๑๔๑ ๕. จัดวางการสื่อสารทางวิทยุถ่ายทอด ด้วยระบบวิทยุถ่ายทอดขนาด ๑๒ ช่องเสียงได้ ๓ ระบบ พร้อมกันต่อหนึ่งหมวดวิทยุถ่ายทอด ติดตั้งปฏิบัติการและดำรงการสื่อสารทางสายได้ไม่เกิน ๑๐๐ ทางสาย ๖. บริการภาพนิ่งรวมทั้ง ล้าง อัด ขยายภาพ ๗. ทำการรบอย่างทหารราบเมื่อจำเป็น ๘. กรมทหารสื่อสารที่ ๑ ( อจย.๑๑-๒ ) ก. กล่าวทั่วไป เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการสื่อสาร ในระดับกองบัญชาการกองทัพบกให้ สูงขึ้น และสอดคล้องกับแผนโครงการพัฒนากองทัพ ทบ.จึงได้อนุมัติจัดตั้งกรมทหารสื่อสารกองบัญชาการ กองทัพบกขึ้นตามคำสั่ง ทบ.ที่ ๒๑๔/๓๑ ลง ๒๕ ต.ค.๓๑ โดยใช้นามเต็มของหน่วยว่า “ กรมทหารสื่อสาร ที่ ๑ ” ให้ใช้นามย่อ “ ส.๑ ” มีที่ตั้งชั่วคราวและที่ตั้งถาวร อยู่ในค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน อ.กระทุ่ม แบน จว.สมุทรสาคร การประกอบกำลัง ประกอบด้วย ๑. กองบังคับการและกองร้อยกองบังคับการ ๒. กองพันทหารสื่อสาร จำนวน ๒ กองพัน ข. ภารกิจ บังคับบัญชา วางแผน อำนวยการ ควบคุม และกำกับดูหน่วยทหารสื่อสารที่ได้รับการ บรรจุมอบและที่มาขึ้นสมทบในด้านการปฏิบัติ การฝึก และการส่งกำลังบำรุง ค. ขีดความสามารถ ๑. บังคับบัญชา วางแผน อำนวยการ ควบคุม กำกับดูแลหน่วยทหารสื่อสารที่ได้รับการ บรรจุมอบและที่มาขึ้นสมทบ ได้ตั้งแต่ ๒-๔ กองพัน ๒. วางแผนและกำหนดลำดับขั้นตอน การจัดระบบการติดต่อสื่อสาร การปฏิบัติและการ ปรนนิบัติบำรุง ๓. ควบคุมทางเทคนิคและประสานแผนการสื่อสารของหน่วยรองเกี่ยวกับการติดตั้ง ปฏิบัติการ และปรนนิบัติบำรุง ระบบการติดต่อสื่อสารและหรือการปฏิบัติการสื่อสารอิเลคทรอนิคส์อื่น ๆ ๔. กำหนดรายละเอียดของวิศวกรรมระบบ และควบคุมการติดต่อสื่อสารในเขตพื้นที่ รับผิดชอบ ๕. อำนวยการและประสานการปฏิบัติ การฝึก การส่งกำลังบำรุง และการธุรการ ให้แก่ หน่วยที่ได้รับการบรรจุมอบ และหน่วยที่มาขึ้นสมทบ ๖. ดำเนินการให้กรมทหารสื่อสารปฏิบัติการรบอย่างต่อเนื่องได้ตลอด ๒๔ ชม. กรมทหารสื่อสารที่ ๑ บก.และร้อย บก. ๑๐๑ ๑๐๒
๑๔๒ ๗. จัดให้มีการติดต่อสื่อสารภายในกองบังคับการ และกองร้อยกองบังคับการกรมทหาร สื่อสาร ๘. จัดให้มีการบริการทางกฎหมาย และอนุศาสนาจารย์ให้แก่หน่วยที่ได้รับการบรรจุมอบ และหน่วยที่มาขึ้นสมทบ ๙. ดำเนินการทางธุรการ การเงิน การเลี้ยงดู การส่งกำลัง การขนส่ง การซ่อมบำรุงขั้นหน่วย และการบริการทางแพทย์ ๑๐. เคลื่อนที่ด้วยยานยนต์ในอัตรา ๘๐ % และเคลื่อนที่ในภูมิประเทศอย่างจำกัด ๑๑. ทำการรบอย่างทหารราบได้เมื่อจำเป็น ๔. กองพันทหารสื่อสารกองบัญชาการกองทัพบก ( พัน.ส.บก.ทบ. ) ให้เป็นหน่วยขึ้นการบังคับ บัญชาโดยตรงต่อกรมทหารสื่อสารที่ ๑ และให้เปลี่ยนนามหน่วยเป็น “กองพันทหารสื่อสารที่ ๑๐๑ กรม ทหารสื่อสารที่ ๑” นามย่อ ส.๑ พัน.๑๐๑ และยังมีการจัดหน่วยตาม อจย.๑๑–๑๕ มีที่ตั้งชั่วคราวและ ที่ตั้งปกติถาวรอยู่ในค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ๕. จัดตั้งกองพันทหารสื่อสารขึ้นอีก ๑ กองพัน โดยมีนามเต็มว่า “ กองพันทหารสื่อสารที่ ๑๐๒ กรมทหารสื่อสารที่ ๑ ” การจัดหน่วยใช้ตาม อจย.๑๑–๑๕ ลง ๒๕ ก.ค.๒๐ มีที่ตั้งชั่วคราวและที่ตั้งปกติ ถาวรอยู่ในค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ก. ภารกิจ จัดให้มีการติดต่อสื่อสาร กิจการภาพทางพื้นดิน การนำสารและการนำสารทางอากาศให้ กองบัญชาการกองทัพบก การสื่อสารจากกองบัญชาการกองทัพบกไปยังหน่วยรองหลัก และการติดต่อสื่อสาร ร่วมในการสนับสนุนทางอากาศ ข. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกรมทหารสื่อสารที่ ๑ ค. ขีดความสามารถ ๑. ติดตั้งปฏิบัติการดำรงการติดต่อสื่อสารทุกชนิดรวมทั้งศูนย์ข่าว การนำสารยานยนต์ โทรพิมพ์ โทรศัพท์ และวิทยุ ณ กองบัญชาการกองทัพบก กองบัญชาการกองทัพบกส่วนหน้า ศูนย์ ปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ใช้ระบบสนธิการสื่อสารแถบกว้างได้ตามความจำเป็น ๒. ติดตั้งและปฏิบัติการใช้ระบบวิทยุถ่ายทอด จากกองบัญชาการกองทัพบกไปยัง กองบัญชาการหน่วยรองหลัก ที่ใช้ระบบสนธิการสื่อสารแถบกว้างได้ตามความจำเป็น กองพันทหารสื่อสารที่ ๑๐๑ และ ๑๐๒ บก.และ ร้อย บก. กองร้อยปฏิบัติการ สื่อสารประจำ บก. กองร้อยปฏิบัติการ สื่อสารสนาม กองร้อย ปฏิบัติการสื่ออสารสนับสนุน
๑๔๓ ๓. ติดตั้งการปฏิบัติการใช้ระบบคลื่นพาห์ชนิดสาย ๔ คู่สาย ๔. จัดให้มีการติดต่อสื่อสาร สำหรับที่บัญชาการกองทัพบกทางยุทธวิธีเคลื่อนที่เมื่อต้องการ ๕. จัดให้มีระบบสื่อสารหลายทาง เพื่อเชื่อมต่อหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบก ๖. บริการถ่ายภาพทางพื้นดินให้กับกองบัญชาการกองทัพบก ๗. ปฏิบัติการนำสารทางอากาศ และโดยพลนำสารระหว่างกองบัญชาการกองทัพบกและ กองบัญชาการหน่วยรองหลัก ๘. ปฏิบัติการรบอย่างทหารราบเมื่อจำเป็น ๙. หน่วยนี้จะได้รับหน่วยมาสมทบดังต่อไปนี้ - กองร้อยเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง - หน่วยเสนารักษ์ในพื้นที่ตามความเหมาะสม
๑๔๔ เหล่าทหารการข่าว INTELLIGENCE “ปราชญ์แห่งสนามรบ” รู้ครบ รบชนะ ประวัติกรมข่าวทหารบก กองอาทมาต กองอาทมาต เป็นทหารหน่วยหนึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ตามเมืองหน้าด่านและหัว เมืองสำคัญ โดยมีเหตุการณ์สำคัญที่ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้เกี่ยวกับกองอาทมาต ก็คือ การต่อสู้ ของกองอาสา อาตมาต ชาวบ้านนักรบขมังเวทย์ ๔๐๐ คน กับกองทัพพม่าที่เดินทัพมา ๘,๐๐๐ คน หัวหน้ากองอาทมาตชื่อ “ขุนรองปลัดชู” ผู้นำกองอาทมาต โดยในครั้งนั้นเหตุการณ์เปรียบเสมือน น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ชาวบ้าน ๔๐๐ คน จากวิเศษไชยชาญ ที่หาญกล้าไปต่อกร หยุดทัพพม่า ๘.๐๐๐ คน เพื่อปกป้องแผ่นดินไทย (รบกัน ที่หาดหว้าขาว ปัจจุบัน คือ พื้นที่ตำบลอ่าวน้อย จ. ประจวบคีรีขันธ์) ต่อสู้พม่าไว้ได้เป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็ขาดกำลังพลมาสนับสนุนจึงพ่ายแพ้ และ พลีชีพเพื่อชาติทั้งหมด ปัจจุบันมีการสร้างอนุสาวรีย์ “วีรชนคนกล้า” ไว้เป็นอนุสรณ์สถานเพื่อให้ อนุชนรำลึกถึงคุณงามความดี จดจำวีรกรรมไว้เป็นแบบอย่าง ผู้กล้าหาญ เสียสละ ที่วัดสี่ร้อย และ ต่อมาได้นำชื่ออาทมาตมาตั้งเป็นชื่อถนน และชื่อซอยในเขตเทศบาล ต.บางรัก อ.วิเศษไชยชาญ จ. อ่างทอง มาจนทุกวันนี้ กองอาทมาต หรือกองลาดตระเวนสืบข่าวข้าศึก มีหน้าที่สอดแนม จารกรรม ดักซุ่ม โจมตี และหาข่าวฝ่ายข้าศึกร่วมกับกองเสือป่า และกองแมวเซา โดยมีคุณลักษณะที่เคลื่อนที่เร็ว จู่ โจม สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานด้านการข่าวของกองทัพบกได้ดำเนินการควบคู่กันมากับกิจการทหารบกตั้งแต่ โบราณกาล ซึ่งสมัยกรุงศรีอยุธยาจากหลักฐานที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารและหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ ได้มีหน่วยที่มีภารกิจเกี่ยวข้องในการข่าวของกองทัพคือ กองตระเวณ ซึ่งแบ่งเป็น ๒ พวกใหญ่ ๆ คือ กองเสือป่ากับกองแมวเซา นอกจากนั้นยังมี กองร้อยคอยเหตุ กองสืบทัพ กอง สอดแนม และกองอาทมาต ครั้นมาในสมัยกรุงรัตนโกสิมทร์ การดำเนินงานด้านการข่าวได้เริ่ม พัฒนาขึ้น ซึ่งได้เริ่มในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ได้มีการปรับปรุงกิจการของกองทัพบกเข้าหาหลักการจัด สมัยใหม่ตามแบบยุโรป ซึ่งงานด้านการข่าวได้พัฒนาปรับปรุงให้เข้าตามระบบใหม่ในสมัยนี้ด้วย และนับได้ว่าเป็นรากฐานเริ่มแรกของระบบการข่าวทางทหารในปัจจุบันก็ว่าได้ โดยได้มีการตรา ข้อบังคับกำหนดหน้าที่ด้านการข่าวขึ้น คือ ข้อบังคับหน้าที่ยกกระบัตรทหารบก พ.ศ.๒๔๓๔ ข้อ ๓ กำหนดว่า ” ให้จัดการสืบข่าวราชการยุทธ ” อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการกำหนดหน้าที่เป็น หลักฐานขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมิได้มีการจัดหน่วยขึ้นให้เป็นการแน่นอน พ.ศ.๒๔๓๘ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตรากฎแสดงหน้าที่ตำแหน่งในกรมยุทธนาธิการขึ้น และมีส่วนเกี่ยวข้องในด้านการข่าวของกรมยุทธนาธิการ คือ ” เวรสืบข่าวคราวหน้าที่สืบสวน
๑๔๕ ตรวจตรารวบรวมเหตุการณ์กำลังทหารทุกสิ่งทุกอย่างทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงการทำแผน ที่ เก็บรักษาสรรพข่าวคราว และแบบแผนที่กรมยกกระบัตรทหารบกใหญ่ได้จัดทำไปแล้วอย่างไร และ ดำริเพื่อการภายหน้าไว้ประการใด โดยเวรสืบข่าวคราวนี้จะเป็นผู้รวบรวมดำเนินการทั้งสิ้น ” การ กำหนดหน้าที่ของเวรสืบข่าวนี้ นับว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับหน้าที่ของกรมข่าวทหารบกในปัจจุบัน พ.ศ. ๒๔๔๑ ได้จัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้น ซึ่งต่อมาได้มีการปรับปรุงกรมเสนาธิการ ทหารบก โดยจัดตั้งกรมยุทธศาสตร์เป็นหน่วยขึ้นตรง เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๕๓ มีหน้าที่รวบรวม เรียบเรียงแผนการยุทธ ตลอดทั้งกำหนดการในราชการสนาม โดยจัดแบ่งออกเป็น ๓ แผนก คือ แผนกที่ ๑ มีหน้าที่สืบข่าวคราวเกี่ยวกับกองทัพบก แผนกที่ ๒ มีหน้าสำรวจภูมิประเทศและกรีธาทัพ แผนกที่ ๓ มีหน้าที่ในการวางแผนที่และภูมิศาสตร์เกี่ยวกับการทหารโดยเฉพาะ การจัดตั้งกรมยุทธศาสตร์ขึ้น กรมเสนาธิการทหารบกนี้ ได้ระบุหน้าที่งานด้านการข่าวไว้โดย แน่ ชัด และมีการจัดหน่วยขึ้นเป็นแผกเป็นครั้งแรก จึงได้กำหนดให้วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๕๓ เป็นวัน สถาปนากรมข่าวทหารบก ( ตามอนุมัติของ ผบ.ทบ. ท้ายบันทึกข้อความ ขว.ทบ.ลับ ที่ กห.๐๔๐๒/ ๑๑๒๐๑ ลง ๒๘ ธ.ค.๒๗ ) พ.ศ.๒๔๕๖ กรมยุทธศาสตร์ ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติม โดยแบ่งเป็น ๔ แผนก ซึ่งได้กำหนดให้ แผนกที่ ๔ มีหน้าที่เกี่ยวกับ ข่าวทหารและการต่างประเทศ พ.ศ.๒๔๕๗ กรมยุทธศาสตร์เปลี่ยนชื่อเป็น กรมยุทธศาสตร์ทหารบก และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๕ กรมยุทธศาสตร์ทหารบกได้ขยายงานออกเป็น ๕ แผนก และปรับปรุงหน้าที่ในแต่ละแผนกโดยแผนกที่ ๔ มีหน้าที่เกี่ยวกับการต่างประเทศและทูตทหาร ครั้นมาในปี พ.ศ.๒๔๗๐ กรมยุทธศาสตร์ทหารบกได้ เปลี่ยนเป็น กรมยุทธการทหารบก เมื่อ ๑ เมษายน ๒๔๗๐ พ.ศ.๒๔๗๕ ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครองเล็กน้อย ได้ยุบเลิกกรมเสนาธิการทหารบกแล้วตั้งกรม ยุทธการทหารบกขึ้นมาใหม่ และต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๗๖ ได้จัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้นใหม่อีก โดยมี หน่วยขึ้นตรง ๔ หน่วย คือ กรมยุทธการทหารบก กรมจเรทหารบก กรมยุทธศึกษาทหารบก และ โรงเรียนเสนาธิการทหารบก โดย กรมยุทธการทหารบกแบ่งออกเป็น ๔ แผนก และมีหน้าที่ดังนี้ แผนกที่ ๑ มีหน้าที่อันเกี่ยวกับการจัดและการกำหนดกำลังทหาร ระดมกำลัง จัดและกำหนด อาวุธยุทธสัมภาระที่ใช้ในกองทัพบก แผนกที่ ๒ มีหน้าที่ สืบ ตรวจ และประมวลข่าวกิจการอันเกี่ยวกับต่างประเทศ รัฐประศาสน์อัน เกี่ยวกับการทหารและประมวลลับ แผนกที่ ๓ มีหน้าที่เกี่ยวกับการฝึก และฝึกฝนเตรียมการประลองยุทธ และแผนการรบ แผนกที่ ๔ มีน้าที่เกี่ยวกับการคมนาคม การฐานทัพ และกิจการในเขตหลังทั้งปวง พ.ศ. ๒๔๘๔ ได้มีการปรับปรุงหน่วยงานในกองทัพบกอีก แลได้ยกเลิกกรมยุทธการทหารบก โดย ให้แผนกทั้ง ๔ ขึ้นตรงต่อกรมเสนาธิการทหารบก จนถึงปี พ.ศ.๒๔๙๕ ซึ่งเริ่มได้มีการติดต่อสัมพันธ์ ช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา จึงได้มีการปรับปรุงกิจการของกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีผลถึงการปรังปรุงกิจการ ของกองทัพบกด้วย และยกแผนกทั้ง ๔ ขึ้นเป็นหน่วยระดับกรมทั้งหมด โดยแผนกที่ ๒ ได้ตั้งขึ้นเป็น “ กรมข่าวทหารบก ” พ.ศ.๒๔๙๕ เมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพายุติได้มีการปรับปรุง ทบ.ให้ทันสมัย ตามแบบกองทัพบก สหรัฐฯ โดยได้ตรา “ พระกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการกองทัพบกในกระทรวงกลา โหม พ.ศ.๒๔๙๕ ” ขึ้น ทำให้กรมเสนาธิการทหารบกล้มเลิกไป คงไว้แต่ตำแหน่งเสนาธิการทหารบกและยกแผนกทั้ง ๔ ในกรม
๑๔๖ เสนาธิการทหารบก ขึ้นเป็นหน่วยระดับกรมทั้งหมด โดยแผนกที่ ๒ ได้ตั้งขึ้นเป็น “กรมข่าวทหารบก” ตั้งแต่ ๖ สิงหาคม ๒๔๙๕ และมีที่ตั้งอยู่ในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๑๖ กรมข่าวทหารบกได้รับการอนุมัติหลักการจากกองทัพบก ให้จัดตั้งโรงเรียนข่าว ทหารบกขึ้น และได้รับอนุมัติอัตราเฉพาะกิจจากกระทรวงกลาโหม เมื่อ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๗ และเมื่อ ๑๖ มีนาคม ๒๕๒๒ ได้มีการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการข่าวอยู่ในสังกัดกรมข่าวทหารบกขึ้นอีกหน่วยหนึ่ง ในปัจจุบัน กรมข่าวทหารบกได้จัดหน่วยตามอัตราเฉพาะกิจหมายเลข ๑๒๐๐ ตามคำสั่ง ทบ. ( เฉพาะ ) ลับ ที่ ๔๕/๒๒ ลงวันที่ ๑๕ มี.ค. ๒๒ กรมการข่าวทหารบก ภารกิจ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการและดำเนินการเกี่ยวกับการข่าวทั้งปวง การ รักษาความปลอดภัย การทูตฝ่ายทหารบกไทยในต่างประเทศ การติดต่อกับทูตผ่ายทหารบกต่างประเทศใน ประเทศไทย การพิธีการทูตที่กองทัพบกต้องร่วมด้วย การฝึกและศึกษาของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของกองทัพบก การเตรียมชุดเจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางทหารสำหรับปฏิบัติงาน ตลอดจนกำหนดความต้องการและควบคุมการ แจกจ่ายแผนที่ทหาร โดยมีเจ้ากรมข่าวทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๒. กำหนดความต้องการ และกำกับการแจกจ่ายแผนที่ทหาร ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่ที่สำคัญ ๑. อำนวยการ ดำเนินการและกำกับดูแลเกี่ยวกับกิจการข่าวกรอง และการต่อต้านข่าวกรอง ให้กองทัพบก ๒. ปฏิบัติการพิเศษด้านการข่าวตามความต้องการของกองทัพบก ๓. อำนวยการและดำเนินการเกี่ยวกับ สำนักงานผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกไทย/ต่างประเทศ เพื่อ กิจการข่าวกรอง และเป็นผู้แทนกองทัพบกในเชื่อมสัมพันธไมตรีกับกองทัพบกต่างประเทศ ๔. เป็นเจ้าหน้าติดต่อกับผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบกต่างประเทศที่ประจำประเทศไทย เพื่อความ เข้าใจอันดีระหว่างกองทัพ ตลอดจนเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับพิธีการทูตในกรณีที่กองทัพบกต้องเกี่ยวข้อง ๕. กำหนดความต้องและกำกับการเกี่ยวกับการแจกจ่ายแผนที่ทหาร และภาพถ่ายทางอากาศ สนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบก ๖. วางแผน อำนวยการ จัดทำหลักสูตร แนวสอน และดำเนินการเกี่ยวกับการฝึกและศึกษา กำลังพลเหล่าทหารการข่าว และเหล่าทหารอื่นตามที่ได้รับมอบ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำสำนักผู้ช่วยทูตฝ่าย ทหารบกไทย/ต่างประเทศ ๗. ดำเนินงานในหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ คือ ๗.๑ ให้คำปรึกษาหารือและข้อเสนอแนะแก่ผู้บังคับบัญชา ๗.๒ จัดทำคำสั่งและแบบธรรมเนียม ๗.๓ กำกับดูแลการปฏิบัติเกี่ยวกับกิจการข่าวกรองในหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบก เหล่าทหารการข่าว ของกองทัพบก กล่าวทั่วไป การข่าวกรองเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อการบรรลุภารกิจ เพราะงานดังกล่าวจะเป็น การเสนอข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นต่อการวางแผนและการตกลงใจ โดยจะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ ข้าศึก ภูมิ ประเทศ ลมฟ้าอากาศ และข้อมูลอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการวางแผนตามขอบเขตของภารกิจที่ได้รับมอบ ซึ่งจะ มีส่วนสัมพันธ์กับประเภทของข่าวกรองด้วย
๑๔๗ การข่าวกรองที่ใช้ในด้านทหารนั้น จะใช้ชื่อว่า ” ข่าวกรองทหาร ” ซึ่งจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ๒ ประเภท คือ ข่าวกรองทางยุทธศาสตร์ และข่าวกรองทางยุทธวิธี ( หรือข่าวกรองการรบ ) โดยข่าวกรอง ทางยุทธศาสตร์จะกระทำทั้งในยามปกติและในยามสงคราม ส่วนข่าวกรองทางยุทธวิธีจะกระทำในยาม สงคราม นอกจากนั้นยังมีข่าวกรองทางทหารชนิดต่าง ๆ ที่กำหนดขึ้นตามหน้าที่ ตามลักษณะของการ รวบรวมข่าวสารและความมุ่งหมายในการใช้อีก เช่น ข่าวกรองทางเทคนิค ข่าวกรองทางการติดต่อสื่อสาร ข่าวกรองอิเล็คทรอนิคส์ ข่าวกรองทางการภาพ ข่าวกรองเพื่อความมั่นคง ฯลฯ ซึ่งในแต่ละประเภทของข่าว กรองดังกล่าว จะมีการใช้เทคนิค วิธีการ และอุปกรณ์เครื่องมือเป็นลักษณะเฉพาะของตัวเอง ในการให้ได้มาซึ่งข่าวสารที่เรียกกันว่า การรวบรวมข่างสารนั้น จะใช้ทั้งบุคคลและเครื่องมือทาง เทคนิค ในการรวบรวมข่าวสาร โดยบุคคลที่ทำหน้าในการรวบรวมข่าวสารจำเป็นที่จะต้องได้ผู้ที่มีคุณภาพ และขีดความสามารถในด้านการข่าว ทั้งที่เป็นคุณสมบัติโดยทั่วไปและคุณสมบัติเฉพาะในแต่ละด้าน รวมทั้งมี ความชำนาญงานจากประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่วนการรวบรวมข่าวสารโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิคนั้น เจ้าหน้าที่ที่ใช้เครื่องมือดังกล่าว นอกจากจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือแล้ว ยังจำเป็นที่ จะต้องมีคุณสมบัติทางด้านการข่าว เพื่อที่จะทำให้ได้รับข่าวสารที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ข่าวสารที่ได้รับจะนำมาดำเนินกรรมวิธี เพื่อผลิตข่าวกรองที่จะนำไปใช้ประโยชน์ซึ่งจะใช้ ๒ ใน ลักษณะใหญ่ ๆ คือ ลักษณะแรกเป็นการให้ความกระจ่างชัดในรายละเอียดของเหตุการณ์/สถานการณ์ ลักษณะที่สอง ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของงานข่าวกรอง คือ การประมาณเหตุการณ์/สถานการณ์ ได้ล่วงหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ข่าวกรองผู้ปฏิบัติจะต้องเป็นผู้ที่ความรู้ในเรื่องดังกล่าว หรือที่เรียกว่าฐานข่าวและจะต้องเป็นผู้มี ดุลยพินิจวิจารณญาณ รวมทั้งพื้นฐานและหลักการในการวิเคราะห์เป็นอย่างดี จึงจะสามารถบรรลุผลในการ ผลิตข่าวกรองที่นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ซึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างคุณสมบัติดังกล่าว คือความ ชำนาญการจากประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง เหตุผลในการจัดตั้งเหล่าทหารการข่าวของทัพบก คุณลักษณะของงานด้านการข่าวเป็นงานที่มีลักษณะ ๒ ประการ อยู่ในตัวกล่าวคือเป็นทั้งงานฝ่าย อำนวยการ และงานการปฏิบัติ โดยในส่วนที่เป็นงานฝ่ายอำนวยการนั้นเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วว่าเป็น ๑ ใน ๖ สายของฝ่ายอำนวยการโดยเป็นงานสายที่ ๒ ซึ่งอยู่ในการจัดหน่วยตั้งแต่ระดับ ทบ.จนถึงระดับกอง พัน ส่วนงานที่เป็นการปฏิบัตินั้นก็คืองานในการรวบรวมข่าวสารซึ่งโดยส่วนใหญ่จะปฏิบัติในพื้นที่ด้วย โดยหลักการและเหตุผลของการจัดตั้งขึ้นเป็นเหล่าในทางทหารนั้นจะมีปัจจัยประกอบอยู่หลาย ๆ ประการด้วยกัน โดยปัจจัยหลัก ๆ คือ จะต้องเป็นลักษณะงานที่มีการปฏิบัติเฉพาะตัว มีบุคลากรที่ปฏิบัติอยู่ ในสายงานอย่างพอเพียง และต้องการให้บุคลากรได้มีการพัฒนาคุณภาพ ขีดความสามารถ และมีความ ชำนาญจากประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะที่เรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า ” มืออาชีพ ” รวมทั้งจะต้องเป็น งานที่ใช้วิทยาการ เทคนิค อุปกรณ์เครื่องมือที่จะต้องมีการพัฒนาให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจัยดังกล่าว มีอยู่พร้อมในลักษณะของงานด้านการข่าว จากเหตุผลดังกล่าว กองทัพบกได้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดตั้งเหล่าทหารการข่าวขึ้นมา เพื่อให้สามารถพัฒนาองค์กรประกอบของงานด้านการข่าว ทั้งบุคลากร วิทยาการ เทคนิค และอุปกรณ์ เครื่องมือได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประสิทธิภาพงานข่าวกรองของกองทัพบก โดยประเทศอื่น ๆ ที่ได้มีการจัดตั้งขึ้นมาแล้วมีด้วยกันหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา มาเลเซีย สิงคโปร์ การจัดตั้งเหล่าทหารการข่าวของกองทัพบก กองทัพบกได้จัดตั้งเหล่าทหารการข่าวขึ้น โดยการอนุมัติของผู้บัญชาการทหารบก ท้ายบันทึก ข้อความ กรมยุทธการทหารบก ลับมาก – ด่วนมาก ต่อที่ กห ๐๔๐๓/๒๖๖ ลงวันที่ ๑๕ มิถุนายน
๑๔๘ ๒๕๓๑ ซึ่งได้อนุมัติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๓๑ โดยให้กรมข่าวทหารบกทำหน้าเป็นหัวหน้าเหล่าสาย วิทยาการของเหล่าทหารการข่าว การดำเนินการต่อมา เพื่อให้บังเกิดผลในการจัดเหล่าทหารการข่าวที่สมบูรณ์ คือ การแก้ไขเพิ่มเติม ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเหล่าทหาร ฯ เพื่อขอเพิ่ม ” เหล่าทหารการข่าว ” ขึ้นอีก ๑ เหล่า จาก เดิม ๑๖ เหล่าเป็น ๑๗ เหล่า ซึ่งผลจากการดำเนินการ กระทรวงกลาโหมได้ออกข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยเหล่าทหาร ( ฉบับที่ ๓ ) พ.ศ.๒๕๓๑ ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๑ กำหนดให้ทหารบก จำแนกเป็น ๑๗ เหล่า โดยมีเหล่าทหารการข่าวเป็นเหล่าที่ ๑๗ การดำเนินการอีกประการหนึ่งที่จะให้เหล่าทหารการข่าวมีผลโดยสมบูรณ์คือ การแก้ไขเพิ่มเติม กฎกระทรวง ฯ ว่าด้วยเครื่องแบบทหารบก ฯ เพื่อขอเพิ่มเครื่องหมายเหล่าทหารการข่าว และอักษรประจำ เหล่า ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว โดยได้มีกฎกระทรวง ( พ.ศ.๒๕๓๓ ) ออกตามความในพระราชบัญญัติ เครื่องแบบทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๗ ว่าด้วยเครื่องแบบทหารบก ฉบับที่ ๗๓ ให้ไว้ ณ วันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๓ ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้กำหนดให้เพิ่มเครื่องหมายของ เหล่าทหารการข่าว รูปสายฟ้ากับลูกศรไขว้ประกอบกับดาวแปดแฉกบนแผ่นโล่ และกำหนดอักษรประจำ เหล่าทหารการข่าว โดยใช้“ ขว” ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๗ ตอนที่ ๑๒๖ ลง ๒๓ ก.ค.๓๓ จากการที่ได้มีกฎกระทรวงดังกล่าวออกมา จึงมีผลให้กำลังพลของกรมการข่าวทหารบก หน่วยข่าว กรองทหาร กองข่าวกองทัพภาค ฝ่ายข่าวกองพล ซึ่งก่อนหน้านั้น กองทัพบกได้ออกคำสั่งเปลี่ยนเหล่าจาก เหล่าเดิมเป็นเหล่าทหารการข่าวไปแล้ว สามารถเปลี่ยนการแต่งกายจากเหล่าเดิมเป็นเหล่าทหารการข่าวได้ อย่างถูกต้อง ซึ่งในส่วนของกรมการข่าวทหารบก ได้กระทำพิธีประดับเครื่องหมายเหล่าทหารการข่าวให้กับ นายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวน ในสังกัดกรมข่าวทหารบก เมือ ๖ สิงหาคม ๒๕๓๓ ณ โรงเรียนข่าวทหารบก โดยมีผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายข่าวเป็นประธาน การดำเนินการของเหล่าทหารการข่าว นับแต่กองทัพบกได้อนุมัติให้จัดตั้งเหล่าทหารการข่าวขึ้นมาตั้งแต่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๓๑ นั้น นอกเหนือจากการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีการดำเนินการอีกหลายประการ ซึ่งกรมข่าวทหารบก และหน่วยที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ คือ ๑. การกำหนดให้มีอัตราของเหล่าทหารการข่าว ในตำแหน่งที่เป็นเจ้าหน้าที่สายข่าวของหน่วย ต่าง ๆ ใน ทบ. ๒. การจัดทำแนวทางรับราชการของกำลังพลเหล่าทหารการข่าว เพื่อให้มีการเติบโตอย่างเป็น ขั้นตอนและความก้าวหน้าในการรับราชการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้มีการสะสมประสบการณ์อย่าง ต่อเนื่อง ๓. การปรับปรุงและขยายอัตราของหน่วยข่าวต่าง ๆ เพื่อให้โครงสร้างการจัดหน่วยข่าวสามารถ รองรับการดำเนินงานด้านการข่าว ได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ๔. การพัฒนาทางวิทยาการ เทคนิค และอุปกรณ์เครื่องมือด้านการข่าว ๕. การให้การศึกษาในหลักสูตรหลัก ตามแนวทางรับราชการของกำลังพลเหล่าทหารการข่าว ซึ่งได้ เริ่มอบรมหลักสูตรชั้นนายพัน ชั้นนายร้อย และนายสิบอาวุโส ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๓๓ การดำเนินการต่าง ๆ เหล่านี้โดยสรุปแล้ว ก็เพื่อให้เหล่าทหารการข่าวสามารถปฏิบัติงานได้ บรรลุผล ตามวัตถุประสงค์ของกองทัพบกที่ได้จัดตั้งขึ้นมา ในการที่จะสนับสนุนงานข่าวกรองให้กับ
๑๔๙ ผู้บังคับบัญชา ฝ่ายอำนวยการ สายงานอื่นและหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบกที่จะใช้ประโยชน์จากข่าวกรองอย่าง ได้ผลสูงสุดต่อไป อนึ่ง ในการกำหนดทหารการข่าว เพื่อยึดถือเป็นสิริมงคลของเหล่าทหารการข่าว กองทัพบกได้ อนุมัติให้ วันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๑ เป็น วันทหารการข่าวและ วันที่ ๑๔ ธันวาคมของทุกปี เป็นวัน คล้ายวันทหารการข่าว ตามอนุมัติของผู้บัญชาการทหารบก ท้ายบันทึกข้อความ กรมกำลังพลทหารบก ลับ มาก ต่อที่ กห ๐๔๐๑/ ๕๗๔๙ ลง วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๓๓ ขออนุมัติกำหนดวันทหารการข่าว
๑๕๐ เหล่าทหารพลาธิการ QUARTERMASTER ตอนที่ ๑ กรมพลาธิการทหารบก ๑. กล่าวทั่วไป พลาธิการเป็นเหล่าทหารสายยุทธบริการเหล่าหนึ่งของกองทัพบก เช่นเดียวกับเหล่าสายยุทธ บริการอื่น ๆ เช่น เหล่าทหารสรรพาวุธ, เหล่าทหารขนส่ง, เหล่าทหารแพทย์เป็นต้น งานของเหล่าทหาร พลาธิการ คือ การให้การสนับสนุนทางการช่วยรบด้านพลาธิการแก่หน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบก เพื่อให้การ ปฏิบัติตามภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และต่อเนื่อง จึงมีการจัดวางหน่วย และสำนักงานทหาร พลาธิการไว้ประจำหน่วยในกองทัพบกระดับต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลาง,ส่วนการศึกษาส่วนภูมิภาค และส่วน กำลังรบอย่างเหมาะสม ตามปกติหน่วย หรือสำนักงานทหารพลาธิการในระดับต่าง ๆ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ อยู่ในอัตรา หรือบรรจุมอบโดยตรงให้กับหน่วยนั้น ๆ เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนโดยตรงให้แก่หน่วยโดยใกล้ชิด การบังคับบัญชา ตลอดจนการควบคุมการปฏิบัติของหน่วย หรือสำนักงานทหารพลาธิการเหล่านี้ คงเป็น ความรับผิดชอบของหน่วยทหารทีมีสำนักงาน หรือหน่วยทหารพลาธิการอยู่ในอัตรา หรือขึ้นอยู่โดยการบรรจุ มอบให้ส่วนนั้น กรมพลาธิการทหารบก ซึ่งเป็นกรมฝ่ายยุทธบริการ หัวหน้าเหล่ามีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้ คำแนะนำทางเทคนิค และเป็นหน่วยให้การสนับสนุนตามสายงานเท่านั้น ๒. ภารกิจ กรมพลาธิการทหารบก มีดังนี้ ๒.๑ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ดำเนินการวิจัย และพัฒนาเกี่ยวกับ การผลิต,จัดหา,ส่งกำลัง,ซ่อมบำรุงและการบริการ ๒.๒ กำหนดหลักนิยมและทำตำราตลอดทั้งการศึกษา ทั้งนี้เกี่ยวกับกิจการและสิ่งอุปกรณ์ของ เหล่าทหารพลาธิการ มีเจ้ากรมพลาธิการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ๓. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ๔. ขอบเขตความรับผิดชอบ ๔.๑ เสนอนโยบายวางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการเกี่ยวกับการกำหนดความ ต้องการ ผลิต จัดหา ส่งกำลังซ่อมบำรุงและการบริการสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ๔.๒ ดำเนินการเกี่ยวกับกิจการของเหล่าทหารพลาธิการ ๔.๓ กำหนดหลักนิยม วิจัย และพัฒนา จัดทำตำรา และคู่มือเกี่ยวกับวิทยาการสายพลาธิการ ๔.๔ ดำเนินการจัด ,ผลิต และซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ๔.๕ ดำเนินการเกี่ยวกับการเกษตรกรรมเพื่อสนับสนุนการผลิต และสนับสนุนต่าง ๆ ใน กองทัพบกตามที่ได้รับมอบ ๕. การแบ่งส่วนราชการตามลักษณะของงาน แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ๕.๑ ส่วนบัญชาการ แบ่งออกเป็น ๕ หน่วยงาน คือ ๕.๑.๑ แผนกธุรการ
๑๕๑ ๕.๑.๒ กองกำลังพล ๕.๑.๓ กองยุทธการและการข่าว ๕.๑.๔ กองส่งกำลังบำรุง ๕.๑.๕ กองโครงการและการงบประมาณ ๕ ๒ ส่วนปฏิบัติการ แบ่งออกเป็น ๑๐ หน่วยงาน คือ ๕.๒.๑ กองวิทยาการ ๕.๒.๒ กองจัดหา ๕.๒.๓ กองควบคุมสิ่งอุปกรณ์ ๕.๒.๔ กองซ่อมบำรุง ๕.๒.๕ กองการผลิตสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ๕.๒.๖ กองคลังเกียกกาย ๕.๒.๗ กองคลังยกกระบัตร ๕.๒.๘ กองคลังน้ำมันเชื้อเพลิง ๕.๒.๙ กองอำนวยการสถานพักฟื้นและพักผ่อน ๕.๒.๑๐ กองบริการ ๕.๓ ส่วนการศึกษา ได้แก่ โรงเรียนทหารพลาธิการ
๑๕๒ ผังการจัดกรมพลาธิการทหารบก ตอนที่ ๒ ฝ่ายพลาธิการระดับต่าง ๆ ๑. แผนกพลาธิการกองทัพภาค ๑.๑ การจัด สำนักงานพลาธิการกองทัพภาคเป็นส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อแม่ทัพภาคการจัด สำนักงานประกอบด้วย พลาธิการกองทัพภาค (อัตรา พ.อ.) มีนายทหารฝ่ายพลาธิการ (อัตรา พ.ท. ๑ นาย และ อัตรา ร.อ.๑ นาย ) เป็นผู้ช่วย และนายสิบเสมียนพนักงานจำนวนหนึ่งที่กำหนดไว้ในอัตรา ๑.๒ หน้าที่ พลาธิการกองทัพภาค มีฐานะเป็นนายทหารฝ่ายกิจการพิเศษของแม่ทัพกองทัพ ภาค และเป็นทหารเหล่าพลาธิการที่มีอาวุโสสูงสุดในกองทัพภาค มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะให้ข่าวสาร และ คำปรึกษาในกิจการสายพลาธิการแก่แม่ทัพภาค และฝ่ายเสนาธิการ ตลอดจนฝ่ายกิจการพิเศษอื่น ๆ ของ กองทัพภาค ดำเนินการวางแผนและกำกับดูแลให้คำแนะนำทางเทคนิคสายพลาธิการแก่หน่วยต่าง ๆ ของ กองทัพภาค แผนกธุรการ กองก าลังพล กองโครงการและ งบประมาณ กองวิทยาการ กองการผลิต สิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ กองจัดหา กองซ่อมบ ารุง โรงเรียนทหาร พลาธิการ กรมพลำธิกำรทหำรบก กองควบคุมสิ่งอุปกรณ์ กองยุทธการ กองส่งก าลังบ ารุง และการข่าว กองอ านวยการ สถานพกัฟ้ืนและพกัผ่อน กองบริการ กองคลงัน้า มนั เช้ือเพลิง กองคลัง เกียกกาย กองคลัง ยกกระบัตร
๑๕๓ ๒. กองทหารพลาธิการกองพล ๒.๑ การจัด ภารกิจ ขีดความสามารถ ๒.๑.๑ การจัด ประกอบด้วย กองบังคับการกอง หมวดส่งกำลัง หมวดการศพ และ ๓ หมวดรถยนต์บรรทุก ๒.๒ ภารกิจ กองทหารพลาธิการกองพล มีภารกิจให้การสนับสนุนแก่กองพลด้วยการ ปฏิบัติการส่งกำลัง การซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์ และการบริการสายพลาธิการ ๒.๓ ขีดความสามารถ เมื่อบรรจุกำลังเต็มอัตรา กองทหารพลาธิการกองพล (ผบ.กองฯ อัตรา พ.ต.) สามารถดำเนินการได้ดังนี้.- ๒.๓.๑ จัดตั้งและปฏิบัติ ตำบลจ่าย สป.๑ ได้ ๓ ตำบล ,ตำบลจ่าย สป.๓ ได้ ๓ ตำบล และ ตำบลจ่าย สป.๒ และ ๔ สายพลาธิการ ได้ ๑ ตำบล ทำการรับ เก็บรักษาชั่วคราวและจ่ายสิ่งอุปกรณ์ สายพลาธิการ สนับสนุนให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองพล ๒.๓.๒ ทำการขนส่ง สป.ด้วยรถยนต์ เพื่อรับ สป.ในความรับผิดชอบ จากตำบลส่งกำลังที่ ให้การสนับสนุนและนำไปแจกจ่ายถึงหน่วย ให้กับหน่วยรับการสนับสนุนในกองพล่ ๒.๓.๓ จัดให้มีสถานีจ่ายน้ำมันเคลื่อนที่ เพื่อจ่ายน้ำมันยานพาหนะให้แก่หน่วยต่าง ๆ ใน กองพล ๒.๓.๔ ดำรงรักษาสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการของกองพลตามที่กำหนด ๒.๓.๕ ปฏิบัติการซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์สายพลาธิการขั้นสนับสนุนโดยตรงให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองพล ๒.๓.๖ ช่วยเหลือหน่วยต่าง ๆ โดยให้คำแนะนำ และการจ่ายชิ้นส่วนซ่อมในการนำไป ปรับปรุง พัฒนาให้หน่วยงานมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานมากที่สุด ๒.๓.๗ จัดตั้งตำบลรวบรวมสิ่งเก็บกู้ เพื่อปรับไปคัดแยกและส่งกลับ สป.เก็บกู้ในกองพล ๒.๓.๘ จัดตั้งและปฏิบัติงานตำบลรวบรวมศพของกองพลได้ ๓ ตำบล เพื่อทำการรวบรวม พิสูจน์ทราบขั้นต้น และเตรียมศพเพื่อส่งกลับ จัดการส่งกลับทรัพย์สินส่วนตัวร่วมกับศพนั้น ๒.๓.๙ ช่วยเหลือหน่วยกำลังรบต่าง ๆ ของกองพล ด้วยการให้คำแนะนำในการปฏิบัติต่อ ศพ และจัดชุดค้นหาศพหลังการรบเป็นพื้นที่ในกรณีจำเป็น ๒.๓.๑๐ จัดตั้งศูนย์รวมแรงงานของกองพล และควบคุมแรงงานพลเรือนได้ในจำนวนที่ จำกัด เพื่อสนับสนุนแรงงานทั่วไป ให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองพล ๒.๓.๑๑ ทำการรบอย่างทหารราบ เพื่อป้องกันตนเอง และที่ตั้งของตนได้ในขอบเขตจำกัด ๒.๔ การแบ่งมอบ กองทหารพลาธิการกองพล เป็นหน่วยในอัตราของกองพลทหารราบ กอง พลทหารม้า และกองพลทหารปืนใหญ่ ๑ กอง ต่อ ๑ กอพล หมวดรถยนต์บรรทุก กองทหารพลาธิการกองพล กองบังคับการ กอง หมวดส่งกำลัง หมวดการศพ
๑๕๔ กองบังคับการกอง การประกอบกำลัง กองบังคับการกองทหารพลาธิการกองพล เป็นที่ทำการบังคับการกอง มี เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือในการปฏิบัติการ บังคับบัญชา และทางธุรการต่าง ๆ ซึ่งอาจแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ตาม หน้าที่ดังนี้ - ส่วนบังคับบัญชา - ส่วนธุรการ - ส่วนส่งกำลัง - ส่วนเลี้ยงดู - ส่วนซ่อมบำรุง - ส่วนบริการแรงงาน - ส่วนติดต่อสื่อสาร งานในหน้าที่รับผิดชอบ ๑.การบังคับบัญชาการฝึก การรักษาวินัย และอำนวยการปฏิบัติของกองพล ๒.การส่งกำลังและบริการกำลังพลภายในกอง ๓.การซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์ในอัตราขั้นการซ่อมระดับหน่วย ๔.ติดต่อสื่อสารภายในกอง ๕.งานธุรการและการเลี้ยงดูกำลังพลของกอง การปฏิบัติหน้าที่ ส่วนบังคับบัญชา ๑. ผู้บังคับกองทหารพลาธิการกองพล เป็นผู้บังคับบัญชาของกอง รับผิดชอบในการบังคับ บัญชา การฝึก การปฏิบัติงานของกองทั้งทางเทคนิค ทางธุรการ และทางยุทธวิธี ถึงแม้จะได้มอบหมายหน้าที่ ให้แก่ผู้บังคับบัญชาระดับรองของตนแล้วก็ตาม ผู้บังคับกองยังต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อหน่วยงานของตนแต่ผู้ เดียว และต้องวางแผนปฏิบัติในรายละเอียด สั่งการปฏิบัติ กำกับดูแลการปฏิบัติ และฝึกกำลังพลในหน่วย ของตนเพื่อให้สามารถ ๑.๑ ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบให้สําเร็จ ๑.๒ ปฏิบัติงานทางธุรการของกองร้อยให้ได้ผลดี ๑.๓ รักษาระเบียบวินัยของทหารในหน่วยให้อยู่ใน ระดับอันพึงประสงค์ ๑.๔ ป้องกันตนเองต่อการโจมตีของข้าศึก ๒. รองผู้บังคับกอง รองผู้บังคับกองเป็นลำดับที่สองในสาย การบังคับบัญชาของกองทหาร พลาธิการ ทำหน้าที่แทนผู้บังคับกองเมื่อไม่อยู่ ซึ่งจะเข้าทำหน้าที่ บังคับบัญชาทันที ในกรณีที่ผู้บังคับกอง ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถปฏิบัติงานได้หรือเสียชีวิตลง ปฏิบัติงานปกติตามที่ผู้บังคับกองมอบหมาย เป็นผู้ ประสานการปฏิบัติของหน่วยต่างๆ ในกองร้อย ควบคุมการปฏิบัติงานของกองบังคับการกองอย่างใกล้ชิด ซึ่ง ได้แก่งานธุรการ การส่งกำลังภายใน การซ่อมบำรุงประจำหน่วย การติดต่อสื่อสารและการเลี้ยงดูของกอง ทหารพลาธิการเป็นต้น ๓. จ่ากองร้อย จ่ากองร้อยเป็นนายทหารชั้นประทวนที่มี อาวุโสสูงสุดในกองร้อย เป็นที่ปรึกษา ของผู้บังคับกองในเรื่องเกี่ยวกับการบรรจุ การย้ายตำแหน่ง การเลื่อนขั้น การเลื่อนยศ การให้สิทธิพิเศษ การ ฝึก การรักษาระเบียบวินัยของนายสิบพลทหาร ภายในกองทหารพลาธิการ เรียกรวมพลกองร้อย ประสาน
๑๕๕ กำกับดูแลการปฏิบัติพันธกิจของ กองบังคับการกอง เช่น งานธุรการ การส่งกำลังภายใน การติดต่อสื่อสาร และการเลี้ยงดู เป็นต้น ๔. พลขับรถ ทําหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุกขนาด ๑/๔ ตัน ใน อัตราของกองบังคับการกอง ๕. พลทหารบริการประจําตัวนายทหาร ในอัตราของทหาร พลาธิการกองพล ส่วนธุรการ ๑.เสมียนธุรการกองร้อย ปฏิบัติงานเกี่ยวกับหนังสือโต้ตอบ รายงานยอดกำลังพล และงาน เสมียนอื่นๆ ต่างๆ และปฏิบัติงานเกี่ยวกับการพิมพ์ทั้งปวงของกองบังคับการกอง ๒. เสมียนพิมพ์ดีด ช่วยเหลือ ส.ธุรการเกี่ยวกับงานธุรการต่างๆ และปฏิบัติงานเกี่ยวกับการ พิมพ์ทั้งปวงของกองบังคับการกอง ส่วนส่งกำลัง นายสิบส่งกำลังทำหน้าที่ เบิก-รับ เก็บรักษา จ่าย สิ่งอุปกรณ์และยุทธภัณฑ์ตามอัตรา ของกอง และยุทธภัณฑ์ประจำกายทหารในกองทหารพลาธิการ ภายใต้การกำกับดูแลของจ่ากองร้อย มี เสมียนส่งกำลังเป็นผู้ช่วยเหลือในการดำเนินการเกี่ยวกับ เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการส่งกำลังทั้งปวง ภายใน กองทหารพลาธิการกองพล ส่วนเลี้ยงดูประกอบด้วยนายสิบสูทกรรมและพลสูทกรรม ปฏิบัติงานประกอบอาหารและเลี้ยงดู กำลังพลของกองทหารพลาธิการกองพล ประกอบด้วย พลสูทกรรมอาวุโส ๑ คน ทำหน้าที่ขับรถยนต์บรรทุก ขนาด ๓/๔ ตัน ซึ่งเป็นรถครัวของกองทหารพลาธิการด้วย การปฏิบัติงานเลี้ยงดูนั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแล อย่างใกล้ชิดของของผู้บังคับกองทหารพลาธิการกองพล ส่วนติดต่อสื่อสาร ประกอบด้วยพลวิทยุและพลสลับสาย ทำหน้าที่ เป็นพนักงานวิทยุ ตลอดจน ปฏิบัติการวางสายจัดตั้งข่ายการสื่อสารทางโทรศัพท์จาก บก.กองไปยัง หมวดต่างๆและสถานส่งกำลังบำรุง ของกองทหารพลาธิการกองพล ส่วนซ่อมบำรุง ๑. นายสิบยานยนต์ ทำหน้าที่ขับรถกู้ขนาด ๕ ตัน ในอัตรา ของกองบังคับการกองสนับสนุนการ ซ่อมบำรุงยานยนต์ขั้นซ่อมบำรุงระดับหน่วย ซึ่งหมวดรถยนต์บรรทุกเป็นผู้ปฏิบัติ ตามปกติมักจะจัดเป็นแบบ รวมการ มอบหมายให้นายสิบยานยนต์ เป็นหัวหน้า ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของรองผู้บังคับกอง ทหารพลาธิการของกองพล ๒. ช่างอาวุธ ทําหน้าที่ซ่อมอาวุธในอัตราทหารพลาธิการกองพล สําหรับการซ่อมบำรุงประจำ หน่วย ในขั้นซ่อมบำรุงระดับหน่วย ๓. ส่วนบริการแรงงาน ผู้บังคับตอนเป็นผู้รับผิดชอบ มีผู้บังคับหมู่เป็น ผู้ช่วยในการปฏิบัติงาน ควบคุมแรงงานพลเรือน ณ ศูนย์รวบรวมแรงงานของกองพล แรงงานเหล่านี้ อาจเป็นประเภทประจำที่หรือ ประเภทเคลื่อนที่ก็ได้ ตามปกติมักเป็นแรงงานประจำที่ซึ่งจัดจ้างจาก ประชาชนในท้องถิ่นที่เป็นท้องที่ ปฏิบัติการของกองพล เพื่อบริการแรงงานทั่วไปให้แก่หน่วยต่างๆ ในกองพลตามความจําเป็นในจํานวนจํากัด หมวดส่งกำลัง การประกอบกำลัง หมวดส่งกำลังกองทหารพลาธิการกองพล ประกอบด้วย - บก.หมวด (อัตรา ร.อ.) - ตอน สป.๑ , - ตอน สป.๒ และ ๔ - ตอน สป.๓ งานในหน้าที่รับผิดชอบ หมวดส่งกำลังมีหน้าที่รับผิดชอบในการ
๑๕๖ ๑.เสนอแนะตำแหน่งที่ตั้ง จัดตั้งและปฏิบัติงานในตำบลจ่ายของกองพล สำหรับการรับ เก็บรักษาและแจกจ่ายสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ในความรับผิดชอบของกองทหารพลาธิการกองพล ๒.ปฏิบัติการซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์สายพลาธิการในขั้นการสนับสนุนโดยตรง ๓.จัดตั้งและปฏิบัติงานในตำบลรวบรวมสิ่งเก็บกู้ ๔.เก็บรักษาสิ่งอุปกรณ์สำรองของกองพล ในความรับผิดชอบของกองทหารพลาธิการ ๕.ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย การปฏิบัติหน้าที่ ๑. กองบังคับการหมวด เป็นส่วนควบคุมบังคับบัญชาของหมวดและ เป็นที่ปฏิบัติงานของผู้ บังคับหมวด ๑.๑ ผู้บังคับหมวด อำนวยการปฏิบัติของหมวดรับผิดชอบใน การควบคุมกำกับดูแล โดยตรงต่อการปฏิบัติงานของตอนส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ ๑.๒ นายทหารส่งกำลัง รับผิดชอบในการควบคุมกำกับดูแล โดยตรงต่อการปฏิบัติงาน ของตอนส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์2-4 ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในการซ่อมบำรุงและ บริการเก็บกู้ด้วย ๑.๓ รองผู้บังคับหมวด ช่วยเหลือผู้บังคับหมวดในการอำนวย การปฏิบัติ และบังคับ บัญชาของหมวดส่งกำลัง รับผิดชอบในการควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ของตอนส่งกำลัง อุปกรณ์ ประเภท 3 โดยตรง ๑.๔ เสมียนส่งกำลัง มีหน้าที่จัดทำบันทึกหลักฐานการปฏิบัติงานของหมวด เช่นการรับ ใบสั่งจ่ายจากฝ่ายพลาธิการกองพล ลงทะเบียนเอกสารและส่งหน่วยที่เกี่ยวข้องเป็นต้น ๑.๕ พลขับรถมีหน้าที่ขับ รอบ. ๑/๔ ตัน ในอัตราของหมวด ๒. ตอนส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๑ หมวดส่งกำลัง รับผิดชอบใน การจัดตั้งและ ปฏิบัติงานตำบลจ่าย สป.๑ ของกองพลในพื้นที่สนับสนุนของกองพล และตำบลจ่าย สป.๑ หน้าใน พื้นที่ขบวนสัมภาระของกรมในแนวหน้า ๒ กรม เพื่อดำเนินการรับ เก็บรักษาชั่วคราว และจ่าย สป.๑ สนับสนุนแก่หน่วยต่างๆ ของกองพลในพื้นที่นั้นๆ และดำรงรักษา สป.๑ สำรองของ กองพลตามที่ กำหนด ๒.๑ ผู้บังคับตอน ปฏิบัติการจ่าย สป.๑ ณ ตำบลจ่าย สป.๑ ของ กองพล ภายใต้การ ควบคุมของผู้บังคับหมวดส่งกำลัง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นผู้บังคับส่วนแยกที่ ๑ ในกรณีที่กองทหาร พลาธิการกองพลต้องจัดกำลังแยกไปปฏิบัติการในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ๒.๒ รองผู้บังคับตอน ช่วยเหลือผู้บังคับตอนในการปฏิบัติงาน ในความรับผิดชอบ ทำ หน้าที่เป็นหัวหน้าตำบลจ่าย สป.๑ ของกองพล ในพื้นที่สนับสนุนของกองพลในกรณีที่ผู้บังคับตอนต้องไปทำ หน้าที่ในพื้นที่อื่นๆ ๒.๓ นายสิบจ่ายเสบียง ๒ คน เสมียนพิมพ์ดีด ๑ คน ผู้ช่วย นายสิบจ่ายเสบียง ๒ คน และพลคลัง ๔ คน ประกอบกันเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตำบลจ่าย สป.๑ หนึ่งตำบล ซึ่งอาจจะอยู่ภายใต้การ ควบคุมโดยตรงของ ผบ.หมวดส่งกำลังหรือ ผบ.ตอนแล้วแต่กรณี ๒.๔ ตอนส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ ๔ รับผิดชอบในการจัดตั้งและปฏิบัติ ตำบลจ่าย สป.๒ และ ๔ สายพธ. ของกองพล ณ พื้นที่สนับสนุนของกองพลปฏิบัติการซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์ สาย พธ.ขั้นสนับสนุนโดยตรง โดยการจัดตั้งสถานซ่อมบำรุงขึ้น ณ ที่ตั้งของหน่วยรับการสนับสนุน จัดตั้งและ ปฏิบัติการที่ตำบลรวบรวมสิ่งเก็บกู้ โดยใช้สถานที่ภายในสถานซ่อมบำรุงนั้นทำการรับ รวบรวม และคัดแยก สป. เก็บกู้เพื่อส่งกลับหรือจำหน่ายต่อไป
๑๕๗ ๒.๔.๑ ผู้บังคับตอน รับผิดชอบในการบังคับบัญชา และควบคุม การปฏิบัติของตอน ภายใต้ การกำกับดูแลของนายทหารส่งกำลังของหมวดส่งกำลัง เสมียนพิมพ์ดีด และพลคลังเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติในการส่ง กำลัง สป. ๒ และ ๔ สาย พธ. ๒.๔.๒ นายสิบตรวจสิ่งอุปกรณ์เก็บกู้ รับผิดชอบรวบรวม คัดแยกและส่งกลับสิ่งอุปกรณ์เก็บกู้ ๒.๔.๓ ช่างซ่อม ช่างซ่อมต่างๆ ซึ่งได้แก่ ช่างซ่อมเครื่องใช้ประจำสำนักงาน ช่างซ่อมเสี้อผ้า ช่างซ่อมรองเท้า และช่างซ่อมสิ่งทอ ปฏิบัติงานซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์ สาย พธ.ตามหน้าที่ โดยใช้ยุทธภัณฑ์ซ่อมบำรุง ตามอัตรา ซึ่งสามารรถจัดเป็นชุดซ่อมเคลื่อนที่ได้ตาม ความต้องการ ๒.๕ ตอนส่งกำลังส่งอุปกรณ์ประเภท 3 หมวดส่งกำลัง รับผิดชอบในการ จัดตั้ง และปฏิบัติงาน ตำบลจ่าย สป.๓ ของกองพลในพื้นที่สนับสนุนของกองพล และตำบลจ่าย สป.๓ หน้าของกองพล ในพื้นที่ขบวน สัมภาระของกรมในแนวหน้า ๒ กรม เพื่อดำเนินการรับ เก็บรักษาและจ่าย สป.๓ สนับสนุนให้แก่หน่วยต่างๆ ของ กองพลตามที่กำหนด และดำเนินการสถานีจ่าย น้ำมันเคลื่อนที่ตามความจำเป็น มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการที่สำคัญดังนี้ ๒.๕.๑ ผู้บังคับตอน ปฏิบัติงานแจกจ่าย สป. ๓ ณ ตำบลจ่าย ภายใต้การควบคุมโดยตรงของ รอง ผบ.หมวดส่งกำลัง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็น ผบ.ส่วนแยกที่ ๒ ในกรณีที่กองทหารพลาธิการกองพลต้องจัด กำลังแยกออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ๒.๕.๒ รองผู้บังคับตอน ช่วยเหลือผู้บังคับตอนในการปฏิบัติงาน ในความรับผิดชอบของตอน ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าตำบลจ่าย สป.๓ ของกองพล ในกรณีที่ผู้บังคับตอน ต้องไปทําหน้าที่ ณ ตำบลจ่าย สป.๓ แห่ง อื่น ๒.๕.๓ นายสิบจ่ายน้ำมัน ๒ คน ผู้ช่วยนายสิบจ่ายน้ำมัน ๒ คน และพลคลัง ๔ คน ประกอบ กันเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตำบลจ่าย สป. ๓ หนึ่งตำบล ซึ่งอาจจะอยู่ ภายใต้การควบคุมโดยตรงของรองผู้บังคับ หมวดส่งกำลัง หรือผู้บังคับตอน หรือรองผู้บังคับตอนแล้วแต่กรณี นอกจากนั้นอาจจัดนายสิบจ่ายน้ำมัน ๑ คน กับ ผู้ช่วยตามความเหมาะสม เป็นชุดสถานีเติมน้ำมันเคลื่อนที่ไปสนับสนุนให้แก่หน่วยได้ หมวดการศพ การประกอบกำลัง หมวดการศพของกองทหารพลาธิการกองพล ประกอบด้วย - บก.หมวด (อัตรา ร.อ.) - ๑ ตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับ - ๓ ตอนรวบรวมและส่งกลับ งานในหน้าที่รับผิดชอบ หมวดการศพมีหน้าที่รับผิดชอบในการ ๑.จัดตั้งและปฏิบัติรวบรวมศพของกองพล เพื่อสนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ในการจัดการศพ ในพื้นที่ รับผิดชอบของกองพล และพื้นที่ขบวนสัมภาระของกรม ๒.ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบ การปฏิบัติหน้าที่ ๑. กองบังคับการหมวด เป็นส่วนบังคับบัญชา มีผู้บังคับหมวดเป็นผู้รับผิดชอบต่อการ ปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และเป็นผู้รับผิดชอบ ในเรื่องการฝึก การสวัสดิการ การรักษา ระเบียบวินัย และการปฏิบัติการทางธุรการอื่นๆ นอกจากนี้ยังทําหน้าที่เป็นหัวหน้าส่วนแยกที่ 3 ในกรณีที่ กองทหารพลาธิการกองพลต้องจัดกำลังแยกออกไป ปฏิบัติในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย พลขับทำหน้าที่ขับและ ปรนนิบัติบำรุง รยบ. ขนาด ๑/๔ ตัน ตามอัตราของกองบังคับการหมวด หรือปฏิบัติงานด้านอื่นๆตามที่ผู้ บังคับหมวดจะมอบหมายให้
๑๕๘ ๒. ตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับ ตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบ และส่งกลับรับผิดชอบใน การจัดตั้งและปฏิบัติงานในตำบลรวบรวมศพของกองพล ณ พื้นที่สนับสนุน ของกองพลเพื่อทำการรับ รวบรวมและพิสูจน์ทราบศพที่ส่งกลับมาจากตำบลรวบรวมศพหน้า และ ศพที่เสียชีวิตในพื้นที่สนับสนุนของ กองพล ดำเนินกรรมวิธีห่อศพเหล่านั้นเพื่อส่งกลับ ทำการตรวจสอบนับจำนวน ทำบัญชีทรัพย์สินส่วนตัวที่ติด มากับศพ แล้วบรรจุลงในถุงทรัพย์สินเพื่อส่งกลับไปพร้อมกับศพ ทําหลักฐานทะเบียนและเอกสารที่จำเป็น เกี่ยวกับกิจการศพในระดับกองพล มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดังนี้ ๒.๑ ผู้บังคับตอน รับผิดชอบในการบังคับบัญชา และปฏิบัติงานของตอนภายใต้การ อำนวยการของผู้บังคับหมวด ๒.๒ รองผู้บังคับตอน ช่วยเหลือผู้บังคับตอนตามที่ได้รับ มอบหมาย ทำหน้าที่แทนผู้บังคับ ตอน ในกรณีที่ผู้บังคับตอนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ๒.๓ นายสิบพิสูจน์ศพ ทำหน้าที่รับ รวบรวม พิสูจน์ทราบ และดำเนินกรรมวิธีต่อศพและ ทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อเตรียมการส่งกลับ ๒.๔ พลลูกมือ ช่วยเหลือนายสิบพิสูจน์ทราบและปฏิบัติงานตามที่ได้รับคำสั่ง ๓. ตอนรวบรวมและส่งกลับ ตอนรวบรวมและส่งกลับ (๓ ตอน) รับผิดชอบในการจัดตั้งและ ปฏิบัติตำบลรวบรวมศพหน้าของกองพล ในพื้นที่ขบวนสัมภาระของ กรมในแนวหน้า ๑ ตอน ต่อ ๑ กรม เพื่อ สนับสนุนอย่างใกล้ชิดต่อกรมนั้น โดยทำหน้าที่รับศพที่ส่งมาจากตำบลรวบรวมของกองพันในแนวหน้า และ ศพที่เสียชีวิตในพื้นที่ขบวนสัมภาระของกรม พิสูจน์ทราบขั้นต้นและดำเนินกรรมวิธีสำหรับการส่งกลับไปยัง ตำบลรวบรวมศพในพื้นที่สนับสนุน ของกองพล รวมทั้งดำเนินกรรมวิธีขั้นต้นต่อทรัพย์สินส่วนตัวที่ติดมากับ ศพแล้วส่งกลับไปกับศพด้วย มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดังนี้ ๓.๑ นายสิบทะเบียนศพ ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับตอน รับผิดชอบ ในการบังคับบัญชาและ การปฏิบัติงานของตำบลรวบรวมศพหน้าของกองพล ภายใต้การอำนวยการ ของผู้บังคับหมวดการศพ ๓.๒ ผู้ช่วยนายสิบทะเบียนศพ ช่วยเหลือนายสิบทะเบียนศพ ในการดำเนินงานต่อศพ ณ ตำบลรวบรวมศพหน้า ๓.๓ เสมียนทะเบียนศพ ปฏิบัติงานด้านเอกสาร และบัญชี ต่างๆที่เกี่ยวกับการศพ ณ ตำบลรวบรวมศพหน้า ๓.๔ พลลูกมือ ช่วยเหลือกิจการทั้งปวง ของตำบลรวบรวมศพหน้าตามที่ได้รับคำสั่ง หมวดรถยนต์บรรทุก การประกอบกำลัง หมวดรถยนต์บรรทุก ประกอบด้วย - บก.หมวด (อัตรา ร.อ.) - ๒ ตอนรถยนต์บรรทุก งานในหน้าที่รับผิดชอบ หมวดรถยนต์บรรทุกมีหน้าที่ในความรับผิดชอบในการ ๑.ปฏิบัติการขนส่งด้วยรถยนต์บรรทุก เพื่อสนับสนุนกิจการส่งกำลังบำรุง ซ่อมบำรุง และ บริการในความรับผิดชอบของกองทหารพลาธิการกองพล (รยบ.๒ ๑/๒ ตัน จำนวน ๓๖ คัน,รยบ.๒ ๑/๒ ตัน แบบมีกว้าน จำนวน ๖ คัน) ๒.ปฏิบัติการขนส่งด้วยรถยนต์ สนับสนุนกิจการอื่นๆ ของกองพล ตามคำสั่งของผู้ บัญชาการกองพล ๓ .ปฎิบัติงานอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบ
๑๕๙ การปฏิบัติหน้าที่ ๑. กองบังคับการหมวด กองบังคับการหมวด เป็นส่วนควบคุม บังคับบัญชา มีเจ้าหน้าที่หลักใน การปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ดังนี้ ๑.๑ ผู้บังคับหมวด รับผิดชอบในการปฏิบัติงานของหมวด ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เป็น ผู้ควบคุมบังคับบัญชา อำนวยการฝึกเจ้าหน้าที่ภายในหมวดทั้งใน ทางเทคนิคของการขับรถ และการปรนนิบัติ บำรุงยานยนต์ และในทางยุทธวิธี กวดขันการปฏิบัติงาน และรักษาระเบียบวินัยของกำลังพลในบังคับบัญชา ของตน ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมขบวนยานยนต์ ของหมวด ๑.๒ รองผู้บังคับหมวด เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของผู้บังคับหมวด ปฏิบัติงานตามที่ผู้บังคับหมวด มอบหมายให้ ตามปกติเป็นผู้รับผิดชอบในงานธุรการทั่วๆ ไป เช่น การเก็บรักษาเอกสาร หลักฐานและสถิติ เกี่ยวกับการใช้ยานพาหนะ เป็นผู้ควบคุมขบวนยานยนต์ของ หมวดในเมื่อผู้บังคับหมวดสั่งการและมอบหมาย ให้ ๑.๓ ช่างเครื่องยนต์ รับผิดชอบในการซ่อมบำรุงยานยนต์ ระดับหน่วยต่อยานพาหนะตาม อัตราของหมวด หากมีการปฏิบัติการซ่อมบำรุงแบบรวมการในลักษณะที่ กอง พธ.พล จัดเป็นแหล่งรวมรถ ของกองขึ้น ช่างเครื่องยนต์ของหมวดรถยนต์บรรทุก ทุกๆหมวดจะรวมกันปฏิบัติงานภายใต้การควบคุมของ นายสิบยานยนต์ใน บก กอง พธ.พล ๑.๔ นายสิบปล่อยรถ ช่วยเหลือรองผู้บังคับหมวดในงาน ธุรการต่างๆ จัดทำตาราง กำหนดการใช้ยานพาหนะภายในหมวด จัดทำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการ ใช้ยานพาหนะปฏิบัติงาน ณ จุด ควบคุมการขนส่ง ที่จัดตั้งขึ้นในพื้นที่สนับสนุนของกองพล ๑.๕ พลขับรถ ทำหน้าที่ขับรถและปรนนิบัติบำรุง รยบ. ขนาด ๑/๔ ตัน ในอัตราของกอง บังคับการหมวด หรือปฏิบัติงานอื่นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ ๒. ตอนรถยนต์บรรทุก แต่ละหมวดรถยนต์บรรทุก จะประกอบ ด้วย ๒ ตอนรถยนต์บรรทุก มี รถยนต์บรรทุกขนาด ๒ ๑/๒ ตัน ตามอัตรา ตอนเป็นหน่วยหลักใน การปฏิบัติงานของหมวดรถยนต์บรรทุกใน การขนส่งตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีเจ้าหน้าที่หลัก ในการปฏิบัติงานดังนี้ ๒.๑ ผู้บังคับตอน เป็นผู้ควบคุมการทำงานของพลขับและพลขับผู้ช่วย ในการใช้และ ปรนนิบัติบำรุงยานพาหนะภายในตอน แบ่งมอบงานให้แก่พลขับอย่าง ยุติธรรม ร่วมไปกับขบวนยานพาหนะ ในเมื่อรถยนต์ของตอนออกปฏิบัติงานเป็นขบวนเพื่อควบคุม อย่างใกล้ชิด ๒.๒ พลขับรถ ทำหน้าที่ขับและปรนนิบัติบำรุงยานพาหนะที่ตนประจำการ ๒.๓ พลขับผู้ช่วย ทำหน้าที่แทนพลขับที่ไม่สามารถปฏิบัติงาน ได้ หรือปฏิบัติงานอื่นๆตามที่ ผู้บังคับตอนมอบหมาย และช่วยเหลือพลขับในการปรนนิบัติบำรุงยานพาหนะในหน้าที่พลขับ ๓. ฝ่ายพลาธิการกองพล (ร.ส.๑๐-๑๗ พ.ศ.๒๕๑๙) การประกอบกำลัง ฝ่ายพลาธิการกองพลเป็นส่วนงานฝ่ายยุทธบริการในอัตราการจัดของกอง พล ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่นายทหาร นายสิบ และพลทหารเหล่าพลาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับ มอบหมาย มีพลาธิการกองพล เป็น หัวหน้า (อัตรา พ.ท.) ทำหน้าที่บังคับและควบคุมการปฏิบัติงานในความ รับผิดชอบ ภารกิจ ฝ่ายพลาธิการกองพล มีภารกิจในการวางแผน ควบคุม อำนวยการ ปฏิบัติและกำกับ ดูแลการส่งกำลัง การซ่อมบำรุง และการบริการสายพลาธิการ เพื่อสนับสนุนให้แก่กองพล
๑๖๐ ขีดความสามารถ ๑. ให้ข้อเสนอแนะและช่วยเหลือในการวางแผนเกี่ยวกับการส่งกำลัง การซ่อมบำรุง และการ บริการสายพลาธิการแก่ผู้บัญชาการและฝ่ายอำนวยการของกองพล ๒.ประสานกับหน่วยที่ให้การสนับสนุน ฝ่ายอำนวยการของกองพล และ หน่วยรับการสนับสนุน ในการวางแผนและออกคำสั่งของกองพลเกี่ยวกับการสนับสนุนสายพลาธิการ ๓. กำหนดความต้องการ จัดหาหรือเบิก ทำบัญชีคุม รับคำขอหรือใบเบิกจากหน่วยรับการ สนับสนุนและดำเนินกรรมวิธีสั่งจ่าย ควบคุมและอำนวยการรับ เก็บรักษา และจ่ายสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ๔. ควบคุมและอำนวยการปฏิบัติการซ่อมบำรุงยุทธภัณฑ์สายพลาธิการในขั้น สนับสนุนโดยตรง ๕. ควบคุมและอำนวยการปฏิบัติการบริการการจัดการศพ บริการแรงงาน และบริการจัดซื้อ และทำสัญญาในกองพล ๖. กำกับดูแลการเลี้ยงดู การดำเนินการร้านค้าของหน่วย บริการเก็บกู้ ปฏิบัติการส่งกำลังและ ซ่อมบำรุงสายพลาธิการของหน่วยต่างๆ ในกองพล ๗ .ให้คำแนะนำทางเทคนิคต่อการฝึกการปฏิบัติแก่หน่วยต่างๆ ของกองพลที่ เกี่ยวกับกิจการ สายพลาธิการ ขีดจำกัด ฝ่ายพลาธิการกองพลต้องอาศัยการบริการกำลังพล การส่งกำลังและการซ่อมบำรุงภายในหน่วย การเลี้ยงดู และการสนับสนุนทางธุรการต่างๆ จากกองร้อยกองบัญชาการกองพล การจัดส่วนงานของฝ่ายพลาธิการกองพล ไม่มีกำหนดไว้ในอัตราการจัดอย่างแน่นอน พลาธิการกองพลอาจ ใช้ดุลยพินิจในการแบ่งส่วนงาน การแบ่งมอบงานและการแบ่งมอบเจ้าหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ตามความ เหมาะสม โดยอาศัยปัจจัยพิจารณาต่างๆ เช่น สถานการณ์ทางยุทธวิธี ปฏิบัติงานการสนับสนุนจากหน่วย เหนือ การรับการสนับสนุนของหน่วย รอง และภารกิจ โดยเฉพาะการปฏิบัติเป็นครั้งคราวนั้นเป็นต้น สิ่ง เหล่านี้จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าควร จะจัดส่วนงานอย่างไร เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานทางธุรการ ทางเทคนิค ตลอดจนการอำนวยการ และกำกับดูแลกิจการในหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด บทบาทของฝ่ายหารพลาธิการกองพล ๑. ฝ่ายพลาธิการกองพลเป็นส่วนหนึ่งที่พลาธิการและคณะนายทหารนายสิบที่บรรจุตาม ตำแหน่งหน้าที่ตามอัตราเป็นผู้ปฏิบัติ คณะนายทหารในฝ่ายพลาธิการกองพลช่วยเหลือพลาธิการ ให้ คําแนะนํา กํากับดูแล ในการอำนวยการการปฏิบัติทางเทคนิค กล่าวคือจะเป็นผู้วางแผน และควบคุมการ ปฏิบัติตามที่พลาธิการกองพลมอบหมาย ๒.นายทหารฝ่ายอำนวยการของฝ่ายพลาธิการ อาจได้รับมอบหมายให้ควบคุมการ ปฏิบัติ โดยตรงต่อหน่วยปฏิบัติการของกองทหารพลาธิการกองพล ในเรื่องที่เป็นงานประจำวันปกติ เช่น การสั่งจ่าย ซึ่งอุปกรณ์ตามอัตรา หรือเกณฑ์จ่ายที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยแน่ชัดเป็นต้น ๓. เจ้าหน้าที่ชั้นนายสิบพลทหารของฝ่ายพลาธิการเป็นผู้ช่วยเหลือนายทหารฝ่ายอำนวยการ และการปฏิบัติงานทางธุรการของฝ่ายพลาธิการกองพลตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ ๔. ฝ่ายพลาธิการกองพล มีบทบาทในการวางแผน กํากับดูแล และควบคุมการ ปฏิบัติต่อหน่วย ทหารพลาธิการที่มาขึ้นตรงสมทบกับกองพล เช่นเดียวกับหน่วยทหารพลาธิการในอัตราของกองพล ส่วน หน่วยที่มาให้การสนับสนุนต่อกองพล โดยไม่ขึ้นสมทบนั้น ฝ่ายพลาธิการ กองพลจะประสานการสนับสนุนให้ เป็นประโยชน์แก่กองพลให้ได้มากที่สุด โดยทหารฝ่ายอำนวยการ ของฝ่ายพลาธิการกองพลแต่ละหน้าที่เป็น ผู้รับผิดชอบตามสายงานของตนตามที่ได้รับมอบ
๑๖๑ ๕. ฝ่ายพลาธิการกองพล มีเจ้าหน้าที่บรรจุไว้ในอัตราจำนวนเพียงพอที่จะเป็นเครื่องมือ ของ พลาธิการกองพลสำหรับการปฏิบัติงานตามภารกิจที่รับผิดชอบได้ เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้แก่ พลาธิการกองพล รองพลาธิการกองพล นายทหารส่งกำลัง นายทหารจัดซื้อและทำสัญญานายทหารกำกับการเลี้ยงดู หัวหน้า เสมียน นายสิบส่งกำลัง เสมียนส่งกำลัง ตัวอย่างการจัดส่วนงาน ให้ไว้เป็นตัวอย่างและแนวทางแบบหนึ่งเท่านั้น อาจใช้ตามนี้หรือนำไป ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาให้หน่วยงานมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานมากที่สุด ส่วนธุรการ ให้รองพลาธิการกองพล เป็นหัวหน้า ตามปกติรองพลาธิการกองพลเป็นนายทหาร ยุทธการและทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายอำนวยการของกองพลาธิการกองพลของฝ่ายพลาธิการกองพล นายทหารกำกับการเลี้ยงดูจัดไว้ในส่วนนี้ด้วย หมวดรถยนต์บรรทุกของกองทหารพลาธิการกองพล ให้อยู่ ภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมการปฏิบัติของส่วนงานนี้ ส่วนส่งกำลัง ให้นายทหารส่งกำลังเป็นหัวหน้า มอบหมายให้กำหนดหน้าที่กำกับ และควบคุม การปฏิบัติของหมวดส่งกำลังกองทหารพลาธิการกองพล ซึ่งรับผิดขอบในการส่งกำลัง การซ่อมบำรุง และการ รวบรวมสิ่งเก็บกู้ ส่วนบริการ ให้นายทหารจัดซื้อและทำสัญญาเป็นหัวหน้า มอบหมายให้ทำหน้าที่กำกับดูแล และควบคุมการปฏิบัติของหมวดการศพ กองทหารพลาธิการกองพล ซึ่งในส่วนนี้จะรับผิดชอบในเรื่องการ บริการสนามสายพลาธิการ ได้แก่ การจัดการศพและการบริการแรงงาน หากได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมการ บริการน้ำอาบและซักรีดจากหน่วยเหนือ ก็ให้อยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของส่วนบริการกองพลด้วย หน้าที่รับผิดชอบของส่วนต่างๆ ของฝ่ายพลาธิการกองพล ๑. ส่วนธุรการ รับผิดชอบในเรื่อง ๑.๑ วางแผน ประสาน กำกับดูแลการปฏิบัติงานของส่วนต่างๆ ของฝ่ายพลาธิการกองพล กำหนดระเบียบปฏิบัติทางเทคนิคของสถานส่งกำลังต่างๆ ของกองพล อันเป็นหน้าที่ของรองพลาธิการกองพล ซึ่งหัวหน้าฝ่ายอำนวยการของกองพลาธิการกองพล ๑.๒ วางแผน ประสานงาน และกำกับดูแลการฝึกทางเทคนิคและทางยุทธวิธีของ ทหาร พลาธิการในกองพล การจัดทำแผนที่สถานการณ์แสดงสถานที่ตั้งต่างๆของสถานส่งกำลังบำรุงและหน่วย ทหารพลาธิการในกองพล พิจารณากำหนดที่ตั้งสถานส่งกำลังบำรุงสาย พธ. เป็นงานในหน้าที่ของนายทหาร ยุทธการ ฝ่ายพลาธิการกองพล (พลาธิการกองพล) ส่วนธุรการ -รองพลาธิการ - น.กำกับการเลี้ยงดู ส่วนส่งกำลัง -น.ส่งกำลัง ส่วนบริการ -นายทหารจัดซื้อ และทำสัญญา
๑๖๒ ๑.๓ กำกับดูแล ประสานและควบคุมการปฏิบัติการขนส่งของหน่วยรถยนต์บรรทุกของทหาร พลาธิการในกองพลุ ๑.๔ กำกับการเลี้ยงดูของหน่วยต่างๆ ของกองพล อันเป็นหน้าที่ของนายทหาร กำกับการเลี้ยง ดู ซึ่งจัดอยู่ในส่วนธุรการนี้ด้วย ได้แก่ ๑.๔.๑ การประสานและให้คำแนะนำในเรื่องรายการอาหารประจำวัน ๑.๔.๒ การประสานและให้คำแนะนำในการฝึกเจ้าหน้าที่เลี้ยงดูของ พลาธิการใน หน่วย ทางเทคนิค ๑.๔.๓ กำกับดูแลการปฏิบัติของตำบลแบ่งเสบียงของหน่วยในส่วนที่ เกี่ยวกับการเลี้ยงดู เช่น คุณภาพอาหารที่จ่าย การเก็บรักษาและการถนอมอาหาร เป็นต้น ๑.๔.๔ ให้คำแนะนำ และกำกับการเลี้ยงดูของหน่วยในกองพล ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ทางราชการได้กำหนดขึ้นไว้ ๑.๔.๕ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความรับผิดชอบอาหารของทหารอยู่ตลอดเวลา เพื่อ เสนอแนะการแก้ไขปรับปรุงรายการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ๑.๕ งานธุรการของฝ่ายพลาธิการ เช่นการดำเนินงานศูนย์รับส่ง การจัดทําทะเบียนเอกสาร เป็นส่วนรวม การเก็บรักษาเอกสาร และการปฏิบัติงานสารบรรณ ๒. ส่วนส่งกำลัง มีความรับผิดชอบในเรื่อง ๒.๑ การกำหนดความต้องการสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการทุกประเภทของกองพล ๒.๒ การจัดทำตารางกำหนดในการเบิก การจ่ายและการรับสิ่งอุปกรณ์ ๒.๓ รับ ตรวจสอบและดำเนินการสั่งจ่ายต่อใบเบิกสิ่งอุปกรณ์ของหน่วยที่เสนอ ๒.๔ การจัดทำเอกสารหลักฐานในการส่งกำลัง เช่น การบันทึกการรายงาน บัญชีสิ่งอุปกรณ์ ตลอดจนเอกสารการแจกจ่ายที่เกี่ยวข้องต่างๆตามความจำเป็น ๒.๕ การรวบรวมหรือสรุปใบเบิกของกองพลเพื่อเสนอขอรับสิ่งอุปกรณ์จาก หน่วยสนับสนุน ๒.๖ การเสนอแนะกำหนดระดับสะสมและสิ่งอุปกรณ์สำรองของกองพล ๒.๗ เสนอแนะการกำหนดลำดับความเร่งด่วน และการแบ่งมอบของ สป.ในการแจกจ่ายสิ่ง อุปกรณ์สายพลาธิการที่เป็นรายการควบคุมและเสนอแนะรายการที่กองพลต้องควบคุม
๑๖๓ ๔. กองบัญชาการช่วยรบ การจัด กองบัญชาการช่วยรบ ประกอบด้วย - บก./ร้อย บก. - ศูนย์ควบคุมทางการส่งกำลัง - พัน สบร. - พัน ซบร. - พัน ขส. - พัน สร. - พัน สพ.กระสุน ภารกิจของกองบัญชาการช่วยรบ สนับสนุนการส่งกำลังบำรุงแก่หน่วยในอัตราและ หน่วยที่บรรจุมอบหรือขึ้นสมทบหรือหน่วยอื่นๆ ที่เข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่ตามที่ ทบ.กำหนด การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองทัพภาค โดยจัด ๑ กองบัญชาการช่วยรบ ต่อ ๑ กองทัพภาค หรืออาจจัดให้กองบัญชาการอื่นๆ ได้ตามความเหมาะสม ศูนย์ควบคุมการส่งกำลังบำรุง การจัด ในศูนย์ควบคุมการส่งกำลังบำรุง กองบังคับการ กองบัญชาการช่วยรบ มี หน่วยพลาธิการ มีกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนต่าง ๆ ประกอบด้วย ๑. แผนกธุรการ ๒. แผนกควบคุมการส่งกำลัง ๒.๑ มว.ส่งกำลัง สป.๑ ๒.๒ มว.ส่งกำลัง สป.๒ และ ๔ (เว้น สป.สายแพทย์) ๒.๓ มว.ส่งกำลัง สป.๕ ๒.๔ มว.ส่งกำลัง สป.๒ และ ๔ สายแพทย์ ๓. แผนกควบคุมการเคลื่อนย้าย ๔. แผนกจำหน่วย พัน สบร. กองบัญชาการช่วยรบ บก./ร้อย บก. ศูนย์ควบคุมทางการส่งกำลังบำรุง พัน ซบร. พัน ขส. พัน สร. พัน สพ.กระสุน
๑๖๔ ภารกิจ ๑.อำนวยการและควบคุมการปฏิบัติ ตลอดจนกำกับดูแลการดำเนินงานส่งกำลังบำรุงให้เป็นไป ตามนโยบายและแบบธรรมเนียมของทางราชการ ๒.จัดงานการส่งกำลังบำรุง เพื่อสนับสนุนหน่วยต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการช่วยรบ ให้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสมถูกต้องทันต่อเหตุการณ์และเวลา กองพันส่งกำลังและบริการ กองบัญชาการช่วยรบ ภารกิจ ๑.ส่งกำลัง สป.๑ ,สป.๒ และ ๔ , สป.๓ (ยกเว้น สป.๒ และ ๔ สายแพทย์ และชิ้นส่วนซ่อม อากาศยาน) ๒.ดำเนินการเรื่อง สป.จำหน่าย ๓.ดำเนินการเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันและทำลายล้างเกี่ยวกับเคมีชีวะรังษีอย่างจำกัด ๔.จัดบริการด้านกิจการศพ การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของ บชร.ทภ.หรืออาจจัดให้กองบัญชาการอื่นๆ ได้ตามความ เหมาะสม กองร้อยคลังสิ่งอุปกรณ์ ๑. การจัด กองพันส่งกำลังและบริการ กองบัญชาการช่วยรบ บก.และร้อย บก. กองร้อยคลัง สป. กองร้อยส่งกำลัง สป. กองร้อยบริการสนาม กองร ้ อยคลงัสิ่งอุปกรณ ์ บก.ร้อย หมวดคลังเสบียง หมวดคลัง สป.๒และ๔ หมวดคลัง สป.๓ หมวดคลงัชิ้นส่วนซ่อม
๑๖๕ ๒. ภารกิจ รับ เก็บรักษา และแจกจ่าย สป.๑ ,สป.๒ และ ๔ ,สป.๓ (เว้น สป.๒ และ ๔ สายและ ชิ้นส่วนซ่อมอากาศยาน) ให้แก่หน่วยรับการสนับสนุนในพื้นที่กองทัพภาค กองร้อยส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ ๑.การจัด ๒.ภารกิจ ดำเนินการจัดตั้งตำบลส่งกำลัง สป.๑ ,สป.๒ และ ๔ (เว้น สป.๒และ๔ สายแพทย์ และชิ้นส่วนซ่อมอากาศยาน) และ สป.๓ เพื่อสนับสนุนให้แก่หน่วยรับการสนับสนุนในพื้นที่ กองร้อยบริการสนาม ๑.การจัด ๒.ภารกิจ ให้การสนับสนุนด้านการทำลายล้าง เคมี ชีวะ รังสี อย่างจำกัด ดำเนินการตำบล รวบรวม สป.จำหน่าย และทะเบียนศพ สนับสนุนหน่วยในพื้นที่รับผิดชอบ กองร ้ อยส่งกา ลงัสิ่งอุปกรณ ์ บก.ร้อย หมวดส่งก าลัง สป.๑ หมวดส่งก าลัง สป.๒และ ๔ หมวดส่งก าลัง สป.๓ หมวดส่งกา ลงัชิ้นส่วนซ่อม กองร้อยบริกำรสนำม บก.ร้อย หมวดรวบรวม สป.จ าหน่าย หมวดทะเบียนศพ ตอนปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
๑๖๖ กองพันส่งกำลังและบริการ กรมสนับสนุน กองพลทหารราบ กองพันส่งกำลังและบริการ ๑.ภารกิจ จัดให้มีการสนับสนุนทางการส่งกำลัง สป.๑, สป.๒ และ ๔ และ สป.๓ (เว้น สป.๒ และ๔ สายแพทย์,ชิ้นส่วนซ่อมและอุปกรณ์รหัสลับ ) รวมทั้งการบริการขนส่งและบริการอื่นๆ ให้กับ หน่วยในความรับผิดชอบของกองพล ๒.การจัด จัดเป็นหน่วยในอัตราของกรมสนับสนุน ๑ กองพัน ต่อ ๑ กรมสนับสนุน ๓.ขีดความสามารถ ๓.๑ สนับสนุนทางการส่งกำลังเกี่ยวกับการกำหนดความต้องการ ,การเบิก-รับ ,เก็บรักษา แจกจ่ายและจำหน่าย สป.๑ , สป.๒ และ ๔ ,สป.๓ (เว้น สป.๒ และ ๔ สายแพทย์ ,ชิ้นส่วนซ่อมและ อุปกรณ์รหัสลับ) ๓.๒ สามารถส่งกำลังและบริการในหน้าที่ โดยการสนับสนุนได้ถึง ๓ กรมทหารราบ ๓.๓ ดำเนินการและกำกับดูแลการบริการขนส่งและการบริกการอื่นๆ ๓.๔ จัดหาสิ่งอุปกรณ์ รายการต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๓.๕ กำกับดูและทางเทคนิคเกี่ยวกับการส่งกำลังและบริการของกองพล ๓.๖ สามารถทำการป้องกันตนเองได้เมื่อจำเป็น พัน สบร.กรม สน. บก.และร้อย บก. ส น ง .ส ก .พ ล . พล. ร้อย สบร. ร้อย ขส.
๑๖๗ สำนักงานส่งกำลังกองพล ๑.ภารกิจ ดำเนินการและกำกับดูและการส่งกำลังและบริการของกองพล ทั้งทางธุรการและ เทคนิค ๒. การจัด เป็นหน่วยในอัตราของกองพันส่งกำลังและบริการ ๓.ขีดความสามารถ ๓.๑ ให้การเสนอแนะต่อผู้บังคับการกรมสนับสนุน และฝ่ายอำนวยการ เกี่ยวกับการส่งกำลัง และบริการ ๓.๒ กำหนดความต้องการ จัดหา ทำบัญชีคุม และอำนวยการในการรับ การเก็บรักษา ชั่วคราว การแจกจ่าย และ/หรือ การจำหน่ายสิ่งอุปกรณ์ ๓.๓ กำกับดูและการฝึก การส่งกำลังและบริการของทุกหน่วยในกองพลทางเทคนิค ๓.๔ ดำเนินการและกำกับดูแล เกี่ยวกับการจัดหา การแจกจ่ายแผนที่ กิจการร้านค้า และการ เลี้ยงดูของกำลังพล การปฏิบัติหน้าที่ สำนักงานส่งกำลังกองพล เป็นศูนย์การทางเทคนิค ในการส่งกำลังและบริการของกองพล ความ รับผิดชอบของสำนักงานนี้คือการกำหนดหรือการคำนวณความต้องการ รับ และดำเนินกรรมวิธีต่อใบ เบิกหรือคำขอที่ส่งมาจากหน่วยรับการสนับสนุน ดำรงรักษาบัญชีคุมสิ่งอุปกรณ์แบบรวมรายการและ ควบคุมการรับ การเก็บรักษาชั่วคราว และการจ่ายหรือการแจกจ่ายสิ่งอุปกรณ์โดยมีเจ้าหน้าที่สำคัญๆ เป็นผู้ปฏิบัติดังนี้ ๑. นายทหารส่งกำลังกองพล เป็นผู้บังคับบัญชาสำนักงานส่งกำลังกองพล รับผิดชอบ วางแผน กำกับการและ อำนวยการกิจกรรมต่างๆ ของสำนักส่งกำลัง มีนายทหารส่งกำลังสายต่างๆ เป็นผู้ช่วย ๒. นายทหารส่งกำลังแต่ละสาย นายทหารส่งกำลังซึ่งเป็นหัวหน้าตอนส่งกำลังต่าง ๆ ใน สํานักงานส่งกำลังของกองพลมีหน้าที่ต่อไปนี้ ๒.๑ ทำการควบคุมทางบัญชีต่อสิ่งอุปกรณ์ หรือยุทธภัณฑ์ที่อยู่ภายใต้การ บริหารงานของ ตน ๒.๒ จัดให้มีคําปรึกษาหารือแก่นายทหารส่งกำลังของกองพลและเสนอแนะใน เรื่องการรับ การเก็บรักษาชั่วคราว และการแจกจ่ายหรือจ่ายสิ่งอุปกรณ์ในสายงานของตน ๒.๓ เสนอแนะ แบบ และระยะเวลาของการรายงานต่าง ๆ ที่หน่วยปฏิบัติ จะต้องรายงาน ในการรับจ่ายและยอดคงเหลือของสิ่งอุปกรณ์แต่ละรายการ ส านักงานส่งก าลังกองพล ตอน สก.สาย ช. ตอน สก.สาย สพ. ตอน สก.สาย พธ. ตอน สก.สาย ส. ตอน สก.สาย วศ. ตอน สก.สาย ขส.
๑๖๘ ๒.๔ กําหนดความต้องการ และจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับลำดับความเร่งด่วน การแบ่งสรร และการควบคุมอื่นๆ ๒.๕ ให้คำปรึกษาในการประสานกับกองพันซ่อมบำรุง เพื่อให้ความมั่นใจในการตรวจก่อน จ่าย สำหรับยุทธภัณฑ์ครบชุดที่จำเป็น ว่าได้กระทำเสมอ ๓. นายทหารส่งกำลังสายขนส่ง เป็นหัวหน้าตอนส่งกำลังสายขนส่ง เป็นนายทหาร การ วางแผนการขนส่งของสำนักงานส่งกำลังกองพล มีหน้าที่วางแผนประสานการใช้ยานพาหนะขนส่งของ กองร้อยทหารขนส่ง พัน ขส. ในการไปรับและทำการจ่าย สป. และยุทธภัณฑ์ มีนายสิบส่งกำลังสาย ขนส่ง และเสมียนส่งกำลังสายขนส่งเป็นผู้ช่วยเหลือในการปฏิบัติพันธกิจการส่งกำลังที่ได้รับมอบหมาย ๔. นายทหารส่งกำลังสายพลาธิการ เป็นหัวหน้าตอนส่งกำลังสวยพลาธิการมีผู้ช่วยดังนี้ ๔.๑ นายทหารร้านค้า เป็นผู้กำกับดูแลในฐานะฝ่ายกิจการพิเศษต่อการปฏิบัติร้านค้าของ หน่วยต่างๆ ของกองพล โดยปฏิบัติการในอำนาจของ ผบ.พล. นอกจากนั้นนายทหาร ร้านค้ายังทำ หน้าที่เป็นนายทหารฝ่ายการศพ และทำหน้าที่เป็นนายทหารจัดซื้อและทำสัญญาอีกด้วย ๔.๒ นายทหารการน้ำมัน เป็นผู้อำนวยการส่งกำลังน้ำมันกองพล มีนายสิบส่งกำลังน้ำมัน และเสมียนส่งกำลังน้ำมัน ประกอบกันเข้าเป็นส่วนบริหารการส่งน้ำมันกองพล ๔.๓ นายทหารกำกับการเลี้ยงดู เป็นผู้อำนวยการเลี้ยงดูกองพลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับ การบริหารการเลี้ยงดูทหารของหน่วยต่างๆภายในกองพล ๔.๔ นายสิบส่งกำลังฝ่ายพลาธิการและเสมียนส่งกำลัง สายพลาธิการ เป็นผู้รับผิดชอบ ประกอบเข้าเป็นส่วนบริหารการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ๔ สายพลาธิการกองพล ๔.๕ นายสิบส่งกำลังเสบียง รับผิดชอบการอำนวยการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๑ ของ กองพล กองร้อยส่งกำลังและบริการ กองพันส่งกำลังและบริการ ๑. ภารกิจ ๑.๑ จัดให้มีการสนับสนุนทางการส่งกำลังให้แก่กองพลและหน่วยที่มาขึ้นสมทบในเรื่อง สิ่ง อุปกรณ์ทุกประเภท เว้นชิ้นส่วนซ่อม, สิ่งอุปกรณ์ประเภท 5 และสิ่งอุปกรณ์สายแพทย์ ๒.๒ จัดให้มีการบริการด้านการศพ ๒.๓ ทำการคัดแยก และดำเนินการจำหน่ายยุทโธปกรณ์ที่ใช้การไม่ได้ ๒.๔ สำรองสิ่งอุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์สำหรับหน่วยตามความรับผิดชอบ ๒. การจัด เป็นหน่วยในอัตรากองพันส่งกำลังและบริการ ร้อย สบร. บก.ร้อย มว.การศพ มว.ส่งกำลังหน้า มว.ส่งกำลัง บก.มว. ตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกับ มว.การศพ บก.มว. ตอน สป.๑ ตอน สป.๒และ ๔ ตอน สป.๓
๑๖๙ ๒.ขีดความสามารถ ๒.๑ จัดตั้งและดำเนินการตำบลจ่ายของกองพล ๒.๒ รับ เก็บรักษาชั่วคราว และจ่ายสิ่งอุปกรณ์ทุกประเภท เว้นชิ้นส่วนซ่อม สิ่งอุปกรณ์ ประเภท ๕ และสิ่งอุปกรณ์สายแพทย์ ทั้งนี้อยู่ในการกำกับดูและของสำนักงานส่งกำลังกองพล หมวดส่งกำลังหน้า การประกอบกำลัง ตามผังการจัด การปฏิบัติหน้าที่ ๑.ผู้บังคับหมวด เป็นผู้บังคับบัญชาและควบคุมการปฏิบัติงานของหมวดส่งกำลังหน้า โดยมีรอง ผู้บังคับหมวดเป็นผู้ช่วยเหลือในการปฏิบัติ นอกจากนั้น ผู้บังคับหมวดส่วนหน้า อาจได้รับมอบหมาย จากกรมสนับสนุนให้ทำหน้าที่เป็นนายทหารประสานการสนับสนุนพื้นที่ส่วนหน้าของกรมสนับสนุนอีก ด้วย การปฏิบัติงานในหน้าที่นี้ขึ้นตรงต่อผู้บังคับการกรมสนับสนุนของกองพล ๒.ประสานการสนับสนุนการช่วยรบ ๓.ให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการแบ่งมอบพื้นที่ปฏิบัติการในพื้นที่ขบวนสัมภาระของกรมใน แนวหน้า ๔.วางแผน ประสานการรักษาความปลอดภัยของส่วนต่างๆ ที่ไปจากกรมสนับสนุน ๕.ดำรงการติดต่อกับบกองบังคับการกรมสนับสนุนและหน่วยรองต่างๆ ของกรมสนับสนุนได้ อย่างต่อเนื่อง ๖.รับทราบแผนทางยุทธวิธีของกรมทหารราบอยู่ตลอดเวลาและแจ้งแผนเหล่านี้ให้ส่วนต่างๆ ของกรมสนับสนุนที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ขบวนสัมภาระของกรม ๗.เสนอแนะการเปลี่ยนแปลงในเรื่องกำลังพล การประกอบกำลังและตำแหน่งที่ตั้งของส่วน สนับสนุนหน้า หมวดส่งกำลังหน้า บก.หมวด ชุดส่งกำลัง สป.๑ ชุดส่งกำลัง สป.๓ ชุดส่งกำลัง สป.๒ และ ๔
๑๗๐ หมวดส่งกำลัง การประกอบกำลัง ตามผังการจัด การปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับหมวด อำนวยการปฏิบัติของหมวดภายใต้การกำกับดูแลทางเทคนิคของสำนักงานส่ง กำลังกองพล และการอำนวยการของผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวดประสานการปฏิบัติของตำบลจ่าย ของกองพล โดยมีรองผู้บังคับหมวดเป็นผู้ช่วยเหลือ ผบ.ตอน สป.๑ กำกับดูแลกิจกรรม และกำลังพล ณ ตำบลจ่าย สป.๑ ในพื้นที่สนับสนุนของ กองพล ควบคุมการจ่าย สป.๑ ให้แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองพล ผบ.ตอน สป.๒ และ ๔ กำกับดูแลงาน และกำลังพล ณ ตำบลจ่าย สป.๒ และ ๔ เพื่อทำการรับ เก็บรักษา และแจกจ่าย สป.แก่หน่วยต่าง ๆ ของกองพล ผบ.ตอน สป.๓ กำกับดูและกิจกรรม และกำลังพล ณ ตำบลจ่าย สป.๓ หลักของกองพล หมวดการศพ การประกอบกำลัง ตามผังการจัด การปฏิบัติหน้าที่ ผู้บังคับหมวด ควบคุม กำกับการปฏิบัติงานของหมวดการศพ โดยมีรอง ผบ.หมวด เป็น ผู้ช่วยกำลังพลตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับ มี ผบ.ตอนเป็นหัวหน้า ปฏิบัติงานรวบรวมศพของ กองพลในพื้นที่สนับสนุนกองพล เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะพิสูจน์ศพที่ได้รับมาจากตำบลรวบรวมหน้าเพื่อให้ หมวดส่งกำลัง บก.หมวด ตอนส่งกำลัง สป.๒ และ ๔ ตอนส่งกำลัง สป.๓ ตอนส่งกำลัง สป.๑ หมวดการศพ บก.หมวด ตอนรวบรวมพิสูจน์ทราบและส่งกลับ ตอนรวบรวมและส่งกลับ
๑๗๑ ทราบว่าเป็นผู้ใด และดำเนินกรรมวิธีต่อศพเหล่านั้นเพื่อส่งกลับ ตรวจสอบทรัพย์สินส่วนตัวที่ติดมากับ ศพ และจัดทำรายงานและเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการส่งกลับ กำลังพลตอนรวบรวมและส่งกลับทั้ง ๓ ตอน ปฏิบัติงานตำบลรวบรวมศพหน้าในพื้นที่ขบวน สัมภาระของกรม เพื่อสนับสนุนใกล้ชิดให้แก่กรมนั้น และเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะรับศพที่ส่งมาจากตำบล รวบรวมศพของกองพันในแนวหน้า พิสูจน์ทราบขั้นต้น และดำเนินกรรมวิธีส่งกลับไปยังตำบลรวบรวม ศพในพื้นที่สนับสนุนกองพล รวมทั้งดำเนินกรรมวิธีขั้นต้นต่อทรัพย์สินส่วนตัวที่ติดมากับศพ และ ส่งกลับไปกับศพด้วย ตอนที่ ๓ ภารกิจ การจัด ขอบเขตความรับผิดชอบ และการดำเนินงานของ มณฑลทหารบก ๑. ภารกิจ ของ มทบ. ๑.๑ บังคับบัญชาจังหวัดทหารบก และกำลังประจำถิ่นของกองทัพบก ตามที่ กระทรวงกลาโหม กำหนด (บังคับบัญชากำลังประจำถิ่นของกองทัพบก ตามที่ กห.กำหนด) ๑.๒ รักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ รวมทั้ง การศาลทหาร การคดี และการ เรือนจำ ๑.๓ ดำเนินการระดมสรรพกำลังในเขตพื้นที่ ๑.๔ สนับสนุนหน่วยทหารที่อยู่ในพื้นที่ ๑.๕ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้เบ็ดเสร็จ เพื่อรักษาความสงบภายในและการป้องกัน ประเทศ ๒. การแบ่งมอบ เป็นหน่วยในอัตราของกองทัพภาค / เป็นหน่วยในอัตราของมณฑล ทหารบก ๓. ขีดความสามารถ ขอบเขตความรับผิดชอบ และการดำเนินงานของ มทบ. ๓.๑ รักษาระเบียบวินัยและแบบธรรมเนียมของทหารภายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร และมี อำนาจสั่งการแก่หน่วยทหารในเขตพื้นที่ ในกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย และตามที่ กห.กำหนด ๓.๒ ใช้อำนาจตามกฎหมายในการสั่งการแก่หน่วยทหาร เกี่ยวกับการรักษาความ ปลอดภัย ให้กับบุคคลสำคัญ สถานที่ และอสังหาริมทรัพย์ ในเขตพื้นที่ รวมทั้งจัดการเฝ้ารักษาสถานที่ตั้ง สำคัญอย่างต่อเนื่อง ๓.๓ อำนวยการรักษาความปลอดภัย และสถานที่สำคัญทางทหารในเขตพื้นที่ ในเรื่อง การป้องกัน และปราบปรามการก่อความไม่สงบ การพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง การรักษาสถานที่และตำบลสำคัญ ใน สถานการณ์ฉุกเฉินการข่าวกรองและการต่อต้านการข่าวกรอง ๓.๔ ดำเนินการเกี่ยวกับ การศาลทหาร การคดี และการเรือนจำ ๓.๕ ดำเนินการระดมสรรพกำลังทางด้านกำลังพล การสัสดี การส่งกำลังบำรุง และการ เกณฑ์ช่วยราชการทหาร ๓.๖ จัดการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ๓.๗ ดำเนินการกำลังพลในเรื่อง การจัดทำประวัติรับราชการ การดำเนินการเกี่ยวกับ บำเหน็จ บำนาญ สนับสนุนหน่วยทหารในพื้นที่
๑๗๒ ๓.๘ บำรุงขวัญทหารในเขตพื้นที่ และการบำรุงขวัญอื่น ๆ ช่น การร้านค้า การสหกรณ์ การสโมสรทหาร การสงเคราะห์ทางการเงิน การออมทรัพย์ การสงเคราะห์ทาง ฌาปนกิจ การพิธีทหาร การ กีฬา การบันเทิง การพักผ่อนหย่อนใจ การไปรษณีย์ กิจการสงเคราะห์ทหารผ่านศึก การอบรมจิตใจ และการ บริการด้านการศึกษา ๓.๙ จัดการสนับสนุนการฝึกให้กับหน่วยทหาร ในเขตพื้นที่ ในเรื่องเครื่องช่วยฝึก การ บริการ สนามฝึกและสนามยิงปืน ๓.๑๐ รักษาและควบคุมอสังหาริมทรัพย์ของทหารในเขตพื้นที่ รวมทั้งการเก็บ ผลประโยชน์จาก สนามฝึกและสนามยิงปืน สถานที่หรืออสังหาริมทรัพย์เหล่านั้น ๓.๑๑ สนับสนุนทางการส่งกำลังให้แก่ตนเองและหน่วยทหารในเขตพื้นที่ ตามที่หน่วย เหนือกำหนด เช่น ๓.๑๑.๑ การเคลื่อนย้ายและการขนส่งสิ่งอุปกรณ์ ๓.๑๑.๒ การดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน การก่อสร้าง การซ่อมแซม การตกแต่ง อาคารสถานที่ การติดตั้งและซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวก ๓.๑๑.๓ การรักษาพยาบาล และการส่งกลับกำลังทหาร รวมทั้งครอบครัวในเขต พื้นที่ ๓.๑๑.๔ เป็นตำบลส่งกำลังของกองบัญชาการช่วยรบ หรือตามที่กองทัพบก กำหนดเพื่อ ทำหน้าที่เก็บรักษาแจกจ่ายและจำหน่ายสิ่งอุปกรณ์บางประเภท ๓.๑๒ จัดการเก็บรักษาและบริการแบบธรรมเนียมแก่หน่วยทหาร และแจกจ่ายแบบ ธรรมเนียม ๓.๑๓ ดำเนินการบริหารเงินราชการ ทำการเบิกจ่าย เก็บรักษา จัดทำบัญชีเงิน ราชการให้เป็นไป ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ และรวบรวม จัดทำ บริหาร ควบคุมงบประมาณ ตลอดจนรายงาน ผลการใช้งบประมาณของหน่วยทหาร ในเขตพื้นที่ที่ต้องรับการสนับสนุนงบฯ จากมณฑล ทหารบก ๓.๑๔ จัดการติดต่อสื่อสารระหว่างที่ตั้งหน่วยทหารในเขตพื้นที่ ๓.๑๕ จัดการประชาสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ทางทหาร ตลอดจนติดต่อกับหน่วยพล เรือนในเขตพื้นที่ ๓.๑๖ กำกับดูแลประสานงาน และดำเนินงานกิจการพลเรือนในเขตพื้นที่ ๓.๑๗ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้เป็นเสร็จในยามปกติ เช่น ๓.๑๗.๑ ทำหน้าที่เป็นกองบัญชาการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ควบคุมกอง กำลังเพื่อการต่อสู้เบ็ดเสร็จ เพื่อป้องกันและต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ รวมทั้งขบวนการก่อการร้ายทุก รูปแบบ ๓.๑๗.๒ จัดตั้งมวลชนในหมู่บ้านยุทธศาสตร์พัฒนา ๓.๑๗.๓ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนา โดยการพัฒนาหมู่บ้าน เป้าหมายในพื้นที่ ยุทธศาสตร์พัฒนา เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ทำให้เกิดความรักและ หวงแหน แผ่นดินเสียสละ และอาสาสมัครเข้าต่อสู้กับข้าศึกเมื่อมีภัยมาคุกคาม ๓.๑๘ ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การต่อสู้เบ็ดเสร็จในยามสงคราม เช่น ๓.๑๘.๑ ควบคุมบังคับบัญชาหน่วยกำลังประจำถิ่น ทั้งที่อยู่ในความควบคุม ของ ทบ. โดยตรง และขึ้นควบคุมทางยุทธการต่อกองทัพบก ได้แก่ กองพันทหารราบเบา กองพันทหารม้าเบา
๑๗๓ ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน กองร้อยอาสาสมัคร หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และกำลังกึ่งทหารอื่น ๆ รวมทั้งกำลังประชาชน ในหมู่บ้านยุทธศาสตร์พัฒนา ๓.๑๘.๒ ควบคุมและอำนวยการกำลังประจำถิ่น ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ในเขตพื้นที่ รวมทั้งขบวนการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ๓.๑๘.๓ ควบคุมบังคับบัญชาประจำถิ่น สนับสนุนการต่อสู้ของกำลังรบหลักในเรื่อง การ กำบังหรือรั้งหน่วง การป้องกันการแทรกซึม การปฏิบัติสงครามกองโจร การระวังป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง การรักษาความสงบของท้องถิ่น การรักษาความปลอดภัยต่อที่ตั้ง และการควบคุมความเสียหายเป็นพื้นที่ ๓.๑๘.๔ ควบคุมและอำนวยการกำลังประชาชนในหมู่บ้านยุทธศาสตร์พัฒนาให้ ปฏิบัติการในเรื่อง การรวบรวมข่าวสาร การแจ้งเตือนการเข้ามาของข้าศึก การป้องกันการก่อวินาศกรรม และการบ่อนทำลายของข้าศึก เป็นแกนของประชาชนในเขตพื้นที่การร่วมปฏิบัติการสงครามกองโจร การ รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้าน รวมทั้งการป้องกันชายแดนในขั้นต้น ๓.๑๙ ปกครองบังคับบัญชากำลังประจำถิ่นของกองทัพบก ตามที่ได้รับการแบ่งมอบ อจย.๕๑-๒๐๑(๕ส.ค.๓๑) มณฑลทหารบก หมวดดุริยางค์ กองบัญชาการ กองร้อย/กองพัน มทบ. กองร้อย/กองพัน สารวัตร ศูนย์ฝึ กนักศึกษาวิชาทหาร แผนกสัสดีกรุงเทพฯ/จังหวัด หมวดสื่อสาร แผนกประวัติ บ าเหน็จและบ านาญ ศาล อัยการ กองเรือนจ า แผนกสรรพวุธ แผนกพลาธิการ ส านักงานขนส่ง โรงพยาบาล หน่วยทหารตามที่ก าหนด
๑๗๔ แผนกพลาธิการ มณฑลทหารบก การจัด สำนักงานพลาธิการมณฑลทหารบก เป็นหน่วยขึ้นตรงตามอัตราของกองบัญชาการมณฑล ทหารบก มีการจัดประกอบด้วย พลาธิการมณฑลทหารบก เป็นหัวหน้า (อัตรา พ.ท.) มีผู้ช่วยพลาธิการ ( อัตรา พ.ต. ๒ นาย ) ฝ่ายเกียกกาย (อัตรา พ.ต. ๑ นาย) ฝ่ายการน้ำมัน (อัตรา พ.ต.๑ นาย) และเสมียน พนังงานชั้นนายสิบตามอัตรา - หน้าที่ สำนักงานพลาธิการมณฑลทหารบก และฝ่ายอำนวยการเกี่ยวกับกิจการพลาธิการ - ปฏิบัติตามระเบียบแบบธรรมเนียมที่เหล่าสายวิทยาการกำหนด - กำหนดความต้องการสิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ ตลอดจนการจัดหา เก็บรักษา และแจกจ่าย - วางแผนและกำกับดูแลทางเทคนิคเกี่ยวกับกิจการพลาธิการของทุกหน่วยในมณฑลทหารบก และหน่วยขึ้นสมทบ - ปฏิบัติงานธุรการที่เกี่ยวข้อง - อำนวยการเกี่ยวกับกิจการเลี้ยงรับรอง ตอนที่ ๔ หน่วยทหารพลาธิการ ๑. กล่าวทั่วไป หน่วยทหารพลาธิการ คือหน่วยที่บรรจุและหรือบรรจุอยู่ในอัตราของหน่วยบัญชาการส่งกำลังบำรุง และหน่วยกำลังรบในระดับกองพล คือกองบัญชาการช่วยรบ กองพลทหารราบ กองพลทหารม้า กองพล ทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ศูนย์สงครามพิเศษ เป็นต้น หน่วยทหารพลาธิการเหล่านี้ขนาดหน่วยเล็กกว่ากองพันแต่ใหญ่กว่ากองร้อย ภารกิจและหน้าที่ ของหน่วยพลาธิการที่บรรจุอยู่ในหน่วยบัญชาการส่งกำลังบำรุง และหน่วยทหารที่กล่าวแล้ว จะมีภารกิจและ หน้าที่ให้การสนับสนุนการส่งกำลังและการบริการสายพลาธิการในสนาม ๒. หน่วยทหารพลาธิการและหรือหน่วยทหารที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับงานสายพลาธิการ ๒.๑ กองร้อยบริการส่งกำลังเสบียง เป็นหน่วยของกองทัพบกซึ่งอาจแบ่งมอบให้กับหน่วยรองได ตามความเหมาะสม ๒.๑.๑ ภารกิจ ของกองร้อยพลาธิการส่งกำลังเสบียงจะดำเนินการ รับและจัดส่งสิ่งอุปกรณ์ ประเภทที่ ๑ สายพลาธิการ จากกองร้อยพลาธิการการคลังเสบียงและคลังเสบียงของกรมพลาธิการทหารบก ไปยังตำบลส่งกำลังของกองทัพภาค/ตำบลจ่ายต่าง ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๒.๒ กองร้อยพลาธิการส่งกำลังน้ำมัน เป็นหน่วยรองของกองทัพบก อาจแบ่งมอบให้กับหน่วยรอง ได้ตามความเหมาะสม ๒.๒.๑ ภารกิจ ดำเนินการรับ และจัดสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๓ จากกองร้อยคลังน้ำมัน หรือจาก คลังน้ำมันของกรมพลาธิการทหารบกไปยังคลังน้ำมันของกองบัญชาการช่วยรบและหรือตำบลส่งกำลังของ กองทัพภาค หรือไปยังหน่วยอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย ๒.๕ กองพันพลาธิการส่งกำลังทางอากาศ ( อจย.หมายเลข ๑๐ – ๔๐๗ ) ๒.๕.๑ กล่าวทั่วไป กองพันพลาธิการส่งกำลังทางอากาศ ผู้บังคับกองพัน (อัตรา พ.ท.) นายทหารที่บรรจุอยู่ตามอัตราเป็นเหล่าทหารพลาธิการ และเหล่าอื่น ๆ ตามความจำเป็น ๒.๕.๒ การจัด กองพันพลาธิการส่งกำลังทางอากาศ มีการจัดกำลังประกอบด้วย ๒.๕.๒.๑ กองบัญชาการ และกองร้อยกองบังคับการ ๒.๕.๒.๒ กองร้อยส่งกำลังทางอากาศ ๒ กองร้อย แต่ละกองร้อยประกอบด้วย
๑๗๕ - กองบังคับการกองร้อย - ๖ หมวดส่งกำลังทางอากาศ แต่ละหมวดประกอบด้วย บก. หมวด ๑๒ ตอนสนับสนุน และ ๑๒ ตอนส่งกำลังทางอากาศ ๒.๕.๒.๓ กองร้อยส่งกำลังและซ่อมบำรุงร่ม ประกอบด้วย - กองบังคับการกองร้อย - หมวดส่งกำลัง - หมวดซ่อมบำรุง - หมวดพับร่ม ๒.๕.๓ ภารกิจ ๒.๕.๓.๑ ส่งกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งอุปกรณ์ให้หน่วยทหารในพื้นดินโดย การส่งลงด้วยร่ม ไม่ใช้ร่มหรือการร่อนลงสู่พื้นดิน ๒.๕.๓.๒ สนับสนุนการยุทธส่งทางอากาศ โดยจัดเตรียมร่มและยุทโธปกรณ์สำหรับ ทหารพลร่ม ๒.๕.๓.๓ กระโดดร่มล่ง ณ เขตส่งลง เพื่อช่วยแนะนำในการค้นหา เก็บรวบรวม และส่งกลับสิ่งอุปกรณ์ส่งทางอากาศ ๒.๕.๓.๔ ดำเนินการด้านคลังและซ่อมได้อย่างจำกัด
๑๗๖ ผังการจัดกรมพลาธิการทหารบก แผนกธุรการ กองก าลังพล กองโครงการและ บประมาณ กองวิทยาการ กองการผลิต สิ่งอุปกรณ์สายพลาธิการ กองจัดหา กองซ่อมบ ารุง โรงเรียนทหาร พลาธิการ กรมพลำธิกำรทหำรบก กองควบคุมสิ่งอุปกรณ์ กองส่งก าลัง บ ารุง กองยุทธการ และการข่าว กองอ านวยการ สถานพักฟ้ืนและพกัผ่อน กองบริการ กองคลงัน้า มนั เช้ือเพลิง กองคลัง เกียกกาย กองคลัง ยกกระบัตร
๑๗๗ เหล่าทหารสรรพาวุธ ORDNANCE บทบาท ภารกิจ พันธกิจ และความรับผิดชอบของเหล่าทหารสรรพาวุธ ๑.กล่าวทั่วไป ในหนังสือคู่คิดอันเป็นตำรายุทธศาสตร์ กรมยุทธการทหารบก เรียบเรียงโดย นายพันตรี พระสงครามภักดี จัดพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ มีข้อความตอน หนึ่งกล่าวไว้ว่า “การทำสงครามจำเป็นต้องมีเครื่องมือและวัสดุต่าง ๆ สำหรับการนั้นเครื่องมือและ วัตถุมีหลายประเภท เช่น อาวุธ เครื่องมือสื่อสาร ยุทธสัมภาระ เครื่องมือช่าง พาหนะนอกจากนั้นยัง ต้องมีเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ต่าง ๆ ฯลฯ ตามความจำเป็นแห่งการสนามเครื่องมือและ วัตถุต่างๆ สำหรับใช้ทำสงครามนั้นจะต้องมีลักษณะดีและทันสมัย ทั้งนี้ อาวุธเป็นสิ่งสำคัญกว่าอย่าง อื่นๆ เพราะถ้ามีอาวุธไม่ดีหรือเป็นแบบที่พ้นสมัยแล้ว ย่อมทำให้เสียเปรียบแก่ข้าศึกมาก” ข้อความข้างต้นแสดงให้เห็นความสำคัญของอาวุธ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการแปรสภาพกำลัง พลที่มีกำลังใจสู้รบให้เป็นกองทัพที่มีแสนยานุภาพ การขาดแคลนอาวุธหรือมีอาวุธด้อยกว่าข้าศึก ย่อมหมายถึงความปราชัย การสู้รบของชาวบ้านบางระจันในประวัติศาสตร์ใช้ยืนยันความจริงข้อนี้เป็น อย่างดี ดังปรากฏในงานเขียนชิ้นหนึ่งของไม้เมืองเดิมว่า “........ค่ายบางระจันเสียเพราะไร้อาวุธจะสู้ บางระจันต้องแหลกเหลวเมื่อวันจันทร์ เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ พ.ศ.๒๓๐๙ เป็นปีจอ อัฐศก รวมเวลาตั้งแต่ตั้งค่ายสู้พม่า เมื่อเดือน ๔ ปีระกา จนเสียค่ายได้ ๕ เดือน เสียชาวบ้านบางระจันพันเศษ ได้ชัยชนะ ๗ ครั้ง ติด ๆ กัน.....” เป็นที่ทราบกันดีว่าในตอนท้ายๆ ของการสู้รบชาวบางระจันได้พยายามหล่อปืนใหญ่ขึ้นใช้ เอง หลังจากที่ขออาวุธจากในกรุงศรีอยุธยาไม่เป็นผล หากชาวบางระจันหล่อปืนได้สำเร็จในครั้งนั้น ก็จะมี “ อำนาจการยิง ” ยับยั้งพม่าไว้ได้อีกหลายเพลา สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ เป็นผลดีแก่ชาติไทย โฉมหน้าประวัติศาสตร์ของเราก็อาจต่างไปจากที่จารึกไว้ในทุกวันนี้ อาวุธและกระสุนเป็นที่มาหรือบ่อเกิดแห่งอำนาจการยิง ( Fire Power) อันเป็นคุณลักษณะ สำคัญยิ่งที่กองทัพไม่ว่าในยุคใดจะขาดเสียมิได้ นอกจากอำนาจการยิงแล้ว สมรภูมิปัจจุบันมีอาณา บริเวณกว้างใหญ่ไพศาล ดังนั้น กำลังทหารที่จะเข้าสู่การสับประยุทธในสงครามสมัยใหม่จึงต้องมี คุณสมบัติที่สำคัญอีกประการหนึ่งเพิ่มขึ้น นั่นคือ ความคล่องแคล่ว (Mobility) ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ กองทัพมียานยนต์รบ ( Combat Vehicle ) นานาชนิดอย่างพอเพียงพร้อมที่จะนำทหารเคลื่อนเข้าสู่ สมรภูมิได้อย่างเฉียบพลัน
๑๗๘ ๒.บทบาทและภารกิจของเหล่าทหารสรรพาวุธ ทหารสรรพาวุธมีบทบาท (Role) เป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการช่วยรบ (Combat Service Support) แก่หน่วยกำลังรบทั้งหลาย นี่เป็นบทบาทสำคัญของกองทัพบกมอบให้ และมีผล โดยตรงต่อการประเมินคุณค่าของเหล่าทหารสรรพาวุธ แต่กระนั้นก็มิได้หมายความว่าหน่วยอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เหล่ากำลังรบจะอยู่นอกขอบเขตของการสนับสนุนสายสรรพาวุธ ทหารทุกเหล่าเมื่อจัดตั้งเป็น หน่วยขึ้นมาแล้ว ต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์อยู่ในอัตราของตน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรายการอาวุธ กระสุน และยานยนต์ ตลอดจนเครื่องมือ และชิ้นส่วนซ่อมที่เกี่ยวเนื่องในการใช้และการซ่อมบำรุง อาวุธยุทโธปกรณ์ ดังกล่าวมานี้จะมีอยู่ในหน่วยทหารหาได้ไม่ หากเหล่าทหารสรรพาวุธไม่ดำเนินการ ตามบทบาทของตนในฐานะผู้สนับสนุน ทหารบางเหล่าได้สมญานามว่า “ราชินีแห่งสนามรบ” และบาง เหล่าก็เป็น “ราชาแห่งสนามรบ” ทั้งนี้ กำหนดตามบทบาทที่มีอยู่ ซึ่งหากจะมองกันลงไปให้ลึกซึ้งแล้ว ก็จะเห็นว่าความเป็นราชาหรือราชินีแห่งสนามรบคงจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากเหล่าทหารนั้น ๆ ขาดเขี้ยว เล็บที่สำคัญ คือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าบทบาทของทหารสรรพาวุธเป็นสิ่งที่ กองทัพบกขาดเสียมิได้ ที่ใดมีหน่วยทหารจะเป็นหน่วยรบหรือไม่ก็ตาม ที่นั่นจะต้องมีบทบาทและ ภารกิจ (Mission) ของเหล่าทหารสรรพาวุธเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ บทบาทของทหารเหล่า สรรพาวุธ นี้อยู่ภายใต้การควบคุมทางการปฏิบัติ (Operation Control) ของกรมส่งกำลังบำรุง ทหารบก เช่นเดียวกับเพื่อนทหารเหล่าสายยุทธบริการอื่น ๆ ภารกิจของหน่วยทหารสรรพาวุธ คือ การดำรงไว้ซึ่งอำนาจการยิง (Fire Power) และ ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ (Mobility) ของหน่วยทหารให้อยู่ในเกณฑ์สูงสุดที่จะเป็นไปได้ ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพบกที่พึงมี ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของทหารทุกหน่วยโดยเฉพาะ หน่วยกำลังรบจะต้องมีคุณลักษณะทั้ง ๒ ประการนี้เต็มบริบูรณ์ตลอดเวลา มิฉะนั้นแล้วก็ไม่อาจกล่าวได้ ว่าหน่วยนั้น ๆ มีความพร้อมรบ (Combat Readiness) อย่างเต็มที่ จึงเห็นได้ว่าความพร้อมของ หน่วยทหารจะมีมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสภาพใช้การได้ของยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ และความมี อยู่อย่างหนุนเนื่องของสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในอัตราของหน่วย สภาพใช้การได้ (Service Ability) เป็นผลของการซ่อมบำรุง (Maintenance) ส่วนสภาพความมีอยู่ (Availability) ของสิ่ง อุปกรณ์ในการครอบครองของหน่วยเป็นผลของการส่งกำลัง (Supply) ทั้ง ๒ ประการนี้เป็นพันธกิจที่ สำคัญของทหารสรรพาวุธ ๓. พันธกิจของเหล่าทหารสรรพาวุธ เพื่อให้หน่วยทหารมีอำนาจการยิงและความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่อยู่ตลอด เวลา เหล่าทหารสรรพาวุธจึงต้องปฏิบัติการในหน้าที่อันเป็นกิจเฉพาะหรือที่เรียกว่าพันธกิจ (Function) หลายประการด้วยกันแต่ถ้าเรามองไปที่การปฏิบัติในสนามก็จะมองเห็นพันธกิจดังต่อไปนี้ รายละเอียดใน รส.๙-๑ และ รส.๙-๓ ๓.๑ การส่งกำลัง (Supply) ๓.๒ การซ่อมบำรุง (Maintenance)
๑๗๙ ๓.๓ การข่าวกรองทางเทคนิคสายสรรพาวุธ (Ordnance Technical Intelligence) ๓.๔ การให้ความช่วยเหลือทางเทคนิค (Technical Assistance) ๓.๕ การทำลายล้างวัตถุระเบิด (Explosive Ordnance Disposal) ๓.๖ การปรับเทียบสภาพทาง ขีปนวิธี(Ballistic Calibration) พันธกิจข้างต้นนอกจากจะเกี่ยวข้องกับระบบอาวุธธรรมดา แล้วยังเกี่ยวข้องกับระบบอาวุธนำ วิถี หรืออาวุธปล่อย รวมทั้งอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ทั้งนี้ ว่าตามตำรา แต่ในความเป็นจริงนั้น ปัจจุบัน ทบ. ของเรามีอาวุธนำวิถีประจำการอยู่เพียงไม่กี่ระบบ เช่น โทว์ (TOW) ดรากอน (Dragon) และเรดอาย (Red Eye) เป็นต้น นอกจากนั้น ทบ.ได้ซื้ออาวุธเข้ามาประจำการใหม่ อันได้แก่ อาวุธต่อสู้รถถังขนาด เบา CARL GUSTAF และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำชนิดประทับไหล่ยิงแบบนำไปด้วยบุคคล ( MANPADS ) IGLA-S ส่วนอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธปล่อยยังไม่มีใช้ในทบ. เรียกพันธกิจเหล่านี้รวมๆ ว่า “บริการสรรพาวุธ” (Ordnance Services) หรือการสนับสนุนสายสรรพาวุธ (Ordnance Support) ๔. กรมสรรพาวุธทหารบก ปัจจุบัน สพ.ทบ.มีฐานะเป็นกรมฝ่ายยุทธบริการกรมหนึ่งในบรรดากรมฝ่ายยุทธบริการ (Technical Services) ทั้ง ๙ กรมของกองทัพบก ตามลักษณะงานที่กระทำ ทบ.ได้จัด สพ.ทบ.ไว้ ในส่วนงานด้านการส่งกำลังบำรุงเช่นเดียวกับกรมฝ่ายยุทธบริการอื่น ๆ อย่างไรก็ดีเนื่องจาก สพ.ทบ. มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ดังนั้น ก่อนที่จะพูดถึงรูปการจัดดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ใคร่ลำดับ ให้เห็นความเป็นมาของ สพ.ทบ.โดยย่อดังต่อไปนี้ ๔.๑ ประวัติกรมสรรพาวุธทหารบก ความเป็นมา กรมสรรพาวุธทหารบก เป็นกรมฝ่ายยุทธบริการที่เก่าแก่ของกองทัพบก มีวิวัฒนาการมาจากหน่วยงานซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับศัตราวุธทั้งปวงของพระมหากษัตริย์ คือ กรมพระ แสง มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรับปรุงกิจการทหารใหม่ ได้มีการจัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น ดังนั้น กิจการด้านอาวุธของกรมพระ แสงจึงได้แยกออกมาเป็นกิจการทางทหารโดยเฉพาะมีการจัดตั้งและเปลี่ยนชื่อหน่วย ดังนี้ พ.ศ.๒๔๓๗ จัดตั้งกองสารวัตรปืนขึ้นที่บริเวณสวนเจ้าเชตุ มุมพระราชวังสราญรมย์ นายร้อยตรีหม่อมเจ้าบวรเดช กฤดากร เป็นสารวัตรปืนใหญ่ ๒๐ ส.ค.๒๔๔๕ ตั้งกรมแสงสรรพาวุธ โดยมีพระยาสโมสรสรรพาการ เป็นเจ้ากรม พ.ศ.๒๔๔๖ ว่าที่นายพันตรี หม่อมเจ้าเสรษฐสิริ กฤดากร ดำรงตำแหน่งสารวัตรปืนใหญ่ ณ กองสารวัตรปืน พ.ศ.๒๔๔๘กระทรวงกลาโหมจัดซื้อที่ดินที่บางซื่อ เพื่อสร้างโรงงานผลิตอาวุธและ ซ่อมอาวุธ พ.ศ.๒๔๕๑ ยกเลิกกองสารวัตรปืน ตั้งกรมช่างแสงขึ้นตรงต่อกรมยุทธนาธิการ โดยมีนาย พันโทหม่อมเจ้าเสรษฐสิริกฤดากร ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมช่างแสง
๑๘๐ พ.ศ.๒๔๕๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกเลิกกรมยุทธนาธิการตั้งกรม แสงสรรพาวุธ เป็นกรมบังคับบัญชา กรมช่างแสง และกรมคลังแสง โดยนายพลตรีหม่อมเจ้าเสรษฐสิริ กฤดากร เจ้ากรมช่างเป็นผู้รั้งอธิบดี กรมแสงสรรพาวุธ พ.ศ.๒๔๕๕ พลโท พระองค์เจ้าบวรเดช กฤดากร เป็นอธิบดีกรมแสงสรรพาวุธกับรั้งจเร ทหารปืนใหญ่และพลตรีหม่อมเจ้าเสรษฐสิริ กฤดากร เป็นเจ้ากรมช่างแสงและคลังแสง พ.ศ.๒๔๕๙ พลตรีหม่อมเจ้าเสรษฐสิริกฤดากร เลื่อนตำแหน่งเป็นอธิบดีกรม แสง สรรพาวุธ และรั้งเจ้ากรมช่างแสงทหารบก พ.ศ.๒๔๖๔ สร้างโรงงานทำดินปืน ณ.ตำบลบ้านเกาะและตำบลหันตรา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เป็นแผนกที่ ๔ กรมช่างแสง พ.ศ.๒๔๖๘ ยกฐานะโรงงานทำดินปืน เป็นแผนกที่ ๔ กรมช่างแสง พ.ศ.๒๔๖๙ จัดตั้งแผนกที่ ๕ กรมช่างแสงที่บางซื่อ เพื่อผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของปืน เล็กและปืนกล นอกจากนั้นในปีนี้มีการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงกลาโหม เหลือกรมที่ขึ้นตรงกับ กระทรวงกลาโหม ๕ กรม คือ กรมปลัดทัพบก, กรมเสนาธิการทหารบก, กรมพลาธิการทหารบก,กรม จเรทหารบก และ กรมอากาศยาน โดยกรมพลาธิการทหารบกมี พลโท หม่อมเจ้าเสรษฐสิริ กฤดากร เป็นพลาธิการทหารบก มีกรมช่างแสงเป็นหน่วยขึ้นตรง พ.ศ.๒๔๗๑ ก่อสร้างอาคารกองบัญชาการกรมเป็นตึกถาวร พ.ศ.๒๔๗๕ ยุบกรมพลาธิการทหารบกลง และจัดตั้งกรมยกกระบัตรทหารบกและ กรมช่างแสงทหารบกให้ขึ้นตรงกับกองทัพบก พ.ศ.๒๔๗๖ ตั้งกรมพลาธิการทหารบกขึ้นใหม่ โดยมีกรมช่างแสงทหารบก กรม ยกกระบัตรทหารบก กรมเสบียงทหารบก กรมอาภรณ์ทหารบก โรงเรียนนายทหารสัมภาระ และ หอ วิทยาศาสตร์ ทหารบกเป็นหน่วยขึ้นตรง พ.ศ.๒๔๗๘ จัดตั้งแผนกที่ ๖ กรมช่างแสง (แผนกตรวจของ) พ.ศ.๒๔๗๙ จัดตั้งแผนกที่ ๗ กรมช่างแสงดำเนินการเกี่ยวกับแร่ที่เกาะสมุย พ.ศ.๒๔๘๑ กรมช่างแสงแยกเป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกองทัพบก ขยายงานขึ้นอีกหนึ่ง แผนกทำกระสุนปืนใหญ่ พ.ศ.๒๔๘๙ ตั้งกรมพระแสงสรรพาวุธขึ้นใหม่ มีกรมช่างแสง,กองคลังแสง เป็นหน่วย ขึ้นตรง ยุบกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกไปรวมอยู่กับแผนกที่ ๖ กรมช่างแสง พ.ศ.๒๔๙๑ กรมแสงสรรพาวุธ เปลี่ยนชื่อเป็นกรมสรรพาวุธทหารบก เมื่อ ๑ ก.ย. ๒๔๙๑ พ.ศ.๒๔๙๓ สนธิสัญญาว่าด้วยการช่วยเหลือทางทหาร ระหว่างประเทสหรัฐอเมริกา กองทัพบกไทยเริ่มจัดกำลังทหารตามแบบกองทัพบก สหรัฐ ฯ และกิจการสรรพาวุธก็ได้จัดดำเนินการ ตามแบบสหรัฐ ฯ เช่นเดียวกัน พ.ศ.๒๔๙๕ ปรับปรุงการจัดกรมใหม่ โดยยุบหน่วยระดับกรมลงมาเป็นกอง ประกอบด้วย กองยุทธการ , กองช่างแสง , กองกลาง , กองคลังแสง ,กองโรงงานวัตถุระเบิด ,กอง วิทยาศาสตร์, กองการซ่อมบำรุง ,กองโรงเรียนสรรพาวุธ,กองสารวัตรช่าง และกองเสนารักษ์
๑๘๑ พ.ศ.๒๕๐๖ รัฐบาลสหรัฐ ฯ ให้การช่วยเหลือโรงงานผลิตกระสุน .๓๐ เพื่อผลิต กระสุนสนับสนุน ๓ เหล่าทัพ พ.ศ.๒๕๐๙ พิพิธภัณฑ์ทหาร สพ.ทบ.ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ อาคารถาวรใน บริเวณกองวิทยาศาสตร์ทหารบก บางเขน เมือวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๙ พ.ศ.๒๕๑๓ แปรสภาพกองวิทยาศาสตร์ทหารบกเป็นหน่วยขึ้นตรงต่อกรมสรรพาวุธ ทหารบก ตามคำสั่งกองทัพบก ลับ (เฉพาะ) ที่ ๑๑/๑๓ ลง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๓ สภากลาโหม ได้ อนุมัติหลักการให้กองทัพบกดำเนินโครงการผลิตปืนเล็กยาว ๑๑ โดยรัฐบาลไทยซื้อมาจากสาธารณรัฐ เยอรมันตะวันตก โรงงานนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกองโรงงานช่างแสง พ.ศ.๒๕๑๔ แยกกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกให้เป็นกรมฝ่ายยุทธบริการ และขึ้นตรง ต่อกองทัพบกตามคำสั่งกองทัพบก ลับ ( เฉพาะ) ที่ ๔/๑๔ ลง ๒๐ มกราคม ๒๕๑๔ ขยายโรงงานผลิต กระสุน .๓๐ ซึ่งขึ้นตรงต่อกองโรงงานช่างแสง ปรับอัตรากำลังพล และการจัดหน่วยอีกครั้ง โดยยุบเลิก ฝ่ายต่าง ๆ และตำแหน่งเสนาธิการ กรมสรรพาวุธตั้งเป็นกองฝ่ายอำนวยการขึ้นแทน พ.ศ.๒๕๒๒ ตั้งกองโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ ที่ค่ายสุรธรรม พิทักษ์จังหวัดนครราชสีมา และเป็นโรงงานสุดท้ายที่รัฐบาลสหรัฐ ฯ ให้ความช่วยเหลือทางทหารต่อ กองทัพบกไทย พ.ศ.๒๕๒๔ กองทัพบกอนุมัติหลักการให้กรมสรรพาวุธทหารบกทดลองจัดตั้งส่วน อุตสาหการเพื่อให้กิจการด้านการผลิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามเป้าหมาย พ.ศ.๒๕๒๗ โอนโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด มาขึ้น ตรงต่อกรมสรรพาวุธทหารบก พ.ศ.๒๕๓๑ กองทัพบกอนุมัติอัตราการจัดเฉพาะกิจ หมายเลข ๓๘๐๐ กรม สรรพาวุธทหารบกขึ้นใหม่ โดยเพิ่มศูนย์อุตสาหการสรรพาวุธ,กองแผนการช่าง ,กองวิทยาการ และกอง ควบคุมสิ่งอุปกรณ์ เป็นหน่วยขึ้นตรงกรมสรรพาวุธทหารบก พ.ศ.๒๕๕๑ กองทัพบกได้ปรับปรุงอัตราเฉพาะกิจ ให้ทันสมัยโดยยกเลิกอัตรา เฉพาะกิจหมายเลข ๓๘๑๐ โรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหารและให้ใช้อัตราเฉพาะกิจหมายเลข ๓๘๑๐ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ โดยปรับโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ จังหวัด นครราชสีมา โรงงานซ่อมยาง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าเป็นหน่วยในบังคับบัญชาเพิ่มขึ้น พ.ศ.๒๕๕๒ กองทัพบกอนุมัติปรับปรุงแก้ไข อัตราเฉพาะกิจ หมายเลข ๓๘๐๐ โดย จัดตั้งหน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด (ทลร.สพ.ทบ) เป็นหน่วยขึ้นตรงของกรมสรรพาวุธทหารบกเพิ่มขึ้น อีกหน่วยหนึ่ง ๔.๒ ภารกิจ การจัด และหน้าที่ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการและกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพบก กระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๑๓ กำหนดให้กรมสรรพาวุธทหารบกมีหน้าที่ …… ก. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ดำเนินการวิจัย และพัฒนา เกี่ยวกับการผลิต จัดหา ส่งกำลัง ซ่อมบำรุง และการบริการ ข. กำหนดหลักนิยมและทำตำรา ตลอดทั้งการฝึกศึกษา ทั้งนี้เกี่ยวกับกิจการและสิ่ง อุปกรณ์ของเหล่าทหารสรรพาวุธ มีเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
๑๘๒ การแบ่งมอบ เป็นส่วนราชการขึ้นตรงกับกองทัพบก ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่สำคัญ ก. เสนอนโยบาย วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการ และ ดำเนินการเกี่ยวกับ การผลิต ส่งกำลัง ซ่อมบำรุง และการบริการสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธให้กับหน่วยต่าง ๆ ของกองทัพบก และหน่วยอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบ ข. เสนอแนะและให้คำแนะนำทางวิชาการเกี่ยวกับกิจการสายสรรพาวุธ ค. วิจัย พัฒนา กำหนดหลักนิยม จัดทำตำราและคู่มือเกี่ยวกับวิทยาการและสิ่งอุปกรณ์สาย สรรพาวุธ ง. วางแผน อำนวยการ จัดทำหลักสูตร แนวสอน ดำเนินการฝึกและศึกษา กำลังพลเหล่า สรรพาวุธและเหล่าทหารอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๔.๓ การแบ่งส่วนราชการและหน้าที่ กรมสรรพาวุธทหารบกแบ่งส่วนราชการออกเป็น ก. แผนกธุรการ มีหน้าที่ ๑. ให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่ผู้บังคับบัญชาและฝ่ายอำนวยการในเรื่องงานสาร บรรณและงานธุรการทั่วไป ๒. เก็บรักษาแบบธรรมเนียมต่าง ๆ ของทางราชการ ๓. ดำเนินงานและควบคุมการปฏิบัติงานทางธุรการ รวมทั้งการพิมพ์เอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ของทางราชการเป็นส่วนรวมของหน่วย ๔. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ข. กองกำลังพล มีหน้าที่ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับ กิจการกำลังพลของเหล่าทหารสรรพาวุธ ๒. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ค. กองยุทธการและการข่าว มีหน้าที่ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการ และ กำหนดนโยบายเกี่ยวกับ การส่งกำลัง และซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธให้กับหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบก และ หน่วยอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบ ๒. การกำหนดหลักนิยมในการปฏิบัติการทางยุทธวิธี การจัดหน่วย การฝึก และศึกษาของเหล่าทหารสรรพาวุธ ตลอดจนการข่าว การรักษาความปลอดภัย และกิจการพลเรือน ๓. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ง. กองส่งกำลัง มีหน้าที่ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน กำกับการ และดำเนินการเกี่ยวกับการ ส่งกำลังและซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธให้กับหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพบกและหน่วยอื่น ๆ ที่ ได้รับมอบ ๒. เสนอความต้องการงบประมาณเกี่ยวกับการส่งกำลังและซ่อมบำรุงของกรม สรรพาวุธทหารบก
๑๘๓ ๓. ดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งก่อสร้างในความรับผิดชอบของกรม สรรพาวุธทหารบก ๔. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ จ. กองปลัดบัญชี มีหน้าที่ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน และควบคุมการบริหารทรัพยากรเพื่อ สนับสนุนแผนการปฏิบัติงานของหน่วย ๒. ดำเนินการและกำกับการงบประมาณ การควบคุมภายใน การตรวจสอบ และวิเคราะห์ และการจัดระบบงาน ๓. พัฒนาและกำกับดูแลระบบการเงิน การบัญชีของหน่วยและหน่วยรอง ให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการและนโยบายของผู้บังคับบัญชา ทั้งนี้ รวมทั้งการสถิติ และโครงการของหน่วย ๔. พัฒนาและดำเนินการตรวจสอบ และ วิเคราะห์การบริหารงานตาม แผนงานโครงการของหน่วย ๕. สำรวจและวิเคราะห์ปัญหาการบริหารงาน เพื่อปรับปรุงการจัดหน่วยและ ระบบการดำเนินงานที่ไม่เกี่ยวกับ ยุทธวิธี ๖. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฉ. กองแผนการช่าง มีหน้าที่ พิจารณา วางแผน อำนวยการ ประสานงาน และกำกับการเกี่ยวกับการใช้ งาน การระวังรักษา การซ่อมบำรุง การดัดแปลง เครื่องจักร เครื่องมือในการผลิต การไฟฟ้า และ อิเล็กทรอนิคส์ การไฟฟ้า อาวุธ และสรรพาวุธ รวมทั้งการปรับปรุงแก้ไขคู่มือ คำแนะนำ ระเบียบ การ ปฏิบัติมาตรการในการแก้ไข การชำรุดเสียหาย การรักษาวัตถุให้คงทนถาวร ตลอดจนการ ตรวจสภาพ และรวบรวมสถิติจากรายงานที่เกี่ยวข้องกับการช่างทั้งปวง ช. กองการเงิน มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการเบิก-จ่าย เก็บรักษาเงิน และการบัญชีของหน่วยให้เป็นไป ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ ๒. เสนอแนะและให้คำปรึกษาทางด้านการเงินและการบัญชีแก่ ผู้บังคับบัญชา ๓. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ซ. กองวิทยาการ มีหน้าที่ ๑. ให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ กำหนดหลักนิยม และดำเนินการเกี่ยวกับ วิทยาการของเหล่าทหารสรรพาวุธ ๒. วิเคราะห์และจัดทำคำสั่งในการดัดแปลงแก้ไขสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ๓. ดำเนินการเกี่ยวกับการข่าวกรองทางเทคนิคของยุทโธปกรณ์สาย สรรพาวุธ ๔. ดำเนินการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ และกิจการห้องสมุดของ กรมสรรพาวุธทหารบก
๑๘๔ ๕. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฌ. กองจัดหา มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการจัดหาสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธให้สอดคล้องกับแผนการ จัดหาของกองทัพบก และเป็นไปตามแบบธรรมเนียมของราชการ ๒. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ญ. กองควบคุมสิ่งอุปกรณ์ มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการเกี่ยวกับกำหนดความต้องการ ควบคุม และตรวจสอบสิ่ง อุปกรณ์สายสรรพาวุธ ตลอดจนการวิเคราะห์และรายงานสถิติข้อมูลด้วยเครื่องจักรคำนวณ ๒. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฏ. กองคลังยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ ๔ สายสรรพาวุธ ๒. ดำเนินการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธให้อยู่ในสภาพพร้อม จ่าย ๓. ดำเนินการซ่อมและซ่อมสร้างชุดประกอบหลัก ชุดประกอบย่อย เพื่อ ส่งเข้าสายการส่งกำลัง ๔. ดำเนินการเก็บรวบรวมและคัดแยกสิ่งอุปกรณ์ในการส่งกลับสิ่ง อุปกรณ์สายสรรพาวุธ ๕. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฎ. กองคลังแสง มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๕ สายสรรพาวุธ ๒. ดำเนินการตรวจสภาพ ซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๕ สายสรรพาวุธ ๓. ดำเนินการทำลายสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๕ สายสรรพาวุธ ๔. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฐ. กองบริการ มีหน้าที่ ๑. ดำเนินการสนับสนุนหน่วยต่าง ๆ ของกรมสรรพาวุธทหารบกเกี่ยวกับ การรักษาการณ์ การสวัสดิการ การขนส่ง การรักษาพยาบาล การสุขาภิบาล ในพื้นที่ที่รับผิดชอบ รวมทั้งการบริการอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย ๒. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ฑ. ศูนย์อุตสาหการสรรพาวุธ มีหน้าที่ วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ดำเนินการ ในเรื่องการ ผลิต และการซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธในระดับคลัง การจัดหาสิ่งอุปกรณ์สนับสนุนโรงงาน และการวิจัย พัฒนา ทดลอง ทดสอบ สิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ฒ. ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธกรมสรรพาวุธทหารบก (อัตราแยก ต่างหาก) (อฉก. ๓๘๑๐) มีหน้าที่ ๑. วางแผน อำนวยการ ประสานงาน แนะนำ กำกับการ ในเรื่องการซ่อม สร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธในระดับคลัง
๑๘๕ ๒. ดำเนินการ ซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธในระดับคลัง ให้เป็นไปตาม แผนโครงการ หรือนโยบายของทางราชการ ๓. จัดหาสิ่งอุปกรณ์ สนับสนุนโรงงาน ณ. โรงเรียนทหารสรรพาวุธ มีหน้าที่ ๑.อำนวยการดำเนินการฝึกและศึกษาให้กับกำลังพลของเหล่าทหาร สรรพาวุธ และเหล่าทหารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามนโยบายของกองทัพบก ตลอดจนปกครองบังคับบัญชา ผู้รับการฝึก และศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนทหารสรรพาวุธ ๒. จัดทำตำรา แบบฝึก อุปกรณ์การศึกษาในวิทยาการของเหล่าทหาร สรรพาวุธ ๓. บันทึกและรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ด. หน่วยทำลายล้างวัตถุระเบิด มีหน้าที่ ๑. วางแผน และดำเนินการตรวจสอบสภาพ ทดสอบ เก็บกู้ และทำลาย กระสุน – วัตถุระเบิด รวมทั้งทำลายล้างวัตถุระเบิดในลักษณะของการก่อความไม่สงบและการก่อการ ร้าย ๒. รวบรวม ตรวจสอบ วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับกระสุน – วัตถุระเบิด และ เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งใน และต่างประเทศ ๓. ดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจค้นบุคคล สถานที่เก็บวัตถุระเบิดและทำลาย เพื่อการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญและสถานที่ราชการ ๔. บันทึก และรายงานสถิติผลงานตามหน้าที่ ต. กองพันสรรพาวุธซ่อมบำรุงเขตหลัง มีหน้าที่ ๑. ให้บริการสรรพาวุธสนับสนุนโดยตรงและทั่วไปแก่หน่วยขึ้นตรงของ กองทัพบก ๒. สนับสนุนการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ ๔ สายสรรพาวุธ ๓. ซ่อมบำรุง บริการและกู้ซ่อมยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ ( ขั้น ๓ และ ๔ ) ๔. สนับสนุนการส่งกำลัง และการซ่อมบำรุงที่จำเป็นแก่กองพันซ่อมบำรุง ของกองพล และกองทัพภาค ๕. ให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคให้แก่หน่วยที่รับผิดชอบ ๕. สิ่งอุปกรณ์ในความรับผิดชอบของ สพ.ทบ. ระเบียบกองทัพบกว่าด้วยความรับผิดชอบในสิ่งอุปกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๕ ลง ๕ มี.ค. ๒๕๕๕ กำหนดให้ สพ.ทบ. รับผิดชอบสิ่งอุปกรณ์ดังนี้ ๑. อาวุธ กระสุน และวัตถุระเบิด ๒. ยานยนต์สงครามทางบก ๓. เครื่องควบคุมการยิง สิ่งอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อนับเป็นจำนวนรายการ ( Line Item ) ออกมาแล้ว ก็มีอยู่ถึง ๕๐,๐๐๐ รายการเป็นอย่างน้อยลักษณะพิเศษของรายการสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ก็คือ มีราคาแพง มีความ ยุ่งยากซับซ้อนในทางเทคนิค ต้องใช้เวลาในการจัดหาหรือการผลิตนาน มีขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่หมุด
๑๘๖ เกลียวตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงของที่มีขนาดใหญ่โตจนต้องคำนึงถึงปัญหาเรื่องพื้นที่เก็บรักษา เช่น รถยนต์ บรรทุก ปืนใหญ่สนาม และรถถัง เป็นต้น ในแง่ของความซับซ้อนทางเทคนิคอันเป็นลักษณะของระบบ อาวุธ สมัยใหม่ก็จะพบในอาวุธนำวิถีเช่น โทว์, ดาร์กอน , และเรดอาย เป็นต้น ดังนั้น การดำเนินงานคลังสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธจึงเป็นงานที่ค่อนข้างยากที่จะกระทำให้ ได้ดี ถึงขนาดที่จะได้รับคำชมเชยจากผู้บังคับบัญชาได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ดี ในฐานะกรมฝ่ายยุทธบริการนอกเหนือจากภารกิจสนับสนุนด้านบริการ สรรพาวุธแก่หน่วยทหารแล้ว สพ.ทบ.ยังมีฐานะเป็นแหล่งต้นกำเนิดของเหล่าทหารสรรพาวุธในการ ผลิตกำลังพล ประศาสน์วิทยาการ และให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่บรรดาหน่วยทหารสรรพาวุธ ทั้งปวง หลักการสนับสนุน และหน่วยทหารสรรพาวุธ ๑.หลักการจัดการสนับสนุนสายสรรพาวุธ ตามหลักการที่เป็นอุดมคตินั้น บริการสรรพาวุธจะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อเรา ๑. สามารถจัดหน่วยสรรพาวุธให้ปฏิบัติการอยู่ใกล้ชิดกับหน่วยรับการสนับสนุนให้มากที่สุด ๒. สามารถจัดคน เครื่องมือ และสิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้หน่วยทหารสรรพาวุธอย่างเพียงพอ ทั้งในด้านปริมาณและความหลากหลาย ให้ครอบคลุมถึงสิ่งอุปกรณ์ทุกประเภท ทุกชนิดให้สามารถ ตอบสนองความต้องการทั้งมวลซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด แต่ในความเป็นจริง ( Reality ) เราต้องเผชิญกับการปฏิบัติของข้าศึกในสนามรบ ทหาร สรรพาวุธจะต้องคำนึงถึงความอยู่รอดของตัวเองเพื่อให้มีโอกาสปฏิบัติการให้สำเร็จตามภารกิจ เช่นเดียวกับทหารเหล่าอื่น ๆ ดังนั้น จึงต้องนำเอาปัจจัยเรื่องความคล่องแคล่ว (Mobility) และการ กระจายกำลัง ( Dispersion ) ในสนามรบมาพิจารณา จากปัจจัยอันนี้เองทำให้มองเห็นว่า หากเราจัด หน่วยสรรพาวุธไว้โดยใกล้ชิดกับหน่วยกำลังรบให้มากที่สุดโดยไม่มีขอบเขตแล้วอัตราการเสี่ยงภัยหรือเป็น อันตรายร่วมกันก็จะสูงมาก และหากจัดให้หน่วยสรรพาวุธมีขีดความสามารถบริบูรณ์ในทุกด้านขนาดของ หน่วยก็จะใหญ่โตมโหฬารมากจนขาดความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ และมีสภาพ เป็นเป้าหมายอย่างดี คุ้มค่าต่อการทำลายของข้าศึก จากข้อพิจารณาดังกล่าว แนวความคิด ( Concept ) ในเรื่องการแบ่งระดับการ สนับสนุนสายสรรพาวุธจึงเกิดขึ้นปัจจุบันเราแบ่งการสนับสนุนออกเป็น ๓ ระดับ ๑. การสนับสนุนโดยตรง ( Direct Support ) ปฏิบัติโดยหน่วยทหารสรรพาวุธ ซึ่งมีความ คล่องแคล่วในการเคลื่อนที่อย่างเพียงพอ สามารถเคลื่อนย้ายติดตามหน่วยกำลังรบได้อย่างใกล้ชิด ทุก สถานการณ์ ความคล่องแคล่วจะรักษาไว้ได้ ก็ต้องจำกัดเครื่องมือ เครื่องใช้ และสิ่งอุปกรณ์ที่จะนำเคลื่อนที่ ไป ดังนั้น ข้อมูลความต้องการ ( Demand Data) จากหน่วยใช้ (Using Unit) จึงมีความสำคัญ จะต้องเก็บ รวบรวมไว้อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ แล้วนำข้อมูลนี้มาทำแผนสะสมเฉพาะรายการที่มีความถี่ในการใช้ จ่ายสูง โดยมิต้องนำชิ้นส่วนซ่อมบรรทุกไปมากมายเกินความจำเป็น จนเกิดความไม่คล่องแคล่วในการ เคลื่อนที่ หน่วยสนับสนุนโดยตรงจะปฏิบัติทั้งพันธกิจการส่งกำลัง และซ่อมบำรุง แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ หน่วยในอัตราและนอกอัตราของกองพลต่าง ๆ ๒. การสนับสนุนทั่วไป ( General Support ) ปฏิบัติโดยหน่วยทหารสรรพาวุธซึ่งมีความ คล่องแคล่วในการเคลื่อนที่น้อยกว่าหน่วยสนับสนุนโดยตรงแต่ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้ ตามความจำเป็นแห่ง
๑๘๗ สถานการณ์ หน่วยสนับสนุนทั่วไปจะปฏิบัติพันธกิจเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งเพียงด้านเดียว เช่น การส่งกำลัง สป ๒- ๔ การส่งกำลังกระสุน หรือ การซ่อมบำรุง (เฉพาะจำพวกยุทโธปกรณ์ที่กำหนดไว้ ) เป็นต้น หน่วยซ่อมบำรุงในระดับการสนับสนุนทั่วไป ปกติจะกระทำการซ่อมขั้น ๔ และรับงานซ่อมขั้น ๓ ซึ่งล้นมือจากหน่วยสนับสนุนโดยตรง งานซ่อมแล้วเสร็จจะส่งเข้าสายการส่งกำลังเฉพาะองค์ประกอบ ส่วนประกอบ ชิ้นส่วนซ่อม ส่วน สป.หลักจะส่งคืนหน่วยส่งซ่อมเมื่อซ่อมแล้วเสร็จหรือส่งคืนไปยังหน่วยใช้ ๓. การสนับสนุนประจำที่ ( Depot Support ) ปฏิบัติโดยหน่วยทหารสรรพาวุธซึ่งตั้งอยู่ใน เขตหลังของยุทธบริเวณหรือในเขตภายใน เป็นหน่วยตั้งประจำที่ในลักษณะของคลังหรือฐานปฏิบัติการซ่อม บำรุงขนาดใหญ่ เพื่อดำเนินการงานส่งกำลังบำรุงยุทโธปกรณ์ทั้งปวงในยุทธบริเวณ งานซ่อมบำรุงที่ปฏิบัติ อาจจะเป็นการซ่อมแก้( Repair ) หรือการซ่อมคืนสภาพ (Recondition)รายการซึ่งเกินขีดความสามารถของ ระดับการสนับสนุนทั่วไป ตามปกติยุทโธปกรณ์ส่งกลับมารับการซ่อมบำรุงประจำที่จะถือว่าเป็นสินทรัพย์ ( Asset ) ของยุทธบริเวณเมื่อซ่อมเสร็จแล้วจะเป็นยุทธภัณฑ์คงคลังประจำยุทธบริเวณ ๒. สรุปการบริการสรรพาวุธ ( การสนับสนุนสายสรรพาวุธ ) จะมีประสิทธิผลสูงสุดก็ต่อเมื่อเราสามารถจัดหน่วยทหารสรรพาวุธให้ปฏิบัติการอยู่ใกล้ชิดหน่วย รับการสนับสนุนให้มากที่สุด ถึงแม้จะมีกำลังพล เครื่องมือ และสิ่งอุปกรณ์สะสมอยู่มากพอ พร้อมที่จะสนอง ความต้องการที่เกิดขึ้นโดยทันที แต่ปัจจัยในเรื่องความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ และกระจายกำลังในสนาม รบของหน่วยทหาร ทำให้เรามิอาจจัดหน่วยทหารสรรพาวุธตาม ลักษณะดังกล่าวได้จึงได้แบ่งระดับการ สนับสนุนออกเป็น ๓ ระดับ คือ ๑. ในระดับกองพล จัดให้มีหน่วยสรรพาวุธสนับสนุนโดยตรง ๒. ในระดับกองทัพภาค จัดให้มีหน่วยสรรพาวุธสนับสนุนทั่วไป ๓.ในระดับกองทัพบก จัดให้มีหน่วยสรรพาวุธสนับสนุนประจำที่ ๓. หน่วยทหารสรรพาวุธในเขตยุทธบริเวณ การแบ่งระดับการสนับสนุนสายสรรพาวุธ ตามหลักการของ ทบ. สหรัฐ ซึ่งเรารับเข้ามาเป็น หลักปฏิบัติตั้งแต่สมัยเริ่มแรกรับความช่วยเหลือทางการทหาร เมื่อปี ๒๔๙๓ เป็นต้นมา ปัจจุบันแม้ความ ช่วยเหลือดังกล่าวจะลดน้อยลงจนแทบกล่าวได้ว่าไม่มีเหลืออยู่แล้วก็ตาม แต่หน่วยทหารสรรพาวุธประเภท ต่าง ๆ ที่เราจัดตั้งขึ้นตามหลักการดังกล่าวก็ยังคงมีอยู่ และยังคงปฏิบัติการสนับสนุนหน่วยกำลังรบต่าง ๆ อยู่ ในพื้นที่ของกองพลและกองทัพภาค และถือเป็นหลักการให้บริการสรรพาวุธในสนาม อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้มีข้อที่จะต้องทำความเข้าใจกันให้ดี หลักการนิยมในการสนับสนุน ทางการช่วยรบซึ่งเรารับมาจากสหรัฐนั้น ตั้งอยู่บนสมมติฐาน ( Assumption ) ว่ายุทธบริเวณ อยู่นอก ประเทศ เพราะยุทธศาสตร์ในการทำสงครามของสหรัฐเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก (Offensive)ในขณะที่ประเทศไทยมียุทธศาสตร์เชิงรับ ( Defensive ) ยุทธบริเวณของเราจึงมี โอกาสจะอยู่ในดินแดนภายในประเทศของเราเองมากกว่า กองทัพอเมริกันส่งกำลังทหารไปตั้งอยู่ในดินแดน นอกประเทศตั้งแต่ในยามปกติ ทั้งในยุโรป เอเชีย และในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก มีกองบัญชาการร่วม ( Unified Command ) เช่น กองบัญชาการทหารสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก เป็นต้น ทำหน้าที่บังคับบัญชาเมือเกิด สถานการณ์สงครามขึ้นในเขตพื้นที่ของตน ผบ. กองบัญชาการร่วมนั้น ๆ ก็จะทำหน้าที่ผู้บัญชาการยุทธ บริเวณ ลักษณะเช่นนี้ทำให้เรามองเห็นการสนับสนุนในสนามได้เด่นชัด เพราะหน่วยทหารออกไปตั้งอยู่ ห่างไกลในดินแดนนอกประเทศ ส่วนของเรา หน่วยทหารตั้งอยู่ในดินแดนภายในประเทศของเรา และหากไม่มี เหตุการณ์สู้รบเราจะรู้สึกว่าเป็นการปฏิบัติการสนับสนุนในยามปกติ ก่อให้เกิดความโน้มเอียงไปในทาง
๑๘๘ หย่อนยานที่จะให้การสนับสนุนโดยรวดเร็ว จึงขอย้ำให้เข้าใจว่าตามหลักการหรือแบบ ( Model ) ที่เรา จำลองของเขามาใช้นั้น เจ้าของเดิมเขาออกแบบไว้เป็นเรื่องการบริการสรรพาวุธในสนาม เมื่อมีความเข้าใจ เช่นนี้แล้ว ความหย่อนยานของเราถ้าหากจะมีอยู่บ้างก็คงจะลดน้อยลง และความตระหนักว่ายุทธบริเวณจะ เกิดขึ้นในดินแดนของเราเอง ก็ควรจะเป็นปัจจัยให้เราดูแลหน่วยใช้ทั้งหลายให้พร้อมรบอยู่ทุกเมื่อ เพราะว่า พื้นที่ที่แต่ละหน่วยตั้งอยู่อาจจะกลายเป็นเขตหน้าของยุทธบริเวณขึ้นมาได้ทันที หากกองกำลังของข้าศึกเปิด ฉากการรุกเข้ามาในพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งเราไม่สามารถจะรู้ได้แน่นอนว่าเมื่อใด เพราะฉะนั้น ความพร้อมที่จะเผชิญ เหตุจึงเป็นหนทางที่ปลอดภัยที่สุด หน่วยทหารสรรพาวุธ ซึ่ง ทบ. จัดตั้งขึ้นโดยยึดหลักการสนับสนุนระดับต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว มี ดังนี้ ๑. หน่วยสนับสนุนโดยตรง ได้แก่ กองสรรพาวุธเบากองพล จัดกำลังตาม อจย .๙-๒๕ ( ๑๕ ต.ค. ๑๘ )ประกอบด้วย กำลังพล นายทหาร ๒๓ นาย นายสิบ ๒๖๑ นาย และพลทหาร ๔๑ นาย มีภารกิจให้การสนับสนุนโดยตรงใน การบริการสรรพาวุธด้าน สป. ๒-๔ แก่หน่วยขึ้นตรงกองพลทั้งหมด มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ ๑๐๐% อีกหน่วยหนึ่งคือ กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุนกองพลทหารราบที่ ๙ ซึ่งถือว่าเป็นหน่วยที่มี หลักการจัดแบบพันธกิจ (Functional Type) ตามอจย. ๒๙-๑๕ อันเป็นรูปการจัดกองพันซ่อมบำรุง กองพล อาสาสมัครในเวียดนาม ประกอบด้วยกำลังพล นายทหาร ๔๔ นายสิบ ๓๔๓ นาย และพลทหาร ๑๕๑ นาย มี ภารกิจคือ ทำการซ่อมบำรุงขั้นที่ ๓ ให้แก่ยุทโธปกรณ์ทุกชนิดภายในกองพล ยกเว้น ยุทโธปกรณ์สายแพทย์ และเครื่องบิน สำหรับความคล่องแคล่ว อจย. ของพันซ่อมบำรุงมิได้กำหนดไว้แน่นอน แต่ รส.๒๙-๓๐ การ ดำเนินงานของกองพันซ่อมบำรุงในกองพลระบุไว้ว่า กองพันซ่อมบำรุงมีความคล่องแคล่วสูงเท่ากับหน่วยที่ให้ การสนับสนุน ๒. หน่วยสนับสนุนทั่วไป การจัดหน่วยทหารสรรพาวุธสนับสนุนในระดับต่าง ๆ กระจายออกไปให้การสนับสนุนหน่วย ในอัตรากองพลและกองทัพภาคแล้ว กองทัพบกยังมีหน่วยกองพันสรรพาวุธซ่อมบำรุงเขตหลัง ซึ่งแปรสภาพ มาจากกองพันสรรพาวุธเดิม ตามคำสั่ง ทบ. (เฉพาะ) ที่ ๔/๓๙ ลง ๑๐ ม.ค. ๓๙ อีกหน่วยหนึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ ในบริเวณกรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งทำหน้าที่หน่วยสนับสนุนโดยตรง และหน่วยสนับสนุนทั่วไปของกองทัพบก เพื่อให้การสนับสนุนโดยตรง และทั่วไปให้กับหน่วยต่าง ๆ นอกอัตรา ( กองพล, ทภ ) โดยฝากการบังคับ บัญชาไว้กับกรมสรรพาวุธทหารบก หน่วยสนับสนุนทั่วไปในอัตราการจัดของกองทัพภาค พันธกิจด้านส่งกำลัง สป ๒ และ ๔ ทุกสายยุทธบริการ เว้นสายแพทย์และอากาศยาน รวมไว้ที่กองพันส่งกำลังและบริการ บชร.ทภ. พันธกิจด้านซ่อมบำรุงจัดให้มีการซ่อมบำรุงทุกสาย ยุทธบริการ เว้น สายแพทย์และอากาศยาน รวม ไว้ที่กองพันซ่อมบำรุง บชร.ทภ.พันธกิจด้าน ส่งกำลัง สป.๕ และการบริการทำลายล้างวัตถุระเบิด เว้นที่สาย งานอื่นรับผิดชอบ รวมไว้ที่กองพันสรรพาวุธกระสุน บชร.ทภ. นอกจากนี้ ยังมีสายงานอื่นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ สายงานของเหล่า สพ. ก็มีการจัดในระดับสนับสนุนทั่วไป เช่น กองพันทหารขนส่ง กองพันทหารเสนารักษ์ เป็นต้น ในระดับการสนับสนุนทั่วไปนั้นการควบคุมการส่งกำลังบำรุงได้จัดไว้ที่ศูนย์ควบคุมการส่งกำลัง บำรุง (ศคบ.) ของ บชร.ทภ. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เป็นเสมียนบัญชีคุมรวมทุกสายยุทธ บริการ และควบคุมการ บริการอื่น ๆ เป็นต้น ส่วนการปฏิบัติเป็นภารกิจของกองพัน เช่น พัน.ซบร.บชร.ทภ. , พัน.สบร.บชร.ทภ. เป็นต้น นอกจากที่กล่าวมาแล้วในระดับสนับสนุนทั่วไปยังมีเจ้าหน้าที่ในการจัดตั้งศูนย์รวบรวม และจำหน่าย สิ่งอุปกรณ์อีกด้วยในการควบคุม และดำเนินงานโดยเหล่าทหารพลาธิการ
๑๘๙ ๓. หน่วยสนับสนุนประจำที่ หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการสนับสนุนประจำที่ปัจจุบันคือ ศูนย์ซ่อม สร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ ซึ่งรวมเอาหน่วยที่ดำเนินงานด้านการซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ สายสรรพาวุธใน ระดับคลัง คือกองโรงงาน ซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์สายสรรพาวุธ กองโรงงานซ่อมสร้างรถยนต์ทหาร และ โรงงานซ่อมยางไว้ด้วยกัน มีหน้าที่วางแผน อำนวยการและดำเนินการซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์อาวุธ ยานยนต์ เพื่อส่งเข้าสายการส่งกำลัง นอกจากนี้ยังมีกองคลังยุทโธปกรณ์ กองคลังแสง กองควบคุมสิ่งอุปกรณ์ และ หน่วยในอัตราของศูนย์อุตสาหการกรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งเป็นหน่วยจัดตามอัตราเฉพาะกิจ (อฉก.๓๘๐๐) เป็นหน่วยขึ้นตรงของกรมสรรพาวุธทหารบกที่เป็นหน่วยให้การสนับสนุนประจำที่อีกด้วย ๔. หน่วยทหารสรรพาวุธประเภทต่าง ๆ ในกองทัพบก ๔.๑ หน่วยสนับสนุนโดยตรง เป็นการปฏิบัติของหน่วยทหารสรรพาวุธ ซึ่งเคลื่อนที่ติดตามสนับสนุนหน่วยกำลังรบได้ อย่างใกล้ชิดในทุกสถานการณ์ หน่วยทหารสรรพาวุธประเภทนี้จะติดต่อโดยตรงกับหน่วยใช้จัดเป็นหน่วยใน อัตราการจัดของกองพล ทุกหน่วยจะให้การบริการสรรพาวุธทั้งในด้านการส่งกำลังและซ่อมบำรุงควบคู่กันไป ปัจจุบันหน่วยทหารสรรพาวุธสนับสนุนโดยตรงในอัตราการจัดของกองพลมี ๑๓ หน่วย คือ - กองสรรพาวุธเบา กองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ กรุงเทพ ฯ - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ จังหวัด ปราจีนบุรี - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารราบที่ ๓ จังหวัดนครราชสีมา - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารราบที่ ๔ จังหวัดพิษณุโลก - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารราบที่ ๕ จังหวัดจังหวัดนครศรีธรรมราช - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารราบที่ ๖ จังหวัดร้อยเอ็ด - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารม้าที่ ๑ จังหวัดเพชรบูรณ์ - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารม้าที่ ๒ รักษาพระองค์จังหวัดสระบุรี - กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กรุงเทพ ฯ - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ ๙ จังหวัด กาญจนบุรี - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ ๑๕ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารราบที่ ๗ จังหวัด เชียงใหม่ - กองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุน กองพลทหารม้าที่ ๓ จังหวัดขอนแก่น การจัดหน่วยดังกล่าวแล้วจะเห็นว่ามีการจัดหน่วยด้วยกัน ๒ แบบ คือ กองสรรพาวุธเบากองพล จัดเป็นแบบสายยุทธบริการ และกองพันซ่อมบำรุงกรมสนับสนุนกองพล จัดเป็นแบบพันธกิจ ซึ่งแต่ละแบบจะ มีความสมบรูณ์ในหน่วยต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทบ. มีนโยบายที่จะเปลี่ยนเป็นแบบพันธกิจทั้งหมด ดังนั้น กอง สรรพาวุธเบากองพลจะต้องแปรสภาพเป็นกองพันซ่อมบำรุง กรมสนับสนุนกองพล ในโอกาสต่อไป ๔.๒ หน่วยสนับสนุนทั่วไป เป็นการปฏิบัติโดยหน่วยทหาร ซึ่งมีขีดความสามารถในการเคลื่อนที่ต่ำกว่าหน่วย สนับสนุนโดยตรง ให้การบริการในด้านหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น การส่งกำลังบำรุง สป.๒ และ ๔ สายสรรพาวุธ และสายยุทธบริการอื่น การส่งกำลัง สป. ๕ และการซ่อมบำรุง หน่วยสนับสนุนทั่วไปนี้จะกระทำการ สนับสนุนโดยตรงให้กับกองทัพภาคและ นขต.ทภ. และรับงานล้นมือ และสนับสนุนเป็นส่วนรวมให้กับหน่วย สนับสนุนโดยตรง หน่วยสนับสนุนทั่วไปนี้ปกติเป็นหน่วยในอัตราการจัดของกองบัญชาการช่วยรบ หน่วย สนับสนุนทั่วไปดังกล่าวมีการจัดในแบบพันธกิจ ( Functional Type ) ได้แก่ - กองพันส่งกำลังและบริการที่ ๒๑ กองบัญชาการช่วยรบ ที่ ๑ จังหวัด ชลบุรี - กองพันส่งกำลังและบริการที่ ๒๒ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ จังหวัด นครราชสีมา
๑๙๐ - กองพันส่งกำลังและบริการที่ ๒๓ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๓ จังหวัด พิษณุโลก - กองพันส่งกำลังและบริการที่ ๒๔ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๔ จังหวัด นครศรีธรรมราช - กองพันซ่อมบำรุงที่ ๒๑ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๑ กรุงเทพ ฯ( ที่ตั้งปกติถาวรอยู่ที่จังหวัด ชลบุรี) - กองพันซ่อมบำรุงที่ ๒๒ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ จังหวัดนครราชสีมา - กองพันซ่อมบำรุงที่ ๒๓ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก - กองพันซ่อมบำรุงที่ ๒๔ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ จังหวัด นครศรีธรรมราช หน่วยส่งกำลังและซ่อมบำรุง สป.๕ สายสรรพาวุธ ได้แก่ - กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ ๒๑ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๑ จังหวัดชลบุรี - กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ ๒๒ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๒ จังหวัด นครราชสีมา - กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ ๒๓ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๓ จังหวัด พิษณุโลก - กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ ๒๔ กองบัญชาการช่วยรบที่ ๔ จังหวัด นครศรีธรรมราช ๔.๓ หน่วยสนับสนุนประจำที่ เป็นการปฏิบัติโดยหน่วยทหารสรรพาวุธที่ตั้งอยู่ในเขตหลัง หรือภายใน เป็นหน่วยประจำที่ ในลักษณะของคลังหรือฐานปฏิบัติการใหญ่ พันธกิจการสนับสนุนประจำที่ประกอบด้วยการส่งกำลัง การ ผลิต และการซ่อมสร้าง - หน่วยงานทำหน้าที่ส่งกำลัง ควบคุมและตรวจสอบสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธได้แก่กอง ควบคุมสิ่งอุปกรณ์ - หน่วยงานทำหน้าที่ซ่อมบำรุงสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ ๔ ได้แก่ ศูนย์อุตสาหการ สรรพาวุธ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ - หน่วยงานทำหน้าที่คลังเก็บรักษาสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๒ และ ๔ ได้แก่ กองคลังยุทโธปกรณ์ สรรพาวุธ - หน่วยงานทำหน้าที่คลังเก็บรักษา ซ่อมบำรุง และทำลายสิ่งอุปกรณ์ประเภท ๕ ได้แก่ กอง คลังแสง หน่วยสรรพาวุธสนับสนุนประจำที่ดังกล่าวล้วนเป็นหน่วยจัดตามอัตราเฉพาะกิจ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อให้ครอบคลุมภารกิจที่ได้รับมอบ กองทัพบกได้แบ่งมอบหน่วยของกองทัพบกซึ่งจัดตามอัตราการจัดและ ยุทโธปกรณ์ให้ขึ้นการบังคับบัญชาต่อกรมสรรพาวุธทหารบก ๑ หน่วย ด้วยกัน คือ กองพันสรรพาวุธซ่อม บำรุงเขตหลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน่วยให้การสนับสนุนโดยตรง และทั่วไปสายสรรพาวุธ ( จัดแบบสายยุทธ บริการ ) แก่หน่วยนอกอัตราการจัดของกองทัพภาค เพื่อสนับสนุนเพิ่มเติมหรือรับงานล้นมือจากหน่วย สรรพาวุธสนับสนุนโดยตรง และทั่วไปในอัตราการจัดของกองพล และอัตราการจัดของกองทัพภาค มีที่ตั้ง ปกติ ณ อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี (ที่ตั้งชั่วคราว ปัจจุบัน อยู่ในกรมสรรพาวุธทหารบก) ซึ่งแปรสภาพมากจากกองพันสรรพาวุธเดิม ตามคำสั่ง ทบ .(เฉพาะ) ที่ ๔/๓๙ ลง ๑๐ ม.ค. ๓๙ โดยกองพันสรรพาวุธซ่อมบำรุงเขตหลังเป็นหน่วยขึ้นตรง ของกองทัพบก แต่ฝากการบังคับบัญชาไว้กับกรมสรรพาวุธทหารบก กองคลังแสง มีหน่วยขึ้นตรงที่สำคัญคือ แผนกคลังกระสุน ซึ่งได้แยกจัดตั้งไว้ในพื้นที่ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ - แผนกที่ ๑ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ( แผนกอาวุธนำวีถี ) - แผนกที่ ๒ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลพบุรี - แผนกที่ ๓ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์