พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๔๙ อนุสฺวรอนุสฺวาร อิ, ๒. การระลึกถึง (ปุ.) วิ. อนุสฺสรณํ อนุสฺสโร (การระลึกถึง ชื่อวา อนุสฺสร), [อนุ + สร ธาตุ จินฺตายํ ในความคิด + อ ปจจัย, ซอน สฺ] อนุสฺสาห (ปุ.) ไมมีความอุสสาหะ, ความไม อุสสาหะ, ความยอหยอน, คราน วิ. นตฺถิ อุสฺสาโห อิมสฺสาติ อนุสฺสาโห, ถินํ (ความ อุสสาหะ ของธรรมชาตินี้ ไมมี เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อนุสฺสาห คือความคราน), นัยนี้เปน นปุพพบทพหุพพิหิสมาส, หรือ สำเร็จรูปเปน อนุสฺสาหนํ ลง ยุ ปจจัยในภาวะ สาธนะ, สวนการแยกธาตุปจจัย ไดกลาวไวดวย อุสฺสาห ศัพท บัณฑิตพึงคนดูที่ศัพทนั้นเถิด อนุสาร (ปุ.) ไปตาม วิ. อนุสฺสรณํ อนุคมนํ อนุสาโร (การไปตาม ชื่อวา อนุสาร), [อนุ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณ ปจจัย และพฤทธิ์ อ เปน อา], นัยเดียวกัน เชน อนุสฺสโร ลง อ ปจจัย อนุสาวนา (อิตฺ.) คำสวดประกาศตอจากญัตติ วิ. ตฺติโต อนุ ปจฺฉา สาเวตพฺพาติ อนุสาวนา (การสวดประกาศใหทราบตอหรือหลังจากญัตติ) ปุนปฺปุนํ วา ติกฺขตฺตุํ สาเวตพฺพาติ อนุสาวนา (ขอตกลงหรือความปรึกษาอันทานสวดประกาศ ใหทราบซ้ำอีก คือสวด ๓ ครั้ง เหตุนั้น จึงชื่อวา อนุสาวนา), [อนุ + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + เณ ปจจัยในอรรถการิตกรรม (ให) + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อุ เปน อาว], วิ. เภทานุรูปสฺส สาวนํ อนุสฺสาวนํ. เภทานุรูเปน สาวนํอนุสฺสาวนํ (อนุสสาวนะ คือ การสวดถอยคำที่ควรทำใหแตกแยก, อนุสาวนะ คือ การสวดดวยถอยคำที่ควรทำใหแตกแยก), เนตฺติปกรณฏีกา, หนา ๒๖๕ อนุสาวิตํ (ติ.) การสวดประกาศใหทราบ, แจง ใหทราบ, ใหไดยิน, สวดประกาศเพื่อถามให ตรวจสอบ วิ. อนุสาวิยตีติอนุสาวิตํ (เรื่องใดอัน ทานสวดใหไดยิน เหตุนั้น เรื่องนั้น ชื่อวา อนุสาวิต), [อนุ + สุ ธาตุ ปุจฺฉเน ในความถาม + เณ ปจจัย การิตตฺเถ ในอรรถการิต (ให) + ต ปจจัย + อิ อาคม, แปลง อุ เปน อาว], นัย เดียวกันเชน อนุสาวิยมาโน, อนุสาเวตฺวา เปนตน บทแรกลง มาน ปจจัย สวนบทหลังลง ตฺวา ปจจัย อนุสาสน (นปุ.) อนุศาสน, คำพร่ำสอน, การ แนะนำสั่งสอน วิ. อนุสาสิยเต อนุสาสนํ (คำอัน ทานพร่ำสอน ชื่อวา อนุสาสนํ), [อนุ + สาส ธาตุ อนุสิิมฺหิ ในความพร่ำสอน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน], อนุสาสิตุํ ก็นัยนี้ ตุํ ปจจัยใน ภาวะสาธนะหรือสัมปทานสาธนะ, อิ อาคม อนุสาสนี (อิตฺ.) คำสั่งสอน, คำแนะนำพร่ำ สอน, คำเปนเครื่องพร่ำสั่งสอน วิ. อนุสาสนฺติ เอตายาติ อนุสาสนี (อาจารยเปนตนยอมพร่ำ สอน ดวยวาจานั้น เหตุนั้นวาจานั้น ชื่อวา อนุสาสนี), [อนุ + สาส ธาตุ อนุสาสเน ในความ พร่ำสอน + ยุ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค], คำสอนที่บอกกลาวในเมื่อเหตุเกิดขึ้นแลว เรียกวา อนุสาสนี, ในแนวพระอภิธรรมวา อนุสาสนี คือเทสนาญาณ อนุสาสิย (กิ.กิตฺ.,ติ.) ๑. สั่งสอนแลว (กิ.กิตฺ.) วิ. อนุสาสิตฺวา อนุสาสิย (สั่งสอนแลว ชื่อวา อนุสาสิย), [อนุ + สาส ธาตุ สาสเน ในความ สั่งสอน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย + อิ อาคม] ๒. ผูอันเขาพึงโอวาทอนุศาสน (ติ.) วิ. อนุสาสิตพฺโพ โอวทิตพฺโพ อนุสาสิโย [อนุ +
๑๕๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา สาส ธาตุ อนุสิิมฺหิ ในความพร่ำสอน + ณฺย ปจจัย + ลบ ณฺ + อิ อาคม] อนุสิกฺขนฺต (ติ.) ศึกษาตามอยู, ตามสำเหนียก, ทบทวน วิ. อนุสิกฺขตีติ อนุสิกฺขนฺโต (ผูใดตาม ศึกษาอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อนุสิกฺขนฺต), [อนุ + สิกฺข ธาตุ วิชฺโชปาทาเน ในการศึกษาให สำเร็จวิทยาการ + อ ปจจัย + อนฺต ปจจัย] อนุสิฏฺ (ติ.) ผูอันเขาสั่งสอนแลว, แนะนำแลว, ตักเตือนแลว, คำสั่งสอน วิ. อนุสาสียิตฺถาติ อนุสิโ (ผูใดอันเขาสั่งสอนแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนุสิ), [อนุ + สาส ธาตุ อนุสิิมฺหิ ใน ความพร่ำสอน + ต ปจจัย แปลง ต เปน ริ กจฺ.๕๗๒ รูป.๖๒๕ วา สาสทิสโต ตสฺส ริโ จ, ลบ ร กจฺ.๕๓๙ รูป.๕๕๘ วา รมฺหิ รนฺโต ราทิโน] วิ. อนุสาสียตีติ อนุสิโ (ผูใดอันเขาสั่งสอน แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ถูกสั่งสอนแลว), [อนุ + สาส ธาตุ อนุสิิมฺหิ ในการพร่ำสอน + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ถ, แปลง อา เปน อิ, แปลง ส เปน ถ, สังโยคพยัญชนะที่ ๑ คือ ในขอนี้มี อุทาหรณ เชน อนุสิโ โส มยา (เขาอัน ขาพเจาสั่งสอนแลว), แปลง ตฺถ เปน อนุสิฏฺิ (อิตฺ.) คำสั่งสอน, การพร่ำสอน วิ. อนุสาสนํ อนุสิิ (การพร่ำสอน ชื่อวา อนุสิิ) เชน อนุสิิกรานนฺติ อนุสาสนีกรานนฺติ (ขอวา อนุสิิกรานํ คือผูทำการพร่ำสอน), [อนุ + สาส ธาตุ อนุสิิมฺหิ, ในความพร่ำสอน + ติ ปจจัย], แปลง ติ เปน ริิ ดวย จ ศัพทแหง สูตร กจฺ.๕๗๒ รูป.๖๒๕ วา สาสทิสโต ตสฺส ริโ จ, ลบ ร กจฺ.๕๓๙ รูป.๕๕๘ วา รมฺหิ รนฺโต ราทิโน] อนุโสจน (นปุ.) ความเศราโศก, ความรำพึงถึง วิ. อนุสุจฺจเตติ อนุโสจนํ (อันเขาเศราโศก เหตุนั้น ชื่อวา อนุโสจนํ), [อนุ + สุจ ธาตุ โสเก ในความโศก + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน, วิการ อุ เปน โอ] อนุสฺสว (ปุ.) การไดยินเลาลือกันมา, การฟง สืบกันมา วิ. อนุสฺสวนํ อนุสฺสโว. อนุกฺกเมน ปุนปฺปุนํ วา สวนํ อนุสฺสโว, ปรมฺปรสวนํ, (การ ไดยินมา ชื่อวา อนุสฺสว. อีกนัยหนึ่ง การฟงสืบ กันมาตามลำดับ ชื่อวา อนุสฺสว คือการฟงสบืตอ กันมา), [อนุ + สุ ธาตุ สวเน ในการฟง + อ ปจจัย หรือในบางแหงวาลง ณ ปจจัย, แปลง อุ เปน อว], ปาฐะวา อนุสฺสวี ก็มี ลง อี ปจจัย ตทัสสัตถิตัทธิต อนุหาร (ปุ.) การนำไปโดยสมควร, การนำไป ตามลำดับ วิ. อนุกฺกเมน หรณํ อนุหาโร (การ นำไปโดยลำดับ ชื่อวา อนุหาร), [อนุ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา, ลบ ณ อนุพันธ] อนูนก (ติ.) ไมบกพรอง, ไมมีความบกพรอง วิ. น อูนมสฺมินฺติ อนูนกํ (ความบกพรองในที่นั้น ไมมี เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา ไมมีความบกพรอง), บทนี้เปนนปุพพบทพหุพพิหิสมาส [น + อูน ธาตุ ปริหาเน ในความบกพรอง + ก สกัตถ] อนูป (ปุ.) รักแร, ที่ขังน้ำได วิ. อนุคตา อาปา เอตฺถาติ อนูโป กจฺโฉ (น้ำขังอยูในที่ใด เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อนูป ไดแก รักแร), [อนุ + อาป ธาตุ ปคฺฆรเณ ในความไหลออก + อ ปจจัย, ลบสระ หลัง คือ สระ อา กจฺ.๑๓ รูป.๑๕ วา วา ปโร อสรูปา, ทีฆะ อุ เปน อู] อนูโป พหูทกเทโส (อนูป คือที่มีน้ำมาก) อเนก (ติ.) ๑. ไมใชหน่ึง วิ. น เอโกติ อเนกา อเนเก วา (บุรุษเปนตน มิใชหนึ่ง เหตุนั้น บุรุษ เปนตนนั้นชื่อวา มิใชหนึ่ง), บทนี้เปน นปุพฺพปท
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕๑ กมฺมธารยสมาส, เพราะอำนาจสระหลัง แปลง น เปน อนฺ ดวยสูตร กจฺ.๓๓๔ รูป.๓๔๕ วา สเร อนฺ. อิธ หิ เอกสทฺโท สงฺขฺยาวาจโกป สมาสตฺตา พหุวจนนฺโต โหติ (ความจริง เอก ศัพทในที่นี้ แมเปนสังขยา เพราะเปนบทสมาส ก็ยอมเปน พหุวจนันตะ มีพหุวจนะเปนที่สุด) ๒. มีจำนวน ไมใชหนึ่ง, จำนวนมาก วิ. น เอโก ยสฺส โส อเนโก, สทฺโท (จำนวนไมใชหนึ่ง ของเสียงใด มีอยู เหตุนั้น เสียงนั้น ชื่อวา อเนก), บทนี้ จัดเปน นปุพฺพปโท พหุพฺพีหิสมาส. ปาฐะวา เนโก เนกา ก็มีบาง ลบ อ ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วาเตสุ วุทฺธิ เปนตน เหมือนการลบ อิ ในคำวา อิทานิ เปน ทานิ, แตเมื่อ เอก ศัพทเปน สังขยา คงเปนเอกวจนันตะ คือเปนเอกวจนะ เทานั้น, พึงเทียบ เอก ศัพท ขางหนา อเนลคลา (อิตฺ.) วาจาไมไหลไปสูโทษ วิ. เอลํ วุจฺจติ โทโส, น เอลํ โทสํ คเลตีติ อเนลคลา, อวิรุชฺฌนวาจา (โทษทานเรียกวา เอล, วาจาใด ไมไหลไปสูโทษนั้น เหตุนั้น วาจานั้นชื่อวา อเนลคลา คือ วาจาที่ไมผิด), [น + เอล + คล ธาตุ จวเน ในความเคลื่อน หรือ อทเน ในความ กิน + อ + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] (วินย.๕/๒/ ๓๓, สารตฺถ.ฏี.๔/๒๔๘) อเนสนา (อิตฺ.) การแสวงหาไมสมควร วิ. น ยุตฺตา เอสนา อเนสนา (การแสวงหาไมควรแลว ชื่อวา อเนสนา), บทนี้เปน นปุพพบทกัมมธารย สมาส, ในเพราะสระแปลง น เปน อนฺ บทวา อนุปาโย, อโนกาโส เปนตน ก็นัยนี้ อโนกาสํกาเรตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมใหกระทำ โอกาส วิ. โอกาสํ น กาเรสีติ อโนกาสํกาเรตฺวา (เขาไมใหกระทำแลวซึ่งโอกาส เหตุนั้น ชื่อวา อโนกาสํกาเรตฺวา), [โอกาสํ + น + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + เณ ปจจัย การิเต ใน อรรถการิต (ให) + ตฺวา ปจจัย] อนิมิตฺตํกตฺวา เปนตน ก็นัยนี้(วินย.อ.๒/๑๐๖, วินย.โยชนา.๑/ ๔๗๖) อโนจฺฉิชฺชิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมขาดลง วิ. น โอจฺฉิชฺชิตฺวา อโนจฺฉิชฺชิตฺวา (อโนจฺฉิชฺชิตฺวา แปลวา ไมขาดลงแลว), [น + อว + ฉิทิ ธาตุ ทฺวิธากรเณ ในการตัด + ย ปจจัย + ตฺวา ปจจัย อาเทศ ทฺย เปน ชฺช, อาเทศ โอ เปน อว ดวย สูตร กจฺ.๕๐ รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส, ซอน จฺ] อโนตตฺต (ปุ.) สระอโนดาต, สระที่มีน้ำไม เหือดแหง วิ. สูริยรํสิสมฺผุาภาเวน อุทกํ น อวตปฺปติ เอตฺถาติ อโนตตฺโต (น้ำในสระนั้น ไมอุน เพราะไมถูกแสงพระอาทิตยถูกตอง เหตุนั้น สระนั้น ชื่อวา อโนตตฺต), [น -อว + ตป ธาตุ+ ต ปจจัย], สวนในอัตถโยชนาอัฏฐสาลินี วา สุริยรํสิสมฺผุาภาเวน นตฺถิ อวตตฺตํ อุทกํ เอตฺถาติ อโนตตฺโตติ. (น้ำอุน ไมมีในสระนั้น เพราะแสงพระอาทิตยสองไมถึง เหตุนั้น สระ นั้นชื่อวา อโนตตฺต), ในอรรถกถาอปทาน (อป.อ. ๒/๒๔๗) แสดงความหมายไววา ปพฺพต-กูเฏหิ ปฏิจฺฉนฺนตฺตา จนฺทิมสูริยานํ สนฺตาเปหิ โอตตฺตํ อุณฺหํ อุทกํ เอตฺถ นตฺถิ (ที่สระอโนดาตนั้น ไมมี น้ำอุน เพราะความรอนของพระจันทรและพระ อาทิตย เพราะถูกยอดเขาบังไว) อโนตฺตปฺป (นปุ.) ความไมเกรงกลัวตอความชั่ว วิ. กายทุจฺจริตาทีหิ ปาเปหิ น โอตฺตปฺปตีติ อโนตฺตปฺป (ภาวะใดไมเกรงกลัวตอบาปมีกาย ทุจริตเปนตน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อโนตตปฺป), ตํ กายทุจฺจริตาทีหิ อสารชฺชลกฺขณํ, อนุตฺตาสลกฺขณํ วา (อโนตตัปปะ นั้น มีความไม พรั่นแตทุจริตทั้งหลายเปนลักษณะ หรือวามี
๑๕๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ความไมสะดุงแตทุจริตทั้งหลายนั้นเปน ลักษณะ), [น + อว + ตป ธาตุ อุพฺเพเค ในความ กลัว + อ ปจจัย, ซอน ตฺ เปนตน] อโนทิสฺสก (กิ.กิตฺ.) ไมจำกัด, ไมเจาะจง วิ. น โอทิสฺสโก อโนทิสฺสโก, อนุทฺทิสฺสโก วา, โอปาโต (หลุมอันเขาไมไดขุดเจาะจงไว ชื่อวา อโนทิสฺสก หรือ อนุทฺทิสฺสก), [น + อว + อุ + ทิส ธาตุ อติสชฺชเน ในการจัดแจง + ณฺวุ ปจจัย, แปลง น เปน อนฺ, อาเทศ โอ เปน อว ดวยสูตร กจฺ.๕๐ รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส, อาเทส ทิส เปน ทิสฺส และ แปลง ณฺวุ เปน อก อโนโลเกตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมแลดูแลว วิ. น โอโลเกตฺวา อโนโลเกตฺวา (อโนโลเกตฺวา แปลวา ไมแลดูแลว) นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส, [อว + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + เณ ปจจัยใน หมวด จุร ธาตุ + ตฺวา ปจจัย, อาเทศ โอ เปน อว ดวยสูตร กจฺ.๕๐รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส] อโนวสฺสก (นปุ.) ที่อันฝนไมตกรด, ที่ไมเปยก ฝน, ชายคา วิ. น โอวสฺสียตีติ อโนวสฺสกํ, น เตมียตีติ อตฺโถ (ที่ใดอันฝนไมตกรด เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อโนวสฺสก หมายความวา ไมเปยก ฝน), [น + อว + วสฺส ธาตุ เสจเน ในความราด รด + ณฺวุ หรือ อก ปจจัยในกัมมวาจก, บทนี้ จัดเปนวิเคราะหนบุพพบทสมาส มีวิเคราะห กิตกเปนทอง, อาเทศ โอ เปน อว ดวยสูตร กจฺ. ๕๐รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส] นัยเดียวกันเชน อโนวสฺสนํ บทนี้ลง ยุ ปจจัย อโนสกฺกิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมทอถอยแลว, ไมทอแทแลว วิ. โอสกฺกีติ โอสกฺกิตฺวา (ผูใด ทอถอยแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา โอสกฺกิตฺวาทอถอยแลว), [อว + สกฺก ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม, อาเทศ โอ เปน อว ดวยสูตร กจฺ.๕๐รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส วิ. น โอสกฺกิตฺวา อโนสกฺกิตฺวา (ไมทอถอยแลว ชื่อวา อโนสกฺกิตฺวา), เพราะสระอยูหลัง แปลง น เปน อนฺ ดวยสูตร กจฺ.๓๓๔ รูป.๓๔๕ วา สเร อนฺ, จัดเปน นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส อโนสชฺชิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไมปลอยออกแลว, ไมสงออก, ไมถอยไปแลว, ไมสละทิ้งแลว วิ. น โอสชฺชิตฺวา อโนสชฺชิตฺวา (ไมสละทิ้งแลว ชื่อวา อโนสชฺชิตฺวา), [น + อว + สชฺช ธาตุ สชฺชเน ในความจัดแจง + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม] อปกต (ติ.) กระทำใหปราศจาก, ถูกครอบงำ, ถูกเบียดเบียน วิ. อปกรียิตฺถาติ อปกโต (ผูใดอัน เขากระทำใหไปปราศแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อปกต), [อป ธาตุ + กร ธาตุ กรเณ ใน ความกระทำ + ต ปจจัย, ลบ ร] สวนคัมภีร ปรมตฺถมฺชูสา อธิบายวา อิจฺฉาปกโตติ อิจฺฉาย อปกโต อุปทฺทุโต อภิภูโต วาติ จ (บทวา อิจฺฉาปกโต ความวา ผูอันความอยากย่ำยี่แลว ประทุษรายแลว หรือครอบงำแลว), อิจฺฉาย อปกตสฺสาติ ปาปกาย อิจฺฉาย สมฺมาอาชีวโต อเปโต กโตติ อปกโตติ จ (อิจฺฉาย อปกตสฺส ความวา ชื่อวา อันความอยากครอบงำ เพราะ อรรถวา อันความปรารถนาอันลามก กระทำให ไปปราศจากสัมมาอาชีพ) อปกรณ (นปุ.) เหตุ, ทางเปนเหตุใหกระทำผล วิ.อปกรียติ เอเตนาติ อปกรณํ (ผลอันเขา กระทำดวยสิ่งนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปกรณํ ไดแก ปท คือเหตุ), คำวา ปทํ, อปกรณํ ปกรณํ การณํ วาโดยใจความ มีความหมายเดียวกัน, [อป + กร ธาตุ ในความทำ + ยุ ปจจัย อาเทศ เปน อน แปลง น เปน ณ]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕๓ อปกสฺส (กิ.กิตฺ.) ดึง, ลากออกแลว, ทอถอยแลว, หลีกไปแลว, ไปปราศแลว วิ. อปกสฺสิตฺถาติ อปกสฺส อปเนตฺวา (อปกสฺส แปลวา ลากออก แลว ไดแก นำออกแลว), [อป + กส ธาตุ กฑฺฒเน ในการลากออก + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลงยเปน ส(ยสฺส ปุพฺพรูปตตฺ ) ํ อปการ (ปุ.) ความผิด, โทษ, การทําราย, การ ทำผิดรูป, ผูทำเสียหาย, พิการ, นาเกลียด, การดูถูก, อกุศล, ความเสื่อม วิ. อปกโรตีติ อปกาโร, วิปฺปกาโร อนุปกาโรติ อตฺโถ (สิ่งใด ยอมทำใหไปปราศ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปการ หมายความวา การกระทำประการอันแปลก ความเสื่อม) เชน อรรถกถาจริยาปฎก, ๓๔๗ วา ยทิปายํ เอตรหิ อปการโก, อยํ นาม ปุพฺเพ อเนน มยฺหํ อุปกาโร กโต (แมหากวาบัดนี้ ผูนี้ ทำเสียหาย. ผูนั้นก็ไดทำอุปการะแกเรามากอน), [อป + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ณ ปจจัย และพฤทธิ์ อ เปน อา] อปกฺกนฺต (ติ.) หลีกไปแลว วิ. อปกฺกมิตฺถาติ อปกฺกนฺโต (ผูใดหลีกไปแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา หลีกไปแลว), [อป + กมุ ธาตุ ปาทคมเน ใน ความกาวไป + ต ปจจัย, แปลง นิคหิตเปน ม โมคฺ.๕/๙๖ วา มนานํ นิคฺคหีตํ, อาเทศนิคหิต เปนพยัญชนะที่สุดวรรค คือ นฺ, ซอน กฺ], นัย เดียวกันเชน ปกฺกนฺโต (หลีกไปแลว) บทนี้ ป อุปสัคเปนบทหนา, อปกฺกมฺม (หลีกออกไปแลว) บทนี้ลง ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน มฺม และ ลบที่สุดธาตุ, อปกฺกนฺติ (การหลีกออกไป) บทนี้ ลง ติ ปจจัย เปนตน อปกฺกม (ปุ.) การหนี, การถอยหนี, การลาถอย วิ. อป วชฺเชตฺวา กมนํ อปกฺกโม ปรายนํ (การ กาวเวนไป ชื่อวา อปกฺกม ไดแก การลาถอย), [อป + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในการกาวเทา + อ ปจจัย, ซอน กฺ], อปกฺกนฺโต ก็นัยเดียวกัน ลง ต ปจจัย, อาเทศ ม เปน นิคหิต โมคฺ.๕/๙๖ วา มนานํ นิคฺคหีตํ แปลงนิคหิตเปน นฺ พยัญชนะ สุดวรรค, ซอน กฺ อปคตกาฬก (ติ.) ปราศจากความมัวหมอง, เปนแดนที่มีสีดำไปปราศแลว, ผาปราศจาก ตำหนิ วิ. อปคตํ กาฬกํ อิโตติ อปคตกาฬโก ปโฏ (ตำหนิไปปราศจากสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปคตกาฬก), บทนี้เปนปญจมีพหุพพิหิ สมาส เชน อเปตวิฺาณํ มตสรีรํ (ศพมี วิญญาณไปปราศแลว) เปนตน อปคนฺตฺวา (กิ.กิตฺ.) ไปปราศแลว, หลีกไปแลว, จากไปแลว วิ. อปคมิตฺถาติ อปคนฺตฺวา, อปคมิตฺวา วา (อปคนฺตฺวา แปลวา ไปปราศ แลว), [อป + คมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ม เปน น], อุปคนฺตฺวา บทนี้ มี อุป เปนบทหนา ก็นัยนี้, อปคนฺตฺวาน บทนี้ ลง ตฺวาน ปจจัย เปนตน อปคพฺภ (ปุ.) ผูไปปราศจากครรภ, ผูมีการอยู ในครรภอันเลว, ไมเกิดใหม ๑. วิ. คพฺภโต อปคโตติ อปคพฺโภ อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ อธิปฺปาโย (พระพุทธเจาเปนตนใด ไปปราศจากครรภ เหตุนั้น พระพุทธเจาเปนตน นั้น พระนามวา อปคพฺภ), [อป ศัพท อปคตตฺเถ ใชในความหมายวาไปปราศ, นัยนี้เปน ปฺจมี- อพฺยยีภาวสมาส, อธิบายวา ผูไมควรเพื่อจะถึง การเขาสูเทวโลก] ๒. ผูมีการอยูในครรภอันเลว วิ. หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ (อีกอยาง หนึ่ง ครรภของพระสมณโคดมนั้นเลว เหตุนั้น พระองคจึงชื่อวา อปคพฺภ), อป ศัพท ครหตฺเถ ใชในความหมายวา นาติเตียน, นัยนี้เปน
๑๕๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา พหุพฺพีหิสมาส. เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคีติ, หีโน วาสฺส มาตุ- กุจฺฉิมฺหิ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย (อธิบาย วา พระสมณโคดม ชื่อวา เปนผูมีสวนไดแต ครรภที่เลวทรามตอไป เพราะเปนผูเหินหาง จากครรภในเทวโลก, เพราะเหตุนั้น ความอยูใน ครรภ ในทองแหงมารดาของพระสมณโคดมนั้น จึงเปนการเลวบาง), วินย.อ.๑/๑๔๗ อปคมนีย (ติ.) ประเทศที่เขาจากไป วิ. อปคจฺฉติ เอตสฺมาติ อปคมนีโย ปเทโส (เขาไปปราศจาก ประเทศนั้น เหตุนั้น ประเทศนั้น ชื่อวา อปคมนีย), [อป + คม ธาตุ คมเน ในความไป, อนีย ปจจัย] อปจย (ปุ.) ๑. ความเสื่อม, ความสิ้นไป, กิเลส สิ้นไป คือ พระนิพพาน วิ. อปจิยเตติ อปจโย ขโย (อันสิ่งนั้นเสื่อมไป เหตุนั้น จึงชื่อวา อปจย ไดแก ความเสื่อมสิ้นไป), วิ. อปจิตํ อปจโย นิพฺพานํ (การไมกอ คือการเสื่อมไป ชื่อวา พระ นิพพาน),[อป + จิ ธาตุ จเย ในความสั่งสม + อ ปจจัย], วิ. จยโต อปกฺกโมติ อปจโย ปริหานิ (ภาวะใดกาวออกจากการกอตัว เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อปจย ไดแก ความเสื่อม), นัยนี้เปน อัพยยีภาวสมาส, ๒. บูชา วิ. อปจายตีติอปจโย (ผูใดยอมบูชา เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อปจยะ), [อป + จาย ธาตุ ปูชายํ ในการบูชา + อ ปจจัย, รัสสะ อา เปน อ] อปจยคามี (ติ.) ถึงความคลี่คลาย, ธรรมที่มี ปกติไปสูการคลีคลายวัฏฏะ, อริยมรรค วิ. อปจยํ วิวฏํ คจฺฉติ สีเลนาติ อปจยคามี (มรรคใดยอมไปสูการคลี่คลาย เหตุนั้น มรรค นั้นชื่อวา อปจยคามี), [อปจย + คมุ ธาตุ คมเน ในการไป + ณี ปจจัย กจฺ.๕๓๒ รูป.๕๙๐ วา ตสฺสีลาทีสุ เปนตน, ทีฆะ อ เปน อา] ตํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตนโต อปจยํ คจฺฉนฺตีติ อปจยคามิโน (อริยมรรคชื่อวา อปจยคามี เพราะถึงพระนิพพานอันไมมีปจจัย เพราะทำ พระนิพพานนั้นเปนอารมณเปนไป), คำวา อปจยคามี เปนชื่อของอริยมรรค, [อปจย + คมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ณี ปจจัย]. ดู อรรถ กถาปฏิสัมภิทามรรค, ปฏิสํ.อ. ๑/๓๙๖ อปจฺจ (นปุ.) เหลากอ, เชื้อสาย, ลูก, บุตรหรือ บุตรี๑. วิ. นรเก น ปตติ อเนน ปชา ชาเตนาติ อปจฺจํ (หมูสัตวไมไปนรกเพราะบุตรนั้นเกิดมา เหตุนั้น บุตรนั้นจึงชื่อวา อปจฺจ), [น + ปต ธาตุ คติยํ ในความไป + ย ปจจัย, แปลง ตฺย เปน จ, ซอน จฺ] ๒. น ปตนฺติ ปตโร อเนนาติ อปจฺจํ โตกํ (บิดามารดาไมตกไป ดวยผูสืบเชื้อสายนั้น เหตุ นั้น ผูสืบเชื้อสายนั้น จึงชื่อวา อปจฺจ คือ ลูก), [น + ปต ธาตุ ปตเน ในความตกไป + ณฺย ปจจัย, แปลง ตฺย เปน จ, ซอน จฺ] ๓. น ปตติ น วิจฺฉินฺทติ น ฉิชฺชติ วา วํโส เอเตนาติ อปจฺจํ (วงศไมขาดสิ้นไป หรือไมขาดไปดวยเชื้อสายนั่น เหตุนั้น เชื้อสายนั้น ชื่อวา อปจฺจ), [น + ปต ธาตุ เฉทเน ในความขาด + ณฺย ปจจัย, คำวา อปจฺจ นี้เปนนปุงสกลิงคแนนอน ใชใน ความหมายวา บุตร หรือบุตรี (โตก ในสันสกฤต แปลวา ลูก), มณิสารมัญชูสา วา น ปตนฺติ น ฉิชฺชนฺติ วํสา เอตสฺมาติ อปจฺจํ. จยาเปกฺขาย หิ อปจฺจนฺติ วุตฺตํ. องฺคาเปกฺขาย ปน ปุตฺตาติ มนุสฺสาติ จ วุตฺตํ ยถา อนวชฺชสุขวิปากา เอว ลกฺขณํ อนวชฺชสุขวิปากลกฺขณาติ (ชื่อวา อปจฺจ เพราะอรรถวาเปนแดนไมใหวงศขาดสิ้นไป), ที่ จริง ทานกลาววา อปจฺจ แปลวา เหลากอ เพราะมุงถึงองครวม กลาววา ปุตฺต แปลวา บุตร
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕๕ มนุสฺสา แปลวา มนุษยทั้งหลาย เพราะมุงถึง องคประกอบ เชนในขอวา สุขวิบากอันไมมีโทษ อันเองเปนลักษณะ ชื่อวา สุขวิบากอันไมมีโทษ เปนลกัษณะ) สวนใน สัททนีติสตุตมาลาอธิบาย สูตร ๗๕๒ วา เอตฺถ จ อปจฺจนฺติ กุลํ วุจฺจติ, ตถา หิ วุตฺตํ เอตฺถ ปน วาเสโติ วุตฺเต วสิสฺส ปุตฺโต วา นตฺตา วา ปนตฺตาทโย วา ตพฺพํเส ชาตา สพฺเพ ปุริสา ลพฺภนฺติ. อิตฺถิลิงฺเค วตฺตพฺเพ วาเสสทฺทโต อีปจฺจยํ กตฺวา วาเสีติ ภวติ. เอตฺถ ปน วาเสีติ จ วุตฺเต วสิสฺส ภริยา วา ธีตา วา ตพฺพํเส ชาตา สพฺพา อิตฺถิโย ลพฺภนฺติ. กุลสทฺเท ปน อเปกฺขิเต วาเสนฺติ ภวตีติ (คำวา อปจฺจ ในที่นี้ หมายถึง ตระกูล, ฉะนั้น ทานจึงอธิบายวา อนึ่งในที่นี้ คำวา วาเส ไดแกบุตรหรือหลานของวสิฏฐะ หรือวาบุรุษ ทั้งหมดมีเหลนเปนตนผูเกิดในวงศตระกูลของ วสิฏฐะนั้น, เมื่อตองการใชเปนอิตถีลิงค ใหลง อี ปจจัยหลัง วาเส ศัพท จะไดรูปวา วาเสี. อนึ่ง คำวา วาเสี ในที่นี้ ไดแกภรรยาหรือธิดา ของวสิฏฐะ หรือสตรีทั้งหมด ผูเกิดในวงศ ตระกูลของวสิฏฐะนั้น. แตเมื่อจะระบุถึงตระกูล ใหใชเปนรูปนปุงสกลิงควา วาเสํ) อปจฺจเวกขฺณา (อิตฺ.) การไมพิจารณาเฉพาะ, การไมพิจารณาเห็นชัดตามเปนจริง วิ. ธมฺมานํ สภาวํ ปติ น อเปกฺขตีติ อปจฺจเวกฺขณา อสมฺโพโธ (กิริยาใดยอมไมพิจารณาเห็นชัดซึ่ง สภาวะแหงธรรมทั้งหลาย เหตุนั้น กิริยานั้นชื่อ วา อปจฺจเวกฺขณา คือการไมรู), [น + ปติ + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, อาเทศ ติ แหง ปติ เปน จ, ซอนพยัญชนะที่มีรูปเสมอกัน คือ จฺ, แปลง อิ ที่ อิกฺข เปน เอ, ว อาคม, หรือประกอบดวย อว ก็ ได], เทียบ ปจฺจเวกฺขณ นัยเดียวกันเชน อปจฺจเวกฺขิตฺวา (ไมพิจารณาแลว) บทนี้ลง ตฺวา ปจจัย อปจายน (นปุ.,อิตฺ.) การประพฤติออนนอม ถอมตน, การแสดงความเคารพ, การนับถือ วิ. อปจายติ ปูชาวเสน สามีจึ กโรติ เอเตนาติ อปจายนํ, อปจายนา วา (บุคคลยอมประพฤติ ออนนอม คือทำความเคารพดวยอำนาจการ บูชา ดวยอาการนั่น เหตุนั้น อาการนั้นชื่อวา อปจายน หรือ อปจายนา), [อป + จาย/จายุ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], อปจฺจโย อปจาโย ลง ณ ปจจัย ก็มี, นัยเดียวกัน อปจิติ บทนี้ลง ติ ปจจัย วิการ เอ เปน อิ, วิ. ปูชาวเสน สามีจิกิริยา อปจายนํ อปจิติ (การทำสามีจิกรรม คือการ นอบนอมดวยอำนาจการบูชา ชื่อวา อปจิติ) อปจายนฺต (ติ.) เคารพอยู, บูชาอยู, นับถืออยู, ออนนอมอยู วิ. อปจายตีติ อปจายนฺโต (ผูใด ประพฤติออนนอมอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อปจายนฺต), [อป + เจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + อนฺต ปจจัย, แปลง เอ เปน อา + ย อาคม เพราะสระหลัง ดวยมหาสูตร], อีกนัยหนึ่ง พึง ทราบการสำเร็จรูปดวยการอาเทศ เอ เปน อาย ดวยการแบงสูตร กจฺ.๕๑๕ รูป.๕๔๑ วา เต อาวายา, แมจะสำเร็จรูป โดยการอาเทศเปน อาย แมไมใช ณ อนุพันธก็ได ดวยการแบงสูตร โมคฺ. ๕/๙๐ วา อายาวา ณานุพนฺเธ, คำวา อปจายมาโน ก็นัยนี้ ลง มาน ปจจัย อปจายิต (ติ), ๑. เคารพยำเกรง, บูชาแลว, อันเขาใหออนนอมแลว วิ. อปจาปยิตฺถาติ อปจายิโต (ผใูดอันเขาใหบูชาแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อปจายิต), [อป + จิ ธาตุ จเย ในความ
๑๕๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา สั่งสม + เณ ในอรรถการิต (การิตตฺต) + ต ปจจัย] ๒. วิ. อปจายิตฺถาติ อปจายิโต อรหิโต (ผูใดบูชาแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปจายิต) ๓. อปจายิตพฺโพติ อปจายิโต (ผูใดอันเขาบูชา แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปจายิต), [อป + จาย ธาตุ ปูชานิสามเนสุ ในการบูชาและการ ใครครวญ + ต หรือ กฺต + อิ อาคม, แปลง เอ เปน อา โดยมหาสูตรแหง นิรุตฺติทีปนี, ในเพราะ สระหลัง ลง ย อาคม, หรือแปลง อ เปน อิ] รูปวา อปจายิโต, อปจิโต วา ก็มี ทานกลาววา เจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา, นัยเดียวกันเชน อปจายิตพฺพํ บทนี้ ลง ตพฺพ ปจจัย อปจายี (ปุ.) ผูเคารพนับถือ, ผูยำเกรง, ผูออน นอม, ผูบูชาเปนปกติ วิ. อปจายติ สีเลนาติ อปจายี(ผใูดยอมบูชาโดยปกติเหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อปจายี), [อป + จาย หรือ เจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ณี ปจจัย โมคฺ.๕/๕๓ สีลาภิกฺขฺาวสฺสเกสุ ณี] นัยเดียวกันเชน วุทฺธาปจายี วุฑฺฒาปจายี ตอไปนี้เปนการ วิเคราะหในคำนี้ วิ. วุทฺเธสุ อปจายนสีโล วุทฺธาปจายี. คุณวุทฺธวยวุทฺเธ อปเจติ อตฺตานํ นีจวุตฺติกรเณน ปูเชติ สีเลนาติ วา วุทฺธาปจายี (ผูมีปกติออนนอมผูเจริญ ชื่อวา วุทฺธาปจายี. นัยหนึ่ง ผูใดออนนอมผูเจริญดวยคุณและเจริญ ดวยวัย คือบูชาผูเจริญดวยการทำตนให ออนนอมถอมตน โดยปกติ เหตุนั้น เขาจึงชื่อวา วุทฺธาปจายี) อปจารี (ปุ.) ผูออนนอม, ผูเคารพยำเกรง, ผูประพฤติออนนอมเปนปกติ วิ. อปจายนสีโล อปจารี (ผูมีปกติประพฤติออนนอม ชื่อวา อปจารี), [อป + จร ธาตุ จรเณ ในความ ประพฤติ + ณี ปจจัย, พฤทธิ์ อ เปน อา กลาง ศัพท] อปจิต (ติ.) อันเขาบูชา, อันเขานับถือ, อันเขา ออนนอม วิ. อปจิยิตฺถาติ อปจิโต มานิโต (สิ่งใด อันเขานับถือแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปจิต คือ ผูอันเขานับถือแลว) วิ. อปจียเตติ อปจิโต (สิ่งใดอันเขานับถือ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปจิต), [อป + จิ ธาตุ จเย ในความกอ + ต/กฺต ปจจัย] อปจิติ (อิตฺ.) การออนนอม, การยำเกรง, การ เคารพ, การบูชา วิ. ปูชาวเสน สามีจิกิริยา อปจายนํ อปจิติ อจฺจนา (การทำสามีจิกรรม ดวยอำนาจการบูชา คือออนนอม ชื่อวา อปจิติ คือการบูชา), [อป + จิ ธาตุ จเย ในความกอ หรือ เจ ธาตุปูชายํในความบูชา, แปลง เอ เปน อิ + ติ ปจจัย] อปจินน (นปุ.) ความเสื่อม, ความฉิบหาย วิ. อวุฑฺฒิ ปราภโว อปจินนํ (ความไมเจริญ คือ ความเสื่อม ชื่อวา อปจินน), [อป + จิ ธาตุ จเย ในความกอ + นา วิกรณปจจัยคือปจจัยประจำ หมวดธาตุ + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน] อปเจยฺย (ติ.) ๑. ควรเพื่อบูชา, ควรบูชา, ควร ออนนอม วิ. อปจายิตุํ อรหตีติ อปเจยฺยํ (ผูใด ยอมควร เพื่ออันเคารพ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปเจยฺย), [อป + จิ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ฆฺยณฺ ปจจัย, ซอน ยฺ, แปลง เอ เปน อ] ๒. ควร นำมาบูชา, ควรบูชา วิ. อปจายิตพฺพนฺติ อปเจยฺยํ, อปจายิยํ (สิ่งใดอันเขาควรเอามา เคารพ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปเจยฺย, อปจายิยํ ก็มี) [อป + เจ หรือ จายุ ธาตุ ปูชายํ ในความ บูชา + ฆฺยณฺ ปจจัย] อปฺชส (ปุ.) ๑. นอกลูนอกทาง, ออกจากทาง, หลีกออกจากทางตรง, ไมเสมอ, เดินผิดทาง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕๗ วิ. อฺชสา อปคโตติ อปฺชโส (ผูใดยอมไป ปราศจากทางตรง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปฺชส), [อป + อฺช ธาตุ คติยํ ในความไป + ส ปจจัย] ๒. ไมใชทางตรง, ไมใชทางไป วิ. น ปฺชสํ อปฺชสํ (ไมใชทางตรง ชื่อวา อปฺชส), [น + ป + อฺช ธาตุ คติยํ ในความไป + อส ปจจัย] วิ. อุปฺปเถ คจฺฉตีติ อปฺชโส (ชื่อวา อปฺชส เพราะไปผิดทาง), ในอรรถกถาเปนตน ทานวา อปฺชสาติ มคฺคโต อปคตา, อุมฺมคฺคคามิโน หุตฺวา วายนฺตีติ อตฺโถ (บทวา อปฺชสา ไดแก ลมนอกทาง พัดออกนอกทางไป) วิ. ปกํ ปธานํ อฺชสํ เอเตสนฺติ ปฺชสา, อฺชสํ ปคตา ปฏิปนฺนาติ วา ปฺชสา, ปกติมคฺคคามิโน. น ปฺชสา อปฺชสา อมคฺคปฺปฏิปนฺนาติ (ทาง หลัก ของชนเหลานั้นมีอยู เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา ปฺชสา ผูมีทางหลัก, อีกนัยหนึ่ง ชนที่ ดำเนินไปนอกทางหลัก เหตุนั้น ชื่อวา ปฺชสา ไดแก คนเดินทางปกติ, ไมใชผูเดินทางปกติ ชื่อวา อปฺชสา ไดแก ไมดำเนินไปในที่ไมใช ทาง) อปฏิวิภตฺตโภคี (ปุ.) ผูบริโภคโภคะไม แบงแยก, ไมหวงไวบริโภคเพื่อพวกตน, เปน ไวพจนของสาธารณโภคี คือการแบงปนเฉลี่ย เจือจานกัน วิ. วิสุํ อวิภตฺตํ โภคํ ภฺุชนสีโล อปฏิวิภตฺตโภคี (ผูมีปกติบริโภคโภคะไม แบงแยก ชื่อวา อปฏิวิภตฺตโภคี), [น + ปฏิ + วิภตฺต + ภุช ธาตุ ภฺุชเน ในความบริโภค + ณี ปจจัย, แปลง ช เปน ค, วิการ อุ เปน โอ] อปณฺณก (ติ.) ไมผิด, ไมนำไปสูความผิด วิ. วิรุทฺธโวหาเรน น ปณาเมตีติ อปณฺณโก อวิรุทฺโธ (ปฏิปทาใดไมนอมไปโดยโวหารวาผิด เหตุนั้น ปฏิปทานั้นชื่อวา อปณฺณก ไดแกความ ไมผิด), [น + ปณ ธาตุ พฺยวหารตฺถุตีสุ ในความ นอมลงไปและในความสรรเสริญ + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก, ซอน ณฺ] อปถ (อพฺ.) ไมใชทาง, นอกทาง, ทางที่ออกจาก ทางที่ควรไป วิ. อคนฺตพฺพปถภาวโต อเปตํ ปถํ อปถํ อุปฺปถํ (ทางที่ไปปราศจากความเปนทางที่ ควรไป ชื่อวา อปถ คือนอกทาง), อสทฺโทตฺร นิปาโต (อ ในที่นี้เปนนิบาต) อปทาน (นปุ.) เวนจากการขาดตอน, ตอเนื่อง, เรื่องราวตอเนื่อง, ประวัติ วิ. ทานโต อวขณฺฑนโต อเปตํ อปทานํ (สิ่งที่เปนไปปราศจากการขาด ตอนขาดชวง เรียกวา อปทาน) บทนี้เปน ปญจมี อัพยยีภาวสมาส สลับบทหนาหลัง วิ. อปทาติ อวขณฺฑตีติ อปทานํ (สิ่งใดยอมเวนการขาด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปทาน), [อป + ทา ธาตุ อวขณฺฑเน ในความขาด + ยุ ปจจัย], แตใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๕๙๒) วา ทาน ธาตุ อวขณฺฑเน ในการตัด วิ. อปทียนฺติ โทสา เอเตน รกฺขียนฺติ, ลูยนฺติ, ฉิชฺชนฺตีติ วา อปทานํ, สตฺตานํ สมฺมา มิจฺฉา วา ปวตฺตปโยโค (โทษอันรักษาไว หรือตัดขาดไปดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปทาน), [อป + ทา ธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] วิ. อปทานํ วุจฺจติ วิขฺยาตํ กมฺมํ (กรรมอันทานอธิบายแลว ทาน เรียกวา อปทาน), อปทานอกถายํ จ วุตฺตํ อปทานสทฺโท การณคฺคหณอปคมนปฏิปาฏิ- อกฺโกสนาทีสุ ทิสฺสตีติ. ตตฺถ วิตฺถาโร โอโลเกตพฺโพ (ก็ในอรรถกถาอปทาน ทานกลาวไววา อปทาน ศัพท ปรากฏวาใชในความหมายวา การณ (เหตุ) คหณ ถือ อปคมน การจากไป ปฏิปาฏิ ตามลำดับ อกฺโกสน การดา เปนตน ในภาษา สันสกฤตมีรูปวา อวทานมฺ
๑๕๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อปทิฏฺ (ติ.) อันเขาอางแลว, สิ่งที่ถูกอางถึง, แสดงอาง วิ. อปทิสียิตฺถาติ อปทิโ (ผูใดอัน เขาแสดงอางแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปทิ), [อป + ทิสี ธาตุ กถเน ในความกลาว + ต ปจจัย แปลง ต เปน , แปลงที่สุดธาตุเปนพยัญชนะ สังโยค ] คำวา อปทิสิตพฺโพ (อันเขาพึงแสดง อาง) บทนี้ ลง ตพฺพ ปจจัย เหา กตฺวา วตฺตพฺโพติ อตฺโถ (หมายความวา เนื้อความที่ ผานมาแลวอันเขาพึงกลาวถึง) อปทิสฺส (กิ.กิตฺ.) แสดงอางแลว, อาศัยแลว, อางถึงแลว, เจาะจง ๑. วิ. อปทิสิตฺถาติ อปทิสฺส, อปทิสิตฺวา วา (แสดงอางแลว ชื่อวา อปทิสฺส, อปทิสิตฺวา), [อป + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความเห็น + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ย เปน ส (ยสฺส ปุพฺพรูปตฺตํ)] หรือได รูปเปน อปทิสิตฺวา เชน อปทิสิตฺวา กเถตฺวา, อารพฺภาติ วา อตฺโถ (อปทิสิตฺวา แปลวา กลาว แลว หรือหมายถึง ปรารภแลว), นัยเดียวกันเชน อปทิสิตพฺโพ บทนี้ลง ตพฺพ ปจจัยในอรรถกรรม อปเทส (ปุ.) ๑. เหตุผล, คำแถลง, การเลาเรื่อง, การชี้แจง, การโกง วิ. อิจฺฉิตตฺถนิพฺพตฺตนตฺถํ อปทิสิตพฺโพ อปทิสียติ วา อิจฺฉิตตฺโถ อเนนาติ อปเทโส, เลโส อุปมา เหตุทาหรณาทิการณํ วา (สิ่งใดอันเขาพึงแสดงอางเพื่อเกิดประโยชนที่ ตองการ หรือประโยชนตามที่ตองการอันทาน แสดงอางดวยสิ่งใด สิ่งนั้นชื่อวา อปเทส ไดแก เลศนัย อุปมา หรือเหตุผลมีการแสดงเหตุและ ตัวอยางเปนตน), [อป + ทิสิ ธาตุ อุจฺจารเณ ในการแสดง + ณ ปจจัย] ๒. การยกขออาง, หลักฐาน วิ. อปทิสฺสตีติ อปเทโส (ภาวะใดยอม แสดงอาง เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อปเทส การ ยกขออาง), [อป + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ใน ความเห็น + ณ ปจจัย], อปเทส นั้น มี ๔ อยาง ไดแก พุทฺธาปเทโส (ยกเอาพระพุทธเจาขึ้นอาง) สํฆาปเทโส (ยกเอาพระสงฆขึ้นอาง), สมฺพหุลตฺ- เถราปเทโส (ยกเอาพระเถระจำนวนมากขึ้น อาง), เอกตฺเถราปเทโส (ยกเอาพระเถระรูปหนึ่ง ขึ้นอาง) ที.ม. ๑๐/๑๑๓-๑๑๖/๑๔๔; องฺ.จตุกฺก. ๒๑/๑๘๐/๒๒๗. วิ. อปสฺสยํ กตฺวา ทิสิยนฺติ เอตฺถาติ อปเทสา โอกาสา. อปสฺสยํ กตฺวา ทิสิยนฺติ เอเตหีิติ วา อปเทสา การณา, จตฺตาโร มหาปเทสาติ อตฺโถ (เรื่องอันเขาทำใหเปน หลักฐานแสดงอางไวในโอกาสใด เหตุนั้น โอกาส นั้นชื่อวา อปเทส ที่เปนที่อันเขาทำใหเปน หลักฐานแลวแสดงอาง นัยหนึ่ง เรื่องอันเขาทำ ใหเปนหลักฐานแสดงอางดวยธรรมชาติใด เหตุ นั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อปเทส ไดแก การณ หมายถึง มหาปเทส ๔), [อป + ใน กจฺจายนธาตุมฺชูสา วา ลง ทิส ธาตุ อุจฺจารเณ ในการ ชี้แจง + ณ ปจจัย] อปธารณ (นปุ.) การปด, การกำบัง, การบัง วิ. อปธรตีติ อปธารณํ (สิ่งใดยอมกำบังไว เหตุ นั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปธารณ), [อป + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, แปลง น เปน ณ, ทีฆะกลางศัพทดวยสูตร วา กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วา เตสุวุทฺธิ เปนตน] อปนาเมตฺวา (กิ.กิตฺ.) ใหนอมลงแลว, ปดแลว, หุบแลว, นอมไปแลว, นำไปตอหนา วิ. อปนาเมสีติ อปนาเมตฺวา (อปนาเมตฺวา แปลวา นอมไปแลว), [อป + นมุ ธาตุ นมเน ใน การนอมไป + เณ ปจจัย + ตฺวา ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อุปนาเมตฺวา (นอมเขาไปแลว) บทนี้ อุป เปนบทหนา, อุปนาเมนฺโต (นอมเขา ไปอยู) บทนี้ลง อนฺต ปจจัย
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๕๙ อปนิธาน (นปุ.) การเก็บไว, การแอบซอนไว วิ. อปนิธิยเต อปนิธานํ (อันเขาแบบซอนไว ชื่อวา อปนิธาน), [อป + นิ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] นัยเดียวกันเชน อุปนิธานํ บทนี้ อุป + นิ บทหนา อปนิธาย (กิ.กิตฺ.) ซอนไวแลว วิ. อปนิทหิตฺวาติ อปนิธาย (ซอนไวแลว ชื่อวา อปนิธาย), [อป + นิ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ย], นัยเดียวกันเชน อุปนิธาย หมายถึง โอลุมฺพิย (เทียบเคียง) บทนี้ มี อุป เปนบทหนา อปนุทิตฺวา (กิ.กิต.) ละแลว, ขับไลแลว, กำจัด แลว, บรรเทาแลว วิ. อปนุทีติ อปนุทิตฺวา (อปนุทิตฺวา แปลวา บรรเทาแลว), [อป + นุท ธาตุ เขเป ในความซัดไป + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม] นัยเดียวกัน ปนุทิตฺวา (บรรเทาแลว) บท นี้ ป บทหนา, ปนุทนํ (การบรรเทา) ลง ยุ ปจจัย อปเนตฺวา (กิ.กิต.) นำออก, ปลดออก, ถอด วิ. อปนยิตฺถาติ อปเนตฺวา (อปเนตฺวา แปลวา นำออกแลว), [อป + นี ธาตุ นเย ในความนำไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง อีเปน เอ] นัยเดียวกันเชน อปเนนฺโต, อปนยมาโน (ปลดเปลื้องอยู) ลง อนฺต และ มาน ปจจัย อปมาร (ปุ.) โรคลมบาหมู, ผูที่มีสรณะไปปราศ วิ. สรณํ สาโร, อปคโต สาโร เอตสฺมาติ อปมาโร อปสฺมาโร (สรณะชื่อวา สาระ, สาระ ไป ปราศจากผูนั้น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปมาร), [แปลง ส เปน ม], ซึ่งชาวโลกเรียนกันวา ลมบาหมู,ลมชัก, แปลง ส เปน ม, ตามแนวแหง พระวินัยปฎก วินย.อ.๓/๖๘ วา อปมาโรติ ปตฺตุมฺมาโท วา ยกฺขุมฺมาโท วา ตตฺถ ปุพฺพเวริเกน อมนุสฺเสน คหิโต ทุตฺติกิจฺโฉ โหติ, อปฺปมตฺตเกป ปน อปมาเร สติ น ปพฺพาเชตพฺโพติ (โรคบาเพราะดี หรือโรคบาดวยถูกผีสิง ชื่อโรค ลมบาหมู. ในโรคลมบาหมู ๒ ชนิด บุคคลผูถูก อมนุษยซึ่งเคยเปนคูเวรกันสิงแลว ยอมเปนผูที่ เยียวยาไดยาก, และเมื่อโรคลมบาหมูนั้นมีแม เพียงเล็กนอย ก็ไมควรใหบวช) อปยาต (ติ.) ผูไปแลว, ผูไปปราศแลว, ผูหนีไป แลว วิ. อปยนฺติ อปคจฺฉนฺตีติ อปยาตา (ชน เหลาใดไปปราศแลว เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อปยาต), [อป + ยา ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย] อปร (ติ.) อื่นอีก ปุพฺพปราปรทกฺขิณุตฺตรสทฺทา ปุลฺลิงฺคตฺเต ยถารหํ กาลเทสาทิวจนา, อิตฺถิลิงฺคตฺเต ทิสาทิวจนา, นปุํสกลิงฺคตฺเต านาทิวจนา. อปโร รุฬฺหิสทฺโท (ศัพทวา ปุพฺพ ปร อปร ทกฺขิณ อุตฺตร ประกอบลิงคตามสมควร ในปุงลิงคโยค กาล, เทส เปนตน, ในอิตถีลิงค โยค ทิสา เปนตน, ในนปุงสกลิงคโยค าน เปนตน, อปร จัดเปนรุฬหีศัพท) อปรโคยาน (ปุ.นปุ.) อปรโคยานทวีป, ๑. ที่อื่นเปนที่เที่ยวไปดวยโค, วิ. คเวน ยนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ โคยานํ (ชนทั้งหลายเที่ยวไป ในที่นั้นดวยโค เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา โคยาน), [โค + ยา ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย], วิ. อปรฺจ ตํ โคยานฺจาติ อปรโคยานํ (ที่อื่น อีกนั้นดวย ที่ซึ่งคนเที่ยวไปดวยโคดวย เหตุนั้น ชื่อวา อปรโคยาน) ๒. ทวีปหนึ่งที่มีคนเที่ยวไป ดวยโค วิ. คเวน ยนฺตฺเยตฺถาติ โคยาโน (ชน ทั้งหลายในทวีปนั้นเที่ยวไปดวยโค เหตุนั้น ทวีปนั้น ชื่อวา โคยาน) สิเนรุโน ปจฺฉิมทิสภาคตฺตา อปโร จ โส โคยาโน จาติ อปรโคยาโน, ปจฺฉิม-
๑๖๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ทีโป (ชื่อวาทวีปอื่นนั้นดวย เพราะเปนทวีปที่ ตั้งอยูทิศตะวันตก ทวีปที่ชนเที่ยวไปดวยโคดวย เหตุนั้น ชื่อวา อปรโคยาน คือ ทวีปที่อยูทิศ ตะวันตก), จกฺกวาฬทีปนิยํ วุตฺตํ ปุพฺพวิเทโหติ เอตฺถ ปน ปุพฺพสทฺทสนฺนิธานสามตฺถิเยน อปรโคยานนฺติ เอตฺถ ปุพฺพาปรนฺติ เอตฺถ วิย อปรสทฺโทว อิจฺฉิตพฺโพ. น อชโร ตฺวํ อมโร ภวาติ เอตฺถ วิย อมรสทฺโทติ วิฺายติ (จักรวาฬทีปนี หนา ๖๖ วา ก็โดยสามารถแหงการบังคับดวย ปุพฺพ ศัพท ในคำวา ปุพฺพวิเทห นี้ จำตอง ปรารถนา อปร ศัพท เทานั้นในคำวา อปรโคยาน นี้ ประดุจในคำวา ปุพฺพาปร จะเขาใจวา เปน อมร ศัพท ดุจในคำวา อชโร ตฺวํ อมโร ภว ทานจงเปนผูไมแกไมตาย” ดังนี้ไมได) เตน มูลปณฺณาสเก สติปานสุตฺตวณฺณนายํ อปรโคยานโต อาคตมนุสฺเสหิ อาวสิตปฺปเทโส อปรนฺตชนปโทติ นามํ ลภีติ วุตฺตํ. อปรปุเรติ เหา วิย อิธาปปจฺฉิมทิสาวาจโก อปรสทโฺทติ (ดวยเหตุนั้น ในอรรถกถาสติปฏฐานสูตร ในมูลปณณาสก จึงไดกลาววา ประเทศที่มนุษยซึ่งมา จากอปรโคยานทวีปไดอยูครอง ไดชื่อวา อปรันตชนบท. อปร ศัพท แมในคำวา อปรโคยาน นี้ ก็บอกปจฉิมทิศเหมือนกับในคำที่จะ กลาวในภายหลังวา อปรปุเร) อปรช (ติ.) ผูเกิดในกาลภายหลัง วิ. อปรสฺมึ ปจฺฉากาเล ชาโต อปรโช (ผูเกิดในกาลภายหลัง ตอมา ชื่อวา อปรช), [อปร + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย ลบ กฺวิ ปจจัย] อปรชฺชุ (อพฺ.) พรุงน้ี, ในกาลอื่น คือ ในวัน พรุงน้ี วิ. อปรสฺมึ กาเล อปรชฺชุ, ปุนทิวเสติ อตฺโถ (ในการอื่นอีก ชื่อวา อปรชฺชุ หมายความ วา ในวันพรุงนี้), ลง ชฺชุ ปจจัย โมคฺ.๔/๑๐๗ วา อชฺชสชฺชฺวปรชฺเชฺวตรหิกรหา วิ. อปรสฺมึ อหนิ อปรชฺชุ, อปรสทฺทโต อหนีติ อตฺเถ ชฺชุปจฺจโย สตฺตมฺยนฺโตเยว. เอวํ ปรชฺชุ, สชฺชุ อิจฺจาทิ (ใน วันอื่นอีก ชื่อวา อปรชฺชุ, ลง ชฺชุ ปจจัย ทาย อปร ในอรรถแหงสัตตมีวิภัตติ ในความหมายวา ในวัน), ปาจิตฺยาทิโยชนายํ ปน วุตฺตํ อปรชฺชูติ อาสฬฺหีปุณฺณมิโต อปรํ อหนฺติ อปรชฺชุ, อหตฺเถ ชฺชุปจฺจโย. อตฺถโต ปาฏิปททิวโส. อยํ อปรชฺชุ- สทฺโท ปมนฺตนิปาโตติ (แตใน ปาจิตยาทิโยชนา วา ในคำวา อปรชฺชุ มีความวา วันอื่นอีกจากวัน เพ็ญเดือนอาสาฬหะ เหตุนั้น วันนั้น ชื่อวา อปรชฺชุ, ชฺชุ ปจจัย อหตฺเถ ใชในอรรถวา วัน, แตโดยความหมายไดแก วันปาฏิบท คือวันแรม ๑ ค่ำ, อปรชฺชุ ศัพทในนัยนี้ เปนนิบาต มีปฐมา วิภัตติเปนที่สุด) อปรชฺฌิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ผิดแลว, ประทุษราย แลว, ทำผิดแลว, พลาดแลว วิ. อปรชฺฌิตฺถาติ อปรชฺฌิตฺวา (อปรชฺฌิตฺวา แปลวา ผิดแลว), [รธ ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ย ปจจัย ลงหลังธาตุหมวด ทิว ธาตุ + อิ อาคม + ตฺวา ปจจัย, อาเทศ ธฺย เปน ชฺฌ] นัยเดียวกันเชน อปรชฺฌนฺโต (ผิดอยู) ราธ ธาตุ หึสาสํราเธสุ ใน ความเบียดเบียนและความยินดี ย ปจจัยลงหลัง หมวด ทิว ธาตุ บทนี้ลง อนฺต ปจจัย อปรณฺณ (ปุ.) อปรัณณชาติ, ของที่จะพึงกินใน สวนอื่นจากของกินมื้อเชาเปนตน, ของกินที่มี เพิ่มมาอีกทีหลัง วิ. ปุพฺพณฺณาทิโต อปรภาเค ปวตฺตํ อนฺนํ อปรณฺณํอปรนฺนํ. (ของกินที่เปน ไป ในสวนอื่นอีกจากของกินมื้อเชาเปนตน ชื่อวา อปรณฺณ, อปรนฺน), บทนี้เปน สัตตมีตัปปุริส สมาส มัชเฌโลป
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๖๑ อปรตฺต (อพฺ.) ภายหลังแหงราตรี, คอนคืน วิ. รตฺติยา ปจฺฉา อปรตฺตํ (ภายหลังแหงราตรี ชื่อวา อปรตฺต), [แปลง อิ เปน อ], บทนี้เปน อัพยยีภาวสมาส อปรทฺธ (ติ.) ความผิด, โทษ วิ. อปรชฺฌิตฺถาติ อปรทฺธํ (สิ่งใดผิดแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปรทฺธ), [อป + รธ ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ต ปจจัย อาเทศ ต เปน ธ, อาเทศ ธ เปน ทฺ], อปรทฺธ เปนไวพจนของคำวา ทุกฺกฏ ที่ทานกลาวไวในขอวา อปรทฺธํ วิรทฺธํ ขลิตนฺติ สพฺพเมตํ ยฺจ ทุกฺกฏํ (ก็คำวา อปรทฺธํ วิรทฺธํ ขลิตํ ทั้งหมดนั่น ไดแก ทุกกฎ), วินย.อ.๓/๕๓๙ อปรทกฺขิณา (อิตฺ.) ทิศตะวันตกเฉียงใต วิ. อปรสฺสา จ ทกฺขิณสฺสา จ ทิสาย ยทนฺตราฬํ สายํ อปรทกฺขิณา วิทิสา (ทิศใด อยูระหวาง หวางทิศใตและตะวันออก ทิศนั้นชื่อวา ทิศ ตะวันตกเฉียงใต คือทิศเฉียง), [อนฺตราฬ=ใน ระหวาง (นิรุตฺติ. ๓๕๓) ทิสันตราฬัตถพหุพพีหิ สมาส] ปุพฺพตฺตรา (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ), ปจฺฉิมุตฺตรา (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ), ทกฺขิณปุพฺพา (ทิศตะวันออกเฉียงใต) วิ. ทกฺขิณา จ สา ปุพฺพา จาติ ทกฺขิณปุพฺพา (ทิศใตนั้นดวย ทิศ ตะวันออกดวย ชื่อวา ทกฺขิณปุพฺพา) จัดเปน กัมมธารยสมาส ก็ได อปรนฺตกปฺปิกา (ติ.) ผูมีอปรันตกัปปกทิฏฐิ, ผูมีทิฏฐิที่กำหนดขันธสวนอนาคต วิ. อปรนฺตํ กปฺเปตฺวา วิกปฺเปตฺวา คณฺหนฺตีติ อปรนฺตกปฺปกา (ชนเหลาใด กำหนดยึดถือขันธสวน อนาคต เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อปรนฺตกปฺปกา), [ณิก ปจจัยในตัทธิต] วิ. อปรนฺตกปฺโป เอเตสํ อตฺถีติ อปรนฺตกปฺปกา (การกำหนด ยึดถือขันธสวนอนาคต ของชนเหลานั้นมีอยู เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อปรนฺตกปฺปกา), [อิก ปจจัยในตทัสสัตถิตัทธิต] อปรนฺตป (ติ.) ผูไมเบียดเบียนผูอื่น วิ. ปรํ ตปตีติ ปรนฺตโป, น ปรนฺตโป น ปรปริตาปนานุโยคมนุยุตฺโต อปรนฺตโป (ผูใดยอมเผาผลาญผูอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ปรนฺตป, ผูไมเผาผลาญผูอื่น ไมประกอบดวยการทำผูอื่นใหเดือดรอน ชื่อวา อปรนฺตป), [น + ปร + ตป ธาตุ สนฺตาเป ในการ ทำใหเดือดรอน + อ ปจจัย] สำหรับในขอนี้มี ตัวอยางในอรรถกถาอิติวุตตกวา กรุณาย อปรนฺตโป, ปฺาย อนตฺตนฺตโป อิติ.อ.๑๖ (ไม เผาผลาญผูอื่นเพราะกรุณา ไมทำตนให เดือดรอนเพราะปญญา), ในศัพทวา อนตฺตนฺตป ก็นัยนี้ อปรปฺปจฺจย (ติ.) ผูไมตองมีคนอื่นเปนปจจยั, ไมตองเชื่อคนอื่น, ไมตองอาศัยศรัทธาคนอื่น เพราะเห็นแจงดวยตนเองแลว ๑. วิ. อตฺตโน ปจฺจกฺขโต อธิคตตฺตา น ปรํ ปจฺเจติ ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ น ปวตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย. น ปโร ปจฺเจตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย (ผูใด เชื่อคนอื่น เพราะตนเองบรรลุโดยประจักษแลว คือไมตองเปนไปในเรื่องนั้นดวยศรัทธาของผูอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปรปฺปจฺจย, ผูอื่นอันเขา ตองเชื่อ ไมมีแกเขา เหตุนั้น เขาจึงชื่อวา อปรปฺปจฺจย-ไมมีบุคคลอื่นจะตองเชื่อ), บทนี้ เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส และมีกิตกเปน ภายใน, [ปร + ปติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัยในกัมมสาธนะ, อาเทศ ติ เปน จ, ซอน จฺ, อาเทศ อิ เปน อย], นัยเดียวกันเชน อปรปฺปตฺติโย เปนตน วิ. น ปโร ปตฺติโย สทฺทหาตพฺโพ เอตสฺส อตฺถีติ อปรปฺปตฺติโย
๑๖๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (บุคคลอื่น อันเขาพึงถึง คือพึงเชื่อ ของเขาไมมี เหตุนั้น เขาจึงชื่อวา อปรปฺปตฺติย) อปราธ (ปุ.) ๑. ความผิด, โทษ, การละเมิด, ความชั่ว ความสำเร็จดวยดีปราศจากไป วิ. อปคโต ราโธ เยน โส อปราโธ อาคุ (ความสำเร็จดวยดีไปปราศ เพราะเหตุใด เหตุนั้น ชื่อวา อปราธ คือความชั่ว), เชนในขอ วา อปราธูปโม สฺูปาทานกฺขนฺโธ [อป + ราธ ธาตุ สํสิทฺธิมฺหิ, ในความสำเร็จดวยดี+ อ ปจจัย] ๒. สภาพที่เบียดเบียน วิ. อปรชฺฌตีติ อปราโธ (สภาพใดยอมเบียดเบียน เหตุนั้น สภาพนั้นชื่อ วา อปราธ), [อป + รธ ธาตุ หึเส ในความ เบียดเบียน + ณ ปจจัย], ปาฐะวา อปราธํ อปรทฺธํ ดังนี้ก็มีบาง, เชน ปมํป เม อปราธํ อตฺถิ, อปราธิโก ลง ณิก ปจจัยในตัทธิต, เชนใน ขอวา อปราธิกูปโม วิฺาณูปาทานกฺขนฺโธ อปริกฺกมน (นปุ.) ไมมีชาน, ไมมีที่เดินรอบ วิ. ปริโต กมติ คจฺฉติ เอตฺถาติ ปริกฺกมนํ (บุคคล กาวเดินไปรอบในที่นั่น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา ปริกฺกมน), [ปริ + กมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน, ซอน กฺ] วิ. นตฺถิ ปริกฺกมนํ เอตฺถาติ อปริกฺกมนํ อนุปจารํ กุฏิวตฺถุ (ชาน ไมมีที่กุฏินั้น เหตุนั้น กุฏินั้น ชื่อวา อปริกฺ- กมนํ, ไดแก ที่ใกลเคียง คือเครื่องประกอบกุฏิ), บทนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส, แปลง น เปน อ อปริโภค (ติ.) ไมควรบริโภค, ไมควรใชสอย วิ. น ปริภฺุชิตพฺพนฺติ อปริโภคํ (วัตถุใดอันเขา ไมควรบริโภค เหตุนั้น วัตถุนั้นชื่อวา อปริโภค) น ปริภฺุชนารหนฺติ อตฺโถ (ความวา ไมควรเพื่อ จะบริโภค), [น + ปริ + ภุช ธาตุ อชฺโฌหรเณ ใน ความกลืนกิน + ณ ปจจัย แปลง อุ เปน โอ, แปลง ช เปน ค] อปริมิต (ติ.) นับไมถวน, ไมพึงนับ, ประมาณ ไมได วิ. ปริมินิตพฺพา คณิตพฺพาติ ปริมิตา (สิ่งใดอันเขาพึงนับได เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา ปริมิต), [ปริ + มา ธาตุ ปริมาเณ ในการนับ + ต ปจจัย, แปลงที่สุดแหง มา ธาตุเปน อิ กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน. วิ. น ปริมิตา อปริมิตา (ธรรมชาติอันเขาพึงนับไมได ชื่อวา อปริมิตา), เชนในคำวา อปริมิตคุณคณาลงฺกตสพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติยา (ดวยความถึงพระ สัพพุตญาณอันประดับดวยคณุอันหาประมาณ มิได) อปริเมยฺยา วา (นัยหนึ่งมีความวา ไมพึง ประมาณ) ลง ณฺย ปจจัย แปลง อา เปน เอ ซอน ยฺ เชน สพฺพฺุตฺาณาทิอปริเมยฺยคุณ คณาธาโร (พระพุทธเจาทรงเปนที่รองรับ ประมวลพระคุณไมพึงประมาณมีพระสัพพุต ญาณ เปนตน) อปริโยคาหณา (อิตฺ.) การไมรู, การไมหยั่งรู วิ. รูปาทีสุ เอกธมฺมมฺป อนิจฺจาทิสามฺโต น ปริโยคาหตีติ อปริโยคาหณา อปฺปฏิเวโธ (ธรรมชาติใด ไมหยั่งลงสูธรรมแมอยางหนึ่งใน รูปเปนตน โดยความเปนสามัญลักษณะมีความ ไมเที่ยง เปนตน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อปริโยคาหณา คือการไมรูชัด), [น + ปริ +อว คาหุ ธาตุ ภุสตฺเถ ในความกลา + ยุ ปจจัย และ อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ยุ เปน อณ, ย อาคม เปนตน] อปลายี (ปุ.) ผูไมหนี, ไมวิ่งหนี, ไมกลัว วิ. ปลายนสีโล ปลายี, น ปลายี อปลายี (ผูมี ปกติวิ่งหนี ชื่อวา อปลายี, ผูมีปกติวิ่งหนีหามิได ชื่อวา อปลายี), [น + ปเล ธาตุ คติยํ ในความไป
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๖๓ + ณี ปจจัย, แปลงเปน อาย] นัยเดียวกันเชน อปลายนํ ลง ยุ ปจจัยในภาวะสาธนะ อปโลกน (นปุ.) การแลดู, การออนวอน วิ. อปโลกิยเต อายาจิยเตติ อปโลกนํ (การแลดู การออนวอน ชื่อวา อปโลกน), [อป + โลก ธาตุ อายาจนตฺเถ ในความออนวอน + ยุ ปจจัย ลง ในอรรถภาวะ] วิ. อปโลเกติ อาปุจฺฉติ อเนนาติ อปโลกนํ, อปโลกนกมฺมํ (เขายอมออนวอน ดวย กรรมนั้น เหตุนั้น กรรมนั้นชื่อวาอปโลกนไดแก อปโลกนกรรม), [อป + โลก ธาตุ อาปุจฺฉเน ใน ความอำลา + ยุ ปจจัย] วิ. อปโลกียเต อปโลกนํ, อปโลกิตํ (อันเขาแลดู ชื่อวา อปโลกนํ ไดแก แลดูแลว), [อป + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในการเห็น + ยุ ปจจัย], นัยเดียวกันเชน อาโลกนํ, วิโลกนํ, อุลฺโลกนํ, โอโลกนํ รูปตางกันไปดวยอำนาจ อุปสัค อปโลกิต (นปุ.) พระนิพพาน, ภาวะไมเสีย หายไป, ภาวะเปนเหตุรู วิ. สทา วิชฺชมานตฺตา อปลุชฺชนสภาวํ คจฺฉติ เตน วา วิฺายตีติ อปโลกิตํ นิพฺพานํ (ภาวะใดยอมถึงสภาพไมแตก ทำลายไป เพราะปรากฏมีทุกเมื่อ หรือบุคคล ยอมรูดวยภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปโลกิต), [น + ป + ลุช ธาตุ นสฺสเน ในความ ฉิบหาย + ต + อิ อาคม, แปลง ช เปน ก, และ พฤทธิ์ อุ เปน โอวุทฺธิ ๒. ไปจากโลก วิ. โลกสภาเวน วา วิฺายตีติ โลกิตํ (อีกนัย หนึ่ง ภาวะใดรูโดยสภาพเปนโลก เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา โลกิต, ตพฺภาวาปคมนโต อปโลกิตํ (เพราะไปปราศจากความรูที่เปนโลกนั้น ชื่อวา อปโลกิต) วิ. อปโลกนํ อปโลกิตํ (การแลดู ชื่อวา อปโลกิต), [อป + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ต ปจจัยในภาวะสาธนะ + อิ อาคม] เชน นาคสฺส วิย อปโลกิตํ, หตฺถินาคสฺส อปโลกนสทิสํ อปโลกนนฺติ อตฺโถ เหมือนการแลดูของ ชาง อธิบายวา การแลดู เหมือนการแลดูของ ชางตัวประเสริฐ) อปโลเกตวฺา (กิ.กิตฺ.) บอกลาแลว, อำลาแลว, เหลียวดู, ชำเลือง วิ. อปโลเกสีติ อปโลเกตฺวา อาปุจฺฉา (อปโลเกตฺวา แปลวา ชำเลืองแลว), [อป + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + เณ ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ + ตฺวา ปจจัย] นัย เดียวกันเชน อปโลเกตุํ (การอำลา, เพื่ออำลา) บทนี้ ลง ตุํ ปจจัย, อปโลเกตพฺโพ (บุคคลผูอัน เขาพึงอำลา) บทนี้ ลง ตพฺพ ปจจัย, อนปโลเกตฺวา (ไมอำลาแลว) เปนตน มีความหมายตรงขาม จัดเปน นปฏิเสธสมาส อปวคฺค (ปุ.) ๑. พระนิพพาน, อปวัคคธรรม, ธรรมที่เวนจากสังขารปรุงแตง วิ. สงฺขารา อปวชฺชนฺติ เอตสฺมาติ อปวคฺโค นิพฺพานํ (สังขารทั้งหลายเวนการปรุงแตงจากภาวะนั่น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปวคฺค คือพระ นิพพาน), [อป + วชฺช ธาตุ + ณปจจัย, แปลง ชฺช เปน คฺค] ๒. ภาวะที่เวนจากการกระทำ, สำเร็จผล วิ. กฺริยํ อปวชฺเชตีติ อปวคฺโค ผลสาธนํ (ภาวะใดเวนการกระทำ เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อปวคฺค คือสำเร็จผล), [อป + วช ธาตุ + ณ ปจจัย, ซอน คฺ, แปลง ช เปน ค], ใน อภิธานัปปทีปกาฎีกา กลาววา อปวคฺโค ใชใน ความหมายวา ปริจฺจาค อาวสาน และ วิมุตฺติ, สวนในโถมนิธิ วา อปวคฺค, ปุ, อป วเช, ภาเว ฆฺ, ทาเน, นิพฺพานโมกฺเข, ผลสาธเน, สมตฺเต (อปวคฺค เปนปุงลิงค อป บทหนา วเช ธาตุ ฆฺ ปจจัยในภาวะสาธนะ ใชในความหมายวา ทาเน นิพพานโมกฺข ผลสาธเน สมตฺเต) ในสัททัตถเภท-
๑๖๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา จินดาทีปนี วา กิริยาปวคฺโค จ นาม กฺริยาย อาสุ ปรินิาปนนฺติ. อิมินา นเยน วิคฺคโห กาตพฺโพ กิริยํ อปวชฺเชติ อาสุ สีฆํ นิปฺผาเทตีติ กิริยาปวคฺโค (ก็ชื่อวา กิริยาปวคฺค ไดแก การทำกิริยา ใหสำเร็จโดยเร็ว. ดวยนัยนี้ บัณฑิตพึงวิเคราะห วา สิ่งใดทำกิริยาใหสำเร็จ คือยังกิริยาใหเผด็จ เร็ว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา กิริยาปวคฺค) อปวชฺช (ปุ.) ธรรมที่เวนจากสังขารปรุงแตง วิ. สงฺขารา อปวชฺชนฺติ เอตสฺมาติ อปวชฺโช (สังขารทั้งหลายเวนการปรุงแตงจากภาวะนั่น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปวชฺช), [อป + วชฺช ธาตุ วชฺชเน ในความเวน + อ ปจจัย] อปวชฺชน (นปุ.) การสละ, การให, การบริจาค วิ. อปวชฺชิยเตติ อปวชฺชนํ จาโค (อันเขายอม สละ เหตุนั้น จึงชื่อวา อปวชฺชน ไดแก การ สละ), [อป + วชฺช ธาตุ วชฺชเน ในความเวน + ยุ ปจจัย] อปวาท (ปุ.) คำติเตียน, การกลาวโทษ, การ ติเตียน, การโจทย ๑. วิ. อปวทตีติ อปวาโท (ภาวะใดยอมกลาวโทษ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปวาท), [อป + วท ธาตุ วจเน ในความกลาว + ณ ปจจัย] ๒. วิ. ครหเณน วาโท อปวาโท อวณฺณวาโท (การกลาวดวยการติเตียน ชื่อวา อปวาท คือการกลาวโทษ), นัยเดียวกันเชน อุปวาโท บทนี้มี อุป เปนบทหนา อปวิทฺธ (ติ.) ถูกขวางไป, ถูกปฏิเสธ, อันเขาทิ้ง แลว, อนาถา วิ. อปวิชฺฌีติ อปวิทฺโธ, ฉฑฺฑิโต, ปวิโ วา (สิ่งใดอันเขาทิ้งแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปวิทฺธ ไดแก อันเขาทิ้งแลว), [อป + วิธ ธาตุ ภาเค ในการแบง + ต ปจจัย แปลง ต เปน ธ และแปลง ธ เปน ท] อปสกฺเกตฺวา (กิ.กิตฺ.) หลีกไปแลว, หลบไป แลว, เลี่ยงไปแลว, กาวลงแลว, กาวกลับแลว วิ. อปสกฺกิโต อปคโตติ อปสกฺเกตฺวา, โวกฺกมฺม (อปสกฺเกตฺวา แปลวา หลีกไปแลว ไปปราศแลว หมายถึง กาวลงแลว), [อป + สก ธาตุ สตฺติยํ ใน ความอาจ + เณ ปจจัยประจำหมวดธาตุ + ตฺวา ปจจัย, ซอน กฺ] ปาฐะวา อปสกฺกิตฺวา ก็มี, อิ อาคม. ปฏินิวตฺติตฺวา ปฏิกฺกมฺม วาติ อตฺโถ. (หมายความวา กลับแลว กาวกลับแลว), อปสกฺกนํ (การหลีกไป) ลง ยุ ปจจัย ใน ภาวสาธนะ อปสพฺย (นปุ.) ๑. ปฏิกูล, นาเกลียด วิ. ปฏิปกฺขภาเวน สวติ คจฺฉตีติ อปสพฺยํ ปฏิกูลํ (สิ่งใดไปโดยความเปนปฏิปกข เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปสพฺย คือนาเกลียด), [อป + สว ธาตุ คติยํ ในความไป + ย, แปลง ว เปน พ] ๒. เบื้องขวา วิ. สพฺยโต วามสรีรโต อปคตํ อปสพฺยํ, อปสวฺยํ วา (ขาวไปปราศสรีระขาง ซาย ชื่อวา อปสพฺย, อปสวฺย), วิ. ทกฺขิณํ กเฬวรํ อปสพฺยํ นาม (รางขางขวา ชื่อวา อปสพฺย), [อป + สพฺย] อปสฺมาร (ปุ.) โรคลมบาหมู, ผูมีสรณะไปปราศ วิ. อปคโต สาโร ยสฺมา โส อปสฺมาโร (สรณะ ไป ปราศจากผูใด ผูนั้นชื่อวา อปสฺมาร), [ม อาคม, วณฺณวิปริยาย เปลี่ยนตัวอักษร) อปสฺส (นปุ.ปุ) พนักพิง, เครื่องหนุน, หมอน ขาง, เตียง, เสื่อ วิ. อปสฺสิยเตติ อปสฺสํ (สิ่งใด อันเขาพิง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปสฺส), [อป + สิ ธาตุ เสวายํ ในความเสพ หรือ สเย ในการนอน + อ ปจจัย, ซอน สฺ] ปาฐะวา อปสฺสโย ก็มี, บท นั้นเปนปุงลิงคในวิสุทธิมรรค ๑/๙๘ ปรากฏวา อปสฺเสนํอปสฺสยํ, วิ. อปสฺสนียนฺติ อปสฺเสนํ,
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๖๕ นิจฺจปริโภโค มฺโจ วา ปํ วา (สิ่งใดอันเขาพิง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปสฺเสน ไดแกเตียงหรือตั้ง ที่ใชประจำ), [อป + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + อนีย ปจจัย สํวณฺเณตพฺพปเท ในอรรถวาตอง พรรณนา, แตบทสำหรับพรรณนา ลง ยุ ปจจัย ในอรรถกัมมสาธนะ อปสฺสย (ปุ.นปุ.) พนักพิง, เครื่องหนุน, การพิง, การหนุน, การอาศัย วิ. อปสฺสยตีติ อปสฺสยํ (ภาวะใดยอมพิง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปสฺสย), [อป + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + อนฺต ปจจัย, แปลง อิ เปน อย เปนตน] อปสฺสาย (กิ.กิตฺ.) พิงแลว, อาศัยแลว วิ. อปสฺสยิตฺถาติ อปสฺสาย (เขาอาศัยแลว ชื่อวา อปสฺสาย), [อป + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ในเพราะ ปฺย แปลง อิ แหง สิ เปน อา, ลบ ปฺ อนุพันธ], แมคำ วา อปสฺสยิตฺวา ก็นัยนี้ แปลง อิ เปน อย อปสาท (ปุ.) การรุกราน, การติเตียน วิ. อปกํ สทติ คจฺฉตีติ อปสาโท (คำใดดำเนิน ไปสูความงุนงาน เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อปสาท), [อป + สท ธาตุ คติยํ ในความไป + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อปสาเทตพฺพ (ติ.) ผูอันเขาพึงรุกราน, ผูอัน เขาตะเพิด, ผูอันเขาพึงปราม วิ. อปสาทียเตติ อปสาเทตพฺโพ, ปณาเมตพฺโพ (ผูใดอันเขาพึง รุกราน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปสาเทตพฺพ คืออัน เขาพึงปราม), [อป + สาท ธาตุ สาทเน ในความ ยินดี + เณ ปจจัยประจำหมวดธาตุ + ตพฺพ ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อปสาทนีโย (ผูอันเขา พึงรุกราน) อนีย ปจจัย, อปสาทิโต (อันเขา รุกรานแลว) ต ปจจัยเปนกัมมวาจก, อปสาทนํ (การรุกราน) บทนี้ลง ยุ ปจจัย, อปสาเทตุํ (เพื่อ อันรุกราน) บทนี้ลง ตุํ ปจจัย อปหริต (ติ.) มีของเขียวไปปราศแลว, มีวัตถุมี สีเขียวไปปราศแลว วิ. อปคตํ หริตํ ยสฺมาติ อปหริตํ, อปหริตกํ หริตวิรหิตนฺติ อตฺโถ (ของ เขียวไปปราศจากวัตถุใด เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อวา อปหริต, หมายความวา มีของเขียวไปปราศ คือ เวนจากของเขียว), [อป + หริต] นัยเดียวกันเชน อปหริตพฺพํ (ของเขียวอันเขาพึงนำไปปราศ), [อป + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ตพฺพ ปจจัย + อิอาคม] อปเนตพฺพนฺติ อตฺโถ (หมายความวา พึงนำออกไป) อปหาร (ปุ.) การนำหลีกไป, การถือเอาเสีย, การฉวยเอาไป, การนำไป, การปลน, โจรกรรม วิ. อปกฺกมฺม หรณํ อปหาโร (การเขาไปชิงเอา ชื่อวา อปหาร), [อป + หร ธาตุ หรเณ ในความ นำไป + ณ ปจจัย ลบ ณ อนุพันธและพฤทธิ์ อ เปน อา] อปฺป (ติ.) ๑. เล็กนอย, เลว, เบาบาง, นิดหนอย วิ. อเปสิ อีสกมตฺตํ อคมาสีติ อปฺป อพหุ (สิ่งใด ไปถึงความเปนของเล็กนอย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อปฺป), [อป ธาตุ ปาปุณเน ในความถึง + ป ปจจัย กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยท เปนตน, หรือ ป ปจจัย โมคฺ. ๗/๑๑๔ วา จมาปปาวปา โป. ๒. สิ่งที่เขากับฐานะนั้นๆ วิ. ตํ ตํ านํ อปฺเปตีติ อปฺป (สิ่งใดไปสูที่นั้นๆ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปฺป), [อปฺป ธาตุ ปาปุณเน ในความถึง + อ ปจจัย] แตใน กจฺจายนตฺถทีปนี วิ. อปฺโปติ ตํ ตํ านํ วิสรติ ปปฺโปตีติ วา อปฺป (สิ่งใดยอม ไป คือซานไปสูที่นั้นๆ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปฺป), วิ. อลฺยเต นิวารียเตติ อปฺป (สิ่งใดอันเขา ปฏิเสธคือหาม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปฺป), [อล
๑๖๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ธาตุ ภูสนปริยตฺตินิวารเณสุ ในความประดับ ปริยัติ และการหาม + ป ปจจัย, แปลง ล เปน ป], บางแหงวา อปฺป ศัพท อภาวตฺโถ มี ความหมายวา ไมมี เชน อปฺปจฺโฉติ อนิจฺโฉ จ, รูปาทิกามคุเณสุ อนิจฺฉนฺโตติ อตฺโถ (บทวา อปฺปจฺโฉ แปลวา ทั้งไมตองการ อธิบายวา ไม ปรารถนาในกามคุณมีรูปเปนตน) อปฺปจฺจกฺขาย (กิ.กิตฺ.) ไมปฏิเสธแลว, ไมสละ, ไมลา, ไมบอกคืน, ไมลาสิกขา วิ. น ปจฺจกฺขตฺวาติ อปฺปจฺจกฺขาย (บทวา อปฺปจฺจกฺขาย แปลวา ไม บอกคืนแลว), [น + ปติ + อา + ขา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ตฺวา ปจจัย อาเทศ ตฺวา เปน ย เปนตน] ปฺรติอุปสคฺโค ปน ยตฺถ ปฏิอาทิโ วา ปจฺจาเทสวเสน วา กโต โหติ, ตตฺถ พฺยฺชนาคโม น โหตีติ วทนฺติ. สุปฏิปนฺโน, สงฺขารปจฺจยา อิจฺจาทิ ทพฺพํ (แตในที่ใดที่ ปฺรติ อุปสัค ถูก อาเทศเปน ปฏิ หรือถูกอาเทศเปน ปจฺจ, ในที่ นั้นนักไวยากรณกลาววา ไมลงพยัญชนะอาคม, พึงเห็นตัวอยางเชน สุปฏิปนฺโน, สงฺขารปจฺจยา เปนตน), แตในบางอุทาหรณ ก็มีการลง พยัญชนะบาง เชน อปฺปฏิรูโป, สปฺปฏิภโย เปนตน อปฺปจฺจย (ปุ.) ๑. โทมนัส, ความบูดบึ้ง, ความ ไมพอใจ วิ. น ปจฺเจติ เตนาติ อปฺปจฺจโย (บุคคล ยอมไมหวนกลับไป เพราะภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปฺปจฺจย), โทมนสฺสสฺเสตํ อธิวจนํ (คำวา อปจฺปจฺจย นั้นเปนชื่อของ โทมนัส), [น + ปติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย, แปลง ติ แหง ปติ ทั้งตัวเปน จ ดวย สูตร กจฺ.๑๙ รูป.๒๒ วา สพฺโพ จํ ติ, ซอน จฺ, อาเทศ อิ ธาตุ เปน อย]. เอตฺถ จ อปฺปตีตา โหนฺติ เตน อตุา อโสมนสฺสิกาติ อปฺปจฺจโยติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. (ในขอนี้ พึงทราบความหมาย วา คำวา อปฺปจฺจโย หมายถึง ภาวะที่เปนเหตไุม พอใจ ไมยินดี ไมสุขใจ), ๒. ไมมีปจจัย วิ. อถ วา อปฺปจฺจโยติ น ปจฺจโย อนาหาโรติ อตฺโถ. อปฺปจฺจโยติ อนุปาทาโน, นิรินฺธโนติ อตฺโถ (อีก ประการหนึ่ง อปฺปจฺจย หมายถึง ไมมีปจจัย ไมมีเหตุที่มา, คำวา อปฺปจฺจย หมายถึง ไมมี ความยึดมั่น ไมมีเชื้อ) อปฺปจฺจุทฺธรณ (นปุ.) ไมถอน, ไมเลิก วิ. น ปจฺจุทฺธรณํอปฺปจฺจุทฺธรณํ, อปฺปจฺจุทฺธาโร (การ ไมถอน ชื่อวา อปฺปจฺจุทฺธรณํ คือการไมถอน), [น + ปติ + อุ บทหนา + ธร ธาตุ ธารเณ ใน ความทรงไว + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน] ดู อธิบายอุโทสิตสิกขายท ใน กงฺขาวิตรณีอกถา อปฺปฏิฆ (ติ.) ไมถูกกระทบกระทั่ง วิ. ตาสุ ทิสาสุ กตฺถจิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ (ผูใด ไมถูกระทบเพราะ กลัว ในทิศทั้งหลาย ในสัตวหรือในสังขารบาง แหง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปฺปฏิฆ), [น + ปฏิ + หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ร ปจจัย, แปลง หน เปน ฆ] อปฺปฏินิสฺสฏ (ติ.) ไมสละคืนแลว, อันเขาไม สละคืนแลว วิ. น ปฏินิสฺสโ อปฺปฏินิสฺสโ (สิ่งอันเขาไมสละคืนแลว ชื่อวา อปฺปฏินิสฺส), [น + ปฏิ + นิ + สช/สชฺช ธาตุ สงฺเค ในความ ของ + ต ปจจัย, อาเทศ ต และที่สุดธาตุเปน ] อปฺปฏิปุคฺคล (ปุ.) มีบุคคลเปรียบหามิได, ไมมี บุคคลเปรียบ, ไมมีบุคคลเปรียบ, พระพุทธเจา วิ. นตฺถิ ปฏิปุคฺคโล ยสฺสาติ อปฺปฏิปุคฺคโล, พุทฺโธ (บุคคลผูเปรียบไมมีแกพระผูมีพระภาคเจา พระองคนั้น เหตุนั้น พระผูมีพระภาคเจา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๖๗ พระองคนั้น จึงทรงพระนามวา อปฺปฏิปุคฺคล คือพระพุทธเจา), นตฺถิ เอตสฺส ปฏิปุคฺคโล อธิโก, สทิโส วาติ อปฺปฏิปุคฺคโลติ วุตฺตํ โหติ, ตถา หิ คุณวเสน อนนฺตาปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อตฺตนา อธิกสฺส สทิสสสฺวา ปุคฺคลสฺส อภาวโต น เม อาจริโย อตฺถิ สทิโส เม น วิชฺชติ, สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโลติ. อตฺตนาว อตฺตโน อวิปรีโต อปฺปฏิปุคฺคลภาโว ปฏิฺาโต (มีคำอธิบายวา ทรงพระนามวา อปฺปฏิปุคฺคล เพราะไมมีบุคคลผูยิ่งกวา หรือเสมอ, จริงอยาง นั้น เพราะไมมีบุคคลที่ยิ่งกวา หรือเทากับ พระองค ในโลกธาตุอันไมมีที่สุดหาประมาณ มิได ดวยอำนาจแหงคุณ พระองคจึงตรัสวา อาจารยของเราก็ไม ผูเชนกันดวยเราก็ไมมี บุคคลผูเปรียบกับดวยเราก็ไมมี ความที่พระองคไมมีผูเปรียบดวยพระองค ไม ผิดแปลก อันพระองคทรงปฏิญาณแลว), อตุโล ก็นัยนี้ อปฺปฏิปุจฺฉา (กิ.กิตฺ.) ไมสอบถามแลว วิ. อปฺปฏิปุจฺฉิตฺวา อปฺปฏิปุจฺฉา (อปฺปฏิปุจฺฉา แปลวา ไมสอบถามแลว), [น + ปฏิ + ปุจฺฉ ธาตุ ปุจฺฉเน ในความถาม + ตฺวา ปจจัย, อาเทศ ตฺวา เปน อา, แปลง น เปน อ, ซอน จฺ] อปฺปฏิวตฺติย (ติ.) ไมควรหมุนกลับ, ใหเปนไป ไมได, หมุนกลับไมได, ไมควรปฏิเสธ, ไมควร คัดคาน วิ. ปฏิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยนฺติ อปฺปฏิ- วตฺติยํ, อปฺปฏิเสธนียํ อปฺปฏิพาหิยนฺติอตฺโถ (สิ่งใดอันบุคคลไมอาจใหกลับ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปฺปฏิวตฺติย หมายความวา ไมอาจ ปฏิเสธ ไมอาจคัดคาน), [น + ปฏิ + วตุ ธาตุ วตฺตเน ในความเปนไป + ณฺย ปจจัย, ซอน ตฺ, อิ อาคม] อปฺปฏิวานี (ปุ.) ผูไมมีการหวนกลับ, ผูไมเบื่อ หนาย วิ. วีริยปฺปวาเห วตฺตมาเน อนฺตรา เอว ปฏิคมนํ นิวตฺตนํ ปฏิวานํ (เมื่อกระแสความ เพียรยังดำเนินไปอยู การหวนกลับในระหวาง นั่นเอง ชื่อวา ปฏิวานํ), [ปฏิ + วา ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย] วิ. ตํ ตสฺส อตฺถีติ ปฏิวานี, ปฏิวาโน วา (การหวนกลับของผูนั้น มีอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ปฏิวานี, ปฏิวาโน), [อี หรือ ณ ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต] วิ. น ปฏิวานี อปฺปฏิวานี (ไมใชบุคคลผูมีการหวนกลับ ชื่อวา อปฺปฏิวานี), นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส อสํโกจปฺปตฺโต, อนุกฺกณฺิโตติ อตฺโถ (หมายถึง ไมถึงความเบื่อหนาย ไมกระสันขึ้นแลว), ๒. การไมหวนกลับ วิ. อถวา อนฺตราเยว ปฏิคมนํ นิวตฺตนํ ปฏิวานี, น ปฏิวานี อปฺปฏิวานี, อนิวตฺตนาติ อตฺโถ (การหวนกลับ ในระหวาง นั่นแล ชื่อวา ปฏิวานี, การไมหวนกลับ ชื่อวา อปฺปฏิวานี), ๓. ผูไมมีการหวนกลับ วิ. อถ วา นตฺถิ เอตสฺส ปฏิวานนฺติ อปฺปฏิวาโน (การหวน กลับ ของผูนั่นไมมี เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อปฺปฏิวาน) อปฺปฏิวานีย (นปุ.) ไมพึงหวนกลับ, ไมพึง นำกลับหลัง, ไมพึงนำออก วิ. น ปฏิวานียํ น อปเนตพฺพนฺติ อปฺปฏิวานียํ (สิ่งใดอันเขาพึง นำออก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปฺปฏิวานีย), [น + ปฏิ + วา ธาตุ คมเน ในความไป + อนีย ปจจัย กัมมวาจก], นัยเดียวกัน อปฺปฏิวาโน (ผูไมหวน กลับ) ยุ ปจจัย ในกัตตุสาธนะ) อปฺปฏิเวธ (ปุ.) ๑. การไมรู, การไมตรัสรู, ไมรูแจงแทงตลอด วิ. ปฏิวิชฺฌนํ ปฏิเวโธ
๑๖๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (การตรัสรู ชื่อวา ปฏิเวธ), [ปฏิ + วิธ ธาตุ วิชฺฌเน ในการแทง + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อิ เปน เอ] วิ. น ปฏิเวโธ อปฺปฏิเวโธ, อนนุโพโธ อสมฺโพโธติ อตฺโถ (การตรัสรู หามิได ชื่อวา อปฺปฏิเวธ หมายความวา ไมรู ไมตรัสรู), บทนี้เปน นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส ๒. โมหะ, ความหลง, การไมรูสัจจะ วิ. นปฺปฏิวิชฺฌตีติ อปฺปฏิเวโธ จตุสจฺจธมฺมํ, โมโห (ภาวะใดยอมไม รูแจงแทงตลอด เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อปฺปฏิเวธ ไดแก การไมรูสัจจธรรม ๔) อปฺปฏิสํวิทิต (ติ.) อันเขาไมไดบอกใหรู, อันเขาไมรู, ยังไมไดรับบอก, ยังไมไดรับแจง เตือน วิ. น ปฏิสํวิทิตํ อปฺปฏิสํวิทิตํ (อันเขายัง ไมไดบอกใหทราบ ชื่อวา อปฺปฏิสํวิทิต), [น + ปฏิ + สํ + วิท ธาตุ าเณ ในความรู + ต ปจจัย + อิ อาคม] อปฺปฏิหต (นปุ.) ญาณ, ปญญา, สภาพที่ไมมี การกระทบกระทั่ง, ไมติดขัด วิ. ปฏิหนตีติ ปฏิหโต, โมโห (ภาวะใดยอมกระทบกระทั่ง เหตุ นั้น ภาวะนั้นชื่อวา ปฏิหต คือโมหะ), [ปฏิ + หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ต ปจจัย] วิ. นตฺถิ ปฏิหโต เอตสฺสาติ อปฺปฏิหตํ, าณํ (ภาวะที่กระทบกระทั่งไมมีแกสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปฺปฏิหน ไดแก ญาณ), บทนี้ จัดเปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส อปฺปณิหิต (ปุ.นปุ.) ภาวะที่ไมมีความ ปรารถนา, วิโมกข, พระนิพพาน, มรรค, วิ. ปณิหิตสฺส ตณฺหาปณิธิสฺส อภาวโต อปฺปณิหิโต (ชื่อวา อปฺปณิหิต เพราะไมมีความปรารถนาคือ ตัณหาอันสงไปแลว) วิ. นตฺถิ ปณิหิโต เอตสฺสาติ อปฺปณิหิโต, วิโมกฺโข, ตํ มคฺคสฺเสว นามํ (ความ ปรารถนา ของธรรมนั่น ไมมี เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อปฺปณิหิต ไดแก วิโมกข, คำวา อปฺปณิหิต นั้น เปนชื่อของมรรคนนั่เอง), ๒. ผูมีตนไมไดตั้ง ไวแลว วิ. สมฺมา อปฺปณิหิโต อตฺตา ยสฺสาติ อปฺปณิหิโต (ตนอันไมไดตั้งไวโดยชอบ ของชน ใด มีอยูเหตุนั้น ชนนั้น ชื่อวา อปฺปณิหิต), คำวา ปณิหิตํ ปณิธานํ ปณิธิ ปตฺถนา (ความ ปรารถนา) อาสา (ความอยาก) ชิฆจฺฉา (ความ หิว) ปปาสา (ความกระหาย) โดยใจความก็อยาง เดียวกัน ๓. นิพพาน, ที่ไมมีความปรารถนา วิ. นิพฺพานํ สยํ ปปาสวินยธมฺมตฺตา อาสาสงฺขาตํ สพฺพํ ตณฺหาปณิธึ วา ฉนฺทปณิธึ วา วิเนนฺตํ วิธเมนฺตํ วตฺตตีติ นตฺถิ ตสฺมึ ปณิหิตนฺติ อปฺปณิหิตํ (นิพพานยอมเปนไปกำจัดความ ปรารถนาดวยตัณหา หรือความปรารถนาดวย ฉันทะที่เรียกวาความอยาก เพราะมีสภาพละ ความกระหายไดเหตุนั้น ความปรารถนาจึงไมม ี ในนิพพานนั้น เหตุนั้น นิพพานนั้นจึงชื่อวา อปฺปณิหิต ไมมีความปรารถนา) ดู ปรมัตถทีปนี, ฉบับแปล หนา ๖๖๙, ๔. นิพพาน, ภาวะที่เวน จากความปรารถนา วิ. ราคาทิปณิธิวิรหิตตฺตา อปฺปณิหิตํ. ตณฺหาปณิธิยา อภาวโต อปฺปณิหิตํ นิพฺพานํ (นิพพาน ชื่อวา อปฺปณิหิต เพราะเวน ความปรารถนามีราคะเปนตน, ชื่อวา อปฺปณิหิต เพราะไมมีความปรารถนาคือตัณหา) อปฺปติสฺสย (ปุ.) ผูไมมีความเคารพ, ไมยำเกรง, ไมรับคำ, หัวดื้อ, ไมออนนอมถอมตน วิ. ครุนา กิสฺมิฺจิ วุตฺเต คารววเสน ปติสฺสวนํ ปติสฺสโว (การรับคำดวยอำนาจความเคารพ เมื่อครูบอกคำบางอยาง ชื่อวา ปติสฺสว), ปติสฺสวภูตํ ตํสภาวฺจ ยํ กิฺจิ คารวํ, นตฺถิ เอตสฺมึ ปติสฺสโวติ อปฺปติสฺสโว, คารววิรหิโต, โสเยว อปฺปติสฺสโย (ไดแก ความเคารพทั้งหมด
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๖๙ ซึ่งเปนการรับคำ และมีการรับคำนั้นเปนสภาพ, การเคารพ ไมมีในบุคคลนั้น เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อปฺปติสฺสว คือผูเวนจากความเคารพ, อปฺปติสฺสว นั่นเอง ชื่อวา อปฺปติสฺสย), [แปลง ว เปน ย, น + ปติ + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + อ ปจจัย, อาเทศ อุ เปน อว] ปาฐะวา อปฺปติสฺโส (ผูไมรับคำ) ก็มี, ในคำวาอปฺปติสสฺนี้วิ. ปติสฺสวติ ครุโน อาณํ วา อามาติ วา สมฺปฏิจฺฉตีติ ปติสฺโส (ผูใดยอมยอมฟง คือยอมรับคำสั่งของครู หรือ รับวา ขอรับ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ปติสฺส-ผูรับคำ), [ปติ + สุ ธาตุ สวเน ในความฟง + อ ปจจัย, ลบ อุ, ซอน สฺ] วิ. น ปติสฺโส อปฺปติสฺโส ปติสฺสยรหิโต (ผูไมรับคำ ชื่อวา อปฺปติสฺส คือผูเวนจาก การรับคำ), แปลง น เปน อ, ซอน ปฺ, บทนี้เปน นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส. วิ. นาสฺส ปติสฺโสติ อปฺปติสฺโส, อเชโก, อนีจวุตฺตีติ อตฺโถ (ความ เคารพไมมีแกผูนั้น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปฺปติสสฺ คือไมใชคนเจริญ ไมใชคนออนนอมถอมตน) นัยนี้เปน นปุพฺพปโท พหุพฺพีหิสมาส, แตวาตาม มติสัททนีติวา อ เปนนิบาตในอรรถปฏิเสธ อปฺปตีต (ติ.) ๑. ไมรูแจง, ไมชัด, ไมปรากฏชัด วิ. ปตียเต ปตีตํ, วิฺาตํ. น ปตีตํ อปฺปตีตํ, อปฺปสิทฺธํ (อันเขารูชัด ชื่อวา ปตีต คือ รูชัดแลว, อันเขารูชัดแลวหามิได ชื่อวา อปฺปตีต), [น + ปต ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย + อี อาคม, ซอน ปฺ] ๒. ไมแชมชื่น, ไมเบิกบาน, ซุมเศรา, เหงาหงอย วิ. น ปตีโต นปฺปตีโต, ปติสุขาทีหิ วชฺชิโต อภิสโฏ อปฺปตีโต, อหตุโ (ผูใดไม แชมชื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา นปฺปตีต, ความวา เปนผูเวนคือหนีหางปติสุขเปน คือผูไมราเริง เบิกบาน), [น + ปติ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, ทีฆะ อิ เปน อี, อีกประการหนึ่ง น + ปต ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย + อี อาคม] อปฺปนา (อิตฺ.) ๑. อัปปนาสมาธิ, สภาพที่ สัตบุรุษเสพ วิ. สปฺปุริเสหิ อปฺปตพฺพา เสวิตพฺพาติ อปฺปนา (ธรรมชาติใดอันสัตบุรุษ ซองเสพ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อปฺปนา), [อปฺป ธาตุ เสวายํ ในความเสพ + ยุ ปจจัย] ๒. จิตตั้งมั่น, แนบแนน วิ. สมฺปยุตฺตธมฺเม อารมฺมณํ อปฺเปนฺตีติ อปฺปนา (ธรรมชาติเหลา ใดสงสัมปยุตตธรรมไปสูอารมณ เหตุนั้น ธรรมชาติเหลานั้นชื่อวา อปฺปนา), [อปฺป ธาตุ ปาปุณเน ในความไปถึง + ยุ ปจจัย] วิ. เอกคฺคํ จิตฺตํ อารมฺมเณ อปฺเปตีติ วา อปฺปนา (นัยหนึ่ง ธรรมชาติใด สงจิตที่มีอารมณเดียวเปนเลิศ ไป ในอารมณ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อปฺปนา), [อปฺป ธาตุ ปาปุณเน ในความถึง + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค + เณ ใชในอรรถการิต ปจจัย] ๓. ภาวะที่ขจัดกิเลส วิ. นีวรณาทิกิเลเส อเปติ วินาเสตีติ อปฺปนา (ภาวะใดขจัดกิเลสมี นิวรณเปนตน เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปฺปนา), [อป ธาตุ วินาสเน ในความพินาศ + ยุ ปจจัย, ซอน ปฺ, อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๔. การไปถึง วิ. อปฺปนํ ปาปุณนํ อปฺปนา (การลุถึง ชื่อวา อปฺปนา), [อปฺป ธาตุ ปาปุณเน ในความไปถึง + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง ยุ เปน อน] อปฺปมฺา (อิตฺ.) ๑. ไมมีประมาณ, ไมมี กำหนด, ไมมีขอบเขต วิ. นตฺถิปมาณํเอเตสนตฺิ อปฺปมาณา, อปฺปมาณา เอว อปฺปมฺา (ประมาณของธรรมชาติเหลานั้นไมมี เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อปฺปมาณา, ธรรมชาติอันไม มีประมาณนั่นเอง ชื่อวา อปฺปมฺา), [ณฺย
๑๗๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปจจัย สกตฺเถ หรือ สฺวตฺถตทฺธิต แทนคำวา มีสิ่ง นั้น เชน อภิกฺขฺํ (อภิกฺขณ-ณฺย, เนืองๆ นิรุตฺติ.๕๕) เปนตน], แปลง ณฺย เปน กจฺ. ๒๖๙ รูป.๔๑ ยวตํ เปนตน, ซอน ฺ, รัสสะ อา เปน อ] ๒. ธรรมชาติที่มีในสัตวทั้งหลายซึ่งไม มีประมาณ วิ. อปฺปมาเณสุ สตฺเตสุ ภวา อปฺปมฺา (ธรรมชาติที่มีในสัตวทั้งหลาย หา ประมาณมิได ชื่อวา อัปปมัญญา), [ณฺย ปจจัย แทนศัพทวามี], เอตา หิ เอตฺตเกสุเยว สตฺเตสุ ปวตฺเตตพฺพา, น อิโต อฺเสูติ เอว ปริจฺเฉทปฺป มาณสฺส อภาวา เอกสฺมึ สตฺเต ปวตฺตาป อปฺปมฺา เอว นาม โหนฺตีติ (ความจริง ธรรมชาติ เหลานั้น แมเปนไปในสัตวตัวเดียว ก็ไดชื่อวา อัปปมัญญา-หาประมาณมิได อยูนั่นเอง เพราะ ไมมีกำหนดเลยวา อันเขาใหเปนไปในสัตว ประมาณเทานั้น เปนไปในสัตวเหลาอื่นจากนี้ก็ หามิได) อปฺปมตฺตก (ติ.) มีประมาณนอย, เล็กนอย, นิดหนอย วิ. อปฺป มตฺตํ เอตสฺส วตฺถุสฺสาติ อปฺปมตฺตกํ ปริตฺตํ โถกํ มนฺทํ ลามกนฺติ อตฺโถ (ประมาณนอยของวัตถุนั้นมีอยู เหตุนั้นวัตถุนั้น ชื่อวา อปฺปมตฺตก หมายถึง นอย นิดหนอย เบา ต่ำตอย), [ก ปจจัยทายสมาส] อปฺปมาท(ปุ.)ความไมประมาท,ไมปราศจากสติ วิ. ปฏิปตฺติยํ นปฺปมชฺชติ เอเตนาติ อปฺปมาโท, สติยา อวิปฺปวาโส (บุคคลยอมไมเลินเลอ ในการ ปฏิบัติ ดวยธรรมนั่น เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อปฺปมาท ไดแก การไมอยูปราศจากสติ), นิจฺจลํ อุปิตาย สติยา นาเมตํ, ตยิทํ ฌานวิปสฺสนาสงฺขาตานํ โลกิยานํ วเสน, น โลกุตฺตรานนฺติ วุตฺตํ โหติ (คำวา อปฺปมาท นั้นเปนชื่อของสติ ที่ตั้งมั่นไมหวั่นไหว, คำนี้นั้นกลาวดวยอำนาจ โลกิยะกลาวคือณานวิปสสนา, หาไดกลาวได ดวยอำนาจโลกุตระไม), [น + ป + มท ธาตุ มทเน ในความเมา + ณ ปจจัย] วิ. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท (อนึ่ง ความไมเลินเลอ ชื่อวา อปฺปมาท), [ณ ปจจัย ในภาวะสาธนะ], แตวิเคราะห ลงยุ ปจจัยวา อปฺปมชฺชนํ และทานกลาววา ลง ย อาคม เพราะสระหลัง อปฺปเมยฺย (ติ.) ประมาณไมได, นับไมถวน วิ. น ปมียตีติ อปฺปเมยฺโย (สิ่งนั้นอันเขานับไมได เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปฺปเมยฺย-ประมาณไมได) วิ. ปมียตีติ วา ปเมยฺโย, น ปเมยฺโย อปฺปเมยฺโย (อีกนัยหนึ่ง อันเขาประมาณได ชื่อวา ปเมยฺย, อันเขาประมาณได หามิได ชื่อวา อปฺปเมยฺย), [น + ป + มา ธาตุ มาเน ในความนับ + ณฺย ปจจัย, อาเทศ ย นั้นพรอม อา ที่สุดธาตุนี้เปน เอยฺย], ปเมตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ (อปฺปเมยฺย หมายความวา ไมสามารถเพื่อจะนับได) อปฺปโยคี (ปุ.) ๑. อักษรที่ไมประกอบ, อักษร ที่ไมประกอบในอุทาหรณ, อนุพนัธ, ปจจัยที่ไม ปรากฏในบทสำเร็จมีปจจัยเนื่องดวย ณ เปนตน วิ. น ปโยคีติ อปฺปโยคี, อนุพนฺโธ นาม ณาทิปจฺจเยสุ ทิสฺสติ (อักษรใดไมประกอบ เหตุนั้น อักษรนั้นชื่อวา อปฺปโยคี, ไดแก อักษร ที่ชื่อวา อนุพันธ ปรากฏในปจจัยทั้งหลายมี ณ ปจจัยเปนตน) ๒. ปจจัยที่ไมมีการประกอบใน สูตรทั้งหลาย วิ. น ตสฺส สุตฺตนฺเตสุ ปโยโค อตฺถีติ อปฺปโยคี, ยถา กุมฺภกาโรติ (การประกอบ ปจจัยนั้นในสูตรทั้งหลายมีอยูหามิได เหตุนั้น ปจจัยชื่อวา อปฺปโยคี) เชนบทวา กุมฺภกาโร (ผูกระทำซึ่งหมอ) ดู รูป.๕๕๓ อปฺปรชกฺขชาติก (ติ.) ผูมีชาติแหงผูมีธุลีใน ดวงตานอย, ผูพอจะสอนไดบาง ๑. วิ. อปฺป
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗๑ รชํ อกฺขิมฺหิ เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขา, อปฺปรชกฺขา ชาติ สภาโว เอเตสนฺติ อปฺปรชกฺขชาติกา (ธุลี ในดวงตาของสัตวเหลานั่นนอย เหตุนั้น สัตว เหลานั้นชื่อวา อปฺปรชกฺขา, ผูธุลีในดวงตานอย เปนชาติ คือเปนภาวะตามที่เปนจริงของสัตว เหลานั่น เหตุนั้น สัตวเหลานี้ ชื่อวา อปฺปรชกฺขชาติกา), [ก สกัตถ ทายสมาส] ๒. วิ. ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺป ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ, เอวํสภาวา จ เตติ อปฺปรชกฺขชาติกา (ธุลีคือ ราคะ โทสะ โมหะ ในดวงตา ที่สำเร็จดวย ปญญา ของสัตวเหลานั่นนิดหนอย และสัตว เหลานั้นมีธุลีในดวงตานอยอยางนั้นเปนสภาพ เหตุนั้น สัตวเหลานั้น ชื่อวา อปฺปรชกฺขชาติกา), มหาวคฺคฏีกายํ วุตฺตํ อุปกฺกิเลสภูตํ อปฺป ราคาทิรชํ เอตสฺสาติ อปฺปรชํ, อปฺปรชํ อกฺขิ ปฺาจกฺขุ เยสํ เต ตํสภาวาติ กตฺวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสตุํ ปฺามเยติ- อาทิมาหาติ (ในฎีกามหาวรรค อธิบายไววา ทานกลาวคำวา ปฺามเย-ที่สำเร็จดวยปญญา ไว เพื่อแสดงความนี้วา สัตวทั้งหลายชื่อวา ผูมี ชาติแหงสัตวธุลีในดวงตานอย เพราะทำอธิบาย วา มีดวงตาปญญา อันมีธุลีมีราคะเปนตนซึ่ง เปนอุปกิเลสนอยเปนสภาพ) อปฺปวตฺติ (นปุ.) ความไมเปนไป, ความดับ ทุกขและเหตุแหงทุกข, พระนิพพาน วิ. นิโรโธ อปฺปวตฺติ, ทุกฺขสมุทยานํ อปฺปวตฺตินิมิตฺตํ (การ ดับ ชื่อวา อปฺปวตฺติ, คือการไมเปนไปแหงทุกข และเหตุแหงทุกขเปนนิมิต), เต วา นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถาติ อปฺปวตฺติ, นิพฺพานํ (อีกนัยหนึ่ง ทุกข และเหตุแหงทุกขเหลานั้น ไมเปนไปในภาวะนั่น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปฺปวตฺติ ไดแก นิพพาน) วิ. นปฺปวตฺตนฺติ เอตฺถ ทุกฺขสมุทยา เอตสฺมึ วา อธิคเตติ อปฺปวตฺติ, น ปวตฺติ เอตฺถาติ วา อปฺปวตฺติ (ทุกขและสมุทัยไมเปนภาวะนั้น หรือเมื่อบุคคลบรรลุภาวะนั้นแลว ทุกขและ สมุทัยก็ไมเปนไป เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปฺปวตฺติ), [น + ป + วตุ ธาตุ วตฺตเน ในความ เปนไป + ติ ปจจัย] อปฺปวาริต (ติ.) ไมหาม, ไมปฏิเสธ วิ. ปวาเรติ ปฏิกฺขิปตีติ ปวาริโต, น ปวาริโต ปฏิกฺเขปโต อปฺปวาริโต อปฺปฏิกฺขิตฺตโภชโน (ผูใดยอมหาม เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ปวาริต, อาหารอันเขาไม หามแลว ชื่อวา อปฺปวาริต ไดแก ผูมีโภชนะอัน ไมหามแลว), [น + ป + วาร ธาตุ ปฏิกฺเขเป ใน ความคัดคาน + ต ปจจัย + อิ อาคม], นัย เดียวกันเชน อปฺปฏิกฺขิตฺโต (ไมคัดคานแลว), [น + ปฏิ + ขิป ธาตุ เขเป ในความคาน + ต ปจจัย] อปฺปสฺสุต (ติ.) ผูมีสุตนอย, มีความรูนอย, รูแค หางอึ่ง วิ. อปฺป สุตํ ยสฺสาติ อปฺปสฺสุโต (สุตะ ของบุคคลใดนอย บุคคลนั้นชื่อวา อปฺปสฺสุต), สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สุตฺตนฺตานํ วาป อภาเวน อปฺปสฺสุโต อยนฺติ อตฺโถ (ผูนี้ชื่อวา อปฺปสฺสุต “มีความรูนอย” เพราะไมมี วรรคทั้งหลาย แมเพียงวรรคเดียว หรือ ๒ วรรค บางสวนหรือทั้งหมด หรือพระ สูตรทั้งหลาย แมเพียงสูตรเดียว หรือ ๒ สูตร บางสวนหรือทั้งสตูร), ก็ในที่นี้พึงทราบวา อปฺป ศัพทใชในความหมายวาไมมี เชน อปฺปจฺโฉ, อปฺโปสฺสุกฺโก อปฺปิต (ติ.) แนบแนน, พอกพูน, ถึงพรอม วิ. อปฺปตฺถาติ อปฺปโต, สมปฺปโต (สภาวะใด แนบแนนแลว เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา แนบ แนนแลว), [อปฺป ธาตุ พฺรูหเน ปาปุณเน วา ใน ความพอกพูนหรือในความบรรลุ + ต ปจจัย +
๑๗๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อิ อาคม], แตบัณฑิตพึงทราบวาในบางแหง คำ วา อปฺปต หมายถึง ปตํ (ตั้งมั่น) ฆนํ (กลุม กอน) อปฺปิย (ติ.) อัปรีย, ไมนาชอบใจ วิ. ปยายติ ปยายิตพฺโพติ วา ปโย (ผูใดยอมประพฤติรัก หรืออันเขาพึงประพฤติรัก เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ปย), [ป ธาตุ ตปฺปนกนฺตีสุ ในความเดือดรอน และความพอใจ + ย ปจจัย, รัสสะ อี เปน อิ] วิ. น ปโย อปฺปโย (ผูไมนานัก ชื่อวา อปฺปย), นัยนี้เปน นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส แตใน สันสกฤตมีรูปเปน อปฺริย อปฺเปสกฺข (ติ.) ผูมีศักดิ์นอย, ผูมีอำนาจนอย ๑. วิ. อีสติ อภิภวตีติ อีโส (สิ่งใดยอมครอบงำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อีส-ความเปนใหญ, อำนาจ, ศักดิ์), [อีส ธาตุ อภิภวเน ในความครอบงำ + อ ปจจัย] วิ. อปฺโป อีโส อปฺเปโส (ศักดิ์อันนอย ชื่อ วา อปฺเปส) วิ. ปเรหิอปฺเปโส อิติ อกฺขายตีติ อปฺเปสกฺโข, อปฺปานุภาโว อปฺปฺาโตติ อตฺโถ (ผูใดอันเขาเรียกวา ศักดิ์นอยกวาชนเหลาอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปฺเปสกฺข), [อปฺเปส + อา + ขา ธาตุ ปกถเน ในความเรียก + อ ปจจัย กัมม สาธนะ + ซอน ปฺ เปนตน] ๒. วิ. นตฺถิ เอเตสํ อีโสติ อกฺขาตพฺโพติ อปฺเปสกฺโข (ผูใดอันเขาพึง เรียกวา ศักดิ์ของพวกนั่นไมมี เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อปฺเปสกฺขา), นัยนี้เปนสมาสมีกิตกเปนท่ีสุด, ๓. วิ. อาธิปเตยฺยาภาวโต ปเรสํ อุปริ นตฺถิ เอเตสํ อีโส อีสนํ อิสฺสริยนฺติ อกฺขาตพฺพาติ อปฺเปสกฺขา (ชื่อวา อปฺเปสกฺขา เพราะอรรถวา เปนผูอันเขาพึงเรียกวา ไมมีความเปนใหญ เหนือผูอื่น เพราะไมมีความยิ่งใหญ) ฉะนั้น ทาน จึงกลาววา อปฺปปริวารา (ผูมีบริวารนอย), จริง อยู อปฺป ศัพท ในที่นี้ อภาวตฺโถ ใชในอรรถวา ไมมี, ๔. วิ. อถ วา อปฺโป ยโส อปฺเปสกฺโข (อีกประการหนึ่ง ผูมียศนอย ชื่อวา อปฺเปสกฺข), แปลง ย เปน เอ, ก อาคมทายสมาส, ซอน กฺ, แปลง กฺข เปน กฺข, อปฺเปสกฺข ศัพท อปฺปยสอปฺปปริวารอปฺปานุภาวตฺถวาจโก มีความหมาย วา มียศนอย มีบริวารนอย มีอานุภาพนอย อปฺโผฏน (นปุ.) การดีด, การปรบ วิ. อปฺโผฏียเต อปฺโผฏนํ (อันเขาปรบมือ ชื่อวา อปฺโผฏนํ), [อา + ผุฏ ธาตุ วิเภเท ในการทุบทำลาย + ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, ซอน ปฺ, วิการ อุ เปน โอ] สวน มหาวรรคฎีกา พระฎีกาจารยอธิบายไววา อปฺโผฏนํ วุจฺจติ ภุชหตฺถสงฺฆฏนสทฺโท, อตฺถโต ปน วามหตฺถํอุเร เปตฺวา ทกฺขิเณน ปุถุปาณนิา หตฺถตาฬเนน สทฺทกรณนฺติ (เสียงกระทบกัน ของแขนตั้งแตขอมือไป, แตวาโดยความ หมายถึง การวางมือซายไวที่อก แลวนำฝามือ ขางขวาซึ่งเปนมือสำหรับปรบทำเสียงดังขึ้น), นัยเดียวกันเชน อปฺโผเฏตฺวา (ปรบแลว) ลง เณ ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ, ตฺวา ปจจัย ในกัตตุ วาจก, อปฺโผเฏนฺโต (ปรบอยู) ลง อนฺต ปจจัย ในกัตตุวาจก, ปาฐะวา อปฺโปเตฺวา (ปรบแลว) ดังนี้ก็มี อปฺโผฏา (อิตฺ.) มะลิลา, มะลิปา, มะลิวัลย วิ. อา ภุโส ผุฏตีติ อปฺโผฏา วนมลฺลิกา (ดอกไม ใดแยมบานพราวสะพรั่ง เหตุนั้น ดอกไมนั้นชื่อ วา อปฺโผฏา), [อา + ผุฏ ธาตุ วิกสเน ในความ แยม + ณ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ซอน ปฺ, รัสสะ อา เปน อ] อปางฺค (ปุ.) หางตา, ที่สุดแหงตา, อวัยวะที่ ใกลหู วิ. สรีรสงฺขาตสฺส กณฺณสฺส อป สมีป อปางฺโค. อปงฺโค อวงฺโค วา (ที่ใกลแหงหู คือ สรีระ ชื่อวา อปางฺค, อปงฺค, อวงฺค) อกฺขิโกฏีสุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗๓ วามทกฺขิณเนตฺตานํ อนฺเตสุ อปางฺโค วตฺตติ (อปางฺค คือที่อยูหางตา ใกลตาซายขวา), แปลวา ไฝ, รอยเจิม ก็วา อปาจี (อิตฺ.) ทิศใต วิ. มชฺเฌ อปายํ อฺจติ ยสฺสํ ทิสายํ รวิ สา อปาจี, อปาจีนํ วา, ทกฺขิณา ทิสา (พระอาทิตยไปทามกลาง ในทิศใด ทิศนั้นชื่อวา อปาจี, อปาจีน คือทิศใต), [อป + อฺจ ธาตุ คติยํ ในความไป + อี หรือ อีน ปจจัย] อปาทาน (นปุ.) การนำออก, การแยกออก, เปนแดนซานออกไปที่อื่น, ปญจมีวิภัตติ วิ. อปเนตฺวา อิโต อาททาตีติ อปาทานํ อวธิ (การกออกไปแลวจากที่นี้ ยอมถือเอา เหตุนั้น ที่ นั้นชื่อวา อปาทาน ไดแก ขอบเขต) รูป.๓๐๘ [อป + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ยุ ปจจัย] วิ. อเปจฺจ เอตสฺมา อาททาตีติ อปาทานํ (การกออกจากวัตถุนั้นแลว ไปถือเอา เหตุนั้น วัตถุนั้นชื่อวา อปาทาน), [อป + อา + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + ยุ ปจจัยในอรรถ อปาทาน ดวย จ ศัพทในสูตร กจฺ.๕๔๘ รูป.๕๙๗ วา กตฺตุกรณปเทเสสุ อาเทศ ยุ เปน อน], อิโต วตฺถุโต กายวเสน จิตฺตวเสน วา อปคนฺตฺวา อฺํ คณฺหาตีติ อตฺโถ (หมายความวา การก ออกจากวัตถุนี้ ดวยอำนาจกายหรือจิต ไป ถือเอาวัตถุอื่น), [อป + อา + ทา ธาตุ + ยุ ปจจัยในอปาทานสาธนะ] อปาทานปโยคิก (ปุ.) บทที่ควรประกอบ อรรถอปาทาน, บทที่สามารถประกอบกับ ปญจมีวิภัตติ วิ. อปาทานปโยคํ อรหนฺตีติ อปาทานปโยคิกา (บทเหลาใด ยอมควร ประกอบอปาทาน เหตุนั้น บทเหลานั้นชื่อวา อปาทานปโยคิกา), กจฺ.๒๗๕ [ณิก ปจจัยแทน อรหนฺติ] อปาน (นปุ) ลมหายใจเขา, ลมไปปราศอานะ วิ. อานํ วุจฺจติ พหินิกฺขมนวาโต, ตโต อปคตํ อปานํ, อนฺโต ปวิสนวาโต (ลมหายใจออก ทาน เรียกวา อาน, ลมไปปราศจากอานนั้น ชื่อวา อปาน คือลมหายใจเขา), [อป + อน ธาตุ ปาณเน ในการหายใจ + อ ปจจัย] อปามคฺค (ปุ.) หญาเขี้ยวงู, หญาพันงู, หญา ชวยใหไมลืมนุงผา เปนตน วิ. วตฺถาทิกํ อปมชฺชนฺติ เอเตนาติ อปามคฺโค วิมุขปุปฺผี เสขริโก (ชนทั้งหลายไมลืมผาเปนตน ดวยหญา นั่น เหตุนั้น หญานั้นชื่อวา อปามคฺค คือหญา พันงู หญาพันงู), [อป + มชฺช ธาตุ มชฺชเน ใน ความลืม + ณ ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา, แปลง ชฺช เปน คฺค] อปาย (ปุ.) ๑. อบาย ที่ไมมีความเจริญ วิ. นตฺถิ ปาโย วุทฺธิ เอตฺถาติ อปาโย, วฑฺฒิ (ความ เจริญงอกงาม ไมมีในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อปาย ไดแก ความเจริญ), [เป ธาตุ วุทฺธิยํ ใน ความเจริญ + ณ ปจจัย, แปลง เอ เปน อาย] วิ. นตฺถิ ปาโย วุทฺธิ เอตฺถาติ อปาโย (ความ เจริญไมนีในภูมินั้น เหตุนั้น ภูมินั้นชื่อวา อปาย), บทนี้เปนสัตตมีพาหิรัตถสมาส คือสัตตมีพหุพพิหิสมาส ๒. ที่พลาดจากบุญสมบัติ วิ. ติสฺโส สมฺปตฺติโย อยนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺติ เอเตนาติ อโย, ปฺุํ (สมบัติ ๓ ยอมดำเนินไปได ดวยสิ่ง นั้น เหตุนั้นสิ่งนั้น ชื่อวา อย คือบุญ), [อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย] วิ. อยา เยภุยฺเยน อปคโตติ อปาโย (ภาวะที่ไปปราศจากเหตุ เปนไปแหงสมบัติที่เรียกวาบุญ เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อปาย), นัยนี้เปนปญจมีอัพยยีภาวสมาส, มีการสลับบท วิ. อถวา ปฺุสมฺมตา อยา เยภุยฺเยน อปคโตติ อปาโย, อาโย อโยติ วา
๑๗๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วุจฺจติ วุฑฺฒิ, ตโต อเปโต อปาโย, อยโต วา สุขโต อเปโตติ อปาโย (อีกนัยหนึ่ง ภาวะใดไป ปราศจากความเจริญที่เรียกกันวาบุญ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อปาย, ความเจริญ เรียกวา อาย หรือ อย, ภาวะที่ไปปราศจากความเจริญนั้น ชื่อวา อปาย, ที่ชื่อวา อปาย เพราะไปปราศจาก ความเจริญและสุข) เปนอัพยยีภาวสมาส, ๓. สัตวผูไมมีความเจริญ วิ. นตฺถิ เอตฺถ อโยติ อปาโย, สตฺโต (ความเจริญไมมีในสัตวนั้น เหตุ นั้น สัตวนั้นชื่อวา อปาย ไดแก สัตว) นัยนี้เปน พหุพพิหิสมาส, แต อปาย ศัพท ในบางแหง หมายถึงอบาย ๔, บางแหงหมายถึง นรก หรือ อบายภูมิอื่นจากนรกนั้น, ความจริง อปาย ศัพท มีความหมายวา นรก หรืออบายอื่นๆ จากนั้น ในขอวา อปายํ ทุคฺคตึ วินิบาต นิรยํ อุปฺปนฺนา (สัตวเกิดในนรก อันเปนอบาย ทุคติ วินิบาต), เพราะเหตุนั้นในสมันตปาสาทิกา ทานจึงกลาว วา อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํ (คำวา อปาย อยางนี้เปนตน เปนไวพจนของ นรก ทั้งหมด), อีกนัยหนึ่ง ทานแสดงถึงกำเนิดสัตว เดรัจฉานดวย อปาย ศัพท, ที่จริง กำเนิดสัตว เดรัจฉานนั้น ชื่อวา อบาย เพราะไปปราศจาก สุคติ, เพราะทุคคติ พวกนาคราชเปนตนผูไม ศัพทใหญไมเกิดขึ้น) ความสังเขปในขอนี้เทานี้ สวนความพิสดารนักศึกษาพึงคนหาในสมันตปาสาทิกา เปนตน อปายคมนีย (ติ.) สิ่งที่ทำใหสัตวไปอบาย วิ. สตฺตํ อปาเย คาเมติ, โส วา คจฺฉติ เอเตนาติ อปายคมนียํ (สิ่งใดยอมยังสัตวใหไปอบาย หรือ สัตวนั้นยอมไปอบายดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปายคมนีย), [อปาย + คม ธาตุ คมเน ในความไป + อนีย ปจจัย] อปายมุข (นปุ.) อบายมุข, ทางแหงความ เสื่อม วิ. อเปติ อปคจฺฉติ อเปนฺติ วา เอเตนาติ อปาโย (สัตวหรือสัตวทั้งหลายไปปราศ ดวยสิ่ง นั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อบาย-ความเสื่อม), [อป + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณ ปจจัย, อาเทศ อิ เปน อาย] วิ. อปายสฺส มุขํ อปายมุขํ (ปากทางแหงความเสื่อม ชื่อวา อปายมุขํ), บทนี้ จัดเปน ฉฐีตปฺปุริสสมาส. วิ. อปาโย เอว มุขํ ทฺวารนฺติ อปายมุขํ (ประตูคือความเสื่อม เหตุ นั้น ชื่อวา อบายมุข), นัยนี้เปน กมฺมธารยสมาส อปาร (อพฺ.) ๑. ฝงนี้, ฝงใน, ฝงอื่นจากฝงนอก, ตรงขามกับฝงโนน วิ. ปารโต อฺํ ตีรํ อปารํ โอรํ (ฝงอื่นจากฝงนอก ชื่อวา อปาร คือฝงใน), [น + ปาร, แปลง น เปน อ] ๒. พระวินัยไมมีฝง วิ. นตฺถิ ปารํ เอตสฺสาติ อปาโร, วินยสาคโร (ฝง ของปฎกนั้นไมมี เหตุนั้น ปฎกนั้นชื่อวา อปาร ไมมีฝง ไดแก มหาสมุครคือพระวินัย), โส หิ ปุริมพุทฺธุปฺปาเทสุ สาสนํ ปสีทิตฺวา วินยปฏเก อุคฺคหณธารณปฏิปาทนปฏิปตฺติวเสน อกตาธิ- กาเรหิ ปุคฺคเลหิ ทุรธิคมนียธมฺมตฺถนิรุตฺติ- ปฏิภานปริยนฺตตาย อปาโรติ วุจฺจติ (ความจริง วินัยสาครนั้น ทานเรียกวา อปาร ไมมีฝง เพราะ มีกำหนดดวยธรรมปฏิสัมภิทา อัตถปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา และปฏิภารปฏิสัมภิทา อันผู เลื่อมใสคำสอนในคราวอุบัติขึ้นของพระพุทธเจา พระองคกอน ไมไดกระทำบุญไว บรรลุถึงไดโดย ยาก ดวยการเรียน ทรงจรงทำ ปฏิบิติใหถึง พรอม) อปารุต (ติ.) เปดเผย, เปด, เปลือย, ไมนุงผา วิ. ปฏิจฺฉนฺเนน อาโรปตาติ ปารุตา, น ปารุตา อปารุตา, วิวฏาติ อตฺโถ (สิ่งที่งอกเงยแลวโดย การปดบังไว เหตุนั้น ชื่อวา ปารุตา-สิ่งที่ถูก
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗๕ ปกปด, สิ่งที่ถูกปกปดหามิได ชื่อวา อปารุตา, หมายความวา เปดเผย), [น + ป + อา + รุป ธาตุ โรปเน ในความงอก + ต ปจจัย, ลบ ป] ตัวอยางเชน นคฺคาติ อนิวตฺถา วา อปารุตา วา (บทวา นคฺคา คือไมนุงผา หรือไมปกปด) อปิทหิต (ติ.) ปดแลว, อันเขาปกปดแลว วิ. อปธียิตฺถาติ อปทหิโต ปทหิโต, อปหิโต ปหิโต วา (สิ่งใดอันเขาปดแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อปทหิต สำเร็จเปน ปทหิโต, อปหิต, ปหิต ก็มี), [อป + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรง ไว + ต ปจจัย + อิ อาคม, เมื่อ ธ แลวแปลงเปน พยัญชนะที่ ๓ คือ ทฺ, แปลง ธ ที่อยูหลังเปน ห ดวยสูตร โมคฺ.๕/๑๐๓ วา ธาสฺส โห, ลบ อ ดวย สูตรนิรุตติทีปนีนิรุตฺติ.๓๓ วา ตทมินาทีนิ, หรือ แปลง ธา เปน ห โมคฺ. ๕/๑๐๘ วา ธาสฺส หิ] นัย เดียวกันเชน อปทหิตฺวา, ปทหิตฺวา, อปธาย, ปธาย แปลง ตฺวา เปน ย, อปทหิตฺวาน ลง ตฺวา ปจจัยเปน ตฺวาน, อปทหิตพฺพํ, ปทหิตพฺพํ บท นี้ลง ตพฺพ ปจจัยในภาววาจกและกัมมวาจก อปิธาน (นปุ.) ๑. วัตถุที่ปด, ฝาปด, เครื่องวาง ขางบน, ฝาละมี, ฝาชี วิ. อปธรตีติ อปธานํ ฉาทนํ (วัตถุใดยอมปดไว เหตุนั้น วัตถุนั้นชื่อวา อปธาน คือสิ่งที่ใชปดไว), [อป + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทางไว + ยุ ปจจัย, แปลง ธร เปน ธา], อป อุปสัคเปนตน สองอรรถการปดกั้น ความหมายของธาตุ, ๒. การปด, การกำบัง, การกั้นไว วิ. อปธรติ อปทหติ อาวุโณตีติ อปธานํ ติโรธานํ (สิ่งใดยอมทรงไว ทานไว กั้นไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปธาน ไดแก กันไว ภายนอก), [อป + ธา ธาตุ อาวรเณ ในความ ปองกัน + ยุ ปจจัย ปาฐะวา ปธานํ ก็มี, ใน เพราะพยัญชนะ ลบสระ ดวยสูตรนิรุตติทีปนี นิรุตฺติ.๓๓, โมค.๑/๔๗ วา ตทมินาทีนิ นัย เดียวกันเชน อลาพุ ลาพุ, นหานํ นฺหานํ, อุสุมา อุสฺมา, เจติยานิ เจตฺยานิ, สิเนโห เสฺนโห, กิเลสวตฺถูนิ เกฺลสวตฺถูนิ เปนตน อปิเธยฺย (ติ.) อันเขาพึงปด วิ. อปทหิตพฺพนฺติ อปเธยฺยํ, ปเธยฺยํ วา (สิ่งใดอันเขาพึงปด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อปเธยฺย หรือ ปเธยฺย), [อป + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ฆฺยณฺ ปจจัย แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ หรือลบ อ] อปิยวาที (ปุ.) ผูพูดคำไมเปนที่รักโดยปกติ, กักขฬะ, มักพูดคำอัปรีย วิ. อปยํ วจนํ วทติ สีเลนาติ อปยวาที (ผูใดยอมกลาวคำอันไมเปน ที่รักโดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อปยวาที), [อปย + วท ธาตุ + ณี ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา และลบ ณ] อปิลาปน (นปุ.) การไมเลื่อนลอย, การไมฟนเฟอน, การระบุ, การพูดเพอเจอ วิ. อุทเก อลาพุ วิย ปลวิตฺวา คนฺตุํ อทตฺวา ปาสาณสฺส วิย นิจฺจลสฺส อารมฺมณสฺส ปนํ สรณํ อสมฺมุตากรณํอปลาปนํมู.ฏี.๑/๒๑๘ (การตั้งอารมณให มั่น ไมเลื่อนไหลไป เหมือนหิน ไมใหไหลลอยไป เหมือนน้ำเตาลอยไปในน้ำ หรือทำใหไมหลงลืม สติ) อุทเก ลาพุ วิย เยน จิตฺตํ อารมฺมเณ ปลวิตฺวา วิย ติติ, น โอคาหติ, ตํ ปลาปนํ, น ปลาปนํ อปลาปนํ อุปานํ (จิตดำรงอยูดุจเลื่อนลอยไป ในอารมณ หรือไมหยั่งลง ดวยสิ่งใด, สิ่งนั้นชื่อ วา ปลาปน-การเลื่อนลอยไป, การไมเลื่อนลอย ไป ชื่อวา อปลาปน คือการตั้งมั่น) เชนคำวา ตํ ลกฺขณํ สภาโว เอติสฺสาติ อปลาปนลกฺขณา (การ ไมเลื่อนลอยไป เปนสภาพของธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อปลาปนลกฺขณา), [น + ปลว ธาตุ ปลวเน ในความลอยไป + ยุ
๑๗๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ปจจัย, อาเทศ ว เปน ป, เชน ปูโว เปน ปูโป, ทีฆะ อ ที่ ล เปน อา] อปิหาร (ปุ.) ๑. การนำไปผิด, การนำไปสูสิ่งที่ นารังเกียจ, การนำไปอยางนาติเตียน วิ. อป ชิคุจฺฉนียํ หรณํ อปหาโร (การนำไปอยางนาติ เตียน ชื่อวา อปหาร) ๒. การปรารถนาที่ นาเกลียดแลวนำไป, ลักไป วิ. อป ปตฺเถตฺวา วา หรณํ อปหาโร (การอยากไดจึงนำไปอยางติ เตียน ชื่อวา อปหาร), [อป + หร ธาตุ หรเณ ใน ความนำไป + ณ ปจจัย] อปุนเคยฺยา (อิตฺ.) คาถาที่ไมพึงสวดซ้ำ ๑. วิ. ปุน น คายิตพฺพาติ อปุนเคยฺยา, คาถา (คาถาใดอันเขาไมควรสวดซ้ำอีก เหตุนั้น คาถา นั้น ชื่อวา อปุนเคยฺยา), สมาสนี้จัดเปน อสมตฺถสมาส เพราะ น ไปประกอบหนา ปุน ๒. วิ. อถ วา ปุน คายิตพฺพาติ ปุนเคยฺยา, น ปุนเคยฺยา อปุนเคยฺยา (อีกประการหนึ่ง คาถาหนึ่งอันเขา พึงสวดซ้ำ เหตุนั้น คาถานั้นชื่อวา ปุนเคยฺยา, คาถาที่ไมควรสวดซ้ำ ชื่อวา อปุนเคยฺยา), [น + ปุน + เค ธาตุ สทฺเท ในการสวด + ณฺย ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ซอน ยฺ อเปกฺข (ปุ.) ๑. ดู, เห็น, เพง, มุง วิ. อเปกฺขตีติ อเปกฺโข (ภาวะใดยอมเห็น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อ วา อเปกฺข), [อป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสนงฺเกสุ ใน การเห็นและการกำหนดหมาย + ณ ปจจัย, ลบ ก ไดรูปวา อเปโข ก็มี, เชน อุปสมฺปทาเปโข วิ. อเปกฺขิยเต อเปกฺขา อเปขา (อันเขาเพง เหตุนั้น จึงชื่อวา อเปกฺขา อเปขา), [อป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสนงฺเกสุ ในการเห็นและการกำหนด หมาย + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, ๒. ตัณหาที่เพง วิ.อาลยกรณวเสน กมฺปมานา อเปกฺขตีติ อเปกฺขา, ตณฺหา (ธรรมชาติใดจอง แตหวั่นไหวอยูดวยอำนาจการทำอาลัย เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อเปกฺขา ไดแก ตัณหา), [อป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในการเห็น + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], นัยเดียวกันเชน อเปกฺขนํ ลง ยุ ปจจัย หรือ อเปกฺขณํ ลง ณ ปจจัยดวย กจฺ.๕๔๙ รูป.๕๕๐ วา รหาทิโต ณ, นัยเดียวกัน เชน อเปกฺขนํ ยุ ปจจัย, อเปกฺขณํ แปลง น เปน ณ กจฺ. ๕๔๙ รูป. ๕๕๐ วา รหาทิโต ณ, นัย เดียวกันนี้ ปจฺจเวกฺขณา-เปกฺขณา เปนตน, เปลี่ยนรูปไปดวยอุปสัค เชน อุเปกฺขา, อุเปกฺขนํ อุปปริกฺขา อุปปริกฺขนํ มีรูปตางกันเพราะ เปลี่ยนอุปสัค, บทวา อเปกฺขวา เปนตัทธิต ปฏิพทฺธจิตฺโต สาลโย วา แปลวา มีจิตเกี่ยวของ และมีอาลัย ลง วนฺตุ ปจจัยในตทัสสัตถิตัทธิต อเปกฺขิยาน (กิ.กิตฺ.) เพงแลว, มองแลว วิ. อเปกฺขิตฺวา อเปกฺขิยาน, อเปกฺขิยาโน วา (เพงมองแลว ชื่อวา อเปกฺขิยาน, อเปกฺขิยาโน), [อป + อิกฺข ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น, ตฺวาน ปจจัย, แปลง ตฺวาน นั้น เปน ยาน, อิ อาคม, แปลง อ ที่ น เปน โอ ดวยมหาสูตร หรือลง โมคฺ.๕/๑๖๕ วา ตุํยานา], นัยเดียวกันเชน อเปกฺขิย ลง ตฺวา-ตุํ ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, อิ อาคม, อเปกฺขมาโน บทนี้ลง มาน ปจจัย ใน ปจจุบันกาล, ใน สทฺทตฺถเภทจินฺตาทีปนี (อธิบายคาถาที่ ๑๒๔) ทานแสดงอธิบายคำวา อเปกฺขาย นี้ดวย อเปกฺขิตฺวา คือแสดงวามี ตฺวา ปจจัยเปนที่สุดวา คำวา กฺริยาปทมเปกฺขายาติ อธิบายวา กฺริยาปทํ ปสฺสติตฺยาทิกํ อเปกฺขิตฺวา (มองหากิริยาบท มี ปสฺสติ เปนตน), แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ทีฆะ ดวยมหาสูตร อเปจฺจ (กิ.กิตฺ.) ไปปราศแลว, หนีไปแลว วิ. อเปตฺวาติ อเปจฺจ (ไปปราศแลว ชื่อวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗๗ อเปจฺจ), [อป + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา, แปลง ตฺวา หลัง อิ เปน จฺจ ดวยสูตร โมคฺ.๕/ ๑๖๕ อิโต จฺโจ], นัยเดียวกันเชน เปจฺจ บทนี้มี ป เปนบทหนา อเปต (ติ.) ไปปราศแลว วิ. อเปสีติ อเปโต (ผูใด ไปแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อเปต), [อป + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป+ ต ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ] สมุเปโต (เขาถึงพรอมแลว) [สํ + อุป บท หนา], อุเปโต [อุป บทหนา] อโปห (ปุ.) การสละ, การทิ้ง, การเปลี่ยนแปลง วิ. อโปหตีติ อโปโห (ภาวะใดยอมไมนึกเสียดาย เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อโปโห-การทิ้ง), [อป + อูห ธาตุ วิตกฺเก ในความตรึก หรือ โอห ธาตุ จาเค ในความสละ + อ ปจจัย] เชน ยสฺมึ ภินฺเน, อิตราโปเห วา เนตฺติฏีกา, ฉบับแปลหนา ๘๒ (เมื่อสิ่งใดพินาศไปหรือเปลี่ยนแปลงไปอยางอื่น) สวนในสัททนีติ ธาตุมาลา วา อโปหตีติ ฉฑฺเฑติ, อถ วา วิเวเจตีติ (บทวา อโปหติ แปลวา ยอมทิ้ง หรือแปลวา สำรอกทิ้ง) นัยเดียวกันเชน พฺยูโห วิ บทหนา, อูหนํ, อายูหนํ ยุ ปจจัยภาวสาธนะ อโปหน (นปุ.) การสละ, การทิ้ง, การเปลี่ยนแปลง วิ. อโปหียเต อปนียเต อโปหนํ (อันเขาปลอด จากการนึกถึง อันเขานำออกทิ้ง ชื่อวา อปโหน), [อป + อูห ธาตุ วิตกฺเก ในความตรึก + ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ อาเทศเปน อน, แปลง อู เปน โอ] อผล (ติ.) ไมมีผล, ไรผล, ไมตกลูก, หมัน วิ. น วิชฺชติ ผลํ เอตสฺสาติ อผโล [รุกฺโข], วฺฌา (ผล แหงตนไมนั่นไมมี เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อผล หมายถึง ตนไมไมออกผล), ศัพทนี้เปน ๓ ลิงค อพทฺธ (ติ.) ไมติดใจ, ไมผูก, ไมมัด, ไมรึงรัด วิ. น พชฺฌเต หทยํ เอตฺถาติ อพทฺธํ (ใจอันเขา ไมไดผูกไวในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อพทฺธ), [น + พธ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ และแปลง ธ เปน ท] อพพ (นปุ.) อพพะชื่อมาตรานับเทากับแสน คูณดวยรอย วิ. อวติ รกฺขตีติ อพพํ (สิ่งใดยอม รักษาไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพพ), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ว ปจจัย, แปลง ว เปน พ] อหหสตสหสฺสานํ สตํ อพพํ, เอกา เลขา สตฺตสตฺตติพินฺทุสหิตา อพพํ (แสน อหห รอย ครั้ง เปนหนึ่ง อพพ คือเขียนเลขหนึ่ง มีเลขศูนย ๗๗ ตัว) อพลา (ติ.อิตฺ.) ผูมีกำลังนอย (ติ.) หญิงสาว, ผูหญิง (อิตฺ.) วิ. อปฺป พลํ ยสฺสา สา อพลา วนิตา (กำลังของหญิงใดนอย หญิงนั้น ชื่อวา อพลา คือหญิงสาว), อ ในที่นี้ใชในอรรถวานอย (อปฺปตฺโถยมกาโร) อพฺพุท (นปุ.) ๑. เสนียด, สิ่งกออันตราย, เนื้อราย, เสี้ยนหนาม, ผูกอความเสียหาย, โจรกรรม วิ. อพฺพุ วุจฺจติ อุปทฺทโว, ตํ เทตีติ อพฺพุทํ, วินาสกรณํ (อุปทวะ เรียกวา อพฺพุ, สิ่งใดกออุปทวะให เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺพุท คือเหตุกอความพินาศ), [อพฺพุ + ทา ธาตุ ทาเน ในความให + อ ปจจัย], แตในคัณฐีบทกลาววา อพฺพุทํ คณฺโฑติ (อพฺพุท คือเนื้อราย), แม โจรกรรม ก็เรียกวา อพฺพุท ได เพราะลักพระ พุทธพจนไปแสดงเปนคำของตน, ๒. อัพพุทะ มาตรานับอยางหนึ่ง พินฺทุสตสหสฺสานํ สตํ อพฺพุทํ, เอกา เลขา ฉปฺปฺญาสสฺุสหิตา อพฺพุทํ (แสน พินทุ คูณรอย เทากับ ๑ อัพพุทะ คือเขียนเลขหนึ่งประกอบดวยศูนย ๕๖ ตัว) ๓. อัพพุทะ, ชวงหนึ่งแหงวิวัฒนาการของสัตว ในครรภ ตอจาก กกละ กอนจะเปน เปสิ (ชิ้น เนื้อ), อถ วา อพฺพุทนฺติ กลลา สตฺตาหจฺจเยน
๑๗๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา มํสโธวนอุทกวณฺณํ อพฺพุทํ นาม (อีกประการ หนึ่ง คำวา อพฺพุท มีอธิบายวา กลละ ที่ลวงไป ๗ วัน ไดชื่อวา อัพพุทะ มีสีเหมือนน้ำลางเนื้อ) อพฺพุยฺห (กิ.กิตฺ.) ถอนออกแลว, นำออกแลว ๑. วิ. อพฺพหิตฺถาติ อพฺพุยฺห (อพฺพุยฺห แปลวา ถอนแลว), [อา + วห ธาตุปาปเน ในความใหถงึ + ตฺวา ปจจัย แปลง อ เปน อุ, ซอน พฺ เปนตน ๒. วิ. อพฺพุหิตฺถาติ อพฺพุยฺห, อุทฺธริตฺวา (อพฺพุยฺห แปลวา ถอนแลว หรือถอนขึ้นแลว), [อา + พุห ธาตุ อุทฺธรเณ ในความถอน + ตฺวา ปจจัย แปลง ตฺวา เปน ปฺย, สลับ ห และ ย โมคฺ.๑/๕๐ วา หสฺส วิปลฺลาโส, ในขอนี้ เชน เอสิกาถมฺภํ อพฺพุยฺห ลฺุจิตฺวา (ถอนเสาระเนียดออกแลว) นัยเดียวกันเชน ปพฺพุยฺห, บทนี้ ป บทหนา, ปมุยฺห, วิมุยฺห, สมฺมุยฺห, มุห ธาตุ เวจิตฺเต ใน ความที่จิตฟุงซาน, ปฏิพายฺห, พาห ธาตุ นิวารเณ ในความหาม อพฺพูหณ (นปุ.) การถอนขึ้น วิ. อพฺพุหิยเต อพฺพูหณํ (อันเขาถอน ชื่อวา อพฺพูหณ), [พุห ธาตุ อุทฺธารเณ ในการถอนขึ้น + ยุ ปจจัยใน ภาวสาธนะ อาเทศ ยุ เปน อน, แปลง น เปน ณ, ทีฆะ อุ เปน อู], ปาฐะวา อพฺพาหณํ ก็มี อพฺพูฬฺห (กิ.กิตฺ.) ๑. ถอนแลว วิ. อุทฺธริตฺวา อพฺพุฬฺห (อพฺพุฬฺห แปลวา ถอนแลว), [อา + วห ธาตุ ปาปเน ในความทำใหถึง + ตฺวา ปจจัย, เทวภาวะ วฺ คือทำอักษรขึ้นมาเปน ๒ ตัว, รัสสะ อา เปน อ, อาเทศ วฺว เปน พฺพ, แปลง ตฺวา ปจจัยเปน ย, อาเทศ หฺย เปน ลฺห, อาเทศ ฬ เปน ล, วิการ อ เปน อุ] ๒. อันเขาถอนขึ้นแลว (ติ.) วิ. อุทฺธริโต อพฺพุฬฺโห (สิ่งใดอันเขาถอดขึ้น แลว สิ่งนั้นชื่อวา อพฺพุฬฺห), [อา + พุห ธาตุ อุทฺธรเณ ในความยกขึ้น + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน ห, อาเทศ ห ที่สุดธาตุเปน ล, อาเทศ ฬ เปน ล] ๓. อันเขาถอนขึ้นแลว, อันเขานำขึ้น ไปขางบน (ติ.) วิ. อาวหิยิตฺถาติ อพฺพฬุ ฺหํ(ส่งิใด อันเขานำขึ้นบนแลว เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺพุฬฺห) อุทฺธํ วหิยิตฺถาติ อตฺโถ (หมายความวา อันเขานำขึ้นไปบน) เชน อพฺพุฬฺหํ วิจิกิจฺฉาสลฺลํ วินย.อ.๓/๕๘ (ถอนลูกศรคือวิจิกิจฉาแลว), [อา + วห ธาตุ ปาปเน ในความทำใหถึง + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน ห, และอาเทศ ห เปน ฬ, ซอน พฺ, รัสสะ อา เปน อ, วิการ อ เปน อุ, อาเทศ ววฺ เปน พฺพ] อพฺโพกิณฺณ (ติ.) ไมเจือปนกัน, ไมคละกัน, ไม ถูกแทรกแซง, ไมถูกขัดขวาง วิ. น โวกิรีติ อพฺโพกิณฺโณ (สิ่งใดไมเจือปนกัน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺโพกิณฺณ), [น + อว + กิร ธาตุ + ต, ลง ณ ปจจัย โมคฺ.๕/๑๕๒ กิราทีหิ โณ, อาเทศ ร เปน ณฺ, แปลง อว เปน โอ, ว อาคม, แปลง ว เปน พ, ซอน วฺ, แปลง วฺว เปน พฺพ, แปลง น เปน อ] อพฺโพจฺฉินฺน (ติ.) ไมถูกตัด, ไมขาด, เสมอ, เปนนิจ วิ. น โวจฺฉินฺนํ อพฺโพจฺฉินฺนํ (สิ่งใดอัน เขาตัดแลวหามิได ชื่อวา อพฺโพจฺฉินฺน), เชน ขนฺธาทีนํ อพฺโพจฺฉินฺนวเสน นิทฺ.อ.๑๘๖ (ดวย อำนาจการไมตัดขาดขันธเปนตน ), [น + วิ + อว + ฉิท ธาตุ ฉิชฺชเน ในความขาด + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน อนฺน, ลบที่สุดธาตุ, แปลง อว เปน โอ, ซอน จฺ, อาเทศ วฺว เปน พฺพ] อพฺโพสาน (นปุ.) ไมถึงที่สุด, ที่สุดหามิได, ไมใชที่สุด, ไมถมึงตึง, ไมหนานิ่วคิ้วขมวด วิ. น โวสานํ อพฺโพสานํ (ถึงที่สุดหามิได ชื่อวา อพฺโพสาน), [น + อว + สา ธาตุ ตนุกรเณ ใน การทำใหเบาบาง + ยุ ปจจัย, แปลง โอ เปน อว,
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๗๙ ว อาคม, ซอน พฺ, แปลง วฺว เปน พฺพ, แปลง น เปน อ] ใน วิสุทฺธิมคฺคมหาฏีกา วา อพฺโพสาเนน ความวา อสงฺโกจเนน (ไมถมึงตึง) อพฺโพหาริก (ติ.) กลาวไมไดวามี, มีแตไม ปรากฏ จึงไมไดโวหารวามี, มีเหมือนไมมี, ๑. สิ่งอันเขาไมควรกลาววา เปนองคแหง อาบัติ วิ. อาปตฺติยา องฺคนฺติ น โวหริตพฺโพ อพฺโพหาริโก, โวหริตุํ น อรหตีติ อตฺโถ (สิ่งอัน เขาไมควรกลาววา เปนองคแหงอาบัติ หมายความวา ไมควรเพื่ออันกลาว), [น + ณิก ปจจัยลงหลัง โวหาร อรหตฺเถ ใชในอรรถวาควร] ๒. สิ่งที่ควรซึ่งโวหารหามิได วิ. โวหรียเตติ โวหาโร (สิ่งใดอันเขากลาว เหตุนั้น สิ่งน้ันชื่อวา โวหาร), [วิ + อว + หร ธาตุ หรเณ ในความ นำไป + ณ ปจจัยในกัมมสาธนะ, ลบสระหนา กจฺ.๑๒ รูป.๑๓ วา สรา สเร โลป, แปลง อว เปน โอ กจฺ.๕๐ รูป.๔๕ วา โอ อวสฺส, พฤทธิ์ อ เปน อา] วิ. โวหารํ คจฺฉนฺตีติ โวหาริกา (สิ่งใด ยอมควรซึ่งโวหาร เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา โวหาริกา), [ณิก ปจจัยแทน คจฺฉติ] วิ. น โวหาริกา อพฺโพหาริกา (สิ่งที่ควรซึ่งโวหารหา มิได ชื่อวา อพฺโพหาริกา), นนิปาตปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส อพฺภ (ปุ.อิตฺ.นปุ.) ๑. เมฆ, สิ่งที่กอน้ำฝน (นปุ.) วิ. อาป ภรตีติ อพฺภํ อมฺพุโท (สิ่งใดยอมเลี้ยง ซึ่งน้ำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ คือเมฆ), [อาป + ภร ธาตุ โปสเน ในการเลี้ยง + กฺวิ ปจจัย, ลบ อ ที่ ป, แปลง ป เปน พ, รัสสะ อา เปน อ] ๒. เมฆ, สิ่งที่รักษาเหลาสัตว (นปุ.) วิ. อวติ สตฺเต รกฺขตีติอพฺภํ เมโฆ (สิ่งใดยอมรักษาเหลา สัตว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ คือเมฆ), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ภ ปจจัย โมคฺ. ๗/ ๑๒๘ คราวา โภ, แปลง ว เปน พ] ๓. เมฆ, สิ่งที่ไมหมุนไป (นปุ.) วิ. น ภมตีติ อพฺภํ (สิ่งใด ยอมไมหมุนไป เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺภ), [น + ภมุ ธาตุ อนวเน อนวตฺถาเน วา ในความ หมุน + กฺวิ] ๔. หิน, สิ่งที่ไมไป (ปุ.) วิ. อมติ คจฺฉตีติ อพฺโภ ปาสาโณ (สิ่งใดไมเคลื่อนที่ไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ คือหิน), [อม ธาตุ คติยํ ในความไป + ภ ปจจัย, แปลง ม เปน พ] ๕. น้ำคาง, เมฆ, หมอก วิ. อพฺภติ อเนกสตปฏโล หุตฺวา คจฺฉตีติ อพฺโภ อพฺภา อพภฺ มหิกา ํ (สิ่งใดกอเปนกลีบหลายรอยชั้นลอยไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ ไดแก หมอก), [อพฺภ ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] ๖. น้ำคาง, ทองฟา (ปุ.นปุ.); ใน ธาตฺวตฺถสงฺคหปานิสฺสย, คาถา ๑๒ วิ. อมฺพติ อเนกปฏโล หุตฺวา อุคฺคจฺฉตีติ อพฺโภ (สิ่งใดยอมกอขึ้นเปนกลีบหลายๆ ชั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ) วิ. น ภวตีติ อพฺภํ คคนํ (สิ่งใดยอมมีหามิได เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภ คือทองฟา), [น + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความ มีความเปน + อ ปจจัย, แปลง น เปน อ, ซอน พฺ] วิ. อา ภุโส ภาติ ทิปฺปตีติ อพฺภํ (สิ่งใดยอม สวาง คือรุงเรืองอยางยิ่งยวด เหตุนั้นน สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺภ), [อา + ภา ธาตุ ทิตฺติยํ ในความ รุงเรือง + อ ปจจัย], ใน สทฺทนีติธาตุมาลา (ฉบับ แปล หนา ๓๔๑) วิ. อพฺโภติ เมโฆ. โส หิ อพฺภติ อเนกสตปฏโล หุตฺวา คจฺฉตีติ อพฺโภติ วุจฺจติ. วิชฺชุมาลี สตกฺกกูติ วุตฺตํ. สตกฺกกูตี จ อเนกสตปฏโล. เอตฺถ จ อพฺภสทฺโท ติลิงฺคิโก ทพฺโพ. (คำวา อพฺโภ หมายถึง เมฆ, ก็เมฆนั้น กอเปนกลีบหลายรอยชั้น เรียกวา อพฺภ เชน วิชฺชุมาลี สตกฺกกุ เมฆมีกลีบหลายรอยชั้น มี สายฟาแปลบปลาบ, บทวา สตกฺกกุ ไดแก มี
๑๘๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา หลายรอยชั้น. ก็ในที่นี้ พึงทราบวา อพฺภ ศัพท เปนได ๓ ลิงค) ตถา หิ อยํ อพฺภุิโตว ส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตีติ เอตฺถ ปุลฺลิงฺโค (สมดังตัวอยาง ที่เปนปุงลิงค เชนในขอนี้วา สัตว ผูถือปฏิสนธิแลว ยอมไปสูความเปนกลละ เปนตน ยอมไมกลับมาสูความเปนกลละเปนตนอีก ดุจกอนเมฆซึ่งตั้งขึ้นยอมถูกแรงลมซัดไปโดยไม หวนคืน ฉะนั้น) อพฺภา, มหิกา, ธูโม, รโช, ราหูติ เอตฺถ อิตฺถิลิงฺโค (ที่เปนอิตถีลิงค เชนใน ขอวา เมฆ หมอก ควัน ฝุน อสุรินทราหู) อพฺภานิ จนฺทมณฺฑลํ ฉาเทนฺตีติ เอตฺถ นปุํสก-ลิงฺโคติ วุตฺตํ (ที่เปนนปุงสกลิงค เชนในขอวา กลุมเมฆ ยอมปดบังดวงจันทร) อพฺภก (นปุ.) แกวเพทาย, แกวอมล วิ. อพฺภํ อากาโส เมโฆ จ, ตํสฺกตฺตา อพฺภกํ, อมลํ (อัพภะ คือทองฟาและเมฆ, แกวเพทาย ชื่อวา อพฺภก เพราะตั้งชื่อตามเมฆนั้น), [ก ปจจัย สฺายํ ใชในความหมายวาตั้งชื่อ] วิ. อพฺภมิว กาสเต ราชเตติ อพฺภกํ (แกวใดรุงเรืองสุกสกาว เหมือนเมฆ เหตุนั้น แกวนั้นชื่อวา อพฺภก), [อพฺภ + กาส ธาตุ ทิตฺติยํ ในความรุงเรือง + กฺวิ ปจจัย, ลบ ส] กตฺถจิ อพฺภโกติ ฉาปสามฺตฺโถ (บางแหง คำวา อพฺภก หมายถึงลูกสัตวทั่วไป) อพฺภกฺขาน (นปุ.) คำกลาวตู, การกลาวดวย คำไมจริง, การกลาวครอบงำ, การกลาวขม ๑. วิ. อสจฺเจน อกฺขานํ อพฺภกฺขานํ (การกลาว ดวยคำไมจริง ชื่อวา อกฺขาน) ๒. วิ. อภิอกฺขานํ ปริภาสนํ อพฺภกฺขานํ (การดา การบริภาษ ชื่อวา อพฺภกฺขาน), [อภิ + อา + ขา ธาตุ กณเน ในความกลาว + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อพฺภงฺค (นปุ.) อันเขาพึงฉาบ, การฉาบ, การทา, การไล วิ. อพฺภงฺคียตีติ อพฺภงฺคํ, อพฺภฺชนนฺติ อตฺโถ (สิ่งใดอันเขาฉาบทา เหตุ นั้น ชื่อวา อพฺภงฺค, หมายความวา ฉาบเทา), [อภิ + องฺค ธาตุ มาในคัมภีรทัณฑกวา คมเน ใน ความไป + ณ ปจจัยในกัมมวาจก, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ] อพฺภฺชน (นปุ.) ฉาบทา, ไลทา, การไลทา, หยอด วิ. อพฺภฺชิยเต อพฺภฺชนํ (อันเขาฉาบ ทา ชื่อวา อพฺภฺชน) เชน อกฺขพฺภฺชนมิว (เหมือนน้ำหลอดเพลา), [อภิ + อฺช ธาตุ มกฺขเน ในความทา + ยุ ปจจัย, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ, อาเทศ ยุ เปน อน] อพฺภนฺตร (ติ.) ๑.ในระหวาง, ในภายใน, เกิด ในระหวาง วิ. อนฺตเร อนฺโต ชาตํ ภวํ อนฺตรํ, ตเมว อพฺภนฺตรํ อชฺฌตฺตํ (สิ่งที่เกิดมีในภายใน ชื่อวา อนฺตร, อนฺตร นั่นเอง ชื่อวา อพฺภนฺตรํ หมายถึงเปนไปในภายใน) เชน กรุณา อพฺภนฺตรนิทานํ นาม วิ. อนฺตรสฺส โกาสสฺส อนฺโต อพฺภนฺตรํ อพฺภนฺตเร ชาตํ อพฺภนฺตรํ (ภายใน แหงสวน ชื่อวา อพฺภนฺตร สวนใน, เกิดในภาย สวนภายใน ชื่อวา อพฺภนฺตร), วิ. อพฺภนฺตเร อนฺโตโกาเส ชาตํ, น พหิโกาเสติ อพฺภนฺตรํ (สิ่งใดเกิดในภายใน คือในสวนภายใน ไมใชเกิด ในสวนภายนอก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภนฺตรํ), ยตฺถ ยตฺถ หิ โย โย ิโต นิสินฺโน วา, ตตฺถ ตตฺถ สมนฺตา อิวีสติหตฺถปฺปมาณํ านํ ตสฺส ตสฺส อพฺภนฺตรํ านํ นามํ. สกฺกเฏ อภฺยนฺตมฺ. อพฺภนฺตเร ชาโต อพฺภนฺตโร, ยถา ชฏิลสหสฺสพฺภนฺตโรติ, โณ (ชื่อวา อพฺภนฺตร-รวมใน ไดแก คนใดยืนก็ ตาม นั่งก็ตาม ในที่ใด รอบๆ ที่ซึ่งคนนั้นยืนหรือ นั่งนั้นไปประมาณ ๒๘ ศอก), ภาษาสันสกฤตวา อภฺยนฺตมฺ, ผูเกิดในภายใน ชื่อวา อพฺภนฺตร, เชน คำ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๘๑ วา ภายในชฏิล ๑,๐๐๐ คน, ลง ณ ปจจัย), หรือ เปน อพฺภนฺตริโม ในคำนี้วิเคราะหวา อพฺภนฺตเร ภโว อพฺภนฺตริโม (ผูมีในภายใน ชื่อวา อพฺภนฺตริม) ๒. นบัเขาเนื่องใน, ระแวก, รวมใน วิ. อพฺภนฺตติ อภิพนฺธตีติอพฺภนฺตรํ(ส่งิใดยอมนับเนื่องใน คือ เกี่ยวของ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภนฺตร), [อภิ + อติ ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อร ปจจัย + นิคหิตอาคมตนธาตุ แปลงเปน นฺ ที่สุดวรรค], ในแนวแหงพระวินัย นักศึกษาพึงถือเอา เนื้อความวา อัพภันดร ๑ เทากับ ๒๘ ศอก, นัย เดียวกันเชน อพฺภนฺตริโม ลง อิม ปจจัยแทน ภว แปลวา มี อพฺภาฆาต (นปุ.) ตะแลงแกง, ที่ประหารชีวิต อภิหนนฺติ เอตฺถาติ อพฺภาฆาตํ, การณฆรํ, เวริฆรํ โจรานํ มารณตฺถาย กตนฺติ อตฺโถ (นักฆา ทั้งหลายยอมฆาในที่นั่น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อพฺภาฆาต ไดแก เรือนของเจาพนักงาน คือ เรือนของคนมีเวร ที่เขาสรางไว เพื่อใชเปนที่ฆา พวกโจร), [อภิ + อา + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ณ ปจจัย, แปลง หน เปน ฆาต, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ] อพฺภาจิกฺขน (นปุ.) การกลาวตู, การพูดดวย คำอันไมจริง วิ. อสจฺเจน อาจิกฺขนํอพฺภาจิกฺขนํ (การกลาวดวยคำอันไมจริง ชื่อวา อพฺภาจิกฺขน), [อภิ + อา + จิกฺข ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในการ กลาว + ยุ ปจจัยภาวสาธนะ อาเทศเปน อน, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ] นัยเดียวกัน อพฺภาจิกฺขโก (ผูกลาวตู) ณฺวุ ปจจัยในกัตตุสาธนะ อาเทศเปน อก อพฺภาน (นปุ.) อัพภาน, การเรียกเขาหมู วิ. อพฺเภนฺติ โอสาเรนฺติ เอเตนาติ อพฺภานํ (ภิกษุ ทั้งหลาย ยอมเรียกเขาหมูดวยกรรมนั่น เหตนุนั้ กรรมนั้นชื่อวา อพฺภาน), [อภิ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ] อพฺภาส (ปุ.) การทวนซ้ำ, การซอนกัน, การซำ้ กัน, คำซ้ำ, คำซอนอัพภาสคือซ้ำหรือซอน อักษรลงหนาคำ วิ. ปทํ อลงฺกตฺตุํ อา [อติเรกํ] กตฺวา ภาสียเตติ อพฺภาโส (คำใดอันเขากลาวซ้ำ คือเกินมา เพื่อทำบทสำเร็จ เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อพฺภาส), [อา + ภาส ธาตุ ภาสเน ในการกลาว + ณ ปจจัย, ซอน พฺ, รัสสะ อา เปน อา] อพฺภาหต (ติ.) ๑. อันเขาครอบงำแลว, ถูกครอบงำ, ถูกห้ำหั่น วิ. อพฺภาหฺเตติ อพฺภาหโต (ผูใดอันชาติเปนตนห้ำหั่น เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อพฺภาหต), [อภิ + อา + หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + ต ปจจัยใน ๓ กาล, ลบ ณ] ๒. อันเขานำมาเฉพาะแลว, ถูกนำไปแลว วิ. อพฺภาหรียิตฺถาติ อพฺภาหโฏ (สิ่งใดอันเขานำมาเฉพาะแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อพฺภาหฏ), [อภิ + อา + หร ธาตุ หรเณ ใน ความนำไป + ต ปจจัย, ลบ ร, อาเทศ ต เปน ฏ] อพฺภิต (ติ.) ถูกเรียกเขามา, ผูอันเขาเรียกเขามา วิ. อพฺเภตพฺโพติ อพฺภิโต (ผูใดอันเขาเรียกเขา หา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อพฺภิต), เชนวา อพฺภิโตติ สํวาเสน อนฺโต กโต (บทวา อพฺภิโต ความวา อัน สงฆทำไวภายใน ดวยการอยูรวมกัน), [อภิ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป และ อชฺฌายเน การ สาธยาย + ต ปจจัย, แปลง อภิ เปน อพฺภ, ใน นิรุตฺติทีปนี ปรากฏวา อภิโต], คำวา อพฺภิต นี้ มี รูปเหมือน อภิโต ที่เปนนิบาต เชน อภิโต คามํ วสติ (อยูในที่ใกลแหงหมูบาน), อภิโต แปลวา
๑๘๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ในที่ใกล, คำวา คามํ เปนทุติยาวิภัตติ ใชใน อรรถแหงฉัฏฐีวิภัตติ อพฺภุคฺคต (ติ.) ไปขึ้นไปอากาศ, ฟุงขึ้นไป, ไปขางบน, เหาะ ๑. วิ. อา ภุโส ภาติ ทิปฺปตีติ อพฺภํ อากาโส (สิ่งใดยอมรุงเรือง สวางไสวอยาง ยิ่ง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺภ คืออากาศ), [อา + ภา ธาตุ ทิตฺติยํ ในความรุงเรือง + อ ปจจัย] วิ. อพฺภํ อากาสํ อุคฺคโต อพฺภุคฺคโต (ผูพุงขึ้น ไปสูอากาศ ชื่อวา อพฺภุคฺคต) ๒. อภิมุขํ วา อุทฺธํ อากาสํ คโต อพฺภุคฺคโต (ผูใดไปสูอากาศตอหนา คือเบื้องบน ผูนั้นชื่อวา อพฺภุคฺคต) อพฺภุต (ติ.) ๑. มหัศจรรย, ประหลาดใจ, ตื่น ตาตื่นใจ วิ. วิมฺหโยปจยวฑฺฒโน อพฺภุโต (ภาวะ ที่กอเกิดขึ้นจากความตื่นตาตื่นใจ ชื่อวา อพฺภุต), [อพฺภ ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง อ เปน อุ] ๒. ความพิศวง, สิ่งที่ ไมเคยมีมากอน วิ. น ปุพฺเพ ภวิตฺถาติ อพฺภุโต อพฺภูโตติ ทีเฆนาป ยุชฺชติ, วิมฺหโย (สิ่งใดไมเคย มีมากอน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภุต, แมจะ ทีฆะเปน อพฺภูโต ก็ได หมายความวา มหัศจรรย), [น + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ต ปจจัย, รัสสะ อู เปน อุ], ใน สทฺทนีติ ปทมาลา (ฉบับแปล หนา ๘๒๙) อยํ ปน อพฺภุตํ อภูตนฺติ ทฺวินฺนํ วิเสโส. ภูสทฺทสฺส พฺภู. สํโยคปเร ปฏิเสธตฺถวติ ออิตินิปาเต อุปปเท สติ เอกนฺเตน รสฺสตฺตมุปยาติ. กฺวตฺเถ? อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติอาทีสฺวตฺเถสุ. ตถาวิเธ อสฺโคปเร รสฺสตฺตํ น อุปยาติ,กฺวตฺเถ?อสจฺจนฺติอาทีสฺวตฺเถส.ุ ตถา หิ อพฺภุตนฺติ ปทสฺส อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติป อตฺโถ ภวติ, อพฺภุตกรณนฺติป อตฺโถ ภวติ. อภูตนฺติ ปทสฺส ปน อสจฺจนฺติป อตฺโถ ภวติ, อชาตนฺติป อตฺโถ ภวตีติในฉบับแปล ทานแปลไววา (สวนที่ จะกลาวตอไปนี้เปนลักษณะพิเศษของศัพทสอง ศัพท คือ อพฺภุตํ และ อภูตํ. แปลง ภู ศัพทเปน พฺภู. ในกรณีที่อ นิบาตมีอรรถปฏิเสธเปนอุปบท ตั้งอยูหนาสังโยคใหรัสสะ อู เปน อุ อยาง แนนอน. ถามวา ศัพทเชนนี้ ใชในอรรถอะไร? ตอบวา ใชในอรรถ อภูตปุพฺพํ ภูตํ เปนตน ศัพท เชนนี้ (คือ ภูต ศัพทที่มี อ นิบาตเปนอุปบท= บทหนา) แตไมตั้งอยูหนาสังโยคก็ไมตองทำการ รัสสะ ถาม ศัพทเชนนี้ ใชในอรรถอะไร? ตอบวา ใชในอรรถ อสจฺจํ (คำไมจริง) เปนตน จริงอยาง นั้น บทวา อพฺภุตํ มีความหมายวา อภูตปุพฺพํ ภูตํ (สิ่งที่ไมเคยมีมากอนแตกลับมี = อัศจรรย) ก็ได, มีความหมายวา อพฺภุตกรณํ (การเดิมพัน) ก็ได, สวนบทวา อภูตํ มีความหมายวา อสจฺจํ (คำไมจริง) ก็ได, มีความหมายวา อชาตํ (สิ่งที่ไม เปนจริง) ก็ได, บทวา อพฺภุต เปนวาจจลิงคคือ เปนวิเสสนะบาง เปนอภิเธยยลิงคคือเปนนาม หลักบาง, แต บทวา อพฺภูต เปนวาจจลิงคคือ เปนวิเสสนะบาง บางแหงเปนอภิเธยยลิงคคือ เปนนามหลักบาง ใชดุจ สจฺจ ศัพท ๓. การคา ขาย, การพนัน, เงินเดิมพัน, คาจาง, บำเหน็จ (ปุ.) วิ. อพฺภติ คจฺฉติ อเนนาติ อพฺภโต อพฺภุโต ปโณ (บุคคลยอมดำเนินไปดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺภต, อพฺภุต, ปณ-เงินเดิมพัน), [อพฺภิ ธาตุ คมเน ในความไป + ต ปจจัย, แปลง อิ เปน อ, อุ] อพฺภุสฺสิต (ติ.) ปากฏ, พุงขึ้น, ตั้งขึ้น, ทำใหชัด วิ. อพฺภุสฺสิตพฺพนฺติ อพฺภุสฺสิตํ (อันสิ่งนั้น พึงพุง ขึ้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺภุสฺสิต), [อภิ + อุ + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + ต ปจจัย, แปลง อภิ เปน อพฺภ กจฺ.๔๔ รูป.๒๔ วา อพฺโภ อภิ, ซอน สฺ]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๘๓ อพฺภูตธมฺม (ปุ.) อัพภูตธรรม, ธรรมนา อัศจรรย วิ. อพฺภูโต ธมฺโม อพฺภูตธมฺโม (ธรรม อันนาอัศจรรย ชื่อวา อพฺภูตธมฺม), วิ. อพฺภุโต ธมฺโม สภาโว วุตฺโต ยตฺถาติ อพฺภุตธมฺมํ อพฺภูตธมฺมํ วา (สภาวธรรมอันนาอัศจรรย พระพุทธเจาตรัสไวสัตถุศาสนใด เหตุนั้น สัตถุ ศาสนนั้นชื่อวา อพฺภุตธมฺม หรือ อพฺภูตธมฺม), พึงทราบวา พระสูตรทั้งหลายที่ประกอบดวย ธรรมอันนาอัศจรรยทั้งหมด ที่เปนไปโดยนัยวา จตฺตาโรเม ภิกฺขเว อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท (ที.ม.๑๐/๑๓๕/๑๖๘) (ดูกอนภิกษุ ทั้งหลาย อัพภูตธรรมอันนาอัศจรรย ๔ ประการ นี้ มีอยูในอานนท) เปนตน ชื่อวา อพฺภุตธมฺมํ อพฺเภตพฺพ (ติ.) อันสงฆพึงอัพภาน, อันสงฆ พึงเรียกเขาหมู, อันสงฆพึงรับ วิ. อภิเอตพฺโพ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ อพฺเภตพฺโพ (ผูอันสงฆพึงเรียก คือพึงรับเขาหมู ชื่อวา อพฺเภตพฺพ), เชน โส ภิกฺขุ อพฺเภตพฺโพ (ภิกษุนั้น อันสงฆพึงเรียกเขา หมู), [อภิ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตพฺพ ปจจัย] อพฺภานกมฺมวเสน โอสาเรตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ, อวฺหาตพฺโพติ วา อตฺโถ (ในขอนี้มีคำที่ทาน อธิบายวา หมายถึง อันสงฆพึงเรียกเขาหมู ดวย อำนาจอัพภานกรรม หรือหมายถึง ผูอันสงฆพึง เรียก) อพฺโภกาส (ปุ.) ที่แจงยิ่งนัก, โอกาสอันยิ่ง, ที่แจง, กลางหาว วิ. อวกสนฺติ ปติหนฺติ เอตฺถาติ โอกาโส (สัตวทั้งหลายยอมดำรงอยูใน ที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา โอกาส), [อว + กส ธาตุ วิเลขเน ปติายํ วา ในความทำใหเปน รอย หรือในความดำรงอยู + ณ ปจจัย ดวยสูตร กจฺ.๕๒๘ รูป.๕๗๗ วา วิสรุชปทาทิโต ณ] วิ. สพฺพาสุ ทิสาสุ อภิมุโข โอกาโส อพฺโภกาโส (โอกาสมีจำเพาะหนา ในทิศทั้งหลายทั้งปวง ชื่อวา อพฺโภกาส), บทนี้เปน กมฺมธารยสมาโส. อพฺโภกาสิโกติ วสติตทฺธิเต ณิกปจฺจโย (เชนคำ วา อพฺโภกาสิก ผูอยูในที่แจง ลง ณิก ปจจัย ในตัทธิต แทน วสติ ศัพท) อพฺยคฺคมนส (ปุ.) มีจิตไมฟุงไป, มีจิตตั้งมั่น, มีจิตมีอารมณเดียวเปนเลิศ, มีจิตไมลังเล วิ. นานารมฺมเณ ปริพฺภมเนน วิวิธํ อคฺคํ อารมฺมณํ ยสฺสาติ พฺยคฺโค, วิกฺเขโป (อารมณ ลังเล เพราะซานไปในอารมณตาง เปนเลิศแหง ภาวะใด เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา พฺยคฺค คือความ ฟุงซาน) ตถา หิ โส อนวานรโส ภนฺตตาปจฺจุปาโน จ วุตฺโต (จริงอยางนั้น พฺยคฺค คือ ความฟุงซานนั้น มีความไมตั้งมั่นเปนรส มีความ แสไปและความใหเดือดรอยเปนปจจุปฏฐาน), ตามคัมภีรสัทศาสตรจัดเปน พาหิรตฺถสมาส วิ. น พฺยคฺโค อพฺยคฺโค, สมาธิ. เอกคฺคตาภาวโต พฺยคฺคปฏิปกฺโขติ อตฺโถ (ไมใชภาวะที่มีอารมณ ฟุงซานเปนเลิศ ชื่อวา อพฺยคฺค คือสมาธิ มี ลักษณะตรงขามกับความฟุงซาน) จัดเปน มิสฺสกตปฺปุริสสมาส วิ. อพฺยคฺโค จ โส มโน จาติ อพฺยคฺคมโน, โส อสฺสตฺถีติ อพฺยคฺคมนโส (ใจ นั้นดวย ไมฟุงไปดวย เหตุนั้นจึงชื่อวา ใจอันไม ฟุงซาน, ใจอันไมฟุงซานนั้น ของผูนั้นมีอยู เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อพฺยคฺคมนโส ผูมีใจไมฟุงซาน), [ส ปจจัย ในตัทธิต] เชน อเจตโส อเจตสา, สุเมธโส สุเมธสํ วิ. อพฺยคฺโค มโน ยสฺส โสยํ อพฺยคฺคมนโส (ใจ ไมใชภาวะที่มีอารมณฟุงซาน เปนเลิศ ของผูใดมีอยู ผูนี้นั้นชื่อวา อพฺยคฺคมนโส) จัดเปน พาหิรตฺถสมาส. ในเรื่องนี้ ในคัมภีรนยาสะ สูตร ๑๘๒ [สสฺส โจ] วา จคฺคหเณน อพฺยคฺคมนโส นโรตฺยาทีสุ มนสทฺทโต
๑๘๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา สิวจนสฺโสการาเทโส โหติ (แปลง สิ วิภัตติหลัง มน ศัพท เปน โอ ดวย จ ศัพท เชนในคำวา อพฺยคฺคมนโส นโร (คนมีจิตฟุงซานไปเปนเลิศ), ในนิรุตฺติทีปนี (นิรุตฺติ.๑๑๗) ยทา ปน สมาสนฺเต มหาวุตฺตินา สฺยาทีสุ วิภตฺตีสุ สาคโม โหติ ตทา ปุริสาทิคโณป โหติ (เมื่อมีการลง ส อาคมทาย สมาส ในเพราะวิภัตติ ท. มี สิ เปนตน ดวยมหา สูตร จะมีรูปเหมือน ปุริสาทิคณะ-กลุมนามศัพท มีปุริสเปนตน บาง), ใน สทฺทนีติ (นีติ.๓๗๖) มโนคณโต สเร สาคโมติ มโนคณโต วิภตฺตาเทเส วา ปจฺจเย วา สเร ปเร สการาคโม โหติ วา จ มโนคเณ ปริยาปนฺนสทฺทานํ สมาสํ ปตฺวา อพฺยคฺคมนโส นโร (นรชนผูมีใจดำรงมั่นอยูใน อารมณเดียว เพราะสมาสเขากับศัพทที่เนื่องใน มโนคณะ ในเพราะสระที่แปลงมาจากวิภัตติ หรือสระที่เปนปจจัยอยูเบื้องหลัง ลง ส อักษร อาคมหลังมโนคณศัพทบาง), และทานกลาวไว เชนนั้นวา รูปศัพทแมอื่นๆ ก็มี ทั้ง ๓ ลิงค เชน ถิรเจตสํ กุลํ, สทฺเธยฺยวจสา อุปาสิกา ใน ปทรูป สิทฺธิมหานิสฺสย วา ควรไดรูป อพฺยคฺคมานโส วิ. มโนเยว มานสํ, อพฺยคฺคํ มานสํ ยสฺสาติ อพฺยคฺคมานโส (ใจนั่นเอง ชื่อวา มานส, ใจอัน ลังเล ของบุคคลใด มีอยู เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อ วา อพฺยคฺคมานส) อพฺยคฺคมนโสติ เอกคฺคจิตฺโต. อพฺยคฺคมโนติป ปาโ (บทวา อพฺยคฺคมนโส มี ความหมายวา ผูมีจิตมีอารมณเดียวเปนเลิศ), ปาฐะวา อพฺยคฺคมโน ก็มี, ก็ความโดยพิสดารใน ขอนี้ ทานกลาวไวในสัททนีติปทมาลา บัณฑิต พึงคนดูในสัททนีติปทมาลานั้นเถิด, นัยเดียวกัน เชน พฺยาสตฺตมโน, อพฺยาวฏมโน, พฺยาสตฺตมนโส, พฺยาสตฺตมานโส, สมุสฺสาหิตมานโส, ปสนฺนมานโส อพฺยเปต (ติ.) อัพยเปตยมก, ยมกไมมีพยางค อื่นแทรก, ๑ ใน ๓ ชนิดแหงยมก ตามหลัก อลังการ (สุโพธาลังการมัญชรี, ๒๖/๔๒) วิ. วิสทิเสน วณฺเณน อเปตํ พฺยเปตํ, น พฺยเปตํ อพฺยเปตํ (ยมกที่มีพยางคตางกันแทรก ชื่อวา พฺยเปต, ไมใชยมกที่มีพยางคตางกันแทรก ชื่อวา อพฺยเปต), [น + วิ + อป + อิ ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + ต, แปลง น เปน อ, แปลง วิ เปน วฺย, แปลง ว เปน พ, แปลง อิ เปน เอ] อพฺยภิจาริต (ติ.) การเปนไปไมแยกตางหาก, เกี่ยวของกันไมแยกกัน วิ. วิเสเสน อภิมุขํ จรณํ พฺยภิจาโร (การเปนไปเฉพาะหนาโดยพิเศษ ชื่อวา พฺยภิจาร), [วิ + อภิ + จร ธาตุ จรเณ ใน ความไป + ณ ปจจัย] วิ. พฺยภิจาโร เอว พฺยภิจาริโต (การเปนไปเฉพาะหนาโดยพิเศษ นั่นเอง ชื่อวา พฺยภิจาริต), ลง อิต ปจจัยสกัตถ วิ. น พฺยภิจาริโต อพฺยภิจาริโต (การเปนไป เฉพาะหนาโดยพิเศษหามิได ชื่อวา อพฺยภิจาริต) หมายความวา มีความสัมพันธกันไมแยกกัน อพฺยภิจารี(ติ.) ตายตัว, ไมวิปริตคลาดเคลอื่น วิ. อพฺยยํ อปริวตฺติ หุตฺวา ทพฺพาภิมุขํ นิรุตฺติ- สทฺทาภิมุขํ วา จรติ ปวตฺตตีติอพฺยภิจารี (ภาวะ ใดเปนภาวะที่ไมแปรผัน ไมเปนไปคลาดเคลื่อน เปนไปมุงตรงทัพพะและศัพททางภาษา เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อพฺยภิจารี), [อพฺยย + อภิ + จร ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + ณี ปจจัย, ลบ ย เปนตน] วิ. อพฺยภิจาโร อสฺสาติ อพฺยภิจารี (ภาวะที่เปนไปไมคลาดเคลื่อนของโวหารเปนตน นั้นมีอยู เหตุนั้น โวหารเปนตนนั้น ชื่อวา อพฺยภิจารี) วิ. วิเสเสน อภิมุขํ จรณํ พฺยภิจารี, น พฺยภิจารี อพฺยภิจารี โวหาโร สภาวนิรุตฺติ, เอกนฺตภูโต วา (การเปนไปเฉพาะหนาโดยพิเศษ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๘๕ ชื่อวา พฺยาภิจารี, การเปนไปเฉพาะหนาโดย พิเศษ หามิได ชื่อวา อพฺยภิจารี ไดแก โวหาร คือภาษาที่ใชกันตามสภาวะ), [น + วิ + อภิ + จร ธาตุ จรเณ ในการเที่ยวไป + ณี ปจจัย, แปลง น เปน อ, แปลง อิ ที่ วิ เปน ย, อาเทศ ว เปน พ] อพฺยย (นปุ.ปุ.) การไมพินาศไป, การไมผันแปร ไปตามลิงคเปนตน ๑. วิ. ตีสุ ลิงฺเคสุ ทฺวีสุ จ วจเนสุ วินาสํ, วิการํ วา วิสทิสํ วา นอยนตฺตา นคมนตฺตา อพฺยยํ นาม (การไมยอยยับไป ใน ลิงคทั้ง ๓ และใน ๒ วจนะ ชื่อวา อพฺยย เพราะ ไมถึงความแปลกจากของเดิม หรือความตางกนั) ดู ปาจิตฺยาทิโยชนาปาิ, [น + วิ + อย ธาตุ คติมฺหิ ในความไปความถึง + อ ปจจัย, อาเทศ อิ เปน ย, แปลง น เปน อ, อาเทศ ว เปน พ]. ๒. วิ. พฺยยนํ พฺยโย วินาโส วิกาโร วา, น พฺยโย อพฺยโย (การยอยยับ ชื่อวา พฺยย ไดแก เสื่อม สิ้น พินาศ หรือทำใหผิดจากของเดิม, ไมใชการ ยอยยับ ชื่อวา อพฺยย) ๓. วิ. พฺยเยติ พฺยยยตีติ พฺยโย วินาโส (ศัพทใดยอมยอยยับไป เหตุนั้น ศัพทนั้นชื่อวา พฺยย ไดแก ความพินาศ), [พฺยย ธาตุ ขเย ในความสิ้นไป + อ ปจจัย] วิ. น พฺยโย อพฺยโย (ศัพทที่ยอยยับไปหามิได เหตุนั้น ชื่อวา อพฺยย), นปุพฺพปโท กมฺมธารยสมาส อพฺยยีภาว (ปุ.) ๑. อัพยยีภาวสมาส, สมาสที่ ยังเนื้อความแหงอัพยยศัพทใหปรากฏ วิ. อพฺยยานํ อตฺถํ ภาเวตีติ อพฺยยีภาโว (สมาสใด ยอมยังเนื้อความแหงอัพยยศัพทใหปรากฏ เหตุนั้น สมาสนั้นชื่อวา อพฺยยีภาว), รูป.๓๓๐. เปนสมาสมีกิตกเปนที่สุด [อพฺยย + ภู ธาตุ ปกาสเน ในความประกาศ + เณ + ณ ปจจัย, อี อาคม กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยทนุปปนฺนา นิปาตนา สิชฺฌนฺติ, ลบ อตฺถ ศัพท เปน มชฺเฌ โลป กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ วา เตสุ วุทฺธิ เปนตน] ๒. สมาสที่ศัพทไมแจกรูป วิ. พฺยโย วุจฺจติ วิกาโร, นตฺถิ พฺยโย เอตสฺสาติ อพฺยโย, อพฺยโย หุตฺวา ภวตีติ อพฺยยีภาโว (การทำใหผิดจากรูป เดิม ชื่อวา อพฺยย, การทำใหผิดจากรูปเดิม แหง ศัพทนั้น ไมมี เหตุนั้น ศัพทนั้นชื่อวา อพฺยย, สมาสใดมีศัพทที่ไมมีการทำใหผิดจากรูปเดิม เหตุนั้น สมาสนั้นชื่อวา อพฺยยีภาว), นานาลิงฺควิภตฺติวจเนสุ รูปวิการรหิโต หุตฺวา ภวตีติ อตฺโถ (หมายถึง สมาสที่เวนจากการผันรูปลิงค วิภัตติ และวจนะ),สพฺพลิงฺควิภตฺติวจเนสุป เยภุยฺเยน เอกรูเปน ปวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ (มีคำที่ ทานอธิบายไววา อัพยยศัพท เปนไปรูปเดียว โดยมาก ในลิงค วิภัตติ และวจนะทั้งหลาย, [ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ณ ปจจัย, อี อาคม ดวยมหาสูตรใน นิรุตฺติทีปนี๓. สมาสที่มี บทไมใชอัพยยกลายเปนอัพยยะ วิ. อพฺยยนฺติ วา อุปสคฺคนิปาตานํ เอว นามํ, อยํ ปน ปกติ อพฺยยํ น โหติ, อสงฺขฺเยหิ สห เอกตฺถตาวเสน อพฺยยํ โหติ, อิติ อนพฺยยํป อพฺยยํ ภวตีติ อพฺยยี- ภาโว, รูป. ๓๓๐ (อีกนัยหนึ่ง คำวา อพฺยย เปน ชื่อของอุปสัคและนิบาต, แตสมาสนี้ไมใชปกติ อัพยยะ, จะเปนอัพยยะ ก็ดวยการรวมเขาเปน ความหมายเดียวกับบทที่นับไมได, ดวยประการ ดังนี้ สมาสใดเปนหมูบทที่ไมใชอัพยยะ กลายเปนอัพยยะ เหตุนั้น สมาสนั้น ชื่อวา อพฺยยีภาว), จัดเปนกัมมธายสมาสมีกิตกเปน ที่สุด, [อพฺพย + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ณ ปจจัย], ในคำวา อพฺยยีภาว นี้ พึงทราบวา ลง อี ปจจัยในที่มี กร และ ภู ธาตุ ในความหมายที่เปลี่ยนไปจากไมมีแลวมี นัย.นิ
๑๘๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา รุตฺติ. ๕๔๙ ลง อี ปจจัยดวยสูตร กจฺ.๕๗๑ รูป. ๖๒๔ วา ปจฺจยาทนิา นิปาตนา สิชฺฌนฺติบท สำเร็จ เชน เตน พหุลีกตํ (อันเขาทำใหมาก แลว), พหุลีกโรนฺติ (พวกเขาทำใหมาก), แตใน โมคฺคลฺลาน (โมคฺ. ๔/๑๑๙) วา ลง จี (อี) ปจจัย วา อภูตตพฺภาเว กราสภูโยเค วิการา จี อพฺยากต (ติ.) อัพยากฤต, เปนกลางๆ ไม กลาววาเปนสิ่งนี้ วิ. น พฺยากตาติ อพฺยากตา, กุสลากุสลภาเวน อกถิตาติ อตฺโถ (ธรรมเหลาใด อันทานไมพยากรณ อธิบายวาไมกลาว โดย ความเปนกุศลหรืออกุศล เหตุนั้น ธรรมเหลานั้น ชื่อวา อพฺยากต), [น + วิ + อา + กร ธาตุ + ต ปจจัย, ลบ ร เปนตน] วิ. กุสลากุสลภาเวน น พฺยากตนฺติ อพฺยากตํ (สิ่งใดอันเขาไมพยากรณ วาเปนกุศลหรืออกุศล เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อพฺยากต อถวา), วิ ศัพท วิโรธิวจโน กลาวความ แตกตาง, อา ศัพทกลาวความมีตอหนา, เพราะ เหตุนั้น อตฺตโน ปจฺจเยหิ อฺมฺวิโรธาภิ- มุขตํ กตํ ลกฺขณวิโรธโต ปหายกปหาตพฺพโต วาติ พฺยากตํ, กุสลากุสลํ. พฺยากตโต อฺํ อพฺยากตํ (กุศลและอกุศล อันปจจัยทั้งหลาย ของตนกระทำใหมีหนาเฉพาะตอกันโดยผิด แปลกกันและกัน โดยมีลักษณะที่ผิดแปลกกัน และโดยเปนสิ่งที่ละและสิ่งที่ตองละ, สิ่งที่อื่น จากกุศลและอกุศลซึ่งเปนพยากตนั้น ชื่อวา อัพยากฤต), อภิธมฺมาตาร-ปุราณฏีกา [วิ + อา + กร ธาตุ กถเน ในความกลาว + ต ปจจัย, ลบ ที่สุดธาตุ, แปลง อิ เปน ย, แปลง ว เปน พ], อ ศัพทในที่นี้ อฺตฺโถ มีความหมายวาอื่น อพฺยาปชฺช (ติ.) ๑. ภาวะที่ไมมีความพยาบาท, ไมมีความเบียดเบียน, พระนิพพาน วิ. นตฺถิ พฺยาปชฺชํ ยสฺมินฺติ อพฺยาปชฺชํ อพฺยาปชฺฌํ นิพฺพานํ (ความพยาบาท ความเบียดเบียน ไมมี ในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อพฺยาปชฺช, อพฺยาปชฺฌ), [น + วิ + อา + ปท ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ณฺย ปจจัย, อาเทศ ทฺย เปน ชฺช เปนตน], ๒. ความไมมีทุกข, โลก, รูปภพที่ไมมี ความเบียดเบียนจิตใจ วิ. พฺยาพาธนเน พฺยาพาโธ, พฺยาพาโธว พฺยาพชฺฌํ, ทุกฺขนฺติ อตฺโถ (ชื่อวา พฺยาพาธ เพราะอรรถวา เบียดเบียน, พฺยาพาธ นั่นเอง ชื่อวา พฺยาพชฺฌ อธิบายวา ทุกข), [วิ + อา + พาธ ธาตุ พฺยาฆาเต ในความเบียดเบียน + ณ ปจจัย, อาเทศ อิ เปน ย, อาเทศ ว เปน พ + ณฺย สกัตถ, แปลง ธฺย เปน ชฺฌ, รัสสะ อา เปน อ เปน พฺยาพชฺฌํ] วิ. นตฺถิ เอตฺถ พฺยาพชฺฌนฺติ อพฺยาพชฺฌํ, นิทฺทุกฺขตา (ความเบียดเบียนไมมีในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อพฺยาพชฺฌํ, คือความ ไมมีทุกข), บทนี้เปนน ปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส, วิ. จิตฺตํ พฺยาปาเทติ หึสตีติ พฺยาปาโท, พฺยาปาโทเยว พฺยาปชฺฌํ, โทมนสฺสสงฺขาตํ ทุกฺขํ. นตฺถิ พฺยาปชฺฌํ ยสฺมินฺติ อพฺยาปชฺโฌ โลโก, รูปภโวติ อธิปฺปาโย. อพฺยาพชฺชนฺติป ปาโ (ภาวะใดยอมเบียดเบียนจิตใจ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา พยาบาท, พยาบาทนั่นเอง ชื่อ วา พฺยาปชฺฌ, ไดแก ทุกข กลาวคือ โทมนัส, ภาวะที่เบียดเบียนจิตใดไมมีในที่นั้น เหตุนั้น ที่ นั้น ชื่อวา อัพยาปชฌะ ไดแก โลก อธิบายวา รูปภพ), ปาฐะวา อพฺยาพชฺชํ ก็มี, ๓. พระ นิพพาน, ไมมีความเบียดเบียน วิ. นัยเดียวกัน ทานแสดงไวใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา คาถาที่ ๘ วา วิ. พฺยาพาธตีติ พฺยาพาโธ, โส เอว พฺยาพาโท ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺส ภาโว พฺยาพชฺชํ, ทุกฺขสฺส ปฬนาทฺยตฺโถ, ตํ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ อพฺยาพชฺชํ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๘๗ (ภาวะใดยอมเบียดเบียน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา พฺยาพาธ, พฺยาพาธ นั่นเอง ชื่อวา พฺยาปาท, ไดแกทุกขสัจ, ความเปนแหงภาวะที่เบยีดเบียน นั้น ชื่อวา พฺยาพชฺฌ, ไดแก ทุกขมีความหมาย วาบีบคั้น เปนตน, ความเบียดเบียนนั้น ไมมีใน ภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อพฺยาพชฺฌ) ปาฐะวา อพฺยาปชฺฌํ ก็มี, ตตฺถ พฺยาปชฺชนฺติ วินสฺสนฺตีติ พฺยาปาทา, สงฺขตา, เตสํ ภาโว พฺยาปชฺฌํ, สงฺขตานํ วินสฺสนภาโว, ตํ ยตฺถ นตฺถิ, ตํ อพฺยาปชฺฌนฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ (ในขอนั้น บัณฑิตพึงทราบอธิบายวา ภาวะทั้งหลายที่ เบียดเบียน คือพินาศ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา พยาบาท คือ สังขตธรรม, ความเปนแหงภาวะที่ เบียดเบียนนั้น ชื่อวา พฺยาปชฺฌ, ไดแก ความ พินาศไปแหงสังขตธรรม, ความเบียดเบียนนั้น ไมมีในพระนิพพานใด พระนิพพานนั้น ชื่อวา อพฺยาปชฺฌ), ก็วาตามนิรุตตินัย แปลง ทฺย เปน ชฺฌ), ตปจฺจเย ปน วิหิเต อพฺยาปนฺโนติ รูป ภวติ (แตเมื่อประกอบ ต ปจจัย รูปเปน อพฺยาปนฺโน) อพฺยาปาร (นปุ.) การไมพยายาม, การไม อุตสาหะ, ไมกระฉับกระเฉง วิ. พฺยาปาริยติ วายมิยเตติ พฺยาปารํ (อันเขาไมพยายาม เหตุนั้น ชื่อวา พฺยาปาร), [วิ + อา + ปร ธาตุ วายาเม ในความพยายาม + ณ ปจจัย, แปลง อิ เปน ย, แปลง ว เปน พ] วิ. น พฺยาปารํ อพฺยาปารํ (การพยายามหามิได ชื่อวา อพฺยาปาร), นัยนี้ เปน นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส วิ. นตฺถิ พฺยาปารํ อสฺสาติ อพฺยาปาโร (การพยายามของผูนั้นไมมี เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อพฺยาปาร), นัยนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส อพฺยาวฏ (ติ.) ไมขวนขวาย, ไมอุตสาหะ, ไมกระตือรือรน วิ. พฺยาวฏติ อุสฺสุกฺกมาปชฺชตีติ พฺยาวโฏ (ผูใดยอมขวนขวาย คือถึงความ ขวนขวาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา พฺยาวฏ), [วิ + อา + วฏ ธาตุ อาวฏเน ในความหมุนไปทั่ว + อ ปจจัย, อาเทศ อิ เปน ย, อาเทศ ว เปน พ] วิ. น พฺยาวโฏ อพฺยาวโฏ (ผูขวนขวายหามิได ชื่อวา อพฺยาวฏ), บทนี้เปน นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส อพฺยาเสก (นปุ.) นาสนใจ, เจริญตาเจริญใจ, ดึงดูดใจ, มีเสนห วิ. น พฺยาสิฺจนฺติ นกฺขรนฺติ นยนมนานิ อสฺมาติ อพฺยาเสกํ อเสจนํ (ดวงตา และดวงใจไมละ ไมปลอย จากสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อพฺยาเสกํ คือสิ่งที่นาสนใจ), [น + วิ + อา + สิจ ธาตุ ปคฺฆรเณ ในความไหลไป + ณ, แปลง น เปน อ, แปลง อิ เปน ย, แปลง ว เปน พ, แปลง จ เปน ก และพฤทธิ์ อิ เปน เอ] วิ. น พฺยาสิฺจนฺติ ยสฺมึ อาคนฺตุกภูตานิ อฺรสานีติ วา อพฺยาเสกํ (นัยหนึ่ง รสอันเปนสิ่งที่จรมา ไมละ ในที่ใด เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อพฺยาเสก) อพฺรหฺมจริย (นปุ.) การประพฤติของคนไม ประเสริฐ, การพฤติไมประเสริฐ วิ. อพฺรหฺมานํ นิหีนานํ อพฺรหฺมํ วา นิหีนํ จริยํ วตฺติ อพฺรหฺมจริยํ เมถุนธมฺโม (การประพฤติของคนไมประเสริฐคือ ต่ำทราม หรือการประพฤติไมประเสริฐคือต่ำ ทราม ชื่อวา อพฺรหฺมจริย คือเมถุนธรรม) มี อธิบายวา อเสานํ จริยํ, อเสํ วา จริยํ (การ ประพฤติของคนไมประเสริฐ หรือการประพฤติ ไมประเสริฐ), เปน ฉีตปฺปุริส หรือ กมฺมธารย สมาส, พฺรหฺม ศัพท ในที่นี้ เสวาจโก มี ความหมายวาประเสริฐ, อธิบายวา ทฺวยทฺวยสมาปตฺติเมถุนปฺปฏิเสวนา กายทฺวารปฺปวตฺตา อสทฺธมฺมปฺปฏิเสวนานวีติกฺกมเจตนา อพฺรหฺมจริยํ ตสฺส เทฺว องฺคานิ เสวนจิตฺตฺจ มคฺเคน มคฺคปฺปฏิปาทนฺจาติ กงฺขาวิตรณี (การ
๑๘๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เสพเมถุนที่ถึงความเปนคูๆ เจตนาเปตเหตุกาว ลวงโดยประสงคจะเสพอสัทธรรม ซึ่งเปนไปทาง กายทวาร ชื่อวา อพรหมจรรย, ในกังขาวิตรณี วา อพรหมจรรยนั้น มีองค ๒ คือ จิตคิดจะเสพ และการจรดมรรคดวยมรรค), สวนในอรรถ กถาขุททกปาฐะวา อพรหมจรรยมีองค ๔ ไดแก วัตถุที่จะพึงประพฤติลวง, จิตคิดจะเสพปรากฏ ในอัชฌาจริยวัตถุนั้น, เพราะคิดจะเสพ จึงมี ความพยายาม และผูเสพยินดี) อพุทฺธิก (ปุ.) ผูไมมีความรู วิ. น วิชฺชเต พุทฺธิ เอตฺถาติ อพุทฺธิโก (ความรู ไมมีในบุคคลนั้น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อพุทฺธิก), ลง ก ปจจัย ทายสมาส, ปาฐะวา อพุทฺธี ก็มี วิ. นตฺถิ เอเตสํ พุทฺธีติ อพุทฺธี (ความรู ไมมี แกชนเหลานั้น เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อพุทฺธิ), นัยนี้เปน นปุพพบทพหุพพิหิสมาส วิ. พุทฺเธ ปสนฺโน พุทฺธิโก (ผูเลื่อมใสในพระพุทธเจา ชื่อวา พุทฺธิก), [ณิก ปจจัยในตัทธิต], วิ. พุทฺธสฺส สนฺตโก วา พุทฺธิโก, น พุทฺธิโก อพุทฺธิโก (นัย หนึ่ง ของมีอยูของพระพุทธเจา ชื่อวา พุทฺธิก, ไมใชของมีอยูของพระพุทธเจา ชื่อวา อพุทฺธิก), นัยนี้เปนนปุพพบทกัมมธารยสมาส อภงฺค (ปุ.) พระสุคตเจา, ผูไมทำลายไปดวย มาร ๑. มาเรน เยน เกนจิ ภฺชิตุํ น สกฺโกตีติ อภงฺโค, เตน วา น ภฺชิยติ น วิทฺธสิยตีติ อภงฺโค, สุคโต (พระสุคตเจา ไมสามารถทำลาย ไป เพราะมารตนใดตนหนึ่ง เหตุนั้น พระองคจึง พระนามวา อภงฺค, อีกนัยหนึ่ง พระสุคตเจา พระองคใด อันมารนั้นทำลายไปไมได เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระนามวา อภงฺค), [น + ภนฺช ธาตุ ภฺชเน ในการหัด + ต ปจจัย, แปลง ช ที่สุดธาตุและต เปน ค, แปลง น เปนนิคหิต, แปลงนิคหิตเปนที่สดุวรรค] ๒. ผูไมมีมาร วิ. อถ วา ภนฺชติ วิทฺธํสตีติ ภงฺโค, มาโร, โย โกจิ วา (ผูใดยอมทำลายไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ภงฺค ไดแก มาร หรือคนทั่วไป), [ภนฺช ธาตุ วิทฺธํสเน ในการขจัด + ณ ปจจัย, อาเทศ ช เปน ค, แปลง น เปนนิคหิต, อาเทศนิคหิตเปนพยัญชนะที่สุด วรรค คือ งฺ] วิ. นตฺถิ ภงฺโค มาโร โย โกจิ วา ยสฺสาติ อภงฺโค, สุคโต (มารที่ชื่อวาผูทำลาย ไม มีแกพระสุคตเจาพระองคใด เหตุนั้น พระองค จึงทรงพระนามวา อภงฺค) ๓. พระมุนีผูไม ทำลายไป วิ. ภฺชิยเต ภงฺโค, น ภงฺโค อภงฺโค (ผูใดอันเขาทำลาย ผูนั้นชื่อวา ภงฺค, ผูอันเขา ทำลายไมได ชื่อวา อภงฺค), อถวา มารเสนาย น ภฺชิยตีติ อภงฺโค มารเสนาย ภฺชิตุํ น อรหตีติ อตฺโถ. มารเสนา ภฺชิตุํ น สมตฺโถติ วา อภงฺโค, มุนินฺโท. (อีกนัยหนึ่ง พระสุคตใดอันเสนามาร ทำลายไมได เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระนามวา อภงฺค, หมายความวา ไมควรทำลายไปเพราะ เสนามาร หรือผูไมอาจจะทำลายเพราะเสนา มาร, ไดแก พระมุนินทเจา) อภพฺพ (ติ.) ๑. ผูไมควร, ผูไมเหมาะ, ผูควรหา มิได วิ. ภวิตพฺโพติ ภพฺโพ (สัตวใดควรเปน เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา ภพฺโพ), ภู ธาตุ, หลัง ภู ธาตุ แปลง ณฺย ปจจัย กับ อู ของ ภู ธาตุเปน อพฺพ ดวยสูตรสัททนีติ นีติ.๑๑๒๘ วา ภูโต ณฺยสฺสพฺพูกาเรน, วิ. น ภพฺโพ อภพฺโพ (สัตวผู ควรหามิได ชื่อวา อภพฺพ), นัยนี้เปน นปุพฺพปท กมฺมธารยสมาส ๒. ผูไมมีอยู, ผูไมเปนอยู วิ. ภวตีติ ภพฺโพ (สัตวใดยอมมี เหตุนั้น สัตวนั้น ชื่อวา ภพฺโพ), [ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความ เปน ลง ย ปจจัยในกัตตุสาธนะ โมคฺ.๕/๓๑ วา กิจฺจฆจฺจภจฺจภพฺพเลยฺยา, ในเพราะ ย แปลง อุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๘๙ เปน อวฺ, แปลง ย เปน ว, แปลง วฺว เปน พฺพ] วิ.น ภพฺโพ อภพฺโพ (สัตวมีอยูหามิได ชื่อวา อภพฺพ) ๓. สัตวผูไมควรเพื่ออันเปนอยู วิ. ภวิตุํ อรหตีติ ภพฺโพ, ภวิตุมนุจฺฉวิโก (สัตวใดยอมควร เพื่ออันเปนอยู เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา ภพฺพ, คือ ควรเพื่ออันเปนอยู), [ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมี ความเปน + ตพฺพ อรหตฺเถ ปจจัยเปนกัตตุวาจก มีความหมายวาควร, อาเทศปจจัยพรอมทั้งธาตุ เปน ภพฺพ] วิ. น ภพฺโพ อภพฺโพ (ผูควรเพื่ออัน เปนอยู หามิได ชื่อวา อภพฺพ) ๔. ผูอันเขาไม เบียดเบียน วิ. ภพฺพียตีติ ภพฺโพ (ผูใดอันเขา เบียดเบียน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ภพฺพ), [ภพฺพ ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อ ปจจัย] วิ. น ภพฺโพ อภพฺโพ (ผูอันเขาเบียดเบียน หา มิได ชื่อวา อภพฺพ) อภย (อิตฺ.ปุ.นปุ.) ๑. สมอไทย, ไมมีโรค (อิตฺ.) วิ. น วิชฺชเต โรคภยํ, โรคพฺยโถ โจปยุชฺชมานายมสฺสนฺติ อภยา, หรีตกี (ภัยจากโรคและ การคุกคามจากโรค ไมมีในยาที่ปรุงรักษานั้น เหตุนั้น ยานั้น ชื่อวา อภยา คือสมอไทย) ๒. พระพุทธเจา (ปุ.) วิ. นตฺถิ ภยานิ เอตสฺสาติ อภโย, พุทฺโธ (ภัยทั้งหลาย ของพระพุทธเจา พระองคนั่นไมมี เหตุนั้น พระองคจึงทรงพระ นามวา อภย คือพระพุทธเจา) ๓. มิตร วิ. น อิโต เต ภยมุปฺปนฺนนฺติ อภโย, โก โส? มิตฺโต ชา.อ.๓/๖๙ (ภัยไมเกิดแกทานจากผูนี้ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภย ไมมีภัย, ผูนั้นคือใคร, ผูนั้นคือ มิตร) ๔. พระนิพพาน วิ. นตฺถิ เอตฺถ ภยํ, อสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส นตฺถิ ภยนฺติ อภยํ (ภัยไมมี ในภาวะนั้น, หรือภัยไมมีแกบุคคล เพราะบรรลุ ภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้น จึงชื่อวา อภย), นิพฺพานํ อตฺตานุวาทาทิภยานํ วฏภยสฺส จ สพฺพโส อภาวา อภยํ (พระนิพพานไดชื่อวา อภย เพราะไมมีอัตตานุวาทภัยเปนตน และภัย ในวัฏฏะโดยประการทั้งปวง) อภว (ปุ.) ความไมมี, ความไมเปน, ความวิบัติ, ความเสื่อม, ความขาดสิ้น, ความชั่ว วิ. น ภโว อภโว (ไมใชความเจริญ เปนตน ชื่อวา อภโว), [น + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + อ ปจจัย], ในภาษาบาลีใช อตฺถ ศัพท ๔ ความหมาย ไดแก วิปตฺติ (ความวิบัติ), หานิ (ความเสื่อม), อุจฺเฉโท (ความขาดสูญ), ปาป (ความชั่ว) อภาสน (นปุ.) การไมพูด, ความนิ่ง วิ. น ภาสนํ อภาสนํ (การไมพูด ชื่อวา อภาสน), [น + ภาส ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในการพูดใหชัด + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อภิกงฺขิต (ติ.) อันเขาปรารถนา, อันเขาจำนง, อันเขาหวัง, ความปรารถนา วิ. อภิกงฺขิยเตติ อภิกงฺขิตํ (ความปรารถนาใดอันเขาปรารถนา เหตุนั้น ความปรารถนานั้น ชื่อวา อภิกงฺขิต), [อภิ + กงฺข ธาตุ อิจฺฉายํ ในความปรารถนา + ต ปจจัย ใน ๓ กาล + อิ อาคม] อภิกฺกนฺต (ติ.) ลวงเลย, สิ้นไป, ดี, งาม, อนุโมทนา วิ. อภิวิเสสโต กมิตพฺโพติ อภิกฺกนฺโต (สิ่งใดพึงปรารถนาอยางยิ่ง โดยความเปนของดี ยิ่ง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิกฺกนฺต), วิ. อภิกฺกมีติ อภิกฺกนฺโต (ผูใดกาวไปแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา กาวไปแลว), [อภิ + กมุ ธาตุ อิจฺฉายํ ในความ ปรารถนา + ต ปจจัย, แปลง ม เปน น, ซอน กฺ] วิ. อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตํ (การกาวไป ชื่อวา อภิกฺกนฺต), [อภิ + กมุ ธาตุ ปกวิกฺเขเป ในความ กาวไป + ต ปจจัย ในภาวะสาธนะ), ใน สัททนตีิ ธาตุมาลา (ฉบับแปล หนา ๘๕๓) ทานอธิบายไว
๑๙๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วา อิทานิ อภิกฺกนฺตสทฺทสฺส ภูวาทิ-คเณ ‘กมุ ปทวิกฺเขเปติ โวหารสีเสน วุตฺตสฺส กมุธาตุสฺส วเสน อิธ จ ‘กมุ อิจฺฉากนฺตีสูติ วุตฺตสฺส กมุ ธาตุสฺส วเสน อตฺถุทฺธารํ กถยาม. (บัดนี้ขาพเจา จะกลาวอธิบาย อภิกฺกนฺต ศัพท โดยสำเร็จมา จาก กมุ ธาตุ ที่กลาวกันเปนหลักวา กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในความกาวไป จัดเขาในหมวด ภู ธาตุ และ กมุ ธาตุ ที่กลาวไวในที่นี้วา กมุ ธาตุ อิจฺฉากนฺตีสุ ในความปรารถนารักใคร จัดเขาใน หมวด จุร ธาตุ), อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิ- รูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. (อภิกฺกนฺต ศัพท ปรากฏในความหมายวา ขย-สิ้นไป, สุนฺทร-ดี, อภิรูป-งาม, อพฺภนุโมทน-อนุโมทนา) อภิกฺกนฺต -ใชในอรรถวา ขย-สิ้นไป เชน อภิกฺกนฺตา ภนฺเต รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ (ขาแตพระองคผูเจริญ ราตรีสิ้นไป แลว, ปฐมยามผานไปแลว, ภิกษุสงฆนั่งนาน แลว), -ใชในอรรถวา สุนฺทร-ดี เชน อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จ (บรรดาบุคคล ๔ จำพวกนี้ บุคคลนี้ดีกวา และ งดงามกวา), -ใชในอรรถวา อภิรูป-งาม เชน โก เม วนฺทติ ปาทานิ อิทฺธิยา ยสฺสา ชลํ อภิกฺกนเฺตน วณฺเณน สพฺพา โอภาสยํทิสา (ใครรุงเรืองอยูดวยฤทธิ์และยศ มีรูปงาม ยัง ทิศทั้งปวงใหสวางอยู ไหวเทาของเราอยู) -ใชในอรรถวา อพฺภนุโมทนา-อนุโมทนา เชน อภิกฺกนฺตํ ภนฺเต (ขาแตพระองคผูเจริญ พระ พุทธพจนนั้น นาอนุโมทนา) อภิกฺกนฺตตร (ติ.) ลวงเลยไปกวา, สิ้นไปกวา, ดีกวา, งามกวา, อนุโมทนากวา, คุณนามชั้น พิเศษ (กวา) ของ อภิกฺกนฺต วิ. อภิกฺกนฺตานํ วิเสเสน อภิกฺกนฺโตติ อภิกฺกนฺตตโร (สิ่งนี้ดีกวา เปนตน กวาสิ่งที่ดีทั้งหลาย เหตุนั้น สิ่งนั้นช่ือวา อภิกฺกนฺตตร), [ตร ปจจัย] อภิกฺกม (ปุ.) การเดิน, การกาวไปขางหนา วิ. อภิมุขํ กมนํ อภิกฺกโม ปุรโต กายาภิหาโร (การกาวไปขางหนา ชื่อวา อภิกฺกม ไดแก เคลื่อนรางกายไปขางหนา), [อภิ + กมุ ธาตุ ปทวิกฺเขเป ในการกาวเทา + อ ปจจัย, ซอน กฺ] อภิกฺกมฺม (กิ.กิตฺ.) เดินไปแลว, กาวไปขางหนา แลว วิ. อภิกฺกมิตฺวาติ อภิกฺกมฺม (กาวไปแลว ชื่อวา อภิกฺกมฺม), [อภิ + กมุ ธาตุ ปทคมเน ใน การกาวเดิน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ย เปน ม (ยสฺส ปุพฺพรูปตฺตํ), ซอน มฺ], นัย เดียวกันเชน อภิกฺกมนฺโต ลง อนฺต ปจจัย ใน ปจจุบันกาล อภิกฺกมนีย (ติ.) พึงกาวไปขางหนา, พึง ดำเนินไป, พึงกาวไปใกล วิ. อภิกฺกมิตพฺโพติ อภิกฺกมนีโย [อภิ + กมุ ธาตุ ปทคมเน ในกาว เดิน + อนีย ปจจัย, ซอน กฺ], นัยเดียวกันเชน อภิกฺกนฺตพฺโพ นี้ ลง ตพฺพ ปจจัย, อติกฺกนฺตพฺโพ บทนี้ อติ อุปสัค แปลง ม เปนนิคหิต, เพราะ อำนาจ ต พยัญชนะที่สุดวรรค แปลงนคิหิตเปน นฺ พยัญชนะที่สุดวรรค ดวยสูตรปทรูปสิทธิ กจฺ.๒๙ รูป.๔๒ วา วคฺคนฺตํ วา วคฺเค. อภิกฺขฺ (อพฺ.) เนืองๆ, เสมอๆ, ร่ำไป, ประจำ วิ. อภิกฺขณเมว อภิกฺขฺํ อภิณฺหํ, ปุนปฺปุนนฺติ อตฺโถ อาภิกฺขฺํวา (เนืองๆ ชื่อวา อภิกฺขฺ แปลวา ประจำ, บอยๆ หรือสำเร็จรปู เปน อาภิกฺขฺ) เชนในขอวา วิจฺฉาภิกขฺฺเสุ เทฺว [ณฺย ปจจัย สกัตถ, แปลง ณฺ เปน ฺ, แปลง ย เปน (ยสฺส ปุพฺพรูปตฺตํ)] วิ.อภิกฺขณสฺส ภาโว อาภิกฺขฺํ (ความเปนแหงเนื่องๆ ชื่อวา อาภิกฺขฺํ], คำนี้เปนภาวตัทธิต, ปุนปฺปุนกฺริยา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙๑ อภิกฺขฺํ (การทำซ้ำๆ ชื่อวา อภิกฺขฺํ) เชน ภตฺตํ ปจติ ปจติ (หุงขาวซ้ำ), ภุตฺวา ภุตฺวา นิปชฺชนฺติ (กินแลวกินอีกแลวก็นอน) อภิคิชฺฌน (นปุ.) ความปรารถนา, ความ กำหนัด, ความริษยา, ละโมบอยางยิ่ง วิ. อภิคิชฺฌิยเต อภิคิชฺฌนํ (ความตองการอยาง ยิ่ง ชื่อวา อภิคิชฺฌน), [อภิ + คิธุ ธาตุ อภิกาเม ในความใคร + ย ประจำหมวดธาตุ, อาเทศ ธฺย เปน ชฺฌ + ยุ ปจจัย อาเทศเปน อน] นัย เดียวกัน เชน อภิคิทฺธิ ลง ติ ปจจัย, การจำแนก ธาตุ และปจจัยจะกลาวตอไป พึงดูที่ คิทฺธิ อภิคิทฺธ (ติ.) ผูติดของ, ผูอยากไดแลว, ผูกำหนัดนัก วิ. อภิคิชฺฌิตฺถาติ อภิคิทฺโธ (ผูใด กำหนัดนัก เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิคิทฺธ), [อภิ + คิธ ธาตุ เคเธ ในความกำหนัด + ต ปจจัย, อาเทศ ต เปน ธ โมคฺ.๕/๑๔๕ วา โธ ธภเหหิ, อาเทศ ธ ตัวตนเปน ทฺ] อภิฆาต (นปุ., ปุ.) การฆา, อุบายหรือวัตถุ สำหรับเบียดเบียน, เครื่องทำลาย, การตี ๑. วิ. อภิหนนํ อภิฆาตํ (การเขนฆา ชื่อวา อภิฆาต) ๒. วิ. อภิหนนฺติ เอเตนาติ อภิฆาโต (บุคคลยอมเขนฆาเบียดเบียนกันดวยอุบายหรือ วัตถุนั่น เหตุนั้น อุบายหรือวัตถุนั้นชื่อวา อภิฆาต), [อภิ + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ณ ปจจัย, อาเทศ หน เปน ฆาต] ๓. การเขนฆา, กิริยาที่ประหาร วิ. อภิหฺเต ปหริยเต อภิฆาโต ปหรณกิริยา (อันเขาเขนฆา คือประการ ชื่อวา อภิฆาต ไดแก กิริยาที่ ประหาร) อภิฆาตี (ปุ.) ผูทำลาย, ศัตรู, ฆาตกร, โจร วิ. สีเลน อภิฆาเตตีติ อภิฆาตี ทิโส (ผูใดยอมทำ รายโดยปกติ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิฆาตี คือ โจร), [อภิ + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ณี ปจจัย, แปลง หน เปน ฆาต ลบ ณ อนุพันธ] อภิจฺฉา (อิตฺ.) ความปรารถนายิ่ง วิ. อภิเอสนํ อภิจฺฉา (ความอยากยิ่ง ชื่อวา อภิจฺฉา), [อภิ + อิสุ ธาตุ อิจฺฉากนฺตีสุ ในความปรารถนารักใคร + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลงที่สุด ธาตุเปน จฺฉ] อภิจฺฉิต (ติ.) ความปรารถนา, ความตองการ, อันเขาตองการยิ่ง วิ. อภิ อติเรกํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อภิจฺฉิตํ (สิ่งใดอันเขาตองการเหลือเกิน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิจฺฉิต), [อภิ + อิสุ ธาตุ + ต ปจจัย, แปลงพยัญชนะที่สุดธาตุเปน จฺฉ, กจฺ. ๕๒๒ รูป.๔๗๖ วา อิสุยมูนมนฺโต จฺโฉ วา + อิ อาคม] อภิชน (ปุ.) ผูเกิดกอน, วงศ, ตระกูล วิ. อภิมุขํ ชเนตีติ อภิชโน วํโส กุลํ จ (ชนใดเกิดกอน เหตุนั้น ชนนั้นชื่อวา อภิชน), [อภิ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + อ ปจจัย] อภิชปฺปา (อิตฺ.) ตัณหาคอยกระซิบ ๑. วิ. เอวํ เม โหตูติ อภินิวิสนวเสน ชปฺปตีติ อภิชปฺปา สารตฺถ.ฏี.๑/๓๓๑ (ตัณหาใดยอมกระซิบ ดวย อำนาจความยึดมั่นวา จงมีแกเราอยางนี้เหตุนนั้ ตัณหานั้นชื่อวา อภิชปฺปา) ๒. วิ. ตํ มมาติ ปตฺถนาภิภวนียมนสีเสน ชปฺเปตีติ อภิชปฺปา (ตัณหาใดยอมกระซิบ ดวยมุงจะสมใจปรารถนา นึกวา สิ่งนี้จงเปนของเรา เหตุนั้น ตัณหานั้น ชื่อ วา อภิชปฺปา), [อภิ + ชปฺป ธาตุ ปหายํ ในความ ปรารถนา + อ ปจจัย, อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] อภิชฺฌา (อิตฺ.) ๑. อภิชฌา, ความเพงเล็งอยาก ไดของเขา วิ. ปรสมฺปตฺตึ อภิมุขํ ฌายติ โลภวเสน จินฺเตตีติ อภิชฺฌา ปรสมฺปตฺตีสุ โลโภ,
๑๙๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วิสมโลโภติ อตฺโถ (ธรรมชาติใดยอมจดจอสมบัติ ผูอื่น คือเพงเล็งดวยความอยากได เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิชฌา ไดแก อยากได สมบัติผูอื่น หมายถึง วิสมโลภะ), [อภิ + เฌ ธาตุ จินฺตายํ ในความคิด + อ ปจจัย, ซอนพยัญชนะ ที่มีรูปไมเสมอกัน คือ ชฺ, ลง อา ปจจัยอิตถีโชตก คือปจจัยแสดงความเปนอิตถีลิงค] ๒. เพ็งเล็ง จดจอสมบัติผูอื่น วิ. ปรสมฺปตฺตึ อภิมุขํ กตฺวา ฌายตีติ อภิชฺฌา (ธรรมชาติใดจดจอสมบัติผูอื่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิชฌา), [อภิ + เฌ ธาตุ + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๓. กิเลสเปนเครื่องเพ็งเล็งอยากได, โลภะ วิ. อภิชฺฌายติ ตายาติ อภิชฺฌา (บุคคลยอม อยากไดจัด ดวยธรรมชาตินนั้เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้นชื่อวา อภิชฺฌา) วิ. อภิชฺฌายนํอภิชฺฌา (การ เพงเล็งอยากได ชื่อวา อภิชฺฌา) วิ. อภิชฺฌายตีติ อภิชฺฌา, โลโภ (ภาวะใดยอมเพงเล็งอยากได เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อภิชฺฌา คือโลภะ), [อภิ + ฌา ธาตุ วิจินฺตเน ในความคิดฟุงซาน + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] วิ. อภิชฺฌายเต คิชฺฌติ อภิสงฺขติ เอตายาติ อภิชฺฌา (บุคคลยอม เพ็งเล็ง อยากได หมายจะเอา ดวยธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิชฺฌา) แตในฎีกา อธิบายวา อภิ บทหนา ฌา ธาตุ ลุพฺภเน ใน ความละโมบ พึงทราบวาเปนบทที่มีความหมาย ที่งอกเงยขึ้น (นิรุฬฺห), นัยเดียวกันเชน อภิชฺฌายนํ (การเพงจองอยากไดจัด) บทนี้ลง ยุ ปจจัย, อาเทศเปน อน, อภิชฺฌายนฺโต (เพงจอง อยากไดจัดอยู) บทนี้ลง อนฺต ปจจัย, อภิชฺฌาตา (ผูเพงจองอยากไดจัด) บทนี้ลง ตุ ปจจัยในกัตตุ สาธนะ, อภิชฺฌายี (ผูมีปกติเพงจองอยากไดจัด) ลง ณี ปจจัย, อภิชฺฌิตํ หรือ อภิชฺฌายิตํ (วัตถุ อันเขาเพงจองอยากไดจัด) ลง ต ปจจัยในอรรถ กัมมวาจก, แตบทวา อภิชฺฌานํ พึงเทียบกับ ศัพทวา อุชฺฌาน ขางหนา อภิชฺฌาย (กิ.กิตฺ.) เพงเล็งแลว วิ. อภิชฺฌายิตฺวาติ อภิชฺฌาย (เพงเล็งแลว ชื่อวา อภิชฺฌาย), [อภิ + เฌ ธาตุ จินฺตายํ ในความคิด + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง เอ เปน อา] อภิชฺฌาลุ (ปุ.) ผูมีอภิชฌามาก, คนโลภมาก วิ. อภิชฺฌา อธิกา อสฺส อตฺถีติ อภิชฺฌาลุ (อภิชฌา ของบุคคลนั้นมีมาก เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อภิชฺฌาลุ), [อาลุ ปจจัยในตทัสสัตถิตัทธิต ลงหลัง อภิชฺฌา เปนตน], นัยเดียวกัน สีตาลุ (มี ความหนาวมาก) ธชาลุ (มีธงมาก) ทยาลุ (มี ความเอ็นดูมาก) ปุริสาลุ (มีบุรุษมาก) สำเร็จรูป เปน อภิชฺฌาลุโก ก็มีบาง ในคำวา อภิชฺฌาลุก นี้ ลง ก อาคมซ้ำอีก ดวยศัพทวา สพฺพโต ใน สูตร กจฺ.๑๗๘ รูป.๒๒๔ นี้วา สพฺพโต โก, สำเร็จรูปเปน อภิชฺฌาลุโน, อภิชฺฌาลโว ก็ได วิ. อภิชฺฌายนฺตีติ อภิชฺฌาลุโน, อภิชฺฌาลโว วา (ชนเหลาใดเพงจองอยากไดจัด เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อภิชฺฌาลุโน อภิชฺฌาลโว ผูอยากไดจัด) ปรภณฺเฑ ลุพฺภนสีลาติ อตฺโถ (ความวา มีปกติละโมบอยากไดของคนอื่น), [อภิ + ฌา ธาตุ วิจินฺตเน ในความคิด, ลง อาลุ ปจจัย ในอรรถหแหงตัสสีละ ดวยมหาสูตร] อภิชาต (ติ.) มีกำเนิดสูง, ผูเกิดดียิ่งกวา, สุภาพบุรุษ วิ. อภิชเนตีติ อภิชาโต (ผูใดยอม เกิดโดยยิ่งกวา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิชาต), อติชาโต สุทฺธชาโต(คือผูเกิดแลวบรสิุทธิ สูงสง), ์ [อภิ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด, ต ปจจัย ใน ๓ กาล, แปลง น เปน อ] ปาฐะวา อภิชจฺจ ก็มี บาง เชน อภิชจฺจํ ขตฺติยํ (กษัตริยผูมีพระชาติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙๓ สูงสง) ลง ณฺย ปจจัยสกัตถ, แปลง ตฺย เปน จฺจ, รัสสะ อา เปน อ อภิฺา (อิตฺ.,กิ.กิตฺ.,ติ.) ๑. ธรรมที่รูยิ่งยวด (อิตฺ.) วิ. อภิ วิเสสโต วิสิา อธิกา หุตฺวา วา ชานาตีติ อภิฺา (ธรรมชาติใด ประเสริฐ ยิ่งยวดยอมรู โดยพิเศษ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิฺา), [อภิ + า ธาตุ าเณ ใน ความรู + อ ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] ๒. รูยิ่งแลว (กิ.กิตฺ.) วิ. อภิชานิตฺวาติ อภิฺา (รูยิ่งแลว ชื่อวา อภิฺา), [อภิ + า ธาตุ าเณ ในความรู + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, ลบ ย, กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุวุทธฺิ เปนตน, คลายการแปลง นิคหิตกับ ย เปน , กจฺ.๓๓ รูป.๕๑ วา ส เย จ; กจฺจายนตฺถทีปนี วา ลบ ย ดวยสูตรวา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, ก็ในคำวา อภิฺา นี้ พึงเห็นวา มีการลบอักษร ย เพื่อการ สวดสะดวก ฉะนั้น จึงสำเร็จรูป ดังตัวอยางวา ปฏิสงฺขาย โยนิโส - ปฏิสงฺขา โยนิโส, สยํ อภิฺาย สจฺฉิกตฺวา - สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา, ปริเยสนาย - ปริเยสนา เปนตน ๓. ผูรูยิ่ง, ผูมี- ความชำนาญ, ผูมีอภิญญา (ติ.) วิ.อภิชานาตีติ อภิฺโ กตหตฺโถ (ผูใดยอมรูยิ่ง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิฺโ คือผูมีฝมือ), [อภิ + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + กฺวิ ปจจัย] วิ. อภิฺา อสฺส อตฺถีติ อภิฺโ (อภิญญาของบุคคลนั้นมี อยู เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อภิฺ), [ณ ปจจัย] อภิฺาณ (นปุ.) ลักษณะเปนเครื่องหมายรู, เครื่องหมาย, รอย วิ. อภิ วิเสสํ ชานาติ เอเตนาติ อภิฺาณํ ลกฺขณํ (บุคคลยอมรูยิ่งคือ โดยพิเศษ ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิฺาณํ คือลักษณะ), [อภิ + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + ยุ ปจจัย] อภิฺาต (ติ.) อันเขารู, ปรากฏ, มีชื่อเสียง วิ. อภิฺายเตติ อภิฺาโต วิสฺสุโต (บุคคลใด อันเขารู เหตุนั้น บุคคลชื่อวา อภิฺาต), [อภิ + า ธาตุ + ต ปจจัย] อภิฺาย (กิ.กิตฺ.) รูยิ่ง, รูยิ่งแลว วิ. อภิวิเสเสน ชานิตุนาติ อภิฺาย (รูแลว โดยพิเศษยิ่ง ชื่อวา อภิฺาย), [า ธาตุ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย กจฺ.๕๙๗ รูป.๖๔๑ วา สพฺเพหิ ตุนทีนํ โย, ตัวอยางเชน สยํ อภิฺาย กมุทฺทิเสยฺยํ วินย.๔/๑๑/๑๔ (เรารูยิ่งเอง จะพึง อางใครเลา) อภิฺเยฺย (ติ.) พึงรูยิ่ง, ควรรูยิ่ง วิ. อภิชานิตุํ อรหตีติ อภิฺเยฺยํ (สิ่งใดควรเพื่อจะรูยิ่ง เหตุ นั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อภิฺเยฺยํ), [อภิ + า ธาตุ อวคมเน ในความรู + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ] อภิตฺถวนา (อิตฺ.) ยกยองอยางยิ่ง, สรรเสริญ วิ. อภิตฺถวิยเต อภิตฺถวนา (อันเขายกยองยิ่งกวา ชื่อวา อภิตฺถวนา), [อภิ + ถุ ธาตุ ถุติยํ ในความ ชมเชย + ยุ ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] อภิตฺถวนฺต (ติ.) ชมเชยอยู, สรรเสริญอยู วิ. อภิตฺถวตีติ อภิตฺถวนฺโต (ผูคนใดเชยชมอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิตฺถวนฺต), [อภิ + ถุ ธาตุ ถุติยํ ในความชมเชย + อนฺต ปจจัย], คำวา อภิตฺถวมาโน (ชมเชยอยู) ก็นัยนี้, ในกรรมวาจก เปน อภิตฺถวียมาโน (ผูอันเขาสรรเสริญอยู) ลง มาน ปจจัย อภิตฺถวนีย (ติ.) สิ่งควรชมเชย, ผูอันเขาพึง ชมเชย วิ. อภิตฺถวิตพฺพนฺติ อภิตฺถวนียํ (สิ่งใด อันเขาพึงชมเชย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิตฺถวนีย), [อภิ + ถุ ธาตุ อภิตฺถวเน ในความ
๑๙๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ชมเชย + อนีย ปจจัย] นัยเดียวกัน อภิตฺถเวยฺยํ (สิ่งควรชมเชย) ฆฺยณฺ ปจจัย อภิตฺถวิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ชมเชยแลว, สรรเสริญ แลว วิ. อภิตฺถวิตฺถาติ อภิตฺถวิตฺวา (อภิตฺถวิตฺวา แปลวา ชมเชยแลว), [อภิ + ถุ ธาตุ อภิตฺถวเน ชในความชมเชย + ตฺวา ปจจัย] อภิตฺถตุ (ติ.) อันเขาชมเชยแลว, อันเขาเชยชม แลว วิ. อภิตฺถวียิตฺถาติ อภิตฺถุโต, อภิตฺถวิโต (ผูใดอันเขาชมเชยแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิตฺถุต, อภิตฺถวิต), [อภิ + ถุ ธาตุ อภิตฺถวเน ในความชมเชย + ต ปจจัย], นัยเดียวกัน อภิตฺถุติ ลง ติ ปจจัย อภิโทส (ปุ.) ความเริ่มแหงราตรี, พลบค่ำ, เวลาเย็น ๑. ความเริ่มตนแหงราตรี วิ. โทสาย รตฺติยา อารมฺโภ อภิโทโส ปโทโส ปมยาโม (ความเริ่มตนแหงโทสกาล คือราตรี ชื่อวา อภิโทส ไดแก พลบคร่ำ คือปฐมยาม) ๒. สมัย ใหหยุดทำงาน วิ. อภิทุสฺสนฺติ ยตฺถ สพฺพกมฺมานีติ อภิโทโส (การงานทั้งปวง ถูก ประทุษราย ในกาลใด เหตุนั้น กาลนั้น ชื่อวา อภิโทส), [อภิ + ทุส ธาตุ ทุสฺสเน ในความ ประทุษราย + ณ ปจจัย] อภิธมฺม (ปุ.) อภิธรรม ๑ ธรรมอันยิ่งเกิน, ธรรมอันประเสริฐ วิ. อภิ อติเรโก ธมฺโม อภิธมฺโม (ธรรมอันยิ่งเกิน ชื่อวา อภิธมฺม), อภิ วิเสโส วิสิโ วา ธมฺโม อภิธมฺโม (อีกนัยหนึ่ง ธรรมอันประเสริฐพิเศษ ชื่อวา อภิธมฺม), [อภิ + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทางไว + รมฺม ปจจัย] ๒. ที่ซึ่งมีธรรมอันยิ่งเกิน, อภิธรรมปฎก, ธรรม อันเหนือขึ้นไปจากพระสูตรและพระวินัย วิ. อภิ อติเรโก ธมฺโม เอตฺถาติ วา อภิธมฺโม, (อีกนัยหนึ่ง ธรรมอันยิ่งเกินมีอยูในที่นี้ เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อภิธรรม), ธมฺม ในนัยนี้หมายถึง บาลี ฉะนั้นใน สงฺเขปวณฺณาฏีกา จึงอธิบายวา สุตฺตนฺตวินยาธิกา ปาีติ อตฺโถ (คำวา บาลี คือ บาลีที่เกินจากพระสูตรและพระวินัย) ๓. อภิธรรมปฎก วิ. นิพฺพฏิตปรมตฺถภาเวน อภิ วิสิา ธมฺมา เอตฺถาติ อภิธมฺโม อภิธมฺมปฏกํ (ธรรมทั้งหลายอันประเสริฐยิ่ง เพราะความเปน ปรมัตถธรรมนำออกจากวัฏ มีอยูในปฎกนั้น เหตุนั้น ปฎกนั้น ชื่อวา อภิธมฺม คือ อภิธมฺมปฏก) อภิธมฺมตฺถสงฺคห (ปุ.) คัมภีรอภิธัมมัตถสังคหะ, คัมภีรที่รวบรวมเนื้อความแหงพระ อภิธรรม วิ. อภิธมฺเม วุตฺตา อตฺถา อภิธมฺมตฺถา (เนื้อความอันทานกลาวไวในพระอภิธรรม ชื่อวา อภิธมฺมตฺถ), บทนี้เปน มชฺเฌโลปตปฺปุริสสมาส วิ. อภิธมฺมตฺถา สงฺคยฺหนฺติ เอตฺถาติ อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ, อภิธมฺมตฺถา สงฺคยฺหนฺติ เอเตนาติ วา อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ, ปกรณํ. อภิธมฺมตฺถสงฺคโห วา, คนฺโถ. (เนื้อความอันทานกลาวไวในพระ อภิธรรม อันทานรวบรวมไวในที่นั้น เหตุนั้น ที่ นั้นชื่อวา อภิธมฺมตฺถสงฺคห, อีกนัยหนึ่ง เนื้อความอันทานกลาวไวในพระอภิธรรม อัน ทานรวบรวมไว ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิธมฺมตฺถสงฺคห ไดแก ปกรณ หรือ คัมภีรชื่อ อภิธมฺมตฺถสงฺคห) อภิธาน (นปุ.) ชื่อ, คำกลาว, คำเรียก, คำเปน เครื่องเรียก วิ. อภิธียเต ภาสียเต เอเตน อตฺโถติ อภิธานํ (ความหมายอันบุคคลยอมกลาวเรียก ดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิธาน), [อภิ + ธา ธาตุ กถเน ในความกลาว + ยุ ปจจัย กจฺ. ๕๔๘ รูป.๕๙๗ วา กตฺตุกรณปเทเสสุ จา] อภิธายก (ติ.) ผูกลาว, บอก วิ. อภิธาติภาสตตีิ อภิธายกํ (ธรรมชาติใดบอกกลาว เหตุนั้น
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙๕ ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิธายก), [อภิ + ธา ธาตุ ภาสเน ในความกลาว + ณฺวุ ปจจัย, แปลง อา เปน อาย] อภิเธยฺย (ติ.) อันเขากลาว, ชื่อ, คำพูด, นาม วิ. อภิธิยเต ภาสิยเตติ อภิเธยฺโย (ชื่อใดอันเขา กลาว เหตุนั้น ชื่อนั้น ชื่อวา อภิเธยฺย), [อภิ + ธา ธาตุ ภาสเน ในความกลาว + ณฺย ปจจัย, แปลง ณฺย กับที่สุดธาตุเปน เอยฺย กจฺ.๕๔๔ รูป.๕๕๖ วา วทมทคมุยุชครหาการทีหิ] วิ. อภิธาตพฺพํ กเถตพฺพนฺติ อภิเธยฺยํ (คำใดอันเขาพึงกลาว เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อภิเธยฺย), [อภิ + ธา ธาตุ ภาสเน ในความกลาว + ฆฺยณฺ ปจจัย + แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ] อภินนฺทน (นปุ.) การยินดียิ่ง, ความชื่นชอบ, ความชอบใจ วิ. อติวิย นนฺทิยเตติ อภินนฺทนํ (อภิ + นนฺท ธาตุ นนฺทเน ในความยินดี + ยุ ปจจัย) อภินย (ปุ.) การนำไปยิ่ง, การนำไปเฉพาะ. การแสดงทาทาง, การแสดงละคร, การแสดง กล วิ. ปสฺสนฺตานํ อภิมุขํ นยนํ ปาปนํ อภินโย (การแสดงตอหนาผูชม ชื่อวา อภินย), [อภิ + นี ธานุ ปาปุณเน ในความใหถึง + อ ปจจัย] อภินว (ติ.) ใหม, สด, หนุม, อันเขาเชยชม, ยกยอง, สรรเสริญ วิ. อภินวียเตติ อภินโว นูตโน (สิ่งใดอันเขาเชยชม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภินว คือใหม), [อภิ + นุ ธาตุ ถุติยํ ในความ สรรเสริญ + อ ปจจัย], อภิมโต ปสตฺโถ นโว อภินโว (อันเขาชมเชย สรรเสริญ ใหม ยกยอง) อภินิปฺผตฺติ (อิตฺ.) ความสำเร็จ, เผด็จผล วิ. อภินิปฺผชฺชนํ อภินิปฺผตฺติ (ความสำเร็จ ชื่อวา อภินิปฺผตฺติ), [อภิ + ปท ธาตุ + ติ, แปลง ป เปน ผ ดวย จ ศัพทในสูตร กจฺ.๒๐ รูป.๒๗ วา โท ธสฺส จ] อภินิปฺผนฺน (ติ.) สำเร็จแลว, ปรากฏขึ้นแลว, ยังการกระทำใหถึง วิ. กฺริยํ นิปฺผาเทตีติ อภินิปฺผนฺนํ (สิ่งใดยังการกระทำใหถึง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภินิปฺผนฺน), [อภิ + นิ + ปท ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย] อภินิปฺผาทน (นปุ.) ผลสำเร็จ, การใหผล, ผล, เผล็ดผล วิ. อภินิปฺผาเทตีติ อภินิปฺผาทนํ (ภาวะ ใดยังการกระทำใหถึงเฉพาะ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อภินิปฺผาทน), [อภิ + นิ + ปท ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + เณ ปจจัย ในอรรถแหงการิต (ให) + ยุ ปจจัย] อภินิมฺมทน (นปุ.) การขจัด, การบรรเทา, การ ย่ำยี วิ. อภินิมฺมทียเต อภินิมฺมทนํ (อันเขาย่ำยี ชื่อวา อภินิมฺมทน), [อภิ + นิ + มท ธาตุ มทฺทเน ในความย่ำยี่ + ยุ ปจจัย] อภินิโรปน (นปุ.) การยกขึ้นเฉพาะ, การยกขึ้น วิ. อภินิโรปยเต อภินิโรปนํ (อันเขา ยกขึ้นเฉพาะ ชื่อวา อภินิโรปน), เชน วิตกฺกสฺส อภินิโรปนลกฺขณํ,อารมฺมเณ จิตฺตสฺสอาโรปนนตฺิ อตฺโถ (วิตกมีลักษณะยกขึ้นเฉพาะ, หมายถึง ยกจิตขึ้นอารมณ), [อภิ + นิ + รุป ธาตุ โรปเน ในความยก + ยุ ปจจัย, พฤทธิ์ อุ เปน โอ, แปลง ยุ เปน อน] อภินิวิสฺส (กิ.กิตฺ.) หยั่งลงแลว, ใสใจแลว, พิจารณาแลว, ตั้งอยูแลว, ประดิษฐานแลว, ปรารภแลว วิ. อภินิวิสิตฺวาติ อภินิวิสฺส (หยั่งลง แลว เหตุนั้น ชื่อวา อภินิวิสฺส), [อภิ + นิ + วิส ธาตุ ปเวสเน ในความเขาไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ย เปน ส (ยสฺส ปุพฺพรูปตฺตํ)]
๑๙๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อภินิวีสน (นปุ.) ความยึดมั่น, ความใสใจ วิ. อภินิวีสิยเต อภินิวีสนํ (อันเขายึดมั่น ชื่อวา อภินิวีสน), [อภิ + นิ + วีส ธาตุ ปเวสเน ใน ความเขาไป + ยุ ปจจัย] อภินิเวส (ปุ.) ความยึดมั่น, ความโนมนาว, ความประสงค วิ. นิจฺจาทิวเสน อภินิวิสตีติ อภินิเวโส, มิจฺฉาภินิเวโส, อตฺตโน วา กมฺมกรณตปฺผลานุภวนากาเรน สงฺขาเรสุ ทฬฺหคฺ- คาโห (ภาวะใดเขาไปยึดถืดดวยความเปนของ เที่ยงแทเปนตน เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อภินิเวส, ไดแก การยึดถือผิด หรือการถือมั่น ในสังขาร ทั้งหลาย ดวยอาการคือการทำกรรมและเสวย ผลกรรมนั้นของตน), [อภิ + นิ + วิส ธาตุ ปเวสเน ในการเขาไป + ณ ปจจัย และพฤทธิ์ อิ เปน เอ] กตฺถจิ ปน อภินิเวโสติ อนุปฺปเวโส, อารมฺโภ, วิปสฺสนาภินิเวโสติอาทิ อตฺโถ (แตในบางแหง คำวา อภินิเวโส หมายถึง การเขาไป การเริ่ม หมายความวา การเริ่มวิปสนาเปนตน) อภินิเวสน (นปุ.) ความยึดมั่น, ความใสใจ วิ.อภินิเวโส อภินิเวสนํ (ความยึดมั่น ชื่อวา อภินิเวสน), [อภิ + นิ + วิส ธาตุ ปเวสเน ใน ความเขาไป + ยุ ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ] อภินิสฺสฏ (ติ.) หนีไป, สลัดออก, สลัดแลว วิ. อภินิสฺสริตฺถาติ อภินิสฺสโฏ (ภาวะใด สลัด แลว เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อภินิสฺสฏ), [อภิ + นิ + สร ธาตุ คติจินฺตาสุ ในความไปและ ความคิด + ต ปจจัย] (สุโพธาลังการมัญชรี, ๒๕๖/๕๑๗) อภินีหาร (ปุ.) การนำออก, ความปรารถนา ที่ตั้งใจจริง, ปณิธาน, อํานาจบุญที่สรางสมไว, อํานาจเหนือปรกติธรรมดา วิ. อภินีหารยเต อภินีหาโร (อันเขานำออก ชื่อวา อภินีหาร), [อภิ + นี + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย] อภินีหรณ (ปุ.) การนำออก, ความปรารถนา ที่ตั้งใจจริง, ปณิธาน, อํานาจบุญที่สรางสมไว อภินีหริยเต อภินีหรณํ (อันเขานำออก ชื่อวา อภินีหาร), [อภิ + นี + หร ธาตุ หรเณ ในความ นำไป + ยุ ปจจัย, แปลงเปน อน, แปลง น เปน ณ] อภิปสิทฺธิ (อิตฺ.) ความสำเร็จ, ความปรากฏ, ความชำนาญ วิ. อภิปสิชฺฌนํ อภิปสิทฺธิ (อภิ + ป + สิธ ธาตุ สํสิทฺธิมฺหิ สํราธเน วา ใน ความสำเร็จดวยดี หรือในความยินดี + ติ ปจจัย) อภิปฺปสนฺน (ติ.) อันเลื่อมใสยิ่ง, อันผองใสยิ่ง วิ. อภิปฺปสีทิตฺถาติ อภิปฺปสนฺโน (ผูใดเลื่อมใส แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิปฺปสนฺน), [อภิ + ป + สท ธาตุ วิสรณคตฺยาวสาเนสุ ในความซานไป และที่สุด + กฺต ปจจัย, แปลง ต เปน น, ซอน นฺ] อภิภวน (นปุ.) การครอบงำ, การกดขี่, ความ ครอบงำ, ความกดขี่ วิ. อภิภูยเต อภิภวนํ (อัน เขาครอบงำ ชื่อวา อภิภวน), [อภิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ยุ ปจจัย, แปลง อุ เปน โอ แปลง โอ เปน อว และแปลง ยุ เปน อน] นัยเดียวกันเชน อภิภโว (ผูมีอำนาจ, ผู ครอบงำ) อ ปจจัย, อภิภวนฺโต (ครอบงำอยู) ลง อนฺต ปจจัยในอรรถกัตตุวาจก เปนปจจุบันกาล อภิภวิตพฺพ (ติ.) อันเขาครอบงำ วิ. อภิภูยเต อภิภูยิตฺถ อภิภูยิสฺสเตติ อภิภวิตพฺโพ (สิ่งใดอัน เขาครอบงำอยู ครอบงำแลว จักครอบงำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิภวิตพฺพ), [ภู ธาตุ สตฺตายํ ใน ความมีความเปน + ตพฺพ ปจจัย กจฺ.๕๔๐ รูป.
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙๗ ๕๔๕ วา ภาวกมฺเมสุ ตพฺพานียา + อิ อาคม กจฺ. ๖๐๕ รูป.๕๔๗ วา ยถาคมมิกาโร, รัสสะ อู เปน อุ พฤทธิ์ อุ เปน โอ กจฺ.๔๘๕ รูป.๔๓๔ วา อฺเสุ จา, แปลง โอ เปน อว กจฺ.๕๑๓ รูป.๔๓๕ วา โอ อว สเร, นำไปประกอบกัน กจฺ.๑๑ รูป.๑๔ วา นเย ปรํ ยุตฺเต] อภิภวิตุ (ติ.) ผูครอบงำผูอื่น, ผูปกครอง, ผูชนะ วิ. อภิภวตีติ อภิภวิตา, ปรํ อภิภวนฺโต โย โกจิ (ผูใดยอมครอบงำ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิภวิตา ไดแก คนใดคนหนึ่งที่ครอบงำผูอื่น), [อภิ + ภู ธาตุ + ตุ ปจจัย] อภิภวนีย (ติ.) อันเขาครอบงำ, ครอบครอง, พึงชนะ วิ. อภิภูยเต อภิภูยิตฺถ อภิภูยิสฺสเตติ อภิภวนียํ(ส่งิใดอันเขาครอบงำอยูครอบงำแลว จักครอบครอง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อภิภวนีย), [อภิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + อนีย ปจจัย, รัสสะเปน อุ แปลงเปน อว], บทนี้ เปนวิเสสนะ บัณฑิตพึงนำไปประกอบกับศัพท วา ปุริส กฺา จิตฺต เปนตน อภิภายตน (นปุ.) ๑. ฌาน, ภาวะมีบริกรรม หรือญาณเปนเหตุ วิ. อภิภวตีติ อภิภุ, ปริกมฺมํ าณํ วา (ภาวะใดยอมครอบงำ เหตุนั้น ภาวะ นั้นชื่อวา อภิภุ ไดแกบริกรรม และญาณ), เพราะเปนนปุงสกลิงคจึงรัสสะ วิ. อภิภุ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ, ฌานํ (บริกรรมหรือญาณ เปนเหตุแหงภาวะนั่น เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อภิภายตน คือ ฌาน) พหุพพีหิสมาส ๒. ฌานที่มี อารมณที่จะพึงครอบงำเปนเหตุ วิ. อภิภวิตพฺพํ วา อารมฺมณสงฺขาตํ อายตนํ เอตสฺสาติ อภิภายตนํ (วัตถุกลาวคืออารมณ อันจะพึง ครอบงำ เปนเหตุ แหงฌานนั้น เหตุนั้นฌานนั้น ชื่อวา อภิภายตน) ๓. ฌานที่เปนทั้งการ ครอบงำและเปนเหตุ วิ. อารมฺมณาภิภวนโต อภิภุ จ ตํ อายตนฺจ โยคิโน สุขวิเสสานํ อธิานภาวโต มนายตนธมฺมายตนภาวโต วาติป สสมฺปยุตฺตํ ฌานํ อภิภายตนํ (ฌานพรอม ทั้งสมั ปยุตธรรม ชื่อวา อภิภายตนะ เพราะอรรถ วาเปนการครอบงำ เพราะครอบงำอารมณดวย ฌานนั้นเปนเหตุ เพราะปนที่ตั้งแหงความสุข พิเศษของพระโยคีดวย หรือเพราะความเปน มนายตนะและธรรมายตนะ) อภิภาว (ปุ.) ภาวะที่ใหเจริญยิ่ง, การครอบงำ วิ. อภิภาเวตีติ อภิภาโว (ภาวะใดยอมยังให เจริญ เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อภิภาว), [อภิ + ภู ธาตุ อภิภาเว ในความครอบงำ + ณ ปจจัย] อภิภุยฺย (กิ.กิตฺ.) ครอบงำ, ทวมทับ, บังคับ, ขมขืนแลว วิ. อภิภวิตฺวาติ อภิภุยฺย (ครอบงำ แลว ชื่อวา อภิภุยฺย), [อภิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ใน ความมีความเปน + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน ย, กจฺ.๕๙๗ รูป.๖๔๑ วา สพฺเพหิ ตุนาทีนํ โย, รัสสะ อู และซอน ยฺ] นัยเดียวกัน อธิภุยฺย, อธิ บทหนา อภิภุยฺยมาน (ติ.) ถูกครอบงำอยู, อันกิเลส เปนตนครอบงำอยู วิ. อภิภวิยเตติ อภิภูยมาโน อภิภุยฺยมาโน (ผูใดอันกิเลสเปนตนครอบงำ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิภุยฺยมาน), [อภิ + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + ย ปจจัย + มาน ปจจัย, รัสสะ อู, ซอน ยฺ] อภิภู (ปุ.) ผูเปนยิ่ง, พระพุทธเจา, ผูยิ่งใหญ, อสัญญสัตว วิ. อภิภวิตฺวา ภวตีติ อภิภู อสฺ- สตฺโต (ผูใดเปนใหญเหนือผูอื่น เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิภู คืออสัญญสัตว) เชน อภิภุํ อภิภุโต มฺติ (ยอมสำคัญอสัญญสัตววาเปนอสัญญ สัตว) กึ โส อภิภวิ? จตฺตาโร ขนฺเธ อรูปโน (ถาม
๑๙๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วา ครอบงำอะไร ตอบวา ครอบงำพวกอรูป พรหมทั้ง ๔) สัททนีติปทมาลา (ฉบับ แปล หนา ๒๖๘ วา) อถวา อภิภวตีติ อภิภู, ปเรสมภิภวิตา โย โกจิ (อีกนัยหนึ่ง ผูใดยอมยิ่งใหญเหนือผูอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิภู, ไดแก ผูใดผูหนึ่งที่เปน ใหญเหนือผูอื่น) นามปฺตฺติยํ วา สิขีสมฺมาสมฺ พุทฺธสฺส สาวกภูโต ภิกฺขุ, วิเสสโต ปน ตถาคโต เยว อภิภู (อีกนัยหนึ่ง คำวา อภิภู ใชเปนนาม บัญญัติเปนชื่อเฉพาะ ไดแกภิกษุสาวกของพระ สิขีสัมมาสัมพุทธเจา), แตโดยพิเศษ อภิภู หมายถึง พระตถาคตนั่นเอง) วุตฺตฺเหตํ ภควตา ตถาคโต ภิกฺขเว อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺตีติ, เกจิ ปน อภิภู นาม สหสฺโส พฺรหฺมาติ วทนฺติ (สมดังที่พระผูมีพระภาค ตรัสไวในวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ตถาคต เปนใหญเหนือ บุคคลอื่น ไมมีใครที่จะสามารถเอาชนะได เปนผู เห็นทุกสิ่งทุกอยาง และสามารถโนมนาวใหผูอื่น คลอยตามไดอยางแทจรงิ,สวนอาจารยบางทาน กลาววา อภิภู หมายถึง ทาวสหัสสพรหม), [อภิ + ภู ธาตุ + กฺวิ ปจจัย] ปเร อภิภวติ คุเณน อชฺโฌตฺถรติ อธิโก ภวตีติ อภิภู (ผูใดยอม ครอบงำผูอื่น คือยิ่งใหญเหนือผูอื่นดวยคุณ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิภู) อภิมาน (ปุ.) ๑. อภิมานะ, การถือตัวอยางยิ่ง, ความสำคัญตัว วิ. อภิ วิเสสโต มาเนตีติ อภิมาโน อหํกาโร (ผูใดถือตัวอยางยิ่ง หรือ โดยพิเศษ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิมาโน), [อภิ + มาน ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + อ ปจจัย] ๒. มานะจัด, ถือตัวยิ่ง, ถือตัว, จองหอง วิ. อตฺตานํ อภิมฺติ เอเตนาติ อภิมาโน คพฺโพ (บุคคลยอมสำคัญตนดวยกิเลสนั่น เหตุนั้น กิเลสนั้นชื่อวา อภิมาน คือการจองหอง), [อภิ + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ณ ปจจัย] อภิมาร (ติ.) โจร, นักปลน, ผูทำลาย, นายขมัง ธนูผูมุงทำลาย วิ. อภิคนฺตฺวา มาเรสฺสนฺตีติ อภิมารา (นายขมังธนูเหลาใด อันเขาใชให เจาะจงไปฆา เหตุนั้น นายขมังธนูเหลานั้น ชื่อวา อภิมาร), วิ. อภินิลยีิตฺวา ธนุนา มาเรนฺตีติ อภิมารา (นายขมังธนูเหลาใด อันเขาใชใหหลบ ซุมยิงใหตายดวยธนู เหตุนั้น นายขมังธนู เหลานั้น ชื่อวา อภิมาร), [อภิ + มร ธาตุ ปาณจาเค ในการเสียชีวิต + ณ ปจจัย] อภิยาจิต (ติ.) ออนวอนแลว, ถูกออนวอนแลว, ผูอันเขาออนวอนแลว วิ. อภิยาจิยิตฺถาติ อภิยาจิโต, อาทรคารเวน ยาจิโต, อภิมุขํ วา ยาจิโต, อนุตฺตรํ กตฺวา ยาจิโต, อุทฺทิสฺส วา ยาจิโต, ครุตรํ กตฺวา ยาจิโตติ อตฺโถ (ผูใดอันเขา ออนวอนแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิยาจิต, หมายความวา ขอโดยเคารพเอื้อเฟอ, ขอตอ หนา, ทำใหไมมีใครยิ่งกวาแลวขอ, หรือเจาะจง ขอ, ทำความเคารพแลวขอ), [อภิ + ยาจ ธาตุ ยาจเน ในความขอ + ต ปจจัย + อิ อาคม] แต ใน มณิสารมฺชูสาฏีกา วา อภิยาจิตนฺติ วิเสเสน อติสเยน สกฺกจฺจมาทเรน วา อภิมุเขน วา หุตฺวา ยาจิตนฺติ (คำวา อภิยาจิต หมายถึง การขอโดย เปนผูมีความเคารพเอื้อเฟออยางพิเศษยิ่ง หรือ อยูตอหนา) อภิยาต (ติ.) ผูไปเฉพาะ, ผูไปปราบปราม, ผูไป ตอสู วิ. อภิยนฺตีติ อภิยาตา (ชนเหลาใดไป ปราบปราม เหตุนั้น ชนเหลานั้นชื่อวา อภิยาต), [อภิ + ยา ธาตุ คติปาปุเณสุ ในความไปความถึง + ต ปจจัย] นัยเดียวกันเชน อภิยาตุ บทนี้ลง ตุ ปจจัย เปนตน