The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้นำท้องถิ่นในองค์การบริหารตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
THE POLITICAL LEADERSHIP OF LOCAL LEADERS IN KUD NAM SAI SUBDISTRICT ADMINISTRATIVE ORGANIZATION, CHATTURAT DISTRICT, CHAIYAPHUM PROVINCE พระประสิทธิ์ สุเขธิโต (บุญหนา)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้นำท้องถิ่นในองค์การบริหารตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ THE POLITICAL LEADERSHIP OF LOCAL LEADERS IN KUD NAM SAI SUBDISTRICT ADMINISTRATIVE ORGANIZATION, CHATTURAT DISTRICT, CHAIYAPHUM PROVINCE พระประสิทธิ์ สุเขธิโ

2563 ภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้นำท้องถิ่นในองค์การบริหารตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ
THE POLITICAL LEADERSHIP OF LOCAL LEADERS IN KUD NAM SAI SUBDISTRICT ADMINISTRATIVE ORGANIZATION, CHATTURAT DISTRICT, CHAIYAPHUM PROVINCE พระประสิทธิ์ สุเขธิโต (บุญหนา)

Keywords: 2563,ภาวะผู้นำทางการเมืองของผู้นำท้องถิ่นในองค์การบริหารตำบลกุดน้ำใส อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ,THE POLITICAL LEADERSHIP OF LOCAL LEADERS IN KUD NAM SAI SUBDISTRICT ADMINISTRATIVE ORGANIZATION, CHATTURAT DISTRICT, CHAIYAPHUM PROVINCE,พระประสิทธิ์ สุเขธิโต (บุญหนา)

ภาวะผู้นําทางการเมืองของผนู้ ําทอ้ งถิ่นในองค์การบรหิ ารตาํ บลกดุ นํา้ ใส
อําเภอจัตรุ ัส จังหวัดชัยภมู ิ

THE POLITICAL LEADERSHIP OF LOCAL LEADERS IN KUD NAM SAI
SUBDISTRICT ADMINISTRATIVE ORGANIZATION, CHATTURAT DISTRICT,

CHAIYAPHUM PROVINCE

พระประสิทธ์ิ สเุ ขธโิ ต (บญุ หนา)

วทิ ยานพิ นธน์ ้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศกึ ษา
ตามหลักสตู รปรญิ ญารัฐศาสตรมหาบณั ฑติ

บัณฑติ วิทยาลัย
มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย

พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓

ภาวะผู้นําทางการเมืองของผนู้ ําทอ้ งถ่ินในองคก์ ารบรหิ ารตาํ บลกุดนํา้ ใส
อาํ เภอจัตุรัส จงั หวดั ชัยภมู ิ

พระประสทิ ธ์ิ สุเขธโิ ต (บุญหนา)

วทิ ยานพิ นธน์ เี้ ป็นสว่ นหนงึ่ ของการศึกษา
ตามหลักสูตรปรญิ ญารัฐศาสตรมหาบณั ฑติ

บัณฑิตวทิ ยาลัย
มหาวิทยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

พทุ ธศักราช ๒๕๖๓
(ลขิ สทิ ธเ์ิ ป็นของมหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลัย)

The Political Leadership of Local Leaders in Kud Nam Sai
Subdistrict Administrative Organization, Chatturat District,

Chaiyaphum Province

Phra Prasit Sukhedhito (Boonna)

A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of
the Requirements for the Degree of
Master of Political Science Program
Graduate School

Mahachulalongkornrajavidyalaya University
C.E. 2020

(Copyright by Mahachulalongkornrajavidyalaya University)





ชื่อวทิ ยานพิ นธ์ : ภาวะผู้นาํ ทางการเมืองของผ้นู ําท้องถนิ่ ในองคก์ ารบริหารตาํ บลกุดนาํ้ ใส

อําเภอจัตุรสั จังหวดั ชยั ภูมิ

ผู้วิจัย : พระประสทิ ธ์ิ สุเขธโิ ต (บญุ หนา)

ปริญญา : รัฐศาสตรมหาบัณฑติ

คณะกรรมการควบคมุ วทิ ยานิพนธ์

: ผศ. ดร.สรุ พล พรมกลุ , ป.ธ. ๕, พธ.บ (การสอนสงั คมศกึ ษา),

ศศ.ม. (สังคมศาสตร์เพ่อื การพฒั นา), ศน.ม. (รฐั ศาสตรก์ ารปกครอง),

Ph.D. (Social Science)

: ผศ. ดร.ชาญชยั ฮวดศร,ี พธ.บ. (สงั คมศกึ ษา), M.A. (Political Science),

Ph.D. (Political Science)

วันสาํ เร็จการศึกษา : ๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔

บทคดั ย่อ

การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ดังน้ี ๑) เพ่ือศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา
ท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส ๒)เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองตามหลัก
สัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส ๓) เพ่ือเปรียบเทียบภาวะผู้นํา
ทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส ๔)เพ่ือศึกษาภาวะผู้นําทาง
การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใสตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ เป็นการวิจัย
แบบผสานวิธี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จํานวน ๓๘๖ คน และผู้ให้ข้อมูลสําคัญจํานวน ๑๒ คน
เคร่ืองมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสอบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในงานวิจัย ได้แก่
ค่าเฉล่ียค่าร้อยละค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานการทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และ
การวเิ คราะห์เชิงพรรณนา

ผลการวิจยั พบวา่

๑) ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วน
ตาํ บลกุดนํา้ ใส โดยภาพรวม อยูใ่ นระดบั มากทส่ี ดุ

๒) ระดับภาวะผู้นําทางการเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การ
บรหิ ารองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลกดุ นาํ้ ใส โดยภาพรวม อยู่ในระดับมากท่ีสุด

๓) ผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วน
ตําบลกุดนํ้าใส พบว่าประชาชนท่ีมี อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน
ต่างกันมีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินแตกต่างกัน ส่วนประชาชนที่มีเพศ
ตา่ งกนั มคี วามคดิ เหน็ ต่อภาวะผูน้ าํ ทางการเมืองของผู้นําท้องถิน่ ไม่แตกตา่ งกัน

๔) ภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใสตาม
หลักสัปปุริสธรรม ๗ พบว่าผู้นําท้องถิ่นควรยึดถือหลักการและการบริหารจัดการองค์กรอย่างมี
ข้นั ตอนวางนโยบายที่มีเป้าหมายและคมุ้ ค่า มีจติ ใจโอบอ้อมอารี และเสียสละแสดงภาวะผนู้ ําตอ่ เพอื่ น



ร่วมงานด้วยความเอื้อเฟ้ือเผื่อแผ่ กําหนดนโยบายในการบริหารบริหารงานอย่างเหมาะสมท้ังด้าน
เวลาและงบประมาณ นํานโยบายไปปฏิบัติตามกรอบเวลา ประสานงานกบั ทกุ องคก์ รและทกุ ภาคส่วน
และ สามารถปฏิบัตติ อ่ ผใู้ ตบ้ งั คับบญั ชาแต่ละบุคคลได้อย่างเหมาะสม



Thesis Title : The Political Leadership of Local Leaders in Kud Nam

Sai Subdistrict Administrative Organization, Chatturat

District, Chaiyaphum Province

Researcher : Phra Prasit Sukhedhito (Boonna)

Degree : Master of Political Science Program

Thesis Supervisory Committee

: Assist. Prof. Dr. Suraphon Promgun, Pali V,

B.A. (Social Study Teaching),

M.A. (Social Sciences for Development),

M.A. (Political Science), Ph.D. (Social Science)

: Dr. Pruchya Meenonthongmahasan, Bachelor of Laws,

Master of Laws, M.A. (Political science),

Ph.D. (Political science)

Date of Graduation : June 14, 2021

Abstract

The objectives of this research were: 1 ) to study the level of political
leadership of local leaders in Kud Nam Sai Subdistrict Administrative Organization; 2) to
study the level of political leadership according to the principle of the Seven
Sappurisadhamma (Virtues of the Gentleman) of local leaders in Kud Nam Sai
Subdistrict Administrative Organization; 3) to compare the political leadership of local
leaders in Kud Nam Sai Subdistrict Administrative Organization; 4) to study the political
leadership of local leaders in Kud Nam Sai Subdistrict Administrative Organization
according to the principle of the Seven Sappurisadhamma. This study was carried out
by means of the mixed method research. The research sample consisted of 3 8 6
participants and 12 key informants. The research instruments were questionnaires and
interview forms. The statistics used in this research were: Mean, Percentage, Standard
Deviation, t-test, One-way ANOVA and descriptive analysis.

The results of the research were as follows:

1 ) The level of political leadership of local leaders in the Kud Nam Sai
Subdistrict Administrative Organization, overall, was at the highest level.

2) The level of political leadership according to the Seven Sappurisadhamma
of local leaders in the Kud Nam Sai Subdistrict Administrative Organization, overall was at
the highest level.



3) The comparison of political leadership of local leaders in Kud Nam Sai
Subdistrict Administrative Organization showed that people with different age, marital
status, education level, occupation and monthly income had different opinions on
the political leadership of local leaders; while, people of different genders have no
different opinions on the political leadership of local leaders.

4) Political leadership of local leaders in Kud Nam Sai Subdistrict
Administrative Organization According to the principle of the Seven Sappurisadhamma is
that local leaders should adhere to the principles and process of organizational
management, establish a goal-oriented and cost-effective policy, have a generous and
sacrificing mind, show leadership to colleagues with generosity, determine appropriate
administrative policies in terms of time and budget, implement the policy in accordance
with the time frame, coordinate well with every organization and sector and can treat
each subordinate appropriately.



กิตติกรรมประกาศ

วิทยานิพนธ์ฉบับน้ีสําเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความเมตตาอนุเคราะห์ของคณะกรรมการท่ี
ปรึกษาวิทยานิพนธ์ ประกอบไปด้วย ผศ.ดร.สุรพล พรมกุล ประธานกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์
และ ผศ.ดร.ชาญชัย ฮวดศรี ท่ีได้กรุณาให้คําปรึกษา แนะนํา ดูแลเอาใจใส่ให้ความช่วยเหลือในการ
ปรบั ปรุงแกไ้ ขมาดว้ ยดีโดยตลอด

ขอกราบขอบพระคุณ พระครูสุตธรรมภาณี, ผศ. และขอบคุณ ผศ.ดร.บุรินทร์ ภู่สกุล
ผศ.ดร.วิทยา ทองดี, ดร.สุธิพงษ์ สวัสด์ิทา, ดร.สมควร นามสีฐาน, ท่ีกรุณารับเป็นผู้ทรงคุณวุฒิท่ีให้
ความอนุเคราะห์ตรวจสอบความถูกต้องท้ังด้านภาษา เนื้อหา ระเบียบวิธีและเคร่ืองมือท่ีใช้ในการ
ดําเนินการวิจัยครั้งน้ี

ขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อพระครูจันทโพธานุวัตร เจ้าคณะอําเภอจัตุรัส ท่ีอนุเคราะห์
ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ตลอดท้ังทุนการศึกษา และค่าเดินทางในการศึกษาครั้งน้ี และขอขอบคุณ
ผู้ใหญ่บ้านในตําบลกุดนํ้าใส ท้ัง ๑๔ หมู่บ้านท่ีอนุเคราะห์ให้แจกแบบสอบถามในพื้นที่ ขอขอบคุณ
นายกองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใสทุกท่านที่
ใหค้ วามอนเุ คราะห์ในด้านการสมั ภาษณ์ เพ่อื เป็นขอ้ มูลประกอบในการทําวทิ ยานิพนธ์ในครั้งน้ี

ขอขอบคุณคณะกรรมการสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ คือ ผศ.ดร.วิทยา ทองดี ประธานสอบ
ป้องกันวิทยานิพนธ์, รศ.ดร.ภาสกร ดอกจันทร์ กรรมการ/ผู้ทรงคุณวุฒิ สอบป้องกันวิทยานิพนธ์, ได้
ให้ขอ้ เสนอแนะเพอ่ื ให้วทิ ยานิพนธฉ์ บบั น้ีมีความถูกต้องและสมบูรณ์ยิง่ ข้ึน

สุดท้ายขอขอบพระคุณคณาจารย์คณะรัฐศาสตรมหาบัณฑิตทุกท่าน ตลอดเจ้าหน้าท่ีทุก
ท่านที่ให้ความรู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการ และประสบการณ์ รวมถึงให้ความเมตตาเอื้อถ่ายทอด
ความรู้ ความเข้าใจและเป็นกําลังใจให้ผู้วิจัยมาตลอด คุณความดี การทําประโยชน์ใดๆอันเกิดจาก
วิทยานิพนธ์นี้ ผู้วิจัยขอมอบบูชาเป็นกตเวทิตาคุณมารดาบิดา ญาติสนิท มิตรสหายและเพ่ือนร่วมชั้น
เรียนท้ังบรรพชิต และคฤหัสถ์ ท่ีเป็นกําลังใจ และให้การสนับสนุนในทุก ๆ เรื่อง รวมทั้งญาติ และผู้มี
พระคุณทกุ ทา่ น

พระประสิทธ์ิ สเุ ขธิโต (บญุ หนา)
๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๖๔

สารบญั ฉ

เรือ่ ง หนา้

บทคัดยอ่ ภาษาไทย ก

บทคดั ยอ่ ภาษาอังกฤษ ค

กิตตกิ รรมประกาศ จ

สารบัญ ฉ

สารบญั ตาราง ซ

สารบญั แผนภาพ ฑ

บทท่ี ๑ บทนาํ ๑
๑.๑ ความเป็นมาและความสาํ คญั ของปัญหา ๑
๑.๒ คาํ ถามการวจิ ยั ๔
๑.๓ วตั ถุประสงคข์ องการวิจัย ๔
๑.๔ ขอบเขตการวจิ ยั ๔
๑.๕ สมมตุ ิฐานการวิจยั ๕
๑.๖ นิยามศพั ทเ์ ฉพาะทีใ่ ชใ้ นการวิจัย ๕
๑.๗ ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ บั จากการวิจยั ๖

บทที่ ๒ แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง ๗
๒.๑ แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกับภาวะผู้นาํ ๗
๒.๒ แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั ภาวะผนู้ าํ ทางการเมอื ง ๑๖
๒.๓ แนวคดิ เกยี่ วกับการปกครองท้องถ่ิน ๑๙
๒.๔ หลักพทุ ธธรรม ๒๖
๒.๕ ขอ้ มลู บรบิ ทเรอ่ื งท่วี ิจยั ๒๙
๒.๖ งานวจิ ัยท่เี ก่ียวข้อง ๓๑
๒.๗ กรอบแนวคิดการวิจยั ๓๗

บทที่ ๓ วิธีดาํ เนนิ การวจิ ัย ๓๘
๓.๑ รปู แบบการวิจยั ๓๘
๓.๒ ประชากร กลมุ่ ตัวอย่าง และผใู้ หข้ อ้ มลู สําคัญ ๓๘
๓.๓ เครอื่ งมอื ท่ีใช้ในการวิจยั ๔๑
๓.๔ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ๔๔
๓.๕ การวิเคราะห์ขอ้ มูล ๔๕



บทท่ี ๔ ผลการวิจยั ๔๖
๔.๑ ขอ้ มลู ทวั่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ๔๖
๔.๒ ระดับภาวะผนู้ าํ ทางการเมอื งของผู้นาํ ท้องถิ่นในองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลกุด ๔๙
นํา้ ใส อําเภอจตั ุรัส จังหวัดชัยภมู ิ
๔.๓ ระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทางการเมืองตามหลกั สปั ปุรสิ ธรรม ๗ ของผ้นู ํา ๕๓
ทอ้ งถิ่นในองค์การบรหิ ารองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลกดุ นํา้ ใส อาํ เภอจตั รุ ัส
จังหวดั ชัยภมู ิ ๕๙
๔.๔ ผลการวิเคราะหก์ ารเปรยี บเทียบรายคู่ (post Hoe) ของภาวะผนู้ ําทาง ๙๓
การเมอื งของผ้นู าํ ทอ้ งถิ่นในองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลกดุ น้ําใส อาํ เภอจตั รุ ัส ๙๗
จงั หวัดชัยภูมิ
๔.๕ ภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ในองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตาํ บลกุดน้ําใส อาํ เภอจตั รุ ัส จงั หวัดชัยภมู ิ
๔.๖ สรปุ องคค์ วามรูท้ ่ไี ด้รับจากการวิจยั

บทที่ ๕ สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ๙๘
๕.๑ สรุปผลการวจิ ัย ๙๘
๕.๒ อภิปรายผลการวจิ ยั ๑๐๐
๕.๓ ข้อเสนอแนะ ๑๐๓

บรรณานุกรม ๑๐๔

ภาคผนวก ๑๐๘

ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบเครอื่ งมอื วิจัยและหนงั สอื ขอความ

อนุเคราะห์ผเู้ ชีย่ วชาญตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมอื วจิ ัย ๑๐๙

ภาคผนวก ข หนังสือขอความอนุเคราะหใ์ นการเก็บรวบรวมข้อมูลแจกแบบสอบถาม ๑๑๕

ภาคผนวก ค หนังสือขอความอนุเคราะห์ในการสมั ภาษณ์เพ่อื การวจิ ยั ๑๒๔

ภาคผนวก ง ตวั อยา่ งเครื่องมือวิจยั เชงิ ปริมาณแลเชงิ คุณภาพ ๑๓๔

ภาคผนวก จ ผลการหาคา่ IOC ของแบบสอบถาม แบบสมั ภาษณ์และตาราง

การหาคา่ Independent Samples Test ๑๔๕

ภาคผนวก ฉ ประมวลภาพจากการศกึ ษาภาคสนามการสมั ภาษณ์ ๑๕๒

ประวตั ิผู้วจิ ยั ๑๕๙



สารบญั ตาราง

ตารางที่ หน้า

ตารางท่ี ๒.๑ สรุปความหมายของภาวะผู้นํา ๑๑

ตารางที่ ๒.๒ เปรียบเทียบรูปแบบพฤตกิ รรมของผนู้ ํา ๑๖

ตารางท่ี ๒.๓ แสดงถึงคุณลกั ษณะ (Traits) และทักษะ (Skills) ของผู้นาํ ๑๘

ตารางท่ี ๒.๔ สรปุ แนวคิดคณุ สมบตั ิและลกั ษณะของผ้นู าํ ทางการเมอื ง ๑๙

ตารางท่ี ๒.๕ สรุปแนวคดิ ทฤษฎีการปกครองทอ้ งถิน่ ๒๖

ตารางท่ี ๒.๖ สรปุ หลักธรรมทีส่ ่งเสริมภาวะผนู้ ําทางการเมือง ๒๙

ตารางท่ี ๒.๗ สรปุ งานวิจยั ท่ีเก่ียวกบั ภาวะผ้นู าํ ทอ้ งถิ่น ๓๔

ตารางที่ ๒.๘ สรุปงานวิจยั เกย่ี วกับภาวะผนู้ ําทพ่ี งึ ประสงคแ์ ละภาวะผนู้ าํ ตามหลกั สปั ปุรสิ ธรรม ๗ ๓๖

ตารางท่ี ๓.๑ กลุ่มตวั อย่างท่ีใชใ้ นการวจิ ัยและการแทนคา่ สูตรแบบชน้ั ภูมิ ๔๐

ตารางที่ ๔.๑ จาํ นวนและร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม ๔๖

ตารางท่ี ๔.๒ จํานวนความถแี่ ละจํานวนรอ้ ยละของประชาชนจําแนกตามอายุ ๔๗

ตารางที่ ๔.๓ จาํ นวนความถแี่ ละจํานวนร้อยละของประชาชน จาํ แนกตาม สถานภาพการสมรส ๔๗

ตารางท่ี ๔.๔ จํานวนความถ่แี ละจํานวนรอ้ ยละของประชาชน จําแนกตามระดับการศึกษา ๔๘

ตารางท่ี ๔.๕ จาํ นวนความถแี่ ละจาํ นวนรอ้ ยละของประชาชน จําแนกตามอาชีพ ๔๘

ตารางที่ ๔.๖ จาํ นวนความถแ่ี ละจาํ นวนรอ้ ยละของประชาชน จาํ แนกตามรายไดต้ อ่ เดือน ๔๙

ตารางท่ี ๔.๗ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของ

ผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภมู ิ โดยภาพรวม ๔๙

ตารางท่ี ๔.๘ ค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา

ท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภมู ิ ด้านการสรา้ งวิสยั ทศั น์ ๕๐

ตารางที่ ๔.๙ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา

ท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชยั ภูมิ ดา้ นการสร้างแรงจงู ใจ ๕๑

ตารางท่ี ๔.๑๐ คา่ เฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา

ท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมิ ดา้ นมคี วามสามารถทาํ งานร่วมกบั ผู้อนื่ ๕๑

ตารางที่ ๔.๑๑ คา่ เฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา

ท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภมู ิ ดา้ นมนษุ ยสมั พนั ธ์ ๕๒

ตารางที่ ๔.๑๒ ค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นํา

ท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชยั ภมู ิ ด้านความรคู้ วามสามารถ ๕๓



ตารางท่ี ๔.๑๓ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทาง

การเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การ

บรหิ ารสว่ นตําบลกดุ น้ําใส อาํ เภอจัตรุ ัส จงั หวัดชัยภูมิ โดยภาพรวม ๕๔

ตารางที่ ๔.๑๔ ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทาง

การเมืองตาม หลกั สัปปุริสธรรม ๗ ของผูน้ ําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การ

บรหิ ารส่วนตําบลกุดนํา้ ใส อําเภอจัตุรสั จังหวดั ชยั ภูมดิ า้ นธมั มัญญุตา : ความรู้

จักเหตุ ๕๔

ตารางท่ี ๔.๑๕ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทาง

การเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การ

บริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิด้านอัตถัญญุตา : ความรู้

จกั ผล ๕๕

ตารางท่ี ๔.๑๖ ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทาง

การเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การ

บริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ด้านอัตตัญญุตา : ความ

เป็นผ้รู ู้จกั ตน ๕๖

ตารางท่ี ๔.๑๗ ค่าเฉล่ียและส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดับความคิดเห็นภาวะผู้นําทาง

การเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การ

บริหารส่วนตําบลกุดน้ําใสอําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิด้านมัตตัญญุตา : ความ

เปน็ ผู้รจู้ ักประมาณ ๕๖

ตารางท่ี ๔.๑๘ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดับภาวะผู้นําทางการเมืองตามสัป

ปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบลกุด

น้าํ ใสอาํ เภอจัตุรัส จงั หวดั ชยั ภูมดิ า้ นกาลญั ญุตา : ความเปน็ ผรู้ กู้ าลเวลา ๕๗

ตารางท่ี ๔.๑๙ ค่าเฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของระดบั ภาวะผ้นู าํ ทางการเมืองตามหลัก

สัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบล

กุดน้ําใส อําเภอจตั ุรสั จงั หวัดชยั ภมู ิ ดา้ นปรสิ ัญญตุ า : ความเปน็ ผูร้ จู้ กั ชุมชน ๕๘

ตารางท่ี ๔.๒๐ ค่าเฉลีย่ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของระดบั ภาวะผ้นู าํ ทางการเมืองตามหลัก

สัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารองค์การบริหารส่วนตําบล

กุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ด้านปุคคลปโรปรัญญุตา : ความเป็นผู้รู้

บคุ คล ๕๘

ตารางท่ี ๔.๒๑ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมจิ ําแนกตามเพศ ๕๙

ตารางท่ี ๔.๒๒ ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองท้องถ่ินของผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชยั ภมู ิ จาํ แนกตามอายุ ๖๐



ตารางท่ี ๔.๒๓ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชยั ภูมิโดยภาพรวม จําแนกตามอายุ เปน็ รายคู่ ๖๑

ตารางท่ี ๔.๒๔ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภมู ิด้านการสรา้ งวสิ ยั ทัศน์ จาํ แนกตามอายุ เปน็ รายคู่ ๖๒

ตารางที่ ๔.๒๕ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิ ด้านการสร้างแรงจูงใจ จาํ แนกตามอายุ เปน็ รายคู่ ๖๓

ตารางที่ ๔.๒๖ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิ ด้านมีความสามารถทํางานร่วมกับผู้อื่น จําแนกตามอายุ เป็น

รายคู่ ๖๔

ตารางท่ี ๔.๒๗ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภมู ดิ ้านมนษุ ยสมั พนั ธ์ จาํ แนกตามอายุ เป็นรายคู่ ๖๔

ตารางที่ ๔.๒๘ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วน ตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภมู ิด้านความรู้ความสามารถ จาํ แนกตามอายุ เปน็ รายคู่ ๖๕

ตารางท่ี ๔.๒๙ ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองท้องถ่ินของผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภมู ิจําแนกตามสถานภาพการสมรส ๖๖

ตารางที่ ๔.๓๐ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมโิ ดยภาพรวม จําแนกตามสถานภาพการสมรส เป็นรายคู่ ๖๗

ตารางท่ี ๔.๓๑ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหาร ส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิด้านการสร้างวิสัยทัศน์ จําแนกตาม สถานภาพการสมรส เป็น

รายคู่ ๖๘

ตารางท่ี ๔.๓๒ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมือง ของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิ ด้านการสร้างแรงจูงใจ จําแนกตาม สถานภาพการสมรส เป็น

รายคู่ ๖๘



ตารางท่ี ๔.๓๓ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมือง ของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิ ด้านมีความสามารถทํางานร่วมกับผู้อื่นจําแนกตามสถานภาพ

การสมรส เปน็ รายคู่ ๖๙

ตารางที่ ๔.๓๔ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชยั ภูมิด้านมนษุ ยสัมพนั ธ์ จําแนกตามสถานภาพการสมรส เปน็ รายคู่ ๗๐

ตารางที่ ๔.๓๕ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิด้านความรู้ความสามารถ จําแนกตามสถานภาพการสมรส เป็น

รายคู่ ๗๐

ตารางท่ี ๔.๓๖ ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองท้องถ่ินของผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชยั ภูมิจําแนกตามระดับการศกึ ษา ๗๑

ตารางที่ ๔.๓๗ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมิ โดยภาพรวม จําแนกตามระดับการศกึ ษา เป็นรายคู่ ๗๒

ตารางท่ี ๔.๓๘ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภมู ดิ ้านการสร้างวิสัยทศั น์ จําแนกตามระดบั การศกึ ษา เปน็ รายคู่ ๗๓

ตารางท่ี ๔.๓๙ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชัยภูมิด้านการสรา้ งแรงจูงใจ จาํ แนกตามระดับการศึกษา เป็นรายคู่ ๗๔

ตารางท่ี ๔.๔๐ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิด้านมีความสามารถทํางานร่วมกับผู้อ่ืน จําแนกตามระดับ

การศึกษา เป็นรายคู่ ๗๕

ตารางที่ ๔.๔๑ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภมู ดิ ้านมนุษยสมั พนั ธ์ จําแนกตามระดบั การศึกษา เปน็ รายคู่ ๗๖

ตารางท่ี ๔.๔๒ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภมู ิ ดา้ นความรคู้ วามสามารถ จาํ แนกตามระดับการศึกษา เป็นรายคู่ ๗๗

ตารางที่ ๔.๔๓ ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองท้องถ่ินของผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชยั ภูมจิ ําแนกตามอาชีพ ๗๘



ตารางที่ ๔.๔๔ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหาร ส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมิ โดยภาพรวม จําแนกตามอาชีพ เปน็ รายคู่ ๗๙

ตารางที่ ๔.๔๕ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชยั ภมู ดิ ้านการสรา้ งวิสยั ทศั น์ จาํ แนกตามอาชพี เป็นรายคู่ ๘๐

ตารางท่ี ๔.๔๖ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชัยภมู ิด้านการสร้างแรงจงู ใจ จําแนกตามอาชีพ เป็นรายคู่ ๘๑

ตารางท่ี ๔.๔๗ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภมู ิดา้ นมคี วามสามรถทาํ งานร่วมกบั ผู้อื่น จาํ แนกตามอาชีพ เปน็ รายคู่ ๘๒

ตารางท่ี ๔.๔๘ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชัยภูมิด้านมนุษยสัมพนั ธ์ จาํ แนกตามอาชพี เปน็ รายคู่ ๘๓

ตารางที่ ๔.๔๙ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชยั ภมู ิ ดา้ นความรูค้ วามสามารถ จําแนกตามอาชีพ เป็นรายคู่ ๘๔

ตารางที่ ๔.๕๐ ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองท้องถิ่นของผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวดั ชัยภูมิ จาํ แนกตามรายได้ต่อเดือน ๘๕

ตารางที่ ๔.๕๑ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชัยภมู ิ โดยภาพรวม จําแนกตามรายได้ตอ่ เดือน เป็นรายคู่ ๘๖

ตารางที่ ๔.๕๒ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวัดชยั ภูมิ ดา้ นการสรา้ งวิสยั ทัศน์ จําแนกตามรายได้ต่อเดือน เปน็ รายคู่ ๘๗

ตารางที่ ๔.๕๓ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชยั ภมู ิ ดา้ นการสร้างแรงจูงใจ จําแนกตามรายได้ต่อเดือน เป็นรายคู่ ๘๘

ตารางที่ ๔.๕๔ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส

จังหวัดชัยภูมิ ด้านมีความสามรถทํางานร่วมกับผู้อ่ืนจําแนกตามรายได้ต่อเดือน

เปน็ รายคู่ ๘๙



ตารางที่ ๔.๕๕ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชยั ภมู ิ ด้านมนษุ ยสมั พนั ธจ์ ําแนกตามรายไดต้ ่อเดอื น เป็นรายคู่ ๙๐

ตารางท่ี ๔.๕๖ แสดงการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อภาวะผู้นําทาง

การเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส

จงั หวดั ชยั ภมู ิ ดา้ นความร้คู วามสามารถจําแนกตามรายไดต้ ่อเดือน เป็นรายคู่ ๙๑

ตารางที่ ๔.๕๗ ผลสรุปโดยภาพรวมการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อ

ภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส

อาํ เภอจัตุรสั จงั หวัดชัยภูมิ ๙๒

สารบญั แผนภาพ ฑ

แผนภาพท่ี หน้า
แผนภาพท่ี ๒.๑ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ยั ๓๗
แผนภาพท่ี ๔.๑ สรุปองคค์ วามรทู้ ไี่ ด้รับจากการวจิ ัย ๙๗

บทท่ี ๑

บทนํา

๑.๑ ความเป็นมาและความสาํ คัญของปญั หา

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๙ ภายใต้บังคับมาตรา ๑
ใหม้ ีการจดั การปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักแห่งการปกครองตนเองตามเจตนารมณ์ของประชาชนใน
ท้องถิ่น ท้ังน้ี ตามวิธีการและรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กฎหมายบัญญัติการจัดตั้งองค์กร
ปกครองส่วนท้องถ่ินในรูปแบบใด ให้คํานึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ินและความสามารถ
ในการปกครองตนเองในด้านรายได้จํานวนและความหนาแน่นของประชากร และพ้ืนท่ีท่ีต้อง
รับผิดชอบ ประกอบกันมาตรา ๒๕๐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีหน้าท่ีและอํานาจดูแล และจัดทํา
บริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักการพัฒนา
อย่างย่ังยืน รวมท้ังส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น๑ ทั้งนี้ ตามที่
กฎหมายบัญญัติการจัดทําบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะใดท่ีสมควรให้เป็นหน้าที่และ
อํานาจโดยเฉพาะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ หรือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
เป็นหนว่ ยงานหลกั ในการดาํ เนินการใดให้เป็นไปตามท่กี ฎหมายบัญญตั ิซ่ึงตอ้ งสอดคล้องกบั รายไดข้ อง
องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นตามวรรคสี่ และกฎหมายดังกล่าวอย่างนอ้ ยตอ้ งมีบทบญั ญัตเิ ก่ียวกบั กลไก
และขั้นตอนในการกระจายหน้าท่ีและอํานาจตลอดจนงบประมาณและบุคลากรที่เก่ียวกับหน้าท่ีและ
อํานาจดังกล่าวของส่วนราชการให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยในการจัดทําบริการสาธารณะ
หรือกิจกรรมสาธารณะใดที่เป็นหน้าท่ีและอํานาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ถ้าการร่วม
ดําเนินการกับเอกชนหรือหน่วยงานของรัฐหรือการมอบหมายให้เอกชนหรือหน่วยงานของรัฐ
ดําเนินการ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนในท้องถ่ินมากกว่าการท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะ
ดําเนินการเอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะร่วมหรือมอบหมายให้เอกชนหรือหน่วยงานของรัฐ
ดําเนินการนั้นก็ได้รัฐต้องดําเนินการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้ของตนเองโดยจัดระบบ
ภาษีหรือการจัดสรรภาษีท่ีเหมาะสม รวมท้ังส่งเสริมและพัฒนาการหารายได้ขององค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ิน ท้ังนี้ เพ่ือให้สามารถดําเนินการตามวรรคหนึ่งได้อย่างเพียงพอ ในระหว่างที่ยังไม่อาจ
ดาํ เนินการไดใ้ ห้รฐั จัดสรรงบประมาณเพ่ือสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินไปพลางก่อนกฎหมาย
ตามวรรคหนึ่งและกฎหมายท่ีเก่ียวกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ต้องให้องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นมีอิสระในการบริหารการจัดทําบริการสาธารณะ การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา

๑ อุทัย หิรัญโต, การปกครองท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์โอเดียนสโตร์, ๒๕๖๓), หน้า
๗๓.



การเงินและการคลัง และการกํากับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งต้องทําเพียงเท่าที่จําเป็นเพ่ือ
การคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นหรือประโยชน์ของประเทศเป็นส่วนรวม การป้องกัน
การทุจริตและการใช้จ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคํานึงถึงความเหมาะสมและความแตกต่างของ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ และต้องมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันการขัดกันแห่ง
ผลประโยชน์ และการป้องกันการก้าวก่ายการปฏิบัติหน้าท่ีของข้าราชการส่วนท้องถ่ินด้วยมาตรา
๒๕๑ การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายบัญญัติซึ่งต้องใช้
ระบบคุณธรรมและต้องคาํ นงึ ถงึ ความเหมาะสมและความจําเป็นของแตล่ ะท้องถน่ิ และองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่ินแต่ละรูปแบบ การจัดให้มีมาตรฐานท่ีสอดคล้องกันเพื่อให้สามารถพัฒนาร่วมกันหรือการ
สับเปล่ียนบุคลากรระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกันได้มาตรา ๒๕๒ สมาชิกสภาท้องถ่ิน
ต้องมาจากการเลือกต้ังผู้บริหารท้องถิ่นให้มาจากการเลือกตั้งหรือมาจากความเห็นชอบของสภา
ท้องถิ่นหรือในกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินรูปแบบพิเศษ จะให้มาโดยวิธีอ่ืนก็ได้ แต่ต้องคํานึงถึง
การมีส่วนร่วมของประชาชนด้วย ทั้งน้ี ตามที่กฎหมายบัญญัติคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกต้ังและผู้มี
สิทธิสมัครรับเลือกต้ัง และหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถ่ินและผู้บริหารท้องถิ่น ให้
เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งตอ้ งคํานึงถึงเจตนารมณ์ในการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตตาม
แนวทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยมาตรา ๒๕๓ ในการดําเนินงาน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สภาท้องถ่ิน และผู้บริหารท้องถ่ินเปิดเผยข้อมูลและรายงานผลการดําเนินงานให้ประชาชนทราบ รวม
ตลอดท้ังมีกลไกให้ประชาชนในท้องถ่ินมีส่วนร่วมด้วย ท้ังนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมาย
บัญญัติมาตรา ๒๕๔ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกต้ังในองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีสิทธิเข้าชื่อกันเพื่อ
เสนอข้อบัญญัติหรือเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถ่ิน หรือผู้บริหารท้องถ่ินได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงอ่ื นไขทกี่ ฎหมายบญั ญัติ

ผลจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ได้ก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลง การ
ปกครองส่วนท้องถ่ินครั้งใหญ่ และส่งผลให้บทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินน้ัน เปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิม ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายรัฐธรรมนูญได้แบ่งหน้าที่ภารกิจให้องค์กรปกครองส่วน
ท้องถ่ินรับผิดชอบการจัดบริการสาธารณะระดับชุมชน ส่วนราชการบริหารส่วนกลาง และส่วน
ภูมิภาครับผิดชอบการดําเนินภารกิจของรัฐในระดับประเทศและภูมิภาค โดยให้คําปรึกษา และ
สนับสนุนกํากับดูแลการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพียงเท่าที่จําเป็น ซึ่งแตกต่างจาก
ในอดีตโดยท่ีผ่านมาน้ัน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีมีบทบาทในการจัดบริการสาธารณะเพียงไม่กี่
ด้านและส่วนใหญ่ไม่ใช่บทบาทหลกั ในการพัฒนาท้องถน่ิ แต่เป็นแค่การจัดบริการสาธารณะขัน้ พ้ืนฐาน
เช่น การจัดเก็บขยะและกําจัดขยะ งานดูแลความสะอาด ของถนนและท่อระบายน้ํา ส่วนบทบาท
หลักในการพัฒนาท้องถิ่นเป็นหน้าท่ีของส่วนราชการระดับภูมิภาค ผู้นําคือผู้จัดระบบทรัพยากรของ
องค์การ บุคลากร เงินทุน และเทคโนโลยีนําองค์กร สู่ทิศทางท่ีถูกตอ้ ง ซ่ึงบ่อยครั้งองค์การจําเป็นต้อง
มีทิศทางใหม่ที่แตกต่างจากวิธีการที่ดําเนินอยู่ในปัจจุบันงานของผู้นําคือการปรับเปล่ียนหรือสร้าง
แนวทางใหม่ การสรา้ งวิสยั ทัศน์ ซึง่ บุคลากรจะไดพ้ บกับแรงดึงดดู ใจและความตื่นเต้น ผู้นาํ ต้องเนน้ ไป
ท่ีจุดมุ่งหมายขององค์การ และทรัพยากรต่าง ๆ ท่ีจะใช้วิธีการใหม่ โดยเป็นผู้กระตุ้นการเปล่ียนแปลง
กําหนดทางเลือก สําคัญ ๆ และนําทางเลือกของคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนฝ่ายบุคลากร
ซ่ึงลูกค้าและการตลาด กําลังมุ่งเน้น การจัดการหุ้นส่วนหรือความคิดใหม่ๆท่ีมีคุณค่ายิ่งในการติดตาม



จากบทบาทหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตําบลที่มีหน้าที่ต้องพัฒนาตําบลทั้งด้าน เศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม จาํ เปน็ จะตอ้ งมีผู้นาํ ที่มคี วามรู้ความสามารถ และเปน็ ผู้นาํ ในสถานการณต์ า่ ง ๆ ไดเ้ ป็น
อย่างดี จึงเหน็ ไดว้ ่าผู้นําจะมีบทบาทสําคญั อย่างยิง่ ดังน้ันในการบริหารงานใด ๆ ที่จะเกิดประสิทธิผล
ต่อองค์การ ผู้บริหารจะต้องใช้ภาวะผู้นํากระจายความรับผิดชอบอย่างเป็นธรรมไปสู่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ในหน่วยงานของตน ผู้บริหารยุคโลกาภิวตั น์จงึ มคี วามจําเปน็ ที่จะตอ้ งใชภ้ าวะผูน้ ําใหเ้ หมาะสมกับการ
เปล่ียนแปลงต่าง ๆ โดยต้องสามารถปรับตัว และแก้ไขปัญหาท่ีเกิดข้ึนให้ได้อย่างเหมาะสมกับทุก
สถานการณ์และใช้ความรู้ความสามารถของตนให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารงานอย่างมีประสิทธิผล
ด้วย ผู้บริหารที่ดีควรมีความสามารถในการบริหารงาน โดยให้บุคลากรร่วมมือปฏิบัติงานด้วยความ
เต็มใจ และเต็มความสามารถ ผู้บริหารจะต้องมีความสามารถท่ีจะสร้างขวัญ และกําลังใจให้ผล
ปฏิบัติงานเกิดความพึงพอใจในงาน เกิดความรักความศรัทธาในหน่วยงาน เกิดความรู้จักเสียสละเพื่อ
งาน ทุ่มเทกําลังกาย กําลังใจ กําลงั ความสตปิ ัญญา หาทางปรับปรุง ให้งานน้ันเจริญก้าวหน้ายิง่ ขนึ้ ๒

จากเหตุผลท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้นผู้ศึกษาจึงสนใจที่จะศึกษาภาวะผู้นําทางการเมืองของ
ผู้นําในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส ในอําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิเพราะองค์การบริหารส่วน
ตําบลกุดนํ้าใสเป็นองค์การปกครองส่วนท้องถ่ินหน่ึงที่ผู้นําและคณะมีความมุ่งม่ันท่ีจะพัฒนาองค์การ
บริหารส่วนตําบลให้เจริญ สังเกตได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมของสังคมอย่างต่อเน่ือง มีการพัฒนา
โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ปรับปรุงถนนให้สามารถสัญจรไปมาได้สะดวก สภาพแวดล้อมสะอาดสวยงาม
ในขณะท่ีประชาชนก็ให้ความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมในการดําเนินงานของ องค์การบริหารส่วนตําบล
อยู่เสมอโดยพร้อมเพรียงกันร่วมแรงร่วมใจกันอย่างสามัคคีทุกหมู่บ้านท่ีอยู่ในเขตขององค์การบริหาร
ส่วนตําบลกุดน้ําใสจนถือเป็นบริบทประจําตําบลกุดน้ําใส นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ปรากฏให้เห็นใน
ยุคปัจจุบัน อาจกล่าวได้ว่าประชาชนในตําบลกุดน้ําใสได้ให้ความสนใจต่อการพัฒนาตําบลของตัวเอง
มาก อาจเป็นเพราะสังคมยุคใหม่ประชาชนให้ความสนใจวัฒนธรรมทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม หรือ
ภาวะของผูน้ าํ ทอ้ งถ่นิ

ดังน้ันผู้ศึกษาจึงสนใจที่จะศึกษาภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําในองค์การบริหารส่วน
ตําบล กุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชยั ภูมิ เป็นการสะท้อนภาพการบริหารงานให้กับผูบ้ ริหารท้องถิ่น
ไดน้ ําไปปรับปรุงพฤติกรรมการบริหารงานของตน ในสว่ นท่ีตอ้ งปรับปรุงหรอื พัฒนาให้สามารถบริหาร
จัดการองค์กรภายใต้การเปล่ียนแปลงตามยุค และสมัยของโลกาภิวัตน์ได้อย่างเหมาะสมต่อไป
วัตถุประสงค์ของการวิจัย งานวิจัยเร่ือง “ภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถิ่นขององค์การบริหารส่วน
ตําบลกดุ นํ้าใส

๒ ชูวงศ์ ฉายะบุตร, การปกครองส่วนท้องถิ่นไทย, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทพิฆเนศพร้ินต้ิงเซ็นเตอร์,
๒๕๓๙), หน้า ๔๓.



๑.๒ คําถามการวิจยั

๑.๒.๑ ภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อาํ เภอจัตุรัส จงั หวัดชยั ภมู ิ อยูใ่ นระดบั ใด ?

๑.๒.๒ ภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อาํ เภอจัตรุ ัส จงั หวดั ชยั ภมู ิ ตามหลักสปั ปุรสิ ธรรม ๗ อยู่ในระดับใด ?

๑.๒.๓ หลักสัปปุริสธรรม ๗ มีความสําคัญกับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําในองค์การ
บริหารสว่ นตาํ บลกดุ นาํ้ ใส อาํ เภอจัตุรสั จังหวัดชัยภูมิ อยา่ งไร ?

๑.๒.๔ ผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอ
จตั รุ สั จงั หวดั ชัยภมู ิ ควรนาํ หลกั สปั ปุรสิ ธรรม ๗ ไปใชใ้ นการปกครองอยา่ งไร?

๑.๓ วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัย

๑.๓.๑ เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหารองค์การ
บริหารสว่ นตําบลกุดนํา้ ใส อาํ เภอจตั รุ ัส จงั หวัดชยั ภูมิ

๑.๓.๒ เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นําทางการเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นําท้องถิ่น
ในองคก์ ารบริหารองค์การบริหารสว่ นตาํ บลกดุ น้าํ ใส อําเภอจตั ุรัส จังหวัดชยั ภมู ิ

๑.๓.๓ เพ่ือเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นในองค์การบริหารส่วน
ตาํ บลกดุ นาํ้ ใส อําเภอจัตุรัส จังหวดั ชัยภมู ิ จาํ แนกตามปัจจัยสว่ นบคุ คล

๑.๓.๔ เพ่ือศึกษาภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ในองค์การ
บริหารสว่ นตําบลกดุ นา้ํ ใส อาํ เภอจัตรุ ัส จงั หวดั ชัยภูมิ

๑.๔ ขอบเขตการวิจยั

๑.๔.๑ ขอบเขตด้านเน้ือหาการวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาภาวะผู้นําทางการเมืองของ
ผูบ้ ริหารองคก์ ารบรหิ ารส่วนตําบลกดุ นํา้ ใสอําเภอจัตรุ ัส จังหวดั ชัยภูมิ

๑.๔.๒ ขอบเขตดา้ นตวั แปร
๑) ตัวแปรอิสระ ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล ประกอบด้วย เพศ อายุ สถานภาพการ

สมรส ระดบั การศกึ ษาอาชพี และรายได้ต่อเดือน
๒) ตัวแปรตาม ได้แก่ ภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้บรหิ ารองค์การบริหารส่วนตําบล

กุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ด้านวิสัยทัศน์ด้านการสร้างแรงจูงใจ ด้านความสามารถในการ
ทํางานร่วมกบั ผูอ้ นื่ ด้านมนุษยสัมพนั ธ์ และดา้ นความรู้ความสามารถ

๑.๔.๓ ขอบเขตด้านประชากร /และผู้ใหข้ ้อมลู สาํ คัญ

๑) ขอบเขตดา้ นประชากร

ประชากรที่ศึกษาคือประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตตําบลกุดน้ําใส อําเภอจัตุรัส จังหวัด
ชัยภูมิ จํานวน ๓๘๖ คนจากการกําหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างท่ีได้จากสูตรของ Taro Yamane โดย
คาํ นวณจากประชากรทง้ั หมดในตําบลกดุ นํา้ ใสจาํ นวน ๗,๙๓๐ คน



๒) ผ้ใู ห้ขอ้ มลู สําคญั

ประชากรท่ีให้ข้อมูลสําคัญ ได้แก่สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อําเภอจัตรุ ัส จงั หวัดชยั ภมู ิ จาํ นวน ๑๒ คน

๑.๔.๔ ขอบเขตด้านพืน้ ท่ี

พื้นที่ที่ใช้ในการวิจยั ครง้ั น้คี อื พ้ืนที่ในเขตตาํ บลกดุ นํ้าใส อาํ เภอจตั รุ สั จงั หวดั ชัยภมู ิ

๑.๔.๔ ขอบเขตดา้ นเวลา

การวิจัยครั้งน้ีผู้วิจัยเร่ิมทําการวิจัยเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.
๒๕๖๓ เปน็ เวลา๕เดือน

๑.๕ สมมุตฐิ านการวจิ ัย

๑.๕.๑ ประชาชนที่มีเพศต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินของ
องคก์ ารบริหารสว่ นตําบลต่างกนั

๑.๕.๒ ประชาชนท่ีมีอายุต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินของ
องคก์ ารบริหารส่วนตําบลตา่ งกนั

๑.๕.๓ ประชาชนที่มีระดับการศึกษาต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ทอ้ งถนิ่ ขององคก์ ารบริหารสว่ นตําบลตา่ งกัน

๑.๕.๔ ประชาชนท่ีมีสถานภาพสมรสต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมือง
ทอ้ งถ่นิ ขององคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาํ บลต่างกัน

๑.๕.๕ ประชาชนที่มีอาชีพต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถิ่นของ
องค์การบริหารส่วนตาํ บลตา่ งกนั

๑.๕.๖ ประชาชนท่ีมีรายได้ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินของ
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบลต่างกัน

๑.๖ นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะทีใ่ ชใ้ นการวิจยั

๑.๖.๑ ภาวะผู้นํา หมายถึง การท่ีบุคคลใช้อิทธิพลต่อกลุ่มเพ่ือให้บรรลุความต้องการของ
กลุ่ม เป็นศิลปะการใช้อิทธิพลหรือกระบวนการใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่น เพื่อให้เขามีความเต็มใจและ
กระตอื รือรน้ ในการปฏิบัตงิ านจนประสบความสําเรจ็

๑.๖.๒ ภาวะผู้นําทางการเมือง หมายถึง บุคคลใช้อิทธิพลทางการเมืองท่ีตนเป็นผู้นําอยู่
นํากลมุ่ ทางการเมอื งหรอื องคก์ รทางการเมอื งไปสคู่ วามสําเร็จ

๑.๖.๓ ผู้นําท้องถิ่นหมายถึง ผู้มีอํานาจบริหารในองค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อาํ เภอจัตุรัส จังหวัดชยั ภูมิ

๑.๖.๔ ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตําบล หมายถึง ผู้ท่ีทําหน้าที่บริหารจัดการและ
นาํ พาองค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บลใหบ้ รรลุจดุ มุ่งหมาย คอื นายกองคก์ ารบริหารสว่ นตําบล



๑.๖.๕ องค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส หมายถึง องค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อาํ เภอจตั ุรัส จังหวัดชยั ภูมิ

๑.๖.๖ คุณลักษณะของผู้บริหาร หมายถึง คุณสมบัติของผู้บริหารท่ีมีส่วนช่วยสนับสนุน
ใหก้ ารบรหิ ารงานไปสู่ความสําเรจ็ ได้

๑.๖.๗ การสร้างวิสัยทัศน์ หมายถึง การกําหนดนโยบายและแผนงานอย่างเป็นระบบ
พัฒนาเจ้าหน้าที่อย่างต่อเน่ืองเพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับกําลังคนให้เหมาะกับ
หน้าท่ี และปรบั ปรงุ กฎระเบียบให้สามารถปฏิบัตไิ ดค้ ล่องตัวและรวดเรว็

๑.๖.๘ การสร้างแรงจูงใจ หมายถึง การเป็นแบบอย่างท่ีดีด้านจริยธรรม คุณธรรม และ
ศีลธรรม สุจริต ซ่ือตรง โปร่งใส ยอมรับการตรวจสอบ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทะเยอทะยานสู่
ความสําเร็จ เปิดโอกาสให้คนต้ังใจทํางานได้ทํางานในหน้าท่ีที่เหมาะสม แสดงความเช่ือมั่น และยก
ย่องการทํางานของคนอ่นื

๑.๖.๙ มีความสามารถทํางานร่วมกับคนอื่นหมายถึงการแสดงออกถึงการสนับสนุนคน
อื่น แสดงความเห็นอกเห็นใจคนอื่นที่ร่วมงาน รับฟังความคิดเห็นของประชาชนและเจ้าหน้าที่ใน
องค์กร ให้ประชาชนมสี ว่ นร่วมในกจิ กรรมขององค์กรทต่ี นเองดูแลอยู่

๑.๖.๑๐ มีมนุษยสัมพันธ์ หมายถึง การมีภาพลักษณ์ท่ีดีและเป็นที่ดึงดูดใจของผู้พบเห็น
มีสัมพันธ์ท่ีดีกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ ประสานงานได้ดีกับทุกองค์กร และทุกภาคส่วน ให้
ความสําคัญกบั ทกุ คนที่ไปติดตอ่ งาน

๑.๖.๑๑ มีความรู้ความสามารถหมายถึง มีความรู้เก่ียวกับงานท่ีตนปฏิบัติ พัฒนา
ท้องถ่ินให้เจริญก้าวหน้า สามารถประสานงานกับนักการเมืองได้ทุกระดับและสามารถชักชวน
นกั การเมืองมารว่ มพฒั นาชมุ ชน

๑.๗ ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการวิจยั

๑.๗.๑ ทําให้ทราบถึงระดับภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินในองค์การบริหาร
องค์การบรหิ ารสว่ นตําบลกุดน้าํ ใส อําเภอจัตรุ สั จงั หวดั ชัยภมู ิ

๑.๗.๒ ทําให้ทราบถึงระดับภาวะผู้นําทางการเมืองตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ของผู้นํา
ทอ้ งถิน่ ในองคก์ ารบรหิ ารองค์การบริหารสว่ นตําบลกุดนา้ํ ใส อาํ เภอจัตรุ สั จังหวดั ชยั ภมู ิ

๑.๗.๓ ทําให้ทราบถึงผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถิ่นใน
องคก์ ารบริหารส่วนตาํ บลกดุ น้ําใส อําเภอจตั ุรัส จงั หวดั ชัยภมู ิ จาํ แนกตามปัจจยั ส่วนบุคคล

๑.๗.๔ ทําให้ได้แนวทางภาวะผู้นําทางการเมืองท้องถ่ินตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ ใน
องคก์ ารบริหารส่วนตําบลกุดน้าํ ใส อาํ เภอจตั รุ ัส จังหวัดชัยภูมิ

๑.๗.๕ เพือ่ นาํ ผลการวจิ ยั ไปประยุกต์และเผยแพร่กับหน่วยงานทเี่ กย่ี วข้อง

บทท่ี ๒

แนวคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง

การศึกษาภาวะผู้นําทางการเมืองของผู้นําท้องถ่ินขององค์การบริหารส่วนตําบลกุดน้ําใส
อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ผู้ศึกษาได้ศึกษาทบทวนเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้อง
เพอื่ ประกอบแนวทางในการศึกษาดังตอ่ ไปน้ี

๒.๑ แนวคดิ ทฤษฎเี กี่ยวกับภาวะผูน้ าํ
๒.๒ แนวคิด ทฤษฎเี กยี่ วกบั ภาวะผนู้ ําทางการเมอื ง
๒.๓ แนวคดิ เกี่ยวกับการปกครองสว่ นท้องถน่ิ
๒.๔ หลกั พุทธธรรมที่เก่ียวข้อง
๒.๕ ข้อมูลบรบิ ทเรือ่ งทวี่ ิจัย
๒.๖ งานวิจัยที่เก่ียวขอ้ ง
๒.๗ กรอบแนวคดิ การวจิ ยั

๒.๑ แนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกบั ภาวะผูน้ าํ

๒.๑.๑ ความหมายของภาวะผูน้ าํ
ผู้นํา (Leader) เป็นปัจจัยสําคัญประการหนึ่งต่อความสําเร็จขององค์กร ทั้งนี้เพราะผู้นํา
มีภาระหน้าที่ตลอดถึงความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องวางแผนงาน สั่งการควบคุมให้บุคลากรของ
องค์การการปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้ประสบความสําเร็จตามเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เพื่อ
ความเข้าใจในความหมายของภาวะผู้นํา และลักษณะผู้นําที่ดีโดยสังเคราะห์จากแนวคิดของ
นักวิชาการต่าง ๆ ไว้ดังน้ี
ผ้นู ํา หมายถงึ บุคคลท่ีใชอ้ ํานาจทตี่ ิดมากับตาํ แหน่งจะเป็นหัวหน้าหรือผู้บริหาร ถ้าบุคคล
ใดใชอ้ ํานาจของตนเองทดี่ ํารงตําแหน่งอย่จู ะเปน็ ผู้นํา เพราะฉะน้ันหัวหน้าท่ีมีความเปน็ ผ้นู ําอยู่ด้วยจะ
ปฏิบัติงานให้ลุล่วงไปได้ดีกว่าหัวหน้าท่ีเป็นผู้บริหารอย่างเดียว และในทํานองเดียวกันผู้นําที่ไม่มี
ตาํ แหน่ง หรือไมไ่ ด้เป็นผู้บรหิ ารกอ็ าจจะแสดงบทบาทของการเป็นผู้นําในกลมุ่ ไมร่ าบรืน่ นัก๑

๑ รังสรรค์ ประเสรฐิ ศร,ี ภาวะผู้นาํ , (กรุงเทพมหานคร: บริษัทธนธชั การพิมพ,์ ๒๕๔๔), หน้า ๓๒.



ผู้นํา หมายถึง บุคคลท่ีพยายามรวบรวมความต้องการ และประสานความคิดของสมาชิก
ภายในกลุ่มเข้าด้วยกัน ผู้นําจะมีส่วนเก่ียวข้องช่วยให้กลุ่มได้กําหนดจุดมุ่งหมายในการทํางาน และ
ดําเนินการจนบรรลุเป้าหมายนั้นโดยวิธีท่ีเหมาะ ผู้นําอาจไม่ใช่ผู้นําสูงสุดแต่คือผู้ท่ีสามารถกระตุ้นให้
คนสามารถทํางานร่วมกนั ๒

ผู้นํา หมายถึง บุคคลที่ได้รับตําแหน่งหรือแต่งต้ังข้ึนมาหรือได้รับยกย่องเป็นหัวหน้าผู้
ตัดสินใจเพราะมีความสามารถในการปกครองบังคับบัญชาและนําผู้ตามหรือผู้ใต้บังคับบัญชาหรือหมู่
ชนไปในทางที่ดีหรือช่ัวได้ โดยอิทธิพลในความสัมพันธ์ท่ีมีอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการ
และอํานวยการ โดยใช้กระบวนการติดตอ่ ซงึ่ กันและกนั ในอนั ทจ่ี ะบรรลุเป้าหมาย และความสามารถที่
จะชักจงู คนอนื่ ให้ความร่วมมือรว่ มใจกับตนดําเนนิ การไปส่จู ุดหมายของตนได้๓

จากความหมายต่าง ๆ ข้างต้นพอจะสังเคราะห์และสรุปได้ว่าผู้นําคือ บุคคลที่ได้รับการ
แต่งต้ังหรือการเลือกตั้งหรือยกย่องจากกลุ่มให้ทําหน้าที่ตําแหน่งผู้นํา เช่นการช้ีแนะ ส่ังการ และช่วย
ให้กลุ่มสามารถปฏิบัติงานได้สําเร็จตามจุดประสงค์ท่ีต้ังไว้ ได้มีการเขียนช่ือผู้นําแตกต่างกันออกไป
ตามลักษณะงานและองค์การที่อยู่ เช่น ผู้บริหาร ผู้จัดการ ประธานกรรมการ ผู้อํานวยการ อธิการบดี
ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดกระทรวง ประธานสภา นายกสภา นายกองค์การบริหาร
ส่วนตาํ บล นายกเทศมนตรี เป็นต้น๔

กวี วงศพ์ ฒุ ไดส้ รปุ แนวคดิ เกี่ยวกับผนู้ ําไว้ ๕ประการ คือ
๑. ผู้นํา หมายถึง ผู้ซึ่งเป็นศูนย์กลางหรือจุดรวมของกิจกรรมภายในกลุ่มเปรียบเสมือน
แกนของกลมุ่ เป็นผู้มีโอกาสตดิ ต่อส่อื สารกับผอู้ ่ืนมากกว่าทุกคนในกลมุ่ มีอิทธิพลต่อการตดั สินใจของ
กลุม่ สงู
๒. ผู้นํา หมายถึง บุคคลซ่ึงนํากลุ่มหรือพากลุ่มไปสู่วัตถุประสงค์หรือจุดหมายท่ีวางไว้
แม้แต่เพียงชี้แนะให้กลุ่มไปสู่จุดหมายปลายทางก็ถือว่าเป็นผู้นํา ท้ังนี้รวมถึงผู้นําท่ีนํากลุ่มออกนอกลู่
นอกทางดว้ ย
๓. ผู้นํา หมายถึง บุคคลท่ีสมาชิกส่วนใหญ่คัดเลือกหรือยกให้เขาเป็นผู้นําของกลุ่ม ซ่ึง
เปน็ ไปโดยอาศัยลักษณะทางสงั คม มติ ขิ องบุคคลเป็นฐานและสามารถแสดงพฤตกิ รรมของผู้นําได้
๔. ผู้นํา หมายถึง บุคคลซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะอย่าง คือสามารถสอดแทรกอิทธิพลบาง
ประการอันก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงของกลุ่มได้มากทส่ี ดุ
๕. ผู้นํา หมายถึง บุคคลซ่ึงสามารถนํากลุ่มไปในทางที่ต้องการ เป็นบุคคลท่ีมีส่วนร่วม
และเกย่ี วขอ้ งโดยตรงต่อการแสดงบทบาท หรือพฤตกิ รรมการเป็นผนู้ าํ ๕

๒ กิตติ ตยัคคานนท,์ เทคนิคการสรา้ งภาวะผู้นํา, (กรุงเทพมหานคร: เปลวอกั ษร, ๒๕๔๓), หน้า ๖๓.
๓ วเิ ชียร วทิ ยอุดม, ภาวะผน้ าํ , (กรุงเทพมหานคร: บริษทั ธนรัชการพมิ พ์ จํากดั , ๒๕๕๓), หน้า ๕๐.
๔ บุญทัน ดอกไธสง, การจัดการองค์การ, (กรุงเทพมหานคร: มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และ
เทคโนโลยีชนบท, ๒๕๓๕), หนา้ ๖๔.
๕ กวี วงศ์พุฒ, ภาวะผู้นํา, พิมพ์คร้ังท่ี ๒, (กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ส่งเสริมวิชาชีพบัญชี, ๒๕๓๕), หน้า
๗๗.



จากความหมายดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าแนวคิดส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนและ
สมาชิกของกลุ่มมีความสัมพันธ์ภายในต่อกันอย่างสม่ําเสมอ ในการนี้จะมีสมาชิกคนใดคนหนึ่ง
หรือมากกว่าถูกกําหนดหรือยอมรับให้เป็นผู้นํา (Leader) เนื่องจากจะมีความแตกต่างในด้าน
ต่าง ๆ จากบุคคลอื่น ๆ ของกลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นผู้ตาม (Followers) หรือผู้ใต้บังคับบัญชา หรือ
ลูกน้อง (Subordinates) หรือผู้ปฏิบัติ สําหรับความหมายของภาวะผู้นําเกือบทั้งหมดจะเกี่ยวข้อง
กับการใช้อิทธิพลซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้นํา (Leader) พยายามจะมีอิทธิพลต่อผู้ตาม (Followers)
ในกลุ่มหรือบุคคลอ่ืน ๆ เพื่อให้มีทัศนคติ พฤติกรรมและอื่น ๆ ไปในทิศทางท่ีทําให้จุดมุ่งหมายของ
กลุ่มหรือองค์กรประสบความสําเร็จ สรุปจากลักษณะแนวความคิดของนักวิชาการหลาย ๆ ท่านท่ี
กล่าวมาข้างต้นเห็นได้ว่า แนวคิดส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนและสมาชิกของกลุ่มมี
ความสัมพันธ์ภายในต่อกันอย่างสม่ําเสมอ ในการนี้จะมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งหรือมากกว่าถูก
กําหนดหรือยอมรับให้เป็นผู้นํา เนื่องจากมีความแตกต่างในด้านต่าง ๆ จากบุคคลอื่น ๆ ของกลุ่ม
ซึ่งถือว่าเป็นผู้ตาม หรือผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกน้องหรือผู้ปฏิบัติตาม ส่วนความหมายของภาวะ
ผู้นํา เกือบทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการใช้อิทธิพลซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้นําพยายามจะใช้อิทธิพลต่อผู้
ตามในกลุ่มหรือบุคคลอื่น ๆ เพื่อให้มีทัศนคติ พฤติกรรมและอื่น ๆ ไปในทิศทางที่ทําให้จุดหมาย
ของกลุ่มหรือองค์กรให้ประสบความสําเร็จ ดังนั้นสานมารถสรุปได้ว่า ภาวะผู้นํา คือกระบวนการ
หรือระบบการดําเนินงานที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือมากกว่า พยายามใช้อิทธิพลหรือกลุ่มตน
กระตุ้น ชี้นํา ผลักดันให้บุคคลอื่นหรือกลุ่มอื่นมีความเต็มใจและกระตือรือร้นในการทําสิ่งต่าง ๆ
ตามต้องการ โดยมีความสาํ เร็จของกลุ่มหรือองค์กรเป็นเป้าหมาย

ภาวะผู้นํา สําหรับภาวะผู้นํา หรือความเป็นผู้นํา หมายถึงความสามารถในการนําซึ่งเป็น
ส่ิงสําคัญย่ิงสําหรับความสําเร็จของผู้นํา ภาวะผู้นําได้รับความสนใจ และมีการศึกษามาเป็นเวลานาน
แล้ว เพ่ือให้รู้ว่าอะไรเป็นองค์ประกอบท่ีจะช่วยให้ผู้นํามีความสามารถในการนําหรือภาวะผู้นําที่มี
ประสิทธิภาพ โดยการศึกษาตั้งแต่คุณลักษณะ อํานาจ และพฤติกรรม ของผู้นํารูปแบบต่าง ๆ
ปัจจุบันยังคงมีการศึกษาภาวะผู้นําอยู่ตลอดเวลา และพยายามจะหาภาวะผู้นําที่มีประสิทธิภาพในแต่
ละองค์การและในสถานการณ์ต่าง ๆ กันแนวคดิ ภาวะผนู้ ํามีผูใ้ ห้แนวคิดและความหมายของภาวะผู้นํา
ไว้หลากหลายและแตกต่างกันภาวะผู้นํา เป็นเร่ืองของศิลปะของการใช้อิทธิพล หรือกระบวนการใช้
อิทธิพลต่อบุคคลอื่นเพื่อให้เขามีความเต็มใจและกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานจนประสบความสําเร็จ
ตามจุดมุ่งหมายภาวะผู้นํา คือความริเร่ิมและธํารงไว้ซ่ึงโครงสรา้ งของความคาดหวังและความสัมพันธ์
ระหว่างกันของสมาชกิ ของกลุ่มภาวะผู้นําคอื การใชอ้ ิทธิพลของคนหรอื ตําแหน่งใหผ้ ู้อืน่ ยินยอมปฏิบัติ
ตาม เพ่ือท่ีจะนําไปสู่การบรรลุเป้าหมายของกลุ่มท่ีได้กําหนดไว้ หรือสรุปได้ว่าภาวะผู้นําคือ รูปแบบ
ของอทิ ธิพลระหว่างบุคคล๖

๖ วเิ ชยี ร วทิ ยอุดม, ภาวะผน้ าํ , (กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั ธนรชั การพิมพ์ จํากดั , ๒๕๕๓), หน้า ๕๖.

๑๐

ภาวะผู้นํา (Leadership) หรือความเป็นผู้นํา หมายถึง ความสามารถในการนํา ซึ่งเป็น
ความสําเร็จอย่างย่ิงสาํ หรับความสําเรจ็ ของผู้นําภาวะผูน้ ําได้รบั ความสนใจและศึกษามานานแล้ว เพ่ือให้
รวู้ ่าอะไรเปน็ องค์ประกอบทจี่ ะชว่ ยใหผ้ ู้นํา มคี วามสามารถในการนาํ หรอื เปน็ ผู้นาํ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ๗

การศึกษาเร่ืองของภาวะผู้นํานั้น จะศึกษาต้ังแต่คุณลักษณะ (Traits) ของผู้นํา อํานาจ
(Power) พฤติกรรม (Behavior) ของผนู้ ําแบบตา่ ง ๆ

ในปัจจุบนั ได้มผี ู้ใหค้ วามหมายของภาวะผู้นําไว้หลากหลายและแตกตา่ งกนั ดังนี้
- ภาวะผู้นํา คือ ความคิดรเิ ร่มิ และธาํ รงไว้ซ่ึงโครงสร้างของความคาดหวังและ ความสัมพันธ์
ระหว่างกนั ของสมาชิกของกลุ่ม
- ภาวะผู้นํา คือ ความสามารถท่ีจะช้ีแนะ สั่งการ หรืออํานวยการ หรือมีอิทธิพลต่อ
พฤติกรรมของผอู้ ่นื เพ่ือให้มุ่งไปสู่จดุ หมายทีก่ าํ หนดไว้
- ภาวะผู้นํา คือ ศิลปะในการชี้แนะลูกน้อง หรือผู้ร่วมงานให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ
กระตอื รือร้น และเตม็ ใจ
- ภาวะผู้นํา คือ กระบวนการท่ีบุคคลใช้อิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุความต้องการของ
กลุม่ หรอื จดุ มุง่ หมายขององคก์ าร
- ภาวะผู้นํา เป็นเรื่องของศิลปะของการใช้อิทธิพล หรือกระบวนการใช้อิทธิพลต่อบุคคล
อนื่ เพื่อให้เขามีความเต็มใจ และกระตอื รือร้นในการปฏิบตั งิ านจนประสบความสําเร็จ ตามจุดมุ่งหมาย
ของกลุ่ม
- ภาวะผู้นํา เป็นความสามารถในการใช้อิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้ประสบความสําเร็จตาม
เป้าหมายที่ตัง้ ไว้
- ภาวะผู้นํา เป็นกระบวนการของการช้ีแนะ และอิทธิพลต่อกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิก
ของกลมุ่ ๘
- ภาวะผู้นํา เป็นกระบวนการท่ีบุคคลหน่ึง (ผู้นํา) ใช้อิทธิพลและอํานาจของตนกระตุ้น
ชี้นําให้บุคคลอ่ืน (ผู้ตาม) มีความกระตือรือร้น เต็มใจทําในสิ่งที่เขาต้องการ โดยมีเป้าหมายของ
องคก์ ารเป็นจุดหมายปลายทาง๙

๗ สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ และสิทธิลักษณ์ สมิตะสิริ, ภาวะผู้นําความสําคัญต่ออนาคตไทย.
(กรุงเทพมหานคร: สํานักพมิ พ์พิมพ์ไทย, ๒๕๕๒), หน้า ๔๐.

๘ กิติ ตยัคคานนท์, เทคนคิ การสรา้ งภาวะผนู้ าํ , (กรงุ เทพมหานคร: เปลวอักษร, ๒๕๔๓), หน้า ๒๒.
๙ รัตติกรณ์ จงวิศาล, ภาวะผู้นํา ทฤษฎี การวิจัย และแนวทางสู่การพัฒนา, (กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพจ์ ฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั , ๒๕๕๙), หนา้ ๑๔- ๑๒.

๑๑

ตารางท่ี ๒.๑ สรปุ ความหมายของภาวะผ้นู าํ

นักวิชาการหรอื แหล่งข้อมลู สรุปแนวคิด
The American Heritage
Dictionary, 1985, p.719. ภาวะผนู้ าํ เปน็ เร่อื งของศิลปะของการใช้อทิ ธพิ ลหรือ
กระบวนการใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่น เพ่ือใหเ้ ขามี
กวี วงศ์พฒุ ความเต็มใจและกระตอื รือรน้ ในการปฏิบัตงิ านจน
ประสบความสาํ เรจ็
Mitchell and Larson, Jr.
ผ้นู ํา หมายถงึ บคุ คลทสี่ ามารถนํากลุ่มไปในทางที่
ตอ้ งการเปน็ บุคคลที่มสี ว่ นร่วมและเกีย่ วข้องโดยตรง
ต่อการแสดงบทบาท หรอื พฤติกรรมการเป็นผู้นาํ

ภาวะผู้นําคอื กระบวนการทีบ่ คุ คลใช้อทิ ธพิ ลตอ่ กลมุ่
เพอ่ื ใหบ้ รรลคุ วามตอ้ งการของกลมุ่ หรอื จดุ หมาย
ขององค์กร

๒.๑.๒ แนวคดิ เกี่ยวกับภาวะผ้นู ําของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)

ท่านได้ให้แนวคิดเก่ียวกับผู้นําว่าคนเรานั้นมาอยู่รวมกันเป็นหมู่ เป็นกลุ่ม เป็นชุมชน เป็น
สังคม แต่ที่เราพูดว่าอยรู่ วมกันนนั้ ความจรงิ ถ้าดลู ึกลงไปจะเห็นวา่ ตัวคนรวมกนั จรงิ แตม่ กั จะรวมกัน

แค่เพียงภายนอก ส่วนข้างในน้ันค่อนข้างจะกระจัดกระจายที่ว่ากระจัดกระจาย ก็คือ มี
ความแตกต่างกันหลายอย่างหลายประการ ต่างจิตต่างใจ ต่างความรู้สึก ต่างความนึกคิด ต่างความ
ต้องการ ต่างความรู้ ความสามารถ ต่างระดับของการพัฒนาเป็นต้น เม่ือมีความแตกต่างและกระจัด
กระจายอย่างนี้ก็มีปัญหาว่า ทําอย่างไรจะให้คนท้ังหลายประสานกัน ทําการทํางานต่าง ๆ ไปด้วยกัน
ได้ และพากันไปด้วยดี ให้ผ่านพ้นภัยอันตราย อุปสรรค ข้อติดขัดท้ังหลาย ดําเนินไปจนบรรลุถึง
ประโยชน์สุข หรือความสําเร็จที่เป็นจุดหมายที่ว่านี้ก็หมายความว่า เราต้องการเครื่องมือหรือสื่อที่จะ
มาช่วยประสานให้คนท้ังหลายรวมกันหรือร่วมกัน ทั้งรวมกันอยู่และร่วมกันทํา เพ่ือจะให้อยู่กันด้วยดี
และทําการด้วยกันได้ผลบรรลุจุดหมาย ประสบความสําเร็จเม่ือพูดอย่างน้ี ก็มีคําตอบง่าย ๆ ว่าเรา
“ต้องการผู้นํา” น้ันเอง และเม่ือพูดตามสภาพของสังคมมนุษย์อย่างน้ี ก็จะได้ความหมายของผู้นําว่า
คือบุคคลที่จะมาประสานช่วยให้คนท้ังหลายรวมกัน โดยท่ีว่าจะเป็นการอยู่รวมกันก็ตาม หรือทําการ
ร่วมกันก็ตาม ให้พากันไปด้วยดี สู่จุดหมายที่ดีงามท่ีว่าพากันไป ก็ให้พากันไปด้วยดีนั้น หมายความว่า
ไปโดยสวัสดี หรือโดยสวัสดิภาพ พ้นภัยอันตรายอย่างเรียบร้อยและเป็นสุข เป็นต้น แล้วก็บรรลุถึง
จุดหมายทดี่ งี ามหรือ“โดยถกู ต้องตามธรรม”

โดยนัยนี้ ภาวะผู้นํา ก็คือคุณสมบัติ เช่น สติปัญญา ความดีงาม ความรู้ความสามารถของ
บคุ คล ท่ีชกั นําใหค้ นทั้งหลาย มาประสานกนั และพากันไปสู่จุดหมายท่ดี งี าม จะเห็นว่ามอี งค์ประกอบ
หลายอย่างในความเป็นผู้นํา หมายความว่า คุณสมบัติของผู้นํามีหลายอย่างหลายด้าน แยกไปตามสิ่ง
ท่ีผู้นําจะต้องเกี่ยวข้อง คือ ผู้นําจะต้องมีความสามารถในการที่จะไปเกี่ยวข้องหรือปฏิบัติต่อสิ่ง
เหลา่ นน้ั ทุกอยา่ งใหถ้ กู ตอ้ งและได้ผลดี องค์ประกอบเหลา่ นัน้ คือ

๑๒

๑. ตวั ผู้นํา จะตอ้ งมคี ุณสมบัตภิ ายในของตนเอง เป็นจดุ เร่ิมและเป็นแกนกลางไว้
๒. ผู้ตามโยงด้วยคุณสมบัติที่สัมพันธ์กับผู้ตาม หรือเราอาจจะไม่เรียกว่า “ผ้ตู าม” ในพุทธ
ศาสนากไ็ มไ่ ด้นิยมใช้คําว่า ผู้ตาม เราอาจจะใช้คาํ วา่ “ผ้รู ว่ มไปไดด้ ้วย”
๓. จุดหมาย โยงด้วยคุณสมบัติท่ีสัมพันธ์กันกับจุดหมายเช่นจะต้องมีความชัดเจน เข้าใจ
ถ่องแท้ และแนว่ แน่ในจดุ หมายเปน็ ต้น
๔. หลักการและวิธีการโยงด้วยคุณสมบัติท่ีสัมพันธ์กับหลักการ และวิธีการท่ีจะทําให้
สาํ เร็จผลบรรจุจุดหมาย
๕. สง่ิ ทีจ่ ะทาํ โยงดว้ ยคุณสมบตั ิที่สัมพนั ธ์กับสง่ิ ทจี่ ะทาํ
๖. สถานการณ์ โยงด้วยคุณสมบัติที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม หรือส่ิงท่ีจะประสบ ซึ่งอยู่
ภายนอก ว่าทําอย่างไรจะผ่านไปได้ด้วยดี ในท่ามกลางสังคม สิ่งแวดล้อม หรือส่ิงที่ประสบ เช่น
ปัญหา เป็นต้นพระพุทธเจ้าในฐานะท่ีทรงเป็นผู้นําหรือนายกนั้น ทรงมีคุณสมบัติอย่างไร เรื่องน้ีไม่
อาจจะบรรยายไดโ้ ดยละเอยี ด แตจ่ ะพูดถงึ ลักษณะที่เด่น ๆ ท่พี ระพทุ ธองค์ตรสั ไวเ้ อง๑๐

๒.๑.๓ ทฤษฎีภาวะผูน้ าํ (Leadership Theories)

Leader–constituent interaction เชื่อว่าผู้นําต้องมีพลังวิเศษเหนือบุคคลอื่นหรือมี
อิทธิพลเหนือบุคคลอื่น ๆ เพื่อท่ีสนองตอบความต้องการขั้นพ้ืนฐาน ความคาดหวังของบุคคล และ
ผู้นําต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง สามารถพัฒนาตนเองและพัฒนาให้ผู้ตามมีความแข็งแกร่ง และ
สามารถยืนอยู่ด้วนตนเองอย่างอิสระทฤษฎีน้ีพบว่า ไม่มีคุณลักษณะที่แน่นอนหรือชี้ชัดของผู้นํา
เพราะผู้นําอาจไม่แสดงลักษณะเหล่าน้ีออกมา จากการศึกษา แนวคิด ทฤษฏี และการวิจัยเก่ียวกับ
ภาวะผนู้ าํ หรือความเปน็ ผนู้ ําตั้งแตอ่ ดตี จนถึงปัจจบุ นั สามารถแบง่ ทฤษฏีภาวะผ้นู ําได้ ๔ กลุม่ ได้แก่

๑. ทฤษฏีเชงิ คุณลกั ษณะของผู้นํา (Trait Theory)
๒. ทฤษฏเี ชงิ พฤติกรรมของผนู้ ํา (Behavioral Theory)
๓. ทฤษฏเี ชิงสถานการณ์ (Contingency Theory)
๔. ทฤษฏีภาวะผ้นู าํ การเปล่ยี นแปลง (Transformational Leadership Theory)

๑. ทฤษฏเี ชิงคณุ ลักษณะของผูน้ ํา (Trait Theory)

ทฤษฏีนี้ได้อธิบายคุณลักษณะท่ีแตกต่างกันระหว่างผู้นําและไม่ใช่ผู้นํา ในอดีตท่ีผ่าน
มาผู้นําแบบเก่าจะใช้วิธีสืบทอดต่อๆ กันมาตามประเพณีด้ังเดิม (traditional) แล้วเปล่ียนมาเป็นการ
ค้นหาคุณลักษณะของภาวะผู้นํา และได้พยายามแยกแยะถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของผู้นําออกมา แล้ว
พบว่า คนเป็นผู้นําจะมีลักษณะเฉพาะด้านบุคลิกภาพ ภาวะอารมณ์และจิตใจ ความต้องการ แรงขับ
และค่านิยมท่ีแตกต่างกับคนไม่เป็นผู้นํา โดยคุณลักษณะด้านบุคลิกภาพของผู้นําที่มีประสิทธิผลที่มัก
พบทแ่ี ตกตา่ งกันระหวา่ งผนู้ ําและไมใ่ ช่ผู้นาํ ประกอบด้วย

๑๐ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), ภาวะผู้นํา, พิมพ์ครั้งท่ี ๗, (กรุงเทพมหานคร: สุขภาพใจ, ๒๕๔๖),
หนา้ ๙๐.

๑๓

๑) คุณลกั ษณะดา้ นบคุ ลิกทัว่ ไป
๒) คุณลักษณะด้านบคุ ลิกทสี่ มั พันธก์ บั งาน
๓) บุคลิกลกั ษณะทางจิตใจ และทกั ษะทางปญั ญา
๔) คณุ ลกั ษณะดา้ นการสังคม
๕) แรงจูงใจในการทาํ งาน

กล่าวโดยสรุป ทฤษฏีเชิงคุณลักษณะของผู้นําเชื่อว่า ภาวะความเป็นผู้นําข้ึนอยู่กับ
บุคลิกภาพและความสามารถของคนซึ่งมีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษเฉพาะบางอย่าง ที่จะไม่พบในตัว
บุคคลท่ีไม่ใช่ผู้นํา เช่น มีความทะเยอทะยานและมีพลัง มีความซ่ือสัตย์และยึดหลักคุณธรรม มีความ
ปรารถนาดีท่ีจะนําผู้อ่ืน มีความเช่ือมั่นในตนเอง มีความสามารถด้านสติปัญญา มีความรู้เกี่ยวกับงาน
ที่ทาํ มีความอดทนตอ่ ภาวะความเครยี ด และมวี ฒุ ิภาวะทางอารมณ์๑๑

๒. ทฤษฏเี ชงิ พฤติกรรมของผนู้ าํ (Behavioral Theory)

จากความไม่ม่ันใจในทฤษฏีคุณลักษณะดังกล่าวข้างต้น แนวทางการศึกษาภาวะผู้นํา
จึงเปล่ียนมาศึกษาด้านพฤติกรรมท่ีผู้นําแสดงออกต่อผู้ตาม หรือ ผู้ปฏิบัติงานแทน ทฤษฏีพฤติกรรม
เชื่อว่า แบบพฤติกรรมบางอย่างโดยเฉพาะทําให้ผู้นําแตกต่างจากผู้ไม่เป็นผู้นํา พฤติกรรมผู้นํามีผลต่อ
ทัศนคติและการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ทําให้มีความจําเป็นที่จะต้องศึกษาถึงพฤติกรรมของ
ผู้นําท่ีแสดงออกมาด้วยจึงจะทําให้ผู้นํามีประสิทธิภาพมากข้ึน และทําให้ผู้นํามีความน่าเชื่อถือมากข้ึน
จนได้รับการยอมรับว่าเป็นพื้นฐานสําคัญของภาวะผู้นําสมัยใหม่ ซ่ึงเรียกว่า พฤติกรรมแห่งความสําเร็จ
ของผ้นู ํา มอี ยา่ งน้อย ๓ แนวคิด๑๒

๓. ทฤษฏเี ชงิ สถานการณ์ (Contingency Theory)

ทฤษฎเี ชิงสถานการณ์นน้ั เป็นแนวคดิ การบรหิ ารจดั การที่ผู้บริหารจะปฏบิ ัติซงึ่ ข้ึนอยู่
กับสถานการณ์ หรือเป็นแนวคิดซึ่งเป็นทางเลือกของผู้บริหารในการกําหนดโครงสร้างและระบบ
ควบคุมองค์การ โดยข้ึนอยู่กับสถานการณ์และลักษณะต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อมภายนอกที่มี
ผลกระทบต่อการดําเนินงานขององค์การ หรือเป็นวิธีการท่ีกล่าวถึงองค์การที่มีลักษณะแตกต่างกันซ่ึง
ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน และต้องใช้วิธีการบริหารจัดการท่ีแตกต่างกันด้วย ทฤษฎีการ
บรหิ ารเชิงสถานการณ์เป็นการประสมประสานแนวคดิ ในการบรหิ ารจัดการที่สําคญั ๔ ประการคือ

(๑) แนวคดิ แบบดงั้ เดมิ
(๒) แนวคิดเชงิ พฤตกิ รรม
(๓) แนวคิดเชิงปริมาณ
(๔) แนวคิดเชงิ ระบบ

๑๑ รัตติกรณ์ จงวิศาล, ภาวะผู้นํา ทฤษฎี การวิจยั และแนวทางสู่การพัฒนา, (กรุงเทพมหานคร: โรง
พมิ พ์จุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลัย, ๒๕๕๙), หนา้ ๑๔.

๑๒ วนิดา ชูสังข์, “การศึกษาเชิงวิเคราะห์ภาวะผู้นําตามหลักพระพุทธศาสนา”, วิทยานิพนธ์พุทธ
ศาสตรมหาบณั ฑติ , (บณั ฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๕๑), หน้า ๖๔.

๑๔

๔. ทฤษฏีภาวะผู้นําการเปล่ียนแปลง (Transformational Leadership
Theories)

จากสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการ
แข่งขันรุนแรง มีปัญหาท่ีซับซ้อนมากข้ึน ทําให้ผู้บริหารจําเป็นต้องคอยกระตุ้นและผลักดันให้เกิดการ
เปล่ียนแปลงขึ้นในองค์การ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตลอดจน
ยอมให้ผู้ปฏิบัติงานมีอิสระในการทํางานมากข้ึน ในปี ค.ศ. ๑๙๗๙ Burns ได้เขียนหนังสือช่ือ
leadership โดยเสนอแนวคิดว่า ภาวะผู้นําทางการเมืองน้ันมี ๒แบบ คือ ภาวะผู้นําแบบแลกเปลี่ยน
(transactional leadership) กับ ภาวะผนู้ าํ แบบเปล่ียนแปลง (transformational leadership)๑๓

๑. ภาวะผู้นําแบบแลกเปล่ียน แนวคิดเก่ียวกับภาวะผู้นําแบบแลกเปล่ียน มีพ้ืนฐานมา
จากการแลกเปลี่ยนทางสังคม (Exchange Theory)โดยเน้นการแลกเปลยี่ นประโยชน์ระหว่างผู้นํากับ
ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งผู้นําและผู้ปฏิบัติงานต่างก็มีอิทธิพลซ่ึงกันและกัน ต่างอํานวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน
ตา่ งฝ่ายต่างไดร้ บั ผลประโยชน์ตอบแทน

๒. ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลง ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงเป็นแนวคิดของทฤษฏีแนว
ใหม่ ท่ีชี้ใหเ้ ห็นถึงคณุ ลักษณะของผูน้ าํ ไมร่ วมผปู้ ฏิบตั งิ านและสถานการณ์ ซง่ึ มีความเชอื่ ว่าผ้นู ําจะเป็น
ผู้กระตนุ้ ให้สมาชิกเกิดความสนใจตนเองทจี่ ะปฏิบตั งิ านในองค์การ

๒.๑.๔ รูปแบบภาวะผู้นาํ จากพนื้ ฐานการใชอ้ าํ นาจหนา้ ที่

๑. ผู้นําแบบเผด็จการ (Autocratic Leader) หมายถึงผู้นําท่ีเน้นถึงการบังคับบัญชา
และการออกคําส่ัง (commanding and order giving) เป็นสําคัญ ผู้นําชนิดนี้มักจะทําการตัดสินใจ
ด้วยตนเองเป็นส่วนมาก และจะไม่ค่อยมอบหมายอํานาจหน้าท่ีให้แก่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามากนัก
สถานภาพของผู้นําชนิดน้ีจะเป็นไปในลักษณะที่ว่าเป็นเจ้านาย (boss) อย่างเด่นชัด ในการบังคับ
บัญชาหรอื ควบคุมงานของผู้นําชนิดนี้ ผู้นําดังกล่าวจะกระทําโดยมีการใช้อํานาจเป็นอย่างมากและจะ
สร้างบรรยากาศของความเกรงกลัวต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมอ ทั้งน้ีเพราะผู้นํานิยมใช้การให้รางวัล
และลงโทษ๑๔

สรุปได้ว่าผู้นําแบบเผด็จการจะมีอํานาจสูงสุดท่ีตัวผู้นํา ผู้นําจะส่ังการและตัดสินใจ
โดยยึดถอื ความคดิ ตนเองเปน็ ใหญ่ นิยมการใหร้ างวลั และลงโทษ

๒. ผู้นําแบบประชาธิปไตย (Democratic Leader) ผู้นําชนิดน้ีจะมีลักษณะตรงกัน
ข้ามกบั ผู้นําชนิดแรก ผู้นําแบบประชาธิปไตยจะให้ความสําคัญกับผอู้ ย่ใู ต้บงั คับบัญชามากกว่า และจะ
ไม่เน้นถึงการใช้อํานาจหน้าที่ หรือก่อให้เกิดความเกรงกลัวในตัวผู้บังคับบัญชา หากแต่จะเปิดโอกาส
ให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีโอกาสแสดงความคิดเห็นและพูดคุยด้วย ในการปฏิบัติงานบริหารของผู้นํา

๑๓ รัตติกรณ์ จงวิศาล, ภาวะผู้นํา ทฤษฎี การวิจยั และแนวทางสู่การพัฒนา, (กรุงเทพมหานคร: โรง
พิมพ์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, ๒๕๕๙), หนา้ ๒๔.

๑๔ สุเทพ พงศ์ศรีวัฒน์, ภาวะผู้นํา: ทฤษฎีและการปฏิบัติ, (กรุงเทพมหานคร: บุ๊คลิ๊งค์, ๒๕๔๕), หน้า
๘๙.

๑๕

ชนิดนี้มักจะเป็นไปในทํานองท่ีว่า ส่ิงต่าง ๆ เป็นเรื่องที่เก่ียวข้องกับทุกคน ดังน้ัน การแก้ไขปัญหา
ต่าง ๆ จึงมักให้โอกาสทุกฝ่ายเข้ามาร่วมพิจารณา ซ่ึงอาจจะกระทําโดยมีการประชุมหรือจัดตั้ง
คณะกรรมการ เป็นต้น ผู้นําชนิดนี้จะพยายามส่งเสริมให้คนงานออกความคิดเห็นได้ และมีโอกาสร่วม
ตดั สินใจในปญั หาต่าง ๆ ไดด้ ว้ ย

สรุปว่า ผู้นําแบบประชาธิปไตยเป็นผู้นําที่ทํางานโดยอาศัยความร่วมมือกับ
ผู้ใต้บังคับบัญชา การตัดสินใจอยู่บนฐานของการปรึกษาหารือกัน๑๕

๓. ผู้นําแบบเสรีนิยม (Laissez-faire or Free-rein Leader) ผู้นําชนิดน้ีจะแตกต่าง
จากผู้นําแบบประชาธิปไตยที่ว่าจะมีการปล่อยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีอิสรเสรีเต็มที่ หรือปล่อยให้ผู้
อยู่ใต้บังคับบัญชามีอํานาจกระทําการใด ๆ ตามใจชอบได้ ปัญหาต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นได้จะถูกมอบหมาย
ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตัดสินใจอย่างเต็มที่ ผู้ใต้บังคับบัญชาอาจจะได้รับสิทธิในการจัดทําแผนงานต่าง ๆ
ได้ตามใจชอบ

สรุป ภาวะผู้นําแบบเสรีนิยมให้ผลงานที่อ่อนด้อยที่สุด สําหรับภาวะผู้นําแบบเผด็จการ
และแบบประชาธิปไตย แม้ว่าจะได้ปริมาณงานที่เท่าเทียมกัน แต่คุณภาพของงานและความพึงพอใจ
ของผู้ปฏิบัติงานพบว่า ผู้นําแบบประชาธิปไตยสูงกว่ากลุ่มผู้นําแบบเผด็จการ เน่ืองจากผู้ปฏิบัติงานมี
โอกาสไดแ้ สดงความคดิ เหน็ และมีสว่ นรว่ มในการตัดสนิ ใจ จงึ ทาํ ใหเ้ กิดความพงึ พอใจมากกว่าพยายาม
สร้างความสามัคคีในกลุ่มงาน สนใจความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล มีพฤติกรรมที่
แสดงออกให้เห็นถงึ ความไว้วางใจ ความมั่นใจ การแสดงความเปน็ มติ ร๑๖

๑๕ พสุ เดชะรินทร์, ยอดผูน้ ํายุคใหม่, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทซีเอ็ดยูเคช่ันจํากัด มหาชน, ๒๕๔๗),
หน้า ๖๙–๗๐.

๑๖ ยงยุทธ เกษสาคร, ภาวะผู้นําและการทํางานเป็นทีม, (กรุงเทพมหานคร: เอสแอนด์ เจ กราฟฟิค,
๒๕๕๔), หนา้ ๔๐.

๑๖

ตารางที่ ๒.๒ เปรียบเทยี บรปู แบบพฤตกิ รรมของผนู้ ํา

ผนู้ าํ แบบเผดจ็ การ ผนู้ าํ แบบประชาธปิ ไตย ผ้นู าํ แบบเสรนี ยิ ม

- ผูน้ ําจะเปน็ ผกู้ าํ หนดนโยบาย - นโยบายตา่ ง ๆ จะ กําหนดขึน้ - กลมุ่ หรอื แตล่ ะคนจะมี เสรภี าพ
ทกุ อย่าง โดยมกี ารปรึกษาและตัดสินใจ ในการตัดสินใจ
- เทคนิควธิ ที าํ งานและกจิ กรรม โดยกลุม่ - ผ้นู าํ จะจดั หาวัตถุดิบให้และยัง
จะถกู ส่ังการโดยผนู้ าํ - กจิ กรรมจะถกู กําหนดขนึ้ จาก จะคอยใหข้ ้อมลู เพม่ิ เติมเมื่อ
- ผู้นาํ จะคอยสงั่ งานแตล่ ะอย่าง การปรกึ ษาของกลมุ่ โดยผู้นําจะ ต้องการ
และจะคอยกํากบั ผทู้ าํ งานแต่ละ ให้แนวทางเลือก - ผู้นาํ จะไมเ่ ขา้ ย่งุ เก่ียว ใด ๆ
คน - สมาชิกในกลมุ่ จะมโี อกาสเลอื ก - ผูน้ าํ จะไมพ่ ยายามพูดถึง
- ในการตหิ รอื ชมงานของกลุม่ ผู้ทํางานร่วม และการแบง่ งาน กิจกรรมของสมาชิกและ จะไม่
ผนู้ ําจะใช้วิธวี ่ากลา่ วตวั บคุ คล ภายในกลุ่มจะทําโดยวธิ ีตกลง พยายามกํากบั กลมุ่ แต่อยา่ งใด
โดยตรง และจะพยายามวางตัว กนั เอง เลย
เปน็ ทางการ - ในการตหิ รือชม ผูน้ าํ จะ
หลีกเลยี่ งไม่วา่ กล่าวตวั บุคคล

๒.๒ แนวคิด และทฤษฎีเก่ียวกับภาวะผนู้ ําทางการเมอื ง

๒.๒.๑ คุณสมบัติและลกั ษณะผนู้ ําทางการเมอื ง

๑) คุณสมบตั ิผูน้ าํ ทางการเมือง

คนท่ีจะทํางานการเมืองได้หรือคนที่ต้องการลงแข่งขันเพื่อเป็นนักการเมือง ควรมี
คณุ สมบตั ิของความเป็นผ้นู าํ ซ่ึงคณุ สมบัตทิ ส่ี ําคัญๆของผนู้ าํ ทจ่ี ะตอ้ งมี มดี ังต่อไปนี้

๑. มีสุขภาพท่ีแข็งแรง ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ เน่ืองจาก การบริหารงานของผู้นําทาง
การเมือง ไม่ว่าจะระดบั ประเทศ ระดับจังหวดั ระดับอําเภอ ระดับองค์การบริหารส่วนตําบล ผู้นําทาง
การเมืองเหล่านี้จะต้องใช้ความคิด อีกท้ังต้องลงพื้นที่พบปะกับประชาชนอยู่ตลอดเวลา บางพ้ืนท่ีมี
งานเล้ียง เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานประเพณีตามหมู่บ้าน งานบุญ งานกุศล ซึ่งงานหาก
พวกเราลองสังเกตดู ผู้นําทางการเมือง ระดับประเทศหลาย ๆ ประเทศรวมท้ังประเทศไทยด้วย ไม่ว่าจะ
ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าดํารงตําแหน่งดูมีสง่าราศี แต่พอเป็นผู้นําประเทศได้ไม่นานนัก
ใบหน้าเร่ิมแก่ลง ทั้งน้ีก็สืบเนื่องมาจากความเครียดและต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองในหลาย ๆ
รูปแบบน้ันเองเหล่าน้ี ส่วนใหญ่มักจะมีการด่ืมสุรา รวมท้ังมีอาหารเลี้ยงต้อนรับอย่างมากมาย หากว่า
นักการเมืองท่านใด ด่ืมสุราและกินอาหารมาก ๆ อกี ท้ังขาดการออกกําลังกาย กจ็ ะทาํ ให้สุขภาพย่าํ แย่ได้
งา่ ย ๆ

๒. ตอ้ งมีเป้าหมายในการบรหิ ารประเทศ บริหารจังหวัด บริหารตําบล หรือบริหารงาน
ในพื้นที่ท่ีตนได้รับการเลือกตั้ง การมีจุดมุ่งหมายมีแนวทางเป็นสิ่งท่ีสําคัญในการทํางานโดยเฉพาะงาน
ทางด้านการบริหาร เพราะการมีเป้าหมายเปรียบเสมือน เรือที่มีหางเสือ ซึ่งสามารถกําหนดทิศทางได้
แต่ตรงกันข้ามกับนักการเมืองหลาย ๆ คน มีความอยากที่จะเป็นแต่พอเข้าไปเป็นหรือได้เป็นแล้ว กับ
ไมร่ ูจ้ ะทําอะไร ก็เนือ่ งมาจากไม่มีทศิ ทางในการทาํ งานหรือมเี ปา้ หมายนน้ั เอง

๑๗

๓. มีมนุษย์สัมพันธ์ เน่ืองจากงานการเมือง ต้องมีความเกี่ยวพันหรือมีความสัมพันธ์
กับคนหมู่มาก การลงพ้ืนที่หาเสียง การดูแล การพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นท่ีจึงเป็นสิ่งท่ีหลีกเล่ียง
ไม่ได้ นักการเมืองท่ีได้รับการเลือกต้ังเป็นจํานวนมาก ประชาชนในพื้นที่มีความรู้สึกรัก โดยเฉพาะ
อย่างย่ิงคนท่ีอยู่ใกล้ชิด ดังน้ัน นักการเมืองหลาย ๆ คนจึงมีวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดใน
หลาย ๆ รูปแบบ เช่น เวลาเดินทางไปเที่ยวหรือไปทํางานที่ไกลๆ มักจะซ้ือของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ
ให้กับคนใกล้ชิด หลาย ๆ คนเม่ือถึงวันเกิดของคนใกล้ชิด เขาก็จะมีดอกไม้ไปฝาก เม่ือคนใกล้ชิด
เจ็บปว่ ยอย่ทู ่โี รงพยาบาลกจ็ ะเดินทางไปเยี่ยมเยอื น เปน็ ต้น

๔. มีความรู้ ความสามารถ คนที่ต้องการจะเป็นนักการเมืองหรือเป็นผู้นําทาง
การเมืองควรเป็นคนที่มีสติปัญญาหรือมีความรอบรู้มากกว่าคนโดยท่ัวไปหรือคนท่ีอยู่ในพื้นที่ เพราะ
นักการเมอื งจะต้องเขา้ ไปแกไ้ ขปญั หาตา่ ง ๆ ใหก้ ับคนในพ้นื ท่ี ซ่งึ ปจั จุบันน้ี ความรู้ตา่ ง ๆ เราสามารถ
เรยี นทนั กันได้

เนื่องจากสังคม ยุคปัจจุบัน เปิดกว้างทางการศึกษามากกว่าในอดีต เราสามารถหา
ความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยผา่ นช่องทางทางอินเตอรเ์ น็ต ซึ่งเป็นช่องทางหน่ึงที่เราสามารถเข้า
ไปหาข้อมูล หาความรู้ได้อยา่ งกว้างขวาง

๕. มีความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธา ผู้นําทางการเมืองหรือนักการเมือง ควรเป็น
แบบอยา่ งให้กับคนโดยทั่วไป ฉะนั้น การเป็นนักการเมืองจึงไม่ควรกระทําหรือประพฤติตนไปในทางท่ี
เสือ่ มเสยี อกี ทัง้ ควรวางตนใหเ้ กิดความเคารพและศรัทธาแก่ผู้ทีพ่ บเห็น

๖. มีความขยัน มีความกระตือรือร้น มีความรักในการทํางาน มีนักการเมืองอยู่เป็น
จาํ นวนมากที่ประกาศนโยบายในการทํางานหรือประกาศเป้าหมาย ประกาศทิศทางในการทํางาน แต่
พอเข้าไปเป็นหรือได้รับการเลือกตั้งเข้าไปกับไม่มีความขยัน ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีความรักท่ีจะ
ทํางานที่ตนได้สัญญาเอาไว้ แต่กับทํางานแบบขอไปที ทํางานแบบไม่มีพลัง จนกระทั่งครบวาระ จึง
ไม่ไดม้ ีผลงานออกมาตามทสี่ ญั ญาไวก้ บั ประชาชนในพนื้ ท่ีเลยก็มี

๗. มีความกล้าหาญ ความเป็นผู้นําทางการเมือง การเป็นนักการเมือง บางคร้ัง ใน
บางสถานการณ์ก็ต้องการการตัดสินใจท่ีเร่งด่วน ดังน้ัน นักการเมืองจะหลีกเล่ียงการตัดสินใจไปไม่ได้
นักการเมืองหลาย ๆ คน เม่ือมีปัญหามักไม่กล้าตัดสินใจ จึงทําให้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้รับการแก้ไข อีก
ท้ังยังเกิดการสะสมของปัญหา ฉะน้ัน การเป็นนักการเมือง การเป็นนักบริหารที่ดี จะต้องมีความกล้า
ท่ีจะตัดสินใจ ถึงแมก้ ารตัดสินใจนัน้ จะผิดหรอื จะถูก แต่ก็ยังดที ี่ได้ตดั สินใจ

๘. มีความอดทน การทํางานทุกประเภท ย่อมจะต้องมีปัญหา ดังน้ัน คนท่ีมีความ
อดทนที่สูงกว่า มักจะเป็นผู้ท่ีได้รับชัยชนะ การที่ท่านจะอาสาเข้าไปเป็นนักการเมือง ท่านต้องถูก
คแู่ ขง่ โจมตี

๑๘

ท่านต้องถูกคู่แข่งทําลายช่ือเสียง ท่านจะต้องถูกคู่แข่งสาดโคลน ท่านจะต้องถูก
ชาวบ้านท่ีมีความเห็นขัดแย้งกับท่านด่าว่า ดังน้ันหากท่านมคี วามอดทนท่ไี มม่ าก ท่านอาจจะพบความ
ทุกขม์ ากกว่าพบความสุขในถนนสายการเมืองกไ็ ด้๑๗

๒) ลักษณะผู้นําทป่ี ระสบความสาํ เร็จ

ทฤษฎีนี้ถูกค้นพบในปี ค. ศ.๑๙๒๐ – ๑๙๓๐ โดยมหาวิทยาลัย โอ ไอ โอ อธิบาย
ถึงคุณลักษณะท่ีแตกต่างระหว่างผู้นําและไม่ใช่ผู้นํา ความมุ่งมั่นจะทําให้ผู้นําถูกครอบงําด้วยความคิด
แบบเก่า ๆ ไม่มีอีกแล้ว ซึ่งผู้นําแบบเก่าจะใช้วิธีสืบทอดต่อๆกันมาตามประเพณีด้ังเดิม ก็เปลี่ยนมา
เป็นการค้นหาถึงคุณลักษณะของผู้นําที่ประสบความสาํ เร็จ มกี ารศึกษาเร่ือยเรื่อย ๆ มอี ยู่หลายคร้ังได้
พยายามสรุปถึงคุณลักษณะของผู้นําออกมาเป็นเอกสารรายงานได้บรรยายถึงองค์ประกอบของผู้นําท่ี
ประสบความสาํ เร็จจะต้องมคี ุณลักษณะดงั น้ี

๑. มีความฉลาด ประกอบไปดว้ ยความยตุ ิธรรมและสามารถในการใช้ถ้อยคาํ
๒. มีอดีตที่เคยประสบความสําเร็จในดา้ นการเรียนและกีฬา
๓. มอี ารมณท์ สี่ ขุ ุม ตรึกตรองรอบคอบและมน่ั คง
๔. มกี ารพ่งึ พาตวั เอง มคี วามเพียรพยายามและมแี รงขบั สูค่ วามสาํ เรจ็ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง
๕. มีทกั ษะในการเขา้ ร่วมสมาคมและปรบั ตัวเข้ากบั กล่มุ ตา่ ง ๆ ได้
๖. มีความต้องการสถานภาพและตาํ แหน่งทางสงั คม๑๘

ตารางที่ ๒.๓ แสดงถงึ คณุ ลักษณะ (Traits) และทกั ษะ (Skills) ของผู้นาํ

คณุ ลักษณะ (Traits) ทักษะ (Skills)

๑. รู้จักปรบั ตวั เข้ากับสถานการณต์ ่าง ๆ ๑. มีความเฉลยี วฉลาด
๒. มีความตืน่ ตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสงั คม ๒. มที กั ษะในความคิด
๓. มีความทะเยอทะยานสงู ๓. มีความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์
๔. มีความเชื่อถอื และสามารถสรา้ งสรรค์ประโยชน์ ๔. มที ักษะในเชิงการพูด รู้จกั ผูกมิตรไมตรี
๕. มลี กั ษณะประนีประนอม ๕. มวี าทะศลิ ปะ มีทกั ษะในการพดู
๖. มคี วามเดด็ ขาด ๖. มคี วามรู้เกยี่ วกบั งาน
๗. ลูกน้องสามารถพึ่งพาได้ ๗. มที กั ษะในการจดั การอยา่ งเปน็ ระบบ
๘. เป็นผทู้ รงอาํ นาจ ๘. มที กั ษะในการชกั นําจงู ใจผอู้ ่ืน
๙. มคี วามเพียรพยายาม ๙. มที กั ษะทางสังคมสงู
๑๐. มคี วามเชอ่ื มนั่ ในตนเอง

๑๗ ภารดี อนันต์นาวี, หลักการ แนวคิด ทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา, พิมพ์คร้ังท่ี ๔, (ชลบุรี:
บรษิ ทั สาํ นกั พมิ พ์มนตรี จาํ กัด, ๒๕๕๕), หน้า ๗๗.

๑๘ เสน่ห์ จุ้ยโต, วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ผู้นํายุคใหม่, (นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,
๒๕๕๒), หน้า ๕๔.

๑๙

ตารางที่ ๒.๔ สรปุ แนวคิดคณุ สมบตั แิ ละลกั ษณะของผนู้ ําทางการเมอื ง

นักวชิ าการหรอื แหลง่ ขอ้ มูล สรปุ แนวคดิ และทฤษฎี
ภารดี อนันต์นาวี
คุณสมบัติผู้นาํ ทางการเมอื ง
๑. มสี ุขภาพทแี่ ข็งแรง
๒. ต้องมเี ปา้ หมายในการบรหิ ารประเทศ
๓. มมี นุษยสัมพนั ธ์
๔. มีความรคู้ วามสามารถ
๕. มีความนา่ เชื่อถือ น่าศรัทธา
๖. มคี วามขยนั มีความกระตือรอื ร้น
๗. มคี วามกลา้ หาญ ความเปน็ ผนู้ าํ ทางการเมือง .
๘. มคี วามอดทน

๒.๓ แนวคิดเกี่ยวกับการปกครองท้องถน่ิ

๒.๓.๑ ความหมายของการปกครองท้องถ่นิ

จากการศึกษาแนวคิดเก่ียวกับการปกครองท้องถ่ิน สามารถสรุปเนื้อหาสาระสําคัญได้
ดงั ต่อไปนคี้ วามหมายของการปกครองทอ้ งถิน่ มีนักวิชาการใหค้ วามหมายเก่ียวกบั การปกครองทอ้ งถ่ิน
ไวด้ งั นี้

การปกครองท้องถิ่น หมายถึง ส่วนการปกครองของประเทศหรือรัฐ ซ่ึงมีหน้าที่สําคัญที่
รับผดิ ชอบในการดําเนนิ เร่ืองต่าง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับประชาชนในทอ้ งถิน่ หรือในขอบเขตแห่งหนงึ่ แห่งใด
โดยเฉพาะและเป็นการสมควรท่ีจะมอบเร่ืองดังกล่าวให้หน่วยการปกครองท้องถิ่นเป็นผู้บริหาร โดยมี
ฐานะเปน็ รองจากการบรหิ ารของรัฐในสว่ นกลาง๑๙

การปกครองท้องถ่ิน เป็นรูปแบบการปกครองในลักษณะกระจายอํานาจปกครองจาก
สว่ นกลางไปใหท้ ้องถน่ิ ดาํ เนนิ การเอง ซึ่งมีความสาํ คัญและจําเปน็ อย่างย่ิงต่อการพัฒนาชมุ ชนและการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตย กล่าวคือการปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมแบ่งเบาภาระของ
รัฐบาลกลางในแง่ที่ว่าผู้ท่ีอยู่ในท้องถ่ินและผู้นําส่วนท้องถ่ินจะมีความสําคัญ คือทําให้ท้องถิ่นรู้จัก
แกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง

การปกครองท้องถิ่น หมายถึง การปกครองท่ีรัฐบาลได้กระจายอํานาจการปกครองให้
ประชาชนในท้องถิ่นได้มีสิทธิดําเนินการปกครองตนเองและมีองค์กรปกครองท้องถ่ินที่มีอํานาจอิสระ
ในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ตี ามสมควร

๑๙ โกวิทย์ พวงงาม, การปกครองท้องถิ่นไทย, พิมพ์ครั้งที่ ๕, (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน, ๒๕๔๘),
หนา้ ๔๓.

๒๐

การปกครองท้องถิ่น คือเครื่องมือที่รัฐบาลให้แก่ประชาชนในท้องถ่ินต่าง ๆ มีอํานาจ
หนา้ ที่ มที รพั ยากรทกี่ ฎหมายเพยี งพอทจ่ี ะสร้างเมืองของตนเองได้มากข้นึ

การปกครองส่วนท้องถ่ินคือการปกครองท่ีรัฐบาลกลางได้กระจายอํานาจให้ประชาชนใน
ท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการปกครองตนเองในด้านต่าง ๆโดยมีองค์กรท้องถ่ินที่ได้รับเลือกจาก
ประชาชนเป็นผู้ดําเนินงานอย่างมีอิสระ มีบทบาทหน้าท่ีและความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในทุกด้าน
และอยู่ภายใตก้ ารกกาํ กบั ดูแลจากรฐั บาลกลาง๒๐

สรุป การปกครองท้องถ่ิน หมายถึง การปกครองที่รัฐบาลกลางกระจายอํานาจไปให้
ท้องถิ่นดําเนินการภายใต้อํานาจหน้าที่ท่ีพึงกระทําได้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วม
ในการบริหารงาน เพราะประชาชนในท้องถิ่นย่อมรู้ถึงปัญหาและความต้องการของตนเองอย่าง
แท้จริงความสําคัญของการปกครองท้องถ่ินการปกครองท้องถ่ินจะเน้นการกระจายอํานาจในการ
ปกครอง โดยให้มีความสอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเน้นการมีส่วนร่วมของ
ประชาชนเปน็ สําคัญ ซงึ่ สามารถสรปุ ความสําคญั ของการปกครองสว่ นท้องถน่ิ ได้ ดังนี้

๑. การปกครองท้องถ่ินถือเป็นรากฐานของการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพราะเป็น
สถาบันฝึกสอนการเมืองการปกครองให้แก่ประชาชน ทําให้เกิดความคุ้นเคยในการใช้สิทธิและหน้าที่
พลเมือง อนั จะนาํ ไปสู่ความศรทั ธาเลื่อมใสในระบอบประชาธิปไตย

๒. การปกครองท้องถ่ินจะทําให้ประชาชนรู้จักการปกครองตนเอง เพราะเปิดโอกาสให้
ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง ซ่ึงจะทําให้ประชาชนเกิดจิตสํานึกในความสําคัญของ
ตนเองต่อท้องถ่ิน ประชาชนจะมีส่วนรับรู้ถึงอุปสรรค ปัญหา และช่วยกันแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นของ
ตนเอง

๓. การปกครองท้องถิ่นสามารถตอบสนองความต้องการของท้องถ่ินตรงเป้าหมายและมี
ประสทิ ธภิ าพ

๔. การปกครองท้องถ่ินจะเป็นแหล่งสร้างผูน้ ําทางการเมืองในขั้นต้นก่อนที่จะก้าวไปส่กู าร
เป็นนกั การเมืองในระดับชาตติ อ่ ไป

๕. การปกครองท้องถ่ินสอดคล้องกับแนวคิดในการพัฒนาชนบทแบบพ่ึงตนเองซึ่งเป็น
แนวคดิ ทจ่ี ะได้รบั การขานรบั มากทีส่ ุดในยุคปัจจุบัน

๒.๓.๒ วตั ถปุ ระสงค์ของการปกครองทอ้ งถ่นิ

วัตถปุ ระสงค์ท่สี ําคญั ของการปกครองทอ้ งถน่ิ สามารถจําแนกได้ดังน้ี

ชวู งศ์ ฉายะบตุ ร ไดส้ รปุ วตั ถปุ ระสงค์ของการปกครองทอ้ งถิน่ ไว้ดงั นี้
๑. ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาล เป็นส่งิ ทีเ่ หน็ ได้ชดั วา่ ในการบริหารประเทศ จะตอ้ งอาศัย
เงินงบประมาณเป็นหลัก หากเงินงบประมาณจํากัด ภารกิจท่ีจะต้องบรกิ าร ให้กับชุมชนต่าง ๆอาจไม่
เพียงพอ ดังนั้นหากจัดให้มีการปกครองท้องถ่ิน หน่วยการปกครองท้องถนิ่ นั้น ๆ ก็สามารถมีรายได้ มี

๒๐ โกวิทย์ พวงงาม และอลงกรณ์ อรรคแสง, คู่มือ มิติใหม่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน,
(กรงุ เทพมหานคร: วิญญูชน, ๒๕๔๘), หนา้ ๘๖.

๒๑

เงินงบประมาณของตนเองเพียงพอ ท่ีจะดําเนินการสร้างสรรค์ความเจริญให้กับท้องถ่ินได้จึงเป็นการ
แบ่งเบาภาระของ รัฐบาลได้เป็นอย่างมาก การแบ่งเบาน้ีเป็นการแบ่งเบาทั้งในด้านการเงิน ตัวบุคคล
ตลอดจนเวลาที่ใชใ้ นการดาํ เนนิ การ

๒. เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนในท้องถ่ินอย่างแท้จริง เนื่องจาก
ประเทศมีขนาดกว้างใหญ่ ความต้องการของประชาชนในแต่ละท้องท่ี ย่อมมีความแตกต่างกันการรอ
รับการบริการจากรัฐบาลแต่อย่างเดียว อาจไม่ตรงตามความต้องการที่แท้จริงและล่าช้าหน่วยการ
ปกครองท้องถิ่นที่มีประชาชน ในท้องถิ่นเป็นผู้บริหารเท่าน้ัน จึงจะสามารถตอบสนองความต้องการ
นัน้ ได้

๓. เพื่อความประหยัด โดยท่ีท้องถิ่นแต่ละแหง่ มีความแตกต่างกัน สภาพความเป็นอยู่ของ
ประชาชนก็ต่างไปด้วย การจัดตั้งหน่วยปกครองท้องถ่ินข้ึนจึงมีความจําเป็น โดยให้อํานาจหน่วยการ
ปกครองท้องถิ่นจัดเก็บภาษีอากร ซ่ึงเป็นวิธีการหารายได้ให้กับท้องถิ่นเพ่ือนําไปใช้ในการบริหาร
กิจการของท้องถิ่น ทําให้ประหยัดเงินงบประมาณของรัฐบาล ที่จะต้องจ่ายให้กับท้องถิ่นท่ัวประเทศ
เป็นอันมาก และแม้จะมีการจัดสรรเงินงบประมาณจาก รัฐบาลไปให้บ้างแต่ก็มีเง่ือนไขที่กําหนดไว้
อย่างรอบคอบ

๔. เพ่ือให้หน่วยการปกครองท้องถ่ินเป็นสถาบันที่ให้การศึกษาการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยแก่ประชาชน จากการท่ีการปกครองท้องถ่ิน เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ
ปกครองตนเองไม่ว่าจะโดยการสมัครรับเลือกตั้งเพ่ือให้ประชาชนในท้องถิ่นเลือกเข้าไปทําหน้าที่ฝ่าย
บริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติของหน่วยการปกครองท้องถิ่นก็ตามการปฏิบัติหน้าท่ีที่แตกต่างกันนี้มีส่วน
ในการสง่ เสริมการเรยี นรูถ้ งึ กระบวนการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระดับชาตไิ ด้เปน็ อยา่ งด๒ี ๑

๒.๓.๓ องคป์ ระกอบของการปกครองทอ้ งถน่ิ

โกวทิ ย์ พวงงาม แบ่งองค์ประกอบของการปกครองทอ้ งถิน่ ไว้ ๘ ประการ ดงั น้ี๒๒
๑. สถานะตามกฎหมาย หมายความว่า หากประเทศใดกําหนดเร่ืองการปกครองท้องถ่ิน
ไว้ในรัฐธรรมนูญของประเทศการปกครองท้องถ่ินในประเทศนั้นจะมีความเข้มแข็งกว่าการปกครอง
ท้องถิ่นที่จัดต้ังโดยกฎหมายอ่ืน เพราะข้อความที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญน้ันเป็นการแสดงให้เห็นว่า
ประเทศนน้ั มีนโยบายที่จะกระจายอํานาจอย่างแทจ้ ริง
๒. พื้นที่และระดับ ปัจจัยที่มีความสําคัญต่อการกําหนดพื้นท่ีและระดับของหน่วยการ
ปกครองท้องถ่ินมีหลายประการเช่น ปัจจัยทางภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์เช้ือชาติและความสํานึกใน
การปกครองตนเองของประชาชน จึงได้มีกฎเกณฑ์ที่จะกําหนดพ้ืนที่และระดับของหนว่ ยการปกครอง
ท้องถิ่นออกเป็น ๒ ระดับ คือ หน่วยการปกครองท้องถิ่นขนาดเล็กและขนาดใหญ่สําหรับขนาดของ
พ้ืนที่จากการศึกษาขององค์การสหประชาชาติโดยองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม องค์การอนามัยโลกสํานักกิจการสังคม ได้ให้ความเห็นว่า

๒๑ ชูวงศ์ ฉายะบุตร, การปกครองท้องถ่ินไทย, (กรุงเทพมหานคร: บริษัทพิฆเนศพร้ินติ้งเซ็นเตอร์,
๒๕๓๙), หน้า ๖๗.

๒๒ โกวิทย์ พวงงาม, การปกครองท้องถน่ิ ไทย, หนา้ ๓๒.

๒๒

หน่วยการปกครองท้องถ่ินที่สามารถให้บริการและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ควรมีประชากร
ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐คน แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่จะต้องพิจารณาด้วยเช่น ประสิทธิภาพในการบริหาร
รายได้และบุคลากร เป็นตน้

๓. การกระจายอํานาจและหน้าที่ การท่ีจะกําหนดให้ท้องถ่ินมีอํานาจหน้าท่ีมากน้อย
เพยี งใดข้นึ อยู่กับนโยบายทางการเมอื งและการปกครองของรัฐบาลเป็นสาํ คญั

๔. องค์การนิติบุคคลจัดต้ังขึ้นโดยผลแห่งกฎหมายแยกจากรัฐบาลกลางหรือรัฐบาล
แห่งชาติมีขอบเขตการปกครองที่แน่นอน มีอํานาจในการกําหนดนโยบาย ออกกฎข้อบังคับควบคุมให้
มกี ารปฏิบัตติ ามนโยบายนัน้ ๆ

๕. การเลือกต้ังสมาชิกองค์การหรือคณะผู้บริหารจะต้องได้รับเลือกต้ังจากประชาชนใน
ท้องถ่ินนั้น ๆ ท้ังหมดหรือบางส่วน เพ่ือแสดงถึงการเข้ามีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองของ
ประชาชน โดยเลือกผูบ้ รหิ ารทอ้ งถ่ินของตนเอง

๖. อิสระในการปกครองท้องถิ่น สามารถใช้ดุลยพินิจของตนเองในการปฏิบัติกิจการ
ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย โดยไม่ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลกลางและไม่อยู่ในสายการบังคับบัญชา
ของหนว่ ยงานทางราชการ

๗. งบประมาณของตนเอง มีอํานาจในการจัดเก็บรายได้การจัดเก็บภาษีตามขอบเขตที่
กฎหมายใหอ้ าํ นาจในการจดั เกบ็ เพ่ือให้ทอ้ งถ่ินมีรายได้เพยี งพอท่ีจะทํานบุ ํารงุ ทอ้ งถน่ิ ให้เจริญกา้ วหน้า
ต่อไป

๘. การควบคุมดูแลของรัฐเมื่อได้รับการจัดต้ังข้ึนแล้วยังคงอยู่ในการกํากับดูแลจากรัฐเพื่อ
ประโยชน์และความมั่นคงของรัฐและประชาชนโดยส่วนรวม โดยการมีอิสระในการดําเนินการของ
หน่วยการปกครองทอ้ งถ่ินนั้น ท้งั นม้ี ิได้หมายความว่ามอี ิสระเตม็ ท่ที เี ดยี ว คงหมายถงึ เฉพาะอิสระ

ดําเนินการเท่านั้น เพราะมิฉะน้ันแล้วท้องถ่ินจะกลายเป็นรัฐอธิปไตยนอกจากน้ีเพื่อเป็น
การปรับปรุงโครงสรา้ งอาํ นาจหน้าท่ีขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตลอดจนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
องคก์ รท้องถน่ิ กับรัฐบาลกลางและหนว่ ยงานท่ีเกีย่ วข้อง

คณะกรรมการปรับปรุงระบบการบริหารการปกครองส่วนท้องถ่ินได้มีคําสั่งที่ ๒๖๒/
๒๕๓๕ลงวันท่ี๑๑ธันวาคม ๒๕๓๕ได้กล่าวถึงองค์ประกอบของการปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินไว้ดังน๒ี้ ๓

๑. เปน็ องคก์ รทีม่ ฐี านะเปน็ นติ บิ ุคคล และทบวงการเมือง
๒. มีสภาและผู้บริหารระดับท้องถ่ินที่มาจากการเลือกต้ังตามหลักการที่บัญญัติไว้ใน
กฎหมายรัฐธรรมนญู
๓. มอี ิสระในการปกครองตนเอง
๔. มีงบประมาณรายได้เปน็ ของตนเองอยา่ งเพียงพอ
๕. มีบคุ ลากรปฏิบัตงิ านของตนเอง
๖. มอี ํานาจหน้าท่ที ี่เหมาะสมตอ่ การใหบ้ รกิ าร

๒๓ พยนต์ เอ่ียมสําอาง, การปกครองท้องถ่ินไทย, (กรุงเทพมหานคร: โครงการตําราวิชาการราชภัฏ
เฉลมิ พระเกยี รติ สถาบนั ราชภัฏบา้ นสมเด็จเจา้ พระยา, ๒๕๔๒), หน้า ๔๔.

๒๓

๗. มีอาํ นาจออกข้อบงั คับเป็นกฎหมายของท้องถ่ินภายใตข้ อบเขตกฎหมายแม่บท
๘. มีความสัมพันธ์กับส่วนกลางในฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐจากองค์ประกอบข้างต้นจะ
พบว่าการปกครองส่วนท้องถ่ินจะถูกกําหนดจากทฤษฎีการกระจายอํานาจและอุดมการณ์แบบ
ประชาธิปไตย ซึ่งมุ่งเปิดโอกาสและสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทาง
การเมือง และกิจกรรมการปกครองตนเองในระดับหน่ึงซ่ึงจะเห็นได้จากลักษณะสําคัญของการ
ปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีเน้นการมีอํานาจอิสระในการปกครองตนเอง มีการเลือกตั้ง มีองค์กรหรือ
สถาบันท่ีจําเป็นในการปกครองตนเองและที่สําคัญ คือ ประชาชนในท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมในการ
ปกครองตนเองอย่างกว้างขวาง

๒.๓.๔ ทฤษฎที ่นี ํามาใชใ้ นการปกครองท้องถ่ิน

การปกครองท้องถิ่นมุ่งหวังให้ประชาชนได้รับบริการและมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนในทุกด้าน
ดังน้ันแนวคิดในการบริหารจัดการเพ่ือให้เกิดผลตามที่ต้องการจึงต้องใช้แนวคิดและทฤษฎีต่าง ๆ มา
เป็นหลักในการดําเนินการ ซึ่ง พยนต์ เอ่ียมสําอาง ได้กล่าวถึงทฤษฎีที่เก่ียวข้องกับการปกครอง
ทอ้ งถ่ินไวด้ งั น้ี๒๔

๑. ทฤษฎีเก่ียวกับสังคมวิทยา ปัจจัยทางสังคมวิทยามีอิทธิพลต่อการปกครองท้องถิ่นใน
อันท่ีจะส่งเสริมจิตสํานึกและความรู้สึกร่วมกันในการพัฒนาท้องถิ่นให้ดียิ่งข้ึน ซ่ึงทฤษฎีเก่ียวกับสังคม
วิทยาจะอธิบายถึงการพัฒนาการของการปกครองท้องถิ่นของแต่ละท้องถ่ินด้วย โดยพยายามมุ่งเน้น
ว่าความรู้สึกผูกพันในพ้ืนท่ีน้ันมักจะมาจากบุคคลที่อยู่ในพ้ืนที่นั้นเป็นสําคัญ หรืออาจกล่าวได้ว่า
แนวความคิดในการปกครองท้องถนิ่ นน้ั มงุ่ ที่จะสรา้ งความรูส้ กึ เปน็ ส่วนหนึ่งขององค์การบริหารทอ้ งถิ่น
ให้มากท่ีสุด ดังนั้นแนวความคิดในการปกครองท้องถิ่นจึงได้รับอิทธิพลมาจากทฤษฎีเก่ียวกับสังคม
วทิ ยา

๒. ทฤษฎีเก่ียวกับเศรษฐกิจ ปัจจัยทางเศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อการปกครองท้องถิ่นในอันท่ี
จะตอบสนองต่อการแก้ปัญหาและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น กล่าวคือประชาชนในแต่ละ
ท้องถ่ินจะมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปตามลักษณะสภาพของชุมชนน้ัน ๆ เช่นสภาพท้องถิ่นท่ีเป็นชุมชน
ชนบท ประชาชนจะมีชีวิตค่อนข้างยากจน ขาดการพัฒนาในด้านต่าง ๆแต่ถ้าสภาพท้องถ่ินท่ีเป็น
ชุมชนเมืองมีวิถีชีวิตของประชาชนก็จะเป็นแบบชีวิตการทํางาน ดังนั้นปัจจัยทางเศรษฐกิจจึงเป็น
ตัวกําหนดบทบาทและหน้าที่ทางสังคม ซึ่งมีผลทําให้ ลักษณะประเภทของปัญหาและความต้องการ
ของประชาชนแตกต่างกันไป การปกครองส่วนท้องถ่ินจึงเป็นเครื่องมือที่จะตอบสนองต่อการ
แก้ปัญหาและความต้องการของประชาชนในด้านเศรษฐกิจ

๓. ทฤษฎีเก่ียวกับภูมิศาสตร์ปัจจัยทางภูมิศาสตร์จะมีอิทธิพลต่อการจัดรูปแบบและ
โครงสร้างการปกครองท้องถ่ินกล่าวคือ ในกรณีที่มีอาณาเขตกว้างขวาง แต่มีความหนาแน่นของ
ประชากรน้อย การจัดรูปแบบของการปกครองท้องถ่ินก็อาจเป็นไปแบบหน่ึง และในกรณีที่มีอาณา
เขตกว้างขวางมีความหนาแน่นของประชากรมากก็อาจเป็นอีกแบบหนึ่งโดยทัว่ ไปสภาพทางภมู ิศาสตร์

๒๔ ลิขิต ธีรเวคิน, การเมืองการปกครองของไทย, พิมพ์ครั้งท่ี ๓, (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์, ๒๕๓๙), หนา้ ๓๒.

๒๔

จะแบ่งอาณาเขตของท้องถิ่นใน ๓ ลักษณะ คือ เขตท้องถ่ินท่ีเป็นชุมชนชนบทเขตท้องถ่ินท่ีเป็นชุมชน
เมือง และเขตทอ้ งถิ่นก่ึงชุมชนเมอื งและชนบท ซงึ่ สภาพท้องถ่ินดังกลา่ วจะเปน็ ตวั กาํ หนดรปู แบบและ
โครงสร้างของการบรหิ ารการปกครองทอ้ งถน่ิ

๔. ทฤษฎีเก่ียวกับกฎหมาย การปกครองส่วนท้องถ่ินน้ันถ้าพิจารณาถึงลักษณะสําคัญจะ
เห็นวา่ การจัดรูปแบบการปกครองส่วนท้องถ่ินในฐานะเป็นนิติบุคคลซ่ึงจัดตั้งข้ึนโดยกฎหมายแยกจาก
ส่วนกลางมีขอบเขตการปกครองท่ีแน่นอนและมีคณะผู้บริหารได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนใน
ท้องถิ่นน้ัน ดังน้ัน อาจกล่าวได้ว่าระบบการบริหารการปกครองท้องถิ่นมีลักษณะท่ีเป็นไปตามตัวบท
กฎหมายทีก่ ําหนดไว้

๕. ทฤษฎีเกี่ยวกับการเมืองการปกครองท้องถิ่นจะเกี่ยวกับการเมืองโดยตรง กล่าวคือการ
บริหารการปกครองท้องถิ่นจะเก่ียวข้องกับการจัดสรรผลประโยชน์ และคุณค่าทางสังคมอย่างท่ัวถึง
และเป็นธรรมเน้นกระบวนการแสวงหาอํานาจในท้องถิ่น ซ่ึงคณะผู้บริหารของหน่วยการปกครอง
ท้องถิ่นจะได้รับเลือกต้ังมาจากประชาชนในท้องถ่ินน้ัน คณะผู้บริหารดังกล่าวจําเป็นที่จะต้องผ่าน
กระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนซ่ึงได้แก่การเลือกตั้งการมีกิจกรรมเกี่ยวกับพรรค
การเมือง การจัดต้ังและรวมกลุ่มผลประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของ
ประชาชน ดังน้ันการปกครองสว่ นท้องถิ่น จึงเกี่ยวข้องกับแนวความคิดและกระบวนการทางการเมือง
ซ่ึงแนวความคิดดังกล่าวทําให้การปกครองท้องถ่ินเป็นพื้นฐานการพัฒนาการเมืองในระบอบ
ประชาธิปไตยในระดบั ชาตติ ่อไป

๖. ทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารการปกครองท้องถิ่นอาจถือได้ว่าเป็นเรื่องเก่ียวข้องกับการ
บริหาร กล่าวคือ เม่ือเกิดองค์กรตามกฎหมายการบริหารองค์กรดังกล่าวจึงเป็นสิ่งจําเป็นและต้อง
อาศัยหลักการ และแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการบริหารมาประยุกต์ใช้ เพ่ือให้การบริหารงานการ
ปกครองส่วนท้องถิ่นบรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารและการเมืองน้ัน
ไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด การเมืองและการบริหารเปรียบเสมือนคนละหน้าใน
เหรียญเดียวกัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจงึ ทาํ ใหท้ ฤษฎเี กี่ยวกับการบริหารจึงเป็นเครื่องมือในการปกครอง
ท้องถิ่นให้บรรลุเป้าหมายท่ีกําหนดไว้จากการศึกษาทฤษฎีการปกครองท้องถ่ินท้ัง ๖ทฤษฎีจะพบว่า
แม้แตล่ ะทฤษฎมี หี ลกั การและแนวคดิ ท่แี ตกต่างกนั เชน่ ทฤษฎีด้านสงั คมวิทยาจะเปน็ พืน้ ฐานของการ
สร้างความรู้สึกเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันของประชาชนในท้องถิ่นเพราะการพัฒนาท้องถ่ินต้องอาศัย
ความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายจึงจะทําให้งานประสบความสําเร็จ ทฤษฎีด้านเศรษฐกิจจะเก่ียวข้อง
กับปัญหาต่าง ๆซึ่งสอดคล้องกับหลักการขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินที่มุ่งจะแก้ปัญหาที่เกิดข้ึนใน
ท้องถ่ินทฤษฎีเก่ียวกับภูมิศาสตร์จะเป็นประโยชน์ในด้านการจัดระบบการปกครอง การกําหนดแผน
ในการดูแลรับผิดชอบต่อประชาชนให้ได้รับความสุขและความสะดวกมากที่สุด ทฤษฎีเก่ียวกับ
กฎหมาย จะตอบสนองต่อการปกครองท้องถิ่นที่ชัดเจน กล่าวคือ เม่ือประชาชนมาอยู่ร่วมกันเป็น
สังคม จะต้องมีกฎหมายมาเป็นหลักในการปกครอง โดยเฉพาะกฎหมายเกิดจากประชาชนโดยผ่าน
ตัวแทนของทางองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินก็จะทําให้ประชาชนปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์นั้นด้วยความเต็ม
ใจ ทฤษฎีเกี่ยวกับการเมือง จะเป็นการจัดสรรทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจํากัดให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์
แก่ประชาชนมากท่ีสุด และทฤษฎีสุดท้ายที่จําเป็นในการดําเนินงานขององค์กรปกครองท้องถ่ิน คือ
ทฤษฎีเก่ียวกับการบริหาร เป็นทฤษฎีท่ีผู้ปกครองและผู้ได้ปกครองเองต้องมีความเข้าใจร่วมกันใน

๒๕

บทบาทหน้าท่ีของแต่ละฝ่ายเพื่อการบริหารงานท่ีมีประสิทธิภาพตรงตามจุดประสงค์ท่ีต้ังไว้ แม้ทุก
ทฤษฎีจะมีความแตกต่างกัน แต่ทุกทฤษฎีจะมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน ดังน้ันถ้า
ต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินสามารถดําเนินการไปได้อย่างดีทุกฝ่ายต้องให้ความสําคัญกับ
ทฤษฎีดังกล่าว โดยนําไปประยุกต์ให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเองให้มากท่ีสุดก็จะทําให้องค์กร
ท้องถ่นิ มีการพัฒนาตามเป้าหมายทไี่ ดต้ ้งั ไว้

๒.๓.๕ ประโยชนข์ องการปกครองทอ้ งถ่ิน

การปกครองท้องถนิ่ จะทําใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อประชาชนและทอ้ งถนิ่ ดังต่อไปน้ีi
๑. ทําให้สามารถสนองความต้องการของประชาชนในแต่ละท้องถิ่นได้ดีข้ึนเพราะการ
ปกครองสว่ นท้องถ่ินมีผู้บรหิ ารที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนในท้องถิ่นนนั้ เองยอ่ มทราบความต้องการ
ของประชาชนในท้องถิ่นไดด้ ีจึงทําให้แก้ปญั หาได้ตรงตามความต้องการของประชาชน
๒. ทําให้เกิดการดําเนินกิจการไปโดยสะดวกและรวดเร็ว เพราะการปกครองท้องถิ่นย่อม
มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ได้ตามดุลยพินิจของตนโดยไม่ต้องขอคําแนะนํา และปรึกษาจากส่วนกลาง
ก่อน องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ จึงมีฐานะเปน็ รฐั บาลของท้องถน่ิ
๓. ทําให้เป็นการแบ่งเบาภาระของส่วนกลาง โดยการมอบกิจการบางอย่างให้ท้องถิ่นไป
จัดทําเอง ทําให้ส่วนกลางมีเวลาท่ีจะทํากิจการใหญ่ๆ อันเก่ียวกับประโยชน์ส่วนรวมของประเทศได้
มากขน้ึ
๔. ทาํ ให้เกิดความรบั ผิดชอบในกิจกรรมของทอ้ งถ่ิน การเลือกตั้งจากประชาชนในท้องถ่ิน
จะทาํ ให้ผไู้ ดร้ ับเลอื กตงั้ สนใจในกจิ การของท้องถนิ่ และได้ฝึกฝนใช้ความรูค้ วามสามารถของตนในการ
ปกครองท้องถนิ่ ได้ดีย่งิ ขนึ้
๕. ทําใหป้ ระชาชนได้มีส่วนรว่ มในการปกครองตนเองมากข้ึน ซึ่งจากอดีตประชาชนมกั ถูก
ปกครองและบังคับบัญชาจากส่วนกลางหรือจากข้าราชการ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการสมัคร
รับเลือกตั้ง การออกเสียงเลือกต้ัง การเข้าร่วมกิจกรรม ร่วมแสดงความคิดเห็นในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
ประชาพิจารณ์ การลงประชามติ การจัดทําแผนพัฒนาชุมชน รวมถึงการเป็นกรรมการในการ
ตรวจสอบการจดั ซอ้ื และจดั จา้ งต่าง ๆ รวมถึงการถอดถอนผู้บรหิ ารทอ้ งถ่นิ ในรูปแบบต่าง ๆ
๖. เป็นการสร้างกระบวนการเรยี นรู้รว่ มกันระหวา่ งผู้บรหิ ารและประชาชน โดยแต่ละฝ่าย
รจู้ กั บทบาทหนา้ ท่ขี องตนเองว่าตอ้ งทําอะไร อย่างไร กจ็ ะทําใหก้ ารดําเนินการเป็นไปตามเป้าหมาย
๗. ทําให้ประชาชนมีความรู้สึกร่วมกันในการเป็นเจ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
เพราะองค์กรท้องถ่นิ เกิดจากความร่วมมอื ของประชาชน๒๕

๒๕ อุทัย หิรัญโต, การปกครองท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร: สํานักพิมพ์โอเดียนสโตร์, ๒๕๒๓), หน้า
๓๒.

๒๖

ตารางที่ ๒.๕ สรุปแนวคดิ ทฤษฎีการปกครองท้องถ่นิ

นักวิชาการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรุปแนวคิดและทฤษฎี
ชวู งศ์ ฉายะบุตร, การปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ .
กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์พริน้ เซน็ เตอร์ ส่วนการปกครองของประเทศหรือรัฐ ซึ่งมหี น้าที่
ทสี่ าํ คญั ทรี่ ับผดิ ชอบในการดําเนนิ เรื่องต่าง ๆ ท่ี
โกวทิ ย์ พวงงาม (๒๕๔๘) การปกครองทอ้ งถน่ิ เกย่ี วข้องกบั ประชาชนในทอ้ งถ่นิ หรอื ในขอบเขต
ไทย, กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พ์วญิ ญชู น แห่งใดแห่งหนงึ่ โดยเฉพาะ

พยนต์ เอยี่ มสําอาง. (๒๕๔๒) การปกครองส่วน การปกครองทรี่ ัฐบาลกลางกระจายอํานาจไปให้
ทอ้ งถน่ิ ไทย.กรงุ เทพมหานคร:โครงการพระราช ทอ้ งถนิ่ ดําเนนิ การภายใต้อํานาจหนา้ ที่ทพ่ี ึง
ดาํ หริ. กระทาํ ไดเ้ พ่ือเปดิ โอกาสใหป้ ระชาชนในท้องถนิ่ มี
ส่วนรว่ มในการบริหารงาน

ทฤษฎีการปกครองท้องถ่ินมุ่งหวงั ใหป้ ระชาชน
ไดร้ บั บริการและมีคุณภาพชีวติ ทีด่ ขี ึ้น ในด้าน
เกีย่ วกบั สังคมวิทยา ดา้ นเศรษฐกจิ ด้านปัจจยั
ทางภูมศิ าสตร์ ด้านกฎหมาย ด้านการเมือง การ
ปกครองท้องถ่ิน ดา้ นการบริหารการปกครอง
ทอ้ งถนิ่

๒.๔ หลกั พทุ ธธรรม

๒.๔.๑ สัปปุริสธรรม ๗ ท่สี ่งเสริมภาวะผูน้ าํ ทางการเมอื ง

ปัจจัยสําคัญท่ียิ่งอย่างหน่ึงแห่งความสําเร็จของการทําหน้าท่ีผู้นํา คือ การปรับเปล่ียน
ความต้องการของคน ความต้องการเป็นตัวกําหนดเป้าหมายและทิศทางการตัดสินใจของคน ถ้า
เปลี่ยนความต้องการของคนได้ ก็เปลี่ยนตัวของคนนั้นได้ ผู้นําท่ีดีช่วยให้คนพัฒนาความต้องการของ
ตน ทั้งในการปรับเปล่ียนให้บุคคลมีความต้องการท่ีถูกต้องดีงาม และให้หมู่ชนมีความต้องการที่
ประสานเป็นอันเดียวกันการพัฒนาความต้องการ เป็นการพัฒนาความสุขของคนเพราะความสุขเกิด
จากการสนองความต้องการ ถ้าเปล่ียนความต้องการของคนได้ ก็เปล่ียนวิธีการหาความสุขของเขาได้
ดว้ ย เมือ่ ทาํ อะไร ตรงกับความตอ้ งการของคน ก็ทําใหเ้ ขาสมใจและมีความสุข คนกจ็ ะรว่ มมอื ทําอย่าง
เป็นไปเองโดย

ประสานกลมกลืนและเต็มใจจะหาทางทําให้สําเร็จ จึงพร้อมท่ีจะทําและทําได้งาย แต่
ในทางตรงข้าม ถ้าผู้นําทําการที่ฝืนความต้องการของคน ท้ังสองฝ่ายก็จะไม่มีความสุข และสิ่งที่ทําก็
ยากจะสําเร็จ หรือคงอยู่ยั่งยืนความต้องการของคนพัฒนาได้ เปลี่ยนแปลงได้ และผู้นําท่ีดีก็ควรคือ
เป็นหน้าที่สําคัญที่จะช่วยให้คนพัฒนาความต้องการไปในทางท่ีดีงามประณีตและสร้างสรรค์ย่ิงขึ้น
ความต้องการสําคัญท่ีควรได้รับการปรับเปล่ียนพัฒนา อย่างน้อยขัดเกลาให้ละเอียดละไมไม่ก้าวร้าว
รุกราน ก็คือความต้องการแบบเห็นแก่ตัวในการท่ีจะบํารุงบําเรอความสุขส่วนตน หรือความต้องการ
ได้ผลประโยชน์จากการเอาเปรียบผู้อื่นหรือโดยไม่คํานึงถึงความเดือดร้อนของใครที่ทางพระเรียกว่า
ตัณหา คือ ความอยากได้โดยไม่คํานึงถึงผู้อื่นคนควรจะพัฒนาความต้องการ โดยเปลี่ยนจากความ

๒๗

ตอ้ งการแบบตณั หานไี้ ปเป็นความต้องการตอ่ ภาวะดงี ามสรา้ งสรรค์ เช่น อยากใหช้ ีวิตของตนเองดีงาม
บรสิ ุทธ์ิ อยากให้ชีวติ มีคุณค่าเป็นประโยชน์ อยากให้ชุมชนหรือองค์กรของตนเจริญก้าวหน้ามีช่ือเสียง
ท่ีดีงาม อยากให้ถนนหนทางสะอาดเรียบเรียบ อยากให้เพ่ือนมนุษย์อยู่ดีมีสุข อยากให้สังคมร่วมเย็น
อยากให้ธรรมชาติแวดล้อมงดงาม น่ารื่นรมย์ อยากให้ปัญญาความรู้เข้าใจความจริงแผ่ขยายออกไป
อยา่ งกว้างขวาง อยากให้ผคู้ นได้พบเห็นชืน่ ชมกับสิ่งดีงาม เป็นต้น ทท่ี างพระเรยี กว่าฉันทะคอื ความใฝ่
ดหี รือใฝ่ศึกษาและใฝ่สร้างสรรค์ถ้าผูน้ ําสามารถช่วยคนให้พฒั นาความต้องการอย่างหลังนี้ข้ึนได้ กเ็ ป็น
ความสําเร็จอยู่ในตัวขั้นหน่ึงแล้ว และความต้องการนี้เมื่อเกิดข้ึนแล้ว ก็จะทําให้เกิดพลังท่ีช่วยให้การ
กระทําเพ่ือจุดหมายท่ีดีงามบรรลุความสําเร็จสมหมายด้วย และที่สําคัญท่ีสุดก็คือ ผู้นําเองควรจะมี
ความใฝ่อย่างแรงกล้าในจุดหมายอันสูงส่งมีความชัดเจนในจุดหมายน้ัน และทําให้ทุกคนมองเห็นและ
ใฝ่ในจุดหมายยิ่งใหญ่นั้นร่วมกัน ให้เป็นจุดหมายรวมของสังคม ที่จะทําให้พลังแห่งความต้องการของ
ทุกคนประสานเป็นอันเดียว ซึ่งจะทําให้แต่ละคนหลุดพ้นจากแรงรบกวนของความต้องการท่ีไม่พึง
ประสงค์และมุ่งหน้าไปด้วยกันสู่จุดหมายร่วมของสังคมนั้น อ้นเป็นความสําเร็จของการทําหน้าท่ีของ
ผูน้ ําอย่างแท้จริง๒๖

๒.๔.๒ คุณสมบตั ใิ นตัวของผ้นู าํ มี ๗ประการ คือ

๑. ธัมมญั ญุตา รูจ้ กั ธรรมหรือรจู้ ักเหตุ คือ รหู้ ลักการ เมอ่ื ดํารงตําแหนง่ มีฐานะ หรือจะ
ทําอะไรก็ตาม ต้องรู้หลักการ รู้งาน รู้หน้าท่ี รู้กฎเกณฑ์กติกาที่เก่ียวข้อง เช่น อย่างผู้ปกครอง
ประเทศชาตกิ ็

ต้องรู้หลักรัฐศาสตร์ และรู้กฎกติกาของรัฐ คือกฎหมาย ตั้งแต่รัฐธรรมนูญลงมาแล้วก็ยืน
อยู่ในหลกั การ ต้ังตนอยู่ในหลักการให้ได้ชุมชน สังคม องค์กร หรือกิจการอะไรก็ตาม ก็ตอ้ งมีหลักการ
มีกฎ มีกตกิ า ท่ีผ้นู ําจะต้องรตู้ ้องชัด แล้วก็ตงั้ มั่นอยใู่ นหลกั การนนั้

๒. อัตถัญญุตา รู้จักผล คือ รู้จุดหมาย ผู้นําถ้าไม่รู้จุดหมายก็ไม่รู้ว่าจะนําคนและกิจการ
ไปไหน นอกจากรู้จุดหมาย มีความชัดเจนในจุดหมายแล้ว จะต้องมีความแน่วแน่มุ่งมั่นที่จะไปให้ถึง
จุดหมายด้วย ข้อน้ีเป็นคุณสมบัติท่ีสําคัญมาก เม่ือใจมุ่งจุดหมาย แม้มีอะไรมากระทบกระท่ัง ก็จะไม่
หว่ันไหว อะไรไม่เก่ียวข้อง ไม่เข้าเป้า ไม่เข้าแนวทางก็ไม่มั่ววุ่นวาย ใครจะพูดวาว่าด่าเหน็บแนม เม่ือ
ไม่ตรงเร่ือง ก็ไม่มัวถือสา ไม่เก็บเป็นอารมณ์ ไม่ย่งุ กับเร่ืองจุกจิกไม่เป็นเรื่อง เอาแต่เรื่องที่เข้าแนวทาง
ส่จู ุดหมาย ใจมงุ่ ส่เู ป้าหมาย อย่างชดั เจนและมุ่งมน่ั แนว่ แน่๒๗

๓. อัตตัญญุตา รู้จักตน คือรู้ตน คือ ต้องรู้ว่าตนเองคือใครมีภาวะเป็นอะไร อยู่ในสถานะ
ใด มคี ุณสมบัติ มีความพร้อม มีความถนัด สติปัญญา ความสามารถอย่างไร มีกําลังแค่ไหน มีข้อยิ่งข้อ
หย่อน จุดอ่อนจดุ แข็งอย่างไร ซึ่งจะต้องสํารวจตนเอง และเตือนตนเองอยู่เสมอ ท้ังนเี้ พ่ือประโยชน์ใน

๒๖ พระอัคควังสเถระ, สัททนีติธาตุมาลาคัมภีร์หลักบาลีมหาไวยากรณ์, พระมหานิมิต ธมฺมสาโร,
จาํ รญู ธรรมดา แปล, (กรุงเทพมหานคร: ห้างหนุ้ สว่ นจํากัดไทยรายวนั การพมิ พ์, ๒๕๔๖), หน้า ๙๔๕.

๒๗ ทองหล่อ วงษ์ธรรมา, ปรัชญา ๒๐๑ พุทธศาสน์, (กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๘),หน้า
๕๕–๕๙.

๒๘

การพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ให้มีคุณสมบัติความสามารถยิ่ง ๆ ข้ึนไป ไม่ใช่ว่าเป็นผู้นําแล้วจะเป็นคน
สมบูรณไ์ ม่ต้องพฒั นาตนเอง ยงิ่ เป็นผู้นําก็ยิ่งต้องพัฒนาตนเองตลอดเวลาให้นําได้ดียิ่งขึ้นไป๒๘

๔. มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ คือ รู้จักความพอดี หมายความว่าต้องรู้จักขอบเขตขีดข้ัน
ความพอเหมาะท่ีจะจัดทําในเรื่องต่าง ๆ ท่านยกตัวอย่าง เช่น ผู้ปกครองบ้านเมืองรู้จักประมาณใน
การลงทัณฑ์อาชญา และการเก็บภาษี เป็นต้น ไม่ใช่เอาแต่จะให้ได้อย่างใจ และต้องรู้จักว่าในการ
กระทําน้ัน ๆ หรือในเรื่องราวน้ัน ๆ มีองค์ประกอบหรือมีปัจจัยอะไรเก่ียวข้องบ้าง ทําแค่ไหน
องค์ประกอบของมันจะพอดี ได้สัดส่วนพอเหมาะ การทําการต่าง ๆ ทุกอย่างต้องพอดี ถ้าไม่พอดีก็
พลาดความดีจึงจะทําให้เกิดความสําเร็จที่แท้จริง ฉะนั้นจะต้องรู้องค์ประกอบและปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง
และจดั ใหล้ งตวั พอเหมาะพอดี

๕. กาลัญญุตา รู้กาล คือ รู้จักเวลา เช่น รู้ลําดับ ระยะ จังหวะ ปริมาณ ความเหมาะของ
เวลาว่า เร่ืองน้ีจะลงมือตอนไหน เวลาไหน จะทําอะไรอย่างไร จึงจะเหมาะ ดังจะเห็นว่าแม้แต่การ
พูดจาก็ต้องรู้จักกาลเวลา ตลอดจนรู้จักวางแผนงานในการใช้เวลา ซึ่งเป็นเร่ืองใหญ่ เช่น วางแผนว่า
สังคมมีแนวโน้มจะเป็นอย่างนี้ในเวลาข้างหน้าเท่านั้น และเหตุการณ์ทํานองนี้จะเกิดข้ึน เราจะ
วางแผนรับมือกบั สถานการณ์นั้นอยา่ งไร

๖. ปริสัญญุตารู้ชุมชน คือ รู้สังคม ตั้งแต่ในขอบเขตท่ีกว้างขวาง คือ รู้สังคมโลก รู้สังคม
ของประเทศชาติ ว่าอยู่ในสถานการณ์อย่างไร มีปัญหาอะไรมีความต้องการอย่างไร โดยเฉพาะถ้าจะ
ช่วยเหลือเขา ก็ต้องรู้ปัญหารู้ความต้องการของเขา แม้แต่ชุมชนย่อย ๆ ถ้าเราจะช่วยเหลือเขา เรา
ต้องรู้ความต้องการของเขา เพอื่ สนองความตอ้ งการไดถ้ กู ต้อง หรอื แก้ไขปญั หาไดต้ รงจุด

๗. ปุคคลปโรปรญั ญุตารบู้ ุคคล คอื รู้จักบคุ คลทเ่ี ก่ยี วข้อง โดยเฉพาะคนท่มี ารว่ มงานร่วม
การร่วมไปด้วยกัน และคนท่ีเราไปให้บริการตามความแตกต่างเฉพาะตัว เพ่ือปฏิบัติต่อเขาได้ถูกต้อง
เหมาะสมและได้ผล ตลอดจนสามารถทําบริการให้ความช่วยเหลือได้ตรงตามความต้องการ รู้ว่าจะใช้
วิธีสัมพันธ์พูดจาแนะนําติชมหรือจะให้เขายอมรับได้อย่างไร โดยเฉพาะในการใช้คน ซึ่งต้องรู้ว่าคน
ไหนเป็นอยา่ งไร มีความถนัดอธั ยาศัย ความสามารถอย่างไร เพื่อใช้คนให้เหมาะกับงาน นอกจากน้ันก็
รู้ประโยชน์ที่เขาพึงได้ เพราว่าในการทํางานน้ันไม่ใช่ว่าจะเอาเขามาเป็นเพียงเคร่ืองมือทํางานได้ แต่
จะต้องให้คนท่ีทํางานทุกคนได้ประโยชน์ ได้พัฒนาตัวเอง ผู้นําควรรู้ว่า เขาควรจะได้ประโยชน์อะไร
เพ่อื ความเจรญิ งอกงามแหง่ ชีวิตทแี่ ทจ้ รงิ ของเขาดว้ ย

คุณธรรม ๗ประการน้ี แม้จะไม่มีคุณสมบัติข้ออ่ืนก็เป็นผู้นําได้เพราะรู้องค์ประกอบและ
ปัจจัยต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องอย่างเพียงพอที่จะจัดการให้ได้ผล สามารถจัดวางวิธีปฏิบัติการท่ีเหมาะให้
บรรลุความสําเรจ็ ได้ ส่วนคณุ สมบัตอิ ยา่ งอน่ื กม็ าเสรมิ

๒๘ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต), พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลธรรม, (กรุงเทพมหานคร:
โรงพิมพม์ หาจุฬาลงกรณราชวิทยาลยั , ๒๕๓๘), หน้า ๑๘๒.

๒๙

ตารางที่ ๒.๖ สรุปหลกั ธรรมที่ส่งเสรมิ ภาวะผู้นาํ ทางการเมือง

นกั วิชาการหรอื แหลง่ ข้อมูล สรุปหลกั ธรรม

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต). ๑. ธมั มญั ญตุ า คือ ร้จู กั เหตุ รหู้ ลกั การ
พทุ ธธรรม:โรงพมิ พ์ธรรมสภา. ๒. อตั ถญั ญุตา คอื รจู้ กั ผล รจู้ ดุ หมาย
๓. อัตตัญญตุ า คือ ร้จู กั ตน
๔. มัตตญั ญุตา คือ ร้จู กั ประมาณ
๕. กาลญั ญุตา คือ รู้จักกาล
๖. ปริสญั ญุตา คอื รู้จกั ชมุ ชน หรอื รู้จกั สังคม
๗. ปุคคลปโรปรัญญุตา คอื รจู้ กั บคุ คล

๒.๕ ข้อมลู บริบทเรอื่ งท่ีวิจัย

๒.๕.๑ สภาพทวั่ ไปและข้อมลู ขององค์การบรหิ ารส่วนตาํ บลกุดนาํ้ ใส

๑) สภาพท่ัวไป

๑.๑) ที่ตงั้ และขนาด

ตําบลกุดน้ําใสเป็นตําบลหน่ึงใน ๙ตําบลของอําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ตั้งอยู่ทาง
ทิศตะวันตกของอําเภอจัตุรัส ห่างจากอําเภอไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข ๒๑๗๙เป็นระยะทาง
ประมาณ ๓ กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเปน็ ๑๔ หมูบ่ ้านได้แก่

หมู่ที่ ๑ บ้านตลาด หมูท่ ่ี ๒ บ้านวังเสมา
หมูท่ ่ี ๓ บา้ นกุดน้าํ ใส หมู่ท่ี ๔ บ้านวังวดั
หมทู่ ่ี ๕ บ้านเดอ่ื หมทู่ ่ี ๖ บ้านสาํ โรงโคก
หม่ทู ่ี ๗ บา้ นท่าแตง หมูท่ ี่ ๘ บ้านรว่ มมติ ร
หมู่ท่ี ๙ บ้านห้วยเป้ง หมทู่ ่ี ๑๐บ้านเหนอื
หมูท่ ่ี ๑๑ บ้านดอนเกษตร หมูท่ ี่ ๑๒ บ้านโพธ์ทิ อง
หมู่ท่ี ๑๓ บ้านตลาด
หมทู่ ่ี ๑๔ บ้านสําโรงโคก

๑.๒) วิสยั ทัศน์

สาธารณูปโภคครบครัน ส่งเสริมการศึกษาพัฒนาท้องถิ่น ขจัดภัยมลพิษ พิชิตความ
ยากจน

๑.๓) ประชากร

ประชากรทั้งส้ิน ๗,๙๓๐คน แยกเป็นชาย ๓,๘๖๖คนหญิง ๔,๐๖๔ คน มีความ
หนาแนน่ เฉลย่ี ๗.๒๙ คน/ตารางกโิ ลเมตร

๓๐

๑.๔) คณะผ้บู ริหาร

๑) นายสุเทพ ดีอดุ ม นายกองคก์ ารบริหารส่วนตําบล

๒) นายถวลิ ภิรมย์ชม รองนายกองค์การบริหารส่วนตาํ บล

๓) นางสาวจนั ทรเ์ พ็ญ ค่ายใส รองนายกองค์การบรหิ ารสว่ นตําบล

๔) เรืออากาศตรี วิเชียร ภริ มยช์ ม เลขานุการนายกองค์การบริหารสว่ นตาํ บล

๑.๕) สมาชิกสภาองคก์ ารบรหิ ารส่วนตาํ บล

๑. นางปรียา โพธิช์ ยั ประธานสภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกุดน้าํ ใส

๒. นายประเสรฐิ สิทธิเวช รองประธานสภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกดุ นาํ้ ใส

๓. นางรชั นีพร ภิรมยภ์ กั ด์ิ เลขานกุ ารสภาองการบรหิ ารสว่ นตาํ บลกดุ นํา้ ใส

๔. นายวรี ยทุ ธ เกษจัตรุ สั สมาชกิ สภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกุดน้ําใส หมู่ ๑

๕. นายประคง เรืองบุตร สมาชกิ สภาองการบรหิ ารสว่ นตาํ บลกุดนํ้าใส หมู่ ๑

๖. นายสมควร โนนนก สมาชกิ สภาองการบริหารสว่ นตําบลกุดนํา้ ใส หมู่ ๒

๗. นายนพพร เหลาทอง สมาชกิ สภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกุดน้ําใส หมู่ ๓

๘. นายวชิ า กลา้ รอด สมาชิกสภาองการบรหิ ารสว่ นตาํ บลกดุ นาํ้ ใส หมู่ ๔

๙. นายสมจิตร สูญศรี สมาชิกสภาองการบริหารสว่ นตําบลกุดนํา้ ใส หมู่ ๔

๑๐. นางรชั นพี ร ภิรมยภ์ กั ดิ์ สมาชิกสภาองการบรหิ ารส่วนตาํ บลกดุ นํา้ ใส หมู่ ๕

๑๑. นายประเสริฐ สิทธเิ วช สมาชิกสภาองการบรหิ ารส่วนตําบลกดุ นาํ้ ใส หมู่ ๕

๑๒. นางปรยี า โพธ์ิชยั สมาชกิ สภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกดุ นาํ้ ใส หมู่ ๖

๑๓. นายเกษม มณีโรจน์ สมาชกิ สภาองการบรหิ ารส่วนตําบลกดุ นํา้ ใส หมู่ ๖

๑๔. นายใส กง่ิ แล สมาชิกสภาองการบริหารส่วนตําบลกดุ น้ําใส หมู่ ๗

๑๕. นายเฉลมิ เถาวพ์ ันธ์ สมาชิกสภาองการบริหารส่วนตําบลกุดนาํ้ ใส หมู่ ๗

๑๖. นายพรมมา เหยิบไธสงศ์ สมาชกิ สภาองการบรหิ ารสว่ นตําบลกดุ นา้ํ ใส หมู่ ๘

๑๗. นายประมวล หาญณรงค์ สมาชกิ สภาองการบริหารส่วนตําบลกดุ นาํ้ ใส หมู่ ๙

๑๘. นายทองฮอ้ ย เกสรบัว สมาชิกสภาองการบริหารส่วนตําบลกดุ น้าํ ใส หมู่ ๙

๑๙. นายสุพรรณ ชํานาญ สมาชิกสภาองการบรหิ ารส่วนตาํ บลกุดนาํ้ ใส หมู่ ๑๑

๒๐. นายวทิ ยา กมุ ภา สมาชิกสภาองการบรหิ ารสว่ นตาํ บลกุดนา้ํ ใส หมู่ ๑๑

๒๑. นางไสว โพธิ์ศรีมา สมาชิกสภาองการบริหารสว่ นตาํ บลกุดน้าํ ใส หมู่ ๑๒

๒๒. นายบญุ ทัน ภริ มย์ชม สมาชกิ สภาองการบริหารส่วนตําบลกดุ น้าํ ใส หมู่ ๑๒

๒๓. นายสวุ ิ คณู เงนิ สมาชิกสภาองการบรหิ ารส่วนตําบลกดุ นํา้ ใส หมู่ ๑๓

๒๔. นางสาวรินปวรี ์ ภริ มยไ์ ทยสมาชกิ สภาองการบรหิ ารสว่ นตาํ บลกดุ นาํ้ ใส หมู่ ๑๔

๒๕. สมาชิกหมู่ ๑๐ วา่ งเนอ่ื งจาก สมาชิกลาออกยงั ไม่มีการเลือกตั้งแทน๒๙

๒๙ กองทะเบียนองค์การบริหารส่วนตําบลกุดนํ้าใส อําเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ, ข้อมูลท่ัวไป ปี
๒๕๖๓, วันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓.

๓๑

๒.๖ งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง

๒.๖.๑ งานวจิ ัยเกีย่ วกับภาวะผู้นําทอ้ งถนิ่

ธนสรร ธรรมสอน และบุญทัน ดอกไทสงค์ ได้ทําการวิจัยเรื่องภาวะผู้นําของ
นายกเทศมนตรีในการบริหารเทศบาลตําบลในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนผลการวิจัยพบว่าภาวะ
ความเป็นผู้นําทางการเมืองท้องถิ่นและความไว้วางใจของประชาชนในท้องถิ่นลักษณะภาวะผู้นําทาง
การเมืองท้องถ่ิน พบว่าเป็นผู้มีความเข้มแข็ง กล้าหาญ เสียสละ อดทน ว่องไวต่อปัญหาตลอดเวลา มี
ความคิดก้าวหน้า ริเร่ิมสร้างสรรค์ มีความคิดยืดหยุ่น ขยันหม่ันเพียร มีความวิริยะอุตสาหะ มีความ
จริงใจในการปฏิบัติหน้าท่ี เห็นประโยชน์ของประชาชนมากกว่าประโยชน์ของตนเอง มีความซ่ือสัตย์
สุจริต ไม่โกหกหลอกลวงประชาชน ให้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร ต้องกระทําให้ได้อย่างท่ีสัญญา
ไว้กับประชาชน และที่สําคัญต้องยึดมั่นในหลักของธรรมาภิบาล สามารถบูรณาการหลักธรรมาภิบาล
เข้าไปใช้แกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างราบรืน่ ๓๐

เกศสุดา โภคานิตย์ และกีฬา หนูยศ ได้ทําการวิจัยเรื่อง บทบาทของผู้นําท้องถ่ิน:
กรณีศึกษานายกองค์การบริหารส่วนตําบลนาเสียว อําเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ผลการวิจัยพบว่า
๑) ความคิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตําบลนาเสียว ในการ
พัฒนาท้องถ่ิน ทั้ง ๖ ด้าน ประกอบด้วย ๑. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ๒. ด้านส่งเสริมคุณภาพชีวิต
๓. ด้าน จัดระเบียบชุมชน สังคม และการรักษาความสงบเรียบร้อย ๔ ด้านการวางแผน การส่งเสริม
การลงทุน พาณิชย์กรรมและการท่องเที่ยว ๕. ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
๖.ด้านศิลปะ วัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถ่ิน อยู่ในระดับมาก ๒) การเปรียบเทียบความ
คิดเห็นของประชาชนท่ีมีต่อบทบาทของนายกองค์การบริหารส่วนตําบลนาเสียวในการพัฒนาท้องถ่ิน
จําแนกตามเพศมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ส่วนจําแนกตามอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และ
ระยะเวลาทีอ่ าศยั อยู่ในพนื้ ท่ี พบวา่ ประชาชนมคี วามคิดเห็นทีแ่ ตกต่างกัน๓๑

กัลยาณี พรหมทอง ได้ทําการวิจัยเร่ืองความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับ
ภาวะผู้นําการเปลีย่ นแปลงของผบู้ ริหารในวิทยาลัยพลศกึ ษา ผลการวิจัยพบว่าผบู้ ริหารในวทิ ยาลัยพล
ศึกษา มีภาวะผู้นําการเปล่ียนแปลงโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ การมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์การ
สร้างแรงบันดาลใจ การกระตุ้นทางปัญญา และการคํานึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล อยู่ในระดับปาน
กลาง โดยพิจารณารายด้านพบว่า การคํานึงถึงความเปน็ ปจั เจกบุคคลการกระตุ้นทางปัญญา และการ
มีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ มีค่าเฉลี่ยสูงเท่ากัน การสร้างแรงบันดาลใจ มีคะแนนเฉล่ียตํ่ากว่าด้านอ่ืน
ความฉลาดทางอารมณ์กับภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารมีความสัมพันธ์กัน ในส่วนด้าน

๓๐ ธนสรร ธรรมสอน และบุญทัน ดอกไทสงค์, “ภาวะผู้นําของนายกเทศมนตรีในการบริหารเทศบาล
ตําบลในเขต พ้ืนท่ีภาคเหนือตอนบน”, รายงานวิจัย, (มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมป์,
๒๕๕๘), หนา้ ๑๗๓.

๓๑เกศสุดา โภคานิตย์ และ กีฬา หนูยศ, “บทบาทของผู้นําท้องถ่ิน: กรณีศึกษานายกองค์การบริหาร
สว่ นตาํ บลนาเสยี ว อาํ เภอเมือง จังหวัดชัยภมู ิ”, รายงานวิจยั , (มหาวิทยาลยั ราชภฏั ชัยภมู ,ิ ๒๕๕๙), หนา้ ๔๓.

๓๒

ความคิดเห็นต่อภาวะผู้นําจําแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือนมีความ
แตกตา่ งกันโดยมีนยั สาํ คญั ทร่ี ะดบั ๐.๐๕๓๒

ฉัจชิสา เพชรหนองชุม ได้ทําการวิจัยภาวะผู้นําของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล
กรณีศึกษาองค์บริหารส่วนตําบลในจังหวัดสุราษฎร์ธานีผลการศึกษาพบว่านายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลมีพฤติกรรมการเป็นผู้นําแบบประสานงานระดับมาก รองลงมาคือนายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลมีพฤติกรรมการเป็นผู้นาํ แบบมงุ่ งานตามลําดับ จากคณะผู้บริหารและพนกั งานสว่ นตาํ บล พบว่า
นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมีพฤติกรรมการเป็นผู้นําแบบประสานงานระดับมาก รองลงมา คือ
นายกองค์การบริหารส่วนตําบลมีพฤติกรรมการเป็นผู้นําแบบมุ่งงาน ตามลําดับ สําหรับความสัมพันธ์
ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลในแต่ละด้านของพฤติกรรมการเป็นผู้นําของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล
พบว่า เพศ อายุ การศึกษา และประสบการณ์การทํางาน ของนายกองค์การบริหารส่วนตําบลไม่มี
ความสัมพันธ์ต่อพฤตกิ รรมการเปน็ ผู้นําของนายกองคก์ ารบริหารส่วนตําบล๓๓

สุภาวดี จิตติรัตนกุล ได้ทําการวิจัยเร่ืองภาวะผู้นําการเปล่ียนแปลงกับประสิทธิผลการ
ปฏิบัติงานของนายกเทศมนตรีกรณีศึกษา: เทศบาลเมืองพังงา อําเภอเมือง จังหวัดพังงาผลการศึกษา
พบว่า ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลงโดยภาพรวมของนายกเทศมนตรีอยู่ในระดับสูง เม่ือพิจารณาเป็น
รายด้าน ทั้ง ๔ ด้าน โดยเรียงลําดับตามค่าเฉล่ียได้ดังนี้ ด้านการสร้างแรงบันดาลใจ ด้านการคํานึงถึง
ปัจเจกบุคคล ด้านการกระตุ้นทางปัญญา และด้านการมีอิทธิพลอย่างมีอุดมการณ์ ส่วนประสิทธิผล
การปฏิบัติงานของนายกเทศมนตรีในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรียงลําดับตามค่าเฉลี่ยได้
ดังน้ี ด้านการบริหารงบประมาณด้านการจัดเก็บภาษี ด้านส่ิงแวดล้อม และด้านการส่งเสริมอาชีพ
ระดับความคิดเห็นของประชาชนต่อภาวะผู้นําการเปล่ียนแปลงจาํ แนกตามสถานภาพการสมรสพบว่า
มคี วามแตกต่างกัน๓๔

สุภชัย เอาะน้อย ได้ทําการวิจัยเร่ืองภาวะความเป็นผู้นําของนายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลในเขตจังหวัดขอนแก่น ผลการวิจัยพบวา ภาวะความเป็นผู้นํา ของนายกองค์การบริหารส่วน
ตําบลในเขตจังหวัดขอนแก่น ตามความคิดเห็นของปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลในเขตจังหวัด
ขอนแก่น ภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งถ้าพิจารณา เป็นรายด้าน พบว่า ปลัดองค์การบริหาร
ส่วนตําบล มีความคิดเห็นต่อภาวะความเป็นผู้นําของนายกองค์การบริหารส่วนตําบล ด้านความ

๓๒ กัลยาณี พรหมทอง, “ความสัมพันธ์ระหว่างความฉลาดทางอารมณ์กับภาวะผู้นําการเปล่ียนแปลง
ของผู้บริหารในวิทยาลัยพลศึกษา”, ปริญญานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการศึกษา, (บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๒๕๕๓), หนา้ ๔๓.

๓๓ ฉัจชิสา เพชรหนองชุม, “ภาวะผู้นําของนายกองค์การบริหารส่วนตําบลกรณีศึกษาองค์บริหารส่วน
ตําบลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี”, การศึกษาอิสระการจัดการมหาบัณฑิต สาขาการจัดการ, (บัณฑิตวิทยาลัย:
มหาวทิ ยาลยั วลัยลกั ษณ,์ ๒๕๔๗), หน้า ๓๐.

๓๔ สภุ าวดี จติ ตริ ัตนกลุ “ภาวะผ้นู ําการเปลี่ยนแปลงกับประสทิ ธิผลการปฏบิ ัตงิ านของนายกเทศมนตรี
กรณีศึกษา: เทศบาลเมืองพังงา อําเภอเมือง จังหวัดพงั งา”, การศึกษาอิสระรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต,สาขา
การปกครองท้องถน่ิ , (วทิ ยาลัยการปกครองทอ้ งถน่ิ : มหาวิทยาลยั ขอนแก่น, ๒๕๕๐), หนา้ ๖๕.


Click to View FlipBook Version