134 บทท่ี 5 ตระกลู ไอซีดจิ ิตอลและลอจกิ วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
5.5 ขอมลู ไอซี (Data Sheet)
การใชไอซีใหมีประสิทธิภาพจําเปนตองอานขอมูลจากคูมือ เพื่อจะไดทราบขอมูลเก่ียวกับเง่ือนไข
การทํางานทจี่ ุดตาํ่ สดุ และสงู สดุ ของไอซแี ตล ะตัวโดยบรษิ ัทผผู ลติ เปน ผกู ําหนดขน้ึ มา ซึ่งมีรายละเอยี ดตาม
ตวั อยาง เชน ขอ มูลของไอซีทีทแี อลเบอร 7400 ดงั รูปท่ี 5.4
VCC
รปู ที่ 5.4 ตวั อยา งขอ มลู ไอซี หนา 1
5.5.1 ชือ่ ที่ดานบนสุดของขอ มลู ไอซีจะเปน ชือ่ ของอปุ กรณ ในบรรทัดถัดมาเบอรมคี วามหมายดังนี้
“QUAD 2-INPUT NAND GATE” อธิบายไดด ังนี้
. QUAD หมายถึง ไอซี 1 ตวั มีเกต 4 ตวั
. 2 หมายถึง เกตแตล ะตวั มี 2 อนิ พตุ
. NAND เปนชอ่ื ของเกต
5.5.2 หมายเลขไอซี (Part Number) การผลิตไอซใี นสมัยกอ นมีการแขง ขันกนั มาก ทาํ ใหบ ริษทั ตอ ง
กําหนดเบอรเปนของตนเอง ผูใชจึงเกิดความยุงยากเพราะไมมีเบอรที่เปนมาตรฐาน เชน ของบริษัท
Texas Instruments ใชเบอร 7400 แทนแนนดเกต 2 อินพุต 4 ตัว ขณะท่ีบริษัท Fairchild ใชเบอร
9N200 ทาํ ใหต องมคี ูม ือในการเปรียบเทยี บเบอร จงึ เกดิ ความยงุ ยากในการเลอื กใช
บริษัทผูผลิตจะพิมพเบอรไอซีลงบนตัวเพ่ือเปนขอมูลในการเรียกชื่อ ตัวอักษร และตัวเลขท่ี
เบอร มคี วามหมายดงั แสดงในรูปที่ 5.5 เปนตวั อยา งไอซีของบริษัท Texas Instruments
วงจรดิจติ อลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกูลไอซีดิจติ อลและลอจิก 135
SN 74 S 00 N
คาํ นาํ หนา ลกั ษณะภายนอก
ชว งอณุ หภมู ิ หนา ที่การทํางาน
ตระกูล
รูปที่ 5.5 หมายเลขไอซี
คํานาํ หนา (Prefix) จะเปนตวั ยอ ของบริษัทผผู ลติ มดี งั ตอ ไปนี้
SN : Texas Instruments
DM : National
MC : Motorola
IM : Intersil
H : Harris
AM : Advance Micro Devices
MIC : ITT
ชวงอุณหภมู ิ (Temperature Range) เลข 74 แทนไอซีทัว่ ไป หมายถงึ ยานอณุ หภมู ิทที่ าํ งานได
สงู สุดเปน 70C ถาเปน 54 เปน ไอซที ใ่ี ชใ นทางทหาร มยี า นอุณหภูมิทาํ งานไดส ูงสดุ 180C
ตระกลู (Family) ตระกูลของไอซกี ําหนดตวั อกั ษร ดงั ตอไปนี้
L : ไอซี ทที ีแอล Low-Power
H : ไอซี ทีทีแอล High-Speed
S : ไอซี ทที แี อล shottky
LS : ไอซี ทีทีแอล Low-Power shottky
AS : ไอซี ทที แี อล Advanced shottky
ALS : ไอซี ทีทีแอล Advanced Low-Power shottky
F : ไอซี ทีทีแอล Fast
C : ไอซี CMOS แบบ TTL Pin Compatible
HC : ไอซี CMOS แบบ High-Speed CMOS
HCT : ไอซี CMOS แบบ High-Speed CMOS, TTL Pin Compatible
ACL : ไอซี CMOS แบบ Advanced CMOS Logic
ไมมตี วั อกั ษร : ไอซมี าตรฐาน
136 บทที่ 5 ตระกลู ไอซดี จิ ติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
หนาที่การทํางาน (Function Type) เลขแสดงหนาท่ีการทํางานเร่ิมต้ังแต 0 – 300 เปนการ
กาํ หนดหนา ทก่ี ารทาํ งานของวงจร เชน 00: เปน แนนดเ กต
ลกั ษณะภายนอก (Package) รปู รา งภายนอกของไอซีมอี ยู 2 ชนิด ที่ใชก ันแพรหลาย ดังรูปท่ี
5.6 เปนแบบที่มีขา 2 ดาน ตัวถังภายนอกทําดวยเซรามิกหรือพลาสติก ถาเปนแบบเซรามิกจะใชใน
ตระกูล 5400 เพราะทนความรอนไดดีกวาพลาสติก บริษัท Texas Instruments ใชตัวอักษรกําหนด
ลกั ษณะภายนอกดงั น้ี
J : เซรามกิ DIP
N : พลาสตกิ DIP
H : แบบเรียบสําหรับการใชง านแบบ SMD
รูปที่ 5.6 รปู รา งภายนอกของไอซี
ตัวอยางที่ 5.1 จงบอกขอ มลู ของไอซีทม่ี ีหมายเลขเปน DM5402 J
วธิ ีทาํ DM : National Semiconductor
: ใชก บั ไอซที างการทหาร
54 : เปน ทีทแี อล มาตรฐาน
- : เปน นอรเกต
02 : ภายนอกเปนเซรามกิ
J
5.5.3 รายละเอียดท่ัวไปจะอยูทห่ี นาแรกของแผนขอมลู ดังรปู ท่ี 5.4 เปนการอธิบายหนาทท่ี ว่ั ไปของ
อปุ กรณล อจิก
5.5.4 ไดอะแกรมการตอ วงจร (Connection Diagram) แสดงการตอ วงจรภายในกับขาไอซที ่ีจะใชตอ
กับวงจรภายนอกวาตอ กนั อยา งไร
5.5.5 ตารางการทํางาน (Function Table) เปนตารางทแ่ี สดงการทํางานของไอซีแตล ะชนิดวา จะให
เอาตพ ุตเปน อยางไร เมือ่ ปอนอนิ พตุ เขาไป
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทที่ 5 ตระกูลไอซดี จิ ติ อลและลอจิก 137
5.6 ตารางแสดงคาสูงสดุ ในการใชงานที่ปลอดภัย (Absolute Maximum Rating Table)
จากรูปท่ี 5.7 คาสูงสุดในการใชงานท่ีปลอดภัย เปนขอมูลที่กําหนดการใชงานที่ปลอดภัย ถาใชคา
ตามที่กาํ หนดใหจะมอี ายกุ ารใชงานไดนาน
ABSOLUTE MAXIMUM RATINGS TABLE
SUPPLY VOLTAGE 7V
INPUT VOLTAGE 5.5 V
STORAGE TEMPERATURE RANGE -10C to +75C
RECOMMENDED OPERATING CONDITIONS TABLE
DM7400
SYMBOL PARAMETER MIN NOM MAX UNITS
VCC SUPPLY VOLTAGE 4.75 5 5.25 V
VIH HIGH LEVEL INPUT 2 V
VOLTAGE
VIL LOW LEVEL INPUT 0.8 V
VOLTAGE
IOH HIGH LEVEL OUTPUT -0.4 mA
CURRENT
IOL LOW LEVEL OUTPUT 16 mA
CURRENT
TA FREE AIR OPERATING 0 70 C
TEMPERATURE
DC ELECTRICAL CHARACTERISTICS TABLE
ELECTRICAL CHARACTERISTICS OVER RECOMMENDED OPERATING FREE AIR TEMPERATURE
SYMBOL PARAMETER CONDITIONS MIN TYP MAX UNITS
VOH HIGH LEVEL OUTPUT VCC=MIN,IOH=MAX 2.4 3.4 V
VOLTAGE VIL=MAX
VOL LOW LEVEL OUTPUT VCC=MIN,IOL=MAX 0.2 0.4 V
VOLTAGE VIH=MIN 40 A
IIH HIGH LEVEL INPUT VCC=MAX, VI=2.4 V
CURRENT
IIL LOW LEVEL INPUT VCC=MAX, VI=0.4 V -1.6 mA
CURRENT
IOS SHORT CIRCUIT VCC=MAX DM54 -20 -55 mA
OUTPUT CURRENT DM74 -18 -55
ICCH SUPPLY CURRENT WITH VCC=MAX 4 8 mA
OUTPUTS HIGH
ICCL SUPPLY CURRENT WITH VCC=MAX 12 22 mA
OUTPUTS LOW
NOISE IMMUNITY 0.4 V
รูปท่ี 5.7 ตวั อยา งขอ มลู ทแ่ี สดงคณุ ลักษณะเฉพาะ หนา 2
138 บทที่ 5 ตระกลู ไอซดี จิ ติ อลและลอจกิ วงจรดิจิตอลและลอจกิ
แรงดันจากแหลงจาย (Supply Voltage) เปนแรงดันท่ีปอนเขาที่ขา 14 ตองไมเกิน 7 โวลต Vin
แรงดันอินพุต เมื่อเปนลอจิก 1 มีคาไมเกิน 5.5 V Storage Temperature Range เปนอุณหภูมิในชวง
ที่ทาํ งาน -10C ถึง +75C
5.7 เงอื่ นไขในการทํางาน (Recommended Operating Condition)
รปู ท่ี 5.7 เปนเงื่อนไขในการทาํ งานของแนนดเ กต 7400 มดี งั นี้
VCC supply voltage เปน แรงดันทจ่ี ะปอนใหกับไอซี มีคาตาํ่ สุดและสูงสุด ตามที่กําหนดไวโดยมีคา
ปกติ 5 V
VIH high level input voltage เปน ระดบั แรงดันสงู ดานอินพุต มีคา 2 V ดงั รปู ที่ 5.8
VIL high level input voltage เปน ระดับแรงดันต่ําดานอนิ พุต มีคา 0.8 V ดังรปู ที่ 5.8
Invalid region แรงดันระหวาง VIH และ VIL เรียกวา ชว งท่ีทาํ งานที่ไมเ ทีย่ งตรง invalid region ถา
อยูใ นชว งน้ีจะบอกไมไ ดวา เปน ลอจกิ 1 หรือ ลอจกิ 0
VCC
(VIH )
(VIL )
รูปท่ี 5.8 คา อนิ พตุ ทเี่ ท่ียงตรงและไมเ ทย่ี งตรง
ตวั อยางท่ี 5.2 ไอซที ม่ี ีเงอ่ื นไขในการทาํ งานดังน้ี
VIH = 1.8 V และ VIL = 0.6 V
จงหาคา อินพุตทเ่ี ทย่ี งตรงและไมเ ท่ยี งตรง
วิธที ํา ชวงทเ่ี ท่ียงตรง
สภาวะลอจิก 0 = 0 ถงึ 0.6 V
สภาวะ ลอจิก 1 = 1.8 ถึง 5 V
ชวงทไ่ี มเ ท่ยี งตรง = 0.6 ถงึ 1.8 V
วงจรดิจิตอลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกูลไอซดี ิจติ อลและลอจิก 139
การตอ ขาอินพุตท่ไี มใ ชง านดงั รูปท่ี 5.9 (ก) เปน การตอแนนดเ กตแบบอนิ เวอรเ ตอร สามารถทําไดโ ดย
การตอ ลอจิก 1 เขาท่ีขา A แลวปอนขอมลู ทข่ี า B เปนอนิ พุตของอนิ เวอรเ ตอร การปลอ ยใหข า A ลอยไว
เปน เสมือนสายอากาศทรี่ บั สญั ญาณจากภายนอกเขามา ดังนนั้ จงึ จําเปน ตอ งตอขา A เขากบั ขา VCC แตถา
ตอ งการใหข า A เปน 0 ตอ งตอ ลงกราวด ดงั รปู ที่ 5.9 (ข) และ (ค)
(ก)
(ข) (ค)
รูปที่ 5.9 การตอขาอินพตุ ที่ไมใ ชงาน
IOH, high – level output current เปนกระแสที่ไหลออกจากเอาตพุต เมื่อสภาวะเปนลอจิก 1
มีคาประมาณ -400 ไมโครแอมแปร ทําหนาที่เหมือนเปนแหลงจายกระแสไฟฟา (Current Sourcing)
เคร่อื งหมายลบทห่ี นาคา กระแสไฟฟา แสดงวา กระแสไหลออกจากอปุ กรณต ามรูปท่ี 5.10 แสดงแหลง จา ย
กระแสไฟฟาเมือ่ เกตมีเอาตพตุ เปน ลอจกิ 1 จะทําหนาท่ปี อนกระแสใหกับเกตตวั ที่ 2 ดังนั้นเอาตพุตทเี่ ปน
1 ของเกตตัวท่ี 1 จึงเปน แหลงจา ยไฟใหก ับอนิ พุตของเกตตวั ที่ 2
VCC
Q1 -400 μA
Q2
รูปท่ี 5.10 แหลง จา ยกระแสไฟฟา ท่ีเกิดจากเอาตพ ุตของเกตทเี่ ปน ลอจกิ 1
140 บทที่ 5 ตระกลู ไอซดี ิจิตอลและลอจกิ วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ
IOL, low – level output current เปนกระแสที่ไหลเขาเอาตพตุ ลงกราวด ในสภาวะทเี่ อาตพุตของ
เกตตัวท่ี 1 เปนลอจิก 0 ดังรูปท่ี 5.11 มีคาประมาณ 16 มิลลิแอมแปร มีช่ือวากระแสซิงค (Sink
Current) เมื่อเอาตพุตของเกต 1 เปลย่ี นจากลอจิก 1 เปนลอจิก 0 จะทาํ ใหกระแสท่ีเอาตพุตของเกต 1
วง่ิ ลงกราวด ในขณะเดยี วกนั วงจรอินพตุ ของเกต 2 จะเหมอื นกับมคี วามตา นทานตอยูกับแหลง จา ยไฟ VCC
ดงั นั้น กระแสจากอนิ พุตของเกต 2 จงึ ว่งิ ผา นตัวตา นทานไปยังเกต 1 เพ่ือลงกราวด
VCC
VCC
Q1
Q2
รปู ท่ี 5.11 กระแสซงิ ค
ตัวอยา งที่ 5.3 จากรปู ที่ 5.12 วงจรใดเปนกระแสซงิ ค และแหลง จา ยกระแสของวงจรใดทที่ าํ ให
ไดโอดเปลง แสงสวา ง เพราะเหตุใด
วธิ ีทาํ
(ก) (ข)
รูปที่ 5.12 การตอวงจรตามตวั อยา งท่ี 5.3
วงจร (ก) เปน แหลง จาย และวงจร (ข) เปนกระแสซงิ ค วงจร (ข) ทาํ ใหไดโอดเปลง แสงสวางเพราะวา
เอาตพุตมีกระแส IOL เปน 16 มิลลิแอมแปร แตในวงจร (ก) เอาตพุตเปน IOH มีคาเพียง -0.4 มิลลิ
แอมแปร
TA, free – air operating temperature เปนอณุ หภูมใิ นการทาํ งาน อยใู นชวง 0C ถงึ 70C
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทที่ 5 ตระกูลไอซีดจิ ติ อลและลอจกิ 141
การกําหนดเง่ือนไขในการทาํ งานขึ้นอยูกับผูออกแบบวงจรจะเลอื กอุณหภูมิของการทํางาน แรงดัน
ท่ีจะปอนเขาทางอินพุต เชน ถาวงจรทรานซิสเตอรท่ีตอกับอินพุตของเกต คาของวงจรทรานซิสเตอร
ท่ีถูกเลือกจะตองไมทําใหคาท่ีเอาตพุตมากกวา 0.8 V เปนสภาวะลอจิก 0 (VIL) หรือไมนอยกวา 2.0 V
ในสภาวะลอจิก 1 (VIH) ผูออกแบบจะเปนผูกําหนดกระแสซิงควาควรเปนเทาใด ซ่ึงขึ้นอยูกบั การเลือก
คา ความตา นทานของโหลด
5.8 ตารางแสดงคุณลักษณะทางไฟฟากระแสตรง (DC Electrical Characteristics Table)
สวนทีอ่ ยูใตสุดของตารางในรปู ท่ี 5.7 เปนรายละเอียดเกย่ี วกับคณุ ลกั ษณะสมบัติทางไฟฟากระแสตรง
ของแนนดเกต 7400 คานจ้ี ะไมขึ้นอยกู ับผูอ อกแบบวงจร แตจะเปนคา ที่รับประกนั มาจากบริษัทผูผ ลิต
มคี า ตา งๆ ดังน้ี
VOH, high-level output voltage เปนระดับแรงดันตํ่าสุด (2.4 V) ทําใหเอาตพ ุตเปน ลอจิก 1 ดงั รูป
ที่ 5.13 คุณสมบัติเฉพาะนี้ใชเปนอุปกรณที่ทําหนาที่พูลอัพ (Pull Up) มีช่ือเรียกเฉพาะวา ไอซีโทเทม-
โพล (Totem - pole) มีระดับแรงดนั เอาตพุตท่เี ทีย่ งตรงและไมเ ทีย่ งตรงดงั น้ี
VCC
(VOH )
(VOL )
รูปท่ี 5.13 ระดบั แรงดนั เอาตพ ตุ ทเ่ี ทย่ี งตรงและไมเ ทยี่ งตรง
5.8.1 คุณลักษณะของเอาตพ ตุ ของไอซตี ระกูลทที แี อล
เอาตพุตของไอซตี ระกลู ทีทแี อล แบงออกเปน 2 ชนดิ คือแบบโทเทม-โพล (Totem-Pole)
และแบบการเปดคอลเลกเตอร (Open collector : OC)
ไอซีโทเทม-โพล (Totem-Pole) เปนไอซีที่มีทรานซิสเตอรเปนคูอยูภายใน โดยคอลเลกเตอร
และอิมิตเตอรต อเปนแบบอนุกรม ขั้วเอาตพตุ ของไอซีจะตอกับรอยตอระหวา งทรานซิสเตอร 2 ตัว ไอซี
แบบน้ีมีขอดใี นการนําไปเปนอินพุตของไอซีตัวอื่นหรอื นําไปขับโหลดอื่นๆ ไดโดยตรง และมีความเร็วใน
การสวติ ชเพมิ่ ขึ้น ขอเสยี ของไอซโี ทเทม-โพล คอื เอาตพ ตุ ไมส ามารถตอเขา ดว ยกนั ดงั รูปที่ 5.14 ซึง่ จะทํา
ใหเกิดขอผิดพลาดเมื่อเอาตพุต N1 และ N2 มีระดับลอจิกท่ีแตกตางกัน เชน เม่ือ N1 เปนระดับลอจิก
เอาตพ ุตเปน High และ N2 มีเอาตพุตเปนระดบั LOW จะทําใหก ระแสท่ีไหลจาก N1 ไปยงั N2 ลงกราวด
ทาํ ใหเ อาตพตุ N1 มีระดบั ลอจิกเปน LOW ไปดวย
142 บทที่ 5 ตระกูลไอซีดิจิตอลและลอจกิ วงจรดิจติ อลและลอจกิ
N1 I1
N2
รูปท่ี 5.14 การตอ เอาตพ ุตเขา ดว ยกันไมส ามารถทาํ ได
ไอซีที่มีการเปดคอลเลกเตอรเอาตพุต (Open collector) ไอซีชนิดนี้จะมีการระบุวา Open
Collector ท่แี ผน ขอมลู ซง่ึ มีคณุ สมบตั ใิ นเร่ืองของการรบั คา กระแสไหลเขาหรอื กระแสซงิ คไดเปนจํานวน
มาก สําหรับสัญลกั ษณทีใ่ ชระบุวา เปนไอซีชนิดน้ีตามมาตรฐาน IEEE/ANSI จะใชเ ครื่องหมาย กํากับ
อยูท่ีเอาตพุตของไอซี และทําใหเอาตพุตสามารถตอรวมกันไดดังรูปท่ี 5.15 เปนตัวอยางของไอซี
อนิ เวอรเตอรท ่ีมีการเปดคอลเลกเตอรท่ีเอาตพุต ทําใหเ อาตพุตยังเปนวงจรเปด ตองตอตัวตานทาน 2.2
กิโลโอหม เขา ระหวางเอาตพุตกับแหลง จา ยไฟ เรียกวา Pull – up Resistor (RP) เพื่อจะทาํ ใหเอาตพุต
ตอ รวมกันได ดังรปู ท่ี 5.15 โดยไอซีท่ีมีการเปดคอลเลกเตอรสามารถตอกบั แรงดันท่ีมีคา สูงกวา 5 V ได
โดยผานพูลอพั รีซิสเตอรเ พื่อใหเ ปนอนิ พตุ ของซมี อส
VCC
2.2 k
รูปที่ 5.15 อินเวอรเตอร 7405
ขอ เสยี ของไอซีแบบเปด คอลเลกเตอร มีดังนี้
1. ตอ งมตี วั ตานทานแยกออกมา
2. ความเรว็ ในการทาํ งานชา ลง
3. มคี วามคมุ กนั จากการรบกวนนอย
4. ไมสามารถขบั โหลดที่มีความจุมากได
วงจรดิจิตอลและลอจกิ บทที่ 5 ตระกลู ไอซีดิจติ อลและลอจกิ 143
ตัวอยางท่ี 5.4 ตอ งการนาํ เอาเอาตพ ุตของแนนดเกตแบบ Open-collector เบอร 74LS01 ไปขับ
Inverter gate เบอร 74LS04 จํานวน 8 ตวั ดงั รปู ที่ 5.16 จงคาํ นวณหาคา RP
RP X1
X2
X8
รูปที่ 5.16 วงจรตัวอยา งที่ 5.4
วธิ ีทํา จากแผนขอ มลู 74LS01 จะมีคา VOL(MAX) = 0.4 V, IOL(MAX) = 8 mA
จากแผนขอ มลู 74LS04 จ=ะ0ม.4คี าmAIIL(×m8in=) =3.02.4mmAA,IIH = 20 A, VIL(min) = 2 V
IIL(total)
IIH(total) =20 A ×8= 0.16 mA
RP(min) IOVL(CmCax-)V-OIILL(m(toaxt)al)
= = 8 5V - 0.4 V = 958
mA - 3.2 mA
VCCIIH-(tVoItHa(lm) in)
RP(max) = = 5V- 2V =18.75 k
0.16 mA
ดงั นั้นเลือกใชคา RP =1 k
VOL low-level output voltage เปนระดับแรงดันสงู สดุ (0.4 V) ท่ที าํ ใหเอาตพ ตุ มสี ถานะเปนลอจิก
0 ดังรูปที่ 5.13
IIH high-level input current เปนคากระแสสูงสุดของอินพุตที่ไหลผานไอซี มีคาประมาณ 40
ไมโครแอมแปร เมอื่ แรงดนั ทอี่ ินพตุ เปน ลอจิก 1 จะมีแรงดันที่ 2.4 โวลต
IIL low-level input current เปนกระแสท่ีมีคาประมาณ -.6 มิลลิแอมแปร ท่ีไหลออกจากอินพุต
เมอื่ ระดบั แรงดันท่ีอินพตุ เปน ลอจกิ 0 มีคา แรงดัน 0.4 V
IOS short-circuit output current เม่ือเอาตพุตของไอซีเปนสภาวะ 1 อุปกรณจะตอลงกราวดตาม
คา เฉพาะ จะกาํ หนดใหมกี ระแสเอาตพุตไหลจาํ นวนมาก มคี า เปน -20 ถึง -55 มิลลิแอมแปร สามารถไหล
ออกจากเอาตพุตของเกตเมอ่ื เกิดไฟลัดวงจร
ICCH supply current with output high เปนจาํ นวนกระแสของแหลงจายไฟ เมื่อเอาตพุตตัวหน่ึง
มสี ภาวะเปน ลอจิก 1 ดังรปู ที่ 5.17 (ก)
144 บทท่ี 5 ตระกูลไอซดี ิจติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
IVcc = IN1 + IN2 + IN3 + IN4 IVcc = IN1 + IN2 + IN3 + IN4
VCC VCC
N1 N1 N1 N1 N1
N2 N2 N1 , N2 N3 N2 N2
N3 N3 N3 N3 N2 ,N3 N4
N4 N4 N4
N4 N4
(ก) กระแสทร่ี ะดบั ลอจิก “1” (ข) กระแสที่ระดบั ลอจกิ “0”
รูปที่ 5.17 การปอนกระแส
ตวั อยา งที่ 5.5 ถา ICCH มีคา 8 มิลลิแอมแปร จะตองใชกระแสปอนเทาใด ถาเอาตพุตของเกต 3 ตัว
เปนลอจิก 1
วธิ ีทาํ เมอ่ื 3 เอาตพ ตุ เปนลอจกิ 1 จะตอ งปอนกระแสเขา มากเปน 3 เทาของคา ทก่ี ําหนดในคูมือ
ดังนัน้ คา ICCH หาไดด งั นี้
3 8 mA = 24 mA
ICCL supply current with output low เปนคาของกระแสที่ไดจากแหลงจายไฟตรง (VCC) เม่ือ
เอาตพุตตัวหนึ่งเปนลอจิก 0 ตามรูปท่ี 5.17 (ข) เม่ือมี 2 เอาตพุตเปนลอจิก 0 แหลงจายไฟตองจาย
กระแสเพ่ิมข้นึ เปน 2 เทา จากขอ มลู ท่กี ําหนดไวใ นคูม ือ
การรบกวนที่แหลงจายไฟเปนการเปล่ียนระดับแรงดนั ท่ีเอาตพุตของไอซี ทที ีแอล จะทําใหการปอน
กระแส ICC เปลี่ยนแปลงไดกวางมาก ดังรูปท่ี 5.18 (ก) คาของ ICC surges ที่เกิดข้ึนเม่ือเอาตพุต
เปลยี่ นแปลงจะทําใหไอซีหยุดทํางานในระยะเวลาส้ันๆ ถาระดับแรงดันผิดพลาดอยูเกินขีดที่กําหนดไว
จะทําใหไอซีไมสามารถทาํ งานได
การปอ งกนั การรบกวนนท้ี ําไดโ ดยตอ ตวั เกบ็ ประจบุ ายพาส ระหวา ง +5 V กบั กราวด โดยใหมีคา 0.1
ไมโครฟารัด ดงั รูปท่ี 5.18 (ข)
วงจรดิจิตอลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกลู ไอซดี ิจติ อลและลอจกิ 145
รปู คล่นื ที่เอาตพ ุตของทที แี อลมาตรฐาน
ICC
ICC
การเปลีย่ นแปลงจะเกิดทงั้ กระแสและแรงดันทแ่ี หลงจา ยไฟ
(ก) การเปลีย่ นแปลงของรปู คล่ืนสเ่ี หลีย่ ม
VCC
(ข) ตวั เก็บประจุทีต่ อระหวา งกราวดกบั VCC
รูปที่ 5.18 การปอ งกนั การรบกวน
สนามแมเหลก็ ไฟฟาสามารถท่ีจะเหนี่ยวนําเขาไปในวงจรระหวางเกตแตละตัวได เรียกวาสัญญาณ
รบกวน โดยมีแหลง กําเนดิ มาจากแหลงจายไฟท่ีเขามาตามสายสงและจากการคายประจุไฟฟา ทําใหเ กิด
สนามแมเ หลก็ ทจี่ ะมารบกวนได โดยปกติไอซลี อจิกแตล ะตวั มีการปอ งกันสญั ญาณรบกวนไดในระดบั หน่งึ
ขึ้นอยกู บั ความแรงของสญั ญาณรบกวนกับแรงดันทีอ่ ินพตุ ถาสญั ญาณรบกวนมคี วามแรงมากกวา แรงดัน
ท่อี ินพุตจะทาํ ใหเกตมปี ญหาในการทํางานได
รูปท่ี 5.19 ขอบเขตของสัญญาณรบกวนของทที แี อลแนนดเกตทอ่ี ินพุตกบั เอาตพ ตุ
146 บทท่ี 5 ตระกลู ไอซีดจิ ติ อลและลอจกิ วงจรดิจิตอลและลอจกิ
รูปท่ี 5.19 แสดงความแตกตางระหวางแรงดันท่ีเอาตพ ุตและระดับแรงดันที่อินพุตของไอซีทที ีแอล
เบอร 7400 เมื่อจางแรงดันไฟฟาเลี้ยงวงจร +5 โวลต คาระดับแรงดนั ตํา่ สดุ ของเอาตพตุ (VOHmin) ทเี่ ปน
ลอจิก 1 มีคาเทากับ 2.4 โวลต และคา แรงดนั อินพุตตํ่าสุด (VIHmin) ที่เปนลอจิก 1 มคี าทา กบั 2.0 โวลต
ระดับแรงดันท่ีตางกันมีคาเทากับ 0.4 โวลตหรือ 400 มิลลิโวลต เรียกคานี้วา นอยสมาจิน (noise
margin) คาน้ีจะตองมีคาไมเกิน 0.1 โวลต เม่ือมีสัญญาณรบกวนเขามาเหนี่ยวนําท่ีอินพุตหรือเอาตพุต
ตวั อยางสมมตวิ า สัญญาณรบกวนมีคาเปน -0.5 โวลต ทําใหระดับที่เปนลอจกิ 1 เปลี่ยนจาก 2.4 โวลต
เปน 1.9 โวลต จะไปทําใหแรงดันที่ปอนเขาอินพุตของเกตตัวถัดไปเปนลอจิก 1 เพราะมีคาต่ําวา 2.0
โวลต เสมือนวาเอาตพุตของเกตสงลอจิก 0 ไปปอนเขาอินพุตของเกตตัวถัดไป เม่ือพิจารณาดูระดับ
แรงดนั ที่เปน ลอจกิ 0 ทางดานเอาตพ ุตจะมีคาแรงดันสูงสุด (VOLmax) เทากับ 0.4 โวลต และดานอินพตุ มี
คาแรงดันสูงสุด (VILmax) เทากับ 0.8 โวลต ทําใหมีคานอยสมาจินเทา กับ 0.4 โวลต ถาสญั ญาณรบกวน
เหนยี่ วนาํ เขาไปในชวงทีเ่ ปนลอจิก 0 อีก 0.4 โวลต จะไดแ รงดนั เปน 0.9 โวลต ซ่ึงมีคา สงู กวา 0.8 โวลต
จึงทาํ ใหลอจิกทีป่ อ นเขา ไมเปน ลอจกิ 0 ตามตอ งการ เปน ผลใหว งจรทาํ งานผิดพลาดได
การปรับคา นอยสม าจนิ ทาํ ไดโดยการออกแบบวงจรใหม คี า ระดับแรงกนั ลอจกิ 1 ทเี่ อาตพตุ สอดคลอง
กับระดับแรงดันที่ปอนเขาอินพุตของเกตตัวตอไป และระดับแรงดันที่ปอนเปนลอจิก 0 ท่ีเอาตพุต
ใหสอดคลอ งกับคา ระดบั แรงดันดานอนิ พุตของเกตตวั ถดั ไป ดงั นั้นการออกแบบวงจรใหมีนอยสมาจนิ หรือ
ระดบั แรงดันรบกวนอยใู นชว งดังกลาวแลว จะทําใหว งจรนั้นทํางานไดถกู ตองทุกประการ
ตวั อยา งที่ 5.6 คา แรงดนั รบกวนของวงจรในรูปที่ 5.20 มีคา เทาใด
VOL = 0.3 V VIL = 0.9 V
(ก) วงจรท่ี 1
VOH = 2.3 V VIH = 1.9 V
(ข) วงจรท่ี 2
รูปท่ี 5.20 วงจรตามตัวอยา งที่ 5.6
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทที่ 5 ตระกูลไอซดี จิ ติ อลและลอจกิ 147
วธิ ที ํา หาคา แรงดันรบกวนของวงจรท่ี 1 ได
VIL = 0.9 V
VOL = 0.3 V
คาแรงดนั รบกวน = 0.9 – 0.3 V
ไดคา แรงดันรบกวนวงจร 1 = 0.6 V หรือ 600 mV
หาคาแรงดนั รบกวนของวงจรท่ี 2 ได
VOH = 2.3 V
VIH = 1.9 V
คาแรงดันรบกวน = 2.3 – 1.9 V
ไดค าแรงดันรบกวนวงจร 2 = 0.4 V หรอื 400 mV
ตัวอยางท่ี 5.7 จงหาคาแรงดันรบกวนท่ีมคี าเปนลบท่ีจะไปเหนี่ยวนําใหสายตอ ดานเอาตพุตของเกต
ตัวหน่ึงที่มีคา VOH เปน 2.3 โวลต เพื่อปอนใหอินพุตของเกตตัวถัดไปใหมีคา VIH 2.1 โวลต แลวไมทํา
วงจรทํางานผดิ พลาด
วิธีทํา แรงดนั ของสญั ญาณรบกวน = VIH – VOH
= 2.3 – 2.1 V
ไดค า แรงดนั รบกวนที่เปน ลบ = 0.2 V
5.9 ตารางคณุ ลักษณะของการสวิตช (SWITCHING CHARACTERISTICS TABLE)
SWITCHING CHARACTERISTICS TABLE
SWITCHING CHARACTERISTICS AT VCC = 5 V AND TA = 25 C
CL=15 pF
PARAMETER RL= 400 UNITS
MIN TYP MAX
tPLH PROPAGATION DELAY TIME 12 22 Ns
LOW TO HIGH LEVEL OUTPUT
tPLH PROPAGATION DELAY TIME 7 15 ns
HIGH TO LOW LEVEL OUTPUT
INPUT AND OUTPUT LOADING TABLE
PARAMETER MIN MAX
FAN OUT 10
FAN IN 1
รปู ที่ 5.21 คุณลกั ษณะเฉพาะของขอ มลู หนา ที่ 3
148 บทท่ี 5 ตระกลู ไอซดี ิจติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ
รปู ท่ี 5.21 เปนตารางแสดงคุณลักษณะในการสวิตชห รือคุณลกั ษณะทางไฟฟากระแสสลับของไอซี
มาตรฐานทีทแี อล 7400 ท่ีปอนแรงดนั VCC + 5V และมีอุณหภมู เิ ปน 25C คาน้ีจะบอกคา หนวงเวลา
ไอซีจะไมตอบสนองสัญญาณท่ีปอนเขาที่อินพุตในทันทีทันใด แตจะมีชวงเวลาหน่ึงในการเปล่ียน
ลอจิกท่ีเอาตพุต ชวงเวลาท่ีลาชาไปนี้เรียกวา ชวงเวลาในการหนวง (Propagation Delay) เปนการ
กําหนดความเรว็ ในการทํางานของไอซมี คี วามสาํ คัญในการออกแบบวงจรดิจติ อล ถาใชไ อซีทไ่ี มสามารถ
ตอบสนองความถท่ี ี่สงู จะทําใหเกดิ ปญหาทางดานอินพุตได
ตามรปู ท่ี 5.22 เปน การแสดงสัญญาณลอจิกท่ีมีชวงการหนว งเวลา ชวงเวลาน้ีจะนบั จากจุดท่ีมีการ
เรม่ิ ปอนอินพุตเขาไป ถงึ แรงดนั 50% จึงจะเปล่ียนแปลงและเม่ือเอาตพ ุตมแี รงดันถึง 50% ของทั้งหมด
ซึ่งมีชวงเวลาการหนว ง 2 ครัง้
t PHL t PLH
รูปที่ 5.22 ชว งเวลาในการหนว ง
TPLH Propagation Delay – time low – to – high – level output เปนชวงการหนวงเวลาใน
การเปลี่ยนจากลอจกิ 0 เปนลอจิก 1
TPHL Propagation Delay – time high – to – low – level output เปนชวงการหนวงเมื่อมีการ
ปอนอนิ พุต จนกระทั่งเอาตพุตเปลย่ี นจากลอจกิ 1 เปนลอจิก 0
โดยท่วั ไปคา TPHL และ TPLH จะไมเปนคาเดียวกนั แตข ึ้นอยูกับโหลด ในทางปฏบิ ัตคิ าการหนวงเวลา
มีหนวยเปนวินาที เชน คาการหนวง 20 นาโนวินาที จะทํางานเร็วกวา 40 นาโนวินาที บางทีเรียกวา
คาหนวงเวลา
เมื่อนําอุปกรณลอจิกมาตอรวมกัน จําเปนตองหาคาการหนวงรวมของวงจร (Propagation Delay
Time : TPD) คา น้หี าไดจากการรบหวนคาหนว งเวลาของไอซแี ตล ะตัว
ตวั อยา งท่ี 5.8 จากวงจรในรูปท่ี 5.23 จงหาคา TPD กําหนดคา ตา งๆ ใหดงั นี้
นอรเกต : TPLH = 30 ns
: TPHL = 25 ns
แอนดเกต : TPLH = 17 ns
: TPHL = 14 ns
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกลู ไอซดี จิ ติ อลและลอจกิ 149
รูปที่ 5.23 วงจรตามตวั อยางท่ี 5.7
วธิ ีทาํ คา TPD หาไดโ ดยการนาํ คา ทม่ี ากท่สี ุดของเกตแตล ะตวั มารวมกันไดด งั นี้
นอรเ กต : 30 2 = 60 ns
แอนดเกต : 17 2 = 34 ns
TPD = 60 + 34 = 94 ns
5.10อนิ พตุ การโหลดทเ่ี อาตพ ุตและแฟนเอาต (Fan Out)
แฟนเอาต วงจรลอจิกท่ีตองการขับอินพุตของลอจิกจะตองคํานึงถึงจํานวนอินพุตของลอจิก
ท่ีตอกับเอาตพุตของลอจิกตัวหน่ึง เรียกวา แฟนเอาต เชน ไอซีทีทีแอล แนนดเกต 7400 มีแฟนเอาต
เปน 10 หมายความวา เอาตพ ตุ ของแนนดเกต 1 ตวั สามารถตอเขา กบั อนิ พตุ ของเกตตวั ตอ ไปไดถ งึ 10 ตัว
ดังรปู ที่ 5.24
มีคา IOL เปน 16 mA สว นคา IIL เปนคากระแสของเกต 2-11 มีคาตัวละ -1.6 mA ดังนั้นจึงตอกับ
อินพุตไดถึง 10 ตัว การหาคาแฟนเอาตทําไดโดยการเอาคากระแสที่เอาตพุตต้ังแลวหารดวยกระแส
ท่อี ินพตุ
และ FLOW = IOL(drive_gate)
IIL(load_gate)
IOH(drive_gate)
FHIGH = IIH(load_gate)
โดยที่ FLOW และ FHIGH คอื คาแฟนเอาต LOW และ HIGH ตามลําดับ
150 บทท่ี 5 ตระกูลไอซีดจิ ติ อลและลอจกิ วงจรดิจิตอลและลอจกิ
VCC
แฟนเอาต = 16 mA =10 ตัว
-1.6 mA
รปู ที่ 5.24 แฟนเอาต 10
ตวั อยา งท่ี 5.9 ใหล อจกิ 0 มกี ระแสเอาตพตุ เปน IOL= 16 mA และกระแสอินพตุ IIL = -1.6 mA จงหา
คา แฟนเอาตท ี่สภาวะ 0
IOL(drive_gate) 16 mA
วธิ ที าํ FLOW = IIL(load_gate) = -1.6 mA = -10
เพราะฉะน้นั จะพบวา ท่ีสภาวะลอจกิ 0 จะสามารถตอ กบั เกตไดเ ทา กบั 10 ตัวโดยทเี่ ครอ่ื งหมาย
ลบ (-) แสดงวา กระแสจะไหลเขา ทเ่ี อาตพุต
ไอซีทีทีแอล 7400 ในสภาวะที่เปน ลอจิก 1 มีคากระแสเปน 400 mA เมื่ออนิ พุตของ 7400 ถกู ทํา
ใหเ ปน ลอจิก 1 จะลดลงมาเปน 40 mA ดงั นั้น เมอ่ื เอาตพตุ เปน ลอจิก 1 จงึ ไมส ามารถทจ่ี ะปอนกระแสให
เกตไดถงึ 10 ตวั
วงจรดิจติ อลและลอจกิ บทที่ 5 ตระกลู ไอซีดิจติ อลและลอจิก 151
ตวั อยางท่ี 5.10 ใหลอจิก 1 มีคา กระแสทเ่ี อาตพ ตุ เปน IOH = 400 A และกระแสอินพุต IIH = 40 A
จงหาคา แฟนเอาตท สี่ ภาวะ 1
IOH(drive_gate) -400 μA
วิธที าํ FHIGH = IIH(load_gate) = 40 μA = -10
คา แฟนเอาต หาไดจ ากกระแสสูงสุดท่เี อาตพุต หารดวยกระแสสงู สดุ ดา นอินพตุ จากตัวอยา ง ถา ตอ
กบั เอาตพุตมากกวา 10 ตวั จะทาํ ใหก ระแสลดนอ ยลงอาจทาํ ใหเกตที่เอาตพ ตุ ชาํ รดุ ได
แฟนอนิ (Fan in) หมายถงึ จาํ นวนของอปุ กรณท ี่สามารถตอ กับอินพตุ ของอปุ กรณด จิ ติ อลโดยทว่ั ไป
จะมคี า เทา กับ 1
ขอมลู ของไอซแี ตละเบอรจ ะเปนประโยชนสาํ หรบั วิศวกรในการออกแบบวงจรใหทาํ งานอยา งมี
ประสิทธิภาพ และสาํ หรับชา งเทคนคิ จะนาํ ไปใชเปน ขอมลู ในการแกไ ขขอบกพรองของวงจรเพือ่ ใหท าํ งาน
ไดถูกตอ ง
5.11การเลอื กไอซี (IC Selected)
ไมมีไอซีตระกูลใดท่ีมีความสมบูรณทุกอยาง แตละตระกูลจะมีจุดเดนและจุดดอยตางกัน ดังน้ัน
จําเปนตองรูจักการเลือกใชงานใหเหมาะสม เชน การลดความสิ้นเปลืองของพลังงานไฟฟาของไอซี
ทที แี อลจะทําใหค วามเรว็ ลดลง ดงั นนั้ ไอซีตระกูลจงึ มีลกั ษณะเดน เฉพาะตัวตอ งเลือกใชใ หเ หมาะสม
เมอื่ ตอ งการเลอื กไอซมี าใชง านจะตองกาํ หนดคุณลกั ษณะเฉพาะ เพือ่ ใหส ามารถทาํ งานตามตองการ
ได ในตารางท่ี 5.1 เปน การสรปุ คุณสมบตั ทิ ส่ี าํ คญั ของไอซตี ระกลู ตาง ๆ
ตารางที่ 5.1 เปรียบเทยี บไอซตี ระกลู ตา งๆ (ท่มี า Therry L.M. : 173 : 1991)
CHARACTERISTIC STAN- LOW- HIGH- SCHOTTKY ECL I2L PMOS NMOS CMOS
PARAMETERS DARD POWER POWER TTL 5 5 12 +5
TTL 5 10 >10 20 >10 50
Power supply TTL TTL 10 1.5 25-250 300 50 25
Voltage (volts) 5 5 5 3 60 mW 6-70 mW 1.7 mW 0.01-1 mW
10 10 10 19 mW Fair Very Good Fair 1.0 mW Very Good
Fan-out 10 33 6 Good Good
Propagation 12 mW 1 mW 22 mW
Very good Very Good Very Good
delay (ns)
Power dissipation
per gate
Noise immunity
152 บทที่ 5 ตระกลู ไอซีดิจติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
5.12การเชอื่ มตอ ไอซี (Interfacing)
อปุ กรณลอจกิ ที่อยตู างตระกลู ไมสามาถนํามาตอกันไดโ ดยตรงจะตองมีวิธีการเช่ือมตอ ซึ่งหมายถึง
การนําเอาวงจรที่มีความเรว็ มีการส้ินเปลืองพลังงานไฟฟาตางกัน และระดบั แรงดันของลอจิกที่ตางกัน
มาเชื่อมตอวงจรเดียวกัน เชน การเชื่อมตออุปกรณหนวยความจําที่เปนซีมอสเขากับทีทีแอลจะตองมี
วธิ ีการเชอื่ มตอ เฉพาะ
การเช่ือมตอมหี ลายวธิ ี ทใ่ี ชก ันมี 2 แบบ คือ การเชื่อมตอ ระหวางซมี อสกับทที ีแอลและทที แี อลกับ
ซมี อส มวี ิธีการดงั น้ี
การเชอื่ มตอ ทที แี อลกบั ซีมอส
ไอซีทั้งสองตระกูลทํางานที่แรงดันตางกัน ดังนั้นที่จุดตอจะตองมีการเพิ่มอุปกรณอิเล็กทรอนิกส
เพ่ือใหทํางานดวยกันได
เมื่อเชื่อมตอทีทีแอลกับซีมอสจะใชแรงดันจากแหลงจาย +5 V และตัวตานทานพูลอัพตามรูปท่ี
5.25 ตัวตานทานพูลอพั (Rp) มคี า อยูใ นชว ง 1-10 กโิ ลโอหม การหาคา Rp สามารถหาไดต ามที่ไดกลาว
มาแลวในหวั ขอที่ 5.8 ซึง่ จะทาํ ใหระดับลอจิก 1 มแี รงดันเพียงพอทจ่ี ะทาํ ใหซีมอสทํางานได
การใชแหลงจายไฟท่ีแตกตางกัน จะตองแบงวงจรออกจากกนั และโดยใหทรานซิสเตอรเปนวงจร
บฟั เฟอรร ะหวางทที ีแอลกบั ซีมอส เพอ่ื ทาํ หนาทขี่ ับอินพุตของซีมอส ดงั รปู ที่ 5.26
รูปท่ี 5.25 การเชอื่ มตอ ทที แี อลกับซมี อสโดยใชแ หลง จา ยไฟเพยี ง 1 ชดุ
รูปท่ี 5.26 การเช่ือมตอ ทที แี อลกับซมี อสโดยใชแ หลง จา ยไฟเพียง 2 ชดุ
วงจรดิจติ อลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกลู ไอซีดจิ ติ อลและลอจิก 153
การเช่ือมตอซีมอสกับทีทีแอล เม่ือตองการเชื่อมตอซีมอสกับทีทีแอลสามารถทําไดโดยใชบัฟเฟอร
ท่ีเปนไอซีอินเวอรเตอร เชน CD4049 หรือ CD4050 โดยใชแหลงจายไฟ +5 V ชุดเดียวกัน ตามรูปท่ี
5.27
รปู ท่ี 5.27 การเช่ือมตอซมี อสกับทที แี อลโดยใชแ หลง จายไฟชดุ เดยี วกัน
ถา ตอกับแหลงจายไฟ 2 ชุด จะตองใชแหลงจายไฟจากทีทีแอลรวมกับบัฟเฟอร ตามวงจรในรูปที่
5.28
รปู ท่ี 5.28 การเช่อื มตอ ซมี อสกบั ทีทแี อลโดยใชแ หลง จา ยไฟ 2 ชุด
จากรูปที่ 5.28 เมอ่ื เอาตพ ตุ ของแนนดเ กตทเ่ี ปน CMOS มสี ถานะลอจกิ เทา กบั “1” จะทาํ ใหม รี ะดับ
แรงดันเทากับ 12 V ซง่ึ ไมสามารถนําไปเปน อินพุตใหก บั แนนดเกตท่ีเปนตระกลู ทีทแี อลไดเ พราะจะทํา
ใหเ กตเสยี หาย จงึ ตองลดระดบั แรงดันของแนนดเกตซีมอสลงมาใหไดระดับ 5 V โดยการใชไ อซบี ัฟเฟอร
CD4050 โดยตอแหลงจายไฟเลย้ี งใหม ีคาเทากบั ระดบั ทีทแี อล
5.13 สรปุ
ในปจ จบุ ันนว้ี งจรอิเลก็ ทรอนิกสจ ดั ทําเปน ไอซี ภายในประกอบดวยวงจรขนาดเลก็ ทม่ี ีทรานซสิ เตอร
ไดโอด ตวั ตานทาน ตวั เก็บประจุ และสายเช่ือมตอ
ไอซีมขี อดใี นเรอื่ งตอ ไปน้ี ขนาดเล็ก ราคาถูก สน้ิ เปลืองพลงั งานไฟฟา นอ ย และมีความเชื่อมัน่ สงู
154 บทท่ี 5 ตระกูลไอซีดจิ ติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
ไอซีทํามาจากกระบวนการทีเ่ รยี กวา Photolithographic fabrication
ไอซีแบงออกเปน 2 ตระกูล คือ ไบโพลารและมอสเฟต โดยแบงตามชนิดของทรานซิสเตอรที่ใช
ตอเปน วงจร ในแตล ะตระกูลยงั แบงยอ ยออกไปตามคุณลกั ษณะท่ตี างกนั
วงจรแบบไบโพลารยังแบง ออกเปน แบบอิม่ ตวั และไมอิม่ ตัว แบบอ่ิมตัวไดแ ก ทีทีแอล ทีทแี อลทใ่ี ช
พลังงานนอย ทีทีแอลที่ใชพลังงานมาก Schottky และ Advanced Schottky สวนแบบไมอิ่มตัว
แบง ออกเปน ECL และ I2L
ไอซแี บบมอส ไดแก เอ็นมอส พีมอส และ ซมี อส
คณุ สมบัตเิ ฉพาะของไอซีลอจิกแตละตระกูล ไดแก แรงดันในการทํางาน ความสิ้นเปลืองพลังงาน
ระดับแรงดันของลอจิก แฟนเอาต เวลาในการหนวง การปองกันการรบกวน และชว งอุณหภูมิในการ
ทาํ งาน
ไอซแี ตล ะตระกูล มีขอดแี ละขอจํากดั การเลือกใชงานจึงตอ งพจิ ารณาคณุ ลักษณะเฉพาะดงั น้ี
ไบโพลาร มอสเฟต
ขอ ดี ขอ จํากัด ขอ ดี ขอ จํากัด
เรว็ ส้นิ เปลืองพลังงานไฟฟานอ ย ชา
ใชง านไดก วางขวาง สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟาสูง มีความหนาแนนสงู การใชต อ งระมดั ระวัง
วงจรทใี่ ชไอซตี ระกลู เดยี วกนั สามารถตอกนั ไดโดยตรง แตถาตางกนั ตอ งใชว ธิ กี ารเช่ือมตอ โดยเฉพาะ
วงจรดิจิตอลและลอจกิ บทท่ี 5 ตระกูลไอซีดิจติ อลและลอจิก 155
แบบฝกหดั ทา ยบท
1. จงอธบิ ายถึง จดุ เดน จดุ ดอย ของไอซีตระกลู TTL และ CMOS เปรียบเทียบกัน
2. จากรปู ท่ี 5.7 เพราะเหตุใดกระแส IOH และ IIL จึงมีเครือ่ งหมายเปนลบ
3. ถา ตองการนาํ เอาตพุตของไอซีเบอร 74LS05 Inverter ไปขบั AND gate จาํ นวน 2 อินพุต และขบั
OR gate จาํ นวน 3 อนิ พุต ดงั รปู
RP =?
จงหาคา RP เม่อื เกตแตละตวั มขี อ มูลดงั น้ี
74LS05 Inverter มีคา VOL(max) = 0.4 V , IOL(max) = 8 mA
AND gate มีคา VIH(min) = 2 V , IIL = 1.6 mA, IIH = 40 A
OR gate มคี า VIH(min) = 2 V , IIL = 0.4 mA, IIH = 20 A
4. จงเขยี นสมการลอจกิ ของวงจรดังรปู
+V CC
RP
5. จงคาํ นวณหาคา แฟนเอาตในกรณตี อ ไปนี้
(ก) เอาตพตุ 74AS_ ไปขับอนิ พุต 74_
(ข) เอาตพุต 74H_ ไปขบั อินพตุ 74L_
(ค) เอาตพ ุต 74ALS_ ไปขับอนิ พตุ 74S_
156 บทท่ี 5 ตระกลู ไอซดี ิจติ อลและลอจกิ วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ
เอกสารอางองิ
บัณฑิต บวั บูชา. 2545. ทฤษฎแี ละการออกแบบวงจรดจิ ติ อล. กรงุ เทพมหานคร : ฟส กิ สเซ็นเตอร.
มงคล ทองสงคราม. 2545. ดจิ ติ อลเบอื้ งตน. กรุงเทพมหานคร : รามาการพมิ พ.
รัฐวฒุ ิ ประทมุ ราช. 2545. การออกแบบวงจรดจิ ิตอล. กรงุ เทพมหานคร : ซีเอด็ ยเู คชนั่ จาํ กดั .
สมโชค ลักษณะโต. 2543. ปฏิบตั วิ งจรดจิ ิตอล 1. กรงุ เทพมหานคร : เอมพนั ธ จาํ กดั .
กลุ ยา นิ่มสกุล. 2540. ความรพู ้นื ฐานทาง คอมพวิ เตอร. กรงุ เทพมหานคร : ฟส กิ สเซน็ เตอร.
วิศวกรรมสถานแหงประเทศไทย. (2540). ศพั ทเ ทคนิควศิ วกรรมอเิ ลก็ ทรอนิกส. กรงุ เทพมหานคร
: จุฬาลงกรณม หาวทิ ยาลัย.
Bignell James & Donavan. (2000). Digital Electronics. (4th ed.). New York : Delmar .
Kleitz, W. (1999). Digital Electronics. New Jersey : Prentice-Hall.
Mano, Morris P. (1991). Digital Design. Los Angeles : Prentice-Hall.
Reis, R.A. (1991). Digital Electronics through Project analysis. New York : Macmillan.
Tocci, R. J. , & Wildmer, N. S. (2001). Digital Systems. (8th ed.). New Jersey : Prentice-
Hall.
แผนบรหิ ารการสอนประจาํ บทที่ 6
วงจรเชงิ จัดหมู 8 ชัว่ โมง
หวั ขอ เนอื้ หา
6.1 บทนาํ
6.2 วงจรเปลยี่ นฐาน
6.3 วงจรสง ผา นขอมูล
6.4 วงจรประมวลผลขอมลู
6.5 การออกแบบวงจรเชิงจดั หมู
6.6 สรุป
แบบฝก หดั ทา ยบท
วตั ถปุ ระสงคเ ชงิ พฤตกิ รรม
เมอ่ื เรียนจบเรอื่ งนแ้ี ลว ผเู รียนจะมคี วามสามารถดังน้ี
1. ออกแบบวงจรเชงิ จัดหมสู าํ หรับการประมวลผลขอมลู ได
2. ออกแบบวงจรเชงิ จัดหมตู ามเงอ่ื นไขทกี่ าํ หนดได
3. ออกแบบวงจรเชงิ จดั หมูโดยใช EX-OR , EX-NOR ได
วิธีสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอน
1. ผสู อนนาํ เขา สูบทเรยี น
2. แบงนกั ศึกษาออกเปน 5 กลุม แลว ใหผูเรียนศึกษาเนื้อหาจากเอกสารประกอบการสอน
3. ใหผ เู รียนแตละกลมุ เขียนแผนภาพแนวความคดิ แสดงภาพรวมของเน้ือหาวงจรเชิงจัดหมู
4. ใหผูเรียนทาํ ใบงานเรื่อง การออกแบบวงจรเชงิ จัดหมู
5. ใหผเู รียนแตละกลมุ อภปิ รายเน้อื หา
6. ใหผเู รยี นทาํ แบบฝก หดั ทา ยบท เรอื่ งวงจรเชงิ จัดหมู
7. ผสู อนสรปุ เร่ืองวงจรเชิงจดั หมู
ส่อื การเรยี นการสอน
1. เอกสารประกอบการสอนเรอื่ ง วงจรเชงิ จดั หมู
2. บอรด ทดลองดจิ ติ อลและลอจิก
3. ใบงานเรอ่ื ง วงจรเชิงจดั หมู
4. แบบฝก หดั ทา ยบท
158 บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
การวดั ผล
1. สงั เกตการณเขา รว มกิจกรรมกลุม
2. จากการปฏบิ ตั ิตามใบงาน
3. จากการทําแบบฝกหดั ทายบท
การประเมนิ ผล
1. ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอนและทาํ กจิ กรรมไดแ ลว เสรจ็ ภายในกาํ หนด
2. ปฏิบัติตามใบงานไดถ กู ตอ ง
3. ทาํ แบบฝก หดั ทา ยบทไดถ กู ตอ งไมนอ ยกวา รอ ยละ 80 เปอรเ ซ็นต
วงจรดิจิตอลและลอจกิ บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู 159
บทท่ี 6
วงจรเชงิ จดั หมู (Combination Circuit)
6.1 บทนํา
วงจรเชงิ จัดหมู เปนวงจรที่ใชเกตและอินเวอรเตอรมาตอกันเปนวงจรใหทํางานตามความตองการ
การทํางานของวงจรขน้ึ กับคุณสมบตั ิของเกตและสัญญาณอินพตุ ทป่ี อ นเขา โดยแสดงออกที่เอาตพ ตุ วงจร
การนําวงจรนไ้ี ปใชง านในเครอื่ งมอื ดิจติ อลใชเ ปน วงจรลอจกิ เฉพาะอยา ง เชน วงจรเขารหสั วงจรถอดรหสั
วงจรมัลติเพล็กเซอร วงจรเหลานี้จะถูกบรรจุไวในชิปตัวเดียวเพื่อใหใชงานไดงายและมีราคาถูก แตถา
ตองการใชวงจรเชิงจัดหมูท่ีไมไดจัดทําเปนวงจรสําเร็จรูปก็อาจจะออกแบบวงจรตางหากไดตาม
วตั ถุประสงคท่ตี อ งการ ในบทนจ้ี ะกลา วถึงวงจรเชิงจัดหมูชนิดตา งๆ ดงั นี้
6.2 วงจรเปลยี่ นฐาน (Conversion Circuit)
การเปลีย่ นเลขฐานก็เพือ่ ทําใหก ารส่อื สารระหวางมนุษยกับวงจรดิจิตอลในเคร่อื งมือตางๆ งายและ
สะดวกข้ึน ในบทท่ี 1 ไดกลาวถงึ ระบบเลขฐานตา งๆ และการเปลี่ยนเลขฐานที่ตางกันมีใชในสว นทเี่ ปน
อุปกรณดา นอนิ พตุ และดา นเอาตพ ุตของระบบดจิ ติ อล ดงั แสดงในรปู ที่ 6.1 ในสวนทเ่ี ปน อินพุตจะเปลย่ี น
เลขฐานแปดหรอื เลขฐานสบิ ใหเ ปนเลขฐานสอง และในสว นเอาตพ ุตจะเปล่ียนเลขฐานสองเปน เลขฐานสิบ
หรือเลขฐานสิบหก
6.2.1วงจรเขารหัส เปน วงจรทเ่ี ปล่ียนเลขฐานท่ไี มใชเ ลขฐานสอง เพือ่ ใหการทํางานในระบบดจิ ิตอล
ได สญั ญาณที่ปอนเขา วงจรเขารหัสไดจ ากอปุ กรณตางๆ เชน สวิตช จานบันทึกขอ มูล แปน พิมพ เปน ตน
ตวั อยา งของวงจรเขา รหสั มีหลายชนดิ ดงั น้ี
6.2.1.1การเขารหัสเลขฐานแปดเปนเลขฐานสอง ดังรูปท่ี 6.2 เปนวงจรเปลี่ยนเลขฐานแปด
ใหเปนเลขฐานสอง มี 8 อินพุต 3 เอาตพุต การทํางานของวงจรปกติทุกขาท่ีอินพุตมีลอจิกเปน 0 เมื่อ
ตองการเขารหัสจะปอนลอจิก 1 เขาท่ีขาใดขาหน่ึงทางอนิ พุต เชน ปอนลอจิก 1 เขา ที่ขา 5 จะไดรหัส
ทีเ่ อาตพ ุตเปน 1012 ซึง่ มคี าเทา กบั 5 ในเลขฐานแปด ดงั นนั้ เมอ่ื ตองการเขารหสั เลขฐานแปดตวั ใดใหป อ น
ลอจกิ 1 เขาทีข่ านัน้ จะไดรหัสออกทเ่ี อาตพตุ ตามท่แี สดงในรปู ที่ 6.2 (ค) ในกรณีทีม่ กี ารปอนลอจิก 1 เขา
ท่อี นิ พตุ มากกวา 1 ขา จะทําใหม ขี อ ผิดพลาดเกดิ ขึ้นได
160 บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
รปู ที่ 6.1 การเปลีย่ นระบบเลขฐาน
0
1
2 C
3 B
4
5
6 A
7
(ก) บลอ็ กไดอะแกรม (ข) วงจรลอจกิ
อินพุต เอาตพ ตุ
0123456 7 CBA
1000000 0 00 0
0100000 0 00 1
0010000 0 01 0
0001000 0 01 1
0000100 0 10 0
0000010 0 10 1
0000001 0 11 0
0000000 1 11 1
(ค) ตารางการทาํ งาน
รปู ท่ี 6.2 วงจรเขา รหสั เลขฐานแปดเปนเลขฐานสอง
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทที่ 6 วงจรเชิงจดั หมู 161
ตวั อยางท่ี 6.1 จากรปู ที่ 6.3 เอาตพ ตุ ของวงจรเขา รหสั จะมีคา เทา ใด ถา อินพตุ ขาที่ 6 เปน ลอจิก 1
วธิ ที ํา จากรูปท่ี 6.2 (ค) ไดเอาตพ ุต B และ C เปนลอจิก 1 และเอาตพ ตุ A เปนลอจกิ 0 ตามรปู ท่ี 6.3
รปู ท่ี 6.3 วงจรตามตัวอยา งที่ 6.1
ตัวอยางไอซีเขารหัสเบอร 74148 เปนไอซีเขารหัสเลขฐานแปดเปนเลขฐานสอง มี 8 อินพุต
3 เอาตพตุ การทาํ งานจะกระตนุ ดวยลอจิก 0 ทอ่ี นิ พุตมีบล็อกไดอะแกรม ดังรูปที่ 6.4
รปู ท่ี 6.4 บลอ็ กไดอะแกรมของไอซีเขา รหสั เบอร 74148
สญั ลักษณท่ีใชแสดงการกระตุนไอซีตามรปู ท่ี 6.4 ท่ีขาอินพุตและเอาตพุตมีวงกลมขนาดเลก็ แสดง
ใหท ราบวาการกระตนุ ไอซใี ชลอจิก 0 หมายความวา เมือ่ อนิ พุตขาใดขาหนง่ึ เปน ลอจกิ 0 จะมีการเขา รหัส
โดยแสดงออกทีเ่ อาตพ ตุ ตามตวั อยางที่ 6.2
162 บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
ตวั อยา งท่ี 6.2 จากรปู ท่ี 6.5 ถาขาที่ 6 เปน ลอจิก 0 ท่เี อาตพตุ จะเปนอยา งไร
วิธีทาํ จะไดเ อาตพตุ ดงั น้ี
A=1 B=0 C=0
10 A (LSB) 1
11
12 8-LINE-TO-
1 3 3-LINE
1 4 B 0
ENCODER
15 C (MSB) 0
06
17
รปู ที่ 6.5 วงจรสาํ หรบั ตวั อยางที่ 6.2
ไอซีเขา รหัส 74148 มีบล็อกไดอะแกรมแสดงตําแหนงขา วงจร และตารางการทํางาน ดังรูปที่ 6.6
จากรปู มขี า E1 เพ่มิ เขา มา มีชอื่ วา อเิ นเบิล (Enable) เปนขาทีใ่ ชสําหรบั ควบคุมการทํางาน ถาปอ นลอจิก
0 เขา ท่ีขานี้ ไอซจี ะทํางานได
( 4) VCC = +5V
( 5) E0
( 6) GS
( 7) ( 3)
( 2)
E1 ( 1)
(C) A2 ( 0)
( B) A1 (AA)0 OUTPUT
GND (ข) รูปรา งจริง
(ก) ตาํ แหนง ขา
รปู ที่ 6.6 ไอซีเขา รหสั เบอร 74148
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู 163
EO
Q5
A0
A1
A2
(ค) วงจร
FUNCTION TABLE – ‘148,’LS148
INPUTS OUTPUTS
EI 0 1 2 3 4 5 6 7 A2 A1 A0 GS EO
HXXXXXXXX H H H H H
LHHHHHHHH H H H H L
LXXXXXXXL L L L L H
LXXXXXXLH L L H L H
LXXXXXLHH L H L L H
LXXXXLHHH L H H L H
LXXXLHHHH H L L L H
LXXLHHHHH H L H L H
LXLHHHHHH H H L L H
L LHHHHHHH H H H L H
H = ลอจกิ 1 ,L = ลอจกิ 0 , X = เปนลอจิก 1 หรอื 0 กไ็ ด
(ง) ตารางการทาํ งาน
รูปที่ 6.6 (ตอ)
164 บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
การเขารหัสดว ยการกดปมุ ในบางคร้งั อาจจะมกี ารกดปมุ พรอ มกนั มากกวา 1 ปุม เชน กดหมายเลข
2 กับหมายเลข 5 วงจรจะยอมรบั คา ทมี่ ากกวา การทํางานในลกั ษณะนี้ แสดงวาวงจรเขา รหัสมีการลําดับ
ความสําคัญของอินพุต โดยจะยอมรับอินพุตที่มีคา มากทีส่ ุดเพียงคาเดียวเทานั้น เมื่อพิจารณาในตาราง
การทํางานทแี่ สดงดว ย X ทางดา นอินพตุ หมายความวา คาอนิ พุตนัน้ อาจเปนลอจิก 1 หรือลอจิก 0 ก็ได
เงื่อนไขนี้ไมมผี ลตอ การทาํ งานของไอซเี ขารหัส
อินพตุ เอาตพุต
8421
0 1 2 3 4 5 6 7 89 DCBA
0 0 0 0 0 0 0 0 01 1001
0 0 0 0 0 0 0 0 10 1000
0 0 0 0 0 0 0 1 00 0111
0 0 0 0 0 0 1 0 00 0110
0 0 0 0 0 1 0 0 00 0101
0 0 0 0 1 0 0 0 00 0100
0 0 0 1 0 0 0 0 00 0011
0 0 1 0 0 0 0 0 00 0010
0 1 0 0 0 0 0 0 00 0001
1 0 0 0 0 0 0 0 00 0000
(ก) บล็อกไดอะแกรม (ข) ตารางการทาํ งาน
รูปท่ี 6.7 วงจรเขา รหสั เลขฐานสบิ เปน เลขฐานสอง
6.2.1.2เขารหสั เลขฐานสบิ เปน เลขฐานสองคลายกับวงจรเขารหสั เลขฐานแปด ตางกนั ท่อี นิ พุต
มี 10 ขา และเอาตพุต มี 4 ขา ดังแสดงในรูปท่ี 6.7 (ก) การทํางานของวงจรใชก ารกระตุนอินพุตดวย
ลอจิก 1 ทขี่ าใดขาหน่ึง จะไดร หสั เลขฐานสองแสดงออกทเ่ี อาตพตุ ดงั รูปท่ี 6.7 (ข) ในกรณีท่ขี าอนิ พุตถูก
กระตนุ มากกวา 1 ขาพรอมๆ กัน วงจรเขา รหัสจะยอมรับอินพุตทม่ี คี า มากทส่ี ุดเพยี งคา เดยี วเทา น้นั
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู 165
ตัวอยา งท่ี 6.3 จากรูปที่ 6.8 ถา ขา 5 ของอินพุตเปนลอจิก 1 ท่เี อาตพตุ จะแสดงผลเปน อยา งไร
วธิ ที ํา จากรูปที่ 6.8 ไดเ อาตพุต A และ C เปนลอจิก 1
รปู ท่ี 6.8 วงจรตามตวั อยา งที่ 6.3
ตัวอยางไอซีเขารหัสเบอร 74147 เปนวงจรเขารหัสเลขฐานสิบเปนเลขฐานสองท่ีมีการลําดับ
ความสําคัญดังรูปท่ี 6.9 มี 9 อินพุต กับ 4 เอาตพุต การทํางานใชการกระตุนอินพุตดว ยลอจิก 0 เมื่อ
อนิ พุตถูกกระตุนวงจรเขารหัสจะเปล่ียนคาเลขฐานสิบใหเปนรหัสเลขฐานสองโดยแสดงออกท่ีเอาตพุต
ถา อินพุตถกู กระตนุ มากกวา 1 ขา จะยอมรบั ขาทมี่ ีคามากทสี่ ุดแลวเขา รหัสคา นัน้
ท่ีอินพุตแตละตัวมีตัวตานทานตออยูเพื่อทําหนาท่ียกระดับแรงดันที่ขาอินพุตใหเปน 5 โวลต
ในสภาวะปกติ เมื่อมีการกดปุมใดปมุ หนึ่งที่อินพุตขานั้นจะเปล่ียนเปน ลอจิก 0 ดังรปู ท่ี 6.9 จะเห็นไดวา
ไมม ีแปน 0 ตอที่วงจร เพราะถาไมมีการกดปุม ที่อนิ พุตจะไดเอาตพ ุตเปน 11112 เมอื่ ผา นนอทเกตไดเปน
00002 คือเลข 0 จงึ มเี ฉพาะปุม 1-9 เทา นัน้
ตําแหนง ขาและตารางการทาํ งานของไอซีเบอร 74147 แสดงดังรูปท่ี 6.10 (ก) และ (ข) ตามลําดับ
สําหรับการตอวงจรใชงานไอซีถอดรหัสเบอร 74147 รวมกับสวิตชและใชไดโอดเปลงแสงเปนตัวแสดง
สถานการณทาํ งานเอาตพ ตุ แสดงไดดังรปู ที่ 6.11
166 บทที่ 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
1 (11)
2 (12) (9) A
3 (13)
4 (1)
5 (2) (7) B
6 (3)
7 (4) (5) C
8 (5)
9 (10) (14) D
รปู ท่ี 6.9 ไอซี 74147 วงจรเขา รหสั เลขฐานสบิ เปนเลขฐานสอง
41 16 VCC
52 15 NC
63 14 D
74 13 3
85 12 2
C6 11 1
B7 10 9
GND 8 9A
(ก) ไดอะแกรมแสดงขา (ข) รปู รา งจรงิ
INPUTS OUTPUTS
1 2 3 4 5 6 7 8 9 DC B A
HHHHHHHHHHHHH
XXXXXXXXLLHHL
X XX X XX X L H LH HH
XXXXXXLHHHL L L
XXXXXLHHHHL LH
X XX X LHHHHHL HL
X XX L HHHHHHL HH
XXLHHHHHHHHL L
X LHHHHHHHHH L H
LHHHHHHHHHHHL
(ข) ตารางการทาํ งาน
รปู ที่ 6.10 ไอซี 74147
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู 167
รูปท่ี 6.11 ตวั อยา งการตอวงจรสาํ หรบั ถอดรหัส
6.2.2วงจรถอดรหัส เปนวงจรท่เี ปลี่ยนรหัสเลขฐานสองใหเปนรหัสทไ่ี มใชเ ลขฐานสอง วงจรน้ีอยูใน
สวนเอาตพุตของอุปกรณดิจิตอล ใชไดโอดเปลงแสงเปนตัวแสดงคาเอาตพุต ในระบบดิจิตอลใชวงจร
ถอดรหัสเพื่อประมวลผลคําสั่งกําหนดการทํางานเฉพาะอยาง เชน กําหนดแอดเดรสหรือใชก ระตุนชิป
ทเี่ ปนหนวยความจาํ ของคอมพวิ เตอรใ หทาํ งาน
6.2.2.1 วงจรถอดรหัสเลขฐานสองเปนเลขฐานสิบเปนวงจรท่ีเปลี่ยนรหัสเลขฐานสองใหเปน
เลขฐานสิบ มีวงจรดังรปู ท่ี 6.12 เมื่อรหัสเลขฐานสองเปน 0100 (เลข 4 ในฐานสบิ ) ถกู ปอนเขาทอ่ี ินพุต
วงจรถอดรหสั จะแสดงเอาตพตุ ออกท่ขี า 4 เปน ลอจิก 1
168 บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
รูปที่ 6.12 วงจรถอดรหสั เลขฐานสองเปนเลขฐานสิบ
ตัวอยางไอซีถอดรหสั เบอร 7442 เปนวงจรถอดรหสั เลขฐานสองเปนเลขฐานสิบ แสดงในรูปที่ 6.13
การทํางานใชลอจิก 1 กระตุนท่ีอินพุตสวนเอาตพุตเมื่อถูกกระตุนจะเปนลอจิก 0 ใหพิจารณาดูการ
ถอดรหสั ในตวั อยางท่ี 6.4
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู 169
0
1
2
3
4
5
6
7
8
9
รปู ที่ 6.13 บลอ็ กไดอะแกรมของไอซถี อดรหสั เบอร 7442
ตัวอยา งที่ 6.4 ตองการใหถอดรหัสออกมาเปน เลข 6 ทเี่ อาตพ ุตจะตองปอ นลอจิกท่ีอนิ พตุ เปนอยางไร
วิธีทํา ตอ งปอนลอจิกท่ีอินพุตเปน 01102 จึงจะทําใหขา 6 เปนลอจิก 0 สวยขาอน่ื ทเ่ี อาตพตุ ยังคงเปน
ลอจกิ 1
ไอซเี บอร 7442 มีตาํ แหนงขา วงจร และตารางการทํางาน ดังรูปที่ 6.14
0 VCC = +5V (ข) รปู รา งจริง
1
2
3
4
59
68
GND 7
(ก) ไดอะแกรมแสดงตาํ แหนง ขา
รปู ที่ 6.14 ไอซถี อดรหัสเบอร 7442
170 บทที่ 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
INPUT A (15) A (1) OUTPUT 0
A (2) OUTPUT 1
INPUT B (14) (3) OUTPUT 2
INPUT C (13) B (4) OUTPUT 3
INPUT D (12) B (5) OUTPUT 4
C (6) OUTPUT 5
C (7) OUTPUT 6
D (9) OUTPUT 7
D (10) OUTPUT 8
(11) OUTPUT 9
(ค) วงจร
BCD Input Decimal Output
No. DCBA 0 1 2 3456 7 8 9
0 L L L LLHHHHHHHHH
1 L L LHHLHHHHHHHH
2 L LHLHHLHHHHHHH
3 L LHHHHHLHHHHHH
4 LHL LHHHHLHHHHH
5 LHLHHHHHHLHHHH
6 LHHLHHHHHHLHHH
7 LHHHHHHHHHHLHH
8 HL L LHHHHHHHHLH
9 HL LHHHHHHHHHHL
I HLHLHHHHHHHHHH
N HLHHHHHHHHHHHH
V HHL LHHHHHHHHHH
A HHLHHHHHHHHHHH
L HHHLHHHHHHHHHH
I HHHHHHHHHHHHHH
D
(ง) ตารางการทํางาน
รปู ที่ 6.14 (ตอ)
6.2.2.2วงจรถอดรหัสท่ีแสดงผลดวยไดโอดเปลงแสง 7 สวน เปนวงจรท่ีเปลี่ยนรหัส
เลขฐานสองใหเปน เลขฐานสบิ โดยแสดงผลดว ยไดโอดเปลงแสง 7 สวน เปน เลข 0 ถงึ 9 ดงั รูปท่ี 6.15 (ก)
สวนแสดงผลเปน อุปกรณท่ใี ชหลอดไฟฟาหรอื ไดโอดเปลง แสง เมื่อทุกสว นตดิ สวางจะแสดงผล
เปนเลข 8 แตถ า ตอ งการใหแ สดงผลเปน เลข 7 จะตดิ สวา งเฉพาะสวน a , b และ c เทา นัน้ การแสดงผล
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู 171
เปนเลขตางๆ จะมีสวนท่ีติดสวาง ดังรูปท่ี 6.15 (ข) การแสดงผลดวยตัวเลขแบบนี้นําไปใชในนาฬิกา
ดิจติ อล เทอรโมมเิ ตอร และเคร่อื งคิดเลข
(ก) สวนตางๆ ของตัวแสดงผล (ข) รูปรา งจรงิ
(ค) การแสดงผลเปนตัวเลข
g f Gnd a b
a
fb
g
e c
d
e d Gnd c dp
Common Cathode
(ง) โครงสรา งของตวั แสดงผล
รปู ท่ี 6.15 ตวั เลขแสดงผล 7 สว น
ตวั อยา งไดโอดเปลงแสง 7 สว น เบอร MAN -72 มี 14 ขา เปน ขาอนิ พุต 8 ขา ใชแ สดงผลเปนสวน
ของตวั เลข 7 ขา และแทนจุดทศนิยม 1 ขา อนิ พุตทั้ง 8 จะทํางานที่ลอจกิ 0 สายอีก 3 เสนเปน จุดรว ม
สาํ หรบั ตอเขากับไฟบวก 5 โวลต สว นที่เหลืออีก 3 ขา ไมไ ดจอใชงาน การตอใหสวนของไดโอดตดิ สวา ง
172 บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ
เชน สวน a ตดิ สวาง จะตอไฟบวกเขาทีข่ าแอโนด (A) และตอขาแคโทด (C) เขา กบั ตัวตานทานทที่ ําหนาที่
จํากัดกระแส ดงั รูปท่ี 6.17
รปู ท่ี 6.16 ตาํ แหนงขาของไดโอดเปลง แสง 7 สว น เบอร MAN -72
RLIMIT
รูปที่ 6.17 การตอวงจรใหส ว น a ติดสวาง
ตัวอยางไอซีเบอร 7447 เปนวงจรถอดรหัสท่ีใชขับไดโอเปลงแสง 7 สวน มี 4 อินพุต และ 7
เอาตพุต การทํางานดานอินพุตจะถูกกระตุนดวยลอจิก 1 และเอาตพุตจะเปนลอจิก 0 ดังรูปท่ี 6.18
การทดสอบไดโอดเปลง แสง 7 สวน ใหตอ สายรว มแอโนดเขาทไี่ ฟบวก 5 โวลต แลวปอ นลอจิก 0 เขา ท่ขี า
LT ถาทุกสว นตดิ สวางแสดงวา ไดโอดเปลง แสง 7 สว น ใชงานได
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู 173
VCC a
LT b
BI / RBO c
RBI
d
e
f
g
รูปท่ี 6.18 ไดอะแกรมไอซีเบอร 7447
ขา RBI (Ripple blanking-input) เปนขาของไอซี 7447 ที่ทําหนาท่ีควบคุมความสวางของ
ไดโอดเปลงแสงแตละสวน ถาปอนสัญญาณรูปส่ีเหลี่ยม ดังรูปท่ี 6.19 (ง) จะทําใหไดโอดเปลงแสงดับ
(Off) ไป 50 % ของ 1 รอบ ถาเปนรูปคลื่นสเ่ี หล่ียมที่ไมสมดุล ดังรปู ที่ 6.19 (จ) ไดโอเปลงแสงจะสวาง
(On) นานกวา โดยมีชวงการดับเพียง 10% เทานั้น รายละเอียดของไอซี 7447 แสดงดังรูปที่ 6.19
สําหรับการประยกุ ตใ ชง านในการแสดงผล แสดงดงั รปู ท่ี 6.20
LT VCC = +5V
BI / RBO f
g
RBI a
b
GND c
d
e
(ก) แสดงตําแหนงขา (ข) รูปรา งจรงิ
รปู ที่ 6.19 ไอซถี อดรหัสเบอร 7447
174 บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ
Decimal or Inputs (ค) วงจรลอจกิ Outputs
BI/RBO
Function LT RBI D C B A (Note 1) a b c d e f g Note
0 H H LLLL H LLLLLLH
1 H X LLLH H HLLHHHH
2 H X LLHL H LLHLLHL
3 H X LLHH H LLLLHHL
4 H X LHL L H HLLHHLL
5 H X LHLH H LHLLHLL
6 H X LHHL H HHLLL LL
7 H X LHHH H L L L H H H H
8 H X HLLL H L L L L L L L (Note 2)
9 H X HLLH H LLLHHLL
10 H X H L H L H H H H L L H L
11 H X H L H H H H H L L H H L
12 H X H H L L H H L H H H L L
13 H X H H L H H L H H L H L L
14 H X H H H L H H H H L L L L
15 H X H H H H H H H H H H H H
BI X X X X X X L H H H H H H H (Note 3)
RBI H L L L L L L H H H H H H H (Note 4)
LT L X X X X X H L L L L L L L (Note 5)
(ง) ตารางการทาํ งาน
(จ) รูปคล่ืนสเ่ี หล่ยี มทสี่ มดลุ (ฉ) รปู คลื่นส่เี หลย่ี มทไี่ มสมดลุ
(ช) การแสดงผลเปนตัวเลข
รปู ท่ี 6.19 (ตอ )
วงจรดิจติ อลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู 175
รปู ที่ 6.20 ตัวอยา งการใชงานไอซถี อดรหสั 7447 รวมกับ 74147
6.3 วงจรสง ผา นขอมลู (Data Transmission Circuit)
การสงถายขอมูลในระบบดิจิตอลที่ผานสายสงเพียง 1 เสน ใชวงจรมัลติเพล็กเซอรเปนตัวเลือก
สัญญาณที่จะสงออกและมีวงจรดีมัลติเพล็กเซอร ตรวจสอบวาขอมูลนั้นเปนของเอาตพุตใด
การสง ผานขอมูลจะมีการตรวจสอบขอ ผดิ พลาดโดยใชวงจรพาริตี้ รายละเอยี ดการทาํ งานของวงจรตางๆ
มดี ังน้ี
6.3.1มลั ติเพล็กเซอรเ ปนวงจรคัดเลอื กขอ มลู เพอ่ื สง ออกท่ีเอาตพตุ เพียงคาเดียว มีลักษณะเหมือนกับ
สวิตชเ ลือกทีม่ ีเอาตพ ุตเพียงขาเดียว ดงั รูปที่ 6.21 เปนมัลติเพลก็ เซอร 8 อินพุต เทียบกับสวิตชเ ลอื กทม่ี ี 8
ตาํ แหนง การทาํ งานจะตอสัญญาณอินพุตเขาที่ขาท้ัง 8 เมื่อตองการเลือกสัญญาณออกที่เอาตพุตจะใช
การเลือ่ นสวิตชไ ปทต่ี าํ แหนง 1 ใน 8 ทําใหสัญญาณอนิ พตุ เชือ่ มตอกับขาทสี่ งออก แตก ารทํางานของวงจร
มัลตเิ พล็กเซอรจ ะทํางานในการเชือ่ มตอ ดวยความเรว็ สงู และเลือกโดยอตั โนมัติ ตามสญั ญาณทีป่ อ นเขา ขา
เลอื กอินพุต
ขอ มลู ปอนเขา 10 สายขอ มลู สง ออก
8 เสน 2
3
4
5
67
รปู ท่ี 6.21 สวิตชเลอื กทีท่ าํ งานเปนมลั ตเิ พล็กเซอร
ตามรูปที่ 6.22 เปนบล็อกไดอะแกรมของวงจรมัลติเพล็กเซอรมีขาอินพุต ขาเลือกขอมูล (Data
Selector) ขาใหจ ังหวะ (Strobe) และขาเอาตพ ตุ การทํางานจะตอสญั ญาณทสี่ งออกเขาที่ขาอินพตุ แลว
176 บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจิตอลและลอจกิ
ปอ นลอจกิ เขา ท่ีขาเลือกสัญญาณ เชน 0112 (310) เขาทีข่ า A , B และ C ตามลาํ ดับ ขอ มูลท่ีขา 3 จะถูก
สง ออกท่ีเอาตพ ุต
รปู ท่ี 6.22 ไดอะแกรมของมลั ติเพลก็ เซอร
ตัวอยางท่ี 6.5 ถา ตอ งการคดั เลอื กขอมูลท่ีอนิ พุตขา 4 สง ออกทเ่ี อาตพ ุต ดังรปู ที่ 6.23 จะตอ งปอ นลอจกิ
เขาทีส่ ายคดั เลอื กขอ มูลเปนอยางไร
รูปท่ี 6.23 วงจรสาํ หรบั ตัวอยา งท่ี 6.5
จํานวนสายเลือกขอมูลเปนตัวกําหนดวาสายอินพุตควรจะมีเทาใด เชน มีสายเลือกขอมูล 1 เสน
จะเลือกไดเพียง 1 ใน 2 ถามีสายเลือกขอมูล 2 เสน จะเลือกจาก 1 ใน 4 ดังน้ันจํานวนสายอินพุต
จะเทา กบั 2 ยกกําลงั ของจํานวนสายเลือกขอมูล
วงจรดิจติ อลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจัดหมู 177
ขาใหจังหวะ เปน ขาทีจ่ ะตอสญั ญาณเขามาควบคมุ จงั หวะการทํางานของมัลตเิ พล็กเซอรใ นการสง ถา ย
ขอมลู จากอินพุตไปยงั เอาตพ ตุ
STROBE (9)
(ENABLE)
E0 (8)
E1 (7)
E2 (6)
E3 (5)
E4 (4)
E5 (3)
E6 (2)
DATA E7 (1)
INPUTS E8 (23)
(10) OUTPUT W
E9 (22)
E10 (21)
E11 (20)
E12 (19)
E13 (18)
E14 (17)
E15 (16)
DATA A (15) A
SELECT B (14)
(BINARY) C (13) A
D (11) B BC
CD
D
(ก) ลอจิกไดอะแกรม
รปู ท่ี 6.24 ไอซี 74150
178 บทที่ 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
Vcc E8 E9 E10 E11 E12 E13 E14 E15
E7 E6 E5 E4 E3 E2 E1 E0 STROBE
(ข) ไดอะแกรมแสดงตาํ แหนง ขา
(ค) รปู รา งจริง (ง) ตารางการทํางาน
รปู ท่ี 6.24 (ตอ)
ตวั อยางไอซีมัลตเิ พล็กเซอร เบอร 74150 ดงั รูปท่ี 6.24 มีสายอินพุต 16 เสน กาํ หนดเปน E0 ถึง E15
มสี ายเลอื กขอมลู 4 เสน เปน A B C และ D เมือ่ นับเปนเลขฐานสองจะเริ่มจาก 00002 (010) ไปถึง 11112
(1510) มีขาอิเนเบิลตอเขากับเกตทุกตัว วงจรจะทํางานเม่ือขานี้เปนลอจิก 0 จึงมีการสงสัญญาณออก
ที่เอาตพตุ และคาที่สง ออกจะมีคา ตรงขา มกับคาท่ีปอนเขา มา
ตวั อยางการนําไปใชข ับตัวแสดงผลของเครื่องคํานวณเพอื่ ลดจํานวนขาท่ีตอบนไอซมี ัลตเิ พล็กเซอร
จะยอมใหเลขทุกหลกั ใชข อ ตอรว มกนั ทําใหการทาํ งานของสวนแสดงผลทกุ หลักเปน ไปอยางรวดเร็วและ
ตอเนือ่ ง
6.3.2ดีมัลติเพล็กเซอร เปนวงจรจัดแยกขอมูลจากสายสงเพื่อสงออกตามเอาตพุตที่กําหนดไวที่
ตนทาง ดีมัลติเพล็กเซอรมสี ายตอ เขาที่อินพตุ 1 สาย และดานตอออกมีหลายเสน ดังรูปที่ 6.25 แสดง
ไดอะแกรมของวงจรดมี ลั ติเพล็กเซอร มีขาอนิ พุต ขาเลือกขอ มลู และขาควบคุมการทาํ งาน การเลือกขอ มลู
ออกทเี่ อาตพุต ตองใชก ารปอ นสญั ญาณเขา ทข่ี าเลอื กขอ มลู เชน ปอน 1112 (710) จะทําใหข อมลู ทอี่ นิ พุต
ถูกสง ออกท่ขี า 7
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทที่ 6 วงจรเชิงจดั หมู 179
(ก) การทาํ งานทเี่ หมือนสวิตชเ ลือกขอมลู (ข) บล็อกไดอะแกรม
รูปที่ 6.25 ดมี ลั ติเพลก็ เซอร
การนําวงจรดมี ัลตเิ พลก็ เซอรไปใชง าน จะใชร ว มกบั วงจรมัลตเิ พลก็ เซอรในการสงผานขอมูลเพ่ือลด
จาํ นวนสายที่ตอ งสง ไปในระยะไกลๆ ทาํ ใหม ตี น ทุนตา่ํ เชน ในงานโทรศัพท ถา ตองการใหใชสนทนากันได
50 คู จะตองใชส ายโทรศัพท 50 คสู าย ซึง่ ตองลงทนุ สงู มาก แตถา ใชระบบการสง ทีม่ มี ลั ตเิ พลก็ เซอรแ ละ
ดีมัลติเพล็กเซอรเปนสวิตชเลือกสัญญาณในการสงและรับ จะใชสายสงระยะไกลเพียง 1 คู ตอการ
ตดิ ตอกนั ไดถึง 4 คูสนทนา ดังรปู ที่ 6.26
การตดิ ตอ สื่อสารโดยใชสายสงรวมกัน ทําไดเพราะความเร็วของการรับสัญญาณมสี ูงพอและโอกาส
ทจ่ี ะใชพ รอมกนั เกดิ ขึ้นไดยาก การสง ผา นขอมลู ในระบบคอมพวิ เตอรกน็ าํ หลกั การนีไ้ ปใช
รปู ท่ี 6.26 การสง สญั ญาณโทรศพั ทผา นคสู ายท่ใี ชร ว มกนั
การทาํ งานของมลั ติเพล็กเซอรก บั ดีมัลติเพลก็ เซอร ดงั รปู ท่ี 6.27 มีสายเลือกขอ มลู ตอ รวมกนั ถาปอน
ขอมูลเปน 002 ก็จะไดเปน 002 ท้ังสองวงจร ทําใหการคัดเลือกขอมูลตรงกัน เม่ือเปล่ียนขอมูล
ท่ีสายคัดเลอื กขอ มลู เปน 012 ก็จะนาํ เอาขอ มลู สายที่ 1 สง ออกไปตามสาย เม่ือไปถงึ ปลายทางจะคัดเลอื ก
ใหแ สดงออกท่สี าย 1 การเลอื กขอ มลู ของสายสง จะใชก ารนบั แบบเรยี งตามลําดับ
180 บทที่ 6 วงจรเชิงจัดหมู วงจรดิจติ อลและลอจกิ
รปู ท่ี 6.27 การสง ผา นขอ มลู โดยใชม ัลติเพลก็ เซอรและดมี ลั ตเิ พล็กเซอร
ตวั อยา งไอซีมัลติเพล็กเซอร เชน เบอร 74154 มีตําแหนงขาวงจรลอจกิ และตารางการทาํ งาน แสดง
ดังรูปที่ 6.28 ไอซีเบอรนี้ทําหนา ท่ีถอดรหสั และดีมัลติเพล็กเซอร จะทํางานหนาที่ใดกําหนดดวยขา E0
และ E1 ถา ขาท้ังสองเปนลอจิก 0 จะเปนวงจรถอดรหสั โดยถอดรหัสเลขฐานสอง 4 บิต ที่ปอนเขาทาง
อินพุตใหเ ปนคาที่ไดท างเอาตพ ตุ ดังรูปที่ 6.28 (ค)
ถาขา E0 หรือ E1 เปนลอจิก 0 เพียงขาเดยี ว จะทํางานเปน ดมี ลั ติเพล็กเซอร โดยใหสายอนิ พตุ A B C
และ D เปนสายเลือกขอ มูล สวนขอมูลจะถูกปอนเขา ท่ขี า E0 หรอื E1 ถา ใหป อ นเขาท่ี E0 และไดเอาตพุต
เปน ลอจกิ 1 แตเ มอ่ื ขา E0 เปนลอจกิ 0 สายเอาตพุตเสน ที่ 6 เปน ลอจิก 0 ดังนน้ั จึงเหมือนกับการสงผา น
ขอ มลู จาก E0 ไปยงั เอาตพ ตุ ตามการปอนสัญญาณเขา ทข่ี าเลือกขอ มูล
INPUTS OUTPUTS
Vcc A B C D G2 G1 15 14 13 12 11
24 23 22 21 20 19 18 17 16 15 14 13
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 (ข) รปู รา งจริง
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 GND
OUTPUTS
(ก) ตาํ แหนง ขา
รูปที่ 6.28 ไอซถี อดรหสั และดีมลั ตเิ พล็กเซอร เบอร 74154
วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู 181
(ค) ลอจกิ ไดอะแกรม
(ง) ตารางการทํางาน
รปู ที่ 6.28 (ตอ )
6.3.3วงจรพารติ ้ี การสงผา นขอ มลู ในอปุ กรณด จิ ติ อลท่ีมคี วามซับซอ น อาจเกดิ ขอ ผิดพลาดท่เี กิดจาก
สญั ญาณรบกวน เน่ืองจากสนามแมเหลก็ ท่ีเกิดจากมอเตอรไฟฟา ทําใหสัญญาณที่ปลายทางผิดไปจาก
ทส่ี ง ออก จงึ จาํ เปนตองมีวงจรตรวจสอบขอผดิ พลาด เรียกวา วงจรพาริต้ี
182 บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู วงจรดจิ ิตอลและลอจกิ
การสง ขอ มูลในแบบดจิ ติ อล ตอ งจัดเปน กลุมๆ เรยี กวา คํา (Word) เชน 1 คาํ มี 4 บติ เรยี กวา
นบิ เบิล (Nibble) ดงั ตารางท่ี 6.1 แสดงขอ มลู 6 นิบเบิล แตละนบิ เบิลมีขนาด 4 บิต แทนดวย B1 ถงึ B4
ทําอยา งไรการสงขอมลู จงึ ไมเปล่ียนจาก 1 เปน 0 หรอื 0 เปน 1
ตารางที่ 6.1 ตารางความจรงิ ของวงจรพาริตแี้ บบค่ี
นิบเบิล สายพารติ ี้
B1 B2 B3 B4 C และ G
00 0 0
10 1 0 0
11 1 0 0
00 1 0 1
01 0 1 1
10 0 0 0
1
วงจรพาริตี้ท่ีใชตรวจสอบขอผิดพลาดมี 2 แบบ คือวงจรพาริต้ีคู (Even) กับวงจรพาริตี้ค่ี (Odd)
ดงั รูปที่ 6.29 เปน วงจรพารติ ้ีคู มีสวนกาํ เนิดสัญญาณพารติ อ้ี ยทู ภ่ี าคสง สัญญาณ และสวนตรวจสอบพาริตี้
อยทู ่ภี าครับ การกาํ เนิดพาริตี้วาจะไดล อจิก 1 หรือ 0 ดูในตารางที่ 6.1 สัญญาณพารติ ีจ้ ากภาครบั จะถูก
สง ออกไปพรอมกับขอมูลในแตละนิบเบิล เม่ือถึงภาครับจะมีวงจรดีเทคสัญญาณเพื่อนําไปเปรียบเทียบ
สญั ญาณพาริต้ี โดยใชเ อก็ ซคลซู ฟี ออรเกต 2 อนิ พุต ทําการเปรียบเทียบถา ไดเอาตพุตเปน 0 แสดงวาไมมี
ขอ ผดิ พลาด ถาเปน 1 แสดงวา มีขอผิดพลาดเกิดขนึ้
สมมตวิ า มีการสงขอมูลออกเปน 11102 (B1=1 , B2 = 1 , B3 = 1 และ B4 = 0) ตรงกบั บรรทัดท่ี 3
ในตารางท่ี 6.1 ถาการสง ผานขอ มลู ถกู ตอง ภาครบั จะรบั ขอมูลไดเ ปน 11102 ถา สายเอาตพ ตุ เปนลอจกิ 1
เมือ่ นาํ มาเปรยี บเทียบกบั สัญญาณพาริตีท้ ี่เปน 1 โดยผา นเอก็ ซคลซู ีฟออรเ กต จะไดผลออกมาเปน 0 แต
ถา มีการรบกวนจนทําใหสาย B2 เปลี่ยนจากลอจิก 1 เปนลอจกิ 0 เมอ่ื ถึงภาครับจะทาํ ใหขอมลู ทีส่ าย C
และ G มีคาไมตรงกัน ทาํ ใหวงจรตรวจสอบแสดงเอาตพุตเปนลอจกิ 1 มสี ญั ญาณเตือนขอ ผดิ พลาดโดยทํา
ใหห ลอดไฟติดสวา งขึน้
วงจรพาริต้ีแบบคี่จะทํางานตรงขามกับวงจรพาริตี้คู และใชทํางานไดเชนเดียวกัน วงจรพาริตี้ที่มี
ใชง านจัดทาํ เปน ไอซีเพ่ือใหส ะดวกตอการใชง าน
วงจรดจิ ติ อลและลอจกิ บทท่ี 6 วงจรเชิงจดั หมู 183
BBBB4312
รปู ท่ี 6.29 วงจรกาํ เนดิ พาริตแี้ บบคแี่ ละวงจรตรวจสอบ
6.4 วงจรประมวลผลขอ มลู (Data Processing Circuit)
หนาทท่ี ี่สําคัญมากของอุปกรณดิจิตอลคือการประมวลหลขอมูล มี 2 ลักษณะคือ การคาํ นวณและ
การเปรียบเทียบ ตวั อยา งของการคํานวณ เชน วงจรบวกเลขฐานสอง สวนการเปรยี บเทียบเปนการบอก
ใหทราบวาเลขฐานสอง 2 จํานวน มีคาเทากัน นอยกวาหรือมากกวา พ้ืนฐานการทํางานของวงจร
ประมวลผลใชวงจรเชงิ จัดหมู ซ่ึงมหี ลายวงจรดงั น้ี
5.4.1วงจรบวกเลขฐานสองเปน วงจรท่ใี ชบ วกเลขฐานสองหลายบติ โดยบวกทีละบติ ในแตล ะชว งเวลา
คา ท่ีไดมีท้งั ผลลัพธและตวั ทด ดังแสดงในรูปที่ 6.30 (ก) เปน วงจรบวกเลขแบบคดิ ตวั ทดเขา มี 3 อินพุต
คอื A B และ Cin สวนเอาตพุตมี 2 ขา คือ ผลลัพธ (S) และคาทดออก (Cout) ตารางความจรงิ ทีแ่ สดงคา
ท่ไี ดจ ากการบวกเลขฐานสอง แสดงในรูปที่ 6.30 (ข) จากตารางจะเห็นไดวาคาผลลัพธเปนลอจิก 1 เม่ือ
อนิ พตุ มจี ํานวนลอจิก 1 เปนคี่ และมีคา ผลลัพธเ ปน 0 เม่ืออินพุตมจี าํ นวนลอจิก 1 เปนคู หรือไมมีลอจิก
1 สวนตัวทดนัน้ จะมีคา ตรงกนั ขา มกบั ผลลพั ธ ยกเวน 2 กรณี คอื เมือ่ อนิ พตุ มลี อจกิ เหมือนกนั ทงั้ 3 ขา
(COUT )
(CIN )
(ก) วงจรลอจกิ
รูปท่ี 6.30 วงจรบวกเลขแบบคดิ ตวั ทดเขา