330 ชวนพิศ อัตเนตร์
4.4 การเก็บหรือซึมซับประสบการณ์ไว้ภายในตน (Internalization: I) เป็นการนา
ความรชู้ ัดแจ้งมาใชง้ านทาให้กลายเป็นความรู้ที่ฝังลึก การทชี่ าวบา้ นหว้ ยไซ ได้ศกึ ษาเรยี นรู้จากความรู้ที่
ชัดแจ้ง นาไปสู่การปฏิบัติคือการฝึกทาน้าหนังควาย (Learning by Doing) ทาให้ความรู้ชัดแจ้งกลับ
กลายเป็นความรู้ฝังลึกในตัวบคุ คลท่เี รยี นรูแ้ ละฝึกปฏิบัติอีกครั้ง เม่ือมโี อกาสไดพ้ บปะพดู คยุ กับบุคคลอ่ืน
แล้วเกิดการถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาน้าหนังควาย ก็จะเป็นการเริ่มต้นเกลียวความรู้ในรอบต่อ ๆ ไป
ดงั รปู ที่ 9.9
รูปท่ี 9.9 รูปแบบการถ่ายทอดและสรา้ งความรู้เพ่ือฟ้นื ฟแู ละพฒั นาอาหารท้องถนิ่ น้าหนังควาย
จากกระบวนการดังกล่าวข้างต้น ให้ความสาคัญกับความรู้ทั้งสองรูปแบบ คือความรู้ฝังลึก
(Tacit Knowledge) หรือความรู้ท่ีฝังอยู่ในตัวบุคคลและความรู้ชัดแจ้ง (Explicit knowledge) น่าจะ
เป็นเครื่องมือท่ีเหมาะสมและนามาใชเ้ ป็นเครื่องมือศึกษาพัฒนาชนบทระดับรากหญ้าในบริบทแบบไทย
และบริบทการศึกษา การบูรณาการความรู้ที่มีลักษณะต่างกัน คือความรู้ที่ชัดแจ้งของวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี และความรู้ฝังลกึ ของภูมิปัญญาท้องถ่ิน ทาให้เกิดการสร้างสรรค์ได้อย่างกลมกลนื ในการรว่ ม
สร้างความร้หู รอื พฒั นาชนบทไทย
คติชนและภมู ิปญั ญาท้องถิ่น 331
10.14 บทสรุป
ในสภาพความเป็นจริงของชุมชนท้องถ่ินท่ีมีการสืบทอดและดารงวิถีของชุมชนอยู่ได้น้ัน
ท้ังน้ีเพราะปัจจัยสาคัญคือชุมชนท้องถ่ินมีความรู้อันเกิดจากประสบการณ์การปฏิบัติจริงมีการส่ังสม
สืบทอด ปรับเปลี่ยน และสร้างความรู้ใหม่ตลอดเวลา แต่ความรู้ส่วนใหญ่เป็นความรู้ฝ่ังลึกอยู่ในตัว
บุคคล หากมีการเสริมสร้างพลังการจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถ่ิน จะเป็นการสนับสนุนให้ชุมชน
ท้องถ่นิ มคี วามรูท้ ่ีชัดแจง้ ทาใหเ้ กิดการเรียนรเู้ พอื่ การเปล่ียนแปลงไดอ้ ยา่ งกว้างขวาง และ มี
ประสิทธิภาพมากข้ึน จะเห็นได้ว่าการจัดการความรู้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ไกลตัว แต่เป็นส่วนหนึ่งในวิถี
ชีวิตประจาวันของมนุษย์ ท่ีต้องปรับตัวเองเพ่ือให้อยู่รอดและเท่าทันกับความเปล่ียนแปลง และความ
เป็นไปของธรรมชาติสรรพสิ่งท่ีมีการเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดน่ิง เราไมส่ ามารถปฏเิ สธได้ว่าชุมชนท้องถ่ิน
ได้รับผลกระทบจากกระแสการเปล่ียนแปลงจากภายนอกตลอดเวลา แต่ท้ายสุดแล้วชุมชนท้องถิ่น
จะต้องมีความพร้อม สามารถรับสิ่งใหม่ ๆ และปรับตัวเองอย่างรู้เท่าทันให้ได้ จึงควรส่งเสริมให้มีการ
เรียนรู้ การจัดการความรู้ และปฏิบัติจริงในระดับชุมชนท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาคน พัฒนา
งานของชุมชนท้องถ่ินในยุคของสังคมแห่งความรแู้ ละภูมิปัญญา ซึ่งการจดั การความรู้ระดบั ชาวบา้ นท่ีมา
จาก “ภูมิปัญญาท้องถ่ิน” นับเป็นเรื่องสาคัญ ท้ังน้ีเพราะความรู้เหล่านี้เป็นความรู้ท่ีได้มาจากการ
“สังเกต” และ “ทดลอง” มาเป็นเวลานาน จากผู้รู้ในชุมชนท้องถ่ิน ผู้เฒ่าผู้แก่ผู้ นาชุมชนท้องถิ่น หรือ
ปราชญ์ชาวบ้าน นอกจากนี้ความรู้ดังกล่าวยงั มีมมุ มองทแี่ ฝงวถิ ีชีวติ ขนบธรรมเนยี ม วัฒนธรรมประเพณี
และความเช่ือเอาไวด้ ้วย ดังนน้ั จึงควรส่งเสริมให้มีการเรียนรแู้ ละการจัดการเรยี นรู้ และการปฏบิ ตั จิ ริงใน
ระดับชมุ ชน ท้องถน่ิ เพื่อประโยชน์ในการพฒั นาคน พฒั นาระบบงานของชุมชนท้องถิ่น ซ่ึงจัดเปน็ หนว่ ย
ทางสงั คมทมี่ คี วามสาคัญต่อความเข้มแขง็ ต่อฐานรากของสงั คมเปน็ อย่างแท้จริง
10.15 คำถำมทบทวน
10.16 เอกสำรอ้ำงองิ