แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับ
การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ
ส�ำ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สำ�คญั
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ
คาํ นํา
หนังสือ เรื่อง “แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน” เล่มนี้ เป็น
องค์ความรู้ที่ได้จากการรวบรวมแนวทางการวินิจฉัยของกรมที่ดิน ในการตอบข้อหารือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
การออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ซึ่งเป็นการดําเนินการตามแผนจัดการความรู้ของสํานักมาตรฐานการออก
หนังสือสําคญั กรมท่ีดนิ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙
ความรู้ที่ได้นํามารวบรวมไว้ในหนังสือเล่มน้ี เป็นความรู้ท่ีชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เพราะ
เป็นการรวบรวมจากการตอบข้อหารือต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงในการทําความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทาง
ในการปฏิบัติงาน และเป็นการต่อยอดความรู้ให้กระจายไปทั่วทั้งองค์กร ช่วยให้คนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้
และพฒั นาตนเองใหเ้ ปน็ ผ้รู รู้ วมท้ังปฏิบัตงิ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ กรมที่ดิน หวังเป็นอย่างย่ิงว่า องค์ความรู้ที่ทรงคุณค่าในหนังสือ
เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการกรมท่ีดิน สามารถนําไปสู่การปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและขยายผลต่อยอด
ความรตู้ ่อไปไดอ้ ีก
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ นิ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
สงิ หาคม ๒๕๕๙
สารบัญ
หนา
การออกหนังสือแสดงสิทธใิ นที่ดิน
เรือ่ ง หารือขอปฏบิ ัติราชการ (งดการดาํ เนนิ การออกโฉนดที่ดิน) ๑
เรื่อง หารือปญ หาการรังวัดออกโฉนดทีด่ นิ บริเวณ “ปาเทอื กเขาแกว , ปาควนยาง ๕
และปาเขาวงั ” ๑๐
เร่ือง ขอความเปนธรรม (ขอความรเู กีย่ วกับการออกโฉนดที่ดนิ และสอบเขตที่ดิน)
เรื่อง การออกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี ิน ๑๕
เรือ่ ง ขอทราบขอ กฎหมาย ๑๘
เรอื่ ง หารือการออกโฉนดที่ดิน (ผูนําเดนิ สํารวจตาย) ๒๑
เร่อื ง ขอหารือกรณีการออกเอกสารสทิ ธใิ นเขตพระราชกฤษฎกี าหวงหา มทด่ี ินฯ พ.ศ. ๒๔๘๑ ๒๔
เรอ่ื ง ออกโฉนดทด่ี ินโดยไมไดแ จงการครอบครอง ๓๑
เรอ่ื ง หารือการออกโฉนดทดี่ ิน (การแจง ส.ค. ๑) ๓๕
เร่อื ง หารอื การออกโฉนดท่ีดนิ ตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครอง (การแจง ส.ค. ๑) ๓๘
เรื่อง หารอื การรังวดั ออกโฉนดที่ดิน (คาบเกย่ี วเขตการปกครอง) ๔๑
เร่อื ง หารือการพิสูจนสทิ ธกิ ารครอบครองที่ดนิ ของบคุ คลในเขตท่ีดนิ ของรัฐ (คลองลาํ ชาน) ๔๔
เรอ่ื ง ขอหารอื กรณีการรงั วดั เปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ๕๐
เร่อื ง หารือกรณีกระทรวงการคลังขอออกโฉนดท่ีดินโดยอาศยั หลักฐาน ส.ค. ๑ ๕๒
เรื่อง หารอื แนวทางปฏบิ ตั กิ รณนี ายอําเภอปลวกแดงไมดําเนินการกรณกี ารระวังช้ี ๕๗
แนวเขตและลงชอ่ื รับรองแนวเขต ๖๑
ใบแทน
เรือ่ ง ขอทราบขอมลู เกีย่ วกับการขอออกใบแทนโฉนดทดี่ นิ (พยานและการปด ประกาศ)
เร่ือง หารือกรณีผูมีสิทธิจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ท่ีดินตามคําพิพากษาตามยอมขอออก ๖๕
ใบแทน
เพิกถอน
เรอ่ื ง หารอื การออกโฉนดทด่ี ิน (อา งหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ผิดแปลง) ๗๔
เร่อื ง หารือกรณธี นารกั ษพ ้ืนท่ีเชียงรายขอใหเพกิ ถอนโฉนดท่ีดนิ ๗๘
เรอื่ ง การเพิกถอนโฉนดทีด่ นิ วดั สามแกว (ท่ีธรณสี งฆ) ๘๓
ปาไม ๘๖
เรื่อง กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ขอความอนเุ คราะหขอ มูล
การออกโฉนดทดี่ ิน (เขตปาไม)
หนา
เรือ่ ง กรมปาไมขอทราบหลกั เกณฑแ ละแนวทางปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกับการออกเอกสารสทิ ธิใน ๙๒
ทด่ี ินทม่ี ีความลาดชนั เฉลีย่ เกนิ กวา ๓๕%
เรือ่ ง ขอทราบขอเท็จจรงิ และขอเอกสารพยานหลักฐาน (การเปล่ยี น น.ส.๓ เปน น.ส. ๓ ก. ๙๕
ตองแตง ตัง้ คณะกรรมการกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ฯ หรอื ไม)
ส.ป.ก.
เรอ่ื ง หารือกรณีสํานกั งานการปฏิรูปท่ดี นิ จงั หวัดศรสี ะเกษ ขอใหท บทวนคําสงั่ สอบสวน ๑๐๖
เปรยี บเทียบ
เรือ่ ง หารือการรังวดั ออกโฉนดทดี่ นิ และแบงแยกในนามเดมิ (กรณีมที างตดั ผานในเขต ส.ป.ก.) ๑๐๘
เรือ่ ง หารือแนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั การออกโฉนดทีด่ นิ ในเขตปฏิรปู ท่ดี ิน ๑๑๒
(นําเดินสํารวจไวก อ นเขตปฏิรูปทด่ี ิน) ๑๑๖
เรือ่ ง หารอื การออกโฉนดท่ดี ิน (เดนิ สาํ รวจ)
เรอ่ื ง หารือการออกโฉนดทีด่ นิ ในเขตปาไมใหแกส าํ นักงานการปฏิรูปทดี่ ินเพ่ือเกษตรกรรม ๑๑๘
ส.ค. ๑
เรอ่ื ง หารอื แนวทางปฏบิ ัติตามมาตรา ๘ แหง พระราชบัญญัติแกไขเพมิ่ เติมประมวล ๑๒๐
กฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
(ศาลมีคําพพิ ากษาโดยไมมีการอา นแปลภาพถายทางอากาศ)
เรื่อง หารอื ประเภทเอกสารท่ีเกยี่ วกับทด่ี ิน (ส.ค. ๑) เพ่ือใชเ ปนหลกั ฐานในการพิจารณา ๑๒๔
รับเขา รว มโครงการสรา งความเขมแขง็ ใหแ กเ กษตรกรชาวสวนยาง
เรอ่ื ง หารือกรณรี าษฎรขอออกโฉนดทดี่ นิ เฉพาะรายตามหลกั ฐานแบบแจง การครอบครอง ๑๒๗
ท่ีดนิ (ส.ค. ๑) (คนตา งดาวแจง ส.ค. ๑)
ที่วดั
เรื่อง การหามโอนทดี่ ินภายในสิบป (วัดขอออกโฉนดที่ดนิ ) ๑๓๐
ไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ๑๓๗
เรอื่ ง หารอื กรณกี ารออกใบแทนหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเ พ่อื จดทะเบียนไดม า ๑๔๑
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
เรอ่ื ง หารือการออกใบแทนเพ่อื จดทะเบียนไดม าโดยการครอบครอง
เรื่อง หารอื กรณกี ารออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเพอ่ื จดทะเบียนไดม า ๑๔๔
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
เรอ่ื ง หารอื แนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั การออกใบแทนหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน ๑๔๗
(น.ส. ๓ ก.) เพ่ือจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
๑
รวมเรอ่ื งท่นี ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. เรื่อง : หารอื ขอปฏิบตั ิราชการ กรณีบริษัท ช
๓. ขอเท็จจริง : ประเดน็ ปญหา
จงั หวัดหารือ กรณีบริษทั ช ไดนําโฉนดทดี่ ินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอาํ อาํ เภอ
ชะอํา จงั หวัดเพชรบรุ ี ไปยน่ื คําขอออกโฉนดที่ดิน (ท่ีงอก) โดยอาศัยคําพิพากษาศาลฎีกา ท่ี ๑๐๖๖๒/๒๕๕๑
ลงวันท่ี ๑๙ ธนั วาคม ๒๕๕๑ ระหวาง บริษัท ช โจทก นางสาวหรอื นาง ย ที่ ๑ นางสาวหรอื นาง ล หรือ ป ที่ ๒
จําเลย วา บริษัทฯ เปนเจาของที่งอกดังกลาว ตามมาตรา ๑๓๐๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ตอมา นาย ป กบั พวก ไดฟอ งกรมทด่ี นิ เจาพนกั งานท่ดี นิ จงั หวัดเพชรบุรี สาขาชะอาํ และหนวยงานที่เกี่ยวของ
ตอศาลปกครองกลางขอใหเ พกิ ถอนกระบวนการข้นั ตอนกอ นออกโฉนดท่ดี นิ เพิกถอนโฉนดทีด่ ินเลขท่ี ๑๙๘๖๑
และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อาํ เภอชะอํา จังหวดั เพชรบุรี คดีหมายเลขดําท่ี ส. ๖/๒๕๕๔ ศาลปกครองกลางไดมี
คาํ ส่ัง คดีหมายเลขแดงท่ี ส. ๓/๒๕๕๔ ลงวนั ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไมรบั คาํ ฟอ งพจิ ารณา ผฟู อ งคดจี งึ ไดยื่น
คาํ รอ งอทุ ธรณค าํ สัง่ ศาลปกครองชัน้ ตนตอ ศาลปกครองสงู สดุ และศาลปกครองสงู สุดไดมีคาํ ส่ังที่ คส. ๑๔/๒๕๕๕
ลงวันท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ กลับคําส่ังศาลปกครองช้ันตน เปนใหรับคําฟองไวพิจารณาและใหศาลปกครอง
ชั้นตนดําเนินกระบวนการพิจารณาตอไปตามรูปคดี ขณะนี้อยูระหวางพิจารณาของศาลปกครองชั้นตน
สาํ นกั งานทีด่ นิ จังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา เหน็ วา
๓.๑ เม่ือศาลฎีกาไดพ จิ ารณาในประเดน็ ขอเทจ็ จริงเปนที่ยุติแลววา ที่ดินท่ีงอกจากโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอาํ อาํ เภอชะอาํ จงั หวดั เพชรบรุ ี เปนกรรมสทิ ธิ์ของบรษิ ัท ช เม่อื บริษัทฯ
นําโฉนดที่ดินดังกลาวมาขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน (ที่งอก) ไดจํานวนเนื้อท่ี ๖ ไร เจาของท่ีดินขางเคียงรับรอง
แนวเขตครบทุกดาน ผปู กครองทอ งท่ี (อําเภอชะอาํ และเทศบาลเมอื งชะอํา) และสํานกั งานเจา ทาภูมิภาค สาขา
เพชรบุรี รว มกนั ตรวจสอบและระวงั แนวเขตแลว ลงนามรบั รองวาท่ดี ินที่ขอออกโฉนดทด่ี นิ ไมเปน ทหี่ ลวงหวงหา ม
หรอื เปน ท่สี าธารณประโยชนแตอ ยา งใด คณะกรรมการตรวจสอบสภาพท่ีงอกตามคําสั่งจงั หวดั เพชรบรุ ี ท่ี ๗๐๔/
๒๕๕๕ ลงวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ไดออกไปตรวจสภาพที่ดินแลวเห็นวา เปนที่งอกตามคําพิพากษาของ
ศาลและคดีถึงทีส่ ดุ แลว ควรออกโฉนดทีด่ ิน (ท่งี อก) ตามระเบียบกฎหมายใหผขู อตอไป แมวา จะมบี คุ คลไปฟอง
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมที่ดิน
๒
รวมเร่ืองท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ
ตอศาลปกครองใหเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอาํ จังหวัดเพชรบรุ ี
โดยอางวากระบวนการออกโฉนดที่ดินดังกลาวไมชอบดวยกฎหมายก็ตาม แตศาลปกครองมิไดส่ังให
เจา พนกั งานที่ดนิ หยดุ หรอื ระงับการพิจารณาดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแ กผ ูขอแตอ ยางใด
๓.๒ เม่ือศาลฎีกาหรือศาลชั้นตนไดพิจารณาและพิพากษาคดีถึงที่สุดแลววา ที่ดินที่พิพาท
เปนที่งอกจากโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี และเปน
กรรมสิทธ์ิของบริษัท ช มิใชท่ีสาธารณประโยชน ถือวาประเด็นเกี่ยวกับที่ดินวาเปนที่งอกหรือไมเปนที่งอก
ท่ีคูกรณีโตเถียงกันนั้นเปนท่ียุติเสร็จเด็ดขาดไปแลว การที่ผูขอนําคําพิพากษาของศาลฎีกาหรือศาลชั้นตนที่
คดถี งึ ท่สี ุดแลวมาแสดงกับพนกั งานเจาหนาท่ีเพ่ือขอออกโฉนดท่ีดินท่ีงอกดังกลาว เจาพนักงานที่ดินไมจําตอง
สงเรอ่ื งราวใหก รมทรัพยากรธรณมี าใหค วามชว ยเหลอื ในการตรวจสอบวาทดี่ ินดงั กลาวเปน ที่งอกหรือไม เพราะ
เห็นวาศาลไดพิจารณาพพิ ากษาในขอ เท็จจริงเก่ยี วกับท่งี อกเสร็จเด็ดขาดไปแลว ไมมีขอสงสยั ใดๆ แลววาท่ีดิน
ดงั กลาวจะเปนที่งอกหรอื ไม เพราะถา ศาลสงสัยศาลใชอํานาจออกคําส่ังใหกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบและ
เสนอความเห็นตอศาลโดยตรงไดอ ยแู ลว ตามระเบยี บกรมทรัพยากรธรณี วาดวยการใหความชวยเหลือในการ
ตรวจสอบท่ีงอกริมตล่ิง พ.ศ. ๒๕๔๙ หมวด ๑ ขอ ๓ (๑)
จังหวัดเหน็ ชอบดว ยกับความเห็นของสํานักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา จึงหารือวา
เม่ือศาลฎีกาและศาลจงั หวัดเพชรบรุ ีไดมีคําวินิจฉัยวาท่ีงอกดังกลาวท่ีเกิดจากโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ
๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อําเภอชะอํา จงั หวดั เพชรบรุ ี เปน กรรมสิทธ์ขิ องบริษัท ช แตม ีบุคคลผูเสียหายไดฟอ ง กรมทด่ี นิ
ผูว า ราชการจงั หวดั เพชรบุรี และหนวยงานท่ีเก่ียวของตอศาลปกครอง ขอใหเพิกถอนโฉนดทด่ี ินทั้งสองแปลง
โดยอางวา กระบวนการขั้นตอนการออกโฉนดท่ีดินดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ซ่ึงศาลปกครองไดรับคําฟอง
ไวพจิ ารณาแลว ขณะน้อี ยรู ะหวา งการพจิ ารณาของศาล เจา พนักงานทีด่ ินสามารถออกโฉนดทดี่ นิ (ทง่ี อก) ใหผ ขู อ
ไดห รอื ไม
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ ส่ัง :
๔.๑ พระราชบญั ญตั ิจดั ตั้งศาลปกครองและวิธพี จิ ารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๖๖ “ในกรณีที่ศาลปกครองเห็นสมควรกําหนดมาตรการหรือวิธีการใดๆ เพ่ือ
บรรเทาทุกขใหแกค ูกรณีทเ่ี ก่ยี วขอ งเปนการชว่ั คราวกอนการพิจารณาคดี ไมว าจะมคี าํ รอ งขอจากบุคคลดังกลา ว
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ ิน
๓
รวมเร่อื งท่นี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ นิ
หรือไม ใหศาลปกครองมีอาํ นาจกาํ หนดมาตรการหรือวิธกี ารชัว่ คราวและออกคาํ สงั่ ไปยงั หนว ยงานทป่ี ระชมุ ใหญ
ตลุ าการ ในศาลปกครองสูงสุด
ฯลฯ
๔.๒ ระเบยี บของทีป่ ระชมุ ใหญต ุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๓
ฯลฯ
ขอ ๖๙ การฟองคดตี อศาลปกครองเพ่ือขอใหเพิกถอนกฎหรือคําส่ังทางปกครอง ไมเปน
เหตุใหท เุ ลาการบงั คบั ตามกฎหรือคาํ ส่งั ทางปกครองน้ัน เวน แตศ าลจะมคี าํ สั่งเปน อยา งอ่ืน
ฯลฯ
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทีด่ ินพจิ ารณาแลวเหน็ วา บริษทั ช ขอออกโฉนดท่ดี ินในเรอ่ื งท่ีดนิ ซึ่งเปนทีง่ อกจากโฉนดที่ดิน
เลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งในระหวางการดําเนินการของ
พนักงานเจาหนา ท่ี นาย ป กบั พวก ไดฟ อ งกรมทีด่ นิ เจาพนักงานที่ดนิ จงั หวัดเพชรบรุ ี สาขาชะอาํ และหนวยงาน
ท่ีเก่ียวของตอศาลปกครองกลางขอใหเพิกถอนกระบวนการขนั้ ตอนกอนออกโฉนดท่ีดนิ เพกิ ถอนโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี
๑๙๘๖๑ และ ๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอาํ อําเภอชะอํา จงั หวัดเพชรบุรี ศาลปกครองกลางไดม คี ําสง่ั คดหี มายเลขดําที่
ส. ๖/๒๕๕๔ คดหี มายเลขแดงท่ี ส. ๓/๒๕๕๔ ลงวนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ไมร บั คาํ ฟองไวพจิ ารณา ผูฟ องคดี
จึงไดย่ืนคํารองอุทธรณคาํ สั่งศาลปกครองช้ันตนตอศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองกลางไดมีคาํ ส่ังท่ี
คส. ๑๔/๒๕๕๕ ลงวนั ท่ี ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ กลับคําสั่งศาลปกครองช้ันตน เปนใหร บั คาํ ฟอ งไวพิจารณาและให
ศาลปกครองชั้นตนดาํ เนนิ กระบวนการพจิ ารณาตอไปตามรูปคดี ขณะน้ีอยูระหวางพิจารณาของศาลปกครอง
ช้ันตน การฟอ งคดตี อศาลปกครองเพอ่ื ขอใหเ พกิ ถอนคาํ ส่ังทางปกครอง ไมเปนเหตุใหทุเลาการบังคับคําสั่งทาง
ปกครองนน้ั เวนแตศาลจะมีคาํ สงั่ เปน อยา งอืน่ ตามระเบยี บของทป่ี ระชุมใหญต ุลาการในศาลปกครองสูงสุด วา
ดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๖๙ เมื่อศาลปกครองกลางไดมีคําสั่งตามคดีหมายเลขดําท่ี
๑๒๓๓/๒๕๕๕ ลงวนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ใหย กคาํ ขอกําหนดมาตรการหรือวิธีการคุมครองเพ่ือบรรเทาทุกข
ช่ัวคราวกอนการพพิ ากษาของผูฟองคดีท้งั หมดซ่ึงขอใหศาลมคี าํ สั่งระงับการรงั วัดที่ดนิ พพิ าทของเจา พนักงานที่ดิน
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทีด่ ิน
๔
รวมเรือ่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทดี่ นิ
แลว จึงไมมีเหตุที่จะงดการดําเนินการออกโฉนดท่ดี ินในที่ดินซ่ึงเปนที่งอกจากโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๙๘๖๑ และ
๑๙๘๖๓ ตาํ บลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ได เห็นควรใหสํานักงานท่ีดินจังหวัดเพชรบุรี สาขาชะอํา
ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดิน (ทงี่ อก) ดังกลา วใหแ กผขู อตามระเบยี บกฎหมายตอไป
๖. อางอิง
หนังสือกรมทด่ี ิน ดว นทส่ี ดุ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๐๖๔๕ ลงวันที่ ๒๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตอบ
ขอหารอื จงั หวัดเพชรบรุ ี
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทด่ี นิ
๕
รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. เรื่อง : หารือปญหาการรงั วัดออกโฉนดที่ดินบรเิ วณ “ปาเทอื กเขาแกว , ปาควนยาง และปาเขาวัง”
๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดหารือ กรณี ม กับพวก จํานวน ๓๓ ราย ไดนําหลักฐาน ส.ค.๑ เลขที่ ๓๓๙ หมูท่ี ๑
ตาํ บลฉลุง อาํ เภอหาดใหญ จังหวัดสงขลา มายื่นคาํ ขอรงั วัดออกโฉนดที่ดินตามสัดสวนทีไ่ ดครอบครองทาํ ประโยชน
ซึ่งที่ดินบริเวณดังกลาวเปนบริเวณเดียวกับที่ดินที่สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ ไดต อบขอหารือ
ศนู ยอํานวยการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดท่ีดินจงั หวดั สงขลา-ปต ตาน-ี นราธิวาส-ยะลา กรณีการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดทดี่ นิ
ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน แตย งั ไมครอบคลมุ ถงึ การออกโฉนดทด่ี ินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙
แหง ประมวลกฎหมายทีด่ ิน สํานักงานทด่ี ินจังหวดั สงขลา สาขาหาดใหญ เห็นวา พื้นทที่ ่ี ม กบั พวก ขอรังวดั ออก
โฉนดท่ีดิน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.๑ เปนพ้ืนที่ปาคุมครองที่มีการกําหนดไวตามพระราชกฤษฎีกากําหนด
ปา ควนยาง-ควนเขาวงั ในทองท่ีตาํ บลทาชา งและตําบลฉลงุ อําเภอหาดใหญ จงั หวัดสงขลา ใหเปนปาคุมครอง
พ.ศ. ๒๔๙๒ ตามพระราชบญั ญัติคุมครองและสงวนปา พ.ศ. ๒๔๘๑ และเปนสวนที่เหลือจากการกําหนดใหม
ตามความในมาตรา ๖ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เนื่องจากแผนท่ีทาย
กฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติ ซ่ึงไมครอบคลุมพ้ืนท่ีปาคุมครองเดิมท้ังหมด และเปนพ้ืนที่ที่ผูขอได
ครอบครองทําประโยชนอยู พน้ื ทีด่ งั กลา วจงึ พน สภาพการเปนปา จึงอยูในหลักเกณฑท่ีออกโฉนดที่ดินเปนการ
เฉพาะรายไดต ามประมวลกฎหมายท่ีดิน ตามนัยความเห็นสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ที่ นร ๐๖๐๗/๕๙๑
ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ประกอบกับความเห็นคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน
ครงั้ ท่ี ๑/๒๕๕๑ เมอื่ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๑ เรอื่ ง การพิจารณาหนงั สือรบั รองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.)
ที่ออกในเขตปา ไมถ าวร และเมอื่ ขอเทจ็ จรงิ ปรากฏวา ท่ีดินบริเวณท่ี ม กบั พวก ขอออกโฉนดทดี่ นิ ต้งั อยูในตําบล
ทม่ี ปี าสงวนแหง ชาตแิ ละปา ไมถ าวรตามมติคณะรัฐมนตรี ซง่ึ ไดมกี ารขีดเขตลงในระวางรปู ถา ยทางอากาศแลว แต
ตําแหนงของผูขอรังวัดออกโฉนดที่ดินอยูนอกเขตปาดังกลาว การออกโฉนดที่ดินของผูขอจึงไมจําเปนตอง
ดาํ เนินการตามขอ ๑๐ (๓) แหง กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ อกี แตอยางใด จงั หวัดสงขลาพิจารณาแลว เห็นดว ยกบั สาํ นักงานทด่ี นิ จงั หวดั
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๖
รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน
สงขลา สาขาหาดใหญ แตเน่ืองจากกรณีดังกลาวกรมท่ีดินยังไมเคยวางแนวทางปฏิบัติไวเพื่อความรอบคอบ
จึงหารอื วา ความเห็นของจังหวัดดงั กลา ว ถกู ตองหรอื ไม อยางไร
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญัตปิ า สงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๓๖
๔.๒ พระราชกฤษฎีกากําหนดปาควนยาง-ควนเขาวัง ในทองท่ีตําบลทาชางและตําบลฉลุง
อําเภอหาดใหญ จังหวดั สงขลา ใหเ ปนปา คุมครอง พ.ศ. ๒๔๙๒
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๔ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ือง ปญหาขอกฎหมายเก่ียวกับการออกหนังสือ
รับรองการทําประโยชน (น.ส.๓) และการแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จงั หวดั สตลู (เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๑๑๗/๒๕๓๔) สรปุ ไดวา ถาราษฎรเขาครอบครองทําประโยชนในที่ดินมาแลวกอนใช
พระราชบญั ญตั ดิ งั กลาว การออกพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหา มทีด่ นิ ฯ ภายหลัง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๒ ทับที่ดิน
ทเี่ ขาของมีสทิ ธิครอบครองไมท าํ ใหเ สียสิทธคิ รอบครอง คงถอื วาเจาของมีสทิ ธคิ รอบครองตลอดมาจนใชป ระมวล
กฎหมายท่ีดิน แตถาเปนกรณีครอบครองภายหลังการใชบังคับพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖)
พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ โดยมไิ ดข อจับจอง ผูครอบครองไมไดท ีด่ ินนั้นตามกฎหมายท่ีดิน คงถอื วาเปน ทดี่ นิ รกรางวา ง
เปลา และกลายเปนท่ีหวงหา มเมื่อประกาศใชพระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตหวงหามท่ีดินฯ พุทธศักราช ๒๔๘๒
การครอบครองไวก็ไมอาจขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.) ไดเพราะที่ดินที่
ครอบครองนัน้ เปน ทีด่ นิ ของอุทยานแหงชาตไิ ปแลว
๔.๕ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง การกําหนดใหปาคุมครองเปนปาสงวน
แหงชาติตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๓๖ แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ (เร่ืองเสร็จที่
๔๐๒/๒๕๔๒) สรปุ ไดวา กรณีออกกฎกระทรวงกาํ หนดปาสงวนแหงชาติตามพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ
พ.ศ. ๒๕๐๗ แตพื้นที่แผนที่ทายกฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติไมครอบคลุมพ้ืนท่ีปาสงวนแหงชาติ
(ซงึ่ เปลีย่ นสภาพมาจากปาคมุ ครองตามมาตรา ๓๖) ทั้งหมด พ้ืนที่สวนท่ีเหลือจะมีสภาพทางกฎหมายเปนปา
ประเภทใดนัน้ ทป่ี ระชมุ รว มกรรมการรางกฎหมาย คณะที่ ๔ และคณะที่ ๗ เหน็ พอ งกบั ความเห็นของกรรมการ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๗
รวมเรือ่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในทดี่ ิน
รางกฎหมาย คณะที่ ๗ วา เมื่อมีการออกกฎกระทรวงกําหนดปาสงวนแหงชาติในบริเวณเดียวกับปาสงวน
แหงชาติตามมาตรา ๓๖ แลว ถาพื้นท่ีปา สงวนแหง ชาติทก่ี าํ หนดข้ึนในภายหลังไมครอบคลุมพื้นท่ีปาสงวนเดิม
ทั้งหมด พ้ืนที่สวนที่เหลือจึงพนสภาพจากการเปนปาสงวนแหงชาติ สวนจะมีสภาพทางกฎหมายอยางไร
ยอ มแลว แตข อเทจ็ จริงในแตล ะกรณี
๔.๖ ความเหน็ คณะกรรมการพจิ ารณาขอ กฎหมายของกรมท่ดี นิ ในคราวประชมุ คร้งั ท่ี ๑/๒๕๕๑
เมือ่ วันที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๑ เรื่อง การพิจารณาหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส.๓ ก.) ที่ออกในเขต
ปา ไมถ าวร สรุปไดว า เนอ่ื งจากมตคิ ณะรฐั มนตรีเปนเพยี งนโยบายของรฐั บาลทต่ี อ งการจะจาํ แนกทีด่ นิ ทต่ี อ งการ
สงวนไวเปน ปา ดงั นนั้ การท่ีคณะรัฐมนตรีไดมีมติจาํ แนกพื้นที่บางสวนออกจากเขตปาไมถาวร (อยูนอกเขตปา
สงวนแหงชาติ) เพื่อใหเปนที่ดินทํากินของราษฎรเพื่อประโยชนอยางอื่นโดยมอบใหคณะกรรมการจัดท่ีดิน
แหงชาติดําเนินการ ท่ีดินดังกลาวจึงมีสถานะเปนที่ดินรกรางวางเปลาตามมาตรา ๑๓๐๔ (๑) แหงประมวล
กฎหมายแพง และพาณชิ ย ทอ่ี ยูนอกเขตหวงหา มตามมติคณะรฐั มนตรี
๔.๗ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/ว ๒๓๙๑ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๖ เรือ่ ง การหารอื
ขอ ราชการ
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทด่ี นิ พิจารณาแลวเหน็ วา ตามท่จี ังหวัดหารอื มปี ระเด็นท่ตี อ งพจิ ารณากอ นวา ขอบเขตของ
ปาคมุ ครองตามพระราชกฤษฎกี ากําหนดปาควนยาง-ควนเขาวัง ในทองท่ีตําบลทาชางและตําบลฉลุง อําเภอ
หาดใหญ จังหวัดสงขลา ใหเ ปน ปาคุมครอง พ.ศ. ๒๔๙๒ ตามพระราชบัญญตั คิ ุม ครองและสงวนปา พ.ศ. ๒๔๘๑
อยบู ริเวณใด และการแจง การครอบครองที่ดนิ (ส.ค.๑) เลขที่ ๓๓๙ หมทู ี่ ๑ ตาํ บลฉลงุ อําเภอหาดใหญ จังหวัด
สงขลา เปนการแจงการครอบครองทดี่ นิ โดยชอบดวยกฎหมายหรอื ไม เนอ่ื งจากตามขอเทจ็ จรงิ ของจงั หวดั ระบวุ า
พื้นทีท่ ่ขี อรังวดั ออกโฉนดท่ีดินเปนปาคมุ ครองเดมิ ซึง่ การจะไดสิทธิในท่ีดินดังกลาวผูขอตองมีหลักฐานวา ไดมี
การเขาครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมากอนใชพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับท่ี ๖) พุทธศักราช
๒๔๗๙ หรือไดม ีการขอจับจองท่ีดินโดยออกเปนใบเหยียบย่ําหรือตราจองตามพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน
(ฉบับท่ี ๖) พทุ ธศักราช ๒๔๗๙ และมกี ารแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) ตามพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ (ตามความเหน็ คณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ปญหาขอกฎหมายเก่ียวกับการออก
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ีดนิ
๘
รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ
หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส.๓) และการแจงการครอบครองทดี่ ิน (ส.ค.๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จังหวัดสตูล เรอ่ื งเสร็จที่ ๑๑๗/๒๕๓๔) โดยพจิ ารณาได ดังนี้
๑. หากขอ เท็จจริงเปน ทย่ี ุตวิ า ท่ีดินท่ีขอรังวดั ออกโฉนดทีด่ นิ เปน พื้นทีป่ า คุมครองเดิมและผูขอ
มหี ลักฐานวา ไดม ีการเขาครอบครองและทําประโยชนในทดี่ ินมากอนใชพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖)
พุทธศักราช ๒๔๗๙ หรือไดมีการขอจับจองท่ีดินโดยออกเปนใบเหยียบยํ่าหรือตราจองตามพระราชบัญญัติ
ออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ ถือวาการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค.๑) เปนการแจง
การครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) โดยชอบดวยกฎหมาย ท่ีดินดังกลาวอยูในหลักเกณฑที่สามารถออกโฉนดที่ดิน
ตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน
๒. หากขอเท็จจริงเปน ทย่ี ตุ วิ า ไมสามารถระบุขอบเขตของปาคุมครองได แตมพี ยานหลักฐานที่
เช่อื ไดว า ท่ีดินทข่ี อรงั วดั ออกโฉนดที่ดนิ อยูในพืน้ ทป่ี าคมุ ครองเดิม ซงึ่ ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เร่ือง การกาํ หนดใหปาคุมครองเปนปาสงวนแหงชาติตามบทเฉพาะกาลในมาตรา ๓๖ แหงพระราชบัญญัติ
ปาสงวนแหง ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ (เร่อื งเสรจ็ ท่ี ๔๐๒/๒๕๔๒) ใหถือแนวเขตที่ดินแทนตามแผนท่ีทายกฎกระทรวง
กําหนด ปา สงวนแหง ชาติ ถาผขู อไมม หี ลักฐานวา ไดมีการเขาครอบครองและทําประโยชนในที่ดินมากอ นใช
พระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ หรือไดมีการขอจับจองที่ดิน โดยออกเปน
ใบเหยียบยาํ่ หรือตราจอง ตามพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๗๙ ถือวาการแจง
การครอบครองทีด่ นิ (ส.ค.๑) เปน การแจง การครอบครองทดี่ ิน (ส.ค.๑) โดยไมชอบดวยกฎหมายท่ีดินดังกลาว
ไมอ ยูใ นหลกั เกณฑท ่ีสามารถออกโฉนดที่ดนิ ตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน
แตเ นอ่ื งจากคณะรัฐมนตรีมีมติเม่ือวันท่ี ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕ ใหเก็บรักษาไวเปนพ้ืนที่ปาไม
เฉพาะบริเวณท่ียงั คงสภาพปา กับปา สงวนของกรมปา ไม บรเิ วณพื้นที่ท่ีราษฎรถือครองใชในการกสิกรรมไดม กี าร
ถอื ครองม่ันคงแลว ใหกนั ออกจากเขตปา และมอบใหสํานกั งานการปฏริ ูปทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรมดําเนินการ ตอมา
ไดมมี ติคณะรฐั มนตรีเมื่อวนั ที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๓๗ เปล่ียนแปลงมติคณะรัฐมนตรเี มอ่ื วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๕
โดยมอบพ้ืนท่ีบริเวณท่ีขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินใหคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติดําเนินการ ซ่งึ คณะกรรมการ
จัดที่ดินแหงชาติไดมีมติในคราวประชุม ครั้งท่ี ๒/๒๕๔๒ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๔๒ มอบพื้นที่จําแนก
ออกจากปาไมถ าวร แตน อกเขตปา สงวนแหงชาตแิ ปลงจําแนกที่ ๓ ใหสํานักงานการปฏิรูปทด่ี ินเพอื่ เกษตรกรรม
เขาไปดําเนินการ แตปจจุบันยังไมมีการดําเนินการ ทําใหท่ีดินดังกลาวมีสถานะเปนท่ีดินรกรางวางเปลาตาม
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมทีด่ ิน
๙
รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ
มาตรา ๑๓๐๔ (๑) แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย แตอยูภ ายใตก ารจดั สรรทีด่ ินของทางราชการ ดังนั้น
กรณีที่กรมท่ดี นิ จะสามารถดําเนินการสาํ รวจออกโฉนดท่ดี ิน ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดินได
คณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหงชาตติ องมีการรับมอบคืนพื้นที่จากสํานักงานการปฏริ ปู ท่ดี นิ เพ่ือเกษตรกรรมและสงมอบ
พ้ืนท่ีใหกรมท่ีดินดําเนินการ ซึ่งปจจุบันยังไมมีการสงมอบพื้นที่ใหกรมที่ดินดําเนินการ จึงยังไมสามารถจัด
โครงการเดินสาํ รวจออกโฉนดทีด่ นิ ในพ้นื ทด่ี งั กลา วได
๓. กรณที ีข่ อ เทจ็ จริงปรากฏวา มกี ารขดี เขตปาสงวนแหง ชาติ ปาไมถาวร ลงในระวางรูปถาย
ทางอากาศ และทีด่ ินท่ขี อรังวัดออกโฉนดทด่ี ินไมอยูในเขตปา สงวนแหง ชาติและเขตปา ไมถาวร โดยไมเ ปนท่ดี ินที่
ติดตอคาบเก่ยี วกบั เขตปาสงวนแหง ชาติ เขตปา ไมถาวร การออกโฉนดท่ดี ินดังกลา วก็ไมอ ยใู นหลกั เกณฑท จ่ี ะตอ ง
ต้งั คณะกรรมการตรวจพสิ ูจนทดี่ ินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใ ชป ระมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๐
๖. อา งองิ หนงั สือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๓๔๒๙ ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตอบขอ หารือจังหวัด
สงขลา
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมที่ดนิ
๑๐
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรื่อง : ขอความเปน ธรรม
๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
นาย ข ไดข อความรูเ กี่ยวกับทดี่ ิน กรณีไดครอบครองทําประโยชนในที่ดินโดยการทํานา ทาํ ไร
และมีเพยี งแบบ ภ.บ.ท. ๕ จนเม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๒ นาง ส ทายาทของนาย ส (ผูตาย) ซ่ึงเปนเจาของโฉนดที่ดิน
เลขที่ ๑ ถึงโฉนดท่ดี ินเลขท่ี ๑๐ อาํ เภอครบุรี จังหวดั นครราชสีมา ไดย นื่ ฟอ งนาย ข กับพวก เปนจาํ เลยในคดอี าญา
ขอ หาบุกรุกและศาลไดต ดั สินวาไมมเี จตนาบุกรกุ นาง ส จึงไดฟ องขบั ไลน าย ข กับพวก ซึ่งศาลฎีกาไดตัดสินให
ขับไลนาย ข กับพวก และบรวิ ารจากที่ดินทง้ั ๑๐ แปลงดังกลาว พรอมท้ังชดใชคาเสียหายแกโจทก ตอมาไดไป
ตดิ ตอ สํานักงานทดี่ นิ อาํ เภอครบุรี เพื่อสอบถามถึงข้ันตอนการออกโฉนดท่ีดิน และใหเจาพนักงานท่ีดินอําเภอ
ครบุรี ตรวจสอบแนวเขตท่ดี ินตามโฉนดท่ดี ินทัง้ ๑๐ แปลง ใหถ ูกตอง แตไมไดร ับความสะดวกและมีการปกปด
ขอ มูล จงึ ขอความอนุเคราะหขอความรูเกี่ยวกับท่ีดนิ เพ่อื ประกอบคําแถลงยนื่ ตอ ศาลจงั หวัดนครราชสมี าใหมคี ําสัง่
รงั วัดสอบเขตท่ดี ินตามโฉนดท่ดี ินทัง้ ๑๐ แปลง ใหถูกตองดงั น้ี
๓.๑ บคุ คลทจ่ี ะขอออกโฉนดทีด่ นิ ไดต องมีคําสงั่ กรมทีด่ ินหรอื ไม และตอ งดาํ เนนิ การตรวจสอบ
เขตระวางแนวเขตและเนอ้ื ทท่ี ี่ดนิ ทจ่ี ะขอออกโฉนดที่ดนิ ใหถ ูกตองแนนอนตามพื้นท่ีจริงหรือไม เม่ือออกโฉนดท่ีดิน
แลวเจาพนกั งานทีด่ ินจะทาํ การรังวดั สอบเขตระวางเน้ือทที่ ด่ี นิ ตามโฉนดทด่ี นิ ไดหรือไม และจะทราบแนวเขตท่ี
แนน อนหรือไม
๓.๒ หากมีความประสงคขอใหนาง ส ทายาทของนาย ส นําเจาพนักงานที่ดินอําเภอครบุรี
ออกมาตรวจสอบระวางทาํ การรังวัดสอบเขตเน้ือที่ท่ีดินตามโฉนดที่ดินของนาย ส ท้ัง ๑๐ แปลง เพื่อใหทราบ
ตําแหนง ท่ีแนนอน และหากนาง ส ไมส ามารถดําเนนิ การไดดวยตนเองจะมอบอํานาจใหทายาทกระทาํ การแทน
ไดหรือไม
๓.๓ หากมีบุคคลใดอา งวามีกรรมสิทธใิ์ นท่ีดนิ ตามหลกั ฐานโฉนดท่ีดนิ แปลงใด และมีขอ โตแ ยง
กับบุคคลอืน่ ทคี่ รอบครองอยู จาํ เปน จะตองดําเนินการตรวจสอบระวางรังวัดสอบเขตเนือ้ ทีท่ ่ดี ิน ตามโฉนดท่ีดิน
ใหแ นนอนหรือไม
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทีด่ ิน
๑๑
รวมเรอื่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นทดี่ นิ
๓.๔ เมื่อเจา พนกั งานทีด่ นิ ดําเนินการออกโฉนดทด่ี นิ แลวเนอื้ ทีต่ ามโฉนดที่ดินของแตละแปลง
จะเพิม่ ข้ึนไดห รือไมห ากไมม กี ารรวมโฉนดทีด่ นิ
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน
มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้
ฯลฯ
“การรังวัด” หมายความวา การรงั วัดปกหลกั เขต และทําเขต จด หรือคํานวณการรังวัด
เพื่อใหท ราบทตี่ ้งั และแนวเขตท่ดี ิน หรือทราบท่ีต้ังและเนอื้ ทีข่ องท่ดี นิ
ฯลฯ
มาตรา ๕๙ ในกรณีที่ผูมีสิทธิครอบครองท่ีดินมาขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรอง
การทําประโยชนเปนการเฉพาะรายไมวาจะไดมีการประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม
เม่ือพนกั งานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดําเนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
แลว แตก รณไี ด ตามหลักเกณฑและวิธกี ารทป่ี ระมวลผลกฎหมายนี้กําหนด
เพอ่ื ประโยชนแ หงมาตราน้ี ผมู ีสทิ ธิครอบครองทีด่ นิ ตามวรรคหนงึ่ ใหหมายความรวมถึง
ผซู ึ่งไดครอบครองและทําประโยชนใ นที่ดนิ ตอ เนือ่ งมาจากผูซ่ึงมีหลกั ฐานการแจงการครอบครองดวย
มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในท่ีดินประสงคจะขอสอบเขตโฉนดท่ีดินเฉพาะรายของตน ใหยื่น
คาํ ขอพรอมดวยโฉนดทด่ี ินนน้ั ตอ เจา พนกั งานทดี่ ินและใหพ นักงานเจาหนา ที่ไปทาํ การรังวัดให
ในการรงั วดั ถาปรากฏวา การครอบครองไมตรงกบั แผนท่หี รือเนือ้ ทใี่ นโฉนดท่ีดิน เมื่อผูมี
สทิ ธใิ นทดี่ นิ ขางเคียงไดร ับรองแนวเขตไวแลว ใหเ จา พนักงานท่ดี ินมีอํานาจแกไขแผนที่ใหต รงกบั ความเปน จรงิ ได
เวน แตจ ะเปน การสมยอมเพอ่ื หลีกเลย่ี งกฎหมาย
ฯลฯ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ.๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ.๒๔๙๗
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทด่ี นิ
๑๒
รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ
ขอ ๕ เมือ่ ไดม กี ารพสิ จู นก ารทาํ ประโยชนต ามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชประมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แลว ก็ใหออกหนังสือรับรองการทํา
ประโยชนตามขอ ๓ ใหได
ขอ ๘ ทด่ี นิ ท่พี ึงจออกโฉนดที่ดินตองเปนทดี่ ินที่ผมู ีสิทธิในที่ดินไดครอบครองทําประโยชน
แลว และเปนทีด่ นิ ท่ีพงึ จะออกโฉนดทด่ี นิ ไดตามกฎหมาย แตห า มมิใหออกโฉนดทด่ี นิ สําหรับทีด่ นิ ดังตอ ไปนี้
(๑) ที่ดนิ ทีร่ าษฎรใชประโยชนร วมกนั เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ ท่ีชายตลง่ิ
(๒) ท่ีเขา ทภี่ เู ขา หรอื ทส่ี งวนหวงหา ม หรอื ทีด่ นิ ซงึ่ ทางราชการเหน็ วา สมควรสงวน
ไวเ พอ่ื ทรัพยากรธรรมชาติ
๕. ผลการพิจารณา
กรมทีด่ ินพิจารณาแลว เห็นวา ตามคําพพิ ากษาศาลฎกี า ท่ี ๒๕๖๑/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๔ มีนาคม
๒๕๕๖ ศาลไดพิจารณาเปน ทยี่ ตุ วิ า ท่ดี นิ พิพาทเปนกรรมสทิ ธ์ิของนาง ส ผจู ัดการมรดกนาย ส สาํ หรับประเดน็ ท่ี
นาย ข ขอความรูเกี่ยวกับท่ีดิน เหน็ วา
๕.๑ หลักเกณฑพิจารณาออกโฉนดท่ีดิน ในกรณีน้ีขอเท็จจริงปรากฏวา ที่ดินที่สอบถามได
ออกหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เม่อื ป พ.ศ. ๒๕๑๖ และออกโฉนดที่ดินเมื่อป พ.ศ. ๒๕๒๓ ซ่ึง
หลกั เกณฑในการพจิ ารณาออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ินตองเปนไปตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ กลา วคอื ที่ดินท่ีจะออกโฉนดที่ดิน
ตองเปนที่ดินท่ีผูมีสิทธิในท่ีดินไดครอบครองทําประโยชนแลว และเปนที่ดินที่จะพึงออกโฉนดท่ีดินไดตาม
กฎหมายแตห ามมิใหออกโฉนดที่ดินสาํ หรบั ท่ีดินทีร่ าษฎรใชประโยชนร ว มกัน เชน ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ
ทชี่ ายตลิ่ง ทีเ่ ขา ท่ภี เู ขา หรือทสี่ งวนหวงหา ม หรือที่ดินซ่งึ ทางราชการเหน็ วาควรสงวนไวเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ
โดยบุคคลที่มีสิทธิขอออกโฉนดที่ดินไดตองเปนเจาของที่ดินซ่ึงเปนผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินโดยชอบดวย
กฎหมาย หรือตัวแทนทไี่ ดรับมอบอาํ นาจ ทายาทผมู ีสทิ ธใ์ิ นท่ีดนิ (ในกรณเี จาของท่ีดนิ ถงึ แกกรรม)
๕.๒ ในการรังวัดออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
พนักงานเจาหนา ทจ่ี ะออกไปทาํ การรังวัดเพ่อื ใหท ราบตําแหนง ท่ีดิน แนวเขต เน้อื ที่ โดยวิธกี ารคาํ นวณตามหลัก
วชิ าการรงั วดั ซ่ึงเจาของท่ดี นิ มหี นา ทน่ี ํารงั วัดตามเขตการครอบครองที่ดินของตน และเจาของที่ดินขางเคียง
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดิน
๑๓
รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดิน
ตองลงชือ่ รบั รอง แนวเขตท่ีดินตามระเบียบ ในกระบวนการดังกลาวตอ งมีการตรวจสอบหลักฐานท่ีดินเดิมและ
ท่ดี นิ แปลงขางเคยี งวา สอดคลอ งสัมพนั ธกับหลกั ฐานที่ดนิ เดิมหรือไม ตลอดจนสอบสวนเจาของที่ดิน เจาของท่ีดิน
ขา งเคียง ผูปกครองทอ งท่ี พยานบุคคลเกยี่ วกบั ท่ีดนิ และมีการนํารูปแปลงทด่ี ินไปลงในระวางแผนท่ีเพอ่ื ตรวจสอบ
ตําแหนงที่ดิน และตรวจสอบวามกี ารนาํ รงั วดั ทบั ทด่ี นิ ของบคุ คลอ่ืนหรือทดี่ ินของรัฐหรอื ไม ทด่ี ินอยใู นหลกั เกณฑ
ท่สี ามารถออกโฉนดที่ดนิ ใหไดห รือไม แลวทาํ การประกาศการออกโฉนดท่ดี ินมกี าํ หนด ๓๐ วัน หากไมมีผูโตแยง
คัดคาน เจาพนักงานท่ีดินจะดําเนินการออกโฉนดท่ีดินและแจกโฉนดท่ีดินใหกับผูขอ หากมีการโตแยงคัดคาน
ภายในประกาศการออกโฉนดทดี่ ิน เจา พนักงานทีด่ ินจะทาํ การสอบสวนเปรียบเทียบและส่ังการตามมาตรา ๖๐
แหงประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซง่ึ ถอื เปน ดุลยพินิจของเจา พนักงานที่ดินตามประมวลกฎหมายทดี่ ินในการพจิ ารณา
ออกโฉนดทดี่ นิ
๕.๓ รูปแผนทโี่ ฉนดทดี่ ินเปน การรงั วัดตามหลกั วิชาการแผนที่ ในขอเท็จจริงแนวเขตท่ีดินอาจไม
เปน เสน ตรงตามท่ีปรากฏในรูปแผนท่โี ฉนดท่ีดนิ สาํ หรับโฉนดทด่ี นิ ท่ีออกไปตอ งถอื วาถูกตอ ง เวน แตมีขอ เทจ็ จริง
ท่ีเปลย่ี นแปลงหรือมีขอเท็จจริงอ่ืนท่ีปรากฏในภายหลังทําใหก ารออกโฉนดท่ีดินนั้นไมชอบดวยกฎหมาย เชน
การมอบอํานาจใหอ อกโฉนดทด่ี ินไมช อบดว ยกฎหมาย ในกรณีทร่ี ะยะเวลาผา นไปนานและการครอบครองที่ดิน
เปลีย่ นแปลงทําใหก ารครอบครองในทด่ี ินไมตรงกบั โฉนดทดี่ นิ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ไดกาํ หนดใหเจา ของที่ดินสามารถยนื่ สอบเขตทดี่ นิ เพื่อตรวจสอบทด่ี นิ ได
๕.๔ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหน่ึง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน บัญญัติวา “ผูมีสิทธิในที่ดิน
ประสงคจ ะขอสอบเขตโฉนดที่ดินเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอพรอมดวยโฉนดท่ีดินน้ันตอเจาพนักงานที่ดิน
และ ใหพนกั งานเจา หนา ทไ่ี ปทาํ การรังวัดให” ดงั นัน้ ในการสอบเขตท่ดี นิ ตอ งเปน ความประสงคข องเจา ของทดี่ นิ
โดยใหเจา ของท่ีดินหรือผูรับมอบอํานาจย่นื คําขอขอสอบเขตที่ดิน ณ สํานักงานท่ีดินในพ้ืนท่ี เจาพนักงานท่ีดิน
ไมมีอํานาจที่จะทําการสอบเขตท่ีดินเองโดยเจาของที่ดินไมย่ืนคําขอ เน่ืองจากไมมีอํานาจตามกฎหมาย เวนแต
เปน การสอบเขตที่ดินเปน ระวางตามมาตรา ๖๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงขึ้นอยูกับแผนงานโครงงานและ
นโยบายของทางราชการเปน หลกั
๕.๕ กรณีออกโฉนดท่ีดินแลว ตอมามีผูโตแยงสิทธิในท่ีดิน หากมีเร่ืองรองเรียน เจาหนาท่ีจะ
ดําเนินการตรวจสอบขอ เทจ็ จริงเบ้ืองตนจากเอกสารหลักฐานตา งๆ แตหากจะใหม ีการสอบเขตท่ีดนิ เพ่ือใหทราบ
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี ิน
๑๔
รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน
แนวเขตที่ดนิ ทแ่ี นนอน ตองใหเ จาของท่ดี ินยืน่ คําขอสอบเขตทีด่ ินตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ
หรือคูกรณีตองย่ืนคาํ ฟองตอ ศาลเปน คดีพพิ าทและใหม ีคําสงั่ ใหม ีการรังวดั สอบเขตที่ดนิ
๕.๖ สําหรับท่ีดินแปลงใดที่ไดมกี ารรังวดั ออกโฉนดที่ดินไปแลว หากตอมามีการครอบครองไมตรง
กับรูปแผนท่ีเนื้อท่ีในโฉนดท่ีดิน สามารถย่ืนสอบเขตท่ีดินไดตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีปรากฏวา การครอบครองไมตรงกับแผนท่ีหรือเน้ือที่ในโฉนดท่ีดิน เม่ือผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงไดรับรอง
แนวเขตแลว เจา พนักงานทีด่ นิ มีอํานาจแกไ ขรปู แผนท่หี รอื เนอื้ ทีใ่ หตรงกับความเปนจริงได เวนแตเปนการสมยอม
เพ่ือหลกี เลี่ยงกฎหมาย
๖. อางอิง
หนังสอื กรมท่ดี ิน ดว นทส่ี ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๑๕๕ ลงวนั ท่ี ๑๙ มกราคม ๒๕๕๘ ตอบผูร อ ง
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมทีด่ นิ
๑๕
รวมเรอ่ื งที่นา่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทดี่ ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เร่อื ง : การออกโฉนดท่ีดนิ เฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวดั สง เรือ่ งหารือการออกโฉนดท่ดี ินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
กรณีนาง ภ ผูข อรายท่ี ๑ ไดย ืน่ คาํ ขอออกโฉนดทีด่ ินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
โดยใชหลักฐานใบรับแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
เลขที่ ๒ หมทู ี่ ๓ ตําบลโพชนไก อําเภอบางระจนั จงั หวัดสงิ หบรุ ี ตามขอลงวันที่ ๒ สงิ หาคม ๒๕๕๓ และนาง ก
กับพวก ผูขอรายท่ี ๒ ไดยื่นคาํ ขอออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยใชหลักฐานใบรับแจงความประสงค จะไดสิทธิ ในที่ดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
เลขที่ ๓ หมูท่ี ๓ ตําบลโพชนไก อําเภอบางระจนั จงั หวัดสงิ หบ ุรี ตามคําขอลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓ จังหวดั
ไดตรวจสอบเอกสารหลกั ฐานแลวเหน็ วา
๓.๑ ทดี่ นิ แปลงทขี่ อออกโฉนดที่ดินท้งั สองแปลง เปนทดี่ ินทม่ี กี ารครอบครองและทาํ ประโยชน
อยกู อนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ ังคบั โดยพจิ ารณาจากเมือ่ นาํ รปู แผนทแ่ี ปลงท่ดี นิ ทข่ี อออกโฉนดทด่ี นิ ลงทห่ี มาย
ในระวางศูนยก าํ เนิดแลว ทับเลขที่ดนิ ๖๓ หนา สาํ รวจ ๓๘๙
๓.๒ ไดข อใหก รมที่ดนิ ตรวจสอบหลักฐานทดี่ นิ แปลงเลขทีด่ นิ ๖๓ หนา สาํ รวจ ๓๘๙ ตาํ บลโพชนไก
อําเภอบางระจัน จังหวดั สงิ หบรุ ี พบวา ขอมลู ของกรมท่ีดนิ ซึ่งเปน รายงานกรรมสิทธิ์ทีด่ นิ ระบวุ า ไดมีการขอออก
ใบแทนใบไตส วน และโอนมรดกชนั้ ใบไตสวน เมื่อป พ.ศ. ๒๔๗๐ กรณีนจ้ี งึ นา เช่ือวา นาย ต นาง ย ผขู อออกโฉนดท่ดี ิน
ครง้ั นั้น ยังไมไ ดรบั โฉนดที่ดนิ และไดถ ึงแกกรรมลงเสยี กอ น จึงตอ งทาํ การโอนมรดกทดี่ นิ ในช้นั ใบไตสวน
๓.๓ ฝา ยทะเบียนไดต รวจสอบโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๐๒๑ ในเลมแลว ไมพ บโฉนดที่ดินดังกลา ว
และไมพบสารบบหนา สาํ รวจ ๓๘๙ ในกลอ งสารบบแตอ ยา งใด ไดสอบสวนผขู อออกโฉนดทีด่ นิ เจา ของทีด่ ินขา งเคยี ง
และผปู กครองทอ งท่ตี า งใหถ อยคาํ วา ทีด่ นิ แปลงน้ยี ังไมไ ดออกโฉนดทดี่ นิ จงึ เปน การยนื ยันวา ทด่ี นิ แปลงนย้ี ังไมมี
โฉนดท่ดี นิ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดิน
๑๖
รวมเรื่องทนี่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ
๓.๔ เมอ่ื ที่ดินแปลงทข่ี อออกโฉนดท่ดี ินยังไมม ีหนงั สอื สําคญั แสดงกรรมสิทธใิ์ นทดี่ นิ และมไิ ดแ จง
การครอบครองตามมาตรา ๕ แหง พระราชบัญญัติใหใ ชประมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีเพียงใบไตสวนซึ่งมี
ฐานะเปน หนงั สือแสดงการสอบสวนเพอ่ื ออกโฉนดทด่ี ิน ปรากฏตามหลักฐานรายงานกรรมสิทธิ์ท่ีดินท้ัง ๒ ฉบับ
กรณจี งึ นา จะถอื วา ใบไตสวนตามรายงานกรรมสิทธิท์ ีด่ ินดงั กลา ว ซ่ึงปจจุบนั ไมม อี ยแู ลว เปนเพียงหลกั ฐานทแ่ี สดง
วาไดมีการครอบครองและทําประโยชนในทด่ี ินโดยชอบอยูกอนประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยเทียบเคียง
จาก กรณีแบบหมายเลข ๓ ไมมฐี านะเปนหนังสือรบั รองการทําประโยชน เปนเพียงหลักฐานแสดงวาไดมีการ
ครอบครองและไดท าํ ประโยชนอยูกอ นประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ งั คบั เทานัน้ ซ่ึงการโอนสทิ ธิสามารถกระทําได
โดยการสงมอบการครอบครอง ทายาทผูรับโอนยอมสามารถยนื่ คําขอออกโฉนดที่ดนิ เปนการเฉพาะรายได
๓.๕ ที่ดนิ แปลงท่ีขอออกโฉนดท่ดี ินเปนทด่ี ินที่ไดม กี ารปฏบิ ตั ิตามมาตรา ๒๗ ตรี แลวโดยท่ีดิน
แปลงของนาง ภ ไดขอออกโฉนดท่ดี ินโดยอาศยั หลกั ฐานใบรับแจงความประสงคจะไดส ิทธใิ นทด่ี นิ ตามมาตรา ๒๗ ตรี
แหง ประมวลกฎหมายที่ดนิ เลขท่ี ๒ หมูที่ ๓ ตาํ บลโพชนไก อําเภอบางระจัน จังหวัดสิงหบ รุ ี โดยมีนาง ส มารดา
เปน ผแู จง สว นนาง ก กับพวก ไดขอออกโฉนดท่ีดินโดยอาศัยหลักฐานใบแจงความประสงคจะไดสิทธิในที่ดิน
ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ินเลขท่ี ๓ หมทู ่ี ๓ ตาํ บลโพชนไก อําเภอบางระจัน จงั หวัดสิงหบุรี
โดยมีนาง ส มารดาเปน ผแู จง โดยผูข อท้งั หมดเปนทายาทของนาย ต นาง ย ซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชน
ตอ เนอ่ื งตลอดมาจนถงึ ปจจุบัน
จงั หวัดจึงหารอื วา ตามความเห็นของจังหวัดท่ีรับคําขอออกโฉนดท่ีดินเฉพาะราย ตามมาตรา
๕๙ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี นิ โดยใชหลักฐานใบรับแจง ความประสงคจะไดสทิ ธิในท่ีดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี
แหงประมวลกฎหมายทด่ี นิ นั้น ถกู ตองตามระเบยี บและกฎหมายหรือไม อยา งไร
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๕๙ ทวิ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๓ หนงั สอื กรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๗๑๙/๑๕๑๐๑ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เร่อื ง การออกโฉนดที่ดิน
หรอื หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเ ฉพาะรายมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๑๗
รวมเรอื่ งท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดิน
๔.๔ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสดุ ที่ มท ๐๖๑๙/ว ๑๙๔๘๒ ลงวันท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙
เร่ือง การตรวจราชการของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และรฐั มนตรวี า การกระทรวงมหาดไทย
๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพจิ ารณาแลว เหน็ วา เมื่อขอเทจ็ จรงิ ปรากฏวาท่ีดินแปลงทน่ี าง ภ และนาง ก กับพวก
ขอออกโฉนดท่ีดินตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน โดยใชหลักฐานใบแจงความประสงคจะได
สิทธิในทด่ี ิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ ซ่ึงพนกั งานเจาหนาทไ่ี ดต รวจสอบเอกสารหลักฐาน
สอบสวนเจาของท่ีดิน เจาของที่ดินขางเคียง ผูปกครองทองที่ จนเปนที่แนชัดแลววา เปนที่ดินที่ไดมีการ
ครอบครองทําประโยชนโดยชอบอยกู อนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยมิไดแจงการครอบครองตาม
มาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตไดปฏิบัติตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง
ประมวลกฎหมายที่ดิน และยงั ไมม กี ารออกโฉนดทด่ี ิน ผขู อมีความจําเปนจะออกโฉนดที่ดิน พนักงานเจาหนาที่
ยอ มใชดุลยพินิจพิจารณาออกโฉนดที่ดินใหแกผูขอไดตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ทั้งน้ี การ
พจิ ารณาออกโฉนดท่ีดินใหผูขอตองเปนไปดวยความละเอียดรอบคอบ โดยปฏิบัติตามหนังสือกรมทดี่ ิน ท่ี มท
๐๗๑๙/ว ๑๕๑๐๑ ลงวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๔ เร่ือง การออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
เฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และหนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท๐๖๑๙/ว
๑๙๔๘๒ ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๙ เร่อื ง การตรวจราชการของ ฯพณฯ นายกรฐั มนตรี และรฐั มนตรวี า การ
กระทรวงมหาดไทย และตอ งพิจารณาใหไดความวา ท่ีดินที่จะออกโฉนดท่ีดินตองเปนที่ดินที่ผูมีสิทธิในทีด่ ินได
ครอบครองและทาํ ประโยชนแ ลว และเปนที่ดนิ ทีส่ ามารถออกโฉนดทดี่ ินไดต ามกฎหมายและมติ องหา มมใิ หออก
โฉนดทดี่ ิน ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ ิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๖. อา งองิ หนังสอื กรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๔๖๔๕ ลงวนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารือจังหวัด
สิงหบ ุรี
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทีด่ ิน
๑๘
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทีด่ นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรื่อง : ขอทราบขอ กฎหมาย
๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
สํานักเลขานุการกรมสงเร่ืองใหพิจารณาและแจงผลใหนาย น ทราบ กรณีนาย น มีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ขอทราบขอกฎหมายวา
๓.๑ น.ส. ๓ ก. ของนาย ร ออกเมอ่ื วันท่ี ๔ พฤษภาคม ๒๕๒๕ ตอ มานาย ช ซ้ือตอจากนาย ร
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๕ หางกนั ๒ วนั เรงรบี เกินไป ชอบดว ยกฎหมายหรือไม
๓.๒ ขอรายละเอียดมาตรา ๕๙ ตรี แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ และระเบียบของคณะกรรมการ
จัดท่ดี ินแหง ชาติ ฉบบั ที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วา ดวยเงื่อนไขการออกโฉนดทีด่ นิ หรอื หนังสือรบั รองการทําประโยชน
๓.๓ การออกโฉนดที่ดินใหนาย น มีกฎหมายรองรับอยางไร เก่ียวกับ มาตรา ๕๙ ตรี แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี ินหรือไม โจทกนํามาอา งตามคาํ ฟอ งถกู ตองหรือไม
๓.๔ นาย ช โจทกในคดีแพง สามัญศาลจังหวัดตรงั คดีหมายเลขดําท่ี ๑๓๒๑/๒๕๕๗ ลงวันท่ี
๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ อางวา เน้ือทใ่ี น น.ส. ๓ ก. เดิมมี ๖๔ ไร ๒ งาน ๐๕ ตารางวา (เอกสารแผนท่ี ๕/๑๐) ได
ทําการรังวัดใหม (ไมใ ชหนงั สือทีร่ าชการออกใหแ ผน ท่ี ๘/๑๐) มเี นือ้ ที่ ๕๑ ไร ๓ งาน ๖๖ ตารางวา ขาดหายไป
ประมาณ ๑๓ ไร จงึ บุกรุกเขา ไปในเนื้อทขี่ องบคุ คลอื่น เพ่อื ใหไ ดครบตามเดิม ขอเสนอแนะ ชวยตรวจสอบโดย
หนว ยงานของรัฐ โดยการลงไปในพ้นื ท่จี ริง แลว ทําการรงั วัดใหมว า เนอ้ื ที่ ๕๑ ไร ๓ งาน ๖๖ ตารางวา ถูกตอง
หรอื ไม จากการตรวจสอบของนาย น เอกสาร แผนท่ี ๕/๑๐ เปรยี บเทยี บกับแผนที่ ๘/๑๐ มีรปู รา งไมเ หมอื นกนั
ทําใหเ นอื้ ท่คี ลาดเคล่อื นไดแ ละเอกสาร แผนที่ ๘/๑๐ ออกโดยหนวยงานใด มผี ลทางกฎหมายหรือไม
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สัง่ :
๔.๑ พระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๙
๔.๒ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๔ ทวิ, ๕๘, ๕๘ ทว,ิ ๕๙ ตรี
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน
๑๙
รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ีดนิ
๔.๓ ระเบียบของคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเงื่อนไข
การออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน
๕. ผลการพิจารณา
กรมทดี่ นิ พจิ ารณาแลวเห็นวา
๕.๑ หนงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เปนหนงั สอื รับรองจากพนักงานเจาหนาที่วา
ไดท ําประโยชนแลว สามารถจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรมโอนกันตอพนักงานเจาหนาที่ได ตามมาตรา ๙ แหง
พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ และมาตรา ๔ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดนิ ซง่ึ แกไข
เพ่มิ เติมโดยประกาศคณะปฏวิ ัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๑๕
๕.๒ ที่ดนิ ของนาย น เปนท่ีดนิ ท่ไี ดค รอบครองและทาํ ประโยชนภ ายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใชบ งั คบั (วนั ที่ ๑ ธนั วาคม ๒๔๙๗) โดยไมมหี ลักฐานสําหรับที่ดิน นาย น ไดนําเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินตาม
มาตรา ๕๘ และ ๕๘ ทวิ (๓) แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เปนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๐๓๘๗ ตําบลบอหิน อําเภอสิเกา
จังหวัดตรัง โดยที่ดินดังกลาวตองอยูในบังคับหามโอนภายในกําหนด ๑๐ ป การออกโฉนดที่ดินของนาย น
ซงึ่ ไมเกยี่ วกบั มาตรา ๕๙ ตรี แหงประมวลกฎหมายทดี่ นิ ซึ่งไดกาํ หนดแนวทางปฏิบัตเิ ฉพาะกรณีการออกโฉนดที่ดิน
หรอื หนังสือรับรองการทําประโยชนโดยอาศยั ฐานการแจงการครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑)
๕.๓ ตามเอกสารแผนที่ ๙/๑๐ นาย น (โดยนาย น ผูรับมอบอํานาจ) ไดยื่นคําขอสอบเขตโฉนดท่ีดิน
เลขท่ี ๑๐๓๘๗ ตําบลบอ หนิ อาํ เภอสิเกา จังหวัดตรัง ตามมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และนาย ช
ไดค ดั คา น ซึง่ เจาพนักงานที่ดินไดสอบสวนไกลเกล่ียแลวตกลงกันไมได และตามเอกสารแผนท่ี ๑/๑๐ นาย ช
ไดเปนโจทกฟองคดีดังกลาวตอศาลแลว ดังน้ัน เม่ือศาลไดมีคาํ พิพากษาหรือคําส่ังถึงที่สุดประการใด
เจา พนกั งานทดี่ นิ ก็จะตองดาํ เนนิ การไปตามคาํ พพิ ากษาหรือคําสง่ั ถึงทีส่ ดุ ของศาลตอไป สวนกรณีเอกสารแผนที่
๘/๑๐ หรือเอกสารที่เกย่ี วขอ ง นาย น สามารถสอบถามและย่ืนคําขอตรวจสอบได ณ สํานักงานท่ีดินที่ท่ีดินน้ัน
ตง้ั อยู
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดนิ
๒๐
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดิน
๕.๔ เห็นควรจัดสงสําเนาประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ, ๕๙ ตรี และสําเนา
ระเบยี บของคณะกรรมการจดั ทด่ี ินแหง ชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) วาดวยเง่ือนไขการออกโฉนดท่ีดินหรือ
หนงั สือรับรองการทําประโยชน ใหน าย น ทราบ
๖. อางอิง
หนงั สอื กรมทด่ี ิน ดว นมาก ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๖๒๔๓ ลงวนั ท่ี ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบผูรอ ง
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี ิน
๒๑
รวมเรอื่ งท่ีนา่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทีด่ นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดทด่ี ิน
๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวัดสงเรอ่ื งหารอื กรมท่ดี ิน กรณี นาง ก กับพวก ทายาทนาง บ ไดนําเดินสาํ รวจออกโฉนดที่ดิน
เมื่อป พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยอาศัยหลักฐาน น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๑๙/๑๓๗ หมูที่ ๒ ตําบลเมืองเกา อําเภอเมืองสุโขทัย
จงั หวัดสุโขทยั ไดจ ดทะเบียนโอนมรดกในชน้ั ใบไตสวน เมือ่ วันท่ี ๙ ตุลาคม ๒๕๔๑ และตอมาไดย่ืนคําขอรังวัด
ซา้ํ ใบไตส วน ตามคําขอฉบับลงวนั ท่ี ๒๓ ธนั วาคม ๒๕๕๒ ซึ่งเจา หนาทไี่ ดท ําการจดั สรา งใบไตส วนใหมโดยลงชื่อ
นาง ก กับพวก จังหวัดจึงหารือวาการพิจารณาออกโฉนดท่ีดินจากการรังวัดซํ้าใบไตสวน ซึ่งใบไตสวนท่ีได
จัดสรางขน้ึ ใหม โดยลงชื่อนาง ก. กบั พวก ผูร บั มรดกในชน้ั ใบไตสวนจะเปนการถกู ตอง สามารถดําเนนิ การไดหรือไม
อยางไร
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ, ๕๙, ๕๙ ทวิ
๔.๒ หนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๖๒๕/ว ๑๐๕๖๗ ลงวนั ที่ ๕ เมษายน ๒๕๓๙ เร่ือง การเดินสํารวจ
ออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในท่ีดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย ไดวางแนวทางปฏิบัติสรุปไดวา
ใหล งช่ือผูตายไวใ นใบไตสวน โดยวงเลบ็ ตอทายวาตาย สาํ หรับบรรทดั ตอมาใหเขียนชื่อผูนําทําการเดินสํารวจฯ
ในฐานะทายาทพรอ มทั้งบันทึกใหปรากฏดวยวาผูนําทําการเดินสํารวจฯ เปนทายาทหรือผูรับพนิ ัยกรรม และ
ครอบครองที่ดินมาตั้งแตเมื่อใด เปนเวลาก่ีป พรอมทั้งแสดงบัญชีเครือญาติใหปรากฏโดยแสดงหลักฐานการ
เปนทายาท พรอมทั้งสาํ เนาประกอบเรื่องไวและจะไปดําเนินการขอจดทะเบียนโอนมรดกในชั้นใบไตสวน
การสรา งโฉนดทดี่ ินใหล งช่อื ทายาทผนู ําทาํ การเดนิ สาํ รวจแลวประกาศแจกโฉนดท่ดี นิ และประกาศโอนมรดกชนั้
ใบไตสวนในคราวเดียวกัน เมอื่ ครบกําหนดประกาศทั้งสองกรณีใหจดทะเบียนโอนมรดกช้ันใบไตสวนและแจก
โฉนดทดี่ ินพรอ มกัน
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทด่ี นิ
๒๒
รวมเรอื่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ีดนิ
๔.๓ หนังสือกรมที่ดนิ ดวนท่ีสุด ท่ี มท ๐๗๑๙/ว ๐๖๒๕๗ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๐ เร่ือง
การเดินสาํ รวจออกโฉนดที่ดิน กรณีผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย สรุปไดวา ใหยก
วิธีการผอนผนั ใหทายาทนําทําการเดนิ สาํ รวจโดยยังมไิ ดจดทะเบียนโอนมรดก หากเจาของที่ดินประสงคจะนํา
ทาํ การเดินสาํ รวจเพื่อออกโฉนดทดี่ นิ ตอ งไปดาํ เนินการจดทะเบียนโอนมรดกชนั้ หนังสอื รับรองการทําประโยชน
ใหเสร็จเรียบรอยเสียกอน สวนเร่ืองที่ไดดําเนินการไวแลว ใหจังหวัดพิจารณาออกโฉนดท่ีดินและแจกใหแก
เจาของที่ดินตอไปจนแลว เสร็จ
๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๑๙.๑/ว ๑๕๕๔๐ ลงวันท่ี ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๓ เรื่อง
ปญ หาโฉนดทดี่ ินคา งแจกเน่ืองจากเจาของที่ดินตายและทายาทไมไปขอจดทะเบียนโอนมรดก สรุปไดวากรณี
ทายาทผูมสี ทิ ธใิ นท่ีดินไดทําการสํารวจฯ ไว ในวันหรือหลังจากวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๙ โดยลงช่ือผูตายไวใน
ใบไตส วน แตลงชื่อทายาทผนู าํ ทําการเดินสํารวจฯ ไวในโฉนดที่ดิน ใหแกไขโฉนดท่ีดิน รวมท้ังแจกโฉนดท่ีดิน
ใหแกทายาทผูมสี ิทธติ ามกฎหมายหรอื ผรู บั พนิ ยั กรรม การสรางโฉนดทด่ี นิ ใหล งชอ่ื ผมู ชี ่ือในหนังสือรบั รองการทาํ
ประโยชน (น.ส. ๓, น.ส. ๓ ก., น.ส. ๓ ข. หรือ แบบหมายเลข ๓) ทําการประกาศแจกโฉนดท่ีดิน เมื่อครบ
กาํ หนดประกาศแลว ไมม ผี ูค ัดคานใหอ อกโฉนดท่ีดนิ และเรง รัดแจกโฉนดท่ีดินใหแกทายาทผูนําทําการเดินสํารวจฯ
ตอ ไป
๔.๕ คาํ สง่ั กรมท่ดี ิน ที่ ๑/๒๕๑๕ ลงวันท่ี ๑๒ มกราคม ๒๕๑๕ เรื่อง การออกโฉนดท่ีดินซ่ึงมี
ชอ่ื ไมต รงตามใบไตสวน สรุปไดว า ถา ท่ีดินยังมีการจดทะเบียนภาระผูกพันในใบไตสวนเดิมอยูอยางใด กใ็ หยก
รายการจดทะเบียนนั้นมาจดแจงไวในสารบัญแกทะเบียนหลังใบไตสวนเสียกอน แลวยกรายการจดแจงน้ันมา
จดแจง ไวในสารบญั จดทะเบียนหลังโฉนดท่ีดนิ
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ดี ินพจิ ารณาแลว เหน็ วา ตามขอ เท็จจริงทห่ี ารือปรากฏวา นาง ก กับพวก ไดนําเดนิ สาํ รวจ
ออกโฉนดที่ดิน เม่ือวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๓๙ โดยอาศัยหลักฐาน น.ส. ๓ เลขที่ ๕๑๙/๑๓๗ หมทู ่ี ๒ ตาํ บลเมืองเกา
อําเภอเมืองสุโขทัย จงั หวัดสุโขทยั ซ่ึงในการออกโฉนดที่ดนิ พนักงานเจาหนาท่ีไดถือปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดิน
ท่ี มท ๐๖๒๕/ว ๑๐๕๖๗ ลงวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๙ เร่ือง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในท่ีดิน
ตามหนังสือรับรองการทําประโยชนตาย ซึ่งเปนแนวทางที่กรมที่ดินไดวางไวใหเจาหนาที่ปฏิบัติในขณะนั้น
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมทดี่ ิน
๒๓
รวมเรือ่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ
โดยลงชอ่ื ผูตายไวใ นใบไตสวนโดยวงเล็บตอ ทา ยวา ตายและเขยี นช่ือผนู าํ ทําการสํารวจ ตอ มาเม่ือวนั ท่ี ๙ ตุลาคม
๒๕๔๑ ไดม ีการจดทะเบียนโอนมรดก ชนั้ ใบไตส วน โดยไมถือปฏิบตั ติ ามหนงั สือกรมที่ดนิ ดวนที่สุด ที่ มท ๐๗๑๙/
ว ๐๖๒๕๗ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๔๐ เรื่อง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน กรณีผูมีสิทธิในที่ดินตามหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนตาย ท่ีใหดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกชั้นหนังสือรับรองการทําประโยชนใหเสร็จ
เรียบรอ ยเสยี กอ น แมการจดทะเบียนโอนมรดกจะไมไดดําเนินการช้ันหนังสือรับรองการทําประโยชน แตการ
ดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกช้ันใบไตสวนดังกลาว กถ็ ือวามผี ลตามกฎหมาย เปนผลใหน าง ก กับพวก เปนผู
มีสิทธิในที่ดิน ดังน้ัน เมื่อนาง ก กับพวก ไดยื่นคําขอรังวัดซํ้าใบไตสวน ตามคําขอฉบับลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม
๒๕๕๒ การจัดสรางใบไตสวนและโฉนดทีด่ นิ จงึ ตอ งลงช่ือนาง ก กบั พวก ซง่ึ เปนผูมีสิทธิในท่ีดินใหถูกตองตรงกัน
ตามผลของการจดทะเบยี นโอนมรดกดังกลาวตอไป
๖. อา งองิ หนงั สือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๘๕๘ ลงวันที่ ๒๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารอื
จงั หวัดสุโขทัย
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ดี ิน
๒๔
รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอ่ื ง : ขอหารือกรณกี ารออกเอกสารสทิ ธใิ นเขตพระราชกฤษฎกี าหวงหา มทีด่ ินฯ พ.ศ. ๒๔๘๑
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จงั หวัดสงเรือ่ งหารือกรมทีด่ นิ กรณี นาง ห ไดมีหนังสือรองเรียนตอผูตรวจการแผนดิน ขอให
พิจารณาสอบสวนหาขอเท็จจริง กรณีผูรองเรียนไดรับโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๙๓๗, ๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ ตําบล
หนองบัว อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๒๐ ตอ มากองทัพบกไดขอซ้ือท่ีดิน
ดังกลาวในป พ.ศ. ๒๕๒๗ และเขาใชพื้นที่บางสวนมาโดยตลอดจนถึงปจจุบัน โดยยังไมมีการจายเงินคาที่ดิน
ใหกับผูรองเรียนแตอยางใด และภายหลังกลับแจงใหผูรองเรียนไปใชสิทธิทางศาล ในการประชุมช้ีแจง ณ
สํานักงานผตู รวจการแผนดิน เม่อื วนั ท่ี ๒๒ เมษายน ๒๕๕๘ โดยมีหนวยงานที่เกี่ยวของรวมช้ีแจงตอท่ีประชุม
และท่ีประชุม มีมติใหจังหวัดหารือกรมท่ีดินวา โฉนดที่ดินเลขท่ีดังกลาวไดออกไปโดยชอบดวยกฎหมายแลว
หรือไม จังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาแลวเห็นวา การออกโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๕๙๓๗, ๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ ตําบล
หนองบวั อําเภอเมอื งกาญจนบรุ ี จงั หวัดกาญจนบุรี ในขณะนนั้ เจาของทด่ี นิ ไดนาํ รงั วัดตามท่ีไดค รอบครองและ
ทําประโยชน เต็มทั้งแปลง และการออกโฉนดท่ีดินเปนไปตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และ
ระเบียบปฏิบัติที่ใชในขณะนั้นแลว จึงไมเปนการออกโฉนดที่ดินโดยคลาดเคลื่อนแตอยางใด และไมมีกรณีที่
จะตองดําเนนิ การตามมติ กบร.จงั หวัดกาญจนบรุ ี จงึ ขอหารอื วาความเห็นของจังหวัดถูกตองหรอื ไม เพอ่ื จงั หวัด
จะไดถ ือเปนแนวทางปฏิบัตติ อ ไป
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน มาตรา ๕๙, ๕๙ ทวิ
๔๒ พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตตหวงหามท่ีดนิ ในทอ งที่อาํ เภอเมืองกาญจนบุรี อาํ เภอวงั ขนาย
อําเภอบา นทวน และอําเภอวงั กะ จงั หวัดกาญจนบรุ ี พ.ศ. ๒๔๘๑
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทด่ี ิน
๒๕
รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน
๔.๔ หนงั สอื กรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๗๑๙/ว ๓๙๘๑๔ ลงวันท่ี ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๐ เรื่อง การออก
หนังสือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ินในเขตที่ดนิ ของรฐั สรุปวา ในกรณที ร่ี าษฎรขอออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ินของรัฐ.เชน
ที่สาธารณประโยชน ท่ีราชพัสดุ และท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินทุกประเภทกอนจะออกหนังสือ
แสดงสิทธิในท่ีดินในเขตจังหวัด ใหจังหวัดนําเรื่องดังกลาวเสนอตอคณะกรรมการประสานการแกไขปญหา
การบุกรกุ ท่ดี นิ ของรัฐสว นจงั หวัด (กปร. สว นจังหวดั ) ในเขตกรุงเทพมหานคร ใหสํานกั งานท่ดี นิ กรุงเทพมหานคร
สรปุ เรอื่ งเสนอกรมทีด่ ินสง เรอ่ื งใหค ณะกรรมการประสานการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ดี ินของรฐั สวนกลาง (กปร.
สว นกลาง) พิจารณาตรวจสอบการครอบครองที่ดนิ ของบคุ คลผเู ขาครอบครองท่ีดินของรัฐ เพ่ือพิสูจนสิทธิในที่ดิน
กอนทุกแปลง ผลเปนประการใด กใ็ หพ ิจารณาดาํ เนนิ การไปตามอํานาจหนาที่และกรณีที่ไดออกหนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ดี นิ ใหก บั ราษฎรไปแลว ตอ มาปรากฏขอเท็จจริงในภายหลังวาไดออกทับที่ดนิ ของรัฐหรือสวนราชการผูมี
อาํ นาจหนา ท่ดี แู ลท่ดี นิ ของรัฐรอ งขอใหต รวจสอบ กอนทจ่ี ะพิจารณาดําเนินการเพิกถอนหรอื แกไขเอกสารสทิ ธนิ น้ั ๆ
จังหวัดควรนําเรื่องเสนอตอคณะกรรมการประสานการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐสวนจังหวัด (กปร.
สวนจังหวัด) พจิ ารณา ใหค วามเหน็ อกี ครงั้ หนึง่ ผลเปนประการใด กใ็ หจงั หวัดพจิ ารณาดาํ เนนิ การไปตามอาํ นาจ
หนา ท่ี
๔.๕ คําส่ังศาลปกครองสูงสุดท่ี ร. ๕๙๔/๒๕๔๖ สรุปวา ขอ ๕ ของระเบียบสํานัก
นายกรฐั มนตรี วา ดว ยการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ กําหนดให กบร. จังหวัด มีอํานาจ
หนาทก่ี ํากบั ติดตามดูแลใหส วนราชการตา งๆ ดาํ เนนิ การใหเ ปนไปตามมาตรการในการแกไ ขปญ หาและมาตรการ
ในการปองกันการบกุ รกุ ท่ดี ินของรัฐเทา นนั้ มิไดใหอํานาจเขา ไปดาํ เนนิ การหรอื สัง่ การในเร่ืองที่อยูในอํานาจหนาท่ี
ของหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท่ีของรฐั ตามกฎหมาย กบร. จังหวัด เพียงแตเขารวมพิจารณาใหความเห็น
เปนแนวทางใหเจา หนาท่ีของรัฐท่ีเกย่ี วขอ งปฏบิ ัติ มติของ กบร. จงั หวัด จงึ เปนการพิจารณาภายในฝา ยปกครอง
ทย่ี ังไมม ีผลตามกฎหมายท่ีจะบงั คับใหคูกรณกี ับเจาหนาที่ของรัฐตอ งปฏิบตั ิตาม แตจ ะตองมีการดาํ เนินการหรือ
สง่ั การโดยผูม อี ํานาจออกคําส่ังทางปกครองเสยี กอน
๔.๖ คําพพิ ากษาศาลฎีกา ท่ี ๑๐๘๑๙/๒๕๕๗ ระหวา ง นาย ช ในฐานะผูจ ัดการมรดกของ นาย ป
โจทก เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดนครสวรรค สาขาพยุหะคีรี จําเลย ซง่ึ ศาลฎีกาพิพากษายืนตามคําพิพากษา
ศาลอุทธรณ คดีหมายเลขแดงท่ี ๓๗๐๒/๒๕๕๕.โดยปรากฏขอเท็จจริงในทางการพิจารณาของศาลอุทธรณวา
โจทกไดย่ืนคาํ ขอออกโฉนดทดี่ นิ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ พนักงานเจา หนาทไ่ี ดทําการรงั วดั และมกี ารสอบสวน
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๒๖
รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน
แลวโดยเจาพนักงานท่ีดินมีความเห็นวา โจทกไดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินมาต้ังแตป พ.ศ. ๒๔๕๐
เจาพนักงานฝายรังวัดไดไปสํารวจรังวดั ท่ีดิน รวมกับเจาพนักงานผูปกครองทองที่ เจาพนักงานผูทําการสํารวจ
และพนกั งานผูสอบสวนตรวจสอบแนวเขตทด่ี ินขา งเคียงลงความเห็นวา ท่ีดินเปน ท่ีนา ไมเปนท่ีสาธารณประโยชน
ไมเปนท่หี ลวงหวงหาม และไมทับเขตท่ีดนิ แปลงขางเคยี ง และเปน ท่ดี นิ ของผขู อโดยแทจ ริง ผขู อไดทาํ ประโยชน
ทงั้ แปลง และเปนทีพ่ ึงออกโฉนดไดตามกฎหมาย แตที่ดินอยูในเขตประกาศหวงหามของทางราชการ พ.ศ. ๒๔๗๙
ท้ังแปลง ไดออกใบไตสวนท่ีดินและระบุวาท่ีดินเปนท่ีดินระวางเลขท่ี 5039 IV 2012 เลขท่ีดิน ๑๐๙ แต
ไมดําเนินการออกโฉนดท่ีดนิ เน่ืองจากคณะอนุกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกทดี่ ินของรัฐจังหวัดนครสวรรค
(กบร. จังหวัดนครสวรรค) พิจารณาแลว วา ไมมีรองรอยการทําประโยชนใ นทดี่ นิ จึงเชอื่ วา มีการครอบครองและ
ทําประโยชนในที่ดิน ภายหลังจากพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามท่ีดิน อําเภอปากน้ําโพ อาํ เภอพยุหะคีรี
อาํ เภอโกรกพระ จงั หวดั นครสวรรค พ.ศ. ๒๔๗๙ โจทกไมมีพยานหลักฐานท่ีแสดงวาไดท่ีดินมากอนการหวงหาม
เจาพนักงานที่ดินจึงไมออกโฉนดที่ดินใหโจทก โจทกจึงย่ืนฟองตอศาลขอใหจําเลยออกโฉนดที่ดินใหแกโจทก
(ตามผลการรงั วัด) ศาลพิจารณาแลวเหน็ วา พยานหลกั ฐานโจทกเบกิ ความสอดคลอ งกัน พยานเอกสารเกี่ยวกับ
เรื่องการรังวัดเปนเอกสารราชการซ่ึงสันนิษฐานวาเปนของจริงและถูกตอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความแพง มาตรา ๑๒๗ ซึง่ เปนเอกสารราชการมีน้ําหนักนาเชื่อถือกวาพยานหลักฐานของจาํ เลย ประกอบกับ
โจทกข อให มกี ารพิจารณาผลการอานแปลภาพถา ยทางอากาศใหม ปรากฏวามรี อ งรอยการทาํ ประโยชนบ างสว น
คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรฐั จังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวัดนครสวรรค) จึงเช่ือวาได
มีการครอบครองและทาํ ประโยชนในที่ดินกอนการเปนที่ดนิ ของรัฐเฉพาะสวนท่ีมีรองรอยการทาํ ประโยชน
เมอื่ จาํ เลยไมม ีพยานหลกั ฐานอ่ืนมาสืบหกั ลา งวา ไดมีการครอบครองและทาํ ประโยชนใ นทดี่ นิ มาภายหลงั การเปน
ที่ดินของรัฐ จงึ ตองฟงขอ เทจ็ จริงตามพยานหลักฐานโจทกว า บิดาโจทกไ ดค รอบครองและทาํ ประโจทกใ นทด่ี นิ มากอ น
มีประกาศพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหา มท่ีดินอําเภอปากนา้ํ โพ อําเภอพยหุ ะคีรี อาํ เภอโกรกพระ จงั หวัด
นครสวรรค พ.ศ. ๒๔๗๙ ประกาศใชบังคับ โดยศาลไดพิจารณาใหความเห็นเก่ียวกับผลการพิจารณาของ
คณะอนุกรรมการแกไขปญหาการบุกรกุ ทีด่ ินของรัฐจังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวัดนครสวรรค) วา มติของ
คณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครสวรรค (กบร. จังหวดั นครสวรรค) เปนเพียง
การสรุปขอเท็จจรงิ และแนวทางเบ้อื งตน เพอ่ื ประกอบการพิจารณาของเจาพนักงานท่ีดินเทานั้น เจาพนักงาน
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ
๒๗
รวมเรอ่ื งทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในที่ดิน
ที่ดนิ มีหนาทตี่ อ งทาํ การวินจิ ฉยั แลว ดาํ เนนิ การตามประมวลกฎหมายทด่ี ิน และพพิ ากษาวา โจทกเ ปน ผคู รอบครอง
ทดี่ ินตามแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ใหจ าํ เลยออกโฉนดทดี่ นิ ใหแกโ จทก
๔.๗ คําพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ คดหี มายเลขแดงที่ อ. ๓๙๗/๒๕๕๘ ลงวนั ที่ ๗ พฤษภาคม
๒๕๕๘ ระหวาง นาย ป หรอื ช หรือ อ ผูฟอ งคดี ผูวาราชการจงั หวดั ลพบุรี ที่ ๑ จังหวัดลพบรุ ี ท่ี ๒ เจาพนกั งานทีด่ นิ
จงั หวัดลพบุรี ที่ ๓ ผูถกู ฟองคดี สรปุ วา ผูฟ อ งคดีไดยื่นคําขอออกโฉนดท่ีดนิ ตามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ท่ดี ินอยใู นเขต
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามท่ดี นิ ฯ พ.ศ. ๒๔๗๙ ไดมีการนาํ เรอ่ื ง เสนอคณะอนุกรรมการแกไขปญหา
การบกุ รุกท่ีดนิ ของรัฐจังหวัดลพบุรี (กบร. จังหวัดลพบุรี) พิจารณาและมีความเห็นวา ใหออกโฉนดที่ดินตาม
ผลการอา นแปลภาพถา ยทางอากาศที่ปรากฏรองรอยการทําประโยชนบางสวน เจาพนกั งานที่ดินจึงดําเนินการ
ออกโฉนดท่ีดินตามความเห็นดังกลา ว ผูฟ องคดีจงึ ไดฟ อ งคดตี อ ศาลปกครองกลางขอใหออกโฉนดท่ดี ิน ศาลเห็น
วา ภาพถายทางอากาศเปนเพียงเคร่อื งมือหรอื ขอ เทจ็ จรงิ ประกอบการวนิ ิจฉัยเก่ียวกับการครอบครองและ
ทําประโยชนในที่ดนิ พพิ าทเทานัน้ ความแมน ยาํ ในการอาน แปล และตคี วามภาพถายทางอากาศ ตอ งมีการ
สาํ รวจศึกษาพน้ื ทีจ่ ริงรวมท้งั ประสบการณในการปฏิบตั ิงานของเจา หนา ที่ผูเก่ียวของดวย ในการพิจารณา
ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทด่ี ิน จึงตอ งมขี อ มูลหรอื ขอเทจ็ จรงิ อน่ื มาประกอบการพิจารณาดวย เม่ือพิจารณา
ตามผลการอาน แปล ภาพถา ยทางอากาศ ประกอบกับพยานหลกั ฐานตลอดจน พยานบคุ คลทีผ่ ูฟ อ งคดียกขน้ึ อาง
ตอคณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบกุ รุกท่ดี นิ ของรัฐจังหวดั ลพบุรี (กบร.จงั หวัดลพบุรี) ขอเท็จจริงรบั ฟงเปน ยตุ ิ
ท่ีวา ที่ดินตาม ส.ค. ๑ ปรากฏรอ งรอยการทาํ ประโยชนกอนการประกาศใชพระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตหวงหา ม
ที่ดินฯ และท่ีดินพิพาทไดมีการครอบครองและทําประโยชนตามสมควรแกสภาพที่ดินในทองถ่ิน ตลอดจน
สภาพของกิจการทไี่ ดทาํ ประโยชนแ ลว ในการรงั วัดผูมีสิทธิในทดี่ ินขา งเคียงไดลงช่ือรับรองแนวเขตที่ดินครบทุก
ดาน โดยมีผูป กครองทองทร่ี ว มพสิ ูจนสอบสวนดว ยและเหน็ วา ผูฟอ งคดคี รอบครองทาํ ประโยชนเปนท่ีทําไรเต็ม
แปลง ไมเ ปนทห่ี ลวง หวงหามหรือทท่ี างราชการสงวนหวงหา มไวห รือทีส่ าธารณประโยชน ท้งั ยังเปนท่ีดินแปลง
เดยี วกันกบั ท่ผี ูขอมีหลักฐาน ส.ค. ๑ และเปน ที่ดินทีอ่ อกโฉนดท่ีดินไดตามกฎหมาย และไมมีผูคัดคานการขอออก
โฉนดที่ดนิ ดังกลาว ผูถ ูกฟองคดที ่ี ๓ จึงตองออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีตามจํานวนเน้ือท่ีที่รังวัดไดดังกลาว
คําส่ังของผูถกู ฟอ งคดที ี่ ๓ ใหอ อกโฉนดทด่ี นิ ใหแกผ ฟู อ งคดตี ามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ บางสวนจึงเปน คําสั่งท่ีไมชอบ
ดวยกฎหมาย
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมทีด่ ิน
๒๘
รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในที่ดิน
๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพจิ ารณาแลว เหน็ วา ขอเท็จจรงิ ปรากฏวาการดาํ เนินการออกโฉนดที่ดินเลขท่ี ๕๙๓๗,
๕๙๓๘ และ ๕๙๓๙ หนาสํารวจ ๓๑๖, ๓๑๗ และ ๓๑๘ ตําบลหนองบัว อําเภอเมืองกาญจนบุรี จงั หวดั กาญจนบุรี
เมื่อวนั ท่ี ๕ กันยายน ๒๕๒๐ ออกใหแก.นางสาว ส, นาย ช และนางสาว ส ตามลําดับ ตําแหนงที่ดินอยูในเขต
พระราชกฤษฎีกากาํ หนดเขตตหวงหา มทด่ี ินในทอ งทอ่ี ําเภอเมืองกาญจนบุรี อําเภอวังขนาย อําเภอบานทวน และ
อําเภอวังกะ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๔๘๑ ไดมีการแตงต้ังคณะกรรมการสอบสวนสิทธิในที่ดิน ตามคําสั่ง
จังหวัดกาญจนบุรี ที่ ๑๐๙๙/๒๕๑๘ ลงวันท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๑๘ ประกอบการอนุมัติ ผบ.ทบ. ทายบันทึก
ขอความ กบ.ทบ. ที่ กท ๐๓๑๘/๖๖๖๖ ลงวนั ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๑๘ ซึง่ ประกอบดวยฝายทหารและฝา ยพลเรอื น
เพอ่ื ตรวจสอบท่ดี นิ แลวมคี วามเหน็ วา ทดี่ นิ ทง้ั สามแปลงมีการอยูอาศัยหรือทํากนิ มากอ นพระราชกฤษฎีกากําหนด
เขตตหวงหา มท่ีดนิ ฯ พ.ศ. ๒๔๘๑ และเห็นควรออกโฉนดทีด่ ินใหแ กผ ูขอทงั้ สามราย.ไดม ีการประกาศออกโฉนดท่ีดิน
ครบกาํ หนดแลวไมมีการคัดคาน และไดมีการเสนอเรื่องใหผูวาราชการจังหวัดกาญจนบุรีพิจารณาอนุมัติ
การออกโฉนดที่ดนิ ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ตามระเบียบกฎหมาย ในขณะน้ัน ตอมา
คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญ หาการบกุ รุกทดี่ นิ ของรัฐจงั หวัดกาญจนบุรี (กบร. จังหวดั กาญจนบรุ )ี ไดมีการประชมุ
พิจารณาเรื่องการออกโฉนดท่ีดินท้ังสามแปลง ตามท่ี นาง ห ผูรับมอบอํานาจของนางสาว ส, นาย ช และ
นางสาว ส ไดร อ งขอใหท างราชการพิสจู นสทิ ธใิ นที่ดนิ ท้งั สามแปลง ผลการพิจารณาปรากฏวา พยานบุคคลให
ถอ ยคาํ ยนื ยันวา มีการทาํ ประโยชนมากอ นการหวงหา มเปนที่ดินของรัฐ เมอื่ ป พ.ศ. ๒๔๘๑ ประกอบกับผลการ
อาน แปล ภาพถายทางอากาศ ท่ีทางราชการถายภาพพื้นที่ไวคร้ังแรก เม่ือป พ.ศ. ๒๔๙๕ ปรากฏรองรอย
การทาํ ประโยชนบ างสว น ทีป่ ระชุมจงึ ไดม ีมติใหสาํ นักงานทดี่ ินจงั หวัดกาญจนบุรีนําผลการอาน แปล ภาพถาย
ทางอากาศ ทีท่ างราชการถายภาพไวค รัง้ แรก เม่อื ป พ.ศ. ๒๔๙๕ ซ่ึงปรากฏรองรอยการทําประโยชนบางสวน
ตามลวดลายผลการอาน แปล ภาพถา ยทางอากาศมาใชในการพิจารณาแกไขโฉนดที่ดิน ตามมาตรา ๖๑ แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ เห็นวา ตามประเดน็ ทจ่ี งั หวดั หารือ เปน ปญหาขอเท็จจริงทีต่ อ งพิจารณาวา ทด่ี นิ ดงั กลา ว
ไดม ีการครอบครองและทําประโยชนใ นทด่ี นิ มากอ นการเปนทดี่ ินของรัฐ ตามสมควรแกสภาพทองถิ่นตลอดจน
สภาพของกจิ การทไี่ ดท าํ ประโยชนห รือไม ซ่งึ กรณที ี่ผลการอาน แปล ตคี วามภาพถายทางอากาศปรากฏรองรอย
การทาํ ประโยชนบางสว น ศาลไดเคยมีคําส่ัง หรือคําพิพากษาตามคําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ร. ๕๙๔/๒๕๔๖
คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๑๐๘๑๙/๒๕๕๗ และ คาํ พิพากษาศาลปกครองสงู สดุ คดหี มายเลขแดงที่ อ. ๓๙๗/๒๕๕๘
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดนิ
๒๙
รวมเรอ่ื งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทีด่ นิ
ในแนวทางเดยี วกนั วา ระเบียบสํานกั นายกรฐั มนตรี วา ดวยการแกไ ขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕
กาํ หนดใหค ณะอนุกรรมการแกไ ขปญหาการบกุ รุกที่ดินของรฐั (กบร. จังหวัด) มอี ํานาจหนา ทีก่ าํ กับติดตามดูแล
ใหส ว นราชการตา งๆ ดําเนินการใหเปน ไปตามมาตรการในการแกไ ขปญ หาและมาตรการในการปอ งกนั การบกุ รกุ
ท่ีดนิ ของรัฐและพิจารณาใหความเห็นเพื่อเปนแนวทางใหเจาหนาที่ของรัฐที่เกี่ยวของปฏิบัติเทานั้น มิไดให
อํานาจ เขาไปดาํ เนินการหรอื สัง่ การในเรอ่ื งทอี่ ยูใ นอาํ นาจหนา ทขี่ องหนว ยงานทางปกครองหรอื เจา หนา ทข่ี องรฐั ตาม
กฎหมาย โดยมติคณะอนกุ รรมการแกไ ขปญ หาการบุกรุกทดี่ ินของรฐั (กบร. จังหวัด) เปน เพยี งการสรุปขอเท็จจริง
และแนวทางเบ้ืองตนเพ่ือประกอบการพิจารณาของเจาพนักงานที่ดิน.เจาพนักงานท่ดี ินมีหนาท่ีตองทาํ การ
วินิจฉัยแลวดาํ เนนิ การตามประมวลกฎหมายทดี่ ิน สวนภาพถายทางอากาศเปนเพียงเคร่ืองมือหรือขอเท็จจริง
ประกอบการวินจิ ฉยั เก่ยี วกับการครอบครองแลทําประโยชนในทีด่ นิ พพิ าทเทา นัน้ ความแมน ยําในการอา น แปล
และตีความภาพถายทางอากาศ ตองมีการสํารวจศึกษาพ้ืนที่จริงรวมทั้งประสบการณในการปฏิบัติงานของ
เจาหนาท่ีผูเกี่ยวของดวย ในการพิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน จึงตองมีขอมูลหรือขอเท็จจริงอื่นมา
ประกอบการพิจารณาดวย ดังนั้น เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา การออกโฉนดที่ดินดังกลาวพนักงานเจาหนาท่ีได
ดาํ เนินการไปโดยถูกตองตามขน้ั ตอนคําส่ัง ระเบียบ และกฎหมายในขณะนัน้ เจา ของที่ดินขางเคียงไดลงชื่อรับรอง
เขตทดี่ ินตามระเบยี บ ผปู กครองทองทไี่ ดร ว มเปนพยานและตรวจสอบที่ดิน และมีการแตง ต้งั คณะกรรมการฯ ซึง่
มีผูแทนฝา ยทหารและฝายพลเรือนรวมตรวจสอบท่ดี นิ แลว มีความเหน็ วา ไดมีการอยู หรอื ทาํ กินมากอ นพระราช
กฤษฎกี ากําหนดเขตตห วงหา มที่ดินในทอ งที่อาํ เภอเมืองกาญจนบรุ ี อาํ เภอวงั ขนาย อําเภอบา นทวนและอาํ เภอวงั กะ
จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๔๘๑ จึงใหเจาพนักงานท่ีดินทําการออกโฉนดท่ีดินใหกับผูขอได ซึ่งสอดคลองกับ
ผลการอาน แปล ตีความภาพถายทางอากาศท่ีปรากฏวามีรองรอยการทําประโยชนบางสวน ประกอบกับ
เจา พนักงานทดี่ นิ จังหวัด พจิ ารณาแลวเห็นวา เปนการออกโฉนดทีด่ นิ โดยถกู ตองแลว เม่ือปจจุบัน ยังไมปรากฏ
ขอ เทจ็ จริงอื่นทเ่ี ปน เหตุใหต อ งดําเนนิ การเพกิ ถอนหรือแกไขโฉนดทด่ี นิ ตามมาตรา ๖๑ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมทดี่ ิน
๓๐
รวมเรอ่ื งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นที่ดิน
จึงตอ งถือวา โฉนดทด่ี ินดงั กลา วเปน โฉนดทอี่ อกไปโดยชอบดว ยกฎหมาย หากหนวยงานที่เก่ียวของหรือคูกรณีมี
ความเห็นวาถกู โตแ ยง สิทธกิ ค็ วรที่จะไปยนื่ คําฟองตอ ศาลเพ่อื ใหศาลมีคาํ สง่ั หรอื คําพพิ ากษาในเรอ่ื งดงั กลา วตอ ไป
๖. อา งอิง
หนังสอื กรมทด่ี นิ ดวนทสี่ ุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๕๕๔๐ ลงวนั ที่ ๙ มนี าคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารอื
จงั หวดั กาญจนบุรี
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓๑
รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทด่ี ิน
๒. เรอ่ื ง : ออกโฉนดท่ดี ินโดยไมไดแจง การครอบครอง รายนาย ธ
๓. ขอเท็จจรงิ : ประเดน็ ปญหา
จงั หวัดสง เร่ืองหารือกรมที่ดิน กรณี นาย ธ ไดย่ืนคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยมิไดแจงการ
ครอบครองท่ีดินตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายทีด่ นิ โดยอางวา ไดค รอบครองและทําประโยชนในที่ดิน
ตอ เน่อื งมาจากผคู รอบครองเดิม มากอนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ จังหวัดเห็นวา ผูขอมิไดใหถอยคําและ
แสดงหลักฐาน ใหเ ห็นวา ไดครอบครองและทาํ ประโยชนใ นท่ีดินตอเนื่องมาอยางไร มพี ยานหลักฐานใด จึงยังเช่ือ
ไมไดวาผูขอไดครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินมากอนประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ ประกอบกับ
ท่ีดินดังกลาวไมม หี ลกั ฐานสาํ หรบั ทด่ี นิ ตั้งอยใู นทองทจี่ งั หวัดภูเกต็ ซง่ึ เปนท่เี กาะ จงึ เปน ทดี่ นิ ที่ตอ งหามมิใหออก
โฉนดที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) ซึ่งกรณีดังกลาว เจาพนักงานท่ีดินตองมีคําส่ังไมรับคําขอและแจงสิทธิอุทธรณตาม
พระราชบัญญตั ิวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ใหผูขอทราบ แตเนื่องจากผูขอมีความประสงคให
จังหวดั หารือกรมท่ดี ิน และนําผลการหารือมาประกอบการพิจารณา โดยผขู อเห็นวา ท่ีดินท่ีขอออกโฉนดที่ดิน
ไมตอ งหามตามนยั ดังกลาวเพราะเปนการขอออกโฉนดที่ดินตามคําขอของนาง ศ ผูครอบครองท่ีดินเดิมที่ไดมี
การออกหนงั สือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ไว เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๗ จงึ หารือแนวทางปฏบิ ตั ิ
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน มาตรา ๕๙ ทวิ
๔.๒ พระราชบญั ญัติวธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๔
๔.๓ พระราชบัญญัติจัดตงั้ ศาลปกครองและวิธพี ิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๗ มาตรา ๔๙
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓)
๔.๕ คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดหี มายเลขแดงท่ี อ.๖๑/๒๕๔๘ ระหวาง นาย อ ผูฟองคดี
กบั รฐั มนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย ท่ี ๑ อธิบดกี รมท่ีดิน ที่ ๒ และเจา พนักงานที่ดินจงั หวัดภูเก็ต ที่ ๓ ผูถูกฟองคดี
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทดี่ นิ
๓๒
รวมเร่อื งทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในท่ีดิน
สรุปวา ศาลไดวินจิ ฉัยกรณีเจาพนกั งานทดี่ นิ จงั หวัดภูเก็ตปฏิเสธไมดําเนินการออกโฉนดท่ีดินใหผูฟองคดี ซ่ึงเปน
คาํ ขอท่ยี ืน่ ไวกอนกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ..๒๔๙๗ มีผลใชบังคับ แตเหตุท่ียังไมดาํ เนินการออกโฉนดท่ีดินเน่ืองจากมีขอพิพาทและฟองคดี ท่ีดินเปน
ที่เกาะตองหามมิใหอ อกโฉนดท่ีดิน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ขอ ๑๔ (๓) โดยศาลเห็นวา
การทจี่ ะพิจารณาวาทด่ี นิ แปลงใด จะออกโฉนดท่ีดินไดหรือไม ตองใชก ฎหมายและระเบียบในวันท่ีย่ืนคําขอออก
โฉนดทด่ี ิน ดังเชนภายหลงั วันท่ี ๑ เมษายน ๒๕๓๗ บุคคลทีไ่ ดน าํ ทดี่ นิ ที่มสี ภาพดังเชน ทด่ี นิ รายพพิ าท มายื่นคําขอ
ออกโฉนดท่ีดนิ เจาพนักงานที่ดนิ จังหวัดภูเก็ตจะตองปฏิเสธการรับคําขอในทันที เพราะเปนท่ีดินตองหามออก
โฉนดที่ดินตามกฎกระทรวงฉบบั ดงั กลา ว การพิจารณาถึงคุณสมบัติและสภาพที่ดินแปลงพิพาท จึงตองพิจารณา
จากบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบท่ีใชบังคับอยูในวันท่ีย่ืนคาํ ขอออกโฉนดท่ดี ิน เพราะกฎหมายและ
ระเบยี บท่ีกําหนดคณุ สมบตั แิ ละสภาพทด่ี ินท่จี ะออกโฉนดท่ีดินไดหรือไม เทียบเคียงไดกับกฎหมายสารบัญญัติ
ท่จี ะตอ งใชกฎหมายในขณะเกิดเหตมุ าบังคับใช จะนํากฎหมายสารบัญญัติในขณะพจิ ารณาคดมี าใชบ งั คบั ยอ นหลงั
ไมได สวนวิธีการวาตองดําเนนิ การอยางไรน้นั จะตองใชก ฎหมายในขณะดําเนินการ เม่ือผูฟองคดีย่ืนคําขอออก
โฉนดทีด่ ินแปลงพพิ าทตง้ั แตว นั ท่ี ๑๔ กมุ ภาพันธ ๒๕๒๘ และมกี ารตรวจสอบลกั ษณะและสภาพท่ีดินพิพาทไป
แลววาไมตองหาม ออกโฉนดที่ดินแตประการใด เจาพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตจะอางกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓
(พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ซ่ึงมีผลบังคับใชภายหลังจากที่ผูฟองคดียื่นคาํ ขอออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทไปแลว ๙ ปเศษ
มาปฏเิ สธการออกโฉนดท่ดี ินแปลงพพิ าทใหกบั ผูฟอ งคดี โดยอา งวาท่ดี ินแปลงพิพาทของผฟู อ งคดมี ลี กั ษณะตอ งหา ม
มิใหอ อกโฉนดทีด่ นิ ตามกฎกระทรวงฉบบั ดังกลาว จึงเปนการไมช อบดวยเหตผุ ลและความเปน ธรรมตามกฎหมาย
และระเบียบ
๔.๖ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ดว นทส่ี ุด ที่ มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๓๐๐๗ ลงวันท่ี ๔ กุมภาพันธ ๒๕๕๔
เร่อื ง การขอสรวมสิทธคิ ําขอรังวัดออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน สรุปวา กรณีท่ีมีการยื่นคําขอสรวมสิทธิหาก
ปรากฏวา ตําแหนงทด่ี ินทขี่ อสรวมสิทธไิ มตรงตามตาํ แหนงเดมิ ทเี่ คยย่ืนคาํ ขอและรังวดั ไว ถอื เปน การดาํ เนินการ
ทไ่ี มชอบดวยกฎหมาย กรมทด่ี ินจะพิจารณาดําเนนิ การเพกิ ถอนหนงั สอื แสดงสิทธิในท่ีดินแปลงน้ันตามมาตรา ๖๑
แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน และดาํ เนนิ การทางวินัยกับเจาหนาที่ที่เกี่ยวของทุกราย และกรณีท่ีมีการนําคําขอ
ออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทดี่ ินที่ไดมกี ารสัง่ ยกเลกิ คาํ ขอไปแลว มาดาํ เนนิ การอีกไมวากรณีใดๆ เปนการกระทําท่ี
ไมชอบดวยกฎหมายและระเบียบ หากตรวจสอบพบในภายหลังพนักงานเจาหนาท่ผี เู ก่ียวของจะตองรับผิดทงั้
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมที่ดิน
๓๓
รวมเร่ืองที่น่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ
ทางวินัยและทางอาญาทกุ ราย หากจังหวัดตรวจพบวา มกี ารยนื่ คําขอสรวมสิทธคิ ําขอรงั วดั ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิ
ในทด่ี นิ แลว ผลการรังวัดทด่ี นิ แปลงที่ขอสรวมสิทธิไมตรงตามตําแหนงกับแปลงท่ีดินท่ีเจาของท่ีดินเดิมนํารังวัดไว
หรือมกี ารนําคําขอทีไ่ ดม กี ารสงั่ ยกเลิกคาํ ขอไปแลวมาดําเนินการอีกถือไดวา เปนการออกหนังสือแสดงสิทธิใน
ท่ดี นิ ไปโดยไมชอบดว ยกฎหมาย ใหจงั หวดั รายงานกรมท่ีดิน เพอื่ ดาํ เนนิ การเพิกถอนตอไป
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ีดนิ พิจารณาแลว เหน็ วา ขอเท็จจริงปรากฏจากการตรวจสอบและสอบสวนของจังหวัด
ไดความวา นาย ธ ไดย่ืนคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยไมมีหลักฐานสําหรับที่ดิน ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ บนทเ่ี กาะซึ่งเปนท่ีดนิ ตองหามมิใหออกโฉนดท่ีดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) เวนแตมีหลักฐานการแจง
การครอบครองท่ีดิน ใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองทต่ี ราวา “ไดท าํ
ประโยชนแลว ” หรอื เปนผมู สี ทิ ธติ ามกฎหมายวาดว ยการจัดทีด่ นิ เพ่ือการครองชีพ หรอื ทีด่ นิ ทีค่ ณะกรรมการจัด
ที่ดินแหงชาตไิ ดอนมุ ตั ิใหจดั แกป ระชาชน หรือท่ีดินซ่ึงไดมกี ารจัดหาผลประโยชน ตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑
แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน โดยคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติไดอนุมัติแลว หรือเปนกรณีท่ีไดมีการย่ืนคําขอ
ออกโฉนดท่ีดนิ ไวก อนกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ดี นิ (พ.ศ. ๒๔๙๗) มผี ลใชบ งั คบั ดงั น้ัน เม่อื ท่ีดนิ ท่นี าย ธ ครอบครองทําประโยชนเ ปน ทเ่ี กาะและไมมี
หลกั ฐานสําหรบั ทดี่ ิน จึงเปน ท่ีดนิ ที่ตองหา มมิใหอ อกโฉนดทด่ี ินตามกฎหมาย เจา พนักงานทด่ี นิ ตอ งสง่ั ไมร บั คาํ ขอ
พรอ มท้ังแจง สิทธิอุทธรณแ ละสิทธิฟองคดีปกครอง ตามนัยมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติวธิ ีปฏิบัติราชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และมาตรา ๔๙ แหงพระราชบัญญัติจดั ตงั้ ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
พ.ศ. ๒๕๔๒
กรณที นี่ าย ธ อา งวา การขอออกโฉนดที่ดินดงั กลา วขางตน เปนการขอออกโฉนดทด่ี นิ โดยอาศัย
สิทธิตามคําขอของนาง ศ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ที่ไดออก น.ส. ๓ เลขที่ ๒๓๙ หมูที่ ๒ ตําบลกะรน
อาํ เภอเมืองภเู กต็ จังหวัดภูเก็ต ไว เห็นวา เม่อื ศาลฎกี าไดม ีคาํ พิพากษา ที่ ๘๕๓๐/๒๕๕๗ ให เพิกถอน น.ส. ๓
ดังกลาว เน่ืองจากเปน การออก น.ส. ๓ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ สําหรับที่ดินแปลงอืน่ ยอมเปนผลใหก ารรับคําขอ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมที่ดนิ
๓๔
รวมเร่อื งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ
ออก น.ส. ๓ ดงั กลา วไมชอบดว ยกฎหมายไปดวย และไมส ามารถนําคําขอดังกลาวมาดาํ เนินการสรวมสิทธิหรือ
ขอใชเ ปนหลักฐานในการขอออกโฉนดท่ีดินได
๖. อา งองิ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๖๑๕๗ ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จังหวัดภเู ก็ต
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมท่ีดนิ
๓๕
รวมเรอื่ งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดท่ดี ิน
๓. ขอเทจ็ จริง : ประเด็นปญหา
จงั หวดั สงเรอ่ื งหารือกรมท่ีดิน กรณี นาง ว ไดยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินโดยอาศัยหลักฐาน
แบบแจง การครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๘๘ หมทู ่ี ๔ ตําบลราชกรดู อาํ เภอเมอื ง จังหวัดระนอง โดยอางวา
ไดค รอบครองทาํ ประโยชนตอ เนื่องจากนาย ส ผแู จงการครอบครองที่ดิน ต้งั แตป พ.ศ. ๒๕๒๘ ผูค รอบครองเดิม
ไดท ด่ี นิ มาโดยการรบั มรดก เมอื่ ป พ.ศ. ๒๔๗๙ ชางรังวดั ไดออกไปทําการรังวัดพิสูจนสิทธิในที่ดินแลว ปรากฏวา
ตําแหนงท่ดี ินอยูในพื้นทด่ี ําเนินการของสาํ นักงานการปฏริ ูปทีด่ ินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สาํ นกั งานการปฏิรูป
ทด่ี ินจงั หวดั ระนองแจงวา ตาํ แหนง ที่ดนิ ท่ีขอออกโฉนดทีด่ ิน เดิมทางราชการไดประกาศเปนปาคุมครอง เม่อื พ.ศ.
๒๔๘๖ ประกาศเปนเขตปาสงวนแหงชาติ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ และประกาศเปนเขตปฏิรูปท่ีดิน เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๖
จังหวัดระนองพิจารณาแลวเห็นวา ที่ดินแปลงนี้ไดแจงการครอบครองเม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๘ เปนการแจงการ
ครอบครองท่ีดินภายหลงั วันทที่ างราชการไดป ระกาศใหท ่ดี ินบริเวณดงั กลาวเปนปาคมุ ครอง พ.ศ. ๒๔๘๖ แมผแู จง
การครอบครองท่ีดนิ อางวา ไดค รอบครองมรดกมาเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๙ แตไมปรากฏหลักฐานวา ไดม กี ารครอบครอง
ทดี่ นิ ดังกลาวมากอนพระราชบัญญตั ิออกโฉนดทด่ี ิน (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบ งั คับหรอื มหี ลกั ฐานการขออนญุ าต
จับจองกับทางราชการ ดังน้ัน การแจงการครอบครองท่ีดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ในภายหลัง จึงไมก อ ใหเกิดสิทธิขึ้นใหมแกผูแจงการครอบครองที่ดิน แตเพื่อความ
ชดั เจนจงึ หารอื กรมทด่ี ินเพ่ือเปนแนวทางปฏิบตั ิตอไป
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญัตใิ หใ ชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๒ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน มาตรา ๕๙
๔.๓ พระราชบัญญตั อิ อกโฉนดที่ดนิ รตั นโกสินทร ศก ๑๒๗ หมวด ๑๑
๔.๔ พระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๓ มาตรา ๕ มาตรา ๑๓
และมาตรา ๑๕
๔.๕ พระราชบญั ญตั ิออกโฉนดทีด่ นิ (ฉบบั ที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๕
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทด่ี ิน
๓๖
รวมเรื่องท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในทด่ี ิน
๔.๖ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๗ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎกี า เร่ือง ขอทบทวนการหารอื ปญ หาขอกฎหมายเกี่ยวกบั
การออกหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) และการแจง การครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) ในเขตอุทยานแหงชาติ
ตะรุเตา จังหวัดสตลู (หนงั สอื สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า ท่ี นร ๐๖๐๑/๒๑๗๒ ลงวันท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๓๖)
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมท่ดี ินพิจารณาแลวเห็นวา ตามท่ีจังหวัดหารือปรากฏขอเท็จจรงิ วา นาง ว ไดยื่นคําขอรังวัด
ออกโฉนดทีด่ นิ โดยอาศัยหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๘๘ หมูท่ี ๔ ตําบลราชกรูด อําเภอ
เมอื ง จงั หวัดระนอง ในพื้นทที่ เ่ี คยมกี ารประกาศเปนปา คมุ ครอง.เมือ่ ป พ.ศ. ๒๔๘๖ ตอ มาไดมีการประกาศเปนเขต
ปาสงวนแหงชาติ เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๗ และประกาศเปนเขตปฏิรูปท่ีดิน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๖ ซ่ึงตามแบบแจงการ
ครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) ระบวุ า ง นาย ส ไดทดี่ นิ มาโดยการรับมรดกเมื่อป พ.ศ. ๒๔๗๙ จึงเขาขอสันนิษฐาน
จากพยานเอกสารวา อาจมกี ารครอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดนิ อยูก อนวนั ท่ีพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน
(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบงั คับ แมวา การไดม าซง่ึ ทด่ี นิ โดยชอบดว ยกฎหมายในขณะน้ัน ตองมกี ารจบั จองที่ดนิ
ตามบทบญั ญตั หิ มวด ๑๑ วาดว ยการจองทดี่ นิ แหง พระราชบัญญัติการออกโฉนดที่ดิน รัตนโกสินทร ศก ๑๒๗
แตตอ มาไดมพี ระราชบญั ญตั ิออกโฉนดที่ดิน (ฉบบั ท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ บญั ญัตใิ หผูทค่ี รอบครองและทําประโยชน
ในท่ีดินกอนวันใชพระราชบัญญัติโดยมิไดรับอนุญาตหรือไมมีหนังสือสาํ คัญสาํ หรับท่ดี ิน ตองดาํ เนินการขึ้น
ทะเบียนที่ดินภายในเวลาที่กําหนด และพระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ มาตรา ๑๓
บัญญัติรับรองสิทธิของผูที่ครอบครองและ ทาํ ประโยชนในที่ดินซ่ึงยังไมมีหนังสือสาํ คัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน
หากไมดําเนินการข้นึ ทะเบยี นท่ีดนิ ภายในกําหนด มีโทษปรับไมเ กิน ๑๐๐ บาท โดยมิไดถ กู ตัดสทิ ธิการครอบครอง
ทด่ี นิ เหมอื นกรณกี ารครอบครองท่ีดินภายหลังพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบังคับ
และมาตรา ๑๕ แหงพระราชบญั ญัตอิ อกโฉนดทีด่ นิ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๔๘๖ ยังบัญญัติใหเ จาพนกั งานทดี่ ินสามารถ
ออกตราจองท่ีตราวา “ไดทาํ ประโยชนแลว” แกบุคคลดงั กลา วได จึงแสดงใหเหน็ วากฎหมายไดมีการรับรองสิทธิ
ครอบครองท่ดี ินดงั กลาว ท่ดี นิ ทมี่ กี ารครอบครองและทาํ ประโยชนจงึ ไมใชท ี่ดินทร่ี กรา งวา งเปลา ทรี่ ฐั อาจดาํ เนนิ การ
หวงหา มโดยการประกาศใหเปน เขตปาคุมครอง ตอมาเมือ่ มปี ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบังคับ ตามพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ ไดบัญญัติใหผูท่ีไดครอบครองและทําประโยชนในที่ดินอยูกอน
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ีดิน
๓๗
รวมเรอ่ื งทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน
วนั ทปี่ ระมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยไมมีหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิท่ีดิน แจงการครอบครองท่ีดินตอ
นายอาํ เภอทองทภ่ี ายในหนงึ่ รอ ยแปดสบิ วันนบั แตว ันทพี่ ระราชบญั ญัตนิ ี้ใชบังคับ หากไมแ จง การครอบครองทดี่ นิ
ภายในกําหนด ใหถือวาบุคคลน้ันเจตนาสละสิทธิครอบครองทีด่ ิน ดังน้ัน หากปรากฏวาท่ีดินดังกลาวไดมีการ
ครอบครองและทําประโยชนใ นทดี่ นิ อยกู อนวันท่พี ระราชบัญญตั ิออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ ใชบังคับ
ตลอดมา จนถึงวันท่ีพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใชบังคับ และไดมีการแจงการ
ครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) โดยชอบดวยกฎหมาย ผูครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินรวมถึงผูรับโอนท่ีดินยอมเปน
ผูมีสทิ ธคิ รอบครองในทดี่ ินโดยชอบดว ยกฎหมาย และสามารถขอออกโฉนดท่ีดินไดตามประมวลกฎหมายที่ดิน
(เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง ขอทบทวนการหารือปญหาขอกฎหมายเกี่ยวกับการออก
หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) และการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) ในเขตอุทยานแหงชาติตะรุเตา
จังหวดั สตลู ตามหนงั สือสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๖๐๑/๒๑๗๒ ลงวนั ที่ ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๓๖)
ดงั นั้น การพิจารณาออกโฉนดที่ดินในกรณีนี้ จึงเปนปญหาขอเท็จจริงที่เจาพนักงานที่ดินจะตองพิจารณา
ตรวจสอบจากพยานหลักฐานตางๆ ใหไดขอยุติ และพิจารณาดําเนินการเรื่องการออกโฉนดท่ีดินตามระเบียบ
กฎหมายและอาํ นาจหนา ที่ตอ ไป
๖. อางอิง หนงั สือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๖๑๕๘ ลงวันท่ี ๑๕ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือจงั หวัด
ระนอง
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทด่ี นิ
๓๘
รวมเรอื่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอื่ ง : หารอื การออกโฉนดทด่ี ินตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครอง
๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวัดสงเร่ืองหารอื .กรณี ศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดมีคําพิพากษาในคดีหมายเลขแดง
ท่ี ๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวนั ที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ใหเ จาพนกั งานทดี่ ินจังหวัดสุราษฎรธ านี สาขาเกาะสมุย ผูถูกฟอ งคดี
ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแก รอ ยตํารวจเอก ว และนาย จ ผูฟองคดี ภายใน ๖๐ วัน นับต้ังแตคําพิพากษา
ถึงทีส่ ุดคอื วนั ท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เนื่องจาก รอยตํารวจเอก ว และนาย จ ไดยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดท่ีดิน
จากหลกั ฐาน ส.ค. ๑ ไมมเี ลขท่ี หมทู ี่ ๒ ตําบลอางทอง อาํ เภอเกาะสมุย จงั หวัดสุราษฎรธานี แตเจาพนักงานท่ีดิน
จังหวดั สรุ าษฎรธ านี สาขาเกาะสมยุ ไดม ีคาํ สง่ั ยกเลิกคาํ ขอออกโฉนดที่ดินโดยเห็นวา ส.ค. ๑ ดังกลาวไมไดแจง
การครอบครองที่ดินไวโดยชอบดวยกฎหมาย ตอ มาศาลปกครองนครศรีธรรมราช ไดนัดไตสวนผูถูกฟองคดี
เพ่อื ใหป ฏิบตั ติ ามคําพพิ ากษา โดยเจาพนักงานทีด่ ินจงั หวัดสุราษฎรธานี สาขาเกาะสมุย ผูถูกฟองคดี ไดช ี้แจง
เหตขุ ดั ขอ งในการปฏิบัตติ ามคาํ พิพากษาวา เน่ืองจากท่ดี ินตั้งอยใู นเขตปา ไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่
๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๔ บางสวน ตองปฏิบัติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๗๙ และ ส.ค. ๑ แปลงดังกลาวไมมีเลขที่ ตองนํา ส.ค. ๑
เพิม่ ลงในทะเบียนการครอบครองทด่ี นิ กอ น ศาลปกครองนครศรธี รรมราชไดขอใหดาํ เนนิ การออกโฉนดท่ีดินใหแก
ผูฟองคดีใหแลวเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแตวันไตสวน (วันท่ี ๑๒ กุมภาพันธ ๒๕๕๘) โดยไมตองตรวจสอบ
ขอเท็จจริง หรือระเบียบ จึงหารือวา สํานกั งานท่ีดินจังหวัดสรุ าษฎรธ านี สาขาเกาะสมยุ จะดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ
ใหผ ฟู องคดตี ามคําพิพากษา โดยไมตองตรวจสอบขอเท็จจริง ระเบยี บ หรอื ขอ สงั่ การของกรมท่ดี ินไดหรือไม
๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คําสง่ั :
๔.๑ มาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ใิ หใชประมวลกฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๒ มาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใ ชป ระมวล
กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมทีด่ นิ
๓๙
รวมเร่อื งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ
๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพิจารณาแลว เห็นวา ตามคาํ พิพากษาศาลปกครองนครศรีธรรมราช คดหี มายเลขแดงท่ี
๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ปรากฏขอ เทจ็ จรงิ เปน ท่ยี ุติ โดยศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดพจิ ารณา
จากพยานหลกั ฐานแลวเชื่อวา นาย ก ไดแจง การครอบครองที่ดินตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ตอเจา หนา ทข่ี องรฐั แลว กรณไี มปรากฏรายละเอียดตามแบบแจงการครอบครองท่ีดิน
(ส.ค. ๑) และไมปรากฏรายการในทะเบียนการครอบครองท่ีดิน เปนกรณีที่เกิดจากการไมปฏิบัติตามคําสั่ง
กระทรวงมหาดไทย ท่ี ๑๒๔๔/๒๔๙๗ ลงวันท่ี ๙ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๗ ซึง่ ขอเท็จจรงิ ไมปรากฏวาเปนความบกพรอง
ของเจา หนา ทผี่ รู ับแจง หรอื เกิดจากความบกพรอ งหรอื การละเลยของนายแกว ผแู จง การครอบครองทดี่ นิ ผถู กู ฟอ งคดี
จึงไมอ าจอา งเหตุของความบกพรอง หรือความไมสมบูรณของแบบ ส.ค. ๑ ดังกลาวมาเปนเหตุในการปฏิเสธ
ไมออกโฉนดท่ีดินใหแกผูฟองคดีท้ังสอง จึงพิพากษาใหเจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสุราษฎรธานี สาขาเกาะสมุย
ดาํ เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ ให รอยตาํ รวจเอก ว และนาย จ
ดังนั้น แม ส.ค. ๑ ดังกลาวจะมีความบกพรองในเร่ืองความไมสมบูรณของแบบ ส.ค. ๑
แตการมีช่ือในทะเบียนการครอบครองที่ดินหรือไม มิใชสาระสาํ คัญท่ีจะทาํ ใหผูครอบครองที่ดินที่แทจริงตอง
เสียสิทธิในการครอบครองที่ดินไป สิทธิในท่ีดินของผูครอบครองที่ดินยังคงมีอยูตามเดิมตามความเห็นของ
สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดิน เม่ือศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดพิพากษาใหดําเนินการออกโฉนดท่ีดิน
ใหกับผูฟอง และที่ดินดังกลาวเปนที่ดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ิ ใหใชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๓) ที่กาํ หนดวา ที่เกาะไมรวมถงึ ที่ดนิ ของผูซ ึง่
มีหลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) จงึ ตองมีหลกั ฐาน ส.ค. ๑ มาประกอบการขอออกโฉนดท่ีดิน
ดังนั้น ในการดําเนินการออกโฉนดท่ีดินใหกับ รอยตาํ รวจเอก ว และนาย จ ตามคําพิพากษา ใหนําหลักฐาน
ส.ค. ๑ ทีเ่ จาของทีด่ ินมีอยู ทง้ั สองฉบับมาเปนหลกั ฐานประกอบการขอออกโฉนดทดี่ ิน และใหพ นักงานเจาหนาที่
หมายเหตุในเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวของวา “เปนการออกโฉนดที่ดินจากหลักฐาน ส.ค. ๑ ไมมีเลขท่ี
ตามคาํ พพิ ากษาศาลปกครองนครศรธี รรมราช คดหี มายเลขแดงท่ี ๒๓๗/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซ่ึงรับฟง
ไดว ามกี ารแจงการครอบครองทีด่ ินตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ แลว ”
เสร็จแลวใหพนักงานเจาหนาท่ีลงช่ือพรอม วัน เดือน ป กํากับไว สวนตําแหนงและขอบเขตของ ส.ค. ๑ เปน
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ีดนิ
๔๐
รวมเรอื่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในทีด่ ิน
ขอเท็จจริงซึ่งพนักงานเจาหนาท่ีจะตองตรวจสอบและพิจารณาจากพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบดวย
และดําเนนิ การออกโฉนดที่ดนิ ไปตามหลักเกณฑและวิธีการตามทกี่ าํ หนดไวในประมวลกฎหมายที่ดินตอไป
เนื่องจากเร่ืองนี้เปนเรื่องท่ีศาลปกครองนครศรีธรรมราชไดมีคําพิพากษาใหดําเนินการ
ออกโฉนดที่ดนิ ใหแ กผขู อโดยดว น จงึ เห็นควรใหจังหวดั เรงรัดและติดตามผลการดําเนินการ พรอมทั้งมีหนังสือ
แจง ความคบื หนาในการดําเนินการใหศ าลปกครองนครศรีธรรมราชและผูขอทราบเปน ระยะดวย
๖. อางองิ
หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๙๕๗ ลงวันท่ี ๒๒ มิถุนายน พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จงั หวดั สุราษฎรธานี
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ดี นิ
๔๑
รวมเรอื่ งท่ีน่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดนิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. เรอ่ื ง : หารือการรังวัดออกโฉนดทีด่ นิ
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดหารอื กรณี นาง บ กบั พวก ไดย นื่ คําขอรังวัดออกโฉนดทด่ี นิ จากหลกั ฐานหนังสอื รบั รอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๐ หมูท่ี ๑๐ ตาํ บลหนองเทพ อําเภอรัตนบุรี (ปจจุบันเปนอําเภอ
โนนนารายณ) จงั หวดั สุรนิ ทร จากการตรวจสอบปรากฏวา ตําแหนงท่ีดนิ ตัง้ อยูค าบเกี่ยวสอบอาํ เภอ คอื อําเภอ
โนนนารายณ ซ่ึงอยูในเขตพื้นทค่ี วามรบั ผิดชอบของสาํ นักงานทด่ี ินจงั หวดั สรุ ินทร สาขารตั นบุรี และอาํ เภอสนม
ซง่ึ อยูใ นเขตพ้นื ทคี่ วามรบั ผิดชอบของสาํ นักงานที่ดินจังหวดั สุรนิ ทร สาขาทาตูม โดยพ้ืนที่สวนใหญตามหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) แปลงดังกลาว อยูใ นเขตการปกครองของอําเภอสนม จงั หวดั สรุ ินทร จังหวัดเหน็ วา
ควรใหผมู ีชอ่ื ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ดําเนินการยื่นขอรังวัดแบงแยกท่ีดินใหเปนไปตาม
สัดสว นของพ้ืนทีเ่ ขตการปกครองในปจ จบุ นั รวมทง้ั ขอรังวัดแบงหักที่สาธารณประโยชน “หวยไผ” ไปในคราว
เดยี วกันแลว จึงใหผ ูข อไปยน่ื คําขอออกโฉนดทดี่ นิ เฉพาะรายตอ เจา พนกั งานทดี่ ิน ณ สาํ นกั งานท่ีดินท่ที ดี่ ินแปลงนน้ั ๆ
ตั้งอยูในเขตพ้ืนท่ีรับผิดชอบ แตเน่ืองจากเปนปญหาในทางปฏิบัติและกรมที่ดินไมไดกําหนดแนวทางปฏิบัติ
ในเรอื่ งนี้ จึงหารือวา จะสามารถดาํ เนินการตามท่จี ังหวดั มคี วามเห็นไดหรือไม ประการใด เพื่อเปนแนวทางในการ
ปฏิบตั งิ านของเจาหนา ท่ี
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๗๑
๔.๒ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๘ เรื่อง การออก
โฉนดท่ดี นิ หรือหนงั สือรับรองการทําประโยชนแปลงเดยี วหรอื หลายแปลงหรือเปน บางสว นไดว างแนวทางปฏบิ ตั ิ
สรุปไดว า กรณอี อกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายการขอออกโฉนดทีด่ ินเปนบางสว นหรือเฉพาะสว นในที่ดินที่มีหลักฐาน
ใบจอง (น.ส. ๓) หรือหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน หามมิใหก ระทาํ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๔๒
รวมเรอ่ื งทีน่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ
๔.๓ หนงั สอื กรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/๙๒๑๔ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๐๘ เรื่อง การเปล่ียนแปลง
เขตหมบู า นและตาํ บล (ตอบขอ หารอื จังหวัดแพร เวยี นใหทราบตามหนังสอื กรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๖๐๖/๓๗ ลงวันที่
๕ มกราคม ๒๕๐๙)
๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/๒๕๒๕๐ ลงวันท่ี ๓ กันยายน ๒๕๕๒ ตอบขอหารือ
จังหวัดพะเยา
๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพจิ ารณาแลวเหน็ วา เจา หนา ที่มคี วามเหน็ เปน สองฝาย ดงั น้ี
๕.๑ ฝา ยที่หน่งึ มีความเหน็ วา
ตามทจ่ี ังหวดั หารอื ปรากฏขอ เท็จจริงวา ตาํ แหนง ทด่ี นิ ทข่ี อรงั วดั ออกโฉนดทดี่ นิ โดยอาศยั
หลกั ฐานหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๒๐ หมูที่ ๑๐ ตาํ บลหนองเทพ อาํ เภอรัตนบุรี (ปจจุบัน
เปนอําเภอโนนนารายณ) จงั หวดั สุรนิ ทร อยูค าบเก่ยี วระหวา งเขตพนื้ ทกี่ ารปกครองของอาํ เภอโนนนารายณและ
อําเภอสนม จงั หวดั สุรนิ ทร โดยมีทสี่ าธารณประโยชน “หว ยไผ” ตดั ผานเปนเสนแบงเขตการปกครองระหวางอาํ เภอ
การท่สี ํานักงานที่ดินจงั หวัดสรุ นิ ทร สาขารัตนบุรี รบั คําขอออกโฉนดที่ดนิ เฉพาะสว นไวจึงเปนการดําเนินการท่ี
ไมถ กู ตอ ง เน่อื งจากไมปฏิบัตติ ามแนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันที่ ๓๐
ธันวาคม ๒๕๒๘ เร่ือง การออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนแปลงเดียวหรือหลายแปลงหรือ
เปน บางสว น
สาํ หรับแนวทางการแกไขปญหาดงั กลา วซง่ึ จังหวัดเหน็ วา ควรใหผูมชี อื่ ตามหนังสือรบั รอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓) ดาํ เนนิ การยืน่ ขอรงั วัดแบงแยกทดี่ ินใหเปนไปตามสัดสวนของพ้ืนที่เขตการปกครอง
ในปจจุบนั รวมทงั้ ขอรังวัดแบง หักทส่ี าธารณประโยชน “หว ยไผ” ไปในคราวเดยี วกัน โดยไปดําเนินการย่นื คําขอ
รงั วัดแบงแยกหนังสือรับรองการทาํ ประโยชนต ามทตี่ ง้ั ที่ดินทป่ี รากฏใน น.ส. ๓ คอื สํานักงานทด่ี ินจังหวัดสรุ นิ ทร
สาขารตั นบุรี และเมอ่ื ดาํ เนินการรงั วัดแบง แยกทีด่ นิ ในชั้นหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ใหกับผูขอ
แลวจงึ ใหผ ูขอนําหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) ไปยื่นคําขอออกโฉนดทด่ี ินเฉพาะรายตอ เจาพนกั งานทดี่ ิน
ณ สาํ นักงานทีด่ นิ จังหวัดสุรินทร สาขาทท่ี ่ีดนิ แปลงนนั้ ๆ ต้งั อยูใ นเขตพน้ื ท่ีรบั ผิดชอบน้นั เปน แนวทางแกไขปญ หา
ท่ีถกู ตองแลว
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน
๔๓
รวมเรื่องทนี่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดิน
๕.๒ ฝายท่ีสองเหน็ วา
ตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๓๐๙๙๕ ลงวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๒๘ เร่ือง
การออกโฉนดที่ดนิ หรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนแปลงเดยี วหรอื หลายแปลงหรอื เปน บางสวนนน้ั เปน การหา ม
มใิ หออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนเปนบางสว น ซ่ึงเปน การปอ งกันมใิ หเกิดปญหากรณมี กี าร
คัดคาน แตตามที่จังหวัดสุรินทรหารือ ปรากฏขอเท็จจริงวา ตําแหนงที่ดินท่ีขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน โดยอาศัย
หลักฐานหนงั สอื รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๒๐ หมทู ี่ ๑๐ ตําบลหนองเทพ อําเภอรตั นบุรี (ปจจุบัน
เปนอาํ เภอโนนนารายณ) จังหวัดสุรนิ ทร อยูค าบเก่ียวระหวา งเขตพน้ื ท่กี ารปกครองของอาํ เภอโนนนารายณและ
อาํ เภอสนม จงั หวัดสุรนิ ทร โดยมที ่สี าธารณประโยชน “หวยไผ” ตัดผานเปนเสนแบงเขตการปกครองระหวาง
อําเภอนนั้ เปนกรณีการแบง แยกอาํ เภอออกไปภายหลัง การท่จี ะดาํ เนินการรังวดั แบง แยกทีด่ ิน แลวใหเจา ของที่ดิน
นําท่ีดินแปลงหน่งึ ท่แี บงแยกไปย่ืนคําขอออกโฉนดที่ดิน จะมีปญหาในเรื่องอํานาจหนาท่ีของเจาพนักงานที่ดิน
และผูปกครองทอ งท่ใี นเขตพนื้ ท่ที ่รี บั ผดิ ชอบ ดังนนั้ จึงควรแกไขปญหาโดยการใหส าํ นกั งานท่ีดินจังหวัดสุรินทร
สาขารตั นบุรี ดําเนนิ การออกโฉนดท่ีดินเฉพาะสวนท่ีอยูในพ้ืนท่ีรับผิดชอบ และใหหมายเหตุในหนังสือรับรอง
การทําประโยชน (น.ส. ๓) วา “หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ฉบับน้ีไดมีการออกโฉนดที่ดินไป
บางสวน เปนโฉนดทด่ี นิ เลขท.ี่ ....แตวนั ท.ี่ ....เน่ืองจากมกี ารแบง แยกเขตการปกครองออกเปน สองอําเภอ” เสร็จแลว
ใหสงสาํ เนาเอกสารท่ีเก่ียวของใหสาํ นักงานท่ีดินจังหวัดสุรินทร และแจงผขู อทราบมาดาํ เนินการย่ืนคาํ ขอออก
โฉนดทด่ี นิ เฉพาะสว น ณ สาํ นักงานท่ดี นิ จงั หวดั สรุ นิ ทร สาขาทาตูม ตอไป
กรมที่ดินพิจารณาแลว เห็นดวยกบั ความเหน็ ฝายท่ีสอง และเหน็ ควรแจงใหจ ังหวัดทราบ
๖. อางอิง
หนงั สือกรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๓๑๑๓ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอบขอหารอื
จงั หวัดสุรินทร
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี นิ
๔๔
รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. เรอื่ ง : หารอื การพสิ ูจนส ิทธิการครอบครองท่ีดินของบคุ คลในเขตท่ดี ินของรฐั
๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวดั สงเรอ่ื งหารือแนวทางปฏิบตั ริ าชการ กรณี กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการพิสจู นสิทธิ
การครอบครองท่ีดนิ ของบคุ คลในเขตท่ดี นิ ของรัฐ วา คณะอนกุ รรมการแกไ ขปญหาการบุกรกุ ทดี่ ินของรฐั จงั หวดั ตรงั
(กบร. จงั หวัดตรงั ) ไดพจิ ารณาการพิสูจนส ิทธิในทดี่ ินของราษฎร หมูท ่ี ๑ และ หมทู ่ี ๖ ตาํ บลโคกสะบา อาํ เภอนาโยง
จังหวดั ตรงั ซงึ่ ไดข อออกโฉนดทดี่ นิ ตามหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี นิ (ส.ค. ๑) ในเขตที่สาธารณประโยชน
“คลองลําชาน” ซึ่งขึน้ ทะเบยี นทีส่ าธารณประโยชนไวเ มอื่ พ.ศ. ๒๔๗๓ นอกจากพยานบุคคล สาํ นักงานทด่ี ินจงั หวดั
ตรังไดเ สนอหลกั ฐานของวัด ท จดั ตงั้ วัดเม่อื พ.ศ. ๒๔๖๐ และไดแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) โดยระบุวา
ไดที่ดินมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ และ พ.ศ. ๒๔๖๒ อนุมานไดวา เมื่อมีวัดยอมมีชุมชน จึงนาจะมีการครอบครอง
ทาํ ประโยชนในทด่ี ินมากอ นการเปนทสี่ าธารณประโยชน และคณะอนุกรรมการแกไขปญ หาการบกุ รกุ ทด่ี นิ ของรฐั
จังหวัดตรัง (กบร. จงั หวัดตรัง) ไดต รวจสอบสภาพพื้นทบี่ ริเวณท่สี าธารณประโยชน “คลองลําชาน” แลว ปรากฏวา
มที างหลวงแผน ดินหมายเลข ๔๑๒๔ (นาโยง-ยานตาขาว) ตดั ผาน ตลอดแนวสองขางทางมีชุมชน รานคา และ
บานอยอู าศยั อกี ทง้ั มีวัด ท และโรงเรียน บ ต้ังอยูในพื้นที่ดังกลาวดวย พื้นท่ีนอกจากนี้มีการทําสวนยางพารา
และนาขาวเพยี งเลก็ นอย ไมมีสภาพเปนทุงหญาเลี้ยงสัตวแตอยางใด ที่ประชุมคณะอนุกรรมการแกไขปญหา
การบุกรุกท่ีดินของรัฐจงั หวดั ตรัง (กบร. จังหวัดตรัง) ไมอาจพิจารณากรณีดังกลาวใหเปนที่ยุติได จึงมีมติใหสง
เรอ่ื งหารือคณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ (กบร. กลาง) และกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง
จังหวัดไดพจิ ารณาแลว เห็นวา ในการพิสูจนส ทิ ธิการครอบครองทดี่ ิน หาก ส.ค. ๑ ระบุการไดมาภายหลังการ
เปนที่ดินของรัฐ และไมแนชัดวาไดครอบครองทําประโยชนมาตั้งแตเมื่อใด กอนหรือหลังการเปนท่ี
สาธารณประโยชน หากสอบสวนพยานบุคคลจนไดขอเท็จจริงเปนที่ชัดเจนและยุติไดวามีการครอบครอง
ทําประโยชนม ากอนการเปนท่ดี นิ ของรัฐ และผลการอาน แปล ตคี วามภาพถายทางอากาศของกรมแผนทีท่ หารแลว
ปรากฏรองรอยการทําประโยชน ก็สามารถรับฟงพยานบุคคลได ไมอยูในบังคับมาตรา ๙๔ แหงประมวล
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมทด่ี ิน