The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานสรุปผลการอบรม หลักสูตร เจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่ 167

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by MOO Jane, 2024-06-20 04:05:39

รายงานสรุปผลการอบรม หลักสูตร เจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่ 167

รายงานสรุปผลการอบรม หลักสูตร เจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่ 167

Pa ge | 151 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น2. ขั้นดําเนินการประชุม ผู้เข้าร่วมการประชุมแต่ละคน ควรเข้าร่วมประชุมให้ตรงเวลา รวมทั้งให้ความร่วมมือตามบทบาทของตนเอง เพื่อรักษาบรรยากาศการประชุมรวมทั้งดําเนินการประชุมให้ลุล่วงตามวาระ การจัดประชุมให้สัมฤทธิ์ผล ควรกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อภิปรายรายละเอียดอย่างเป็นเหตุเป็นผลและร่วมลงมติอย่างชัดเจนโปร่งใสนอกจากนี้ควรมีการบันทึกการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อที่จะได้นําไปทําร่างมติเป็นแนวปฏิบัติตามข้อตกลงของการประชุมแต่ละครั้ง ประธานกล่าวเปิดต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมและแจ้งให้ทราบถึงเหตุผลการจัดประชุมครั้งนี้ขึ้นคาดการณ์ถึงผลที่จะได้รับจากการประชุม รวมถึงระยะเวลาที่จะใช้ในการประชุม จะช่วยให้การประชุมดําเนินเป็นไปตามแผน อ่านรายงานการประชุมในครั้งก่อนในกรณีที่จําเป็น อ่านวาระการประชุมและพิจารณาทีละหัวข้อการโหวต โดยอาจยกมือโหวต หรือลงคะแนนลับโหวตสามารถทราบผลมติในเวลารวดเร็ว และสรุปรายงานการประชุมและแผนการดําเนินงานหลังจากพิจารณากําหนดครบทุกวาระ ให้สรุปรายงานการประชุมและแผนการดําเนินงานในแต่ละวาระหัวข้อการประชุมให้ที่ประชุมฟัง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน การประชุมที่มีประสิทธิภาพ มีดังนี้1. วาระในการประชุมต้องชัดเจน 2. กําหนดระยะเวลาการประชุมที่แน่นอน 3. ผู้ร่วมประชุมคือบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4. ตรงต่อเวลา 5. เปิดโอกาสให้ทุกคนในที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็น 6. ถ้าคิดว่ายังไม่พร้อม ไม่ควร จัดประชุม 3. ขั้นปิดการประชุมและติดตามผล ก่อนจบการประชุมทุกครั้ง ประธานควรทบทวนประเด็นและสรุปสาระสําคัญหรือข้อตกลงให้เข้าใจตรงกันชัดเจน นอกจากนี้ควรร่วมกันตรวจร่างการประชุมและจัดทํารายงานการประชุมให้เรียบร้อยเพื่อลงรายละเอียดมติประชุม รวมทั้งการมอบหมายงานให้ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนนําไปปฏิบัติและติดตามผลต่อไปวาระการประชุม การร่างระเบียบวาระการประชุม เป็นหัวข้อสั้นๆ ไม่จําเป็นต้องมีรายละเอียด และแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมประชุมล่วงหน้า โดยมีหัวข้อ ดังนี้ - วาระการประชุม - วัน เวลา และสถานที่- ผู้เชิญเข้าร่วมประชุม - วัตถุประสงค์- ผู้เข้าร่วมประชุม - บทบาทผู้เข้าร่วมประชุม - บุคคลภายนอก (ถ้ามี) 145


Pa ge | 152 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น วาระที่1 ประธานแจ้งที่ประชุมเพื่อทราบ วาระที่2 รับรองรายงานการประชุม วาระที่3 เรื่องสืบเนื่อง วาระที่4 เรื่องเพื่อพิจาณา วาระที่5 เรื่องอื่นๆ การสัมมนา (Seminar) การสัมมนา หมายถึง การประชุมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่กําหนดขึ้นมา เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกรวบรวมนํามาใช้วิเคราะห์ร่วมกัน ซึ่งผลจากการสัมมนาจะนํามาซึ่งข้อสรุปแนวทางในการแก้ไขปัญหา ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน … การสัมมนาหมายถึง การประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลของการสัมมนาถือว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะผู้เกี่ยวข้องจะนําไปปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้The New Encyclo paedia Britannica การสัมมนา คือการประชุมแลกเปลี่ยนทัศนะและความรู้ระหว่างนักศึกษาระดับสูง เพื่อประโยชน์ในการค้นคว้าและแลกเปลี่ยนผลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้คอยให้คําแนะนําช่วยเหลือ สมพร ปันตระสูตร ... การสัมมนา หมายถึง การที่คณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือหลายกลุ่มมีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลายเรื่องรวมกันและมีการมารวมกลุ่มเพื่อปรึกษาหารือ แสดงความรู้ความคิดเห็น โดยใช้เหตุผล หลักการ ประสบการณ์ความรู้ต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาบางประการให้ลุล่วง หรืออาจจะพอมองเห็นแนวทางในการปฏิบัติได้การแก้ปัญหาในการสัมมนานั้นอาศัยพฤติกรรมหรือกระบวนการกลุ่มเป็นสําคัญทวีป อภิสิทธ์การสัมมนา คือ การแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น และประสบการณ์ซึ่งกันและกันในระหว่างผู้เข้าร่วมสัมมนาผลจากการสัมมนา จะช่วยสร้างความเข้าใจที่ดีสร้างความชัดเจนและถูกต้องแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติงานในเรื่องที่สัมมนากันนั้นๆ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สรุปการสัมมนาเป็นทั้งรูปแบบของการประชุมร่วมกันของคณะบุคคลและเป็นกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ในการจัดการศึกษาระดับสูงลักษณะสําคัญยิ่งของการสัมมนาคือกระบวนการเรียนรู้หรือการแก้ปัญหา โดยอาศัยกระบวนการกลุ่ม (Group Process) เป็นสําคัญวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสัมมนา การสัมมนาโดยทั่วไป มีวัตถุประสงค์ที่สําคัญดังนี้1. เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ และประสบการณ์แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา 2. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ระหว่างผู้เข้าสัมมนาด้วยกันและผู้เข้าสัมมนากับวิทยากร 3. เพื่อค้นหาวิธีการแก้ปัญหาหรือแนวทางปฏิบัติร่วมกัน 4. เพื่อให้ได้แนวทางประกอบการตัดสินใจหรือกําหนดนโยบายบางประการ 5. เพื่อกระตุ้นให้ผู้ร่วมเข้าสัมมนานําหลักวิธีการที่ได้เรียนรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์ 146


Pa ge | 153 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นประโยชน์ของการสัมมนา 1. เกิดความคิดสร้างสรรค์ในกลุ่มผู้เข้าร่วมสัมมนา 2. บทสรุปแนวทางแก้ปัญหาจากการสัมมนา มาจากข้อมูลที่หลากหลาย 3. เกิดความผูกพัน สามัคคีในการทํางานร่วมกัน 4. ผลจากการสัมมนา เมื่อนําไปปฏิบัติมีแนวโน้มประสบความสําเร็จมากกว่า วิธีการปฏิบัติที่เกิดจากการตัดสินใจตามลําพังของใครคนใดคนหนึ่ง 5. ฝึกให้เกิดภาวะผู้นํา และการทํางานร่วมกันเป็นกลุ่ม องค์ประกอบของการสัมมนา 1. หัวข้อ และเนื้อหา ที่จะสัมมนา 2. วัตถุประสงค์ในการสัมมนา เช่น แก้ไขปัญหา แบ่งปันความรู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม3. รูปแบบการสัมมนา เช่น การฟังข้อมูลจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญแล้วร่วมกันทําworkshop หรือการร่วมกันระดมสมองคิดในกลุ่ม 4. ผู้เข้าร่วมสัมมนา ขึ้นอยู่กับรูปแบบการสัมมนา จะประกอบไปด้วย - วิทยากร หรือ ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องที่จัดสัมมนา - ผู้ดําเนินการสัมมนา หรือ พิธีกร - ผู้เข้าร่วมการสัมมนา ซึ่งมีทั้งผู้เข้ารับชมรับฟัง หรือที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการสัมมนา 5. วันเวลา และสถานที่จัดสัมมนา 147


Pa ge | 154 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น


Pa ge | 155 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานสรุปสาระสําคัญ หมวดที่2 วิชาเฉพาะตําแหน่ง 11. หลักการสื่อสารประชาสัมพันธ์ภายในและภายนอกองค์กร ผู้บรรยายโดย : ดร.บัณฑิต ตั้งประเสริฐ นักวิชาการอิสระ หลักการประชาสัมพันธ์การประชาสัมพันธ์เป็นการจัดการด้านภาพพจน์และชื่อเสียงที่เกิดจากความพยายามที่มีการวางแผน โดยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและสร้างกิจกรรมอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้าใจ สร้างการยอมรับสร้างทัศนคติที่ดีให้กับองค์กรในกลุ่มสาธารณชนที่เกี่ยวข้อง อันไปสู่ความร่วมมือและการสนับสนุนที่จะทําให้พันธกิจขององค์กรดําเนินไปได้ด้วยดีบรรลุเป้าหมาย ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นใจ กระบวนการดําเนินงานประชาสัมพันธข์ ั้นตอนในการดําเนินงานประชาสัมพันธ์แบ่งออกเป็น๔ขั้นตอน ดังนี้๑. การวิจัย - การรับฟัง ๒. การวางแผน - การตัดสินใจ ๓. การสื่อสาร ๔. การประเมินผล เครื่องมือและสื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์มีดังนี้๑. สื่อบุคคล ๒. สื่อสิ่งพิมพ์๓. สื่อโสตทัศน์๔. สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ๕. กิจกรรมและเหตุการณ์พิเศษ ๖. สื่อเฉพาะกิจ ๗. สื่ออินเตอร์เน็ต กลวิธีในการประชาสัมพันธ์ทางการตลาด มีดังนี้๑. การมอบรางวัล ๒. การจัดประกวด ๓. การจัดการแข่งขันต่างๆ ๔. การเปิดงาน ๕. การเปิดตัวสินค้า ๖. การสาธิตสินค้า ๗. การจัดนิทรรศการ ๘. การแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง ๙. การแจกของที่ระลึก ๑๐. การจัดงานฉลอง 149


Pa ge | 156 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น๑๑. การจัดวัน สัปดาห์หรือเดือนพิเศษ ๑๒. การจัดพิพิธภัณฑ์๑๓. การจัดประชุม อบรม สัมมนา ๑๔. การอุปถัมภ์๑๕. การเผยแพร่ข่าวสาร ๑๖. การสอดแทรกผลิตภัณฑ์ในภาพยนตร์/โทรทัศน์๑๗. การใช้สื่ออื่นๆ ๑๘. การสํารวจความคิดเห็น ความหมายและความสําคัญของการสื่อสาร การสื่อสารหรือการติดต่อ หมายถึง การกระทําหรือพฤติกรรมต่างๆที่ดําเนินไปในลักษณะที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทั่วไปอย่างสามัญ เป็นกระบวนการสื่อสารข้อมูลซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลต่างๆไม่ว่าจะเป็นระหว่างผู้บริหารและระหว่างพนักงาน การสื่อสารเกี่ยวข้องกับข่าวสารของบุคคลหนึ่งหรือกลุ่มคนที่ต้องการสื่อเพื่อให้ทุกคนเข้าใจในข่าวสารนั้น ลักษณะของการสื่อสาร ๑. การสื่อสารเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พฤติกรรมการสื่อสารเป็นสิ่งที่บุคคลหลีกเลี่ยงไม่ได้การสื่อสารเกิดขึ้นแม้ในขณะที่เราตัดขาดจากโลกภายนอก หรือแม้แต่ขณะที่เราหลับทั้งนี้เนื่องจากการสื่อสารไม่ได้ครอบคลุมแค่การถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารจากตนเองไปสู่บุคคลหนึ่งเท่านั้นแต่ยังหมายถึงการถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารภายในตนเองที่เรียกว่า “การสื่อสารภายในบุคคล” ซึ่งสามารถสื่อสารพร้อมๆกันหลายอย่างได้๒. การสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งในรูปแบบวิธีการ เนื้อหา ช่องทางการสื่อสารข่าวสาร สัญลักษณ์ที่ใช้ตลอดจนผู้รับสารและผู้ส่งสารไม่ได้เกิดขึ้นตามรูปแบบที่กําหนดขึ้นตามกฎเกณฑ์เสมอไปดังนั้น จึงเป็นสิ่งจําเป็นที่จะต้องสื่อสารตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยอาจกล่าวได้ว่า การสื่อสารเป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยไม่มีจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด ๓. การสื่อสารทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย เพื่อให้บุคคลบรรลุสิ่งที่ต้องการ ทั้งการเข้าใจตนเองบุคคลอื่นและสภาพแวดล้อม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนในเหตุการณ์ใดก็จะมีการสื่อสาร เพื่อลดความไม่แน่นอนเหล่านั้นด้วยการเรียนรู้จากบุคคลอื่นๆ แสวงหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับตนเอง เพื่อปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การสื่อสารระหว่างบุคคลสามารถสื่อสารได้ด้วยคําพูดเป็นวิธีการสื่อสารทางหนึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุด แต่ก็มักจะประสบปัญหาจากการใช้คําที่ใช้เฉพาะในวงการหนึ่งๆ หรือคําเทคนิคเฉพาะสาขาใดสาขาหนึ่งนอกจากนี้ยังมีเรื่องของความซับซ้อนของภาษาซึ่งเป็นระบบที่มนุษย์คิดสร้างขึ้นเพื่อแทนความหมาย ในวัฒนธรรมกลุ่มของตนเอง ซึ่งอาจพบได้ว่าภาษาที่สื่อสารเองก็มีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถใช้คําๆ หนึ่งที่จะอธิบายความหมายได้สมบูรณ์ 150


Pa ge | 157 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นการสื่อสารโดยไม่ใช้คําพูด บางครั้งอาจจะเรียกว่า “ภาษาร่างกาย” หรือ “ภาษาท่าทาง”การสื่อสารด้วยร่างกายมีทั้งที่แสดงออกมาโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางสีหน้าสายตาน้ําเสียง ระดับเสียง การสัมผัส อื่นๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบททางวัฒนธรรม ประเพณีสถานที่สถานะภาพทางสังคมเพศ และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ฯลฯ ดังนั้น การสื่อสารของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อน เป็นกระบวนการทางสังคมที่มีความสามารถทําให้เกิดผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับสมาชิกคนใดคนหนึ่ง หรือคนอื่นๆ ตลอดจนสถานการณ์ต่างๆซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้รับสาร ทั้งในด้านความรู้ความเชื่อ ทัศนคติและพฤติกรรมซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นเป้าหมายของการสื่อสารของมนุษย์ทั้งสิ้น ระดับของการสื่อสาร ๑. การสื่อสารระดับตนเอง เป็นกิจกรรมการสื่อสารอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อมีการสื่อสารกับตนเองทั้งคิดวิเคราะห์ตัดสินใจ หรือพูดกับตนเอง กิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นในใจของบุคคลเพียงลําพัง ๒. การสื่อสารระดับบุคคล เป็นกิจกรรมการสื่อสารตั้งแต่ระดับสองคนขึ้นไป เพื่อสร้างความเข้าใจกันและรู้ข่าวสารต่างๆ ของโลกรวมถึงทําให้รู้จักตนเองด้วยเพราะการสื่อสารเป็นเสมือนภาพสะท้อนของตนเองการสื่อสารระดับบุคคลนั้นจะก่อให้เกิดผล ๓ ประการ คือ ๑) ลดความกลัว หรือความรู้สึกไม่เชื่อมั่นในตนเองที่จะติดต่อบุคคลอื่น ๒) ความสอดคล้องของการกระทําที่ตรงกับความเชื่อ ทัศนคติและค่านิยมของตนเอง ๓) สร้างความไว้ใจกัน การสื่อสารที่มีความจริงใจย่อมประสิทธิภาพและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล ๓.การสื่อสารระดับกลุ่มย่อย ที่กระบวนการทมี่ีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการสอื่สารในรูปแบบอื่นๆการสื่อสารระดับกลุ่มย่อยมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ต่างคนต่างทําและความสัมพันธ์มีความสลับซับซ้อนมากกว่าพลังภายในของกลุ่มหรือระหว่างกลุ่มมีผลกระทบโดยตรงต่อความสําเร็จและความล้มเหลวส่วนตัว ๔. การสื่อสารระดับเทคโนโลยีเป็นเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารต่างๆ ในแง่ของการใช้สื่อทางการสื่อสาร เช่น วิทยุโทรทัศน์เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นต้น ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระดับนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ทางการสื่อสารอย่างดีเป็นผู้สร้างเนื้อหาที่สามารถส่งข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและมีปริมาณการส่งที่พี่กระจายได้๕. การสื่อสารระดับชุมชน เกิดขึ้นเมื่อผู้รับข่าวสารจํานวนมาก โดยโอกาสที่จะก่อให้เกิดข้อมูลย้อนกลับมีน้อย ในแง่ของจํานวนผู้รับสารอาจเป็นการยากที่จะระบุจํานวนที่แน่นอน แต่จะมีจํานวนที่มากกว่ากลุ่มย่อยแต่น้อยกว่าระดับมวลชน การสื่อสารระดับชุมชนเกิดขึ้นในลักษณะต่อเนื่อง ๖. การสื่อสารระดับมวลชน เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางสื่อหรือตัวกลางของการสื่อสารต้องอาศัยสื่ออย่างมาก จึงจะทําให้การสื่อสารมวลชนประสบความสําเร็จ โดยมีผู้รับสารจํานวนมากอย่างไม่จํากัดซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งด้านชนชั้นทางสังคม และพฤติกรรมส่วนบุคคล รูปแบบของการสื่อสารมวลชนมีลักษณะแตกต่างกันโดยอาศัยสื่อหลากหลายประเภท เช่น โทรทัศน์วิทยุหนังสือพิมพ์หนังสือ เป็นต้น151


Pa ge | 158 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหลักการสื่อสารประชาสัมพันธ์ภายในและภายนอกองค์กร การสื่อสารและการประชาสัมพันธ์อาจแบ่งตามลักษณะงานแบบกว้างๆ ได้๒ ประเภทดังนี้๑. การสื่อสารประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร (Internal Public Relations) คือองค์กรที่ประสบความสําเร็จ มีความยืดหยุ่นมีการปรับตัว และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจได้รวดเร็วการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญในการสร้างนวัตกรรมองค์กรที่จะช่วยให้พนักงานปรับตัว และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว ๒. การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ภายนอกองค์กร (External Public Relation) เป้าหมายของการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กรเอื้ออํานวยให้การบริการ และดําเนินการเป็นไปด้วยความราบรื่น คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ดังนี้๑. การจูงใจให้พนักงานเกิดขวัญและกําลังใจที่ดีเช่น การจูงใจให้เข้ามามีส่วนร่วมยอมรับแนวทางปฏิบัติและปฏิบัติตามแนวทางที่องค์กรต้องการ โดยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับนโยบายองค์กร ๒. กระตุ้นให้พนักงานสร้างนวัตกรรม เน้นสร้างนวัตกรรมโดยการทํางานเป็นทีมและการให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เพื่อใช้ความรู้ความชํานาญของพนักงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ๓. การสร้างความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร องค์กรต้องให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและเป็นส่วนหนึ่งของความสําเร็จขององค์กร รูปแบบการในการสื่อสารภายในองค์กร การสื่อสารภายในองค์กรนั้น หากพิจารณาในแง่ของกระบวนการ จะแบ่งออกเป็น๔ลักษณะคือจากบนลงล่าง (Downward Communication) จากล่างขึ้นบน (Upward Communication) การสื่อสารในแนวนอน (Horizontal Communication) และการสื่อสารแบบต่างหน่วยงาน และต่างระดับ (Diagonal Communication) ดังรายละเอียดต่อไปนี้๑. การสื่อสารจากบนลงล่าง (Downward Communication) เป็นการสื่อสารซึ่งส่งผ่านจากลําดับชั้นบังคับบัญชาในระดับสูงลงไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาในระดับต่ํากว่าภายในองค์กร ซึ่งรวมถึงนโยบายในการบริหารจัดการ การสั่งงานและบันทึกข้อความที่เป็นทางการ ๒. การสื่อสารจากล่างขึ้นบน (Upward Communication) เป็นการสื่อสารซึ่งส่งผ่านจากผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในระดับบังคับบัญชาที่ต่ํากว่าขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่า การสื่อสารในลักษณะนี้จะรวมถึงกล่องรับความคิดเห็น การประชุมกลุ่ม และกระบวนการในการร้องเรียน จากการศึกษาวิจัยกลุ่มหนึ่ง พบว่าหากมีการสื่อสารในทิศทางนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้บริหารจัดการจะสามารถปรับปรุงผลการปฏิบัติงานของตนได้ดียิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม การที่จะให้ผู้ปฏิบัติในระดับล่างสื่อสารต่อระดับสูงอย่างจริงใจ เปิดเผย ตรงไปตรงมานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทําได้ง่ายนัก อีกทั้งยังมีการศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการสื่อสาร ในทิศทางนี้ด้อยประสิทธิภาพที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสาระที่ปรากฏในสารนั้นเป็นไปในเชิงลบ ทั้งนี้การสื่อสารจากล่างขึ้นบนนั้นมักจะมีความจําเป็นต่อการตัดสินใจที่ดี 152


Pa ge | 159 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น๓. การสื่อสารในแนวนอน (Horizontal Communication) เป็นการสื่อสารซึ่งส่งข้ามหน่วยงานภายในองค์กรซึ่งมีความจําเป็นยิ่งต่อการประสานงาน และการหลอมรวมหน้าที่สายงานภายในองค์กรที่ต่างกันเข้าด้วยกัน เช่น การติดต่อข้า ม สายงา น ระ ห ว่างฝ่ายง บ ป ระ ม าณกับ ฝ่าย บัญชีฝ่ายแผนงานและฝ่ายที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นต้น ๔. การสื่อสารแบบต่างหน่วยงานและต่างระดับภายในองค์กร (Diagonal Communication)แม้ว่าจะเป็นวิธีการสื่อสารที่อาจจะมีการใช้น้อยที่สุดในการสื่อสารทั้ง 4 แบบนี้แต่ก็มีความจําเป็นในสถานการณ์ที่ส ม าชิกใ น องค์กรไ ม่สา ม ารถสื่อสารอย่าง มีป ระสิท ธิภ าพผ่า น ช่อง ท างอื่น ๆ ได้เป็นลักษณะการสื่อสารที่ส่งตัดข้ามไปยังหน่วยงานที่ต่างกันและในระดับที่ต่างกัน ช่องทางการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ดําเนินไปอย่างราบรื่น เกิดประโยชน์สูงสุดบรรลุวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้การเลือกช่องทางการประชาสัมพันธ์ (Channel) ที่ถูกต้องนับว่ามีความสําคัญที่สุดโดยช่องทางการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กรประกอบด้วย ๑. กิจกรรมประจํา ๑.๑ สื่อบุคคล การสนทนา พูดคุย การติดต่อ-สอบถาม โทรศัพท์ภายใน ๑.๒ สื่อสิ่งพิมพ์แผ่นพับ แผ่นปลิว จดหมายข่าว จดหมายเวียน คู่มือหนังสือเผยแพร่เล่มเล็ก เอกสารแนะนําจดหมายข่าวรายวัน จดหมายข่าวรายสัปดาห์อนุสาร วารสาร นิตยสาร ๑.๓ สื่ออิเล็กทรอนิกส์เสียงตามสาย อินเทอร์เน็ต ๑.๔ สื่ออื่นๆ ป้ายประกาศภายใน ป้ายประกาศใหญ่ภายนอก ตู้ประกาศ ตู้ภาพข่าวการบริการข้อมูลข่าวสาร สติ๊กเกอร์กล่องรับความคิดเห็น คําขวัญ ๒. กิจกรรมพิเศษ ๒.๑ สื่อบุคคลการบรรยายการปาฐกถาการประชมุการสัมมนา การอภิปรายการฝึกอบรม๒.๒ สื่อสิ่งพิมพ์สิ่งพิมพ์เฉพาะกิจต่างๆ (แผ่นพับ แผ่นปลิว คู่มือ ฯลฯ) จดหมายข่าวจดหมายเวียน หนังสือพิมพ์กําแพง ปฏิทิน อนุทิน สมุดฉีก ๒.๓ สื่ออิเล็กทรอนิกส์เสียงตามสาย รายการวิทยุกระจายเสียง รายการวิทยุโทรทัศน์อินเทอร์เน็ต ๒.๔ สื่ออื่นๆ ป้ายประกาศใหญ่ภายนอก บัตรอวยพรปีใหม่บัตรแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ ของที่ระลึก ของชําร่วย ของแจก ของแถม การจัดทัศนศึกษา การจัดแข่งขันกีฬา การนําชมหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ คําขวัญ การประกวดต่างๆ การพบปะสังสรรค์การจัดเลี้ยง ผลที่เกิดจากการขาดคุณภาพในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร สาเหตุของการขาดคุณภาพในการส่งสารและรับสารอันเนื่องมาจากอุปสรรคต่างๆข้างต้นนั้นจะนําความเสียหาย หรือเป็นตัวบ่มเพาะมะเร็งร้ายในองค์กร การดําเนินงานในองค์กรนั้นพบว่าปัญหาด้านการสื่อสารส่วนใหญ่มาจากการขาดการให้ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ความชัดเจนในนโยบายหรือเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กร จึงทําให้เป็นต้นเหตุของความไม่เข้าใจ ความสับสนไม่ชัดเจน ไม่แน่ใจ จึงต้องพยายามจะประเมิน หรือคาดเดาสถานการณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง คิดเอาเอง คาดการณ์ 153


Pa ge | 160 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเอาเองบ้างก็พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เพื่อความเข้าใจ และให้ได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นที่มาของข่าวลือได้หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นย่อมทําให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีความรู้สึกในทางลบการปฏิบัติงานที่ผิดพลาดการลงทุนลงแรงลงเวลาที่สูญเปล่า ความอึดอัด คับข้องใจ ความไม่พอใจ ขาดการมีส่วนร่วมในการทํางานบางครั้งอาจไม่ให้ความร่วมมือในการทํางาน อาจรู้สึกถึงความต่ําต้อยหรือเหมาะสมของตน และส่งผลต่อผลงานที่ด้อยคุณภาพขาดขวัญ และกําลังใจในการปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ภายนอก (External Public Relations) การสร้างความเข้าใจ และความสัมพันธ์อันดีกับประชาชนภายนอก กลุ่มต่างๆ อันได้แก่ประชาชนทั่วไป และประชาชนที่องค์การสถาบันเกี่ยวข้อง เช่น ผู้นําความคิดเห็น ผู้นําในท้องถิ่น ลูกค้าผู้บริโภครวมทั้งชุมชนละแวกใกล้เคียง ฯลฯ เพื่อให้กลุ่มประชาชนเหล่านี้เกิดความรู้ความเข้าใจในตัวสถาบัน และให้ความร่วมมือแก่สถาบันด้วยดีการทําการประชาสัมพันธ์ภายนอกต้องเกี่ยวข้องกับประชาชนที่มีกลุ่มขนาดใหญ่หรือจํานวนมากจึงอาจใช้เครื่องมือ สื่อสารต่างๆ เข้ามาช่วยเผยแพร่กระจายข่าวสู่สาธารณชนด้วย อันได้แก่สื่อมวลชน(MassMedia) เช่น หนังสือพิมพ์วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ภาพยนตร์เป็นต้นซึ่งปัจจุบัน องค์การ สถาบันต่างๆก็นิยมใช้เครื่องมือสื่อสารมวลชนเหล่านี้เข้าช่วยในการประชาสัมพันธ์วัตถุประสงค์ทั่วไปของการประชาสัมพันธ์๑. เพื่อสร้างความนิยมให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน ๒. เพื่อปกป้อง และรักษาชื่อเสียงสถาบันมิให้เสื่อมเสีย ๓. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ภายใน วัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์หน่วยงาน สถาบัน องค์การต่างๆ ๑. เพื่ออธิบายถึงนโยบาย วัตถุประสงค์การดําเนินงาน และประเภทของการดําเนินธุรกิจของหน่วยงานนั้นๆ ให้กลุ่มประชาชนที่เกี่ยวข้อง ๒. เพื่ออธิบายให้ฝ่ายบริหารหรือฝ่ายจัดการ (management) ได้ทราบถึง ทัศนคติมติหรือความรู้สึก นึกคิดของประชาชนที่มีต่อหน่วยงาน ๓. เพื่อคาดการณ์ล่างหน้าและค้นหาจุดบกพร่องต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหายุ่งยากที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงาน ๔. เพื่อให้ประชาชนยอมรับ ซึ่งถ้าเป็นหน่วยงานธุรกิจภาคเอกชน เช่น บริษัทห้างร้านเพื่อให้ลูกค้ายอมรับในบริษัทตน รวมทั้งยอมรับในผลิตภัณฑ์และบริการที่บริษัทจําหน่ายอยู่ทั้งมีส่วนเพิ่มปริมาณการขายทางอ้อม ๕. เพื่อทําหน้าที่ขจัดปัญหาต่างๆ ภายในหน่วยงาน ๖. เพื่อแนะนําฝ่ายบริหารหรือฝ่ายจัดการให้ 154


Pa ge | 161 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น


Pa ge | 162 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานสรุปสาระสําคัญ หมวดที่2 วิชาเฉพาะตําแหน่ง 12. การจัดทําภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographic) เบื้องต้น ผู้บรรยายโดย : นายเดชรัตน์ไตรโภค นักวิชาการอิสระ อินโฟกราฟิกส์(Infographics)Infographics มาจากคําว่า information + graphicsอินโฟกราฟิกส์(Infographics) หมายถึง การนําข้อมูลหรือความรู้มาสรุปเป็นสารสนเทศ ใบลักษณะของข้อมูลและกราฟิกที่อาจเป็นลายเส้น สัญลักษณ์กราฟ แผนภูมิไดอะแกรม แผนที่ที่ออกแบบเป็นภาหนึ่งหรือภาพเคลื่อนไหวดูแล้วเข้าใจร่ายในเวลารวดเร็วและชัดเจน สามารถสื่อให้ผู้ชมข้าใจความมายของข้อมูลทั้งหมดได้โดยไม่จําเป็นต้องมีผู้นําเสนอมาช่วยขยายความเข้าใจอีก หัวใจหลักในการทํา Infographic คือ "เปลี่ยนข้อมูลที่ยากให้เข้าใจง่ายได้อย่างรวดเร็วที่สุด"รวมถึงความสวยงามที่ต้องดีไซด์ให้คนอ่านเข้าใจได้และสื่อสารกับคนอ่านได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด วัตถุประสงค์การใช้งาน Infographic วัตถุประสงค์การนํา Infographic มาใช้งาน สามารถจัดหมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้ดังนี้1. ใช้สําหรับการอธิบายข้อมูล Infographic แบบนี้มักจะใช้กับจุดประสงค์ในการอธิบายผลิตภัณฑ์สินค้าวิธีการใช้ต่างๆวิธีการใช้แอพพลิเคชั่นรวมถึงข้อมูลที่เป็นความรู้เรื่องราวต่างๆ ที่ต้องการบอกเล่าหรือข้อมูลเชิงสถิติต่างๆแม้กระทั้งแผนที่การเดินทาง เอกสารที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์สื่อสําหรับใช้ภายในองค์กร ก็สามารถนําเอา Infographicไปประยุกต์ใช้ซึ่งควรพยายามทําให้ดูเป็นมิตรกับผู้อ่าน นําสนใจและเข้าใจง่าย ไม่ควรใส่เนื้อหาที่ไม่จําเป็นลงไปเนื่องจากจะทําให้การสื่อสารข้อมูลต่างๆ นั้นไม่ชัดเจน 2. ใช้สําหรับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ปัจจุบันเราสามารถเห็นตัวอย่างงาน infographic ประเภทนี้มากขึ้น เช่น การทําเพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เห็นจุดเด่นข้อดีของสินค้า หรือว่าเปรียบเทียบให้เห็นว่าสินค้าดีอย่างไร ทําไมถึงต้องใช้สินค้านี้Infographic ทําให้งานดูมีเอกลักษณ์และมีความหลากหลาย และช่วยให้คนจดจําสินค้าได้ง่ายขึ้นโดยรูปแบบจะเหมือนการทํา infographic ในการอธิบายข้อมูลคือ ต้องเข้าใจง่ายและดึงดูดสายตาคนอ่าน เพื่อให้งานนําสนใจและสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3. ใช้การอธิบายข้อมูลผสมกับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์บางกรณีงานออกแบบ จําเป็นต้องทําหน้าที่ทั้ง 2 อย่างคือ "การอธิบายข้อมูล" และ "การโฆษณาประชาสัมพันธ"์ ไปพร้อม ข้อดีหรือจุดแตกต่างของผลิตภัณฑ์ไปด้วยว่าทําไมต้องใช้สินค้าขึ้นนั้น หรือในระดับบุคคลสามารถนํามาประยุกต์ใช้ได้เช่นการใช้infographic ทํา resume เพราะสามารถเพิ่มความนําสนใจของเนื้อหาแสดงความคิดสร้างสรรค์ความสามารถในการนําเสนอและความสามารถในการทํางานได้ 156


Pa ge | 163 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น4. ใช้เป็นสื่อการสอน Infographic สามารถบอกเล่าข้อมูลต่างๆ ได้ดีและเข้าใจง่าย การนํา infographicไปประยุกต์ใช้กับสื่อการสอน นั้นจึงเป็นสิ่งที่สามารถทําได้เช่นกัน และการนําไปใช้ในสื่อการสอนนั้นช่วยให้การสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วยการที่ช่วยอธิบายเรื่องที่เข้าใจยากให้เห็นภาพชัดเจน ช่วยให้ผู้สอนและผู้เรียนเข้าใจตรงกัน ผู้เรียนมีอารมณ์ร่วมกับการสอน ได้มากกว่าการบรรยายปากเปล่าเพียงอย่างเดียว เว็บไซด์ในการสร้าง Infographic ฟรี1. CANVA Canva เป็นเครื่องมือออกแบบออนไลน์ฟรีที่ดีมากที่สุดตัวหนึ่ง เราสามารถทํากราฟิกได้หลากหลาย ตั้งแต่เอกสารสิ่งพิมพ์ไปจนถึง Web Banner, Facebook Ads, Youtube Thumbnail, InstagramPost, ปกหนังสือ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีเทมเพลตสวย ๆ ให้เลือกหลายร้อยแบบ และสามารถเซฟออกมาเป็นรูปPNG, JPG หรือ PDF เพื่อเอา r พิมพ์ได้ถ้าจ่ายเงินรายเดือนให้Canva จะได้ฟีเจอร์เพิ่มในเรื่องของการทําแบนเนอร์ที่Resize อัตโนมัติได้และมีรูป Photo Stock ฟรีให้ใช้ซึ่งสําหรับการใช้งานทั่วไปคิดว่าไม่จําเป็นมากข้อเสียของ Canva คือ ภาษาไทยจะแสดงผลไม่สวย จะแก้ปัญหาได้โดย Export แบบไม่มีTextแล้วมาเติมเอง ใน Photoshop หรือ Sketch แทน 157


Pa ge | 164 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น2. PIKTOCHART Piktochart เป็นเครื่องมือออนไลน์สําหรับทํา Infographic โดยเฉพาะ ปัจจุบันสามารถทําSlidePresentation ได้ด้วย โดยเราสามารถสมัครใช้งานได้ฟรีได้ตลอดชีพ แต่จะมีข้อจํากัดในจํานวน Templateและการ Export และลายเราสามารถสมัครสมาชิกรายเดือนเพื่อใช้Template สวยๆ ที่เตรียมไว้และสามารถExportสําหรับปริ้นท์(PDF) ได้และสามารถบันทึกเป็นรูป PNG ได้ 3. VISME Vismeเป็นเครื่องมือออนไลน์ที่คล้ายกับ Piktochart สามารถใช้ทํา Presentation, Infographic,และ Banner (แ บ น เ น อร์โ ฆ ษณาสํา ห รับ ลาใ น เว็บ ไชต์) ได้ โดย มีแ พ ล น ฟ รีใ ห้ใช้งา นเช่นกันแต่จะมีTemplate ให้เลือกน้อย และ Export เป็น PDF ไม่ได้นอกจากนั้นยังจํากัดแค่3โปรเจค158


Pa ge | 165 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น4. Easelly Easellyช่วยสร้าง Infographic ได้อย่างง่ายๆ จากเทมเพลตที่มีอยู่สามารถสร้าง Infographicได้เลยโดยที่ไ ม่ต้อง ลงทะเบียน และสาม ารถอัพโหลดรูปของตัวเอง และแก้ไขเปลี่ยนแปลงเทมเพลดได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นแล้วข้อดีอีกอย่างของ Easellyคือราคาที่ถือว่าค่อนข้างถูก แต่ข้อด้อยคือเทมเพลตที่Easellyให้มานั้นไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ 5. Venngage Venngageเป็นเครื่องมือที่ใช้สร้าง Infographic โดยเฉพาะ ข้อดีคือเป็นโปรแกรมที่ผสานความสามารถในการ ใส่ข้อมูลของ Chart ต่างๆ แบบ Infogramเข้ากับรูปภาพ และไอคอนของ CanvaและPiktochart นอกจากนั้นแล้ว ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ (สามารถเอาโลโก้ที่Venngageออกได้ในแพคเกจแบบ Premium ที่ราคา 519บาทต่อเดือน เมื่อจ่ายรายปี) ข้อด้อยของ Venngageนั้นเหมือนกับPiktochartคือไม่สามารถอัพโหลดฟอนต์ของตัวเองขึ้นไปได้ 159


Pa ge | 166 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นการออกแบบอินโฟกราฟิก (Infographic Design) การนําข้อมูลที่เข้าใจยากหรือข้อมูลที่เป็นตัวหนังสือจํานวนมากมานําเสนอในรูปแบบต่างๆอย่างสร้างสรรค์ให้สามารถเล่าเรื่องได้ด้วยตัวเอง มีองค์ประกอบที่สําคัญ คือ หัวข้อที่น่าสนใจ ภาพและเสียง ซึ่งจะต้องรวบรวมข้อมูลต่างๆ ให้เพียงพอ แล้วนํามาสรุป วิเคราะห์เรียบเรียง แสดงออกมาเป็นภาพจึงจะดึงดูดความสนใจได้ดีช่วยลดเวลาในการ อธิบายเพิ่มเติม กราฟิกที่ใช้อาจเป็นภาพ ลายเส้น สัญลักษณ์กราฟ แผนภูมิไดอะแกรมตาราง แผนที่ฯลฯ จัดทํา ให้มีความสวยงาม น่าสนใจ เข้าใจง่าย สามารถจดจําได้นาน ทําให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกแบบอินโฟกราฟิก (Infographics) แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ด้านข้อมูล ข้อมูลที่จะนําเสนอ ต้องมีความหมาย มีความน่าสนใจ เรื่องราวเปิดเผยเป็นจริงมีความถูกต้อง 2. ด้านการออกแบบ การออกแบบต้องมีรูปแบบ แบบแผน โครงสร้าง หน้าที่การทํางานและความสวยงาม โดย ออกแบบให้เข้าใจง่าย ใช้งานง่าย และใช้ได้จริง องค์ประกอบในการออกแบบ Infographic โดย Infographic จะมี3 องค์ประกอบหลักที่ขาดไม่ได้คือ 1. Simplicity (ความง่าย) Infographic คือเครื่องมือ ที่ใช้แปลงเรื่องเข้าโจยาก ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นถ้าหากจะทําInfographic แต่ไม่สามารถ ทําให้เข้าใจได้ง่าย ก็อาจจะไม่ใช่ Infographic ที่ดีนัก เพราะฉะนั้นความง่ายคือสิ่งที่ควรเน้นมากที่สุด 2. Interestedness (ความน่าสนใจ) เนื้อเรื่องที่เลือกมาทําต้องน่าสนใจ ดึงคนให้อยากอ่าน แต่ถ้าจําเป็นต้องนําเสนอเรื่องที่ไม่น่าสนใจInfographic ก็เป็นอีกเครื่องมือ ที่ช่วยได้แต่เราต้องปรับวิธีเล่า ให้น่าสนใจ เช่น ผูกเรื่องที่ไม่น่าสนใจเข้ากับสิ่นที่คนอ่านสนใจ หรือ สิ่ง ที่กําลังเป็นกระแส 3. Beauty (ความสวยงาม) เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะความสวยจะช่วยดึงคนให้อยากอ่านอ่านจนจบ และเพิ่มการจดจําได้อีกด้วย 160


Pa ge | 167 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหลักการออกแบบ Infographic การสร้างอินโฟกราฟิกให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากออกแบบแล้วละเลยโดยเน้นแต่ความสวยงาม อย่างเดียว อ่านแล้วเข้าใจยาก อาจทําให้ผู้อ่านเลือกที่จะ ไม่อ่านต่อ ดังนั้นอาจออกแบบควรออกแบบให้ใส่ใจผู้อ่านมาก ที่สุด โดยสามารถถ่ายทอดข้อมูลได้ตามองค์ประกอบ 3 ประการ คือดูง่าย(Simplicity), น่าสนใจ (Interestedness) และสวยงาม (Beauty) ควรใช้หลักดังนี้1) กฎ 3 สีการใช้สีสําคัญมากในการออกแบบ Infographic หากใช้สีเยอะเกินไปในงาน1ชิ้นจะทําให้ผู้อ่านสับสนและลายตาในสิ่งที่เราจะสื่อสารได้ดังนั้นใช้เพียง 3 สีจะเพียงพอสําหรับสร้างงานแต่หากใช้สีเกินจะต้องเป็นสีโทนเดียวกัน และสีโทนเดียวกันจะนับเป็นสีเดียวกัน โดยไม่เกิน 3 สี ตัวอย่างที่ใช้สีเกิน 3 สีให้นับตามตัวอย่างด้านล่าง 2) กฎการ Focus การทํา Infographic ที่ดีนั้น ต้องทําให้สื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้รวดเร็วที่สุด ตั้งแต่แรกที่เห็นดังนั้นเราควร เลือกกราฟิกหรือรูปที่สื่อความหมายในเนื้อหามากที่สุดเพียง 1 อย่าง จัดให้โดดเด่นมากที่สุดโดยการทําให้ใหญ่หรือไว้ตรงกลางของรูป เพื่อให้สายตาของผู้อ่านเห็นสิ่งนี้เป็นอันดับแรก 161


Pa ge | 168 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น3) กฎของตัว Z : จัดอันดับด้วยตัว Z ธรรมชาติของคนเราอ่านจากซ้ายไปขวา ดังนั้นหากมีกราฟิก หรือไอคอน ที่มีการลําดับเป็นขั้นเป็นตอนให้จัดเรียงลําดับเป็นแบบตัว z หากข้อมูลมีมากกว่า 1 บรรทัด แต่ถ้าหากข้อมูลมีบรรทัดเดียว ก็ให้เรียงจากซ้ายไปขวา หรือบนลงล่าง หรือหากเรียงผิดไปจากนี้จะทําให้คนอ่านเกิดความสับสนได้ 4) กฎการหายใจ : เว้นระยะไม่ให้อึดอัด Infographic บางชิ้นแล้วรู้สึกอึดอัด อาจเป็นเพราะว่าInfographic ขึ้นนั้นขาดการเว้นช่องว่าง(White space) ให้หายใจนั่นเอง ทุกๆ ส่วนทุกๆ ที่แม้กระทั่งขอบต้องมีการเว้นช่องไฟระหว่างแต่ละObjectให้กระจายออกจากกัน เพื่อลดความอึดอัด 162


Pa ge | 169 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นสิ่งที่ไม่ควรทําในการออกแบบอินโฟกราฟิก อย่างที่ได้กล่าวแล้วว่าอินโฟกราฟิกเป็นเครื่องมือสําคัญในการสอน วงการธุรกิจ เป็นแรงบันดาลใจที่มีอิทธิพล ใน การนําเสนอและการสื่อสารข้อมูลที่ยุ่งยากจับซ้อน ประสิทธิภาพของอินโฟกราฟิกนั้นต้องอาศัยวิธีการออกแบบที่มีพลังที่ยิ่งใหญ่ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้นักออกแบบคํานึงถึงว่าไม่ควรทํา 10 ประการ 1) อย่าใช้ข้อมูลมากเกินไป (Don't use too much text) อินโฟกราฟิกเป็นการออกแบบโดยใช้ภาพ ควรมีตัวหนังสือน้อยกว่าภาพหรือแบ่งส่วนเท่าๆกันซึ่งเหมาะสําหรับ ผู้ที่อ่านน้อยและขึ้นอยู่ภาพข้อมูล ถ้าใส่ตัวหนังสือมากและมีภาพน้อยก็ยังไม่ถึงวัตถุประสงค์ของอินโฟกราฟิก 2). อย่าทําข้อมูลที่นําเสนอให้ยุ่งยากซับซ้อน (Don't make confusing data presentation) การนําเสนอข้อมูลที่ยุ่งยากซับซ้อนผิดวัตถุประสงค์ของการออกแบบอินโฟกราฟิกอย่าเสียเวลาเน้นข้อมูลที่ไม่จําเป็น และต้องแน่ใจว่าคุณจัดการกับข้อมูลให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย ซึ่งมักจะทําโดยการใช้กราฟภาพวาด และกราฟิก อื่นๆ มองดูที่อินโฟกราฟิกเหมือนเป็นผู้ชมเองว่าสามารถตอบคําถามที่เราต้องการบอกผู้ชมหรือไม่3) อย่าใช้สีมากเกินไป (Don't overuse color) การออกแบบอินโฟกราฟิกโดยใช้สีมากเกินไปจะทําให้ประสิทธิภาพในการนําเสนอข้อมูลน้อยลงผู้อ่านจะไม่สามารถอ่านและเข้าใจเนื้อหาได้ดีควรศึกษาจิตวิทยาการใช้สีที่ตัดกันด้วยเพื่อคํานึงถึงสุขภาพของผู้ชม4) อย่าใส่ตัวเลขมากเกินไป (Don't place too much numbers) การใช้ตัวเลขช่วยให้การสร้างอินโฟกราฟิกมีประสิทธิภาพ แต่อย่าใช้ให้มากเกินไปจะทําให้ผลผลิตของเราออกมาเหมือนเป็นใบงานวิชาคณิตศาสตร์จําไว้ว่าเราต้องใช้กราฟิกนําเสนอจํานวนต่างๆอย่าใช้ตัวเลขทั้งหมดในการทําให้ข้อมูลยุ่งยากซับซ้อน ออกแบบตัวเลขให้ง่ายเท่าที่จะทําได้และแน่ใจว่าข้อมูลถูกต้องเหมาะสมเข้าใจง่าย 5) อย่าละเลยข้อมูลที่ไม่สามารถระบุแยกแยะได้(Don't leave figures unidentified) อินโฟกราฟิกบาเรื่องขาดตัวเลขไม่ได้ข้อเท็จจริงบางอย่างต้องมีตัวเลขข้อมูลทางสถิติแต่ผู้ชมอาจไม่เข้าใจ ทั้งหมด ถึงแม้จะมีความชํานาญในการออกแบบถ้าใส่ข้อมูลโดยไม่ระบุคําอธิบายลงไปด้วยก็จะเป็นตัวเลขที่ไม่มีประโยชน์ดังนั้นต้องแน่ใจว่าใส่ป้ายระบุค้าอธิบายของข้อมูลแต่ละชุด 6) อย่าสร้างอินโฟกราฟิกให้น่าเบื่อ (Don't make it boring) อินโฟกราฟิกส่วนมากจะให้ความรู้ประโยชน์และความบันเทิง มีจุดมุ่งหมายที่การจัดการข้อมูลให้ผู้ชมเข้าใจง่าย ถ้าสร้างอินโฟกราฟิกให้น่าเบื่อจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้ชม ต้องวางแผนสร้างแนวทางของเรื่องและการนําเสนอที่ดีจึงจะสามารถบอกเรื่องราวแก่ผู้ขมตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ7) อย่าใช้วิธีการพิมพ์ผิด (Don't misuse typography) หลักการพิมพ์มีบทบาทที่สําคัญในการออกแบบที่ช่วยให้อินโฟกราฟิกดูดีขึ้น ทําให้ง่ายในการถ่ายทอดข้อมูล แต่ถ้าใช้ผิดวิธีจะเป็นสิ่งที่เป็นผลเสียในการออกแบบ เราต้องรู้เทคนิคเพื่อที่จะใช้การพิมพ์ที่ดีที่สุดในการนําเสนอและจะไม่ทําให้การตีพิมพ์ผิดไป แน่ใจว่าใช้วิธีการพิมพ์ถูกต้องจะทําให้การตีความไม่ไขว้เขว ให้ตรวจสอบการใช้สีที่ดีและขนาด ของ Fonts ด้วย 163


Pa ge | 170 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น8) อย่านําเสนอข้อมูลที่ผิด (Don't present wrong information) ไม่มีใครอยากเห็นอินโฟกราฟิกเสนอข้อมูลผิด เพื่อให้แน่ใจควรตรวจสอบข้อมูลสองครั้งโดยเฉพาะการใช้ข้อมูลทางสถิติถ้าข้อมูลผิดพลาดจะทําให้ผู้อ่านเข้าใจผิดเป็นสิ่งไม่ดีข้อมูลในอินโฟกราฟิกส์จะต้องแม่นยําน่าเชื่อถือ และ ถูกต้อง 9) อย่าเน้นที่การออกแบบ (Don't focus on design) อินโฟกราฟิกไม่จําเป็นต้องเน้นที่การออกแบบให้สวยงาม ควรเน้นที่การนําเสนอข้อมูลที่ถูกต้องการออก แบบอย่างสวยงามจะไม่มีประโยชน์ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดหรือมีประโยชน์น้อย ดังนั้นก่อนสร้างอินโฟกราฟิกดูว่ามีข้อมูลที่จําเป็นทั้งหมดอย่างถูกต้อง การจัดการข้อมูลสามารถนําเสนอได้ชัดเจน เพราะอินโฟกราฟิกเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลและการออกแบบกราฟิกอย่างมีประสิทธิภาพ 10) อย่าใช้แบบเป็นวงกลม (Don't use a circus layout) อินโฟกราฟิกที่ดีจะสามารถชี้นําผู้ชมดูและเข้าใจได้ทั้งหมด อย่าใส่องค์ประกอบทุกที่ที่เราคิดและอย่าออกแบบเป็นวงกลม ควรพิจารณาว่าผู้ชมจะสนใจจุดไหน ต้องแน่ใจว่าผู้ชมสามารถเข้าใจในวิธีการนําเสนอต้องไม่ให้ผู้อ่านยุ่งยาก เพราะไม่ได้ใส่ข้อมูลที่ดีไว้สร้าง Infographic ด้วย Canva สร้างบัญชีCanva ใหม่เพื่อเริ่มออกแบบอินโฟกราฟิกส์ไม่จําเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งอะไรเพื่อใช้Canva เพียงเข้าไปที่www.canva.com เพื่อสร้างบัญชีและเริ่ม ใช้งาน หรืออีกทางหนึ่งสามารถดาวน์โหลด Canva บน iPhone, iPad และอุปกรณ์Android ซึ่งทําให้สามารถสร้างงาน ออกแบบบนอุปกรณ์มือถือได้การสมัครเข้าใช้งาน ผู้ใช้สามารถสมัครใช้งาน Canva สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้จาก 3 ช่องทาง 1) ช่องทางแรกคือ การสมัครเข้าใช้งานกับเวป canvaโดยใช้E-mail โดยตรง 2) ช่องทางที่สองคือ ลงชื่อการเข้าใช้ผ่าน Facebook 3) ช่องทางสุดท้ายคือ ลงชื่อการเข้าใช้ผ่าน Gmail หากต้องการลงชื่อเข้าใช้งานผ่าน Facebook ให้กดที่ปุ่มสีน้ําเงิน “Sign up withFacebook”และถ้าต้องการลง ชื่อเข้าใช้ผ่าน Gmail ให้กดที่ปุ่มสีแลง “Sign up with Google” แต่ถ้าไม่ต้องการลงชื่อเข้าตามทั้ง 2 แบบข้างต้นคุณ สามารถสมัครบัญชีเข้าใช้งานได้โดยตรงกับเวป Canva ซึ่งจะต้องกดตรงปุ่มสีเขียว"Signupwith email" 164


Pa ge | 171 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นตัวอย่างการจัดทํา Infographics ของนักศึกษาหลักสูตร เจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่167165


Pa ge | 172 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น


Pa ge | 173 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานสรุปสาระสําคัญ หมวดที่2 วิชาเฉพาะตําแหน่ง 13. แนวทางการบันทึกข้อมูลในระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (Info) ผู้บรรยายโดย : นายนุกูล บุญทวีนวช.คพ.ชก. คส.สถ.ระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (INFO) ระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นระบบฐานข้อมูลที่จัดทําขึ้นเพื่อสํารวจข้อมูลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูลที่แสดงในระบบเป็นข้อมูลที่นําเข้าโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลภายในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนําข้อมูลไปใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด ระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยข้อมูล 8 ด้าน ดังนี้ด้านที่1 สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของคนในชุมชน คือ ภารกิจสําคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลส่งเสริมและพัฒนาให้ชุมชนมีสิ่งแวดล้อมที่ดีให้คนในชุมชน มีสุขภาพที่ดีมีสถานบริการด้านสาธารณสุขที่เพียงพอและถูกสุขลักษณะ ทั้งยังช่วยดูแลและแก้ไขเหตุรําคาญต่างๆ ให้แก่คนในชุมชนอีกด้วย ข้อมูลด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจึงถูกรวบรวมขึ้น เพื่อให้การวางแผน วิเคราะห์และบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถทําได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้านที่2 นวัตกรรมและการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ความสําคัญต่อการศึกษาและส่งเสริมนวัตกรรมต่างๆของเยาวชนและบุคคลทั่วไป ทั้งยังให้ความสําคัญกับบุคลากรในระบบการศึกษา ข้อมูลด้านการศึกษาในมิติต่างๆขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงถูกรวบรวมขึ้นเพื่อนํามาใช้ประโยชน์ในการวางแผน จัดการงบประมาณเพื่อให้การศึกษาของคนในชุมชนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามเป้าหมาย และยังประโยชน์ให้เกิดแก่ตัวชุมชนหรือประเทศชาติต่อไปในอนาคตต่อไป ด้านที่3 สาธารณภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ในการดูแล ช่วยเหลือ และบรรเทาสาธารณภัยต่างๆเพื่อให้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงและได้รับการช่วยเหลือ เยียวยาได้อย่างทันท่วงทีดังนั้น ข้อมูลด้านความพร้อมในการบริหารจัดการสาธารณภัยต่างๆ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงถูกรวบรวมขึ้นเพื่อให้การบริหารการบรรเทาสาธารณภัย และการประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดด้านที่4 โครงสร้างพื้นฐาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ในการบริหารจัดการ ถนนหนทาง รวมถึงสะพานขนาดเล็กต่างๆ ในชุมชน เพื่อให้คนในชุมนุม มีการคมนาคมที่ดีทั่วถึง ปลอดภัย มีการบํารุงรักษาและมีความพร้อมในการขยายตัวเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของชุมชนในอนาคต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงต้องมีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้การวิเคราะห์วางแผน และบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 167


Pa ge | 174 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นด้านที่5 บริหารจัดการน้ํา น้ําเป็นสิ่งสําคัญในการดํารงชีวิต เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าทั้งต่อระบบนิเวศ การดํารงชีวิตและประเพณีวัฒนธรรมของชุมชน การดูแลรักษาและบริหารจัดการแหล่งน้ําต่างๆ ของชุมชน จึงเป็นภารกิจที่สําคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเก็บรวบรวมข้อมูลแหล่งน้ําต่างๆ ในชุมชนมาวิเคราะห์วางแผนและบริหารจัดการน้ํา เพื่อให้คนในชุมชนมีน้ําใช้อุปโภคบริโภค ใช้ในการเกษตร อย่างพอเพียง ทั้งยังรวมถึงการป้องกันและบรรเทาปัญหาจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านที่6 การจัดการภายในและธรรมาภิบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นองค์กรที่มีความเป็นธรรมาภิบาลสูง ข้อมูลบุคลากรข้อมูลแผนพัฒนาท้องถิ่น ข้อมูลรายรับ-รายจ่าย ต่างๆ รวมถึงข้อมูลผู้สูงอายุและผู้พิการที่ต้องให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ภายใต้ขอบเขตนโยบายความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูลโดยข้อมูลทั้งหมดนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังสามารถนํามาใช้ในการบริหารจัดการภายในองค์กรในมิติต่างๆอย่างเป็นระบบด้านที่7 สังคม ศาสนา วัฒนธรรม ศาสนา วัฒนธรรม และสังคม คือ อัตลักษณ์ของชุมชน ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่ในการส่งเสริม ดูแล และประชาสัมพันธ์ให้เกิดเป็นความภาคภูมิใจของคนในชุมชน อันจะส่งผลถึงชื่อเสียงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และชื่อเสียงของชุมชน ข้อมูลด้านวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงโครงการประชาคมของคนในชุมชนจึงถูกรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนําไปบริหารจัดการและส่งเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้านที่8 เศรษฐกิจแหล่งท่องเที่ยว เศรษฐกิจและความกินดีอยู่ดีของคนในชุมชน เป็นสิ่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตระหนักอยู่เสมอ การส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้จากความรู้ความสามารถของคนในท้องถิ่นเอง จึงมีความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง ข้อมูลด้านแหล่งท่องเที่ยว แหล่งที่พัก ร้านค้า สินค้าและบริการ รวมถึงข้อมูลด้านอุตสาหกรรมต่างๆของชุมชน จึงถูกรวบรวมเพื่อให้เกิดความสามารถในการบริหารจัดการรวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังประโยชน์สูงสุดให้คืนแก่ชุมชนได้ในที่สุด การใช้งานเบื้องต้น นโยบายของรัฐบาลได้กําหนดให้หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ได้มีการประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาช่วยในการปฏิบัติงานและบริหารงานรวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชน และองค์กรต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานและสามารถบูรณาการระบบข้อมูลเพื่อลดความซ้ําซ้อนและล่าช้าในการปฏิบัติงานกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนําข้อมูลออกเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นองค์กรภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปได้พิจารณาใช้ประโยชน์หนังสือคู่มือการใช้งานระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเล่มนี้จะได้อธิบายถึงรายละเอียดของการใช้งานระบบฯ ประกอบด้วย 168


Pa ge | 175 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น๑. การนําเข้าข้อมูลหรือคีย์ข้อมูล เป็นส่วนของการคีย์ข้อมูลเข้าสู่ระบบของโปรแกรมซึ่งข้อมูลที่นําเข้าเป็นข้อมูลพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่สภาพทั่วไป, โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค,ด้านสังคม, เศรษฐกิจ, สาธารณสุข, สิ่งแวดล้อม, การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการเงินการคลังการนําข้อมูลเข้าสู่ระบบนี้เป็นหน้าที่ในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. การค้นหาข้อมูล สําหรับเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นหรือประชาชนทั่วไปเป็นส่วนของการดูรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลคีย์เข้าระบบ ซึ่งการค้นหาดังกล่าวจะสามารถดูวิธีการศึกษาได้จากขั้นตอนดังต่อไปนี้ขั้นตอนการเข้าใช้งานระบบข้อมูลส่วนกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น INFO ระยะที่2 การบันทึกข้อมูลห้องสมุด/ที่อ่านหนังสือ (สําหรับผู้ใช้งานองค์กรปกครองส่วนท่องถิ่น) 169


Pa ge | 176 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นระบบข้อมูลกลาง อปท. (INFO) https://info.dla.go.th 170


Pa ge | 177 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นประโยชน์จากแนวทางการบันทึกข้อมูลในระบบข้อมูลกลาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(INFO) 1. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบันทึกข้อมูลโครงการและแผนงานเพียงครั้งเดียว ลดความซ้ําซ้อน 2. ข้อมูลเชิงลึกของแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 8 ด้าน เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาบริการประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3. สามารถมองภาพรวม สถานะของทั้งประเทศเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหาร ตั้งแต่กระทรวงมหาดไทย, กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, สํานักงานท้องถิ่นจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4. เป็นไปตามนโยบายของรัฐ Paperless ที่ให้มีการด้านเนินการบูรณาการข้อมูล สารสนเทศระหว่างภาครัฐโดยใช้ระบบ Linkage Center 5. เพื่อนําข้อมูลเหล่านี้ไปประมวลผล ศึกษา วิเคราะห์เพื่อนําไปสู่การพัฒนาองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพคู่มือและวิดีโอสอนการใช้งานระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (INFO ระบบใหม่) คู่มือและวิดีโอสอนการใช้งานระบบข้อมูลกลางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)INFOระบบใหม่(คู่มือการใช้งานสําหรับ สถจ. สถอ.คู่มือการใช้งานสําหรับ อปท.คู่มือวิดีโอสอนการใช้งานระบบข้อมูลกลาง องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (INFO ระบบใหม่) 171


Pa ge | 178 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น


Pa ge | 179 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานสรุปสาระสําคัญ หมวดที่2 วิชาเฉพาะตําแหน่ง 14. ความรู้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560ผู้บรรยายโดย : นางสาวสุทธิญาณ์สืบสายดีสน.คท.สถ.พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 1. โครงสร้าง โดยแบ่งออกเป็น 15หมวด จํานวน 132มาตราดังนี้มาตรา 1-5บทนิยาม มาตรา 6-15หมวด 1บททั่วไป มาตรา 16-19หมวด 2การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริตมาตรา 20-45หมวด 3คณะกรรมการ ส่วนที่1คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ส่วนที่2คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ส่วนที่3คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ ส่วนที่4คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต ส่วนที่5คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียน มาตรา 46-50หมวด 4องค์กรสนับสนุนดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มาตรา 51-53หมวด 5การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ มาตรา 54-68หมวด 6วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง มาตรา 69-78หมวด 7วิธีการจ้างที่ปรึกษา มาตรา 79-92หมวด 8วิธีการจ้างออกแบบและควบคุมงาน มาตรา 93-99หมวด 9การทําสัญญา มาตรา 100 - 105หมวด 10การบริหารสัญญาและการตรวจรับพัสดุมาตรา 106-108หมวด 11การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ มาตรา 109-111หมวด 12การทิ้งงานและการเพิกถอนการเป็นผู้ทิ้งงาน มาตรา 112-113หมวด 13การบริหารพัสดุมาตรา 114-119หมวด 14การอุทธรณ์มาตรา 120 - 121หมวด 15บทกําหนดโทษ มาตรา 122-132บทเฉพาะกาล 173


Pa ge | 180 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น2. การบังคับใช้(มาตรา 3) ให้ยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับพัสดุการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุในกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับประกาศข้อบัญญัติและข้อกําหนดใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้และให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกําหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ประกาศเมื่อวันที่24กุมภาพันธ์2560) 3. นิยามศัพท์สําคัญ (มาตรา 4) “การจัดซื้อจัดจ้าง”หมายความว่าการดําเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุโดยการซื้อ จ้าง เช่าแลกเปลี่ยนหรือโดยนิติกรรมอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง“พัสดุ”หมายความว่าสินค้างานบริการงานก่อสร้างงานจ้างที่ปรึกษา และงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง รวมทั้งการดําเนินการอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง“สินค้า”หมายความว่าวัสดุครุภัณฑ์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมถึงงานบริการที่รวมอยู่ในสินค้านั้นด้วยแต่มูลค่าของงานบริการต้องไม่สูงกว่าของมูลค่า “สินค้า”นั้น “บริการ”หมายความว่างานจ้างบริการงานจ้างเหมาบริการงานจ้างทําของและการรับขน “งานก่อสร้าง”หมายความว่างานก่อสร้างงานก่อสร้างสาธารณปโภค หรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดและการซ่อมแซม ต่อเติม ปรับปรุง รื้อถอน หรือการกระทําอื่นใดที่มีลักษณะทํานองเดียวกัน กับอาคารสาธารณูปโภคหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น รวมถึงงานบริการที่รวมอยู่ในสินค้านั้น แต่มูลค่าของงานบริการต้องไม่สูงกว่ามูลค่า“งานก่อสร้าง”นั้น “อาคาร”หมายความว่า สิ่งปลูกสร้างถาวรที่บุคคลเข้าอยู่หรือใช้สอยได้เช่น อาคารที่ทําการโรงพยาบาลโรงเรียน สนามกีฬาหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน รวมถึงงานอื่น ๆ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยสําหรับ“อาคาร”นั้น เช่น เสาธง รั้ว ท่อระบายน้ําถังน้ําถนน ประปา ไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศลิฟท์หรือเครื่องตกแต่ง“สาธารณูปโภค”หมายความว่างานที่เกี่ยวกับการประปาการไฟฟ้าการสื่อสาร การโทรคมนาคมการระบายน้ําการขนส่งทางท่อทางบก ทางน้ํา ทางอากาศ ทางรางหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง“งานจ้างที่ปรึกษา”หมายความว่างานจ้างจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล เพื่อเป็นผู้ให้คําปรึกษาหรือแนะนําแก่หน่วยงานของรัฐ ในด้านวิศวกรรม สถาปัตยกรรม ผังเมืองกฎหมาย เศรษฐศาสตร์การเงินการคลังสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสาธารณสุข ศิลปวัฒนธรรม การศึกษาวิจัย หรือด้านอื่นที่อยู่ในภารกิจของหน่วยงานภาครัฐ“งานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง”หมายความว่างานจ้างจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลเพื่อออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง“การบริหารพัสด”ุหมายความว่าการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย การยืม การตรวจสอบการบํารุงรักษาและการจําหน่ายพัสดุ 174


Pa ge | 181 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น“ราคากลาง”หมายความว่าราคาที่ใช้เป็นฐานสําหรับเปรียบเทียบราคาที่ผู้ยื่นข้อเสนอได้ยื่นเสนอไว้ซึ่งสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้จริง มีดังนี้1. ราคาที่ได้จากการคํานวณ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการราคากลางกําหนด 2. ราคาที่ได้มาจากฐานข้อมูลราคาอ้างอิงที่กรมบัญชีกลางจัดทํา 3. ราคามาตรฐานที่สํานักงบประมาณหรือหน่วยงานกลางอื่นกําหนด 4. ราคาที่ได้จากการสืบราคาจากท้องตลาด 5. ราคาที่เคยซื้อหรือจ้างครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา 2ปีงบประมาณ 6. ราคาอื่นตามหลักเกณฑ์วิธีการหรือแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐ กรณีที่มีราคาตาม 1. ให้ใช้ราคาตาม 1.ก่อน ถ้าไม่มีราคาตาม 1. แต่มีราคาตาม 2. หรือ3. ให้ใช้ราคาตาม 2. หรือ 3.กอ่น โดยจะใชร้าคาตาม 2. หรือ 3. ให้คํานงึถึงประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐเปน็สําคัญกรณีที่ไม่มีราคาตาม 1. 2. และ3. ให้ใช้ราคาตาม 4. 5. หรือ 6. ตามลําดับก่อนโดยจะใช้ราคาตาม 4. 5. หรือ 6ให้คํานึงถึงประโยชน์ของหน่วยงานของรัฐเป็นสําคัญ “เงินงบประมาณ”หมายความว่า - เงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายวาด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายวา่ด้วยการโอนงบประมาณ - เงินซึ่งหน่วยงานของรัฐได้รับโดยได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีให้โดยไม่ต้องนําส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง - เงินซึ่งหน่วยงานของรัฐได้รับโดยไม่ต้องนําส่งคลังเป็นรายได้ของแผ่นดินตามกฎหมาย- เงินภาษีอากร ค่าธรรมเนียมหรือผลประโยชน์อื่นที่ตกเป็นรายได้ของราชการส่วนท้องถิ่นตามกฎหมาย หรือที่ราชการส่วนท้องถิ่นมีอํานาจเรียกเก็บตามกฎหมาย - เงินกู้เงินช่วยเหลือและเงินอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง“หน่วยงานของรัฐ”หมายความว่าราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ องค์การมหาชน องค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญหน่วยธุรการของศาลมหาวิทยาลัยในกํากับของรัฐ หน่วยงานสังกัดรัฐสภาหรือในกํากับของรัฐสภาหน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กําหนดในกฎกระทรวง“เจ้าหน้าที่”หมายความว่า ผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้มีอํานาจให้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐ4. หน่วยงานของรัฐสามารถขอออกกฎ ระเบียบภายใต้พ.ร.บ.ขึ้นใช้เองเพื่อความยืดหยุ่นและคล่องตัว(มาตรา 6) กรณีรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะจัดให้มีระเบียบ ข้อบังคับหรือข้อบัญญัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุขึ้นใช้เองทั้งหมดหรือแต่บางส่วน เพื่อเกิดความยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวให้กระทําได้โดยต้องดําเนินการให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุตามแนวทางของพ.ร.บ.นี้ 175


Pa ge | 182 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นระเบียบ ข้อบังคับหรือข้อบัญญัติดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 5. หลักการการจัดซื้อจัดจ้าง (มาตรา 8) เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่หน่วยงานของรัฐ และต้องสอดคล้องกับหลักการดังนี้1.คุ้มค่า: ต้องมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม และมีแผนบริหารพัสดุที่เหมาะสมและชัดเจน 2. โปร่งใส : ต้องกระทําอย่างเปิดเผย แข่งขันอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน มีระยะเวลาเหมาะสมต่อการยื่นข้อเสนอมีหลักฐานการดําเนินงานชัดเจนและเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างในทุกขั้นตอน 3. มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล: ต้องมีการวางแผนจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้า 4. ตรวจสอบได้6. ห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อเสนอ (มาตรา 10) ห้ามไม่ให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อเสนอที่เป็นสาระสําคัญ และเป็นข้อมูลทางเทคนิคของของผู้ยื่นข้อเสนอระหว่างผู้ยื่นข้อเสนอด้วยกัน หรือต่อผู้ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนั้น 7. แผนจัดซื้อจัดจ้างประจําปี(มาตรา 11) ให้หน่วยงานของรัฐ จัดทําแผนจัดซื้อจัดจ้างประจําปีและประกาศเผยแพร่ในระบบสารสนเทศของกรมบัญชีกลางและของหน่วยงานของรัฐ ตามวิธีการที่กรมบัญชีกลางกําหนด และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผยณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานภาครัฐ 8. ผู้มีอํานาจอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้าง การจัดหาพัสดุโดยวิธีใดตามพระราชบัญญัตินี้จะเป็นผู้ดํารงตําแหน่งใดและภายในวงเงินเท่าใดให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรี(รมต.การคลัง) กําหนด 9. การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริต (มาตรา 16-18) กําหนดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ในลักษณะของการทําข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการผู้เข้ายื่นข้อเสนอและผู้สังเกตการณ์โดยต้องตกลงกันว่าจะไม่กระทําการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างผู้สังเกตการณ์ต้องเป็นมีความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่จําเป็นต่อโครงการจัดซื้อจัดจ้างนั้นๆเข้าร่วมสังเกตการณ์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่การจัดทําร่าง TOR จนถึงสิ้นสุดโครงการ โดยผู้สังเกตการณ์ต้องมีความเป็นกลาง และไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในโครงการจัดซื้อจัดจ้างนั้น 10. คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (มาตรา 20-45) กําหนดให้มีคณะกรรมการ5คณะ ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐมีหน้าที่กําหนดเสนอนโยบาย กฏ ระเบียบ ภายใต้พ.ร.บ. นี้2. คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐมีหน้าที่ปรับปรุงแก้ไขปัญหาตีความและวินิจฉัยปัญหาข้อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. 176


Pa ge | 183 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น3. คณะกรรมการราคากลางและขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการมีหน้าที่กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกําหนดราคากลาง 4. คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตมีหน้าที่กําหนดแนวทางและวิธีดําเนินการความร่วมมือป้องกันการทุจริตกําหนดแบบข้อตกลงคุณธรรม 5. คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และร้องเรียนมีหน้าที่พิจารณาข้อร้องเรียนและวินิจฉัยอุทธรณ์11. องค์กรสนับสนุนดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (มาตรา 46-50) กําหนดให้กรมบัญชีกลางเป็นองค์กรสนับสนุนดูแลการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ มีหน้าที่1. ดูแลและจัดหาระบบการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์2. จัดทําฐานข้อมูลราคาอ้างอิง 3. รวบรวมวิเคราะห์และประเมินผลการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.นี้4. จัดหาหลักสูตรการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตามหลักวิชาชีพ 5. ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการในคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.นี้กรณีเจ้าหน้าที่ซึ่งผ่านการฝึกอบรมจากกรมบัญชีกลางและได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มหรือเงินอื่นทํานองเดียวกัน 12. การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ(มาตรา 55-53) 1. ให้คณะกรรมการราคากลางกําหนดหลักเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการก่อสร้างและต้องขนทะเบียนผู้ประกอบการกับกรมบัญชีกลาง 2. ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการพัสดุอื่น ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการราคากลางเห็นสมควร3. กรณีขึ้นทะเบียนไว้แล้ว ไม่ต้องขึ้นทะเบียนอีก 13. วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง (มาตรา 54-68) กําหนดให้มี3วิธีดังนี้อาจกระทําได้โดยวิธี1) วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป : เชิญชวนผู้ประกอบการทั่วไปที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดให้เข้ายื่นข้อเสนอ 2) วิธีคัดเลือก : เชิญชวนเฉพาะผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 3รายให้เข้ายื่นข้อเสนอเว้นแต่ในงานนั้นมีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กําหนดน้อยกว่าสามราย3) วิธีเฉพาะเจาะจง : เชิญชวนผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดรายใดรายหนึ่งให้เข้ายื่นข้อเสนอหรือให้เข้ามาเจรจาต่อรองราคา การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุต้องให้เลือกใช้วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไปก่อน เว้นแต่(1) วิธีคัดเลือก ให้ใช้ในกรณีต่อไปนี้1.1 ประกาศเชิญชวนแล้ว แต่ไม่มีผู้เสนอหรือไม่ได้รับการคัดเลือก 1.2 เป็นพัสดุที่มีคุณลักษณะพิเศษหรือซับซ้อน หรือต้องผลิตก่อสร้างหรือที่มีฝีมือโดยเฉพาะหรือมีความชํานาญพิเศษ หรือมีทักษะสงูและผู้ประกอบการมีจํานวนจํากัด 1.3 จําเป็น เร่งด่วน หากใช้วิธประกาศเชิญชวนแล้วไม่ได้ผล 177


Pa ge | 184 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น1.4 มีข้อจํากัดที่จําเป็นต้องระบุยี่ห้อ 1.5 จําเป็นต้องซื้อจากต่างประเทศ 1.6 พัสดุที่ต้องปกปิดหรือใช้ในราชการลับ 1.7 งานซ่อมที่จําเป็นต้องถอดตรวจ 1.8 กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง (2) วิธีเฉพาะเจาะจง ให้ใช้ในกรณีต่อไปนี้2.1 ใช้ทั้งวิธีประกาศเชิญชวนและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นเสนอหรือข้อเสนอไม่ได้รับการคัดเลือก 2.2 การจัดซื้อจัดจ้างในวงเงินครั้งหนึ่งไม่เกินวงเงินที่กําหนดในกฏกระทรวง 2.3 มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติโดยตรงเพียงรายเดียวหรือเป็นตัวแทนจําหน่ายโดยชอบด้วยกฎหมายเพียงรายเดียวในประเทศและไม่มีพัสดุอื่นใดที่จะใช้ทดแทนได้2.4 มีความจําเป็นเร่งด่วนเนื่องจากภัยธรรมชาติหรือเกิดโรคติดต่อร้ายแรง และใช้วิธีประกาศเชิญชวน หรือวิธีคัดเลือกอาจล่าช้าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง 2.5 เป็นพัสดุที่เกี่ยวพันกับพัสดุที่ซื้อจ้างไว้ก่อนแล้ว และมีความจําเป็นต้องเพิ่มเติมโดยมูลค่าพัสดุที่เพิ่มเติม ต้องไม่สูงกว่ามูลค่าพัสดุที่ได้ซื้อจ้างไว้ก่อนแล้ว 2.6 เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาดโดยหน่วยงานภาครัฐ 2.7 เป็นที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้างซึ่งจําเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง 2.8 กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง ให้หน่วยงานของรัฐจัดทําประกาศและเอกสารเชิญชวนให้ทราบเป็นการทั่วไปในระบบของกรมบัญชีกลางและของหน่วยงาน ตามวิธีที่กรมบัญชีกลางกําหนด และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณสถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรฐันั้น ว่าจะดําเนินการจัดซื้อจัดจา้งพสัดุใดวัน เวลาสถานที่ยื่นข้อเสนอและเงอื่นไขอนื่ๆให้ประกาศรายละเอียดข้อมูลราคากลางและการคํานวณราคากลางในระบบของกรมบัญชีกลางให้กําหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนออย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นเงื่อนไขในประกาศและเอกสารเชิญชวน ดังนี้1. มีความสามารถตามกฎหมาย 2. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย 3. ไม่อยู่ระหว่างเลิกกิจการ 4. ไม่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ระหว่างถูกระงับการยื่นข้อเสนอหรือทําสัญญากับราชการ 5. ไม่เป็นบุคคลซึ่งถูกแจ้งเวียนชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานอยู่ระหว่างถูกระงับการยื่นข้อเสนอหรือทําสัญญากับราชการ หลักการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอการจัดซื้อจัดจ้าง 1. ต้นทุนตลอดการใช้งาน 2. มาตรฐานของสินค้าหรือบริการ 3. บริการหลังการขาย 178


Pa ge | 185 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น4. พัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนที่อนุรักษ์พลังงาน หรือสิ่งแวดล้อม 5. การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ 6. ข้อเสนอด้านเทคนิคหรือข้อเสนออื่น 7. เกณฑ์อื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง เมื่อมีการยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้าง ให้หน่วยงานของรัฐแจ้งให้ผู้ประกอบการซึ่งมารับหรือซื้อเอกสารเชิญชวนทุกรายทราบถึงเหตุผลที่ต้องยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนั้น 14.งานจ้างที่ปรึกษา (มาตรา 69-78) กําหนดให้มี3วิธีดังนี้อาจกระทําได้โดยวิธี1) วิธีประกาศเชิญชวนทั่วไป : เชิญชวนที่ปรึกษาทั่วไปที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดให้เข้ายื่นข้อเสนอให้ใช้กับงานที่ไม่ซับซ้อน 2) วิธีคัดเลือก : เชิญชวนเฉพาะที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 3รายให้เข้ายื่นข้อเสนอเว้นแต่ในงานนั้นมีที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กําหนดน้อยกว่า 3ราย3) วิธีเฉพาะเจาะจง : เชิญชวนที่ปรึกษาที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดรายใดรายหนึ่งให้เข้ายื่นข้อเสนอหรือให้เข้ามาเจรจาต่อรองราคา การจ้างที่ปรึกษาด้วยวิธีคัดเลือก ให้กระทําได้ในกรณีต่อไปนี้1. ประกาศเชิญชวนแล้ว แต่ไม่มีผู้เสนอหรือไม่ได้รับการคัดเลือก 2. เป็นงานที่ซับซ้อน ซับซ้อนมาก หรือมีเทคนิคเฉพาะไม่เหมาะที่จะดําเนินการ โดยวิธีประกาศเชิญชวน 3. มีที่ปรึกษาในงานที่จะจ้างจํานวนจํากัด 4. กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง วิธีเฉพาะเจาะจง ให้ใช้ในกรณีต่อไปนี้1. ใช้ทั้งวิธีประกาศเชิญชวนและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นเสนอหรือข้อเสนอไม่ได้รับการคัดเลือก 2. การจ้างในวงเงินครั้งหนึ่งไม่เกินวงเงินที่กําหนดในกฏกระทรวง 3. เป็นงานที่จําเป็นต้องให้ที่ปรึกษารายเดิมทําต่อจากงานที่ได้ทําไว้แล้ว เนื่องจากเหตุผลทางเทคนิค 4. เป็นงานจ้างที่มีที่ปรึกษาเพียงรายเดียว 5. เป็นงานที่มีความจําเป็นเร่งด่วน หรือที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติอาจล่าช้าก่อให้เกิดความเสียหาย 6. กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง ให้ผู้มีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการดําเนินการจ้างที่ปรึกษา เพื่อรับผิดชอบในการดําเนินงานจ้างที่ปรึกษา 179


Pa ge | 186 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอการจ้างที่ปรึกษา 1. ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา 2. วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน 3. จํานวนบุคลากรที่ร่วมงาน 4. ประเภทของที่ปรึกษาที่รัฐส่งเสริมหรือสนับสนุน 5. ข้อเสนอทางการเงิน 6. เกณฑ์อื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง กรณีงานจ้างที่ปรึกษาเพิ่อดําเนินงานประจํา ให้คัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านเกณฑ์คุณภาพแล้วและให้คัดเลือกจากรายที่เสนอราคาต่ําสุด กรณีงานจ้างที่ปรึกษาที่เป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงาน หรืองานที่ซับซ้อนให้คัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านเกณฑ์ด้านคุณภาพแล้ว และให้คัดเลือกจากรายที่ได้คะแนนด้านคุณภาพและด้านราคามากที่สุด กรณีงานจ้างที่ปรึกษาที่มีความซับซ้อนมาก ให้คัดเลือกผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านเกณฑ์ได้คุณภาพแล้วและให้คัดเลือกจากรายที่ได้คะแนนด้านคุณภาพมากที่สุด 15. งานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง (มาตรา 79-92) กําหนดให้มี3 วิธีดังนี้อาจกระทําได้โดยวิธี1) วิธปีระกาศเชิญชวนทั่วไป : ให้ใช้กับงานจ้างออกแบบหรือควบคุมงานก่อสร้าง ที่มีลักษณะไม่ซับซ้อน 2) วิธีคัดเลือก: เชิญชวนผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า3รายให้เข้ายื่นข้อเสนอเว้นแต่ในงานนั้นมีผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กําหนดน้อยกว่า3ราย 3) วิธีเฉพาะเจาะจง:เป็นงานที่เลือกจ้างผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่งที่เคยทราบหรือเคยเห็นความสามารถแล้ว ตามที่คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงได้เสนอแนะ 4) วิธีประกวดแบบ: เชิญชวนผู้ให้บริการที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กําหนดให้เข้ายื่นข้อเสนอเพื่อออกแบบงานก่อสร้างที่มีลักษณะพิเศษ เป็นที่เชิดชูทางศิลปกรรมหรือสถาปัตยกรรมของชาติหรืองานอื่นตามที่กําหนด การจ้างออกแบบฯ ด้วยวิธีคัดเลือก ให้กระทําได้ในกรณีต่อไปนี้1. ประกาศเชิญชวนแล้ว แต่ไม่มีผู้เสนอหรือไม่ได้รับการคัดเลือก 2. เป็นงานที่ซับซ้อน ซับซ้อนมาก มีที่ปรึกษาในงานที่จะจ้างจํานวนจํากัด 3. เป็นงานเกี่ยวกับการออกแบบหรือใช้ความคิด ซึ่งหน่วยงานไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะกําหนดรายละเอียดเบื้องต้นได้4. กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง 180


Pa ge | 187 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น วิธีเฉพาะเจาะจง ให้ใช้ในกรณีต่อไปนี้1. ใช้ทั้งวิธีประกาศเชิญชวนและวิธีคัดเลือก หรือใช้วิธีคัดเลือกแล้ว แต่ไม่มีผู้ยื่นเสนอหรือข้อเสนอไม่ได้รับการคัดเลือก 2. ให้ใช้กับงานที่มีวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้างไม่เกินวงเงินที่กําหนดในกฏกระทรวง3. เป็นงานที่มีความจําเป็นเร่งด่วน หรือที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติอาจล่าช้าก่อให้เกิดความเสียหาย 4. เป็นงานที่ต้องให้ผู้ให้บริการรายเดิมทําต่อจากงานที่ได้ทําไว้แล้วเนื่องจากเหตุผลทางเทคนิค 5. กรณีอื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง วิธีประกวดแบบให้ผู้มีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการดําเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อรับผิดชอบในการดําเนินงานจ้างที่ปรึกษา หลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกข้อเสนอการจ้างที่ปรึกษา 1. ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา 2. วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน 3. จํานวนบุคลากรที่ร่วมงาน 4. ประเภทของที่ปรึกษาที่รัฐส่งเสริมหรือสนับสนุน 5. ข้อเสนอทางการเงิน 6. เกณฑ์อื่นตามที่กําหนดในกฏกระทรวง ผู้ให้บริการที่เป็นนิติบคุคล ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปัตยกรรมหรือวิศวกรรมและต้องเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพนั้นด้วย ผู้ให้บริการที่เป็นคู่สัญญาของหน่วยงาน ต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้ประกอบการงานก่อสร้างในงานนั้น 16. การทําสัญญา (มาตรา 93-99) กําหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องทําสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการนโยบายกําหนดโดยความเห็นชอบของสํานักงานอัยการสูงสุด ทั้งนี้แบบสัญญา ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ด้วย ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ได้ทําสัญญาตามแบบหรือไม่อาจใช้สัญญาที่สํานักงานอัยการสูงสุดให้ความเห็นชอบได้หรือไม่อาจส่งให้สํานักอัยการสูงสุดเห็นชอบได้ทันเวลาให้สามารถส่งให้สํานักงานอัยการสูงสุดเห็นชอบได้ในภายหลังได้ สัญญาที่ทําในราชอาณาจักรต้องมีข้อตกลงในการห้ามคู่สัญญาจ้างช่วงให้ผู้อื่นทําอีกทอดหนึ่ง ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน เว้นแต่การจ้างช่วงแต่บางส่วนที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญาแล้ว 181


Pa ge | 188 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หน่วยงานอาจมีข้อตกลงเป็นหนังสือโดยไม่ทําตามแบบสัญญา เฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้1. การจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีคัดเลือก หรือโดยวิธีเฉพาะเจาะจงหรือการจ้างที่ปรึกษาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง 2. การจัดซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานภาครัฐ 3. คู่สัญญาสามารถส่งมอบพัสดุได้ครบถ้วน ภายใน 5วันทําการนับแต่วันถัดจากวันทําข้อตกลง 4. กรณีอื่นตามที่คณะกรรมการนโยบายกําหนด สัญญาที่มีการลงนามและแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาหรือข้อตกลง ต้องเผยแพร่ในระบบของกรมบัญชีกลาง และของหน่วยงาน 17. การบริหารสัญญาและการตรวจรับพัสดุ(มาตรา 100 - 105) การบริหารสัญญาและการตรวจรับพัสดุให้ผู้มีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเพื่อรับผิดชอบการบริหารสัญญาหรือข้อตกลงและการตรวจรับพัสดุโดยองค์ประกอบ องค์ประชุม และหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรีกําหนด 18. การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ(มาตรา 106-108) กําหนดให้ผลการประเมินเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอหรือเข้าทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กําหนดจะถูกระงับการยื่นข้อเสนอหรือทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐไว้ชั่วคราว จนกว่าจะมีผลการปฏิบัติงานผ่านเกณฑ์ที่กําหนด 19. การทิ้งงาน (มาตรา 109-111) ผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญา ที่มีลักษณะเป็นการทิ้งงาน ดังนี้1. เป็นผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือกแล้ว ไม่ยอมไปทําสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือภายในเวลาที่กําหนด 2. คู่สัญญา ไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือ 3. ผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญามีลักษณะเป็นการขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม4. เมื่อผลของการปฏิบัติตามสัญญาของที่ปรึกษาหรือผู้ให้บริการงานออกแบบหรืองานก่อสร้างมีข้อบกพร่อง ผิดพลาดหรือก่อให้เกิดข้อผิดพลาด 5. ผู้ให้บริการมีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้ประกอบการงานก่อสร้าง 20. การบริหารพัสดุ(มาตรา 112-113) ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการควบคุมและดูแลพัสดุให้มีการใช้และการบริหารพัสดุที่เหมาะสมคุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งรวมถึงการเก็บ การบันทึก การเบิกจ่าย การยืม การตรวจสอบ การบํารุงรักษาและการจําหน่ายพัสดุ 182


Pa ge | 189 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น21. การอุทธรณ์(มาตรา 114-119) กําหนดให้ผู้ซึ่งได้ยื่นข้อเสนอจัดซื้อจัดจ้างพัสดุกับหน่วยงานของรัฐไม่มีสิทธิอุทธรณ์ในเรื่องดังนี้1. การเลือกใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างพัสดุหรือเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาผล 2. หน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กําหนดใน พ.ร.บ.นี้3. กฎกระทรวง ระเบียบหรือประกาศที่ออกตามความใน พ.ร.บ.นี้เป็นเหตุให้ตนไม่ได้รับการประกาศผลเป็นผู้ชนะ หรือไม่ได้รับการคัดเลือกเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยต้องยื่นอุทธรณ์ต่อหน่วยงาน ภายใน 7วันทําการนับแต่วันประกาศผลการจัดซื้อจัดจ้างในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลาง และ ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาและวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 7วันทําการนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ ในกรณีที่เห็นด้วยกับอุทธรณ์ก็ให้ดําเนินการตามความเห็นนั้นภายในกําหนดเวลาดังกล่าว หากไม่เห็นด้วยไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ให้รายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภายใน 3วันทําการนับแต่วันที่ครบกําหนดเวลาดังกล่าว เมื่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้รับรายงานจากหน่วยงานของรัฐแล้ว ให้พิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30วันนับแต่วันที่ได้รับรายงานดังกล่าว หากเรื่องใดไม่อาจพิจารณาได้ทันในกําหนดนั้น ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกินสองครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15วันนับแต่วันที่ครบกําหนดเวลาดังกล่าว กรณีที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ฟังขึ้นและมีต่อการจัดซื้อจัดจ้างมีนัยสําคัญ ให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สั่งให้หน่วยงานของรัฐดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างใหม่หรือเริ่มจากขั้นตอนใดตามที่เห็นสมควร ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น หรือไม่มีผลต่อการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีนัยสําคัญ ให้แจ้งหน่วยงานของรัฐเพื่อดําเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป ถ้าผู้อุทธรณ์ผู้ใดไม่พอใจคําวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และเห็นว่าหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ผู้นั้นมีสิทธิฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกให้หน่วยงานของรัฐชดใช้ค่าเสียหายได้แต่การฟ้องคดีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการจัดซื้อจัดจ้างที่หน่วยงานของรัฐได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างนั้นแล้ว 183


Pa ge | 190 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น22. บทกําหนดโทษ (มาตรา 120 - 121) เจ้าหน้าที่หรือผู้มอีํานาจหน้าที่ในการดําเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างตาม พ.ร.บ.นี้กฎกระทรวง ระเบียบหรือประกาศที่ออกตามความในพ.ร.บ.นี้โดยมิชอบโดยกําหนดให้ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่1ปีถึง 10ปีและปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาทและผู้ใช้หรือผู้สนับสนุนในการกระทําความผิดดังกล่าวต้องระวางโทษตามที่กําหนดไว้สําหรับความผิดดังกล่าวด้วยกําหนดโทษสําหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการวินิจฉัย หรือหลักฐานประกอบการพิจารณาอุทธรณ์เพื่อเป็นการบังคับให้ผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการส่งเอกสารหรือหลักฐานประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัย หรือคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ โดยกําหนดให้มีความผิดฐานขัดคําสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา 23. บทเฉพาะกาล ให้ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุพ.ศ.2535และระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ.2549และบรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศข้อบัญญัติและข้อกําหนดใดๆเกี่ยวกับพัสดุการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐอื่น รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับพัสดุการจัดซื้อจัดจ้างหรือการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวงระเบียบหรือประกาศ ในเรื่องนั้น ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ184


Pa ge | 191 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น185


Pa ge | 192 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น186


Pa ge | 193 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น187


Pa ge | 194 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น


Pa ge | 195 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานสรุปสาระสําคัญ หมวดที่2 วิชาเฉพาะตําแหน่ง ๑๕. การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง ผู้บรรยายโดย : นางสาวกรุณาภรณ์พรกัญจนเอก นวช.กค.ชก. ตบ.สถ.พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ม.๗๙ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการตรวจสอบภายในการควบคุมภายใน และการบริหารจัดการความเสี่ยงโดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกําหนด หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐพ.ศ. ๒๕๖๑ - หลักเกณฑ์นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่กระทรวงการคลังประกาศเป็นต้นไป(มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่๔ ตุลาคม ๒๕๖๑) และให้ใช้หลักเกณฑ์นี้ในการประเมินผลการควบคุมภายในสําหรับปีสิ้นสุดวันที่๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ เป็นต้นไป - ให้หน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ถือปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐที่แนบท้ายหลักเกณฑ์ฉบับนี้ - กรณีหน่วยงานของรัฐ มีเจตนาหรือปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติตามมาตรฐานหรือหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐที่กระทรวงการคลังกําหนด โดยไม่มีเหตุอันควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาความเหมาะสมในการเสนอความเห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของหน่วยงานของรัฐดังกล่าว ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามอํานาจและหน้าที่ต่อไป คํานิยาม “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า (๑) ส่วนราชการ (๒) รัฐวิสาหกิจ (๓) หน่วยงานของรัฐสภา ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอัยการ (๔) องค์การมหาชน (๕) ทุนหมุนเวียนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล (๖) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๗) หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กฎหมายกําหนด 189


Pa ge | 196 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมาตรฐานการควบคุมภายในสําหรับหนว่ยงานของรฐั (Internal ControlStandard for Government Agency)แนวคิด ๑. การควบคุมภายในเป็นกลไกที่จะทําให้หน่วยงานของรัฐบรรลุวัตถุประสงค์การควบคุมภายในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายด้าน ได้แก่ด้านการดําเนินงาน ด้านการรายงาน และด้านการปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับ ๒. การควบคุมภายในเป็นส่วนประกอบที่แทรกอยู่ในการปฏิบัติงานตามปกติของหน่วยงานของรัฐการควบคุมภายในเป็นสิ่งที่ต้องกระทําอย่างเป็นขั้นตอนและต่อเนื่อง มิใช่เป็นผลสุดท้ายของการกระทํา ๓. การควบคุมภายในเกิดขึ้นได้โดยบุคลากรของหน่วยงานของรัฐ โดยผู้กํากับดูแลฝ่ายบริหาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ตรวจสอบภายใน เป็นผู้มีบทบาทสําคัญในการทําให้มีการควบคุมภายในเกิดขึ้นซึ่งไม่ใช่เพียงการกําหนดนโยบาย ระบบงาน คู่มือการปฏิบัติงานและแบบฟอร์มดําเนินงานเท่านั้นหากแต่ต้องมีการปฏิบัติ๔. การควบคุมภายในสามารถให้ความเชื่อมั่นอย่างสมเหตุสมผลว่าจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กําหนดของหน่วยงานของรัฐ อย่างไรก็ตาม การควบคุมภายในที่กําหนดก็อาจจะไม่สามารถให้ความมั่นใจแก่ผู้กํากับดูแล และฝ่ายบริหาร ว่าการดําเนินงานจะบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างสมบูรณ์๕. การควบคุมภายในควรกําหนดให้เหมาะสมกับโครงสรา้งองค์กรและภารกิจของหน่วยงานของรัฐหมายถึงควรกําหนดให้เหมาะสมกับลักษณะ ขนาด และ ความซับซ้อนของงาน และมีการติดตามประเมินผลการปรับปรุงการควบคุมภายในให้เพียงพอและเหมาะสม รวมทั้งมีการปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่อง คํานิยาม “การควบคมุภายใน” หมายความว่า กระบวนการปฏบิัติงานทผีู่้กํากับดูแล หัวหน้าหน่วยงานของรัฐฝ่ายบริหาร และบุคลากรของหน่วยงานของรัฐจัดให้มีขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลว่าการดําเนินงานของหน่วยงานของรัฐจะบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการดําเนินงาน ด้านการรายงานและด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับ “ความเสี่ยง” หมายความว่า ความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งอาจเกิดขึ้นและเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุวัตถุประสงค์“ผู้กํากับดูแล” หมายความว่า บุคคล หรือคณะบุคคล ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการกํากับดูแลหรือบังคับบัญชาของหน่วยงานของรัฐ“หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานของรัฐ“ฝ่ายบริหาร” หมายความว่า ผู้บริหารทุกระดับของหน่วยงานของรัฐ“ผู้ตรวจสอบภายใน” หมายความว่า ผู้ดํารงตําแหน่งผู้ตรวจสอบภายในของหน่วยงานหรือดํารงตําแหน่งอื่นที่ทําหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ตรวจสอบภายในของหน่วยงานของรัฐ 190


Pa ge | 197 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นวัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน ๑. วัตถุประสงค์ด้านการดําเนินงาน (Operations Objectives) เป็นวัตถุประสงค์เกี่ยวกับความมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพของการดําเนินงาน รวมถึงการบรรลุเป้าหมายด้านการดําเนินงานด้านการเงิน ตลอดจนการใช้ทรัพยากร การดูแลรักษาทรัพย์สิน การป้องกันหรือลดความผิดพลาดของหน่วยงานของรัฐ ตลอดจนความเสียหาย การรั่วไหล การสิ้นเปลือง หรือการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ๒. วัตถุประสงค์ด้านการรายงาน (Reporting Objectives) เป็นวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรายงานทางการเงินและไม่ใช่การเงิน ที่ใช้ภายในและภายนอกหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการรายงานที่เชื่อถือได้ทันเวลาโปร่งใส หรือข้อกําหนดอื่นของทางราชการ ๓. วัตถุประสงค์ด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับ (Compliance Objectives)เป็นวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับหรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินงาน รวมทั้งข้อกําหนดอื่นของทางราชการ องค์ประกอบของมาตรฐานการควบคุมภายใน ๑. สภาพแวดล้อมการควบคุม (Control Environment) ๒. การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) ๓. กิจกรรมการควบคุม (Control Activities) ๔. สารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication) ๕. กิจกรรมการติดตามผล (Monitoring Activities) สภาพแวดล้อมการควบคุม สภาพแวดล้อมการควบคุมประกอบด้วย ๕ หลักการ ดังนี้ (๑) หน่วยงานของรัฐแสดงให้เห็นถึงการยึดมั่นในคุณค่าของความซื่อตรงและจริยธรรม(๒) ผู้กํากับดูแลของหน่วยงานของรัฐ แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและมีหน้าที่กํากับดูแลใหม้ีการพฒันาหรือปรับปรุงการควบคุมภายใน รวมถึงการดําเนินการเกี่ยวกับการควบคุมภายใน(๓) หัวหน้าหน่วยงานของรัฐจัดให้มีโครงสร้างองค์กร สายการบังคับบัญชา อํานาจหน้าที่และความรับผดิชอบที่เหมาะสมในการบรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐภายใต้การกํากับดูแลของผู้กํากับดูแล(๔) หน่วยงานของรัฐแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างแรงจูงใจ พัฒนาและรักษาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐ (๕) หน่วยงานของรัฐกําหนดให้บุคลากรมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติงานตามระบบการควบคุมภายใน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐ 191


Pa ge | 198 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นการประเมินความเสี่ยง การประเมินความเสี่ยงประกอบด้วย ๔ หลักการ ดังนี้ (๑) หน่วยงานของรัฐระบุวัตถุประสงค์การควบคุมภายในของการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ขององค์กรไว้อย่างชัดเจนและเพียงพอที่จะสามารถระบุและประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์(๒) หน่วยงานของรัฐระบุความเสี่ยงที่มีผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์การควบคุมภายในอย่างครอบคลุมทั้งหน่วยงานของรัฐ และวิเคราะห์ความเสี่ยงเพื่อกําหนดวิธีการจัดการความเสี่ยงนั้น(๓) หน่วยงานของรัฐพิจารณาโอกาสที่อาจเกิดการทุจริต เพื่อประกอบการประเมินความเสี่ยงที่ส่งผลต่อการบรรลุวัตถุประสงค์(๔) หน่วยงานของรัฐระบุและประเมินการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อระบบการควบคุมภายใน กิจกรรมการควบคุม กิจกรรมการควบคุมประกอบด้วย ๓ หลักการ ดังนี้ (๑) หน่วยงานของรัฐระบุและพัฒนากิจกรรมการควบคุม เพื่อลดความเสี่ยงในการบรรลุวัตถุประสงค์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (๒) หน่วยงานของรัฐระบุและพัฒนากิจกรรมการควบคุมทั่วไปด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการบรรลุวัตถุประสงค์(๓) หน่วยงานของรัฐจัดให้มีกิจกรรมการควบคุม โดยกําหนดไว้ในนโยบาย ประกอบด้วยผลสําเร็จที่คาดหวังและขั้นตอนการปฏิบัติงาน เพื่อนํานโยบายไปสู่การปฏิบัติจริง สารสนเทศและการสื่อสาร สารสนเทศและการสื่อสารประกอบด้วย ๓ หลักการ ดังนี้ (๑) หน่วยงานของรัฐจัดทําหรือจัดหาและใช้สารสนเทศที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพเพื่อสนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามการควบคุมภายในที่กําหนด (๒) หน่วยงานของรัฐมีการสื่อสารภายในเกี่ยวกับสารสนเทศ รวมถึงวัตถุประสงค์และความรับผิดชอบที่มีต่อการควบคุมภายในซึ่งมีความจําเป็นในการสนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามการควบคุมภายในที่กําหนด (๓) หน่วยงานของรัฐมีการสื่อสารกับบุคคลภายนอกเกี่ยวกับเรื่องที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามการควบคุมภายในที่กําหนด กิจกรรมการติดตามผล กิจกรรมการติดตามผลประกอบด้วย ๒ หลักการ ดังนี้ (๑) หน่วยงานของรัฐระบุพัฒนา และดําเนินการประเมินผลระหว่างการปฏิบัติงานและหรือการประเมินผล เป็นรายครั้งตามที่กําหนด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าได้มีการปฏิบัติตามองค์ประกอบของการควบคุมภายใน 192


Pa ge | 199 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(๒) หน่วยงานของรัฐประเมินผลและสื่อสารข้อบกพร่อง หรือจุดอ่อนของการควบคุมภายในอย่างทันเวลา ต่อฝ่ายบริหารและผู้กํากับดูแล เพื่อให้ผู้รับผิดชอบสามารถสั่งการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม หลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐ ข้อ ๑“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการประเมินผลการควบคุมภายในของหน่วยงานของรัฐ ข้อ ๒ ให้หน่วยงานของรัฐจัดวางระบบการควบคุมภายใน โดยใช้มาตรฐานการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐที่กระทรวงการคลังกําหนดเป็นแนวทางในการจัดวางระบบการควบคุมภายในให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน ทั้งนี้ให้หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่หรือที่ได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่จัดวางระบบการควบคุมภายในตามวรรคหนึ่ง ให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปีนับแต่วันที่จัดตั้งขึ้นใหม่หรือที่ได้ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยให้มีการรายงานตามข้อ ๖ และข้อ ๗ ข้อ ๓ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีการประเมินผลการควบคุมภายในตามที่หน่วยงานของรัฐกําหนดไว้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง โดยให้มีการรายงานตามข้อ ๘ และข้อ ๙ ข้อ ๔ ให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้รับผิดชอบในการกํากับดูแลให้มีการนํามาตรฐานการควบคุมภายในสําหรับหน่วยงานของรัฐที่กระทรวงการคลังกําหนด ใช้เป็นแนวทางในการจัดวางระบบการควบคุมภายในและประเมินผลการควบคุมภายในของหน่วยงานของรัฐ ข้อ ๕ ให้หน่วยงานของรัฐจัดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งโดยมีหน้าที่ดังนี้ (๑) อํานวยการในการประเมินผลการควบคุมภายใน (๒) กําหนดแนวทางการประเมินผลการควบคุมภายในในภาพรวมของหน่วยงานของรัฐ(๓) รวบรวม พิจารณากลั่นกรอง และสรุปผลการประเมินการควบคุมภายในในภาพรวมของหน่วยงานของรัฐ (๔) ประสานงานการประเมินผลการควบคุมภายในกับหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง (๕) จัดทํารายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการ ให้เป็นไปตามที่หน่วยงานของรัฐกําหนด ข้อ ๖ รายงานการจัดวางระบบการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐ ประกอบด้วย(๑) การรับรองการจัดวางระบบการควบคุมภายในของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ (๒) รายงานการจัดวางระบบการควบคุมภายใน โดยอย่างน้อยต้องแสดงข้อมูล ดังนี้ (๒.๑) ภารกิจตามกฎหมายที่จัดตั้งหน่วยงานของรัฐ หรือภารกิจตามแผนการดําเนินงานที่สําคัญของหน่วยงานของรัฐ (๒.๒) วัตถุประสงค์การดําเนินงานตามข้อ ๖ (๒.๑) (๒.๓) ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการควบคุมของหน่วยงานของรัฐ (๒.๔) ความเสี่ยงที่สําคัญที่มีผลกระทบต่อการบรรลวุัตถุประสงค์ของการควบคุมภายใน(๒.๕) กิจกรรมการควบคุมที่สําคัญที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงตามข้อ ๖ (๒.๔) (๒.๖) ผู้รับผิดชอบในกิจกรรมการควบคุมตามข้อ ๖ (๒.๕) 193


Pa ge | 200 รายงานผลการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าพนักงานธุรการ รุ่นที่16๗ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทั้งนี้รายงานดังกล่าวให้เป็นไปตามแบบรายงานที่แนบท้ายหลักเกณฑ์ปฏิบัตินี้โดยหน่วยงานของรัฐสามารถกําหนดแบบรายงานเพิ่มเติมได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ข้อ ๗ ให้หน่วยงานของรัฐจัดส่งรายงานการจัดวางระบบการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ ๖ ให้ผู้กํากับดูแลภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันที่จัดวางระบบการควบคุมภายในแล้วเสร็จ ข้อ ๘ ให้คณะกรรมการจัดทํารายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐประกอบด้วย (๑) การรับรองว่าการควบคุมภายในของหน่วยงานของรัฐเป็นไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกําหนด (๒) การประเมินองค์ประกอบของการควบคุมภายใน ประกอบด้วย สภาพแวดล้อมการควบคุม การประเมินความเสี่ยง กิจกรรมการควบคุม สารสนเทศและการสื่อสาร กิจกรรมการติดตามผล(๓) การประเมินผลการควบคุมภายในของภารกิจตามกฎหมายที่จัดตั้งหน่วยงานของรัฐหรือภารกิจตามแผนการดําเนินงานที่สําคัญของหน่วยงานของรัฐ (๔) ความเหน็ของผู้ตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการสอบทานการควบคุมภายในของหน่วยงานของรัฐข้อ ๙ ให้คณะกรรมการของหน่วยงานของรัฐตามข้อ (๑) เสนอรายงานการประเมินผลการควบคุมภายใน ระดับหน่วยงานของรัฐตามข้อ ๘ ต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเพื่อพิจารณาลงนาม และจัดส่งให้ผู้กํากับดูแลและกระทรวงเจ้าสังกัด ภายใน ๙๐ วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือสิ้นปีปฏิทิน แล้วแต่กรณี ให้คณะกรรมการของหน่วยงานของรัฐตามข้อ (๖) กรณีองค์การบริหารส่วนตําบลและเทศบาลตําบล เสนอรายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐตามข้อ ๘ ต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเพื่อพิจารณาลงนาม และจัดส่งให้นายอําเภอ เพื่อให้คณะกรรมการที่นายอําเภอจัดให้มีขึ้น ดําเนินการรวบรวมและสรุปรายงานการประเมินผลการควบคุมภายในดังกล่าวมาจัดทํารายงานการประเมินผลการควบคุมภายในขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับอําเภอ และส่งให้สํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด ภายใน๙๐วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ให้คณะกรรมการของหน่วยงานของรัฐตามข้อ (๖) กรณีเทศบาลเมือง เทศบาลนคร และองค์การบริหารส่วนจังหวัด เสนอรายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ๘ต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเพื่อพิจารณาลงนาม และจัดส่งให้สํานักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด ภายใน๙๐วันนับแต่วันสิ้นปีงบประมาณ ให้คณะกรรมการของหน่วยงานของรัฐตามข้อ (๖) กรณีเมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเสนอรายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับหน่วยงานของรัฐตามข้อ ๘ ต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเพื่อพิจารณาลงนาม และให้จัดส่งรายงานต่อกระทรวงการคลังโดยตรง ภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณข้อ ๑๐ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดดําเนินการรวบรวมและสรุปรายงานการประเมินผลการควบคุมภายใน ที่ได้รับตามข้อ ๙ วรรคหนึ่ง มาจัดทํารายงานการประเมินผลการควบคุมภายในระดับกระทรวงและส่งให้กระทรวงการคลังภายใน ๑๕๐ วัน นับแต่วันสิ้นปีงบประมาณหรือสิ้นปีปฏิทินแล้วแต่กรณี 194


Click to View FlipBook Version