พจนานุกรมบาลี-ไทย ๔๙ กส ธาตุ ปติฺายํ ในความตั้งอยู + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์ อ เปน อา, แปลง อธิ เปน อชฺฌ, แปลง อว เปน โอ]. ใน อุโทสิต สิกขาบท วา คำวา อชฺโฌกาส “ที่กลางแจง” หมายถึง ที่ประมาณ ๗ อัพภันดร, อธิบายวา ที่กลางแจง หมายถึง ไมใชบาน ไมใชปา มีดง เปนตน แตในทะเล ที่กลางแจงหมายถึง ที่ซึ่ง พวกชาวประมงไมลองไป, กตฺถจิ พหิ วา อนฺโต วา สพฺพํ โอวสฺสกานํ อชฺโฌกาโส นามาติ (บางแหงวา ที่ฝนตกรดทั้งหมด ทั้งภายนอกก็ ตาม ภายในก็ตาม ชื่อวา อชฺโฌกาส-ที่กลางแจง) อชฺโฌคายฺห (กิ.กิตฺ.) หยั่งลงแลว, คนแลว วิ. อชฺโฌคาหิตฺวาติ อชฺโฌคายฺห (คำวา อชฺโฌคายฺห หมายถึง หยั่งลงแลว), [อิธ + อว + คาหุ ธาตุ วิโลลเน ในความกวน + ตฺวา ปจจัย + แปลง ตฺวา เปน ปฺย, สลับ ห กับ ยฺ โมค.๗/๕๐ วา หสฺส วิปลฺลาโส, รัสสะ อา ที่ คาหุ เปน อ] อีกนัยหนึ่งเปน อชฺโฌคาเหตฺวา ลง อิ อาคม, แปลง อิ เปน เอ, นัยเดียวกัน โอคาเหตฺวา หรือ โอคยฺห อชฺโฌคาฬฺห (ติ.) ๑. อันเขาหยั่งลง, -อันเขา คน วิ. อธิโอคาหิตพฺโพติ อชฺโฌคาฬฺโห (สมุทร อันเขาพึงหยั่งลง ชื่อวา อชฺโฌคาฬฺห), [อธิ + โอ + คาห ธาตุ วิโลลเน ในความคน + ต ปจจัย, แปลงที่สุดธาตุเปน ฬ, แปลง ต เปน ห], ๒. มั่นคงแลว (ติ.) วิ. อชฺโฌคาหิตฺถาติ อชฺโฌคาฬฺโห (สิ่งใดมั่นคงแข็งแรงแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชฺโฌคาฬฺห), [อธิ + อว + คาหุ ธาตุ ภุสตฺเถ ในความแข็งกลา + กฺต ปจจัย แปลงเปน ห โมค. ๕/๑๔๘ วา รุหาทีหิ โห โฬ จ, แปลง ห เปน ฬ. อชฺโฌตฺถฏ (ติ.) ถูกทวมทับ, ถูกทับถม, ถูกครอบงำ วิ. อชฺโฌตฺถริยิตฺถาติ อชฺโฌตฺถโฏ (สิ่งใดอัน...ทวมทับแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อชฺโฌตฺถฏ), [อธิ + อว + ถร ธาตุ ถรเณ ใน ความแผไป + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ฏ, ลบ ร, ซอน ตฺ], นัยเดียวกันเชน โอตฺถฏ อชฺโฌตฺถริตฺวา (กิ.กิตฺ.) กดขี่แลว, ครอบงำ แลว, ขมขี่แลว วิ. อภิภวิตฺวา ปสยฺห วาติ อชฺโฌตฺถริตฺวา (อชฺโฌตฺถริตวฺาแปลวาครอบงำ แลว หรือขมขี่แลว), [อธิ + โอ + ถร ธาตุ ถรเณ ในความแผไป + ตฺวา ปจจัย] นัยเดียวกันเชน โอตฺถริตฺวา อชฺโฌปนฺน (ติ.) ถูกทวมทับแลว, ถูกรัดแลว, ถูกยึดไวแลว, ถูกเขาสิงแลว วิ. อธิโอปนฺโน มุจฺฉิโต อชฺโฌตฺถโฏ อชฺโฌปนฺโน (ผูใดอันตัณหา ถึงทับ คือทวมทับ จับยึดไว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชฺโฌปนฺน), [อธิ + โอ + ปท ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน อนฺน และ ลบที่สุดธาตุ ดวยสูตร กจฺ. ๕๘๒ รูป. ๖๓๑ วา ภิทาทิโต เปนตน]. คำวา อชฺโฌตฺถโฏ พึงเทียบ คำวา อตฺถต, คำวา อชฺโฌตฺถริตฺวา (ทวมทับ แลว) ก็นัยนี้ อชฺโฌลมฺพน (นปุ.) การหอยลง, การ ครอบคลุม, การหยั่งลง วิ. อธิโอลมฺพิยเต อชฺโฌลมฺพนํ (อันเขาหอยทับลงมาทับ ชื่อวา อชฺโฌลมฺพน), [อธิ + อว + ลพิ ธาตุ อวสํสเน ในความหอยลง + ยุ ปจจัย + นิคหิตที่ตนธาตุ] นัยเดียวกันเชน อภิปฺปลมฺพนํ, อภิ + ป บทหนา อชฺโฌสาน (นปุ.) การหยั่งลง, ความหยั่งลง, ความติดใจ, ความชอบใจ, ความพอใจ, การ ยึดถือ, ความพะวง วิ. อชฺโฌสียเต อชฺโฌสานํ (อันเขาตัดสินใจหนักแนน ชื่อวา อชฺโฌสาน),
๕๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา [อธิ + อว + สา หรือ โส ธาตุ นิจฺฉยทาเนสุ ใน ความตัดสินใจหนักแนนและการให + ยุ ปจจัย] อชฺโฌสานนฺติ อหํ, มมนฺติ พลวสนฺนิานํ, ตณฺหาทิิวเสน อภินิเวสนนฺติ อตฺโถ. (ไดแก การยึดถือติดแนนวา ตัวกู ของกู หมายความวา การยึดถือดวยอำนาจตัณหาและทิฏฐิ) อชฺโฌสิต (ติ.) เกาะ, ติด, ยึด, กล้ำกลืน วิ. อชฺโฌสียเต อชฺโฌสิตํ, มุจฺฉิตํ คธิตํ ตณฺหาย คหิตํ ตณฺหาทิิวเสน อภินิวินฺติ อตฺโถ (อัน ตัณหายึดแนน ชื่อวา อชฺโฌสิต, ความวา ติด ยึด คือถูกตัณหายึดไว ถูกอำนาจตัณหาและทิฏฐิยึด ไวมั่น), [อธิ + อว + สา ธาตุ นิจฺฉยทาเนสุ ใน ความตัดสินใจหนักแนนและการให + ต ปจจัย, แปลง อา เปน อิ] อชฺโฌหฏ (ติ.) อันเขานำลงไป, อันเขากลืน กินแลว วิ. อธิอวหโตติอชฺโฌหโฏ, [อธิ + อว + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ต ปจจัย, แปลง ต เป น ฏ, ล บ ร, แป ล ง อว เป น โอ]. อชฺโฌหรียเตติ อชฺโฌหโฏ ภกฺขิโต. (อาหาร เปนตน อันเขากลืนกินแลว เหตุนั้น ชื่อวา อชฺโฌหฏ ไดแก ของที่เขากิน) อชฺโฌหาร (ปุ.) อาหารอันเขาพึงกลืนกิน, การกลืนกิน วิ. อชฺโฌหริตพฺโพ อชฺโฌหรณํ วา อชฺโฌหาโร (อาหารอันเขาพึงกลืนกิน หรือการ กลืนกิน ชื่อวา อชฺโฌหาร), [อธิ + อว + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย] สำหรับคำวา อชฺโฌหรณํ (การกลืนกิน) นี้ ลง ยุ ปจจัย ใน ภาวสาธนะ อชา (อิตฺ.) นางแพะ, แมแพะ, แพะตัวเมีย วิ. อชสฺส อยนฺติ อชา อชี, อุรณี, ฉาคีติ อตฺโถ (นางนี้เปนของแพะ เหตุนั้น นางนั้นชื่อวา อชา ไดแก แมแพะ, นางแพะ, แพะตัวเมีย), [อช + ณ ปจจัย แทน อยํ, ลง อา หรือ อี ในอิตถีลิงค หลัง อช ศัพท] อชาต (นปุ.) พระนพิพาน, ไมมีการเกิด วิ. นตฺถิ ชาตํ เอตฺถาติ อชาตํ นิพฺพานํ (การเกิดในภาวะ นั้นไมมี เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา พระนิพพาน), เทียบการจำแนกธาตุและปจจัยกับ ชาต ศัพท ขางหนา, แมในคำวา อชรา เปนตน ก็นัยนี้ อชาตสตฺตุ (ปุ.) พระเจาอชาตศัตรู วิ. อชาโต หุตฺวา ปตุโน ปจฺจตฺถิโก ชาโตติ อชาตสตฺตุ. (พระกุมารใด ยังไมประสูติก็กลายเปนขาศึกของ พระชนก เหตุนั้น พระกุมารนั้น พระนามวา อชาตสตฺตุ), อชาโตเยว รฺโ สตฺตุ ภวิสฺสตีติ เนมิตฺตเกหิ นิทฺทิตฺตา อชาตสตฺตุ นาม ชาโต (พระกุมารนั้น พระนามวา อชาตสตฺตุ เพราะ พวกโหราจารยแสดงไขไววา จักเปนศัตรูของ พระราชาเสียแตยังไมประสูติเลย); พึงคนดูโดย พิสดารที่ สารัตถทีปนี, ๑/๘๖ เปนตน อชานนฺต (กิ.กิต.ติ.) ไมรูอยู วิ. น ชานาตีติ อชานนฺโต (ผูใดไมรูอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อชานนฺต), [น + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + นา วิกรณปจจัยประจำหมวดธาตุ+ อนฺต ปจจัย + แปลง า เปน ชา]. อีกนัยหนึ่ง อชานนฺโต แปลวา เพราะไมรู (อชานนเหตุ) เพราะวา อนฺต ปจจัยใชอรรถเหตุ (เหตฺวตฺเถ) อชานน (นปุ.) การไมรู, ไมถูกรู, อันชน เหลานั้นไมรู วิ. ายเต ชานนํ (อันเขารู ชื่อวา ชานน), [า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + ยุ ปจจัย เปนภาวสาธนะ + นา ปจจัยประจำ หมวดธาตุ, แปลง า เปน ชา, หรือ แปลง ยุ ปจจัย เปน อานน] วิ. น ชานนํ อชานนํ (การไมรู ชื่อวา อชานน), อีกประการหนึ่ง ลง ยุ ปจจัย
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕๑ เปนกัมมสาธนะ เชน อฺเหิ อชานนาน (ฐานะอันผูอื่นไมรู) อชิต (ปุ.) ผูชนะ, ไมมีใครเอาชนะ วิ. อวิชยตฺตา อชินีติ อชิโต, อกาโร เอตฺถ นิปาตมตฺตํ (ผูใด ชนะไดแลว เพราะไมมีใครเอาชนะได เหตุนั้น ผู นั้นชื่อวา อชิต, อ ในคำวา อชิต นี้เปนเพียงทำ คำพูดใหสละสลวย-นิปาตมตฺต), [ชิ ธาตุ ชเย ใน ความชนะ + ต ปจจัย]. ศัพทวา อชิต นี้ใชเปน นามบัญญัติคือเปนชื่อเฉพาะ เชน อชิตภิกษุ อชิตมาณพ อชิตพุทธ-นารายน อชิตเกสกัมพล เปนตน; ในอุทาหรณวา อชิตเกสกัมพล เปนตน เปนเพียงชื่อเทานั้น คำวา อชิต อาจเปนเพียง ชื่อทาส เปนตน ก็ได เชนกับคนชื่อวา สิริวัฒนก (เจริญสิริ) อาจเปนชื่อทาสก็ได อชิน (นปุ.อิตฺ.) ๑. หนังสัตว, สิ่งที่ไปสูการขาย วิ. อชติ วิกฺกยํ ยาตีติ อชินํ, จมฺมํ (สิ่งใดยอมไป คือดำเนินไปสูการความเปนของที่จะถูกขาย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อชิน ไดแก หนัง), [อช ธาตุ คมเน ในการไป + ลง อิน ปจจัย โมค. ๗/๑๐๒ วา อชา อิโน. แตใน ธาตฺวตฺถสงฺคห อธิบายคาถา ๕ วิเคราะหแลวใหสำเร็จรูปเปนอิตถีลิงควา อชินา วิ. อชติ วิกฺกยนฺติ อชินา, จมฺมํ (สิ่งใด ดำเนินไปสูการความเปนของที่จะถูกขาย ชื่อวา อชินา ไดแก หนัง), ๒. เสือดำ คือ หมี, เสือ เหลือง, เสือดาว (ปุ.นปุ.) วิ. พฺยคฺฆา วิย ปริสสฺเย น ชินาตีติอชิโน อชินํ วา, กาฬพฺยคฺโฆ (สัตวใดไมเอาชนะศัตรูได เหมือนพยัคฆ เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อชิโน หรือ อชินํ ไดแก กาฬพฺยคฺฆ เสือดำ, หมี) เชนคำวา กณฺหาชิเนน สมฺปฏิจฺฉึสุ (หมูพระญาติรับพระธิดานั้นดวยหนังหมีดำ) หรือจะแปลวา เสือเหลือง, เสือดาว (ทีป) ก็ได, [น + ชิ ธาตุ ชเย ในความชนะ + อิน ปจจัย]. ๓. หนังเสือ, หนังนี้เปนของเสือ (นปุ.) วิ. อชินสฺเสทนฺติ อชินํ, ปกติอชินมิคจมฺมํ (หนังนี้ เปนของเสือ เหตุนั้น ชื่อวา อชิน ไดแก หนังเสือ ตามปกติ), ณ ปจจัย ในตัทธิตใชในความหมาย วา นี้, บางแหงใชเปนนามบัญญัติ คือชื่อเฉพาะ เชน อชินตฺเถโร พระเถระชื่อวาอชินะ อชินปตฺตา (อิตฺ.) คางคาว, ปกษีชาติที่มีปก เปนหนัง วิ. อชินํ จมฺมํ ปตฺตํ ยสฺสาติ อชินปตฺตา ชตุกา (ปกของปกษีชาติใดเปนหนัง เหตุนั้น ปกษีชาตินั้นชื่อวา อชินปตฺตา ไดแก คางคาว) อชินโยนิ (ปุ.) มฤคชาติ, เนื้อทราย, กวาง ละมั่ง, จามรี วิ. อชินสฺโสปยุชฺชมานสฺส โยนิ เตน ภูตสฺสาชินสฺสุปฺปตฺติการณตฺตา วา อชินโยนิ มิโค (กำเนิด ของสัตวที่มีหนังเปนประโยชน เพราะเหตุนั้น จึงชื่อวา อชินโยนิ, อีกประการ หนึ่ง ชื่อวา อชินโยนิ เพราะเหตุแหงการเกิดขึ้น ของสัตวที่มีหนังเปนประโยชน ไดแก มฤคชาติ), ศัพทนี้เปน อิ การันต ในปุงลิงค อชิมฺห (นปุ.) ไมคด, ไมโกง, ซื่อตรง วิ. น ชิมฺหํ กุฏิลํ อชิมฺหํ อุชุ (การไมคด ไมโกง ชื่อวา อชิมฺห ไดแก ความซื่อตรง), [น + หา ธาตุ จาเค ใน ความสละ + ม ปจจัย + ทำ หา ซอนขึ้นมาเปน หาหา, แปลง อา เปน อิ, แปลง ห เปน ช, ลบ อา ที่สุดธาตุ, สลับ ม กับ ห] อชิร (นปุ.) เนิน, ลานบาน, สนาม, เปนที่ไป วิ. อชนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ อชิรํ องฺคณํ ฆรวิสโยกาโส จ (ชนทั้งหลายยอมดำเนินไปในที่นั่น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อชิร ไดแก เนิน และลาน บาน), [อช ธาตุ คมเน ในความไป + กิร ปจจัย โมค.๗/๑๔๙ วา ติมรุหรุธพธมทมนฺทวชาชรุจกสา กิโร หรือ อิร ปจจัย]
๕๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อฺจิต (ติ.) ๑. ไปแลว, เจริญแลว, ยืดยาวไป วิ. คตา ปวตฺตา อฺจิตา, วฑฺฒิตา อายตา จ (สัตวทั้งหลาย ผูไปแลว เปนไปแลว ชื่อวา อฺจิตา ไดแก เจริญแลว หรือยืดยาวไปแลว), [อจิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, ลงนิคหิต อาคม ตนธาตุที่มีสระอยูตน, อิ อาคม] ๒. อัน เขาทะลวงแลว วิ. อฺจิตฺถาติ อฺจิตํ(ส่งิใดอัน เขาทะลวงแลว เหตุนั้น ส่งินั้นชื่อวาอฺจิต) เชน สพฺพโส อามํ อฺจิตนฺติ อตฺโถ ดู วิสุทฺธิมคฺคมหาฎีกา (อันภิกษุถูกตองทั้งหมดแลว คือ ทะลวงแลว), [อฺจ ธาตุ พฺยยคติยํ ในความถึง การยอยยับ, เชน บทวา พฺยยคติ หมายถึง วินาสคติ คือถึงความพินาศ + อิ อาคม + ต ปจจัย] อฺจุก (นปุ.) การไป, การดำเนินไป วิ. อฺจนํ ปวตฺตนํ อฺจุกํ (การดำเนินไป ชื่อวา อฺจุก), [อฺจุ ธาตุ คติยํ ในความไป + ณฺวุ ปจจัย แปลง เปน อก, แปลง อ ของ อก เปน อุ] อฺฉิต (ติ.) ลากไป, ดึงไป, ฉุด, ชัก วิ. อฺฉนฺติ อายมนฺตีติ อฺฉิตา (ชนเหลาใดดึงไป เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อฺฉิต), [อฉิ ธาตุ อายาเม ในความดึง + ต ปจจัย, อิ อาคม, ลงนิคหิต ตนธาตุที่มีสระอยูตน เพราะพยัญชนะวรรคคือ ฉ แปลงนิคหิตเปน ฺ ที่สุดวรรค) อฺฉิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ครามาแลว, ดึงแลว, ลากแลว วิ. อากฑฺฒิตฺวา อฺฉิตฺวา (ครามาแลว ชื่อวา อฺฉิตฺวา), [อฉิ ธาตุ อายาเม ในความดึง + ตฺวา ปจจัย, เพราะธาตุที่มี อิ เปนที่สุด ลงนิคหิต แนนอน แปลงเปนพยัญชนะ ฺ], นัยเดียวกัน อฺฉนฺโต (ครามาอยู) นี้ลง อนฺต ปจจัย ใน ปจจุบันกาล, อฺฉนํ (การดึง) ยุ ปจจัย ในอรรถ ภาวสาธนะ เปนนามกิตก (กฺริยานามํ) อฺชน (นปุ.) ๑. ยาทาตา วิ. อฺชติ จกฺขุํ มกฺขติ [ปาจิตฺยาทิโยชนายํ มกฺเขตีติ ทิสฺสติ.] เอเตนาติ อฺชนํ กชฺชลํ (บุคคลทาตาดวยยานั่น เหตุนั้น ยานั้นชื่อวา อฺชน ไดแก ยาเปนเครื่องทาตา), ใน ปาจิตฺยาทิโยชนา วาเปน มกฺเขติ, [อฺช ธาตุ มกฺขเน ในการทา + ยุ ปจจัย], ๒. ยาหยอดตา ที่ทำตาใหชัดเจน วิ. อฺชติ จกฺขุํ พฺยตฺตํ กโรตีติ วา อฺชนํ (สิ่งใดทำตาใหมองเห็นชัดเจน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฺชน), [อฺช ธาตุ พฺยตฺตเน ในความชัดเจน + ยุ ปจจัย], ๓. ชาง อัญชนะ, ชางมีสีใสชัดเจน วิ. อฺชนวณฺณํ อสฺส อตฺถีติ อฺชโน ปจฺฉิมทิสาคโช (สีใสชัดเจน ของขางนั้นมีอยู เหตุนั้น ชางนั้น ชื่อวา อฺชน ไดแก ชางประจำทิศตะวันตก), [อฺชุ ธาตุ พฺยตฺตมกฺขนคติกนฺตีสุ ในความชัดเจน ทา ไป และนาชอบใจ + ยุ ปจจัย] อฺชยนฺโต (ปุ.) ลางตาอยู, หยอดตาอยู, ทำใหตามองเห็นชัดเจน วิ. อฺชติ จกฺขุํ พฺยตฺตํ กโรตีติ อฺชยนฺโต (ผูใดหยอดอยู คือทำตาให มองเห็นชัด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฺชยนฺต), [อฺช ธาตุ พฺยตฺตเน ในความชัดเจน + ณย ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ + อนฺต ปจจัย] พึงดูใน อนุทีปนีปาฐ อฺชลิ (ปุ.อิต.) ๑. การทำอัญชลี, การประนม มือ วิ. อฺเชติ ภตฺติมเนน ปกาเสตีติ อฺชลิ กรปุโฏ (บุคคลแสดงออก คือประกาศความภักดี ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺชลิ ไดแก การพนมมือ), [อฺช ธาตุ พฺยตฺติมกฺขนคติกนฺตีสุ ในความชัดเจน ทา ไป และยินดี + อลิ ปจจัย โมค.๗/๑๙๖ วา อฺชาลิ], ๒. ภาวะที่ไปเพื่อ ความปรองดองเปนอันเดียวกัน วิ.เอกโต สมฺพนฺธนตฺถํ อฺชติ คจฺฉตีติ อฺชลิ (ภาวะใด
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕๓ เปนไปเพื่อความปรองดองเปนอันเดียวกัน ภาวะนั้น ชื่อวา อฺชลิ), [อฺช ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อลิ ปจจัย], ๓. อาการเปนเครื่อง แสดงความเปนผูมีปญญา วิ. พฺยตฺตํ อเนน อฺชติ ปกาเสตีติ อฺชลิ (บุคคลแสดงคือ ประกาศความเปนผูมีปญญาดวยอาการนั่น เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อวา อฺชลิ), [อฺช ธาตุ ปกาสเน ในความประกาศ + อลิ ปจจัย], ๔. อาการที่รุงเรืองสงางาม วิ. อา ภุโส ชลติ โชเตตีติ อาชลิ, โสเยว อฺชลิ(อาการท่ีรุงเรือง สงางาม ทั่วถึงคืออยางยิ่ง เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อวา อาชลิ, อาชลิ นั่นเอง ชื่อวา อฺชลิ), [นิคหิตอาคม, แปลงนิคหิตนั้นเปน ฺ, รัสสะ อา เปน อ], วิ. อฺชติ พฺยตฺตึ ปกาเสติ เอตายาติ อฺชลิ (สามีจิกรรม ยอมชัดขึ้น หรือปรากฏ ชัดเจนขึ้น ดวยกิริยานั่น เหตุนั้น กิริยานั่น ชื่อวา อฺชลิ), ความจริง นักไวยากรณผูรูศัพท ประสงคอฺชุศัพทและลง อลิปจจัย พฺยตฺตยิํ ในความหมายวาชัดเจน, อฺชลิ ศัพท เปน อิ การันตในปุงลิงคและอิตถีลิงค, แตวิสุทธิมรรค มหาฎีกา (๑/๔๐๗) ปรากฏวาเปนไวพจน คือ วิเสสนะของศัพทที่เปนอิตถีลิงค ซึ่งมีรูปคลาย เปนอิตถีลิงค. เชนเดียวกัน ในพระบาลีอปทาน ปรากฏขอวา อฺชลิยา อิทํ ผลํ (นี้เปนผลแหง อัญชลี), บางแหงปรากฏปาฐะวา อฺชลี ก็มี, ผูศึกษาพึงพิจารณาดูทุกที่ดูเถิด อฺชลิกรณีย (ปุ.) ผูทำอัญชลี, ที่ควรทำ อัญชลี วิ. อฺชลิปคฺคหณสฺส อนุจฺฉวิโก อฺชลิ- กรณีโย (ผูควรแกการยกยองดวยอัญชลี ชื่อวา อฺชลิกรณีโย), วิ. ปฺุตฺถิเกหิ อฺชลิ กรณีโย เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย, สงฺโฆ มังคลัตถทีปนี (๒/๔๖๗) (อัญชลี อันผูมีความตองการดวยบุญ พึงทำในพระสงฆนี้ เหตุนั้น พระสงฆนี้ จึงชื่อวา อฺชลิกรณีโย), เปน พหุพฺพีหิสมาส, และ อธิบายไววา อุโภ หตฺเถ สิรสิ ปติาเปตฺวา สพฺพโลเกน กริยมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย อีกอยางหนึ่ง พระสงฆยอมควร ซึ่งอัญชลีกรรมอันชาวโลกทั้งปวง ประคองมือ ทั้ง ๒ บนศีรษะกระทำ เหตุนั้น ทานจึงชื่อวา เปนผูควรแกอันประคองอัญชลี วิ. อถ วา อฺชลิกรณํ อฺชลิกมฺมํ, ตํ อรหตีติ อฺชลิ- กรณีโย (อีกนัยหนึ่ง การทำอัญชลี ชื่อวา อฺชลิกมฺมํ, บุคคลใดยอมควรซึ่งอัญชีกรรมนั้น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อฺชลิกรณีย ผูควรซึ่ง อัญชลีกรรม), [อีย ปจจัย อรหตฺเถ ในอรรถวา ควร], นัยนี้เปนวิเคราะหตทัธิต มีสมาสเปนทอง, แตใน วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา ทานวา ปฺุตฺถเิกหิ อฺชลิ กรณียา เอตฺถาติ อฺชลิกรณีโย (อัญชลี อันผูตองการบุญทั้งหลาย พึงกระทำ ในสงฆนั้น เหตุนั้น สงฆนั้นชื่อวา อฺชลิกรณีย) นัยนี้เปน วิเคราะหสมาส มีกิตกเปนทอง, บางแหงเขียน วา อฺชลีกรณีโย ไมควรสวด (อปาโ) อฺชส (นปุ.ปุ.) ถนน, หนทาง วิ. อฺเชติ คจฺฉติ เอตฺถาติ อฺชสํ วมํ (ชนเดินไปในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อฺชส ไดแก หนทาง), [อฺช ธาตุ คติยํ ในความไป + อส ปจจัย กจฺ. ๔๒๓ วา ยท เปนตน], สวนใน อสาลินีอตฺถโยชนา วิเคราะหเปนกรณสาธนะบอกรูปสำเร็จ และปจจัยไววา วิ. อฺชติ คจฺฉติ เอเตนาติ อฺชสํ, ยทาทินา สุตฺเตน โส (คนยอมดำเนินไป ดวยทางนั่น เหตุนั้น ทางนั้นชื่อวา อฺชส, ลง ส ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๔๒๓ วา ยท เปนตน); รูป สำเร็จวา อฺชโส (ปุ.) ก็มี เชน ที.ฏี.อภินว. ๒/ ๑๒๙ ปรากฏวา อฺชโสติ อาหารสฺส ปวิสน-
๕๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปริวตฺตนนิกฺขมนาทีนํ มคฺโคติ. (บทวา อฺชส ไดแก ทางไป เพื่อเขาไป เปนไปและออกไปเปน ตนเพื่อหาอาหาร) อฺชิต (ติ.) อันเขาทาแลว, อันเขาใสเขาแลว วิ. มกฺขิโต ปกฺขิตฺโต วา อฺชิโต (อันเขาทาแลว หรือใสเขาไปแลว ชื่อวา อฺชิต), [อฺช ธาตุ มกฺขนปกฺขิปเนสุ ในอรรถวาทาและใสเขาไป + ต ปจจัย + อิ อาคม] นัยเดียวกัน อฺเชตฺวา ทา แลว ลง ตฺวา ปจจัย ในกัตตุวาจก, เชนคำวา อกฺขีนิ อฺเชตฺวา ทาแลวซึ่งนัยนตาทั้งสอง อฺ (ติ.สพฺ.). ๑. อื่น อฺ เปนสัพพนาม แปลวา อื่น เปนไตรลิงค, อันเขารูไมได วิ. น ายเตติอฺโ อฺตโร (ผูใดอันเขากำหนดรู ไมได เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฺ ไดแก คนใดคน หนึ่ง), [น + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + อ ปจจัย], ๒. ผูยังไมรูอะไร (ติ.) วิ. สกภาเวน น ายเตติ อฺโ พาโล (ผูใดไมรูได ดวยสภาวะ ของตนเอง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฺ ไดแก ผูยัง เปนเด็ก), [น + า ธาตุ + อ ปจจัย], ๓. คน พาล วิ. ทิธมฺมิกาทโย อตฺเถ น าติ น ชานาตีติ อฺโ อวิทฺวา พาโลติ อตฺโถ. (ผูใดไม รู ไมทราบทิฏฐธรรมิกัตถะเปนตน เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อฺ ไดแก คนไมมีปญญา คือคนพาล); อฺ ศัพท เมื่อใชในความหมายวา พาล (คน พาล) และ ทารก (ยังเด็ก) ไมจัดเปนสัพพนาม, เพราะไมใชสัพพนามจึงประกอบเปนวิเสสนะ ของ ปุริส, กฺา, จิตฺต ไดทุกเมื่อ อฺตร (ติ.สพฺ.) อื่น แปลกันมาวา คนใดคน หนึ่ง, สวนใดอันหนึ่ง วิ. อฺโ เอว อฺตโร (อฺ นั่นเอง ชื่อวา อฺตร); อฺตร และ อฺตม เปนอนิยมวิเสสนะ, [อฺ + ตร ปจจัยสกัตถ], อีกประการหนึ่ง อฺตร มี ความหมายวา คนใดคนหนึ่ง คือไมปรากฏ (อปากฏ) อฺติตฺถ (นปุ.) ความเชื่ออื่น, ความเห็นอื่น, ศาสนาอื่น, ทาคือความเชื่ออื่น วิ. สตฺตา เอตฺถ เอตาสุ ทฺวาสิยา ทิีสุ ตรนฺติ อุปฺปลวนฺติ อุมฺมุชฺชนิมฺมุชฺชํ กโรนฺติ อิติ ตสฺมา ตา ทิิโย ติตฺถํ (สัตวทั้งหลายยอมขาม คือลอยไป ไดแก ดำผุดดำวายลงไปในทิฏฐิ ๖๒ เหลานั้น เหตุนั้น ทิฏฐิเหลานั้น ชื่อวา ติตฺถ-ทาคือทิฏฐิเปนที่จมลง ของเหลาสัตว), [ตร ธาตุ อุปฺปลวเน ในความ ลอย + ถ ปจจัย กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน; หรือลง ถกฺ ปจจัย โมคฺ.๗/๘๘ วา ติตฺถาทโย, แปลง ร และสระที่สุด ต เปน อิ, ซอน ตฺ สำเร็จรูปเปน ติตฺถํ], วิ. อฺํ ติตฺถํ อฺติตฺถํ (ทาคือทิฏฐิเปนที่จมลงของเหลา สัตวอื่น ชื่อวา อฺติตฺถ) อฺติตฺถิย (ปุ.) ๑. เดียรถีย, คนถือลัทธิอื่น วิ. อฺํ ติตฺถํ เอเตสนฺติ อฺติตฺถิยา (ทาคือ ลัทธิอื่น แหงชนเหลานั่นมีอยู เหตุนั้น ชน เหลานั้นชื่อวา อฺติตฺถิยา), [ลง อิก ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต, แปลง ก เปน ย], ๒. ผู ประกอบในลัทธิอื่น วิ. อฺาการตาย อฺ- ติตฺเถ นิยุตฺตาติ อฺติตฺถิยา.(เหลาชนผู ประกอบอัญเดียรถีย เพราะอาการไมรูอะไร เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อัญญเดียรถีย), ลทฺธิ (ความเชื่อ, ความเห็น) ทานเรียกวา ติตฺถํ, ๓. ผู มีลิทธิอื่น วิ. อฺํ ติตฺถํ อฺติตฺถํ (ลัทธิอื่น ชื่อวา อฺติตฺถ) วิ. อฺติตฺถํ เอเตสํ อตฺถีติ อฺติตฺถิยา, ปริพฺพาชกาทโย. (ลัทธิอื่นของ ชนเหลานั่นมีอยู เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อัญญเดียรถีย ไดแก ปริพาชก เปนตน)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕๕ อฺถา (อพฺ.) โดยประการอื่น วิ. อฺเน ปกาเรน อฺถา (โดยประการ อื่น ชื่อวา อฺถา), ถา ปจจัยแทน ปการ รูป. ๔๒๑ วา สพฺพนาเมหิ ปการวจเน ตุ ถา, อุภยถา อิตรถา ยถา ตถา ก็นัยนี้, ลง ถตฺตา ปจจัย ไดรูปเปน อฺถตฺตา วิ. อฺเน ปกาเรน อฺถตฺตา (โดยประการอื่น ชื่อวา อฺถตฺตา), นัย เดียวกันเชน ตถตฺตา, ยถตฺตา เปนตน อีกนัย หนึ่ง อฺถา เปนนิบาต มีความหมายวา อื่น อฺถาภาว (ปุ.) ๑. ความเปนโดยประการ อื่น วิ. อฺเน ปกาเรน ภวนํ อฺถาภาโว (ความเปนโดยประการอื่น ชื่อวา อฺถาภาว), ไดแก การถึงอาการอื่น เพราะถึงภพอื่น; ๒. ความเปนอยางอื่นโดยอยางอื่น วิ. อฺถา อฺเน ภวนํ อฺถาภาโว (ความเปนโดย ประการอื่น ชื่อวา อฺถาภาว), [อฺถา + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ณ ปจจัย], ๓. ความเปนอยางอื่นโดยภพ วิ. ภเวน อฺถาภาโว (ความเปนโดยประการอื่นโดย ภพ), หมายความวา ถึงอาการอื่นจากภพเดิม เชน กามาวจรสัตว เปลี่ยนภพเปนรูปาวจร และ มนุษย เปลี่ยนภพเปนเทวดา เพราะการถือเอา ภพใหม อฺภาคิย (นปุ.) ๑. เปนสวนอื่น วิ. อฺ- ภาคสฺส อิทํ อฺภาคิยํ (สิ่งนี้เปนของสวนอื่น ชื่อวา อฺภาคิยํ), นัยนี้เปนตัทธิต, [ณกิ ปจจัย, แปลง ก เปน ย] ๒. มีสวนอื่น วิ. อฺภาโค วา อสฺส อตฺถีติ อฺภาคิยํ (อีกนัยหนึ่ง สวนอื่น ของสิ่งนั้นมีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺ- ภาคิยํ), วิเคราะหนี้ลง อิก ปจจัยในตทัสสัตถิ ตัทธิต อฺวิหิต (ติ.) ๑. ผูมีอารมณอื่นอนัตั้งไวแลว วิ. อฺํ อารมฺมณํ วิหิตํ เยนาติ อฺวิหิโต, วิหิตฺารมฺมโณ ปุคฺคโล (อารมณอื่นอันบุคคล ใดตั้งไวแลว เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อฺวิหิต ไดแก ผูมีอารมณอื่นอันตั้งไวแลว), ๒. ใจลอย, ตั้งจิตไวในอารมณอื่น วิ. อฺสฺมึ อารมฺมเณ จิตฺตํ วิทหติ เปตีติ อฺวิหิโต (ผูใดทำคือวาง จิตไวในอารมณอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฺ- วิหิต) [อฺ + วิ + ธา ธาตุ ปเน ในความตั้งไว, ต ปจจัย, แปลง อา เปน อิ, เพราะ ต ปจจัย แปลง ธิ เปน หิ] อฺา (อิตฺ.) ธรรมชาติรูไมลวงขอบเขต วิ. ปมมคฺคาทีหิ ทิมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานิตพฺพาติ อฺา มคฺคผลาณํ (สภาวะอัน บุคคลรูไมลวงเลยขอบเขตอันปฐมมรรคเปนตน เห็นแลว เหตุนั้น ชื่อวา อฺา ไดแก มรรค ญาณผลญาณ), [อา + า ธาตุ อวโพธเน ใน ความรู + อ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค], ๒. สภาวะกำจัดสังโยชน วิ. รูปราคาทีนํ ปฺจนฺนํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานโมธิวเสน มารณโต อฺา (ชื่อวา อัญญา เพราะกำจัดสังโยชน เบื้องสูง ๕ มีรูปราคะเปนตนโดยเปนขอบเขต), [อา ในความหมายวา ขอบเขต (มริยาทตฺโถ) + า ธาตุ มารณโตสนนิสาเนสุ ในความฆา ยินดี และลับ + อ ปจจัย เปนอิตถีลิงค] ๒. พระ อรหัตต วิ. คำวา อฺา หมายถึง อรหัตต. ดังที่ ทานแสดงไวใน มูลปณฺณาสฏีกา (ม.ฏี.๑/๔๙๐) วา ทสฺสนมคฺเคน าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนฺตี สิขาปฺปตฺตา อคฺคมคฺคปฺา อฺา นาม, ตสฺส ผลภาวโต อคฺคผลมฺปติ (อรหัตตมรรคญาณ ที่เปนปญญาชั้นสุด รูไมลวงเลย ขอบเขตตามที่โสดาปตติมรรครูแลว ชื่อวา
๕๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อัญญา แมอรหัตตผลญาณ ก็เรียกวา อัญญา เพราะเปนผลของญาณนั้น) อฺ ศัพทมี ความหมายวา รูทั่ว โดยมุงถึง มรรคญาณและ ผลญาณในทามกลาง (อนาคามิมรรค/ผล, สกทาคามิมรรค/ผล) หรืออรหัตผลญาณ; ๓. รู แลว วิ. อาชานิตฺวานาติ อฺา (รูทั่วถึงแลว ชื่อวา อฺา), [อา + า ธาตุ อวโพธเน ใน ความรู + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน ย, กจฺ.๕๙๗ รูป.๖๔๑ วา สพฺเพหิ ตุนาทีนํ โย, ลบ ย กจฺ. ๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน, ๔. การรู วิ. อาชานนํ อฺา อฺาตุํ (การรูทั่วถึง ชื่อวา อฺา ไดแก ความรูทั่วถึง), [อา + า ธาตุ ใน ความรู + อ ปจจัย, ลง อา ปจจัยอิตถีโชตกอีก] อฺาณ (นปุ.) การไมรู, ความไมรู, โมหะ วิ. น ชานาตีติ อฺาณํ (ภาวะที่ไมรู ชื่อวา อฺาณ) บางคัมภีรปรากฏวา อาณํ, วิ. ายเต าณํ (อันเขารูอยู ชื่อวา ญาณ), ภาวสาธนะ, วิ. น าณํ อฺาณํ (อันเขารูอยู หามิได ชื่อวา อฺาณ), [น + า ธาตุ + ยุ ปจจัย, ซอน ฺ], โมหะ ไดชื่อวา อัญญาณะ เพราะเปนปฏิปกษตอญาณ, คำวา อนภิสมโย, อนนุโพโธ, อสมฺโพโธ, อปฺปฏิเวโธ, อสงฺคาหณา, อปริโยคาหณา, อสมเปกฺขนา, อปจฺจเวกฺขณา เปนไวพจนของ อฺาณ; พึงดูความโดยพิสดาร ที่อรรถกถามหานิเทส อฺาตพฺพ (นปุ.) ๑. อันเขาพึงรูชัด, -พึงรู ทั่วถึง, -พึงรูอยางมั่นคงจริงจัง วิ. ทฬฺหํ ชานิตพฺพนฺติ อฺาตพฺพํ (สิ่งใดอันเขาพึงรู อยางมั่นคงจริงจัง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺาตพฺพํ), [อา + า ธาตุ ในความรู + ตพฺพ ปจจัย] ๒. อันเขาไมพึงรู วิ. น ชานิตพฺพนฺติ อฺาตพฺพํ (สิ่งใดอันเขาไมพึงรู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺาตพฺพํ), [น + า ธาตุ ในความรู + ตพฺพ ปจจัย] อฺาตาวินฺทฺริย (นปุ.) อินทรียของพระ ขีณาสพ, ปญญาของพระอรหันต ไดแก อรหัตผลญาณ วิ. จตฺตาริ สจฺจานิ อาชานิตฺถาติ อฺาตาวี (พระขีณาสพผูรูสัจจะ ๔ ชื่อวา อัญญาตาวี), อฺาตาวิโน ปรินิิตอาชานนกิจฺจสสฺขีณาสวสฺสอินฺทฺริยนฺติอฺาตาวินฺทฺริยํ (อินทรีย ของพระขีณาสพผูรูสัจจะ ผูทำกิจคือ การรูจบแลว เหตุนั้น ชื่อวา อัญญาตาวินทรีย), ตาวี ในที่นี้หมายถึง รูตลอดจบสิ้น (นิานวาจี) เชนคำวา วิชิตาวี, คำวา อฺาตาวินฺทฺริย นั้น เปนชื่อของอรหัตผลญาณ วิ. อฺาตาวีภาเว สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ อินฺทํ กาเรตีติ อฺาตาวินฺทฺริยํวิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา (ธรรมชาติ ชื่อวา อัญญาตาวินทรีย เพราะอรรถวา ครอง ความเปนใหญ กวาสัมปยุตธรรมทั้งหลาย ใน ความเปนผูรูทั่วถึง) อฺาตก (ติ.) ๑. อันเขาไมรูแลว, อันเขาจำ ไมไดแลว, สิ่งที่ไมปรากฏ วิ. อมฺหากํ อิทนฺติ น าตพฺพนฺติ อฺาตํ, ตเมว อฺาตกํ, นิสีทนาทิ(ส่งิใดอันเขาจำไมไดวา นี้ของพวกเรา เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺาตํ, อฺาต นั่นเอง ชื่อวา อฺาตก ไดแก นิสีทนะ เปนตน), [น + า ธาตุ าเณ ในความรู + ต ปจจัย + ก สกัตถ], วิ. อมฺหากํ อิทนฺติ อฺาตํ อวิทิตนฺติ อฺาตกํ (สิ่งใดอันเขาไมรู คือไมปรากฏวา สิ่งนี้เปนของเรา ดังนี้ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อฺาตก), ๒. ไมใชญาติ (ติ.) วิ. น าตโก อฺาตโก (ผูไมใชญาติ ชื่อวา อัญญาตกะ), ในอิตถีลิงคเปน อฺาติกา ในคำนี้ อฺาต
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕๗ บางแหงตัดบทเปน อา+าต (รูทั่วถึง) ก็ได บาง แหงตัดบทเปน น าต (ไมรู) ก็ได อฺาที (ปุ.) ปรากฏดุจคนอื่น, เหมือนคนอ่นื วิ. อฺโ วิย ทิสฺสตีติ อฺาที, อฺาทิกฺโข, อฺาทิโส (ผูใดปรากฏดุจคนอื่น เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อัญญาที ไดแก ผูปรากฏเชนกับคนอื่น, ผู ปรากฏเหมือนผูอื่น), [อฺ + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความมองเห็น + กฺวิ ปจจัย ลบ กฺวิ, แปลง ส เปน อี, และ ส เปน กฺข, ทีฆะกลางศัพท] อฺาย (กิ.กิตฺ.) ๑. รูไมลวงเลยไปแลว, รูทั่วถึงแลว วิ. อนติกฺกมิตฺวา ชานิตฺวาติ อฺาย (การรูไมลวงเลยไป ชื่อวา อฺาย), [อา + า ธาตุ + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน ย, กจฺ.๕๙๗ รูป.๖๔๑ วา สพฺเพหิ ตุนาทีนํ โย; อีกนัยหนึ่งวา อฺาย แปลวา รูทั่วแลว (อาชานิตฺวา) หรือ ลบ ย ดวยมหาสูตรวาไดรูปวา อฺา (รูทั่ว แลว) ก็มี ๒. เพื่อการรูทั่วถึง บางแหง อฺาย มีความหมายวา เพื่อประโยชนแกการรูทั่วถึง (อาชานนตฺถาย) อฺาสิโกณฺฑฺ (ปุ.) พระโกณฑัญญะ ผูอันพระศาสดาทรงพยากรณวา ไดรูแลว, พระอัญญาโกณฑัญญะ วิ. อฺาสิ อิติ พฺยากโต โกณฺฑฺโ อฺาสิโกณฺฑฺโ (พระโกณฑัญญะ อันพระศาสดาทรงพยากรณ วา ไดรูแลว ดังนี้ จึงชื่อวา อฺาสิโกณฺฑฺโ), อฺเ จาติ นิรุตฺติทีปนีสุตฺเตน ตฺยาทิสทฺทาป สฺาภาวํ ปตฺตา นิปาตรูปา โหนฺติ (แมกิริยา ศัพทและนามศัพทครั้งถึงความเปนชื่อแลว ก็ยอมเปนนิบาตไป ดวยสูตร นิรุตฺติ.๔๑๓ วา อฺเ จ), การสมาสกิริยากับบทอื่นๆ โดยนัย เดียวกัน เชน อตฺถิขีรา คาวี (แมโค มีน้ำนมมาก ชื่อวา อตฺถิขีรา), นสนฺติปุตฺตา อิตฺถี (หญิง ไมมี บุตร ชื่อวา นสนฺติปุตฺตา), มกฺขลิโคสาโล (เดียรถียชื่อมักขลิโคสาล), อตฺถิ หุตฺวา ปจฺจโย อตฺถิปจฺจโย (ปจจัยโดยความมีอยู ชื่อวา อตฺถิปจฺจโย), โดยนัยเดียวกัน นตฺถิปจฺจโย (ปจจัยโดยความไมมี), อโหสิ เอว กมฺมํ อโหสิกมฺมํ (กรรมคืออโหสิ ชื่อวา อโหสิกมฺม), อสุโก อิติ อาห อสุโก อิติ อาห, อสุกสฺมึ วา คนฺเถ อิติ อาห อสุกสฺมึ คนฺเถ อิติ อาหาติ เอวํ ปวตฺตวจนํ อิติหิติหํ (คำพูดอันเปนไปแลวอยาง นี้วา กลาวแลววา บุคคลโนน, กลาวแลววา บุคคลโนน, หรือวา กลาวแลววา ในตำราโนน, กลาวแลววา ในตำราโนน ชื่อวา อิติหิติหํ) ตฺยาทิสทฺทาป สฺาภาวํ ปตฺตา นิปาตรูปา โหนฺติ, สฺยาทิรูปา จ. ตสฺมา เตป อิมสฺมึ สุตฺเต สงฺคยฺหนฺติ (แมกิริยาศัพท และนามศัพทครั้งถึง ความเปนชื่อแลว ก็ยอมเปนนิบาตไป. เพราะ เหตุนั้น แมกิริยาและนามศัพทที่เปนชื่อเหลานั้น จึงสงเคราะหอยูในสูตรนี้ดวย) อฺนฺทฺริย (นปุ.) อัญญินทรีย, อินทรียอัน เปนอัญญะ, ปญญาอันรูทั่วถึง วิ. อาชานาติ ปมมคฺเคน ทิมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานาติ อินฺทฺริยฺจาติ อฺินฺทฺริยํ(สภาพที่รูทั่วถึง คือรู ไมลวงเลยขอบเขตที่โสตาปตติมรรคไดเห็นแลว ดวย อินทรียดวย เหตุนั้น ชื่อวา อัญญินทรีย), ใน มณิมฺชูสา วา ‘ชานาตีติ ํ, ปมมคฺเคน ทิมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ํ อฺํ, อาการสฺส รสฺสตฺตํ, ตฺจ ตํ อินฺทฺริยฺจาติ อฺินฺทฺริยนฺติ อตฺถํ ทสฺเสติ อาชานาตีติอาทินา (สภาวะใดยอม รู เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา ญ, สภาวะที่รูไม ลวงเลยขอบเขตที่โสดาปตติมรรคไดเห็นแลว ชื่อวา อัญญะ, รัสสะ อา เปน อ, สภาวะที่รูนั้น ดวย อินทรียดวย ชื่อวา อัญญินทรีย ทานแสดง
๕๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เนื้อความดังนี้ดวยคำวา อาชานาติ เปนตน) หมายความวา อินทรียที่รูสัจจะ ๔ อันมรรค นั้นๆ รูแลว ไมลวงเลยขอบเขตตามที่โสตาปตติ มรรครูแลว, คำวา อัญญินทรีย นี้เปนชื่อของ โสตาปตติผลญาณ จนถึงอรหัตตมรรคญาณ วิ. อฺาตานํเยว ธมฺมานํ ปุน อาชานเน สมฺปยุตฺตธมฺเมหิ อินฺทํ กาเรตีติ อฺินฺทฺริยํ (ธรรมชาติที่ชื่อวา อัญญินทรีย เพราะครอง ความเปนใหญกวาสัมปยุตธรรม ในเพราะรูทั่ว ธรรมที่เคยรูมาแลวอีก) อฺเยฺย (ติ.) ๑. ภาวะอันเขาพึงรูทั่ว วิ. อาชานิตพฺโพติ อฺเยฺโย (ภาวะใดอันเขา พึงรูทั่ว เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อัญเญยยะ), [อา + า ธาตุ พุชฺฌเน ในความรู + ณฺย ปจจัย + ซอน ฺ, รัสสะ อา เปน อ, แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ], ๒. ภาวะอันเขาไมรูทั่ว (ติ.) น ชานิตพฺโพติ อฺเยฺโย (ภาวะใดอันเขายังไมรู เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวาอัญเญยยะ), [น + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู+ ณฺย ปจจัย, แปลง น เปน อ, ซอน ฺ], ๓. สิ่งที่ควรเพื่ออันรูทั่ว (นปุ.) อาชานิตุํ อรหตีติ อฺเยฺยํ (สิ่งใดควรเพื่อจะรู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อัญเญยยะ), [อา + า ธาตุ อวคมเน ในความรู + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อา ที่ า เปน เอ, ซอน ย] อฏฏ (นปุ.) อฏฎะ ชื่อมาตรานับตอจาก อัพพะ วิ. อฏติ คจฺฉตีติ อฏฏํ (สิ่งใดไปคือดำเนินไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อัฏฏะ), จำนวนเทาเขียน เลข ๑ ประกอบเลข ๐ ลงไป ๘๔ ตัว, [อฏ ธาตุ คมเน ในความไป + ฏ ปจจัย] จำนวนรอยแหง แสนอัพพะคือวา อฏฏะ. อฏนิ (อิตฺ.) แมแคร วิ. อยเต คมฺมเตติ อฏนิ มฺจงฺโค (สวนประกอบเตียงอยางหนึ่งอันเขาไป ถึง เหตุนั้น ชื่อวา อฏนิ ไดแก แมแคร), ศัพทนี้ เปนอิตถีลิงค, [อฏ ธาตุ คมเน ในความไป + อนิ ปจจัย โมค.๗/๑๑๒ วา วตฺตาฏาวธมาเสหฺยนิ อฏนี (อิตฺ.) แมแคร วิ. อฏติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อฏนี (สวนประกอบเตียงอยางหนึ่งที่ไป คือ ดำเนินยื่นยาวไป เหตุนั้น ชื่อวา อฏนี), [อฏ ธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, อี ปจจัยในอิตถีลิงค] อฏวี (อิตฺ.) ดง, ที่เที่ยวเดินไป วิ. อฏนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ อฏวี (ชนทั้งหลายเที่ยวไปในแดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อฏวี), [อฏ คมเน + อว ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค], ๒. ดง, ที่งอก งามขึ้นขางบน (อิตฺ.) วิ. อุทฺธํ ฏวติ วิรูหตีติ อฏวี (ดงที่งอกเงยขึ้นขางบน เหตุนั้น ดงนั้นชื่อ วา อฏวี), [อุ + ธาตุ วิรูหเน ในความงอกงาม + อ ปยจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อุ เปน อ, แปลง อุ เปน อว], ๓. ดง, ที่มีหินศิลา, ที่มีภูเขา (อิตฺ.) วิ. อฏา อวยโว เสลา เอตฺถาติ อฏวิ อฏวี (สวนประกอบคือหินในประเทศนี้มี อยู เหตุนั้นประเทศนั้นชื่อวา อฏวิ, อฏวี), [อฏ + อิ/อี ปจจัย + ว อาคม], ๔. ดง, ที่ไปเก็บ เครื่องไม วิ. ทพฺพสมฺภารานิ อฏนฺติ คณฺหนฺติ เอตฺถาติ อฏวิ อฏวี (ชนทั้งหลายเที่ยวไปกับ ทัพพสัมภาระในแดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อฏวิ, อฏวี), [อฏ ธาตุ + อิ ปจจัย + อี ปจจัยใน อิตถีลิงค + ว อาคม], ๕. ดง, ประเทศที่พวก โจรเบียดเบียนมนุษย วิ. โจราทโย มนุสฺเส อา ภุโส ฏวนฺติ ปฬยนฺติ เอตฺถาติ อฏวิ อฏวี (โจร เปนตน เบียดเบียนพวกมนุษยอยางทารุณ ใน แดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อฏวิ อฏวี), [อา + ธาตุปฬเน ในความเบียดเบยีน + ณ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค ลบ ณ อนุพันธ + แปลง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๕๙ อุ เปน อว, รัสสะ อา เปน อ] ศัพทนี้เปน อิตถี- ลิงค อฏฏ (ปุ.) ๑. คดี วิ. อฏตีติ อโฏ ยุติ (สิ่งใดยอม เปนไปหรือเกิดขึ้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฏ ไดแก คดีความ] เชน วินย.อ.๒/๕๑๘ วา อฏการโก (ผกอคดีู ความ), [อฏ ธาตุ คมเน อภิโยเค วา ในความไป หรือความเกิดขึ้น + ฏ ปจจัย], ๒. คดี, ดคีความที่เปนเหตุใหคูความอึดอัด วิ. ปจฺจตฺถิกา อฏิยนฺติ ทุกฺขายนฺติ เอเตนาติ อโฏ, วินิจฺฉิตพฺพโวหาโร (คูความยอมอึดอัด หรือลำบากใจ เพราะสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฏ ไดแก การฟองรองที่ตองตัดสิน), เชน กูฏฏํ กตฺวา (ทำคดีโกง) [อฏ ธาตุ ปฬเน ใน ความเบียดเบียน + อ ปจจัย], ๓. โรงกลม, มัณฑลมาฬ, เรือนจตุรมุข วิ. อฏตีติ อโฏ มาโฬ (สิ่งใดยอมเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฏ ไดแก เรือนยอด), หมายถึง โรงที่เหมือน หอฉัน (โภชนสาลา) โรงกลม (มณฺฑลมาโฬ) แต ในอรรถกาวินัย (วินย.อ.๒/๑๗๙) วา มาโลติ เอกกูฏสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโท (ปราสาท ๔ เหลี่ยมจัตุรัส อันสงเคราะหเขาดวยยอดเดียวกัน ชื่อวา เรือนยอดเดียว), กาโร วา ยถา อฏพนฺธนาทึ ภินฺทิตฺวาติ (อีกนัยหนึ่งแปลวา เรือนจำ เชน ทำลายเครื่องผูกที่เขาจองจำไว), [อฏ ธาตุ คมเน พนฺธเน วา ในความไปหรือ ความผูก + อ ปจจัย], ๔. ปอม วิ. อฏติหึสตตีิ อโฏ อฏาลโก (อาคารที่ขจัดคือเบียดเบียน เหตุนั้น อาคารนั้นชื่อวา อฏ ไดแก ปอม), วินย.อ.๒/๑๗๙ วา อโฏติ ปฏิราชาทิ- ปฏิพาหนตฺถํ อิกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโสติ วุตฺตํ โหติ (บทวา อโฏ “ปอม” คือสถานที่พักพิเศษที่มี ๔ หรือ ๕ ชั้น สรางดวยอิฐมีผนังหนา เพื่อปองกัน พระราชาผูเปนปฏิปกษ เปนตน), [อฏ ธาตุ อติกฺกมหึสาสุ ในความกาวไปและความ เบียดเบียน + อ ปจจัย], ๕. อันตราย, ความ อาดูร, เรือนจำ วิ. อฏติ หึสตีติ อฏํ อนฺตราโย (สภาวะใดเบียดเบียน เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อฏ ไดแก อันตราย),อีกนัยหนึ่งแปลวา การา คือ เรือนจำ เชน คำวา พันธนาการที่เรือนจำ เปนตน, อฏ ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อ ปจจัย]. วิ. ปิโต ทุกฺขิโต พาธิโต อโฏ อาตุโร (สภาพที่บีบคั้น กดดัน กอความลำบาก ชื่อวา อฏ ไดแก ความอาดูร), [อฏ ธาตุ อนาทเร ในความไมเอื้อเฟอ + ต ปจจัย]. ใน ความหมายนี้ บางแหงปรากฏปาฐะวา อฏิโต ก็มี อฏฏก (ปุ.) ราน, นั่งราน, หาง วิ. อฏติ พนฺธติ เอตฺถาติ อฏโก เวหาสมฺโจ (เขาผูกมัดไวที่นนั่ เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อฏก ไดแก นั่งราน), [อฏ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ก ปจจัย]. ปาฐะวา อโฏ ก็มี, เชน อฏํ วา พนฺธนฺติ (พวกเขาผูก นั่งรานไว) อฏฏการี(ปุ.) ผูกอคดีโดยปกติ, คูความ, ลูกความ วิ. อโฏติ โวหาริกวินิจฺฉโย วุจฺจติ, ยํ ปพฺพชิตา อธิกรณนฺติป วทนฺติ. อฏํ กโรติ สีเลนาติ อฏการี (การวินิจฉัยของผูพิพากษา เรียกวา อฏ-คดี, ซึ่งบรรพชิตเรียกกันวา อธิกรณ, ผูใดยอมกอคดี โดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อฏการี), [อฏ + กร ธาตุ กรเณ ใน ความทำ + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และ พฤทธิ์ อ เปน อา], ปาฐะวา อฏการโก, ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก
๖๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อฏฏหาส (ปุ.) หัวเราะมาก, หัวเราะเสียงดัง วิ. อโฏ หาโส อฏหาโส. อติกฺกนฺโต หาโส อฏหาโส, มหาหาโส (การหัวเราะที่ดังขึ้น ชื่อวา อฏหาส คือหัวเราะเกินขอบเขต ชื่อวา อฏหาส ไดแก หัวเราะเสียงดัง), [อติ + หาส ธาตุ, แปลง ต เปน ฏ, ซอน , แปลง อิ เปน อ] อฏฏาลก (ปุ.) ปอม, ปอมยาม, หอคอย วิ. อฏติ หึสตีติ อฏาลโก อโฏ, อฏธาตุ, อาลโก (อาคารใดเบียดเบียน เหตุนั้น อาคารนั้น ชื่อวา อฏ, อฏ ธาตุ, คือหอคอย), วิ. อฏํ อลติ นิวาเรตีติ อฏาลโก (อาคารใดปองกันคือ กั้นอันตรายไว เหตุนั้น อาคารนั้น ชื่อวา อฏาลก), อฏ + อล ธาตุ นิวารเณ ในความ หาม + ณฺวุ ปจจัย], ปาฐะวา อฏาล ก็มี, ใน วิมติวิโนทนี (วิมติ.ฏี.๑/๓๖๖) วา โคปุรฏาลกยุตฺตนฺติ เอตฺถ ปากาเรสุ ยุทฺธตฺถาย กโต วงฺกสณฺาโน สรกฺเขปฉิทฺทสหิโต ปติสฺสยวิเสโส อฏาลโก (อฏาลก “ปอม” ในคำวา โคปุรฏาลกยุตฺตํ นั้น หมายถึง ที่พักพิเศษ ประกอบดวยชองและเครื่องลอมทำเปนสัณฐาน โคงเพื่อประโยชนแกการรบบนกำแพง) อฏฏิ (อิตฺ.) ความเจ็บไข, ความเบียดเบียน วิ. สตฺเต อฏติ อภิภวตีติ อฏิ พฺยาธิ (สภาวะ ใดยอมเบียดเบียนครอบงำสัตวทั้งหลาย เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อฏิ), [อฏ ธาตุ อภิภวเน ใน ความครอบงำ + อิ ปจจัย] อฏิ ศัพทเปน อิ การันตในอิตถีลิงค อฏฏิต (ติ.) อันเขาเบียดเบียนแลว, อันเขากดขี่, ถูกทำใหลำบาก วิ. ปิโต เขทิโต วา อฏิโต (ผูอันเขาบีบคั้น กดดันใหลำบาก ชื่อวา อฏิต), [อฏ ธาตุ วธเขทเนสุ ในความฆาและทำให ลำบาก + ต ปจจัย + อิ อาคม] อฏฏิยมาน (กิ.กิต.ติ.) อันเขาประพฤติกดขี่อยู, ประพฤติลำบากอยู, เบียดเบียนอยู, เบื่ออยู, ระอาอยู วิ. อโฏ กรียเตติ อฏิยมาโน, ปิยมาโนติ อตฺโถ (ความเบียดเบียนอันเขา กระทำอยู ชื่อวา อฏิยมาน ไดแก เบียดเบียน อยู), [อฏ ใชเปนนามธาตุ-นามนามใชเปนดุจ ธาตุ + อิ ปจจัยลงทายนามในอรรถแหงธาตุ, โมค.๕/๑๒ วา ธาตฺวตฺเถ นามสมฺ + ย และ มาน ิ ปจจัย, อิ อาคม] นัยเดียวกัน อฏิยนํ หรือ อฏิยนา, ลง ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, แปลงเปน อน อฏฏียน (นปุ.) ระอา, เบื่อหนาย, รังเกียจ วิ. อฏียิตพฺพนฺติ อฏียนํ (อันเขาเบื่อหนาย ชื่อวา การเบื่อหนายอาดูร), [อฏ ธาตุ อนาทเร ในความไมเอื้อเฟอ + อีย หรือ อีย ปจจัยตอทาย อฏ ซึ่งเปนนามใชเปนดุจธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] นัยเดียวกัน อฏียนฺโต ลง อนฺต ปจจัย ในกัตตุวาจก, อฏียิตฺวา ลง ตฺวา ปจจัย อฏก (ปุ.นปุ.) ๑. ผูทำประโยชน, ผูสอน ศาสตร, ผูสรางตำรา, ฤษีผูแตงมนต วิ. อตฺถํ หิตํ อตฺเถ วา สตฺเถ กโรตีติ อโก, มนฺตสฺส กตฺตา อิสิ (ผูใดยอมกระทำซึ่งประโยชนเกื้อกูล หรือกระทำซึ่งศาสตร เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อัฏฐกะ ไดแก ฤษีผูทำมนต), [อตฺถ + กร ธาตุ + กฺวิ ปจจัย, ลบ กฺวิ, แปลง ตฺถ เปน ], ๒. หมวด ๘, ประชุมแหง... ๘, มีปริมาณ ๘ หนวย (ปุ.ติ.) วิ. อนฺนํ สมูโห, อ วา ปริมาณานิ ยสฺสาติ อโก อกํ (ประชุมแหง สิ่งนั้น ๘ ชื่อวา อัฏฐกะ หรือปริมาณ ๘ ของสิ่ง ใด สิ่งนั้นชื่อวา มีประมาณ ๘), ก ปจจัยในตัทธิต ในปทรูปสิทธิ กจฺ.๓๙๒ รูป.๔๑๘ วา ทฺวาทิโต โกเนกตฺเถ จ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๖๑ อฏกถา (อิตฺ.) อรรถกถา, วาจาเปนเครื่อง กลาวเนื้อความ วิ. อตฺโถ กถิยติ อุทฺธริยติ เอตายาติ อกถา, อตฺถกถา วา สํวณฺณนา (เนื้อความอันทานกลาว คือไขความดวยวาจา นั่น เหตุนั้น วาจานั้น ชื่อวา อัฏฐกถา, อัตถกถา ไดแก วาจาเปนเครื่องพรรณนา), [อตฺถ + กถ ธาตุ กถเน ในความกลาว + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ตฺถ เปน ] ก็ในที่นี้ พึงทราบวา คำวา อตฺถกถา ทานสะกดดวย ตฺถ อักษร เพราะไดอิทธิพลของภาษาสันสกฤต, อักษร ฏ วรรค ซึ่งเปนทันตชะ เมื่อมาถึงภาษา บาลีจะถูกเปลี่ยนเปน ต วรรค ซึ่งเปนมุทธชะ, ที่จริง ในสันสกฤตมีรูปวา อรฺถกถา คือ อตฺถกถา, นัยเดียวกันนี้เชน อฑฺโฒ อรฺทฺธะ อทฺโธ, อุานํ อุตฺสฺถานมฺ อุตฺถานํ, วุโ วฺฤสฺตฺถะ วุตฺถะ, วุ านํ ว ฺ ฤส ฺ ถานมฺ ว ุ ต ฺ ถานํ อ ุ ต ฺ ถานํ, ววเปตพฺโพ ววตฺถเปตพฺพะ, สงฺขตโ สํสฺกฤตารฺถะ, สณฺานํ สํสฺถานมฺ, โวปนํ วฺยวสฺถาปนมฺ, คณฺโ คฺรนฺถะ คนฺโถ, คณฺิ คฺรนฺถิ คนฺถิ, ฑาโห ทาหะ, นิคณฺโ นิรฺคฺรนฺถะ นิคนฺโถ, ปฏิปตฺติปฺรติปตฺติ, ปโม ปฺรถมะ ปถโม, ปวี ปฺฤถวี ปถวี, วฑฺโฒ วุฑฺโฒ วฺฤทธฺะ วทฺโธ วุทฺโธ, วฑฺฒิ วุฑฺฒิ วฺฤทฺธิ วทฺธิ วุทฺธิ อฏงฺคิก (ปุ.) (มรรค) มีองค๘ วิ. อตฺตโน อวยวภูตานิ อ องฺคานิ องฺคานิ. ตานิ เอตสฺส สนฺตีติ องฺคิโก (องคอันเปน สวนประกอบของตน ๘ ชื่อวา อัฏฐังคะ-องค ๘, องค ๘ นั้นของมรรคนั่นมีอยู เหตุนั้น มรรคนั้น ชื่อวา อัฏฐังคิก-มรรคมีองค ๘), [อิก ปจจัยใน ตทัสสัตถิตัทธิต], ที่จริง ที่เรียกวามรรค เพราะ เปนประชุมแหงองคประกอบแหงมรรค ธรรมดา ที่ประชุมก็มีองคประชุมยอมๆ แตวาโดยปรมัตถ องคแหงมรรคทั้งหลายนั่นเอง ประชุมรวมกัน เปนมรรค เหมือนดนตรีมีเครื่องดนตรี ๕ ชิ้น รวมกันเปนวงเดียว และมรรคที่พนไปจากองคก็ หามิได เหมือนอยาง พระเวทยตองมีองค ๖, องคมรรคแตละองคนั้นเองรวมกันวา มรรค (สารตฺถ.ฏี.๔/๖๐), เชน สมฺมาทิิ มคฺโค เจว เหตุ จาติ. (อภิ.สํ.๓๔/๖๘๒/๒๖๗) (สัมมาทิฏฐิ เปนมรรคดวย เปนเหตุดวย) อฏธา (อพฺ.) มี ๘ ชนิด, มี ๘ ประการ, มี ๘ สวน วิ. อวิธา ปการา เอเตสนฺติ อธา (ประการทั้งหลาย ๘ ชนิด ของสภาวะเหลานั้น เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา มี ๘ ชนิด), [อ + ธา ปจจัย] อฏปท (ปุ.นปุ.) กระดานหมากรุก, กระดานมี แถวละ ๘ ตา วิ. อปทานิ เอตสฺส สนฺตีติ อปทํ (ตา ๘ ตามีที่กระดานนั่น เหตุนั้น กระดานนั้นชื่อวา อัฏฐปทะ), วิ. เอเกกาย ปนฺติยา อ อ ปทานิ อสฺสาติ อปทํ (ตา หมากรุก ๘ ตาในแตละแถว ของกระดานนั้นมี อยู เหตุนั้น กระดานนั้นชื่อวา อัฏฐปทะ), ทีฆะ สระหลัง อ สำเร็จรูปเปน อาปท ก็มี เชน สาริผลเก อาปทํ (ตาหมากรุกในกระดาน หมากรุก), ศัพทนี้ใชทั้งปุงลิงค และนปุงสกลิงค อฏมี (อิตฺ.) ที่แปด วิ. อนฺนํ ติถีนํ ปูรณี อมี (ดิถี เปนที่เต็มแหง ๘ ดิถี ชื่อวา อมี), [อี ปจจัย ในปูรณตัทธิต], ปกฺขสฺส ปมทิวสโต ปภุติ อนฺนํ ปูรณี เอกา รตฺติ อมี อฑฺฒจนฺทาทิภาโว หิ รตฺติยา อุปลกฺขณวเสน ปฺาณํ โหติ ยสฺมา อฑฺโฒ, ตสฺมา อมี. ยสฺมา อูโน, ตสฺมา จาตุทฺทสี. ยสฺมา ปุณฺโณ, ตสฺมา ปนฺนรสีติ (ที่ชื่อวาวันอัฏฐมี คือราตรีหนึ่ง นับจากวัน ๑ ค่ำแหงปกษ เปนที่เต็มแหง ๘
๖๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ราตรี, จริงอยู ความที่พระจันทรครึ่งดวงเปนตน เปนเครื่องกำหนด โดยกำหนดตามค่ำ เพราะ พระจันทรครึ่งดวง ฉะนั้น จึงเรียกวา อัฏฐมี-๘ ค่ำ, เพราะพระจันทรพรอง ฉะนั้น จึงเรียกวา จาตุทฺทสี-วัน ๑๔ ค่ำ, เพราะพระจันทรเต็ม จึงเรียกวา ปนฺนรสี-วัน ๑๕ ค่ำ), กตฺถจิ ปน วุตฺตํ อนิจฺจตาเยว อมีติ วินาสภาโว เอว อโม. องฺคโมติ อตฺโถ (แตในบางแหง ทานอธิบาย วา ความไมเที่ยงนั่นเอง ชื่อวา อมี เหตุนั้น ความเสื่อมสูญไปนั่นแล จึงชื่อวา อโม หมายถึง ถึงการตั้งอยูไมได) อฏสาลินี (อิตฺ.) อัฏฐสาลินี, ชื่ออรรถกถา พระอภิธรรม ๑. คัมภีรที่มีเนื้อหาเปนสาระคือ เปนประดุจแกน วิ. สาโร วิย สาโร อตฺโถ สาโร ตถา. โส เอติสฺสา อตฺถีติ อสาลินี (สิ่งที่ เปนประดุจแกน ชื่อวา สาระ, เนื้อความเปน ประดุจแกน ชื่อวา อตฺถสาร, เนื้อความเปน ประดุจแกน ของอรรถกถานั่นมีอยู เหตุนั้น อรรถกถานั้นจึงชื่อวา อสาลินี-อรรถกถาที่มี เนื้อความอันเปนสาระ), [อี ปจจัย ในตทัสสัตถิ ตัทธิต + นี ปจจัยในอิตถีลิงค ดวย ปโยคสิทฺธิ ปา วา ยุวณฺเณหิ นี ] เชน อุปฺปลินี, กุมุทินี เปนตน, คำวา อตฺถสาลินี นั่น ทานกลาวไววา อสาลินี โดยแปลง ตฺถ เปน ๒. คัมภีรที่มี เนื้อความอุดม วิ. อุตฺตโม วา อตฺโถ อตฺถสาโร. โส เอติสฺสา อตฺถีติ ตถา (อีกประการหนึ่ง เนื้อความอันอุดม ชื่อวา อตฺถสาร, เนื้อความอัน อุดมนั้น ของอรรถกถานั้นมีอยู เหตุนั้น อรรถกถานั้นชื่อวา อัฏฐสาลินี) ๓. คัมภีรเปนที่ ประกาศเนื้อความ, -เปนเครื่องประกาศ เนื้อความ วิ. อตฺโถ วา สริยติ ปสาสิยติ เอตฺถ เอตาย วาติ อสาลินี (เนื้อความอันทานทำให ชัดเจน คือประกาศในอรรกถานั้น หรือดวย อรรถกถานั้น เหตุนั้น อรรถกถานั้นจึงชื่อวา อัฏฐสาลินี), [อตฺถ + สร ธาตุ ปกาสเน ในการ ประกาศ + ณี ปจจัย + อินี ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ร เปน ล] อฏิ (นปุ.) ๑. กระดูก วิ. อสติ เขเปตีติ อิ (สิ่งใดสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อัฐิ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + ติ ปจจัย, แปลง สฺต เปน ิ], ๒. กระดูก, สิ่งที่ทิ้งกาลเวลานานไว ตลอดกาลนาน วิ. อทฺธานํ อสติ เขเปตีติ อิ (สิ่งใดทิ้งหรือทำใหเวลานานสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อัฐิ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้น ไป + อิ ธาตุ, แปลง ส เปน , ซอน , ๓. เมล็ด, สิ่งที่เขาไมทิ้งไป วิ. อสิยตีติ อิ, ยํ ธมฺมชาตํ สตฺเตหิ อสิยติ ขิปยติ อิติ ตสฺมา ตํ ธมฺมชาตํ อีติ อตฺถโยชนา (ธรรมชาติใด อันสัตว ทั้งหลายทิ้งเสีย เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อัฏฐิ-เมล็ด), [อส ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + ิ ปจจัย กจฺ.๖๓๘ รูป.๖๖๐ วา วชาทีหิเปนตน, ลบ ส ที่สุดธาตุ กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, ซอน ], ๔. เมล็ด, สิ่งที่เปนเหตุตั้งอยู มั่นคง วิ.อา ภุโส ติติ เอเตนาติอิ (พันธไม ตั้งอยูมั่นคงดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อัฏฐิ-เมล็ด), [อา + า ธาตุ าเน ในความตั้งอยู + อิ ธาตุ, ซอน , รัสสะ อา เปน อ], ๕. กระดูก, สิ่งที่เปนแกนในรางกาย วิ. สรีเร สาโร อสติ ภวตีติ อิ (แกนสำคัญมีในรางกาย เหตุนั้น แกนนั้นชื่อวา อัฐิ), [อส ธาตุ ภุวิ ในความมี + อิ ปจจัย + แปลง ส เปน ]. อิ ศัพทเปน อิ การันตในนปุงสกลิงค ปรากฏความหมายวา เมล็ด (พีช) และกระดูก (ธาตุ); แตในคัมภีร มณิสารมฺชูสา วา อิ ศัพทเปนปุงลิงคก็มี
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๖๓ อฏิก (ติ.) มีกระดูก, มีเมล็ด, มีความสำคัญ, มี ประโยชน วิ. อิ อสฺมิมตฺถีติ อิกํ ผลํ (เมล็ด ในผลไมนั้นมีอยู เหตุนั้น ผลไมนั้นชื่อวา อิกํ), [อิก ปจจัย ในตทัสสัตถตัทธิต], สำหรับ ในคำวา อิกํ นี้ มีตัวอยางวา อิเกหิ กทลิผเลหิ กตปานํ วินย.๓/๒๒๖ (ปานะที่ทำจากผลกลวย มีเมล็ด) อฏิกตฺวา (กิ.วิ.) ๑. ทำใหมีประโยชน, วิ. อิกภาวํ อตฺถิกภาวํ กตฺวา อิกตฺวา, อตฺถิโก หุตฺวาติ อตฺโถ (ทำใหมีคุณคา คือทำใหมี ประโยชน ชื่อวา อิกตฺวา, หมายความวา เปน สิ่งที่มีประโยชน), คำวา อิ ในที่นี้ วิ. อตฺโถ ยสฺสตฺถีติ อิ(ประโยชนของสิ่งใดมีอยูเหตุนนั้ สิ่งนั้นชื่อวา อิ), [แปลง ตฺถ เปน + อี ปจจัยในตทัสสัตถตัทธิต, รัสสะ อี เปน อิ] วิ. อถ วา อตฺโถ ยสฺสตฺถีติ อิโก (อีกนัยหนึ่ง ประโยชนของสิ่งใดมีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อิโก) [อิโก] ๒. ทำใหมีคุณคา, ทำใหเปน ของที่นาปราถนา วิ. อตฺถยิตพฺโพ อิจฺฉิตพฺโพติ วา อิโก (สิ่งใดอันเขาพึงปรารถนา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อิก), [อตฺถ ธาตุ ปตฺถเน ในความ ปรารถนา + ณฺวุ ปจจัย ใชเปนกัมมสาธนะ แปลงเปน อก, แปลง อ เปน อิ] อิกอิติ นามสทฺทโต ตฺวาปจฺจโย กาตพฺโพ. อิกตฺวาติ อิทํ ปทํ กิริยาวิเสสนํ. กิริยาวิเสสเน วตฺตมาเน กรธาตุ วา ภูธาตุ วา โยเชตพฺพา (พึงประกอบ ตฺวา ปจจัย ทายศัพทนามวา อิก. บทวา อิกตฺวา นี้ เปนกิริยาวิเสสนะ. เมื่อจะใชเปน กิริยาวิเสสนะ ควรประกอบ กร ธาตุ หรือ ภู ธาตุ), ปาฐะวา อึกตฺวา ก็มี เพราะปรากฏ ตัวอยางในประโยควา อึกตฺวา อตฺถํ กตฺวา, อตฺถิโก วา หุตฺวา (อึกตฺวา คือทำใหมี ประโยชน หรือเปนสิ่งที่มีประโยชน) อฏิต (ติ.) ๑. อธิษฐานแลว, ตั้งไวมั่นแลว, คิด แลว วิ. อธิาโต ิปโต จินฺติโต วาติ อิโต (อันเขาอธิษฐานแลว ตั้งไวแลว หรือคิดแลว เหตุนั้น ชื่อวา อิต), [อา + า ธาตุ อธิาน- ปนจินฺตเนสุ ในความตั้งมั่น ความตั้ง และ ความคิด + ต ปจจัย + อิ อาคม, ซอน รัสสะ อา เปน อ], ๒. ไมดำรงอยูแลว (ติ.) น วา ิโตติ อิโต (ผูใดไมดำรงอยูแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อิต), [น + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหาม การไปคือตั้งอยู + ต ปจจัย, แปลง อา เปน อิ] นัยเดียวกัน อตฺวา ลง ตฺวา ปจจัย อฏิเวธก (ติ.) ผูเจาะกระดูก วิ. อึ วิชฺฌตีติ อิเวธโก (ผูใดเจาะกระดูก เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อัฏฐิเวธกะ), [อิ + วิธ ธาตุ วิชฺฌเน ในความ แทง, เจาะ + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก] อฑฺฑ (ปุ.) คดี, การสืบสวน, การดำเนินคดี, อธิกรณ วิ. ปริเยสนํ คมนํ อธิกรณํ วา อฑฺโฑ โวหาริกวินิจฺฉโย (การสืบสวน การดำเนินคดี อธิกรณ ชื่อวา อัฑฑะ ไดแก การวินิจฉัยตุลา การ), [อฑฺฑ ธาตุ ปริเยสนคติอธิกรเณสุ ในการ แสวงหา การไป และอธิกรณ + อ ปจจัย] วิ. อฑฺฑนํ อภิยฺุชนํ อฑฺโฑ อโฏ วา, ชูตกรณํ โวหาริกานํ วินิจฺฉยการณํ (การดำเนินคดี คือ การวาความ ชื่อวา อฑฺฑ หรือ อฏ, ไดแก การ พนันเปนเหตุวินิจฉัยแหงผูพิพากษา), อฑฺฑ ธาตุ อภิโยเค ในความประกอบ + อ ปจจัย อฑฺฒ (ปุ.นปุ.) ๑. กึ่ง, ครึ่ง, สิ่งที่ทำใหหนวย เต็มสิ้นไป วิ. สมุทายํ อสติ เขเปตีติ อฑฺโฒ อทฺโธ อุปฑฺโฒ (ภาวะใดทำลายหนวยเต็มใหสิ้น ไป เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อฑฺฒ, อทฺธ, อุปฑฺฒ
๖๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แปลวา ครึ่ง), [อส ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + ต ปจจัย, แปลงเปน ฑฺฒ], ๒. ผูมั่งคั่ง, คนมี ทรัพย, ผูคิดถึงทรัพยอยางเดียว (ติ.) วิ. อา ภุโส อติเรกํ พหุลํ พหุวารํ สุวณฺณรชตาทิธนํ ฌายติ จินฺเตตีติ อฑฺโฒ อิพฺโภ มหาโภโค จ (ผูใดคิด คำนึงเพงถึงทรัพยมีทองเงินเปนตน เหลือเกิน หลายวาระ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อฑฺฒ ไดแก คน มั่งคั่ง และมีทรัพยมาก, [อา + เฌ ธาตุ จินฺตายํ ในความคิด + อ ปจจัย, แปลง ฌ เปน ฒ, ซอน ฑฺ ซึ่งมีรูปไมเสมอกัน, แปลง อา ที่ตนใหเปน รัสสะ คือ อ], อนึ่งในบทสำเร็จวา อทฺธ นี้ พึงทราบวา ทานแปลง ฑฺฒ เปน ทฺธ โดยไดรับ อิทธิพลจากภาษาสันสกฤต, สำหรับนัยแหง ภาษาสันสกฤตไดรูปเปน อรฺทฺธะ - อทฺโธ นัยเดียวกันนี้เชน วฺฤทฺธะ - วทฺโธ = วฑฺโฒ วุฑฺโฒ, วฺฤทฺธิ - วทฺธิ = วฑฺฒิ วุฑฺฒิ, อรฺถกถา - อตฺถกถา = อกถา, คฺรนฺถะ - คนฺโถ = คณฺโ, คฺรนฺถิ - คนฺถิ = คณฺิ, ทาหะ = ฑาโห, ปฺรถมะ - ปถโม = ปโม ดังนี้เปนตน อฑฺฒฏมรตน (ติ.) มีศอกที่ ๘ ดวยทั้งกึ่งเปน ประมาณ, มีขนาด ๗ ศอกครึ่ง วิ. อฑฺเฒน อนฺนํ ปูรณานิ อฑฺฒมานิ (ศอกทั้งหลาย เปนที่เต็มแหงศอกทั้งหลาย ๘ ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒมานิ), วิ. อฑฺฒมานิ รตนานิ ปมาณํ ตสฺสาติ อฑฺฒมรตโน (ศอกทั้งหลายที่ ๘ ดวยทั้งกึ่ง เปนประมาณของสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่ง นั้นชื่อวา อฑฺฒมานิ-มีศอกทั้งหลายที่ ๘ ดวย ทั้งกึ่ง เปนประมาณ), วิเคราะหนี้จัดเปน ทุกฺกรมคฺค นาม พหุพฺพิหิสมาส คือพหุพพิหิ สมาสที่มีทางทำไดยาก ใน อตฺถโยชนา แหง คัมภีร สมนฺตปาสาทิกา (โยชนา.๒/๙๐) วิ. อฑฺเฒน อมํ อฑฺฒมํ (ที่ ๘ ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒม),วิ.อฑฒฺ มํ รตนํ ยสฺส โส อฑฺฒมรตโน (ศอกที่ ๘ ดวยทั้งกึ่ง ของสิ่งใดมีอยู เหตุ นั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฑฺฒมรตน) ปาฐะวา อทฺธมรตโน หตฺถี (ชางขนาด ๘ ศอกดวยทั้ง ครึ่ง) ดังนี้ก็มี, หมายความวา ขางตัวขนาด ๘ ศอกดวยทั้งกึ่ง อฑฺฒฏม (ติ.) ที่ ๘ ดวยทั้งกึ่ง คือ ๗ ครึ่ง วิ. อฑฺเฒน อนฺนํ ปูรณํ เยสนฺติ อฑฺฒมานิ (ที่เต็มแหงวัตถุทั้งหลาย ๘ ดวยทั้งกึ่ง ของสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งเหลานั้นชื่อวา อฑฺฒมานิ-ที่ ๘ ดวยทั้งกึ่ง), ม ปจจัยในปูรณสังขยา, คำวา อฑฺฒปฺจม (ที่ ๕ ดวยทั้งกึ่ง) เปนตน ก็นัย เดียวกันนี้ อฑฺฒติย (ติ.) ที่ ๓ ดวยทั้งกึ่ง คือ ๒ ครึ่ง วิ. อฑฺเฒน ตติโย อฑฺฒติโย (ที่ ๓ ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒติย-๒ ครึ่ง), แปลง อฑฺฒ และ ตติย เปน อฑฺฒติย อฑฺฒเตยฺย (ติ.) ที่ ๓ ดวยทั้งกึ่ง คือ ๒ ครึ่ง วิ. อฑฺเฒน ตติโย อฑฺฒเตยฺโย (ที่ ๓ ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒเตยฺย-๒ ครึ่ง), แปลง อฑฺฒ และ ตติย เปน อฑฺฒเตยฺย, อีกนัยหนึ่ง วิ. อฑฺฒติโย เอว อฑฺฒเตยฺโย (อฑฺฒติย นั่นเอง ชื่อวา อฑฺฒเตยฺโย), ณฺย ปจจัยสกัตถ, แปลง อิ ที่ ติ เปน เอ, กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน วิ. ติณฺณํ ปูรโณ เตยฺโย, อฑฺโฒ เตยฺโย อสฺสาติ อฑฺฒเตยฺโย (จำนวนเปนที่เต็มแหงจำนวน ๓ หนวย ชื่อวา เตยฺย-ที่ ๓, ครึ่งหนึ่ง เปนที่ ๓ ของ จำนวนนั้น เหตุนั้น จำนวนนั้นชื่อวา อฑฺฒเตยฺย ครึ่งเปนที่ ๓ คือ ๒ ครึ่ง) อฑฺฒมาส (นปุ. อพฺ.) มาสสฺส อฑฺฒํอฑฺฒมาสํ (กึ่งแหงเดือน ชื่อวา อฑฺฒมาส) จัดเปน อมาทิตัปปุริสสมาส อีกอยางนี้ พึงทราบวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๖๕ เพราะการสลับบทหนากับบทหลัง เชนในที่นี้ มาส ซึ่งในวิเคราะหเรียงไวหนา แตในบทสำเร็จ ถูกสลับไปไวหลัง เรียกสมาสนี้วา ทุราชานมคฺโค นาม ฉีตปฺปุริสสมาโส (ฉัฏฐีตัปปุริสสมาส ที่มี ทางรูไดยาก), นัยเดียวกันเชน ปุพฺพกาโย, ปุพฺพณฺโห เปนตน, ปาฐะวา อทฺธมาส ก็นี้ รูปนี้ ทานไดนัยสันสกฤต อฑฺฒโยค (ปุ.) เรือนมุงแถบเดียว, เรือน เหมือนปกครุฑ, ปราสาทยาว, เพิงพัก วิ. เอกปสฺเสเยว ฉทนโต อฑฺเฒน โยโค อฑฺฒโยโค (เรือนที่ประกอบครึ่งหนึ่ง เพราะมีหลังคามุง ดานเดียวเทานั้น ชื่อวา อฑฺฒโยค), คือเรือนที่มี หลังคาเหมือนปกครุฑ หรือปราสาทยาว อฑฺฒรตฺต (อพฺ.) กึ่งแหงราตรี คือ เที่ยงคืน วิ. รตฺติยา อฑฺฒํ อฑฺฒรตฺโต อฑฺฒรตฺตํ วา, (กึ่งแหงราตรีชื่อวา อฑฺฒรตฺโต,อฑฺฒรตฺตํ-เทยี่ง คืน), แปลง อิ ที่สุดแหง รตฺติ เปน อ กจฺ.๓๓๗ รูป.๓๕๐ วา กฺวจิ สมาสนฺตคตานมการนฺโต; อีกนัยหนึ่ง วิ. อฑฺฒฺจ ตํ รตฺติ จาติ วา อฑฺฒรตฺโต (กึ่งนั้นดวย ราตรีดวย ชื่อวา อฑฺฒรตฺต-กึ่งราตรี), รตฺติ ในที่นี้หมายถึง สวน ใดสวนหนึ่งแหงราตรี, นัยเดียวกัน อฑฺฒมาโส, อฑฺฒมาสํ (กึ่งเดือน) ดังนี้เปนตน ปาฐะวา อฑฺฒรตฺติ ก็มีบาง อฑฺฒุฑฺฒ (ติ.) ที่ ๔ ดวยทั้งกึ่ง คือ ๓ ครึ่ง วิ. อฑฺเฒน จตุตฺโถ อฑฺฒุฑฺโฒ (ที่ ๔ ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒุฑฺฒ), แปลง อฑฺฒ กับสังขยานั้นๆ เปน อฑฺฒุฑฺฒ (ที่ ๔ กับทั้งกึ่ง) ทิวฑฺฒ, ทิยฑฺฒ (ที่ ๒ กับทั้งกึ่ง) อฑฺฒติย (ที่ ๓ กับทั้งกึ่ง) ในสัททนีติ สุตตมาลา วา ตทฺธิตนฺติ อปจฺจาทิ- อตฺเถสุ ปวตฺตานํ ณาทิปจฺจยานํ นามํ. ปริกปฺปาทิ- วเสน นิปฺผาเทตพฺพสฺส วิธิโนป นามํ (ตัทธิต เปน ชื่อของกลุมปจจัยมี ณ ปจจัยเปนตนซึ่งลงใน อรรถ อปจฺจ เปนตน และวิธีการประกอบรูป ศัพทโดยอาศัยการอนุมานตามหลักเหตุผล เปนตน), เมื่อเปนเชนนี้ แมบททั้งหลายจะ ปราศจากปจจัยก็ถือวาเปนบทตัทธิตไดดวย เชน ปุริโส จ ปุริโส จ ปุริสา (บุรุษ และบุรุษ ชื่อวา ปุริสา) ทส จ ทส จ วีสติ (สิบและสิบ ชื่อวา วีสติ-ยี่สิบ), จตูหิ อธิกา ทส จุทฺทส (สิบยิ่ง ดวยสี่ ชื่อวา สิบสี่) และ อฑฺเฒน จตุตฺโถ อฑฺฒุฑฺโฒ (ที่สี่ดวยทั้งกึ่ง ชื่อวา อฑฺฒุฑฺฒสามครึ่ง), ไมควรเขาใจเปนอยางอื่น อณก (ปุ.) พราหมณ, ผูสวด วิ. อณตีติ อณโก พฺราหฺมโณ (ผูใดยอมสวด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อณก ไดแก พราหมณ), [อณ ธาตุ สทฺเท ในการ ออกเสียง + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก และไม พฤทธิ์] อณณ (ปุ.) ผูไมเปนหนี้ วิ. นตฺถิ อิณํ ยสฺสาติ อณโณ (หนี้ของบุคคลใดไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อณณ), เชน กามจฺฉนฺทอิณสฺส อภาวโต อณโณ (ชื่อวา อณณ- ไมมีหนี้ เพราะไมมีหนี้คือ กามฉันทะ), วิ. นตฺถิ เอตฺถ อิณนฺติ วา อณโณ (อีกนัยหนึ่ง หนี้ในภาวะนั้นไมมี เหตุนั้น ภาวะ นั้นจึงชื่อวา อณณ), ควรจะสำเร็จรูปเปน อนิโณ แตทานวิการ น เปน ณ ที่กลางศัพท ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วา เตสุ วุทฺธิ เปนตน อณฺฑ (ปุ.นปุ.) ๑. ลูกอัณฑะ, ฟองไข, ที่เปนที่ เกิดขึ้น วิ. อมนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ เอตฺถาติ อณฺโฑ อณฺฑํ (สัตวบางเหลาไปเกิดในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อณฺฑ), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + ฑ ปจจัย โมค. ๗/๕๘ มนนฺตา โฑ, แปลง ม เปน ณฺ หรือ ลง ฑ ปจจัย กจฺ.๖๓๘ รูป.๖๖๐ วา วชา เปนตน แปลง ม เปนนิคหิต กจฺ.๔๐๔ รูป.
๖๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ๓๗๐ วา เตสุ วุทฺธิ เปนตน, แปลงนิคหิตเปน ณฺ], ๒. อัณฑะ, มีเชื้อใหเกิด วิ. อฑิยติ นิพฺพตฺติยตีติ อณฺโฑ อณฺฑํ (ลูกอัณฑะที่มีเชื้อ เกิด ชื่อวาอัณฑะ), [อฑิ ธาตุ นิพฺพตฺตเน ใน ความเกิด + ก ปจจัย กจฺ.๖๖๓ รูป.๖๗๓ วา กฑฺยาทีหิ โก + นิคหิตอาคม + ลบ ก], สวนใน ธาตฺวตฺถสงฺคห (อธิบายคาถาที่ ๘) วา อฑิยติ นิปฺผตฺติยตีติ อณฺโฑ (สิ่งใดอันสัตวออกมา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺฑ + อ ปจจัย อฑิ ธาตุ อณฺฑตฺเถ ในการออกไข). วิ. อณตีติ อณฺโฑ (สิ่งใดสงเสียง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺฑ), [อณ ธาตุ สทฺเท ในความออกเสียง + ฑ ปจจัย]. วิ. อณฺฑติ อณฺฑํ กโรตีติ อณฺโฑ (สิ่งใดยอมออก ไข คือกระทำซึ่งฟองไข เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺฑ), [อฑิ ธาตุ อณฺฑตฺเถ ในการออกไข + ก ปจจัย]. อณฺฑ ศัพท ปรากฏในความหมายวา โกส-ลูกอัณฑะ และ โกสขคาทิพีเชสุ-ฟองไข ของนกเปนตน, ใชในความหมายวา โกส-ลูก อัณฑะ เชน อณฺฑจฺเฉทํ กตฺวา (ทำการตัดลูก อัณฑะ) ที่ใชในความหมายวา ฟองไข เชน อณฺฑชา ปกฺขิสปฺปา (นกและงู เกิดแตฟองไข) อณฺฑก (ติ.,อิตฺ.) มีปุมปม, วาจาเหมือนปม, วาจาใชดา, คำหยาบ, คำกระดาง วิ. อณฺฑกาติ วุจฺจนฺติ รุกฺเข คณฺฑสทิสา คณฺิโย, ตา ยถา ถทฺธา วิสมา ทุพฺพินีตา จ โหนฺติ เอวเมวํ ขุํสนวมฺภนวเสน ปวตฺตวาจาป หิ สา อณฺฑกาติ วุตฺตา (ปมทั้งหลาย คลายปุมที่ตนไม เรียกกันวา อณฺฑก, จริงอยู วาจาที่เปนไปดวยอำนาจการดา และการเยะเยยเหมือนปุมเหลานนั้แข็ง ขรุขระ และเปนของที่จัดการอยาก นั้นเรียกวา อณฺฑกา วาจาเหมือนปม) วิ. สโทเส สวเณ รุกฺเข นิยฺยาสปณฺฑิโย อหิจฺฉตฺตกาทีนิ วา อุิตานิ อณฺฑกาติ วทนฺติ (ชนทั้งหลายยอมเรียกกอน ยาง หรือพืชมีเห็ดหัวงูเปนตน อันเกิดขึ้นที่ไม เสีย คือมีแผล วา อณฺฑกา) เผคฺคุรุกฺขสฺส ปน กุถิตสฺส อณฺฑานิ วิย อุิตา จุณฺณปณฺฑิโย คณฺิโย วา อณฺฑกา (อนึ่ง กอนขุยหรือปม แหง ตนไมมีกระพี้ ที่พลุนที่เกิดขึ้นเหมือนปุม ชื่อวา อณฺฑกา), [ก ปจจัย ใชในอรรถอุปมาตัทธิต] องฺ.ฏี. ๒/๗๖, มงฺคลตฺถทีปนี, ๒/๖๖ อณฺฑช (ปุ.) นก วิ. อณฺฑโต ชาโต อณฺฑโช วิหโค (สัตวที่เกิดจากไข ชื่อวา อณฺฑช ไดแก นก), วิ. อณฺเฑ ชายตีติ วา อณฺฑโช (อีกนัยหนึ่ง สัตวใดเกิดในไข เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อณฺฑช), [อณฺฑ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย] อณฺฑล (ปุ.) สัตวที่ฉวยเขาไขนกเปนตน วิ. สกุณาทีนํ อณฺฑานิ ลนฺติ คณฺหนฺตีติ อณฺฑลา (สัตวเหลาใด ยึดเอาคือถือเอาฟองไขไกเปนตน เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อณฺฑล), [อณฺฑ + ลา ธาตุ คหเณ, กฺวิ ปจจัย], อณฺฑุปก (นปุ.) เครื่องรองรับสิ่งที่เทินบนหัว, เทริด, รัดเกลา, เสวียนผารองกอนสวมสิ่งอื่น บนหัว วิ. อนฺตํ สมีปมาเธยฺยสฺส อุปคจฺฉตีติ อณฺฑุปกํ จุมฺพฏกํ (สิ่งใดยอมเขาถึงที่สุดคือติด กับสิ่งของซึ่งตองการที่รองรับ เหตุนั้น สิ่งน้ันชื่อ วา อณฺฑุปก ไดแก เทริด), เชน ติณณฺฑุปกํ (เครื่องรองหัวทำจากหญา), ปลาลณฺฑุปกํ (เครื่องรองหัวทำจากฟาง), [อนฺต + อุป + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, แปลง นฺต เปน ณฺฑ, แปลง ค เปน ก ดวย จ ศัพทในสูตร กจฺ.๒๐ รูป.๒๗ วา โท ธสฺส จ เหมือน กุลุปโก, ปาฐะวา อณฺฑูปกํ ก็มี อณฺฑุปคํ ก็มี
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๖๗ อณฺณ (ปุ.ปนุ.) ๑. น้ำ, ผูสงเสียง วิ. อณตีติ อณฺโณ อาโป อณฺณํ (สิ่งใดยอมสงเสียง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺณ ไดแก น้ำ), [อณ ธาตุ สทฺเท ในการสงเสียง + อ ปจจัย, ซอน ณฺ], ๒. น้ำ, สิ่งที่ไหลไป วิ. อรตีติ อณฺโณ ชลํ (สิ่งใดยอมไหล ไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺณ ไดแก น้ำ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลงเปน อณฺณ], ๓. น้ำ, สิ่งที่เปนเครื่องมีชีวิตแหงสัตว วิ. อนนฺติ ชีวนฺติ เอเตน สตฺตาติ อณฺณํ อุทกํ (สัตวทั้งหลายเปนอยูดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อณฺณ น้ำเปนเครื่องอยูแหงสัตว), อน ธาตุ ชีวายํ ในความเปนอยู + อ ปจจัย, แปลง น เปน ณ, ซอน ณฺ ๔. น้ำ, สิ่งที่ไหลไปสูที่นั้นๆ วิ. อรติ คจฺฉติ ตํ ตํ านนฺติ อณฺณํ (สิ่งใดยอม ไหลไปสูที่นั้นๆ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อณฺณ), อร ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย, แปลง ต เปน อนฺน, ลบที่สุดธาตุ, แปลง นฺน เปน ณฺณ, บางอาจารยแปลวา แมน้ำ, ทะเล, ตนสัก, ตัวหนังสือ ก็วา อณฺณว (ปุ.) อรรณพ, อัณณพ ก็วา, แมน้ำ, ทะเล, มหาสมุทร, สาคร ๑. ที่เปนที่มีน้ำ วิ. อณฺโณ ชลํ วิชฺชติ เอตฺถาติ อณฺณโว สาคโร (น้ำ มีอยูในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นจึงชื่อวา อรรณพ), [ว ปจจัย ในอรรถตทัสสตัถิตัทธิต], ๒. ที่ซึ่งมีน้ำมาก วิ. อปริมาณา อณฺณา อุทกา อสฺมึ สนฺตีติ อณฺณโว, [ว ปจจัย โมคฺ. ๔/๘๘ วา สีลาทิโต โว], ๓. ที่เปนที่ไหลไปแหงน้ำ วิ. อณฺโณ วาติ คจฺฉติ เอตฺถาติ อณฺณโว (น้ำยอมไหลไปที่ นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อรรณพ), [อณฺณ + วา ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย], ๔. ที่กอลำ น้ำ วิ. อณฺณํ อุทกราสึ วาติ พนฺธตีติ อณฺณโว (ที่ ใดกอ คือผูกลำน้ำ เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อรรณพ), [อณฺณ + วา ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อ ปจจัย] อณฺห (นปุ.) วัน, สิ่งที่ไมละการกลับมา วิ. น ชหาติ ปจฺฉาคมนนฺติ อณฺหํ ทิวโส (สิ่งใดไมละ การกลับมา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณฺห ไดแก วัน), [น + หา ธาตุ จาเค ในความสละ + อ ปจจัย กจฺ.๕๒๗ รูป.๕๖๘ วา สพฺพโต ณฺวุตฺวาวี วา, แปลง น เปน อ ในตัปปุริสสมาส, แปลง อห เปน อณฺห กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน] ปาฐะวา อนฺโห (วัน) ก็มี อนึ่งคำวา อนฺห นี้ ทาน กลาวโดยไดรับอิทธิพลจากภาษาสันสกฤต, ใน ภาษาสันสกฤตมีรูปวา อหนฺ - อหฺน = อนฺห อณิมา (อิตฺ.) เล็ก, ละเอียด, เบา, ๑. ภาวะที่ เปนไปโดยความเปนของละเอียด วิ. สุขุมภาเวน อณตีติ อณิมา (ภาวะใดเปนไปดวยความ เปนของละเอียด เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อณิ มา), [อณ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อิม ปจจัย + ลง อา อักษรดวย อนฺต ศัพทในสูตร กจฺ.๑๕๒ รูป.๑๓๖ วา ปุมนฺตสฺสา สิมฺหิ], ๒. ความเปนของเบา (อิตฺ.) ใน อตฺถโยชนา แหง สมนฺตปาทิกา (โยชนา.๑/๑๑๘) วา อณุโน ภาโว อณิมา, ลงฺฆุโน ภาโว ลงฺฆิมา (ความเปน ของเล็กละเอียด ชื่อวา อณิมา, ความเปนของที่ กระโดดลอยขึ้นไป ชื่อวา ลงฺฆิมา), [อณุ + อิม ปจจัยในตัทธิตแทน ภาว ดวยสูตร โมคฺ. ๔.๖๒ วา อณฺวาทตฺวโม], ๓. กิริยาเหมือนอณู, การเนรมิตตนใหเล็กเทากับอณู วิ. อณุ- สทิสภาวกฺริยา อณิมา (อณิมา คือ กิริยาที่มี สภาพเหมือนกับอณูคือเบาและเล็กจิ๋ว), [อณุ + อิม ปจจัย นีติ.๑๒๗๗ วา ตพฺภาวกฺริยายมิโม], กายสฺส อณุภาวกรณํ อณิมา (การทำรางกายให เล็กละเอียด ชื่อวา อณิมา), คำวา มหิมา (การ
๖๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เนรมิตตนใหใหญ), ลหิมา (การเนรมิตตนให เบา) ก็นัยนี้ แปลง ห เปน ฆ อณีก (ปุ.นปุ.) เสนา, กองทัพ วิ. อณติ เภรวสทฺทํ กโรตีติ อณีโก (ชนใดยอมสงเสียง คือสงเสยีงดัง นากลัว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อณีก) ไดรูปเปน อณีกํ, อนีกํ บาง, [อณ ธาตุ สทฺเท ในการออก เสียง + อิก ปจจัย + ทีฆะ อิ เปน อี], อณีก ใช ในความหมายวา เสนา และกองทัพ (เสนงฺเค), เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค อณีกฏ (ปุ.) ราชองครักษ, ทหารมา วิ. อณีเกน สมูเหน ติตีติ อณีกโ, ราชูนํ องฺครกฺขคโณ (ทหารใดตั้งอยูโดยความเปนกองพล เหตุนั้น ทหารนั้นเรียกวา อณีกัฏฐะ), [อณีก + า ธาตุ + อ หรือ กฺวิ ปจจัย] อณุ (ปุ.ติ.) ๑. อณู, เล็ก, ละเอียด วิ. อณติ สุขุมภาเวน ปวตฺตตีติ อณุ สุขุโม วีหิเภโท จ (สิ่ง ใดยอมเปนไปโดยความเปนของละเอียด เหตุนนั้ สิ่งนั้นชื่อวา อณุ ไดแก ละเอียด และขาวสาร หัก), [อณ ธาตุ ปวตฺตเน ในความไป + อุ ปจจัย], ๒. มาตรา ๓๖ ปรมาณูเปน ๑ อณู (ปุ.) วิ. สุขุมภาเวน อณตีติ อณุ (สิ่งใดออกเสียง โดยความเปนเสียงเบา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อณุ), คือมาตรา ๓๖ ปรมาณู เปน ๑ อณู, [อณ ธาตุ สทฺเท ในการสงเสียง + ณุ ปจจัย], ๓. อณู, ภาวะสามารถแทรกเขาไปในรางกายไดทุก สวน (ติ.) วิ. องฺคมงฺคสฺส รุชฺชนภาวํ อมติ คจฺฉตีติ อณุ (ภาวะใดยอมดำเนินไปสูความเสียดแทง รางกายนอยใหญ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อณุ), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + ณุ ปจจัย], ๔. อณู, ผูไป (ติ.) วิ. อมติ คจฺฉตีติ อณุ, [อม ธาตุ คติยํ ในความไป + ณุ ปจจัย, ลบ ม], อณุ ศัพท ที่เปนมาตราเทากับ ๓๖ ปรมาณู เปน ปุงลิงค, แตถาใชในความหมายวานอย (อปฺปก) เปน ๓ ลิงค เชน ในอรรถกถาวิภังควา อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ (ในโทษมีประมาณนอย), สำหรับในที่นี้ ภิกษุเห็นปานนี้ ชื่อวา ยอมเห็นโทษทั้งหลายมี ประมาณนอย โดยความเปนโทษ โดยความเปน ภัย. เพื่อแสดงซึ่งโทษมีประมาณนอย โดยความ เปนโทษ โดยความเปนภัยนั้น ทานกลาวมาตรา ประมาณ) ดังนี้ ๑. ชื่อวา ปรมาณู ๒. ชื่อวา อณู ๓. ชื่อวา ตัชชารี ๔. ชื่อวา รถเรณู ๕. ชื่อวา ลิกขา ๖. ชื่อวา โอกา (อูกา) ๗. ชื่อวา ธัญญมาส ๘. ชื่อวา อังคุละ ๙. ชื่อวา วิทัตถิ ๑๐. ชื่อวา รตนะ ๑๑. ชื่อวา ยัฏฐิ ๑๒. ชื่อวา อุสภะ ๑๓. ชื่อวา คาวุต ๑๔. ชื่อวา โยชน, บรรดาชื่อ เหลานั้น ชื่อวา ปรมาณู เปนสวนแหงอากาศ (อนุภาคที่เล็กที่สุดซึ่งเห็นดวยตาเนื้อไมได เห็น ไดดวยทิพยจักษุ) ไมมาสูคลอง แหงตาเนื้อ ยอม มาสูคลองแหงทิพยจักษุเทานั้น. ชื่อวา อณู คือ รัศมีแหงพระอาทิตยที่สองเขาไปตามชองฝา ชองลูกดาล เปนวงกลมๆ ดวยดี ปรากฏ หมุน ไปอยู. ชื่อวา ตัชชารี (สิ่งที่เกิดจากอณูนั้น) เพราะเจาะที่ทางโค ทางมนุษย และทางลอแลว ปรากฏพุงไปเกาะที่ขางทั้งสอง. ชื่อวา รถเรณู (ละอองรถ) ยอมติดอยูที่รถนั้น ๆ นั่นแหละ. ชื่อวา ลิกขา (ไขเหา) เปนตน ปรากฏชัดแลว ทั้งนั้น. ก็ในคำเหลานั้น พึงทราบประมาณดังนี้ ๓๖ ปรมาณู ประมาณ ๑ อณู, ๓๖ อณู ประมาณ ๑ ตัชชารี (สิ่งที่เกิดจากอณูนั้น), ๓๖ ตัชชารี ประมาณ ๑ รถเรณู (ละอองรถ), ๓๖ รถเรณู ประมาณ ๑ ลิกขา (ไขเหา), ๗ ลิกขา ประมาณ ๑ โอกา (ตัวเหา), ๗ โอกา ประมาณ ๑ ธัญญ มาส (เมล็ดขาวเปลือก), ๗ ธัญญมาส ประมาณ ๑ อังคุละ (นิ้ว), ๑๒ อังคุละ ประมาณ ๑ วิทตัถิ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๖๙ (คืบ), ๑๒ วิทัตถิ ประมาณ ๑ รัตนะ (ศอก), ๗ รตนะ ประมาณ ๑ ยัฏฐิ (หลักเสา), ๒๐ ยัฏฐิ ประมาณ ๑ อุสภะ (ชื่อโคจาฝูง), ๘๐ อุสภะ ประมาณ ๑ คาวุต, ๔ คาวุต ประมาณ ๑ โยชน, ๑๐,๐๖๘ โยชน (สวนสูง) ประมาณ ๑ ภูเขา สิเนรุราช, ภิกษุกระทำซึ่งโทษมีประมาณนอย ใหเชนกับภูเขาสิเนรุราช อันสูงประมาณ ๑๐,๐๖๘ โยชน ยอมอาจเพื่อจะเห็น (คือเมื่อ เห็นวาเปนโทษใหญก็จะปลงอาบัติ) ได. ภิกษุใด ชื่อวา ยอมเห็นโทษทั้งหลายมีประมาณนอยโดย ความเปนภัย ภิกษุใดแมกระทำซึ่งสักวาโทษ คืออาบัติทุกกฎ ทุพภาสิต อันเบากวาโทษทั้ง ปวง ใหเชนกับอาบัติปฐมปาราชิก ภิกษุนี้ บัณฑิตพึงทราบวา ชื่อวา ยอมเห็นโทษท้ังหลาย มีประมาณนอย โดยความเปนโทษ โดยความ เปนภัย ดังนี้. อตปฺป (ปุ.) อตัปปาพรหม, ชื่อพระพรหมที่อยู ชั้นที่ ๒ ในบรรดาสุทธาวาส ๕, ผูไมเดือดรอน วิ. ทุติยตลวาสิโน น เกนจิ ตปฺปนฺตีติ อตปฺปา. (พระพรหมผูอยูในชั้นสุทธาวาสที่ ๒ ยอมไม เดือดรอนเพราะเหตุอะไรๆ เหตุนั้น ทานจึงชื่อ วา อตัปปา), แตใน สมฺโมหวิโนทนี วิ. น กิฺจิมตฺตํ ตปฺปนฺตีติ อตปฺปา (พระพรหมเหลา ใดไมเดือดรอนแมสักเล็กนอย เหตุนั้น ทานจึง ชื่อวา อตัปปา), [น + ตป ธาตุ สนฺตาเป ในความ เดือดรอน + อ ปจจัย, ซอน ปฺ] อตมฺมยตา (อิตฺ.) อตัมมยตา, ภาวะที่ไมเนื่อง ดวยสิ่งนั้น, ความไมเกาะเกี่ยวกับมัน วิ. เย โลกิเย สงฺขาเร อารพฺภ อนุโลมปริโยสานา วุานคามินิวิปสฺสนา ปวตฺตติ, ตํสนฺนิสฺสิตา ตปฺปฏิพทฺธา ตณฺหา เตหิ วินา อปฺปวตฺตนโต ตมฺมยา นาม, ตมฺมยาว ตมฺมยตา (วุฏฐานคามินี วิปสสนาอันมีอนุโลมญาณเปนที่สุด ปรารภ สังขารทั้งหลายอันเปนโลกิยะเหลาใดยอม เปนไป ตัณหาอันอาศัยสังขารเหลานั้น เนื่อง ดวยสังขารเหลานั้น ชื่อวา ตัมมยา เพราะเวน จากสังขารเหลานั้นก็ไมเปนไป, ตมฺมยา นั่น แหละเปน ตมฺมยตา) วิ. ตมฺมยา วา ตณฺหาสมฺปยุตฺตา ขนฺธา, เตส ภาโว ตมฺมยตา, สา เอว ตณฺหา. ตปฺปฏิปกฺขา วุานคามินิวิปสฺสนา อตมฺมยตา, ตมฺมยตา นาม ตณฺหา, กามตณฺหาทีสุ ตาย ตาย นิพฺพตฺตตฺตา ตมฺมยํ นาม เตภูมิกปฺปวตฺตํ, ตสฺส ภาโว ตมฺมยตา. ตสฺสา ตณฺหาย ปริยาทานโต วุานคามินิวิปสฺสนา อตมฺมยตาติ วุจฺจติ (อีกอยางหนึ่ง ตมฺมยา ก็คือ ขันธทั้งหลายอันสัมปยุตดวยตัณหา, ภาวะ แหงตัมมยะเหลานั้น ชื่อวา ตมฺมยตา, ตมฺมยา นั่นเองคือตัณหา, วุฏฐานคามินีวิปสสนาอนัเปน ปฏิปกษตอตัณหานั้น ชื่อวา อตมฺมยตา ดวยเหตุ นั้น ทานจึงกลาวไวในอรรถกถาวา ตัณหาชื่อวา ตัมมยตา, วุฏฐานคามินีวิปสสนาเรียกวา อตัมมยตา เพราะทำลายตัณหานั้น), นัย มู.ฏี. ๒/๑๑๘, ปรมตฺถมฺชุสา วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา, ๓/๕๓๖. อตลมฺปสฺส, -ลปฺผสฺส, -ลมฺผสฺส (ติ.) ไมยั่งยืน, ลึก, หยั่งไมถึง, ที่ซึ่งแตะไมถึงพ้ืน ลาง วิ. น เหิมตลํ ผุสติ ยตฺร ตํ อตลมฺผสฺสํ อตลปฺผสฺสํอตลมฺปสฺสํ (บุคคลแตะไมถึงพื้นลาง ในที่ใด ที่นั้นชื่อวา อตลมฺผสฺส-ลึก), สำเร็จ รูป เปน อตลปฺผสฺส, อตลมฺปสฺส ก็มี, [น + ตล +ผุส ธาตุ สมฺผสฺเส ในความถูกตอง + อ ปจจัย, ซอน สฺ, แปลง อุ เปน อ], ๒. ลึก, ที่ซึ่งมองไมเห็นพื้น ลาง วิ. น เหิมตลํ ปสฺสติ ยตฺร ตํ อตลมฺปสฺสํ อคาธํ (บุคคลยอมมองไมเห็นพื้นลางในที่ใด ที่
๗๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นั้นชื่อวา อตลมฺปสฺสํ ไดแก หยั่งไมถึง), [น + ตล + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความเห็น + อ ปจจัย, แปลง ทิส เปน ปสฺส, น ปุพฺพปเท วิภตฺติโลโปเพราะ น บทหนา ลบวิภัตติ, ลบวิภัตติที่ น บท หนา] อตส (ปุ.) ตนไมใหญชนิดหนึ่ง วิ. อตติ วาเตริโต นิจฺจํ เวธตฺตํ ยาตีติ อตโส วนปฺปติวิเสโส (ตนไม ใดไป คือไปสูความโอนเอนประจำเพราะถูกลม พัด เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อตส ไดแก ตนไม พิเศษเปนเจาแหงปา), [อต ธาตุ + อส ปจจัย โมคฺ.๗/๒๑๗ วา เวตาตยุปนาลกลจมา อโส อตสี (อิตฺ.) ฝาย วิ. อตติ คจฺฉตีติ, อตติ วาตกมฺปโต นิจฺจํ เวธตฺตํ ยาตีติ วา อตสี อุมฺมา (ตนไมใดดำเนินไป คือไปถึงความโอนเอน ประจำ เพราะลมพัด เหตุนั้น ตนไมนั้น ชื่อวา อตสี ไดแก ฝาย), ใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา (คาถา ๔๕๒) วา อตสี หมายถึง ขุมา (ฝาย), [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ในความเปนไปตอเนื่อง + อี ปจจัย กจฺ. ๒๓๘ รูป. ๑๘๗ วา นทาทิโต วา อี] อตฺต (ปุ.) ตน ๑. ภาวะที่เปนไป วิ.อสติ ยาตีติ อตฺโต อตฺตา (ภาวะใดยอมเปนไป เหตุนั้น ภาวะ นั้น ชื่อวา ตน สำเร็จรูปเปน อตฺโต, อตฺตา บาง, [อส ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง ส เปน ตฺ], ๒. ที่ตั้งลงแหงมานะวา “เรา” วิ. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, อหํมาโน อหนฺติ มฺนํ เอตฺถ รูปกฺขนฺเธ อาหิโต ปวตฺโต อิติ ตสฺมา โส รูปกฺขนฺโธ อตฺตาติ อตฺถโยชนา (ความสำคัญ วา “เรา” ตั้งลงในที่นั้น เหตุนั้น ที่ นั้นชื่อวา ตน, หมายความวา ความสำคัญวา “เรา” ไปตั้งลงในรูปขันธน ั่น เหตุนั้น รูปขันธนั้น ชื่อวา ตน), [อา + ธา ธาตุ, ตุ หรือ ต ปจจัย, แปลง ธ เปน ต, รัสส อา เปน อ, แปลง สิ เปน อา กจฺ. ๑๘๙ รูป. ๑๑๓ วา สฺยา จ], ๓. ที่ไป แหงมานะวา “เรา” วิ. อาหิโต อหนฺติมาโน เอตฺถาติ อตฺตา (ความสำคัญวา “เรา” เปนไป ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา ตน), [อา + หิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย], ๔. ภาวะที่แลน ไปภพนอยภพใหญ, ภาวะที่ถึงทุกขประการ ตางๆ วิ. อตติ ภวาภวํ ธาวนฺโต ชาตฺยาทิ, อเนกวิธทุกฺขํ วา อตติ สตตํ คจฺฉติ ปาปุณาตีติ อตฺตา (ภาวะที่แลนไปภพนอยภพใหญ ชื่อวา ตน ไดแก ชาติ เปนตน, นัยหนึ่ง ภาวะที่ดำเนิน ไปถึงทุกขประการตาง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา ตน), [อต ธาตุ สาตจฺจปาปเนสุ ในความเปนไป ตอเนื่องและการถึง + มนฺ ปจจัย], ๕. ภาวะที่ เสวยสังสารทุกข วิ. สํสาร-ทุกฺขํ อทติ อนุภวตีติ อตฺตา (ภาวะใดเสพ หรือเสวยสังสารทุกข เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา ตน), [อท ธาตุ อนุภวเน ในความเสวย + มนฺ ปจจัย กจฺ.๖๒๗ รูป.๖๕๒ วา ขฺยาทีหิ มนฺ ม จ โต วา, แปลง ท เปน ต], ๖. ภาวะที่เคี้ยวกิน (นปุ.) วิ. อทตีติ อตฺตํ อตฺรํ (ภาวะใดยอมเคี้ยวกิน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อตฺตํ, อตฺรํ-ตน), [อท ธาตุ ภกฺขเณ ในความกิน + ต และ ตฺรณฺ ปจจัย, ลบ ท, ซอน ต], ๗. เครื่องไปแหงสัตวทั้งหลาย (ปุ.) วิ. สตฺตา สตตํ อตนฺติ คจฺฉนฺติ เยนาติ อตฺตา (สัตว ทั้งหลายเปนไปเนืองๆ ดวยภาวะใด เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ใน ความเปนไปตอเนื่อง + ต ปจจัย]. ๘. ภาวะที่ยึด ไวดวยปติโสมัส วิ. ปติโสมนสฺเสน อาทาตพฺโพติ อตฺตา (ภาวะใดอันสัตวพึงยึดถือไวดวยปติ โสมนัส เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), [อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ตุปจจัย, แปลง ท เปน ตฺ, รัสสะ อา เปน อ], ๙. ภาวะที่แผปติโสมนัส
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗๑ ไปซานไป วิ. อา ภุโส ปติโสมนสฺสํ ตโนตีติ อตฺตา (ภาวะใดแผปติโสมนัสซานไป เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), [อา + ตนุ ธาตุ วิตฺถาเร ในความแผไป + ตุปจจัย, ลบ น, รัสสะ อา เปน อ], ๑๐. อาพาธที่เปนไป (ปุ.) วิ. อาพาโธ [โมคฺคลฺลาเน อพาธนฺติ ทิสฺสติ] นิรนฺตรํ อตติ ปวตฺตตีติ อตฺตา (อาพาธที่เปนไปตอเนอื่ง, [สวน ใน โมคคัลลานะ วา ภาวะที่แลนไปสูอาพาธ] เหตุนั้น จึงชื่อวา ตน), [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ในความเปนไปตอเนื่อง + ต ปจจัย], ๑๑. ภาวะ ที่ถูกชาติเปนตนกัดกิน, ภาวะที่กัดกินสุขและ ทุกข วิ. ชาติชรามรณาทีหิ อทียเต ภกฺขียเตติ อตฺตา (ภาวะใดอันชาติ ชรา และมรณ เปนตน กัดกิน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), วิ. สุขทุกฺขํ อทติ ขาทตีติ อตฺตา (ภาวะใดกัดกินสุขและทุกข เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), [อท ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + มนฺ ปจจัย, แปลง ท เปน ตฺ], วิ. ยถานุสิํ ปฏิปนฺนานํ สตฺตานํ สํสารทุกฺขํ อทติ หึสตีติ อตฺตา ธมฺโม (ธรรมใด เบียดเบียน ทุกขในสงสารของสัตวทั้งหลายผูปฏิบัติตาม คำสอน เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อตฺตา), อท ธาตุ หึสายํ ในความเบียนเบียน + มนฺ ปจจัย, ๑๒. ภาวะที่ถูกยึดถือ วิ. อาทียิตฺถาติ อตฺโต อาทิณฺโณ (ภาวะใดอันสัตวทั้งหลายยึดถือแลว เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), [อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ต ปจจัย, แปลง ทา เปน ตฺ กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, รัสสะ อา เปน อ], ๑๓. ภาวะที่กัดกิน, ถูกกัดกิน วิ. ในคัมภีร ธาตฺวตฺถสงฺคห (อธิบายคาถาที่ ๙) วิเคราะห วา สุขทุกฺขํ อทติ ภกฺขติ ชาติชรา มรณาทีหิ วา อทิยเต ภิกฺขิยเตติ อตฺโต (ภาวะใด ยอมกัดกินสุขและทุกข หรือภาวะที่ถูกชาติ ชรา และมรณะ เปนตน กัดกิน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา ตน), ๑๔. สิ่งอันเขาซัดไป วิ. อสียเต ขิปยเตติ อตฺโต นุนฺโน (สิ่งอันเขาซัดไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา ตน ไดแก อันเขาบรรเทาแลว), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ต ปจจัย] ๑๕. สิ่งอันเขาตัด วิ. อตฺติยติ ขณฺฑิยตีติ อตฺตํ (สภาวะใดอันเขาตัดใหเปนทอน เหตุนั้น สภาวะ นั้น ชื่อวา ตน), [อตฺต ธาตุ ขณฺฑเน ในการตัด + อ ปจจัย] ๑๖. สิ่งที่รูอารมณ วิ. อารมฺมณํ อรติ ชานาตีติ อตฺตา (ธรรมชาติใดยอมรูจักอารมณ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อตฺตา), [อร ธาตุ าเณ ในความรู + ต ปจจัย, แปลง ร เปน ต], ความจริง ธาตุ มีอรรถมากมาย, จิตฺเต กาเย สภาเว จ โส อตฺตา ปรมตฺตนิ(อัตตา นั้นมใีจจิต กาย และสภาวธรรม ไดชื่อวา ปรมาตมัน), ในภาษาสันสกฤตไดชื่อวา อาตฺมนฺ อตฺตคารว (ปุ.) ความเคารพตน วิ. อตฺตนิ อตฺตโน วา คารโว อตฺตคารโว. (ความเคารพใน ตน หรือความเคารพซึ่งตน ชื่อวา อตฺตคารว) อตฺตจตุตฺถ (ติ.) มีตนเปนที่ ๔ วิ. อตฺตา จตุตฺโถ ยสฺส ภิกฺขุสฺส อฺเหิ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ อตฺตจตุตฺโถ (ตนรวมกับภิกษุทั้งหลายอื่น เปนที่ ๔ ของภิกษุใด เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อวา อตฺตจตุตฺถ มีตนเปนที่ ๔) วิ. อตฺตา จตุนฺนํ ปูรโณ ยสฺส โสยํ อตฺตจตุตฺโถ (ตนเปนที่เต็มแหงชน ทั้งหลาย ๔ ของบุคคลใด บุคคลนี้นั้นชื่อวา อตฺตจตุตฺถ มีตนเปนที่ ๔) อตฺตนิย (ติ.) ๑. เกิดในตน วิ. อตฺตนิ ชาโต อตฺตนิโย (ผูใดเกิดในตน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อตฺตนิย), [อิย ปจจัยแทน ชาต, น อาคม], ๒. อันเปนของตน (ติ.) วิ. อตฺตโน อิทํ อตฺตนิยํ (สิ่งนี้เปนของตน ชื่อวา อตฺตนิย), [อตฺต
๗๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา + นิย โมค. ๔/๓๓ ตสฺสิทํ], เทียบ ปรกิโย (ของ ผูอื่น) สโก (ของของตน) ซึ่งลง กิย และ ก ปจจัย ตามลำดับ; ๓. ความเปนของของตน (นปุ.) วิ. อตฺตโน สกสฺส ภาโว อตฺตนิยํ. (ความเปนของ ของตน ชื่อวา อตฺตนิย), อตฺตนิยนฺติ ทิิคติกปริกปฺปตสฺส อตฺตโน สนฺตกํ (คำวา อตฺตนิยํ ไดแก ของมีอยูของตนของบุคคล ผูมีความเห็นผิด) อตฺตโนมติ (อิตฺ.) ความเห็นของตน, ความ คิดเห็นสวนตัว วิ. ตสฺส ตสฺส เถรสฺส อตฺตโนเอว มติ อธิปฺปาโยติ อตฺตโนมติ (ความเห็น คือ คำอธิบายของตนเอง คือของพระเถระรูปนั้นๆ ชื่อวา อัตตโนมติ-ความเห็นสวนตัว) อตฺตภาว (ปุ.) อัตภาพ, แดนที่มีตน วิ. อตฺตาติ อภิธานํ พุทฺธิ จ ภวนฺติ เอตสฺมาติ อตฺตภาโว (ชื่อ และการรูจักวาตน มีอยูในสภาวะนั้น เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อัตภาพ) ใน อตฺถโยชนา แหง อภิธมฺมตฺถวิภาวินี วิ. อตฺตา เอว ภาโว อตฺตภาโว (ภาวะที่เปนตนนั้นเอง ชื่อวา อัตภาพ) วิ. อตฺตาติ วา ทิิคติเกหิ คเหตพฺพากาเรน ภวติปวตฺตตตีิ อตฺตภาโว (นัยหนึ่ง ภาวะใดเกิดมีเปนไปโดย อาการที่คนเห็นผิดยึดถือกันวา “ตน” เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อัตภาพ) วิ. อตฺตาติ วา ภวติ เอตฺถ อภิธานํ พุทฺธิ จาติ อตฺตภาโว (ชื่อและการ รูจักวา “ตน” มีในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อัตภาพ); วิ. อาหิโต อหํมาโน เอตฺถาติ อตฺตา, โสเอว ภวติ อุปฺปชฺชติ น ปรปริกปฺปโต วิย นิจฺโจติอตฺตภาโว ขนฺธปฺจกํ, สรีรนฺติ เกจิ (มานะวา “เรา” ตั้งลงในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อัตตา, อัตตา นั้นเอง ยอมเกิดมี ขึ้น หาใชสิ่งที่เที่ยงแท อยางที่คนศาสนาอื่น กำหนดไม เหตุนั้น จึงชื่อวา อัตภาพ ไดแก เบญจขันธ, บางอาจารยวา รางกาย) อตฺตมน (ติ.) ๑. ผูดีใจ, ปลื้มใจ, มีใจอันปติสุข เปนตนถือเอาแลว วิ. อตฺโต มโน ยสฺส โส อตฺตมโน. ปติสุขาทีหิ คหิตมโนติ อตฺโถ (ใจอัน ปติเปนตนถือเอาแลว ของบุคลใดมีอยู เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อตฺตมน หมายความวา มีใจอัน ปติสุขเปนตนยึดไวแลว), [อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ต ปจจัย, แปลง ทา เปน ตฺ, รัสสะ อา เปน อ, กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน; ๒. มีใจเปนของตน อีกนัยหนึ่ง คำวา อตฺตมโน มีความหมายวา ใจของตน (สกมโน), ไดแก ตุจิตฺโต มีใจอันยินดีแลว หมายถึง มีใจ อันโทมนัสกำหนดจับไวหามิได มีความวา จิตที่ เวนจากกิเลสเพราะความเลื่อมใสในพระพุทธเจา, แตจิตที่ถูกกิเลสกลุมรุมไมอาจจะกลาวไดวา อตฺตมโน (ใจของตน) เพราะไมอาจใหเปนไปใน อำนาจ, วาโดยนัยตรงกันขามกับ อตฺตมน นั้น ชื่อวา อนตฺตมโน ความวา ไมใชมีจิตเปนของตน มีจิตตั้งมั่นในอำนาจตนหามิได, อีกนัยหนึ่ง ชื่อ วา อนตฺตมโน หมายความวา มีใจเปนของตนหา มิได มีจิตเปนของตน ดวยมีปติและสุขหามิได อตฺตมนตา (อิตฺ.) ความเปนแหงบุคคลผูมีใจ วิ. อตฺตา มโน ยสฺส โส อตฺตมโน, ทุสฺส หิ มโน อตฺตา นาม น โหติ, ตสฺส ภาโว อตฺตมนตา (ใจคือตนของบุคคลใดมีอยู บุคคลนั้น ชื่อวา อตฺตมน, ที่จริง ใจของผูที่ถูกกิเลสประทุษราย ไมจัดเปนตน, ความเปนแหงบุคคลผูมีใจคือตน นั้น ชื่อวา อตฺตมนตา), [ตา ปจจัยในภาวตัทธิต] อตฺตมานี (ปุ.) ผูสำคัญวาเปนตนเปนปกติ, ผูมีความสำคัญวาเปนตน วิ. อตฺตานํ มฺติ สีเลนาติ อตฺตมานี (ผูใดสำคัญวาเปนตน โดย ปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อตฺตมานี), [อตฺต + มน ธาตุ มาเน ในความสำคัญ + ณี ปจจัย]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗๓ อตฺถ (ปุ.) ๑. ประโยชน, ทรัพย, ทรัพยเปน เครื่องดำเนินไป วิ. อรนฺติ คจฺฉนฺติ อเนนาติ อตฺโถ ธนํ(ชนทั้งหลายดำเนินไปไดเพราะสิ่งนนั้ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ ไดแก ทรัพย), [อร ธา ตุ คมเน ใน ควา มไ ป + ถ กฺ ป จ จัย], ๒. ประโยชน, อันบุคคลดำเนินไป วิ อรียตีติ อตฺโถ (สิ่งใดอันเขาไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อรรถ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ถ ปจจัย, ลบ ร, ซอน ตฺ] ๓. บทเปนเครื่องอธิบาย, คำอธิบาย วิ. วิเสสิตพฺพํ อตฺถเต ปวตฺตเต อเนนาติ อตฺโถ (บทที่จะพึงทำใหพิเศษ ดำเนิน ไป คือเปนไป ดวยคำอธิบายนั่น เหตุนั้น คำอธิบายนั้นชื่อวา อตฺถ อรรถ), [อตฺถ ธาตุ + ถ ปจจัย, ลบที่สุดธาตุ] ๔. ผลแหงเหตุ วิ. เหตุ- อนุสาเรน อรียติ อธิคมียติ สมฺปาปุณียตีติ อตฺโถ เหตุผลํ (สิ่งใดอันเขาถึง บรรลุถึงได ตามสมควร แกเหตุ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ-ผล ไดแก ผล แหงเหตุ), [อร ธาตุ อวคมเน ในการบรรลุถึง + ถ ปจจัย, แปลง ร เปน ต]; ๕. สภาวธรรม, มุงหนาไป, มีหนาเฉพาะตอญาณ วิ. อริยติ าณาภิมุขํ ภูยตีติ อตฺโถ (สิ่งใดเปนภาวะที่มุง หนาตอการตองรู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ), [อร ธาตุภวเน ในความมีความเปน + ต ปจจัย], ๖. ประโยชน, อันเขาปรารถนา วิ. อตฺถิยเต อิจฺฉิยเตติ อตฺโถ (สิ่งใดอันเขาปรารถนา เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อันเขาปรารถนา), [อตฺถ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความตองการ + อ ปจจัย], ๗. ภูเขา ทางทิศตะวันตก วิ. อตฺถํ อนุปลทฺธึ อทสฺสนํ คหนกฺขตฺตานํ กโรตีติ อตฺโถ อปรเสโล (ภูเขาใด ทำการไมตั้งอยู คือการลับไป ไดแก ทำการมอง ไมเห็นดาวพระเคราะห เหตุนั้น ภูเขานั้น ชื่อวา อตฺถ ไดแก ภูเขาทางทิศตะวันตก), [อตฺถ เปน นามธาตุคือนามใชเปนดุจธาตุ + ณ ปจจัย]; ๘. เหตุ, เปนเหตุเกิดมี, สิ่งที่ควรแกเหตุ วิ. อสติ ภวติ อเนนาติ อตฺโถ. การณานุรูป วา อสติ ภวตีติ อตฺโถ (ผลมีเพราะสิ่งนั่น เหตุนั้น ส่งิ นั้นชื่อวา อตฺถ อีกนัยหนึ่ง สิ่งที่เหมาะแกเหตุ เกิดมีขึ้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ), [อส ธาตุ ภุวิ ในความมี, -เปน + ต ปจจัย], ๙. สภาวะ, อันเขารูตามความเปนจริง วิ. าเณน ยาถาวโต อริยติ ายตีติ อตฺโถ สภาโว (ภาวะอันเขา กำหนดรูดวยญาณตามความเปนจริง ชื่อวา อตฺถ ไดแก สภาวะ), ในภาษาสันสกฤตเปน อรฺถะ [อร ธาตุ าเณ ในความรู + ถ ปจจัย + ลบที่สุดธาตุ กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน + ซอน ตฺ]; อตฺถ นั่นเอง ทานกลาววา อ เพราะแปลง ตฺถ เปน บาง เชนคำวา ป ฬน โ ( ม ีคว ามบี บคั้ นเป นอร รถ), ๑๐. สภาวะ, สิ่งที่มุงหนาตอญาณเปนไป วิ. อรติ าณาภิมุขํ ปวตฺตตีติ อตฺโถ (ภาวะใด เปนไปมุงหนาตอญาณ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อตฺถ), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ถ ปจจัย, แปลง ร เปน ตฺ]; ๑๑. ผล, สิ่งที่เหตุใหเปนไป, ประโยชนเกื้อกูล วิ. การเณน อริยติ ปวตฺติยตีติ อตฺโถ หิตํ (สิ่งใดอันเหตุเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อตฺถ ไดแก ประโยชนเกื้อกูล), [อร ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + ต ปจจัย]; ๑๒. พระ นิพพาน, ภาวะที่เปนไป, ภาวะที่เขาไปถึง วิ. อรติ คจฺฉติ อริยเต วา คมิยเตติ อตฺถํ นิพฺพานํ (ธรรมชาติใดเปนไป หรืออันเขาไปถึง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อตฺถ ไดแก พระนิพพาน), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย]; ๑๓. สิ่งที่เปนเหตุไป วิ. อรนฺติ ปวตฺตนฺติ อเนนาติ อตฺโถ (ชนทั้งหลายยอมเปนไป ดวยสิ่ง
๗๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ถ ปจจัย]; ๑๔. เลือนลับ วิ. อรติ นสฺสตีติ อตฺโถ (สิ่งใดลับหายไป พินาศไป เหตุ นั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ, ในภาษาสันสกฤตวา อสฺตมฺ เชน อสฺตงฺคตะ คือ องฺคต), [อร ธาตุ นสฺสเน ในความเสียหาย + ถกฺ ปจจัย]; ๑๕. ความหมาย, สอดคลองกับศัพท, ความหมายของศัพทวิ. สทฺทานุรูป อสติ ภวตีติ อตฺโถ สทฺทตฺโถ (สิ่งใดสอดคลองกับศัพท เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถ ไดแก สัททัตถะ คือ ความหมายของศัพท), สำหรับสัททัตถะ คือ ความหมายของศัพทนี้ ๒ ประการ ไดแก อสาธารณะ และสาธารณะ, เชน ความหมาย ของศัพทเฉพาะเชน จกฺขุ-ตา เปนตน จัดเปน อสาธารณะ, ความหมายของศัพททั่วไปเชน อายตนะ จัดเปนสาธารณะ อายตนะตั้ง ๑๒ อยางก็เปนอายตนะเสมอกัน, [อส ธาตุ ภุวิ ใน ความมีความเปน + ถ ปจจัย นีติ. ๑๓๐๑ วา สูวุอสโต โถ อูอุลสานมโต, แปลง อส เปน อต]; อตฺถ ศัพท ที่แปลวา นิพฺพาน (พระนิพพาน) เปนนปุงสกลิงค, สวนที่แปลวา อภิเธยฺย (ความหมายที่ศัพทกลาวถึง) ธน (ทรัพย) การณ (เหตุ) ปโยชน (ประโยชน) นิวตฺติ (พระนิพพาน) อภิสนฺธาน (คำอธิบาย) เปนปุงลิงค; อยางไรก็ ตาม บาลีในกถาวัตถุ วา อตฺถตฺถมฺหิ ใน อรรถกถาบทนี้แสดงความหมายและบอก นปุงสกลิงควา อตฺถํ วุจฺจติ นิพฺพานํ (พระ นิพพาน เรียกวา อตฺถ) ฉะนั้น อตฺถ ศัพทจึงเปน ๒ ลิงค อตฺถฺู (ปุ.) ผูรูอรรถ, ผูรูประโยชน, ผูรูความหมายของธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เปนตน วิ. ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาตีติ อตฺถฺู (ผูใดยอมรูความหมายแหงธรรมนั้นๆ อันทานกลาวแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อัตถัญู), คำวา ภาสิตสฺส (ธรรมนั้นๆ อันทานกลาวแลว) หมายถึง รูพระพุทธพจนมีสุตตะ เคยยะ เปนตน และรูประโยชนตนประโยชนผูอื่น, [อตฺถ + า ธาตุ าเณ ในความรู + รู ปจจัย, แตในนิรุตติ ทีปนีวาลง กูปจจัย ทาย า ธาตุซึ่งเปนบทที่ มีกรรมเปนบทหนา ในอรรถกัตตุ-ผูรูซึ่ง) ดวย สูตรวา กมฺมา (โมค.๕/๔๐, นิรุตฺติ.๗๙๙) นัย เดียวกันเชน สพฺพฺู, รตฺตฺู, ธมฺมฺู, กาลฺู, สมยฺู อตฺถคมฺโมปมา (อิตฺ.) อุปมาที่พึงรูดวยอรรถ, อุปมาอันบุคคลพึงถึงดวยความหมาย วิ. อตฺเถน คมฺมา อุปมา อตฺถคมฺโมปมา (ขอ เปรียบเทียบอันบุคคลถึงดวยความหมาย ชื่อวา อตฺถคมฺโมปมา) (สุโพธาลงฺการ.ฏีกา.๑๙๖) อตฺถต, -ถฏ, -ถริต (กิ.กิตฺ.ติ.) อันเขาลาด แลว, -ปูแลว, -กรานแลว วิ. อตฺถริตพฺพนฺติ อตฺถตํ อตฺถฏํ, อตฺถริตํ วา (สิ่งใดอันเขาปูลาด แลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อันเขาปูลาดแลว), [อา + ถร ธาตุ สนฺถรเณ ในความลาด + ต ปจจัย, ลบที่สุดธาตุ, ซอน ตฺ, รัสสะ อา เปน อ, หรือ แปลง ต เปน ฏ, หรือ ลง อิ อาคม]. อตฺถทสฺสิมนฺตุ (ปุ.) ผูมองเห็นซึ่งประโยชน วิ. อตฺเถ ทสฺสนสีลํ อตฺถทสฺสิ, กึ ตํ, ณาณํ (สิ่งที่ เห็นประโยชนเปนปกติ ชื่อวา อตฺถทสฺสิ, สิ่งนั้น คืออะไร, ไดแก ญาณ, สทฺทนีติ ปทมาลา หนา ๔๘๙, สีลาภิกฺขฺาวสฺสเกสุ ณีติ นิรุตฺติทีปนี- สุตฺเตน สีลาทีสุ กฺริยาวิเสเสสุ คมฺยมาเนสุ ณี โหติ (ลง ณี ปจจัย ในเมื่อกิริยาวิเสสนะวา เปน ปกติ เปนตน ถูกรูอยู ใหลง ณี ปจจัย ดวยสูตร ลง ณี ปจจัย โมคฺ.๕/๕๓ สีลาภิกขฺฺาวสฺสเกสุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗๕ ณี), ในนปุงสกลิงค รัสสะ อี จึงเปน อตฺถทสฺสิ) วิ. อตฺถทสฺสิ อสฺส อตฺถีติ อตฺถทสฺสิมา ตเมตฺถสฺสตฺถีติ มนฺตุ (ญาณที่เห็นประโยชนเปน ปกติ ของผูนั้นมีอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อตฺถทสฺสสิมา คือ บุคคลผูที่ชื่อวา มนฺตุ เพราะมี ญาณนั้น) สณฺหสุขุมตฺถทสฺสินา าเณน สมนฺนาคโตติ วุตฺตํ โหติ (มีคำที่ทานอธิบายไววา ผูประกอบดวยญาณ อันเห็นประโยชน ละเอียดออน), นัยเดียวกันเชน คติมา, มติมา, ธิติมา, สิรีมา เปนตน อตฺถนา (อิตฺ.) การขอ, การขอรอง, ความ ปรารถนา วิ. อตฺถนา ยาจนา อตฺถิยเตติ วา อตฺถนา (การขอ ชื่อวา อตฺถนา, นัยหนึ่ง อันเขา ขอ ชื่อวา อตฺถนา), [อตฺถ ธาตุ ยาจเน ในความ ขอ + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ยุ เปน อน]; ขอทาน ก็วา อตฺถรณ (นปุ.) เครื่องปูลาด, วัตถุอันเขาปูลาด, การปูลาด วิ. อา ภุโส ถริยเตติ อตฺถรณํ อุณฺณามยํ, อตฺถาโร วา อตฺถรณํ (วัตถุใดอันเขาปูลาดไว อยางยิ่ง คือลาดอยางมั่นเหมาะ เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อวา อตฺถรณ ไดแก อุณฺณามย คือผาทำจาก ขนสัตว นัยหนึ่ง การปูลาด ชื่อวา อตฺถรณ), [อา + ถร ธาตุ ถรเณ ในการปูลาด + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน, แปลง น เปน ณ, ซอน ตฺ, และ รัสสะ อา เปน อ] ในอรรถกถากามสุตตนิเทส ทาน อธิบายวา อตฺถริตฺวา นิปชฺชียนฺตีติ อตฺถรณา (สิ่งใดอันเขาลาดแลวนอน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตฺถรณา) อตฺถริตฺวา (กิ.กิตฺ.) ปูแลว, ลาดแลว, จัดตั้ง, วาง วิ. อตฺถริตฺถ ปตฺถริตฺถาติ อตฺถริตฺวา ปตฺถริตฺวา (อตฺถริตฺวา คือ ปตฺถริตฺวา แปลวา ปูแลว ลาดแลว), [อา + ถร ธาตุ ถรเณ ในการ แผไป + ตฺวา ปจจัย], ซอน ตฺ และรัสสะ อา เปน อ + อิ อาคม อตฺถวณฺณนา (อิตฺ.) ๑. คำอธิบาย, คำที่ใช บอกความหมาย วิ. อตฺเถ วณฺณิยติ วิตฺถาริยตีติ อตฺถวณฺณนา (วาจาใดอันทานพรรณนาคือ ขยายเนื้อความใหพิสดาร เหตุนั้น วาจานั้นชื่อวา อตฺถวณฺณนา), [อตฺถ + วณฺณ ธาตุ วิตฺถาเร ใน ความขยาย + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค]; ๒. วาจาเปนเครื่อง พรรณนาเนื้อความใหพิสดาร วิ. ใน อ- สาลินีอตฺถโยชนา วิ. อตฺโถ วณฺณิยติ วิตฺถาริยติ เอตายาติ อตฺถวณฺณนา (เนื้อความอันทาน พรรณนาใหพิสดารดวยวาจานั่น เหตุนั้น วาจา นั้นชื่อวา อตฺถวณฺณนา) อตฺถวสิกา (ติ.,อิตฺ.) ผูประกอบดวยอำนาจ แหงเหตุ วิ. อตฺโถ ผลํ วโส เอตสฺสาติ อตฺถวสํ การณํ (อัตถะ คือผล ไดแกอำนาจ ของการณ นั้นมีอยู เหตุนั้น การณนั้นชื่อวา อตฺถวสํ), ตมฺป เตสุอตฺถิ, ตตฺถ นิยุตฺตาติ อตฺถวสิกา (แมอำนาจ เหตุ มีในชนเหลานั้น, ชนเหลานั้นประกอบใน อำนาจเหตุนั้น เหตุนั้น ชนเหลานั้นจึงชื่อวา อตฺถวสิกา), [ณิก ปจจัยในตัทธิต, หรือ อิก ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อตฺถาภิธาน (นปุ.) คำบอกความหมาย, คำอธิบาย วิ. อตฺถํ อภิธาติ กเถตีติ อตฺถาภิธานํ (คำใดไขความคือบอกความหมาย เหตุนั้น คำ นั้นชื่อวา อตฺถาภิธาน), [อตฺถ + อภิ + ธา ธาตุ กถเน ในความบอก + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อตฺถาร (ปุ.) การกราน (กฐิน), การขึง, การแผ วิ. อตฺถรณํ อตฺถาโร (การกราน ชื่อวา อตฺถาโร) เชน กถินตฺถาโร (การกรานกฐิน), [อา + ถร ธาตุ วิตฺถาเร ในความขยาย + ณ ปจจัย, ลบ ณ
๗๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อนุพันธ และพฤทธิ์ อ ที่ ถ เปน อา, ซอน ตฺ และรัสสะ อา บทหนาเปน อ] อตฺถารก (ปุ.) ผูกราน วิ. อตฺถรตีติ อตฺถารโก (ผูใดยอมกราน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อตฺถารก), เชน กถินตฺถารเกน ภิกฺขุนา (ภิกษุผูกรานกฐิน) [อา + ถร ธาตุ วิตฺถาเร ในความแผขยาย + ณฺวุ ปจจัย, ซอน ตฺ และรัสสะ อา บทหนาเปน อ, ทีฆะ อ ที่ ถ กลางศัพท, แปลง ณฺวุ เปน อก] อตฺถิ (อพฺ.กิ.อา.) มีอยู วิ. ๑. อตฺถิ ใชเปนนิบาต ในความหมายวา มี (สตฺตายํ) เชน อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิํ (เชน ม.ม.๑๒/๑๐๕/๑๐๑) ทานที่ให บุคคลแลวมีผล การบวงสรวงมีผล; ๒. อตฺถิ ใชเปนกิริยาบท ประกอบ ติ วิภัตติ ทาย อส ธาตุ ภุวิ ในความมีความเปน, แปลง ติ เปน ตฺถิ ลบที่สุดธาตุ, กจฺ.๔๙๔ รูป.๔๙๕ วาติสฺสตฺถิตตฺ ; ํ ใน มณิสารมณฺชูสาฏีกา วา อตฺถิ ศัพท มี ๓ ชนิด ไดแก ๑) อาขยาต ๒)นิบาต และ ๒) นิปาตปฺปติรูปก; ใน ๓ ชนิดนั้น อตฺถิ -ที่เปน อาขยาต เชน ปุตฺตา มตฺถิ ธนํ มตฺถิ (บุตรของ เรามีอยู ทรัพยของเรามีอยู) เปนตน, -ที่เปน นิบาต เชน อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย (ในกายนี้มี) เปน ตน ฉะนั้น จึงเปนได ๒ วจนะ. -ที่เปน นิปาตปฺปฏิรูปก เชน อตฺถิยา นว นตฺถิยา ตีณิ (ในอัตถิปจจัย มีวาร ๙ ในนัตถิปจจัย มีวาระ ๓) ฉะนั้น จึงไมมีการลบวิภัตติ อตฺถิก (ติ.) ๑. ผูมีความตองการ วิ. อตฺถียเต อิจฺฉียเตติ อตฺโถ (สิ่งใดอันเขาตองการ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อตฺถ), [อตฺถ ธาตุ ยาจเน ในความ ขอ, ณ ปจจัยในกัมมสาธนะ วิ. อตฺโถ อสฺส อตฺถีติ อตฺถิโก ยาจโก (ความตองการของคนนั้น มีอยู เหตุนั้น คนนั้นชื่อวา อตฺถิก ผูตองการมาก ไดแก ยาจก ผูขอ), [อตฺถ + อิก ปจจัย ใน ตทัสสัตถิตัทธิต ในอรรถวา ปหูต มาก]; ๒. ผูมี ความตองการมาก วิ. อติวิย อตฺโถ อสฺส อตฺถตีิ อตฺถิโก (ความตองการเกินเปรียบของบคุคลนั้น มีอยู เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อตฺถิก) เนื่องจาก มนฺตุ ปจจัยเปนตน ใชในความหมายที่แสดงถึง ความมีมากเปนตนนั่นเอง ดังวุตติของสูตรที่ ๗๘ ในโมคคัลลานะ (โมค.๔/๗๘, นิรุตฺติ.๔๗๓) แสดงวา ปหูเต จ ปสํสายํ นินฺทายฺจาติสายเน นจิฺจโยเค จ สํสคฺเค โหนฺติเม มนฺตุอาทโยติ มนฺตุ ปจจัย เปนตน เหลานี้ มีใชในความหมาย วามาก สรรเสริญ ตำหนิ พิเศษยิ่ง ประกอบเสมอ และเจือปน ๓. ผูตองการ วิ. อตฺเถติ อิจฺฉตีติ อตฺถิโก (ผูใด ยอมปรารถนาคือตองการ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อตฺถิก) เชน อตฺถิเกหิอเนกตฺถทีปนิยํคเหตพพฺานิ (ผูมีความตองการพึงคนควาคำอธิบายในคัมภีร ตางๆ), [อตฺถ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความตองการ + ณิก ปจจัย ในอรรถกัตตุ-ตองการซึ่ง] อตฺถิขีรา (อิตฺ.) ผูมีน้ำนม, แมโค, นาง พราหมณี วิ. อตฺถิ ขีรํ เอติสฺสาติ อตฺถิขีรา, คาวี พฺราหฺมณีจ (น้ำนมของนางมอียูเหตุนั้น นางจึง ชื่อวา อตฺถิขีรา ไดแก แมโค และนางพราหมณี), แตใน คัมภีรนิรุตติทีปนี ในสูตร นิรุตฺติ.๔๑๓ วา อฺเ จ นี้ แมบทที่ลง ติ วิภัตติเปนตน ถึง ความเปนชื่อแลว ก็ยอมเปนนิบาตไป อตฺถิปจฺจย (ปุ.) อัตถิปจจัย, มีอยูเปนปจจัย, ปจจัยมีอยู วิ. อตฺถิ หุตฺวา ปจฺจโย อตฺถิปจฺจโย (สิ่งที่มีอยูเปนปจจัย เหตุนั้น ชื่อวา อตฺถิปจฺจย), เปน กมฺมธารยสมาส, อฺเ จาตินิรุตฺติทปีนี- สุตฺเตน อฺเ จ สทฺทา กฺริยตฺเถหิ สฺยาทฺยนฺเตหิ สห พหุลํ เอกตฺถา โหนฺติ, ตฺยาทิสทฺทาป สฺา-
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗๗ ภาวํ ปตฺตา นิปาตรูปา โหนฺติ (ศัพพเหลาอื่น เขา สมาสกับนามศัพท ที่มีความหมายวากริยา โดยมาก ดวยสูตร นิรุตฺติ. วา อฺเ จ, แมกิริยา ศัพทและนามศัพท ครั้นถึงความเปนชื่อแลว ก็ยอมเปนนิบาตไป), นัยเดียวกัน นตฺถิปจฺจโย, อโหสิกมฺมํ พึงดูอธิบายโดยพิสดาร ในคำวา อิติหิติห ขางหนา อตฺถี (ปุ.) ๑. ผูขอโดยปกติ, ขอทาน วิ. อตฺถติ ยาจติ สีเลนาติ อตฺถี (ผูใดยอมรองขอโดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อตฺถี), [อตฺถ ธาตุ ยาจเน ในความขอ + ณี ปจจัย] ๒. ผูมีความตองการ, ขอทาน วิ. อตฺถนา ยาจนา อตฺโถ, โส ยสฺส อตฺถิ โส อตฺถี (ความตองการและการขอ ชื่อวา อตฺถ, อตฺถ คือความตองการและการขอนั้น ของ บุคคลใดมีอยู เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อตฺถี), [อตฺถ + อี ปจจัย, กจฺ.๓๖๖ รูป.๔๐๐วา ทณฺฑาทิโต เปนตน ] อตฺร (อพฺ.) ใน...นั่น บทเหลานี้คือ อิห, อิธ, อตฺร, เอตฺถ ประกอบปจจัยเปนเครื่องหมายสัตตมี วิภัตติใชในความหมายวาโอกาส, [เอต + ตฺร, ลง ตฺร ปจจัยในอรรถสัตตมีวิภัตติทาย เอต ศัพท, แปลง เอต เปน อ, กจฺ.๒๓๒ รูป.๒๖๗ วา เตฺร นิจฺจํ ] อตฺรช (ปุ.ติ.) บุตร, ผูเกิดแตตน, อันเกิดแตตน อตฺตโต ชาโต อตฺรโช (บุตรผูเกิดแตตน ชื่อวา อตฺรช), [แปลง ต เปน ร, กจฺ.๒๐ รูป.๒๗ วา โท ธสฺส จ หรือ ดวย จ ศัพทในสูตร กจฺ.๓๕ รูป.๓๔ วา ยวมทนตรลา จาคมา, แปลง ชาต เปน ช] อติกฺกนฺต (ติ.) ลวงไปแลว, เลยไปแลว, ผาน ไปแลว วิ. อติกฺกมิตฺถาติ อติกฺกนฺโต (อติกฺกนฺต แปลวา ลวงไปแลว), [อติ + กมุ ธาตุ ปาทคมเน ในการกาวไป + ต ปจจัย, แปลง ม เปน นิคหิต, แปลง นิคหิต เปน นฺ เปนตน], ปฏิกฺกนฺโต โอกฺกนฺโต เปนตน ก็นัยนี้ มีรูปตางกันเพราะ อำนาจอุปสัค, อติกฺกมนฺโต บทนี้ลง อนฺต ปจจัย อติกฺกามยนฺโต บทนี้ลง ณย การิตปจจัย อติกฺกม (ปุ.) การกาวลวง, การลวงละเมิด วิ. อติกฺกมนํ อติกฺกโม (การกาวลวง ชื่อวา อติกฺกม), [อติ + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในการกาว เทา + อ ปจจัย, ซอน กฺ] นัยเดียวกันเชน อกฺกโม, ปกฺกโม, วีติกฺกโม เปนตน มีรูปตางกัน ดวยการเปลี่ยนอุปสัค, สวนบทวา อติกฺกาโม, วีติกฺกาโม, ปกฺกาโม เหลานี้ ลง ณ ปจจัย อติกฺกมฺม (กิ.กิตฺ.) กาวลวงแลว วิ. อติกฺกมิตฺวาติ อติกฺกมฺม (อติกฺกมฺม แปลวา กาวลวงแลว), [อติ + กมุ ธาตุ ปทคมเน ในการกาวไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง มฺย เปน มฺม, ซอน กฺ, ปฏิกฺกมฺม, โอกฺกมฺม ก็นัยนี้ มีรูปตางกัน เพราะอำนาจอุปสัค อติจฺจ (อพฺ.กิ.กิตฺ.) ยิ่ง, เกิน, ไปยิ่ง, ลวงไป, เจาะจง วิ. อติเอตฺวาติ อติจฺจ (อติจฺจ แปลวา ไปยิ่ง เกิน ลวง), เชน ชาลฺจ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา ิโต (อยูลวงเลยขายไป), [อติ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อิ เปน จฺจ] อติจฺฉา (อิตฺ.) โลภมาก, ความปรารถนาเกิน, ความอยากไดจัด วิ. อติเอสนํ อติจฺฉา (ความ ปรารถนามากเกิน ชื่อวา อติจฺฉา), [อติ + อิสุ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความปรารถนา + อ ปจจัย, แปลง ส เปน จฺฉ + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อติจาร (ปุ.) การลวงละเมิด, การประพฤติผิด, การเลนชู, นอกใจ วิ. อติจรณํ อติจาโร (การ ประพฤติลวง ชื่อวา อติจาร), [อติ + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณ ปจจัย และทีฆะ อ เปน อา]
๗๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อติจาริณี (ปุ.) หญิงนอกใจสามี, หญิงประพฤติ ลวงสามี, หญิงชู วิ. สามิกํ อติกฺกมฺม อฺตฺร จรตีติ อติจาริณีอติจารินี วา ชารี (หญิงใดยอม ประพฤติลวง คือเวนสามี เหตุนั้น หญิงนั้น ชื่อวา อติจาริณี, อติจารินี ไดแก หญิงชู), [อติ + จร ธาตุ จรเณ ในความประพฤติ + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อ เปน อา + อินี ปจจัย ในอิตถีลิงค, แปลง น ที่ อินี เปน ณ] อติตณฺห (ติ.) มีตัณหาจัด, อยากยิ่ง, ละโมบ วิ. อธิกา ตณฺหา ยสฺส อตฺถิ โส อติตณฺโห, โลลุโป. (ตัณหาจัดของผูใดมีอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อติตณฺห คือผูละโมบ) อติถิ, -ถี (ปุ.อิตฺ.) ๑. แขก, ผูเดินทางไปเยือน วิ. อตติ คจฺฉตีติ อติถิอติถี ปาหุโน (ผูใดยอม เปนไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อติถิ, อติถี คือแขก), ศัพทนี้เปนปุงลิงคและอิตถีลิงค, [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ในความเปนไปตอเนื่อง + ถิ ปจจัย, แปลง อ ที่ ต เปน อิ, แตในโมคลัลลานะวาลง อิถิ ปจจัย โมคฺ.๗/๙๓ วา ตาตา อิถิ] ๒. แขก, ไมมีกำหนดเวลามา วิ. สมฺมา ททนฺเตสุป อสชฺชนโต นตฺถิ เอเตสํ ติถีติ อติถิ. (ม.ฏี.๓/ ๒๓๔) (กำหนดวันไมมีแกชนเหลานั้น เพราะแม ไดใหไวแลว ก็ไมไดเตรียมตัวไว เหตุนั้น จึงชื่อวา อติถิ), ๓. ผูจะมาในวันใดวันหนึ่ง วิ. นตฺถิ อสฺส ติถิ, ยมฺหิ วา ตมฺหิ ทิวเส อาคจฺฉตีติ อติถิ. (กำหนดวันของผูนั้นไมมี อีกนัยหนึ่ง ผูใดจะมา ในวันใดวันหนึ่ง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อติถิ) อติทุกฺกร (ติ.) ยากยิ่ง, ทำไดยากมาก, ทำได โดยยากยิ่ง วิ. ทุกฺเขน กริยนฺตีติ ทุกฺกรานิ, อติสเยน ทุกฺกรานิ อติทุกฺกรานิ (กรรมเหลาใด อันบุคคลทำไดโดยยาก กรรมเหลานั้น ชื่อวา ทุกฺกรานิ, กรรมอันบุคคลทำไดโดยยากยิ่ง ชื่อวา อติทุกฺกรานิ) อติเทว (ปุ.) เทวดาผูยิ่ง, เทพยิ่งกวาเทพ = พระพทุธเจา วิ. อติเรโก เทโว อติเทโว. (เทพยิ่ง ชื่อวา อติเทพ) คือ พระผูมีพระภาคเจา ที่ เรียกวา อติเทพ เหตุพระองคทรงเปนเทพผูยิ่ง กวาเทพ เพราะพระองคยิ่งกวาสมมติเทพและ อุบัติเทพเหลานั้นดวยพระคุณมีศีลเปนตน. เทพ ยิ่งกวา สูงสุด ประเสริฐสุด ประเสริฐพิเศษสุด กวาเทพทั้งหลาย ชื่อวา เทพยิ่งเทพผูยิ่งกวาเทพ หมายถึง พระมุนีเจาผูเปนวิสุทธิเทพ, อีกนัย หนึ่ง เทพใดยิ่งกวา หรือมีความพิเศษกวาดวย อายุ วรรณะ อิสริยะ ยศและสมบัติ เปนตน เทพนั้น เขาเรียกกันวา อติเทพ ฯ อติเทส (ปุ.) ๑. การแสดงไข, การชี้แจง วิ. อติทิสนํ อติเทโส (การแสดงไข ชื่อวา อติเทส) (อติ + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความเพง + ณ ปจจัย). ๒. ผูชี้แจง, สูตรบาลีไวยากรณ สำหรับชี้แจงใหทราบ วิ. อติทิสตีติ อติเทโส (สูตรใดยอมชี้แจง เหตุนั้น สูตรนั้น ชื่อวา อติเทส-อติเทสสูตร), [อติ + ทิส ธาตุ อุจฺจารเณ ในการชี้แจง + ณ ปจจัย], อติเทสสูตร มี ๖ ประการ ไดแก พฺยปเทโส นิมิตฺตฺจ ตํรูป ตํสภาวตา, สุตฺตฺเจว ตถา การิ- ยาติเทโสติ ฉพฺพิโธติ อติเทสสูตร มี ๖ ไดแก พยปเทสาติเทสสูตร (สูตรชี้แจงชื่อ) นิมิตตาติเทสสูตร (สูตรชี้แจง นิมต) ตังรูปาติเทสสูตร (สูตรชี้แจงใหทำเปนรูป นั้น) ตังสภาวาติเทสสูตร (สูตรชี้แจงสภาพ) สุตตาติเทสสูตร (สูตรชี้แจงสูตร) การิยาติเทส สูตร (สตูรแสดงวิธีทำ) ดูรูป.๑๒๐
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๗๙ อติธาวิตฺวา (กิตฺ.กิ.) วิ่งไปไวเกิน, แลนเลยไป วิ.อติกฺกมิตฺวาธาวิตฺถาติอติธาวิตฺวา(อติธาวิตวฺา แปลวา แลนเลยไป), [อติ + ธาวุ ธาตุ ชเว ใน การวิ่งเร็วไป + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม] อติปปฺจ (ปุ.) ความเนิ่นชายิ่ง, การทำให เรื่องยืดยาวพิสดารออกไป วิ. อติปปฺจนํ อติวิตฺถารกรณํ อติปปฺโจ (ความเนินชายิ่ง คือ เปนเหตุทำใหยืดยาวออกไปอีก ชื่อวา อติปปฺจ), [อติ + ป + ปจิ ธาตุ วิตฺถาเร ในความพิสดาร + อ ปจจัย + นิคหิตหลังสระตนธาตุ เปนตน แปลงนิคหิตเปน ฺ ที่สุดวรรค] อติปริปฺผนฺท (ปุ.) การหวั่นไหวอยางยิ่ง วิ. อติปริปฺผนฺทตีติ อติปริปฺผนฺโท (ภาวะใด หวั่นไหวอยางยิ่ง เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อติปริปฺผนฺท), [อติ + ปริ + ผทิ ธาตุ กิฺจิจลนมฺหิ ในความหวั่นไหวหนอยหนงึ่+ อ ปจจัย, ซอน ปฺ นิคหิต แปลง เปนพยัญชนะสุดวรรค คือ นฺ] อติปสิทฺธ (ปุ.) ๑. ความสำเร็จดี, สำเร็จดียิ่ง วิ. ปกาเรน สิธียเตติ ปสิทฺโธ (สิ่งใดสำเร็จโดย อาการตางๆ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา ปสิทฺธ), [ป + สิธุ ธาตุ สํสิทฺธิยํ ในความสำเร็จดวยดี + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ เปน ทฺ] ๒. สิ่งที่ปรากฏ วิ. ปสิชฺฌตีติ วา ปสิทฺโธ (อีก ประการหนึ่ง ภาวะใดยอมปรากฏทั่วถึง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา ปสิทฺธ) วิ. อติสยํ ปสิทฺโธ อติปสิทฺโธ, อติปากโฏ (สิ่งที่ปรากฏชัดเจน เหตุนั้น สิ่งนั้น อติปสิทฺธ คือปรากฏอยางชัดยิ่ง) อติปาต (ปุ.) ๑. การตกไปอยางรวดเร็ว, การ ตกลวงไป, การลวงเกิน วิ. อติสีฆํ อติกฺกมฺม วา ปตนํ อติปาโต อติกฺกโม (การตกไปรวดเรว็หรือ ลวงเลยไป ชื่อวา อติปาต), [อติ + ปต ธาตุ ปตเน ในความตกไป + ณ ปจจัย] ๒. การใหตก ไป, การฆา วิ. อติปาตนํ อติปาโต (การใหตก ลวงไป ชื่อวา อติปาต), [อติ + ปต ธาตุ ปตเน ในความตกไป + เณ ปจจัย การิตนฺโตคโธ จัดเปนบทที่มีการิตปจจัยอยูในวิเคราะห หรือ การิตอนฺโตนีโต จัดเปนบทที่มีการิตปจจัยซอน อยูในวิเคราะห ถูกลบในบทสำเร็จ + ณ ปจจัย เปนภาวสาธนะ, ทีฆะ อ เปน อา], วิ. สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อตีว ปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทิตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ (การยังสัตวมีชีวิต ซึ่งมีอันจะตองตกไป เปนสภาพ โดยสภาพของตนนั่นเองใหตกไป อยางรวดเร็ว คืออยางยิ่ง ชื่อวา อติปาต หมายความวา ไมใหคอยๆ ตกไป แตใหตกไป อยางเร็ว), วิ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต (อิติ.อ.๒๖๐) (การใชศาสตรา เปนตนครอบงำใหลวงตกไป ชื่อวา อติปาต), [อติ + ปาต ธาตุ ปาตเน ในการใหตกไป + อ ปจจัย] อติปาตาปยนฺต (ติ.) ผูฆาสัตว, ผูใชคนอื่นให ฆาสัตว, ผูยังสัตวมีชีวิตใหตกลวงไป วิ. ปาณํ อติปาตาปยตีติ อติปาตาปยนฺโต (ผูใดยังสัตวมี ปาณะใหตกลวงไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อติปาตาปยนฺต), [อติ + ปต ธาตุ ปตเน ในความ ตก + ณาปย, ณาปย ปจจัย + อนฺต ปจจัย + พฤทธิ์ อ เปน อา] อิมสฺมึ ปน าเน ปโยชกสฺสาป ตถา อฺเน ปโยชเน สติ การิตนฺตาป ธาตุโต การิตปจฺจโย ปุน โหติ อตฺร หิ ติกฺขตฺตุํ การิตปฺปจฺจเยสุ ปุริโม ปุริโม การิโต ยทนุปปนฺ นา นิปาตนา สิชฺฌนฺตีติ มหาสุตฺเตน ลุตฺโต เอว โหติ (ก็ในที่นี้ลงการิตปจจัยกลาวผูใชใหทำบาง ในที่ใชผูอื่นอีกคนหนึ่งใหทำอยางนั้นอีกทอด หนึ่ง ลงการิตปจจัยทายธาตุซึ่งลงการิตปจจัยไป
๘๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แลว ซ้ำอีกก็ไดบาง ก็ในที่ลงการิตปจจัยซ้ำกัน นั้น เมื่อการิตปจจัยถูกลงไปแลว ๓ ครั้ง การิต ปจจัยที่ลงไป ๒ ตัวตน ใหลบดวยมหาสูตร กจฺ. ๓๙๑ รูป.๔๒๓ วา ยทนุปปนฺนา นิปาตนา สิชฺฌนฺติ), พึงดู สทฺทตฺถเภทจินฺตา-ทีปนี, ๒๑๕- ๒๑๖, หนา ๒๑๗ เพราะเหตุนั้น ในอรรถกถา สามัญญผลสูตร วา ปาณมติปาตาปยโตติ ปาณํ หนนฺตสฺสาป หนาเปนฺตสฺสาปติ (บทวา ปาณมติ- ปาตาปยโต หมายถึง ฆาสัตวก็ดี ใชคนอื่นใหฆา สัตวก็ดี), นัยเดียวกันเชน ปาณาติปาตี, ลง เณ ปจจัย การิตปจจัย + ณี ปจจัยในกัตตุสาธนะ, ลบ ณ อนุพันธ วิ. ปาณํ อติปาเตตีติ ปาณาติ ปาตี (ผูใดยังสัตวมีปาณะใหตกลวงไป เหตุนั้น ชื่อวา ปาณาติปาตี) อติปฺปค (ปุ.) เชาตรู, เชามืด วิ. อติวิย ปมํ คจฺฉติ ทิวสภาเวน ปวตฺตตีติ อติปฺปโค (สมัยที่ ถึงกอน คือเปนไปกอน โดยเปนสวนแหงวัน เกิน เปรียบ เหตุนั้น สมัยนั้นชื่อวา อติปฺปค-เชามืด), [อติ + ป + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + กฺวิ ปจจัย, ลบ ม], วิ. อติวิย ปโค อติปฺปโค, อติวิย ปาโตติ อตฺโถ (เชามาก ชื่อวา อติปฺปโค หมายความวา เชาตรู), ปโค มีปฐมาวิภัตติเปน ที่สุด, ปเค ประกอบสัตตมีวิภัตติ หมายถึง เวลา เชา), อีกนัยหนึ่ง ปค ศัพท เปนนิบาตมี ความหมายเทากับ ปาโต, แตนักอักษรจินดา คือ นักไวยากรณประสงคใหลง โอ และ ค อาคม อติปฺปนฺน (ติ.) ตกลวงไป, ถึงพลันยิ่งนัก วิ. อติปตนํ อติปฺปนฺนํ (การตกลวงไป ชื่อวา อติปฺ ปนฺน), [อติ + ปต ธาตุ ปตเน ในความตกไป + ต ปจจัย] อติพุทฺธิทีปน (นปุ.) ญาณที่แสดงถึงความรู ชัด, องคความรูที่ใชวินิจฉัยวินัย วิ. วิรุทฺธมตฺถํ นยติ ปชหตีติ วินโย, วินิจฺฉโย (สิ่งใดนำอรรถที่ ผิดไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา วินย คือการ วินิจฉัย), ตํ วินยปฏกตฺถวินิจฺฉยวิเสสวิสยํ สมฺโมหสงฺขาตํ วิรุทฺธํ ปจฺจตฺถิกํ ตทงฺควเสน ปชหนโต วินยนยสงฺขาตํ ตโต เอว อติพุทฺธิ- ทีปนํ (คำวินิจฉัยคำอธิบายและคำที่ควรอธิบาย อรรถแหงวินัยปฎก อันบัณฑิตเรียกวานัยแหง วินัยปฎก เพราะละความผิดพลาด กลาวคือ ความหลง ซึ่งเปนขาศึก ดวยตทังคปหาน เพราะ เหตุนั้นนั่นเอง จึงชื่อวา อติพุทฺธิทีปนี), อติสเยน พุทฺธึ ทีเปตีติ อติพุทฺธิทีปนํ,ตํวินยตฺถวินจิฺฉยกํ าณปทีป วิเสเสน ชาเลนฺตนฺติ อตฺโถ (คำ วินิจฉัยใด แสดงถึงความรู อยางชัดเจน เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อติพุทฺธิทีปนํ), วินยวินิจฺฉย-ฏีกา, ๕๔๑ [อติ + พุทฺธิ + ทีป ธาตุ ทิตฺติยํ ในความ แสดง + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อติมตฺต (ปุ.) เกินประมาณ, หนักหนา, นักหนา, ดีเลิศ วิ. มตฺตโต อติกฺกนฺตํ อติมตฺตํ อติสโย อติปมาณํ วา (กาวไปเกินประมาณ ชื่อวา อติมตฺต คือ อดิศัย-ดีเลิศ หรือเกินประมาณ) อติมุตฺต (ปุ.) ลำดวน, จำยาม, สมปอย วิ. อติมุทํ ตโนตีติ อติมุตฺโต วาสนฺตี (ดอกไมใด แผซานความนาชื่นใจไป เหตุนั้น ดอกไมนั้น ชื่อวา อติมุตฺต ไดแก ตนลำดวน), [อติ + มุท + ตนุ ธาตุ วิตฺถาเร ในความแผไป + กฺวิ ปจจัย, ลบ อ ที่ ท, แปลง ทฺ เปน ตฺ, ลบ น] อติมุตฺตก (ปุ.) ตนอุโลก, ตนเต็ง วิ. ทาหปตฺตํ อติมุจฺจติ อเนนาติ อติมุตฺตโก ตินีโส ตินิโส วา (บุคคลบรรเทาโรคดีซาน ดวยตนไมนี้ เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อติมุตฺตก คือตนอุโลก หรือ ตนเต็ง), [อติ + มุจ ธาตุ โมจเน ในความปลด เปลื้อง + ต ปจจัย + ก สกัตถ]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๘๑ อติริตฺต (ติ.) ๑. เหลือ, เหลือเฟอ, เปนเดน วิ.อติริจฺจตีติ อติริตฺโต อติริตฺตํ อติสฺุํ (สิ่งใด ยังเหลืออยู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อติริตฺต ไดแก ยังเหลืออยู คือเปนเดน), [อติ + ริจ ธาตุ สฺุเ ในความเปลา + ต ปจจัย + ลบที่สุดธาตุ กจฺ. ๕๗๘ รูป.๕๖๐ วา ภุชาทีนมนฺโต โน ทฺวิ จ, ซอน ตฺ] ๒. ยิ่ง, มากเกิน, ประกอบไวยิ่ง วิ. อติ อุตฺตรึ ริจฺจตีติ อติริตฺตํ อธิกํ (สิ่งใดเขาประกอบ ไวยิ่งคือมาก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อติริตฺต คือ เกิน), [อติ + ริจ ธาตุ โยเค ในการประกอบ + ต ปจจัย] ๓. ยิ่ง, เปนไปมากเกิน วิ. อติเรกํ ริจติ คจฺฉตีติ อติริตฺตํ (สิ่งใดยอมเปนไปยิ่งเกิน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อติริตฺต), เชน อติริตฺตปฺ- ปมาณาย เฉทนกํ ปาจิตฺติยํ (ตัดเกินประมาณ ตองปาจิตตีย), [อติ + ริจ ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย], พึงศึกษาคำอธิบาย ในคำอธิบาย ปฐมปวารณาสิกขาบท (วินย.๒/๕๐๑/๓๒๓) วา ทำใหเปนเดน ดวยอาการทางวินัยธรรม ๗ ขอตน เวนขอสุดทาย ในอาการ ๘ อยางที่ทาน กลาววา ที่ชื่อวา เปนเดน คือ ของที่ทำใหเปน กัปปยะแลว ๑ ภิกษุรับประเคนแลว ๑ ภิกษุ ยกขึ้นสงให ๑ ทำในหัตถบาส ๑ ภิกษุฉันแลว ทำ ๑ ฉันเสร็จหามภัตแลว ยังไมลุกจากอาสนะ ทำ ๑ ภิกษุพูดวา ทั้งหมดนั่นพอแลว ๑ เปนเดน ภิกษุอาพาธ ๑ นี้ชื่อวา เปนเดน อติเรก (ติ.) ๑. อดิเรก, เกิน, เหลือเฟอ, พิเศษ วิ. อติเรเจตีติ อติเรโก (ภาวะใดยังสิ่งนั้นให ประกอบไวเกิน เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อติเรก), [อติ + ริจ ธาตุ โยเค ในการประกอบ + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, แปลง จ เปน ก, แปลง อิ เปน เอ] ๒. พิเศษ, มากกวา ๑ วิ. เอกสฺมา อุตฺตรํ อติเรกํ (สิ่งที่มากกวา ๑ ชื่อวา อติเรก), [อติ+ เอก + ร อาคม], ตัวอยางเชน อติเรกจวีรํ ธาเรตพฺพํ (เก็บอดิเรกจีวรไว), อติเรกนฺติ อนธิิตํ อวิกปฺปตํ วา (อดิเรก หมายถึง ที่ไมได อธิษฐานไว หรือไมไดวิกัป) อติวากฺย (นปุ.) คำพูดลวงเกิน, คำพูดลวนลาม วิ. ยา วาจา ลามกชเนหิ ปวตฺติตา วุตฺตา วีติกฺกมทีปนี อชฺฌาจารวีติกฺกมสาธนี, สา วาจา อริยชเนหิ วตฺตพฺพมริยาทาติกฺกมนโต อติวากยฺํ (วาจาใดพวกชนลามกพูดไป สอถึงการลวนลาม ใหการลวงละเมิดสำเร็จ, วาจานั้น ชื่อวา อติวากฺย เพราะลวงเลยขอบเขตที่อารยชนพูด กัน) ๒. คำพูดที่ลวงเลยอริยโวหาร วิ. อถวา ออริยโวหารํ อติกฺกมิตฺวา ออนริยโวหารวเสน ปวตฺตํ วากฺยํ วจนนฺติ อติวากฺยํ (นัยหนึ่ง คำพูดใดเปลงออกมาลวงเลยอริยโวหาร ๘ เปนไปดวยอำนาจอนริยโวหาร ๘ เหตุนั้น คำพูด นั้นชื่อวา อติวากฺย), [อติ + วจ ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในการกลาวใหชัด + ณฺย ปจจัย, แปลง จ เปน กฺ] อติวิชฺฌ -วิชฺฌิย (กิ.กิต.) แทงทะลุแลว วิ. อติวิชฺฌิตฺวา อติวิชฺฌ, อติวิชฺฌิย (อติวิชฺฌ อติวิชฺฌิย แปลวา แทงทะลุแลว), [อติ + วิธ ธาตุ ตาฬเน ในการทุบ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ธ เปน ฌ, แปลง ย เปน ฌ, แปลงพยัญชนะที่ ๔ คือ ฌ ขางหนาเปน พยัญชนะที่ ๓ คือ ชฺ] สวนบทหลังวา อติวิชฺฌิย ลง ย อาคม หรือ ย ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, ลง อิ อาคม อติวิสา (อิตฺ.) ชะเอมตม, ขิง วิ. เภสชฺชปโยเคสุ อตีว วิสตีติ อติวิสา สิงฺคี, ยา มหโสธนฺติป วุจฺจติ (ตัวยาใดเขากับการประกอบยาไดมากมาย เหตุนั้น ตัวยานั้น ชื่อวา อติวิสา คือขิง ซึ่งเรียกวา
๘๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา มหโสธ บาง) แตใน สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา (ที.ฏี.อภินว.๑/๔๓๓) วาเปนนปุงสกลิงคก็ไดวา อติวิสํ (ตนอุตพิษ, บอนปา, ตนกระดาษ, เตาราง), [วิส ธาตุ ปเวสเน ในการเขาไป + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อติวิสาริณี, -วิสารณี (อิตฺ.) การกลาวอยาง พิสดาร, การกลาวที่พิสดารเกินไป วิ. อติวิย อตฺถํ วิสาเรติ วิตฺถาเรตีติ อติวิสารณี (วาจาใด ทำเนื้อความใหเยิ่นเยอคือใหพิสดารเกินไป เหตุนั้น วาจานั้นชื่อวา อติวิสารณี) วิ. อติวิย วา วิสารียติ อตฺโถ วิตฺถารียติ เอตายาติ อติวสิารณี (นัยหนึ่ง เนื้อความอันทานใหเยิ่นเยอ คือให พิสดารเกินไป ดวยวาจานั่น เหตุนั้น วาจานั้น ชื่อวา อติวิสารณี) (สงฺคห.ฏี. ๖๘) [อติ + วิ + สร ธาตุ + ณี ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา + อินี ปจจัยในอิตถีลิงค] ๒. วาจา อันเขากลาวใหเยิ่นเยอ วิ. อติวิย วิสารยิตพฺพา ติ อติวิสารณี (วาจาใด อันเรากลาวใหเยิ่นเยอ เกินไป เหตุนั้น วาจานั้น ชื่อวา อติวิสารณี), วิเคราะหนี้มีอรรถโยชนาวา ยา กถา มยา อติวิย วิสารยิตพฺพา อิติ ตสฺมา สา กถา อติวิสารณี, อติวิสาริณี วา (กถาใดอันขาพเจาใหพิสดาร เกินไป อิติ เพราะเหตุนั้น กถานั้น จึงชื่อวา อติวิสารณี, อติวิสาริณี), [อติ + สร ธาตุ วิสรเณ ในความพิสดาร + ยุ ปจจัย กจฺ.๕๔๘ รูป.๕๙๗ วา กตฺตุกรณปฺปเทเสสุ จ, แปลง ยุ เปน อน กจฺ. ๖๒๒ รูป.๕๗๐ วา อนกา ยุณฺวูนํ. เหตุลงทาย ดวย ร แปลง ยุ เปน อณ + อี ปจจัย กจฺ.๒๓๘ รูป.๑๘๗ วา นทาทิโต วา อี, ในเพราะบทหลัง แปลง อ ที่ ร เปน อิ กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน, ทีฆะ อ ที่ ส เปน อา กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน], (ปฺจิกา.๑/ ๒๑๔) ๒. วาจาที่แลนไปขางโนนขางนี้, นอก ประเด็น, จับจด วิ. อิโต จิโต จ สรติ คจฺฉตีติ วิสารณี. วิวิเธน วา อากาเรน สรติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ วิสารณี (วาจาใดแลนไปขางโนนทีขาง นี้ที เหตุนั้น วาจานั้น ชื่อวา วิสารณี, นัยหนึ่ง วาจาใดแลนไปโดยอาการตางๆ เหตุนั้น วาจา นั้น ชื่อวา วิสารณี), [วิ + สร ธาตุ คติยํ ในความ ไป + ยุ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค]. วิ. อติวยิ วิสารณี อติวิสารณี (วาจาจับจดและนอก ประเด็นเหลือเกิน ชื่อวา อติวิสารณี) อติสคฺค (ปุ.) การแสดงใหรู, การชี้แจง วิ. อติสชฺชนํ สมฺโพธนํ อติสคฺโค (การแสดงใหรู คือเหตุใหรู ชื่อวา อติสคฺค), [อติ + สช ธาตุ สชฺชเน ในความจัดแจง + ฆกฺ ปจจัย, เพราะปจจัยเนื่อง ดวย ฆ (ฆ อนุพันธ) แปลง ช เปน ค, ซอน คฺ] ๒. คำชี้แจง, วิธี = คำแนะนำ วิ. อติสชฺชนํ สมฺโพธนํ อติสคฺโค, อุปเทโส เจว วิธิ จ (การ แสดงใหรู การรู ชื่อวา อติสคฺค ไดแก อุปเทสคำชี้แจง และวิธี-คำแนะนำ), [อติ + สช ธาตุ สชฺชเน ในความจัดแจง + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ, ซอน คฺ] ในคำนี้ควรทราบ อุปเทสคำชี้แจง และ วิธี-คำแนะนำ ตอไปนี้, ตตฺถ กตฺตพฺพากตฺตพฺพสฺส กมฺมสฺส อาจิกฺขณํ อุปเทโส (การบอกใหทราบกรรมที่ควรทำและ ไมควรทำ ชื่อวา อุปเทส-คำชี้แจง)ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ. กตฺตพฺพากตฺตพฺพาการทสฺสนํ วิธิ, สกฺกจฺจํ ทานํ ทาตพฺพํ, โน อสกฺกจฺจํ (การแสดงอาการที่ตองทำและไมตองทำ คือ ตองใหทาน, รักษาศีล, ตองไมฆาสัตว, ไมถือเอา สิ่งที่เขาไมไดให, ตองใหทานโดยเคารพ จะให โดยไมเคารพไมได ชื่อวา วิธี-คำแนะนำ)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๘๓ อติสย, อติสฺสย (ติ.) อดิศัย, แกกลา, ประเสริฐ, อุกฤษฏ, มาก วิ. อติกฺกมิตฺวา สยนํ ปวตฺตนํ อติสโย อติสฺสโย, ภุสํ อุกฺกํโส พหุโล จ (การนอนคือลวงเลยไป ชื่อวา อติสย, อติสฺสย ไดแก แกกลา อุกฤษฏ และมาก), [อติ + สี ธาตุ สเย ในความนอน + อ ปจจัย, รัสสะ อี เปน อิ แปลงเปน เอ, แปลง เอ เปน อย กจฺ.๕๑๔ รูป. ๔๙๑ วา เอ อย], ปาฐะวา นิรติสโย ดังนี้ก็มี มี ความหมายเหมือน อติสย, อนึ่ง ในคำวา นิรติสย มีความหมายวา ไมประเสริฐ, ไมมี ความดีเลิศ, ไมมาก, ไมยิ่งเกิน วิ. นตฺถิ อติสโย เอตสฺสาติ นิรติสโย, อนธิโกติ อตฺโถ (การยิ่งเกิน ของสิ่งนั่นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา นิรติสย หมายความวา ไมยิ่งเกิน อติสยนีย (ติ.) ผูดีกวาผูอื่น, เหนือผูอื่น, ไป ลวงผูอื่น วิ.ปโร อติสยิตพฺโพติ อติสยนีโย (บุคคลอื่น อันเขาพึงลวงไป เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อติสยนีย), [อติ + สิ ธาตุ เสวคติวุทฺธิยํ ใน ความเสพ; ไป, ถึง, บรรลุ, เจริญ + อนีย, พฤทธิ์ อิ เปน เอ แปลงเปน อย] อติสยิตพฺพ (ติ.) ผูอันเขาลวง, ผูถูกลวงไป, ภาวะที่ดอยกวา วิ. อติสียิตฺถ อติสียเต อติสียิสฺสเตติ อติสยิตพฺโพ (ผูใดอันเขาลวงไป แลว ยอมลวงไป จักลวงไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อติสยิตพฺพ), [อติ + สี ธาตุ สเย ในความนอน + ตพฺพ ปจจัย, รัสสะ อี พฤทธิ์เปน เอ, อาเทศ เอ เปน อย + อิ อาคม] อติสาร (ปุ.) โทษ, การลวง, การละเมิด, การเปนไปลวงเลยภาวะปกติ, โรคอันยังโลหิต ใหแลนไปยิ่ง, โรคลงแดง, นกกระสา วิ.ปกติ- ภาวํ อติกฺกมิตฺวา สรณํ ปวตฺตนํ อติสาโร โทโส (การไปลวงเลยภาวะปกติ ชื่อวา อติสาร คือ โทษ) เชนคำวา อุปชฺฌาโย สาติสาโร โหติวินย. ๑/๘๔/๑๐๑ (พระอุปชฌายมีโทษ), [อติ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อติสุณ, อติสุน (ปุ.) สุนัขบาวิ. ปกตึอติกฺกมนโฺต สุโณ อติสุโณ อติสุโน วา (สุนัขที่พนภาวะปกติ- ไป เหตุนั้น สุนัขนั้นชื่อวา อติสุณ, อติสุน), อุมฺมตฺตาทิภาวมาปนฺเน สุนเข (ใชในความหมาย วา สุนัขที่ถึงความเปนบาเปนตน) อติเสยฺย (กิ.กิตฺ) นอนเกินแลว, เสพเกินแลว วิ. อติสยิตฺวาติ อติเสยฺย (รูป.๖๔๑) (อติเสยฺย แปลวา นอนเกินแลว), [อติ + สิ เสวายํ ในความ เสพ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, พฤทธิ์ อิ เปน เอ ดวยสูตรแหงปทรูปสิทธิ, กจฺ.๔๘๕ รูป. ๔๓๔ วา อฺเสุ จ, ซอน ยฺ] อติหาร (ปุ.) การนำไปยิ่ง วิ. อติเรกํ อติกฺกมฺม วา หรณํ อติหาโร (การนำไปมากเกิน หรือลวง ไป ชื่อวา อติหาร), [อติ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา] (รูป.๒๘๒) อตีตา (ติ.) ๑. อดีต, ลวงไปแลว, ลวงเลย ปจจุบัน วิ. ปจฺจุปฺปนฺนํ อติกฺกมิตฺวา อิตา คตาติ อตีตา (สภาวธรรมทั้งหลายเหลาใดลวงเลย ปจจุบันไป เหตุนั้น สภาวธรรมทั้งหลายเหลานั้น ชื่อวา อตีตา), [อติ + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], ๒. ภาวะ ที่ลวงสภาวะของตน หรือถึงอุปปาทขณะแลว ลวงเลยไป วิ. อตฺตโน สภาวํ อุปฺปาทาทิกฺขณํ วา ปตฺวา อติกฺกนฺตาติ อตีตา (ภาวะใดถึงสภาวะ ของตนหรือถึงอุปปาทขณะเปนตนแลวลวงเลย ไป เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อตีต), [อติ + อิ ธาตุ
๘๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย, ลบสระหนา, ทีฆะสระหลัง] อตุล (ติ.) ๑. ไมเสมอโดยการชาง นัยนี้อธิบาย กันมาวา วิ. ตุลาย สมฺมิโต ตุโลฺย, โสเยว ตุโล (ภาวะเสมอกันโดยการชาง ชื่อวา ตุลฺย, ตุลฺย นั่นเอง ชื่อวา ตุล), [ลบ ย] วิ. อถ วา สมฺมิตตฺเถ อการปจฺจยวเสน ตุลาย สมฺมิโต ตุโล (นัยหนึ่ง ภาวะที่เสมอกันโดยการชาง ชื่อวา ตุล), นัยตน ลง ย ปจจัยในตัทธิต นัยหลังลง อ ปจจัย ในตัทธิต เชนในคำวา ปณฺณรโส, สกํ เปนตน วิ. น ตุโล อตุโล, เพราะลง อ ปจจัย แทน สมฺมิต, ภาวะที่เสมอกันโดยการชาง หามิได ชื่อวา อตุล-เทียบกันไมได), [น + ตุลา + ณ] หมายความวา ไมเหมือนกันดวยคุณมีศีลเปนตน ๒. ไมมีผูเสมอ วิ. นตฺถิ เอตสฺส วา ตุโล สทิโสติ อตุโล สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลภาวโต (บุคคลผู เสมอ คือผูเหมือนกันของพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น ไมมี เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระ นามวา อตุล เพราะทรงเปนอัครบุคคลในโลก กับทั้งเทวโลก); ใน มณิสารมฺชูสาฏีกา วิเคราะหไววา ตุลิตพฺโพ สมฺมิตพฺโพ อตฺโถ ตุลิยติ สมฺมิยติ เอเตนาติ ตุโล, สทิโสติป อตฺโถ วตฺตพฺโพ. (ภาวะใดอันเขาชาง อธิบายวาเทียบ ภาวะนั้นชื่อวา ตุล-สิ่งถูกเทียบ, ภาวะอยางหนึ่ง เขาชางคือเทียบดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา ตุล-สิ่งที่ใชเปนเครื่องเทียบ), ยสฺมา โย ภควา สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลภาวโต ตสฺมึ เกนจิ ปุคฺคเลน สีลาทีหิ คุเณหิ ตุโล สทิโส น โหติ, ตสฺมา โส ภควา อตุโล นามาติ วุจฺจตีติ อตฺโถ (อธิบายวา เพราะพระผูมีพระภาคเจา ทรงเปน ผูเสมอเหมือนกับใครๆ ดวยคุณมีศีลเปนตนในที่ นั้น ก็หาไม เพราะพระองคทรงเปนอัครบุคคล ในโลกกับทั้งเทวโลก ฉะนั้น พระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น บัณฑิตจึงถวายพระนามวา อตุล), ตปฺปุริสกมฺมธารยสมาโสยํ, อยฺหิ สมาโส อุตฺตรปทตฺถปฺปธานตฺตา ตปฺปุริโส จ ปททฺวยสฺส ตุลฺยาธิกรณตฺตา กมฺมธารโย จาติ วุจฺจติ (ศัพท วา อตุล นี้จัดเปน ตัปปุริสสมาส และ กรรมธารยสมาส, ที่จริงสมาสนี้ทานเรียกวา ตัปปุริส สมาส เพราะมีเนื้อความของบทหลังเปน ประธาน [น ตุโล อตุโล], และเรียกวา กรรม ธารยสมาส เพราะบททั้งสอง [คือ น และ ตุโล] เสมอกัน), ตุโล สทิโส น โหตีติ วุตฺโต อสทิโสติ วุตฺโต โหตีติ น ตุโลติ วากฺยํ อสทิโสติ สมาเสน วิวรตีติ ทพฺโพ. (พึงเห็นวา สมาสนี้ทานกลาว วา ตุโล สทิโส น โหติ “ผูเสมอเหมือนไมมี” ก็ เปนอันกลาววา อสทิโส “ไมมีผูเสมอ” คำพูดวา น ตุโล “ไมเสมอ” ก็เขากับคำวา อสทิโส “ไม เหมือน”, อยฺจ อกาโร ปสชฺชปฺปฏิเสธวาจิ- ปริยุทาสวาจิวเสน ทุวิโธ, อิธ ปน ปริยุทาสวาจี อธิปฺเปโต. ทสสุ อการตฺเถสุ จ อฺตฺเถ ปวตฺตตีติ ทพฺโพ. (ก็ อ อักษรนี้ มี ๒ ความหมาย ไดแก ปสัชชัปปฏิเสธวาจี (ปฏิเสธที่ กลาวโดยตรงอยางสิ้นเชิง) และ ปริยุทาสวาจี (มุงแสดงอรรถอื่นที่เสมอกันกับสิ่งที่กลาว ปฏิเสธไว) (ดู รูป.๓๔๔), และพึงทราบวา ในที่ อื่นๆ อ อักษรยังเปนไปในอรรถ ๑๐ อยาง, อถ วา ภควโต สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลภาวโต เตน สีลาทีหิ คุเณหิ ตุโล สทิโส ตสฺมึ โกจิ ปุคฺคโล เอตสฺส ภควโต ยสฺมา นตฺถิ, อิติ ตสฺมา โส ภควา อตุโล นามาติ อตฺโถ (อีกนัยหนึ่ง เพราะเหตุที่บุคคลบางคนในที่นั้น ผูเสมอ เหมือนกับพระองคดวยคุณมีศีลเปนตน ไมมีแก พระผูมีพระภาคเจาพระองคน ั่น ฉะนั้น พระองค
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๘๕ จ ึ ง ท ร ง พร ะ น า มว า อ ต ุ ล ) , อ ต คฺ คุ ณสํวิฺาโณยํ พหุพฺพีหิ. (นีติ.๗๐๘ รูป.๓๕๒) สทิโสติ เอเตน ตุลสทฺทสฺส สทิสตฺถตํ ปากฏํ กโรติ, อกาโร เจตฺถ วิรหตฺเถ วตฺตตีติ. (วิเคราะห นี้เปน อตัคคุณสังวิญญาณพหุพพิหิสมาสสมาสที่นำเอาสิ่งที่ไมใชสวนหนึ่งของอัญญบท มาตั้งวิเคราะห), ทำ ตุล ศัพทที่มีความหมายวา สทิส “เหมือน” ใหชัด ดวยไขบทวา สทิโส นั่น, ก็ อ ในที่นี้ใชในความหมายวา ปราศจาก; สวน ใน อภิธมฺมตฺถสงฺคหทีปนีฏีกา แสดงความหมาย แหงศัพทนี้ไว วิ. ตุลาย สมฺมิโต ตุโลฺย (บุคคลอัน เขาเทียบไดโดยชาง ชื่อวา ตุลฺย), [ณฺย ปจจัย แทน สมฺมิต], ตุโลฺยเยว ตุโล (ตุลฺย นั่นเอง ชื่อวา ตุล), [ลบ ย อักษร]. ตุลาย สมฺมิโต วา ตุโล (นัย หนึ่ง บุคคลอันเขาเทียบไดโดยการชาง ชื่อวา ตุล), [อ ปจจัยแทน สมฺมิต กจฺ.๔๒๓ วา ยท เปน ตน]. ๓. ไมใชบุคคลที่เทียบได วิ. อถ วา ตุลิยติ ปมิตพฺพวตฺถุ ปมิยติ เอตายาติ ตุลา, ปกติ ตุลา, ตุลา วิยาติ ตุลา, สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตา ปฺา, อุปมาตทฺธิตมิทํ. (นัยหนึ่ง วัตถุที่ ประมาณนี้ เขาชั่งประมาณดูดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา ตุลา-ตราชั่ง, คือตราชั่งทั่วไป, ปญญาใดเปนดจุตราชั่ง เหตุนั้น ปญญานั้นชอื่วา ตุลา-ปญญาดุจตราชั่ว, คือปญญากลาวคือ พระสัพพัญุตญาณ, คำนี้เปนอุปมาตัทธิต), วิ. ตุลาย ปฺาย สมฺมิโตติ ตุโล, สีลาทีหิ คุเณหิ น ตุโลติ อตุโล, อุเภตปฺปุริสสมาโสยํ (บุคคลใดอันเขาชั่งดวยปญญาดุจตราชั่ง เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา ตุล, บุคคลอันเขาช่ังดวยปญญา ดุจตราชั่ง ดวยคุณมีศีลเปนตน หามิได ชื่อวา อตุล, บทนี้เปนอุภยตัปปุริสสมาส) ๔. ไมมี บุคคลผูเทียบ วิ. สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลภาวโต นตฺถิ ตุโล เอตสฺสาติ วา อตุโล, จตุตฺถี พหุพฺพีหิสมาโสยํ, อสทฺโท วิรหตฺถวาจโก (อีกนัย หนึ่ง บุคคลผูเสมอเหมือน ไมมี แกพระผูมีพระ ภาคเจาพระองคนั่น เหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น จึงพระนามวา อตุล, บทนี้เปน จตุตถีตัปปุริสสมาส, อ อักษร มีความหมายวา ปราศจาก, ปาฐะวา อตุลฺย, อตุลิย บาง วิ. ตุลียเต ปริจฺฉิชฺชเตติ ตุลํ (สิ่งใดอันเขาชาง คือกำหนด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา ตุล), [ตุล ธาตุ ตุลเน ใน ความชาง + อ ปจจัย. วิ. น ตุลนฺติ อตุลํ (สิ่งอัน เขาชางหามิได เหตุนั้น ชื่อวา อตุล ไมใชสิ่งที่ ชางได) วิ. นตฺถิ วา ตุลํ อสฺสาติ อตุลํ, นตฺถิ เอตสฺส ตุลา อุปมา ตุลํ วา สทิสนฺติ อตฺโถ (สิ่งที่ เขาชาง ไมมีแกสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อตุล, ความวา การเปรียบ การเทียบ หรือการชาง คือ ไมมีที่เหมือนกัน) อเตกิจฺฉา (ติ.,อิตฺ.) แกไขไมได, ชวยไมได, เกินเยียวยา (ติ.), อาบัติที่แกไขไมได (อิตฺ.) วิ. อติกิจฺฉิตพฺพาติ อเตกิจฺฉา (อาบัติใดอันเขาไม พึงเยียวยา เหตุนั้น อาบัตินั้น ชื่อวา อเตกิจฺฉา), [กิต ธาตุ +ฉ ปจจัย โมคฺ.๕/๒ วา กิตา ติกิจฺฉาสสเยสุ โฉ + อ ปจจัย + อา ปจจัยใน อิตถีลิงค, เทวภาวะ กิ ตนธาตุ, แปลง ก อัพภาส เปน ต, แปลง ต ที่ กิต ธาตุ เปน จฺ, วิการ อิ เปน เอ] ปาฐะวา จิกิจฺฉา ก็มีบาง แปลง ก เปน จ อทฺท (ติ.) ๑. ชื้น, ชุม, เปยก, แฉะ, อาบ, สด, เขียวสด วิ. อทฺทติ ยาจตีติ อทฺโท (สิ่งใดยอมขอ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺท), [อทฺท ธาตุ ยาจเน ในการขอ + อ ปจจัย]. ๒. ซึม (ติ.) อาทาติ อวขณฺฑตีติ อทฺโท (สิ่งใดแทรกซึม คือตัดแบง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺท), [อา + ทา ธาตุ อวขณฺฑเน ในการตัด + ท ปจจัย, รัสสะ อา เปน
๘๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อ] ๓. ซุม วิ. อทฺทตีติ อทฺโท อลฺโล (สิ่งใด ยอมไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อทฺท ไดแก เปยก), [อทฺท ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย], ใน ปาจิตฺยาทิโยชนา ในคำวา อทฺทาริวณฺณา นี้ คำวา อทฺท หมายถึง อลฺโล-สด อทฺทก (นปุ.) ขิง วิ. อทฺทายํ ภูมิยํ ชาตํ อทฺทกํ สิงฺคิเวรํ (สิ่งที่เกิดในแผนดิน ชื่อวา อทฺทก คือ ขิง), [ก ปจจัย แทน ชาต + รัสสะ อา เปน อ กจฺ. ๔๐๓, รูป. ๓๕๔ วา กฺวจาทิ เปนตน ] อทฺทา ๑. ดาวอัททา, ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ อารทรา มี ๑ ดวง, ดาวตัวโค ดาวตาสำเภา หรือ ดาวอทระ ก็เรียก. วิ. อทฺทติ หึสติ รุทฺทรสา วา วิตโกธรุทฺทสทิสตฺตา กทาจิ อทฺทตีติ อทฺทา (ดาวใดยอมทำลาย คือรุกราน ไดแก เบียดเบียนในการบางคราว เพราะเปน เชนกับดวยพระศิวะผูมีความโกรธตั้งลงแลว ใน ทิศทางแหงความเกรี้ยวกราด เหตุนั้น ดาวนั้น จึงชื่อวา อทฺทา), [อทฺท ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๒. ดาวอัททา, วิ. อทติ ฆสตีติ อทฺทา (ดาวใด ยอมกัดกิน เหตุนั้น ดาวนั้นชื่อวา อทฺทา), [อท ธาตุ ภกฺขเน ในความกัดกิน + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ซอน ทฺ] คำวา อทฺทา เปนชื่อ ดาวชนิดหนึ่ง ๓. แผนดิน วิ. อทฺทิยเต หึสิยเตติ อทฺทา ภูมิ (สิ่งใดอันเขาเบียดเบียน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อทฺทา คือ แผนดิน), [อทฺท ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อทฺทิ (ปุ.) ภูเขา, คีรี = ๑. ที่เปนไป วิ. อทฺทติ คจฺฉตีติ อทฺทิ (ภูมิประเทศใดยืดยาวไป เหตุนั้น ภูมิประเทศนั้นชื่อวา อทฺทิ), [อทฺท ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อิ ปจจัย] ๒. ที่อันเขาออนวอน วิ. อทฺทิยตีติ อทฺทิ (ภูมิประเทศใดอันเขาออน วอน เหตุนั้น ภูมิประเทศนั้น ชื่อวา อทฺทิ), [อทฺท ธาตุ ยาจเน ในความออนวอน + อิ ปจจัย] ๓. ที่ นากลัว วิ. อทฺทติ หึสตีติ อทฺทิ (ภูมิประเทศใด เบียดเบียน เหตุนั้น ภูมิประเทศนั้น ชื่อวา อทฺทิ), [อทฺท ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อิ ปจจัย], อทฺทิ ศัพทเปน อิ การันต ในปุงลิงค เปนไวพจนของ คิริ (คีรี) อทฺทุ (ปุ.) ๑. เครื่องจองจำ วิ. ทุกฺเข อทติ อนุภวติ เอเตนาติ อทฺทุ (บุคคลรับคือเสวยทุกข ดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺทุ), [อท ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ทุ ปจจัย กจฺ.๖๖๗ รูป. ๖๗๗ วา สสฺวาทีหิ ตุทโว] ๒. เรือนจำ วิ. ทุกฺเขน อทติ ภกฺขติ เอตฺถาติ อทฺทุ พนฺธนาคารํ (นักโทษกินดวยความลำบากในที่ นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อทฺทุ คือ เรือนจำ), ศัพทนี้เปนปุงลิงค [อท ธาตุ ภกฺขเน ในความ กัดกิน + ทุ ปจจัย] อทฺธ (ติ.) ๑. กึ่ง, ครึ่ง, สิ่งที่ทำใหหนวยเต็มสิ้น ไป วิ. สมุทายํ อสติ เขเปตีติ อทฺโธ อฑฺโฒ (ภาวะใดละทิ้ง คือทำลายหนวยเต็มใหสิ้นไป เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อฑฺฒ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + ธ ปจจัย, แปลง ส เปน ทฺ] ๒. กึ่ง, ที่ไปพัก วิ. อรนฺติ ยนฺติ เอตฺถาติ อทฺธํ อุปทฺธํ (คนเดินทางเปนตนเดินทางไปพัก ในที่ นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อทฺธ คือ ครึ่ง), เชน อทฺธํ วุตฺตํ สเม ภาเค อภิธานปฺปทีปกา,๕๔ (อทฺธ ศัพท นปุงสกลิงค ทานกลาวหมายถึง ครึ่ง สวนเทากัน), อทฺโธ กาโล (อทฺธ ศัพทเปนปุงลงิค หมายถึงครึ่งที่ไมเทากัน เชน กาลครึ่งหนึ่ง), อทฺโธ อทฺธา ปโถ (ครึ่งทาง), [อร ธาตุ คมเน ในการไป + ธ ปจจัย, แปลง ร เปน ทฺ], สวนใน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๘๗ อภิธานปฺปทีปกา, ๙๙๕ ทานกลาววา อทฺโธ ภาเค ปเถ กาเล เอกํเสทฺธาพฺยยํ ภเว (อทฺธ ศัพท มีอรรถ ๓ อยางคือ ภาค ครึ่งสวน ปถ หนทาง กาล กาลเวลา อทฺธา ศัพทเปนอัพยยศัพท มี อรรถ เอกํส ความแนนอน), และ ใน อภิธานปฺ- ปทีปกาฏีกา ทานอธิบายวา อท ธาตุ คมเน ใน ความไป วิ. อทติ ยตฺถ โส อทฺธา (บุคคล เปนตน ยอมดำเนินไป ในสวนนั้น เหตุนั้น สวนนั้น ชื่อวา อทฺธา ลง ธ ปจจัย เชน อทฺธา มคฺโค (ครึ่ง ทาง) ศัพทวา อทฺธา ในที่นี้ ใชในความหมายวา เวลา ก็ไดบาง, แตถาเปน อทฺธํ คือเปน นปุงสกลิงคใชในความหมายวา ครึ่งสวนเทากัน, ฉะนั้น อทฺธ ศัพทจึงเปน ๒ ลิงค ไดแก ปุงลิงค และนปุงสกลิงค, ที่ไดรูปเปน อทฺธา เพราะจัด เขาในราชาทิคณะ แจกแบบ ราช ศัพท, ที่ไมใช ราชาทิคณะ ไดรูปเปน อทฺธํ อทฺธคู, -อทฺธคู (ติ.) ๑. ผูเดินทางไป วิ. อทฺธนิ มคฺเค คจฺฉติ สีเลนาติ อทฺธคู, อทฺธโคป, อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน (ผูใดยอมไปในหนทางโดย ปกติ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อทฺธคู, อทฺธโค บาง คือผูเดินทางไกล), ๒. ผูมีปกติเดินทางไกล, ผูมี ปกติทำการเดินทางใหเรียบรอย วิ. อทฺธคมนสีโล อทฺธคมนธมฺโม ตสฺมึ วา สาธุการี อทฺธคู (ผูใดมีปกติเดินทางไกล มีการเดินทางไกลเปน ธรรมดา หรือผูมีปกติทำใหเรียบรอยในการเดิน ทางไกลนั้น ผูนั้นชื่อวา อทฺธคู), [อทฺธ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + รู ปจจัย เปนกัตตุสาธนะ ในอรรถแหงตัสสีละ กจฺ.๕๓๔ รูป.๕๙๒ วา ปาราทิคมิมฺหา รู, ลบ ที่สุดธาตุ และลบ ร อนุพันธ] อทฺธนิย (ติ.) ยั่งยืน, ทนอยูไดนาน ๑. วิ. อทฺธานํ ขมตีติ อทฺธนิยํ (สิ่งใดยอมทนอยูไดนาน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺธนิย), [อิย ปจจัย ในตัทธิต + น อาคม] ๒. เหมาะควรเวลายาวนาน, ธำรงอยู นาน วิ. อทฺธนิ ทีเฆ สาธูติ อทฺธนิยํ อทฺธกฺขมํ อทฺธโยคฺยนฺติ อตฺโถ (สิ่งใดเปนการดีเหมาะสม ยาวนาน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺธนิย คือควร แกเวลายาวนาน คือเหมาะควรเวลานาน) เชน ในขอวา สาสนํ อทฺธนิยํ ภวิสฺสติ (พระศาสนาจะ ตั้งอยูเหมาะควรยาวนาน), นิย ปจจัย สาธุอตฺเถ ใชในความหมายวา เหมาะควร อทฺธร (ปุ.) ยัญวิธี, การใหการรับในระหวาง เดินทาง วิ. อทฺธานํ สปฺปถํ ราตีติ อทฺธโร (ยัญ ใดยอมใหตลอดทางไกล เหตุนั้น ยัญนั้นชื่อวา อทฺธร), [อทฺธ + รา ธาตุ ทานคฺคาเหสุ ในการให และการรับ + อ ปจจัย] ใน สีลกฺขนฺธวคฺคอภินวฏีกา (ที.ฏี.๑/๔๘๒) วา อทฺธโร นาม ยฺวิเสโส (ยัญพิเศษ ชื่อวา อทฺธร) อทฺธา (ปุ.) ๑. ถนน, ทาง, สิ่งที่ขับไลที่อยูของ สัตว วิ. สตฺตานํ วิชิตํ อสติ เขเปตีติ อทฺธา (ส่ิง ใดขับไล คือทำที่อยูของสัตวทั้งหลายใหสิ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อทฺธา), [อส ธาตุ เขปเน ใน ความสิ้นไป + ธ ปจจัย, แปลง ส เปน ท], ๒. ทางไกล, ที่เปนที่เดินทางไป อรนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ อทฺธา, อติทูโร มคฺโค (ชนทั้งหลาย เดินทางไปในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อทฺธา ไดแก ทางไกล), [อร ธาตุ คมเน ในความเปน + ธ ปจจัย, แปลง ร เปน ทฺ] ๓. เวลายาวนาน = เวลาที่ยังชีวิตสัตวใหหมดไป (ปุ.) วิ. สตฺตานํ ชีวิตํ อสติ เขเปตีติ อทฺธา, กาโล ทีฆกาโล วา (เวลาใดยังชีวิตสัตวทั้งหลายใหสิ้นไป เหตุนั้น เวลานั้น ชื่อวา อทฺธา หมายถึง เวลา หรือ เวลานาน), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + ธ ปจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ, แปลง ส เปน ทฺ]
๘๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ๔. เวลาที่เปนไปติดตอกัน (ปุ.) วิ. สตตํ อตตีติ อทฺธา (เวลาใดเปนไปตอเนื่องติดตอกัน เหตุนั้น เวลานั้น ชื่อวา อทฺธา), [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ในความเปนไปตอเนื่อง + ธ ปจจัย กจฺ.๖๕๐ รูป.๖๕๑ วา กาเล วตฺตมาน, แปลง ต เปน ทฺ กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน + สิ แปลงเปน อา กจฺ.๑๘๙ รูป.๑๑๓ วา สฺยา จ หรือแปลง สิ เปน อา ดวย อนฺต ศัพทใน กจฺ. ๑๕๒ รูป.๑๓๖ วา ปุมนฺตสฺสา สิมฺหิ ] ๕. เวลาที่ ไมหยุดนิ่ง วิ. น ปติาติ เอตฺถาติ อทฺธา (โลก ไมหยุดนิ่งในเวลานั้น เหตุนั้น เวลานั้นชื่อวา อทฺธา), [น + า ธาตุ ปติายํ ในความตั้งอยู + อ ปจจัย, แปลง เปน ธ, อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๖. กาล, เวลา วิ. อตติ สตตํ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อทฺธา, กาโล (ภาวะใดยอมเปนไปตอเนื่อง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อ อทฺธา) ๗. กาลที่เปนไป แหงธรรม วิ. อตติ คจฺฉติ ปวตฺตติ เอตฺถ ธมฺโมติ วา อทฺธา, กาโล (นัยหนึ่ง ธรรมดำเนินไปในที่ ภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อทฺธา), ๘. ธรรมที่เปนไปเพราะเหตุปจจัย วิ. อตติ คจฺฉติ ปวตฺตติ ยถาสกํ ปจฺจเยหีติ วา อทฺธา, ธมฺโม (นัยหนึ่ง ธรรมใดยอมเปนไปตามเหตุปจจัยของ มันเอง เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อทฺธา), [อต ธาตุ สาตจฺจคมเน ในความเปนไป + ธ ปจจัย, แปลง ต เปน ทฺ], อทฺธา แปลง สิ เปน อา ดวยนิปาตนสูตร ทานจึงกลาวบทสำเรจ็วาอทฺธา ไมกลาววา อทฺโธ เพราะ อทฺธา ศัพทเปน อา การันตใน ปุงลิงค เหมือน มา สา จนฺทิมา เปนตน, สัททนีติ ปทมาลา วา อทฺธสทฺทสฺส หิ ยํ กาเล มคฺเค จ วตฺตมานสฺส อตีโต อทฺธา, ทีโฆ อทฺธา สุทุคฺคโมติอาทีสุ อทฺธาติ ปมนฺตํ รูป ทิสฺสติ, ตํ อทฺธา อิทํ มนฺตปทํ สุทุทฺทสนฺติอาทีสุ เอกํสตฺเถ วตฺตมาเนน อทฺธาติ นิปาตปเทน สมานํ นิปาตานํ ปน ปทมาลา น รูหติ, นามิกานํเยว รูหติ. สัททนีติ (ฉบับแปล หนา ๕๔๑, ๕๔๒) วา ก็ อทฺธ ศัพท ที่มีความหมายวา ระยะเวลาและ ระยะทาง สวนมากมีรูปเปนปฐมาวิภัตติวา อทฺธา เชนในตัวอยางวา อตีโต อทฺธา (กาลเวลา ที่ลวงเลยมาแลว) ทีโฆ อทฺธา สุทุคฺคโม (ระยะทางอันยาวไกลไปถึงไดยาก) อทฺธา ศัพท ที่มีรูปเปนปฐมาวิภัตตินั้น มีรูปพองกัน อทฺธา ศัพทที่เปนนิบาตที่มีอรรถวา เอกํสตฺถ (ความ แนนอน) เชนในตัวอยางวา อทฺธา อิทํ มนฺตปทํ สุทุทฺทสํ “มันตบท (ขอที่มโหสถใหคำปรึกษา) นี้ ชางเขาใจไดยากเสียจริงหนอ”. จะอยางไรก็ ตาม อทฺธา ศัพทที่เปนนิบาต ไมสามารถนำมา แจกปทมาลาได, คงแจกไดเฉพาะ อทฺธา ศัพทที่ เปนบทนามเทานั้น, อยมฺป ปเนตฺถ นีติ เวทิตพฺพา อทฺธานนฺติ ทุติเยกวจนนฺตวเสน จตุตฺถีฉพหุวจนวเสน จ วุตฺตํ รูป. อทฺธานมคฺคปฏิปฺปนฺโน โหตีติอาทีสุ ทีฆมคฺควาจเกน อทฺธานนฺติ นปุํสเกน สทิสํ สุติสามฺวเสนาติ สทฺทนีติปทมาลาย วุตฺตํ. (ในแบบแจกของ อทฺธ ศัพทนี้ บัณฑิต พึงทราบหลักการที่จะกลาว ตอไปนี้ดวย คือ รูปศัพทวา อทฺธานํ [ที่มาจาก อทฺธ ศัพท] ซึ่งใชเปนทุติยาเอกพจนะ และ จตุตถี, ฉัฏฐีพหูพจน เปนรูปศัพทที่มีเสียงพอง กับ อทฺธาน ศัพทนปุงสกลิงคซึ่งใชในความหมาย วา “หนทางไกล” เชน อทฺธาน-มคฺคปฏิปฺปนฺโน โหติ เขาเปนผูเดินทางไกล), อีกนัยหนึ่ง ใน ปรมตฺถมฺชุสา วา ในคำวา ดวยสามารถอัทธา สันตติ สมัย และขณะ นี้ อทฺธา ศัพท ยอม เปนไปในกาลที่กำหนดดวยจุติ และปฏิสนธิ เพราะเหตุนั้น ยอมทราบไดดวยสามารถแหง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๘๙ สูตรเปนตนวา อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธานํ แปลวา ในอดีตกาลเราไดมีแลวหรือหนอแล. จริงอยางนั้น แมในภัทเทกรัตตสูตร พระผูมี พระภาคเจา ก็ไดตรัสความเปนอดีต เปนตน ดวยอำนาจแหงอัทธานั่นเอง โดยพระพุทธพจน เปนตนวา “อตีตํ นานฺวาคเมยฺย แปลวา ไมควร คำนึงถึงสิ่งที่ลวงมาแลว. สวน อทฺธา ที่กำหนด โดยปรมัตถวา ภิกษุทั้งหลาย อัทธา ๓ เหลานี้, อัทธา ๓ อะไรบาง คือ อัทธาที่เปนอดีต อัทธาที่ เปนอนาคต อัทธาที่เปนปจจุบัน ทานกลาววา เปนอัทธาที่กำหนดโดยขระ ดวยอำนาจนิรุตติ- ปถสูตร อทฺธาน (ปุ.นปุ.) กาลยืดยาว, หนทางไกล, การ เดินทางไกล วิ. อทฺธานํ อยนํ คมนํ อทฺธาโน อทฺธานํ วา ทีฆกาโล อติทูโร จ มคฺโค, มคฺคคมนํ วา (การดำเนินไปยาวไกล ชื่อวา อทฺธาน ไดแก เวลานาน และทางยาวไกล หรือการเดิน ทางไกล), [อทฺธา + อย ธาตุ คติยํ ในความไป + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ลบ ย] อทฺธิ (อิตฺ.) หนทาง วิ. อทติ คจฺฉตีติ อทฺธิ ปโถ (ถนนใดยอมทอดไป เหตุนั้น ถนนนั้นชื่อวา อทฺธิ คือ หนทาง), เชน คตทฺธิโน (ผูเดินทางไกล), [อท ธาตุ คมเน ในความไป + ติ ปจจัย แปลงเปน ทฺธ, ลบที่สุดธาตุ] อทฺธิก (ติ.) คนเดินทางไกล, นักทองเที่ยว วิ. อทฺธํ ปถํ คจฺฉนฺตีติ อทฺธิกา ปถาวิโน (ชน เหลาใดเดินไปสูหนทางไกล เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อทฺธิกา คือคนเดินทาง), เชน อทฺธิกา นาคมิสฺสนฺตีติ (คนเดินทาง จักไมมา) [ณิก ปจจัย ในตัทธิต แทน คจฺฉติ] อทิฏโชตนา (อิตฺ.) คำถามเพื่อทราบสิ่งที่ไม ทราบเปนตน, คำถามเพื่อสองลักษณะที่ยังไม เห็นใหกระจาง วิ. อทิํ โชตียติ ปกาสียติ เอตายาติ อทิโชตนา (สิ่งที่ไมเคยทราบ อัน บุคคลใหชัดออกมา ดวยการถามนั่น เหตุนั้น การถามนั้น ชื่อวา อทิโชตนา), [อทิ + ชุต ธาตุ ทิตฺติมฺหิ ในความรุงเรือง + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อุ เปน โอ, แปลง ยุ เปน อน] อทิติ (อิตฺ.) นางอทิติ, มารดาแหงเทพ วิ. ทิตีติ อสุรานเมว เวมาติกา มาตา, ตสฺสา ปฏิปกฺขภา เวน อทิติ เทวมาตา, อสทฺโท ปฏิปกฺขตฺถวาจโก (นางเวมิกา มารดาของพวกอสูรนั่นเอง ชื่อวา ทิติ, มารดาของเทวาชื่อวา อทิติ เพราะตรงขาม กับมารดาของอสูรนั้น), อ ศัพท ใชใน ความหมายวาตรงกันขาม อทินฺนาทายี (ปุ.) หัวขโมย, ผูลักเปนปกติ, ผูถือเอาของที่เขาไมไดให วิ. อทินฺนํ อาททาติ สีเลนาติ อทินฺนาทายี (ผูใดยอมถือเอาของอัน เขาไมไดให โดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อทินนาทายี), [อทินฺน + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในการให + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, แปลง อา เปน อาย] อทุกฺขมสุขา (อิตฺ.) เวทนาอื่นจากสุขและทุกข = อุเบกขาเวทนา วิ. สุขโต ทุกฺขโต จ อฺา อทุกฺขมสุขา (เวทนาอื่นจากสุขและทุกข ชื่อวา อทุกฺขมสุขา), [ม อาคมกลางศัพท], อ ในที่นี้ใช ในอรรถอื่น (อฺ) อทูหล (นปุ.) ฟาทับเหว วิ. อา ภุโส ทูหติ ปฬตีติ อทูหลํ ยนฺตปาสาโณ (สิ่งใดยอม เบียดเบียนอยางหนัก เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อทูหล คือกับดักหิน), เปนกับดักที่ทับมฤคชาติ เขาแลว ไมสามารถหนีไปได, [อา + ทูห ธาตุ
๙๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปฬเน ในความบีบคั้น + อล ปจจัย, รัสสะ อา เปน อ] อโทส (ปุ.) อโทสะ, เปนเหตุไมประทุษราย วิ. น ทุสฺสนฺติ สตฺตา สมฺปยุตฺตธมฺมา วา เอเตนาติ อโทโส (สัตวหรือสัมปยุตธรรมไมประทุษราย ดวยกิเลสนั่น เหตุนั้น กิเลสนั้นชื่อวา อโทส), น ทุสฺสตีติ วา อโทโส (นัยหนึ่ง ธรรมใดยอมไม ประทุษราย เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อโทส), [น + ทุส ธาตุโทสเน ในความประทุษราย อปฺปติมหฺิ วา หรือในความไมพอใจ จัดเขาในหมวด ทิว ธาตุ + ณ ปจจัย, พฤทธิ์ อุ เปน โอ), วิ. น ทุสฺสตีติ อทุสฺสนํ วา อโทโส (นัยหนึ่ง ภาวะใด ยอมไมประทุษราย หรือ การไมประทุษราย ชื่อวา อโทส), โทสปฏิปกฺโข วา อโทโส เมตฺตา ขนฺติ จ (นัยหนึ่ง ธรรมที่เปนปฏิปกษตอโทสะ ชื่อวา อโทส ไดแก เมตตา และขันติ), อโทสะ นั้น มีการไมเดือดดาลเปนลักษณะ หรือมีการไม พิโรธเปนลักษณะ, ที่จริง ศัพทตอไปนี้ ไดแก อทสฺสนา อทุสฺสิตตฺตํ อพฺยาปาโท อพฺยาพชฺโฌ เปนไวพจนของ อโทสะ อธม (ติ.) ๑. ผูเกิดในสวนเบื้องต่ำ, คนเลว ทราม, สิ่งต่ำทราม, ถอย, เลว วิ. อโธภาเค ชาโต อธโม (ผูเกิดในสวนเบื้องต่ำ ชื่อวา อธม), เชน อปหสิตอติหสิตทฺวยํอธเม วตฺตเต (อปหสติ หัวเราะจนน้ำตาไหล อติหสิต หัวเราะจนทอง แข็ง ทั้ง ๒ เปนไปในคนชั้นต่ำ), สุโพธาลังการมัญชรี, ฉบับแปล หนา ๗๑๖, [อิม ปจจัย ในชาตาทิตัทธิต, แปลง โอ ที่ อโธ เปน อ, ลบ อิ ที่ อิม], ๒. ผูอันเขาทิ้งเสีย, คนถอย วิ. ชเนหิ อสิยติ จชิยตีติ อธโม (ผูใดอันชนทั้งหลายสละ ทิ้งเสีย เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธม), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความทิ้ง + ม ปจจัย โมคฺ.๗/๑๓๗ วา อสฺมาทโย, แปลง ส เปน ธ] อธม เปนไวพจนกับ โอมก (ต่ำทราม, เล็กนอย, ดอย), ปาฐะวา อโธโม ก็มี อธมฺมจริยา (อิตฺ.) เจตนาเปนเหตุประพฤติ อธรรม, การประพฤติเวนจากธรรม วิ. อธมฺมํ จรติ เอตายาติ อธมฺมจริยา, ตถาปวตฺตา เจตนา (บุคคลยอมประพฤติอธรรมดวยเจตนานั้น เหตุ นั้น เจตนานั้นชื่อวา อธมฺมจริยา ไดแก เจตนาที่ เปนไปอยางนั้น), [อธมฺม + จร ธาตุ จรเณ, กรเณ ในความประพฤติ ในความกระทำ + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] วิ. อธมฺโมติ ปน ตํสมุาโน ปโยโค ทพฺโพ, ธมฺมโต อนเปตาติ ธมฺมา, น ธมฺมาติ อธมฺมา, อธมฺมา จ สา จริยา จาติ อธมฺมจริยา (การ ประกอบที่มีอธรรมเปนสมุฏฐาน พึงทราบวา อธมฺม, การประพฤติที่หลีกจากธรรม เหตุนั้น จึง ชื่อวา ธมฺมา, ไมใชธรรม เหตุนั้นชื่อวา อธมฺม, ความประพฤติดวย ไมใชสิ่งที่หลีกจากธรรมนั้น ดวย เหตุนั้นชื่อวา อธมฺมจริยา) อธร (ติ.ปุ.) ๑. ที่เก็บความไมดีไว, ต่ำทราม, ทิศเบื้องต่ำ (ติ.) วิ. อกฺขํ ธาเรติ เอตฺถาติ อธโร (บุคคลเปนตนทรงความไมดีไวในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อธร), [อกฺข + ธร ธาตุ ธารเณ ใน ความทรงไว + ลบ กฺข] ๒. ริมฝปาก, ที่อาหาร คางอยูครูเดียว (ปุ.) วิ. อีสํ กิฺจิ กาลํ ธาเรติ ภกฺขเมตฺถาติ อธโร ทนฺตาวรณํ (อาหารพักอยูที่ นั่นสิ้นเวลาเล็กนอย เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อธโร คือริมฝปากที่ปดฟน), ก็ อ ในคำวา อธโร นี้ ใช ในความหมายวา นอย (อีสตฺถ); อธร ที่ใชใน ความหมายวา ต่ำทราม กลาวอรรถวากำหนด (ทิศเบื้องลาง), ใชเปนสัพพนามิก เปน ๓ ลิงค เชน อธโร ปตฺโต (บาตรชั้นเลว) อธรา อรณี (ไม
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙๑ สีไฟชั้นเลว), อธรํ ภาชนํ (ภารชนะชั้นเลว), แต อธร ศัพท ที่ใชในความหมายวา คนเลวทราม เปนสุทธนามิก เปนได ๓ ลิงค, ถาใชใน ความหมายวา ริมฝปาก เปน อสัพพนามิก เปน ปุงลิงค อธกฺขก (อพฺ.) ใตรากขวัญลงมา วิ. อกฺขานํ อโธ อธกฺขกํ เหกฺขกํ, อกฺขกโต ปาย อโธ อธกฺขกํ (ใตรากขวัญ ชื่อวา อธกฺขก ไดแก ใน ภายใตรากขวัญ, ขางใต ตั้งแตกระดูกรากขวัญ ลงมา เรียกวา อธกฺขก) อธิก (ติ.) เกิน, ยิ่ง, เหลือ, เดน, เลิศ วิ. อธิ หุตฺวา เอติ คจฺฉตีติ อธิโก อติริตฺโต อธิกํ อติริตฺตํ (สิ่งใดเปนของยิ่งเกิน เปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อธิก ไดแก สวนที่เหลือ), เชน คิลานสฺส อนธิกํ วา โหติ (หรือไมใชสิ่งเปนเดนของภิกษุ อาพาธ) [อธิ + อิ ธาตุ คมเน ในความไป + ก ปจจัย] อธิกต (ปุ.) ผูดูแล, ผูตรวจการณ, ผูทำงาน สำคัญ วิ. อธิกํ กโรตีติ อธิกโต อชฺฌกฺโข (ผูใด ยอมกระทำงานสำคัญ ผูนั้นชื่อวา อชฺฌกฺข), [อธิ + กร ธาตุ + ต ปจจัย, ลบ ร] อธิกรณ (นปุ.) ๑. อธิกรณ, การณ, เหตุ วิ. อธิกํ กโรตีติ อธิกรณํ (สิ่งใดยอมทำใหสำคัญ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิกรณ), คำวา อธิกรณ ในนัยนี้ แปลวา เหตุ (การณ), เชน ยตฺวาธิกรณํ (เพราะ เหตุใด, [กร ธาตุ + ยุ ปจจัย], ๒. วิวาท เปนตน, เหตุทำรุนแรง, ที่เปนที่ทำรุนแรง วิ. อธิกโรติ เอเตน เอตฺถ วาติ อธิกรณํ (เขายอมทำรุนแรง ดวยเหตุนั้น หรือในที่นั้น ฉะนั้น เหตุนั้นหรือที่ นั้นชื่อวา อธิกรณ), [อธิ + กร ธาตุ + ยุ ปจจัย] ๓. ที่ตั้ง, โอกาส, อรรถแหงสัตตมีวิภัตติ วิ. อธิกรียติ ปติถปยติ เอตฺถาติอธิกรณํอาธาโร โอกาโส (สิ่งของเปนตน อันเขาจัดการคือทำใน ที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อธิกรณ ไดแก ที่รองรับ และโอกาส), [อธิ + กร ธาตุ กรเณ ใน ความทำ + ยุ ปจจัย เปนอธิกรณสาธนะ) วิ. ความหมาย, บทที่มีอรรถเสมอกัน, เทากัน วิ. อธิกรียติ นิยุชฺชเต อภิธานาย สทฺโท อสฺมึ อตฺเถติ อธิกรณํ, ตุลฺยาธิกรณํ (ศัพท อันทาน นำมาประกอบ คือนำมาเชื่อมโยงกัน ในอรรถนี้ เพื่อสื่อถึงสิ่งเดียวกัน เหตุนั้น อรรถนั้น ชื่อวา อธิกรณ อรรถอันเปนที่ตั้งของศัพทที่เชื่อมโยงกัน หมายถึง ตุลฺยาธิกรณํ นามและวิเสสนะที่เชื่อมยัง กัน), [อธิ + กร ธาตุ อธิกรเณ ในการนำมา ประกอบ + ยุ ปจจัย] ๔. อธิกรณสมถะ, อุบาย เปนเหตุระงับ วิ. อิมินา สมเถหิ อธิกรียติ วูปสมียตีติ อธิกรณํ (ความวิวาทอันทานจัดการ โดยใหสงบ คือระงับดวยวิธีนี้ เหตุนั้น วิธีนี้ ชื่อวา อธิกรณ), วิ. สมนตฺถาย ปวตฺตมาเนหิ สมเถหิ อธิกาตพฺพนฺติ อธิกรณํ, อธิกรียนฺติ เอตฺถาติ อธิกรณํ (สิ่งใดอันเขาจำตองกระทำ การดวยสมถะ อันเปนไปเพื่อความสงบระงับ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิกรณ, เหตุวุนวาย อันเขาระงับในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อธิกรณ), ความจริง อธิกรณ มี ๔ อยาง คือ วิวาทาธิกรณ อนุวาทาธิกรณ อาปตตาธิกรณ กิจฺจาธิกรณ, [อธิ + กร ธาตุ วูปสเม ในความให เขาไปสงบ + ยุ ปจจัย, แปลงเปน อน, แปลง น เปน ณ] อธิกรณี (อิตฺ.) ๑. กำปน, หมัด วิ. อธิกํ กโรติ ยสฺสํ สา อธิกรณี มุิ (เขาทำการรุนแรง ที่ หมัดใด เหตุนั้น หมัดนั้น ชื่อวา อธิกรณี คือ กำปน), [อธิ + กร ธาตุ + ยุ ปจจัย + อี ปจจัย ในอิตถีลิงค] ๒. ทั่ง (อิตฺ.) วิ. กูเฏน ปหรณกิจฺจํ
๙๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อธิกโรติ เอตฺถาติ อธิกรณี, มุทฺธิ (เขาทำการทุบ ดวยฆอนลงในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อธิกรณี ไดแก ทั่ง) อธิกวจน (นปุ.) ชื่อ, นาม, คำเรียก, คำที่กลาว ทับ, คำกลาวยิ่ง, คำเรียกวัตถุสำคัญ วิ. อธิกสฺส วตฺถุสฺส วจนํ อธิกวจนํ อธิวจนํ วา (คำเรียกวัตถุ อันยิ่ง ชื่อวา อธิกวจน หรือ อธิวจน), [อธิกํ + วจน] อธิการ (ปุ.) ๑. ผูกระทำยิ่ง, หนาที่, เปนเหตุ กระทำยิ่ง วิ. อธิกิจฺจ กโรติ เอเตนาติ อธิกาโร (บุคคลยอมกระทำยิ่ง ดวยภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อธิการ), [อธิ + กร ธาตุ ในความ ทำ + ณ ปจจัย] ๒. อุปการะ, สิ่งที่ทำอยางยิ่ง เชน บริจาค, คำสำคัญที่เปนอุปการะทั้งเบื้อง หนาและเบื้องหลัง วิ. อธิกริยตีติ อธิกาโร (บท ใดอันเขากระทำใหสำคัญอยางยิ่ง เหตุนั้น บทนั้น ชื่อวา อธิการ), [อธิ + กร ธาตุ + ณ ปจจัย เปนกัมมสาธนะ], เหุปริยสุตฺเตสุ ตทูปการตาย ปณฺฑิเตหิ นิโยชิยตีติ อตฺโถ (อธิบายวา อธิการ หมายความวา บทที่บัณฑิตประกอบไว เพราะ เปนบทมีอุปการะ ในสูตรที่ผานและสูตรตอไป), วิ. ตํ ตํ สุตฺตํ อธิกิจฺจ อตฺถํ กโรตีติ วา อธิกาโร, กตฺตุสาธโน. (อีกนัยหนึ่ง สิ่งที่เจาะจงทำสูตร นั้นๆ ใหเปนอรรถ ชื่อวา อธิการ, นัยนี้เปนกัตตุ สาธนะ) ๓. การกระทำอยางยิ่ง, สักการะ, ความดีที่เคยทำไว วิ. กรณํ กาโร, ภาวสาธโน, อธิกิจฺจ กาโร อธิกาโร (การกระทำ ชื่อวา การ, เปนภาวสาธนะ, การกระทำยิ่ง ชื่อวา อธิการ), กรณานุรูป อสติ ภวตีติ อตฺโถ. (หมายความวา เปนสิ่งที่สมควรแกการกระทำ), วิ. อธิโก อุปกาโร อธิกาโร (อุปการอันยิ่ง ชื่อวา อธิการ), วิ. กรณํ กาโร, อธิโก กาโร อธิกาโร, อธิกกฺริยา (การกระทำ ชื่อวา การ, การกระทำอยางยิ่ง ชื่อวา อธิการ ไดแก การกระทำไวอยางยิ่ง) อตีตภเว สาสเน วา อิสิปพฺพชฺชาย วา ปพฺพชิตฺวา กสิณาทีสุ จตุกฺกปฺจกชฺฌานนิพฺพตฺตนสมถภาวนาภิโยโค วา (อีกนัยหนึ่ง การกระทำยิ่ง หมายถึง การไดบวชในพระศาสนา หรือบวช เปนฤษี แลวเจริญสมณภาวนาในกสิณเปนตน เปนเหตุเกิดฌาน ๔ ฌาน ๕), อธิการ ศัพท ใช ในความหมายวา อุปการะ (อุปการ), การ บริจาค (ปริจฺจาค) และ อธิสักการะ (อธิสกฺการ) เปนตน อธิกิจฺจ (กิ.กิต., อพฺ.) กระทำใหยิ่งแลว, ยิ่ง, เฉพาะ, เจาะจง วิ. อธิกตฺวาติ อธิกิจฺจ (อธิกิจฺจ แปลวา กระทำยิ่งแลว), [อธิ + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ตฺวา แปลงเปน รจฺจ โดยการ แบงสูตร กจฺ. ๕๙๘ รูป. ๖๔๓ วา รจฺจํ + อิ อาคม, อีกนัยหนึ่ง แปลงเปน ริจฺจ ตามนัยแหง นิรุตฺติทีปนี ๗๕๙ วา สาธิกรา รจฺจริจฺจา, สทฺทนีติ ธาตุมาลา วา อธิกจฺจาติ รูป ทิสฺสติ, ตฺวาสฺส รจฺจาเทโส (รูปวา อธิกจฺจ ก็มี, แปลง ตฺ วา เปน รจฺจ), สอดคลองกับที่ทานอธิบายวา อธิกจฺจาติ อธิกํ กตฺวา. อกฺขรจินฺตกา ปน สทฺทสตฺถนยํ นิสฺสาย อธิกิจฺจอิติ รูป อิจฺฉนฺติ, มยํ ปเนตาทิสํ รูป ปาิยา อนุกูลํ น โหตีติ น อิจฺฉามาติ. เอวํ กจฺจ (บทวา อธิกจฺจ แปลวา กระทำยิ่งแลว. อนึ่ง นักไวยากรณอาศัยนัยจาก คัมภีรไวยากรณสนัสกฤตประสงครูปวา อธิกิจฺจ. แตขาพเจา ไมประสงครูปเชนนั้น เพราะเห็นวา ไมสอดคลองกับพระบาลี, กจฺจ ก็นัยเดียวกัน) อธิกี (อิตฺ.) ขารี, สาแหรก วิ. อธิโก อสฺส อตฺถีติ อธิกี ขารี (จำนวนเกินของทะนานนั้น มีอยู เหตุนั้น ทะนานจึงชื่อวา อธิกี ไดแก ขารี-
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙๓ สาแหรก), [อี ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต], (โมคฺคลฺลานปฺจิกา) อธิโกฏฏน (นปุ.) เขียง, ที่สับ วิ. อธิโกฏนฺติ ยสฺมินฺติ อธิโกฏนํ สูนา (พอครัวทั้งหลาย สับ เนื้อที่ไมนั้น เหตุนั้น ไมนั้นชื่อวา อธิโกฏน คือ เขียง), [อธิ + โกฏ ธาตุ เฉทเน ในความตัด + ยุ ปจจัย), ปาฐะวา อธิกุฏนา ก็มีบาง, ใน ธาตฺวตฺถสงฺคห วิ. อธิกุฏียติ มํสํ เอตฺถาติ อธิกุฏนํ (เนื้ออันพอครัวสับ ในที่นั้น เหตุนั้น ที่ นั้น ชื่อวา อธิกุฏน), [กุฏ ธาตุ เฉทเน ใน ความตัด + ยุ ปจจัย, แปลงเปน อน, แปลง อุ เปน โอ], หรือ อธิกนตฺน (สับ, ที่สับ), [กนฺต ธาตุ ํ เฉทเน ในความตัด + ยุ ปจจัย] อธิคต (ปุ.) ๑. ธรรมอันทานบรรลุ, ผูบรรลุแลว, พระอริยเจา, อริยบุคคล วิ. อธิคจฺฉิยิตฺถาติ อธิคโต (ธรรมใดอันทานบรรลุแลว เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อธิคต), [อธิ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัยในกรรม] ๒. ธรรมอัน ทานบรรลุ วิ. อธิคมิยนฺเตติ อธิคตา (ธรรม ทั้งหลายอันทานบรรลุ เหตุนั้น ธรรมเหลานั้นจึง ชื่อวา อธิคต) ๓. พระอริยเจา วิ. อธิคจฺฉิตฺถาติ อธิคโต อริโย (ผูใดบรรลุแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธิคต คือพระอริยเจา), [อธิ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย, ลบ ม] อธิคม (ปุ.) ๑. ธรรมเปนเหตุรู วิ. อธิคมิยติ ายติ เอเตนาติ อธิคโม (บัณฑิตยอมบรรลุคือรู ไดดวยธรรมนั้น เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อธิคม), [อธิ + คมุ ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย] ๒. ธรรมอันผูปฏิบัติพึงบรรลุ วิ. อธิคนฺตพฺโพติ อธิคโม (ธรรมใดอันผูปฏิบิติพึงบรรลุ เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อธิคม), [อธิ + คมุ ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย], อธิคม ศัพท หมายความ วา มรรค ผล อภิญญา และปฏิสัมภิทา อธิคมฺม (กิ.กิตฺ.) ไดแลว, ถึงแลว, บรรลุแลว วิ. อธิคมิตฺถาติ อธิคมฺม, อธิคมิตฺวา วา (บทวา อธิคมฺม, อธิคมิตฺวา แปลวา ถึงแลว), [อธิ + คมุ คติมฺหิ ในการไป + ตฺวา ปจจัย, แปลงตูนาทิเปน ย แปลงเปน มฺม ดวยสูตร กจฺ.๖๐๐ รูป.๖๔๕ วา มหทเภหิ มฺม-ยฺห-ชฺช-พฺภ-ทฺธา จ และ ลบ ที่สุดธาตุ] อธิคมฺมมาน (ติ.) สิ่งอันเขารู, ปริยัติที่ถูก เรียนรู วิ. อธิคมฺมเตติ อธิคมฺมมานา ปริยตฺติ, อธิคมฺมมานํ ธมฺมํ (ปริยัติใดอันเขาเรียน เหตุนั้น ปริยัตินั้นชื่อวา อธิคมฺมมานา, เชน ธรรมอันเขา บรรลุ), [อธิ + คมุ ธาตุ าเณ ในความรู + ย ปจจัย เปนกัมมวาจก + มาน ปจจัย, อาเทศ มฺย เปน ม, ซอน มฺ] อธิคเมยฺย (นปุ.) ธรรมที่ควรบรรลุ, สิ่งที่ควร บรรลุ วิ. อธิคนฺตพฺพนฺติ อธิคเมยฺยํ (ธรรมชาติ ใด อันเขาพึงบรรลุ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อธิคเมยฺย), [อธิ + คมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ฆฺยณฺ ปจจัย + อี อาคม แปลงเปน เอ, ซอน ยฺ] อธิจฺจ (กิ.กิต., อพฺ.) ๑. เรียนแลว, สวดแลว, บรรลุแลว, อาศัย, ไปยิ่ง คือ เกิดขึ้นลอยๆ ไม มีเหตุวิ. อธิยิตฺวาติ อธิจฺจ (อธิจฺจ แปลวา เรียน แลว, บรรลุแลว), เชนขอวา อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ อการณ-สมุปฺปนฺนํ (คำวา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ หมายถึง เกิดขึ้นลอยๆ ไมมีเหตุ), [อธิ + อิ ธาตุ อชฺฌยเน คติยํ วา ในความสาธยาย หรือการไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อิ เปน จฺจ] อถ วา อธิจฺจาติ สชฺฌายิตฺวา (อีกนัยหนึ่ง อธิจฺจ แปลวา สวด แลว), (อเปจฺจ อุเปจฺจ อนฺเวจฺจ ก็นัยนี้ ๒. ทรง ไว, ดำรงไวเฉพาะ วิ. อธิธริตฺวาติ อธิจฺจ (อธิจฺจ
๙๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แปลวา ทรงไวยิ่ง), [อธิ + ธิ ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน จฺจ, ลบ ธ ตัวหนา] อธิจฺจกา (อิตฺ.) พื้นที่บนภูเขา วิ. ปพฺพตสฺส อุทฺธํ ภูมิ อธิจฺจกา (พื้นที่บนภูเขา ชื่อวา อธิจฺจกา), [อธิ + จฺจก ปจจัย กจฺ.๔๒๓ วา ยท เปนตน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อธิจฺจสมุปฺปนฺนิก (ติ.) ผูมีทิฏฐิวาอัตตาและ โลกเกิดขึ้นลอยๆ ๑. วิ. อธิจฺจ ยทิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ อนเปกฺขิตฺวา สมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จาติ วาเท นิยุตฺตา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา (พราหมณผูประกอบวาทะวา อัตตาและโลก เกิดขึ้นลอย คือไมคำนึงถึงเหตุอะไรๆ ทั้งหมด ชื่อวา อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา), [ณิก ปจจัยในตัทธิต] ๒. วิ. อธิจฺจ ยทิจฺฉกํ ยํ กิฺจิ การณํ วินา สมุปฺปนฺโน อตฺตา จ โลโก จาติ ทสฺสนํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ (ความเห็นที่วา อัตตาและโลก เกิดขึ้นลอยๆ คือเวนเหตุอยางใดอยางหนึ่ง ตามที่ปรารถนา ชื่อวา อธิจฺจสมุปฺปนฺน) อตฺตโลกสฺิตานฺหิ ขนฺธานํ อธิจฺจุปฺปตฺติ- อาการารมฺมณํ ทสฺสนํ ตทาการสนฺนิสฺสยวเสน ปวตฺติโต ตทาการสหจริตตาย จ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ ยถา มฺจา โฆสนฺติ, กุนฺตา ปจรนฺตีติ จ ตํ เอเตสมตฺถีติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา (จริงอยู ความเห็นซึ่งมีอาการเกิดขึ้นลอยๆ แหง ขันธทั้งหลายที่รูกันวาเปนอัตตาและโลกเปน อารมณ ทานเรียกวา อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ เพราะ ความเปนไปดวยอำนาจที่อาศัยแหงอาการนั้น และเพราะความเปนธรรมชาติมีความเปนไป รวมดวยอาการนั้น เหมือนอยางคำวา เตียงสง เสียงโห และหอกทั้งหลายยอมเที่ยวไป ความเห็นวา อัตตาและโลกเกิดขึ้นลอยๆ นั้นมี อยูแกพราหมณเหลานั้น เหตุนั้น พราหมณ เหลานั้นชื่อวา อธิจฺจสมุปฺปนนิกา ผูมีความเห็น อัตตและโลกเกิดขึ้นลอยๆ) (สารตฺถ.๑/๒๒๕), [อิก ปจจัยในตัทธิต] อธิจิตฺต (นปุ.) สิ่งที่อาศัยจิตเปนไป, จิตอันยิ่ง, มรรคจิตผลจิต ๑. วิ. จิตฺตมธิกิจฺจ ปวตฺตนฺติ เต ธมฺมาติ อธิจิตฺตํ, ทุติยาอพฺยยีภาวสมาโสยํ (ธรรมเหลานั้น อาศัยจิตเปนไป เหตุนั้น จึงชื่อ วา อาศัยจิตเปนไป, เปนทุติยาอัพยยีภาวสมาส), ทสกุสลกมฺมปถวเสน อุปฺปนฺนํ จิตฺตํ จิตฺตเมว (จิตที่เกิดดวยอำนาจกุศลกรรมบถสิบ ชื่อวา จิต นั่นเอง), วิ. วิปสฺสนาปาทกอสมาปตฺติจิตฺตํ ตโต จิตฺตโต อธิกํ จิตฺตํ อธิจิตฺตํ, อธิอุปสคฺโค อธิกตฺเถ (จิตคือสมาบัติ ๘ ซึ่งเปนบาทฐานแหง วิปสสนา จัดเปนจิตอันยิ่งกวาจิตนั้น ชื่อวา อธิจิต, อธิ อุปสัค ใชในอรรถวา อธิก ยิ่ง, เกิน), ตโตป วา มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ(อีกประการ หนึ่ง มรรคจิตและผลจิตนั่นเอง ชื่อวา อธิจิต เพราะยิ่งกวาจิตนั้น), ในสัททนีติ สุตตมาลา (นีติ.๖๙๖) วา สามฺนิทฺเทโสป สมาธิเยว วุจฺจติ สงฺเกตวเสน อตฺถสฺส คเหตพฺพตฺตา, สามฺโชตนา วิเสเส อวติตีติ วจนโต จ. อถ วา อธิกํ จิตฺตํอธิจิตฺตนฺติกมฺมธารยสมาสวเสนป สมาธิเยว วุจฺจติ จิตฺตสีเสน ตสฺเสว นิทฺทิตฺตา. ติสฺโส หิ สิกฺขา อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺนฺติ (ในตัวอยาง “อธิจิตฺต” นี้ แมจะแสดงโดยไมได ระบุเจาะจงแตก็หมายเอา เฉพาะสมาธิเทานั้น เพราะการถือเอาความหมายตองขึ้นอยูกับ สังเกตบัญญัติ[กลาวคือ การบัญญัติศัพทใชตาม ความเหมาะสมกับสถานที่ และกาลเวลาเปน ตน] และเพราะมี ปริภาษาวา “ศัพทที่แสดง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙๕ ความหมายทั่วไป สามารถแสดงความหมาย เจาะจงได” อธิฏาตพฺพ (ติ.) พึงจัดทำ, พึงจัดแจง, พึงอธิษฐาน วิ. สํวิธาตพฺพนฺติ อธิาตพฺพํ (สิ่ง ใดอันเขาพึงจัดทำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อันเขา พึงจัดทำ), [อธิ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการ หามการไป + ตพฺพ ปจจัย, ซอน ] อธิฏาน (นปุ.,ปุ.) ๑. ความตั้งใจแนวแน, การ อธิษฐาน, การติดแนน (นปุ.) วิ. อธิกํ าตพฺพนฺติ อธิานํ (อันเขาพึงตั้งไวมั่น ชื่อวา อธิาน), [อธิ + า ธาตุ าเน ในความตั้ง, ยุ ปจจัย แปลง เปน อน, ซอน ] ๒. ที่เปนที่ตั้งไวมั่น, ที่อยู อาศัย วิ. อธิติติ เอตฺถาติ อธิานํ (สิ่งนั้น อาศัยอยูในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อธิาน), [อธิ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในความหยุดการไป + ยุ] ๓. อธิฏฐานหาระ ตามนัยเนตติอรรถกถา วิ. สามฺวิเสสภูตา ธมฺมา วินา วิกปฺเปน อธิิยนฺติ อนุปวตฺติยนฺติ เอเตน เอตฺถ วาติ อธิาโน (ธรรมทั้งหลายที่สามัญทั่วไปและ พิเศษโดยเวนจากความดำริอันเขาตั้งไว หรือให เปนไป ดวยหาระนั้น หรือในหาระนั้น เหตุนั้น หาระนั้น ชื่อวา อธิาน), [อธิ + าเน ในความ ตั้งไว + ยุ ปจจัย] (ดู เนตติอรรถกถา ฉบับ พระ คันธสาราภิวงศ แปล หนา ๕๖), ๔. ตั้งใจ, กำหนดเหนือเลยการตกภวังคเขาฌาน วิ. ภวงฺคปาตํ อธิ อภิภวิตฺวา ฌานสฺส ปนํ อธิานํ, อธิิยเต วา อธิานํ, อิทํ กริสฺสามิ, เอวํ กริสฺสามีติอาทินา จิตฺตสฺส ทฬฺหสมาทานํ (การครอบงำการตกภวังคไปยับยั้งฌานไว ชื่อวา อธิษฐาน, อีกนัยหนึ่ง อันเขาตั้งมั่น ชื่อวา อธิษฐาน, หมายถึง การรวบจิตใหมั่นไว โดยนัย เปนตนวา เราจักทำสิ่งนี้ เราจักทำอยางนี้), อิธ ปน อธิานํ วิยาติ อธิานํ, เอตฺตกเมว ขณํ ฌานํ เปสฺสามีติ จิตฺตปณิทหนํ (ก็ ในที่นี้ ชื่อวา อธิษฐาน เพราะอรรถวา เห็นเหมือนยับยั้งไว, ไดแก การตั้งจิตไววา เราจักพักฌานไวชั่วขณะ ประมาณเทานี้เทานั้น), ก็เพราะอธิบายนัยนี้ ใน วิสุทธิมรรคมหาฎีกา (๑/๒๖๓) ทานจึงอธิบาย วา อภิภุยฺย ปนํ, อธิานํ วิยาติ วา อธิานํ (ความครอบงำแลวยับยั้งอยู ชื่อวา อธิษฐาน, อีกอยางหนึ่ง ชื่อวา อธิษฐาน เพราะอรรถวา เปนเหมือนหยุดยั้งไว), วิ. อธิหนํ อธิานํ (การกำหนดเก็บไว ชื่อวา อธิษฐาน) เชนคำวา อธิานํ วิชหติ วินย.อ.๑/๓๓๑ (ยอมขาด อธิษฐาน), [อธิ + า ธาตุ + ยุ ปจจัย], ปาฐะวา อธิิตํ ก็มี, เชน อธิิตนฺติ อธิานํ (การตั้ง ไวเฉพาะ ชื่อวา อธิษฐาน) อธิฏาย (กิ.กิตฺ.,อพฺ.) อธิหิตฺถาติ อธิาย, อธิา, อธิหิตฺวา วา (อธิาย, อธิา, อธิหิตฺวา แปลวา ตั้งไวมั่นแลว), [อธิ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในความหามการไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, ลบ ย ตามขอกำหนด ในมหาสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ เปนตน เชนในขอวา ปฏิสงฺขา โยนิโส (ลบ ย ที่ ปฏิสงฺขาย), หรือแปลง า เปน ห, ลง อิ อาคม] อธิฏายก (ติ.) ผูตั้งมั่น, ผูอธิษฐาน, ผูควบคุม วิ. อธิาตีติ อธิายโก(ผูใดยอมตั้งมั่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวาอธิายโก) [อธิ+ าธาตุคตินวิตฺติยํ ในความหามการไป + อก ปจจัย + ย อาคม] (นิรุตฺติ. ๗๙๑), นัยเดียวกันเชน อธิายี ลง ณี ปจจัย หมายถึง ผูจัดการ, ผูจัดแจง (วิธายโก) อธิฏิต (ติ.) ตั้งอยูแนนอน, เปนแนว, เปนไป ประจำเนืองนิตย, ไมแตกแถว วิ. อธิ นิจฺจวเสน าติ ปวตฺตตีติ อธิิตา, นิจฺจปวตฺตินี (ลำดับ
๙๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แหงภัตตั้งอยู คือเปนไปดวยอำนาจตอเนื่อง เหตุนั้น แถวนั้นชื่อวา อธิิตา คือเปนไป ประจำเนื่องนิตย, ปาจิตฺยาทิโยชนาปาิ, ๗๓ [อธิ + า คตินิวตฺติยํ ในการหามการเปนไป + ต ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อา เปน อิ] อธิฏเยยฺ ,-เหยยฺํ (ติ.) สิ่งอันเขาพึงตั้งมั่น, ธรรมอันเขาพึงตั้งมั่น วิ. อธิาตพฺพนฺติ อธิเยฺยํ, อธิเหยฺยํ (สิ่งใดอันเขาพึงตั้งมั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิเยฺยํ, อธิเหยฺยํ), [อธิ + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหามการไป + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ] (นิรุตฺติ. ๗๗๘) อธิต (ติ.) อันเขาศึกษาแลว วิ. อธิอิยติ สิกฺขิยตีติ อธิโต (เวทเปนตนอันเขาศึกษา เหตุนั้น เวทนั้นจึงชื่อวา อธิต), [อธิ + อิ ธาตุ สชฺฌายเน ในการสาธยาย + ต ปจจัย] อธิตฺถิ (อพฺ.) คำพูดที่เปนไปในหญิง, ในสตรี, วิ. อิตฺถีสุ ปวตฺตา กถา อธิตฺถิ (วาจาเปนเครื่อง กลาวที่เปนไปในสตรีทั้งหลาย ชื่อวา อธิตฺถิ), คำวา อธิกุมาริ (ในกุมารี) อธิวธุ (ในหญิงสาว) อธิชมฺพุ (ในชมพูทวีป) ก็นัยนี้ (นิรุตฺติ.๓๓๖) อธิน, อธีน (ติ.) ผูอาศัย, ผูไปทับ, เนื่องกัน วิ. อธิจฺจ เอตีติ อธิโน (ผูใดยอมเปนไปเฉพาะ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธิน), [อธิ + อิ ธาตุ อายตฺเต ในความไป + กฺต ปจจัย, แปลง ต เปน น], สวนใน นิรุตติทีปนี (ฉบับแปล หนา ๙๘) วา แปลง น เปน ย เชน ปราเธยฺยกํ ทุกฺขํ (ทุกขอัน เนื่องผูอื่น), ในคำวา อาเธยฺย วิ. อธินเมว อาเธยฺยํอายตฺตํ (ผูอาศัยนั่นเอง ชื่อวา อาเธยฺย ไดแก เนื่องกัน), ณฺย ปจจัย สกัตถ อธิป (ปุ.) ผูใหญ, ผูปกครอง, ผูคุมครองผู อาศัยตน วิ. อตฺตาธีนํ ปาติ รกฺขติ ธมฺเมน วา อธิ อภิภวิตฺวา ปาติ รกฺขตีติ อธิโป อธิภู (ผูใด รักษาคุมครองชนที่อาศัยตน หรือรักษาคุมครอง โดยธรรม เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อธิป), [อธิ + ปา รกฺขเน ธาตุในความรักษา + อ ปจจัย] อธิปติ (ปุ.) ๑. อธิบดี, ผูเปนใหญ, ผูเปนเจา เหนือผูอาศัยตน วิ. อธีนํ อายตฺตานํ ปติ สามิ อธิปติ (ผูเปนเจานาย แหงคนที่อาศัยเนื่องกับ ตน ชื่อวา อธิปติ) วิ. อธิโก ปตีติ อธิปติ (ผูใด เปนเจาใหญ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อธิปติ ผูใหญ) วิ. อตฺตาธีนวตฺตีนํ ปตีติ อธิปติ (ผูใดเปนใหญ กวาชนที่อาศัยตน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อธิปติ) ๒. อธิปติปจจัย, อธิปติธรรม วิ. อตฺตาธีนปฺ- ปวตฺตีนํ ปติภูโต ธมฺโม อธิปติ (ธรรมที่เปนเจา ใหญกวาธรรมที่เปนไปอาศัยตน ชื่อวา อธิปติ) ๓. ผูรักษาคุมครอง วิ. อธีนํ ปาติ รกฺขตีติ อธิปติ (ผูใดยอมบริบาลรักษา เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธิปติ), [อธิ + ปา ธาตุ รกฺขเน ในความ รักษา + ติ ปจจัย, รัสสะ อา เปน อ], อธิปติ ศัพทเปนไวพจนของความเปนใหญ เปน อิ การันตในปุงลิงค อธิปฺปาย (ปุ.) วัตถุประสงค, ความประสงค, อธิบาย วิ. อธิ อภิมุขํ ปกาเรน เอติ อุปคจฺฉตีติ อธิปฺปาโย (คำใดมุงไปโดยประการตางๆ เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อธิปฺปาย) วิ. อภิมุขํ อภินิวิสฺส วา ปกาเรหิ เอติ อุปคจฺฉตีติ อธิปฺปาโย (คำใดมุงไป หรือเจาะจงไปดวยประการตางๆ เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อธิปฺปาย), [อธิ + อป + อิ ธาตุ, + ณ ปจจัย] ๒. ความประสงค, จุดมุงหมาย อธิปฺปยเต อิจฺฉิยเตติ อธิปฺปาโย (สิ่งใดอันเขามุง หมายปรารถนา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๙๗ อธิปฺปาย), [อธิ + อป + อิ ธาตุ + ณ ธาตุ, แปลง อิ ที่ อป เปน ย แปลง ปฺย เปน ป, ซอน ปฺ, แปลง อิ เปน อาย] ๓. สิ่งที่ตั้งมั่นในจิต, ความ มุงหมาย วิ. อธิปยติ จิตฺเตติ อธิปฺปาโย (สิ่งใด ตั้งมั่นในจิต เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิปฺปาย), [อธิ + ปย ธาตุ คมเน ในความไป + ณ ปจจัย] ๔. สิ่งที่เปนเหตุประกอบสิ่งที่ไดเรียนมา, วิตก วิ. อธิตํ ปยติ ปยุชฺชติ เอเตนาติ อธิปฺปาโย (บุคคลยอมประกอบสิ่งที่ตนไดเรียนมา ดวย ภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อธิปฺปาย), [อธิ + ปย ธาตุ โยเค ในความประกอบ + ณ ปจจัย, ซอน ปฺ, ทีฆะ อ เปน อา], อธิปฺปาย ศัพท มี ความหมายวา การตัดสินใจ, ความตกลงใจ (วินิจฺฉิตตฺถ) และความประสงค (อชฺฌาสย) เปนตน อธิปฺเปต (ติ.) อันเขาประสงค วิ. อธิปยิตพฺโพ อชฺฌาสยิตพฺโพติ อธิปฺเปโต (เนื้อความเปนตน ใดอันทานพึงประสงค เหตุนั้น เนื้อความนั้น ชื่อวา อธิปฺเปต), [อธิ + เป ธาตุ อชฺฌาสเย ใน ความประสงค + ต ปจจัย, ซอน ป] วิ. อันเขา ปรารถนา วิ. อธิปฺปยเต อิจฺฉิยเตติ อธิปฺเปโต (สิ่งใดอันเขายอมปรารถนา เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิปฺเปต), [อธิ + อป + อิ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความปรารถนา + ต ปจจัย, แปลง อิ แหง อป ศัพทเปน ย, แปลง ปฺย เปน ปา, ซอน ปฺ] อธิภุยฺย (กิ.กิตฺ.) ครอบงำแลว, ย่ำยีแลว วิ. อธิภวิตฺวาติ อธิภุยฺย (บทวา อธิภุยฺย แปลวา ครอบงำแลว), [อธิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ซอน ปฺย, รัสสะ อู เปน อุ] นัยเดียวกัน อภิภุยฺย, อภิภุยฺยิตฺวา [อภิ + ย อาคม, ซอน ยฺ, รัสสะ อู เปน อุ] อธิภู (ติ.) ผูเปนใหญ, ผูปกครอง, ผูนำ, เจานาย วิ.อธิภวตีติ อธิภู, อิสฺสโร (ผูใดยอมเปนยิ่ง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อธิภู คือผูเปนใหญ), คำที่ ตัวอยางในอรรถนี้ เชน ขุ.จริยา.๓๓/๑/๕๕๑ ตทา มํ ตปเตเชน สนฺตตฺโต ติทิวาธิภู ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ ภิกฺขาย มํ อุปาคมิ (ในกาลนั้น ดวยเดชแหงการประพฤติตบะของ เรา สมเด็จอัมรินทรผูครองไตรทิพย ทรงรอน พระทัย ทรงแปลงเพศเปนพราหมณเขามาหา เราเพื่อภิกษา), [อธิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + กฺวิ ปจจัย] อธิภูต (ติ.) ๑. ครอบงำแลว, มืดมน วิ.อธิภวิตถฺาติ อธิภูตํ (สิ่งใดครอบงำ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิภูต), [อธิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความ เปน + ต ปจจัย], ปาฐะวา อทฺธภูต (มืดมน) ก็มี เพราะปรากฏในพระบาลีวา จกฺขุํ ภิกฺขเว อทฺธภูตํ (สํ.สฬ.๑๘/๓๒/๒๕) (ภิกษุทั้งหลาย จักษุเปนสิ่งมืดมน), อทฺธภูตนฺติ อธิภูตํ อชฺโฌตฺถฏํ, อุปทฺทุตนฺติ อตฺโถ (บทวา อทฺธภูตํ ความวา มืดมน ถูกทวมทับ ถูกเบียดเบียน), อทฺธ มีความหมายเทากับ อธิ ศัพท, ในตัวอยาง หลัง เพราะมีศัพทที่สำเร็จมาจาก ภู ธาตุอยูหลัง แปลง อธิ เปน อทฺธ ตามนัยแหงสัททนีติ (นีติ. ๑๓๓ วา อทฺโธ ภูมเย ปเร), เชน อทฺธภวติ (ยอมครอบงำ) กึสุ สพฺพํ อทฺธภวิ(สํ.ส.๑๕/ ๑๗๘/๕๔) (อะไรหนอครอบงำสิ่งทั้งปวง) นามํ สพฺพํ อทฺธภวิ(สํ.ส.๑๕/๑๗๙/๕๔) (ชื่อครอบงำ สิ่งทั้งปวง) เปนตน อธิมาน (ปุ.) อธิมานะ, ความทะนงตัว, ถือดี, หยิ่งผยอง วิ. อธิคโต อหนฺติ อุปฺปนฺนํ มฺนํ อธิมาโน, อธิโก วา มาโน อธิมาโน (ความ โออวดที่เกิดขึ้นวา เราดีที่สุด ชื่อวา อธิมาน
๙๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อีกนัยหนึ่ง มานะอันยิ่ง ชื่อวา อธิมาน), [อธิ + มน ธาตุ คพฺเพ ในความโออวด + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อธิมุจฺจ (กิ.กิตฺ,อพฺ.) สิงแลว วิ. อธิมุจฺจิตฺวาติ อธิมุจฺจ (อธิมุจฺจ แปลวา สิงแลว), [อธิ + มุจ ธาตุ โมจเน ในความปลอย + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ย เปน จ], อธิมุจฺจิตฺวา ก็นัยนี้ [ลง ย อาคม, แปลง จฺย เปน จ, ซอน จฺ + อิ อาคม + ตฺวา ปจจัย] อธิมุตฺต (ปุ.) ความมุงหมาย, ความพอใจ, ความนอมใจเชื่อ, ความพอใจ, จิตนอนอยู, อัชฌาสัย, อัธยาศัย วิ. อธิมุจฺจตีติ อธิมุตฺโต (ภาวะใดโนมเอียงไป เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อธิมุตฺต), [อธิ + มุจ ธาตุ โมจเน ในความพน + ต ปจจัย, แปลง จ เปน ต] อธิมุตฺติ (อิตฺ.) อธิมุตติ, ความตั้งใจมั่น, อัชฌาสัย, ความมุงหมาย วิ. อธิมุจฺจนํ จิตฺเต อธิานํ อธิมุตฺติ อชฺฌาสโย อธิปฺปาโย จ (ความนอมใจไป คือความตั้งมั่นในใจ ชื่อวา อธิมุตฺติ ไดแก อัชฌาสัย และความประสงค), ศัพทนี้เปนอิตถีลิงค, [อธิ + มุจ ธาตุ โมจเน ใน ความปลอย + ติ ปจจัย, แปลง จ เปน ตฺ] อธิโมกขฺ (ปุ.) ๑. การตัดสินใจ, ความตกลงใจ วิ.อธิมุจฺจนํ อารมฺมณนิจฺฉยนํ อธิโมกฺโข (ความ ตกลงใจ ไดแก การตัดสินอารมณ ชื่อวา อธิโมกฺข), พึงเห็น อธิโมกข นั้นวาเปนเหมือน เสาหลักเมือง เพราะไมหวั่นไหวไปในอารมณ, [อธิ + มุจ ธาตุ นิจฺฉเย ในความตัดสิน + ข ปจจัย กจฺ. ๖๓๘ รูป. ๖๖๐ วา วชฺชาทีหิ เปน ตน, แปลง จ เปน กฺ กจฺ.๔๗๓ รูป.๕๒๙ วา โก เข จ, แปลง อุ เปน โอ กจฺ.๔๘๕ รูป.๔๓๔ วา อฺเสุ จ, ๒. การตัดสินใจ วิ. อธิมุจฺจนํ อิทเมวาติ สนฺนิานกรณํ อธิโมกฺโข (การ ตัดสิน คือการตกลงใจไดวา สิ่งนี้แหละ ชื่อวา อธิโมกฺข), [อธิ + มุจ ธาตุ โมจเน ในความพน+ ข ปจจัย], ในบางแหงอธิบาย อธิโมกข ไววา สัทธินทรียอันมีกำลังชื่อวา อธิโมกข, ๓. ความ เชื่อ วิ. อธิมุจฺจนํ สทฺทหนํอธิโมกฺโข (ความปลง ใจเชื่อ, ความเชื่อ ชื่อวา อธิโมกข), บัณฑิตพึง คนดูความตางกันแหงความหมายเหลานั้น ใน วิสุทธิมรรคมหาฎีกา อธิโรหณี, -หิณี (อิตฺ.) บันได วิ. อุทฺธํ อาโรหเต เอตายาติ อธิโรหณี อธิโรหิณี วา, นิสฺเสณี (บุคคลยอมขึ้นไปขางบนดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อธิโรหณี, อธิโรหิณี คือบันได), [อธิ + รุห ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน, แปลง น เปน ณ, แปลง อุ เปน โอ + อี ปจจัยในอิตถีลิงค) อธิวจน (นปุ.) ๑. ชื่อ วิ. การณํ อธิการํ วุจฺจติ อตฺโถ เอเตน สทฺเทนาติ อธิวจนํ ปริยายวจนํ (ความหมายอันทาน เรียกทำใหเปนการณคือให สำคัญ ดวยศัพทนั้น เหตุนั้น ศัพทนั้น จึงชื่อวา อธิวจนํ ไดแก คำแทน), [อธิ + วจ ธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] วิ. อตฺเถน อธีนํ วจนํ อธิวจนํ อวฺหโย (คำที่ทานกลาวทำใหสำคัญ เพราะความหมาย ชื่อวา อธิวจน), ๒. คำตอๆ ไป วิ. อุปริ วจนํ อธิวจนํ (คำตอๆ ไป ชื่อวา อธิวจน) อธิวตฺถา (อิตฺ.) เทวดาผูอยูประจำ, ผูสิง, ผูพำนัก วิ. วสฺสํ อชฺฌาวสตีติ อธิวตฺถา (เทวดา ใด อยูครอบครองตลอดป เหตุนั้น เทวดานั้น ชื่อวา อธิวตฺถา), [อธิ + วส ธาตุ นิวาเส ในความ พักอยู + ต ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ต พรอมพยัญชนะ ส หรือ ห เปนตนเปน