พจนานุกรมบาลี-ไทย ๑๙๙ อภิยุชฺฌิต (ติ.) ตอสู, โตเถียง, ฆาฟน, ทะเลาะ วิ. อภิยุชฺฌีติ อภิยุชฺฌิโต (ผูใดตอสูแลว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิยุชฺฌิต), [อภิ + ยุธ ธาตุ สมฺปหาเร ในความตอสู + ย ปจจัยในหมวด ทิว ธาตุ + อิ อาคม + ต ปจจัย เปนกัตตุวาจก, แปลง ธฺย เปน ชฺฌ] หรือสำเร็จรูปเปน อภิยุทฺโธ แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ เปน ท อภิโยค (ปุ.) ประกอบ, แตงขึ้น, ปรุงขึ้น, พยายาม, กระทำ วิ. อภิ ปุนปฺปุนํ โยโค อภิโยโค, วายาโม (การประกอบร่ำไป ชื่อวา อภิโยค คือ ความเพียร), [อภิ + ยุช ธาตุ โยเค ในความ ประกอบ + ณ ปจจัย] อภิรต (ติ.) ความยินดียิ่ง, อภิรมย, ผูยินดียิ่ง วิ. อภิรมตีติ อภิรโต (ธรรมชาติใดยอมยินดียิ่ง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิรต), [รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ต ปจจัย, ลบที่สุดธาตุ] อภิรติ (อิตฺ.) ความยินดียิ่ง วิ. อภิ อติเรกํ รมณํ อภิรติ (ความยินดียิ่งเกิน ชื่อวา อภิรติ), [อภิ + รมุ ธาตุ กีฬายํ ในความเลน + ติ ปจจัย] วิ. อภิวิเสเสน รมิตพฺพาติ อภิรติ (ภาวะใดอัน เขาพึงยินดีพิเศษยิ่ง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อภิรติ), [อภิ + รมุ ธาตุ + ติ ปจจัย] อภิรทฺธ (ติ.) ผูพอใจ, ถูกใจ, ยินดียิ่ง, ชื่นบาน วิ. อภิราธยิตฺถาติ อภิรทฺโธ (ผูใดยินดีแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ผูยินดีแลว), [อภิ + ราธ ธาตุ อาราธเน ในความยินดี + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลงที่สุดธาตุเปนพยัญชนะสังโยคที่ ๓ คือ ทฺ, รัสสะ อา เปน อ], นัยเดียวกัน อภิรทฺธิ (ความยินดียิ่ง) ติ ปจจัย อภิรทฺธิ(อิต.) ความพอใจ, ความยินดียิ่ง วิ. อภิราธนํ อภิรทฺธิ (ความพอใจ ชื่อวา อภิรทฺธิ), [อภิ + ราธ ธาตุ สํสิทฺธิยํ ใน ความสำเร็จ + ติ ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลง ธ ตัวหนาเปน ทฺ, รัสสะ อา เปน อ] อภิรมฺม (กิ.กิตฺ.) ยินดีแลว วิ. อภิรมิตฺวาติ อภิ รมฺม (อภิรมฺม แปลวา ยินดีแลว), [อภิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน มฺม, ลบที่สุดธาตุ] วิ. อภิรมิตพฺพนฺติ อภิรมฺมํ (สิ่งใดอันเขาพึงยินดี เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อ วา อภิรมฺม), [อภิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความ ยินดี + ย ปจจัย, แปลง ย เปน ม (ปุพฺพรูป)] อภิราม (ติ.) วิหารนายินดียิ่ง, เปนที่พอใจยิ่ง, งดงามยิ่ง วิ. อติสเยน รมิตพฺโพติ อภิราโม โย วิหาโร (วิหารใด อันบุคคลพึงยินดียิ่ง เหตุนั้น วิหารนั้นชื่อวา อภิราม), [อภิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ณ ปจจัย ใชเปนกัมมสาธนะ, พฤทธิ์ อ ที่ ร เปน อา] นัยเดียวกันเชน อภิรมณํ ลง ยุ ปจจัย ในอรรถภาวสาธนะ อภิรูป (ติ.) มีรูปงาม, งาม วิ. อภิรูป เอตสฺสาติ อภิรูโป (รูปงามของคนนั่นมีอยู เหนุนั้น คนนั้น ชื่อวา อภิรูป), [ณ ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต] วิ. อธิกํ รูป อสฺสาติ อภิรูปา (รูปงามยิ่งของหญิง นั้นมีอยู เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อภิรูปา), พหุพ พีหิสมาส, วิ. อภิรูหิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ขึ้นแลว, งอกขึ้นแลว วิ. อภิรุหิตุนาติ อภิรูหิตฺวา (อภิรูหิตฺวา แปลวา ขึ้นแลว), [รุห ธาตุ ชนเน ในความเกิด + ตฺวา ปจจัย, ทีฆะ อุ เปน อู] อภิลาป (ปุ.) ถอยคำ, การรองเรียก, คำรอง เรียก ๑. คำอันเขากลาว, คำที่กลาว วิ. อภิลปฺปตีติ อภิลาโป (คำใดอันเขากลาว เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อภิลาป), วิ. อภิลปตีติ วา อภิลาโป, อตฺถาภิมุโข หุตฺวา ตํ วทตีติ อตฺโถ, จิตฺตชสทฺทคตอกฺขรสนฺนิเวสกฺกโม (อีกนัยหนึ่ง
๒๐๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ภาวะที่กลาวออกมา เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อภิลาป, หมายความวา ผูที่ประสงคความหมาย กลาวคำนั้นออกมา, ไดแก กระบวนประชุมแหง อักษรที่ประกอบเปนเสียงเกิดจากใจ), [อภิ + ลป ธาตุ กถเน ในความกลาว + ณ ปจจัย] ๒. การกลาว, คำอันเขากลาว วิ. อภิลวนํ อภิลาโป (การกลาว ชื่อวา อภิลาป), [อภิ + ลู ธาตุ เฉทเน ในความตัด ณ ปจจัย, รัสสะ อู แปลงเปน อว, แปลง ว เปน ป, ทีฆะ อ ที่ ล เปน อา] วิ. โย สทฺโท ชเนน อภิลปยติ กถิยติ อิติ ตสฺมา โส สทฺโท อภิลาโป (ศัพทใด อันชน กลาว เหตุนั้น ศัพทนั้น ชื่อวา อภิลาป), [อภิ + ลป ธาตุ กถเน ในความกลาว + ณ ปจจัย กจฺ.๕๒๘ รูป.๕๗๗ วา วิสรุชปทาทิโต ณ] อภิลาว (ปุ.) การเกี่ยว, การตัด, การเก็บเกี่ยว วิ. อภิลวนํ อภิลาโว ลวนํ (การเกี่ยว ชื่อวา อภิลาว), [อภิ + ลู ธาตุ เฉทเน ในความตัด + ณ ปจจัย] อภิลาส (ปุ.) ความอยาก, ความตองการ, ตัณหา เปนเหตุอยากเฉพาะหนา วิ. อภิมุขํ กตฺวา ลสติ เอเตนาติ อภิลาโส อิจฺฉา (บุคคลยอมอยาก เฉพาะหนาดวยกิเลสนั่น เหตุนั้น กิเลสนั้นชอื่วา อภิลาส), [อภิ + ลส ธาตุ กนฺติยํ ในความพอใจ + ณ ปจจัย] อภิวทนฺต (ติ.) กลาวประกาศ, กลาวหมายมั่น, การถือมั่นกลาว, ผูวารายเพราะการถือตัว วิ. ตณฺหาภินิเวสวเสน อภินิวิสฺส วทนฺโตติ อภิวทนฺโต. อภิมาเนน อุปวทนฺโตติ อภิวทนฺโต (ผูใดยึดมั่นกลาวอยู ดวยอำนาจการยึดมั่น เพราะตัณหา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิวทนฺต, ผูใด เขาไปวาราย ดวยความถือตัวจัด เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิวทนฺต), [อภิ + วท ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในความกลาว + อ วิกรณปจจัย คือ ปจจัยประจำหมวดธาตุ + อนฺต ปจจัย] อภิวนฺทนา (อิตฺ.) อภิวันทนา, การไหว, การ นอบนอม วิ. อภิ สกฺกจฺจํ วนฺทิยเตติ อภิวนฺทนา (กิริยาอันเขาไหวโดยเคารพยิ่ง เหตุนั้น กิริยานั้น ชื่อวา อภิวนฺทนา), [อภิ + วนฺท ธาตุ อภิวาทเน ในความไหว + ยุ ปจจัย + อา ปจจัย ใน อิตถีลิงค] อภิวนฺทิย (กิ.กิตฺ.) อภิวาท, ไหวแลว, นอบนอมแลว วิ. อภิวนฺทิตฺวา อภิวนฺทิย, อภิ สกฺกจฺจํ อาทเรน วนฺทิตฺวาติ อตฺโถ (ไหวแลว ชื่อวา อภิวนฺทิย, หมายความไว ไหวแลว ดวย ความเคารพเอื้อเฟอ), [วนฺท/วทิ ธาตุ วนฺทเน ใน ความไหว + นิคหิต ในเพราะหมวด รุธ ธาตุ, ตฺ วา ปจจัย + อิ อาคม + ย ปจจัย กจฺ.๕๙๗ รูป. ๖๔๑ วา สพฺเพหิ ตุนทีนํ โย; ตฺวา ปจจัย ใชใน อ ร ร ถ ๕ อ ย า ง ค ื อ ป ุ พ ฺ พ ก า ล ก ิ ร ิ ย า อปรกาลกิริยา สมานกาลกิริยา เหตุ และลกฺขณ ใน ๕ อยางนี้ ๑.ปุพฺพกาลกิริยา เชน กมฺมํ กตฺวาน คจฺฉติ (เขาทำแลว ซึ่งงาน ยอมไป), ๒. อปรกาลกิริยา เชน ทฺวารํ อปธาย นิกฺขมิ (เขาออกไปแลว ปดประตู), ๓. สมานกาลกิริยา เชน ทณฺโฑ ธกฺกจฺจ ปตติ (ไมเทาหลนทำเสียง ธัง), ๔. เหตุ เชน สปฺป ปตฺวา พลํ โหติ (เขามี กำลัง เพราะดื่มเนยใส), ๕. ลกฺขณ เชน ปุจฺฉ สุตฺวา ชานิสฺสาม (เจาจงถามมาเถิด, เมื่อฟงแลว พวกเราจักรูเอง) ปุพฺพาปเร สมาเน จ ตฺวาทิ เหตุมฺหิ ลกฺขเณ กมฺมํ กตฺวาน คจฺฉติ ทฺวารํ ปธาย นิกฺขมิ ทณฺโฑ ปตติ ธกฺกจฺจ สปฺป ปตฺวา พลํ ภเว ปุจฺฉ สุตฺวา ชานิสฺสาม อิทํ นิทสฺสนํ กมาติ จากที่กลาวมานี้ ตฺวา ปจจัยเปนตน ใชในอรรถ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๐๑ แหงปุพฺพกาลกิริยา อปรกาลกิริยา สมาน กาลกิริยา เหตุ และลกฺขณ มีตัวอยางตามลำดับ ดังนี้เขาทำแลว ซึ่งงาน ยอมไป, เขาออกไปแลว ปดประตู, ไมเทาหลนทำเสียง ธัง, เขามีกำลัง เพราะดื่มเนยใส, เจาจงถามมาเถิด เมื่อฟงแลว พวกเราจักรูเอง พึงดู ตฺวาทิยนฺตกถา สัททนีติ ปทมาลา ฉบับแปล หนา ๑๐๒๐ อภิวาทก (ติ.) ผูเคารพครู, ผูกราบไหวครู, ผูสรรเสริญครู วิ. ครุํ อภิวาเทตีติ อภิวาทโก (ผูใดยอมกราบไหวซึ่งครู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิวาทก), [อภิ + วที ธาตุ วนฺทนถเว ในความ กราบไหวสรรเสริญ + เณ ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก] นิรุตฺติ.๗๙๑ อภิวาทน (นปุ.) การกราบไหว, การนอบนอม ๑. วิ. อภิวนฺทิยเต เอเตนาติ อภิวาทนํ นมกฺกาโร (เขายอมนอบนอมสรรเสริญดวย อาการนั่น เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อวา อภิวาทน คือการนอบนอม), [วนฺท/วที ธาตุ + ยุ ปจจัย, ลบ น, ทีฆะ อา เปน อา] ๒. วิ. อภิมุขํ วาทาปนํ กถาปนํ สุขิโต โหตูติ อภิวาทนํ (การใหกลาว มงคลตอหนาวา จงมีสุขเถิด ดังนี้ ชื่อวา อภิวาทน) นิรุตฺติ. ๖๕๓ ๓. วิ. อภิมุขีกรณาย วาทนํ วาทนํ อภิมุขํ วา วชฺชเต อาสีโส อเนนาติ อภิวาทนํ (การกลาวตอหนา คือความประสงค จะเกิดมีได ดวยอาการนั่น เหตุนั้น อาการนั้น ชื่อวา อภิวาทน), [อภิ + วที ธาตุ วนฺทนถเว ใน ความกราบไหวสรรเสริญ + เณ จุราทิคเณ เณ + ยุ ปจจัย] อภิวาทิย (กิ.กิตฺ.) อภิวาทแลว, ไหวโดยเคารพ แลว, ใหเปลงออกแลว ๑. วิ. อภิวาเทตฺวา อภิวาทิย (อภิวาทแลว ชื่อวา อภิวาทิย), [อภิ + วที ธาตุ วนฺทนถเว ในความกราบไหวสรรเสริญ + เณ ปจจัย ใน จุร ธาตุ + ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม] ๒. กราบไหวแลว วิ. อภิวนฺทิตุนาติ อภิวาทิย (กราบไหวแลว ชื่อวา อภิวาทิย), อภิ ศัพทในที่นี้ มีความหมายพิเศษ ฉะนั้น จึงสอง ความหมายวา วนฺทิตฺวา คือไหวโดยเคารพ เอื้อเฟอ เวนจากการไหวเพราะกลัว เพราะเห็น แกลาภ และเพราะมารยาทในตระกูล อภิวิธิ (นปุ.) แผไป, เปนอรรถอยางหนึ่งของ อา อุปสัค วิ. อภิ พฺยาเปตฺวา วิทธาตีติ อภิวิธิ (ภาวะใดยอมแผเขาไปจัดทำไว เหตุนั้น ภาวะ นั้น ชื่อวา อภิวิธิ), [อภิ + วิ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อิ ปจจัย] นิรุตฺติ.๓๑๗ รูป.๓๐๙ อภิวินย (ปุ.) อภิวินัย, อุบายสำหรับฝกหัดกาย และวาจา, ขันธกะและปริวาร ๑. วิ. อภิภวิตฺวา กายวาจํ วิเนตีติ อภิวินโย (อุบายใดยอมขมกาย วาจาแลวนำไปวิเศษ เหตุนั้น อุบายนั้นชื่อวา อภิวินย) ๒. วิ. อภิภวิตฺวา กายวาจํ วิเนติ เอตฺถ เอเตนาติ วา อภิวินโย, สกลวินยปฏกํ (บัณฑิต ยอมขมกายวาจานำไปวิเศษในอุบายนั้น หรือ ดวยอุบายนั้น เหตุนั้น อุบายนั้นชื่อวา อภิวินย), [อภิ + วิ + นี ธาตุ นเย ในความนำไป + อ ปจจัย, แปลง อี เปน อย] อีกอยางหนึ่ง ในขอนี้ บัณฑิตพึงถือเอาใจความวาคำวา วินัย หมายถงึ วิภังคทั้ง ๒ คือภิกขุวิภังค และภิกขุนีวิภังค คำ วา อภิวินัย หมายถึง ขันธกะและปริวาร อภิวุฏ (ปุ.) ๑. ตกแลว, ราดแลว, ถูกเมฆฝน ตกรดแลว วิ. อภิวสฺสีติ อภิวุโ (ฝนใดตกแลว เหตุนั้น ฝนนั้นชื่อวา อภิวุ), [อภิ + วส ธาตุ เสจเน ในความราด + ต ปจจัย กตฺตริ กมฺเม วา เปนกัตตุวาจก หรือกัมมวาจก + แปลง ต กับ ที่สุดธาตุเปน ดวยสูตร กจฺ.๕๗๓ รูป.๖๒๖
๒๐๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา วา สาทิสนฺตปุจฺฉภนฺชหํสาทีหิ โ, หรือแปลง ว เปน อุ ทีเดียว, ว อาคม (?)] ๒. อยูจำเพาะ แลว, อยูจำแลว, อันเขาอยูแลว วิ. อภิวสิตฺถ อภิวสียิตฺถาติ วา อภิวุโ (ผูใดอยูจำแลว หรือ วิหารใดอันภิกษุอยูอาศัยแลว เหตุนั้น ผูนั้นหรือ วิหารนั้นชื่อวา อภิวุ) [อ + วส ธาตุ นิวาเส ในความอยูอาศัย + ต ปจจัย กตฺตริ กมฺเม วา ในกัตตุวาจกหรือกัมมวาจก, แปลงที่สุดแหง วส เปน อุ] อภิวุฑฺฒ (ติ.) เจริญอยางยิ่ง, งอกงาม, รุงเรอืง, ผูทำใหเจริญ วิ. อภิวฑฺเฒตีติ อภิวุฑฺโฒ (ผูใด ยอมใหเจริญ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิวุฑฺฒ), [อภิ + วฑฺฒ ธาตุ วฑฺฒเน ในความเจริญ + เณ ปจจัย การิตนฺโตคโธ เปนบทที่มีการิตปจจัยใน รูปวิเคราะห + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ฒ, แปลง อ ที่ธาตุเปน อุ ดวยสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป. ๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, ลบ ฑฺ, แปลง ฒ เปน ฑฺ ดวยสูตร กจฺ.๖๑๒ รูป.๖๑๕ วา โฑ ฒกาเร], หรือวาโดยนัยแหงสันสกฤตวา อภิวุทฺโธ วิ. อภิวฑฺฒนํ อภิวุทฺโธ (ความเจริญ ยิ่ง ชื่อวา อภิวุทฺธ), [อภิ + วทฺธ ธาตุ วทฺธเน ใน ความเจริญ + ต ปจจัย ในภาวสาธนะ แปลง ต เปน ธ, ลบ ท ดวยสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน, แปลง ธ เปน ทฺ, แปลง อ เปน อุ], ปาฐะวา อภิพุทฺโธ ก็มี, ความหมาย เดียวกันนั่นเอง, แปลง ว เปน พ ดวย จ ศัพท แหงสูตร กจฺ.๒๐ รูป.๒๗ วา โท ธสฺส จ] อภิสงฺขต (ติ.) ตระเตรียมแลว, ตกแตงแลว, ปรุงแตงแลว วิ. อภิสงฺกรียิตฺถาติ อภิสงฺขโต (สิ่ง ใดอันธรรมชาติเปนตนปรุงแตงแลว เหตุนั้น สิ่ง นั้นชื่อวา อภิสงฺขต), [อภิ + สํ + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ต, แปลง กร เปน ข] นัย เดียวกัน อภิสงฺขริตพฺโพ ลง ตพฺพ ปจจัย, อภิสงฺขรณํ ลง ยุ ปจจัย อภิสงฺขจฺจ (กิ.กิตฺ.)กระทำใหดียิ่ง, รวบรวมแลว, สั่งสมแลว, ซอมแซมแลว วิ. อภิสงฺขริตฺวาติ อภิสงฺขจฺจ (กระทำใหดียิ่ง เหตุนั้น ชื่อวา อภิสงฺขจฺจ), [อภิ + สํ + กร ธาตุ กรเณ ในความ กระทำ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน รจฺจ, แปลง ก เปน ข, ลบ ร] อภิสงฺขารก (ติ.) ผูปรุงแตง วิ. อภิสงฺขโรตีติ อภิสงฺขารโก (สภาวะใดปรุงแตง เหตุนั้น สภาวะ นั้นชื่อวา อภิสงฺขาร), [อภิ + สํ + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ณฺวุ ปจจัย, แปลง ก เปน ข, ทีฆะ อ เปน อา] นัยเดียวกัน อภิสงฺขาโร ณ ปจจัย, ประเภทของ สงฺขาร กลาวไวขางหนา พึงดู สงฺขาร อภิสงฺค (ปุ.) การติดของ, การแชง, การดา วิ. อภิสฺชนํ ลคฺคนํ อภิสงฺโค, ทุมฺโมจนีโย พลวอุปนาโห (การดา การของ ชื่อวา อภิสงฺค) [อภิ + สช/สนฺช ธาตุ สงฺเค ในความเกี่ยวของ + ณ ปจจัย] อภิสํยูหิตฺวา (กิ.กิตฺ.) รวมเขากัน, ยอเขากัน วิ. สํหริตฺวา สมูหํ วา กตฺวาติ อภิสํยูหิตฺวา (รวบรวมมาแลว หรือทำใหเปนกลุม เหตุนั้น ชื่อวา อภิสํยูหิตฺวา), [อภิ + สํ + อูห ธาตุ สฺจเย ในการรวบรวม + ตฺวา ปจจัย + ย อาคม และ อิ อาคม], ปาฐะวา อภิสฺูหิตฺวา ก็มีบาง อภิสชฺชนี (ปุ.) ผูขุนเคือง, ผูดา, ผูขุนมัว, ผูขัดของเพราะความโกรธ วิ. กุชฺฌนวเสเนว อภิสชฺชีติ อภิสชฺชนี (ผูใดขุนเคือง ดวยอำนาจ ความโกรธ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิสชฺชนี), [อภิ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๐๓ + สชฺช ธาตุ สชฺชเน ในความจัดแจง + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + อี ปจจัย ในอิตถีลิงค ] อภิสฏ (ติ.) ๑. ไหลไปแลว, เขาไปหาแลว วิ. อภิสรีติ อภิสฏํ อภิคตํ (สิ่งใดไปเฉพาะแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิสฏ อภิคตํ), [อภิ + สร คติจินฺตาสุ ในความไปและความคิด + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง ต เปน ฏ] ๒. อันเขาเขาไปแลว, อันเขาแผไปแลว วิ. อภิสรียิตฺถาติ อภิสโฏ อภิคโต ปตฺถโฏ วา (สิ่งใดอันเขาเขาไปแลว เหตุ นั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิสฏ ไดแกเขาไปแลว หรือแผ ไปแลว), [อภิ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย ในกัมมวาจก] อภิสนฺท (ปุ.) ผล, วิบาก, ผลที่หลั่งออกเปนไป ไมขาดสาย วิ. อภิสนฺทติ อวิจฺเฉเทน ปวตฺตตีติ อภิสนฺโท (ธรรมชาติใดเปนไปไมขาดสาย เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิสนฺท), [สนฺท ธาตุ ปวตฺติยํ ในความเปนไป + อ ปจจัย] อภิสนฺธ (ปุ.) ผล, วิบาก, ผลที่หลั่งออกเปนไป ไมขาดสาย วิ. อวิจฺเฉเทน อภิสนฺธติ ปวตฺตตีติ อภิสนฺโธ (ธรรมชาติใดเปนไปไมขาดสาย เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิสนฺธ), [อภิ + สนฺธ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + ณ ปจจัย] อภิสนฺธิ (อิตฺ.) ความประสงค, ธรรมชาติที่ อาศัยจิตนอนอยู, ความมุงหมาย, อัธยาศัย วิ. จิตฺเต อภิสนฺธายเตติ อภิสนฺธิ อธิปฺปาโย (ธรรมชาติใดนอนเนื่องในจิต เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้น ชื่อวา อภิสนฺธิ), [อภิ + สํ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อิ ปจจัย] อภิสปิตฺวา อภิสมย (ปุ.) ปฏิเวธ, สภาวะอันผูปฏิบัติพึง บรรลุ วิ. อภิสเมตพฺโพ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพติ อภิสมโย (สภาวะใดอันบุคคลพึงรูแจงแทง ตลอด เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อภิสมย), [อภิ + สํ + อิ ธาตุ ปฏิวิชฺฌเน อวคมเน วา, ในการ แทงตลอด หรือการรู + อ ปจจัย) ๒. ธรรมเปน เครื่องบรรลุ วิ. อภิสเมติ เอเตนาติ อภิสมโย (บุคคลยอมรู ดวยธรรมนั้น เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อภิสมย), [อภิ + สํ + อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ณ ปจจัย] ๓. การตรัสรู, ธรรมที่มุง ตรงไปรูแจงสัจจะ วิ. อภิสเมติ อภิมุขํ จตฺตาริ สจฺจานิ สเมจฺจ อยติ ชานาตีติ อภิสมโย (สภาวะ ใดยอมตรงไปรูแจงสัจจะ ๔ เหตุนั้น สภาวะนั้น ชื่อวา อภิสมย), วิ. อภิมุขภาเวน สมฺมา ตํ ตํ สภาวํ เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย (ธรรมชาติ ใดยอมรูสภาวะนั้น โดยชอบ โดยความเปนธรรม มีเฉพาะหนา เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิสมย) อภิสมยตฺถ (ปุ.) อรรถคืออภิสมย, อภิสมัยเปน อรรถ วิ. อภิสมโย เอว อตฺโถ อภิสมยตฺโถ. (อรรถคืออภิสมย ชื่อวา อภิสมยตฺถ) อภิสมฺพุชฺฌ (กิ.กิตฺ.) ตรัสรูแลว, รูยิ่งแลว วิ. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวาติ อภิสมฺพุชฺฌ (ตรัสรูแลว เหตุนั้น จึงชื่อวา อภิสมฺพุชฺฌ), [อภิ + พธ ธาตุ าเณ ในความรู + ตฺวา, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, แปลง ธ เปน ฌฺ, แปลง ย เปน ฌ (ปุพฺพรูปตฺตํ), แปลง ฌฺ พยัญชนะที่ ๔ เปน ชฺ พยัญชนะที่ ๓] อภิสมฺพุธาน (กิ.กิตฺ.ติ.) ตรัสรูอยู, รูยิ่งอยู, รูอยู วิ. อภิสมฺพุชฺฌตีติ อภิสมฺพุธาโน (ผูใด ตรัสรูอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิสมฺพุธาน), [อภิ + สํ + พุธ ธาตุ อวโพธเน ในความรู + มาน ปจจัย, แปลง มาน เปน อาน] พุชฺฌนฺโต ชานนฺโตติ อตฺโถ (หมายความวา ตรัสรู คือรูอยู) อภิสมฺโพธิ (อิตฺ.) ธรรมชาติที่รูชัด, ญาณเปน เหตุตรัสรู วิ. อภิมุขภาเวน สมฺมเทว สพฺพธมฺเม พุชฺฌตีติ อภิสมฺโพธิ, สพฺพฺุตฺาณํ
๒๐๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (ธรรมชาติใด ยอมรูชัด ธรรมทั้งปวงโดยชอบ ทีเดียว โดยความปรากฏเฉพาะหนา เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อภิสมฺโพธิ คือพระ สัพพัญุตญาณ), วิ. อภิสมฺพุชฺฌติ เอตายาติ วา อภิสมฺโพธิ (อีกนัยหนึ่ง บัณฑิตยอมตรัสรูดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิสมฺโพธิ), [อภิ + สํ + พุธ ธาตุ อวคมเน ใน ความรู + อิ อาคม] ปาฐะวา สมฺมาสมฺโพธิ สมฺโพธิ ก็มี อภิสมาจาริก (ติ.) ๑. มีในอภิสมาจาร วิ. อภิสมาจาเร ภวํ อภิสมาจาริโก (สิ่งที่มีใน อภิสมาจาร ชื่อวา อภิสมาจาริก), [ณิก ปจจัย] ๒. อภิสมาจาร, มารยาทอันดี, ความประพฤติ อันดี วิ. อภิสมาจาโรว อภิสมาจาริกํ (อภิสมาจารนั่นเอง ชื่อวา อภิสมาจาริก), [ณิก สกัตถ], อภิสมาจาโรติ อุตฺตมสมาจาโร. คำวา อภิสมาจาร หมายถึง มารยาทอันดีงาม ๓. พระบัญญัติที่บัญญัติปรารภอภิสมาจาร วิ. อภิสมาจารํ วา อารพฺภ ปฺตฺตํ อภิสมาจาริกํ (พระบัญญัติที่บัญญัติปรารภอภิสมาจาร ชื่อวา อภิสมาจาริก), [ณิก ปจจัย แทน บัญญัติ] อภิสาป (ปุ.) การดา, การสาปแชง, วัตถุเปน เครื่องสาบ, กอนขาวเปนราง วิ. อภิสปนฺติ เอเตนาติ อภิสาโป, อภิสาปวตฺถุ ปณฺโฑลฺยํ (ผู ทรงวิทยาคุณสาบแชงดวยวัตถุนั่น เหตุนั้น วัตถุ นั้นชื่อวา อภิสาป ไดแก กอนขาวเปนวัตถุ สำหรับสาบ), [อภิ + สป ธาตุ อกฺโกเส ในความ ดา + ณ ปจจัย] ปาฐะวา อภิสโป ก็มี, นัย เดียวกัน อภิสปโถ [ปถ + ถ ปจจัย ในภาวะ กจฺ.๖๒๘ รูป.๖๕๓ วา สมาทีหิ ถมา] อภิสปิต (ติ.) ถูกสาบแชงแลว, ผูอันเขา สาปแชง วิ. อภิสปยิตฺถาติ อภิสปโต (ผูใดอัน เขาแชงแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิสปต), [อภิ + สป ธาตุ อกฺโกเส ในความดา + อิ อาคม + ต ปจจัย ในอรรถกรรม] อภิสมิต (ติ.) ตรัสรู, รูแจงแทงตลอดแลว, ถูกรูแลว วิ. อภิสมียิตฺถาติ อภิสมิโต (ธรรมใด อันบัณฑิตรูแลว เหตุนั้น ธรรมนั้น ชื่อวา อภิสมิต), [อภิ + สํ + อิ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป, กฺต ปจจัย] อภิสเมจฺจ (กิ.กิตฺ.) ตรัสรู, บรรลุ, เขาถึง, พิจารณา, ไตรตรอง วิ. สมฺปชฺชิตฺวาอุปปรกิฺขิตฺวา ตีเรตฺวา อภิสเมจฺจ (เขาถึงแลว พิจารณาแลว ไตรตรองแลว ชื่อวา อภิสเมจฺจ), [อภิ + สํ + อิ ธาตุ คติยํ ในความไป + ตฺวา ปจจัย, แปลง นิคหิตเปน ม, แปลง อิ เปน เอ, แปลง ตฺวา เปน รจฺจ ดวยการแบงสูตร หรือ ลง จฺจ ปจจัย หลัง อิ ตามนัยนิรุตติทีปนี], ปาฐะวา อภิสเมตฺวา ก็มี อภิสเมตาวินี (อิตฺ.) พระอริยสาวิกาผูรูยิ่งแลว, เขาถึงแลว, บรรลุแลว วิ. อภิ สมฺมา อิตา คตาติ อภิสเมตาวินี (พระอริยสาวิกาเหลาใด รูแลว บรรลุแลวโดยยิ่ง โดยชอบ เหตุนั้น พระอริย สาวิกาเหลานั้น ชื่อวา อภิสเมตาวินี), [อภิ + สํ + อิ ธาต ในความไป + ตาวี ปจจัย] ๒. พระ อริยสาวิกาผูตรัสรูสัจจะ ๔ วิ. จตฺตาริ สจฺจานิ อภิสมยิ ปฏิวิชฺฌีติ อภิสเมตาวินี, ปฏิวิทฺธจตุ- สจฺจาติ อตฺโถ (ผูใดยอมรูแจงแทงตลอดสัจจะ ๔ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิสเมตาวินี หมายความวา รูแจงสัจจะ ๔), [อภิ + สมุ ธาตุ อุปรเม, ปฏิวิชฺฌเน วา ในความเขาไปยินดี หรือในการรู แจง เพราะธาตุมีหลายความหมาย + ตาวี + อินี ปจจัย]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๐๕ อภิสเมนฺต (ติ.) รูอยู วิ. อภิสเมตีติ อภิสเมนฺโต (ผูใดรูอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อภิสเมนฺต), เชน ทุกฺขาทีนิ อภิสเมนฺเตหิ อภิสเมตพฺพา (อรรถ ทั้งหลาย อันบุคคลผูรูทุกขเปนตน พึงรู) วิภงฺค.อ.๘๙ [อภิ + สํ + อิ ธาตุ คติยํ ในความ ไป + อนฺต ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, แปลง นิคหิตเปน ม], ธาตุที่มีความหมายวาไป จะมี ความหมายวา รู (พุทฺธิ) เปนไป (ปวตฺติ) และ บรรลุ (ปาปุณ) ไดดวย อภิสาริกา (อิตฺ.) หญิงปรารถนาผัว, หญิงผูไป พบคูรักตามนัด วิ. สงฺเกตํ อภิสรติ คจฺฉตีติ อภิสาริกา ธวตฺถินี (หญิงใดยอมไปตามนัด เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อภิสาลิกา คือหญิงผู ปรารถนาผัว), [อภิ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณฺวุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อภิสิฺจิยมาน (ติ.) อันเขารดอยู, ถูกสรง วิ. อภิสิฺจิยเตติ อภิสิฺจิยมาน (ธรรมชาติใดอัน เขารดอยู เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อภิสิฺจิยมาน), [อภิ + สิจ ธาตุ สิฺจเน ใน ความรด + นิคหิตอาคม แปลงเปน ฺ + ย และ มาน ปจจัย ในอรรถกรรม + อิ อาคม] อภิเสก (ปุ.) ๑. อภิเษก, ที่เปนที่รด, ผูที่เขารด น้ำอภิเษก วิ. อภิสิฺจติ เอตฺถาติ อภิเสโก (เขา รดลงที่บุคคลนั้น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อภิเษก), [อภิ + สิจ ธาตุ สิฺจเน ในความรด + ณ ปจจัย, แปลง จ เปน ก, แปลง อิ เปน เอ] ๒. การอภิเษก วิ. อภิสิฺจนํ อภิเสโก (การรด ชื่อวา อภิเสก), [อภิ + สิจ ธาตุ สิฺจเน ในความ รด + ฆณฺ ปจจัย] อภิหฏุํ(อพฺ.) ๑. เพ่อือนันำไป, เขานำไปแลว วิ. อภิหริตุนฺติ อภิหุํ (เพื่ออันนำไป, เขานำ มาแลว ชื่อวา อภิหุํ), [อภิ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ตุํ ปจจัย, แปลง รฺต เปน ] ใน ปทรูปสิทฺธิ(รูป.๖๒๕) วา อาเทศ ตุํ ปจจัย เปน รุํ แตใน นิรุตฺติทีปนี วา ในสมาสบาง แหง แปลง ตฺวา เปน ตุํ และ ยาน ดวยสูตรวา (โมคฺ.๕/๑๖๕) ตุํยานา, ปาฐะวา อภิหตฺตุํ ปวาเรยฺย อภิหํ ลบสังโยค ตฺ, แปลง ต เปน ฏ, แตบัณฑิตทั้งหลายสวดกันวา อภิหุํ, พยัญชนะ ตางกัน. แตใน สมนฺตปาสาทิกา วินยกถา วา ประกอบ อภิ อุปสัค, มีความหมายวา เพื่ออัน นำไป (หริตุํ) คือถือเอา (คณฺหิตุํ) ๒. นำไปแลว อีกอยางหนึ่ง ตุํ ปจจัยในที่นี้แปลวา แลว ก็ได เชน ทุํ ในขอวา เนกฺขมฺมํ ทุํ เขมโต (เห็น แลวซึ่งความเกษม โดยความเกษม) ขุ.จู.๓๐/ ๔๐๐/๑๕๐, แม ตุํ ปจจัยในคำวา อภิหุํ ก็แปลวา แลว ดังอธิบายวา อภิหุํ ปวาเรยฺยาติ อภิหริตฺวา ปวาเรยฺย (ขอวา อภิหุํ ปวาเรยฺย มีความวา เขานำไปแลวปวารณา), ฉะนั้น ใน ปาจิตฺยาทิโยชนา ทานอธิบายวา อภิหุํ มี ความหมายวา อภิหริตฺวา คือนำไปแลว ตุํ ปจจัย ใชในอรรถแหง ตฺวา ปจจัย อภิหฏ (ติ.) ๑. อันเขานำไปแลว, ถือไวขางหนา นำไป วิ. อภิหรียิตฺถาติ อภิหฏํ, อุปนีตํ, ปุเรตรํ คเหตฺวา อาหฏํ วา (สิ่งใดอันเขานำมาแลว เหตุ นั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิหฏ, ไดแก อันเขานอมเขา ไปแลว หรือถือไปขางหนานำไป), [อภิ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง ต เปน ฏ] เชน วาจาย อภิหฏํ ปฏิกฺขิปโต ปวารณา นตฺถิ วินย.อ.๒/๔๐๖ (ภิกษุปฏิเสธภัต ที่เขานำมาดวยวาจา ไมจัดเปนการหาม) ๒. อัน เขาเบียดเบียนแลว, ทำรายแลว วิ. อภิหฺตี ติ อภิหโต วา, พาธิโต, อุปทฺทุโตติ อตฺโถ (ผูใด อันเขาเบียดเบียนแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภิ
๒๐๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา หต ไดแก อันเขาทำลายแลว คือทำให เดือดรอน), [อภิ + หน ธาตุ หนเน ในความฆา + ต ปจจัย, ลบ น, แปลง ต เปน ฏ] อภิหาร (ปุ.) การนำไปยิ่ง, การเคารพ, ของอัน เขานำไป วิ. อภิมุขํ หรณํ อภิหาโร, อภิหรียตีติ วา อภิหาโร (การนำไปตอหนา ชื่อวา อภิหาร หรือวัตถุอันเขานำไป ชื่อวา อภิหาโร), [อภิ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย] อภิหิต (นปุ.,ติ.) คำกลาว, อันเขากลาวแลว วิ. อภิธิยเตติ อภิหิตํ ภาสิตํ (คำใดอันเขากลาว แลว เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อภิหิต คืออันเขา กลาวแลว), [อภิปุพฺพ -ธา ภาสเน, โต, ธสฺส โห. อภิธียิตฺถาติ อภิหิโต, อภิปุพฺพ -ธา ธารเณ, โต, ธาสฺส หิ. อภิอุคฺคต (ติ.) พุงขึ้น, เหาะ, ระบือไป วิ. อภิภวิตฺวา อุคฺคจฺฉตีติ อภิอุคฺคโต [อพฺภุคฺคโต] (สิ่งใดขึ้นไปครอบงำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภิอุคฺคโต, อพฺภุคฺคต), [อภิ + อุ + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย] อภีต (ติ.) ไมกลัว, กลา, สามารถ วิ. น ภายตีติ อภีโต, ปฏิพโล (ผูใดไมกลัว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อภีต คือคนกลา), [น + ภี ธาตุ ภเย ในความ กลัว + ต ปจจัยเปนกัตตุวาจก, แปลง น เปน อ] อภู (ติ.) (วาจา) ไมมีความเจริญ, ไมมีประโยชน, ไมเคยมี, ไมมีจริง วิ. วฑฺฒิวิรหิตา กถา อภู, น ภูตปุพฺพาติ วา อภู, อภูตปุพฺพา กถา. น ภูตาติ วา อภู, อภูตา กถา, (วาจาเปนเครื่อง กลาวที่เวนจากความเจริญ ชื่อวา อภู, หรือวาจา ที่ไมเคยมี ชื่อวา อภู คือกถาไมเคยมี, วาจาที่ไม มีจริง ชื่อวา อภู คือกถาไมมีจริง), [น + ภู ธาตุ สตฺตายํ ในความมีความเปน + กฺวิ ปจจัย] เชน อภุํ เม กถํ นุ ภณสิ ปาปกํ วต ภาสสิ ขุ.ชา.๒๗/ ๒๕๒๐/๕๖๐ (อยางไรหนอ พระองคจึงทรง รับสั่งความไมเจริญแกขาพระองค), อภูตตพภฺาว (ปุ.) การมีสิ่งที่ไมเคยมี, หลักการ ลง อี ปจจัยในที่ประกอบกับ กร ธาตุ เปนตน นิรุตฺติ. ๕๔๙ วิ.ปุพฺเพ ตสฺส อภูตสฺส วตฺถุโน กทาจิ ตถา ภวนํ อภูตตพฺภาโว (การมีอยางนั้น ในบางครั้ง ของสิ่งนั้นที่ไมเคยมี ชื่อวา อภูตตพฺภาว) อภูโตปมา (อิตฺ.) การเปรียบเทียบดวยวัตถอุนั ไมมีจริง เชน “พระพักตรงามเฉิดฉายดังความ งามของปทุมชาติ” ถาตองการดูความงามแหง พระพักตรก็ตองเก็บปทุมชาตมิารวมกันและดวูา แสงสาดสอง กองปทุมชาตินั้นเปนวัตถุที่ไมจริง วิ. อภูเตน อุปมา อภูโตปมา, อวิชฺชมานวตฺถุโน อุปมิตตฺตา อภูโตปมา (การอุปมาดวยวัตถุอันไม จริง ชื่อวา อภูโตปมา, อธิบายวา ชื่อวา อภูโตปมา เพราะวัตถุที่อุปมานั้นไมมีอยู), สุโพธาลังการมัญชรี, ๑๙๕/๓๙๙ อภูปคม (ปุ.) การปรากฏ, ภาวะที่ปรากฏ, เขาถึงอยางยิ่ง วิ. อภิอุปคจฺฉตีติ อภูปคโม (ภาวะใดยอมเขาถึงอยางยิ่ง เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อภูปคม), [อภิ + อุป + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + อ ปจจัย] อภฺยาส (ติ.) ใกล วิ. อภฺยาสีทตีติ อภฺยาโส อาสนฺโน (สิ่งใดยอมใกล เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อภฺยาส), [อภิ + อา + สท ธาตุ วิสรณคตฺยาวสาเนสุ ในการซาน ไป และถึงที่สุด + กฺวิ ปจจัย, แปลง อิ เปน ยฺ] อมจฺจ (ปุ.) อำมาตย, ผูเปนไปกับพระราชา วิ. สพฺพกิจฺเจสุ รฺา มนฺเตน วา อมา สห ภวตีติ อมจฺโจ (ผูใดยอมเปนไปกับดวยพระราชา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๐๗ หรือดวยการปรึกษาในกิจทั้งปวง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อมจฺจ), [อม ธาตุ ภวเน ในความเปนไป + จฺจ ปจจัย], อีกนัยหนึ่ง อมา ศัพทเปนนิบาต + จฺจ ปจจัยในอรรถวา รวมกัน (สหตฺเถ) ดวย จ ศัพทในสูตร โมคฺ.๔/๑๑ วา ณ ราคา เตน เปนตน, วิ. ราชกิจฺเจสุ รฺา สห ภวตีติ อมจฺโจ, รชฺชกิจฺจโวสาปนโก (ผูใดเปนไปกับดวยพระราชาใน ราชกิจทั้งหลาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมจฺจ คือ ผูชวยใหพระราชกรณียกิจสำเร็จ), [อมา ศัพท + อจฺจ ปจจัย ในอรรถวา มี (ภวตฺเถ) ดวยสูตร โมคฺ.๔/๒๓ วา อมาตฺวจฺโจ]สวนบทวา มหามจฺโจ, มหาอมจฺโจ เปน กัมมธารยสมาส อมต (ติ.) ๑. ผูไมตาย, พระชินเจา, การไมตาย, ผูชนะ วิ. น มรตีติ อมโต, ชิโน (ผูใดไมตาย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมต คือพระชินเจา), [น + มร ธาตุ ปาณจาเค ในความตาย + ต ปจจัย ใน อรรถกัตตุ, ลบ ร] วิ. มรณธมฺมสฺส นิพฺพตฺตกานํ กิเลสานํอรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทิตตฺตา ปุน มรณโต วิรหิโตติ วา อมโต (อีกนัยหนึ่ง ชื่อวา อมต เพราะเวนจากความตายอีก เหตุวากิเลสที่ เกิดแตมรณธรรมถูกพระอรหัตตัดขาด), และ ต ปจจัยในนัยนี้ลงในอรรถภาวะ สวน อ ศัพทใช ในอรรถวาเวน (วิรหตฺโถ) ๒. ภาวะมีความไม ตาย, ผูเปนอมตะ, ธนวันตริเทพเปนตน วิ. อมตํ อสฺส อตฺถีติ อมโต (อมตะของภาวะนั้น มีอยู เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อมต), [ณ ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต กจฺ.๓๗๐ รูป.๔๐๕ วา สทฺธาทิโต ณ] ๓. น้ำอมฤต, น้ำดื่มของเทวดา วิ. น มตํ มรณมเนนาติ อมตํ สุธา (ความตายไม มีเพราะสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมต ไดแก น้ำอมฤต) ๔. พระนิพพาน วิ. นตฺถิ มตํ เอตฺถาติ อมตํ นิพฺพานํ, นตฺถิ เอตสฺมึ อธิคเต ปุคฺคลสฺส มตนฺติ อมตํ (ความตายไมมีในภาวะ นั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อมต คือพระ นิพพาน, เมื่อบุคคลถึงพระนิพพานแลว ความ ตายก็ไมมีแกเขา เหตุนั้น จึงชื่อวา อมต) ๕. เทพเทามีธนวันตริเทพเปนตน วิ. มนิยตีติ อมโต (เทพตนใดอันเขาบูชา เหตุนั้น เทพตนนั้น ชื่อวา อมต), [อ อักษรใชเปนตัพภาวะ-ไมมี ความหมายพิเศษอะไร] ๖. มะขามปอม วิ. นตฺถิ มตเมติสฺสํ เหตุภูตายนฺติ อมตา อามลกี (ความตายไมมีในเพราะสิ่งนี้เปนเหตุเหตุนั้น สิ่ง นี้จึงเรียกวา อมตา คือมะขามปอม) อมตป (ปุ.อิตฺ.) เทพ, เทวดา, ผูดื่มน้ำอมฤต วิ. อมตํ ปวนฺตีติ อมตปา สคฺควาสี (เทพเหลาใด ดื่มอมฤต เหตุนั้น เทพเหลานั้น ชื่อวา อมตาปา), สุธาหารสฺส ปาตพฺพสฺสป สมฺภวโต อมตํ อมโตสธํ วา ปวตีติ อมตโป (เทพใด ดื่มมต โอสถ เพราะอันเกิดแหงสุธาหาร อันพึงดื่ม เหตุ นั้น เทพนั้นจึงชื่อวา อมตป), [อมต + ปา ธาตุ ปาเน ในความดื่ม + อ ปจจัย] อมตปท (ปุ.) ทางแหงอมตะ, ทางแหงพระ นิพพาน, ความไมประมาท วิ. นิจฺจตาย นตฺถิ เอตสฺส มตํ ภงฺโค, น วา เอตสฺมึ อธิคเต มรณนฺติ อมตํ, ปชฺชิตพฺพโต ปทฺจาติ อมตปทํ, นิพฺพานํ. (ความตายคือการแตกดับไมมีแกภาวะนั้น เพราะเปนธรรมชาติที่แนนอน หรือเมื่อบรรลุ ภาวะนั้นแลว ความตายก็ไมมี เหตุนั้น ภาวะนั้น จึงชื่อวา อมตะ ดวย ชื่อวาเปน ปท เพราะเปน ทางพึงดำเนินไป ดวย เหตุนั้น จึงชื่อวา อมตปท ไดแก พระนิพพาน), วิ. อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ. อมตสฺส ปทํ อมตปทํ, อมตสฺส อธิคมุปาโย, อปฺปมาโท (พระนิพพาน เรียกวา อมต, ทางแหง อมตะ ชื่อวา อมตปท, ไดแก อุบายเขาถึงอมตะ
๒๐๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา คือพระนิพพาน คือความไมประมาท), เปนฉัฏฐี- ตัปปุริสสมาส, ปาฐะวา อมตํปทํ ก็มี, นิคหิต เชนคำวา อณุํถูลานิ อมตฺต (นปุ.) ภาชนะ, ๑. ภาชนะใชไดตลอด ชวงเวลาหนึ่ง วิ. อมติ กาลนฺตรํ ปวตฺตตีติ อมตฺตํ ภาชนํ (ภาชนะใดใชไดตลอดชวงเวลา หนึ่ง เหตุนั้น ภาชนะนั้นชื่อวา อมตฺต), [อม ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อตฺต ปจจัย ดวย สูตร โมคฺ.๗/๘๑ วา อมาทีหฺยตฺโต ๒. ภาชนะที่ ใสรับประทาน วิ. อมติ ภฺุชติ เอตฺถาติ อมตฺตํ (บุคคลยอมบริโภคในภาชนะนั้น เหตุนั้น ภาชนะนั้น ชื่อวา อมตฺต), [อม ธาตุ โภชเน ใน ความกิน + อตฺต ปจจัย] อมนุสฺส (ปุ.) ๑. อมนุษย, ยักษ วิ. ภยภาวโต อสทิโส มนุสฺเสนาติ อมนุสฺโส (ผูใดไมเหมือน มนุษย เพราะนากลัว เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อมนุสฺส), อ ในที่นี้ใชในอรรถวา ไมเหมือน (อสทิสตฺโถ), คำวา อมนุสฺส นั้นใชเปนคำเรียก ยักษทั่วไป ๒. เหมือนมนุษย แตไมใชมนุษย วิ. น มนุสฺโส อมนุสฺโส (ไมใชมนุษย ชื่อวา อมนุสฺส), ยักษนั้น แมเที่ยวไป ก็ไปดวยจำแลง เพศเปนมนุษย, บางแหงคำวา อมนุสฺส มี ความหมายวา เหมือนมนุษย, บางแหงคำวา อมนุสฺส มีความหมายวา ยักษ หรือเปรต, และ บางแหง คำวา อมนุสฺส หมายถึง สัตวเดรัจฉาน ก็ได โดยเปนสัตวทั่วไปอื่นจากมนุษยนั้น อมม (ติ.) ผูไมยึดถือสิ่งใดวาเปนของของตน, ไมเขาขางตัว, ผูไมมีความยึดถือ, พระอรหันต วิ. นตฺถิ ตณฺหามมตฺตํ ทิิมมตฺตฺจ เอตสฺสาติ อมโม, โก โส, อรหาเยวาติ วตฺตุํ วฏติ (ความ ยึดมั่นวาของเราคือตัณหา และความยึดมั่นวา ของเราคือทิฐิ ของผูนั้น ไมมี เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมม, อมฺม นั้น ไดแกอะไร, จะตอบวา ไดแก พระอรหันตนั่นเอง ก็ได), อปจ เย สตณฺหาป สทิฐิป มม อิทนฺติ มมตฺตํ น กโรนฺติ, เตป อมมาเยว (อนึ่ง ชนเหลาใด ทั้งยังมีตัณหา ยังมี ทิฐิ ไมทำความยึดมั่นวา นี้ของเรา, ชนแม เหลานั้นก็ชื่อวา อมม นั่นเอง), ในนัยหลังนี้ เชน มนุสฺสา ตตฺถ ชายนฺติ, อมมา อปริคฺคหาติ ที.ปา.๑๑/๒๑๒/๒๑๒ (ชนที่เกิดในอุตตรกุรุ ทวีปนั้น ไมยึดถือสิ่งใดวาเปนของตน ไมหวง แหนกัน), นี้เปนตัวอยางฝายศาสนา แตในฝาย โลกมีตัวอยางวา อมโม อมโม นิรหงฺกาโร (ไมยึด มั่น ไมยึดมั่น ไมมีความถือวาเรา), ศัพทนี้ใชใน ๓ ลิงค วิ. น มมายตีติ อมโม (ผูใดยอมไม ประพฤติยึดมั่นวาเปนของเรา เหตุนั้นผูนั้นชื่วา อมม), [น + มม ใชเปนนามธาตุ + อ ปจจัย] อมร (ปุ.) เทวดา, ผูไมตาย วิ. มรณํ มโร, โส เยสํ นตฺถิ เต อมรา, เทวตา (การไมตาย ชื่อวา มร, ความตายนั้น ไมมีแกเทพเหลาใด เทพเหลานั้น ชื่อวา อมรา, คือเทวดา), [น + มร ธาตุ ปาณ จาเค ในความตาย + อ ปจจัย] อมราวตี (อิต.) เมืองของพระอินทร วิ. อมรา เอติสฺสํ สนฺตีติ อมรวตีวสฺโสกสารา, สา เจว อมราวตี (เทวดาอยูในบุรีนั่น เหตุนั้น บุรีนั้น ชื่อวา อมรวตี คือเทพบุรีชื่อวัสโสกสารา, อมรวตี นั้นนั่นเอง ชื่อวา อมราวตี), [ทีฆะดวยสูตร กจฺ.๔๐๓ รูป.๓๕๔ วา กฺวจาทิมชฺฌุตฺตรานํ, วนฺตุ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค] อมราวิกฺเขปิก (ติ.) ผูพูดเหลาะแหละไม ตายตัว, ผูพูดซัดสายเหมือนปลาไหล, ชื่อทิฏฐิ โบราณอยางหนึ่ง ๑. วิ. น มรตีติ อมรา, กา สา? เอวนฺติป เม โนติอาทินา นเยน ปริยนฺตรหิตา ทิิคติกสฺส ทิิ เจว วาจา จ. วิวิโธ เขโปติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๐๙ วิกฺเขโป, อมราย ทิิยา, วาจาย วา วิกฺเขโปติ อมราวิกฺเขโป, โส เอตสฺส อตฺถีติ อมราวิกฺเขปโก (ทิฏฐิหรือวาจาใดไมตายตัว เหตุนั้น ทิฐิหรือ วาจานั้นชื่อวา อมรา, อมรานั้นคืออะไร, คือทิฐิ และวาจาของผูที่ยึดทิฏฐิ เวนจากการกำหนด ที่สุดตายตัว โดยนัยวา ความเห็นของเราอยางนี้ ก็ไมใช, ที่ชื่อวา วิกฺเขโป เพราะดิ้นไปมีอยาง ตางๆ, ที่ชื่อวา อมราวิกฺเขโป เพราะทิฏฐิและ วาจาดิ้นไดไมตายตัว, สมณะหรือพราหมณ ชื่อวา อมราวิกเขปก เพราะมีทิฏฐิและวาจา ดิ้นไดไมตายตัว), [อมรา + วิ + ขิป ธาตุ เขปเน ในความซัดสายไป + ณ ปจจัยในตัทธิต และลง ณิก ปจจัยซ้ำอีก] ๒. อถวา อมรา นาม มจฺฉชาติ, สา อุมฺมุชฺชนาทิวเสน อุทเก สนฺธาวมานา คาหํ น คจฺฉติ, เอวเมว อยมฺป วาโท อิโต จิโต จ สนฺธาวติ, คาหํ น อุปคจฺฉตีติ อมราวิกฺเขโปติ วุจฺจติ, โส เอเตสํ อตฺถีติ อมราวิกฺเขปกา (อีกนัย หนึ่ง ปลาชนิดหนึ่ง ชื่ออมรา แปลวาปลาไหล. ปลาไหลนั้น เมื่อแลนไปในน้ำดวยการผุดขึ้น และดำลงเปนตน ใครๆ ไมอาจจับได, แมวาทะ นี้ก็เหมือนอยางนั้น แลนไปขางโนนขางนี้, ไม เขาถึงอาการที่จะจับไว เพราะเหตุนั้น จึง เรียกวา อมราวิกเขปะ. สมณะหรือพราหมณที่ ชื่อวา อมราวิกเขปกะ เพราะมีทิฏฐิและวาจาดนิ้ ไดเหมือนปลาไหล), สฺวายํ วาโท มุสาวาทานุ- โยคฉนฺทราคภยโมหภาวเหตุกตาย จตุธา ปวตฺโต (อมราวิกเขปกวาท นี้นั้น เปนไป ๔ อยาง เพราะกลัวมุสาวาท กลัวการซักไซ เพราะ กลัวฉันทราคคืออุปาทาน และเพราะความ หลงใหลฟนเฟอน),บัณฑิตพึงคนดูสารตฺถทีปนี- ฏีกา เปนตน อมล (นปุ.ปุ.) แกวเพทาย, แกวอมล ๑. ไมมี มลทิน วิ. นตฺถิ มลํ อสฺสาติ อมลํ สิลาชตุ (มลทิน ของแกวนั้นไมมี เหตุนั้น แกวนั้นชื่อวา อมล คือ แกวเพทาย), ๒. แกวที่สวางไสวออกไป คือไม มีมลทิน วิ. อมติ คจฺฉตีติ อมลํ อพฺภกํ (แกวใด ยอมสองไป เหตุนั้น แกวนั้นชื่อวา อมล คือแกว เพทาย), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + อล ปจจัย] วิ. นตฺถิ มลํ เอตสฺสาติ อมโล (มลทินของ สิ่งนั่นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมล), เปน พหุพฺพีหิสมาส วิ. น มโล อมโล (ไมใชผูมีมลทิน ชื่อวา อมล), เปน มิสฺสกตปฺปุริสสมาส วิ. มลสสฺ ปฏิปกฺโข อมโล (แกวที่ตรงขามกับมลทิน ชื่อวา อมล), เปน อพฺยยีภาวสมาส; มล ศัพท เปน ๒ ลิงค อมลกาภาส (ติ.) มีแสงแจมจรัสไรมลทิน วิ. อมลโก อาภาโส ยสฺสาติ อมลกาภาโส. (แสง แจมจรัส ไรมลทิน ของดวงจันทรใด เหตุนั้น ดวงจันทรนั้นชื่อวา อมลกาภาส), สุโพธาลังการมัญชรี, ๒๙๐/๕๗๙ อมฺพ (ปุ.) ๑. มะมวง วิ. อมฺพติ อตินาทํ กโรตีติ อมฺโพ จูโต (ผลไมใดที่ทำเสียงบันลือยิ่ง เหตุนั้น ผลไมนั้น ชื่อวา อมฺพ คือมะมวง), [อมฺพ ธาตุ กรเณ ในความทำ + อ ปจจัย] ๒. ผลไมที่ผู ตองการผลไมมุงไป วิ. ผลกาเมหิ ชเนหิ อมียติ คมียตีติ อมฺโพ จูโต. (ผลไมใด อันชนผูตองการ ผลไมมุงไป เหตุนั้น ผลไมนั้นชื่อวา อมฺพ คือ มะมวง) ๓. บิดามารดา, ผูอันบุตรธิดาบูชา (ปุ.อิตฺ.) วิ. ปุตฺตธีตเรหิ อมิยติ ปูชิยตีติ อมฺพา มาตา, อมฺโพ ปตา (ผูใดอันบุตรธิดาเคารพบูชา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมฺพา-มารดา, อมฺโพ-บิดา), [อม + ปชายํ ในความบูชา + พ ปจจัย กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยท เปนตน + อา ปจจัย ในอิตถี
๒๑๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ลิงค] วิ. ปุตฺเตน อมียติ คมียตีติ อมฺพา มาตา, อมฺโพ ปตา (บิดามารดาใด อันบุตรเขาไปหา เหตุนั้น บิดามารดานั้นชื่อวา อมฺพา-มารดา, อมฺ โพ-บิดา), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + พ ปจจัย ดวยสูตรแหงโมคคัลลานะ โมคฺ.๗/๑๒๑ วา ครสราทีหิ โพ] ๔. ผลไมที่ไปเร็ว, ผลไมโต เร็ว, ผลไมที่รวง วิ. อมฺพติ สีฆํ คจฺฉตีติ อมฺพํ (ไมใดเปนไปเร็ว เหตุนั้น ไมนั้นชื่อวา อมฺพ), [อมฺพ ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] วิ. อมฺพสฺส อิทํ อมฺพํ, ผลํ (ผลนี้เปนผลแหงตน มะมวงนั้น เหตุนั้น จึงชื่อวา อมฺพ), [ณ ปจจัย แทน อิทํ, อสฺส] ๕. บิดามารดา, ผูรักษา วิ. อมฺพติ รกฺขตีติ อมฺพา มาตา, อมฺโพ ปตา (ผูใดยอมรักษาเหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมฺพา มารดา, อมฺโพ-บิดา), [อมฺพ ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + อ, อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] ๖. บิดามารดา, ผูอันบุตรธิดาเขาไปหา วิ. อมฺพฺยเต เสฺนเหน อุปคมฺยเต ปุตฺเตน วาอมฺพิยติคธิยติปยิรุปาสิยตตีิ อมฺพา มาตา, อมฺพโก ปตา (ผูใดอันบุตรเขาไป หาเพราะความรัก เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมฺพามารดา, อมฺพโก-บิดา), [อมฺพ ธาตุ คมเน ใน ความไป + อ, อา ปจจัย ในอิตถีลิงค, ก สกัตถ] ๗. น้ำ วิ. อมฺพติ อภินาทํ กโรตีติ อมฺโพ อมฺพุ (ธรรมชาติใดยอมสงเสียง คือทำเสียงอื้ออึง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อมฺพ คือน้ำ), [อมฺพ ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + อ ปจจัย] อมฺพฏา (อิตฺ.) ๑. ไมลมลุกชนิดหนึ่งชื่อ กรุงเขมา, โกฐเขมา, จิงจอ, ตูมกาเครือ วิ. อมฺพตีติ อมฺพา ปาา (พืชชนิดใดยอมสง เสียง เหตุนั้น พืชชนิดนั้นชื่อวา อมฺพา คือ ตูมกาเครือ), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + ปจจัย กจฺ.๖๗๒ รูป.๖๘๒ วา กุฏาทีหิ โ + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค, ซอน ] ๒. วิชาธนูยิง ไมเขา ชื่อวาอัมพัฏฐะ (อิตฺ) วิ. สตฺตานํ สรีเร อพฺภงฺคํ เปตีติ อมฺพา (วิทยาคมใด ใสสิ่ง พิเศษเขาไปรางสัตว เหตุนั้น วิทยาคมนั้น ชื่อวา อัมพัฏฐะ), หมายความวา วิชาคือมนตที่ไดชื่อ อยางนั้น ก็เพราะทำตัวรูปดวยวิธี นิรุตตินัย, ๓. อัมพัฏฐมาณพ วิ. ยโต อมฺพา วิชฺชา เอตสฺมึ อตฺถีติ กตฺวา กณฺโห อิสิ อมฺพโติ ปฺายิตฺถ, ตพฺพํสชาตตาย ปนายํ มาณโว อมฺพโติ โวหรียติ. (เพราะเหตุที่วิทยาคมชื่อ วาอัมพัฏฐะมีในกัณหฤษีนั้น เหตุนั้น กัณหฤษีจึง ปรากฏชื่อวา อัมพัฏฐะ, สวนมาณพนี้เขาก็เรียน กันวา อัมพัฏฐะ เพราะเกิดแตวงศอัมพัฏฐะ แหงกัณหฤษีนั้น) อมฺพณ (นปุ.) ๑. อัมพณะ, ชื่อมาตราสำหรับ ตวง คือ ๑๑ โทณะ วิ. อมฺพติ อเนนาติ อมฺพณํ, เอกาทส โทณา (ขาวเปลือกเปนตนยอมไปได ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพณ, คือ ๑๑ โทณะ), [อมฺพ ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย , แปลงเปน อน, แปลง น เปน ณ], ใน วิภังคฎีกา วา ๔ โทณะ เปน อัมพณะ, บาง อาจารยวา ๖ โทณะ, ๒. รางน้ำ, สัดจอง วิ. อมฺพุํ เนติ เยนาติ อมฺพณํ โทณี (เขานำน้ำไป ดวยสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพณ คือ รางน้ำ), [อมฺพุ + นี ธาตุ นเย ในความนำไป + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน อ, แปลง น เปน ณ] อมฺพร (นปุ.ปุ.) ๑. ทองฟา, อากาศ, กลางหาว วิ. อมฺพนฺเต สทฺทายนฺเต เอตฺถาติ อมฺพรํ คคนํ (เมฆรองคำรามอยูในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อมฺพร คือทองฟา), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการ ออกเสียง + อร ปจจัย] วิ. อมฺพํ อสฺส อตฺถีติ อมฺพโร (เสียงแหงที่นั้นมีอยู เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑๑ อมฺพร), [ร ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต] ๒. ผา วิ. อมฺพียเต สทฺทียเตติ อมฺพรํ วตฺถํ (สิ่งใด อันเขาสงเสียงฮือฮา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพร คือเครื่องนุงหม), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการสง เสียง + อร ปจจัย] อมฺพาฏก (ปุ.) มะมวงปา, มะกอก, ผลมะมวง ปา, ผลมะกอก วิ. อมฺพตีติ อมฺพาฏโก ปตนโก (ไมใดยอมสงเสียง เหตุนั้น ไมนั้น ชื่อวา อมฺพาฏก คือมะมวง), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการ ออกเสียง + อฏ ปจจัย + ก สกัตถ] อมฺพิล (นปุ.ปุ.) รสเปรี้ยว (นปุ.) ๑. วิ. อมฺพนฺติ เอเตนาติ อมฺพิลํ รสวิเสโส (คนทั้งหลายออก เสียงเพราะรสชาดใด เหตุนั้น รสชาดนั้นชื่อวา อมฺพิล คือรสชาดอยางหนึ่ง), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในความออกเสียง + อร ปจจัย, แปลง อ เปน อิ, แปลง ร เปน ล, หรือ อิล ปจจัย] ๒. มะนาว (ปุ.) วิ. ชนา อมฺพนฺติ สทฺทํ กโรนฺติ อเนนาติ อมฺพิโล ทนฺตสโ (ชนทั้งหลายสงเสียง เพราะสิ่ง ใด เหตุนั้นสิ่งนั้นชื่อวา อมฺพิล คือมะนาว), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + อิล ปจจัย] อมฺพุ (นปุ.) น้ำ ๑. วิ. อมฺพติ อตินาทํ กโรตีติ อมฺพุ วาริ (สิ่งใดยอมสงเสียง คือทำเสียงอื้ออึง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพุ คือน้ำ), [อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + อุ ปจจัย] ๒. วิ. อมฺพติ อติสทฺทํ กโรตีติ อมฺพุ (สิ่งใดยอมทำ คือกระทำ เสียงดัง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพุ), [อมฺพ ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + อุ หรือ ณุ ปจจัย] ๓. วิ. อมฺพิยติ สทฺทํ กโรตีติ อมฺพุ(สิ่งใดยอมสง เสียง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพุ), [อพิ/อมฺพ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + อุ ปจจัย] ศัพทนี้เปน นปุงสกลิงค อมฺพุช (ปุ.) ปลา, สัตวเกิดในน้ำ, บัว, บงกช วิ. อมฺพุมฺหิ ชาโต อมฺพุโช มจฺโฉ ชลโช จ, ปงฺกโช วา (สัตวที่เกิดในน้ำ ชื่อวา อมฺพุช ไดแก ปลา สัตวน้ำ หรือบงกช), [อมฺพุ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย, สวนคำวา อมฺพุชินี “สระบัว” หมายถึง สระโบกขรณี อมฺพุชากร (ปุ.) บึง, หนองน้ำ, แหลงเกิดบัว วิ. อมฺพุชานํ ปทุมานํ อากโร อุปฺปตฺติานํ อมฺพุชากโร, วาป. (อากรคือที่เกิดขึ้นแหงหมู ปทุมชาติ ชื่อวา อมฺพุชากร คือบึง) อมฺพุท (นปุ.ปุ.) ๑. การพนัน วิ. อมฺพติ หึสตีติ อมฺพุทํ (สิ่งใดยอมเบียดเบียน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อมฺพุท), [อมฺพ ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ท ปจจัย, แปลง อ เปน อุ] ๒. เมฆ วิ. อมฺพุํ ชลํ ททาตีติ อมฺพุโท วลาหโก (สิ่งใดยอมใหน้ำฝน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพุท คือเมฆ), [อมฺพุ + ทา ธาตุ ทาเน ในความให กฺวิ ปจจัย] อมฺพุธร (ปุ.) เมฆ วิ อมฺพุมุทกํ ธาเรตีติ อมฺพุธโร ชีมูโต (สิ่งใดยอมทรงไวซึ่งน้ำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อมฺพุธร คือเมฆ), [อมฺพุ + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อ ปจจัย] อมฺภ (ปุ.) ๑. น้ำ วิ. อมฺภติ สทฺทํ กโรตีติ อมฺโภ อุทกํ (สิ่งใดยอมเสียงดัง เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อมฺภ คือน้ำ), ตฺหินิชฺชีวมฺปสมานํโอฆกาลาทสีุ วิสฺสนฺทมานํ อมฺภติ สทฺทํ กโรตีติ อมฺโภติ วุจฺจติ (ความจริง น้ำนั้น เรียกวา อมฺภ เพราะแมไมมี ชีวิต แตก็ไหลสงเสียงดังไป ในหวงน้ำเปนตน), ศัพทที่มีความหมายวา น้ำ มีดังนี้ ปานียํ อุทกํ โตยํ ชลํ ปาโต จ อมฺพุ จ ทกํ กํ สลิสํ วาริ อาโป อมฺโภ ปปมฺป จ นีรฺจ เกปุกํ ปานิ อมตํ เอลเมว จ
๒๑๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อาโปนามานิ เอตานิ อาคตานิ ตโต ตโต (ปานีย, อุทก, โตย, ชล, ปาต, อมฺพุ, ทก, กํ, สลิล, วาริ, อาป, อมฺภ, ปป, นีร, เกปุก, ปานิ, อมต, เอล ศัพทเหลานี้มีความหมายวา น้ำ ทั้งส้นิมีมาในคัมภีรตางๆ) ในบรรดาบทเหลานี้ นำมาแสดงเปนตัวอยาง บางบทเทานั้น เชน วาลคฺเคสุ จ เกปุเก (ที่ ปลายทางชางมงคลดวย ที่สระน้ำมงคลดวย) ฉบับสยามรัฐวา พาลคฺเคสุ, ปวิตฺจ เตสํ ภุสํ โหติ ปานิ (น้ำที่ดื่มลงไป ก็ไดกลายเปนแกลบ ไป) (สัททนีติ ธาตุมาลา ฉบับแปล หนา ๓๔๔) [อมฺภ/อภิ ธาตุ สทฺเท ในการออกเสียง + อ ปจจัย], ๒. หิน วิ. อมฺภติ คจฺฉตีติ อมฺโภ อพฺโภ วา ปาสาโณ (สิ่งใดยอมเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชอื่ วา อมฺภ, อพฺภ คือหิน), [อมฺภ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อ ปจจัย]. ๓. ดูกอนทานผูเจริญ ศัพทวา อมฺโภ เปนคำรองเรียกบุรษุใชไดทั้งเอก วจนะ พหุวจนะ อมฺโภช (ติ.นปุ.) สิ่งที่เกิดน้ำ (ติ.), บัว, บงกช (นปุ.) วิ. อมฺภสิ ชาตํ อมฺโภชํ ปงฺกชํ (สิ่งที่เกิดใน น้ำ ชื่อวา อมฺโภช คือบังกช), [อมฺภ + ชน ธาตุ ชนเน ในความเกิด + กฺวิ ปจจัย], อมฺภ ศัพท จัดเปนในมโนคณาทิคณะ, ฉะนั้น เมื่อลบวิภัตติ แลวทำที่สุดศัพทเปน โอ อมฺมา (อิตฺ.) มารดา, ชนนี, แม ๑. ผูอันบุตร ธิดาไปหรือบูชา วิ. ปุตฺตธีตเรหิ อมิยเต คมิยเต ปูชิยเต วาติ อมฺมา ชนนี (หญิงใดอันบุตรธิดาไป หาหรือบูชา เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อมฺม คือ ชนนี), [อม ธาตุ คติยํ ปูชายํ วา ในความไปหรอ ในการบูชา + ม ปจจัยในอรรถกรรม + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] ๒. มารดา, ผูเปนไปบุตร ดวยความรัก วิ. อเมติ เปเมน ปุตฺตเกสุ ปวตฺตตีติ อมฺมา มาตา (ผูใดยอมเปนไปในบุตรทั้งหลาย ดวยความรัก เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อมฺมา คือ มารดา), [อม ธาตุ คมเน ในความไป + ม ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] ๓. หญิงผูอันบุตร เรียก วิ. อมิยเต ภชิยเต อมฺมา (หญิงใดอันบุตร สงเสียงเรียก เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อมฺมา), [อม ธาตุ คติปฬาโรคภตฺติสทฺทโภชเนสุ ในความไป เบียดเบียน เปนโรค ภักดี ทำเสียง และบริโภค + ม ปจจัย + อา ปจจัย ในอิตถีลิงค] อมฺห (นปุ.) กอนหิน, ที่ตกไป วิ. อมติ ปวตฺตตีติ อมฺหํ อสฺมา (สิ่งใดยอมเปนไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อมฺห คือกอนหิน), [อม ธาตุ โรคคมเนสุ ใน ความเปนโรคและความไป + ห ปจจัย และมี การอาเทศเปน มฺ, โมคฺ. ๗/๒๒๒ วา ชีวามา โห วมา จ], อีกนัยหนึ่ง อมฺหํ มีความหมายเทากับ เรา ก็มี อมฺหาที (ติ.) ผูปรากฏเหมือนพวกเรา, ผูเหมือนพวกเรา วิ. อมฺเห วิย ทิสฺสนฺตีติ อมฺหาที, อมฺหาทิกฺโข, อมฺหาทิโส (ชนทั้งหลาย เหลาใดยอมปรากฏดุจพวกเรา เหตุนั้น ชน ทั้งหลายเหลานั้น ชื่อวา อมฺหาที, อมฺหาทิกฺโข, อมฺหาทิโส), [อมฺห + ทิส ธาตุ เปกฺขเน ในความ เพงดู + กฺวิ ปจจัย, แปลง ส เปน อี, แปลง ส เปน กฺข บาง] นิรุตฺติ. ๓๙๕. อมา (อิตฺ.อพฺ) ๑. แม, มารดา (อิตฺ.) วิ. เปเมน ปุตฺตเก อเมติ ปวตฺเตตีติ อมา, อม ปวตฺตเน, อปจฺจโย,อา ปจจัย ในอิตถีลิงค ๒. พรอม, กับ, รวมกัน, พรอมกัน (อพฺ.) อถ วา ‘สห สทฺธึ สมํ อมา อิติ สมกฺริยายํ (อีกอยางหนึ่ง ศัพทเหลานี้ เปนนิบาตใชในความหมายวา พรอม, กับ, ทำพรอมกัน (สมกฺริยายํ) คือ สห สทฺธึ สม อมา)
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑๓ อมาปิย (กิ.กิตฺ.) เนรมิตแลว วิ. มาเปตฺวาติ อมาปย (เนรมิตแลว ชื่อวา อมาปย), [มา ธาตุ ปริมาเณ ในความนับ + ณาเป ปจจัยในอรรถ แหงการิต + ตฺวา ปจจัย แปลงเปน ย + อ อาคม ดวยมหาสูตร], เชน ปณฺณสาลํอมาปยติ. มาเปตฺวาติ อตฺโถ (เนรมิตแลวซึ่งบรรณศาลา, อมาปย หมายความวา มาเปตฺวา-เนรมิตแลว), การลง อ อาคมโดยนัยเดียวกัน เชน อวชฺชํ, น จาป อปุนปฺปุนํ, เอตทกิฺจิ = เอตํ + อกิฺจิ, ยทานิเสโธ = ยํ + อนิเสโธ อมาวสี (อิตฺ.) วันอมาวาสี, วันเดือนดับ, วัน แรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ, วันพระจันทรและพระ อาทิตยอยูพรอมกัน วิ. อมา สห วสนฺติ รวิจนฺทา ยสฺสนฺติ อมาวสี กาฬปกฺขสมฺภูตา ปนฺนรสี จตุทฺทสี วา (พระอาทิตยและพระจันทร ยอมอยูรวมกัน คือดวยกัน ในดิถีใด, ดิถีนั้น ชื่อ วา อมาวสี ไดแก วัน ๑๕ หรือ ๑๔ ค่ำ ขางแรม), [อมา + วส ธาตุ นิวาเส ในความอยู + อี ปจจัย], ปาฐะวา อมาวาสีลง ณี ปจจัย ก็มี อมิตฺต (ปุ.นปุ.) ศัตรู, ขาศึก (ปุ.) วิ. น มิทตีติ อมิตฺโต ริปุ (ผูใดยอมไมเสนหา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อมิตฺต คือขาศึก), [น + มิท ธาตุ สิเนเห ใน ความรัก + ต ปจจัย] วิ. มิตฺตปฏิปกฺโข อมิตฺโต (ผูใดยอมเปนปฏิปกษตอมิตร เหตุนั้น ผู นั้นชื่อวา อมิตร), อ นิบาตใชในอรรถตรงกัน ขาม (ปฏิปกฺขตฺโถ) ๒. ประชุมแหงมิตร (นปุ.) วิ. อมิตฺตานํ สมูโห อมิตฺตํ (ประชุมแหงขาศึก ทั้งหลาย ชื่อวา อมิตฺต), [ณ ปจจัยในสมุหตัทธิต] อมิลาต (ปุ.อิตฺ.) ๑. ดอกบานไมรูโรย (ปุ.) วิ. ปุปฺผมาสุํ น มิลาตมสฺส ภวตีติ อมิลาโต มหาสหา (ดอกไม ไมรวงโรยไป ตลอดเวลา แหง พืชนั้นมีอยู เหตุนั้น พืชนั้นชื่อวา อมิลาต คือ ดอกบานไมรูโรย), พหุพฺพิหิสมาส, [น + มิลาตาล ๒. บัว, สลัดได, วานหางชาง (อิตฺ.) วิ. น มิลาตา อมิลาตา (ธรรมชาติไมรวงโรย ชื่อวา อมิลาต), [น + มิเล ธาตุ มิลายเน ใน ความเหี่ยวเฉา + ต ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถี ลิงค), แปลง เอ เปน อา, อีกนัยหนึ่ง แปลง เอ เปน อาย, ลบ ย เชน คำวา ปลาโต] อมูลมูลํคนฺตฺวา (กิ.กิตฺ.อพฺ.) ไมไปสูรากสูราก, ไมไปทุกราก วิ. มูลํมูลํ น คจฺฉตีติ อมูลมูลํคนฺตฺวา (ธรรมชาติไมไปสูราก สูราก เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้น ชื่อวา อมูลมูลํคนฺตฺวา) นิรุตฺติ.๓๔๙, ๖๘๙ บทนี้เปน อยุตฺตตฺถสมาส เชน อจนฺทมุลฺโลกิกานิ มุขานิ (หนาอันไมแหงนดูพระจันทร วิ. จนฺทํ น อุลฺโลเกนฺตีติ อจนฺทมุลฺโลกิกานิ), อสูริยปสฺสา ราชกฺา (ราชกัญญา มีหนาไมเห็นพระ อาทิตย วิ. สูริยํ น ปสฺสตีติ อสูริยปสฺสา), อสทฺธโภชี เขายอมไมกินของที่เขาใหดวย ศรัทธา วิ. สทฺธํ น ภฺุชตีติ อสทฺธโภชี) เปนตน [มูลมูลํ + น + คมุ ธาตุ คมเน ในความไป + ตฺวา ปจจัย] อมุตฺต (นปุ.) อาวุธพกจำพวกไมปลอยจากมือ, ๑ ในอาวุธ ๔ ชนิด อภิธาน.๓๘๗, กฤช วิ. ฉุริกาทิกํ อาวุธํ ปาณิโต น มุตฺตนฺติ อมุตฺตํ, ฉุริกา (อาวุธมีกฤชเปนตน อันบุคคลไมปลอย จากมือ เหตุนั้น อาวุธมีกฤชเปนตนจึงชื่อวา อมุตฺต คือกฤช), วิ. น มุจฺจีติ อมุตฺตํ (อาวุธใด ยอมไมพนไป เหตุนั้น อาวุธนั้นชื่อวา อมุตฺต), [น + มุจ ธาตุ โมจเน ในความพน + ต ปจจัย, แปลง จ เปน ต] อโมห (ปุ.) อโมหะ, ปญญา, ธรรมเปนเหตุ ไมหลง วิ. น มุยฺหเต เอเตนาติ อโมโห ปฺา (บุคคลยอมไมหลงดวยธรรมนั่น เหตุนั้น ธรรมนั้น
๒๑๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ชื่อวา อโมห คือปญญา), ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขโณ, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขโณ วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุ- ปฏิเวโธ วิย. วิสุทฺธิ.๓/๓๙ (อโมหะ มีความรูแจง แทงตลอดตามสภาพแหงธรรมเปนลักษณะ อีกนัยหนึ่ง มีความรูแจงแทงตลอดไมผิดพลาด เปนลักษณะ ประหนึ่งการแทงทะลุตรงเปา แหงลูกธนูที่นายขมังธนูผูฉลาดยิงไป ฉะนั้น), [น + มุห ธาตุ เวจิตฺเต ในความปราศจากความคิด + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อุ เปน โอ] ๒. ภาวะที่หลง, ความหลง วิ. สยํ วา น มุยฺหติ, อมุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ อโมโห (ที่ชื่อวา โมหะ เพราะอรรถวาเปนเหตุใหคนหลง หรือ หลงเอง หรือเปนเพียงความหลงเทานั้น) สงฺคิณี.อ.๑๙๙ อย (ปุ.) เหล็ก ๑. วิ. อยติ กมฺมารกิจฺเจสุ อุปโยคํ คจฺฉตีติ อโย (สิ่งใด ยอมถึงการประกอบเขา ใน ประดางานของชางเหล็ก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อย), [อย ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] ๒. วิ. ผาลํ อยติ เอตฺถาติ อโย กาฬายสํ (เหล็ก ถึงความเปนแผนในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อย คือเหล็ก), [อย ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] ๓. สพฺพกิจฺเจสุ โยคํ อยติ คจฺฉตีติ อโย โลโห (สิ่งใด ยอมถึงการประกอบในงานทุกอยาง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อย คือโลหะ), [อย ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] ๔. บุญ, แดนไป แหงผล, -แหงสุข วิ. ผลํ เอติ คจฺฉติ เอตสฺมาติ อโย. เอติ อิมสฺมา สุขนฺติ อโย ปฺุํ (ผลยอม เป น ไปจากแดนนั ่ น เห ต ุน ั ้น แดนนั้น ชื่อวา อย, สุขยอมเปนไปแตภาวะนี้ เหตุนั้น ภาวะนั้น ชื่อวา อย คือบุญ), [อิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อ ปจจัย] ๕. สุข, โสมนัส, ความ เจริญ วิ. ปฺุโต อยติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อโย (ธรรมชาติใดยอมเปนไปแตบุญ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อว อย), วิ. ปฺุการีหิ อยิตพฺโพ เอตพฺโพ คนฺตพฺโพติ อโย, สุขโสมนสฺสเวทนา (ธรรมใดอันผูกระทำบุญตองถึง เหตุนั้น ธรรม นั้น ชื่อวา อย คือสุขเวทนาและโสมนัสเวทนา), วิ. วิวิธสมฺปตฺติโย อยนฺติ เอเตนาติ อโย, วุฑฺฒิ (สมบัติตางชนิดยอมเปนไปเพราะภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อย คือความเจริญ), [อย ธาตุ คมเน ในความไป + อ ปจจัย] ๖. สุข วิ. อยติ อสฺสาทิยตีติ อโย, สุขํ. (ธรรมชาติใด ยอมพอใจ คือชอบใจ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อย คือความสุข) ๗. การณ, เหตุ วิ. อตฺตโน ผลนิปฺผาทเนน อยติ ปวตฺตติ เอติ วา เอตสฺมา ผลนฺติ อโย ยถา สมุทโยติ, ปรมัตถมัญชุสา ๓/ ๑๗๓ (สิ่งใดยอมเปนไปโดยการยังผลของตนให สำเร็จ, อีกอยางหนึ่ง ผลยอมเปนไปจากสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นจึงชื่อวา อย เชน คำวา สมุทย), [อย/อิ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อ ปจจัย], อย ที่แปลวา เหล็ก, โลหะ จัดเขาใน มโนคณศัพท, ถาสองความหมายวา เจริญ จัดเขาในปุริสคณะ (แจกแบบปุริส) อยน (ปุ.นปุ.) ทาง, ถนน, ที่ไป, ที่เดิน, การไป, การถึง ๑. วิ. อยติ คจฺฉติ เอเตน เอตฺถาติ วา อยโน อยนํ ปโถ (บุคคลยอมเดินไปดวยที่นั้น หรือไปในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อนโย, อยนํ คือถนน), [อย คติยํ ในความไป + ยุ ปจจัย] ๒. ถนนที่ตรงไป, ที่อันบุคคลพึงไป วิ. อยตีติ วา อยโน, คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ (อีกนัยหนึ่ง ถนนใดไป อธิบายวา เปนไป เหตุนั้น ถนนนั้นชื่อ วา อยน) วิ. อยิตพฺโพ ปฏิปชฺชิตพฺโพติ อยโน (ประเทศใดอันเขาพึงดำเนินไป เหตุนั้น ประเทศ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑๕ นั้น ชื่อวา อยน), [อย ธาตุ ปฏิปตฺติยํ ในความ ดำเนินไป + ยุ ปจจัย, แปลงเปน อน] อยฺย (ติ.) ผูเปนเจา, ผูเปนใหญ, ผูเจริญ, คนดี, วิ. สปฺปุริเสหิ อยิตพฺโพ อุปคนฺตพฺโพติ อยฺโย สชฺชโน อิสฺสโร จ (ผูใดบันสัตบุรุษพึงเขาไปหา เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อยฺย ไดแก คนดี และผูเปน ใหญ), [อย ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ย ปจจัย] ๒. ผูประเสริฐ วิ. เสภาเวน อยียเต ายเตติ อยฺโย อธิปติ (ผูใดอันเขารูกันเพราะเปนผู ประเสริฐ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อยฺย คือผูเปน ใหญ) ในสันสกฤตวา อรฺยะ, [อย ธาตุ าเณ ใน ความรู + ย ปจจัย], ใน นิรุตฺติทีปนี วา อยฺโย คือ อริโย-ผูประเสริฐ และอธิบายการแปลงรูป อริย เปน อยฺย วา เพราะ ย แปลง ร เปน ยฺเปน ดวยสูตร (นิรุตฺติ.๔๔) นี้วา รตวคฺควรณานํ เย จวคฺคพยา ๓. ปูและตาของบิดาผูลวงลับไป แลว วิ. ใน อรรถกถาแหง ทนฺตโปนสิกฺขาปท (วินย.อ.๒/๔๗๖) อธิบายวา อยฺยาติ วุจฺจนฺติ กาลงฺกตา ปติปตามหา (ปูและตาของบิดาผู ลวงลับไปแลว เรียกวา อัยยะ) อยฺยก (ปุ.) ตา, ปู ๑. ผูควรบูชาพิเศษ วิ. ปูชาวิเสสํ อรหตีติ อยฺยโก ปตามโห (ผูใดยอมควรซึ่ง การบูชาพิเศษ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อยฺยก คือตา, ปู), [อรห ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + ณฺวุ ปจจัย, แปลง รห เปน ย, ซอน ยฺ, แปลง ณฺวุ เปน อก] ๒. ผูมีตาฟาฟางไป วิ. เนตฺเตหิ อยิตพฺโพติ อยฺยโก (ผูแกอันตาพึงฟาฟางไป เหตุนั้น ผูแกนั้นชื่อวา อยฺยก), [อย ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณฺวุ ปจจัย] อยฺยกานี (อิตฺ.) ยา, ยาย วิ. อยฺยกสฺส ภริยา อยฺยกานี (ภริยาของตา, ปู ชื่อวา อยฺยกานี), [อี ปจจัยในอิตถีลิงค, เพราะ อี ปจจัยอยูหลัง แปลง อ ที่สุดแหง อยฺยก เปน อาน กจฺ.๙๘ รูป. ๑๘๙ วา มาตุลาทีนมานตฺตมีกาเร, อีกนัยหนึ่ง ลง อานี ปจจัย ดวยสูตรแหงนิรุตติทีปนี (นิรุตฺติ.๗๗) วา อถวา มาตุลาทิตฺวานี ภริยายํ, ปาฐะวา อยยฺกา อยฺยิกา ก็มี อยิต (นปุ.) การไป, ไปแลว วิ. อยนํ ปวตฺตนํ อยิตํ (การดำเนินไปชื่อวา อยิต), [อย ธาตุ ปวตฺติยํ ในความเปนไป + ต ปจจัย + อิ อาคม กจฺ.๖๐๕ รูป.๕๔๗ วา ยถาคมมิกาโร] อโยคฺค (ปุ.นุป.) ๑. สาก, สากตำขาว วิ. อโย อคเฺค โกฏิยํ ยสฺส โส อโยคฺโค, มุสโล (เหล็กมีอยู ที่ปลายของสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อโยคฺค คือสาก), ศัพทนี้ไมใชอิตถีลิงค แตเปนปุงลิงค และนปุงสกลิงค ๒. ไมควร, ไมถูกตอง (ติ.) วิ. น โยคฺคํ อโยคฺคํ อปฺปติรูป (สิ่งที่ไมควร ประกอบ ชื่อวา อโยคฺค คือไมรูปไมสมควร), เชน สาสเน ิตานํ อปฺปติรูป อโยคฺคํ, องฺฏี.๒/๓๓๘ (ไมเหมาะ ไมควรสำหรับผูดำรงในพระศาสนา), นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส อโยฆน (ปุ.) คอน, คอนเหล็ก, พะเนินเหล็ก วิ. อยโส อโยมโย วา ฆโน อโยฆโน กูฏํ(คอนปมุ แหงเหล็ก หรือคอนอันเปนวิการแหงเหล็ก ชื่อวา อโยฆน คือคอนเหล็ก), เปน ตปฺปุริสสมาส อีกนัยหนึ่งเปน กมฺมธารยสมาส อโยปตฺต (ปุ.) บาตรเหล็ก วิ. อยสฺส ปตฺโต อโยปตฺโต. อยสา กาฬโลเหน นิพฺพตฺโต ปตฺโต อโยปตฺโต (บาตรแหงเหล็ก ชื่อวา อโยปตฺต, บาตรที่เกิดแตเหล็ก คือโลหะสีดำ ชื่อวา อโยปตฺต) อร (ปุ.) กํา, ซี่ลอรถหรือเกวียน วิ. อรติ ปวตฺตติ อกฺโข เอเตหีติ อรา, อกฺขเตกิลฺลกา*, ปฺจิกา. ๑/๔๘๖ (เกวียนยอมเคลื่อนไปดวยสิ่งเหลานั้น
๒๑๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เหตุนั้น สิ่งเหลานั้นชื่อวา อร คือซี่ลอเกวียน), เชน ปฺุาทิอภิสงฺขารารํวินย.อ.๑/๑๑๖ (สังสารจักร มีกำกลาวคืออภิสังขารมีบุญ เปนตน), สพฺเพ อรา หตาติ อรหํ(พระพุทธเจา ทรงพระนามวา อรหํ เพราะทรงหักกำได ทั้งหมด), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย] อรา (อพฺ.) ไกล แต อรา ศัพท เปนนิบาตใชใน อรรถวา ไกล (ทูรตฺถนิปาโต) เหมือน อารา ศัพท , อรํ (อพฺ.) เร็ว วิ. อรติ คจฺฉตีติ อรํ, สีฆํ (ภาวะ ใดยอมไป เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อรํ คือเร็ว), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย], *บทวา อกฺขเตกิลฺลกา ใน ปฺจิกา. ๑/๔๘๖ ปรากฏเชิงอรรถวา อกฺขคฺเค กิลฺลกาติ มฺเ ฯ โส ปน อกฺขคฺคกีโล อาณีติ วุจฺจติ อโร ฯ (บทวา อกฺขเตกิลฺลกา เห็นจะเปน อกฺขคฺเค กิลฺลกา ฯ ก็ ซี่ลอ นั้น ทานเรียกวา อกฺขคฺคกีล และ อาณิ) อรฺชร (ปุ.) ไห, โองน้ำ, ตุม ๑. วิ. อรํ สีฆํ ชโร อสฺสาติ อรฺชโร, มณกิํ(ความเกาเร็วของสงิ่นั้น มีอยู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อรฺชโร คือไห), ๒. วิ. ชลํ คณฺหิตุํ อลนฺติ อรฺชโร อลฺชโล อลิฺชโร วา, พหุอุทกคณฺหนกา มหาจาฏิ (ภาชนะใดเพียงพอรองรับน้ำได เหตุนั้น ภาชนะ นั้นชื่อวา อรฺชร, อลฺชล, อลิฺจร คือโอง ขนาดใหญ จุน้ำไดมาก), แปลง ล เปน ร ๓. วิ. อติมหนฺตตฺตา อรํ ขิปฺป ชรติ วินาเสตีติ อรฺชโร (ภาชนะใดเกาหรือพินาศไปเร็ว เพราะ ใหญเกินไป เหตุนั้น ภาวชนะนั้นชื่อวา อรฺชร), [อร + ชร ธาตุ วินาเส ในความพินาศ + อ ปจจัย] อรฺ (นปุ.) ปา, หมูไม๑. วิ. ชนา อรนฺติ คจฺฉนฺติ เอตฺถาติ อรฺํ ทาโย (ชนทั้งหลาย ยอมเที่ยวไปในแดนนั้น เหตุนั้น แดนนั้นชื่อวา อรฺ คือปา), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + อฺ ปจจัย] ๒. อริยเต คจฺฉิยเตติ อรฺํ (ที่อันเขา ไป เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อรฺ), [อร ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ปจจัย กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยท เปนตน + ซอน ฺ, แตใน โมคฺคลฺลาน (โมค.ฺ๗/๕๑) วา ลง อฺ ปจจัย ดวยสูตรวา อรหาฺโ หาสฺส หิรฺ จ] ๓. นตฺถิ ราชา เอตฺถาติ อรฺํ อฏวิ(ราชาคือความสวางในแดนนั้นไมมีเหตนุั้น แดนนั้น ชื่อวา อรฺ คือดง) [น + ราช ธาตุ ทิตฺติมฺหิ ในความรุงเรือง + อ ปจจัย, แปลง ช เปน , รัสสะ อา เปน อ] ปาฐะวา อรฺานี ก็มี, ลง อี ปจจัย กจฺ.๒๓๘ รูป.๑๘๗ วา นทาทิ เปนตน, แปลงที่สุดศัพทเปน อา; แต สทฺทนีติ ปทมาลา (ฉบับแปล หนา ๗๖๘) วา อรฺานี วุจฺจติ มหาอรฺํ, คหปตานีติ ปทมิว อินีปจฺจยวเสน สาเธตพฺพํ ปทํ อิตฺถิลิงฺคฺจ. อรฺานีติ หิ อกถาปาโป ทิสฺสตีติ (ปาใหญ เรียกวา อรฺานี ลง อินี ปจจัย และเปนอิตถีลิงค เหมือนบทวา คหปตานี. อรรถกถาบางแหง ปรากฏปาฐะวา อรฺานี ก็มี) อรณ (นปุ.ติ.) ตรง, การไปคด, ไมมีขาศึก, ไมมี ขาศึกคือกิเลส, ไมมีความชั่ว, ไมมีบาป, ไมมี การรบ, ไมมีเสีย ๑. วิ. อริยเต อรณํ (อันเขา ตรงไป ชื่อวา อรณ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย], ในอรรถกถา เปตวตฺถุ วา อรณนฺติ อรณิเยหิ เทเวหิ สทิสวณฺโณ อริยาวกาโสติ อตฺโถติ วุตฺตํ. เปตวตฺถุ.อ.๒๘๘ (บทวา อรณํ ความวา มีสีเสมอกับเทพผูไมมีความหมนหมอง คือ เปนแดนอันประเสริฐ) ๒. ผูมีกิเลส (ติ.) วิ. รณนฺติ สตฺเต ราคาทโย จุณฺเณนฺติ ปเฬนฺติ รณา. สตฺตา เอเตหิ กนฺทนฺติ ปริเทวนฺติ วา รณา, กิเลสา (ราคะเปนตนเหลาใดเบียดเบียนสัตว
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑๗ ทั้งหลาย เหตุนั้น ราคะเปนตนเหลานั้นชื่อวา รณา. สัตวทั้งหลายยอมเศราโศกปริเทวนาดวย กิเลสเหลานั่น เหตุนั้น กิเลสเหลานั้น ชื่อวา รณา คือกิเลส), [รณ ธาตุ สทฺเท ในการออก เสียง + อ ปจจัย], รณ ศัพทใชในความหมายวา กิเลส การรบ การทำใหละเอียด วิ. นตฺถิ รณา กิเลสา เอตสฺสาติ อรโณ (กิเลสชื่อรณา ของ บุคคลนั่นไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อรณ), อนึ่งในพระอภิธรรมวา สพฺพานิ กุสลาพฺยากตจิตฺตานิ รูปนิพฺพานานิ จ อรณา นาม. (กุสลจิต อัพยากตจิต รูปและนิพพาน ชื่อวา อรณา), ใน สัจจสังเขป ปริเฉทที่ ๒/๙๓ วา สทฺธาทโย วิรมนฺตา อรณา ปฺจวีสติ จาติ (เจตสิก ๒๕ ดวง ศรัทธาเปนตน วิรตีเปนที่สุด ชื่อวา อรณาโสภณเจตสิก) อรณิ (ปุ.อิตฺ.) ไมสีไฟ, เหล็กเพลิง วิ. อริยติ คมิยตีติ อรณิ อคฺคิปนกํ (วัสดุใดอันเขาสี ไปเรื่อยๆ เหตุนั้น วัสดุนั้นชื่อวา อรณิ คือไมสี ไฟ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อณิ ปจจัย โมคฺ.๗/๖๒ คหาทีหฺยณิ] ใน ปทรูปสิทฺธิ (รูป. ๖๗๙) วา อร ธาตุ คมเน ในความไป + ยุ ปจจัย + ลง อิ ปจจัยหลังปาฏิปทิกบท อรณี (ปุ.อิตฺ.) ไมสีไฟ, เหล็กเพลิง ๑. วิ. อรียติ คมียตีติ อรณี, นิมฺมนฺถฺยทารุมฺหิ อรณี. (วัสดุใด อันเขาสีไปเรื่อยๆ เหตุนั้น วัสดุนั้นชื่อวา อรณี), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อณี/อณิ + อี ปจจัยในอิตถีลิงค, ชื่อวา อรณี เพราะสีไม], ใน วินยกถาย อตฺถโยชนา หนา ๑๐๖ วา อร คมเน, พหาทตฺวาณีติ* สุตฺเตน อณีปจฺจโย (อร ธาตุ คมเน ในความไป + อิณี ปจจัย ดวยสูตรวา พหาทตฺวาณี) *พหาทตฺวาณี ปรากฏในโยชนา วินัยที่อาง ยังสืบไมพบวามาจากคมัภีรไวยากรณ เห็นจะเปน อณิ โมคฺ. ๗/๖๒. คหาทีหฺยณิ๒. ใน ปาจิตฺยาทิโยชนา วา วิ. อรียติ อคฺคินิปฺผาทนตฺถํ ฆํสียติ เอตฺถาติ อรณี, เหา นิมฺมนฺถนียทารุ สหิโต ปน วุจฺจติ อุปริ นิมนฺถนทารุ (ไมสำหรับสี ไฟเขาสีที่ไมนั้น เพื่อใหเกิดไฟ เหตุนั้น ไมนั้น ชื่อวา อรณี คือ ไมสีไฟที่ตองสีชิ้นลาง สวนไม สำหรับสีชิ้นบน ชื่อวา สหิต), [อร ธาตุ ฆํสเน ใน ความเสียดสี + อณิ ปจจัย + อี ปจจัย], สวนใน อนุทีปนีปาเ วา อรณี วุจฺจติ อคฺคินิพฺพตฺตกตฺถาย กตา ทฺเว สารฆฏิกา. อธรารณี นาม เหารณี. อุตฺตรารณี นาม อุทฺธารณีติ. อรณิสทฺโท ทฺวีสุ วตฺตติ. (ไมแกน สองชิ้นที่เขาทำเพื่อใหเกิดไฟ เรียกวา อรณี. อรณีชิ้นลาง เรียกวา อธรารณี. ชิ้นบนเรียกวา อุตฺตราธรณี, ทั้ง ๒ ศัพทมี อรณี ศัพทประกอบ) อรณีย (ติ.) อันเขาพึงรู, -พึงเขาไปหา, -พึงบรรลุ วิ. อริตพฺพํ าตพฺพํ ปยิรุปาสิตพฺพํ วาติ อรณียํ (สิ่งใดอันเขาพึงรู หรือพึงเขาไปหา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อรณีย), [อร ธาตุ คมเน ใน ความไป + อนีย ปจจัย, แปลง น เปน ณ] อรติ (อิตฺ.) ๑. ธิดามารชื่อนางอรดี, ผูทำความ ไมยินดีในกุศลธรรมแกผูอื่น, ผูกำหนัด วิ. อรติ ปเรสํกุสเล ธมฺเม อรตึ กโรตีติ อรติ อรตี (ผูใด ยอมทำความไมยินดีกุศลธรรมแกผูอื่น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรติ, อรตี), [น + รมุ ธาตุ รมเณ ใน ความยินดี + ติ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค] วิ. ภุโส รมตีติ อรติ, มารธีตุยา อธิวจนเมตํ (ผูใด ยอมยินดีอยางแรงกลา-กำหนดัเหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อรติ, คำนี้เปนชื่อของธิดามาร), [อ ศัพทใน นัยนี้ใชในอรรถวา มาก, เจริญ, กลา (วุทฺธิยํ) + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ติ ปจจัย] ๒. ความไมยินดี, ไมพอใจ วิ. น รมฺยเต อรติ, อโรจนา
๒๑๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา รติปฏิปกฺโขติ อตฺโถ. (อันเขาไมยินดี ชื่อวา อรติ ไดแก ความไมยินดี ที่เปนปฏิปกษกับความ ยินดี) วิ. น รติ อรติ, อุกฺกณฺา ปฏิโฆ วา (ความ ยินดี หามิได ชื่อวา อรติ ไดแกความเบื่อหนาย หรือความขุนเคือง), [น + รมุ ธาตุ รมเณ ใน ความยินดี + ติ ปจจัย] วิ. ปนฺตเสนาสเนสุ อธิกุสลธมฺเมสุ จ อรมณํ อรติ. (ความไมยินดีใน เสนาสนะอันสงัด และในกุศลธรรมอันยิ่ง ชื่อวา อรติ), สา อตฺถโต อิสฺสาธิกํ โทมนสฺสสหคตํ ถินมิทฺธาธิกฺจ อุทฺธจฺจํ. ตตฺถ ปุริมํ ปรสมฺปตฺติ วิสยํ, ทุติยํ ปนฺตเสนาสนาทิวิสยนฺติ ทพฺพํ. (วาโดยความหมายวา อรติ นั้น คือ อุทธัจจะ ที่ ยิ่งดวยความริษยา ประกอบดวยความทุกขใจ และที่ยิ่งดวยถีนมิทธะ, ใน ๒ นัยนี้ นัยแรกพึง ทราบวา ที่ยิ่งดวยริษยา มีสมบัติของผูอื่นเปน วิสัย, นัยที่ ๒ ที่ยิ่งดวยถีนมิทธะ มีเสนาสนะอัน สงัดเปนตนเปนวิสัย) ๓. กิเลสที่ดำเนนิไป, การ ดำเนินไป วิ. อรตีติ อรติ(สภาวะใดยอมเปน ไป เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อรติ), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ติ ปจจัย] อรวินฺท (นปุ.) อรพินท, บัวหลวง, ปทุมชาติ วิ. อรํ วินฺทตีติ อรวินฺทํ ปทุมํ (พืชใดยอมไดรับ เร็ว เหตุนั้น พืชนั้นชื่อวา อรวินฺท คือบัว), อรานิ จกฺกงฺคานิ อิว ทลานิ วินฺทตีติ วา อรวินฺทํ สโรรุหํ (อีกนัยหนึ่ง พืชใดยอมไดรับใบเหมือนซี่ กำจักร เหตุนั้น พืชนั้นชื่อวา อรวินฺท คือบัว) เชน วิกสิตํ วิย จ อรวินฺทํ อสฺส มุขํ โสภติ สํ.อ.๑/๗๗ (พระพักตรของพระผูมีพระภาคเจา ก็งดงามดุจดอกปทุมกำลังแยมบาน), [อร + วินฺท ธาตุ วินฺทเน ในความประสบ + อ ปจจัย] อรห (ปุ.) พระอรหันต ๑. ผูขจัดขาศึกคือกิเลส วิ. กิเลสา เอว อรโยติ กิเลสารโย, กิเลสารโย หนฺตีติ อรหา (ขาศึกคือกิเลส เหตุนั้นจึงชื่อวา กิเลสาริ, พระอริยบุคคลเหลาใดขจัดขาศึกคือ กิเลส เหตุนั้น พระอริยบุคคลเหลานั้น ชื่อวา อรหา), [อริ + หน ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย, แปลง อิ เปน อ] ๒. ผู ควรซึ่งปจจัยมีจีวรเปนตนและการบูชาพิเศษ วิ. อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จีวราทิปจฺจเย ปูชาวเิสสํ จ อรหตีติ อรหํ (ผูใดยอมควรซึ่งปจจัยมีจีวรเปน ตน และซึ่งการบูชาพิเศษ เพราะเปน ทักขิไณยบุคคลชั้นยอด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรห), [อรห ธาตุ ปูชายํ ในการบูชา + อ ปจจัย] ๓. ผูหักซ่ีแหงสังสารจักร วิ. สํสารจกฺกสฺส อเร หนตีติ อรหํ (ผูใดยอมหักซึ่งซี่สังสารจักร เหตุ นั้น ผูนั้นชื่อวา อรห), [อร + หน ธาตุ หึสายํ ใน ความเบียดเบียน + ณ ปจจัย, แปลง หน เปน ห] ๔. ผูอันสัตบุรุษไมละเลย วิ. สปฺปุริเสหิ น รหิตพฺโพ น ปริจฺจชิตพฺโพติ อรหํ (ผูใดอัน สัตบุรุษทั้งหลายไมละเลยทอดทิ้ง เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อรห), [น + รห ธาตุ จาเค ในการสละ + อนฺต ปจจัย] ๕. ผูสมควร วิ. อรหิยเตติ อรหํ อรหา (อันเขายอมควร เหตุนั้น ชื่อวา อรหํ, อรหา), [อรห ธาตุ โยคฺยจฺยเน ในความควรและ การบูชา + อ ปจจัย] ๖. ผูอันเขาควรบูชา วิ. อรหิตพฺโพ ปูเชตพฺโพติ อรหํ อรหา (ผูใด อันเขาพึงบูชา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรหํ, อรหา), [อรห ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา + อนฺต ปจจัย] ๗. ผูไมมีกิเลสมีราคะเปนตน วิ. อตฺตหิตํ ปรหิตฺจ ปริปูเรตุํ สมฺมาปฏิปชฺชนฺเตหิ สาธูหิ ทูรโต รหิตพฺพา ปริจฺจชิตพฺพา ปริหาตพฺพาติ รหา ราคาทโย ปาปธมฺมา, น สนฺติ เอตสฺส รหาติ อรหํ (ปาปธรรมเหลาใด อันสาธุชนผู ปฏิบัติชอบเพื่อบำเพ็ญประโยชนตนและ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๑๙ ประโยชนผูอื่นพึงเวนเสียไกล เหตุนั้น บาปธรรม เหลานั้นชื่อวา รหา คือบาปธรรมมีราคะเปนตน , บาปธรรมอันสาธุชนพึงเวน ของบุคคลนั่นไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อรหํ), ที่เปน อรหํ เพราะ ในเมื่อจะสำเร็จรูปเปน อรโห ก็ทำ โอ เปน อ พรอมอนุสาร ๘. ผูไมมีการไป วิ. รหิยเต รโห (อันเขาไปชื่อวา รห), [รหิ ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อ ปจจัย] วิ. รโหติ คมนํ วุจฺจติ, นตถฺิ เอตสฺส รโห คมนํ คตีสุ ปจฺจาชาตีติ อรหํอรหา (การไปเรียกวา รห, การไปคือการกลับไปในคติ ทั้งหลาย ของผูนั้นไมมีเหตุนั้น ผนูั้นชื่อวา อรหํ, อรหา), บัณฑิตพึงคนดูโดยพิสดารใน เวรฺชกณฺฑวณฺณา แหง สารตฺถทีปนีฏีกา สำหรับคำ วา อรหํ กับ อรหา ตางกันดังตอไปนี้ : อรหํ- สทฺโท คุณวาจโก อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อรหํ สุคโตติอาทีสุ. อรหาสทฺโท ปน ปณฺณตฺติวาจโก อหฺหิ อรหา โลเก, เอโก อรหาติอาทีสุ. (ศัพท วา อรหํ เปนคุณนาม เชน อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ “พระสัมมาสัมพุทธเจา ผูทรงเปนพระอรหันต”, สวน ศัพทวา อรหา เปนบัญญัติ เชน อหฺหิ อรหา โลเก, เอโก อรหา “เพราะเราชื่อวา อรหันตในโลก เปนเอกอรหันต”) ๙. ผูควรบูชา พิเศษ วิ. อคฺคทกฺขิเณยฺยภาเวน ปูชาวิเสสํ อรหตีติ อรหา (ผูใดยอมควรซึ่งการบูชาพิเศษ เพราะความเปนทักขิไณยชั้นเลิศ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อรหา), [อรห ธาตุ อรเห ในความควร+ อ ปจจัย], บทสำเร็จวา อรหา ในเมื่อจะสำเร็จรูป วา อรโห ทานก็กลาววา อรหา เพราะแจกดวย สิ วิภัตติเปนตน, อีกนัยหนึ่ง ลบ สิ และทีฆะ อ เปน อา ดวยนิปาตนสูตร คือการใหสำเร็จตาม บทที่มีตัวอยาง ๑๐. ผูไกลจากกิเลส วิ. กิเลเสหิ อารกาติ อรหา อรหํ วา อารกาติ วตฺตพฺเพ นิปาตนสุตฺเตน อาการสฺส อการตฺตํ, กการสฺส จ หการตฺตํ สานุสฺสํ กตฺวา เอวํ สิทฺธํ. (ผูใดดำรงอยู ไกลจากกิเลส เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรหา, อรหํ ในเมื่อจะกลาวบทสำเร็จวา อารกา ทานรัสสะ อา เปน อ, และแปลง ก เปน ห พรอมอนุสารหํ จึงสำเร็จรูปเปน อรหํ อยางนั้น) ๑๑. ผู ทำลายขาศึก, ผูหักกำจักร วิ. อถ วา กิเลส สงฺขาตา อรโย สํสารจกฺกสฺส วา อรา กิเลสา หตา อเนนาติ อรหา (อีกนัยหนึ่ง ขาศึกกลาวคือ กิเลส หรือซี่สังสารจักรคือกิเลส อันผูนั้นกำจัด แลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรหา) ๑๒. ผูไมมีที่ลับ วิ. ปาปกรเณ รหาภาวโต วา อรหา, อมโก อริยปุคฺคโล. (อีกนัยหนึ่ง ชื่อวา อรหา เพราะไม มีที่ลับในการทำบาป ไดแก พระอริยบุคคลที่ ๘); ตอไปนี้เปนไวพจนของกัน ทานกลาวไวดวย อำนาจแหงธาตุตางๆ กัน ไดแก ๑. อรห ธาตุ อนุจฺฉวิเก ในความสมควร ๒. อริ + หน ธาตุ หึ สายํ ในความเบียดเบียน ๓. อร + หน ธาตุ หึ สายํ ในความเบียดเบียน ๔. น + รห ธาตุ วิเวเก ในความลับ; นักไวยากรณแสดง อรห ศัพทไว หลายประการ อรห, ดังที่ สทฺทนีติธาตุมาลา ฉบับแปล หนา ๙๓๐ วา อรหธาตุโต เยฺยา อรหํสทฺทสณิติ อรารูปปทหน- ธาตุโต วาถวา ปน รหโต รหิโต จาป อการปุพฺพโต อิธ วุจฺจเต อสฺส นิปฺผตฺติ อารกาทิรวสฺสิตาติ (ขาพเจาจะแสดงรูปสำเร็จของ อรหํ ศัพท บัณฑิตพึงทราบความตั้งอยูแหง อรหํ ศัพทโดย อรห ธาตุบาง อร บทหนา หน ธาตุบาง อาร บท หนา หน ธาตุบาง อ บทหนา รห ธาตุบาง อ บท หนา รหิ ธาตุบาง โดยอาศัยศัพทวา อารกา เปน ตนบาง)
๒๒๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา แตขาพเจาจะไมกลาวตอไปอีก เพราะเกรงวา คัมภีรนี้จะหนักเกินไป ผูตองการอรรถทั้งหลาย ควรคนดูในคัมภีรนั้นๆ เถิด อรหตฺต (นปุ.) พระอรหัต, ความเปนแหงพระ อรหันต วิ. อรหโต ภาโว อรหตฺตํ (ความเปน แหงพระอรหันต ชื่อวา อรหตฺต), [ตฺต ปจจัยใน ภาวตัทธิต] ปาฐะวา อรหตฺตนิ ก็มี ดังตัวอยาง วา อรหตฺตนิกูฏํม.อ.๓/๑๒๑ (ซึ่งธรรมเปนยอด แหงพระอรหัต) นิ ปจจัย สกัตถ เชน นิ ปจจัย ในคำวา เทวตานิอภิธาน.๑๒ (เทวดา) เปนตน อรหิต (ติ.) ควรบูชา, อันเขาบูชา วิ. อรหิตพฺโพ ปูเชตพฺโพติ อรหิโต อจฺจิโต (ผูใดอันเขาบูชา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรหิต คือผูอันเขาควรบูชา), [อรห ธาตุ ปูชายํ ในการบูชา + ต ปจจัย กจฺ.๕๕๖ รูป.๖๒๒ วา ภาวกมฺเมสุ ต + อิ อาคม] อราติ (ปุ.) ขาศึก, ศัตรู วิ. อรติ คจฺฉตีติ อราติ ริปุ (ผูใดยอมเปนไป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อราติ คือขาศึก), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ติ ปจจัย + ภูวาทิตฺตา อาอาคโม อา อาคม เพราะหมวด ภูธาตุ] อริ (ปุ.) ขาศึก, ศัตรู, ผูมีเวร ๑. ผูเปนเหตุถึง ทุกข วิ. ทุกฺโข อรติ ปวตฺตติ เอเตนาติ อริ สตฺตุ (ทุกขยอมเปนไป เพราะผูนั้น เหตุนั้น ผูนั้นจึง ชื่อวา อริ คือศัตรู), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + อิ ปจจัย] ๒. ผูที่ถึงความเปนขาศึกกัน วิ. อรติ คจฺฉติ ปจฺจตฺถิกภาวนฺติ อริ เวรี (ผูใดยอมถึง ความเปนขาศึกกัน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริ คือผู มีเวร), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อิ ปจจัย กจฺ.๖๖๙ รูป.๖๗๙ วา มุนาทีหิ จิ] ๓. ผูถึงเวร วิ. เวรํ อรตีติ อริ ปจฺจตฺถิโก (ผูใดยอมถึงความ เปนเวรกัน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริ คือขาศึก), [อร + คมเน ในความไป + อิ ปจจัย], ศัพทนี้ เปนปุงลิงค] ๔. ผูเปนเหตุใหความนารักเหลือ นอย วิ. อปฺปโก รูปาทิปฺจกามคุณสงฺขาโต โร กาโม เอเตนาติ อริ (ร คือความใคร กลาวคือ เบญจกามคุณมีรูปเปนตน เปนสภาพนอย ดวย ธรรมชาตินั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อริ), [ในนัยนี้ ร อักษร ใชในความหมายวา กาม, อ อักษร ใชในความหมายวา นอย] อริฏ (ปุ.นปุ.) ๑. สะเดา วิ. ติตฺตรสตฺตา อริสภาเว ติตีติ อริโ ปุจิมนฺโท (ตนไมใด ตั้งอยูในความเปนศัตรู เพราะมีรสขม เหตุนั้น ตนไมนั้นชื่อวา อริ คือตนสะเดา), [อริ + า ธาตุ คตินิวตฺติมฺหิ ในการหามการไป + กฺวิ ปจจัย, ซอน ] ๒. ประคำดีควาย วิ. หตชนฺตุ- ปโมหสงฺขาตาริผลตาย อริโ เผณิโล (ตนไม ชื่อวา อริ เพราะมีผลเปนขาศึกทำใหสัตวที่ เมา คือประคำดีควย), [อริ + หน แปลงเปน ตามบทสำเร็จที่ปรากฏ] วิ. ตํโรคาริวนฺตชเนหิ อิจฺฉิตพฺพผลตฺตา วา อริโ. (อีกนัยหนึ่ง ชื่อวา อริ เพราะผลที่ผูมีโรคที่เปนศัตรูกับตนไมนั้น ตองการ) ๓. กา, นกเคา, นกแสก วิ. ริํ มรณลกฺขณํ, ตํ อสฺส นตฺถีติ อริโ กาโก, อลูโก วา. (ลักษณะแหงความตาย ชื่อวา ริ,ลกัษณะ แหงความตายนั้น ของสัตวนั้น ไมมี เหตุนั้น สัตวนั้น ชื่อวา อริ ไดแก กา หรือนกแสก) ๔. ยาดองพิเศษชื่อวาอริฏฐะ อปจ อริสทฺโท นามปฺตฺติเภสชฺชวิเสสาทิวาจโก ปุนฺนปุํสกลิงฺเค วตฺตติ อริฺหิ สุราสทิสวณฺณคนฺธกปฺปยเภสชฺชํ อริํ นาม อามลกผลรสาทีหิ กโต อาสววิเสโส (อีกอยางหนึ่ง อริ ศัพท หมายถึง ชื่อเฉพาะยาดองพิเศษชนิดหนึ่ง เปน ตน เปนปุงลิงคและนปุงสกลิงค สำหรับยาดอง ชื่อวา อริฏฐะ เปนยาที่ควร มีสีและกล่ินเหมือน
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๒๑ สุรา คือยาดองพิเศษที่ดองเครื่องปรุงมีผล มะขามปอมเปนตน) อริตฺต (นปุ.) ถอ, พาย ๑. วิ. อรติ ริจฺจตีติ อริตฺตํ (สิ่งใดยอมละไปเหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อริตฺต), [อร ธาตุ ริจฺจเน ในความละไป + ต ปจจัย, แปลง อ เปน อิ, ซอน ตฺ] ๒. เครื่องชวยพายไป วิ. อรติ เยนาติ อริตฺตํ, ปาชนทณฺโฑ (บุคคลยอมไป ดวย สิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อริตฺต คือไมพาย), [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย กจฺ.๖๕๖ รูป.๖๖๖ วา ฉทาทีหิ ตตฺรณฺ] ๓. ถอ, พาย, เครื่องอำนวยใหเรือลองไป วิ. อรติ คจฺฉติ นาวา เอเตนาติ อริตฺตํ เกนิปาโต (เรือยอมลอง ไปไดดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อริตฺต คือ ไมพาย), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อตฺต ปจจัย กจฺ.๖๕๐ รูป.๖๕๑ วา กาเล วตฺตมานาตี เต ณฺวาทโย + แปลง อ เปน อิ กจฺ.๕๑๗ รูป. ๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน] อรินฺทม (ปุ.) ผูขมขาศึก, พระราชา วิ. อรึ ทเมตีติ อรินฺทโม (ผใูดยอมขมขี่ขาศึก เหตุนั้น ผู นั้นชื่อวา อรินฺทม), [อริ + ทมุ ธาตุ ทมเน ใน ความทรมาน + อ ปจจัย นีติ.๑๑๐๗ วา สฺายมนฺวาคโม + นุ อาคม, ลบ อํ ที่ อรึ ลบ อุ ที่ ทมุ, แปลง นุ เปน นิคหิตทาย อริ, แปลง นิคหิตเปน นฺ สุดวรรค] เวสฺสนตฺโร, ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร, สรณงฺกโร, ทีปงฺกโร ก็ทำตัวรูป โดยนัยนี้ อริมทฺทน (นปุ.) เมือง, ที่เปนที่ย่ำยีขาศึก วิ. อรึ มทฺทนฺติ เอตฺถาติ อริมทฺทนํ, นครํ (ชน ทั้งหลายที่ย่ำยี่ขาศึก ในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อ วา อริมทฺทน คือนคร), [อริ + มทฺท ธาตุ มทฺทเน ในความย่ำยี + ยุ ปจจัย อธิกรณสาธนะ, แปลง ยุ เปน อน] อริย (ติ.,ปุ.) ผูประเสริฐ, เจริญ ๑. ผูอันสัตบุรุษ พึงเขาไปหา วิ. สปฺปุริเสหิ อริตพฺโพ โลเกหิ วา อรณีโย อุปคนฺตพฺโพติ อริโย (บุคคลใดอัน สัตบุรุษ หรืออันชาวโลกพึงเขาไปหา เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อริย), ในสันสกฤตวา อารฺยะ, [อร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณฺย ปจจัยในอรรถ กรรม + อิ อาคม, หรือ ณิย ปจจัย] ๒. ผูอันโลก กับเทวโลกหมายรูกันวาเปนสรณะ วิ. สเทวเกน โลเกน สรณนฺติ อรณีโย อุปคนฺตพฺโพติอริโย (ผูใด อันโลกกับทั้งเทวโลกหมายรูกันวาเปนสรณะ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริย), [อร ธาตุ าเณ ใน ความรู + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม หรือ อนีย ปจจัย, ลบ ณ, รัสสะ อี ที่อนียเปน อิ] วิ. อถ วา อตฺถกาเมหิ อรณีโย ปยิรุปาสิตพฺโพติ อริโย (อีกนัยหนึ่ง ผูใดอันชนผูมุงประโยชนพึงเขาไป หา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริย) ๓. ผูไมดำเนิน ชีวิตในทางเสื่อม ดำเนินชีวิตในทางเจริญ วิ. อนเย น อิริยติ อเย อิริยตีติ อริโย (ผูใดยอม ไมดำเนินชีวิตในทางเสื่อม ใชชีวิตในทางเจริญ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริย), [อิริย ธาตุ ชีววตฺติยํ ในความเปนไปแหงชีวิต + อ ปจจัย, แปลง อิ เปน อ] ๔. ผูบรรลุมรรคผล วิ. มคฺคผลธมฺเม อรติ อธิคจฺฉตีติ อริโย (ผูใดบรรลุมรรคธรรม และผลธรรม เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริย), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ณฺย ปจจัยในอรรถกัตตา + อิ อาคม] ๕. ผูไมมีปาปธรรม วิ. นตฺถิ ริโย ปาปธมฺโม เอตสฺสาติ อริโย (ริย คือธรรม อันลามก ของบุคคลนั่นไมมี เหตุนั้น บุคคลนั้น ชื่อวา อริย) ๖. ผูไกลกิเลส วิ. กิเลเสหิ อารกาติ อริโย (ผูดำรงอยูไกลจากกิเลส เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อริย), [แปลง อารก เปน อริย ดวยสูตร กจฺ.๓๙๑ รูป. ๔๒๓ วา ยท เปนตน] ๗. ผูกำจัด
๒๒๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา กิเลส วิ. กิเลสาทโย หนตีติ อรโห, โสเอว อริโย (ผูใดยอมกำจัดกิเลสเปนตน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อรโห, อรโห นั่นเอง ชื่อวา อริย), [หน ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + อ ปจจัย, แปลง หน เปน อรห] ๘. ผูกำจัดขาศึกคือกิเลส วิ. กิเลสารโย หนฺตีติ อริโห, โสเอว อริโย (ผูใดกำจัดขาศึกคือ กิเลส เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริห, อริห นั่นเอง ชื่อวา อริย), [อริ ศัพท + หน ธาตุ หึสายํ ใน ความเบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย, แปลง ริห เปน ริย] ๙. ผูหักกำคือกิเลส วิ. กิเลสาเร หนตีติ อรโห, โสเอว อริโย (ผูใดหักกำคือกิเลส เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อรห, อรห นั่นเอง ชื่อวา อริย), [อร + หน, แปลง รห เปน ริย] ๑๐. ผูหักกำสังสารจักร วิ. สํสารจกฺกสฺส อรา หนนฺตีติ อริยา (ชนเหลา ใดหักกำแหงสังสารจักร เหตุนั้น ชนเหลานั้น ชื่อวา อริย), [อิย ปจจัยแทน หนนฺติ] ๑๑. ผูนี้มี อยูในบรรดาพระอริยบุคคล วิ. อริยานํ อยนฺติ อริโย (ผูนี้ มีในบรรรดาพระอริยบุคคลทั้งหลาย เหตุนั้น ผูนี้ชื่อวา อริย), [ณ ปจจัยในตัทธิตแทน อิทํ] ๑๒. ผูใหอริยผลเกิด วิ. อริยํ ผลํ ลภาเปติ ชเนตีติ อริโย (ผูใดยอมยังอริยผลใหเกิด เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อริย), [ณ ปจจัยในตัทธิตแทน ชเนติ] ปาฐะวา อยิโร ก็มี, สลับอักษร รย เปน ยร, นีติ.๑๕๔ วา ปริยาทีนํ รยาทิวณฺณสฺส ยราทีหิ วิปริยโย. ซอน ย เปน อยยฺิร ก็มี เชน นิรุตฺติ.๕๙ วา วนฺทามิ เต อยฺยิเร ปสนฺน- จิตฺโต (เรามีจิต เลื่อมใสแลวขอไหวพระอริยเจาทั้งหลาย): อริย ศัพท ใชในความหมายวา ผูประเสริฐมีพระ โสดาบัน เปนตน เปน ๓ ลิงค, ใชในความหมาย วา พระอริยบุคคล (ทฺวิเช-ผูเกิด ๒ ครั้ง) เปน ปุงลิงค อริยานิ (นปุ.) อริยสัจ, ความจริงอันประเสริฐ ๑. วิ. พุทฺธาทีหิ อริยนฺติ ายนฺตีติ อริยานิ (สัจจะเหลาใดอันพระพุทธเจาเปนตน ตรัสรู เหตุนั้น สัจจะเหลานั้นชื่อวา อริยานิ), [อร ธาตุ าเณ ในความรู + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม] ๒. วิ. นตฺถิ ริโย เอเตสนฺติ วา อริยานิ. (อีกนัย หนึ่ง ปาปธรรมของสัจจะเหลานั้นไมมี เหตุนั้น สัจจะเหลานั้นชื่อวา อริยานิ) ๓. วิ. อรโย หรนฺตีติ วา อริยานิ (สัจจะเหลาใด นำขาศึกไป เหตุนั้น สัจจเหลานั้นชื่อวา อริยานิ), นัยนี้ เปนตัทธิต ๔. วิ. อริยกรานีติ วา อริยานิ, อริยสจฺจานิ (อีกนัยหนึ่ง สัจจะที่ทำใหเปนพระ อริยะ เหตุนั้น ชื่อวา อริยานิ คือ อริยสจฺจานิ, ลบ สจฺจ เบื้องหลัง), สำหรับคำวา อริยสจฺจานิ ในที่นี้มีวิเคราะหดังตอไปนี้ วิ. อริยานิ จ ตานิ สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ (สัจจะทั้งหลายดวย สัจจะเหลานั้นประเสริฐดวย เหตุนั้น จึงชื่อวา อริสจฺจานิ) วิ. อริเยหิ พุชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานีติ วา อริยสจฺจานิ (อีกนัยหนึ่ง สัจจะอันพระ อริยบุคคลตรัสรู ชื่อวา อริยสจฺจานิ) วิ. อริเยน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิตตฺตา อริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สจฺจานีติ วา อริยสจฺจานิ (อีกนัย หนึ่ง สัจจะของพระอริยสัมมาสัมพุทธเจา เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจาผูทรงเปนอริยะ แสดงไว เหตุนั้นจึงชื่อวา อริยสจฺจานิ), บัณฑิต พึงคนดูความพิสดารในอรรถกถาและฎีกาแหง คัมภีรวิสทุธิมรรคเถิด อริส (ปุ.,นปุ.) โรค, ริดสีดวงงอก, ริดสีดวงทวาร ๑. วิ. อรติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ อริโส โรโค (โรคใด ยอมเบียดเบียนเปนไป เหตุนั้น โรคนั้นชื่อวา อริส คือโรค), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อิส ปจจัย ดวยสูตรแหงปทรูปสิทฺธิ รูป.๖๘๓ วา
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๒๓ มนุปูรสุณาทีหิ อุสฺสนุสิสา] ๒. วิ. อริ วิย อีสติ อภิภวตีติ อริสํ (โรคใดยอมย่ำยีเหมือน ขาศึก เหตุนั้น โรคนั้นชื่อวา อริส), [อริ + อีส ธาตุ อภิภวเน ในความครอบงำ + อ ปจจัย] วิ. อริ วิย สสติ หึสตีติ อริสํ ทุนฺนามกํ (โรคใด ยอมเบียดเบียนเหมือนขาศึก เหตุนั้น โรคนั้นชื่อ วา อริส คือโรคริดสีดวงงอก), [อริ + สส ธาตุ หึสายํ ในความเบียดเบียน + กฺวิ ปจจัย, ลบ กฺวิ และ ส ที่สุดธาตุ] อริสส (ปุ.) โรค, ริดสีดวงงอก, ริดสีดวงทวาร วิ. อริโสเอว อริสโส (อริโส-โรคริดสีดวงนั่นเอง ชื่อวา อริสโส), [ส ปจจัย สกัตถ ดวย จ ศัพท แหงสูตร กจฺ.๓๖๔ รูป.๓๙๘ วา ตทสฺสตฺถีติ วี จ] ใน มณิสารมฺชูสา วา อริสํ วุจฺจติ มํสโรโค, ตเมตสฺส อตฺถีติ อริสโส ปุคฺคโลติ วุตฺตํ. (โรค ริดสีดวงงอก เรียกวา อริส, โรคนั้นของบุคคล นั้นมีอยู เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อริสส) อรุ (นปุ.) แผล วิ. อรติ ปูติภาเวน สูนภาเวน วา อุทฺธํ อรติ คจฺฉตีติ อรุ วโณ (สิ่งใดยอมบวมเนา อยูขางบน โดยความเปนสิ่งที่เนาหรือบวม เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อรุ คือแผล), เชน มมฺมานีติ ทุารูนิ ที.ฏี.๑/๔๑๔ (บทวา มมฺมานิ คือแผล เนา) ศัพทนี้เปนนปุงสกลิงค, [อร ธาตุ คมเน ใน ความไป + อุ ปจจัย โมคฺ. ๗/๒ วา ภรมรจรตร อรครหนตนมนภม, หรือ ณุ ปจจัย ไมพฤทธิ์] อรุณ (ปุ.) แสงอรุณ ๑. แสงที่สองไป วิ. อรติ คจฺฉตีติ อรุโณ (แสงใดยอมสองไป เหตุนั้น แสง นั้นชื่อวา อรุณ), เชน โย อรุโณ โส อุปฺปนฺนทิวสนิสฺสิโตติ (อรุณใด อรุณนั้นอาศัยวันที่ เกิดขึ้น, กงฺขาวิตรณี ฉบับแปล เลม ๒ หนา ๑๘๖ [อร ธาตุ คมเน ในความไป + กุน ปจจัย ดวยสูตร โมคฺ. ๗/๑๐๑ วา วรารกรตรทรยม อชฺชมิถสกา กุโน, แปลง น เปน ณ โมคฺ. ๕/ ๑๗๑ วา รา นสฺส โณ] ๒. แสงที่ทอไปทั่วถึง วิ. อา สมนฺตโต อาโลกํ กโรนฺโต อุนติ อุณติ คจฺฉตีติ อรุโณ, สูริยรํสิวิเสโส, สูริยสฺส อุทยโต ปุพฺเพ อุคฺคตรํสิ อรุโณ นามาติ อตฺโถ. (สิ่งใด ยอมสองสวางไปทั่วถึง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อรุณ คือรัศมีของพระอาทิตย, อธิบายวา คำวา อรุณ คือรัศมีที่สองกอนพระอาทิตยอุทัย), [อา + อุน/อุณ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ณ ปจจัย, รัสสะ อา, ลง ร อาคม, แปลง น เปน ณ] ๓. แสงสองไปสีแดงออน วิ. อรุณวณฺณตาย อรติ คจฺฉตีติ อรุโณ อนูรุ, กิฺจิรตฺโต อพฺยตฺตวณฺโณ อรุโณ นาม (ธรรมชาติใดยอมสองไป เพราะมีสีแดงระเรื่อ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อรุณ คือแสงอรุณ, ชื่อวาอรุณ คือแสงสีแดง ระเรือ สีแดงไมจัด), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อุณ ปจจัย] ๔. กาลสมัยมีแสงทอง วิ.อรติ สุวณฺณภาเวน ปวตฺตตีติ อรุโณ, อรุโณ วณฺโณ เอตสฺสาตฺถีติ อรุโณ (แสงใดยอมสองไปโดย ความเปนสีทอง เหตุนั้น แสงนั้นชื่อวา อรุณ, แสงสีทองของกาลนั้นมีอยู เหตุนั้น กาลนั้นชื่อ วา อรุณ); ศัพทนี้เปนนปุงสกลิงคก็มี เพราะ ปรากฏตัวอยางใน วิสุทธิมรรค ๑/๘ วา อรฺเ อรุณํ อุาเปตพฺพํ (ใหอรุณขึ้นในปา) อรูป (นปุ.) ไมมีรูป, ไมใชรูป, นิพพาน, อรูปภพ, นามขันธ ๔, อรูปตัณหา, อรูปพรหม ๑. ไมมี สัณฐาน วิ. นตฺถิ ทีฆรสฺสาทิกํ รูป สณฺานเมตสฺสาติ อรูป เขมํ (รูปสัณฐานมีสั้นหรือยาวเปนตนของ ภาวะนั่นไมมี เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อรูป คือ นิพพานแดนเกษม) ๒. อรูปภพ วิ. อรูปเมว ภโว อรูปภโว, โสเยว อรูป, จตุโวการภโว, จตฺตาโร นามกฺขนฺธา วา. (ภพคืออรูป ชื่อวา อรูปภโว,
๒๒๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อรูปภโว นั่นเอง ชื่อวา อรูป ไดแก จตุโวการภูมิ หรือนามขันธ ๔) ๓. อรูปตัณหา วิ. อรูเป ภโว อรูป, อรูปตณฺหา (ความตองการในอรูป ชื่อวา อรูป คืออรูปตัณหา), ลบ ตณฺหา เบื้องปลาย; อรูป ศัพทมีความหมายวา นิพพาน และอรูป ขันธเปนตน, นัยเดียวกัน เชน อรูปี, อี ปจจัย ในตทัสสัตถิตัทธิต ๔. อรูปพรหม วิ. น รูป อรูป, ตเมเตสมตฺถีติ อรูปโน. รูปเมเตสมตฺถีติ วา รูป โน, น รูปโน อรูปโน. (ไมใชรูป ชื่อวา อรูป, อรูป ของพรหมเหลานั้นไมมี เหตุนั้น พรหมเหลานั้น ชื่อวา อรูปพรหม, หรือ รูป ของพรหมเหลานั้น มีอยู เหตุนั้น พรหมเหลานั้น ชื่อวา รูปพรหม, พรหมเหลานั้นไมใชรูปพรหม ชื่อวา อรูปพรหม) อรูปวิราค (ปุ.) อรูปวิราคะ, การหนายอรูป วิ. อรูป วิรชฺชติ วินสฺสตีติ อรูปวิราโค (ภาวะใด เบื่อหนายหรือทิ้งอรูป เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อรูปวิราค), [อรูป + วิ + รฺช ธาตุ + ณ ปจจัย, แปลง ฺช เปน ช ดวยการแบงสูตร กจฺ.๕๙๐ รูป.๕๗๙ วา ณมฺหิ รนฺชสฺส โช, แปลง ช เปน ค] อรูปาวจร (นปุ.) อรูปาวจรจิต วิ. นตฺถิ รูป เอตฺถาติ อรูป. (รูปในจิตนั้นไมมี เหตุนั้น จิตนั้น ชื่อวา อรูป), อถวา อรูปภโว อุตฺตรปทโลปวเสน อรูปนฺติ วุตฺตํ. อรูเป อรูปภเว เยภุยฺเยน อวจรตีติ อรูปาวจรํ, จิตฺตํ (อีกนัยหนึ่ง อรูปภพ ทานกลาว วา อรูป ดวยการลบ ภว บททาย, จิตที่เที่ยวไป ในอรูปภพ โดยมาก เหตุนั้น จิตนั้นชื่อวา อรู ป า ว จ ร จ ิ ต ) , [อ ร ู ป + อ ว + จ ร ธ า ตุ อวจรเณ ในการเที่ยวไป + อ ปจจัย] อโรค (ปุ.) ไมมีโรค, แนนอน, ฉันทที่ไมมีโทษ ๑. วิ. นตฺถิ เอตสฺส โรโค ภงฺโคติ อโรโค นิจฺโจ (โรคคือการแตกสลายไปแตภาวะนั้นไมมี เหตุ นั้น ภาวะนั้นชื่อวา อโรค คือภาวะแนนอน), อโรค ศัพทเปนไวพจนของบทวา นิจฺจ (แนนอน), บทนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส, นิจฺจาพาเธน วา อชฺฌตฺตาพาเธน วา กายาพาเธน วา อโรโค โรควิรโห อาโรคฺยํ วา. (อีกนัยหนึ่ง ภาวะที่เวนจากโรค คือความไมมีโรค ชื่อวา อโรค เพราะเปนความอาพาธแนนอน อาพาธใน ภายใน หรืออาพาธทางกาย) ๒. รุชฺชติ ภฺชติ องฺคปจฺจงฺคานีติ โรโค, พฺยาธิ (สิ่งใดยอมทำลาย อวัยวะนอยใหญ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา โรค คือ ความเจ็บไข), [รุช ธาตุ ภงฺเค ในความแตกสลาย + ณ ปจจัย]. วิ. อถ วา รุชฺชติ หึสตีติ โรโค (อีกนัยหนึ่ง ภาวะใดยอมเสียดแทง เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา โรค), [รุช ธาตุ หึสายํ ในความ เบียดเบียน + ณ ปจจัย] วิ. นตฺถิ โรโค ตสฺสาติ อโรโค, ฉนฺนวุติโรคานํ อภาโว โหตีติ อตฺโถ (โรคไมมีแกฉันทนั้น เหตุนั้น ฉันทนั้นชื่อวา อโรค, หมายความวา ไมมีความเสียหายแหง ขอกำหนดในทางฉันทศาสตร) อลก (ปุ.นปุ.) ผมที่แตงคลายตารางหมากรุก ประดับไวที่หนาผาก วิ. อลติ ภูสยติ มุขนฺติ อลโก (ผมใดที่ประดับดวงหนา เหตุนั้น ผมนั้น ชื่อวา อลก), [อล ธาตุ ภูสเน ในความประดับ + ณฺวุ ปจจัย] เถรคาถาอกถา วา อปทากาเรน กตา สฺจิตา ปุริมภาเค เกเส กปฺเปตฺวา นลาฏสฺส ปฏิจฺฉาทนวเสน กตา เกสรจนา อปทํ นาม, ยํ อลกนฺติป วุจฺจตีติ. (การแตงผมที่เขาทำ คือ แตงโดยอาการคลายกระดานสกา คือที่เขาแตง โดยกำหนดเอาผมดานหนาปดหนาผาก ชื่อวา อัฏฐปทะ ซึ่งทานเรียกวา อลกะ ก็มี) อลกา (อิตฺ.) อลกาวิมาน, เมืองอลกา, เมือง แหงกุเวรยักษ วิ. อลํ วิภูสนํ กโรตีติ อลกา อฬกา, อฬกมนฺทา สา กุเวรสฺส ปุรีเยวาติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๒๕ อตฺโถ (เมืองใดทำการประดับตกแตง เหตุนั้น เมืองนั้นชื่อวา อลกา, อฬกา, อฬกมนฺทา, เมือง นั้นเปนบุรีของยักษชื่อกุเวร), [อล + กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + กฺวิ ปจจัย + อา ปจจัยใน อิตถีลิงค] อฬกมนฺทาติ เจตฺถ อฬกา เอว โมทกรณโต อฬกมนฺทา, อุการสฺส อกาโร, นาคโม จาติ อภิธานปฺปทีปกาฏีกายํ วุตฺตํ. (บรรดาชื่อ เมืองที่กลาวแลวนี้ สำหรับคำวา อฬกมนฺทา ใน อภิธานัปปทีปกาฎีกา อธิบายคาถา ๓๒ วา เมืองอฬกานั่นเอง ชื่อวา อฬกมนฺทา เพราะทำ ความยินดีให, แปลง อุ แหง มุท ธาตุ เปน อ และลง นฺ อาคม) อลกฺขี (ปุ.) คนไมมีบุญ, ไมมีสิริ, คนกาฬกิณี ๑. ผูอันเขาไมใสใจ วิ. นินฺทิตพฺพตฺตา น ลกฺขิ ยเตติ อลกฺขี กาฬกณฺณี (ผูใดอันใครๆ ก็ไมสนใจ เพราะเปนผูควรตำหนิ เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อลกฺขี), [น + ลกฺข ธาตุ ทสฺสนงฺเกสุในความเหน็ และความกำหนด + อ ปจจัย + อี ปจจัยในตทัส สัตถิตัทธิต], เทียบ ลกฺขี, ปาฐะวา อลกฺขิโก ก็มี. ๒. ผูอันบัณฑิตไมเหลียวมอง วิ. อฺเหิ สปฺปุริเสหิ น ลกฺขิตพฺโพติ อลกฺขิโก (ผูใดอัน สัตบุรุษเหลาอื่นไมเหลียวมอง เหตุนั้น ผูนั้นชื่อ วา อลกฺขิก), [น + ลกฺข ธาตุ ทสฺสนงฺเกสุ ในการ มองและการกำหนด + ณฺย ปจจัย ในอรรถกกัต ตุและกรรม, แปลง ย เปน ก + อิ อาคม] อลคทฺท (ปุ.) งู, งูเลื้อยเร็ว, งูมีพิษรายแรง ๑. สัตวที่เลื้อยเขาบาน วิ. อรํ สีฆํ คจฺฉตีติ อลคทฺโท สิริสโป (สัตวใดยอมเลื้อยเขาบาน เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อลคทฺท คืองู), [อร + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ท ปจจัย, แปลง ร เปน ล, แปลง ม เปน ท] ๒. สัตวเลื้อยเร็ว วิ. อลํ สีฆํ คจฺฉตีติ อลคทฺโท (สัตวใดยอมเลื้อย ไปเร็ว เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อลคทฺท), [อล + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ท ปจจัย, แปลง ม เปน ท] ๓. สัตวมีพิษปลิดชีวิต วิ. อลํ ชีวิตหรเณ สมตฺโถ คโท วิสํ อสฺสาติ อลคทฺโท (พิษ ของสัตวนั้นสามารถปลิดชีวิตได เหตุนั้น สัตว นั้นชื่อวา อลคทฺท) ๔. สัตวที่พิษกอทุกข วิ. โค วุจฺจติ ทุกฺขํ, ตํ เทตีติ คโท วิสํ, อลํ ปุริปุณฺณํ คทํ เอตสฺสาติ อลคทฺโท, (ทุกขเรียกวา ค, สิ่งที่ให ทุกขนั้นชื่อวา คท คือพิษ, พิษของสัตวนั้นมาก เพียงพอ เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อลคทฺท), อลคฺคโท ก็มี อลคทฺทุปมา, -ทูปมา (อิตฺ.) ปริยัติเหมือน จับงูมีพิษ วิ. อลคทฺทํ หรณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทุปมา, ปริยตฺติ ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิ- เหตุ ปริยาปุฏา. อลคทฺทูปมา วา, ทีโฆ. (งูพิษคือ การจับงูพิษเปนเครื่องนำมาเปรียบของปริยัติ นั่น เหตุนั้น ปริยัตินั้นชื่อวา อลคทฺทุปมา ไดแก ปริยัติที่เรียนมาไมดี คือเรียนเพราะมุงจะนำไป โตแยงคัดคานกันเปนเหตุเปนตน, ทีฆะเปน อลคทฺทูมา), สวนใน สารตฺถทีปนี (สารตฺถ.ฏี. ๑/ ๑๒๔) วา อลคทฺโท อลคทฺทคฺคหณํ อุปมา เอติสฺสาติ อลคทฺทูปมา. อลคทฺทสฺส คหณํ เหตฺถ อลคทฺทสทฺเทน วุตฺตนฺติ ทพฺพํ. อาปูปโกติ เอตฺถ อปูปสทฺเทน อปูปขาทนํ วิย อลคทฺทคฺคหเณน คหิตปริยตฺติ อุปมียติ, น ปน อลคทฺเทน. อลคทฺทคฺคหณูปมาติ วา วตฺตพฺเพ มชฺเฌปทโลป กตฺวา อลคทฺทูปมาติ วุตฺตํ โอมุโขติอาทีสุ วิย. อลคทฺโทติ เจตฺถ อาสีวิโส วุจฺจติ. คโทติ หิ วิสสฺส นามํ. ตฺจ ตสฺส อลํ ปริปุณฺณํ อตฺถิ, ตสฺมา อลํ ปริยตฺโต ปริปุณฺโณ คโท อสฺสาติ อนุนาสิกโลป ทการาคมฺจ กตฺวา อลคทฺโทติ วุจฺจตีติ (งูพิษ
๒๒๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ไดแกการจับงูพิษเปนขอเปรียบของปริยัตินี้ เหตุนั้น ปริยัตินั้นจึงชื่อวา อลคทฺทูปมา-ปริยัติ เปรียบดวยงูพิษ) ก็ในที่นี้ การจับงูพิษ พึงเห็นวา ทานกลาวดวยศัพทวา อลคทฺท ปริยัติที่บุคคล เรียนเอา ทานเปรียบดวยการจับงูพิษ แตไมใช เปรียบดวยงูพิษ เหมือนกับในคำวา อาปูปโก นี้ การกินขนม ทานทำไวดวยศัพทวา อปูป นัยหนึ่ง เมื่อควรจะกลาววา อลคทฺทคฺคณุปมา-ปริยัติ เหมือนการจับงูพิษ ทานก็กลาวเสียวา อลคทฺทุปมา-ปริยัติเปรียบดวยการจับงูพิษ เพราะการะทำการลบบททามกลางเสีย เหมือนกับในคำวา โอมุโข-คนมีหนาเหมือน อูฐ ก็คือคนมีหนาเหมือนอูฐ ก็อสรพิษทานกลาว ไวในบทวา อลคทฺโท นี้ ก็บทวา คโท เปนชื่อ ของพิษ และพิษนั้นของงูนั้นก็มีอยูเพียงพอ คือ ครบถวน ฉะนั้น งูนั้นทานจึงเรียกวา อลคทฺโท เพราะทำการลบนิคหิตคือ อลํ และลง ท อักษร อาคม หรือ คท เพราะอรรถวามี คโท-พิษ อลํ- พอ คือเพียงพอ ไดแกครบถวน) อลคฺค (นปุ.) ไมของ, ไมติด, ไมมีขอสงสัย ๑. วิ. ลฺชนํ ลคฺโค (การติดชื่อวา ลคฺค), [ลช ธาตุ สงฺเค ในความของ + ณฺย ปจจัย, แปลง ณฺย กับที่สุดธาตุเปน คฺค] วิ. นตฺถิ ลคฺโค ยสฺสาติ อลคฺคํ (ความของไมมีแกวัตถุใด เหตุนั้น วัตถุนั้น ชื่อวา อลคฺค) บทนี้เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิ สมาส ๒. วิ. ลคิตฺถาติลคฺโค, ปุตฺตทารองฺคชวีติา ทีสุ อนลฺลียนจิตฺโต หุตฺวา (ผูใดติดของแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา ลคฺค, ความวา เปนผูมีจิตไม ติดของในบุตรภรรยาชีวิตรางกาย เปนตน), [ลค ธาตุ ลคฺคเน ในความติดของ + ต ปจจัย + ค ปจจัย, นิรุตฺติ.๕/๑๕๔ โค ภนฺชาทีหีติ] ๓. วิ. น ลคฺโค อลคฺโค, อสตฺโต (ไมใชผูติดของแลว ชื่อวา อลคฺค คือไมติดของแลว), นบุพบทกัมมธารยสมาส ๓. วิ ลคนํ สงฺคนํ ลคฺโค ลคติ สงฺคติ อลฺลยติ วาติ ลคฺโค (การติดของ ชื่อวา ลคฺค อีก นัยหนึ่ง สภาวะที่ติดของอยู ชื่อวา ลคฺค), [ลค ธาตุ สงฺเค อลฺลียเน วา ในความของ หรือใน ความติด + ค ปจจัย] วิ. น ลคฺโค อลคฺโค. (ไมใช ผูติดของ ชื่อวา อลคฺค), วิ. นตฺถิ ลคฺโค เอตฺถ ปุตฺตทารองฺคชีวิตาทีสูติ วา อลคฺโค (อีกนัยหนงึ่ ความติดของในบุตรภรรยาชีวิตรางกาย เปนตน ไมมีในบุคคลนั้น เหตุนั้น บุคคลนั้นชื่อวา อลคฺค) อลงฺกต (ติ.) ๑. การประดับ, ประดับประดา, ทำการประดับ วิ. อลงฺกโรติ ภูสนํ กโรตีติ อลงฺกตํ (สิ่งใดยอมทำใหพอ คือทำการประดับ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลงฺกต), [อลํ + กร ธาตุ กรเณ ในการกระทำ + ต ปจจัย ดวยสูตร กจฺ. ๕๕๗ รูป.๖๐๖ วา พุธคมาทิตฺเถ กตฺตริ, ลบ ร ดวยสูตร กจฺ.๕๗ รูป.๖๓๒ วา รกาโร จ] ๒. อันเขาประดับ วิ. อลงฺกริยติ ภูสนํ กริยตีติ อลงฺกตํ (สิ่งใดอันเขาประดับ คือเขาทำการ ตกแตง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลงฺกต), [อลํ + กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ต ปจจัยในอรรถภาว และในอรรถกรรม], ปาฐะวา อาลงฺกโต ก็มี อลงฺกติ (นปุ.) อลังการศาสตร, การประดับ, การตกแตง, การทำใหพอ วิ. อลงฺกรณํ อลงฺกติ, อลงฺการํ (การกระทำใหพอ ชื่อวา อลงฺกติ คือ การตกแตง), [อลํ + กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ติ ปจจัย, ลบ ร], อลงฺกติ ศัพท เปนนปุงสกลิงค เพราะมุงถึงศาสตร อลงฺก (นปุ.) การประดับ, การตกแตง, การทำ ใหพอ วิ. อลํ วิภูสนํ กโรตีติ อลงฺกํ (สภาวะใด ยอมทำการประดับตกแตง เหตุนั้น สภาวะนั้น
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๒๗ ชื่อวา อลงฺก), [อลํ + กร ธาตุ + กฺวิ ปจจัย, ลบ ร] อลงฺการ (ปุ.) อลังการศาสตร, เครื่องประดับ, ๑. เครื่องนุงหม วิ. อลํ วิภูสนํ กรียเต อเนน อลติ วา อลํ ภูสนํ กโรติ เอเตนาติ อลงฺกาโร วิภูสนํ (การประดับตกแตงอันเขายอมกระทำ ดวยสิ่งนั้น หรือบุคคลยอมทำการประดับดวย สิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อลงฺการ คือ เครื่องประดับ), [อลํ + กร ธาตุ + ณ ปจจัย] ๒. การประดับ วิ. อลสฺส วิภูสนสฺส กรณํ อลงฺกาโร (การทำการประดับ ชื่อวา อลงฺกาโร) ๓. เครื่องประดับ วิ. อลงฺกโรนฺติ อตฺตภาวํ อเนนาติ อลงฺกาโร, อาภรณํ เกยูราทิ (ชนทั้งหลาย ยอมประดับซึ่งอัตภาพ ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อลงฺกาโร ไดแก เครื่องประดับ มีทอง ตนแขนเปนตน) ๔. อลังการศาสตร, สุโพธาลังการศาสตร วิ. อลงฺกโรนฺติ พนฺธสรีรํ อเนนาติ อลงฺกาโร, สุโพธาลงฺการสตฺถํ (บัณฑิตทั้งหลาย ยอมแตงบทประพันธดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อลงฺการ หมายถึง สุโพธาลังการศาสตร), [อลํ + กร ธาตุ กรเณ ในความทำ + ณ ปจจัย] ใน สัททนีติ ธาตุมาลาฉบับแปล หนา ๓๐๙ วา สาลงฺกานนโยเคป, สาลงฺกานนวชฺชิตาติ อิมิสฺสฺหิ กวีนํ กพฺพรจนายํ อลงฺกสทฺโท ภูสนวิเสสํ วทติ, เกจิ ปเนตฺถ อล ภูสนปริยาปนวารเณสูติ ธาตุํ ปนฺติ, อลตีติ จ รูป อิจฺฉนฺติ, มยํ ปน อลธาตุสฺส ปริยตฺตินิวารณตฺถวาจกตฺตํ น อิจฺฉาม ปโยคาทสฺสนโต, นิปาตภูโต ปน อลํสทฺโท ปริยตฺติ- นิวารณตฺถวาจโก ทิสฺสติ อลเมตํ สพฺพํ, อลํ เม เตน รชฺเชนาติอาทีสุ (ก็ อลงฺก ศัพทกลาวอรรถ เครื่องประดับพิเศษ พบไดในบทประพันธของ กวีนี้วา สาลงฺกานนโยเคป, สาลงฺกานนวชฺชิตา แมมีเครื่องประดับพักตร หญิงนั้นก็ปราศจาก การตกแตงดวยเครื่องประดบัพักตร อนึ่ง ใน อล ธาตุนี้ อาจารยบางคนอางธาตุวา อล ภูสนปริยา ปนวารเณสุ -อลธาตุ ใชในความหมายวา ประดับ, สามารถ, หาม และประสงครูปวา อลติ. สวนขาพเจาไมประสงคให อล ธาตุใชใน ความหมายวา สามารถ, หาม เพราะไมพบ ตัวอยาง. อลํ ศัพท ที่เปนนิบาตอาจมีอรรถ ปริยตฺติ และ นิวารณ ได ดังพระบาลีวา อลเมตํ สพฺพํ ทั้งหมด นี้พอละ), อลํ เม เตน รชฺเชน เรา ไมตองการราชสมบัตินั้น อลงฺคล (ปุ.) ชุมเห็ด วิ. อลงฺคํ ททฺทุํ ลุนาตีติ อลงฺคโล (พืชชนิดใด กำจัดโรคหิด เหตุนั้น พืช ชนิดนั้นชื่อวา อลงฺคล), เอฬคโล ก็มี, ศัพทนั้น ก็ควร, [อลงฺค + ลุ ธาตุ ฉินฺทเน ในความตัด + อ ปจจัย] อลชฺชิตาย (ติ.) อันเขาไมพึงละอาย วิ. น ลชฺชิตพฺพนฺติ อลชฺชิตายํ (สิ่งใดอันเขาไมพึง ละอาย เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลชฺชิตาย), [น + ลชฺช ธาตุ ลชฺชเน ในความละอาย + อิ อาคม + ตาย ปจจัย เชน อลชฺชิตาเยติ อลชฺชิตพฺเพน (บทวา อลชฺชิตาเย ไดแก เพราะภาชนะภิกษา อันไมควรละอาย) อลฺชร (ปุ.) ตุมขนาดใหญ, โอง วิ. ชลํคณฺหติํ ุ อลนฺติ อลฺชโร อลฺชโล อรฺชโร วา, อุทกจาฏิ, พหุอุทกคณฺหนโกติ อตฺโถ (ภาชนะใด สามารถบรรจุน้ำได เหตุนั้น ภาชนะนั้นชื่อวา อลฺชร อลฺชล หรือ อรฺชร คือตุมน้ำ หมายถึง โองบรรจุน้ำไดมาก), [อลํ + ชล, หรือ แปลง ล เปน ร] อลํกิริย (กิ.กิตฺ.) ตกแตงแลว, กระทำพอแลว วิ. ภูสนํ อกาสีติ อลํกิริย(กระทำการตกแตงแลว
๒๒๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา ชื่อวา อลํกิริย), กมฺมธารยสมาส, [อลํ + กิริย = กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย + อิ อาคม, แปลง อ เปน อิ], ศัพทมี อลํ เปนตน สมาสกับนามศัพท ที่มีอรรถกิริยาในอรรถวา ภูสน (ประดับ) เปน ตน นิรุตฺติ.๔๑๒ วา ภูสนาทรานาทราทีสฺเวหิ สหา นัยเดียวกัน เชน สกฺกจฺจ, อสกฺกจฺจ, ลง นิคหิตบทหนา อลํวจนียา (อิตฺ.) หญิงผูหยารางสามี วิ. เทสจาริตฺตวเสน ปณฺณทานาทินา ปริจฺจตฺตา อลํวจนียา, สารตฺถ.ฏี.๓/๔๘ (ชื่อวา ผูหยาราง กัน คือผูหยาขาดจากกัน โดยการใหหนังสือเปน ตน ดวยการใหหนังสือเปนตน ตามจารีตของ บานเมือง), สำหรับ อลํ ศัพทในที่นี้ใชในอรรถวา หาม (นิวารณตฺโถ), [วจ ธาตุ วทเน ในความ กลาว + อนีย ปจจัย] เอตฺถ จ ยา หิ ยถา ยถา เยสุ เยสุ ชนปเทสุ ปริจฺจตฺตา ปริจฺจตฺตาว โหติ, ภริยาภาวํ อติกฺกมติ, อยํ อลํวจนียาติ วุจฺจตีติ วุตฺตํ โหติวินย.อ.๒/๕๘ (จริงอยู หญิงใดอันสามี ทิ้งแลวในชนบทใดๆ โดยประการโดๆ ยอมพน ภาวะเปนภรรยา, หญิงนี้ทานเรียกวา ผูหยาราง กัน) มมายนฺติ วา นิคฺคหปคฺคเห วา นิราสงฺกํ วตฺตุํ นาหรตีติ อลํวจนียา, อสฺสามิกา. วินยวินิจฺฉยฏีกา, ๓๗๕ (หญิงใดไมควรเพื่ออันกลาว วา หญิงนี้ของเรา หรือกลาวยกยองและขมขี่ อยางไมสงสัย เหตุนั้น หญิงนั้นชื่อวา อลํวนียา คือหญิงไมมีสามี), ปาฐะวา นนาลํวจนียา มี น ปฏิเสธซอนกัน ๒ ครั้ง ความจึงกลับเปนปกติ อลตฺตก (ปุ.) ครั่ง วิ. อา ภุโส รตฺตํ กโรตีติ อลตฺตโก ลาขา (สิ่งใดยอมทำสีแดงเขม เหตนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลตฺตก คือครั่ง), [อา + รตฺต + กร ธาตุ + กฺวิ ปจจัย, แปลง ร เปน ล, รัสสะ อา เปน อ, ลบที่สุดธาตุ ในเพราะอำนาจ กฺวิ ปจจัย] อลพฺภเนยฺย (ติ.) ๑. ไมพึงได วิ. น ลภิตพฺโพ ติ อลพฺภนีโย (ธรรมใดอันเขาไมพึงได เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อลพฺภนีย), [น + ลภ ธาตุ ลาเภ ในความได + ย ปจจัย + อนีย ปจจัย, แปลง ย เปน ภ แลว, แปลง ภ ตัวหนาเปน พฺ ดวยสูตร กจฺ.๕๑๗ รูป.๔๘๘ วา กฺวจิ ธาตุ เปนตน] วิ. โสเยว อลพฺภเนยฺโย (อลพฺภนีย นั้นนั่นเอง ชื่อวา อลพฺภเนยฺย), แปลง อี เปน เอ ดวยมหาสูตร, ซอน ยฺ เชนการแปลง อี เปน เอ ในคำวา อาชานีโย เอว อาชาเนยฺโย (มาอาชานียนั่นเอง ชื่อวา อาชาเนยฺย) ๒. ไมควรได วิ. ลภียเต วา ลพฺภนํ (อันเขาไดชื่อวา ลพฺภน), [ลภ ธาตุ ลาเภ ในความได + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, ในเพราะ อำนาจสระ อ อยูหลัง ย อาคม ดวยมหาสูตร, แปลง ย เปน ภ, แปลง ภ ตัวหนาเปน พฺ] วิ. ตํ นารหตีติ อลพฺภเนยฺโย (ผูใดยอมไมควรการได นั้น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อลพฺภเนยฺย), [เอยฺย ปจจัยในตัทธิต แทน อรห] อลมฺพุสา (อิตฺ.)๑. นางฟา,นางอัปสร,ผูสามารถใหเทพบุตรสยบอยูในตน วิ. กามรติวเสน เทวปุตฺเต อตฺตนิ วสาเปตุํ อลํ สมตฺถาติ อลมฺพุสา, อจฺฉรา (เทพธิดาใดสามารถใหเทพบุตรสยบอยู ในตน ดวยอำนาจแหงความยินดีในกาม เหตุนั้น เทพธิดานั้นชื่อวา อลมฺพุสา คือนางอัปสร), [อลํ + วส ธาตุ อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อ เปน อุ, แปลง ว เปน พ, แปลง นิคหิต เปน ม] ๒. ผูมีถันเสมอน้ำเตา วิ. อถ วา อลาพุสมา ถนา อลมฺพุสา (อีกนัยหนึ่ง ถันเสมอดวยน้ำเตา ชื่อวา อลมฺพุสา), วุตฺตฺหิ สุวณฺณผลเก ปตสุวณฺณมยวฏอลาพุโน อฑฺเฒน สทิสตาย อฑฺฒ-
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๒๙ ลาพุสมา ถนาติ. (ดังคำอธิบายวา ถันเสมอ น้ำเตาครึ่งผล เพราะเหมือนกับน้ำเตาทองผล กลมกลึงที่เขาวางไวแผนกระดานทอง) อลส (ปุ.) ๑. คนเกียจคราน วิ. น ลสติ น กิฬตีติ อลโส อวิริโย (ผูใดยอมไมกระปรี้กระเปรา เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อลส คือผูไมมีความเพียร), [กระปกระเปรา น + ลส ธาตุ กีฬายํ ในความ เลน + อ ปจจัย] ๒. ผูถนัดในการทำบาป วิ. อลติ ปาปกรเณ สมตฺเถตีติ อลโส (ผูใดสามารถ ในการทำบาป เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อลส), [อล ธาตุ สมตฺเถ ในความสามารถ + อส ปจจัย] ๓. ผูเฉื่อยฉา วิ. อลียติ พนฺธียตีติ อลโส มนฺทการี (ภาวะใดอันเขาติดพัน เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อลโส คือผูทำการอยางเพลา), [อล ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อส ปจจัย โมคฺ.๗/๒๑๗ วา เว ตาตยุปนาลกลจมา] อลฺย (นปุ.) สด, เปยก, วัตถุอันสด วิ. อลติ สมตฺเถตีติ อลฺยํ, อลฺลํ วา (สิ่งใดสามารถเปยก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลฺยํ หรือ อลฺลํ), [อล ธาตุ ปริสมตฺติมฺหิ ในความเปยก + ย ปจจัย ดวยสูตร ปทรูปสิทธิ รูป.๖๕๖ วา อลกลสเลหิ ลยา] อลฺล (ติ.) อันสด, เปยก, ชื้น, ดิบ ๑. วิ. อลตีติ อลฺโล อามกํ ตินฺโต จ (ภาวะใดยอมสด เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อลฺล คือดิบ หรือสด), [อล ธาตุ เกฺลทเน ในความชื้น + ล ปจจัย] ๒. วิ. อลตีติ อลฺลํ (ภาวะใดยอมใคร เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อลฺล), [อล ธาตุ ปริยตฺติยํ ในความใคร + ล ปจจัย] ๓. วิ. อลติ สมตฺเถตีติ อลฺลํ (สิ่งใดยอม สามารถเปยก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลฺล), [อล ธาตุ สมตฺเถ ในความสามารถ + ล ปจจัยล ๔. ความพัวพัน วิ. อลฺลติ พนฺธตีติ อลฺลํ (สิ่งใด ยอมพัวพัน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลฺล), [อลิ ธาตุ พนฺเธ ในความพัน + ล ปจจัย] อลฺลิ (อิตฺ.) ตนไม, ไมพุม, ไมกอ วิ.อรติปวตฺตตตีิ อลฺลิ (สิ่งใดยอมเติบโตขึ้นไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อลฺลิ), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + ลิ ปจจัย โมคฺ.๗/๑๙๘ วา อลฺลยฺาทโย, แปลง ร เปน ล] อลฺลีน (ติ.) ติดแนน, อาศัย วิ. อาคนฺตฺวา ลิยนฺติ ฆฏิยนฺตีติ อลฺลีนานิ (ธรรมชาติเหลาใด อันเขามาแลวติดแนน เหตุนั้น ธรรมชาติ เหลานั้นชื่อวา อลฺลียานิ), [อา + ลิ ธาตุ ฆฏเน ในความติด + ยุ ปจจัย, ซอน ลฺ, รัสสะ อา อุปสัค, แปลง ยุ เปน อน, ลบสระ อ หลัง และ ทีฆะสระ อิ หนา], นัยเดียวกัน เชน อลฺลียนํ ลง ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, ลี ธาตุ ลเย ในความติด, แปลง อี เปน อีย, วิ. อลฺลียิตฺถาติ อลฺลีโน (สิ่งใด อันเขาติดแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลฺลีโน), [อา + ลี ธาตุ ลเย ในความติด + กฺต ปจจัย, แปลง ต เปน น, ซอน ลฺ] นัยเดียวกัน นิลีโน นิ บท หนา, ปฏิลีโน ปฏิ บทหนา, ปฏิสลฺลีโน, ปฏิ-สํ บทหนา อลฺลีย (กิ.กิตฺ.) เขาถึง, ยึดเหนี่ยว, ติดแลว วิ. อลฺลียิตฺวา อลฺลีย (ติดแลว ชื่อวา อลฺลีย), [อา + ลี ธาตุ ลเย ในความติด + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ซอน ลฺ, รัสสะ อา เปน อ] นัย เดียวกัน เชน อภินิลียิตฺวา, นิลียิตฺวา, อภิ-นิ บทหนา, แปลง อี เปน อีย อลาต (นปุ.) ฟน, ลูกไฟ, ถานไฟ, ดุนไฟ, ประกายไฟ ๑. วิ. อลติ พนฺธตีติ อลาตํ (สิ่งใด ยอมลุกไหมติดกันไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลาต), [อลธาตุพนฺธเน ในความผกู+ ต ปจจัย + อา อาคม] ๒. วิ. อลตีติ อลาตํ อุมฺมุกํ (สิ่งใด ยอมติด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อลาต คือลูกไฟ),
๒๓๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา [อล ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อาตกฺ ปจจัย โมคฺ. ๗/๘๐ วา กิราทีหฺยาตกฺ] ๓. วิ. หานิเมว ลาติ, น ิตึ วิเสสฺจาติ อลาตํ (ไฟใดยึดเอาความไหม หมดสิ้นไป ไมยึดเอาความดำรงอยูและความ พิเศษไว เหตุนั้น ไฟนั้นชื่อวา อลาต), [น + ลา ธาตุ อาทาเน ในความถือเอา + ต ปจจัย] สวน ใน ปาจิตฺยาทิ- โยชนา วา อลาตนฺติ อุมฺมุกฺกํ. ตฺหิ อาทิตฺตํ หุตฺวา อติอุณฺหตฺตา น ลาตพฺพํ น คณฺหิตพฺพนฺติ อลาตนฺติ วุจฺจติ (คำวา อลาต คือ ดุนไฟ, สำหรับดุนไฟนั้น ไฟติดแลว ใครๆ ก็จับ ไมได เพราะรอนจัด เหตุนั้น ทานจึงเรียกวา อลาต) อลาพุ (นปุ.) น้ำเตา, ฟกทอง, บวบ วิ. อาลมฺพติ อวสํสตีติ อลาพุ อลาพู ลาพุ, อลาวุ วา (พืชใด ยอมหอยลง เหตุนั้น พืชนั้นชื่อวา อลาพุ, อลาพู, ลาพุ หรือ อลาวุ), [อา + ลมฺพ หรือลพิ ธาตุ อวสํสเน ในความหอย + อุ ปจจัย, ลบ ม, ทีฆะ อุ, รัสสะ อา, อีกนัยหนึ่ง ลง อ ในอรรถเดิมตพฺภาเว], สวนใน นิรุตฺติทีปนี เพราะอำนาจ พยัญชนะ ล ลบสร อา หนา ดวยมหาสูตร นิรุตฺติ.๓๓ วา ตทมินาทีนิ ], อาลาพุ ก็มี อลาพู (อิตฺ.) น้ำเตา, ฟกทอง, บวบ ๑. วิ. อลติ อวสํสตีติ อลาพู (พืชใดยอมหอยลง เหตุนั้น พืช นั้นชื่อวา อลาพู), [อล ธาตุ อวสํสเน ในความ หอย + อู ปจจัย, พ อาคม, ทีฆะ อ เปน อา) ๒. วิ. อาลมฺพติ อวสํสตีติ อลาพู ตุมฺพิ ตุมฺพี (พืช ใดยอมหอยลง เหตุนั้น พืชนั้นชื่อวา อลาพู ไดแก น้ำเตา), [อา + ลมฺพ ธาตุ อวสํสเน ใน ความหอย + อู ปจจัย ดวย โมคคัลลานสูตร โมคฺ.๗/๔ วา ชมฺพาทโย, ลบ ม, ทีฆะ อ ที่ ล เปน อา, รัสสะ อา เปน อ] อลาพุ ลาพุ อลาพู ศัพทเหลานี้เปนอิตถีลิงค อลิ (ปุ.) ผึ้ง, แมลงปอง, เพื่อน วิ. อรติ คจฺฉตีติ อลิ ภมโร วิจฺฉิโก สขา จ (สัตวใดยอมไป เหตุนั้น สัตวนั้นชื่อวา อลิ ไดแก ผึ้ง แมลงปอง และเพื่อน), [อร ธาตุ คมเน ในความไป + อิ ปจจัย + แปลง ร เปน ล], อฬิ อาฬิ ก็มี, อลิ ศัพท อิ การันต ปุงลิงค อลิก (นปุ.) คำเหลาะแหละ, เหลวไหล, ไมจริง ๑. วิ. อลติ เอเตนาติ อลิกํ (บุคคลยอมปกปด ดวยคำนั่น เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา อลิก), [อล/อลิ วา ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + กิก ปจจัย] ๒. วิ. อลติ พนฺธติ เอเตนาติอลิกํ อสจฺจํ (บุคคล ยอมปกปดดวยคำนั่น เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อลิก คือคำไมจริง), [อล ธาตุ พนฺธเน ใน ความผูก + ณฺวุ ปจจัย + แปลง ณฺวุ เปน อก, แปลง อ เปน อิ] ๓. วิ. อลติ พนฺธติ เอเตนาติ อลิกํ (บุคคลยอมปกปดดวยคำนั่น เหตุนั้น คำ นั้น ชื่อวา อลิก คือคำไมจริง), [อล ธาตุ พนฺธเน ในความผูก + อิก], แตใน โมคฺคลฺลาน วา ลง กิก ปจจัย อลิส (ติ.) ๑. หยอน, ยอหยอน วิ. อลติ คจฺฉตีติ อลิโส (สภาวะใดยอมยอหยอนไป เหตุนั้น สภาวะนั้นชื่อวา อลิส), [อล ธาตุ คติยํ ในความ ไป + อิส], ๒. สามารถปดบาป ในบาีลิปกรม วา อลิโส สามารถปดบาป วิ. ปาปจฺเฉทเน สมตฺเถตีติ อลิโส อลีนมน (ติ.) ผูมีใจไมหดหู วิ. อลีโน มโน ยสฺส โสยํ อลีนมโน, อลีนชฺฌาสโย. (จิตของผูใดไม หดหู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อลีนมน คือผูไม อัธยาศรัยไมเฉื่อยฉา), ปาฐะวา อลีนมนโส ก็มี, ใน สทฺทนีติปทมาลา ฉบับแปล หนา ๔๐๒ วา ยตฺถ หิ สมาสวเสน มนสทฺโท เจตสทฺทาทโย จ สกตฺเถ อวตฺติตฺวา อฺตฺเถ วตฺตนฺติ, ตตฺถ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓๑ สการาคมานํ ปทานํ นามิกปทมาลา ปุริสนเยน จ มโนคเณ มนนเยน จ ยถารหํ ลพฺภติ. นิสฺสการาคมานํ ปน ปุริสนเยเนว ลพฺภติ. ยตฺถ ปน สมาสวิสเยเยว มนาทิสทฺทา สกตฺเถ วตฺตนฺติ, ตตฺถ นิสฺสการาคมานํ นามิกปทมาลา ปุริสนเยน จ มโนคเณ มนนเยน จ ลพฺภติ (ใน กรณีที่ มน ศัพทและกลุมศัพทมี เจต ศัพท เปนตนเขาสมาสแลวไมดำรงอยูในความหมาย เดิมใชในความหมายของบทอื่น (หมายความวา เปนพหุพพิหิสมาสแลวทำหนาที่ขยายคำอื่น), ในกรณีเชนนี้ สำหรับบทที่มีการลง ส อาคมให แจกปทมาลาตามแบบ ปุริส และแจกตามแบบ มน ศัพทซึ่งเปนมโนคณะไดตามสมควร. สำหรับ รูปที่ไมไดลง ส อาคม ใหแจกตามแบบ ปุริส ศัพทอยางเดียว. สวนในกรณีที่ มน ศัพทเปนตน เขาสมาสแลวที่นอกจากพหุพพิหิสมาสและมี อรรถของตนเองเปนประธาน, ในกรณีเชนนี้ สำหรับบทที่ไมมีการลง ส อาคม ใหแจกแบบ ปุริส ศัพท หรือจะแจกตามแบบ มน ศัพทซึ่ง เปนมโนคณะก็ได), พึงคนดูโดยพิสดารเถิด อลุลิ (ปุ.อิตฺ.นปุ.) การไป, ผูดำเนินไป, ผูเปนไป วิ. อรติ ปวตฺตีติ อลุลิ (ธรรมชาติใดยอมเปนไป เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อลุลิ), [อร ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + อุลิ ปจจัย, แปลง ร เปน ล] อโลภ (ปุ.) อโลภะ, ธรรมเปนเหตุใหสัตวไม โลภ, สภาวะที่ไมโลภ, การไมโลภ, ธรรมเปน ปฏิปกษตอโลภ วิ. น ลุพฺภนฺติ สตฺตา สมฺปยุตฺตธมฺมา วา เอเตนาติ อโลโภ, น ลุพฺภตีติ วา อโลโภ. น ลุพฺภนํ วา อโลโภ, โลภปฏิปกฺโข วา อโลโภ. (ธรรมทั้งหลาย หรือสัปยุตธรรม ทั้งหลาย ยอมไมโลภดวยธรรมนั่น เหตุนั้น ธรรม นั้นชื่อวา อโลภะ, ธรรมใดไมโลภ เหตุนั้น ธรรม นั้น ชื่อวา อโลภะ, การไมโลภ ชื่อวา อโลภะ, ธรรม เปนปฏิปกษตอโลภะ ชื่อวา อโลภะ), โส อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อเคธลกฺขโณ, อลคฺคภาวลกฺขโณ วา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย. (อโลภะ มีความที่จิตไมกำหนัด ในอารมณเปนลักษณะ นัยหนึ่ง มีความที่จิตไมติดของอยูในอารมณ เปนลกัษณะ ประหนึ่งหยาดน้ำไมติดในกลีบบัว ฉะนั้น), เทียบ โลภ, บทตอไปนี้เปนไวพจนของ อโลภ คือ อลุพฺภนา อลุพฺภิตตฺตํ อสาราโค อสารชฺชนา อสารชฺชิตตตฺํอนภิชฺฌา อวกสฺสิตฺวา (กิ.กิตฺ.) ครามาแลว, ดึงมาแลว วิ. อากฑฺฒิตฺวา อวกสฺสิตฺวา, โอกฺกสฺส (ครา มาแลว ชื่อวา อวกสฺสิตฺวา คือดึงมาแลว), [อว + กสฺส ธาตุ คติยํ ในความไป ตฺวา ปจจัย + อิ อาคม], ปริกสฺสิตฺวา ปริ บทหนา, ปฏิกสฺสิตฺวา ปฏิ บทหนา อวกฺกนฺติ (อิต.) การกาวลง, การหยั่งลง, การ เขาไป, การบังเกิด วิ. อวกฺกมนํ ปวิสนํ อวกฺกนฺติ, โอกฺกนฺติ วา, นิพฺพตฺติ (การกาวลง การเขาไป ชื่อวา อวกฺกนฺติ ไดแก การหยั่งลง การบังเกิด), [อว + กมุ ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ติ ปจจัย, แปลง ติ เปน นฺติ, ลบที่สุดธาตุ, ซอน กฺ] นัย เดียวกัน อวกฺกโม อ ปจจัย, อวกฺกมนํ ยุ ปจจัย อวกาส (ปุ.) ๑. โอกาส, ชองทาง, หอง, ที่เปน ที่ตั้ง วิ. อวกสนฺติ ปติหนฺติ เอตฺถาติ อวกาโส (สัตวทั้งหลายยอมดำรงอยูในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อวกาส), [อว + กส ธาตุ ปติายํ ใน ความดำรงอยู + ณ ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา และ ลบ ณ อนุพันธ] ๒. เหตุ วิ. โอกาโส วิย จสฺส ตํ เตน วินา อฺตฺถ อลิ อภาวโตติ อวกาโส, ปจฺจยการณํ. (เหตุนั้นก็เปนเหมือนโอกาส จึงชื่อวา
๒๓๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อวกาสเพราะความทผี่ลนั้น เวนโอกาสนั้นเสียไม มีในที่อื่น ไดแก เหตุปจจัย), อนวกาส (ปุ.) ไมใชโอกาส, ผูไมมีโอกาส วิ. ตพฺพิปรีตโต อนวกาโส. นตฺถิ อวกาโส อสฺสาติ อนวกาโส (ชื่อวา อนวกาส เพราะตรงขามกับโอกาสนั้น, โอกาสของผูนั้นไมมี เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อนวกาส), นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส อวกิรณ (นปุ.) เรี่ยรายไป, กระจายไป, แยกไป วิ. อวกิริยเต อวกิรณํ (อันเขาเรี่ยรายไป ชื่อวา อวกิรณ), [อว + กิร ธาตุ วิกิรเณ ในความ เรี่ยราย + ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, แปลง ยุ เปน อน, แปลง น เปน ณ], อวการกํ ก็มี, เชน สิตฺถาวการกํ (โปรยขาวสุก) ก ปจจัย ในอรรถ วิจฉา (คำซ้ำ), ฉะนั้นในอรรถกถาวินัย จึง อธิบายวา สิตฺถานิ อวกิริตฺวา อวกิริตฺวา (โปรย ขาวสุกไปๆ), ก็ดวย ตฺวา ปจจัย ในที่นี้แสดงถึง กิริยาวิเสสนะ อวโกกิล (นปุ.) ปาอันนกดุเหวาละแลว วิ. โกกิลาย อวกุํ วนํ อวโกกิลํ (ปาอันนก กาเหวาละแลว ชื่อวา อวโกกิล), อมาทิปรตปฺ- ปุริสสมาส. อวกุนฺติ ฉฑฺฑิตํ (คำวา อวกุํ แปลวา ละทิ้งแลว), คำวา อวมยูรํ ก็นัยนี้ นิรุตฺติ.๔๑๐ อวคณิต (ปุ.) อันเขาดูหมิ่น, ดูถูก, ดูแคลน วิ. เหา กตฺวา คณียตีติ อวคณิโต อวมานิโต (ผูใดอันเขานับแลวกระทำใหต่ำตอย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวคณิต คือผูอันเขาดูถูกแลว), [อว + คณ ธาตุ สงฺขฺยาเน ในความนับ + ต ปจจัย + อิ อาคม] อวคต (ติ.) ถึง, บรรลุ, รู, การรู วิ. อวคจฺฉิยติ ายตีติ อวคตํ าตํ (อันเขารูแลว เหตุนั้น ชื่อวา อวคต คือรู), [อว + คมุ ธาตุ คติมฺหิ ใน ความไป + ต ปจจัย, ลบ ม] อวจ (ติ.) ต่ำ วิ. อวจียเตติ อวจํ (สิ่งใดอันเขา ลดลง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวจ), [อว + จิ ธาตุ จเย ในความกอ + อ ปจจัย] วิ. จยโต อวคโต วิโยโคติ อวจํ (ภาวะใดถอยหางจากการกอ สูงขึ้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อวจ), เชนคำวา อุจฺจาวจานิ (งานสูงๆ ต่ำๆ), ศัพทนี้เปน ๓ ลิงค, อีกประการหนึ่ง ศัพทวา อวจํ เปนอาขยาตบท ประกอบดวย อํ อัชชัตตนีวิภัตติ อวจฺเฉทน (นปุ.) การตัดขาด, การตัดเปนชิ้น, การขาด วิ. อวจฺฉิชฺชิยเต อวจฺเฉทนํ (อันเขา ตัดขาด ชื่อวา อวจฺเฉทน), [อว + ฉิทิ ธาตุ อวจฺเฉทเน ในการขาด + ยุ ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, ซอน จฺ, แปลง ยุ เปน อน], นัยเดียวกัน อวจฺเฉทกํ (ตัดออกเปนชิ้นๆ), ณฺวุ ปจจัยใน อรรถกัตตุ อวชฺช (ติ.นปุ.) ๑. มีโทษ วิ. วชฺเชตพฺโพติ วชฺโช, วชฺโชเอว อวชฺโช (ภาวะใดอันบัณฑิตพึงเวน เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา วชฺช, วชฺช นั่นเอง ชื่อวา อวชฺช), [วชฺช ธาตุ จาเค + อ ปจจัย] อ ในคำวา อวชฺช นี้ใชในอรรถเดิม (ตพฺภาว) ไมมี ความหมายเพิ่มขึ้นพิเศษ ตามนัยแหง สัททนีติ สุตตมาลา ฉบับแปล หนา ๑๒๓๖ ดังขอวา ปฏิเสเธ วุทฺธิตพฺภาเว อฺตฺเถ สทิเสป จ วิรุทฺเธ ครเห สฺุเ อกาโร วิรหปฺปเกติ. อ ศัพท วา ปฏิเสธ (การหาม), วุทฺธิ (ความ เจริญ), ตพฺภาว (อรรถของบทที่ตนประกอบ นั้น), อฺตฺถ (เหลานั้น), สทิส (เหมือน), วิรุทฺธ (ตรงกันขาม), ครห (ติเตียน, ตำหนิ), สฺุ (วางเปลา), วิรห (ปราศจาก) และ อปฺปก (นอย) ๒. เลวทราม วิ. ชาตฺยาจาราทีหิ นิหีโนยนฺติ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓๓ วทิตพฺโพติ อวชฺโช ลามโก (ผูใดอันเขาพึงกลาว วา ทานผูนี้เลวทรามดวยชาติและมารยาทเปน ตน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวชฺช คือคนชั่ว), อ อักษรในที่นี้ในในอรรถตพัภาวะ ไมมีความหมาย พิเศษ [วท ธาตุ วิยตฺติยํ วาจายํ ในการกลาว + ณฺย ปจจัย, แปลง ทฺย เปน ชฺช] ๓. โทษ (นปุ.) วิ. วชฺชเมว อวชฺชํ โทโส (โทษนั่นเอง ชื่อวา อวชฺช คือโทษ), ตพฺภาววุตฺติกมฺมธารยสมาส; คำวา อวชฺช บางแหงแปลวา ไมมีโทษ เชน อวชฺชนฺติ วชฺชรหิตํ, นิทฺโทสนฺติ อตฺโถ (บทวา อวชฺชํ คือเวนจากโทษ คือไมมีโทษ), อนวชฺชํ ก็ ได, สวนใน นิรุตฺติทีปนี วา อ อาคม ดวยมหา สูตร เชน อมาเปตฺวา, เอตทกิฺจิ เสยฺโย. อวจร (ติ.) ชั้น, แดน, วิสัย, เขต วิ. อว สห จรติ ปวตฺตตีติ อวจรา ภูมิ (ธรรมชาติใดยอม เปนไปดวยกัน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวจรา คือภูมิ-ชั้น), [อว + จร ธาตุ ปวตฺติยํ ใน ความเปนไป + อ ปจจัย + อา ปจจัย ใน อิตถีลิงค วิ. วจรนฺติ เอตฺถาติ อวจโร (ธรรมชาติ ยอมเที่ยวไปในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อวจโร), [อว + จร ธาตุ จรเณ ในความเที่ยวไป + อ ปจจัย] อวชานิย (ติ.) อันเขาพึงรู วิ. อวชานิตพฺพาติ อวชานิยา (ธรรมชาติใดอันเขาพึงรู เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อันเขาพึงรู), [อว + า ธาตุ อวคมเน ในความรู + นา ปจจัยประจำหมวด ธาตุ + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, แปลง า เปน ชา], อวชานนํ ยุ ปจจัยใสอรรถภาวะ แปลง ยุ เปน อานน, สฺชานนํ สํ บทหนา, วิชานนํ วิ บทหนา อวฏิต (ติ.) มั่นคง, ยั่งยืน, ดำรงอยู, รวมลง วิ. อวติตีติ อวิตํ (สิ่งใดยอมตั้งลง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวิตํ), [อว + า ธาตุ คติ- นิวตฺติยํ ในความหามการไป + ต ปจจัยใน ๓ กาล] วิ. อวานํ วา อวิตํ (การตั้งลง ชื่อวา อวิตํ), [ต ปจจัย ภาวสาธนะ, แปลง อิ เปน อิ ดวยปทรูปสิทธิ สูตร รูป.๖๒๐ วา าปานมิอี จ] อนวฏฺิตํ (ไมตั้งลง, ไมตั้งมั่น) มีความหมาย ตรงกันขาง, นปุพฺพปทกมฺมธารยสมาส. อวฏิติ (อิตฺ.) ความหยุดอยู, ความตั้งอยู, ความดำรงอยู วิ. อารมฺมณํ โอคาเหตฺวา อนุ- ปวิสิตฺวา ติตีติ อวิติ, อวิกฺเขโป (ธรรมชาติ ใดเขาถึงอารมณตั้งอยู เหตุนั้น ธรรมชาติไดชื่อ วา อวิติ คือการไมซัดสายไป) เชน ขุ.นิทฺ. ๒๙/๗๒๙/๔๔๒ วา จิตฺตสฺส ิติ สณฺิติ อวิตีติ [ความตั้งมั่น ความดำรงอยู ความตั้งลง แหง จิต), [อว + า ธาตุ าเน ในความตั้งอยู + ติ ปจจัย, แปลง อา เปน อิ] อฏฺิติ, นปุพฺพปท กมฺมธารยสมาโส. อวฺา (อิตฺ.) ความดูหมิ่น, ความไมเห็นแก กัน วิ. อวชานนํ อวฺา อวมานํ (การดูหมิ่น ชื่อวา อวฺา คือการดูถูก), [อว + า ธาตุ อวโพธเน ในความรู + กฺวิ ปจจัย], ปาฐะวา อฺุา ก็มี เชน วินย.อ.๒/๕๘๗ อฺุายาติ อวฺาย นีจํ กตฺวา ชานนาย (บทวา อฺุาย แปลวา ดวยความดูหมิ่น คือ ดวยความรูกดใหต่ำ) อวฺิต (ติ.) ผูอันเขาดูหมิ่นแลว, ดูถูกแลว, สบประมาทแลว, การดูหมิ่น วิ. เหา กตฺวา ายตีติ อวฺิโต อวฺิตํ, อวมานิโต (ผูใดอัน เขารูกระทำไวต่ำ เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อวฺิโต คือผูอันเขาดูถูกแลว), [อว + า ธาตุ ปริภูเต ในความดูถูก + ต ปจจัย, แปลง อา เปน อิ, หรือลง อิ อาคม], ปาฐะวา อวฺาตํ โอาตํ
๒๓๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อฺุาตํ ก็มี, วมฺเภตฺวา าตนฺติ อตฺโถ (หมายความวา การดูถูกดูหมิ่น) อวตํส (ปุ.) ใบหู, ดอกไมประดับบนศรีษะ, เทริด, มงกุฎ, ภูเขา วิ. อุทฺธํ ตสิยเตติ อวตํโส กณฺณปูโร เสขโร จ (สิ่งใดอันธรรมชาตปิระดบัไว เบื้องบน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวตํส คือใบหู และเทริด), [อว + ตสิ ธาตุ อลงฺกาเร ในการ ประดับ + อ ปจจัย + นิคฺคหิต อาคม], สำหรับ อว ศัพทในที่นี้ สองความหมายวา อุทฺธํ (เบื้อง บน) เพราะอุปสัคและนิบาตมีอรรถมาก, ปาฐะ วา วตํสโก วฏํสโก ก็มี ลบ อ อักษรในเบื้องตน, แปลง ต เปน ฏ, ก สกัตถ วิ. อุทฺธํ ตสียเต อลงฺกรียเตติ วฏํโส (สิ่งใดอันเขาประดับ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา วฏํส), [อุ + ตสิ ธาตุ อลงฺกาเร ใน ความประดับ + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน ว, และ แปลง ต เปน ฏ] วิ. โสเยว วฏํสโก, มุทฺธนิ ปลนฺธิโต เอโก อลงฺการวิเสโส (วฏํโส นั้นน่ันเอง ชื่อวา วฏํสโก ไดแก เครื่องประดับพิเศษอยาง หนึ่ง ที่ประดับไวบนเกลา) อุตตฺํโส ก็มี อวตฺถ (ปุ.อิตฺ.) ๑. นิครนถ, ผูไมมีผา, เปลือย วิ. นตฺถิ วตฺถเมตสฺสาติ อวตฺโถ ทิคมฺพโร (ผา ของนักบวชนั้นไมมี เหตุนั้น นักบวชนั้นชื่อวา อวตฺถ คือทิคัมพรนิครนถพวกนุงลมหมฟา), ๒. การกำหนด วิ. อวานํ ววตฺถานํ อวตฺถา (การตั้งลงคือการกำหนด ชื่อวา อวตฺถา), [อว + า ธาตุ คตินิวตฺติย ในการหามการไป + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค), แปลง เปน ถ, ซอนพยัญชนะมีรูปไมเสอมกันคือ ตฺ] วิ. อวิยเต นิยมิยเต อวตฺถา. อวตฺถาติ เจตฺถ ธมฺมานํ กามตณฺหาทีหิ ปริจฺฉินฺนาปริจฺฉินฺนภาโว, ภูมิ วา านํ วา. (สิ่งอันเขากำหนด ชื่อวา อวตฺ ถา, ก็คำวา อวตฺถา ในที่นี้ หมายถึง ความที่ ธรรมอันกำหนดและกำหนดไมไดดวย กามตัณหาเปนตน ไดแก ชั้น หรือที่) ๓. เขต, ชั้น วิ. อวธิภาเวน าติ ติตีติ อวตฺถา (สิ่งใด ดำรงอยู โดยความเปนเขต เหตุนั้น สิ่งนั้นช่ือวา อวตฺถา), [อว + ถา ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหาม การไป + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], คำ นี้กลาวตามนัยสันสกฤต, ในบาลีควรสะกดดวย อักษรมุทธชะวา อวฏฺา อวตฺถริต (ติ.) ถูกทวมทับ, ทวมทน, ถูกบดบัง วิ. อวตฺถรียิตฺถาติ อวตฺถริโต, อวตฺถโฏ โอตฺถโฏ วา (ผูใดอันธรรมชาตินั้นทวมทับแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวตฺถริต, อวตฺถฏ, โอตฺถฏ), [อว + ถร ธาตุ สนฺถรเณ ในความแผไปพรอม + ต ปจจัย + อิ อาคม], ก็นัยขอนี้มีตัวอยางเชน (สัททนีติ ธาตุมาลา ฉบับแปล หนา ๖) วา วลาห กาวตฺถริโต ปุณฺณจนฺโท วิย (ดุจพระจันทรเต็ม ดวงถูกเมฆบดบัง) อวตฺถาน (นปุ.) การตั้งอยู, ที่ตั้ง, ที่ใชกำหนด, ฐานะ, ตำแหนง วิ. อวตฺถิยเต อวตฺถายติ วา เอตฺถาติ อวตฺถานํ, อวานํ วา (ภาวะนั้นอัน เขากำหนดลงในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา อวตฺถาน, อวาน), [อว + า ธาตุ คตินิวตฺติยํ ในการหามการไป + ยุ ปจจัย, แปลง เปน ถ, ซอน ตฺ]. สำหรับคำวา อวตฺถาน นี้ ทานกลาว ตามนัยสันสกฤต แตในบาลีควรสะกดดวยอักษร มุทธชะวา อวฏฺานํ, คำวา อนวาน มี ความหมายตรงกันขาม หมายความวา อิติ- ไมตั้งอยู อวตาร (ติ.) อันเขาพึงขามลง, ปกรณชวยให เขาใจ วิ. อวตริตพฺโพติ อวตาโร (ธรรมใดอัน เขาพึงหยั่งลง เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อวตาร), [อว + ตร ธาตุ ตรเณ ในความขาม + ณ ปจจัย]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓๕ วิ. โอตรนฺติ อเนนาติ อวตารํ (บัณฑิตยอมหยั่ง ลงอรรถพระอภิธรรมดวยปกรณนั้น เหตุนั้น ปกรณนั้นชื่อวา อวตาร) เชน อภิธมฺมาวตารํ นาม ปกรณํ (ปกรณชื่อวาอภิธรรมาวตาร), วิ. อวตรนฺติ เอตฺถาติ วา อวตาโร (ชนทั้งหลายยอม หยั่งลงในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อวตาร), [อว + ตร ธาตุ ตรเณ ในความขาม + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา], อวตาร ศัพท ใชในความหมายวา ที่ขามลง, ทา, ชอง นัย เดียวกันเชน อวตรณํ ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ อวทาต (ติ.) ขาว, สะอาด วิ. อวทายติ สุชฺฌตีติ อวทาโต, โอทาโต วา (สิ่งใดขาวหมดจด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวทาต, โอทาต), [อว + ทา ธาตุ สุทฺธิมฺหิ ในความหมดจด + ต ปจจัย กจฺ. ๕๕๗ รูป.๖๐๖ วา พุธคมาทิตฺเถ กตฺตริ] และคำ วา อวทาตํ โอทาตํ โดยความก็อันเดียวกัน อวทารณ (นปุ.) เครื่องขุด, -เจาะไช, -ทำลาย, จอบ, เสียม, พลั่ว วิ. อวทาริยเต อเนนาติ อวทารณํ ขณิตฺติ (ดินเปนตน เขาขุดดวย อุปกรณนั้น เหตุนั้น อุปกรณนั้นชื่อวา อวทารณ คือจอบ), [อว + ทร ธาตุ อวทารเณ ในความ เจาะ + ยุ ปจจัย, แปลงเปน อน, แปลง น เปน ณ และทีฆะ อ เปน อา) อวเทหก (ติ.) กอขึ้น, เต็ม, เต็มทอง, เต็มอิ่ม วิ. อวเทหตีติ อวเทหก, อุทฺเทหก วา (ภาวะใด ยอมสั่งสม เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา อวเทหก, อุทฺเทหก), [อว + ทิห ธาตุ อุปจเย ในสั่งสม + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก, แปลง อิ เปน เอ, หรือ อุ บทหนา], นัยเดียวกัน อุทฺเทหิตฺวา, อุทฺเทเหตฺวา วา, อุสฺสาเทตฺวา อุเปตฺวา, ตฺวา ปจจัยลงอดีตกาล เปนตน อวธา (อิตฺ.) อื่น, แปรไปเปนอื่น วิ. อฺํ อวจฺฉินฺทิตฺวา ธาเรตีติ อวธา (ธรรมชาติใดแยก ไปแลวทรงสภาพอื่นไว เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวธา), [อว + ธร/ธา ธาตุ ธารเณ ใน ความทรงไว + กฺวิ ปจจัย, ลบ ร, หรือ อ ปจจัย, อา ปจจัยในอิตถีลิงค] อวธาน (นปุ.) การเอาใจใส, การเอื้อเฟอ วิ. โอคาเหตฺวา ธิยเต ปยเต อวธานํ (อันเขา ปลงใจลงตั้งไว ชื่อวา อวธาน), [อว + ธา ธาตุ ทหเน ในความตั้งไว + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อวธารณ (นปุ.) การรับรอง, การรับไว, การกั้น, การกำจัดลง, ความมั่นคง วิ. อวธาริยเตติ อวธารณ (สิ่งใดอันเขากำหนดลง เหตุนั้น สิ่งนั้นชือวา อวธารณ), [อว + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว+ เณ ปจจันในหมวดจุรธาตุ+ ยุ ปจจัยในภาวะและกรรม แปลงเปน อณ, ทีฆะ อ เปน อา] อวธาริต (ติ.) กำหนดแน, จำกัดลง, เลือก วิ. อวธารียิตฺถาติ อวธาริโต (สิ่งใดอันเขากำหนด แลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวธาริต), [อว + ธร ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + กฺต/ต ปจจัย, เณ ปจจัย ในหมวดจุรธาตุ, พฤทธิ์ อา เปน อา, อิ อาคม, ลบสระ เอ] อวธิ (นปุ.) เขต, แดน, ความจำกัด, หลุม, ที่ต่ำ, เจาะจง ๑. วิ. อวหียติ จชียติ อสฺมาติ อวธิ, โอธิ, มริยาโทติ อตฺโถ (เนื้อความอันทานสละออกจาก ที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อวธิ ไดแก เขต แดน), ปาจิตฺยาทิโยชนาปาิ, [อว + หา ธาตุ จาเค ใน ความสละ + อิ, แปลง ห เปน ธ] ๒. วิ. อวธียติ ปริจฺฉินฺทียติ เอตสฺมาติ อวธิ, อปาทานํ. (เนื้อความอันทานกำหนดจากสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวธิ) ๓. วิ. ปทตฺโถ อวธิยติ ววตฺถิยติ
๒๓๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เอตสฺมาติ อวธิ (เนื้อความแหงบท อันทาน กำหนดจากสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวธิ), [อว + ธิ ธาตุ ววตฺถเน ในความกำหดน + อิ ปจจัย] ๔. วิ. อวทหติ อวทธาติ วา ปริจฺฉินฺทตีติ อวธิ (สิ่งใดยอมกำหนด เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวธิ), [อว + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + อิ ปจจัย] อวนทฺธ (ติ.) ผูกมัดแลว, หอหุมแลว, ผูกติด แลว วิ. อวนยฺหิตฺถาติ อวนทฺโธ, โอนทฺโธ วา (สิ่งนั้นเขาหอหุมแลว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวนทฺธ, โอนทฺธ), [อว + นห ธาตุ พนฺธเน ใน ความผูก + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลง ห เปน ท] นัยเดียวกัน นทฺโธ ต ปจจัย, นทฺธวา วนฺตุ ปจจัย อวนฺตี (อิตฺ.ปุ.) แควนอวันตี, ชนบทปองกัน รักษา ๑. วิ. อวติ รกฺขตีติ อวนฺตี, ชนปโท (แควนใดยอมรักษาปองกัน เหตุนั้น แควนนั้น ชื่อวา อวนฺตี คือชนบท) เชน อสฺสกา จ อวนฺติยา จ ขุ.จุฬ.๒๒/๔๑๙/๒๐๐ (แตอัสสกะ และอวันตีชนบท), [อว + รกฺขเน ในความรักษา + อนฺต ปจจัย, โมคฺ.๗/๗๖ วสาทีหฺยนฺโต + อี ปจจัย]. ๒. ปราชิเตหิ ยาจิเตหิป อตฺตนา ขาทิตํ ลฺชํ ปุน น วมนฺตีติ อวนฺติ อวนฺตี (ชาวเมืองใด ไมยอมคืนสินบนที่ตนใชสอยแลว แมผูแพคดีจะ ขอคืนก็ตาม เหตุนั้น ชาวเมืองนั้นชื่อวา อวนฺติ, อวนฺตี), [น + วมุ ธาตุ อุคฺคิรเณ ในความคาย + ติ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค], ศัพทนี้เปน ๒ ลิงค, สทฺทนีติปทมาลา ฉบับแปล หนา ๘๕๓ แสดงชื่อชนบท แมเปนเอกวจนะ แตก็ประกอบ เปนพหุวจนะเพราะเปนรุฬหีศัพทวา กาสี กาสิโย เปนตน. แตในอภิธาน แสดงไวเปน ปุงลิงคพหุวจนะวา กุรู สกฺกา เปนตน อวนฺทิย (ติ.) ผูไมควรกราบไหว, ผูอันเขาไม ควรไหว วิ. น วนฺเทตพฺโพติ อวนฺทิโย, วนฺทิตุํ น อรโหติ อตฺโถ (ผูใดอันเขาไมควรไหว คือไมควร เพื่อจะไหว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวนฺทิย), [น + วทิ ธาตุ วนฺทเน ในความไหว + ณฺย ปจจัย + อิ อาคม, แปลง น เปน อ, เพราะเปนรุธธาตุ ลง นิหคหิตอาคม] อวนิ (อิตฺ.) แผนดิน วิ. สตฺเต อวติ รกฺขตีติ อวนิ มหี (ธรรมชาติใดยอมรักษาสัตวทั้งหลาย เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวนิ คือแผนดิน), ศัพทนี้เปนอิตถีลิงค, [อว ธาตุ รกฺขเน ในความ รักษา + อนิ โมคฺ. ๗/๑๑๒ วา วตฺตาฏาวธมา เสหฺยนิ], ใน ปทรูปสิทฺธิ (รูป.๖๗๙) วิ. สตฺเต อวติ รกฺขตีติ อวนา (ธรรมชาติใดยอมรักษา เหลาสัตว เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวนา), [อว ธาตุ รกฺขเณ ในความรักษา + ยุ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค], วิ. สาเยว อวนิ (อวนา นั้นนั่นเอง ชื่อวา อวนิ), อิ ปจจัย หลังปาฏิปทิก บท, นัยเดียวกัน อวนํ (การรักษา) อว ธาตุ รกฺขเณ ในความรักษา + ยุ ปจจัยในภาวสาธนะ หมายความวา รกฺขณา-การรักษา อวนี (อิตฺ.) แผนดิน, ธรณี วิ. อตฺเถ อวติ รกฺขตีติ อวนี ธรณี (ธรรมชาติใดยอมรักษาประโยชนไว เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวนี คือแผนดิน), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ยุ ปจจัย + อิ ปจจัย, ทีฆะ อิ กจฺ.๔๐๓ รูป.๓๕๔ วา กฺวจาทิ เปนตน, หรือ อี ปจจัย กจฺ.๒๓๘ รูป.๑๘๗ วา นทาทิโต วา อี] ใน ธาตฺวตฺถสงฺคห วิ. สตฺเต อวติ รกฺขตีติ อวนิ (ธรรมชาติใดยอมรักษาสัตว เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวนิ) อวปูรณ (นปุ.) กุญแจ, ลูกดาล, เครื่องเปด, เครื่องไข วิ. อวปูรติ วิวรติ เอเตนาติ อวปูรณํ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓๗ (บุคคลยอมเปด ดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวปูรณ), [อว + ปูร ธาตุ สํวรเณ ในความ ปองกัน + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน แปลง น เปน ณ] อวโพธ (ปุ.) ๑. ธรรมเปนเหตุตรัสรู วิ. อวพุชฺฌติ เอเตนาติ อวโพโธ (บุคคลยอมตรัสรู ดวยธรรมนั้น เหตุนั้น ธรรมนั้นชื่อวา อวโพธ), [อว + พุธ ธาตุ าเณ ในความรู + ณ ปจจัย], ๒. การตรัสรู, การใหรูทั่วถึง วิ. อวโพธาปนํ อวโพโธ (การใหรูทั่วถึง ชื่อวา อวโพธ), [อว + พุธ ธาตุ าเณ + ณ ปจจัย, จัดเปนการิตใหทราบ) อวภาสน (นปุ.) การสองแสง, การปราศรัย วิ. อวภาสตีติ อวภาสนํ, โอภาสนํ วา (สิ่งใดยอม สองสวาง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวภาสน, โอภาสน), [อว + ภาส ธาตุ ทิตฺติยํ ในความสองสวาง + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] นัยเดียวกัน อวภาโส โอภาโส เชน วณฺณปฺาวภาเสหิ, ณ ปจจัย ในอรรถกัตตุ อวภาสิต (นปุ.ติ.) ๑. การสองสวาง, โชติชวง (นปุ.) วิ. โอภาสตีติ อวภาสิตํ (สิ่งใดยอมสอง สวาง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวภาสิต), [อุ + ภาส ธาตุ ทิตฺติมฺหิ ในความสองสวาง + ต ปจจัยใน อรรถกัตตุ + อิ อาคม, แปลง อุ เปน โอ, แปลง โอ เปน อว] ๒. อันเขากลาวแลว, สองแลว วิ. โอภาสียิตฺถาติ อวภาสิตํ, โอภาสิตํ วา, [อว + ภาส ธาตุ ทิตฺติมฺหิ ในความสอง + ต ปจจัยใน อรรถกรรม, อิ อาคม] อวมฺ (กิ.กิตฺ.) ดูหมิ่นแลว, ดูถูกแลว วิ. อวมนฺตฺวาติ อวมฺ, อวมฺิตฺวา วา (ดู หมิ่นแลว ชื่อวา อวมฺ, อวมฺิตฺวา), [อว + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ย, แปลง นฺย เปน , ซอน ฺ], สวน บทวา อวมฺิตฺวา ลง ย ปจจัย, อิ อาคม, อวมานํ อวมฺํ อฺุาตํ, อว + มน ธาตุ าเณ ในความรู + ณฺย ปจจัย แปลง นฺย เปน , ซอน ฺ อวมทฺทน (นปุ.) การย่ำยี, ขมขี่, เบียดเบียน วิ. อวมทฺทียเต อวมทฺทนํ(อันเขาเบียดเบยีน ชื่อ วา อวมทฺทน), [อว + มทฺท ธาตุ มทฺทเน ใน ความย่ำยี่+ ยุปจจัย ภาวสาธนะ, แปลง ยุเปน อน], อวมทฺทิตํ โอมทฺทิตํก็นัยเดียวกัน ลง ต ปจจัยในอรรถภาวะและกรรมวาจก, อวมทฺทิ- ตพฺพํ ตพฺพ ปจจัย, อวมทฺทิตฺวา โอมทฺทิตฺวา ลง ตฺวา ปจจัย อวมาน (นปุ.) การดูหมิ่น, การสบประมาท วิ. เหา กตฺวา ชานนํ อวมานํ (การรูกระทำให ต่ำตอย), [อว + มนธาตุ + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา] อวมานิต (ติ.) ถูกดูหมิ่น, ผูอันเขาดูหมิ่น วิ. เหา กตฺวา มฺตีติ อวมานิโต, อวคณิโต (ผูใดอันเขาดูหมิ่นใหต่ำตอย เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวมานิต, อวคณิต), [อว + มน ธาตุ าเณ ใน ความรู + ต ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา, อิ อาคม, หรือ มาน ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา] อวยว (ปุ.นปุ.) อวัยวะ วิ. วิสุํ วิสุํ ยวตีติ อวยโว, โกาโส (สิ่งใดแยกไปเปนสวนๆ เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวยว คือสวนรางกาย), [อว + ยุ ธาตุ ปวตฺตเน ในความไป + อ ปจจัย, แปลง อุ เปน อว] อว ศัพทในที่นี้สองอรรถ วิสุํ, ศัพทนี้ เปนปุงสกลิงคก็มีบาง เชน องฺคานีติ อวยวานิ อวยาคมน (ติ.) ต่ำ, ถึงความเปนของต่ำ, เบื้องต่ำ, คลอย วิ. อวหีนภาเวน อาคจฺฉิยเตติ อวยาคมนํ (อันสิ่งนั้นถึงความเปนของต่ำ เหตุ
๒๓๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา นั้น ชื่อวา อวยาคมน), [อว + อา + คมุธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน + ย อาคม] อวรุทฺธ (ติ.) ปดแลว, หามแลว, ไลออกแลว, ว.ิ อวรุนฺธียิตฺถาติ อวรุทฺโธ, โอรุทฺโธ วา (ผูใดอัน เขาขับไลแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวรุทฺธ, โอรุทฺธ), [อว + รุธ ธาตุ อาวรเณ ปดกั้น + ต ปจจัย, แปลง ต เปน ธ, แปลงที่สุดธาตุเปน พยัญชนะที่ ๓ คือ ทฺ], อวรุทฺธโก ก็มี, ลง ก สกัตถ นัยเดียวกันเชน อวโรโธ ลง ณ ปจจัย ภาวสาธนะ, อวโรธนํ ลง ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ, อวโรธโก ลง ณฺวุ กัตตุสาธนะ อวลมฺพ (กิ.กิตฺ.) หอยลงแลว, ยึดหนวงแลว วิ. อวลมฺพิตฺถาติ อวลมฺพ, โอลมฺพ อวลมฺพิตฺวา อวลมฺพิย วา (หอยลงแลว ชื่อวา อวลมฺพ, โอลมฺพ อวลมฺพิตฺวา อวลมฺพิย), [อว + ลพิ ธาตุ อวสํสเน ในความหอยลง + แปลง ตฺวา เปน ย, ลบ ย, นิคหิตอาคม] นัยเดียวกัน อาลมฺพ อา บทหนา, วิลมฺพ วิ บทหนา อวลมฺพน (นปุ.) การหอยยอย, การยึดหนวง วิ. อวสํสนํ อวลมฺพนํ, [อว + ลพิ ธาตุ อวสํสเน ในความหอย + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, นิคหิต ตนธาตุ แปลงเปน มฺ] อวลิตฺต (ติ.) อวลิมฺปยิตฺถาติ อวลิตฺโต (สิ่งใดอัน เขาฉาบทาภายนอก เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อว ลิตฺต), [อว + ลิป ธาตุ ลิมฺปเน ในความฉาบทา + ต ปจจัย, แปลง ป เปน ต] สวนในวินัยวา อว ลิตฺตาติ พหิลิตฺตา (อวลิตฺตา ความวา ฉาบทา ภายนอก), อโธมุขํ ลิตฺตา อวลิตฺตา (อันเขาฉาบ ลงขางลาง ชื่อวา อวลิตฺตา), พหิ ลิมฺปนฺตา หิ เอวํ ลิมฺปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. (ความวา ก็เมื่อฉาบ ขางนอก ชื่อวาฉาบอยางนี้) อวเลขน (นปุ.) การขูดออก, การลบออก, อุปกรณสำหรับขูด วิ. อวเลขติ อเนนาติ อวเลขนํ (เขายอมขูดดวยสิ่งนั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวเลขน), [อว + ลขิธาตุเลขเน ในความ เขียน + ยุ ปจจัย แปลง อิ เปน เอ, แปลง ยุ เปน อน] นัยเดีวกันเชน อวเลขิตพฺพํ ตพฺพ ปจจัย กรรมวาจก + อิ อาคม อวเลป (ปุ.) การชโลม, การลูบไล, ความถือตัว, ความจองหอง, ความหยิ่งพยอง วิ. อวเลปนํ อวเลโป เลโป คพฺโพ จ (การปายลง ชื่อวา อวเลป ไดแก การลูบไล และการถือตัว), [อว + ลิป ธาตุ ลิมฺปเน ในความฉาบ + ณ ปจจัย] นัย เดียวกัน อวลิตฺตํ ต ปจจัย, เทียบ อุลฺลิตฺต อวโลกิต (ติ.) ผูอันเขาแลดูแลว, ตรวจดูแลว วิ. อวโลกียิตฺถาติ อวโลกิโต, โอโลกิโต วา (ผูใด อันเขาแลดูแลว เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวโลกิต, โอโลกิต), [อว + โลก ธาตุ ทสฺสเน ในความเห็น + ต ปจจัย + อิ อาคม, หรือ โอ บทหนา แปลง เปน อว] อวส (ติ.) ผูไมมีอำนาจ, ไมมีความเปนตัวเอง, ผูกลัวตาย วิ. นตฺถิ วโส อายตฺโต ปเรสํ เอตสฺมึ สรีรภูเตติ อวโส วิวโส (อำนาจคือความเปน ตัวเองเหนือผูอื่นไมมีในผูนั้น เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวส คือไรอำนาจ), นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส, [น + วส] วิ. น วโส อวโส, อพโล (ผูมีอำนาจหา มิได ชื่อวา อวส คือไมมีพลัง), นปุพฺพปทกมฺม ธารยสมาส อวสร (ปุ.) ขณะ, โอกาส วิ. อวสรตีติ อวสโร ขณปฺปตฺติ โอกาโส จ (สมัยใดดำเนินมาถึง เหตุนั้น สมัยนั้นชื่อวา อวสร ไดแกขณะที่เวียน มาถึง และโอกาส), [อว + สร ธาตุ คติยํ ใน ความไป + อ ปจจัย]
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๓๙ อวสาณ (นปุ.) อวสาน, การสิ้นสุด วิ. อวสรณํ อวสาณํ (การสิ้นสุดชื่อวา อวสาณ), [อว + สร ธาตุ วิสรณคตฺยาวสาเนสุ ในการแลนไปและ สิ้นสุด + ยุ ปจจัย, ลบ ร, แปลงเปน อณ เปนตน] อวสาน (นปุ.) อวสิยติ อเนนาติ อวสานํ (การ งานหยุดพักดวยสมัยนั้น เหตุนั้น สมัยนั้นชื่อวา อวสาน), [อว + สิธาตุพนฺธเน ในความผกู+ ยุ ปจจัย] โอสายเตติ อวสานํ (อันเวลาเบาบางลง ชื่อวา อวสาน, โอสานํ, โวสานํ), [อว + สา ธาตุ ตนุกรเณ ในความทำใหเบาบาง + ยุ ปจจัย] วิ. อวสฺยเต อวสานํ (อันเขาทำใหเบาบาง ชื่อวา อวสาน), [อว + โส ธาตุ นิสานนาสเน ในการทำ ใหบาง + ยุ ปจจัย] วิ. อวสรณํ อวสานํ (การ สิ้นสุด ชื่อวา อวสาน), [อว + สร ธาตุ วิสรณคตฺยาวสาเนสุ ในความแลนไปและในที่สุด + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน] อวสิสฺสน (นปุ.) การเหือดแหง วิ. อวสิสฺสิยเตติ อวสิสฺสน (อันเนื้อเปนตนเหือดแหงไป เหตุนั้น จึงชื่อวา อวสิสฺสน), [อว + สิส ธาตุ อสพฺพโยเค ในความไมประกอบทั้งหมด + ย ปจจัยประจำ หมวดธาตุ + ยุ ปจจัยแปลงเปน อ, แปลง ย เปน ส] อวสิฏฺ (ติ.) เหลือ, คงเหลืออยู, คางอยูแลว ๑. วิ. อวเสสิตพฺพนฺติ อวสิํ (อันสิ่งนั้นเหลือ ลง เหตุนั้น ชื่อวา อวสิํ), [อว + สิส ธาตุ สิส เน ในความเหลือ + ต ปจจัย, กจฺ.๕๗๓ รูป. ๖๒๖ วา สาทิสนฺตปุจฺฉภนฺชหํสาทีหิ โ] ๒. เหลือลงแลว วิ. อวเสสิตฺถาติ อวสิโ (เดือนเปนตนใดเหลือลงแลว เหตุนั้น เดือน เปนตนนั้น ชื่อวา อวสิ), [อว + สิส ธาตุ เสเส ในความเหลือ + ต ปจจัย, แปลง ต เปน , แปลง ส เปน ฏ] อวสิต (ติ.) สำเร็จแลว, กำหนดรูชัดแลว วิ. อวสิยเตติ อวสิตํ อวสานคตํ, โอสิตํ วา, (สิ่งใดอันเขาทำใหเบาบางลง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อ วา อวสิต คือสำเร็จแลว หรือถึงที่สุดแลว), [อว + สา ธาตุ ตนุกรณาวสาเนสุ ในความทำใหเบา บางและที่สุด + ต ปจจัย + แปลง อา เปน อิ, แปลง โอ เปน อว] วิ. อวสฺยิตฺถาติ อวสิตํ าตํ (สิ่งใดอันเขาทำใหเบาบางแลว เหตุนั้น ส่งินั้นชอื่ วา อวสิต ไดแก รูชัดแลว), [อว + โส ธาตุ นิสานนาสเน ในการทำใหบาง + ต ปจจัย + อิ อาคม], ศัพทนี้เปน ๓ ลิงค อวสีทน (นปุ.) จมลง, ดิ่งลง วิ. อวสีทตีติ อวสีทนํ (ธรรมชาติใดยอมจมลง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวสีทน), [อว + สีท ธาตุ อวสีทเน ในการจมลง ตามนัย สทฺทนีติ ธาตุ มาลา + ยุ ปจจัยในอรรถกัตตุ แปลงเปน อน] อวสฺสการี (ติ.) ผูจะตองทำอยางนั้นแนนอน วิ. อวสฺสํ กโรตีติ อวสฺสการี (ผูใดยอมกระทำแน แท เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวสฺสการี), [อวสฺส + กร ธาตุ กรเณ ในความกระทำ + ณี ปจจัย, ทีฆะ อ เปน อา] นัยเดียวกัน อุณฺหโภชี (ผูบริโภคของ รอนเปนปกติ), ภุช ธาตุ พฺยวหรเณ ในการกิน. ภายี(ผูกลัวโดยปกติ), ภี/เภ ธาตุในความกลัว ปลายี (ผูหนีไปเปนปกติ) ปเล ธาตุ คติยํ ใน ความไป ติณลายี (ผูตัดซึ่งหญาเปนปกติ) เล ธาตุ เฉทเน ในความตัด. ภูมิสายี (ผูนอนบนพื้น เปนปกติ) สิ/สี ธาตุ สเย ในความนอน, เชาปจายี (ผูบูชาผูเจริญเปนปกติ) เจ ธาตุ ปูชายํ ในความบูชา, แปลง เอ เปน อาย อทินฺนาทายี (ผูถือเอาของที่เขาไมใหเปนปกติ), อนฺนทายี
๒๔๐ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา (ผูใหขาวเปนปกติ) ทา ธาตุ ทาเน ในความให. มชฺชปายี (ผูดื่มน้ำเมาเปนปกติ) ขีรปายี (ผูดื่ม น้ำนมเปนปกติ) ปา ธาตุ ปาเน ในความดื่ม, ลง ณี ปจจัย โมคฺ.๕/๕๓ สีลาภิกฺขฺาวสฺสเกสุ ณี, ในเพราะ อา ลง ย อาคม โมคฺ.๕/๙๑ วา อาสฺ- สาณาปมฺหิ ยุกฺ] อวสฺสกนฺติ อายตึ อวสฺสํภาวี อวสฺสกํ. (สำหรับในคำวา อวสฺสกํ วิ. ความเปน อยางนั้นแนแทตอๆ ไป ชื่อวา อวสสฺก) อวสฺสย (ปุ.) ที่พึ่ง, ที่อาศัย, ที่พึ่งอาศัย วิ. อวสฺสยติ เอตฺถาติ อวสฺสโย, ปติา (เขา ยอมอาศัยในที่นั้น เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อวสฺสย คือที่พึ่ง), [อว + สิ/สี ธาตุ สเย ในความนอน + อ ปจจัย, แปลง อิวัณณะ เปน อย, ซอน สฺ] อวสฺสฏ (ติ.) ผูออกไป, ผูเขารีตเดียรถีย วิ. อวสฺสรีติ อวสฺสฏา, ติตฺถายนํ สงฺกนฺตาติ อตฺโถ (ภิกษุณีใดออกไปแลว เหตุนั้น ภิกษุณีนั้น ชื่อวา อวสฺสฏา หมายถึง ภิกษุณีไปเขารีต เดียรถีย), [อว + สร ธาตุ คติมฺหิ ในความไป + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง ต เปน ฏ] อวสฺสาย (กิ.กิตฺ.) พึ่งพิงแลว, อาศัยแลว วิ. อวสฺสยิตฺวาติ อวสฺสาย (พึ่งแลว ชื่อวา อวสฺสาย), [อว + สิ ธาตุ สเย ในความนอน + ตฺวา ปจจัย, แปลง ตฺวา เปน ปฺย, ในเพราะ อำนาจ ปฺย แปลง อิ เปน อา] นัยเดียวกัน อวสฺสยิตฺวา (พึ่งพิงแลว) แปลง อิ เปน อย นิรุตฺติ.๗๖๓ อวสฺสุต (ติ.) ชุม, เปยก, ชื้น วิ. อวสฺสูยเตติ อวสฺสุตํ ตินฺโต (สิ่งใดอันน้ำชุมไหลออกอยู เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวสฺสุต คือเปยก), [อว + สุ ธาตุ อวสฺสุเต ในความชื้น หรือ สุท ธาตุ ปคฺฆรเณ ในความไหลออก + ต ปจจัย] สวนใน วินัย วา ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสานุสฺสวเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุโตติ (ชื่อวาผูอันกิเลสใหชุม เพราะชุมดวยกิเลสมีราคะเปนตนไหลอาบเขา ทางทวาร ๖), อนวสฺสุโต (ไมถูกราคะเปนตน ใหชุม) ดวย น ปฏิเสธ, ปฏิฆอวสฺสเวน ราคาวสฺสเวน วา อนวสฺสุโตติ อตฺโถ.(ความวา ไมถูกทำใหชุม ดวยอาสวะคือปฏิฆะ หรือดวย อาสวะคือราคะ), นัยเดียวกัน อวสฺสโว อ ปจจัย, อวสฺสวนํ ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ อวเสจก (ติ.) อันเขาราดขึ้นขางบน, อันเขาซัด สาดไป วิ. อุทฺธํ สิฺจิยเตติ อวเสจโก (สิ่งใดอัน เขาราดขึ้นขางบน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวเสจก), [อุ + สิจ ธาตุ สิฺจเน ในความราด + ณฺวุ ปจจัย แปลงเปน อก, แปลง อุ เปน โอ แปลง โอ เปน อว, แปลง อิ เปน เอ] อวเสส (ติ.) อันเหลือลง, เหลือ วิ. อวสิสฺสตีติ อวเสโส อวเสสํ (สิ่งใดยอมเหลือลง เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวเสส), [อว + สิส ธาตุ อสพฺพโยเค ในความเหลือคือไมประกอบหมด + ณ ปจจัย, แปลง อิ เปน เอ, ลบ ณ อนุพันธ] อวหฏ (ติ.) นำแลว, ลักแลว, อันเขานำไปแลว, อันเขาลักไปแลว วิ. อวหริตฺถ อวหรียิตฺถาติ วา อวหโฏ (ผูใดนำไปแลว หรือสิ่งใดอันเขานำไป แลว เหตุนั้นชื่อวา อวหฏ), [อว + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง ต เปน ฏ], นัยเดียวกัน อวหริตพฺพํ (อันเขาพึง นำไป) ตพฺพ ปจจัย แตในบางแหง ความหมาย วา เหา หริตพฺพํ ปาเตตพฺพํ(สิ่งที่เขานำไปคอื ใหตกไปขางลาง) อวหน (นปุ.) การบูชา วิ. อวหุติ อวหนํ ปูชา (การเซนสรวงบูชา ชื่อวา อวหน คือการบูชา), [อว + หุ ธาตุ ปูชายํ ในการบูชา + ยุ ปจจัย] ปาหุนํ ป บทหนา, อาหุนํ อา บทหนา ก็นัยนี้
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๔๑ อวหรนฺต (ติ.) ถือไป, นำไป, ลักไป วิ. อวหรตีติ อวหรนฺโต (ผูใดนำไปอยู เหตุนั้น ผูนั้น ชื่อวา อว หรนฺต), [อว + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + อนฺต ปจจัยกัตตุวาจก] อวหรมาโน (นำไปอยู) มาน ปจจัย, อวหริยมาโน (อันเขานำไปอยู) ย และ มาน ปจจัยในอรรถกรรม + อิ อาคม อวหานิ (นปุ.) ความเสื่อมลง, การลดลง วิ. อวหิยฺยเต อวหานิ(อันส่งินั้นลดลง ชื่อวา อว หานิ), [อว + หา ธาตุ จาเค ในความสละ + นิ ปจจัย โมคฺ.๕/๕๐ วา ชาหาหิ นิ] นัยเดียวกัน ปริหานิ (ความเสื่อมรอบ) ปริ บทหนา ชานิ (ความเสื่อม) ชา ธาตุ หานิยํ ในความเสื่อม + นิ ปจจัย วิ. ชิยฺยเต ชานิ(อันสิ่งนั้นเสื่อมอยู ชื่อวา ชานิ) วิ. อวหายนํ อวหานิ (ความเสื่อม ชื่อวา อวหานิ), [อว + หา ธาตุ ปริหานิยํ ในความ เสื่อม + ติ ปจจัย แปลงเปน นิ] อวหาร (ปุ.) การลัก, การขโมย วิ. เหา กตวฺา หรณํ อวหาโร, โจรกมฺมํ, โอหาโร วา (การ กระทำไวภายใตนำไป ชื่อวา อวหาร ไดแก โจรกรรม หรือปลงลง), [อว + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อ เปน อา] นัยเดียวกัน สํหาโร สํ บท หนา, อวหรณํ ยุ ปจจัย อวฺหย (ปุ.) ชื่อ, นาม, คำเรียก ๑. วิ. อวฺหยเตติ อวฺหโย นามํ (สิ่งใดอันเขาเรียก เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวฺหย คือชื่อ), [อวฺห ธาตุ โวหาเร ในการ เรียก + ณฺย ปจจัย] ๒. วิ. อหฺวายเตติ อวฺหโย (ชื่อใดอันเขาเรียก เหตุนั้น ชื่อนั้นชื่อวา อวฺหย), [อา + วฺเห ธาตุ อวฺหายเน ในความเรียก + ย ปจจัย กรรมวาจก, รัสสะ อา, แปลง เอ เปน อ] ในวิเคราะห คำวา อหฺวายเต นั้น ห อักษรเปน วิปลลาส คือสลับอักษร ๓. วิ. วฺหียตีติ วฺหโย นามํ (คำใดอันเขาเรียก เหตุนั้น คำนั้นชื่อวา วฺหย), [วฺเห ธาตุ อวฺหาเน ในการรองเรียก + อณ ปจจัย นิรุตฺติ.๗๘๔ วา กฺวจณ, แปลง เอ เปน อา ดวยมหาสูตร แลวรัสสะ], อา บทหนา สำเร็จรูปเปน อวฺหโย, รัสสะ อา อุปสัค ๔. วิ. อาวฺหาตพฺโพติ อวฺหโย (สิ่งใดอันเขาพึง รองเรียก เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวฺหย) ๕. ใน สทฺทนีติสุตฺตมาลา วิ. อวฺหาตพฺพนฺติ อวฺหยํ, นามํ (คำใดอันเขาพึงเรียก เหตุนั้น คำ นั้นชื่อวา อวฺหย คือชื่อ) เชน กุมาโร จนฺทสวฺหโย (พระกุมารมีพระนามวาจันทะ) ในตัวอยางนี้ จนฺทสวฺหโย วิ. จนฺโท อิติ สห อวฺหเยน วตฺตติ โย กุมาโร โส จนฺทสวฺหโย (พระกุมารใดเปนไป กับดวยพระนามวา จันทะ พระกุมารนั้น มีพระ นามวา จันทะ), ลบ ห แหง สห หรือแปลง สห เปน ส ดวยสูตร กจฺ.๔๐๔ รูป.๓๗๐ เตสุ วุทฺธิ เปนตน, สวนพระอรรถกถาจารยอธิบายไววา จนฺทสวฺหโยติ จนฺทสทฺเทน อวฺหาตพฺโพ (ขอวา มีพระนามวาจันทะ หมายความวา พระการอัน เขาพึงเรียกดวยศัพทวา จันทะ, ในที่นี้เปน ประดุจกลาวการลบ ทฺท แหง สทฺท อวฺหา (อิตฺ.นปุ.) ชื่อ, สมัญญา ๑. วิ. อวฺหายเต เอตายาติ อวฺหา สมฺา (บุคคลเขาเรียกดวย วาจานั่น เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวฺหา คือ สมัญญา), [อา + เวฺห ธาตุ อวฺหายเน ในการ เรียก + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, รัสสะ อา เปน อ] ๒. วิ. อหฺวยเต เอตายาติ อวฺหา (บุคคลอันเขาสงเสียงเรียกดวยวาจานั่น เหตุนนั้ วาจานั้น ชื่อวา อวฺหา), [อา + หุ ธาตุ สทฺเท ใน การออกเสียง + อ ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค, แปลง อุ เปน อว, สลับ หว เปน วห เชน พหฺวา พาโธ สลับเปน พวฺหาพาโธ ๓. วิ. อวฺเหตพฺพํ
๒๔๒ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา โวหริตพฺพนฺติ อวฺหํ (คำใดอันเขาพึงเรียก เหตุนั้น คำนั้น ชื่อวา อวฺหํ), [อา + วฺเห ธาตุ อวฺหยเน ใน การเรียก + กฺวิ ปจจัย, เพราะมีพยัญชนะอยู หลัง รัสสะ อา เปน อ], อวฺหาตพฺโพ (อันเขาพึง เรียก) ตพฺพ กรรมวาจก, แปลง เอ เปน อา, อวฺหิโต (อันเขาเรียกแลว) ต กรรมวาจก, อิ อาคม อวาจี (อิตฺ.) ทิศใต ๑. วิ. อวฺจติ อโธมุขี ภวติ ยสฺสํ รวิ สา อวาจี, อปาจี (พระอาทิตยคลอยไป คือกมหนาไปในทิศใด ทิศนั้นชื่อวา อวาจี, อปาจี), [อว + อฺจ ธาตุ อโธมุขีภาเว ในความ กมหนาไป + อ ปจจัย + อี ปจจัยในอิตถีลิงค, ลบ และทีฆะ อ เปน อา] วิ. มชฺเฌ อปายํ อฺจติ ยสฺสํ รวิ, สา อปาจี (พระอาทิตยไป ทามกลาง ในทิศใด ทิศนั้นชื่อวา อปาจี), อป ศัพทในที่นี้ใชในอรรถวา ทามกลาง เชน อปทิสนฺติ ๒.วิ.อุณฺหาทิเกวาตพฺพิโยเคกโรนโฺต ยสฺสํ รวิ อฺจติ, สา อวาจี (พระอาทิตยทำหนา ปราศจากความรอน เปนตน เคลื่อนไป ในทิศใด เหตุนั้น ทิศนั้นชื่อวา อวาจี ไดแก ทิศใต) อวาฏ (ปุ.) บอ, หลุม, โพรงใตดิน วิ. อุทกํ อวติ รกฺขตีติ อวาโฏ กาสุ (สิ่งใดยอมรักษาน้ำไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวาฏ คือหลุม), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + อาฏ ปจจัย], เทียบ อาวาฏ อวาปุรณ (นปุ.) กุญแจ ๑. วิ. อวาปุรติ วิวรติ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ กฺุจิกา (บุคคลยอม เปดประตูดวยอุปกรณนั่น เหตุนั้น อุปกรณนั้น ชื่อวา อวาปุรณ คือกุญแจ), [อว-อา + ปุร ธาตุ อคฺคคมเน ในการไปขางหนา + ยุ ปจจัยแปลง เปน อน, แปลงเปน ณ] ๒. วิ. อววุโณติ สํวรติ ทฺวารํ เอเตนาติอวาปูรณํ ตาโฬ (บุคคลยอมปด ประตูดวยอุปกรณนั่น เหตุนั้น อุปกรณนั้นชื่อวา อวาปูรณ), [อว + วุ ธาตุ สํวรเณ ในความปด + ยุ ปจจัย, ทีฆะ อ ที่ ว แหง อว อุปสัค, ทีฆะ อุ เปน อู, แปลง ว เปน ป, ร อาคม] ๓. วิ. อววรติ วิวรติ เอเตนาติ อวาปุรณํ (เขายอมเปดดวยสิ่ง นั้น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวาปุรณ), [อว + วร ธาตุ สํวรเณ ในความปด + ยุ, แปลง ว เปน ป, แปลง อ เปน อุ, ทีฆะ อ ที่ ว เปน อา] ๔. แตใน สทฺทนีติ ธาตุมาลา ฉบับแปล หนา ๔๒๐ วา อวาปุรนฺติ วิวรนฺติ ทฺวารํ เอเตนาติ อวาปุรณํ, ยํ กฺุจิกาติป ตาโฬติป วุจฺจตีติ. (ชนทั้งหลายยอม เปดประตูดวยสิ่งนั่น เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวาปุรณํ ซึ่งเรียกวา กุญแจ บาง ลูกดาล บาง), สำหรับใน อวาปุรณ นี้ ประกอบดวย [อว + อา + ปุร ธาตุ ในความเปด + ยุ ปจจัย] ๕. ใน อภิธานปฺปทีปกาฏีกา วา อวาปุรติ วิวรติ เยนาติ อวาปุรณํ (ชนยอมเปดดวยสิ่งใด เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวาปุรณ), [วร ธาตุ สํวรเณ ในความปด + ยุ ปจจัย, แปลง ว เปน ป, แปลง อ เปน อุ, ทีฆะ อ ที่ อว อุปสัค], ลง ปุร ธาตุ ในความเปด ก็ได เพราะตัวอยางวา อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา (ประตูแหงพระนิพพานอันทานเหลานั้น เปดแลว) ปาร ธาตุในความปด ก็วา, วุ ธาตุ มี อว เปนบทหนาในความปด (สํวรเณ) แปลง ว เปน ร, ทีฆะอุปสัค สำเร็จรูปเปน อปารุตา สวน บทสำเรจ็แปลง ว เปน ป เชน สงฺฆาฏึ ปารุปตฺวา (หมสังฆาฏิ) อวิ (ปุ.) ๑. ภูเขา, กำแพง วิ. อวติ รกฺขตีติ อวิ ปพฺพโต ปากาโร จ (ธรรมชาติใดยอมรักษา คุมครอง เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิ ไดแก ภูเขา และกำแพง), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความ รักษา + อิ ปจจัย] ๒. แกะ วิ. อวียเต รกฺขียเตติ อวิ เมโส (สัตวใดอันเขายอมรักษาคุมครอง เหตุ
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๔๓ นั้น สัตวนั้นชื่อวา อวิ คือแกะ), [อว ธาตุ รกฺขเณ ในความรักษา + อิ ปจจัย], ปาฐะวา อชี ก็มี, อวิ ศัพทเปนอิการันตในปุงลิงค อวิกล (ติ.) ไมวิกล, ไมผิดรูป, ไมบกพรอง, บริบูรณ วิ. วิรูป กลติ คจฺฉตีติ วิกโล (สิ่งใดไป ผิดรูป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา วิกล), [วิ + กล ธาตุ คติยํ ในความไป + อ ปจจัย] วิ. นตฺถิ กิฺจิ วิกลํ เอติสฺสา ราชิยาติ อวิกลา, ปาทราชิ. (ความผิด รูปหนอยหนึ่งแหงรอยพระบาทนั่น ไมมี เหตุนั้น รอยพระบาทนั้น ชื่อวา อวิกลา), ปาททฺวเย ปริพฺยตฺตํ สณฺานรูป กิฺจิ วิกลํ นตฺถีติ อตฺโถ. (ความวา รูปสัณฐานชัดเจนที่พระบาททั้งสอง ความพิกลหนอยหนึ่งก็ไมมี) นมกฺการฏีกา.๑๔ อวิกฺเขป (ปุ.) สมาธิ, เอกัคคตา, ไมมีความ ฟุงซาน ๑. วิ. นตฺถิ วิกฺเขโป เอตฺถาติ อวิกฺเขโป สมาธิ(ความฟุงซานไมมีในธรรมชาตนิั้น เหตุนนั้ ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิกฺเขป คือสมาธิ), ๒. อวิกฺเขปนํ อวิกฺเขโป เอกคฺคตา (ความไม ฟุงซานไป ขื่อวา อวิกฺเขป คือความที่จิตดี อารมณเดียวเปนเลิศ), [น + วิ + ขิป ธาตุ ขิปเน ในความซัดไป + ณ ปจจัย] ๓. วิ. สยํ น วิกฺขิปติ, สมฺปยุตฺตา วา น วิกฺขิปนฺติ เอเตนาติ อวิกฺเขโป, ยถา อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธีติ (ธรรมชาติใด ไมซัดสายไปเสียเอง หรือไมเปน เหตุซัดซายไปแหงสัมปยุตธรรม เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิกฺเขป), [น + วิ + ขิป ธาตุ ขิปเน ในความซัดซายไป + ณ], ปาฐะวา อวิกฺขิตฺตํ ก็มี ความหมายเดียวกัน บทนี้ลง ต ปจจัย, ในคำวา อวิกฺขิตฺต นี้มีความหมายวา จิต ที่ไมซัดซายไป คือกุศลจิต วิ. วิวิเธ อารมฺมเณ ขิตฺตํ เปสิตํ วิกฺขิตฺตํ, อุทฺธจฺจวิจิกิจฺฉาทิปเรตํ อสมาหิตํ จิตฺตํ, น วิกฺขิตฺตํ อวิกฺขิตฺตํ, ตปฺปฏิปกฺขํ สมาหิตํ กุสลจิตฺตํ. (จิตที่ซัดซายไปในอารมณ ตางๆ ชื่อวา วิกฺขิตฺต, คือจิตที่ไมตั้งมั่น ถูก อุทธัจจและวิจิกิจฉาเปนตนครอบงำ, จิตที่ไมซัด ซายไปชื่อวา อวิกฺขิตฺต, คือ กุศลจิต ที่ตั้งมั่น ตรงกับขามอกุศลจิตนั้น) อวิคฺคห (ปุ.) ๑. กิเลสมาร, มารที่ไมมีราง วิ. นตฺถิ วิคฺคโห สรีรเมตสฺสาติ อวิคฺคโห มาโร. (รางกายของมารนั่นไมมี เหตุนั้น มารนั้นชื่อวา อวิคฺคห คือมาร), เปน นปุพฺพปทพหุพฺพีหิสมาส. ๒. ไมผิด, ไมเปนปฏิปกษ ในที่บางแหง อวิคฺคห หมายถึง อวิโรโธ (ไมผิด) อปฺปฏิปกฺโข สภาโว (สภาวะที่ไมเปนปฏิปกษ) และบางแหง อวิคฺค โห เปนรุฬหีนาม อวิจฺเฉท (ปุ.) ตอเน่อืง, ไมมีชองวาง, ไมขาดสาย ๑. วิ. นตฺถิ วิจฺเฉโท เอตสฺสาติ อวิจฺเฉโท (การ ขาดเปนชอง ของธรรมชาตินั่นไมมี เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิจฺเฉท) ๒. วิ. วิจฺฉิชฺชตีติ วิจฺเฉโท (ธรรมชาติใดขาดไป เหตุนั้น ธรรมชาติ นั้นชื่อวา วิจฺเฉท), [วิ + ฉิทิ ธาตุ วิจฺเฉทเน ใน ความขาดไป + ณ ปจจัย, พฤทธิ์ อิ เปน เอ, ซอน จฺ] วิ. น วิจฺเฉโท อวิจฺเฉโท (การขาดไปหา มิได ชื่อวา อวิจฺเฉท), แปลง น เปน อ อวิจาริต (ติ.) ไมวิจารณ, ไมพิจารณา, หุนหัน พลันแลน วิ. น วิจาริตํ อวิจาริตํ (การไม พิจารณา ชื่อวา อวิจาริต), [น + วิ + จร ธาตุ วิจารเณ ในการพิจารณา + เณ ปจจัยในหมวด จุร ธาตุ + ต ปจจัย กรรมวาจก + อิ อาคม, ลบ ณ อนุพันธ และพฤทธิ์ อ เปน อา, ลบสระหนา คือ เอ ที่ เณ) อวิชฺชา (อิตฺ.) อวิชชา ๑. การไมรูตามสภาพ วิ. ธมฺมานํ ยถาสภาวํ น วิชานาตีติ อวิชฺชา, อฺาณํ. (ธรรมชาติใดไมรูธรรมตามสภาพที่
๒๔๔ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา เปน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิชฺชา คือ ความไมรู), [น + วิ + า ธาตุ าเณ ในความรู + อ ปจจัย กจฺ.๕๕๓ รูป.๕๙๙ วา อิตฺถยมติยโว วา, แปลง า เปน ชา, ซอน ชฺ, แปลง น เปน อ] ๒. การไมรูสัจจะ ๔ เปนตน วิ. จตุสจฺจาทิกํ วิชานาตีติ วิชฺชา, น วิชฺชา อวิชฺชา (ธรรมชาติใด รูสัจจะ ๔ เปนตน เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา วิชฺชา, ธรรมชาติที่รูหามิไดชื่อวา อวิชฺชา), นัยนี้ วิเคราะหสมาสมีกิตกเปนทอง ๓. การไมประสพ กายสุจริต วิ. วินฺทิยํ กายสุจริตํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใด ไมประสพกายสุจริต อันควรประสพ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิชฺชา), [น + วินฺท ธาตุ ลาเภ ในความได + ณฺย ปจจัย, ลบ นฺ, กจฺ. ๖๓๘ รูป. ๖๖๐ วา วชาทีหิ ปพฺพชฺชาทโย นิปจฺจนฺเต] วิ. อวินฺทิยํ วา กายทุจฺจริตาทึ วินฺทติ ปฏิลภตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใดประสพกายทุจริตเปนตน อันไม ควรประสบ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิชฺชา) อวินฺทิยนฺติ ทุจฺจริตํ ปุคฺคเลน ปูเรตุํ ยุตฺตเน อลทฺธพฺพํ (คำวา อวินฺทิย หมายถึง ทุจริต อันบุคคลไมพึงได เพราะอรรถวาไมควร บำเพ็ญ), อวินฺทิยวินฺทาติ วตฺตพฺเพ วณฺณาคมวิปริยายวิการวินาสธาตุอตฺถวิเสสโยเคหิ ปฺจวิธสฺส นิรุตฺติลกฺขณสฺส วเสน ปุริมปเท อการวิกาเร, ปจฺฉิมปเท ทการฺจ คเหตฺวา, ปุริมปเท วา อการเมว, ปจฺฉิมปเท วิการทกาเร จ คเหตฺวา, อฺเสฺจ วณฺณานํ โลป, ยการสฺส จ อาคมํ, ตํสหิตสฺส จ ทการสฺส ชการํ, ตสฺส จ ทฺวิตฺตํ กตฺวา อวิชฺชาติ วุตฺตํ. (คำวา อวิชฺชา นี้ ที่จริงควรสำเร็จเปน อวินฺทิยวินฺทา แตดวย อำนาจแหงนิรุตตินัย ๕ อยางคืออาคม สลับ อักษร เปลี่ยนอักษร ลบอักษร และประกอบดวย อรรถพิเศษของธาตุ ทานจึงถือเอา อ อักษร วิ อักษร ในบทตน และ ท อักษรในบททาย หรือ อ อักษรนั่นเอง วิ และ ท อักษรในบททาย แลว ลบอักษรที่เหลือทั้งหมด แลวลง ย อาคม แปลง ท และ ย ที่ประกอบกันเปนช ซอน ชฺสำเร็จรูป เปน อวิชฺชา) ๔. อวิชชา, สภาพยังหมูสัตวให แลนไปในสงสารอันปราศจากที่สุด วิ. อนฺตวิรหิเต สํสาเร สพฺพโยนิคติวิฺาณ- ิติสตฺตาวาเสสุ สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใดยังหมูสัตวใหแลนไปในกำเนิด ภพ คติ วิญญาณฐิติ และสัตตาวาสทั้งปวงในสงสาร อันปราศจากที่สุด เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิชฺชา), [อนฺตวิรหิต + ชุ ธาตุ คติมฺหิ ในความ ไป + อ ปจจัย], ตามนัยนี้ควรสำเร็จรูปตามปกติ วา อนฺตรวิรหิตชวา แตทานก็ทำใหสำเร็จเปน อวิชฺชา โดยนิรุตตินัย ๕. ความไมรู วิ. น วิทตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใดไมรู เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิชฺชา), [น + วิท ธาตุ าเณ ในความรู + ย ปจจัย อา ปจจัยในอิตถีลิงค] ๖. ธรรมชาติ ทำอรรถแหงอริยสัจไมใหปรากฏ วิ. ขนฺธานํ ราสํ, อายตนานํ อายตนํ, ธาตูนํ สฺุํ, สจฺจานํ ตถํ, อินฺทริยานํ อธิปติยํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใด ทำอรรถคือความ เปนกองแหงขันธ ไมใหปรากฏ ทำอรรถคือ ความเปนเครื่องสืบตอแหงอายตนะ ไมให ปรากฏ ทำอรรถคือความวางเปลาแหงธาตุ ไมใหปรากฏ ทำอรรถคือความจริงแหงสัจจะ ไมใหปรากฏ ทำอรรถคือความเปนใหญแหง อินทรีย ไมใหปรากฏ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อ วา อวิชฺชา) วิ. ทุกฺขาทีนํ ปฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา โมโห (ธรรมชาติใดยอมทำอรรถ ๔ อยาง ที่กลาว
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๔๕ มาแลว ดวยสามารถแหงอาการมีความบีบคั้น เปนตนแหงสัจจะมีทุกขเปนตน ไมใหปรากฏ เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิชฺชา คือ โมหะ), นัยนี้ ควรสำเร็จรูปเปน อวิทิตกรา แตสำเร็จรูป เปน อวิชฺชา โดยนิรุตตินัย ๗. ธรรมชาติแลนไป ในหญิงชายเปนตน ไมแลนไปในขันธเปนตน วิ. ปรมตฺถโต อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถีปุริสาทีสุ ชวติ วิชฺชมาเนสุป ขนฺธาทีสุ น ชวตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใดยอมแลนไปในหญิงชายเปนตน อัน ไมมีอยูโดยปรมัตถ ยอมไมแลนไปในธรรมมีขันธ เปนตน แมอันเปนของมีอยู เหตุนั้น ธรรมชาตินั้น ชื่อวา อวิชฺชา), [อวิชฺชมาน + ชุ ธาตุ ปวตฺตเน ในความเปนไป + ณ ปจจัย], นัยนี้ควรสำเร็จรปู เปน อวิชฺชมานชวา แตสำเร็จรูปเปน อวิชฺชา โดยนิรุตตินัย ๘. ธรรมชาติที่ทำใหไมปรากฏ วิ. อตฺตนิสฺสิตานํ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ปวตฺตาปนํ อุปฺปาทนํ อายนํ, สมฺโมหภาเวเนว อนภิสมยภูตตฺตา อวิทิตํ อฺาณีกโรติ อนฺตวิรเหเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา (ธรรมชาติใดทำที่เกิดแหง จักษุวิญญาณเปนตนซึ่งอาศัยตน ใหไมปรากฏ เพราะไมรูชัด เพราะความหลงนั่นเอง ใหสัตว เหลานั่นแลนไปในสงสารอันปราศจากที่สุด เหตุนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อวา อวิชฺชา), วณฺณาคมวิปริยายวิการวินาสธาตุอตฺถวิเสสโยโคหิ ปฺจวิธสฺส นิรุตฺติลกฺขณสฺส วเสน ตีสุป ปเทสุ อการวิการชกาเร คเหตฺวา อฺเสํ วณฺณานํ โลป กตฺวา ชการสฺส จ ทุติยสฺส อาคมํ กตฺวา อวิชฺชมานชวา อวิจาริตวิชฺชมานนชวาติวตฺตพฺเพ นิรุตฺตินเยน อวิชฺชาติ วุตฺตํ. (ควรสำเร็จรูปเปน อวิชฺชมานชวา อวิจาริตวิชฺชมานนชวา แตทานก็ใหสำเร็จรูปเปน อวิชฺชา โดยนิรุตตินัย เพราะการถือเอา อ อักษร วิ อักษร ช อักษร จาก ๓ บท ดวยอำนาจแหงนิรัตตินัย ๕ อยาง คืออาคม สลับอักษร เปลี่ยนอักษร ลบอักษร และประกอบดวยอรรถพิเศษของธาตุ แลวซอน ชฺ) ๙. ธรรมชาติที่ปดปฏิจจสมุปบาท วิ. อปจ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ ฉาทนโตป อวิชฺชา (ชื่อวา อวิชฺชา เพราะปกปดวัตถุและอารมณมี จักขุวิญญาณเปนตน และธรรมคือปฏิจจสมุปบาท); ในที่นี้ อวิชฺชา เปนอนิปผันนปาฏิปทิกบท คือบทที่ไมตองแยกองคประกอบออก มีความหมายวาปกปด โดยคือถือเปนไวพจนกัน คือ โมโห (ความหลง) อวิชฺชา (ความไมรูที่ ปดบัง) มิจฺฉาาณํ (ความเห็นผิด), อรรถกถาวา คำวา มิจฺฉาาณํ ไดแก โมหะ ที่เปนไปดวย การคิดหาอุบายทำบาป, แตใน ปรมตฺถทีปนีฏีกา วา อวิชฺชาย จ อปฺปฏิปตฺติมิจฺฉาปฏิปตฺติวเสน ทุวิธภาโว วุตฺโต. เอตฺถ จ อปฺปฏิปตฺตีติ กลฺยาณปกฺเข อฺาณเมว วุจฺจติ. มิจฺฉาปฏิ- ปตฺตีติ ปาปปกฺเข มิจฺฉาาณเมว วุจฺจตีติ. ตถา หิ ปาปปกฺขํ ปตฺวา ปฺจธมฺมา าณคติกา โหนฺติ โมโห โลโภ ทิิ วิตกฺโก วิจาโรติ. จิตฺเตน ปน สทฺธึ ฉพฺพิธา โหนฺติ. (อวิชชามี ๒ อยางคือ การ ไมปฏิบัติและการปฏิบัติผิด คำวา การไมปฏิบัติ ในที่นี้ หมายถึง การไมรู ในฝายดี คำวา การ ปฏิบัติผิด หมายถึง การรูผิด ในฝายไมดี, ฉะนั้น ญาณคติธรรม ๕ อยาง มีคติคลายปญหา แต เปนธรรมฝายไมดี คือโมหะ โลภะ ทิฏฐิ วิตก และวิจาร แตรวมกับจิตเปน ๖) เตหิ ปกติยา วิฺุชาติเกสุ สุตปริยตฺติสมฺปนฺเนสุ จ อุปฺปนฺนา ปาปกิริยาสุ ตํตํอุปายทสฺสนวเสน เตสํ ตตฺถ เฉกภาวํ ปฏิพลภาวฺจ สาเธนฺตีติ. (โดยปกติ ในบรรดาผูที่มีชาติแหงผูรูและสมบูรณดวย
๒๔๖ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา การศึกษาเลาเรียนมา สัตวที่เกิดขึ้น เพราะญาณ คติธรรมเหลานั้น ก็สามารถใหพวกเขาสำเร็จ เปนผถูนัดและสามารถในการทำบาปนั้น เพราะ เห็นอุบายนั้นๆ ในการทำบาป) อวิชฺชาปจฺจย (ปุ.) อวิชชาปจจัย, อวิชชาเปน ปจจัย วิ. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย (อวิชชานั้นดวย เปนปจจัยดวย เหตุนั้น ชื่อวา อวิชฺชาปจฺจย), นัยเดียวกัน วินยปริยตฺติ, วินยปฏกํ, สีลคุโณ, สีลปติา เปนตน, สำหรับ วิเคราะหในกรณีเชนนี้ ศัพททั้งหลายในบท วิเคราะหแมลิงควจนะตางกัน แตสมาสเปน ความเดียวกัน ทานถือเปน ตุลฺยาธิกรณ อวิต (ติ.) อันเขารักษา, คุมครองแลว, ดูแลแลว วิ. อวิยเตติ อวิตํ, ปาลิตํ (สิ่งใด อันเขารักษา เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวิต คือรักษาแลว), [อว ธาตุ รกฺขเน ในความรักษา + ต ปจจัย กรรมวาจก + อิ อาคม] อวิตถ (ติ.นปุ.) สัจจะ, ความจริง, ไมใชภาวะที่ ไมมีความจริง วิ. นตฺถิ ตถํ สจฺจมตฺราติ วิตถํ, น วิตถํ อวิตถํ, สจฺจํ (ความจริง ไมมี ในภาวะนั้น เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา วิตถ, ไมใชภาวะที่ไมมี ความจริง ชื่อวา อวิตถ คือสัจจะ) อวิเธยฺย (ติ.) ไมควรเพื่อจะทำ, ไมควรดำรงไวได, ยกขึ้นไมไหว, ใชการไมได, อนัตตลักษณะ วิ. วิธาตุํ อรหตีติ วิเธยฺยํ, น วิเธยฺยํ อวิเธยฺยํ, อนตฺตลกฺขณํ (สิ่งใดควรเพื่ออันทำ เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา วิเธยฺย, ไมใชสิ่งที่ควรเพื่ออันทำ ชื่อวา อวิเธยฺย คืออนัตตลักษณะ), [น + วิ + ธา ธาตุ ธารเณ ในความทรงไว + ฆฺยณฺ ปจจัย, แปลง อา เปน เอ, ซอน ยฺ] อวินิพฺโภค (ติ.) อันแบงไมได, แยกไมได, ไมแนชัด ๑. วิ. นิภุชฺชนํ ปวตฺตนํ นิโภโค. นิโภโคว นิพฺโภโค. วิสุํ วิสุํ นิพฺโภโค วินิพฺโภโค (การแบง การเปนไป ชื่อวา นิโภโค, การแบง นั่นเอง ชื่อวา นิพฺโภโค, การแบงเปนสวนๆ ชื่อ วา วินิพฺโภโค), [วิ + นิ + ภุช ธาตุ ปวตฺตเน ใน ความเปนไป + ณ ปจจัย, แปลง ช เปน ค, กจฺ.๖๒๓ รูป.๕๕๔ วากคา จชานํ ] วิ. นตฺถิ วินิพฺโภโค เอตสฺสาติ อวินิพฺโภคํ (การแยกเปน สวนๆ ของสิ่งนั้นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวิ นิพฺโภค), นปุพฺพปท พหุพฺพีหิสมาส. ๒. ใน มณิสารมัญชูสา วา อถวา ภุชนํ ปวตฺตนํ โภโค, โสเยว นิพฺโภโค, วิสุํ วิสุํ นิพฺโภโค วินิพฺโภโค, นตฺถิ วินิพฺโภโค เอตสฺสาติ อวินิพฺโภคํ (อีกนัยหนึ่ง การแบง การเปนไป ชื่อวา โภโค, การแบงนั้นนั่นเอง ชื่อวา นิพฺโภโค, การแบงเปน สวนๆ ชื่อวา วินิพฺโภโค, การแบงเปนสวนๆ ของ สิ่งนั่นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวินิพฺโภค), นัยเดียวกัน อวินิพฺภุตฺตํ (อันเขาไมแบงแลว), [วิ + นิ + ภุช ธาตุ ต ปจจัย, ลบ ช, ซอน ตฺ] อวิปชฺชน (นปุ.) ความไมวิบัติ วิ. น วิปชฺชิยเต อวิปชฺชนํ(อันสิ่งนั้น ไมวิบัติอยูชื่อวาอวิปชฺชน)ํ, [น + วิ + ปท ธาตุ คติยํ ในความไป + ย ปจจัย ประจำหมวดธาตุ + ยุ ปจจัย แปลงเปน อน, แปลง ทฺย เปน ชฺช เปนตน], อวิปชฺช (ไมวิบัติ แลว) ตฺวา ปจจัย, การแยกธาตุปจจัยเปนตนพึง ดู วิปชฺช ขางหนา อวิปฺปฏิสาร (นปุ.) ความไมเดือดรอน วิ. วิรูโป ปฏิสาโร วิปฺปฏิสาโร (ความเดือนรอนผิดปกติ ชื่อวา วิปฺปฏิสาโร), [วิ + ปฏิ + สร ธาตุ จินฺตาย ในความคิด + ณ, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อ เปน อา] วิ. น วิปฺปฏิสาโร อวิปฺปฏิสาโร (ไมใชความ เดือดรอนผิดปกติ ชื่อวา อวิปฺปฏิสาร), น ในที่นี้ เปน ปสัชชัปปฏิเสธ (ปฏิเสธที่กลาวโดยตรง
พจนานุกรมบาลี-ไทย ๒๔๗ อยางสิ้นเชิง) ปาปปฺุานํ กตากตานุโสจนวเสน ปวตฺตจิตฺตวิปฺปฏิสาราภาโวติ อตฺโถ (อวิปฺปฏิสาโร หมายถึง ไมมีความเดือดรอนแหง จิตที่เปนไปดวยอำนาจแหงการทำบาปและไมได ทำบุญ), เอตฺถ จ ปฏิอุปสคฺโค ปาิภาสานยํ คเหตฺวา ปติสฺส ปฏิอาเทสวเสน ตถา วุตฺโตติ ทพฺโพ. สกฺกตภาสานเยน ปน ปฺรติ ปติ อิติ รูป ภวติ. (สำหรับ ปฏิ ในที่นี้ ถือตามนัยแหง ภาษาบาลี พึงทราบวาเปนอยางนั้นเพราะ อาเทศ ปติ เปน ปฏิ, แตวาตามนัยแหงภาษา สันสกฤต ไดรูปวา ปฺรติ ปติ) อวิรต (ติ.) เที่ยง, ทุกเมื่อ, เนืองๆ วิ. น วิรมตีติ อวิรตํ ธุวํ (สิ่งใดยอมไมวางเวน เหตุนั้น สิ่งนั้น ชื่อวา อวิรต คือแนนอน), [น + วิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, ลบ ม], นัยเดียวกัน อนารตํ [น + อา บทหนา] อวิรมิต (ติ.) ไมงดเวน วิ. น วิรมตีติ อวิรมิโต (ผูใดยอมไมงดเวน เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา อวิรมิต), [น + วิ + รมุ ธาตุ รมเน ในความยินดี + ต ปจจัยใชใน ๓ กาล เปนกัตตุวาจก + อิ อาคม] อวิรฬ (ติ.) ไมเวน, ตอเนื่อง, อเวจี, ไมทำลาย, ไมมีชองวาง วิ. วิรมตีติ วิรฬํ (สิ่งใดยอมเวน เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา วิรฬํ), [วิ + รมุ ธาตุ รมเณ ในความยินดี + อ ปจจัย, แปลง ม เปน ฬ] วิ. วีรฬตีติ วิรโฬ (สิ่งใดยอมไมทำลายไป เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา วิรโฬ), [วีรฬ ธาตุ เขปลชฺช เนสุ ในความซัดและความทำลาย + อ ปจจัย, รัสสะ อี เปน อิ] วิ. น วิรโฬ อวิรโฬ, อวีจิ (นรก ที่ไมทำลายไป ชื่อวา อวิรฬ คืออเวจี), วิ. วิวรติ ผุลฺลตีติ วิรโฬ (ที่ใดยอมแยมบาน เหตุนั้น ที่นั้น ชื่อวา วิรฬ), [วร ธาตุผุลฺลเน ในความแยมบาน + ฬ, แปลง อ เปน อิ] วิ. น วิรโฬ อวิรโฬ. นตฺถิ วิรโฬ เอตสฺสาติ อวิรโฬ, อวิวโร (ไมใช สิ่งที่ แยมบาน ชื่อวา อวิรฬ, การแยมบานของที่นั่น ไมมี เหตุนั้น ที่นั้นชื่อวา อวิรฬ คือไมมีชองวาง) อวิรุทฺธ (ติ.) ไมผิด, ไมขัดของ วิ. น วิรุชฺฌตีติ อวิรุทฺโธ อปณฺณโก (สิ่งใดยอมไมผิด เหตุนั้น สิ่ง นั้นชื่อวา อวิรุทฺธ คือไมผิด), [น + วิ + รุธิ ธาตุ อาวรเณ ในความปด + ต ปจจัย, แปลง น เปน อ, แ ป ลง ต เป น ธ, แป ลง ธ เป น ท ], อวิโรธนํ, ยุ ปจจัย แปลงเปน อน อวิโรธิ (ปุ.) ไมผิด, ไมมีความผิด วิ. วิรุชฺฌตีติ วิโรธิ (ภาวะใดยอมผิด เหตุนั้น ภาวะนั้นชื่อวา วิโรธิ), [วิ + รุธิ ธาตุ อาวรเณ ในความผิด + อิ ปจจัย กจฺ.๖๖๙ รูป.๖๗๙ วา มุนาทีหิ จิ + แปลง อุ เปน อ กจฺ.๔๘๕ รูป.๔๓๔ วา อฺเสุ จ] วิ. น วิโรธิ อวิโรธิ (ไมใชความผิด ชื่อวา อวิโรธิ), นัยเดียวกัน อวิโรโธ ณ ปจจัย, หมายถึง อวิคฺคโห (ไมใชความโตเถียง) อวิลงฺฆนียา (ติ.) โลกบัญญัติที่ไมควรขามไป, ไมควรมองขาม วิ. น วิลงฺฆนียา อวิลงฺฆนียา, [น + วิ + ลฆิ ธาตุ คตฺยกฺเขเป ในความกระโดด ขามไป + อนีย ปจจัย + อา ปจจัยในอิตถีลิงค + นิคหิตอาคม แปลงเปน งฺ สุดวรรค, อีก ประการหนึ่งลง อวิลงฺฆน + อีโย ปจจัยในอรรถ วาควร], ปาฐะวา อวิลงฺฆนิยา ลง อิย ปจจัย สัททนีติ ปทมาลา ฉบับแปล หนา ๒๕๐ อวิลมฺพิต (ติ.) ไมลาหลัง, ไมชา, เร็ว, ดวน วิ. น วิลมฺพียติ น โอหียตีติ อวิลมฺพิตํ ตุริตํ (สิ่ง ใดอันเขาไมหนวงเหนียวไว เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวิลมฺพิต คือเร็ว), [น + วิ + ลพิ ธาตุ อวสํสเน ในความหอยลง + ต ปจจัย, นิคหิตอาคม แปลง เปนพยัญชนะ มฺ + อิ อาคม]
๒๔๘ จฬูธาตุปัจจยโชตกิา อวิสฏ (ติ.) ไมซานไป, ไมแผกระจายไป วิ. อวิปฺปกิณฺณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ (สิ่งที่ไม กระจายไป ชื่อวา อวิกฺขิตฺต คือไมซานไป), [น + วิ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ต ปจจัย, ลบ ร, แปลง ฏ เปน ต วิ. นตฺถิ วิสฏํ อสฺสาติ อวิสฏํ, อวิตฺถตํ อวิตฺถิณฺณํ (การซานไปของสิ่งนั้นไมมี เหตุนั้น สิ่งนั้นชื่อวา อวิสฏ ไดแก ปกมั่น ไม แผซานไป) อวิสหนฺต (ติ.) ไมอดทน, ไมอดกลั้น วิ. วิสหตีติ วิสหนฺโต (ผูใดอดทนอยู เหตุนั้น ผูนั้นชื่อวา วิสหนฺต), [วิ + สห ธาตุ ปริสหเน ในความอดทน + อนฺต ปจจัย] วิ. น วิสหนฺโต อวิสหนฺโต (ผูไม อดทน ชื่อวา อวิสหนฺต), นปุพฺพปทกมฺมธารย สมาส, แปลง น เปน อ; อวิสหมาโน (ไมอด กลั้นอยู), มาน ปจจัย อวิสาร (ปุ.) ไมพรา, ไมแผกระจายขยายไป วิ. อวิสรณสภาโว อวิสาโร, วิสารสฺส พฺยคฺคภาวสฺส ปฏิปกฺโข สภาโว (สภาวะไมแผกระจาย ขยายไป ชื่อวา อวิสาร ไดแก สภาวะที่ตรงขาม กับการกระจายไป), [น + วิ + สร ธาตุ คติยํ ใน ความไป + ณ ปจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ อ เปน อา, อวิสรณํ, ยุ ปจจัย ภาวสาธนะ อวิสารี (ติ.) เสียงไมเครือพรา วิ. พหิทฺธาปริสา องฺคุลิมตฺตมฺป น วิสรติ น คจฺฉตีติ อวิสารี (เสียง ใดไมพราไปจากบริษัท แมเพียงองคุลีเดียว เหตุ นั้น เสียงนั้นชื่อวา อวิสารี), [ณี ปจจัย] วิ. วิวิเธน น สรตีติ อวิสารี, ฉินฺนสฺสรานํ วิย เทฺวธา น โหตีตฺยตฺโถ (เสียงใดไมแตกพราไป อยางตางๆ เหตุนั้น เสียงนั้นชื่อวา อวิสารี หมายถึงเสียงที่ขาดกระทอนกระแทน), [น + วิ + สร ธาตุ คติยํ ในความไป + ณี ปจจัย, ลบ ณ อนุพันธ, พฤทธิ์ อ เปน อา, แปลง น เปน อ] อวิสาหาร (ปุ.) ความไมสาย, ความแนวแน วิ.อุทฺธจฺจวิจิกิจฺฉาวเสน ปวตฺตสฺส วิสาหารสฺส ปฏิปกฺขโต อวิสาหาโร, อวิสาหรณนฺติ อตฺโถ. (ชื่อวา อวิสาหาร เพราะตรงขามกับการสายไป ดวยอำนาจอุทธัจจและวิจิกิจฉา หมายความวา ไมซานไป), ปฏิสํ.อ.๒/๑๓๗ วิ. อถ วา สหชาตธมฺเม น วิสาหรตีติ อวิสาหาโร, (อีกอยางหนึ่ง ในสหชาตธรรมจิตใดไมสายไป เหตุนั้น จิตนั้น ชื่อวา อวิสาหาร), สงฺคณี.อ.๓๐๙ [น + วิ + สํ + หร ธาตุ หรเณ ในความนำไป + ณ ปจจัย, แปลง น เปน อ, ลบนิคหิตแหง สํ ทีฆะ อ เปน อา ดวยสูตรแหง สทฺทนีติสตุ ฺเตน นีติ.สุตฺต.๑๕๕ วา สํสทฺเท ปรโลเป ปุพฺโพ ทีฆํ เชน สาราโค, สารตฺโตติ, ลบ ณ และทีฆะ อ ที่ อ เปน อา] วิ. วิวิเธน จิตฺตสฺส สหรณํ วิสาหาโร. น วิสาหาโร อวิสาหาโร (การรวบจิตไปอยางตางๆ ชื่อวา วิสาหาร, ไมใชการรวบจิตไปอยางตางๆ ชื่อวา อวิสาหาร), วิเคราะหนี้เปนสมาสมีกิตกในเปน ทอง อวิห (ปุ.) อวิหาพรหม, ชื่อพรหมชั้นสุทธาวาส ชั้นแรก, ๑. พรหมไมละที่ของตนแมชั่วเวลา เล็กนอย วิ. ปมตลวาสิโน อปฺปเกน กาเลน อตฺตโน านํ น วิชหนฺตีติ อวิหา (พวกพรหมผู อยูในชั้นที่ ๑ ชื่อวาอวิหา เพราะอรรถวา ไมละ ที่อยูของตนโดยกาลเล็กนอย), [น + วิ + หา ธาตุ จาเค ในความละ + อ ปจจัย] ๒. พรหมไม เสื่อมจากสมบัติของตน วิ. อตฺตโน สมฺปตฺติยา น วิหายนฺติ น หายนฺตีติ อวิหา (พรหมเหลาใด ไมละ คือไมเสื่อมจากสมบัติของตน เหตุนั้น พรหมเหลานั้นชื่อวา อวิหา) ที.อ.๒/๗๗ [น + วิ + หา ธาตุ จาเค ในความสละ + กฺวิ ปจจัย] ๓. พรหมผูที่ไมมีความลำบากใจ วิ. อถ วา