จากการทำประมง
Landing Marine Fishes in บรเิ วณฝงั่ ทะเลอนั ดามนั
Andaman Sea Thailand ประเทศไทย
ผู้ชว่ ยศาสตราจาร2ย์ ดร. อนัญญา เจริญพรนิพัทธ และคณะ
คำปรำรภ
ชายฝั่งทะเลอันดามันมีความหลากหลายทางชนิดของปลาสูงมาก
เนื่องจากเป็นระบบนิเวศชายฝั่งเขตร้อน มีความหลากหลายของระบบนิเวศซ่ึง
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดชุมชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งทะเล ที่ประกอบ
อาชีพการทำประมงเป็นหลัก อาชีพการทำประมงจึงมีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิต
ทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม การลดลงของปริมาณสัตว์น้ำและการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างของสายใยอาหารของสัตว์น้ำส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร ความ
ยงั่ ยืนของทรัพยากรประมง และอาชีพของชาวประมงในบรเิ วณชุมชนชายฝง่ั อนั
ดามัน ผู้วิจัยจึงได้จัดทำโครงการ “การวิจัยและพัฒนาประมงอย่างยั่งยืนเพื่อ
การวางแผนโครงการปรับปรุงการประมงสำหรับชุมชนชายฝั่งอันดามัน” ซ่ึง
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัย
แห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2562 - 2563 ในระหว่างการทำวิจัยทีมผู้วิจัย
ต้องสืบค้นชนิดของปลาจากสารานุกรมอย่างมากในการจำแนกชนิดของปลา
จากการทำประมงบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน และประกอบกับการสัมภาษณ์
ชาวประมงในพื้นที่นิยมเรียกชื่อชนิดปลาด้วยภาษาท้องถิ่น ทำให้เกิดความ
สับสนในการบันทึกข้อมูลงานวิจัย จึงได้จัดทำสารานุกรมปลาบริเวณชายฝั่ง
ทะเลอันดามัน เล่มนี้ ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลชนิดปลาที่ได้จากการทำประมง
พื้นบ้าน และประมงพาณิชย์จากเครื่องมือชนิดต่างๆ ประกอบด้วยทั้งสัตว์น้ำ
เป้าหมาย และสตั ว์นำ้ พลอยจับได้ ซง่ึ เปน็ ความรเู้ บอื้ งตน้ เกยี่ วกับชนดิ วงศ์ สกุล
รูปร่าง แหล่งอาศัยและอาหารตามธรรมชาติและลักษณะพฤติกรรมของปลาไว้
อยา่ งครบถ้วน รวมถงึ ช่ือสามญั และช่ือทชี่ าวประมงเรยี กกันในทอ้ งถน่ิ ชายฝ่ังอัน
ดามัน เพื่อให้งานวจิ ัยดำเนินไปได้อย่างถูกต้องและสนับสนนุ ข้อมูลในการศึกษา
ค้นคว้าด้านประมงชายฝั่งอันดามันของ นักวิจัย นักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่จะ
ศึกษาหรอื วจิ ยั ตอ่ ไปในอนาคต
4
ขอขอบพระคุณสำนักคณะกรรมการวิจัยแห่งชาตทิ ่ีสนบั สนนุ งบประมาณ
การวจิ ยั และขอขอบคุณพน่ี อ้ งชาวประมงพืน้ บ้าน และประมงพาณิชย์ท่ีช่วยให้
คำแนะนำ และข้อมลู องคค์ วามรู้ ดา้ นช่ือสัตวน์ ้ำ และลกั ษณะสตั วน์ ำ้
ขอบคุณข้อมูล และรูปภาพส่วนหนึ่งจากวิทยานิพนธ์ ในชื่อเรื่อง
“องค์ประกอบการจับและอัตราการใช้ประโยชน์ของปลาที่ขึ้นท่าจากการทำ
ประมงด้วยเครื่องมือประมงที่แตกต่างกันในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามัน” จาก
นกั ศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตร์การประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบัน
พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขอขอบคุณนักศึกษาในหลักสูตรที่เป็น
ส่วนหนึ่งในการชว่ ยรวบรวมขอ้ มูลตัวอย่างสตั ว์น้ำ ทีช่ ่วยเหลือ และสนบั สนุนให้
หนังสือปลาทะเลจากการทำประมงบริเวณชายฝัง่ ทะเลอันดามัน ประเทศไทย น้ี
สำเร็จลลุ ว่ งไปด้วยดี
(ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. อนญั ญา เจริญพรนพิ ทั ธ)
สารานกุ รมแบบฉบับ E-book
5
สำรบำญ 2
5
ลกั ษณะชายฝง่ั ทะเลอนั ดามัน…………………………………… 8
การทำประมงบรเิ วณชายฝ่ังทะเลอนั ดามนั ………………… 12
ลักษณะทั่วไปของปลา…………………………………………….. 17
บทบาทหนา้ ที่ของปลาในสายใยอาหาร……………………… 26
ลักษณะกายวภิ าคของปลา……………………………….……… 28
การวดั ขนาดความยาวปลา……………………………………… 29
Ariidae (วงศป์ ลากดทะเล)…………………………………….. 30
Arius venosus ปลากดทะเล 31
Netuma thalassinus ปลากดทะเล 32
Osteogeneiosus militaris ปลากดหัวอ่อน 33
Plicofollis nella ปลากดทะเล 34
Aplocheilidae (วงศป์ ลาหัวตะกั่ว)………………………… 35
Aplocheilus panchax ปลาหวั ตะกวั่ 36
Acanthuridae (วงศ์ปลาขี้ตังเบ็ด)………………………….. 37
Acanthurus mata ปลาข้ตี ังเบ็ดหน้าเหลือง 38
Naso tuberosus ปลาข้ตี ังเบด็ หัวโหนก 39
Caesionidae (วงศ์ปลาหางเหลอื ง)…………………………. 40
Caesio caerulaurea ปลากลว้ ยแถบเขียว 41
Caesio cuning ปลาหางเหลือง 42
Dipterygonotus balteatus ปลากลว้ ยแกลบ 43
Pterocaesio chrysozona ปลากลว้ ยแถบทอง 44
Pterocaesio tile ปลากล้วยแถบฟ้า
Carangidae (วงศ์ปลาหางแขง็ )………………………………
6
Alepes djedaba ปลาสีกนุ แกม้ ดำ 45
Alectis ciliaris ปลาผมนางลาย 46
Alepes kleinii ปลาสกี นุ 47
Alectis indica ปลาโฉมงาม 48
Atule mate ปลาสกี นุ หางเหลอื ง 49
Alepes melanoptera ปลาสกี ุนกระโดงดำ 50
Alepes vari ปลาสขี นเกาะ 51
Carangoides armatus ปลากะมงแก้มบาง 52
Carangoides Chrysophrys ปลากะมงแก้มดำ 53
Carangoides ferdau ปลากะมงแถบ 54
Carangoides hedlandensis ปลาสกี นุ ครบี ยาว 55
Carangoides praeustus ปลาสกี นุ ครีบดำ 56
Caranx ignobilis ปลากะมงพร้าว 57
Caranx melampygus ปลากะมงครีบฟ้า 58
Caranx sexfasciatus ปลากะมงตาแดง 59
Decapterus kurroides ปลาทแู ขกหางแดง 60
Decapterus macrosoma ปลาทแู ขกครบี สน้ั 61
Decapterus russelli ปลาทูแขกครบี ยาว 62
Gnathanodon speciosus ปลาตะคองเหลือง 63
Megalaspis cordyla ปลาแข้งไก่ 64
Parastromateus niger ปลาจาระเมด็ ดำ 65
Scomberoides commersonnianus ปลาสละ 66
Scomberoides lysan ปลาสีเสยี ด 67
Scomberoides tala ปลาเฉลียบปอ้ ม 68
Scomberoides tol ปลาสละเกลด็ ยาว 69
7
Selar boops ปลาสกี นุ ทอง 70
Selar crumenophthalmus ปลาสีกนุ ทองตาโต 71
Selaroides leptolepis ปลาขา้ งเหลอื ง 72
Seriolina nigrofasciata ปลาสำลี 73
Trachinotus baillonii ปลาลอ่ งลมจดุ 74
Ulua mentalis ปลากะมงปากกว้าง 75
Chirocentridae (วงศป์ ลาดาบลาว)……………………….. 76
Chirocentrus nudus ปลาดาบลาว 77
Clupeidae (วงศป์ ลาหลงั เขยี ว)……………………………… 78
Amblygaster leiogaster ปลาหลงั เขียว 79
Amblygaster sirm ปลาหลงั เขยี วขา้ งจดุ 80
Anodontostoma chacunda ปลาตะเพียนน้ำเคม็ 81
Escualosa thoracata ปลากะตักขาว 82
Sardinella albella ปลาหลงั เขียวเกลด็ ขาว 83
Sardinella fimbriata ปลาหลงั เขียว 84
Sardinella gibbosa ปลาหลงั เขียว 85
Tenualosa toli ปลาตะลมุ พุก 86
Dasyatidae (วงศ์ปลากระเบน)………………………………. 87
Brevitrygon walga ปลากระเบนจมกู แหลม 88
Maculabatis gerrardi ปลากระเบนจดุ ขาว 89
Neotrygon caeruleopunctata ปลากระเบนจมกู โต 90
Pateobatis fai ปลากระเบนหางยาว 91
Diodontidae (วงศป์ ลาปกั เป้าหนาม)……………………… 92
Diodon liturosus ปลาปกั เป้าหนาม 93
Drepanidae (วงศ์ปลาใบโพธ์ิ)……………………………….. 94
8
Drepane punctata ปลาใบโพธจ์ิ ุด 95
Engraulidae (วงศ์ปลากะตกั )………………………………… 96
Encrasicholina devisi ปลากะตกั 97
Encrasicholina heteroloba ปลากะตกั 98
Encrasicholina punctifer ปลากะตกั 99
Stolephorus indicus ปลากะตักใหญ่ 100
Stolephorus waitei ปลากะตกั ขาว 101
Stolephorus chinensis ปลากะตักควายหางดำ 102
Setipinna taty ปลาแมวหนวดยาว 103
Thryssa hamiltonii ปลาแมว 104
Thryssa kammalensis ปลาแมวหวั แหลม 105
Thryssa mystax ปลาแมวหางเหลอื ง 106
Echeneidae (วงศป์ ลาเหาฉลาม)…………………………… 107
Echeneis naucrates ปลาเหาฉลาม 108
Ephippidae (วงศป์ ลาหูช้าง)…………………………………. 109
Ephippus orbis ปลาคลุด 110
Platax orbicularis ปลาหชู ้างกลม 111
Platax teira ปลาหูช้างครบี ยาว 112
Fistulariidae (วงศป์ ลาปากขลยุ่ )…………………………… 113
Fistularia petimba ปลาปากขลุ่ย 114
Gerreidae (วงศ์ปลาดอกหมาก)……………………………… 115
Gerres erythrourus ปลาดอกหมากครบี ส้นั 116
Gerres filamentosus ปลาดอกหมากกระโดง 117
Pentaprion longimanus ปลาดอกหมากครีบยาว 118
Haemulidae (วงศป์ ลากะพงแสม)…………………………. 119
9
Diagramma pictum ปลาสร้อยนกเขาจดุ ทอง 120
Plectorhinchus gibbosus ปลาตะเภาปากหมู 121
Pomadasys kaakan ปลากะพงแสม 122
Pomadasys maculatus ปลากะพงแสมลายบงั้ 123
Hemiramphidae (วงศ์ปลากะทงุ เหว)……………………. 124
Hemiramphus far ปลากะทุงเหวแม่มา่ ย 125
Hyporhamphus limbatus ปลากะทุงเหวเมือง 126
Hemiramphus marginatus ปลากะทุงเหวปากแดง 127
Hemiscylliidae (วงศฉ์ ลามกบ)……………………………… 128
Chiloscyllium punctatum ฉลามกบ 129
Holocentridae (วงศ์ปลาเพชรา)…………………………… 130
Myripristis murdjan ปลาข้าวเม่าน้ำลึกแกม้ ดำ 131
Sargocentron rubrum ปลากระรอก 132
Istiophoridae (วงศ์ปลากระโทง)…………………………… 133
Istiophorus platypterus ปลากระโทงร่ม 134
Istiompax indica ปลากระโทงแทงดำ 135
Lactariidae (วงศ์ปลาใบขนนุ )……………………………….. 136
Lactarius lactarius ปลาใบขนนุ 137
Latidae (วงศป์ ลากะพงขาว)………………………………….. 138
Lates calcarifer ปลากะพงขาว 139
Leiognathidae (วงศป์ ลาแป้น)……………………………… 140
Gazza minuta ปลาแปน้ เข้ยี ว 141
Leiognathus equulus ปลาแปน้ ใหญ่ 142
Deveximentum insidiator ปลาแป้นปากหมู 143
Lethrinidae (วงศ์ปลาจกั รพรรดิ)…………………………… 144
10
Gymnocranius griseus ปลาอีคดุ บงั้ 145
Lethrinus lentjan ปลาหมูสีแกม้ แดง 146
Lethrinus olivaceus ปลาหมสู ีหนา้ ยาว 147
Lobotidae วงศ์ปลากะพงดำ…………………………………… 148
Lobotes surinamensis ปลากะพงดำ 149
Lutjanidae (วงศ์ปลากะพงแดง)…………………………….. 150
Lutjanus argentimaculatus ปลากะพงแดง 151
Lutjanus johnii ปลากะพงเกลด็ ห่าง 152
Lutjanus lemniscatus ปลากะพงน้ำตาล 153
Lutjanus Lutjanus ปลากะพงขา้ งเหลือง 154
Lutjanus russellii ปลากะพงขา้ งปาน 155
Lutjanus quinquelineatus ปลากะพงแถบฟ้า 156
Lutjanus vitta ปลากะพงเหลอื งขมนิ้ 157
Lutjanus xanthopinnis ปลากะพงเหลอื ง 158
Menidae (วงศป์ ลาพระจนั ทร์)……………………………….. 159
Mene maculata ปลาพระจันทร์ 160
Monacanthidae (วงศป์ ลาววั จมูกยาว)………………….. 161
Aluterus monoceros ปลาวัวหางตดั 162
Aluterus scriptus ปลาตะไบเฉยี ง 163
Mugilidae (วงศ์ปลากระบอก)………………………………… 164
Ellochelon vaigiensis ปลากระบอกหูดำ 165
Osteomugil cunnesius ปลากระบอกหวั กลม 166
Planiliza subviridis ปลากระบอกดำ 167
Mullidae (วงศป์ ลาแพะฤาษี)…………………………………. 168
Parupeneus heptacanthus ปลาแพะแดง 169
11
Parupeneus barberinus ปลาแพะข้างแถบ 170
Upeneus guttatus ปลาแพะ 171
Upeneus moluccensis ปลาแพะแถบเหลอื ง 172
Upeneus tragula ปลาแพะลาย 173
Muraenesocidae (วงศป์ ลายอดจาก)…………………….. 174
Muraenesox bagio ปลามงั กรยอดจาก 175
Muraenesox cinereus ปลายอดจาก 176
Nemipteridae (วงศ์ปลาทราย)……………………………… 177
Nemipterus bipunctatus ปลาทรายแดง 178
Nemipterus furcosus ปลาทรายแดง 179
Nemipterus hexodon ปลาทรายแดง 180
Nemipterus marginatus ปลาทรายแดง 181
Nemipterus peronii ปลาทรายแดง 182
Scolopsis affinis ปลาทรายขาวหางเหลอื ง 183
Scolopsis monogramma ปลาทรายขาวแถบ 184
Scolopsis vosmeri ปลาทรายคอขาว 185
Ostraciidae (วงศป์ ลาปกั เปา้ กลอ่ ง)……………………….. 186
Lactoria cornuta ปลาปักเปา้ เขาวัว 187
Ostracion rhinorhynchos ปลาปักเป้ากล่องหัวโหนก 188
Paralichthyidae (วงศป์ ลาลนิ้ ควาย)……………………… 189
Pseudorhombus arsius ปลาลนิ้ ควายเกลด็ ลน่ื 190
Platycephalidae (วงศป์ ลาชา้ งเหยียบ)…………………. 191
Platycephalus indicus ปลาช้างเหยยี บ 192
Plotosidae (วงศป์ ลาดุกทะเล)……………………………….. 193
Plotosus canius ปลาดกุ ทะเล 194
12
Plotosus lineatus ปลาดุกทะเลลาย 195
Polynemidae (วงศ์ปลากเุ รา)……………………………….. 196
Eleutheronema tetradactylum ปลากุเราหนวดสเี่ สน้ 197
Priacanthidae (วงศป์ ลาตาหวาน)…………………………. 198
Priacanthus blochii ปลาตาหวาน 199
Priacanthus hamrur ปลาตาหวานหางวงเดอื น 200
Priacanthus macracanthus ปลาตาหวานตาโต 201
Priacanthus tayenus ปลาตาหวานจุด 202
Psettodidae (วงศ์ปลาซีกเดยี ว)…………………………….. 203
Psettodes erumei ปลาจกั รผาน 204
Rachycentridae (วงศป์ ลาชอ่ นทะเล)……………………. 205
Rachycentron canadum ปลาชอ่ นทะเล 206
Rhinidae (วงศ์ปลาโรนนั )……………………………………… 207
Rhynchobatus australiae ปลาโรนนั จดุ ขาว 208
Scaridae (วงศป์ ลานกแก้ว)……………………………………. 209
Scarus ghobban ปลานกแกว้ สเี พลิง 210
Scarus quoyi ปลานกแก้วคางลาย 211
Scarus rivulatus ปลานกแกว้ หน้าลาย 212
Scatophagidae (วงศป์ ลาตะกรับ)…………………………. 213
Scatophagus argus ปลาตะกรบั 214
Sciaenidae (วงศ์ปลาจวด)……………………………………. 215
Dendrophysa russelii ปลาจวดหน้าสน้ั 216
Johnius borneensis ปลาจวด 217
Nibea soldado ปลาจวดเทา 218
Otolithes ruber ปลาจวดเตียนเข้ยี ว 219
13
Panna microdon ปลาจวดยาว 220
Pennahia argentata ปลาจวดเงนิ 221
Scombridae (วงศป์ ลาอนิ ทรี)……………………………….. 222
Auxis rochei ปลาโอหลอด 223
Auxis thazard ปลาโอขาว 224
Euthynnus affinis ปลาโอลาย 225
Katsuwonus pelamis ปลาโอท้องแถบ 226
Rastrelliger brachysoma ปลาทู 227
Rastrelliger kanagurta ปลาลงั 228
Scomberomorus commerson ปลาอนิ ทรบี ั้ง 229
Scomberomorus guttatus ปลาอนิ ทรจี ดุ 230
Thunnus tonggol ปลาโอดำ 231
Scorpaenidae (วงศ์ปลากะรงั หวั โขน)……………………. 232
Pterois russelii ปลาสงิ โต 233
Serranidae (วงศป์ ลากะรงั )…………………………………… 234
Cephalopholis sonnerati ปลากะรงั เพลิง 235
Epinephelus areolatus ปลากะรังดอกแดง 236
Epinephelus coioides ปลากะรังจุดสม้ 237
Epinephelus chlorostigma ปลากะรังจดุ นำ้ ตาล 238
Epinephelus lanceolatus ปลากะรังทอง 239
Epinephelus malabaricus ปลากะรังจดุ ดำ 240
Epinephelus quoyanus ปลากะรงั ตกุ๊ แก 241
Epinephelus merra ปลากะรงั เสือ 242
Epinephelus sexfasciatus ปลากะรงั หกแถบ 243
Epinephelus undulosus ปลากะรงั เสน้ หยกั 244
14
Plectropomus maculatus ปลากะรงั จดุ ฟา้ ใหญ่ 245
Siganidae (วงศป์ ลาสลดิ ทะเล)………………………………. 246
Siganus canaliculatus ปลาสลดิ หินจุดขาว 247
Siganus guttatus ปลาสลิดหนิ จดุ สม้ 248
Siganus javus ปลาสลดิ ทะเลลายแถบ 249
Siganus punctatus ปลาสลิดทะเล 250
Siganus vermiculatus ปลาสลิดทะเลเส้นหยกั 251
Sillaginidae (วงศ์ปลาเห็ดโคน)……………………………… 252
Sillago sihama ปลาเหด็ โคน 253
Soleidae (วงศป์ ลาลน้ิ หมา)…………………………………… 254
Brachirus orientalis ปลาลนิ้ หมา 255
Pardachirus pavoninus ปลาลิ้นหมาลาย 256
Zebrias zebra ปลาลน้ิ หมาลาย 257
Sparidae (วงศ์ปลาอคี ดุ )……………………………………….. 258
Acanthopagrus berda ปลาอคี ดุ จาน 259
Sphyraenidae (วงศ์ปลาน้ำดอกไม้)……………………….. 260
Sphyraena barracuda ปลาสากใหญ่ 261
Sphyraena obtusata ปลาสากแก้มตดั 262
Sphyraena putnamae ปลาสากดำ 263
Stromateidae (วงศป์ ลาจาระเมด็ )………………………… 264
Pampus argenteus ปลาจาระเม็ดขาว 265
Pampus chinensis ปลาจาระเมด็ เทา 266
Synodontidae (วงศป์ ลาปากคม)………………………….. 267
Saurida undosquamis ปลาปากคมจุด 268
Trachinocephalus myops ปลาปากคมลาย 269
15
Terapontidae (วงศป์ ลาตะเภา)…………………………….. 270
Terapon jarbua ปลาตะเภาขา้ งลายโค้ง 271
Terapon puta ปลาตะเภาขา้ งลายเกลด็ เล็ก 272
Terapon theraps ปลาตะเภาขา้ งลายเกล็ดใหญ่ 273
Tetraodontidae (วงศป์ ลาปกั เป้าฟันสี่ซ่ี)………………. 274
Lagocephalus sceleratus ปลาปกั เป้าเหลือง 275
Lagocephalus spadiceus ปลาปกั เป้าหลงั นำ้ ตาล 276
Toxotidae (วงศ์ปลาเสือพน่ นำ้ )…………………………….. 277
Toxotes chatareus ปลาเสือพ่นน้ำ 278
Trichiuridae (วงศ์ปลาดาบเงิน)…………………………….. 279
Eupleurogrammus muticus ปลาดาบเงินหางส้ัน 280
Trichiurus lepturus ปลาดาบเงินใหญ่ 281
ข้อมลู สถานะภาพชนดิ พนั ธ์ุปลาท่ีถูกคกุ คามของไทย… 282
เอกสารอา้ งอิง……………………………………………………… 303
16
117
ลกั ษณะชำยฝ่ังทะเลอนั ดำมนั
(Geography of The Andaman Sea)
ชายฝั่งทะเลอันดามันทางภาคใต้ของประเทศไทยตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของ
มหาสมุทรอินเดียซ่ึงเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรอินเดียตะวันออกและมหาสมุทร
แปซิฟิกตะวันตก ชายฝั่งทะเลมีความยาวประมาณ 865 กิโลเมตรและมีพ้ืนท่ี
ประมาณ 116,280 ตารางกิโลเมตร ด้านมหาสมุทรอินเดียครอบคลุมพ้ืนที่ 6
จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดกระบ่ี
จังหวดั ภูเกต็ จังหวดั ตรงั และจังหวัดสตลู มีลักษณะภูมิประเทศทเ่ี กิดจากการยุบตัว
ของแผ่นดิน ทำให้ชายฝั่งทะเลมีลักษณะเว้าๆ แหว่งๆ ขรุขระ ชายฝั่งทะเลมักจะ
แคบและลึกชัน บริเวณชายฝั่งทะเล แบ่งได้ 2 บริเวณตามเส้นชั้นความลึกของน้ำ
ทะเล ซึ่งก่อให้เกิดความหลากหลายของแนวปะการังทั้งชนิดและปริมาณ คือ
ชายฝ่ังทะเลจังหวดั ระนอง พงั งาฝง่ั ตะวนั ตก และภูเก็ตฝั่งตะวนั ตก พน้ื ทะเลมีความ
ลาดชันสงู มคี วามลกึ ของนำ้ เฉล่ียประมาณ 650 เมตร โดยเฉพาะบรเิ วณแอ่งอันดา
มันซึ่งเป็นบริเวณที่มีความลึกมากที่สุดของทะเลไทย ความเค็มของน้ำทะเลในช่วง
ตอนบนของชายฝั่ง (ระนองถึงภูเก็ต) มีความเค็มสูง อยู่ในช่วง 32.9 - 33.4 ppt
เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลท่วมถึงอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ทางตอนล่างของ
ชายฝั่งทะเลอันดามัน (ภูเก็ตถึงสตูล) มีช่วงความเค็มต่ำกว่า คือ 32.0 - 32.8 ppt
เนื่องจากอิทธิพลของการไหลของน้ำจืดจากตามแนวชายฝั่งทะเล อุณหภูมิบริเวณ
ผวิ น้ำ ชายฝงั่ ทะเลอนั ดามนั ประมาณ 27.6-29.3 องศาเซลเซยี ส
22
ลักษณะพ้นื ทะเลเป็นทรายและทรายปนโคลน ในขณะทพี่ ื้นทะเลบรเิ วณชายฝั่งทะเล
บริเวณจังหวัดพังงาฝั่งใต้ ภูเก็ตฝั่งตะวันออก กระบี่ และตรัง มีความลาดเทน้อย
สว่ นไหลท่ วปี มคี วามลกึ ไมเ่ กิน 300 เมตร มีรูปแบบน้ำขึ้นน้ำลง ลักษณะเป็นแบบนำ้
คู่ ขึ้นลงวันละ 2 ครั้ง (semidiurnal tide) โดยทั่วไปแล้วจะได้รับอิทธิพลจากลม
มรสุมสองช่วงฤดมู รสุม ได้แก่ ลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึง
ตน้ เดอื นตลุ าคมและลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือระหว่างช่วงกลางเดอื นตุลาคมถึง
เดือนกุมภาพันธ์ บรเิ วณชายฝงั่ ทะเลอันดามันทางใตข้ องประเทศไทย จงึ เป็นบรเิ วณ
ที่มีความหลากหลายของระบบนิเวศทางทะเลและความหลากหลายของชนิดพันธุ์
ปลาทะเลสูง
ภาพแผนท่ีจงั หวดั
บริเวณชายฝั่ง
ทะเลอันดามนั
ประเทศไทย
ทม่ี า: https://www.google.com/maps/place/ประเทศไทย/
33
44
กำรทำประมงบริเวณชำยฝั่งทะเลอนั ดำมนั
(Fisheries in Andaman Sea)
การทำประมงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของกลุ่มชาวประมงที่อาศัยอยู่
บรเิ วณชายฝ่ัง การทำประมงทะเลของไทยแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ การประมง
พาณิชย์และการประมงพื้นบ้าน โดยตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558
แบ่งประเภทของเรือประมงตามขนาดระวางเรือ เรือประมงพาณิชย์ถือเป็นเรือขับ
เคลื่อนที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมมากกว่า 10 ตันกรอส โดยใช้เครื่องมือประมงส่วน
ใหญ่ ประเภท อวนลาก อวนล้อม และอวนครอบ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพใน
การจับสัตว์น้ำสูง ในขณะที่เรือประมงพื้นบ้านเป็นเรือที่มีขนาดน้อยกว่า 10 ตัน
กรอส โดยทั่วไปอุปกรณ์จับปลาหรือเครื่องมือประมงจะเป็นกลุ่ม อวนติดตา อวน
ครอบ ลอบ และเบ็ด ช่วงเริ่มแรกของการทำประมงเริ่มจากประมงขนาดเล็กหรือ
ประมงพ้นื บา้ น เครอ่ื งมือประมงเรม่ิ จากเครอื่ งมอื ที่ทำจากไม้ เชน่ ลอบ โพงพาง ร้ัว
ไซมาน และเรือประมงไมม่ เี คร่ืองยนต์ ตอ่ มาได้มีการพัฒนาเครือ่ งมอื ประมงเพื่อให้มี
ประสิทธิภาพในการทำประมงมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มปลาผิวน้ำที่เป็นสัตว์น้ำ
เศรษฐกิจที่สำคญั สำหรบั การบรโิ ภคภายในประเทศ ตอ่ มามีการขยายตัวดา้ นประมง
ทะเลจึงทำให้มีการพัฒนาของเครื่องมือประมงอย่างรวดเร็วตามไปด้วย โดยเริ่มมี
การใช้อวนไนลอนและการติดเครื่องยนต์เรือกับประมงพื้นบ้าน และเริ่มขยาย
ขอบเขตไปจนเป็นประมงพาณชิ ย์ที่มกี ารใช้เครื่องมอื ขนาดใหญ่ เช่น เคร่ืองมืออวน
ลาก อวนล้อม และเครอื่ งมอื ประมงที่มีการใช้เครือ่ งกำเนดิ ไฟ
55
มาตรฐานการจำแนกประเภทเครื่องมือประมงในระดับภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้ กำหนดโดยศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฝ่ายฝึกอบรม (Southeast Asian Fisheries Development Center, Training
Department) จำแนกเครื่องมือประมงออกเป็น 12 ประเภท ซึ่งเครื่องมือเป็น
เครื่องมือที่พบได้ในการทำประมงบริเวณอันดามันตอนใต้ของประเทศไทยทั้งหมด
ไดแ้ ก่
1. อวนลอ้ มจับ 7. อวนติดตา
(Surrounding Nets) (Gill net)
2. อวนกางกน้ั แล้วลาก 8. ลอบ โพงพาง
(Seine Nets) (Traps, Bamboo Stake Traps)
3. อวนลาก 9. เบด็
(Trawl Nets) (Hooks and Lines)
4. คราด 10. อวนรนุ
(Dredges) (Push Nets or Scoop net)
5. อวนชอ้ น หรอื อวนยก 11. อวนตอ้ นปลาเขา้ ถงุ
(Lift Nets) (Drive-in Net)
6. แห 12. เบด็ เตลด็
(Cast Nets) (Miscellaneous)
66
7
ลกั ษณะทวั่ ไปของปลำ
(Characteristics of fish)
“ปลา” อยู่ในไฟลัมคอร์ดาตาจัดว่าเปน็ กลุ่มของสัตว์น้ำที่มีวิวัฒนาการ
สงู ท่สี ดุ ระบบหมนุ เวยี นโลหิตเป็นระบบปิด
ที่มาภาพ: https://www.carlsonstockart.com/gallery/zoology/
1. มโี ครงสรา้ งแข็งเปน็ ท่อนยาวขนานกับดา้ นหลังของลำตวั (notochord)
ในระยะตัวออ่ น (embryo) และถูกแทนที่ดว้ ยกระดูกสันหลงั เมือ่ โตเต็มวัย
(ยกเวน้ ปลาปากกลม) มีรยางค์ 2 คู่ (ยกเว้น ปลาปากกลม)
2. มีเมด็ เลอื ดแดง
3. มีชอ่ งเหงอื ก เป็นคู่ ๆ อยบู่ ริเวณคอหอย จะเห็นไดช้ ัดในระยะตัวออ่ น ใน
ระยะตอ่ มาจะมสี ว่ นทม่ี าปิดช่องเหงือก ยกเวน้ พวกปลา จะยงั คงเหน็ ชอ่ ง
เหงือกอยู่ แต่ปลาส่วนใหญก่ ม็ แี ผ่นแกม้ มาปดิ แตก่ ็ยังคงมชี ่องเหงือกอยู่
8
4. มเี นือ้ เยอ่ื ลำตวั 3 ช้ัน (triploblastica animal) คอื เนื้อเยอื่ ชัน้ นอก
(ectodrerm) เนื้อเยื่อชี่นกลาง (mesoderm) และ เนื้อเยื่อชั้นใน
(endoderm)
5. มสี มมาตรแบบซกี ซา้ ยขวา
6. มีทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์
7. มชี อ่ งว่างในลำตวั แบบแทจ้ ริง
8. มีระบบหมุนเวียนเลือดแบบปดิ
โดยปลาจัดอยู่ในไฟลัมคอรด์ าตา ในกล่มุ สตั ว์มกี ระดูกสนั หลัง สามารถแบ่งประเภท
ไดเ้ ป็น กลุ่มที่ไมม่ ขี ากรรไกร และกลมุ่ ไมม่ ีขากรรไกร กล่มุ ปลาท่ถี กู จดั กลุ่มวา่ ยังมี
ชวี ิตอยู่ในปัจจุบนั มีจำนวนท้ังหมด 3 คลาส ได้แก่
9
1. Class Cyclostomata (ปลาปากกลม)
ลักษณะสำคัญของสัตว์ในชั้นนี้ คือ ไม่มีขากรรไกร
ลำตัวยาวคล้ายปลาไหล ขอบบนของปากและปลาย
ลิ้นมีฟันเล็ก ๆ แหลมคมจำนวนมาก ลำตัวนิ่ม ไม่มี
เกล็ด ไม่มีครีบคู่เหมือนปลาทั่วไป เป็นสัตว์มีกระดูกสัน
หลังที่มี โนโตคอร์ดปรากฏอยู่ตลอดแม้ในระยะตัวเต็มวัย
มีช่องเหงือก 7 คู่ สำหรับหายใจ
2. Class Chondricthyes (ปลากระดกู ออ่ น)
ลักษณะสำคัญของสัตว์ในชั้นนี้ คือ มีโครงสร้างกระดูกประกอบไปด้วยกระดูกอ่อน
อย่างเดียว โดยมีหินปูนมาประกอบเป็นบางส่วน มีช่องเหงือกเห็นชัดเจนจาก
ภายนอก มีครีบคู่หรือครีบเดี่ยว มีเกล็ดขนาดเล็กแบบพลาคอยด์ (placoid-
scales) ปกคลุมท่วั ลำตวั ซ่ึงมขี อบท่ยี ื่นออกมาคล้ายฟนั เล่อื ย มปี ลายเป็นหนามยื่น
ไปทางท้าย ไม่มีกระเพาะลม มีปากอยู่ด้าน
ทอ้ ง มีการปฏิสนธภิ ายใน
10
3. Class Osteicthyes (ปลากระดูกแข็ง)
ลักษณะสำคัญของสัตว์ในชั้นนี้ คือ มีแผ่นปิดช่องเหงือก (operculum) มีเกล็ด
บางๆ เรียงเหลื่อมกันรอบผิวลำตัว กระดูกภายในเป็นกระดูกแข็ง มีกระเพาะลม
ปากอยูป่ ลายสดุ ทางส่วนหัว โดยส่วนใหญ่ปฏิสนธิภายนอกรา่ งกาย มีหัวใจ 2 ห้อง
11
บทบำทหนำ้ ที่ของปลำในสำยใยอำหำร
(Trophic level function)
จากการรายงานของฐานข้อมูลปลาทั่วโลก (www.fishbase.org) จนถึง
ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์มีการค้นพบความหลากหลายของชนิดปลาแล้ว มากกว่า
34,000 ชนิดทว่ั โลก ด้วยความแตกต่างของลกั ษณะทางสรีระวิทยาระหว่างปลาแต่
ละชนิด กลไกการปรับสมดุลภายในร่างกาย และวิวัฒนาการการปรับตัวต่อ
สภาพแวดล้อม เป็นสิ่งที่กำหนดให้ปลาแต่ละชนิดมีบทบาทหน้าที่ในระบบนิเวศ
แตกตา่ งกัน ส่งผลไปสูก่ ารกำหนดลกั ษณะการดำรงชวี ิตทแี่ ตกตา่ งกันของปลาแต่ละ
ชนิด ในสายใยอาหารของระบบนิเวศทางน้ำใดๆ ประกอบไปด้วยปลาที่มีบทบาท
ทางลำดับชน้ั การกนิ (trophic level) ท่ีแตกต่างกัน ดงั น้ี
1. Piscivorous fishes => ปลาที่มีบทบาทเป็นผู้ล่าชั้นสูงกินปลาด้วยกันเป็น
อาหาร ตัวอย่าง เชน่
ปลาฉลาม ในครอบครวั Lamnidae ไดแ้ ก่ ฉลามขาว
ปลาในครอบครวั Istiophoridae ได้แก่ ปลากระโทงรม่
ปลาในครอบครัว Sphyraenidae ไดแ้ ก่ ปลาสาก
12
2. Carnivorous fishes => ปลาที่มีบทบาทเป็นผู้ล่าขั้นต่ำกินสัตว์น้ำอื่นเป็น
อาหาร ตวั อยา่ ง เชน่
ปลาในครอบครวั Serranidae ไดแ้ ก่ ปลาเก๋าชนดิ ตา่ ง ๆ
ปลาในครอบครัว Carangidae ได้แก่ ปลากะมง
ปลาในครอบครัว Scombridae ได้แก่ ปลาโอ ปลาทนู า่
3. Planktivorous fishes => ปลาทีม่ ีบทบาทเปน็ ปลากินแพลงกต์ อน หรือ สตั วไ์ ม่
มีกระดูกสนั หลังเปน็ อาหาร ตวั อยา่ งเชน่
ปลาในครอบครวั Mugilidae ได้แก่ ปลากระบอก
ปลาในครอบครวั Lactariidae ได้แก่ ปลาใบขนุน
ปลาในครอบครัว Clupeidae ไดแ้ ก่ ปลาหลังเขียว
4. Herbivorous fishes => ปลาที่มีบทบาทเป็นปลากินพืชน้ำและสาหร่ายเป็น
อาหาร ตวั อยา่ ง เชน่
ปลาในครอบครัว Scaridae ไดแ้ ก่ ปลานกแก้ว
ปลาในครอบครวั Siganidae ได้แก่ ปลาสลิดหิน
13
5. Detritivorous fishes => ปลาที่มีบทบาทเป็นปลากินเศษซากเป็นอาหาร
ตวั อย่างเชน่
ปลาในครอบครัว Soleidae ไดแ้ ก่ ปลาลน้ิ หมา
แม้แต่ปลาที่มีบทบาทหน้าที่เดียวกัน อาจมีลักษณะการดำรงชีวิตที่
แตกตา่ งกนั เชน่ ปลากระโทง มีการดำรงชีวติ เป็นปลาผิวน้ำ มีขากรรไกรที่แข็งแรง
มฟี ันทแ่ี หลมคม ในขณะท่ีปลาบางชนิด เช่น ปลาหมอทะเล มลี กั ษณะการดำรงชีวติ
แบบหลบซอ่ น พรางตวั ให้เข้ากบั สง่ิ แวดลอ้ ม ตามแนวโขดหินหรือพื้นทรายเพื่อจับ
เหยอ่ื ซึ่งมีบทบาทเปน็ ผ้ลู ่าเช่นเดยี วกนั ดังน้นั นอกจากการมบี ทบาทหน้าท่ีในลำดับ
ชั้นการกินภายในสายใยอาหารของระบบนิเวศที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ลักษณะการ
ดำรงชีวิตของปลาแต่ละชนิดแตกต่างกันด้วย วิวัฒนาการลักษณะทางกายวิภาคที่
แตกต่างกันกส็ ามารถบ่งบอกถงึ ลักษณะการดำรงชีวิต และพฤติกรรมของปลาแต่ละ
ชนิดไดเ้ ช่นกัน
14
15
Flow diagram of trophic interaction of the Andaman Coastal Sea
ที่มา: Srithong et al. (2021); ณชิ กานต์ ศรที อง (2563)
16 16
ลกั ษณะกำยวิภำคของปลำ
(Internal anatomy of fish)
ลักษณะพิเศษในการเคลื่อนที่ของปลา คือ ปลาสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุก
มติ ิในมวลนำ้ กล่าวคอื ปลาสามารถวา่ ยนำ้ ไปขา้ งหน้า วา่ ยดง่ิ ลงในแนวลึก ว่ายน้ำ
ไปตามแนวระนาบ หรือว่ายขึ้นมาระดับผิวน้ำ ด้วยกลไกการทำงานของกล้ามเน้ือ
ซึ่งเกิดจากการหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อที่ยึดติดอยู่กับกระดูกสันหลัง และ
วิวัฒนาการความแตกต่างของลักษณะทางกายวิภาคที่แตกต่างกันของปลาแต่ละ
ชนดิ ซึง่ ส่งผลตอ่ รูปแบบและลักษณะการเคล่อื นที่ ซง่ึ ลักษณะทางกายวภิ าคภายนอก
ที่สง่ ผลตอ่ การเคลอ่ื นท่ีของปลา มีองค์ประกอบดงั น้ี
1. รปู ทรงลำตัว
รูปทรงลำตัวของปลาสามารถจำแนกจากการสังเกตด้วยลักษณะภายนอก
แบง่ ไดเ้ ปน็ 6 รปู ทรง ดงั น้ี
1.1 รปู ทรงกระสวย (fusiform, torpedo shaped)
มีลักษณะรปู ทรงลำตัวแหลมหัวแหลมทา้ ยคล้ายกระสวย ทางส่วนหน้าจะ
มีความหนาแล้วค่อยๆ เรียวเล็กไปทางส่วนท้ายเพื่อให้เกิดการต้านแรงน้ำน้อยลง
โดยทางส่วนหนา้ จะมขี นาดใหญ่แลว้ ค่อยๆ เลก็ ลงจนถงึ คอดหางจะมขี นาดเล็กท่ีสุด
ปลากลมุ่ นว้ี ่ายน้ำไดร้ วดเร็ว อาศยั ในนำ้ ท่ไี ม่มสี ่งิ กีดขวาง หรือเปน็ แหลง่ น้ำเปิด เช่น
ปลาทู ปลาโอ ปลาสีเสียด และปลาฉลาม เปน็ ต้น
17
1.2 รปู ทรงลูกธนู (sagittiform, arrow-like shaped)
รูปทรงแบบลูกธนูเป็นรูปทรงที่มสี ่วนของลำตัวยาวกวา่ แบบกระสวย และ
มองทางดา้ นหน้าตดั จะมีความแบนกว่าเลก็ นอ้ ยมคี รีบค่อนขา้ งยาว
1.3 รปู ทรงงู (anguilliform , snake shaped)
ปลากลุ่มน้ีมรี ปู ร่างยาวเหมือนงู เมื่อมองจากดา้ นหนา้ ตดั ทางสว่ นหน้าจะมี
ลักษณะกลมแลว้ คอ่ ยๆ เรียวลงไปจนสุดปลายหาง จะแบนทางดา้ นข้าง ปลากลุ่มน้ี
เคลือ่ นท่ีโดยใช้การเลอื้ ยไปตามกอพชื หรอื ซากปะการัง อาจจะมกี ารเคลื่อนทเ่ี หมือน
การส่นั ของเส้นเชอื ก เช่น ปลาไหลชนดิ ต่างๆ
18
1.4 รูปทรงแบนยาว (taeniform, ribbon shaped)
รปู รา่ งของปลากลมุ่ นี้มลี ักษณะเป็นแบบแถบแบนยาวคลา้ ยกับรบิ บิ้น เมื่อ
มองทางด้านหน้าตัดจะเห็นว่าแบนข้างมาก ปลากลุ่มนี้ว่ายน้ำไม่เก่งแต่อาศัยการ
เลื้อยและการเลี้ยวเบน เช่น ปลาดาบลาว ปลาดาบเงิน ปลากระทุงเหว และปลา
แถบ เป็นต้น
1.5 รูปทรงแบนขา้ ง (compressiform)
ปลากล่มุ นม้ี ลี ักษณะลำตัวแบนข้างเหมอื นถูกบีบ เม่อื มองทางด้านหน้าตัด
จะมีลำตวั บางแคบ แต่ถ้ามองทางด้านข้างสามารถแบ่งออกได้ 3 แบบ คือ
แบบรูปปอ้ ม (bream type) รปู ทรงคล้ายยรูปไข่ อาศยั ตามพนื้ นำ้ กอพืช
น้ำ ปะการงั เช่น ปลาผีเส้ือ และปลาเสือพน่ น้ำ เป็นต้น
แบบเหลี่ยม ( moonfish type) มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ ได้แก่
ปลาพระจันทร์ ปลาโฉมงาม เป็นตน้
แบบลิ้นหมา (pleuronectiid type) เป็นลักษณะที่เอาด้านข้างลงไป
นอนกับพื้นแล้ววิวัฒนาการเอาส่วนของตาขึ้นมาอยู่บนข้างเดียวกัน ได้แก่
ปลาลนิ้ หมา ปลาลิ้นควาย ปลาซีกเดียว
19
1.6 รปู ทรงกลม (globiform)
ลักษณะรูปทรงแบบนมี้ รี ปู รา่ งกลมคลา้ ยลูกบอล ลำตัวสัน้ วา่ ยน้ำไดช้ า้ ใช้
หางเป็นหางเสือช่วยในการกำหนดทิศทางการเคลื่อนที่ไปตามทิศทางที่ต้องการ
บางครง้ั พองตัวกลับเอาด้านทอ้ งลอยน้ำ เช่น ปลาปกั เป้า ปลาอบุ เปน็ ตน้
1.7 รปู ทรงแบนลง (depressiform, flattened)
ลักษณะลำตัวแบนจากบนลงลา่ งเหมอื นถูกของหนกั กดทับ ปลาพวกน้ี
ชอบอาศัยอยตู่ ามพื้นทะเล เชน่ ปลาฉนาก ปลากะเบน ปลากบ ปลาช้างเหยียบ
เป็นตน้
2. ลกั ษณะครีบ
ครีบปลาเป็นรยางค์ที่สำคัญสำหรับช่วยในการเคลื่อนที่ ทำให้ปลาว่ายนำ้
เคลื่อนที่ไปดา้ นหน้า ลอยตัวอยู่กับที่ ลอยตัวขึ้นด้านบนผวิ น้ำ หรือหยุดนิ่ง ครีบแต่
ละส่วนของปลา แบง่ ออกได้เปน็ สองประเภทใหญ่ๆ ประกอบดว้ ย
20
2.1 ครบี อก (pectoral fins)
ครบี อกเป็นรยางค์คู่หน้าที่ทำหน้าทใ่ี นการวา่ ยน้ำ หยดุ บงั คบั ทศิ ทางในการ
ว่ายน้ำ มีได้ทั้งที่เป็นก้านครีบแข็งและก้านครีบอ่อน พบได้ในปลาหลายชนิด ก้าน
ครีบอกที่มีขนาดใหญ่และแข็ง มีลักษณะเป็นฟันเลื่อยตรงขอบ มักเรียกว่า เงี่ยง
ตำแหน่งของครีบอก มักอยู่ต่อจากแผ่นปิดเหงือกด้านข้างลำตัวหรือต่ำมาด้านท้อง
อยถู่ ดั จากกระพงุ้ แกม้ ของปลา โดยอาจอยสู่ องข้างของลำตวั ทง้ั ซ้ายและขวาหรืออยู่
ค่อนมาทางด้านล่างของลำตวั ขึน้ อย่กู บั ชนดิ ของปลา
2.2 ครบี ท้อง (pelvic fins)
เป็นครีบเป็นครีบที่อยู่ในตำแหนง่ ท้องค่อนไปทางข้างหน้าของครีบอกตรง
บริเวณคอหอยของปลา (jugular position) เช่น ปลาจำพวกปลาบู่ เป็นต้น
ตำแหน่งของครบี ทอ้ งมกั มสี ่วนสัมพนั ธก์ ับตำแหน่งของครีบอก ปลากระดกู แข็งส่วน
ใหญ่แล้วตำแหน่งของครีบท้องจะอยู่ตรงบริเวณหน้าอกของปลา ( thoracic
position) สูงขึ้นไปข้างลำตัว ตำแหน่งของครีบท้องจะอยู่ชิดส่วนสันท้องทาง
ด้านหน้าของรูทวาร (anus) สำหรับปลาไม่มีเกล็ด จะมีติ่งเนื้อด้านหลังครีบหลัง
เรียกวา่ ครบี ไขมัน (adipose fin)
2.3 ครบี เด่ียว (median fins)
พบได้เพียงครีบเดียวในตัวปลา ได้แก่ ครบี หลงั (dorsal fin) ทำหน้าท่ีใน
การทรงตวั และช่วยควบคุมไมใ่ ห้ปลาเกิดการหมุนตัวในขณะท่ีวา่ ยนำ้ จะอยู่กงึ่ กลาง
ลำตวั ด้านหลงั ลักษณะเป็นครีบเดยี่ ว ครบี หลงั ในปลาบางชนดิ ดา้ นหน้าจะเป็นก้าน
ครีบแข็ง ตอนหลังเป็นก้านครีบอ่อน ส่วนครีบหลังในบางชนิด อาจมีครีบไขมนั เป็น
ครีบหลังอันที่สอง เช่นปลาในกลุ่มของปลาดุก หรือมีครีบฝอยหลายอันต่อท้ายทั้ง
ด้านบนและด้านล่างจรดคอดหางเช่นปลาในกลุ่มปลาทู หรือในปลากระเบนบาง
ชนดิ ครบี หลังอาจดดั แปลงไปเปน็ เงีย่ งแหลม สำหรับปอ้ งกันตวั
21
2.4 ครบี หาง (caudal fin)
อยู่บริเวณส่วนท้ายของลำตัวทำหน้าที่ในการพัดโบกให้ปลาเคลื่อนที่ไป
ข้างหนา้ ได้ ช่วยในการทรงตัวของปลา เพื่อป้องกันไม่ให้เสียทศิ ทางในการเคล่อื นท่ี
โดยสัดส่วนของครีบมีความสำคัญต่อการกำหนดลักษณะการเคลื่อนที่ โดยเฉพาะ
สัดส่วนของครบี หาง (caudal fin aspect ratio) ทแ่ี ตกตา่ งกันไปตามรูปแบบของ
ครีบหาง ครีบหางที่พบในปลากระดูกแข็งชั้นสูงโดยทั่วไป เป็นครีบหางแบบโฮโม
เซอคอล (homocercal caudal fin) โดยมีกระดูกยูโรสไตส์ (urostyle) ที่ต่อ
ออกมาจากกระดกู สันหลงั ขอ้ สุดท้ายโค้งขน้ึ ขา้ งบนและมกี ระดกู ไฮพูรอล (hypural
plate) อยู่ด้านล่าง ก้านครีบหางจะต่อออกมาจากกระดูกไฮพูรอลล์ (hypurals
หรือ hypural Plate) ครีบหางชนิดนี้มี 6 แบบ โดยแบ่งตามรูปร่างลักษณะหางท่ี
สามารถสงั เกตเห็นได้ ดังน้ี
2.4.1 ครีบหางรปู สอ้ ม (forked tail)
ปลายหางมีลักษณะเป็นหยักเว้าลึกตรงกลาง ทำให้ครีบหางมี 2 แฉก
มองเหน็ ไดช้ ดั เจน คล้ายส้อม ปลาท่มี ีครบี หางลักษณะนี้จะมคี า่ สัดสว่ นของครีบหาง
ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เปน็ ปลาทดี่ ำรงชวี ติ อยู่บรเิ วณผิวน้ำหรอื กลางน้ำ มักมีลกั ษณะ
อยู่รวมฝูง ว่ายน้ำได้ค่อนข้างเร็ว ตัวอย่างวงศ์ปลาที่มีครีบหางลักษณะนี้ เช่น
ครอบครัวปลาหลังเขียว (Clupeidae) ครอบครัวปลาหางเหลือง (Caesionidae)
เป็นต้น
22
2.4.2 ครีบหางพระจันทร์เสยี้ ว (lunate tail)
ปลายหางมีลักษณะเว้าเข้าตรงกลางเล็กน้อยรูปร่างคล้ายเคียว หรือ
พระจันทร์เส้ยี ว เปน็ รูปแบบหางทีม่ คี ่าสัดส่วนของครีบหางสูงทสี่ ุด ปลาที่มีครีบหาง
ลักษณะนี้ส่วนใหญ่เป็นปลาที่เป็นผู้ล่าชั้นสูงกินปลาด้วยกันเป็นอาหาร เนื่องจาก
ครบี หางลักษณะนมี้ ี จะชว่ ยใหป้ ลาสามารถเร่งความเรว็ ในการวา่ ยนำ้ หรือการพุ่งไป
ขา้ งหน้าได้อย่างรวดเรว็ ตวั อยา่ งวงศป์ ลาทมี่ คี รีบหางลักษณะน้ี เชน่ ครอบครัวปลา
อนิ ทรี (Scombridae) ครอบครวั ปลาหางแข็ง (Carangidae) เปน็ ต้น
2.4.3 ครบี หางแบบเว้าเลก็ นอ้ ย (emarginate tail)
ปลายครีบหางเว้าเป็นรอยหยักเขา้ เพียงเล็กน้อย ปลาที่มีครีบหางลักษณะ
นี้ส่วนใหญ่เป็นปลาขนาดเล็กหากินตามแนวชายฝั่ง ด้วยสัดส่วนครีบหางที่มีพื้นที่
สัมผัสน้ำค่อนข้างมากแต่ความสูงครีบหางน้อยทำให้ปลาที่มีครีบหางลักษณะนี้หา
กินในแนวชายฝั่งที่มีคลื่นแรงได้ ตัวอย่างวงศ์ปลาท่ีมีครีบหางลักษณะดังกลา่ ว เช่น
ครอบครัวปลาเห็ดโคน ( Sillaginidae) ครอบครัวปลา ตะเภาข้างลาย
(Terapontidae) เป็นต้น
23
2.4.4 ครบี หางแบบตดั ตรง (truncate หรอื straight)
ลักษณะส่วนปลายของครบี หางเสมอกนั แบบตดั ตรงหรือเกอื บตรง ปลาที่มี
ครบี หางลักษณะนส้ี ว่ นใหญเ่ ป็นปลาทห่ี ากินตามแนวปะการังไม่ไกลชายฝัง่ ครบี หาง
สามารถพัดโบกให้ลอยตัวอยู่นิ่งๆได้นาน สามารถเร่งความเร็วเพื่อหลบหลีก หรือ
เพื่อจับเหยื่อได้ ตัวอย่างวงศ์ปลาที่มีครีบหางลักษณะดังกล่าว เช่น ครอบครัวปลา
กะพงแดง (Lutjanidae) ครอบครวั ปลาเสอื (Toxoxidae) เป็นตน้
2.4.5 ครีบหางแบบกลม (rounded tail)
ปลายครีบหางคอ่ นข้างกลม ปลาท่มี คี รบี หางลกั ษณะน้สี ่วนใหญเ่ ป็นปลาท่ี
หากนิ ตามแนวปะการัง อาศัยอยู่บรเิ วณโพรงหนิ ซอกหิน บางชนดิ ดำรงชีวิตในเขต
น้ำลึก มีความคล่องตัวต่ำ แต่มักมีประสาทสัมผัสที่ดี ตัวอย่างวงศ์ปลาที่มีครีบหาง
ลกั ษณะดังกล่าว เชน่ ครอบครัวปลากะรัง (Serranidae)
24
2.4.6 ครบี หางแบบแหลม (pointed tail)
ส่วนปลายหางยื่นยาว แหลมกว่าด้านข้างอย่างชัดเจน ปลาที่มีครีบหาง
ลักษณะนี้ส่วนใหญ่เป็นปลาที่หากินบริเวณพื้นท้องน้ำ ส่วนใหญ่จะมีครีบอื่นเจริญ
ดีกว่าครีบหาง เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ ตัวอย่างปลาที่มีครีบหางลักษณะนี้ เช่น
ครอบครัวปลาดกุ ทะเล (Plotosidae) ครอบครัวปลาเขือ (Ophidiidae) ครอบครัว
ปลายอดมว่ ง (Cynoglossidae) ครอบครวั ปลาตูหนา (Anguillidae) เป็นตน้
25
กำรวดั ขนำดควำมยำวปลำ
(Measure length of fish)
การวัดความยาวปลาเป็นวิธีการพื้นฐานเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูล
ต่างๆเกี่ยวกับสัตว์น้ำ ซึ่งการวัดความยาวสาสมารถแบ่งวิธีการวัดได้ตามลักษณะ
ของปลา และตามความเหมาะสมของลกั ษณะข้อมูลทตี่ อ้ งการศกึ ษา
• การวัดแบบความยาวเหยียด (total length) สำหรับสัตวน์ ้ำที่มีรปู ร่าง
หางแบบกลม (rounded tail) แบบหางตัดตรง (truncate tail) แบบ
หางปลายแหลม (pointed tail)
• การวัดแบบความยาวหางส้อม (fork length) สำหรับสัตว์น้ำที่มีรูปร่าง
หางแบบหางส้อม (forked tail) หางแบบเสี้ยวพระจนั ทร์ (lunate tail)
• การวัดแบบตามความกว้างของลำตวั (disc width) สำหรับกลมุ่ ปลา
กระเบน
โดยจดุ เริ่มตน้ ของการวัดขนาดเรมิ่ ตน้ ทป่ี ลายหนา้ สุดของปลา หรอื บริเวณ
ปลายจะงอยปาก นอกจากการวัดดังล่าวแล้ว ยังมีการวัดความยาวในส่วนอื่นๆ
ด้วย เช่น ความสูงของก้านครีบ ความกว้างของหาง ความยาวของหัว ความยาว
ของฐานครีบ ความยาวของครีบ เส้นผ่าศูนย์กลางของตา เป็นต้น เนื่องจากมีความ
จำเปน็ เพือ่ การวิเคราะหข์ อ้ มลู บางชนิด เช่น การใช้ความยาวเหยยี ด ความยาวหาง
สอ้ ม และความกวา้ งของหาง ในข้อมูลแบบจำลองอีโคพาธ เพ่ือการวิเคราะห์ลำดับ
ขัน้ สายใยอาหารของสัตวน์ ำ้
26
ภาพการวดั ขนาดของปลา
27
Ariidae
วงศ์ปลากดทะเล
ลกั ษณะทางสัณฐานวทิ ยา
จัดอยู่ในอันดับปลาหนัง เป็นกลุ่มปลาที่มีก้านครีบ ครีบหลังและครีบอก
เป็นหนามแหลมหยกั คล้ายฟันเลื่อย มรี ปู ร่างคลา้ ยปลาสวายแต่มีส่วนหัวท่ีใหญ่กว่า
และแบนราบเล็กน้อย มีครีบไขมันอยู่บริเวณตรงข้ามกับครีบก้นสั้น มีหนวด
(barbel) 1-3 คู่รอบปาก ครีบหางเวา้ ลกึ เป็นหางรูปสอ้ ม (fork tail)
วิธที ำประมง: เครือ่ งมือประเภทอวนติดตา ไดแ้ ก่ อวนจม และเบด็ มือ
ท่ีมา: Kimura et al. (2009)
28
Arius venosus (Valenciennes, 1840)
ชอ่ื สามัญ: ปลากดทะเล (Veined catfish)
ชือ่ ทอ้ งถ่ิน: ปลากดขล้ี งิ , ปลากดเหลอื ง, ปลาหนามเหลอื ง
ลักษณะเด่น: ลำตัวสีเทาเงิน บริเวณช่วงท้องสีขาว มีนวด 1 คู่ ยาวเลยบริเวณอก
สว่ นหัวเรยี วยาว รูปกรวย มกี า้ นครีบแขง็ บรเิ วณครบี หลัง
การแพรก่ ระจาย: ทะเลอันดามัน อนิ โด-แปซฟิ ิกฝ่ังตะวนั ตก และ สามเหล่ียมปาก
แมน่ ำ้ โขง
แหลง่ ทอ่ี ยู่อาศยั : บริเวณปากแมน่ ำ้ และปา่ ชายเลน
ขนาดเข้าสวู่ ยั เจรญิ พันธุ์: -
ขนาดความยาวสูงสดุ : 30 เซนติเมตร
29
Netuma thalassinus (Rüppell, 1837)
ชื่อสามัญ: ปลากดทะเล (Giant catfish)
ชื่อทอ้ งถ่นิ : ปลาเรยี วเซียว, ปลาลู่ทู่, ปลารวิ กิว, ปลาทกู ัง
ลกั ษณะเด่น: ลำตวั ยาวค่อนขา้ งกลม หน้าแหลม จะงอยปากยาว ปากกวา้ ง มหี นวด
ใต้คาง 2 คู่ และริมฝีปากบน 1 คู่ ครีบหลังมีเงี่ยงเป็นหนามแหลม มีครีบไขมันสีดำ
บริเวณใกลโ้ คนหางล้าตัวสีน้ำตาลปนเทา บรเิ วณช่วงสีขาว
การแพร่กระจาย: ทะเลอันดามัน ทะเลอินโด - แปซิฟิกฝั่งตะวันตก ทะเลแดง
มหาสมุทรอินเดยี ฝงั่ ตะวนั ตกเฉียงเหนอื และสามเหลยี่ มปากแมน่ ำ้ โขง
แหล่งทอี่ ย่อู าศัย: บริเวณปากแมน่ ำ้ ขนาดใหญ่และนำ้ ไหลแรง พ้ืนทะเลนอกฝงั่ ท่ีเปน็
ทรายปนโคลน
ขนาดเข้าส่วู ัยเจริญพนั ธ์ุ: -
ขนาดความยาวสงู สดุ : 130 - 185 เซนตเิ มตร
30
Osteogeneiosus militaris (Linnaeus, 1758)
ชื่อสามัญ: ปลากดหวั อ่อน (Soldier catfish)
ช่ือท้องถน่ิ : ปลากดโคกโส, ปลากดหนวด, ปลาอุกหวั สั้น
ลักษณะเด่น: ลำตัวแบนข้าง มีนวด 1 คู่ ยาวเลยบริเวณอก ส่วนหัวเรียวยาว
รปู กรวย มกี ้านครบี แขง็ บรเิ วณครบี หลัง และครบี อก 1 กา้ น ครบี หางแฉกเว้า ลำตวั
สเี ทาเงิน บรเิ วณช่วงท้องสีขาว
การแพรก่ ระจาย: ทะเลอนั ดามัน และอนิ โด – แปซิฟกิ ฝั่งตะวนั ตก
แหลง่ ทีอ่ ยอู่ าศัย: บริเวณปากแมน่ ำ้ และปา่ ชายเลน
ขนาดเขา้ สู่วยั เจรญิ พนั ธ์ุ: -
ขนาดความยาวสงู สุด: 80 เซนตเิ มตร
31
Plicofollis nella (Valenciennes, 1840)
ชอ่ื สามัญ: ปลากดทะเล (Smooth headed Catfish)
ชอ่ื ทอ้ งถ่ิน: ปลาลดู่ ู
ลักษณะเด่น: ลำตัวสีเงิน บริเวณหลังสีน้ำตาล ครีบทั้งหมดมีสีดำ หนวด 1 คู่ ยาว
เลยบรเิ วณอก สว่ นหวั เรยี วยาว
การกระจายตัว: ทะเลอันดามัน นวิ กนิ ีตอนใต้ และออสเตรเลีย
การแพรก่ ระจาย: บริเวณปากแม่นำ้
ขนาดเข้าสู่วัยเจริญพนั ธ์ุ: -
ขนาดความยาวสงู สุด: 47 เซนติเมตร
32
Aplocheilidae
วงศ์ปลาหัวตะกั่ว
ลกั ษณะทางสัณฐานวิทยา
มีรูปร่างโดยรวมป้อมสั้น ปากแหลม ปากบนยืดหดได้ดี ครีบก้นใหญ่ ยาวไปจนใกล้
กบั คอดหาง ครีบหลังอยู่ใกลก้ บั ครบี หาง ครบี หางเป็นแบบปลายกลมมน (rounded
tail)
วธิ ีทำประมง: เปน็ ปลาสวยงามไมใ่ ชส่ ตั วน์ ้ำเศรษฐกจิ มักติดมาจากการทำประมง
ประเภทอวนตดิ ตา ได้แก่ อวนลอย
ท่มี า: Kimura et al. (2009)
33
Aplocheilus panchax (Hamilton, 1822)
ช่ือสามญั : ปลาหวั ตะก่ัว (Blue panchax)
ชอื่ ท้องถ่นิ : ปลาหวั กว่ั , ปลาหัวเงิน, ปลาหวั งอน
ลกั ษณะเดน่ : ลำตวั ยาว ด้านขา้ งแบน หัวค่อนข้างเล็ก จะงอยปากแบนและสนั้ ปาก
บนมีลักษณะเล็กกว่าปากล่าง ลำตัวมีสีเหลืองจาง หลังสีเขียวปนดำ ครีบทุกครีบสี
เหลืองปนสม้ ครีบหลังมจี ดุ สีดำขนาดใหญ่
การแพรก่ ระจาย: ทะเลอนั ดามนั อินเดีย บงั คลาเทศ เมยี นมาร์ และหมเู่ กาะอนิ โด-
มาเลเซยี
แหล่งทอี่ ยอู่ าศัย: บรเิ วณตามแนวชายฝัง่
ขนาดเข้าสู่วัยเจริญพนั ธ์ุ: 5 เซนตเิ มตร
ขนาดความยาวสงู สุด: 9 เซนติเมตร
34
Acanthuridae
วงศป์ ลาขต้ี งั เบ็ด
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
ลำตวั แบนข้างมาก หัวมนนนู จะงอยปากง้มุ และแขง็ ยดื หดไมไ่ ด้ ครีบหลงั
ตอนเดียว ยาวจรดคอดหางประกอบด้วยก้านครีบแข็ง 10 - 11 ก้านครีบ ครีบอ่อน
19 - 33 ก้านครีบ คอดหางมีเกล็ดที่พัฒนาให้ยื่นออกมามีความแหลมคม ครีบหาง
เวา้ ตื้นแบบพระจนั ทร์เสี้ยว (lunate tail)
วธิ ที ำประมง: เป็นปลาสวยงามไม่ใช่สตั ว์นำ้ เศรษฐกจิ มกั ตดิ มาจากการทำประมง
อวนลาก และลอบปลา
ทมี่ า: Kimura et al. (2009)
35
Acanthurus mata (Cuvier, 1829)
ชอ่ื สามญั : ปลาขต้ี งั เบด็ หนา้ เหลอื ง (Elongate surgeonfish)
ช่อื ท้องถ่ิน: ปลาแกแดดดำ
ลักษณะเด่น: ลำตัวมีสีเทาถึงสีน้ำเงินซีด บริเวณลำตัว และหัวมีเส้นสีน้ำเงินเข้ม มี
จำสดี ำเลก็ บรเิ วณแผ่นปิดเหงอื ก และแถบสีเหลอื งบริเวณด้านหนา้ ดวงตายาวจนถึง
บริเวณจมูก มีครีบหลัง และครีบก้นสีเดียวกับลำตัว 1 ตอน ยาวตลอดลำตัว ครีบ
หลังมีตอนเดยี ว ประกอบด้วยก้านครีบแขง็ 9 ก้าน และกา้ นครบี ออ่ น 24 – 26 ก้าน
ส่วนครบี ก้นมกี า้ นครีบแข็ง 3 กา้ น และก้านครบี อ่อน 23 – 24 ก้าน
การแพร่กระจาย: ทะเลอันดามัน อินโด - แปซิฟิก ทะเลแดง แนวปะการังเกรท
แบริเออร์รีฟ และนิวแคลิโดเนยี
แหล่งที่อย่อู าศัย: บรเิ วณแนวปะการงั รอบกองหนิ ใต้นำ้ รอบเกาะฝั่งทะเลอนั ดามัน
ขนาดเข้าสวู่ ัยเจริญพนั ธ์ุ: -
ขนาดความยาวสงู สดุ : 50 เซนติเมตร
36