The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตำรากองทัพบกและเหล่าทหาร 66 (ฉบับสมบูรณ์)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by komkrich vekchalikanon, 2023-04-19 20:54:34

ตำราวิชากองทัพบกและเหล่าทหาร 66

ตำรากองทัพบกและเหล่าทหาร 66 (ฉบับสมบูรณ์)

๒๔๑ ฐานะที่จะกระทำได้ เพราะต้องตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จนในที่สุดหน่วยทหารพาหนะได้ถูกยุบเลิกไป ในปี พ.ศ.๒๔๖๘ ภารกิจต่าง ๆ ของทหารพาหนะจึงตกไปรวมอยู่กับทหารสัมภาระโดนสิ้นเชิง นับเป็นการ สิ้นอายุขัยของหน่วยทหารพาหนะในยุคแรก ยุคจัดตั้งกรมพาหนะทหารบก หน่วยทหารพาหนะได้หายไปจากวงการทหารของกองทัพบก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นเวลา ๑๒ ปี กองทัพบกได้ฟื้นฟูและจัดตั้งขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ.๒๔๘๐ โดยจัดตั้งเป็น ” กรมพาหนะทหารบก ” ขึ้นตรงต่อกรมพลาธิการทหารบก เมื่อ ๕ เมษายน ๒๔๘๐ ให้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับรถยนต์ และ รับผิดชอบในการเก็บรักษาและแจกจ่ายน้ำมันให้แก่หน่วยต่าง ๆ ทั่วทั้งกองทัพบก - พ.ศ.๒๔๘๔ ได้จัดตั้ง ” กองพันทหารพาหนะ ” ขึ้นเป็นหน่วยทหารของ ” กรมพาหนะทหารบก ” หน่วยแรก เพื่อให้เป็นโครงสำหรับขยายกำลัง และเป็นลูกมือในการฝึกและศึกษาวิชาการขนส่ง กองพัน ทหารพาหนะในระยะจัดตั้งใหม่นั้นประกอบด้วย กองร้อยทหารพาหนะรถยนต์ ๒ กองร้อย และกองร้อย ทหารพาหนะเรือ ๑ กองร้อย - พ.ศ.๒๔๘๘ กรมพาหนะทหารบกได้แยกตัวออกจากกรมพลาธิการทหารบก เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ กองทัพบก ในขณะเดียวกันได้มีการจัดตั้ง ” กองทหารพาหนะ ” ของกองทัพและกองพลต่าง ๆ ขึ้นด้วย กรมพาหนะทหารบกในยุคนี้ ได้เริ่มมีการปรับปรุงและวิวัฒนาการทั้งในด้านการจัดและยานพาหนะอันเป็น เครื่องมือขนส่งที่สำคัญยิ่ง ดังจะเห็นได้ว่ายุคนี้ เป็นยุคที่ใช้รถยนต์เป็นหลัก ซึ่งเป็นการตรงกันข้ามกับยุคแรก ซึ่งใช้เกวียน รถม้าและสัตว์ต่างเป็นพาหนะในการขนส่ง ส่วนอาวุธนั้นคงใช้ปืนเล็กยาวแบบ ๖๖ เป็นอาวุธ ประจำกาย และปืนกลเบาแบบ ๘๓ เป็นอาวุธประจำหน่วย - พ.ศ.๒๔๙๑ เกี่ยวกับการปรับปรุงด้านการศึกษา ได้จัดส่งนายทหารไปศึกษาวิชาขนส่งแขนงต่าง ๆ ในต่างประเทศเป็นครั้งแรก นายทหารที่ไปศึกษามาจากต่างประเทศได้กลับมาเป็นกำลังสำคัญ ในการ ปรับปรุงกิจการของทหารพาหนะให้เป็นที่ประจักษ์ชัดในความสำคัญของกิจการขนส่งมากขึ้นตามลำดับ ยุคเปลี่ยนแปลงเป็นกรมการขนส่งทหารบก เมื่อประมาณกลางปี พ.ศ.๒๔๙๔ กองทัพบกได้ปรับปรุงการจัดใหม่ โดยพิจารณาเห็นว่า รูปการ จัดกองทัพบกแต่เดิมนั้นยังไม่เหมาะสมกับกาลสมัย จึงได้มีการประชุมแก้ไขปรับปรุงตลอดมา จนกระทั้ง พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้ตรา พรก. จัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๔๙๕ ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่ ๕ สิงหาคม ๒๔๙๕ ในการปรับปรุงครั้งนี้กองทัพบกได้เปลี่ยนชื่อ “ กรม พาหนะทหารบก ” เป็น " กรมการขนส่งทหารบก ” มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องการขนส่งทางธุรการและการ ขนส่งโดยทั่วไปเป็นหลัก ซึ่งนับว่าเป็นภาระอันหนัก กรมการขนส่งทหารบกจึงได้วิวัฒนาการรูปแบบการจัด เรื่อยมา เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจ การจัด และภารกิจกรมการขนส่งทหารบก อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๓๑๐๐ ๑. ภารกิจ มีหน้าที่ ๑.๑ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ดำเนินการวิจัย และพัฒนา เกี่ยวกับการจัดหา ส่งกำลัง ซ่อมบำรุงและการบริการ ๑.๒ กำหนดหลักนิยมและทำตำรา ตลอดทั้งการฝึกและศึกษา ทั้งเกี่ยวกับกิจการ และสิ่ง อุปกรณ์ของเหล่าทหารขนส่ง ๒. การแบ่งมอบ เป็นส่วนราชการขึ้นตรงกองทัพบก เป็นเหล่าช่วยรบ


๒๔๒ ๓. ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่ที่สำคัญ ๓.๑ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับการส่ง กำลังบำรุงสายขนส่ง ตามแผนและนโยบายของกองทัพบก ๓.๒ ค้นคว้า วิจัย พัฒนา และให้คำแนะนำทางวิชาการสายขนส่งเกี่ยวกับการผลิต การ จัดหา การส่งกำลัง การซ่อมบำรุง และการบริการ ๓.๓ กำหนดมาตรฐาน และคุณลักษณะเฉพาะของสิ่งอุปกรณ์สายขนส่ง ๓.๔ รวบรวมความต้องการและพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณด้านส่งกำลังบำรุงสาย ขนส่ง และการเคลื่อนย้าย สนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบก ๓.๕ ดำเนินการขนส่งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ และสัตว์ ให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบกและ หน่วยอื่นที่ได้รับมอบหมาย ด้วยการขนส่งทางบก , การขนส่งทางน้ำ เฉพาะในลำน้ำ และการขนส่งทาง อากาศอย่างจำกัด ๓.๖ ให้การศึกษา และอบรมกำลังพลเหล่าทหารขนส่ง และเหล่าหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตาม นโยบายของกองทัพบก ๓.๗ กำหนดหลักนิยม จัดทำหลักสูตร ตำรา แผนกวิชาการเหล่าทหารขนส่งและประสาน การศึกษาวิชาการเหล่าทหารขนส่งกับเหล่าทหารอื่น ๆ ๓.๘ ทำการทดสอบ และออกใบอนุญาตขับรถยนต์ทหารให้แก่กำลังพลของหน่วย ต่าง ๆ ใน กองทัพบก ๓.๙ จัดทำและออกแบบเครื่องช่วยฝึกที่เกี่ยวกับวิชาการเหล่าทหารขนส่ง


๒๔๓ การจัดกรมการขนส่งทหารบก โรงเรียนทหารขนส่ง กองคลัง พัน.ขส.ซบร.บ.ทบ. -แผนกควบคุมสิ่งอุปกรณ์ -แผนกคลัง -แผนกทะเบียน กรมการขนส่งทหารบก แผนกธุรการ กองก าลัง พล กองส่งก าลังบ ารุง กองงบประมาณ กองการเงิน กองวิทยาการ กองจัดหา กองบริการ กองซ่อม -แผนกจัดการ -แผนกปกครอง -แผนกเตรียมการ -แผนกแผน -แผนกการข่าวและ รปภ. -แผนกฝึกและศึกษา -แผนกความต้องการ -แผนกควบคุม -แผนกส่งก าลัง -แผนกซ่อมบ ารุง -แผนกงบประมาณ -แผนกควบคุมภายใน -แผนกตรวจสอบและ วิเคราะห์ -แผนกบัญชี -แผนกควบคุมการ เบิกจ่าย -แผนกรับจ่ายเงิน -แผนกวิจัยและพัฒนา -แผนกวิชาการ -แ ผนกห้องสมุดและ พิพิธภัณฑ์ -แผนกสถิติ -แผนกควบคุม การจัดหา -แผนกจัดหาใน ประเทศ -แผนกจัดหานอก ประเทศ -แผนกสวัสดิการ -แผนกพลาธิการ -กองร้อยบริการ -แผนกตรวจสอบ และควบคุมคุณภาพ -แผนกเตรื่องมือกล -แผนกซ่อมบ ารุงรถ -แผนกซ่อมบ ารุงเรือ กองยุทธการและ การข่าว


๒๔๔ ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก (ศคย.ทบ.) การแบ่งมอบ เป็น นขต.ทบ.ฝากการบังคับบัญชาไว้กับ ขส.ทบ.โดยมีผลตามกฎหมายใน ๑ ต.ค.๕๕ ภารกิจ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายและบริการขนส่ง ของกองทัพบก มีผู้บัญชาการศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เป็นผู้รับผิดชอบ ผังการจัด ศคย.ทบ. (อฉก.๓๑๐๐) ใช้ตามคำสั่ง ทบ.(เฉพาะ) ลับ ที่ ๒๖/๕๕ ลง ๓๐ ส.ค.๕๕ กองจัดการเคลื่อนย้าย มีหน้าที่ อำนวยการ ประสานงาน และดำเนินการเกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย และบริการขนส่งของ กองทัพบก การรับส่งสิ่งอุปกรณ์ต่างประเทศ การคลังสินค้าทหารไทย รวมทั้งประสานงานกับส่วนราชการ องค์การรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้าย ตลอดจนบันทึกสถิติผลงานตามหน้าที่ กองยานพาหนะ มีหน้าที่ ประสานงาน การขนส่งกำลังพล สิ่งอุปกรณ์ และสัตว์ ให้แก่หน่วยต่างๆ ของ ทบ. และหน่วยอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายด้วยการขนส่งทางบก ทางน้ำเฉพาะในลำน้ำ การปรนนิบัติบำรุง และซ่อม บำรุงขั้นหน่วย ศคย.ทบ. กองธุรการ กองจัดการเคลื่อนย้าย กรม ขส. กองยานพาหนะ กองการบิน กองจัดการ กองบังคับการ แผนกเคลื่อนย้าย แผนกตรวจสอบ แผนก รับ-ส่ง สป.ต่างประเทศ กองยานพาหนะ แผนกรถยนต์นงั่แผนกรถยนต์บรรทุก แผนกรถยนต์โดยสาร แผนกรถยนต์เฉพาะกาล แผนกส่งก าลังและซ่อมบ ารุง


๒๔๕ มีหน้าที่ ให้ข้อเสนอแนะ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการขนส่ง และสิ่งอุปกรณ์ ทางอากาศอย่างจำกัดให้แก่หน่วยต่างๆ ของ ทบ. และหน่วยงานอื่นที่ได้รับมอบหมาย การส่งกำลังอากาศ ยานและชิ้นส่วนซ่อม การซ่อมอากาศยาน ส่งกำลังและซ่อมเฮลิคอปเตออร์ระดับโรงงานแบบรวมการ ( สฮร. = ชุดหน่วยส่งกำลังและซ่อมบำรุงเฮลิคอปเตอร์ระดับโรงงานแบบรวมการ ) กองพันทหารขนส่งที่ ๑ การจัด ภารกิจ กองร้อยทหารขนส่งรถยนต์บรรทุกเบา จัดรถยนต์บรรทุกเบาสนับสนุนการ เคลื่อนย้ายกำลังพล และสิ่งอุปกรณ์ของหน่วยต่างๆ ของกองทัพบก ในเขตหน้า - ๑ ร้อย.ขส.รยบ.เบา มี รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน จำนวน ๔๘ คัน - ใช้ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน (๖ x ๖) จำนวน ๗๕% ของอัตราทำการขนส่ง ระยะใกล้ วันละ ๔ เที่ยว ในรัศมีไม่เกิน ๒๕ ไมล์ ระยะไกล วันละ ๑ เที่ยว ในรัศมีไม่เกิน ๑๐๐ ไมล์ กองการบิน กองบังคับการ ฝูงเครื่องบิน ฝูงเฮลิคอปเตอร์ แผนกซ่อมบ ารุง แผนกส่งก าลัง ชุด สฮร. กรม ขส. (อจย.๕ – ๑๒) บก.และ ร้อย บก. พัน.ขส.ที่ ๑ พัน.ขส.ที่ ๒ (อจย.๕๕ – ๑๒) (อจย.๕๕ – ๑๖) (อจย.๕๕ – ๑๖) พัน.ขส.ที่ ๑ บก.พัน.และร้อย.บก. ร้อย.ขส.รยบ.เบา ๔ ร้อย.ขส.รยบ.เบา ๓ ร้อย.ขส.รยบ.เบา ๒ ร้อย.ขส.รยบ.เบา ๑ (อจย.๕๕ – ๑๖) (อจย.๕๕ – ๑๗) (อจย.๕๕ – ๑๖)


๒๔๖ ร้อย.ขส.เรือ - ขนสิ่งอุปกรณ์ ๕๗๖ ตัน / วัน (ระยะใกล้) ๓๖ คัน x ๔ ตัน ๔ เที่ยว - เคลื่อนย้ายกำลังพล ๖๔๘ คน/วัน/เที่ยว ๓๖ คัน x ๑๘ คน x ๑ เที่ยว กองพันทหารขนส่งที่ ๒ (ผสม) การจัด รถกึ่งพ่วง ๑๒ คัน (๓๒ คัน) รถกึ่งพ่วงชานต่ำ ๖๐ คัน (๒๔ คัน) รถกึ่งพ่วงชานต่ำ ๒๕ คัน (๑๖ คัน) ( รถถัง ๑ : ๑ ) ( สายพาน ๒ : ๑ ) ร้อย.ขส.รยบ.กลาง (ผสม) (อจย.๕๕ - ๑๘) มีภารกิ จัดรถยนต์บรรทุกสนับสนุนการเคลื่อนย้าย สป. และยานพาหนะในกองทั้พบก ขีดความสามารถ ขนสิ่งอุปกรณ์ ๑,๑๕๒ ตัน/วัน (ระยะใกล้) ขนรถสายพาน ๑๒ คัน/วัน (ระยะไกล) ๔๘ คัน/วัน (ระยะใกล้) ร้อย.ขส.รยบ.หนัก (อจย. ๕๕ - ๒๘) มีภารกิจ จัดรถยนต์บรรทุกสนับสนุนการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ค และยานพาหนะขนาดหนักใน กองทัพบก ขีดความสามารถ ขนส่งสิ่งอุปกรณ์ ๒,๘๘๐ ตัน/วัน (ระยะใกล้) ขนรถถัง ๓๖ คัน/วัน (ระยะไกล) ๗๒ คัน/วัน (ระยะใกล้) กองร้อยทหารขนส่งเรือ การจัด พัน.ขส.ที่ ๒ (ผสม) (อจย.๕๕ – ๑๖) บก.พัน และร้อย.บก. ร้อย.ขส.รยบ.กลาง ร้อย.ขส.รยบ.หนัก ร้อย.ขส.เรือ บก.และ ร้อย.บก. หมวดขนส่งเรือ หมวดซ่อมบำรุง บก.หมวด หมู่ขนส่งเรือ


๒๔๗ เหล่าทหารแพทย์ MEDICAL ๑. ภารกิจ กรมแพทย์ทหารบก มีหน้าที่.- ๑.๑ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ดำเนินการ วิจัย และพัฒนา เกี่ยวกับการผลิต จัดหา ส่งกำลัง ซ่อมบำรุง บริการ พยาธิวิทยา เวชกรรมป้องกัน ทันตกรรม และการ รักษาพยาบาล ๑.๒ กำหนดหลักนิยม และทำตำรา ตลอดทั้งการฝึกและศึกษา ทั้งนี้เกี่ยวกับกิจการและสิ่ง อุปกรณ์ของเหล่าทหารแพทย์ ๒. การแบ่งมอบ เป็นส่วนราชการขึ้นตรงต่อกองทัพบก มีเจ้ากรมแพทย์ทหารบก เป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๓. ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่สำคัญ ๓.๑ ให้คำแนะนำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชา และกรมฝ่ายอำนวยการเกี่ยวกับกิจการแพทย์ ทหารบก ๓.๒ เสนอนโยบาย วางแผน อำนวยการ ปะสานงาน กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับ กำลังพลการข่าว ยุทธการ การฝึกและศึกษา การส่งกำลังบำรุงสายแพทย์ รวมทั้งการโครงการและ งบประมาณ ๓.๓ ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์วิจัย พัฒนา และวิธีการรักษาโรค ตลอดจนให้ข้อเสนอแนะ กำกับดูแลการปฏิบัติ และเผยแพร่ทางวิทยาการทางการแพทย์ ๓.๔ ศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย พัฒนา อำนวยการ ควบคุมเกี่ยวกับกิจกรรมทางเวช กรรมป้องกันและส่งเสริมสุขภาพร่างกาย และจิตของทหาร ครอบครัวและบุคคลอื่น ๆ ในหน่วยของ กองทัพบก ๓.๕ จัดหา เก็บรักษา แจกจ่าย ซ่อมบำรุง และจำหน่ายสิ่งอุปกรณ์ สายแพทย์ ๓.๖ ค้นคว้า วิจัย วินิจฉัย และชันสูตร หาสมมุติฐานของโรค และความผิดปกติของร่ายกาย ผลิต จัดหา เก็บรักษา และแจกจ่าย อุปกรณ์ทางพยาธิวิทยา วัคซีน เซรุ่ม เลือด พลาสม่าและน้ำยาพาเรน เทอรัล ๓.๗ ดำเนินการรักษาพยาบาลทหาร ข้าราชการกลาโหมพลเรือน ลูกจ้าง คนงาน ตลอดจน ครอบครัว และบุคคลพลเรือนทั่วไป ๓.๘ ดำเนินการและสนับสนุนการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บจากหน่วยรักษาพยาบาลในสังกัด กองทัพบก ทั้งในยามปกติ และยามสงคราม ๓.๙ ดำเนินการฝึกศึกษาให้กับกำลังพลเหล่าแพทย์ ตามนโยบายที่ได้รับมอบรวมทั้งจัดทำ ตำรา แบบฝึกและเครื่องช่วยฝึก


๒๔๘ ๓.๑๐ ให้การอบรม และฝึกนักเรียนแพทย์ทหาร รวมทั้งดำเนินการวิจันพัฒนาเกี่ยวกับ การศึกษาทางการแพทย์ กิจการสายแพทย์ กองทัพภาคที่ ๑ ๑. การจัดหน่วย ๑.๑ หน่วยสายแพทย์ในส่วนภูมิภาค ๑.๑.๑ รพ.ค่ายจักรพงษ์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๑๘๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๑๒ ๑.๑.๒ รพ.ค่านสุรสีห์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๑๕๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ก.จ. ๑.๑.๓ รพ.ค่ายอดิศร เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ส.บ. ๑.๑.๔ รพ.ค่ายนวมินทราชินี เป็น รพ ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.๑๔ ๑.๑.๕ รพ.ค่ายสุรสิงหนาท เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ป.จ. ๑.๑.๖ รพ.ค่ายภานุรังษี เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ร.บ. ๑.๑.๗ รพ.ค่ายรามราชนิเวศน์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.พ.บ. ๑.๒ หน่วยสายแพทย์ในส่วนกำลังรบ ๑.๒.๑ พัน. สร.๑ พล.๑ รอ. ๑.๒.๒ พัน.สร.๒ พล.ร.๒ รอ. ๑.๒.๓ พัน.สร.กรม.สน.พล.ร.๙ ๑.๒.๔ มว.สร.ตอน.สร.,หมู่สร.ในอัตราการจัดของหน่วยส่วนกำลังรบต่าง ๆ ในพื้นที่ ทภ.๑ กิจการสายแพทย์ กองทัพภาคที่ ๒ ๑. การจัดหน่วย ๑.๑ หน่วยสายแพทย์ในส่วนภูมิภาค ๑.๑.๑ รพ.ค่ายสุรนารี เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐๐ เตียง เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ พบ. ( อัตราแยก ต่างหาก ) ฝากการบังคับบัญชาไว้กับ ทภ.๒ ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ ทภ.๒ ๑.๑.๒ รพ.ค่ายสรรพประสิทธิประสงค์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๒๐๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๒๒ ๑.๑.๓ รพ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๒๐๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ. ๒๔ ๑.๑.๔ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ส.ร. ๑.๑.๕ รพ.ค่ายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียงสนับสนุน เขตพื้นที่ จทบ.ร.อ. ๑.๑.๖ รพ.ค่ายกฤษณ์สีวะรา เป็นรพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ส.น. ๑.๑.๗ รพ.ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง สนับสนุนในเขต พื้นที่ จทบ.บ.ร. ๑.๑.๘ รพ.ค่ายศรีพัชรินทร์เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียงสนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๒๓ ๑.๑.๙ รพ.ค่ายศรีสองรัก เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียงสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ล.ย. ๑.๑.๑๐ รพ.พระยอดเมืองขวาง เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ น.พ.


๒๔๙ ๑.๒ หน่วยสายแพทย์ในส่วนกำลังรบ ๑.๒.๑ พัน.สร.๒๒ บชร.๒ ๑.๒.๒ พัน.สร.๓ พล.ร.๓ ๑.๒.๓ พัน.สร.๖ พล.ร.๖ ๑.๒.๔ มว.สร.,หมู่สร.ในอัตราการจัดของหน่วยส่วนกำลังรบต่าง ๆ ในพื้นที่ ทภ.๒ กิจการสายแพทย์ กองทัพภาคที่ ๓ ๑. การจัดหน่วย ๑.๑ หน่วยสายแพทย์ในส่วนภูมิภาค ๑.๑.๑ รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๒๐๐ เตียงเป็นหน่วยสายแพทย์ที่ ขึ้นตรงต่อ ทภ.๓ ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ ทภ.๓ ๑.๑.๒ รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๑๕ เตียงสนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๓๒ ๑.๑.๓ รพ.ค่ายจิรประวัติ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๑๕๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๓๑ ๑.๑.๔ รพ.ค่ายกาวิละ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๙๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ.๓๓ ๑.๑.๕ รพ.ค่ายพิชัยดาบหัก เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.อ.ต ๑.๑.๖ รพ.ค่ายสุริยพงษ์ เป็น รพ.ทบ.จนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.น.น. ๑.๑.๗ รพ.ค่ายเม็งรายมหาราช เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่จทบ.ช.ร. ๑.๑.๘ รพ.ค่ายพ่อขุนผาเมือง เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียงสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.พ.ช. ๑.๑.๙ รพ.ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.พ.ย ๑.๑.๑๐ รพ.ค่ายวชิรปราการ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง สนับสนุนในเขตพื้นที่จทบ.ต.ก. ๑.๒ สายแพทย์ในส่วนกำลังรบ ๑.๒.๑ พัน.สร.๒๓ บชร.๓ ๑.๒.๒ พัน.สร.๔ พล.ร.๔ ๑.๒.๓ พัน.สร.๘ พล.ม.๑ ๑.๒.๔ มว.สร., ตอน.สร. หมู่ สร. ในอัตราการจัดของหน่วยกำลังรบต่างๆ ในพื้นที่ ทภ.๓ กิจการสายการแพทย์ กองทัพภาคที่ ๔ ๑. การจัดหน่วย ๑.๑ หน่วยสายแพทย์ในส่วนภูมิภาค ๑.๑.๑ รพ.ค่ายวชิราวุธ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๒๐๐ เตียง เป็นหน่วยสายแพทย์ที่ขึ้นตรงต่อ ทภ.๔ ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ ทภ.๔ ๑.๑.๒ รพ.เทพสตรีศรีสุนทร เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียงให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ท.ส. ๑.๑.๓ รพ.ค่ายเขตอุดมศักดิ์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ช.พ. ๑.๑.๔ รพ.ค่ายเสนาณรงค์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ มทบ. ๔๒


๒๕๐ ๑.๑.๕ รพ.อิงคยุทธบริการ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๖๐ เตียง ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ป.น. ๑.๑.๖ รพ.ค่ายวิภาวดีรังสิต เป็น ร.พ.ทบ.ขนาด ๓๐ เตียง ให้การสนับสนุนในเขตพื้นที่ จทบ.ส.ฎ. ๑.๒ หน่วยสายแพทย์ในส่วนกำลังรบ ๑.๒.๑ พัน.สร.๕ พล.ร.๕ ๑.๒.๒ มว.สร.,ตอน.สร.,หมู่ สร. ในอัตราการจัดของส่วนกำลังรบต่าง ๆ ในพื้นที่ ทภ.๔ หน่วยสายแพทย์ในส่วนการศึกษา ๑. ภารกิจและการจัดหน่วย ๑.๑ ภารกิจ ๑.๑.๑ รพ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ให้การสนับสนุนด้านการรักษาพยาบาลแก่ นักเรียนนายร้อยข้าราชการทหาร ลูกจ้าง ตลอดจนครอบครัว และบุคคลพลเรือนทั่วไป ๑.๑.๒ รพ.ค่ายธนะรัชต์ ให้การสนับสนุนด้านการรักษาพยาบาลแก่ ข้าราชการทหาร ข้าราชการกลาโหมพลเรือน ตลอดจนครอบครัว และบุคคลพลเรือนทั่วไป ๑.๑.๓ กองพยาบาล รด. ดำเนินการรักษาพยาบาลและการส่งกลับ การเวชกรรมป้องกัน ให้แก่ข้าราชการทหาร ลูกจ้าง และครอบครัว รด.รวมทั้งผู้เข้ารับการฝึกในระหว่างเข้ารับการศึกษา และ สนับสนุนการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหารและหลักสูตรพิเศษต่าง ๆ ๑.๑.๔ กองพยาบาล ศสพ. ดำเนินการรักษาพยาบาลและส่งกลับให้แก่กำลังพล และ ครอบครัวใน ศสพ. และสนับสนุนการฝึกศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนสงครามพิเศษ และหน่วยศูนย์ สงครามพิเศษ ๑.๑.๕ หน่วยตรวจโรค รร.กสร.กสร.ทบ. ดำเนินการตรวจและรักษา รักษาพยาบาล ด้านทัตกรรม การส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ การเวชกรรมป้องกัน ให้แก่ข้าราชการทหาร ลูกจ้าง และครอบครัว รวมทั้งกำลังพลสำรองและนักศึกษาวิชาทหารที่เข้ารับการฝึกศึกษาในโรงเรียนกำลังสำรอง ตลอดจนจัด เจ้าหน้าที่สนับสนุนการฝึกนอกที่ตั้งตามหลักสูตรของโรงเรียนกำลังสำรอง ๑.๑.๖ หน่วยตรวจโรค ศป. ดำเนินการตรวจและรักษา การรักษาพยาบาล ด้าน ทัน ตกรรม ส่งกลับผู้ป่วยเจ็บ ให้แก่ข้าราชการทหารและครอบครัวในที่ตั้งปกติ รวมทั้งการสุขาภิบาล ของ ศป. ๑.๑.๗ หน่วยตรวจโรค ศบบ. ให้การรักษาพยาบาลการส่งเสริมและการรักษาพยาบาล ด้านทันตกรรมแก่กำลังพล และครอบครัวของ ศบบ. รวมทั้งทำการตรวจร่างกายของผู้ปฏิบัติหน้าที่บน อากาศยานนักบิน ช่างอากาศยาน ใน ศบบ. ๑.๒ การจัด ๑.๒.๑ รพ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๙๐ เตียง เป็นหน่วย ในอัตราการจัดของ รร.จปร. จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๔๔๐๐ ๑.๒.๒ รพ.ค่ายธนะรัชต์ เป็น รพ.ทบ.ขนาด ๑๘๐ เตียง เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ ศร.จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๔๑๑๐ ๑.๒.๓ กองพยาบาล รด.เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ รด.จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๔๕๐๐


๒๕๑ ๑.๒.๔ กองพยาบาล ศสพ เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ ศสพ.จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๕๐๐๐ ๑.๒.๕ หน่วยตรวจโรค รร.กสร.กสร.ทบ.เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ รร.กสร.กสร.ทบ. จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๒๗๑๐ ๑.๒.๖ หน่วยตรวจโรค ศป.เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ ศป.จัดหน่วยตาม อฉก. หมายเลข ๔๑๓๐ ๑.๒.๗ หน่วยตรวจโรค ศบบ.เป็นหน่วยในอัตราการจัดของ ศบบ.จัดหน่วยตาม อฉก.หมายเลข ๔๗๐๐


๒๕๒ กองโครงการ และงบประมาณ กองทันตแพทย์ กองบริการ วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลพระ มงกุฎเกล้า แผนกจัดหา กองคลังแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ( ๑ ) อัตราแยกต่างหาก ( ๒ ) หน่วย อจย.ทบ.ฝากการบังคับบัญชา พบ. ( ๓ ) พบ.ฝากการบังคับบัญชา ทภ.๒ กองเวชกรรม ป้องกัน แผนกธุรการ กองก าลังพล กองยุทธการ และการข่าว กองส่งก าลังบ ารุง กองวิทยาการ โรงพยาบาลอนันทมหิดล ( ๑ ) ศูนย์อ านวยการแพทย์ พระมงกุฎเกล้า ( ๑ ) สถาบันวิจัย วิทยาศาสตร์ การแพทย์ทหาร ( ๑ ) กรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลค่ายสุรนารี (๑) (๓) หน่วยเวชกรรมป้องกัน กองทัพบก (๒) โรงเรียนเสนารักษ์ หน่วยเวชกรรมป้องกัน กองทัพบก ( ๒ )


๒๕๓ เหล่าทหารการสัตว์ VETERINARY ๑. ภารกิจกรมการสัตว์ทหารบก ๑.๑ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการดำเนินการวิจัย และพัฒนา เกี่ยวกับการผลิต จัดหาส่งกำลัง ซ่อมบำรุง บริการสุขาภิบาลเวชกรรมป้องกันรักษาพยาบาล และผสมพันธุ์ สัตว์ การเสบียงสัตว์ สนับสนุนการการปฏิบัติการทางทหารด้วยการใช้สัตว์ และการเกษตรของกองทัพบก ๑.๒ กำหนดหลักนิยมทำตำราตลอดทั้งการฝึกและศึกษา ทั้งที่เกี่ยวกับกิจการ สิ่งอุปกรณ์ของ เหล่าทหารการสัตว์และการเกษตรของกองทัพบก มีเจ้ากรมการสัตว์ทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบ ๒. การแบ่งมอบ เป็นส่วนราชการขึ้นตรงต่อกองทัพบก ผังการจัดกรมการสัตว์ทหารบ หมายเหตุ (๑) = กองทัพบกฝากการบังคับบัญชาไว้กับกรมการสัตว์ทหารบก (๒) = อัตราแยกต่างหาก ที่ตั้งหน่วย กรมการสัตว์ทหารบกและหน่วยขึ้นตรง ( ส่วนกลาง ) ตั้งอยู่ที่ ต.ธรรมศาลา อ.เมือง จว.นครปฐม กรมกำรสัตว์ทหำรบก โรงเรียนทหารการสัตว์ แผนกธุรการ กองแผนและโครงการ กองวิทยาการ โรงพยาบาลสัตว์ทหารบก กองบริการ กองคลัง กองการสัตวรักษ์และ ป้องกันก าจัดศัตรูพืช แผนกจัดหา กองการสัตว์และ เกษตรกรรมที่ ๑ กองการสัตว์และ เกษตรกรรที่ ๒ กองการสัตว์แล เกษตรกรรที่ ๓ หน่วยตรวจโรค ศูนย์การสุนัขทหาร (๒) ศูนย์พัฒนาการ เกษตรเบ็ดเตล็ด (๒) กองพันสัตว์ต่าง (๑) กองพันสุนัขทหาร (๑)


๒๕๔ กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ ๑ ตั้งอยู่ที่ ต.เกาะสำโรง อ.เมือง จว.กาญจนบุรี กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ ๒ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ ๓ ตั้งอยู่ที่ ต.แม่สา อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ แผนกสัตวบาลที่ ๒ กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ ๒ ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าพระ อ.เมือง จว.ขอนแก่น แผนกสัตวบาลที่ ๓ กองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ ๓ ตั้งอยู่ที่ ต.นครสวรรค์ออก อ.เมือง จว.นครสวรรค์ หน่วยทหารการสัตว์ซึ่งมีอัตราการจัดแยกต่างหาก ศูนย์พัฒนาการเกษตรเบ็ดเสร็จ ( อฉก.๓๔๒๐ ) ตั้งอยู่ ต.พรหมณี อ.เมือง จว.นครนายก ศูนย์การสุนัขทหาร ( อฉก. ๓๔๓๐ ) ตั้งอยู่ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา กองพันสัตว์ต่าง ( อจย.๔–๑๕ ) ตั้งอยู่ที่ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ กองพันสุนัขทหาร ( อจย.๔–๒๕ ) ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา หน่วยทหารการสัตว์ในอัตราของหน่วยใช้ แผนกสัตวรักษ์ ศูนย์การทหารม้า อ.เมือง จว.สระบุรี หมวดสัตวรักษ์ กองร้อยทหารม้ารักษาพระองค์กองพันทหารม้าที่ ๒๙ กองพลทหารม้าที่ ๒ กรุงเทพมหานคร หมวดพยาบาลสัตว์ แผนกผลิตเสบียงสัตว์ที่ ๒ กองเกียกกาย กรมพลาธิการทหารบก ต.จันทึก อ.ปากช่อง จว.นครราชสีมา หน่วยทีมีอัตราการจัดแยกออกต่างหาก ๑. ศูนย์พัฒนาการเกษตรเบ็ดเสร็จ ( อฉก.๓๔๒๐ ) ภารกิจ มีหน้าที่ อบรมพลทหารกองประจำการ สาขาวิชาชีพเกษตรเบ็ดเสร็จ และอบรม วิทยากรประเภทนายทหาร นายสิบ ในสาขาวิชาชีพเกษตรเบ็ดเสร็จตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก การแบ่งมอบ เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกรมการสัตว์ทหารบก ๒. ศูนย์การสุนัขทหาร ( อฉก.๓๔๓๐ ) ภารกิจ มีหน้าที่ ดำเนินงานเกี่ยวกับการผลิต การฝึก และการใช้สุนัขในราชการทหาร ตาม นโยบายที่ได้รับมอบ มีผู้บังคับศูนย์การสุนัขทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ การแบ่งมอบ เป็นหน่วยขึ้นตรงกับกรมการสัตว์ทหารบก ๓. กองพันสัตว์ต่าง ( อจย.๔–๑๕ ) ภารกิจ สนับสนุนเพิ่มเติมการขนส่งด้วยสัตว์ต่างให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบกในการ ปฏิบัติงานในภูมิประเทศ ซึ่งยานพาหนะประเภทอื่น ๆ ทั้งทางพื้นดินและทางอากาศไม่สามารถปฏิบัติการได้ สะดวก การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกองทัพบกมอบการบังคับบัญชาให้กรมการสัตว์ทหารบก ๔. กองพันสุนัขทหาร ( อจย.๔–๒๕ ) ภารกิจ สนับสนุนหน่วยทหารในการรบด้วยการลาดตระเวน สะกดรอย ค้นหาวัตถุระเบิด และเพิ่มขีดความสามารถให้กับหน่วยทหาร ในการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งทางทหารและคลังยุทโธปกรณ์ที่ สำคัญ การแบ่งมอบ เป็นหน่วยของกองทัพบก มอบการบังคับบัญชาให้กรมการสัตว์ทหารบก


๒๕๕ การปฏิบัติงานที่สำคัญ ๑. แผนงานปกติจัดกำลังเพื่อสนับสนุนหน่วย ดังนี้ ➢ มว.สท.รปภ.บก.ทบ.กรุงเทพมหานคร กำลังพล ๔๑ นาย สุนัขทหาร ๓๒ ตัว ➢ ชุดสุนัขทหาร รปภ.คลังกระสุน A.I.T สนับสนุน บซร. ๒ อ.เมือง จว.นครราชสีมา กำลังพล ๒๕ นาย สุนัขทหาร ๑๒ ตัว ➢ ชุดสุนัขทหาร สนับสนุน พัน. ปฐบ.ศบบ.อ.เมือง จว.ลบบุรี กำลังพล ๑๔ นาย สุนัขทหาร ๑๒ ตัว ๒. แผนงานรักษาความมั่นคงภายใน จัดกำลังเพื่อสนับสนุนหน่วย ดังนี้ ➢ ชุดสุนัขทหาร กอ.รมน.ภาค ๔ สย.๒/พตห.๔๓ อ.ยะรัง จว.ปัตตานีกำลังพล ๑๐ นาย สุนัขทหาร ๗ ตัว ๓. การปฏิบัติงานตามโครงการพระราชดำริจัดกำลังเพื่อสนับสนุนหน่วย ดังนี้ ➢ โครงพัฒนาตามพระราชดำริ จว.แม่ฮ่องสอน การดำเนินงานด้านส่งกำลังบำรุง ของ กส.ทบ. ๑. การส่งกำลัง สป.๑. ( อาหารสัตว์ ) ➢ หน่วยรับผิดชอบหลักคือ กค.กส.ทบ. ➢ หน่วยผลิตหลักคือ ( พืชอาหารสัตว์ ) - กสษ. ๒ กส.ทบ. อ.ปากช่อง จว. น.ม. - แผนกสัตว์บาลที่ ๒ กสษ.๓ กส.ทบ. จว.น.ว. ๒. การส่งกำลัง สป.๑ (อาหารคน ) ➢ สนับสนุน รง.ที่ ๕ กผสป.พธ.ทบ. ➢ สนับสนุน ศฝผว.ทบ. ➢ สนับสนุน PX ต่าง ๆ ของ ทบ. ➢ สนับสนุนโครงการอาหารสดราคาถูกของ ทบ. ๓. การส่งกำลัง สป.๒ และ สป.๔ สายการสัตว์ ➢ ม้า : กสษ.๑ และแผนกสัตวบาลที่ ๒ กสษ.๒ ➢ ลา ล่อ : กสษ.๓ กส.ทบ.และแผนกสัตวบาลที่ ๒ กษส.๒ กส.ทบ. ➢ โคเนิ้อ : กษส.๒ กส.ทบ.และ กษส.๑ กส.ทบ. ➢ โคนม : กษส.๒ กส.ทบ.และ ศพก. กส.ทบ. ๔. การบริการ ➢ การรักษาพยาบาลสัตว์ทางทหาร - หน่วยพยาบาลสัตว์หรือหน่วยสัตวรักษ์ หรือ รพ.สัตว์ของ นขต.กส.ทบ./นขต.ทบ. ทำ หน้าที่ให้การรักษาพยาบาลสัตว์ในขั้นต้น - รพ.สัตว์ ทบ.และ รพ.สุนัขทหาร ศสท.กส.ทบ.ให้การสนับสนุนในการรักษาพาบาลใน ลักษณะของโรงพยาบาลทั่วไป ➢การเวชกรรมป้องกันโรคสัตว์ - กวก.กส.ทบ.ทำหน้าที่ในการเป็นห้องปฏิบัติการ ในการตรวจสอบและชันสูตรโรคสัตว์ที่ เกิดขึ้น ➢การป้องกันและกำจัดศัตรูพืช


๒๕๖ - ว.ปพ.กส.ทบ.ทำหน้าที่ในการควบคุมและดำเนินการในเรื่องการป้องกันและกำจัดโรคพืช ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทุกชนิด ➢ การเสริมการรักษาความปลอดภัยและการระวังป้องกัน - สท.เป็นหน่วยที่ดำเนินการทั้งในที่ตั้งปกติและในสนาม ตามที่ได้รับการร้องขอและตาม แผนการป้องกันประเทศ ➢ การขนส่งด้วยสัตว์ต่าง - พัน.สต.กส.ทบ.เป็นหน่วยที่ดำเนินการสนับสนุนการขนส่งในพื้นที่ยากลำบาก ➢อื่น ๆ - สนับสนุนการส่งกำลังและการบริการให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ - สนับสนุนการบริการด้านการสัตวแพทย์ในการฝึกร่วมผสมและการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และเอเซียนเกมส์ - จัดชุดฝึกอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่กำลังพลและ ครอบครัว - สนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในเข้าร่วมตามโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาการบุกรุกที่ดินเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีกับราษฎร - ใช้ประโยชน์ในอาคารและสิ่งก่อสร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อกำลังพลและครอบครัว ตลอดจนราษฎรในพื้นที่ เช่น การฝึกอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อนในด้านกีฬาว่ายน้ำ เป็นต้น - สนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ทีมีชีวิตและสถานที่ในการฝึกศึกษาของมหาลัยต่าง ๆ ➢ สถานภาพสัตว์ ม้า จำนวน ๖๕๔ ตัว ลา ล่อ จำนวน ๖๖๐ ตัว โคเนื้อ จำนวน ๒,๓๐๙ ตัว โคนม จำนวน ๒๔๒ ตัว สุนัขทหาร จำนวน ๖๒๔ ตัว ➢ สรุปกิจการอสังหาริมทรัพย์ กส.ทบ.และ นขต.กส.ทบ.มีที่ตั้งหน่วยปกติถาวรพื้นที่ ๘ จังหวัด รวมพื้นที่ในความ ครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ จำนวน ๑๓๔,๒๘๔ - ๒– ๘๘.๒.ไร่ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ได้ ๗๘,๑๕๔ – ๒ - ๒๖.๕ ไร่ การดำเนินการต่อราษฏรที่บุกรุกที่ดินได้ใช้แนวทางของ ทบ.ที่กำหนด และใช้จิตวิทยา ต่อมวลชนในพื้นที่เพื่อลดความตึงเครียดและเสริมสร้างความเข้าใจอันดี เพื่อนำไปสู่การเช่าที่ดินให้ถูกต้อง ตามกฎหมายและมติ ครม. ตลอดจนป้องกันมิให้มีการบุกรุกที่ดินเพิ่มขึ้น สำหรับการจัดทำรายละเอียดการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ และความต้องการในพื้นที่นั้น นขต.กส.ทบ.มีปัญหาในเรื่องการถูกบุกรุก ( กษส.๑ กส,ทบ.,กษส.๒ กส.ทบ. และพัน สท. ) ได้รายงานผ่าน ทภ. เรียบร้อย ➢ สรุปการดำเนินงานตามนโยบายของ ทบ. การดำเนินการด้านการเกษตรตามแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ เพื่อเป็นแหล่งให้ ราษฎรและหน่วยงานอื่น ๆ ให้เข้ามาดูงานและฝึกศึกษา


๒๕๗ การดำเนินการด้านการเกษตรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยใช้โครงการเกษตรแบบ ผสมผสานและแบบทฤษฏีใหม่


๒๕๘ เหล่าทหารแผนที่ SURVEY ประวัติกรมแผนที่ทหาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากต่างประเทศทางเกาะชวา แหลมมลายู และอินเดีย เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ ได้ทรงนำนายเอนรี่ อาละบาสเตอร์ ซึ่งเคยเป็นราชทูตอังกฤษเข้ามารับราชการ เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ นายอารละบาสเตอร์ได้ถวายคำแนะนำให้จัดตั้งกองทำแผนที่ขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๑๘ โดยเริ่มทำแผนที่ผังเมื่อกรุงเทพ ฯ แผนที่วางสายโทรเลขจากกรุงเทพ ฯ ไปเมืองพระตะบอง และแผนที่ บริเวณน่านน้ำอ่าวไทย พ.ศ.๒๔๒๓ กรมแผนที่อินเดียได้ขยายโครงการข่ายสามเหลี่ยมใหญ่มาทางพม่าและขอทำจนถึง แม่น้ำเจ้าพระยามีนายเจมส์ แมคคาธี เป็นช่างแผนที่คนหนึ่งที่ปฏิบัติงานนี้ นายอาละบาสเตอร์ได้ทูลขออนุมัติ ว่าจ้าง นายแมคคาธี ให้รับราชการทำแผนที่ในประเทศไทย นายแมคคาธี จึงได้รับการบรรจุในสังกัดฝ่าย กลาโหม ทั้งนี้เพราะราชการแผนที่ที่จะต้องทำในเวลานั้นอยู่ในเขตปกครองของสมุหกลาโหม พ.ศ.๒๔๒๖ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนแผนที่ขึ้นในพระบรมมหารราชวังอยู่ในบังคับ บัญชาของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ผู้บัญชาการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เมื่อผลิตนัก แผนที่ได้บ้างแล้ว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งกรมแผนที่ขึ้นเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๔๒๘ มีพระวิภาคภูวดล ( เจมส์ แมคคาธี ) เป็นเจ้ากรมคนแรก คงสังกัดอยู่ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ พ.ศ. ๒๔๓๕ กรมแผนที่ทหารที่ได้ย้ายไปสังกัดกระทรวงเกษตราธิการ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่สำนักงาน วังสระประประทุม ที่ซึ่งเป็นกีฬาสถานแห่งชาติในปัจจุบัน และได้ขยายกิจการแผนที่ไปในมณฑลต่าง ๆ เมื่อ วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๒ กรมแผนที่ทหารได้ย้ายมาสังกัดกระทรวงกลาโหมแล้วย้ายสำนักงานมาอยู่ บริเวณปากครองตลาด และต่อมาประมาณกลางปี พ.ศ.๒๔๗๔ จึงได้ย้ายมาอยู่เชิงสะพานช้างโรงสี ข้าง กระทรวงกลาโหม ทำการสำรวจทำแผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน ๑: ๕๐,๐๐๐ และ มาตราส่วนอื่น ๆ ตาม หลักวิชาแผนที่ ซึ่งได้รับการปรับปรุง และก้าวหน้าทัดเทียมกับต่างประเทศเป็นลำดับมา แต่ก็ยังทำแผนที่ มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ พ.ศ. ๒๔๗๓ กรมแผนที่ได้ทดลองทำแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดย เลือกทำในบริเวณจังหวัดสุรินทร์แต่ค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงได้ระงับไปจนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๓ จึงได้มีการเสนอการทำ แผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศให้รัฐบาลพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง รัฐบาลได้ตกลงรับหลักการ เนื่องจากกระทรวง ทบวงกรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติงานด้านพัฒนามีความต้องการแผนที่มาตราส่วน ๑: ๕๐,๐๐๐ ทั่วประเทศ รวมทั้ง กิจการทหารด้วย ดังนั้นองค์การทำแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศจึงได้ดำเนินขึ้น มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกหน้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้ย้ายไปที่อาคารสร้างใหม่ ถนนราชดำเนินนอกติดกับโรงเรียนนายร้อยพระ จุลจอมเกล้า องค์การนี้ได้ดำเนินการมาถึง พ.ศ.๒๔๙๔ จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นกรมสังกัดสำนักงาน ปลัดกระทรวงกลาโหม และต่อมา พ.ศ.๒๔๙๗ ได้ถูกยุบรวมเข้ากับกรมแผนที่ทหารบก กรมแผนที่ทหารบกจึง รับช่วงงานโครงการทำแผนที่จากรูปถ่ายทางอากาศ ซึ่งเป็นงานที่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สนับสนุนและให้


๒๕๙ ความร่วมมือด้วยอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๕ โดยที่กิจการของกรมแผนที่ทหารบกเป็นกิจการที่ กว้างขวาง ให้การสนับสนุนความต้องการของกระทรวงกลาโหม และของกระทรวง ทบวงกรมอื่น ๆ รวมทั้ง ภาคเอกชนดังนั้นทางราชการจึงได้ปรับปรุงสภาพ ของ กรมแผนที่ทหารบกให้เหมาะสม คือ ได้โอนไปสังกัด กองบัญชาการทหารสูงสุดเปลี่ยนชื่อกรมแผนที่ทหารบกเป็น "กรมแผนที่ทหาร" เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๐๖ และได้จัดแบ่งส่วนราชการภายในกรมแผนที่ทหารใหม่ด้วย ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๖ เพื่อให้ขีดความสามารถ พอเพียงกับปริมาณงานที่ทวีสูงขึ้นและมีความกว้างขวางมากยิ่งขึ้นจนปัจจุบัน กรมแผนที่ทหาร จัดตั้งเมื่อ ๓ กันยายน ๒๔๒๘ หลักฐานการจัดตั้ง พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ และกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการ วันสถาปนา ๓ กันยายน ที่ตั้ง เลขที่ ๒ ถนนกัลยาณไมตรี แขวงพระราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพ ฯ การแบ่งมอบ เป็นส่วนกิจการพิเศษ ขึ้นตรงกองบัญชาการทหารสูงสุด ผู้บังคับบัญชาหน่วย เจ้ากรมแผนที่ทหาร (อัตรา พลโท พลเรือโท พลอากาศโท) อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๒๖๐๐ ภารกิจ มีหน้าที่ดำเนินการสำรวจทางพื้นดินและทางอากาศ เพื่อจัดทำและผลิตแผนที่และสารสนเทศ ทางแผนที่ สำหรับใช้ในการรักษาความมั่นคงและการพัฒนาประเทศ ดำเนินการเกี่ยวกับงานยีออเดซี และ ยี ออฟิสิกส์ ตลอดจนการดำเนินการเกี่ยวกับการฝึกศึกษาในสายวิทยาการเหล่าทหารแผนที่ การจัดและสายการบังคับบัญชา - กองบัญชาการ - กองยีออเดซีและยีออฟิสิกส์ - กองบริการ - กองแผนและโครงการ - กองแผนที่ - กองพยาบาล - กองกำลังพล - กองภูมิศาสตร์ - กองคลังแผนที่ - กองบังคับการ - กองธุรการ - กองเขตแดนระหว่างประเทศ - กองการศึกษา - กองการเงิน - กองบินถ่ายภาพทางอากาศ - กองการปกครอง - แผนกงบประมาณ - กองพิมพ์ - ศูนย์ข้อมูลทางแผนที่ การแบ่งส่วนราชการและหน้าที่ ๑. กองบัญชาการ มีหน้าที่อำนวยการ บริหารงาน วางแผนและโครงการ ให้เป็นไปตามภารกิจ ที่กรมแผนที่ทหารได้รับมอบหมาย รวมทั้งดำเนินการธุรการ การกำลังพล และการเงินของกรมแผนที่ทหาร กรมแผนที่ทหำร ส่วนบัญชำกำร ส่วนปฏิบัติกำร ส่วนบริกำรและสนับสนุน นุนร ส่วนกำรศึกษำ โรงเรียนแผนที่ ที่


๒๖๐ ๒. กองบริการ มีหน้าที่จัดหา เก็บรักษา แจกจ่าย จำหน่าย ซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์และ ยานพาหนะ ดำเนินงานยุทธโยธา การขนส่ง การสวัสดิการ การบริการแรงงาน เพื่อสนับสนุนหน่วยต่าง ของ กรมแผนที่ทหาร ๓. กองพยาบาล มีหน้าที่ในการรักษาพยาบาลและการสุขาภิบาล ๔. กองยีออเดซีและยีออฟิสิกส์ มีหน้าที่สำรวจหาพิกัดของหมุดหลักฐาน รังวัดความดูดพิภพ ตรวจสภาพแม่เหล็กและความสั่นสะเทือนพิภพ ตลอดจนดำเนินงานด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวกับกิจการแผน ที่ ๕. กองแผนที่ มีหน้าที่สำรวจหาข้อมูลเพื่อการทำแผนที่บก จัดทำต้นร่างแผนที่รวมทั้งตรวจ และแก้ไขแผนที่ ๖. กองภูมิศาสตร์ มีหน้าที่สำรวจสภาพภูมิศาสตร์ เพื่อจัดทำเอกสารและแผนที่ภูมิศาสตร์ไว้ใช้ ในราชการทหารและส่วนราชการอื่น ๆ ๗. กองเขตแดนระหว่างประเทศ มีหน้าที่ดำเนินการด้านเทคนิคเกี่ยวกับงานด้านเขตแดนทาง บกระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ๘. กองพิมพ์ มีหน้าที่ถ่ายรูป พิมพ์แผนที่ พิมพ์เอกสาร ซ่อมบำรุงเครื่องมือและอุปกรณ์การทำ แผนที่ และเครื่องจักรกล เก็บรักษาเอกสารต้นร่างแผนที่กับวัสดุการพิมพ์ ตลอดจนบริการจำหน่ายสิ่งพิมพ์ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๙. กองคลังแผนที่ มีหน้าที่เก็บรักษา แจกจ่ายแผนที่ เก็บรักษาเครื่องมือสำรวจ ตลอดจน บริการจำหน่ายแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๑๐. กองบินถ่ายภาพทางอากาศ มีหน้าที่วางแผน ประสานงาน ดำเนินการถ่ายภาพและสำรวจ ทางอากาศ เพื่อกิจกรรมแผนที่และการพัฒนาประเทศ ล้างฟิล์ม ตรวจสอบคุณภาพฟิล์มต้นฉบับและภาพถ่าย ทางอากาศ ดำเนินการผลิตภาพถ่ายทางอากาศ บินสนับสนุนการสำรวจทางพื้นที่ บินสนับสนุนทั่วไปให้แก่ กองบัญชาการทหารสูงสุด ตามที่ได้รับมอบหมาย ปรนนิบัติบำรุงและซ่อมบำรุงอากาศยานขั้นหน่วย ตลอดจน การฝึกนักบินและต้นหนถ่ายภาพ รวมทั้งรับผิดชอบการควบคุมรักษาความปลอดภัยในการบินถ่ายภาพทาง อากาศ ๑๑. ศูนย์ข้อมูลทางแผนที่ มีหน้าที่ดำเนินการ รวบรวม ดำเนินการกรรมวิธี ปรับปรุง บำรุงรักษาและการบริการข้อมูลทางแผนที่ พัฒนาระบบงานฐานข้อมูลให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับการ บริการเพื่อสนับสนุนส่วนราชการ และสนับสนุนการดำเนินงานของระบบการบังคับบัญชา การควบคุมการ สื่อสารและการข่าวกรองให้แก่กองบัญชาการทหารสูงสุด และเหล่าทัพ รวมทั้งดำเนินงานศูนย์สารสนเทศทาง แผนที่ ตามมติสหประชาชาติว่าด้วยกิจกรรมแผนที่ที่สำหรับภาคพื้นเอเชีย และตะวันออกไกล ๑๒. โรงเรียนแผนที่ มีหน้าที่ให้การศึกษา ดำเนินการฝึกอบรมในด้านวิทยาการเหล่าตาม หลักสูตรที่กำหนดแก่เหล่าทหารแผนที่ และช่างสำรวจของส่วนราชการ ตลอดจนจัดทำตำราและอุปกรณ์ การศึกษาที่เกี่ยวข้อง


๒๖๑ เหล่าทหารสารบรรณ ADJUTANT GENERAL ประวัติของกรมสารบรรณทหารบก กรมสารบรรณทหารบกได้จัดตั้งขึ้นในปี ๒๔๙๕ ตามคำสั่งกองทัพบกที่ ๑๕ ลง ๕ สิงหาคม ๒๔๙๕ โดยแปรสภาพจาก แผนกกลาง กรมเสนาธิการทหารบก ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมงานต่าง ๆ ใน ทบ.ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของราชการ ก่อนการแปรสภาพเป็นกรมขึ้นนั้นในที่ประชุมบางท่านเสนอ ว่าควรใช้ชื่อว่า กรมปลัดทหารบก จะได้ตรงกับของกองทัพบกต่างประเทศหรือตรงกับชื่อที่เคยใช้ใน กองทัพไทยมาแต่กาลก่อน นอกจากนี้หนังสือราชการสนามที่กองทัพบกได้มีคำสั่งให้ใช้เป็นตำราและยึดถือ เป็นแบบฉบับก็ได้กำหนดหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ไว้ในหน้าที่ปลัดทหารบกด้วยในขณะที่ทำการปรับปรุงกันนี้ กรมเสมียนตรากระทรวงกลาโหมก็แจ้งมาว่าเดิมกระทรวงกลาโหมปฏิบัติงานสำหรับ กองทัพบกเท่านั้น มา บัดนี้กองทัพเรือ กองทัพอากาศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ด้วย จึงขอแบ่งงานอันเป็นส่วนของกองทัพบกทั้งมวลให้กับ หน่วยที่แปรสภาพนี้ เพื่อรับดำเนินงานต่อไปด้วย ดังนั้นก็เกิดมีปัญหาว่ากรมนี้จะเรียกว่า กรมเสมียนตรา กองทัพบกจะดีหรือไม่ การหารือได้เป็นไปอย่างรอบคอบและในที่สุดตกลงให้ใช้ชื่อ กรมสารบรรณทหารบก ไปก่อนและใช้เรื่อยมาจนบัดนี้ ขณะนี้กองทัพบกกำลังพัฒนาการอย่างรีบเร่ง เพื่อให้ความเหมาะสมและ กำหนดให้กรมสารบรรณทหาร รับผิดชอบในสายงานปลัด ฯ ทั้งในทางวิชาการตลอดจนการอัตรากำลังใน สายงานปลัดฯ ในกองบัญชาการของหน่วยต่าง ๆ ดังนั้นต่อไปชื่อของกรมสารบรรณทหารบกจะคงเดิมใน ฐานะที่ใช้มาเป็นเวลาหลายปีแล้วหรืออาจจะเปลี่ยนใหม่เป็นกรมปลัดทหารบก เพื่อให้ตรงกับชื่อที่กำหนดไว้ ในหนังสือราชการสนามตลอดจนในตำแหน่งตำราต่าง ๆ ที่นักเรียนทหารได้เคยศึกษากันมา อย่างไรก็ตามใน ขั้นนี้ให้ถือว่า กรมสารบรรณทหารบก หรือ กรมปลัดทหารบก นั่นคือ อันเดียวกันนั่นเอง กรมปลัดทหารบก ของ สรอ.มีประวัติว่า สภา ฯ ของคณะปฏิวัติอเมริกัน ในสมัยกู้อิสรภาพ ได้ประชุมกันที่กรุงฟิลาเดลเฟีย ตกลงให้จัดตั้งกรมนี้ขึ้น เมื่อ ๑๖ มิ.ย.๑๗๗๕ ( ตรงกับ พ.ศ.๒๓๑๘ ) ทางสภาฯ ได้ลงมติให้เลือกนายฮาราโต เกตส์ เข้าดำรงตำแหน่งเจ้ากรมปลัดทัพบก ครั้นใน ๓ ต.ค.๒๓๑๘ นายพลเกตส์ก็ไปรายงานตัวต่อนายพลวอชิงตัน ที่กองบัญชาการแคม เบริตร์ในรัฐ แมสซาชูเซตส์จากนั้นก็เริ่มเป็นล่ำเป็นสันขึ้นนับว่านายพลเกตส์นี้เป็นปลัดทัพบก สรอ.คนแรก ใน ระหว่างเวลาที่ดำเนินการสงครามปฏิวัติงานของกรมนี้ ได้แก่ การควบคุม รักษาเอกสารรายงาน และบัญชีต่าง ๆ ได้แก่ บัญชีอาวุธยุทโธปกรณ์ บัญชีกำลังพล นายทหาร นายสิบ พลทหาร และหน่วยทหาร คำสั่งชี้แจง ประจำวัน และจัดทำระเบียบการต่าง ๆ ให้หน่วยปฏิบัติ รับผิดชอบการปฏิบัติของกองรักษาการณ์ ดูแลการ ปฏิบัติงานของกรมต่าง ๆ ในการปฏิบัติการรบให้เป็นไปตามแบบธรรมเนียมการสงคราม ออกคำสั่งมอบ อาวุธยุทธภัณฑ์ให้แก่หน่วยกรมกองทหาร ตลอดจนทำรายการสถิติและเสนอรายงานไปยังรัฐสภา กับแจ้งให้ ผู้บังคับบัญชาหน่วยทหารต่าง ๆโดยทั่วไป อย่างที่กรมจเรทหารบกมีหน้าที่อยู่ขณะนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย กรม เสนาธิการทหารของ สรอ. ได้จัดตั้งภายหลังกรมปลัดฯ เป็นเวลานานมาก ( ประมาณใน พ.ศ. ๒๔๔๖ )


๒๖๒ ดังนั้นก็กล่าวได้ว่า ก่อนหน้านั้นปลัดทัพ ก็คือ ตัวเสนาธิการทหารบกนั่นเอง และเป็นจเรทัพบกด้วย รับผิดชอบงานทั้งในยามปกติและในยามสงคราม ต่อจากสมัย นายพล เกตส์ มาจนถึงปัจจุบันนี้กิจการในสายงานปลัดทหารบกได้เพิ่มมากขึ้นในทุก วันนี้เมื่อได้มีกรมเสนาธิการและกรมจเรทหารบกขึ้นแล้วกรมปลัดทหารบก สรอ.ได้ตัดสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ งานเสนาธิการและจเรทหารบกออกคงรับผิดชอบเฉพาะงานที่ยังเหลืออยู่อย่างมากมาย คือ งานทางธุรการ ทั้งปวงของกองทัพบกซึ่งได้แก่งานการสารบรรณทหาร จัดทำสำเนาและออกคำสั่งงานประจำ คำสั่งระเบียบ การคำสั่งชี้แจงการาควบคุม รักษาประวัติทะเบียนและแบ่งประเภทออกคำสั่งบรรจุ กำหนดอัตรากำลังพล กาจัดหาทหารใหม่ วางโครงการ กำหนดให้นายทหารสัญญาบัตร ( ต่ำกว่านายพล ) และนายดาบ ได้เข้ารับ การศึกษาตามหน้าที่ในสายงานให้เป็นไปตามกำหนด ( Career Management ) ตลอดจนงานสวัสดิการซึ่ง แยกออกเป็นการบันเทิง การกีฬา การห้องสมุด การสโมสร ( แต่งานสวัสดิการนี้ กองทัพบกไทยเราแยกให้ เป็นหน้าที่ของกรมสวัสดิการทหารบก ) วิธีการและเครื่องมือเครื่องใช้ในการปฏิบัติงานได้ปรับปรุงแก้ไข เรื่อยมา ในปัจจุบันนี้ในสำนักงานของกรมปลัดทหารบกของ สรอ.ได้ใช้วิธีการและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ รวดเร็วแน่นอนและใช้บัญชีเครื่องจักรเป็นส่วนมาก ( UT Adinvens Disimus ) เครื่องหมายเหล่าปลัดทหารบกของ สรอ. นั้นทำเป็นรูปโล่ ได้ประกาศใช้ เมื่อ ๓ มี.ค.๑๘๗๒ และต่อมาก็มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เพื่อความสวยงาม ส่วนเครื่องหมายโรงเรียนปลัด ทหารบกนั้นทำเป็น มือขวาในเกราะถือดาบ มีคบเพลิง เป็นการแสดงว่า ตำแหน่งหน้าที่นายทหารปลัด เท่ากับมือขวาของผู้บังคับบัญชาในด้านธุรการ คบเพลิงเป็นเครื่องหมายแสดงว่า แสงสว่าง คือ ความรู้ที่ทาง โรงเรียนจะประสิทธิ์ประสาทให้แก่นักเรียนนอกจากนี้ยังมีคำภาษาเป็นภาษาลาตินในโล่ห์ว่า (UT Adinvens Disimus ) แปลว่า " เราเรียนไว้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น " สำหรับประวัติของไทยเรา พอจะ รวบรวมได้ดังนี้ ในสมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง กองพลทหารบกที่ ๑ ตั้งกองบัญชาการกองพลอยู่ในศาลาว่า การกลาโหมมาสมัยที่เปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ ( พ.ศ.๒๔๗๕ ) นั้น ทางราชการได้ตั้งกองทัพบกและ กองบัญชาการกองทัพบกขึ้น มีผู้บังคับบัญชาตามลำดับ คือ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้ช่วยผู้บัญชาการ ทหารบกฝ่ายยุทธการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกฝ่ายธุรการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกฝ่ายจังหวัด และ หัวหน้ากองบังคับการกองทัพบก เสนาธิการกองพลทหารบกที่ ๑ (๑ ) ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากอง บังคับการกองทัพบกด้วย และกองบังคับการทหารก็ได้ปรับปรุงขึ้นใหม่ในยุคนี้โดยบรรจุกำลังพลเจ้าหน้าที่ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ประจำสำนักงาน ส่วนมากโอนจาก กองบัญชากองพลทหารบกที่ ๑ จึงกล่าวได้ว่า กองบังคับการกองทัพบกนี้แปรสภาพมาจากกองบัญชาการกองพลที่ ๑ นั่นเอง และ ที่ตั้งกองบังคับการกองทัพบกก็คงตั้งอยู่ในศาลาว่าการกลาโหมต่อไปตามเดิม กิจการของกองบังคับการกองทัพบกในสมัยนั้น แบ่งออกเป็นส่วนใหญ่คือ ฝ่ายยุทธการ ฝ่าย ธุรการ และฝ่ายจังหวัดทหารบก ๑. เจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธการเกี่ยวกับการศึกษาและการยุทธ ๒. เจ้าหน้าที่ฝ่ายยุทธการเกี่ยวกับการเลื่อน ลด ปลด ย้าย บำเหน็จ ความชอบลงทัณฑ์และงาน ธุรการทั่วไป ๓. เจ้าหน้าที่ฝ่ายจังหวัดเกี่ยวกับการเงิน การจัดหา เบิกจ่ายสิ่งของ และการศาลทหารใน พ.ศ. ๒๔๗๕ กองบังคับการกองทัพบก ได้ย้ายสำนักงานจากศาลาว่าการกลาโหมไปตั้งที่วังบางขุนพรหม และใน พ.ศ.๒๔๗๗ ก็ย้ายกลับไปตั้งในศาลาว่าการกลาโหมตามเดิมอีก เมื่อสมัยสงครามเอเชียบูรพา พ.ศ.๒๔๘๖ กองบังคับการกองทัพบกได้ออกไปจากศาลาว่าการกลาโหมไปตั้งบัญชาการที่ตำบลวังรู อำเภอเมืองจังหวัด


๒๖๓ เพชรบูรณ์ และในปีเดียวกันนั้นเองตอนปลายปี ได้ย้ายกลับมาตั้งในศาลาว่าการกลาโหมตามเดิม จนถึง ปัจจุบันนี้ เมื่อทางราชการได้ตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้นเป็นส่วนบัญชาการของกองทัพบกนั้น ได้แบ่ง ออกเป็นแผนกต่าง ๆ คือ แผนกที่ ๑,๒,๔ และแผนกกลาง ในตอนนี้กองบังคับการกองทัพบกดังกล่าวได้แปร สภาพเป็นแผนกกลาง และหัวหน้ากองบังคับการกองทัพบกก็เป็น หัวหน้าแผนกกลาง กรมเสนาธิการ ทหารบก ต่อไป กิจการของแผนกกลาง กรมเสนาธิการทหารบก ในตอนนี้จะหนักไปในทางงานธุรการ ระเบียบการ และควบคุมงานทางเอกสาร หรืองานสารบรรณเป็นส่วนมาก ได้โอนแผนกที่เกี่ยวกับการ เลื่อน ลด ปลด ย้าย และบำเหน็จความชอบไปขึ้นกับแผนกที่ ๑ กรมเสนาธิการทหารบก ( ไปตั้งเป็นกองที่ ๓ แผนกที่ ๑ กรม เสนาธิการทหารบก ) ครั้นต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ทางราชการได้แปรสภาพกรมเสนาธิการทหารบกเป็นส่วนอำนวยการ ของกองทัพบกและยกฐานะแผนกต่าง ๆ ในกรมเสนาธิการทหารบกขึ้นเป็นกรมส่วนแผนกกลางกรมเสนาธิ การทหารบก ก็แปรสภาพยกขึ้นเป็นกรมสารบรรณทหารบก ตั้งแต่ ๖ ส.ค. ๙๕ หัวหน้าแผนกกลาง กรม เสนาธิการทการบก ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมสารบรรณทหารบก และได้โอนกองที่ ๓ แผนกที่ ๑ กรม เสนาธิการทหารบก ซึ่งโอนไปในคราวตั้งแผนกต่าง ๆ ในกรมเสนาธิการพร้อมรับโอนกองการสัสดีของแผนก ที่ ๑ กรมเสนาธิการทหารบก มาขึ้นในกรมสารบรรณทหารด้วย ในตอนนี้ กรมเสมียนตราก็แบ่งภารกิจอันเป็นส่วนของกองทัพบกให้มาอีกด้วย ดังนั้นก็กล่าวได้ว่า กรมสารบรรณทหารบกนั้นนอกจากจะแปรสภาพมาจากกองกลาง กรมเสนาธิการทหารบกแล้วยังรับงานจาก กรมเสมียนตราอีกด้วย นอกจากนี้ทางราชการกำหนดให้ กรมสารบรรณ ฯ เป็นหัวหน้าเหล่าทหารสาร บรรณอีกด้วย เพื่อให้มีหน้าที่ดูแล ควบคุมในวิชาการ และการบรรจุกำลังพล ตรวจตราระเบียบงาน เป็นอันว่า ทหารเหล่าทหารสารบรรณได้ปฏิสนธิขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๕ นี้ เครื่องหมายเหล่าทำเป็นรูปกระบี่กับปากไก่ไขว้กันและมีหนังสือทับอยู่กลาง เครื่องหมายนี้ นอกจากจะเป็นเครื่องหมายของเหล่าทหารสารบรรณแล้ว ยังหมายถึงทหารที่ทำหน้าที่ธุรการทั้งปวงอีกด้วย ซึ่งมิได้กำเนินมาจากเหล่าอื่นใดได้แก่บรรดาครู อาจารย์และอนุศาสนาจารย์เป็นต้น นอกจากนี้ทางราชการ ได้ดำริว่าจะกำหนดให้มีแผ่นผ้าติดที่โคนแขนเสื้อสีกากีคอพับ สำหรับเหล่าทหารสารบรรณ ฯ อีกด้วย แผ่น ผ้านี้ทำเป็นรูปตราอาร์ม มีแถบสีขาวกับสีน้ำเงินแก่ ครั้นต่อมาใน พ.ศ.๒๔๙๘ กรมสารบรรณทหารบกได้จัดตั้งกองโรงเรียนสารบรรณทหารบกขึ้น เพื่อทำการฝึกสอนวิชาการของเหล่าทหารสารบรรณทหารบกให้ก้าวหน้า ใน ๓ ต.ค.๙๘ ได้เปิดโรงเรียนสาร บรรณทหารบก ทำการสอนหลักสูตรขั้นต้นแก่นายทหารชั้นจ่านายสิบ เพื่อเลื่อนฐานะเป็นนายทหารสัญญา บัตร การแบ่งประเภทของเหล่าทหาร ในระยะแรกนั้น กิจการทหารบกได้จำแนกเหล่าทหารและพวกทหารออกเป็น พวกพลรบ ผู้ช่วยพล รบ และเสนารักษ์โดยมีเหล่าต่าง ๆ จัดแบ่งเป็นดังนี้ ( ๑) พลรบ มีเหล่าต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ก. ทหารราบ ๒. ข. ทหารม้า ๓. ค. ทหารปืนใหญ่ ๔. ง. ทหารช่าง ๕. จ. ทหารสื่อสาร


๒๖๔ ๖. ฉ. ทหารพาหนะ ( ๒ ) ผู้ช่วยพลรบ มีเหล่าต่าง ๆ ดังนี้ ๑. ก. ทหารพลาธิการ ๒. ข. ทหารสรรพาวุธ ๓. ค. ทหารการเงิน ๔. ง. ทหารธุรการ ๕. จ. ทหารแผนที่ ๖. ฉ. ทหารพระธรรมนูญ ๗. ช. ทหารสัตวรักษ์ ๘. ซ. ทหารดุริยางค์ (๓) เสนารักษ์ หลังจากที่ประเทศไทยได้ส่งทหารไปร่วมรบกับสหประชาชาติ ณ สาธารณรัฐเกาหลีได้บทเรียน และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการสงครามมากขึ้นกับพิจารณาเห็นว่าทหารทุกเหล่าต้องปฏิบัติงาน จะ ปฏิบัติงานแต่เพียงเหล่าใดเหล่าหนึ่งไม่ได้จึงได้มีการปรับปรุงจัดกองทัพบกใหม่ให้เหมาะสมกับกาลสมัยยิ่งขึ้น ประกอบกับได้มีเจ้าหน้าที่ทหารของสหรัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือทางทหาร กระทรวงได้ตรา ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเหล่าทหารขึ้นใหม่ โดยมิได้กำหนดแยกออกเป็นเหล่าพลรบ ผู้ช่วยพลรบ และเสนารักษ์ตั้งแต่กาลก่อนเรียกว่า ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเหล่าทหาร พ.ศ.๒๔๙๕ ประกาศใช้ บังคับเมื่อวันที่ ๑๓ ต.ค.๒๔๙๕ โดยตัดคำว่าจำพวกเหล่าออก ข้อบังคับฉบับนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ตลอดมา ในปัจจุบันนี้ได้กำหนดให้กองทัพบกมีเหล่าทหาร ๑๗ เหล่าด้วยกัน ดังนี้ ๑. เหล่าทหารราบ ๒. เหล่าทหารม้า ๓. เหล่าทหารปืนใหญ่ ๔. เหล่าทหารช่าง ๕. เหล่าทหารสื่อสาร ๖. เหล่าทหารขนส่ง ๗. เหล่าทหารสรรพาวุธ ๘. เหล่าทหารพลาธิการ ๙. เหล่าทหารสารวัตร ๑๐. เหล่าทหารสารบรรณ ๑๑. เหล่าทหารการเงิน ๑๒. เหล่าทหารแพทย์ ๑๓. เหล่าทหารพระธรรมนูญ ๑๔. เหล่าทหารการสัตว์ ๑๕. เหล่าทหารแผนที่ ๑๖. เหล่าทหารดุริยางค์ ๑๗. เหล่าทหารการข่าว ตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมฉบับนี้มีข้อที่น่าสังเกต คือ ไม่มีเหล่าทหารธุรการแต่มีเหล่าทหาร สารบรรณ ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินงานทางธุรการ สารบรรณ และงานในหน้าที่และหลังจากนั้นมิได้มีการ


๒๖๕ เปลี่ยนแปลงแก้ไขเกี่ยวกับเหล่าทหารสารบรรณ จึงถือกันว่า เหล่าทหารสารบรรณ ได้กำเนิดขึ้นเมื่อ ๑๓ ตุลาคม ๒๔๙๕ สัญญาลักษณ์เหล่าทหารสารบรรณ เครื่องหมายเหล่าทหารสารบรรณประกอบด้วย กระบี่ ปากไก่ และหนังสือ โดยทำเป็นรูปกระบี่ กับปากไก่ไขว้กันและมีหนังสืออยู่กลาง เครื่องหมายนอกจากจะเป็นเครื่องหมายของเหล่าทหารสารบรรณ แล้ว ยังมีความหมายถึงทหารที่ทำหน้าที่ทางธุรการทั้งปวง ซึ่งมิได้กำเนิดจากเหล่าอื่นใดได้แก่ บรรดาครู อาจารย์ และอนุศาสนาจารย์ เป็นต้น ความหมายของสัญญาลักษณ์เหล่าทหารสารบรรณ ปากไก่ หมายถึง สิ่งที่ใช้ขีดเขียน มนุษย์มีความคิดริเริ่มในการเอาขนไก่ ขนนก เพราะมีลักษณะ แข็งอ่อนพอสมควรและติดน้ำ มาเสี้ยมปลายให้แหลมแล้วนำสีขีดเขียนตัวอักษร แทนการตอกและสลักไม้และ หิน ( ไม่ใช่การเขียน ) เป็นที่สวยสดคงทน นับได้ว่าปากไก่เป็นต้นตระกูลของเครื่องเขียน กระบี่ หมายถึง วินัย การปกครองบังคับบัญชา ผู้ที่มีเครื่องหมายกระบี่เป็นผู้ที่รู้จักการเป็น ผู้บังคับบัญชาและการเป็นผู้อยู่ในบังคับบัญชา และอยู่ใต้แบบธรรมเนียมของทหาร หนังสือ หมายถึง หนังสือที่ใช้เป็นหลักฐานต่าง ๆ เราจะมองไปในแง่แฟ้มรวมหนังสือที่ใช้เป็นแบบ ธรรมเนียมก็ได้ หรือแฟ้มหนังสือเรื่องราวต่าง ๆ ต่อผู้บังคับบัญชาก็ได้ หรือแฟ้มเก็บเอกสารต่าง ๆ ที่ดำเนิน เรื่องสำเร็จแล้วไว้ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย ค้นง่าย หายรู้ ดูงามตาก็ได้ ประเภทของเหล่าทหารสารบรรณ กฎกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบทหารบกได้กำหนดไว้ว่า ทหารบกเมื่อแต่งเครื่องแบบให้ประดับ เครื่องหมายเหล่าทหารไว้ที่คอปกเสื้อด้านขวา และสังกัดหน่วยไว้ที่คอปกเสื้อด้านซ้าย ทั้งนี้เป็นการแตกต่าง จากเหล่าทัพอื่น ๆ สำหรับเหล่าทหารสารบรรณได้หมายความรวมตลอดไปถึงผู้ที่ทำงานธุรการ ครูอาจารย์ อนุศาสนาจารย์ และการสัสดีซึ่งผู้ที่ทำงานหน้าที่เหล่านี้จะประดับเครื่องหมายเหล่าทหารสารบรรณทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อให้การบริการบริหารงานด้านกำลังในเหล่าทหารสารบรรณเป็นไปโดยถูกต้องเหมาะสมไม่สับสน กองทัพบกจึงได้กำหนดให้แบ่งทหารสารบรรณออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้ ๑. สายวิทยาการสารบรรณ ๒. สายงานสัสดี ๓. สายงานอนุศาสนาจารย์ ๔. สานงานครูอาจารย์ ๑. สายวิทยาการสารบรรณ ได้แก่งานในหน้าที่ทางธุรการ การสารบรรณ นับตั้งแต่การรับ เอกสาร ร่าง โต้ตอบ เก็บ ส่ง ตรวจ ค้น ตลอดจนการทำลาย ว่าทำอย่างไรจึงจะรัดกุมรวดเร็ว เรียบร้อย เป็นระเบียบค้นหาง่าย สะดวกในการปฏิบัติงาน ๒. สายงานสัสดี ได้แก่งานที่เกี่ยวกับการทะเบียน การเรียก การตรวจเลือก และการยกเว้น ผ่อนผันแก่บุคคลที่จะเข้ารับการตรวจเลือกเข้ากองประจำการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร ตลอดจน การบัญชีทหารกองเกิน และทหารกองหนุน ๓. สายงานอนุศาสนาจารย์ ได้แก่งานอันเกี่ยวกับ การศาสนา การอบรมศีลธรรมแก่ทหาร ตลอดจนการประสานงานกับองค์การสงเคราะห์ต่าง ๆ เช่น สภากาชาด หรือวัดในท้องถิ่น ๔. สายงานครูอาจารย์ ได้แก่ผู้ซึ่งบรรจุเป็นครู อาจารย์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยให้บรรจุผู้ที่มีคุณวุฒิทางอักษรศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ บรรณารักษ์ศาสตร์ และวารสารศาสตร์ เท่านั้น


๒๖๖ คำสั่งกองทัพบก ( คำสั่งชี้แจง ) ที่ ๓๔/๑๑๕๔๙ ลง ๑๐ ก.ย.๒๕๑๕ เรื่อง กำหนดแนวทางรับ ราชการของนายทหาร สัญญาบัตร นอกจากการแบ่งประเภทเหล่าทหารสารบรรณดังกล่าวแล้ว เพื่อมิให้ เกิดการผิดพลาดในการบรรจุ ย้าย เลื่อน ลด ตำแหน่งกองทัพบกยังได้กำหนดไว้ในเรื่องระบบหมายเลข ความชำนาญทางการทหาร ( ชกท.) อีกด้วย สำหรับเหล่าทหารสารบรรณสายวิทยาการสารบรรณนั้นได้ กำหนดให้บรรจุได้ในตำแหน่งต่าง ๆ ถึง ๑๙ หมายเลขความชำนาญการทหาร นอกจากนั้นบางตำแหน่ง ซึ่ง มิได้กำหนดไว้ว่าให้บรรจุทหารเหล่าใด ซึ่งหมายความว่าจะบรรจุทหารเหล่าใดก็ได้ในกรณีเช่นนี้ หากกองทัพ พิจารณาเห็นว่าเจ้าหน้าที่เหล่าทหารสารบรรณผู้ใดมีความรู้ ความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นได้ กองทัพบกก็จะอนุมัติให้บรรจุได้เป็นราย ๆ ไป คุณสมบัติและการปฏิบัติงานในหน้าที่สารบรรณ ๑. คุณสมบัติของนายทหารสารบรรณ ๑.๑ มีความรู้ในสายงานของสารบรรณอย่างกว้างขวาง และสามารถกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ๑.๒ มีความคิดริเริ่ม ๑.๓ สามารถติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในสายงานอื่นและบุคคลทั่วไปได้ดี ๑.๔ มีความรู้ในทางอักษรศาสตร์ดีพอสมควร ๑.๕ สามารถร่างหนังสือทุกประเภท และบันทึกความเห็นได้ดี ๑.๖ มีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร ๑.๗ สามารถพิมพ์ดีดได้คล่อง ถ้าเขียนชวเลขได้ยิ่งดี ๑.๘ ควรขับรถยนต์ได้ด้วย ๒. คุณสมบัติของเจ้าหน้าที่สารบรรณชั้น หน. เสมียน ( จ.ส.อ. ) ๒.๑ มีความรู้ในสายงานสารบรรณเป็นอย่างดี และสามารถควบคุมการปฏิบัติงานของ เจ้าหน้าที่ได้ ๒.๒ สามารถติดต่อประสานงานกับเจ้าที่อื่น ๆ ร่วมสำนักงานได้ดี ๒.๓ สามารถร่างและบันทึกหนังสือในสายงานสารบรรณได้พอสมควร ๒.๔ มีความสามารถในการพิมพ์สัมผัสได้ และสามารถใช้เครื่องอัดสำเนาได้ด้วย ๒.๕ ควรขับรถยนต์ได้ ๓. คุณสมบัติเสมียนสารบรรณ ( ส.ต.- ส.อ. ) ๓.๑ สามารถแยกเอกสาร ลงบัญชีรับ - ส่ง ลงบัตรสารบรรณ และเก็บเอกสารเป็นอย่างดี ๓.๒ เป็นผู้ทำงานละเอียดรอบครอบ และทำงานอย่างมีระเบียบ ๓.๓ ต้องสามารถติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ได้ดี ๓.๔ มีความรู้ในการพิมพ์สัมผัส และการใช้เครื่องอัดสำเนาได้ดี ๔. การปฏิบัติงานในหน้าที่เอกสารของนายทหารสารบรรณ ๔.๑ การร่างหนังสือต้องดู ( รู้ใจ ) ว่าผู้บังคับบัญชาชอบอย่างไร ๔.๒ การร่างหนังสือตอบขัดข้องในเรื่องใดก็ต้องใช้คำพูดให้นุ่มนวลและมีเหตุผล ๔.๓ การบันทึกหนังสืออย่าใช้ถอยคำรุนแรง หรือก้าวร้าว ควรใช้คำพูดที่อ่อนน้อมเสมอ ๔.๔ อย่าบันทึกหนังสือให้ผู้บังคับบัญชาถูกวิจารณ์ไปในทางไม่ดี ๔.๕ ต้องพิจารณาว่าเอกสารใดควรเสนอให้ผู้บังคับบัญชาทราบบ้างต้องบันทึก เสนอให้ครบ ๔.๖ การอ่านหนังสือที่เสนอควรขีดเส้นใต้ในข้อความที่สำคัญ


๒๖๗ ๔.๗ การเสนอรายงานต้องประกอบด้วยเหตุผล และข้อเสนอแนะที่แน่ชัด ๔.๘ การสรุปปะหน้าเรื่อง ต้องให้กระทัดรัดกว่าเรื่องเดิม แต่อย่าให้เขวหรือผิดไปจากเรื่องเดิม ๔.๙ การทำรายงานต้องการสิ่งของที่เกี่ยวกับหลายสายงาน ต้องทำแยกกัน ๔.๑๐ พึงระลึกไว้เสมอว่า การทำหนังสือราชการนั้น ความมุ่งมายที่จะให้ผู้บังคับบัญชาเขียน หนังสือเพียง “ อนุมัติ ” หรือ “ ชอบแล้ว” เท่านั้น ๔.๑๑ พยายามอ่านและจดจำสำนวนดี ๆ จากหนังสือต่าง ๆ ไว้เพื่อประโยชน์ในการร่างหนังสือ ๔.๑๒ การบันทึกหนังสือควรพยายามเขียนลายมือให้สวย อ่านง่าย ถ้าลายมือไม่สวยควร บันทึกด้วยตัวพิมพ์ ๔.๑๓ ต้องเข้าใจนำหนังสือเข้าแฟ้มเสนอ เรื่องที่ดีเด่นควรใส่ไว้ตอนต้น เรื่องไม่มีปัญหาใส่ต่อไป ส่วนเรื่องที่มีปัญหาหรือเรื่องที่ไม่สู้ดีใส่ไว้ตอนท้ายตามลำดับ ๔.๑๔ แฟ้มที่เสนอขึ้นไปแล้วอย่าเอาเรื่องอื่นไปแทรกเพิ่มอีก หากมีเรื่องด่วนให้ใช้แฟ้ม ต่างหาก ๔.๑๕ เรื่องสำคัญที่ยังไม่แน่ใจว่าผู้บังคับบัญชาจะเห็นด้วยหรือไม่ หรือเห็นเป็นอย่างอื่นต้องนำ แฟ้มกลับมาตรวจอีกครั้งก่อนส่งไปที่อื่น ๕. การปฏิบัติหน้าที่ในด้านเอกสารของเจ้าหน้าที่สารบรรณ ๕.๑ ต้องจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ และเครื่องเขียนเครื่องพิมพ์ไว้ให้สมบูรณ์อยู่เสมอ ๕.๒ ต้องรู้จักใช้กระดาษบันทึกข้อความให้เหมาะสม ๕.๓ ต้องรู้จักแบบฟอร์มของเอกสารทางราชการทุกชนิด ๕.๔ ต้องรู้จักชุดเอกสารให้ถูกวิธี ๕.๕ การรวบรวมบัญชีต้องมีสรุปปะหน้าเสมอ ๕.๖ การรวมเอกสารหลายหน่วย ต้องทำบัญชีหน่วยปะหน้าเพื่อสะดวกในการการตรวจสอบ ใบปะหน้านั้น ๕.๗ ต้องพยายามรักษาความสะอาดเรียบร้อยของเอกสารด้วยการ ๕.๗.๑ ไม่เติมตัวตกด้วยหมึก ต้องเอาเข้าเครื่องพิมพ์ ๕.๗.๒ การขูด ลบ ต้องให้สะอาดจริง ๆ ๕.๗.๓ พยายามลบรอยกระดาษคาร์บอนที่ติดอยู่ให้หมด ๕.๗.๔ ระวังอย่าให้เอกสารมีรอยย่น ๕.๗.๕ ภาษาอังกฤษต้องพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ ๕.๗.๖ ถ้ากระดาษขาดต้องปะด้วยสก๊อตเทป ( หลังจาก ผบ.ลงนาม แล้ว) ๕.๗.๗ การใส่ซองต้องพับอย่างปราณีต ไม่พับโดนลายเซ็น ๕.๘ ต้องพยายามอ่านลายมือของ ผบ.และ หน.ส่วนราชการที่ร่วมสำนักงานให้ออก ๕.๙ การพิมพ์สำเนาเอกสารต้องพยายามอ่านลายมือชื่อผู้เซ็นให้ออก ถ้าอ่านไม่ออกจริง ๆ ไม่ ควรใช้คำว่า “ อ่านไม่ออก ” ๕.๑๐ ถ้ามีเอกสารที่ต้องรับรอง ต้องให้ผู้รับรองลงนามรับรองเอกสารก่อนเสมอ ๕.๑๑ เมื่อสำเนาเอกสารส่งหน่วยที่เกี่ยวข้อง ต้องพิจารณาด้วยว่าจะส่งหน่วยใดบ้าง ๕.๑๒ การเลือกสำเนาเสนอผู้บังคับบัญชาต้องเลือกแผ่นที่ชัดเจนเสมอกันทุกแผ่น ๕.๑๓ การพิมพ์เอกสารที่สำคัญ หรือพิมพ์ตัวเลขที่สำคัญ เช่น จำนวนเงินต้องมีวงเล็บ ตัวอักษรกำกับและตรวจทานกับร่างให้แน่นอนเสมอ


๒๖๘ ๕.๑๔ อย่าสะเพร่าในการใช้ ยางลบ,มีด,ไม้บรรทัด,ยางลบหมึก และกรรไกร ในการปฏิบัติ เกี่ยวกับเอกสาร ๕.๑๕ ต้องรวบรวมระเบียบแบบธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำไว้ต่างหาก เพื่อสะดวกใน การตรวจค้นหา ๕.๑๖ ต้องระมัดระวังการลงหลักฐานในการรับส่งเอกสารเป็นพิเศษ ต้องให้ลงชื่อผู้รับและวัน ,เวลา ที่รับหรือส่งเอกสารโดยแน่ชัด ๕.๑๗ เมื่อมีผู้มาตามหรือถามถึงเอกสาร ให้เอาหลักฐานในการรับส่งเอกสารมายื่นอย่า เสียเวลาเถียงกัน ๖. เรื่องที่เจ้าหน้าที่สารบรรณควรสนใจและปฏิบัติ ๖.๑ ต้องพยายามค้นคว้าความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับพิธีต่าง ๆของทหารและมารยาทสังคมที่ เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง ๖.๒ หาความรู้รอบตัวเกี่ยวกับงานในหน้าที่ เช่นแหล่งสินค้าที่จำเป็นและราคาในปัจจุบัน ๖.๓ สังเกตการจัดงานในที่ต่าง ๆ ว่ามีอะไรดี เพื่อจำไว้เป็นตัวอย่าง ๖.๔ กำหนดระเบียบและผู้รับผิดชอบในการเก็บรักษาของมีราคาที่มีอยู่ในสำนักงานเช่น เครื่อง พิมพ์ดีด เครื่องอัดสำเนา ฯลฯ ให้แน่ชัด ๖.๕ เรื่องที่คาดว่าจะต้องปฏิบัติแต่ไม่มีคำสั่งจากหน่วยเหนือ ควรกำหนดเวลาสำหรับปฏิบัติไว้ ล่วงหน้า ๖.๖ การตั้งกรรมการต่าง ๆ ควรพิจารณาเรื่องบุคคลให้เหมาะสม บางเรื่องจะต้องขอ ความเห็นจาก หน.หน่วย หรือถามเจ้าตัวเสียก่อน ๖.๗ การจัดข้าราชการเข้าเฝ้า ฯ หรือไปในงานพิธีต่าง ๆ ต้องจัดด้วยความยุติธรรม ๖.๘ เมื่อถึงเวลาที่หน่วยจะมีงานอย่ารีบกลับบ้านเสียก่อนหรือไปที่ไหนไกล ๆ ต้องอยู่ฟังคำสั่ง ๖.๙ ต้องรับปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายทันเวลาเสมอ เมื่อทำไม่ได้หรือไม่เข้าใจให้รีบถาม เสียก่อน ๖.๑๐ ดูแลการรับส่งหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เรียบร้อยและหมดปัญหา ๖.๑๑ พยายามรักษาความสามัคคีกับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมสำนักงานไว้ให้ดี ๖.๑๒ พยายามใช้คำว่า “ครับ” กับผู้บังคับบัญชาไว้เสมอ อย่าปฏิเสธว่าไม่ใช้หน้าที่ของตน ( เสร็จแล้วเป็นหน้าที่ของใครให้ไปติดต่อให้เขาทราบ ) ๖.๑๓ อย่าผลักงานว่าไม่ใช้หน้าที่ของตน ต้องพิจารณาดูให้ดีเสียก่อน ๖.๑๔ เมื่อเกิดจากการผิดพลาดอย่าพยายามแก้ตัวเป็นอันขาด การนิ่งหรือยอมรับผิดอาจได้รับ ความเห็นใจ ๖.๑๕ ต้องสนใจให้ความร่วมมือกับผู้ที่มาติดต่อเพื่อขอค้นหรือติดตามเรื่อง ๖.๑๖ พยายามไปถึงที่ทำงานก่อนเล็กน้อย เพื่อตรวจความเรียบร้อยของที่ทำงาน อย่านั่งบน โต๊ะทำงานหรือเดินเกร่ไปมาในเวลาราชการ ๖.๑๗ ต้องลุกขึ้นยืนพูดกับนายทหารอื่นเสมอ เว้นแต่ได้รับอนุญาตให้นั่ง ๖.๑๘ พยายามจัดห้องทำงานให้ถูกระเบียบเรียบร้อยตามสมควร และควรมีของใช้ตามความ จำเป็น ๖.๑๙ ต้องแต่งกายให้ถูกระเบียบและสะอาดเรียบร้อยเสมอ ๖.๒๐ อย่าถือพระองค์เดียว


๒๖๙ หน้าที่นายทหารสารบรรณในระดับต่าง ๆ นายทหารบรรณเป็นเจ้าหน้าที่บริหารในกองบังคับการ หน้าที่และความรับผิดชอบประการแรกต่อ ผู้บังคับบัญชานั้นต้องระลึกอยู่เสมอว่า การปฏิบัติของตนหรือของเจ้าหน้าที่ฝ่ายอำนวยการอื่น ๆ ก็ดีเป็น การแสดงเจตนาและความเห็นชอบของผู้บังคับบัญชา ดังนั้นนายทหารสารบรรณจะต้องเป็นผู้มีสมรรถภาพ และความจงรักภักดีจนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาในกิจการสารบรรณนั้น ต้องกระทำโดยสุจริตใจ ปราศจากการเห็นแก่ตัว การปฏิบัติงานประจำต้องประสานกับหัวหน้าฝ่ายอำนวยการ ต้องรอบรู้หน้าที่ของ ฝ่ายกิจการนั้น ๆ ทั้งนี้ตัวเองและผู้ใต้บังคับบัญชาจักต้องรักษาความสนิทสนมกับหน่วยอื่น เป็นอย่างดี เพื่อ ก่อให้เกิดไมตรีและผลสำเร็จในงานทั้งมวลของกองบังคับการ การบังคับบัญชา ๑. นายทหารสารบรรณขึ้นตรงต่อผู้บังคับหน่วย เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษอื่น ๆ ๒. บังคับบัญชาหน่วยสารบรรณที่ได้รับมอบตามอัตรา การปฏิบัติหน้าที่ ตามปกตินายทหารสารบรรณอาจปฏิบัติภารกิจแต่บางส่วนหรือทั้งหมดตามกล่าวข้างล่างนี้ เพราะ ผู้บังคับบัญชาย่อมมีสิทธิที่จะมอบหมายก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งได้ตามความเหมาะสม ดังนั้น นายทหารเหล่าสารบรรณจะต้องแสดงความสามารถและความตั้งใจจริง ในอันที่จะรับผิดชอบในการปฏิบัติ หน้าที่ที่ตนได้รับมอบให้เห็นเด่นชัด และตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ที่ชอบด้วยกฎหมายทั้งมวลด้วยความขยัน ขันแข็ง นายทหารสารบรรณทุกคนย่อมมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น ในการเสริมสร้างหรือโต้แย้งการ เปลี่ยนแปลงแผนการสารบรรณที่จะมีขึ้น มีหน้าที่รับผิดชอบดังนี้ ๑. ให้คำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการเกี่ยวกับธุรการกำลังพล บันทึกประวัติการ ไปรษณีย์ การจัดสิ่งพิมพ์ สวัสดิการ และธุรการเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ๒. กำกับดูแลเจ้าหน้าที่สารบรรณที่ประจำ นขต.อื่น ๆ ในสังกัดเดียวกัน ๓. จัดทำ กำกับดูแลการฝึกหน่วยสารบัญในบังคับบัญชา ๔. จัดหา เก็บรักษา ควบคุม แจกจ่ายสิ่งพิมพ์และแบบพิมพ์ ตลอดจน การรายงานตามคำสั่ง กองทัพบก ( คำสั่งชี้แจง ) ที่๕๖/ ๑๓๐๒๓ ลง ๙ ต.ค.๐๔ และคำสั่งกองทัพบกที่ ๒๔๓/๑๒๓๓๘ ลง ๒๖ ก.ย.๓๔ ๕. ปฏิบัติการกำกับการเกี่ยวกับเอกสารลับ ตลอดจนการเสนอคำสั่งตั้งนายทหารตรวจสอบการ เปิดปิดตู้เอกสารลับ ตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๑๗ ๖. ควบคุมการติดต่อสื่อสารภายใน บก. การแจกจ่ายไปรษณียภัณฑ์ภายในหน่วย ตลอดจนการนำ เอกสาร การฝากส่งไปรษณีย์ตามระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการฝากส่งไปรษณียภัณฑ์ภายในหน่วย ตลอดจน การไปรษณียากร ลง ๓๐ เม.ย.๐๑ เว้น ศูนย์รับส่งของหน่วยสื่อสาร ๗. กำกับบดูแลเกี่ยวกับกิจการสวัสดิการพักผ่อนหย่อนใจ การบันเทิง ห้องสมุด สโมสร การฝีมือ การกีฬา ๘. ควบคุม เร่งรัด ติดตามหนังสือราชการ ตลอดจนเสนอคำสั่งให้ผู้รับสั่งทราบ คำสั่งกองทัพบก( คำสั่งชี้แจง ) ที่ ๒๔๔/๑๘๑๑๐ ลง ๗ ก.ย.๙๙ และระเบียบความรับผิดชอบของข้าราชการทางแพ่ง ลง ๒๓ มี.ค.๐๔ ( สำเนา สบ.ทบ. ๑๖๑๐) ๙. ทำหน้าที่เลขานุการที่ประชุมของผู้บังคับบัญชา ในกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งเลขานุการ ๑๐. ออกหนังสือ ทำสำเนา แจกจ่าย ตลอดจนการเก็บรักษาหนังสือราชการตามระเบียบสำนัก นายยกรัฐมนตรี ว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.๒๕๒๖


๒๗๐ ๑๑. ดำเนินการจัดการกำลังพล ในการกำกับดูแลของ สธ.๑ การประสานงาน ปัญหาสำคัญในการปฏิบัติงานนั้นคือ การทำให้หน่วยรองมีสมรรถภาพสามารถปฏิบัติภารกิจให้ สำเร็จบรรลุผลสำเร็จของส่วนรวม นายทหารสารบรรณจึงมีหน้าที่แนะนำและให้คำปรึกษาหารือแก่หน่วย รองเกี่ยวระเบียบธรรมเนียมในทุกโอกาส ควบคุมอำนวยการบริหารของหน่วยรองด้วยการตรวจเยี่ยมเป็น ประจำ ทั้งคอยชี้แจงนโยบายวิธีการและตรวจผลงาน โดยปฏิบัติเช่นเดียวกับปฏิบัติต่อเจ้าหน้าที่อื่น ๆในกอง บังคับการ คำขวัญประจำใจของนายทหารสารบรรณ คือ “ บริการ ” จึงต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่าย อำนวยการอื่น ๆ อยู่เสมอเป็นประจำ ส่วนการดำเนินการกำลังพลในการกำกับดูแลของ สธ.๑ นั้น นายทหารสารบรรณต้องปฏิบัติในเรื่องต่อไปนี้ ๑. กิจการกำลังพล ได้แก่ การรับคน การแบ่งประเภท การปกครอง และเอกสารต่าง ๆ ๒. ขวัญ ได้แก่ การดำเนินงานทางธุรการและการไปรษณีย์ทหาร ๓. บริการกำลังพล ได้แก่ การสโมสร การรื่นเริง และที่พักผ่อนหย่อนใจ ๔. การดำเนินการกำลังพล ได้แก่ การดำเนินงานทางธุรการ ๕. การจัดการภายใน บก. ได้แก่ การส่งข่าวสารต่าง ๆ ๖. ลูกจ้างพลเรือน ได้แก่ การปกครอง ทั้งนี้ โดยมีการดำเนินงานในลักษณะต่อเนื่อง ตำแหน่งของเหล่าทหารสารบรรณใน ทบ. โดยที่เห็นเป็นการสมควรที่จะกำหนดระบบการแบ่งประเภทกำลังพล ประเภทนายทหารสัญญา บัตรให้รัดกุม เพื่อให้การฝึกและการจัดกำลังพลแก่กำลังพลประเภทนายทหารสัญญาบัตรมีประสิทธิภาพให้ รัดกุม เพื่อให้การใช้กำลังพลของกองทัพบกมีลักษณะประหยัดให้ผลคุ้มค่า กองทัพบกจึงได้กำหนดให้ใช้ ระเบียบหมายเลขความชำนาญทางทหารขึ้น โดยมีความมุ่งหมายดังนี้ ๑. เพื่อประหยัดกำลังพลและให้การใช้กำลังพลเป็นไปโดยถูกต้องเหมาะสมกับงานและความ ชำนาญของแต่ละบุคคล อันจะยังผลให้การใช้กำลังพลประเภทนี้บังเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๒. เพื่อจัดแบ่งประเภทอาชีพนายทหารไว้อย่างเป็นสัดส่วน ๓. เพื่อใช้เป็นหลักในการกำหนดอัตราการจัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์และอัตรากำลังพล อื่น ๆ ๔. เพื่อให้สามารถดำเนินกรรมวิธีเกี่ยวกับการจัดหา บรรจุ ถ่ายเท และหมุนเวียนกำลังพล ประเภทนี้ได้อย่างถูกต้อง ๕. เพื่อสะดวกแก่การรายงานและการควบคุมยอดกำลังพลแยกตามประเภท เพื่อนำไปใช้ใน การพิจารณาเกี่ยวกับการให้การศึกษาและการฝึกได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สำหรับตำแหน่งที่กำหนดให้ บรรจุเหล่าทหารสารบรรณได้ ในกองทัพบกนั้นมีรวมกันถึง ๑๙ ตำแหน่ง และมี ชกท.ต่าง ๆ ดังนี้ ๑. นายทหารสารบรรณ ชกท. ๒๑๑๐ ๒. นายทหารฝ่ายธุรการ ชกท. ๒๑๒๐ ๓. บรรณรักษ์ ชกท. ๒๑๔๖ ๔. นายทหารยุทธการและการฝึก ชกท. ๒๑๖๒ ๕. นายทหารดำเนินการกำลังพล ชกท. ๒๒๑๐ ๖. นายทหารฝ่ายกำลังพล ชกท. ๒๒๖๐


๒๗๑ ๗. นายทหารควบคุมกำลังพล ชกท. ๒๒๖๕ ๘. นายทหารสัสดี ชกท. ๒๓๑๐ ๙. ผู้อำนวยการโรงเรียน ชกท. ๒๕๐๐ ๑๐. นายทหารจัดการกีฬา ชกท. ๒๕๐๑ ๑๑. อาจารย์วิชาทหารและยุทธวิธี ชกท. ๒๕๑๗ ๑๒. นายทหารเครื่องช่วยฝึก ชกท. ๒๕๔๘ ๑๓. ครูสอนเรื่องที่ไมใช่วิชาทหาร ชกท. ๒๗๐๑ ๑๔. นักสังคมสงเคราะห์ ชกท. ๓๖๐๖ ๑๕. นายทหารฝ่ายการส่งกำลังบำรุง ชกท. ๔๐๑๐ ๑๖. นายทหารสวัสดิการ ชกท. ๕๐๐๐ ๑๗. นายทหารการพิมพ์ ชกท. ๕๔๐๐ ๑๘. นายทหารการงบประมาณ ชกท. ๖๓๐๒ ๑๙. เจ้าหน้าที่สถิติ ชกท. ๒๔๐๐ นายทหารเหล่าสารบรรณในตำแหน่งระดับหน่วยต่าง ๆ คำสั่งกองทัพบก ( คำสั่งชี้แจง ) ที่ ๕๖๖/๑๔ ลง ๑๖ ธันวาคม ๒๕๑๔ และ ( คำสั่งชี้แจง ) ที่ ๒๔๔/๑๘๑๑๐ ลง ๗ กันยายน ๒๔๙๙ กองทัพบกได้กำหนดหน้าที่นายทหารสารบรรณไว้แล้วนั้น ใน ฐานะที่นายทหารสารบรรณเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของกองบัญชาการ เพื่อให้การดำเนินงานในหน้าที่ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยสอดคล้องกับ รส. ๑๐๑ - ๕ และถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย งานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ จึงสรุปหน้าที่และความรับผิดชอบได้ดังต่อไปนี้ หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ๑) หัวหน้ากองกลาง , หรือกองธุรการ, หัวหน้าแผนกกลาง , หรือแผนกสารบรรณ มีหน้าที่ ก. ให้คำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการ ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบทางการปฏิบัติการ ธุรการอันเกี่ยวกับธุรการกำลังพล การจัดการบันทึกประวัติการไปรษณีย์ การจัดการสิ่งพิมพ์ การสวัสดิการ และหน้าที่ธุรการเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ บังคับบัญชาหน่วยสารบรรณตามอัตรา และกำกับดูแลหน่วยสารบรรณใน หน่วยขึ้นตรง ข. ดำเนินการธุรการโดยการประสานงานกับ สธ. ๑ ในการจัดหากำลังพลทั้งทหารและ พล เรือน อันเกี่ยวกับ ๑. การจัดหา รวมทั้งการเกณฑ์ทหารขึ้นบัญชีประจำการ และการขึ้นบัญชีประจำการใหม่ ๒. การแบ่งประเภท การปูนบำเหน็จรางวัล การเปลี่ยนความชำนาญการทหาร (ชกท.) การ ทำสอบกำลังพลกองทัพบก การแต่งตั้ง การเปลี่ยน และการลดยศ ๓. การบรรจุ รวมทั้งการบรรจุใหม่ การย้าย การดำเนินกรรมวิธีทดแทนกำลังพล ตลอดจน การรายงานและการเบิกกำลังพล ๔. การจำหน่าย รวมทั้งการให้ออกจากราชการ การปลดออกจากประการ การปลด เกษียณ และการปลดกองหนุน ๕. บันทึกต่าง ๆ ที่จำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ การจัดการกำลังพล รวมทั้งหลักฐานการเงิน ๖. การปฏิบัติทางด้านกำลังพลอื่น ๆ รวมทั้งการรายงานสมรรถภาพการวิจัยการปฏิบัติงาน ตามหน้าที่ สิทธิและประโยชน์ส่วนบุคคลที่อยู่ในอุปการะและอื่น ๆ ที่คล้ายกัน


๒๗๒ ค. จัดทำและรายงานการดำเนินกรรมวิธีเกี่ยวกับการสูญเสียกำลังพลและเชลยศึก ง. ปฏิบัติการเกี่ยวกับการดำเนินกรรมวิธีข้อมูล ที่ได้มาตรฐาน และบริหารในเรื่อง ๑. บัญชีกำลังพล กำลังพลที่ได้คืนมา รายงานควรแยกประเภท ป้ายประจำตัว และ รายงานกำลังพลอื่น ๆ และสถิติต่าง ๆ ที่ต้องการ ๒. การจัดทำรายการจัดหน่วย และสถิติ จ. ควบคุมการติดต่อสื่อสารภายในกองบัญชาการ ศูนย์รับและการนำสาร ฉ. ปฏิบัติการไปรษณีย์( ถ้ามี) ช. แจกจ่ายเก็บรักษา และทำบัญชีเอกสารลับ ซ. ออกหนังสือ ทำสำเนา แจกจ่ายคำสั่งคำแนะนำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการพิเศษในฐานะ ผู้บังคับบัญชา ตลอดจนการเก็บรักษาหนังสือรายการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ.๒๕๒๖ ฌ. จัดหา เก็บรักษา ควบคุม แจกจ่ายสิ่งพิมพ์และแบบพิมพ์ ต่าง ๆ ตลอดจนการเสนอความ ต้องการ ญ.กำกับดูแลโรงพิมพ์ ( ถ้ามี ) ฎ.จัดทำและแจกจ่ายบัญชีที่ตั้งหน่วยทหาร ฏ. กำกับดูแล ทำทะเบียนประวัติในที่ตั้ง และหน่วยรอง ตลอดจนการยกเลิกหลักฐานการ ธุรการ ฐ. ปฏิบัติในสำนักงานเกี่ยวกับ การฝึกเสมียน กำกับดูแลระเบียบงานธุรการในกองบัญชาการ และวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับงานนี้ ฑ. ทำหน้าที่นายทหารทดแทนกำลังพล ในเมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยโดยเฉพาะ ฒ. ดำเนินการกำกับดูแลทางเทคนิคในการฝึกทางธุรการแก่เจ้าหน้าที่ในหน่วย ณ. กำกับดูแลการฝึกหน่วยสารบรรณในบังคับบัญชา ด. กำกับดูแลเทคนิคและการบังคับบัญชา ศูนย์ธุรการ ต. บริหารและบังคับบัญชาการสวัสดิการ ในเมื่อไม่มีนายทหารฝ่ายสวัสดิการ คือ ๑. ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสวัสดิการ ๒. กำกับดูแลและอำนวยการพักผ่อนหย่อนใจ การบันเทิง ห้องสมุด สโมสร โรงฝึกการ ฝีกมือ การกีฬา ๓. ทำแผนและเสนอความต้องการหน่วยสวัสดิการตลอดจนจำนวนเจ้าหน้าที่ ๔. กำกับดูแล ควบคุมสิ่งอุปกรณ์และเครื่องมือบำรุงความสุข ตลอดจนการ จัดหา แจกจ่าย การเก็บรักษา ๕. วางนโยบายการดำเนินการบำรุงความสุข ๖. กำกับดูแล การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภาพยนตร์ ตลอดจนการแจกจ่ายฟิล์ม ๗. การจัดทำและกำกับดูแลโครงการฝึกหน่วยบำรุงความสุขในบังคับบัญชา ๘. ตรวจตราทางเทคนิคสิ่งอุปกรณ์และเครื่องมือบำรุงความสุข ๙. การประสานงานกับแหล่งประชาชนและองค์การที่ช่วยเหลือ


๒๗๓ ๒. อนุศาสนาจารย์ มีหน้าที่ ก) ให้คำปรึกษาแก้ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการในเรื่องทั้งปวงที่เกี่ยวกับการศาสนา ศีลธรรมจรรยา ขวัญเฉพะที่เกี่ยวกับทางศาสนาและการใช้อนุศาสนาจารย์ในหน่วยนั้นให้ผู้บังคับบัญชาและ ฝ่ายอำนวยการได้ทราบข่าวสารประมาณการข้อเสนอและแผนอันเกี่ยวเรื่องเหล่านี้ ข) ช่วยเหลือผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการ ในการรวบรวมหลักฐานอันเกี่ยวกับการเป็น พลเมืองดีและมีความประพฤติอันมีศีลธรรมจรรยาในวิธีของหน่วยทหาร ช่วยเหลือ สธ.๓ ในการเพิ่มพูนการ สั่งสอนอบรมอุปนิสัยตามรายการฝึก ค) กำกับดูแลและประสานงานในเรื่องต่าง ๆ ทางกำลังพลและทางการที่เกี่ยวข้องกับ อนุศาสนาจารย์ รวมทั้งการสั่งสอนธรรมอุปนิสัยและจัดการประชุมฟังธรรม ง) จัดตั้งและรักษาการติดต่อที่จะเป็นองค์การศาสนา ประชาชนและองค์การอื่น ๆ ที่ทำ หน้าช่วยเหลือส่งเสริมศาสนา ศีลธรรม จรรยา จ) จัดตั้งและรักษาการติดต่อกับอนุศาสนาจารย์ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายอำนวยการของหน่วยเหนือ หน่วยข้างเคียงและหน่วยรอง ตลอดจนอนุศาสนาจารย์ของส่วนบริหาร และกำลังพลรบของชาติพันธมิตรตาม ความเหมาะสม ฉ) ประสานการบริหารงานทางศาสนาแก่ผู้ต้องโทษคุมขังที่ควบคุม เชลยศึก บุคคลพล เรือนที่ถูกกักกัน และผู้พลัดถิ่น กองทัพภาค ๑) นายทหารฝ่ายการสารบรรณมีหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับนายทหารสารบรรณในหน่วยขึ้นตรง กองทัพบก แต่ปฏิบัติงานในหน้าที่สารบรรณในขอบเขตความรับผิดชอบในกองทัพ บังคับบัญชาหน่วยสาร บรรณตามอัตราหรือที่มาสมทบ และกำกับดูแลหน่วยสารบรรณในหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ๒) หัวหน้ากองบัญชาการ มีหน้าที่รับผิดชอบ ก) ควบคุมการปฏิบัติหน่วยทหารในกองบัญชาการที่ไม่ได้บรรจุ หรือขึ้นสมทบกับหน่วยรอง ข) การระวังป้องกันบริเวณที่ตั้งกองบัญชาการ ค) ปฏิบัติการเกี่ยวกับการจัดระเบียบภายในและเตรียมการย้ายกองบัญชาการ ง) กำกับดูแลการฝึกและกิจการของขวัญของเจ้าหน้าที่กองบัญชาการและเจ้าหน้าที่สำรอง จ) กำกับดูแลการเลี้ยงส่งและดูแลการส่งกำลังกองบัญชาการ ฉ) จัดการเลี้ยงดูและที่พักเจ้าหน้าที่กองบัญชาการและเจ้าหน้าที่สำรอง ช) ต้อนรับจัดหาเครื่องอุปโภคสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมกองบัญชาการ ซ) กำกับดูแลด้วยการขนส่งด้วยยานยนต์ตามอัตราหรือที่จัดมาใช้ในกองบัญชาการ ๓) อนุศาสนาจารย์ มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับอนุศาสนาจารย์กับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก แต่ ปฏิบัติงานในหน้าที่อนุศาสนาจารย์ภายในขอบเขตความรับผิดชอบในกองทัพภาค และกำกับดูแล อนุศาสนาจารย์ในหน่วยขึ้นตรง ๔) สัสดีกองทัพภาค มีหน้าที่ ก) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวกับการสัสดี ข) อำนวยการกำกับการและปฏิบัติการจัดหากำลังพลเกี่ยวกับการเรียกพลเข้ากองประจำการ ค) กำกับการดูแลเจ้าหน้าที่สัสดีมณฑลทหารบก จังหวัดทหารบก แผนกสัสดีจังหวัดและ เจ้าหน้าที่สัสดีอำเภอในกองทัพภาค ง) ปฏิบัติงานธุรการ ประสานกับสายงานเกี่ยวข้อง


๒๗๔ กองพล ๑) นายทหารสารบรรณ มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับนายทหารสารบรรณกองทัพภาค แต่ ปฏิบัติงานในหน้าที่สายสารบรรณในเขตกองพล บังคับบัญชาหน่วยสารบรรณตามอัตราหรือที่มาขึ้นสมทบ และกำกับดูแลหน่วยสารบรรณในหน่วยขึ้นตรง เว้น กิจการไปรษณีย์ ๒) นายทหารไปรษณีย์ มีหน้าที่ ก) อำนวยการแจกจ่ายไปรษณีย์ให้ผู้รับอย่างถูกต้องและครบถ้วน ข) แก้ปัญหาสูญเสียหรืออุปสรรคต่าง ๆ เกี่ยวกับไปรษณียภัณฑ์ทุกชนิด ค) ให้ข้อคิดเห็นในการปรับปรุงการขนส่งไปรษณีย์ให้เหมาะสม ง) จัดการขนส่งและการเก็บรักษาตามวาระ จ) อำนวยการเตรียมการเรื่องระบบค้นหาที่อยู่ของทหารหรือพลเรือน ให้สอดคล้องกับการ โยกย้ายบุคคล ฉ) กำหนดข้ออนุญาต ข้อยกเว้นเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับการไปรษณีย์ ซ) พิจารณาประเมินค่าคำร้องต่าง ๆ การดำเนินการส่งไปรษณียภัณฑ์โดยวิธีพิเศษ จัดแบ่งส่วน การขนส่ง ช) ประสานงานกิจการไปรษณีย์ท้องถิ่น ฌ) จัดให้มีการตรวจการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไปรษณีย์ ให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ๓. หัวหน้ากองบัญชาการ มีหน้าที่รับผิดชอบเช่นเดียวกับหัวหน้ากองบัญชาการกองทัพภาค ปฏิบัติงานขอบเขตกองพล ๔. นายทหารสวัสดิการ มีหน้าที่ รับผิดชอบปฏิบัติงานภายใต้บังคับบัญชาของนายทหารสารบรรณ คือ ก) ให้คำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการในเรื่องสวัสดิการ ข) กำกับการอำนวยการพักผ่อนหย่อนใจ การบันเทิง ห้องสมุด สโมสร โรงฝึกช่างฝีมือ การ กีฬา การฌาปนกิจ กิจการ อทบ.จัดตั้งและปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกในการพักผ่อนหย่อนใจ การลา เมื่อได้รับคำสั่ง ค) ทำแผนและข้อเสนอ ความต้องการและการใช้หน่วยสวัสดิการ ตลอดจนเจ้าที่สวัสดิการ ง) กำกับดูแล การกำหนดและควบคุมรายการส่งกำลังเครื่องมือบำรุงความสุข จำนวนที่จัดหา เบิกเก็บรักษา แจกจ่ายและสถานที่เก็บ จ) ช่วยเหลือวางนโยบายในการดำเนินการบำรุงความสุข ฉ) ควบคุมเจ้าหน้าที่ร้านค้า ตลอดทั้งการก่อตั้ง ดำเนินงานจัดการและชำระบัญชีการค้า ช) ควบคุมเจ้าหน้าที่ภาพยนตร์/บันเทิง ตลอดจนการแจกจ่ายฟิล์มภาพยนตร์ ซ) เตรียมและควบคุมโครงการฝึกหน่วยบำรุงความสุขในบังคับบัญชา ฌ) ควบคุมเจ้าหน้าที่บำรุงความสุขทั่วทั้งหน่วย ญ) ตรวจตราทางเทคนิคในการแจกจ่ายสิ่งบำรุงความสุข ตลอดจนการซ่อมบำรุงภายในหน่วย ฏ) ประสานงานกับแหล่งประชาชนและองค์การช่วยเหลือ


๒๗๕ มณฑลทหารบก ๑) นายทหารสารบรรณมณฑลทหารบก มีหน้าที่ ก) ให้คำปรึกษาแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการที่เกี่ยวข้อง ข) รับผิดชอบทางการปฏิบัติและธุรการอันเกี่ยวกับการกำลังพล การไปรษณีย์การจัดการ สิ่งพิมพ์บังคับบัญชาหน่วยสารบรรณตามอัตรา และกำกับดูแลหน่วยสารบรรณในหน่วยขึ้นตรง ดำเนินธุรการ โดยการประสานงานกับ สธ.๑ ในจัดหากำลังพลทั้งทางทหารและพลเรือน อันเกี่ยวกับ (๑) การจัดหา การขึ้นบัญชีประจำการ ขึ้นบัญชีประจำการใหม่ต่อเนื่องกับนายทหารฝ่าย สัสดี (๒) การแบ่งประเภทการบรรจุใหม่ การปูนบำเหน็จ รางวัล การเปลี่ยนความชำนาญทาง ทหาร ( ขกท. ) การทดแทนกำลังพล การแต่งตั้ง การเลื่อนยศ การลดยศ การย้ายและการเบิกกำลังพล (๓) การจำหน่าย รวมทั้งการให้ออกจากราชการ การปลดจากประจำการ การปลด เกษียณ การปลดกองหนุนทหารหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ (๔) การบริการกำลังพล ได้แก่การลา บำเหน็จเหรียญตราผลประโยชน์ส่วนบุคคลเกี่ยวกับ ข้าราชการทหารที่พักอาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงทหาร ค) ควบคุมเก็บรักษาเอกสารของหน่วย ตลอดจนหน่วยในพื้นที่ที่ส่งมาเก็บรักษาตามระเบียบฯ ว่าด้วยงานสาร-บรรณ พ.ศ.๒๕๒๖ ง) กำกับดูแลการไปรษณีย์ ( ถ้ามี ) ปฏิบัติการเกี่ยวกับการไปรษณียภัณฑ์ในหน่วยโดยทั่วถึง จ) รับผิดชอบในการ จัดหา เก็บรักษา แจกจ่าย ควบคุมสิ่งพิมพ์และแบบพิมพ์ของหน่วยและที่ รับการสนับสนุน ฉ) ควบคุมการนำสาร และสื่อสารในกองบัญชาการตลอดจนการวางระเบียบปฏิบัติประจำ เว้น การสื่อสารที่อยู่ในความรับผิดชอบของทหารสื่อสาร ทั้งนี้ถ้ามณฑลทหารบกมิได้บรรจุหัวหน้ากองบัญชาการ นายทหารสารบรรณต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากองบัญชาการส่วนหนึ่งด้วย ๒) นายทหารฝ่ายธุรการ มีหน้าที่ รับผิดชอบปฏิบัติงานภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารสาร บรรณ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๓) นายทหารฝ่ายสวัสดิการ มีหน้าที่ รับผิดชอบเช่นเดียวกับนายทหารสวัสดิการกองพล โดย ปฏิบัติงานภายใต้ภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารสารบรรณ ๔) หัวหน้ากองบัญชาการ มีหน้าที่ รับผิดชอบเช่นเดียวกับหัวหน้ากองบัญชาการกองทัพภาค ปฏิบัติงานภายใต้ขอบเขตเฉพาะมณฑลทหารบก ๕) อนุศาสนาจารย์ มีหน้าที่ ก) ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการ เกี่ยวกับการศาสนาและ ศีลธรรมจรรยา ขวัญ เฉพาะที่เกี่ยวกับการศาสนาและการใช้อนุศาสนาจารย์ในหน่วย ข) อำนวยการ กำกับการ และปฏิบัติการพิธีกรรมทางศาสนาตลอดจนการอบรมศีลธรรมใน พื้นที่ ค) ดำเนินการต่าง ๆเกี่ยวกับกิจกรรมทางศาสนาเพื่อให้ทหารมีขวัญดีอยู่เสมอ ง) ปฏิบัติงานทางธุรการประสานกับสายงานที่เกี่ยวข้อง ๖) นายทหารสัสดีมีหน้าที่ รับผิดชอบเช่นเดียวกับสัสดีกองทัพภาค บังคับบัญชาเจ้าหน้าที่สัสดี และหน่วยรองตามอัตราภายในขอบเขตรับผิดชอบเฉพาะมณฑลทหารบก กับรับคำแนะนำและกำกับการดูแล จากสัสดีกองทัพภาคด้วย ๗) นายทหารประวัติปฏิบัติงานภายใต้การบังคับบัญชาของนายทหารสารบรรณ มีหน้าที่


๒๗๖ จัดการกำกับดูแลการทำทะเบียนประวัติรับราชการกำลังพล พิจารณาดำเนินการบรรจุ เลื่อน ลด ปลด ย้าย ข้าราชการในพื้นที่ สรุป เมื่อนายทหารนักเรียนได้สำเร็จหลักสูตรนายทหารสารบรรณ/สัสดีชั้นนายพันแล้ว ท่านต้อง สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง นายทหารสารบรรณ ( ปลัด ) ( ขกท. ๒๑๑๐ ) และ นายทหารสัสดี ( ขกท.๒๓๑๐ ) ซึ่งกองทัพบกได้กำหนดหน้าที่ไว้ดังต่อไปนี้ ๑. นายทหารสารบรรณ ( ปลัด ) ( ขกท. ๒๑๑๐ ) ก. หน้าที่ทั่วไป ให้คำแนะนำผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการ เกี่ยวกับการดำเนินทางธุรการ ทำหน้าที่เป็นฝ่ายอำนวยการในการประสานเรื่องราวทั้งปวงเกี่ยวกับงานธุรการ ให้ดำเนินไปถูกต้องตาม นโยบายของผู้บังคับบัญชา และอำนวยการให้ปฏิบัติการของกองบัญชาการในเรื่องการกำลังพล และการ ธุรการดำเนินไปด้วยดี ข. หน้าที่เฉพาะ ก) กำกับดูแลการปฏิบัติงานทางธุรการ และการกำลังพลให้เป็นไปตามนโยบายของ ผู้บังคับบัญชา ข) กำกับดูแลการรายงานยอดกำลังพล ค) อำนวยการเกี่ยวกับการปฏิบัติการของแผนก เก็บรักษาเอกสารของกองบัญชาการ ง) อำนวยการเกี่ยวกับการควบคุมการติดต่อสื่อสารภายในกองบัญชาการศูนย์การแจกจ่าย และบริการนำสาร ฉ) กำกับดูแลการเบิก การเก็บรักษา และแจกจ่ายเอกสารตลอดจนแบบฟอร์มต่าง ช) ช่วยเหลือเกี่ยวกับงานธุรการในการวางแผน ทำการประมาณสถานการณ์กำลังพลให้แก่ ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการ ตลอดจนให้ข้อเสนอในเรื่องเหล่านั้น ฌ) ติดต่อกับกองอำนวยการของหน่วยเหนือและหน่วยรอง ญ) บังคับบัญชากองบัญชาการส่วนหลังในระหว่างการปฏิบัติการในเหตุการณ์ธรรมดา ๒. ในฐานะเป็นนายทหารสารบรรณ ต้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่กล่าวมาแล้วในหน้าที่ของฝ่ายสารบรรณได้และต้องสามารถในสิ่ง ต่อไปนี้ด้วย คือ ก) ควบคุมการปฏิบัติงานของส่วนต่าง ๆ ของหน่วยสารบรรณที่มิได้มอบให้กับหน่วย ข) ช่วยนายทหารที่รับผิดชอบการฝึกในการวางแผนการฝึก และกำกับแลดูแลการฝึกเจ้าหน้าที่ สารบรรณ ค) ช่วยเหลือฝ่ายเสนาธิการในการเตรียมประมาณสถานการณ์ วางแผนออกคำสั่ง และ รายงานในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ๓. นายทหารสัสดี ( ชกท.๒๓๑๐ ) ก. หน้าที่ทั่วไป รักษาแบบธรรมเนียมและระเบียบการสัสดีการแก้ไขให้เหมาะสมกับกาลสมัยอยู่ เสมอ แก้ปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ อันเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร ข้อบังคับคำสั่ง และ ระเบียบที่เกี่ยวกับการสัสดีและอื่น ๆ รวบรวมเก็บรักษาทะเบียนสัสดีกำลังพลในกองประจำการ และกำลัง กองหนุน กองเกินทั้งปวง ข. หน้าที่เฉพาะ ๓.๑ หัวหน้ากองสัสดี กรมการกำลังสำรองทหารบก ก) อำนวยการฝึกศึกษา การอบรมในวิทยาการของสัสดีและอื่น ๆ ข) ควบคุมหน่วยสัสดีและนายทหารสัสดีที่สังกัดกองทัพบก


๒๗๗ ค) พิจารณาการบรรจุ ย้าย และเลื่อนตำแหน่งข้าราชการในหน่วยสัสดี แต่งตั้งตำแหน่ง ผู้ช่วยสัสดีจังหวัด ง) พิจารณาระเบียบแบบธรรมเนียมการสัสดี และแก้ไขแบบแผนการสัสดีให้เหมาะสม แก่ กาลสมัย จ) รวบรวมยอดจำนวนทหารกองเกินและกองหนุน ฉ) กำหนดอัตราเบิกจ่ายแบบพิมพ์แก่หน่วยสัสดี ๓.๒ สัสดีกองทัพภาค ก) ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับหน้าที่สัสดีและอื่น ๆ ตามคำสั่งแม่ทัพกองทัพภาค ข) ควบคุมวิทยาการสัสดีของฝ่ายสัสดีมณฑลทหารบก ฝ่ายการสัสดีจังหวัดทหารบก แผนก สัสดีจังหวัด และเจ้าหน้าที่สัสดีอำเภอ ภายในเขตกองทัพภาค ๓.๓ สัสดีมณฑลทหารบกและสัสดีจังหวัดทหารบก ก) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับหน้าที่สัสดีตามคำสั่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบก หรือผู้บังคับการ จังหวัดทหารบกที่ประจำอยู่ ข) เก็บรักษาทะเบียนกองประจำการ ค) บันทึกจำหน่ายทะเบียนกองประจำการ ง) รวบรวมยอดทหารกองเกินและทหารกองหนุน ๓.๔ สัสดีจังหวัด ก) ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับหน้าที่สัสดี ตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ประจำอยู่ ข) การเตรียมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการ ค) การเรียกพลเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม เรียกเพื่อฝึกวิชาทหาร และการระดมพล ง) การยกเว้น ผ่อนผัน ไม่ต้องเข้ารับราชการกองประจำการ จ) กิจการที่เกี่ยวกับทะเบียนกองประจำการ และบัญชีรายนามทหารกองประจำการ และ ทหารกองหนุน ฉ) กิจการที่เกี่ยวกับหนังสือสำคัญหรือใบสำคัญ ช) การปลด จำหน่ายและย้ายภูมิลำเนา ฎ) การทำยอดจำนวนทหารกองเกินและทหารกองหนุนประจำปี


๒๗๘ เหล่าทหารการเงิน FINANCE กรมการเงินทหารบกเป็นหัวหน้าเหล่าทหารการเงิน เป็นหัวหน้าสายวิทยาการทางการเงิน กองทัพบกและเป็นเจ้าหน้าที่ทางการเงินของกองทัพบกตลอดจนรับผิดชอบในภารกิจทางการเงินสนับสนุน ส่วนราชการและหน่วยต่าง ๆ โดยจัดเจ้าหน้าที่การเงินไปประจำยังหน่วยงานต่าง ๆ ของกองทัพบกกรมการ เงินทหารบกได้มีการพัฒนาโดยตลอด มีการปรับปรุงส่วนราชการภารกิจ และการจัดรวมทั้งสิ้น ๑๔ ครั้ง ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นต้นมา การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายเมื่อ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๒ ในปัจจุบันแบ่ง ส่วนราชการ ออกเป็น ๑ แผนก ๕ กอง และ ๑ โรงเรียนทหารการเงิน ๑. ภารกิจ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับ ๑.๑ การเบิก รับ จ่าย เก็บรักษาเงิน และการบัญชีเงินของกองทัพบก ตามระเบียบแบบแผนของ ทางราชการ ๑.๒ การฝึกและศึกษาวิชาการเหล่าทหารการเงิน มีเจ้ากรมการเงินทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบ ๒. การแบ่งมอบ เป็นส่วนราชการขึ้นตรงกองทัพบก ๓. ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่สำคัญ ๓.๑ ดำเนินการเบิก รับจ่าย เก็บรักษาเงิน และการบัญชีเงินของกองทัพบก ให้เป็นไปตาม ระเบียบแบบแผนของทางราชการ ๓.๒ อำนวยการควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การเงินและดำเนินการ ตรวจสอบวิเคราะห์สถานภาพทางการเงินของหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบก ๓.๓ พัฒนากำหนดหลักนิยม วิธีปฏิบัติจัดทำตำรา คำแนะนำและคำชี้แจง รวบรวมเผยแพร่ เอกสาร แบบธรรม เนียมทางการเงิน และการบัญชีเงิน ตลอดจนการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ๓.๔ ตรวจสอบหลักฐานการเบิกจ่ายเงินของหน่วยที่เบิกจ่ายต่อกรมการเงินทหารบกรวมทั้งการ ควบคุมการเบิก จ่ายเงิน งบประมาณและการรายงานสถานภาพ ๓.๕ ตรวจสอบแก้ไขปัญหาทางการเงิน และการบัญชีเงินของหน่วยที่เกินกำลังขีด ความสามารถที่เจ้าหน้าที่การเงินของหน่วย จะดำเนินการได้เอง ๓.๖ ดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมการกำลังพลของเหล่าทหารการเงิน ๓.๗ ดำเนินการฝึก และศึกษาให้กับกำลังพลเหล่าทหารการเงินและส่วนราชการอื่นตามที่ ร้องขอ ๓.๘ เสนอแนะ ให้คำปรึกษาทางด้านการเงินและการบัญชีเงินแก่ผู้บังคับบัญชา และหน่วย ต่าง ๆ


๒๗๙ การจัดกรมการเงินทหารบก แผนกวิทยาการ แผนกงบปฏิบัติการ แผนกกองควบคุม แผนกกำลังพล แผนกงบโครงการและ เงินเดือนและค่าจ้าง แผนกแผนและการฝึก ส่งกำลังบำรุง แผนกเงินเดือน แผนกโครงการและ แผนกเงินช่วยเหลือ แผนกค่าจ้าง งบประมาณ ข้าราชการ แผนกเบี้ยหวัด แผนกกรรมวิธีข้อมูล แผนกเงินนอกงบประมาณ บำเหน็จบำนาญ ชุดตรวจ แผนกบัญชีเงิน แผนกรับ-จ่าย กองบัญชาการ ในงบประมาณ แผนกเตรียมจ่าย กองการศึกษา แผนกบัญชีเงิน แผนกตรวจสอบภาษี กองพันนักเรียน นอกงบประมาณ และหนี้สิน แผนกรายงาน และงบเดือน แผนกควบคุมการเบิกจ่ายเงิน กรมการเงินทหารบก Finance Department แผนกธุรการ Administra tive Branch กองวิชาการ Technica l Division กองค่าใช้จ่าย Expendit ure Division กองเงินเดือน Pay Service Division กองบัญชี Accounting Division กองธนารักษ์ Disbursing Division โรงเรียนการเงิน Finance School


๒๘๐ สัญลักษณ์ของกรมการเงินทหารบก คือ " ช้างสามเศียร" เป็นภาพสามเศียรยืนอยู่บนแท่นภายใน ช่อชัยพฤกษ์ และมีกระบี่สองเล่มไขว้กันมีความหมาย คือ ๑. " ช้างสามเศียรและมีกระบี่ไขว้" นั้น หมายถึง คลังเงินตราของทหารบก ซึ่งกรมการเงิน ทหารบกมีหน้าที่เบิกรับจ่ายและรักษาเงิน บัญชีเงินของกองทัพบก ๒. ภาษิตภายใต้ดวงตราที่มีคำว่า "สุจริตํ อมตํ กมมํ " นั้นแปลว่า " ความสุจริต เป็นการ กระทำที่ไม่ตาย " เพื่อให้ทหารเหล่าการเงินยึดมั่นถือมั่นเป็นคติสืบต่อไป สัญลักษณ์ของโรงเรียนทหารการเงิน กรมการเงินทหารบก คือ พระธนบดี เป็นภาพเทพ ที่ ประทับนั่งอยู่ในบุษบก ที่ฐานของบุษบกนั้นมีอักษรภาษาไทยว่า ธนบดีด้านข้างของบุษบกประกอบ ด้วย ลายกนก ใต้ดวงตรามีภาษิตจารึกอยู่ในแพรแถบว่า " สุจริตํอมฺตํ กัมฺมํ" ดวงตรานี้ไม่จำกัด พื้นที่และขนาด กรมศิลปากร ได้ออกแบบดวงตรานี้ให้เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๙ ตามหนังสือกรมศิลปากรที่ ๒๒๖๖/๒๔๙๙ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๙ โดยอาศัยแนวความคิดของราชบัณฑิตยสถาน และ ขนานนามเทพองค์ นี้ว่า " พระธนบดี " แปลว่า เจ้าแห่งทรัพย์ทั้งหลาย เพราะได้คำนึงถึงภารกิจหลักของ เหล่าทหารการเงิน คือ การรับจ่าย และเก็บรักษาเงินของทางราชการคำว่า " ธนบดี " นี้เป็นนาม ของจตุโลกบาลประจำทิศเหนือ ที่ พระพรหมเป็นผู้ประทานให้ ภาษิตภายใต้ดวงตราที่ว่า “ สุจริตํอมฺตํ กัมฺมํ” นั้น แปลว่า “ ความสุจริตเป็นการ กระทำที่ไม่ ตาย ” พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์เป็นผู้คัดเลือกให้ และได้ใช้เป็นคำขวัญของเหล่าการเงิน


๒๘๑ เหล่าทหารพระธรรมนูญ ประวัติกรมพระธรรมนูญโดยสังเขป พิจารณาตามประวัติเดิม การศาล การคดี ขึ้นอยู่กับปลัดทหารบกใหญ่ กรมยุทธนาธิการ ต่อมา ในปีรัตนโกสินทรศก ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) ได้ตั้งกรมพระธรรมนูญทหารบกขึ้น รวมเอากิจการศาล การคดี ( อัยการทหารบก ) มาสังกัดอยู่ในกรมพระธรรมนูญทหารบกทั้งสิ้น กรมพระธรรมนูญทหารบกเป็นกรม หัวหน้า ขึ้นตรงต่อกรมยุทธนาธิการเหมือนส่วนราชการอื่น เช่น จเรทัพบก จเรทหารราบ จเรทหารปืนใหญ่ จเรทหารม้า จเรทหารช่าง ปลัดทหารบก เสนาธิการทหารบก ยกกระบัตรทัพบก กรมสัสดีกรมยุทธภัณฑ์ กรมยุทธโยธา กรมสรรพยุทธ์ กรมเสบียงพาหนะ กรมช่างแสง กรมแพทย์ทหารบก และโรงเรียนทหารบก ซึ่งแต่ละส่วนราชการ มีผู้บังคับบัญชาดูแลรับผิดชอบโดยเรียกชื่อหัวหน้าส่วนราชการต่าง ๆ กัน กล่าวคือ เรียกชื่อตามชื่อของส่วนราชการนั้น ๆ บ้าง เรียกเจ้ากรมบ้าง บางกรมที่กล่าวนามมาแล้วมิได้เป็นกรมหัวหน้า ก็มีคือ มิได้ขึ้นตรงต่อกรมยุทธนาธิการ แต่ขึ้นตรงต่อกรมอื่นอีกทีหนึ่ง เช่น กรมสัสดี ขึ้นกับปลัดทัพบก กรม ยุทธภัณฑ์และกรมสรรพยุทธ์ขึ้นตรงต่อกรมยกกระบัตรทัพบก เป็นต้น ( ยุทธโกษเล่ม ๑๗ หน้า ๑๑๑๑ ว่าด้วยคำอธิบายในการเปลี่ยนแปลงวิธีจัดกรมขึ้นในกรมยุทธนาธิการ ) สำหรับกรมพระธรรมนูญทหารบกนี้ ได้ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙ ) ตามคำสั่งกรมยุทธนาธิการที่ ๒๑๒/ ๘๗๐๖ โดยมีนายพันตรีหลวงวิชัยพลฤทธิ์ เป็นเจ้ากรม ปกครองบังคับบัญชาและรับผิดชอบ กรมพระธรรมนูญทหารบก มีหน้าที่รับปรึกษาหารือในการที่เกี่ยวด้วยพระราชกำหนดกฎหมาย การหนังสือ คำสั่งที่เกี่ยวกับการไต่สวนและคดีของศาล ดำริจัดการในหน้าที่ของอัยการและศาลทหาร ตรวจตรา อำนวยการในกองทหารบกทั่วไป รวมทั้งจัดระเบียบการไต่สวน ระเบียบทางตุลาการ กับตรวจ ตราไต่สวนและศาลทหารให้ดำเนินไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับทุกประการ กรมพระธรรมนูญในขณะนั้นเรียกว่าแยกกันอยู่ กรมทหารเรือก็มีกรมพระธรรมนูญทหารเรือซึ่ง ตั้งขึ้นหลังจากที่ได้ตั้งกรมพระธรรมนูญทหารบกแล้วไม่ได้นานนัก กล่าว คือ กรมพระธรรมนูญทหารเรือ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน รัตนโกสินทรศก ๑๒๗ ( พ.ศ.๒๔๕๑ ) ตามประกาศแผนกฎหมายที่ ๑๒/ ๔๘๐ กรมพระธรรมนูญทหารเรือขึ้นตรงต่อกรมบัญชาการกลางกรมทหารเรือ มีนายพลเรือตรีพระยานาวา พลพยุหรักษ์ เป็นเจ้ากรม ปกครองบังคับบัญชาดูแลรับผิดชอบ ทั้งกรมพระธรรมนูญทหารบก และกรมพระธรรมนูญทหารเรือ ต่างแยกกันปฏิบัติราชการคนละ ส่วน อยู่มาประมาณ ๒๐ ปีเศษ จนถึงปีพ.ศ.๒๔๗๔ จึงได้มีคำสั่งสำหรับทหารให้รวมกรมพระธรรมนูญ ทหารบก ทหารเรือให้เป็นกรมเดียวกันเรียกชื่อว่า กรมพระธรรมนูญทหาร ตามคำสั่งสำหรับทหารที่ ๑๙/ ๑๐๓๕๙ ลงวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ โดยแบ่งแยกหน้าที่ออกเป็น ๔ แผนกคือ แผนกที่ ๑กับ


๒๘๒ แผนกที่ ๒ มีหน้าที่ตามประมวลข้อบังคับสำหรับทหารบก แผนกที่ ๓ กับแผนกที่ ๔ สำหรับทหารเรือมี หน้าที่เกี่ยวกับ หน้าที่อัยการทหารเรือ และศาลทหารเรือ ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๗๕ ภายหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ได้มีการจัดระเบียบราชการใน กระทรวงกลาโหมใหม่ ตามประกาศจัดระเบียบป้องกันอาณาจักร ลงวันที่ ๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ คือ เปลี่ยนแปลงรูปโครงของกระทรวงกลาโหมเสียใหม่ จัดให้กรมพระธรรมนูญทหารซึ่งมีอยู่เดิมขึ้น สังกัดกระทรวงกลาโหม และให้ขึ้นต่อปลัดทูลฉลอง เรียกชื่อใหม่เป็น ” กรมพระธรรมนูญ ” คือตัดคำว่า ทหาร ออกเสีย กรมพระธรรมนูญจึงเป็นชื่อที่ทราบกับทั่ว ๆ ไป และเรียกกันติดปากมาจนทุกวันนี้ และต่อมาได้มี ข้อบังคับทหารที่ ๘/๙๕๔๙ ว่าด้วยการจัดระเบียบและกำหนดหน้าที่กระทรวงกลาโหม ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๔๗๕ ความว่า “ มาตรา ๒ ฯลฯ ข้อ ๒ กองบังคับการกระทรวงกลาโหม มีกรมต่าง ๆ คือ (๑) กรมเสมียนตรา (๒) กรมสัสดี (๓) กรมพระธรรมนูญ (๔) กรมแพทย์สุขาภิบาล (๕) กรมปลัดบัญชี ฯลฯ ” “ มาตรา ๕ กรมพระธรรมนูญ ข้อ ๑ กรมพระธรรมนูญ มีเจ้ากรมเป็นผู้บังคับบัญชา แบ่งกิจการออกเป็น ๒ แผนก ข้อ ๒ แผนกที่ ๑ มีหน้าที่ทางอัยการทหาร ข้อ ๓ แผนกที่ ๒ มีหน้าที่ทางศาลหาร ” ใน พ.ศ. ๒๔๗๘ ได้มีข้อบังคับทหารที่ ๓/๓๕๘๔ ว่าด้วยการจัดระเบียบการและกำหนดหน้าที่ กระทรวงกลาโหม ความว่า “ มาตรา ๖ ข้อ ๑ กรมพระธรรมนูญ มีเจ้ากรมเป็นผู้บังคับบัญชา แบ่งกิจการออกเป็น ๓ แผนก ข้อ ๒ แผนกที่ ๑ มีหน้าที่ทางอัยการทหาร ข้อ ๓ แผนกที่ ๒ มีหน้าที่ทางศาลทหาร ข้อ ๔ แผนกที่ ๓ มีหน้าที่ทางวิทยาการและธุรการ ” ใน พ.ศ.๒๔๙๙ ได้มีระเบียบสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการกำหนดหน้าที่ส่วนราชการ ในกรมพระธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๙๙ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๙ ตามระเบียบข้อ ๔ แบ่งส่วนราชการกรมพระธรรมนูญ ดังนี้ ๑. แผนกกลาง ๒. กองอัยการทหาร ๓. กองการศาลทหาร ๔. กองนิติธรรมทหาร ๕ กองกฤษฎีกาทหาร


๒๘๓ ข้อ ๕ แผนกกลาง มีหน้าที่ในการสารบรรณ ธุรการ พลาธิการ ยานพาหนะ สวัสดิการ และ การเงินของกรมพระธรรมนูญ มีหัวหน้าแผนกกลางเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ข้อ ๖ กองอัยการทหาร มีหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยธรรมนูญศาลทหาร วิทยาการ และกิจการ อัยการทหาร ฝึกอบรมผู้ที่จะกระทำหน้าที่อัยการ มีหัวหน้ากองอัยการทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ข้อ ๗ กองการศาลทหาร มีหน้าที่ทางธุรการ และวิทยาการในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับอำนาจอิสระใน การพิจารณาพิพากษาอรรถคดี ฝึกอบรมผู้ที่จะกระทำหน้าที่ตุลาการพระธรรมนูญ และจ่าศาลทหาร มี ผู้อำนวยการกองการศาลทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ข้อ ๘ กองนิติธรรมทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับวิทยาการทางกฎหมายทั่วไป ทัณฑวิทยา และกิจการ ทนายของกระทรวงกลาโหม ฝึกอบรมผู้ที่จะกระทำหน้าที่ทนาย มีหัวหน้ากองนิติธรรมทหารเป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ข้อ ๙ กองกฤษฎีกาทหาร มีหน้าเกี่ยวกับการตรวจ การยกร่างกฎหมายทหาร ค้นคว้ารวบรวม ตำรา และห้องสมุด มีหัวหน้ากองกฤษฎีกาทหาร เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ต่อมา สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมได้วางระเบียบว่าด้วยการกำหนดหน้าที่ส่วนราชการใน สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๐๕ โดยจัดแบ่งส่วนราชการเสียใหม่ ดังนี้ ข้อ ๓ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แบ่งส่วนราชการ ออกเป็น (๑) กรมเสมียนตรา (๒) กรมพระธรรมนูญ (๓) กรมการเงินกลาโหม (๔) กรมราชองครักษ์ (๕) กรมการพลังงานทหาร (๖) กรมการอุตสาหกรรมทหาร ฯลฯ ข้อ ๕ กรมพระธรรมนูญ มีหน้าที่เกี่ยวกับศาลทหาร อัยการทหาร นายทหารพระธรรมนูญ ราชการในส่วนธุรการและวิชาการที่เกี่ยวกับกฎหมายและสังคมศาสตร์ มีเจ้ากรมพระธรรมนูญเป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ กรมพระธรรมนูญแบ่งส่วนราชการออกเป็น (๑) แผนกกลาง มีหน้าที่เกี่ยวกับการสารบรรณ การกำลังพล ธุรการ พลาธิการ ยานพาหนะ สวัสดิการ ตรวจสอบเรื่องราว เสนอความเห็น การสถิติ การรักษาความปลอดภัย และ การเงินของกรมพระธรรมนูญ มีหัวหน้าแผนกกลางเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ (๒) กองอัยการทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการอัยการทหารและนายทหารพระธรรมนูญ ตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ และระเบียบแบบแผนที่ว่าด้วยการนี้ ฝึกอบรมผู้ที่จะทำหน้าที่อัยการทหารและ นายทหารพระธรรมนูญ รับปรึกษาให้คำแนะนำและควบคุมทางวิทยาการในหน้าที่ของนายทหารพระ ธรรมนูญ อัยการศาลทหารกรุงเทพ อัยการศาลมณฑลทหาร อัยการศาลจังหวัดทหาร อัยการศาลประจำ หน่วยทหาร อัยการศาลอาญาศึก รวมทั้งอัยการศาลทหารในเวลาไม่ปกติซึ่งแต่งตั้งจากพนักงานอัยการหรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ มีหัวหน้ากองอัยการทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ (๓) กองการศาลทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการศาลทหารชั้นต้น และศาลทหารกลาง ฝึกอบรมผู้ที่จะกระทำหน้าที่ตุลาการพระธรรมนูญและจ่าศาลทหาร รับปรึกษาให้คำแนะนำและควบคุมทาง วิทยาการในหน้าที่ของตุลาการศาลทหารกลาง ตุลาการศาลทหารกรุงเทพ ตุลาการศาลมณฑลทหาร ตุลา การศาลจังหวัดทหาร ตุลาการศาลประจำหน่วย ตุลาการศาลอาญาศึก จ่าศาลทหาร รวมทั้งตุลาการศาล


๒๘๔ ทหารและจ่าศาลทหารในเวลาไม่ปกติ ซึ่งแต่งตั้งจากผู้พิพากษาศาลพลเรือน จ่าศาลพลเรือนหรือ ผู้ทรงคุณวุฒิ มีผู้อำนวยการกองการศาลทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ (๔) ศาลทหารสูงสุด มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการศาลทหารสูงสุด มีหัวหน้าตุลาการพระ ธรรมนูญศาลทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ (๕) กองนิติธรรมทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับวิชาการกฎหมายคดีแพ่งสัญญา สังคมศาสตร์ เกี่ยวกับเรือนจำ การอภัยโทษ กิจการทนายของกระทรวงกลาโหม และฝึกอบรมผู้ที่จะกระทำหน้าที่ทนาย มีหัวหน้ากองนิติธรรมทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ (๖) กองกฤษฎีกาทหาร มีหน้าทีเกี่ยวกับการตรวจและร่างกฎหมาย การค้นคว้าและ รวบรวมตำรา กิจการห้องสมุด และโรงเรียนนายทหารเหล่าพระธรรมนูญ มีหัวหน้ากองกฤษฎีกาทหาร เป็น ผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ต่อมา พ.ศ.๒๕๐๖ กระทรวงกลาโหมได้ออกระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วย การกำหนดหน้าที่ ส่วนราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( ฉบับที่ ๒ ) พ.ศ.๒๕๐๖ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๐๖ ให้ ยกฐานะแผนกกลาง กรมพระธรรมนูญ เป็นกองกลาง คงมีหน้าที่ตามเดิม ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหม ลง วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๘ ให้เพิ่มแผนกทนายและสังคมศาสตร์ ในกองนิติธรรมทหารอีก ๑ แผนก และให้เพิ่มแผนกกฎหมายระหว่างประเทศในกองกฤษฎีกาทหารอีก ๑ แผนก คำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ) ที่ ๑๐๕/๑๒ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๑๒ ยกเลิกอัตรา กรมพระธรรมนูญ ซึ่งใช้ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๑๔/๑๑ ลงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ แล้วใช้อัตรา กรมพระธรรมนูญที่แนบมากับคำสั่ง ( เฉพาะ ) ที่ ๑๐๕/๑๒ แทน เพิ่มฝ่ายการเงินและโรงเรียน นายทหารเหล่าพระธรรมนูญ ขึ้นตรงต่อกรมพระธรรมนูญ คำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๓๖/๒๒ ลงวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๖ ยกเลิกอัตรากรมพระ ธรรมนูญ ที่ใช้อยู่เดิมแล้วใช้อัตราใหม่ เปลี่ยนชื่อกองอำนวยการ เป็น “ กองกลาง ” แยกแผนกสารบรรณ และธุรการ ออกเป็น “ แผนกสารบรรณ ” และ “ แผนกธุรการ ” เพิ่มอัตรานายทหารงบประมาณเป็น ตำแหน่งฝ่ายเสนาธิการ อยู่ในแผนกธุรการ แยกศาลทหารกรุงเทพ ออกจากศาลทหารชั้นต้น ให้เป็นหน่วย ขึ้นตรงต่อกรมพระธรรมนูญ เปลี่ยนชื่อกองการศาลทหารชั้นต้น เป็น “ กองการศาลทหาร ” เปลี่ยนชื่อกอง อัยการทหารเป็น “ สำนักงานอัยการทหาร ” เพิ่มฝ่ายอุทธรณ์และฎีกา ตลอดจนมีอัตราอัยการฝึกหัดใน สำนักงานอัยการทหาร เปลี่ยนชื่อแผนกที่ปรึกษาและความเห็นในกองนิติธรรมทหารเป็น “ แผนกงาน วินิจฉัย ” และแยกแผนกทนายและการราชทัณฑ์ ออกเป็น “ แผนกทนาย ” และ “การราชทัณฑ์” ในกอง นิติธรรมทหารเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนายทหารเหล่าพระธรรมนูญเป็น “ โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ ” เพิ่ม กองการศึกษาขึ้นตรงต่อโรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ เพิ่มแผนกเตรียมการ แผนกทะเบียน และแผนก อุปกรณ์ขึ้นตรงต่อกองการศึกษา เฉพาะหัวหน้าแผนกเตรียมการ เป็นตำแหน่งฝ่ายเสนาธิการ คำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ )ที่ ๒๑๘/๒๗ ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๒๗ ให้ยกเลิกอัตรา กรมพระธรรมนูญ แล้วให้ใช้อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๐๓๐๐ กรมพระธรรมนูญสำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหม ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กำหนดรายละเอียดของอัตราเฉพาะกิจในส่วนราชการนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๘ และคำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ ) ที่ ๒๒๓/๒๗ ลง ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๗ ให้ใช้อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๐๓๐๐ กรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวง กลาโหมที่แนบท้าย ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๒๘ เพิ่ม สำนักงานตุลาการทหาร เป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ กรมพระธรรมนูญ มีฝ่ายงานคณะกรรมการจุลาการทหาร ฝ่ายงานธุรการ ฝ่ายวิชาการ ศาลทหารสูงสุด ศาลทหารกลาง และศาลทหารกรุงเทพ ขึ้นตรงต่อสำนักตุลาการทหาร แล้วยุบเลิกกองการศาลทหารชั้นต้น


๒๘๕ กับเพิ่มแผนกรับฟ้อง แผนกออกหมาย แผนกหน้าบัลลังก์ แผนกเก็บรักษา และแผนกการเงิน ขึ้นตรงต่อ ศาลทหารกรุงเทพ คำสั่งสำปลัดกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่๑๒๙/๒๘ ลงวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ให้แก้ อัตราเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม ( ส่วนกลาง ) เฉพาะอัตราเฉพาะกิจหมายเลข ๐๓๐๐ กรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้ตามคำสั่งกระทรวงกลาดโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๒๑๘/๒๗ ลงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๒๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๒๑๕/๒๘ ลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๒๘ โดยให้ยกเลิก ตอนที่ ๑ กล่าวทั่วไป,ตอนที่ ๒ ผังการจัด , ตอนที่ ๓ อัตรากำลังพล ,ตอนที่ ๔ คำ ชี้แจงที่ใช้อยู่เดิม และให้ใช้ ตอนที่ ๑ กล่าวทั่วไป,ตอนที่ ๒ ผังการจัด , ตอนที่ ๓ อัตรากำลังพล ,ตอนที่ ๔ คำชี้แจง ที่แนบท้ายคำสั่งนี้ ตั้งแต่ ๑ มิ.ย. ๒๙ เป็นต้นไป คำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๙๐/ ๒๙ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๘๘/๒๙ ลงวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ จึงให้แก้ อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๐๓๐๐ กรมพระธรรมนูญ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งใช้ตามคำสั่ง สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๒๒๓/๒๗ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๒๙๗/๒๘ ลงวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๘ ๑.ให้ยกเลิก ตอนที่ ๑ กล่าวทั่วไป,ตอนที่ ๒ ผังการจัด, ตอนที่ ๔ คำชี้แจงที่ใช้อยู่เดิมและให้ใช้ ตอนที่ ๑ กล่าวทั่วไป,ตอนที่ ๒ ผังการจัด, ตอนที่ ๔ คำชี้แจงที่แนบท้ายคำสั่งนี้ ๒. ให้ยกเลิกอัตรา “ กองนิติธรรมทหารกรมพระธรรมนูญ ” ที่ใช้อยู่เดิม และให้ใช้อัตรา “ กองนิติ ธรรมทหารกรมพระธรรมนูญ ” ที่แนบท้ายคำสั่งนี้ ๓. ให้ใช้อัตรา “ สำนักงานสงเคราะห์ทางกฎหมาย กรมพระธรรมนูญ ” ที่แนบท้ายคำสั่งนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่ ๑ มิ.ย.๒๘ เป็นต้นไป คำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ( เฉพาะ ) ที่ ๑๑๖/๒๘ ลงวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๙ เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปตามคำสั่ง กห. ( เฉพาะ ) ที่ ๘๘/ ๒๙ ลง ๑๙ พ.ค.๒๙ และคำสั่ง สป. ( เฉพาะ )ที่ ๙๐/๒๙ ลง ๑๙ พ.ค.๑๙ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยฉะนั้นจึงให้ยุบเลิกสำนักงานสงเคราะห์ทาง กฎหมาย ( อัตราเพื่อพลาง) โดย ๑. ยกเลิกคำสั่ง สป. ( เฉพาะ )ที่ ๑๒๙/ ๒๘ ลง ๒๓ พ.ค.๒๘ เรื่องจัดตั้งสำนักงานสงเคราะห์ทาง กฎหมาย ๒. ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานสงเคราะห์ทางกฎหมาย ( อัตราเพื่อพราง ) พ้นจาก หน้าที่ และกลับคืนต้นสังกัดเดิม ( อัตราปกติ ) ทั้งนี้ตั้งแต่ ๑ มิ.ย.๒๙


๒๘๖ การจัดกรมพระธรรมนูญ กรมพระธรรมนูญในปัจจุบัน ก. ภารกิจ เกี่ยวกับศาลทหาร อัยการทหาร นายทหารพระธรรมนูญ ราชการในส่วนธุรการ และวิชาการที่เกี่ยวกับกฎหมายและสังคมศาสตร์ มีเจ้ากรมพระธรรมนูญเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ข. แบ่งส่วนราชการและหน้าที่ออกเป็น กรมพระธรรมนูญ สำนักงานการเงิน กองกลาง แผนกสารบรรณ แผนกธุรการ แผนกก าลังพล กองกฤษฎีกาทหารและการ ต่างประเทศ แผนกตรวจและร่างกฎหมาย แผนกกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกวิชาการและค้นคว้า กองนิติธรรมทหาร แผนกคดีแพ่งและสัญญา แผนกงานวินิจฉัย แผนกการราชทัณฑ์ โรงเรียนเหล่าทหารพระ ธรรมนูญ กองการศึกษา ห้องสมุดพระธรรมนูญ แผนกเตรียมการ แผนกทะเบียน สำนักอัยการทหาร ฝ่ ายศาลทหารกรุงเทพ ฝ่ ายอุทธรณ์และฎีกา ฝ่ ายวิชาการ อัยการฝึกหัด สำนักตุลา การทหาร ศาลทหารสูงสุด ฝ่ ายงานคณะกรรมการตุลา การทหาร ศาลทหารกลาง ศาลทหารกรุงเทพ ฝ่ายงานธุรการ แผนกรับฟ้อง แผนกออกหมาย แผนกหน้าบัลลังก์ แผนกเก็บรักษา แผนกการเงิน ฝ่ ายวิชาการ


๒๘๗ ๑. สำนักงานการเงิน มีหน้าที่เกี่ยวกับการเบิกเงิน การจ่าย การเก็บรักษาเงินและการบัญชี เงินราชการของกรมพระธรรมนูญให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ มีนายทหารฝ่ายการเงิน เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๒. กองกลาง มีหน้าที่เกี่ยวกับการสารบรรณ การกำลังพล การธุรการ การงบประมาณ การสถิติ การบริการ การสวัสดิการ และการรักษาความปลอดภัยของกรมพระธรรมนูญ ตลอดจนงานที่ มิได้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการขึ้นตรงอื่น ๆ มีหัวหน้ากองกลางเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๒.๑ แผนกสารบรรณ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานสารบรรณ การรับและส่งหนังสือ การโต้ตอบ หนังสือของกรมพระธรรมนูญ การทะเบียนเอกสาร ลับ การตรวจสอบเรื่องราวเสนอความเห็น เก็บเอกสาร การประชาสัมพันธ์ ๒.๒ แผนกธุรการ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการ การงบประมาณ การสถิติ การบริการ พลาธิการ การสวัสดิการ ยานพาหนะ การซ่อมบำรุงวัสดุครุภัณฑ์และการรักษาความปลอดภัยของกรม พระธรรมนูญ ๒.๓ แผนกกำลังพล มีหน้าที่เกี่ยวการพิจารณาเสนอความเห็น วางแผน จัดทำและ ประสานงานเกี่ยวกับการบรรจุ เลื่อน ลด ปลด ย้าย การบำเหน็จความชอบ การลงทัณฑ์ การบำรุง ขวัญ และการบริการกำลังพลให้แก่ข้าราชการ และลูกจ้างสังกัดกรมพระธรรมนูญ รวมทั้งการบรรจุ ย้าย ควบคุมอัตรา และกำลังพลนายทหารสัญญาบัตรเหล่าทหารพระธรรมนูญ สนับสนุนให้แก่ส่วนราชการใน สังกัดกระทรวงกลาโหมการจัดสรรกำลังพลเข้ารับการฝึกศึกษาอบรมการจัดผู้บรรยายความรู้ในทางกฎหมาย ทหารหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับกิจการทหาร สนับสนุนให้แก่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ๓. กองกฤษฎีกาทหารและการต่างประเทศ มีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจและร่างกฎหมาย ข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมาย การค้นคว้า และรวบรวมวิชาการทางกฎหมาย งานที่เกี่ยวกับ กฎหมายและความตกลงระหว่างประเทศและประสานงานกับฝ่ายทหารของต่างประเทศ มีหัวหน้ากอง กฤษฎีกาทหารและการต่างประเทศเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๓.๑ แผนกตรวจและร่างกฎหมาย มีหน้าที่พิจารณาตรวจแก้หรือร่างกฎหมายและ ข้อบังคับระเบียบหรือประกาศ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายตลอดจนพิจารณาตรวจ ร่างข้อบังคับหรือระเบียบที่เกี่ยวเนื่องหรือมีปัญหาคาบเกี่ยวทางกฎหมาย ๓.๒ แผนกกฎหมายระหว่างประเทศ มีหน้าที่พิจารณาเสนอความเห็นเกี่ยวกับความ ตก ลงระหว่างประเทศ และกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการทหาร ตลอดจนประสานงานทางด้าน กฎหมายกับหน่วยทหารหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารของต่างประเทศ ๓.๓ แผนกวิชาการและค้นคว้า มีหน้าที่ค้นคว้าและรวบรวมวิชาการทางกฎหมาย ตลอดจนจัดทำตำราและคู่มือสำหรับใช้ศึกษาและปฏิบัติงานทางด้านกฎหมายโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับนิติบัญญัติ ๔. กองนิติธรรมทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีแพ่งและสัญญา งานวินิจฉัย การเรือนจำ การอภัย โทษ และปัญหากฎหมายทั่วไป มีหัวหน้ากองนิติธรรมทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๔.๑ แผนกคดีแพ่งและสัญญา มีหน้าที่เกี่ยวกับคดีแพ่ง ติดต่อประสานงานกับพนักงาน อัยการ ร่าง ตรวจสอบ พิจารณาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับสัญญา ๔.๒ แผนกงานวินิจฉัย มีหน้าที่วินิจฉัย ให้คำแนะนำ ตรวจสอบเรื่องราวและเสนอ ความเห็นเกี่ยวกับปัญหาและวิชากฎหมายทั่วไปแก่ส่วนราชการและเหล่าทัพต่าง ๆ ๔.๓ แผนกการราชทัณฑ์ มีหน้าที่ดำเนินการกิจการสาขาวิชาการด้านสังคมศาสตร์เกี่ยวกับ เรือนจำการอภัยโทษ การราชทัณฑ์ และการประสานงานกับส่วนราชการฝ่ายพลเรือนที่เกี่ยวข้อง


๒๘๘ ๕. โรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญ มีหน้าให้การศึกษาอบรมเกี่ยวกับกฎหมายฝ่ายทหาร กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายอื่น ๆ รวมทั้งกิจการศาลทหาร อัยการทหาร นายทหารพระธรรมนูญ ทนายทหาร จ่าศาลทหาร และความรู้อย่างอื่นอันจะเป็นประโยชน์ต่อทางราชการทหาร และดำเนินกิจการ ห้องสมุดของกรมพระธรรมนูญมีผู้บัญชาการโรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๕.๑ ห้องสมุดกรมพระธรรมนูญ มีหน้าที่จัดและดำเนินงานห้องสมุด ตลอดจนจัดหา แลกเปลี่ยนควบคุม เก็บรักษา ให้บริการเกี่ยวกับเอกสารและหนังสือของห้องสมุด ติดต่อประสานงานกับ ห้องสมุดอื่น ๆ ให้เป็นแหล่งรวมสะสมวิทยาการเพื่อประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของข้าราชการกรมพระ ธรรมนูญ และส่งเสริมวิทยาการของเหล่า ๕.๒ กองการศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย ความเห็น อำนวยการ บริหาร วางแผน และโครงการศึกษา วิจัย พัฒนา และดำเนินงานการศึกษาให้เป็นไปตามภารกิจที่โรงเรียนเหล่า ทหารพระธรรมนูญได้รับมอบ รวมทั้งดำเนินงานธุรการของสภาโรงเรียนเหล่าทหารพระธรรมนูญแบ่งส่วน ราชการออกเป็น ๓ แผนก คือ ๕.๒.๑ แผนกเตรียมการ มีหน้าที่วางแผนและโครงการการศึกษา จัดทำและปรับปรุง แก้ไขหลักสูตร งบประมาณการศึกษา ระเบียบและคำสั่งต่าง ๆ ของโรงเรียนกำกับการ ดำเนินงาน ตรวจสอบ วิเคราะห์และประเมินค่าการศึกษาให้เป็นไปตามนโยบาย แผนและโครงการให้การศึกษาอบรม ของกรมพระธรรมนูญ จัดทำเอกสารประกอบการศึกษาและสนับสนุนการทำเอกสารทางวิชาการ และ กิจกรรมในหลักสูตร ปกครองควบคุมดูแลความประพฤติของนายทหารนักเรียน ให้อยู่ในระเบียบวินัยและ ศีลธรรมอันดี ดำเนินงานธุรการของกองการศึกษาและงานธุรการ ในหน้าที่เลขานุการสภาโรงเรียนเหล่าทหาร พระธรรมนูญ ๕.๒.๒ แผนกทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับการลงทะเบียนผู้เข้ารับการศึกษาอบรม จัดทำและเก็บรักษาทะเบียนประวัติของนายทหารนักเรียน อาจารย์ ผู้บรรยายพิเศษ ตลอดจนประวัติของ โรงเรียนบัญชีคุมรายงานเวลาเรียนและการลงเวลาของนายทหารนักเรียน สถิติการเรียนการสอน กำหนด และควบคุมการสอนหรือการวัดผลอื่น ๆ ให้เป็นไปตามแผนและโครงการการศึกษา รวบรวมรายงาน จัดทำ ผลการศึกษา ประกาศนียบัตร รวมทั้งคำรับรองผลดังกล่าว เก็บรักษาเอกสารทางวิชาการที่นายทหาร นักเรียนจัดทำในหลักสูตร ๕.๒.๓ แผนกอุปกรณ์การศึกษา มีหน้าที่จัดพิมพ์เอกสารประกอบการศึกษา หรือ เอกสารอื่นเกี่ยวกับการศึกษา ควบคุม เก็บรักษา แจกจ่ายและเก็บคืนเอกสารดังกล่าว จัดทำ จัดหา ควบคุม ดูแลรักษาซ่อมบำรุง เครื่องช่วยการศึกษา อุปกรณ์การสอน เครื่องเสียง เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์อุปกรณ์การถ่ายภาพให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ในราชการ จัดหา ควบคุมยานพาหนะใน การศึกษาดูงานและให้บริการด้านสถานที่ อุปกรณ์การเรียน การสอน รวมตลอดถึงการจัดเตรียมสถานที่ ประกอบพิธีการต่าง ๆ และสนับสนุนการพิมพ์เอกสารทางวิชาการ ซึ่งนายทหารนักเรียนจัดทำในหลักสูตร ๖. สำนักงานสงเคราะห์ทางกฎหมาย มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการทนายในศาลทหาร รับปรึกษาให้ คำแนะนำช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการและครอบครัว มีหัวหน้า สำนักงานสงเคราะห์ทางกฎหมายเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๗. สำนักงานอัยการทหาร มีหน้าที่เกี่ยวกับอัยการทหาร และนายทหารพระธรรมนูญ สนับสนุน ควบคุมและฝึกอบรมทางวิชาการในหน้าที่อัยการทหารและนายทหารพระธรรมนูญ ซึ่งสังกัด กระทรวงกลาโหม รวมทั้งพนักงานอัยการและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอัยการทหารในเวลาไม่ปกติ มี หัวหน้าอัยการทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ


๒๘๙ ๗.๑ ฝ่ายศาลทหารกรุงเทพ มีหน้าที่ดำเนินคดีอาญาทั้งปวงตามกฎหมาย ฝึกอบรมผู้ที่จะ ทำหน้าที่เป็นอัยการทหาร พิจารณาสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพที่เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติ ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ.๒๔๙๕ มาตรา ๒๒ ซึ่งเป็นอำนาจของเจ้ากรมพระธรรมนูญที่จะ พิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ๗.๒ ฝ่ายอุทธรณ์และฎีกา มีหน้าที่ดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา พิจารณาเสนอ ความเห็นกรณีขอถอนอุทธรณ์หรือถอนฎีกาของอัยการทหาร เพื่อขอรับความเห็นชอบจากหัวหน้าอัยการ ทหารหรือรายงานเจ้ากรมพระธรรมนูญเพื่อชี้ขาดในกรณีหัวหน้าอัยการทหารมีความเห็นแย้งความเห็นของ อัยการทหาร ๗.๓ ฝ่ายวิชาการ มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และควบคุมทางวิทยาการในหน้าที่ของ นายทหารพระธรรมนูญทั้งปวงที่สังกัดกระทรวงกลาโหม ตรวจ เร่งรัด ติดตามการปฏิบัติหน้าที่และให้ คำปรึกษาแนะนำทางวิชาการแก่อัยการทหาร และอัยการทหารในเวลาไม่ปกติซึ่งแต่งตั้งจากพนักงานอัยการ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาเสนอความเห็นกรณีผู้บังคับบัญชาของอัยการทหารสั่งคดีแย้งความเห็นของอัยการ ทหารเพื่อรายงานเจ้ากรมพระธรรมนูญชี้ขาด พิจารณาเสนอความเห็นกรณีถอนฟ้องของอัยการ ทหารเพื่อขอรับความเห็นชอบจากหัวหน้าอัยการทหาร หรือรายงานเจ้ากรมพระธรรมนูญชี้ขาดในกรณี หัวหน้าอัยการทหารมีความเห็นแย้งความเห็นของอัยการทหารพิจารณารายงานขอให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่อยู่ ในอำนาจสั่งควบคุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้ง ตุลาการศาลทหาร กรุงเทพ สั่งลงทัณฑ์ทางวินัยแก่ผู้ต้องหาแทนการส่งฟ้องศาล พิจารณาคำร้องขอของอัยการทหารหรือ ผู้ต้องหาที่รายงานขอรับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสั่งให้ส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในศาลทหาร ตามที่ร้องขอพิจารณารายงานขออนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ผู้ที่สอบความรู้ทางกฎหมาย ได้รับปริญญาตรีหรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีฝึกหัดดำเนินคดีในศาลทหาร กำหนดนโยบายและแผนการ จัดอัตรา ในด้านอัยการทหารและนายทหารพระธรรมนูญในสังกัดกระทรวงกลาโหม จัดทำสถิติ วิเคราะห์และ รวมยอดงบคดีของอัยการทหารและพนักงานอัยการหรือผู้ทรงคุณวุฒิที่ทำหน้าที่เป็นอัยการทหารทุกรอบหก เดือน รวบรวมหนังสือและตำรากฎหมายตลอดจนคำพิพากษาฎีกาและคำพิพากษาศาลทหารสูงสุด เพื่อใช้ใน กิจการทหาร ตรวจสอบติดตาม วางแผน และประเมินผลการตรวจอัยการทหารและนายทหารพระธรรมนูญ ทุกแห่ง ๘. สำนักตุลาการทหาร มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนตุลาการ ตุลาการพระธรรมนูญ และ เจ้าหน้าที่ธุรการศาลทหาร ทางวิชาการในการปฏิบัติหน้าที่ จัดตุลาการ ตุลาการพระธรรมนูญ และ เจ้าหน้าที่ธุรการศาลทหารปฏิบัติหน้าที่ในศาลทหาร ศาลอาญาศึก ปฏิบัติงานธุรการคณะกรรมการตุลา การทหาร มีหัวหน้าสำนักตุลาการทหารเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๘.๑ ฝ่ายงานคณะกรรมการตุลาการทหาร มีหน้าที่รวบรวมข้อมูล จัดทำสถิติบัญชีรายชื่อ ประวัติผลงาน ของตุลาการพระธรรมนูญ และเจ้าหน้าที่ศาลทหาร ดำเนินการเกี่ยวกับงานสารบรรณและ งานธุรการของคณะกรรมการตุลาการทหาร ๘.๒ ฝ่ายงานธุรการ มีหน้าที่ดำเนินการเกี่ยวกับงานสารบรรณ การจัด และการกำลังพล งานธุรการและการประชาสัมพันธ์ จัดตุลาการ ตุลาการพระธรรมนูญ และเจ้าหน้าที่ธุรการปฏิบัติหน้าที่ใน ศาลทหาร และศาลอาญาศึก ๘.๓ ฝ่ายวิชาการ มีหน้าที่ค้นคว้า จัดหา รวบรวม เก็บรักษากฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบ แบบธรรมเนียมเกี่ยวกับการศาลทหาร คำพิพากษา คำสั่งของศาลทหารสูงสุดและของศาลฎีกา รวมทั้ง ตำราเอกสารทางวิชาการ รวบรวม ตรวจ เก็บรักษาบัญชีคดี จัดทำสถิติ และรายงานคดีของศาลทหาร และ ศาลอาญาศึก รวมทั้งศาลพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ศาลทหาร ตรวจสำนวนคดีอุทธรณ์ฎีกา และสำนวนคดีรื้อ


๒๙๐ ฟื้นที่จะต้องส่งไปยังศาลทหารกลาง หรือ ศาลทหารสูงสุด ตรวจสำเนาคำพิพากษาของศาลทหาร และศาล อาญาศึก ให้คำปรึกษา แนะนำ เผยแพร่วิทยาการแก่ตุลาการศาลทหารและเจ้าหน้าที่ธุรการศาลทหาร รวมทั้งผู้พิพากษา จ่าศาลพลเรือน และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลทหารหรือจ่าศาล ทหารในเวลาไม่ปกติ ฝึกอบรมผู้ที่จะทำหน้าที่ตุลาการศาลทหาร และเจ้าหน้าที่ธุรการศาลทหาร และศาล อาญาศึก ๘.๔ ศาลทหารสูงสุด มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการศาลทหารชั้นฎีกา มีตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๘.๕ ศาลทหารกลาง มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการศาลทหารชั้นอุทธรณ์ มีตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกลาง เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๘.๖ ศาลทหารกรุงเทพ มีหน้าที่เกี่ยวกับกิจการศาลทหารกรุงเทพ มีตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ กระบวนการยุติธรรมทหาร กฎหมายฝ่ายทหาร ได้บัญญัติถึงเรื่องทหารกระทำความผิดอาญาว่า จะต้องดำเนินกระบวนการ ยุติธรรมอย่างไรไว้โดยสมบูรณ์แยกต่างหากจากกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายพลเรือน กล่าวคือกฎหมาย ฝ่ายทหารได้บัญญัติถึง การจับกุม การควบคุม การสอบสวน การฟ้องคดี และการพิพากษาคดี โดยมี หน่วยงานรองรับอย่างเป็นระบบ ได้แก่ นายทหารพระธรรมนูญ ( ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยนายทหารพระธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๙๙ นายทหารพระธรรมนูญ มีหน้าที่ดังนี้ ๑. สืบสวนและสอบสวนคดีตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ๒. เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของผู้บังคับบัญชา ๓. พิจารณาและเสนอความเห็นทางกฎหมาย ทางปกครอง และทางวินัยตามที่ผู้บังคับบัญชา มอบหมาย ๔. ตรวจร่างสัญญาต่าง ๆ ของทางราชการทหาร ๕. ในทางวิทยาการ ให้นายทหารพระธรรมนูญหน่วยรองฟังความเห็นนายทหารพระธรรมนูญ หน่วยเหนือตามลำดับสายงาน ๖. นอกจากนี้ให้มีอำนาจและหน้าที่อื่น ๆ ตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ และระเบียบซึ่งบัญญัติว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทหารพระธรรมนูญ ทนายทหาร (ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยทนาย พ.ศ.๒๔๙๙) ๑. ทนายที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ต้อง ๑.๑ เป็นข้าราชการประจำการสังกัดกระทรวงกลาโหม ขณะร้องขอเป็นทนาย ๑.๒ สอบความรู้ทางกฎหมายได้ปริญญาตรี หรือเทียบได้ไม่ต่ำว่าปริญญาตรี และ ๑.๓ ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บังคับกองพัน หรือเทียบเท่าขึ้นไปให้ว่า ความได้เฉพาะคดีนั้น ๒. ในคดีที่กฎหมายบัญญัติให้ศาลตั้งทนายให้จำเลยนั้นศาลจะตั้งจากทนายตามที่กระทรวง กลาโหมกำหนด หรือทนายความตามกฎหมายว่าด้วยทนายความก็ได้ ๓. ทนายที่จะว่าต่างหรือแก้ต่างในศาลทหารได้ ต้องยื่นใบแต่งทนาย และศาลอนุญาตแล้ว ๔. ศาลทหารที่ได้รับแต่งทนาย จะพิจารณาเหตุเหล่านี้ประกอบดุลพินิจในการสั่งอนุญาต หรือ ไม่ ก็ได้


Click to View FlipBook Version