กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม เอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เริ่มใช้ ปีการศึกษา 2566 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม อ. หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 40 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
คำนำ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรการศึกษาของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เป็นคนดี มีความรู้ มี คุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สำนักงานคณะกรรมการศึกษา ขั้นพื้นฐานได้กำหนดตัวชี้วัดและผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อใช้เป็น กรอบแนวทางในการจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียน นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้น พื้นฐาน ได้ดำเนินการคัดสรรตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เพื่อลด ความซ้ำซ้อนของตัวชี้วัด จำแนกเป็นตัวชี้วัดระหว่างทางและตัวชี้วัดปลายทางสำหรับใช้เป็นแนวทาง ในการจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลให้ผู้เรียนบรรลุคุณภาพตามหลักสูตร กลุ่มสาระการเรียนรู้นำสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้นำสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง และผลการเรียนรู้ มาปรับปรุงโครงสร้าง หลักสูตร คำอธิบายรายวิชา และโครงสร้างรายวิชา ตลอดจนนำข้อมูลด้านสภาพแวดล้อมและบริบท ของชุมชน สังคม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้เป็นกรอบและแนวทางในการจัดทำเอกสารประกอบ หลักสูตรสถานศึกษา ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2566 ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบหลักสูตร สถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนหล่ม สักวิทยาคม ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2566 จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ รายวิชาวิทยาศาสตร์ของครูและผู้ที่สนใจ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม
สารบัญ หน้า ความนำ 1 วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ และเป้าประสงค์ 3 สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน 4 รหัสตัวชี้วัด 5 โครงสร้างเวลาเรียน 6 เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ 7 เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ 7 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ 8 คุณภาพผู้เรียน เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 9 ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง 12 ผลการเรียนรู้และสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม 62 โครงสร้างหลักสูตรตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2566 160 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 160 คำอธิบายรายวิชาพื้นฐาน 163 คำอธิบายรายวิชาเพิ่มเติม 187 สาระวิทยาศาสตร์ 189 สาระฟิสิกส์ 200 สาระเคมี 233 สาระชีววิทยา 269 สาระโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 308 สาระเทคโนโลยี 334 การวัดและประเมินผลรายวิชา 356 บรรณานุกรม 358 คณะอนุกรรมการจัดทำเอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษา 359
เอกสารประกอบหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2566 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามตัวชี้วัดและผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ความนำ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2561- 2580 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาคนในทุกมิติและใน ทุกช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยคนไทยมีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา มีพัฒนาการที่ดีรอบ ด้านและมีสุขภาวะที่ดีในทุกช่วงวัย มีจิตสาธารณะ รับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่น มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารี มีวินัย รักษาศีลธรรม และเป็นพลเมืองดีของชาติ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ มี ทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาที่ ๓ และอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่น มีนิสัยรักการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต สู่การเป็นคนไทยที่มีทักษะสูง เป็นนวัตกร นักคิด ผู้ประกอบการ เกษตรกรยุคใหม่และ อื่น ๆ โดยมีสัมมาชีพตามความถนัดของตนเอง นอกจากนี้ยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบ การบริหารจัดการภาครัฐ มีเป้าหมายการพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนภาครัฐที่ยึดหลัก “ภาครัฐของประชาชนเพื่อ ประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม” โดยภาครัฐต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แยกแยะบทบาท หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการกำกับหรือในการให้บริการยึดหลักธรรมาภิบาล ปรับวัฒนธรรมการทำงาน ให้มุ่งผลสัมฤทธิ์และผลประโยชน์ส่วนรวม มีความทันสมัย และพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ของโลกอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ ระบบการทำงานที่เป็น ดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ใช้อย่างคุ้มค่า และปฏิบัติงานเทียบได้กับมาตรฐานสากล รวมทั้งมีลักษณะเปิดกว้าง เชื่อมโยงถึงกันและเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยทุกภาคส่วนในสังคมต้องร่วมกันปลูกฝังค่านิยมความซื่อสัตย์สุจริต ความ มัธยัสถ์ และสร้างจิตส่านึกในการปฏิเสธไม่ยอมรับการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้น กฎหมาย ต้องมีความชัดเจน มีเพียงเท่าที่จ่าเป็น มีความทันสมัย มีความเป็นสากล มีประสิทธิภาพ และน่าไปสู่การลด ความเหลื่อมล้ำและเอื้อต่อการพัฒนา โดยกระบวนการยุติธรรมมีการบริหารที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ไม่ เลือกปฏิบัติ และการอำนวยความยุติธรรมตามหลักนิติธรรม แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น 10 การปรับเปลี่ยนค่านิยมและวัฒนธรรมมีเป้าหมายให้ คนไทยมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และมีความรัก และภูมิใจในความเป็นไทยมากขึ้น นำหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต สังคมไทยมีความสุขและเป็นที่ ยอมรับของนานาประเทศมากขึ้น ประเด็น 11 การพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต มีเป้าหมายให้คนไทยทุกช่วงวัยมีคุณภาพเพิ่มขึ้น ได้รับการ พัฒนา อย่างสมดุลทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา และคุณธรรมจริยธรรม เป็นผู้ที่มีความรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 รักการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ประเด็น 12 การพัฒนาการเรียนรู้ มีเป้าหมาย 1) คนไทยมี การศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลเพิ่มขึ้นมีทักษะที่จำเป็นของโลก ศตวรรษที่ 21 สามารถแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร และทำางานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น มีนิสัยใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ห น้ า | 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม และ 2) คนไทยได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพตามความถนัดและความสามารถของ พหุปัญญาดีขึ้น และ ประเด็น 20 การบริการประชาชนและประสิทธิภาพภาครัฐมีเป้าหมาย 1) บริการของรัฐมีประสิทธิภาพและมี คุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้ใช้บริการ และ 2) ภาครัฐมีการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพด้วยการนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ แผนการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา มีเป้าประสงค์เพื่อยกระดับคุณภาพของการจัดการศึกษา ลด ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา มุ่งความเป็นเลิศและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และ ปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร เพิ่มความคล่องตัวในการรองรับความ หลากหลาย ของการจัดการศึกษา และสร้างเสริมธรรมภิบาล ซึ่งการศึกษาที่จะได้รับการปฏิรูปจะครอบคลุม ถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต มิได้จำกัดเฉพาะการจัดการศึกษาเพื่อคุณวุฒิตามระดับเท่านั้น โดยกำหนดกิจกรรม ปฏิรูปประเทศ ที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 มีมิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ ได้แก่ หมุดหมายที่ ๑๒ ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนา แห่งอนาคต ซึ่งมี เป้าหมายที่ ๑ คือคนไทยได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย มีสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับ โลกยุค ใหม่ มีคุณลักษณะตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคม มีคุณธรรม จริยธรรม และมีภูมิคุ้มกัน ต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างพลิกโฉมฉับพลันของโลก สามารถดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม ได้อย่างสงบสุข เป้าหมายที่ ๒ กำลังคนมี สมรรถนะสูง สอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตเป้าหมาย และสามารถ สร้างงานอนาคต และ เป้าหมายที่ ๓ ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงการเรียนรู้ตลอดชีวิต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีนโยบาย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ดังนี้ 1) ด้านความปลอดภัย มุ่งพัฒนาสถานศึกษาให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของผู้เรียนทุกคน ส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างภูมิคุ้มกัน การรู้เท่าทันเทคโนโลยีในการ ดำรงชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และชีวิตวิถีปกติต่อไป (Next Normal) 2) ด้านโอกาสและการลดความ เหลื่อมล้ำทางการศึกษา มีการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เข้าถึงโอกาส ความเสมอ ภาค และได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสำหรับการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพในอนาคตให้สอดคล้อง กับความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาประเทศ และจัดการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ ได้รับโอกาสในการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ 3) ด้านคุณภาพ ส่งเสริม สนับสนุน สถานศึกษาที่มีความพร้อม ให้ นำหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่เน้นสมรรถนะไปใช้ตามศักยภาพของสถานศึกษา ให้สามารถ ออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับความต้องการและบริบท ตลอดจนพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสมรรถนะที่เหมาะสม ตามช่วงวัย มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 นำไปสู่การมีอาชีพ มีงานทำ และส่งเสริมความเป็นเลิศของ ผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 4) ด้านประสิทธิภาพ สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการจัดการฐานข้อมูล มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการศึกษาขั้น พื้นฐาน และการเรียนรู้ของผู้เรียน และส่งเสริม สนับสนุน การพัฒนาโรงเรียนคุณภาพ ใช้พื้นที่เป็นฐาน ใช้ นวัตกรรมในการขับเคลื่อนบริหารจัดการโดยใช้ทรัพยากรร่วมกัน และแสวงหาการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องทุกระดับ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม
ห น้ า | 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม กระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นหลักสูตร ที่ใช้แนวคิดหลักสูตรอิงมาตรฐาน (Standards-based Curriculum) โดยประกาศใช้ในปีการศึกษา 2553 มี จำนวนตัวชี้วัดใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ต่อมาปี พ.ศ.2560 ได้ปรับปรุงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่ม สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2566 สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ กำหนดตัวชี้วัดระหว่างทางและตัวชี้วัดปลายทางขึ้น ซึ่งตัวชี้วัดระหว่างทางเป็นตัวชี้วัดระหว่างการจัดการ เรียนรู้และตัวชี้วัดปลายทางเป็นตัวชี้วัดผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของ ตัวชี้วัดและยกระดับคุณภาพการศึกษา วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ และเป้าประสงค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ได้กำหนดวิสัยทัศน์ พันธ กิจ เป้าประสงค์หลักการ เพื่อใช้เป็นแนวทางและกรอบในการดำเนินงานของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ดังนี้ วิสัยทัศน์ มุ่งมั่นพัฒนานักเรียนมุ่งให้มีความสามารถในการเรียนรู้ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ กระบวนการ แก้ปัญหา โดยใช้ทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ รวมทั้งพัฒนาผู้เรียนให้มีเจตคติ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ เหมาะสมต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พันธกิจ 1. พัฒนานักเรียนให้มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวัน 2. พัฒนานักเรียนให้มีทักษะในการสืบเสาะหาความรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และมีเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ 3. พัฒนาศักยภาพนักเรียนอย่างเต็มตามศักยภาพและส่งเสริมนักเรียนเรียนเข้ารับการแข่งขันทักษะ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งภายในและภายนอก กลยุทธ์ 1. พัฒนานักเรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามมาตรฐานหลักสูตร โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active learning) และการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย 2. พัฒนาครูและและบุคลากรทางการศึกษาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้เป็นบุคคลแห่งการ เรียนรู้ มีศักยภาพในการจัดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. พัฒนาสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนที่ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4. พัฒนานักเรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสามารถเข้าร่วมกับการ แข่งขันทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ
ห น้ า | 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม 5. พัฒนาความร่วมมือภาคีเครือข่าย ชุมชน สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา คุณภาพนักเรียนอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง เป้าหมายประสงค์ 1. นักเรียนมีความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรที่ กำหนด มีทักษะทางวิทยาศาสตร์ และเจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนสามารถนำความรู้ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน 2. ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการพัฒนาให้เป็นครูมืออาชีพ มีศักยภาพในการจัดการเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active learning) และสามารถบูรณาการ เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม 3. มีหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ 4. มีการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ชุมชน สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ ในการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ในการพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง ตลอดจนการ เลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข ปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม
ห น้ า | 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลการจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสารการทำงาน การ แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสม และมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์ สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ นอกจากนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตามบริบทและ จุดเน้นของตนเอง รหัสตัวชี้วัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งที่ผู้เรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ซึ่งสะท้อนถึง มาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ในการกำหนดเนื้อหา จัดทำหน่วย การเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตัวชี้วัดช่วงชั้น เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6) หลักสูตรได้มีการกำหนดรหัสกำกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เพื่อความเข้าใจและให้สื่อสาร ตรงกัน ดังนี้ ว 1.1 ม. 1/2 ม.1/2 ตัวชี้วัดชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ข้อที่ 2 1.1 สาระที่ 1 มาตรฐานข้อที่ 1 ว กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ห น้ า | 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม โครงสร้างเวลาเรียน โครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 กำหนดกรอบโครงสร้าง เวลาเรียน ดังนี้ กลุ่มสาระการเรียนรู้/ กิจกรรม เวลาเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ม.4-6 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย 240 (6 หน่วยกิต) คณิตศาสตร์ 240 (6 หน่วยกิต) วิทยาศาสตร์ 240 (6 หน่วยกิต) สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม - ประวัติศาสตร์ - ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม - หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม - เศรษฐศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ 320 (8 หน่วยกิต) 80 (2 หน่วยกิต) 240 (6 หน่วยกิต) สุขศึกษาและพลศึกษา 120 (3 หน่วยกิต) ศิลปะ 120 (3 หน่วยกิต) การงานอาชีพ 120 (3 หน่วยกิต) ภาษาต่างประเทศ 240 (6 หน่วยกิต) รวมเวลาเรียน (พื้นฐาน) 1,640 (41 หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 360 รายวิชา/ กิจกรรมที่สถานศึกษาจัดเพิ่มเติมตามความพร้อม และจุดเน้น ไม่น้อยกว่า 1,600 ชั่วโมง รวมเวลาเรียนทั้งหมด รวม 3 ปีไม่น้อยกว่า 3,600 ชั่วโมง
ห น้ า | 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้ง กระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกตการณ์สำรวจตรวจสอบ การทดลองแล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็น หลักการแนวคิดและองค์ความรู้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายที่สำคัญ ดังนี้ 1. เพื่อให้เข้าใจหลักการทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ 2. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจำกัดในการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ 3. เพื่อให้มีทักษะที่สำคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี 4. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมวลมนุษย์และสภาพแวดล้อม ในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน 5. เพื่อนำความรู้ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการ ดำรงชีวิต 6. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะใน การสื่อสารและความสามารถในการตัดสินใจ 7. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์มีคุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการมีทักษะสำคัญในการค้นคว้า และสร้างองค์ความรู้โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้และ แก้ปัญหาที่หลากหลายให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอนมีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริง อย่างหลากหลายเหมาะสมกับระดับชั้นโดยกำหนดสาระสำคัญดังนี้ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตในสิ่งแวดล้อมองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต การดำรงชีวิตของ มนุษย์และสัตว์การดำรงชีวิตของพืชพันธุกรรมความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสารการเปลี่ยนแปลงของสารการเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของเอกภพปฏิสัมพันธ์ภายใน ระบบสุริยะ เทคโนโลยีอวกาศระบบโลกการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิ ทยากระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและผลต่อ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี ● การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่นๆ เพื่อแก้ปัญหา
ห น้ า | 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิตสังคมและสิ่งแวดล้อม ● วิทยาการคำนวณเรียนรู้เกี่ยวกับการคิดเชิงคำนวณการคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการแก้ปัญหา ที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับ สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงานการ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตการลำเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กันรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิตรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสารการ เกิดสารละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงานพลังงานในชีวิตประจำวันธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ เสียงแสงและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ห น้ า | 9 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกิดและวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะรวมทั้งปฏิสัมพันธ์ ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลกกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลกและบนผิวโลกธรณีพิบัติภัยกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลกรวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.1เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคมและสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงานและการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพรู้เท่าทันและมีจริยธรรม คุณภาพผู้เรียน เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 1. เข้าใจการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ กลไกการรักษาดุลยภาพของมนุษย์ ภูมิคุ้มกันใน ร่างกายของมนุษย์และความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชสร้างขึ้น การ ถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม วิวัฒนาการที่ทำให้เกิดความหลากหลายของ สิ่งมีชีวิต ความสำคัญและผลของเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อมนุษย์ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม 2. เข้าใจความหลากหลายของไบโอมในเขตภูมิศาสตร์ต่าง ๆ ของโลก การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบ นิเวศ ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม 3. เข้าใจชนิดของอนุภาคสำคัญที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างอะตอม สมบัติบางประการของธาตุ การจัดเรียงธาตุในตารางธาตุ ชนิดของแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคและสมบัติต่าง ๆ ของสารที่มีความสัมพันธ์ กับแรงยึดเหนี่ยว พันธะเคมี โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์การเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมี และการเขียนสมการเคมี 4. เข้าใจปริมาณที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ ความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวลและความเร่ง ผลของความเร่ง ที่มีต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ แรงโน้มถ่วง แรงแม่เหล็ก ความสัมพันธ์ระหว่างสนามแม่เหล็กและ กระแสไฟฟ้า และแรงภายในนิวเคลียส
ห น้ า | 10 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม 5. เข้าใจพลังงานนิวเคลียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างมวลและพลังงาน การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็น พลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีด้านพลังงาน การสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบนและการรวมคลื่น การได้ยิน ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง สีกับการมองเห็นสี คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และประโยชน์ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 6. เข้าใจการแบ่งชั้นและสมบัติของโครงสร้างโลก สาเหตุ และรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีที่ สัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐาน สาเหตุ กระบวนการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ระเบิด สึนามิ ผลกระทบ แนวทางการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย 7. เข้าใจผลของแรงเนื่องจากความแตกต่างของความกดอากาศ แรงคอริออลิส ที่มีต่อการหมุนเวียน ของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลที่มีต่อภูมิอากาศ ความสัมพันธ์ของการหมุนเวียน ของอากาศ และการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทร และผลต่อลักษณะลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก และแนวปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของ มนุษย์ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก รวมทั้งการแปลความหมายสัญลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคัญ จากแผนที่อากาศ และข้อมูลสารสนเทศ 8. เข้าใจการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพ หลักฐานที่ สนับสนุนทฤษฎีบิกแบง ประเภทของกาแล็กซี โครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก กระบวนการเกิดและการสร้างพลังงาน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และความสัมพันธ์ระหว่าง ความส่องสว่างกับโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความสัมพันธ์ระหว่างสีอุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงสมบัติบางประการของดาวฤกษ์ กระบวนการเกิดระบบสุริยะ การแบ่งเขต บริวารของดวงอาทิตย์ ลักษณะของดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิต การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะและผลที่มี ต่อโลก รวมทั้งการสำรวจอวกาศและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ 9. ระบุปัญหา ตั้งคำถามที่จะสำรวจตรวจสอบ โดยมีการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรต่าง ๆ สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่ง ตั้งสมมติฐานที่เป็นไปได้หลายแนวทาง ตัดสินใจเลือก ตรวจสอบสมมติฐานที่ เป็นไปได้ 10. ตั้งคำถามหรือกำหนดปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ที่แสดง ให้เห็นถึงการใช้ความคิดระดับสูงที่สามารถสำรวจตรวจสอบหรือศึกษาค้นคว้าได้อย่างครอบคลุมและเชื่อถือได้ สร้างสมมติฐานที่มีทฤษฎีรองรับหรือคาดการณ์สิ่งที่จะพบ เพื่อนำไปสู่การสำรวจตรวจสอบ ออกแบบวิธีการ สำรวจตรวจสอบตามสมมติฐานที่กำหนดไว้ได้อย่างเหมาะสม มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เลือกวัสดุ อุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการในการสำรวจตรวจสอบอย่างถูกต้อง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ และบันทึกผลการสำรวจ ตรวจสอบอย่างเป็นระบบ 11. วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และประเมินความสอดคล้องของข้อสรุป เพื่อตรวจสอบกับ สมมติฐานที่ตั้งไว้ ให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงวิธีการสำรวจตรวจสอบ จัดกระทำข้อมูลและนำเสนอข้อมูลด้วย เทคนิควิธีที่เหมาะสม สื่อสารแนวคิด ความรู้จากผลการสำรวจตรวจสอบโดยการพูด เขียน จัดแสดงหรือใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจโดยมีหลักฐานอ้างอิง หรือมีทฤษฎีรองรับ
ห น้ า | 11 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม 12. แสดงถึงความสนใจ มุ่งมั่น รับผิดชอบ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ในการสืบเสาะหาความรู้ โดยใช้ เครื่องมือและวิธีการที่ให้ได้ผลถูกต้อง เชื่อถือได้ มีเหตุผลและยอมรับได้ว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาจมีการ เปลี่ยนแปลงได้ 13. แสดงถึงความพอใจและเห็นคุณค่าในการค้นพบความรู้ พบคำตอบ หรือแก้ปัญหาได้ทำงาน ร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นโดยมีข้อมูลอ้างอิงและเหตุผลประกอบเกี่ยวกับผลของการ พัฒนาและการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมีคุณธรรมต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม และยอมรับฟังความ คิดเห็นของผู้อื่น 14. เข้าใจความสัมพันธ์ของความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และ การพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม 15. ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ใช้ใน ชีวิตประจำวัน ใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการดำรงชีวิต และการประกอบ อาชีพ แสดงความชื่นชม ภูมิใจ ยกย่อง อ้างอิงผลงาน ชิ้นงานที่เป็นผลมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และการพัฒนา เทคโนโลยีที่ทันสมัย ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำโครงงานหรือสร้างชิ้นงานตามความสนใจ 16. แสดงความซาบซึ้ง ห่วงใย มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการใช้และรักษาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างรู้คุณค่า เสนอตัวเองร่วมมือปฏิบัติกับชุมชนในการป้องกัน ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น 17. วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี ได้แก่ ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเพื่อเลือกใช้เทคโนโลยี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม เศรษฐกิจ และ สิ่งแวดล้อม ประยุกต์ใช้ความรู้ ทักษะ ทรัพยากรเพื่อออกแบบสร้างหรือพัฒนาผลงาน สำหรับแก้ปัญหาที่มี ผลกระทบต่อสังคม โดยใช้กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในการออกแบบและนำเสนอ ผลงาน เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย รวมทั้งคำนึงถึงทรัพย์สินทาง ปัญญา 18. ใช้ความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ สื่อดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อ รวบรวมข้อมูลในชีวิตจริงจากแหล่งต่าง ๆ และความรู้จากศาสตร์อื่น มาประยุกต์ใช้สร้างความรู้ใหม่ เข้าใจการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการดำเนินชีวิต อาชีพ สังคม วัฒนธรรม และใช้อย่างปลอดภัย มี จริยธรรม
ห น้ า | 12 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การ เปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไข ปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 ว 1.1 ม.4/1 สืบค้นข้อมูล และอธิบายความสัมพันธ์ ของสภาพทางภูมิศาสตร์บน โลกกับความหลากหลาย ของไบโอม และ ยกตัวอย่างไบโอมชนิดต่างๆ - บริเวณของโลกแต่ละบริเวณมีสภาพ ทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน แบ่งออก ได้เป็นหลายเขตตามสภาพภูมิอากาศ และปริมาณน้ำฝน ทำให้มีระบบนิเวศ ที่หลากหลายซึ่งส่งผลให้เกิดความ หลากหลายของไบโอม ว 1.1 ม.4/2 สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุ และ ยกตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงแทนที่ของ ระบบนิเวศ - การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาทั้งการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเองตาม ธรรมชาติและเกิดจากการกระทำของ มนุษย์ - การเปลี่ยนแปลงแทนที่เป็นการ เปลี่ยนแปลงของกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นเวลานานซึ่ง เป็นผลจากปฏิสัมพันธ์ระหว่าง องค์ประกอบทางกายภาพและทาง ชีวภาพ ส่งผลให้ระบบนิเวศ เปลี่ยนแปลงไปสู่สมดุลจนเกิดสังคม สมบูรณ์ได้ ว 1.1 ม.4/3 สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตัวอย่าง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ขององค์ประกอบทาง กายภาพและทางชีวภาพที่มี การเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบใน ระบบนิเวศทั้งทางกายภาพและทาง ชีวภาพมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงขนาด ของประชากร
ห น้ า | 13 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ผลต่อการเปลี่ยนแปลง ขนาด ของประชากรสิ่งมีชีวิตใน ระบบนิเวศ ว 1.1 ม.4/4 สืบค้นข้อมูล และอภิปรายเกี่ยวกับ ปัญหาและ ผลกระทบที่มีต่อ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้ง นำเสนอแนวทางในการ อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและ การแก้ไขปัญหา สิ่งแวดล้อม - มนุษย์ใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดย ปราศจากความระมัดระวัง และมีการ พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อช่วย อำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่มนุษย์ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม - ปัญหาที่เกิดกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมบางปัญหาส่ง ผลกระทบในระดับท้องถิ่นบางปัญหา ก็ส่งผลกระทบในระดับประเทศและ บางปัญหาส่งผลกระทบในระดับโลก - การลดปริมาณการใช้ ทรัพยากรธรรมชาติ การกำจัดของ เสียที่เป็นสาเหตุของปัญหา สิ่งแวดล้อมและการวางแผนจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติที่ดีเป็นตัวอย่าง ของแนวทางในการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ และการลด ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิด การใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน ม.5 - - ม.6 - -
ห น้ า | 14 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิตหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตการลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์ กันความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 ว 1.2 ม.4/1 อธิบาย โครงสร้างและสมบัติของ เยื่อหุ้มเซลล์ที่ สัมพันธ์กับการลำเลียง สาร และเปรียบเทียบ การลำเลียงสารผ่านเยื่อ หุ้มเซลล์แบบต่างๆ - เยื่อหุ้มเซลล์มีโครงสร้างเป็นเยื่อหุ้มสอง ชั้นที่มีลิพิดเป็นองค์ประกอบ และมี โปรตีนแทรกอยู่ - สารที่ละลายได้ในลิพิดและสารที่มีขนาด เล็กสามารถแพร่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้ โดยตรง ส่วนสารขนาดเล็กที่มีประจุต้อง ลำเลียงผ่านโปรตีนที่แทรกอยู่ที่เยื่อหุ้ม เซลล์ ซึ่งมี 2 แบบ คือ การแพร่แบบฟาซิ ลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต ในกรณี สารขนาดใหญ่ เช่น โปรตีน จะลำเลียงเข้า โดยกระบวนการเอนโดไซโทซิส หรือ ลำเลียงออกโดยกระบวนการเอกโซไซโท ซิส ว 1.2 ม.4/2 อธิบายการ ควบคุมดุลยภาพของน้ำ และสารในเลือดโดยการ ทำงานของไต การรักษาดุลยภาพของน้ำและสารใน เลือดเกิดจากการทำงานของไต ซึ่งเป็น อวัยวะในระบบขับถ่ายที่มีความสำคัญใน การกำจัดของเสียที่มีไนโตรเจนเป็น องค์ประกอบ รวมทั้งน้ำและสารที่มี ปริมาณเกินความต้องการของร่างกาย ว 1.2 ม.4/3 อธิบายการ ควบคุมดุลยภาพของ กรด-เบสของเลือดโดย การทำงานของไตและ ปอด การรักษาดุลยภาพของกรด-เบสในเลือด เกิดจากการทำงานของไตที่ทำหน้าที่ขับ หรือดูดกลับไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจน คาร์บอเนตไอออนและแอมโมเนียม ไอออน และการทำงานของปอดที่ทำ หน้าที่กำจัดคาร์บอนไดออกไซด์
ห น้ า | 15 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ว 1.2 ม.4/4 อธิบายการ ควบคุมดุลยภาพของ อุณหภูมิภายใน ร่างกายโดยระบบ หมุนเวียนเลือด ผิวหนัง และกล้ามเนื้อโครงร่าง การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายใน ร่างกายเกิดจากการทำงานของระบบ หมุนเวียนเลือดที่ควบคุมปริมาณเลือดไป ที่ผิวหนัง การทำงานของต่อมเหงื่อ และ กล้ามเนื้อโครงร่าง ซึ่งส่งผลถึงปริมาณ ความร้อนที่ถูกเก็บหรือระบายออกจาก ร่างกาย ว 1.2 ม.4/5 อธิบาย และเขียนแผนผัง เกี่ยวกับการตอบสนอง ของร่างกายแบบไม่ จำเพาะ และแบบ จำเพาะต่อสิ่ง แปลกปลอมของร่างกาย - เมื่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอื่นเข้าสู่ เนื้อเยื่อในร่างกาย ร่างกายจะมีกลไกใน การต่อต้านหรือทำลายสิ่งแปลกปลอมทั้ง แบบไม่จำเพาะและแบบจำเพาะ - เซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่มฟาโกไซต์จะมี กลไกในการต่อต้านหรือทำลายสิ่ง แปลกปลอมแบบไม่จำเพาะ - กลไกในการต่อต้านหรือทำลายสิ่ง แปลกปลอมแบบจำเพาะเป็นการทำงาน ของเซลล์เม็ดเลือดขาว ลิมโฟไซต์ชนิดบี และชนิดที ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้งสอง ชนิดจะมีตัวรับแอนติเจน ทำให้เซลล์ ทั้งสองสามารถตอบสนองแบบจำเพาะต่อ แอนติเจนนั้น ๆ ได้ - เซลล์บีทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี ซึ่งช่วย ในการจับกับสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เพื่อ ทำลายต่อไปโดยระบบภูมิคุ้มกัน เซลล์ที ทำหน้าที่หลากหลาย เช่น กระตุ้นการ ทำงานของเซลล์บีและเซลล์ทีชนิดอื่น ทำลายเซลล์ที่ติดไวรัสและเซลล์ที่ผิดปกติ อื่น ๆ ว 1.2 ม.4/6 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง โรคหรืออาการที่เกิดจาก บางกรณีร่างกายอาจเกิดความผิดปกติ ของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ภูมิคุ้มกัน ตอบสนองต่อแอนติเจน บางชนิดอย่าง
ห น้ า | 16 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความผิดปกติของระบบ ภูมิคุ้มกัน รุนแรงมากเกินไป หรือร่างกายมีปฏิกิริยา ตอบสนองต่อแอนติเจนของตนเอง อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการผิดปกติได้ ว 1.2 ม.4/7 อธิบายภาวะ ภูมิคุ้มกันบกพร่องที่มี สาเหตุ มาจากการติดเชื้อ HIV บุคคลที่ได้รับเลือดหรือสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ HIV ซึ่งสามารถทำลายเซลล์ที ทำให้ ภูมิคุ้มกันบกพร่องและติดเชื้อต่าง ๆ ได้ ง่ายขึ้น ว 1.2 ม.4/8 ทดสอบ และ บอกชนิดของสารอาหารที่ พืชสังเคราะห์ได้ ว 1.2 ม.4/9 สืบค้น ข้อมูล อภิปราย และ ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการ ใช้ประโยชน์จากสารต่าง ๆ ที่พืชบางชนิดสร้างขึ้น - กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงเป็น จุดเริ่มต้นของการสร้างน้ำตาลในพืช พืช เปลี่ยนน้ำตาลไปเป็นสารอาหารและสาร อื่น ๆ เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์ - มนุษย์สามารถนำสารต่าง ๆ ที่พืชบาง ชนิดสร้างขึ้น ไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้เป็น ยาหรือสมุนไพร ในการรักษาโรคบางชนิด ใช้ในการไล่แมลง กำจัดศัตรูพืชและสัตว์ ใช้ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของ แบคทีเรีย และใช้เป็นวัตถุดิบใน อุตสาหกรรม ว 1.2 ม.4/10 ออกแบบ การทดลองทดลอง และ อธิบายเกี่ยวกับปัจจัย ภายนอกที่มีผลต่อการ เจริญเติบโตของพืช ว 1.2 ม.4/11 สืบค้น ข้อมูลเกี่ยวกับสาร ควบคุมการเจริญเติบโต ของพืชที่มนุษย์ สังเคราะห์ขึ้น และยกตัวอย่างการ นำมาประยุกต์ใช้ ทางด้านการเกษตรของ พืช - ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเติบโต เช่น แสง น้ำ ธาตุอาหาร คาร์บอนไดออกไซด์ และออกซิเจน ปัจจัย ภายใน เช่น ฮอร์โมนพืช ซึ่งพืชมีการ สังเคราะห์ขึ้น เพื่อควบคุมการจริญเติบโต ในช่วงชีวิตต่าง ๆ - มนุษย์มีการสังเคราะห์สารควบคุมการ เจริญเติบโต ของพืชโดยเลียนแบบ ฮอร์โมนพืช เพื่อนำมาใช้ควบคุมการ เจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตของพืช ว 1.2 ม.4/12 สังเกต และอธิบายการ - การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชแบ่งตาม ความสัมพันธ์กับทิศทางของสิ่งเร้าได้
ห น้ า | 17 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอบสนองของพืชต่อสิ่ง เร้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่มี ผลต่อการดำรงชีวิต ได้แก่ แบบที่มีทิศทางสัมพันธ์กับทิศทาง ของสิ่งเร้า เช่น ดอกทานตะวันหันเข้าหา แสง ปลายรากเจริญเข้าหาแรงโน้มถ่วง ของโลก และแบบที่ไม่มีทิศทางสัมพันธ์ กับทิศทางของสิ่งเร้า เช่น การหุบและ บานของดอก หรือการหุบและกางของใบ พืชบางชนิด - การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชบางอย่าง ส่งผลต่อการเจริญเติบโต เช่น การเจริญ ในทิศทางเข้าหาหรือตรงข้ามกับแรงโน้ม ถ่วงของโลก การเจริญในทิศทางเข้าหา หรือตรงข้ามกับแสง และการตอบสนอง ต่อการสัมผัสสิ่งเร้า ม.5 - - ม.6 - -
ห น้ า | 18 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 1 วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตความหลากหลายทางชีวภาพและ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 ว 1.3 ม.4/1 อธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างยีน การสังเคราะห์โปรตีน และลักษณะทาง พันธุกรรม ดีเอ็นเอ มีโครงสร้างประกอบด้วยนิวคลี โอไทด์มาเรียงต่อกัน โดยยีนเป็นช่วง ของสายดีเอ็นเอที่มีลำดับนิวคลีโอไทด์ที่ กำหนดลักษณะของโปรตีนที่สังเคราะห์ ขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดลักษณะทาง พันธุกรรมต่าง ๆ ว 1.3 ม.4/2 อธิบาย หลักการถ่ายทอดลักษณะที่ ถูกควบคุมด้วยยีนที่อยู่บน โครโมโซมเพศและมัลติเปิล แอลลีล ลักษณะบางลักษณะมีโอกาสพบในเพศ ชายและเพศหญิงไม่เท่ากัน เช่น ตา บอดสี และฮีโมฟีเลีย ซึ่งควบคุมโดยยีน บนโครโมโซมเพศ บางลักษณะมีการ ควบคุมโดยยีนแบบมัลติเปิลแอลลีล เช่น หมู่เลือดระบบ ABO ซึ่งการ ถ่ายทอดลักษณะ ทางพันธุกรรมดังกล่าวจัดเป็นส่วนขยาย ของพันธุศาสตร์เมนเดล ว 1.3 ม.4/3 อธิบายผลที่ เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ลำดับนิวคลีโอไทด์ในดี เอ็นเอต่อการแสดง ลักษณะของสิ่งมีชีวิต ว 1.3 ม.4/4 สืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนำมิวเท ชันไปใช้ประโยชน์ - มิวเทชันที่เปลี่ยนแปลงลำดับนิวคลีโอ ไทด์ หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือ จำนวนโครโมโซม อาจส่งผลทำให้ ลักษณะของสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป จากเดิม ซึ่งอาจมีผลดีหรือผลเสีย - มนุษย์ใช้หลักการของการเกิดมิวเทชัน ในการชักนำให้ได้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะที่ แตกต่างจากเดิมโดยการใช้รังสีและ สารเคมีต่าง ๆ ว 1.3 ม.4/5 สืบค้นข้อมูล และอภิปรายผลของ - มนุษย์นำความรู้เทคโนโลยีทางดีเอ็น เอมาประยุกต์ใช้ทางด้านการแพทย์ และเภสัชกรรม เช่น การสร้างสิ่งมีชีวิต
ห น้ า | 19 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอที่มีต่อ มนุษย์และสิ่งแวดล้อม ดัดแปรพันธุกรรม เพื่อผลิตยาและ วัคซีน ด้านการเกษตร เช่น พืชดัดแปร พันธุกรรมที่ต้านทานโรคหรือแมลง สัตว์ดัดแปรพันธุกรรมที่มีลักษณะตามที่ ต้องการ และด้านนิติวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจลายพิมพ์ดีเอ็นเอ เพื่อหา ความสัมพันธ์ทางสายเลือด หรือเพื่อหา ผู้กระทำผิด - การใช้เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอในด้าน ต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยทาง ชีวภาพ ชีวจริยธรรม และผลกระทบ ทางด้านสังคม ว 1.3 ม.4/6 สืบค้นข้อมูล อธิบาย และยกตัวอย่าง ความหลากหลายของ สิ่งมีชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจาก วิวัฒนาการ - สิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันมีลักษณะที่ ปรากฏให้เห็นแตกต่างกันซึ่งเป็นผลมา จากความหลากหลายของลักษณะทาง พันธุกรรม ซึ่งเกิดจากมิวเทชันร่วมกับ การคัดเลือกโดยธรรมชาติ - ผลจากกระบวนการคัดเลือกโดย ธรรมชาติ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะ เหมาะสมในการดำรงชีวิตสามารถ ปรับตัวให้อยู่รอดได้ในสิ่งแวดล้อมนั้น ๆ - กระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ เป็นหลักการที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ เกิดวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ม.5 - - ม.6 - -
ห น้ า | 20 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสารกับ โครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ของสสารการเกิดสารละลายและการเกิดปฏิกิริยาเคมี ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 - - ม.5 ว 2.1 ม.5/1 ระบุว่าสาร เป็นธาตุหรือสารประกอบ และอยู่ใน รูปอะตอม โมเลกุล หรือ ไอออนจากสูตรเคมี สารเคมีทุกชนิดสามารถระบุได้ว่าเป็น ธาตุหรือสารประกอบ และอยู่ในรูปของ อะตอม โมเลกุล หรือไอออนได้ โดย พิจารณาจากสูตรเคมี ว 2.1 ม.5/2 เปรียบเทียบ ความเหมือนและความ แตกต่างของแบบจำลอง อะตอมของโบร์กับ แบบจำลองอะตอมแบบ กลุ่มหมอก - แบบจำลองอะตอมใช้อธิบายตำแหน่ง ของโปรตอนนิวตรอน และอิเล็กตรอน ในอะตอม โดยโปรตอนและนิวตรอนอยู่ รวมกันในนิวเคลียส ส่วนอิเล็กตรอน เคลื่อนที่รอบนิวเคลียส ซึ่งใน แบบจำลองอะตอมของโบร์ อิเล็กตรอน เคลื่อนที่เป็นวง โดยแต่ละวงมีระยะห่าง จากนิวเคลียสและมีพลังงานต่างกัน และอิเล็กตรอนวงนอกสุด เรียกว่า เวเลนซ์อิเล็กตรอน - แบบจำลองอะตอมแบบกลุ่มหมอก แสดงโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอนรอบ นิวเคลียสในลักษณะกลุ่มหมอก เนื่องจากอิเล็กตรอนมีขนาดเล็กและ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตลอดเวลา จึงไม่ สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนได้ ว 2.1 ม.5/3 ระบุจำนวน โปรตอน นิวตรอน และ อิเล็กตรอน ของอะตอม และไอออนที่ เกิดจากอะตอมเดียว - อะตอมของธาตุเป็นกลางทางไฟฟ้า มี จำนวนโปรตอนเท่ากับจำนวน อิเล็กตรอน การระบุชนิดของธาตุ พิจารณาจากจำนวนโปรตอน
ห น้ า | 21 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง - เมื่ออะตอมของธาตุมีการให้หรือรับ อิเล็กตรอน ทำให้จำนวนโปรตอนและ อิเล็กตรอนไม่เท่ากันเกิดเป็นไอออน โดยไอออนที่มีจำนวนอิเล็กตรอนน้อย กว่าจำนวนโปรตอน เรียกว่า ไอออน บวก ส่วนไอออนที่มีจำนวนอิเล็กตรอน มากกว่าโปรตอน เรียกว่า ไอออนลบ ว 2.1 ม.5/4 เขียน สัญลักษณ์นิวเคลียร์ของ ธาตุและระบุการเป็น ไอโซโทป สัญลักษณ์นิวเคลียร์ ประกอบด้วย สัญลักษณ์ธาตุ เลขอะตอมและเลขมวล โดยเลขอะตอมเป็นตัวเลขที่แสดง จำนวนโปรตอนในอะตอม เลขมวลเป็น ตัวเลขที่แสดงผลรวมของจำนวน โปรตอนกับนิวตรอนในอะตอม ธาตุ ชนิดเดียวกันแต่มีเลขมวลต่างกัน เรียกว่าไอโซโทป ว 2.1 ม.5/5 ระบุหมู่และ คาบของธาตุ และระบุว่า ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ กึ่ง โลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเท ทีฟหรือกลุ่มธาตุแทรนซิ ชัน จากตารางธาตุ ธาตุจัดเป็นหมวดหมู่ได้อย่างเป็นระบบ โดยอาศัยตารางธาตุ ซึ่งในปัจจุบัน จัดเรียงตามเลขอะตอมและความ คล้ายคลึงของสมบัติ แบ่งออกเป็นหมู่ ซึ่งเป็นแถวในแนวตั้ง และคาบซึ่งเป็น แถวในแนวนอนทำให้ธาตุที่มีสมบัติเป็น โลหะ อโลหะและกึ่งโลหะ อยู่เป็นกลุ่มบริเวณใกล้ ๆ กัน และแบ่ง ธาตุออกเป็นกลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟ และกลุ่มธาตุแทรนซิชัน ว 2.1 ม.5/6 เปรียบเทียบ สมบัติการนำไฟฟ้า การให้ และรับอิเล็กตรอน ระหว่างธาตุในกลุ่มโลหะ กับอโลหะ ธาตุในกลุ่มโลหะ จะนำไฟฟ้าได้ดี และ มีแนวโน้มให้อิเล็กตรอน ส่วนธาตุใน กลุ่มอโลหะ จะไม่นำไฟฟ้า และมี แนวโน้มรับอิเล็กตรอน โดยธาตุเรพร เีซนเททฟี ในหมู่ IA - IIA และธาตุแุ
ห น้ า | 22 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ทรนซิชันทุกธาตุจัดเป็นธาตุในกลุ่ม โลหะ ส่วนธาตุเรพรีเซนเททีฟ ในหมู่ IIIA - VIIA มีทั้งธาตุในกลุ่มโลหะ และอโลหะ ส่วนธาตุเรพรีเซนเททีฟใน หมู่ VIIIA จัดเป็นธาตุอโลหะทั้งหมด ว 2.1 ม.5/7 สืบค้นข้อมูล และนำเสนอตัวอย่าง ประโยชน์และอันตรายที่เกิด จากธาตุเรพรีเซนเททีฟและ ธาตุแทรนซิชัน ธาตุเรพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิชัน นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ หลากหลายซึ่งธาตุบางชนิดมีสมบัติที่ เป็นอันตราย จึงต้องคำนึงถึงการ ป้องกันอันตรายเพื่อความปลอดภัย ในการใช้ประโยชน์ ว 2.1 ม.5/8 ระบุว่าพันธะ โคเวเลนต์เป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ หรือพันธะสาม และระบุ จำนวนคู่อิเล็กตรอน ระหว่างอะตอมคู่ร่วม พันธะ จากสูตรโครงสร้าง พันธะโคเวเลนต์เป็นการยึดเหนี่ยว ระหว่างอะตอมด้วยการใช้เวเลนซ์ อิเล็กตรอนร่วมกัน เกิดเป็นโมเลกุล โดยการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 1 คู่เรียกว่า พันธะเดี่ยว เขียนแทนด้วย เส้นพันธะ 1 เส้น ในโครงสร้างโมเลกุล ส่วนการใช้เวเลนซ์อิเล็กตรอนร่วมกัน 2 คู่ และ 3 คู่ เรียกว่า พันธะคู่ และพันธะ สาม เขียนแทนด้วยเส้นพันธะ 2 เส้น และ 3 เส้น ตามลำดับ ว 2.1 ม.5/9 ระบุสภาพ ขั้วของสารที่โมเลกุล ประกอบด้วย 2 อะตอม ว 2.1 ม.5/10 ระบุสารที่ เกิดพันธะไฮโดรเจนได้ จากสูตรโครงสร้าง ว 2.1 ม.5/11 อธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างจุด เดือดของสารโคเวเลนต์กับ แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล ตามสภาพขั้วหรือการเกิด พันธะไฮโดรเจน สารที่มีพันธะภายในโมเลกุลเป็นพันธะ โคเวเลนต์ทั้งหมดเรียกว่า สารโคเว เลนต์ โดยสารโคเวเลนต์ที่ประกอบด้วย 2 อะตอมของธาตุชนิดเดียวกัน เป็น สารไม่มีขั้ว ส่วนสารโคเวเลนต์ ที่ ประกอบ ด้วย 2 อะตอมของธาตุต่างชนิดกัน เป็นสารมีขั้ว สำหรับสารโคเวเลนต์ที่ ประกอบด้วยอะตอมมากกว่า 2 อะตอม อาจเป็นสารมีขั้วหรือไม่มีขั้ว
ห น้ า | 23 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ขึ้นอยู่กับรูปร่างของโมเลกุล ซึ่งสภาพ ขั้วของสารโคเวเลนต์ส่งผลต่อแรงดึงดูด ระหว่างโมเลกุลที่ทำให้จุดหลอมเหลว และจุดเดือดของสารโคเวเลนต์แตกต่าง กัน นอกจากนี้สารบางชนิดมีจุดเดือด สูงกว่าปกติ เนื่องจากมีแรงดึงดูด ระหว่างโมเลกุลสูงที่เรียกว่า พันธะ ไฮโดรเจนซึ่งสารเหล่านี้มีพันธะ N-H O-H หรือ F-H ภายในโครงสร้าง โมเลกุล ว 2.1 ม.5/12 เขียนสูตร เคมีของไอออนและ สารประกอบไอออนิก สารประกอบไอออนิกส่วนใหญ่เกิดจาก การรวมตัวกันของไอออนบวกของธาตุ โลหะและไอออนลบของธาตุอโลหะ ใน บางกรณีไอออนอาจประกอบด้วยกลุ่ม ของอะตอม โดยเมื่อไอออนรวมตัวกัน เกิดเป็นสารประกอบไอออนิกจะมี สัดส่วนการรวมตัว เพื่อทำให้ประจุของ สารประกอบเป็นกลางทางไฟฟ้า โดย ไอออนบวกและไอออนลบจะจัดเรียงตัว สลับต่อเนื่องกันไปใน 3 มิติ เกิดเป็น ผลึกของสาร ซึ่งสูตรเคมีของ สารประกอบไอออนิกประกอบด้วย สัญลักษณ์ธาตุที่เป็นไอออนบวกตาม ด้วย สัญลักษณ์ธาตุที่เป็นไอออนลบ โดยมีตัวเลขที่แสดงจำนวนไอออนแต่ ละชนิดเป็นอัตราส่วนอย่างต่ำ ว 2.1 ม.5/13 ระบุว่าสาร เกิดการละลายแบบแตกตัว หรือไม่แตกตัว พร้อมให้ เหตุผลและระบุว่า สารจะละลายน้ำได้เมื่อองค์ประกอบ ของสารสามารถเกิดแรงดึงดูดกับ โมเลกุลของน้ำได้โดยการละลายของ สารในน้ำเกิดได้ 2 ลักษณะคือ การ
ห น้ า | 24 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง สารละลายที่ได้เป็น สารละลายอิเล็กโทรไลต์ หรือนอนอิเล็กโทรไลต์ ละลายแบบแตกตัว และการละลาย แบบ ไม่แตกตัว การละลายแบบแตกตัวเกิด ขึ้นกับสารประกอบไอออนิก และสาร โคเวเลนต์บางชนิดที่มีสมบัติเป็นกรด หรือเบส โดยเมื่อสารเกิดการละลาย แบบแตกตัวจะได้ไอออนที่สามารถ เคลื่อนที่ได้ ทำให้ได้สารละลายที่นำ ไฟฟ้าซึ่งเรียกว่า สารละลายอิเล็กโทร ไลต์ การละลายแบบไม่แตกตัวเกิด ขึ้นกับสารโคเวเลนต์ที่มีขั้วสูง สามารถ ดึงดูดกับโมเลกุลของน้ำได้ดี โดยเมื่อ เกิดการละลายโมเลกุลของสารจะไม่ แตกตัวเป็นไอออน และสารละลายที่ได้ จะไม่นำไฟฟ้าซึ่งเรียกว่า สารละลาย นอนอิเล็กโทรไลต์ ว 2.1 ม.5/14 ระบุ สารประกอบอินทรีย์ ประเภทไฮโดรคาร์บอน ว่าอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวจาก สูตรโครงสร้าง สารประกอบอินทรีย์เป็นสารประกอบ ของคาร์บอนส่วนใหญ่พบในสิ่งมีชีวิต มี โครงสร้างหลากหลายและแบ่งได้หลาย ประเภท เนื่องจากธาตุคาร์บอน สามารถเกิดพันธะกับคาร์บอนด้วยกัน เองและธาตุอื่น ๆ นอกจากนี้พันธะ ระหว่างคาร์บอนยังมีหลายรูปแบบ ได้แก่ พันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม - สารประกอบอินทรีย์ที่มีเฉพาะธาตุ คาร์บอนและไฮโดรเจนเป็น องค์ประกอบ เรียกว่า สารประกอบ ไฮโดรคาร์บอน โดยสารประกอบ ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวมีพันธะระหว่าง คาร์บอนเป็นพันธะเดี่ยวทุกพันธะใน โครงสร้าง ส่วนสารประกอบ
ห น้ า | 25 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัวมีพันธะระหว่าง คาร์บอนเป็นพันธะคู่หรือพันธะสาม อย่างน้อย 1 พันธะในโครงสร้าง ว 2.1 ม.5/15 สืบค้น ข้อมูลและเปรียบเทียบ สมบัติทางกายภาพ ระหว่างพอลิเมอร์และ มอนอเมอร์ ของพอลิเมอร์ชนิดนั้น สารที่พบในชีวิตประจำวันมีทั้งโมเลกุล ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ พอลิเมอร์เป็น สารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่เกิดจาก มอนอเมอร์หลายโมเลกุลเชื่อมต่อกัน ด้วยพันธะเคมี ทำให้สมบัติทาง กายภาพของพอลิเมอร์แตกต่างจาก มอนอเมอร์ที่เป็นสารตั้งต้น เช่น สถานะ จุดหลอมเหลว การละลาย ว 2.1 ม.5/16 ระบุสมบัติ ความเป็นกรด-เบสจาก โครงสร้างของ สารประกอบอินทรีย์ สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ -COOH สามารถแสดงสมบัติความเป็นกรด ส่วน สารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ -NH2 สามารถแสดงสมบัติความเป็นเบส ว 2.1 ม.5/17 อธิบาย สมบัติการละลายในตัวทำ ละลายชนิดต่าง ๆ ของ สาร การละลายของสารพิจารณาได้จาก ความมีขั้วของตัวละลายและตัวทำ ละลาย โดยสารสามารถละลายได้ในตัว ทำละลายที่มีขั้วใกล้เคียงกันโดยสารมี ขั้วละลายในตัวทำละลายที่มีขั้วส่วน สารไม่มีขั้วละลายในตัวทำละลายที่ไม่มี ขั้ว และสารมีขั้วไม่ละลายในตัวทำ ละลายที่ไม่มีขั้ว ว 2.1 ม.5/18 วิเคราะห์ และอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างโครงสร้างกับ สมบัติเทอร์มอพลาสติก และเทอร์มอเซตของพอลิ เมอร์ และการนำ พอลิเมอร์ไปใช้ประโยชน์ โครงสร้างของพอลิเมอร์อาจเป็นแบบ เส้น แบบกิ่งหรือแบบร่างแห โดยพอลิ เมอร์แบบเส้นและแบบกิ่ง มีสมบัติเทอร์ มอพลาสติก ส่วนพอลิเมอร์แบบร่างแห มีสมบัติเทอร์มอเซต จึงมีการใช้ ประโยชน์ได้แตกต่างกัน
ห น้ า | 26 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ว 2.1 ม.5/19 สืบค้นข้อมูล และนำเสนอผลกระทบของ การใช้ ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ที่มีต่อ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม พร้อมแนวทางป้องกันหรือ แก้ไข การใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ในปริมาณ มากก่อให้เกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงควร ตระหนักถึงการลดปริมาณการใช้การใช้ ซ้ำ และการนำกลับมาใช้ใหม่ ว 2.1 ม.5/20 ระบุสูตร เคมีของสารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์ และ แปลความหมายของ สัญลักษณ์ในสมการเคมี ของปฏิกิริยาเคมี - ปฏิกิริยาเคมีทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงของสารโดยปฏิกิริยาเคมี อาจให้พลังงานความร้อนพลังงานแสง หรือพลังงานไฟฟ้า ที่สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ - ปฏิกิริยาเคมีแสดงได้ด้วยสมการเคมี ซึ่งมีสูตรเคมีของสารตั้งต้นอยู่ทางด้าน ซ้ายของลูกศร และสูตรเคมีของ ผลิตภัณฑ์อยู่ทางด้านขวา โดยจำนวน อะตอมรวมของแต่ละธาตุทางด้านซ้าย และขวาเท่ากัน นอกจากนี้สมการเคมี ยังอาจแสดงปัจจัยอื่น เช่น สถานะ พลังงานที่เกี่ยวข้อง ตัวเร่ง ปฏิกิริยาเคมีที่ใช้ ว 2.1 ม.5/21 ทดลอง และอธิบายผลของความ เข้มข้นพื้นที่ผิว อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยา ที่มีผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกิริยาเคมี ว 2.1 ม.5/22 สืบค้นข้อมูล และอธิบายปัจจัยที่มีผลต่อ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีที่ ใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวันหรือใน อุตสาหกรรม - อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีขึ้นอยู่กับ ความเข้มข้น อุณหภูมิ พื้นที่ผิว หรือ ตัวเร่งปฏิกิริยา - ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่ออัตรา การเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถนำไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและใน อุตสาหกรรม ว 2.1 ม.5/23 อธิบาย ความหมายของปฏิกิริยารี ดอกซ์ - ปฏิกิริยาเคมีบางประเภทเกิดจากการ ถ่ายโอนอิเล็กตรอนของสารในปฏิกิริยา เคมี ซึ่งเรียกว่า ปฏิกิริยารีดอกซ์
ห น้ า | 27 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ว 2.1 ม.5/24 อธิบาย สมบัติของสารกัมมันตรังสี และคำนวณครึ่งชีวิตและ ปริมาณของสาร กัมมันตรังสี สารที่สามารถแผ่รังสีได้เรียกว่า สาร กัมมันตรังสีซึ่งมีนิวเคลียสที่สลายตัว อย่างต่อเนื่อง ระยะเวลาที่สาร กัมมันตรังสีสลายตัวจนเหลือครึ่งหนึ่ง ของปริมาณเดิม เรียกว่า ครึ่งชีวิต โดยสารกัมมันตรังสีแต่ละชนิดมีค่าครึ่ง ชีวิตแตกต่างกัน ว 2.1 ม.5/25 สืบค้น ข้อมูลและนำเสนอ ตัวอย่างประโยชน์ของสาร กัมมันตรังสีและการ ป้องกันอันตรายที่เกิดจาก กัมมันตภาพรังสี รังสีที่แผ่จากสารกัมมันตรังสีมีหลาย ชนิด เช่น แอลฟา บีตา แกมมา ซึ่ง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แตกต่าง กัน การนำสารกัมมันตรังสีแต่ละชนิด มาใช้ ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการจัดการ อย่างเหมาะสม ม.6 - -
ห น้ า | 28 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวันผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการเคลื่อนที่ แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 - - ม.5 ว 5.2 ม.5/1 วิเคราะห์ และแปลความหมาย ข้อมูลความเร็ว กับเวลาของการเคลื่อนที่ ของวัตถุ เพื่ออธิบาย ความเร่งของวัตถุ การเคลื่อนที่ของวัตถุที่มีการเปลี่ยน ความเร็วเป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง ความเร่งเป็นอัตราส่วนของความเร็วที่ เปลี่ยนไปต่อเวลาและเป็นปริมาณ เวกเตอร์ ในกรณีที่วัตถุที่อยู่นิ่งหรือ เคลื่อนที่ในแนวตรงด้วยความเร็วคงตัว วัตถุนั้นมีความเร่งเป็นศูนย์ - วัตถุมีความเร็วเพิ่มขึ้น ถ้าความเร็ว และความเร่งมีทิศเดียวกัน และมี ความเร็วลดลง ถ้าความเร็วและ ความเร่งมีทิศตรงกันข้าม ว 5.2 ม.5/2 สังเกตและ อธิบายการหาแรงลัพธ์ที่ เกิดจากแรงหลายแรงที่อยู่ ในระนาบเดียวกันที่ กระทำต่อวัตถุโดยการ เขียนแผนภาพการรวม แบบเวกเตอร์ - เมื่อมีแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุหนึ่ง โดยแรงทุกแรงอยู่ในระนาบเดียวกัน สามารถหาแรงลัพธ์ที่กระต่อวัตถุนั้นได้ โดยรวมแบบเวกเตอร์ ว 5.2 ม.5/3 สังเกต วิเคราะห์ และอธิบาย ความสัมพันธ์ ระหว่างความเร่งของวัตถุ กับแรงลัพธ์ที่กระทำต่อ วัตถุและมวลของวัตถุ เมื่อแรงลัพธ์มีค่าไม่เท่ากับศูนย์กระทำ ต่อวัตถุจะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ด้วย ความเร่งมีทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์โดย ขนาดของความเร่งขึ้นกับขนาดของแรง ลัพธ์กระทำต่อวัตถุและมวลของวัตถุ ว 5.2 ม.5/4 สังเกตและ อธิบายแรงกิริยาและแรง แรงกระทำระหว่างวัตถุคู่หนึ่ง ๆ เป็น แรงกิริยาและแรงปฏิกิริยา แรงทั้งสองมี
ห น้ า | 29 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ปฏิกิริยาระหว่างวัตถุคู่ หนึ่ง ๆ ขนาดเท่ากันเกิดขึ้นพร้อมกัน กระทำ กับวัตถุคนละก้อนแต่มีทิศทางตรงข้าม ว 5.2 ม.5/5 สังเกตและ อธิบายผลของความเร่งที่มี ต่อการเคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุ ได้แก่ การเคลื่อนที่ แนวตรง การเคลื่อนที่แบบ โพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่แบบวงกลม และการเคลื่อนที่แบบสั่น วัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร่งคงตัวหรือ ความเร่งไม่คงตัว อาจเป็นการเคลื่อนที่ แนวตรง การเคลื่อนที่แนวโค้ง หรือการ เคลื่อนที่แบบสั่น การเคลื่อนที่แนวตรง ด้วยความเร่งคงตัว นำไปใช้อธิบายการ ตกแบบเสรี การเคลื่อนที่แนวโค้งด้วย ความเร่งคงตัว นำไปใช้อธิบายการ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ การเคลื่อนที่ แนวโค้งด้วยความเร่งมีทิศทางตั้งฉาก กับความเร็วตลอดเวลา นำไปใช้อธิบาย การเคลื่อนที่แบบวงกลม การเคลื่อนที่ กลับไปกลับมาด้วยความเร่งมีทิศ ทางเข้าสู่จุดที่แรงลัพธ์เป็นศูนย์ เรียกจุด นี้ว่าตำแหน่งสมดุลซึ่งนำไปใช้อธิบาย การเคลื่อนที่แบบสั่น ว 5.2 ม.5/6 สืบค้นข้อมูล และอธิบายแรงโน้มถ่วงที่ เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของ วัตถุต่าง ๆ รอบโลก ในบริเวณที่มีสนามโน้มถ่วง เมื่อมีวัตถุที่ มีมวลจะมีแรงโน้มถ่วงซึ่งเป็นแรงดึงดูด ของโลกกระทำต่อวัตถุ แรงนี้นำไปใช้ อธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุต่าง ๆ เช่น ดาวเทียม และดวงจันทร์รอบโลก ว 5.2 ม.5/7 สังเกตและ อธิบายการเกิด สนามแม่เหล็ก เนื่องจาก กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแม่เหล็กใน บริเวณรอบแนวการเคลื่อนที่ของ กระแสไฟฟ้า หาทิศทางของ สนามแม่เหล็กเนื่องจากกระแสไฟฟ้าได้ จากกฎมือขวา ว 5.2 ม.5/8 สังเกตและ อธิบายแรงม่เหล็กที่กระทำ ต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าที่ เคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก เมื่อมี อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่โดยไม่ อยู่ในแนวเดียวกับสนามแม่เหล็ก หรือมี กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำโดย
ห น้ า | 30 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง และแรงม่เหล็กที่กระทำต่อ ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า ผ่านในสนามแม่เหล็ก รวมทั้งอธิบายหลักการ ทำงานของมอเตอร์ กระแสไฟฟ้าไม่อยู่ในแนวเดียวกับ สนามแม่เหล็ก จะมีแรงแม่เหล็กกระทำ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างมอเตอร์ ว 5.2 ม.5/9 สังเกตและ อธิบายการเกิดอีเอ็มเอฟ รวมทั้งยกตัวอย่างการนำ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ - เมื่อมีสนามแม่เหล็กเปลี่ยนแปลงตัด ขดลวดตัวนำทำให้เกิดอีเอ็มเอฟ ซึ่งเป็น พื้นฐานในการสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ว 5.2 ม.5/10 สืบค้น ข้อมูลและอธิบายแรงเข้ม และแรงอ่อน - ภายในนิวเคลียสมีแรงเข้มที่เป็นแรง ยึดเหนี่ยวของอนุภาคในนิวเคลียส และ เป็นแรงหลักที่ใช้อธิบายเสถียรภาพของ นิวเคลียส นอกจากนี้ยังมีแรงอ่อน ซึ่ง เป็นแรงที่ใช้อธิบายการสลายให้อนุภาค บีตาของธาตุกัมมันตรังสี ม.6 - -
ห น้ า | 31 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 - - ม.5 ว 2.3 ม.5/1 สืบค้นข้อมูล และอธิบายพลังงาน นิวเคลียร์ฟิชชันและฟิว ชัน และความสัมพันธ์ ระหว่างมวลกับพลังงานที่ ปลดปล่อยออกมาจากฟิช ชันและฟิวชัน พลังงานที่ปลดปล่อยออกมาจากฟิชชัน หรือฟิวชัน เรียกว่า พลังงานนิวเคลียร์ โดยฟิชชันเป็นปฏิกิริยาที่นิวเคลียสที่มี มวลมากแตกออกเป็นนิวเคลียสที่มีมวล น้อยกว่า ส่วนฟิวชันเป็นปฏิกิริยาที่ นิวเคลียสที่มีมวลน้อยรวมตัวกันเกิดเป็น นิวเคลียสที่มีมวลมากขึ้น พลังงาน นิวเคลียร์ที่ปลดปล่อยออกมาจากฟิชชัน และฟิวชัน มีค่าเป็นไปตาม ความสัมพันธ์ระหว่างมวลกับพลังงาน ว 2.3 ม.5/2 สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเปลี่ยน พลังงานทดแทนเป็น พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งสืบค้น และอภิปรายเกี่ยวกับ เทคโนโลยีที่นำมาแก้ปัญหา หรือตอบสนองความ ต้องการทางด้านพลังงาน โดยเน้นด้านประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าด้าน ค่าใช้จ่าย - การนำพลังงานทดแทนมาใช้เป็นการ แก้ปัญหาหรือตอบสนองความต้องการ ด้านพลังงาน เช่น การเปลี่ยนพลังงาน นิวเคลียร์เป็นพลังงานไฟฟ้าในโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ และการเปลี่ยนพลังงาน แสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยเซลล์ สุริยะ - เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาแก้ปัญหา หรือตอบสนองความต้องการทางด้าน พลังงานเป็นการนำความรู้ทักษะและ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาสร้าง อุปกรณ์หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้ การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ว 2.3 ม.5/3 สังเกต และ อธิบายการสะท้อน การ เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ไปพบสิ่งกีดขวาง จะ เกิดการสะท้อน เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่าน รอยต่อระหว่างตัวกลางที่ต่างกัน จะเกิด
ห น้ า | 32 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง หักเห การเลี้ยวเบน และ การรวมคลื่น การหักเห เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ไปพบขอบ สิ่งกีดขวางจะเกิดการเลี้ยวเบน เมื่อคลื่นสองขบวนมาพบกันจะเกิดการ รวมคลื่นเกิดรูปร่างของคลื่นรวม หลังจากคลื่นทั้งสองเคลื่อนที่ผ่านพ้นกัน แล้วจะแยกกัน โดยแต่ละคลื่นยังคงมี รูปร่างและทิศทางเดิม ว 2.3 ม.5/4 สังเกต และ อธิบายความถี่ธรรมชาติ การสั่นพ้องและผลที่ เกิดขึ้นจากการสั่นพ้อง เมื่อกระตุ้นให้วัตถุสั่นแล้วหยุดกระตุ้น วัตถุจะสั่นด้วยความถี่ที่เรียกว่า ความถี่ ธรรมชาติ ถ้ามีแรงกระตุ้นวัตถุที่กำลัง สั่นด้วยความถี่ของการออกแรงตรงกับ ความถี่ธรรมชาติของวัตถุนั้น จะทำให้วัตถุสั่นด้วยแอมพลิจูดมากขึ้น เรียกว่า การสั่นพ้อง เช่น การสั่นพ้อง ของอาคารสูง การสั่นพ้องของสะพาน การสั่นพ้องของเสียง ในเครื่องดนตรี ประเภทเป่า ว 2.3 ม.5/5 สังเกต และ อธิบายการสะท้อน การ หักเห การเลี้ยวเบน และ การรวมคลื่นของคลื่นเสียง เสียงมีการสะท้อน การหักเห การ เลี้ยวเบนและการรวมคลื่นเช่นเดียวกับ คลื่นอื่น ๆ ว 2.3 ม.5/6 สืบค้นข้อมูล และอธิบายความสัมพันธ์ ระหว่างความเข้มเสียงกับ ระดับเสียงและผลของ ความถี่กับระดับเสียงที่มี ต่อการได้ยินเสียง ความถี่ของคลื่นเสียงเป็นปริมาณที่ใช้ บอกเสียงสูงเสียงต่ำ โดยความถี่ที่คนได้ ยินมีค่าอยู่ระหว่าง 20-20,000 เฮิรตซ์ ระดับเสียงเป็นปริมาณที่ใช้บอกความดัง ของเสียงซึ่งขึ้นกับความเข้มเสียง โดยความเข้มเสียงเป็นพลังงานเสียงที่ ตกตั้งฉากบนพื้นที่หนึ่งหน่วยในหนึ่ง หน่วยเวลา เสียงที่มีความดังมากเกินไป เป็นอันตรายต่อหู
ห น้ า | 33 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ว 2.3 ม.5/7 สังเกต และ อธิบายการเกิดเสียง สะท้อนกลับ บีต ดอป เพลอร์ และการสั่นพ้อง ของเสียง - เมื่อเสียงจากแหล่งกำเนิดเดินทางไป กระทบวัตถุแล้วสะท้อนกลับมายังผู้ฟัง ถ้าผู้ฟังได้ยินเสียงที่ออกจาก แหล่งกำเนิดและเสียงที่สะท้อนกลับมา แยกจากกัน เสียงที่ได้ยินนี้เป็นเสียง สะท้อนกลับ - เมื่อคลื่นเสียงสองขบวนที่มีความถี่ ใกล้เคียงกันมารวมกันจะเกิดบีต - เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ ผู้ฟัง เคลื่อนที่ หรือทั้งแหล่งกำเนิดและผู้ฟัง เคลื่อนที่ ผู้ฟังจะได้ยินเสียงที่มีความถี่ เปลี่ยนไป เรียกว่า ปรากฏการณ์ดอป เพลอร์ - ถ้าอากาศในท่อถูกกระตุ้นด้วยคลื่น เสียงที่มีความถี่เท่ากับความถี่ธรรมชาติ ของอากาศในท่อนั้นจะเกิดการสั่นพ้อง ของเสียง ว 2.3 ม.5/8 สืบค้นข้อมูล และยกตัวอย่างการนำ ความรู้เกี่ยวกับเสียงไปใช้ ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ความรู้เกี่ยวกับเสียงนำไปใช้ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ เช่น คลื่นเหนือเสียง หรืออัลตราซาวนด์ใช้ในทางการแพทย์ บีตของเสียงในการปรับเทียบเสียงของ เครื่องดนตรี การสั่นพ้องของเสียงใช้ ในการออกแบบเครื่องดนตรีและอธิบาย การเปล่งเสียงของมนุษย์ ว 2.3 ม.5/9 สังเกต และ อธิบายการมองเห็นสีของ วัตถุและความผิดปกติใน การมองเห็นสี เมื่อแสงตกกระทบวัตถุ วัตถุจะดูดกลืน แสงสีบางสีโดยขึ้นกับสารสีบนผิววัตถุ และสะท้อนแสงสีที่เหลือออกมา ทำให้ มองเห็นวัตถุเป็นสีต่าง ๆ ขึ้นกับแสงสีที่ สะท้อนออกมา ความผิดปกติในการ มองเห็นสีหรือการบอดสีเกิดจากความ บกพร่องของเซลล์รูปกรวยบนจอตา
ห น้ า | 34 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ว 2.3 ม.5/10 สังเกต และ อธิบายการทำงานของแผ่น กรองแสงสี การผสมแสงสี การผสมสารสี และการ นำไปใช้ประโยชน์ใน ชีวิตประจำวัน - แผ่นกรองแสงสียอมให้แสงสีบางสีผ่าน ออกไปได้และกั้นบางแสงสี - การผสมแสงสีทำให้ได้แสงสีที่ หลากหลายเปลี่ยนไปจากเดิม ถ้านำแสง สีปฐมภูมิในสัดส่วนที่เหมาะสมมาผสม กันจะได้แสงขาว - การผสมสารสีทำให้ได้สารสีที่ หลากหลายเปลี่ยนไปจากเดิม ถ้านำสาร สีปฐมภูมิในปริมาณที่เท่ากันมาผสมกัน จะได้สารสีผสมเป็นสีดำ - การผสมแสงสีและการผสมสารสี สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านศิลปะ ด้านการแสดง ว 2.3 ม.5/11 สืบค้นข้อมูล และอธิบายคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าส่วนประกอบ คลื่น ม่เหล็กไฟฟ้า และหลัก การทำงานของอุปกรณ์บาง ชนิดที่อาศัยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า - คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าประกอบด้วย สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยสนามทั้ง สองมีทิศทางตั้งฉากกัน และตั้งฉากกับ ทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่น - อุปกรณ์บางชนิดทำงานโดยอาศัยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า เช่น เครื่องควบคุม ระยะไกล เครื่องถ่ายภาพ เอกซเรย์ คอมพิวเตอร์และเครื่องถ่ายภาพ การ สั่นพ้องแม่เหล็ก ว 2.3 ม.5/12 สืบค้น ข้อมูลและอธิบายการ สื่อสาร โดยอาศัยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้าในการ ส่งผ่านสารสนเทศ และ เปรียบเทียบการสื่อสาร ด้วยสัญญาณแอนะล็อก กับสัญญาณดิจิทัล - ในการสื่อสารโดยอาศัยคลื่น แม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อส่งผ่านสารสนเทศ จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งสารสนเทศจะถูก แปลงให้อยู่ในรูปสัญญาณสำหรับส่งไป ยังปลายทางซึ่งจะมีการแปลงสัญญาณ กลับมาเป็นสารสนเทศที่เหมือนเดิม - สัญญาณที่ใช้ในการสื่อสารมีสองชนิด คือ แอนะล็อกและดิจิทัล การส่งผ่าน
ห น้ า | 35 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง สารสนเทศด้วยสัญญาณดิจิทัลสามารถ ส่งผ่านได้โดยมี ความผิดพลาดน้อยกว่าสัญญาณแอ นะล็อก ม.6 - -
ห น้ า | 36 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อ สิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 - - ม.5 - - ม.6 ว 5.3 ม.6/1 อธิบายการ กำเนิดและการ เปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของ เอกภพหลังเกิดบิกแบงใน ช่วงเวลาต่าง ๆ ตาม วิวัฒนาการของเอกภพ - ทฤษฎีกำเนิดเอกภพที่ยอมรับใน ปัจจุบัน คือ ทฤษฎีบิกแบง ระบุว่าเอกภพ เริ่มต้นจากบิกแบงที่เอกภพมีขนาดเล็ก มาก และมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งเป็น จุดเริ่มต้นของเวลาและวิวัฒนาการของ เอกภพ โดยหลังเกิดบิกแบง เอกภพเกิด การขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีอุณหภูมิ ลดลง มีสสารคงอยู่ในรูปอนุภาคและปฏิ ยานุภาคหลายชนิด และมีวิวัฒนาการ ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเนบิวลา กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะเป็น สมาชิกบางส่วนของเอกภพ ว 5.3 ม.6/2 อธิบาย หลักฐานที่สนับสนุน ทฤษฎีบิกแบงจาก ความสัมพันธ์ระหว่าง ความเร็วกับระยะทาง ของกาแล็กซี รวมทั้ง ข้อมูลการค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลังจาก อวกาศ - หลักฐานสำคัญที่สนับสนุนทฤษฎีบิ กแบง คือการขยายตัวของเอกภพ ซึ่ง อธิบายด้วยกฎฮับเบิลโดยใช้ความสัมพันธ์ ระหว่างความเร็วและระยะทางของ กาแล็กซีที่เคลื่อนที่ห่างออกจากโลก และหลักฐานอีกประการ คือ การค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ที่กระจายตัวอย่าง สม่ำเสมอทุกทิศทางและสอดคล้องกับ อุณหภูมิเฉลี่ยของอวกาศมีค่าประมาณ 2.73 เคลวิน ว 5.3 ม.6/3 อธิบาย โครงสร้างและ องค์ประกอบของกาแล็กซี - กาแล็กซี ประกอบด้วย ดาวฤกษ์จำนวน หลายแสนล้านดวง ซึ่งอยู่กันเป็นระบบ ของดาวฤกษ์นอกจากนี้ ยังประกอบด้วย
ห น้ า | 37 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ทางช้างเผือก และระบุ ตำแหน่งของระบบสุริยะ พร้อมอธิบายเชื่อมโยงกับ การสังเกตเห็นทาง ช้างเผือกของคนบนโลก เทห์ฟ้าอื่น เช่น เนบิวลา และสสาร ระหว่างดาว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในของกาแล็กซีอยู่รวมกันด้วยแรง โน้มถ่วง - กาแล็กซีมีรูปร่างแตกต่างกัน โดยระบบ สุริยะอยู่ในกาแล็กซีทางช้างเผือกซึ่งเป็น กาแล็กซีกังหันแบบมีคาน มีโครงสร้าง คือ นิวเคลียส จาน และฮาโล ดาวฤกษ์ จำนวนมากอยู่ในบริเวณนิวเคลียสและ จาน โดยมีระบบสุริยะอยู่ห่างจากจุด ศูนย์กลาง ของกาแล็กซีทางช้างเผือก ประมาณ 30,000 ปีแสง ซึ่งทางช้างเผือกที่ สังเกตเห็นในท้องฟ้าเป็นบริเวณหนึ่งของ กาแล็กซีทางช้างเผือกในมุมมองของคน บนโลก แถบฝ้าสีขาวจาง ๆ ของ ทางช้างเผือกคือดาวฤกษ์ ที่อยู่อย่าง หนาแน่นในกาแล็กซีทางช้างเผือก ว 5.3 ม.6/4 อธิบาย กระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลี่ยนแปลง ความดัน อุณหภูมิ ขนาด จากดาวฤกษ์ก่อนเกิดจน เป็นดาวฤกษ์ - ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นระบบ ดาวฤกษ์คือ ดาวฤกษ์ที่อยู่รวมกันตั้งแต่ 2 ดวงขึ้นไป ดาวฤกษ์เป็นก้อนแก๊สร้อน ขนาดใหญ่ เกิดจากการยุบตัวของกลุ่ม สสารในเนบิวลาภายใต้แรงโน้มถ่วง ทำให้ บางส่วนของเนบิวลามีขนาดเล็กลง ความ ดันและอุณหภูมิเพิ่มขึ้น เกิดเป็นดาวฤกษ์ ก่อนเกิด เมื่ออุณหภูมิที่แก่นสูงขึ้นจน เกิดปฏิกิริยาเทอร์มอนิวเคลียร์ ดาวฤกษ์ ก่อนเกิดจะกลายเป็น ดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์อยู่ในสภาพสมดุล ระหว่างแรงดันกับแรงโน้มถ่วงซึ่งเรียกว่า สมดุลอุทกสถิต จึงทำให้ดาวฤกษ์มี
ห น้ า | 38 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง เสถียรภาพและปลดปล่อยพลังงานเป็น เวลานาน ตลอดช่วงชีวิตของดาวฤกษ์ - ปฏิกิริยาเทอร์มอนิวเคลียร์ เป็น ปฏิกิริยาหลักของกระบวนการสร้าง พลังงานของดาวฤกษ์ที่แก่นของดาวฤกษ์ ทำให้เกิดการหลอมนิวเคลียสของ ไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียมแล้ว ก่อให้เกิด พลังงานอย่างต่อเนื่อง ว 5.3 ม.6/5 ระบุปัจจัยที่ ส่งผลต่อความส่องสว่าง ของดาวฤกษ์ และอธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่าง ความส่องสว่างกับโชติ มาตรของดาวฤกษ์ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์เป็นพลังงาน จากดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมาในเวลา 1 วินาทีต่อหน่วยพื้นที่ ณ ตำแหน่งของผู้ สังเกต แต่เนื่องจากตาของมนุษย์ไม่ ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงความส่อง สว่างที่มีค่าน้อย ๆ จึงกำหนดค่าการ เปรียบเทียบความส่องสว่างของดาวฤกษ์ ด้วยค่าโชติมาตร ซึ่งเป็นการแสดงระดับ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ ณ ตำแหน่ง ของผู้สังเกต ว 5.3 ม.6/6อธิบาย ความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภูมิผิว และสเปกตรัม ของดาวฤกษ์ สีของดาวฤกษ์สัมพันธ์กับอุณหภูมิผิว และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ ซึ่งนักดารา ศาสตร์ใช้สเปกตรัมในการจำแนกชนิด ของดาวฤกษ์ ว 5.3 ม.6/7 อธิบายลำดับ วิวัฒนาการที่สัมพันธ์กับ มวลตั้งต้นและวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงสมบัติ บางประการของดาวฤกษ์ - มวลของดาวฤกษ์ขึ้นอยู่กับมวลของดาว ฤกษ์ก่อนเกิด ดาวฤกษ์ที่มีมวลมากจะ ผลิตและใช้พลังงานมาก จึงมีอายุสั้นกว่า ดาวฤกษ์ที่มีมวลน้อย - ดาวฤกษ์มีการวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน การวิวัฒนาการและจุดจบของดาวฤกษ์ ขึ้นอยู่กับมวลตั้งต้นของดาวฤกษ์ ส่วน
ห น้ า | 39 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ใหญ่เทียบกับจำนวนเท่าของมวลดวง อาทิตย์ ว 5.3 ม.6/8 อธิบาย กระบวนการเกิดระบบ สุริยะ และการแบ่ง เขตบริวารของดวงอาทิตย์ และลักษณะของ ดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อการ ดำรงชีวิต - ระบบสุริยะเกิดจากการรวมตัวกันของ กลุ่มฝุ่นและแก๊สที่เรียกว่า เนบิวลาสุริยะ โดยฝุ่นและแก๊สประมาณร้อยละ 99.8 ของมวล ได้รวมตัวเป็นดวงอาทิตย์ซึ่งเป็น ก้อนแก๊สร้อน หรือ พลาสมาสสารส่วนที่ เหลือรวมตัวเป็นดาวเคราะห์และบริวาร อื่น ๆ ของดวงอาทิตย์ ดังนั้นจึงแบ่งเขต บริวารของดวงอาทิตย์ตามลักษณะการ เกิดและองค์ประกอบ ได้แก่ ดาวเคราะห์ ชั้นในดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์ ชั้นนอก และดงดาวหาง - โลกเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะที่มี สิ่งมีชีวิตเพราะโคจรรอบดวงอาทิตย์ใน ระยะทางที่เหมาะสมอยู่ในเขตที่เอื้อต่อ การมีสิ่งมีชีวิต มีอุณหภูมิเหมาะสมและ สามารถเกิดน้ำที่ยังคงสถานะเป็น ของเหลวได้ ปัจจุบันมีการค้นพบดาว เคราะห์ที่อยู่นอกระบบสุริยะจำนวนมาก และมีดาวเคราะห์บางดวงที่อยู่ในเขตที่ เอื้อต่อการมีสิ่งมีชีวิตคล้ายโลก ว 5.3 ม.6/9 อธิบาย โครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุ สุริยะ และสืบค้นข้อมูล วิเคราะห์นำเสนอ ปรากฏการณ์หรือ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง กับผลของลมสุริยะ และ พายุสุริยะที่มีต่อโลก - ดวงอาทิตย์มีโครงสร้างภายในแบ่งเป็น แก่นเขตการแผ่รังสี และเขตการพาความ ร้อน และมีชั้นบรรยากาศอยู่เหนือเขตพา ความร้อน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นโฟ โตสเฟียร์ ชั้นโครโมสเฟียร์ และคอโรนา ในชั้นบรรยากาศของดวง อาทิตย์มีปรากฏการณ์สำคัญ เช่น จุดมืด ดวงอาทิตย์การลุกจ้า ที่ทำให้เกิดลมสุริยะ และพายุสุริยะซึ่งส่งผลต่อโลก
ห น้ า | 40 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง รวมทั้งประเทศไทย - ลมสุริยะ เกิดจากการแพร่กระจายของ อนุภาคจากชั้นคอโรนาออกสู่อวกาศ ตลอดเวลา อนุภาคที่หลุดออกสู่อวกาศ เป็นอนุภาคที่มีประจุลมสุริยะส่งผลทำให้ เกิดหางของดาวหางที่เรืองแสง และชี้ไปทางทิศตรงกันข้ามกับดวง อาทิตย์และเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ แสงใต้ - พายุสุริยะ เกิดจากการปลดปล่อย อนุภาคมีประจุพลังงานสูงจำนวน มหาศาล มักเกิดบ่อยครั้งในช่วงที่มีการ ลุกจ้า และในช่วงที่มีจุดมืดดวงอาทิตย์ จำนวนมาก และในบางครั้งมีการพ่นก้อน มวลคอโรนา พายุสุริยะอาจส่งผลต่อ สนามแม่เหล็กโลก จึงอาจรบกวนระบบ การส่งกระแสไฟฟ้าและการสื่อสาร รวมทั้งอาจส่งผลต่อวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ของดาวเทียม นอกจากนั้น มักทำให้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือ แสง ใต้ที่สังเกตได้ชัดเจน ว 5.3 ม.6/10 สืบค้น ข้อมูล อธิบายการสำรวจ อวกาศ โดยใช้กล้อง โทรทรรศน์ในช่วงความ ยาวคลื่นต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนำเสนอ แนวคิดการ นำความรู้ทางด้าน เทคโนโลยีอวกาศมา ประยุกต์ใช้ ใน - มนุษย์ใช้เทคโนโลยีอวกาศในการศึกษา เพื่อขยายขอบเขตความรู้ด้าน วิทยาศาสตร์ และในขณะเดียวกันมนุษย์ ได้นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ใน ด้านต่าง ๆ เช่น วัสดุศาสตร์ อาหาร การแพทย์ - นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างกล้อง โทรทรรศน์ เพื่อศึกษาแหล่งกำเนิดของ รังสีหรืออนุภาคในอวกาศ ในช่วงความ ยาวคลื่นต่าง ๆ ได้แก่ คลื่นวิทยุ
ห น้ า | 41 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ชีวิตประจำวันหรือใน อนาคต ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสง อัลตราไวโอเลต และรังสีเอ็กซ์ - ยานอวกาศ คือ ยานพาหนะที่นำมนุษย์ หรืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ขึ้นไปสู่ อวกาศ เพื่อสำรวจหรือเดินทางไปยังดาว ดวงอื่น ส่วนสถานีอวกาศ คือ ห้องปฏิบัติการลอยฟ้า ที่โคจรรอบโลก ใช้ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใน สาขาต่าง ๆ ในสภาพไร้น้ำหนัก - ดาวเทียม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจ วัตถุท้องฟ้าและนำมาประยุกต์ใช้ในด้าน ต่าง ๆ เช่น การสื่อสารโทรคมนาคม การ ระบุตำแหน่งบนโลก การสำรวจ ทรัพยากรธรรมชาติ อุตุนิยมวิทยา โดย ดาวเทียมมีหลายประเภทสามารถแบ่งได้ ตามเกณฑ์วงโคจร และการใช้งาน
ห น้ า | 42 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม สาระที่ 3 วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ มาตรฐาน ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลกกระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลกธรณีพิบัติภัยกระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและ ภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ม.4 ม.5 ม.6 ว 3.2 ม.6/1 อธิบายการ แบ่งชั้นและสมบัติของ โครงสร้างโลกพร้อม ยกตัวอย่างข้อมูลที่ สนับสนุน การศึกษาโครงสร้างโลกใช้ข้อมูลหลาย ด้าน เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหิน และแร่ องค์ประกอบทางเคมีของ อุกกาบาต ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่ เคลื่อนที่ผ่านโลก จึงสามารถแบ่งชั้น โครงสร้างโลก ได้ 2 แบบ คือ โครงสร้าง โลกตามองค์ประกอบ ทางเคมี แบ่งได้เป็น 3 ชั้น ได้แก่ เปลือก โลกเนื้อโลก และแก่นโลก และ โครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล แบ่งได้ เป็น 5 ชั้น ได้แก่ ธรณีภาคฐานธรณีภาค มัชฌิมภาค แก่นโลกชั้นนอกและแก่น โลกชั้นใน ว 3.2 ม.6/2 อธิบาย หลักฐานทางธรณีวิทยาที่ สนับสนุนการเคลื่อนที่ของ แผ่นธรณี แผ่นธรณีต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบของ ธรณีภาคการเปลี่ยนแปลงขนาดและ ตำแหน่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การ เคลื่อนที่ของแผ่นธรณีดังกล่าวอธิบายได้ ตามทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ซึ่งมี รากฐานมาจากทฤษฎีทวีปเลื่อนและ ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร โดยมี หลักฐานที่สนับสนุนได้แก่ รูปร่างของ ขอบทวีปที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ความ คล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนว เทือกเขา
ห น้ า | 43 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ซากดึกดำบรรพ์ ร่องรอยการเคลื่อนที่ ของตะกอนธารน้ำแข็ง ภาวะแม่เหล็ก โลกบรรพกาลอายุหินของพื้นมหาสมุทร รวมทั้งการค้นพบสันเขากลางสมุทร และร่องลึกก้นสมุทร ว 3.2 ม.6/3 ระบุสาเหตุ และอธิบายรูปแบบแนว รอยต่อของแผ่นธรณีที่ สัมพันธ์กับการเคลื่อนที่ ของแผ่นธรณี พร้อม ยกตัวอย่างหลักฐานทาง ธรณีวิทยาที่พบ การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ตาม ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจพบหลักฐาน ทางธรณีวิทยา ได้แก่ ธรณีสัณฐานและ ธรณีโครงสร้าง ที่บริเวณแนวรอยต่อของ แผ่นธรณี เช่น ร่องลึกก้นสมุทร หมู่เกาะ ภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนว เทือกเขา หุบเขาทรุดและสันเขากลาง สมุทร รอยเลื่อน นอกจากนี้ยังพบการ เกิดธรณีพิบัติภัยที่บริเวณแนวรอยต่อ ของแผ่นธรณี เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ระเบิดสึนามิ ซึ่งหลักฐานดังกล่าว สัมพันธ์กับรูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่น ธรณี นักวิทยาศาสตร์จึงสรุปได้ว่าแนว รอยต่อของแผ่นธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัว แนวแผ่นธรณี เคลื่อนที่เข้าหากัน แนวแผ่นธรณี เคลื่อนที่ผ่านกันในแนวราบ ว 3.2 ม.6/4 อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิดภูเขาไฟ ระเบิด รวมทั้งสืบค้นข้อมูล พื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและ นำเสนอแนวทางการเฝ้า ระวังและการปฏิบัติตนให้ ปลอดภัย ภูเขาไฟระเบิด เกิดจากการแทรกดันของ แมกมาขึ้นมาตามส่วนเปราะบาง หรือ รอยแตกบนเปลือกโลกมักพบหนาแน่น บริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นธรณีทำให้ บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ผลจาก การระเบิดของภูเขาไฟมีทั้งประโยชน์
ห น้ า | 44 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง และโทษ จึงต้องศึกษาแนวทางในการ เฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ว 3.2 ม.6/5 อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและ ความรุนแรง และผลจาก แผ่นดินไหว รวมทั้ง สืบค้นข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและนำเสนอแนว ทางการเฝ้าระวังและการ ปฏิบัติตนให้ปลอดภัย แผ่นดินไหวเกิดจากการปลดปล่อย พลังงานที่สะสมไว้ของเปลือกโลกในรูป ของคลื่นไหวสะเทือนแผ่นดินไหวมีขนาด และความรุนแรงแตกต่างกัน มักเกิดขึ้น บริเวณรอยต่อของแผ่นธรณี และพื้นที่ ภายใต้อิทธิพลของการเคลื่อนของแผ่น ธรณีทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยง ภัยแผ่นดินไหวซึ่งส่งผลให้สิ่งก่อสร้าง เสียหาย เกิดอันตรายต่อชีวิตและ ทรัพย์สิน จึงต้องศึกษาแนวทางในการ เฝ้าระวัง และการปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ว 3.2 ม.6/6 อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผล จากสึนามิรวมทั้งสืบค้น ข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย ออกแบบและนำเสนอแนว ทางการเฝ้าระวังและการ ปฏิบัติตนให้ปลอดภัย สึนามิ คือ คลื่นน้ำที่เกิดจากการแทนที่ มวลน้ำในปริมาณมหาศาล ส่วนมากจะ เกิดในทะเลหรือมหาสมุทร โดยคลื่นมี ลักษณะเฉพาะ คือ ความยาวคลื่นมาก และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เมื่ออยู่ กลางมหาสมุทรจะมีความสูงคลื่นน้อย และอาจเพิ่มความสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่านบริเวณน้ำตื้น จึง ทำให้พื้นที่บริเวณ ชายฝั่งบางบริเวณเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยสึนา มิก่อให้เกิดอันตรายแก่มนุษย์และ สิ่งก่อสร้างในบริเวณชายหาดนั้น จึงต้อง ศึกษาแนวทางในการเฝ้าระวัง และการ ปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ว 3.2 ม.6/7 อธิบาย ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการ ได้รับพลังงานจากดวง พื้นผิวโลกแต่ละบริเวณได้รับพลังงาน จากดวงอาทิตย์ในปริมาณที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยสำคัญหลายประการ เช่น สัณฐานและการเอียงของแกนโลก
ห น้ า | 45 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง อาทิตย์แตกต่างกันในแต่ ละบริเวณของโลก ลักษณะของพื้นผิวละอองลอย และเมฆ ทำให้แต่ละบริเวณบนโลกมีอุณหภูมิไม่ เท่ากัน ส่งผลให้มีความกดอากาศ แตกต่างกัน และเกิดการถ่ายโอน พลังงานระหว่างกัน ว 3.2 ม.6/8 อธิบายการ หมุนเวียนของอากาศ ที่ เป็นผลมาจากความ แตกต่างของความกด อากาศ การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจาก ความกดอากาศที่แตกต่างกันระหว่าง สองบริเวณ โดยอากาศเคลื่อนที่จาก บริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยัง บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะเห็น ได้ชัดเจน ในการเคลื่อนที่ของอากาศใน แนวราบ และเมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ ของอากาศในแนวดิ่งจะพบว่าอากาศ เหนือบริเวณ ความกดอากาศต่ำจะมีการยกตัวขึ้น ขณะที่อากาศเหนือบริเวณความกด อากาศสูง จะจมตัวลง โดยการเคลื่อนที่ ของอากาศทั้งในแนวราบและแนวดิ่งนี้ ทำให้เกิดเป็นการหมุนเวียนของอากาศ ว 3.2 ม.6/9 อธิบายทิศ ทางการเคลื่อนที่ของ อากาศ ที่เป็นผลมาจาก การหมุนรอบตัวเองของ โลก การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิด แรงคอริออลิส ส่งผลให้ทิศทางการ เคลื่อนที่ของอากาศเบนไปโดยอากาศที่ เคลื่อนที่ในบริเวณซีกโลกเหนือจะเบนไป ทางขวาจากทิศทางเดิม ส่วนบริเวณซีก โลกใต้จะเบนไปทางซ้ายจากทิศทางเดิม ว 3.2 ม.6/10 อธิบายการ หมุนเวียนของอากาศตาม เขตละติจูด และผลที่มีต่อ ภูมิอากาศ - โลกมีความกดอากาศแตกต่างกันในแต่ ละบริเวณรวมทั้งอิทธิพลจากการ หมุนรอบตัวเองของโลก ทำให้อากาศใน แต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียนของ อากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น 3 แถบ
ห น้ า | 46 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง โดยแต่ละแถบมีภูมิอากาศแตกต่างกัน ได้แก่การหมุนเวียนแถบขั้วโลกมี ภูมิอากาศแบบหนาวเย็น การหมุนเวียน แถบละติจูดกลางมีภูมิอากาศแบบอบอุ่น และการหมุนเวียนแถบเขตร้อนมี ภูมิอากาศแบบร้อนชื้น - นอกจากนี้บริเวณรอยต่อของการ หมุนเวียนอากาศแต่ละแถบละติจูด จะมี ลักษณะลมฟ้าอากาศ ที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณใกล้ศูนย์สูตรมีปริมาณ หยาดน้ำ ฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอื่น บริเวณละติจูด 30 องศา มีอากาศแห้งแล้ง ส่วนบริเวณ ละติจูด 60 องศา อากาศมีความ แปรปรวนสูง ว 3.2 ม.6/11 อธิบาย ปัจจัยที่ทำให้เกิดการ หมุนเวียนของน้ำผิวหน้า ในมหาสมุทร และรูปแบบ การหมุนเวียนของน้ำ ผิวหน้าในมหาสมุทร การหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าใน มหาสมุทรได้รับอิทธิพลจากการ หมุนเวียนของอากาศในแต่ละแถบ ละติจูดเป็นปัจจัยหลักทำให้บริเวณซีก โลกเหนือมีการหมุนเวียนของกระแสน้ำ ผิวหน้า ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็ม นาฬิกาในซีกโลกใต้ ซึ่งกระแสน้ำผิวหน้า ในมหาสมุทรมีทั้งกระแสน้ำอุ่น และ กระแสน้ำเย็น ว 3.2 ม.6/12 อธิบายผล ของการหมุนเวียนของ อากาศและน้ำผิวหน้าใน มหาสมุทรที่มีต่อลักษณะ ภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม การหมุนเวียนอากาศและน้ำใน มหาสมุทรส่งผลต่อภูมิอากาศ ลมฟ้า อากาศ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เช่น กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม ที่ทำให้บางประเทศในทวีปยุโรปไม่หนาว เย็นเกินไป และเมื่อการหมุนเวียน อากาศและน้ำในมหาสมุทรแปรปรวน
ห น้ า | 47 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม ชั้น ตัวชี้วัดระหว่างทาง ตัวชี้วัดปลายทาง สาระการเรียนรู้แกนกลาง ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพลมฟ้า อากาศ เช่น ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา ซึ่งเกิดจากความแปรปรวน ของลมค้าและส่งผลต่อประเทศที่อยู่ บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ว 3.2 ม.6/13 อธิบาย ปัจจัยที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของ โลก พร้อมทั้งนำเสนอแนว ปฏิบัติเพื่อลดกิจกรรมของ มนุษย์ ที่ส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก - โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ โดย ปริมาณพลังงานเฉลี่ยที่โลกได้รับเท่ากับ พลังงานเฉลี่ยที่โลกปลดปล่อยกลับสู่ อวกาศ ทำให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ในแต่ละปีค่อนข้างคงที่และมีลักษณะ ภูมิอากาศที่ไม่เปลี่ยนแปลง หากสมดุล พลังงานของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกและ ภูมิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากปัจจัยหลายประการทั้งปัจจัยที่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติและการกระทำของ มนุษย์ เช่น แก๊สเรือนกระจก ลักษณะ ผิวโลก และละอองลอย - มนุษย์มีส่วนช่วยในการชะลอการ เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกได้โดยการลด กิจกรรมที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สมดุลพลังงาน เช่น ลดการปลดปล่อย แก๊สเรือนกระจกและละอองลอย ว 3.2 ม.6/14 แปล ความหมายสัญลักษณ์ลม ฟ้าอากาศที่สำคัญจากแผน ที่อากาศ และนำข้อมูล สารสนเทศต่าง ๆ มา วางแผนการดำเนินชีวิตให้ - แผนที่อากาศผิวพื้นแสดงข้อมูลการ ตรวจอากาศในรูปแบบสัญลักษณ์หรือ ตัวเลข เช่น บริเวณความกดอากาศสูง หย่อมความกดอากาศต่ำพายุหมุนเขต ร้อน ร่องความกดอากาศต่ำ