The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suppalerk22061, 2021-05-30 13:43:42

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์ 345

กิจกรรมนักเรยี น

กิจกรรมลูกเสอื / เนตรนำรี

การจัดกจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี มแี นวทางการจัดกจิ กรรมตามวิธีการลูกเสือ (Scout Method) ซ่ึงมี
องคป์ ระกอบ 7 ประการ คือ

1. คำปฏิญำณและกฎ ถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ลูกเสือทุกคนให้คาม่ันสัญญา ว่าจะปฏิบัติตามกฎของ
ลูกเสือ กฎของลกู เสอื มีไว้ให้ลกู เสอื เปน็ หลักในการปฏิบตั ิ ไมไ่ ด้“ห้าม” ทา หรือ “บังคับ” ให้ทา แต่ถ้า“ทา” ก็
จะเกดิ ผลดีแกต่ วั เอง เป็นคนดี ไดร้ ับการยกย่องวา่ เป็นผู้มเี กยี รตเิ ช่อื ถอื ได้

2. เรียนรู้จำกกำรกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสาเร็จหรือไม่สาเร็จของผลงานอยู่ที่การ
กระทาของตนเอง ทาให้มีความรู้ที่ชัดเจน และสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ และท้าทาย
ความสามารถของตนเอง

3. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแท้จริงของการลูกเสือ เป็นพ้ืนฐานของการอยู่ร่วมกัน การยอมรับซ่ึงกัน
และกัน การแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซ่ึงเป็นการเรียนรู้ การใช้ประชาธิปไตย
เบ้ืองตน้

4. กำรใช้สญั ลกั ษณ์รว่ มกัน ฝึกใหม้ ีความเปน็ หนงึ่ เดยี วในการเป็นสมาชิกลูกเสอื เนตรนารี ดว้ ยการใช้
สัญลักษณ์ร่วมกัน ได้แก่ เคร่ืองแบบ เคร่ืองหมาย การทาความเคารพ รหัส คาปฏิญาณ กฎ คติพจน์ คาขวัญ
ธง เป็นต้น วิธีการน้ีจะช่วยให้ผู้เรียนตระหนักและภาคภูมิใจในการเป็นสมาชิกขององค์การลูกเสือโลก ซ่ึงมี
สมาชิกอย่ทู วั่ โลกและเปน็ องคก์ รทมี่ จี านวนสมาชกิ มากที่สดุ ในโลก

5. กำรศกึ ษำธรรมชำติ คอื ส่ิงสาคญั อันดับหนงึ่ ในกจิ กรรมลูกเสือ ธรรมชาติอันโปร่งใสตามชนบทป่า
เขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เป็นที่ปรารถนาอย่างย่ิงในการไปทากิจกรรมกับธรรมชาติ การปีนเขา ต้ังค่ายพัก
แรมในสุดสัปดาห์หรอื ตามวาระของการอย่คู ่ายพักแรม ตามกฎระเบียบ เป็นท่ีเสน่หาแก่เด็กทุกคน ถ้าขาดส่ิงน้ี
แล้ว กไ็ มเ่ รยี กว่าใช้ชวี ติ แบบลกู เสือ

6. ควำมก้ำวหน้ำในกำรเข้ำร่วมกิจกรรม กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดให้เด็กทาต้องให้มีความก้าวหน้าและ
ดึงดูดใจ สรา้ งใหเ้ กิดความกระตอื รือรน้ อยากทจ่ี ะทา และวตั ถุประสงคใ์ นการจดั แต่ละอย่างให้สัมพันธ์กับความ
หลากหลายในการพัฒนาตนเอง เกมการเลน่ ทส่ี นุกสนาน การแข่งขนั กันก็เปน็ ส่งิ ดงึ ดูดใจและเป็นการจงู ใจทด่ี ี

7. กำรสนับสนุนโดยผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่ช้ีแนะหนทางที่ถูกต้องให้แก่เด็ก เพ่ือให้เขาเกิดความมั่นใจ
ในการท่จี ะตดั สินใจกระทาสิ่งใดลงไป ทง้ั ค่มู คี วามตอ้ งการซึ่งกันและกัน เด็กก็ต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วยชี้นา ผู้ใหญ่
เองก็ตอ้ งการนาพาให้ไปสู่หนทางท่ีดี ให้ได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและดีท่ีสุด จึงเป็น การร่วมมือกันท้ังสอง
ฝา่ ย

346 หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชริ าวธุ ราษฎรอุปถมั ภ์

กจิ กรรมนักศึกษำวิชำทหำร

การสมคั รเขา้ รว่ มกจิ กรรมนักศึกษาวชิ าทหาร ตอ้ งมีคุณลกั ษณะและคุณสมบัติ ดังน้ี
1. เป็นชายหรือหญงิ ทีม่ ีสญั ชาติไทย
2. ไม่พกิ าร ทุพพลภาพ หรือมีโรคซง่ึ ไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ตามกฎหมาย ว่าด้วย
การรับราชการทหาร
3. มขี นาดรอบตวั น้าหนัก และความสูงตามสว่ นสมั พันธ์กัน
4. มคี วามประพฤติเรยี บร้อย
5. กาลงั ศึกษาอยู่ในสถานศึกษาที่หนว่ ยบัญชาการกาลังสารองเปดิ ทาการฝึกวชิ าทหาร
6. สาเร็จการศึกษาตั้งแต่ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่าข้ึนไป และมีผลการศึกษา ของช้ัน
มัธยมศึกษาปีท่ี 3 หรือเทียบเท่าตั้งแต่ 1.00 ขึ้นไป หรือนักเรียนท่ีเคยเป็นลูกเสือสามัญ รุ่นใหญ่ และสอบได้
วชิ าพิเศษไมน่ ้อยกวา่ 8 วิชา จะต้องมีผลการศึกษาของช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หรือเทียบเท่า ไม่ต่ากว่า 1.5 เว้น
แต่ผซู้ ึง่ สาเร็จการศกึ ษาต้ังแตช่ ั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 หรือ เทียบเทา่ ขน้ึ ไป และกาลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนช่างฝีมือ
ทหารของกระทรวงกลาโหม หรือกาลังศึกษา อยู่ในโรงเรียนตามท่ีกระทรวงกลาโหมกาหนด ไม่ต้องมีผล
การศกึ ษาของชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 หรือ เทยี บเทา่ ตามทก่ี องทพั บกกาหนด
7. นักศกึ ษาวิชาทหารจะต้องผ่านการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายตามที่กาหนด ดังนี้

7.1 ลุก-นงั่ 34 ครง้ั ภายในเวลา 2 นาที
7.2 ดันพ้ืนท่ี 22 ครัง้ ไมจ่ ากัดเวลา
7.3 วง่ิ ระยะทาง 800 เมตร ใชเ้ วลาไม่เกิน 3 นาที 15 วินาที
8. นักศกึ ษาหญิง จะต้องผา่ นการทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายตามท่กี าหนด ดงั น้ี
8.1 ลกุ -นั่ง 25 ครัง้ ภายในเวลา 2 นาที
8.2 ดนั พืน้ ที่ 15 ครั้ง ภายในเวลา 2 นาที (เดมิ ไม่จากัดเวลา)
8.3 วิง่ ระยะทาง 800 เมตร ใช้เวลาไมเ่ กนิ 4 นาที (เดมิ 5 นาท)ี

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอุปถัมภ์ 347

กิจกรรมชมุ นุม ชมรม

การจดั กจิ กรรมชุมนมุ ชมรมของสถานศกึ ษา สามารถปรบั ใชไ้ ด้ตามความเหมาะสม กบั บรบิ ท
และสภาพของสถานศกึ ษา ดงั น้ี

1. สถานศึกษาบริหารการจัดการให้ผู้เรียนดาเนินกิจกรรมได้หลากหลาย ท้ังรูปแบบ ภายในหรือ
ภายนอกหอ้ งเรยี น และระยะเวลาการจดั กจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมระยะเวลา 1 ภาคเรยี น กจิ กรรมระยะเวลา
1 ปกี ารศกึ ษา และกจิ กรรมระยะเวลามากกว่า 1 ปีการศึกษา

2. กรณีสถานศกึ ษามีการจดั ตง้ั ชมุ นมุ หรือชมรมอยแู่ ล้ว สถานศกึ ษาควรส ารวจความ สนใจของ
ผู้เรยี นในการเลือกเขา้ ร่วมชุมนุม ชมรม

3. กรณีทส่ี ถานศกึ ษายงั ไมม่ ีการจัดตงั้ ชุมนุม ชมรม ควรใหผ้ เู้ รียนรว่ มกันจดั ตัง้ ชุมนมุ ชมรม และ
เชิญครเู ป็นที่ปรึกษา โดยรว่ มกันดาเนินกิจกรรมชมุ นมุ ชมรม ตามระเบยี บปฏบิ ัติทีส่ ถานศึกษากาหนด

4. ครทู ่ีปรึกษากระตนุ้ และสง่ เสรมิ ให้ผเู้ รียนมกี ารถอดประสบการณแ์ ลกเปลยี่ นเรียนร้แู ละ
เผยแพร่กจิ กรรม

348 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชริ าวธุ ราษฎรอุปถมั ภ์

กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสำธำรณประโยชน์

การจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เน้นให้ผู้เรียนร่วมกันส ารวจและ วิเคราะห์สภาพ
ปัญหา ร่วมกันออกแบบการจัดกิจกรรม วางแผนการจัดกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรม ตามแผน ร่วมสรุปและ
ประเมินผลการจัดกิจกรรม ร่วมรายงานผล พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และ เผยแพร่ผลการจัดกิจกรรมการจัด
กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ผ้เู รยี นสามารถเลือกจดั กิจกรรมหรือ เขา้ รว่ มกิจกรรมได้ ดงั น้ี

1. จัดกิจกรรมภำยในโรงเรียน (กิจกรรมในวิถีชีวิตโรงเรียนเพื่อปลูกฝังจิตอาสา) เป็นกิจกรรมที่
ผเู้ รยี นและครทู ป่ี รกึ ษากิจกรรมร่วมกันวางแผนปฏบิ ัตกิ จิ กรรมจิตอาสาในวิถีชีวิตของ ชั้นเรียนและโรงเรียนจน
เกิดเปน็ นิสัยในการสมัครใจทางานต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ซ่ึงงาน เหล่านี้จะขยายขอบเขตจากใกล้
ตัวไปสูส่ งั คมที่อยู่ภายนอกได้

2. จัดกิจกรรมภำยนอกโรงเรียน (กิจกรรมอาสาสมัครเพ่ือสังคม) เป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียน ได้รับการ
สนับสนุนตามแผนการจัดกิจกรรม โดยให้ท ากิจกรรมด้วยความสมัครใจที่เป็นประโยชน์แก่ชุมชนและสังคม
โดยรวม แนวการจดั กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ มแี นวการจัดดังน้ี

2.1 จัดกิจกรรมในลักษณะบูรณำกำรใน 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ โดยผู้เรียนสามารถ จัดกิจกรรม
ตามองคค์ วามรู้ทไ่ี ด้จากการเรยี นรขู้ องแต่กลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ามความเหมาะสม

2.2 จัดกิจกรรมลักษณะโครงกำร / โครงงำน / กจิ กรรม หมายถึง กจิ กรรมทผ่ี ้เู รียนนาเสนอ การจัด
กิจกรรมต่อโรงเรียนเพ่ือขอความเห็นชอบในการจัดทาโครงการหรือโครงงาน หรือกิจกรรม ซึ่งมีระยะเวลา
เริ่มต้นและส้นิ สุดทชี่ ดั เจน

2.3 จัดกิจกรรมร่วมกับองค์กรอ่ืน หมายถึง กิจกรรมท่ีผู้เรียนอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรม กับ
หน่วยงานหรือองค์กรอ่ืน ๆ ท่ีจัดกิจกรรมในลักษณะเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ โดยผู้เรียน สามารถ
เลอื กเขา้ ร่วมกจิ กรรมได้ ดังน้ี

1) ร่วมกับหนว่ ยงานอนื่ ท่เี ขา้ มาจดั กจิ กรรมในโรงเรยี น
2) รว่ มกบั หน่วยงานอืน่ ที่จัดกจิ กรรมนอกโรงเรียน

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอปุ ถัมภ์ 349

โครงสรำ้ งกิจกรรมพัฒนำผ้เู รียน

โครงสร้างเวลาการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในแต่ระดับช้ันตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ดงั ตารางตอ่ ไปนี้

เวลำ (ช่ัวโมง)

กจิ กรรม ระดับมัธยมศึกษำตอนต้น ระดบั มธั ยมศกึ ษำตอนปลำย

ม.1 ม.2 ม.3 ม.4 ม.5 ม.6

1. กิจกรรมแนะแนว 40 40 40 40 40 40

2. กิจกรรมนกั เรยี น 60 60 60 60 60 60

- ลูกเสอื เนตรนารี

- ชุมนุม ชมรม

- นกั ศกึ ษาวิชาทหาร

3 . กิ จ ก ร ร ม เ พ่ื อ สั ง ค ม แ ล ะ (60) (60)

สำธำรณประโยชน์ ใช้เวลาในกจิ กรรมตา่ ง ๆ และใน ใชเ้ วลาในกิจกรรมตา่ ง ๆ และใน

กลมุ่ สาระกาเรียนรู้ตามความ กลมุ่ สาระกาเรียนรตู้ ามความ

เหมาะสม เหมาะสม

รวม 120 / ปี 120 / ปี 120 / ปี 360 / 3 ปกี ารศึกษา
การศึกษา การศึกษา การศึกษา

การประเมินการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
2551 เป็นการประเมินโดยผู้เรียนต้องมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน / ชิ้นงาน /
คุณลักษณะผ่านการประเมินตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด

หลกั กำรกจิ กรรมพัฒนำผูเ้ รยี น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
เป็นการประเมินการปฏิบัติกิจกรรมหรือผลงาน /ช้ินงาน / คุณลักษณะของผู้เรียน เป็นระยะอย่างต่อเน่ือง
มุ่งเน้นให้ผู้เรียนค้นหาศักยภาพของตน สะท้อนแนวคิดจากการปฏิบัติกิจกรรม การทางานกลุ่ม และการมีจิต
สาธารณะ โดยให้ทุกฝ่ายท่เี กย่ี วข้องมีส่วนรว่ มในการประเมนิ

350 หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอุปถมั ภ์

แนวทำงกำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรยี น

สถานศึกษาควรกาหนดแนวทางที่ชัดเจนในการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 2 ประการ คือ การ
ประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนรายกิจกรรม และการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียนเพ่ือการตัดสนิ

1. กำรประเมินกิจกรรมพฒั นำผู้เรยี นรำยกิจกรรม การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนรายกิจกรรมมี
แนวปฏบิ ัติ ดงั น้ี

1.1 ตรวจสอบเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมของผเู้ รียนใหเ้ ปน็ ไปตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
1.2 ประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจากการปฏิบัติกิจกรรม และผลงาน / ช้ินงาน / คุณลักษณะของ
ผู้เรยี นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดด้วยวธิ กี ารที่หลากหลาย เนน้ การมสี ว่ นร่วมของผูเ้ กี่ยวขอ้ งในการปฏิบตั ิ
1.3 ผู้เรียนท่ีมีเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม มีการปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน / ช้ินงาน / คุณลักษณะ
ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด เป็นผู้ผ่านการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายกิจกรรม และนาผลการ
ประเมนิ ไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน
1.4 ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินไม่ผ่านในเกณฑ์เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และ
ผลงาน / ช้ินงาน / คุณลักษณะตามท่ีสถานศึกษากาหนด ครูหรือผู้รับผิดชอบต้องดาเนินการซ่อมเสริมและ
ประเมินจนผา่ น ทัง้ น้คี วรดาเนินการให้เสร็จสิ้นในปีการศึกษาน้ัน ๆ ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัยให้ อยู่ในดุลพินิจของ
สถานศกึ ษา
2. กำรประเมินกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนเพ่ือกำรตัดสิน การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเพ่ือตัดสิน
เลื่อนช้ันและจบระดับการศึกษา เป็นการประเมินการผ่านกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาค เพ่ือ
สรุปผลการผ่านในแต่ละ กิจกรรม สรุปผลรวมเพื่อเลื่อนชั้นและประมวลผลรวมในปีสุดท้ายเพ่ือการจบแต่ละ
ระดับการศกึ ษา โดยการดาเนินการดงั กล่าวมีแนวปฏบิ ัติ ดงั นี้
2.1 กาหนดให้มีผู้รับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกิจกรรมพัฒนา ผู้เรียนของ ผู้เรียน
ทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา
2.2 ผรู้ บั ผดิ ชอบสรุปและตัดสนิ ผลการรว่ มกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนของผู้เรียนเป็นรายบุคคล ตามเกณฑ์
ท่ีสถานศกึ ษากาหนด เกณฑ์การจบแต่ละระดับการศึกษาที่สถานศึกษากาหนดน้ัน ผู้เรียนจะต้องผ่านกิจกรรม
3 กจิ กรรมสาคญั คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน และกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์
2.3 ผู้รับผิดชอบเสนอผลการประเมินต่อคณะอนุกรรมการกลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนา
ผ้เู รียนเพอ่ื ให้ความเหน็ ชอบ
2.4 ผ้รู ับผดิ ชอบเสนอผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาพิจารณาเพ่ืออนุมัติผลการประเมิน กิจกรรมพัฒนา ผู้เรียน
ผ่านเกณฑ์การจบแตล่ ะระดับการศึกษา

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอปุ ถัมภ์ 351

การประเมินผลกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามเกณฑ์ของหลักสูตรสถานศึกษา ดังน้ีหลักการเป็นการ
ประเมินการปฏิบัติกิจกรรมหรือผลงาน หรือช้ินงาน หรือคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนเป็นระยะ ๆ
อย่างตอ่ เนอื่ ง ดังแผนภาพ

กิจกรรมพัฒนำผู้เรยี น

กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและ
สำธำรณประโยชน์

ไมต่ ามเกณฑ์ ตามเกณฑ์

ไม่ผ่าน ประเมนิ ผา่ น

ซอ่ มเสรมิ

ส่งผลประเมนิ
แผนภำพแนวทำงกำรประเมินกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน

352 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชริ าวธุ ราษฎรอุปถมั ภ์

เกณฑ์กำรตัดสนิ กิจกรรมพัฒนำผ้เู รยี น

ผู้เรียนจะต้องได้รับการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและผ่านเกณฑ์ตามที่สถานศึกษากาหนด โดย
กาหนดเกณฑ์ในการประเมินอย่างเหมาะสม ดังนี้

1. กาหนดคุณภาพหรือเกณฑใ์ นการประเมนิ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดไว้ 2
ระดบั คือ ผ่าน และไมผ่ า่ น

2. กาหนดประเด็นการประเมินให้สอดคล้องตามวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรม และกาหนดเกณฑ์
การผา่ นการประเมิน ดงั น้ี

2.1 เกณฑก์ ำรตัดสนิ ผลกำรประเมนิ รำยกิจกรรม
ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมครบตามเกณฑ์ ปฏิบัติกิจกรรม และมีผลงาน/

ชิ้นงาน / คุณลกั ษณะตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด
ไม่ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไม่ผ่านการปฏิบัติกิจกรรม

หรอื มีผลงาน / ช้ินงาน / คณุ ลกั ษณะไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ สี่ ถานศกึ ษากาหนด
2.2 เกณฑก์ ำรตดั สินผลกำรประเมินกิจกรรมพฒั นำผ้เู รยี นรำยปี / รำยภำค
ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ผ่าน” ในกิจกรรมสาคัญ ทั้ง 3 ลักษณะ คือ

กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนกั เรียน และกจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
ไม่ผ่ำน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผ่าน” ในกิจกรรมสาคัญ กิจกรรมใด

กิจกรรมหนึ่งจาก 3 ลักษณะ คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน์

2.3 เกณฑ์กำรตัดสินผลกำรประเมนิ กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รียนเพ่ือจบระดบั กำรศึกษำ
ผำ่ น หมายถงึ ผ้เู รยี นมีผลการประเมินระดบั “ผ่าน” ทกุ ชัน้ ปีในระดบั การศกึ ษานั้น
ไมผ่ ่ำน หมายถึง ผู้เรยี นมผี ลการประเมนิ ระดบั “ไม่ผ่าน” บางช้นั ปีในระดับการศกึ ษานั้น

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอปุ ถัมภ์ 353

สว่ นที่ 5

เกณฑ์กำรจบ

354 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชริ าวธุ ราษฎรอปุ ถัมภ์

กำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้

การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ของผูเ้ รียนต้องอยู่บนหลักการพ้ืนฐานสองประการ คือ การประเมิน
เพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้ประสบผลสาเร็จ
น้ัน ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวช้ีวัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน
สมรรถนะสาคัญ และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการ
เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียนระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นท่ีการศึกษา และระดับชาติ การ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศท่ีแสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น
ประโยชนต์ อ่ การส่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นเกิดการพฒั นาและเรยี นร้อู ยา่ งเตม็ ตามศักยภาพ

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ สถานศึกษา
ระดบั เขตพ้ืนทก่ี ารศกึ ษา และระดับชาติ มีรายละเอยี ด ดงั น้ี

1. กำรประเมินระดับช้ันเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดาเนินการเป็นปกติและสมา่ เสมอในการจดั การเรียนการสอน ใช้เทคนคิ การประเมินอย่างหลากหลาย เช่นการ
ซกั ถาม การสงั เกต การตรวจการบา้ น การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงานภาระงานแฟ้มสะสมงาน การ
ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพ่ือน
ผู้ปกครองร่วมประเมินการประเมินระดับช้ันเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าใน
การเรยี นรู้ อนั เปน็ ผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใดมีสิ่งท่ีจะต้องได้รับ
การพัฒนาปรบั ปรงุ และสง่ เสรมิ ในดา้ นใด นอกจากนย้ี งั เป็นขอ้ มลู ใหผ้ สู้ อนใชป้ รบั ปรุงการเรียนการสอนของตน
ดว้ ย ท้งั นี้โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชว้ี ัด

2. กำรประเมินระดบั สถำนศกึ ษำ เป็นการตรวจสอบผลการเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี / รายภาค ผล
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และเป็น
การประเมินเก่ียวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่
ผู้เรยี นมีสงิ่ ทต่ี อ้ งการพฒั นาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับ
เกณฑ์ระดับชาติและระดับเขตพ้ืนที่การศึกษาผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศ
เพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตรโครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทา
แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษา และการรายงานผล
การจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพื้นฐาน สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน ผ้ปู กครองและชุมชน

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอุปถัมภ์ 355

3. กำรประเมนิ ระดบั เขตพ้ืนทีก่ ำรศกึ ษำ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนท่ีการศึกษา
ตามมาตรฐาน การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพ่ือใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษาของเขตพนื้ ที่การศกึ ษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการ โดยประเมินคุณภาพ
ผเู้ รียนดว้ ยวิธีการและเคร่ืองมือที่เป็นมาตรฐานท่ีจัดทาและดาเนินการ โดยเขตพ้ืนที่การศึกษา หรือด้วยความ
รว่ มมือกับหน่วยงานต้นสังกัด และหรือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง นอกจากน้ียังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูล
จากการประเมินระดับสถานศกึ ษาในเขตพื้นที่การศึกษา

4. กำรประเมินระดับชำติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียนในชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้ารับการประเมิน ผลจากการประเมิน
ใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนาไปใช้ใน การวางแผนยกระดับคุณภาพ
การจัดการศกึ ษา ตลอดจนเปน็ ข้อมลู สนับสนนุ การตัดสินใจในระดบั นโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างตัน เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ ทบทวน
พฒั นาคุณภาพผ้เู รยี น ถือเป็นภาระความรับผดิ ชอบของสถานศึกษาท่ีจะต้องจัดระบบ ดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุง
แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ี
จาแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ กลุ่ม
ผู้เรียนท่ีมีผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียน ที่มีปัญหาต้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล
จากการประเมินจึงเป็นหัวใจ ของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้
ผ้เู รียนไดร้ ับ การพัฒนาและประสบความสาเรจ็ ในการเรียน

สถานศกึ ษาในฐานะผู้รับผิดชอบจดั การศกึ ษา จะตอ้ งจดั ทาระเบียบว่าดว้ ยการวดั และประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาใหส้ อดคล้อง และเป็นไปตามหลกั เกณฑ์และแนวปฏิบตั ิ ที่เปน็ ขอ้ กาหนดของหลกั สูตร
แกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน เพ่อื ให้บคุ ลากรท่ีเกย่ี วข้องทกุ ฝา่ ย ถือปฏบิ ตั ิรว่ มกนั

356 หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอุปถัมภ์

เกณฑก์ ำรวัดและประเมินผลกำรเรียน

1. กำรตัดสิน กำรให้ระดับ และกำรรำยงำนผลกำรเรยี น

1.1 กำรตัดสนิ ผลกำรเรยี น
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียนคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนน้ัน ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคนเป็นหลัก และต้องเก็บ
ขอ้ มลู ของผเู้ รยี นทกุ ดา้ นอย่างสม่าเสมอ และต่อเนื่องในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริมผู้เรียนให้พัฒนา
จนเต็มตามศกั ยภาพ
ระดับมัธยมศกึ ษำ
1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ
เวลาเรียนทัง้ หมดในรายวิชานัน้ ๆ
2) ผูเ้ รียนต้องได้รับการประเมนิ ทกุ ตวั ชี้วัด และผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนด
3) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา
4) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมิน และมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด ในการ
อา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
การพิจารณาเลื่อนช้ันทั้งระดับมัธยมศึกษา ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษา
พิจารณาเห็นวา่ สามารถพฒั นาและสอนซอ่ มเสรมิ ได้ให้อยใู่ นดุลพินิจของสถานศึกษาท่ีจะผ่อนผันให้เลื่อนช้ันได้
แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชา จานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ันที่สูงข้ึน
สถานศกึ ษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าชั้นได้ ท้ังน้ีให้คานึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถ
ของผเู้ รยี นเปน็ สาคัญ
1.2 กำรให้ระดบั ผลกำรเรียน
ระดบั มธั ยมศึกษำ
ในการตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนเป็น 8 ระดับการ
ประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้นให้มีระดับผลการประเมินเป็นดี
เยยี่ ม ดี ผา่ น
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณา ทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรมการปฏิบัติกิจกรรม
และผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการเข้าร่วมกิจกรรมเปน็ ผ่าน และไมผ่ ่าน

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์ 357

1.3 กำรรำยงำนผลกำรเรยี น
การรายงานผลการเรียนเป็นการสอ่ื สารให้ผูป้ กครอง และผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของ
ผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรือ
อยา่ งนอ้ ยภาคเรยี นละ 1 ครง้ั
การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อนมาตรฐาน
การเรียนรู้กลุม่ สาระการเรียนรู้

2. เกณฑก์ ำรจบกำรศกึ ษำ

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์ พุทธศักราช 2564 ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) ได้กาหนดเกณฑ์กการจบการศึกษาเป็น 2
ระดับ คอื ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น และระดบั มธั ยมศกึ ษาปลาย ดงั น้ี

2.1 เกณฑ์กำรจบระดบั มธั ยมศึกษำตอนต้น
1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพ่ิมเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66 หน่วยกิต และรายวิชา
เพิม่ เติมตามที่สถานศึกษากาหนด
2) ผ้เู รียนต้องได้หนว่ ยกิต ตลอดหลกั สตู รไมน่ ้อยกว่า 77 หนว่ ยกติ โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 66 หน่วย
กติ และรายวชิ าเพิ่มเติมไมน่ ้อยกวา่ 11 หน่วยกิต
3) ผู้เรียนมผี ลการประเมนิ การอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นในระดบั ผา่ นเกณฑ์การประเมินตามที่สถน
ศกึ ษากาหนด
4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาหนด
5) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากาหนด
6) ผูเ้ รยี นตอ้ งมผี ลการเรียนเฉล่ีย 5 ภาคเรยี น ไมต่ ่ากว่า 2.50
2.2 เกณฑ์กำรจบระดบั มัธยมศกึ ษำปลำย
1) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน 51 หน่วยกิต และรายวิชา
เพิ่มเตมิ ตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
2) ผ้เู รยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกิต ตลอดหลกั สูตรไม่น้อยกว่า 77 หน่วยกิตโดยเป็นรายวิชาพ้ืนฐาน 41 หน่วย
กิต และรายวิชาเพม่ิ เติมไม่นอ้ ยกว่า 36 หน่วยกิต

358 หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอปุ ถัมภ์

3) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศึกษากาหนด

4) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาหนด

5) ผู้เรียนาร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศึกษษ
กาหนด

6) ผู้เรียนตอ้ งมีผลการเรียนเฉลี่ย 5 ภาคเรียน ไมต่ า่ กว่า 2.50
สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทางการศึกษาสาหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาสการศึกษาตามอัธยาศัย ให้
คณะกรรมการของสถานศึกษา เขตพื้นที่การศึกษา และผู้ท่ีเกี่ยวข้องดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
สาหรบั กลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ

3. กำรเลอ่ื นชั้น

ผู้เรียนได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกภาคเรียนและได้รับการเล่ือนช้ันเมื่อสิ้นปีการศึกษาโดยมี
คุณสมบัติตามเกณฑ์ ดงั นี้

1. รายวชิ าพ้ืนฐาน ได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนผา่ นทกุ รายวชิ า
2. รายวิชาเพิ่มเติม ไดร้ บั การตดั สนิ ผลการเรยี นผา่ นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
3. ระดบั ผลการเรียนเฉล่ียในแต่ภาคของปีการศกึ ษานั้นตอ้ งได้ไมน่ ้อยกวา่ 2.50
ทั้งน้ีรายวิชาใดท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ผู้สอนสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการแก้ไขในภาค
เรียนถดั ไป

หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวชริ าวุธราษฎรอุปถัมภ์ 359

เกณฑก์ ำรประเมนิ และกำรตดั สนิ ผลกำรเรียน

1. กำรประเมนิ ผลสำระกำรเรียนรู้

ระดับผลกำรเรียน ควำมหมำย ชว่ งคะแนน
4 ผลการเรียนดเี ยยี่ ม 80-100
3.5 ผลการเรยี นดมี าก 75-79
3 70-74
2.5 ผลการเรยี นดี 65-69
2 ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี 60-64
1.5 ผลการเรียนนา่ พอใจ 55-59
1 50-54
0 ผลการเรียนพอใช้ 0-49
ผลการเรยี นผา่ นเกณฑข์ ้ันต่า
ผลการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑ์

หมำยเหตุ
“มส”หมายถึง ไมม่ ีสทิ ธิเข้ารับการประเมนิ ปลายภาคเรียน
“ร” หมายถึง รอการตัดสิน หรอื ยังตัดสนิ ไมไ่ ด้
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ปฎิบัติกิจกรรมและมีผลงานตามเกณฑ์ท่ี
สถานศึกษากาหนด
“มผ” หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น ปฎิบตั ิกิจกรรมและมีผลงานไม่เป็นไปตาม
เกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด

2. กำรประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของโรงเรยี นวชริ าวุธราษฎรอุปถัมภ์
1. รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ตวั ช้ีวัดที่ 1 เปน็ พลเมืองดีของชาติ
ตัวชี้วัดท่ี 2 ธารงไวซ้ ่ึงความเปน็ ชาตไิ ทย
ตวั ชีว้ ดั ท่ี 3 ศรัทธา ยดึ มน่ั และปฎิบัตติ นตามหลกั ของศาสนา
ตวั ชวี้ ัดที่ 4 เคารพเทิดทนู สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์

360 หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์

2. ซ่อื สตั ย์สุจรติ
ตวั ชี้วัดท่ี 1 ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ต่อตนเองทงั้ ทางกาย วาจา ใจ
ตวั ชว้ี ดั ท่ี 2 ประพฤติตรงตามความเปน็ จรงิ ต่อผู้อน่ื ทัง้ ทางกาย วาจา ใจ

3. มีวนิ ยั
ตัวช้ีวัดท่ี 1 ปฎิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว โรงเรียน และ
สังคม

4. ใฝ่เรยี นรู้
ตัวชี้วัดที่ 1 ตัง้ ใจ เพยี รพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้
ตัวช้ีวัดที่ 2 แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ท้ังภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการ
เลือกใช้ส่ืออย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ และ
สามารถนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้เหมาะสม

5. อยู่อยา่ งพอเพียง
ตวั ชี้วดั ที่ 1 ดาเนนิ ชวี ิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มคี ณุ ธรรม
ตัวช้วี ดั ที่ 2 มีภมู ิค้มุ กันในตัวทด่ี ี ปรับตวั เพอ่ื อยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข

6. มุง่ มั่นในการทางาน
ตวั ชี้วัดที่ 1 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฎิบัตหิ นา้ ที่การงาน
ตวั ชว้ี ัดท่ี 2 ทา้ งานดว้ ยความเพียรพยายามและอดทนเพอ่ื งานเสรจ็ ตามเป้าหมาย

7. รกั ความเปน็ ไทย
ตัวชี้วัดท่ี 1 ภาคภูมิใจขนบธรรมเนียนประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย และมีความกตัญญู
กตเวที
ตวั ช้วี ัดท่ี 2 เหน็ คณุ ค่าและใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ตัวชี้วดั ที่ 3 อนุรักษ์และสืบทอดภูมิปัญญาไทย

8. มีจิตสาธารณะ
ตวั ชีว้ ัดท่ี 1 ชว่ ยเหลือผู้อ่ืนดว้ ยความเตม็ ใจและพึงพอใจ โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน
ตวั ชี้วัดท่ี 2 เข้าร่วมกิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน ชมุ ชน และสังคม

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์ 361

เกณฑพ์ ิจำรณำสรุปผลกำรประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

ระดบั เกณฑ์พจิ ำรณำ
ดเี ยยี่ ม (3) 1. ได้ผลการประเมินระดบั ดเี ยยี่ มจ้านวน 5 - 8 คณุ ลกั ษณะ และไมม่ ี
คณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินระดับดี
ดี (2) 1. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ยยี่ มจ้านวน 1- 4 คุณลกั ษณะ และไม่มี
คุณลักษณใ์ ดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ดี หรอื
ผ่าน (1) 2. ได้ผลการประเมินระดบั ดี ทัง้ คุณลักษณะ 8 คณุ ลกั ษณะ หรอื
ไม่ผา่ น (0) 3. ได้ผลการประเมินตั้งแต่ระดับดี ขึ้นไปจ้านวน 5 - 7 คุณลักษณะ และมีบาง
คณุ ลกั ษณะไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ผา่ น
1. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับผ่านท้ัง 8 คณุ ลกั ษณะ หรอื
2. ได้ผลการประเมินตั้งแต่ระดับดีขึ้นไป จ้านวน 1 - 4 คุณลักษณะ และ
คณุ ลกั ษณะทเี่ หลอื ไดผ้ ลการประเมินระดับผา่ น
ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ไมผ่ ่าน ต้ังแต่ 1 คุณลักษณะขึน้ ไป

3. กำรประเมนิ ควำมสำมำรถในกำรอำ่ น คดิ วเิ ครำะห์ และเขียน

ตวั ชี้วัดควำมสำมำรถในกำรอ่ำน คดิ วิเครำะห์ และเขยี น
1. สามารถอ่านเพื่อการศึกษาค้นคว้า เพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ และการประยุกต์ใช้ใน
ชีวิตประจาวนั
2. สามารถจับประเด็นสาคญั ลาดบั เหตกุ ารณ์จากการอ่านสื่อที่มีความซับซ้อน
3. สามารถวิเคราะห์ส่ิงท่ผี เู้ ขียนตอ้ งการสอ่ื สารกับผู้อ่านและสามารถวิพากษ์ ให้ข้อเสนอแนะในแง่มุม
ตา่ ง ๆ
4. สามารถประเมินความนา่ เชื่อถือ คุณคา่ แนวคิดทไ่ี ดจ้ ากสง่ิ ทอี่ า่ นอยา่ งหลากหลาย
5. สามารถเขียนแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง สรุป โดยมีข้อมูลอธิบายสนับสนุนอย่างเพียงพอและ
สมเหตุสมผล

362 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชริ าวุธราษฎรอุปถัมภ์

เกณฑ์พิจำรณำสรปุ ผลกำรประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

ระดับ เกณฑพ์ จิ ำรณำ
ดีเยี่ยม (3) มผี ลงานท่แี สดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพ
ดีเลศิ อยู่เสมอ
ดี (2) มผี ลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนท่ีมีคุณภาพ
เปน็ ทย่ี อมรบั
ผ่าน (1) มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนท่ีมี
ขอ้ บกพร่องบางประการ
ไม่ผา่ น (0) ไม่มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน หรือถ้า
มีผลงาน ผลงานน้ันยังมีข้อบกพร่องท่ีต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขหลาย
ประการ

4. กำรประเมนิ กจิ กรรมพฒั นำผูเ้ รยี น

1. ผูเ้ รยี นต้องเข้ารว่ มกิจกรรมไมน่ ้อยกว่า 80% ของเวลาเรียนท้งั หมด
2. ผเู้ รยี นต้องปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ และผ่านเกณฑ์ข้ันตา่ ตามท่ีกาหนด
3. ผู้เรียนจะได้รบั ผลการประเมินกจิ รรม “ผ” (ผา่ นกิจกรรม)
4. เมื่อไมป่ ฏบิ ตั ติ ามเกณฑ์ข้อ 1 และ ข้อ 2 จะได้รับผลการประเมินกิจกรรม “มผ” (ไม่ผ่านกิจกรรม)
และไมส่ ามารถจบหลักสตู รในแตล่ ะช่วงชน้ั จนกว่าผูเ้ รยี นปรับปรงุ แกไ้ ขให้ผ่านเกณฑ์

หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอปุ ถัมภ์ 363

เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำ

เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เก่ียวข้อง
กับพฒั นาการของผเู้ รยี นในด้านตา่ ง ๆ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดงั น้ี

1. เอกสำรหลกั ฐำนกำรศึกษำท่กี ระทรวงศึกษำธิกำรกำหนด

1.1 ระเบยี นแสดงผลกำรเรียน (ปพ.1)
เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของผู้เรียนตามรายวิชาผลการประเมินการอ่าน
คิดวเิ คราะห์และเขยี น ผลการประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรม
พัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ผู้เรียนเป็นรายบุดคล เมื่อผู้เรียนจบ
การศึกษาภาคบังคับ (ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 3) จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6) หรือเม่ือลาออก
จากสถานศกึ ษาในทุกกรณี
1.2 ประกำศนยี บัตร (ปพ.2)
เปน็ เอกสารแสดงวุฒิการศึกษาเพื่อรับรองศักดิ์และสิทธิ์ของผู้จบการศึกษาที่สถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบ
การศึกษาภาคบังคับ และผูจ้ บการศกึ ษาขนั้ พื้นฐานตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน
1.3 แบบรำยงำนผู้สำเรจ็ กำรศึกษำ (ปพ.3)
เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือและข้อมูลของผู้จบการศึกษาภาคบังคับ (ช้ัน
มธั ยมศึกษาปีที่ 3)และผจู้ บการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน (ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6)

2. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำที่สถำนศกึ ษำกำหนด

เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทาขึ้นเพ่ือบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสาคัญเกี่ยวกับ
ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจารายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรียน และเอกสารอืน่ ๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้

364 หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอุปถัมภ์

กำรเทยี นโอนผลกำรเรยี น

สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ
เปล่ียนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับกาศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากน้ียังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหลง่ การเรียนร้อู ่ืนๆ เช่น สถานประกอบการสถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย
ครอบครัว

การเทยี บโอนผลการเรยี น ควรดาเนนิ การในช่วงก่อนเปิดภาคเรยี น หรือต้นภาคเรียนท่ีสถานศึกษารับ
ผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ท้ังนี้ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่องในสถานศึกษาที่รับ
เทยี บโอนอยา่ งน้อย 1 ภาคเรยี น โดยสถานศกึ ษาทีร่ บั ผูเ้ รยี น

จากการเทียบโอนควรกาหนดรายวิชา / จานวนหน่วยกิตที่จะรับเทียบโอนตามความเหมาะสมการ
พิจารณาการเทยี บโอน สามารถดาเนนิ การได้ ดงั น้ี

1. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอ่ืนๆ ท่ีให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผเู้ รยี น

2. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆท้ังภาคความรู้และ
ภาคปฏบิ ตั ิ

3. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏิบัตใิ นสภาพจรงิ
การเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศ หรอื แนวปฏบิ ัตขิ องกระทรวงศึกษาธิการสาหรับการ
เทียบโอนเข้าสู่การศึกษาในระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ดาเนินการตามแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเทียบ
โอนผลการเรียนเขา้ สกู่ ารศกึ ษาในระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน

หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวุธราษฎรอปุ ถัมภ์ 365

กำรบริหำรจัดกำรหลักสูตร

ในระบบการศึกษาท่ีมีการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร
นั้น หน่วยงานต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถ่ินจนถึงระดับสถานศึกษา มี
บทบาทหน้าท่ี และความรับผิดชอบในการพัฒนา สนับสนุน ส่งเสริมการใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่าง
มปี ระสทิ ธภิ าพ เพ่อื ให้การดาเนินการจัดทาหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา
มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ใน
ระดบั ชาติ

ระดบั ท้องถิ่น ได้แก่ สานักงานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษา หน่วยงานต้นสังกัดอ่ืนๆ เป็นหน่วยงานท่ีมีบทบาท
ในการขับเคลอ่ื นคุณภาพการจัดการศึกษาเป็นตัวกลางที่จะเชื่อมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานที่
กาหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน เพื่อนาไปสู่การจัดทาหลักสูตรของ
สถานศึกษา สง่ เสรมิ การใชแ้ ละพัฒนาหลักสูตรในระดับสถานศึกษาให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ
คือ กาหนดเป้าหมายและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในระดับท้องถ่ิน โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับส่ิงที่
เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถ่ิน
รวมทั้งเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริมติดตาม
ผล ประเมนิ ผล วิเคราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผเู้ รยี น

สถานศกึ ษามีหน้าที่สาคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตร
การเพิ่มพูนคุณภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร จัดทาระเบียบ
การวัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และรายละเอียดที่เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดอ่ืน ในระดับท้องถิ่นได้
จดั ทาเพ่ิมเตมิ รวมทงั้ สถานศึกษาสามารถเพิ่มเตมิ ในส่วนที่เก่ียวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญา
ท้องถ่นิ และความต้องการของผเู้ รียน โดยทกุ ภาคส่วนเข้ามามีสว่ นรว่ มในการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา

366 หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชริ าวธุ ราษฎรอุปถัมภ์

ภำคผนวก

หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นวชริ าวุธราษฎรอุปถัมภ์ 367

กำรจัดกำรเรียนรู้

การจดั การเรียนรู้เป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลักสูตรสู่การปฏิบัติหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน เป็นหลักสูตรท่ีมีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
เป็นเปา้ หมายสาคญั สาหรบั พฒั นาเดก็ และเยาวชนผู้สอนต้องพยายามคดั สรรกระบวนการเรียนรู้ จัดการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระเรียนรู้ รวมทั้งปลูกฝังเสริมสร้าง
คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะตา่ ง ๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคัญทีต่ ้องการใหเ้ กิดแก่ผเู้ รยี น

1. หลกั กำรจดั กำรเรยี นรู้

การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสาคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึง
ความแตกต่างระหว่างบคุ คลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคญั ทง้ั ความรู้ และคณุ ธรรม

2. กระบวนกำรเรยี นรู้

การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็น
เคร่ืองมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชญิ สถานการณแ์ ละแก้ปัญหา กระบวนการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลง
มอื ทาจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจัยกระบวนการเรียนรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา
ลกั ษณะนิสยั

กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนพัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังน้ันผู้สอนจึงจาเป็นต้องศึกษาทา
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสทิ ธิภาพ

3. กำรออกแบบกำรจัดกำรเรียนรู้

ผสู้ อนตอ้ งศกึ ษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ช้ีวัดสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ แล้วจึงพิจารณาออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทดนิคการสอน
สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ การวัดและประเมินผล เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามมาตรฐานการ
เรียนรซู้ ง่ึ เปน็ เป้าหมายทก่ี าหนด

368 หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชริ าวธุ ราษฎรอปุ ถมั ภ์

4. บทบำทของผู้สอนและผูเ้ รยี น

การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและ ผู้เรียนควรมี
บทบาท ดังนี้

4.1 บทบำทของผ้สู อน
1) ศกึ ษาวเิ คราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบุคคล แลว้ นาข้อมูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรียนรู้ท่ีท้าทาย
ความสามารถของผู้เรียน
2) กาหนดเปา้ หมายท่ีตอ้ งการให้เกิดขนึ้ กับผเู้ รยี น ด้านความรู้และทกั ษะ กระบวนการ ท่ีเป็นความคิด
รวบยอด หลักการและความสัมพันธ์ รวมทัง้ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
3) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรูท้ ีต่ อบสนองความแตกต่างระหว่าง บุคคลและพัฒนาการทาง
สมอง เพอื่ นาผเู้ รียนไปสูเ่ ป้าหมาย
4) จัดบรรยากาศท่เี ออื้ ต่อการเรียนรู้ และดูแลชว่ ยเหลือผู้เรยี นใหเ้ กิดการเรียนรู้
5) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีที่เหมาะสมมา
ประยกุ ตใ์ ช้ในการจัดการเรียนการสอน
6) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับ ธรรมชาติของวิชาและ
ระดับพฒั นาการของผเู้ รียน
7) วิเคราะหผ์ ลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้ง ปรับปรุงการจัดการเรียน
การสอนของตนเอง
4.2 บทบำทของผเู้ รยี น
1) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นร้ขู องตนเอง
2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหา
คาตอบหรือหาแนวทางแก้ปัญหาดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ
3) ลงมอื ปฏบิ ตั จิ ริง สรุปส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง และนาความรไู้ ปประยกุ ต์ ใชใ้ นสถานการณต์ ่าง ๆ
4) มีปฏิสัมพนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกบั กลมุ่ และครู
5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอย่างต่อเนื่อง

หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวชริ าวธุ ราษฎรอปุ ถัมภ์ 369

สอื่ กำรเรียนรู้

ส่ือการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทกั ษะกระบวนการ และคณุ ลักษณะตามมาตรฐานการเรยี นรู้ของหลักสตู รไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพส่ือการเรียนรู้
มหี ลากหลายประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ สื่อส่ิงพิมพ์สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีในท้องถิ่น
การเลือกใช้สอ่ื ควรเลอื กใหม้ ีความเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการและลีลาการเรยี นรู้ท่ีหลากหลายของผู้เรียน

การจัดหาส่ือการเรยี นรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทาและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่าง
มีคุณภาพจากส่ือต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพ่ือนามาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ท่ีสามารถส่งเสริมและส่ือสาร
ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียงเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่าง
แท้จริง สถานศึกษา เขตพ้ืนท่ีการศึกษา หน่วยงานที่เก่ียวข้องและผู้มีหน้าท่ีจัดการศึกษาข้ันพื้นฐาน ควร
ดาเนนิ การ ดงั น้ี

1. จัดใหม้ แี หลง่ การเรียนรู้ ศนู ยส์ ื่อการเรยี นรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้ท่ีมี
ประสิทธภิ าพทั้งในสถานศึกษาและในชมุ ชน เพือ่ การศกึ ษาคนั ควา้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้
ระหว่างสถานศกึ ษา ท้องถ่ิน ชมุ ชน สงั คมโลก

2. จัดทาและจัดหาส่ือการเรียนรู้สาหรับการศึกษาคันคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมท้ัง
จดั หาสงิ่ ที่มอี ย่ใู นทอ้ งถิน่ มาประยุกตใ์ ช้เปน็ สอ่ื การเรยี นรู้

3. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการ
เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรยี่ นรู้ และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รียน

4. ประเมินคุณภาพของสอื่ การเรียนรู้ท่เี ลือกใช้อย่างเปน็ ระบบ
5. ศกึ ษาคนั ควา้ วิจยั เพอื่ พฒั นาสือ่ การเรียนร้ใู ห้สอดคล้องกบั กระบวนการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน
6. จัดให้มีการกากับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเก่ียวกับส่ือและการใช้สื่อการเรียนรู้
เป็นระยะและสม่าเสมอในการจัดทา การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพส่ือการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา
ควรคานึงถึงหลักการสาคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การ
ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เน้อื หามคี วามถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความ
ม่ันคงของชาติ ไมข่ ดั ตอ่ ศีลธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถ่ี กู ต้อง รปู แบการนาเสนอทีเ่ ข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ

370 หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถมั ภ์

บรรณำนุกรม

กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2560). หลกั สตู รแกนกลำงกำรศกึ ษำข้นั พืน้ ฐำน พทุ ธศกั รำช 2551
สืบค้นเม่ือวันท่ี 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : https://drive.google.com/file/d/
1mKyU6tkVWlL5b6vfwHNEzqkcqVXf_H-m/view

โรงเรยี นไชยาวทิ ยา. (2561). หลักสูตรสถำนศกึ ษำโรงเรียนไชยำวทิ ยำ ระดับมัธยมศึกษำตอนตน้
สืบค้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : http://www.thaischool.in.th
/_files_school/84100618/data/84100618_1_20190723-133453.pdf

โรงเรียนไชยาวิทยา. (2561). หลักสูตรสถำนศกึ ษำโรงเรียนไชยำวทิ ยำ ระดับมัธยมศกึ ษำตอนปลำย
สืบค้นเมื่อวันท่ี 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : http://www.thaischool.in.th
/_files_school/84100618/data/84100618_1_20190723-133554.pdf

โรงเรียนบดนิ ทรเดชา. (2561). หลกั สตู รโรงเรียนบดนิ ทรเดชำ (สงิ ห สงิ หเสนี) พุทธศกั รำช 2561
สืบค้นเมื่อวันท่ี 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ :https://qa.bodin.ac.th/wp-
content/uploads/2020/03/หลกั สตู รโรงเรียนบดินทรเดชา-สิงห์-สิงห เ ส นี -พุ ท ธ ศั ก ร า ช -2561-
published_compressed.pdf

โรงเรียนบางกะปิ. (2563). หลักสูตรสถำนศึกษำโรงเรยี นบำงกะปิ 2563 ม.ต้น
สืบค้นเมื่อวันท่ี 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : https://drive.google.com/
file/d/16sOsfLEAnh6GmR-vi2KrmGzSbSinqAuH/view

โรงเรียนบางกะปิ. (2563). หลกั สตู รสถำนศกึ ษำโรงเรียนบำงกะปิ 2563 ม.ปลำย
สืบค้นเม่ือวันที่ 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : https://drive.google.com
/file/d/1dYQB5hVa2hi6eY7plMy4vT3F82rzvMoN/view

โรงเรียนพบิ ลู อปุ ถัมภ์. (2563). หลกั สตู รโรงเรยี นพบิ ูลอุปถมั ภ์ พทุ ธศกั รำช 2563
สืบค้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : http://www.thaischool1.in.th
/_files_school/10107150/data/10107150_1_20200422-114651.pdf

โรงเรียนราชวนิ ติ บางเขน. (2563). หลกั สตู รสถำนศกึ ษำโรงเรยี นรำชวินติ บำงเขน พทุ ธศกั รำช 2561
สืบค้นเม่ือวันท่ี 22 เมษายน 2564. จากเว็บไซต์ : https://www.rvb.ac.th
/Update/pdf/RVB_curriculum.pdf

สานักงานศกึ ษาธิการจังหวัดอุบลราชธาน.ี (2563). คู่มือกำรพัฒนำหลกั สตู รสถำนศึกษำ
สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 22 เมษายน 2564. จากเวบ็ ไซต์ : https://anyflip.com/pefof/kxso/basic

หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนวชิราวุธราษฎรอุปถัมภ์ 371

คณะผจู้ ัดทำหลกั สตู รสถำนศกึ ษำ

นางสาววราภา คมุ้ แกว้ รหสั นกั ศึกษา 6281126071 เลขท่ี 9

นางสาวเนตมิ า แกว้ ลกู รหสั นักศกึ ษา 6281126074 เลขที่ 12

นายศุภฤกษ์ กลิน่ หอม รหัสนกั ศกึ ษา 6281120075 เลขท่ี 13

นายมานะชัย เภาเจรญิ รหสั นกั ศึกษา 6281126077 เลขที่ 15

นางสาวบุษกร เเซล่ ้ิม รหัสนกั ศึกษา 6281129084 เลขที่ 20

นายบญุ ฤทธ์ิ หลวงประสาร รหสั นักศกึ ษา 6281126085 เลขท่ี 21

372 หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนวชริ าวุธราษฎรอุปถมั ภ์

กำรมอบหมำยหน้ำท่คี วำมรับผิดชอบในกำรจดั ทำหลักสตู ร

ส่วนที่ 1 ส่วนนำ (นางสาวเนติมา แกว้ ลูก : เลขที่ 12)
ความนา (นางสาวเนติมา แก้วลูก : เลขท่ี 12)
ขอ้ มลู ทั่วไปของโรงเรียน (นางสาวเนติมา แกว้ ลกู : เลขที่ 12)
วสิ ัยทศั น์ (นางสาวเนติมา แกว้ ลกู : เลขที่ 12)
หลกั การ (นางสาวเนตมิ า แก้วลูก : เลขท่ี 12)
จุดมุ่งหมาย (นางสาวเนติมา แก้วลูก : เลขที่ 12)
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น (นางสาวเนติมา แกว้ ลกู : เลขที่ 12)
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (นางสาววราภา ค้มุ แก้ว : เลขท่ี 9)
มาตรฐานการเรยี นรู้ (นางสาววราภา คุ้มแกว้ : เลขที่ 9)
ตวั ช้ีวัด (นางสาววราภา คุ้มแก้ว : เลขที่ 9)
สาระการเรยี นรู้ (นางสาววราภา คมุ้ แกว้ : เลขที่ 9)
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ (นางสาววราภา คุ้มแก้ว : เลขที่ 9)
ระดับการศึกษา (นางสาววราภา คมุ้ แกว้ : เลขที่ 9)
การจัดเวลาเรยี น
(นายศุภฤกษ์ กลน่ิ หอม : เลขที่ 13)
สว่ นที่ 2 โครงสรำ้ งหลักสตู ร (นายศุภฤกษ์ กลิน่ หอม : เลขท่ี 13)
โครงสร้างเวลาเรียน (นายศุภฤกษ์ กลิน่ หอม : เลขท่ี 13)
โครงสรา้ งหลักสตู รชั้นปี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 1 (นายศุภฤกษ์ กลิ่นหอม : เลขที่ 13)
โครงสร้างหลักสูตรชน้ั ปี ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ 2 (นายศภุ ฤกษ์ กลิ่นหอม : เลขที่ 13)
โครงสร้างหลกั สตู รช้ันปี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3
โครงสร้างหลกั สตู รชัน้ ปี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 - 6 (นางสาววราภา คุ้มแก้ว : เลขที่ 9)
(นายศภุ ฤกษ์ กล่ินหอม : เลขที่ 13)
ส่วนท่ี 3 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ (นายบญุ ฤทธ์ิ หลวงประสาร :เลขท่ี 21)
กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย (นางสาวเนตมิ า แกว้ ลกู : เลขที่ 12)
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ (นายมานะชยั เภาเจริญ : เลขที่ 15)
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (นายมานะชัย เภาเจริญ : เลขท่ี 15)
กล่มุ สาระการเรยี นรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม (นายมานะชยั เภาเจริญ : เลขที่ 15)
กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา (นางสาวบุษกร เเซ่ลิม้ : เลขที่ 20)
กลุม่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ (นางสาววราภา คมุ้ แกว้ : เลขที่ 9)
กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ
การศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (Independent Study : IS)

หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอปุ ถัมภ์ 373

สว่ นท่ี 4 กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน (นางสาวบษุ กร เเซล่ ิม้ : เลขที่ 20)
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน (นางสาวบษุ กร เเซล่ ้ิม : เลขที่ 20)
กิจกรรมแนะแนว (นางสาวบษุ กร เเซ่ล้ิม : เลขท่ี 20)
กจิ กรรมนกั เรยี น (นางสาวบุษกร เเซล่ มิ้ : เลขท่ี 20)
กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ (นายบญุ ฤทธ์ิ หลวงประสาร :เลขท่ี 21)
โครงสรา้ งกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น (นายบุญฤทธิ์ หลวงประสาร :เลขท่ี 21)
หลกั การกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน (นายบุญฤทธ์ิ หลวงประสาร :เลขที่ 21)
แนวทางการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน (นายบญุ ฤทธ์ิ หลวงประสาร :เลขที่ 21)
เกณฑก์ ารตัดสนิ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน
(นายมานะชัย เภาเจริญ : เลขที่ 15)
ส่วนที่ 5 เกณฑก์ ำรจบ (นายมานะชยั เภาเจรญิ : เลขที่ 15)
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ (นายมานะชัย เภาเจริญ : เลขที่ 15)
เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลการเรยี น (นายมานะชัย เภาเจรญิ : เลขท่ี 15)
เกณฑ์การประเมนิ และการตดั สินผลการเรียน (นายมานะชัย เภาเจรญิ : เลขท่ี 15)
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา (นายมานะชยั เภาเจริญ : เลขที่ 15)
การเทยี นโอนผลการเรียน
การบริหารจดั การหลักสูตร (นางสาววราภา ค้มุ แกว้ : เลขที่ 9)
(นางสาววราภา คมุ้ แกว้ : เลขที่ 9)
ภำคผนวก (นายศุภฤกษ์ กลิ่นหอม : เลขท่ี 13)
การจดั การเรยี นรู้
สอื่ การเรียนรู้ (นางสาววราภา คมุ้ แก้ว : เลขที่ 9)
บรรณานกุ รม (นางสาววราภา คมุ้ แกว้ : เลขท่ี 9)
(นายศุภฤกษ์ กลน่ิ หอม : เลขที่ 13)
องค์ประกอบเพมิ่ เตมิ ของเลม่ (นายศภุ ฤกษ์ กลนิ่ หอม : เลขท่ี 13)
ปกหนา้ (นายศุภฤกษ์ กลิ่นหอม : เลขท่ี 13)
ปกหลงั (นายศภุ ฤกษ์ กล่นิ หอม : เลขท่ี 13)
ปกใน (นางสาวเนตมิ า แก้วลกู : เลขท่ี 12)
คานา
ประกาศโรงเรียน
สารบัญ
ตราโรงเรียน

374 หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนวชริ าวธุ ราษฎรอปุ ถัมภ์

รำยงำน
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรยี นวชิราวธุ ราษฎรอปุ ถมั ภ์

จดั ทำโดย
นางสาววราภา ค้มุ แก้ว รหสั นกั ศึกษา 6281126071
นางสาวเนตมิ า แกว้ ลูก รหสั นักศกึ ษา 6281126074
นายศุภฤกษ์ กลนิ่ หอม รหสั นกั ศกึ ษา 6281120075
นายมานะชยั เภาเจรญิ รหสั นักศึกษา 6281126077
นางสาวบุษกร เเซล่ ิม้ รหัสนกั ศกึ ษา 6281129084
นายบญุ ฤทธิ์ หลวงประสาร รหสั นกั ศกึ ษา 6281126085

เสนอ
ผศ. ดร.พัชรภี รณ์ บางเขียว
รายงานนเี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของรายวิชา 1190201 (การพัฒนาหลกั สตู ร)
หลกั สูตรครศุ าสตร์บณั ฑิต สาขาสังคมศึกษา
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563

มหาวิทยาลยั ราชภฏั บ้านสมเดจ็ เจ้าพระยา




Click to View FlipBook Version