๑. กจิ กรรมลกู เสอื /เนตรนารี
๒. กจิ กรรมชุมนุม
นักเรียนทกุ คนจะต้องผา่ นกจิ กรรมนักเรยี นท้ัง ๒ กิจกรรม
แนวการจดั กิจกรรมชุมนุม
๑. กิจกรรมลูกเสือ/เนตรนารี
โรงเรียนอนุบาลโกรกพระ(ประชาชนูทิศ) ได้ดำเนนิ การจดั กิจกรรมลูกเสอื /เนตรนารี ดังนี้
หลกั การ
กระบวนการลูกเสือมีหลักการสำคญั คอื
1. มศี าสนาเปน็ หลกั ยึดทางจิตใจ จงรักภักดตี ่อศาสนาท่ีตนเคารพนับถือ และพึงปฏิบัติศาสนกิจดว้ ย
ความจริงใจ
2. จงรกั ภกั ดตี ่อพระมหากษัตริย์และประเทศชาตขิ องตน พร้อมดว้ ยการสง่ เสรมิ และสนบั สนุนสันติ
สขุ และสันติภาพ ความเข้าใจทดี่ ีซึ่งกันและกัน และความร่วมมอื ซ่ึงกันและกันต้ังแต่ระดับท้องถน่ิ
ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
3. เขา้ รว่ มพฒั นาสงั คม ยอมรับและใหค้ วามเคารพในเกียรติและศกั ดศิ์ รีของผู้อื่นและเพ่ือนมนุษยท์ กุ
คน รวมท้งั ธรรมชาตแิ ละสรรพสง่ิ ทั้งหลายในโลก
4. มคี วามรบั ผิดชอบต่อการพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง
5. ลกู เสอื ทุกคนต้องยดึ ม่ันในคำปฏญิ าณและกฎของลกู เสือ
วตั ถุประสงค์
พระราชบญั ญัตลิ ูกเสือ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กำหนดวัตถปุ ระสงค์ของการฝึกอบรมลกู เสือเพื่อ
พฒั นาลกู เสอื ท้งั ทางกาย สติปัญญา จิตใจ และศลี ธรรม ให้เปน็ พลเมอื งดี มีความรับผิดชอบ และชว่ ย
สร้างสรรคส์ ังคมให้เกิดความสามคั คีและมีความเจริญก้าวหนา้ ทั้งนีเ้ พื่อความสงบสุขและความมัน่ คงของ
ประเทศชาติตามแนวทางดงั ต่อไปน้ี
1. ให้มีนสิ ยั ในการสังเกต จดจำ เชอื่ ฟัง และพ่งึ ตนเอง
2. ใหม้ คี วามซ่ือสัตย์สจุ รติ มีระเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อ่ืน
3. ให้รจู้ กั บำเพ็ญประโยชนเ์ พื่อสาธารณประโยชน์
4. ให้รู้จักทำการฝมี อื และฝึกฝนการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
5. ให้รจู้ ักรกั ษาและส่งเสริมรารตี ประเพณี วฒั นธรรม และความมน่ั คงของประเทศชาติ
ขอบขา่ ย
กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี เป็นกิจกรรมท่ีมงุ่ ปลูกฝังระเบียบวนิ ยั และกฎเกณฑ์ เพื่อการอย่รู ว่ มกัน ให้
รจู้ ักการเสียสละและบำเพญ็ ประโยชน์แก่สงั คมและวถิ ีชวี ติ ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการจดั กจิ กรรมลกู เสือ
เนตรนารี ให้เป็นไปตามข้อบังคับของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ รวมทั้งใหส้ อดคล้องกับหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นทงุ่ ทรายวทิ ยาได้กำหนดหลักสตู รเปน็ ดงั นี้
ลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓
แนวการจัดกิจกรรม
การกจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี มีแนวทางการจัดกจิ กรรมตามวิธกี ารลกู เสือ(Scout Method) ซง่ึ มี
องคป์ ระกอบ ๗ ประการ คอื
๑. คำปฏิญาณและกฎ ถือเป็นหลกั เกณฑท์ ลี่ กู เสือทุกคนให้คำมั่นสญั ญา ว่าจะปฏบิ ตั ติ ามกฎของ
ลูกเสอื กฎของลกู เสือมีไว้ใหล้ ูกเสอื เปน็ หลกั ในการปฏบิ ัติ ไมไ่ ด้ “ห้าม” ทำ หรือ “บงั คับ” ให้ทำ แตถ่ ้า “ทำ”
กจ็ ะเกิดผลดีแก่ตวั เอง เปน็ คนดี ไดร้ บั การยกย่องวา่ เปน็ ผู้มีเกยี รตเิ ชื่อถือได้
๒. เรยี นรู้จากการกระทำ เป็นการพัฒนาส่วนบุคคล ความสำเรจ็ หรือไม่สำเรจ็ ของผลงาน
อย่ทู ่กี ารกระทำของตนเอง ทำให้มีความรทู้ ่ชี ัดเจน และสามารถแก้ปัญหาตา่ ง ๆ ด้วยตัวเองได้ และทา้ ทาย
ความสามารถของตนเอง
๓. ระบบหมู่ เป็นรากฐานอันแทจ้ ริงของการลูกเสือ เปน็ พื้นฐานของการอยู่ร่วมกัน
การยอมรบั ซึ่งกนั และกนั การแบง่ หนา้ ที่ความรับผดิ ชอบ การชว่ ยเหลอื ซึง่ กันและกัน ซง่ึ เป็นการเรียนรู้ การใช้
ประชาธปิ ไตยเบื้องต้น
๔. การใช้สญั ลักษณ์ร่วมกัน ฝกึ ให้มีความเปน็ หน่ึงเดยี วในการเป็นสมาชิกลกู เสือ
เนตรนารี ดว้ ยการใช้สัญลกั ษณ์รว่ มกัน ได้แก่ เคร่ืองแบบ เครื่องหมาย การทำความเคารพ รหสั คำปฏิญาณ
กฎ คติพจน์ คำขวัญ ธง เป็นตน้ วธิ กี ารนีจ้ ะชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนตระหนักและภาคภูมใิ จในการเปน็ สมาชิกของ
องค์การลูกเสือโลก ซ่ึงมสี มาชิกอยู่ทวั่ โลกและเป็นองค์กรท่ีมีจำนวนสมาชิกมากทส่ี ดุ ในโลก
๕. การศกึ ษาธรรมชาติ คือ ส่งิ สำคญั อนั ดับหนงึ่ ในกิจกรรมลกู เสอื ธรรมชาตอิ นั โปรง่ ใส
ตามชนบทป่าเขา ป่าละเมาะ และพุ่มไม้ เปน็ ที่ปรารถนาอย่างยิง่ ในการไปทำกจิ กรรมกับธรรมชาติ การปนี เขา
ตงั้ คา่ ยพักแรมในสดุ สัปดาห์หรอื ตามวาระของการอยูค่ า่ ยพักแรม ตามกฎระเบยี บ เป็นที่เสนห่ าแกเ่ ดก็ ทุกคน
ถา้ ขาดสิ่งนแี้ ลว้ ก็ไม่เรยี กว่าใช้ชีวิตแบบลูกเสือ
๖. ความก้าวหนา้ ในการเข้าร่วมกจิ กรรม กจิ กรรมต่าง ๆ ท่ีจดั ให้เด็กทำต้องให้
มีความก้าวหน้าและดงึ ดูดใจ สรา้ งให้เกดิ ความกระตือรือร้นอยากทีจ่ ะทำ และวัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดแตล่ ะ
อย่างให้สมั พันธก์ บั ความหลากหลายในการพฒั นาตนเอง เกมการเล่นที่สนกุ สนาน การแข่งขนั กันก็เป็นส่งิ ดงึ ดดู
ใจและเป็นการจงู ใจท่ีดี
๗. การสนบั สนนุ โดยผู้ใหญ่ ผใู้ หญ่เป็นผทู้ ี่ชแี้ นะหนทางทถ่ี ูกต้องให้แกเ่ ด็ก เพ่ือให้เขาเกิด
ความมนั่ ใจในการทจ่ี ะตดั สนิ ใจกระทำสิ่งใดลงไป ทงั้ คู่มคี วามตอ้ งการซงึ่ กันและกัน เด็กก็ต้องการใหผ้ ู้ใหญ่ช่วย
ชีน้ ำ ผใู้ หญ่เองก็ต้องการนำพาให้ไปสูห่ นทางที่ดี ใหไ้ ดร้ ับการพัฒนาอยา่ งถูกต้องและดีท่ีสุด จึงเปน็ การรว่ มมอื
กันทั้งสองฝ่าย
๒. กจิ กรรมชุมนมุ ชมรม เป็นกิจกรรมที่มงุ่ เน้นการเติมเต็มความรู้ความชำนาญและประสบการณ์
ของผู้เรยี นให้กว้างขวางยิง่ ขน้ึ เพอื่ ค้นพบความถนัด ความสนใจของตนเองและพฒั นาตนเองให้เต็มศกั ยภาพ
โรงเรียนท่งุ ทรายวทิ ยาได้มแี นวทางในการจดั กจิ กรรมดังน้ี
๑. หลักการจัดกจิ กรรมชมุ นุม ชมรม
๑.๑ เป็นกิจกรรมท่ีเกิดจากความสมัครใจของผเู้ รยี น โดยมีครเู ปน็ ท่ีปรึกษา
๑.๒ เป็นกิจกรรมที่ผู้เรยี นช่วยกนั คิด ชว่ ยกันทำ และชว่ ยกนั แก้ปญั หา
๑.๓ เป็นกิจกรรมทพ่ี ฒั นาผูเ้ รยี นตามสาระที่กำหนดนอกเหนอื จากการเรียน
การสอน
๑.๔ เปน็ กจิ กรรมท่สี ง่ เสริม และพัฒนาศักยภาพของผู้เรยี น
๑.๕ เปน็ กจิ กรรมที่เหมาะสมกับสภาพของสถานศกึ ษา หรอื ท้องถ่ิน
๒. วัตถุประสงคก์ ารจัดกจิ กรรมชมุ นมุ ชมรม
๒.๑ พฒั นาความรู้ ความสามารถ ด้านการคดิ สงั เคราะห์ เพ่อื ใหเ้ กดิ ทักษะ ประสบการณ์
ทัง้ วิชาการและวชิ าชพี ตามศักยภาพ
๒.๒ เสริมสรา้ งคณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่พี งึ ประสงค์
๒.๓ สง่ เสริมให้มสี ุขภาพและบคุ ลกิ ภาพทางด้านร่างกายและจิตใจทด่ี ี
๒.๔ ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง ชมุ ชน สังคมและประเทศชาติ
๒.๕ มมี นุษยสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นในระบอบประชาธปิ ไตย
แนวการจัดกจิ กรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
โรงเรียนอนุบาลโกรกพระ(ประชาชนทู ิศ)ไดม้ แี นวทางในการจัดกิจกรรมเพ่อื สังคมและ
สาธารณประโยชน์
ดังน้ี
๑.จดั กจิ กรรมภายในโรงเรยี น (เพือ่ ปลูกฝังจิตอาสา)
๒. จดั กิจกรรมภายนอกโรงเรียน(กจิ กรรมอาสาสมัครเพ่ือสังคม)เป็นกจิ กรรมทผ่ี เู้ รยี นได้รับการ
สนบั สนนุ โดยใหท้ ำกจิ กรรมด้วยความสมคั รใจทเี่ ปน็ ประโยชน์ แกช่ ุมชนและสงั คมโดยรวม
การจดั กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ดำเนนิ การ ๕ ขน้ั ตอน ดังนี้
ขัน้ ตอนท่ี ๑ การสำรวจเพ่อื ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาต่างๆทั้งภายในโรงเรียนและชุมชน
ขน้ั ตอนท่ี ๒ การวิเคราะหห์ าสาเหตุของปัญหาต่างๆ และจัดลำดบั ปัญหาตามความสำคัญ จำเปน็ และ
เรง่ ด่วนจากมากไปหาน้อย
ขน้ั ตอนท่ี ๓ วางแผน ออกแบบกิจกรรม และจดั ทำปฏิทนิ การปฏบิ ัติกิจกรรม
ข้นั ตอนท่ี ๔ ปฏิบัติกจิ กรรมตามแผนทีว่ างไว้
ข้ันตอนท่ี ๕ แลกเปลย่ี นเรยี นรหู้ ลงั จากเสร็จสิน้ การปฏิบัติกิจกรรมเพื่อถอดบทเรียนและสะท้อน ใน
ประเด็นดงั นี้ คือ ผลท่ีเกดิ กับผูป้ ฎบิ ัติกจิ กรรมและผลทีเ่ กดิ แก่สังคมภายหลังจาก การปฏิบัติกจิ กรรม จากนัน้
นำไปสรุป รายงานและเผยแพร่ ประชาสมั พันธก์ ารปฏิบัติกจิ กรรม
การจดั กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์โรงเรยี นไดด้ ำเนนิ การจดั กิจกรรมดงั น้ี
๑.จดั กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี นตามที่กำหนดในหลักสูตร
๒. จดั บรู ณาการในกิจกรรมการเรยี นรู้ ๘ สาระการเรียนรู้
๓. จัดกจิ กรรมลกั ษณะโครงการ / โครงงาน/กจิ กรรม
๔. จดั กิจกรรมรว่ มกบั องค์กรอื่น
๑) ร่วมกับหน่วยงานอนื่ ที่เข้ามาจัดกิจกรรมในโรงเรยี น
๒) รว่ มกับหนว่ ยงานอื่นทจี่ ัดกิจกรรมนอกโรงเรยี น
คำอธิบายรายวิชา
กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
ชัน้ ประถมศึกษาปที ี ๑ - ๖ กิจกรรมแนะแนว
เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ปี
รู้จักและเข้าใจตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ มีเจตคติที่ดีต่อ
การมีชีวิตท่ีดีมีคุณภาพ มีทักษะในการดำเนินชีวิต สามารถปรับตัวให้ดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อยา่ งมคี วามสขุ
รู้จักตนเองในทุกด้าน รู้ความถนัด ความสนใจ และบุคลิกภาพของตนเอง รู้และเข้าใจโลกของ งานอาชีพ
อยา่ งหลากหลาย มเี จตคตทิ ีด่ ตี ่ออาชพี สจุ รติ รู้ขอ้ มูลอาชีพ สามารถเลือกตนแนวทางในการประกอบอาชีพได้
อย่างเหมาะสม มีการเตรียมตัวสู่อาชีพ สามารถวางแผนเพื่อประกอบอาชีพตามที่ตนเองมีความถนัดและ
สนใจ มีคณุ ลักษณะพ้ืนฐานทีจ่ ำเปน็ ในการประกอบอาชพี และพัฒนางานใหป้ ระสบความสำเร็จเพ่ือสร้างฐานะ
ทางเศรษฐกจิ ใหก้ บั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชนและประเทศชาติ
พัฒนาตนเองในด้านการเรยี นอย่างเตม็ ศกั ยภาพ รู้จักแสวงหาความรใู้ ฝร่ ้ใู ฝ่เรียนให้เป็นคนดีมคี วามรู้
และทกั ษะทางวิชาการ รจู้ กั แสวงหาและใชข้ ้อมลู ประกอบการวางแผนการเรียนหรือการศกึ ษาต่อไดอ้ ย่างมี
ประสิทธิภาพ มวี ิธีการเรยี นรู้ มีทักษะการคดิ แก้ปัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ คดิ เป็น ทำเป็น มคี ุณธรรม
จริยธรรม เอือ้ อาทรและสมานฉนั ท์ เพ่ือดำรงชีวติ อยู่รวมกันอยา่ งสงบสุขตามวถิ ชี ีวติ เศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อให้ผเู้ รียนเกดิ การเรียนรู้ รจู้ ัก เขา้ ใจ รักและเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อน่ื เกิดการเรียนรู้
สามารถวางแผนการเรียนรู้ อาชีพ รวมทั้งการดำเนินชีวิตและมีทักษะทางสังคม เกิดการเรียนรู้สามารถ
ปรับตัวได้อย่างเหมาะสม อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข พึ่งตนเองได้มีทักษะในการเลือกแนวทาง
การศึกษา การงานและอาชีพ ชีวิตและสังคม มีสุขภาพจิตที่ดีและจิตสำนึกในการทำประโยชน์ต่อครอบครัว
สังคมและประเทศชาตติ ามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผลการเรียนรู้
๑. เพือ่ ให้ผ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้ รูจ้ ัก เข้าใจ รัก และเห็นคุณคา่ ในตนเองและผู้อ่นื
๒. เพอื่ ให้ผเู้ รียนเกิดการเรียนรู้ สามารถวางแผนการเรยี น การศึกษาต่อ อาชพี รวมท้งั การ
ดำเนินชีวิต และมีทักษะทางสังคม
๓. เพอ่ื ให้ผู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ สามารถปรบั ตัวได้อย่างเหมาะสม และอยรู่ ว่ มกับผู้อื่นได้อยา่ ง
เหมาะสม
๔. สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๔ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น กิจกรรมนกั เรียน (เตรียมลูกเสือสำรองและลกู เสือสำรองดาวดวงที่ ๑)
ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี ๑ เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือและจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณและกฎของ
ลูกเสือสำรอง เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็นเอกลักษณ์
ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ในเรือ่ งต่อไปนี้
๑. เตรยี มลูกเสอื สำรอง นิยายเมาคลี ประวตั ิการเริม่ กจิ การลกู เสอื การทำความเคารพ
หมู่ (แกรนด์ฮาวล)์ การทำความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจับมอื ซา้ ย ระเบียบแถว เบื้องตน้
คำปฏญิ าณ กฎและคติพจน์ของลูกเสอื สำรอง
๒. ลูกเสอื สำรองดาวดวงท่ี ๑ อนามัย ความสามารถเชิงทกั ษะ การสำรวจ การคน้ หา
ธรรมชาติ ความปลอดภัย บริการ ธงและประเทศต่าง ๆ การฝีมือ กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิง การผูก
เงือ่ น คำปฏญิ าณและกฎของลกู เสือสำรอง
เพอ่ื ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในกิจกรรมลกู เสอื สำรองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏบิ ัตติ าม
คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของลูกเสือสำรอง มีนิสัยในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความ
ซื่อสัตย์ สุจรติ มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ื่น รจู้ กั บำเพ็ญตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จัก
ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม
และความมัน่ คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจำ เช่ือฟังและพ่งึ พาตนเองได้
๒. มีความซื่อสัตย์ สจุ รติ มรี ะเบียบวนิ ยั และเห็นอกเห็นใจผู้อน่ื
๓. บำเพญ็ ตนเพือ่ สังคมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนการทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วัฒนธรรมประเพณี ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ และ ความม่ันคง
๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดล้อมและลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี ๒ กจิ กรรมนกั เรียน (ลูกเสือสำรองดาวดวงท่ี ๒)
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎ
ของลูกเสือสำรอง ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็น
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติ
กิจกรรม ปดิ ประชมุ กองในเร่ืองตอ่ ไปนี้
ลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แก
รนฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลกู เสือสำรอง อนามยั ความสามารถเชิงทกั ษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรกั ษ์ทรัพยากรในชุมชน
ท้องถิ่น ความปลอดภัย บริการ การผูกเงื่อน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น
กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ มลดภาวะโลกรอ้ น
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๒ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ
กฎและคติพจน์ของลูกเสือสำรอง มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มี
ระเบียบวินัย และเห็นอกเหน็ ใจ รู้จักบำเพ็ญเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำ
กิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน
อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เช่ือฟงั และพึ่งตนเองได้
๒. มีความซ่ือสัตย์ สจุ รติ มีระเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจผู้อ่นื
๓. บำเพ็ญตนเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รักษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ และความม่นั คงของชาติ
๖. อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยกุ ตใ์ ช้หลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๖ ผลการเรยี นรู้
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
ช้ันประถมศึกษาปีที ๓ กจิ กรรมนกั เรยี น (ลกู เสือสำรองดาวดวงท่ี ๓)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์และกฎ
ของลูกเสือสำรอง ศึกษาเรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริงใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสำรองที่มีความเป็น
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติ
กิจกรรม ปิดประชุมกองในเร่ืองต่อไปนี้
ลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทำความเคารพหมู่ (แก
รนฮาวล์) การทำความเคารพเป็นรายบุคคล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว คำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ
ลกู เสอื สำรอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทักษะ การสำรวจ การค้นหาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน
ท้องถิ่น ความปลอดภัย บริการ การผูกเงื่อน ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถ่ิน
กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภาพจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสำรองดาวดวงที่ ๓ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ
และคติพจน์ของลูกเสือสำรอง มนี ิสัยในการสังเกต จดจำ เช่อื ฟงั และพึ่งตนเอง มีความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต มีระเบียบ
วินัย และเห็นอกเห็นใจ รู้จักบำเพ็ญเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรม
ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงของชาติ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพยี ง
ผลการเรยี นรู้
๑. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจำ เช่อื ฟังและพง่ึ ตนเองได้
๒. มีความซ่ือสัตย์ สจุ รติ มีระเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผ้อู ่ืน
๓. บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถน่ิ และความมนั่ คงของชาติ
๖. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน สามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงได้
รวม ๖ ผลการเรยี นรู้
กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๔ กิจกรรมนกั เรยี น (ลูกเสอื สามญั (ลกู เสอื ตรี)
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกอง ดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์
และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็น
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้และมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ลดภาวะโลกร้อนและประยุกต์ใช้ปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการลูกเสือ ประวัติของ Load Baden Powell พระราชประวัติ
สังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจา้ อยูห่ ัว วิวัฒนาการของกระบวนการ ลูกเสือไทยและลูกเสือโลก
การทำความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มอื ซ้าย กจิ กรรมกลางแจ้ง ระเบยี บแถวท่ามอื เปล่า ท่ามือไมพ้ ลวง
การใช้สัญญามือและนกหวีด การตงั้ แถวและการเรยี นแถว
เพ่อื ให้มีความรู้ ความเขา้ ใจในกิจกรรมลกู เสอื สามญั สามารถปฏิบตั ติ ามคำปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผู้อืน่ บำเพญ็ ตนเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมอื และฝึกฝนการทำกิจกรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความม่ันคง
ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มนี ิสัยในการสงั เกต จดจำ เชอ่ื ฟงั และพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซ่ือสัตยส์ จุ รติ มรี ะเบยี บ วินัยและเห็นอกเห็นใจผู้อ่นื
๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ และความมัน่ คงของชาติ
๖. อนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปีที ๕ กิจกรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลกู เสือสามัญ (ลูกเสือโท) )
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์
วางแผน ปฏิบัติกจิ กรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏิบตั ิกจิ กรรมตามคำปฏิญาณ คติพจน์
และกฎของลูกเสือสามัญ เรียนรู้จากคิดและปฏิบัติจริง ใช้สัญลักษณ์สมาชิกลูกเสือสามัญที่มีควา มเป็น
เอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ลดภาวะโลกร้อนและการประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง โดยใช้ทักษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแลตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดินทางไปยังสถานท่ี
ต่าง ๆ ทำงานอดิเรก และเรือ่ งท่ีสนใจ
เพ่อื ให้มีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสอื สามญั สามารถปฏบิ ัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผู้อ่ืน บำเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมอื และฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
มน่ั คง ประโยชน์และสามารถประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ผลการเรียนรู้
๑. มนี ิสยั ในการสังเกต จดจำ เชื่อฟงั และพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซื่อสตั ย์สุจรติ มีระเบียบ วินยั และเห็นอกเห็นใจผูอ้ ื่น
๓. บำเพญ็ ตนเพ่อื ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รักษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ และความม่นั คงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๖ กจิ กรรมนกั เรยี น ( กจิ กรรมลูกเสอื สามญั (ลกู เสือเอก) )
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามัญ
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรม
เพื่อการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผอู้ ื่น บำเพ็ญตนเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
มนั่ คง ประโยชน์และสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
ผลการเรียนรู้
๑. มีนิสัยในการสงั เกต จดจำ เช่ือฟงั และพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซื่อสัตย์สจุ ริต มีระเบียบ วินัยและเหน็ อกเหน็ ใจผูอ้ ่ืน
๓. บำเพญ็ ตนเพือ่ ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิน่ และความมั่นคงของชาติ
๖. อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ชป้ รัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ช้นั มัธยมศึกษาปที ี ๑ กจิ กรรมนักเรียน ( กิจกรรมลกู เสอื สามญั ร่นุ ใหญ่)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามัญ
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรม
เพ่ือการอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกร้อน
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเหน็ ใจผูอ้ นื่ บำเพ็ญตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมือและฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
มั่นคง ประโยชน์และสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผลการเรยี นรู้
๑. มีนสิ ัยในการสงั เกต จดจำ เชอื่ ฟงั และพ่ึงตนเองได้
๒. มคี วามซ่ือสัตย์สจุ ริต มรี ะเบียบ วินัยและเห็นอกเหน็ ใจผู้อ่ืน
๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รกั ษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถิ่น และความมั่นคงของชาติ
๖. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน คำอธิบายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที ๒ กจิ กรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลูกเสอื สามญั รนุ่ ใหญ่)
เวลา ๓๐ ช่ัวโมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามญั
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วั ฒนธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรม
เพื่อการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกร้อน
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินยั
และเห็นอกเห็นใจผอู้ ่ืน บำเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมอื และฝึกฝนการทำกจิ กรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
ม่ันคง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มนี สิ ัยในการสงั เกต จดจำ เช่ือฟังและพึ่งตนเองได้
๒. ความซอื่ สตั ยส์ ุจรติ มรี ะเบยี บ วินัยและเหน็ อกเห็นใจผ้อู น่ื
๓. บำเพญ็ ตนเพ่ือส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝกึ ฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนัดและความสนใจ
๕. รกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น และความม่ันคงของชาติ
๖. อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที ๓ กิจกรรมนกั เรียน ( กิจกรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่)
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามญั
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรม
เพอ่ื การอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินยั
และเหน็ อกเห็นใจผูอ้ ืน่ บำเพญ็ ตนเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝีมอื และฝกึ ฝนการทำกจิ กรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
มน่ั คง ประโยชนแ์ ละสามารถประยุกต์ใช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผลการเรียนรู้
๑. มีนสิ ัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟงั และพ่ึงตนเองได้
๒. มีความซ่ือสัตยส์ จุ รติ มีระเบียบ วนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู ื่น
๓. บำเพญ็ ตนเพือ่ ส่งเสรมิ และสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝีมือและฝึกฝนทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รักษาและส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ และความมน่ั คงของชาติ
๖. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกตใ์ ชป้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน คำอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
ช้ันประถมศกึ ษาปที ี ๖ กิจกรรมนกั เรยี น ( กิจกรรมลูกเสือสามญั (ลกู เสือเอก) )
เวลา ๓๐ ช่วั โมง/ปี
เปิดประชุมกองดำเนินการตามกระบวนการของลูกเสือ และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติตามคำปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของลูกเสือ
สามัญ วิชาการของลูกเสือ ระเบียบแถว การพึ่งตนเอง การผจญภัย การใช้สัญลักษณ์ สมาชิกลูกเสือสามญั
ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน เรียนรู้จากการคิดและปฏิบัติจริง ศึกษาธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี ภูมิ
ปัญญาท้องถิ่นด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ และประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการปฏิบัติกิจกรรม
เพื่อการอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละลดภาวะโลกรอ้ น
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสามัญ สามารถปฏิบัติตามคำปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจำ เชื่อฟัง และพึ่งตนเอง มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีระเบียบวินัย
และเห็นอกเห็นใจผอู้ ื่น บำเพ็ญตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ทำการฝมี อื และฝกึ ฝนการทำกิจกรรมต่าง
ๆ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความ
มนั่ คง ประโยชน์และสามารถประยุกต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผลการเรียนรู้
๑. มีนิสัยในการสงั เกต จดจำ เชื่อฟังและพึ่งตนเองได้
๒. มีความซื่อสัตย์สุจรติ มรี ะเบียบ วนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น
๓. บำเพญ็ ตนเพอื่ ส่งเสริมและสาธารณะประโยชน์
๔. ทำการฝมี ือและฝึกฝนทำกจิ กรรมต่าง ๆ ตามความถนดั และความสนใจ
๕. รกั ษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญาท้องถิ่น และความม่นั คงของชาติ
๖. อนุรกั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน
๗. สามารถประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
รวม ๗ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและ
สาธารณประโยชน์
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที ๑ – มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๑๐ ช่ัวโมง/ปี
ฝึกปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสมัครใจผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ฝึกการทำงานที่สอดคล้องกับชีวิตจริง
ตลอดจนสะท้อนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สำรวจและใช้ข้อมูลประกอบการวางแผนอย่างเป็นระบบ เน้น
ทักษะการคิดวิเคราะห์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ การบริการด้านต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
เสริมสร้างความมีน้ำใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัวและสังคม คิด
ออกแบบกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในลักษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมตาม
แนวทางวิถชี วี ติ เศรษฐกิจพอเพียง
เพื่อให้ผู้เรียนบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัดและความ
สนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจดั กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ได้อย่าง
มีประสิทธิภาพเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์
มีจติ สาธารณะและใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์ และสามารถประยกุ ต์ใชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้
ผลการเรียนรู้
๑. บำเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อครอบครวั โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ
๒. ออกแบบการจดั กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์อย่างสรา้ งสรรค์ ตามความถนัดและ
ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร
๓. สามารถพัฒนาศักยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ไดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
๔. ปฏบิ ัติกิจการเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรม จรยิ ธรรมตามคณุ ลักษณะอนั พึง
ประสงค์
๕. สามารถประยุกตใ์ ช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้
รวม ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น กิจกรรมนักเรียน (กิจกรรม
ชมุ นุม)
ชั้นประถมศึกษาปที ี ๑ – มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ปี
ปฏิบตั ิกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการ เพื่อพัฒนาความรู้ ความสามารถด้าน
การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ทั้งด้านวชิ าการ และพื้นฐานอาชพี ทักษะชีวิตและสงั คมตาม
ศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความสามารถในการสื่อสาร มีทักษะการคิด
แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี พัฒนาทักษะในการทำงานและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้
อย่างมีความสุข รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการ
ทำงานรักความเปน็ ไทย มีจติ สาธารณะ
เพื่อให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน ได้พัฒนา
ความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิดประสบการณ์ทั้งทักษะทางวิชาการ ทักษะ
อาชีพ ทักษะชีวิตและสังคมตามศักยภาพ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและสว่ นรวม คิดเป็น ทำได้
ทำงานรว่ มกับผอู้ น่ื ไดต้ ามวิถปี ระชาธปิ ไตย และประยุกต์หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อยา่ งเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
1. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน
2. มคี วามรู้ ความสามารถด้านการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ให้เกดิ ประสบการณ์ ท้งั ทางวชิ าการ
และวิชาชีพตามศักยภาพ
3. ใชเ้ วลาวา่ งให้เกดประโยชน์ต่อตนเองและสว่ นรวม
4. มุ่งม่นั ในการทำงานและทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้ตามวถิ ีประชาธปิ ไตย
5. ประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อยา่ งเหมาะสม
รวม ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวิชา
กิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมชุมนมุ ภาษาไทย คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมชุมนมุ
คำอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมชุมนุม
ระดับช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓
หลกั การและเหตุผล
ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ อันเปน็ เอกลักษณ์ทส่ี ำคัญอย่างหน่ึงของชาติ สมควรจะ
ไดร้ บั การทำนุบำรงุ สง่ เสรมิ และอนรุ กั ษ์ไว้ให้ย่งั ยืนตลอดไป
ท้ังนี้ในยุคปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเกิดเทคนิคใหม่ ๆ ในการ
ตดิ ต่อสื่อสาร ทมี่ งุ่ เน้นความสะดวกรวดเร็ว สง่ ผลใหภ้ าษาไทยซึ่งเป็นสื่อกลางสำคญั ในการติดต่อและผูกพันต่อ
การดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยได้รับผลกระทบ ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน ทำให้ภาษาไทยเกิดการ
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง สภาพการณ์เช่นนี้หากไม่เร่งรีบหาทางแก้ไขและป้องกันเสีย
แต่เนิ่นๆ การใช้ภาษาไทยของเราก็จะยิ่งเสื่อมลง จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์และคุณค่าของภาษาไทยเป็น
ทวีคูณ อ่านและเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความและจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำพจนานุ กรม
ฉบับจิ๋ว ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับ ข่าว บทความจากสิ่งตีพิมพ์ประเภทต่างๆ และประดิษฐ์ที่คั่นหนังสอื ประเภท
ตา่ งๆ
เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ
เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และสิทธิภายในขอบเขต
ของกฎหมายเพ่ือใหส้ มาชิกมคี วามสงบซาบซง้ึ ในคุณค่า ดำรงไวแ้ ละส่งเสริมเอกลักษณว์ ฒั นธรรมอันดีงามของ
ชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพื่อให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทาง
ร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้าง
เสริมความมั่นคงของชาติเพือ่ ให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์
ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ
สามารถนำไปประยุกต์ใช้กบั ชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความต้องการของตน
๒. อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ รอ้ ยกรองได้อย่างถกู ต้องตามอักขระวิธี
๓. เขยี น ได้ถูกตอ้ งตามหลักภาษาไทย
๔. ใช้เวลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเองและส่วนรวม
๕. นกั เรยี นมคี วามตระหนักและเห็นคุณคา่ ของภาษาไทย ในฐานะภาษาประจำชาติ
๖.นักเรยี นสามารถเปน็ ตัวแทนเขา้ รว่ มแข่งขนั กิจกรรมทางคณิตศาสตร์
รวม ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวิชากิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมชมุ นุมคณิตศาสตร์ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓
หลกั การและเหตุผล
คณติ ศาสตรเ์ ป็นวิชาทม่ี ีความเกี่ยวข้องกบั ส่ิงที่อยู่รอบตวั และชีวิตของเรา คณติ ศาสตร์สามารถอธิบาย
สิ่งต่างๆ นานาที่อยู่รอบตัวเราได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองคณิตศาสตร์นั้น ยาก ซับซ้อน น่าเวียนหัว
ทำให้เกดิ ความเครียด และความวติ กกงั วลในการเรียน
ชมุ นุมนจ้ี งึ จัดข้ึนมาเพ่อื ใหน้ ักเรียนในชุมนุมไดม้ องเหน็ มมุ มองอีกดา้ นหนึ่งของคณิตศาสตร์ โดยการ
รวบรวมด้านสนุกสนานของคณิตศาสตร์ ตลอดจนเกร็ดน่ารู้ต่างๆ มากมาย รวมถึงเกร็ดแปลกๆ เกี่ยวกับตัว
เลขทีอ่ าจจะทำให้นักเรียนเกิดหลงรักตัวเลขขึ้นมาก็ได้ และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยในหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ในกับชวี ิตประจำวนั ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม
ผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวงั
๑. เพ่อื ให้นักเรยี นมองเห็นความสำคญั ของคณติ ศาสตร์ในชวี ติ ประจำวัน
๒. เพือ่ ให้นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจ มีความสุขและความสนุกสนานในการเขา้ รว่ ม กิจกรรม ในวิชา
คณิตศาสตร์
๓. เพื่อให้นักเรียนไดป้ ฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามทีต่ นเองถนัดและสนใจ
๔. เพอ่ื ส่งเสริมนักเรยี นใหม้ ีทศั นคติท่ดี ีต่อวิชาคณติ ศาสตร์
๕. เพอื่ ใหน้ กั เรียนสามารถนำความร้ไู ปปรบั ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็น และไดใ้ ช้เวลาวา่ งให้เป็น
ประโยชน์
๖. นกั เรยี นสามารถเป็นตวั แทนเข้ารว่ มแข่งขันกจิ กรรมทางคณิตศาสตร์
รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรยี นรู้
คำอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมชุมนมุ
กิจกรรมชุมนมุ สร้างสรรคด์ ้วยลลี ามือ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
หลกั การและเหตุผล
รู้จักชื่อ และบอกลักษณะของเส้นต่าง ๆ ซึ่งมาประกอบเป็นพยัญชนะ ตัวเลขและเป็นภาพต่างๆ ที่ใช้
ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา
สามารถนำไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้
เพ่อื ให้สมาชกิ มคี วามคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ รู้จักคน้ ควา้ และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ เพ่ือให้
สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และสิทธิภายในขอบเขตของ
กฎหมายเพอ่ื ใหส้ มาชิกมีความสงบซาบซึ้งในคุณคา่ ดำรงไว้และส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอนั ดีงามของชาติ
ไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพื่อให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนา ทางร่างกาย
จิตใจ และรู้จักใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้างเสริมความ
มัน่ คงของชาติเพื่อใหส้ มาชิกมคี ุณธรรมและจริยธรรม เพ่อื ใหส้ มาชกิ พฒั นาตนเองตามวตั ถุประสงค์ของการจัด
การศึกษา สามารถนำความรู้ไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไป
ประยกุ ต์ใชก้ ับชวี ติ ประจำวนั ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งเหมาะสม
ผลการเรียนรู้
๑. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน
๒. มคี วามรู้ ความสามารถดา้ นการคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ทัง้ ทางวชิ าการ
และ วิชาชีพตามศักยภาพ
๓. ใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
๔. มงุ่ ม่ันในการทำงานและทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ ไดต้ ามวถิ ีประชาธปิ ไตย
๕. ประยกุ ต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงได้อย่างเหมาะสม
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑-มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓
หลกั การและเหตุผล
ในปัจจุบนั เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเรว็ ในหลากหลายสาขาวชิ าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การพัฒนาด้านการสื่อสารและด้านข้อมูล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างย่ิงที่สถานศึกษาให้ความสำคัญต่อการ
เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ เกิดความตระหนักและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจ จุบันเพื่อ
สนบั สนนุ ให้ผเู้ รียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนในยุคศตวรรษท่ี ๒๑ ได้แก่ เปน็ นกั คิดวิเคราะห์ เป็น
นกั แกป้ ัญหา เปน็ นักสร้างสรรค์ เปน็ นกั ประสานความรว่ มมือ รจู้ กั ใชข้ อ้ มูลและข่าวสาร เป็นผูเ้ รยี นรูด้ ้วยตนเอง
เป็นนักสื่อสาร และตระหนักรับรู้สภาวการณ์ของโลกปัจจุบันและอนาคตกิจกรรมชุมนุมคอมพิวเตอร์ จึงเป็น
กิจกรรมกลุ่มเสริมทักษะด้านวิชาการ ในกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยีเพื่อพัฒนา นักเรียนให้เต็ม
ศักยภาพ เพื่อตอบสนองศักยภาพของนักเรียนได้หลากหลายวิชาสามารถตอบสนองความต้องการของสังคม
สร้างองค์ความรู้และเพิ่มพนู ทักษะคอมพิวเตอรใ์ ห้แก่นกั เรียนเป็นผู้มีความรูค้ วามสามารถ มีประสบการณ์ตรง
กับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับใช้ในชวี ติ ประจำวันไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
ผลการเรียนรูท้ คี่ าดหวงั
๑. นักเรยี นเกิดทักษะในการใช้เทคโนโลยีในชวี ติ ประจำวัน
๒. นกั เรียนมีความรู้ทางด้านคอมพวิ เตอร์ นำมาใช้ในงานตา่ งๆ
๓. นักเรียนพัฒนาความรูค้ วามสามารถด้านการคิด วเิ คราะห์ สงั เคราะห์
๔. นกั เรียนมคี ุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ มที่พงึ ประสงค์
๕. นกั เรียนมีมนุษยสัมพนั ธ์ในการทำกิจกรรมร่วมกนั กบั ผู้อ่นื
รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรียนรู้
คำอธิบายรายวชิ ากิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมชุมนมุ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดับชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑-มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
หลักการและเหตผุ ล
ฝกึ ทักษะนักเรียนเรยี นรู้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งใน ๓ หลกั การ คือ ความพอประมาณ
ความมเี หตุผล และการสรา้ งภูมิคุ้มกันในตัวทด่ี ี และ ๒ เง่ือนไข คือ คุณธรรมและความรู้ โดยนักเรียนฝกึ เรยี น
เกษตรพอเพียง ได้แก่ การเพาะเห็ดนางฟ้า การเล้ยี งไก้พื้นเมือง การเล้ียงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ และการ
ปลกู พชื ผักสวนครวั เพือ่ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั และส่งเสริมอาชพี ในอนาคต
ผลการเรยี นรทู้ ่คี าดหวัง
๑. เพ่อื ฝึกทักษะการเรียนรูเ้ ศรษฐกจิ พอเพยี ง ได้แก่ การเพาะเหด็ นางฟ้า การเล้ียงไก้พ้นื เมือง การ
เลีย้ งปลาดกุ ในบ่อซีเมนต์ และการปลกู พืชผกั สวนครวั
๒. เพื่อฝึกนิสัยรกั การทำงาน อยู่อย่างพอเพียง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง
๓. เพอื่ สง่ เสรมิ และปลูกฝังวิธีการคดิ ในการปฏิบัติตนตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรียนรู้
คำอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมชุมนมุ
กิจกรรมชุมนมุ รักการอ่าน ระดบั ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑-มัธยมศึกษาปีที่ ๓หลักการ
และเหตุผล
อ่านและเข้าใจความหมายของคำ ประโยค ข้อความและจัดทำแบบฝึกเป็นรูปเล่ม จัดทำพจนานุกรม
ฉบับจิ๋ว ศึกษา ค้นคว้าเกี่ยวกับ ข่าว บทความจากสิ่งตีพิมพ์ประเภทต่างๆ และประดิษฐ์ที่คั่นหนังสือประเภท
ตา่ งๆ
เพื่อใหม้ ีความรคู้ วามเขา้ ใจและเหน็ คุณค่าเก่ยี วกับการจดั ทำแบบฝึกเปน็ รูปเล่ม จดั ทำพจนานกุ รมฉบับ
จ๋ิว และประดษิ ฐ์ทค่ี นั่ หนังสือประเภทต่างๆ สามารถนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้
เพื่อให้สมาชิกมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้จักค้นคว้า และแก้ปัญหาในการทำงานอย่างมีระบบ
เพื่อให้สมาชิกเป็นผู้มีระเบียบวินัยเพื่อให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้สมาชิกมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่และสิทธิภายในขอบเขต
ของกฎหมายเพ่ือให้สมาชิกมีความสงบซาบซง้ึ ในคุณค่า ดำรงไวแ้ ละส่งเสริมเอกลักษณว์ ัฒนธรรมอันดีงามของ
ชาติไทยเพื่อให้สมาชิกเกิดความรักและสามัคคีในหมู่คณะเพื่อให้สมาชิกได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทาง
ร่างกาย จิตใจ และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สมาชิกรู้จักบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสร้าง
เสริมความมั่นคงของชาติเพื่อให้สมาชิกมีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อให้สมาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์
ของการจัดการศึกษา สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและ
สามารถนำไปประยกุ ต์ใช้กบั ชีวติ ประจำวนั ได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม
ผลการเรยี นรู้
๑ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความสนใจ ความถนัดและความต้องการของตน
๒ มีความรู้ ความสามารถดา้ นการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ให้เกิดประสบการณ์ ท้ังทางวิชาการ
และวชิ าชีพตามศักยภาพ
๒ ใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
๔ มงุ่ มนั่ ในการทำงานและทำงานร่วมกับผอู้ ่นื ได้ตามวถิ ปี ระชาธิปไตย
๕ ประยกุ ตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้อยา่ งเหมาะสม
รวม ๕ ผลการเรยี นรู้
เกณฑ์การจบการศกึ ษา
หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนอนุบาลโกรกพระ(ประชาชนูทิศ)พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กำหนดเกณฑ์สำหรบั การจบการศกึ ษา ดงั น้ี
เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
๑. ผเู้ รยี นเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน จำนวน ๘๔๐ ชวั่ โมง และรายวิชาเพ่ิมเตมิ จำนวน ๔๐ ชั่วโมง และ
มีผลการประเมนิ รายวิชาพ้ืนฐานผา่ นทุกรายวิชา
๒. ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน ระดบั “ผ่าน” ข้นึ ไป
๓. ผเู้ รียนมีผลการประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ข้นึ ไป
๔. ผู้เรยี นต้องเขา้ ร่วมกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี นและได้รบั การตัดสินผลการเรยี น “ผ่าน” ทกุ กจิ กรรม
การจัดการเรยี นรู้
การจัดการเรยี นรู้เป็นกระบวนการสำคัญในการนำหลักสตู รสู่การปฏบิ ัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
เปน็ เป้าหมายสำหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน
ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคณุ สมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้
จดั การเรยี นรโู้ ดยชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเรียนรผู้ ่านสาระทก่ี ำหนดไวใ้ นหลักสูตร ๘ กล่มุ สาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝัง
เสรมิ สร้างคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พัฒนาทกั ษะต่างๆ อันเป็นสมรรถนะสำคญั ใหผ้ ู้เรียนบรรลตุ ามเป้าหมาย
๑. หลักการจัดการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสำคัญ และ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี
ความสำคัญที่สุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ที่เกิดกับผู้เรียน
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คำนึงถึง
ความแตกต่างระหว่างบุคคลและพฒั นาการทางสมองเนน้ ให้ความสำคญั ทง้ั ความรู้ และคณุ ธรรม
๒. กระบวนการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น
เคร่ืองมือที่จะนำพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรจู้ ากประสบการณจ์ ริง กระบวนการปฏิบัติ ลง
มือทำจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรยี นรู้การเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา
ลักษณะนสิ ัย
กระบวนการเหล่านี้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจำเป็นต้องศึกษาทำ
ความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ
๓. การออกแบบการจดั การเรียนรู้
ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสำคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ
จดั การเรียนร้โู ดยเลอื กใช้วธิ ีสอนและเทคนิคการสอน สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ การวดั และประเมินผล เพอ่ื ให้ผเู้ รียนได้
พัฒนาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่ีกำหนด
๔. บทบาทของผู้สอนและผเู้ รียน
การจดั การเรียนรู้เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามเปา้ หมายของหลักสตู ร ท้งั ผ้สู อนและผู้เรยี นควรมบี ทบาท
ดังนี้
๔.๑ บทบาทของผสู้ อน
๑) ศึกษาวิเคราะหผ์ ู้เรยี นเป็นรายบุคคล แลว้ นำขอ้ มลู มาใช้ในการวางแผนการจดั การเรียนรู้
ทท่ี า้ ทความสามารถของผเู้ รียน
๒) กำหนดเป้าหมายที่ตอ้ งการให้เกิดขน้ึ กับผเู้ รียน ดา้ นความรูแ้ ละทกั ษะกระบวนการ ที่เป็น
ความคดิ รวบยอด หลักการ และความสมั พนั ธ์ รวมทั้งคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ
พฒั นาการทางสมอง เพอ่ื นำผ้เู รียนไปสเู่ ปา้ หมาย
๔) จัดบรรยากาศทีเ่ ออ้ื ต่อการเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลือผู้เรยี นใหเ้ กดิ การเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับกิจกรรม นำภูมิปัญญาท้องถิ่น เทคโนโลยีที่
เหมาะสมมาประยุกต์ใชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
๖) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติของ
วชิ า
และระดับพฒั นาการของผเู้ รียน
๗) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรับปรุงการ
จดั การเรยี นการสอนของตนเอง
๔.๒ บทบาทของผเู้ รยี น
๑) กำหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรู้ของตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ตั้งคำถาม คิดหา
คำตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ
๓) ลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ สรปุ ส่งิ ที่ได้เรียนรดู้ ว้ ยตนเอง และนำความรู้ไปประยุกตใ์ ช้ในสถานการณ์
ต่างๆ
๔) มปี ฏสิ ัมพนั ธ์ ทำงาน ทำกิจกรรมร่วมกับกลมุ่ และครู
๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรขู้ องตนเองอย่างต่อเนอื่ ง
สื่อการเรียนรู้
สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้
ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มี
หลากหลายประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ที่มีในท้องถิ่น
การเลอื กใชส้ ่อื ควรเลอื กให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรียนร้ทู ีห่ ลากหลายของผู้เรยี น
การจัดหาส่อื การเรยี นรู้ ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจดั ทำและพฒั นาข้ึนเอง หรอื ปรบั ปรงุ เลอื กใช้อย่างมี
คุณภาพจากสื่อต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้
ผเู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดให้มีอยา่ งพอเพียง เพอ่ื พฒั นาให้ผู้เรียน เกดิ การเรียนรอู้ ยา่ งแทจ้ ริง
สถานศกึ ษา เขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา หน่วยงานทเี่ ก่ยี วขอ้ งและผมู้ ีหนา้ ทจี่ ดั การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน ควรดำเนินการดงั นี้
๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่าย
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยน
ประสบการณ์การเรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ทอ้ งถิ่น ชุมชน สงั คมโลก
๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้ง
จัดหาส่งิ ทีม่ ีอยใู่ นทอ้ งถิ่นมาประยุกต์ใช้เปน็ สือ่ การเรียนรู้
๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ
เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผเู้ รยี น
๔. ประเมินคณุ ภาพของสอ่ื การเรียนรูท้ ี่เลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ
๕. ศึกษาคน้ ควา้ วจิ ยั เพอ่ื พัฒนาสื่อการเรยี นรูใ้ ห้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรยี น
๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้ส่ือ
การเรยี นรเู้ ปน็ ระยะๆ และสม่ำเสมอ
ในการจัดทำ การเลือกใช้ และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษา ควรคำนึงถึง
หลักการสำคัญของสื่อการเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบ
กิจกรรมการเรียนรู้ การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคง
ของชาติ ไม่ขดั ต่อศีลธรรม มีการใชภ้ าษาทีถ่ ูกตอ้ ง รูปแบบการนำเสนอท่ีเข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ
การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรูข้ องผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมิน
เพื่อพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสำเร็จ
นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อน
สมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในการวัดและประเมินผลการ
เรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับช้ันเรยี น ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็น
ประโยชน์ตอ่ การสง่ เสริมให้ผูเ้ รียนเกิด การพฒั นาและเรียนรอู้ ย่างเตม็ ตามศกั ยภาพ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา
ระดบั เขตพืน้ ทกี่ ารศึกษา และระดับชาติ มีรายละเอียด ดงั นี้
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวดั และประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน
ดำเนินการเป็นปกติและสม่ำเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสม
งาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อน
ประเมนิ เพอื่ น ผ้ปู กครองรว่ มประเมิน ในกรณที ีไ่ ม่ผ่านตวั ช้ีวัดให้มีการสอนซอ่ มเสริม
การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการพัฒนา
ปรับปรุงและส่งเสรมิ ในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของตนด้วย ทั้งนี้
โดยสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้วี ดั
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เป็นการประเมินท่ีสถานศึกษาดำเนินการเพื่อตัดสินผล การเรียน
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนำผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพื่อการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการ
จัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ผู้ปกครองและชุมชน
๓. การประเมนิ ระดบั เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา เปน็ การประเมินคณุ ภาพผ้เู รยี นในระดบั เขตพืน้ ทก่ี ารศึกษา
ตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา
คุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดำเนินการโดยประเมินคุณภาพ
ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนด้วยข้อสอบมาตรฐานที่จัดทำและดำเนินการโดยเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้วยความ
ร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจาก
การประเมินระดับสถานศกึ ษาในเขตพื้นทกี่ ารศึกษา
๔. การประเมินระดบั ชาติ เปน็ การประเมนิ คุณภาพผเู้ รียนในระดับชาตติ ามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผเู้ รียนทุกคนท่เี รียน ในช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๓
ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖ เขา้ รบั การประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการเทียบเคียงคณุ ภาพ
การศึกษาในระดบั ต่าง ๆ เพ่ือนำไปใช้ในการวางแผนยกระดับคณุ ภาพการจดั การศกึ ษา ตลอดจนเป็นข้อมูล
สนบั สนุนการตัดสนิ ใจในระดับนโยบายของประเทศ
ข้อมูลการประเมนิ ในระดบั ตา่ งๆ ข้างต้น เป็นประโยชนต์ อ่ สถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา
คุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข
สง่ เสรมิ สนบั สนนุ เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดพ้ ัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลทีจ่ ำแนกตาม
สภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม
ผูเ้ รียนทม่ี ปี ัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลมุ่ พกิ ารทางร่างกายและสติปัญญา เปน็ ต้น ขอ้ มูลจากการประเมิน
จงึ เป็นหวั ใจของสถานศึกษาในการดำเนินการช่วยเหลือผูเ้ รยี นไดท้ ันท่วงที ปดิ โอกาสให้ผูเ้ รยี นได้รับการพัฒนา
และประสบความสำเร็จในการเรียน
สถานศึกษาในฐานะผู้รับผดิ ชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็นข้อกำหนดของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เพื่อใหบ้ ุคลากรที่เก่ียวข้องทกุ ฝ่ายถือปฏบิ ัติร่วมกัน
เกณฑ์การวดั และประเมินผลการเรยี น
๑. การตัดสิน การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรยี น
๑.๑ การตัดสินผลการเรยี น
ในการตัดสินผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ การอ่าน คิดวิเคราะหแ์ ละเขยี น
คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นนัน้ ผูส้ อนต้องคำนึงถึงการพัฒนาผ้เู รียนแต่ละคนเปน็
หลกั และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่ำเสมอและต่อเน่ืองในแตล่ ะภาคเรียน รวมทั้งสอนซ่อมเสริม
ผู้เรยี นให้พัฒนาจนเต็มตามศักยภาพ
ระดับประถมศึกษา
(๑) ผูเ้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่นอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด
(๒) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ ทุกตัวชวี้ ดั และผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากำหนด
(๓) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา
(๔) ผู้เรียนต้องไดร้ บั การประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด
ในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน
การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้าผู้เรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า
สามารถพฒั นาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยูใ่ นดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะผ่อนผนั ให้เล่ือนชั้นได้ แต่หากผู้เรียน
ไม่ผ่านรายวิชาจำนวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชัน้ ที่สูงขึ้น สถานศึกษาอาจต้ัง
คณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้คำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความสามารถของผู้เรียนเป็น
สำคญั
๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ระดบั ประถมศกึ ษา ในการตดั สินเพื่อให้ระดบั ผลการเรยี นรายวิชา สถานศกึ ษาสามารถให้ระดับ
ผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อยละ และ
ระบบท่ใี ช้คำสำคัญสะท้อนมาตรฐาน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผล การ
ประเมินเป็น ดเี ย่ียม ดี และผ่าน
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กจิ กรรมและผลงานของผู้เรยี น ตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากำหนด และให้ผลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเปน็ ผา่ น และไม่
ผา่ น
๑.๓ การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรียนเปน็ การส่ือสารให้ผปู้ กครองและผเู้ รยี นทราบความก้าวหนา้ ในการเรียนรู้
ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ
หรืออย่างน้อยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง
การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเป็นระดับคณุ ภาพการปฏิบัติของผเู้ รยี นทีส่ ะทอ้ น
มาตรฐานการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรยี นรู้
๒. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กำหนดเกณฑก์ ลางสำหรบั การจบการศึกษาเปน็ ๑ ระดับ คือ
ระดบั ประถมศึกษา
๒.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
(๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐานกำหนด
(๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา
กำหนด
(๓) ผู้เรยี นมีผลการประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นในระดบั ผ่านเกณฑ์การประเมนิ
ตามที่สถานศึกษากำหนด
(๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
(๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากำหนด
สำหรับการจบการศึกษาสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสำหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้
คณะกรรมการของสถานศกึ ษา เขตพื้นที่การศึกษา และผู้ที่เก่ียวข้อง ดำเนินการวัดและประเมินผล การเรียนรู้
ตามหลักเกณฑ์ในแนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง
กบั พัฒนาการของผู้เรยี นในดา้ นต่าง ๆ แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั น้ี
๑. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธกิ ารกำหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ
ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ี
ใหผ้ เู้ รยี นเป็นรายบคุ คล เมอื่ ผูเ้ รยี นจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖)
\
๑.๔ แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือ
และข้อมูลของผูจ้ บการศึกษาระดบั ประถมศึกษา (ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๖)
๒. เอกสารหลักฐานการศึกษาทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับ
ผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียนสะสม ใบรับรอง
ผลการเรยี น และ เอกสารอ่ืนๆ ตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการนำเอกสารไปใช้
เกณฑ์การจบระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น
โรงเรยี นทงุ่ ทรายวิทยาไดก้ ำหนดเกณฑก์ ารจบหลกั สตู รในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ดังน้ี
(๑) ผู้เรยี นเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานและเพิ่มเตมิ โดยเป็นรายวชิ าพื้นฐาน ๖๖ หน่วยกติ
และรายวิชาเพ่ิมเติมตามทสี่ ถานศกึ ษากำหนด (ไม่น้อยกวา่ ๑๑ หนว่ ยกติ )
(๒) ผู้เรยี นตอ้ งไดห้ นว่ ยกติ ตลอดหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๗ หน่วยกิตโดยเป็นรายวชิ า
พ้นื ฐาน ๖๖ หน่วยกติ และรายวิชาเพม่ิ เตมิ ไม่น้อยกว่า ๑๑ หน่วยกติ
(๓) ผเู้ รียนมผี ลการประเมิน การอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขียน ในระดับผ่าน เกณฑ์
การประเมนิ ตามท่ีสถานศึกษากำหนด
(๔) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี
สถานศึกษากำหนด
(๕) ผ้เู รียนเข้ารว่ มกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนและมผี ลการประเมินผา่ นเกณฑ์การประเมินตามท่ี
สถานศกึ ษากำหนด
เกณฑก์ ารประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชาเพ่ิมเติม ๘ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้
การประเมนิ ผลการเรียนตามกลุ่มสาระการเรยี นรทู้ ั้ง ๘ กลุ่มสาระ เป็นการประเมนิ ความรู้
ความสามารถ ทักษะ เจตคติ ทกั ษะการคิด ทกี่ ำหนดอยู่ในตัวช้วี ัดในหลักสูตร
ซึง่ จะนำไปสู่การสรุปผลการเรียนรูข้ องผเู้ รยี นตามมาตรฐานการเรียนรู้
- แจ้งใหผ้ ูเ้ รียนทราบถึงมาตรฐาน/ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรทู้ ่ตี อ้ งการวัด และ
วิธกี ารประเมนิ ผล
- มาตรฐาน/ตัวช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ จะต้องครอบคลมุ พฤติกรรมดา้ นพทุ ธิพิสัย
จติ พิสยั และทักษะกระบวนการ
- ประเมินผลก่อนเรียน เพ่ือศึกษาความรู้พ้นื ฐานของผเู้ รียน
- วัดและประเมินผลระหว่างเรยี น เพื่อจัดการสอนซ่อมเสริมและเพอื่ นำผล
การเรียนการวดั ผลระหว่างเรียนไปรวมกับการวดั ผลกลางภาคและปลายภาคเรียนโดยใหว้ ัดผลและประเมินผล
ตามมาตรฐาน/ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ การวดั ผลและประเมินผลระหวา่ งภาคเรยี นประกอบด้วย
- วัดผลและประเมินผลระหว่างเรยี น (ก่อน-หลัง กลางภาคเรยี น)
- วดั ผลกลางภาคเรยี น ภาคเรียนละ ๑ ครั้ง
- วัดผลปลายภาคเรยี น
การประเมินการอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขยี นของผู้เรยี นให้ครปู ระจำวชิ าดำเนินการวดั ผลตามเกณฑ์
ที่กำหนดดงั นี้
โรงเรยี นจัดให้มกี ารประเมนิ เป็น การสอบกลางภาค ปลายภาค โดยใช้รูปแบบการประเมนิ จาก
แบบทดสอบมาตรฐานประเมินการอา่ นคดิ วิเคราะห์และเขียน โดยคณะกรรมการระดับชั้นปีเป็นคณะกรรมการ
ออกแบบทดสอบ เพ่อื ทดสอบกับผเู้ รยี นทุกคนทุกระดับชั้น และสง่ ผลการประเมินให้ครูวดั ผลเพ่ือสรปุ ผลการ
ประเมนิ และนำเสนอผู้บรหิ ารเพ่อื พจิ ารณาอนุมัติตอ่ ไป
การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเ้ รียน ให้ครผู ้สู อนดำเนนิ การวดั ผลไปพร้อมกบั การ
ประเมนิ ผลระดับชั้นเรียนตามเกณฑ์ทีก่ ำหนดดงั น้ี
ใชร้ ปู แบบการประเมนิ กลุ่มสาระการเรยี นรู้และผทู้ ่ีรบั ผิดชอบพัฒนาและประเมินทุกคุณลักษณะโดย
มีคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษา เป็นองค์คณะบุคคลที่คอย
ชว่ ยเหลอื คณะครู คณะกรรมการชดุ น้จี ะทำงานรว่ มกับครูประจำชัน้ หรือครูทป่ี รึกษา หรอื ครูทา่ นอืน่ ทส่ี นใจทำ
กรณศี ึกษารว่ มกนั โดยครูที่ปรกึ ษาร่วมกับครูฝ่ายปกครอง
และส่งผลการประเมนิ ให้ครูวดั ผลเพื่อสรปุ ผลการประเมนิ และนำเสนอผู้บริหารสถานศึกษา เพ่ือพจิ ารณาอนุมัติ
ตอ่ ไป
การประเมินกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นใหป้ ระเมนิ เป็นรายภาค โดยสถานศกึ ษากำหนดแนวทางการ
ประเมิน ผรู้ บั ผดิ ชอบกิจกรรมดำเนินการประเมินตามจุดประสงค์โดยมีแนวปฏบิ ัติ ดงั นี้
๑. ตรวจสอบเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมของผเู้ รยี นใหม้ ีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่น้อยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาในการเข้ารว่ มกิจกรรมทัง้ หมด
๒. ประเมินผูเ้ รียนจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมและผลงาน/ ชิ้นงานของผ้เู รยี น
โดยประเมินผลด้วยวธิ กี ารประเมินตามสภาพจริง คือการจากการสังเกต การปฏิบัติงาน ผลงาน/ชน้ิ งาน
๓. ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมนิ ไม่ผ่านตามเกณฑเ์ วลาการเข้ารว่ มกิจกรรม หรือเกณฑ์
การปฏิบตั กิ จิ กรรมและผลงาน/ชน้ิ งานของผู้เรียนหรือทั้งสองเกณฑ์ ถือวา่ ไม่ผา่ นการประเมินผลกจิ กรรมพัฒนา
ผ้เู รียน ผสู้ อนตอ้ งดำเนนิ การซอ่ มเสรมิ และประเมินจนผ่าน ท้งั น้ีควรดำเนินการให้เสรจ็ ส้ินในปกี ารศึกษาน้ัน ยกเว้น
มีเหตุสดุ วิสัยใหอ้ ยูใ่ นดลุ ยพินิจของผบู้ ิหารสถานศึกษา
การตดั สนิ ผลการเรียน ใหถ้ ือปฏิบัตดิ งั น้ี
หลกั สตู รโรงเรียนทุ่งทรายวทิ ยา พุทธศกั ราช ๒๕๕๓ กำหนดหลักเกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการ
เรียนรู้ เพอื่ ตดั สนิ ผลการเรยี นของผู้เรียน ดงั น้ี
๑) ผเู้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด
๒) ผเู้ รียนต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตัวชี้วดั และผา่ นตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากำหนด
๓) ผเู้ รียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวชิ า
๔) ผู้เรยี นท่ีไม่ไดว้ ดั ผลกลางภาคเรียน ไม่ได้วัดผลปลายภาคเรียน และไม่ไดส้ ง่ งาน
ที่ไดร้ บั มอบหมายที่ผ้สู อนกำหนดเป็นงานสำคัญ หรือเหตุสดวสิ ยั ทำใหป้ ระเมินผลการเรยี นไมไ่ ด้
ใหไ้ ด้รับผลการเรยี น “ร”
กรณที ผ่ี ู้เรยี นไดร้ บั ผลการเรยี น “ร” เพราะไมส่ ่งงานน้ัน ให้แจ้งเหตุผลต่อผบู้ รหิ าร
สถานศึกษา หรอื ผทู้ ผ่ี บู้ ริหารสถานศึกษามอบหมาย เพอื่ พิจารณาอนุมัติ
๕) ผเู้ รยี นท่ปี ระสงคจ์ ะเรยี นสาระการเรยี นร้ใู ด โดยไมต่ ้องการหนว่ ยกิต ให้อยู่
ในดลุ ยพินจิ ของผบู้ ริหารสถานศึกษาทจ่ี ะอนญุ าตให้เขา้ เรียนไดแ้ ละถา้ มีเวลาเรียนครบร้อยละ ๘๐
ของเวลาเรยี นท้ังหมดให้ไดผ้ ลการเรยี น “มก”
๖) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ี
สถานศึกษากำหนดในการอ่านคิดวเิ คราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น
เพอ่ื ให้การจัดการเรียนรู้บังเกิดผลผู้เรยี นต้องได้รับการพัฒนาอยา่ งเพียงพอในความรู้ ทักษะ คุณลักษณะท่ี
กำหนดในตวั ชี้วดั โดยมเี วลาเรยี นทเ่ี พียงพอต่อการพฒั นาด้วย
๗) กรณีที่ผูเ้ รียนมีผลการเรยี นตำ่ กวา่ เกณฑ์ที่กำหนด (๐) ให้ดำเนนิ การซ่อมเสริมปรบั ปรุง
แก้ไขผู้เรียนในสาระการเรยี นรู้รายภาค ทีไ่ ด้ระดบั ผลการเรียน “๐” โดยกำหนดการในส่วนทเ่ี กยี่ วข้องกบั
ตัวช้วี ดั หรือผลการเรียนรทู้ ไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ด้วยวธิ กี ารทีม่ ปี ระสิทธภิ าพ จนผู้เรียนสามารถผา่ นเกณฑ์
การประเมินผลการเรยี นรู้
๘) การตัดสินผลการเรียน ตดั สนิ เป็นรายวิชา โดยใชผ้ ลการประเมินระหวา่ งปี
และปลายภาคตามสดั สว่ นดงั นี้
๑. การประเมนิ ผลในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย แบ่ง
การประเมนิ ผลออกเป็นการประเมินผลระหวา่ งเรยี น กลางภาค และการประเมนิ ผลปลายภาคเรียนในอตั ราส่วน
ร้อยละ ๕๐-๒๐-๓๐
- คะแนนตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรูร้ ะหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๕๐
โดยใช้วิธกี ารวดั ท่หี ลากหลาย
- คะแนนตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรกู้ ลางภาคในอตั ราส่วนร้อยละ ๒๐ ซ่งึ ตอ้ งดำเนินการตามปฏทิ ินทีท่ างโรงเรยี น
กำหนด
- คะแนนผลการเรียนรู้ปลายภาคให้มอี ัตราส่วนคะแนนร้อยละ ๓๐ โดยใชว้ ธิ กี ารวัด -
ตามปฏทิ นิ ทท่ี างโรงเรียนกำหนด -
๒. การประเมนิ ผลในกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์
แบง่ การประเมินผลออกเปน็ การประเมินผลระหว่างเรยี น กลางภาค และการประเมนิ ผลปลายภาคเรยี นใน
อตั ราส่วน
รอ้ ยละ ๕๐-๒๐-๓๐
คะแนนตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ระหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๕๐โดยใช้วิธี
การวัดทหี่ ลากหลาย
คะแนนตัวชวี้ ดั /ผลการเรียนรู้กลางภาคในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ ๒๐ ซึง่ ต้องดำเนินการ
ตามปฏิทนิ ทีท่ างโรงเรยี นกำหนด
- คะแนนผลการเรียนร้ปู ลายภาคให้มอี ตั ราส่วนคะแนนร้อยละ ๓๐ โดยใชว้ ธิ ี
การวดั ตามปฏิทินที่ทางโรงเรียนกำหนด - คะแนน
๓. การประเมนิ ผลในกลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ -
แบ่งการประเมินผลออกเปน็ การประเมินผลระหวา่ งเรยี น กลางภาค และการประเมินผลปลายภาคเรียนใน
อัตราสว่ น
ร้อยละ ๕๐-๒๐-๓๐
ตัวช้วี ดั /ผลการเรียนรรู้ ะหวา่ งเรยี นในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๕๐โดยใชว้ ิธกี าร
วดั ทห่ี ลากหลาย
คะแนนตวั ชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้กลางภาคในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๒๐ ซงึ่ ต้องดำเนนิ การ
ตามปฏิทนิ ทท่ี างโรงเรยี นกำหนด
- คะแนนผลการเรียนรปู้ ลายภาคให้มอี ตั ราส่วนคะแนนร้อยละ ๓๐ โดยใช้ -
วธิ กี ารวัดตามปฏทิ นิ ที่ทางโรงเรียนกำหนด -
๔. การประเมนิ ผลในกลุม่ สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวฒั นธรรม แบง่ การประเมินผลออกเปน็ การประเมินผลระหวา่ งเรยี น กลางภาค และการประเมนิ ผล
ปลายภาคเรยี น
ในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๕๐-๒๐-๓๐
คะแนนตวั ช้วี ดั /ผลการเรียนรู้ระหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๕๐โดยใชว้ ิธีการ
วัดที่หลากหลาย
คะแนนตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้กลางภาคในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๒๐ ซ่ึงตอ้ งดำเนินการ
ตามปฏิทินทท่ี างโรงเรียนกำหนด
- คะแนนผลการเรยี นรูป้ ลายภาคให้มอี ัตราสว่ นคะแนนร้อยละ ๓๐ โดยใช้
วธิ ีการวดั ตามปฏิทินที่ทางโรงเรยี นกำหนด
๕. การประเมนิ ผลในกล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ
พลศึกษา แบง่ การประเมนิ ผลออกเปน็ การประเมนิ ผลระหว่างเรยี น กลางภาค และการประเมินผลปลายภาค
เรียน
ในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๖๐-๒๐-๒๐
คะแนนตวั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรู้ระหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนร้อยละ ๖๐โดยใช้วธิ ีการ -
วัดท่ีหลากหลาย -
คะแนนตัวช้ีวดั /ผลการเรยี นรู้กลางภาคในอตั ราส่วนร้อยละ ๒๐ ซึ่งต้องดำเนนิ การ
ตามปฏิทนิ ทท่ี างโรงเรียนกำหนด
- คะแนนผลการเรยี นร้ปู ลายภาคให้มีอตั ราส่วนคะแนนร้อยละ ๒๐ โดยใช้ -
วธิ ีการวัดตามปฏิทินทีท่ างโรงเรยี นกำหนด -
- คะแนนผล
๖. การประเมินผลในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ดนตรีและ
นาฏศิลป์ แบง่ การประเมนิ ผลออกเป็นการประเมินผลระหวา่ งเรียน กลางภาค และการประเมนิ ผลปลายภาค - คะแนน
เรียน -
ในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๖๐-๒๐-๒๐
คะแนนตัวชี้วัด/ผลการเรยี นรู้ระหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนร้อยละ ๖๐โดยใช้วิธี
การวัดท่ีหลากหลาย
คะแนนตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้กลางภาคในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๒๐ ซึง่ ต้องดำเนินการ
ตามปฏทิ นิ ที่ทางโรงเรียนกำหนด
การเรียนรปู้ ลายภาคใหม้ ีอัตราส่วนคะแนนร้อยละ ๒๐ โดยใช้วธิ กี าร
วดั ตามปฏทิ นิ ทท่ี างโรงเรยี นกำหนด
๗. การประเมนิ ผลในกลุม่ สาระการเรียนรกู้ ารงาน
อาชพี และเทคโนโลยี แบง่ การประเมนิ ผลออกเป็นการประเมินผลระหว่างเรยี น กลางภาค และการประเมินผล
ปลายภาคเรียน
ในอัตราสว่ นรอ้ ยละ ๖๐-๒๐-๒๐
ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนร้รู ะหวา่ งเรยี นในอัตราส่วนรอ้ ยละ ๖๐โดยใชว้ ธิ ี
การวดั ที่หลากหลาย
คะแนนตวั ชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้กลางภาคในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ ๒๐ ซึง่ ตอ้ งดำเนินการ
ตามปฏทิ นิ ที่ทางโรงเรียนกำหนด
คะแนนผลการเรียนรปู้ ลายภาคใหม้ ีอัตราสว่ นคะแนนรอ้ ยละ ๒๐ โดยใช้วธิ กี าร -
วดั ตามปฏทิ นิ ท่ที างโรงเรียนกำหนด
- คะแนน
๘. การประเมนิ ผลในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ - คะแนน
ภาษาตา่ งประเทศ แบ่งการประเมนิ ผลออก -
เปน็ การประเมินผลระหว่างเรียน กลางภาค และการประเมินผลปลายภาคเรยี นในอัตราส่วน
รอ้ ยละ ๕๐-๒๐-๓๐
ตัวชีว้ ดั /ผลการเรียนรู้ระหว่างเรียนในอตั ราส่วนร้อยละ ๕๐โดยใชว้ ิธี
การวัดทห่ี ลากหลาย
ตวั ชีว้ ดั /ผลการเรยี นรกู้ ลางภาคในอตั ราส่วนร้อยละ ๒๐ ซง่ึ ตอ้ งดำเนินการ
ตามปฏทิ ินทท่ี างโรงเรียนกำหนด
คะแนนผลการเรยี นรปู้ ลายภาคใหม้ ีอัตราสว่ นคะแนนร้อยละ ๓๐ โดยใช้วิธี
การวัดตามปฏิทนิ ที่ทางโรงเรียนกำหนด
๙. การประเมินผลระหว่างภาคคะแนนเกบ็ ทกุ ประเภท นักเรยี นสามารถที่จะทำคะแนนเพิ่มได้หลงั จาก
ครผู สู้ อนไดป้ ระกาศคะแนนให้รู้ และครผู ูส้ อนต้องเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นได้พฒั นาตนเองจนกวา่ จะประเมินผล
การเรียนรปู้ ลายภาคเรียน
๑๐. ถา้ ผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขยี นในแต่ละด้านไม่ผ่านให้ครูผูส้ อน
ในรายสาระการเรยี นร้นู ้นั ทำการซอ่ มเสรมิ ใหผ้ ่านเกณฑ์ในแต่ละดา้ น
๑๑. การสรปุ การประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียนในแต่ละด้านตามข้อกำหนด
ในข้อ ๓ ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ เป็นผา่ น (ผ)
๑๒. ถ้าผลการประเมนิ ไมเ่ ป็นไปตามข้อ ๓ ให้ไดผ้ ลการประเมินเปน็ ไมผ่ า่ น (มผ)
๑๓. การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น ใหท้ ำการประเมินเป็นรายภาค
๑๔. การประเมินการอ่าน การคิดวิเคราะห์และการเขยี นให้ประเมินเปน็ รายภาค
การใหร้ ะดบั ผลการเรียน
การตดั สินผลการเรยี นรายวชิ าของกล่มุ สาระการเรียนรู้ ให้ใช้ระบบแสดงระดับผล
การเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนเป็น ๘ ระดบั
รายวชิ าที่จะนับหนว่ ยกติ ไดจ้ ะต้องไดร้ ะดับผลการเรียนตง้ั แต่ ๑ ขน้ึ ไป โดยมี
แนวการให้ระดับผลการเรียนดังน้ี
ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนเปน็ ร้อยละ
๔ ดีเย่ยี ม ๘๐-๑๐๐
๓.๕ ดีมาก ๗๕-๗๙
๓ ดี ๗๐-๗๔
๒.๕ คอ่ นข้างดี ๖๕-๖๙
๒ ปานกลาง ๖๐-๖๔
๑.๕ พอใช้ ๕๕-๕๙
๑ ผ่านเกณฑ์ข้ันตำ่ ๕๐-๕๔
๐ ต่ำกวา่ เกณฑ์ ๐-๔๙
การประเมนิ การอา่ นอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียน เป็นผ่านและไมผ่ ่าน ถา้ กรณี
ทผ่ี า่ นกำหนดเกณฑ์การตัดสินเป็นดีเยยี่ ม ดี และผา่ น
ดเี ยยี่ ม หมายถงึ มีผลงานท่แี สดงถงึ ความสามารถในการอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขียน
ท่มี ีคณุ ภาพดเี ลิศอยู่เสมอ
ดี หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขยี น
ท่มี คี ณุ ภาพเปน็ ท่ยี อมรับ
ผา่ น หมายถึง มีผลงานท่ีแสดงถงึ ความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น
ที่มีคุณภาพเปน็ ที่ยอมรบั แต่ยงั มขี ้อบกพรอ่ งบางประการ
ไม่ผ่าน หมายถึง ไม่มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา่ น คดิ วิเคราะห์
และเขียนหรือถา้ มีผลงาน ผลงานนั้นยังมขี ้อบกพร่องทตี่ ้องไดร้ บั การปรบั ปรุงแก้ไขหลายประการ
การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน ให้คะแนนโดยแบ่งเปน็ ๓ ดา้ น คือ
อา่ น ๒๕ คะแนน
การคิดวเิ คราะห์ ๕๐ คะแนน
การเขยี น ๒๕ คะแนน
รวมเป็น ๑๐๐ คะแนน ซึง่ ผลการเรยี นแบง่ เป็น ๔ ระดับ และแบ่งชว่ งคะแนนในแตล่ ะด้านดงั น้ี
ระดับผล ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนนเป็นร้อยละ
การประเมนิ (เต็ม ๒๕ คะแนน) (เตม็ ๕๐ คะแนน) (เต็ม ๑๐๐ คะแนน)
๓ ๒๐-๒๕ ๔๒-๕๐ ๘๐-๑๐๐
๒ ๑๗-๑๙ ๓๖-๔๑ ๗๐-๗๙
๑ ๑๓-๑๖ ๒๔-๓๕ ๕๐-๖๙
๐ ๑-๑๒ ๑-๒๓ ๑-๔๙
การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ รวมทุกคุณลักษณะและเพ่ือการเลอื่ นช้ัน และจบการศึกษา
เปน็ ผ่านและไม่ผ่าน ในการผ่านกำหนดเกณฑ์การตัดสินเปน็ ดเี ยย่ี ม ดี และผา่ น และความหมายของแต่ละ
ระดับ ดงั นี้
ดเี ยีย่ ม หมายถงึ ผ้เู รยี นปฏบิ ัตติ นตามคุณลักษณะจนเป็นนิสยั และนำไปใชใ้ นชวี ิต
ประจำวันเพื่อประโยชน์สขุ ของตนเองและสังคม โดยพจิ ารณาจากผลการประเมนิ ระดบั ดีเยยี่ ม
จำนวน ๕-๘คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมินต่ำกว่าระดบั ดี
ดี หมายถงึ ผูเ้ รียนมคี ุณลักษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือใหเ้ ป็นการยอมรับ
ของสังคม โดยพจิ ารณาจาก
๑ ได้ผลการประเมนิ ระดับดเี ยีย่ ม จำนวน ๑-๔ คุณลักษณะ และไมม่ ีคณุ ลกั ษณะ
ใดไดผ้ ลการประเมินต่ำกวา่ ระดับดี หรอื
๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดีเยีย่ ม จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคุณลักษณะใด
ได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับผา่ น หรอื
๓. ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ุณลกั ษณะใด
ได้ผลการประเมินตำ่ กวา่ ระดับผา่ นผา่ น หมายถงึ ผ้เู รยี นรับรแู้ ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่
สถานศกึ ษากำหนดโดยพิจารณาจาก
๑. ได้ผลการประเมินระดบั ผา่ น จำนวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มคี ณุ ลักษณะใด
ไดผ้ ลการประเมนิ ต่ำกว่าระดับผา่ น หรือ
๒. ได้ผลการประเมนิ ระดบั ดี จำนวน ๔ คุณลกั ษณะ และไมม่ ีคณุ ลักษณะใด
ได้ผลการประเมนิ ตำ่ กวา่ ระดับผ่าน
ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนรบั รแู้ ละปฏิบัติได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑ์และเงอ่ื นไขทีส่ ถานศึกษา
กำหนด โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับไม่ผา่ น ตง้ั แต่ ๑ คณุ ลักษณะการประเมินกิจกรรม
พัฒนาผ้เู รยี น จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
โดยแบง่ ชว่ งคะแนนในแตล่ ะด้านของคุณลักษณะอนั พึงประสงคด์ ังน้ี
ระดับผล ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนน ชว่ งคะแนน ช่วงคะแนน
การประเมนิ (เตม็ ๑๐ (เตม็ ๑๕ (เต็ม ๒๐ เป็นร้อยละ
คะแนน) คะแนน) คะแนน)
๓ ๘-๑๐ ๑๒-๑๕ ๑๖-๒๐ ๘๐-๑๐๐
๒ ๑๐-๑๑ ๑๓-๑๔ ๗๐-๗๙
๑ ๗ ๑๐-๑๒ ๕๐-๖๙
๐ ๕-๖ ๗-๙ ๑-๔๙
๑-๔ ๑-๖ ๑-๙
การประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน
จะต้องพจิ ารณาทงั้ เวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมการปฏิบตั ิกจิ กรรมและผลงานของผูเ้ รยี นตามเกณฑท์ ี่
สถานศกึ ษากำหนดและใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผ่าน และไม่ผ่าน
“ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ร้อยละ ๘๐ ปฏบิ ัติตกิ ิจกรรม
และมีผลงานไม่นอ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐
“มผ” หมายถึง ผูเ้ รยี นมีเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี นไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
และมีผลงานไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐
ในกรณีทผี่ เู้ รยี นได้ “มผ” ครูผ้ดู แู ลกิจกรรมต้องจัดซ่อมเสริมใหผ้ ู้เรยี นทำกจิ กรรมในส่วนทีผ่ ู้เรยี น
ไมไ่ ดเ้ ขา้ รว่ มหรือไม่ไดท้ ำจนครบถว้ น แล้วจงึ เปล่ียนผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ”
ไดท้ ้งั นต้ี ้องดำเนินการใหเ้ สรจ็ ส้ินภายในปกี ารศกึ ษานั้น ยกเว้นมเี หตสุ ดุ วิสยั ใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินจิ
ของสถานศกึ ษา
การเทียบโอนผลการเรียน
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา การ
เปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษาจาก
ต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์จาก
แหล่งการเรยี นรอู้ ่ืนๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัดการศึกษาโดย
ครอบครัว
การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดำเนนิ การในช่วงก่อนเปดิ ภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรยี นแรก ท่ี
สถานศึกษารับผขู้ อเทยี บโอนเปน็ ผเู้ รียน ทั้งน้ี ผู้เรยี นทีไ่ ด้รบั การเทียบโอนผลการเรียนตอ้ งศึกษาตอ่ เนื่องใน
สถานศึกษาท่ีรบั เทียบโอนอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศกึ ษาท่รี บั ผู้เรียนจาก
การเทียบโอนควรกำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกติ ท่ีจะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม
การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังนี้
๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอื่นๆ ที่ให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของ
ผเู้ รียน
๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบดว้ ยวิธกี ารตา่ งๆ ทั้งภาคความรแู้ ละ
ภาคปฏิบัติ
๓. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ใิ นสภาพจริง
การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏบิ ตั ิ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร
การวดั ผลประเมนิ ผลนกั เรยี นทมี่ ีความบกพรอ่ งทางการเรยี นรู้
ลักษณะความบกพร่อง ประเภทของการช่วยเหลือ การชว่ ยเหลือและอำนวย
ของนกั เรยี นท่ีมี และอำนวยความสะดวก ความสะดวกดา้ นการวัด และ
ความบกพร่อง
ทางการเรยี นรู้ ประเมนิ ผลทีค่ วรคำนึงถงึ
ด้านการอา่ น การนำเสนอข้อสอบ - เครื่องอา่ นข้อสอบใหฟ้ งั /มผี ู้อา่ น -
(presentation) เทปเสียง หรอื ซีดี -
ดา้ นการเขียน โปรแกรมอา่ นหน้าจอ -(Screen
การตอบข้อสอบ - reader)
(response) บรกิ ารอ่านข้อสอบ -
เหมอื นเดก็ ทั่วไป -
การจัดสภาพแวดลอ้ ม -
(setting) เหมอื นเดก็ ท่วั ไป -
- ปรับสถานท่ีสอบ เพื่อนักเรียนจะได้
-การกำหนดเวลาสอบและ ไม่ ไปทำความรบกวนใหก้ ับผู้อน่ื หาก
ตารางสอบ (timing and จำเป็น
scheduling) ให้เวลาเพมิ่ เตมิ เชน่ เพ่ิมเวลาใน -
การนำเสนอข้อสอบ - การสอบ เพ่ิมเวลาในการอา่ น เพื่อให้
(presentation)
- พมิ พ์ หรอื พูดโดยใช้ word
การตอบข้อสอบ - (response) processor
- ใชอ้ ุปกรณเ์ ทคโนโลยีท่ชี ว่ ยในการ
สะกด คำและ ไวยากรณ์ เช่น
เครอื่ งมอื อปุ กรณ์อเิ ลคทรอนกิ ส์ท่ี /
ช่วยในการสะกดคำ การสะกดคำ
โดยใช้คอมพวิ เตอร์
- พูดบอกคำตอบผ่านผู้ช่วยเขยี น
)scribe)
- พมิ พ์ หรือพูดโดยใช้ word
processor
ลกั ษณะความบกพร่อง ประเภทของการช่วยเหลือ
ของนกั เรยี นที่มี และอำนวยความสะดวก การชว่ ยเหลือและอำนวย
ความบกพร่อง การตอบข้อสอบ - (response) ความสะดวกดา้ นการวัด และ
ทางการเรียนรู้
ประเมินผลที่ควรคำนึงถงึ
- ใชอ้ ุปกรณ์เทคโนโลยีที่ชว่ ยในการ
สะกดคำและ ไวยากรณ์ เช่น
เครอ่ื งมอื อุปกรณ์อิเลคทรอนิกสท์ ่ี /
วธิ ีสอบปากเปลา่ -
ด้านการเขียน
การจดั สภาพแวดลอ้ ม - - เปลี่ยนแปลงสถานท่สี อบ เพอื่
(setting) นักเรยี น
จะได้ไม่ไปทำความรบกวนให้กบั ผู้อน่ื
การกำหนดเวลาสอบและ - ให้เวลาเพม่ิ เตมิ เช่น เพ่มิ จำนวน -
ตารางสอบ (timing and ชว่ั โมงสอบ
scheduling)
บรหิ ารจดั การหลักสตู ร
ในระบบการศึกษาที่มีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีบทบาทในการพัฒนาหลักสูตร
นั้น หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น จนถึงระดับสถานศึกษา มี
บทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในการพฒั นา สนบั สนุน สง่ เสรมิ การใช้และพัฒนาหลกั สูตรให้เป็นไปอย่าง
มีประสทิ ธิภาพ เพอ่ื ให้การดำเนนิ การจดั ทำหลักสูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามี
ประสิทธิภาพสูงสุด อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ใน
ระดับชาติ
ระดับทอ้ งถิน่ ได้แก่ สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษา หน่วยงานต้นสงั กัดอ่นื ๆ เปน็ หน่วยงานท่ีมีบทบาท
ในการขบั เคลอ่ื นคณุ ภาพการจัดการศึกษา เป็นตวั กลางท่จี ะเชอื่ มโยงหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐานที่
กำหนดในระดับชาติให้สอดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำหลักสูตรของ
สถานศึกษา สง่ เสรมิ การใชแ้ ละพัฒนาหลกั สตู รในระดับสถานศึกษา ให้ประสบความสำเร็จ โดยมีภารกิจสำคัญ
คือ กำหนดเปา้ หมายและจุดเนน้ การพฒั นาคุณภาพผู้เรียน ในระดับทอ้ งถิ่นโดยพิจารณาใหส้ อดคล้องกับส่ิงท่ี
เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถิ่น
รวมทั้งเพิม่ พูนคณุ ภาพการใช้หลักสูตรด้วยการวิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากร สนับสนนุ ส่งเสริม ติดตาม
ผล ประเมินผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผ้เู รียน
สถานศึกษามีหน้าที่สำคัญในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา การวางแผนและดำเนินการใช้หลักสูตร
การเพม่ิ พนู คุณภาพการใช้หลักสูตรดว้ ยการวิจัยและพัฒนา การปรบั ปรงุ และพัฒนาหลักสตู รจัดทำระเบียบการ
วัดและประเมินผล ในการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายละเอียดที่เขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอื่นๆ ในระดับท้องถิ่นได้
จดั ทำเพ่มิ เติม รวมทง้ั สถานศกึ ษาสามารถเพ่ิมเติมในสว่ นทีเ่ กี่ยวกบั สภาพปัญหาในชมุ ชนและสงั คม ภูมิปัญญา
ทอ้ งถนิ่ และความตอ้ งการของผเู้ รยี น โดยทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา
ภาคผนวก
แบบตรวจสอบหลกั สูตรสถานศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
วตั ถุประสงค์
๑. เพอ่ื ตรวจสอบหลักสตู รสถานศกึ ษาว่ามอี งค์ประกอบครบถ้วนและสอดคล้องกบั หลกั สูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๒. เพ่ือตรวจสอบโครงสรา้ งหลกั สูตรและการบริหารจัดการเวลาเรยี นของสถานศึกษาให้เปน็ ไปตาม
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และประกาศกระทรวงศึกษาธกิ ารเรอื่ ง การ
บริหาร จดั การเวลาเรยี นของสถานศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน
๓. เพือ่ ตรวจสอบมาตรฐานตัวชวี้ ัดและสาระการเรยี นรแู้ กนกลางกล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
คณติ ศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ในสว่ นของสาระภูมศิ าสตร์ให้ถกู ต้องเหมาะสมกับการบริหาร
จดั การหลักสูตรสถานศึกษาข้ันพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์และวทิ ยาศาสตร์ สงั คมศกึ ษา ศาสนา
และวัฒนธรรมในส่วนของภมู ิศาสตร์ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐)
๔. เพ่ือนำผลการตรวจสอบไปปรับปรุงแก้ไขหลกั สตู รสถานศึกษาให้มคี ุณภาพยิ่งขน้ึ
วิธีดำเนนิ การ
๑. โรงเรยี นอนบุ าลโกรกพระ(ประชาชนูทศิ )แต่งต้ังคณะกรรมการ การติดตาม ตรวจสอบและพัฒนา
หลักสูตร เพื่อยกระดบั คณุ ภาพการจดั การศึกษาระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานของโรงเรยี น
๒. โรงเรียนอนุบาลโกรกพระ(ประชาชนทู ศิ )จดั ทำเครื่องมือการติดตาม ตรวจสอบและพัฒนาหลักสูตร
เพือ่ ยกระดบั คณุ ภาพการจัดการศึกษาระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐานของโรงเรยี น
๓. โรงเรียนอนบุ าลโกรกพระ(ประชาชนทู ศิ )ดำเนินการการตดิ ตาม ตรวจสอบ และพัฒนาหลักสูตร
เพอ่ื ยกระดับคุณภาพการจัดการศกึ ษาระดับการศึกษาขนั้ พื้นฐานของโรงเรียน
๔. โรงเรยี นอนุบาลโกรกพระ(ประชาชนทู ิศ)รายงานผล และแจ้งการติดตาม ตรวจสอบและพัฒนา
หลักสตู ร เพื่อยกระดบั คุณภาพการจดั การศึกษาระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐานของโรงเรยี นใหส้ ำนกั งานเขตพื้นท่ี
การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต ๑
แบบตรวจสอบองคป์ ระกอบหลกั สตู รสถานศกึ ษา
ระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
โรงเรียนอนบุ าลโกรกพระ(ประชาชนูทิศ) สำนกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษานครสวรรค์ เขต ๑
คำช้ีแจง
ใหโ้ รงเรยี นดำเนินการตรวจสอบองคป์ ระกอบหลักสูตรสถานศึกษา ตามลำดบั ดังนี้
๑. ตรวจสอบองค์ประกอบหลักสูตรสถานศึกษาตามรายการท่กี ำหนด แล้วเขยี นเคร่อื งหมาย ลง
ในช่อง ผลการตรวจสอบตามความเปน็ จรงิ
๒. บนั ทึกแนวทางในการปรับปรุง/แก้ไขแตล่ ะรายการเพ่ือใหโ้ รงเรยี นนำไปใช้ประโยชน์ ในการ
ปรับปรงุ และพฒั นาหลักสูตรโรงเรยี นต่อไป
๓. หากมีข้อคดิ เหน็ หรือข้อเสนอแนะอนื่ ใหบ้ นั ทกึ ลงในข้อเสนอแนะ อ่นื ๆ
๔. สรุปผลการตรวจสอบภาพรวมองค์ประกอบหลกั สตู รโรงเรยี น โดยเขียนเครือ่ งหมาย ลงใน
ตารางแสดงผลการตรวจสอบภาพรวมองคป์ ระกอบหลักสตู รโรงเรียน
การใหร้ ะดบั คณุ ภาพ
คณะกรรมการฯ ใหร้ ะดับคณุ ภาพตามท่ีได้พจิ ารณาตรวจสอบหลกั สตู รสถานศึกษา โดยเขียน
เคร่อื งหมาย ลงในช่องระดับคุณภาพ ดังนี้
ระดบั คุณภาพ ๑ หมายถึง ครบถว้ น ถูกต้อง สอดคล้อง เหมาะสม ทุกรายการ
ระดับคุณภาพ ๐ หมายถงึ มีครบทกุ รายการ แต่มีบางรายการควรปรบั ปรุงแก้ไข
ไมม่ ี มีไม่ครบทุกรายการ ไม่สอดคลอ้ ง ตอ้ งปรบั ปรุงแก้ไข หรอื
เพิม่ เติม
การแปลผลระดับคุณภาพ ระดับคุณภาพ ๕ แปลผล ดเี ย่ยี ม
คา่ ระดบั คะแนนเฉล่ีย ๐.๙๐ - ๑.๐๐ ระดบั คุณภาพ ๔ แปลผล ดีมาก
ค่าระดบั คะแนนเฉลี่ย ๐.๗๕ - ๐.๘๙ ระดบั คุณภาพ ๓ แปลผล ดี
ค่าระดับคะแนนเฉล่ยี ๐.๖๐ - ๐.๗๔ ระดบั คุณภาพ ๒ แปลผล พอใช้
ค่าระดบั คะแนนเฉลี่ย ๐.๕๐ - ๐.๕๙ ระดบั คุณภาพ ๑ แปลผล ปรับปรงุ
คา่ ระดับคะแนนเฉล่ีย ๐.๐๐ - ๐.๔๙
องคป์ ระกอบของหลกั สตู รสถานศึกษา
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน ๒๕๕๑ (ปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
รายการ ระดบั ข้อเสนอแนะ หนังสอื /คำส่ัง/ประกาศท่ี
คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ /แกไ้ ข เป็นหลกั ฐานสูก่ ารปฏิบตั ิ
๑. ส่วนนำ
๑.๑ ความนำ ๑๐ ของสถานศกึ ษา
แสดงความเช่อื มโยงระหว่างหลกั สูตรแกนกลาง - หนงั สอื หลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กรอบหลักสตู ร การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
ระดับท้องถิ่น จดุ เนน้ และความตอ้ งการของโรงเรียน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
- นโยบาย จดุ เน้นของ
๑.๒ วิสยั ทศั น์ สถานศึกษา
๑.๒.๑ แสดงภาพอนาคตที่พึงประสงค์ของผู้เรยี น
- หนังสอื หลกั สูตรแกนกลาง
ท่สี อดคล้องกับวสิ ัยทัศน์ของหลักสตู รแกนกลางการศึกษา การขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช
ข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ อยา่ งชดั เจน ๒๕๕๑
- นโยบาย จดุ เน้นของ
๑.๒.๒ แสดงภาพอนาคตท่ีพึงประสงค์ของผ้เู รียน สถานศกึ ษารศึกษา
สอดคล้องกบั กรอบหลกั สตู รระดบั ท้องถิน่
- หนงั สอื หลกั สตู รแกนกลาง
๑.๒.๓ แสดงภาพอนาคตท่ีพึงประสงค์ของผู้เรยี น การขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช
ครอบคลุมสภาพความต้องการของโรงเรียน ชมุ ชน ๒๕๕๑
ทอ้ งถน่ิ
- หนงั สือหลกั สตู รแกนกลาง
๑.๒.๔ ชดั เจนสามารถปฏิบัติได้ การขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช
๑.๓ สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน ๒๕๕๑
- นโยบาย จดุ เนน้ ของ
สอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั สถานศึกษา
พน้ื ฐานพทุ ธศักราช ๒๕๕๑
๑.๔ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
๑.๔.๑ สอดคลอ้ งกับหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑
๑.๔.๒ สอดคลอ้ งกับเปา้ หมาย จุดเนน้ กรอบ
หลกั สูตรระดับท้องถิ่น
๑.๔.๓ สอดคลอ้ งกบั วสิ ยั ทศั น์ของโรงเรียน
รายการ ระดับ ข้อเสนอแนะ หนังสือ/คำส่ัง/ประกาศท่ี
คณุ ภาพ ปรับปรงุ /แกไ้ ข เปน็ หลักฐานสู่การปฏิบตั ิ
๒. โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา
๒.๑ โครงสรา้ งเวลาเรียน ๑๐ ของสถานศึกษา
๒.๑.๑ ระบเุ วลาเรียนของ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้
- หนงั สอื หลักสูตรแกนกลาง
ท่เี ป็นเวลาเรียนพนื้ ฐานและเพิม่ เติม จำแนกแตล่ ะช้ันปี การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
อยา่ งชัดเจน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑
- คำสั่ง สพฐ. ที่ ๙๒๒/๒๕๖๑
๒.๑.๒ เวลาเรียนของรายวิชาพ้นื ฐานในระดบั เร่อื งการปรับปรุงโครงสรา้ ง
ประถมศกึ ษาทง้ั ๘ กล่มุ สาระ เท่ากับ ๘๔๐ ชัว่ โมง เวลาเรยี น ลว.๓ พฤษภาคม
**สำหรบั ภาษาอังกฤษ ป.๑ – ป.๓ ให้จดั เปน็ รายวิชาพื้นฐาน ๒๕๖๑
จำนวน ๒๐๐ ช่วั โมง ต่อปี หรือจดั เปน็ รายวิชาพ้นื ฐาน อยา่ งนอ้ ย - คำสั่ง สพฐ. ที่ ๙๒๒/๒๕๖๑
๑๒๐ ช่วั โมงตอ่ ปี และจดั เป็นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ และหรอื กิจกรรม เร่ืองการปรบั ปรุงโครงสรา้ ง
พฒั นาผเู้ รยี นหรือกิจกรรมเสริมหลกั สูตร ๘๐ ชั่วโมงตอ่ ปี เวลาเรยี น ลว.๓ พฤษภาคม
๒๕๖๑
๒.๑.๓ รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ต้องปลี ะไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๐
ช่ัวโมง - หนังสอื หลักสตู รแกนกลาง
การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน
๒.๑.๔ ระบเุ วลาจดั กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนจำแนก พุทธศักราช ๒๕๕๑
แตล่ ะชั้นปอี ย่างชัดเจนและเป็นไปตามโครงสรา้ งเวลา - คำสงั่ สพฐ. ที่ ๙๒๒/๒๕๖๑
เรยี นตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน เรื่องการปรับปรุงโครงสร้าง
พุทธศักราช ๒๕๕๑ เวลาเรียน ลว.๓ พฤษภาคม
๒๕๖๑
๒.๑.๕ เวลาเรยี นรวมของหลกั สูตรสถานศึกษา
สอดคล้องกบั โครงสรา้ งเวลาเรียนตามหลักสตู รแกนกลาง
การศกึ ษาขัน้ พนื้ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ และเปน็ ไปตาม
บรบิ ทของสถานศึกษา
๒.๒ โครงสร้างหลักสตู รชนั้ ปี
๒.๒.๑ ระบรุ ายวชิ าพ้ืนฐานท้ัง ๘ กล่มุ สาระการ
เรียนรู้ พร้อมท้ังระบเุ วลาเรยี น
๒.๒.๒ ระบุรายวิชาเพมิ่ เตมิ ที่สถานศกึ ษากำหนด
พรอ้ มระบุเวลาเรียน
๒.๒.๓ ระบกุ จิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน พรอ้ มทั้งระบุ
เวลาเรยี น
๒.๒.๔ รายวิชาพน้ื ฐานท่ีระบรุ หัสวิชา ช่อื รายวชิ า
จำนวนเวลาเรียนไว้อยา่ งถกู ต้องชัดเจน
๒.๒.๕ รายวชิ าเพ่ิมเติม / กิจกรรมเพิ่มเติม
สอดคลอ้ งกบั วสิ ัยทศั น์จุดเน้นของโรงเรียน
รายการ ระดับ ข้อเสนอแนะ หนงั สอื /คำสัง่ /ประกาศท่ี
คุณภาพ ปรบั ปรงุ /แก้ไข เป็นหลักฐานสู่การปฏิบตั ิ
๓. คำอธบิ ายรายวชิ า
๓.๑ ระบุรหัสวชิ า ช่อื รายวชิ า และชอ่ื กล่มุ สาระการ ๑๐ ของสถานศกึ ษา
เรียนรไู้ วอ้ ยา่ งถูกต้องชดั เจน - หนงั สอื หลกั สตู รแกนกลาง
๓.๒ รายวิชาพืน้ ฐาน กลมุ่ สาระการเรียนร้ตู าม กล่มุ ละ
การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน
๑รายวิชาต่อปี ยกเว้นกลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมฯ โดย
เปดิ รายวิชาประวัติศาสตรใ์ ห้จดั การเรียนการสอน ๔๐ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
ช่วั โมงต่อปี
- หนงั สอื แนวทางการบริหาร
๓.๓ ระบชุ น้ั ปที ่ีสอนและจำนวนเวลาเรียนไวอ้ ย่าง
ถกู ต้องชัดเจน จดั การหลักตามหลักสตู ร
๓.๔ การเขยี นคำอธบิ ายรายวชิ า เขียนเป็นความเรยี ง แกนกลางการศึกษา
โดยระบอุ งค์ความรู้ ทักษะกระบวนการระบุคุณลักษณะ
หรอื และเจตคติท่ตี ้องการ - ประกากระทรวงศึกษาธิการ
๓.๕ จดั ทำคำอธิบายรายวิชาพน้ื ฐานครอบคลุมตัวชีว้ ดั เรื่อง การบรหิ ารจดั การเวลา
สาระการเรียนร้แู กนกลาง
เรยี นของสถานศกึ ษาขั้น
- วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
- คณติ ศาสตร์ พน้ื ฐาน ลว ๑๑ ก.ค. ๒๕๖๐
- สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม
- ภาษาไทย - คำสั่งกทรวงศึกษาธกิ าระ
- การงานอาชพี
- สุขศึกษาและพลศึกษา สพฐ. ที่ ๑๒๓๙/๒๕๖๐ เรอื่ ง
- ศลิ ปะ
- ภาษาองั กฤษ **ใหเ้ ป็นไปตามการบรหิ ารจดั การ ใหใ้ ชม้ าตรฐานและตวั ชว้ี ดั
ภาษาองั กฤษ
๓.๖ มีการระบุรหสั ตวัดวชใ้ี นรายวิชาพืน้ ฐาน และ ฯลฯ ลว ๗ ส.ค. ๒๕๖๐
จำนวนรวมของตวั ช้วี ัด
๓.๗ มีการระบผุ ลการเรียนรู้ ในรายวิชาเพิ่มเตมิ และ - คำสง่ั สพฐ ท๓ี่ ๐/๒๕๖๑
จำนวนรวมของผลการเรยี นรู้
๓.๘ มีการกำหนดสาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ สอดแทรก เรอ่ื ง ใหเ้ ปลย่ี นมาตรฐานและ
อยู่ในคำอธบิ ายรายวชิ าพ้ืนฐานหรือรายวิชาเพ่มิ เติม
ตัวชีว้ ดั ลว ๕ ม.ค. ๒๕๖๑
-ประกาศ สพฐ เรอื่ ง การ
บรหิ ารจดั การหลกั สูตร
สถานศกึ ษา กลุม่ สาระการ
เรยี นรู้คณิตศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรบั ปรุง
๒๕๖๐) ลว ๘ ม.ค. ๒๕๖๑