The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

แนวทางในการพิจารณาเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (ปี 2559)

สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ

Keywords: ด้านบริหารงานที่ดิน

๙๕

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : ขอทราบขอเท็จจรงิ และขอเอกสารพยานหลกั ฐาน

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
สํานักงานคณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ขอทราบวา กรณีการ

เปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก ซง่ึ ที่ดินตงั้ อยูในเขตปาสงวนแหงชาติ หรือเขตอุทยานแหงชาติ จะตองมีการตั้ง
คณะกรรมการตรวจพสิ จู นท ด่ี ิน ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัติ
ใหใ ชประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือไมอ ยางไร

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้
ฯลฯ
“หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน” หมายความวา หนังสือคํารับรองจากพนักงานเจาหนาที่

วาไดท าํ ประโยชนใ นท่ีดินแลว
ฯลฯ

“โฉนดท่ีดิน” หมายความวา หนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิที่ดิน และใหหมายความรวมถึง
โฉนดแผนท่ี โฉนดตราจอง และตรวจจองท่ตี ราวา “ไดท าํ ประโยชนแลว”

มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอสอบเขตที่ดินเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอ
พรอ มดวยโฉนดท่ีดินนน้ั ตอ เจา พนกั งานที่ดนิ และใหพนกั งาเจาหนาที่ไปทําการรงั วดั ให

ในการรงั วดั ถาปรากฏวา การครอบครองไมต รงกับแผนท่ีหรอื เนือ้ ท่ีในโฉนดที่ดิน เมื่อผูมีสิทธิ
ในท่ดี นิ ขา งเคยี งไดรับรองแนวเขตแลว ใหเ จาพนกั งานทด่ี ินมีอํานาจแกไ ขแผนทห่ี รอื เน้อื ที่ใหตรงกบั ความเปน จรงิ ได
เวน แตจ ะเปน การสมยอมเพื่อหลกี เล่ยี งกฎหมาย

ในกรณที ี่ไมอ าจติดตอผมู ีสทิ ธิในทีด่ ินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตได หรือในกรณที ่ีผูมีสทิ ธิใน
ท่ีดนิ ขา งเคียงไดรับการติดตอจากพนักงานเจาหนาที่ใหมาระวังแนวเขตแลวแตไมมา หรือมาแตไมยอมลงชื่อ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ นิ

๙๖

รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ

รบั รองแนวเขตโดยไมไ ดค ัดคา นการรงั วัด ใหพนกั งานเจา หนา ทแี่ จงเปนหนังสือใหผูนั้นมาลงช่ือรับรองแนวเขต
หรอื คดั คานภายในสามสิบวันนบั แตว ันท่ไี ดส ง หนงั สือ ถาผูมสี ทิ ธิในท่ดี ินขา งเคยี งไมด ําเนินการอยางหน่ึงอยางใด
ภายในกําหนดดงั กลา ว และผูขอไดใหคํารับรองวามิไดนําทําการรังวัดรุกล้ําท่ีดินขางเคียงและยินยอมใหแกไข
แผนท่ีหรือเน้ือที่ใหตรงกับความเปนจริง ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามวรรคสองไปไดโดยไมตองมีการ
รับรองแนวเขต

การติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามวรรคสาม ใหเปนไปตามหลักเกณฑและ
วธิ กี ารท่ีกําหนดในกฎกระทรวง

หากปรากฏวามีผูคดั คา นใหเ จา พนักงานท่ดี นิ มอี าํ นาจสอบสวนไกลเกลีย่ โดยถอื หลกั ฐานแผนท่ี
เปนหลักในการพิจารณา ถาตกลงกันไมไดก็ใหดําเนินการไปตามท่ีตกลง แตตองไมเปนการสมยอมกันเพ่ือ
หลกี เลย่ี งกฎหมาย หากตกลงกันไมไดใหแจง คกู รณีไปฟอ งตอศาลภายในเกา สิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ถาไมมี
การฟองภายในกําหนดดงั กลา ว ใหถอื วาผขู อไมประสงคจะสอบเขตโฉนดทีด่ ินน้ันตอ ไป

ในกรณีผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอใหตรวจสอบเน้ือท่ีตามหนังสือรับรองการทําประโยชน
เฉพาะรายของตน ใหยื่นคาํ ขอพรอมดวยหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่นั้นตอเจาพนักงานทีดิน
และใหนาํ ความในวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคหา มาใชบ งั คับโดยอนุโลม

๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ นิ ๒๔๙๗

ขอ ๔. แบบหนังสือรับรองการทําประโยชนม ี ๓ แบบ คอื แบบ น.ส. ๓ น.ส. ๓ ก. และ น.ส. ๓ ข.
ทา ยกฎกระทรวงนี้

การออกหนังสือรบั รองการทําประโยชนในทองทท่ี ่มี รี ะวางรปู ถายทางอากาศใหใชแบบ น.ส. ๓ ก.
ในทองท่ที ี่ไมม ีระวางรูปถา ยทางอากาศ ซง่ึ รฐั มนตรีไดประกาศยกเลกิ อาํ นาจหนาทใ่ี นการปฏบิ ตั กิ ารตามประมวล
กฎหมายที่ดินของหัวหนาเขต นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอ ตามมาตรา ๑๙ แหง
พระราชบญั ญตั ิแกไ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ท่ี ๔) ๒๕๒๘ แลว ใชแบบ น.ส. ๓ ข. สว นในทอ งท่ีอน่ื
ใหใชแ บบ น.ส. ๓

ขอ ๑๐. (๓) ถา ปรากฏวาท่ีดินน้ันตั้งอยูในตําบลที่มีปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ พื้นที่
รกั ษาพนั ธุส ตั วปา เขตหา มลาสตั วป าหือเขตท่ไี ดจ ําแนกใหเ ปนเขตปา ไมถ าวรตามมติคณะรฐั มนตรี และกรมปา ไม

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมที่ดนิ

๙๗

รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน

หรอื กรมพฒั นาทดี่ ินยังไมไดข ีดเขตปาสงวนแหง ชาติ เขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธส ัตวปา เขตหามลาสัตวปา
หรือเขตท่ีไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ลงในระวางรูปถายทางอากาศเพื่อการออก
หนงั สอื รบั รองการทําประโยชน หรอื กรณีท่ีขดี เขตแลว แตท ีด่ ินทขี่ ออกหนงั สือรับรองการทาํ ประโยชนม อี าณาเขต
ตดิ ตอ คาบเกย่ี วหรอื อยใู นเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา
หรอื เขตทีไ่ ดจําแนกใหเ ปน เขตปา ไมถ าวรตามมติคณะรัฐมนตรี ใหผูวาราชการจังหวัด แตงตั้งคณะการรวมกัน
ออกไปตรวจพิสูจนท ดี่ ินประกอบดวยปา ไมอ าํ เภอหรอื ผูท่ีปาไมจ ังหวัดมอบหมายสาํ หรับทอ งท่ีทไ่ี มมีปา ไมอ าํ เภอ
เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอ ปลัดอําเภอ (เจาพนักงานปกครอง) และกรรมการอื่นตามทีเ่ ห็นสมควร
เมอ่ื คณะกรรมการดงั กลา วไดทาํ การตรวจพิสูจนเ สรจ็ แลว ใหเ สนอความเหน็ ตอ ผวู า ราชการจงั หวดั วา สมควรออก
หนังสือรับรองการทําประโยชนใหไดหรือไม เพียงใด สําหรับท่ีดินที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรี และยงั ไมไ ดข ดี เขตหรอื ขีดเขตแลว แตที่ดินดังกลาวมีอาณาเขตคาบเก่ียวกับเขตท่ีไดจําแกใหเปน
เขตปาไมถาวร ใหแ ตง ตัง้ ผูแ ทนกรมพัฒนาท่ดี นิ เปน กรรมการดว ย

ขอ ๑๖. ในกรณีออกโฉนดท่ีดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ และมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมาย
ท่ีดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๙๖ ลงวนั ท่ี ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ใหผูมีสิทธิ
ครอบครองท่ีดินยนื่ คาํ ขอตามแบบ น.ส.๑ ข ทายกฎกระทรวงนี้ และใหนําขอ ๗ (๒) ขอ ๑๐ (๒) และ (ภ) ขอ ๑๑
และขอ ๑๕ มาบังคับใชโ ดยอนโุ ลม

๔.๓ บนั ทกึ ขอตกลงระวางกรมท่ีดินและกรมปาไม วาดวยการตรวจพิสูจนเพ่ืออกโฉนดท่ีดิน
หรือหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน ซ่งึ เก่ียวกบั เขตปาไม พ.ศ. ๒๕๓๔

ขอ ๑. ในขอตกลงน้ี
“เขตปา ไม”หมายความวา เขตปาสงวนแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตอุทยานแหงชาติ
เขตวนอุทยาน และใหห มายความรวมถงึ เขตปาไม (ปา ท่ีคณะรฐั มนตรมี มี ตใิ หรักษาไวเปน สมบตั ขิ องชาติดวย)
“เขตปา”หมายความวา เขตปาไมตามบันทึกขอตกลงน้ี ยกเวน เขตปาไมถาวร (ปาท่ี
คณะรัฐมนตรมี ีมตใิ หรักษาไวเปน สมบตั ิของชาต)ิ
ขอ ๖. การประสานงานในการระวังช้แี นวเขตปาไมเ กี่ยวกับโฉนดท่ีดิน หรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชนใ หด ําเนนิ การดังน้ี

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมทด่ี ิน

๙๘

รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน

๖.๕ การตรวจพิสูจนท ่ดี ินเพื่ออกหนงั สอื รับรองการทําประโยชนเฉพาะรายตรวจสอบ
เน้อื ที่ แบงแยก และรวมหนงั สอื รับรองการทําประโยชน ซึ่งมแี นวเขตติดตอ กันกับเขตปาไม กรมปา ไมขอมอบหมาย
ใหปาไมอาํ เภอ หรือผูท่ีปาไมอําเภอมอบหมาย หรือผูที่ปาไมจังหวัดมอบหมายสําหรับทองท่ีท่ีไมมีปาไมอําเภอ
เจา หนา ทผี่ ูไดรับมอบหมายจะตอ งเปนขาราชการระดับ ๒ ขึ้นไป ออกไประวงั ชี้และลงชอ่ื รบั รองแนวเขตปา ไมแ ทน

ฯลฯ
๖.๗ กรณีขอ ๖.๓ ๖.๔ หรือ ขอ ๖.๕ หากมีแนวเขตที่ดินติดตอกับเขตอุทยานแหงชาติ
หรือเขตรกั ษาพันธสุ ัตวปา กรมปา ไมขอมอบหมายใหหวั หนา อุทยานแหง ชาติ หรือหัวหนาเขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา
หรือผูท่ีทาํ หนาท่ีในตาํ แหนงดังกลาว หรือผูท่ีหัวหนาอุทยานแหงชาติ หรือหัวหนาเขตรักษาพันธุสัตวปา หรอื
ผูท่ที าํ หนาทใี่ นตําแหนงดังกลาวมอบหมาย ซ่ึงจะตองเปนขาราชการระดับ ๒ ข้ึนไป ออกไประวังชี้และลงช่ือ
รบั รองแนวเขตแทน

ฯลฯ
๔.๔ หนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๖๐๙/๓/๒๓๓๕๘ ลงวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๒๕๒ (เวียนโดย
หนังสือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๖๐๙/ว ๒๔๕๔๓ ลงวันที่ ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๒๕ สรปุ วา กรณรี าษฎรมาย่ืนคําขอเปลี่ยน
น.ส.๓ เปน น.ส.๓ ก. พิจารณาแลววา น.ส. ๓ และ น.ส.๓ ก. ตางก็เปนหนังสือรับรองการทําประโยชน
เชนเดียวกัน เพียงแตทางราชการไดกาํ หนดแบบ วิธีการออกและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตางกันเทาน้นั
การเปลีย่ น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ถอื วา เปนการตรวจสอบเนอ้ื ที่ ไมใ ชก ารออกหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนใหม
จึงไมต องเรยี กเกบ็ คา ธรรมเนียมในการออก น.ส. ๓. ก. ถือวา เปนการตรวจสอบเนื้อท่ี ไมใชก ารออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชนใหม จึงไมตอ งเรยี กเก็บคา ธรรมเนยี มในการออก น.ส.๓ ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๓๒ ขอ ๒ (๓)
๔.๕ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖/ว ๓๔๒๕๓ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง
การดาํ เนินการตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ สรปุ วา

๔.๕.๑ พ้ืนทปี่ าไมทอี่ ยูในความรับผดิ ชอบของกรมปาไม ใหหมายถึง เขตปาสงวนแหงชาติ
เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมท้ังเขตปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพ้ืนท่ี
ท่ไี มอยูในเขตอุทยานแหง ชาติ เขตรกั ษาพันธุส ัตวป า เขตหามลาสตั วป า

๔.๕.๑.๑ การระวังชีแ้ ละลงช่ือรับรองแนวเขตปา ไม ใหด ําเนินการดงั นี้

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทดี่ นิ

๙๙

รวมเรอื่ งทน่ี า่ สนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดนิ

(๑) กรณีเดินสํารวจ สําหรับที่ดินท่ีมีแนวเขตติดตอกับเขตปาไม (ยกเวนปาไม
ถาวร) ใหเจา หนา ทศ่ี นู ยป ฏบิ ัติการที่ดนิ ปาไม และเจาหนาที่กลมุ ปฏิบัติภารกิจในราชการบริหารสวนภูมิภาค
(ดา นปา ไม) สังกดั สํานักงานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่ ซ่ึงเปนขาราชการต้ังแตระดับ ๕
ขน้ึ ไป เปนผรู ะวงั ช้ีและลงชอ่ื รบั รองแนวเขต

(๒) กรณกี ารออกหนังสอื แสดงสิทธิในท่ีดินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือท่ี
แบงแยก และรวมหนังสอื แสดงสทิ ธิทีด่ นิ ซ่งึ มแี นวเขตตดิ ตอกับปาไม กรมปา ไมมอบหมาย ดังนี้

โฉนดทดี่ นิ ใหหัวหนา กลมุ ปฏิบัติภารกิจในราชการบริหารสว นภมู ภิ าค (ดา นปา ไม)
สงั กัดสาํ นกั งานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมจังหวัดทองที่ หรอื ผูทหี่ ัวหนา กลุมปฏิบตั ภิ ารกจิ ฯ มอบหมาย
ซึง่ เปนขา ราชการตั้งแตระดบั ๕ ขนึ้ ไป ออกไประวงั ชแ้ี ละลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม

หนังสือรับรองการทําประโยชน ใหหัวหนาหนวยบริการปาไมอําเภอทองที่
หรือผูท่หี วั หนา หนวยบริการ มอบหมาย สําหรบั ทองท่ีที่ไมม ีหนวยบริการปาไมอ ําเภอ ใหผ ทู ห่ี ัวหนากลุมปฏิบัติ
ภารกจิ ในราชการสวนภูมิภาค (ดานปาไม) สังกัดสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่
มอบหมายออกไประวังช้ีและลงชอ่ื รับรองแนวเขตปาไม ซ่ึงผูที่ไดร ับมอบหมายตอ งเปน ขาราชการตั้งแตระดับ ๕
ขน้ึ ไป

ฯลฯ
๔.๕.๒ ในพ้นื ท่ปี า ชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพื้นท่ีท่ีไมอยูในเขตอุทยานแหงชาติ
เขตรักษาพนั ธสุ ัตวปา เขตหา มลา สัตวป า การระวังช้ีและลงชอ่ื รบั รองแนวเขตปาชายเลน ใหดําเนนิ การ เชนเดยี วกับ
ขอ ๕.๑.๑ แลวแตกรณี โดยดาํ เนินการรว มกบั เจาหนาทกี่ รมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
๔.๕.๓ การดาํ เนินการที่เกี่ยวของกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ในพ้ืนท่ี
ท่มี ีอาณาเขตตดิ ตอ คาบเก่ยี ว หรอื อยูในเขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสตั วปา เขตหามลา สัตวปา ในการระวงั ชี้
และลงช่ือรบั รองแนวเขต ใหดาํ เนินการดงั นี้

๔.๕.๓.๑ การเดินสํารวจและการรังวัดทําแผนที่เพื่ออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน
เฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือที่ แบงแยก และรวมหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน กรณีแปลงทดี่ ินมีแนวเขตติดตอ
กบั แนวเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธสุ ตั วป า หรือเขตหามลาสัตวปา ใหหวั หนา อุทยานแหง ชาติ หวั หนา เขต

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน

๑๐๐

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน

รักษาพันธุสตั วปา หรือผทู ไ่ี ดร บั มอบหมายจากผูปฏบิ ตั หิ นาทใ่ี นตาํ แหนง ดงั กลาว ซึ่งเปนขาราชการต้ังแตระดับ ๕
ขึ้นไป เปน ผรู ะวังช้ีและลงชอ่ื รับรองแนวเขต

๔.๕.๓.๒ ในพนื้ ทีป่ า ชายเลนตามมตคิ ณะรัฐมนตรเี ฉพาะบริเวณท่มี กี ารกําหนดให
เปน เขตอุทยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา เขตหามลาสตั วป า ใหผูอํานวยการสาํ นักงานบรหิ ารพ้ืนที่อนุรักษ
ท่ี ๒ - ๖ หรอื ผูที่ไดร ับมอบหมายเปน ผูระวังชแ้ี ละรบั รองแนวเขต

๔.๖ หนงั สือกรมที่ดิน ดว นมาก ที่ มท ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๕๙๘ ลงวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
เรอ่ื ง การดําเนนิ การเก่ียวกบั เขตปาไมต ามประมวลกฎหมายท่ีดิน สรุปวา เนื่องจากมพี ระราชบัญญัติปรับปรุง
กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกบั ปจ จบุ ันพระราชบัญญัตริ ะเบยี บขาราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
ไดมีการกาํ หนดตาํ แหนง ขา ราชการพลเรอื นขึ้นใหม จึงกาํ หนดแนวทางปฏบิ ัตงิ าน ดังน้ี

๔.๖.๑ การปฏิบัติงานรวมกับกรมปาไมในพื้นที่ปาไม ประกอบดวยปาสงวนแหง ชาติ
ปาไมถ าวรตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เขตวนอุทยาน รวมทัง้ เขตปาชายเลนตามมตคิ ณะรฐั มนตรเี ฉพาะพื้นทที่ ไ่ี มอ ยใู น
เขตอุทยานแหง ชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา เขตหา มลา สตั วปา

การปฏิบตั ิตามบันทกึ ขอตกลงระหวางกรมทดี่ นิ และกรมปาไมวา ดว ยการตรวจพสิ จู น
เพอ่ื ออกโฉนดทีด่ ินหรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนซึง่ เกย่ี วกับเขตปา ไม พ.ศ. ๒๕๓๔ ในกรณรี ะวังชแี้ นวและ
ลงชอื่ รับรองแนวเขตปาไม กรณกี ารเดินสํารวจ การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ เฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเนอ้ื ท่ี
แบงแยก และรวมหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน ซึง่ มีแนวเขตตดิ ตอกับเขตปา ไม (ยกเวนปา ไมถ าวร) การระวังชี้และ
ลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม ใหเจาหนาท่สี ํานกั จดั การทรัพยากรปาไมท่ี ๑ - ๑๓ หรือสาํ นักจดั การทรัพยากรปาไม
สาขาท่ีรับผดิ ชอบในพน้ื ที่ ซ่ึงดํารงตําแหนงตั้งแตระดับปฏิบัติการ หรือชํานาญการขึ้นไป เปนผูระวังช้ีและลงช่ือ
รับรองแนวเขต

๔.๖.๒ การปฏิบัติงานรวมกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ในพ้ืนที่ ซึ่ง
ประกอบไปดวยเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา และพื้นท่ีปาชายเลนตามมติ
คณะรัฐมนตรี เฉพาะพน้ื ทีท่ ่ถี กู กําหนดใหเ ปนเขตอทุ ยานแหงชาติ หรอื เขตรักษาพนั ธสุ ตั วปา หรอื เขตหา มลา สตั วป า
ในการรงั วดั ทําแผนท่ีเพอ่ื อกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน สอบเขต ตรวจสอบเนอื้ ท่ี แบงแยก และรวมหนงั สอื แสดงสิทธิ
ในทีด่ นิ ทม่ี ีอาณาเขตติดตอ กับพนื้ ทีใ่ นความรับผดิ ชอบของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืชใหหัวหนา

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมทด่ี ิน

๑๐๑

รวมเร่ืองทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ

อุทยานแหงชาติ หวั หนาเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า หัวหนาเขตหา มลาสตั วป าหรอื ผูท่ไี ดร ับมอบหมายซึ่งดํารงตําแหนง
ต้งั แตนกั วชิ าการปา ไมป ฏบิ ตั กิ าร หรือเจาพนกั งานปา ไมช ํานาญงานขน้ึ ไป เปน ผลู งนามรับรองเขต

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาแลว เห็นวา หนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมี ๒ ประเภท

คอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนและโฉนดท่ดี นิ
หนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน เปนหนังสอื คาํ รับรองจากพนกั งานเจาหนาทวี่ า ไดทาํ ประโยชน

ในทดี่ นิ แลว ซงึ่ เปนหนงั สือแสดงสทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ ไดแ ก
(๑) แบบหมายเลข ๓
- แบบหมายเลข ๓ ที่ออกตามพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ กอน

วันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบงั คับ ซึ่งมีการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค.๑) ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติ
ใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

- แบบหมายเลข ๓ ทอี่ อกภายหลงั ประมวลกฎหมายที่ดนิ ใชบงั คบั ไมตอ งแจงการครอบครองทดี่ ิน
(ส.ค.๑) ตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗

(๒) น.ส.๓ ออกตามประมวลกฎหมายท่ดี นิ ในทองทที่ ไี่ มมรี ะวางรปู ถายทางอากาศ ซ่ึงรัฐมนตรี
ยงั ไมมีประกาศยกเลกิ อาํ นาจหนา ทใ่ี นการปฏิบตั ิการตามประมวลกฎหมายทีด่ นิ ของหวั หนา เขต นายอาํ เภอ หรอื
ปลัดอาํ เภอผเู ปนหัวหนาประจาํ กิง่ อําเภอ

(๓) น.ส. ๓ ก. ออกตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ในทอ งทีท่ ี่มรี ะวางรปู ถายทางอากาศ
(๔) น.ส. ๓ ข. ออกตามประมวลกฎหมายที่ดินในทองท่ีท่ีไมมีระวางรูปถายทางอากาศ ซึ่ง
รัฐมนตรไี ดประกาศยกเลิกอาํ นาจหนา ทใี่ นการปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ ของหัวหนาเขต นายอําเภอ
หรอื ปลดั อําเภอผูเปน หวั หนา ประจํากงิ่ อาํ เภอ
โฉนดท่ีดิน เปน หนงั สอื สําคญั แสดงกรรมสิทธใ์ิ นที่ดนิ ตามมาตรา ๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ไดก าํ หนดโฉนดทีด่ ินมี ๔ ประเภท ไดแก
(๑) โฉนดทด่ี ิน
(๒) โฉนดแผนที่

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ีดนิ

๑๐๒

รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

(๓) โฉนดตราจอง
(๔) ตราจองทต่ี ราวา “ไดทาํ ประโยชนแ ลว”
เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายท่ีดิน หมวด ๔ การออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ไดกลาวถึง
การออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ๒ ประเภท คอื การออกหนงั สือรับรองการทําประโยชนและการออกโฉนดที่ดิน
ประกอบกับกรมท่ดี ิน มหี นังสอื ท่ี มท ๐๖๐๙/๓/๒๓๓๕๘ ลงวันท่ี ๒๙ กนั ยายน ๒๕๒๕ เรอื่ ง ตอบขอ หารอื การ
เรียกเก็บคาธรรมเนียมในการเปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ตางก็เปนหนังสือรับรองการทําประโยชน
เชนเดียวกันเพียงแตทางราชการไดกําหนดแบบ วิธีการออกและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตางกันเทาน้ัน
สําหรับการเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ถือวาเปนการตรวจสอบเน้ือที่ ไมใชการออกหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน ซึ่งผูมีสทิ ธใิ นทดี่ นิ สามารถยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหก แหงประมวล
กฎหมายท่ดี ิน
กรณีการออกหนังสอื รับรองการทําประโยชนข องการออกโฉนดท่ีดนิ เฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙
และมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบญั ญัติใหใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๐ (๓) กําหนดวา ถาปรากฏวาท่ีดินนั้นต้ังอยูใน
ตําบลทมี่ ีปาสงวนแหงชาติ อทุ ยานแหงชาติ พืน้ ท่รี กั ษาพันธุส ตั วป า พื้นทีห่ า มลาสตั วป า หรอื พ้นื ที่ทีไ่ ดจ ําแนกให
เปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และกรมปาไมหรือกรมพัฒนาท่ีดินยังไมไดขีดเขตปาสงวนแหงชาติ
เขตอทุ ยานแหง ชาติ เขตรักษาพันธุสัตวป า เขตหามลาสัตวปา หรือเขตท่ไี ดจาํ แนกใหเ ปน เขตปาไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรีลงในระวางรูปถายทางอากาศเพือ่ การออกหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน หรือกรณีท่ีขีดเขตแลว
แตท่ีดินทขี่ อออกหนังสือรับรองการทําประโยชนมีอาณาเขตติดตอคาบเก่ียวหรืออยูในเขตปาสงวนแหงชาติ
เขตอุทยานแหง ชาติ เขตรักษาพนั ธสุ ตั วป า เขตหา มลาสตั วปา หรอื เขตท่ไี ดจ ําแนกใหเปน เขตปา ไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรี ใหผูวา ราชการจังหวัดแตง ตง้ั คณะกรรมการรวมกนั ออกไปตรวจพสิ ูจนท ่ีดนิ ประกอบดว ยปา ไมอาํ เภอ
หรือผูที่ปา ไมจงั หวัดมอบหมายสําหรับทองที่ที่ไมมีปาไมอําเภอ เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดินอําเภอ ปลัดอําเภอ
(เจาพนกั งานปกครอง) และกรรมการอน่ื ตามท่เี หน็ สมควร เมื่อคณะกรรมการดงั กลา วไดทําการตรวจพิสูจนเ สรจ็ แลว
ใหเสนอความเห็นตอผูวาราชการจังหวัดวา สมควรออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหไดหรือไม เพียงใด
สาํ หรับที่ดินทไ่ี ดจาํ แนกใหเ ปน เขตปาไมถ าวร ใหแ ตต ้งั ผูแทนกรมพฒั นาท่ดี นิ เปนกรรมการดวยและขอ ๑๖ ทวิ
แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๙๖ ลงวันท่ี ๒๙ กุมภาพันธ

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ

๑๐๓

รวมเร่ืองทน่ี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ

พ.ศ. ๒๕๑๕ ใหผูมีสิทธิครอบครองท่ีดินย่ืนคําขอตามแบบ น.ส. ๑ ข. ทายกฎกระทรวงนี้ และใหนําขอ ๗ (๒)
ขอ ๑๐ (๒) และ (๓) ขอ ๑๑ และขอ ๑๕ มาใชบงั คับโดยอนุโลม จากบทบัญญตั ิดงั กลา วจะเหน็ วาคณะกรรมการ
ตรวจพสิ ูจนท ีด่ นิ ตอ งทําความเหน็ เสนอผูวาราชการจังหวัดวา สมควรออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือ
โฉนดทีด่ นิ ใหไดห รือไม เพียงใด เมื่อพิจารณาถึงถอยคําดังกลาวการแตงตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจนที่ดินตาม
กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๔๙๗)ฯ จึงดาํ เนนิ การเฉพาะกรณีที่มกี ารออกหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนหรอื
การออกโฉนดทดี่ ินเทาน้นั ดังน้ัน เม่อื การเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. เปนการตรวจสอบเน้ือท่ีเชนเดียวกับ
การสอบเขตท่ดี ินตามนัยมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายทีด่ ิน ไมใชก ารออกหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน
แมท ด่ี ินดงั กลา วจะอยใู นเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอทุ ยานแหงชาติ พน้ื ทีร่ กั ษาพนั ธุสัตวปา พ้ืนท่ีหามลาสัตวปา
พื้นทท่ี ไี่ ดจําแนกใหเปน เขตปาไมถาวรตามมตคิ ณะรัฐมนตรี ก็ไมตอ งดาํ เนินการแตงตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน
ทด่ี ินตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ แตอยา งใด แตใ นการเปล่ยี น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ตองพิจารณารปู แผนที่ เนอ้ื ที่
หลักฐานทด่ี นิ เดมิ ขางเคยี งประกอบดว ย โดยตองไมเ ปน การนาํ ทดี่ นิ นอกหลักฐานมารงั วดั เปลี่ยนเปน น.ส. ๓ ก.

การรังวัดเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ทม่ี ีแนวเขตติดตอเขตปาไม การระวังช้ีและลงชื่อ
รับรองแนวเขตทีด่ นิ ตอ งถอื ปฏิบตั ิตามบันทึกขอตกลงระหวางกรมที่ดินและกรมปาไม วาดวยการตรวจพิสูจน
ท่ดี ินเพอ่ื ออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ซ่ึงเก่ียวกับเขตปาไม พ.ศ. ๒๕๓๔ ขอ ๖.๕ และ
๖.๗ สําหรบั เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจระวังชี้และลงชื่อรบั รองแนวเขตท่ีดิน เดมิ กรมท่ดี ินไดว างแนวทางปฏิบตั ไิ ว ตาม
หนังสอื กรมทด่ี นิ ดว นทส่ี ุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๒๕๓ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง การดําเนินการ
ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน วา พื้นท่ีเขตปาไมท่ีอยูในความรับผิดชอบของกรมปาไม หมายถึง เขตปาสงวน
แหง ชาติ เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมทั้งเขตปาชายเลนตามมติคณะรฐั มนตรี
เฉพาะพ้ืนท่ีที่ไมอ ยูในเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวป า เขตหามลา สตั วป า โดย

(๑) การระวังช้ีและลงชื่อรับรองแนวเขตปาไม สําหรับท่ีดินที่มีแนวเขตติดตอกับเขตปาไม
(ยกเวน ปาไมถ าวร) ใหดาํ เนนิ การดังน้ี

๑.๑ กรณีการเดนิ สํารวจ กรมปา ไมม อบหมายใหเจา หนา ท่ศี ูนยป ฏิบัติการทด่ี ินปาไม และ
เจาหนาทก่ี ลมุ ปฏิบัตภิ ารกจิ ในราชการบรหิ ารสวนภมู ิภาค (ดานปาไม) สังกัดสํานักงานทรพั ยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดลอมจังหวัดทองที่ ซึ่งเปนขาราชการต้ังแตร ะดับ ๕ ขน้ึ ไป เปนผรู ะวงั ชแี้ ละลงชื่อรบั รองแนวเขต

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๑๐๔

รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน

๑.๒ กรณีการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทดี่ ินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือท่ี แบงแยก
และรวมหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ ิน ซ่ึงมีแนวเขตตดิ ตอ กบั เขตปา ไม กรมปา ไมมอบหมาย ดังน้ี

โฉนดทด่ี ิน ใหห ัวหนากลุม ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ในราชการบรหิ ารสวนภูมิภาค (ดานปาไม) สังกัด
สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่ หรือผูท่ีหัวหนากลุมปฏิบัติภารกิจฯ มอบหมาย
ซ่งึ เปนขา ราชการตง้ั แตร ะดบั ๕ ขึน้ ไป ออกไประวังชี้และลงชือ่ รับรองแนวเขตปา ไม

หนังสือรับรองการทําประโยชน ใหห วั หนาหนวยบรกิ ารปาไมอ าํ เภอทอ งท่ี หรอื ผูทีห่ วั หนา
หนวยบริการฯ มอบหมาย สําหรับทองท่ีที่ไมมีหนวยบรกิ ารปาไมอําเภอ ใหผูทห่ี ัวหนากลุมปฏิบัติภารกิจใน
ราชการสว นภมู ิภาค (ดา นปาไม) สังกดั สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองท่ีมอบหมาย
ออกไประวังชีแ้ ละลงชื่อรบั รองแนวเขตปา ไม ซ่งึ ผูทไ่ี ดรับมอบหมายตองเปน ขา ราชการต้งั แตระดบั ๕ ข้นึ ไป

(๒) ในพื้นท่ีปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพื้นที่ที่ไมอยูในเขตอุทยานแหงชาติ
เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา การระวังชี้และลงช่ือรับรองแนวเขตปาชายเลน ใหดําเนินการ
เชน เดยี วกบั ขอ (๑) แลวแตกรณี โดยดําเนนิ การรว มกับกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง

(๓) การดําเนนิ การทีเ่ ก่ยี วของกบั กรมอทุ ยานแหงชาติ สตั วปา และพันธุพืช ใหด ําเนินการ ดงั นี้
๓.๑ การเดนิ สาํ รวจ และการรงั วัดทําแผนที่เพ่อื ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ีดนิ เฉพาะรายสอบเขต

ตรวจสอบเน้อื ที่ แบง แยก และรวมหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน กรณีแปลงท่ดี ินมีแนวเขตติดตอกบั แนวเขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรักษาพนั ธส ัตวป า หรอื เขตหามลา สตั วป า ใหห วั หนาอทุ ยานแหง ชาติ หวั หนาเขตรักษาพนั ธุส ตั วป า
หรอื ผทู ่ีไดร ับมอบหมายจากผปู ฏบิ ัตหิ นาทใ่ี นตาํ แหนงดังกลาว ซงึ่ เปน ขาราชการระดับ ๕ ขนึ้ ไป เปน ผรู ะวงั ชแ้ี ละ
ลงชอื่ รับรองแนวเขต

๓.๒ พ้นื ท่ปี า ชายเลนตามมตคิ ณะรัฐมนตรีเฉพาะบรเิ วณทีม่ กี ารกาํ หนดใหเปนเขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา ใหผูอํานวยการสํานักบริหารงานพื้นที่อนุรักษที่ ๒ - ๖
หรือผูท ่ไี ดร ับมอบหมายเปนผูระวังช้แี ละรับรองแนวเขต

ตอมามีการประกาศใชพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบ
กบั พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา ราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไดม ีการกาํ หนดตําแหนงขาราชการพลเรือนขนึ้ ใหม
และเพื่อใหก ารกาํ หนดหนาท่คี วามรบั ผดิ ชอบสอดคลองกบั บทบญั ญัติของกฎหมายดงั กลา ว กรมทด่ี นิ จงึ ไดย กเลกิ
แนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดินดังกลาวขางตน และไดวางแนวทางปฏิบัติใหม ตามหนังสือกรมที่ดิน

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดิน

๑๐๕

รวมเร่ืองทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ีดนิ

ดว นมาก ที่ มท. ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๕๙๘ ลงวนั ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เร่อื ง การดําเนินการเก่ียวกับเขตปาไม
ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ วา

(๑) การปฏิบัติงานรวมกับกรมปาไมในพื้นท่ีปาไม ซึ่งประกอบดวยปาสงวนแหงชาติ
เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมทั้งเขตปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะพื้นที่
ทีไ่ มอ ยูในเขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า เขตหา มลา สตั วปา ในการระวังช้ีและลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม
กรณกี ารเดินสาํ รวจ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบพ้ืนท่ี แบงแยก และรวม
หนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ ซึง่ แนวเขตติดตอ กับเขตปาไม (ยกเวนปา ไมถ าวร) ใหเ จา หนา ทส่ี ํานักจัดการทรัพยากร
ปาไมท่ี ๑ - ๑๓ หรือสํานักจัดการทรัพยากรปาไมสาขาที่รับผิดชอบในพื้นที่ ซึ่งดํารงตําแหนงตั้งแตระดับ
ปฏบิ ตั กิ ารหรือชํานาญงานข้นึ ไป เปนผูระวังช้แี ละลงช่ือรับรองแนวเขต

(๒) การปฏิบัติงานรวมกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืชในพื้นที่เขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรกั ษาพันธุสตั วปา เขตหามลาสตั วป า และพื้นที่ปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะพ้ืนทถ่ี ูกกําหนด
ใหเปนเขตอุทยานแหงชาติ หรือเขตรักษาพันธสัตวปา หรือเขตหามลาสัตวปา ในการรังวัดทําแผนท่ีเพื่อออก
หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน สอบเขต ตรวจสอบเนือ้ ท่ี แบงแยก และรวมหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน ท่ีมีอาณาเขต
ตดิ ตอกับพ้นื ท่ใี นความรับผดิ ชอบของกรมอุทยานแหง ชาตฯิ ใหห ัวหนาอุทยานแหงชาติ หวั หนา เขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า
หัวหนาเขตหามลาสัตวปา หรือผูที่ไดรับมอบหมาย ซึ่งดํารงตาํ แหนงตั้งแตนักวิชาการปาไมปฏิบัติการหรือ
เจา พนักงานปาไมชํานาญงานขน้ึ ไป เปนผลู งนามรบั รองเขต

๖. อา งองิ
หนังสือกรมทด่ี นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๗๗๔ ลงวนั ท่ี ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตอบขอหารือสํานกั งาน

คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐ

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทดี่ ิน

๑๐๖

รวมเรื่องท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๗

๒. เรอื่ ง : หารือกรณสี าํ นักงานการปฏริ ูปทีด่ นิ จงั หวัดศรสี ะเกษ ขอใหท บทวนคาํ สั่งสอบสวนเปรยี บเทยี บ

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเดน็ ปญหา
ส.ป.ก. จังหวดั ศรสี ะเกษ ขอใหเจาพนักงานทดี่ ินทบทวนคําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบกรณีออก

โฉนดท่ดี นิ ตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ ระหวา งนาย ป. ผูข อออกโฉนดที่ดนิ กบั ส.ป.ก. จังหวัด
ศรีสะเกษ ผูโตแ ยงคดั คา น ตามคําส่งั เจา พนักงานท่ีดินจงั หวัดศรสี ะเกษ สาขากนั ทรลกั ษ ท่ี ๒๓/๒๕๕๖ ลงวันท่ี
๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ซ่งึ สัง่ ใหออกโฉนดทดี่ ินแกนาย ป. เพราะเหน็ วา เปน ผูมีสิทธิในท่ีดินดีกวา ส.ป.ก. จังหวัด
ศรีสะเกษ ซึ่งจังหวัดเห็นวา คําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบเปนคําสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๕ (๑) แหง
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้ันตอนที่กําหนดไวในมาตรา ๖๐ แหงประมวล
กฎหมายทด่ี ิน เปน วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครองทมี่ กี ฎหมายกาํ หนดไวเ ฉพาะ และมีหลักเกณฑที่ประกันความ
เปนธรรมไมตํ่ากวา เกณฑท ี่กาํ หนดไวใ นพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง จึงไมอาจทบทวนคําส่ัง
สอบสวนเปรียบเทยี บได

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา ๖๐
๔.๒ พระราชบัญญตั ิวธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓, ๕ และมาตรา ๕๔
๔.๓ พระราชบัญญัติจดั ตั้งศาลปกครองและวิธพี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๙
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๕ คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุด ท่ี ๔๖/๒๕๓๗

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี นิ

๑๐๗

รวมเรื่องทีน่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ีดิน

๕. ผลการพิจารณา
คําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบเปนคําสั่งท่ีออกโดยเจาพนักงานที่ดินซ่ึงเปนเจาหนาท่ีรัฐ และมี

ผลกระทบตอ สิทธิในท่ดี ิน ดังนั้น คาํ สง่ั สอบสวนเปรียบเทียบจึงเปนคําส่ังทางปกครองท่ีกฎหมายไดกําหนดวิธี
ปฏิบตั ไิ วโดยเฉพาะ ตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน ซ่งึ มหี ลักเกณฑท่ีประกันความเปนธรรมหรือมี
มาตรฐานในการปฏบิ ตั ริ าชการไมต่าํ กวาหลักเกณฑท่ีกําหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามนยั คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๔๖/๒๕๔๗ จึงไมจ ําตอ งปฏบิ ตั ติ ามวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครองที่กาํ หนดไว
ในพระราชบญั ญตั วิ ิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อีก คูกรณจี งึ ตองดําเนนิ การตามวิธีการที่กําหนด
ไวใ นมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงตามประเด็นที่หารือเมื่อเจาพนักงานที่ดินไดมีคําสั่งสอบสวน
เปรยี บเทยี บแลว คําสัง่ ดงั กลาวเปนคาํ ส่งั ท่ีเสร็จเดด็ ขาดและไมสามารถทบทวนคาํ สงั่ ได เนื่องจากมาตรา ๖๐ ได
กําหนดวิธีการดาํ เนินการไวแ ลว สํานักงานการปฏริ ูปที่ดินจังหวดั ศรสี ะเกษ ซ่ึงเปนคูกรณไี มพ อใจคําสง่ั สอบสวน
เปรยี บเทยี บดงั กลา ว สามารถย่ืนฟองตอศาลภายในกาํ หนด ๖๐ วนั นบั แตว นั ท่ที ราบคําสัง่ ดังนั้น ความเหน็ ของ
จงั หวดั ท่เี หน็ วา ไมสามารถพิจารณาทบทวนคาํ สงั่ สอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา๖๐ แหง ประมวลกฎหมายทดี่ นิ ได
แตไมตัดสิทธคิ ูกรณฝี า ยท่ีไมพ อใจไปยื่นฟองตอศาลภายใน ๖๐ วัน นบั แตว ันทราบคาํ สงั่ นั้น ถกู ตอ งแลว

๖. อา งอิง
หนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๖๒๐๘ ลงวันท่ี ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอบขอหารือ

จังหวัดศรสี ะเกษ

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี นิ

๑๐๘

รวมเรื่องท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : หารือการรงั วดั ออกโฉนดท่ีดนิ และแบง แยกในนามเดิม

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญ หา
สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหารือกรณีเม่ือทําการรังวัดแลวปรากฏวามีทาง

สาธารณประโยชนพาดผานที่ดินของเกษตรกรโดยยงั มไิ ดมีการขออนญุ าตใชที่ดนิ กบั ส.ป.ก. ใหถ กู ตอ งแตอ ยา งใด
ซ่ึงกรณีดังกลาว ส.ป.ก. สระบุรี ไดหารือกับสาํ นักงานท่ีดินจงั หวัดสระบุรี สาขาหนองแค แลว มีความเห็น
ในเบ้อื งตนวา ส.ป.ก. ตองดําเนนิ การตามมาตรา ๒๖ (๑) แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม
พ.ศ. ๒๕๑๘ กลา วคือ “ถา ในเขตปฏิรปู ที่ดินนั้นมที ่ีดินอนั เปน สาธารณสมบัติของแผน ดนิ สําหรับพลเมืองใชรวมกัน
แตพ ลเมืองเลกิ ใชประโยชนในทดี่ นิ นน้ั ...ใหพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินน้ันมีผลเปนการถอนสภาพ
การเปน สาธารณสมบตั ิของแผนดินสาํ หรบั ท่ดี นิ ดงั กลาว โดยมติ องดําเนินการถอนสภาพ ตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ
และให ส.ป.ก. มีอาํ นาจนําที่ดินมาใชใ นการปฏริ ูปที่ดนิ เพ่ือเกษตรกรรมได” ส.ป.ก. พจิ ารณาแลว เห็นวา เพ่ือให
การดําเนนิ การดงั กลา วเปนไปดวยความเรียบรอ ยและถกู ตองตามกฎหมาย และเกดิ ความเปน ธรรมแกเกษตรกร
ในการออกโฉนดท่ีดินในเขตปฏิรูปทีด่ ิน จึงขอหารือวากรมที่ดินสามารถออกโฉนดท่ีดินในแปลงที่เปนทาง
สาธารณประโยชนไ ดห รอื ไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ
มาตรา ๕๙ ในกรณที ่ผี มู สี ิทธิครอบครองทด่ี ินมาขอออกโฉนดท่ีดนิ หรอื หนงั สือรับรองการทาํ

ประโยชนเ ปน การเฉพาะรายไมวาจะไดมปี ระกาศของรฐั มนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม เม่ือพนักงาน
เจา หนา ท่ีพิจารณาเหน็ สมควร ใหด ําเนนิ การออกโฉนดทีด่ ินหรอื หนงั สือรับรองการทาํ ประโยชน แลวแตกรณีได
ตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารท่ีประมวลกฎหมายน้กี าํ หนด

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทดี่ ิน

๑๐๙

รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน

เพ่ือประโยชนแหงมาตรานี้ ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินตามวรรคหน่งึ ใหหมายความรวมถึง
ผูซ่งึ ไดค รอบครองและทาํ ประโยชนในทดี่ นิ ตอเนอื่ งมาจากผูซ่ึงมีหลักฐานการแจงการครอบครองดว ย

๔.๒ ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณสมบัติของแผนดนิ น้ัน รวมทรพั ยสนิ ทุกชนิดของแผน ดนิ ซึ่งใชเพอ่ื

สาธารณประโยชนหรือสงวนไวเพอื่ สาธารณประโยชนร ว มกัน
(๑) ทีด่ ินรกรางวา งเปลา และที่ดนิ ซ่งึ มีผูเวนคืนหรือทอดท้งิ หรือกลบั มา เปน ของแผนดิน

โดยประการอน่ื ตามกฎหมายทีด่ ิน
ฯลฯ

๔.๓ พระราชบัญญตั ิการปฏิรปู ทดี่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘
มาตรา ๒๖ เม่ือไดมีพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏิรปู ทด่ี ินใชบ งั คับในทอ งที่ใดแลว
(๑) ถาในเขตปฏริ ปู ที่ดนิ นน้ั มที ี่ดินอันเปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดินสําหรบั พลเมืองใชรวมกัน

แตพ ลเมืองเลิกใชประโยชนใ นทดี่ นิ น้ัน หรอื ไดเ ปลีย่ นสภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันก็ดี หรือ
พลเมืองยังใชป ระโยชนท ่ีดินน้ันอยู หรือไดเปล่ียนสภาพจากการเปนท่ีดนิ สําหรบั พลเมอื งใชร วมกันเม่ือไดจัดท่ดี นิ
แปลงอืน่ ใหพลเมอื งใชร ว มกันแทน โดยคณะกรรมการประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวก็ดี ใหพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตปฏิรูปที่ดินนั้นมีผลเปนการถอนสภาพการเปนการเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับที่ดิน
ดังกลาวโดยมติ องดาํ เนินการถอนสภาพประมวลกฎหมายทีด่ นิ และให ส.ป.ก. มีอํานาจนําที่ดินนั้นมาใชในการ
ปฏิรูปทด่ี ินเพ่ือเกษตรกรรมได

ฯลฯ
มาตรา ๓๖ ทวิ บรรดาที่ดนิ หรอื อสงั หาริมทรัพยใดๆ ท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติน้ี
หรอื ไดมาโดยประการอ่นื ทีม่ ีวัตถปุ ระสงคเพ่อื ประโยชนใ นการปฏริ ปู ทีด่ นิ เพอ่ื เกษตรกรรมไมใ หถ อื วา เปนท่รี าชพัสดุ
และให ส.ป.ก. ผถู ือกรรมสทิ ธิ์เพ่อื ใชใ นการปฏิรปู ทดี่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม
ใหพ นักงานเจา หนาที่ตามประมวลกฎหมายท่ีดินมีอํานาจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
เกีย่ วกบั ทีด่ นิ ของ ส.ป.ก. ตามวรรคหน่งึ ท้งั น้ี ตามท่ี ส.ป.ก. รอ งขอ
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมท่ีดิน

๑๑๐

รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี ิน

ขอ ๑๔ ท่ีดินที่จะออกโฉนดท่ีดินตองเปนที่ดินที่ผูมีสิทธิในท่ีดินไดครอบครองและทํา
ประโยชนแลว และเปนท่ดี นิ ท่สี ามารถออกโฉนดท่ีดินไดตามกฎหมาย แตหามมิใหออกโฉนดท่ีดินสําหรับท่ีดิน
ดงั ตอ ไปนี้

(๑) ทดี่ ินที่ราษฎรใชประโยชนรว มกนั เชน ทางนา้ํ ทางหลวง ทะเลสาบ ท่ีชายตล่ิง
ฯลฯ

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ีดินพิจารณาแลวเห็นวา การพิจารณาออกโฉนดท่ีดินจะตองเปนไปตามหลักเกณฑท่ี

กําหนดตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ กลาวคือ ท่ีดินที่นํามาออกโฉนดที่ดินตองเปนท่ีดินท่ีผูมีสิทธิในที่ดินไดครอบครองและทํา
ประโยชนแ ลว และเปนที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได และไมเปนท่ีดินตองหามมิใหออกโฉนดท่ีดิน เชนเปน
ท่ดี นิ ท่รี าษฎรใชประโยชนรว มกนั เปน ตน

สําหรับกรณีที่ ส.ป.ก. ซ้ือที่ดิน น.ส. ๓ ก. หรือโฉนดที่ดินจากเอกชนและนํามาดําเนินการ
จัดทด่ี นิ พิจารณาไดดังนี้

๕.๑ กรณีที่ดินท่ี ส.ป.ก. จัดซ้ือมามีแนวเขตติดตอกันและมีทางสาธารณประโยชนปรากฏอยู
ตามสภาพในที่ดินที่จดั ซ้ือ การรับโอนท่ดี นิ จากเอกชน ส.ป.ก. ยอ มไดร บั โอนไปเฉพาะท่ดี ินบางสวนท่ีไมเปนทาง
สาธารณประโยชน เพราะทางสาธารณประโยชนไมวาเกิดขึ้นโดยสภาพหรือตามกฎหมายถือเปนท่ีดินของรัฐ
ไมสามารถโอนโดยการดาํ เนินการซือ้ ขายไดต ามกฎหมาย

๕.๒ กรณีที่ดนิ ที่ ส.ป.ก. จดั ซื้อมามีแนวเขตไมตดิ ตอ กนั โดยมีสาธารณประโยชนอยูระหวางที่ดิน
ทจี่ ดั ซอ้ื ส.ป.ก. ไมสามารถนําทางประโยชนท ่อี ยูร ะหวางทด่ี นิ ดังกลาวมารวมรงั วดั เพ่ือออกโฉนดทีด่ นิ ไดเ นอื่ งจาก
ทางสาธารณประโยชนเ ปน ทด่ี นิ ทตี่ องหามมใิ หออกโฉนดท่ีดนิ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออก
ตามความในพระราชบัญญตั ิใหใชประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๑)

๕.๓ กรณีท่ดี ินท่ี ส.ป.ก. จดั ซ้อื มาแตเ ดิมไมมีสภาพทางสาธารณประโยชนอยูในที่ดินแตตอมา
ปรากฏทางโดยสภาพอยใู นทด่ี ิน กรณีนี้ข้ึนอยกู บั ขอ เท็จจริงในเรอื่ งการใชประโยชนวาทางดังกลาวมีสภาพเปน
ทางชั่วคราวหรือทางสาธารณประโยชนท่เี กดิ ขน้ึ โดยการใชประโยชนรวมกันของประชาชน ซ่ึงการใชประโยชน

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ดี ิน

๑๑๑

รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทดี่ นิ

รว มกนั ตองเปนการใชใ นลักษณะทป่ี ระชาชนทวั่ ไปไดใช มิใชเปนการใชเพ่ือบุคคลหนงึ่ บุคคลใดและมีการใชเปน
ระยะเวลายาวนานมใิ ชเ พ่งิ เกิดขึ้น หากขอ เทจ็ จรงิ ยังไมมสี ภาพเปน ทางสาธารณประโยชนทางดงั กลา วก็ยังถอื วา
เปนสวนหนึ่งของท่ีดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ เดิม ท่ีสามารถออกโฉนดที่ดินได แตถาขอเท็จจริงท่ีดินดังกลาว
ตกเปน ทางสาธารณประโยชนต ามท่ีกลาวมาแลวยอมไมส ามารถนาํ ไปออกโฉนดทด่ี นิ ได

๕.๔ ทางสาธารณประโยชนในเขตปฏิรปู ทด่ี นิ ซง่ึ พลเมืองเลกิ ใชประโยชนในท่ีดินหรือไดเปล่ียน
สภาพจากการเปนท่ดี ินสาํ หรับพลเมืองใชรวมกัน หรือพลเมืองยังใชประโยชนในท่ีดินนั้นอยู หรือยังไมเปลี่ยน
สภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน เม่ือไดจัดที่ดินแปลงอ่ืนใหพลเมืองใชรวมกันแทน โดย
คณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว พระราชกฤษฎีกากําหนดเขต
ปฏิรูปท่ีดินนั้นมีผลเปนการถอนสภาพการเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับท่ีดินดังกลาวโดยมิตอง
ดําเนินการถอนสภาพตามประมวลกฎมายท่ดี ิน และให ส.ป.ก. มอี าํ นาจนําท่ีดินนั้นมาใชในการปฏิรูปที่ดินเพ่ือ
เกษตรกรรม และ ส.ป.ก. สามารถนาํ ทด่ี นิ ดงั กลาวมาออกโฉนดที่ดินตามประมวลกําหมายทดี่ นิ ได

๖. อา งอิง
หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๒๐๖๖ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ ตอบขอหารือ

เลขาธิการสํานกั งานการปฏิรูปที่ดนิ เพอ่ื เกษตรกรรม

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทดี่ นิ

๑๑๒

รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ดี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอ่ื ง : หารอื แนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั การออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏริ ปู ท่ีดิน

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จังหวดั สง เรอ่ื งหารือแนวทางปฏิบตั ิเก่ยี วกับการออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏิรปู ท่ดี ิน ดังน้ี
๓.๑ กรณที ่ีราษฎรนําหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ทอี่ อกโดยวิธีการเดินสํารวจ

ท้งั ทีแ่ จง การครอบครองท่ดี นิ และมไิ ดแจง การครอบครองทด่ี ินตามมาตรา ๕๘, ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ซงึ่ ไดน าํ รงั วดั สอบสวนสิทธแิ ละพิสจู นการทําประโยชนไ วก อนมีพระราชกฤษฎกี าประกาศกําหนดเขตปฏริ ปู ทดี่ นิ
แตเ จาพนักงานทด่ี ินไดล งนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลงั วนั ทพ่ี ระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏริ ูปทีด่ นิ มผี ลใชบงั คับแลว
มายนื่ คําขอออกโฉนดทดี่ ินตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว มสี ถานะทางกฎหมาย
เปนเชนใด หรือเปนหลกั ฐานที่ชอบดวยกฎหมาย และสามารถออกโฉนดที่ดนิ ใหแ กผ ขู อไดหรอื ไม อยา งไร

๓.๒ กรณีทมี่ ีพระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตที่ดนิ ใหเปนเขตปฏริ ูปทดี่ ินแลว จะสามารถออกโฉนดที่ดิน
ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ใหแกผูครอบครองทําประโยชนในท่ีดินมากอนวันท่ีประมวล
กฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยไมไดแจงการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ แตเปนผูซ่ึงไดแ จง ความประสงคจะไดสทิ ธิในท่ดี ินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวล
กฎหมายทดี่ นิ และผทู คี่ รอบครองตอ เนอ่ื งจากบุคคลดังกลา วหรอื ไม อยา งไร

จังหวัดพิจารณาแลวเห็นวา น.ส. ๓ ก. ดังกลาว เปน น.ส. ๓ ก. ที่ชอบดวยกฎหมายและ
สามารถนํามาใชเปนหลักฐานในการออกโฉนดที่ดินได และกรณีมีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน
พนักงานเจาหนา ทจี่ ะออกหนังสือแสดงสิทธใิ นทด่ี นิ ใหแกราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินมากอน
วนั ท่ปี ระมวลกฎหมายทดี่ นิ ใชบ งั คับโดยไมไ ดแ จงการครอบครองท่ีดินหรอื มิไดแ จงความประสงคจะไดสิทธิในท่ีดิน
ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินไมได แตเนื่องจากยังมี
ความเห็นไมสอดคลอ งตรงกัน จงึ หารือมาเปน แนวทางปฏบิ ตั ิ

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ีดิน

๑๑๓

รวมเรอ่ื งที่น่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ดี ิน

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สัง่ :
๔.๑ คณะกรรมการกฤษฎีกาไดมีความเห็นตามหนังสือ ท่ี นร ๐๖๐๑/๑๒๓๐ ลงวันท่ี ๙

ตุลาคม ๒๕๓๕ เรือ่ ง การเดนิ สํารวจออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏริ ูปทด่ี ิน และดวนที่สดุ ที่ นร ๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวนั ท่ี
๒๙ มนี าคม ๒๕๓๗ เรอื่ ง หารอื ขอ กฎหมายเกี่ยวกบั ท่ดี ินในเขตปฏิรปู ทดี่ นิ สรุปวา “เม่ือไดมีพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตปฏิรูปทด่ี นิ ฯ แลว และในเขตปฏิรูปทด่ี ินดังกลาวไมวาจะเปนพื้นที่ท่ี ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการแลว
หรอื ยงั ไมไดเ ขา ไปดาํ เนนิ การก็ตาม พนักงานเจา หนาทจ่ี ะออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ใหแ กร าษฎรทค่ี รอบครอง
และทําประโยชนอ ยกู อ นวนั ที่ประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ งั คบั ไมได ถาราษฎรดังกลาวไมไดแจงการครอบครอง
ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ทง้ั มิไดแจงความประสงคจ ะไดส ทิ ธิ
ในทด่ี นิ ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดินไวก อ นมกี ารกําหนดเขตปฏริ ปู ท่ดี ินเพื่อเกษตรกรรม”

๔.๒ หนงั สือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๐๖๙ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง หารือ
แนวทางปฏิบตั ิราชการ ตอบขอ หารอื จังหวัดอาํ นาจเจรญิ

๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาแลว เหน็ วา
๕.๑ กรณที ีร่ าษฎรนาํ หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ท่ีออกโดยวิธีการเดินสํารวจ

ทง้ั ท่แี จง การครอบครองที่ดนิ และมไิ ดแ จงการครอบครองทดี่ นิ ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ซึง่ ไดนํารังวดั สอบสวนสทิ ธแิ ละพสิ ูจนการทําประโยชนไวก อนมีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏริ ปู ทดี่ นิ
แตเจาพนักงานท่ดี นิ ไดลงนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลงั วันท่พี ระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏริ ปู ที่ดนิ มผี ลใชบังคบั แลว
มายื่นคําขอออกโฉนดท่ีดินตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จะดําเนินการใหผูขอไดหรือไม นั้น
กรมทด่ี ินไดเ คยวนิ ิจฉัยตอบขอหารือจังหวดั อํานาจเจรญิ ตามหนงั สือกรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๐๖๙ ลงวนั ท่ี
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรอ่ื ง หารือแนวทางปฏิบัตริ าชการ สรปุ ไดวา แมคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็น
ตามหนังสอื สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร ๐๖๐๑/๑๒๓๐ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ เร่ือง การเดิน
สาํ รวจออกโฉนดท่ดี นิ ในเขตปฏิรูปท่ีดิน และดวนท่ีสุด ที่ นร ๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๗ เรื่อง
หารือขอ กฎหมายเก่ียวกับที่ดนิ ในเขตปฏริ ปู ท่ีดนิ สรุปวา “เมื่อไดม พี ระราชกฤษฎกี าประกาศกําหนดเขตปฏิรูป
ทด่ี นิ ฯ แลว และในเขตปฏิรปู ทดี่ นิ ดงั กลา วไมวาจะเปน พื้นท่ีที่ ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการแลวหรือยังไมไดเขาไป

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี นิ

๑๑๔

รวมเรือ่ งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ

ดําเนินการก็ตาม พนกั งานเจา หนาที่จะออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ดี ินใหแ กราษฎรทค่ี รอบครองและทาํ ประโยชน
อยกู อ นวันทปี่ ระมวลกฎหมายทีด่ นิ ใชบังคบั ไมได ถา ราษฎรดงั กลาวไมไ ดแ จงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหง
พระราชบญั ญตั ใิ หใชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ทง้ั มิไดแ จงความประสงคจ ะไดส ิทธใิ นท่ดี ินตามมาตรา
๒๗ ตรี แหง ประมวลกฎหมายท่ีดินไวกอนมีการกําหนดเขตปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม” แตการประกาศเขต
ปฏิรูปที่ดินและความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกลาว ยอมไมมีผลยอนหลังในกระบวนการซ่ึงได
ดําเนนิ การไปโดยชอบดว ยกฎหมายแลว สิทธิของราษฎรที่มีอยูกอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน ยอมควรมีอยู
ตามเดิม เทียงเคียงคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดําท่ี อ. ๖๑/๒๕๔๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม
๒๕๔๘ โดยศาลเห็นวา “การท่ีจะพิจารณาวาที่ดินแปลงใดจะออกโฉนดที่ดินไดหรือไม ตองใชกฎหมายและ
ระเบยี บในวนั ท่ียืน่ คําขอออกโฉนดที่ดนิ การพิจารณาถงึ คณุ สมบตั แิ ละสภาพที่ดินแปลงพิพาท จึงตองพิจารณา
จากบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบที่ใชบังคับอยูในวันท่ีย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดิน เพราะกฎหมายและ
ระเบยี บท่ีกาํ หนดคณุ สมบัติและสภาพท่ีดินท่ีจะออกโฉนดที่ดินหรือไม เทียบเคียงไดกับกฎหมายสารบัญญัติที่
จะตอ งใชก ฎหมายในขณะเกิดเหตมุ าบังคบั ใช จะนํากฎหมายสารบญั ญตั ใิ นขณะพิจารณาคดมี าใชบ งั คบั ยอ นหลงั
ไมได สวนวิธีการวาจะตองดาํ เนินการอยางไรน้ัน จะตองใชกฎหมายในขณะดําเนินการ เม่ือที่ดินแปลงพิพาท
มีการตรวจสอบลักษณะและสภาพท่ีดินไปแลว วา ไมตองหามออกโฉนดท่ีดินแตประการใด ผูถูกฟองคดีที่ ๓
จะอา งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ซ่ึงมีผลบงั คับใชภายหลงั จากทผ่ี ูฟองคดยี น่ื คาํ ขอออกโฉนดทด่ี ิน
ไปแลว ๙ ปเ ศษ มาปฏิเสธการออกโฉนดทดี่ ินแปลงพิพาทใหก บั ผูฟ องคดี โดยอา งวา ทดี่ ินแปลงพพิ าทของผฟู อ งคดี
มีลักษณะตองหามมิใหอ อกโฉนดท่ีดนิ ตามกฎกระทรวงฉบบั ดังกลา ว จงึ เปน การไมช อบดว ยเหตผุ ลและความเปน ธรรม
ตามกฎหมายและระเบียบ” ดังน้ัน หากการนําเดินสํารวจออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
ในขณะนั้นอยใู นหลกั เกณฑทส่ี ามารถออก น.ส. ๓ ก. ได ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
แมเปนการลงนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลังพระราชกฤษฎกี าประกาศกาํ หนดเขตปฏิรูปที่ดนิ ก็ถอื วา เปน น.ส. ๓ ก.
ทชี่ อบดวยกฎหมายและสามารถใชเ ปนหลักฐานในการออกโฉนดทดี่ นิ ได

๕.๒ คณะกรรมการกฤษฎีกาไดมีความเห็นตามหนังสือสํานักงานกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๖๐๑/
๑๒๓๐ ลงวนั ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ เร่ือง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และดวนที่สุด ที่ นร
๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๗ เร่ือง หารือขอกฎหมายเก่ียวกับท่ีดินในเขตปฏิรูปท่ีดินไวแลว วา
“เมือ่ ไดม ีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏิรูปท่ีดินฯ แลว และในเขตปฏิรูปที่ดินดังกลาวไมวาจะเปน

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ

๑๑๕

รวมเรือ่ งทีน่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน

พื้นที่ท่ี ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการก็ตาม พนักงานเจาหนาที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินใหแกราษฎรท่ี
ครอบครองและทาํ ประโยชน อยกู อ นวันทีป่ ระมวลกฎหมายที่ดนิ ใชบังคบั ไมได ถาราษฎรดังกลาวไมไดแจงการ
ครอบครองตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนมีกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม” ดังนน้ั ผูครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดนิ มากอนวนั ท่ปี ระมวลกฎหมายท่ีดนิ ใชบ งั คบั โดยไมได
แจง การครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) แตเ ปนผซู ึ่งไดแ จงความประสงคจะไดสิทธิในท่ีดินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง
ประมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนมีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน รวมตลอดถึงบุคคลที่
ครอบครองตอ เน่อื งจากบคุ คลดังกลาว และที่ดินนั้นไมอ ยใู นพน้ื ท่ที ต่ี อ งหามมิใหออกโฉนดที่ดินประการอื่นตาม
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
ขอ ๑๔ ก็สามารถขอออกโฉนดทดี่ นิ ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายที่ดินไดตามหลักเกณฑและวิธีการที่
กาํ หนดในกฎกระทรวง ระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) รวมทั้งหนังสอื สงั่ การ
ทเ่ี กย่ี วขอ ง
๖. อา งอิง

หนงั สอื กรมทดี่ นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๑๑๔๙ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารือ
จงั หวดั สรุ ินทร

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน

๑๑๖

รวมเรอื่ งทีน่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรื่อง : หารือการออกโฉนดที่ดิน

๓. ขอเทจ็ จริง : ประเด็นปญหา
ศูนยอ าํ นวยการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน จังหวัดขอนแกน - ชัยภูมิ - กาฬสินธุ หารือ กรณี

ราษฎรผูครอบครองทําประโยชนใ นทีด่ นิ จาํ นวน ๑๙ ราย ประสงคจ ะนาํ พนกั งานเจาหนา ท่ที าํ การรังวัดปก หลักเขต
เพอ่ื ออกโฉนดที่ดนิ โดยไมมหี ลักฐานทด่ี นิ ในทองทหี่ มู ๑๓ ตาํ บลโคกเครือ อาํ เภอหนองกรงุ ศรี จังหวัดกาฬสินธุ
ตําแหนงที่ดนิ ทร่ี าษฎรทง้ั ๑๙ ราย ครอบครองทาํ ประโยชนอ ยู สํานักงานการปฏริ ปู ทดี่ นิ จงั หวดั กาฬสินธุ ไดออก
หลักฐาน ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ใหแกราษฎรท้ัง ๑๙ ราย ภายหลังตรวจสอบพบวาเปนที่ดินอยูนอกเขตปฏิรูปที่ดิน
และราษฎรไดน าํ เอกสาร ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ทั้ง ๑๙ แปลง คืนใหกับสํานักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดกาฬสินธุ เพอ่ื
พิจารณายกเลิกแลว ศูนยอํานวยการเดินสํารวจจังหวัดขอนแกน - ชัยภูมิ – กาฬสินธุ เห็นวา ราษฎรท้ัง ๑๙ ราย
สามารถนําเดินสํารวจเพื่อออกโฉนดที่ดินได เพราะอยูในหลักเกณฑท่ีสามารถออกโฉนดที่ดินไดตามกฎหมาย
การพจิ ารณายกเลิก ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ เปน อาํ นาจหนาทข่ี อง ส.ป.ก. กาฬสินธุ จึงหารือวาความเห็นศนู ยอาํ นวยการ
เดินสาํ รวจฯ ถกู ตอ งหรือไม อยา งไร

๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๕๘ ทวิ
๔.๒ พระราชบญั ญัตกิ ารปฏิรูปท่ดี นิ เพ่อื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๔
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๔ พระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตทีด่ ิน ในทองที่ตาํ บลโคกเครือ และตําบลหนองใหญ อําเภอ

หนองกรงุ ศรี จงั หวัดกาฬสนิ ธุ ใหเปน เขตปฏิรูปทดี่ นิ พ.ศ. ๒๕๓๖

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน

๑๑๗

รวมเรื่องท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในที่ดิน

๕. ผลการพจิ ารณา
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญพิจารณาแลวเห็นวา ตามขอเท็จจริงท่ีหารือปรากฏวา

ราษฎรผูครอบครองทาํ ประโยชนในทดี่ นิ จาํ นวน ๑๙ ราย มีความประสงคจ ะนําพนักงานเจาหนาทีท่ ําการรังวัด
ปกหลกั เขตเพ่อื ออกโฉนดที่ดิน โดยไมมีหลักฐานที่ดิน ในทองที่หมูที่ ๑๓ ตําบลโคกเครือ อําเภอหนองกรุงศรี
จังหวดั กาฬสนิ ธุ แตปรากฏวาตาํ แหนง ที่ดินที่ราษฎรท้ัง ๑๙ ราย ครอบครองทําประโยชน น้ัน สํานักงานการ
ปฏริ ูปทด่ี ินจงั หวัดกาฬสนิ ธไุ ดอ อกหลกั ฐาน ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ซง่ึ จากการตรวจสอบตําแหนงท่ีดินในระวางแผนท่ี
เพอื่ การออกโฉนดท่ดี นิ พบวา ตาํ แหนง ของท่ดี นิ อยูในระวางแผนท่ี เพื่อการออกโฉนดที่ดินหมายเลข ๕๖๔๒ II
๒๐๔๖ ซง่ึ ไมไ ดอยูในเขตปาสงวนแหงชาติ “ปาดงมูล”หรอื เปนพื้นทต่ี อ งหา มมิใหอ อกโฉนดทีด่ ิน ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ และจากการตรวจสอบของสํานักงานการปฏิรปู ท่ีดินจังหวัดกาฬสินธุ ตามหนังสือ ที่
กส. ๐๐๑๑/๑๐๙๔ ลงวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๒๘ แจงวาที่ดินทั้ง ๑๘ ราย อยูนอกเขตปฏิรูปท่ีดินและราษฎร
ไดนําเอกสาร ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ทั้ง ๑๘ แปลง ดังกลาวไมอยูในเขตปฏิรูปที่ดิน คือ อยูนอกเขตปฏิรูปท่ีดินตาม
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในทองท่ีตําบลโคกเครือ และตําบลหนองใหญ อําเภอหนองกรุงศรี จังหวัด
กาฬสนิ ธุ ใหเปนเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ พ.ศ. ๒๕๓๖ และไมใชทห่ี ลวงหวงหา มมใิ หอ อกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดนิ จงึ อยใู น
หลักเกณฑที่อาจออกหนังสือแสดงสทิ ธิในที่ดินได ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น
ศูนยอํานวยการเดินสํารวจฯ จึงสามารถดําเนินการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินตามหลักเกณฑและวิธีการที่
กฎกระทรวงกําหนดไวใ หแกร าษฎร ทั้ง ๑๙ รายได ตามอาํ นาจหนาที่

๖. อา งองิ
หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๗๔๘ ลงวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอ

หารือศูนยอ าํ นวยการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดที่ดินจงั หวัดขอนแกน - ชยั ภมู ิ - กาฬสนิ ธุ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๑๑๘

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอ่ื ง : หารือการออกโฉนดท่ดี นิ ในเขตปา ไมใ หแกส ํานกั งานการปฏริ ปู ทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรม

๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดสงเรื่องหารือ กรณี สํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาดานขุนทด แจงวา

สาํ นักงานการปฏริ ูปท่ดี นิ เพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ประสงคจะขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินในเขตพื้นท่ีดําเนินการ
ปฏิรูปท่ีดนิ ทองที่ตําบลหวยบง อาํ เภอดานขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยอาศัยหลักฐานหนังสืออนุญาตให
เขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปท่ีดิน (ส.ป.ก.๔ – ๐๑) จํานวน ๑๐๐ แปลง ซึ่งจังหวัดเห็นวา ความเห็นของ
คณะกรรมการกฤษฎีกา เร่อื ง หารอื ขอ กฎหมายเก่ยี วกับการปฏบิ ัติตามพระราชบญั ญัตปิ าไมพ ุทธศกั ราช ๒๔๘๔
ในพ้ืนท่ีปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม (เรื่องเสร็จที่ ๗๙๑/๒๕๔๘) วา ท่ีดินท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติ
การปฏริ ปู ที่ดนิ เพ่ือเกษตรกรรมฯ มิใชก ารไดก รรมสิทธิ์ในทีด่ ินมาตามกฎหมายอื่นตามที่กําหนดในมาตรา ๓ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซึ่งขดั แยง กบั มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมทดี่ นิ ครง้ั ท่ี ๔/๒๕๔๐
เมื่อวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ที่พิจารณาวา เมื่อ ส.ป.ก. รองขอใหออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
พนักงานเจา หนาท่ีตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ มีอาํ นาจดาํ เนนิ การใหไ ด แตส อดคลอ งกบั คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี๘๓๗๑/
๒๕๕๑ และ ๖๖๗๑/๒๕๕๒ จึงหารือวา เม่ือ ส.ป.ก. รอ งขอใหอ อกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดิน พนกั งานเจา หนาที่
ตามประมวลกฎหมายที่ดินยงั คงมีอํานาจดาํ เนนิ การใหไ ด หรอื มแี นวทางการดําเนนิ การเปน ประการอื่น หรือไม
เพอ่ื จะไดแ จงสาํ นกั งานที่ดนิ จงั หวดั นครราชสมี า สาขาดา นขุนทด ถือปฏิบัติตอ ไป

๔. ขอกฎหมาย ระเบียบ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๓, ๕๙
๔.๒ พระราชบญั ญัตกิ ารปฏิรูปทดี่ ินเพ่อื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๓๖ ทวิ ซงึ่ แกไขเพมิ่ เตมิ

โดยพระราชบญั ญตั กิ ารปฏริ ปู ที่ดนิ เพอ่ื เกษตรกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒
มาตรา ๓๖ ทวิ “บรรดาที่ดินหรอื อสงั หาริมทรัพยใด ๆ ท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติน้ี

หรือไดม าโดยประการอ่ืนท่มี วี ัตถปุ ระสงคเพ่ือประโยชนในการปฏริ ูปทีด่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม ไมใหถอื วาเปนทรี่ าชพสั ดุ
และให ส.ป.ก. เปน ผถู ือกรรมสทิ ธิ์เพื่อใชใ นการปฏริ ูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ีดนิ

๑๑๙

รวมเร่ืองท่นี ่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ นิ

ใหพนักงานเจาหนาท่ีตามประมวลกฎหมายที่ดินมีอํานาจออกหนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ีดนิ เกี่ยวกบั ทีด่ นิ ของ ส.ป.ก. ตามวรรคหนึง่ ทงั้ นี้ ตามท่ี ส.ป.ก. รองขอ”

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทดี่ ินพจิ ารณาแลวเหน็ วา ตามมาตรา ๓๖ ทวิ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญตั กิ ารปฏิรูปที่ดิน

เพอื่ เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติใหพ นกั งานเจา หนาทต่ี ามประมวลกฎหมายทดี่ ินมอี าํ นาจออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิ
ในท่ีดินใหกับ ส.ป.ก. เมอ่ื ส.ป.ก. รอ งขอ สวนการทีจ่ ะออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ินใหไดตามหลกั เกณฑวิธีการใด
นั้น จะตอ งนาํ บทบัญญัติแหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน และกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาประกอบการพิจารณา ดังนั้น แมท่ีดินท่ี ส.ป.ก.
ไดมาตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมฯ จะมิใชการไดกรรมสิทธิ์ในท่ีดินตามกฎหมายอื่น
ตามท่ีบญั ญตั ิไวใ นมาตรา ๓ (๒) แหง ประมวลกฎหมายทด่ี ิน แตการท่ี ส.ป.ก. ไดรับมอบท่ีดินมาดําเนินการจัดท่ีดิน
ตามวัตถปุ ระสงค ส.ป.ก. จงึ เปน ผมู สี ิทธิในที่ดินโดยชอบดว ยกฎหมาย ซง่ึ สามารถรองขอใหดําเนินการออกหนังสือ
แสดงสทิ ธิในทด่ี นิ เปน การเฉพาะรายได ทง้ั น้ี ตามนยั มาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน ประกอบกับมาตรา ๓ (๑)
แหงประมวลกฎหมายทีด่ ิน และมาตรา ๓๖ ทวิ แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่ง
แกไ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัตกิ ารปฏริ ปู ที่ดนิ เพ่อื เกษตรกรรม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒

๖. อางอิง
หนงั สือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๗๖๑ ลงวนั ท่ี ๑๕ กุมภาพันธ พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ

จังหวัดนครราชสมี า

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมที่ดนิ

๑๒๐

รวมเรื่องทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอื่ ง : หารอื แนวทางปฏิบัตติ ามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัติแกไ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน
(ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑

๓. ขอ เท็จจริง : ประเด็นปญหา
จังหวัดแจง วา สาํ นกั งานท่ดี นิ จังหวดั อดุ รธานี สาขากุมภวาป ไดขอหารอื แนวทางปฏิบัติ กรณี

นางสาว น ผูจดั การมรดกนาย ท ไดย ่ืนคาํ ขออกโฉนดทด่ี นิ โดยอาศยั หลักฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๓๘ หมูท่ี ๔ ตําบลแชแล
อาํ เภอกุมภาป จงั หวัดอดุ รธานี ซงึ่ เจา หนา ทไ่ี ดรังวัดและประกาศครบกาํ หนดแลว ไมมีผูใดโตแยงคัดคาน และไดมี
หนังสือแจงใหผูขอนําสําเนาหลักฐานการรังวัดและเอกสารท่ีเก่ียวของไปดําเนินการย่ืนคํารองตอศาลจังหวัด
อดุ รธานี ในระหวางรอผลการตรวจสอบกับระวางแผนทีร่ ปู ถายทางอากาศหรือระวางรปู ถา ยทางอากาศฉบบั ทที่ าํ ข้ึน
กอ นสุดเทาท่ีทางราชการมีอยูจากกรมที่ดิน ตามหนังสือกรมที่ดินดวนที่สุด ที่ มท. ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๗๗๐๑
ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ เร่ือง การดําเนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวล
กฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ และหนังสือกรมทดี่ นิ ดว นทีส่ ดุ มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันท่ี ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๓ เร่ือง แนวทางปฏิบัติเพื่อดําเนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลังวันท่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๓ (แกไ ขเพิ่มเตมิ ) ศาลจงั หวดั อุดรธานี
ไดมีคําส่ังถงึ ทสี่ ดุ วา นางสาว น ผูจ ดั การมรดกนาย ท เปนผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบ
ดว ยกฎหมายอยูกอ นวนั ที่ประมวลกฎหมายทีด่ ินใชบงั คบั จงั หวดั พิจารณาแลว เหน็ วา เมอ่ื ศาลไดม คี าํ สง่ั ถงึ ทส่ี ดุ วา
ผรู อ งไดค รอบครองและทาํ ประโยชนในทีด่ นิ โดยชอบดว ยกฎหมายอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ
เจา พนกั งานที่ดนิ สามารถลงนามออกโฉนดท่ีดินได แตเพื่อความรอบคอบจึงขอหารือวาความเห็นของจังหวัด
ถูกตองหรือไมอ ยา งไร

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ ส่งั :
๔.๑ มาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั แิ กไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๕๕๓

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมที่ดนิ

๑๒๑

รวมเรอื่ งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน

๔.๒ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๗๗๐๑ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓
เรื่อง การดาํ เนินการตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัตแิ กไ ขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
ประกอบคําสงั่ กรมท่ีดนิ ที่ ๖๒๐/๒๕๕๓ ลงวันท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๕๓

๔.๓ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท ๐๕๓๖.๒ (๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม
๒๕๕๓ เรอื่ ง แนวทางปฏิบตั เิ พื่อดาํ เนนิ การตามมาตรา ๘ แหงพระราชบญั ญัติแกไ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน
(ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลังวนั ที่ ๘ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๓ (แกไ ขเพิม่ เติม)

๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๑๖๓๒ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
เรอ่ื ง การขอหารือแนวทางปฏบิ ตั ิตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั ิแกไ ขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับท่ี ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตอบขอหารือจังหวัดพัทลุง สรุปวา กรณีมีผูย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดิน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.๑
เลขที่ ๑๓๐ หมทู ี่ ๓ ตาํ บลดอนทราย อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง หลังจากที่มาตรา ๘ แหงพระราชบญั ญัติ
แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ใชบังคับ ซ่ึงตองดําเนินกาใหครบถวนตาม
บทบัญญัตดิ ังกลาว แตกรณที ห่ี ารือยงั ไมม ีการแจง ใหก รมท่ีดินตรวจสอบกับระวางแผนทรี่ ูปถา ยทางอากาศหรือ
ระวางรปู ถา ยทางอากาศฉบับท่ที ําขน้ึ กอนสดุ เทาทท่ี างราชการมีอยู ศาลไดม ีคาํ สงั่ วา ผูขอเปนผูครอบครองและ
ทาํ ประโยชนในทีด่ ินตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบญั ญตั แิ กไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว และเมอื่ ศาลมีคาํ พพิ ากษาหรือคําสั่งถือวาศาลไดใชดุลยพินิจในการพิจารณาแลว จึงไมควร
ยอ นกลับไปดําเนินการอา นแปลภาพถายทางอากาศและแจงศาลอีก เนื่องจากเปนกระบวนการที่ตองทํากอน
เสนอความเห็นตอศาล ประกอบกับจากผลการตรวจสอบของจังหวัดในภายหลังปรากฏวา ที่ดินไมอยูในเขต
ปาสงวนแหงชาติ ทส่ี าธารณประโยชน หรือในพื้นท่ีทจ่ี ะตองมีการตรวจพิสูจนท่ีดินตามระเบียบกฎหมายกอน
และอยูในหลกั เกณฑท จ่ี ะออกโฉนดทีด่ ินใหแกผูข อได จึงใหจงั หวัดแจง สาํ นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั พทั ลงุ สาขาควนขนนุ
ออกโฉนดทีด่ นิ ใหแ กผขู อตามคาํ ส่ังศาลตอไป

๔.๕ หนังสือกรมที่ดินท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๖๑๑๖ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง การขอ
ขยายระยะเวลาตอศาลตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมทีด่ นิ

๑๒๒

รวมเรื่องที่นา่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

๕. ผลการพิจารณา
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญพจิ ารณาแลวเหน็ วา ตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติ

แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ กาํ หนดใหผูซง่ึ ครอบครองและทําประโยชน
ในท่ดี นิ อยกู อ นวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายทดี่ ินใชบงั คบั โดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) และ
ยังไมไดย ืน่ คาํ ขอออกโฉนดท่ดี ินหรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน นาํ หลักฐานการแจงการครอบครองทดี่ นิ นนั้
มายืน่ คาํ ขอเพอื่ ออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนต อ พนงั กานเจาหนา ที่ภายในวนั ที่ ๘ กุมภาพันธ
๒๕๕๓ ซงึ่ ตามวรรคสาม กําหนดวา เมอ่ื พน กาํ หนดเวลาดังกลา ว หากมผี นู ําหลกั ฐานการแจง การครอบครองทด่ี นิ
มาขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทาํ ประโยชน พนักงานเจาหนาที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชนใ หไ ดต อเม่อื ศาลยตุ ิธรรมไดมคี าํ พิพากษาหรอื คําสงั่ ถึงท่ีสดุ วา ผนู ั้นเปน ผซู ึง่ ไดค รอบครอง
และทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบดวยกฎหมายอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ และตามวรรคสี่
กาํ หนดวา ในการพิจารณาของศาลตามวรรคสาม ใหศ าลแจงใหกรมที่ดินทราบและใหกรมที่ดินตรวจสอบกับ
ระวางแผนทร่ี ูปถายทางอากาศหรือระวางรูปถายทางอากาศฉบับทท่ี าํ ขนึ้ กอนสุดเทา ทท่ี างราชการมอี ยู พรอ มทงั้
ทําความเห็นเสนอตอศาลวา ผูนั้นไดครอบครองหรือทาํ ประโยชนในท่ีดินน้ัน โดยชอบดวยกฎหมายกอนวันท่ี
ประมวลกฎหมายท่ีสุดใชบังคับหรือไม ภายใน ๑๘๐ วัน นับแตวันไดรับแจงจากศาล เวนแตศาลจะขยาย
ระยะเวลาเปนอยา งอ่ืน เพอ่ื ประกอบการพิจารณาของศาล กรมท่ีดินจึงไดกําหนดแนวทางปฏิบัตติ ามหนังสือ
กรมทด่ี นิ ดว นทสี่ ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เพ่อื ใหพนักงานเจาหนาท่ี
ปฏบิ ตั เิ ปนขน้ั ตอนกอ นเสนอความเหน็ ตอศาล โดยสรปุ วา เมอ่ื มีผยู ื่นคํารอ งตอศาลเพื่อขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่งั วา ผูรอ งเปน ผคู รอบครองและทําประโยชนในทดี่ นิ โดยชอบดว ยกฎหมายอยกู อนวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดิน
ใชบังคับ หากเปนกรณผี ยู ่นื คํารอ งไปยน่ื คํารองตอศาลโดยยังมิไดยื่นคํารอ งขอออกโฉนดท่ีดินที่สํานักงานที่ดิน
สาํ นกั งานท่ีดนิ จะแจงใหศาลทราบเพือ่ ใหผรู อ งมายืน่ คาํ ขอออกโฉนดท่ีดินท่ีสํานักงานที่ดินและดําเนินการตาม
ระเบยี บจนทราบตําแหนง ท่แี ลว สาํ นกั งานทด่ี ินจึงจะสงเรอ่ื งราวการรังวดั ทงั้ หมด ใหกรมที่ดินเพ่ือตรวจสอบกับ
ระวางแผนท่ีรปู ถายทางอากาศหรอื ระวางรูปถา ยทางอากาศฉบับทที่ าํ ขน้ึ กอ นสดุ เทา ทที่ างราชการมอี ยู และกรมทดี่ นิ
จะแจงผลการตรวจสอบใหจงั หวดั ทราบเพอ่ื รายงานผลการตรวจสอบพรอมกบั ความเห็นใหศาลทราบตามแบบ
รายงานความเห็นตอศาล สํานักงานท่ีดินท่ีรับคําขอจึงตองดําเนินการตรวจสอบตามแบบใหครบถวนกอนทํา

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน

๑๒๓

รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ

ความเห็นเสนอตอศาล โดยผานเจาพนักงานที่ดินจงั หวัดในฐานะเปนผูรับมอบอํานาจจากอธิบดีกรมที่ดิน
หากไมสามารถดําเนนิ การไดภายในระยะเวลาทีก่ ฎหมายกาํ หนดใหจังหวัดมหี นงั สอื ขอขยายระยะเวลาตอศาล

สําหรับกรณีที่หารือ นางสาว น ผูจัดการมรดก นาย ท ไดยื่นคําขอออกโฉนดที่ดิน พนักงาน
เจาหนา ท่รี บั คาํ ขอและดาํ เนินการรงั วดั แลว ในระหวางดําเนนิ การรอผลการตรวจสอบระวางแผนท่ีรูปถายทาง
อากาศหรอื ระวางรูปถา ยทางอากาศฉบับทท่ี ําข้นึ สุดเทาทีท่ างราชการมีอยูจ ากกรมทดี่ นิ ผขู อไดด าํ เนนิ การยน่ื คาํ รอ ง
ตอศาลในฐานะสวนตัวและผูจัดการมรดกของนาย ท เพ่ือใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังวาผูขอเปนผูซ่ึงได
ครอบครองทาํ ประโยชนในทด่ี ินโดยชอบดวยกฎหมายมากอนวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ และศาลจังหวัด
อุดรธานีไดพจิ ารณาและมีคาํ สง่ั ถงึ ทส่ี ุดในคดแี พงหมายเลขแดงที่ ๑๘๕๖/๒๕๔๗ (ที่ถกู ตองเปน ๒๕๕๗) ลงวันที่
๑ กันยายน ๒๕๕๗ วา ผูรองเปนผูมีสิทธิรับมรดกของผูตาย ทั้งนี้ ผูตายไดครอบครองทําประโยชนใน
ท่ีดินทม่ี ีสทิ ธิครอบครองตามแบบ ส.ค.๑ อยกู อนวนั ทีป่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ งั คบั เมื่อผูต ายถึงแกความตาย
ผูร องก็ครอบครองทําประโยชนในทด่ี นิ ตลอดมา ผรู อ งจงึ เปน ผูมสี ทิ ธคิ รอบครองในทดี่ ิน จึงมีคําส่ังวา นางสาว น
เปน ผซู ึ่งไดค รอบครองและทําประโยชนในที่ดินตามแบบแจง การครอบครองทดี่ นิ ส.ค. ๑ ทะเบียนการครอบครองท่ีดิน
เลขท่ี ๑๓๘ หมูท่ี ๔ ตําบลแชแล อําเภอกุมภวาป จังหวัดอุดรธานี โดยชอบดวยกฎหมายอยูกอนวันที่ประมวล
กฎหมายที่ดนิ ใชบงั คบั กรณีนี้ถือวาศาลมคี ําพพิ ากษาหรอื คําสั่งตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติ
แกไขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว และเมอ่ื ศาลมีคาํ พพิ ากษาหรอื คําส่ังถงึ ท่สี ุดแลว
ถอื วาศาลไดใชด ลุ ยพนิ ิจในการพจิ ารณาแลว กรณนี ้ไี มควรยอ นกลับไปดําเนนิ การอานแปลภาพถายทางอากาศ
และแจงศาลอกี เนื่องจากเปน กระบวนทีต่ องทํากอ นเสนอความเห็นตอ ศาล ดังน้ัน หากท่ีดินที่ขอออกโฉนดท่ีดิน
อยูใ นหลกั เกณฑท ี่สามารถออกโฉนดท่ดี ินใหผ ขู อไดไ มเ ปนที่สงวนหวงหา มทสี่ าธารณประโยชน หรือไมใชพื้นท่ีท่ี
จะตองมีการตรวจพิสูจนท่ีดินตามระเบียบกฎหมายกอนเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจพิจารณาดําเนินการออก
โฉนดท่ดี นิ ใหผ ขู อตามคาํ สง่ั ศาลตอ ไปได

๖. อา งองิ
หนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๗๘๖๙ ลงวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตอบขอหารือ

จังหวดั อดุ รธานี

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมทดี่ นิ

๑๒๔

รวมเร่ืองท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรื่อง : หารือประเภทเอกสารท่เี ก่ียวกบั ทดี่ นิ (ส.ค. ๑) เพอื่ ใชเปนหลกั ฐานในการพจิ ารณารับเขารวม
โครงการสรา งความเขมแข็งใหแ กเกษตรกรชาวสวนยาง

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญหา
การยางแหงประเทศไทยสง เรื่องหารือ กรณี เกษตรกรไดน าํ แบบแจงการครอบครองทีด่ นิ (ส.ค. ๑)

ท่ีพน กําหนดระยะเวลายืน่ คาํ ขอออกโฉนดทด่ี ิน หรือหนงั สอื รับรองการทําประโยชนม าย่ืนเร่ืองเพ่ือขอเขารวมโครงการ
สรา งความเขม แข็งใหแ กเ กษตรกรชาวสวนยาง จึงขอทราบรายละเอียด หลักเกณฑของแบบแจงการครอบครองท่ีดิน
(ส.ค. ๑) เพือ่ เปน แนวทางประกอบการพจิ ารณาสทิ ธิของเกษตรกรในการเขารว มโครงการฯ

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายที่ดนิ มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙
๔.๒ พระราชบญั ญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๓ พระราชบัญญัตแิ กไ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔

๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทด่ี ินพิจารณาแลว เหน็ วา
๕.๑ แบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เปนเอกสารท่ีออกตามมาตรา ๕ แหง

พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใหแกผูท ีแ่ จง ตอนายอําเภอทองท่ีวาตนเปนผูครอบครอง
และทําประโยชนในทด่ี ินอยูก อ นวนั ทปี่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ ังคับ โดยไมมีหนงั สือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิท่ีดิน
เทา นน้ั ซึ่งการแจงดงั กลาวไมกอใหเ กดิ สิทธิข้ึนใหมแ กผแู จง แตประการใด กลา วคือ หากผูแจงมีสิทธิอยูโดยชอบ
ดวยกฎหมายอยูกอนการแจงก็คงมีสิทธิเชนนั้นตอไป แตถาไมมีสิทธิในท่ีดินนั้นมากอน เชน เดิมเปนที่สงวน
หรอื ท่ีหวงหามอยูกอน ผูแจง ไปแจง การครอบครองในทด่ี นิ เหลานี้ แมจะไดรบั ส.ค. ๑ ไวเปนหลักฐาน ก็ไมทําให

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทด่ี นิ

๑๒๕

รวมเรอื่ งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน

กลายเปน ผูมสี ิทธใิ นท่ีดนิ หวงหา มนัน้ ได ทัง้ นี้ ตามนัยมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังกลาว ซ่ึงผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินโดยชอบดวยกฎหมายสามารถนําหลักฐาน
แบบแจง การครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) ไปยืน่ คาํ ขอรงั วัดออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

๕.๒ ตอมาไดมีพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๘ วรรคแรก บญั ญตั ิวา “ใหผ ซู ่ึงไดครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใชบังคับ โดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน และยังมิไดย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชน นําหลกั ฐานการแจงการครอบครองทีด่ นิ น้นั มายนื่ คําขอเพือ่ ออกโฉนดที่ดินหรอื หนังสือรับรอง
การทําประโยชนต อ พนกั งานเจา หนา ทภ่ี ายในสองปน ับแตว นั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินใ้ี ชบ งั คับ” และมาตรา ๘ วรรคสาม
บัญญตั ิวา “เมอื่ พนกาํ หนดเวลาตามวรรคหน่งึ หากมผี ูนําหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดนิ มาขอออกโฉนดทดี่ นิ
หรอื หนงั สอื รับรองการทําประโยชน พนกั งานเจา หนา ที่จะออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรับรองการทําประโยชนให
ไดตอเม่ือศาลยุติธรรมไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงท่ีสุดวา ผูนั้นเปนผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชน
ในท่ีดินโดยชอบดว ยกฎหมายอยูก อ นวนั ที่ประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ” ซึ่งเจตนารมณของพระราชบัญญัติ
แกไ ขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ เปนการกําหนดเพื่อใหมีมาตรการ
เรง รัดผูมหี ลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดินมาดําเนินการเพื่อขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน

๕.๓ โดยผลของพระราชบญั ญตั แิ กไขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๘ แมผคู รอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดนิ โดยมีหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) จะไมได
ยืน่ คาํ ขอภายในสองปน ับแตว ันที่พระราชบัญญัติดังกลา วใชบงั คับ.หากมีหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองที่ดิน
(ส.ค. ๑) โดยชอบดว ยกฎหมาย เจาของท่ีดินกย็ งั คงมีสิทธคิ รอบครองในที่ดินโดยชอบดว ยกฎหมายตามประมวล
กฎหมายท่ีดิน โดยสามารถยน่ื เรอ่ื งขอออกโฉนดที่ดินหรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนได แตเ จา พนักงานที่ดนิ

สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทดี่ นิ

๑๒๖

รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี นิ

จะออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนใ หไ ดตอ เมอื่ ศาลไดม ีคาํ พิพากษาหรือคําส่ังถึงท่ีสุดวาผูน้ัน
เปนผูซึง่ ไดค รอบครองและทําประโยชนในทีด่ นิ โดยชอบดวยกฎหมายอยกู อนวนั ทปี่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ งั คบั
แลวเทา นนั้
๖. อางอิง

หนงั สือกรมท่ีดิน ดวนที่สุด ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๕๓๖๐ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอ
หารือผวู า การการยางแหงประเทศไทย

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมที่ดิน

๑๒๗

รวมเร่ืองทนี่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดนิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เร่อื ง : หารือกรณีราษฎรขอออกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายตามหลกั ฐานแบบแจง การครอบครองที่ดนิ (ส.ค. ๑)

๓. ขอ เทจ็ จริง : ประเดน็ ปญหา
จังหวัดสง เรอ่ื งหารือกรมทด่ี นิ กรณี นาย อ ไดย ื่นคาํ ขอรงั วัดออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย โดยอาศัย

หลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๓, ๕, ๗, ๘, ๑๓, ๒๓, ๒๔, ๒๕, ๒๘, ๑๕๒ และ ๑๕๘
หมทู ่ี ๓ ตําบลปูยู อําเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ซึ่ง ส.ค. ๑ ดังกลาวทั้ง ๑๑ แปลง มีบุคคลสัญชาติมาเลเซีย
เปนผูแ จง การครอบครองทด่ี นิ (ส.ค. ๑) โดยไมปรากฏหลักฐานวา บุคคลดังกลาวไดเขา มาในประเทศไทยโดยชอบ
ดวยกฎหมายหรอื ไม เนือ่ งจากยงั ไมม แี นวทางปฏิบัตจิ งึ หารือวา

๓.๑ หลักฐานแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ซ่ึงมีบุคคลสัญชาติมาเลเซียเปนผูแจง
การครอบครองท่ีดนิ ชอบดวยกฎหมายหรอื ไม

๓.๒ นาย อ ผูครอบครองทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากบุคคลสัญชาติมาเลเซียซึ่งเปน
ผูแจง การครอบครองทีด่ ิน สามารถนาํ หลักฐานแบบแจงการครอบครองทดี่ นิ (ส.ค. ๑) มาใชเ ปน หลักฐานในการ
ขอออกโฉนดทด่ี นิ เฉพาะรายไดหรือไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําส่ัง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน มาตรา ๕๙, ๘๖, ๘๘ และ ๙๔
๔.๒ พระราชบัญญตั ิใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๓ พระราชบญั ญัติทด่ี ินในสวนทีเ่ กี่ยวกับคนตา งดาว พุทธศักราช ๒๔๘๖
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ (๑๔)
๔.๕ มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมทด่ี ิน ครั้งท่ี ๑๐/๒๕๔๔ เมอื่ วนั ท่ี ๔

ตลุ าคม ๒๕๔๔ เรอ่ื ง ขอใหต รวจสอบ ส.ค. ๑
๔.๖ หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๖๐๗/ว ๑๑๗๒ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๔

เรอ่ื ง สนธสิ ัญญาทางไมตรี พาณชิ ยและการเดินเรอื และการไดมาซึง่ กรรมสทิ ธิใ์ นทีด่ นิ ของคนตางดา ว

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ีดิน

๑๒๘

รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน

๔.๗ หนังสือกระทรวงการตางประเทศ ท่ี กต ๐๖๐๓/๓๖๑๑๖ ลงวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๕
เรือ่ ง สนธสิ ญั ญาทางไมตรี พาณชิ ยและการเดินเรือ และการขอไดมาซึง่ กรรมสทิ ธิ์ในทดี่ นิ ของคนตางดา ว

๔.๘ หนังสือกรมท่ดี ิน ที่ ๔๑๔๘/๒๔๙๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ เวียนหนังสือตอบขอหารือ
จังหวัดพิษณุโลก เรื่อง หารือการแจงการครอบครองท่ีดิน สรุปไดวา คนตางดาวที่ถือสิทธิครอบครองที่ดิน
กอ นหรือภายหลงั วนั ใช พ.ร.บ. ท่ีดนิ ในสว นทเ่ี กีย่ วกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ และจะไดที่ดินมาโดยไดรับอนุญาต
จากพนกั งานเจาหนาที่ ตาม พ.ร.บ. ที่ดินในสวนท่ีเกี่ยวกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ หรือไมก็ตาม ตองแจงการ
ครอบครองที่ดินตามความในมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพราะไมมีบทบัญญัติ
เปน ขอยกเวนไวแตประการใด เม่ือไดรับแจงการครอบครองที่ดินไวแลว หากปรากฏวาผูใดกระทําการฝาฝน
พ.ร.บ. ทีด่ ินในสว นทเ่ี กย่ี วกับคนตางดาวฯ ดังกลา วแลว กใ็ หพ นกั งานเจาหนาทีพ่ จิ ารณาดาํ เนินการในเรอ่ื งที่ฝาฝน
ไปตามควรแกก รณี

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพิจารณาแลวเห็นวา ตามประเด็นท่ีจังหวัดหารือ กรมที่ดินไดพิจารณาเปนที่ยุติ

และแจงใหจงั หวัดทราบแลว ตามหนังสือกรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๗๒๘/๒๗๓๗๑ ลงวันท่ี ๒๙ ตลุ าคม ๒๕๔๔ สรุปวา
ตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี ๔๑๔๘/๒๔๙๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ (เวียนหนังสือตอบขอหารือจังหวัด
พิษณโุ ลก เรื่อง หารือการแจงการครอบครองท่ีดิน) ไดวางแนวทางปฏิบัติวา คนตางดาวท่ีถือสิทธิครอบครอง
ทด่ี นิ กอนหรือหลงั วันใชพ ระราชบัญญตั ิท่ีดินในสวนทีเ่ ก่ียวกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ จะไดท่ีดินมาโดยไดรับ
อนุญาตจากพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติในสวนท่ีเกยี่ วกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ หรือไมก็ตาม
ตอ งแจงการครอบครองทีด่ นิ ตามความในมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน

๑๒๙

รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดนิ

เพราะไมมบี ทบญั ญัติเปนขอ ยกเวน ไว การทค่ี นตา งดา วสญั ชาตมิ าเลเซยี ไดแ จงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ไว
จงึ เปนการแจงทีช่ อบแลว คนไทยทค่ี รอบครองทําประโยชนใ นท่ีดินตอเนอื่ งจากคนตางดา ว จงึ สามารถนํา ส.ค. ๑
มาใชเ ปนหลักฐานในการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นที่ดนิ ได

๖. อางอิง หนงั สอื กรมท่ีดนิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๕๕๕๘ ลงวันท่ี ๙ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือจังหวัด
สตูล

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี ิน

๑๓๐

รวมเรื่องท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เรอ่ื ง : การหา มโอนทดี่ นิ ภายในสิบป

๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญ หา
๓.๑ สํานักงานอําเภอพิบูลมังสาหารไดมีหนังสือ ที่ สบ ๐๖๐๒/๑๑ ลงวันท่ี ๑๕ กันยายน

๒๕๕๗ หารือกรณีการหามโอนท่ีดินภายในสิบป วา วัดเปนนิติบุคคล เปนสถานท่ีราชการ จะไดรับขอยกเวน
ในเรื่องการหามโอนภายในสิบป ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ หรอื ไม อยา งไร

๓.๒ สํานักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดินมีบันทึก ท่ี มท ๐๕๑๕.๒/๑๕๓๗ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน
๒๕๕๗ สง เรอื่ งใหส ํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั พจิ ารณา กรณสี ํานักงานอาํ เภอพบิ ลู มงั สาหารขอหารอื วา
วัดไดตั้งขน้ึ ถกู ตอ งตามกฎหมายเนื่องจากทางคณะสงฆไ ดแตงต้ังเจาอาวาสและไวยาวัจกรแลว กรณีที่วัดรับให
ท่ดี นิ จากชาวบาน แตไ มม ีหนงั สือแสดงกรรมสทิ ธิ์ (รวมที่ดนิ เดิมไมเกนิ ๑๕ ไร) วัดจะขอออกโฉนดทด่ี นิ ในนามของวดั
ไดห รือไม

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
มาตรา ๑ บญั ญตั วิ า ในประมวลกฎหมายน้ี
“ทบวงการเมือง” หมายความวา หนวยราชการที่มีฐานะเปนนิติบุคคลของราชการ

สว นกลาง สว นภูมิภาค หรือราชการสว นทองถนิ่
มาตรา ๕๘ ทวิ เม่ือไดส าํ รวจรงั วัดทําแผนท่ี หรือพิสจู นสอบสวนการทาํ ประโยชนในท่ีดิน

ตามมาตรา ๕๘ แลว ใหพ นักงานเจาหนา ที่ออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนแ ลวแตก รณีใหแก
บุคคลตาท่ีระบุไวในวรรคสอง เม่ือปรากฏวาที่ดินที่บุคคลน้ันครอบครองเปนที่ดินท่ีอาจออกโฉนดท่ดี ินหรือ
หนงั สือรับรองการทําประโยชนไ ดตามประมวลกฎหมายนี้

บุคคลซึ่งพนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
ตามวรรคหน่งึ ใหไ ด คอื

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ีดิน

๑๓๑

รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดนิ

(๑) ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรอง
การทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองทต่ี ราวา “ไดท ําประโยชนแลว” หรือเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวย
การจัดท่ดี ินเพื่อการครองชพี

(๒) ผูซ ง่ึ ไดปฏิบัตติ ามมาตรา ๒๗ ตรี
(๓) ผูซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชนในท่ีดินภายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายน้ี
ใชบังคบั และไมม ีใบจอง ใบเหยยี บยาํ่ หรอื ไมม ีหลักฐานวา เปน ผมู สี ทิ ธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการ
ครองชพี
เพื่อประโยชนแ หงมาตราน้ี ผซู ่ึงมหี ลักฐานการแจง การครอบครองทดี่ ินตามวรรคสอง (๑)
ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งไดครอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดินตอ เนือ่ งมาจากบุคคลดงั กลา วดว ย
สําหรับบุคคลตามวรรคสอง (๒) และ (๓) ใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน แลว แตกรณี ไดไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไร จะตองไดรับอนมุ ัติจากผูวาราชการจังหวัดเปนการ
เฉพาะราย ท้ังนี้ ตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการกําหนด
ภายในสิบปน ับแตวันท่ีไดรับโฉนดทดี่ นิ หรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนตามวรรคหน่ึง
หา มมใิ หบ คุ คลตามวรรคสอง (๓) ผูไดม าซึ่งสทิ ธิในทดี่ นิ ดังกลาวโอนทด่ี นิ ใหแ กผ ูอ่ืน เวน แตเปน การตกทอดทางมรดก
หรือการโอนใหแกทบวงการเมือง องคการของรัฐบาลตามกฎหมายวาดวยการจัดตั้งองคการของรัฐบาล
รฐั วสิ าหกจิ ท่จี ดั ต้งั ขึน้ โดยพระราชบัญญัติ หรอื โอนใหแกสหกรณเพ่ือชําระหนี้โดยไดรับอนุมัติการนายทะเบียน
สหกรณ
ภายในกาํ หนดระยะเวลาหามโอนตามวรรคหา ทด่ี นิ น้ันไมอ ยใู นขา ยแหง การบงั คบั คดี
มาตรา ๕๙ ในกรณที ี่มีผูมสี ิทธิครอบครองท่ีดินมาขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนเปนการเฉพาะรายไมวาจะมีประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม
เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดาํ เนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
แลว แตก รณี ไดตามหลกั เกณฑแ ละวธิ ีการทีป่ ระมวลกฎหมายนีก้ ําหนด
เพ่ือประโยชนแหงมาตรานี้ ผูมีสิทธิครอบครองท่ดี ินตามวรรคหน่งึ ใหหมายความรวมถึง
ผซู งึ่ ไดครอบครองและทําประโยชนในทดี่ นิ ตอ เนอ่ื งมาจากผูซง่ึ มีหลักฐานการแจง การครอบครองดวย

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทด่ี ิน

๑๓๒

รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในทดี่ นิ

๔.๒ ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๖๕ นิติบุคคลจะมีขึ้นไดก็แตดวยอาศัยอํานาจ
แหงประมวลกฎหมายน้หี รอื กฎหมายอืน่

๔.๓ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
มาตรา ๗ ใหจัดระเบยี บบริหารราชการสว นกลางดงั น้ี
(๑) สาํ นกั นายกรฐั มนตรี
(๒) กระทรวง หรอื ทบวงซ่งึ มีฐานะเทียบเทา กระทรวง
(๓) ทบวง ซงึ่ สงั กัดสาํ นกั นายกรัฐมนตรีหรอื กระทรวง
(๔) กรม หรือสว นราชการที่เรยี กชอ่ื อยางอนื่ และมสี ถานะเปน กรม ซึ่งสังกัดหรือไมสังกัด

สาํ นักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง
สํานักนายกรฐั มนตรมี ฐี านะเปน กระทรวง
สว นราชการตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) มฐี านะเปน นิตบิ คุ คล
มาตรา ๕๑ ใหจัดระเบียบบริหารราชการสวนภมู ิภาคดงั น้ี
(๑) จังหวดั
(๒) อาํ เภอ

๔.๔ พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซง่ึ แกไขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕

มาตรา ๑๙ วัดท่ีฐานะเปนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยใหมีฐานะ
เปน นติ ิบคุ คลตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซง่ึ แกไ ขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั นิ ้ี

มาตรา ๓๑ วัดมีสองอยาง
(๑) วัดทไ่ี ดรบั พระราชทานวสิ ุงคามสีมา
(๒) สาํ นกั สงฆ
ใหวัดมฐี านะเปนนติ บิ ุคคล
เจาอาวาสเปนผแู ทนของวดั ในกิจกรรมทว่ั ไป
มาตรา ๓๔ การโอนกรรมสิทธ์ิทีว่ ัด ทธ่ี รณีสงฆ หรอื ศาสนสมบัติกลาง ใหกระทําไดแตก็
โดยพระราชบญั ญตั ิ เวน แตเปน กรณีตามวรรคสอง

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทีด่ นิ

๑๓๓

รวมเรอ่ื งที่น่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดิน

การโอนกรรมสิทธท์ิ ่วี ดั ท่ธี รณสี งฆ หรือศาสนสมบัติกลาง ใหแกส วนราชการ รัฐวิสาหกจิ
หรอื หนอ ยงานอื่นของรฐั เมื่อมหาเถรสมาคมไมขดั ของและไดรับคาผาติกรรมจากสวนราชการ รัฐวสิ าหกจิ หรือ
หนว ยงานน้ันแลว ใหกระทําโดยพระราชกฤษฎีกา

หามมิใหบุคคลใดยกอายุความขึ้นตอสูกับวัดหรือสํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ
แลวแตก รณี ในเร่ืองทรพั ยสินอนั เปนทว่ี ัด ท่ธี รณสี งฆ หรือทีศ่ าสนสมบัติกลาง

มาตรา ๔๐ ศาสนสมบัตแิ บงออกเปนสองประเภท
(๑) ศาสนสมบตั กิ ลาง ไดแกท รพั ยส ินของพระศาสนา ซ่งึ มใิ ชข องวัดใดวดั หน่งึ
(๒) ศาสนสมบัติของวดั ไดแกท รพั ยสนิ ของวดั ใดวดั หนึง่
การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติกลาง ใหเปนอํานาจเจาหนาที่ของสํานักงาน
พระพทุ ธศาสนาแหง ชาติ เพื่อการนี้ใหถ อื วาสํานกั งานพระพุทธศาสนาแหงชาติ เปนเจาของศาสนสมบัติกลาง
นั้นดว ย
การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด ใหเปนไปตามวิธีการท่ีกําหนดใน
กฎกระทรวง
๔.๕ กฎกระทรวงแบง สวนราชการสาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙

ฯลฯ

ขอ ๒ ใหสํานกั งานพระพุทธศาสนาแหง ชาติ มีภารกิจเก่ียวกบั การดําเนินงานสนองงาน
คณะสงฆและรัฐ โดยการทาํ นุบํารงุ สง เสรมิ กจิ การพระพทุ ธศาสนา ใหการอุปถมั ภ คมุ ครอง และสง เสรมิ พฒั นา
งานพระพุทธศาสนา ดูแล รักษา จัดการศาสนสมบัติ พัฒนาพุทธมณฑล ใหเปนศูนยกลางพระพุทธศาสนา
รวมทั้งใหการสนับสนนุ สงเสรมิ พัฒนาบุคลากรทางศาสนา โดยใหม อี าํ นาจหนา ที่ดงั ตอ ไปน้ี

(๑) ดาํ เนนิ การตามกฎหมายวา ดวยคณะสงฆ กฎหมายวา ดวยการการกําหนดวิทยฐานะ
ผสู าํ เรจ็ วชิ าการพระพทุ ธศาสนา รวมทง้ั กฎหมายและระเบียบทเี่ กี่ยวขอ ง

(๒) รับสนองงาน ประสานงาน และถวายการสนับสนุนกิจกรรมและการบริหารการ
ปกครองคณะสงฆ

(๓) เสนอแนวทางการกําหนดนโยบายและมาตรการในการคมุ ครองพระพทุ ธศาสนา
(๔) สง เสรมิ ดูแล รกั ษา และทํานุบํารุงศาสนสถานและศาสนวัตถุทางพระพทุ ธศาสนา

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทด่ี นิ

๑๓๔

รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ีดนิ

(๕) ดูแล รกั ษา และจัดการวัดรา งและศาสนสมบัตกิ ลาง
(๖) พัฒนาพทุ ธมณฑลใหเปนศนู ยก ลางทางพระพุทธศาสนา
(๗) ทํานบุ ํารงุ พุทธศาสนศกึ ษา เพ่ือพฒั นาความรคู คู ณุ ธรรม
(๘) ปฏิบตั กิ ารอื่นใดตามทก่ี ฎหมายกําหนดใหเปนอาํ นาจหนา ท่ีของสาํ นักงานหรือตามที่
นายกรัฐมนตรหี รอื คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ขอ ๔ สวนราชการของสาํ นกั งานพระพุทธศาสนาแหงชาติ มีอํานาจหนาทีด่ ังตอ ไปน้ี
ก. ราชการบรหิ ารสว นราชการกลาง

ฯลฯ
(๓) กองพุทธศาสนสถาน มอี าํ นาจหนา ทด่ี งั ตอ ไปนี้
(ก) ดําเนินการเกี่ยวกับการสราง การตั้ง การรวม การยาย การยุบเลิก และการขอ
เปลยี่ นแปลงช่อื วดั การขอรบั พระราชทานวิสุงคามสีมา การยกวดั รา งใหเ ปนวดั ทม่ี พี ระสงฆ การขอพระราชทาน
ยกวัดราษฎรข น้ึ เปน พระอารามหลวง และการจดั ทาํ ทะเบยี นวัด

ฯลฯ
๔.๖ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๗ ระเบียบกรมท่ีดนิ วา ดวยการไดมาซึ่งท่ีดนิ ของวดั วาอารามตามมาตรา ๘๔ แหงประมวล
กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๕๕๒

ฯลฯ
ขอ ๖ การขอไดมาซ่งึ ที่ดินของวดั ใหพ นกั งานเจา ท่ตี รวจสอบกอนวา ทดี่ นิ ที่วัดขอไดมานน้ั
เปนท่ีดินท่ีวัดไดมากอนวันที่ประมวลกฎหมายท่ีดินมีผลใชบังคับ ซ่ึงไมตองขออนุญาตรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงมหาดไทย ตามมาตรา ๘๔ แหงประมวลกฎหมายท่ีดินอีก หรือเปนท่ีดินที่วัดไดมาภายหลังวันที่
ประมวลกฎหมายที่ดิน มีผลใชบังคับแลวที่ตองดําเนินการขออนุญาตรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
ตามมาตรา ๘๔ แหงประมวลกฎหมายท่ีดินกอน หากเปนที่ดินที่วัดไดมาภายหลังประมวลกฎหมายท่ีดิน
มีผลใชบ ังคับแลว ใหด าํ เนนิ การขอไดมาซ่ึงทดี่ นิ ของวัดตอไป
ขอ ๘ เอกสารหลักฐานของวัดทจ่ี ะตองย่ืนประกอบคําขอเพือ่ ใหเ จาหนา ท่ตี รวจสอบ ดงั น้ี

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ีดิน

๑๓๕

รวมเร่ืองที่น่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทด่ี นิ

(๑) หลักฐานท่แี สดงการเปนวดั ทมี่ ีฐานะเปน นติ บิ ุคคลตามกฎหมาย ไดแ ก
(ก) วัดที่ต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ ใหใช

หลกั ฐานการประกาศการไดร บั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหสรางวัด
(ข) วัดที่ตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๔๘๔ ใหใชหลักฐานการประกาศ

ตง้ั วดั ของกระทรวงศึกษาธกิ าร
(ค) วัดท่ีตั้งขนึ้ กอนพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ หรือวัด

ทีต่ ง้ั ขึน้ ตามพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ หรือวัดท่ีตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ
พุทธศักราช ๒๔๘๔ แตไมมีหลักฐานใหตรวจสอบ อนุโลมใหใชหนังสือรับรองสภาพวัด สําเนาทะเบียนวัด หรือ
ประวัติวัดท่ีรบั รองโดยทางราชการอยา งใดอยางหนึง่

(ง) วัดที่ตง้ั ข้นึ ตามพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ใหใ ชหลกั ฐานการประกาศ
ตง้ั วดั ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ซึง่ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา

๕. ผลการพิจารณา
กรมทด่ี นิ พจิ ารณาแลวเหน็ วา การพจิ ารณาออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙

แหงประมวลกฎหมายท่ีดนิ มอี งคประกอบสําคัญ ๓ ประการ ไดแ ก ผูมีสทิ ธิขอออกโฉนดทดี่ ินจะตอ งเปนบุคคล
ซ่ึงไดแ กบ คุ คลธรรมดา หรือนติ ิบคุ คลตามกฎหมาย ซงึ่ ตองมีการครอบครองและทาํ ประโยชนในที่ดิน และท่ีดิน
ดังกลา ว ตองไมเ ปนที่ดินตอ งหา มมิใหออกโฉนดทด่ี ิน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความ
ในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๗ ขอ ๑๔

ตามประเด็นท่สี ํานักงานอาํ เภอพบิ ลู มังสาหารหารือ พจิ ารณาได ดงั นี้
๕.๑ กรณีวัดขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน วัดจะตองมีฐานะเปนนิติบุคคลตามกฎหมาย
โดยพจิ ารณาจากหลกั ฐานการต้ังวัด ซึง่ กรณีที่วดั ตัง้ ข้นึ ตามพระราชบัญญตั ิคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ จะตอ งมหี ลักฐาน
การประกาศตั้งของวัดของกระทรวงศึกษาธิการ (ปจจุบนั สาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ ตามพระราช
กฤษฎกี าแกไ ขบทบัญญตั ใิ หสอดคลอ งกบั การโอนอาํ นาจหนาที่ของสวนราชการใหเปนไป ตามพระราชบัญญัติ
ปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕) ซง่ึ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา

สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทดี่ นิ

๑๓๖

รวมเรือ่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ

สําหรับไวยาวัจกร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง คฤหัสถ
ผไู ดรบั แตง ต้ังใหมีหนาทเ่ี บิกจา ยนติ ยภตั และมอี ํานาจหนาที่ดูแลรักษาจัดการทรัพยสินของวัดตามที่เจาอาวาส
มอบหมายเปนหนงั สือ แมวดั จะมีการแตง ต้งั เจาอาวาสและมไี วยาวัจกร แตถ า ไมม หี ลกั ฐานการตงั้ วดั ยอ มไมถ อื วา
มีสถานะเปนนติ ิบคุ คลตามกฎหมาย

กรณีวัดซ่ึงมีฐานะเปนนิติบุคคล มีท่ีดินหรือรับใหที่ดิน โดยเปนที่ดินที่มีการครอบครอง
ทําประโยชนภายหลงั วนั ทีป่ ระมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคบั และไมมีหนังสอื แสดงกรรมสทิ ธใิ์ นท่ีดนิ สามารถออก
โฉนดท่ีดินได โดยการเดินสาํ รวจออกโฉนดท่ีดิน ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
แตตองอยูภายใตข อ กําหนดหามโอนสบิ ป ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหา แหง ประมวลกฎหมายท่ดี นิ

๕.๒ สถานท่ีใดเปนสถานที่ราชการหรือไมจะตองพิจารณาจากเจาของสถานที่ดังกลาว
เปนทบวงการเมอื ง ตามความในมาตรา ๑ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน หรือเปน สวนราชการตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซ่ึงแกไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผนดนิ
(ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อนั ไดแ ก กระทรวง ทบวง กรมตางๆ จงั หวดั หรือเทศบาล องคก ารบริหารสวนจังหวัด
หรอื ไม ซง่ึ วัดมไิ ดเปนสวนราชการตามทีก่ ลาวมาแลว จึงไมถือวาเปนสถานท่ีราชการ ดังน้ัน หากท่ีดินดังกลาว
เปนที่ดินซึ่งไดมาภายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยไมมีหลักฐานในที่ดิน จะตองอยูภายใต
ขอกําหนดหา มโอนสบิ ปน บั แตว ันทีไ่ ดร บั โฉนดทด่ี ิน ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน

๖. อางองิ
หนงั สือกรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๗๕๘ ลงวันท่ี ๑๓ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๘ แจง เจาคณะอําเภอ

พบิ ลู มังสาหาร

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คัญ
กรมที่ดนิ

๑๓๗

รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นที่ดิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๘

๒. เร่อื ง : หารอื กรณอี อกใบแทนหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชนเพอ่ื จดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗

๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จงั หวดั สงเร่อื หารอื กรมทด่ี ินกรณี นางสาว ร ยืน่ คาํ ขอลาออกใบแทนหนงั สือรับรองการทําประโยชน

(น.ส. ๓) เลขท่ี ๕๘๙ หมทู ี่ ๒ ตําบลศิลา อาํ เภอเมอื งขอนแกน จังหวัดขอนแกน โดยอา งวาเปนผูมสี ทิ ธิจดทะเบียนไดมา
โดยการครอบครองตาม มาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามคําพิพากษา ศาลจังหวัดขอนแกน
คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ระหวาง นางสาว ร โจทก นาย ธ จําเลย แตไมได
หนังสือรบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓) มา จงั หวดั พจิ ารณาแลวมีประเด็นท่ีตองพิจารณาวาผูขอออกใบแทน
เปน ผมู ีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาแตไ มไดห นงั แสดงสิทธิในท่ีดินมา ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗ (๓) หรือไม เนื่องจากมีขอเท็จจริง
แตกตางไปจากรณี กรมท่ดี นิ ทไี่ ดเ คยวางแนวทางปฏิบัติไวตามหนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันที่
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖ จงึ หารอื มาเพ่ือขอทราบแนวทางปฏิบตั ดิ งั กลา ว

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ และ ๑๓๗๗
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗
๔.๓ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการจัดทําหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินขึ้นใหม ในกรณี

ท่หี นงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ ินฉบับสาํ นักงานท่ีดินเปน อนั ตราย ชาํ รดุ สูญหาย พ.ศ. ๒๕๒๔
๔.๔ ระเบียบกรมทีด่ ิน วา ดว ยการจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับท่ีดินซึ่งไดมาโดยการ

ครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมท่ดี นิ

๑๓๘

รวมเร่อื งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในทดี่ นิ

๔.๕ คําสั่งกรมท่ีดิน ท่ี ๓/๒๕๐๗ ลงวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๗ เรื่อง การออกใบแทนใบจอง
และหนังสือรับรองการทําประโยชน ตอบขอหารือจังหวัดระนอง เวียนโดยหนังสือกรมท่ีดินท่ี มท ๐๖๐๖/ว
๒๑๐๑ ลงวนั ท่ี ๒๐ มนี าคม ๒๕๑๐ สรปุ วา เม่อื สารบบและหนังสือรบั รองการทําประโยชนฉบับของพนักงาน
เจาหนาที่สูญหายทั้งหมด ยอมจะไมมีหลักฐานพอจะพิจารณาดําเนินการออกใบแทนหรือทําหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนใหมไ ด ฉะน้ัน ควรใหเ จาหนา ท่ีออกไปทําการรังวดั ตรวจสอบยงั ท่ดี ินตามความเห็นของจังหวัด
เสียกอน เสร็จแลวใหถือหลักฐานการรังวัดนั้นพิจารณาดําเนินการทาํ หนังสือรับรองการทาํ ประโยชนขึ้นใหม
ทั้ง ๒ ฉบับ อนุโลมปฏิบัติตามนัยคําสั่งกรมที่ดนิ ที่ ๓/๒๕๐๗ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๗ ขอ ๒ (ง)
คาใชจายในการไปรังวดั ตรวจสอบท่ีดนิ ใหเ รียกจากเจาหนาท่ีผรู บั ผดิ ชอบในการเก็บรักษาสารบบและเอกสาร
ท่ีหายไป

๔.๖ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง
แนวทางปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั การออกใบแทนหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเพอื่ จดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏบิ ตั ิไววา การยน่ื คําขอจดทะเบยี นไดม า
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาท่ขี องผูจ ดทะเบยี นจะตอ งนาํ
หนงั สอื รับรองการทําประโยชนฉบบั เจาของที่ดนิ มาขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่กรณีผูขอไมไดหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนมา พนกั งานเจาหนา ทไ่ี มอาจรบั คาํ ขอไวด ําเนนิ การ เวนแตกรณีทีศ่ าลมีคาํ พิพากษาหรือ
คาํ สั่งอนั ถงึ ทีส่ ุดเกยี่ วกบั หนงั สือรบั รองการทําประโยชน หรือเปนกรณีท่ีผูใดมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษา
หรือคําส่ังศาลและขอเท็จจริงปรากฏตามคาํ พิพากษาหรือคาํ สั่งของศาลดังกลาว ศาลไดพิเคราะหและวินิจฉัย
ในประเด็นแหงคดีและรับฟงไดวา โจทกหรือจําเลยซ่ึงเปนผูขอจดทะเบียนเปนผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินน้ัน
พนักงานเจาหนาท่สี ามารถออกใบแทนหนังสอื รับรองการทําประโยชน เพ่ือดําเนนิ การจดทะเบียนไดมาโดยการ
ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ใหไ ด

๕. ผลการพจิ ารณา
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญพิจารณาแลวเห็นวา การจดทะเบียนไดมาโดยการ

ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ตามระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียน
สิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดยการครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามหนังสือกรมท่ีดินท่ี มท

สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ดี ิน

๑๓๙

รวมเรอ่ื งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน

๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกใบแทนหนังสือ
รับรองการทําประโยชนเพื่อจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏบิ ตั วิ า การยนื่ คําขอจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาท่ีของผูขอจดทะเบยี นจะตองนําหนังสือรับรองการทําประโยชนฉบับ
เจาของท่ดี ินมาขอจดทะเบียนตอพนกั งานเจา หนา ท่ี กรณผี ขู อไมไดห นังสือรบั รองการทําประโยชนมา พนักงาน
เจาหนาที่ไมอาจรบั คําขอไวดําเนินการ เวนแตกรณีท่ีศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งอันถึงท่ีสุดเก่ียวกับหนังสือ
รบั รองการทําประโยชน หรือเปนกรณีท่ีผูใดมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาหรือคาํ สั่งศาล และขอเท็จจริง
ปรากฏตามคําพิพากษาหรอื คําส่ังของศาลดงั กลาว ศาลไดพิเคราะหและวนิ จิ ฉยั ในประเดน็ แหง คดแี ละรบั ฟง ไดว า
โจทกหรือจาํ เลยซง่ึ เปนผขู อจดทะเบยี นเปน ผูมสี ิทธิครอบครองในท่ีดินน้ัน พนักงานเจาหนาที่สามารถออกใบแทน
หนงั สอื รับรองการทําประโยชน เพอ่ื ดาํ เนินการจดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ยม าตรา ๑๓๖๗ ใหไ ด ตามนัยขอ ๑๒ ประกอบกบั ขอ ๑๗ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗

สําหรับกรณที ่ีจังหวัดขอนแกนหารือปรากฏขอเท็จจริงตามคําพิพากษาศาลจังหวัดขอนแกน
คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๖/๒๕๕๗ ระหวางนางสาว ร โจทก นาย ธ จําเลย โดยศาลไดพิพากษาวาครอบครอง
ในท่ีดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ทะเบียนเลขท่ี ๕๘๙, ๖๒๑ หมูที่ ๒ ตําบลศิลา
อาํ เภอเมอื งขอนแกน จงั หวัดขอนแกน เนื้อท่ี ๑ ไร ๓ งาน ๔ ตารางวา ตามแผนที่พิพาท ใหขับไลจําเลยและ
บริเวณออกจากทดี่ ินพพิ าท หา มจําเลยและบริวารเกยี่ วขอ งในที่ดินพิพาท โดยพิจารณาจําเลยขาดนัดย่ืนคําใหการ
ศาลจึงใหสืบพยานโจทกไปฝายเดียวและในขอเท็จจริงปรากฏวาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๒๖ บิดามารดาโจทกซื้อท่ีดิน
พพิ าทตามหลกั ฐาน น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๘๙ และ ๖๒๑ หมูท ี่ ๒ ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแกน จังหวัดขอนแกน
ซง่ึ อยตู ิดกนั เน้ือที่ประมาณ ๒ ไร จากนาย ป โดยการสงมอบการครอบครองทด่ี นิ ใหบิดามารดาโจทกและไดเขา
ครอบครองทาํ ประโยชนโ ดยทาํ นาในทพี่ พิ าท เมอื่ ป พ.ศ. ๒๕๔๖ บดิ ามารดาไดยกที่ดินพิพาทใหโจทก โจทกจึง
เขาครอบครองและทําประโยชนในทด่ี นิ พพิ าทมาจนถงึ ปจ จุบัน เมื่อประมาณเดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๖ จาํ เลยไดบกุ รกุ
เขา มารังวดั เพ่ือออกโฉนดท่ีดิน โจทกโ ตแยง วาเปน เจาของท่ดี ินพิพาท การที่นายประภาสฯ ขายท่ีดินใหแกบิดา
มารดาโจทก โดยการสง มอบการครอบครองทีด่ ิน เม่ือบิดามารดาโจทกย กใหโ ดยสง มอบการครอบครองทดี่ นิ สทิ ธิ
ครอบครองในที่ดนิ พพิ าทยอ มสน้ิ สุดลงตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๗๗ โจทกซึ่งก็เปนผู

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมที่ดิน

๑๔๐

รวมเรื่องท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ

ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินพิพาทยอมไดส ทิ ธิครอบครองในท่ดี ินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพง และ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ และมสี ิทธิขับไลจําเลยและบรวิ ารออกจากท่ดี นิ

กรณีนถ้ี ือวาปรากฏขอเทจ็ จริงในทางพิจารณาแลววา โจทกไดสิทธิครอบครองในท่ีดินพิพาท
โจทกจ งึ สามารถย่ืนคําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย และเมอ่ื ไมสามารถนําหนังสือรับรองการทําประโยชนฉบับเจาของที่ดินมาขอจดทะเบียนตอ
พนกั งานเจา หนา ที่ พนักงานเจาหนาทยี่ อ มสามารถดําเนินการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนเพื่อ
ดําเนินการจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ใหได
ทั้งน้ี ตามระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับท่ีดินซ่งึ ไดมาโดยการครอบครอง
พ.ศ. ๒๕๕๑ และหนงั สือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง แนวทาง
ปฏิบัติเกี่ยวกับการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนเพ่ือจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
ประมวลกฎหมายแพงแลพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ขอ ๒ ซง่ึ กรมท่ีดินไดวางแนวทางปฏิบัติไวโดยชัดเจนแลว
แตเนื่องจากขอเท็จจริงปรากฏวา น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๘๙ และ ๖๒๑ หมูที่ ๒ ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแกน
จงั หวดั ขอนแกน ฉบับสาํ นักงานท่ีดินและสารบบท่ีดินสูญหาย จึงตองดาํ เนินการจัดสรางขึ้นใหมตามมาตรา ๖๔
แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ ทั้งนี้ โดยถอื ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดว ยการจดั ทาํ หนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ีดินขึ้นใหม ในกรณีที่หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินฉบับสํานักงานที่ดินเปนอันตราย ชํารุด สูญหาย พ.ศ. ๒๕๒๔
และหนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๖๐๖/๑๖๔๖ ลงวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๑๐ ตอบขอหารือจังหวัดระนอง เรื่อง
การออกใบแทนหนังสือรบั รองการทําประโยชน เวยี นโดยหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๖๐๖/๒๑๐๑ ลงวนั ที่ ๒๐
มีนาคม ๒๕๑๐

๖. อางองิ หนังสือกรมทีด่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๒๓๒๕๒ ลงวันที่ ๒๔ กนั ยายน ๒๕๕๘ ตอบขอหารือจังหวัด
ขอนแกน

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดนิ

๑๔๑

รวมเรือ่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอ่ื ง : หารอื การออกใบแทนเพอื่ จดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครอง

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดสงเร่อื งหารอื กรณี นาย ส ไดย ่ืนคาํ ขอออกใบแทนหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓)

เลขที่ ๘๙ หมูที่ ๖ ตําบลหาดเจาสําราญ อําเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เพื่อจดทะเบียนไดมาโดยการ
ครอบครอง ตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย โดยอางวา ศาลจังหวัดเพชรบุรีไดมี
คําพพิ ากษาใหต นไดสทิ ธิครอบครองท่ีดนิ ตามหลักฐานดังกลาว แตไมสามารถนําหนังสือรับรองการทําประโยชน
ฉบับเจา ของทีด่ นิ มาดาํ เนนิ การจดทะเบยี นได เน่อื งจากนาย..ย ไดน าํ หลกั ฐาน น.ส. ๓ ดังกลา ว ไปวางเปนหลักประกัน
ผูตองหา และศาลจังหวัดสมุทรปราการไดอ ายดั ท่ีดนิ ไว สํานกั งานที่ดนิ จงั หวัดเพชรบรุ ีไดมีหนังสือสอบถามศาลจังหวดั
สมทุ รปราการแลว ไดร ับแจง วา สาํ นักงานทีด่ นิ จังหวัดเพชรบุรไี มส ามารถออกใบแทน น.ส. ๓ ได จังหวัดพิจารณาแลว
เห็นวา เปน ปญหาทางปฏบิ ตั ิ จงึ หารือกรมที่ดนิ เพอื่ เปนแนวทางปฏบิ ตั ิตอ ไป

๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :

๔.๑ ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย
มาตรา ๑๓๖๗ “บคุ คลใดยดึ ถอื ทรัพยสนิ โดยเจตนาจะยึดถือเพ่ือตน ทานวาบุคคลนั้นได

ซง่ึ สทิ ธิการครอบครอง”

๔.๒ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา ๖๓ มาตรา ๗๒
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ หมวด ๒ ขอ ๑๒ และ หมวด ๓ ขอ ๑๗ (๓)
๔.๔ ระเบียบกรมท่ดี นิ วา ดว ยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดยการ
ครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑
๔.๕ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/๑๒๖๗๓ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง
แนวทางปฏิบตั ิเกี่ยวกับการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเ พือ่ จดทะเบียนไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามมาตรา ๑๓๖๗

สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทด่ี นิ

๑๔๒

รวมเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ

๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดนิ พจิ ารณาแลวเหน็ วา การจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหง

ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ตามระเบยี บกรมทีด่ นิ วา ดว ยการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมเก่ยี วกับท่ีดนิ
ซ่ึงไดมาโดยการครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑
พฤษภาคม ๒๕๕๖ เร่ือง แนวทางปฏิบตั ิเกี่ยวกับการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนเ พอ่ื จดทะเบียน
ไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ตามมาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏิบัติไววา
การย่ืนคําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาที่
ของผูขอจดทะเบียนจะตองนําหนงั สือรับรองการทําประโยชนฉบับเจาของที่ดินมาขอจดทะเบียนตอพนกั งาน
เจา หนาท่ีกรณผี ูขอไมไดหนังสอื รับรองการทําประโยชนม า พนักงานเจา หนา ท่ไี มอ าจรับคําขอไวดําเนินการ เวนแต
กรณีทศี่ าลมีคําพพิ ากษาหรือคาํ สง่ั อนั ถงึ ที่สดุ เกย่ี วกบั หนังสอื รับรองการทําประโยชน หรือเปนกรณีที่ผูใดมีสิทธิ
จดทะเบียนตามคําพิพากษาของศาล และขอเทจ็ จริงปรากฏตามคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาลดังกลาววา
ศาลไดพิเคราะหและวินิจฉัยในประเด็นแหงคดีแลวรับฟงไดวา โจทกหรือจาํ เลยซ่งึ เปนผขู อจดทะเบียนเปนผมู ี
สิทธิครอบครองในทดี่ ินน้นั พนักงานเจาหนา ทก่ี ส็ ามารถออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน เพ่ือดาํ เนนิ การ
จดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยใ หได ตามนัย ขอ ๑๒
ประกอบกับขอ ๑๗ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตต ามขอเทจ็ จริงที่จังหวัดหารือปรากฏวา ศาลจังหวัดสมุทรปราการไดมี
คาํ สัง่ อายดั ท่ดี ินและใหระงบั การทํานติ ิกรรมในที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๘๙ หมูท ี่ ๖
ตาํ บลหาดเจา สําราญ อําเภอเมอื งเพชรบรุ ี จังหวัดเพชรบรุ ี โดยหามการทาํ นติ ิกรรมในทด่ี ินแปลงน้ี ประกอบกับ
ศาลจงั หวดั สมุทรปราการไดแจง วา.ศาลจังหวัดเพชรบุรี ไดว ินจิ ฉยั แลว วา นาย ส ไมสามารถขอใหเจา พนกั งานทด่ี ิน
แกไขช่ือทางทะเบียนใหเปนผูมีชื่อใน น.ส. ๓ ดังกลาวได สํานักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีจึงไมสามารถออก

สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมท่ดี ิน

๑๔๓

รวมเรื่องทีน่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นที่ดิน

ใบแทน น.ส. ๓ ใสช่ือนาย ส.ได ดังนั้น กรณีเรื่องท่ีหารือนี้.พนักงานเจาหนาท่ีจึงไมสามารถดําเนินการออกใบแทน.
น.ส. ๓ เพื่อจดทะเบียน ไดมาโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ใหแ กผขู อได
๖. อางองิ

หนังสือกรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๑๙๒ ลงวนั ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จงั หวดั เพชรบุรี

สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ดี นิ

๑๔๔

รวมเรือ่ งทน่ี า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน

๑. พ.ศ. ๒๕๕๙

๒. เรอื่ ง : หารือกรณีการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเพ่ือจดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗

๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จังหวัดสงเรื่องหารือ กรณี นาง ท ไดยื่นคําขอจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม

ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ตามหลกั ฐานหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๖๓
และ ๖๕ หมูท ี่ ๓ ตาํ บลพยุห อําเภอเมอื งศรสี ะเกษ (ปจ จุบันเปนอาํ เภอพยุห) จังหวดั ศรีสะเกษ ตามคาํ พิพากษา
ศาลจงั หวดั ศรีสะเกษ ความแพง .คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๑๕๖/๒๕๕๗ ลงวันท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ระหวาง นาง ท
โจทก นาย พ จําเลย แตไมไดนําหนงั สือรบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ฉบบั เจา ของทีด่ นิ มาประกอบการยื่นคําขอ
จึงขอออกใบแทน น.ส. ๓ เพ่อื ดําเนินการจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ จังหวัดพิจารณาแลวเห็นวา นาง ท มีหนาทจี่ ะตองนํา น.ส. ๓ ฉบับเจาของท่ีดินมา
ประกอบการยน่ื คําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
กรณดี งั กลาวจึงไมอยใู นหลกั เกณฑและเงือ่ นไขทีจ่ ะขอออกใบแทนได เนอื่ งจากศาลจังหวัดศรีสะเกษมิไดมีคําส่ัง
หรอื คําพพิ ากษาถึงท่ีสุดเก่ียวกบั หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๖๓ และ ๖๕ แตประการใด
จึงหารอื วา เจา พนกั งานทีด่ ินจะดําเนนิ การออกใบแทน น.ส. ๓ เพอื่ จดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวล
กฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ตามความประสงคข องผขู อไดหรอื ไม

๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล

กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗
๔.๓ ระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดย

การครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑

สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน


Click to View FlipBook Version