The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (ปี 2559)

สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ

Keywords: ด้านบริหารงานที่ดิน

แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับ
การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ

ส�ำ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สำ�คญั

กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ



คาํ นํา

หนังสือ เรื่อง “แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน” เล่มนี้ เป็น
องค์ความรู้ที่ได้จากการรวบรวมแนวทางการวินิจฉัยของกรมที่ดิน ในการตอบข้อหารือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
การออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ซึ่งเป็นการดําเนินการตามแผนจัดการความรู้ของสํานักมาตรฐานการออก
หนังสือสําคญั กรมท่ีดนิ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙

ความรู้ที่ได้นํามารวบรวมไว้ในหนังสือเล่มน้ี เป็นความรู้ท่ีชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เพราะ
เป็นการรวบรวมจากการตอบข้อหารือต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการทําความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทาง
ในการปฏิบัติงาน และเป็นการต่อยอดความรู้ให้กระจายไปทั่วทั้งองค์กร ช่วยให้คนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้
และพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ผ้รู รู้ วมท้ังปฏิบัตงิ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ กรมที่ดิน หวังเป็นอย่างย่ิงว่า องค์ความรู้ที่ทรงคุณค่าในหนังสือ
เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการกรมท่ีดิน สามารถนําไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและขยายผลต่อยอด
ความรตู้ ่อไปไดอ้ ีก

กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ นิ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
สงิ หาคม ๒๕๕๙



สารบัญ

หนา

การออกหนังสือแสดงสิทธใิ นที่ดิน

เรือ่ ง หารือขอปฏบิ ัติราชการ (งดการดาํ เนนิ การออกโฉนดที่ดิน) ๑

เรื่อง หารือปญ หาการรังวัดออกโฉนดทีด่ นิ บริเวณ “ปาเทอื กเขาแกว , ปาควนยาง ๕
และปาเขาวงั ” ๑๐

เร่ือง ขอความเปนธรรม (ขอความรเู กีย่ วกับการออกโฉนดที่ดนิ และสอบเขตที่ดิน)

เรื่อง การออกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี ิน ๑๕

เรือ่ ง ขอทราบขอ กฎหมาย ๑๘

เรอื่ ง หารือการออกโฉนดที่ดิน (ผูนําเดนิ สํารวจตาย) ๒๑

เร่อื ง ขอหารือกรณีการออกเอกสารสทิ ธใิ นเขตพระราชกฤษฎกี าหวงหา มทด่ี ินฯ พ.ศ. ๒๔๘๑ ๒๔

เรอ่ื ง ออกโฉนดทด่ี ินโดยไมไดแ จงการครอบครอง ๓๑

เรอ่ื ง หารือการออกโฉนดทดี่ ิน (การแจง ส.ค. ๑) ๓๕

เร่อื ง หารอื การออกโฉนดท่ีดนิ ตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครอง (การแจง ส.ค. ๑) ๓๘

เรื่อง หารอื การรังวดั ออกโฉนดที่ดิน (คาบเกย่ี วเขตการปกครอง) ๔๑

เร่อื ง หารือการพิสูจนสทิ ธกิ ารครอบครองที่ดนิ ของบคุ คลในเขตท่ีดนิ ของรัฐ (คลองลาํ ชาน) ๔๔

เรอ่ื ง ขอหารอื กรณีการรงั วดั เปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ๕๐

เร่อื ง หารือกรณีกระทรวงการคลังขอออกโฉนดท่ีดินโดยอาศยั หลักฐาน ส.ค. ๑ ๕๒

เรื่อง หารอื แนวทางปฏบิ ตั กิ รณนี ายอําเภอปลวกแดงไมดําเนินการกรณกี ารระวังช้ี ๕๗
แนวเขตและลงชอ่ื รับรองแนวเขต ๖๑
ใบแทน

เรือ่ ง ขอทราบขอมลู เกีย่ วกับการขอออกใบแทนโฉนดทดี่ นิ (พยานและการปด ประกาศ)

เร่ือง หารือกรณีผูมีสิทธิจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ท่ีดินตามคําพิพากษาตามยอมขอออก ๖๕
ใบแทน
เพิกถอน

เรอ่ื ง หารอื การออกโฉนดทด่ี ิน (อา งหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ผิดแปลง) ๗๔

เร่อื ง หารือกรณธี นารกั ษพ ้ืนท่ีเชียงรายขอใหเพกิ ถอนโฉนดท่ีดนิ ๗๘

เรอื่ ง การเพิกถอนโฉนดทีด่ นิ วดั สามแกว (ท่ีธรณสี งฆ) ๘๓

ปาไม ๘๖
เรื่อง กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ขอความอนเุ คราะหขอ มูล
การออกโฉนดทดี่ ิน (เขตปาไม)

หนา

เรือ่ ง กรมปาไมขอทราบหลกั เกณฑแ ละแนวทางปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกับการออกเอกสารสทิ ธิใน ๙๒
ทด่ี ินทม่ี ีความลาดชนั เฉลีย่ เกนิ กวา ๓๕%

เรือ่ ง ขอทราบขอเท็จจรงิ และขอเอกสารพยานหลักฐาน (การเปล่ยี น น.ส.๓ เปน น.ส. ๓ ก. ๙๕
ตองแตง ตัง้ คณะกรรมการกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ฯ หรอื ไม)

ส.ป.ก.
เรอ่ื ง หารือกรณีสํานกั งานการปฏิรูปท่ดี นิ จงั หวัดศรสี ะเกษ ขอใหท บทวนคําสงั่ สอบสวน ๑๐๖
เปรยี บเทียบ
เรือ่ ง หารือการรังวดั ออกโฉนดทดี่ นิ และแบงแยกในนามเดมิ (กรณีมที างตดั ผานในเขต ส.ป.ก.) ๑๐๘

เรือ่ ง หารือแนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั การออกโฉนดทีด่ นิ ในเขตปฏิรปู ท่ดี ิน ๑๑๒
(นําเดินสํารวจไวก อ นเขตปฏิรูปทด่ี ิน) ๑๑๖

เรือ่ ง หารอื การออกโฉนดท่ดี ิน (เดนิ สาํ รวจ)

เรอ่ื ง หารือการออกโฉนดทีด่ นิ ในเขตปาไมใหแกส าํ นักงานการปฏิรูปทดี่ ินเพ่ือเกษตรกรรม ๑๑๘

ส.ค. ๑

เรอ่ื ง หารอื แนวทางปฏบิ ัติตามมาตรา ๘ แหง พระราชบัญญัติแกไขเพมิ่ เติมประมวล ๑๒๐
กฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
(ศาลมีคําพพิ ากษาโดยไมมีการอา นแปลภาพถายทางอากาศ)
เรื่อง หารอื ประเภทเอกสารท่ีเกยี่ วกับทด่ี ิน (ส.ค. ๑) เพ่ือใชเ ปนหลกั ฐานในการพิจารณา ๑๒๔
รับเขา รว มโครงการสรา งความเขมแขง็ ใหแ กเ กษตรกรชาวสวนยาง
เรอ่ื ง หารือกรณรี าษฎรขอออกโฉนดทดี่ นิ เฉพาะรายตามหลกั ฐานแบบแจง การครอบครอง ๑๒๗
ท่ีดนิ (ส.ค. ๑) (คนตา งดาวแจง ส.ค. ๑)
ที่วดั

เรื่อง การหามโอนทดี่ ินภายในสิบป (วัดขอออกโฉนดที่ดนิ ) ๑๓๐

ไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ๑๓๗
เรอื่ ง หารอื กรณกี ารออกใบแทนหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเ พ่อื จดทะเบียนไดม า ๑๔๑
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
เรอ่ื ง หารือการออกใบแทนเพ่อื จดทะเบียนไดม าโดยการครอบครอง

เรื่อง หารอื กรณกี ารออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเพอ่ื จดทะเบียนไดม า ๑๔๔
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
เรอ่ื ง หารอื แนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั การออกใบแทนหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน ๑๔๗
(น.ส. ๓ ก.) เพ่ือจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗



รวมเรอ่ื งท่นี ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรื่อง : หารอื ขอปฏิบตั ิราชการ กรณีบริษัท ช

๓. ขอเท็จจริง : ประเดน็ ปญหา
จงั หวัดหารือ กรณีบริษทั ช ไดนําโฉนดทดี่ ินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอาํ อาํ เภอ

ชะอํา จงั หวัดเพชรบรุ ี ไปยน่ื คําขอออกโฉนดที่ดิน (ท่ีงอก) โดยอาศัยคําพิพากษาศาลฎีกา ท่ี ๑๐๖๖๒/๒๕๕๑
ลงวันท่ี ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๑ ระหวาง บริษัท ช โจทก นางสาวหรอื นาง ย ที่ ๑ นางสาวหรอื นาง ล หรือ ป ที่ ๒
จําเลย วา บริษัทฯ เปนเจาของที่งอกดังกลาว ตามมาตรา ๑๓๐๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ตอมา นาย ป กบั พวก ไดฟอ งกรมทด่ี นิ เจาพนกั งานท่ดี นิ จงั หวัดเพชรบุรี สาขาชะอาํ และหนวยงานที่เกี่ยวของ
ตอศาลปกครองกลางขอใหเ พกิ ถอนกระบวนการข้นั ตอนกอ นออกโฉนดท่ดี นิ เพิกถอนโฉนดทีด่ ินเลขท่ี ๑๙๘๖๑
และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อาํ เภอชะอํา จังหวดั เพชรบุรี คดีหมายเลขดําท่ี ส. ๖/๒๕๕๔ ศาลปกครองกลางไดมี
คาํ ส่ัง คดีหมายเลขแดงท่ี ส. ๓/๒๕๕๔ ลงวนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไมรบั คาํ ฟอ งพจิ ารณา ผฟู อ งคดจี งึ ไดยื่น
คาํ รอ งอทุ ธรณค าํ สัง่ ศาลปกครองชัน้ ตนตอ ศาลปกครองสงู สดุ และศาลปกครองสงู สุดไดมีคาํ ส่ังที่ คส. ๑๔/๒๕๕๕
ลงวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ กลับคําส่ังศาลปกครองช้ันตน เปนใหรับคําฟองไวพิจารณาและใหศาลปกครอง
ชั้นตนดําเนินกระบวนการพิจารณาตอไปตามรูปคดี ขณะนี้อยูระหวางพิจารณาของศาลปกครองชั้นตน
สาํ นกั งานทีด่ นิ จังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา เหน็ วา

๓.๑ เม่ือศาลฎีกาไดพ จิ ารณาในประเดน็ ขอเทจ็ จริงเปนที่ยุติแลววา ที่ดินท่ีงอกจากโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอาํ อาํ เภอชะอาํ จงั หวดั เพชรบรุ ี เปนกรรมสทิ ธิ์ของบรษิ ัท ช เม่อื บริษัทฯ
นําโฉนดที่ดินดังกลาวมาขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน (ที่งอก) ไดจํานวนเนื้อท่ี ๖ ไร เจาของท่ีดินขางเคียงรับรอง
แนวเขตครบทุกดาน ผปู กครองทอ งท่ี (อําเภอชะอาํ และเทศบาลเมอื งชะอํา) และสํานกั งานเจา ทาภูมิภาค สาขา
เพชรบุรี รว มกนั ตรวจสอบและระวงั แนวเขตแลว ลงนามรบั รองวาท่ดี ินที่ขอออกโฉนดทด่ี นิ ไมเปน ทหี่ ลวงหวงหา ม
หรอื เปน ท่สี าธารณประโยชนแตอ ยา งใด คณะกรรมการตรวจสอบสภาพท่ีงอกตามคําสั่งจงั หวดั เพชรบรุ ี ท่ี ๗๐๔/
๒๕๕๕ ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไดออกไปตรวจสภาพที่ดินแลวเห็นวา เปนที่งอกตามคําพิพากษาของ
ศาลและคดีถึงทีส่ ดุ แลว ควรออกโฉนดทีด่ ิน (ท่งี อก) ตามระเบียบกฎหมายใหผขู อตอไป แมวา จะมบี คุ คลไปฟอง

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมที่ดิน



รวมเร่ืองท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ

ตอศาลปกครองใหเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอาํ จังหวัดเพชรบรุ ี
โดยอางวากระบวนการออกโฉนดที่ดินดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายก็ตาม แตศาลปกครองมิไดส่ังให
เจา พนกั งานที่ดนิ หยดุ หรอื ระงับการพิจารณาดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแ กผ ูขอแตอ ยางใด

๓.๒ เม่ือศาลฎีกาหรือศาลชั้นตนไดพิจารณาและพิพากษาคดีถึงที่สุดแลววา ที่ดินที่พิพาท
เปนที่งอกจากโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี และเปน
กรรมสิทธ์ิของบริษัท ช มิใชท่ีสาธารณประโยชน ถือวาประเด็นเกี่ยวกับที่ดินวาเปนที่งอกหรือไมเปนที่งอก
ท่ีคูกรณีโตเถียงกันนั้นเปนท่ียุติเสร็จเด็ดขาดไปแลว การที่ผูขอนําคําพิพากษาของศาลฎีกาหรือศาลชั้นตนที่
คดถี งึ ท่สี ุดแลวมาแสดงกับพนกั งานเจาหนาท่ีเพ่ือขอออกโฉนดท่ีดินท่ีงอกดังกลาว เจาพนักงานที่ดินไมจําตอง
สงเรอ่ื งราวใหก รมทรัพยากรธรณมี าใหค วามชว ยเหลอื ในการตรวจสอบวาทดี่ ินดงั กลาวเปน ที่งอกหรือไม เพราะ
เห็นวาศาลไดพิจารณาพพิ ากษาในขอ เท็จจริงเก่ยี วกับท่งี อกเสร็จเด็ดขาดไปแลว ไมมีขอสงสยั ใดๆ แลววาท่ีดิน
ดงั กลาวจะเปนที่งอกหรอื ไม เพราะถา ศาลสงสัยศาลใชอํานาจออกคําส่ังใหกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบและ
เสนอความเห็นตอศาลโดยตรงไดอ ยแู ลว ตามระเบยี บกรมทรัพยากรธรณี วาดวยการใหความชวยเหลือในการ
ตรวจสอบท่ีงอกริมตล่ิง พ.ศ. ๒๕๔๙ หมวด ๑ ขอ ๓ (๑)

จังหวัดเหน็ ชอบดว ยกับความเห็นของสํานักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา จึงหารือวา
เม่ือศาลฎีกาและศาลจงั หวัดเพชรบรุ ีไดมีคําวินิจฉัยวาท่ีงอกดังกลาวท่ีเกิดจากโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ
๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อําเภอชะอํา จงั หวดั เพชรบรุ ี เปน กรรมสิทธ์ขิ องบริษัท ช แตม ีบุคคลผูเสียหายไดฟอ ง กรมทด่ี นิ
ผูว า ราชการจงั หวดั เพชรบุรี และหนวยงานท่ีเก่ียวของตอศาลปกครอง ขอใหเพิกถอนโฉนดทด่ี ินทั้งสองแปลง
โดยอางวา กระบวนการขั้นตอนการออกโฉนดท่ีดินดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ซ่ึงศาลปกครองไดรับคําฟอง
ไวพจิ ารณาแลว ขณะน้อี ยรู ะหวา งการพจิ ารณาของศาล เจา พนักงานทีด่ ินสามารถออกโฉนดทดี่ นิ (ทง่ี อก) ใหผ ขู อ
ไดห รอื ไม

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ ส่ัง :
๔.๑ พระราชบญั ญตั ิจดั ตั้งศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๖๖ “ในกรณีที่ศาลปกครองเห็นสมควรกําหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆ เพ่ือ

บรรเทาทุกขใหแกค ูกรณีทเ่ี ก่ยี วขอ งเปนการชว่ั คราวกอนการพิจารณาคดี ไมว าจะมคี าํ รอ งขอจากบุคคลดังกลา ว

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ ิน



รวมเร่อื งท่นี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ นิ

หรือไม ใหศาลปกครองมีอาํ นาจกาํ หนดมาตรการหรือวิธกี ารชัว่ คราวและออกคาํ สงั่ ไปยงั หนว ยงานทป่ี ระชมุ ใหญ
ตลุ าการ ในศาลปกครองสูงสุด

ฯลฯ
๔.๒ ระเบยี บของทีป่ ระชมุ ใหญต ุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓

ฯลฯ
ขอ ๖๙ การฟองคดตี อศาลปกครองเพ่ือขอใหเพิกถอนกฎหรือคําส่ังทางปกครอง ไมเปน
เหตุใหท เุ ลาการบงั คบั ตามกฎหรือคาํ ส่งั ทางปกครองน้ัน เวน แตศ าลจะมคี าํ สั่งเปน อยา งอ่ืน

ฯลฯ

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทีด่ ินพจิ ารณาแลวเหน็ วา บริษทั ช ขอออกโฉนดท่ดี ินในเรอ่ื งท่ีดนิ ซึ่งเปนทีง่ อกจากโฉนดที่ดิน

เลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งในระหวางการดําเนินการของ
พนักงานเจาหนา ท่ี นาย ป กบั พวก ไดฟ อ งกรมทีด่ นิ เจาพนักงานที่ดนิ จงั หวัดเพชรบรุ ี สาขาชะอาํ และหนวยงาน
ท่ีเก่ียวของตอศาลปกครองกลางขอใหเพิกถอนกระบวนการขนั้ ตอนกอนออกโฉนดท่ีดนิ เพกิ ถอนโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี
๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอาํ อําเภอชะอํา จงั หวัดเพชรบุรี ศาลปกครองกลางไดม คี ําสง่ั คดหี มายเลขดําที่
ส. ๖/๒๕๕๔ คดหี มายเลขแดงท่ี ส. ๓/๒๕๕๔ ลงวนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไมร บั คาํ ฟองไวพจิ ารณา ผูฟ องคดี
จึงไดย่ืนคํารองอุทธรณคาํ สั่งศาลปกครองช้ันตนตอศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองกลางไดมีคาํ ส่ังท่ี
คส. ๑๔/๒๕๕๕ ลงวนั ท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ กลับคําสั่งศาลปกครองช้ันตน เปนใหร บั คาํ ฟอ งไวพิจารณาและให
ศาลปกครองชั้นตนดาํ เนนิ กระบวนการพจิ ารณาตอไปตามรูปคดี ขณะน้ีอยูระหวางพิจารณาของศาลปกครอง
ช้ันตน การฟอ งคดตี อศาลปกครองเพอ่ื ขอใหเ พกิ ถอนคาํ ส่ังทางปกครอง ไมเปนเหตุใหทุเลาการบังคับคําสั่งทาง
ปกครองนน้ั เวนแตศาลจะมีคาํ สงั่ เปน อยา งอืน่ ตามระเบยี บของทป่ี ระชุมใหญต ุลาการในศาลปกครองสูงสุด วา
ดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๖๙ เมื่อศาลปกครองกลางไดมีคําสั่งตามคดีหมายเลขดําท่ี
๑๒๓๓/๒๕๕๕ ลงวนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ใหย กคาํ ขอกําหนดมาตรการหรือวิธีการคุมครองเพ่ือบรรเทาทุกข
ช่ัวคราวกอนการพพิ ากษาของผูฟองคดีท้งั หมดซ่ึงขอใหศาลมคี าํ สั่งระงับการรงั วัดที่ดนิ พพิ าทของเจา พนักงานที่ดิน

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทีด่ ิน



รวมเรือ่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทดี่ นิ

แลว จึงไมมีเหตุที่จะงดการดําเนินการออกโฉนดท่ดี ินในที่ดินซ่ึงเปนที่งอกจากโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ
๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ได เห็นควรใหสํานักงานท่ีดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา
ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดิน (ทงี่ อก) ดังกลา วใหแ กผขู อตามระเบยี บกฎหมายตอไป
๖. อางอิง

หนังสือกรมทด่ี ิน ดว นทส่ี ดุ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๐๖๔๕ ลงวันที่ ๒๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตอบ
ขอหารอื จงั หวัดเพชรบรุ ี

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทด่ี นิ



รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรื่อง : หารือปญหาการรงั วัดออกโฉนดที่ดินบรเิ วณ “ปาเทอื กเขาแกว , ปาควนยาง และปาเขาวัง”

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดหารือ กรณี ม กับพวก จํานวน ๓๓ ราย ไดนําหลักฐาน ส.ค.๑ เลขที่ ๓๓๙ หมูท่ี ๑

ตาํ บลฉลุง อาํ เภอหาดใหญ จังหวัดสงขลา มายื่นคาํ ขอรงั วัดออกโฉนดที่ดินตามสัดสวนทีไ่ ดครอบครองทาํ ประโยชน
ซึ่งที่ดินบริเวณดังกลาวเปนบริเวณเดียวกับที่ดินที่สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ ไดต อบขอหารือ
ศนู ยอํานวยการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดท่ีดินจงั หวดั สงขลา-ปต ตาน-ี นราธิวาส-ยะลา กรณีการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทดี่ นิ
ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน แตย งั ไมครอบคลมุ ถงึ การออกโฉนดทด่ี ินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙
แหง ประมวลกฎหมายทีด่ ิน สํานักงานทด่ี ินจังหวดั สงขลา สาขาหาดใหญ เห็นวา พื้นทที่ ่ี ม กบั พวก ขอรังวดั ออก
โฉนดท่ีดิน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.๑ เปนพ้ืนที่ปาคุมครองที่มีการกําหนดไวตามพระราชกฤษฎีกากําหนด
ปา ควนยาง-ควนเขาวงั ในทองท่ีตาํ บลทาชา งและตําบลฉลงุ อําเภอหาดใหญ จงั หวัดสงขลา ใหเปนปาคุมครอง
พ.ศ. ๒๔๙๒ ตามพระราชบญั ญัติคุมครองและสงวนปา พ.ศ. ๒๔๘๑ และเปนสวนที่เหลือจากการกําหนดใหม
ตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เนื่องจากแผนท่ีทาย
กฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติ ซ่ึงไมครอบคลุมพ้ืนท่ีปาคุมครองเดิมท้ังหมด และเปนพ้ืนที่ที่ผูขอได
ครอบครองทําประโยชนอยู พน้ื ทีด่ งั กลา วจงึ พน สภาพการเปนปา จึงอยูในหลักเกณฑท่ีออกโฉนดที่ดินเปนการ
เฉพาะรายไดต ามประมวลกฎหมายท่ีดิน ตามนัยความเห็นสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ที่ นร ๐๖๐๗/๕๙๑
ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ประกอบกับความเห็นคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน
ครงั้ ท่ี ๑/๒๕๕๑ เมอื่ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๑ เรอื่ ง การพิจารณาหนงั สือรบั รองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.)
ที่ออกในเขตปา ไมถ าวร และเมอื่ ขอเทจ็ จรงิ ปรากฏวา ท่ีดินบริเวณท่ี ม กบั พวก ขอออกโฉนดทดี่ นิ ต้งั อยูในตําบล
ทม่ี ปี าสงวนแหง ชาตแิ ละปา ไมถ าวรตามมติคณะรัฐมนตรี ซง่ึ ไดมกี ารขีดเขตลงในระวางรปู ถา ยทางอากาศแลว แต
ตําแหนงของผูขอรังวัดออกโฉนดที่ดินอยูนอกเขตปาดังกลาว การออกโฉนดที่ดินของผูขอจึงไมจําเปนตอง
ดาํ เนินการตามขอ ๑๐ (๓) แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ อกี แตอยางใด จงั หวัดสงขลาพิจารณาแลว เห็นดว ยกบั สาํ นักงานทด่ี นิ จงั หวดั

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน



รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน

สงขลา สาขาหาดใหญ แตเน่ืองจากกรณีดังกลาวกรมท่ีดินยังไมเคยวางแนวทางปฏิบัติไวเพื่อความรอบคอบ
จึงหารอื วา ความเห็นของจังหวัดดงั กลา ว ถกู ตองหรอื ไม อยางไร

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญัตปิ า สงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๓๖
๔.๒ พระราชกฤษฎีกากําหนดปาควนยาง-ควนเขาวัง ในทองท่ีตําบลทาชางและตําบลฉลุง

อําเภอหาดใหญ จังหวดั สงขลา ใหเ ปนปา คุมครอง พ.ศ. ๒๔๙๒
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๔ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ือง ปญหาขอกฎหมายเก่ียวกับการออกหนังสือ

รับรองการทําประโยชน (น.ส.๓) และการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จงั หวดั สตลู (เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๑๑๗/๒๕๓๔) สรปุ ไดวา ถาราษฎรเขาครอบครองทําประโยชนในที่ดินมาแลวกอนใช
พระราชบญั ญตั ดิ งั กลาว การออกพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหา มทีด่ นิ ฯ ภายหลัง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ทับที่ดิน
ทเี่ ขาของมีสทิ ธิครอบครองไมท าํ ใหเ สียสิทธคิ รอบครอง คงถอื วาเจาของมีสทิ ธคิ รอบครองตลอดมาจนใชป ระมวล
กฎหมายท่ีดิน แตถาเปนกรณีครอบครองภายหลังการใชบังคับพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖)
พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ โดยมไิ ดข อจับจอง ผูครอบครองไมไดท ีด่ ินนั้นตามกฎหมายท่ีดิน คงถอื วาเปน ทดี่ นิ รกรางวา ง
เปลา และกลายเปนท่ีหวงหา มเมื่อประกาศใชพระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตหวงหามท่ีดินฯ พุทธศักราช ๒๔๘๒
การครอบครองไวก็ไมอาจขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.) ไดเพราะที่ดินที่
ครอบครองนัน้ เปน ทีด่ นิ ของอุทยานแหงชาตไิ ปแลว

๔.๕ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง การกําหนดใหปาคุมครองเปนปาสงวน
แหงชาติตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๓๖ แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ (เร่ืองเสร็จที่
๔๐๒/๒๕๔๒) สรปุ ไดวา กรณีออกกฎกระทรวงกาํ หนดปาสงวนแหงชาติตามพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ แตพื้นที่แผนที่ทายกฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติไมครอบคลุมพ้ืนท่ีปาสงวนแหงชาติ
(ซงึ่ เปลีย่ นสภาพมาจากปาคมุ ครองตามมาตรา ๓๖) ทั้งหมด พ้ืนที่สวนท่ีเหลือจะมีสภาพทางกฎหมายเปนปา
ประเภทใดนัน้ ทป่ี ระชมุ รว มกรรมการรางกฎหมาย คณะที่ ๔ และคณะที่ ๗ เหน็ พอ งกบั ความเห็นของกรรมการ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน



รวมเรือ่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในทดี่ ิน

รางกฎหมาย คณะที่ ๗ วา เมื่อมีการออกกฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติในบริเวณเดียวกับปาสงวน
แหงชาติตามมาตรา ๓๖ แลว ถาพื้นท่ีปา สงวนแหง ชาติทก่ี าํ หนดข้ึนในภายหลังไมครอบคลุมพื้นท่ีปาสงวนเดิม
ทั้งหมด พ้ืนที่สวนที่เหลือจึงพนสภาพจากการเปนปาสงวนแหงชาติ สวนจะมีสภาพทางกฎหมายอยางไร
ยอ มแลว แตข อเทจ็ จริงในแตล ะกรณี

๔.๖ ความเหน็ คณะกรรมการพจิ ารณาขอ กฎหมายของกรมท่ดี นิ ในคราวประชมุ คร้งั ท่ี ๑/๒๕๕๑
เมือ่ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑ เรื่อง การพิจารณาหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.) ที่ออกในเขต
ปา ไมถ าวร สรุปไดว า เนอ่ื งจากมตคิ ณะรฐั มนตรีเปนเพยี งนโยบายของรฐั บาลทต่ี อ งการจะจาํ แนกทีด่ นิ ทต่ี อ งการ
สงวนไวเปน ปา ดงั นนั้ การท่ีคณะรัฐมนตรีไดมีมติจาํ แนกพื้นที่บางสวนออกจากเขตปาไมถาวร (อยูนอกเขตปา
สงวนแหงชาติ) เพื่อใหเปนที่ดินทํากินของราษฎรเพื่อประโยชนอยางอื่นโดยมอบใหคณะกรรมการจัดท่ีดิน
แหงชาติดําเนินการ ท่ีดินดังกลาวจึงมีสถานะเปนที่ดินรกรางวางเปลาตามมาตรา ๑๓๐๔ (๑) แหงประมวล
กฎหมายแพง และพาณชิ ย ทอ่ี ยูนอกเขตหวงหา มตามมติคณะรฐั มนตรี

๔.๗ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/ว ๒๓๙๑ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๖ เรือ่ ง การหารอื
ขอ ราชการ

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทด่ี นิ พิจารณาแลวเหน็ วา ตามท่จี ังหวัดหารอื มปี ระเด็นท่ตี อ งพจิ ารณากอ นวา ขอบเขตของ

ปาคมุ ครองตามพระราชกฤษฎกี ากําหนดปาควนยาง-ควนเขาวัง ในทองท่ีตําบลทาชางและตําบลฉลุง อําเภอ
หาดใหญ จังหวัดสงขลา ใหเ ปน ปาคุมครอง พ.ศ. ๒๔๙๒ ตามพระราชบัญญตั คิ ุม ครองและสงวนปา พ.ศ. ๒๔๘๑
อยบู ริเวณใด และการแจง การครอบครองที่ดนิ (ส.ค.๑) เลขที่ ๓๓๙ หมทู ี่ ๑ ตาํ บลฉลงุ อําเภอหาดใหญ จังหวัด
สงขลา เปนการแจงการครอบครองทดี่ นิ โดยชอบดวยกฎหมายหรอื ไม เนอ่ื งจากตามขอเทจ็ จรงิ ของจงั หวดั ระบวุ า
พื้นทีท่ ่ขี อรังวดั ออกโฉนดท่ีดินเปนปาคมุ ครองเดมิ ซึง่ การจะไดสิทธิในท่ีดินดังกลาวผูขอตองมีหลักฐานวา ไดมี
การเขาครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมากอนใชพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับท่ี ๖) พุทธศักราช
๒๔๗๙ หรือไดม ีการขอจับจองท่ีดินโดยออกเปนใบเหยียบย่ําหรือตราจองตามพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน
(ฉบับท่ี ๖) พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ และมกี ารแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) ตามพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ (ตามความเหน็ คณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ปญหาขอกฎหมายเก่ียวกับการออก

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ีดนิ



รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ

หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส.๓) และการแจงการครอบครองทดี่ ิน (ส.ค.๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จังหวัดสตูล เรอ่ื งเสร็จที่ ๑๑๗/๒๕๓๔) โดยพจิ ารณาได ดังนี้

๑. หากขอ เท็จจริงเปน ทย่ี ุตวิ า ท่ีดินท่ีขอรังวดั ออกโฉนดทีด่ นิ เปน พื้นทีป่ า คุมครองเดิมและผูขอ
มหี ลักฐานวา ไดม ีการเขาครอบครองและทําประโยชนในทดี่ ินมากอนใชพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖)
พุทธศักราช ๒๔๗๙ หรือไดมีการขอจับจองท่ีดินโดยออกเปนใบเหยียบยํ่าหรือตราจองตามพระราชบัญญัติ
ออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ ถือวาการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค.๑) เปนการแจง
การครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) โดยชอบดวยกฎหมาย ท่ีดินดังกลาวอยูในหลักเกณฑที่สามารถออกโฉนดที่ดิน
ตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน

๒. หากขอเท็จจริงเปน ทย่ี ตุ วิ า ไมสามารถระบุขอบเขตของปาคุมครองได แตมพี ยานหลักฐานที่
เช่อื ไดว า ท่ีดินทข่ี อรงั วดั ออกโฉนดที่ดนิ อยูในพืน้ ทป่ี าคมุ ครองเดิม ซงึ่ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เร่ือง การกาํ หนดใหปาคุมครองเปนปาสงวนแหงชาติตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๓๖ แหงพระราชบัญญัติ
ปาสงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ (เร่อื งเสรจ็ ท่ี ๔๐๒/๒๕๔๒) ใหถือแนวเขตที่ดินแทนตามแผนท่ีทายกฎกระทรวง
กําหนด ปา สงวนแหง ชาติ ถาผขู อไมม หี ลักฐานวา ไดมีการเขาครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมากอ นใช
พระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ หรือไดมีการขอจับจองที่ดิน โดยออกเปน
ใบเหยียบยาํ่ หรือตราจอง ตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ ถือวาการแจง
การครอบครองทีด่ นิ (ส.ค.๑) เปน การแจง การครอบครองทดี่ ิน (ส.ค.๑) โดยไมชอบดวยกฎหมายท่ีดินดังกลาว
ไมอ ยูใ นหลกั เกณฑท ่ีสามารถออกโฉนดที่ดนิ ตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน

แตเ นอ่ื งจากคณะรัฐมนตรีมีมติเม่ือวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕ ใหเก็บรักษาไวเปนพ้ืนที่ปาไม
เฉพาะบริเวณท่ียงั คงสภาพปา กับปา สงวนของกรมปา ไม บรเิ วณพื้นที่ท่ีราษฎรถือครองใชในการกสิกรรมไดม กี าร
ถอื ครองม่ันคงแลว ใหกนั ออกจากเขตปา และมอบใหสํานกั งานการปฏริ ูปทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรมดําเนินการ ตอมา
ไดมมี ติคณะรฐั มนตรีเมื่อวนั ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๗ เปล่ียนแปลงมติคณะรัฐมนตรเี มอ่ื วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕
โดยมอบพ้ืนท่ีบริเวณท่ีขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินใหคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติดําเนินการ ซ่งึ คณะกรรมการ
จัดที่ดินแหงชาติไดมีมติในคราวประชุม ครั้งท่ี ๒/๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๒ มอบพื้นที่จําแนก
ออกจากปาไมถ าวร แตน อกเขตปา สงวนแหงชาตแิ ปลงจําแนกที่ ๓ ใหสํานักงานการปฏิรูปทด่ี ินเพอื่ เกษตรกรรม
เขาไปดําเนินการ แตปจจุบันยังไมมีการดําเนินการ ทําใหท่ีดินดังกลาวมีสถานะเปนท่ีดินรกรางวางเปลาตาม

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมทีด่ ิน



รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ

มาตรา ๑๓๐๔ (๑) แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย แตอยูภ ายใตก ารจดั สรรทีด่ ินของทางราชการ ดังนั้น
กรณีที่กรมท่ดี นิ จะสามารถดําเนินการสาํ รวจออกโฉนดท่ดี ิน ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินได
คณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหงชาตติ องมีการรับมอบคืนพื้นที่จากสํานักงานการปฏริ ปู ท่ดี นิ เพ่ือเกษตรกรรมและสงมอบ
พ้ืนท่ีใหกรมท่ีดินดําเนินการ ซึ่งปจจุบันยังไมมีการสงมอบพื้นที่ใหกรมที่ดินดําเนินการ จึงยังไมสามารถจัด
โครงการเดินสาํ รวจออกโฉนดทีด่ นิ ในพ้นื ทด่ี งั กลา วได

๓. กรณที ีข่ อ เทจ็ จริงปรากฏวา มกี ารขดี เขตปาสงวนแหง ชาติ ปาไมถาวร ลงในระวางรูปถาย
ทางอากาศ และทีด่ ินท่ขี อรังวัดออกโฉนดทด่ี ินไมอยูในเขตปา สงวนแหง ชาติและเขตปา ไมถาวร โดยไมเ ปนท่ดี ินที่
ติดตอคาบเก่ยี วกบั เขตปาสงวนแหง ชาติ เขตปา ไมถาวร การออกโฉนดท่ดี ินดังกลา วก็ไมอ ยใู นหลกั เกณฑท จ่ี ะตอ ง
ต้งั คณะกรรมการตรวจพสิ ูจนทดี่ ินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใ ชป ระมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๐

๖. อา งองิ หนงั สือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๓๔๒๙ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตอบขอ หารือจังหวัด
สงขลา

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมที่ดนิ

๑๐

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรื่อง : ขอความเปน ธรรม

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
นาย ข ไดข อความรูเ กี่ยวกับทดี่ ิน กรณีไดครอบครองทําประโยชนในที่ดินโดยการทํานา ทาํ ไร

และมีเพยี งแบบ ภ.บ.ท. ๕ จนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๒ นาง ส ทายาทของนาย ส (ผูตาย) ซ่ึงเปนเจาของโฉนดที่ดิน
เลขที่ ๑ ถึงโฉนดท่ดี ินเลขท่ี ๑๐ อาํ เภอครบุรี จังหวดั นครราชสีมา ไดย นื่ ฟอ งนาย ข กับพวก เปนจาํ เลยในคดอี าญา
ขอ หาบุกรุกและศาลไดต ดั สินวาไมมเี จตนาบุกรกุ นาง ส จึงไดฟ องขบั ไลน าย ข กับพวก ซึ่งศาลฎีกาไดตัดสินให
ขับไลนาย ข กับพวก และบรวิ ารจากที่ดินทง้ั ๑๐ แปลงดังกลาว พรอมท้ังชดใชคาเสียหายแกโจทก ตอมาไดไป
ตดิ ตอ สํานักงานทดี่ นิ อาํ เภอครบุรี เพื่อสอบถามถึงข้ันตอนการออกโฉนดท่ีดิน และใหเจาพนักงานท่ีดินอําเภอ
ครบุรี ตรวจสอบแนวเขตท่ดี ินตามโฉนดท่ดี ินทัง้ ๑๐ แปลง ใหถ ูกตอง แตไมไดร ับความสะดวกและมีการปกปด
ขอ มูล จงึ ขอความอนุเคราะหขอความรูเกี่ยวกับท่ีดนิ เพ่อื ประกอบคําแถลงยนื่ ตอ ศาลจงั หวัดนครราชสมี าใหมคี ําสัง่
รงั วัดสอบเขตท่ดี ินตามโฉนดท่ดี ินทัง้ ๑๐ แปลง ใหถูกตองดงั น้ี

๓.๑ บคุ คลทจ่ี ะขอออกโฉนดทีด่ นิ ไดต องมีคําสงั่ กรมทีด่ ินหรอื ไม และตอ งดาํ เนนิ การตรวจสอบ
เขตระวางแนวเขตและเนอ้ื ทท่ี ี่ดนิ ทจ่ี ะขอออกโฉนดที่ดนิ ใหถ ูกตองแนนอนตามพื้นท่ีจริงหรือไม เม่ือออกโฉนดท่ีดิน
แลวเจาพนกั งานทีด่ ินจะทาํ การรังวดั สอบเขตระวางเน้ือทที่ ด่ี นิ ตามโฉนดทด่ี นิ ไดหรือไม และจะทราบแนวเขตท่ี
แนน อนหรือไม

๓.๒ หากมีความประสงคขอใหนาง ส ทายาทของนาย ส นําเจาพนักงานที่ดินอําเภอครบุรี
ออกมาตรวจสอบระวางทาํ การรังวัดสอบเขตเน้ือที่ท่ีดินตามโฉนดที่ดินของนาย ส ท้ัง ๑๐ แปลง เพื่อใหทราบ
ตําแหนง ท่ีแนนอน และหากนาง ส ไมส ามารถดําเนนิ การไดดวยตนเองจะมอบอํานาจใหทายาทกระทาํ การแทน
ไดหรือไม

๓.๓ หากมีบุคคลใดอา งวามีกรรมสิทธใิ์ นท่ีดนิ ตามหลกั ฐานโฉนดท่ีดนิ แปลงใด และมีขอ โตแ ยง
กับบุคคลอืน่ ทคี่ รอบครองอยู จาํ เปน จะตองดําเนินการตรวจสอบระวางรังวัดสอบเขตเนือ้ ทีท่ ่ดี ิน ตามโฉนดท่ีดิน
ใหแ นนอนหรือไม

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทีด่ ิน

๑๑

รวมเรอื่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นทดี่ นิ

๓.๔ เมื่อเจา พนกั งานทีด่ นิ ดําเนินการออกโฉนดทด่ี นิ แลวเนอื้ ทีต่ ามโฉนดที่ดินของแตละแปลง
จะเพิม่ ข้ึนไดห รือไมห ากไมม กี ารรวมโฉนดทีด่ นิ

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน
มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้
ฯลฯ
“การรังวัด” หมายความวา การรงั วัดปกหลกั เขต และทําเขต จด หรือคํานวณการรังวัด

เพื่อใหท ราบทตี่ ้งั และแนวเขตท่ดี ิน หรือทราบท่ีต้ังและเนอื้ ทีข่ องท่ดี นิ
ฯลฯ

มาตรา ๕๙ ในกรณีที่ผูมีสิทธิครอบครองท่ีดินมาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทําประโยชนเปนการเฉพาะรายไมวาจะไดมีการประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม
เม่ือพนกั งานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
แลว แตก รณไี ด ตามหลักเกณฑและวิธกี ารทป่ี ระมวลผลกฎหมายนี้กําหนด

เพอ่ื ประโยชนแ หงมาตราน้ี ผมู ีสทิ ธิครอบครองทีด่ นิ ตามวรรคหนงึ่ ใหหมายความรวมถึง
ผซู ึ่งไดครอบครองและทําประโยชนใ นที่ดนิ ตอ เนือ่ งมาจากผูซ่ึงมีหลกั ฐานการแจงการครอบครองดวย

มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในท่ีดินประสงคจะขอสอบเขตโฉนดท่ีดินเฉพาะรายของตน ใหยื่น
คาํ ขอพรอมดวยโฉนดทด่ี ินนน้ั ตอ เจา พนกั งานทดี่ ินและใหพ นักงานเจาหนา ที่ไปทาํ การรังวัดให

ในการรงั วดั ถาปรากฏวา การครอบครองไมตรงกบั แผนท่หี รือเนือ้ ทใี่ นโฉนดท่ีดิน เมื่อผูมี
สทิ ธใิ นทดี่ นิ ขางเคียงไดร ับรองแนวเขตไวแลว ใหเ จา พนักงานท่ดี ินมีอํานาจแกไขแผนที่ใหต รงกบั ความเปน จรงิ ได
เวน แตจ ะเปน การสมยอมเพอ่ื หลีกเลย่ี งกฎหมาย

ฯลฯ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ.๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ.๒๔๙๗

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทด่ี นิ

๑๒

รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ

ขอ ๕ เมือ่ ไดม กี ารพสิ จู นก ารทาํ ประโยชนต ามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชประมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แลว ก็ใหออกหนังสือรับรองการทํา
ประโยชนตามขอ ๓ ใหได

ขอ ๘ ทด่ี นิ ท่พี ึงจออกโฉนดที่ดินตองเปนทดี่ ินที่ผมู ีสิทธิในที่ดินไดครอบครองทําประโยชน
แลว และเปนทีด่ นิ ท่ีพงึ จะออกโฉนดทด่ี นิ ไดตามกฎหมาย แตห า มมิใหออกโฉนดทด่ี นิ สําหรับทีด่ นิ ดังตอ ไปนี้

(๑) ที่ดนิ ทีร่ าษฎรใชประโยชนร วมกนั เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ ท่ีชายตลง่ิ
(๒) ท่ีเขา ทภี่ เู ขา หรอื ทส่ี งวนหวงหา ม หรอื ทีด่ นิ ซงึ่ ทางราชการเหน็ วา สมควรสงวน
ไวเ พอ่ื ทรัพยากรธรรมชาติ

๕. ผลการพิจารณา
กรมทีด่ ินพิจารณาแลว เห็นวา ตามคําพพิ ากษาศาลฎกี า ท่ี ๒๕๖๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ มีนาคม

๒๕๕๖ ศาลไดพิจารณาเปน ทยี่ ตุ วิ า ท่ดี นิ พิพาทเปนกรรมสทิ ธ์ิของนาง ส ผจู ัดการมรดกนาย ส สาํ หรับประเดน็ ท่ี
นาย ข ขอความรูเกี่ยวกับท่ีดิน เหน็ วา

๕.๑ หลักเกณฑพิจารณาออกโฉนดท่ีดิน ในกรณีน้ีขอเท็จจริงปรากฏวา ที่ดินที่สอบถามได
ออกหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เม่อื ป พ.ศ. ๒๕๑๖ และออกโฉนดที่ดินเมื่อป พ.ศ. ๒๕๒๓ ซ่ึง
หลกั เกณฑในการพจิ ารณาออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ินตองเปนไปตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ กลา วคอื ที่ดินท่ีจะออกโฉนดที่ดิน
ตองเปนที่ดินท่ีผูมีสิทธิในท่ีดินไดครอบครองทําประโยชนแลว และเปนที่ดินที่จะพึงออกโฉนดท่ีดินไดตาม
กฎหมายแตห ามมิใหออกโฉนดที่ดินสาํ หรบั ท่ีดินทีร่ าษฎรใชประโยชนร ว มกัน เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ
ทชี่ ายตลิ่ง ทีเ่ ขา ท่ภี เู ขา หรือทสี่ งวนหวงหา ม หรือที่ดินซ่งึ ทางราชการเหน็ วาควรสงวนไวเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ
โดยบุคคลที่มีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินไดตองเปนเจาของที่ดินซ่ึงเปนผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินโดยชอบดวย
กฎหมาย หรือตัวแทนทไี่ ดรับมอบอาํ นาจ ทายาทผมู ีสทิ ธใ์ิ นท่ีดนิ (ในกรณเี จาของท่ีดนิ ถงึ แกกรรม)

๕.๒ ในการรังวัดออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
พนักงานเจาหนา ทจ่ี ะออกไปทาํ การรังวัดเพ่อื ใหท ราบตําแหนง ท่ีดิน แนวเขต เน้อื ที่ โดยวิธกี ารคาํ นวณตามหลัก
วชิ าการรงั วดั ซ่ึงเจาของท่ดี นิ มหี นา ทน่ี ํารงั วัดตามเขตการครอบครองที่ดินของตน และเจาของที่ดินขางเคียง

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดิน

๑๓

รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดิน

ตองลงชือ่ รบั รอง แนวเขตท่ีดินตามระเบียบ ในกระบวนการดังกลาวตอ งมีการตรวจสอบหลักฐานท่ีดินเดิมและ
ท่ดี นิ แปลงขางเคยี งวา สอดคลอ งสัมพนั ธกับหลกั ฐานที่ดนิ เดิมหรือไม ตลอดจนสอบสวนเจาของที่ดิน เจาของท่ีดิน
ขา งเคียง ผูปกครองทอ งท่ี พยานบุคคลเกยี่ วกบั ท่ีดนิ และมีการนํารูปแปลงทด่ี ินไปลงในระวางแผนท่ีเพอ่ื ตรวจสอบ
ตําแหนงที่ดิน และตรวจสอบวามกี ารนาํ รงั วดั ทบั ทด่ี นิ ของบคุ คลอ่ืนหรือทดี่ ินของรัฐหรอื ไม ทด่ี ินอยใู นหลกั เกณฑ
ท่สี ามารถออกโฉนดที่ดนิ ใหไดห รือไม แลวทาํ การประกาศการออกโฉนดท่ดี ินมกี าํ หนด ๓๐ วัน หากไมมีผูโตแยง
คัดคาน เจาพนักงานท่ีดินจะดําเนินการออกโฉนดท่ีดินและแจกโฉนดท่ีดินใหกับผูขอ หากมีการโตแยงคัดคาน
ภายในประกาศการออกโฉนดทดี่ ิน เจา พนักงานทีด่ ินจะทาํ การสอบสวนเปรียบเทียบและส่ังการตามมาตรา ๖๐
แหงประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซง่ึ ถอื เปน ดุลยพินิจของเจา พนักงานที่ดินตามประมวลกฎหมายทดี่ ินในการพจิ ารณา
ออกโฉนดทดี่ นิ

๕.๓ รูปแผนทโี่ ฉนดทดี่ ินเปน การรงั วัดตามหลกั วิชาการแผนที่ ในขอเท็จจริงแนวเขตท่ีดินอาจไม
เปน เสน ตรงตามท่ีปรากฏในรูปแผนท่โี ฉนดท่ีดนิ สาํ หรับโฉนดทด่ี นิ ท่ีออกไปตอ งถอื วาถูกตอ ง เวน แตมีขอ เทจ็ จริง
ท่ีเปลย่ี นแปลงหรือมีขอเท็จจริงอ่ืนท่ีปรากฏในภายหลังทําใหก ารออกโฉนดท่ีดินนั้นไมชอบดวยกฎหมาย เชน
การมอบอํานาจใหอ อกโฉนดทด่ี ินไมช อบดว ยกฎหมาย ในกรณีทร่ี ะยะเวลาผา นไปนานและการครอบครองที่ดิน
เปลีย่ นแปลงทําใหก ารครอบครองในทด่ี ินไมตรงกบั โฉนดทดี่ นิ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ไดกาํ หนดใหเจา ของที่ดินสามารถยนื่ สอบเขตทดี่ นิ เพื่อตรวจสอบทด่ี นิ ได

๕.๔ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา “ผูมีสิทธิในที่ดิน
ประสงคจ ะขอสอบเขตโฉนดที่ดินเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดท่ีดินน้ันตอเจาพนักงานที่ดิน
และ ใหพนกั งานเจา หนา ทไ่ี ปทาํ การรังวัดให” ดงั นัน้ ในการสอบเขตท่ดี นิ ตอ งเปน ความประสงคข องเจา ของทดี่ นิ
โดยใหเจา ของท่ีดินหรือผูรับมอบอํานาจย่นื คําขอขอสอบเขตที่ดิน ณ สํานักงานท่ีดินในพ้ืนท่ี เจาพนักงานท่ีดิน
ไมมีอํานาจที่จะทําการสอบเขตท่ีดินเองโดยเจาของที่ดินไมย่ืนคําขอ เน่ืองจากไมมีอํานาจตามกฎหมาย เวนแต
เปน การสอบเขตที่ดินเปน ระวางตามมาตรา ๖๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงขึ้นอยูกับแผนงานโครงงานและ
นโยบายของทางราชการเปน หลกั

๕.๕ กรณีออกโฉนดท่ีดินแลว ตอมามีผูโตแยงสิทธิในท่ีดิน หากมีเร่ืองรองเรียน เจาหนาท่ีจะ
ดําเนินการตรวจสอบขอ เทจ็ จริงเบ้ืองตนจากเอกสารหลักฐานตา งๆ แตหากจะใหม ีการสอบเขตท่ีดนิ เพ่ือใหทราบ

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี ิน

๑๔

รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน

แนวเขตที่ดนิ ทแ่ี นนอน ตองใหเ จาของท่ดี ินยืน่ คําขอสอบเขตทีด่ ินตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ
หรือคูกรณีตองย่ืนคาํ ฟองตอ ศาลเปน คดีพพิ าทและใหม ีคําสงั่ ใหม ีการรังวดั สอบเขตที่ดนิ

๕.๖ สําหรับท่ีดินแปลงใดที่ไดมกี ารรังวดั ออกโฉนดที่ดินไปแลว หากตอมามีการครอบครองไมตรง
กับรูปแผนท่ีเนื้อท่ีในโฉนดท่ีดิน สามารถย่ืนสอบเขตท่ีดินไดตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีปรากฏวา การครอบครองไมตรงกับแผนท่ีหรือเน้ือที่ในโฉนดท่ีดิน เม่ือผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับรอง
แนวเขตแลว เจา พนักงานทีด่ นิ มีอํานาจแกไ ขรปู แผนท่หี รอื เนอื้ ทีใ่ หตรงกับความเปนจริงได เวนแตเปนการสมยอม
เพ่ือหลกี เลี่ยงกฎหมาย
๖. อางอิง

หนังสอื กรมท่ดี ิน ดว นทส่ี ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๑๕๕ ลงวนั ท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ ตอบผูร อ ง

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมทีด่ นิ

๑๕

รวมเรอ่ื งที่นา่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทดี่ ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เร่อื ง : การออกโฉนดท่ีดนิ เฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวดั สง เรือ่ งหารือการออกโฉนดท่ดี ินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน

กรณีนาง ภ ผูข อรายท่ี ๑ ไดย ืน่ คาํ ขอออกโฉนดทีด่ ินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
โดยใชหลักฐานใบรับแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
เลขที่ ๒ หมทู ี่ ๓ ตําบลโพชนไก อําเภอบางระจนั จงั หวัดสงิ หบรุ ี ตามขอลงวันที่ ๒ สงิ หาคม ๒๕๕๓ และนาง ก
กับพวก ผูขอรายท่ี ๒ ไดยื่นคาํ ขอออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยใชหลักฐานใบรับแจงความประสงค จะไดสิทธิ ในที่ดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
เลขที่ ๓ หมูท่ี ๓ ตําบลโพชนไก อําเภอบางระจนั จงั หวัดสงิ หบ ุรี ตามคําขอลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ จังหวดั
ไดตรวจสอบเอกสารหลกั ฐานแลวเหน็ วา

๓.๑ ทดี่ นิ แปลงทขี่ อออกโฉนดที่ดินท้งั สองแปลง เปนทดี่ ินทม่ี กี ารครอบครองและทาํ ประโยชน
อยกู อนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ ังคบั โดยพจิ ารณาจากเมือ่ นาํ รปู แผนทแ่ี ปลงท่ดี นิ ทข่ี อออกโฉนดทด่ี นิ ลงทห่ี มาย
ในระวางศูนยก าํ เนิดแลว ทับเลขที่ดนิ ๖๓ หนา สาํ รวจ ๓๘๙

๓.๒ ไดข อใหก รมที่ดนิ ตรวจสอบหลักฐานทดี่ นิ แปลงเลขทีด่ นิ ๖๓ หนา สาํ รวจ ๓๘๙ ตาํ บลโพชนไก
อําเภอบางระจัน จังหวดั สงิ หบรุ ี พบวา ขอมลู ของกรมท่ีดนิ ซึ่งเปน รายงานกรรมสิทธิ์ทีด่ นิ ระบวุ า ไดมีการขอออก
ใบแทนใบไตส วน และโอนมรดกชนั้ ใบไตสวน เมื่อป พ.ศ. ๒๔๗๐ กรณีนจ้ี งึ นา เช่ือวา นาย ต นาง ย ผขู อออกโฉนดท่ดี ิน
ครง้ั นั้น ยังไมไ ดรบั โฉนดที่ดนิ และไดถ ึงแกกรรมลงเสยี กอ น จึงตอ งทาํ การโอนมรดกทดี่ นิ ในช้นั ใบไตสวน

๓.๓ ฝา ยทะเบียนไดต รวจสอบโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๐๒๑ ในเลมแลว ไมพ บโฉนดที่ดินดังกลา ว
และไมพบสารบบหนา สาํ รวจ ๓๘๙ ในกลอ งสารบบแตอ ยา งใด ไดสอบสวนผขู อออกโฉนดทีด่ นิ เจา ของทีด่ ินขา งเคยี ง
และผปู กครองทอ งท่ตี า งใหถ อยคาํ วา ทีด่ นิ แปลงน้ยี ังไมไ ดออกโฉนดทดี่ นิ จงึ เปน การยนื ยันวา ทด่ี นิ แปลงนย้ี ังไมมี
โฉนดท่ดี นิ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดิน

๑๖

รวมเรื่องทนี่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ

๓.๔ เมอ่ื ที่ดินแปลงทข่ี อออกโฉนดท่ดี ินยังไมม ีหนงั สอื สําคญั แสดงกรรมสิทธใิ์ นทดี่ นิ และมไิ ดแ จง
การครอบครองตามมาตรา ๕ แหง พระราชบัญญัติใหใ ชประมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีเพียงใบไตสวนซึ่งมี
ฐานะเปน หนงั สือแสดงการสอบสวนเพอ่ื ออกโฉนดทด่ี ิน ปรากฏตามหลักฐานรายงานกรรมสิทธิ์ท่ีดินท้ัง ๒ ฉบับ
กรณจี งึ นา จะถอื วา ใบไตสวนตามรายงานกรรมสิทธิท์ ีด่ ินดงั กลา ว ซ่ึงปจจุบนั ไมม อี ยแู ลว เปนเพียงหลกั ฐานทแ่ี สดง
วาไดมีการครอบครองและทําประโยชนในทด่ี ินโดยชอบอยูกอนประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยเทียบเคียง
จาก กรณีแบบหมายเลข ๓ ไมมฐี านะเปนหนังสือรบั รองการทําประโยชน เปนเพียงหลักฐานแสดงวาไดมีการ
ครอบครองและไดท าํ ประโยชนอยูกอ นประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ งั คบั เทานัน้ ซ่ึงการโอนสทิ ธิสามารถกระทําได
โดยการสงมอบการครอบครอง ทายาทผูรับโอนยอมสามารถยนื่ คําขอออกโฉนดที่ดนิ เปนการเฉพาะรายได

๓.๕ ที่ดนิ แปลงท่ีขอออกโฉนดท่ดี ินเปนทด่ี ินที่ไดม กี ารปฏบิ ตั ิตามมาตรา ๒๗ ตรี แลวโดยท่ีดิน
แปลงของนาง ภ ไดขอออกโฉนดท่ดี ินโดยอาศยั หลกั ฐานใบรับแจงความประสงคจะไดส ิทธใิ นทด่ี นิ ตามมาตรา ๒๗ ตรี
แหง ประมวลกฎหมายที่ดนิ เลขท่ี ๒ หมูที่ ๓ ตาํ บลโพชนไก อําเภอบางระจัน จังหวัดสิงหบ รุ ี โดยมีนาง ส มารดา
เปน ผแู จง สว นนาง ก กับพวก ไดขอออกโฉนดท่ีดินโดยอาศัยหลักฐานใบแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน
ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ินเลขท่ี ๓ หมทู ่ี ๓ ตาํ บลโพชนไก อําเภอบางระจัน จงั หวัดสิงหบุรี
โดยมีนาง ส มารดาเปน ผแู จง โดยผูข อท้งั หมดเปนทายาทของนาย ต นาง ย ซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชน
ตอ เนอ่ื งตลอดมาจนถงึ ปจจุบัน

จงั หวัดจึงหารอื วา ตามความเห็นของจังหวัดท่ีรับคําขอออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา
๕๙ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี นิ โดยใชหลักฐานใบรับแจง ความประสงคจะไดสทิ ธิในท่ีดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี
แหงประมวลกฎหมายทด่ี นิ นั้น ถกู ตองตามระเบยี บและกฎหมายหรือไม อยา งไร

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๕๙ ทวิ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๓ หนงั สอื กรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๗๑๙/๑๕๑๐๑ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เร่อื ง การออกโฉนดที่ดิน

หรอื หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเ ฉพาะรายมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๑๗

รวมเรอื่ งท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดิน

๔.๔ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสดุ ที่ มท ๐๖๑๙/ว ๑๙๔๘๒ ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙
เร่ือง การตรวจราชการของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย

๕. ผลการพิจารณา

กรมที่ดินพจิ ารณาแลว เหน็ วา เมื่อขอเทจ็ จรงิ ปรากฏวาท่ีดินแปลงทน่ี าง ภ และนาง ก กับพวก
ขอออกโฉนดท่ีดินตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน โดยใชหลักฐานใบแจงความประสงคจะได
สิทธิในทด่ี ิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ ซ่ึงพนกั งานเจาหนาทไ่ี ดต รวจสอบเอกสารหลักฐาน
สอบสวนเจาของท่ีดิน เจาของที่ดินขางเคียง ผูปกครองทองที่ จนเปนที่แนชัดแลววา เปนที่ดินที่ไดมีการ
ครอบครองทําประโยชนโดยชอบอยกู อนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยมิไดแจงการครอบครองตาม
มาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง
ประมวลกฎหมายที่ดิน และยงั ไมม กี ารออกโฉนดทด่ี ิน ผขู อมีความจําเปนจะออกโฉนดที่ดิน พนักงานเจาหนาที่
ยอ มใชดุลยพินิจพิจารณาออกโฉนดที่ดินใหแกผูขอไดตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งน้ี การ
พจิ ารณาออกโฉนดท่ีดินใหผูขอตองเปนไปดวยความละเอียดรอบคอบ โดยปฏิบัติตามหนังสือกรมทดี่ ิน ท่ี มท
๐๗๑๙/ว ๑๕๑๐๑ ลงวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เร่ือง การออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
เฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และหนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท๐๖๑๙/ว
๑๙๔๘๒ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เร่อื ง การตรวจราชการของ ฯพณฯ นายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรวี า การ
กระทรวงมหาดไทย และตอ งพิจารณาใหไดความวา ท่ีดินที่จะออกโฉนดท่ีดินตองเปนที่ดินที่ผูมีสิทธิในทีด่ ินได
ครอบครองและทาํ ประโยชนแ ลว และเปนที่ดนิ ทีส่ ามารถออกโฉนดทดี่ ินไดต ามกฎหมายและมติ องหา มมใิ หออก
โฉนดทดี่ ิน ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ ิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔

๖. อา งองิ หนังสอื กรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๔๖๔๕ ลงวนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารือจังหวัด
สิงหบ ุรี

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทีด่ ิน

๑๘

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทีด่ นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรื่อง : ขอทราบขอ กฎหมาย

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
สํานักเลขานุการกรมสงเร่ืองใหพิจารณาและแจงผลใหนาย น ทราบ กรณีนาย น มีหนังสือ

ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ขอทราบขอกฎหมายวา
๓.๑ น.ส. ๓ ก. ของนาย ร ออกเมอ่ื วันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ตอ มานาย ช ซ้ือตอจากนาย ร

เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๕ หางกนั ๒ วนั เรงรบี เกินไป ชอบดว ยกฎหมายหรือไม
๓.๒ ขอรายละเอียดมาตรา ๕๙ ตรี แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ และระเบียบของคณะกรรมการ

จัดท่ดี ินแหง ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วา ดวยเงื่อนไขการออกโฉนดทีด่ นิ หรอื หนังสือรบั รองการทําประโยชน
๓.๓ การออกโฉนดที่ดินใหนาย น มีกฎหมายรองรับอยางไร เก่ียวกับ มาตรา ๕๙ ตรี แหง

ประมวลกฎหมายท่ดี ินหรือไม โจทกนํามาอา งตามคาํ ฟอ งถกู ตองหรือไม
๓.๔ นาย ช โจทกในคดีแพง สามัญศาลจังหวัดตรงั คดีหมายเลขดําท่ี ๑๓๒๑/๒๕๕๗ ลงวันท่ี

๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ อางวา เน้ือทใ่ี น น.ส. ๓ ก. เดิมมี ๖๔ ไร ๒ งาน ๐๕ ตารางวา (เอกสารแผนท่ี ๕/๑๐) ได
ทําการรังวัดใหม (ไมใ ชหนงั สือทีร่ าชการออกใหแ ผน ท่ี ๘/๑๐) มเี นือ้ ที่ ๕๑ ไร ๓ งาน ๖๖ ตารางวา ขาดหายไป
ประมาณ ๑๓ ไร จงึ บุกรุกเขา ไปในเนื้อทขี่ องบคุ คลอื่น เพ่อื ใหไ ดครบตามเดิม ขอเสนอแนะ ชวยตรวจสอบโดย
หนว ยงานของรัฐ โดยการลงไปในพ้นื ท่จี ริง แลว ทําการรงั วัดใหมว า เนอ้ื ที่ ๕๑ ไร ๓ งาน ๖๖ ตารางวา ถูกตอง
หรอื ไม จากการตรวจสอบของนาย น เอกสาร แผนท่ี ๕/๑๐ เปรยี บเทยี บกับแผนที่ ๘/๑๐ มีรปู รา งไมเ หมอื นกนั
ทําใหเ นอื้ ท่คี ลาดเคล่อื นไดแ ละเอกสาร แผนที่ ๘/๑๐ ออกโดยหนวยงานใด มผี ลทางกฎหมายหรือไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สัง่ :
๔.๑ พระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๙
๔.๒ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๔ ทวิ, ๕๘, ๕๘ ทว,ิ ๕๙ ตรี

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน

๑๙

รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ีดนิ

๔.๓ ระเบียบของคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเงื่อนไข
การออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน

๕. ผลการพิจารณา
กรมทดี่ นิ พจิ ารณาแลวเห็นวา
๕.๑ หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เปนหนงั สอื รับรองจากพนักงานเจาหนาที่วา

ไดท ําประโยชนแลว สามารถจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรมโอนกันตอพนักงานเจาหนาที่ได ตามมาตรา ๙ แหง
พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๔ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดนิ ซง่ึ แกไข
เพ่มิ เติมโดยประกาศคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๑๕

๕.๒ ที่ดนิ ของนาย น เปนท่ีดนิ ท่ไี ดค รอบครองและทาํ ประโยชนภ ายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใชบ งั คบั (วนั ที่ ๑ ธนั วาคม ๒๔๙๗) โดยไมมหี ลักฐานสําหรับที่ดิน นาย น ไดนําเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินตาม
มาตรา ๕๘ และ ๕๘ ทวิ (๓) แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๐๓๘๗ ตําบลบอหิน อําเภอสิเกา
จังหวัดตรัง โดยที่ดินดังกลาวตองอยูในบังคับหามโอนภายในกําหนด ๑๐ ป การออกโฉนดที่ดินของนาย น
ซงึ่ ไมเกยี่ วกบั มาตรา ๕๙ ตรี แหงประมวลกฎหมายทดี่ นิ ซึ่งไดกาํ หนดแนวทางปฏิบัตเิ ฉพาะกรณีการออกโฉนดที่ดิน
หรอื หนังสือรับรองการทําประโยชนโดยอาศยั ฐานการแจงการครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑)

๕.๓ ตามเอกสารแผนที่ ๙/๑๐ นาย น (โดยนาย น ผูรับมอบอํานาจ) ไดยื่นคําขอสอบเขตโฉนดท่ีดิน
เลขท่ี ๑๐๓๘๗ ตําบลบอ หนิ อาํ เภอสิเกา จังหวัดตรัง ตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และนาย ช
ไดค ดั คา น ซึง่ เจาพนักงานที่ดินไดสอบสวนไกลเกล่ียแลวตกลงกันไมได และตามเอกสารแผนท่ี ๑/๑๐ นาย ช
ไดเปนโจทกฟองคดีดังกลาวตอศาลแลว ดังน้ัน เม่ือศาลไดมีคาํ พิพากษาหรือคําส่ังถึงที่สุดประการใด
เจา พนกั งานทดี่ นิ ก็จะตองดาํ เนนิ การไปตามคาํ พพิ ากษาหรือคําสง่ั ถึงทีส่ ดุ ของศาลตอไป สวนกรณีเอกสารแผนที่
๘/๑๐ หรือเอกสารที่เกย่ี วขอ ง นาย น สามารถสอบถามและย่ืนคําขอตรวจสอบได ณ สํานักงานท่ีดินที่ท่ีดินน้ัน
ตง้ั อยู

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๒๐

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดิน

๕.๔ เห็นควรจัดสงสําเนาประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ, ๕๙ ตรี และสําเนา
ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหง ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเง่ือนไขการออกโฉนดท่ีดินหรือ
หนงั สือรับรองการทําประโยชน ใหน าย น ทราบ

๖. อางอิง

หนงั สอื กรมทด่ี ิน ดว นมาก ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๖๒๔๓ ลงวนั ท่ี ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบผูรอ ง

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี ิน

๒๑

รวมเรอื่ งท่ีนา่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทีด่ นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดทด่ี ิน

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวัดสงเรอ่ื งหารอื กรมท่ดี ิน กรณี นาง ก กับพวก ทายาทนาง บ ไดนําเดินสาํ รวจออกโฉนดที่ดิน

เมื่อป พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยอาศัยหลักฐาน น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๑๙/๑๓๗ หมูที่ ๒ ตําบลเมืองเกา อําเภอเมืองสุโขทัย
จงั หวัดสุโขทยั ไดจ ดทะเบียนโอนมรดกในชน้ั ใบไตสวน เมือ่ วันท่ี ๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ และตอมาไดย่ืนคําขอรังวัด
ซา้ํ ใบไตส วน ตามคําขอฉบับลงวนั ท่ี ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๒ ซึ่งเจา หนาทไี่ ดท ําการจดั สรา งใบไตส วนใหมโดยลงชื่อ
นาง ก กับพวก จังหวัดจึงหารือวาการพิจารณาออกโฉนดท่ีดินจากการรังวัดซํ้าใบไตสวน ซึ่งใบไตสวนท่ีได
จัดสรางขน้ึ ใหม โดยลงชื่อนาง ก. กบั พวก ผูร บั มรดกในชน้ั ใบไตสวนจะเปนการถกู ตอง สามารถดําเนนิ การไดหรือไม
อยางไร

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ, ๕๙, ๕๙ ทวิ
๔.๒ หนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๖๒๕/ว ๑๐๕๖๗ ลงวนั ที่ ๕ เมษายน ๒๕๓๙ เร่ือง การเดินสํารวจ

ออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย ไดวางแนวทางปฏิบัติสรุปไดวา
ใหล งช่ือผูตายไวใ นใบไตสวน โดยวงเลบ็ ตอทายวาตาย สาํ หรับบรรทดั ตอมาใหเขียนชื่อผูนําทําการเดินสํารวจฯ
ในฐานะทายาทพรอ มทั้งบันทึกใหปรากฏดวยวาผูนําทําการเดินสํารวจฯ เปนทายาทหรือผูรับพนิ ัยกรรม และ
ครอบครองที่ดินมาตั้งแตเมื่อใด เปนเวลาก่ีป พรอมทั้งแสดงบัญชีเครือญาติใหปรากฏโดยแสดงหลักฐานการ
เปนทายาท พรอมทั้งสาํ เนาประกอบเรื่องไวและจะไปดําเนินการขอจดทะเบียนโอนมรดกในชั้นใบไตสวน
การสรา งโฉนดทดี่ ินใหล งช่อื ทายาทผนู ําทาํ การเดนิ สาํ รวจแลวประกาศแจกโฉนดท่ดี นิ และประกาศโอนมรดกชนั้
ใบไตสวนในคราวเดียวกัน เมอื่ ครบกําหนดประกาศทั้งสองกรณีใหจดทะเบียนโอนมรดกช้ันใบไตสวนและแจก
โฉนดทดี่ ินพรอ มกัน

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทด่ี นิ

๒๒

รวมเรอื่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

๔.๓ หนังสือกรมที่ดนิ ดวนท่ีสุด ท่ี มท ๐๗๑๙/ว ๐๖๒๕๗ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๐ เร่ือง
การเดินสาํ รวจออกโฉนดที่ดิน กรณีผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย สรุปไดวา ใหยก
วิธีการผอนผนั ใหทายาทนําทําการเดนิ สาํ รวจโดยยังมไิ ดจดทะเบียนโอนมรดก หากเจาของที่ดินประสงคจะนํา
ทาํ การเดินสาํ รวจเพื่อออกโฉนดทดี่ นิ ตอ งไปดาํ เนินการจดทะเบียนโอนมรดกชนั้ หนังสอื รับรองการทําประโยชน
ใหเสร็จเรียบรอยเสียกอน สวนเร่ืองที่ไดดําเนินการไวแลว ใหจังหวัดพิจารณาออกโฉนดท่ีดินและแจกใหแก
เจาของที่ดินตอไปจนแลว เสร็จ

๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๑๙.๑/ว ๑๕๕๔๐ ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๓ เรื่อง
ปญ หาโฉนดทดี่ ินคา งแจกเน่ืองจากเจาของที่ดินตายและทายาทไมไปขอจดทะเบียนโอนมรดก สรุปไดวากรณี
ทายาทผูมสี ทิ ธใิ นท่ีดินไดทําการสํารวจฯ ไว ในวันหรือหลังจากวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๙ โดยลงช่ือผูตายไวใน
ใบไตส วน แตลงชื่อทายาทผนู าํ ทําการเดินสํารวจฯ ไวในโฉนดที่ดิน ใหแกไขโฉนดท่ีดิน รวมท้ังแจกโฉนดท่ีดิน
ใหแกทายาทผูมสี ิทธติ ามกฎหมายหรอื ผรู บั พนิ ยั กรรม การสรางโฉนดทด่ี นิ ใหล งชอ่ื ผมู ชี ่ือในหนังสือรบั รองการทาํ
ประโยชน (น.ส. ๓, น.ส. ๓ ก., น.ส. ๓ ข. หรือ แบบหมายเลข ๓) ทําการประกาศแจกโฉนดท่ีดิน เมื่อครบ
กาํ หนดประกาศแลว ไมม ผี ูค ัดคานใหอ อกโฉนดท่ีดนิ และเรง รัดแจกโฉนดท่ีดินใหแกทายาทผูนําทําการเดินสํารวจฯ
ตอ ไป

๔.๕ คาํ สง่ั กรมท่ดี ิน ที่ ๑/๒๕๑๕ ลงวันท่ี ๑๒ มกราคม ๒๕๑๕ เรื่อง การออกโฉนดท่ีดินซ่ึงมี
ชอ่ื ไมต รงตามใบไตสวน สรุปไดว า ถา ท่ีดินยังมีการจดทะเบียนภาระผูกพันในใบไตสวนเดิมอยูอยางใด กใ็ หยก
รายการจดทะเบียนนั้นมาจดแจงไวในสารบัญแกทะเบียนหลังใบไตสวนเสียกอน แลวยกรายการจดแจงน้ันมา
จดแจง ไวในสารบญั จดทะเบียนหลังโฉนดท่ีดนิ

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ดี ินพจิ ารณาแลว เหน็ วา ตามขอ เท็จจริงทห่ี ารือปรากฏวา นาง ก กับพวก ไดนําเดนิ สาํ รวจ

ออกโฉนดที่ดิน เม่ือวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๓๙ โดยอาศัยหลักฐาน น.ส. ๓ เลขที่ ๕๑๙/๑๓๗ หมทู ่ี ๒ ตาํ บลเมืองเกา
อําเภอเมืองสุโขทัย จงั หวัดสุโขทยั ซ่ึงในการออกโฉนดที่ดนิ พนักงานเจาหนาท่ีไดถือปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดิน
ท่ี มท ๐๖๒๕/ว ๑๐๕๖๗ ลงวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๙ เร่ือง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในท่ีดิน
ตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย ซึ่งเปนแนวทางที่กรมที่ดินไดวางไวใหเจาหนาที่ปฏิบัติในขณะนั้น

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมทดี่ ิน

๒๓

รวมเรือ่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ

โดยลงชอ่ื ผูตายไวใ นใบไตสวนโดยวงเล็บตอ ทา ยวา ตายและเขยี นช่ือผนู าํ ทําการสํารวจ ตอ มาเม่ือวนั ท่ี ๙ ตุลาคม
๒๕๔๑ ไดม ีการจดทะเบียนโอนมรดก ชนั้ ใบไตส วน โดยไมถือปฏิบตั ติ ามหนงั สือกรมที่ดนิ ดวนที่สุด ที่ มท ๐๗๑๙/
ว ๐๖๒๕๗ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๐ เรื่อง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนตาย ท่ีใหดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกชั้นหนังสือรับรองการทําประโยชนใหเสร็จ
เรียบรอ ยเสยี กอ น แมการจดทะเบียนโอนมรดกจะไมไดดําเนินการช้ันหนังสือรับรองการทําประโยชน แตการ
ดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกช้ันใบไตสวนดังกลาว กถ็ ือวามผี ลตามกฎหมาย เปนผลใหน าง ก กับพวก เปนผู
มีสิทธิในที่ดิน ดังน้ัน เมื่อนาง ก กับพวก ไดยื่นคําขอรังวัดซํ้าใบไตสวน ตามคําขอฉบับลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม
๒๕๕๒ การจัดสรางใบไตสวนและโฉนดทีด่ นิ จงึ ตอ งลงช่ือนาง ก กบั พวก ซง่ึ เปนผูมีสิทธิในท่ีดินใหถูกตองตรงกัน
ตามผลของการจดทะเบยี นโอนมรดกดังกลาวตอไป

๖. อา งองิ หนงั สือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๘๕๘ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารอื
จงั หวัดสุโขทัย

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ดี ิน

๒๔

รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอ่ื ง : ขอหารือกรณกี ารออกเอกสารสทิ ธใิ นเขตพระราชกฤษฎกี าหวงหา มทีด่ ินฯ พ.ศ. ๒๔๘๑

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จงั หวัดสงเรือ่ งหารือกรมทีด่ นิ กรณี นาง ห ไดมีหนังสือรองเรียนตอผูตรวจการแผนดิน ขอให

พิจารณาสอบสวนหาขอเท็จจริง กรณีผูรองเรียนไดรับโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๙๓๗, ๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ ตําบล
หนองบัว อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๒๐ ตอ มากองทัพบกไดขอซ้ือท่ีดิน
ดังกลาวในป พ.ศ. ๒๕๒๗ และเขาใชพื้นที่บางสวนมาโดยตลอดจนถึงปจจุบัน โดยยังไมมีการจายเงินคาที่ดิน
ใหกับผูรองเรียนแตอยางใด และภายหลังกลับแจงใหผูรองเรียนไปใชสิทธิทางศาล ในการประชุมช้ีแจง ณ
สํานักงานผตู รวจการแผนดิน เม่อื วนั ท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีหนวยงานที่เกี่ยวของรวมช้ีแจงตอท่ีประชุม
และท่ีประชุม มีมติใหจังหวัดหารือกรมท่ีดินวา โฉนดที่ดินเลขท่ีดังกลาวไดออกไปโดยชอบดวยกฎหมายแลว
หรือไม จังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาแลวเห็นวา การออกโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๕๙๓๗, ๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ ตําบล
หนองบวั อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี ในขณะนนั้ เจาของทด่ี นิ ไดนาํ รงั วัดตามท่ีไดค รอบครองและ
ทําประโยชน เต็มทั้งแปลง และการออกโฉนดท่ีดินเปนไปตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และ
ระเบียบปฏิบัติที่ใชในขณะนั้นแลว จึงไมเปนการออกโฉนดที่ดินโดยคลาดเคลื่อนแตอยางใด และไมมีกรณีที่
จะตองดําเนนิ การตามมติ กบร.จงั หวัดกาญจนบรุ ี จงึ ขอหารอื วาความเห็นของจังหวัดถูกตองหรอื ไม เพอ่ื จงั หวัด
จะไดถ ือเปนแนวทางปฏิบัตติ อ ไป

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน มาตรา ๕๙, ๕๙ ทวิ
๔๒ พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตตหวงหามท่ีดนิ ในทอ งที่อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี อาํ เภอวงั ขนาย

อําเภอบา นทวน และอําเภอวงั กะ จงั หวัดกาญจนบรุ ี พ.ศ. ๒๔๘๑
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทด่ี ิน

๒๕

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน

๔.๔ หนงั สอื กรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๗๑๙/ว ๓๙๘๑๔ ลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๐ เรื่อง การออก
หนังสือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ินในเขตที่ดนิ ของรฐั สรุปวา ในกรณที ร่ี าษฎรขอออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ินของรัฐ.เชน
ที่สาธารณประโยชน ท่ีราชพัสดุ และท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินทุกประเภทกอนจะออกหนังสือ
แสดงสิทธิในท่ีดินในเขตจังหวัด ใหจังหวัดนําเรื่องดังกลาวเสนอตอคณะกรรมการประสานการแกไขปญหา
การบุกรกุ ท่ดี นิ ของรัฐสว นจงั หวัด (กปร. สว นจังหวดั ) ในเขตกรุงเทพมหานคร ใหสํานกั งานท่ดี นิ กรุงเทพมหานคร
สรปุ เรอื่ งเสนอกรมทีด่ ินสง เรอ่ื งใหค ณะกรรมการประสานการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ดี ินของรฐั สวนกลาง (กปร.
สว นกลาง) พิจารณาตรวจสอบการครอบครองที่ดนิ ของบคุ คลผเู ขาครอบครองท่ีดินของรัฐ เพ่ือพิสูจนสิทธิในที่ดิน
กอนทุกแปลง ผลเปนประการใด กใ็ หพ ิจารณาดาํ เนนิ การไปตามอํานาจหนาที่และกรณีที่ไดออกหนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ดี นิ ใหก บั ราษฎรไปแลว ตอ มาปรากฏขอเท็จจริงในภายหลังวาไดออกทับที่ดนิ ของรัฐหรือสวนราชการผูมี
อาํ นาจหนา ท่ดี แู ลท่ดี นิ ของรัฐรอ งขอใหต รวจสอบ กอนทจ่ี ะพิจารณาดําเนินการเพิกถอนหรอื แกไขเอกสารสทิ ธนิ น้ั ๆ
จังหวัดควรนําเรื่องเสนอตอคณะกรรมการประสานการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐสวนจังหวัด (กปร.
สวนจังหวัด) พจิ ารณา ใหค วามเหน็ อกี ครงั้ หนึง่ ผลเปนประการใด กใ็ หจงั หวัดพจิ ารณาดาํ เนนิ การไปตามอาํ นาจ
หนา ท่ี

๔.๕ คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ร. ๕๙๔/๒๕๔๖ สรุปวา ขอ ๕ ของระเบียบสํานัก
นายกรฐั มนตรี วา ดว ยการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ กําหนดให กบร. จังหวัด มีอํานาจ
หนาทก่ี ํากบั ติดตามดูแลใหส วนราชการตา งๆ ดาํ เนนิ การใหเ ปนไปตามมาตรการในการแกไ ขปญ หาและมาตรการ
ในการปองกันการบกุ รกุ ท่ดี ินของรัฐเทา นนั้ มิไดใหอํานาจเขา ไปดาํ เนนิ การหรอื สัง่ การในเร่ืองที่อยูในอํานาจหนาท่ี
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรฐั ตามกฎหมาย กบร. จังหวัด เพียงแตเขารวมพิจารณาใหความเห็น
เปนแนวทางใหเจา หนาท่ีของรัฐท่ีเกย่ี วขอ งปฏบิ ัติ มติของ กบร. จงั หวัด จงึ เปนการพิจารณาภายในฝา ยปกครอง
ทย่ี ังไมม ีผลตามกฎหมายท่ีจะบงั คับใหคูกรณกี ับเจาหนาที่ของรัฐตอ งปฏิบตั ิตาม แตจ ะตองมีการดาํ เนินการหรือ
สง่ั การโดยผูม อี ํานาจออกคําส่ังทางปกครองเสยี กอน

๔.๖ คําพพิ ากษาศาลฎีกา ท่ี ๑๐๘๑๙/๒๕๕๗ ระหวา ง นาย ช ในฐานะผูจ ัดการมรดกของ นาย ป
โจทก เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดนครสวรรค สาขาพยุหะคีรี จําเลย ซง่ึ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคําพิพากษา
ศาลอุทธรณ คดีหมายเลขแดงท่ี ๓๗๐๒/๒๕๕๕.โดยปรากฏขอเท็จจริงในทางการพิจารณาของศาลอุทธรณวา
โจทกไดย่ืนคาํ ขอออกโฉนดทดี่ นิ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ พนักงานเจา หนาทไ่ี ดทําการรงั วดั และมกี ารสอบสวน

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๒๖

รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน

แลวโดยเจาพนักงานท่ีดินมีความเห็นวา โจทกไดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินมาต้ังแตป พ.ศ. ๒๔๕๐
เจาพนักงานฝายรังวัดไดไปสํารวจรังวดั ท่ีดิน รวมกับเจาพนักงานผูปกครองทองที่ เจาพนักงานผูทําการสํารวจ
และพนกั งานผูสอบสวนตรวจสอบแนวเขตทด่ี ินขา งเคียงลงความเห็นวา ท่ีดินเปน ท่ีนา ไมเปนท่ีสาธารณประโยชน
ไมเปนท่หี ลวงหวงหาม และไมทับเขตท่ีดนิ แปลงขางเคยี ง และเปน ท่ดี นิ ของผขู อโดยแทจ ริง ผขู อไดทาํ ประโยชน
ทงั้ แปลง และเปนทีพ่ ึงออกโฉนดไดตามกฎหมาย แตที่ดินอยูในเขตประกาศหวงหามของทางราชการ พ.ศ. ๒๔๗๙
ท้ังแปลง ไดออกใบไตสวนท่ีดินและระบุวาท่ีดินเปนท่ีดินระวางเลขท่ี 5039 IV 2012 เลขท่ีดิน ๑๐๙ แต
ไมดําเนินการออกโฉนดท่ีดนิ เน่ืองจากคณะอนุกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกทดี่ ินของรัฐจังหวัดนครสวรรค
(กบร. จังหวัดนครสวรรค) พิจารณาแลว วา ไมมีรองรอยการทําประโยชนใ นทดี่ นิ จึงเชอื่ วา มีการครอบครองและ
ทําประโยชนในที่ดิน ภายหลังจากพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามท่ีดิน อําเภอปากน้ําโพ อาํ เภอพยุหะคีรี
อาํ เภอโกรกพระ จงั หวดั นครสวรรค พ.ศ. ๒๔๗๙ โจทกไมมีพยานหลักฐานท่ีแสดงวาไดท่ีดินมากอนการหวงหาม
เจาพนักงานที่ดินจึงไมออกโฉนดที่ดินใหโจทก โจทกจึงย่ืนฟองตอศาลขอใหจําเลยออกโฉนดที่ดินใหแกโจทก
(ตามผลการรงั วัด) ศาลพิจารณาแลวเหน็ วา พยานหลกั ฐานโจทกเบกิ ความสอดคลอ งกัน พยานเอกสารเกี่ยวกับ
เรื่องการรังวัดเปนเอกสารราชการซ่ึงสันนิษฐานวาเปนของจริงและถูกตอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง มาตรา ๑๒๗ ซึง่ เปนเอกสารราชการมีน้ําหนักนาเชื่อถือกวาพยานหลักฐานของจาํ เลย ประกอบกับ
โจทกข อให มกี ารพิจารณาผลการอานแปลภาพถา ยทางอากาศใหม ปรากฏวามรี อ งรอยการทาํ ประโยชนบ างสว น
คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรฐั จังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวัดนครสวรรค) จึงเช่ือวาได
มีการครอบครองและทาํ ประโยชนในที่ดินกอนการเปนที่ดนิ ของรัฐเฉพาะสวนท่ีมีรองรอยการทาํ ประโยชน
เมอื่ จาํ เลยไมม ีพยานหลกั ฐานอ่ืนมาสืบหกั ลา งวา ไดมีการครอบครองและทาํ ประโยชนใ นทดี่ นิ มาภายหลงั การเปน
ที่ดินของรัฐ จงึ ตองฟงขอ เทจ็ จริงตามพยานหลักฐานโจทกว า บิดาโจทกไ ดค รอบครองและทาํ ประโจทกใ นทด่ี นิ มากอ น
มีประกาศพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหา มท่ีดินอําเภอปากนา้ํ โพ อําเภอพยหุ ะคีรี อาํ เภอโกรกพระ จงั หวัด
นครสวรรค พ.ศ. ๒๔๗๙ ประกาศใชบังคับ โดยศาลไดพิจารณาใหความเห็นเก่ียวกับผลการพิจารณาของ
คณะอนุกรรมการแกไขปญหาการบุกรกุ ทีด่ ินของรัฐจังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวัดนครสวรรค) วา มติของ
คณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวดั นครสวรรค) เปนเพียง
การสรุปขอเท็จจรงิ และแนวทางเบ้อื งตน เพอ่ื ประกอบการพิจารณาของเจาพนักงานท่ีดินเทานั้น เจาพนักงาน

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ

๒๗

รวมเรอ่ื งทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในที่ดิน

ที่ดนิ มีหนาทตี่ อ งทาํ การวินจิ ฉยั แลว ดาํ เนนิ การตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน และพพิ ากษาวา โจทกเ ปน ผคู รอบครอง
ทดี่ ินตามแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ใหจ าํ เลยออกโฉนดทดี่ นิ ใหแกโ จทก

๔.๗ คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ คดหี มายเลขแดงที่ อ. ๓๙๗/๒๕๕๘ ลงวนั ที่ ๗ พฤษภาคม
๒๕๕๘ ระหวาง นาย ป หรอื ช หรือ อ ผูฟอ งคดี ผูวาราชการจงั หวดั ลพบุรี ที่ ๑ จังหวัดลพบรุ ี ท่ี ๒ เจาพนกั งานทีด่ นิ
จงั หวัดลพบุรี ที่ ๓ ผูถกู ฟองคดี สรปุ วา ผูฟ อ งคดีไดยื่นคําขอออกโฉนดท่ีดนิ ตามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ท่ดี ินอยใู นเขต
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามท่ดี นิ ฯ พ.ศ. ๒๔๗๙ ไดมีการนาํ เรอ่ื ง เสนอคณะอนุกรรมการแกไขปญหา
การบกุ รุกท่ีดนิ ของรัฐจังหวัดลพบุรี (กบร. จังหวัดลพบุรี) พิจารณาและมีความเห็นวา ใหออกโฉนดที่ดินตาม
ผลการอา นแปลภาพถา ยทางอากาศที่ปรากฏรองรอยการทําประโยชนบางสวน เจาพนกั งานที่ดินจึงดําเนินการ
ออกโฉนดท่ีดินตามความเห็นดังกลา ว ผูฟ องคดีจงึ ไดฟ อ งคดตี อ ศาลปกครองกลางขอใหออกโฉนดท่ดี ิน ศาลเห็น
วา ภาพถายทางอากาศเปนเพียงเคร่อื งมือหรอื ขอ เทจ็ จรงิ ประกอบการวนิ ิจฉัยเก่ียวกับการครอบครองและ
ทําประโยชนในที่ดนิ พพิ าทเทานัน้ ความแมน ยาํ ในการอาน แปล และตคี วามภาพถายทางอากาศ ตอ งมีการ
สาํ รวจศึกษาพน้ื ทีจ่ ริงรวมท้งั ประสบการณในการปฏิบตั ิงานของเจา หนา ที่ผูเก่ียวของดวย ในการพิจารณา
ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทด่ี ิน จึงตอ งมขี อ มูลหรอื ขอเทจ็ จรงิ อน่ื มาประกอบการพิจารณาดวย เม่ือพิจารณา
ตามผลการอาน แปล ภาพถา ยทางอากาศ ประกอบกับพยานหลกั ฐานตลอดจน พยานบคุ คลทีผ่ ูฟ อ งคดียกขน้ึ อาง
ตอคณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบกุ รุกท่ดี นิ ของรัฐจังหวดั ลพบุรี (กบร.จงั หวัดลพบุรี) ขอเท็จจริงรบั ฟงเปน ยตุ ิ
ท่ีวา ที่ดินตาม ส.ค. ๑ ปรากฏรอ งรอยการทาํ ประโยชนกอนการประกาศใชพระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตหวงหา ม
ที่ดินฯ และท่ีดินพิพาทไดมีการครอบครองและทําประโยชนตามสมควรแกสภาพที่ดินในทองถ่ิน ตลอดจน
สภาพของกิจการทไี่ ดทาํ ประโยชนแ ลว ในการรงั วัดผูมีสิทธิในทดี่ ินขา งเคียงไดลงช่ือรับรองแนวเขตที่ดินครบทุก
ดาน โดยมีผูป กครองทองทร่ี ว มพสิ ูจนสอบสวนดว ยและเหน็ วา ผูฟอ งคดคี รอบครองทาํ ประโยชนเปนท่ีทําไรเต็ม
แปลง ไมเ ปนทห่ี ลวง หวงหามหรือทท่ี างราชการสงวนหวงหา มไวห รือทีส่ าธารณประโยชน ท้งั ยังเปนท่ีดินแปลง
เดยี วกันกบั ท่ผี ูขอมีหลักฐาน ส.ค. ๑ และเปน ที่ดินทีอ่ อกโฉนดท่ีดินไดตามกฎหมาย และไมมีผูคัดคานการขอออก
โฉนดที่ดนิ ดังกลาว ผูถ ูกฟองคดที ่ี ๓ จึงตองออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีตามจํานวนเน้ือท่ีที่รังวัดไดดังกลาว
คําส่ังของผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๓ ใหอ อกโฉนดทด่ี นิ ใหแกผ ฟู อ งคดตี ามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ บางสวนจึงเปน คําสั่งท่ีไมชอบ
ดวยกฎหมาย

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมทีด่ ิน

๒๘

รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในที่ดิน

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพจิ ารณาแลว เหน็ วา ขอเท็จจรงิ ปรากฏวาการดาํ เนินการออกโฉนดที่ดินเลขท่ี ๕๙๓๗,

๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ หนาสํารวจ ๓๑๖, ๓๑๗ และ ๓๑๘ ตําบลหนองบัว อําเภอเมืองกาญจนบุรี จงั หวดั กาญจนบุรี
เมื่อวนั ท่ี ๕ กันยายน ๒๕๒๐ ออกใหแก.นางสาว ส, นาย ช และนางสาว ส ตามลําดับ ตําแหนงที่ดินอยูในเขต
พระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตตหวงหา มทด่ี ินในทอ งทอ่ี ําเภอเมืองกาญจนบุรี อําเภอวังขนาย อําเภอบานทวน และ
อําเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๔๘๑ ไดมีการแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนสิทธิในที่ดิน ตามคําสั่ง
จังหวัดกาญจนบุรี ที่ ๑๐๙๙/๒๕๑๘ ลงวันท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๑๘ ประกอบการอนุมัติ ผบ.ทบ. ทายบันทึก
ขอความ กบ.ทบ. ที่ กท ๐๓๑๘/๖๖๖๖ ลงวนั ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๑๘ ซึง่ ประกอบดวยฝายทหารและฝา ยพลเรอื น
เพอ่ื ตรวจสอบท่ดี นิ แลวมคี วามเหน็ วา ทดี่ นิ ทง้ั สามแปลงมีการอยูอาศัยหรือทํากนิ มากอ นพระราชกฤษฎีกากําหนด
เขตตหวงหา มท่ีดนิ ฯ พ.ศ. ๒๔๘๑ และเห็นควรออกโฉนดทีด่ ินใหแ กผ ูขอทงั้ สามราย.ไดม ีการประกาศออกโฉนดท่ีดิน
ครบกาํ หนดแลวไมมีการคัดคาน และไดมีการเสนอเรื่องใหผูวาราชการจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาอนุมัติ
การออกโฉนดที่ดนิ ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ตามระเบียบกฎหมาย ในขณะน้ัน ตอมา
คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญ หาการบกุ รุกทดี่ นิ ของรัฐจงั หวัดกาญจนบุรี (กบร. จังหวดั กาญจนบรุ )ี ไดมีการประชมุ
พิจารณาเรื่องการออกโฉนดท่ีดินท้ังสามแปลง ตามท่ี นาง ห ผูรับมอบอํานาจของนางสาว ส, นาย ช และ
นางสาว ส ไดร อ งขอใหท างราชการพิสจู นสทิ ธใิ นที่ดนิ ท้งั สามแปลง ผลการพิจารณาปรากฏวา พยานบุคคลให
ถอ ยคาํ ยนื ยันวา มีการทาํ ประโยชนมากอ นการหวงหา มเปนที่ดินของรัฐ เมอื่ ป พ.ศ. ๒๔๘๑ ประกอบกับผลการ
อาน แปล ภาพถายทางอากาศ ท่ีทางราชการถายภาพพื้นที่ไวคร้ังแรก เม่ือป พ.ศ. ๒๔๙๕ ปรากฏรองรอย
การทาํ ประโยชนบ างสว น ทีป่ ระชุมจงึ ไดม ีมติใหสาํ นักงานทดี่ ินจงั หวัดกาญจนบุรีนําผลการอาน แปล ภาพถาย
ทางอากาศ ทีท่ างราชการถายภาพไวค รัง้ แรก เม่อื ป พ.ศ. ๒๔๙๕ ซ่ึงปรากฏรองรอยการทําประโยชนบางสวน
ตามลวดลายผลการอาน แปล ภาพถา ยทางอากาศมาใชในการพิจารณาแกไขโฉนดที่ดิน ตามมาตรา ๖๑ แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ เห็นวา ตามประเดน็ ทจ่ี งั หวดั หารือ เปน ปญหาขอเท็จจริงทีต่ อ งพิจารณาวา ทด่ี นิ ดงั กลา ว
ไดม ีการครอบครองและทําประโยชนใ นทด่ี นิ มากอ นการเปนทดี่ ินของรัฐ ตามสมควรแกสภาพทองถิ่นตลอดจน
สภาพของกจิ การทไี่ ดท าํ ประโยชนห รือไม ซ่งึ กรณที ี่ผลการอาน แปล ตคี วามภาพถายทางอากาศปรากฏรองรอย
การทาํ ประโยชนบางสว น ศาลไดเคยมีคําส่ัง หรือคําพิพากษาตามคําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ร. ๕๙๔/๒๕๔๖
คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๐๘๑๙/๒๕๕๗ และ คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ คดหี มายเลขแดงที่ อ. ๓๙๗/๒๕๕๘

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๒๙

รวมเรอ่ื งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทีด่ นิ

ในแนวทางเดยี วกนั วา ระเบียบสํานกั นายกรฐั มนตรี วา ดวยการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕
กาํ หนดใหค ณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบกุ รุกที่ดินของรฐั (กบร. จังหวัด) มอี ํานาจหนา ทีก่ าํ กับติดตามดูแล
ใหส ว นราชการตา งๆ ดําเนินการใหเปน ไปตามมาตรการในการแกไ ขปญ หาและมาตรการในการปอ งกนั การบกุ รกุ
ท่ีดนิ ของรัฐและพิจารณาใหความเห็นเพื่อเปนแนวทางใหเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติเทานั้น มิไดให
อํานาจ เขาไปดาํ เนินการหรอื สัง่ การในเรอ่ื งทอี่ ยูใ นอาํ นาจหนา ทขี่ องหนว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ทข่ี องรฐั ตาม
กฎหมาย โดยมติคณะอนกุ รรมการแกไ ขปญ หาการบุกรุกทดี่ ินของรฐั (กบร. จังหวัด) เปน เพยี งการสรุปขอเท็จจริง
และแนวทางเบ้ืองตนเพ่ือประกอบการพิจารณาของเจาพนักงานที่ดิน.เจาพนักงานท่ดี ินมีหนาท่ีตองทาํ การ
วินิจฉัยแลวดาํ เนนิ การตามประมวลกฎหมายทดี่ ิน สวนภาพถายทางอากาศเปนเพียงเคร่ืองมือหรือขอเท็จจริง
ประกอบการวินจิ ฉยั เก่ยี วกับการครอบครองแลทําประโยชนในทีด่ นิ พพิ าทเทา นัน้ ความแมน ยําในการอา น แปล
และตีความภาพถายทางอากาศ ตองมีการสํารวจศึกษาพ้ืนที่จริงรวมทั้งประสบการณในการปฏิบัติงานของ
เจาหนาท่ีผูเกี่ยวของดวย ในการพิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน จึงตองมีขอมูลหรือขอเท็จจริงอื่นมา
ประกอบการพิจารณาดวย ดังนั้น เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา การออกโฉนดที่ดินดังกลาวพนักงานเจาหนาท่ีได
ดาํ เนินการไปโดยถูกตองตามขน้ั ตอนคําส่ัง ระเบียบ และกฎหมายในขณะนัน้ เจา ของที่ดินขางเคียงไดลงชื่อรับรอง
เขตทดี่ ินตามระเบยี บ ผปู กครองทองทไี่ ดร ว มเปนพยานและตรวจสอบที่ดิน และมีการแตง ต้งั คณะกรรมการฯ ซึง่
มีผูแทนฝา ยทหารและฝายพลเรือนรวมตรวจสอบท่ดี นิ แลว มีความเหน็ วา ไดมีการอยู หรอื ทาํ กินมากอ นพระราช
กฤษฎกี ากําหนดเขตตห วงหา มที่ดินในทอ งที่อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี อาํ เภอวงั ขนาย อําเภอบา นทวนและอาํ เภอวงั กะ
จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงใหเจาพนักงานท่ีดินทําการออกโฉนดท่ีดินใหกับผูขอได ซึ่งสอดคลองกับ
ผลการอาน แปล ตีความภาพถายทางอากาศท่ีปรากฏวามีรองรอยการทําประโยชนบางสวน ประกอบกับ
เจา พนักงานทดี่ นิ จังหวัด พจิ ารณาแลวเห็นวา เปนการออกโฉนดทีด่ นิ โดยถกู ตองแลว เม่ือปจจุบัน ยังไมปรากฏ
ขอ เทจ็ จริงอื่นทเ่ี ปน เหตุใหต อ งดําเนนิ การเพกิ ถอนหรือแกไขโฉนดทด่ี นิ ตามมาตรา ๖๑ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมทดี่ ิน

๓๐

รวมเรอ่ื งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นที่ดิน

จึงตอ งถือวา โฉนดทด่ี ินดงั กลา วเปน โฉนดทอี่ อกไปโดยชอบดว ยกฎหมาย หากหนวยงานที่เก่ียวของหรือคูกรณีมี
ความเห็นวาถกู โตแ ยง สิทธกิ ค็ วรที่จะไปยนื่ คําฟองตอ ศาลเพ่อื ใหศาลมีคาํ สง่ั หรอื คําพพิ ากษาในเรอ่ื งดงั กลา วตอ ไป
๖. อา งอิง

หนังสอื กรมทด่ี นิ ดวนทสี่ ุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๕๕๔๐ ลงวนั ที่ ๙ มนี าคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารอื
จงั หวดั กาญจนบุรี

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓๑

รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทด่ี ิน

๒. เรอ่ื ง : ออกโฉนดท่ดี ินโดยไมไดแจง การครอบครอง รายนาย ธ

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเดน็ ปญหา
จงั หวัดสง เร่ืองหารือกรมที่ดิน กรณี นาย ธ ไดย่ืนคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยมิไดแจงการ

ครอบครองท่ีดินตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายทีด่ นิ โดยอางวา ไดค รอบครองและทําประโยชนในที่ดิน
ตอ เน่อื งมาจากผคู รอบครองเดิม มากอนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ จังหวัดเห็นวา ผูขอมิไดใหถอยคําและ
แสดงหลักฐาน ใหเ ห็นวา ไดครอบครองและทาํ ประโยชนใ นท่ีดินตอเนื่องมาอยางไร มพี ยานหลักฐานใด จึงยังเช่ือ
ไมไดวาผูขอไดครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินมากอนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ ประกอบกับ
ท่ีดินดังกลาวไมม หี ลกั ฐานสาํ หรบั ทด่ี นิ ตั้งอยใู นทองทจี่ งั หวัดภูเกต็ ซง่ึ เปนท่เี กาะ จงึ เปน ทดี่ นิ ที่ตอ งหามมิใหออก
โฉนดที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) ซึ่งกรณีดังกลาว เจาพนักงานท่ีดินตองมีคําส่ังไมรับคําขอและแจงสิทธิอุทธรณตาม
พระราชบัญญตั ิวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ใหผูขอทราบ แตเนื่องจากผูขอมีความประสงคให
จังหวดั หารือกรมท่ดี ิน และนําผลการหารือมาประกอบการพิจารณา โดยผขู อเห็นวา ท่ีดินท่ีขอออกโฉนดที่ดิน
ไมตอ งหามตามนยั ดังกลาวเพราะเปนการขอออกโฉนดที่ดินตามคําขอของนาง ศ ผูครอบครองท่ีดินเดิมที่ไดมี
การออกหนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ไว เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๗ จงึ หารือแนวทางปฏบิ ตั ิ

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน มาตรา ๕๙ ทวิ
๔.๒ พระราชบญั ญัติวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๔
๔.๓ พระราชบัญญัติจัดตงั้ ศาลปกครองและวิธพี ิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๙
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓)

๔.๕ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดหี มายเลขแดงท่ี อ.๖๑/๒๕๔๘ ระหวาง นาย อ ผูฟองคดี
กบั รฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย ท่ี ๑ อธิบดกี รมท่ีดิน ที่ ๒ และเจา พนักงานที่ดินจงั หวัดภูเก็ต ที่ ๓ ผูถูกฟองคดี

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทดี่ นิ

๓๒

รวมเร่อื งทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในท่ีดิน

สรุปวา ศาลไดวินจิ ฉัยกรณีเจาพนกั งานทดี่ นิ จงั หวัดภูเก็ตปฏิเสธไมดําเนินการออกโฉนดท่ีดินใหผูฟองคดี ซ่ึงเปน
คาํ ขอท่ยี ืน่ ไวกอนกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ..๒๔๙๗ มีผลใชบังคับ แตเหตุท่ียังไมดาํ เนินการออกโฉนดท่ีดินเน่ืองจากมีขอพิพาทและฟองคดี ท่ีดินเปน
ที่เกาะตองหามมิใหอ อกโฉนดท่ีดิน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ขอ ๑๔ (๓) โดยศาลเห็นวา
การทจี่ ะพิจารณาวาทด่ี นิ แปลงใด จะออกโฉนดท่ีดินไดหรือไม ตองใชก ฎหมายและระเบียบในวันท่ีย่ืนคําขอออก
โฉนดทด่ี ิน ดังเชนภายหลงั วันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๓๗ บุคคลทีไ่ ดน าํ ทดี่ นิ ที่มสี ภาพดังเชน ทด่ี นิ รายพพิ าท มายื่นคําขอ
ออกโฉนดท่ีดนิ เจาพนักงานที่ดนิ จังหวัดภูเก็ตจะตองปฏิเสธการรับคําขอในทันที เพราะเปนท่ีดินตองหามออก
โฉนดที่ดินตามกฎกระทรวงฉบบั ดงั กลา ว การพิจารณาถึงคุณสมบัติและสภาพที่ดินแปลงพิพาท จึงตองพิจารณา
จากบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบท่ีใชบังคับอยูในวันท่ีย่ืนคาํ ขอออกโฉนดท่ดี ิน เพราะกฎหมายและ
ระเบยี บท่ีกําหนดคณุ สมบตั แิ ละสภาพทด่ี ินท่จี ะออกโฉนดท่ีดินไดหรือไม เทียบเคียงไดกับกฎหมายสารบัญญัติ
ท่จี ะตอ งใชกฎหมายในขณะเกิดเหตมุ าบังคับใช จะนํากฎหมายสารบัญญัติในขณะพจิ ารณาคดมี าใชบ งั คบั ยอ นหลงั
ไมได สวนวิธีการวาตองดําเนนิ การอยางไรน้นั จะตองใชก ฎหมายในขณะดําเนินการ เม่ือผูฟองคดีย่ืนคําขอออก
โฉนดทีด่ ินแปลงพพิ าทตง้ั แตว นั ท่ี ๑๔ กมุ ภาพันธ ๒๕๒๘ และมกี ารตรวจสอบลกั ษณะและสภาพท่ีดินพิพาทไป
แลววาไมตองหาม ออกโฉนดที่ดินแตประการใด เจาพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตจะอางกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓
(พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ซ่ึงมีผลบังคับใชภายหลังจากที่ผูฟองคดียื่นคาํ ขอออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทไปแลว ๙ ปเศษ
มาปฏเิ สธการออกโฉนดท่ดี ินแปลงพพิ าทใหกบั ผูฟอ งคดี โดยอา งวาท่ดี ินแปลงพิพาทของผฟู อ งคดมี ลี กั ษณะตอ งหา ม
มิใหอ อกโฉนดทีด่ นิ ตามกฎกระทรวงฉบบั ดังกลาว จึงเปนการไมช อบดวยเหตผุ ลและความเปน ธรรมตามกฎหมาย
และระเบียบ

๔.๖ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ดว นทส่ี ุด ที่ มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๓๐๐๗ ลงวันท่ี ๔ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
เร่อื ง การขอสรวมสิทธคิ ําขอรังวัดออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน สรุปวา กรณีท่ีมีการยื่นคําขอสรวมสิทธิหาก
ปรากฏวา ตําแหนงทด่ี ินทขี่ อสรวมสิทธไิ มตรงตามตาํ แหนงเดมิ ทเี่ คยย่ืนคาํ ขอและรังวดั ไว ถอื เปน การดาํ เนินการ
ทไ่ี มชอบดวยกฎหมาย กรมทด่ี ินจะพิจารณาดําเนนิ การเพกิ ถอนหนงั สอื แสดงสิทธิในท่ีดินแปลงน้ันตามมาตรา ๖๑
แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน และดาํ เนนิ การทางวินัยกับเจาหนาที่ที่เกี่ยวของทุกราย และกรณีท่ีมีการนําคําขอ
ออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทดี่ ินที่ไดมกี ารสัง่ ยกเลกิ คาํ ขอไปแลว มาดาํ เนนิ การอีกไมวากรณีใดๆ เปนการกระทําท่ี
ไมชอบดวยกฎหมายและระเบียบ หากตรวจสอบพบในภายหลังพนักงานเจาหนาท่ผี เู ก่ียวของจะตองรับผิดทงั้

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมที่ดิน

๓๓

รวมเร่ืองที่น่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ

ทางวินัยและทางอาญาทกุ ราย หากจังหวัดตรวจพบวา มกี ารยนื่ คําขอสรวมสิทธคิ ําขอรงั วดั ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิ
ในทด่ี นิ แลว ผลการรังวัดทด่ี นิ แปลงที่ขอสรวมสิทธิไมตรงตามตําแหนงกับแปลงท่ีดินท่ีเจาของท่ีดินเดิมนํารังวัดไว
หรือมกี ารนําคําขอทีไ่ ดม กี ารสงั่ ยกเลิกคาํ ขอไปแลวมาดําเนินการอีกถือไดวา เปนการออกหนังสือแสดงสิทธิใน
ท่ดี นิ ไปโดยไมชอบดว ยกฎหมาย ใหจงั หวดั รายงานกรมท่ีดิน เพอื่ ดาํ เนนิ การเพิกถอนตอไป

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ีดนิ พิจารณาแลว เหน็ วา ขอเท็จจริงปรากฏจากการตรวจสอบและสอบสวนของจังหวัด

ไดความวา นาย ธ ไดย่ืนคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยไมมีหลักฐานสําหรับที่ดิน ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ บนทเ่ี กาะซึ่งเปนท่ีดนิ ตองหามมิใหออกโฉนดท่ีดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) เวนแตมีหลักฐานการแจง
การครอบครองท่ีดิน ใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองทต่ี ราวา “ไดท าํ
ประโยชนแลว ” หรอื เปนผมู สี ทิ ธติ ามกฎหมายวาดว ยการจัดทีด่ นิ เพ่ือการครองชีพ หรอื ทีด่ นิ ทีค่ ณะกรรมการจัด
ที่ดินแหงชาตไิ ดอนมุ ตั ิใหจดั แกป ระชาชน หรือท่ีดินซ่ึงไดมกี ารจัดหาผลประโยชน ตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑
แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน โดยคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติไดอนุมัติแลว หรือเปนกรณีท่ีไดมีการย่ืนคําขอ
ออกโฉนดท่ีดนิ ไวก อนกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ดี นิ (พ.ศ. ๒๔๙๗) มผี ลใชบ งั คบั ดงั น้ัน เม่อื ท่ีดนิ ท่นี าย ธ ครอบครองทําประโยชนเ ปน ทเ่ี กาะและไมมี
หลกั ฐานสําหรบั ทดี่ ิน จึงเปน ท่ีดนิ ที่ตองหา มมิใหอ อกโฉนดทด่ี ินตามกฎหมาย เจา พนักงานทด่ี นิ ตอ งสง่ั ไมร บั คาํ ขอ
พรอ มท้ังแจง สิทธิอุทธรณแ ละสิทธิฟองคดีปกครอง ตามนัยมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติวธิ ีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติจดั ตงั้ ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒

กรณที นี่ าย ธ อา งวา การขอออกโฉนดที่ดินดงั กลา วขางตน เปนการขอออกโฉนดทด่ี นิ โดยอาศัย
สิทธิตามคําขอของนาง ศ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ที่ไดออก น.ส. ๓ เลขที่ ๒๓๙ หมูที่ ๒ ตําบลกะรน
อาํ เภอเมืองภเู กต็ จังหวัดภูเก็ต ไว เห็นวา เม่อื ศาลฎกี าไดม ีคาํ พิพากษา ที่ ๘๕๓๐/๒๕๕๗ ให เพิกถอน น.ส. ๓
ดังกลาว เน่ืองจากเปน การออก น.ส. ๓ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ สําหรับที่ดินแปลงอืน่ ยอมเปนผลใหก ารรับคําขอ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมที่ดนิ

๓๔

รวมเร่อื งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ

ออก น.ส. ๓ ดงั กลา วไมชอบดว ยกฎหมายไปดวย และไมส ามารถนําคําขอดังกลาวมาดาํ เนินการสรวมสิทธิหรือ
ขอใชเ ปนหลักฐานในการขอออกโฉนดท่ีดินได

๖. อา งองิ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๖๑๕๗ ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จังหวัดภเู ก็ต

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมท่ีดนิ

๓๕

รวมเรอื่ งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดท่ดี ิน

๓. ขอเทจ็ จริง : ประเด็นปญหา
จงั หวดั สงเรอ่ื งหารือกรมท่ีดิน กรณี นาง ว ไดยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินโดยอาศัยหลักฐาน

แบบแจง การครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๘๘ หมทู ่ี ๔ ตําบลราชกรดู อาํ เภอเมอื ง จังหวัดระนอง โดยอางวา
ไดค รอบครองทาํ ประโยชนตอ เนื่องจากนาย ส ผแู จงการครอบครองที่ดิน ต้งั แตป พ.ศ. ๒๕๒๘ ผูค รอบครองเดิม
ไดท ด่ี นิ มาโดยการรบั มรดก เมอื่ ป พ.ศ. ๒๔๗๙ ชางรังวดั ไดออกไปทําการรังวัดพิสูจนสิทธิในที่ดินแลว ปรากฏวา
ตําแหนงท่ดี ินอยูในพื้นทด่ี ําเนินการของสาํ นักงานการปฏริ ูปทีด่ ินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สาํ นกั งานการปฏิรูป
ทด่ี ินจงั หวดั ระนองแจงวา ตาํ แหนง ที่ดนิ ท่ีขอออกโฉนดทีด่ ิน เดิมทางราชการไดประกาศเปนปาคุมครอง เม่อื พ.ศ.
๒๔๘๖ ประกาศเปนเขตปาสงวนแหงชาติ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ และประกาศเปนเขตปฏิรูปท่ีดิน เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๖
จังหวัดระนองพิจารณาแลวเห็นวา ที่ดินแปลงนี้ไดแจงการครอบครองเม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๘ เปนการแจงการ
ครอบครองท่ีดินภายหลงั วันทที่ างราชการไดป ระกาศใหท ่ดี ินบริเวณดงั กลาวเปนปาคมุ ครอง พ.ศ. ๒๔๘๖ แมผแู จง
การครอบครองท่ีดนิ อางวา ไดค รอบครองมรดกมาเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๙ แตไมปรากฏหลักฐานวา ไดม กี ารครอบครอง
ทดี่ นิ ดังกลาวมากอนพระราชบัญญตั ิออกโฉนดทด่ี ิน (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบ งั คับหรอื มหี ลกั ฐานการขออนญุ าต
จับจองกับทางราชการ ดังน้ัน การแจงการครอบครองท่ีดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ในภายหลัง จึงไมก อ ใหเกิดสิทธิขึ้นใหมแกผูแจงการครอบครองที่ดิน แตเพื่อความ
ชดั เจนจงึ หารอื กรมทด่ี ินเพ่ือเปนแนวทางปฏิบตั ิตอไป

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญัตใิ หใ ชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๒ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน มาตรา ๕๙
๔.๓ พระราชบัญญตั อิ อกโฉนดที่ดนิ รตั นโกสินทร ศก ๑๒๗ หมวด ๑๑
๔.๔ พระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๓ มาตรา ๕ มาตรา ๑๓

และมาตรา ๑๕
๔.๕ พระราชบญั ญตั ิออกโฉนดทีด่ นิ (ฉบบั ที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๕

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทด่ี ิน

๓๖

รวมเรื่องท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทด่ี ิน

๔.๖ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔

๔.๗ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ือง ขอทบทวนการหารอื ปญ หาขอกฎหมายเกี่ยวกบั
การออกหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) และการแจง การครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) ในเขตอุทยานแหงชาติ
ตะรุเตา จังหวัดสตลู (หนงั สอื สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ท่ี นร ๐๖๐๑/๒๑๗๒ ลงวันท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๓๖)

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ดี ินพิจารณาแลวเห็นวา ตามท่ีจังหวัดหารือปรากฏขอเท็จจรงิ วา นาง ว ไดยื่นคําขอรังวัด

ออกโฉนดทีด่ นิ โดยอาศัยหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๘๘ หมูท่ี ๔ ตําบลราชกรูด อําเภอ
เมอื ง จงั หวัดระนอง ในพื้นทที่ เ่ี คยมกี ารประกาศเปนปา คมุ ครอง.เมือ่ ป พ.ศ. ๒๔๘๖ ตอ มาไดมีการประกาศเปนเขต
ปาสงวนแหงชาติ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๗ และประกาศเปนเขตปฏิรูปท่ีดิน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ ซ่ึงตามแบบแจงการ
ครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) ระบวุ า ง นาย ส ไดทดี่ นิ มาโดยการรับมรดกเมื่อป พ.ศ. ๒๔๗๙ จึงเขาขอสันนิษฐาน
จากพยานเอกสารวา อาจมกี ารครอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดนิ อยูก อนวนั ท่ีพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน
(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบงั คับ แมวา การไดม าซง่ึ ทด่ี นิ โดยชอบดว ยกฎหมายในขณะน้ัน ตองมกี ารจบั จองที่ดนิ
ตามบทบญั ญตั หิ มวด ๑๑ วาดว ยการจองทดี่ นิ แหง พระราชบัญญัติการออกโฉนดที่ดิน รัตนโกสินทร ศก ๑๒๗
แตตอ มาไดมพี ระราชบญั ญตั ิออกโฉนดที่ดิน (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ บญั ญัตใิ หผูทค่ี รอบครองและทําประโยชน
ในท่ีดินกอนวันใชพระราชบัญญัติโดยมิไดรับอนุญาตหรือไมมีหนังสือสาํ คัญสาํ หรับท่ดี ิน ตองดาํ เนินการขึ้น
ทะเบียนที่ดินภายในเวลาที่กําหนด และพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ มาตรา ๑๓
บัญญัติรับรองสิทธิของผูที่ครอบครองและ ทาํ ประโยชนในที่ดินซ่ึงยังไมมีหนังสือสาํ คัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หากไมดําเนินการข้นึ ทะเบยี นท่ีดนิ ภายในกําหนด มีโทษปรับไมเ กิน ๑๐๐ บาท โดยมิไดถ กู ตัดสทิ ธิการครอบครอง
ทด่ี นิ เหมอื นกรณกี ารครอบครองท่ีดินภายหลังพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบังคับ
และมาตรา ๑๕ แหงพระราชบญั ญัตอิ อกโฉนดทีด่ นิ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ ยังบัญญัติใหเ จาพนกั งานทดี่ ินสามารถ
ออกตราจองท่ีตราวา “ไดทาํ ประโยชนแลว” แกบุคคลดงั กลา วได จึงแสดงใหเหน็ วากฎหมายไดมีการรับรองสิทธิ
ครอบครองท่ดี ินดงั กลาว ท่ดี นิ ทมี่ กี ารครอบครองและทาํ ประโยชนจงึ ไมใชท ี่ดินทร่ี กรา งวา งเปลา ทรี่ ฐั อาจดาํ เนนิ การ
หวงหา มโดยการประกาศใหเปน เขตปาคุมครอง ตอมาเมือ่ มปี ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบังคับ ตามพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ ไดบัญญัติใหผูท่ีไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอน

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ีดิน

๓๗

รวมเรอ่ื งทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน

วนั ทปี่ ระมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยไมมีหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิท่ีดิน แจงการครอบครองท่ีดินตอ
นายอาํ เภอทองทภ่ี ายในหนงึ่ รอ ยแปดสบิ วันนบั แตว ันทพี่ ระราชบญั ญัตนิ ี้ใชบังคับ หากไมแ จง การครอบครองทดี่ นิ
ภายในกําหนด ใหถือวาบุคคลน้ันเจตนาสละสิทธิครอบครองทีด่ ิน ดังน้ัน หากปรากฏวาท่ีดินดังกลาวไดมีการ
ครอบครองและทําประโยชนใ นทดี่ นิ อยกู อนวันท่พี ระราชบัญญตั ิออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบังคับ
ตลอดมา จนถึงวันท่ีพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใชบังคับ และไดมีการแจงการ
ครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) โดยชอบดวยกฎหมาย ผูครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินรวมถึงผูรับโอนท่ีดินยอมเปน
ผูมีสทิ ธคิ รอบครองในทดี่ ินโดยชอบดว ยกฎหมาย และสามารถขอออกโฉนดท่ีดินไดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
(เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง ขอทบทวนการหารือปญหาขอกฎหมายเกี่ยวกับการออก
หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) และการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จังหวดั สตลู ตามหนงั สือสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๖๐๑/๒๑๗๒ ลงวนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๓๖)
ดงั นั้น การพิจารณาออกโฉนดที่ดินในกรณีนี้ จึงเปนปญหาขอเท็จจริงที่เจาพนักงานที่ดินจะตองพิจารณา
ตรวจสอบจากพยานหลักฐานตางๆ ใหไดขอยุติ และพิจารณาดําเนินการเรื่องการออกโฉนดท่ีดินตามระเบียบ
กฎหมายและอาํ นาจหนา ที่ตอ ไป

๖. อางอิง หนงั สือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๖๑๕๘ ลงวันท่ี ๑๕ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือจงั หวัด
ระนอง

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทด่ี นิ

๓๘

รวมเรอื่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดทด่ี ินตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครอง

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวัดสงเร่ืองหารอื .กรณี ศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดง

ท่ี ๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ใหเ จาพนกั งานทดี่ ินจังหวัดสุราษฎรธ านี สาขาเกาะสมุย ผูถูกฟอ งคดี
ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแก รอ ยตํารวจเอก ว และนาย จ ผูฟองคดี ภายใน ๖๐ วัน นับต้ังแตคําพิพากษา
ถึงทีส่ ุดคอื วนั ท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เนื่องจาก รอยตํารวจเอก ว และนาย จ ไดยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดท่ีดิน
จากหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ไมมเี ลขท่ี หมทู ี่ ๒ ตําบลอางทอง อาํ เภอเกาะสมุย จงั หวัดสุราษฎรธานี แตเจาพนักงานท่ีดิน
จังหวดั สรุ าษฎรธ านี สาขาเกาะสมยุ ไดม ีคาํ สง่ั ยกเลิกคาํ ขอออกโฉนดที่ดินโดยเห็นวา ส.ค. ๑ ดังกลาวไมไดแจง
การครอบครองที่ดินไวโดยชอบดวยกฎหมาย ตอ มาศาลปกครองนครศรีธรรมราช ไดนัดไตสวนผูถูกฟองคดี
เพ่อื ใหป ฏิบตั ติ ามคําพพิ ากษา โดยเจาพนักงานทีด่ ินจงั หวัดสุราษฎรธานี สาขาเกาะสมุย ผูถูกฟองคดี ไดช ี้แจง
เหตขุ ดั ขอ งในการปฏิบัตติ ามคาํ พิพากษาวา เน่ืองจากท่ดี ินตั้งอยใู นเขตปา ไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๔ บางสวน ตองปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๗๙ และ ส.ค. ๑ แปลงดังกลาวไมมีเลขที่ ตองนํา ส.ค. ๑
เพิม่ ลงในทะเบียนการครอบครองทด่ี นิ กอ น ศาลปกครองนครศรธี รรมราชไดขอใหดาํ เนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแก
ผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันไตสวน (วันท่ี ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๕๘) โดยไมตองตรวจสอบ
ขอเท็จจริง หรือระเบียบ จึงหารือวา สํานกั งานท่ีดินจังหวัดสรุ าษฎรธ านี สาขาเกาะสมยุ จะดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ
ใหผ ฟู องคดตี ามคําพิพากษา โดยไมตองตรวจสอบขอเท็จจริง ระเบยี บ หรอื ขอ สงั่ การของกรมท่ดี ินไดหรือไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คําสง่ั :
๔.๑ มาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ใิ หใชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๒ มาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใ ชป ระมวล

กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมทีด่ นิ

๓๙

รวมเร่อื งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพิจารณาแลว เห็นวา ตามคาํ พิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราช คดหี มายเลขแดงท่ี

๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ปรากฏขอ เทจ็ จรงิ เปน ท่ยี ุติ โดยศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดพจิ ารณา
จากพยานหลกั ฐานแลวเชื่อวา นาย ก ไดแจง การครอบครองที่ดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ตอเจา หนา ทข่ี องรฐั แลว กรณไี มปรากฏรายละเอียดตามแบบแจงการครอบครองท่ีดิน
(ส.ค. ๑) และไมปรากฏรายการในทะเบียนการครอบครองท่ีดิน เปนกรณีที่เกิดจากการไมปฏิบัติตามคําสั่ง
กระทรวงมหาดไทย ท่ี ๑๒๔๔/๒๔๙๗ ลงวันท่ี ๙ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๗ ซึง่ ขอเท็จจรงิ ไมปรากฏวาเปนความบกพรอง
ของเจา หนา ทผี่ รู ับแจง หรอื เกิดจากความบกพรอ งหรอื การละเลยของนายแกว ผแู จง การครอบครองทดี่ นิ ผถู กู ฟอ งคดี
จึงไมอ าจอา งเหตุของความบกพรอง หรือความไมสมบูรณของแบบ ส.ค. ๑ ดังกลาวมาเปนเหตุในการปฏิเสธ
ไมออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีท้ังสอง จึงพิพากษาใหเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสุราษฎรธานี สาขาเกาะสมุย
ดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ ให รอยตาํ รวจเอก ว และนาย จ

ดังนั้น แม ส.ค. ๑ ดังกลาวจะมีความบกพรองในเร่ืองความไมสมบูรณของแบบ ส.ค. ๑
แตการมีช่ือในทะเบียนการครอบครองที่ดินหรือไม มิใชสาระสาํ คัญท่ีจะทาํ ใหผูครอบครองที่ดินที่แทจริงตอง
เสียสิทธิในการครอบครองที่ดินไป สิทธิในท่ีดินของผูครอบครองที่ดินยังคงมีอยูตามเดิมตามความเห็นของ
สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดิน เม่ือศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดพิพากษาใหดําเนินการออกโฉนดท่ีดิน
ใหกับผูฟอง และที่ดินดังกลาวเปนที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ิ ใหใชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) ที่กาํ หนดวา ที่เกาะไมรวมถงึ ที่ดนิ ของผูซ ึง่
มีหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) จงึ ตองมีหลกั ฐาน ส.ค. ๑ มาประกอบการขอออกโฉนดท่ีดิน
ดังนั้น ในการดําเนินการออกโฉนดท่ีดินใหกับ รอยตาํ รวจเอก ว และนาย จ ตามคําพิพากษา ใหนําหลักฐาน
ส.ค. ๑ ทีเ่ จาของทีด่ ินมีอยู ทง้ั สองฉบับมาเปนหลกั ฐานประกอบการขอออกโฉนดทดี่ ิน และใหพ นักงานเจาหนาที่
หมายเหตุในเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวของวา “เปนการออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค. ๑ ไมมีเลขท่ี
ตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครองนครศรธี รรมราช คดหี มายเลขแดงท่ี ๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซ่ึงรับฟง
ไดว ามกี ารแจงการครอบครองทีด่ ินตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ แลว ”
เสร็จแลวใหพนักงานเจาหนาท่ีลงช่ือพรอม วัน เดือน ป กํากับไว สวนตําแหนงและขอบเขตของ ส.ค. ๑ เปน

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ีดนิ

๔๐

รวมเรอื่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทีด่ ิน

ขอเท็จจริงซึ่งพนักงานเจาหนาท่ีจะตองตรวจสอบและพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบดวย
และดําเนนิ การออกโฉนดที่ดนิ ไปตามหลักเกณฑและวิธีการตามทกี่ าํ หนดไวในประมวลกฎหมายที่ดินตอไป

เนื่องจากเร่ืองนี้เปนเรื่องท่ีศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดมีคําพิพากษาใหดําเนินการ
ออกโฉนดที่ดนิ ใหแ กผขู อโดยดว น จงึ เห็นควรใหจังหวดั เรงรัดและติดตามผลการดําเนินการ พรอมทั้งมีหนังสือ
แจง ความคบื หนาในการดําเนินการใหศ าลปกครองนครศรีธรรมราชและผูขอทราบเปน ระยะดวย
๖. อางองิ

หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๙๕๗ ลงวันท่ี ๒๒ มิถุนายน พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จงั หวดั สุราษฎรธานี

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ดี นิ

๔๑

รวมเรอื่ งท่ีน่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอ่ื ง : หารือการรังวัดออกโฉนดทีด่ นิ

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดหารอื กรณี นาง บ กบั พวก ไดย นื่ คําขอรังวัดออกโฉนดทด่ี นิ จากหลกั ฐานหนังสอื รบั รอง

การทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๐ หมูท่ี ๑๐ ตาํ บลหนองเทพ อําเภอรัตนบุรี (ปจจุบันเปนอําเภอ
โนนนารายณ) จงั หวดั สุรนิ ทร จากการตรวจสอบปรากฏวา ตําแหนงท่ีดนิ ตัง้ อยูค าบเกี่ยวสอบอาํ เภอ คอื อําเภอ
โนนนารายณ ซ่ึงอยูในเขตพื้นทค่ี วามรบั ผิดชอบของสาํ นักงานทด่ี ินจงั หวดั สรุ ินทร สาขารตั นบุรี และอาํ เภอสนม
ซง่ึ อยูใ นเขตพ้นื ทคี่ วามรบั ผิดชอบของสาํ นักงานที่ดินจังหวดั สุรนิ ทร สาขาทาตูม โดยพ้ืนที่สวนใหญตามหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) แปลงดังกลาว อยูใ นเขตการปกครองของอําเภอสนม จงั หวดั สรุ ินทร จังหวัดเหน็ วา
ควรใหผมู ีชอ่ื ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ดําเนินการยื่นขอรังวัดแบงแยกท่ีดินใหเปนไปตาม
สัดสว นของพ้ืนทีเ่ ขตการปกครองในปจ จบุ นั รวมทง้ั ขอรังวัดแบงหักที่สาธารณประโยชน “หวยไผ” ไปในคราว
เดยี วกันแลว จึงใหผ ูข อไปยน่ื คําขอออกโฉนดทดี่ นิ เฉพาะรายตอ เจา พนกั งานทดี่ ิน ณ สาํ นกั งานท่ีดินท่ที ดี่ ินแปลงนน้ั ๆ
ตั้งอยูในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบ แตเน่ืองจากเปนปญหาในทางปฏิบัติและกรมที่ดินไมไดกําหนดแนวทางปฏิบัติ
ในเรอื่ งนี้ จึงหารือวา จะสามารถดาํ เนินการตามท่จี ังหวดั มคี วามเห็นไดหรือไม ประการใด เพื่อเปนแนวทางในการ
ปฏิบตั งิ านของเจาหนา ท่ี

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๑
๔.๒ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๘ เรื่อง การออก

โฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สือรับรองการทําประโยชนแปลงเดยี วหรอื หลายแปลงหรือเปน บางสว นไดว างแนวทางปฏบิ ตั ิ
สรุปไดว า กรณอี อกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายการขอออกโฉนดทีด่ ินเปนบางสว นหรือเฉพาะสว นในที่ดินที่มีหลักฐาน
ใบจอง (น.ส. ๓) หรือหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน หามมิใหก ระทาํ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๔๒

รวมเรอ่ื งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

๔.๓ หนงั สอื กรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/๙๒๑๔ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๐๘ เรื่อง การเปล่ียนแปลง
เขตหมบู า นและตาํ บล (ตอบขอ หารอื จังหวัดแพร เวยี นใหทราบตามหนังสอื กรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๖๐๖/๓๗ ลงวันที่
๕ มกราคม ๒๕๐๙)

๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/๒๕๒๕๐ ลงวันท่ี ๓ กันยายน ๒๕๕๒ ตอบขอหารือ
จังหวัดพะเยา

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพจิ ารณาแลวเหน็ วา เจา หนา ที่มคี วามเหน็ เปน สองฝาย ดงั น้ี
๕.๑ ฝา ยที่หน่งึ มีความเหน็ วา
ตามทจ่ี ังหวดั หารอื ปรากฏขอ เท็จจริงวา ตาํ แหนง ทด่ี นิ ทข่ี อรงั วดั ออกโฉนดทดี่ นิ โดยอาศยั

หลกั ฐานหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๒๐ หมูที่ ๑๐ ตาํ บลหนองเทพ อาํ เภอรัตนบุรี (ปจจุบัน
เปนอําเภอโนนนารายณ) จงั หวดั สุรนิ ทร อยูค าบเก่ยี วระหวา งเขตพนื้ ทกี่ ารปกครองของอาํ เภอโนนนารายณและ
อําเภอสนม จงั หวดั สุรนิ ทร โดยมีทสี่ าธารณประโยชน “หว ยไผ” ตดั ผานเปนเสนแบงเขตการปกครองระหวางอาํ เภอ
การท่สี ํานักงานที่ดินจงั หวัดสรุ นิ ทร สาขารัตนบุรี รบั คําขอออกโฉนดที่ดนิ เฉพาะสว นไวจึงเปนการดําเนินการท่ี
ไมถ กู ตอ ง เน่อื งจากไมปฏิบัตติ ามแนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันที่ ๓๐
ธันวาคม ๒๕๒๘ เร่ือง การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนแปลงเดียวหรือหลายแปลงหรือ
เปน บางสว น

สาํ หรับแนวทางการแกไขปญหาดงั กลา วซง่ึ จังหวัดเหน็ วา ควรใหผูมชี อื่ ตามหนังสือรบั รอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓) ดาํ เนนิ การยืน่ ขอรงั วัดแบงแยกทดี่ ินใหเปนไปตามสัดสวนของพ้ืนที่เขตการปกครอง
ในปจจุบนั รวมทงั้ ขอรังวัดแบง หักทส่ี าธารณประโยชน “หว ยไผ” ไปในคราวเดยี วกัน โดยไปดําเนินการย่นื คําขอ
รงั วัดแบงแยกหนังสือรับรองการทาํ ประโยชนต ามทตี่ ง้ั ที่ดินทป่ี รากฏใน น.ส. ๓ คอื สํานักงานทด่ี ินจังหวัดสรุ นิ ทร
สาขารตั นบุรี และเมอ่ื ดาํ เนินการรงั วัดแบง แยกทีด่ นิ ในชั้นหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ใหกับผูขอ
แลวจงึ ใหผ ูขอนําหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) ไปยื่นคําขอออกโฉนดทด่ี ินเฉพาะรายตอ เจาพนกั งานทดี่ ิน
ณ สาํ นักงานทีด่ นิ จังหวัดสุรินทร สาขาทท่ี ่ีดนิ แปลงนนั้ ๆ ต้งั อยูใ นเขตพน้ื ท่ีรบั ผิดชอบน้นั เปน แนวทางแกไขปญ หา
ท่ีถกู ตองแลว

สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน

๔๓

รวมเรื่องทนี่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดิน

๕.๒ ฝายท่ีสองเหน็ วา
ตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๘ เร่ือง

การออกโฉนดที่ดนิ หรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนแปลงเดยี วหรอื หลายแปลงหรอื เปน บางสวนนน้ั เปน การหา ม
มใิ หออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนเปนบางสว น ซ่ึงเปน การปอ งกันมใิ หเกิดปญหากรณมี กี าร
คัดคาน แตตามที่จังหวัดสุรินทรหารือ ปรากฏขอเท็จจริงวา ตําแหนงที่ดินท่ีขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน โดยอาศัย
หลักฐานหนงั สอื รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๒๐ หมทู ี่ ๑๐ ตําบลหนองเทพ อําเภอรตั นบุรี (ปจจุบัน
เปนอาํ เภอโนนนารายณ) จังหวัดสุรนิ ทร อยูค าบเก่ียวระหวา งเขตพน้ื ท่กี ารปกครองของอาํ เภอโนนนารายณและ
อาํ เภอสนม จงั หวัดสุรนิ ทร โดยมที ่สี าธารณประโยชน “หวยไผ” ตัดผานเปนเสนแบงเขตการปกครองระหวาง
อําเภอนนั้ เปนกรณีการแบง แยกอาํ เภอออกไปภายหลัง การท่จี ะดาํ เนินการรังวดั แบง แยกทีด่ ิน แลวใหเจา ของที่ดิน
นําท่ีดินแปลงหน่งึ ท่แี บงแยกไปย่ืนคําขอออกโฉนดที่ดิน จะมีปญหาในเรื่องอํานาจหนาท่ีของเจาพนักงานที่ดิน
และผูปกครองทอ งท่ใี นเขตพนื้ ท่ที ่รี บั ผดิ ชอบ ดังนนั้ จึงควรแกไขปญหาโดยการใหส าํ นกั งานท่ีดินจังหวัดสุรินทร
สาขารตั นบุรี ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินเฉพาะสวนท่ีอยูในพ้ืนท่ีรับผิดชอบ และใหหมายเหตุในหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓) วา “หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ฉบับน้ีไดมีการออกโฉนดที่ดินไป
บางสวน เปนโฉนดทด่ี นิ เลขท.ี่ ....แตวนั ท.ี่ ....เน่ืองจากมกี ารแบง แยกเขตการปกครองออกเปน สองอําเภอ” เสร็จแลว
ใหสงสาํ เนาเอกสารท่ีเก่ียวของใหสาํ นักงานท่ีดินจังหวัดสุรินทร และแจงผขู อทราบมาดาํ เนินการย่ืนคาํ ขอออก
โฉนดทด่ี นิ เฉพาะสว น ณ สาํ นักงานท่ดี นิ จงั หวดั สรุ นิ ทร สาขาทาตูม ตอไป

กรมที่ดินพิจารณาแลว เห็นดวยกบั ความเหน็ ฝายท่ีสอง และเหน็ ควรแจงใหจ ังหวัดทราบ

๖. อางอิง
หนงั สือกรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๓๑๑๓ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอบขอหารอื

จงั หวัดสุรินทร

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี นิ

๔๔

รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอื่ ง : หารอื การพสิ ูจนส ิทธิการครอบครองท่ีดินของบคุ คลในเขตท่ดี ินของรฐั

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวดั สงเรอ่ื งหารือแนวทางปฏิบตั ริ าชการ กรณี กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการพิสจู นสิทธิ

การครอบครองท่ีดนิ ของบคุ คลในเขตท่ดี นิ ของรัฐ วา คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญหาการบุกรกุ ทดี่ ินของรฐั จงั หวดั ตรงั
(กบร. จงั หวัดตรงั ) ไดพจิ ารณาการพิสูจนส ิทธิในทดี่ ินของราษฎร หมูท ่ี ๑ และ หมทู ่ี ๖ ตาํ บลโคกสะบา อาํ เภอนาโยง
จังหวดั ตรงั ซงึ่ ไดข อออกโฉนดทดี่ นิ ตามหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี นิ (ส.ค. ๑) ในเขตที่สาธารณประโยชน
“คลองลําชาน” ซึ่งขึน้ ทะเบยี นทีส่ าธารณประโยชนไวเ มอื่ พ.ศ. ๒๔๗๓ นอกจากพยานบุคคล สาํ นักงานทด่ี ินจงั หวดั
ตรังไดเ สนอหลกั ฐานของวัด ท จดั ตงั้ วัดเม่อื พ.ศ. ๒๔๖๐ และไดแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) โดยระบุวา
ไดที่ดินมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ และ พ.ศ. ๒๔๖๒ อนุมานไดวา เมื่อมีวัดยอมมีชุมชน จึงนาจะมีการครอบครอง
ทาํ ประโยชนในทด่ี ินมากอ นการเปนทสี่ าธารณประโยชน และคณะอนุกรรมการแกไขปญ หาการบกุ รกุ ทด่ี นิ ของรฐั
จังหวัดตรัง (กบร. จงั หวัดตรัง) ไดต รวจสอบสภาพพื้นทบี่ ริเวณท่สี าธารณประโยชน “คลองลําชาน” แลว ปรากฏวา
มที างหลวงแผน ดินหมายเลข ๔๑๒๔ (นาโยง-ยานตาขาว) ตดั ผาน ตลอดแนวสองขางทางมีชุมชน รานคา และ
บานอยอู าศยั อกี ทง้ั มีวัด ท และโรงเรียน บ ต้ังอยูในพื้นที่ดังกลาวดวย พื้นท่ีนอกจากนี้มีการทําสวนยางพารา
และนาขาวเพยี งเลก็ นอย ไมมีสภาพเปนทุงหญาเลี้ยงสัตวแตอยางใด ที่ประชุมคณะอนุกรรมการแกไขปญหา
การบุกรุกท่ีดินของรัฐจงั หวดั ตรัง (กบร. จังหวัดตรัง) ไมอาจพิจารณากรณีดังกลาวใหเปนที่ยุติได จึงมีมติใหสง
เรอ่ื งหารือคณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ (กบร. กลาง) และกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง
จังหวัดไดพจิ ารณาแลว เห็นวา ในการพิสูจนส ทิ ธิการครอบครองทดี่ ิน หาก ส.ค. ๑ ระบุการไดมาภายหลังการ
เปนที่ดินของรัฐ และไมแนชัดวาไดครอบครองทําประโยชนมาตั้งแตเมื่อใด กอนหรือหลังการเปนท่ี
สาธารณประโยชน หากสอบสวนพยานบุคคลจนไดขอเท็จจริงเปนที่ชัดเจนและยุติไดวามีการครอบครอง
ทําประโยชนม ากอนการเปนท่ดี นิ ของรัฐ และผลการอาน แปล ตคี วามภาพถายทางอากาศของกรมแผนทีท่ หารแลว
ปรากฏรองรอยการทําประโยชน ก็สามารถรับฟงพยานบุคคลได ไมอยูในบังคับมาตรา ๙๔ แหงประมวล

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทด่ี ิน


Click to View FlipBook Version