The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (ปี 2559)

สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ

Keywords: ด้านบริหารงานที่ดิน

๔๕

รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ดี ิน

กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง เนือ่ งจาก ส.ค. ๑ เปน เพียงหลกั ฐานการแจง การครอบครองเทานัน้ สามารถนําสบื
เกีย่ วกบั ส.ค. ๑ ได ไมเ ปนการนาํ สบื แกไข ส.ค. ๑ แตอยา งใด จงึ หารอื วาความเหน็ จังหวดั ถูกตองหรอื ไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คาํ สั่ง
๔.๑ พระราชบัญญัติใหใชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ มาตรา ๕
๔.๒ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๕๖/๑, ๕๙ และ ๕๙ ทวิ
๔.๓ ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
มาตรา ๙๔ “เมื่อใดมีกฎหมายบังคับใหตองมีพยานเอกสารมาแสดง หามมิใหศาล

ยอมรับฟงพยานบุคคลในกรณอี ยา งใดอยางหน่งึ ดังตอไปนี้ แมถ งึ วาคูค วามอกี ฝายหน่งึ จะไดย นิ ยอมก็ดี
(ก) ขอสบื พยานบคุ คลแทนพยานเอกสาร เม่ือไมส ามารถนาํ เอกสารมาแสดง
(ข) ขอสบื พยานบคุ คลประกอบขอ อางอยา งใดอยา งหน่งึ เม่ือไดน าํ เอกสารมาแสดงแลววา

ยงั มีขอความเพม่ิ เตมิ ตดั ทอน หรือเปลีย่ นแปลงแกไขขอความในเอกสารน้ันอยูอีก
แตว า บทบัญญตั แิ หงมาตราน้ี มิใหใ ชบังคบั ในกรณีมีบัญญัตไิ วใ นอนุมาตรา (๒)แหง มาตรา ๙๓

และมใิ หถอื วา เปน การตัดสทิ ธคิ คู วามในอันที่จะกลา วอา งและนําพยานบคุ คลมาสบื ประกอบขออา งวา พยานเอกสาร
ทแี่ สดงน้นั เปนเอกสารปลอมหรือไมถูกตองท้ังหมด หรือแตบางสวน หรือสัญญาหรือหนี้ อยางอ่ืนที่ระบุไวใน
เอกสารนนั้ ไมสมบูรณ หรือคูความอกี ฝา ยหนง่ึ ตคี วามหมายผดิ ”

๔.๔ คําพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๘๙๐/๒๕๐๘ สรุปวา ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันท่ี ๑
ธันวาคม ๒๔๙๗ ใหผูครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับไปแจง
การครอบครองทีด่ ินตามแบบ ส.ค. ๑ ตอ นายอําเภอทอ งที่ โดยมีกํานนั หรือผใู หญบา นรบั รองวา ขอ ความถกู ตอง
และเปน ความจริงนั้น เปนประกาศกําหนดหลักเกณฑและวิธีการใหผ ูแจง การครอบครองที่ดนิ ปฏิบัติ ไมใชประกาศ
กาํ หนดหนาทข่ี องกํานนั ผใู หญบ า น การเซน็ ชือ่ รับรองในหนงั สือแจงการครอบครองท่ีดนิ ดังกลาวเปน แตเ พยี งพยาน
เทานัน้ ไมใชร บั รองวา หนงั สือน้ันเปน เสมือนหนงั สือราชการ ดงั นัน้ ส.ค. ๑ จึงไมใชเอกสารสิทธิอันเปนเอกสาร
ราชการ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๔๖

รวมเรือ่ งทน่ี ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ

๔.๕ คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๗๖/๒๕๐๙ สรุปวา แบบแจงการครอบครองท่ีดนิ (ส.ค. ๑) เปน
หลกั ฐานอยางหนงึ่ ที่แสดงวาขณะยื่นแบบ ส.ค. ๑ นัน้ ผูแจง อางวาท่ีดินเปนของผแู จงเทา นน้ั สวนความจริงผูใด
จะมีสทิ ธคิ รอบครองนน้ั จะตองพจิ ารณาจากพยานหลักฐานในสํานวน

๔.๖ คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๓๑-๑๘๓๘/๒๕๑๗ พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕ บัญญัตใิ หผ คู รอบครองและทาํ ประโยชนในที่ดินแจงการครอบครองไวเพือ่ ทีร่ ฐั จะทราบวา
ผูใดมสี ิทธคิ รอบครองในทดี่ นิ นนั้ ๆ ไมใชว า ถาไมแ จง การครอบครองแลวผูครอบครองที่ดินจะเสียไปซ่ึงสิทธิการ
ครอบครองทีม่ อี ยกู อนนน้ั ไม

๔.๗ คําพิพากษาฎีกาที่ ๓๕๘/๒๕๑๘ สรุปวา ส.ค. ๑ มิใชพยานท่ีกฎหมายบังคับใหตองมี
เอกสารมาแสดงไมอยใู นบงั คบั มาตรา ๙๔ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ท่ีไมใหสืบพยานบุคคล
แกไ ข

๔.๘ มาตรการของคณะกรรมการแกไ ขปญ หาการบกุ รุกที่ดินของรัฐ เร่ือง การพิสูจนสิทธิการ
ครอบครองทดี่ ินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ สรปุ วา คณะกรรมการแกไขปญหาการบุกรุกท่ีดินของรัฐ (กบร.)
ไดวางมาตรการเร่ืองการพิสจู นส ทิ ธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตท่ดี นิ ของรฐั ไวด งั ตอ ไปนี้

(๑) เอกสารทีท่ างราชการทําขน้ึ และพิสูจนไดวาเปนเอกสารซึ่งลงวันที่กอนการเปนที่ดิน
ของรฐั หรอื

(๒) เอกสารทที่ างราชการทําข้นึ และพิสูจนไดวาเปนเอกสารซึ่งลงวันที่กอนการเปนท่ีดิน
ของรฐั แตก อนวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายทดี่ ินใชบังคบั (วันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๔๙๗) โดยเอกสารดังกลาวมีขอความ
แสดงวาไดครอบครองทาํ ประโยชนใ นท่ดี ินแปลงนัน้ มากอ นการเปน ทดี่ ินของรัฐ

(๓) พยานหลักฐานอ่ืนนอกจากขอ (๑) หรือ (๒) เชน ส.ค. ๑ หรือพยานบุคคล เปนตน
เมอ่ื พจิ ารณาแลว เห็นวาพยานหลกั ฐานน้ันมสี วนสนับสนุนคํากลาวอางวา มกี ารครอบครองทําประโยชนมากอน
การเปน ทีด่ นิ ของรฐั ใหด าํ เนนิ การอา นภาพถายทางอากาศของกรมแผนท่ีทหารท่ีถายภาพพ้ืนที่นั้นไว เปนครั้ง
แรกหลังจากเปนทีด่ นิ ของรัฐ หากปรากฏรองรอยการทาํ ประโยชนในที่ดินอยูในภาพถายทางอากาศ จึงจะเช่ือ
ตามพยานหลกั ฐานอนื่ นน้ั

๔.๙ หนงั สอื กรมท่ดี ิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๙๔๗๓ ลงวันท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เรอ่ื ง การออก
หนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ ินในเขตที่ดินของรฐั ขอ ๒ สรุปวา การออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดินในเขตท่ีดินของรัฐ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมที่ดนิ

๔๗

รวมเร่ืองที่น่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ

ประเภททสี่ งวนหวงหา มตามประกาศสงวนหวงหามท่ดี นิ หรือตามพระราชกฤษฎีกาสงวนหวงหามท่ีดินราชพัสดุ
และท่ีดินอนั เปน สาธารณสมบตั ิของแผน ดนิ สําหรับพลเมืองใชรวมกัน กรณีท่ีปรากฏโดยชัดแจงตามเอกสารซึ่ง
ผขู อนาํ มาเปน หลักฐานในการยืน่ คําขอออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินวา ไดมีการครอบครองทําประโยชนในที่ดิน
ภายหลัง จากการเปนทดี่ ินของรฐั ดงั กลา ว ใหเจาพนกั งานที่ดินส่ังยกเลิกคาํ ขอของผูข อ พรอ มทง้ั แจง ใหผ ขู อทราบ
เพ่ือดําเนนิ การตามพระราชบัญญัติวิธปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ตอไป

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพจิ ารณาแลว เจาหนา ทมี่ คี วามเหน็ เปนสองฝาย ดังน้ี
๕.๑ ฝา ยทห่ี น่ึง มคี วามเหน็ วา
ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหผทู ี่

ไดครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินอยูกอ นวันท่ีประมวลกฎหมายทีด่ นิ ใชบ งั คับ โดยไมมีหนังสือสําคัญแสดง
กรรมสิทธิ์ท่ีดิน ไปดําเนินการแจงการครอบครองท่ีดินตอนายอําเภอทองท่ี โดยการแจงการครอบครองท่ีดิน
ดังกลา วไมกอใหเ กดิ สทิ ธขิ ้ึนใหมแ กผแู จงแตป ระการใด และศาลฎกี าไดเ คยวินิจฉัยวา แบบแจง การครอบครองทีด่ ิน
(ส.ค. ๑) เปนเอกสารท่ีผูครอบครองทด่ี นิ ยนื่ ตอ เจา พนกั งาน เพอ่ื แสดงวา ทดี่ นิ อยใู นความครอบครองของตนกอน
วันใชบ งั คบั ประมวลกฎหมายท่ีดนิ ไมใชเอกสารทเี่ จา หนาทท่ี ําขน้ึ การทีเ่ จาพนักงานลงเลขรบั ลงช่ือกาํ กบั และ
ประทับตรา เปน การแสดงใหเห็นเพียงวา เอกสารน้ีผา นเจา พนักงานแลวเทาน้นั ไมท าํ ใหห นงั สอื แบบแจงการครอบครอง
ท่ีดินท่ีผูแจงทาํ กลายเปนหนังสือที่เจาพนักงานทําไปได และไมมีขอความหรือความหมายเปนการรับรอง
หนงั สือแจงการครอบครองทดี่ นิ ตามแบบแตอยา งใด ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยใหแจงการครอบครองท่ีดิน
ตามแบบ ส.ค. ๑ ตอนายอําเภอทองทโี่ ดยมกี ํานัน หรอื ผใู หญบา นรบั รองวาขอความถูกตองตามความเปนจรงิ น้นั
เปนเพยี งประกาศแจงใหผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินกอนวันใชบังคับประมวลกฎหมายที่ดินไปแจง
การครอบครองตามหลักเกณฑว ธิ กี าร ใหผูแจงการครอบครองที่ดินปฏิบัติสวนหนึ่งไมใชเปนการประกาศกําหนด
หนาที่ของกํานัน หรือผูใหญบาน การท่ีกาํ นัน ผูใหญบาน เซ็นชื่อรับรองในหนังสือแจงการครอบครองท่ีดิน
(ส.ค. ๑) จงึ ไมใชเอกสารสทิ ธิอันเปน เอกสารราชการ (ฎีกาท่ี ๘๙๐/๒๕๐๘) แบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑)
เปน หลกั ฐานอยา งหนง่ึ ซ่งึ แสดงวาในขณะย่ืน ส.ค. ๑ นั้น ผแู จงอางวาทดี่ นิ เปน ของผูแ จงเทาน้ัน สวนความจริง
ผูใดจะมีสิทธิครอบครองน้ันจะตองพิจารณาจากพยานหลักฐานในสํานวน (ฎีกาท่ี ๖๗๖/๒๕๐๙) การแจงการ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมท่ดี ิน

๔๘

รวมเรอื่ งที่น่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ดี ิน

ครอบครองที่ดินทรี่ ฐั จะทราบวา ผูใ ดมีสทิ ธคิ รอบครองในทน่ี ั้นๆ ไมใ ชว า ถา ไมแ จงการครอบครองแลวผูครอบครอง
ที่ดินจะเสียไปซ่ึงสิทธิการครอบครองท่ีมีอยูกอนนั้นไม (ฎีกาที่ ๑๘๓๑-๑๘๓๘/๒๕๑๗) ดังน้ัน ตามประเด็นท่ี
หารือ แบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) จึงเปนเพียงเอกสารหลักฐานที่ใชประกอบในการย่ืนคําขอออก
หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน และขอความที่ระบุในแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ท่ีระบุวา ไดที่ดินมา
ภายหลังการเปนที่ดินของรัฐ จึงเปนขอสันนิษฐานหรือพยานหลักฐานในเบื้องตนท่ีทําใหเชื่อไดวา ผูขอออก
หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินไดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินมากอนหรือภายหลังการเปนที่ดินของรัฐ แตหาก
ขอ เทจ็ จริงปรากฏพยานหลกั ฐานอนื่ ท่ีชดั เจนและเปน ท่ีเชื่อไดวา ทด่ี ินท่ีขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินไดมีการ
ครอบครองและทาํ ประโยชนมากอ นการเปน ท่ดี ินของรฐั ก็เปน ดลุ ยพินจิ ของเจาพนกั งานท่ีดินตามอํานาจหนาท่ี
ทจี่ ะพจิ ารณาในการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ ไมใ ชเปน การนําสบื เพือ่ หักลา งพยานเอกสารตามนัยมาตรา ๙๔
แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง แตอยางใด โดยในการพิจารณาออกโฉนดที่ดินขอใหพิจารณา
ขอเท็จจรงิ ในประเด็นการครอบครองตอเนอื่ ง และกรณีการออกหนังสือสําคัญสําหรับที่หลวง วา มีการโตแยง
คัดคา นหรอื ไม อยางไรดวย

๕.๒ ฝา ยที่สอง มีความเหน็ วา
ที่สาธารณประโยชน “คลองลําชาน” ไดประกาศสงวนหวงหา มเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๓ เปน ที่ดิน

ตองหามมใิ หอ อกโฉนดท่ดี นิ ตามกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๔) ยกเวนบริเวณซึ่งมีผูครอบครองทําประโยชนโดยชอบดวย
กฎหมายตอเนื่องกันมากอนการเปนที่สาธารณประโยชน เมื่อประมวลกฎหมายท่ีดินประกาศใชบังคับแลว
มาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญัตใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ กําหนดใหผคู รอบครองและทาํ ประโยชน
ในท่ดี นิ อยกู อ นวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบังคับ โดยไมม หี นังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในท่ีดินแจงการครอบครอง
ทด่ี นิ (ส.ค. ๑) ได สาํ หรบั กรณที ีห่ ารอื นัน้ ผูแจงการครอบครองทด่ี นิ (ส.ค. ๑) ไดแ จงการครอบครองในขณะทดี่ ิน
ดงั กลาวมีสถานะเปน ทีด่ นิ ของรัฐ โดยแจงวาไดท ่ีดินมาโดยการกนสรา ง หรอื เบิกสรางดวยตนเอง หรือโดยการ
จบั จองภายหลงั จากทที่ างราชการประกาศใหท ด่ี นิ บรเิ วณดังกลาวเปนท่ีสาธารณประโยชนแลว จึงเปนการเขา
ครอบครองทาํ ประโยชนภ ายหลังการเปนทีด่ ินของรฐั การแจง การครอบครองไมก อใหเ กิดสทิ ธิใดๆ ในทด่ี ินแกผแู จง
กรณที จี่ ังหวัดเสนอวา เมอื่ มกี ารจดั ตั้งวัดจึงนาจะมีชุมชนมากอน ไมปรากฏหลักฐานชัดเจนวาที่ดินแปลงที่ขอ
ออกโฉนดเปน ชมุ ชนมากอ น ประกอบกับการอาน แปล ตีความภาพถายทางอากาศ เปนภาพถายทางอากาศ

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมทดี่ นิ

๔๙

รวมเรื่องที่น่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ

ป พ.ศ. ๒๕๐๙ แมปรากฏรองรอยการทําประโยชนในทด่ี ิน แตอาจเปน การเขามาทําประโยชนในท่ีดินขณะแจง
หรือภายหลังจากการแจง ส.ค. ๑ ในขณะท่ีดินดังกลาวไดมีการสงวนหวงหามเม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๓ ดังนั้น ตาม
ประเดน็ ทห่ี ารือเปน กรณที ี่มีหลักฐานชัดแจงวา ผขู อไดที่ดนิ มาภายหลงั การเปน ที่ดนิ ของรฐั จึงไมส ามารถนํา ส.ค. ๑
ดงั กลา ว มาใชเ ปน หลักฐานในการ ขอออกโฉนดที่ดินได ซึ่งตามหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๙๔๗๓
ลงวนั ท่ี ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เรอื่ ง การออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดินในเขตท่ีดินของรัฐ ขอ ๒ ไดวางแนวทาง
ปฏิบัติไวแลว วา กรณีท่ีปรากฏชัดแจงตามเอกสารซึ่งผูขอนํามาเปนหลักฐานในการย่ืนคําขอออกหนังสือ
แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ินวา ไดมกี ารครอบครองทาํ ประโยชนในที่ดนิ ภายหลงั การเปนที่ดนิ ของรฐั ใหพ นกั งานเจา หนา ท่ี
ส่ังยกเลิกคําขอพรอมทั้งแจงใหผูขอทราบเพ่ือดําเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ในทางปฏิบัติเจาพนักงานที่ดินจึงตองสั่งยกเลิกคําขอออกโฉนดที่ดินและแจงผูขอทราบ ตามนัย
หนังสอื ดงั กลาว

กรมที่ดนิ พิจารณาแลว เหน็ ดว ยกบั ความเหน็ ฝา ยท่สี อง และเห็นควรแจงใหจังหวดั ทราบ

๖. อางองิ

หนงั สือกรมทีด่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๕๖๕ ลงวนั ท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ตอบขอ หารือจงั หวดั ตรงั

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทด่ี ิน

๕๐

รวมเรื่องท่นี า่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอ่ื ง : ขอหารอื กรณกี ารรังวัดเปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก.

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวดั สงเรื่องหารือกรณผี ูตรวจราชการกรมทีด่ ิน ไปตรวจราชการสํานักงานทด่ี ินอําเภอทุง เสลีย่ ม

จังหวดั สโุ ขทัย ตามแผนการตรวจราชการประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗
และใหหารอื แนวทางปฏบิ ตั ิ กรณีการรงั วดั เปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ในทอ งที่อาํ เภอทุงเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
ซ่ึงอยใู นเขตพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตหวงหามที่ดินในทองที่ตําบลบานไร อาํ เภอศรีสําโรง ตําบลทุงเสลี่ยม
และตาํ บลเมอื งบางยม อาํ เภอสวรรคโลก จังหวัดสโุ ขทัย พ.ศ. ๒๔๘๖ เขตพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตหวงหามทดี่ ิน
ปา ดงขาในทอ งท่ตี ําบลทุงเสลี่ยม อําเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. ๒๔๙๑ และท่ีดินสาธารณประโยชน
“ทุงเล้ียงสัตว”.จํานวน ๓ แปลง เนื้อทป่ี ระมาณ ๖๖,๔๗๕ ไร ซึ่งนายอําเภอสวรรคโลกไดประกาศหวงหาม
ขน้ึ ทะเบียนทีส่ าธารณประโยชนไวเมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ มกราคม ๒๔๗๑ เปนการดําเนินการโดยชอบดวยกฎหมายหรือไม
จังหวัดเห็นวาการรังวัดเปล่ียน น.ส.๓ เปน น.ส.๓ ก. ไมใชเปนการออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหม
สามารถดาํ เนนิ การเปลีย่ น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ได จงึ หารือวาความเหน็ ของจังหวดั ถกู ตอ งหรือไม

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญัตปิ ฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตร ๔๒ วรรค ๒
๔.๒ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน มาตรา ๖๙ ทวิ วรรค ๖
๔.๓ ระเบียบกรมทีด่ ิน วา ดว ยการแบงแยกและตรวจสอบเนื้อท่ีหนังสอื รบั รองการทําประโยชน

พ.ศ. ๒๕๒๙ ขอ ๘, ขอ ๒๒.๓
๔.๔ หนงั สอื กรมทดี่ นิ ท่ี มท ๐๗๒๘/ว ๒๒๖๓๓ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๔๔ เร่ือง การเพิกถอน

หรอื แกไ ขการออกหนังสือแสดงสิทธิในทีด่ ินหรอื การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรมเกยี่ วกบั อสงั หาริมทรพั ย

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมท่ดี ิน

๕๑

รวมเรอื่ งทนี่ ่าสนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพจิ ารณาแลว เห็นวา กรณกี ารรังวัดเปล่ยี น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ในทองที่อําเภอทุงเสลี่ยม

จังหวัดสุโขทัย ซึ่งอยูในเขตพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตหวงหามที่ดินในทองท่ีตําบลบานไร อําเภอศรีสําโรง
ตําบลทงุ เสลี่ยม และตําบลเมืองบางยม อําเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. ๒๔๘๖ เขตพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตหวงหามท่ีดนิ ปาดงขา ในทองทต่ี ําบลทงุ เสลี่ยม อาํ เภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. ๒๔๙๑ และ
ทด่ี นิ สาธารณประโยชน “ทุงเลย้ี งสตั ว” หากตราบใด น.ส..๓ ดงั กลา วยงั ไมถ กู เพิกถอนยอ มมีผลตามกฎหมายอยู
ตามพระราชบัญญัตวิ ธิ ีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙มาตรา ๔ วรรค ๒ การรังวัดเปลี่ยน น.ส. ๓ เปน
น.ส. ๓ ก. เปน การตรวจสอบเน้อื ทหี่ นงั สือรบั รองการทาํ ประโยชน ซึง่ ตองดาํ เนินการตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรค ๖
แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และระเบียบกรมที่ดิน วาดวยการแบงแยกและตรวจสอบเนื้อที่หนังสือรับรอง
การทําประโยชน พ.ศ. ๒๕๒๙ ขอ ๘, ขอ ๒๒.๓ มิใชเปนการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ซ่ึงพนักงานเจาหนาท่ี
เกรงวา น.ส. ๓ ดังกลาวอาจมีการเพิกถอนแกไขในภายหลัง พนักงานเจาหนาทีช่ อบทีจ่ ะแจงใหผูขอทราบถึง
เหตทุ ่ี น.ส. ๓ นน้ั อาจถกู เพิกถอนหรือแกไ ขการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ หรอื การจดทะเบียนสทิ ธิและนติ ิกรรม
เกย่ี วกบั อสังหาริมทรพั ย

๖. อางองิ หนงั สอื กรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๔๖๔๔ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอ หารือ
จังหวัดสุโขทัย

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมท่ีดนิ

๕๒

รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอ่ื ง : หารอื กรณีกระทรวงการคลงั ขอออกโฉนดทด่ี ินโดยอาศยั หลักฐาน ส.ค. ๑

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวดั แจงวา กระทรวงการคลังโดยธนารักษพน้ื ท่เี ชยี งราย ไดยน่ื คาํ ขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย

ตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ตามคาํ ขอฉบบั ลงวนั ท่ี ๗ กันยายน ๒๕๕๓ โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑
เลขที่ ๒๒๑ หมูท่ี ๑ ตําบลแมสาย อําเภอแมสาย จังหวัดเชียงราย ซ่ึงเปนการยื่นคําขอภายหลังวันท่ี ๘
กุมภาพันธ ๒๕๕๓ จังหวัดพิจารณาแลวเห็นวา ธนารักษพ้ืนท่ีเชียงรายจะตองย่ืนคํารองตอศาลยุติธรรม
ตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัติแกไ ขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ เพ่ือใหศาล
มีคาํ พพิ ากษาหรอื คําสง่ั ถึงที่สุดวา เปน ผซู ึ่งไดค รอบครองและทําประโยชนในท่ีดนิ โดยชอบดวยกฎหมายอยูกอน
วนั ทป่ี ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ ังคับจงึ จะดาํ เนนิ การออกโฉนดท่ีดินได เน่ืองจากมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติ
แกไ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ไมมีบทบัญญัติยกเวนไว และกรมที่ดินยังไมได
วางแนวทางปฏบิ ัติในเรือ่ งนี้ จึงขอหารือวา ความเห็นของจังหวดั ถูกตองหรอื ไม ประการใด

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณประโยชนของแผนดินนั้น รวมทรัพยสินทุกชนดิ ของแผนดิน

ซึ่งใชเ พื่อสาธารณประโยชนห รือสงวนไวเพอ่ื ประโยชนรว มกัน เชน
(๑) ทีด่ ินรกรางวางเปลา และท่ดี ินซงึ่ มผี ูเวนคนื หรือทอดท้ิงหรือกลับมาเปนของแผนดิน

โดยประการอนื่ ตามกฎหมายทีด่ นิ
(๒) ทรัพยสินสาํ หรับพลเมอื งใชรวมกัน เปน ตน วา ทช่ี ายตลิง่ ทางน้าํ ทางหลวง ทะเลสาบ
(๓) ทรัพยสินใชเพื่อประโยชนของแผนดินโดยเฉพาะ เปนตนวา ปอม และโรงทหาร

สาํ นกั ราชการบา นเมือง เรอื รบ อาวุธยทุ ธภณั ฑ
๔.๒ พระราชบัญญัตทิ ่ีราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมทีด่ นิ

๕๓

รวมเรอ่ื งที่น่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในที่ดนิ

มาตรา ๔ ท่ีราชพัสดุ หมายความวา อสังหาริมทรพั ยอนั เปน ทรัพยส นิ ของแผน ดนิ ทุกชนดิ
เวนแตส าธารณสมบัตขิ องแผนดนิ ดงั ตอ ไปน้ี

(๑) ที่ดินรกรา งวางเปลา และท่ดี ินซึ่งมีผเู วนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเปนของแผนดิน
โดยประการอืน่ ตามกฎหมายที่ดนิ

(๒) อสงั หาริมทรัพยสําหรบั พลเมอื งใชหรือสงวนไวเพื่อประโยชนของพลเมืองใชรวมกัน
เปน ตนวา ทช่ี ายตลงิ่ ทางนาํ้ ทางหลวง ทะเลสาบ

สว นอสงั หารมิ ทรัพยของรฐั วิสาหกจิ ท่ีเปน นิติบุคคลและขององคกรปกครองสวนทองถ่ิน
ไมถ ือวาเปนทรี่ าชพัสดุ

มาตรา ๕ ใหก ระทรวงการคลงั เปนผูถ ือกรรมสิทธทิ์ ่ีราชพัสดุ
บรรดาทร่ี าชพสั ดุที่กระทรวง ทบวง กรมใดไดม าโดยการเวนคืนหรือการแลกเปล่ียนหรือ
โดยประการอืน่ ใหก ระทรวงการคลังเขาถือกรรมสทิ ธิ์ในที่ราชพัสดุนั้น ท้ังน้ียกเวนที่ดินท่ีไดมาโดยการเวนคืน
ตามกฎหมายวาดวยการปฏริ ูปท่ดี นิ เพ่อื เกษตรกรรม
มาตรา ๘ การโอนกรรมสิทธท์ิ ่ีราชพสั ดเุ ฉพาะทดี่ นิ ทีเ่ ปนสาธารณสมบัติของแผนดินที่ใช
เพ่ือประโยชนข องแผนดนิ โดยเฉพาะ ใหกระทําโดยพระราชบญั ญัติ สวนการโอนกรรมสิทธ์ิท่ีราชพัสดุใหเปนไป
ตามหลกั เกณฑและวิธกี ารท่กี ําหนดในกฎกระทรวง

ฯลฯ
๔.๓ พระราชบัญญัตแิ กไ ขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายท่ดี ิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑

มาตรา ๘ ใหผ ซู งึ่ ไดค รอบครองและทําประโยชนในทีด่ ินอยกู อ นวนั ทปี่ ระมวลกฎหมายที่ดิน
ใชบังคับ โดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน และยังมิไดย่ืนคาํ ขอออกโฉนดทด่ี ินหรือหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนต อ พนกั งานเจาหนา ท่ีภายในสองปน ับแตวันที่พระราชบญั ญัติน้ีใชบังคบั

เมื่อไดร ับคําขอและหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดนิ ตามวรรคหน่งึ แลว ใหพนักงาน
เจาหนาทีด่ าํ เนนิ การเพ่ือออกโฉนดทดี่ ินหรือหนงั สือรบั รองการทําประโยชนต ามประมวลกฎหมายท่ีดนิ ตอไป

เมอื่ พนกําหนดเวลาตามวรรคหน่งึ หากมผี ูนาํ หลกั ฐานการแจงการครอบครองทีด่ ินมาขอ
ออกโฉนดที่ดินหรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน พนักงานเจาหนาที่จะออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ีดนิ

๕๔

รวมเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดนิ

การทาํ ประโยชนใหไดตอเมื่อศาลยตุ ิธรรมไดม ีคําพิพากษาหรอื คําส่ังถึงที่สุดวา ผูน้ันเปนผูซึ่งไดครอบครองและ
ทําประโยชนใ นท่ีดนิ โดยชอบดว ยกฎหมายอยกู อ นวันท่ปี ระมวลกฎหมายท่ีดนิ ใชบงั คับ

ฯลฯ
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ
พ.ศ. ๒๕๑๘

ขอ ๒ การโอนกรรมสทิ ธ์ทิ ร่ี าชพัสดุที่มิใชที่ดินที่เปนสาธารณสมบัติของแผนดนิ ท่ีใชเพ่ือ
ประโยชนข องแผนดนิ โดยเฉพาะ จะกระทาํ ไดแ ตโ ดยการขาย การแลกเปล่ียน หรอื การใหแ ละจะตอ งไดร ับอนุมตั ิ
จากคณะรัฐมนตรีกอน เวนแตการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อประโยชนในการดําเนินการตามกฎหมาย ดังตอไปน้ี
ใหด ําเนินการไดเ มอ่ื กระทรวงการคลงั ใหค วามยินยอมแลว

(๑) กฎหมายวาดว ยการปฏริ ปู ทด่ี ินเพอ่ื เกษตรกรรม
(๒) กฎหมายวาดวยการเวนคืนอสังหาริมทรพั ย
การใหที่ราชพัสดุจะกระทําไดเฉพาะเพื่อการศาสนา การสาธารณกุศลหรือการ
สาธารณประโยชนอยางอน่ื หรอื การโอนคืนใหแกผูยกให
๔.๕ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ืองเสร็จที่ ๒๓๐/๒๕๑๒ เรื่อง การตีความใน
มาตรา ๑๓๐๔ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (กรณที ่ดี ินราชพัสดุ จงั หวัดอุดรธานี) สรุปวา ที่ดินราชพัสดุน้ัน
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการรา งกฎหมาย กองท่ี ๖) ไดเคยใหความเหน็ วา เปนทรัพยส ินของแผน ดินอยา งหนึง่
แตจะเปนสาธารณสมบัติของแผนดินหรือไมนั้นก็สุดแตวาท่ีดินราชพัสดุนั้น ไดใชเพื่อสาธารณประโยชนหรือ
สงวนไวเพ่อื ประโยชนร ว มกนั หรอื ไม เชน ถา ทดี่ ินราชพัสดไุ ดนําไปใหเ อกชนเชา ปลูกบา นอยูอาศัยหรือใหเชาทาํ การคา
ที่ดินราชพัสดุน้ันยอมเปนเพียงทรัพยสินของแผนดินเทานั้น ท่ีดินราชพัสดุท่ีปลูกสรางบานพักครูโรงเรียนน้ัน
ยอมใชเพื่อประโยชนแกครูโดยเฉพาะเทานั้น ไมไดเปนประโยชนตอสาธารณชน จึงไมเปนสาธารณสมบัติ
ของแผน ดนิ
๔.๖ แนวทางปฏิบัตเิ พื่อดาํ เนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลังวันท่ี ๘ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๓ (แกไขเพ่ิมเติม) ขอ ๑๗ ซ่ึงเวียน
ตามหนังสอื กรมทีด่ นิ ดว นทีส่ ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ หนังสือกรมที่ดิน

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมท่ีดนิ

๕๕

รวมเรื่องท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี ิน

ดวนท่สี ดุ ท่ี มท ๐๖๐๙/๒๕๘๗๒ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๙ เรือ่ ง การออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ินเกีย่ วกบั
ทรี่ าชพัสดุ

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทีด่ นิ พิจารณาแลวเหน็ วา เมือ่ ขอ เทจ็ จริงปรากฏวา ที่ดินทกี่ ระทรวงการคลัง โดยธนารักษ

พ้ืนทเ่ี ชยี งราย ไดย น่ื คําขอออกโฉนดท่ีดนิ เปน ทด่ี นิ ท่ีมหี ลักฐานเปน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๒๑ หมูท่ี ๑ ตําบลแมสาย
อําเภอแมส าย จังหวัดเชียงราย เนอื้ ที่ ๙ ไร ๓ งาน ๖๐ ตารางวา มีช่ือกรมมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย เปนผูแจง
การครอบครองเม่ือวนั ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ไดม าโดยนาย ช ยกใหเม่อื พ.ศ. ๒๔๗๘ สภาพท่ีดินเปนที่อยูอาศัย
(อําเภอเกา ) สภาพทีด่ นิ ในปจ จบุ นั ไดปลกู สรา งอาคารพาณชิ ยใ หเอกชนเชา กระทรวงการคลงั ไดใชป ระโยชนเปน
ท่ีจัดหาผลประโยชนโดยการใหเชาเต็มแปลง ที่ดินดังกลาวจึงเปนที่ราชพัสดุประเภททรัพยสินของแผนดิน
(เทียบเคียงความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาเรื่องเสร็จท่ี ๒๓๐/๒๕๑๒) แมไมแจงการครอบครองที่ดิน
รฐั ไมม ีอํานาจทจ่ี ะนําทีด่ นิ ไปจัดตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ตามมาตรา ๕ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายทด่ี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ได เพราะมีกฎหมายกําหนดไวเ ปนอยา งอ่ืนแลว โดยการดาํ เนินการเกี่ยวกบั
การโอนกรรมสิทธ์ิท่ีราชพัสดุ ไดมีการกําหนดไวในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ ขอ ๒) จึงเปน
กรณีท่ีกระทรวงการคลงั ไดก รรมสทิ ธิใ์ นที่ดินมาตามกฎหมายอน่ื ตามมาตรา ๓ (๒) แหง ประมวลกฎหมายที่ดิน
ดงั นน้ั ในการดาํ เนินการออกโฉนดท่ดี ินใหแ กกระทรวงการคลงั โดยนาํ หลกั ฐาน ส.ค. ๑ มายื่นเร่ืองน้ัน ใหถือวา
ส.ค. ๑ ทน่ี ํามายื่นเปนเพียงหลกั ฐานวาหนวยงานของรฐั ไดเ ขา ครอบครองทาํ ประโยชนใ นทด่ี ินแปลงน้ันมากอน
ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ใชบ งั คับเทาน้นั โดยกระทรวงการคลังสามารถยื่นคําขอออกโฉนดที่ดินตามมาตรา ๕๙
แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน โดยไมจ าํ เปน ตอ งใชห ลกั ฐาน ส.ค. ๑ และเจาพนักงานท่ีดินสามารถออกโฉนดที่ดิน
ใหแ กกระทรวงการคลงั ได ตามหนังสอื เวยี นกรมท่ดี ิน ที่ มท ๐๖๐๙/ว ๒๕๘๗๒ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๑๙
เรอ่ื ง การออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ เกี่ยวกบั ท่รี าชพสั ดุ โดยไมจําเปน ตอ งใหก ระทรวงการคลังไปยืน่ คาํ รอ งตอ
ศาลยตุ ิธรรม ตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
แตอ ยางใด (เทียบเคยี งแนวทางปฏิบตั เิ พือ่ ดาํ เนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายท่ีดนิ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลงั วนั ท่ี ๘ กุมภาพนั ธ ๒๕๕๓ (ฉบับแกไขเพม่ิ เติม) ขอ ๑๗ กรณี
วัดในพระพุทธศาสนานําหลักฐาน ส.ค. ๑ ซึ่งมีช่ือวัดเปนผูแจงการครอบครองท่ีดินมาเปนหลักฐานในการขอ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมที่ดิน

๕๖

รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

ออกโฉนดทดี่ ินฯ ซงึ่ เวยี นตามหนงั สือกรมที่ดิน ดวนที่สุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๒(๒)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม
๒๕๕๓)
๖. อา งอิง

หนังสือกรมทีด่ นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๐๐๒๙ ลงวนั ท่ี ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ..๒๕๕๘ ตอบขอหารอื
จังหวัดเชียงราย

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทด่ี ิน

๕๗

รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอ่ื ง : หารือแนวทางปฏบิ ัตกิ รณีนายอําเภอปลวกแดงไมด าํ เนนิ การกรณีการระวงั ชแี้ นวเขตและลงชื่อรบั รอง
แนวเขต

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวดั แจง วา ไดรบั แจง จากสาํ นกั งานท่ีดินจังหวัดระยอง สาขาปลวกแดง ขอหารือแนวทาง

ปฏิบตั กิ รณี สํานักงานท่ดี นิ ไดม ีหนังสือแจง นายอาํ เภอปลวกแดง เร่อื งการระวังชี้แนวเขตและลงช่ือรับรองแนวเขต
ท่ีดิน ในกรณีรังวัดสอบเขต รวม และแบงแยกที่ดินท่ีมีแนวเขตติดตอกับทางสาธารณประโยชน หวย
สาธารณประโยชน ฯลฯ และในการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ดี ิน แตนายอําเภอปลวกแดงไมไปดําเนินการหรือ
มอบอํานาจใหผูหน่ึงผูใดไปดําเนินการแทน โดยเห็นวา นายอําเภอไมใชเจาของท่ีดินขางเคียง การแจงให
นายอําเภอปลวกแดงไประวงั ชี้และลงชอ่ื รับรองแนวเขตที่ดินเปนการถูกตองหรือไม จังหวัดเห็นวา นายอําเภอ
มีหนาท่ใี นการดูแลรกั ษาและคุมครองปองกันที่ดินอนั เปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน
ตามพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทอ งท่ี พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ แกไ ขเพม่ิ เตมิ โดยพะราชบัญญัติลักษณะ
ปกครองทองที่ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ และระเบยี บกระทรวงมหาดไทย วาดวยการดูแลรักษาและคุมครอง
ปองกันท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๕ และขอ ๖
ดังน้นั นายอาํ เภอจงึ ตอ งรวมเปน พยานและตรวจสอบท่ดี นิ ทขี่ อออกโฉนดที่ดิน ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย
ดวนมาก ท่ี มท ๐๗๑๙/ว ๕๒๕ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ ๒๕๔๒ และรับรองแนวเขตที่ดินของทางราชการ
ตามคาํ สง่ั กรมทด่ี นิ ที่ ๑๓๐๔/๒๕๔๒ ลงวนั ที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๒ จึงหารือความเหน็ ดงั กลา วถูกตองหรือไม
อยา งไร

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ พระราชบัญญตั ลิ ักษณะปกครองทองท่ี พุทธศักราช ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ แกไขเพิ่มเติม

โดยพระราชบญั ญัตลิ ักษณะปกครองทองที่ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๓
๔.๒ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘ ตรี

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทดี่ ิน

๕๘

รวมเรอ่ื งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

๔.๓ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการดูแลรักษาและคุมครองปองกันที่ดินอันเปน
สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดนิ พ.ศ. ๒๕๕๓

๔.๔ หนังสือกระทรวงมหาดไทย ดวนมาก ที่ มท ๐๗๑๙/ว ๕๒๕ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ
๒๕๔๒ เรอ่ื ง ใหส อบผปู กครองทอ งทีก่ อ นออกหนังสือแสดงสิทธิในทดี่ นิ

๔.๕ คําสั่งกรมที่ดิน ที่ ๑๓๐๔/๒๕๔๒ ลงวันท่ี ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรื่อง การรับรอง
แนวเขตท่ดี นิ ของทางราชการ

๔.๖ ระเบียบกรมทีด่ ิน วาดว ยการเขยี นขางเคยี งและการรับรองแนวเขตท่ีดนิ พ.ศ. ๒๕๕๔ ขอ ๓๘

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพิจารณาแลวเห็นวา ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองที่ พระพุทธศักราช

๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ ซึ่งแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๑๓ บัญญัตใิ ห นายอําเภอมหี นา ท่รี วมกับองคกรปกครองสวนทอ งถนิ่ ในการดแู ลรกั ษาและคุมครองปองกัน
ท่ีดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินที่ประชาชนใชประโยชนรวมกัน และส่ิงซึ่งเปนสาธารณประโยชนอื่น
อันอยูในเขตอาํ เภอประกอบกับระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวยการดูแลรักษาและคุมครองปองกันที่ดิน
อนั เปน สาธารณสมบตั ขิ องแผนดนิ พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๕ และขอ ๖ กําหนดใหอ าํ นาจหนาที่ในการดูแลรักษาและ
คุมครองปองกันที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันเปนอํานาจหนาที่ของ
นายอําเภอรว มกบั องคกรปกครองสวนทองถ่นิ ตามกฎหมายวา ดวยลักษณะปกครองทองท่ี ซึง่ การดแู ลรกั ษาและ
คมุ ครองปอ งกันที่ดินอันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินน้ัน ยังรวมถึงการดูแลและรักษามิใหมีการบุกรุกหรือ
รกุ ลาํ้ เขา มาในท่ีดนิ สาธารณประโยชนดว ย การรบั รองแนวเขตจงึ เปน หนา ทใี่ นการดูแลคุมครองรักษาเพื่อมิใหมี
ผูใดบุกรุกหรือนํารังวัดที่ดินเขาไปในเขตท่ีดินของรัฐ ซ่ึงปรากฏตามการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทย ตาม
หนงั สือกระทรวงมหาดไทย ดว นมาก ท่ี ๐๗๑๙/ว ๕๒๕ ลงวันที่ ๒๔ กมุ ภาพันธ ๒๕๔๒ เร่ือง ใหส อบผปู กครองทอ งที่
กอนออกโฉนดท่ีดิน ดังนั้น ในการไปรวมตรวจสอบและนําช้ีรับรองแนวเขตท่ีสาธารณประโยชน จึงเปนการ
ดาํ เนนิ การในฐานะพนักงานเจา หนาท่ผี มู ีอํานาจในการดูแลรกั ษาตามท่ีกฎหมายกําหนดไว มใิ ชฐ านะเจา ของทดี่ นิ
ตามที่อําเภอปลวกแดงเขาใจแตอยางใด นอกจากนี้อํานาจในการดูแลรักษาท่ีสาธารณประโยชนยังรวมถึง
การดําเนินการเพือ่ จัดใหม ีการขอออกหนังสือสาํ คัญสาํ หรบั ทห่ี ลวงเพ่อื แสดงเขตไวเ ปนหลกั ฐาน ซึง่ ตามระเบียบ

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทดี่ ิน

๕๙

รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี ิน

กระทรวงมหาดไทย วา ดว ยการดูแลรักษาและคมุ ครองปอ งกันที่ดิน อันเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับ
พลเมืองใชรวมกัน พ.ศ. ๒๕๕๓ ขอ ๑๐ กําหนดใหผูมีอํานาจดูแลรักษาและคุมครองปองกันที่ดินอันเปน
สาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันตามกฎหมายเปนผูดําเนินการขอออกหนังสือสําคัญ
สําหรับท่ีหลวงในท่ีดินสาธารณประโยชนแปลงที่ยังไมมีหนังสือสําหรับท่ีหลวง สําหรับบทบัญญัติตามความใน
มาตรา ๘ ตรี แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน เปน เรอ่ื ง แบบ หลกั เกณฑ และวิธีการออกหนงั สือสาํ คัญสําหรบั ที่หลวง
เมอ่ื มีการย่นื ขอออกหนังสือสาํ คัญท่หี ลวงเทาน้ัน มิใชหมายความวาอํานาจการดูแลรักษาและรับรองแนวเขต
ของท่ดี นิ สาธารณประโยชนจะเปน ของอธบิ ดีกรมทีด่ ิน สาํ หรับการแจงขอใหอ าํ เภอและองคก รปกครองสวนทองถ่ิน
ไปรวมระวังชี้แนวเขตเปนการแจงตามอํานาจหนาท่ีตามกฎหมายของผูท่ีดูแลรักษาท่ีสาธารณประโยชนน้ันๆ
ตามท่ีกําหนดไวในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองทองท่ี พ.ศ. ๒๔๕๗ มาตรา ๑๒๒ ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญตั ลิ ักษณะปกครองทองท่ี (ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๓ ดังนน้ั อาํ นาจหนา ท่ีในการระวังช้ี
และรบั รองแนวเขตที่ดินสาธารณประโยชนด งั กลาว จงึ เปนอาํ นาจหนา ที่ของนายอาํ เภอรวมกับองคกรปกครอง
สวนทองถนิ่ และเพอ่ื ใหการปฏบิ ตั ิงานเปนไปดวยความถูกตอง เห็นควรใหจังหวัดไดแ จง อําเภอปลวกแดงเพอ่ื ทราบ
และทาํ ความเขา ใจในเร่ืองน้ีตามทีก่ ฎหมายและระเบยี บกระทรวงมหาดไทยไดกาํ หนดไว พรอมท้ังขอใหซักซอม
ความเขาใจในการปฏบิ ตั ิงานของสํานกั งานทีด่ ิน ดังนี้

๑. กรณี เจา พนกั งานที่ดินจงั หวดั หรอื เจาพนักงานท่ีดินจังหวัดสาขา เปนพนักงานเจาหนาท่ี
ในการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ ตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ ใหเ จาพนักงานท่ดี ินจังหวัด หรือเจา พนักงานท่ีดิน
จังหวัดสาขา แลวแตกรณี มีหนังสือแจงนายอําเภอทองที่ออกไปรวมเปนพยานและตรวจสอบท่ีดินที่ขอออก
หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน วาเปนที่สงวนหวงหามหรือท่ีสาธารณประโยชนอยางใด หรือไม รวมท้ังตรวจสอบ
การครอบครองและทาํ ประโยชนในทด่ี ินของผขู อวา ไดค รอบครองทําประโยชนในที่ดินหรือไม อยางไร เวนแต
การออกโฉนดที่ดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ ก. ไมตองแจงนายอําเภอทองที่ออกไปรวมเปนพยานและตรวจสอบท่ีดิน
กรณีที่ดินมีแนวเขตติดตอกับที่สาธารณประโยชนซึ่งนายอําเภอเปนผูดูแลรักษา ถาไดออกไปตรวจสอบ
ในวนั ทําการรงั วัด ก็ใหตรวจชแ้ี ละรบั รองแนวเขตที่สาธารณประโยชนน น้ั ดวย ท้ังนี้ ตามหนังสอื กระทรวงมหาดไทย
ดว นมาก ที่ มท ๐๗๑๙/ว ๕๒๕ ลงวนั ที่ ๒๔ กุมภาพันธ ๒๕๔๒ เรื่อง ใหสอบผูปกครองทองท่ีกอนออกหนังสือ
แสดงสทิ ธิในทด่ี นิ

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดิน

๖๐

รวมเรื่องทน่ี า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ ิน

๒. กรณีการรังวัด แบงแยก รวม สอบเขต หรือตรวจสอบเนื้อที่ หนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
รวมท้งั การออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ซง่ึ อยใู นพน้ื ท่คี วามรบั ผิดชอบของสํานกั งานทด่ี นิ จังหวัด สํานักงานทด่ี นิ
จังหวัดสาขา หรือสํานักงานท่ีดินสวนแยก ที่มีแนวเขตติดตอกับที่สาธารณประโยชน ใหพนักงานเจาหนาที่
มหี นงั สือแจงนายอําเภอทองทีพ่ รอมทง้ั ผูบริหารองคกรปกครองสวนทองถิ่นออกไประวังชี้และรับรองแนวเขต
ทส่ี าธารณประโยชน ตามระเบียบกรมท่ีดนิ วา ดว ยการเขยี นขางเคียงและการรับรองแนวเขตที่ดนิ พ.ศ. ๒๕๕๔
ขอ ๓๘ ซงึ่ หากนายอาํ เภอทอ งทแี่ ละ/หรอื ผูบรหิ ารองคกรปกครองสว นทองถ่นิ มิไดม าระวงั ชแ้ี ละรบั รองแนวเขต
ที่ดินในวันทําการรังวัดหรือมาแตไมยอมลงชื่อรับรองแนวเขตที่ดิน ใหพนักงานเจาหนาที่ติดตอหรือแจง
นายอาํ เภอทอ งทแี่ ละ/หรือผบู ริหารองคก รปกครองสวนทองถนิ่ ตามคําสั่งกรมท่ีดิน ที่ ๑๓๐๔/๒๕๔๒ ลงวันท่ี
๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๒ เรอ่ื ง การรบั รองแนวเขตทด่ี นิ ของทางราชการ ตอ ไป
๖. อา งอิง

หนงั สอื กรมท่ีดนิ ดวนทีส่ ดุ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๒๔๑๐๑ ลงวนั ท่ี ๒๙ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอ
หารือจงั หวดั ระยอง

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดิน

๖๑

รวมเรือ่ งทีน่ ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทีด่ ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : ขอทราบขอมูลเกี่ยวกับการขอออกใบแทนโฉนดทดี่ ิน ราย คณุ ล

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญ หา
๓.๑ สํานักงานเลขานุการกรมสงเรอื่ งใหพจิ ารณาและแจง ผลใหผรู อ งทราบ กรณี คุณ ล รองเรียน

ตอ อธบิ ดีกรมทดี่ ิน ผานเวบ็ ไซต “ศนู ยด าํ รงธรรมกรมทดี่ ิน” วา เมอ่ื วนั ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘ ไดยื่นคําขอออก
ใบแทนโฉนดทีด่ ินเลขที่ ๑๖๒๒๑ ตาํ บลอาษา อาํ เภอบา นนา จงั หวดั นครนายก ณ สํานกั งานท่ดี ินจังหวัดนครนายก
พรอมดวยพยาน ๒ คน คือ นาง พ และนางสาว ช เจา หนาท่ีไดแจงใหทราบพรอ มบันทึกถอยคําไวเ ปนหลักฐาน
วา ใหน าํ พยานทเี่ ปนพีน่ อ งพอแมเ ดยี วกันมาลงลายมอื ชอื่ เปน พยานดวยภายใน ๓๐ วัน พรอมทั้งใหสงประกาศ
การขอออกใบแทนท่ีดนิ ดวยตนเอง จึงมคี วามประสงคขอทราบวา

๓.๑.๑ พยานท้งั ๒ คน ทน่ี าํ ไปนน้ั สามารถใชเ ปน พยานไดหรอื ไม
๓.๑.๒ หนา ทใ่ี นการสงหนงั สือปด ประกาศการขอออกใบแทนโฉนดที่ดนิ ใหน ายอาํ เภอและ
กาํ นัน เปนหนา ทีข่ องผยู ื่นคาํ ขอหรอื เจาหนา ท่ขี องสํานักงานท่ดี นิ
๓.๒ สาํ นักงานเลขานุการกรม แจงวา คุณ ล ไดรองเรียนกรณีเดียวกันกับขอ ๓.๑ ผานศูนย
รบั เรอ่ื งราวรองทกุ ขข องรัฐบาล ๑๑๑๑ ดว ย ขอใหสํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั พจิ ารณารวมกับเร่ืองเดิม
แลวแจง ผลใหผ รู อ งทราบโดยตรง และรายงานสํานกั งานปลักสาํ นักนายกรัฐมนตรีทราบ

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดิน มาตรา ๖๓ โฉนดทีด่ ินของผใู ดเปน อันตราย ชาํ รดุ สูญหายดวย

ประการใด ใหเจา ของมาขอรบั ใบแทนโฉนดที่ดินน้ันได
ฯลฯ

๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗

ขอ ๑๗ ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินใหด าํ เนนิ การดงั นี้

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๖๒

รวมเรอื่ งที่นา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในทีด่ ิน

(๑) ในกรณโี ฉนดที่ดินเปนอนั ตรายหรือสูญหาย ใหเ จาของท่ีดนิ ยน่ื คําขอและปฏิญาณตน
ตอเจาพนกั งานทีด่ ิน โดยใหน ําพยานหลกั ฐานมาใหเ จา พนักงานท่ีดินทําการสอบสวนจนเปนที่เช่ือถือไดและให
เจา พนักงานทีด่ ินประกาศใหท ราบมกี าํ หนดสามสิบวัน ประกาศน้ันใหปด ไวในท่ีเปดเผย ณ สาํ นักงานทด่ี นิ ทอ งท่ี
สาํ นักงานเขตหรอื ทว่ี าการอําเภอ หรอื ท่วี า การก่งิ อําเภอทองที่ ท่ีทาํ การแขวง หรือทีท่ ําการกาํ นันทองที่ และใน
บริเวณท่ีดนิ น้นั แหง ละหน่ึงฉบบั ในเขตเทศบาลใหปดไว ณ สาํ นักงานเทศบาลอกี หนงึ่ ฉบับ ถามผี คู ัดคานภายใน
เวลาท่ีกาํ หนดและนําพยานหลักฐานมาแสดง ใหเจา พนกั งานทด่ี ินสอบสวนแลว ส่ังการไปตามควรแกก รณี ถา ไมม ี
ผใู ดคดั คา นภายในเวลาทก่ี าํ หนดใหอ อกใบแทนโฉนดทด่ี นิ ใหไ ปตามคาํ ขอ

ฯลฯ
๔.๓ หนงั สอื กระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๗๑๒/๘๙๔ ลงวนั ท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๒๙ เรอ่ื ง หารอื
การทาํ คําตราสนิ เพ่ือใชใ นการออกใบแทนโฉนดท่ดี ิน น.ส. ๓ หรือใบจอง สรุปวา ในการออกใบแทนโฉนดที่ดิน
หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน หรือใบจอง กรณฉี บบั เดิมเปนอันตรายหรือสูญหาย ผูขอตองนําพยานบุคคลท่ี
เชื่อถอื ไดอยางนอ ย ๒ คน มาใหถ อยคํารับรองรองวา การใหถอยคาํ ของผขู อนาเชื่อถือและผูขอเปน เจาของที่ดินจรงิ
โดยพนักงานเจา หนาท่ีตอ งใชดลุ ยพินิจพิจารณาถอ ยคาํ พยานหลกั ฐานจนเปน ที่เชือ่ ถอื ได
๔.๔ หนงั สอื กรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๗๑๓/ว ๑๖๖๔๘ ลงวนั ท่ี ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๒ เรื่อง การปด
ประกาศการออกหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน สรุปวา “คณะกรรมการวนิ ิจฉับรองทุกข (คณะท่ี ๓) สํานกั งาน
คณะกรรมการกฤษฎกี า วนิ จิ ฉยั วา การปดประกาศ เปนหลกั เกณฑและวธิ ีการในการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน
ซ่งึ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑๘ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ไดกําหนดใหนายอําเภอหรือปลัดอําเภอ ผูเปนหัวประจําก่ิงอําเภอเปนผูรับผิดชอบในการจัดทํา
ประกาศและดาํ เนินการใหมกี ารปด ประกาศ และใหมีหนาทใ่ี นการปด ประกาศดว ย
๔.๕ หนงั สือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๗๑๙/ว ๑๖๑๘๙ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เร่ือง ซอม
ความเขาใจในการออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน สรุปวา วัตถุประสงคของหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท
๐๗๑๒/๘๙๔ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๒๙ เรื่อง หารือการทําคําตราสินเพ่ือใชในการออกใบแทนโฉนดที่ดิน
น.ส. ๓ หรือใบจอง นา จะมจี ุดมงุ หมายแตเพียงใหผ ขู อนําพยานบุคคลที่เชื่อถือไดมาใหถอยคํารับรองวาการให
ถอยคาํ ของผูข อนาเชอื่ ถือและผขู อเปนเจา ของที่ดนิ จรงิ เทา น้ัน บคุ คลทน่ี า เชื่อถอื จงึ ไมจาํ เปนตอ งเปน ขาราชการ
โดยใหเ ปนดลุ ยพนิ ิจของพนกั งานเจา หนาท่ี และการบันทึกคาํ พยานบคุ คลใหบนั ทกึ ถอ ยคาํ รบั รองเพยี งวา ถอ ยคาํ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมทดี่ ิน

๖๓

รวมเรื่องทน่ี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

ของผูขอนาเช่ือถือและผูขอเปนเจาของท่ีดินนั้นจริงเทานั้น ไมควรบันทึกวาเปนผูรูเห็นเกี่ยวกับการสูญหาย
เวน แตกรณีท่พี ยานเปน บคุ คลใกลช ดิ หรือยูในบา นเดยี วกนั กบั เจา ของโฉนดที่ดนิ และพรอมท่ีจะใหถอยคํายืนยันวา
เปนผรู ูเ ห็นการสญู หายกใ็ หบันทกึ ถอ ยคาํ ไปตามทีพ่ ยานยนื ยนั ได

๔.๖ หนงั สือกรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๕๑๕/ว ๓๔๖๖๗ ลงวันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ เร่ือง การปด
ประกาศการจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรม สรุปวา เจตนารมณของกฎหมาย ระเบียบ หรือคาํ สั่งของทางราชการ
ไดก ําหนดไวชัดเจนแลว วา การปด ประกาศเปน หนาทท่ี ี่พนกั งานเจาหนาท่ตี องรับผิดชอบดาํ เนินการเพ่ือใหมีการ
ปดประกาศยังสถานท่ีตางๆ แตเนื่องจากยังมีสํานักงานท่ีดินบางแหงผลักภาระในการนําสงประกาศการขอ
จดทะเบียนสทิ ธิและนติ กิ รรมใหก ับผขู อจดทะเบยี นเปนผนู าํ สง เพอ่ื ไปปด ณ สถานที่ตางๆ ตามท่กี ฎหมายกาํ หนด
ทําใหผูขอไดรับความเดือดรอนและเกิดกรณีรองเรียนขึ้น จึงขอใหจังหวัดส่ังกําชับวา การสงประกาศการขอ
จดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรมตามขอ ๕ ของกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ และการสง ประกาศมรดกตามมาตรา ๘๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
ไปปด ยงั สถานที่ตางๆ ตามท่ีกฎหมายกาํ หนด รวมถงึ การสง ประกาศมรดกใหกบั บุคคลท่ีผขู อแจงวาเปนทายาท
ใหใชแบบพิมพ (ท.ด. ๔) เปนหนังสือนําสงโดยอนุโลม และใหพนักงานเจาหนาที่เปนผูจัดสงทางไปรษณีย
ลงทะเบียนตอบรับหรือจะมอบหมายใหเจาหนาท่ีของสํานักงานที่ดินที่เห็นสมควรเปนผูนําสงก็ได แตหาม
ผลกั ภาระการนาํ สง ประกาศไปใหก บั ผขู อจดทะเบียนสิทธิและนติ ิกรรมโดยเดด็ ขาด

กรณีพนกั งานเจา หนา ทน่ี าํ สงประกาศทางไปรษณียล งทะเบียนตอบรับ เม่ือลวงพนระยะเวลา
๑๕ วัน นับแตวันท่หี นว ยงานตา งๆ ไดร ับหนังสือนาํ สง ประกาศแลว ยังไมไดร บั รายงานการปดประกาศหรือไดรบั
แตไมค รบ ใหพ นักงานเจาหนา ทม่ี ีหนงั สอื ทวงถามหลกั ฐานรายงานการปด ประกาศ ไปยงั สถานที่จัดสงประกาศ
โดยใหสอบถามไปดวยวาไดดําเนินการปดประกาศตั้งแตเมื่อใด ทั้งน้ี ในการนําสงประกาศหามมิใหพนกั งาน
เจาหนา ทเ่ี รยี กรองคาจัดสงเพ่ิมเตมิ จากทก่ี ฎหมายกาํ หนด หรอื บังคบผูขอไปสงโดยไมสมัครใจ

สําหรับกรณีที่ผูขอมีความประสงคจะขอนําสงประกาศดวยตนเองใหบันทึกถอยคําไวเปน
หลกั ฐานและใหผ ขู อลงนามรับหนงั สือดังกลา ว พรอมทงั้ ชี้แจงใหผ ูขอทราบดวยวาจะตองนาํ สง ประกาศดังกลาว
สง ไปยงั สถานท่ีใด เมื่อสงแลวใหขอรับหลักฐานรายงานการปดประกาศทุกฉบับกลับมาสงคืนใหกับพนักงาน
เจา หนาที่ดว ย เพ่ือพนักงานเจาหนาทจี่ ะไดด ําเนนิ การในขน้ั ตอนตอ ไป

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทด่ี นิ

๖๔

รวมเร่ืองที่นา่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทีด่ นิ พจิ ารณาแลว เห็นวา กรณโี ฉนดท่ดี ินสญู หายตามมาตรา ๖๓ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน

กาํ หนดวา ใหเจา ของท่ีดินมาขอรบั ใบแทนโฉนดทดี่ ินนัน้ โดยกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัติใหใ ชป ระมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๓๗ ขอ ๑๗ (๑) กาํ หนดวา ใหเจาของทีด่ ินย่ืนคําขอและ
ปฏิญาณตนตอ เจาพนกั งานท่ดี ินและนาํ พยานหลกั ฐานมาใหเจาพนกั งานท่ดี ินทาํ การสอบสวนจนเปน ท่เี ชอ่ื ถอื ได
จากนั้นใหเจาพนักงานที่ดินประกาศการออกใบแทนมีกําหนด ๓๐ วัน โดยใหปดประกาศไวในท่ีเปดเผย ณ
สํานักงานทด่ี นิ ทองท่ี สาํ นักงานเขต หรือท่ีวาการอําเภอ ที่ทําการแขวง ที่ทําการเขต หรือที่ทําการกํานันทองท่ี
และบรเิ วณทดี่ ินนั้น แหง ละหนึ่งฉบับ หากท่ีดนิ ตง้ั อยูใ นเขตเทศบาลใหป ด ณ สํานกั งานเทศบาลอีกหนงึ่ ฉบับ

การออกใบแทนโฉนดที่ดินนอกจากผูขอตองใหถอยคําตอพนักงานเจาหนาท่ีแลว หนังสือ
กระทรวงมหาดไทย ท่ี มท ๐๗๑๒/๘๙๔ ลงวันท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๒๙ เร่ือง หารือการทําคําตราสินเพอ่ื ใชในการ
ออกใบแทนโฉนดท่ีดิน น.ส. ๓ หรือใบจอง และหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๗๑๙/ว ๑๖๑๘๙ ลงวันท่ี ๒๙
พฤษภาคม ๒๕๔๐ เรื่อง ซอมความเขาใจในการออกใบแทนหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน กําหนดใหผูขอตองนํา
พยานบุคคลท่เี ช่ือถอื ไดอ ยา งนอย ๒ คน มาใหถอยคํารับรองประกอบคําขอออกใบแทน พยานดังกลาวไมจําเปน
ตองเปนขาราชการ โดยใหเปนดุลยพินิจของพนักงานเจา หนาที่และการบันทึกถอยคําพยานบุคคลใหบันทึก
ถอ ยคํารบั รองเพียงวา ถอยคําของผูข อนาเช่ือถือและผูขอเปนเจาของที่ดินนั้นจริงเทาน้นั ไมควรบันทึกวาเปน
ผูรูเห็นเกย่ี วกบั การสญู หาย เวนแตกรณีที่พยานเปนบุคคลใกลชิดหรืออยูในบานเดียวกันกับเจาของโฉนดท่ีดิน และ
พรอ มที่จะใหถอ ยคาํ ยนื ยนั วาเปนผูรูเห็นการสญู หายกใ็ หบ ันทกึ ถอ ยคําไปตามท่ีพยานยนื ยนั ก็ได

สําหรับการสงหลักฐานใบปดประกาศเปนหนาท่ีของสํานักงานท่ีดินท่ีจะตองรับผิดชอบ
ดําเนินการ โดยจะมอบหมายใหเจาหนาท่ีของสํานักงานที่ดินนําไปสง หรือจะจัดสงทางไปรษณียลงทะเบียน
ตอบรับก็ได หากผูขอประสงคจะนาํ สงประกาศดังกลาวน้ันดวยความสมัครใจ สามารถดําเนินการไดโดยให
เจาหนาที่บนั ทกึ ถอ ยคาํ ผขู อไวเปน หลักฐานและใหลงนามรับหนังสอื ดงั กลาว พรอ มทง้ั ชี้แจงสถานท่ีสงประกาศ
และหลกั ฐานท่ตี อ งสง คืนแกเ จา หนาท่ี

๖. อางอิง

หนังสอื กรมท่ดี นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๗๕๐๙ ลงวนั ที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบผรู อ ง

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมท่ีดนิ

๖๕

รวมเรื่องทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอ่ื ง : หารือกรณผี มู สี ทิ ธจิ ดทะเบียนโอนกรรมสิทธิท์ ่ีดนิ ตามคาํ พิพากษาตามยอมขอออกใบแทน

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวดั สงเรอ่ื งหารือ กรณี นาง จ ไดนาํ คาํ พพิ ากษาตามยอมของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

คดหี มายเลขแดงท่ี ผบ.๘๓/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๑๐ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๘ ระหวาง นาง จ โจทก กับ บริษัท อ จํากัด
(โดยนาย อ ผูชาํ ระบัญชี) จําเลย และนาย.ส.ไดนาํ คําพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
คดีหมายเลขแดงที่ ผบ.๘๔/๒๕๕๘ ลงวันท่ี ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๕๘ ระหวาง นาย ส โจทก กับ บริษัท อ จํากัด
(โดยนาย อ ผูชําระบัญชี) จําเลย มาขอจดทะเบียนขายตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลจังหวัด
นครศรีธรรมราชมีคาํ พพิ ากษา ตามยอมใหจาํ เลยโอนท่ดี ินพรอ มสงิ่ ปลกู สรา ง ใหแ ก นาง จ และนาย ส แตไมได
โฉนดท่ดี ินมาจดทะเบียน เน่ืองจากบรษิ ทั บ จํากัด ยดึ ถือโฉนดท่ดี นิ ไวเปน ประกันหน้ี จงึ ขอออกใบแทนโฉนดท่ีดิน
สํานกั งานท่ดี ินจังหวัดนครศรธี รรมราช ไดร บั คาํ ขอออกใบแทนฯ แลว เม่อื วันที่ ๑๗ มนี าคม ๒๕๕๘ และพิจารณา
แลว เห็นวา เมื่อโฉนดทีด่ ินดงั กลา วไมไดส ญู หาย แตเจา หนีย้ ึดถอื ไวตามขอ สญั ญาปรับปรุงโครงสรางหน้ี พนักงาน
เจา หนาทจ่ี ึงไมส ามารถเรยี กใหบ ริษัท บ จํากัด สงมอบโฉนดท่ีดินและไมมีอํานาจออกใบแทนตามกฎกระทรวง
ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗ (๓)
แตบริษัท อ จํากัด จะตองขวนขวายนําโฉนดท่ีดินฉบับจริงมาเพื่อจดทะเบียนโอนตามคําสั่งศาลใหแกลูกคา
จึงขอหารอื วา ความเห็นของสาํ นกั งานท่ีดินจงั หวดั นครศรีธรรมราชถกู ตองหรือไม

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๖๓
๔.๒ ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย
มาตรา ๒๔๑ ผใู ดเปน ผคู รองทรพั ยสินของผอู ื่น และมีหนอ้ี นั เปนคุณประโยชนแกตน

เก่ยี วดว ยทรัพยส ินซง่ึ ครองน้ันไซร ทา นวาผนู นั้ จะยดึ หนว งทรพั ยส นิ น้นั ไวจนกวาจะไดช าํ ระหน้ีก็ได แตความท่ีกลาวน้ี
ทา นมิใหใ ชบ งั คบั เมอื่ หน้นี ั้นยงั ไมถ งึ กําหนด

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน

๖๖

รวมเร่อื งทน่ี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

อน่ึงบทบัญญัติในวรรคกอนน้ี ทานมิใหใชบังคับ ถาการท่ีเขาครอบครองนั้นเริ่มมา
แตท าํ การอันใดอนั หนงึ่ ซ่ึงไมชอบดว ยกฎหมาย

มาตรา ๗๐๒ อนั วาจํานองน้นั คอื สัญญาซ่ึงบุคคลหน่ึง เรียกวา ผูจํานอง เอาทรัพยสินตราไว
แกบุคคลอกี คนหน่ึง เรียกวา ผูรับจาํ นอง เปน ประกันการชําระหนี้ โดยไมส งมอบทรพั ยส ินนั้นใหแ กผ รู บั จาํ นอง

มาตรา ๗๐๕ การจํานองทรพั ยสินนั้น นอกจากผูเปนเจา ของในขณะน้ันแลว ทานวา
ใครอน่ื จะจํานองหาไดไม

มาตรา ๗๔๔ อนั จํานองยอมระงับสิ้นไป
(๑) เมือ่ หนท้ี ีเ่ ปนประกันระงับสนิ้ ไปดว ยเหตปุ ระการอนื่ ใดมใิ ชเหตุอายคุ วาม
(๒) เมอื่ ปลดจํานองใหแ กผจู าํ นองดวยหนังสือเปน สาํ คัญ
(๓) ... ฯลฯ
(“มาตรา ๗๔๔” แกไขโดยพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพงและ
พาณชิ ย (ฉบับท่ี ๒๐) พ.ศ. ๒๕๕๗)
๔.๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖
ขอ ๑๘ เมือ่ ไดรบั อนญุ าตจากคณะกรรมการแลว หามมิใหผูจัดสรรท่ีดินทํานิติกรรม
กับบุคคลใดอันกอใหเกดิ ภาระแกที่ดนิ นนั้ เวน แตจะไดร ับอนญุ าตเปนหนงั สือจากคณะกรรมการ
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗
๔.๕ คําพิพากษาศาลฎีกา ท่ี ๕๗๕๔ /๒๕๔๓ การที่จําเลยท่ี ๑ นําที่ดินอันเปนบริเวณ
หมูบา นจดั สรรไปจาํ นองพรอ มดวยส่ิงปลูกสรา งหรือบา นพพิ าทแกจําเลยท่ี ๒ อกี ภายหลังจากทห่ี มูบานจัดสรร
ดงั กลาว ไดจ ัดสรรที่ดนิ ขายแกโ จทกแ ลว โดยปรากฏขอความชัดเจนวา โฉนดท่ีดินพิพาทเปนท่ีดินท่ีอยูภายใต
การจัดสรรแลว ประมาณ ๒ ป จาํ เลยที่ ๒ ผูมีหนาทีเ่ กยี่ วของในฐานะผูส นบั สนนุ โครงการหากไดก ระทาํ การโดยสจุ รติ
กค็ วรจะไดเ ฉลยี วใจ หรือควรไดรถู ึงวา การมบี า นพิพาทเกดิ ขน้ึ ในภายหลังนัน้ ก็เน่อื งจากจาํ เลยท่ี ๑ จัดสรรขายใหแ ก
ลูกคาไปแลว แตจาํ เลยท่ี ๒ ก็มิไดกระทาํ การตรวจสอบหลักฐานการเปนเจาของใหไดความแนช ัดเสียกอน
จึงจะรับจดทะเบียนจํานองไว ประกอบกับจําเลยท่ี ๒ ในฐานะธนาคารผูสนับสนุนโครงการ ยอมตองทราบ
หรอื ถือวา ไดทราบวา มีประกาศของคณะปฏิวตั ิฉบบั ที่ ๒๘๖ หามทํานิติกรรมใดๆ.อันกอ ใหเกดิ ภาระแกที่ดินจัดสรร

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทด่ี ิน

๖๗

รวมเรอื่ งท่นี า่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทด่ี นิ

เวน แตจ ะไดรบั อนุญาตเปน หนงั สือจากคณะกรรมการ ท้งั ไมปรากฏวา ในการทาํ นิติกรรมจดทะเบียนจาํ นองครง้ั นี้
ไดรับอนญุ าตเปน หนงั สอื จากคณะกรรมการแลวดวย พฤติการณเชื่อไดวาจําเลยที่ ๒ ไดจงใจหรือแกลงละเลย
ตอบทบญั ญตั ิแหงกฎหมายอนั มไี วดวยเจตนารมณเพ่ือปองกันประชาชนผูสุจริต โดยมุงประสงคแตในทางที่ได
กาํ ไรเพียงสถานเดียว ถอื ไดวา เปน การกระทําโดยไมสจุ รติ

๔.๖ หนงั สือกรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๖๐๘/ว ๖๖๕๒ ลงวันท่ี ๑๖ มีนาคม ๒๕๑๔ เรอื่ ง ขอออกใบแทน
โฉนดท่ีดิน สรุปวา โฉนดที่ดินเปนหนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิที่ดิน ซึ่งตามปกติแลวยอมอยูในความยึดถือ
ครอบครองของเจาของทด่ี นิ สําหรบั กรณนี ้ี ศาลไดพ พิ ากษาใหจ าํ เลยสง คนื โฉนดทด่ี นิ ใหโจทกแลว จําเลยไมม เี หตุ
ที่จะอางไดวา โฉนดท่ีดินไดตกมาอยูในความครอบครองของตนโดยชอบ เม่ือจําเลยไมสงคืนและศาลไดออก
หมายจับจําเลยแลว แตย ังจับไมไ ด แสดงวาจําเลยไดหลบหนสี ญู หายไปพรอ มดว ยโฉนดทดี่ นิ เชน น้ี จงึ พอฟง ไดวา
โฉนดท่ีดินไดสูญหายไปจากความยึดถือครอบครองของเจาของที่ดิน อันทําใหเจาของท่ีดินชอบที่จะมาขอรับ
ใบแทนโฉนดทด่ี นิ นัน้ ไดตามมาตรา ๖๓ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน

๔.๗ หนังสือกรมท่ดี ิน ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๐๑๒๗๕ ลงวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๓๐ เรื่อง การ
ออกใบแทนโฉนดที่ดนิ เพ่อื จดทะเบยี นโอนตามคําพิพากษาของศาล สรุปวา จากขอ ๑๑ (๓) แหงกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ใิ หใชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ทบี่ ัญญัติวา
ในกรณศี าลมีคาํ สง่ั หรอื มีคาํ พพิ ากษาเกีย่ วกบั โฉนดทด่ี นิ และปรากฏวา โฉนดท่ดี ินเดิมเปน อนั ตราย ชาํ รดุ หรอื สญู หาย
ดวยประการใด ใหปฏิบัติทํานองเดียวกับกรณีเจาของท่ีดินมาขอออกใบแทน เห็นวาการที่ศาลมีคาํ พิพากษา
ใหจ ําเลยจดทะเบยี นโอนกรรมสทิ ธิ์ทดี่ ินพรอ มส่ิงปลูกสรา งใหแ กโ จทก หากจาํ เลยไมปฏิบัติใหถ ือเอาคําพิพากษา
ของศาลเปนการแสดงเจตนา กรณีนี้ยอมถือไดวาเปนกรณีที่ศาลไดมีคําพพิ ากษาอันเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน
ตามกฎกระทรวงดังกลาวแลว ทั้งนี้ เพราะการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิตามคําพิพากษาดังกลาวจะตอง
มกี ารดําเนินการเกยี่ วกบั โฉนดท่ีดนิ กลาวคือ จะตอ งมีการจดแจงหรือบนั ทกึ สาระสําคญั แหงการโอนลงในโฉนดทด่ี นิ
ตามทีก่ ฎหมายบัญญตั ิไว และเมือ่ ขอเท็จจรงิ ปรากฏวาโจทกไดด ําเนนิ การโดยวิธีการตางๆ เพื่อใหไดโฉนดท่ีดิน
มาจากจาํ เลยแลว แตไมส ามารถนําโฉนดท่ีดินมาจากจําเลยไดเพราะจําเลยไดหลบหนีไป ไมทราบวาจะตามตัว
จําเลยไดจากท่ีใด และโจทกไ ดไปยน่ื คาํ ขอออกใบแทนโฉนดทด่ี ินตอ เจาพนักงานท่ีดินไวแลว ยอมถือไดวาเปนกรณี
โฉนดทดี่ นิ สญู หายดวยประการใดตามท่บี ญั ญัติไวในขอ ๑๑ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออก
ตามความในพระราชบัญญัติใหใ ชประมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ดงั นั้น ดวยเหตุผลดังกลาวเจาพนักงานท่ีดิน

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คัญ
กรมทีด่ ิน

๖๘

รวมเร่ืองทน่ี ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ

จึงจําเปนตองออกใบแทนโฉนดที่ดินใหแกโจทก ทํานองเดียวกับกรณีที่เจาของที่ดินมาขอออกใบแทนตาม
บทบัญญัติแหง กฎกระทรวงดงั กลา ว ทั้งน้ี เพื่อท่ีโจทกจะไดนําใบแทนโฉนดท่ีดินไปดําเนินการจดทะเบียนโอน
กรรมสิทธิ์ทด่ี นิ พรอมส่งิ ปลูกสรา งใหแ กโ จทกต ามคาํ พิพากษาไดต อ ไป

๔.๘ หนงั สือกรมทดี่ ิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๗๖๐๒ ลงวันท่ี ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ เร่ือง หารือ
การออกใบแทนโฉนดที่ดิน สรปุ วา นาย ส ซ่งึ เปนผูถอื กรรมสทิ ธใิ์ นที่ดินตามโฉนดที่ดนิ เลขท่ี ๕๕๓๕๑ หนาสํารวจ
๖๗๒๓ ตําบลหนองจะบก อําเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ไดยื่นคําขอออกใบแทนโฉนดท่ีดิน
โดยอางวา โฉนดทดี่ ินตกอยูในครอบครองของ นาง จ ทีไ่ มม ีสิทธิยึดถือ โฉนดที่ดินโดยชอบดว ยกฎหมาย เนื่องจากไดมา
จากการปลอมแปลงลายมือชื่อตนเอง พรอ มแนบเอกสารหลักฐานสําเนาคําพิพากษาศาลแขวงนครราชสีมา คดีแพง
(ผูบรโิ ภค) คดีหมายเลขแดงท่ี ผบ.๒๙๒/๒๕๕๔ ลงวันท่ี ๑๗ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๔ ระหวา ง นาง จ โจทก นาง ก ท่ี ๑
นาย ส ที่ ๒ จําเลย ซ่งึ ปรากฏตามคําพพิ ากษา วา นาง ก จําเลยที่ ๑ ไดปลอมแปลงลายมือช่ือในหนังสือมอบอํานาจ
ของนาย ส จําเลยท่ี ๒ เพื่อนําไปกูยืมเงินจาก นาง จ โจทก โดยสงมอบโฉนดท่ีดินของจําเลยท่ี ๒ เปน
หลักประกนั การกยู ืม โดยจาํ เลยท่ี ๒ ไมมสี วนเกีย่ วของในการกูยมื และจําเลยท่ี ๒ ไดมีการทวงถามโฉนดท่ีดินจากโจทก
แตโจทกไมยินยอมคืนโฉนดที่ดินให ดังนั้น การที่ นาง จ ยึดถือโฉนดท่ีดินไวโดยไมสงมอบโฉนดท่ีดินคืนใหแก
นาย ส เจาของทีด่ นิ จงึ เปนการยึดถือโฉนดทด่ี นิ ไวโดยไมมีสิทธติ ามกฎหมาย แตเนือ่ งจากศาลมไิ ดมคี าํ พิพากษา
ใหสง คืนโฉนดที่ดนิ ประกอบกบั กรณนี ี้ยงั ถือไมไ ดว า โฉนดที่ดนิ ไดส ญู หาย คือ หาไมพบ ตามความในมาตรา ๖๓ แหง
ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ดงั นนั้ นาย ส จึงตอ งยน่ื คํารอง ตอ ศาลเพ่ือใหศาลมีคําบังคับให นาง จ สงคืนโฉนดที่ดิน หาก
นาง จ ไมส งคนื โฉนดทด่ี ินตามคาํ บงั คบั นาย ส ตอ งยนื่ คํารองขอใหศาลออกหมายจับเนื่องจากฝาฝนไมปฏิบัติตาม
คําสงั่ ศาลหรือรอ งขอตอ ศาลเพื่อใหศาลมคี าํ สง่ั ใหออกใบแทนโฉนดทดี่ นิ แลว นําหลักฐานดังกลา วมายน่ื ประกอบการ
ขอออกใบแทนตอ ไป

๔.๙ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๘๒๗๐ ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ เรื่อง
ขอหารือแนวทางปฏิบัติในกรณีมีผูยื่นคาํ ขอออกใบแทนโฉนดที่ดินและจดทะเบียนขายตามคําสั่งศาล สรุปวา
ตามคําพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๘๕๓๘/๒๕๕๒ ระหวาง สิบตาํ รวจเอก ป โจทก กบั นาง พ จําเลย ไดถึงที่สดุ แลว โดยศาล
พิพากษาใหจาํ เลยโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขท่ี ๑๑๗๘๙ ตําบลฝาละมี อาํ เภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ใหโจทก
โดยใหโ จทกชาํ ระเงนิ คาทีด่ นิ จาํ นวน ๑,๕๙๙,๕๐๓ บาท ใหจําเลย ถาจําเลยไมป ฏิบตั ติ าม ใหถอื เอาคําพิพากษา
แทนการแสดงเจตนา และใหจาํ เลยใชคาเสียหายแกโจทกจาํ นวน ๕๐,๐๐๐ บาท คาธรรมเนียมและคาใชจาย

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมที่ดนิ

๖๙

รวมเรอื่ งที่นา่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ

ในการทํานติ ิกรรมโอนขายโอนทดี่ นิ ใหโจทกและจําเลยชาํ ระคนละกง่ึ หนึง่ ประกอบกบั ศาลอทุ ธรณ ภาค ๙ ไดว นิ จิ ฉยั
ในคดหี มายเลขแดงที่ ๘๑/๒๕๕๔ วา ตามคําพิพากษาศาลช้ันตน โจทกแ ละจาํ เลยตางมีหนา ที่ปฏิบัติการชําระหน้ี
ตามคาํ พิพากษาใหแ กกัน หาใชเปน การปฏิบัติการชาํ ระหนต้ี ามสญั ญาจะซื้อจะขายอีก ดังนั้น โจทกและจําเลย
ยอ มมสี ทิ ธิทีจ่ ะขอใหด าํ เนินการบงั คบั คดใี หอ กี ฝา ยปฏบิ ัตติ ามคําพพิ ากษาไดภ ายในสิบป นบั แตวันมคี ําพิพากษา
ถึงทส่ี ดุ ตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความแพง มาตรา ๒๗๑ หากโจทกไมปฏบิ ัติตามคาํ บงั คับของศาล จําเลย
ซง่ึ เปน เจา หนี้ตามคาํ พพิ ากษา ยอมมีสิทธขิ อใหศ าลออกหมายบังคับคดีตัง้ เจาพนักงานบังคับคดีเพ่ือดําเนินการ
ใหเ ปนไปตามคําบังคับเพอ่ื ใหปฏิบตั ิตามคาํ พพิ ากษาเทานั้น แตจําเลยจะขอใหศาลมีหมายบังคับคดีหามโจทก
ถอื เอาคาํ พิพากษาแทนการแสดงเจตนา หาไดไม ดงั นน้ั หากปรากฏขอเท็จจริงวาไดมีการปฏิบัติตามคําพิพากษา
โดยสิบตํารวจเอก ป ไดชาํ ระหนี้ตามสัญญาใหกับนาง พ หรือไดมีการวางทรัพย ณ สาํ นักงานวางทรพั ยแลว
นาง พ จาํ เลย ยอมมีหนา ท่ีท่ีจะตองจดทะเบียนโอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๗๘๙ ตําบลฝาละมี อําเภอปากพะยูน
จังหวดั พทั ลุง ใหแก สบิ ตํารวจเอก ป และเนื่องจากโฉนดท่ีดินดังกลาวยังไมถือวาสูญหายตามความในมาตรา ๖๓
แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน กรณีทส่ี ิบตาํ รวจเอก ป นาํ คําพพิ ากษามาขอออกใบแทน จงึ ยังไมอยูในหลักเกณฑที่จะ
สามารถรับคําขอไวได ซงึ่ เรอ่ื งทํานองนกี้ รมทีด่ นิ ไดว างแนวทางปฏบิ ัตไิ วต ามหนังสอื กรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๖๐๘/ว ๖๖๕๒
ลงวันที่ ๑๖ มนี าคม ๒๕๑๔ เร่ือง ขอออกใบแทนโฉนดท่ีดิน และหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๗๑๒/ว ๐๑๒๗๕ ลงวันท่ี
๑๖ มกราคม ๒๕๓๐ เร่ือง การออกใบแทนโฉนดทีด่ นิ เพือ่ จดทะเบยี นโอนตามคําพพิ ากษาของศาล ดังนนั้ หาก นาง พ
ไมดําเนินการโอนที่ดินหรือสง มอบโฉนดทด่ี นิ ให สิบตาํ รวจเอก ป ตอ งยืน่ คาํ รอ งตอศาลเพอ่ื ขอใหศาลออกคําบงั คับ
ให นาง พ ปฏบิ ัติตามคาํ พิพากษาหรอื สงมอบโฉนดท่ดี นิ เพอื่ นาํ ไปจดทะเบยี นโอนตามคาํ พิพากษาศาล หาก นาง พ
ไมปฏิบตั ติ ามคําบังคับ สิบตํารวจเอก ป ตอ งยื่นคาํ รอ งขอใหศาลออกหมายจับเนอ่ื งจากฝาฝน ไมป ฏบิ ตั ติ ามคาํ สง่ั ศาล
หรอื รอ งขอตอ ศาลเพื่อใหศาลมคี าํ สั่งใหออกใบแทนโฉนดทด่ี ิน แลวนําหลักฐานดังกลา วมายนื่ ประกอบการขอออก
ใบแทนตอไป

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาแลวเห็นวา ตามขอเทจ็ จริงปรากฏวา บรษิ ทั อ จาํ กัด ไดยื่นคาํ ขอออกใบแทน

โฉนดท่ีดนิ เลขท่ี ๕๖๓๓, ๕๖๓๔, ๕๖๓๕, ๕๖๓๗ และ ๗๘๗๗๑ หนา สํารวจ ๓๘๕, ๓๘๖, ๓๘๗, ๓๘๙ และ ๙๙๘๐
ตาํ บลทา เรือ อาํ เภอเมืองนครศรธี รรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคําขอฉบับลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ดี ิน

๗๐

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ

และโฉนดท่ีดินเลขที่ ๗๘๗๗๒, ๗๘๗๗๓ หนาสํารวจ ๙๙๘๑, ๙๙๘๒ ตําบลทาเรือ อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามคําขอฉบับลงวันท่ี ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (ซึ่งโฉนดที่ดินดังกลาว เปนโฉนดที่ดิน
ท่จี ดทะเบยี นปลดจํานอง เมื่อวนั ที่ ๑๙ กุมภาพนั ธ ๒๕๔๐ และจดแจงวาท่ดี นิ แปลงน้ีอยูภายใตการจัดสรรที่ดิน
ลงวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๐) โดยอา งวาโฉนดท่ีดินเดมิ สญู หาย ไมไ ดนําไปจํานอง จาํ นาํ หรือฝากไวก บั บุคคลอื่น
หรือกอ ภาระผกู พนั ใดๆ พนักงานเจาหนาทีไ่ ดดําเนินการในเรือ่ งการออกใบแทนโฉนดทีด่ นิ เลขที่ ๕๖๓๓, ๕๖๓๔,
๕๖๓๕, ๕๖๓๗ และ ๗๘๗๗๑หนาสํารวจ ๓๘๕, ๓๘๖, ๓๘๗, ๓๘๙ และ ๙๙๘๐ ตําบลทาเรือ อําเภอเมือง
นครศรีธรรมราช จงั หวัดนครศรธี รรมราช มีการจดแจงในสารบัญจดทะเบยี นวา ไดออกใบแทนโฉนดที่ดินใหใหม
แลว แตวนั ที่ ๒๕ กนั ยายน ๒๕๕๖ และโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๗๘๗๗๒, ๗๘๗๗๓ หนาสํารวจ ๙๙๘๑, ๙๙๘๒ ตําบลทาเรอื
อาํ เภอเมืองนครศรีธรรมราช จงั หวดั นครศรธี รรมราช ไดจ ดแจงในสารบัญจดทะเบียนวาไดอ อกใบแทนโฉนดทดี่ นิ
ใหใ หมแ ลว แตวันที่ ๖ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ ตอมาเม่อื วนั ที่ – พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ (สาํ นักงานทด่ี นิ ไดลงเลขท่ีรับ
หนังสอื ๑๑๐๔๒ ลงวนั ที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖) บริษทั บ จาํ กดั ไดม ีหนงั สอื แจง วาโฉนดทด่ี ินดังกลา วไมส ูญหาย
และมกี ารโอน สิทธิเรียกรองในหน้แี ละหลกั ประกันจากธนาคารนครหลวงไทย จาํ กัด (มหาชน) ตอ มาจนถึงบรษิ ทั บ
จํากดั บรษิ ัท บ จาํ กัด จงึ เปน ผรู บั โอนสิทธเิ รยี กรอ งในหนแี้ ละหลักประกันของบริษัทมาจากเจาหน้ีเดิมโดยชอบ
ดว ยกฎหมาย และโฉนดทด่ี ินดงั กลา วเปน โฉนดทด่ี ินท่ีอยใู นความยดึ ถอื ของบริษัท บ จํากัด ตามท่ีไดมีการตกลง
ปรับปรุงโครงสรางหน้ีเดิมกับธนาคารนครหลวงไทย จํากัด (มหาชน) ที่ใหธนาคารเปนผูยึดถือโฉนดที่ดิน
ทีป่ ลดจํานองไวเ ปนประกันหนข้ี องบรษิ ัททีม่ อี ยกู บั ธนาคารจนกวาจะชําระหน้ีเสรจ็ ส้ินแลว ซึ่งโฉนดที่ดินเหลานี้
ไดโอนมาเปน สทิ ธยิ ดึ ถือของบริษัท บ จาํ กดั สบื เนือ่ งจากการโอนสิทธิเรียกรองในหน้ีและหลักประกันดังกลาว
แตใ นขณะท่ีมกี ารดาํ เนนิ การขอออกใบแทนโฉนดท่ดี ินดงั กลาว ไมปรากฏรายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใดๆ
จึงเปนเหตุใหเช่อื ไดว า โฉนดทดี่ นิ ดงั กลาวเปนของบรษิ ัท อ จํากัด และเมือ่ มกี ารประกาศออกใบแทนโฉนดท่ีดิน
ก็ไมป รากฏวา มีการคดั คาน เจาหนา ท่ีจึงดําเนนิ การออกใบแทนโฉนดที่ดินและแจกใหกับบริษัท อ จํากัด จึงเปน
การดําเนนิ การไปตามระเบียบกฎหมายแลวตอ มาบรษิ ัท อ จํากัด ไดสง ใบแทนโฉนดทีด่ ินดงั กลา วใหสาํ นกั งานทดี่ นิ
เพือ่ สงคืนใหบ รษิ ทั บ จาํ กดั ยดึ ถอื ไว

หลงั จากน้ัน เมื่อวันท่ี ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ นาง จ และนาย ส ไดนําคําพิพากษาตามยอม
มายื่นคําขอจดทะเบียนโอนที่ดินพรอมทั้งย่ืนคําขอออกใบแทนโฉนดที่ดินโดยอางวา เปนผูมีสิทธิจดทะเบียน
ตามคําพิพากษาของศาลและไมไ ดโ ฉนดท่ีดนิ มา จงึ ขอใหอ อกใบแทนโฉนดทด่ี นิ เพือ่ จดทะเบียนตามคาํ พิพากษาตามยอม

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดนิ

๗๑

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ีดนิ

ตามขอหารือจึงมีประเด็นที่ตองพิจารณาวา นาง จ และนาย ส เปนผูมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาของศาล
แตไมไดโฉนดที่ดินมา มีสิทธิท่ีจะยื่นคําขอออกใบแทนเพื่อจดทะเบียน ตามคําพิพากษาดังกลาว หรือไม ซึ่งจากการ
ตรวจสอบสญั ญาประนปี ระนอมยอมความในคดีหมายเลขแดงท่ี ผบ.๘๓/๒๕๕๘ และที่ ผบ.๘๔/๒๕๕๘ ลงวันท่ี ๑๐
กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๘ ระหวา ง นาง จ โจทก กบั บริษัท อ จํากัด โดยนาย อ ผูชําระบัญชี จําเลย และระหวางนาย ส
โจทก กบั บรษิ ทั อ จํากัด โดยนาย อ ผูช ําระบัญชี จาํ เลย ตามลําดับ ไดร ะบวุ าจําเลยตกลงโอนทด่ี ินจาํ นวน ๓ แปลง
คือ โฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๖๓๓, ๕๖๓๔ และ ๕๖๓๕ หนาสํารวจ ๓๘๕, ๓๘๖ และ ๓๘๗ ตําบลทาเรือ อําเภอ
เมอื งนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช พรอมส่ิงปลูกสรางใหแกนาง จ และโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๖๓๗,
๗๘๗๗๑, ๗๘๗๗๒ และ ๗๘๗๗๓ หนาสํารวจ ๓๘๙, ๙๙๘๐, ๙๙๘๑ และ ๙๙๘๒ ตําบล อําเภอและจังหวัด
เดียวกนั พรอ มส่งิ ปลกู สรา งใหแ ก นาย ส ซ่ึงโฉนดที่ดินท้ัง ๗ ฉบับ เปนโฉนดที่ดินท่ีอยูภายใตการจัดสรรที่ดิน
โดยปรากฏขอเทจ็ จรงิ จากคาํ ฟองในคดหี มายเลขดาํ ท่ี ๑๓๕๙/๒๕๕๘ ลงวนั ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ วา โจทก
เปนผูท่ีซ้ือที่ดินจัดสรรตามโฉนดท่ีดินดังกลาวโดยไดชาํ ระเงินแกจาํ เลยครบถวนแลว โจทกจึงเปนผูมีสิทธิขอ
จดทะเบียนโอนท่ีดนิ ทซ่ี ้อื จากจาํ เลยได การฟองรองและตกลงกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาล
ไดม คี ําพพิ ากษา ใหจ าํ เลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินใหแ กโจทก หากจําเลยผิดนัดยินยอมใหถ ือเอาคําพิพากษาตาม
ยอมเปนการแสดงเจตนาของจาํ เลย จึงเปนการพจิ ารณาพพิ ากษาเพื่อใหคูความไปดําเนินการจดทะเบียนโอนท่ีดิน
ใหแ กค คู วาม โจทกจ ึงเปนผูมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาตามยอมและหากไมไดโฉนดที่ดินมาก็ชอบที่จะ
ย่ืนคําขอออกใบแทนโฉนดท่ีดนิ ได ตามขอ ๑๗ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความ
ในพระราชบัญญัตใิ หใ ชประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗

แตเ นอื่ งจากเร่ืองน้ี บริษัท อ จํากดั ไดยน่ื คาํ ขอออกใบแทนโฉนดทีด่ ิน ซ่ึงมโี ฉนดที่ดินท้ัง ๗ ฉบับ
รวมอยูด วย โดยไดร บั ใบแทนโฉนดท่ีดินแลว และสง ใหสํานักงานที่ดินเพื่อคนื ใหบรษิ ทั บ จาํ กดั ยึดถือตามขอตกลง
ปรับปรุงโครงสรางหน้ี แตยังไมมีการสงคืนใหบริษัท บ จํากัด และอยูในความดูแลของสํานักงานท่ีดินจังหวัด
นครศรธี รรมราช นั้น กรณกี ารยึดหนวงโฉนดทดี่ นิ ตามขอ ตกลงที่บริษทั อ จํากัด ไดทําไวกับบริษัท บ จํากัด เห็นไดวา
เปนการทํานิติกรรมกับบุคคลใดอันกอใหเกิดภาระแกท่ีดินท่ีอยูภายใตการจัดสรรโดยไมปรากฏวามีการอนุญาต
เปนหนังสือจากคณะกรรมการ จงึ เปนการกระทําฝาฝนขอ ๑๘ แหงประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ (เทียบเคียง
คาํ พิพากษาฎกี าที่ ๕๗๕๔/๒๕๔๓) ขออางระหวาง บริษัท บ จํากัด กับ บริษัท อ จํากัด จึงไมอาจนํามาใชยัน
กบั บุคคลภายนอกท่ซี ้ือทดี่ ินจัดสรรในโครงการที่ไดรบั อนุญาตได และชอบท่ีคูกรณีจะไปวากลาวกันเอง สวนการ

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน

๗๒

รวมเร่ืองทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

ขอสรา งใบแทนเพือ่ จดทะเบยี นในโฉนดทดี่ ินทัง้ ๗ ฉบับ เนอ่ื งจากกรณนี ้ี ปรากฏวาโฉนดท่ีดิน (ฉบับใบแทน) ยังอยู
ในความดแู ลของสํานกั งานทด่ี นิ จังหวดั นครศรีธรรมราช มไิ ดมีการสญู หาย จึงไมอาจดาํ เนินการออกใบแทนตาม
คาํ ขอของนาง จ และนาย ส ได

ดงั น้ัน ตามขอ หารือดงั กลาว สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั พิจารณาแลวเห็นวา
๕.๑ ในการดําเนินการขอออกใบแทนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๖๓๓, ๕๖๓๔, ๕๖๓๕, ๕๖๓๗,
๗๘๗๗๑, ๗๘๗๗๒ และ ๗๘๗๗๓ หนาสาํ รวจ ๓๘๕, ๓๘๖, ๓๘๗, ๓๘๙, ๙๙๘๐, ๙๙๘๑ และ ๙๙๘๒ ตําบลทาเรือ
อาํ เภอเมอื งนครศรธี รรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ของบรษิ ัท อ จาํ กัด ดงั กลา ว ไดม กี ารดาํ เนนิ การไปโดยถกู ตอ ง
ตามข้ันตอน ระเบียบและกฎหมาย ตามมาตรา ๖๓ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี นิ จงึ มผี ลเปนการออกใบแทนแลว
ทําใหโ ฉนดท่ีดนิ เดมิ เปน อันยกเลกิ
๕.๒ ในกรณีการขอจดทะเบยี นสิทธแิ ละนิติกรรมประเภทโอนที่ดินตามคาํ พิพากษาตามยอม
ในกรณดี ังกลา วโดยไมไ ดโฉนดที่ดินมา ถอื วา นาง จ และนาย ส เปน ผมู ีสิทธจิ ดทะเบียน ตามคําพพิ ากษาของศาล
แตเ นื่องจากโฉนดท่ีดินดงั กลาว (ใบแทนโฉนดทดี่ ิน) ไมปรากฏวาสูญหาย แตอยูใ นความดูแลของสาํ นักงานทดี่ นิ จงั หวัด
นครศรีธรรมราช ซ่ึงบริษทั อ จํากดั จะตอ งดําเนนิ การจดทะเบียนใหแ ก นาง จ และนาย ส ตามคําพิพากษาตามยอม
สวนการยึดหนวงของบรษิ ัท บ จํากัด ไมสามารถยกมากลาวอางกับโฉนดที่ดินท่ีอยูภายใตการจัดสรรท่ีดินได
แตเพ่ือใหคูกรณีไดรับทราบและดําเนินการตามคําพิพากษาตามยอม พนักงานเจาหนาที่ควรมีหนังสือแจงให
บรษิ ัท บ จํากัด ทราบเรือ่ งการขอจดทะเบียนตามคาํ พิพากษาตามยอม พรอ มท้ังแจงใหบ รษิ ัท อ จาํ กดั มาดําเนินการ
จดทะเบียนใหกับคูกรณีตามคําพิพากษาตามยอมในหลักฐานใบแทนท่ีไดสงไวท่ีสํานักงานท่ีดินฯ หากไมมา
ดําเนินการ จึงใหพนักงานเจาหนาท่ีดําเนินการจดทะเบียนโอนที่ดินในใบแทนโฉนดที่ดินที่จัดสรางไวกอนแลว
ตามคําพพิ ากษาดงั กลา วตอ ไป
อนง่ึ การทจี่ งั หวดั ไดต รวจสอบและจัดสงเอกสารหลกั ฐานเพ่มิ เติม จากการตรวจสอบไมป รากฏวา
เปนเร่อื งทเี่ กยี่ วของกับการขอออกใบแทนและขอจดทะเบียนโอนสิทธใิ นทีด่ ิน รวม ๗ แปลง ของนาง จ และนาย ส
ซง่ึ ไดมีคาํ พิพากษาตามยอมใหจดทะเบียนโอนสทิ ธิในทีด่ นิ ซงึ่ สืบเนื่องมาจากการซื้อขายและชําระราคาคาท่ดี ินแลว
(ตามท่ีปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช มีคาํ พิพากษาตามยอม
คดหี มายเลขแดง ท่ี ผบ.๘๓/๒๕๕๘ และท่ี ผบ.๘๔/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพนั ธ ๒๕๕๘) อีกทง้ั ยงั ไมป รากฏวา
เปนเรื่องท่ีมีความสัมพันธเกี่ยวโยงกับเหตุการณท่ีหารืออยางไรหรือมีการโตแยงในเร่ืองการออกใบแทนวามีการ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมทีด่ ิน

๗๓

รวมเรื่องท่นี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ

ดาํ เนินการท่ีไมชอบดวยกฎหมายในขณะน้ันเปนประการใด จึงยังไมมีขอเท็จจริงที่จะนํามาพิจารณารวมกัน
เพื่อประกอบการพจิ ารณาเปลยี่ นแปลงผลการพจิ ารณาเดมิ เหน็ ควรแจง ผลการพจิ ารณาใหจ งั หวดั เพอ่ื ดําเนินการตอไป
สวนขอเทจ็ จรงิ ทไ่ี ดรับเพิ่มเตมิ หากมีการดําเนนิ การในสวนท่ีเก่ียวของดังกลาวในปจจุบัน กเ็ ปนคนละกรณีกัน
การพิจารณาของจังหวัดยอมเปน ไปตามขอ เทจ็ จรงิ ท่ีเปล่ยี นแปลงไปน้ันๆ ได
๖. อา งองิ

หนังสอื กรมทีด่ นิ ดวนท่สี ดุ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๓๔๔๑ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอ
หารอื จงั หวัดนครศรธี รรมราช

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมท่ีดนิ

๗๔

รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทีด่ ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอ่ื ง : หารอื การออกโฉนดที่ดนิ

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวัดสงเรื่องหารือ กรณี นาย บ กับพวก ไดยื่นคาํ ขอรังวัดออกโฉนดท่ีดิน ตามคําขอฉบับ

ลงวนั ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ โดยอาศัยหลักฐาน น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ หมูที่ ๕ ตําบลเสม็ด อําเภอเมืองบรุ ีรัมย
จงั หวัดบุรรี ัมย เนอ้ื ที่ ๔๔ ไร ๒ งาน ๕๐ ตารางวา ผลการรังวัดไดเนื้อที่ ๔๙ ไร ๒ งาน ๕๑ ตารางวา มากกวา
หลักฐานเดมิ ๕ ไร – งาน ๐๑ ตารางวา คิดเปนรอ ยละ ๑๑.๒๑ และไดดําเนินการตามขั้นตอนการออกโฉนดที่ดิน
เปน การเฉพาะรายแลว จากการตรวจสอบสารบบทด่ี นิ น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ ปรากฏวาออกจากหลกั ฐาน ส.ค. ๑
เลขที่ ๑๐๐ หมทู ่ี ๕ ตําบลเสมด็ อาํ เภอเมืองบรุ ีรัมย จงั หวัดบุรีรมั ย เนือ้ ที่ ๒๔ ไร - งาน - ตารางวา มีช่ือนาย พ
นาง ส และนาย พ เปนผแู จงการครอบครอง ขางเคยี งดานทศิ เหนอื จดนา นาย ด ระยะ ๘ เสน ทิศใตจดนา นาย ส
ระยะ ๘ เสน ทิศตะวันออกจดทุงกระโดง ระยะ ๓ เสน ทิศตะวันตกจดปา ระยะ ๓ เสน และตรวจสอบพบวา
มีหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๗๖ หมูที่ ๕ ตาํ บลเสม็ด อําเภอเมืองบุรีรัมย จังหวัดบุรีรัมย เนื้อที่ ๔๐ ไร ๑ งาน
๖๕ ตารางวา มีช่ือ นาย พ เปนผูแจงการครอบครอง ขางเคียงดานทิศเหนือจดนา นาย ด ระยะ ๓ เสน ๑ วา
ทศิ ใตจ ดนา นาย ส ระยะ ๓ เสน ๑ วา ทิศตะวันออกจดหนองกงในระยะ ๑๓ เสน ๕ วา ทิศตะวันตกจดนา นาย ด
ระยะ ๑๓ เสน ๕ วา โดยยังไมมีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เมื่อพิจารณาขางเคียงระยะ ส.ค. ๑
ท้ังสองแปลงแลว นา เช่ือวาเมื่อครง้ั ขอออก น.ส. ๓ เลขท่ี ๑๐๐ ดงั กลาว เปนการนํา ส.ค. ๑ ผิดแปลงมาใชเปน
หลกั ฐานในการออก น.ส. ๓ โดยพจิ ารณาจากบนั ทกึ ถอยคําผขู อและผใู หญบาน ฉบับลงวนั ที่ ๘ ธนั วาคม ๒๕๐๔
เมือ่ ครั้งขอออก น.ส. ๓ เลขท่ี ๑๐๐ ระบวุ า ขา งเคียงดา นทศิ ตะวันออกความเปนจริงเปนหนองกงใน ไมใ ชท งุ กระโดง
ซ่ึงจังหวดั พิจารณาแลวเห็นวา ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๗๖ มีขางเคียงและระยะตลอดจนเน้ือที่ใกลเคียงกันกับ น.ส. ๓
เลขท่ี ๑๐๐ ที่ผูขอนํามาขอออกโฉนดที่ดิน จึงนาจะเปนการนํา ส.ค. ๑ มาออกผิดแปลง ดังน้ัน หากจังหวัดจะ
ดําเนนิ การแกไ ขเอกสารหลกั ฐานการออก น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ เปนเลขท่ี ๑๗๖ ซ่ึงออกจาก ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๗๖
จะถูกตองหรอื ไม แตเ นือ่ งจากกรณดี ังกลา วกรมท่ีดนิ ยังมิไดวางแนวทางปฏิบัติไว จึงขอหารอื วาความเห็นของ

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมทีด่ นิ

๗๕

รวมเรื่องทนี่ า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

จังหวัดถูกตองหรือไม หรือตองดําเนินการเพิกถอน น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ และใหผูขอนําหลักฐาน ส.ค. ๑
เลขท่ี ๑๗๖ มาขอออกโฉนดทด่ี ินใหมตอ ไป

๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คาํ สัง่
๔.๑ ประมวลกฎหมายที่ดนิ มาตรา ๕๙, ๖๑
๔.๒ กรมท่ีดินมีแนวทางปฏิบัติกรณีที่จังหวัดบุรีรัมยหารือ ตามหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท

๐๕๑๖.๒/๒๖๓๙๐ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๙ เร่ือง การเพิกถอนหนังสือรับรองการทาํ ประโยชน แจงผล
การพิจารณาใหจังหวดั เชยี งรายทราบ สรุปวา การออกหนังสือรับรองการทาํ ประโยชนเปนการเฉพาะราย ตาม
มาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายทด่ี ิน เปนการออกโฉนดใหแ กผ มู ีสทิ ธคิ รอบครองท่ีดิน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา
ทีด่ นิ ตาม น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๔๐๔ ตาํ บลหวยซอ อําเภอเชียงของ จงั หวัดเชียงราย ออกใหแก นาง ป เมื่อวันที่ ๑๘
มีนาคม ๒๕๒๘ เปน ท่ีดินทไ่ี ดม กี ารครอบครองทําประโยชนอยกู อ นวนั ท่ปี ระมวลกฎหมายทีด่ นิ ใชบ งั คับ และไดม ี
การแจงการครอบครองทีด่ ินไวตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๒๐๘ หมูที่ ๑ ตาํ บลหวยซอ อาํ เภอเชียงของ จังหวัดเชยี งราย
มชี อ่ื นาย ต และนาง ส เปน ผแู จงการครอบครองทด่ี ิน เมื่อวนั ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๘ และนาง ป ไดครอบครอง
ตอ เน่ืองตลอดมา นาง ป จงึ เปนผมู ีสิทธคิ รอบครองท่ดี นิ ซง่ึ สามารถขอออกหนงั สือรับรองการทําประโยชนโดย
อาศัยหลักฐาน ส.ค. ๑ ฉบับน้ีไดตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน การท่ีพนักงานเจาหนาท่ีได
ดําเนนิ การออก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๔๐๔ ไปโดยระบุวา เปนทีด่ ินตามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๘ หมูท่ี ๑ ตําบลหวยซอ
อําเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งนาย ป เปนผูแจงการครอบครองท่ีดิน เม่ือวันท่ี ๒๔ พฤษภาคม ๒๔๙๘
ซงึ่ ไมตรงแปลงทดี่ นิ เปน เพยี งการคลาดเคล่ือนในขอเท็จจริงเทานั้น มิไดเปนการคลาดเคลื่อนโดยไมชอบดวย
กฎหมาย อันเปนเหตุใหตองดาํ เนินการเพิกถอนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน แตประการใด
ในกรณีเชนนี้พนักงานเจาหนา ที่ชอบที่จะแกไขเร่อื งราวการออก น.ส. ๓ ก. ดังกลาว ใหถ กู ตองตามความเปนจริงได
และทีด่ ินตามหลักฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๘ หมทู ่ี ๑ ตําบลหวยซอ อําเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เมื่อไมปรากฏวา
ไดม กี ารออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นที่ดนิ แตอยา งใดแลว กช็ อบทผี่ มู สี ิทธคิ รอบครองในทีด่ นิ ดงั กลา วจะไดนํา ส.ค. ๑
เลขที่ ๑๘ มาเปน หลกั ฐานในการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ ตอได สว นกรณที ่ไี ดม ีการหมายเหตกุ ารออก น.ส. ๓ ก.
เลขที่ ๔๐๔ ไปโดยคลาดเคลือ่ นนัน้ ใหขีดฆาการหมายเหตุดงั กลาวออกเสีย แลวใหเจาพนักงานที่ดินลงชื่อและ
วัน เดอื น ป กํากับไว เพอื่ ใชเ ปน หลกั ฐานประกอบการพจิ ารณาออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทีด่ ินตอไป สําหรับ ส.ค. ๑

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๗๖

รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ดี ิน

เลขท่ี ๒๐๘ หมูท ่ี ๑ ตําบลหว ยซอ อําเภอเชยี งของ จังหวัดเชยี งราย ซึง่ ยังมิไดมกี ารหมายเหตุวาไดออกหนังสือ
แสดงสิทธใิ นที่ดนิ เมอื่ ขอเทจ็ จริงปรากฏวาเปนที่ดินเดียวกันกับ น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๔๐๔ ตําบลหวยซอ อําเภอ
เชียงของ จังหวัดเชียงราย ก็ใหดําเนินการหมายเหตุใน ส.ค. ๑ ดังกลาว และทะเบียนการครอบครองท่ีดินตาม
ระเบยี บและวิธีการดว ย

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพิจารณาแลวเห็นวา กรณีดังกลาวเปนปญหาขอเท็จจริงที่จังหวัดตองตรวจสอบ

ขอ เทจ็ จรงิ ใหไดขอ ยุตวิ า หลกั ฐานเดิมของ น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ หมทู ่ี ๕ ตาํ บลเสมด็ อาํ เภอเมืองบุรีรัมย จังหวัด
บรุ รี ัมย เปน ส.ค. ๑ แปลงใด หากปรากฏขอเท็จจริงวาเปนการนํา ส.ค. ๑ ผิดแปลงมาใชเปนหลักฐานในการ
ออก น.ส. ๓ โดยการออก น.ส. ๓ ดังกลาวเปนการออกใหแกผูมีสิทธิครอบครองที่ดนิ และที่ดินอยใู นหลักเกณฑท่ี
สามารถออก น.ส. ๓ ใหได การที่พนกั งานเจา หนาทไ่ี ดดําเนินการออก น.ส. ๓ เลขท่ี ๑๐๐ ไปโดยระบุวาเปนท่ีดิน
ตามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๐๐ หมูท ี่ ๕ ตําบลเสมด็ อําเภอเมืองบุรีรัมย จังหวัดบุรีรัมย ซึ่งไมตรงแปลงที่ดิน
เปน เพยี งการคลาดเคล่อื นในขอเทจ็ จริงเทา นน้ั มิไดเ ปน การคลาดเคล่อื นโดยมชิ อบดวยกฎหมาย อันเปนเหตุให
ตองดําเนินการเพิกถอนตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน แตประการใด ในกรณีเชนน้ีพนักงาน
เจา หนาทชี่ อบทจี่ ะแกไขเร่อื งราวการออก น.ส. ๓ ดังกลา ว ใหถ กู ตอ งตามความเปน จรงิ ได และที่ดนิ ตามหลกั ฐาน
ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๐๐ หมทู ี่ ๕ ตําบลเสม็ด อาํ เภอเมอื งบรุ ีรัมย จงั หวดั บรุ รี มั ย เม่ือไมป รากฏวา ไดม กี ารออกหนงั สอื
แสดงสิทธิในทดี่ นิ แตอยา งใดแลว กช็ อบทผ่ี มู สี ทิ ธิครอบครองในที่ดินดังกลาว จะไดนํา ส.ค. ๑ เลขที่ ๑๐๐ มา
เปน หลักฐานในการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นที่ดนิ ตอไปได สวนกรณที ่ไี ดมกี ารหมายเหตุการออก น.ส. ๓ เลขท่ี ๑๐๐
ไปโดยคลาดเคล่อื นนั้น ใหขดี ฆา การหมายเหตุดังกลาวออกเสีย และใหเจาพนักงานท่ีดินลงชื่อและวัน เดือน ป
กํากบั ไว เพอ่ื ใชเ ปน หลักฐานประกอบการพิจารณาออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตอ ไป สําหรับ ส.ค. ๑ เลขที่
๑๗๖ หมูท ่ี ๕ ตาํ บลเสม็ด

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมที่ดนิ

๗๗

รวมเรื่องที่นา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในทด่ี ิน

อําเภอเมืองบุรีรัมย จังหวัดบุรีรัมย ซ่งึ ยังมิไดมีการหมายเหตุวาไดออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ซ่ึงเปนท่ีดิน
แปลงเดียวกนั กับ น.ส. ๓ เลขที่ ๑๐๐ หมทู ี่ ๕ ตําบลเสม็ด อําเภอเมืองบุรีรัมย จังหวัดบุรีรัมย ก็ใหดําเนินการ
หมายเหตุใน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๗๖ ดงั กลา ว และทะเบยี นการครอบครองที่ดนิ ตามระเบียบและวธิ ีการดวย

๖. อางองิ

หนังสอื กรมทดี่ นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๑๓๗๒ ลงวันท่ี ๒๙ ตลุ าคม ๒๕๕๗ ตอบขอ หารือจงั หวดั บรุ รี มั ย

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ีดนิ

๗๘

รวมเรอื่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทด่ี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอ่ื ง : หารือกรณีธนารักษพ ้นื ที่เชียงรายขอใหเพิกถอนโฉนดทด่ี นิ

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
จงั หวัดสง เร่อื งหารือ กรณีธนารักษพื้นที่เชียงรายขอใหเพิกถอนโฉนดท่ีดินเลขที่ ๔๐๓, ๔๐๔

และ ๔๑๖ ตําบลแมส าย อําเภอแมสาย จงั หวัดเชียงราย ตามมติทป่ี ระชมุ คณะกรรมการพิจารณาช้ีขาดการยุติ
ในการดําเนินคดีแพงของสวนราชการและหนวยงานท่ีเกี่ยวของ (กยพ.) ครั้งท่ี ๔/๒๕๔๗ เม่ือวันท่ี ๒๔
พฤษภาคม ๒๕๔๗ ซ่งึ มมี ติใหสาํ นักงานเทศบาลตาํ บลแมส ายสง มอบท่ดี นิ ตามหลกั ฐาน ส.ค. ๑ เลขที่ ๕๒๖ หมูที่ ๘
ตาํ บลแมส าย อาํ เภอแมสาย จงั หวดั เชียงราย สวนที่เปนท่ีต้ังสํานักงานและพื้นที่ซงึ่ เปนเขตบริเวณของสํานักงานคืนให
กรมธนารักษ เพอ่ื ขนึ้ ทะเบียนเปน ทร่ี าชพสั ดุ สวนโฉนดทีด่ ินเลขท่ี ๔๐๓, ๔๐๔ และ ๔๑๖ ตําบลแมสาย อําเภอ
แมสาย จังหวัดเชยี งราย ที่ออกโดยมิชอบ ใหก รมธนารักษดําเนนิ การเพื่อใหม ีการเพกิ ถอนตอไป สํานักงานท่ีดิน
จังหวัดเชียงราย สาขาแมสาย เห็นวา ที่ดินสวนที่เปนตลาด (โฉนดที่ดินเลขที่ ๔๐๓, ๔๐๔ และ ๔๑๖) เปน
ทรัพยส ินทท่ี างราชการถอื ไวเปนกรรมสิทธ์ิแบบเดียวกับเอกชนและนํามาจัดหาผลประโยชนโดยทําเปนตลาด
เปนสาธารณสมบัติของแผนดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๐๔ (๓) และ
สามารถนาํ มาออกเปนโฉนดท่ีดนิ ไดและเปน ทีร่ าชพัสดุ โฉนดท่ีดินดังกลาวจะตองออกใหแกกระทรวงการคลัง
เม่ือโฉนดท่ีดินดังกลาวไดมีการรังวัดชันสูตรสอบสวนตามระเบียบแลว และที่ดินสามารถออกโฉนดที่ดินได
การออกโฉนดที่ดินจึงชอบแลว จึงควรแกไขโดยเปล่ียนชื่อผูถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดท่ีดินท้ังสามแปลงจาก
“สุขาภิบาลแมส าย จงั หวัดเชียงราย” เปน “กระทรวงการคลัง” โดยไมต อ งเพิกถอนโฉนดท่ดี ิน จังหวัดเชียงราย
เห็นวา ประมวลกฎหมายท่ีดิน มาตรา ๖๑ วรรคเจ็ด กาํ หนดวา “ถามีการคลาดเคล่ือนเนอื่ งจากเขียนหรือพิมพ
ขอความผิดพลาดโดยมหี ลักฐานชดั แจง และผมู สี ว นไดเสยี ยินยอมเปน ลายลักษณอ ักษรแลว ใหเจาพนกั งานทด่ี นิ
มีอํานาจหนา ที่แกไขใหถูกตองได” ซึ่งหากจะมีการแกไขตามบทบัญญัติดังกลาว จะตองมีการเขียนหรือพิมพ
ขอความผิดพลาด และผูมีสวนไดเสียยินยอมเปนลายลักษณอักษรแลวเทาน้นั จึงจะดาํ เนินการได ในกรณีน้ี
ผูถือกรรมสิทธ์ิในท่ีดินเปนผูไมมีสิทธิในท่ีดินถึงแมวาจะเปนหนวยงานของรัฐเชนเดียวกัน แตการใชบังคับ
กฎหมายในท่ีดินตางกัน การแกไขช่ือยอมกระทบถึงสิทธิในที่ดินของผูถือกรรมสิทธิ์เดิม อันอาจโตแยงและ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ีดิน

๗๙

รวมเรื่องทนี่ า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน

ฟองรองไดต ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๕ เมอ่ื ขอเทจ็ จรงิ ปรากฏวาโฉนดทด่ี นิ ดงั กลา ว
เปนทร่ี าชพสั ดุตามที่คณะกรรมการพิจารณาช้ีขาดการยุติในการดาํ เนินคดีแพง ของสวนราชการและหนวยงานที่
เก่ียวของ (กยพ.) ไดมมี ติไว ยอมเปน การโตแ ยงสิทธิในท่ีดินของเทศบาลตําบลแมสาย โฉนดท่ีดินท้ังสามแปลง
ยอ มเปนโฉนดทด่ี นิ ท่ีออกไปโดยไมชอบดวยกฎหมาย จงึ ตอ งเพิกถอนโฉนดท่ีดนิ ตามมาตรา ๖๑ วรรคแรก แหง
ประมวลกฎหมายทดี่ ิน จังหวัดเชียงรายจึงหารอื วาความเหน็ ของจงั หวัดเชยี งรายถกู ตอ งหรอื ไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คําส่ัง
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๐๔, ๑๓๗๘
มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณสมบัติของแผนดินน้นั รวมทรัพยส ินทุกชนิดของแผนดินซ่ึงใชเพื่อ

สาธารณประโยชนหรือสงวนไวเพือ่ ประโยชนรวมกัน เชน
(๑) ท่ีดนิ รกรา งวางเปลา และท่ดี ินซึ่งมีผูเวนคืนหรือทอดท้ิงหรือกลับมาเปนของแผนดิน

โดยประการอ่ืน ตามกฎหมายทด่ี ิน
(๒) ทรัพยส ินสําหรับพลเมืองใชรวมกนั เปน ตน วาทช่ี ายตลงิ่ ทางนํา้ ทางหลวง ทะเลสาบ
(๓) ทรัพยส นิ ใชเ พอื่ ประโยชนของแผนดนิ โดยเฉพาะ เปน ตน วา ปอม และโรงทหาร สํานัก

ราชการบา นเมือง เรอื รบ อาวุธยุทธภัณฑ
๔.๒ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
มาตรา ๖๑ เมอ่ื ความปรากฏวาไดออกโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สือรับรองการทําประโยชน หรอื

ไดจดทะเบยี นสิทธิและนติ กิ รรมเก่ยี วกับอสังหาริมทรัพย หรอื จดแจง เอกสารรายการจดทะเบยี นอสังหารมิ ทรพั ย
ใหแกผูใ ดโดยคลาดเคล่อื นหรือไมชอบดวยกฎหมาย ใหอ ธบิ ดหี รอื รองอธิบดซี ่งึ อธิบดมี อบหมายมอี าํ นาจหนา ทส่ี ง่ั
เพิกถอนหรือแกไ ขได

ฯลฯ
๔.๓ พระราชบัญญตั ทิ ่ีราชพสั ดุ พ.ศ. ๒๕๑๘

มาตรา ๔ ท่รี าชพสั ดุ หมายความวา อสังหาริมทรัพยอ นั เปน ทรัพยสนิ ของแผนดินทุกชนิด
เวน แตสาธารณสมบตั ขิ องแผน ดนิ ดงั ตอ ไปนี้

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมทด่ี ิน

๘๐

รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทด่ี นิ

(๑) ท่ดี นิ รกรางวา งเปลา และที่ดินซ่ึงมีผูเวนคืนหรือทอดท้ิงหรือกลับมาเปนของแผนดิน
โดยประการอนื่ ตามกฎหมายท่ีดนิ

(๒) อสงั หาริมทรัพยสําหรับพลเมืองใชหรือสงวนไวเพื่อประโยชนของพลเมืองใชรวมกัน
เปนตนวา ที่ชายตล่ิง ทางน้ํา ทางหลวง ทะเลสาบ

สวนอสังหารมิ ทรัพยของรฐั วิสาหกิจที่เปนนิติบุคคลและขององคกรการปกครองทองถิ่น
ไมถ อื วา เปนที่ราชพสั ดุ

มาตรา ๕ ใหกระทรวงการคลังเปนผถู ือกรรมสทิ ธทิ์ ่รี าชพัสดุ
บรรดาท่รี าชพสั ดทุ ่ีกระทรวง ทบวง กรมใดไดมาโดยการเวนคืนหรือการแลกเปล่ียนหรือ
โดยประการอ่นื ใหกระทรวงการคลงั เขา ถอื กรรมสทิ ธ์ิในท่รี าชพสั ดุนน้ั ท้ังนย้ี กเวนทดี่ นิ ท่ไี ดมาโดยการเวนคนื ตาม
กฎหมายวา ดวยการปฏริ ปู ท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม
๔.๔ มติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ กาํ หนดแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับการยุติ
ในการดาํ เนินคดแี พงของสวนราชการและหนวยงานท่เี กี่ยวของและแตงตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณาชีข้ าดการยุติ
ในการดําเนินการคดีแพงของสวนราชการและหนวยงานที่เกี่ยวของ มีรัฐมนตรีวาการกระทรวงยุติธรรมเปน
ประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการ
คณะกรรมการกฤษฎีกาเปนกรรมการ และอัยการสูงสุดเปนกรรมการและเลขานุการ โดยใหมีอํานาจหนาท่ี
พิจารณาตัดสินช้ีขาดการยุติในการดําเนินคดีแพงของสวนราชการและหนวยงานท่ีเก่ียวของ แลวเสนอ
คณะรัฐมนตรเี พ่อื ทราบ
๔.๕ คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๔๔๓๑/๒๕๕๐ สรุปวา เมื่อจําเลยเปนผูท่ีไมมีสิทธิอยางใดๆ ในที่ดิน
พิพาทและที่ดินพิพาทเปนท่ีดินที่อยูในเขตปาสงวนแหงชาติแลว จึงถือไดวาเปนที่ดินของรัฐประเภทปาสงวน
แหงชาติที่สามารถนํามาปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรมไดตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ และ
กรมปา ไมไ ดส ง มอบทดี่ นิ พิพาทซ่งึ อยูในเขตปา สงวนแหงชาติดงั กลา วใหแ กโจทกนําไปปฏริ ปู ทด่ี นิ เพอื่ เกษตรกรรม
ตาม พ.ร.บ. การปฏิรปู ทด่ี ินเพ่อื เกษตรกรรมฯ มาตรา ๒๖ (๔), ๓๖ ทวิ แลว โจทกจึงไมจําเปนตองจัดซ้ือหรือ
เวนคนื ทดี่ นิ พพิ าทกลบั มาเปน ของรัฐเสียกอ นตามท่ีจาํ เลยกลาวอา งแตอ ยางใด ดังนัน้ โจทกยอมมอี าํ นาจนาํ ที่ดิน
พิพาทไปปฏิรปู ทดี่ นิ เพื่อเกษตรกรรมได มติคณะรฐั มนตรีไมใชกฎหมายเปน เพยี งแนวทางปฏบิ ตั ิเทาน้ัน ซ่งึ จะทํา
ใหหรือไม ไดเพียงใด ก็ตองเปนไปตามท่ีกฎหมายในเรื่องน้ันบัญญัติไว ในกรณีเกี่ยวกับการปฏิรูปที่ดินเพ่ือ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๘๑

รวมเร่ืองทนี่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในท่ีดิน

เกษตรกรรม กต็ องเปน ไปตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปที่ดินเพอื่ เกษตรกรรมฯ ดังนั้น บุคคลใดจะมีสิทธิท่ีจะไดท่ีดินเพ่ือ
เกษตรกรรมตาม พ.ร.บ. การปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมฯ ก็ตองเปนผูที่มีคุณสมบัติตามท่ีกฎหมายดังกลาว
กําหนดหาใชจะถอื ตามมตคิ ณะรัฐมนตรีดังกลา วแตเพยี งอยางเดยี วตามท่จี าํ เลยอางในฎีกาแตอยางใดไม ถึงแม
ในตอนแรกโจทกไดมอบหนงั สอื อนุญาตใหเ ขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปท่ีดิน (ส.ป.ก. ๔-๐๑) ใหแกจ ําเลยไปแลว
แตเ มื่อมาตรวจสอบพบในภายหลงั วา จาํ เลยเปน ผูขาดคณุ สมบัติดงั กลา วก็สามารถทําการเพิกถอนไดเนื่องจาก
จําเลยเปนผทู ไ่ี มมีสิทธิท่จี ะไดห นังสอื อนญุ าตใหเขา ทาํ ประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. ๔-๐๑) มาต้ังแตตน
และเมื่อเพิกถอนการอนุญาตใหจําเลยเขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปที่ดินแลว จําเลยไมยอมออกไปจากที่ดิน
พิพาทซง่ึ เปน ของโจทก โจทกย อมมอี าํ นาจฟอ งขับไลจําเลยได

๕. ผลการพิจารณา
กรมทีด่ ินพจิ ารณาแลวเห็นวา เมื่อขอเทจ็ จริงปรากฏวา กรณีพพิ าทในทด่ี ินตามโฉนดท่ดี ินเลขที่

๔๐๓, ๔๐๔ และ ๔๑๖ ไดพจิ ารณาเปน ทย่ี ุตแิ ลว ตามมตขิ องคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดําเนิน
คดีแพง ของสวนราชการและหนวยงานทเ่ี กยี่ วของ (กยพ.) ครั้งท่ี ๔/๒๕๔๗ เมื่อวนั ท่ี ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ให
เทศบาลตาํ บลแมส ายสงมอบทีด่ นิ ตาม ส.ค. ๑ เลขที่ ๒๒๐, ๒๒๑ และทีด่ นิ ตาม ส.ค. ๑ เลขท่ี ๕๒๖ สวนท่ีเปน
ที่ต้ังสํานักงานเทศบาลตําบลแมสาย และพ้ืนท่ีซึ่งเปนเขตบริเวณของสํานักงานเทศบาลตําบลแมสายคืนแก
กรมธนารกั ษ เพ่อื ขึน้ ทะเบยี นเปนทีร่ าชพัสดุ สว นท่ดี นิ โฉนดทีด่ ินเลขท่ี ๔๐๓, ๔๐๔ และ ๔๑๖ ซ่ึงออกโดยมิชอบ
ใหก รมธนารักษด ําเนินการเพือ่ ใหม ีการเพิกถอน ประกอบกับการออกโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๐๓, ๔๐๔ และ ๔๑๖
ผูว าราชการจงั หวัดเชยี งรายไดม อบอาํ นาจใหป ระธานกรรมการสขุ าภิบาลแมสายเปน ผูท ําการแทนผูวาราชการ
จงั หวดั ในฐานะผแู ทนกรมการปกครองเพอื่ รังวดั ช้เี ขตท่ดี ิน และลงนามรบั รองเรื่องราวตางๆ ในการออกโฉนดท่ีดิน
แตสขุ าภิบาลแมส ายไดขอออกโฉนดท่ีดินในนามของสขุ าภบิ าลแมสายท้ังสามแปลง การออกโฉนดที่ดินจึงเปน

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทดี่ ิน

๘๒

รวมเรื่องที่นา่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นที่ดิน

การออกไปโดยไมชอบเน่ืองจากเปนการออกโฉนดที่ดินใหแกผูไมมีสิทธิในท่ีดิน จึงตองเพิกถอนโฉนดท่ีดิน
ดังกลาวตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และใหกรมธนารักษนาํ ท่ีดินดังกลาวขึ้นทะเบียนเปน
ท่ีราชพสั ดตุ อ ไป

๖. อางองิ หนังสอื กรมท่ดี นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๔๐๙๒ ลงวนั ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตอบขอหารอื จังหวดั
เชียงราย

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทดี่ นิ

๘๓

รวมเรื่องท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : การเพิกถอนโฉนดที่ดนิ วัดสามแกว (ท่ีธรณสี งฆ)

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญหา
จังหวัดสงเรื่องหารือกรมที่ดิน กรณี วัด ส ขอใหแกไขโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๓๙๓๘ หนาสํารวจ

๕๒๙๕ ตําบลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ซ่ึงมีชื่อวัด ส เปนผูถือกรรมสิทธิ์ ใหถูกตองตาม
วตั ถุประสงคของ ผูบ รจิ าคทีด่ นิ เน่อื งจากนาย ป เจาของทดี่ ินเดิมไดยกที่ดินแปลงดังกลาวใหเพื่อใชสรางวัด บ
แตวัด บ ในขณะนนั้ เปนเพยี งที่พกั สงฆไมใ ชวัดท่ีตง้ั ขึ้นโดยชอบดว ยกฎหมาย ซ่ึงไดอ อกเปน หนงั สือรับรองการทํา
ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๒๓๖๔ ตาํ บลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร มีชื่อวัด ส (ท่ีธรณีสงฆ)
เปน ผูถือสิทธิครอบครอง และตอมา น.ส. ๓ ก. ดังกลาวไดออกเปนโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๓๙๘ หนาสํารวจ ๕๒๙๕
ตําบลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ซ่ึงจังหวัดเห็นวา วัด ส ไมใชเจาของที่ดินและไมไดเปน
ผูค รอบครองและทําประโยชนในท่ีดิน จึงไมอยูในหลักเกณฑท่ีจะออก น.ส. ๓ ก. ได ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒
(พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซ่ึงใชบังคับอยูใน
ขณะนั้น จงึ ควรดําเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี ๔๓๙๘ หนาสํารวจ ๕๒๙๕ ตําบลบางหมาก อําเภอเมือง
ชุมพร จังหวัดชุมพร แลวออกโฉนดที่ดินในนามนาย ป และดําเนินการยกที่ดินใหวัด บ ตอไป จึงหารือวา
ความเห็นของจังหวัดถูกตองหรอื ไม ประการใด เพอื่ เปนแนวทางปฏิบตั ิตอไป

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
มาตรา ๕๙ ในกรณีทผี่ ูมสี ทิ ธคิ รอบครองท่ดี นิ มาขอออกโฉนดท่ดี นิ หรอื หนังสือรับรองการทาํ

ประโยชนเปนการเฉพาะรายไมว าจะไดมีประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม เม่ือพนักงาน
เจา หนาทพี่ จิ ารณาเห็นสมควร ใหดําเนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน แลว แตกรณไี ดต าม
หลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารทป่ี ระมวลกฎหมายนกี้ าํ หนด

ฯลฯ

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมทด่ี นิ

๘๔

รวมเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ

มาตรา ๖๑ เมอ่ื ความปรากกฎวาไดออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน
หรือไดจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย หรือจดแจงเอกสารรายการจดทะเบียน
อสังหาริมทรพั ยใ หแ กผูใดโดยคลาดเคลอ่ื นหรือไมชอบดว ยกฎหมาย ใหอ ธิบดีหรอื รองอธิบดซี ึ่งอธิบดีมอบหมาย
มีอาํ นาจหนาที่สงั่ เพกิ ถอนหรอื แกไขได

ฯลฯ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

ขอ ๓ การออกหนงั สือรบั รองวา “ไดท ําประโยชนแ ลว ” ใหกระทาํ สาํ หรับที่ดินทจ่ี ะพงึ ออก
โฉนดที่ดนิ ไดตามกฎหมาย

๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗

ขอ ๘ ท่ีดินท่ีจะพึงออกโฉนดที่ดินตองเปนท่ีดินที่ผูมีสิทธิในที่ดินไดครอบครองและ
ทําประโยชนแลว และเปนทดี่ ินท่จี ะพึงออกโฉนดที่ดินไดตามกฎหมาย แตหามมิใหออกโฉนดที่ดินสําหรับที่ดิน
ดังตอ ไปนี้

ฯลฯ
๔.๔ พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕

มาตรา ๓๔ การโอนกรรมสทิ ธ์ิท่ีวัด ท่ธี รณสี งฆ หรือที่ศาสนสมบตั ิกลาง ใหกระทําไดก ็แต
โดยพระราชบัญญตั ิ เวนแตเปน กรณตี ามวรรคสอง

ฯลฯ

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ีดินพิจารณาแลวเห็นวา น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๒๓๖๔ ตําบลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร

จงั หวัดชมุ พร ไดอ อกใหแ กวัด ส (ที่ธรณีสงฆ) เมอ่ื วันท่ี ๙ สงิ หาคม ๒๕๓๖ เนือ้ ที่ ๑๑ ไร ๒ งาน ๕๑ ตารางวา ตาม
มาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน แตปรากฏขอเท็จจริงวา วัด ส มิไดเปนผูครอบครองและทาํ ประโยชน
ในท่ีดินดังกลาวแตอยางใด โดยผูบริจาคที่ดินมีวัตถุประสงคบริจาคที่ดินแปลงนี้เพ่ือเปนที่ต้ังสํานักสงฆวัด บ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมท่ดี ิน

๘๕

รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในท่ีดนิ

แตเน่ืองจากสํานกั สงฆวดั บ ยงั ไมม ีสถานะเปนนิติบุคคล จึงไมสามารถรบั ใหท ี่ดินได ผบู รจิ าคทด่ี นิ และพระสถิต
ซึ่งเปน สมภารหัวหนา สาํ นกั สงฆวัด บ ในขณะนน้ั จึงตกลงใหอ อกหลักฐานสําหรบั ทดี่ ินเปน ช่ือวัด ส (ที่ธรณีสงฆ) ไปกอน
แลว จงึ ใหโ อนที่ดินใหสาํ นักสงฆวดั บ ในภายหลัง โดยมีหลักฐานปรากฏตามบันทึกคําขอรับรองการทาํ ประโยชน
ของวดั ส (ทธ่ี รณีสงฆ) ฉบบั ลงวนั ท่ี ๖ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๓๕ แบบพิสูจนรายการไตส วนผนู ําพิสูจน ขอ (๑), (๒) และ
(๓) ซึ่งระบุวา เปน ทต่ี ัง้ วัด บ ซึ่งตั้งมาต้ังแต พ.ศ. ๒๔๙๒ ประกอบกบั สํานักสงฆวัด บ มิไดเปนสาขาของวัด ส
หรือมีสว นเก่ยี วของกบั วดั ส จงึ ไมม ีมูลเหตุทีจ่ ะเชอื่ วา ผบู ริจาคทด่ี นิ มเี จตนายกทดี่ ินใหวัด ส การออก น.ส. ๓ ก.
ดังกลาว จึงเปนการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินไปโดยไมชอบดวยกฎหมาย เน่ืองจากออกใหแกผูท่ีมิได
ครอบครองและทาํ ประโยชนในทด่ี นิ ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบญั ญตั ิ
ใหใชป ระมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๘ ซึง่ บงั คบั ใชอยใู นขณะน้นั ตอมาเม่ือไดมกี ารนาํ น.ส. ๓ ก. ฉบับนี้
ไปออกเปนโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๔๓๙๓๘ หนาสาํ รวจ ๕๒๙๕ ตําบลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร
จงึ เปน ผลใหโฉนดที่ดินดังกลาวเปนโฉนดท่ีดินท่ีไมชอบดวยกฎหมายไปดวย ทั้งน้ี เนื่องจากเปนกรณีท่ีไดออก
หนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดินใหแ กผ ูท ีม่ ไิ ดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินตามที่กาํ หนดในกฎหมายดังที่ไดก ลา ว
มาแลว จึงเปน กรณีทไ่ี มสามารถแกไ ขโฉนดทด่ี ิน และ น.ส. ๓ ก. ได จะตอ งดําเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขท่ี
๔๓๙๓๘ หนาสํารวจ ๕๒๙๕ ตําบลบางหมาก อาํ เภอเมืองชมุ พร จงั หวดั ชมุ พร (สําหรบั น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๒๓๖๔
ตําบลบางหมาก อําเภอเมืองชุมพร จงั หวัดชมุ พร ไดถ กู ยกเลกิ ไปแลว โดยผลของกฎหมายตามมาตรา ๕๙ เบญจ
แหงประมวลกฎหมายที่ดิน) แลวใหผูมีสิทธิในที่ดินเปนผูย่ืนคําขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเพ่ือใชเปน
หลกั ฐานในการจัดตัง้ วัดตอ ไป โดยใหจ งั หวดั ดาํ เนนิ การ ตามนัยหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๗๒๙.๒/ว ๒๑๑๗๙
ลงวนั ท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๔๕ เรือ่ ง แนวทางปฏบิ ตั ิเพ่ือดาํ เนินการตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใหครบถวน เสรจ็ แลว ขอไดส งเรื่องใหก รมทด่ี ินเพื่อพจิ ารณาดาํ เนนิ การตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ตอ ไป

๖. อางองิ หนังสือกรมท่ดี นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๙๙๘ ลงวนั ท่ี ๒๔ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารือจังหวัด
ชุมพร

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ดี นิ

๘๖

รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นที่ดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอื่ ง : ขอความอนเุ คราะหข อ มลู การออกโฉนดท่ีดนิ

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอม ขอความอนุเคราะหขอมูลการออกโฉนดที่ดิน

กรณีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ มไดมคี าํ สง่ั แตต ัง้ คณะกรรมการสอบสวนวนิ ยั ขา ราชการจาํ นวน
๕ ราย กรณีการออกโฉนดที่ดินบริเวณหาดฟรีดอม อาํ เภอกะทู จังหวัดภูเก็ต จาํ นวน ๒ แปลง เน้ือท่ี ๖๕ ไร
ในการพิจารณาทําความเหน็ เสนอในเร่ืองดงั กลา ว จําเปน ตองทราบหลักเกณฑและขน้ั ตอนในการออกโฉนดที่ดนิ
เพื่อใชเปนขอมูลประกอบในการพิจารณาไดอยางครบถวน คณะกรรมการสอบสวนจึงขอความอนุเคราะห
รับทราบขอ มลู จากกรมที่ดนิ ในประเด็นเก่ยี วกบั การออกโฉนดท่ีดนิ ดงั น้ี

๑. ในการขอโฉนดที่ดินเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
ในเขตพ้นื ทีป่ าไม กรมท่ีดนิ มหี ลักเกณฑและขั้นตอนในการดําเนนิ การเปนอยา งไร

๒. การท่ีเจาหนาท่ีของกรมปาไม ไดมีความเห็นในกรณีท่ีกรมท่ีดินสอบถามเก่ียวกับแนวเขต
พ้ืนที่ปาไม โดยใชถอยคําในลักษณะแบงรับแบงสู ไมชี้ชัดใหชัดเจน เชน “…นาเชื่อไดวาไมอยูในเขตปาสงวน
แหงชาติ” กรณีตามตัวอยางในลักษณะน้ี กรมที่ดินมีแนวทางการพิจารณาใหนํ้าหนักจากถอยคําความเห็น
ดังกลาวท่ีจะใชประกอบดุลพินิจในการออกโฉนดที่ดินไดเพียงใด และตองนําไปพิจารณาประกอบกับ
พยานหลกั ฐานใดอกี หรอื ไม อยา งไร

๓. ในการตรวจสอบและการลงท่ีหมายหรือถายทอดแนวเขตปาในแผนที่ระวาง ๑:๔๐๐๐
ตามขอตกลงระหวางกรมที่ดินกับกรมปาไม กรณีการขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง
ประมวลกฎหมายท่ีดิน มหี ลักเกณฑแ ละข้ันตอนการปฏิบตั อิ ยา งไร

๔. ตามขอ ๓. มขี อ ยกเวนพเิ ศษตา งหากไปจากบนั ทึกขอตกลงระหวางกรมทดี่ ินกับกรมปาไม
วา ดว ยการตรวจพสิ ูจน เพือ่ ออกโฉนดทด่ี ินหรอื หนังสือรับรองการทาํ ประโยชนซ่ึงเก่ียวกับเขตปาไม พ.ศ.๒๕๓๔
หรือไม อยางไร เชน ตองมีการแตงต้ังคณะกรรมการหรือไม หรือกรณีโดยปกติตามบันทึกขอตกลงดังกลาว
กรมท่ดี นิ จะตองจดั สงระวางภาพถายทางอากาศ มาตราสว น ๑:๔๐๐๐ ไปใหก รมปาไมเพื่อดําเนินการถายทอด
แนวเขตปา ในแผนท่รี ะวางทใี่ ชในราชการกรมทด่ี ิน ท้งั นี้ เปน ไปตามแผนงานโครงการและงบประมาณทกี่ รมทด่ี นิ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน

๘๗

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ

กําหนดไวเปนรายป แตหากเปนการขอโฉนดที่ดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ กรมปาไม (สํานักจัดการ
ทรัพยากรปาไมในพน้ื ที่) มีหนาที่ถายทอดแนวเขตปาในแผนที่มาตราสวน ๑:๔๐๐๐ พรอมกับระบุวา ก.อ.
ลงในแผนที่เอง โดยท่ีกรมท่ีดิน (สํานักงานท่ีดินจังหวัด) ไมตองจัดสงแผนท่ีไปใหหรือไม และหากกรมปาไม
(สาํ นักจดั การทรัพยากรในพน้ื ท)ี่ จัดสงแผนท่ีท่ีขีดเขตและระบวุ า ก.อ. ในแผนท่ีใหกบั กรมท่ีดิน (สํานักงานที่ดิน
จงั หวัด) ในกรณนี ีแ้ ลว กรมทด่ี นิ (สาํ นกั งานทด่ี ินจังหวดั ) สามารถดําเนนิ การใหไปเปน หลักฐานในการออกโฉนดทด่ี นิ
หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนไดเลยหรือไม และจะตองพยานหลักฐานใดเพ่ือประกอบการพิจารณาอีก
หรือไม อยา งไร

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน มาตรา ๕๙ และ ๕๙ ทวิ
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๕ (พ.ศ.๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญัตใิ หใชประมวล

กฎหมายที่ดนิ พ.ศ.๒๔๙๗
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๔ บันทกึ ขอ ตกลงระหวา งกรมท่ดี นิ และกรมปา ไม วา ดว ยการตรวจพสิ จู นเพอ่ื ออกโฉนดท่ีดิน

หรือหนงั สือรับรองการทาํ ประโยชนซ่ึงเก่ยี วกับเขตปา ไม พ.ศ. ๒๕๓๔
๔.๕ ความเหน็ ของคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่ือง หารอื เกย่ี วกับการออกโฉนดที่ดนิ หรอื หนงั สือ

รับรองการทาํ ประโยชนใ นเขตปาไมต ามมาตรา ๕๙ ทวิ วรรคหนง่ึ แหง ประมวลกฎหมายทีด่ ิน เวยี นตามหนังสือ
กรมทดี่ ิน ดวนมาก ท่ี มท ๐๖๑๙/ว ๓๖๙๒๑ ลงวนั ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๕

๔.๖ หนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๔/๓๐๗๙๙ ลงวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ เร่ือง การ
ตรวจสอบโฉนดท่ีดนิ เลขท่ี ๙๘๔๑๔ และ ๙๘๔๑๕ ตาํ บลกะรน อําเภอเมืองภเู ก็ต จังหวดั ภเู กต็

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทีด่ นิ

๘๘

รวมเรือ่ งทน่ี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ

๕. ผลการพิจารณา
กรมทด่ี นิ พิจารณาแลว เห็นวา
๕.๑ การขอออกโฉนดทด่ี ินเปนการเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน

ในเขตพื้นท่ีปาไม ไมสามารถดาํ เนินการได ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องหารือเกี่ยวกับ
การออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนังสอื รบั รองการทําในเขตปาไมต ามมาตรา ๕๙ ทวิ วรรคหนง่ึ แหง ประมวลกฎหมายที่ดิน
ซึ่งกรมปาไมเปนหนวยงานท่ีสงเรื่องหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาและกรมที่ดินไดมีหนังสือ ดวนมาก ท่ี มท
๐๖๑๙/ว ๓๖๙๒๑ ลงวนั ท่ี ๓ พฤศจิกายน ๒๕๓๕ เวียนใหพ นกั งานเจาหนาที่ทราบ สรุปไดว าผคู รอบครองและ
ทําประโยชนใ นทด่ี นิ กอ นวันทีป่ ระมวลกฎหมายท่ดี นิ ใชบ ังคับตอ งแจง การครอบครองหรือตองไดรับการผอนผัน
การแจง การครอบครองจากผวู า ราชการจังหวัดตามมาตรา ๕ แหง พระราชบัญญัติ ใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ เสียกอน จึงจะขอออกหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ นิ ได ตามมาตรา ๖ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งไดกําหนดวา ถาครอบครองและทําประโยชนโดยชอบดวยกฎหมายกอนวันใช
พระราชบญั ญตั ิออกโฉนดท่ีดนิ (ฉบับที่ ๖) พทุ ธศักราช ๒๔๙๗ ก็มีสทิ ธิขอรบั โฉนดท่ดี นิ ตามบทบัญญัติประมวล
กฎหมายท่ดี นิ ในกรณนี ้ีคือการขอออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นที่ดนิ เฉพาะรายตามมาตรา๕๙ แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
สวนผูท่คี รอบครองและทําประโยชนต งั้ แตวันที่พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๙๗
ใชบังคับท่ีมิไดดําเนินการใหชอบดวยกฎหมายที่ใชบังคับอยูในขณะนั้น การออกโฉนดท่ีดินใหเปนไปตาม
กฎกระทรวง (พ.ศ.๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ.๒๔๙๗ แมตอมา
มาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ไดเปดโอกาสใหผูครอบครองและผูทําประโยชนในกรณีดังกลาว
ขา งตน สามารถออกโฉนดทด่ี ินหรือหนงั สือรบั รองการทําประโยชนได แตถา ท่ีดนิ นนั้ ถกู กําหนดเปนปาสงวนแหงชาติ
อทุ ยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุส ัตวป า เขตหา มลาสัตวปา หรอื มมี ตคิ ณะรฐั มนตรีใหส งวนไวเปน ปาไมถ าวรของชาติ
ไปกอนแลว พนกั งานเจา หนาท่ีกไ็ มอาจออกโฉนดท่ีดินหรอื หนังสือรับรองการทําประโยชนใหได เพราะผลของ
การไมแจงการครอบครอง ตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ิใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ดี ิน พ.ศ.๒๔๙๗ ถือไดวา
บุคคลเหลานส้ี ละสทิ ธิครอบครองที่ดิน รฐั มอี าํ นาจจัดทดี่ ินดังกลาวตามบทบญั ญัติแหงประมวลกฎหมายที่ดินได
และการกาํ หนดเขตปา ไมของทางราชการขา งตนทาํ ใหที่ดนิ ดงั กลาวตอ งหา มมใิ หออกโฉนดท่ีดินตามขอ ๘ แหง
กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๕ (พ.ศ. ๒๔๙๗) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ.๒๔๙๗
(ปจ จบุ ันเปน กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมทด่ี ิน

๘๙

รวมเรอื่ งทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นที่ดิน

พ.ศ. ๒๔๙๗) โดยปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา หรือเขตหามลาสัตวปา ถือเปน
ทสี่ งวนหวงหามตามกฎหมายเฉพาะและเขตปา ไมถ าวรตามมติคณะรัฐมนตรีถอื วาเปน ทดี่ นิ ซงึ่ ทางราชการเหน็ วา
ควรสงวนไวเพ่ือทรัพยากรธรรมชาติ แมระเบียบของคณะกรรมการจัดท่ีดินแหงชาติจะไมไดกําหนดเงื่อนไข
ในเรอื่ งเขตปา ไมถาวรตามมตคิ ณะรฐั มนตรีไว แตเมือ่ ที่ดนิ ถกู กาํ หนดเปน เขตปาไมของทางราชการแลว จงึ ไมอ าจ
ออกโฉนดที่ดนิ หรือหนังสือรับรองการทาํ ประโยชนไ ด

๕.๒ กรณีทดี่ นิ ที่ขอรงั วดั ออกโฉนดที่ดนิ มพี ืน้ ทคี่ าบเกี่ยวเขตปาไม สํานักงานที่ดินในพ้ืนที่จะมี
หนังสือสอบถามสาํ นักจัดการทรัพยากรปาไมใ นพ้ืนท่ี ในฐานะผมู อี ํานาจรับผดิ ชอบดแู ลและจัดการทรัพยากรปาไม
วาทดี่ ินดังกลา วอยูในเขตปาไมหรือไม อยางไร หากสํานักจัดการทรัพยากรปาไมแจงผลการตรวจสอบโดยใช
ถอ ยคาํ วา “…นา เช่ือไดว าไมอยูในเขตปาสงวนแหง ชาต”ิ กรณดี ังกลา วถือวา ขอเท็จจริงยงั ไมช ดั เจน สํานักงานที่ดิน
ในพนื้ ทจ่ี ะมีหนังสือสอบถามสํานักจัดการทรัพยากรปาไมในพ้ืนที่อีกคร้ังเพื่อใหยืนยันวา ที่ดินท่ีขอรังวัดออก
โฉนดที่ดินอยใู นหรือนอกเขตปา ไม เพ่อื ใหไดข อเท็จจริงแลว จึงพจิ ารณาดาํ เนนิ การตอไป

๕.๓ ตามบันทกึ ขอ ตกลงระหวา งกรมทด่ี ินและกรมปา ไม วาดว ยการตรวจพสิ จู นเ พอ่ื ออกโฉนดทดี่ นิ
หรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนซ งึ่ เก่ียวกบั เขตปา ไม พ.ศ. ๒๕๔๓ ไดก าํ หนดหลักเกณฑใ นการตรวจสอบและ
การลงท่ีหมายหรือถายทอดแนวเขตปา ในแผนท่ีระวาง ๑:๔๐๐๐ วา

“ ขอ ๒ การตรวจสอบและการลงท่ีหมายหรือการถายทอดแนวเขตปาในแผนที่ระวางที่ใช
ในราชการกรมทดี่ ิน ใหด าํ เนนิ การดงั นี้

๒.๑ เขตปาสงวนแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตอุทยานแหงชาติและเขต
วนอุทยาน ซึง่ กรมปาไมมหี ลกั ฐานการรงั วดั ทําแผนทกี่ าํ หนดขอบเขตทแ่ี นนอนแลว ในกรณีที่เขตปาไมดังกลาว
ใหญกวาเขตปาไมถาวร กรมที่ดินหรือเจาหนาท่ีผูเกี่ยวของจะจัดสงระวางใหกรมปาไมหรือปาไมเขตทองที่
แลวแตกรณี ดาํ เนินการลงที่หมายหรือถายทอดแนวเขตปาลงในระวางและแผนทาบระวางใหถูกตองตรงกัน
โดยใหล งที่หมายตําแหนงหลกั เขตตามแผนทที่ า ยพระราชกฤษฎกี าหรือแผนที่ทา ยกระทรวงหรอื แผนที่ประกาศ
กรมปาไมแลวแตกรณี ดวยวงกลมสีแดงขนาดผานศูนยกลาง ๓ ม.ม. ขีดรอบดวยสี่เหล่ียมจัตุรัส และเขียน
หมายเลขประจาํ หลกั เขตนน้ั ๆ เชน ๒ ขดี แนวเขตระวางหลักตอหลักดวยหมกึ สีแดง พรอมทัง้ เขียนช่ือปาสงวนแหงชาติ
เขตรักษาพันธสุ ัตวปา เขตอุทยานแหง ชาติ หรือเขตวนอุทยาน แลวแตกรณี ลงตามแนวเขตปาน้นั ...

ฯลฯ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทีด่ ิน

๙๐

รวมเรื่องท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ

๒.๒ วธิ ีจดั สง ระวางดังกลาว ใหเ จาหนาท่กี รมท่ดี ินจัดทําบญั ชีระวางท่จี ะมอบ
ใหเ จา หนาที่ปา ไมไ ปดาํ เนนิ การตามขอตกลงนี้ โดยไมมีชื่อ..........หมายเลข.........แผนท่ี.........ของระวาง ตาม
จํานวนทสี่ งมอบแตล ะคราว แลว ใหผูสง มอบและผูรบั มอบลงลายมอื ชือ่ ไวในบญั ชีทกุ ครง้ั เม่อื เจา หนาท่ีกรมที่ดนิ
รบั คนื เม่อื ใด ใหลง วนั เดือน ป ทรี่ ับคืน พรอ มทงั้ ลงลายมือชือ่ ผสู งคนื และผูรับคนื ไวเ ปนหลกั ฐานในบญั ชีทกุ คร้ัง...

ฯลฯ
การลงท่ีหมายหรือถายทอดแนวเขตปาไมในแผนที่ระวาง ๑:๔๐๐๐ เพ่ือให
สามารถตรวจสอบแนวเขตปาไม และนาํ มาประกอบการพจิ ารณาในการออกโฉนดที่ดนิ วา ทด่ี ินทที่ ําการรังวัดอยูใน
หรอื นอกหรือคาบเก่ยี วเขตปาไม แลว ดําเนนิ การตามท่ีกฎหมายและระเบียบวางแนวทางปฏิบตั ิไวตอ ไป สําหรับ
กรณีการออกโฉนดท่ีดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ ทวิ หากตําแหนงที่ดินทข่ี อออกโฉนดท่ีดินอยูในเขตปาไม
กรมท่ีดินจะไมดําเนินการออกโฉนดท่ีดินตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ.๒๔๙๗ ขอ ๑๔ หรอื ไม ตอไป
๕.๔ ในทางปฏิบตั กิ ารตรวจสอบและการลงทหี่ มายหรือถา ยทอดแนวเขตปา ไมใ นระวางแผนที่
มาตราสว น ๑:๔๐๐๐ จะดําเนนิ การตามบนั ทึกขอตกลงระหวา งกรมทด่ี ินและกรมปาไม วา ดว ยการตรวจพิสูจน
เพ่ือออกโฉนดท่ีดิน หรือหนังสือรับรองการทาํ ประโยชนซ่ึงเกี่ยวกับเขตปาไม พ.ศ.๒๕๓๔ ซ่ึงกาํ หนดไววา
ใหกรมท่ดี ินและกรมปาไมด ําเนินรว มกัน โดยรปู แบบการประสานงานในการดําเนนิ การรวมกนั นัน้ มีการปรบั เปลยี่ น
ใหเกิดความรวดเร็วในการปฏิบัติงานโดยอาจมีการสงระวางแผนท่ีใหสํานักจัดการทรัพยากรปาไมในพื้นที่
ดาํ เนนิ การตรวจสอบและลงทหี่ มายหรือถา ยทอดแนวเขตปาไมในระวางแผนท่ี มาตราสว น ๑:๔๐๐๐ ไดเชนกัน
เมื่อมกี ารจัดสง ระวางแผนท่ีอยางเปนทางการโดยมีการลงท่ีหมายหรือถายทอดแนวเขตปาไมและมีการลงชื่อ
รับรองในระวางแผนที่โดยพนักงานเจาหนาที่ของกรมปาไมหรือโดยพนักงานเจาหนาท่ีของสํานักการจัดการ
ทรัพยากรปา ไมท่ีรบั ผิดชอบแลว สํานักงานท่ีดินจะยึดถือแนวเขตดงั กลา วเปน แนวเขตของปาไมใ นการพิจารณา
ออกโฉนดทีด่ นิ สําหรับกรณีกรมปา ไมหรือสํานักจดั การทรัพยากรปา ไมในพน้ื ทจี่ ดั สรางระวางแผนทแ่ี ละสง ระวาง
แผนท่ีซ่ึงมีการลงที่หมายหรือถายทอดแนวเขตปาไมมาใหสาํ นักงานที่ดินเปนระวางท่ีไมเปนไปตามนิยาม
ในบันทึกขอตกลงฯ ไมสามารถนํามาประกอบการพิจารณาในการออกโฉนดท่ีดินได ระวางแผนที่ที่ใช
ประกอบการออกโฉนดท่ีดินบริเวณหาดฟรีดอมเปนระวางแผนท่ีท่ีกรมที่ดินสรางและสํานักงานที่ดินไดจัดสง

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๙๑

รวมเรื่องทน่ี ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

ระวางแผนทใ่ี หส าํ นักจดั การทรพั ยากรปาไมที่ ๑๒ สาขากระบี่ ตรวจสอบ และสาํ นกั จัดการทรพั ยากรปา ไมท ี่ ๑๒
สาขากระบ่ี ไดข ีดเขตพื้นทีก่ นั ออกเพิม่ เตมิ เปน ผลใหท่ดี ินท่ขี อรงั วดั ออกโฉนดที่ดินอยูนอกเขตปาไมท กุ ประเภท

๕.๕ ปจจุบันกรมท่ีดินมีหนังสือ ท่ี มท ๐๕๑๖.๔/๓๐๗๙๙ ลงวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ เรื่อง
การตรวจสอบโฉนดทดี่ ินเลขที่ ๙๘๔๑๔ และ ๙๘๔๑๕ ตําบลกะรน อาํ เภอเมืองภูเก็ต จงั หวัดภเู ก็ต แจง กรมปาไมวา
กรมทดี่ นิ ไดพ ิจารณาตรวจสอบขอ มูลเกย่ี วกบั โฉนดท่ีดนิ ๙๘๔๑๔ และ ๙๘๔๑๕ ตาํ บลกะรน อําเภอเมืองภูเก็ต
จังหวดั ภเู ก็ต แลว เห็นวา ขณะน้ปี ญหาเกี่ยวกบั การรบั รองแนวพื้นท่ี “ก.อ.” ไวใ นระวางแผนที่ภาพถายทางอากาศ
และระวางแผนท่แี ผนใส จงั หวัดภเู ก็ต มาตราสวน ๑:๔๐๐๐ หมายเลข 4624 I 2068 และ 2070 จํานวนรวม
๔ ระวาง โดยสํานกั จดั การทรพั ยากรปาไม ที่ ๑๒ สาขากระบี่ มผี ลตอ การพิจารณาสถานะท่ีดินบริเวณดังกลาว
ของกรมที่ดิน เมื่อกรมปาไมแจงยืนยันผลการตรวจสอบในปจจุบันวาที่ดินบริเวณดังกลาวไมปรากฏขอมูลวา
เปนพ้ืนท่กี ันออกในแผนทที่ ายกฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๖๒๑ (พ.ศ. ๒๕๑๖) การถายทอดและรับรองแนวเขตลงใน
ระวางแผนที่โดยสํานักจัดการทรัพยากรปาไมท่ี ๑๒ สาขากระบ่ี จึงไมเกี่ยวกับการปฏิบัติตามบันทึกขอตกลง
ระหวางกรมท่ดี นิ และกรมปา ไม วา ดวยการตรวจพิสจู นเพอื่ ออกโฉนดท่ีดิน หรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชน
ซงึ่ เก่ียวกบั เขตปา ไม พ.ศ. ๒๕๓๔ ดังนน้ั เพือ่ ใหก ารพิจารณาตรวจสอบโฉนดที่ดนิ ท้งั สองแปลงไดขอมลู ทถี่ กู ตอง
ชัดเจน โดยเปนการปฏิบัติงานท่ีสอดคลองกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวของ กรมท่ีดินจึงสงระวางแผนท่ี
ภาพถายทางอากาศ (พรอมแผนทาบระวาง) และระวางแผนท่ีแผนใส จังหวัดภูเก็ต มาตราสวน ๑:๔๐๐๐
หมายเลข 4624 I 2068 และ 2070 จาํ นวนรวม ๔ ระวาง เพอ่ื ใหก รมปาไมดําเนินการขีดฆาแนวเขตพ้ืนที่ “ก.อ.”
ในระวางแผนที่ดังกลาวดวยเคร่ืองหมาย “S” สีแดงบนเสนแนวเขต และระบุขอความใหปรากฏในระวางแผนท่ี
ท้งั หมดวา ไดดําเนนิ การตามหนงั สือฉบบั ใด พรอมการลงนามผูดําเนินการใหชัดเจนอีกครั้ง ขณะนี้อยูระหวางการ
พิจาณาดาํ เนินการของกรมปาไม

๖. อางองิ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๔๒๙ ลงวนั ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตอบขอ หารือจงั หวดั
สงขลา

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ

๙๒

รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เร่อื ง : ขอทราบหลักเกณฑและแนวทางปฏิบัติเก่ียวกับการออกเอกสารสิทธิในที่ดินที่มีความลาดชัน
เฉล่ยี เกนิ กวา ๓๕%

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญหา
กรมปาไมขอทราบหลักเกณฑและแนวทางปฏิบัติของกรมท่ีดินวา สามารถดําเนินการออก

เอกสารสิทธิทีด่ ินใหกบั ราษฎรท่ีครอบครองท่ีดินที่มีความลาดชันเฉลี่ยเกินกวา ๓๕% ตามกฎหมายไดหรือไม
หากดําเนนิ การได ตอ งมีเงื่อนใดประกอบการพจิ ารณา

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๕)
๔.๒ หนงั สอื กรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๗๑๒/ว ๗๕๐๘ ลงวนั ที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๙ เรอ่ื ง นโยบายปาไม

แหงชาติ ซอมความเขาใจวา คณะรัฐมนตรีไดมีมติเมื่อวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๒๘ เห็นชอบกับนโยบายปาไม
แหง ชาตติ ามทป่ี ระธานคณะกรรมการนโยบายปาไมแหง ชาติเสนอ ซึง่ ขอ ๑๗ แหงนโยบายการปาไมแหงชาติได
กําหนดไวโดยชดั เจนใหพ้ืนที่ที่มคี วามลาดชนั โดยเฉลยี่ ๓๕ เปอรเ ซน็ ตข้นึ ไป เปนพ้ืนท่ีปา ไม ไมอนญุ าตใหมกี ารออก
โฉนดท่ีดินหรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนต ามประมวลกฎหมายที่ดิน

๔.๓ หนงั สอื กรมทด่ี ิน ท่ี มท ๐๗๑๓/ว ๑๙๗๗๙ ลงวนั ท่ี ๑๕ กันยายน ๒๕๓๑ เรื่อง นโยบาย
ปาไมแหงชาติ แจงวา คณะกรรมการนโยบายปาไมแหงชาติในคราวประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๓๐ เมื่อวนั ท่ี ๑๙
ตลุ าคม ๒๕๓๐ ไดพจิ ารณาทบทวนนโยบายปา ไมแหงชาติ ขอ ๑๗ มมี ตริ วม ๓ ประการ ดงั นี้

(๑) ไมอ นุญาตใหมีการออกโฉนดทีด่ นิ หรอื หนังสือรับรองการทําประโยชน ตามประมวล
กฎหมายท่ดี นิ ในพื้นทีท่ ่ีมีความลาดชนั โดยเฉลีย่ ๓๕ เปอรเซ็นตข ึ้นไป ตามทีก่ ําหนดไวในนโยบายปาไมแหงชาติ
ซ่ึงกําหนดไวเ ปนพน้ื ที่ปา ไม หากมีความจาํ เปนจะดาํ เนินการใดในพื้นท่ีดังกลาว ควรจะใหเชาหรือขอสัมปทาน
โดยขออนุมัติคณะรัฐมนตรเี ปนรายๆ เวน แตก รณีทรี่ าษฎรมสี ทิ ธิโดยชอบดวยกฎหมายอยกู อนแลว

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมที่ดิน

๙๓

รวมเรอื่ งทีน่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน

(๒) กรณีท่รี าษฎรรายใดมสี ิทธิครอบครองมากอนการประกาศใชประมวลกฎหมายที่ดิน
ถือวาผูน้ันมีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย แมวาท่ีดินผืนนั้นจะมีความลาดชันเฉล่ียเกินกวา ๓๕ เปอรเซ็นต
อนุญาตใหออกเอกสารสทิ ธิได แตการอนุญาตควรมีเง่ือนไขเพื่อปองกันผลกระทบทางสิ่งแวดลอมไวดวย เชน
หา มทาํ การเกษตรอยา งถาวร เปนตน

(๓) ขอใหกรมพัฒนาที่ดินจัดสงแผนที่แสดงพ้ืนที่ที่มีความลาดชันเฉลี่ยเกิน ๓๕
เปอรเซน็ ตใหแกหนวยราชการท่เี กี่ยวของ

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี ินพิจารณาแลวเห็นวา พื้นที่ท่ีมีความลาดชันโดยเฉลี่ย ๓๕ เปอรเซ็นตขึ้นไป เดิมไมมี

บทบญั ญัติของกฎหมายกาํ หนดหามมใิ หม ีการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน แตภายหลังไดมีมติคณะรัฐมนตรี
เม่ือวนั ที่ ๓ ธนั วาคม ๒๕๒๘ เรอื่ ง นโยบายการปาไมแ หงชาติ ขอ ๑๗ กาํ หนดใหพ้ืนทท่ี ม่ี คี วามลาดชันโดยเฉล่ีย
๓๕ เปอรเซ็นตข ึ้นไป เปนพน้ื ที่ปา ไมโ ดยไมอ นุญาตใหมีการออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
ซึง่ กรมทดี่ นิ ไดมหี นงั สือ ที่ มท ๐๗๑๒/ว ๗๕๐๘ ลงวนั ท่ี ๑ เมษายน ๒๕๒๙ เรื่อง นโยบายปาไมแหงชาติ และ
หนังสอื กรมที่ดิน ที่ มท ๐๗๑๓/ว ๑๙๗๗๙ ลงวนั ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๓๑ เรือ่ ง นโยบายปาไมแหงชาติ แจงแนวทาง
ในการดาํ เนินการตามนโยบายการปาไมแ หงชาติดงั กลา วในเรื่องการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน ดงั นี้

(๑) ไมอนญุ าตใหมีการออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ในพน้ื ทที่ ี่มีความลาดชนั โดยเฉลี่ย ๓๕ เปอรเ ซ็นตขึ้นไป ตามท่ีกําหนดไวในนโยบายปาไมแหงชาติซึ่งกําหนดไว
เปนพนื้ ทป่ี าไม หากมคี วามจาํ เปนจะดําเนนิ การใดในพื้นทีด่ ังกลา ว ควรจะใหเชาหรือขอสัมปทานโดยขออนุมัติ
คณะรฐั มนตรีเปน รายๆ เวนแตก รณีทรี่ าษฎรมสี ทิ ธโิ ดยชอบดวยกฎหมายอยกู อนแลว

(๒) กรณีท่รี าษฎรรายใดมีสทิ ธิครอบครองมากอนการประกาศใชประมวลกฎหมายที่ดิน ถือวา
ผนู ้ันมีสิทธคิ รอบครองตามกฎหมาย แมว า ท่ดี ินผืนนน้ั จะมคี วามลาดชันเฉล่ียเกินกวา ๓๕ เปอรเซ็นต อนุญาตใหออก
เอกสารสทิ ธิได แตก ารอนุญาตควรมีเงอื่ นไขเพอ่ื ปองกนั ผลกระทบทางส่งิ แวดลอ มไวด วย เชน หามทาํ การเกษตร
อยางถาวร เปนตน

ตอมาเมื่อมีการประกาศใชกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญัตใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซง่ึ ตามกฎกระทรวงดงั กลา ว ขอ ๑๔ (๕) ไดกาํ หนดให

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมที่ดนิ

๙๔

รวมเรื่องที่นา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทีด่ ิน

ท่ีดินท่ีคณะรัฐมนตรีสงวนไวเพ่ือรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือเพื่อประโยชนสาธารณะอยางอ่ืน เปนที่ดิน
ตอ งหาม มิใหออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดิน จึงเปนผลใหพื้นท่ีทมี่ ีความลาดชันโดยเฉล่ีย ๓๕ เปอรเซ็นตข้ึนไป
ตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี ๓ ธันวาคม ๒๕๒๘ เปนที่ดินตองหามมิใหมีการออกเอกสารสิทธิในที่ดินตาม
กฎกระทรวงดังกลา วดวย ดงั น้นั ในการพิจารณาออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทดี่ ินในพ้นื ทีท่ ี่มีความลาดชันโดยเฉล่ีย
๓๕ เปอรเซ็นตข ึ้นไป จึงตอ งพิจารณาตามนยั หนังสอื กรมท่ดี ิน ท่ี มท ๐๗๑๓/ว ๑๙๗๗๙ ลงวันท่ี ๑๕ กันยายน
๒๕๓๑ เรอ่ื ง นโยบายปา ไมแ หง ชาติ ดงั น้ี

๑. กรณีท่ีผูขอมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) โดยมีการครอบครองและ
ทําประโยชนในที่ดนิ โดยชอบดว ยกฎหมาย ถือวา ผูข อเปนผูมสี ทิ ธใิ นทด่ี นิ ตามประมวลกฎหมายที่ดนิ จึงสามารถ
ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ดี นิ ได

๒. กรณีทีผ่ ูข อมหี ลักฐานการไดส ิทธิในท่ีดินมากอนวันที่มีมติคณะรัฐมนตรี (วันท่ี ๓ ธันวาคม
๒๕๒๘) เชน หนงั สอื รับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓, น.ส. ๓ ก.) ใบจอง, หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ค. ๓,
ก.ส.น. ๕) ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพ่ือการครองชีพ พ.ศ. ๒๕๑๑ เปนตน โดยมีการครอบครองและทํา
ประโยชนในท่ีดิน และหลักฐานดังกลาวเปนหลักฐานท่ีออกมาโดยชอบดวยกฎหมาย ถือวาผูขอเปนผูมีสิทธิ
ในทีด่ นิ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน จงึ สามารถออกหนังสอื แสดงสิทธิในท่ีดินได
๖. อางองิ

หนงั สอื กรมทด่ี ิน ดว นท่สี ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๒๙๖ ลงวนั ท่ี ๑๗ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอ
หารือกรมปาไม

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน


Click to View FlipBook Version