พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๔๙ โอฬาริกานํ ปฺจนฺนํ สํโยชนานํ ปหีนตฺตา นตฺถิ จิตฺตสฺส วิหฺนํ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ อวิปฺผาริกตาปตฺติ เอเตสนฺติ อวิหา (ความ ลำบากใจ คือที่เปนการเจริญสมณะและ วิปสสนาไมได ไมมีแกพรหมเหลานั้น เพราะ กำจัดสังโยชน ๕ ไดแลว เหตุนั้น พรหมเหลานั้น ชื่อวา อวิหา), ปรมัตถทีปนี ฉบับแปล หนา ๔๒๙ [น + วิ + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย, ลบ กฺวิ และ น, แปลง น เปน อ] อวิหาย (กิ.กิตฺ.) ไมละแลว วิ. น วิชหิตฺวาติ อวิหาย, อวิสฺสชฺเชตฺวา (ไมละแลว ชื่อวา อวิหาย คือไมสละแลว), [น + วิ + หา ธาตุ จาเค ในความสละ + ตฺวา ปจจัย, แปลง น เปน อ, แปลง ตฺวา เปน ย] อวิหึสก (ติ.) ผูไมเบียดเบียน, ผูไมรบกวน วิ. วิหึสตีติ วิหึสโก, วิเหสโก วา, วิเหโกติ อตฺโถ (ผูใดเบียดเบียน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา วิหึสโก, วิเหสโก, วิเหโก-ผูเบียดเบียน), [วิ + หึส ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ณฺวุ ปจจัย, แปลง เปน อก, ลบนิคหิต, แปลง อิ เปน เอ] วิ. น วิหึสโก อวิหึสโก (ไมใชผูเบียดเบียน ชื่อวา อวิหึสโก), [แปลง น เปน อ, นปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส] อวีจิ (ปุ.อิตฺ.) อเวจี, ชื่อนรกขุมหนึ่ง, ๑. ที่ไมมี ชองวาง วิ. วิวิเธน จยติ วฑฺฒยตีติ วีจิ (สิ่งใด ยอมกอขึ้น โดยประการตางๆ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อ วา วีจิ-กระแส, ระลอก), [วิ + จิ ธาตุ จเย ใน ความกอ, กฺวิ ปจจัยในอรรถกัตตุ, ทีฆะ อิ ที่ อุปสัค] วิ. อคฺคิ-ชาเลหิ จ ทุกฺเขหิ จ สตฺเตหิ จ นตฺถิ เอตฺถ วีจิ อนฺตรนฺติ อวีจิ (ชองวางจาก เปลวไฟ จากทุกข และจากสัตวนรก ไมมีในแดน นั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อวีจิ) วิ. ชาลานํ วา ปจฺจนสตฺตานํ วา เตสํ ทุกฺขสฺส วา วีจิ อนฺตรํ นตฺถิ เอตฺถาติ อวีจิ (การวางเวนแหงเปลวไฟ แหงสัตวนรถที่ถูกเผาไหม และแหงทุกขของ สัตวเหลานั้น ไมมีในแดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้น ชื่อวา อวีจิ), วิ. อคฺคิชาลานํ วา สตฺตานํ วา ทุกฺขเวทนาย วา วีจิ อนฺตรํ ฉิทฺทํ เอตฺถ นตฺถีติ อวีจิ, อวีจิกํ วา, อวิจิ วา (ชองวางแหงเปลวไฟ แหงสัตวนรก หรือแหงทุกขเวทนา ไมมีใน แดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อวีจิ, อวีจิก, อวิจิ), [น + วิ + จิ ธาตุ จเย ในความกอ + กฺวิ ปจจัย] ๒. ที่ไมมีความสุข วิ. นตฺถิ วีจิ สุขํ เอตฺถาติ อวีจิ. (ความสุข ไมมี ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อวีจิ), วิ. นตฺถิ สุขสฺส วีจิ เสโสป อตฺราติอวีจิ (ความสุขแมเพียงเศษเสี้ยว ไมมีใน แดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อวีจิ), ๓. ชราที่ ไมมีวางเวน วิ. นตฺถิ เอติสฺสา ชราย วีจีติ อวีจิชรา, ปฏิจฺฉนฺนชรา. (ความวางเวนแหงชรา นั่น ไมมี เหตุนั้น ชรานั้นชื่อวา อวีจิชรา, คือ ปฏิจฉันนชรา ความแกที่ซอนเรน), อวีจิ ศัพท เปนอิการันตในปุงลิงคและอิตถีลิงค ๔. ความ สืบตอแหงจิตที่มีชองวาง วิ. วิสทิสจิตฺตปวตฺติ สงฺขาตาย วีจิยา อภาเวน อวีจิกา, จิตฺตสนฺตติ. (ความสืบตอแหงจิต ชื่อวา อวีจิกา เพราะไมมี ชองวาง กลาวคือความเปนไปแหงจิตที่ตางกัน) อวูปสม (ปุ.) ไมสงบ, ความไมเขาไปสงบระงับ วิ. อวูปสมนํ อวูปสโม (การไมเขาไปสงบระงับ ชื่อวา อวูปสม), [น + วิ + อุป + สม ธาตุ อุปสเม ในความเขาไปสงบ + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ, เพราะอำนาจสระหลังคือ อุ ลบสระหนา คือ อิ กจฺ.๑๒ รูป.๑๓ วา สรา สเร โลป, ทีฆะ อุ
๒๕๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เปน อู], นัยเดียวกัน อวูปสมนํ, ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, แปลงเปน อน อเวจฺจ (กิ.กิตฺ.) เขาไปแลว, รูแลว, หยั่งลงแลว, ตั้งอยูเฉพาะแลว วิ. อเวตฺวาติ อเวจฺจ, ปวิสิตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อชฺโฌคาเหตฺวา ปติิตฺวา วา, (เขาไปแลว ชื่อวา อเวจฺจ ไดแก เขาไปแลว รูแลว หยั่งลงแลว ตั้งอยูเฉพาะแลว), [อว + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, แปลง ตฺวา เปน รจฺจ ดวยการแบงสูตร กจฺ.๕๙๘ รูป.๖๔๓ วา รจฺจํ ] กตฺถจิ อเวจฺจาติ สกฺกจฺจํ วิทิตฺวา วา, รตนตฺตยคุเณ ยาถาวโต ตฺวา วาติ อตฺโถ คเหตพฺโพ. (แตบางแหงวา อเวจฺจ แปลวา รูโดยเคารพ หมายความวา รูคุณพระรัตนตรัยตามความเปนจริง), นัยเดียวกัน เปจฺจ, สเมจฺจ, อภิสเมจฺจ, อนฺเวจฺจ, อเปจฺจ, อุเปจฺจ, สมุเปจฺจ, อธิจฺจ, ปฏิจฺจ. อเวต (ติ.) ไปแลว, ถึงแลว, บรรลุแลว, รูแลว วิ. อวอิโต คโต ปตฺโตติ อเวโต (บุคคลใดเขาถึง แลว ไปแลว บรรลุแลว เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อเวต), [อว + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ] อเวภงฺคิย (ติ.) ไมควรแบงแจก, ของที่ไมควร แบงแจก วิ. วิสฺสชฺชิยํ เวภงฺคิยํ (สิ่งใดอันเขา ควรแบง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา เวภงฺคิย), [วิ + ภช ธาตุ ภาชเน ในความแบง หรือ ภนฺช ธาตุ ภิชฺชเน วิภาเค วา ในความแบง จำแนก + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, พฤทธิ์ อิ เปน เอ, แปลง ช เปน ค, นิคหิตตนธาตุ แปลงเปน งฺ ที่สุดวรรค, หรือ ภนฺช ธาตุ แปลง น เปน นิคหิตเปนตน] วิ. น เวภงฺคิย อเวภงฺคิยํ, อวิสฺสชฺชิยํ (ไมใช สิ่งของที่ควรแบง ชื่อวา อเวภงฺคิย คือไมควร จำแนก), นปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส อเวฬา (อิตฺ.) มาลัยประดับศีรษะ, มาลัยคลอง คอ, มงกุฏดอกไม วิ. มุทฺธํ อวติ รกฺขตีติ อเวฬา วฏํสโก, มุทฺธมาลาติ อตฺโถ (สิ่งใดยอมรักษาซึ่ง กระหมอม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อเวฬา ไดแก มาลัยคลองคอ มาลัยประดับศีรษะ), [อว ธาตุ รกฺขเณ ในความรักษา + เอล ปจจัย, แปลง ล เปน ฬ + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], ปาฐะวา อาเวฬา ทีฆะ อ เปน อา อโวกิณฺณ (ติ.) ไมเกลื่อนกลน, ไมเรี่ยราด, ไมเจือปน, ไมกระจายไป วิ. โวกิรติ วิปฺปกิรตีติ โวกิณฺโณ (สิ่งใดยอมเกลื่อนกลน เรี่ยราดไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา โวกิณฺณ), [อว + กิร ธาตุ วิกิรเณ ในการกระจายไป + ณ ปจจัย โมคฺ.๕/ ๑๕๒ วา กิราทีหิ โณ, แปลง ร เปน ณ] วิ. น โวกิณฺโณ อโวกิณฺโณ. (ไมใชสิ่งที่เกลื่อนกลน ชื่อวา อโวกิณฺณ), สำหรับในที่นี้ แปลง อว เปน โอ และลง ว อาคม, แปลง น เปน อ หรือ อว + โอ อาคม และแปลง น เปน อ; อีกนัยหนึ่ง ตัดบทเปน น อวิกิณฺโณ แปลง อว เปน โอ ลบ อิ แปลง น เปน อ. หรือพึงทราบวา โว ศัพทเปน นิบาต เชนคำวา เอกโวการภโว เปนตน อส (นปุ.ปุ.อิต.) ๑. ปากที่กิน, ปากที่ใชกิน (นปุ.) วิ. อสติ ภกฺขตีติ อสํ (อวัยวะใดยอมกิน เหตุนั้น อวัยวะนั้นชื่อวา อส), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความ กิน + อ ปจจัย] วิ. อสติ เยนาติ อสํ, มุขํ (ชน เปนตน ยอมกิน ดวยอวัยวะใด เหตุนั้น อวัยวะ นั้นชื่อวา อส คือปาก), [อส ธาตุ ภกฺขเน ใน ความกิน + อ ปจจัย] ๒. อาหารอันเขากิน (ปุ.) วิ. อสิตพฺโพติ ภกฺขิตพฺโพติ อโส อาหาโร, อสํ วา (อาหารใดอันบุคคลพึงกิน เหตุนั้น อาหารนั้นชื่อ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕๑ วา อโส (ปุ.) ไดแก อาหาร เปน อสํ (นปุ.) บาง ๓. สิ่งที่มีที่เปนแน (นปุ.) วิ. อสตีติ อสํ, นิจฺจสเฺสตํ อธิวจนํ, ยถา อสสฺมีติ (สิ่งใด ยอมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสํ, คำวา อส นั้นเปนชื่อของความ เที่ยง, เชนคำวา อสสฺมิ), [อส ธาตุ ภุวิ ในความ มีความเปน + อ ปจจัย] ๔. หญิงผูกอทุกข (อิตฺ.) วิ. สาตํ วุจฺจติ สุขํ, ตํ ตาสุ นตฺถิ, อตฺตนิ ปฏิพทฺธจิตฺตานํ อสาตเมว เทนฺตีติป อสา, ทุกฺขา, ทุกฺขวตฺถุภูตาติ อตฺโถ, ตโลโป. (สุข ทาน เรียกวา สาตํ, ความสุขนั้น ไมมีในหญิงเหลานั้น เหตุนั้น หญิงเหลานั้นชื่อวา อสา บาง, หญิง เหลาใดใหความทุกขนั่นแลแกบุรุษที่มีใจเนื่อง ตน เหตุนั้น หญิงเหลานั้นชื่อวา อสา บาง), [น + สาตลบ ตเปน อสา],ตสมฺาสาตํนตฺถิเอติสฺสนตฺิ อสาติ อตฺเถ อสาติ ปทสฺส ยถา ริตฺโต อสฺสาโท เอตฺถาติ ริตฺตสฺสนฺติปทสฺส ลุตฺตุตฺตรกฺขรสฺส ริตฺตสฺสํ, ริตฺตสฺสานิ. ริตฺตสฺสนฺติ จิตฺตนเยน นามิกปทมาลา โยเชตพฺพา, ตถา อสา, อสา อสาโย. อสํ, อสา อสาโย. อสายาติ กฺานเยน โยเชตพฺพา. (ฉะนั้น สำหรับบทวา อสา = น + สาต ใชในความหมายวา หญิงชื่อวา อสา เพราะ อรรถวา ไมมีความสำราญ ลบ ต ทายบท เหมือนการลบ ท อักษรทายบท ริตฺตสฺสํ = ริตฺต + อสฺสาท ชื่อวา ริตฺตสฺสํ เพราะอรรถวา เปนที่มี ปลอดความยินดี พึงทราบวา ริตฺตสฺสํ แจกแบบ จิตฺตศัพทคือริตฺตสสฺ , ริตฺตสฺสานิ ํ ริตฺตสฺสํ เปนตน อสา ศัพท ก็พึงทราบวา แจกแบบ กฺา คือ อสา อสาโย, อสํ อสา อสาโย, อสายา เปนตน ๕. อสัตบุรุษ วิ. อถ วา อสนฺติ น สํ, อสพฺภิ, อสปฺปุริโสติ อตฺโถ, ยถา สเมติ อสตา อสนฺติ, อิตฺถิยํ อสตี อสา, ยถา อสา โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชตีติ. (อีกนัยหนึ่ง บทวา อสํ สำเร็จรูปมาจาก น + สํ หมายถึง ไมใชบัณฑิต คืออสัตบุรุษ เชนในคำวา สเมติ อสตา อสํ-คน ไมดีสมคบคนไมดี, ขุ.ชา.๒๕/๑๖๖/๕๓ ในอิตถี ลิงคเปน อสตี อสา เชน อสา โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชติ-ธรรมดาหญิงในโลกเปนคน ลามก, ไมมีเขตแดน) บัณฑิตพึงคนดูการแจก สนฺต ศัพทในคัมภีรสัททนีติปทมาลา อสก (ติ.) ผูกิน, ผูเคี้ยวกิน, ผูมีอยูเปนอยู วิ. อสตีติ อสโก (ผูใดยอมเคี้ยวกิน เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อสก), [อส ธาตุ ภกฺขเน ภุวิ วา ในความเคี้ยวกินหรือในความมีความเปน + ณฺวุ หรือ อก ปจจัย ในกัตตุวาจก] อสกฺกจฺจ (กิ.วิ.,อพฺ.) ทำไมเสมอ, ทำไมเอื้อเฟอ, ไมเคารพ, ทำอยางเสียไมได วิ. อสมํ อนาทรํ อกาสีติ อสกฺกจฺจ (ทำความไมเสมอ ไมเอื้อเฟอ ชื่อวา อสกฺกจฺจ), กมฺมธารยสมาส, ภูสนาทรานาทราทีสฺเวหิ สหาติ นิรุตฺติทีปนีสุตฺเตน อลมาทโย สทฺทา ภูสนาทีสุ อตฺเถสุ เอเตหิ กฺริยตฺเถหิ สห เอกตฺถา โหนฺติ (ศัพทมี อลํ เปนตน สมาสกับนามศัพทที่มีอรรถกิริยาใน อรรถวาภูสน (ประดับ) เปนตน เปนตน ดวย สูตร นิรุตฺติทีปนี นิรุตฺติ.๔๑๒ วา ภูสนาทรานาทราทีสฺเวหิ สห, นัยเดียวกัน สกฺกจฺจ, สํ + กร ธาตุ กรเณ ในการกระทำ + ตุนาทิ ปจจัย แปลงเปน รจฺจ อสกฺกุเณยฺย (ติ.) อันเขาไมสามารถ, ไมอาจ, จนใจ วิ. สกฺกุณิตพฺพนฺติ สกฺกุเณยฺยํ, น สกฺกุเณยฺยํ อสกฺกุเณยฺยํ (อันเขาพึงอาจ เหตุนั้น ชื่อวา สกฺกุเณยฺย, ไมใชอันเขาอาจ ชื่อวา อสกฺกุเณยฺย), [น + สก ธาตุ สตฺติยํ ในความอาจ + อุณา ปจจัยประจำหมวดธาตุ + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อา เปน เอ, ซอน กฺ]
๒๕๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อสงฺกร (ปุ.) ไมระคน, ไมปะปน, ไมเจือกัน วิ. สงฺกรณํ สงฺกโร (การไมปะปนกัน ชื่อวา สงฺกร), [สํ + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + อ ปจจัย] วิ. น สงฺกโร อสงฺกโร, อสมฺภินฺโน ววตฺถานํ วา. (ไมใชการปะปนกัน ชื่อวา อสงฺกร คือไมเจือปนกัน หรือการกำหนด), อสงฺกรํ, นิกายนฺตรลทฺธีหิ อสมฺมิสฺสํ. อสงฺกรา, สีมา (เชน อสงฺกร หมายถึง ไมปนกับนิกายหรือลัทธิอื่น, สีมา ไมคาบเกี่ยวกัน) อสงฺกิณฺณ (ติ.) ไมเกลื่อนกลน, ไมคับคั่ง, ไมเบียดเสียด วิ. น สงฺกิรียิตฺถาติ อสงฺกิณฺณํ (สิ่ง ใดไมเกลื่อนกลนแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสงฺ กิณฺณ) สพฺพโส เกนจิป ปกาเรน สาธูหิ น กิณฺณํ น ขิตฺตํ น ฉิฑฺฑิตนฺติ อตฺโถ (หมายความวา อัน สาธุชนไมปน ไมซัด ไมทิ้งไปดวยประการใด ประการหนึ่ง โดยประการทั้งปวง), [น + สํ + กิร ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ต ปจจัย, แปลง ต เปน อิณฺณ กจฺ.๕๘๑ รูป.๖๑๖ วา ตราทีหิ อิณฺโณ, ลบ ร] วิ. สํกิรนฺติ โวมิสฺสา ภวนฺตีติ สํกิณฺณา. น สํกิณฺณา อสํกิณฺณา, อโวมิสฺสา (สิ่งเหลาใดปนกัน เหตุนั้น สิ่งเหลานั้นชื่อวา สํกิณฺณา, การปนกันหามิได ชื่อวา อสํกิณฺณา), แปลง น เปน อ อสงฺโกจ (ปุ.) ไมหดเขา, ไมสั้นเขา, ไมหนาน่ิว คิ้วขมวด วิ. สงฺโกจิยเต สงฺโกโจ (อันเขาหนานิ่ว คิ้วขมวด ชื่อวา สงฺโกจ), [สํ + กุจ ธาตุ สงฺโกจเน ในความหนานิ่วคิ้วขมวด + ณ ปจจัย, แปลง อุ เปน อ] วิ. น สงฺโกโจ อสงฺโกโจ, อโนลีนตา (ไมใชผูหนานิ่วคิ้วขมวด ชื่อวา อสงฺโกจ, คือความไมหดหู), [แปลง น เปน อ] นัยเดียวกันเชน อสงฺโกจนํ (การไมหนานิ่วคิ้ว ขมวด) ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ แปลงเปน อน อสงฺขต (ติ.) อสังขตธรรม, พระนิพพาน, อันปจจัยไมปรุงแตง วิ.ปจฺจเยหิ น สงฺกริยเตติ อสงฺขตํ นิพฺพานํ, [น + สํ + กร ธาตุ + ต ปจจัย, ในเพราะ ต ปจจัยอยูหลัง แปลง กร เปน ข กจฺ.๕๙๔ รูป.๕๘๒ วา ปุรสมุปปรีหิ กโรติสฺส ขขรา วา ตปฺปจฺจเยสุ จ] อสงฺขาริก (ติ.) อสังขาริก, ไมถูกปรุงแตง, ไมถูกชักจูง ๑. วิ. สงฺขโรติ จิตฺตํ ติกฺขภาวสงฺขาตมณฺฑนวิเสเสน สชฺเชตีติ สงฺขาโร (ธรรม ใดยอมปรุงแตง คือจัดแจงจิตโดยเปนเครื่องแตง จิตกลาวคือทำใหแกลวกลา เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้นชื่อวา อสงฺขาริก), [สํ + กร ธาตุ สชฺชเน ใน ความปรุงแตง + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และ อ เปน อา] ตตฺถ ตตฺถ กิจฺเจ สํสีทมานสฺส จิตฺตสฺส อนุพลปฺปทานวเสน อตฺตโน วา ปเรสํ วา อุสฺสาหิเตน ปวตฺตปุพฺพปโยโค ลพฺภติ. (คือ บุรพประโยคของตนหรือของคนเหลาอื่นอื่นอัน เปนไปแลว โดยอำนาจแหงอันเพิ่มใหซึ่งกำลัง อันสมควรแกบุคคลหรือจิตที่ทอแทในกิจนั้นๆ) อภิธมฺมตฺถสงฺคห, อทินฺนาทานาทิสตฺตอกุสล กมฺมกรเณหิจิตฺตสฺส ติกฺขภาวปฺปตฺตยิา อตฺตโน วา ปเรสํ วา กายวจีทฺวาเรสุ ปวตฺโต อาณตฺติ- ปุพฺพปโยโค สงฺขาโรติ อิธ อธิปฺเปโต (ในที่นี้ ประสงคเอาสังขาร คืออาณัตติปุพพปโยค ที่ เปนไปในกายทวารและวจีทวารของตนและ ผูอื่น เพราะจิตถึงความแข็งกลา ดวยการทำ อกุศลกรรม ๗ มีอทินาทาน เปนตน) วิ. นตฺถิ สงฺขาโร เอตสฺสาติ อสงฺขารํ, อสงฺขารํ เอว อสงฺขาริกํ (การปรุงแตงของจิตนั่นไมมี เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา อสงฺขาร, อสงฺขาร นั่นเอง ชื่อวา อสงฺขาริก), [ณิก ปจจัย สกัตถ] ใน ปทรูปสิทฺธิ (รูป. ๓๗๕) วิ. อสงฺขาโรเยว อสงฺขาริกํ (อสังขาร
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕๓ นั่นเอง ชื่อวา อสงฺขาริก) ๒. นัยแหงอภิธัมมาวตาร วา อถ วา อภิสงฺขรณํ, สงฺขรียติ วา เอเตน อาคนฺตุกสมฺภูเตน จิตฺตสํสีทนสภาวาปนยนวเสเนว สชฺชียติ, สงฺขโรติ วา ตํ ยถาวุตฺตวเสเน วาติ สงฺขาโรติ อุชุกเมว ปุพฺพปฺปโยคชนิโต ติกฺขภาโว วุจฺจติ, ตทภาวโต อสงฺขาริกํ, สภาวติกฺขนฺติ อตฺโถ (อีกนัยหนึ่ง การปรุงแตง ชื่อวา สังขาร, หรือจิตอันธรรมชาตินั่น ซึ่งเปนอาคันตุกะ ปรุง แตงดวยการนำความที่จิตทอแทออกนั่นเอง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา สังขาร, หรือ ธรรมชาติใดปรุงแตงจิตนั้น ดวยอำนาจแหง อรรถตามที่กลาวแลวนั่นเอง เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้นจึงชื่อวา สังขาร เพราะเหตุนั้น ทานจึงกลาว ความที่จิตแกลวกลา อันเกิดแตบุรพประโยค โดยตรงนั่นเอง, ชื่อวา อสังขาริก เพราะไมมีการ ปรุงแตงนั้น อธิบายวา มีความแกลวกลาเปน สภาพ), วิ. มจฺเฉรมลาทีหิ สงฺขรียตีติ สงฺขาโร, จิตฺตสฺส สํสีทนสภาโว, โส ยสฺส นตฺถีติ อสงฺขาริกํ ปณีตอุตุโภชนาทิโก วา พลวปจฺจโย สงฺขาโร สงฺขโรติ จิตฺตํ ติกฺขภาเวน สงฺขรียติ วา ตํ เอเตนาติ กตฺวา. (ธรรมชาติใดอันมลทินคือความตระหนี่ เปนตนปรุงแตง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา สงฺขาร, คือสภาวะทอแทแหงจิต, ความไมถูก ปรุงแตนั้น ไมมีแกจิตนั้น เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา อสงฺขาริก หรือปจจัยอันมีกำลัง มีฤดูและโภชนะ อันประณีตเปนตน ชื่อวา สังขาร เพราะวิเคราะห วา ธรรมชาติที่ปรุงแตงจิตนั้นโดยความเปน ธรรมชาติแกลวกลา หรือเปนเครื่องปรุงแตงจติ), อการสฺส วุฑฺฒตฺถวุตฺตติาย วุฑฺฒิปฺปตฺโต สงฺขาโร อสฺสาติ อสงฺขาริกํ, พลวปจฺจยวนฺตนฺติ อตฺโถ. (การปรุงแตง ที่ถึงความเจริญ ของจิตนั้นมีอยู เพราะ อ อักษรใชในอรรถวา วุฑฺฒิ เหตุนั้น จิต นั้น จึงชื่อวา อสงฺขาริก, หมายความวา มีปจจัย อันมีกำลังมาก), สวนในคัมภีร ปรมตฺถทีปนิี อธิบายไววา สงฺขาโรติ ปุพฺพาภิสงฺขาโร. โส จ ทุวิโธ ปโยโค, อุปาโย จาติ. นิพฺพจนํ จ วุตฺตํ สงฺขโรติ อตฺตโน ปกติยา กาตุํ อนิจฺฉมานํ จิตฺตสนฺตานํ อกาตุํ อทตฺวา กรณตฺถาย สํวิทหติ ตสฺมึ ตสฺมึ กมฺเม ปโยเชตีติ กตฺวา. โย ปน ปจฺจยคโณ เตน สงฺขาเรน วิรหิโต โหติ. โส อสงฺขาโร. จิตฺตํ ปน อสงฺขาเรน สุทฺเธน ปจฺจยคเณน อุปฺปนฺนํ อสงฺขาริกํ, อุปฺปนฺนตฺเถ หิ อยํ อิกปจฺจโยติ. (สังขาร คือ สภาพกระตุนเตือน ที่เกิดขึ้นกอน สังขาร ๒ อยาง คือ ปโยคะ-ความ เพียร และอุปายะ-อุบาย ทานกลาวคำอธิบายไว วา ชื่อวา สังขาร คือสภาพปรุงแตง กลาวคือ กระตุนเตือนในกรรมนั้นๆ เพื่อทำกรรม โดยไม ปลอยใหกระแสจิตที่ไมตองการกระทำเปนไป ตามปกติของตน, หมูปจจัยใดอันปราศจาก สังขาร หมูปจจัยนั้นชื่อวา อสังขาร, สวนจิตที่ เกิดดวยหมูปจจัยไมมีสังขารลวนๆ ชื่อวา อสังขาริก, ก็ อิก ปจจัยนี้ใชในอรรถวา เกิดขึ้น), อนุทีปนิยํ จ วุตฺตํ สุุ กโรติ, ปกติปจฺจเยน อนิปฺผนฺนํ กมฺมํ อตฺตโน พเลน นิปฺผาเทตีติ สงฺขาโร. ปุพฺพาภิสงฺขาโรติ ปุพฺพภาเค อภิสงฺขาโร. ปโยเชติ นิโยเชตีติ ปโยโค. อุเปติ ผลสงฺขาโต อตฺโถ เอเตนาติ อุปาโยติ. (สวนในอนุทีปนี กลาวคำอธิบายไววา ธรรมชาติใดยอมกระทำ ดวยดี คือวา ยอมยังกรรมอันไมสำเร็จดวย ปจจัยปกติ ใหสำเร็จดวยกำลังของตน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา สังขาร, คำวา ปุพฺพาภิ- สงฺขาร หมายถึง การกระตุนเดือนกอน, ปโยค หมายถึงประกอบ ชักจูง, อุปาย หมายถึง เปน
๒๕๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เครื่องเกิดมีอรรถะ กลาวคือผล) อธิบายโดยยอ เทานี้กอน สวนความพิสดารพึงดูในคัมภีรนั้นๆ อสงฺขฺเยยฺย (ติ.นปุ.) ๑. อสงไขย, ไมสามารถ นับได วิ. สงฺขาตุํ อสกฺกุเณยฺยนฺติ อสงฺเขฺยยฺยํ (อันเขาไมพึงอาจ เพื่ออันนับ เหตุนั้น ชื่อวา อสงฺเขฺยยฺยํ) ๒. นับไมได วิ. น สงฺขฺยาตพฺพนฺติ อสงฺเขฺยยฺยํอสงฺเขยฺยํ วา (สิ่งใดอันเขาไมพึงนับ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อสงฺเขฺยยฺยํ อสงฺเขยฺยํ) เชน ที.อ.๓ อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ สคุเณน มเหสิโน (ทานผูแสวงหาคุณใหญ ดวยมีคุณ มีชื่อนับไม ถวน), [น + สํ + ขฺยา หรือ ขา ธาตุ กถเน ใน ความกลาว + ฆฺยณฺ ปจจัย, ในเพราะอำนาจ ฆฺยณฺ แปลง อา เปน เอ, หรือ ณฺย ปจจัย, ซอน ย] ๓. อสงไขย, จำนวนสิบลานมหากถานะ วิ. มหากถานสตสหสฺสานํ สตํ อสงฺเขยฺยํ, อสงฺขฺเยยฺยํ (รอยแสนมหากถานะ เปนหนึ่ง อสงไขย). เอกา เลขา จตฺตาลีสาธิกสตพินฺทุ- สหิตา อสงฺขฺเยยฺยํ, อสงไขย ๑ เทากับ เลข ๑ ประกอบดวยเลข ๐ จำนวน ๑๔๐ ตัว) สวนใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา วา ประกอบดวยเลข ๐ จำนวน ๑๔๕ ตัว ใน วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา (๒/๓๒๓) อาจารยธรรมปาละวา อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยนฺติ อิทํ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏสงฺขาตํ กปฺปสฺส เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ (ขอวา อิทเมกํ อสงฺขฺเยยฺยํ มีอธิบายวา อสงไขยนี้ จัดเปนหนึ่ง อสงไขยกัป กลาวคือสังวัฏฏกัปหนึ่ง) ก็คำวา อสงไขย ในที่นี้ หมายถึง อสงไขยกัป, จำนวน ๔ อสงไขย จัดเปนเปน ๑ มหากัป) อสงฺขารปรินิพฺพายี (ปุ.) พระอนาคามีผูจะ ปรินิพพานดวยไมตองใชความเพียรมากนัก วิ. อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน กิเลเส เขเปตฺวา ปรินิพฺพายีติ อสงฺขารปรินิพพฺายี (พระอนาคามี ใด ยังกิเลสใหสิ้นไป โดยไมตองใชแรงชักจูง คือ ไมตองใชความเพียรนัก) วิ. อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อธิมตฺตปโยคํ อกตฺวาว กิเลสปรินิพฺพานธมฺโมติ อสงฺขารปรินิพฺพายี (พระ อนาคามีใด มีกิเลสดับสิ้นไปเปนธรรมดา ไมตอง ทำความเพียรมากนัก โดยไมตองชักจูง คือไม ตองใชความเพียรนัก) วิ. อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อนุสฺสาเหน อกิลมนฺโต ติกฺขินฺทฺริยตาย สุเขเนว ปรินิพฺพายตีติ อสงฺขารปรินิพฺพายี (พระ อนาคามีใด ไมลำบาก ปรินิพพานไดโดยสะดวก นั่นเอง ไมตองชักจูง คือไมตองใชความเพียรนัก ไมตองพยายามนัก เพราะอินทรียแกกลา เหตุนั้น พระอนาคามีนั้น ชื่อวา อสงฺขารปริ- นิพฺพายี), [อสงฺขาร + ปริ + นิ + วา ธาตุ คติยํ ในความไป + ณี ปจจัย, อาเทศ อา เปน อาย หรือ ลง ย อาคม] อยํ เอวรูโป ปุคฺคโล สุทฺธาวาเสสุ อุปปชฺชิตฺวา อสงฺขาเรน อปฺปทุกฺเขน อธิมตฺตปโยคํ อกตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา กิเลสปริ- นิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนโต อสงฺขารปรินิพฺพายีติ วุจฺจติ. (บุคคลผูมีรูปอยางนี้ ชื่อวา อสงฺขารปริ- นิพพายายี เพราะเขาถึงพรหมโลกชั้นสุทธาวาส บรรลุพระอรหัตแลว ปรินิพพาน เพราะกิเลสดบั ไป ไมตองทำความเพียรมากนัก โดยไมตอง ชักจูง ไมตองลำบากนัก) อสงฺขิย (ติ.) นับไมถวน, ไมสามารถนับได วิ. สงฺขาตุํ น สกฺกาติ อสงฺขิโย, คณนํ อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ (พระสาวกเปนตนใด อันบุคคลไมอาจเพื่อ อันนับ เหตุนั้น พระสาวกเปนตนนั้น ชื่อวา อสงฺขิย หมายความวา ลวงเลยการนับ) เชน อสงฺขิยา พุทฺธสาวกา (พระพุทธสาวกทั้งหลาย นับไมถวน), [น + สํ + ขา ธาตุ กถเน ในความ กลาว + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม] พึงทราบวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕๕ ศัพทนี้เปนวาจจลิงคคือเปนวิเสสนะ เปนได ๓ ลิงค อสงฺคาหณา (อิตฺ.) อวิชชา, ไมถือเอาดวยดี วิ. รูปาทีสุ เอกธมฺมมฺป อนิจฺจาทิสามฺโต น สงฺคณฺหาตีติ อสงฺคาหณา, อฺาณํ (ชื่อวาไม ถือเหตุดวยดี เพราะไมถือธรรมอยางหนึ่งในรูป เปนตน โดยความเปนสามัญลักษณะมีความไม เที่ยงเปนตน ไดแก ความไมรู), [น + สํ + คห ธาตุ อาทาเน ในความถือเอา + ยุ ปจจัย, แปลง ยุ เปน อณ, ทีฆะ อ เปน อา, แปลง น เปน อ] อสจฺจ (นปุ.) ไมจริง, ไมแนนอน, เหลาะแหละ, เหลวไหล ๑. วิ. สนฺเตสุ สาธูสุ ภวํ สจฺจํ. สนฺตสฺส วา ภาโว สจฺจํ (คำที่มีในสัตบุรุษ ทั้งหลาย คือในคนดีทั้งหลาย ชื่อวา สจฺจ, อีกอยางหนึ่ง ความเปนแหงผูสงบ ชื่อวา สจฺจ), [ณฺย แทน ภว และ ภาว, แปลง ตฺย เปน จ, ซอน จ, ลบ นฺ ที่ สนฺต] ๒. วิ. สตนํ สจฺจํ (ความ แนนอน ชื่อวา สจฺจ), [สต ธาตุ สาตจฺเจ ในความ แนนอน, ย ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๖๓๘ รูป.๖๖๐ วา วชาทีหิ เปนตน, หรือวา วชาทินา, แปลง ตฺ เปน จฺ, แปลง ย เปนปุพพรูป คือแปลง ย เปน จ] ๓. วิ. สถนํ สจฺจํ อวิตถํ (ความจริง ชื่อวา สจฺจํ คือสิ่งที่ไมใชความไมจริง), [สถ ธาตุ อวิตเถ ในความไมใชความไมจริง + ณฺย ปจจัย, แปลง ถฺย เปน จฺจ ดวยมหาสูตร วิ. น สจฺจํ อสจฺจํ อลิกํ. (สิ่งที่ไมใชความจริง ชื่อวา อสจฺจ คือความ เหลวไหล) อสชฺชมาน (ติ.) ไมติดขัด, ไมของอยู, ไมติด วิ. สชฺชตีติ สชฺชมาโน (ผูใดติดขัด เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา สชฺชมาน), [สชฺช ธาตุ สงฺเค ในความของ + มาน ปจจัย] วิ. น สชฺชมาโน อสชฺชมาโน (ผู ไมติดขัด ชื่อวา อสชฺชมาน), นปุพฺพปทกมฺม ธารยสมาส, แปลง น เปน อ. นัยเดียวกัน เชน อสชฺชนฺโต (ไมติดขัดอยู) อนฺต ปจจัย. หมายความวา สงฺคํ อกโรนฺโต (ไมทำการของ) อสฺจิจฺจ (กิ.กิตฺ.) ไมแกลง, ไมจงใจ วิ. สยํ ตฺวา เจจฺจ อภิวิตริตฺวาติ สฺจิจฺจ (รูแลวเอง จงใจ ละเมิด เหตุนั้น ชื่อวา สฺจิจฺจ), [สํ + จิต ธาตุ สฺเจตเน ในความจงใจ + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน รจฺจ ดวยการแบงสูตร กจฺ.๕๙๗ รูป. ๖๔๑ วา ตุนาทีนํ วิ. น สฺจิจฺจ อสฺจิจฺจ (ไม แกลงแลว ชื่อวา อสฺจิจฺจ), นปุพฺพปท กมฺม ธารยสมาส. อสฺสตฺต (ปุ.) อสัญญสัตว, สัตวจำพวกไม มีสัญญา, พรหมพวกหนึ่งมีรูปแตไมมีสัญญา วิ. สฺาวิราคภาวนานิพฺพตฺตรูปสนฺตติ- มตฺตตฺตา นตฺถิ สฺา, ตํมุเขน วุตฺตาวเสสา อรูปกฺขนฺธา จ เอเตสนฺติ อสฺา, เตเยว สตฺตาติ อสฺสตฺตา, อภิธมฺมตฺถวิภาวินี หนา ๑๕๗ (พรหมที่ชื่อวา อสัญญา เพราะอรรถวา สัญญาและอรูปขันธที่เหลือที่กลาวไว โดยความ มีสัญญานั้นเปนประธาน ไมมี แกพรหมเหลานี้ เพราะความที่พรหมเหลานี้ เปนเพียงรูปสันตติ อันเกิดจากภาวนาเปนเหตุสำรอกสัญญา, พรหม ชื่อวาอสัญญาเหลานั้นนั่นเอง เปนสัตว ชื่อวา อสฺญสตฺตา), อวธารณปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส อสฺีวาท (ปุ.) ผูยึดถือวาไมมีสัญญา วิ. อสฺ อตฺตาติ วาโท เยสนฺเต อสฺวาทา อสฺวาโท เอเตสมตฺถีติ อสฺวาทา (วาทะ วา ตน ไมมีสัญญา ของชนเหลาใด มีอยู เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อสฺวาทา, วาทะวาไมมี สัญญา ของชนเหลานั่นมีอยู เหตุนั้น ชน เหลานั้นชื่อวา อสฺวาทา) อสฺีวาทา หิ
๒๕๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา รูป อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อสฺีติ นํ ปฺเปนฺติ, อรูป อตฺตา โหติ, รูป จ อรูป จ อตฺตา โหติ, เนว รูป นารูป อตฺตา โหติ. อนฺตวา อตฺตา โหติ, อนนฺตวา อตฺตา โหติ, อนฺตวา จ อนนฺตวา จ อตฺตา โหติ, เนวนฺตวา นานนฺตวา อตฺตา โหติ อโรโค ปรํ มรณา, อสฺีติ นํ ปฺเปนฺตีติ เอวํ อวิเธน วิภตฺตา. (ความจริง อสัญญีวาทะ จำแนกเปน ๘ ชนิด ไดแก ๑. มี ความเห็นวา หลังจากตายไป อัตตาที่มีรูป ยั่งยืน, บัญญัติอัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๒. อัตตา ที่ไมมีรูป ยั่งยืน, บัญญัติอัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๓. อัตตาทั้งที่มีรูป ทั้งที่ไมมีรูป ยั่งยืน, บัญญัติ อัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๔. อัตตาทั้งที่มีรูปก็มิใช ทั้งที่ไมมีรูปก็มิใช ยั่งยืน, บัญญัติอัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๕. อัตตาที่มีที่สุด ยั่งยืน, บัญญัติ อัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๖. อัตตาที่ไมมีที่สุด ยั่งยืน, บัญญัติอัตตานั้นวา ไมมีสัญญา ๗. อัตตา ทั้งที่มีที่สุด ทั้งที่ไมมีที่สุด ยั่งยืน, บัญญัติอัตตา นั้นวา ไมมีสญัญา ๘. อัตตาทั้งที่มีที่สุดก็มิใชทั้ง ที่ไมมีที่สุดก็มิใชยั่งยืน, บัญญัติอัตตานนั้วา ไมมี สัญญา), บัณฑิตพึงคนดูอธิบายโดยพิสดารใน อรรถกถาและฎีกาพรหมชาลสูตร อสทฺธโภชี (ปุ.) ๑. ผูไมบริโภคของที่เขาให ดวยศรัทธา, ผูมีปกติไมกินเครื่องเซน วิ. สทฺธํ น ภฺุชติ สีเลนาติ อสทฺธโภชี (ผูใดยอมไม บริโภค ซึ่งของที่เขาใหดวยศรัทธา โดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสทฺธโภชี), นัยนี้เปน อยุตฺตตฺถสมาส, ดู นิรุตฺติ.๓๔๙, ๖๘๙ [สทฺธ + น + ภุช ธาตุ ภฺุชเน ในความกิน + ณี ปจจัย] ๒. ผูบริโภคของที่ไมไดใหดวยศรัทธา วิ. อถวา น สทฺธํ อสทฺธํ, อสทฺธํ ภฺุชตีติ อสทฺธโภชี, (อีกนัยหนึ่ง ของที่เขาถวายดวยศรัทธาหามิได ชื่อวา อสทฺธํ, ผูใดยอมบริโภคของที่เขาดวย ศรัทธาหามิได เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสทฺธโภชี), นัยนี้เปน ยุตฺตตฺถสมาสย, [อสทฺธ + ภุช ธาตุ ภฺุชเน ในความบริโภค + ณี ปจจัย] นัย เดียวกันเชน อลวณโภชี (ผูไมบริโภคเกลือโดย ปกติ), อปุนเคยฺยา (คาถาที่ไมพึงสวดซ้ำ), อจนฺทมุลฺโลกิกานิ (หนาอันไมแหงนดู พระจันทร), อนตฺถกามา (ผูไมปรารถนาซึ่ง ประโยชน), อสูริยปสฺสา (ราชกัญญา มีหนาไม เห็นพระอาทิตย) อสทฺธมฺม (ปุ.) การประพฤติของอสัตบุรุษ, เมถุน, การรวมสังวาส วิ. อสตํ อสปฺปุริสานํ ธมฺโม อาจาโร อสทฺธมฺโม, เมถุนํ (ธรรม คือการ ประพฤติของคนพาล คือของอสัตบุรุษ ชื่อวา อสทฺธมฺม คือเมถุนธรรม), ฉีตปฺปุริสสมาส. อปจ กุหนลปนาทิวเสน ปวตฺโต อกุสลราสิ อสทฺธมฺโม (อีกนัยหนึ่ง อสทฺธมฺม ไดแกประมวล อกุศลธรรม ที่เปนไปดวยอำนาจการโกหก หลอกลวงเปนตน) สวนในสันสกฤตมีรูปวา อสทฺธรฺมะ อสน (นปุ.ปุ.) ๑. ของกิน, อาหารเปนเหตุกิน (นปุ.) วิ. อสเต อเนนาติ อสนํ อาหาโร (บุคคล ยอมกินดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น ส่งินั้นชื่อวา อสน คือ อาหาร), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] ๒. โภชนะ, อันเขากิน (นปุ.) วิ. อสียติ ภกฺขียติ อสนํ โภชนํ (สิ่งใดอัน เขากิน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสน คือโภชนะ), คำวา อสน มีความหมายวา โภชนะ บัณฑิตพึง ถือเอาคำอธิบายใน อรรถกถาปมปวารณา สิกขาบท วา อสนนฺติ เอตฺถ วิปฺปกตโภชนํ ทิสฺสติ (ในคำวา อสน บัณฑิตพึงทราบอธิบายวา โภชนะที่ฉันคางไว ปราปฏ), [อส ธาตุ ภกฺขเน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕๗ ในความกิน + ยุ ปจจัย] ๓. ธนู, ศร, อันเขายิง ไป (ปุ.นปุ.) วิ. อสียติ ขิปยตีติ อสโน อสนํ อุสุ (สิ่งใดอันเขาซัดไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสโน, อสนํ ไดแก ลูกศร), [อสุ ธาตุ ขิปเน ในความซัด ไป, ยุ ปจจัย เปนกรรมวาจก] ๔. ไมประดู, ประดูลาย (ปุ.) วิ. อสติ ภกฺขตีติ อสโน ปยโก (ตนไมใดยอมกิน เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อสน ไดแกตนประดู), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ยุ ปจจัย], อาสโน ก็มี อสนสาลา (อิตฺ.) ศาลาเปนที่นั่ง, ศาลาสำหรับ นั่ง, โรงฉัน, หอฉัน วิ. อสนฺติ ภกฺขนฺติ อสฺสํ สาลายนฺติ อสนา (ภิกษุยอมฉันที่ศาลานั้น เหตุ นั้น ศาลานั้นชื่อวา อสนา), [อส ธาตุ ภกฺขเน ใน ความกิน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อา ปจจัย ในอิตถีลงิค) วิ. อสนา จ สา สาลา เจติ อสนสาลา, อาสนสาลา วา, โภชนสาลาติ อตฺโถ(ที่เปนที่นั่ง นั้นดวย เปนศาลาดวย เหตุนั้น จึงชื่อวา อสนสาลา, อาสนสาลา), เปนวิเคราะห กมฺมธารยสมาส มีวิเคราะหกิตกเปนทอง อสนิ (อิต., ป.) สายฟา, ขวานฟา, อาวุธพระ อินทร๑. สิ่งที่เทวดาซัดไป วิ. ภณฺฑนตฺถาย อสิยเต ขิปยเต เทเวหีติ อสนิ กุลิสํ, อสนี อสุนี วา (สิ่งใดอันพวกเทวดาซัดไป เพื่อตองการจะ รบกัน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสนิ ไดแก กุลิส คือ อาวุธของพระอินทร หรือสายฟา), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป, อนิ ปจจัย โมค. ๗/๑๑๒ วา วตฺตาฏาวธมาเสหฺยนิ] ๒. อาวุธใชปกครอง โลกธาตุ วิ. อสฺสเต ภุชฺชเต โลกธาตุกมเนน อายุเธนาติ อสนิ (พระอินทรยอมครอบครอง โลกธาตุ ดวยอาวุธนั้น เหตุนั้น อาวุธนั้น ชื่อวา อสนิ), [อส ธาตุ โภชเน ในความกิน + อนิ ปจจัย] ๓. อาวุธอันพระอินทรขวางไป (ปุ.อิตฺ.) วิ. อสียติ ขิปยตีติ อสนา (อาวุธใด อันพระอินทร ขวางไป เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อสนา), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ยุ ปจจัย แปลง เปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, วิ. สาเยว อสนิ (อสนา นั้นนั่นเอง ชื่อวา อสนิ), ลง อิ ปจจัยหลังปาฏิปทิกบท คือหลัง อสนา ๔. สายฟาที่ตัดรากถอนโคน วิ. สพฺพวตฺถุ- มูลจฺเฉชฺชํ กตฺวา อสติ เขเปติ วินาเสตีติ อสนิ (สิ่งใดตัดรากถอดโคนแหงวัตถุทั้งหมดทำใหยอย ยับไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสนิ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัด + อนิ ปจจัย], ปาฐะวา อสนี อสุนี ลง อี ปจจัยก็มี หรือทีฆะสระหลัง คือ อิ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๓ รูป.๓๕๔ วา กฺวจาทิ เปนตน, แปลง อ เปน อุ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วา เตสุวุทฺธิ เปนตน, อสนิ ศัพท เปนอิการันต เปน ปุงลิงคและอิตถีลิงค ปรากฏในความหมายวา สายฟาและวชิราวุธ อสพฺภ (นปุ.ติ.) ๑. อกุศล, สิ่งที่มีในอสัตบุรุษ, ธรรมของอสัตบุรุษ วิ. อสพฺภีสุ ภวํ อสพฺภํ อกุสลํ (สิ่งที่มีในอสัตบุรุษ ชื่อวา อสพฺภ คือ อกุศล) เชน โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเยติ ขุ.นิทฺ. ๒๙/๙๗๕/๖๒๐ (บุคคลพึง กลาวสอน พึงพร่ำสอน และพึงหามจากธรรม ของอสัตบุรุษ), [ณฺย ปจจัย, ลบ อิ, แปลง ภฺย เปน ภ]. ก็ บทวา อสพฺภา ในที่นี้ พึงทราบวา สำเร็จรูปดวย ณฺย ปจจัย ในตัทธิต ซึ่งมีนัยวิจติร หลากหลาย ๒. เปนของอสัตบุรุษ, ไมเปนของ สัตบุรุษ (ติ.) วิ. อสพฺภีนํ เอตาติ อสพฺภา, น วา สพฺภีนํ เอตาติป อสพฺภา (วาจากนั่นของ อสัตบุรุษ ชื่อวา อสพฺภา, อีกนัยหนึ่ง วาจานั้น ไมใชของสัตบุรุษ ชื่อวา อสพฺภา) เชน อมฺเห อสพฺภาหิ วาจาหิ วิกฺโกสมานา ติพฺพาหิ สตฺตีหิ
๒๕๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา หนิสฺสนฺติ ชา.อ.๑๐/๔๘๓ (สองเราถูกทิ่มแทง ดวยวาจาอสัตบุรุษวา จักฆาเสียดวยหอกอัน คม), พึงทราบวาบทสำเร็จลง ณฺย ปจจัย เชนเดียวกัน อสพฺภิ (ปุ.อิตฺ.ติ.) ๑. อสัตบุรุษ, ไมใชผู ประเสริฐ, ไมใชบัณฑิต, คนเลวทราม, คนพาล (ปุ.ติ.) วิ. สีทนสภาเว กิเลเส ภินฺทตีติ สพฺภิ, สปฺปุริโส, โย อริโยติป ปณฺฑิโตติป วุจฺจติ. (ผูใด ยอมตัดกิเลสซึ่งมีสภาพจมลง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา สพฺภิ คือ สัตบุรุษ ไดแก บุคคลที่เขาเรียกวา ผูประเสริฐบาง บัณฑิตบาง) ๒. พระนิพพาน, ที่กิเลสขาดสิ้นไป, ที่สิ้นราคะ (อิตฺ.) วิ. อปจ สีทนสภาวา กิเลสา ภิชฺชนฺติ เอตฺถาติ สพฺภิ, นิพฺพานํ, ยํ ราคกฺขโยติอาทินามํ ลภติ. (อีกนัย หนึ่ง กิเลสทั้งหลาย มีสภาวะจมลง แตกทำลาย ไปในธรรมชาตินั้น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา สพฺภิ คือพระนิพพาน ซึ่งไดชื่อวา ราคกฺขย-ที่สิ้น ราคะ), ฉะนั้น ในอรรถกถา สํยุตฺตนิกาย (สํ.อ. ๑/๑๓๒) จึงอธิบายวา ยสฺมา นิพฺพานํ อาคมฺม สี ทนสภาวา กิเลสา ภิชฺชนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺภีติ วุจฺจ ติ (อีกอยางหนึ่ง ก็เพราะอาศัยพระนิพพาน กิเลสทั้งหลายที่มีสภาพจมจึงแตกไป ฉะนั้น พระนิพพานนั้น ทานจึงเรียกวา สพฺภิ), [สท ธาตุ สีทเน ในความจมลง + ภิทิ ธาตุ เภเท ในความ แตก + กฺวิ ปจจัย, ลบ ท, ซอน พฺ] สวนใน สัทท นีติ สุตตมาลา (นีติ. ๓๘๐) วา สฺยาทีสุ สพฺภีติ สนฺตสทฺทสฺส สพฺภิอาเทโสติ. (ขอวา ใน เพราะ สิ วิภัตติเปนตน แปลงเปน สพฺภิ หมายความวา แปลง สนฺต ศัพท เปน สพฺภิ), สพฺภิ ศัพท ที่มีความหมายวา สัตบุรุษ เปน ปุงลิงค, ที่มีความหมายวา พระนิพพาน เปน อิตถีลิงค, ที่มีความหมายวา ดี เปน ๓ ลิงค วิ. น สพฺภิอสพฺภิ (ไมใช สัตบุรุษ ชื่อวา อสพฺภิ), เชน พหุมฺเปตํ อสพฺภิ ชาตเวท (แนะไฟผูชั่วชา การบูชานี้เปนจำนวนมาก), อาพาโธยํ อสพฺภิ- รูโป ขุ.ชา.๒๗/๒๒๔๑/๓๙๓ (กามินทนี้ เปนคน อาพาธ ลามก) อสม (ติ.) มีผูเสมอหามิได, ไมมีผูเสมอ วิ. นตฺถิ สโม สทิโส ปุคฺคโล อสฺสาติ อสโม, นาโถ (บุคคล ผูเสมอ ผูเทาเทียม ไมมีแกพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น เหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น จึงทรงพระนามวา อสม ไดแก พระพุทธเจาผูทรงเปนที่พึง) โส ปน อสีติ- อนุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺรรูปกาโย (แทจริง พระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น มีพระรูปกายงดงามดวยลักษณะ แหงมหาบุรุษ ๓๒ ประการ ประดับดวย อนุพยัญชนะ ๘๐), วิ. นตฺถิ เอตฺถ เอเตสํ วา สโม สทิโส โลกิยธมฺโมติ อสโม, มคฺคผลนิพฺพานํ ลพฺภติ (โลกิยธรรม อันเสมอ ไมมีในธรรม เหลานั้น หรือแหงธรรมเหลานั้นไมมี เหตุนั้น จึง ชื่อวา อสม ไดแก มรรคผลและนิพพาน อัน บุคคลยอมได) อสมนุภาสนฺต (ติ.) ผูอันสงฆประกาศ, ถูก สวดสมนุภาส, หามไมใหดื้อรั้นการอันมิชอบ วิ. สมนุภาสียเตติ สมนุภาสนฺโต (ผูใดอันสงฆ สวดประกาศ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา สมนุภาสนฺต), [สํ + อนุ + ภาส ธาตุ + ย ปจจัย ในกรรมวาจก + มาน ปจจัย, บางแหงแปลง มาน เปน อนฺต ไดบาง, ลบ ย]. เหตุนั้น ใน ปทรูปสิทฺธิอธิบาย สูตร ๖๔๖ วา เตเนว มานปฺปจฺจโย อตฺตโนปทานิ ภาเว จ กมฺมนีติ ภาวกมฺเมสุป โหติ, ตสฺส จ อตฺตโนปทานิ ปรสฺสปทตฺตนฺติ กฺวจิ อนฺตปฺปจฺจยาเทโส จ (เหตุนั้นนั่นแล มาน ปจจัย ใชในอรรถภาวะ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๕๙ และกรรมวาจก ดวยสูตร รูป. ๔๔๔ วา อตฺตโนปทานิ ภาเว จ กมฺมนีติ, และแปลง มาน ปจจัย นั้น เปน อนฺต ดวยสูตร รูป. ๔๔๖ วา อตฺตโนปทานิปรสสฺปทตฺตนฺต บาง) วิ. น สมนุภาสนฺโต ิ อสมนุภาสนฺโต (ผอูันสงฆประกาศหามิไดชื่อวา อสมนุภาวนฺต), เชน อสมนุภาสนฺตสฺสาติ อสมนุ- ภาสิยมานสฺส อปฺปฏินิสฺสชฺชนฺตสฺสาป สงฺฆาทิเสเสน อนาปตฺติ (บทวา สมนุภาสนฺตสฺส ความ วา อนาบัติเพราะสังฆาทิเสส ยอมมีแกภิกษุผู ไมถูกสงฆสวดประกาศ ผูแมไมสละคืนอยู) อสมเปกฺขนา (อิตฺ.) ๑. การไมเพงพิจารณา, การไมใครครวญ, ธรรมชาติที่ไมเพงพิจารณา เสมอ, การไมเห็นสภาวะตามที่เปน วิ. น สมํ เปกฺขตีติ อสมเปกฺขนา, อสมเปกฺขนํ วา, ยถาภูต สภาวาทสฺสนํ (ธรรมชาติใด ยอมไมเพงพิจารณา โดยเสมอ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อสม เปกฺขนา, อสมเปกฺขนํ), [น + สม + ป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๒. อวิชชา, ธรรมชาติที่ไมใหเห็นความจริง วิ. อวิชฺชา ปน อุปฺปชฺชิตฺวา ตํ สมํ สมฺมา จ เปกฺขิตุํ น เทตีติ อสมเปกฺขนา (ก็อวิชชา เกิดขึ้นแลว ไมใหเห็น ธรรมนั้น โดยเสมอ และโดยชอบ เหตุนั้น อวิชชานั้นจึงชื่อวา อสมเปกฺขนา) อสมฺโพธ (ปุ.) ไมรู, ไมตรัสรู, ไมใชการตรัสรู ๑. วิ. น สมฺโพโธ อสมฺโพโธ (ไมใชการตรัสรู ชื่อ วา อสมฺโพธ), นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส. ๒. วิ. อนิจฺจาทีหิ สทฺธึ โยเชตฺวา น พุชฺฌตีติ อสมฺโพโธ (ชื่อวาไมตรัสรูชอบ เพราะตรัสรู ประกอบดวยพระไตรลักษณ มีอนิจจลักษณะ เปนตน), [น + สํ + พุธ ธาตุ อวคมเน ในความรู + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์ อ เปน อา, แปลง น เปน อ], นี้เปนวิเคราะหอยางงาย (ลหุกวิคฺคหนโย) ๓. วิ. อสนฺตํ อสมฺจ พุชฺฌตีติป อสมฺโพโธ, อปฺปฏิเวโธ (ชื่อวาไมตรัสรูชอบ เพราะรูความไมสงบและความไมเหมาะสมบาง ไดแก การไมรูแจง), [อสํ + พุธ ธาตุ อวคมเน ใน ความรู + ณ ปจจัย] นัยนี้เปนวิเคราะหสมาสมี กิตกภายใน อสมฺภูต (ติ.) ๑. ไมเกิดแลว, ไมเจริญแลว, ไม มีแลว วิ. น สมฺภวิตฺถาติ อสมฺภูโต (ผูใดไมเกิดมี แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสมฺภูต) ๒. ไมใชผูเกดิ ดวยดี วิ. สุุ วา ภูโตติ สมฺภูโต, น สมฺภูโต อสมฺภูโต (ผูใดเกิดมีดวยดี เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา สมฺภูต, ไมใชผูเกิดมีดวยดี ชื่อวา อสมฺภูต), [น + สํ + ภู ธาตุ + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, แปลง นิคหิตเปน ม ที่สุดวรรค], นัยเดียวกัน วิภูโต, ปาตุภูโต, อาวิภูโต เปนตน, แมในบทวา สมฺภโว เปนตน ก็นัยนี้ ลง อ ปจจัย ในภาวสาธนะ อสมฺมิสฺส (ติ.) ไมปนกัน, ไมเจือกัน, ไมคละกัน, ไมผสม ๑. วิ. สมฺมิสฺเสตีติ สมฺมิสฺโส (สิ่งใดอัน สิ่งอื่นปนแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา สมฺมิสฺส), [สํ + มิสฺส ธาตุ สมฺมิสฺเส ในความปนกัน + อ ปจจัย, แปลงนิคหิตเปน ม ที่สุดวรรค] วิ. น สมฺมิสฺโส อสมฺมิสฺโส (ไมใชสิ่งที่ปนกัน ชื่อวา อสมฺมิสฺส) ๒. ไมมีสิ่งอื่นเจือปน, ไมคละกัน วิ. นตฺถิ วา สมฺมิสฺโส เอตสฺสาติ อสมฺมิสฺโส, อสงฺกโร (สิ่งที่ เจือปนกัน ของสิ่งนั่นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อสมฺมิสฺส คือไมปนกัน), นปุพฺพปทสมาส. อสมาทานจาร (ปุ.) การทองเที่ยวไปโดยไม ตองถือเอาไตรจีวรไปครบสำรับ วิ. อสมาทาย จรณํ อสมาทานจาโร, ติจีวรํ อสมาทาย จรณํ, จีวรวิปฺปวาโส กปฺปสฺสตีติ อตฺโถ (การเที่ยวไปไม ตองถือไป ชื่อวา อสมาทาจาร, หมายความวา
๒๖๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เที่ยวไปไมตองถือจีวรไปครบ ๓ ผืน, จะอยู ปราศจากจีวร ก็ควร), แปลง ตฺวา ปจจัย กลาง ศัพทเปน อน, [จร ธาตุ จรเณ ในความเที่ยวไป + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์ อ เปน อา] ใน ปาจิตฺยาทิโยชนา อธิบายวา อสมาทาย จรณนฺติ อิมินา อสมาทานจาโรติ เอตฺถ ปุพฺพปเท ตฺวาปจฺจยสฺส อนาเทสํ กตฺวา อสมาทานจาโรติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสติ (ดวยขอวา อสมาทาย จรณํ-ไมตองถือจีวรเที่ยวไป นี้ทานแสดงวา ใน บทวา สมาทานจาโร นี้ทานทำอาเทศ ตฺวา เปน อน แลวจึงกลาววาอสมาทานจาโร),แตขาพเจา ชอบใจมติการแปลง ตฺวา เปน ย, และแปลง ย เปน น อสยฺห (ติ.) ไมสามารถทนได, ไมพึงอดกลั้นได วิ. เกนจิ น สหิตพฺพนฺติ สยฺหํ (อันใครๆ ทนไมได เหตุนั้น ชื่อวา สยฺหํ), [น + สห ธาตุ สาหเส ใน ความทน + ณฺย ปจจัย, สลับ ย กับ ห] นัยเดียวกัน อปฺปสยฺหํ, น + ป บทหนา, เชน กณฺโตาลุตลโสสชมฺปสยฺหํ วิภงฺค.อ.๑๑๒ (ทุกขซึ่งทนไมได อันเกิดแตแหงที่คอ ริมฝปาก พื้นเพดาล) วิ. สหิตฺถาติ สยฺหํ (สิ่งใดอันเขาทน ได เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา สยฺหํ), [สห ธาตุ สหเน ในความทน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, สลับ ย เปน ห] วิ. น สยฺหํ อสยฺหํ (อันเขาทน ไมได ชื่อวา อสยฺห), [แปลง น เปน อ] อสห (ปุ.) ทนไมได, ไมทน, ไมสามารถ, ไมกลา หาญ วิ. สหติ อเนนาติ สโห (บุคคลยอม สามารถ ดวยธรรมนั่น เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา สห), [สห ธาตุ สตฺติยํ ในความสามารถ + อ ปจจัย] วิ. น สโห อสโห (ไมใชธรรมชวยใหทน ได ชื่อวา อสห), [แปลง น เปน อ] วิ. สหตีติ สโห (ภาวะใดยอมทนได เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา สห), [สห ธาตุ ปริสหเน ในความอดทน + อ ปจจัย] วิ. น สโห อสโห (ไมใชการอดทด ชื่อวา อสห), นัยเดียวกัน เชน อสยฺโห, ลง ณฺย ปจจัย อสํวร (ปุ.) ๑. การสำรวมมาก, ระวังมาก, ปองกันอยางดี วิ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. มหนฺโต สํวโร อสํวโร (การสำรวม ระวัง ชื่อวา สํวร, หมายถึง การไมลวงละเมิด ทางกายวาจา, การสำรวมระวังมาก ชื่อวา อสํวร) เชน สํวราสํวโร (ความสำรวมนอยใหญ), ความจริง อ อักษรใชในอรรถวาเจริญ (วุฑฺฒิอตฺถ) เชน อเสกฺขา ธมฺมา (ธรรม ควร ศึกษาอันดี, ธรรมอันเปนของอเสกขบุคคล) ๒. การไมสำรวม, การไมระวัง, การไมปองกัน วิ. อถ วา น สํวโร อสํวโร (อีกนัยหนึ่ง การไม สำรวมระวัง ชื่อวา อสํวโร), [น + สํ + วร ธาตุ วรเณ ในความปองกัน + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ] อสํวาส (ปุ.) หาสังวาสมิได, ผูไมมีการอยู รวมกัน วิ. ปกตตฺตา ภิกฺขู สห วสนฺติ เอตฺถาติ เอกกมฺมาทิโกว ติวิโธป วิธิ สํวาโส นาม, นตฺถิ สํวาโส เอเตนาติ อสํวาโส. สํวสนํ สํวาโส, กงฺขาวิตรณี.๑๓๓ (ภิกษุทั้งหลายผูปกตัตตะ คือ ภิกษุปกติไมตองอาบัติปาราชิก ไมถูกสงฆ ทอดทิ้ง ยอมอยูรวมกันในลักษณะนี้ เหตุนั้น ลักษณะนั้นจึงชื่อวา สังวาส คือวิธีทั้ง ๓ ประการ มีกรรมอยางเดียวกันเปนตนนั่นแหละ), [สํ + วส ธาตุ + ณ ปจจัย ภาเว ในภาวสาธนะ]. วิ. นตฺถิ สํวาโส เอตสฺสาติ อสํวาโส (สังวาสของภิกษุนั้น ยอมไมมี เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อวา อสํวาส), นนิปาตปุพฺพปท พหุพฺพีหิสมาส. แตในอรรถ กถา วินย.อ.๒/๕๑๓ วา อสํวาโสติ สํวาโส นาม เอกกมฺมํ เอกุทฺเทโส สมสิกฺขตา, เอโส สํวาโส
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๖๑ นาม. โส เตน สทฺธึ นตฺถิ, เตน วุจฺจติ อสํวาโสติ. (ในขอวา อสํวาโส ชื่อวา สังวาส ไดแก กรรม อยางเดียวกัน อุเทศอยางเดียวกัน สิกขาเสมอ กัน, นั่นเรียกวา สังวาส, สังวาสนั้นกับดวยผูนั้น ไมมี เหตุนั้น ผูนั้นทานจึงเรียกวา อสํวาส) อสํวุต (ติ.) ไมสำรวม, ไมสังวร, ไมระวัง วิ. น สํวุณาตีติ อสํวุตํ (การกระทำที่ไมสำรวม เรียกวา อสํวุต), [น + สํ + วุ ธาตุ สํวรเณ ในความสำรวม + ต ปจจัย ใน ๓ กาล, แปลง ต เปน อ] วิ. กิเลสานํ ทฺวารปทหเนน ปทหิโตติ สํวุโต (ผูใดระวังแลว ดวยการปดประตูกิเลส เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา ผูสำรวม), [สํ + วร ธาตุ สํวรเณ ในความปองกัน + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง อ เปน อุ] วิ. น สํวุโต อสํวุโต (ผูไมสำรวม แลว ชื่อวา อสํวุต), [แปลง น เปน อ] จัดเปน นนิปาตปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส อสํหาริม (ติ.) นำไปไมได, เคลื่อนที่ไมได วิ. ถามมชฺฌิเมน ปุริเสน สุุ หริตพฺพนฺติ สํหาริยํ, ตํเยว สํหาริมํ (สิ่งใด อันบุรุษผูมีกำลัง ปานกลางพึงนำไป ดวยดี เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา สํหาริย, สํหาริย นั่นเอง ชื่อวา สํหาริม), [สํ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, ทีฆะกลางศัพท และแปลง ย เปน ม] วิ. น สํหาริมํ อสํหาริมํ (ไมใชสิ่งที่เคลื่อนที่ได ชื่อวา อสํมาริม), เชน อสํหาริเม ผลเก วา ปาสาเณ วา (ที่กระดาน หรือแผนดิน ที่ไม เคล่อืนที่) อสํหีร (ปุ.) ๑. ไมหวั่นไหว, ไมงอนแงน วิ. น สํหีรเต ปรวาทีหิทีฆรตฺตํติตฺถวาเสนาตฺยสหํ ีโร. (ผูไมงอนแงนไปกับพวกกลาวตรงกันขาม ทั้งหลาย ดวยการดำรงอยูสิ้นกาลนาน เหตุนั้น ชื่อวา อสํหีร), วิ. เอวมิธ ปาฺจ อตฺถฺจ วิวริตฺวา ิโต อสํหีโร ภวติ ปรวาทีหิ ทีฆรตฺตํ ติตฺถวาเสนาติ วุตฺตํ โหติ (ขอนี้ทานกลาว อธิบายไวอยางนี้วา ผูรูแจงทั้งปาฐะและอรรถะ ดำรงอยูอยางนี้ ยอมไมงอนแงนจากพวกกลาว ตรงกันขามทั้งหลาย ดวยดำรงอยูสิ้นกาลนาน) ๒. วิปสสนา, พระนิพพาน, สภาวะที่ไม หวั่นไหว, ไมงอนแงน, ไมกำเริบ วิ. อถ วา ราคาทีหิ น สํหีรติ น สํกุปฺปตีติ อสํหีรํ อสํกุปฺป, วิปสฺสนา นิพฺพานนฺติ จ อตฺโถ (อีกนัยหนึ่ง ธรรมชาติใด ไมหวั่นไหว ไมกำเริบไปดวยราคะ เปนตน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อสํหีร คือไม กำเริบ หมายถึง วิปสสนา และพระนิพพาน) ๓. ไมหวั่นไหว, ไมถูกราคะนั้นลากไป วิ. น สํหีรํ อสํหีรํ, อาสนฺนปจฺจตฺถิเกน ราเคน อนากฑฺฒนิยํ (ไมใชการหวั่นไหว ชื่อวา อสํหีร หมายถึง ไมถูกราคะซึ่งเปนขาศึกใกลตัวลากไป) [น + สํ + หีร ธาตุ กุปฺปเน ในความกำเริบ + อ ปจจัย] ปาฐะวา อสํหิรํ ก็มี, นัยเดียวกันเชน อสํกุปฺปนฺติ น สํกุปฺป, ทูรปจฺจตฺถิเกน พฺยาปาเทน อโกปยํ (อสํกุปฺป หมายถึง ไมหวั่นไหว อธิบาย วา ไมกำเริบไปเพราะพยาบาทอันเปนขาศึก ไกล), [น + สํ + กุป ธาตุ โกเป ในความกำเริบ + ณฺย ปจจัย, แปลง ปฺย เปน ปฺป] อสาต (นป.ติ.) ความทุกข, ความเจ็บปวด, ไมเปนที่พอใจ, ไมสบอารมณ วิ. อมธุรตฺตา น สาทิตพฺพาติ อสาตา (ธรรมชาติใดอันเขาไมพึง ยินดี เพราะเปนสิ่งไมนาชอบใจ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อสาต), [น + สาท ธาตุ อสฺสาทเน ในความยินดี + อ ปจจัย, แปลง ท เปน ต] วิ. น สาทิยตีติ อสาตํ, อนิํ (สิ่งใดอัน เขาไมยินดี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสาต คือไม
๒๖๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นายินดี), [น + สท ธาตุ สาเท ในความยินดี + ณ ปจจัย, แปลง ท เปน ต และทีฆะ] อสาร (นปุ.) สิ่งไมมีสาระ, ไมมีแกน, กระพี้, วางเปลา, ไรผล วิ. นตฺถิ สาโร ยสฺมึ ตํ อสารํ เผคฺคุ, นิสฺสารํ วา (แกนสารไมมีในสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสาร ไดแก กระพี้ หรือสิ่ง ที่ไมมีแกนสาร), นนิปาตปุพฺพปท พหุพฺพีหิสมาส , วิ. น สารนฺติ วา อสารํ (อีกนัยหนึ่ง ไมใชสิ่งที่มี สาระ เหตุนั้น ชื่อวา อสาระ), แปลง น เปน อ, นนิปาตปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส อสฺม (อิตฺ.) ศิลา, หิน ๑. วิ. อสฺสเตติ อสฺมา ปาสาโณ (สิ่งใดยอมตกไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺมา คือหิน), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + ม ปจจัย โมค. ๗/๑๓๗ วา อสฺมาทโย] ๒. วิ. อสติ พฺยาเปตีติ อสฺมา (สิ่งใดยอมแผไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺมา), [อสุ ธาตุ พฺยาปเน ในความแผไป + ม ปจจัย, แปลง สิ เปน อา เพราะแจกแบบ ราช ศัพท กจฺ.๑๘๙ รูป.๑๑๓] อสฺม ศัพท ในคัมภีรสัทศาสตรใชเปนปุงลิงค แปลง สิ หลัง อุสฺม, เภสฺม ภสฺม เปน อา ดวย อาทิ ศัพทในขอวา อาตุมาทิสทฺทโต รูป.๑๑๓. แตในบาลีเปนตน ใชเปน อิตถีลิงค และ นปุงสกลิงค อสฺส (ปุ.) มา, มุม ๑. สัตวที่เคี้ยวอยางพิจารณา วิ. อภิณฺหํ อสติ ภกฺขตีติ อสฺโส อสฺสา (สัตวใด ยอมกินอยางพิจารณา เหตุนั้น สัตวนั้น ชื่อวา อสฺโส, อสฺสา), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความเคี้ยว กิน + อ ปจจัย, ซอน สฺ] ๒. สัตวที่ทิ้งมาตัวอื่น วิ. อสติ ขิปตีติ อสฺโส (สัตวใดยอมทิ้งมาตัวอื่นไว ขางหลัง เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อสฺโส), [อส ธาตุ เขปเน ในความทิ้ง + ส ปจจัย โมคฺ.๗/๒๑๓ วา สสาสวสวิสหน เปนตน] ๓. สัตวที่ไมนอน วิ. น สยตีติ อสฺโส (สัตวใดยอมไมนอน เหตุนั้น สัตว นั้นชื่อวา อสฺส-มา), [น + สิ ธาตุ สเย ในความ นอน + อ ปจจัย] ๔. มาที่ทิ้งมาตัวอื่น วิ. อสติ ขิปตีติ อสฺโส, สัตวใดยอมทิ้งมาตัวอื่นไวขางหลัง เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อสฺโส), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความทิ้ง + ส ปจจัย], อสฺส ศัพทใชใน ความหมายวา โกเณ (มุม) และ หเย (มา), สวน ในสันสกฤตมีรูปวา อศฺวะ อสฺสก (ปุ.) ๑. ฝูงมา, ประชุมแหงมาทั้งหลาย วิ. อสฺสานํ สมูโห อสฺสโก (ประชุมแหงมา ทั้งหลาย ชื่อวา อสฺสก), [กณฺ ปจจัย] ๒. ตุกตา มา วิ. อสฺสรูปกํ อสฺสกํ (รูปเปรียบมา ชื่อวา อสฺสก), [ก ปจจัย ใชในอรรถวา ปฏิภาคตฺเถเปรียบ] ๓. มาที่นาเกลียด วิ. กุจฺฉิโต อสฺโส อสฺสโก (มาที่นาเกลียด ชื่อวา อสฺสก), [ก ปจจัย ใชในอรรถวา นินฺทายํ-ติเตียน] ๔. มาที่มี ชื่อเสียง วิ. อฺาโต อสฺโส อสฺสโก (มาที่มี ชื่อเสียง ชื่อวา อสฺสก), วิ. กสฺส อยํ อสฺโสติ วา อสฺสโก (อีกประการหนึ่ง มานี้ของใคร เหตุนั้น ชื่อวา อสฺสก), [ก ปจจัยในอรรถวา อฺาเตอันเขารูทั่ว] อสฺสกณฺณ (ปุ.) ๑. ภูเขาหลวงชื่ออัสสกัณณะ, มหาบรรพต, ภูเขามีลักษณะคลายหูของมา วิ. อสฺสกณฺณสทิสา กูฏา เอตสฺสาติ อสฺสกณฺโณ กุลาจโล. (ยอดของภูเขานั้น คลายหูของมา เหตุ นั้น ภูเขานั้นจึงชื่อวา อสฺสกณฺณ คือภูเขาใหญ), ๒. ตนสาละ, ตนรัง, ตนไมมีใบเทาหูมา วิ. อสฺสกณฺณสทิสปณฺณตาย อสฺสกณฺโณ สาโล. อสฺสสฺส กณฺโณ วิย อสฺสกณฺโณ (ตนสาละ ชื่อวา อสฺสกณฺณ เพราะมีใบเทาหูของมา, ตนไม เหมือนหูของมา ชื่อวา อสฺสกณฺณ), ดังที่ทาน อธิบาย วา ยถากถฺจิ พฺยุปฺปตฺติ, รูฬฺหิยา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๖๓ อตฺถนิจฺฉโย ปาจิตฺยาทิโยชนาปาิ (เหตุเกิดขึ้น แหงศัพทสุดแทจะกลาว มีความหมายงอกไป หลากหลาย) ๓. ภูเขามีตนรังมาก วิ. อสฺสกณฺณา สชฺชทุมา เอตฺถ พหโว สนฺตีติ อสฺสกณฺโณ (ตนรัง ที่ภูเขานั้นมีมาก เหตุนั้น ภูเขานั้น ชื่อวา อสฺสกณฺณ) อสฺสตร (ปุ.) ๑. มาดี, มาอัสดร วิ. อสฺสํ ตรตีติ อสฺสตโร, วฬวาย คทฺรเภน ชาโตติ อตฺโถ (สัตวใด ขามมาอื่นไป เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อสฺสตร-มา อัสดร หมายถึง มาที่เกิดจากพอมานางลา), [อสฺส + ตร ธาตุ ตรเณ ในความขาม + อ ปจจัย] ๒. มาชั้นดีกวามาทั้งหลาย วิ. อสฺสานํ วิเสเสน ตโรติ อสฺสตโร (มาใดขามมาอื่น โดยพิเศษ เหตุ นั้น มานั้นชื่อวา อสฺสตร) ๓. มาหนุม วิ. อสฺสภา วสฺส ตนุตฺเต ตรุณอสฺโส อสฺสตโร, วจฺฉาทีหิ ตนุตฺเต ตโรติ ตโร. อาชานียวลวาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต อสฺสตโร (มาหนุม ชื่อวา อสฺสตร เพราะความเปนมายังหนุม, ตร มีความวา หนุม เพราะความยังหนุมกวามาถึก. มาที่เกิดในทอง แหงนางลาแหงมาอาชาไนย), สวนใน ธมฺมปทมหาฏีกา วิเคราะหไววา อสฺสํ ปกติอสฺสํ ปกติอสฺสสฺส เวคํ ชวํ อตฺตโน เวเคน ชเวน ตรติ อติกฺกมตีติ อสฺสตรํ (อสฺส หมายถึง มาปกติ, อสฺสตร หมายถึง มาที่มีความเร็วของตนลวงเลย ความเร็วมาปกติ) ๔. นาค, พญานาคอัสดร วิ. อสฺสสฺส นาคสฺส วิเสโส ปเภโท อสฺสตโร, กมฺพโล อสฺสตโร จาติ อิเม เทฺว นาคกุลา เมรุ- ปาเท วสนฺติ (นาคพิเศษประเภทหนึ่ง ชื่อวา อสฺสตร, ที่เชิงเขาพระสุเมรุ มีนาค ๒ ชนิดอาศัย อยู ไดแก นาคกัมพล และนาคอัสสตร) อสฺสตฺถ (ปุ.) ตนโพธิ์, ตนอัสสัตถะ, ๑. ตนไม เปนที่มีพระสัพพัญุตญาณตั้งอยู วิ. อสฺสํ สพฺพฺุตฺาณํ ติติ เอตฺถาติ อสฺสโ, อสฺสตฺโถ (อัสสะ คือพระสัพพัญุตญาณ ตั้งอยู ที่ตนไมนั้น เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อสฺส, อสฺสตฺถ), แตใน สทฺทนีติปทมาลา (ฉบับแปล หนา ๗๔๕) ปรากฏเปนนปุงสกลิงควา อสฺสตฺถํ, [อสฺส + า ธาตุ + อ ปจจัย, แปลง เปน ถ, ซอน ตฺ] ๒. ตนไมที่ทำพระผูมีพระภาคเจาให เบาพระทัย วิ. มารวิชยสพฺพฺุตฺาณปฺปฏิ- ลาภาทิเกหิ ภควนฺตํ อสฺสาเสตีติ อสฺสตฺโถ (ตนไมใด ยังพระผูมีพระภาคเจาใหทรงเบา พระทัย ดวยคุณมีการบรรลุพระสัพพัญตุ ญาณ ที่ทรงชนะมารไดเปนตน เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อสฺสตฺถ), [อา + สาส ธาตุ อนุสิิโตสเนสุ ใน ความสั่งสอนและในความยินดี + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ถ, แปลง ส เปน ตฺ, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ], อสฺสตฺถ ศัพทเปนไวพจนชอง โพธิรกฺข ๓. มา วิ. อสฺสสิตฺถาติ อสฺสตฺโถ (สัตว ใดยอมหายใจทั่วทอง เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อสฺสตฺถ-มา) เชน อรรถกถาขุททกปาฐะ (ขุทฺทก.อ.๑๘) อสฺสตฺถชโน วิย สงฺโฆ (พระสงฆ เปรียบเหมือนฝูงมา), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ใน ความมีชีวิต, หรือ สาส ธาตุในความยินดี, + ต ปจจัย, แปลง ส เปน ถ, ซอน ตฺ เปนตน] อสฺสตฺถร (ปุ.) เครื่องลาดมา, อานมา วิ. อสฺเส อตฺถรตีติ อสฺสตฺถโร (สิ่งใดยอมลาดบนมา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺสตฺถร), [อสฺส + อา + ถร ธาตุ วิตฺถาเร ในความแผไป + อ ปจจัย] นัย เดียวกันเชน หตฺถตฺถโร (เครื่องลาดบนหลัง ชาง), หตฺถตฺถรอสฺสตฺถรา หตฺถิอสฺสปีสุ อตฺถรณกอตฺถรณาเอวาติ อตฺโถ. (หตฺถถร และ อสฺสตฺถร หมายถึง เครื่องปูลาดบนหลังชาง และ หลังแม, อตฺถรณก คือ อตฺถกรณา นั่นเอง) สวน
๒๖๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ใน มหาวคฺค ทานวาเปน หตฺถตฺถรํ, อสฺสตฺถรํ เปนนปุงสกลิงค อสฺสทฺธิย (นปุ.) ความเปนผูไมมีศรัทธา วิ. น สทฺโธ อสฺสทฺโธ, อสฺสทฺธสฺส ภาโว อสฺสทฺธิยํ (ผูมี ศรัทธา หามิได ชื่อวา อสฺสทฺโธ, ความเปนแหง บุคคลผูไมมีศรัทธา ชื่อวา อสฺสทฺธิย), [ณิย ปจจัย ในภาวตัทธิต] พุทฺธาทีสุ กมฺมกมฺมผเลสุ จ สทฺธาวิปริยาโย มิจฺฉาวิโมกฺโข อสฺสทฺธิยํ (มิจฉาวิโมกข-การหลุดพนผิด คือไมหลุดพนแต เชื่อวาพนแลว ซึ่งตรงขามกับศรัทธาในพระ รัตนตรัยมีพระพุทธเจาเปนตน และในกรรมและ ผลกรรม ชื่อวา อสฺสทฺธิย), สีลขนฺธวคฺคอภินวฏีกา ๒/๒๕๐ อสฺสน (ปุ.) ไมประดูลาย, ประดูสม วิ. อสิยติ ภกฺขิยตีติ อสฺสโน (ตนไมใด อันสัตวกัดกิน เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อสฺสน), [อส ธาตุ อสเน ในความกิน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ซอน สฺ] อสฺสม (ปุ.) อาศรม, อาศรมบท ๑. ที่ระงับ ความลำบากกายลำบากใจ, ที่มีความลำบาก ระงับไป วิ. อา สมนฺตโต กายจิตฺตปฬสงฺขาตา ปริสฺสยา สมนฺติ เอตฺถ อสฺสาติ วา อสฺสโม (ความลำบาก คือความบีบคั้นกายใจ ระงับราบ คาบในในที่นี้ หรือความลำบากของผูนั้นระงับ ราบคาบไป เหตุนั้น ที่นั้นหรือผูนั้น ชื่อวา อสฺสม), [อา + สมุ ธาตุ ปริสเม ในความระงับ + อ ปจจัย] ๒. ผูบำเพ็ญตปะ, ผูทำความเพียร, ผูสงบราบคาบ, ประเทศที่สงบ วิ. อาสมฺมนฺตีติ อสฺสมา (ประเทศเหลาใด สงบราบคาบ เหตุนั้น ประเทศเหลานั้นชื่อวา อสฺสม), [อา + สมุ ธาตุ ตปสิ ในความบำเพ็ญเพียร + อ ปจจัย] ๓. อาศรม, ที่ระงับแหงราคะเปนตน, ที่ความ โกรธระงับ วิ. อา ภุโส สเมนฺติ เอตฺถ ราคาทโยติ อสฺสโม (กิเลสทั้งหลายมีราคะเปนตน สงบระงับ ราบคาบ ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อสฺสม), อา โกธํ สเมนฺติ เอตฺถาติ วา อสฺสโม (อีกนัยหนึ่ง ความโกรธสงบระดับไปในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อ วา อสฺสม), [อา + สมุ ธาตุ อุปสเม ในความสงบ ระงับ + อ ปจจัย] ๔. ที่ไมมีความลำบาก วิ. นตฺถิ สโม ปริสโม เอตฺถาติ อสฺสโม (สม คือ ความลำบาก ไมมี ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อสฺสม) ๖. ที่สงบสงัด วิ. อา สมนฺตโต สโมติ อสฺสโม (ประเทศนั้นเปนที่สงบ โดยรอบดาน เหตุนั้น ประเทศนั้นชื่อวา อสฺสม) ๗. ที่มาสงบ, ที่มาบำเพ็ญเพียร วิ. อาคนฺตฺวา สมฺมนฺติ ตโป กโรนฺติ เอตฺถาติ อสฺสโม (ผูบำเพียรทั้งหลาย มา สงบระงับ คือมาทำความเพียรในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อสฺสม), [อา + สมุ ธาตุ อุปสเม ใน ความเขาไปสงบ + อ ปจจัย, ในเพราะอำนาจ สังโยคอยูหลัง รัสสะ อา เปน อ] ๘. ที่พักของ มุนี วิ. มุนีนํ านมสฺสโม (ที่แหงผูรูทั้งหลาย ชื่อ วา อสฺสม) ตโต ปรํ พฺรหฺมจารีคหวานปฺปตฺถภิกฺขูสุ ตโปธเน จ อสฺสโม วตฺตติ (นอกจากนี้ อสฺสม ศัพท ใชในความหมายวา พฺรหฺมจารี (ผู ประพฤติพรหมจรรย) คห (คฤหัสถผูมีศีล) วานปฺปตฺถ (ฤษีผูอยูในปา) ภิกฺขุ (พระภิกษุ) และ ตโปธน (ผูรักศีล) อภิธานปฺปทีปกา, คาถา ๙๒๘, สวนในสันสกฤตมีรูปวา อาศรฺมะ อสฺสมารก (ปุ.) ตนยี่โถ, ตนไมที่ฆามา วิ. อสฺเส มาเรตีติ อสฺสมารโก กรวีโร (ตนไมใด ทำให มาตาย เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อสฺสมารก คือ ตนยี่โถ), [อสฺส + มร ธาตุ ปาณจาเค ในการตาย + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก และ พฤทธิ์ อ ที่ ม เปน อา]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๖๕ อสฺสเมธ (ปุ.) อัศวเมธ, ที่เปนที่ฆามาบูชายัญ วิ. อสฺเส เมธนฺติ หึสนฺติ เอตฺถาติ อสฺสเมโธ (พวก พราหมณบูชายัญ ฆามาในที่ประเทศนนั้เหตุนนั้ ประเทศนั้นชื่อวา อสฺสเมธ), [อสฺส + เมธ ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อ ปจจัย] ใน อภิธานปฺ- ปทีปกาฏีกา วา อสฺสํ เอตฺถ เมธนฺติ วธนฺตีติ อสฺสเมโธ (พวกพราหมณฆามาในประเทศนั้น เหตุนั้น ประเทศนั้นชื่อวา อสฺสเมธ), [อสฺส + เมธ ธาตุ วเธ ในความฆา + อ ปจจัย] อสฺสยุช (ปุ.) เดือนชื่อวาอัสสยุชะ, ดาวมา วิ. อสฺสยุเชน ปริปุณฺณจนฺทยุตฺเตน ยุตฺโต มาโส อสฺสยุโช (เดือนที่มีดวงจันทรเต็มดวงลอยเดนคู กับดาวอัสสยุชะ ชื่อวาอัสสยุชะ), [ณ ปจจัย แทนความหมายวา ยุตฺต-ประกอบ] อสฺสว (ปุ.) ๑. น้ำมูก, ธรรมชาติที่ไหลออกมา บอยๆ วิ. อา ปุนปฺปุนํ สวติ สนฺทตีติ อสฺสโว สิงฺฆาณิกา (ธรรมชาติใด ไหลออกมาบอยๆ เหตุ นั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อสฺสว คือน้ำมูก), [อา + สุ ธาตุ อภิสเว ในการไหล + อ ปจจัย, เพราะ ปจจัยอื่นจากการิตปจจัย พฤทธิ์ อุ เปน โอ กจฺ. ๔๘๕ รูป.๔๓๔ วา อฺเสุ จ, แปลง โอ เปน อว กจฺ.๕๑๓ รูป.๔๓๕ วา โอ อว สเร] ๒. ผูวา งาย, ผูฟงคำที่สอนดวยเอื้อเฟอ วิ. อาเทสิตํ อาทเรเนว สุณาตีติ อาสโว อสฺสโว สุวโจ (ผูใด ยอมฟงคำที่สอน โดยเอื้อเฟอนั่นแล เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อาสว, อสฺสว คือผูวางาย), [อา + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + อ ปจจัย, ซอน สฺ นีติ. ๑๘๐ วา ปุคฺคลวาจิโน อาสวสฺส สสฺส ทฺวิตฺตํ, แตใน สทฺทนีติ สุตฺตมาลา ทานอธิบาย วา ปุคฺคลาภิเธยฺเย อาสวสทฺโท น ปวตฺตติ. ธมฺมาภิเธยฺเย จ อสฺสวสทฺโท น ปวตฺตตีติ. (อาสว ศัพท ไมไดสื่อความหมายถึง บุคคล. แตสื่อ ความหมายถึงสภาวธรรม) ๓. บุตร, ภรรยา, ผู เชื่อฟงคำของผูเจริญที่สุด วิ. เชวจนํ อาทเรน สุณาติ สีเลนาติ อสฺสโว ปุตฺโต, อสฺสวา ภริยา (ผูใดยอมฟงคำของผูเจริญที่สุดดวย เอื้อเฟอ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสฺสโว ไดแก บุตร, อสฺสวา ไดแก ภรรยา), [อา + สุ ธาตุ สวเน ใน ความฟง + อ ปจจัย] แตใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา (อธิบายคาถาที่ ๑๗๑) วา อสฺสว เปน ไวพจนของ ปฏิฺา อสฺสสนฺต (ติ.) หายใจอยู, ตามมติวินัยวา หายใจออก, ตามมติพระสูตรวา หายใจเขา วิ. อสฺสสตีติ อสฺสสนฺโต (ผูใดยอมหายใจ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสฺสสนฺต), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + อนฺต ปจจัย, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ] อสฺสาท (ปุ.) ๑. ความยินดี, ความสำราญ, ความเพลิดเพลิน, ความชอบใจ วิ. อสฺสาทนํ อสฺสาโท (ความยินดี ชื่อวา อสฺสารท), [อา + สาท ธาตุ สาทเน ในความยินดี + อ ปจจัย, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ] ๒ ธรรมชาติอันเขา พึงยินดี วิ. อสฺสาทิตพฺโพ อสฺสาทียเตติ วา อสฺสาโท, สุขํ, โสมนสฺสํ, อิารมฺมณภูตา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา จ (ธรรมชาติใดอันเขาพึง ยินดี หรือยอมยินดี เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อสฺสาท ไดแก สุข โสมนัส และอุปาทานขันธ ๕ อันเปนอิฏฐารมณ), [อา + สาท ธาตุ + อ ปจจัย ในกัมมสาธนะ] ใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา (ฉบับ แปล หนา ๕๘๑) กลาววา สท ธาตุ อสฺสาทเน ใน ความยินดี ๓. ธรรมชาติเปนเหตุยินดี วิ. อสฺสาเทติ เอตายาติ อสฺสาโท, ตณหฺา วิปลฺลาสา จ (บุคคล ยอมยินดี ดวยธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้นชื่อวา อสฺสาท ไดแก ตัณหา และวิปลาส),
๒๖๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา [อา + สท ธาตุ สาทเน ในความยินดี + ณ ปจจัย ในกรณสาธนะ] ๔. ธรรมชาติอันเขาพึงยินดี วิ. อสฺสาทิยติ อนุภุยฺยตีติ อสฺสาโท (ธรรมชาติ อันเขาพึงยินดีคือพึงเสวย เหตุนั้น ธรรมชาตนิั้น ชื่อวา อสฺสาท), [อา + สาท ธาต + อ ปจจัย] อสฺสาทน (นปุ.) ความยินดี, ความสำราญ, ความเพลิดเพลิน, ความชอบใจ วิ. อา ภุโส อารมฺมณสฺส สาทนํ อสฺสาทนํ (ความยินดี อารมณอยางแรงกลา ชื่อวา อสฺสาทน), [อา + สาท ธาตุ สาทเน ในความยินดี + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ซอน สฺ, ในเพราะอำนาจสังโยค อยูหลัง รัสสะ อา เปน อ], ทุพฺพลตณฺหา อสฺสาทนํ, สปฺปติกนิปฺปติกา วา ตณฺหา อสฺสาทนํ (ตัณหามีกำลังเพลา ชื่อวา อสฺสาทน, อีกนัยหนึ่ง ตัณหาประกอบปติบาง ไมประกอบ บาง ชื่อวา อสฺสาทน) อสฺสาทิต (ติ.) สิ่งอันเขาชอบใจแลว, อันเขา ยินดีแลว วิ. อสฺสาทิยิตฺถาติ อสฺสาทิตํ (สิ่งใดอัน เขายินดีแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺสาทิต), [อา + สาท ธาตุ สาทเน ในความยินดี + ต ปจจัย, ซอน สฺ, รัสสะ อา เปน อ + อิ อาคม] อสฺสาว (ปุ.) สิว, โรคน้ำเหลืองเสีย วิ. อา ภุโส อสุจึ สวติ ปคฺฆราเปตีติ อสฺสาโว, อริสภคนฺทรมธุเมหาทีนํ วเสน อสุจิปคฺฆรณกํ(โรคใดยอมขบั ของเสียออกมาจัด คือทำใหของไมสะอาดไหล ออกมามาก เหตุนั้น โรคนั้นชื่อวา อสฺสาว ไดแก น้ำเหลืองไมสะอาดไหลออกดวยอำนาจริดสีดวง ทวารบานทะโรค และเบาหวานเปนตน) วินย. ๒/๕๔๒, [อา + สุ ธาตุ ปคฺฆรเณ ในความหลั่ง ออก + ณ ปจจัย, แปลง อุ เปน อา, ซอน สฺ รัสสะ อา เปน อ] นัยเดียวกันเชน อสฺสาวี, ลง ณี ปจจัย อสฺสาส (ปุ.) ลมหายใจออก, ตามมติวินัยวา หายใจออก, ตามมติพระสูตรวา หายใจเขา, ๑. ที่พึง, ที่เปนอยู, เครื่องชวยเปนอยู วิ. อสฺสสนฺติ เอตฺถ เอเตนาติ วา อสฺสาโส, อวสฺส โย (สัตวทั้งหลายมีชีวิตอยู ในธรรมชาตินั้น หรือ ดวยธรรมชาติ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อสฺสาส คือที่พึ่ง), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ใน ความเปนอยู + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และ พฤทธิ์ อ เปน อา] ๒. ลมหายใจ, เครื่องชวย เปนอยูตอเนื่อง วิ. อา ปุนปฺปุนํ สสนฺติ เอเตนาติ อสฺสาโส, [สัตวทั้งหลายมีชีวิตอยูตอไป ดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อสฺสาส] (อา + สส ธาตุปาณเน ในความเปนอยู + ณ ปจจัย) ๓. ลมหายใจที่เปนไปกอน, ลม หายใจออก วิ. สสติ ชีวติ อเนน วาเตน สตฺโตติ สาโส, อาทิมฺหิ ปวตฺโต สาโส อสฺสาโส อานํ (อีกนัยหนึ่ง สัตวยอมเปนอยูดวยลมหายใจนั้น เหตุนั้น ลมหายใจนั้นชื่อวา สาส, ลมหายใจที่ เปนไปเบื้องตน ชื่อวา อสฺสาส ไดแก ลมหายใจ ออก), [รัสสะ อา เปน อ ดวยสูตร กจฺ. ๔๐๓ รูป.๓๕๔ วา กฺวจาทิมชฺฌุตฺตรานํ] อสฺสาโสติ พหิ นิกฺขมนวาโต, ปสฺสาโสติ อนฺโต ปวิสนวาโตติ วินยกถายํ วุตฺตํ. วินย.อ.๑/๕๐๐ (ในอรรถกถาวินัย ทานกลาวไววา ลมที่ออกไปขางนอก ชื่อวา อัสสาสะ ลมหายใจออก, ลมที่เขาไปขาง ใน ชื่อวา ปสสาสะ-ลมหายใจเขา) สุตฺตนฺต- กถาสุ ปน อุปฺปฏิปาฏิยา อาคตํ, ตตฺถ ยสฺมา สพฺเพสมฺป คพฺภเสยฺยกานํ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนกาเล ปมํ อพฺภนฺตรวาโต พหิ นิกฺขมติ, ปจฺฉา พาหิรวาโต สุขุมํ รชํ คเหตฺวา อพฺภนฺตรํ ปวิสนฺโต ตาลุํ อาหจฺจ นิพฺพายติ, ตสฺมา วินยกถายํ อสฺสาโสติ พหิ นิกฺขมนวาโต, ปสฺสาโสติ อนฺโต
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๖๗ ปวิสนวาโตติ วุตฺตํ, (สวนในอรรถกถาแหงพระ สูตรทั้งหลาย มาโดยกลับลำดับกัน บรรดาลมทงั้ สองนั้น เพราะในเวลาที่สัตวผูนอนอยูในครรภ แมทุกชนิดออกจากทองแม ลมภายในครรภ ยอมออกไปขางนอกกอน ภายหลัง ลมขางนอก พาเอาละอองที่ละเอียดเขาไปขางใน กระทบ เพดานแลวดับไป, ฉะนั้น ในอรรถกถาวินัย ทาน จึงกลาวไววา ลมที่ออกไปขางนอก ชื่อวา อัสสาสะ ลมหายใจออก, ลมที่เขาไปขางใน ชื่อวา ปสสาสะ ลมหายใจเขา), เอเตสุ ทฺวีสุ นเยสุ วินยนเยน อนฺโต อุิตสสนํ อสฺสาโส, พหิ อุิตสสนํ ปสฺสาโส, สุตฺตนฺตนเยน ปน พหิ อุหิตฺวาป อนฺโต สสนโต อสฺสาโส, อนฺโต อุหิตฺวาป พหิสสนโต ปสฺสาโส (ใน ๒ นัยนั่น นัยแหงวินัยวา ลมที่ตั้งขึ้นภายใน ชื่อวา อสฺสาส, ลมที่ขึ้นขึ้นภายนอก ชื่อวา ปสฺสาส, แตนัยแหง พระสูตรวา ลมที่ชื่อวา อสฺสาส เพราะแมตั้งขึ้น ในภายนอก ก็เขาไปภายใน, ชื่อวา ปสฺสาส เพราะแมตั้งในภายในแลวไปขางนอก), อยเมว จ นโย อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต อชฺฌตฺตํ วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยป จิตฺตมฺป สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จาติ, ปสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต พหิทฺธา วิกฺเขปคเตน จิตฺเตน กาโยป จิตฺตมฺป สารทฺธา จ โหนฺติ อิฺชิตา จ ผนฺทิตา จาติ อิมาย ปาิยา สเมตีติ เวทิตพฺพํ. (พึงทราบวา นัยนี้ยอมสมกับพระบาลี ขุ.ปฏิ. ๓๑/๓๖๙/๒ วา เมื่อพระโยคาวจรใชสติไปตามเบื้องตน ทามกลาง และที่สุดแหงลมหายใจออก กายและ จิตยอมมีความปรารภ หวั่นไหวและดิ้นรน, เพราะจิตถึงความฟุงซาน ณ ภายนอก เมื่อพระ โยคาวจรใชสติไปตามเบื้องตน ทามกลางและ ที่สุดแหงลมหายใจเขา กายและจิตยอมมีความ ปรารภ หวั่นไหวและดิ้นรน) ๓. ปติโสมนัส, เปนเครื่องหายใจคลองแหงบุคคลผูหวาดหวั่น วิ. อสฺสสติ อนุสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ เอเตนาติ อสฺสาโส, ปติโสมนสฺสํ (บุคคลผูหวาดหวั่น ยอม หายใจคลองดวยลมหายใจนั่น เหตุนั้น ลม หายใจนั้นชื่อวา อสฺสาส ไดแกปติโสมนัส), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + ณ ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อสฺสสนํอสฺสาสน, ลง ยุ ปจจัย ํ ในภาวสาธนะ อสฺสาสกา (อิตฺ.) ๑. การปรารถนา, ความจำนง วิ. อาสิสนา ปตฺถนา อสฺสาสกา (ความจำนง ความปรารถนา ชื่อวา อสฺสาสกา), [อา + สาส ธาตุ อนุสิิยํ ในความสั่งสอน + ณฺวุ ปจจัย ใน ภาวสาธนะ เชน อายุวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโก + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๒. ทำใหสบายใจ, สิ่งที่ให เบาใจ, ผูทำใหหายใจคลอง วิ. อสฺสาเสตีติ อสฺสาสโก (ผูใดยอมยังเขาใหสบาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสฺสาสก), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + เณ ปจจัย + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก เชน อสฺสาสโก สมโณ โคตโม (พระสมณโคดม ผูทำใหสบายใจ) อสฺสาเสตฺวา (กิ.กิตฺ.) ๑. ปลอบโยนแลว วิ. อสฺสาเสสีติ อสฺสาเสตฺวา, อสฺสาสิตฺวา วา (ผูใดปลอบแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสฺสาเสตฺวา หรือไดรูปเปน อสฺสาสิตฺวา ก็ได), [อา + สส ธาตุ ปาณเน ในความเปนอยู + เณ ปจจัยในหมวด จุรธาตุ + ตฺวา ปจจัย, หรือลง อิ อาคม] ๒. ทำ ใหสบายใจ, ยังเขาใหหายใจคลอง วิ. อถวา เณ การิเต ยถา อนสฺสาสิตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค (อีกนัยหนึ่ง ลง เณ ปจจัย ซึ่งเปนการิตปจจัย เปนเหตุกัตตุวาจก เปน อสฺสาเสตฺวา, อสฺสาสิตฺวา
๒๖๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เชนขอวา อนสฺสาสิตฺวา อุปฺปนฺนสํเวโค (ผูมี ความสลดเกิดขึ้นแลว ไมใหหายใจคลองแลว), นัยเดียวกันเชน อสฺสาสิยมาโน (ผูอันเขาให หายใจคลอง) ลง ณิย และ มาน ปจจัย ในเหตุ กัมมวาจก อสฺสุ (นปุ.) ๑. น้ำตา วิ. เนตฺตมฺหา อสิยติ ขิปยตีติ อสฺสุ พปฺโป (สิ่งใด อันธรรมชาติซัดลงจากตา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺสุ ไดแก น้ำตา), [อส ธาตุ อโธปตเน ในความตกลงเบื้องต่ำ + สุ ปจจัย, โมคฺ.๗/๒๑๙ วา สสมสทํสาสาสุ] ๒. ชีวิต, ปราณ, เหตุเปนอยู, เหตุเกิด วิ. อสติ ภวติ เยนาติ อสฺสุ (สัตวเกิดมีดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสฺส), [อส ธาตุ ภุวิยํ ในความมี ความเปน + อุ ปจจัย, ซอน สฺ] ๓. น้ำตา, สิ่งที่ เหือดแหงไป วิ. อสุณาตีติ อสฺสุ (สิ่งใดยอม เหือดแหงไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อสฺสุ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + สุ ปจจัย] ศัพทนี้ เปนนปุงสกลิงค อสิ (ปุ.) ๑. ดาบ, ขรรค, อาวุธทำใหอายุสิ้นไป วิ. อสติ อายุํ เขเปตีติ อสิ ขคฺโค. อสเต ขิปเต อเนนาติ วา อสิ (อาวุธใดยอมยังอายุใหสิ้นไป เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา ขคฺค คือดาบ, อีกนัย หนึ่ง อายุสิ้นไปดวยอาวุธนั้น เหตุนั้น อาวุธนั้น ชื่อวา อสิ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความสิ้นไป + อิ ปจจัย] ๒. กระบี่, อาวุธตัดศีรษะเปนตน วิ. อา โกธวเสน เวริชนานํ มหาปราธชนานฺจ สีสาทิกํ สยติ สมุจฺฉินฺทตีติ อสิ เนตฺตึโส (อาวุธใด ตัด ศีรษะเปนตน ของผูมีเวร และชนผูมีความผิด ใหญหลวง ดวยอำนาจความโกรธมาก เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อสิ คือกระบี่), [อา + สิ ธาตุ ฉินฺทเน ในความตัด + อิ ปจจัย, รัสสะ อา เปน อ] ๓. พระขรรค, กระบี่, ดาบ, อาวุธที่ทำให สัตวพินาศ วิ. อสติ สตฺเต วินาเสตีติ อสิ มณฺฑลคฺคํ (อาวุธใดทำลายสัตว คือยังสัตวให พินาศ เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อสิ ไดแกพระ ขรรค), [อส ธาตุ วินาสเน ในความพินาศ + อิ ปจจัย] ๔. พระขรรค, ดาบ, มีดซัด วิ. อสฺสเต [อสียเต] ขิปยเตติอสิ ขคฺโค (อาวุธใดอันเขาซัด ไป เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อสิ คือดาบ), [อสุ ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + อิ ปจจัย], อสิ ศัพท เปนอิการันตในปุงลิงค อสิโกฏ (ปุ.) ชางหนัง, ผูตัดหนังดวยดาบ วิ. อสินา จมฺมํ กุฏติ ฉินฺทตีติ อสิโกโ, จมฺมกาโร (ผูใดยอมตัดหนังดวยดาบ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสิโกโ) เชน ปาจิตฺยาทิโยชนาปาิ วา ปุราณาสิโกโ (ชางหนัง คนเกา), [อสิ + กุฏ ธาตุ เฉทเน ในความตัด + ปจจัย] อสิต (นปุ.) ๑. เคียว, วัตถุเปนเหตุพินาศไป วิ. อสเต เยนาติ อสิตํ ทาตฺตํ (หญาเปนตนพินาศ ไป เพราะสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสิต คือ เคียว), เชน อสิเตนาติ ทาตฺเตน (บทวา อสิเตน คือเคียว), [อส ธาตุ วินาเส ในความพินาศ + ต ปจจัย + อิ อาคม] ๒. เคียว, วัตถุเปนเครื่อง เกี่ยว วิ. อสติ ลุนาติ เอเตนาติ อสิตํ (บุคคลยอม เกี่ยว ยอมตัด ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสิต) ๓. อันเขาเคี้ยวกินแลว (ติ.) วิ. อสิยเตติ อสิโต ภกฺขิโต (สิ่งใดอันเขาเคี้ยวกินแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสิต คืออันเขากินแลว), [อส ธาตุ โภชเน ในความกิน + ต ปจจัย, อิ อาคม] ๔. ไม สะอาด, ไมขาว, ดำ วิ น สิโต อสิโต กณฺโห (ขาวหามิได ชื่อวา อสิต คือดำ) ๕. พระขีณาสพ ไมถูกกิเลสอาศัย วิ. น สิตาติ วา อสิตา, อนิสฺสิตา (อีกนัยหนึ่ง พระขีณาสพทั้งหลาย ไมใชผูอัน กิเลสอาศัย ชื่อวา อสิตา คือ ผูไมถูกอาศัย), [น
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๖๙ + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + ต ปจจัย] ๖. ของ กิน, อันเขากินแลว วิ. อสียิตฺถาติ อสิตํ (สิ่งใด อันเขากินแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสิต), [อส ธาตุ โภชเน ในความกิน + กฺต ปจจัย + อิ อาคม] ๗. ของกิน, วัตถุอันบุคคลพึงกิน วิ. อสิตพฺพนฺติ อสิตํ (วัตถุใด อันบุคคลพึงกิน เหตุนั้น วัตถุนั้นชื่อวา อสิต), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ต ปจจัยใชใน ๓ กาล เพราะไมม ี กำหนดตายตัวในกาลตางๆ เชนคำวา ทุทฺธํ (นมสด) ๘. การกิน วิ. อสิยเต อสิตํ, โอทนาทิ (อันเขากินชื่อวา อสิต คือกินขาวเปนตน) เชน ที.สี.๙/๑๒๓/๑๑ อสิเต ปเต ขายิเต (ในการฉัน การดื่ม การลิ้ม), [อส ธาตุ ภกฺขเน ในความกิน + ต ปจจัย ภาวสาธนะ + อิ อาคม] อสิเลส (อิต.) ดาวฤกษชื่ออสิเสลา, ดาวเรือ, ดาวงู วิ. ภุชคสทิสตฺตา น สิลิสยเต นาลิงฺคยเตติ อสิเลโส (กลุมดาวใดไมกอดกัน คือไมรวมกลุม กัน เพราะเปนเหมือนงูเลื้อย เหตุนั้น กลุมดาว นั้นชื่อวา อสิเลส), [น + สิลิส ธาตุ สิเลสเน ใน ความกอดรัด + อ ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, แปลง น เปน อ] อสิวิส, อาสีวิส (ปุ.) ๑. งูพิษ, อสรพิษ, งูมี พิษเหมือนดาบ วิ. อสิสทิสํ วิสํ ยสฺส โส อสิวิโส อาสีวิโส (พิษเชนกันดาบ ของงูใดมีอยู งูนั้น ชื่อวา อสิวิส) ๒. งูมีพิษกลาเหมือนดาบ วิ. อสิ วิย ติขิณํ ปรสฺส จมฺมจฺเฉทนสมตฺถํ วิสํ เอตสฺสาติ อสิวิโส (พิษของงูนั้น แรงกลา สามารถตัดหนังสัตวอื่นได เหมือนดาบ เหตุนั้น งูนั้นชื่อวา อสวิิส) อสุ (ปุ.) ปราณ, ชีวิต, ลมหายใจ วิ. อสนฺติ ปวตฺตนฺติ เอเตนาติ อสุ ปาโณ (สัตวทั้งหลาย ยอมเปนไป ดวยลมหายใจนั้น เหตุนั้น ลม หายใจนั้นชื่อวา อสุ คือ ลมปราณ), [อส ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อุ ปจจัย] วิ. อสติ ภวติ เยนาติ อสุ, อาสุ วา (สัตวยอมเปนอยูดวย สิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อสุ, อาสุ), [อส ธาตุ ภุวิ ในความมีความเปน + อุ หรือ ณุ ปจจัย, อสุ ศัพทเปน อุ การันตในปุงลิงค อสุจิ (ปุ.ติ.) ๑. น้ำอสุจิ, น้ำกาม, น้ำสุกกะ, ไมสะอาด, ตรงขามกับสิ่งที่ไมสะอาด (ปุ.) วิ. สุจิสฺส ปฏิปกฺโข อสุจิ สุกฺก (น้ำกามที่ตรงขาม กับสิ่งที่สะอาด ชื่อวา อสุจิ คือน้ำสุกกะ), เอตฺถ อกาโร วิรุทฺเธ (อ อักษรในคำวา อสุจิ ใชในอรรถ ผิดแปลกกัน) ๒. ผูไมสะอาด, สิ่งที่ไมสะอาด, อลัชชี (ติ.) วิ. นตฺถิ สุจิ สีลเมตสฺสาติ อสุจิ, อลชฺชี (ความสะอาดของผูนั่นไมมี เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อสุจิ คือผูไมมีความละอาย), [แปลง น เปน อ], นนิปาตปุพฺพปท พหุพฺพีหิสมาส อสุร (ปุ.) ๑. อสูร, ผูพุงไป วิ. อสติ ขิปตีติ อสุโร (ผูใดยอมพุงไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสุร), [อส ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + อุร ปจจัย ดวย สูตร กจฺ.๖๗๐ รูป.๖๘๐ วา วิทาทีหฺยูโร] ๒. อสูร, ผูอันเทวดาซัดไป วิ. อสียิตฺถาติ อสุโร, (ผูใดอันเทวดาขวางไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อสุร), [อส ธาตุ เขปเน ในความซัดไป + อุร ปจจัย ดวยสูตร โมค.๗/๑๔๗ วา มนฺทงฺกสสาสมถจตา อุโร] ๓. ผูไมรุงโรจนเหมือนเทวดา วิ. เทโว วิย น สุรติ น อีสติ น วิโรจติ จาติ อสุโร (ผูไมกลา ไมรุงเรือง และไมรุงโรจนเหมือนเทวดา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวาอสุร), [น + สรุธาตุวิโรจเน ในความ รุงโรจน + อ ปจจัย] ๔. อสูร, เปรต, ผูไมเลน สนุกสนาน วิ. น สุรนฺติ อิสฺสริยกีฬาทีหิ น ทิพฺพนฺตีติ อสุรา เปตาสุรา (บุพเทพเหลาใด ไม เลน คือยอมไมเลน ดวยการเลนดวยความเปน
๒๗๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แหงเทพผูยิ่งใหญ เปนตน เหตุนั้น บุพเทพ เหลานั้นชื่อวา อสุรา ไดแกพวกอสรูปคือเปรต), นสทฺโท ปสชฺชปฏิเสธวาจโก (น ศัพทเปน ปสัชชัปปฏิเสธ คือปฏิเสธที่กลาวโดยตรงอยาง สิ้นเชิง), [สุร ธาตุ กีฬายํ ในความเลน + อ ปจจัย] ๕. อสูรไมใชเทพ, เหมือนเทพ, คลาย เทพแตไมใชเทพ วิ. อิตเร ปน น สุรา สุรปฺ- ปฏิปกฺขาติอสุรา, เทวาสุรา (แตบุพเทพพวกอื่น อีก ไมใชเทวดา เปนปฏิปกษตอพวกเทพ เหตุนั้น บุพเทพเหลานั้นชื่อวา อสุร ไดแก พวก อสูรคือเทพ), นสทฺโท ปริยุปาสปฏิเสธวาจโก (น ศัพทเปน ปริยุทาสปฏิเสธ คือมุงแสดงอรรถอื่น ที่เสมอกันกับสิ่งที่กลาวปฏิเสธ เชน อพฺราหฺม โณ) ๖. ผูมีลมปราณ วิ. อสุ อสฺส อตฺถีติ อสุโร (ลมปราณของบุพเทพนั้น มีอยู เหตุนั้น บุพเทพ นั้นชื่อวา อสุร), [ร ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต] ๗. ผูไมเลนเหมือนพวกเทวดา วิ. เทวา วิย น สุรติ น กีฬตีติ อสุโร (บุพเทพใดไมเลน ไมสนุก เหมือนพวกเทวดา เหตุนั้น บุพเทพนั้นชื่อวา อสุร), อกถายํ น สุรํ ปวิมฺหา, น สุรํ ปวิมฺหาติ อาหํสุ, ตโต ปาย อสุรา นาม ชาตาติ วุตฺตํ. (ในอรรถกถาสคาถวรรควา เทวบุตรเหลานั้น กลาววา พวกเราไมดื่มสุราละพอ ไมดื่มสรุาแลว พอ, จำเดิมแตนั้น จึงไดชื่อวา อสูร), ๘. ผูกลาว วา อสุระ, ทานพ วิ. สุรานํ ปฏิปกฺขภาวโต อสุรา สุรริปุ (ชื่อวา อสุร เพราะเปนศัตรูเทวดา คือขาศึกของเทวดา) วิ. อสุรนฺติ วทึสูติ อสุรา ทานวา (เทพทั้งหลายยอมกลาววา อสุร เหตุนั้น เทพเหลานั้นชื่อวา อสูร คือเหลากอของนางทา นุมะ) ทาย อสุร ศัพท ตามนัยนี้ ลงปจจัย ในตัทธิต, สวนนัยอรรถกถาสุตตนิบาต วา ตโต เต สตึ ปฏิลภิตฺวา ตาวตึสภวนํ อปสฺสนฺตา อโห เร นา มยํ ปานมทโทเสน, น ทานิ มยํ สุรํ ป วิมฺห, น สุรํ ปวิมฺห, น ทานิมฺหา สุรา, อสุรา ทานิ ชาตมฺหาติ ตโต ปภุติ อสุราติ อุปฺปนฺนสมฺา ชาตาติ วุตฺตํ โหติ (แตนั้นบุพเทพ เหลานั้น ครั้นไดสติ ไมเห็นดาวดึงสพิภพ จึงกลาวกันวา โอ ! รายจริง พวกเราพากันฉิบ หาย เพราะโทษที่ดื่มสุราจนเมามาย, บัดนี้ พวกเราจะไมดื่มสุราอีกแลว พวกเราจะดื่มที่ ไมใชสุรา, บัดนี้พวกเรามิไดเปนเทวดาแลว พวกเราเปนอสูรแลว ตั้งแตนั้น ก็มีชื่อเกิดขึ้นวา อสุรา), อิมานิ ตทภิธานานิ – อสุโร ปุพฺพเทโว จ ทานโว เทวตาริ ตุ, นามานิ อสุรานนฺติ อิมานิ นิทฺทิเส วิทู. ปาโก อิติ ตุ ยํ นามํ เอกสฺส อสุรสฺส ตุ, ปณฺณตฺตีติป เอกจฺเจ ครโว ปน อพฺรวุํ. (ตอไปนี้เปนชื่อของอสูรนั้น คือ บัณฑิตพึง แสดงชื่อของอสูรเหลานี้ คือ อสุร, ปุพฺพเทว, ทานว, เทวตาริ, ครูบางทานกลาววา ชื่อวา ปากะ เปนชื่อของอสูรตนหนึ่ง) สัททนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๔๑๘) อเสข (ปุ.) ๑. พระอเสขะทั้งหลาย, ผูมีปกติไม ตองศึกษา วิ. อสิกฺขนสีลา อเสขา (พระ อริยบุคคลผูไมตองศึกษาเปนปกติ ชื่อวา อเสข), [น + สิกฺข ธาตุ วิชฺโชปาทานมฺหิ ในการศึกษา + ณ ปจจัย, วิสํโยโค คือลบ กฺ สังโยคเสีย, ลบ ณ ปจจัย และพฤทธิ์ อิ เปน เอ] เตน วุตฺตํ นีติธาตุ มาลายํอการโลเป เสโข อเสโขติ รูปานิ ภวนฺติ (ฉะนั้น ในสัททนีติ ธาตุมาลา ฉบับแปลหนา ๖๖ จึงวา เมื่อลบ อ อักษร จะมีรูปวา เสโข, อเสกฺ โข) ปาฐะที่อางวา อการโลเป นั้น ที่จริงในสัทท นีติ ธาตุมาลา ที่อางนั้น วา กการโลเป เมื่อลบ ก อักษร เสกฺข จึงเปน เสข, อเสกฺข จึงเปน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๗๑ อเสข ๒. พระอเสขะ, ผูไมตองศึกษาอีกเพราะ ศึกษาจบแลว วิ. ปรินิิตสิกฺขตฺตา ปุน น สิกฺข ตีติ อเสกฺโข อเสโข (ผูใดยอมไมตองศึกษาอีก เพราะศึกษาจบแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อเสกฺข, อเสข) ๓. ผูไมตองศึกษา วิ. ตโต อุตฺตริกรณียาภาวโต นตฺถิ สิกฺขา เอตสฺสาติ อเสกฺโข อเสโข (สิกขา ของพระอริยบุคคลนั่น ไมมี เพราะไมมี กิจที่จะตองทำยิ่งไป กวานั้น เหตุนั้น พระอริยบุคคลนั้น จึงชื่อวา อเสกฺข) ๔. รูปที่เห็นไมได วิ. อิกฺขนํ ทสฺสนํ อิกฺขา (การมองเห็น ชื่อวา อิกฺขา), [อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] วิ. สห อิกฺขาย ยํ วตฺตตีติ เสกฺขํ จกฺขุวิฺาเณน ทพฺพภาวโต สนิทสฺสนํ (สิ่งใดเปนไปกับดวยการเห็น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา เสกฺข, ไดแกรูปที่ชื่อวา สนิทสฺสน เพราะความเปนสิ่งที่ตองเห็นได ดวย จักษุวิญญาณ) วิ. นตฺถิ เสกฺขํ เอตสฺสาติ อเสกฺขํ อนิทสฺสนํรูป(สิ่งที่เปนไปกบัดวยความเห็นของ รูปนั้น ไมมี เหตุนั้น รูปนั้นชื่อวา อเสกฺข ไดแก รูปที่ชื่อวา อนิทสฺสน) เชน ในคัมภีรสัจจสังเขป ขอ ๒๓ ฉบับแปล หนา ๓๘ วา เสกฺขสปฺปฏิฆาเสกฺขปฏิฆํ ทฺวยวชฺชิตํ (รูปที่ทั้งเห็นทั้งกระทบได รูปที่เห็นไมไดกระทบได และรูปท่ีเวนจากรูปทั้ง ๒ อยาง) อเสจน (นปุ.) ๑. มีเสนห, ไมเบื่อ, นาสนใจ, ชื่นใจ, ชื่นตา, ยั่วยวน วิ. น สิฺจนฺติ อาคนฺตุกภูตานิ อฺรสานิ เอตฺถาติ อเสจนํ (รสอื่นอัน เปนสิ่งจรมา ไมรดราดไป ในสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อเสจน), [น + สิจ ธาตุ สิฺจเน ใน ความรดราด + ยุ ปจจัย] ๒. ดึงดูดใจ วิ. น สิฺจนฺติ นกฺขรนฺติ นยนมนานิ อสฺมาติ อเสจนํ อพฺยาเสกํ (ดวงตาและใยไมละไปจากสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อเสจน คือมีเสนห), [น + สิจ ธาตุ ปคฺฆรเณ ในการไหลออก + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, แปลง น เปน อ] จิตฺตสฺส อกฺขิโน จ ปติชนกํ วตฺถุ อพฺยาเสกํ อเสจนฺจ นาม. อเสจนกํ วา, อนาสิตฺตกํ อเสจิตพฺพกนฺติ อตฺโถ (สิ่งที่กอใหเกิดปติแกดวงใจและดวงตา ชื่อวา อพฺยาเสกํ อเสจน หรือ อเสจนกํ, หมายความวา ไมเลอะเปอนไป, ไมเบื่อ), คำวา อเสจนกํ ลง ก สกัตถ อเสส (ติ.) ไมเหลือ, ทั้งหมด วิ. น เสสํ อวสิํ อเสสํ, สกลํ (ไมใชสิ่งที่ยังเหลือ ชื่อวา อเสส คือทั้งหมด), [แปลง น เปน อ], นนิปาตปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส อโสก (ปุ.) ตนอโศก, ตนไกร วิ. นตฺถิ โสโก อเนนาติ อโสโก, วฺชุโล (ความโศก ไมมี เพราะ ตนไมนั้น เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อโสก คือ ตนไกร), อโสกํ วา, นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลนฺติ อตฺโถ (อีกนัยหนึ่งวา อโสกํ หมายถึง ไมมีความ โศก คือฉลาดในการกำจัดความโศก), [แปลง น เปน อ] อห (ปุ.นปุ.) วัน, ไมละการกลับมา ๑. วิ. ปจฺฉาคมนํ น ชหตีติ อหํ ทิวโส (สิ่งใด ไมเวนการ กลับมา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อห คือวัน) เชน อหานีติ จ ทิวสานีติ อตฺโถ (บทวา อหานิ หมายถึง หลายวัน), [น + ชห ธาตุ จาเค ใน ความสละ + อ ปจจัย, ลบ ช] ๒. วิ. ปจฺฉาคมนํ น ชหาตีติ อหํ (สิ่งใด ไมละการกลับมา เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อห], [น + หา ธาตุ จาเค ในความ สละ + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ] อห ศัพท เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค, ในวิสัยที่จะสมาส ได แปลง อ เปน อุ เชนคำวา ตทหุชาตานิ (ต + อห + ชาตานิ, เกิดในวันนั้น), สวนในคัมภีร
๒๗๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นิรุตติทีปนี อธิบายสูตร ๑๑๕ วา มหาวุตฺตินา อหมฺหา สฺมึโน นิ จ อุ จ โหติ, ตทหนิ, ตทหูติ วุตฺตํ (แปลง สฺมึ ที่อยูหลัง อห ศัพท เปน นิ และ อุ เชน ตทหนิ, ตทหุ ดวยมหาสูตร) อหต (ติ.) ๑. ไมถูกทำลาย, ใหม, ผาใหมยังไม ถูกทุบดวยหินเปนตน วิ. น หฺติ ยํ ปาสาณาทีหตีิอหตํ นววตฺถํ(ผาใด ไมถูกทุบดวย หินเปนตน เหตุนั้น ผานั้นชื่อวา อหต คือผา ใหม), [น + หน ธาตุหึสายํในความเบยีดเบียน + ต ปจจัย, ลบ น ที่สุดธาตุ ดวยสูตร กจฺ.๕๘๖ รูป.๖๐๐ วา คมขนหนรมาทีนมนฺโต] ๒. ใหม, ไมผานการใช วิ. ปริโภคํ น หนิตฺถ น คจฺฉิตฺถาติ อหตํ (ผาใดยังไมผานการใชสอย เหตุนั้น ผานั้น ชื่อวา อหต) วิ. ปริโภเคน น หนิตพฺพํ น หึสิตพฺพนฺติ วา อหตํ (อีกนัยหนึ่ง ผาไมเกาไป เพราะการใช เหตุนั้น ผานั้นชื่อวา อหต), [น + หน ธาตุ คติยํ ในความไป, หึสายํ วา หรือวาใน ความเบียดเบียน + ต ปจจัย, ลบ น] ปาฐะวา อนาหตํ ก็มี อหมหมิกา (อิตฺ.) ๑. ความหยิ่ง, ความ จองหอง, ความอหังการ, การถือตัววา เราแน จริง วิ. อหํ อคฺโค ภวามิ อหํ อคฺโค ภวามีติ อฺมฺํ อติกฺกมฺม โยธานํ สมคฺเค ธาวนํ (การ แลนไปในหมูทหารตะลุมบอนกันและกัน ดวย หึกเหิมวา เราแนจริง เราแนจริง), ตตฺร ตุ อหํ ปุพฺพิกา, อหํสทฺโท วิภตฺติปฏิรูปโก นิปาโต (ก็ใน บทนั้น อหํ เปนบทหนา, อหํ ศัพทเปนนิบาต มี รูปคลายลงวิภัตติ), [แปลงนิคหิตเปน ม, ลง ก สกัตถ, มีการเรียงซ้ำกัน เพราะมุงใหเปนวิจฉา คือคำซ้ำ + อิ อาคม] ๒. ถือตัว, สำคัญวาเรา จักไปกอน วิ. อหํ ปุพฺพํ คมิสฺสามิ, อหํ ปุพฺพํ คมิสฺสามีติ วา อหํ อุปหิสฺสามิ, อหํ อุปหิสฺ สามีติ วา อหมหมิกา (อีกนัยหนึ่ง ความสำคัญ วา เราจักไปกอน เราจักไปกอน วา เราจักบำรุง กอน เราจักบำรุงกอน ดังนี้ ชื่อวา อหมหมิกา), อิก ปจจัย ดวยสูตร นีติ. ๑๒๗๘. วา อหํ ปุพฺพนฺติ กฺริยายํ อิโก, บทนี้เปนอิตถีลิงค นัยเดียวกันเชน อโหปุริสิกา ลง ณิก ปจจัยหลัง ปุริส ศัพท ที่มี อโห ศัพทอยูหนา ในอรรถวา อหังการ (เราแน จริงๆ) อหห (นปุ.อพฺ.) อหหะ, จำนวนนับเทากับสิบ ลานนิรัพพทุะ (นปุ.) ๑. วิ. นิรพฺพุทสตสหสฺสานํ สตํ อหหํ, เอกา เลขา สตฺตติพินฺทุสหิตา อหหํ (รอยแหงแสนนิรัพพุทะ ชื่อวา อหห) ๒. อหหะ, สังขยาที่เปนไป วิ. อํหตีติ อหหํ (สังขยาใดยอม เปนไป เหตุนั้น สังขยานั้นชื่อวา อหห), [อํห ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ห ปจจัย, ลบนิคหิต] ๓. ลำบาก, นาสงสัย (อพฺ.) วิ. อีกประการหนึ่ง อหห ศัพทเปนนิบาต เขเท วิมฺหเย จ ในอรรถวา ลำบาก และนาสงสัย อหํการ (ปุ.) การถือตัว, การทะนงตัว, การ จองหอง, การสำคัญตน ๑. วิ. อหมิติ อตฺตานํ กโรติ เอเตนาติ อหํกาโร คพฺโพ (บุคคลยอมทำ ตนวา เรา ดวยอาการนั่น เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อ วา อหํการ คือความจองหอง), [อหํ + กรธาตุ, ณ ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา] ปาฐะวา อหีกาโร มมํกาโร มมีกาโร ก็มี, ลง อี อาคม, ๒. การ สำคัญตน วิ. เอโสหมสฺมีติอาทินา อหํกรณํ อหงฺกาโร (การทำความสำคัญวาเปนเรา โดยนัย เปนตนวา นั้นเปนเรา ชื่อวา อหงฺการ) เอตํ มมาติ มมํกรณํ มมงฺกาโร (การทำความสำคัญวาเปน ของเรา โดยนัยวา นั่นเปนของเรา ดังนี้ ชื่อวา มมงฺการ)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๗๓ อหาปย (ติ.) จักไมทำใหเสื่อม, จักไมยังให เสื่อม วิ. น หาเปสฺสตีติ อหาปยํ (ผูใดไมยังวงศ เปนตนใหเส่อืม เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อหาปย), [น + หา ธาตุ จาเค ในความสละ + อนฺต ปจจัยใช ในอรรถแหงอนาคต ธาตฺวตฺถสมฺพนฺธตฺตา เพราะเกี่ยวของกับความหมายของธาตุกาลของ ปจจัยจึงไมบงบอกตามที่ควรเปน + ณาปย ปจจัย] อหาริย (ติ.ปุ.) ภูเขา, ไมควรนำมา, ไมอาจเพื่อ อันนำมา, ไมสามารถนำมาได, ไมเคลื่อนที่, เคลื่อนที่ไมได วิ. เทสนฺตรํ เนตุมสกฺกุเณยฺยตาย อหาริโย (ภูเขา ชื่อวา อหาริย เพราะไมสามารถ นำมาที่อื่น) วิ. น หริตุํ สกฺกุเณยฺโยติ อหาริโย, ปพฺพโต (ภูเขาชื่อวา อหาริย เพราะอรรถวาไม สามารถนำมาได), [น + หร ธาตุหรเณ ในความ นำมา + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, แปลง น เปน อ, ทีฆะ อ เปน อา] อหิ (ปุ.) งู ๑. สัตวที่เปนไปสูความฉิบหาย วิ. อนตฺถานิ หิโนติ ปวตฺตตีติ อหิ (สัตวใดยอม เปนไปสูความฉิบหาย เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อหิ), [น + หิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อิ ปจจัย] ๒. สัตวที่เลื้อยไป วิ. อํหติ คจฺฉตีติ อหิ (สัตวใดยอมเลื้อยไป เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อหิ), [อํห ธาตุ คมเน ในความไป, ธาตุนี้มีปรากฏใน ธาตุวัตถสังคหะ คาถาที่ ๑๗ วา อหิ คติยํ อหิ ธาตุ ในความไป, ลง อิ ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ.๗/๘ วา ทธฺยาทโย, ลบนิคหิต] ๓. สัตวที่ไมมีเทาแต เลื้อยไปได วิ. นิปฺปาโท สมาโนป อํหติ คจฺฉติ คนฺตุํ สกฺโกตีติ อหิ(สัตวใดแมไมมเีทาก็สามารถ เลื้อยไปได เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อหิ), [อํห ธาตุ คมเน ในความไป + อิ ปจจัย] อหิ ศัพท เปน อิ การันตในปุงลิงค อหิจฺฉตฺต (นปุ.) เห็ด, ดอกเห็ด วิ. อหึ สปฺป ฉาเทตีติ อหิจฺฉตฺตํ, อหิจฺฉตฺตกํ วา (สิ่งใด ปดบังงู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อหิจฺฉตฺต หรือ อหิจฺฉตฺตก) เชน วินย.อ.๒/๓๒๒ วา อหิจฺฉตฺตกํ คณฺหนฺโต (ถือดอกเห็ด), [อหิ + ฉท ธาตุ สํวรเณ ในความ ปองกัน + ต ปจจัย แปลง ท เปน ต + ก สกัตถ]. อหิต (ปุ.) ศัตรู, ขาศึก, ผูไมไปสูความเจริญ วิ. หิโนติ วุทฺธึ คจฺฉตีติ หิโต (ผูใดไปสูความเจรญิ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา หิต-มิตร), [หิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ต ปจจัย] วิ. น หิโต อหิโต (ผูไมใช มิตร เหตุนั้นผูนั้นชื่อวา อหิต ไดแก ศัตรู), [แปลง น เปน อ] อหิตุณฺฑิก (ปุ.) ผูเลนกับจะงอยปากงู, หมองู วิ. อหิโน ตุณฺเฑน มุเขน ทิพฺพตีติ อหิตุณฺฑิโก วาฬคาหี (ผูใดยอมเลนจะงอยปากงู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อหิตุณฺฑิก คือหมองู), [ณิก ปจจัย ทิพฺพติตทฺธิเต ใชในอรรถวาเลน] อหิริก (ติ.ปุ.) ๑. วิ. บุคคลผูไมละอาย (ติ.), อหิริก, การไมละอาย (ปุ.) วิ. น หิรียติ น ลชฺชตีติ อหิริโก, ปุคฺคโล ธมฺมสมูโห วา (สภาวะใดยอมไม ละอาย เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อหิริก ไดแก บุคคลผูไมละอาย, หรือประชุมแหงธรรมที่ไม ละอาย), [น + หิริ ธาตุ ลชฺชาย ในความละอาย + ณฺวุ ปจจัย แปลง ณฺวุ เปน อก, ลบ อ ดวย สูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน] ลบที่สุดธาตุ ๒. ความเปนแหงบุคคลผูไม ละอาย (นปุ.) วิ. อหิริกสฺส ภาโว อหิริกฺกํ, ตเทว อหิริกํ, ตํ กายทุจฺจริตาทีหิ อชิคุจฺฉนลกฺขณํ, อลชฺชาลกฺขณํ วา (ความเปนแหงบุคคลผูไม ละอาย ชื่อวา อหิริกฺก,อหิริกฺก นั้นน่ันเองชื่อวา อหิริก, อหิริกฺก นั้น มีความไมรังเกียจกายทุจริต เปนตนเปนลักษณะ หรือมีความไมละอายเปน
๒๗๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ลักษณะ), [ณฺย ปจจัย ใชในภาวตัทธิต], ลบ ก อักษร ๑ ตัว ดวยสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน] วิ. อหิริกสฺส ภาโว อหิริกํ (ความเปนแหงบุคคลผูไมละอาย ชื่อวา อหิริก) ลบภาวะที่ทายสมาส หรือ ลบปจจัยในตัทธิต ดวยสูตร โมคฺ.๑/๓๙ วา โลโป อหิวาตกโรค (ปุ.) อหิวาตโรค, โรคอันเปนไป ดวยลมเชนกับพิษงู วิ. อหิวิสสทิเสน วาเตน ปวตฺโต โรโค อหิวาตกโรโค (โรคอันเปนไปดวย ลมเชนกับพิษงู ชื่อวา อหิวาตกโรค), มารพฺยาธีติ อตฺโถ (หมายถึง การเจ็บปวยเปนมารตัดรอน) ปาฐะวา อหิวาตโรโค, ลบ ปวตฺต กลางสมาส อหึสา (อิตฺ) การไมเบียดเบียน วิ. หึสิยเต หึสนํ วา หึสา อหึสนภาโว (อันเขาเบียดเบียน หรือ การเบียดเบียน ชื่อวา หึสา), [หึส ธาตุ หึสายํ ใน ความเบียดเบียน + อ ปจจัย + อา ปจจัยใน อิตถีลิงค] วิ. น หึสา อหึสา (การเบียดเบียนหา มิได ชื่อวา อหึสา), นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส. อหึสา สพฺพปาณานนฺติ อิทฺจ ปุลฺลิงฺคํ วิย ทิสฺสติ อหึสาติ อหึสเนนาติ ปโยคทสฺสนโต (สวน ในขอวา อหึสา สพฺพปาณานํ ปรากฏคลาย ปุงลิงค เพราะปรากฏตัวอยางวา บทวา อหึสา หมายถึง อหึสเนน-เพราะไมเบียดเบียน) อหึสารตินี (อิตฺ.) หญิงผูมีความยินดีในความไม เบียดเบียน วิ. อหึสาย รติ ยสฺส สา อหึสารตินี (ความยินดีในความไมเบียดเบียนของหญิงใด มีอยู เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อหึสารตินี), อฺปทตฺถสมาเส ติปจฺจยนฺตมฺหา อิตฺถิยํ นี โหติ (ในที่สมาสกับบทอื่น ลง นี ปจจัยในอิตถี ลิงค ตอจากศัพทที่มี ติ ปจจัยเปนที่สุด) นัย เดียวกัน เชน มุสฺสตินี, สมฺมาทิินี, อตฺตคุตฺตินี อเหตุก (ติ.) ไมมีเหตุ วิ. นาสฺส เหตุ อตฺถีติ อเหตุกํ, สมฺปยุตฺตสฺส อโลภาทิเหตุโน อภาวา อเหตุกํ, สพฺพมฺป รูป เหตุสมฺปโยคาภาวโต อเหตุกเมว, อโลภาทิเหตุวิรหิตํ วา อารสวิธํ อเหตุกจิตฺตํ. (เหตุแหงรูปเปนตนนั้น มีอยู หา มิได เหตุนั้น รูปเปนตนนั้นชื่อวา อเหตุก, รูป เปนตนชื่อวา อเหตุก เพราะไมมีอโลภเหตุเปน ตน ที่เปนสัมปยุตธรรม, รูปแมทั้งหมด ชื่อวา อเหตุกนั่นเอง เพราะไมมีการประกอบดวยเหตุ, อีกอยางหนึ่ง อเหตุกจิต ๑๘ เวนจากอโลภเหตุ เปนตน) อโหรตฺต (ปุ.) วันและคืน วิ. อโห จ รตฺติ จ อโหรตฺโต อโหรตฺตํ อโหรตฺตา วา. (คืนและวัน ชื่อวา อโหรตฺโต อโหรตฺตํ หรือ อโหรตฺตา), แปลง อิ เปน อ ดวยสูตร กจฺ.๓๓๗ รูป.๓๕๐ วา กฺวจิ สมาสนฺต เปนตน ปาฐะวา อโหรตฺติ ก็มี เชน อถ สพฺพมโหรตฺตึ ขุ.ธ.๒๕/๓๖/๕๖ (สวน ตลอดวันและคืน) นัยเดียวกันเชน ทีฆรตฺตํ, อฑฺฒรตฺตํ, ปุพฺพรตฺตํ อฬ (ปุ.) นิ้วมือ, นิ้วเทา, หาง, อุงเทา วิ. อฬตีติ อโฬ (อวัยวะใดยอมไป เหตุนั้น อวัยวะนั้นชื่อวา อฬ), [อฬ ธาตุ อุคฺคเม ในความพุงไป + อ ปจจัย], อฬ ศัพท องฺคุวาจโก ใชใน ความหมายวานิ้ว เชนในคำวา อฬจฺฉินฺโน (ผูถูก ตัดนิ้ว), นงฺคุวาจโก ใชในความหมายวาหาง เชน วิจฺฉิกาิกา (รองเทาที่ทำประกอบหูมี สัณฐานดังหางแมลงปอง) อฬกฺก (ปุ.) สุนัขบา วิ. อฬติ นิวาเรตีติ อฬกฺโก อลกฺโก (สุนัขใดยังบุคคลใหเฝาระวัง เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อฬกฺก, อลกฺก) อุมฺมตฺตาทิภาว มาปนฺโน สุนโข, ลฬานมวิเสโส ไดแกสุนัขที่ถึง ความเปนบาเปนตน, อักษร ล และ ฬ ใชไม
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๗๕ ตางกัน, [อฬ อล ธาตุ นิวารเณ ในความเฝา ระวัง + ณฺวุ ปจจัย] ๒. ตนรัก, ตนรักแดง, ตนขอนดอก, รักดอกขาว, ดอกไมประดับ วิ. เสตปุปฺผตาย อลํภูโต อกฺโก อฬกฺโก ปตาปโส (ตนรักที่เปนเครื่องประดับชื่อวา อกฺก เพราะมี ดอกบานสีขาว ไดแกตนรัก), [อลํ + อกฺก] อฬาร (ติ.) ๑. คด, โคง, โกง, งอ, บิด วิ. อลติ ยาติ พนฺธตีติ อฬารํ เวลฺลิตํ (สิ่งใดยอมพันไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฬาร ไดแกมวน), [อล ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อาร ปจจัย, แปลง ล เปน ฬ] ๒. คดงอ, กวางขวาง, ไพศาล วิ. ทีฆตฺตํ อลติ พนฺธตีติ อฬาโร วงฺโก วิสาโล จ (สิ่งใด ยอมผูกความยาวไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฬาร ไดแก คดงอ หรือกวางขวาง), [อล ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อาร ปจจัย ดวยสูตร โมค.๗/ ๑๖๔ วา สิงฺคฺยงฺคาคมชฺชกลาลา อาโร] ๓. คดงอ วิ. อลติ กุฏิลํ คจฺฉตีติ อฬารํ กุฏิลํ (สิ่ง ใดยอมคด คือไปคด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อฬาร คือโกง), [อล ธาตุ คมเน ในความไป + อาร ปจจัย] อํส (ปุ.นปุ.) ๑. สวน, แนว, บา, ไหล วิ. อนติ ชีวติ เอเตนาติ อํโส โกาโส ภุชสิโร จ (บุคคล ยอมมีชีวิตเปนไปไดดวยสิ่งนนั้เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อํส ไดแก สวน และบา), [อน ธาตุ ปาณเน ในความมีชีวิต + ส ปจจัย ดวยสูตร โมค. ๗/ ๒๑๓ วา สสาสวสวิสหนวนมนานกมา โส, แปลง น เปนนิคหิต] วิ. อนติ ชีวตีติ อํโส (บุคคลยอมมี ชีวิตเปนไปไดดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อํส), [อน ธาตุ ปาณเน ในความมีชีวิต + อส] ๒. สวน วิ. อมติ คจฺฉตีติ อํโส, ภาโค ขนฺโธ จ (สิ่งใดยอมไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวาอํส ไดแกสวน หรือกอง), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + ส ปจจัย, แปลงที่สุดธาตุเปนนิคหิต] ๓. สวน วิ. อํเสตีติ อํโส (สิ่งใดยอมยังใหรวมกัน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อํส), [อํส ธาตุ สงฺฆาเต ในการ กระทบ + อ ปจจัย], อํส ศัพท ใชในปุงลิงคและ นปุงสกลิงค อํสพทฺธก (ปุ.) สายสะพาย, สายโยก, สายโยค วิ. อํเส พทฺธติ อเนนาติ อํสพทฺธโก (บุคคล สะพายบาดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อํสพทฺธก) วิ. อํเส วา พทฺธิยติ อเนนาติ อํสพทฺโธ, อํสวทฺโธ วา, โสเยว อํสพทฺธโก (บาตรเปนตน อันเขาสะพายบาดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อํสพทฺธ หรือ อํสวทฺธ, อํสพทฺธ นั่นเอง ชื่อวา อํสพทฺธก), [อํส + พทฺธสํหริเส ในความสะพาย + ณ ปจจัย + ก สกัตถ] อํสา (อิตฺ.) โรคเริม, โรคริดสีดวง วิ. อํสยตีติ อํสา อริสโรโค, ยํ โลเก เริมอิติ โวหรนฺติ (โรคใด อันเขายอมลำบาก เหตุนั้น โรคนั้นชื่อวา อํสา ไดแก โรคริดสีดวง, ซึ่งในโลกเขาเรียกกันวา โรค เริม), [อํส ธาตุ สงฺฆาเต ในการกระทบ + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อํสิ (อิตฺ.) สวน, บา, ไหล วิ. อํสียเต สํหนฺยเต เอตายาติ อํสิ อํสี (วัตถุอันเขาแบกดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อํสิ, อํสี), [อํส ธาตุ สงฺฆาเต ในความกระทบ + อิ ปจจัย], ศัพทนี้เปนอิตถี ลิงค อํสิก (ติ.) คนแบกของ, คนนำของไปดวยบา วิ. อํเสน วหตีติ อํสิโก (ผูใดยอมนำไป ดวยบา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อํสิก), [ณิก ปจจัย แทน วหติ] นัยเดียวกัน ขนฺธิโก, หตฺถิโก, องฺคุลิโก, สีสิโก อํสุ (ปุ.อิตฺ) ๑. แสงสวาง, รัศมี วิ. ทิสํ อมติ คจฺฉตีติ อํสุ ปภา (ธรรมชาติใด ยอมสองไปสูทิศ
๒๗๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อํสุ), ศัพทนี้เปน ปุงลิงคและอิตถีลิงค, [อม ธาตุ คมเน ในความ ไป + อุ ปจจัย + ส อาคม + แปลง ม เปน นิคหิต] ๒. แสงสวาง, แสงที่สองไปสูทิศ, ดาน วิ. อสติ คจฺฉติ ทิสนฺตนฺติ อํสุ (ธรรมชาติใด ยอม สองไปถึงที่สุดทิศ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อํสุ), [อส ธาตุ คมเน ในความไป + อุ + นิคหิต อาคม], กตฺถจิ อํสุสทฺโท วตฺถาทีนํ โลเม วตฺตติ, ยถา ตสฺส สุตฺตสฺส อํสูติ [บางแหง อํสุ ศัพท ยอม เปนไปในอรรถวาคน แหงผาเปนตน เชน ตสฺส สุตฺตสฺส อํสุ ใยแหงดายนั้น] อํสุก (ปุ.นปุ.) ๑. ผา, วัตถุเปนเครื่องไปขางนอก วิ. พหิ อมติ คจฺฉติ เอเตนาติ อํสุโก อํสุกํ วตฺถํ (บุคคลยอมไปภายนอก ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่ง นั้น ชื่อวา อํสุก คือผา), [อม ธาตุ คมเน ในความ ไป + ณฺวุ ปจจัย + ส อาคม, แปลง ม เปน นิคหิต, แปลง อ เปน อุ] ๒. ขอ, สิ่งที่ใชสับหรือ เกี่ยว วิ. อํสติ คจฺฉตีติ อํสุโก องฺกุโส (อาวุธใด ยอมไป เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อํกุส, องฺกุส), [อส ธาตุคมเน ในความไป + ณุก ปจจัย, นิคหติ อาคม] อํสุมาลี (ปุ.) พระอาทิตย วิ. อํสุโน มาลา อํสุมาลา, สา ยสฺส อตฺถีติ อํสุมาลี อาทิจฺโจ (ระเบียบแหงแสง ชื่อวา อํสุมาลา, ระเบียบแหง แสงนั้น ของสิ่งใดมีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อํสุมาลี คือพระอาทิตย) เชน ชินอํสุมาลึ, [อี ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต] การจำแนกธาตุและปจจัยแหงบททมี่ีอ อักษรเปนเบื้องตน จบเทานี้
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๗๗ อักษรยอ กิ.กิตฺ. กิริยาอาขยาต กิ.อา. กิริยากิตก กิ.วิ. กิริยาวิเสสน อพฺ. อัพยยศัพท ปุ. ปุงลิงค อิตฺ. อิตฺถีลิงค นปุ. นปุงสกลิงค ติ. คุณนาม, วิเสสน, ๓ ลิงควิ. วิเคราะหวา กจฺ. กจฺจายน สูตรที่ รูป. ปทรูปสิทฺธิ สูตรที่ โมคฺ. โมคฺคลฺลาน สูตรที่ นิรุตฺติ นิรุตฺตทีปนีนีติ. สทฺทนีติสุต ตฺม า ล า ส ต ู ร ที่ ปทมาลา. สัททนีติ ปทมาลา ธาตุมาลา.สัททนีติธาตมุาลา
๒๗๘ จ ฬ ู ธ า ตุ ปัจ จ ย โ ช ต ก ิ า บันทึก วาจฺจลิงฺค = วิเสสน