286 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 287
V
อัตราการไหลของน้ำา = A v
t M M
2
-3
-4
3
= (3.0 × 10 m )(0.3 m/s) = 9.0 × 10 m /s
ข. อัตราเร็วของน้ำาในท่อ N หาได้จากสมการความต่อเนื่อง
A v = A v
M M
N N
2
-3
-3
2
แทนค่า จะได้ (3.0 × 10 m )(0.3 m/s) = (1.0 × 10 m ) v N
v = 0.9 m/s
N
-4
ตอบ ก. อัตราการไหลของน้ำาในท่อทั้งสองเท่ากับ 9.0 × 10 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ข. อัตราเร็วของน้ำาในท่อ N เท่ากับ 0.9 เมตรต่อวินาที
25. ถ้าน้ำาพุ่งออกจากปลายท่อน้ำาดับเพลิงด้วยอัตราเร็ว 20 เมตรต่อวินาที ดังรูป ความดันที่จุด a
ซึ่งอยู่ห่างจากปลายท่อ A เล็กน้อยมีค่าเท่าใด กำาหนดให้เส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ A และ B
เท่ากับ 8 เซนติเมตร และ 4 เซนติเมตร ตามลำาดับ
รูปสำาหรับปัญหาข้อ 25
วิธีทำา หาความดันในของเหลวที่ a ได้จากสมการของแบร์นูลลี
1 1
2
2
P + 2 v + gh 1 P + 2 v + gh 2
2
2
1
1
ในที่นี้ P เป็นความดันที่ a
1
P เป็นความดันที่ปลายท่อน้ำาดับเพลิง = ความดันบรรยากาศ
2
= 1.013 × 10 Pa
5
v เป็นอัตราเร็วของน้ำา ขณะผ่านจุด a
1
v เป็นอัตราเร็วของน้ำา ขณะออกจากปลายท่อน้ำาดับเพลิง = 20 m/s
2
ρ เป็นความหนาแน่นของน้ำา = 10 kg/m 3
3
ถ้าบริเวณของสายยางดับเพลิงที่พิจารณาอยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้น h = h 2
1
สมการของ แบร์นูลลีจะลดรูปเป็น
1 1 2
P + 2 v 1 2 P + 2 v 2 ( 1)
2
1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
286 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 287
จากสมการ (1) ยังไม่ทราบค่า v หรืออัตราเร็วของน้ำาที่ผ่านจุด a ซึ่งสามารถหา v 1
1
ได้จาก สมการความต่อเนื่อง A v = A v 2 2 2 ( 2)
1 1
8 10 2 m
ในที่นี้ A = พื้นที่หน้าตัดของท่อ A =
2
1
4 10 2 m 2
A = พื้นที่หน้าตัดของท่อ B = 8 2 10 2 m 2
2
2
v = อัตราเร็วของน้ำาขณะออกจากปลายท่อน้ำาดับเพลิง = 20 m/s
2
2
2
8 10 2 m 4 10 2 m
แทนค่าใน (2) จะได้ v = (20 m/s)
2 1 2
2
4 10 2 v = 5 m/s
m
1
แทนค่าต่างๆ ลงใน (1) จะได้ 2
1
1
P + ( )(10 kg/m )(5 m/s) (1.013 10 Pa) + ( )(10 kg/m )( 20 m/s) 2
2
3
5
3
3
3
1
2
2
5
P = 2.888 × 10 Pa
1
5
ตอบ ความดันที่จุด a เท่ากับ 2.9 × 10 พาสคัล
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
288 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 289
ปัญหาท้าทาย
11
ำ
26. กาหนดให้เส้นลวดมีค่ามอดุลัสของยังเท่ากับ 2.0 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร เม่อแขวนวัตถุมวล
ื
m ที่ปลายลวดเส้นนี้ ลวดยืดออก 0.1 เปอร์เซ็นต์ของความยาวเดิม ถ้าเส้นผ่านศูนย์กลางของ
ลวดเท่ากับ 0.5 มิลลิเมตร มวล m มีค่าเท่าใดในหน่วยกิโลกรัม
วิธีทำา เมื่อแขวนมวล m กับปลายลวด จะเกิดแรงดึง F = mg
/
FA
จากสมการ Y
/
LL 0
11
ในที่นี้ Y = 2.0 × 10 N/m 2
0.510 3 2
A 3.14 m 2
2
-7
= 1.96 × 10 m 2
ΔL = 0.1% ของความยาวเดิม
0.1
L
100 0
-3
= 10 L 0
m 10m/s /1.9610m 2
2
7
แทนค่า 2.010N/m 2
11
10 L 0 / L 0
3
m = 3.9 kg
ตอบ มวล m ที่ใช้แขวนปลายลวดมีค่าเท่ากับ 3.9 กิโลกรัม
3
27. ลวดอะลูมิเนียมความหนาแน่น 2.7 × 10 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะขาดถ้าถูกแรงดึงทาให ้
ำ
7
ี
เกิดความเค้นเกิน 7.5 × 10 นิวตันต่อตาราเมตร หากนาปลายข้างหน่งแขวนจากท่สูงมาก
ำ
ึ
ลวดอะลูมิเนียมที่ห้อยลงมาจะมีความยาวได้มากที่สุดเท่าใด
F
วิธีทำา จากสมการ
A F
7
ความเค้นสูงสุดที่ลวดทนได้ = 7.5 × 10 N/m 2
A
เนื่องจากแรงที่ดึงเส้นลวด F = น้ำาหนักทั้งหมดที่ติดลวด
= mg
= ρVg
แต่ V = Al
โดยที่ l คือความยาวมากที่สุดของเส้นลวด
ดังนั้น F = ρAlg
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
288 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 289
3
2.710kg/m 3 Al 10m/s 2
แทนค่า 7.510N/m 2
7
A
3
l = 2.8 × 10 m
3
ตอบ ลวดที่แขวนต้องยาวเท่ากับ 2.8 × 10 เมตร
28. ลวดเบาเส้นหนึ่งมีพื้นที่หน้าตัด 5 ตารางมิลลิเมตร วางบนพื้นราบลื่นได้รับแรงภายนอกขนาด
ี
ิ
ี
่
้
้
ี
ื
้
่
้
่
่
ี
ำ
ิ
F และ F ทปลายทังสองขางหากลวดไมเคล่อนทและความเคนทเกดขนไมเกนขดจากด
ึ
่
ั
1 2
์
สภาพยืดหยุ่น ปรากฏว่าเส้นลวดยืดออก 0.02 เปอร์เซนต จงหาค่า F และ F ในหน่วยนิวตัน
1 2
10
กำาหนดให้ลวดมีค่ามอดุลัสของยังเท่ากับ 10 นิวตันต่อตารางเมตร
วิธีทำา เนื่องจากลวดไม่เคลื่อนที่ ดังนั้น F = F ให้มีขนาดเท่ากับ F
1 2
FA
/
หาแรงที่ดึงเส้นลวดได้จากสมการ Y
/
LL 0
10
ในที่นี้ Y = 10 N/m 2
-6
2
A = 5 mm = 5 × 10 m 2
L = ความยาวเดิมของลวด
0
ΔL = 0.02% ของความยาวเดิม
0.02 L
100 0
แทนค่า F /5 10 m 2
6
10
10 N/ m 2
0.02 L / L
100 0 0
F = 10 N
ตอบ แรงที่ใช้ดึงปลายทั้งสองของลวดมีขนาดแรงละ 10 นิวตัน
ี
ึ
ื
29. ในการทดลองวัดความตึงผิวของของเหลวชนิดหน่ง โดยใช้เคร่องมือเดียวกับท่ใช้ในการทดลอง
ำ
ี
17.3 ถ้าห่วงวงกลมมีรัศม 10 เซนติเมตร พบว่าจะต้องเพ่มมวล 139.5 กรัม ท่ห่วงสาหรับ
ิ
ี
แขวนน้ำาหนัก จึงทำาให้ห่วงวงกลมหลุดจากผิวของเหลวพอดี จงหาความตึงผิวของของเหลวนี้
x y
F
W
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
290 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 291
ำ
่
ี
ิ
ื
่
ุ
์
ุ
่
ี
ิ
วิธีทำา ทา ขณะทหวงวงกลมหลดจากผวของเหลวพอด เมอพจารณาโมเมนตรอบจดหมุน O จะได ้
โมเมนต์ของแรงดึงผิว = โมเมนต์ของน้ำาหนัก ของมวลที่เพิ่มขึ้นที่ห่วง
W × x = F × y
x
F = W (1)
y
-2
ในที่นี F = γL = 4πrγ = 4(3.14)(10 × 10 m)γ = (1.256 m)γ
้
x 1
2
-3
และ W = mg = (139.5 × 10 kg)(9.8 m/s ) = 1.367 N
y 3 x 1
แทนค่าใน (1) จะได้ (1.256 m)γ = (1.367 N)
y 3
γ = 0.363 N/m
ตอบ ความตึงผิวของของเหลวเท่ากับ 0.363 นิวตันต่อเมตร
30. ท่อท่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เซนติเมตรสองท่อ ต่อเช่อมด้วยท่อมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร
ี
ื
้
ำ
้
ดังรูป ถ้าอัตราการไหลของนาในท่อใหญ่เท่ากับ 0.1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาท ความดันนาในท่อ
ี
ำ
ใหญ่กับท่อเล็กต่างกันเท่าใด
รูป ประกอบคำาถามข้อ 30
วิธีทำา หาความต่างความดันในของน้ำาในท่อใหญ่และท่อเล็กจากสมการของแบร์นูลลี
เมื่อพิจารณาว่าท่อวางตัวในแนวราบ ซึ่งอยู่สูงจากระดับอ้างอิงเท่ากัน จะได้
1 1 2
P + 2 v 1 2 P + 2 v 2
2
1
P 1 P 2 1 (v 2 2 v ) 1 2 ( 1)
2
เมื่อ P และ P เป็นความดันในของน้ำาในท่อใหญ่และท่อเล็ก ตามลำาดับ
2
1
v และ v เป็นอัตราเร็วของน้ำาในท่อใหญ่และท่อเล็ก ตามลำาดับ หาได้จาก
2
1
อัตราการไหลของน้ำา = A v = A v
1 1
2 2
d 2 v d 2 v
3
0.1 m /s 1 1 2 2 (2)
4 4
4 4 1 . 0 m 3 s /
3
v 1 ( 0.1 m /s) 2.038 m/s
d 1 2 . 3 ( 14 ( ) 25 10 2 m ) 2
4 4 1 . 0 m 3 s /
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
v ( 0.1 m /s) 50.955 m/s
3
2
d 2 2 . 3 ( 14 5 )( 10 2 m ) 2
1 2 2
P 1 P 2 2 ( v 2 v )
1
1 (10 kg/m ) 50( . 955 m ) s / 2 . 2 ( 038 m ) s / 2
3
3
2
290 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 291
d 2 v d 2 v
0.1 m /s 1 1 2 2
3
จาก (2) จะได้ 4 4
4 4 1 . 0 m 3 s /
3
v ( 0.1 m /s) 2.038 m/s
1
d 1 2 . 3 ( 14 ( ) 25 10 2 m ) 2
4 4 1 . 0 m 3 s /
v 2 ( 0.1 m /s) 50.955 m/s
3
d 2 2 . 3 ( 14 5 )( 10 2 m ) 2
แทนค่าใน (1) จะได้
1 2 2
P 1 P 2 2 ( v 2 v )
1
1 (10 kg/m ) 50( . 955 m ) s / 2 . 2 ( 038 m ) s / 2
3
3
2
6
= 1.30 × 10 Pa
6
ตอบ ความต่างความดันในของน้ำาในท่อใหญ่และท่อเล็กเท่ากับ 1.30 × 10 พาสคัล
31. น้ำามันความหนาแน่นเท่ากับ 600 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร บรรจุในถังปิดสนิทขนาดใหญ่ ที่
้
ำ
ุ
้
ำ
ว่างเหนือผิวนามันมีความดันเป็น 3 เท่าของความดันบรรยากาศ จงหาอัตราเร็วของนามันท่พ่ง
ี
ออกจากรูรั่วที่ระยะ 10 เมตรจากผิวน้ำามัน ดังรูป
รูป ประกอบคำาถามข้อ 31
วิธีทำา จากสถานการณ์ที่กำาหนด เขียนแผนภาพได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
292 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล PB
รูป น้ำามันพุ่งออกจากถังน้ำามันที่มีรูรั่ว
กำาหนดให้ P , P เป็นความดันอากาศที่ผิวน้ำามันและที่รู ตามลำาดับ
2
1
v , v เป็นอัตราเร็วของน้ำามันที่ผิวและที่รู ตามลำาดับ
1
2
h เป็นระยะระหว่างผิวน้ำามันและพื้นถังน้ำามัน
1
h เป็นระยะระหว่างรูและพื้นถังน้ำามัน
2
จากสมการของแบร์นูลลี เมื่อพิจารณาที่ผิวน้ำามันและที่รู จะได้ v = 0 และ
1
1 2 1 2
P + 2 v + gh 1 P + 2 v + gh 2
2
1
1
2
1 2
P + 0 + gh 1 P + 2 v + gh 2
2
2
1
1
( P 1 P ) + (h 1 h 2 ) 2 v 2 2
g
2
1 2
2P + (hg 1 h 2 ) 2 v 2 (1)
0
แทนค่าต่าง ๆ ลงในสมการ (1) จะได้
1
5
3
(2 1.013 10 Pa) + 600( kg / m 3 8 . 9 )( m s / 2 )( 10 m ) (600 kg/m )v 2
2 2
v = 29.5 m/s
2
ตอบ อัตราเร็วของน้ำามันที่พุ่งออกจากถังเท่ากับ 29.5 เมตรต่อวินาที
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
PB ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 293
ภาคผนวก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
294 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 295
ตัวอย่างเครื่องมือวัดและประเมินผล
แบบทดสอบ
่
์
การประเมินผลด้วยแบบทดสอบเป็นวิธีทีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการวัดผลสัมฤทธิใน
ู
การเรียนโดยเฉพาะด้านความร้เเละความสามารถทางสติปัญญา ครูควรมีความเข้าใจในลักษณะของ
แบบทดสอบ รวมทั้งข้อดีและข้อจำากัดของแบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เพ่ือประโยชน์ในการสร้างหรือเลือก
ใช้แบบทดสอบให้เหมาะสมกับส่ิงที่ต้องการวัด โดยลักษณะของแบบทดสอบ รวมท้ังข้อดีและข้อจำากัดของ
แบบทดสอบรูปแบบต่าง ๆ เป็นดังน้ี
1) แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลือก
แบบทดสอบแบบที่มีตัวเลือก ได้แก่ แบบทดสอบแบบเลือกตอบ แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
และแบบทดสอบแบบจับคู่ รายละเอียดของแบบทดสอบแต่ละแบบเป็นดังนี้
1.1) แบบทดสอบแบบเลือกตอบ
เป็นแบบทดสอบที่มีการกำาหนดตัวเลือกให้หลายตัวเลือก โดยมีตัวเลือกที่ถูกเพียงหน่ึง
ตัวเลือก องค์ประกอบหลักของแบบทดสอบแบบเลือกตอบมี 2 ส่วน คือ คำาถามและตัวเลือก แต่บางกรณี
อาจมีส่วนของสถานการณ์เพิ่มขึ้นมาด้วย แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีหลายรูปแบบ เช่น แบบทดสอบ
แบบเลือกตอบคำาถามเดี่ยว แบบทดสอบแบบเลือกตอบคำาถามชุด แบบทดสอบแบบเลือกตอบคำาถาม
2 ชั้น โครงสร้างดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำาถามเดี่ยวที่ไม่มีสถานการณ์
คำาถาม...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
294 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 295
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำาถามเดี่ยวที่มีสถานการณ์
สถานการณ์.......................................................................................
คำาถาม...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำาถามเป็นชุด
สถานการณ์.......................................................................................
คำาถามที่ 1...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
คำาถามที่ 2...............................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
296 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 297
แบบทดสอบแบบเลือกตอบแบบคำาถาม 2 ชั้น
สถานการณ์.......................................................................................
คำาถามที่ 1.........................................................................................
ตัวเลือก ก.................................................................................
ข.................................................................................
ค.................................................................................
ง.................................................................................
คำาถามที่ 2...(ถามเหตุผลของการตอบคำาถามที่ 1)...
.........................................................................................................
.........................................................................................................
ิ
แบบทดสอบแบบเลือกตอบมีข้อดีคือ สามารถใช้ผลสัมฤทธ์ของนักเรียนได้ครอบคลุม
เน้ือหาตามจุดประสงค์ สามารถตรวจให้คะแนนและแปลผลคะแนนได้ตรงกัน แต่มีข้อจำากัดคือ ไม่เปิด
โอกาสให้นักเรียนได้แสดงออกอย่างอิสระจึงไม่สามารถวัดความคิดระดับสูง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ได้
นอกจากนี้นักเรียนที่ไม่มีความรู้สามารถเดาคำาตอบได้
1.2) แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
เป็นแบบทดสอบท่ีมีตัวเลือกถูกและผิดเท่านั้น มีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ คำาสั่งและข้อความ
ให้นักเรียนพิจารณาว่าถูกหรือผิด ดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบถูกหรือผิด
คำาสั่ง ให้พิจารณาว่าข้อความต่อไปนี้ถูกหรืือผิด เเล้วใส่เครื่องหมาย หรือ หน้าข้อความ
................ 1. ข้อความ............................................................................
................ 2. ข้อความ............................................................................
................ 3. ข้อความ............................................................................
................ 4. ข้อความ............................................................................
................ 5. ข้อความ............................................................................
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
296 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 297
แบบทดสอบรูปแบบนี้สามารถสร้างได้ง่าย รวดเร็ว เเละครอบคลุมเนื้อหา สามารถตรวจ
ได้รวดเร็วเเละให้คะเเนนได้ตรงกัน แต่นักเรียนมีโอกาสเดาได้มาก และการสร้างข้อความเป็นจริงหรือ
เป็นเท็จโดยสมบูรณ์ในบางเนื้อทำาได้ยาก
1.3) แบบทดสอบแบบจับคู่
ประกอบด้วยส่วนที่เป็นคำาสั่ง และข้อความสองชุดที่ให้จับคู่กัน โดยข้อความชุดที่ 1
อาจเป็นคำาถาม และข้อความชุดท่ี 2 อาจเป็นคำาตอบหรือตัวเลือก โดยจำานวนข้อความในชุดท่ี 2 อาจมี
มากกว่าในชุดท่ี 1 ดังตัวอย่าง
แบบทดสอบแบบจับคู่
คำาสั่ง ให้นำาตัวอักษรหน้าข้อความในชุดคำาตอบมาเติมในช่องว่างหน้าข้อความในชุดคำาถาม
ชุดคำาถาม ชุดคำาตอบ
............ 1. ข้อความ.............................. ก. ข้อความ..............................
............ 2. ข้อความ.............................. ข. ข้อความ..............................
............ 3. ข้อความ.............................. ค. ข้อความ..............................
ง. ข้อความ..............................
แบบทดสอบรูปแบบน้ีสร้างได้ง่าย ตรวจให้คะแนนได้ตรงกัน และเดาคำาตอบได้ยาก
เหมาะสำาหรับวัดความสามารถในการหาความสัมพันธ์ระหว่างคำาหรือข้อความ 2 ชุด แต่ในกรณีที่นักเรียน
จับคู่ผิดไปแล้วจะทำาให้มีการจับคู่ผิดในคู่อื่น ๆ ด้วย
2) แบบทดสอบแบบเขียนตอบ
เป็นแบบทดสอบที่ให้นักเรียนคิดคำาตอบเอง จึงมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสะท้อน
ความคิดออกมาโดยการเขียนให้ผู้อ่านเข้าใจ โดยทั่วไปการเขียนตอบมี 2 แบบ คือ การเขียนตอบแบบเติมคำา
หรือการเขียนตอบอย่างสั้น และการเขียนตอบแบบอธิบาย รายละเอียดของแบบทดสอบที่มีการตอบ
แต่ละแบบเป็นดังน้ี
2.1) แบบทดสอบเขียนตอบแบบเติมคำาหรือตอบอย่างส้ัน
ประกอบด้วยคำาสั่งและข้อความที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะมีส่วนที่เว้นไว้เพื่อให้เติมคำาตอบหรือ
ข้อความสั้น ๆ ท่ีทำาให้ข้อความข้างต้นถูกต้องหรือสมบูรณ์ นอกจากนี้แบบทดสอบยังอาจประกอบด้วย
็
ำ
่
ิ
์
สถานการณ์และคำาถามที่ให้นักเรียนตอบโดยการเขียนอย่างอิสระ แตสถานการณและคาถามจะเปนสงท ่ ี
่
กำาหนดคำาตอบให้มีความถูกต้องและเหมาะสม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
298 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 299
แบบทดสอบรูปแบบน้ีสร้างได้ง่าย มีโอกาสเดาได้ยาก และสามารถวินิจฉัยคำาตอบที ่
นักเรียนตอบผิด เพื่อให้ทราบถึงข้อบกพร่องทางการเรียนรู้หรือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ แต่การจำากัด
คำาตอบให้นักเรียนตอบเป็นคำา วลี หรือประโยคได้ยาก ตรวจให้คะแนนได้ยากเนื่องจากบางคร้ังมีคำาตอบ
ถูกต้องหรือยอมรับได้หลายคำาตอบ
2.2) แบบทดสอบเขียนตอบแบบอธิบาย
เป็นแบบทดสอบที่ต้องการให้นักเรียนตอบอย่างอิสระ ประกอบด้วยสถานการณ์และ
คำาถามที่สอดคล้องกัน โดยคำาถามเป็นคำาถามแบบปลายเปิด
แบบทดสอบรูปแบบนี้ในการตอบจึงสามารถใช้วัดความคิดระดับสูงได้ แต่เนื่องจาก
นักเรียนต้องใช้เวลาในการคิดและเขียนคำาตอบมาก ทำาให้ถามได้น้อยข้อ จึงอาจทำาให้วัดได้ไม่ครอบคลุม
เนื้อหาทั้งหมด รวมทั้งตรวจให้คะแนนยาก และการตรวจให้คะแนนอาจไม่ตรงกัน
แบบประเมินทักษะ
ั
่
ื
ิ
เม่อนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมจริงจะมีหลักฐานร่องรอยทีแสดงไว้ท้งวิธีการปฏิบัตและผล
การปฏิบัติ ซ่ึงหลักฐานร่องรอยเหล่านั้นสามารถใช้ในการประเมินความสามารถ ทักษะการคิด และทักษะ
ปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
การปฏิบัติการทดลองเป็นกิจกรรมที่สำาคัญที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ โดยทั่วไป
ประเมินได้ 2 ส่วน คือประเมินทักษะการปฏิบัติการทดลองและการเขียนรายงานการทดลอง โดยเคร่ืองมือ
ที่ใช้ประเมินดังตัวอย่าง
ตัวอย่างแบบสำารวจรายการทักษะปฏิบัติการทดลอง
ผลการสำารวจ
รายการที่ต้องสำารวจ มี
(ระบุจำานวนครั้ง) ไม่มี
การวางเเผนการทดลอง
การทดลองตามขั้นตอน
การสังเกตการทดลอง
การบันทึกผล
การอภิปรายผลการทดลองก่อนลงข้อสรุป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
298 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 299
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบัติการทดลอง
ที่ใช้เกณฑ์การให้คะเเนนเเบบเเยกองค์ประกอบย่อย
คะแนน
ทักษะปฏิบัติการ
ทดลอง
3 2 1
การเลือกใช้อุปกรณ์ / เลือกใช้อุปกรณ์ / เลือกใช้อุปกรณ์ / เลือกใช้อุปกรณ์ /
เครื่องมือใน เครื่องมือในการทดลอง เครื่องมือในการทดลอง เครื่องมือในการทดลอง
การทดลอง ได้ถูกต้องเหมาะสม ได้ถูกต้องเเต่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง
กับงาน กับงาน
้
การใช้อุปกรณ์ / เลือกใช้อุปกรณ์ / ใช้อุปกรณ์ /เครื่องมือใน ใชอปกรณ /เครื่องมือใน
์
ุ
เครื่องมือใน เครื่องมือในการทดลอง การทดลองได้ถูกต้องตาม การทดลองไม่ถูกต้อง
การทดลอง ได้อย่างคล่องเเคล่ว หลักการปฏิบัติ แต่ไม่
และถูกต้องตามหลัก คล่องเเคล่ว
การปฏิบัติ
การทดลองตาม ทดลองตามวิธีการเเละ ทดลองตามวิธีการเเละ ทดลองตามวิธีการเเละ
เเผนที่กำาหนด ขั้นตอนที่กำาหนดไว้ ขั้นตอนที่กำาหนดไว้ มี ขั้นตอนที่กำาหนดไว้หรือ
อย่างถูกต้อง มีการปรับ การปรับปรุงเเก้ไขบ้าง ดำาเนินการข้ามขั้นตอน
ปรุงเเก้ไขเป็นระยะ ที่กำาหนดไว้ ไม่มีการ
ปรับปรุงแก้ไข
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
300 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 301
ตัวอย่างแบบประเมินทักษะปฏิบัติการทดลอง
ที่ใช้เกณฑ์การให้คะเเนนเเบบมาตรประมาณค่า
ผลการประเมิน
ทักษะที่ประเมิน
ระดับ 3 ระดับ 2 ระดับ 1
1.วางแผนการทดลองอย่างเป็นขั้นตอน ระดับ 3 ระดับ 2 ระดับ 1
2.ปฏิบัติการทดลองได้อย่างคล่องเเคล่ว สามารถ หมายถึง หมายถึง หมายถึง
เลือกใช้อุปกรณ์ได้ถูกต้อง เหมาะสมเเละจัดวาง ปฏิบัติได้ทั้ง ปฏิบัติได้ ปฏิบัติได้
อุปกรณ์เป็นระเบียบ สะดวกต่อการใช้งาน 3 ข้อ 2 ข้อ 1 ข้อ
3.บันทึกผลการทดลองได้ถูกต้องเเละครบถ้วน
สมบูรณ์
ตัวอย่างเเนวทางให้คะเเนนการเขียนรายงานการทดลอง
คะเเนน
3 2 1
เขียนรายการตามลำาดับ เขียนรายงานการทดลองตาม เขียนรายงานโดยลำาดับขั้นตอน
ขั้นตอน ผลการทดลองตรง ลำาดับ เเต่ไม่สื่อความหมาย ไม่สอดคล้องกัน เเละสื่อ
ตามสภาพจริงเเละสื่อ ความหมาย
ความหมาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
300 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 301
แบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
...การประเมินจิตวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำาได้โดยตรงโดยท่ัวไปทำาโดยการตรวจสอบ
ี
พฤติกรรมภายนอกท่ปรากฏให้เห็นในลักษณะของคาพูด การแสดงความคิดเห็น การปฏิบัติหรือ
ำ
ิ
ึ
ี
ี
้
่
พฤติกรรมบ่งช้ท่สามารถสังเกตหรือวัดได และแปลผลไปถึงจิตวิทยาศาสตร์ซ่งเป็นส่งทีส่งผลให้เกิด
พฤติกรรมดังกล่าว เครื่องมือที่ใช้ประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์ ดังตัวอย่าง
ตัวอย่างแบบประเมินคุณลักษณะด้านจิตวิทยาศาสตร์
คำาชี้เเจง จงทำาเครื่องหมาย ลงในช่องว่างที่ตรงกับคุณลักษณะที่นักเรียนเเสดงออก โดยจำาเเนกระดับ
พฤติกรรมการเเสดงออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
มาก หมายถึง นักเรียนเเสดงออกในพฤติกรรมเหล่านั้นอย่างสม่ำาเสมอ
ปานกลาง หมายถึง นักเรียนเเสดงออกในพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นครั้งคราว
น้อย หมายถึง นักเรียนเเสดงออกในพฤติกรรมเหล่านั้นน้อยครั้ง
ไม่มีการเเสดงออก หมายถึง นักเรียนเเสดงออกในพฤติกรรมเหล่านั้นเลย
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
มาก ปานกลาง น้อย ไม่มีการ
เเสดงออก
ด้านความอยากรู้อยากเห็น
1.นักเรียนสอบถามจากผู้รู้หรือไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม
เมื่อเกิดความสงสัยในเรื่องราววิทยาศาสตร์
2.นักเรียนชอบไปงานนิทรรศการวิทยาศาสตร์
3.นักเรียนนำาการทดลองที่สนใจไปทดลองต่อที่บ้าน
ด้านความซื่อสัตย์
1.นักเรียนรายงานผลการทดลองตามที่ทดลองได้จริง
2.เมื่อทำางานทดลองผิดพลาด นักเรียนจะลอกผล
การทดลองของเพื่อนส่งครู
3.เมื่อครูมอบหมายให้ทำาชิ้นงานสิ่งประดิษฐ์
นักเรียนจะประดิษฐ์ตามเเบบที่ปรากฏอยู่ใน
หนังสือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
302 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 303
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
ไม่มีการ
มาก ปานกลาง น้อย
เเสดงออก
ด้านความใจกว้าง
1.แม้ว่านักเรียนจะไม่เห็นด้วยกับการสรุปผลการ
ทดลองในกลุ่ม แต่ก็ยอมรับผลสรุปของสมาชิก
ส่วนใหญ่
2.ถ้าเพื่อนแย่งวิธีการทดลองนักเรียนและมีเหตุผล
ที่ดีกว่า นักเรียนพร้อมที่จะนำาข้อเสนอเเนะของ
เพื่อนไปปรับปรุงงานของตน
3.เมื่องานที่นักเรียนตั้งใจและทุ่มเททำาถูกตำาหนิ
หรือโต้เเย้ง นักเรียนจะหมดกำาลังใจ
ด้านความรอบคอบ
1.นักเรียนสรุปผลการทดลองทันทีเมื่อเสร็จสิ้น
การทดลอง
2.นักเรียนทำาการทดลองซ้ำา ๆ ก่อนที่จะสรุปผล
การทดลอง
3.นักเรียนตรวจสอบความพร้อมของอุปกรณ์ก่อน
ทำาการทดลอง
ด้านความมุ่งมั่นอดทน
1.ถึงแม้ว่างานค้นคว้าที่ทำาอยู่มีโอกาสสำาเร็จได้ยาก
นักเรียนจะยังค้นคว้าต่อไป
2.นักเรียนล้มเลิกการทดลองทันที เมื่อผลการ
ทดลองที่ได้ขัดจากที่เคยเรียนมา
3.เมื่อทราบว่าชุดการทดลองที่นักเรียนสนใจต้อง
ใช้ระยะเวลาในการทดลองนาน นักเรียนก็
เปลี่ยนไปศึกษาชุดการทดลองที่ใช้เวลาน้อยกว่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
302 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 303
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก
รายการพฤติกรรมการเเสดงออก
ไม่มีการ
มาก ปานกลาง น้อย
เเสดงออก
เจตคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์
1.นักเรียนนำาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ มาใช้
เเก้ปัญหาในชีวิตประจำาวันอยู่เสมอ
2.นักเรียนชอบทำากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ
วิทยาศาสตร์
3.นักเรียนสนใจติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ
วิทยาศาสตร์
วิธีการตรวจให้คะเเนน
ตรวจให้คะเเนนตามเกณฑ์โดยกำาหนดน้ำาหนักของตัวเลขในช่องต่าง ๆ เปน 4 3 2 1 ตามลำาดับ
็
้
่
ข้อความที่มีความหมายเป็นทางบวก กำาหนดให้คะเเนนเเตละขอความดงตอไปน ี ้
่
ั
ระดับพฤติกรรมการเเสดงออก คะเเนน
มาก 4
ปานกลาง 3
น้อย 2
ไม่มีการเเสดงออก 1
ส่วนของข้อความที่มีความหมายเป็นทางลบ กำาหนดให้้คะเเนนในแต่ละข้อความมีลักษณะตรงข้าม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
304 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 305
การประเมินการนำาเสนอผลงาน
การประเมินผลและให้คะแนนการนำาเสนอผลงานอาจใช้แนวทางการประเมินเช่นเดียวกับ
การประเมินภาระงานอื่น คือ การใช้คะแนนแบบภาพรวม และการให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย
ดังรายละเอียด ต่อไปนี้
1) การให้คะแนนในภาพรวม เป็นการให้คะแนนที่ต้องการสรุปภาพรวมจึงประเมินเฉพาะ
ประเด็นหลักที่สำาคัญ ๆ เช่น การประเมินความถูกต้องของเนื้อหา ความรู้และการประเมินสมรรถภาพ
ด้านการเขียน โดยใช้เกณฑ์การให้คะแนนแบบภาพรวม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินความถูกต้องของเนื้อหาความรู้ (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับประเมิน
- เนื้อหาไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ต้องปรับปรุง
- เนื้อหาถูกต้องเเต่ให้สาระสำาคัญน้อยมาก เเละระบุเเหล่งที่มาของความรู้ พอใช้
- เนื้อหาถูกต้อง มีสาระสำาคัญ แต่ยังไม่ครบถ้วน มีการระบุเเหล่งที่มาของความรู้ ดี
- เนื้อหาถูกต้อง มีสาระสำาคัญครบถ้วน เเละระบุเเหล่งที่มาของความรู้ชัดเจน ดีมาก
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพด้านการเขียน (แบบภาพรวม)
รายการประเมิน ระดับประเมิน
- เขียนสับสน ไม่เป็นระบบ ไม่บอกปัญหาและจุดประสงค์ ขาดการเชื่อมโยง ต้องปรับปรุง
เนื้อหาบางส่วนไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสมเเละสะกดคำาไม่
ถูกต้อง ไม่อ้างอิงเเหล่งที่มาของความรู้
- เขียนเป็นระบบเเต่ไม่ชัดเจน บอกจุดประสงค์ไม่ชัดเจน เนื้อหาถูกต้องเเต่มี พอใช้
รายละเอียดไม่เพียงพอ เนื้อหาบางตอนไม่สัมพันธ์กัน การเรียบเรียงเนื้อหาไม่
ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง อ้างอิงแหล่งที่มาของความรู้
- เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเรื่อง บอกความสำาคัญเเละที่มาของ ดี
ปัญหา จุดประสงค์ เเนวคิดหลักไม่ครอบคุมประเด็นสำาคัญทั้งหมด เนื้อหาบาง
ตอนเรียบเรียงไม่ต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง มีการยกตัวอย่าง รูปภาพเเผนภาพ
ประกอบ อ้างอิงเเหล่งที่มาของความรู้
- เขียนเป็นระบบ แสดงให้เห็นโครงสร้างของเรื่อง บอกความสำาคัญเเละที่มาของ ดีมาก
ปัญหา จุดประสงค์ เเนวคิดหลักได้ครอบคุมประเด็นสำาคัญทั้งหมด เรียบเรียง
เนื้อหาได้ต่อเนื้องต่อเนื่อง ใช้ภาษาถูกต้อง ชัดเจนเข้าใจง่าย รูปภาพเเผนภาพ
ประกอบ อ้างอิงเเหล่งที่มาของความรู้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
304 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 305
2) การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย เป็นการประเมินเพื่อต้องการนาผลการประเมิน
ำ
ไปใช้พัฒนางานให้มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ และพัฒนาคุณภาพให้สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เกณฑ์ย่อย ๆ
ำ
ในการประเมินเพื่อทำาให้รู้ทั้งจุดเด่นที่ควรส่งเสริมและจุดด้อยที่ควรแก้ไขปรับปรุงการทางานในส่วนนั้น ๆ
เกณฑ์การให้คะแนนแบบแยกองค์ประกอบย่อย มีตัวอย่างดังนี้
ตัวอย่างเกณฑ์การประเมินสมรรถภาพ (แบบแยกองค์ประกอบย่อย)
รายการประเมิน ระดับคุณภาพ
ด้านการวางเเผน
- ไม่สามารถออกเเบบได้ หรือออกเเบบได้เเต่ไม่ตรงกับประเด็นปัญหาที่ต้องการเรียนรู้ ต้องปรับปรุง
- ออกเเบบการได้ตามประเด็นสำาคัญของปัญหาบางส่วน พอใช้
- ออกเเบบครอบคลุมประเด็นสำาคัญของปัญหาเป็นส่วนใหญ่ เเต่ยังไม่ชัดเจน ดี
- ออกเเบบได้ครอบคลุมประเด็นสำาคัญของปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ดีมาก
เเละตรงตามจุดประสงค์ที่ต้องการ
ด้านการดำาเนินการ
- ดำาเนินการไม่เป็นไปตามแผน ใช้อุปกรณ์เเละสื่อประกอบถูกต้องเเต่ไม่คล่องเเคล่ว ต้องปรับปรุง
- ดำาเนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณืเเละสื่อประกอบถูกต้องเเต่ไม่คล่องเเคล่ว พอใช้
- ดำาเนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์เเละสื่อประกอบการสาธิตได้อย่าง ดี
คล่องเเคล่วและเสร็จทันเวลา ผลงานในบางขั้นตอนไม่เป็นไปตามจุดประสงค์
- ดำาเนินการตามแผนที่วางไว้ ใช้อุปกรณ์เเละสื่อประกอบได้ถูกต้อง คล่องเเคล่ว ดีมาก
เเละเสร็จทันเวลา ผลงานทุกขั้นตอนเป็นไปตามจุดประสงค์
ด้านการอธิบาย
- อธิบายไม่ถูกต้อง ขัดเเย้งกับเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ต้องปรับปรุง
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ เเต่การอธิบายเป็นเเนวพรรณนา พอใช้
ทั่วไป ซึ่งไม่คำานึงถึงการเชื่อมโยงกับปัญหาทำาให้เข้าใจยาก
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหา ดี
เเต่ข้ามไปในบางขั้นตอน ใช้ภาษาได้ถูกต้อง
- อธิบายโดยอาศัยเเนวคิดหลักทางวิทยาศาสตร์ ตรงตามประเด็นของปัญหาเเละ ดีมาก
จุดประสงค์ ใช้ภาษาได้ถูกต้องเข้าใจง่าย สื่อความหมายให้ชัดเจน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
306 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 307
บรรณานุกรม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2533). คู่มือครูวิชาฟิสิกส์ เล่ม 5. ว024
(พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2535). คู่มือครูวิชาฟิสิกส์ เล่ม 4. ว023
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2545). คู่มือครูวิชาฟิสิกส์ เล่ม 6. ว025.
กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2559). คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม 4.
(พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2559). คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติม ฟิสิกส์ เล่ม 5.
(พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
สำานักงานราชบัณฑิตยสภา. (2546). ศัพท์วิทยาศาสตร์ อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.
(พิมพ์ครั้งที่ 5 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์.
th
Giancoli, D. C. (2014). Physics: Principles with Applications. (7 ed.). Pearson.
th
Halliday, D., Resnick, R., Walker, J. (2013). Fundamentals of Physics. (10 ed.).
John Wiley & Sons, Inc.
Serway, R. A., Faughn, J. S. (2009). Holt Physics. Holt, Rinehart and Winston.
Serway, R. A., Jewett, Jr., J. W. (2014). Physics for Scientists and Engineers with
th
Modern Physics. (10 ed.). Brooks/Cole.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
306 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 307
คณะกรรมการจัดทำาคู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5
ตามผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551
--------------
คณะที่ปรึกษา
1. ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำานงค์ ผู้อำานวยการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. ดร.วนิดา ธนประโยชน์ศักดิ์ ผู้ช่วยผู้อำานวยการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีี
คณะผู้จัดทำาคู่มือครู รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5
1. นายบุญชัย ตันไถง ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. นายวัฒนะ มากชื่น ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3. นายโฆสิต สิงหสุต ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
4. นายสมตร สวนสข โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
ุ
ิ
ุ
5. นายรกษพล ธนานวงศ ์ นักวิชาการอาวุโส สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
ั
ุ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ิ
6. ดร.กวน เชอมกลาง นักวิชาการอาวุโส สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
ื
่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
7. ดร.ปรีดา พัชรมณีปกรณ์ นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
8. ดร.จำาเริญตา ปริญญาธารมาศ นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
9. นายจอมพรรค นวลดี นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
10. นายสรจิตต์ อารีรัตน์ นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
308 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 309
11. นายธนะรัชต์ คัณทักษ์ นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก ค่าคงตัวและข้อมูลทางกายภาพอื่น ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่าคงตัว
คณะผู้ร่วมพิจารณาหนังสือเรียน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์
ปริมาณ สัญลักษณ์ ค่าประมาณ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5 (ฉบับร่าง)
8
1. ผศ.ดร.บุรินทร์ อัศวพิภพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อัตราเร็วของแสง c , c 0 3.0 × 10 m s -1
-1
3
-11
2. นายประสิทธิ์ สลัดทุกข์ ข้าราชการเกษียณ จ.ตรัง ค่าคงตัวโน้มถ่วง G 6.6726 × 10 m kg s -2
-34
3. ดร.มิญช์ เมธีสุวกุล โรงเรียนกำาเนิดวิทย์ จ.ระยอง ค่าคงตัวพลังค์ h 6.6261 × 10 J s
-19
4. นายพลพิพัฒน์ วัฒนเศรษฐานุกุล สำานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 2 กรุงเทพฯ ประจุมูลฐาน e 1.6022 × 10 C
7
5. นายชรินทร์ มีแก้ว โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย จ.นครปฐม ค่าคงตัวริดเบิร์ก R 1.0974 × 10 m -1
-11
6. นางสาวสายชล สุขโข โรงเรียนจ่านกร้อง จ. พิษณุโลก รัศมีโบร์ a 5.2918 × 10 m
0
-31
7. นายสงกรานต์ บุตตะวงศ์ โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.เลย มวลอิเล็กตรอน m e 9.1094 × 10 kg
8. นายกชกร โยธาทิพย์ โรงเรียนศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มวลโปรตอน m 1.6726 × 10 kg
-27
p
9. นายเทพนคร แสงหัวช้าง นักวิชาการ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก 1.6749 × 10 kg
-27
มวลนิวตรอน m
n
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3.3436 × 10 kg
-27
มวลดิวเทอรอน m d
10. นางฤทัย เพลงวัฒนา ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
23
ค่าคงตัวอาโวกาโดร N , L 6.0221 × 10 mol -1
A
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-27
ค่าคงตัวมวลอะตอม m 1.6605 × 10 kg
11. นายวินัย เลิศเกษมสันต์ ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก u
-1
ค่าคงตัวแก๊ส R 8.3145 J mol K -1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
-23
ค่าคงตัวโบลต์ซมันน์ k 1.3807 × 10 J K -1
12. ดร.นันท์นภัส ลิ้มสันติธรรม ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ข้อมูลทางกายภาพอื่น ๆ
คณะบรรณาธิการ
ปริมาณ ค่า
1. นายบุญชัย ตันไถง ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
24
มวลของโลก 5.97 × 10 kg
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
22
มวลของดวงจันทร์ 7.36 × 10 kg
2. นายวัฒนะ มากชื่น ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก
30
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มวลของดวงอาทิตย์ 1.99 × 10 kg
3
3. นายโฆสิต สิงหสุต ผู้ชำานาญ สาขาฟิสิกส์และวิทยาศาสตร์โลก รัศมีของโลก (เฉลี่ย) 6.38 × 10 km
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รัศมีของดวงจันทร์ (เฉลี่ย) 1.74 × 10 km
5
4. นางกิ่งแก้ว คูอมรพัฒนะ นักวิชาการอิสระ รัศมีของดวงอาทิตย์ (เฉลี่ย) 6.96 × 10 km
5
5. นายนัทธี สามารถ นักวิชาการอิสระ ระยะทางระหว่างโลกและดวงจันทร์ (เฉลี่ย) 3.84 × 10 km
8
6. ดร.ศักดิ์ สุวรรณฉาย นักวิชาการอิสระ ระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ (เฉลี่ย) 1.496 × 10 km
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
308 ภาคผนวก ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 ภาคผนวก 309
ค่าคงตัวและข้อมูลทางกายภาพอื่น ๆ
ค่าคงตัว
ปริมาณ สัญลักษณ์ ค่าประมาณ
8
อัตราเร็วของแสง c , c 0 3.0 × 10 m s -1
-11
-1
3
ค่าคงตัวโน้มถ่วง G 6.6726 × 10 m kg s -2
-34
ค่าคงตัวพลังค์ h 6.6261 × 10 J s
-19
ประจุมูลฐาน e 1.6022 × 10 C
7
ค่าคงตัวริดเบิร์ก R 1.0974 × 10 m -1
-11
รัศมีโบร์ a 5.2918 × 10 m
0
-31
มวลอิเล็กตรอน m e 9.1094 × 10 kg
-27
มวลโปรตอน m 1.6726 × 10 kg
p
-27
มวลนิวตรอน m 1.6749 × 10 kg
n
-27
มวลดิวเทอรอน m d 3.3436 × 10 kg
23
ค่าคงตัวอาโวกาโดร N , L 6.0221 × 10 mol -1
A
-27
ค่าคงตัวมวลอะตอม m 1.6605 × 10 kg
u
-1
ค่าคงตัวแก๊ส R 8.3145 J mol K -1
-23
ค่าคงตัวโบลต์ซมันน์ k B 1.3807 × 10 J K -1
ข้อมูลทางกายภาพอื่น ๆ
ปริมาณ ค่า
24
มวลของโลก 5.97 × 10 kg
22
มวลของดวงจันทร์ 7.36 × 10 kg
30
มวลของดวงอาทิตย์ 1.99 × 10 kg
3
รัศมีของโลก (เฉลี่ย) 6.38 × 10 km
3
รัศมีของดวงจันทร์ (เฉลี่ย) 1.74 × 10 km
5
รัศมีของดวงอาทิตย์ (เฉลี่ย) 6.96 × 10 km
5
ระยะทางระหว่างโลกและดวงจันทร์ (เฉลี่ย) 3.84 × 10 km
8
ระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ (เฉลี่ย) 1.496 × 10 km
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
ฟ�สิกส� เล�ม ๕ ชั้นมัธยมศึกษาป�ที่ ๖