The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by niwat2524, 2021-10-08 19:56:55

physics5

236 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 237






แนวคำาตอบชวนคิด


แท่งเหล็ก อะลูมิเนียม และทังสเตนมีขนาดเท่ากัน เมื่อนำามาทดสอบด้วยเครื่องทดสอบ

ความเค้นตามยาวได้ข้อมูลตามกราฟดังรูปด้านล่าง















จงระบุชนิดโลหะให้ตรงกับหมายเลขที่กำาหนดในกราฟ
แนวคำาตอบ จากตารางที่ 17.1 พบว่าโลหะมีค่ามอดุลัสของยังเรียงจากมากไปน้อยเป็นดังนี้
ทังสเตน เหล็ก อะลูมิเนียม และค่ามอดุลัสของยังพิจารณาได้จากความชันของกราฟความเค้น
ตามยาวและความเครียดตามยาว ดังนั้น กราฟหมายเลข (1) (2) (3) จึงเป็นทังสเตน เหล็ก
อะลูมิเนียม ตามลำาดับ



ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.2 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา

แนวการวัดและประเมินผล
1. ความรู้เกี่ยวกับ สภาพยืดหยุ่น สภาพพลาสติก ความเค้น ความเครียด มอดุลัสของยัง จากการ

อภิปรายร่วมกัน คำาถามตรวจสอบความเข้าใจ

2. ทักษะการสังเกต การวัด การส่อสารสารสนเทศและการร้เท่ากันส่อ ความร่วมมือ การทางาน



เป็นทีมและภาวะผู้นำา จากการอภิปรายร่วมกันและการทำากิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์ ความอยากรู้อยากเห็นจากการอภิปรายร่วมกัน และนำาเสนอผล















สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

236 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 237





แนวคาตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 17.1


















1. เมอนาเหลก ทองแดง และแกวมาทาใหเปนแทงหรอเปนเสนยาวทมขนาดเทากนทกประการ




แล้วยึดปลายข้างหน่งไว จากน้นออกแรงดึงปลายอีกข้างหน่งไปตามแนวยาวด้วยแรงเท่ากัน



วัสดุจะเปลี่ยนแปลงความยาวต่างกันอย่างไร
แนวคำาตอบ วัสดุท่มีค่ามอดุลัสของยังสูงจะเปล่ยนขนาดได้น้อยกว่า จากข้อมูลในตาราง 17.1



เรียงลาดับการเปล่ยนความยาวจากมากท่สุดไปน้อยท่สุด คือ แก้ว ทองแดง และเหล็ก ตามลาดับ




2. วัสดุที่มีค่ามอดุลัสของยังต่างกัน สามารถทนต่อแรงภายนอกต่างกันหรือไม่ อย่างไร
แนวคำาตอบ ทนต่อแรงภายนอกได้แตกต่างกัน โดยวัสดุท่มีค่ามอดุลัสของยังมาก ต้องใช้แรง

ภายนอกมีขนาดมากกว่า เพื่อทำาให้วัสดุเปลี่ยนรูปร่าง

3. ลวดขนาดโตเท่ากันและยาวเท่ากัน แต่มีมอดุลัสของยังต่างกัน เม่อนาไปใช้แขวนวัตถุมวลเท่า

กัน ลวดแต่ละเส้นยืดแตกต่างกันหรือไม่อย่างไร
แนวคำาตอบ แตกต่างกัน โดยวัตถุที่มีค่ามอดุลัสของยังสูงกว่าจะยืดได้น้อยกว่า
เฉลยแบบฝึกหัด 17.1
1. ถาใช้ลวดเหล็กกล้าเส้นหน่งยาว 4 เมตร มีพ้นท่หน้าตัด 0.8 ตารางเซนติเมตร ผูกวัตถุมวล 7000




กิโลกรัม แขวนห้อยไว้ในแนวด่งลวดเหล็กกล้าน้จะยืดออกจากเดิมเท่าไหร เหล็กกล้ามีค่ามอดุลัส



10








ของยงเทากบ 20 × 10 นวตนตอตารางเมตร ใหแทนคา g มคาประมาณเท่ากับ 9.8 เมตร


ต่อวินาที 2 F
วิธีทำา ค่ามอดุลัสของยังเท่ากับ Y A
∆ L
L 0
F L
หรือ ∆ L × 0
A Y
7000kg × 8 . 9 ms − 2 4m
แทนค่าจะได้ ∆ L ×
10

8 . 0 × 10 m 2 20× 10 N / m 2
4
-2
= 1.715 × 10 m
-2
ตอบ ความยาวลวดที่เปลี่ยนไปเท่ากับ 1.72 × 10 เมตร หรือ 1.72 เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

238 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 239




17.2 ความตึงผิวและความหนืดของของเหลว
จุดประสงค์การเรียนรู้

1. ทดลอง อธิบายและคำานวณความตึงผิวของของเหลว
2. สังเกตและอธิบายแรงหนืดของของเหลว

แนวการจัดการเรียนรู้


ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.2 โดยถามนักเรียนว่าของเหลวมีสมบัติอย่างไรบ้าง เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดง
ความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง จากน้นครูอภิปรายสรุปว่านอกจากของเหลวไหลได ้



และเปล่ยนแปลงรูปร่างตามภาชนะท่บรรจุแล้ว ยังมีสมบัติอ่น เช่น ความตึงผิว ความหนืด ซ่งจะได ้




ศึกษาในหัวข้อต่อไป
17.2.1 ความตึงผิวของของเหลว
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง


1. ขณะเส้นลวดหลุดออกจากผิวของเหลวจะ 1. ขณะเส้นลวดหลุดออกจากผิวของเหลวจะ

มีผิวของเหลวท่ติดกับเส้นลวดเพียงผิวเดียว มีผิวของเหลวที่ติดกับเส้นลวดสองผิว


2. แรงดึงผิวมีทิศตั้งฉากกับผิวของของเหลว 2. แรงดึงผิวมีทิศขนานกับผิวของของเหลว
แต่ตั้งฉากกับวัตถุที่ติดกับผิวของเหลว










3. ใบมีดโกนหรือเข็มลอยอย่บนผิวของเหลว 3. ใบมดโกนหรอเขมลอยอยบนผวของเหลว
ด้วยแรงพยุง ด้วยแรงดึงผิว
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 3 ของหัวข้อ 17.2 ใหนังสือเรียน
ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.2.1 โดยถามนักเรียนว่าหยดนาทรงกลมกล้งบนใบไม้บางชนิดเกิดข้นได ้









อย่างไร เพราะเหตุใด แมลงบางชนิดอย่น่งหรือเคล่อนท่บนผิวนาได้โดยไม่จม เก่ยวข้องอย่างไรกับสมบัต ิ




ของของเหลวเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

238 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 239








ครูอาจให้นักเรียนทากิจกรรมลองทาด โดยนาใบมีดโกนหรือเข็มเย็บผ้าไปลอยนา การวางใบมีดโกน








ให้ลอยบนผิวนาสามารถทาได้โดยกางลวดหนีบกระดาษให้ทามุมฉาก นาใบมีดโกนไปวางบนท่หนีบกระดาษ








แล้วนาไปจ่มผิวนาให้ใบมีดโกนสัมผัสผิวนา เล่อนท่หนีบกระดาษออกอย่างช้าๆ แต่ใบมีดโกนยังคงลอย
บนผิวน้ำาได้






การวางเข็มเย็บผ้าบนผิวนาทาโดยตัดกระดาษเย่อเป็นช้นเล็กๆ วางบนผิวนา นาเข็มมาวางบน



กระดาษเยื่อ ใช้ปลายดินสอหรือปากกากดกระดาษเยื่อที่ตำาแหน่งต่างๆ จนกระดาษเยื่อจมน้ำา แต่เข็มเย็บ
ผ้ายังคงลอยบนผิวน้ำาได้ ดังรูป













ครูนำานักเรียนร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า การที่หยดน้ำาทรงกลมกลิ้งบนใบไม้บางชนิด แมลงบาง








ชนิดอย่น่งหรือเคล่อนท่บนผิวนาได้โดยไม่จม การท่ใบมีดโกนหรือเข็มเย็บผ้าซ่งมีความหนาแน่นมากกว่า






นา ลอยอย่บนผิวนาได้น้น เกิดข้นจากแรงระหว่างโมเลกุลท่ผิวหน้าของนายึดกันไว้เป็นหยดหรือรับ






นาหนักของเข็มหรือใบมีดโกนได เรียกแรงน้ว่า แรงดึงผิวของนา จากน้นใช้รูป 17.6 ในหนังสือเรียนประกอบ





การอภิปรายเพื่อสรุปว่าทิศทางของแรงนี้อยู่ในแนวขนานกับผิวของเหลว ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูนาเข้าส่กิจกรรม 17.2 โดยต้งคาถามว่าแรงดึงผิวของของเหลวกระทากับวัตถุท่สัมผัส






มีลักษณะอย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง จากนั้น
ครูชี้แจงว่าจะได้ศึกษาในกิจกรรม 17.2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

240 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 241






กิจกรรม 17.2 แรงดึงผิวของของเหลว



จุดประสงค์
1. สังเกตลักษณะแรงดึงผิวของของเหลวที่กระทำากับวัตถุ

เวลาที่ใช้ 20 นาที

วัสดุและอุปกรณ์
1. เส้นลวดดัดเป็นห่วงรูปวงกลม 1 อัน

2. น้ำาสบู่ 1 แก้ว
3. เส้นด้ายยาวประมาณ 10 เซนติเมตร 1 เส้น

ตัวอย่างผลการทำากิจกรรม











ก่อนเจาะฟิล์มน้ำาสบู่ หลังเจาะฟิล์มน้ำาสบู่




แนวคำาตอบคำาถามท้ายกิจกรรม


□ รูปร่างของห่วงด้าย หลังเจาะฟิล์มน้ำาสบู่ภายในห่วงแล้วมีรูปร่างอย่างไร
แนวคำาตอบ เมื่อฟิล์มภายในห่วงด้ายขาด ห่วงด้ายมีรูปร่างเป็นวงกลม

□ จากผลที่เกิดขึ้น แรงที่ฟิล์มน้ำาสบู่กระทำาต่อห่วงด้ายมีทิศทางอย่างไร





แนวคาตอบ แรงของฟิล์มนาสบ่ทาให้ห่วงด้ายเป็นรูปวงกลม แสดงว่าทิศของแรงต้งฉากกับ

เส้นด้ายทุกผิวสัมผัส








สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

240 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 241






อภิปรายหลังการทำากิจกรรม


เมื่อเจาะฟิล์มน้ำาสบู่ทำาให้ฟิล์มในห่วงด้ายขาด ห่วงด้ายมีรูปร่างเป็นรูปวงกลม เนื่องจากแรง
ของฟิล์มน้ำาสบู่มีทิศทางตั้งฉากกับเส้นด้ายทุกผิวสัมผัส














หลงจากการทากจกรรมครและนกเรยนรวมกนอภปรายจนสรปไดวาแรงดงผวของของเหลว
มีทิศทางขนานกับผิวของเหลวและต้งฉากกับขอบผิวของเหลวท่สัมผัสกับวัตถ และสมบัติในการยึด



ของเหลวด้วยแรงดึงผิวคือความตึงผิว ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูอาจให้นักเรียนสังเกตผิวน้ำาในหลอดแก้วที่จุ่มในน้ำา หรือผิวน้ำาในหลอดทดลองขนาดเล็ก

แล้วอธิบายว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นน้น เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวัง

คาตอบท่ถูกต้อง จากน้นครูนาอภิปรายปรากฏการณ์การโค้งของผิวของเหลวซ่งเกิดจากแรงเช่อม






















แนนซงเปนแรงระหวางโมเลกลชนดเดยวกนและแรงยึดตดซงเปนแรงระหวางโมเลกลตางชนด


เม่อของเหลวบรรจุในภาชนะ ถ้าแรงเช่อมแน่นระหว่างโมเลกุลของของเหลวน้อยกว่าแรงยึดติด

ระหว่างโมเลกุลของของเหลวกับภาชนะทาให้ผิวของเหลวโค้งเว้าลง แต่ถ้าแรงเช่อมแน่นระหว่าง

โมเลกุลของของเหลวมากกว่าแรงยึดติดระหว่างของเหลวกับภาชนะจะทาให้ผิวของเหลวโค้งนูนข้น


ดังรูป 17.7 ในหนังสือเรียน

ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 207 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
แนวคำาตอบชวนคิด
เมื่อเทน้ำาและปรอทออกจากหลอดทดลอง ของเหลวใดจะมีโอกาสติดอยู่ข้างแก้วมากกว่ากัน
แนวคำาตอบ เมื่อเทน้ำาและปรอทออกจากหลอดทดลอง น้ำาจะติดข้างแก้วมากกว่าเพราะน้ำามีแรง
ยึดติดกับหลอดแก้วมากกว่าปรอท



ครูอาจให้นักเรียนสังเกตระดับนาในหลอดรูเล็ก (capillary tube) ท่จ่มลงในนา หรือสังเกตการ




ซึมของนาผ่านกระดาษเย่อ หรือใช้รูป 17.8 ในหนังสือเรียนประกอบการอภิปรายปรากฏการณ์การซึมตาม


รูเล็ก ซึ่งเกิดจากแรงเชื่อมแน่นและแรงยึดติดตามรายละเอียดในหนังสือเรียน

ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 207 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

242 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 243






แนวคำาตอบชวนคิด


อธิบายปรากฏการณ์การซึมตามรูเล็กในรูป 17.8 ได้อย่างไร

แนวคำาตอบ รูป 17.8 ก ระดับน้ำาในหลอดรูเล็กสูงกว่าระดับน้ำาภายนอกหลอด เนื่องจากแรงยึด
ติดระหว่างโมเลกุลน้ำากับแก้วมากกว่าแรงเชื่อมแน่นระหว่างโมเลกุลของน้ำา ทำาให้ระดับน้ำาในหลอด
รูเล็กสูงขึ้น



รูป 17.8 ข ระดับปรอทในหลอดรูเล็กตากว่าระดับปรอทภายนอกหลอด เน่องจากแรงยึดติด




ระหว่าโมเลกุลปรอทกับแก้วน้อยกว่าแรงเช่อมแน่นระหว่างโมเลกุลของปรอท ทาให้ระดับปรอท

ในหลอดรูเล็กลดลง
ครูให้นักเรียนยกตัวอย่างปรากฏการณ์การซึมตามรูเล็กที่พบได้ในชีวิตประจำาวัน จากนั้นร่วมกันใช้




ความร้เร่องแรงเช่อมแน่นและแรงยึดติดอภิปรายปรากฏการณ์ท่นักเรียนตัวอย่างหรืออธิบายตัวอย่าง
ปรากฏการณ์การซึมตามรูเล็กที่พบได้ในชีวิตประจำาวัน ในหนังสือเรียน


ครูอภิปรายทบทวนทิศทางของแรงดึงผิวของของเหลวและสมบัติความตึงผิวของของเหลวท่ทาให ้











เกดปรากฏการณ์ตาง ๆ ทเก่ยวของกบความตึงผว แล้วถามนักเรยนว่า ความตงผิวหาได้อยางไร เปดโอกาส


ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง จากน้นให้นักเรียนศึกษาความ


สัมพันธ์ระหว่างความตึงผิว แรงดึงผิว และความยาวในแนวตั้งฉากกับแรงกระทำา ตามสมการ (17.4) และ

ให้นักเรียนพิจารณากรณีท่ของเหลวท่เป็นแผ่นฟิล์มบาง แผ่นฟิล์มท่สัมผัสวัตถุมีสองด้าน ความยาวในแนว


ตั้งฉากกับแรงกระทำาจึงเป็นสองเท่าของความยาวที่แผ่นฟิล์มสัมผัสวัตถุ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูตั้งคำาถามว่า ถ้าต้องการหาความตึงผิวของของเหลวชนิดหนึ่ง ต้องปฏิบัติอย่างไร แล้วใช้สมการ
(17.4) ร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า ในการหาความตึงผิว ต้องหาแรงดึงผิวของของเหลว ความยาวในแนว




ต้งฉากกับแรงกระทา เพ่อใช้คานวณตามสมการ ซ่งสามารถศึกษาได้จากกิจกรรม 17.3 ความตึงผิวของ

ของเหลว




สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

242 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 243






กิจกรรม 17.3 ความตึงผิวของของเหลว



จุดประสงค์
1. เพื่อหาความตึงผิวของของเหลวบางชนิด

เวลาที่ใช้ 50 นาที

วัสดุและอุปกรณ์
1. ชุดทดลองวัดความตึงผิวของของเหลว 1 ชุด

2. ของเหลวต่าง ๆ เช่น น้ำา น้ำาเกลือ น้ำายาล้างจาน 1 แก้ว

ตัวอย่างผลการทำากิจกรรม

เส นรอบวงของ น้ำหนักชิ้นโลหะที่ใช ถ วง ขนาดแรงที่ใช ดึงห วง
ชนิด F
ของเหลว ห วงวงกลม จนห วงวงกลมหลุดจาก วงกลมให หลุดจาก 2 L (N/m)
L (m) ผิวของเหลว (N) ผิวของเหลว F (N)

น้ำ 0.277 0.096 0.032 0.058



น้ำเกลือ 0.277 0.091 0.030 0.055




คำาแนะนำาเพิ่มเติม
1. วัดระยะ x และ y

2. เติมน้ำาหนักที่ขอเกี่ยวโลหะ จนคานสมดุลในแนวระดับ แล้วเติมน้ำาในภาชนะจนห่วงวงกลม
สัมผัสผิวน้ำาพอดี

3. ค่อยๆ ใส่ชิ้นโลหะ เพื่อให้ห่วงกลมหลุดจากผิวน้ำาพอดี ระวังไม่ให้ปล่อยชิ้นโลหะกระแทกกับ
ขอเกี่ยวโลหะ
4. นำาน้ำาหนักชิ้นโลหะที่เติมมาคำานวณหาแรงที่ดึงห่วงวงกลมให้หลุดจากผิวน้ำาพอดี



เมื่อใส่ชิ้นโลหะจนห่วงวงกลมหลุดจากผิวของของเหลวพอดีนั้น ถ้าพิจารณาแรงที่กระทำากับ
คานและห่วงวงกลม จะเขียนเวกเตอร์ของแรงได้ ดังรูป







สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

244 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 245























รูป แรงที่กระทำาต่อคานและห่วงวงกลม
จากรูป ขณะที่ห่วงวงกลมหลุดจากผิวของเหลวพอดีนั้น คานยังอยู่ในสมดุล เมื่อคิดโมเมนต์
รอบจุด P จะได้
Fy = Wx
x
เพราะฉะนั้น F = W
y
x 1
สำาหรับชุดการทดลองนี้ อัตราส่วนของ
y 3
ดังนั้น แรงที่ผิวของเหลวยึดห่วงวงกลมหรือแรงตึงผิว F = W
3
เนื่องจากห่วงวงกลมเริ่มหลุดจากผิวของเหลวพอดี จะได้แรงที่ใช้ดึงห่วงวงกลมให้หลุดจาก
W
ผิวของเหลวมีขนาดเท่ากับแรงตึงผิวซึ่งเท่ากับ
3




แนวคำาตอบคำาถามท้ายกิจกรรม









□ ขณะท่ห่วงวงกลมกาลังจะหลดออกจากผิวของเหลว มีผวของเหลวสัมผัสกบหวงวงกลมกดาน


อย่างไร
แนวคาตอบ ขณะท่ห่วงวงกลมกาลังจะหลุดออกจากผิวของเหลว มีผิวของเหลวสัมผัสกับห่วง



วงกลมสองด้าน คือด้านนอกและด้านในของห่วงวงกลม
□ ความตึงผิวของของเหลวชนิดเดียวกัน มีค่าแตกต่างกันหรือไม่
แนวคำาตอบ ความตึงผิวของของเหลวชนิดเดียวกัน มีค่าเท่ากัน
□ ความตึงผิวของของเหลวต่างชนิดกัน มีค่าแตกต่างกันหรือไม่
แนวคำาตอบ ความตึงผิวของของเหลวต่างชนิดกัน มีค่าต่างเท่ากัน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

244 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 245






อภิปรายหลังการทำากิจกรรม


ความตึงผิวของของเหลวหาได้จากค่าแรงดึงผิวต่อหนึ่งหน่วยความยาวที่ตั้งฉากกับผิวสัมผัส
ถ้าผิวสัมผัสเป็นฟิล์มบาง ผิวสัมผัสในแนวต้งฉากมีสองด้าน ค่าความตึงผิวของของเหลวชนิดเดียว

กันจะมีค่าเท่ากันและความตึงผิวของของเหลวต่างชนิดมีค่าต่างกัน


ครูใช้ผลการทากิจกรรมนาอภิปรายจนสรุปได้ว่า ในขณะท่ห่วงวงกลมของอุปกรณ์หาค่า



ความตึงผิวกาลังจะหลุดจากของเหลว ของเหลวท่สัมผัสห่วงสองด้านคือด้านนอกและด้านในของ


ห่วงวงกลมตามรูป 17.10 ความยาวในแนวต้งฉากกับแรงจึงเป็นสองเท่าของเส้นรอบวง และผลการทา ำ
กิจกรรมพบว่า ของเหลวชนิดเดียวกันความตึงผิวมีค่าเท่ากัน ของเหลวต่างชนิดกันค่าความตึงผิว


ต่างกัน ครูใช้คาถามว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ส่งเจือปนในของเหลว อุณหภูมิของของเหลว มีผลต่อ
ความตึงผิวหรือไม่ อย่างไร จากนั้นให้นักเรียนศึกษาตาราง 17.2 ความตึงผิวของของเหลวบางชนิด
แล้วร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า ความตึงผิวของของเหลว นอกจากจะขึ้นกับชนิดของเหลวยังขึ้น










อย่กับอุณหภูมิอีกด้วย เม่ออุณหภูมินาเพ่มข้นความตึงผิวของนาลดลง และเม่อของเหลวชนิดหน่งม ี
สิ่งอื่นเจือปนค่าความตึงผิวจะเปลี่ยนไป ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.3 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
17.2.2 ความหนืดของของเหลว
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง


1. ความหนืดเป็นสมบัติของของเหลวท่มีความ 1. ความหนืดเป็นสมบัติของของเหลวทุกชนิด

เข้มข้นมากเท่านั้น



สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ของเหลวที่มีความหนืดต่างกัน เช่น น้ำาผึ้ง น้ำาเชื่อม น้ำามันพืช น้ำายาล้างจาน ฯลฯ
2. ภาชนะบรรจุของเหลว
3. แท่งแก้ว


แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 4 ของหัวข้อ 17.2 ในหนังสือเรียน


ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.2.2 โดยให้นักเรียนเทของเหลวท่มีความหนืดต่างกันลงในภาชนะ เปรียบเทียบ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

246 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 247




การไหลของของเหลว แล้วให้นักเรียนใช้แท่งแก้วคนของเหลวทีละชนิด สังเกตแรงที่ใช้ในการคนของเหลว

ว่าสัมพันธ์กับอัตราเร็วในการไหลของของเหลวหรือไม อย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น



อย่างอิสระ ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง จากน้นร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า ของเหลวแต่ละชนิดมีอัตราเร็ว






ในการไหลได้ไม่เทากัน ของเหลวทไหลได้เร็วใช้แรงคนน้อยกวาของเหลวท่ไหลชา ปรากฏการณน้เกดจาก



สมบัติของของเหลว ซึ่งจะได้ศึกษาจากการทำากิจกรรม 17.4 ความหนืดของของเหลว
กิจกรรม 17.4 ความหนืดของของเหลว
จุดประสงค์
1. สังเกตและอธิบายผลของความหนืดของของเหลว

เวลาที่ใช้ 30 นาที

วัสดุและอุปกรณ์
1. กระบอกใส ความสูงอย่างน้อย 50 เซนติเมตร 1 กระบอก
2. ลูกเหล็กกลม 1 ลูก
3. ของเหลวชนิดต่าง ๆ เช่นน้ำา น้ำามันพืช น้ำายาล้างจาน 1 แก้ว

4. นาฬิกาจับเวลา 1 เรือน

ตัวอย่างผลการทำากิจกรรม






























สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

246 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 247







ระดับความลึก เวลาที่ลูกกลมตกในน้ำยาล างจาน (s) อัตราเร็ว
(cm) ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 เวลาเฉลี่ย (cm/s)


0 0 0 0 0 0

5 0.98 0.92 0.95 0.95 5.26


10 1.82 1.92 1.92 1.89 5.32

15 2.67 2.69 2.77 2.71 6.10

20 3.32 3.35 3.35 3.34 7.94


25 3.95 3.73 3.95 3.88 9.26





แนวคำาตอบคำาถามท้ายกิจกรรม


□ อัตราเร็วการจมของลูกเหล็กกลมเปลี่ยนแปลงอย่างไร
แนวคำาตอบ อัตราเร็วเพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการจม จนถึงจุดหนึ่งจะจมต่อไปด้วยอัตราเร็วสม่ำา




เสมอ (ถ้าหลอดทดลองมีความยาวมากพอจะสามารถสังเกตผลได แต่การทดลองน้นายาล้างจาน
ไม่ค่อยหนืดและหลอดทดลองสั้นเกินไป)
□ เวลาที่ลูกเหล็กกลมเคลื่อนที่ในของเหลวต่างชนิดกัน ที่มีความลึกเท่ากัน แตกต่างกันหรือไม่
แนวคำาตอบ ลูกเหล็กกลมจมในของเหลวต่างชนิดกันที่มีความลึกเท่ากันจะใช้เวลาต่างกัน






















สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

248 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 249






อภิปรายหลังการทำากิจกรรม



เม่อลกกลมจมในของเหลวในกระบอกตวง อตราเรวในการจมเพมขนในช่วงแรก เมอถึงจดหนง












อัตราเร็วสม่ำาเสมอ กรณีที่เป็นของเหลวต่างชนิดกัน ความลึกเท่ากันลูกเหล็กใช้เวลาจมต่างกัน
ครูให้นักเรียนนำาเสนอผลการทำากิจกรรม และร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า เมื่อปล่อยให้ลูก
เหล็กกลมเคลื่อนที่ในของเหลวพบว่าอัตราเร็วเพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการจม จนถึงจุดหนึ่งจะจมต่อ



ไปด้วยอัตราเร็วสมาเสมอ และลูกเหล็กกลมจมในของเหลวต่างชนิดกันท่มีความลึกเท่ากันจะใช ้
เวลาต่างกัน สมบัติในการต้านการไหลของของเหลวหรือต้านการเคล่อนท่ของวัตถุผ่านของเหลว





เรียกว่า ความหนืด แรงท่ของเหลวต้านการเคล่อนท่ของวัตถุในของเหลวน้นคือแรงหนืด ตามราย

ละเอียดในหนังสือเรียน จากนั้นให้นักเรียนศึกษาตาราง 17.3 ความหนืดของของเหลวบางชนิด ที่

อุณหภูม 20 องศาเซลเซียส แล้วร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า ของเหลวต่างชนิดกัน มีความหนืดต่างกัน
ครูกำาหนดหัวข้อ การนำาสมบัติความหนืดของของเหลวไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ให้นักเรียนสืบค้น
และนำาเสนอผลการสืบค้น
แนวการวัดและประเมินผล
1. ความร้เก่ยวกับกฎข้อท่หน่งของอุณหพลศาสตร์และการประยุกต จากการตอบคาถามตรวจ






สอบความเข้าใจ 16.4 และการทำาแบบฝึกหัด 16.4
2. ทักษะการแก้ปัญหาและการใช้จานวนจากการคานวณปริมาณต่างๆ ท่เก่ยวข้องกับกฎข้อท่หน่ง






ของอุณหพลศาสตร์และการประยุกต์
3. จิตวิทยาศาสตร์/เจตคติด้านความมีเหตุผล และความรอบคอบ จากการอภิปรายร่วมกัน และจาก
การทำาแบบฝึกหัด 16.4













สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

248 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 249





แนวคาตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 17.2



1. แรงดึงผิวของของเหลวมีทิศทางใด

แนวคำาตอบ แรงดงผวในของเหลวมีทศทางขนานกบผิวของเหลวและตงฉากกับความยาวของ





ผิวสัมผัส
2. ปล่อยลูกกลมเหล็กขนาดเท่ากันในของเหลวต่างชนิดกัน ที่มีความลึกเท่ากัน ปรากฏว่าใช้เวลา
ตกถึงก้นภาชนะต่างกัน สมบัติใดของของเหลวที่อธิบายปรากฏการณ์นี้และอธิบายได้อย่างไร
แนวคำาตอบ สมบัติของของเหลวท่อธิบายการปล่อยลูกกลมเหล็กขนาดเท่ากันในของเหลวต่าง

ชนิดกัน มีความลึกเท่ากัน ใช้เวลาตกถึงก้นภาชนะต่างกัน คือ ความหนืดของของเหลว โดยลูก

กลมเหล็กใช้เวลาในการเคล่อนท่ในของเหลวท่มีความหนืดมาก มากกว่า ของเหลวท่มีความ



หนืดน้อย


เฉลยแบบฝึกหัด 17.2











1. หลอดดูดนาเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.7 เซนติเมตร เม่อจ่มท่ผิวนาแล้วดึงข้นเป็นฟิล์มบางจนเกือบ
ขาด ความตึงผิวน้ำาเท่ากับ 0.0728 นิวตันต่อเมตร แรงดึงผิวมีค่าเป็นเท่าใด
F
วิธีทำา จาก γ
l
ดังนั้น F = γ × l
7 . 0 × 10 − 2
แทนค่าจะได้ F . 0 0728 N/m× 2×π × ( m ) 2
2
F = 0.00056056 N
ตอบ แรงดึงผิวเท่ากับ 0.0006 นิวตัน

















สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

250 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 251




17.3 ของไหลสถิต
จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความดันในของเหลว ความสัมพันธ์ระหว่างความดันในของเหลวกับความหนาแน่น
ของของเหลว ความลึกของของเหลว และความเร่งโน้มถ่วงของโลก
2. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันเกจ ความดันสัมบูรณ์ และความดันบรรยากาศพร้อม
ทั้งคำานวณหาความดันต่าง ๆ

3. อธิบายหลักการทำางานของแมนอมิเตอร์ บารอมิเตอร์ และเครื่องอัดไฮดรอลิก
4. ทดลอง อธิบายและคำานวณขนาดแรงพยุงจากของไหล

สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. สายยางใส
2. โฟมชิ้นเล็ก ๆ

3. ถังน้ำา

แนวการจัดการเรียนรู้







ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.3 โดยให้นักเรียนสังเกตโฟมช้นเล็ก ๆในถังนา แล้วเทนาให้ไหลผ่านสายยาง
ให้สังเกตโฟมชิ้นเล็ก ๆ ที่เคลื่อนที่ผ่านสายยาง แล้วตั้งคำาถามว่าน้ำาที่อยู่นิ่ง กับน้ำาที่กำาลังไหล มีสมบัติต่าง
กันหรือไม อย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง จากน้น











ครูอภิปรายสรุปว่าของไหลท่อย่น่งกับของไหลขณะกาลังเคล่อนท่มีสมบัติท่แตกต่างกัน ซ่งจะได้ศึกษา

ในหัวข้อต่อไป
17.3.1 ความดันในของไหล
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง

1. แรงดันของของเหลวเป็นแรงท่ของเหลว 1. แรงดันของของเหลวเป็นแรงท่ของเหลว

กระทาต่อก้นและผนังด้านข้างภาชนะเท่า กระทำาต่อทุกผิวที่สัมผัสกับของเหลว

นั้น
สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. ลูกบอลพลาสติกหรือขวดน้ำาพลาสติกเจาะรูเล็ก ๆ ไว้รอบ ๆ






สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

250 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 251




แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 5 และข้อ 6 ของหัวข้อ 17.3 ในหนังสือเรียน










ครนาเขาสหวขอ 17.3.1 โดยใชภาพ 17.11 ในหนังสอเรียน หรอลกบอลพลาสติกหรอขวดพลาสติก








ท่เจาะรูไว้รอบ ๆ ให้นักเรียนสังเกตการไหลของนาท่ออกจากรูท่เจาะไว ครูอาจแนะนาให้สังเกตมุมของสาย



นาท่ไหลออกมากับผนังภาชนะ ระยะทางท่สายนาพ่งออกมาจากตาแหน่งต่าง ๆ ของภาชนะ ให้นักเรียน







นำาเสนอผลการสังเกต เปิดโอกาสให้นักเรียนนำาเสนอผลการสังเกตอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง












จากน้นร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า การท่นาพ่งออกจากร แสดงว่า มีแรงกระทาต่อนา แรงน้ดันให้นาออก



มาในทิศทางต้งฉากกับผนังภาชนะผ่านรูท่เจาะ ไม่ว่าผนังจะอย่ในแนวใด เรียกว่าแรงดัน แรงน้เป็นแรงท่ขอ


งเหลวกระทาต่อภาชนะหรือวัตถุในแนวต้งฉากกบผิวท่ของเหลวสัมผัสเสมอ ตามรายละเอียดและรูป 17.12




หนังสือเรียน







ครูใช้คาถามว่าถ้าแรงดันสมาเสมอกระทาต่อพ้นท่ผิวท่ของเหลวสัมผัส แรงดันมีความสัมพันธ์กับ
ขนาดพื้นที่อย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำาถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง จากนั้นร่วม


กันอภิปรายจนสรุปได้ว่า แรงดันข้นอย่กับขนาดของพ้นท แรงดันของเหลวท่กระทาต้งฉากกับหน่งหน่วย







พื้นที่เรียกว่า ความดัน ซึ่งมีความสัมพันธ์ตามสมการ (17.5) ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน


ครูใช้คาถามว่าความดันของเหลวข้นอย่กับอะไร เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคาถามอย่างอิสระ



ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง จากน้นครูยกสถานการณ์ของผ้ท่เคยดานาแล้วร้สึกปวดแก้วหูเม่อดานาลึก ๆ
































เนองจากความดนของนาทาใหรสกปวดแกวห ประกอบการอภิปรายเพอนาเขาสกจกรรม 17.5 ความดนใน
ของเหลว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

252 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 253






กิจกรรม 17.5 ความดันในของเหลว



จุดประสงค์
1. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันและความลึกในของเหลว เมื่อความหนาแน่นของของ
เหลวมีค่าคงตัว

2. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความดันและความหนาแน่นของของเหลวเมื่อความลึกมีค่าคงตัว

เวลาที่ใช้ 50 นาที

วัสดุและอุปกรณ์
1. แมนอมิเตอร์ 1 เครื่อง
2. กระบอกตวง 3 อัน
3. ของเหลวที่มีค่าความหนาแน่นต่างกัน ได้แก่ น้ำา น้ำาเกลือ กลีเซอรอล 1 แก้ว

4. ไม้บรรทัด 1 อัน

ตัวอย่างผลการทำากิจกรรม
ตอนที่ 1

ตารางบันทึกผลการทดลอง
ตาราง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความดันเกจและความลึกของน้ำา


ความลึก h (m) 0.02 0.04 0.06 0.08 0.10


ความดันเกจ 200 390 590 780 780
P (N/m )
2


เมื่อนำาผลที่ได้จากการทดลองไปเขียนกราฟระหว่างความดันเกจ และความลึกของน้ำา h ได้
กราฟดังแสดงในรูป















สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

252 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 253






2
ั เกจ P (N/m )
น ด ม า ว ค
12
10

80
60

40
20

0 0.08 0.10 0.12 ความลึก h (m)
0.02 0.04 0.06

รูป กราฟระหว่างความดันและความลึกของน้ำา
ตอนที่ 2

ตารางบันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 2
ตาราง แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความดันเกจและความหนาแน่นของของเหลว


ของเหลว ความหนาแน น ความดันเกจ
ρ
(kg/m ) P (N/m )
3
2
น้ำ 1.00 x 10 3 500


น้ำเกลือ 1.10 x 10 3 540

กลีเซอรอล 1.20 x 10 3 590



เมื่อนำาผลที่ได้จากการทดลองไปเขียนกราฟระหว่างความดันและความหนาแน่นของของเหลว
ได้กราฟดังแสดงในรูป


















สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

254 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 255






2
น ด ม า ว ค ั เกจ P (N/m )
600
580
560
540
520

500


3
3
480 ค ม น น แ า น ห ρ (× 10 kg/m )
0.95 1.00 1.05 1.10 1.15 1.20 1.25

รูป กราฟระหว่างความดันและความลึกของน้ำา

แนวคำาตอบคำาถามท้ายกิจกรรม


□ กราฟที่ได้จากตอนที่ 1 ความดัน P และความลึก h มีความสัมพันธ์หรือไม่ อย่างไร
แนวคาตอบ กราฟความสัมพันธ์ระหว่างความดัน P และความลึก h เป็นเส้นตรงแสดงว่า

ความดัน P และความลึก h มีความสัมพันธ์กัน โดยแปรผันตามกัน

□ กราฟที่ได้จากตอนที่ 2 ความดัน P และความหนาแน่น ρ มีความสัมพันธ์หรือไม่ อย่างไร
แนวคาตอบ กราฟความสัมพันธ์ระหว่างความดัน P และความหนาแน่น ρ เป็นเส้นตรงแสดงว่า

ความดัน P และความหนาแน่น ρ มีความสัมพันธ์กัน โดยแปรผันตามกัน




























สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

254 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 255






อภิปรายหลังการทำากิจกรรม





ของเหลวท่มีความหนาแน่นคงตัว เม่อวัดค่าความดันท่ระดับความลึกต่าง ๆ กราฟความดันกับ









ความลึกเปนเสนตรงแสดงวาความความดนของของเหลวกบความลกแปรผนตรงตามกน สวนของ
เหลวท่ความหนาแน่นต่างกันท่ระดับความลึกเดียวกัน กราฟความดันของของเหลวกับความหนา


แน่นเป็นเส้นตรง แสดงว่าความดันของของเหลวกับความหนาแน่นแปรผันตรงตามกัน

ครูใช้ผลจากการทากิจกรรมนาอภิปรายจนสรุปได้ว่า ความดันท่ตาแหน่งใด ๆ ในของเหลวม ี



ความสัมพันธ์กับความลึกจากผิวของเหลวและความหนาแน่นของของเหลวน้น โดยความดันของเหลว

แปรผันตรงกับความลึกและความหนาแน่นของของเหลว






ใหนกเรียน ศกษาการหาคาความดันในของเหลวท่มความหนาแน่น ρ ทระดับความลก h โดย



พิจารณาจากแท่งของเหลวพื้นที่หน้าตัด A สูง h ตามรูป 17.13 หาค่าความดันสัมบูรณ์ (Absolute


pressure) และความดันเกจ (Gauge pressure : P ) จนไดความสัมพนธ ตามสมการ (17.6) (17.7)

g
และ (17.8) ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน โดยครูเป็นผู้แนะนำา

ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 221 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
แนวคำาตอบชวนคิด
ถ้าเขียนกราฟระหว่างความดันสัมบูรณ์กับความลึก จะมีลักษณะอย่างไรและกราฟตัด
แกนตั้งหมายถึงอะไร
แนวคำาตอบ กราฟระหว่างความดันสัมบูรณ์กับความลึก จะมีลักษณะเป็นเส้นตรง
และจุดที่กราฟตัดแกนตั้งเป็นค่าความดันบรรยากาศ
ภาชนะทั้งสามมีระดับน้ำาสูงเท่ากันและพื้นที่ก้นภาชนะเท่ากัน ดังรูป จงตอบคำาถามต่อ
ไปนี้





ก. แรงที่น้ำากระทำาต่อก้นภาชนะทั้งสาม เนื่องจากความดันของน้ำาเท่ากันหรือไม่
แนวคำาตอบ แรงที่น้ำากระทำาต่อก้นภาชนะทั้งสาม เนื่องจากความดันของน้ำาเท่ากัน




สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

256 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 257







ข. น้ำาในภาชนะทั้งสาม เมื่อนำาไปชั่ง จะมีน้ำาหนักเท่ากันหรือไม่
แนวคำาตอบ น้ำาในภาชนะทั้งสาม มีน้ำาหนักไม่เท่ากัน
ค. เหตุใดคำาตอบที่ได้ในข้อ ก.และ ข.จึงต่างกัน
แนวคำาตอบ คำาตอบในข้อ ก. แรงที่กระทำาต่อก้นภาชนะได้จากผลคูณของความดัน
กับพื้นที่ซึ่งภาชนะทั้งสามบรรจุน้ำาลึกเท่ากัน พื้นที่เท่ากันแรงที่กระทำาต่อพื้นที่ก้น

ภาชนะจึงเท่ากัน คำาตอบในข้อ ข. ภาชนะทั้งสามบรรจุน้ำาปริมาตรต่างกัน น้ำาหนัก
จึงต่างกัน




ครูให้นักเรียนศึกษาสมการ (17.6) โดยให้พิจารณาค่าของตัวแปรแต่ละตัวว่าเปล่ยนแปลงค่าหรือ

ไม่อย่างไร ให้นักเรียนนาเสนอผลการศึกษา แล้วใช้ผลท่ได้จากการนาเสนอร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า ใน


ของเหลวชนดเดยวกน ความลกเทากน ความดนสมบรณและความดนเกจเทากน ไมขนกบรปรางภาชนะ



































ทบรรจ ตามรายละเอียดในหนังสอเรยน ครอาจใชภาชนะรปรางต่างกน บรรจนาลกเทากนจากคาถามชวน

คิดอภิปรายประกอบการสรุป
5

ครูยกสถานการณ ถ้าความดันบรรยากาศ ในสภาวะหน่งเท่ากับ 10 นิวตันต่อตารางเมตร และพ้นท ่ ี




ผิวกายของคนเท่ากับ 0.5 ตารางเมตร ให้นักเรียนคานวณแรงกระทาต่อร่างกายของคนแล้วเปรียบเทียบ
กับน้ำาหนักของสิ่งของในชีวิตประจำาวัน จากนั้นใช้คำาถามว่าแรงนี้ส่งผลต่อร่างกายหรือไม่ อย่างไร และถ้า
ความดันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำาถามอย่างอิสระ

ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง ครูใช้คาตอบของนักเรียนนาอภิปรายจนสรุปได้ว่า โดยปกติร่างกายจะสร้าง










ความดนภายในใหเทากบความดันบรรยากาศรอบ ๆ ทาให้เรามกจะไม่รสึกกับผลจากความดันของ

บรรยากาศ เน่องจากเราค้นเคยมาต้งแต่เกิด แต่เม่อมีการเปล่ยนแปลงความดันรอบตัวเราร่างกายจะร้สึก






ต่อผลจากความดันที่แตกต่างไป ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน



ครูอาจยกสถานการณ์ให้นักเรียนใช้ความร้เร่องการเปล่ยนแปลงความดันอากาศร่วมกันอภิปราย



เช่น ความร้สึกในขณะน่งรถข้นหรือลงภูเขาอย่างรวดเร็ว การปรับความดันในชุดอวกาศเม่อมนุษย์ต้องออก

ไปในอวกาศ ฯลฯ
ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.4 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 223 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน

แสดงความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

256 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 257






แนวคำาตอบชวนคิด


ทำาไมเมื่อนำาถุงขนมขึ้นไปบนยอดเขา ถุงขนมจึงพองขึ้น แล้วถ้านำาถุงขนมติดตัวไปดำาน้ำาใต้ทะเลลึก

ถุงขนมจะเป็นอย่างไร












แนวคำาตอบ เมื่อนำาถุงขนมขึ้นไปบนยอดเขา ถุงขนมจึงพองขึ้น เนื่องจากความดันอากาศในถุงขนม

มากกว่าความดันบรรยากาศภายนอก ถ้านำาถุงขนมติดตัวไปดำาน้ำาใต้ทะเลลึก ถุงขนมจะแฟบลง
เนื่องจากความดันอากาศในถุงขนมน้อยกว่าความดันน้ำาใต้ทะเล







ครูนาอภิปรายจนสรุปได้ค่าความดันท่ตาแหน่งต่าง ๆ มีค่าต่างกัน เม่ออยู่ในอากาศ ความดันเป็น







ค่าความดันอากาศ เม่ออย่ในของเหลวท่ระดับความลึกค่าหน่ง ความดันท่ตาแหน่งน้นเป็นความดันของ


ของเหลวหรือความดันเกจรวมกับความดันบรรยากาศ เรียกว่า ความดันสัมบูรณ ครูใช้คาถามว่าอุปกรณ์วัด
ความดันคืออะไร อุปกรณ์นั้นทำางานได้อย่างไร จะได้ศึกษาในหัวข้อต่อไป
17.3.2 อุปกรณ์ที่ใช้วัดความดัน
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. อุปกรณ์ท่ใช้วัดความดันต้องใช้ปรอทใน 1. อุปกรณ์ท่ใช้วัดความดันสามารถใช้ของ



การวัดเท่านั้น เหลวอ่นและวิธีอ่น ๆ ในการวัดความดันได ้

สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า


1. ตัวอย่างเครื่องวัดความดันหรือภาพเครื่องวัดความดันแบบต่าง ๆ






สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

258 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 259




แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 7 ของหัวข้อ 17.3 ในหนังสือเรียน

ครูนำาเข้าสู่หัวข้อ 17.3.2 โดยให้นักเรียนดูเครื่องวัดความดันหรือภาพเครื่องวัดความดันแบบต่าง ๆ
















แลวครนาอภปรายวา เครองวัดความดนมหลายรปแบบข้นอยกบวตถประสงคของการใชงาน เชน เครองวัด





ความดันบรรยากาศ เคร่องวัดความดันเกจอย่างง่าย จากน้นให้นักเรียนศึกษาหลักการทางานของบารอมิเตอร ์



แบบปรอท โดยใช้รูป 17.14 ในหนังสือเรียน เพ่อตอบคาถามว่า ระดับปรอทในหลอดแก้วสัมพันธ์กับความ




ดันบรรยากาศอย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคาถามอย่างอิสระ ไม่คาดหวังคาตอบท่ถูกต้อง ครูใช้คา


ตอบของนักเรียนนำาอภิปรายหลักการทำางานของบารอมิเตอร์แบบปรอทตามรายละเอียดในหนังสือเรียน














ครอาจถามคาถามชวนคดในหนา 225 ใหนกเรยนอภปรายรวมกน โดยครเปดโอกาสใหนกเรยนแสดง

ความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
แนวคำาตอบชวนคิด
ถ้าต้องการสร้างบารอมิเตอร์โดยใช้น้ำาแทนปรอท สำาหรับวัดความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำาทะเล
หลอดแก้วควรยาวอย่างน้อยเท่าใด และความสูงของน้ำาในหลอดแก้วจะเป็นเท่าใด
5
แนวคำาตอบ ความดันบรรยากาศที่ระดับน้ำาทะเลเท่ากับ 1.013 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร
จาก P = ρgh
3
5
2
2
3
แทนค่า 1.013 × 10 N/m = 10 kg/m × 9.8 m/s × h
h = 10.33 เมตร
ระดับน้ำาในหลอดแก้วสูง 10.33 เมตร
ดังนั้นต้องใช้หลอดแก้วที่ยาวมากกว่า 10.33 เมตร

ครูทบทวนการใช้เคร่องมือวัดความดันในการทากิจกรรม 17.5 ความดันในของเหลวและช้แจงนัก



เรียนว่าเคร่องวัดความดันน้นคือแมนอมิเตอร แล้วให้นักเรียนใช้รูป 17.15 ศึกษาส่วนประกอบและหลัก


การทำางานของแมนอมิเตอร์ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.5 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา

ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 227 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน
แสดงความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

258 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 259






แนวคำาตอบชวนคิด


เพราะเหตุใดเมื่อเราใช้หลอดดูดของเหลว จึงทำาให้ของเหลวไหลเข้าปากได้

แนวคำาตอบ ในขณะที่ใช้หลอดดูดของเหลว เป็นการทำาให้ความดันในหลอดดูดและในปากลดต่ำากว่า
ความดนอากาศภายนอก ทำาให้อากาศดันของเหลวผ่านหลอดเข้าปากได้




ครูอาจให้นักเรียนยกตัวอย่างปรากฏการณ์ท่เกิดจากความดันบรรยากาศและความดันสัมบูรณ์ซ่ง







เป็นของความดนของเหลวรวมกับความดันบรรยากาศ จากนนถามว่าถามีแรงกระทาตอของเหลวอย่น่ง


บรรจุอย่ในภาชนะปิดความดันในของเหลวเป็นอย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคาถามอย่างอิสระ


ไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง หลังจากนักเรียนตอบคำาถามแล้วให้หาคำาตอบโดยใช้รูป 17.16 ศึกษากฎของ







พาสคาลโดยครูเป็นผ้แนะนาจนสรุปได้ว่า เม่อเพ่มความดันให้ของเหลวท่อย่น่งในภาชนะปิด ความดันท ่ ี




เพ่มข้นจะส่งผ่านไปทุก ๆ จุดในของเหลวน้น หลักการน้เรียกว่า กฎพาสคัล (Pascal’s law) ตาม
รายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูควรเน้นย้ำาว่า กฎของพาสคาลใช้กับของเหลวอยู่นิ่งในภาชนะปิดและความดันส่วนที่เพิ่มขึ้นเกิด



จากแรงภายนอกท่กระทาต่อของเหลวเท่าน้น ครูต้งคาถามว่าการประยุกต์ใช้กฎของพาสคาลในชีวิต


ประจาวันทาได้อย่างไร ให้นักเรียนใช้รูป 17.17 ศึกษาการทางานของเคร่องอัดไฮดรอลิกอย่างง่ายแล้วร่วม





กันอภิปรายจนสรุปความสัมพันธ์ระหว่างแรงดันกับพ้นท่ของลูกสูบได ตามสมการ (17.9) ตามราย



ละเอียดในหนังสือเรียน และครูใช้สมการดังกล่าวนาอภิปรายจนสรุปได้ว่า เคร่องอัดไฮดรอลิกอย่างง่ายเป็น

เคร่องกลท่ผ่อนแรงได้และเป็นส่วนประกอบในอุปกรณ์เคร่องจักร เคร่องยนต์ต่าง ๆ ซ่งครูอาจนาภาพ






เครื่องกลดังกล่างประกอบการอภิปราย
ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.6 และ 17.7 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
17.3.3 แรงพยุงจากของไหล
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง





1. วัตถุท่จมอย่ในของเหลวอย่ท่ก้นภาชนะไม ่ 1. วัตถุถูกแรงพยุงของของเหลวกระทาทุก
มีแรงพยุงของของเหลวกระทำา ตำาแหน่งที่วัตถุนั้นอยู่ในของเหลว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

260 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 261




สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า

1. วัตถุที่จมน้ำา เช่น ก้อนหิน เหล็ก
2. วัตถุที่ลอยน้ำา เช่น โฟม ไม้ ฯลฯ

3. ภาชนะบรรจุน้ำา

แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 8 ของหัวข้อ 17.3 ในหนังสือเรียน




















ครนาเขาสหวขอ 17.3.3 โดยใหนกเรยนหยอนวตถตาง ๆ ทเตรยมไวลงในภาชนะบรรจนา





สังเกตผลท่เกิดข้น แล้วต้งคาถามว่าทาไมวัตถุบางชนิดจมนาและวัตถุบางอย่างลอยนา วัตถุลอยนาได้อย่างไร







ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำาถามอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง จากนั้นครูยกสถานการณ์

วัตถุลอยน่งในนานาอภิปรายจนสรุปได้ว่า แรงลัพธ์ท่กระทาต่อวัตถุต้องเป็นศูนย เม่อพิจารณาแรงท่กระทา










ต่อวัตถุในแนวด่งพบว่ามีแรงท่นากระทาต่อวัตถุในทิศทางตรงข้ามกับนาหนักของวัตถุทาให้วัตถุลอยน่งได ้








เรียกว่า แรงพยุง



ครูต้งคาถามว่า แรงพยุงของของเหลวมีความสัมพันธ์กับส่งใด วัตถุท่จมในของเหลวมีแรงพยุงของ

ของเหลวกระทำาต่อวัตถุนั้นหรือไม่ นักเรียนสามารถหาคำาตอบจากกิจกรรม 17.6 แรงพยุง
กิจกรรม 17.6 แรงพยุง
จุดประสงค์
1. เพื่อศึกษาแรงพยุงที่กระทำาต่อวัตถุที่อยู่ในของเหลว
เวลาที่ใช้ 30 นาที
วัสดุและอุปกรณ์
1. เครื่องชั่งสปริง 1 เครื่อง
2. วัตถุที่ไม่ละลายน้ำา 1 ชิ้น
3. ถ้วยยูเรกา 1 แก้ว
4. บีกเกอร์หรือกระบอกตวง 1 อัน
5. เครื่องชั่งน้ำาหนัก 1 เครื่อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

260 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 261






ตัวอย่างผลการทำากิจกรรม

ในการทดลองครั้งนี้ใช้แท่งเหล็กมวล 500 กรัม



าที่อ
านไดจากตาชั่ง
วัตถุ ค
าที่หายไป ปริมาตรของน้ำที่ น้ำหนักของน้ำ
3
เมื่อชั่งในอากาศ เมื่อชั่งในน้ำ (N) ถูกแทนที่ (cm ) ที่ถูกแทนที่ (N)
(N) (N)


เหล็ก 4.85 4.15 0.70 67 0.66






แนวคำาตอบคำาถามท้ายกิจกรรม


□ น้ำาหนักวัตถุในอากาศและน้ำาหนักวัตถุในน้ำาเท่ากันหรือไม่ อย่างไร








แนวคาตอบ นาหนักวัตถุในอากาศและนาหนักวัตถุในนาต่างกัน โดยนาหนักวัตถุในอากาศมีค่า

มากกว่า
□ น้ำาหนักของน้ำาที่ล้นออกมาเท่ากับน้ำาหนักวัตถุที่หายไปหรือไม่
แนวคำาตอบ น้ำาหนักของน้ำาที่ล้นออกมาเท่ากับน้ำาหนักวัตถุที่หายไป
อภิปรายหลังการทำากิจกรรม

น้ำาหนักของวัตถุขณะที่จมอยู่ในน้ำามีค่าน้อยกว่าน้ำาหนักวัตถุที่ชั่งวัตถุในอากาศ โดยน้ำาหนัก

วัตถุที่หายไปเท่ากับน้ำาหนักน้ำาที่มีปริมาตรเท่าวัตถุส่วนที่จมในน้ำา








ครูนาอภิปรายผลการทากิจกรรมว่า นาหนักของวัตถุขณะท่จมอย่ในนามีค่าน้อยกว่านาหนัก








วัตถุท่ช่งวัตถุในอากาศ โดยนาหนักวัตถุท่หายไปท่ากับนาหนักนาท่มีปริมาตรเท่าวัตถุส่วนท่จมใน



















นา นาหนักวัตถุท่หายไปขณะจมอย่ในนาเน่องจากนามีแรงกระทาต่อวัตถุในทิศข้น แรงน้คือ แรงพยุง
ของน้ำา
จากนั้นใช้รูป 17.18 อภิปรายจนสรุปไดว่า เมื่อวัตถุอยู่ในของเหลวจะมีแรงที่ของเหลวกระ






ทาต่อวัตถุในทิศข้น แรงน้นคือ แรงพยุงของของเหลวและเท่ากับนาหนักวัตถุท่หายไปเม่อช่งในของ


สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

262 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 263






เหลว ถ้าวัตถุลอยในของเหลวแรงพยุงของของเหลวเท่ากับน้ำาหนักวัตถุ ตามรายละเอียดในหนังสือ

เรียน
ให้นักเรียนศึกษาแรงในแนวดิ่งที่กระทำาต่อแท่งวัตถุ ที่จมในของเหลวตามรูป 17.19 โดยครู
เป็นผู้ให้คำาแนะนำา แล้วร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่า แรงพยุงของของเหลวเท่ากับน้ำาหนักของของ



เหลวท่มีปริมาตรเท่ากับวัตถุส่วนท่จม โดยไม่ข้นกับรูปทรงของวัตถุตามสมการ (17.10) ซ่งสอดคล้อง





กับหลักของอาร์คิมิดิสท่เสนอไว้ว่า “วัตถุท่อย่ในของไหลท้งหมดหรือเพียงบางส่วน จะถูกแรงพยุงจาก
ของไหลกระทา โดยขนาด แรงพยุงเท่ากับขนาดนาหนักของของไหลท่ถูกวัตถุแทนท่” ตามรายละเอียด





ในหนังสือเรียน
ครูอาจถามคาถามชวนคิดในหน้า 236 ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกัน โดยครูเปิดโอกาสให้นักเรียน

แสดงความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
แนวคำาตอบชวนคิด

วัตถุมวลเท่ากันมีปริมาตรเท่ากันและมีความหนาแน่นมากกว่าของเหลวแขวนอยู่กับ
เครื่องชั่งสปริงที่มีค่าคงตัวเท่ากัน ให้เรียงลำาดับแรงที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงจากมากไปหาน้อย

เมื่อให้วัตถุจมอยู่ที่ตำาแหน่งต่าง ๆ ดังรูป















แนวคำาตอบ แรงที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงจากมากไปหาน้อย คือ เครื่องชั่ง A > B = C = D
จากน้ำาหนักวัตถุเมื่อชั่งในของเหลวจะเท่ากับ น้ำาหนักวัตถุ – แรงพยุงของของเหลว และแรงพยุงของ
ของเหลวเท่ากับน้ำาหนักของของเหลวที่มีปริมาตรเท่าวัตถุส่วนที่จม ภาพที่กำาหนดให้พบว่ามีวัตถุ

จมในของเหลวทั้งก้อนเท่ากัน แรงพยุงของของเหลวที่กระทำาต่อวัตถุจึงเท่ากัน ดังนั้น เครื่องชั่ง
B C D อ่านน้ำาหนักได้เท่ากัน สำาหรับเครื่องชั่ง A อ่านน้ำาหนักได้มากกว่า เพราะแรงพยุงน้อยกว่า
เนื่องจากวัตถุจมในของเหลวน้อยกว่า



สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

262 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 263




แนวการวัดและประเมินผล




1. ความร้เก่ยวกับ ความดันในของเหลว ความดันเกจ ความดันสัมบูรณ หลักการทางานของ
บารอมิเตอร์ แมนอมิเตอร์ เครื่องอัดไฮดรอลิก แรงพยุงจากของเหลว จากการอภิปรายร่วมกัน
คำาถามตรวจสอบความเข้าใจ
2. ทักษะการสังเกต การวัด การส่อสารสารสนเทศและการร้เท่ากันส่อ ความร่วมมือ การทางานเป็น




ทีมและภาวะผู้นำา จากการอภิปรายร่วมกันและการทำากิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์จากความมุ่งมั่นอดทนในการทำากิจกรรม

แนวคาตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 17.3



1. อธิบายการทำางานของหลอดฉีดยา ขณะดูดของเหลวเข้าไปในหลอด








แนวคำาตอบ เมอจมปลายของหลอดฉดยาลงในของเหลว ขณะดงกานหลอดฉดยาภายในหลอด
ฉีดยามีสภาพเป็นสุญญากาศ แรงดันจากอากาศภายนอกจึงดันของเหลวเข้าไปในหลอด
2. ในการใช้เครื่องชั่งสปริง ชั่งน้ำาหนักวัตถุ เหตุใดเมื่อชั่งในขณะที่วัตถุอยู่ในของเหลว เครื่องชั่งจึง
อ่านค่าได้น้อยกว่าเมื่อชั่งในขณะที่วัตถุอยู่ในอากาศ
แนวคำาตอบ น้ำาหนักวัตถุขณะที่ชั่งในของเหลว น้อยกว่าน้ำาหนักที่ชั่งในอากาศ เนื่องจากขณะ

ท่ช่งวัตถุในอากาศ เคร่องช่งสปริงแสดงค่านาหนักวัตถ เม่อช่งวัตถุในของเหลว เคร่องช่งสปริง










แสดงค่าผลต่างของน้ำาหนักวัตถุกับแรงพยุงของของเหลวกระทำาต่อวัตถุ
เฉลยแบบฝึกหัด 17.3
3
1. ถ้าน้ำาทะเลมีความหนาแน่น 1.03 × 10 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และความดันบรรยากาศที่
5


ระดับนาทะเลเท่ากับ 10 นิวตันต่อตารางเมตร จงหาความดันเกจและความดันสัมบูรณ์ท่ใต ้

ทะเลลึก 100 เมตร ให้แทนค่า g มีค่าประมาณเท่ากับ 9.8 เมตรต่อวินาที 2
วิธีทำา ความดันเกจหาได้จาก P = ρgh
g
แทนค่าจะได้ P = 1.03 × 10 kg/m × 9.8 m/s × 100 m
3
2
3
g
P = 10 N/m 2
6
g
ความดันสัมบูรณ์หาได้จาก P = P + ρgh
0
5
6
แทนค่าจะได้ P = 10 N/m + 10 N/m 2
2
= 1.1 × 10 N/m 2
6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

264 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 265






6 6
ตอบ ความดันเกจเท่ากับ 10 นิวตันต่อตารางเมตร ความดันสัมบูรณ์เท่ากับ 1.1 × 10 นิวตัน
ต่อตารางเมตร


17.4 พลศาสตร์ของของไหล
จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายสมบัติของของไหลอุดมคติ สายกระแส หลอดการไหล และอัตราการไหล
2. อธิบายสมการความต่อเนื่อง สมการแบร์นูลลี รวมทั้งคำานวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
3. อธิบายหลักการทำางานของอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยใช้สมการความต่อเนื่องและ สมการแบร์นูลลี

สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า
1. เม็ดโฟม

2. รางน้ำา
3. น้ำา

แนวการจัดการเรียนรู้
ครูนำาเข้าสู่หัวข้อ 17.4 โดยใส่เม็ดโฟมลงในน้ำา เทน้ำาผ่านรางน้ำาให้นักเรียนสังเกตการเคลื่อนที่ของ

เม็ดโฟมท่ถูกนาพัดพาไป ให้นักเรียนนาเสนอผลการสังเกต ครูใช้ผลการนาเสนอของนักเรียนอภิปรายว่า










เม่อของไหลมีการเคล่อนท่อธิบายปรากฏการณ์ท่เกิดข้นด้วย พลศาสตร์ของของไหล ซ่งจะได้ศึกษาในหัวข้อน ้ ี
17.4.1 ของไหลอุดมคติ
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง


1. ของไหลอุดมคติเป็นแบบจาลองข้นเพ่อ 1. ของไหลอุดมคติเป็นการอธิบายพฤติกรรม

อธิบายพฤติกรรมของของไหล ของของไหลภายใต้เงื่อนไขที่กำาหนด

แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 9 ของหัวข้อ 17.4 ในหนังสือเรียน


ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.4.1 โดยให้นักเรียนดูภาพหรือคลิปวีดิทัศน์แสดงการไหลของอากาศผ่านอุโมงค ์

ลม แล้วร่วมกันอภิปรายลักษณะการไหลของอากาศผ่านอุโมงค์ลม หรืออภิปรายผลการสังเกตการเคล่อน
ท่ของเม็ดโฟมทีถูกนาพัดพาไป แนวเส้นทางการไหลของของไหลเป็นอย่างไร ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตอบ



คำาถามอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง แล้วร่วมกันอภิปรายจนสรุปได้ว่าการเคลื่อนที่ของของ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

264 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 265









ไหลบางตาแหน่งเป็นระเบียบ บางตาแหน่งมีการหมุนวน บางตาแหน่งเร็ว บางตาแหน่งช้า เพ่อให้ง่ายต่อ
การทำาความเข้าใจจึงจะพิจารณาเป็นของไหลอุดมคติ


















จากนนครนาอภปรายจนสรปไดวา ของไหลอดมคตเปนของไหลทมการไหลสมาเสมอ ไมมความ
หนืดบีบอัดไม่ได้ ไหลโดยไม่หมุน แล้วใช้รูป 17.20 อภิปรายการใช้เส้นแทนแนวการเคลื่อนที่ของของไหล
เรียกว่าสายกระแสซึ่งจะไม่ตัดกัน ลักษณะของการไหลเป็นชั้นบาง ๆ และสรุปลักษณะของไหลอุดมคติได้
ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
17.4.2 สมการความต่อเนื่อง
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
-
แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 10 ของหัวข้อ 17.4 ในหนังสือเรียน


ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.4.2 โดยทบทวนลักษณะของของไหลอุดมคติในหัวข้อไม่สามารถอัดตัวได ้








ทาให้ความหนาแน่นของของไหลคงตัว แล้วต้งคาถามว่าของเหลวไหลในท่อท่มีพ้นท่หน้าตัดไม่สมาเสมอ




เช่นการบีบปลายสายยาง ขณะรดนาต้นไม อัตราเร็วการไหลในแต่ละตาแหน่งในท่อสมาเสมอหรือไม สัมพันธ ์










กับพ้นท่หน้าตัดของทอหรือไม อย่างไร ครูเปิดโอกาสให้นกเรียนตอบคาถามอย่างอสระ โดยไม่คาดหวัง
คำาตอบที่ถูกต้อง




จากน้นให้นักเรียนศึกษาสมการความต่อเน่องโดยพิจารณาการไหลของของเหลวผ่านท่อท่มีพ้นท ี ่
หน้าตัดต่างกันด้วยอัตราเร็วที่ต่างกันตามรูป 17.21 ในหนังสือเรียน โดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
ให้นักเรียนนาผลการศึกษามาอภิปรายร่วมกันจนสรุปได้ว่า เม่อของเหลวไหลผ่านท่อ ผลคูณของ














พนทหนาตดของทอกบอตราเรวของของไหลมคาเทากบปรมาตรของไหลทผานพนทหนาตดในทอในหนง
















หน่วยเวลา เรียกว่า อัตราการไหล และท่อท่มีพ้นท่หน้าตัดต่างกัน อัตราการไหลเท่ากันตามสมการ (17.12)


แสดงถึงความต่อเนื่องของการไหล เรียกว่า สมการความต่อเนื่อง ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
ครูให้นักเรียนศึกษาตัวอย่างที่ 17.8 ในหนังสือเรียนโดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
17.4.3 สมการแบร์นูลลี
ความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน แนวคิดที่ถูกต้อง
1. สมการแบร์นูลลีใช้อธิบายปรากฏการณ์ท ่ ี 1. สมการแบร์นูลลีใช้อธิบายปรากฏการณ์ท ี ่
เกิดจากของไหลทุกชนิด เกิดจากของไหลอุดมคติเท่านั้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

266 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 267




สิ่งที่ครูต้องเตรียมล่วงหน้า

1. ภาชนะบรรจุน้ำาเจาะรูด้านข้าง

แนวการจัดการเรียนรู้
ครูชี้แจงจุดประสงค์การเรียนรู้ข้อที่ 11 ของหัวข้อ 17.4 ในหนังสือเรียน




ครูนาเข้าส่หัวข้อ 17.4.3 โดยอภิปรายทบทวนการไหลของของเหลวในท่อท่มีปลายท้งสองอย่ใน


ระดับเดียวกัน มีพื้นที่หน้าตัดต่างกัน อธิบายการไหลด้วยสมการต่อเนื่อง จากนั้นยกสถานการณ์ของเหลว
ในท่อที่ปลายทั้งสองอยู่ในระดับต่างกัน พื้นที่หน้าตัดต่างกัน แล้วตั้งคำาถามว่า การไหลของของเหลวในท่อ
นี้จะอธิบายได้อย่างไร อัตราเร็วการไหลของของเหลวสัมพันธ์กับความสูงของปลายท่อหรือไม่ อย่างไร ครู
เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำาถามอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง



จากน้น ให้นักเรียนใช้รูป 17.22 ศึกษาสมการแบร์นูลลีการไหลของของเหลวในท่อท่ปลายท้งสอง
อยู่ในระดับต่างกัน พื้นที่หน้าตัดต่างกัน ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน โดยครูเป็นผู้ให้คำาแนะนำา
ครูอาจให้คำาแนะนำาดังนี้
พิจารณาของไหลเริ่มต้นไหลจากตำาแหน่งสูง y จากระดับอ้างอิงในช่วงเวลา Δt ผ่านพื้นที่หน้าตัด
1
A ด้วยความเร็ว v ได้ระยะ Δx และมีปริมาตร ΔV ดังแสดงในรูป 17.22 ก.
1
1
1
1

















ในชวงเวลา Δt เดยวกน จะมของไหลทตาแหนงสง y จากระดบอางอง ผานพนทหนาตด A


2
2
ด้วยความเร็ว v ได้ระยะ Δx และมีปริมาตร ΔV ดังรูป 17.22 ข.
2
2
1







เน่องจากของไหลในอุดมคติไม่สามารถอัดได ดังน้นของไหลท่เคล่อนท่ผ่านตาแหน่งท้งสองจะม ี

ปริมาตร ΔV เท่ากัน และมวล Δm เท่ากัน พิจารณาการเปลี่ยนแปลงพลังงานได้ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงพลังงานศักย์อธิบายตามสมการ (17.14)
การเปลี่ยนแปลงพลังงานจลน์อธิบายตามสมการ (17.15)
และพิจารณาว่า การไหลดังกล่าวเกิดจากแรงดันเนื่องจากความดันในของไหล
งานเนื่องจากความดันหาได้จาก W = PΔV
จากความสัมพันธ์ระหว่างงานและพลังงานจะได้ว่า งานเนื่องจากความดันที่กระทำาต่อระบบเท่ากับ
พลังงานรวมของระบบที่เปลี่ยนไปตามสมการ W = ΔE
1
ρ
แทนค่าและแก้สมการจะได +P v ρ 2 + gh = ค่าคงตัว

2
ครูให้นักเรียนนาเสนอผลการศึกษาและอภิปรายร่วมกันจนได้ความสัมพันธ์ระหว่าง ความดัน

อัตราเร็วในการไหล ระดับความลึกในของไหล ตามสมการ (17.16) ซึ่งสมการนี้ เรียกว่า สมการแบร์นูลลี
กล่าวว่า ผลรวมของความดัน พลังงานจลน์ต่อหนึ่งหน่วยปริมาตร และพลังงานศักย์โน้มถ่วงต่อหนึ่งหน่วย
ปริมาตร ณ ตำาแหน่งใด ๆ ภายในท่อที่ของไหลผ่าน มีค่าคงตัวเสมอ
ครูตั้งคำาถามว่า สมการแบร์นูลลี ใช้อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือนำาไปประยุกต์ได้อย่างไร ครู
เปิดโอกาสให้นักเรียนตอบคำาถามอย่างอิสระ โดยไม่คาดหวังคำาตอบที่ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

266 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 267
























จากนนครใหนกเรยนสงเกตอตราเรวของนาทไหลออกจากรดานขางกบระดบนาในภาชนะ



ให้นักเรียนนาเสนอผลการสังเกต แล้วร่วมกันอภิปรายความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของนาท่ไหลออกจาก

รูด้านข้างภาชนะกับระดับนาในภาชนะ โดยใช้สมการแบร์นูลลีและรูป 17.23 ในหนังสือเรียน โดยประยุกต ์


ใช้กับภาชนะขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับรูที่น้ำาไหล อัตราเร็วการไหลของน้ำาที่รูกับที่ผิวน้ำาต่างกันมาก ๆ ความ
สัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของน้ำาที่ไหลออกจากรูสัมพันธ์กับความลึกเป็นไปตามสมการ (17.19) ซึ่งเรียกว่า
กฎของตอร์รีเชลลี

ครูให้นักเรียนศึกษาส่วนประกอบและหลักการทางานของเคร่องพ่นละอองนาตามรูป 17.24





นาเสนอผลการศึกษา แล้วร่วมกันอภิปรายจนสรปุการทางานของเคร่องพ่นละอองนาได้ตามรายละเอียด



ในหนังสือเรียน
ครูให้นักเรียนศึกษาลักษณะของปีกเคร่องบินและแนวการไหลของอากาศผ่านปีเคร่องบินตามรูป


17.25 แล้วร่วมกันอภิปรายการประยุกต์ใช้สมการแบร์นูลลีจนสรปุได้ว่าอากาศด้านบนปีกเคร่องบินเคล่อน




ท่ได้ระยะทางมากกว่าด้านล่าง อัตราเร็วการไหลอากาศด้านบนปีกเครื่องบินมากกว่าด้านล่าง ทาให้ความดัน






อากาศด้านบนปีกเคร่องบินน้อยกว่าความดันอากาศดานล่าง ทาใหเกิดแรงยกให้เคร่องบินลอยข้นได ้
ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน












ครอาจถามคาถามชวนคดในหนา 245 ใหนกเรยนอภปรายรวมกน โดยครเปดโอกาสใหนกเรยนแสดง



ความคิดเห็นแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ แล้วครูนำาอภิปรายจนได้แนวคำาตอบดังนี้
แนวคำาตอบชวนคิด
จากปรากฏการณ์พายุฤดูร้อนทำาให้หลังคาบ้านที่มีพายุพัดผ่านปลิวหลุดออกจากตัวบ้านได้ สามารถ
อธิบายด้วยสมการแบร์นูลลีได้อย่างไร
แนวคำาตอบ อากาศเคลื่อนที่ผ่านหลังคาบ้านด้วยอัตราเร็วมากในขณะที่อากาศภายในบ้านมีอัตราเร็ว
น้อยกว่าทาให้ความดันอากาศภายในบ้านมากกว่าความดันอากาศเหนือหลังคาบ้านและดันให้หลังคา

บ้านปลิวหลุดออกจากตัวบ้านได้
แนวการวัดและประเมินผล





1. ความร้เก่ยวกับ สมบัติของของไหลอุดมคต สายกระแส อัตราการไหล สมการแบร์นูลล การทางาน
ของอุปกรณ์ต่าง ๆ จากการอภิปรายร่วมกัน คำาถามตรวจสอบความเข้าใจ


2. ทักษะการสังเกต การวัด การส่อสารสารสนเทศและการร้เท่ากันส่อ ความร่วมมือ การทางานเป็น


ทีมและภาวะผู้นำา จากการอภิปรายร่วมกันและการทำากิจกรรม
3. จิตวิทยาศาสตร์จากความอยากรู้อยากเห็น ความรอบคอบในการร่วมอภิปราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

268 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 269





แนวคาตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 17.4



1. ถ้านาในท่อประปาท่ไหลผ่านมาตราวัด อัตราการไหล 40 ลิตรต่อนาท จงหาอัตราเร็วของนาในท่อ






ประปา เมื่อส่งผ่านท่อที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร
R
แนวคำาตอบ จาก R = Av หรือ v
A
40× 10 − 3
แทนค่า จะได้ v − 2
60× ( π 2× 10 ) 2
2
= 2.1 เมตรต่อวินาที
2. ของไหลในอุดมคติต้องมีลักษณะใดบ้าง
แนวคำาตอบ ของไหลในอุดมคติต้องมีลักษณะดังนี้
1) ไม่มีความหนืดหรือแรงเสียดทานภายในระหว่างชั้นของของไหล
2) ไม่สามารถอัดตัวได้ ทำาให้ความหนาแน่นของของไหลมีค่าคงตัว
3) ไหลสม่ำาเสมอ (steady flow) คือ ที่ตำาแหน่งใดตำาแหน่งหนึ่งในของไหลความ

เร็วและความดันของของไหล มีค่าคงตัว

4) ไหลโดยไม่หมุน กล่าวคือของไหลไม่มีลักษณะการไหลเช่ยวและไม่มีการไหล
วนเกิดขึ้น




เฉลยแบบฝึกหัด 17.4



1. เม็ดเลือดไหลด้วยอัตราเร็ว 10 เซนติเมตรต่อวินาที ในเส้นเลือดใหญ่รัศมี 0.3 เซนติเมตร ไปสู่

เส้นเลือดขนาดเล็กลง มีรัศมี 0.2 เซนติเมตร อัตราเร็วของเม็ดเลือดในเส้นเลือดเล็กเป็นเท่าใด
วิธีทำา จาก สมการต่อเนื่อง A v = A v
1 1 2 2
แทนค่าจะได้ π (0.3 × 10 ) × 10 × 10 = π (0.2 × 10 ) × v
-2 2
-2 2
-2
2
v = 22.5 เซนติเมตร
2
ตอบ อัตราเร็วของเม็ดเลือดในเส้นเลือดเล็ก 22.5 เซนติเมตร







สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

268 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 269





เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบทที่ 17


คำาถาม



1. ลวดโลหะยาว 3 เมตร และมีพื้นที่หน้าตัด 0.25 ตารางเซนติเมตร เมื่อใช้แรงดึง 10 000 นิวตัน
จะยืดออก 0.05 เซนติเมตร จงหาค่ามอดุลัสของยังของโลหะที่ทำาเส้นลวดนี้
FA
/
วิธีทำา หามอดุลัสของยังได้จากสมการ Y
/
LL
ในที่นี้ 0
4
F = 10 000 N = 10 N
-4
A = 0.25 cm = 0.25 × 10 m 2
2
ΔL = 0.05 cm = 0.05 × 10 m
-2
L = 3 m
0
4
4
10 /0.2510m 2
แทนค่า Y 2
0.05 10 m/3m
12
= 2.4 × 10 N/m 2
12
ตอบ มอดุลัสของยังของโลหะที่ทำาเส้นลวดนี้เท่ากับ 2.4 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร

2. ลวดอะลูมิเนียมยาว 2 เมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.1 เซนติเมตร เม่อนาลวดน้ไปยกวัตถุมวล


10 2
1000 กิโลกรัม ลวดนี้จะยืดออกเท่าไร (ค่ามอดุลัสของยังของอะลูมิเนียมเท่ากับ 7.0 × 10 N/m )
/
FA
วิธีทำา หาความยาวลวดที่ยืดออก ΔL ได้จากสมการ Y
LL
/
ในที่นี้ 0
4
F = mg = 1000 kg × 10 m/s = 10 N
2
0.110 2 2
A r 2 3.14 m
2
-7
= 7.9 × 10 m 2
L = 2 m
0
10
Y = 7.0 × 10 N/m 2
4
10 N/7.910m 2
7
แทนค่า 7.010N/m 2
10
L /2m
ΔL = 0.36 m
ตอบ ลวดเส้นนี้จะยืดออกยาวเท่ากับ 0.36 เมตร


สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

270 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 271





-6
3. ลวดเส้นหนึ่งยาว 3 เมตร มีพื้นที่หน้าตัด 10 ตารางเมตรและค่ามอดุลัสของยังสำาหรับลวดเส้น
11
นี้เป็น 1.5 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร เมื่อมีแรงขนาด 100 นิวตัน ดึงเส้นลวด เส้นลวดจะยืด
ออกจากเดิมกี่เมตร FA
/
วิธีทำา หาความยาวลวดที่ยืดออกได้จากสมการ Y
LL
/
ในที่นี้ F = 100 N 0
-6
A = 10 m 2
L = 3 m
0
Y = 1.5 × 10 N/m 2
11
6
100N/10 m 2
11
แทนค่า 1.510N/m 2
L /3m
ΔL = 2 × 10 m
-3
-3
ตอบ เส้นลวดจะยืดออกจากเดิมเท่ากับ 2 × 10 เมตร

4. ขณะเกิดพาย บางคร้งหลังคาบ้านถูกพายุพัดปลิวหลุดออกไปท้งท่ปิดประตูหน้าต่างท้งหมดแล้ว




เพราะเหตุใด




ตอบ ขณะเกดพาย อตราเรวลมในบานเปนศนย แตอตราเรวลมทผานหลงคามคาสงกวา ทาให ้
















ความดันของอากาศใต้หลังคาสูงกว่าความดันเหนือหลังคา ซ่งเป็นไปตามหลักของแบร์นูลลี

จึงสามารถยกหลังคาให้ปลิวออกไปได้





5. ตะก่วมีความหนาแน่นมากกว่าเหล็ก ถ้านาโลหะท้งสองท่มีปริมาตรเท่ากันหย่อนลงในนา แรง

พยุงของน้ำากระทำาต่อโลหะใดมากกว่า







ตอบ ตะก่วและเหล็กมีปริมาตรเท่ากัน เม่อจมอย่ในนา ท้งตะก่วและเหล็กจะแทนท่นาด้วย










ปริมาตรท่เท่ากัน นาหนักของนาท่ถูกแทนท่ท้งสองกรณีจึงเท่ากัน ดังน้น แรงพยุงของนา ้ ำ


ที่กระทำาต่อตะกั่วจึงเท่ากับแรงพยุงของน้ำาที่กระทำาต่อเหล็ก
3


6. เรือลาหน่งมีมวล 4000 กิโลกรัม ลอยในนาซ่งมีความหนาแน่น 1.0 × 10 กิโลกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร



จงหา
ก. แรงพยุงของน้ำาที่กระทำาต่อเรือ
ข. ปริมาตรของเรือส่วนที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำา
วิธีทำา ก. เนื่องจาก แรงพยุงของน้ำา = น้ำาหนักของน้ำาที่ถูกแทนที่
และน้ำาหนักของน้ำาที่ถูกแทนที่ = น้ำาหนักของเรือ
ดังนั้น แรงพยุงของน้ำา = น้ำาหนักของเรือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

270 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 271





= mg

2
4
= (4000 kg)(9.8 m/s ) = 3.92 × 10 N
ข. ให้ V = ปริมาตรส่วนที่จมน้ำาของเรือ = ปริมาตรของน้ำาที่ถูกแทนที่
เมื่อเรือลอยในน้ำาได้แสดงว่า
น้ำาหนักของเรือ = น้ำาหนักของน้ำาที่ถูกแทนที่
หรอ mg = ρVg

m = ρV
3
3
แทนค่า 4000 kg = (10 kg/m ) V
V = 4 m 3
4
ตอบ ก. แรงพยุงของน้ำาเท่ากับ 3.92 × 10 นิวตัน
ข. ปริมาตรของเรือส่วนที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำาเท่ากับ 4 ลูกบาศก์เมตร














































สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

272 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 273





ปัญหา




7. ลวดทองแดงและลวดเหล็กกล้ามีพ้นท่หน้าตัดเท่ากับ 0.5 ตารางมิลลิเมตร และมีความยาว 1
11

เมตรเท่ากัน ค่ามอดุลัสของยังสาหรับลวดทองแดงเป็น 1.2 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร
11
และสำาหรับเหล็กกล้าเป็น 2 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร ถ้าลวดทั้งสองมีน้ำาหนัก 100 นิวตัน
แขวนท่ปลายลวด ความเค้นของลวดท้งสองต่างกันเท่าใด และลวดท้งสองจะยืดออกจากเดิม



ต่างกันเท่าใด
วิธีทำา เนื่องจากความเค้น
แรงที่ดึงลวดทั้งสอง F = 100 N
พื้นที่หน้าตัดของลวดทั้งสอง A = 0.5 mm 2






เม่อแรงท่ใช้ดึงลวดเท่ากัน และพ้นท่หน้าตัดของลวดท้งสองเท่ากัน ความเค้นของลวด
ทั้งสองจึงเท่ากัน FA
/
หาความยาวของลวดทองแดงที่ยืด ΔL ได้จาก Y LL
/
ในที่นี้ F = 100 N 0
-6
A = 0.5 × 10 N/m 2
L = 1 m
0
11
Y = 1.2 × 10 N/m 2
6
100N/ 0.510m 2
แทนค่า 1.210N/m 2
11
L /1m
-3
ΔL = 1.67 × 10 m FA
/
หาความยาวของลวดเหล็กที่ยืด ΔL ได้จาก Y LL
/
ในที่นี้ F = 100 N 0
A = 0.5 × 10 N/m 2
-6
L = 1 m
0
Y = 2.0 × 10 N/m 2
11
6
100N/ 0.510m 2
แทนค่า 210N/m 2
11
L /1m
ΔL = 1.0 × 10 m
-3
-3 -3
ดังนั้นลวดทั้งสองยืดออกต่างกัน = (1.67 × 10 m) – (1.0 × 10 m)
= 0.67 × 10 m
-3
-3
ตอบ ความเค้นของลวดทั้งสองไม่ต่างกัน และลวดทั้งสองจะยืดออกต่างกัน 0.67 × 10 เมตร

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

272 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 273





8. ใช้ลวด x ยาว 1 เมตร แขวนวัตถุมวล 10 กิโลกรัม ลวด x ยืดออก 1 มิลลิเมตร และใช้ลวด y
ยาว 1.5 เมตร แขวนวัตถุมวล 20 กิโลกรัม ลวด y ยืดออก 2 มิลลิเมตร รัศมีของพ้นท่หน้าตัดของ


ลวด x เป็นสองเท่าของรัศมีของพื้นที่หน้าตัดของลวด y อัตราส่วนของค่ามอดุลัสยังของลวด x
และลวด y มีค่าเท่าใด FA
/
วิธีทำา หามอดุลัสของยังได้จากสมการ Y LL
/
สำาหรับลวด x 0
ในที่นี้ F = mg = 100 N
x
A = π(2r) 2
x
L = 1 m
0
-3
ΔL = 1 mm = 1 × 10 m
x
Y = มอดุลัสของยังของลวด x
x
แทนค่า 2 2
r
Y x 100N/(2) m
3
110m/1 m
10 5
N/ m 2
4 r 2
สำาหรับลวด y
ในที่นี้ F = mg = 200 N
y
A = πr 2
y
L = 1.5 m
0
ΔL = 2 mm = 2 × 10 m
-3
y
Y = มอดุลัสของยังของลวด x
y
แทนค่า
200N / r 2
Y y 210m /1.5m
3
1.510 5 N/m 2
r 2
ดังนั้น
5
Y 10 N/m 2 r 2
x
5
Y y y 4 r 2 1.5 10 N/m 2
1
6
ตอบ อัตราส่วนของค่ามอดุลัสยังของลวด x และลวด y มีค่าเท่ากับ 1 : 6




สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

274 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 275





8
9. ลวดเหล็กกล้าสำาหรับดึงลิฟต์เครื่องหนึ่งมีขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่น 2 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร
และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร เมื่อตัวลิฟท์และสัมภาระในลิฟต์มีมวล 2000 กิโลกรัม

สามารถใช้ลวดนี้ดึงลิฟต์ให้เคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร่งสูงสุดเท่าไร จึงจะไม่ยืดเกินขีดจำากัดสภาพ
ยืดหยุ่น
วิธีทำา หาแรงสูงสุดที่ลวดทำาต่อลิฟต์โดยไม่เกินขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่น ได้จาก
F

A
8 2
เนื่องจากเส้นลวดมีขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่น เท่ากับ 2 × 10 N/m ดังนั้น
8
σ = 2 × 10 N/m 2
2
1.510m 2
A
2
= 1.77 × 10 m 2
-4
แทนค่า
F
8
210N /m 2
4
1.77 10 m 2
4
F = 3.54 × 10 N
หาความเร่งของลิฟต์ได้จาก F = ma
ดังนั้น T – mg = ma

m = 2000 kg
2
4
แทนค่า (3.54 × 10 N) – (2000 kg × 10 m/s ) = 2000 kg × a
a = 7.7 m/s 2
4
ตอบ แรงที่ลวดดึงลิฟต์มีค่าได้สูงสุด 3.54 × 10 นิวตัน จึงไม่เกินขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่นและ
2
ลิฟต์สามารถเคลื่อนที่ขึ้นด้วยความเร่งสูงสุดเท่ากับ 7.7 เมตรต่อวินาที
10. ลวดโลหะซึ่งมีความยาวเดิมเท่ากับ 1.5 เมตร และมีพื้นที่หน้าตัด 0.05 ตารางมิลลิเมตร มีค่า
10
มอดุลัสของยังเท่ากับ 7.5 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร หากแขวนวัตถุมวล 5 กิโลกรัม จงหา
ก. ความยาวของลวดโลหะหลังจากแขวนวัตถุแล้ว


ข. ความเร่งสูงสุดเม่อดึงลวดข้นในแนวด่ง โดยไม่ยืดเกินขีดจากัดสภาพยืดหย่น ถ้าความ



10
เค้นที่ขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่นของลวดโลหะนี้เท่ากับ 10 นิวตันต่อตารางเมตร
วิธีทำา ก. หาความยาวของลวดโลหะหลังจากแขวนวัตถ ได้จากผลรวมของความยาวเดิมกับ

ระยะที่ลวดยืดออก
หรือ L = L + ΔL
0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

274 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 275





FA
/
จากสมการ Y
LL 0
/
ในที่นี้ F = mg = 50 N
2
-6
A = 0.05 mm = 0.05 × 10 m 2
L = 1.5 m
0
10
Y = 7.5 × 10 N/m 2
6
50N/ 0.05 10 m 2
10
แทนค่า 7.510N/m 2
L /1.5m
ΔL = 0.02 m
นั่นคือ ลวดจะยืดออกยาว = 0.02 m
หลังจากแขวนวัตถุแล้วลวดจะยาว L = L + ΔL
0
= 1.5 + 0.02 m
= 1.52 m
ข. เนื่องจากความเค้นที่ขีดจำากัดสภาพยืดหยุ่น เท่ากับ 10 N/m 2
10
F
หาแรงดึงวัตถุได้จากสมการ
A
ในที่นี้ A = 0.05 × 10 m 2
-6
แทนค่า F
10
10 N/m 2
0.05 10 m 2
6
F = 5.0 × 10 N
2
หาความเร่งของวัตถุได้จากสมการ F = ma
ดังนั้น T – mg = ma
แทนค่า (5.0 × 10 N) – 50 N = 5 kg × a
2
a = 90 m/s 2

ตอบ ก. ความยาวของลวดหลังจากแขวนวัตถุแล้วเท่ากับ 1.52 เมตร
2
ข. ลวดนี้จะถูกดึงขึ้นในแนวดิ่งได้ด้วยความเร่งสูงสุดเท่ากับ 90 เมตรต่อวินาที














สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

276 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 277





11. กราฟความสัมพันธ์ระหว่างความดันเกจกับความหนาแน่นของของเหลวสามชนิดท่ความลึก

เดียวกันดังรูป ความลึกนั้นมีค่าเท่าใด ตอบในหน่วยเซนติเมตร






















วิธีทำา ให้ h เป็นความลึกของของเหลว
ΔP ΔP
จากกราฟความชันของกราฟ
Δ Δ
2 2 2 2 2 2
0 .
( 21 0 . 10 Pa ) ( 21 (12.0 10 10 Pa ) Pa) (12.0 10 0.9 Pa) Pa10 0 . 9 10 Pa
3
3
)
)
(2.8 10 3 kg/m 3 (2.8 10 106 . 1 ( 3 kg/m kg/m 3 6 . 1 ( ) 10 2. 1 3 kg/m kg/m10 3 3 ) 3 2 . 1 10 3 kg/m 3
Δ P gh Δ P gh gh
แต ่ gh
Δ Δ
0 . 9 10 2 Pa 0 . 9 10 2 Pa
ดังนั้น gh gh 3 3
2 . 1 10 3 kg/m 3 2 . 1 10 kg/m 2
Pa
0.0765 m
จะได้ h 0 . 9 h 10 2 Pa 3 2 0 . 9 10 3 0.0765 m 2 7.65 cm 7.65 cm
10 )s
2 . 1 ( 10 3 kg/m 3 )( 2 . 1 ( . 9 8 m/ kg/m )( 8 . 9 m/s )
ตอบ ความลึกของของเหลวเท่ากับ 7.65 เซนติเมตร
12. ภาชนะรูปทรงกระบอกรัศมี 1 เมตร สูง 2 เมตรด้านบนมีท่อทรงกระบอกเล็กๆ สูง 2 เมตร





พนท่หนาตด 5 ตารางเซนตเมตร ดงรป ภาชนะน้บรรจนาเต็ม จงคานวณหาแรงดนของนาเนอง























จากความดันเกจท่กระทาต่อก้นภาชนะและนาหนักของนาท่บรรจุไว้ในภาชนะน คาตอบท้งสอง

นี้เท่ากันหรือไม่ เพราะเหตุใด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

276 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 277






















วิธีทำา หาแรงดันของน้ำาที่กระทำาต่อภาชนะจากสมการ F = PA

2
ในที่นี้ ความดันที่ก้นภาชนะ P = ρgh และพื้นที่ก้นภาชนะ A = πr
ดังนั้น F = ρgh πr 2
2
5
3
2
3
แทนค่า จะได้ F = (10 kg/m )(9.8 m/s )(4 m)(3.14)(1 m) = 1.23 × 10 N
หาน้ำาหนักของน้ำาที่บรรจุในภาชนะจากสมการ W = mg = ρVg
ในที่นี้ปริมาตรทั้งหมด
V = ปริมาตรของทรงกระบอกเล็ก + ปริมาตรของทรงกระบอกใหญ ่
-4
2
2
= (5 × 10 m ) (2 m) + (3.14)(1 m )(2 m) = 6.281 m 3
แทนค่า จะได้ W = (10 kg/ m )(6.281 m )(9.8 m/s ) = 6.16 × 10 N
3
3
3
4
2
5
ตอบ แรงดันน้ำาที่กระทำาต่อก้นภาชนะเท่ากับ 1.23 × 10 นิวตัน และน้ำาหนักของน้ำาที่บรรจุ
4
ในภาชนะเท่ากับ 6.16 × 10 นิวตัน ซึ่งจะเห็นว่าแรงดันของน้ำาที่กระทำาต่อก้นภาชนะ






มีค่ามากกว่านาหนักของนาท้งหมด ท้งน้เพราะความดันของนาในทรงกระบอกเล็กส่ง



ผ่านมาเต็มพ้นท่หน้าตัดส่วนบนของทรงกระบอกใหญ เม่อคิดแรงดันท้งหมดเน่องจาก






ความดันที่ก้นภาชนะจึงมีค่ามากกว่าน้ำาหนักของน้ำาทั้งภาชนะ
13. จากรูป ภาชนะทั้งสี่บรรจุของเหลวชนิดเดียวกัน ที่ระดับสูง h เท่ากัน ข้อความต่อไปนี้ ข้อใด
ถูกต้อง
1. ความดันเกจที่ก้นภาชนะทุกใบเท่ากัน
2. ความดันสมบูรณ์ที่ก้นภาชนะทุกใบเท่ากัน
3. ความดันสัมบูรณ์เฉลี่ยที่ด้านข้างภาชนะเป็นครึ่งหนึ่งของความดันสัมบูรณ์ที่ก้นภาชนะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

278 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 279












รูปประกอบปัญหาข้อ 13

วิธีทำา พิจารณาข้อความ 1. ความดันเกจที่ก้นภาชนะทุกใบเท่ากัน
ความดันเกจที่ก้นภาชนะแต่ละใบ หาได้จาก P = ρgh
g


เน่องจากของเหลวในภาชนะท้งส่เป็นชนิดเดียวกันและสูงเท่ากัน ρ และ h จึงมีค่า

เท่ากัน ดังนั้น ความดันเกจที่ก้นภาชนะทุกใบมีค่าเท่ากัน ข้อความ 1. ถูกต้อง
พิจารณาข้อความ 2. ความดันสมบูรณ์ที่ก้นภาชนะทุกใบเท่ากัน
ความดันสัมบูรณ์ก้นภาชนะ = ความดันบรรยากาศ + ความดันเกจที่ความลึก
หรือ P = P + ρgh
0
จากสมการ P , ρ และ h มีค่าเท่ากันหมด สำาหรับภาชนะแต่ละใบ ดังนั้นความดัน
0
สมบูรณ์ที่ก้นภาชนะทุกใบมีค่าเท่ากัน ข้อความ 2. ถูกต้อง

พิจารณาข้อความ 3. ความดันสัมบูรณ์เฉลี่ยที่ด้านข้างภาชนะเป็นครึ่งหนึ่งของความ
ดันสัมบูรณ์ที่ก้นภาชนะ

ให P เป็นความดันสัมบูรณ์ที่ก้นภาชนะ
P = P + ρgh (ก)
0

ให P เป็นความดันสัมบูรณ์เฉลี่ยที่ด้านข้างภาชนะ
av
1



ว ิ ผ ณ ร บ ม ั ส น ั ด ม
P ( า ี ท+ า ะ น ช า ภ น
ก ี ท ณ ร บ ม ั ส น ั ด ม )

av
2
1 [( P + + ( P + gh)]
)
0
2 0 0
1
P (2 P + gh) (ข)
0
av
2
จากสมการ (ก) และ (ข) จะเห็นว่า P av 1 P ดังนั้นความดันสัมบูรณ์เฉลี่ยที่ด้าน
2










ขางภาชนะไมเทากบครงหนงของความดนสมบรณทกนภาชนะ ขอความ 3. ไมถกตอง









ตอบ ข้อความที่ถูกต้องคือข้อ 1 และ ข้อ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

278 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 279











14. ขาข้างหน่งของแมนอมิเตอร์ท่มีปรอทบรรจุอย ถูกต่อเข้ากับถังส่เหล่ยมบรรจุแก๊สชนิดหน่ง

ปรากฏว่าระดับปรอทในขาทั้งสองข้างสูง 5 เซนติเมตร และ 15 เซนติเมตร ดังรูป ถ้าความดัน
5
ของอากาศขณะนั้นเท่ากับ 10 พาสคัล แก๊สในถังมีความดันสัมบูรณ์เท่าใด




15 cm


5 cm


รูปประกอบปัญหาข้อ 14

วิธีทำา จากรูป ความดันแก๊สที่ขาซ้าย = ความดันที่ขาขวา
= ความดันบรรยากาศ + ความดันของปรอท
= P + ρgh
0
5 3 3 2
ในที่นี้ P = 10 Pa, ρ = 13.6 × 10 kg/m , g = 9.8 m/s และ
0
h = ความสูงของปรอทจากจุด B ถึงผิวบน = 10 cm = 0.1 m
5 3 3 2
ดังนั้น ความดันแก๊สที่ขาซ้าย = (10 Pa) + (13.6 × 10 kg/m )(9.8 m/s )(0.1 m)
5
= 1.133 × 10 Pa
5
ตอบ ความดันแก๊สในถังเท่ากับ 1.133 × 10 พาสคัล




15. ลูกสูบเล็กของเคร่องอัดไฮดรอลิกมีพ้นท่หน้าตัด 25 ตารางเซนติเมตรและลูกสูบใหญ่มีพ้นท่หน้า



ตัด 800 ตารางเซนติเมตร ถ้ามีมวล 6000 กิโลกรัม วางกดอย่ในเคร่องอัดไฮดรอลิก ซ่งมีนามันท่ม ี







ความหนาแน่น 780 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถ้าเคร่องอัดไฮดรอลิกอย่ในสมดุล โดยระดับนามัน









ในลูกสูบเล็กอย่สูงกวาระดบนามันในลกสูบใหญ 80 เซนตเมตร แรงท่กดบนลูกสูบเล็กมีค่าเท่าใด


A B
รูปประกอบปัญหาข้อ 15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

280 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 281





วิธีทำา ให้ F เป็นแรงที่กดบนลูกสูบเล็ก
W เป็นน้ำาหนักบนลูกสูบใหญ่
เมื่อเครื่องอัดไฮดรอลิกอยู่ในสมดุล จะได้
ความดันที่ A = ความดันที่ B

= ความดันเนื่องจากแรง F + ความดันของน้ำามันสูง 80 cm
เขียนในรูปสมการ จะได้ดังนี้
W F
+ gh ( 1)
A a
2
4
ในที่นี้ W = น้ำาหนักที่กดลงบนลูกสูบใหญ่ = (6000 kg)(9.8 m/s ) = 5.88 × 10 N
-2
2
A = พื้นที่หน้าตัดของลูกสูบใหญ่ = 800 cm = 8.0 × 10 m 2
2
-3
a = พื้นที่หน้าตัดของลูกสูบเล็ก = 25 cm = 2.5 × 10 m 2
ρ = ความหนาแน่นของน้ำามัน = 780 kg/m 3
แทนค่าใน (1) จะได้
. 5 88 10 4 N = 1 F + (780 kg/m )(9.8 m/s )(0.8 m )
2
3
0 . 8 10 2 m 2 5 . 2 10 3 m 2
3
F = 1.82 × 10 N
3
ตอบ แรงที่กดบนลูกสูบเล็กมีขนาดเท่ากับ 1.82 × 10 นิวตัน




16. นาเหล็กรูปลูกบาศก์ปริมาตร 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร ไปใส่ลงในนาและนามันท่มีความหนา


แน่น 1000 และ 800 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามลำาดับ โดยจมทั้งก้อน แรงพยุงที่กระทำา
ต่อเหล็กทั้งสองกรณีเป็นเท่าใด
3 -6 3
วิธีทำา เหล็กรูปลูกบาศก์มีปริมาตร 1 cm หรือ 10 m เมื่ออยู่ในน้ำาและน้ำามันโดยเหล็ก








จมท้งก้อนเน่องจากมีความหนาแน่นมากกว่านาและนามัน ปริมาตรของนาและ
-6 3
น้ำามันที่ถูกแทนที่จะเท่ากับ 10 m ด้วย
แรงพยุงที่น้ำากระทำาต่อเหล็ก = น้ำาหนักของน้ำาที่ถูกแทนที่โดยเหล็ก
= m g = ρ Vg
w
w
3 -6 3 2
= (1000 kg/m )(10 m )(9.8 m/s )
-3
= 9.8 × 10 N
แรงพยุงที่น้ำามันกระทำาต่อเหล็ก = น้ำาหนักของน้ำามันที่ถูกแทนที่โดยเหล็ก
= m g = ρ Vg
oil
oil
3 -6 3 2
= (800 kg/m )(10 m )(9.8 m/s )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

280 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 281





-3
= 7.84 × 10 N
-3 -3




ตอบ แรงพยุงท่นาและนามันกระทาต่อเหล็กเท่ากับ 9.8 × 10 และ 7.84 × 10 นิวตัน


ตามลำาดับ
17. นำาแท่งไม้รูปลูกบาศก์มีความยาวด้านละ 0.5 เมตร มีความหนาแน่น 800 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์
เมตรไปลอยน้ำาที่มีความหนาแน่น 1000 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ก. แท่งไม้จมน้ำาลึกเท่าใด
ข. จะต้องใช้แรงกดที่แท่งไม้เท่าใด เพื่อให้จมมิดน้ำาพอดี
วิธีทำา ก. สมมติให้แท่งไม้จมน้ำาลึก h
แท่งไม้ลอยน้ำาได้แสดงว่า น้ำาหนักของแท่งไม้ = น้ำาหนักของน้ำาที่ถูกแทนที่
m wood g = m g
w
ρ wood V wood g = ρ V g
w
w
( 800 kg / m 3 )( 5 . 0 ) m 3
แทนค่าจะได้ V = wood V wood = 3 = 0.1 m 3
w
w 1000 kg / m
2
แต่ V = (0.5 m) h
w
2
ดังนั้น (0.5 m) h = 0.1 m 3
h = 0.4 m
ข. ปริมาตรของแท่งไม้ส่วนที่ลอยน้ำา = (0.5 m) × (0.5 m) × (0.1 m) = 0.025 m 3
ดังนั้นเมื่อออกแรงกดแท่งไม้ให้จมมิดน้ำาพอดี น้ำาจะถูกแทนที่อีก 0.025 m 3
2
3
น้ำาปริมาตรนี้ มีน้ำาหนัก = ρVg = (1000 kg/m )(0.025 m )(9.8 m/s ) = 245 N
3
นั่นคือต้องออกแรงกด 245 N
และยังหาแรงที่กดเพื่อให้แท่งไม้จมมิดได้อีกวิธีโดยใช้สมดุลของแรง
F + m wood g = F B

F + ρ wood Vg = ρ Vg
w
F = (ρ - ρ wood )Vg
w
3 3 3 2
= (1000 kg/m - 800 kg/m )(0.5 m )(9.8 m/s )
= 245 N
ตอบ ก. แท่งไม้จมน้ำาลึก 0.4 เมตร
ข. ใช้แรงกด 245 นิวตัน เพื่อให้แท่งไม้จมมิดน้ำาพอดี








สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

282 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 283










18. แมนอมิเตอร์เคร่องหน่งมีระดับปรอทในขาท้งสองข้างอย่ท่ขีด 0 ของสเกล ถ้าระยะระหว่าง
ขีดของสเกลเท่ากับ 1 มิลลิเมตร เมื่อระดับปรอทเปลี่ยนไป 1 ช่องสเกลที่อยู่เหนือขีด 0 ขึ้นไป
มีความดันเปลี่ยนไปเท่าใดในหน่วย mmHg
วิธีทำา เมื่อปรอทในขาข้างหนึ่ง (ขวา) ขึ้นไปสูงกว่าขีด 0 เท่ากับ 1 ขีด หรือ 1 mm ปรอทใน



ขาอีกข้างหน่ง (ซ้าย) จะลดลง 1 mm ด้วย ดังน้นระดับปรอทในขาท้งสองข้างของ
แมนอมิเตอร์จะตางกน 2 mm


ในสภาวะสมดุล
ความดันที่ขาซ้าย = ความดันที่ขาขวา
ดังนั้น P = P + P
ซ้าย 0 ปรอทสูง 2 mm
P − P = P
ซ้าย 0 ปรอทสูง 2 mm
นั่นคือความดันที่เปลี่ยนไปเท่ากับ 2 mmHg

ตอบ ความดันที่เปลี่ยนไปเท่ากับ 2 มิลลิเมตรปรอท

19. แมนอมิเตอร์ต่อกับกะเปาะที่บรรจุแก๊สตามรูป














C



แมนอมิเตอร์วัดความดันแก๊สในกะเปาะได้เท่าใด






วิธีทำา ขณะท่ปรอทในแมนอมิเตอร์อย่น่ง ความดันแก๊สในกะเปาะเท่ากับความดันท C ซึ่งมี





ค่าเท่ากบความดันท B หรอเทากบผลรวมของความดนบรรยากาศกบความดนเกจ




ของปรอทที่ในหลอดขวามือ ดังนั้น จะได้ว่า
ความดันแก๊สในกะเปาะ = P + (ρgh) ปรอท
0
3
-2
5
ในที่นี้ P = 1.013 × 10 N/m , ρ = 13.6 × 10 kg/m และ h = 15.0 × 10 m
3
2
0
แทนค่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

282 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 283





5 2 3 3 2 -2
ความดันแก๊ส = (1.013 × 10 N/m ) + (13.6 × 10 kg/m )(9.8 m/s ) (15.0 × 10 m)
5
2
5
2
= (1.013 × 10 N/m ) + (0.19992 × 10 N/m )
= 1.21 × 10 N/m 2
5
5
ตอบ ความดันแก๊สในกะเปาะเท่ากับ 1.21 × 10 นิวตันต่อตารางเมตร
3
20. ถังรูปลูกบาศก์มีความยาวด้านละ 1 เมตร บรรจุน้ำาเกลือที่มีความหนาแน่น 1.03 × 10 กิโลกรัม
ต่อลูกบาศก์เมตร ไว้เต็มถัง จงหา
ก. แรงเนื่องจากความดันสัมบูรณ์ที่น้ำาเกลือกระทำาที่ก้นถัง

ข. แรงเฉลี่ยเนื่องจากความดันสัมบูรณ์ที่น้ำาเกลือกระทำาที่ด้านข้างของถังหนึ่งด้าน
วิธีทำา ก. แรงที่น้ำาเกลือกระทำาที่ก้นถัง = ความดันสัมบูรณ์ที่ก้นถัง × พื้นที่ก้นถัง
หรอ F = PA

เมื่อ F เป็นแรงที่น้ำาเกลือกระทำาต่อก้นถังเนื่องจากความดันสัมบูรณ์
P เป็นความดันสัมบูรณ์ที่ก้นถัง และ A เป็นพื้นที่ก้นถัง
ในที่นี้ A = 1 m 2

และ P = ความดันบรรยากาศ + ความดันของน้ำาเกลือสูง 1 เมตร
= P + ρgh
0
5 3 3 2
= (1.013 × 10 Pa) + (1.03 × 10 kg/m )(9.8 m/s )(1 m)
5
= 1.114 × 10 Pa
แทนค่า จะได้
2
5
5
F = (1.114 × 10 Pa)(1 m ) = 1.114 × 10 N




ข. แรงเฉล่ยด้านข้างถัง 1 ด้าน = ความดันสัมบูรณ์เฉล่ยท่ด้านข้างถัง × พ้นท่ด้านข้างถัง

หรือ F = P A
av
av
เมื่อ F เป็นแรงเฉลี่ยเนื่องจากความดันสัมบูรณ์ด้านข้างถัง 1 ด้าน
av
P เป็นความดันสัมบูรณ์เฉลี่ยที่ด้านข้างถัง และ A เป็นพื้นที่ด้านข้างถัง
av
ในที่นี้ A = 1 m 2
และ P av ความดันสัม บ รณ ทีผิ ว 2 ความดันสัม บ รณ ทีก นถัง
เนื่องจากความดันสัมบูรณ์ที่ผิวน้ำาเกลือ = ความดันบรรยากาศ + 0
5
= 1.013 × 10 Pa
5
และความดันสัมบูรณ์ที่ก้นถัง = 1.114 × 10 Pa
ดังนั้น P av . 1 ( 013 10 5 Pa ) . 1 ( 114 10 5 Pa ) 1.064 10 Pa
5
2


สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

284 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 285





5
2
5
แทนค่า จะได้ F = (1.063 × 10 Pa)(1 m ) = 1.064 × 10 Pa
5
ตอบ ก. แรงกระทำาที่ก้นถังเนื่องจากความดันสัมบูรณ์ที่ก้นถังเท่ากับ 1.114 × 10 นิวตัน
5
ข. แรงเฉลี่ยเนื่องจากความดันสัมบูรณ์ที่ผนังด้านข้างเท่ากับ 1.064 × 10 นิวตัน
-3
21. น้ำาในท่อตรงไหลผ่านบริเวณที่มีพื้นที่หน้าตัด 1 × 10 ตารางเมตร ด้วยอัตราเร็วค่า หนึ่ง เมื่อ
-4
ไหลถึงท่อบริเวณที่มีพื้นที่หน้าตัด 2 × 10 ตารางเมตร จะมีอัตราเร็วเป็นกี่เท่าของอัตราเร็ว
ตอนแรก
วิธีทำา แนวคิดหาอัตราเร็วของน้ำาในท่อ จากสมการความต่อเนื่อง A v = A v
1 1
2 2
จากสมการความต่อเนื่อง A v = A v
1 1
2 2
-4
2
2
-3
ในที่นี้ A = 1 × 10 m , A = 2 × 10 m , v = v
2
1
1
-3 2 -4 2
แทนค่า (1 × 10 m )(v) = (2 × 10 m )(v )
2
v = 5 v
2
ตอบ อัตราเร็วของน้ำาเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่าของอัตราเร็วเดิม
22. เครื่องบินลำาหนึ่งต้องมีแรงยก 900 นิวตันต่อตารางเมตร จึงจะสามารถบินขึ้นได้ ถ้าอัตราเร็ว
ของอากาศที่ผ่านส่วนล่างของปีกเท่ากับ 100 เมตรต่อวินาที จงหาอัตราเร็วของอากาศที่ผ่าน
ส่วนบนของปีก เพ่อให้เกิดแรงยก 900 นิวตันต่อตารางเมตร กาหนดให้ความหนาแน่นของ


อากาศขณะนั้นเท่ากับ 1.2 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
2
วิธีทำา เครื่องบินมีแรงยก 900 N/m แสดงว่า ผลต่างของความดันที่ทำากับเครื่องบิน = 900 N/m 2
หาผลต่างของความดันได้จากสมการ
1 1
P + 2 v 1 2 P + 2 v 2 2
1
2
1 2 2
นั่นคือ P P 2 2 (v 2 v ) (1)
1
1
ให้ความดันที่ทำากับปีกเครื่องบินส่วนล่าง = P 1
อัตราเร็วของอากาศที่ผ่านส่วนล่างของปีก = v = 100 m/s
1
ความดันที่ทำากับปีกเครื่องบินส่วนบน = P 2
อัตราเร็วของอากาศที่ผ่านส่วนบนของปีก = v 2
ความหนาแน่นของอากาศ = ρ = 1.2 kg/m 3 1

2
2
3
2
แทนค่าใน (1) จะได้ 900 N/m 2 2 (1.2 kg/m )(v 2 2 – 100 m /s )
v = 107.2 m/s
2
ตอบ อัตราเร็วของอากาศที่พัดผ่านส่วนบนของปีกเท่ากับ 107.2 เมตรต่อวินาที


สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

284 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล ฟิสิกส์ เล่ม 5 ฟิสิกส์ เล่ม 5 บทที่ 17 | ของแข็งและของไหล 285








23. เคร่องสูบรถจักรยานแบบเท้ากด ประกอบด้วยกระบอกสูบ ลูกสูบ และท่เหยียบ เม่อออกแรงกด


ท่เหยียบ กระบอกสูบจะเคล่อนท่เข้าหาลูกสูบและดันอากาศในกระบอกสูบให้ผ่านสายยางท ี ่

ต่อกับยางรถ













รูป ประกอบปัญหาข้อ 23



ก. ถ้าลูกสูบมีพ้นท่หน้าตัดเท่ากับ 25 ตารางเซนติเมตร และแรงท่กระทาต่อลูกสูบเท่ากับ


800 นิวตัน จงหาความดันจากแรงที่กระทำากับลูกสูบ





ข. ถ้านาเคร่องสูบน้ไปสูบยางรถยนต์ส่ล้อท่มีมวล 600 กิโลกรัม จนยางแต่ละเส้นมีความดันเกจ






200 กิโลพาสคัล หากไม่คานึงถึงความดันท่เกิดจากแรงยืดหย่นของเน้อยาง พ้นท่ของยาง
แต่ละเส้นที่สัมผัสถนน เป็นเท่าใด
วิธีทำา ก. ความดันที่ลูกสูบ
นั่นคือความดันที่ลูกสูบเท่ากับ 320 กิโลพาสคัล
ข. รถสี่ล้อมีมวล 600 kg ดังนั้นยางแต่ละเส้นจะรับแรงเท่ากับ ของน้ำาหนักรถ หรือ
เท่ากับ
ถ้ายางแต่ละเส้นมีความดันเกจ 200 kPa
ดังนั้น พื้นที่ถนนที่ยางแต่ละเส้นสัมผัส
ตอบ ก. ความดันที่ถูกสูบเท่ากับ 320 กิโลพาสคัล
-3
ข. ยางแต่ละเส้นสัมผัสถนนคิดเป็นพื้นที่เท่ากับ 7.35 × 10 ตารางเมตร
-3 -3
24. ท่อ M มีพื้นที่หน้าตัด 3.0 × 10 ตารางเมตร ต่อกับท่อ N ที่มีพื้นที่ตัดขวาง 1.0 × 10



ตารางเมตร ทอท้งสองวางตวในแนวราบ ถานาไหลเข้าท่อ M ดวยอตราเรว 0.3 เมตรต่อวินาท ี






จงหา ก. อัตราการไหลของน้ำาในท่อทั้งสอง ข. อัตราเร็วของน้ำาในท่อ N
วิธีทำา ก. ในเวลา Δt น้ำาไหลผ่านท่อ M และท่อ N ได้ปริมาตร ΔV เท่ากัน
ดังนั้นสำาหรับท่อ M จะได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version