The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kib Kab, 2022-05-12 22:14:07

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรียนรู้

151

พส.9

เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการประเมนิ

รหสั วชิ า 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

แบบประเมินแบบประมาณคา่ (Rating scale) เกณฑก์ ารให้คะแนน
54 321
ประเด็นการประเมิน

1. อธิบายความหมายของอะตอมได้
2. เขียนสญั ลักษณน์ วิ เคลยี รแ์ ละสัญลกั ษณ์ของธาตุได้

รวม
รวมท้ังหมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

152

พส.10

แบบประเมินจติ พสิ ัย
แบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ (checklist)

พฤติกรรมที่สงั เกต มี (1) ไม่มี (0) หมายเหตุ
1.การมาเรยี นและการทาํ กจิ กรรมหนา้ เสาธง 1,5,6
2.การแตง่ กายถูกตอ้ งตามระเบยี บแบบพอเพยี ง 2,10
3.กิรยิ าสุภาพ,เรียบรอ้ ย,ปฏบิ ตั ติ ามพระราชดํารัส 3,8,9,11
4.ความตัง้ ใจและสนใจเรยี น 4
5.ความรับผิดชอบตอ่ งานและส่วนรวม 7,12

รวมคะแนน (5 คะแนน/สปั ดาห)์

หมายเหตุ บูรณาการตามคา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ

153

พส.11

บันทึกหลงั การจดั การเรยี นรู้
รหสั วชิ า...........................ชอ่ื วิชา..................................................................................ระดบั ชั้น................ห้อง.............
สาขางาน........................................................................................สัปดาหท์ ี.่ .........วันท่ีสอน.........................................
หนว่ ยที่............ชอื่ หนว่ ย.........................................................................................................จาํ นวน..................ชั่วโมง

1. ผลการจดั การเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…

ลงชอื่ .......................................................ครูผูส้ อน
(นางสาวกนั ตยา เลิศอรุณรตั น์)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
................................................................................................. .................................................................................................

ลงชื่อ...............................................หัวหนา้ แผนกวิชา ลงชอ่ื ...........................................รองผูอ้ ํานวยการฝุายวิชาการ
(นางสาวมาละ แก้วบัวดี) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............
............/................../............

154

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวิชา 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชีวติ ท-ป-น 1-2-2

ช่ือหนว่ ย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

เร่ือง โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ จานวนชวั่ โมงสอน 3

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

- จุดประสงค์ทั่วไป 1. ความหมายของอะตอม

1.มคี วามรู้ ความเข้าใจความหมายของอะตอมได้ 2. สญั ลกั ษณน์ ิวเคลียรแ์ ละสัญลกั ษณ์ของธาตุ

2.มีความรู้ ความเข้าใจสญั ลกั ษณ์นวิ เคลยี ร์และ

สญั ลักษณ์ของธาตุ

- จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม

1.อธิบายความหมายของอะตอมได้

2.เขยี นสัญลักษณน์ ิวเคลยี ร์และสัญลกั ษณ์ของธาตไุ ด้

เน้อื หาสาระ
แบบจาลองอะตอม
แนวคิดในการพฒั นาแบบจาลองอะตอม
ในสมยั โบราณมีนักปราชญ์ชาวกรกี ช่ือ ดโิ คริตุส (Democritus) เช่อื ว่าเมอื่ ย่อยสารลงเรอื่ ยๆ จะได้สว่ นทเี่ ลก็
ทส่ี ดุ ซ่ึงไม่สามารถทําใหเ้ ลก็ ลงกว่าเดิมได้อีก และเรียกอนภุ าคขนาดเล็กที่สดุ วา่ อะตอม ซ่ึงคําว่า
“อะตอม”(atom) เปน็ คาํ ซึง่ มาจากภาษากรกี วา่ (atomas) แปลว่า แบ่งแยกอกี ไม่ได้

สสารทัง้ หลายประกอบด้วยอนภุ าคทเ่ี ลก็ ทสี่ ุด จะไม่สามารถมองเหน็ ไดแ้ ละจะไม่สามารถแบ่งแยกให้
เล็กลงกวา่ นน้ั ไดอ้ กี แตใ่ นสมัยนน้ั กย็ งั ไมม่ ีการทดลอง เพือ่ พสิ จู นแ์ ละสนบั สนนุ แนวความคดิ ดังกลา่ ว

แบบจําลองอะตอม (Atomic model) เปน็ ภาพทางความคิดท่ีแสดงให้เหน็ รายละเอยี ดของ
โครงสร้างอะตอมทส่ี อดคล้อง กับผลการทดลองและใชอ้ ธิบายปรากฏการณ์ ของอะตอมได้
แบบจาลองอะตอมของดอลตนั

155

อะตอมมีลักษณะทรงกลม และเป็นอนภุ าคทมี่ ีขนาดเลก็ ท่ีสดุ ซง่ึ แบ่งแยกไม่ได้ และไมส่ ามารถสรา้ งข้ึนใหม่
หรือทาํ ให้สญู หายได้

1.แบบจาลองอะตอมของดอลตนั
จอหน์ ดอลตัน นกั วิทยาศาสตรช์ าวองั กฤษ เปน็ นกั เคมีคนแรกท่เี สนอแนวคดิ เกีย่ วกับอะตอม ซ่งึ มี

สาระสําคญั ดงั น้ี ธาตุประกอบด้วยอนภุ าคเล็ก ๆ หลายอนภุ าค อนภุ าคเหล่านเี้ รียกว่า อะตอม ซึ่งแบง่ แยก
และทําให้สญู หายหรอื สรา้ งขึ้นใหมไ่ ม่ได้ อะตอมของธาตชุ นิดเดยี วกนั ย่อมมสี มบัตเิ หมือนกัน มีมวลเทา่ ๆกนั
แตม่ ีสมบัติแตกตา่ งจากอะตอมของธาตอุ ื่นๆ สารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตุมากกว่า 1 ชนดิ ทําปฏกิ ริ ยิ า
กันในอัตราสว่ นที่เป็นเลขลงตัวอยา่ งง่าย
2. แบบจาลองอะตอมของทอมสนั

อะตอม ประกอบด้วย อนภุ าคโปรตอนและอิเล็กตรอนกระจายอยูท่ ่ัวไปอยา่ งสม่ําเสมอ อะตอมในสภาพ
ท่เี ป็นกลางทางไฟฟาู จะมจี าํ นวนประจุบวกเทา่ กับประจุลบ

เซอรโ์ จเซฟ จอห์น ทอมสนั นักวทิ ยาศาสตรช์ าวอังกฤษ ได้ทาํ การศกึ ษาและทดลองเกี่ยวกบั การนาํ ไฟฟาู ของ
กา๊ ซโดยใชห้ ลอดรังสีแคโทด ไดผ้ ลสรุปด้งนี้

ค่าอัตราสว่ นประจุต่อมวลของอนภุ าคลบหรืออิเล็กตรอน (e ) มคี ่าเทา่ กับ คูลอมบ์ต่อกรัม ซง่ึ มีค่าคงที่
เสมอไม่ขึ้นอย่กู บั ชนดิ ของก๊าซและโลหะที่ใช้ทําแคโทด
สรปุ แบบจําลองอะตอมของทอมสัน
อะตอมมีลกั ษณะเป็นทรงกลุม มอี นภุ าคท่ีมปี ระจุบวก เรยี กวา่ โปรตอน อนุภาคทีม่ ปี ระจุลบ เรยี กว่า

156

อิเล็กตรอน และจํานวนโปรตอนเทา่ กบั จํานวนอิเล็กตรอนกระจายอย่ทู ่วั ไปในทรงกลม

การทดลองทสี่ นบั สนนุ แบบจําลองอะตอมของทอมสัน
สโตนีย์ ได้ศกึ ษาผลงานของฟาราเดย์ และเป็นผู้สรุปวา่ ไฟฟูาประกอบดว้ ยอนภุ าคทางไฟฟาู และตัง้ ชอ่ื อนภุ าค
นวี้ ่า อเิ ลก็ ตรอน ซง่ึ เป็นอนภุ าคขนาดเลก็ ในอะตอมของธาตุ
ฟาราเดย์ ได้ศึกษาเก่ียวกับการแยกสารละลายด้วยกระแสไฟฟูาและได้ตัง้ กฏการแยกสารด้วยไฟฟาู

รอเบริ ์ต แอนดรู ส์ มิลลิแกน ได้ทาํ การทดลองต่อจากทอมสนั เพ่ือหาประจุทีม่ อี ยู่ในอิเลก็ ตรอนแต่ละตัว เรยี ก
การทดลองนั้นวา่

ออยแกน โกลด์สไตน์ นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวเยอรมัน ได้ทาํ การทดลองโดยใชห้ ลอดรังสีแคโทด พบวา่ อนภุ าค
บวก มคี ่าอัตราส่วนประจตุ อ่ มวลไม่คงที่ ขน้ึ อยกู่ ับชนิดของกา๊ ซ และอนภุ าคบวกทีเ่ กิดจากไฮโดรเจน เรียกว่า
โปรตอน์
3. แบบจาลองอะตอมของรทั เทอรฟ์ อรด์

อะตอม ประกอบด้วย นวิ เคลยี สที่มโี ปรตอนรวมอยตู่ รงกลาง มขี นาดเลก็ และมีมวลมาก และมอี เิ ล็กตรอนซงึ่ มี
มวลนอ้ ยวง่ิ อยรู่ อบ ๆ นวิ เคลียส

157

ลอร์อเออร์เนสต์ รทั เทอร์ฟอรด์ นักวทิ ยาศาสตรช์ าวองั กฤษ และฮันส์ ไกเกอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมนั ได้
ทําการทดลองยิงอนภุ าคแอลฟาไปยังแผ่นทองคําบาง ๆ เรียกการทดลองน้ีวา่ การทดลองการกระเจงิ รงั สีอัลฟา
ของรทั เทอรฟ์ อรด์

จากการทดอลองพบวา่
 อนุภาคแอลฟาส่วนใหญ่ว่งิ เป็นแนวเส้นตรงทะลแุ ผน่ ทองคาํ บาง ๆ
 อนภุ าคแอลฟาบางส่วนวงิ่ เบ่ียงเบนไปจากแนวเส้นตรง
 อนภุ าคแอลฟาส่วนน้อยสะท้อนกลบั
ดังน้ันรัทเทอรฟ์ อร์ด เชอ่ื ว่า นา่ จะมีอนุภาคอกี ชนิดหนึ่งอยภู่ ายในนวิ เคลยี ส ซ่งึ ไมม่ ีประจุ แตม่ มี วลใกลเ้ คียงกบั
โปรตอน
เซอร์เจมส์ แชดวิก นกั วิทยาศาสตร์ชาวองั กฤษ ไดท้ าํ การทดลองยิงอนุภาคแอลฟา ไปยงั อะตอมของธาตุต่าง ๆ
และไดส้ รุปวา่ ในนวิ เคลียสของอะตอมมีอนภุ าคที่เป็นกลางทางไฟฟูา เรียกว่า นิวตรอน ดังนั้นแบบจาํ ลอง
อะตอม จึงมีลกั ษณะดงั รูป

4. แบบจาลองอะตอมของนลี สโ์ บร์

158

นีลส์ โบร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวเดนมาร์ก ไดท้ ําการศกึ ษาการเกิดสเปกตรมั ของก๊าซไฮโดรเจน และได้สรา้ ง
แบบจาํ ลองอะตอมเพื่อใชอ้ ธบิ ายลักษณะการเคลื่อนทีข่ องอเิ ล็กตรอนรอบ ๆ นิวเคลยี สเป็นวงคล้ายกบั วงโคจร
ของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ แตล่ ะวงจะมีระดับพลงั งานเฉพาะตวั และเรียกระดับพลงั งานของอเิ ล็กตรอน
ทอ่ี ยูใ่ กล้นวิ เคลยี สท่ีสดุ ซงึ่ มรี ะดบั พลงั งานตํา่ ทส่ี ดุ เรียกวา่ ระดบั พลงั งาน K และเรยี กระดับพลังงานถัด
ออกมาวา่ ระดบั พลงั งาน L,M,N,… ตามลําดบั
5.แบบจาลองอะตอมของกลมุ่ หมอก

อะตอมจะประกอบด้วย กล่มุ หมอกของอเิ ลก็ ตรอนรอบๆ นิวเคลียส โดยมีทศิ ทางไม่แนน่ อน โอกาสทีจ่ ะพบ
อิเล็กตรอนบรเิ วณใกล้นวิ เคลยี สมีมากกว่าบริเวณที่อยหู่ า่ งจากนิวเคลียส
เนอ่ื งจากแบบจาํ ลองอะตอมของโบรใ์ ชอ้ ธบิ ายได้ดเี ฉพาะธาตไุ ฮโรเจนซงึ่ มอี เิ ลก็ ตรอนเพียงตัวเดียว ดงั นน้ั ถา้
ธาตมุ หี ลายอิเล็กตรอน ทฤษฏีของโบรไ์ ม่สามารถอธิบายได้ นักวิทยาศาสตร์จึงค้นควา้ ทดลองจนเกิดเป็น
แบบจําลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก ซึง่ มลี กั ษณะดังนี้
 อิเล็กตรอนเคลอ่ื นท่รี อบนิวเคลียสดว้ ยความเร็วสูง วงโคจรไม่จําเปน็ ตอ้ งเปน็ วงกลมเสมอ
 ไม่สามารถบอกตําแหนง่ ทแ่ี นน่ อนของอิเล็กตรอนได้
 บรเิ วณกล่มุ หมอกหนาทึบ แสดงวา่ มีโอกาสพบอิเล็กตรอนบรเิ วณนนั้ มาก และบรเิ วณทก่ี ลุม่ หมอกจาง

แสดงวา่ มีโอกาสพบอเิ ลก็ ตรอนนอ้ ย

เอกสารอ้างอิง
https://taemsuttidasepsook.wordpress.com/2018/07/08/the-journey-begins/
https://atom4532.wordpress.com/
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess10/m4/chemical4_2/Lesson1/Lesson1.php
https://panyasociety.com/pages
http:/www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/286/16/2/compound/Content_05.html

159

พส.13

ใบงาน (Job Sheets)

รหัสวชิ า 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาทกั ษะชีวิต ท-ป-น 1-2-2

ชื่อหนว่ ย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

เร่อื ง แบบจาํ ลองอะตอม จานวนช่วั โมงสอน 3 รายการเรียนรู้
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ เคร่อื งมอื /วสั ดุ-อุปกรณ์
1. ปากกา
- จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 2. กระดาษ A4
1. บอกลกั ษณะของแบบจําลองอะตอมชนดิ ต่างๆได้ 3. ชนิ้ งาน
2. ทาํ งานร่วมกนั เป็นกลมุ่ ได้ ขอ้ ควรระวงั
1. ควรใช้อุปกรณ์ต่างๆด้วยความระมดั ระวัง
- ลาํ ดับขั้นการทาํ งาน มอบงาน
1. ให้นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 3 คน 1. นําเสนอผลงานพรอ้ มอธบิ าย
2. ใหแ้ ต่ละกลุ่มจบั สลากแบบจําลองอะตอม วดั ผล/ประเมนิ ผล
1. ตรวจชนิ้ งาน
กล่มุ ละ 1 แบบ 2. การนาํ เสนอผลงาน
3. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สบื คน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกับแบบจําลอง 3. เกณฑค์ ะแนนผา่ น 50% ขน้ึ ไป
อะตอม แล้วออกแบบสร้างแบบจําลองขน้ึ มาใน
กระดาษทเ่ี ตรียมไว้
4. นาํ เสนอความเป็นมาและสง่ิ ทพ่ี บของแต่ละ
แบบจาํ ลอง หนา้ ช้ันเรยี น

160

พส.14

ใบปฏบิ ตั งิ าน (Operation Sheets)

รหสั วิชา 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ

ชอ่ื หน่วย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ จานวนช่วั โมงสอน 3

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
- จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

1. บอกลักษณะของแบบจําลองอะตอมชนดิ ต่างๆได้
2. ทาํ งานร่วมกันเป็นกล่มุ ได้
เคร่ืองมือ-อุปกรณ์-วัสดุ
1. ปากกา
2. กระดาษ A4
3. ชน้ิ งาน
ลาํ ดบั ข้นั การปฏิบัติงาน
1. ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน
2. แต่ละกล่มุ ฝึกซ้อมท่องธาตุ 20 ตวั แรก จากตารางธาตุ
3. นําเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น
ขอ้ ควรระวงั
1. ควรใช้อุปกรณ์ตา่ งๆด้วยความระมดั ระวัง
ขอ้ เสนอแนะ
1. การส่งงานใหต้ รงตามเวลาที่ผู้สอนกําหนด
2. การทดลองควรตรงประเดน็ กบั หัวข้อโครงงานทต่ี ั้งไว้
การประเมนิ ผล
1. การประเมนิ ผลงานของแตล่ ะกลุ่ม
2. การประเมนิ ผลการนําเสนอหน้าชนั้ เรยี น
เอกสารอา้ งอิง
https://taemsuttidasepsook.wordpress.com/2018/07/08/the-journey-begins/
https://atom4532.wordpress.com/
หมายเหตุ ควรมีภาพประกอบแสดงการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะข้ัน

161

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหัสวิชา 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตรเ์ พ่ือพัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

ชอื่ หน่วย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ

เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ จานวนชวั่ โมงสอน 3

จุดประสงค์การมอบงาน
1. เพ่ือให้ผเู้ รียนอธิบายความหมายของอะตอมได้
2. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนบอกสญั ลักษณ์นวิ เคลยี รแ์ ละสญั ลักษณ์ของธาตไุ ด้

แนวทางการปฏิบัติงาน
ให้ผเู้ รยี นทาํ งานเป็นกล่มุ กําหนดหน้าทข่ี องแตล่ ะคนให้ชัดเจน จดั ลําดบั ขั้นตอนการปฏิบัตงิ านใหเ้ หมาะสม

แหล่งคน้ คว้า
ส่อื ออนไลน์

คาถาม/ปัญหา
1. ผู้เรยี นวางแผนการทาํ งานเป็นกลุ่มและงานเสร็จตามทีก่ ําหนดได้หรอื ไม่
2. ผเู้ รียนอธบิ ายความหมายของอะตอมได้หรือไม่
3. ผู้เรียนบอกสัญลักษณน์ วิ เคลยี รแ์ ละสัญลกั ษณ์ของธาตุไดห้ รือไม่
กาหนดเวลาทางาน

3 ชัว่ โมง

หมายเหตุ ควรมีภาพประกอบแสดงการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะข้นั

162

พส.16

ใบกิจกรรมท่ี 10

รหสั วิชา 20000-1301 วชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2 สอนครั้งท่ี 8
หน่วยท่ี 5 ชอ่ื หน่วย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ เวลา 1 ชม.
ช่ือกจิ กรรม อนภุ าคมลู ฐานของอะตอม และสญั ลกั ษณ์นิวเคลยี ร์ เวลา 1 ชม.

จุดประสงค์การเรียนรู้
1. เพ่อื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจเกยี่ วกบั อนุภาคมูลฐานของอะตอม และสัญลกั ษณ์นิวเคลยี ร์

วสั ดุ/อปุ กรณ์
1. สมุด
2. อปุ กรณ์การเรียน

คาสง่ั
1. ให้นกั เรยี นตอบคําถามโดยเตมิ คําลงในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง
2. ใหน้ ักเรยี นทาํ ดว้ ยตนเองหา้ มลอกกัน

สัญลกั ษณ์ สญั ลกั ษณ์ เลขอะตอม เลขมวล จานวนอนภุ าคมลู ฐานของอะตอม
ธาตุ นวิ เคลียร์ โปรตอน อเิ ล็กตรอน นิวตรอน
Li
Mg
N
Br
Cs
Kr
I
Si
Na

การประเมินผล
1. ตรวจใบกิจกรรม
2. นกั เรียนทาํ ผา่ น 50 % ขน้ึ ไป

163

เฉลยใบกจิ กรรมท่ี 10

สญั ลกั ษณ์ สัญลักษณ์ เลขอะตอม เลขมวล จานวนอนุภาคมลู ฐานของอะตอม
ธาตุ นิวเคลยี ร์ 3 7 โปรตอน อเิ ลก็ ตรอน นิวตรอน
Li
7 3 34
3 Li
12 12 12
Mg 24 12 24
12 Mg 7 77

N 14 7 14 35 35 45
7N
55 55 78
Br 80 35 80
35 Br 15 15 16
36 36 48
Cs 133 55 133
55 Cs 53 53 74

P 31 15 31 14 14 14
36 84
15 P 53 127 11 11 12
14 28
Kr 84 11 23

36 Kr

I 127

53 I

Si 28
14 Si

Na 23
11 Na

164

แบบทดสอบกอ่ นเรียนหนว่ ยที่ 5

คาส่ัง จงเลือกคาํ ตอบทถี่ ูกท่ีสุดเพยี งคําตอบเดียว แลว้ กาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในช่อง  ใน
กระดาษคําตอบ
1. จากแบบจําลองอะตอมที่กําหนดให้ แบบจําลองอะตอมในข้อใดเป็นแบบจําลองอะตอมของดอลตัน ทอม

สนั รัทเทอรฟ์ อร์ด และนีลสโ์ บร์ ตามลําดบั

12

12 3 4

ก. 1, 2, 3, 4

ข. 2, 3, 4, 1

ค. 3, 1, 2, 4

ง. 3, 2, 1, 4

2. การทดลองใดท่ีพสิ จู น์ว่า อะตอม ประกอบด้วย อเิ ลก็ ตรอน

ก. ใช้หลอดรงั สแี คโทด

ข. ยิงอนุภาคแอลฟาผ่านแผ่นทองคาํ

ค. ใชอ้ ปุ กรณต์ รวจการนาํ ไฟฟูา

ง. ดูดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอน

3. อนภุ าคมูลฐานในอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคชนิดใด

ก. โปรตอนและอเิ ลก็ ตรอน

ข. โปรตอนและนิวตรอน

ค. โปรตอนและนวิ เคลียส

ง. โปรตอน อิเล็กตรอน นิวตรอน

4. อะตอมของธาตใุ นสภาพท่ีเป็นกลางทางไฟฟูาจะมีจํานวนของอนุภาคใดเท่ากัน

ก. โปรตอนกับนิวตรอน

ข. อเิ ล็กตรอนกบั นวิ ตรอน

ค. โปรตอนกับอเิ ลก็ ตรอน

ง. โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน

165

5. ในนิวเคลียสของอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคใด

ก. โปรตอนกบั อเิ ล็กตรอน

ข. อิเล็กตรอนกับนิวตรอน

ค. โปรตอนกบั นวิ ตรอน

ง. โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน

6. ขอ้ ใดคอื เลขมวลของธาตุ

ก. โปรตอน ข. นิวตรอน

ค. อิเล็กตรอน ง. นวิ เคลียส

7. ข้อใดคอื เลขอะตอมของธาตุ

ก. อิเล็กตรอน + โปรตอนข. โปรตอน + นวิ ตรอน

ค. นิวตรอน + อิเล็กตรอน ง. โปรตอน

8. อะตอมของธาตทุ ี่เป็นกลางมีเลขอะตอม 17 และเลขมวล 36 จะมอี นภุ าคมลู ฐานตรงกับข้อใด

ก. 17p 19n 15e

ข. 17p 17n 19e

ค. 15p 19n 15e

ง. 17p 19n 17e

9. อะตอมของธาตหุ น่ึงมเี ลขอะตอมเทา่ กับ 11 และเลขมวลเทา่ กับ 23 จะเขียนเป็นสัญลักษณน์ ิวเคลยี รไ์ ด้

อยา่ งไร
ก. 1121 X ข. 1223 X
ค. 2131 X ง. 2131 X
10. ธาตุ A มสี ัญลักษณน์ วิ เคลยี ร์ 199 A จํานวน โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนของ ธาตุ A เป็น

เทา่ ใดตามลําดบั

ก. 9, 10, 19

ข. 19, 10, 9

ค. 10, 9, 19

ง. 9, 10, 9

166

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยที่ 5

1. ค. 3, 1, 2, 4
2. ก. ใช้หลอดรงั สีแคโทด
3. ง. โปรตอน อเิ ล็กตรอน นิวตรอน
4. ค. โปรตอนกับอเิ ลก็ ตรอน
5. ค. โปรตอนกบั นวิ ตรอน
6. ง. นวิ เคลียส
7. ง. โปรตอน
8. ง. 17p 19n 17e
9. ค. 2131 X
10. ง. 9, 10, 9

แผนการจัดการเรยี นรู้ 167

รหสั วชิ า 20000-1301 วชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาทักษะชีวติ พส.8
ชือ่ หน่วย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ
เรอื่ ง การจดั เรยี งอิเล็กตรอนในอะตอม หนว่ ยที่ 5
เวลารวม 9 ชม.
สปั ดาห์ 9/18
จานวน 3 ชม.

1. สาระสาคัญ

อะตอม เปน็ อนภุ าคท่ีเล็กมองไมเ่ ห็นด้วยตาเปล่า การศึกษาโครงสร้างอะตอมนกั วิทยาศาสตร์ตอ้ ง

สร้างแบบจําลองอะตอม และต้งั ทฤษฎีข้ึนมาเพ่ือใชอ้ ธิบายปรากฏการณต์ ่าง ๆ ทเ่ี กิดข้ึนจากการทดลอง

แบบจาํ ลองอะตอมมีการพัฒนาเปลย่ี นแปลงไปตลอด เนื่องจากมกี ารทดลองคน้ พบสิง่ ใหม่ ๆ ท่ีเกดิ ขึ้นใน

อะตอม และแบบจําลองอะตอมเดิมไม่สามารถใช้อธบิ ายได้ นกั วทิ ยาศาสตร์จงึ ต้องสรา้ งแบบจําลองอะตอมข้นึ

ใหมเ่ พ่อื ใช้อธบิ าย อยา่ งไรก็ตามปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่าในอะตอมจะมีอนภุ าคมลู ฐาน 3 ชนดิ คือ

โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน โปรตอนและนิวตรอนจะอยู่ตรงกลางอะตอมเรยี กวา่ นิวเคลยี ส สว่ น

อิเล็กตรอนจะเคล่อื นท่รี อบนิวเคลยี สเป็นชนั้ แต่ละชนั้ จะมจี ํานวนอิเล็กตรอนไมเ่ ทา่ กนั จาํ นวนอิเลก็ ตรอน
สงู สุดในแต่ละชั้นหาได้จากสูตร 2n2 และจํานวนอเิ ลก็ ตรอนวงนอกสุดมีได้ไม่เกิน 8 อิเลก็ ตรอน การจัดเรียง

อเิ ล็กตรอนในแต่ละช้ันจะสมั พันธก์ บั หม่แู ละคาบในตารางธาตุ ปจั จุบนั ตารางธาตุแบ่งออกเป็น 8 หมู่ 7 คาบ

2. สมรรถนะประจาหนว่ ย

แสดงความร้แู ละปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับโครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้

2. จดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในอะตอมได้

4. สาระการเรียนรู้

1. ไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทน

นักวิทยาศาสตร์เรียกอะตอมของธาตุชนิดเดียวกันมีเลขอะตอมเท่ากันแต่มีเลขมวลต่างกันว่า

ไอโซโทป เชน่ ไฮโดรเจน มี 3 ไอโซโทป คอื 1 H ไอโซโทน หมายถึง อะตอมของธาตุต่างชนิดกัน แต่มีจํานวน
1

นิวตรอนเท่ากนั เชน่ 39 K กับ 40 Ca และไอโซบาร์ หมายถึง อะตอมของธาตุต่างชนิดกันท่ีมีเลขมวลเท่ากัน
19 20

แต่เลขอะตอมตา่ งกัน เช่น 14 C กบั 14 N
6 7

2. การจัดเรียงอเิ ลก็ ตรอนในอะตอม

แบบจําลองอะตอมของนีลส์ โบร์ อิเล็กตรอนท่ีเคลื่อนท่ีรอบนิวเคลียสในแต่ละระดับพลังงาน

จะมจี าํ นวนไม่เท่ากนั โดยพบว่า ระดับพลงั งานทีอ่ ยู่ใกลน้ ิวเคลยี สที่สุด (n = 1) อิเล็กตรอนจะมีพลังงานต่ําสุด

ส่วนอิเลก็ ตรอนที่หา่ งนิวเคลยี สมากทส่ี ุดจะมพี ลงั งานสงู สุด

168

5. กิจกรรมการเรยี นรู้
1. เตรียมความพร้อมในการเรียน โดยการเรียกชื่อ สํารวจการแต่งกาย พร้อมท้ังบันทึกลงในแบบ

สังเกตความมีวินยั และความรับผิดชอบ
2. ข้นั นําเข้าสบู่ ทเรยี น
3. ขนั้ สอน
3.1 นกั เรียนจัดกล่มุ ๆ ละ 4-5 คน
3.2 ครใู ห้นักเรยี นทาํ ใบกจิ กรรมท่ี 11-12
3.3 นักเรียนตัวแทนกลุ่มนาํ เสนอผลการทาํ กิจกรรมและรว่ มกนั อภปิ รายกับ
3.4 ครใู หค้ วามรู้ เร่ือง ไอโซโทป ไอโซบาร์ ไอโซโทน และจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนในอะตอม
4 . ข้ันสรุป
ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายสรปุ ผลการทาํ กิจกรรมเพ่ือสรปุ เนือ้ หาทเ่ี รียน

6. ส่ือและแหล่งการเรียนรู้
6.1 ส่ือสิ่งพิมพ์
1. ใบความรู้ โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
2. ใบกจิ กรรม 11-12
3. แบบทดสอบก่อนเรียน โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ
4. แบบทดสอบหลงั เรยี น โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ
6.2 สอ่ื โสตทศั น์
PowerPoint สรปุ เนื้อหาโครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
1. ใบงาน
2. ใบกจิ กรรม
3. แบบทดสอบ

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
-

9. เอกสารอา้ งอิง
1. หนังสือเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์เพือ่ พฒั นาทักษะชีวติ
2. Internet

10. การวัดผลและประเมนิ ผล
10.1 กาํ หนดการประเมนิ พทุ ธิพิสยั
1. อธบิ ายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้
2. จัดเรยี งอเิ ลก็ ตรอนในอะตอมได้

169

10.2 เครอื่ งมอื ท่ีใชป้ ระเมนิ ทกั ษะพสิ ยั
1. ใบงาน ,ใบกิจกรรม
2. แบบทดสอบ

10.3 เครอ่ื งมอื การประเมินจิตพิสัย
1. แบบประเมนิ จิตพสิ ัย

170

พส.9

เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมนิ

รหสั วิชา 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

แบบประเมินแบบประมาณค่า (Rating scale) เกณฑ์การใหค้ ะแนน
54 321
ประเด็นการประเมิน

1. อธบิ ายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้
2. จดั เรียงอิเล็กตรอนในอะตอมได้

รวม
รวมทงั้ หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

171

พส.10

แบบประเมินจติ พสิ ัย
แบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ (checklist)

พฤติกรรมที่สงั เกต มี (1) ไม่มี (0) หมายเหตุ
1.การมาเรยี นและการทาํ กจิ กรรมหนา้ เสาธง 1,5,6
2.การแตง่ กายถูกตอ้ งตามระเบียบแบบพอเพยี ง 2,10
3.กิรยิ าสุภาพ,เรียบรอ้ ย,ปฏบิ ตั ิตามพระราชดํารัส 3,8,9,11
4.ความตัง้ ใจและสนใจเรยี น 4
5.ความรับผิดชอบตอ่ งานและส่วนรวม 7,12

รวมคะแนน (5 คะแนน/สปั ดาห)์

หมายเหตุ บูรณาการตามคา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ

172

พส.11

บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา...........................ช่ือวชิ า..................................................................................ระดับช้ัน................ห้อง.............
สาขางาน........................................................................................สปั ดาห์ที่..........วันทีส่ อน.........................................
หนว่ ยที.่ ...........ชอ่ื หนว่ ย.........................................................................................................จาํ นวน..................ชั่วโมง

1. ผลการจัดการเรยี นรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
2. ปัญหาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…

ลงช่ือ.......................................................ครผู ูส้ อน
(นางสาวกันตยา เลิศอรุณรัตน์)
........../................/............

ความเห็น................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
................................................................................................. .................................................................................................

ลงชอ่ื ...............................................หวั หนา้ แผนกวิชา ลงชอื่ ...........................................รองผู้อํานวยการฝาุ ยวิชาการ
(นางสาวมาละ แกว้ บัวดี) (นางสาวนิศากร เจรญิ ดี)
............/................../............
............/................../............

173

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหัสวชิ า 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

ชื่อหนว่ ย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ

เร่ือง การจดั เรียงอเิ ล็กตรอนในอะตอม จานวนชวั่ โมงสอน 3

จุดประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

- จดุ ประสงค์ท่วั ไป 1. ไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทน

1. มีความรู้ ความเขา้ ใจในเรอ่ื งไอโซโทป ไอโซบาร์ 2. การจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในอะตอม

และไอโซโทน

2. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในการจดั เรียงอิเลก็ ตรอนใน

อะตอม

- จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม

1. อธบิ ายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้

2. จดั เรยี งอิเล็กตรอนในอะตอมได้

เนอ้ื หาสาระ
การจดั เรยี งอิเล็กตรอนในอะตอม
จากการศกึ ษาแบบจําลองอะตอมโดยใช้สมการทางคณติ ศาสตร์ขนั้ สงู ทเ่ี รยี กว่าสมการคลน่ื คํานวณหาคา่
พลงั งานอิเลก็ ตรอน ทาํ ใหท้ ราบวา่ อะตอมประกอบด้วยโปรตอนและนิวตรอนอยรู่ วมกนั ใน
นิวเคลียส โดยมีอเิ ลก็ ตรอนเคลอื่ นทอี่ ยู่รอบ ๆ และอยู่ในระดับพลงั งานต่างกนั อเิ ล็กตรอนเหลา่ นนั้
อยู่กนั อยา่ งไร ในแตล่ ะระดับพลังงานจะมจี ํานวนอเิ ลก็ ตรอนสงู สดุ เท่าใด ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณาข้อมูลจากตาราง
แสดงการจดั เรียงอเิ ล็กตรอนของธาตุบางธาตุ
สญั ลกั ษณ์นวิ เคลียร์ (Nuclear symbol) เป็นส่ิงที่ใช้เขยี นแทนโครงสร้างของอะตอมโดยบอกรายละเอียด
เก่ียวกับจาํ นวนอนุภาคมูลฐานของอะตอม วธิ กี ารเขียนตามข้อตกลงสากลคอื เขยี นเลขอะตอมไวม้ มุ ลา่ งซ้าย
และเลขมวลไว้มุมบนซา้ ยของสญั ลักษณข์ องธาตุ เขียนเป็นสตู รทว่ั ไปไดด้ ังนี้

สญั ลักษณน์ ิวเคลียร์ =

X คือ สัญลกั ษณ์ของธาตุ
 A คอื เลขมวล (Mass number) หมายถึง ผลรวมของจํานวนโปรตอนและนวิ ตรอนในนวิ เคลยี ส

(A = p + n)

174

 Z คอื เลขอะตอม (Atomic number) หมายถงึ ตวั เลขท่แี สดงจาํ นวนโปรตอนท่มี อี ยใู่ นนิวเคลยี สของ
ธาตุ อะตอมของธาตชุ นิดหน่ึงๆ จะมีจํานวนโปรตอนเฉพาะตัวไมซ่ ้ํากบั ธาตุอืน่ ๆ ธาตชุ นดิ เดียวกันจะต้องมี
จาํ นวนโปรตอนหรือเลขอะตอมเท่ากัน

 ถ้าอะตอมเปน็ กลาง จาํ นวนอเิ ล็กตรอนเท่ากบั จาํ นวนโปรตอน แต่ถา้ อะตอมไม่เป็นกลาง จํานวน
อิเล็กตรอนจะไม่เทา่ กับโปรตอน เชน่ ไอออนบวกจะมโี ปรตอนมากกว่าอเิ ล็กตรอน ส่วนไอออนลบจะมี
โปรตอนนอ้ ยกว่าอเิ ลก็ ตรอน

ไอโซโทป ไอโซโทน และไอโซบาร์
ไอโซโทป (Isotope) หมายถงึ อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันทม่ี โี ปรตอนเทา่ กนั แตม่ เี ลขมวลและ

จานวนนวิ ตรอนตา่ งกนั (หรอื มีมวลตา่ งกนั ) เชน่

เป็นไอโซโทปกัน
จะเหน็ ไดค้ ารบ์ อนท้งั 3 ชนดิ มีโปรตอนเทา่ กัน แตม่ จี ํานวนนิวตรอนและเลขมวลไมเ่ ทา่ กัน การอา่ นชอื่

ไอโซโทป ให้เรยี กช่อื ธาตุ แลว้ ตามดว้ ยเลขมวล เช่น

การเขยี นสัญลักษณ์นิวเคลยี รข์ องไอโซโทป อาจจะเขยี นแบบยอ่ ได้โดยเขียนเฉพาะสัญลกั ษณ์ของธาตุกับ
เลขมวลคกู่ นั เช่น 12C, 13C, 14C แตไ่ อโซโทปของธาตบุ างชนดิ อาจจะมชี ือ่ เรียกโดยเฉพาะ เชน่ ธาตุไฮโดรเจน

1H เรียกว่า โปรเตียม ใช้สญั ลักษณ์ H แทน 1H
2H เรียกว่า ดวิ ทเี รยี ม ใชส้ ญั ลกั ษณ์ D แทน 2H
3H เรยี กวา่ ตรเี ตรยี ม ใช้สัญลกั ษณ์ T แทน 3H
ธาตุทีเ่ ปน็ ไอโซโทปกัน ถงึ แมว้ า่ จะเปน็ ธาตชุ นิดเดยี วกัน แต่มวลอะตอมจะไม่เทา่ กันด้วย รวมทั้งสมบัติทาง
กายภาพแตกตา่ งกันด้วย แตส่ มบัติทางเคมีเกอื บเหมือนกนั ทกุ ประการ
ไอโซโทน (Isotone) หมายถึง ธาตตุ ่างชนิดกันท่มี จี าํ นวนนวิ ตรอนเทา่ กนั แตม่ ีเลขมวลและเลข อะตอมไม่
เท่ากัน เชน่

เป็นไอโซโทนกนั
ไอโซบาร์ (Isobar) หมายถงึ ธาตตุ า่ งชนดิ กันทม่ี เี ลขมวลเท่ากัน แต่มีเลขอะตอมและจํานวนนวิ ตรอนไม่

เทา่ กัน เช่น

175

การจดั เรียงอเิ ล็กตรอนในระดับพลงั งานย่อย
การจดั อิเลก็ ตรอนในระดบั พลังงานหลกั ทาํ ใหแ้ ต่ละระดับพลงั งานมีจํานวนอเิ ล็กตรอนมากจึงเกิดปญั หา

วา่ อิเลก็ ตรอนเหล่านั้นอยใู่ นระดับพลงั งานเดียวกนั ได้อย่างไร ทาํ ไมจึงไมผ่ ลักกนั เพื่อแก้ปญั หาดงั กล่าว
นกั วทิ ยาศาสตร์จงึ ได้ศกึ ษาเก่ียวกบั ระดับพลงั งานยอ่ ยเพ่ือกระจายอิเลก็ ตรอนในแต่ละระดบั พลงั งานหลัก เขา้
ส่รู ะดับพลังงานยอ่ ย โดยอาศัยรปู แบบโคจรของอิเลก็ ตรอนรอบ ๆ นิวเคลยี สเปน็ เกณฑ์ในการแบ่งอิเลก็ ตรอน
เป็นกล่มุ ย่อย ๆ และเรียกรปู แบบวงโคจรนีว้ า่ ออร์บทิ ลั (Orbital) โดย 1 ออรบ์ ทิ ัลจะมีอเิ ล็กตรอนได้ไม่เกิน 2
อเิ ลก็ ตรอน ระดบั พลังงานย่อยมี 4 ระดับ คือ s, p, d, f โดยระดบั พลังงานย่อยมี

s มี 1 ออร์บิทลั บรรจุอิเล็กตรอนไดส้ ูงสุด 2 อิเลก็ ตรอน
p มี 3 ออร์บทิ ลั บรรจอุ ิเล็กตรอนได้สงู สดุ 6 อเิ ล็กตรอน
d มี 5 ออรบ์ ทิ ลั บรรจอุ เิ ลก็ ตรอนไดส้ งู สดุ 10 อเิ ลก็ ตรอน
f มี 7 ออรบ์ ทิ ลั บรรจุอิเลก็ ตรอนไดส้ ูงสดุ 14 อเิ ล็กตรอน
การจดั เรียงอิเลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานย่อย

1.จัดอเิ ล็กตรอนในระดบั พลังงานยอ่ ยตา่ ง ๆ จะต้องจัดเข้าในระดับพลังงานย่อยท่ีมพี ลังงานตาํ่ สดุ ก่อน
แล้วจงึ จัดเข้าสูร่ ะดบั พลงั งานย่อยท่ีมีพลังงานสูงขึน้ (ตามหลักของเอาฟบาว) ดังแผนผงั ต่อไปนี้

จากแผนภาพจัดเรยี งอเิ ลก็ ตรอนเข้าสูร่ ะดบั พลงั งานย่อยได้ดงั น้ี
1s 2s 2p 3s 3p 4s 3d 4p 5s 4d 5p 6s 4f 5d 6p 7s
เชน่ 17Cl มกี ารจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานยอ่ ย

1s2 2s2 2p6 3s2 3p5
21Se มกี ารจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลังงานยอ่ ย
1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d1
2.อิเลก็ ตรอน 2 ตวั ทอี่ ย่ใู นออรบ์ ิทลั เดียวกนั จะต้องมที ิศทางการเคลือ่ นทีส่ วนทางกนั โดยแสดงทิศทาง

ด้วยลกู ศร

176

ตามหลกั การของเพาลี
3.การจดั อเิ ลก็ ตรอนเขา้ ส่รู ะดับพลงั งานย่อย ถ้าอเิ ลก็ ตรอนบรรจอุ ยูก่ ่งึ หน่งึ หรือบรรจเุ ตม็ ออร์บทิ ลั จะมี

โครงสร้างแบบเสถยี ร เช่น
24Cr มีการจดั เรียงอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานยอ่ ย ดงั นี้
1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s1 3d5 ไม่ใช่ 1s2 2s2 2p6 3s2 3p6 4s2 3d4

เพราะโครงสรา้ งแบบแรกเสถียรกว่า เพราะ 4s และ 3d จะบรรจุก่ึงหนง่ึ หรอื เขียนโครงสรา้ งของ
อิเล็กตรอนแบบยอ่ ๆ ไดว้ ่า (Ar) 4s1 3d5

เอกสารอ้างองิ
http://www.digitalschool.club/digitalschool/chemical2_2_1/chemical1_4/more1/page1_3.php
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess10/m4/chemical4_2/Lesson1/Lesson1.php
https://panyasociety.com/pages

177

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหสั วิชา 20000-1301 วชิ า วิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

ชอื่ หน่วย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

เร่อื ง การจัดเรียงอเิ ล็กตรอนในอะตอม จานวนชั่วโมงสอน 3

จดุ ประสงค์การมอบงาน
1. เพอ่ื ใหผ้ ูเ้ รียนอธิบายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้
2. เพ่อื ให้ผู้เรยี นจัดเรียงอิเลก็ ตรอนในอะตอมได้
แนวทางการปฏิบัติงาน

ให้ผู้เรียนทํางานเป็นกลมุ่ กําหนดหน้าที่ของแตล่ ะคนใหช้ ัดเจน จัดลําดบั ขั้นตอนการปฏิบตั ิงานใหเ้ หมาะสม
แหลง่ คน้ คว้า

ส่อื ออนไลน์
คาถาม/ปัญหา
1. ผู้เรียนวางแผนการทาํ งานเป็นกลมุ่ และงานเสร็จตามท่กี ําหนดไดห้ รือไม่
2. ผเู้ รยี นอธบิ ายไอโซโทป ไอโซบาร์ และไอโซโทนได้หรอื ไม่
3. ผเู้ รยี นจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในอะตอมได้หรือไม่
กาหนดเวลาทางาน

3 ชว่ั โมง

หมายเหตุ ควรมีภาพประกอบแสดงการปฏิบตั งิ านในแตล่ ะขน้ั

178

พส.16

ใบกจิ กรรมที่ 11

รหัสวชิ า 20000-1301 วชิ า วทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาทกั ษะชีวติ ท-ป-น 1-2-2 สอนครงั้ ที่ 9
หน่วยที่ 5 ชื่อหนว่ ย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ เวลา 1 ชม.
ช่ือกิจกรรม ไอโซโทป ไอโซโทน และไอโซบาร์ เวลา 1 ชม.

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. เพอื่ ให้มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับแรงและการเคล่ือนท่ี

วัสด/ุ อปุ กรณ์
1. สมุด
2. อุปกรณ์การเรียน

คาส่งั
1. ให้นกั เรยี นจับคู่ความสมั พนั ธ์ในแตล่ ะข้อให้ถูกตอ้ ง โดยนาํ อักษรทางขวามาใสห่ นา้ ข้อความ

ทางซา้ ยมือ
2. ใหน้ กั เรยี นทําด้วยตนเองห้ามลอกกนั

………….1 ความหมายของไอโซโทป A. 26 Mg กบั 24 Mg
………….2 ความหมายของไอโซโทน 12 12
………….3 ความหมายของไอโซบาร์
…………4 ธาตุคู่ใดเป็นไอโซโทป B. 14 C
…………5 ธาตคุ ่ใู ดเปน็ ไอโซโทน 6
…………6 ธาตคุ ูใ่ ดเปน็ ไอโซบาร์
…………7 ไอโซโทปทีใ่ ช้หาอายุวตั ถโุ บราณ C. 60 Co
…………8 ไอโซโทปที่ใชร้ กั ษาโรคมะเร็ง 17
…………9 ธาตุใดไม่มนี ิวตรอน
…………10 ตรเิ ทียม D. 11 B กบั 12 C
5 6

E. กับ30 P 30 Si
14
15

F. ธาตตุ ่างชนิดกัน แต่มจี ํานวนนิวตรอนเท่ากนั

G. 39 K กบั 26 Mg
19 12

H. 11 B กบั 14 C
5 6

I. ธาตุต่างชนดิ กันท่ีมเี ลขมวลเทา่ กนั แต่เลขอะตอมตา่ งกนั

J. ธาตุชนิดเดยี วกันมเี ลขอะตอมท่ากันแตม่ ีเลข มวลต่างกนั

K. ธาตุ H ทีม่ ี 1 โปรตอน และ 2 นวิ ตรอน

L. ธาตุชนดิ เดยี วกันมเี ลขมวลท่ากันแต่มเี ลขอะตอมต่างกัน

M. ธาตุ H ทมี่ ี 1 โปรตอน และ 1 นิวตรอน

N. โปรเตยี ม

179

การประเมนิ ผล

1. ตรวจใบกิจกรรม
2. นกั เรยี นทาํ ผา่ น 50 % ข้นึ ไป

180

พส.16

ใบกจิ กรรมที่ 12

รหสั วิชา 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาทักษะชีวติ ท-ป-น 1-2-2 สอนครงั้ ที่ 9
หนว่ ยท่ี 5 ชอื่ หน่วย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ เวลา 1 ชม.
ช่ือกิจกรรม การจัดเรยี งอิเล็กตรอนในอะตอม เวลา 1 ชม.

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. เพ่ือให้มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับการจัดเรยี งอเิ ล็กตรอนในอะตอม

วัสดุ/อุปกรณ์
1. สมดุ
2. อุปกรณก์ ารเรยี น

คาสั่ง
1. ใหน้ ักเรยี นการจดั เรียงอเิ ล็กตรอนในอะตอมแต่ละขอ้ ใหถ้ ูกต้อง
2. ให้นักเรียนทาํ ด้วยตนเองห้ามลอกกนั

ธาตุ เลขอะตอม การจดั เรียงอเิ ล็กตรอน จานวนเวเลนซ์อเิ ลก็ ตรอน
Be

Sr
Ca
Al
Si
As
Br
Kr
Te
Xe
การประเมนิ ผล
1. ตรวจใบกิจกรรม
2. นกั เรยี นทาํ ผา่ น50 % ขนึ้ ไป

เฉลยใบกิจกรรมที่ 11 181

……J…….1. ความหมายของไอโซโทป จานวนเวเลนซอ์ เิ ล็กตรอน
……F…….2. ความหมายของไอโซโทน 7
……I…….3. ความหมายของไอโซบาร์ 2
……A……4. ธาตคุ ู่ใดเปน็ ไอโซโทป 2
……D……5. ธาตคุ ู่ใดเป็นไอโซโทน 3
……E……6. ธาตคุ ู่ใดเปน็ ไอโซบาร์ 4
……B……7. ไอโซโทปท่ีใช้หาอายุวัตถุโบราณ 33
……C……8. ไอโซโทปที่ใชร้ ักษาโรคมะเร็ง 7
……N……9. ธาตใุ ดไม่มีนวิ ตรอน 8
……M……10. ตริเทียม 6
8
เฉลยใบกจิ กรรมที่ 12

ธาตุ เลขอะตอม การจดั เรยี งอเิ ลก็ ตรอน

Be 9 2 , 7

Sr 38 2 , 8 , 18 , 8 , 2
Ca 20 2 , 8 , 8 , 2
Al 13 2 , 8 , 3
Si 14 2 , 8 , 4
As 33 2 , 8 , 18 ,5
Br 35 2 , 8 , 18 , 7
Kr 36 2 , 8 , 18 , 8
Te 52 2 , 8 , 18 , 18, 6
Xe 54 2 , 8 , 18 , 18 , 8

แผนการจดั การเรยี นรู้ 182

รหสั วชิ า 20000-1301 วชิ า วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาทักษะชีวิต พส.8
ชอื่ หนว่ ย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
เรือ่ ง สมบัตขิ องธาตุในตารางธาตุ หนว่ ยท่ี 5
เวลารวม 9 ชม.
สปั ดาห์ 10/18
จานวน 3 ชม.

1. สาระสาคัญ
ตารางธาตถุ กู ศกึ ษา คน้ ควา้ และจดั ทําขึน้ เปน็ ครงั้ แรก โดยนักเคมี ชาวรสั เซีย ดมีตรี อีวาโนวิช เมน

เดเลเยฟ (Dmitri Ivanovich Mendeleev) ในปี 1869 ผา่ นการจดั เรียงธาตแุ ต่ละตัวตามโครงสรา้ งภายใน
อะตอม ซึ่งการจัดทาํ ตารางธาตุดังกลา่ ว ดมีตรีสามารถคาดการณถ์ ึงธาตุ หรือคุณสมบตั ขิ องธาตุตวั ต่อไป ทยี่ งั
ไม่ถกู ค้นพบไดอ้ กี ด้วย เชน่ แกลเลียม (Gallium) ซึ่งดมตี รีคาดเดาคุณสมบัตขิ องธาตุชนิดนี้ไว้ต้ังแตใ่ นปี 1871
ก่อนแกลเลียมถกู คน้ พบภายหลังในอกี 4 ปีต่อมา (ในปี 1875) ขณะน้นั ตารางธาตุได้รับการยอมรบั และถกู
ตพี ิมพ์อยา่ งแพรห่ ลาย แต่บนตารางธาตมุ ธี าตปุ รากฏอยูเ่ พียง 69 ชนิด กอ่ นไดร้ บั การคน้ พบธาตุชนิดใหม่
ภายหลงั ทาํ ใหต้ ารางธาตไุ ดร้ ับการพัฒนาและปรบั ปรงุ ให้สมบรู ณย์ ิง่ ข้นึ ปจั จบุ ัน มีธาตมุ ากถึง 118 ธาตุ ตั้งแต่
ธาตุที่ 1 (ไฮโดรเจน) ถึงธาตทุ ่ี 118 (ออกาเนสซอน)
2. สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความรู้และปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ
3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายสมบตั ิของธาตุในตารางธาตุได้
4. สาระการเรยี นรู้

1.ตารางธาตุ (Periodic Table) คือการจดั เรียงธาตุเคมี (Chemical Element) ในรูปแบบของ
ตารางตามโครงสร้างและคณุ สมบตั ิของธาตุทีค่ ล้ายคลงึ กัน หรือทเ่ี รียกวา่ “กฎพีริออดิก” (Periodic Law)
เพ่อื เป็นประโยชนใ์ นการใชง้ านและง่ายตอ่ การศกึ ษา ซงึ่ การจัดเรียงธาตตุ ามตารางธาตุยงั สามารถช่วยอธบิ าย
ความสัมพนั ธ์ของสมบัตธิ าตุตา่ งๆ รวมถงึ การทํานาย หรือคาดการณ์ ถึงคุณสมบัตทิ างเคมี และพฤตกิ รรมของ
ธาตุ ท่ียังไมถ่ กู คน้ พบ หรอื ไดร้ ับการสังเคราะห์ขน้ึ ใหม่อกี ด้วย

2.ธาตุ (Element) คอื โครงสร้างพ้ืนฐานของสสาร เปน็ สารบรสิ ุทธทิ์ ไี่ มส่ ามารถแยกย่อยไดอ้ กี ดว้ ย
กระบวนการทางเคมี ธาตุเกิดขน้ึ จากการรวมตัวกนั ของอนุภาคขนาดเลก็ ท่เี รยี กวา่ “อะตอม” (Atom) ซงึ่ ธาตุ
เปน็ การรวมตวั กนั ของอะตอมชนิดเดียวกนั
5. กิจกรรมการเรียนรู้

1. เตรียมความพร้อมในการเรียน โดยการเรียกช่ือ สํารวจการแต่งกาย พร้อมท้ังบันทึกลงในแ บบ
สงั เกตความมวี ินยั และความรบั ผิดชอบ

183

2. ข้ันนําเขา้ สูบ่ ทเรยี น
3. ขน้ั สอน

3.1 นกั เรยี นจดั กลุม่ ๆ ละ 4-5 คน
3.2 ครใู หค้ วามรู้ เรอื่ ง สมบตั ิของธาตใุ นตารางธาตุ โดยใชส้ ่อื PowerPoint
3.3 ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ทาํ ใบกจิ กรรมท่ี 13
4 . ขั้นสรุป
ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายสรปุ ผลการทาํ กจิ กรรมเพอื่ สรุปเนื้อหาที่เรยี น
6. สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
6.1 สอื่ สิง่ พมิ พ์
1. ใบความรู้ โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
2. ใบกจิ กรรม 13
3. แบบทดสอบก่อนเรยี น โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
4. แบบทดสอบหลงั เรยี น โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ
6.2 สือ่ โสตทศั น์
PowerPoint สรุปเนือ้ หาโครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ
7. หลักฐานการเรียนรู้
1. ใบงาน
2. ใบกิจกรรม
3. แบบทดสอบ
8. กิจกรรมเสนอแนะ
-
9. เอกสารอา้ งองิ
1. หนังสือเรียนรายวิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พื่อพัฒนาทักษะชีวิต
2. Internet
10. การวัดผลและประเมินผล
10.1 กําหนดการประเมนิ พุทธพิ ิสยั
1. อธิบายสมบตั ขิ องธาตใุ นตารางธาตไุ ด้
10.2 เคร่ืองมือทีใ่ ช้ประเมนิ ทกั ษะพสิ ยั

1. ใบงาน ,ใบกิจกรรม
2. แบบทดสอบ
10.3 เครื่องมือการประเมินจิตพสิ ัย
1. แบบประเมินจติ พิสยั

184

พส.9

เคร่อื งมอื ทีใ่ ชใ้ นการประเมิน

รหสั วชิ า 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตร์เพอ่ื พัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

แบบประเมนิ แบบประมาณคา่ (Rating scale) เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ประเด็นการประเมนิ 54 321

1.อธบิ ายสมบตั ขิ องธาตใุ นตารางธาตไุ ด้

รวม
รวมทั้งหมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)

185

พส.10

แบบประเมินจติ พสิ ัย
แบบประเมินแบบตรวจสอบรายการ (checklist)

พฤติกรรมที่สงั เกต มี (1) ไม่มี (0) หมายเหตุ
1.การมาเรยี นและการทาํ กจิ กรรมหนา้ เสาธง 1,5,6
2.การแตง่ กายถูกตอ้ งตามระเบียบแบบพอเพยี ง 2,10
3.กิรยิ าสุภาพ,เรียบรอ้ ย,ปฏบิ ตั ิตามพระราชดํารัส 3,8,9,11
4.ความตัง้ ใจและสนใจเรยี น 4
5.ความรับผิดชอบตอ่ งานและส่วนรวม 7,12

รวมคะแนน (5 คะแนน/สปั ดาห)์

หมายเหตุ บูรณาการตามคา่ นิยมหลักของคนไทย 12 ประการ

186

พส.11

บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
รหัสวิชา...........................ชอ่ื วิชา..................................................................................ระดบั ช้ัน................ห้อง.............
สาขางาน........................................................................................สปั ดาหท์ ี่..........วันทสี่ อน.........................................
หนว่ ยที่............ชอ่ื หน่วย.........................................................................................................จาํ นวน..................ช่ัวโมง

1. ผลการจดั การเรียนรู้
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
……………….………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
2. ปญั หาและอปุ สรรค
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…
3. ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..….…………………
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………………….…

ลงช่ือ.......................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวกันตยา เลศิ อรุณรตั น์)
........../................/............

ความเหน็ ................................................................................. ความเห็น.................................................................................
................................................................................................ ................................................................................................
................................................................................................. .................................................................................................

ลงชือ่ ...............................................หัวหน้าแผนกวิชา ลงชื่อ...........................................รองผูอ้ าํ นวยการฝุายวชิ าการ
(นางสาวมาละ แกว้ บัวดี) (นางสาวนศิ ากร เจริญดี)
............/................../............
............/................../............

187

พส.12

ใบความรู้ (Information Sheets)

รหสั วชิ า 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาทักษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

ชื่อหนว่ ย โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ

เรอื่ ง สมบตั ิของธาตใุ นตารางธาตุ จานวนชว่ั โมงสอน 3

จดุ ประสงค์การเรียนรู้ รายการเรยี นรู้

- จุดประสงค์ท่วั ไป สมบตั ิของธาตใุ นตารางธาตุ

มีความรู้ ความเขา้ ใจในสมบตั ิของธาตใุ นตาราง

ธาตุ

- จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม

อธิบายสมบตั ิของธาตใุ นตารางธาตุได้

เน้ือหาสาระ

สญั ลักษณ์ของธาตุ

สญั ลกั ษณ์ของธาตุ ใชเ้ ป็นสญั ลกั ษณ์แทนธาตุ 1 อะตอม แต่เน่ืองจากธาตุมอี ยูห่ ลายชนิด จอหน์ ดอลตนั

(John Dallton) นกั วทิ ยาศาสตรช์ าวอังกฤษ จงึ เสนอให้มกี ารใช้รปู ภาพเปน็ สญั ลักษณ์แทนช่ือธาตุ

ตอ่ มา จาคอบ แบร์เซลิอุส (Jacob Berzelius ค.ศ. 1779-1848) นักเคมชี าวสวเี ดน ได้เสนอใช้

สญั ลักษณธ์ าตแุ บบตวั อักษรขน้ึ เมอื่ ปี ค.ศ. 1814 และยังใชถ้ งึ ปัจจุบนั เพราะเหน็ วา่ ได้มีการค้นพบธาตใุ หมๆ่

เปน็ จาํ นวนมากขนึ้ การใชร้ ปู ภาพอาจจะไม่สะดวก จงึ เสนอให้ใชต้ ัวอกั ษรแทนชอ่ื ธาตุ เพื่อใหส้ ะดวกและมี

ความเปน็ สากลมากขนึ้ ซึ่งการเขยี นสัญลักษณธ์ าตมุ ีหลกั เกณฑ์ ดงั น้ี

1. ภาษาท่ีใช้ คอื ภาษาละติน (เพราะเปน็ ภาษาทต่ี ายแลว้ ) ถา้ ไมม่ ภี าษาละติน ให้ใชภ้ าษากรีก

ภาษาเยอรมนั หรือภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างภาษาทใี่ ชเ้ ขยี นแทนสญั ลักษณธ์ าตุ

ภาษา ช่อื เต็ม สญั ลักษณ์

ละติน Ferum Fe
Plumbum Pb

กรีก Iodes I

Kallium K

เยอรมนั Natrium Na

Wulfram W

อังกฤษ Carbon C

188

2. ใช้อกั ษรตวั แรกเปน็ ตัวพิมพใ์ หญ่ ถา้ ขึ้นตน้ ด้วยตัวเดยี วกนั ใหต้ ่อด้วยตัวที่ 2 ของตวั อักษรตวั ถัดไป
ในชอ่ื ธาตนุ ั้น (อาจจะเปน็ อกั ษรตวั ท่ี 2, 3 หรือ 4 ก็ได)้ แต่เป็นตัวพิมพเ์ ลก็ เชน่ C (คารบ์ อน) ค้นพบกอ่ น ธาตุ
อ่นื ท่ีคน้ พบทหี ลงั แต่ขนึ้ ต้นด้วย C กจ็ ะเขยี นได้ ดังน้ี Cd (แคดเมียม) Ca (แคลเซียม) Cf (แคริ
ฟอรเ์ นียม) Ce (ซีเลยี ม) Cs (ซเี ซียม) Cl (คลอรีน) Cr (โครเมยี ม) Co (โคบอลต์) Cu (คอป
เปอร)์ Cm (คูเรียม)

ตวั อย่างช่อื และสัญลกั ษณ์ธาตทุ ่ีคน้ พบแล้ว ดงั ตารางตอ่ ไปน้ี

ชอ่ื ธาตุ ชอื่ ภาษาอังกฤษ ช่ือในภาษาละตนิ สัญลักษณ์ ประโยชน์

เหล็ก Iron Ferrum Fe โครงสรา้ งอาคาร

ตะก่ัว Lead Plumbum Pb ลกู กระสุน

ทองแดง Copper Cuprum Cu สายไฟ

เงนิ Silver Argentum Ag เครือ่ งประดับ

ดบี กุ Tin Stannum Sn เคลือบกระป๋อง

ปรอท Mercury Hydragyrum Hg เทอร์โมมเิ ตอร์

อะลมู ิเนยี ม Aluminium - Al เสาอากาศ

ทองคํา Gold Aurum Au เครือ่ งประดับ

สงั กะสี Zinc - Zn หลังคาบา้ น

สารหนู Aresnic - As สารเบอ่ื หนู

แมงกานสี Manganese - Mn ป๋ยุ

โซเดียม Sodium Natrium Na ทําเกลือ ทําด่าง

โพแทสเซยี ม Potassium Kalium K ปุย๋

แคลเซียม Calcium - Ca ปูน กระดกู และฟัน

คารบ์ อน Carbon C ไสด้ ินสอ เพชร

ไนโตรเจน Nitrogen - N อากาศ หล่อเย็น

ออกซเิ จน Oxygen - O อากาศหายใจ

ไฮโดรเจน Hydrogen - H ระเบิด

คลอรนี Chlorine - Cl ฆ่าเช้ือโรค

กาํ มะถัน Sulphur - S นํ้ากรด

ฟอสฟอรัส Phosphorus - P กระดูกและฟัน

ไอโอดนี Iodine - I ปอู งกันโรคคอพอก

189

ตารางธาตุ (Periodic Table)
คอื การจดั เรียงธาตุเคมี (Chemical Element) ในรปู แบบของตารางตามโครงสร้างและคุณสมบตั ขิ อง

ธาตุทค่ี ล้ายคลงึ กัน หรือท่เี รยี กวา่ “กฎพีรอิ อดิก” (Periodic Law) เพือ่ เปน็ ประโยชนใ์ นการใช้งานและงา่ ยตอ่
การศึกษา ซ่ึงการจัดเรยี งธาตตุ ามตารางธาตยุ งั สามารถชว่ ยอธบิ ายความสมั พันธ์ของสมบัติธาตตุ ่างๆ รวมถงึ
การทํานาย หรือคาดการณ์ ถงึ คณุ สมบัตทิ างเคมี และพฤติกรรมของธาตุ ทยี่ งั ไม่ถกู ค้นพบ หรือไดร้ ับการ
สังเคราะห์ขน้ึ ใหมอ่ กี ด้วย
ธาตุ (Element)

คือ โครงสร้างพนื้ ฐานของสสาร เป็นสารบริสุทธิ์ท่ีไม่สามารถแยกยอ่ ยได้อกี ด้วยกระบวนการทางเคมี ธาตุ
เกิดข้นึ จากการรวมตัวกันของอนภุ าคขนาดเล็กทเ่ี รียกว่า “อะตอม” (Atom) ซึง่ ธาตเุ ป็นการรวมตวั กันของ
อะตอมชนดิ เดียวกนั ภายในอะตอมของธาตแุ ตล่ ะตวั น้ัน ประกอบไปด้วยอนุภาคมลู ฐานขนาดเลก็ ได้แก่
โปรตอน (Proton) ซึง่ มคี ุณสมบัติทางไฟฟาู เป็นบวก อิเล็กตรอน (Electron) ท่มี ีคุณสมบัติทางไฟฟาู เป็นลบ
และนิวตรอน (Neutron) ซง่ึ มีคุณสมบัติเปน็ กลาง ธาตุแต่ละตวั ประกอบขึ้นจากอนภุ าคขนาดเล็กเหลา่ นี้ โดยมี
จํานวนของอนภุ าคภายในอะตอมเป็นตัวกําหนดคณุ สมบัตอิ นั เปน็ เอกลักษณแ์ ละความแตกต่างของธาตแุ ตล่ ะ
ตัวในธรรมชาติ
การคน้ พบตารางธาตุ

ตารางธาตุถูกศึกษา คน้ ควา้ และจัดทาํ ข้นึ เปน็ คร้งั แรก โดยนกั เคมี ชาวรสั เซยี ดมีตรี อวี าโนวิช เมนเดเล
เยฟ (Dmitri Ivanovich Mendeleev) ในปี 1869 ผา่ นการจดั เรียงธาตุแต่ละตวั ตามโครงสรา้ งภายในอะตอม
ซ่ึงการจดั ทาํ ตารางธาตดุ ังกลา่ ว ดมีตรสี ามารถคาดการณถ์ ึงธาตุ หรือคุณสมบัติของธาตตุ วั ต่อไป ที่ยังไมถ่ กู
คน้ พบไดอ้ กี ดว้ ย เช่น แกลเลยี ม (Gallium) ซึง่ ดมตี รีคาดเดาคุณสมบัติของธาตุชนิดนี้ไว้ตั้งแตใ่ นปี 1871 ก่อน
แกลเลียมถกู ค้นพบภายหลังในอีก 4 ปตี ่อมา (ในปี 1875)

ดมีตรี อวี าโนวิช เมนเดเลเยฟ (Dmitri Ivanovich Mendeleev)

ขณะน้นั ตารางธาตุไดร้ บั การยอมรบั และถูกตีพมิ พ์อยา่ งแพร่หลาย แตบ่ นตารางธาตมุ ีธาตปุ รากฏอย่เู พยี ง 69
ชนดิ ก่อนได้รับการค้นพบธาตชุ นิดใหมภ่ ายหลัง ทําให้ตารางธาตุได้รบั การพฒั นาและปรบั ปรุงใหส้ มบูรณย์ ่ิงขึน้
ปจั จุบัน มธี าตุมากถึง 118 ธาตุ ตัง้ แต่ธาตทุ ี่ 1 (ไฮโดรเจน) ถงึ ธาตุท่ี 118 (ออกาเนสซอน)

190

ธาตุทง้ั หมด 98 พบได้ในธรรมชาติ อีก 16 ธาตุที่เหลอื นับตงั้ แต่ ธาตุที่ 99 (ไอน์สไตเนียม) จนถึงธาตทุ ่ี 118
(ออกาเนสซอน) ถูกสังเคราะหข์ นึ้ ในหอ้ งปฏิบัติการทางวทิ ยาศาสตรเ์ ท่านั้น ในบรรดาธาตุ 98 ตวั ท่ีพบใน
ธรรมชาตินี้ มีธาตุ 84 ตัวที่เป็นธาตุดึกดําบรรพ์ และทีเ่ หลืออกี 14 ธาตปุ รากฏในโซ่ของการสลายตัวของธาตุ
ดกึ ดําบรรพ์เหลา่ น้ัน ยงั ไม่มีใครพบธาตทุ ่หี นกั กวา่ ไอนส์ ไตเนียม (ธาตทุ ่ี 99) ในรูปธาตบุ รสิ ุทธ์ิ ในปรมิ าณท่ี
มองเหน็ ได้ด้วยตาเปล่าเลย
การจัดธาตุในตารางธาตุ

ในตารางธาตมุ าตรฐาน ธาตแุ ต่ละตัวถกู จดั เรียงจากซา้ ยไปขวาและจากบนลงลา่ งตามเลขอะตอม
(Atomic Number) หรอื จํานวนโปรตอนในนวิ เคลียสของธาตุ โดยตารางธาตใุ นปัจจุบันแบง่ ธาตุทัง้ หมด
ออกเป็น 18 หมู่ (Group) ตามแนวดง่ิ โดยธาตทุ ่ีมสี มบัติคล้ายกนั จะถูกจดั จําแนกใหอ้ ยใู่ นหมู่เดยี วกนั จาก
การจัดเรยี งเวเลนซอ์ ิเลก็ ตรอน (Valence Electron) หรอื มีจํานวนอิเลก็ ตรอนในวงนอกสดุ เทา่ กนั ท้งั 18 หมู่
ในตารางธาตุมีสัญลักษณ์เป็นตวั เลขโรมันหรอื เลขอารบกิ จาก 1 ถงึ 18 และตัวอกั ษร เชน่ IA หรอื 1A

นอกจากนี้ ธาตใุ นบางหม่ยู ังมีชอื่ เรยี กเฉพาะอีกด้วย เช่น ธาตุหมู่ IA มีชื่อเฉพาะวา่ “โลหะแอลคาไล”
(Alkali Metal) หรอื ธาตุหมู่ IIA ที่มชี ือ่ เฉพาะว่า “โลหะแอลคาไลนเ์ อริ ท์ ” (Alkaline Earth) ธาตุหมู่ VIIA มี
ชือ่ เฉพาะวา่ “ฮาโลเจน” (Halogen) และธาตุหมู่ที่ VIIIA มักถกู เรยี กวา่ “ก๊าซเฉ่อื ย” (Inert Gas) เปน็ ต้น
ขณะทีอ่ กี 7 คาบ (Period) ในแนวนอนเปน็ ตวั บ่งบอกจํานวนช้นั ของอเิ ล็กตรอน (Electron Shell) โดย
จาํ นวนของอเิ ลก็ ตรอนและโปรตอนของธาตุในคาบเดียวกันน้ี จะเพม่ิ จํานวนขึ้นทลี ะหนงึ่ ชน้ั พร้อมทงั้ ความ
เป็นโลหะทลี่ ดลงจากธาตหุ มู่ทางดา้ นซา้ ยไปยังด้านขวาของตารางธาตุ ในขณะท่ีอเิ ลก็ ตรอนจะถกู จัดเรียงในชัน้
ใหม่ เมือ่ ชน้ั เดิมถกู จดั เรียงจนเตม็ ซึ่งคอื การเร่ิมต้นของคาบใหมใ่ นตารางธาตุ
การจดั เรยี งเช่นนี้ ทาํ ให้เกดิ การวนซํ้าของธาตทุ มี่ ีคุณสมบัติทางเคมีท่ีใกลเ้ คียงกนั เม่อื เลขอะตอมเพิม่ ขึ้น
นอกจากน้ี เม่ือมีมวลมากข้นึ ธาตุสว่ นใหญ่จะไม่สามารถคงความเสถยี รไว้ได้ ทาํ ใหธ้ าตุทีม่ เี ลขอะตอมสงู มกั มี
โอกาสพบไดน้ อ้ ยมากในธรรมชาติ

191

ในตารางธาตุยังมีการแบ่งกล่มุ ของธาตุตามสมบัติความเปน็ โลหะอีกด้วย โดยมีการจําแนกออกเปน็ 3 กล่มุ คือ
 ธาตโุ ลหะ (Metals) เปน็ กล่มุ ธาตุท่ีนาํ ไฟฟูาและนาํ ความรอ้ นไดด้ ี อยู่ทางดา้ นซา้ ยของตารางธาตุ
หรอื หมู่ 1A
 ธาตกุ ่ึงโลหะ (Metalloids) เปน็ กลุ่มธาตทุ นี่ าํ ไฟฟูาได้ไม่ดีท่ีอณุ หภูมหิ ้อง แต่จะนําไดด้ ีขน้ึ เมอื่ ได้รับ
ความร้อนมากข้ึน มีคุณสมบตั ิของทงั้ ธาตใุ นกลมุ่ โลหะและธาตุอโลหะ อยู่บรเิ วณขัน้ บนั ได
 ธาตอุ โลหะ (Nonmetals) เปน็ กลมุ่ ธาตทุ ี่ไม่นาํ ท้งั ไฟฟาู และความรอ้ น อย่ดู ้านขวาของตารางธาตุ

ชื่อและสัญลกั ษณ์ของธาตใุ นตารางธาตุ

ตวั เลขบนมมุ ซ้ายดา้ นบน คอื จาํ นวนโปรตอนภายในอะตอมของธาตุหรือเลขอะตอม (Atomic Number)
สัญลักษณต์ วั อักษรตรงกลาง คอื อักษรยอ่ ของช่ือธาตุ (Abbreviation) ในหลายกรณสี ญั ลกั ษณ์ทมี่ ีชือ่
ภาษาอังกฤษอยา่ งเช่น ฮเี ลียม (Helium) จะใช้ “He” เปน็ ตัวแทนสญั ลักษณข์ องธาตุ
เลขด้านลา่ ง คอื มวลอะตอม (Atomic Mass) หรือจาํ นวนโปรตอนและนวิ ตรอนภายในนวิ เคลยี สของธาตนุ ั้นๆ
เอกสารอ้างองิ
https://panyasociety.com/pages
http:/www.atom.rmutphysics.com/charud/oldnews/0/286/16/2/compound/Content_05.html
https://ngthai.com/science/25760/periodic-table/

192

พส.15

ใบมอบหมายงาน (Assignment Sheets)

รหัสวิชา 20000-1301 วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาทกั ษะชวี ติ ท-ป-น 1-2-2

ช่ือหนว่ ย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ

เรอ่ื ง โครงสร้างอะตอมและตารางธาตุ จานวนชวั่ โมงสอน 3

จดุ ประสงค์การมอบงาน
1. เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นอธิบายสมบตั ขิ องธาตใุ นตารางธาตุได้

แนวทางการปฏิบัตงิ าน
ให้ผเู้ รียนทํางานเปน็ กลุ่ม กําหนดหนา้ ท่ขี องแตล่ ะคนใหช้ ัดเจน จัดลําดบั ขั้นตอนการปฏิบตั ิงานใหเ้ หมาะสม

แหลง่ คน้ คว้า
ส่ือออนไลน์

คาถาม/ปัญหา
1. ผู้เรียนวางแผนการทํางานเปน็ กลุ่มและงานเสร็จตามทกี่ าํ หนดได้หรอื ไม่
2. ผูเ้ รยี นอธิบายสมบตั ิของธาตใุ นตารางธาตุได้หรอื ไม่
กาหนดเวลาทางาน

3 ช่วั โมง

หมายเหตุ ควรมีภาพประกอบแสดงการปฏิบตั ิงานในแต่ละข้นั

193

พส.16

ใบกิจกรรมที่ 13

รหสั วชิ า 20000-1301 วิชา วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ิต ท-ป-น 1-2-2 สอนครง้ั ท่ี 10
หน่วยที่ 5 ชอ่ื หนว่ ย โครงสรา้ งอะตอมและตารางธาตุ เวลา 1 ชม.
ช่อื กิจกรรม สมบัติของธาตุในตารางธาตุ เวลา 1 ชม.

จุดประสงค์การเรยี นรู้
1. เพอ่ื ใหม้ คี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับสมบัตขิ องธาตใุ นตารางธาตุ

วัสด/ุ อปุ กรณ์
1. สมดุ
2. อุปกรณ์การเรียน

คาสั่ง
1. ใหน้ ักเรียนทําเครื่องหมายถกู ()หนา้ ในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง
2. ให้นกั เรียนทําดว้ ยตนเองหา้ มลอกกัน

เร่ือง สมบตั ิของธาตุในตารางธาตุ

เลข สัญลกั ษณ์ สมบตั ิ ชอื่ ธาตุ

อะตอม ธาตุ โลหะ กึง่ โลหะ อโลหะ

4

9

14

30

47

50

79

88

24

33

194

เฉลยใบกิจกรรมท่ี 13

เลข สญั ลกั ษณ์ สมบัติ ชื่อธาตุ

อะตอม ธาตุ โลหะ ก่งึ โลหะ อโลหะ เบรลิ เรยี ม
ฟลอู อรนี
4 Be 

9F 

14 Si  ซลิ คิ อน
สงั กะสี
30 Zn  เงนิ
ดีบุก
47 Ag  ทองคา
เรเดยี ม
50 Sn  โครเมียม
สารหนู
79 Au 

88 Ra 

24 Cr 

33 As 

195

แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยที่ 5

คาส่ัง จงเลือกคาํ ตอบทถี่ ูกท่ีสุดเพยี งคาํ ตอบเดียว แลว้ กาเคร่อื งหมายกากบาท (X) ลงในช่อง  ใน
กระดาษคําตอบ
1. จากแบบจําลองอะตอมที่กําหนดให้ แบบจําลองอะตอมในข้อใดเป็นแบบจําลองอะตอมของดอลตัน ทอม

สนั รัทเทอรฟ์ อร์ด และนีลสโ์ บร์ ตามลาํ ดับ

12

12 3 4

ก. 1, 2, 3, 4

ข. 2, 3, 4, 1

ค. 3, 1, 2, 4

ง. 3, 2, 1, 4

2. การทดลองใดท่ีพสิ จู น์ว่า อะตอม ประกอบด้วย อิเล็กตรอน

ก. ใช้หลอดรงั สแี คโทด

ข. ยิงอนุภาคแอลฟาผ่านแผ่นทองคาํ

ค. ใชอ้ ปุ กรณต์ รวจการนาํ ไฟฟาู

ง. ดูดว้ ยกลอ้ งจุลทรรศน์อเิ ล็กตรอน

3. อนภุ าคมูลฐานในอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคชนิดใด

ก. โปรตอนและอเิ ลก็ ตรอน

ข. โปรตอนและนิวตรอน

ค. โปรตอนและนวิ เคลียส

ง. โปรตอน อิเล็กตรอน นิวตรอน

4. อะตอมของธาตใุ นสภาพท่ีเป็นกลางทางไฟฟูาจะมีจํานวนของอนภุ าคใดเท่ากัน

ก. โปรตอนกับนิวตรอน

ข. อเิ ล็กตรอนกบั นิวตรอน

ค. โปรตอนกับอเิ ลก็ ตรอน

ง. โปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอน

196

5. ในนิวเคลียสของอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคใด

ก. โปรตอนกบั อเิ ล็กตรอน

ข. อิเล็กตรอนกับนิวตรอน

ค. โปรตอนกบั นวิ ตรอน

ง. โปรตอน นวิ ตรอน และอิเล็กตรอน

6. ขอ้ ใดคอื เลขมวลของธาตุ

ก. โปรตอน ข. นิวตรอน

ค. อิเล็กตรอน ง. นวิ เคลียส

7. ข้อใดคอื เลขอะตอมของธาตุ

ก. อิเล็กตรอน + โปรตอนข. โปรตอน + นวิ ตรอน

ค. นิวตรอน + อิเล็กตรอน ง. โปรตอน

8. อะตอมของธาตทุ ี่เป็นกลางมีเลขอะตอม 17 และเลขมวล 36 จะมอี นภุ าคมลู ฐานตรงกับข้อใด

ก. 17p 19n 15e

ข. 17p 17n 19e

ค. 15p 19n 15e

ง. 17p 19n 17e

9. อะตอมของธาตหุ น่ึงมเี ลขอะตอมเทา่ กับ 11 และเลขมวลเทา่ กับ 23 จะเขียนเป็นสัญลักษณน์ ิวเคลยี รไ์ ด้

อยา่ งไร
ก. 1121 X ข. 1223 X
ค. 2131 X ง. 2131 X
10. ธาตุ A มสี ัญลักษณน์ วิ เคลยี ร์ 199 A จํานวน โปรตอน นิวตรอน และอิเลก็ ตรอนของ ธาตุ A เป็น

เทา่ ใดตามลําดบั

ก. 9, 10, 19

ข. 19, 10, 9

ค. 10, 9, 19

ง. 9, 10, 9

197

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 5

1. ค. 3, 1, 2, 4
2. ก. ใช้หลอดรงั สแี คโทด
3. ง. โปรตอน อเิ ล็กตรอน นิวตรอน
4. ค. โปรตอนกบั อเิ ลก็ ตรอน
5. ค. โปรตอนกบั นวิ ตรอน
6. ง. นวิ เคลยี ส
7. ง. โปรตอน
8. ง. 17p 19n 17e
9. ค. 2131 X
10. ง. 9, 10, 9

198

พส.8

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 6
เวลารวม 6 ชม.
รหสั วิชา 20000-1301 วิชา วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พัฒนาทกั ษะชวี ติ

ชอื่ หนว่ ย สารและการเปลยี่ นแปลง สปั ดาห์ 11/18

เรอื่ ง สารและการเปลย่ี นแปลง จานวน 3 ชม.

1. สาระสาคัญ

สารต่าง ๆ ในโลกมีมากมายหลายชนดิ การศกึ ษาเก่ยี วกับสารจึงต้องจัดหมวดหมเู่ พอื่ ประโยชน์ต่อ

การศึกษาค้นคว้าโดยการกาํ หนดเกณฑเ์ พ่ือใชใ้ นการจาํ แนกสาร เม่อื ใชเ้ นือ้ สารเปน็ เกณฑ์จะจาํ แนกสาร

ออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สารเนือ้ เดยี ว และสารเนือ้ ผสม สารเนือ้ เดยี วยงั แบง่ ออกเป็นสารละลายและสาร

บรสิ ทุ ธ์ิ และสารบรสิ ุทธิ์ยังแบ่งออกเปน็ ธาตุกับสารประกอบ การจดั จําแนกสารเมื่อใชอ้ นุภาคเป็นเกณฑ์จะ

แบ่งได้ 3 ประเภท เรยี งลาํ ดับตามขนาดของอนุภาคจากใหญ่ไปเล็ก ไดแ้ ก่ สารแขวนลอย คอลลอยด์ และ

สารละลายสารตา่ ง ๆ มีการเปล่ยี นแปลงไดต้ ลอดเวลา อาจเป็นการเปล่ยี นแปลงทางกายภาพหรือการ

เปลย่ี นแปลงทางเคมี ซ่ึงการเปล่ยี นแปลงท้งั สองอย่างนีจ้ ะแตกตา่ งกันโดยการเปลีย่ นแปลงทางเคมีจะมีสาร

ใหมเ่ กิดขน้ึ ทาํ ใหก้ ารยดึ เหนย่ี วของอะตอมในโครงสรา้ งเปลยี่ นไป

2. สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความร้แู ละปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั สารและการเปลยี่ นแปลง

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. สามารถแยกตวั ทําละลายและตวั ละลายได้

2. จาํ แนกการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ และทางเคมีของสารในชวี ิตประจําวนั ได้

4. สาระการเรยี นรู้

1. สาร (Substance) หมายถึงสงิ่ ต่าง ๆ ทอี่ ยรู่ อบตัวของเราซ่งึ สามารถสัมผสั ไดด้ ้วยประสาทท้งั 5

2. สมบตั ิของสาร แบ่งเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ สมบัตทิ างกายภาพ และสมบัตทิ างเคมี

3. การจําแนกสาร

3.1 การจําแนกสารเมื่อใช้ลักษณะเน้ือของสารเป็นเกณฑ์ สารเน้ือเดียวยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

ได้แก่ สารบรสิ ทุ ธ์ิ และสารละลาย

3.2 การจัดกลุ่มสารเมื่อใช้ขนาดของอนุภาคเป็นเกณฑ์ จะแบ่งได้ 3 กลุ่ม คือ สารแขวนลอย

คอลลอยด์ และสารละลาย

4. การเปล่ียนแปลงของสาร หมายถึง การท่ีสารมีสมบัติต่างไปจากเดิม เช่น มีสีกลิ่น รส รูปร่าง

หรอื สถานะเปล่ียนไป การเปล่ยี นแปลงบางอย่างอาจทําให้มีสารใหม่เกิดขึ้น หากใช้สมบัติของสารเป็นเกณฑ์

จะสามารถจําแนกประเภทของการเปลี่ยนแปลงได้ 2 ประเภท คือ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ และการ

เปล่ียนแปลงทางเคมี

199

5. กิจกรรมการเรียนรู้
1. เตรียมความพร้อมในการเรียน โดยการเรียกชื่อ สํารวจการแต่งกาย พร้อมท้ังบันทึกลงในแบบ

สงั เกตความมวี นิ ยั และความรับผิดชอบ
2. ข้นั นําเข้าสู่บทเรยี น
3. ให้นกั เรยี นทําแบบทดสอบกอ่ นเร่ือง สารและการเปลีย่ นแปลง
4. ขั้นสอน ครูให้ความรู้ บรรยาย อธิบาย โดยใช้ส่ือ PowerPoint ประกอบ และให้นักเรียนทําใบ

กจิ กรรมที่ 14-15
5. ข้นั สรุป ครใู หน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรปุ บทเรยี น

6. ส่อื และแหล่งการเรยี นรู้
6.1 สือ่ สิ่งพมิ พ์
1. ใบความรู้ สารและการเปลย่ี นแปลง
2. ใบกิจกรรมท่ี 14-15
3. แบบทดสอบก่อนเรยี น สารและการเปล่ยี นแปลง
4. แบบทดสอบหลงั เรียน สารและการเปลย่ี นแปลง
6.2 ส่ือโสตทศั น์
PowerPoint สรปุ เนื้อหาสารและการเปลย่ี นแปลง

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
1. ใบงาน
2. ใบกจิ กรรม
3. แบบทดสอบ

8. กจิ กรรมเสนอแนะ -
9. เอกสารอา้ งอิง

1. หนังสือเรียนรายวิชา วิทยาศาสตร์เพือ่ พัฒนาทักษะชวี ติ
2. Internet
10. การวัดผลและประเมนิ ผล
10.1 กําหนดการประเมนิ พุทธพิ ิสัย

1. สามารถแยกตวั ทําละลายและตัวละลายได้
2. จําแนกการเปลีย่ นแปลงทางกายภาพ และทางเคมีของสารในชีวติ ประจําวันได้
10.2 เครอ่ื งมอื ทใี่ ชป้ ระเมินทกั ษะพิสัย

1. ใบงาน ,ใบกจิ กรรม
2. แบบทดสอบ
10.3 เครอ่ื งมอื การประเมนิ จิตพิสัย
1. แบบประเมินจติ พิสัย

200

พส.9

เครอื่ งมือทใี่ ชใ้ นการประเมนิ

รหสั วชิ า 20000-1301 วชิ า วทิ ยาศาสตร์เพอื่ พัฒนาทักษะชีวิต ท-ป-น 1-2-2

แบบประเมนิ แบบประมาณคา่ (Rating scale) เกณฑก์ ารให้คะแนน
54 321
ประเดน็ การประเมิน

1. สามารถแยกตวั ทาํ ละลายและตัวละลายได้
2. จาํ แนกการเปลยี่ นแปลงทางกายภาพ และทางเคมีของสารใน
ชีวิตประจาํ วนั ได้

รวม
รวมทง้ั หมด (5 คะแนน+4 คะแนน+3 คะแนน+2 คะแนน+1 คะแนน)
คะแนนรวม (60%)


Click to View FlipBook Version