจจัย], วิ. อนุกูลภาเวน อาจยนํ อนฺวาจโย (การประกอบคำโดยคลอยตาม ชื่อ วา อนฺวาจย) อนฺวาสตฺต (ติ.) ยึด, ติด, ของเกี่ยว, อันเขา เบียดเบียน, ถูกทำใหวุนวาย, ถูกติดตาม, ถูกแวดลอม วิ. อนุพทฺโธ อุปทฺทุโต วาติ อนฺวาสตฺโต (ผูใดอันเขาติดตาม หรืออันเขา เบียดเบียน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺวาสตฺโต), อนุคโตติ อนฺวาสตฺโต. สมฺปริวาริโตติอนฺวาสตฺโต (อธิบายวา ผูใดอันเขาติดตาม ผูนั้น ชื่อวา อนฺวาสตฺต, ผูใดอันเขาแวดลอมแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺวาสตฺต), [อนุ + อา + สฺช ธาตุ สงฺเค ในความเกี่ยวของ + ต ปจจัย, ลบ ฺช, ซอน ตฺ, แปลง อุ เปน ว] อนฺวาหต (ติ.) ถูกเบียดเบียนบอยๆ, ถูกรบกวน เนืองๆ วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ อาหโต อนฺวาหโต (ผูถูก กระทบกระทั่งเนืองๆ บอยๆ ชื่อวา อนฺวาหต), [อนุ + อา + หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ต ปจจัย, แปลง อุ เปน ว, ลบ น] (พุทฺธคุณ คาถาวลี) อนฺวาธิก (นปุ.) ๑. ผาดาม, ผาเพลาะ, ผาที่ เย็บติดภายหลัง วิ. อนุอาธาเรตีติ อนฺวาธิ, อนฺวาธิกํ, อนฺวาธิตํ (ผาใดเย็บซอนภายหลัง เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา อนฺวาธิ, อนฺวาธิก, อนฺวาธิต), [อนุ + อา + ธา ธาตุ ธารเณ ในความ ทรงไว + อิ ปจจัย, ก สกัตถ, แปลง อุ เปน ว], ตตฺถ อนฺวาธิ นาม อนุวาตํ วิย สํหริตฺวา จีวรสฺส อุปริ สงฺฆาฏิอากาเรน อาโรเปตพฺพํ (ชื่อวา ผา ดาม ไดแก ผาที่นำมาปะไวบนจีวรดายอาการ คลายสังฆาฏิเหมือนอนุวาต) ๒. ผาที่เย็บติด ภายหลัง วิ. อนุ ปจฺฉา อาคนฺตุกภาเวน ธียติ ปยตีติ อนฺวาธิกํ (ผาใดอันเขาวางหรือเย็บซอน ติดโดยความเปนผาที่เย็บติดเขามาในภายหลัง เหตุนั้น ผานั้นชื่อวา อนฺวาธิก), [อนุ + อา + ธา/ ธิ ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ก ปจจัย, แปลง อา เปน อิ] วินย.โยชนา. ๒/๓๔๐, ในปาจติยาทิ โยชนา ปรากฏปาฐะเปนอักษร ท ลำดับที่ ๓, ฉะนั้นในคำนั้นทานจึงกลาววิเคราะหวา อนุ ปจฺฉา อาคนฺตุกภาเวน ทียตีติ อนฺวาทิกํ (ผาใด เขาใหภายหลังโดยความเปนผาที่จรมาทีหลัง เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา อนฺวาทิก), [อนุ + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให] อนฺวาย (กิ.กิต., อพฺ.) อาศัยแลว, เริ่มแลว, ปรารภแลว, กลับแลว วิ. อาคมฺม อารภิตฺวา นิวตฺติตฺวา อนฺวาย (อาศัยแลว เริ่มแลว กลับ แลว ชื่อวา อนฺวาย), เชน อนฺวาย อาตปฺป อนฺวาย ปธานํ อนฺวาย อนุโยคํ, [อนุ + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อุ เปน ว, แปลง อิ เปน อา กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, แปลง ตฺวา เปน ย] อนฺวายิก (ติ.) เปนไปตาม, ไปตาม วิ. อเนฺวติ อนุคจฺฉตีติ อนฺวายิกํ (สิ่งใดยอมไปตาม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺวายิก), [อนุ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ณฺวุ ปจจัย, อาเทศ อิ เปน อาย, อาเทศ อุ เปน ว, วิการ อ เปน อิ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน] ในขอนี้มี ตัวอยางดังนี้วา อนฺวายิกาติ สมฺมาทิฐิยา อนุคามิโน (คำวา อนฺวายิกา หมายความวา เปนไปตามสมัมาทิฏฐิ) อนฺวิต (ติ.) ไปตาม, ติดตามไป วิ.อนุคโต อนุพนฺธิโต อนฺวิโต (สิ่งที่ไปตาม คืออันเขา ติดตามไป ชื่อวา อนฺวิต), [อนุ + อิ ธาตุ คติยํ ใน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๒๑ ความไป + ต ปจจัย, แปลง อุ เปน ว] ปฺจ.มูลอนุฏีกา.๗๓ อนฺเวจฺจ (กิ.กิตฺ.,อพฺ.) ตามไปแลว วิ. อนฺเวตฺวาติ อนฺเวจฺจ (อนฺเวจฺจ แปลวา ตามไปแลว), [อนุ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน จฺจ นิรุตฺติ.๗๕๘ วา อิโต จฺโจ อนฺเวสิต (ติ.) แสวงหาแลว, สืบคน, คนหา วิ. อนุ เอสิยิตฺถาติ อนฺเวสิตํ (สิ่งใดอันเขาแสดง หาแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนฺเวสิต), [อนุ + เอส ธาตุ คเวสเน ในความแสวงหา + ต ปจจัย + อิ อาคม, แปลง อุ เปน ว], นัยเดียวกันเชน อนฺเวสิตพฺโพ (อันเขาพึงแสวงหา) ลง ตพฺพ ปจจัย, อนฺเวสิตฺวา (แสวงหาแลว) ตฺวา ปจจัย ในกัตตุวาจก อนฺเวสนา (อิตฺ.) การแสวงหา, การคนหา วิ. อนุ เอสนํ อนฺเวสนา. อนฺเวสียเต วา อนฺเวสนา อุปปริกฺขา (การแสวงหาทั่วถึง ชื่อวา อนฺเวสนา ไดแก การคนหา), [อนุ + เอส ธาตุ คเวสเน ในความแสวงหา + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค, ศัพทนี้เปน อปุเม ไมใช ปุงลิงค] อนากุล (ติ.) ๑. ผูไมมีความอากูล, ไมคั่งคาง, ปลอดโปรง วิ. นตฺถิ อากุลภาโว เอตสฺสาติ อนากุโล, อากุลภาววิรหิโต (ความอากูลคั่งคาง ของบุคคลนั้นไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อนากุล คือบุคคลปลอดจากความอากูล), วิ. น อากุโล วา อนากุโล, อากุลปฺปฏิปกฺโข (อีกนัยหนึ่ง สิ่งนี้ไมใชอากูล ชื่อวา อนากุล), วิ. ตทฺโ วา อนากุโล (สิ่งอื่นจากอากูลนั้น ชื่อวา อนากุล), ๒. ไมมีความผิด, การวินิจฉัย วินัยที่ไมผิด (ปุ.) วิ. นตฺถิ เอตฺถ สทฺทโต อตฺถโต วินิจฺฉยโต วา อากุลํ ปุพฺพาปรวิโรโธ, มิสฺสตา วาติ อนากุโล, วินยวินิจฺฉโย (อากูล คือความไม ผิดพลาดในเบื้องตนและเบื้องปลาย โดยศัพท โดยอรรถ หรือโดยการวินิจฉัย ไมมีในการนี้ หรือความปะปนกัน ไมมีในการนี้ เหตุนั้น การนี้ จึงชื่อวา อนากุล ไดแก การวินิจฉัยวินัย) ๓. ผู ไมอากูล วิ. อากุลนฺตีติ อากุลา. น อากุลา อนากุลา (ชนเหลาใดคั่งคางปลอยทิ้งไว เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อากูล, ผูคั่งคางปลอยทิ้งไว หามิได ชื่อวา อนากุลา), แปลง น เปน อน, ทาน กลาวการจำแนกธาตุปจจัยไวดวยคำวา อากุล ขางหนาแลวบัณฑิตพึงคนดูที่คำนั้นเถิด อนาคต (ปุ.,ติ.) อนาคต, กาลยังมาไมถึง, ผูยัง ไมมา วิ. น อาคจฺฉตีติ อนาคโต. น อาคโต วา อนาคโต (กาลใดยังไมมา เหตุนั้น กาลนั้นชื่อวา อนาคต, อีกนัยหนึ่ง กาลที่มาแลวหามิได ชื่อวา อนาคต), [น + อา + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความ ไป + ต ปจจัย, ลบ ม] อนาคามี (ปุ.) พระอนาคามี, ผูไมกลับมา วิ. ปฏิสนฺธิวเสน อิมํ กามธาตุํ น อาคจฺฉตีติ อนาคามี (ผูใดไมมาสูกามธาตุนี้ ดวยอำนาจ ปฏิสนธิ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนาคมี), [น + อา + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณี ปจจัย, แปลง น เปน อน], ในขอความนี้ ดวยคำวา ปฏิสนฺธิวเสน ดวยอำนาจปฏิสนธินี้ ทานปฏิเสธ การไมกลับยังกามโลก จากพรหมโลก ดวย อำนาจปวัตติกาล (ชาติปจจุบันหลังเกิดเปน พรหมแลว) เพราะเหตุไร เพราะทานยังอยากจะ มาเฝาพระพุทธเจา เปนตน ในปวัตติกาล, พระ อริยบุคคลผูดำรงในผลที่ ๓ มีปกติไมมาสูกาม คุณ ดวยอำนาจปฏิสนธิ เหตุนั้น พระอริยบุคคล นั้นชื่อวา อนาคามี), [น + อา + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในการไป + ณี ปจจัย ดวยสูตร รูป.๖๔๗ วา
๑๒๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ภวิสฺสติ คมาทีหิ ณีฆิณฺ ลบ ณ อนุพันธ และ พฤทธิ์ อ เปน อา, สกทาคามี ก็นัยเดียวกัน ใน อิตถีลิงคมีรูปเปน สกทาคามินี อนาคาร (นปุ.ปุ.) ไมมีเรือน วิ. นตฺถิ อคารํ เอตสฺสาติ อนาคาโร อนาคารํ, อนคาโร วา (เรือนของภาวะนั้น ไมมี เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนาคาโร อนาคารํ อนคาโร), แปลง น เปน อน, ปาฐะวา อนคาริโก ก็มีบาง, วิ. อคาริกโต อฺโ อนคาริโก (ผูอื่นจากผูครองเรือน ชื่อวา อนคาริก), น ศัพท อฺตฺโถ ใชในความหมายวาอื่น อนาจาร (ปุ.) อนาจาร, การประพฤติไมเหมาะ, -ไมควร ๑. วิ. อยุตฺโต อาจาโร อนาจาโร (การ ประพฤติ ไมควรแลว ชื่อวา อนาจาร), เชนคำวา อนาจารนฺติ อจริตพฺพํ กายวจีทฺวารวีติกฺกมนฺติ (บทวา อนาจารํ หมายถึง การไมควรประพฤติ ไดแกการลวงละเมิดทางกายทวารและวจี ทวาร), [น + อา + จร ธาตุ จรเณ ในความ ประพฤติ + ณ ปจจัย] ๒. วิ. น อาจริตพฺโพติ อนาจาโร (การใดอันเขาไมพึงประพฤติ เหตุนั้น การนั้นชื่อวา อนาจาร), [น + อา + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณ ปจจัย ในกัมมสาธนะ และพฤทธิ์ อ เปน อา, ในเพราะอำนาจ สระแปลง น เปน อนฺ], มีคำอธิบายวา สพฺพมฺป ทุสฺสีลฺยํ อนาจาโร. ปุคฺคเล อนาจารี, ตทาจารวิรหิโตติ อตฺโถ, กตฺตริ ณี. น อาจรตีติ อนาจารี (การทุศีลแมทั้งหมด ชื่อวา อนาจาร, ในบุคคล ไดรูปเปน อนาจารี หมายความวา ผูเวนจากอา จาระนั้น, ลง ณี ปจจัยกัตตุสาธนะ, วิ. ผูไม ประพฤติ ชื่อวา อนาจารี) อนาถปิณฺฑิก (ปุ.) อนาถปณฑิกเศรษฐี, เศรษฐีผูใหกอนขาวแกคนอนาถา วิ. นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปณฺฑํ ททาตีติ อนาถปณฺฑิโก (เศรษฐี ใด ยอมใหกอนขาว แกคนอนาถา เปนนิตย), [ณิก ปจจัย แทน ททาติ] ๒. เศรษฐีเปนที่ดำรง ไวซึ่งกอนขาวเพื่อคนอนาถา วิ. สพฺพกาลํ อุาปโต อนาถานํ ปณฺโฑ เอตฺถ อตฺถีติ อนาถปณฺฑิโก (กอนขาวเพื่อคนอนาถา เขา จัดตั้งไวตลอดเวลา มีอยู ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อนาถปณฺฑิก), [อิก ปจจัย ในตทัสสัตถิ ตัทธิต], นัยนี้เปนวิเคราะหตัทธิต มีสมาสเปน ทอง หรือเปนวิเคราะหสมาสมีตัทธิตเปนที่สุด อนาทร (ติ.) ๑. ผูไมมีที่พึง, ที่ไมมีที่พึง วิ. อาทรณํ อาทโร, นตฺถิ อาทโร เอตสฺมินฺติ อนาทโร (ความเอื้อเฟอ ชื่อวา อาทร, ความ เอื้อเฟอไมมีในบุคคลนั่น เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อนาทร), [น + อา + ทร ธาตุ สามีจิยํ ใน ความชอบ + อ ปจจัย], อนาโถ ก็นัยนี้ วิ. นตฺถิ นาโถ เอตสฺสาติ อนาโถ (ที่ถึงของคนนั่นมีอยู เหตุนั้น คนนั้นชื่อวา อนาถ), ๒. ไมใชความ เอื้อเฟอ วิ. น อาทาโร อนาทโร (ไมใชความ เอื้อเฟอ ชื่อวา อนาทร), บทนี้เปน นปุพพบทกัมมธารสมาส, อนาทริยํก็นัยนี้ชื่อวา อนาทรยิ คือการแกลงตองอาบัติ อนาทา (กิ.กิต.) ไมถือเอาแลว วิ. อนาทาย อคฺคเหตฺวา อนาทา (ไมถือเอาแลว ไมยึดเอา แลว ชื่อวา อนาทา), เชน อนาทา เจ ภิกฺขุ เทฺว ภาเค วิ.มหา.๒/๘๒/๖๘ (ถาภิกษุไมถือเอาขน เจียมดำลวน ๒ สวน), [น + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ตฺวา ปจจัย, แปลง น เปน อน, แปลง ตฺวา เปน ย, ลบ ย] อนาทิย (กิ.กิตฺ.,ติ.) ๑. ไมถือเอาแลว, ไม เอื้อเฟอ (กิ.กิตฺ.) วิ. อนาทาย อนาทิย (ไมถือเอา แลว ชื่อวา อนาทิย), [น + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ตฺวา ปจจัย, แปลง น เปน อน,
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๒๓ แปลง อา ที่ ทา เปน อิ, แปลง ตฺวา เปน ย, ปาฐะวา อนาทิยิตฺวา ก็มี ทา ธาตุ แปลง อา เปน อิ, บางแหงเปน อนาทยิตฺวา, เชนในขอวา สุคตวิทตฺถึ อนาทิยิตฺวา นวํ นิสีทนสนฺถตํ กตํ, สุคตวิทตฺถินฺติ เอตฺถ สุคตวิทตฺถิ นาม อิทานิ มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ติสฺโส วิทตฺถิโย, วฑฺฒกี- หตฺเถน ทิยฑฺโฒ หตฺโถ โหติ (ไมไดเอื้อเฟอคืบ พระสุคตโดยคอบสันถัตเกา กระทำนิสีทนสันถัต ใหม, ในคำวา สุคตวิทตฺถิ นี้ ที่ชื่อวา คืบพระ สุคต ไดแก ๓ คืบของบุรุษปานกลางในบัดนี้ เปนระยะศอกครึ่งโดยศอกชางไม), แมในคำวา อนาวิกตฺวา เปนตน ก็นัยนี้, ๒. ไมพึงถือ (ติ.) วิ. น อาทาตพฺโพติ อนาทิโย (ภาวะใดอันเขาไม พึงถือ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนาทิย), [น + อา + ทา ธาตุ ทานสทฺทหเนสุ ในความใหและ ความเชื่อ + ณฺย ปจจัย], อนาทิยนฺโต ก็นัยนี้ ลง อนฺต ปจจัยในปจจุบัน อนาทิยน (นปุ.) การไมถือเอา วิ. อนาทานํ อนาทิยนํ (การไมถือเอา ชื่อวา อนาทิยน), [น + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในการให + ยุ ปจจัย, เพราะฐานะแหงสมาส สระอยู อาเทศ อา แหง ทา ธาตุ เปน อิย ดวยสูตร โมคฺ. ๕/๑๓๒ วา ทาสฺสิยงฺ] อนาปุจฺฉา ๑. (กิ.กิต.) ไมบอกลาแลว, ไมบอก แลว วิ. อนาปุจฺฉิตฺวา อนาปุจฺฉา (ไมบอกลา แลว ชื่อวา อนาปุจฺฉา), เชนในขอวา สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา วิกาเล วิ.มหา.๒/๗๔๗/๔๙๕ (ไม อำลาภิกษุที่มีอยูแลวเขาไปสูบานในเวลาวิกาล), [น + อา + ปุจฺฉ ธาตุ ปฺหปฺปมาเณสุ ในการ ถามและการประมาณ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา ปจจัย เปน ย, ลบ ย ดวยมหาสูตรในนิรุตฺติ ทีปนี และ ทีฆะ อ เปน อา], ปาฐะวา อนาปุจฺฉํ ก็มี เชน อนาปุจฺฉํ วา คจฺเฉยฺย (ไมพึงอำลาไป) ลงนิคหิตอาคม, สํปุจฺฉ, สํปุจฺฉา ก็นัยเดียวกัน มีความวา น อปโลเกตฺวา อนาปุจฺฉา (ไมอำลา ชื่อวา อนาปุจฺฉา) เชน น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา เอกจฺจสฺส ปตฺโต ทาตพฺโพ วิ.มหา.๔/๘๑/๙๐ (สัทธิวิหาริกไมบอกพระอุปชฌาย ไมพึงใหบาตร แกภิกษุบางรู), ๒. การไมบอกลา, การไมอำลา (อิตฺ.) วิ. อาปุจฺฉนํ อาปุจฺฉา, น อาปุจฺฉา อนาปุจฺฉา (การอำลา ชื่อวา อาปุจฺฉา, การ อำลาหามิได ชื่อวา อนาปุจฺฉา), พึงเทียบการ จำแนกธาตุปจจัยดวยศพัทวาอาปุจฺฉา ขางหนา อนามฏฺ (ติ.) ไมพึงแตะตอง, ไมควรลูบคลำ วิ. อาขฺยาตวเสน น อามสิตพฺโพติ อนามโ (บทใดอันเขาไมไดระบุไว ดวยอำนาจอาขยาต เหตุนั้น บทนั้นชื่อวา อนาม), [น + อา + มส ธาตุ + ต ปจจัย, ลบ ส, แปลงเปน ] วิ. น อามสียิตฺถาติ อนามโ, อนามสิโต วา (สิ่งใด อันเขาไมแตะตองแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนาม, อนามสิต), [น + อา + มส ธาตุ อามสเน ในความลูบคลำ + ต ปจจัย, แปลง สฺต เปน , รูป.๖๒๖ วา สาทิสนฺต เปนตน] อนามนฺตจาร (ปุ.) เที่ยวไปไหนไมตองบอกลา วิ. อนามนฺเตตฺวา จรณํ อนามนฺตจาโร (การ เที่ยวไปไมตองบอกลา ชื่อวา อนามนฺตจาร), ยาว กถินํ น อุทฺธริยติ, ตาว อนามนฺเตตฺวา จรณํ กปฺปสฺสติ, จาริตฺตสิกฺขาปเท อนาปตฺติ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ (มีความวา กฐินอันสงฆยังไมรื้อเพียงใด, การเที่ยวไปไมบอกลา จักควรเพียงนั้น, คือจัก ไมเปนอาบัติเพราะจาริตตสิกขาบท), ลบ ตฺวา ปจจัย, แปลง เอ เปน อ, นัยเดียวกันเชน อสมาทานจาโร, ติจีวรํ อสมาทาย จรณํ, จีวรวิปฺปวาโส กปฺปสฺสตีติ อตฺโถ (อมาทานจาร
๑๒๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา หมายถึง การไมตองถือไตรจีวรเที่ยวไป ความวา อยูปราศจากจีวร ก็ควร), แปลง ย เปน น อนามย (นปุ.) ความไมสบาย, ความไมมีความ เจ็บไข วิ. นตฺถิ อามโย เอตสฺสาติ อนามยํ อาโรคยํ (ความเจ็บไข ไมมีแกภาวะนั่น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนามย-ความไมมีความเจ็บไข), นัยนี้เปนนปุพพบทกัมมธารยสมาส, แปลง น เปน อน ในอรรถกถาวินัย วินย.อ.๓/๒๖๖ วา อนามยาติ อโรคา (ที่ชื่อวา อนามยา แปลวา ไม มีโรค), ศัพทวา อนามยา ในที่นี้เปนอิตถีลงิค อนามาส (ติ.) ๑. ไมควรจับตอง, วัตถุอนามาส มีทองเปนตน วิ. อปรามสิตพฺพนฺติ อนามาสํ (วัตถุใดอันภิกษุไมควรจับตอง เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อวา อนามาส) ในทางวินัยมุงถึงวัตถุอนามาส มีทองเปนตน, [น + อา + มส ธาตุ อามสเน ใน ความจับตอง + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธและ พฤทธิ์, แปลง น เปน อน] วิ. อนามสิตพฺพาติ อนามาสา, อนามาสารหาติ อตฺโถ (แกวมุกดา เปนตน อันเขาไมควรจับตอง เหตุนั้น จึงชื่อวา อนามาสา หมายความวา ไมควรจับตอง) ๒. การไมถูกตองลูบคลำ (นปุ.) วิ. อามสิยเตติ อามาสํ, น อามาสํ อนามาสํ (อันเขาพึงถูกตอง ชื่อวา อามาส, ไมใชอันเขาพึงถูกตอง ชื่อวา อนามาส-การไมถูกตอง) อนามิกา (อิตฺ.) นิ้วนาง, นิ้วไมมีชื่อ วิ. นตฺถิ นามมสฺสาติ อนามิกา (ชื่อของนิ้วนั้น ไมมี เหตุนั้น นิ้วนั้น ชื่อวา อนามิกา), คำนี้เปนชื่อ ของนิ้วมือ, [อิก สกัตถ + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อนายาส (ติ.) ๑. ไมลำบาก, ไมคับแคนใจ วิ. น อายาโส อนายาโส อกิลมโถ (สิ่งนี้ไมใช ความลำบาก ชื่อวา อนายาส คือไมลำบาก), ๒. พระนิพพาน (นปุ.) วิ. นตฺถิ อายาโส เอตฺถาติ อนายาสํ นิพฺพานํ (ความลำบาก ไมมีในภาวะ นั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนายส ไดแก พระ นิพพาน), แมในขอวา อนาวรณํ อนายูหนํ เปนตน ก็นัยนี้, คำนี้ทานอธิบายดวยคำวา อายาส บัณฑิตพึงคนดูเถิดที่ศัพทนั้นเถิด อนารต (อพฺ.) แนนอน, เที่ยง, สิ่งที่ไมเวน วิ. น อารมตีติ อนารตํ ธุวํ (สิ่งใดไมวางเวน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนารต คือแนนอน), [น + อา + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ต ปจจัย, ลบ ม], อนภิรต เปนตนก็นัยนี้ บทนี้ น + อภิ บทหนา อนารมฺภ (ติ.) ๑. ที่ไมมีอันตราย, ไมยุงยาก, ไมมีสิ่งรบกวน วิ. ภุสํ ทรนํ อารมฺโภ, อุปทฺทโว (ความกระวนกระวายมาก ชื่อวา อารมฺภ คือ อุปททวะ), วิ. อารมฺภนฺติ หึสนฺตีติ อารมฺภา (ภาวะเหลาใดรบกวน คือเบียดเบียน เหตุนั้น ภาวะเหลานั้น ชื่อวา อารมฺภา), [อา + รภ ธาตุ หึสายํในความเบียดเบียน + ณ ปจจัย + นิคหติ อาคม แปลงเปนที่สุด มฺ ที่สุดวรรค], อีกอยาง หนึ่ง อารมฺภ ศัพท เปนกัตตุสาธนะ บงถึงสัตว ทั้งหลายที่กอความเดือดรอน มีมดเปนตน เนื่องจาก รภ ธาตุ ที่มี อา เปนบทหนา ใชใน อรรถวาเบียดเบียนได ดังในประโยควา เสตํ ฉาคมารเภถ ยชมาโน (เจาภาพควรลมแพะขาว ตัวหนึ่ง) (วินยวินิจฺฉย-ฏีกา) วิ. นตฺถิ อารมฺโภ เอตสฺส เอตฺถ วาติ อนารมฺภํ อนุปทฺทวํ (สิ่งรบกวนของที่นั้น หรือในที่นั้นไมมี เหตุนั้น ที่ นั้น ชื่อวา อนารมฺภ คือไมมีอุปททวะ) อนาลย (ติ.) ผูไมมีตัณหา, ผูไมมีความหวงใย, พระขีณาสพ, พระนิพพาน วิ. นตฺถิ อาลโย ตณฺหา เอตสฺสาติ อนาลโย (อาลัยคือตัณหาของ ผูนั่นไมมี เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนาลย-ผูไมมี อาลัย) วิ. ปหีนสพฺพกิเลสตฺตา นตฺถิ เอเตสนํ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๒๕ กตฺถจิ อาลโย ตณฺหาติ อนาลยา, วีตราคา, ขีณาสวาติ อตฺโถ. นิพฺพานมฺป อนาลโยติ วุจฺจติ. (อาลัยคือตัณหาในวัตถุอะไรๆ ของทานเหลานั้น ไมมี เพราะละกิเลสไดหมดแลว เหตุนั้น ทาน เหลานั้นจึงชื่อวา อนาลย ไดแก พระขีณาสพ ผู มีราคะไปปราศแลว, แมพระนิพพานทานก็ เรียกวา อนาลย) ตถา หิ วุตฺตํ นิพฺพานฺจ อาคมฺม ตณฺหา จชียติ ปฏินิสฺสชฺชียติ มุจฺจติ น อลฺลียติ, กามคุณาลเยสุ เจตฺถ เอโกป อาลโย นตฺถิ, ตสฺมา นิพฺพานํ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโยติ วุจฺจตีติ (ดังที่ทานอธิบายไววา ตัณหา มาถึงพระนิพพาน ยอมละ สละคืน ปลอย ไมตดิ และความอาลัยแมสักอยางเดียว ในอาลัยคือ กามคุณ ไมมีในภาวะนั้น เหตุนั้น พระนิพพาน ทานจึงเรียกวา จาค-เปนที่ละ, ปฏินิสฺสคฺค-เปน ที่สละ, มุตฺติ-ปลอย, อนาลย-ไมติด) อนาวรณ (นปุ.) ไมไดปดกั้น, ไมไดลอม, ไมขวางกั้น, ไมปกปด วิ. น อาวรณํ อนาวรณํ, นตฺถิ วา อาวรณํ อสฺสาติ อนาวรณํ (การขวาง กั้น หามิได ชื่อวา อนาวรณ, อีกนัยหนึ่ง การ ขวางกั้น ของสิ่งนั้นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนาวรณ), พึงดูการจำแนกธาตุปจจัยในคำวา อารณ ที่จะแสดงขางหนา อนาสก (ติ.) ผูอดอาหาร, ผูไมกิน วิ. น อสติ ภฺุชตีติ อนาสโก (ผูใดไมกิน คือไมบริโภค เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อนาสก), [น + อส ธาตุ ภกฺขเณ ในความกิน + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก, แปลง น เปน อ, ทีฆะ อ เปน อา] อนาสว (นปุ.) ภาวะที่ไมอาสวะ, พระนิพพาน ๑. วิ. อาสวานํ อนารมฺมณตาย อนาสวํ (ชื่อวา อนาสว เพราะไมเปนอารมณแหงอาสวะ ทั้งหลาย) ๒. วิ. นตฺถิ อาสวา เอตฺถาติ อนาสวํ นิพฺพานํ (อาสวะทั้งหลายไมมีในภาวะใด ภาวะ นั้น ชื่อวา อนาสว คือพระนิพพาน), นามานิ ปนสฺส สพฺพสงฺขตานํ นามปฏิปกฺขวเสน อเนกานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ อเสสวิราโค อเสสนิโรโธ จาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโย ตณฺหกฺขโย อนุปฺปาโท อปฺปวตฺตํ อนิมิตฺตํ อปฺปณิหิตํ อนายูหนํ อปฺปฏิสนฺธิ อนุปปตฺติ อคติ อชาตํ อชรํ อพฺยาธิ อมตํ อโสกํ อปริเทวํ อนุปายาสํ อสํ กิลินฺติอาทีนิ (ที.อ.๒/๔๑๖) (แตชื่อของพระ นิพพานนั้นมีมาก โดยเปนปฏิปกษตอชื่อของ สังขตธรรมทั้งหมด. คืออยางไร คือธรรมเปนที่ คายไมเหลือ เปนที่ดับไมเหลือ เปนที่ละ เปนที่ สละ เปนที่พน เปนที่ไมติด เปนที่สิ้นราคะ เปน ที่สิ้นโทสะ เปนที่สิ้นโมหะ เปนที่สิ้นตัณหา เปน ที่ไมเกิด เปนที่หยุด ไมมีนิมิต ไมมีที่ตั้ง ไมมีที่ อาศัย ไมมีปฏิสนธิ ไมเปนไป ไมไป ไมเกิด ไม แก ไมเจ็บ ไมตาย ไมโศก ไมคร่ำครวญ ไมคับ แคน ไมเศราหมอง ดังนี้เปนตน), พระขีณาสพ ก็เรียกวา อนาสว อนิจฺจ (นปุ.,ติ.) ความไมเที่ยง, ไมแนนอน, ไมยั่งยืน ๑. วิ. นิจฺจธุวภาเวน น อิจฺจํ าเณน อนุปคนฺตพฺพนฺติ อนิจฺจํ (ภาวะใดไมพึงถึงโดย ความเปนของยั่งยืน คือไมเขาถึงไดดวยญาณ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนิจฺจ), [น + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺย ปจจัย, แปลง ตฺย เปน จ, ซอน จฺ, อีกนัยหนี่ง อิ ธาตุ ริจฺจ ปจจัย] ๒. ไมถึงไดดวยความเปนตัวตน วิ. อตฺตาทิ- วเสน น อิจฺจํ อนุปคนฺตพฺพนฺติ อนิจฺจํ (สิ่งใดไม พึงเขาถึงดวยอำนวจความเปนตัวตนเปนตน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนิจฺจ) ๓. ไมเที่ยง วิ. หุตฺวา อภาวเน น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ. นิจฺจํ นาม ธุวํ
๑๒๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (สิ่งใดไมเที่ยง เพราะอรรถวามีแลวไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนิจฺจ, ความเที่ยง ชื่อวา นิจฺจ), วิ. รูป ปน ขณภงฺคตาย เยน ภงฺเคน น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ(สวนรูป ไมเที่ยง เพราะความแตกดบัไป ดวยภังคขณะ เหตุนั้น การแตกดับไปนั้น ชื่อวา อนิจฺจ), นิจฺจ ศัพท ในที่นี้ มีความหมายวา ยั่งยืน (ธุวตฺถ) จัดเปน อนิปผันนปาฏิปทิกะ (คือ นามศัพทที่ไมสำเร็จดวยความเปนสมาส ตัทธิต หรือกิตก จึงตั้งวิเคราะหไมได) (ดู กังขาวิตรณี เลม ๒, พระคันธสาราภิวงศ, หนา ๕๘), วิ. น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํ. เอตฺถ นิจฺจสทฺโท ธุวตฺถวาจโก อนิปฺผนฺนปาฏิปทิโก. อนิจฺจนฺติ ขนฺธปฺจกํ, ตฺหิหุตฺวา อภาวเน จ อุปฺปาทวยวนตฺตาทหีิ จตูหิ การเณหิ จ อนิจฺจํ. ตตฺถ อนิจฺจนฺติ ขนฺธปฺจกํ. เอวํ อนิจฺจตา, ภาวตทฺธิเต ตา (สิ่งใด ไมใชเที่ยงแท เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนิจจัง. เบญจขันธ ชื่อวา อนิจจัง, ความจริง เบญจขันธ นั้น ชื่อวา อนิจจัง เพราะอรรถวามีแลวไมมี และเพราะเหตุ ๔ อยาง มีการเกิดขึ้นเสื่อมไป เปนตน, ในขอนั้น เบญจขันธ ชื่อวา อนิจจัง, อนิจฺจตา ก็นัยเดียวกัน ลง ตา ปจจัยใน ภาวะตัทธิต) อนิปฺผนฺน (ติ.) ๑. ไมถูกทำใหสำเร็จ, ไมถึง พรอม วิ. กมฺมาทิปจฺจเยหิ น นิปฺผาทิยนฺเตติ อนิปฺผนฺนา (ธรรมชาติเหลาใดอันกรรมปจจัย เปนตน ไมใหสำเร็จ เหตุนั้น ธรรมชาติเหลานั้น ชื่อวา อนิปฺผนฺนา), [น + นิ+ ปท ธาตุนิปฺผนเฺน ในความสำเร็จ + ต ปจจัย, แปลง ต พรอมที่สุด ธาตุเปน อนฺน], ซอนพยัญชนะที่มีรูปไมเสมอกัน คือ ปฺ] ๒. ไมถึงพรอมแลว, ไมสำเร็จแลว วิ. นิปฺปชฺชิตฺถาติ นิปฺผนฺนํ สิทฺธํ(สิ่งใดสำเร็จแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา นิปฺผนฺนํ คือสำเร็จแลว) วิ. น นิปฺผนฺนํ อนิปฺผนฺนํ(สิ่งที่สำเร็จแลว หามไิด ชื่อวา อนิปฺผนฺน) อนิพฺพิทฺธ (ปุ.) อันเขาไมแยกออก, ทางตัน, ถนนไมมีทางแยกออกไป วิ. น นิพฺพิชฺฌเต รจฺฉนฺตเรนาติ อนิพฺพิทฺโธ, พฺยูโห (ถนนใดอัน เขาไมแยกออก ดวยมีซอยระหวาง เหตนุั้น ถนน นั้นชื่อวา อนิพฺพิทฺธ ไดแก ทางตัน), [น + นิ + วิธ ธาตุ เวธเน ในความแทง + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน ธ และ อาเทศ ธฺ เปน ทฺ, แปลง น เปน อ] อนิพฺพิสนฺต (ติ.) ไมประสพ, ไมได, ไมพบ วิ. อวินฺทนฺโต อลภนฺโตติ อนิพพฺิสนฺโต, อนิพฺพิสํ วา (ไมประสบอยู ไมไดอยู เหตุนั้น ชื่อวา อนิพฺพิสนฺโต หรือ อนิพฺพิสํ), [น + นิ + วิส ธาตุ เปรเณ ในความสงไป + อนฺต ปจจัย, แปลง ว เปน พ, ซอน พฺ] อนิมิตฺต (ติ.) ๑. ไมมีนิมิต, ไมมีเครื่องหมาย บอก วิ. นตฺถิ นิมิตฺตํ เอตสฺสาติ อนิมิตฺตํ (นิมิต ของชีวิตเปนตนนั้น ไมมีเหตุนั้น ชีวิตเปนตนนนั้ ชื่อวา อนิมิตฺต), ๒. พระนิพพาน วิ. ราคาทิ- นิมิตฺตรหิตตฺตา อนิมิตฺตํ. สพฺพสงฺขารนิมิตฺตภาวโต อนิมิตฺตํ นิพฺพานํ (พระนิพพาน ชื่อวา อนิมิต เพราะเวนจากนิมิตคือราคะเปนตน, ชื่อ วา อนิมิต เพราะเปนนิมิตแหงสังขารทั้งปวง), ๓. วิโมกข วิ. นิจฺจนิมิตฺตาทิโน อภาวโต อนิมิตฺโต วิโมกฺโข. นตฺถิ นิมิตฺตํเอตสสฺาติอนิมิตฺโตวิโมกฺโข. เอตสฺสาติ มคฺคสฺสาติ อตฺโถ, ตสฺมา ตํ มคฺคสฺเสว นามํ (วิโมกข ชื่อวา อนิมิต เพราะไมมีความ เที่ยงแทเปนนิมิต. นิมิตแหงมรรคนั่น ไมมี เหตุนั้น มรรคนั้นจึงชื่อวา นิมิต ไดแก วิโมกข, อธิบายวา เอตสฺส โยค มคฺคสฺส, ฉะนั้น คำวา อนิมิตตวิโมกขนั้น จึงเปนชื่อของมรรคนั่นเอง)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๒๗ อนิมิตฺตุปค (ติ.) ไมนับเขาในนิมิต, ไมควรเปน นิมิต, ไมไดขนาดเปนนิมิต, สิ่งที่ไมควรทำเปน นิมิต วิ. นิมิตฺตํ น อุปคจฺฉตีติ อนิมิตฺตุปโค (ภูเขาเปนตนใด ไมเขาถึงนิมิต เหตุนั้น ภูเขา เปนตนนั้น ชื่อวา อนิมิตฺตุปค), [อนิมิตฺต + อุป + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, ลบ กฺวิ และที่สุดธาตุ] (วินย.โยชนา. ๒/๒๔๔), ก็วิเคราะหนี้เปนวิเคราะหอยุตตัตถ [น ขามไป ปฏิเสธ อุปค], สมาสมีกิตกเปนที่สุด อนิมิส (อิตฺ.) ผูไมกะพริบตา, เทวดา, ปลา วิ. น นิมฺมิสนฺตีติ อนิมิสา เทวตา (ผูใดยอมไม กะพริบตา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนิมิส คือ เทวดา), [น + นิ + มิส ธาตุ นิมฺมีลเน ในความ กะพริบตา + อ ปจจัย] อนิรากตฺตุ (ปุ.) ไมหาม, ไมปฏิเสธ, ไมหยา, ไมราง, ไมละ, ไมทิ้งราง, ไมถูกเนรเทศ, ไมถูก นำออกไป วิ. นิรากโรตีติ นิรากตฺตา (ผูใดยอม หยาราง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา นิรากตฺตา), วิ. น นิรากตฺตา อนิรากตฺตา (ผูหยาราง หามิได เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อนิรากตฺตา), [น + นิ + อา + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ตุ ปจจัย, แปลง ร เปน ตฺ, ลง ร อาคม, แปลง น เปน อ] อนิรากตฺตุ- สมฺปทานํ, ตํ วุจฺจติ อนิรากรณสมฺปทานํ, อนิวารณสมฺปทานํ จาติป. อนิรากตฺตา นาม อปฺปฏิเสธโก (การถึงการเปนผูไมอยารางนั้น ทานเรียกวา ถึงความเปนผูไมอยาราง และ หมายถึงการถึงความไมหาม ก็ไดบาง. ผูที่ไม คัดคานเรียกวา อนิรากตฺตา) อนิล (ปุ.) ๑. พายุ, ลม, ลมปราณ ลมหายใจ เปนเครื่องอยูของสัตว วิ. อนติ ชีวติ อเนนาติ อนิโล วายุ (สัตวยอมมีชีวิตอยู ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนิล ไดแก ลม), [อน ธาตุ ปาณเน ในความมีชีวิตอยู + อิล ปจจัย] ๒. ลม พัดไป วิ. อนติ ปวตฺตตีติ อนิโล มาลุโต (สิ่งใด ยอมพัดไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนิล คือลม), [อน ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อิล ปจจัย โมคฺ.๗/๑๘๙ วา อนสลกล เปนตน] อนิลปถ (ปุ.) คลองแหงลม, ทางแหงลม, ทองฟา, อากาศ, กลางหาว วิ. อนิลสฺส วาตสฺส ปโถ มคฺโค อนิลปโถ นภํ (ทางไปแหงลม ชื่อวา อนิลปถ ไดแก ทองฟา), บทนี้เปนฉัฏฐีตัปปุริส สมาส อนิสมฺมการี (ปุ.) ผูไมใครครวญแลวทำลงไป, ผูไมรอบคอบ, มุทะลุ, สะเพรา วิ. คุณโทเส อนิสมฺม กโรตีติ อนิสมฺมการี (ผูใดยอมไม ใครครวญถึงคุณและโทษทำการลงไป เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนิสมฺมการี), [อนิสมฺม + กร ธาตุ + ณี ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อนีก (ปุ.,นปุ.) กองทัพ, เสนา วิ. อณตีติ อนีโก จมู, อนีกํ วา (สิ่งใดยอมสงเสียง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนีก), เชนคำวา อนีกทสฺสนํ วา (ดู กองทัพก็ดี), [อณ ธาตุ สทฺเท ในความสงเสียง + อิก ปจจัย, ทีฆะ อิ เปน อี, แปลง ณ เปน น], ใน อภิธานัปปทีปกาฎีกา กลาววา อณ ธาตุ ใชใน อรรถวาสงเสียง และทัณฑกะ-อุบายชนะศึก], แตในปาจิตยาทิโยชนาทานกลาววา ณ อักษรซึ่ง เปนมุทธชะวา อณีก) อนีกฏฺ (ปุ.) ราชองครักษ, ผูดำรงอยูเปนหมู วิ. อนีเกน สมูเหน ติตีติ อนีกโ, ราชูนํ องฺครกฺขโณ อนีกโติ มโต (ผูใดดำรงโดยเปน หมูพล เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนีก, องครักษ ของพระราชาทั้งหลาย บัณฑิตรูกันวา อนีก), [อนีก + า ธาตุ ปติาเน ในความดำรงอยู + อ หรือ กฺวิ ปจจัยก็ได]
๑๒๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนีฆ (นปุ.) ไมมีทุกข วิ. นตฺถิ ตสฺส นีโฆติ อนีโฆ (ทุกขของบุคคลนั้นไมมีเหตุนั้น บุคคลนั้นช่ือวา อนีฆ), บทนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส กิเลสทุกฺขสงฺขาตสฺส นีฆสฺส อภาเวน อนีโฆ (ชื่อ วา อนีฆ เพราะไมมีทุกข กลาวคือทุกขคือกิเลส) อนีติก (นปุ.) พระนิพพาน, ที่ไมมีอุปททวะ วิ. อีตี อุปทฺทวา น สนฺติ เอตฺถาติ อนีติกํ นิพฺ พานํ (ความจัญไร คืออุปททวะ ไมมีในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนีติก คือพระนิพพาน) อนีฬก (ติ.) ไมโทษ, ไมมีความผิด, บริสุทธิ์ วิ. เอลํ วุจฺจติ โทโส, นตฺถิ เอลํ เอตฺถาติ อนีฬกํ อเนฬกํ อนีลกํ (โทษ ทานเรียกวา เอล, เอล คือ โทษ ในน้ำผึ้งเปนตนนั้น ไมมี เหตุนั้น น้ำผึ้ง เปนตนนั้น ชื่อวา อนีฬก, อเนฬก, อนีลก คือ ไม มีโทษ), อนีฬก ไมมีโทษ เชน นิมฺมกฺขิกณฺฑกํ ปริสุทฺธํ ขุทฺทกมธูติ วุตฺตํ โหติ (นัยแหง วินย.อ. ๑/๒๐๘) (คำวา อนีฬก มีอธิบายวา น้ำผึ้งที่ผึ้ง ตัวเล็กๆ ทำขึ้น เปนน้ำผึ้งบริสุทธิ์ ไมมีตัวออน), [น + เอฬ + ก ปจจัยทายบทสมาส] อนุกฑฺฒน (นปุ.) การดึงมามัดไว, อรรถของ นิบาต เชน จ, ตถา ศัพท วิ. อนุคนฺตฺวา กฑฺฒนํ อนุกฑฺฒนํ (การตามมามัดไว ชื่อวา อนุกฑฺฒน), วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ กฑฺฒิยเต อนุกฑฺฒนํ (การครา มาบอยๆ ชื่อวา อนุกฑฺฒน), [อนุ + กฑฺฒ ธาตุ กฑฺฒเน ในความครามา + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน] (คันถาภรณมัญชรี หนา ๑๐๔) อนุกมฺปา (อิตฺ.) ความเอ็นดู, ความสงสาร, ไหวไปตาม วิ. อตฺตาธารสฺส จิตฺตํ อนุ ปุนปฺปุนํ กมฺเปตีติ อนุกมฺปา ทยา (ธรรมชาติใดยังจิตที่ เห็นแกตัวใหหวั่นไหวอยูบอยๆ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อนุกมฺปา), เชน นตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา (เราไมมีความเอ็นดูในพวก เธอ), [อนุ + กมฺป ธาตุ จลเน ในความหวั่นไหว หรือ กป ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], วิ. อนุรูป กมฺปนํ จลนํ ทยาปชฺชนํ อนุกมฺป (การหวั่นไหวไป คือถึง ความเอ็นดู ชื่อวา อนุกมฺป), [อนุ + กมฺป ธาตุ จลเน ในความหวั่นไหว + อ ปจจัย] อนุกมฺปิตพฺพ (ติ.) อนุเคราะห วิ. อนุกมฺปยติ อนุกมฺปยิตฺถ อนุกมฺปยิสฺสตีติ อนุกมฺปตพฺโพ (ผูใดอันเขาเคราะหอยู อนุเคราะหแลว จักอนุเคราะหเหตุนั้น ผนูั้นชื่อวาอนุกมฺปตพฺพ), [อนุ + กป ธาตุ คตฺยตฺเถ ในความไป + ตพฺพ ปจจัย + นิคหิตอาคมตนธาตุ แปลงเปน พยัญชนะที่สุดวรรค คือ มฺ + อิ อาคม] นัย เดียวกันเชน อนุกมฺปยมาโน (อนุเคราะหอยู) ลง มาน ปจจัย, อนุกมฺปโต ลง ต ปจจัย อนุกมฺปนฺโต ลง อนฺต ปจจัย ในกัตตุวาจก, อนุกมฺปตฺวา ลง ตฺวา ปจจัย อนุกรณ (นปุ.) การทำตาม, การลอกเลียนแบบ วิ. อนุกรียเต สทิสีกรียเตเนเนตฺยนุกรณํ (กรรม อันเขาทำตาม คือทำใหเหมือนดวยอาการนั้น เหตุนั้น อาการนั้นชื่อวา อนุกรณ), [อนุ + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน] อนุกฺกม (ปุ.) อนุกรม, การกาวไปตามลำดับ, การไปตามสมควร, กระบวน วิ.อนุรูโป กโม อนุกฺกโม (การดำเนินไปตามลำดับ ชื่อวา อนุกฺกม), [อนุ + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในความ กาวไป + อ ปจจัย, ซอน กฺ] อนุการ (ปุ.) การทำตาม, การลอกเลียนแบบ วิ. อนุกรณํ อนุกาโร (การทำตาม, การ ลอกเลียนแบบ ชื่อวา อนุการ), [อนุ + กร ธาตุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๒๙ กรเณ ในความกระทำ + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์] อนุกุล (ปุ.) สงเคราะห, เกื้อกูล, อุดหนุน, ชวยเหลือ วิ. อนุรูป กุลติ ปวตฺตตีติ อนุกุโล, อนุกูโล วา หิตํ (ภาวะใดยอมเปนไปตามสมควร เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนุกุล, อนุกูล ไดแก ประโยชนเกื้อกูล), เชน ธมฺมานํ อนุกูลปฏิกูลธมฺมา (ธรรมที่คลอยตามและขัดแยงตอธรรม), เนตฺติปฺปกรณอกถา, [อนุ + กุล ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย, ทีฆะ อุ เปน อู], อนุคุณํ ก็นัยเดียวกัน วิ. คุณานมานิสํสานํ อนุกูลํ อนุคุณํ (คลอยตามคุณานิสงส ชื่อวา อนุคุณํ), คำนี้เปน เหตุมนฺตวิเสสน อนุกูลมิตฺต (ปุ.) เพื่อนคอยชวยเหลือ, เพื่อนดี อนุกูโล อนุรูโป มิตฺโต อนุกูลมิตฺโต, สุหโท สหาโย (มิตรที่คอยชวยเหลือเกื้อกูล ชื่อวา อนุกูลมิตฺต ไดแก มิตรผูมีใจดี คือสหาย) อนุคชฺชน (นปุ.) การเปลงเสียงย้ำอีก วิ. อนุ ปุน คชฺชนํ รวนํ อนุคชฺชนํ (การเปลงเสียงซ้ำอีก ชื่อวา อนุคชฺชน), [อนุ + คชฺช ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อนุคามิก (ติ.) ผูติดตาม, ผูเดินตาม, ติดตามไป วิ. อนุคจฺฉตีติ อนุคามิโก อนุคามิโย วา (สิ่งใด ติดตามไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุคามิก), เชน อนุคามิยธนํ(ทรัพยที่ติดตามไป), ชา.อ.๙/๒๑๙ (อรรถกถาชาดกอักษรไทยวา อนุคามิกธนํ), [อนุ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณฺวุ ปจจัย, แปลง อ เปน อิ กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน, แปลง ก เปน ย], วิ. อนุคาโม อนุคมนํ อสฺส อตฺถีติ อนุคามิโก อนุคามิโย วา (การตามไป ของสิ่งนั้น มีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุคามิโก, อนุคามิโย), ลง ณิก หรือ ณิย ปจจัยในตัทธิต) อนุคิทฺธ (ปุ.) ความติดใจตาม, ความตามติดใจ, ความติดใจ วิ. อนุคิชฺฌิตฺถาติ อนุคิทฺโธ (ภาวะใด กำหนัดแลว เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนุคิทฺธ), [อนุ + คิธ ธาตุ เคเธ ในความกำหนัด + ต ปจจัย แปลง ต เปน ธ โมคฺ.๕/๑๔๕ วา โธ ธหเภหิ, แปลง ธ ตัวหนาเปน ทฺ]. อนุคิทฺธิ, ลง ติ ปจจัย ก็นัยนี้. เทียบ คิทฺธิ ขางหนา อนุคีติ (ติ.) การสวดในภายหลัง, คาถาอันทาน กลาวไวในภายหลัง, คาถาสรุป วิ. อนุคายนํ อนุคีติ (การสวดตาม ชื่อวา อนุคีติ), อนุรูปา คีติ อนุคีติ (การสวดตามลำดับ ชื่อวา อนุคีติ) อนุ ปจฺฉา คีติ อนุคีติ วา (อีกนัยหนึ่ง การสวด สรุปทาย ชื่อวา อนุคีติ), [อนุ + คา/เค ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + ต ปจจัย, แปลง อี เปน อ ดวยมหาสูตร, แปลง อี เปน อ ดวยมหา สูตร (เอกุทฺเทสวาร เนตฺติปกรณ), อนุคีตีติ วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อนุ ปจฺฉา คายนคาถา สุตฺตนฺตรเทสนา วา (อนุคีติ ไดแก คาถา สำหรับสวดสอบทวนความแหงพระสูตรที่กลาว แลวนั่นแล หรือการนำความแหงพระสูตรอื่นมา แสดงอางไว เพื่อเขาใจความหมายไดงายขึ้น) อนุคฺคห (ปุ.) ๑. การอนุเคราะห, อุบาย สงเคราะห วิ. อนุคณฺหณํ, สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถ เอเตนาติ วา อนุคฺคโห (การอนุเคราะห ชื่อวา อนุคฺคห, อีกนัยหนึ่ง สัตวทั้งหลายสงเคราะหกัน ในอุบายนั้น หรือดวยอุบายนั้น เหตุนั้น อุบาย นั้นชื่อวา อนุคฺคห), ในสันสกฤตเปน อนุคฺรหะ, [อนุ + คห ธาตุ คหเณ ในความถือเอา + อ ปจจัย] ๒. ไมถือมั่น วิ. อุคฺคหณวิรหิโตติ อนุคฺคโห. โสป นาสฺส อุคฺคโหติ อนุคฺคโห. น วา อุคฺคณฺหาตีติ อนุคฺคโห (บุคคลผูเวนจากการถือ มั่น ชื่อวา อนุคฺคห, แมผูนั้นก็ชื่อวา อนุคฺคห
๑๓๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เพราะเขาไมมีความถือมั่น, อีกนัยหนึ่ง บุคคลใด ไมถือมั่น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อนุคฺคห), น วา อุคฺคณฺหาตีติ อนุคฺคโห (อีกนัยหนึ่ง ภาวะใด ยอมอนุเคราะห เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุคฺคโห), [น + อุ + คห ธาตุ คหเณ ในความถือ + อ ปจจัย] อนุฆร (อพฺ.) เรือนหลังตอๆ กันไป, ตามลำดับ เรือน, ทุกๆ เรือน วิ. อนุ อนุ ฆรํ อนุฆรํ, ฆรปฏิปาฏีติ วุตฺตํ โหติ (ทุกๆ เรือน ชื่อวา อนุฆร, มีคำอธิบายวา ตามลำดับเรือน), พึงเทียบ อนฺวทฺธมาส อนุจร (ปุ.) ผูเที่ยวตามไป, เสวก, อำมาตย, ผูติดตาม, สหาย, คนโดยสารไป วิ. อนุ ปจฺฉา จรตีติ อนุจโร (ผูใดยอมเที่ยวติดตามไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุจร), [อนุ + จร ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + อ ปจจัย], ก็ในพระธัมมปทัฏฐกถา ธ.อ.๓/๑๐๒ วา อายสาธโก อายุตฺตกปุริโส วิย ตนฺนิสฺสิโต นนฺทิราโค อนุจโร นามาติ (ความ กำหนัดดวยอำนาจความยินดี ซึ่งอาศัยอายตนะ นั้น ดุจบุรุษเก็บสวย จัดการสวยใหสำเร็จ ชื่อวา เจาพนักงานเก็บสวย) อนุจาริกา (อิตฺ.) ภรรยา, ผูเที่ยวไปตาม, ผูเที่ยวไปดวย วิ. อนุจรตีติ อนุจาริกา (หญิงใด ยอมเที่ยวไปตาม เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อวา อนุจาริกา), [อนุ + จร ธาตุ จรเณ ในความ เที่ยวไป + ณฺวุ ปจจัย อาเทศเปน อก และ พฤทธิ์ อ เปน อา + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, วิการ อ เปน อิ] ในอรรถกถาปาถิกวรรควา อนุจาริกา วุจฺจติ ภริยา. สห อนุจาริกาย สานุจาริโก, ตํ ตํ พฺรหฺมจริยํ ปหาย สภริโยติ อตฺโถติ (ภรรยาทาน เรียกวา อนุจาริกา. บุคคลผูมีภรรยา ทาน เรียกวา สานุจริกะ อธิบายวา ผูละการประพฤติ พรหมจรรยนั้นๆ แลวมีภรรยา) อนุจฺฉวิก (ติ.) สมควร, เหมาะ, ไมระคายผิว วิ. ฉวิยา อนุรูป อนุจฺฉวิกํ (วัตถุที่สมควรแก ผิวหนัง ชื่อวา อนุจฺฉวิก), วิ. ฉวมนุคตํ อนุจฺฉวิกํ ปติรูป (สิ่งที่เปนไปตามผิว ชื่อวา อนุจฺฉวิก ไดแก สมควร), [อนุ + ฉวิ, ซอน จฺ, ก สกัตถ] อนุช (ปุ.) นองชาย, ผูเกิดในภายหลัง วิ. อนุ ปจฺฉา ชาโต อนุโช กนิโย, อนุชา กนิภคินี (บุคคลที่เกิดในภายหลัง ชื่อวา อนุช คือนองชาย, นองหญิงเปน อนุชา), [อนุ + ชน ธาตุ ชนเน ใน ความเกิด + กฺวิ ปจจัย ลบ กฺวิ ปจจัยและที่สุด ธาตุ] อนุชาต (ติ.) ผูเกิดภายหลัง, ผูเกิดตาม, ผูตามเยี่ยงบิดามารดา, ลูกที่เสมอดวยพอแม วิ. อนุชายิตฺถาติ อนุชาโต (ผูใดเกิดตามเยี่ยง แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุชาต), [อนุ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ต], ในเพราะ ต ปจจัยอยูหลัง แปลง น แหง ชนิ ธาตุ เปน อา ดวยสูตร นิรุตฺติ.๗๒๕ วา ชนิสฺสา อนุชิณฺณ (ติ.) เสื่อมแลว, เสื่อมสูญ, คร่ำครา ไปตามลำดับ วิ. อนุชิยฺยิตฺถาติ อนุชิณฺโณ (ผูใด คร่ำคราไปตามลำดับแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุชิณฺณ), [อนุ + ชร ธาตุ ชิรเณ ในความคร่ำ ครา + ต ปจจัย, อาเทศ ต ปจจัย เปน อิณฺณ ดวยสูตรแหงปทรูปสิทธิ รูป.๖๑๖ วา ตราทีหิ อิณฺโณ และลบ ร] อนุชีรี (ปุ.) ผูชรา, ผูเสื่อมแลว วิ. อนุชีรียิตฺถาติ อนุชีรี (ผูใดเสื่อมแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุชีรี) [อนุ + ชร ธาตุ ชิรเณ ในความเสื่อม + อี ปจจัย ในโมคคัลลานะ, แปลง ชร เปน ชีร]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓๑ อนุชีวี (ปุ.) เสวกผูบำเรอ, ขาเฝา วิ. ปภุโน อนุ ปจฺฉา ชีวตีติ อนุชีวี เสวโก (ผูใดเปนอยูใกลชิด เจานาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุชีวี ไดแก อำมาตย), [อนุ + ชีว ธาตุ ปาณธารเณ ในความ ทรงชีวิตไว + ณี ปจจัย] วิ. อนฺวาย อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ อนุชีวิโน (ชนเหลาใดเปนอยูใกลชิด เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อนุชีวิโน), [อนุ + ชีว ธาตุ ปาณธารเณ ในความทรงชีวิตไว + ณี ปจจัย] อนุเชฏฺ (อพฺ.) ลำดับแหงผูเจริญ, ตามลำดับ ผูใหญ วิ. เชานํ อนุปุพฺโพ อนุเชํ (ลำดับ แหงผูเจริญ ชื่อวา อนุเช), แตใน นิรุตฺติทีปนี (อธิบายคาถา ๓๓๘) ปรากฏวา อนุปพฺพํ อนฺุา (อิตฺ.) การอนุญาต, การอนุมัติ วิ. อนุชานนํ อนฺุา (การรูตามชื่อวา อนฺุา), [อนุ + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ซอน ฺ], อพฺภานฺุา ก็นัยเดียวกัน บทนี้มี อภิ + อนุ เปนบทหนา, แต คำวา อนุชานนํ ลงปจจัยในภาวะสาธนะ, แปลง า เปน ชา, ลง นา วิกรณปจจัย อนฺุาต (ติ.) อนุญาตแลว วิ. อนุชานีติ อนฺุาโต, อนฺุายิตฺถาติ อนฺุาตา (ผูใด รูตามแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนฺุาต, ผูใด อนุญาตแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนฺุาตา ไดแกอนุมตา-ผูเหน็ตาม), [อน + า ธาตุ พุชฺฌเน ุ ในความรู + ต ปจจัย, ซอน ฺ] อนุฏหาน (ติ.) ไมลุกขึ้น, ไมขยัน, ไมเพียร, ไมพยายาม วิ. อนุหนฺโต อวายมนฺโต อนุหาโน (ผูไมลุกขึ้นอยู ไมพยายามอยู ชื่อวา อนุหาน), [น + อุ + า ธาตุ คติ- นิวตฺติมฺหิ ในความหามการไป + มาน ปจจัย, ลบ ม แหง มาน ไดบางบางอุทาหรณ ดวยสูตร โมคฺ.๕/๑๖๒ วา มานสฺส มสฺสา, แปลง า เปน ห, ซอน , แปลง น เปน อน] อนุฏิต (ติ.) ๑. ถูกตั้งไวแลว, อันเขาตั้งไว แลวตามสมควร วิ. อนุียเตติ อนุิตํ (อัน เขาตั้งไวตามควร ชื่อวา อนุิตํ), [อนุ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในความหามการไป + ต ปจจัย ในกัมมวาจก, วิการ อา เปน อิ, ซอน ] ๒. ไม ลุกขึ้นแลว วิ. น อุาสีติ อนุิโต (ผูใดไมลุก ขึ้นแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุิต), [น + อุ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหามการไป + ต ปจจัยในกัตตุวาจก, ซอน ] อนุฏภา (อิตฺ.) อนุฏุภาฉันท, ฉันทที่ปองกัน ความดอย, ฉันทปดกั้นโทษที่ต่ำตอย วิ. อนุ หีนภาวํ ถุมฺภติ รุนฺธติ นิวาเรตีติ อนุุภา (ฉันท ใดยอมปดกั้นความเปนโทษ เหตุนั้น ฉันทนั้น ชื่อวา อนุุภา), [อนุ + ถุภุ ธาตุ ถมฺภเน ใน ความตานทาน + อ ปจจัย, อาเทศ ถ เปน , ซอน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อนุฑหิตุํ (อพฺ.) เพื่ออันตามเผา, เพื่อทำให เดือดรอนเนืองๆ วิ. อนุฑหนตฺถาย อนุฑหิตุํ (อนุฑหิตุํ แปลวา เพื่ออันตามเผา), [อนุ + ทห ธาตุ ทหเน ในความเผา + อิ อาคม + ตุํ ปจจัย, แปลง ท เปน ฑ] อนุตฺตร (ติ.) ดีเลิศ, ไมมีสิ่งอื่นยิ่งกวา, ไมมีผูยิ่ง กวา ๑. วิ. นตฺถิ อุตฺตโร ยสฺมา โส อนุตฺตโร (ผูยิ่งกวาพระผูมีพระภาคเจาพระองคใดไมมี เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระนามวา อนุตฺตร), ๒. วิ. นตฺถิ อตฺตโน อุตฺตโร อธิโก ยสฺสาติ อนุตฺตโร อสทิโสติ วุตฺตํ โหติ (บุคคลผูยิ่งกวาพระองคไมมี แกพระผูมีพระภาคเจาพระองคใด เหตุนั้น พระ ผูมีพระภาคเจาพระองคนั้น พระนามวา อนุตฺตร มีคำอธิบายวา ไมมีผูเหมือน), ๓. ธรรมอันยอด
๑๓๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เยี่ยม วิ. นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตริตโร ธมฺโมติ อนุตฺตโร, นววิธธมฺมสมุทาโย (ธรรมอันยิ่งเกิน กวาธรรมนั้นไมมี เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อนุตฺตร ไดแก อนุตตรธรรม ๙), สวนในคัมภีร อัตถโยชนา แหงอภิธัมมัตถวิภาวินี วิ. นตฺถิ อุตฺตโร เอตสฺสาติ อนุตฺตโร (ปฺจิกา.๑/๑๑) (ธรรมอันยิ่งกวาธรรมนั้น ไมมี เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อนุตฺตร) วิ. นตฺถิ อุตฺตรํ เอตสฺสาติ อนุตฺตรํ โลกุตฺตรจิตฺตํ(ปฺจิกา.๑/๔๙๗) (จิตอัน ยิ่งกวาจิตนั้น ไมมี เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา อนุตฺตร คือโลกุตตรจิต), ๔. พระนิพานอันยอดเยี่ยม วิ. อตฺตโน คุเณหิ อุตฺตริตรสฺส กสฺสจิ ธมฺมสฺส อภาวโต อนุตฺตรํ นิพพานํ (ชื่อวายอดเยี่ยม เพราะไมมีธรรมอะไรที่ยิ่งกวาคุณของตน), แต ในพระสูตรบางแหงวา อนุตฺตร หมายถึง มหัคคตจิต บัณฑิตพึงคนดูเถิด อนุตฺถุนนฺต (กิ.กิต.) หวนละหอยอยู, ทอด ถอนอยู วิ. อนุตฺถุนาตีติ อนุตฺถุนนฺโต อนุตฺถุนํ วา (ผูใดทอดถอนใจอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุตฺถุนนฺต หรือ อนุตฺถุน ทอดถอนอยู), [อนุ + ถุ ธาตุ นิตฺถุนเน ในความทอดถอน + นา วิกรณ ปจจัย คือปจจัยประจำหมวดธาตุ + อนฺต ปจจัย, ซอน ตฺ, ในเพราะ สิ วิภัตติ แปลง นฺต แหง คจฺฉนฺต เปนตน เปน อํ รูป.๑๐๗ วา สิมฺหิ คจฺฉนฺตาทีนํ นฺตสทฺโท อํ] อนุตาป (ปุ.) ความเดือดรอน, ความรำคาญใจ, เดือดรอนใจในภายหลัง วิ. อนุ ปจฺฉา ตปติ เยน โส อนุตาโป วิปฺปฏิสาโร (บุคคลยอมเดือดรอน ในภายหลัง เพราะเหตุใด ฉะนั้น เหตุนั้น ชื่อวา อนุตาป คือการเดือดรอนในภายหลัง), [อนุ + ตป ธาตุ สนฺตาเป + ณ ปจจัย] อนุตาฬน (นปุ.) การตี, การทุบ, การเฆี่ยน วิ. อนุตาเฬตีติ อนุตาฬนํ (ภาวะใดยอมตี เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุตาฬน), [อนุ + ตฬ ธาตุ ปหาเร ในการประหาร + เณ ปจจัย ใน หมวด จุร ธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ทีฆ กลางศัพท], นัยเดียวกัน อนุตาเฬนฺโต ลง อนฺต ปจจัย อนุทฺทยา (อิตฺ.) ๑. ความกรุณา, ความเอื้อเฟอ, ความเอ็นดู วิ. ปรทุกฺขฺจ อตฺตสุขฺจ อนุทฺทหตีติ อนุทยตีติ วา อนุทฺทยา กรุณา (ภาวะใด ขจัด ทุกขผูอื่นและตัดสุขของตน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุทฺทยา), [อนุ + ทห/ทย ธาตุ หึสายํ ใน ความเบียดเบียน + อ ปจจัย + แปลง ห เปน ย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๒. การตามรักษา อนุทฺทยฺยเต อนุทฺทยา, อนุรกฺขณา (อันเขาตาม รักษา ชื่อวา อนุทฺทยา), [อนุ + ทย ธาตุ ปาลเน ในความรักษา + อ ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถี ลิงค] อนุทฺธํสิต (ติ.) ถูกทำลาย, ถูกขจัด, ถูกกำจัด วิ. อนุทฺธํสิยเตติ อนุทฺธํสิตํ (สิ่งใดอันเขาขจัด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุทฺธํสิต), [อนุ + ธํส ธาตุ ธํสเน ในความขจัด + ต ปจจัยใชใน ๓ กาล + อิ อาคม] อนุทา (อิตฺ.) ความเอ็นดู, เมตตา, การตาม รักษา เปนไวพจนของเมตตา วิ. อนุทยตีติ อนุทา (ภาวะใดยอมตามรักษา เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อนุทา), [อนุ + ทา ธาตุ รกฺขเณ ใน ความรักษา + กฺวิ ปจจัย ลบ กฺวิ] (ขุ.ม. ๒๙/ ๙๔๓/๖๐๐) อนุทิสา (อิตฺ.) ทิศนอย, ทิศเฉียง วิ. ทิสานํ อนุรูปา อนุวตฺตกา วา ทิสา อนุทิสา, วิทิสา (ทิศ ที่ไปตาม คือคลอยตามทิศใหญทั้งหลาย ชื่อวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓๓ อนุทิส ไดแก ทิศเฉียง), บทนี้เปนอัพยยีภาวสมาส อนุนท (อพฺ.) ที่ใกลแมน้ำ วิ. นทิยา อาสนฺนํ อนุนทํ (ที่ใกลแมน้ำ ชื่อวา อนุนท), แปลง อี เปน อ), บทนี้เปนอัพยยีภาวสมาส, อนุ ศัพท ใช ในอรรถวาใกล, อุปคงฺคํ, อุปวธุ ก็นัยเดียวกัน อนุนย (ปุ.) ๑. ความยินดี, ความพอใจ วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ เนตีติ อนุนโย อนุ ปุนปฺปุนํ อารมฺมเณ จิตฺตํ เนตีติ อธิปฺปาโย (ภาวะใดยอมนำไปบอยๆ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนุนย อธิบายวา นำจิต ไปในอารมณบอยๆ), [อนุ + นี ธาตุ นเย ใน ความนำไป + อ ปจจัย] (เนตติปกรณ ๔๔/ ๒๘๙) ๒. ตัณหานำสัตวไปในอารมณ วิ. วิสเย สตฺตานํ อนุ อนุ นยนโต อนุนโย, ตณฺหา (ชื่อวา อนุนย เพราะนำสัตวไปในอารมณร่ำไป), ศัพท ตอไปนี้เปนไวพจนของอนุนยนั้น ไดแก ราโค สาราโค อนุโรโธ นนฺทิ นนฺทิราโค อิจฺฉา มุจฺฉา อชฺโฌสานํ เคโธ ปลิเคโธ สงฺโค ปงฺโก เอชา มายา ชนิกา สฺชนนี สิพฺพินี ชาลินี สริตา วิสตฺติกา สุตฺตํ วิสตา อายูหินี ทุติยา ปณิธิ ภวเนตฺติ วนํ วนโถ สนฺถโว เสฺนโห อเปกฺขา ปฏิพนฺธุ อาสา อาสึสนา ชปฺปา โลลุปฺปา ปุจฺฉฺชิกตา วิสมโลโภ นิกนฺติ ปตฺถนา ปหนา โอโฆ โยโค คนฺโถ อุปาทานำ อาวรณำ นีวรณํ ฉทนํ พนฺธนํ อุปกฺกิเลโส อนุสโย ปริยุานํ ลตา เววิจฺฉํ ทุกฺขมูลํ มารปาโส มารพิสํ มารวิสโย ตณฺหาคทฺทูลํ อภิชฺฌา อนุปกุฏ (ติ.) ไมถูกโกรธ, ไมเคยถูกนินนา วาราย วิ. อุปกุปฏิปกฺขนยวเสน อนุปกุโ, น อุปกุโ, น อกฺโกสํ วา นินฺทํ วา ลทฺธปุพฺโพติ อตฺโถ (ชื่อวา อนุปกุ ดวยอำนาจนัยที่ตรงขาม กับผูที่ถูกโกรธเคืองแลว หมายถึง อันเขาขัด เคืองแลว หามิได มีอธิบายวา ไมเคยไดรับการ ดาหรือนินทา), [น + อุป + กุส ธาตุ อกฺโกเส ใน ความดา + ต ปจจัย, แปลง ส เปน ดวยสูตร กจฺ.๕๗๓ รูป.๖๒๖ วา สาทิ สนฺต, แปลง น เปน อน] อนุปกุทฺธ (ติ.) ผูไมเคยถูกดา, ผูไมไดรับการ นินทา วิ. น อุปกุชฺฌิตพฺโพติ อนุปกุทฺโธ (ผูใด อันใครๆ ไมติเตียน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุปกุทฺธ), [น + อุป + กุธ ธาตุ โกเป ในความ โกรธ + ต ปจจัย แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ เปน โท] อนุปขชฺช (กิ.กิต.) วิ่งเขาไปหา, แทรกแซง, บุกรุก วิ. อนุปขทิตฺวาติ อนุปขชฺช อนูปขชฺช, อนุปฺปวิสิตฺวาติ อตฺโถ (อนุปขชฺช แปลวา เขาไป แทรก ความวา เขาไปแทรกแซง), [อนุ + ป + ขทิ ธาตุ ปริฆาเต ในการบุกรุก หรือ ขท ธาตุ หึสเน ในความเบียดเบียน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ชฺช, ลบที่สุดธาตุ] อนุปทตฺถ (ปุ.) เนื้อความตามลำดับบท วิ. อนุ ปฏิปาฏิยา ปทสฺส อตฺโถ อนุปทตฺโถ (เนื้อความ แหงบทตามลำดับ ชื่อวา อนุปทตฺถ), [อนุ + ปท ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย + อตฺถ], นัย นี้เปนฉัฏฐีตัปปุริสสมาส มีกัมมธารยสมาสเปน ทอง อนุปริยาย (ปุ.) นัยโดยออม, วนไปวนมา วิ. อนุปริยายตีติ อนุปริยาโย (นัยใดวนไป โดยรอบ เหตุนั้น นัยนั้นชื่อวา อนุปริยาย), [อนุ + ปริ + ยา ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย + ย อาคม] อนุปริยายนฺตี (ติ.) (สตรี) เปนไปรอบตาม, เวียนไปตาม, เดินเวียนรอบ วิ. อนุปริยายตีติ อนุปริยายนฺตี (สตรีใดเวียนรอบอยู เหตุนั้น
๑๓๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา สตรีนั้น ชื่อวา อนุปริยายนฺตี), [อนุ + ปริ + ยา ธาตุ คติยํ ในความไป + ย ปจจัย ในประจำ หมวด จุร ธาตุ ตามแนวที่ทานแสดงไวในคัมภีร สัททนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๓๗๒) วา ทิวาทิคณิกสฺส ปนสฺส ยายติ, ยายนฺตีติอาทีนิ รูปานิ ภวนฺติ ก็ธาตุนี้หากใชเปนทิวาทิคณะจะมี รูปกิริยาวา ยายติ, ยายนฺติ เปนตน] อนุปริวตฺติ (อิตฺ.) คลอยตาม, ความหมุนไป มารอบๆ, ความเกี่ยวของดวย วิ. อนุปริวตฺตนํ อนุปริวตฺติ (การคลอยตาม ชื่อวา อนุปริวตฺติ), [อนุ + ปริ + วตุ ธาตุ วตฺตเน ในความหมุนไป + ติ ปจจัย] อนุปโรธ (ปุ.) ความไมยินราย, ความไมโกรธ, ความไมผิด วิ. อุปรุชฺฌนํ อุปโรโธ (ความผิด ชื่อวา อุปโรธ), [อุป + รุธ ธาตุ อาวรเณ ในความ ปองกัน + ณ ปจจัย ในภาวสาธนะ] วิ. น อุปโรโธ อนุปโรโธ, อวิโรโธ (ความผิด หามิได ชื่อวา อนุปโรธ คือความไมผิด), นปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส อนุปวชฺช (ติ.) ผูไมถูกกลาวราย, ผูอันเขาไม พึงวาราย วิ. น อุปวทิตพฺโพติ อนุปวชฺโช (ผูใด อันเขาไมพึงวาราย เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุปวชฺช), [น + อุป + วท ธาตุ อุปวาเท ใน ความวาราย + ณฺย ปจจัย, แปลง น เปน อน, แปลง ทฺย เปน ช, ซอน ชฺ, ลบ ณฺ] อนุปสฺสนา (อิตฺ.) การพิจารณาเห็น, การ พิจารณาเนืองๆ, ปญญาเปนเครื่องพิจารณา เนืองๆ วิ. ปุนปฺปุนํ ปสฺสนฺติ โยคิโน เอตายาติ อนุปสฺสนา (ผูปฏิบัติทั้งหลาย พิจารณาเห็น เนืองๆ ดวยปญญานั่น เหตุนั้น ปญญานั้นชื่อวา อนุปสฺสนา), [อนุ + ปสฺส ธาตุ ทสฺสเน ใน ความเห็น + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค]. วิ. ปุริมปุริมาณานํ อนุ อนุ ปสฺสนํ อนุปสฺสนา วิปสฺสนาาณํ มคฺคาณฺจ (ญาณเครื่อง พิจารณาเห็นญาณกอนๆ เนืองๆ ชื่อวา อนุปสฺสนา ไดแก วิปสสนาญาณ และมรรค ญาณ), บางแหง อนุปสฺสนา หมายถึง สติ เชน วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ กายานุปสฺสนา นาม (สติที่ประกอบดวยวิปสสนา ชื่อวา กายานุ- ปสสนา), วิ. อนุ อนุ ปสฺสนา อนุปสฺสนา (การ เห็นเนื่องๆ ชื่อวา อนุปสฺสนา), ก็ อนุ ศัพทใชใน อรรถวิจฉา (คำซ้ำ) อนุปสฺสี (ปุ.) ผูพิจารณาเห็นเปนปกติ, ผูมีปกติ พิจารณา วิ. อนุปสฺสตีติ อนุปสฺสี, อนุปสฺสนสีโล วา อนุปสฺสี (ผูใดพิจารณาเห็น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อนุปสฺสี, อีกนัยหนึ่ง ผูมีปกติพิจารณาเห็น ชื่อวา อนุปสฺสี), [อนุ + ทิส ธาตุ เปกฺขเณ ใน ความดู + ณี ปจจัย, แปลง ทิส เปน ปสฺส], ใน ขอนี้มีตัวอยางดังนี้วา กาเย กายานุปสฺสี อนุปหจฺจ (กิตฺ.) ไมกระทบ, ไมเขาไปทำลาย วิ. น อุปหนฺตฺวาติ อนุปหจฺจ, อนูปหจฺจ วา (อนุปหจฺจ หรือ อนูปหจฺจ แปลวา ไมเขาไป กระทบ), [น + อุป + หน ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน รจฺจ ดวยสูตร นิ รุตฺติ.๗๖๐ วา หนา รจฺโจ, ลบ น และ ร] นัย เดียวกันเชน อาหจฺจํ บทนี้ อา บทหนา, อุหจฺจ บทนี้ อุ บทหนา, วิหจฺจ บทนี้ วิ บทหนา, สํหจฺจ บทนี้ สํ บทหนา อนุปฺปตฺต (ติ.) บรรลุ, ลุ, ไปถึง, ถึงตามลำดับ วิ. อนุกฺกเมน ปทติ คจฺฉตีติ อนุปฺปตฺโต (ผูใดลุ ถึงแลว โดยลำดับ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุปฺปตฺต), [อนุ + ปท คติยํ+ ต ปจจัย, ลบที่สุด ธาตุและ ซอน ปฺ, ตฺ] วิ. อนุกฺกเมน ปตฺโต อนุปฺปตฺโต (ผูถึงโดยลำดับ ชื่อวา อนุปฺปตฺต),
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓๕ นัยเดียวกันเชน สมฺปตฺโต สมฺปตฺตํ (ถึงพรอม แลว) บทนี้มี สํ เปนบทหนา อนุปฺปทาตุ (ปุ.) สงเสริม, ตามเพิ่มให วิ. อนุปฺปเทตีติ อนุปฺปทาตา (ผูใดยอมตามเพิ่ม ให เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุปฺปทาต), เชนคำวา อนุพลปฺปทาตา (ตามเพิ่มใหกำลัง, เสริมกำลัง), [อนุ + ป + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ตุ ปจจัย เปนกัตตุสาธนะ] นัยเดียวกันเชน อนุปฺปทายโก (ผูตามเพิ่มให) ณฺวุ ปจจัย แปลง เปน อก, แปลงที่สุดธาตุที่เปน อา การันตเปน อาย กจฺ.๕๙๓ รูป.๕๖๔ วา อาการนฺตานมาโย. อนุปฺปทายี (ผูมีปกติตามเพิ่มให) ลง ณี ปจจัย, อนุปฺปทานํ (การตามเพิ่มให) ลง ยุ ปจจัย เปน ภาวสาธนะ) แตในภาษาสันสกฤตมีรูปกิริยาวา อนุปฺรทานมฺ อนุปฺปพนฺธ (ติ.) ติดตามไป, สืบเนื่องกันไป วิ. อนุปฺปพนฺธตีติ อนุปฺปพนฺโธ (ภาวะใดยอม ติดตามไป เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุปฺปพนฺธ), [อนุ + ป + พนฺธ ธาตุ พนฺธเน ในความติด + อ ปจจัย กัตตุสาธนะหรือภาวสาธนะ] นัยเดียวกัน เชน อนุปฺปพนฺธนํ (การติดตามไป) ยุ ปจจัย ในภาวสาธนะ, อนุปฺปพนฺธกํ (ผูติดตามไป) ณฺวุ ปจจัย กัตตุสาธนะ, อนุปฺปพนฺธมานา (ผูติดตาม ไปอยู) มาน ปจจัย กัตตุสาธนะ อนุปฺปาส (ปุ.) อนุปปาสมธุรตาคุณ, การกลาว ซ้ำเสียง, ออกเสียงซ้ำบอยๆ, ชื่อหลักการแตง ถอยคำใหไพเราะตามหลักอลังการ เปน ๑ ใน ๒ อยางแหงมธุรตาคุณ แปลตามศัพทวา การวาง ไวตามหลัง วิ. ปมปฺปยุตฺตสฺสกฺขรสฺส อนุ ปจฺฉา ปาโส ปกฺเขโป อนุปฺปาโส, วณฺณาวุตฺติ (การเกี่ยวคือการวางบทไวหลังอักขระที่วางไว กอน ชื่อวา อนุปฺปาส ไดแก ระเบียบวิธีวาง อักขระ ), [อนุ + ป + อส ธาตุ ปกฺเขเป ในความ ใสเขาไป + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ, ทีฆะ อ เปน อา, ซอน ปฺ] (สุโพธาลังการมัญชรี, ๑๒๗/ ๒๕๕) อนุปาทาย (กิ.กิตฺ.) ไมยึดมั่น, ไมยึดติด วิ. น อุปาทิยิตฺวาติ อนุปาทาย (อนุปาทาย แปลวา ไม ยึดติดถือแลว), [น + อุป + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ตฺวา ปจจัย อาเทศเปน ย] หรือ สำเร็จรูปเปน อนุปาทา ก็ได, ลบ ย ดวย ขอกำหนดมหาสูตร เชน อนุปาทา วิมุตฺโต อนุปาทาวิมุตฺโต วา (พนแลวเพราะไมถือมั่น ชื่อวา อนุปาทาวิมุตฺต ก็ได), ก็ในตัวอยางนี้ สมาส บทเขากับบทหนาที่มี ตฺวา ปจจัยเปนตน เปนที่สุดไดแนนอน ดวยสูตรสัททนีติ (นีติ.๖๘๓) วา ตฺวาปจฺจยนฺตาทีหิ จ ปุพฺเพหิ, อีกนัยหนึ่ง สำเร็จรูปเปน อนุปาทิยิตฺวา ก็ได ลง ย ปจจัย ทายธาตุที่จัดเขาหมวด ทิว ธาตุ + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม, ในเพราะ ย แปลงที่สุดธาตุเปน อิ ดวย สูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน แตในโมคคัลลานะวา เพราะฐานะแหงสมาส สระอยู อาเทศ อา แหง ทา ธาตุ เปน อิย ดวย สูตร โมคฺ. ๕/๑๓๒ วา ทาสฺสยิงฺ อนุปาทิเสส (อิตฺ.) อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ, ดับกิเลสไมมีเบญจขันธเหลือ, ดับไมเหลือทั้ง กิเลสขันธ วิ. อุปาทียติ กมฺมกิเลเสหีติ อุปาทิ, วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูป, ตเทว กมฺมกิเลเสหิ สมฺมา อปฺปหีนตาย เสโส, นตฺถิ เอตฺถ อุปาทิ เสโสติ อนุปาทิเสสา, นิพฺพานธาตุ (ภาวะใด กรรมและกิเลสเขาไปยึดถืออยู เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อุปาทิ ไดแก วิปากขันธและกฏัตตารูป, อุปาทินั้นนั่นเอง ชื่อวา เสส เพราะกรรมกิเลสยงั ไมถูกละไป, อุปาทิเสสไมมีในภาวะนั้น เหตุนั้น
๑๓๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ภาวะนั้นชื่อวา อนุปาทิเสสา ไดแก นิพพาน ธาตุ), โส ปน อุปาทิ กิเลสาภิสงฺขารมารนิมฺ- มถเนน นิพฺพานปฺปตฺติยํ อโนสฺสโ, อิธ ขนฺธมจฺจุมารนิมฺมถเนน โอสฺสโ นิสฺเสสิโตติ อยํ อนุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ นตฺถิ เอติสฺสา อุปาทิเสโสติ กตฺวา (ก็อุปาทินั้นชื่อวา ยังไมได ปลงลงในการบรรลุพระนิพพาน ดวยการย่ำยี กิเลสและอภิสังขาร ในที่นี้ชื่อวาปลงลงแลว คือ ทำไมใหเหลือแลว ดวยการย่ำยีแหงขันธมาร และมัจจุมาร เพราะฉะนั้น นิพพานธาตุนี้ ชื่อวา อนุปาทิเสส เพราะกระทำอธิบายวา ไมมีอุปาทิ ยังเหลืออยู), สารัตถทีปนีฎีกา ๑/๔๓ อนุปาทิยาน (ติ.) ๑. ไมถือมั่นอยู วิ. อุปาทิยตีติ อุปาทิยาโน, อุปาทิยนฺโตติ อตฺโถ (ผูใดถือมั่นอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อุปาทิยาน หมายความวา ยึดถืออยู), [อุป + อา + ทา ธาตุ อาทาเน ใน ความถือ+ ย ปจจัยในหมวด ทิว ธาตุ + มาน ปจจัยในปจจุบัน, อาเทศ มาน เปน อาน, ใน เพราะ ย แปลงที่สุดธาตุเปน อิ กจฺ.๕๑๗ รูป. ๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน. แตในโมคคัลลานะ วา เพราะฐานะแหงสมาส สระอยู อาเทศ อา แหง ทา ธาตุ เปน อิย ดวยสูตร โมคฺ. ๕/๑๓๒ วา ทาสฺสิยงฺ วิ. น อุปาทิยาโน อนุปาทิยาโน, อนุปาทิยนฺโต (ไมถือมั่นอยู ชื่อวา อนุปาทิยาน คือไมยึดมั่นอยู), นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส. ๒. ไมถือมั่นแลว, เพราะไมถือมั่น วิ. น อุปาทิยิตฺวาติ อนุปาทิยาน, อนุปาทิยาโน วา (อนุปาทิยาน หรือ อนุปาทิยาโน แปลวา ไมถือ มั่นแลว), [น + อุป + อา + ทา ธาตุ ทาเน ใน การให + ตฺวา ปจจัย, แปลง อา เปน อิ, แปลง ตฺวา เปน ยาน หรือ แปลง อ เปน โอ] อนุปายนิี (อิตฺ.) ติดตามไป, ไปตาม วิ. อนุปยนํ อนุปาโย, อนุปาโย เอติสฺสา อตฺถีติ อนุปายินี (การตามไป ชื่อวา อนุปาย, การตามไปของเงา เปนตนนั้นมีอยู เหตุนั้น เงาเปนตนนั้น ชื่อวา อนุปายินี), [อนุ + ป + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความ ไป + ณ ปจจัย ในภาวสาธนะ ลบ ณ อนุพันธ + แปลง อิ เปน อาย, อี ปจจัยในตทัสสัตถิตัทธิต + อินี ปจจัยในอิตถีลิงค] เปนวิเคราะหตัทธิตมี วิเคราะหกิตกเปนทอง อนุปุพฺพี (อิตฺ.) ตามลำดับ, ไปตามลำดับ, เปนไปตามสิ่งที่อยูเบื้องหนา วิ. ปุพฺพสฺส อนุรูปา อนุปุพฺพี (กถาเปนตนที่ไปตามลำดับ ธรรมที่อยูเบื้องหนา ชื่อวา อนุปุพฺพี), เชน กโมติ อนุปุพฺพี (อนุปุพฺพี แปลวา ลำดับ) เนตฺติฏีกา ๓๐, [อี ปจจัย กจฺ.๒๓๘ รูป.๑๘๗ วา นทาทิโต วา อี, ศัพทนี้เปนอิตถีลิงค (อปุเม). ปาฐะวา อนุปุพฺพํ ก็มีบาง อนุเปกฺขก (ติ.) ๑. ผูคอยดูอยู, ผูตามเพงดู, ผูเฝาดู วิ. อนุเปกฺขตีติ อนุเปกฺขโก อนุ ปุนปฺปุนํ อิกฺขตีติ อตฺโถ (ผูใดยอมคอยเพงดู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุเปกฺขก หมายความวา มองดูอยู บอยๆ), [อนุ + ป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ใน ความเห็น + ณฺวุ ปจจัย อาเทศเปน อก], นัย เดียวกันเชน อนุเปกฺขณา อนุเปกฺขนา (การ ตามดู) ลง ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, อนุเปกฺขิตํ (สิ่ง อันเขาเฝาดูแลว, การดู) ต ปจจัย และ อิ อาคม อนุพนฺธ (ติ.,ปุ.) ๑. ไลตาม, ติดตาม (ติ.) ๒. อนุพันธ (ปุ.) อักษรอันไมมีการประกอบใน อุทาหรณบาลี, ชื่ออักษรที่ติดมากับปจจัย เปน เครื่องหมายใหรูวิธีบางอยาง ตองถูกลบไป จึงไม ปรากฏในบทสำเร็จ วิ. อนุพนฺธตีติ อนุพนฺโธ อปฺปโยคี (อักษรใดยอมติดมา เหตุนั้น อักษรนั้น
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓๗ ชื่อวา อนุพนฺธ ไดแกอักษรที่ไมประกอบไวในบท สำเร็จ), [อนุ + พนฺธ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ณ ปจจัย] วิ. อฺปจฺจยํ พนฺธตีติ อนุพนฺโธ (ปจจัยใดติดกับปจจัยอื่น เหตุนั้น ปจจัยนั้นชื่อวา อนุพันธ), [อนุ + พนฺธ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อ ปจจัย], วิ. อนุพนฺธียเต ปลาปยตีติ อนุพนฺโธ. (อักษรใดอันทานลบเสีย เหตุนั้น อักษรนั้นชื่อวา อนุพันธ), [อนุ + พธ ธาตุ พาธเน ในความ เบียดเบียน + ณ ปจจัยในกัมมสาธนะ + นิคหิต อาคม แปลงเปน นฺ ที่สุดวรรค] ดู รูป.๕๕๓ วิ.การิยวเสน อนุ ปจฺฉา พนฺธียเตติ อนุพนฺโธ, อนุพชฺฌเตติ อตฺโถ (ปจจัยใดอันทานผูกไวดวย โดยเปนปจจัยที่ตองทำการลบ เหตุนั้น ปจจัย นั้นชื่อวา อนุพันธ หมายความวา ประกอบติด ไว), [อนุ + พนฺธ ธาตุ วิโลปเน ในความไมลบ + ฆฺ ในกัมมสาธนะ) วิ. อนุพนฺธฺยเต วินสฺสเตตฺยนุพนฺโธ (ชื่อวา อนุพันธ เพราะอรรถวาตองลบ), [อนุ + พนฺธิ ธาตุ วินาสตฺเถ ในอรรถวาพินาศ + อ ปจจัยในกัมมสาธนะ วิ. โย วณฺโณ ปโยคสฺส อวยโว น โหติ, สุตฺเตสุ สงฺเกตมตฺโต โหติ, โส อนุพนฺโธ นาม (อักษรใด ไมเปนสวนหนึ่งของ ประโยค เปนเพียงขอสังเกตในสูตร อักษรนั้น ชื่อวา อนุพันธ) วิ. อนุพนฺธีติ อนุพนฺโธ, อนุคโต (อักษรใดที่ติดตามมา เหตุนั้น อักษรนั้น ชื่อวา อนุพันธ ไดแก อักษรที่ติดมา), [อนุ + พธ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ต ปจจัยในกัตตุวาจก, แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ ตัวหนาเปน นฺ วิ. อนุพนฺธียิตฺถาติ อนุพนฺโธ (ผูใดอันเขาติดตาม ตามแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุพันธ ผูถูกติด ตา), เชนคำวา มาเรน อนุพนฺธภาวํ (ความที่ถูก มารติดตาม), [อนุ + พนฺธ/พธ ธาตุ พนฺธเน ใน ความผูก + ต ปจจัยกัมมสาธนะ + แปลง ต เปน ธ, ลบ น, แปลง ธ ที่ตนเปน น] อีกนัยหนึ่ง สำเร็จรูปเปน อนุพทฺโธ แปลง ต เปน ธ, แปลง ธฺ ตัวหนาเปน ทฺ อักษรที่ ๓, ในเนตติ เปนตนวา ปปฺโจ นาม วุจฺจติ อนุพนฺโธ, อนุพนฺโธติ จ ตณฺหาทีนํ อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺตี (ขึ้นชื่อวา ปปญจะ ทานเรียกวา อนุพันธ, ก็ที่ชื่อวา อนุพันธ นั้นไดแก ตัณหาเปนตนติดตามไป) อนุพนฺธนฺต (ติ.) ๑. ติดตามไปอยู วิ.อนุพนฺธตีติ อนุพนฺธนฺโต (ผูใดติดตามไปอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุพนฺธนฺต), [อนุ + พนฺธ ธาตุ พนฺธเน ใน ความผูก + อ ปจจัยประจำหมวดธาตุ + อนฺต ปจจัย กัตตุวาจก ปจจุบันกาล] ๒. ผูอันเขา ติดตามมาอยู วิ. อนุพนฺธียนฺตีติ อนุพนฺธนฺตา, อนุพนฺธิยมานาติ อตฺโถ (ผูใดอันเขาติดตามมา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุพนฺธนฺตา หมายความวา อันเขาตามติดมา), [อนุ + พนฺธ ธาตุ พนฺธเน ใน ความผูก + ย ปจจัยในกัมมวาจก + อิ อาคม + มาน ปจจัย ในกัมมวาจก, อาเทศ มาน เปน อนฺต, ลบ ย ดวย กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน เชน ทิสฺสมาโน ทิสฺสนฺโต, อาเทศ มาน เปน อนฺต กจฺ.๕๑๘ รูป.๔๔๖ วา อตฺตโนปทานิ ปรสฺสปทตฺตํ] อนุพฺรูหน (นปุ.) การพอกพูน, การถึงพรอม, การสั่งสม วิ. อนุวุฑฺฒิ สมฺปตฺติ สมฺปณฺฑนํ วา อนุพรฺ ูหนํ (การพอกพูน การถึงพรอม การสั่งสม ชื่อวา อนุพฺรูหน), [อนุ + พฺรูห ธาตุ วุฑฺฒิยํ ใน ความเจริญ + ยุ แปลงเปน อน] อนุโพธ (ปุ.) การรูตาม, การเขาใจ วิ. อนุรูป พุชฺฌนํ อนุโพโธ, ปุพฺพภาคิยาณํ (การรูตาม ชื่อวา อนุโพธ คือญาณอันเปนสวนเบื้องตน), วิ. อนุสฺสวาการปริวิตกฺกทิินิชฺฌานกฺขนฺติ- อนุคโต วา โพโธ อนุโพโธ (อีกนัยหนึ่ง ความ
๑๓๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ตรัสรู ที่ไปตามความไดยินไดฟงมา ความนึกคิด ไปตามอาการ ความเห็น ความเพง และ ความถูกใจ ก็ชื่อวา อนุโพธ) (วิสุทฺธิมคฺคมหาฏี กา ๓/๒๐๕), [อนุ + พุธ ธาตุ าเณ ในความรู + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อุ เปน โอ] วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ พุชฺฌตีติ อนุโพโธ (การตรัส รูตาม คือบอยๆ ชื่อวา อนุโพธ), [อนุ + พุธ ธาตุ าเณ ในความรู + ณ ปจจัย] วิ. อนุรูปโต ธมฺเม พุชฺฌตีติ อนุโพโธ (ผูใดตรัสรูธรรมโดยสมควร เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุโพธ), วิ. อนุรูป พุชฺฌติ เอเตนาติ อนุโพโธ (บุคคลยอมรูตาม ดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อนุโพธ-เปนเหตุตรัสรูตาม), [พุธ ธาตุ + ณ ปจจัย], ตพฺพิปรีตโต อนนุโพโธ, อวิชชา (สิ่งที่ ตรงขามกับการตรัสรู ชื่อวา อนนุโพโธ ไดแก อวิชชา) อนุภวนฺต (ติ.) เสวยอยู, ประสบอยู, ไดรับอยู วิ. อนุภวตีติ อนุภวนฺโต, อนุภวํ วา (ผูใดเสวย อยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุภวนฺต, อนุภวํ), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + อนฺต ปจจัย], อภิภวนฺโต อภิภวํ, ปริภวนฺโต ปริภวํ เปนตน ก็นัยนี้, ก็ในขอนี้ อนฺต, มาน ปจจัย ลง ในปจจุบันกาล ลักขณะ และเหตุ โดยการแบง สูตร กจฺ.๕๖๕ วา มานนฺตา, ในขอนี้มีตัวอยาง ดังตอไปนี้ปจจุบันกาล : ปนฺโต วสติ (เขา สาธยายอยู), ลักขณะ : สูปกาโร โอทนํ ปจมาโน คายติ (พอครัวเมื่อหุงขาวยอมขับรอง), คามํ คจฺฉนฺโต รุกฺขมูลํ อุปาคมิ(เมื่อไปหมูบานไดเขา ไปสูโคนตนไม), เหตุ : ชยมาโน เวรํ ปสวตีติ (ยอมกอเวร เพราะชัยชนะ), อีกอยางหนึ่ง อนฺต, มาน ปจจัย ลงในกาลอื่นๆ ก็ได เชน อดีตกาล : ธาวนฺโต คโต (วิ่งไปแลว), เหตุ : กลาวแลว เพราะประสงคจะแสดง, ดังที่ทานแสดงไวใน กัจจายนสาร (คาถาที่ ๔๔) วา มานนตฺา วตฺตมานา จ ลกฺขเณ เหตุเก สิยุํ กิตา ธาตฺวตฺถสมฺพนฺเธ โหนฺติ กาลนฺตเรสฺวปติ ในกัจจายนสารมัญชรี, หนา ๑๒๕ พระคันธสา ราภิวงศ แปลไววา มาน และ อนฺต ปจจัยพึงลง ในปจจุบันกาล, อรรถลักษณะ และอรรถเหตุ, เมื่อความเกี่ยวเนื่องกับอรรถของธาตุ [ในกิริยา คุมพากยมีอยู] กิตปจจัยยอมลงแมในการอื่น [จากกาลเดิม] และในเรื่องนี้ ทานอธิบายไวใน สัททัตถเภท จินดา คาถาที่ ๓๗๑-๓๗๒ วา มานนฺตาวตฺตมานานา- คเตเกเสสเกนตฺิติ อนโฺต กตฺตริมาโน ตุภาเว กมฺมนิกตฺตริ. ตินฺโต ติมาโนหํ กริสฺสามิ วิภาวยํ ียมานํ มยา ภฺ- มานํ ตุมฺเห สุณิสฺสถาติ มาน และ อนฺต ปจจัย ลงในอรรถปจจุบันกาล และอนาคตกาล บางอาจารยกลาววา อนฺต ปจจัยลงไดทั้งสามกาล อนฺต ปจจัยเปนกัตตุ วาจกอยางเดียว สวน มาน ปจจัยเปนได ๓ วาจก คือกัตตุวาจก กัมมวาจก และภาววาจก ตัวอยางเชน โส ตินฺโต ติมาโน “เขายืน อยูยอมกระทำ” อหํ วิภาวยํ กริสฺสามิ “ขาพเจา จะแสดงจักกระทำ” ียมานํ “การจะยืน” มยา ภฺมานํ ตุมฺเห สุณิสฺสถ “ทานทั้งหลายจัก สดับคำที่ขาพเจา จะกลาว” อนุภวิตพฺพ (ติ.) อันเขาพึงเสวย, อันเขาพึง ประสบ วิ. อนุภวนียนฺติ อนุภวิตพฺพํ, อนุภูตพฺพํ วา (สิ่งใดอันเขาพึงเสวย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุภวิตพฺพ หรือ อนุภูตพฺพ), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ตพฺพ ปจจัย,
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๓๙ แปลง อู เปน โอ, อาเทศ โอ เปน อว], ภวิตพฺพํ ก็นัยนี้ อนุภวิตุ (ปุ.) ผูเสวย, ผูประสบ วิ. อนุภวตีติ อนุภวิตา, อนุภูตา วา, สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา อนุภวนฺโต โย โกจิ (ผูใดเสวย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุภวิตา, อนุภูตา, ไดแก คนใดคนหนึ่งที่ประสบสุข ทุกข และอทุกขม สุข), [อนุ + ภู ธาตุ + ตุ ปจจัย, พฤทธิ์ อุ เปน โอ อาเทศเปน อว + อิ อาคม] อนุภวิตุํ(อพฺ.) จักเสวย, อันเขาจักเสวย, เสวยอยู, เสวยแลว, การเสวย วิ. อนุภวียิสฺสเต อนุภวิตุํ (สิ่งใดอันเขาจักเสวย ชื่อวา อนุภวิตุํ), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน, ตุํตาเยตเว ภวิสฺสติ กฺริยายํ ตทตฺถายนฺติ ตทตฺเถนาคเต ภาเว ตุํปจฺจโย โหติ ลง ตุํ ปจจัย ในอรรถภาวสาธนะ อนาคตกาล ซึ่งเปนผลของ กิริยาที่เปนเหตุนั้น ดวยขอกำหนดวา ตุํ ตาเย และ ตเว ปจจัย จักลงในกิริยาที่เปนผลมาจาก เหตุนั้น, สทฺทตฺถเภทจินฺตา-ทีปนี, คาถา ๓๗๓ หนา ๓๖๖], นัยเดียวกันเชน กาตุํ มีความวา กรียิสฺสเต กาตุํ, กร กรเณ, ตุํ, กรสฺส กาเทโส. ตเถว กตฺตาเย, กาตเว. ตทนฺเตหิ จตุตฺถิยา โลป ตา. (กาตุํ แปลวา อันเขาจักกระทำ, กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ตุํปจจัย + อาเทศ กร เปน กา. กตฺตาเย, กาตเว-จักกระทำ ก็นัยเดียวกันนี้ แล. มีการลบ จตุตถีวิภัตติ ทายศัพทที่มีปจจัย เปนที่สุดนั้น), กรณํ วา กาตุํ, ยถา กาตุํ วฏติ, กร กรเณ, ตุํตาเยตเวติ สุตฺตวิภาเคน ตุํปจฺจโย, ปฐมาวิภตฺติโลโป. อกาสิ กโรติ กริสฺสตีติ กาตุํ, กร กรเณ, สมานกตฺตุเกสุ ตเวตุํ วาติ โยควิภาเคน ตุํปจฺจโย กตฺตริ. (อีกนัยหนึ่ง กาตุํ แปลวา การกระทำ เชน การกระทำ ยอมควร, กร ธาตุ กรเณ ในความทำ ประกอบ ตุํ ปจจัย ดวยการแบงสูตร โมคฺ. ๕/๖๑ วา ตุํตาเยตเว, ลบ ปฐมาวิภัตติ, กาตุํ แปลวา ไดกระทำแลว ยอมกระทำ จักกระทำ, กร ธาตุ กรเณ ในความ ทำ, ลง ตุํ ปจจัย ในกัตตุวาจก ดวยการแบงสูตร วา กจฺ.๕๖๑ รูป.๖๓๖ วา สมานกตฺตุเกสุ ตเวตุํ วา) เต จ กิตฺสฺตฺตา เอกกตฺตุกานนฺติ วุตฺตตฺตา จ กตฺตริเยว ภวนฺติ. กลาปโมคฺคลฺลานาทิ- พฺยากรเณสุ ปน ภาเว (อนึ่งบทเหลานั้นเปน กัตตุสาธนะนั่นเอง เพราะทานกลาวไววา เพราะ ความที่ปจจัยเหลานั้นมีชื่อวากิตดวย เพราะ ความมีสภาพอันทานกลาวแลววา มีกัตตาเสมอ กันดวย แตในไวยากรณมีกลาปโมคคัลลานะ เปนตน วาเปน ภาวสาธนะ), สาสเนว กตฺตุกมฺม ภาเวสุ โหนฺติ. วุตฺตฺหิ เภทจินฺตายํ (ในคัมภีร บาลีเทานั้น วาบทเหลานั้นเปนกัตตุสาธนะ กัมมสาธนะ และภาวสาธนะ, ดังที่ทานอธิบาย ไวในเภทจินดา วา ตเว ตุํ ตุน ตฺวาน ตฺวา ภาเว กตฺตริ กมฺมนิ พฺยากรเณ ตุ ภาเวว ตฺวาทโย นิยมนฺติ เตติ (ตเว ตุํ ตุน ตฺวาน ตฺวา ปจจัย เปนภาวสาธนะ กัตตุสาธนะ และกัมมสาธนะ, สวนในไวยากรณวา ตเว ปจจัยเปนตนนั้น กำหนดวาเปน ภาวสาธนะ เทานั้น) และวา กลาปาทีสุ ภาวตฺเถ ตุนาตฺยาทิ วิธียเต กจฺจายนาทีสุ กตฺวตฺเถ กิตฺสฺาย วิธียเตติ (ในคัมภีรกลาปเปนตน ทานทำ ตูนาทิ ปจจัย เปนตน ไวในอรรถแหงภาวสาธนะ ในคัมภีร กัจจายนะเปนตน เพราะมีชื่อวา กิตปจจัย ทาน จึงทำตูนาทิปจจัยเปนตน ในอรรถแหงกัตตุ สาธนะ), ดู สทฺทตฺถเภทจินฺตา-ทีปนี, หนา ๓๗๑
๑๔๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนุภวิยาน (ติ.) เสวยแลว, ประสบแลว วิ. อนุภวิตฺถาติ อนุภวิยาน, อนุภวิตุน วา, อนุภวิตฺวา อนุภวิตฺวาน (ผูใดเสวยแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุภวิยาน, อนุภวิตุน, อนุภวิตฺวา อนุภวิตฺวาน), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ตุนาทิ, อาเทศเปน ยาน ดวยการ แบงสูตร กจฺ.๕๙๗ รูป.๖๔๑ วา ตุนาทีนํ, ขาทิยาน (เคี้ยวกันแลว), อาทิยาน (ถือเอา แลว), อนุปาทิยาน (เขาไปถือแลว) เปนตน ก็นัยนี้, ก็ในที่นี้ ลง ตุนาทิ ปจจัยดวยกัจจายน สูตร กจฺ.๕๖๔ รูป.๖๔๐ วา ปุพฺพกาเลกกตฺตุ- กานํ ตุนตฺวานตฺวา วา, ลบปฐมาวิภัตติ หลังจาก ตุนาทิ ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๒๒๑ รูป.๒๘๒ วา สพฺพาสมาวุโส เปนตน, ก็ปจจัยเหลานั้น เปน กัตตุวาจก เพราะไดชื่อวา กิต ปจจัย และเพราะ ทานกลาววา เอกกตฺตุกานํ-ลงที่สำหรับกัตตา เดียวกัน, แตในโมคคัลลานะ โมคฺ.๕/๖๓ วา ตุนาทิ ปจจัย ลงในอรรถภาวะสาธนะ ดวยสูตร วา ปุพฺเพกกตฺตุกานํ, ลบปฐมาวิภัตติท่ีทาย ตฺวา ตฺวาน ปจจัย เชน สูโท โอทนํ ปจิตฺวา ภฺุชติ (พอครัวหุงขาวแลวกิน), ในขอนี้ สมดังที่ทาน แสดงไวใน สัททัตถเภทจินดา คาถา ๓๗๘ วา กลาปาทีสุ ภาวตฺเถ ตุนาตฺยาทิ วิธียเต กจฺจานาทีสุ กตฺวตฺเถ กิตฺสฺาย วิธียเตติ ในคัมภีรกลาปะเปนตน แสดงวา ตุน ปจจัย เปนตน ลงในอรรถภาวะ สวนในคัมภีรกัจจายนะ เปนตน แสดงวาลงในอรรถกัตตา เพราะตั้งชื่อ วากิตปจจัย อนึ่ง ตุนาทิ ปจจัย เปนตนเหลานั้น เปนกริยา วิเสสนะ แตบางมติวา เปนวิเสสนะของกัตตาก็ ได เพราะเหตุนั้นทานจึงกลาวไวใน สัททัตถเภทจินดา คาถา ๓๘๐ วา กฺริยาวิเสสนตฺถาว ตฺวาทฺยนตฺา ตพฺพิเสสโต กตฺตุวิเสสนตฺถาติ เกจิ กตฺตริ วุตฺติโตติ บทกิริยาที่ประกอบดวย ตฺวา ปจจัยเปนตน ชื่อวา กิริยาวิเสสนะ เพราะทำหนาที่ขยายกิริยา หลักใหชัดเจนยิ่งขึ้น บางอาจารย เรียกวา กัตตุ วิเสสนะ เพราะลง ตฺวา ปจจัย เปนตน ใน อรรถกัตตุสาธนะ แตเมื่อจะลงในอรรถเหตุ พึงทำการแบงสูตร เพราะมีกัตตาไมเสมอกัน. เพราะฉะนั้นทานจึง กลาว (ไวใน กจฺจายนตฺถทีปนี, หนา ๖๐๙) วา อตีตานาคตสมาน- ลกฺขณเหตุเกสุ จ ปฺจสฺเวเตสุ อตฺเถสุ ตฺวาทิโหนตฺิยถารหนตฺิ ตฺวา ปจจัยเปนตน ลงในอรรถ ๕ อยางเหลานี้ ไดแก อตีตกาล อนาคตกาล สมานกาล ลักขณะ และเหตุตามสมควร อนุภาวิย (ติ.) อันเขาพึงเสวย วิ. อนุภวิตพฺโพติ อนุภาวิโย (สิ่งใดอันเขาพึงเสวย เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุภาวิย), เชน อนุภาวิโย โภโค ปุริเสน (โภคะอันบุรุษพึงเสวย) อนุภาวิยํ สุขํ (สุขอัน บุรุษพึงเสวย) อนุภาวิยา สมฺปตฺติ (สมบัติอัน บุรุษพึงเสวย), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อู เปน อาว] อนุภุยฺย (กิ.กิต.อพฺ.) เสวยแลว, ประสบแลว วิ. อนุภวิตฺวาติ อนุภุยฺย (อนุภุยฺย แปลวา เสวย แลว), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความ เปน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ซอน ยฺ, รัสสะ ภู เปน อุ], อภิภุยฺย ก็นัยนี้ แตตางกัน เพราะอุปสัค อนุภูต (ติ.) อันเขาเสวย วิ. อนุภวิยเตติ อนุภูโต. อนุภูยิตฺถาติ อนุภูโต โภโค (สิ่งใดอันเขาเสวยอยู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุภูต, สิ่งใดอันเขาเสวย แลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุภูต เชน โภคะอัน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๔๑ เขาเสวย), อนุภูตํ สุขํ (สุขอันเขาเสวย), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ต ปจจัย] อนุภูตวิสย (ปุ.) อนุภูตวิสัย, สัพพนามที่มีอรรถ ที่เสวยอารมณเปนวิสยัคือเพิ่มคำที่เกี่ยวกับการ เสวยอารมณมาจากภาคตน, ๑ ใน ๓ แหงอรรถ ของสัพพนาม ไดแก ปกฺกนฺตวิสย, ปสิทฺธิวิสย, อนุภูตวิสย (สุโพธาลังการมัญชรี ๑๒๒/๒๔๔) วิ. อนุรูป ภวนํ วิสโย เอตสฺสาติ อนุภูตวิสโย, ตสทฺโท (การเสวยอารมณในภาคตน เปนวิสัย แหงอรรถนั่น เหตุนั้น อรรถนั้น ชื่อวา อนุภูต วิสย ไดแก ต ศัพท) อนุภูติ(อิตฺ.) วิ. อนุภูติ อนุภวนํ อนุภูยเต วา อนุภูติ (การตามเสวย หรืออันเขาเสวย ชื่อวา อนุภูติ), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความ เปน + ติ ปจจัย] นิรุตฺติ.๗๑๗ อนุภูยมาน (ติ.) อันเขาเสวยอยู, อันเขา ประสบอยู, อันเขาใชอยู วิ. อนุภูยเตติ อนุภูยมาโน (สิ่งใดอันเขาเสวยอยู เหตุนั้น สิ่ง นั้น ชื่อวา อนุภูยมาโน), [อนุ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + มาน ปจจัยในปจจุบัน กาล ในภาวะและกรรม กจฺ.๕๖๕ รูป.๖๔๖ วา วตฺตมาเน เปนตน, โมค.๕/๖๖ วา ภาวกมฺเมสุ, ซอน ยฺ และรัสสะ, รูปวา อนุภุยฺยมาโน ก็มี, ในอรรถแหงอนาคตกาล เพิ่ม สฺส ขางหนาเปน อนุภูยิสฺสมาโน. อนุมฺ (กิ.กิตฺ.) อนุญาตแลว, รูตามแลว วิ. อนุชานิตฺวา อนุมฺ (อนุญาตแลว ชื่อวา อนุมฺ), [อนุ + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, แปลง นฺย เปน , ซอน ฺ] อนุมตา (อิตฺ.) การรูตาม, การเห็นดวย, การ อนุญาต วิ. อนุมฺเต อนฺุายเตติ อนุมตา (อันเขารูตาม เหตุนั้น ชื่อวา อนุมตา), [อนุ + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ต ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ลบ น] ปรมตมปฺปฏิสิทฺธํ อนุมตํ(อนุมต คือสำเร็จไดดวยการรูตามผอูื่น) อนุมติ (อิตฺ.) การรูตาม, อนุมัติ วิ. อนุมฺนํ อนุมติ (การรูตาม ชื่อวา อนุมัติ), [อนุ + มน ธาตุ มฺเน ในความรู + ติ ปจจัย, ลบ น] วิ. อนุมฺตีติ อนุมติ, อนุมติสมฺปทานํ, ตํ วุจฺจติ อพฺภานฺุสมฺปทานนฺติ. อนุมติ นาม ยํ ธนํ ทียเต. ตํ ธนํ สมฺปฏิจฺฉนํ. มติยา อนุรูป อนุมติ, อพฺยยีภาวสมาโสยํ (สิ่งใดอันเขายอมรู ตาม เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุมติ, ไดแก มอบ อนุมัติ, ทรัพยใด อันเขายอมให การรับทรัพย นั้นชื่อวา อนุมติ, สมควรแกมติ ชื่อวา อนุมติ, นัยนี้เปนอัพยยีภาวสมาส) อนุมสฺส (กิ.กิตฺ.) ลูบคลำแลว, จับตองแลว, เขาไปใกล, พาดพิง, เฉียดไป วิ. อนุมสิตฺวา อนุมสฺส (เขาไปลูบคลำแลว ชื่อวา อนุมสฺส), [อนุ + มส ธาตุ อามสเน ในความลูบคลำ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, แปลง สฺย เปน ส, ซอน สฺ] (ฉบับสยามรัฐวา อนุมาสฺส), นัยเดียวกัน อามสฺส บทนี้ อา บทหนา, ปริมสฺส บทนี้ ปริ บทหนา, ปมสฺส บทนี้ ป บทหนา อนุมาน (ติ.) อนุมาน, การคาดคะเน, การ ใครครวญ, การนับตาม วิ. อนุเมยฺยํ อนุมิโนตีติ อนุมานํ (สิ่งใดอันเขาพึงคาดคะเน หรือยอม คาดคะเน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุมาน), วิ. อนุมียเต อนุมานํ วา [อนุ + มา ธาตุ มาเน ในความนับ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อนุมุชฺชน (นปุ.) การจมลงตามลำดับ, การ คอยๆ จมลง วิ. อนุมุชฺชิยเต อนุมุชฺชนํ (อันเขา จมลงตามลำดับ ชื่อวา อนุมุชฺชน), [อนุ + มุชฺช
๑๔๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ธาตุ โอสีทเน ในการจมลง + ยุ ปจจัย อาเทศ เปน อน] นัยเดียวกัน อนุมุคฺโค, อนุมุคฺควา, กฺตกฺตวนฺตุปจฺจยา ลง กฺต, กฺตวนฺตุ ปจจัย, แปลง ต แหง กฺต และ กฺตวนฺตุ เปน ค ดวยสูตร โมคฺ.๕/๑๕๔ วา โค ภนฺชาทีหิ, แปลงที่สุดธาตุ เปน คฺ พึงเทียบ ภคฺควนฺตุ ขางหนา อนุเมยฺย (ติ.) อันเขาพึงคาดคะเน, อันเขาพึง นับ วิ. อนุมินิตพฺโพ อนุมานิตพฺโพ อนุมียเมติ วา อนุเมยฺโย (สิ่งใดอันเขาพึงคาดคะเน เหตุนั้น สิ่ง นั้นชื่อวา อนุเมยฺย), [อนุ + มา ธาตุ มาเน ใน ความนับ + ณฺย ปจจัย, แปลง ณฺย ปจจัยกับ ที่สุดธาตุเปน เอยฺย] อนุโมทนา (อิตฺ.) การความยินดี, ความยินดี ดวย, การพลอยยินดี วิ. อนุ ปจฺฉา ปุนปฺปุนํ วา โมทนฺติ เอตายาติ อนุโมทนา (เขายินดีดวย พลอยยินดี หรือยินดียิ่งขึ้น ดวยธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อนุโมทนา), [อนุ + มุท ธาตุ โมเท ในความยินดี + ยุ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค) วิ. ปตฺตึ อนุโมทติ เอตายาติ อนุโมทนา (เขายอมพลอยยินดีสวนบุญ ดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อนุโมทนา) อนุโมทิยาน (กิ.กิตฺ.) อนุโมทนาแลว, พลอย ยินดีแลว วิ. อนุโมทิตฺวา อนุโมทิยาน (อนุโมทนาแลว ชื่อวา อนุโมทิยาน) สำเร็จรูปวา อนุโมทิยาโน ก็ได, [อนุ + มุท ธาตุ โมทเน ในความยินดี + ตฺวาน ปจจัย, แปลง อุ เปน โอ, อิ อาคม, แปลง ตฺวาน เปน ยาน หรือแปลง อ ที่ ยาน เปน โอ ดวยมหาสูตร อนุยาคี (ติ.) ผูบูชาเปนปกติ, ผูเซนสรวง วิ. อนุยชติ สีเลนาติ อนุยาคี [ผูใดยอมบูชา เนืองๆ โดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุยาคี] [อนุ + ยช ธาตุ เทวปูชายํ ในการบูชาเทพเจา + ณี ปจจัย, แปลง ช เปน ค, ทีฆะ อ เปน อา] อนุยฺุชิต (ติ.) ประกอบแลว, อันเขาตาม ประกอบแลว วิ. อนุยุชฺชิตฺถาติ อนุยฺุชิโต (สิ่ง ใดอันเขาประกอบแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุยฺุชิต), [อนุ + ยุช ธาตุ โยเค ในความ ประกอบ + ต ปจจัย, นิคหิตอาคม แปลงเปน ฺ พยัญชนะที่สุดวรรค + อิ อาคม] อนุยฺุชิยมาน (ติ.) ถูกถาม, อันเขาถามอยู, อันเขาสอบสวนอยู วิ.อนุยฺุชิยติ ปุจฺฉิยตีติ อนุยฺุชิยมาโน (ผูใดอันเขาสอบถามอยูเหตุนนั้ ผูนั้นชื่อวา อนุยฺุชิยมาน), [อนุ + ยุช ธาตุ ปุจฺฉเน ในความถาม + ย ปจจัยในกัมมวาจก + มาน ปจจัย + อิ อาคม และ นิคหิตอาคม] อนุโยค (ปุ.) ๑. สิ่งอันเขาพึงถาม, ปญหา, คำถาม วิ. อนุยฺุชิตพฺโพ ปุจฺฉิตพฺโพติ อนุโยโค ปฺโห (สิ่งใดอันเขาพึงถาม เหตุนั้น สิ่งนั้นช่ือวา อนุโยค), [ยุช ธาตุ ปุจฺฉเน ในความถาม + ณ ปจจัย], ปรสฺส ปฏิปตฺติยา โสธนตฺโถ อนุโยโค โจทนา (การถามเพื่อชำระขอปฏิบัติของผูอื่น ชื่อ วา อนุโยค ไดแก การโจทย), ๒. อันเขาพึง ประกอบ วิ. อนุยฺุชิตพฺโพติ อนุโยโค (สิ่งใดอัน เขาพึงประกอบ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุโยค), [อนุ + ยุช โยเค+ ณ ปจจัย] ๒. การตาม ประกอบ วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ ยฺุชนํ อนุโยโค (การ ตามประกอบซ้ำ ชื่อวา อนุโยค), [อนุ + ยุช ธาตุ + ณ ปจจัย ในอรรถภาวะ กจฺ.๕๒๙ รูป.๕๘๐ วา ภาเว จ, แปลง ช เปน ค กจฺ.๖๒๓ รูป.๕๕๔ วา กคา จชานํ] วิ. อนุ อนุ ยฺุชนํ อนุโยโค (การ ประกอบเนืองๆ ชื่อวา อนุโยค), นิกฺกม ธาตุ วิ. วีริยสฺส พหุลีกรณํ อนุโยโค (การกระทำความ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๔๓ เพียรใหมาก ชื่อวา อนุโยค) หรือสำเร็จรูปเปน อนุยฺุชนํ ลง ยุ ปจจัยในภาวสาธนะ อนุรว (ปุ.) เสียงครวญ, เสียงรองระงม, เสียง ขรม, กังวาล วิ. อนุรวตีติ อนุรโว (ธรรมชาติใด เสียงดัง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อนุรว), [อนุ + รุ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน อว] วิ. อนุ ปจฺฉา ปุนปฺปุนํ วา อุปฺปนฺโน รโว อนุรโว [เสียงที่เกิดขึ้นตอมา หรือ เสียงที่เกิดขึ้นบอยๆ ชื่อวา อนุรโว] อนุราธา (อิตฺ.) ดาวอนุราธา, ดาวประจำฉัตร, ดาวนกยูง วิ. สุภาสุภผลํ อนุราธยติ สํสิชฺฌติ เอตายาติ อนุราธา (ผลดีผลรายสำเร็จไดดวย ดาวนั่น เหตุนั้น ดาวนั้น ชื่อวา อนุราธา), คำนี้ เปนชื่อดาว [ราธ ธาตุ สํสิชฺฌเน ในความสำเร็จ + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] วิ. อนุราธราชสฺส วาสิตฺตา นกฺขตฺเตนานุราเธน ปติาปตตาย จ อนุราธปุรํ (อนุราธปุระ เพราะพระราชา ชาวอนุราธพำนักอยู และเพราะเขาประดิษฐาน ขึ้นดวยฤกษชื่อวาอนุราธะ) อนุรุทฺธ (ปุ.) ผูปรารถนาวัตถุที่ประณีตแสน ประณีต วิ. ปณีตาปณีตํ อนุรุชฺฌตีติ อนุรุทฺโธ (ผูใดยอมปรารถนาวัตถุที่ประณีตและประณีต ยิ่งกวา เหตุนั้นผูนั้นชื่อวา อนุรุทฺธ), [อนุ + รุธ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความตองการ + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ เปน ท], ใน ธาตฺวตฺถสงฺคห อธิบายคาถา ๓๒๓ วิ. อนุรุชฺฌติ ปณีตาปณีตํ กาเมตีติ อนุรุทฺโธ (ผูใดยอมยินดีลาภอันประณตี แสนประณีต เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุรุทฺธ), ใน นิรุตฺติทีปนี(นิรุตฺติ.๗๕๐) วา รุธ ธาตุ อาวรเณ ในความปองกัน มี อนุ เปนบทหนา ใชในอรรถ วา ยินดี (กนฺติยํ) อนุรุทฺธิ (ปุ.) เหลากอแหงทานอนุรุทธ, เชื้อ สายอนุรุทธ วิ. อนุรุทฺธสฺส อปจฺจํ อนุรุทฺธิ (เหลา กอแหงอนุรุทธ ชื่อวา อนุรุทฺธิ), [ณิ ปจจัย แทน อปจฺจ ลบ ณ อนุพันธ] อนุรูป (ติ.) สมควรแกรูป, เหมาะ, สมควร วิ. รูปสฺส โยคฺคํ อนุรูป, รูปโยคฺคนฺติ อตฺโถ (เหมาะแกรูป ชื่อวา อนุรูป ความวา สมควรแก รูป), อนุอุปสคฺโค ยถาตฺเถ โยคฺคตายํ วตฺตติ (อนุ อุปสัคใชในอรรถยถา และ โยคฺค), วิ. อนุรูปตพฺโพติ อนุรูโป (ภาวะใดอันเขาเห็นดวย เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อนุรูป), [อนุ + รูป ธาตุ ทิสฺสเน ใน ความเห็น + ณ ปจจัย] อนุโรธ (ปุ.) ๑. ยินดี, พอใจ, คลอยตาม วิ. อนุโรธนํ อนุโรโธ อนุวตฺตนํ (ความยินดี ชื่อวา อนุโรธ คือ การคลอยตาม), [อนุ + รุธ ธาตุ อาวรเณ ในความปองกัน + ณ ปจจัย] ๒. การ อนุกูล, การเกื้อกูล, การปกปอง วิ. อนุโรเธตีติ อนุโรโธ, อนุกูลตา (ผูใดยอมหวงใย เหตุนั้น ผู นั้นชื่อวา อนุโรธ คือความอนุกูล), [รุธ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความปรารถนา + ณ ปจจัย] วิ. อนุรุชฺฌตีติ เอเตนาติ อนุโรโธ (บุคคลยอม ปกปอง ดวยธรรมนั่น เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อนุโรธ), [รุธ ธาตุ อาวรเณ ในความปองกัน + ณ ปจจัย] วิ. อนุรุชฺฌตีติ อนุโรโธ, ราโค, กาเมตีติ อตฺโถ (ภาวะใดยอมกำหนัด เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุโรธ ไดแก ราคะ หมายความวา ยอม ตองการ), [อนุ + รุธิ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความ ตองการ จัดเขาในหมวด ทิว ธาตุ + ณ ปจจัย ในกัตตสาธนะ และพฤทธิ์ อุ เปน โอ] อนุลาป (ปุ.) การพูดซ้ำซาก, พูดมาก, พร่ำ, พลาม วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ ลาโป อนุลาโป, พหุโส อภิธานํ (การพูดเนืองๆ ซ้ำซาก ชื่อวา อนุลาป,
๑๔๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา คือการพูดมาก), [อนุ + ลป ธาตุ วจเน ในความ กลาว + ณ ปจจัย ปจจัย] อนุโลม (ปุ.) อนุโลม, คลอยตาม, ตามขน คือ ไปตามลำดับ วิ. อนุโลเมตีติ อนุโลโม (สิ่งใดไป ตามขน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุโลม), [อนุ + โลม เปนนามธาตุ คือนามใชเปนดุจธาตุ + อ ปจจัย] วิ. อปฺปนาย อนุกูลตฺตา อนุโลมํ (ชื่อวา อนุโลม เพราะเกื้อกูลแกอัปปนา), อนุโลม ศัพท มีความหมายวาเกื้อกูล จัดเปนอนิปฺผนฺนปาฏิปทิก วิ. ปุพฺพาปรานํ อนุโลเมตีติ อนุโลมํ ปุพฺพภาเค ปริกมฺมานํอุปริอปฺปนายจอนุกูลนตฺิ อตฺโถ (จิตใดยอมคลอยตามจิตในเบื้องตนและ เบื้องปลาย เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา อนุโลมจิต ความวา คลอยตามบริกรรมจิตในสวนเบื้องตน และอัปปนาจิตสูงขึ้นไป), ความจริง จิตดวงแรก เรียกวา บริกรรม, ที่สอง เรียกวา อุปจาร, ที่สาม เรียกวา อนุโลม และที่สี่ เรียกวา โคตรภู, วิ. ปุริมานํ นวนฺนํ าณานํ กิจฺจนิพฺพตฺติยา อุปริ จ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อนุกุลํ อนุโลมํ, าณํ (ญาณที่เกื้อกูลแกการเกิดขึ้นแหงกิจแหง ญาณ ๙ ขางตน และเกื้อกูลแกโพธิปกขิยธรรม ๓๗ ชั้นสูง ชื่อวา อนุโลมญาณ) อนุโลมิกา (อิตฺ.) ปญญาชื่อวาอนุโลมิกา, ธรรมชาติที่เขากันได วิ. กมฺมายตนาทีนํ อปจฺจนีกทสฺสเนน อนุโลมนโต, ตถา สตฺตานํ หิตจริยาย มคฺคสจฺจสฺส ปรมตฺถสจฺจสฺส นิพฺพานสฺส จ อวิโลมนโต อนุโลเมตีติอนุโลมิกา (ปญญาใดยอมเขากันได เพราะเขากันไดดวย ความเห็นที่ไมเปนขาศึกกันแกการงานเปนตน และเพราะไมแยงแกมรรคสัจ แกปรมัตสัจ และ แกพระนิพพาน ดวยการประพฤติประโยชน เกื้อกูลแกสัตวทั้งหลาย เหตุนั้น ปญญานั้นชื่อวา อนุโลมมิกา) คำวา อนุโลมิกา ขนฺติ เปนตน เปน ไวพจนของปญญา [อนุ + โลม จัดเปนนามธาตุ นามใชเปนดุจธาตุ + ณฺวุ ปจจัย อาเทศเปน อก + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อ เปน อิ] อนุวชฺช (ปุ.) ควรตำหนิ, การกลาวโทษ, อันเขาพึงวากลาว วิ. อนุวทิตพฺโพติ อนุวชฺโช (ภาวะใดอันพึงวากลาว เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อนุวชฺช), [อนุ + วท ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในการ กลาว + ณฺย ปจจัย, แปลง ทฺย เปน ชฺช]. อนนุวชฺโช (ไมควรตำหนิ) มีความหมายโดยนัย ตรงกันขามดวยมี น ปฏิเสธ, นัยเดียวกันเชน อนวชฺโช (ไมมีโทษ) อนุวตฺตน (นปุ.) อนุวัตน, คลอยตาม, เปนไป ตาม วิ. อนุรูป วตฺตนํ อนุวตฺตนํ (การอนุวัตน คือเปนไปตามสมควร ชื่อวา อนุวตฺตน), [อนุ + วตุ ธาตุ วตฺตเน ในความเปนไป + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ซอน ตฺ] อนุวตฺตี (ปุ.) ผูเปนไปตาม, ผูคลอยตาม, ผูเห็น ดวย วิ. อนุวตฺตตีติ อนุวตฺตี (ผูใดเปนไปตาม เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุวตฺตี), [อนุ + วตฺตุ ธาตุ วตฺตเน ในความเปนไป + ณี ปจจัย] อนุวน (อพฺ.) ที่ใกลปา วิ. วนสฺส สมีป อนุวนํ (ที่ ใกลเคียงแหงปา ชื่อวา อนุวน), อนุ ศัพท สมีปตฺเถ ใชในอรรถวาใกล, เชน อุปนครํ (ที่ใกล เมือง) ก็นัยนี้, บทนี้เปนอัพพยีภาวสมาส อนุวสฺส (อพฺ.) ๑. ทุกๆ ป, ตามไปทุกๆ ป, ประจำป วิ. วสฺสํ วสฺสํ อนุคตํ อนุวสฺสํ (ไปตาม ซึ่งป ซึ่งป ชื่อวา อนุวสฺส), คำวา อนุฆรํ (ทุกๆ บาน), อนฺวฑฺฒมาสํ (ทุกๆ กึ่งเดือน) เปนตน ก็ นัยนี้ ๒. อยูประจำ วิ. อนุวสิตฺวา ปุนปฺปุนํ วสิตฺวา อนุวสฺส (อยูประจำแลว คืออยูเนืองๆ ชื่อวา อนุวสฺส), [อนุ + วส ธาตุ นิวาเส ในความ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๔๕ อยู + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, แปลง ย เปน ส] อนุวาต (อพฺ.) อนุวาต, แปลตามศัพทวา ภายหลังแหงลม, ผาที่เย็บติดรอบผืนจีวร วิ. วาตสฺส ปจฺฉา อนุวาตํ (ภายหลังแหงลม ชื่อวา อนุวาต), วิ. จีวรํ อนุปริยายิตฺวา วียติ พนฺธียตีติ อนุวาตํ (ผาใดอันเขาเย็บติดรอบผืน จีวร เหตุนั้น ผานั้นชื่อวา อนุวาต), [อนุ + วา ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ต ปจจัย] อนุวาท (ติ.) ๑. ผูกลาวโทษ, ผูโจท, ผูวาราย, วิเสสนะ วิ. อนุวทตีติ อนุวาโท (ผูใดยอมตาม กลาว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุวาท ไดแก วิเสสนะ), [อนุ + วท ธาตุ วจเน ในความกลาว + ณ ปจจัย] ๒. การกลาวโทษ, การวาราย วิ. หีฬเนน วทนํ อนุวาโท (การกลาวโดยคำเลว ทรามดูถูก ชื่อวา อนุวาท), ทิาทีนํ อนุคนฺตฺวา สีลวิปตฺติอาทีหิ วทนํ อนุวาโท (ไดแก คำพูด กลาวหาวา ศีลวิบัติ เปนตน พาดพิงสิ่งที่ไดเห็นมา เปนตน) ๓. ผูสั่งสอน, ผูวากลาวดวยการสอน วิ. อนุสาสนวเสน อฺเ วทตีติ อนุวาโท (ผูใด วากลาวผูอื่นดวยอำนาจการสั่งสอน เหตุนั้น ผู นั้นชื่อวา อนุวาท), [อนุ + วท ธาตุ วจเน ใน ความกลาว + ณ ปจจัย] บัณฑิตพึงถือวา ใน คัมภีรศัพทศาสตร คำวา อนุวาท หมายถึง วิเสสนะ ดังที่ทานแสดงไว (กัจจายนสารมัญชรี, หนา ๔๑) วา คุโณ วิเสสนํเภโท วิเสโส อนวุาทโก อปฺปธานมุปาโย จ สกตฺโถติ จิเม สมาติ ศัพทเหลานี้คือ คุณ วิเสสน เภท วิเสส อนุวาท อปฺปธาน อุปาย สกตฺถ มีความหมายเหมือนกัน อนุวิจาร (ปุ.) การไตรตรอง, การพิจารณา, การไปตามเที่ยวตามไปเนืองๆ วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ วิจรตีติ อนุวิจาโร (ภาวะใดไปตามเนืองๆ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อนุวิจาร), [อนุ + วิ + จร ธาตุ คติภกฺขเนสุ ในความไปและความกิน + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์]วิ.อนุคนตฺ ฺวา วิจรณวเสน อนุวิจาโร (ชื่อวาอนุวิจาร เพราะ ตามเที่ยวไปทั่วถึง), คำว าอนุวิจารณํ ลง ยุ, อนุวิจาริตํอนวุิจริตํ ลง ต ปจจัย อนุวิจินก (ติ.) ผูตรวจ, ผูทาน, ผูพิจารณา วิ. อนุวิจินาตีติ อนุวิจินโก (ผูใดยอมตรวจสอบ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุวิจินก), [อนุ + วิ + จิ ธาตุ วินิจฺฉเย ในการวินิจฉัย + นา ปจจัย ประจำหมวดธาตุ (วิกรณปจฺจโย) + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก] อนุวิจฺจ (กิ.กิตฺ.) ใครครวญแลว, พิจารณาแลว, ใสใจแลว วิ. นิสาเมตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา อนุวิจฺจ (ใครครวญแลว พิจารณาแลว ชื่อวา อนุวิจฺจ), เชน อนุวิจฺจ ปริโยคาหิตฺวา (ใครครวญแลวจึงลง มือบำเพ็ญ), [อนุ + วิ + อิ ธาตุ นิสาเม ในความ ใครครวญ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา ปจจัย รจฺจ] อนุวิทิตฺวา จินฺเตตฺวา ตุลยิตฺวา อนุวิจฺจ (อนุวิจฺจ หมายถึง ความรูตาม คิด พิจารณา), [อนุ + วิจ ธาตุ าเณ ในความรู + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, แปลง ย เปน จ] อนุวิชฺช (กิ.กิตฺ.) ๑. ใครครวญแลว, พิจารณา แลว, อุปปริกฺขิตฺวา อนุวิชฺช (ใครครวญแลว ชื่อวา อนุวิชฺช), [อนุ + วิท ธาตุ าเณ ใน ความรู + ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ชฺช กจฺ. ๖๐๐ รูป. ๖๔๕ วา มหทเภหิ เปนตน, ลบที่สุด ธาตุ] ๒. อันเขาพึงทราบ, อันเขาพึงพิจารณา, อันเขาพึงอนุญาต วิ. อนุชานิตพฺโพติ อนุวิชฺโช (สิ่งใดอันเขาพึงรูตาม เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา
๑๔๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนุวิชฺช), [อนุ + วิท ธาตุ าเณ ในความรู + ณฺย ปจจัย, ลบ ณฺ, แปลง ทฺย เปน ช, ซอน ชฺ] อนุวิชฺชก (ปุ.) ๑. ผูวาความ, ผูสอบสวน, ผูพิสูจน, ผูวิจารณ วิ. อนุวิชฺชติ วิจาเรตีติ อนุวิชฺชโก (ผูใดยอมพิจารณา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อนุวิชฺชก), [อนุ + วิท ธาตุ าเณ ในความรู + อก + เพราะสระหลัง ลง ย อาคม ดวยมหา สูตร] ๒. พระวินัยธรผูสอบสวน วิ. โจทกจุทิตกานํ มตํ อนุมิเนตฺวา วิทติ ชานาตีติ อนุวิชฺชโก, วินยธโร (ผูใดยอมสืบทราบ คำใหการของโจทยและจำเลย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อนุวิชฺชก ไดแก พระวินัยธร), [อนุ + วิท ธาตุ าเณ ในความรู + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก, ย อาคม, แปลง ทฺย เปน ชฺช] อนุวิตกฺกิต (นปุ.) การตรึกตรอง, อันเขา ตรึกตรอง, ตรึกเน่ืองๆ วิ.อนุวิตกฺกียเตติ อนุวิตกฺกิตํ(สิ่งใดอันเขาตรึกตรอง เหตุนั้น ส่ิง นั้นชื่อวา อนุวิตกฺกิต), [อนุ + วิ + ตกฺก ธาตุ วิตกฺเก ในความตรึก + ต ปจจัย อิ อาคม] อนุวิทฺธ (ติ.) ถูกแทงแลว, อันแกวมณีเปนตน แทรกเขาไปแลว วิ. อนุวิชฺฌิตฺถาติ อนุวิทฺโธ (สิ่งใดอันศรเปนตนแทงแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อนุวิทฺธ), [อนุ + วิธ ธาตุ วิชฺฌเน ในความ แทง + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน ธ และ อาเทศ ธ เปน ท], นัยเดียวกันเชน อนุวิชฺฌิตฺวา อนุวิชฺฌิย ลง ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ย, ย อาคม และ อิ อาคม, แปลง ธฺย เปน ชฺฌ อนุวิธายก (ติ.) ผูกระทำเนืองๆ, ผูกระทำตาม, ผูทำในภายหลัง, ทำโดยสมควร, ผูกำหนด วิ. อนุวิเธตีติ อนุวิธายโก (ผูใดยอมกระทำ สมควร เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุวิธายก), [อนุ + วิ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ณฺวุ ปจจัย, แปลง อา เปน อาย, อาเทศ ณฺวุ เปน อก] อนุวิธิยนา (อิตฺ.) การทำตาม, การทำโดย สมควร, การจัดแจงเหมาะสม, การกำหนด วิ. จิตฺตุปฺปาทสฺส กายวาจาหิ อนุวิธานํ อนุวิธิยนา (การกระทำทางกายวาจาตาม สมควรแกจิตตุปบาท ชื่อวา อนุวิธิยนา), [อนุ + วิ + ธา ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อา แหง ธา เปน อิย ดวยสูตร โมคฺ. ๕/๑๓๒ วา ทาสฺสิยงฺ] อีกนัยหนึ่ง ธิ ธาตุ ธารเณ ในความ ทรงไว เพราะสระอยูหลัง ลง ย อาคม ดวยมหา สูตร, นัยเดียวกัน อนุวิธิยนฺโต, สลฺลกฺเขนฺโตติ อตฺโถ (อนุวิธิยนฺต หมายความวา กำหนดอยู), อนฺต ปจจัย กัตตุวาจก อนุวิโลกน (นปุ.) ตรวจดู, การเหลียวแล, ดูทั่วๆ วิ. อนุวิโลกิยเต อนุวิโลกนํ (อันเขา เหลียวแล ชื่อวา อนุวิโลกน), เชน สพฺพทิสานุวิโลกนํ สพฺพฺุตานาวรณาณปฏิลาภสฺส ที.อ.๑/๒๐ (การเหลียวแลดูทิศเปน บุพนิมิต แหงการไดอนาวรณญาณ), [อนุ + วิ + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ยุ ปจจัย] อนุวุสิต (ติ.) ผูพำนักอยู, ที่อันเขาอยูอาศัยแลว วิ. อนุวสิตฺถ อนุวสียิตฺถ วาติ อนุวุสิโต (ผูใดอยู พักแลว หรือประเทศใดอันเขาอยูพักแลว เหตุนั้น จึงชื่อวา อนุวุสิต) เชน อนุวุสิโต ครุํ สิสฺโส (ศิษยอาศัยอยูใกลครู), อนุวุสิโต ครุ สิสฺเสน (ครูอันศิษยอยูใกลแลว) นิรุตฺติทีปนี อธิบายสูตร ๗๖๓ [อนุ + วส ธาตุ นิวาเส ใน ความพักอยู + กฺต ปจจัยในกตัตุและกัมมวาจก, แปลง อ เปน อุ, อิ อาคม]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๔๗ อนุสงฺคิก (ติ.) มีความเกี่ยวของ, เกี่ยวพันกัน วิ. อนุสฺชนํ อนุสงฺโค, โส อสฺส อตฺถีติ อนุสงฺคิกํ (การเกี่ยวของ ชื่อวา อนุสงฺโค, ความเกี่ยวของ นั้น ของสิ่งนั้นมีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุสงฺคิก), [อนุ + สฺช ธาตุ สงฺเค ในความ เกี่ยวของ + ณ ปจจัย ในกิตปจจัย + ณิก ปจจัย ในตัทธิต] ๒. สิ่งที่เกี่ยวของกัน วิ. อนุสฺชตีติ อนุสงฺคิกํ (สิ่งใดยอมเกี่ยวของกัน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุสงฺคิก), [อนุ + สฺช ธาตุ สงฺเค ใน ความเกี่ยวของ + ณฺวุ ปจจัย, แปลง เปน นิคหิต, อาเทศ ช เปน ค, อาเทศนิคหิตเปน พยัญชนะสุดวรรค คือ ฺ เปนตน] อนุสฺจริต (ติ.) ๑. เที่ยวไปตามลำดับ, เที่ยว ไปไมหยุด, เที่ยวเดินไปมาไมหยุด, สั่งสมแลว, ศึกษาแลว วิ. อนุจิณฺโณติ อนุสฺจริโต (ผูใด เที่ยวไปตามลำดับ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุสฺจริต) ๒. อนุสฺจรียิตฺถาติ อนุสฺจริตํ (สิ่งใดอันเขาเที่ยวไปทั่วถึงแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น อนุสฺจริต), [อนุ + สํ + จร ธาตุ จรเณ ในความ เที่ยวไป + ต ปจจัย + อิ อาคม, อาเทศนิคหิต เปนพยัญชนะที่สุดวรรค คือ ฺ] นัยเดียวกันเชน อนุวิจริต (เที่ยวไปตามไปแลว) บทนี้ อนุ และ วิ บทหนา อนุสฏ (ติ.) ๑. ไปตามแลว, เรี่ยราดแลว, โปรย แลว, ถูกทวมทับครอบคลุม, ถูกพัวพันผูกมัด วิ. อนุสฺสริตฺถ อนุสฺสริยิตฺถาติ วา อนุสฏํ (สิ่งใด ไปตามแลว หรือถูกตามไปแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุสฏ), [อนุ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, ลบ ร, อาเทศ ต เปน ฏ] ๒. สิ่งที่ ติดตามไป, สิ่งที่ถูกติดตามไป วิ. อนุสชฺชติ อนุสชฺชิยิตฺถาติ วา อนุสฏํ, อนุสํ อนุสชฺชิตํ วา (สิ่งใดยอมติดตามไป หรือถูกติดตามไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุสฏํ, อนุสํ หรือ อนุสชฺชิตํ), [อนุ + สช ธาตุ สชฺชเน ในความติด + ต ปจจัย, ลบ ช, อาเทศ ต เปน ], อีกนัยหนึ่ง อาเทศ ชฺต เปน สฺส , หรือ ลง อิ อาคม, ไมอาเทศ, ซอน ชฺ] อนุสนฺธน (ปุ.) ความสืบเนือง, ความตอเนื่อง วิ. อารมฺมเณน สทฺธึ จิตฺตํ อนุสนฺทหติ ฆเฏตีติ อนุสนฺธโน, อนุสนฺธาโน วา, วิจาโร (สิ่งใด สืบเนื่องจิต เขากับอารมรณ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อนุสนฺธน, อนุสนฺธาน ไดแก วิจาร), [อนุ + สนฺธ ธาตุ ฆฏเน ในความกระทบ, หรือ ธา ฆฏเน ในความกระทบ มี สํ เปนบทหนา + ยุ ปจจัย], นัยเดียวกัน อภิสนฺธานํ บทนี้มี อภิ บทหนา อนุสนฺธิ (อิตฺ.) ขอความที่เปนเหตุสืบเนื่อง วิ.อนุสนฺธียติ เอเตน อุปนิรุชฺฌเนนาติ อนุสนฺธิ (คำถามอันเขาสืบเนื่องดวยการดับกิเลสนั้น เหตุนั้น การดับกิเลสนั้น จึงชื่อวา อนุสนฺธิ), [อนุ + สํ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อิ ปจจัย] ความจริง อนุสนธิ มี ๓ อยาง ไดแก ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิและ ยถานสุนฺธิ ในบรรดา ๓ อยางนั้น ปุจฺฉนฺตานํ ภควตา วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตพฺพา (ปุจฉานุสนธิ บัณฑิตพึงทราบดวยอำนาจแหง พระสูตรที่พระผูมีพระภาคเจาทรงตอบปญหา ของผูถามทั้งหลาย) ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควตา วุตฺตวเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ (อัชฌาสยานุสนธิ บัณฑิตพึงทราบดวยอำนาจแหงพระ ดำรัสที่พระผูมีพระภาคเจาทรงทราบอัชฌาสัย ของชนเหลาอื่นแลวตรัสไว) เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิปกฺเขปวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริเทสนา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ
๑๔๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เวทิตพฺพา (อนึ่ง เทศนาในชั้นตนตั้งขึ้นโดยธรรม ใด เทศนาชั้นสูงมาในพระสูตรเหลาใด โดยธรรม สมควรแกธรรมนั้นหรือโดยคัดคาน ยถานสุนธิก็ พึงทราบโดยอำนาจพระสูตรเหลานั้น) เชน อนุสนฺธิกํ สุตฺตํ (พระสูตรมีอนุสนธิ) ลง อิก ปจจัยในตทัสสัตถิตัทธิต, อนุสนธิ ๓ มาใน ที.อ. ๑/๑๑๓ เปนตน อนุสย (ปุ.) ๑. อนุสัย, กิเลสที่อยูในสันดาน วิ. สตฺตสนฺตาเน อนุเสตีติ อนุสโย (สิ่งใดยอม เปนไปในสันดานสัตว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อนุสย), [อนุ + สิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อ ปจจัย] ๒. ผูติดตามไป, กิเลสที่ติดตาม วิ. อนุพนฺธมาโน เสตีติ อนุสโย (สิ่งใดติดตาม คบหา เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อนุสย), [อนุ + สิ ธาตุ เสวายํ ในความเสพ + อ ปจจัย] ๓. กิเลสที่ นอนเนื่องในสันดาน วิ. อปฺปหีนเน อนุ อนุ สนฺตาเน เสตีติ อนุสโย อนุรูปการณํ ลภิตฺวา อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อนุสโยติ อปฺปหีนเน ถามคตกิเลโส วุจฺจติ (กิเลสใดยอมนอนเนื่องใน ทุกๆ สันดาน เพราะวายังละไมได เหตุนั้น กิเลส นั้นชื่อวา อนุสย ไดแกกิเลสที่ไดเหตุอันควรแลว เกิดขึ้น. กิเลสที่มีกำลัง เพราะอรรถวายังละ ไมได ทานเรียกวา อนุสัย), [อนุ + สี ธาตุ สเย ในความนอน + อ ปจจัย] อนุ ใชในอรรถวิจฉา หมายความวา คำซ้ำ คำวา สนฺตาเน “สันดาน” ในที่นี้หมายถึง สันดานของสัตว หรือจิตสันดาน ในคัมภีรมณิทีปฎีกา วา ชื่อวา อนุสัย คืออกุศล ๗ ประการ ไดแก กามราคะ ภวราคะ ทิฏฐิ ปฏิฆะ วิจิกิจฉา มานะ และอวิชชา, มูสิกวิสํ วิย การณลาเภ อุปฺปชฺชนารหา อนาคตา กิเลสา. อตีตา ปจฺจุปฺปนฺนา จ ตเถว วุจฺจนฺติ. น หิ กาลเภเทน ธมฺมานํ สภาวเภโท อตฺถีติ (กิเลสที่ เปนอนาคตอันควรที่จะเกิดขึ้นไดในเมื่อไดเหตุ เหมือนกับพิษของหนู กิเลสที่เปนอดีตและเปน ปจจุบันก็เรียกอยางนั้นเหมือนกัน เพราะธรรม ทั้งหลายไมมีความตางกันโดยสภาพ ดวยความ ตางแหงกาลแล) อนุสฺสติ (อิตฺ.) อนุสสติ, การระลึกถึงเนืองๆ, สติ วิ. อนุ ปุนปฺปุนํ สรณํ อนุสฺสติ (การระลึกถึง บอยๆ ชื่อวา อนุสฺสติ), [อนุ + สร ธาตุ คติหึสาจินฺตาสุ ในความไป ความเบียดเบียน และความคิด + ติ ปจจัย], ใน วิสุทฺธิมคฺค มหาฏีกา (๑/๓๑๖) วา อนุ อนุ สติ อนุสฺสตีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโตติ วตฺวา น เอตฺถ อนุสทฺทโยเคน สติสทฺโท อตฺถนฺตรวาจโกติ ทสฺเสตุํ, สติเยว อนุสฺสตีติ วุตฺตํ (ทานอาจารย ประสงคแสดงความหมายนี้วา ความระลึก เนืองๆ ชื่อวา อนุสติ ดังนี้ จึงกลาววา เพราะ เกิดขึ้นบอยๆ ดังนี้ แลวประสงคแสดงวา สติ ศัพท ที่มีการประกอบเขากับ อนุ ศัพท ในคำวา อนุสติ นี้ มิไดเปนศัพทที่บอกความหมายอื่น จึงกลาววา สตินั่นเอง ชื่อวา อนุสติ ดังนี้), ศัพท นี้เปนอิตถีลิงค, แตในบางแหงก็ปรากฏเปนดุจ ปุงลิงค เชน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ ตทตฺถาย วินย.อ.๑/๑๗๖ (เพื่อประโยชนแก ปุพเพนิวาสานุสสติญาณนั้น) อนุสฺสร (ปุ.นปุ.) ระลึกอยู, ไปตาม วิ. อนุสฺสรตีติ อนุสฺสรํ อนุสฺสรนฺโต (ผูใดระลึกอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุสฺสร ไดแก ตามระลึกอยู, ในอิตถีลิงค เปน อนุสฺสรนฺตี เปนตน), [อนุ + สร ธาตุ จินฺตายํ ในความระลึก + อนฺต ปจจัย หรือ สร ธาตุ สเร ในความแลนไป เชน อนุคตํ อนุสฺสรํ, อนุสารํ วา, นิคฺคหีตํ (นิคหิตที่ไปตามสระ ชื่อวา อนุสาร), แตในภาษาสันสกฤต ไดรูปเปน