The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน วิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เทิดพร, 2024-03-11 20:43:23

แผนการสอน2567_merged

แผนการสอน วิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567

Keywords: แผนการสอน,งานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิส์

จุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้ • จุดประสงคท ์ วั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการในการประกอบวงจร (ด้านความรู้ ) 2. เพื่อให้มีทักษะในการสร้างแผ่นวงจรพิมพ์และประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์(ด้านทักษะ) 3. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้านการเตรียม วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง ส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม) • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. บอกวิธีการในการประกอบวงจรได้ถูกต้อง 2. แยกประเภทของแผ่นวงจรพิมพ์ได้ 3. บอกลักษณะของแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์แบบต่าง ๆ ได้ถูกต้อง 4. บอกข้นัตอนในการสร้างแผน่วงจรพิมพด์ว้ยตวัเองไดถู้กตอ้ง 5. มีทักษะในการสร้างแผ่นวงจรพิมพ์และประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้ 6.ประยุกต์ใช้งานรีเลย์ได้เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 7.ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุและผลตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)


แผ่นวงจรพิมพ์ เน้ื อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 1. สิ่งที่ควรรู้ในการประกอบวงจร 2. แผ่นวงจรพิมพ์ สิ่งที่ควรรู้ในการประกอบวงจร การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ คือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าด้วยกันโดยใช้ตัวนำไฟฟ้า เช่นสายไฟ หรือ แผ่นวงจรพิมพ์หรือแผ่นปรินซ์ ที่เป็นลายทองแดง ซึ่งมีข้อควรรู้ดังต่อไปนี้ 1. รู้จักเลือกใช้เครื่องมือให้ถูกประเภทและใช้อย่างถูกวิธีเช่นเลือกหัวแร้งบัดกรีที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับ งาน, รู้วิธีการบัดกรีที่ถูกต้อง เป็นต้น 2. รู้จักอุปกรณ์ที่จะนำมาต่อแต่ละชนิดว่ามีรูปร่างและลักษณะอย่างไร มีค่าและขนาดเท่าไร เพื่อจะได้ ประกอบวงจรได้ถูกต้อง และลดความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้น จากการต่ออุปกรณ์ผิดหรือ วงจรไม่ทำงาน เนื่องจากต่อขาอุปกรณ์ผิด หรือใส่ค่าผิด ใส่อุปกรณ์ผิดขั้ว โดยอุปกรณ์ที่ควรระวังมีดังนี้ ➢ ตัวต้านทาน สิ่งที่ต้องระวังคือ เรื่องค่าของตัวต้านทาน และ ขนาดของตัวต้านทาน เช่น เราอาจ ใส่ตัวต้านทานผิดขนาด ทำให้ตัวต้านทานไหม้ได้ ➢ ตัวเก็บประจุต้องระวังเรื่องค่า และชนิด เพราะในบางวงจร แม้เราจะใส่ค่าถูกต้อง แต่ถ้าใส่ผิด ชนิด อาจทำให้วงจรไม่ทำงาน โดยเฉพาะวงจรที่ทำงานกับความถี่สูง เช่นใส่ตัวเก็บประจุชนิดไม ลาร์ แทน ชนิดเซรามิค นอกจากนี้ ถ้าเป็นตัวเก็บประจุชนิดอิเล็กโตรไลต์ ควรระวังเรื่องการต่อ ผิดขั้วด้วย เพราะอาจทำให้ ตัวเก็บประจุระเบิดได้ สำหรับอุปกรณ์ประเภทที่มีหลายขา เช่น ไดโอด, ทรานซิสเตอร์, ไดแอค, ไตรแอค ต้องระวังเรื่องตำแหน่ง ขา และ ขนาด โดยทั่วไปต้องใส่ให้ถูกขาและถูกเบอร์ และอุปกรณ์ประเภทไอซี ควรระวังเรื่องตำแหน่งขา เพราะ อาจเสียหายทันทีถ้าใส่ผิด 1. รู้วิธีการต่อประกอบกับแผ่นวงจรพิมพ์แบบอเนกประสงค์ หรือรู้วิธีการทำแผ่นวงจรพิมพ์ขึ้นใช้เอง 2. เข้าใจการทำงานของวงจร เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ และตรวจซ่อม การประกอบวงจรทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่จะประกอบบนแผ่นวงจรพิมพ์ หรือ ที่เรียกกันทั่วไปคือ แผ่นปรินซ์ หรือ แผ่น PCB (Printed Circuit Board) ซึ่งด้านหนึ่งที่ใส่อุปกรณ์จะเป็นฉนวน และ อีกด้านจะเป็น


1. แผ่นวงจรพิมพ์แบบ อเนกประสงค์ (Universal Board) แผ่นทองแดงบางๆ จุดเด่นของการต่อเชื่อมวงจร ด้วยแผ่นวงจรพิมพ์ แทนการใช้สายต่อ คือ อุปกรณ์จะถูกวาง อย่างเป็นระเบียบ และ ประหยัดพื้นที่ ลดความวุ่นวายจากการโยงสายที่ซับซ้อน และสามารถที่จะผลิตเป็น อุตสาหกรรมได้ด้วย แผ่นวงจรพิมพ์จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แผ่นวงจรพิมพ์แบบอเนกประสงค์ และ แผ่นวงจรพิมพ์เปล่า แผ่นวงจรพิมพ์ประเภทนี้โดยมากมักจะมีการวางลายทองแดงเป็นเส้น ๆ และมีการเจาะรูไว้แล้ว สามารถ เสียบอุปกรณ์ลงไปได้ทันที แต่อาจต้องมีการตัดลายทองแดง หรือเชื่อมต่อด้วยสายไฟในบางจุด ส่วนใหญ่มักใช้กับ การประกอบวงจรที่ไม่ซับซ้อนหรือมีอุปกรณ์ไม่กี่ตัว โดยเราอาจจะแบ่งได้ตามแนวเส้นทองแดงด้านหลังเป็น 3 แบบคือ 1.1 ไอซีบอร์ด (IC Board) จะมีการวางตำแหน่งขาเป็นแนว ๆ แบบขาไอซี โดยระยะห่างระหว่างรูเจาะ เท่ากับระยะห่างของขาไอซีพอดี ส่วนลายทองแดงจะมีลักษณะเป็นแถบยาวต่อเนื่องเป็นระยะเท่าๆกัน ดังรูป สำหรับการใช้งานจำเป็นต้องมีการตัดลายทองแดงเป็นบางส่วน และเชื่อมต่อด้วยสายไฟในบางจุด 1.2 โปรโตบอร์ด (Proto Board) จะมีลักษณะของลายทองแดง เหมือนกับแผ่นโปรโตบอร์ดที่เราใช้ต่อ ทดลองวงจร ดังรูป 1.3 แพดบอร์ด (Pad Board) ลักษณะของแผ่นวงจรพิมพ์จะไม่มีลายทองแดงเชื่อมต่อ แต่มีเพียง ลายทองแดงเป็นจุด ๆ เหมือนเป็นหลักยึดอุปกรณ์ ดังรูปที่ 16.3 โดยการใช้งานจะต้องเชื่อมต่อระหว่างสาย ระหว่างจุดดังกล่าวตามวงจร รูปที่ 16.1 แสดงด้านลายทองแดงของแผ่นไอซีบอร์ด รูปที่ 16.2 แสดงด้านลายทองแดงของแผ่นโปรโตบอร์ด


2. แผ่นวงจรพิมพ์เปล่า แผ่นวงจรพิมพ์ประเภทนี้จะมีแผ่นทองแดงบาง ๆ เคลือบอยู่ตลอดแผ่น ในการใช้งาน จำเป็นต้องกัด ลายทองแดงบางส่วนออกไป ด้วยน้ำยาหรือ กรดกัดปรินซ์ โดยอาจจะมี 4 ลักษณะ คือ 2.1 แบบหน้าเดียว (Single Side PCB) แบบนี้จะมีลายทองแดงเคลือบอยู่เพียงหน้าเดียว เหมาะ สำหรับวงจรที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไปนัก แผ่นวงจรพิมพ์แบบนี้จะราคาถูกและมีการใช้งานกว้างขวาง เพราะ ผู้ใช้สามารถกัดลายทองแดงเองได้ จึงมักนิยมใช้ในการทำโครงงานพื้นฐานต่าง ๆ 2.2 แบบ 2 หน้า (Double Side PCB) แบบนี้จะมีทองแดงเคลือบอยู่ทั้ง 2 ด้าน ส่วนใหญ่ด้านหนึ่ง มักจะปล่อยให้เป็นลายทองแดงเต็มแผ่น ในลักษณะเป็น กราวน์เพลน (Ground Plane) โดยมีจุดประสงค์เพื่อลด สัญญาณรบกวน มักใช้ในวงจรเครื่องรับหรือเครื่องส่งวิทยุ รูปที่ 16.3 แสดงด้านลายทองแดงของแผ่นแพดบอร์ด รูปที่ 16.4 แสดงแผ่นวงจรพิมพ์แบบหน้าเดียว คำถาม การบัดกรีแผ่นวงจรพิมพ์ แบบแพดบอร์ดถ้าหัวแร้งร้อนเกินไป จะมีผลอย่างไร คำตอบ ทำให้ลายทองแดงบนบอร์ด หลุดได้


2.3 แบบ 2 หน้า เชื่อมต่อกัน (Double Side Plate Trough Hole PCB) หรือที่มักเรียกกันทับศัพท์ ว่า แบบเพลททรูโฮล โดยแบบนี้จะมีลายทองแดงเคลือบอยู่ทั้ง 2 ด้าน และมีเชื่อมต่อกันระหว่างทองแดงทั้งสอง ด้าน ผ่านทางรูที่ทำเป็นพิเศษ แผ่นวงจรพิมพ์ประเภทนี้ส่วนใหญ่ จะมีการวางอุปกรณ์ทั้งสองด้าน และลดพื้นที่ ได้มาก ส่วนใหญ่มักจะสร้างเป็นวงจรสำเร็จมาจากทางโรงงานมากกว่า 2.4 แบบหลายชั้น (Multi Layer PCB) แผ่นวงจรพิมพ์ประเภทนี้จะมีความซับซ้อนมาก โดยจะมี ลายทองแดงอยู่ด้านในด้วย และมีการเชื่อมต่อกันผ่านทางรูที่ทำพิเศษ แผ่นวงจรประเภทนี้ส่วนใหญ่มักทำสำเร็จ มาจากโรงงานเช่นเดียวกัน เพราะมีการสร้างที่ซับซ้อน และยุ่งยากมาก ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถทำได้นอกจากนี้ยังมี การเรียกแผ่นวงจรพิมพ์ ตามสารที่เป็นพื้นฉนวน เช่น แผ่นวงจรพิมพ์แบบ เบกาไลต์ (Bakelite) ซึ่งใช้ เบกาไลต์ เป็นฉนวน ส่วนใหญ่มักมีสีน้ำตาล แผ่นวงจรพิมพ์แบบกลาสอีพ๊อกซี่ (Glass Epoxy) ซึ่งจะใช้ใยแก้ว เป็นฉนวน มักมีสีต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่มักทำเป็นสีเขียว หรือ สีฟ้า รูปที่ 16.5 แสดงแผ่นวงจรพิมพ์แบบ 2 หน้า รูปที่ 16.6 แสดงแผ่นวงจรพิมพ์แบบ 2 หน้าเชื่อมต่อกัน


การทำแผ่นวงจรพิมพ์ ในการทำแผ่นวงจรพิมพ์เพื่อใช้ในงานเล็ก ๆ ส่วนตัวมักนิยมใช้แผ่นวงจรพิมพ์แบบอเนกประสงค์ (Universal PCB) เพราะสะดวกรวดเร็วกว่า แต่ถ้าวงจรมีความซับซ้อนมากก็จำเป็นต้องออกแบบบน แผ่นวงจรพิมพ์เปล่า ๆ แล้วนำมากัดลาย วงจร ซึ่งอาจใช้วิธีเขียนลายวงจรด้วยมือ แต่โดยส่วนใหญ่ในการผลิต จำนวนมาก ๆ หรือผลิตเป็นอุตสาหกรรม มักใช้การทำแม่แบบสกรีน และใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วย ในที่นี้จะกล่าว เฉพาะการทำแผ่นวงจรพิมพ์หน้าเดียวด้วยมือ อย่างง่าย ๆ ซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้ 1. สร้างลายวงจรต้นแบบ (Layout Drawing) คือขั้นตอนในการสร้างแบบลายวงจรตามแบบเส้นวงจร (Schematic Circuit) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลามากที่สุด โดยกรณีทำเองด้วยมือ จะเริ่มด้วยการกำหนด ตำแหน่งอุปกรณ์ลงบนกระดาษ จากนั้นทำการร่างเส้นลายวงจร ในส่วนลายทองแดงเพื่อต่อเชื่อมถึงกัน ปัจจุบันนิยมใช้ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรม Orcad หรือ Protel มาช่วยในงานดังกล่าว 2. ตัดแผ่นวงจรพิมพ์เปล่า ตามขนาดต้นแบบ ด้วยเลื่อยฉลุ 3. ทำความสะอาดแผ่นวงจรพิมพ์ด้านที่เป็นผิวทองแดง เพื่อล้างคราบไข หรือสิ่งสกปรกอื่น 4. คัดลอกลายลงบนแผ่นวงจรพิมพ์โดยวางแผ่นวงจรพิมพ์ให้ด้านที่เป็นทองแดงอยู่ด้านบน จากนั้นใช้ กระดาษก๊อบปี้ หรือกระดาษคาร์บอน ที่ใช้กับงานพิมพ์ดีด วางทับบนผิวทองแดง แล้วนำกระดาษลาย วงจรที่ออกแบบไว้แล้วมาวางทับลงไป ทำการลอกลาย โดยใช้ดินสอหรือปากกาปลายแหลม เขียนทับลง ไปบนกระดาษต้นแบบ เพื่อให้ลายที่เขียนทับไปติดกับผิวทองแดงของแผ่น PCB เพื่อเป็นแนวในการลง รูปที่ 16.8 แสดงการทำรายของแผ่นวงจรพิมพ์ รูปที่ 16.7 แสดงแผ่นวงจรพิมพ์แบบหลายชั้น


หมึกต่อไป 5. นำกระดาษคาร์บอน และ กระดาษต้นแบบลายวงจรออก แล้วใช้สีหรือปากกาเคมีเขียนตามแนวลาย วงจร ที่ลอกแบบไว้โดยพยายามเทียบจากต้นแบบไปด้วย เพื่อป้องกันความผิดพลาด จากนั้นรอให้หมึก แห้งสนิทก่อนนำไปกัดลายวงจร 6. เตรียมสารละลายที่จะใช้กัดลายวงจร โดยใช้กรดกัดปรินซ์(จะเป็นผงหรือก้อนสีเหลืองเข้ม ๆ ซึ่งความ จริงคือสารเคมีที่ชื่อ เฟอริค คลอไลด์และมีสภาพเป็นด่าง) ละลายกับน้ำในปริมาณที่เหมาะสม (อัตราส่วนที่นิยมใช้กันคือ กรด ½ กิโลกรัม กับ น้ำ 1 ลิตร ) ใช้ไม้หรือแท่งพลาสติก กวนส่วนผสมให้เข้า กัน 7. นำแผ่นวงจรพิมพ์ที่วาดแบบลายวงจรเสร็จแล้วมากัด โดยแช่ลงในกรดที่เตรียมไว้ ในทางปฏิบัติจะวาง ด้านที่เป็นทองแดงไว้ด้านบน และพยายามเขย่าภาชนะที่ใส่กรดไปมา ไม่ควรแช่ทิ้งไว้เฉย ๆ ที่ทำดังนี้ เพื่อให้ทองแดง ที่ถูกกัดแล้วหล่นลงไปด้านล่างภาชนะ ไม่หล่นบนผิวทองแดงด้านบน ซึ่งจะช่วยให้กัด เสร็จเร็วขึ้น ในกรณีต้องการแช่ทิ้งไว้ควรวางแผ่นวงจรพิมพ์ในลักษณะ แนวดิ่ง หรือตะแคงเล็กน้อย ไม่ ควรวางนอน แต่ต้องใช้ส่วนผสมที่เข้มข้นมากกว่าเดิม เวลาที่ใช้ในการกัดปกติจะอยู่ประมาณ 10-20 นาที ในขณะทำถ้าเป็นไปได้ควรสวมถุงมือยาง เพื่อไม่ให้กรดกัดถูกผิวหนัง แต่ถ้ากรดถูกผิวหนังหรือเข้าตา ต้อง รีบล้างออกด้วยน้ำจำนวนมาก ๆ โดยเร็ว 8. เมื่อกัดเสร็จเรียบร้อย ก็ดำเนินการล้างสีออกด้วยทินเนอร์จากนั้นก็ทำความสะอาดด้านลายทองแดง ด้วยผงซักฟอกและสก๊อตไบต์แล้ววางทิ้งให้แห้ง 9. จากนั้นนำมาเคลือบลายทองแดง ด้วยน้ำยาเคลือบที่มีขาย หรือ อาจจะทำขึ้นเองโดยใช้ยางสนผสมกับ ทินเนอร์ก็ได้ เพื่อเคลือบผิวทองแดงให้สะอาด และไม่หมองไว 10. เจาะรูตามขนาดขาของอุปกรณ์โดยใช้สว่าน ก็จะได้แผ่นวงจรพิมพ์ตามต้องการ รูปที่ 16.9 แสดงตัวอย่าง schematic circuit ของวงจร


• ด้านทักษะ(ปฏิบัติ) (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 7-8) รูปที่ 16.10 แสดงตัวอย่างการวางอุปกรณ์บนแผ่นวงจรพิมพ์ รูปที่ 16.11 แสดงลายวงจรที่ออกแบบ


1. ใบงานที่ 14 2. แบบประเมินการเรียนรู้ บทที่ 14 • ดา ้ นคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่9-10) 1. การเตรียมความพร้อมดา้นการเตรียม วสัดุอุปกรณ์นกัศึกษาจะตอ้งกระจายงานไดท้วั่ถึง และตรง ตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียมสถานที่ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2. ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นักศึกษาจะต้องมีการใช้ เทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ื่อและเทคโนโลยีประกอบการ นา เสนอที่น่าสนใจ นา วสัดุในทอ้งถิ่นมาประยกุตใ์ช้ อย่างคุ้มค่าและประหยัด กิจกรรมการเรียนการสอนหร ื อการเรียนรู้ ข้นัตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูข้นัตอนการเรียนรู้ หรือกิจกรรมของนกัเรียน


1. ข้ันน ำเข้ำสู่บทเรียน (20นำที) 1. ตรวจความพร้อมของผู้เรียนตรวจการมา เรียนการแต่งกายแนะน าตัวครูผู้สอนผู้เรียนบอกชื่อ วิชา รหัสวิชา จุดประสงค์ของรายวิชา ค าอธิบาย รายวิชา เกณฑ์การประเมินผล โดยให้นักเรียนมีส่วน ร่วม ให้ความรู้เกี่ยวกับความมีมนุษย์สัมพันธ์ 2. ผูส้อนให้ผูเ้รียนทา แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 14 เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2. ข้ันให้ควำมรู้(60 นำที) 1. ผู้สอนน าเข้าสู่บทเรียนโดยอธิบายเกี่ยวกับ การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์พร้อมท้งั ประกอบการสอนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนตอบค าถามในเน้ือหาที่เรียน ในหน่วยที่ 14 แล้วให้ผู้เรียนตอบค าถาม 3. ข้ันประยุกต์ใช้( 90 นำที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนท าใบงานหน่วยที่ 14 เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2. ผู้ส อนให้ผู้เรี ยนแบ่ งกลุ่ม ๆ 5-7 คน ร่วมกันปฏิบัติตามใบงานที่ได้รับมอบหมาย 3. มอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษา เรื่อง การ ประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม 1. ขั้นน ำเข้ำสู่บทเรียน (20 นำที) 1. จัดเตรี ยมเอกสาร ฟังอาจารย์ผู้สอนแนะน า รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่องการ ประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2.ผู้เรียนท าแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 14เรื่ อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2. ข้ันให้ควำมรู้(60 นำที) 1. ผู้เรี ยนศึกษาจากบทเรี ยนคอมพิวเตอร์ช่วย สอน 2. ผู้เรียนตอบค าถามในเน้ือหาที่เรียนในหน่วยที่ 10 3. ข้ันประยุกต์ใช้(90 นำที) 1. ผู้เรี ยน ท าใบ งาน ห น่ วยที่ 14 เรื่ อง การ ประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ 5-7 คน ร่วมกันปฏิบัติตาม ใบงานที่ได้รับมอบหมาย 3. ผู้เรี ย น ศึ ก ษ า เรื่ อ ง ก ารป ร ะ ก อ บ วงจ ร อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม กิจกรรมการเรียนการสอนหร ื อการเรียนรู้ ข้นัตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูข้นัตอนการเรียนรู้ หรือกิจกรรมของนกัเรียน


4. ข้ันสรุปและประเมินผล( 70 นำที) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้เรียน ให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนท าแบบประเมินการเรียนรู้ หน่วยที่ 10 3. แจกแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 14 เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 4. ผู้สอนตรวจแบบทดสอบหลังเรียนพร้อมกับ บันทึกคะแนน (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 60 นำที) 1. ผู้สอนและผู้เรี ยนร่ วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้เรียนท าแบบประเมินการเรียนรู้หน่วยที่ 14 3. ผู้เรียนท าแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 14 ด้วยความซื่อสัตย์ 4. ผู้เรียนนา คะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนมาเปรี ยบเทียบกันว่าเป็ นอย่างไรมี ผลต่างกันอย่างไร เพื่อดูความก้าวหน้าของตนเอง (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) งานที่มอบหมายหร ื อกิจกรรมการวดัผลและประเมินผล


a. ก่อนเรียน 1. จัดเตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนตามที่อาจารย์ผู้สอนและบทเรียนก าหนด 2. ทา แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องไมโครโฟนและล าโพง แล้วสลับกันตรวจค าตอบ 3. ท าความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยเรียนที่ 14และการให้ความร่วมมือในการท า กิจกรรมในหน่วยการเรียนที่ 14 b. ขณะเรียน 1. ปฏิบัติตามใบงานที่ 14 เรื่องการประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 2. ร่วมกันสรุป “การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์” 3. จัดท าสื่อประกอบการรายงาน • หลังเรียน 1. ท าแบบทดสอบหลังเรียน 2. ท าแบบประเมินการเรียนรู้ ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสา เร ็ จของผเู้ รียน ตรวจรายงาน เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อสิ่งพิมพ์ 1. หนังสือเรียนวิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบ้ืองตน้ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิง


พฤติกรรมข้อที่ 1-7) 2. แบบทดสอบก่อนเรียน ใชป้ระกอบการสอนข้นัเตรียม ขอ้ 2 3. ใบความรู้ที่ 10 เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์(ใชป้ระกอบการเรียนการสอนข้นัสอน เพื่อให้ บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) 4. ใบงานที่ 10 เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์(ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิง พฤติกรรมข้อที่ 1-7) 5. แบบทดสอบหลังเรียน ใชป้ระกอบการสอนข้นัเตรียม ขอ้ 2 6. แบบแบบประเมินการเรียนรู้ ใชป้ระกอบการสอนข้นัสรุป ขอ้ 2 7. แบบเฉลยทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และแบบประเมินการเรียนรู้ใชป้ระกอบในข้นัเตรียมและ ข้นัสรุป 8. แบบประเมินผลงานตามใบงาน ใชป้ระกอบการสอนข้นัการเรียนการสอน ขอ้ 2 9. แบบประเมินพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ใชป้ระกอบการสอนข้นัการเรียนการสอน ขอ้ 2 สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สื่อของจริง ใบงานหน่วยที่ 14 แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา


1. ห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร 2. ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ศึกษาหาข้อมูลทาง Internet นอกสถานศึกษา ผปู้ระกอบการ สถานประกอบการในทอ้งถิ่น การบูรณาการ/ความสมัพนัธ ์ กบัวิชาอ ื่น 1. บูรณาการกับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึ กปฏิบัติตนทาง สังคมด้านการเตรียมความพร้อม ความรับผิดชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บูรณาการกบัวิชาการบริหารการจดัซ้ือ ดา้นการซ้ือการแสวงหาผลิตภณัฑ์ 3. บูรณาการกบัวิชากีฬาเพื่อพฒันาสุขภาพและบุคลิกภาพ ดา้นบุคลิกภาพในการนา เสนอหนา้ช้นัเรียน 4. บูรณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด การประเมินผลการเรียนรู้ • หลักการประเมินผลการเรียนรู้


ก่อนเรียน. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน ขณะเรียน 1. ตรวจผลงานตามใบงานที่ 14 2. สังเกตการท างานกลุ่ม หลังเรียน 1. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน 2. ตรวจแบบแบบประเมินผลการเรียนรู้ ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสา เร ็ จของผเู้ รียน ตรวจผลงาน ชิ้นงาน เรื่อง การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์


รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 1 บอกวิธีการในการประกอบวงจรได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวิธีการในการประกอบวงจรได้ถูกต้อง จะได้ 4 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 แยกประเภทของแผ่นวงจรพิมพ์ได้ 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : แยกประเภทของแผ่นวงจรพิมพ์ได้จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 บอกลักษณะของแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ แบบต่างๆได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกลักษณะของแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์แบบต่างๆได้ถูกต้อง จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 4 บอกข้นัตอนในการสร้างแผ่นวงจรพิมพด์ว้ยตวัเอง ได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกข้นัตอนในการสร้างแผ่นวงจรพิมพด์ว้ยตวัเองไดถู้กตอ้ง จะได้ 8 คะแนน


• จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 5 มีทักษะในการสร้างแผ่นวงจรพิมพ์และประกอบ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้ 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : มีทักษะในการสร้างแผ่นวงจรพิมพ์และประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ได้ จะได้ 8 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 6 เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม 3. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่าง ถูกต้อง จะได้ 6 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 7 ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุ และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุ และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะได้ 6 คะแนน


แบบประเมินผลการน าเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดัเจน (ความรู้เกี่ยวกบัเน้ือหาความถูกตอ้ง ปฏิภาณในการตอบ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า) 2 รูปแบบการน าเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บุคลิกลกัษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้า เสียง ซ่ึงทา ให้ผูฟ้ ังมีความ สนใจ รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… เกณฑ์การให้คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดัเจนถูกตอ้ง 3 คะแนน = มีสาระส าคัญครบถ้วนถูกต้อง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระส าคัญไม่ครบถ้วน แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระส าคัญไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการน าเสนอ 3 คะแนน = มีรูปแบบการน าเสนอที่เหมาะสม มีการใช้เทคนิคที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นา เสนอที่น่าสนใจ นา วสัดุในทอ้งถิ่นมาประยกุตใ์ชอ้ยา่งคุม้ค่าและประหยดั 2 คะแนน = มีเทคนิคการน าเสนอที่แปลกใหม่ ใช้สื่อและเทคโนโลยีประกอบการน าเสนอที่น่าสน ใจ แต่ ขาด การประยกุตใ์ช้วสัดุในทอ้งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการน าเสนอไม่เหมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผู้ฟัง 3 คะแนน = ผู้ฟังมากกว่าร้อยละ 90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 2 คะแนน = ผู้ฟังร้อยละ 70-90 สนใจ และให้ความร่วมมือ 1 คะแนน = ผู้ฟังน้อยกว่าร้อยละ 70 สนใจ และให้ความร่วมมือ


แบบประเมินกระบวนการทา งานกลุ่ม ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………ห้อง............................ รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขที่……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ที่ รายการประเมิน คะแนน ข้อคิดเห็น 3 2 1 1 การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน 2 การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผู้ประเมิน………………………………………………… วันที่…………เดือน……………………..พ.ศ…………... เกณฑ์การให้คะแนน 1. การก าหนดเป้าหมายร่วมกัน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการก าหนดเป้าหมายการท างานอย่างชัดเจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการก าหนดเป้าหมายในการท างาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนน้อยมีส่วนร่วมในการก าหนดเป้าหมายในการท างาน 2. การหน้าที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้วั่ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจดัเตรียมสถานที่สื่อ/ อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้วั่ถึง แต่ไม่ตรงตามความสามารถ และมีสื่อ/อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่ขาด การจัดเตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทวั่ถึงและมีสื่อ/อุปกรณ์ไม่เพียงพอ 3. การปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 3 คะแนน = ท างานได้ส าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาที่ก าหนด 2 คะแนน = ท างานได้ส าเร็จตามเป้าหมาย แต่ช้ากว่าเวลาที่ก าหนด 1 คะแนน = ท างานไม่ส าเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็ นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน


แบบฝึ กหัด ให้เขียนเครื่องหมายกากบาท X ทับตัวอักษรหน้าคำตอบที่ถูกที่สุด 1.การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ควรทำอย่างไร ก. รู้จักเลือกเครื่องมือให้ถูกประเภท ข. ควรใช้เครื่องมือให้ถูกวิธี ค. รู้จักอุปกรณ์ที่จะนำมาต่อ ง. ถูกทุกข้อ 2.เหตุใดจึงเลือกใช้ PCB แทนการใช้สายต่อ ก. อุปกรณ์จะวางได้ง่าย ข.สามารถผลิตเป็นอุตสาหกรรมได้ ค. ทำให้วงจรดูซับซ้อนขึ้น ง. ไม่เปลืองสายไฟ 3.แผ่นวงจรพิมพ์ เรียกว่าอะไร ก. แผ่นปรินซ์ ข. แผ่น PCB ค. แผ่น CI ง. ข้อ ก และ ข ถูก 4. ข้อใดคือแผ่นวงจรพิมพ์แบบ อเนกประสงค์ ก. ไอซีบอร์ด ข. แพดบอร์ด ค. โปรโตบอร์ด ง. ถูกทุกข้อ 5.ข้อใดคือลักษณะของแผ่นวงจรพิมพ์จะไม่มีลวดลายทองแดงเชื่อมต่อ ก. แพดบอร์ด ข. โปรโตบอร์ด ค. ไอซีบอร์ด ง. ถูกทุกข้อ 6.การกัดลายทองแดงออกต้องใช้อะไร ก. น้ำยา ข. น้ำกรด ค. กรดกัดปรินซ์ ง. ข้อ ก และ ค ถูก 7.ขั้นตอนใดที่ใช้เวลามากที่สุดในการทำวงจรพิมพ์ ก. สร้างลายวงจรต้นแบบ ข. ตัดแผ่นวงจรเปล่า ค. คัดลอกลายลงบนแผ่นวงจรพิมพ์ ง. การกัดวงจร 8.แผ่นวงจรแบบใดที่ใช้รูที่ทำพิเศษเพื่อเชื่อมต่อ 2 ด้าน ก. Double Side Plate Trough Hole PCB ข. Sing Side PCB ค. Double Side PCB ง. Multi Layer PCB 9.แผ่นวงจรพิมพ์แบบอีพอกซี่ จะมีสีอะไร ก. สีเขียว ข. สีทองแดง ค. สีน้ำตาล ง. สีขาว


10.โปรแกรมใดใช้ออกแบบลายปริ้น ก. Photoshon ข. Protel ค. Pain ง. ACDSee ข้อที่ คำตอบ 1 ง. 2 ข. 3 ง. 4 ง. 5 ก. 6 ง. 7 ก. 8 ก. 9 ก. 10 ข. บันทึกหลังการสอน บทที่ 14 การประกอบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ผลการใช้แผนการสอน 1. เน้ือหาสอดคลอ้งกบัจุดประสงคเ์ชิงพฤติกรรม 2. กิจกรรมการสอนเหมาะสมกบัเน้ือหาและเวลาที่กา หนด 3. สื่อการสอนเหมาะสมดี


ผลการเรียนของนักเรียน 1. นักศึกษาส่วนใหญ่มีความเข้าใจในบทเรียนร่วมกัน อภิปรายตอบค าถามในกลุ่ม และร่วมกัน ปฏิบัติใบงานที่ได้รับมอบหมาย 2. นักศึกษากระตือรือร้นและรับผิดชอบในการท างานกลุ่มเพื่อให้งานส าเร็จทันเวลาที่ก าหนด 3. นักศึกษาวัดและทดสอบทรานซิสเตอร์ได้ 4. นักศึกษาประกอบวงจรคอมมอนเดรนได้ ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้รบตามหลักสูตร 2. แผนการสอนและวิธีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทา ใหผ้ สู้อนสอนไดอ้ยา่งมนั่ใจ 3. สอนทันตามเวลาที่ก าหนด


แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฏี แผนการสอน/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 15 ชื่อวิชา งานไฟฟ้ าและอิเลก ็ ทรอนิกส ์ เบ้ืองตน ้ สอนสัปดาห์ที่ 16 ชื่อหน่วย การควบคุมมอเตอร์ คาบรวม 4 ชื่อเรื่อง. การควบคุมมอเตอร์ จ านวนคาบ 4 หัวข้อเรื่อง ด้านความรู้ 1.ชนิดของมอเตอร์ 2.หลักการท างาน 3.ส่วนประกอบ 4.การควบคุม ด้านทักษะ 1. ติดต้งัและต่อใชง้านลา โพง 2. ติดต้งัและต่อใชง้านไมโครโฟน ด้านคุณธรรม จริยธรรม 8. ความรับผิดชอบ 9. ความสนใจใฝ่ รู้ สาระส าคัญ มอเตอร์เป็ นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเป็ นส่วนประกอบหลักในการท างานของ เครื่องใชไ้ฟฟ้าที่ใชก้นั ในชีวิตประจา วนัของเรา ดงัน้นัการศึกษาโครงสร้าง การทา งาน และการควบคุมมอเตอร์ จึงเป็ นส่วนหนึ่งที่มีความส าคัญในการเรียนรู้ของนักศึกษาช่าง สมรรถนะอาชีพประจ าหน่วย มอเตอร์ไฟฟ้าและการควบคุม


จุดประสงค ์ การสอน/การเร ี ยนร ู้ • จุดประสงคท ์ วั่ ไป / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับชนิดของมอเตอร์หลักการท างานของมอเตอร์(ด้านความรู้ ) 2. เพื่อให้มีทักษะในการควบคุมมอเตอร์(ด้านทักษะ) 3. เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมด้านการเตรียม วัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้อง ส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนด มีเหตุและผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม) • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. บอกชนิดของมอเตอร์ได้ถูกต้อง 2. อธิบายหลักการท างานของมอเตอร์ได้ 3. บอกส่วนประกอบของมอเตอร์กระแสตรงชนิดแม่เหล็กถาวรได้ถูกต้อง 4. บอกวิธีการควบคุมมอเตอร์ในข้นัตน้ ได้ 5. ฝึ กการท างานเป็ นกลุ่มของนักศึกษา 6. ประยุกต์ใช้งานรีเลย์ได้เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง) 7. ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายใน เวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุและผลตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง (ด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)


เน ื้อหาสาระการสอน/การเร ี ยนร ู้ • ด้านความรู้(ทฤษฎี) 1.ชนิดของมอเตอร์ 2.หลักการท างาน 3.ส่วนประกอบ 4.การควบคุม ชนิดของมอเตอร์ ถ้าเรามองดูอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารอบ ๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะเป็ นพัดลม เครื่องซักผ้า เครื่องเล่นเทป หรือของ เล่นต่างๆ จะเห็นวา่เครื่องใชส้ ่วนใหญ่จะมีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบในการทา งานแทบท้งัสิ้น นอกจากน้ี เครื่องจกัรต่าง ๆ ที่ใชใ้นงานผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ก็อาศยัมอเตอร์แทบท้งัสิ้น จึงอาจกล่าวไดว้า่ มอเตอร์ คือ อุปกรณ์ที่มีความส าคัญต่อชีวิตความเป็ นอยู่ของมนุษย์เราเลยทีเดียว มอเตอร์จะท าหน้าที่ แปลง พลังงานไฟฟ้าเป็ นพลังงานกลให้เราไปใช้ในการท างานแทนการใช้แรงงานจากมนุษย์ เราอาจแบ่งมอเตอร์ตาม ระบบไฟที่ใช้ได้ 2 ประเภทคือ 1. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง (DC Motor) 2. มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Motor) โดยมอเตอร์ท้งัสองประเภทจะมีส่วนประกอบที่แตกต่างกนัออกไปบา้งแต่ส่วนประกอบหลกัคือ จะมีส่วนที่อยู่กับที่เราเรียกว่า สเตเตอร์ (Stator) และส่วนที่เคลื่อนที่ซึ่งเราเรียกว่าโรเตอร์(Rotor)มอเตอร์ไฟฟ้า กระแสตรงมีด้วยกันหลายแบบ ถ้าจะแบ่งตามการสร้างสนามแม่เหล็กของ สเตเตอร์ ก็จะแบ่งได้เป็ น 3แบบคือ 1. แบบที่ใช้แม่เหล็กถาวรเป็ นตัวสร้างสนามแม่เหล็ก (Permanent DC Motor) แบบน้ีจะมีแท่งแม่เหลก็อยา่งนอ้ย สองแท่งเป็ นส่วนประกอบของสเตเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็ นมอเตอร์ขนาดเล็ก ๆ ใช้ในของเด็กเล่น หรือเครื่องมือ ขนาดเล็ก เช่นสว่านเจาะปรินซ์ 2. แบบที่ใช้ขดลวดในการสร้างสนามแม่เหล็ก (Wound DC Motor) แบบน้ีจะมีขดลวดสเตเตอร์ในการสร้าง สนามแม่เหลก็และมีข้วัต่อออกเพื่อรับการจ่ายไฟเล้ียง ซ่ึงสามารถต่อได้2ลักษณะคือ ต่ออนุกรมกับขดลวดโร เตอร์ เราเรียกว่า ซีรีส์มอเตอร์ (Series Motor) และต่อแบบขนานกับโรเตอร์ เรียกว่า ชันท์มอเตอร์ (Shunt Motor) โดยมอเตอร์แบบน้ีจะใชใ้นงานพิเศษที่ตอ้งการแรงบิดสูง หรืองานที่ตอ้งการความเร็วรอบที่คงที่และ ปรับเปลี่ยนไดง้่ายโดยวิธีควบคุมกระแสที่จ่ายใหข้ดลวดน้ี 3. แบบใชข้ดลวดพนัพิเศษเพื่อหมุนแบบที่ละข้นัที่ละจุด มกัเรียกกนัวา่สเตปปิ้งมอเตอร์(Stepping Motor) ซึ่ง จะใช้ในการควบคุมแบบพิเศษ เช่นแขนกล หรืออุปกรณ์ที่ต้องการควบคุมการหมุนแบบละเอียด


ส าหรับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับก็มีด้วยกันหลายประเภท เช่น มอเตอร์แบบซิงโครนัส (Synchronous Motor), มอเตอร์แบบอินดกัชนั่(Induction Motor) เป็นตน้ซ่ึงในที่น้ีจะไม่ขอกล่าวถึงเพราะมีรายละเอียดมากมายไม่ เหมาะกบัการเรียนรู้ในระดบัพ้ืนฐาน จึงขอกล่าวรายละเอียดเฉพาะมอเตอร์อยา่งง่ายที่ใช้แม่เหลก็ถาวรเท่าน้นั เพราะศึกษาได้ง่ายและเห็นกันอยู่เสมอ หลักการท างานของมอเตอร์ หลกัการทา งานของมอเตอร์จะอาศยัแรงผลกัที่เกิดจากสนามแม่เหลก็ โดยความรู้เบ้ืองตน้ที่เราไดเ้รียนมา คือเมื่อมีกระแสไหลผา่นลวดตวันา จะทา ใหเ้กิดสนามแม่เหลก็รอบตวันา น้นัถา้เรานา ตวันา ดงักล่าวไปวางไว้ ในสนามแม่เหลก็ถาวรก็จะเกิดการตา้นและเสริมกบัเส้นแรงแม่เหลก็จากแม่เหลก็ถาวรทา ใหเ้กิดแรงผลกัข้ึนที่ ขดลวด เหมือนกับนักศึกษาน าแม่เหล็ก 2 ชิ้นมาวางใกล้ๆ กนัหรืออาจทดลองง่ายโดยหาแม่เหลก็แบบเกือกมา้ มา 1อนัจากน้นันา ขดลวดมาพนัรอบตะปูแลว้จ่ายไฟดว้ยแบตเตอรี่ดงัรูป ก็จะเห็นปฏิกิริยาระหวา่งกนั เรามาลองดูหลกัการทา งานของมอเตอร์ทีละข้นัตามรูปที่11.2


รูปที่ 11.2ก. เมื่อเราจ่ายกระแสให้กับตัวน าจะท าให้ตัวน ามีสนามแม่เหล็ก มีผลให้ท าปฏิกิริยากับ สนามแม่เหล็กถาวร ท าให้เกิดแรงผลักตัวน าไปในทิศทางด้านบน แต่ถ้าจ่ายกระแสในทิศทางตรงข้าม ตัวน าก็ จะถูกผลักในทิศทางตรงกันข้าม รูปที่ 11.2ข. เมื่อใชต้วันา เป็นวงรอบแลว้จ่ายกระแส จะทา ใหด้า้นหน่ึงของตวันา ถูกผลกัข้ึนและอีกดา้นถูกผลกั ลง ท าให้ตัวน าหมุน รูปที่ 11.2 ค. แสดงภาพในแนวตวัขวางแสดงถึงทิศทางของแรงที่เกิดข้ึนกบัตวันา เราสามารถแสดงการท างานของมอเตอร์อย่างเต็มรูปแบบได้ดังรูปที่ 11.3 จากรูปจะเห็นไดช้ดัเจนวา่เมื่อจ่ายกระแสผา่นข้วัต่อที่เรียกวา่แปรงถ่าน (Brushes) ไปยังวงแหวนพิเศษที่เรียกว่า คอมมิวเตเตอร์ (Commutator) ซึ่งต่อเข้ากับวงรอบตัวน า กระแสที่ไหลผ่านตัวน าจะท าให้เกิดเส้นแรงแม่เหล็ก รอบตวันา โดยดา้นหน่ึงจะเกิดเป็นแรงผลกัข้ึน ส่วนอีกดา้นจะเกิดแรงผลกัตวันา ลงมา ทา ใหว้งรอบตวันา มีการ หมุน โดยแรงที่เกิดจะแปรตาม กระแสที่ไหลผ่าน(I) ความยาวของตัวน า (L) และ ความเข้มของ สนามแม่เหล็กสเตเตอร์ (B) ที่ต้องใช้วงแหวนคอมมิวเตเตอร์ เพราะถ้าเราต่อตัวน าเข้ากับแหล่งจ่ายตายตัว จะท าให้กระแสที่ไหลผ่านตัวน ามี ทิศตายตัว เมื่อตัวน าหมุนมาอีกทิศทางหนึ่งทิศทางแรงผลักจะท าให้ตัวน าถูกผลักกลับไปต าแหน่งเดิม ท าให้ไม่ สามารถหมุนต่อเนื่องได้ การใช้วงแหวนคอมมิวเตเตอร์ก็เพื่อให้ตัวน าได้รับการจ่ายกระแสที่ถูกต้อง ท าให้ ตัวน าหมุนต่อเนื่องต่อไปได้ ส าหรับการต่อแรงดันไฟฟ้าไปยังคอมมิวเตเตอร์จะกระท าผ่านแปรงถ่าน โดยแปรง ถ่านจะเป็ นสารผสมระหว่าง ทองแดงกับกราไฟต์ ที่สามารถน ากระแส ที่ต้องใช้แปรงถ่านก็เพื่อลดการเสียดสี ระหวา่งข้วัต่อแหล่งจ่ายไฟกบัวงแหวนคอมมิวเตเตอร์


มอเตอร์ในทางปฏิบตัิจะเพิ่มความยาวของลวดตวันา ซ่ึงเป็นโรเตอร์โดยพนัลวดรอบแกนโลหะ ซ่ึงเรามกัเรียก กันอีกชื่อหนี่งว่า อาร์เมเจอร์ (Armature) เพื่อเพิ่มแรงบิด (Torque)ให้กับมอเตอร์ รูปที่ 11.4 แสดงวงแหวนคอมมิวเตเตอร์และแปรงถ่าน


ในที่น้ีจะแสดงรูปจริงที่เป็นส่วนประกอบของมอเตอร์ไฟตรงแบบแม่เหลก็ถาวร โดยทวั่ ไปจะควบคุมองคป์ระกอบ 3 ประการคือ 1.ควบคุมความเร็วของมอเตอร์ (Speed Control) 2.ควบคุมแรงบิดของมอเตอร์ (Torque Control) 3.ควบคุมทิศทางการหมุนของมอเตอร์ ( Direction Control) การควบคุมความเร็วของมอเตอร์กระแสตรงน้นัจะทา ไดโ้ดยการปรับแรงดนัที่จ่ายใหม้อเตอร์ ส่วนการควบคุมแรงบิดท าโดยการควบคุมกระแสที่ผ่านขดลวดอาเมเจอร์ และที่จ่ายให้กับขดลวดสเตเตอร์ใน กรณีสเตเตอร์แบบใชข้ดลวดพนัสา หรับการควบคุมการหมุนหรือการสลบัทิศทางการหมุนน้นั ในกรณี


มอเตอร์ไฟตรงสามารถทา ไดโ้ดยการสลบัข้วัแหล่งจ่ายไฟที่จ่ายใหแ้ก่มอเตอร์สา หรับกรณีของมอเตอร์ไฟฟ้า กระแสตรงขนาดเล็กแบบใช้แม่เหล็กถาวรเป็ นสเตเตอร์จะไม่สามารถควบคุมอะไรได้มากนัก โดยการควบคุม ความเร็วของมอเตอร์จะถูกจ ากัดด้วยขนาดแรงดัน โดยสามารถปรับได้ไม่เกินค่าแรงดันสูงสุดที่จ่ายให้มอเตอร์ ส่วนการควบคุมแรงบิดอาจท าโดยใช้ตัวต้านทานปรับค่าแบบขดลวด (Wire Wound Resistor) แต่ก็จะเกิด กา ลงัไฟฟ้าสูญเสียที่ตวัตา้นทาน ฉะน้นั ในปัจจุบนัจึงมกันิยมใชก้ารควบคุมดว้ยวงจรพลัซ์วิธมอดูเลเตอร์(Pulse Width Modulator) ซ่ึงจะใชว้ิธีจ่ายไฟใหแ้ก่มอเตอร์เป็นช่วง ๆ โดยการควบคุมแรงดนัคือการปรับช่วงกวา้ง ของพลัซ์ที่จ่ายใหน้นั่เอง ซ่ึงวิธีน้ีจะทา ใหล้ดกา ลงัสูญเสียไดม้าก สา หรับการกลบัทางหมุนของมอเตอร์อาจใช้ วิธีสลบัข้วัดว้ยมือหรือใชว้งจรรีเลยห์รืออิเลก็ทรอนิกส์เขา้ไปควบคุม จากรูป จะมีทรานซิสเตอร์ 4 ตัว ท างานประสานกัน ควบคุมด้วยสวิตช์ S1และ S2 ในสภาวะปกติ เมื่อสวิตช์ S1 ปิ ดวงจร และ S2 เปิ ดวงจร ดังรูป ทรานซิสเตอร์ Q1และ Q4จะน ากระแส ในขณะที่ Q2และ Q3ไม่น ากระแส ท าให้มอเตอร์หมุนไปทิศทางหนึ่ง และเมื่อเปิ ดวงจร S1 ทรานซิสเตอร์ทุกตัวจะหยุดน ากระแส และ มอเตอร์จะ หยุดหมุน และเมื่อกดสวิตช์ S2 ให้ต่อวงจรในขณะที่สวิตช์ S1 เปิ ดวงจร ก็จะมีผลท าให้ Q2 และ Q3 น ากระแส ในขณะที่ Q1และ Q4 หยุดน ากระแส ท าให้มอเตอร์หมุนไปอีกทิศทางหนึ่ง วงจรน้ีจะมีปัญหาที่ถา้กดให้S1และ S2 ปิ ดวงจรพร้อมกัน ทรานซิสเตอร์ทุกตัวจะน ากระแสและเกิดการ Q1 Q2 Q3 Q4


ลดัวงจรแหล่งจ่ายไฟข้ึน สา หรับ LED ท้งั 2 ดวงที่ต่อขนานกับตัวมอเตอร์จะเป็ นตัวแสดงสภาวะทิศทางการ หมุน โดยจะสลบักนัทา งาน ส่วนไดโอดท้งั 4 ตัวที่ ต่อคร่อมทรานซิสเตอร์ ใช้ในการป้องกันทรานซิสเตอร์จาก แรงเคลื่อนเหนี่ยวน าย้อนกลับของมอเตอร์ การป้องกันการกดสวิตช์พร้อมกัน อาจท าโดยใช้สวิตช์ S1และ S2 เป็ นสวิตช์ร่วมแกนเดียวกัน เพื่อเป็ นการบังคับการควบคุมว่า เมื่อตัวหนึ่งปิ ดวงจร ตัวหนึ่งจะเปิ ดวงจรทันที หรือ อาจออกแบบ วงจรควบคุมใหม่เพื่อแกป้ ัญหาน้ีดงัตวัอย่างต่อไปน้ีก็ได้ จากรูป เป็ นวงจรควบคุมการกลับทิศทางของมอเตอร์ด้วย รีเลย์ ลักษณะของวงจรจะมีสวิตช์ 3 ตัว เป็ นแบบ กดติด-ปล่อยดับ (Push Button Switch) โดย เมื่อกดสวิตช์ Forward จะทา ใหม้ีกระแสเล้ียงรีเลย์RA ท าให้ รีเลย์ RA ท างาน หน้าสัมผัส A1จะต่อวงจรให้กับรีเลย์ RA อย่างต่อเนื่อง แม้จะปล่อยสวิตช์ Forward และ หน้าสัมผัส A2จะต่อวงจรให้มอเตอร์หมุน ในขณะที่มอเตอร์ก าลังหมุนอยู่ ถ้าเรากดสวิตช์ Reverse จะไม่มีผลอะไร เนื่องจากหน้าสัมผัส A1ถูกเปลี่ยน ทิศทางแลว้จึงไม่มีกระแสเล้ียงรีเลย์RB แต่อย่างใด ในกรณีต้องการให้รีเลย์RB ท างานเพื่อกลับทิศทางการ หมุนของมอเตอร์ จะต้องกดสวิตช์ Stop เพื่อให้รีเลย์ RD ท างานเพื่อตัดวงจรของ รีเลย์ RA เสียก่อน คือมอเตอร์ จะหยุดหมุน และหน้าสัมผัส A1จะกลับมาสู่สภาวะปกติดังเดิม เมื่อกดสวิตช์ Reverse ในตอนน้ีรีเลย์RB จะทา งานและลอ็คไฟเล้ียงตวัเองดว้ยหนา้สัมผสั B1และเป็ นการต่อ ไฟเล้ียงใหร้ีเลย์RC ท างานด้วย ซึ่งจะเป็ นผลให้หน้าสัมผัส RC1และ RC2 เปลี่ยนทิศทางไฟเล้ียงใหก้บั มอเตอร์ ท าให้มอเตอร์หมุนไปในอีกทิศทางหนึ่ง และในกรณีต้องการกลับทิศทางการหมุนของมอเตอร์เสีย ใหม่ก็ต้องท าการหยุดมอเตอร์โดยการกดสวิตช์ Stop เสียก่อนเช่นกนัเพื่อให้รีเลย์RD ท างาน และหน้าสัมผัส D1 ตดัไฟที่เล้ียงรีเลย์RB ออกเสียก่อน จึงจะทา การกดสวิตช์Forward เพื่อให้รีเลย์ RA ท างานและต่อวงจรใหม่


อีกคร้ัง จะเห็นวา่วงจรน้ีจะช่วยป้องกันการกลับทางหมุนอย่างกะทันหันของมอเตอร์ได้ เพราะถ้ามอเตอร์กลับทางหมุน ทันที จะเกิดแรงกระชากที่ตัวมอเตอร์ ท าให้มอเตอร์เสียหายได้ • ด้านทักษะ(ปฏิบัติ 1. ใบงานที่ 15 2. แบบประเมินการเรียนรู้ บทที่ 15 • ดา ้ นคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 1. การเตรียมความพร้อมดา้นการเตรียม วสัดุอุปกรณ์นกัศึกษาจะตอ้งกระจายงานไดท้วั่ถึง และตรง ตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจัดเตรียมสถานที่ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ไว้อย่างพร้อมเพรียง 2. ความมีเหตุมีผลในการปฏิบัติงาน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง นักศึกษาจะต้องมีการใช้ เทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ื่อและเทคโนโลยีประกอบการ นา เสนอที่น่าสนใจ นา วสัดุในทอ้งถิ่นมาประยกุตใ์ช้ อย่างคุ้มค่าและประหยัด (จะสอนเน้ือหาอะไรที่เกี่ยวกบัการเตรียมความพร้อมดา้นการเตรียม วสัดุอุปกรณ์และ การปฏิบัติงานอย่างมี เหตุและผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง


กิจกรรมการเรียนการสอนหร ื อการเรียนรู้ ข้นัตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูข้นัตอนการเรียนรู้ หรือกิจกรรมของนกัเรียน 1. ข้ันน าเข้าสู่บทเรียน (20นาที) 1. ตรวจความพร้อมของผู้เรียนตรวจการมา เรียนการแต่งกายแนะน าตัวครูผู้สอนผู้เรียนบอกชื่อ วิชา รหัสวิชา จุดประสงค์ของรายวิชา ค าอธิบาย รายวิชา เกณฑ์การประเมินผล โดยให้นักเรียนมีส่วน ร่วม ให้ความรู้เกี่ยวกับความมีมนุษย์สัมพันธ์ 2. ผูส้อนให้ผูเ้รียนทา แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 15 เรื่องการควบคุมมอเตอร์ 2. ข้ันให้ความรู้(60 นาที) 1. ผู้สอนน าเข้าสู่บทเรียนโดยอธิบายเกี่ยวกับ ไมโครโฟนและล าโพง พร้อมท้งัประกอบการฉาย แผ่นใส 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนตอบค าถามในเน้ือหาที่เรียน ในหน่วยที่ 15แล้วให้ผู้เรียนตอบค าถาม 3. ข้ันประยุกต์ใช้( 90 นาที ) 1. ผู้สอนให้ผู้เรียนท าใบงานหน่วยที่ 10 เรื่อง การควบคุมมอเตอร์ 2. ผู้ส อนให้ผู้เรี ยนแบ่ งกลุ่ม ๆ 5-7 คน ร่วมกันปฏิบัติตามใบงานที่ได้รับมอบหมาย 3. มอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษา เรื่อง การ ควบคุมมอเตอร์เพิ่มเติม 1. ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน (20 นาที) 1. จัดเตรี ยมเอกสาร ฟังอาจารย์ผู้สอนแนะน า รายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเรื่องการ ควบคุมมอเตอร์ 2.ผู้เรียนทา แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 15 เรื่อง การควบคุมมอเตอร์ 2. ข้ันให้ความรู้(60 นาที) 1. ผู้เรียนศึกษาจากสื่อแผ่นใสและหนังสือ 2. ผู้เรียนตอบค าถามในเน้ือหาที่เรียนในหน่วยที่ 15 3. ข้ันประยุกต์ใช้(90 นาที) 1. ผู้เรี ยนท าใบ งานหน่ วยที่ 10 เรื่ อง การ ควบคุมมอเตอร์ 2. ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ 5-7 คน ร่วมกันปฏิบัติตาม ใบงานที่ได้รับมอบหมาย 3. ผู้เรียนศึกษา เรื่อง การควบคุมมอเตอร์เพิ่มเติม


กิจกรรมการเรียนการสอนหร ื อการเรียนรู้ ข้นัตอนการสอนหรือกิจกรรมของครูข้นัตอนการเรียนรู้ หรือกิจกรรมของนกัเรียน 4. ข้ันสรุปและประเมินผล( 70 นาที) 1. ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้เรียน ให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้สอนให้ผู้เรียนท าแบบประเมินการเรียนรู้ หน่วยที่ 15 3. แจกแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 15 เรื่อง การควบคุมมอเตอร์ 4. ผู้สอนตรวจแบบทดสอบหลังเรียนพร้อมกับ บันทึกคะแนน (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) (รวม 240 นาที หรือ 4 คาบเรียน) 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที) 1. ผู้สอนและผู้เรี ยนร่ วมกันสรุปเน้ือหาที่ได้ เรียนให้มีความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน 2. ผู้เรียนท าแบบประเมินการเรียนรู้หน่วยที่ 15 3. ผู้เรียนท าแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยที่ 15 ด้วยความซื่อสัตย์ 4. ผู้เรียนนา คะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียนมาเปรี ยบเทียบกันว่าเป็ นอย่างไรมี ผลต่างกันอย่างไร เพื่อดูความก้าวหน้าของตนเอง (บรรลุจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7)


งานที่มอบหมายหร ื อกิจกรรมการวดัผลและประเมินผล a. ก่อนเรียน 1. จัดเตรียมเอกสาร สื่อการเรียนการสอนตามที่อาจารย์ผู้สอนและบทเรียนก าหนด 2. ทา แบบทดสอบก่อนเรียนเรื่องไมโครโฟนและล าโพง แล้วสลับกันตรวจค าตอบ 3. ท าความเข้าใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนของหน่วยเรียนที่ 15 และการให้ความร่วมมือในการท า กิจกรรมในหน่วยการเรียนที่ 15 b. ขณะเรียน 1. ปฏิบัติตามใบงานที่ 15 เรื่องการควบคุมมอเตอร์ 2. ร่วมกันสรุป “การควบคุมมอเตอร์” 3. จัดท าสื่อประกอบการรายงาน • หลังเรียน 1. ท าแบบทดสอบหลังเรียน 2. ท าแบบประเมินการเรียนรู้ ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสา เร ็ จของผเู้ รียน ตรวจรายงาน เรื่อง ไมโครโฟนและล าโพง


สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อสิ่งพิมพ์ 1. หนังสือเรียนวิชางานไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบ้ืองตน้ (ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิง พฤติกรรมข้อที่ 1-7) 2. แบบทดสอบก่อนเรียน 3. ใบความรู้ที่ 15 เรื่อง การควบคุมมอเตอร์จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) 4. ใบงานที่15 เรื่อง การควบคุมมอเตอร์(ใช้ประกอบการเรียนการสอนจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-7) 5. แบบทดสอบหลังเรียน 6. แบบแบบประเมินการเรียนรู้ 7. แบบเฉลยทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน และแบบประเมินการเรียนรู้ 8. แบบประเมินผลงานตามใบงาน 9. แบบประเมินพฤติกรรมการท างานกลุ่ม สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. แผ่นใส 2. กระดานไวท์บอร์ด สื่อของจริง


แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. ห้องสมุดวิทยาลัยเทคนิคสมุทรสาคร 2. ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ศึกษาหาข้อมูลทาง Internet นอกสถานศึกษา ผปู้ระกอบการ สถานประกอบการในทอ้งถิ่น การบูรณาการ/ความสมัพนัธ ์ กบัวิชาอ ื่น 1. บูรณาการกับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึ กปฏิบัติตนทาง สังคมด้านการเตรียมความพร้อม ความรับผิดชอบ และความสนใจใฝ่ รู้ 2. บูรณาการกบัวิชาการบริหารการจดัซ้ือ ดา้นการซ้ือการแสวงหาผลิตภณัฑ์ 3. บูรณาการกบัวิชากีฬาเพื่อพฒันาสุขภาพและบุคลิกภาพ ดา้นบุคลิกภาพในการนา เสนอหนา้ช้นัเรียน 4. บูรณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด


การประเมินผลการเรียนรู้ • หลักการประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน ขณะเรียน 1. ตรวจผลงานตามใบงานที่ 15 2. สังเกตการท างานกลุ่ม หลังเรียน 1. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน 2. ตรวจแบบแบบประเมินผลการเรียนรู้ ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสา เร ็ จของผเู้ รียน ตรวจผลงาน ชิ้นงาน เรื่อง การควบคุมมอเตอร์


รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 1 บอกชนิดของมอเตอร์ได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกชนิดของมอเตอร์ได้ถูกต้องจะได้ 4 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 2 อธิบายหลักการท างานของมอเตอร์ได้ 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : อธิบายหลักการท างานของมอเตอร์ได้จะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 3 บอกส่วนประกอบของมอเตอร์กระแสตรงชนิดแม่เหล็ก ถาวรได้ถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกส่วนประกอบของมอเตอร์กระแสตรงชนิดแม่เหล็กถาวรได้ ถูกต้องจะได้ 2 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 4 บอกวิธีการควบคุมมอเตอร์ในข้นัตน้ ได้ 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : บอกวิธีการควบคุมมอเตอร์ในข้นัตน้ ไดจะได้ ้ 8 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 5 ฝึ กการท างานเป็ นกลุ่มของนักศึกษา 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมิน 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ฝึ กการท างานเป็ นกลุ่มของนักศึกษาจะได้ 8 คะแนน


• จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 6 เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่างถูกต้อง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม 3. เกณฑ์การให้คะแนน : เตรียมความพร้อมด้าน วัสดุ อุปกรณ์สอดคล้องกับงานได้อย่าง ถูกต้อง จะได้ 6 คะแนน • จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ข้อที่ 7 ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุ และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 1. วิธีการประเมิน : ตรวจผลงาน 2. เครื่องมือ : แบบประเมินกระบวนการท างานกลุ่ม 3. เกณฑ์การให้คะแนน : ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง และส าเร็จภายในเวลาที่ก าหนดอย่างมีเหตุ และผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จะได้ 6 คะแนน


กิจกรรมที่ 15 เรื่อง การควบคุมมอเตอร ์ เพื่อให้เห็นโครงสร้างของมอเตอร์ เพื่อศึกษาการควบคุมความเร็วของมอเตอร์ เพื่อศึกษาวิธีการกลับทางหมุนของมอเตอร์ เพื่อฝึกการทา งานร่วมกนัเป็ นทีม แบ่งนักศึกษาออกเป็ นกลุ่มย่อยกลุ่มละไม่เกิน 4 คน และให ้ นักศึกษาแต่ละ กลุ่มช่วยกนัทา การทดลองและตอบคา ถามตามใบงาน มอเตอร ์ ของเล่น เช่นมอเตอร ์ รถแข่ง1ตัว ไขควงตรวจไฟหรือไขควงปลายแหลม 1 ตัว แหล่งจ่ายไฟตรงหรือถ่านไฟฉาย 2 กอ ้ น สายปากคีบ2-4เส้น ขั้นตอนการท างาน อุปกรณ์ กิจกรรม จุดประสงค์


1. การฝึ กถอดประกอบมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง 1.1 ใหน ้ กัศึกษาใชไ้ ขควงปลายแหลมเช่นไขควงตรวจไฟ แกะส่วนที่ยดึโครงมอเตอร ์ ออก 1.2 ค่อย ๆ ถอดชิ้นส่วนของมอเตอร ์ ออกมาพิจารณา และบนัทึกวา่ ไดเ ้ ห ็ นชิ้นส่วน ภายในอะไรบ้าง โดยบอกลักษณะหรือวาดภาพ รวมท้งับอกหนา ้ ที่ของส่วนต่างๆ แล้วบันทึกผล .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง 2.1 ใหน้กัศึกษาแต่ละกลุ่มจ่ายไฟเล้ียงใหแ้ก่มอเตอร์ดว้ยแหล่งจ่ายไฟหรือถ่านไฟฉายโดยใช้


แรงดันไฟที่ต ่ากว่าอัตราของแรงดันไฟของมอเตอร์ดูว่าความเร็วของมอเตอร์เป็ นอย่างไร 2.2 จากน้นั ใหล้องปรับเพิ่มแรงดนั ไฟจนถึงแรงดนัสูงสุดของมอเตอร์แลว้สังเกตวา่ความเร็วของ มอเตอร์เปลี่ยนแปลงอย่างไร …………………………………………. 2.3 สรุปการทดลองวา่ความเร็วของมอเตอร์มีความสัมพนัธ์กบัแรงดนัไฟฟ้าที่จ่ายใหแ้ก่ตวัมอเตอร์ อย่างไร …………………………………………………………………… ลองสลบัข้วัแรงดนัไฟของมอเตอร์ดูวา่มอเตอร์มีทิศทางการหมุนอยา่งไร บันทึกผล……………………………………………………………………………..


Click to View FlipBook Version