๙๕
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอื่ ง : ขอทราบขอเท็จจรงิ และขอเอกสารพยานหลกั ฐาน
๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
สํานักงานคณะกรรมการปอ งกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ขอทราบวา กรณีการ
เปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก ซง่ึ ที่ดินตงั้ อยูในเขตปาสงวนแหงชาติ หรือเขตอุทยานแหงชาติ จะตองมีการตั้ง
คณะกรรมการตรวจพสิ จู นท ด่ี ิน ตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัติ
ใหใ ชประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือไมอ ยางไร
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ดี ิน มาตรา ๑ ในประมวลกฎหมายนี้
ฯลฯ
“หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน” หมายความวา หนังสือคํารับรองจากพนักงานเจาหนาที่
วาไดท าํ ประโยชนใ นท่ีดินแลว
ฯลฯ
“โฉนดท่ีดิน” หมายความวา หนังสือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิที่ดิน และใหหมายความรวมถึง
โฉนดแผนท่ี โฉนดตราจอง และตรวจจองท่ตี ราวา “ไดท าํ ประโยชนแลว”
มาตรา ๖๙ ทวิ ผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอสอบเขตที่ดินเฉพาะรายของตน ใหยื่นคําขอ
พรอ มดวยโฉนดท่ีดินนน้ั ตอ เจา พนกั งานที่ดนิ และใหพนกั งาเจาหนาที่ไปทําการรงั วดั ให
ในการรงั วดั ถาปรากฏวา การครอบครองไมต รงกับแผนท่ีหรอื เนือ้ ท่ีในโฉนดที่ดิน เมื่อผูมีสิทธิ
ในท่ดี นิ ขา งเคยี งไดรับรองแนวเขตแลว ใหเ จาพนกั งานทด่ี ินมีอํานาจแกไ ขแผนทห่ี รอื เน้อื ที่ใหตรงกบั ความเปน จรงิ ได
เวน แตจ ะเปน การสมยอมเพื่อหลกี เล่ยี งกฎหมาย
ในกรณที ี่ไมอ าจติดตอผมู ีสทิ ธิในทีด่ ินขางเคียงใหมาระวังแนวเขตได หรือในกรณที ่ีผูมีสทิ ธิใน
ท่ีดนิ ขา งเคียงไดรับการติดตอจากพนักงานเจาหนาที่ใหมาระวังแนวเขตแลวแตไมมา หรือมาแตไมยอมลงชื่อ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทดี่ นิ
๙๖
รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ
รบั รองแนวเขตโดยไมไ ดค ัดคา นการรงั วัด ใหพนกั งานเจา หนา ทแี่ จงเปนหนังสือใหผูนั้นมาลงช่ือรับรองแนวเขต
หรอื คดั คานภายในสามสิบวันนบั แตว ันท่ไี ดส ง หนงั สือ ถาผูมสี ทิ ธิในท่ดี ินขา งเคยี งไมด ําเนินการอยางหน่ึงอยางใด
ภายในกําหนดดงั กลา ว และผูขอไดใหคํารับรองวามิไดนําทําการรังวัดรุกล้ําท่ีดินขางเคียงและยินยอมใหแกไข
แผนท่ีหรือเน้ือที่ใหตรงกับความเปนจริง ใหเจาพนักงานที่ดินดําเนินการตามวรรคสองไปไดโดยไมตองมีการ
รับรองแนวเขต
การติดตอหรือการแจงผูมีสิทธิในที่ดินขางเคียงตามวรรคสาม ใหเปนไปตามหลักเกณฑและ
วธิ กี ารท่ีกําหนดในกฎกระทรวง
หากปรากฏวามีผูคดั คา นใหเ จา พนักงานท่ดี นิ มอี าํ นาจสอบสวนไกลเกลีย่ โดยถอื หลกั ฐานแผนท่ี
เปนหลักในการพิจารณา ถาตกลงกันไมไดก็ใหดําเนินการไปตามท่ีตกลง แตตองไมเปนการสมยอมกันเพ่ือ
หลกี เลย่ี งกฎหมาย หากตกลงกันไมไดใหแจง คกู รณีไปฟอ งตอศาลภายในเกา สิบวันนับแตวันที่ไดรับแจง ถาไมมี
การฟองภายในกําหนดดงั กลา ว ใหถอื วาผขู อไมประสงคจะสอบเขตโฉนดทีด่ ินน้ันตอ ไป
ในกรณีผูมีสิทธิในที่ดินประสงคจะขอใหตรวจสอบเน้ือท่ีตามหนังสือรับรองการทําประโยชน
เฉพาะรายของตน ใหยื่นคาํ ขอพรอมดวยหนังสือรับรองการทําประโยชนสําหรับที่นั้นตอเจาพนักงานทีดิน
และใหนาํ ความในวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคหา มาใชบ งั คับโดยอนุโลม
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ นิ ๒๔๙๗
ขอ ๔. แบบหนังสือรับรองการทําประโยชนม ี ๓ แบบ คอื แบบ น.ส. ๓ น.ส. ๓ ก. และ น.ส. ๓ ข.
ทา ยกฎกระทรวงนี้
การออกหนังสือรบั รองการทําประโยชนในทองทท่ี ่มี รี ะวางรปู ถายทางอากาศใหใชแบบ น.ส. ๓ ก.
ในทองท่ที ี่ไมม ีระวางรูปถา ยทางอากาศ ซง่ึ รฐั มนตรีไดประกาศยกเลกิ อาํ นาจหนาทใ่ี นการปฏบิ ตั กิ ารตามประมวล
กฎหมายที่ดินของหัวหนาเขต นายอําเภอหรือปลัดอําเภอผูเปนหัวหนาประจําก่ิงอําเภอ ตามมาตรา ๑๙ แหง
พระราชบญั ญตั ิแกไ ขเพิม่ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ นิ (ฉบบั ท่ี ๔) ๒๕๒๘ แลว ใชแบบ น.ส. ๓ ข. สว นในทอ งท่ีอน่ื
ใหใชแ บบ น.ส. ๓
ขอ ๑๐. (๓) ถา ปรากฏวาท่ีดินน้ันตั้งอยูในตําบลที่มีปาสงวนแหงชาติ อุทยานแหงชาติ พื้นที่
รกั ษาพนั ธุส ตั วปา เขตหา มลาสตั วป าหือเขตท่ไี ดจ ําแนกใหเ ปนเขตปา ไมถ าวรตามมติคณะรฐั มนตรี และกรมปา ไม
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมที่ดนิ
๙๗
รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน
หรอื กรมพฒั นาทดี่ ินยังไมไดข ีดเขตปาสงวนแหง ชาติ เขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธส ัตวปา เขตหามลาสัตวปา
หรือเขตท่ีไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี ลงในระวางรูปถายทางอากาศเพื่อการออก
หนงั สอื รบั รองการทําประโยชน หรอื กรณีท่ีขดี เขตแลว แตท ีด่ ินทขี่ ออกหนงั สือรับรองการทาํ ประโยชนม อี าณาเขต
ตดิ ตอ คาบเกย่ี วหรอื อยใู นเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา
หรอื เขตทีไ่ ดจําแนกใหเ ปน เขตปา ไมถ าวรตามมติคณะรัฐมนตรี ใหผูวาราชการจังหวัด แตงตั้งคณะการรวมกัน
ออกไปตรวจพิสูจนท ดี่ ินประกอบดวยปา ไมอ าํ เภอหรอื ผูท่ีปาไมจ ังหวัดมอบหมายสาํ หรับทอ งท่ีทไ่ี มมีปา ไมอ าํ เภอ
เจาหนาที่บริหารงานที่ดินอําเภอ ปลัดอําเภอ (เจาพนักงานปกครอง) และกรรมการอื่นตามทีเ่ ห็นสมควร
เมอ่ื คณะกรรมการดงั กลา วไดทาํ การตรวจพิสูจนเ สรจ็ แลว ใหเ สนอความเหน็ ตอ ผวู า ราชการจงั หวดั วา สมควรออก
หนังสือรับรองการทําประโยชนใหไดหรือไม เพียงใด สําหรับท่ีดินที่ไดจําแนกใหเปนเขตปาไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรี และยงั ไมไ ดข ดี เขตหรอื ขีดเขตแลว แตที่ดินดังกลาวมีอาณาเขตคาบเก่ียวกับเขตท่ีไดจําแกใหเปน
เขตปาไมถาวร ใหแ ตง ตัง้ ผูแ ทนกรมพัฒนาท่ดี นิ เปน กรรมการดว ย
ขอ ๑๖. ในกรณีออกโฉนดท่ีดินเฉพาะรายตามมาตรา ๕๙ และมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมาย
ท่ีดิน ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๙๖ ลงวนั ท่ี ๒๙ กุมภาพันธ ๒๕๑๕ ใหผูมีสิทธิ
ครอบครองท่ีดินยนื่ คาํ ขอตามแบบ น.ส.๑ ข ทายกฎกระทรวงนี้ และใหนําขอ ๗ (๒) ขอ ๑๐ (๒) และ (ภ) ขอ ๑๑
และขอ ๑๕ มาบังคับใชโ ดยอนโุ ลม
๔.๓ บนั ทกึ ขอตกลงระวางกรมท่ีดินและกรมปาไม วาดวยการตรวจพิสูจนเพ่ืออกโฉนดท่ีดิน
หรือหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชน ซ่งึ เก่ียวกบั เขตปาไม พ.ศ. ๒๕๓๔
ขอ ๑. ในขอตกลงน้ี
“เขตปา ไม”หมายความวา เขตปาสงวนแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตอุทยานแหงชาติ
เขตวนอุทยาน และใหห มายความรวมถงึ เขตปาไม (ปา ท่ีคณะรฐั มนตรมี มี ตใิ หรักษาไวเปน สมบตั ขิ องชาติดวย)
“เขตปา”หมายความวา เขตปาไมตามบันทึกขอตกลงน้ี ยกเวน เขตปาไมถาวร (ปาท่ี
คณะรัฐมนตรมี ีมตใิ หรักษาไวเปน สมบตั ิของชาต)ิ
ขอ ๖. การประสานงานในการระวังช้แี นวเขตปาไมเ กี่ยวกับโฉนดท่ีดิน หรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชนใ หด ําเนนิ การดังน้ี
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมทด่ี ิน
๙๘
รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน
๖.๕ การตรวจพิสูจนท ่ดี ินเพื่ออกหนงั สอื รับรองการทําประโยชนเฉพาะรายตรวจสอบ
เน้อื ที่ แบงแยก และรวมหนงั สอื รับรองการทําประโยชน ซึ่งมแี นวเขตติดตอ กันกับเขตปาไม กรมปา ไมขอมอบหมาย
ใหปาไมอาํ เภอ หรือผูท่ีปาไมอําเภอมอบหมาย หรือผูที่ปาไมจังหวัดมอบหมายสําหรับทองท่ีท่ีไมมีปาไมอําเภอ
เจา หนา ทผี่ ูไดรับมอบหมายจะตอ งเปนขาราชการระดับ ๒ ขึ้นไป ออกไประวงั ชี้และลงชอ่ื รบั รองแนวเขตปา ไมแ ทน
ฯลฯ
๖.๗ กรณีขอ ๖.๓ ๖.๔ หรือ ขอ ๖.๕ หากมีแนวเขตที่ดินติดตอกับเขตอุทยานแหงชาติ
หรือเขตรกั ษาพันธสุ ัตวปา กรมปา ไมขอมอบหมายใหหวั หนา อุทยานแหง ชาติ หรือหัวหนาเขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา
หรือผูท่ีทาํ หนาท่ีในตาํ แหนงดังกลาว หรือผูท่ีหัวหนาอุทยานแหงชาติ หรือหัวหนาเขตรักษาพันธุสัตวปา หรอื
ผูท่ที าํ หนาทใี่ นตําแหนงดังกลาวมอบหมาย ซ่ึงจะตองเปนขาราชการระดับ ๒ ข้ึนไป ออกไประวังชี้และลงช่ือ
รบั รองแนวเขตแทน
ฯลฯ
๔.๔ หนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๖๐๙/๓/๒๓๓๕๘ ลงวันท่ี ๒๙ กันยายน ๒๕๒๕๒ (เวียนโดย
หนังสือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๖๐๙/ว ๒๔๕๔๓ ลงวันที่ ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๒๕ สรปุ วา กรณรี าษฎรมาย่ืนคําขอเปลี่ยน
น.ส.๓ เปน น.ส.๓ ก. พิจารณาแลววา น.ส. ๓ และ น.ส.๓ ก. ตางก็เปนหนังสือรับรองการทําประโยชน
เชนเดียวกัน เพียงแตทางราชการไดกาํ หนดแบบ วิธีการออกและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตางกันเทาน้นั
การเปลีย่ น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ถอื วา เปนการตรวจสอบเนอ้ื ที่ ไมใ ชก ารออกหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนใหม
จึงไมต องเรยี กเกบ็ คา ธรรมเนียมในการออก น.ส. ๓. ก. ถือวา เปนการตรวจสอบเนื้อท่ี ไมใชก ารออกหนังสือรับรอง
การทําประโยชนใหม จึงไมตอ งเรยี กเก็บคา ธรรมเนยี มในการออก น.ส.๓ ก. ตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๓๒ ขอ ๒ (๓)
๔.๕ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖/ว ๓๔๒๕๓ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง
การดาํ เนินการตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ สรปุ วา
๔.๕.๑ พ้ืนทปี่ าไมทอี่ ยูในความรับผดิ ชอบของกรมปาไม ใหหมายถึง เขตปาสงวนแหงชาติ
เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมท้ังเขตปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพ้ืนท่ี
ท่ไี มอยูในเขตอุทยานแหง ชาติ เขตรกั ษาพันธุส ัตวป า เขตหามลาสตั วป า
๔.๕.๑.๑ การระวังชีแ้ ละลงช่ือรับรองแนวเขตปา ไม ใหด ําเนินการดงั นี้
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทดี่ นิ
๙๙
รวมเรอื่ งทน่ี า่ สนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดนิ
(๑) กรณีเดินสํารวจ สําหรับที่ดินท่ีมีแนวเขตติดตอกับเขตปาไม (ยกเวนปาไม
ถาวร) ใหเจา หนา ทศ่ี นู ยป ฏบิ ัติการที่ดนิ ปาไม และเจาหนาที่กลมุ ปฏิบัติภารกิจในราชการบริหารสวนภูมิภาค
(ดา นปา ไม) สังกดั สํานักงานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่ ซ่ึงเปนขาราชการต้ังแตระดับ ๕
ขน้ึ ไป เปนผรู ะวงั ช้ีและลงชอ่ื รบั รองแนวเขต
(๒) กรณกี ารออกหนังสอื แสดงสิทธิในท่ีดินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือท่ี
แบงแยก และรวมหนังสอื แสดงสทิ ธิทีด่ นิ ซ่งึ มแี นวเขตตดิ ตอกับปาไม กรมปา ไมมอบหมาย ดังนี้
โฉนดทดี่ นิ ใหหัวหนา กลมุ ปฏิบัติภารกิจในราชการบริหารสว นภมู ภิ าค (ดา นปา ไม)
สงั กัดสาํ นกั งานทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอมจังหวัดทองที่ หรอื ผูทหี่ ัวหนา กลุมปฏิบตั ภิ ารกจิ ฯ มอบหมาย
ซึง่ เปนขา ราชการตั้งแตระดบั ๕ ขนึ้ ไป ออกไประวงั ชแ้ี ละลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม
หนังสือรับรองการทําประโยชน ใหหัวหนาหนวยบริการปาไมอําเภอทองที่
หรือผูท่หี วั หนา หนวยบริการ มอบหมาย สําหรบั ทองท่ีที่ไมม ีหนวยบริการปาไมอ ําเภอ ใหผ ทู ห่ี ัวหนากลุมปฏิบัติ
ภารกจิ ในราชการสวนภูมิภาค (ดานปาไม) สังกัดสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่
มอบหมายออกไประวังช้ีและลงชอ่ื รับรองแนวเขตปาไม ซ่ึงผูที่ไดร ับมอบหมายตอ งเปน ขาราชการตั้งแตระดับ ๕
ขน้ึ ไป
ฯลฯ
๔.๕.๒ ในพ้นื ท่ปี า ชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพื้นท่ีท่ีไมอยูในเขตอุทยานแหงชาติ
เขตรักษาพนั ธสุ ัตวปา เขตหา มลา สัตวป า การระวังช้ีและลงชอ่ื รบั รองแนวเขตปาชายเลน ใหดําเนนิ การ เชนเดยี วกับ
ขอ ๕.๑.๑ แลวแตกรณี โดยดาํ เนินการรว มกบั เจาหนาทกี่ รมทรัพยากรทางทะเลและชายฝง
๔.๕.๓ การดาํ เนินการที่เกี่ยวของกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ในพ้ืนท่ี
ท่มี ีอาณาเขตตดิ ตอ คาบเก่ยี ว หรอื อยูในเขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสตั วปา เขตหามลา สัตวปา ในการระวงั ชี้
และลงช่ือรบั รองแนวเขต ใหดาํ เนินการดงั นี้
๔.๕.๓.๑ การเดินสํารวจและการรังวัดทําแผนที่เพื่ออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน
เฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือที่ แบงแยก และรวมหนงั สือแสดงสิทธใิ นทด่ี ิน กรณีแปลงทดี่ ินมีแนวเขตติดตอ
กบั แนวเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธสุ ตั วป า หรือเขตหามลาสัตวปา ใหหวั หนา อุทยานแหง ชาติ หวั หนา เขต
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี ิน
๑๐๐
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน
รักษาพันธุสตั วปา หรือผทู ไ่ี ดร บั มอบหมายจากผูปฏบิ ตั หิ นาทใ่ี นตาํ แหนง ดงั กลาว ซึ่งเปนขาราชการต้ังแตระดับ ๕
ขึ้นไป เปน ผรู ะวังช้ีและลงชอ่ื รับรองแนวเขต
๔.๕.๓.๒ ในพนื้ ทีป่ า ชายเลนตามมตคิ ณะรัฐมนตรเี ฉพาะบริเวณท่มี กี ารกําหนดให
เปน เขตอุทยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา เขตหามลาสตั วป า ใหผูอํานวยการสาํ นักงานบรหิ ารพ้ืนที่อนุรักษ
ท่ี ๒ - ๖ หรอื ผูที่ไดร ับมอบหมายเปน ผูระวังชแ้ี ละรบั รองแนวเขต
๔.๖ หนงั สือกรมที่ดิน ดว นมาก ที่ มท ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๕๙๘ ลงวันท่ี ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
เรอ่ื ง การดําเนนิ การเก่ียวกบั เขตปาไมต ามประมวลกฎหมายท่ีดิน สรุปวา เนื่องจากมพี ระราชบัญญัติปรับปรุง
กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบกบั ปจ จบุ ันพระราชบัญญัตริ ะเบยี บขาราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
ไดมีการกาํ หนดตาํ แหนง ขา ราชการพลเรอื นขึ้นใหม จึงกาํ หนดแนวทางปฏบิ ัตงิ าน ดังน้ี
๔.๖.๑ การปฏิบัติงานรวมกับกรมปาไมในพื้นที่ปาไม ประกอบดวยปาสงวนแหง ชาติ
ปาไมถ าวรตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เขตวนอุทยาน รวมทัง้ เขตปาชายเลนตามมตคิ ณะรฐั มนตรเี ฉพาะพื้นทที่ ไ่ี มอ ยใู น
เขตอุทยานแหง ชาติ เขตรกั ษาพนั ธุสัตวปา เขตหา มลา สตั วปา
การปฏิบตั ิตามบันทกึ ขอตกลงระหวางกรมทดี่ นิ และกรมปาไมวา ดว ยการตรวจพสิ จู น
เพอ่ื ออกโฉนดทีด่ ินหรือหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนซึง่ เกย่ี วกับเขตปา ไม พ.ศ. ๒๕๓๔ ในกรณรี ะวังชแี้ นวและ
ลงชอื่ รับรองแนวเขตปาไม กรณกี ารเดินสํารวจ การออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นที่ดนิ เฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเนอ้ื ท่ี
แบงแยก และรวมหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน ซึง่ มีแนวเขตตดิ ตอกับเขตปา ไม (ยกเวนปา ไมถ าวร) การระวังชี้และ
ลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม ใหเจาหนาท่สี ํานกั จดั การทรัพยากรปาไมท่ี ๑ - ๑๓ หรือสาํ นักจดั การทรัพยากรปาไม
สาขาท่ีรับผดิ ชอบในพน้ื ที่ ซ่ึงดํารงตําแหนงตั้งแตระดับปฏิบัติการ หรือชํานาญการขึ้นไป เปนผูระวังช้ีและลงช่ือ
รับรองแนวเขต
๔.๖.๒ การปฏิบัติงานรวมกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช ในพ้ืนที่ ซึ่ง
ประกอบไปดวยเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา และพื้นท่ีปาชายเลนตามมติ
คณะรัฐมนตรี เฉพาะพน้ื ทีท่ ่ถี กู กําหนดใหเ ปนเขตอทุ ยานแหงชาติ หรอื เขตรักษาพนั ธสุ ตั วปา หรอื เขตหา มลา สตั วป า
ในการรงั วดั ทําแผนท่ีเพอ่ื อกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน สอบเขต ตรวจสอบเนอื้ ท่ี แบงแยก และรวมหนงั สอื แสดงสิทธิ
ในทีด่ นิ ทม่ี ีอาณาเขตติดตอ กับพนื้ ทีใ่ นความรับผดิ ชอบของกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืชใหหัวหนา
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมทด่ี ิน
๑๐๑
รวมเร่ืองทนี่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ
อุทยานแหงชาติ หวั หนาเขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า หัวหนาเขตหา มลาสตั วป าหรอื ผูท่ไี ดร ับมอบหมายซึ่งดํารงตําแหนง
ต้งั แตนกั วชิ าการปา ไมป ฏบิ ตั กิ าร หรือเจาพนกั งานปา ไมช ํานาญงานขน้ึ ไป เปน ผลู งนามรับรองเขต
๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาแลว เห็นวา หนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ดี นิ ตามประมวลกฎหมายที่ดินมี ๒ ประเภท
คอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนและโฉนดท่ดี นิ
หนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน เปนหนังสอื คาํ รับรองจากพนกั งานเจาหนาทวี่ า ไดทาํ ประโยชน
ในทดี่ นิ แลว ซงึ่ เปนหนงั สือแสดงสทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ ไดแ ก
(๑) แบบหมายเลข ๓
- แบบหมายเลข ๓ ที่ออกตามพระราชบัญญัติออกโฉนดท่ีดิน (ฉบับท่ี ๖) พ.ศ. ๒๔๗๙ กอน
วันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบงั คับ ซึ่งมีการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค.๑) ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติ
ใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
- แบบหมายเลข ๓ ทอี่ อกภายหลงั ประมวลกฎหมายที่ดนิ ใชบงั คบั ไมตอ งแจงการครอบครองทดี่ ิน
(ส.ค.๑) ตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
(๒) น.ส.๓ ออกตามประมวลกฎหมายท่ดี นิ ในทองทที่ ไี่ มมรี ะวางรปู ถายทางอากาศ ซ่ึงรัฐมนตรี
ยงั ไมมีประกาศยกเลกิ อาํ นาจหนา ทใ่ี นการปฏิบตั ิการตามประมวลกฎหมายทีด่ นิ ของหวั หนา เขต นายอาํ เภอ หรอื
ปลัดอาํ เภอผเู ปนหัวหนาประจาํ กิง่ อําเภอ
(๓) น.ส. ๓ ก. ออกตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ในทอ งทีท่ ี่มรี ะวางรปู ถายทางอากาศ
(๔) น.ส. ๓ ข. ออกตามประมวลกฎหมายที่ดินในทองท่ีท่ีไมมีระวางรูปถายทางอากาศ ซึ่ง
รัฐมนตรไี ดประกาศยกเลิกอาํ นาจหนา ทใี่ นการปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ ของหัวหนาเขต นายอําเภอ
หรอื ปลดั อําเภอผูเปน หวั หนา ประจํากงิ่ อาํ เภอ
โฉนดท่ีดิน เปน หนงั สอื สําคญั แสดงกรรมสิทธใ์ิ นที่ดนิ ตามมาตรา ๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ไดก าํ หนดโฉนดทีด่ ินมี ๔ ประเภท ไดแก
(๑) โฉนดทด่ี ิน
(๒) โฉนดแผนที่
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมท่ีดนิ
๑๐๒
รวมเรอ่ื งทนี่ า่ สนใจ
กล่มุ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน
(๓) โฉนดตราจอง
(๔) ตราจองทต่ี ราวา “ไดทาํ ประโยชนแ ลว”
เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายท่ีดิน หมวด ๔ การออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน ไดกลาวถึง
การออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ๒ ประเภท คอื การออกหนงั สือรับรองการทําประโยชนและการออกโฉนดที่ดิน
ประกอบกับกรมท่ดี ิน มหี นังสอื ท่ี มท ๐๖๐๙/๓/๒๓๓๕๘ ลงวันท่ี ๒๙ กนั ยายน ๒๕๒๕ เรอื่ ง ตอบขอ หารอื การ
เรียกเก็บคาธรรมเนียมในการเปลี่ยน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ตางก็เปนหนังสือรับรองการทําประโยชน
เชนเดียวกันเพียงแตทางราชการไดกําหนดแบบ วิธีการออกและจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตางกันเทาน้ัน
สําหรับการเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ถือวาเปนการตรวจสอบเน้ือที่ ไมใชการออกหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน ซึ่งผูมีสทิ ธใิ นทดี่ นิ สามารถยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาที่ ตามมาตรา ๖๙ ทวิ วรรคหก แหงประมวล
กฎหมายท่ดี ิน
กรณีการออกหนังสอื รับรองการทําประโยชนข องการออกโฉนดท่ีดนิ เฉพาะราย ตามมาตรา ๕๙
และมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบญั ญัติใหใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๐ (๓) กําหนดวา ถาปรากฏวาท่ีดินนั้นต้ังอยูใน
ตําบลทมี่ ีปาสงวนแหงชาติ อทุ ยานแหงชาติ พืน้ ท่รี กั ษาพันธุส ตั วป า พื้นทีห่ า มลาสตั วป า หรอื พ้นื ที่ทีไ่ ดจ ําแนกให
เปนเขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี และกรมปาไมหรือกรมพัฒนาท่ีดินยังไมไดขีดเขตปาสงวนแหงชาติ
เขตอทุ ยานแหง ชาติ เขตรักษาพันธุสัตวป า เขตหามลาสัตวปา หรือเขตท่ไี ดจาํ แนกใหเ ปน เขตปาไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรีลงในระวางรูปถายทางอากาศเพือ่ การออกหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน หรือกรณีท่ีขีดเขตแลว
แตท่ีดินทขี่ อออกหนังสือรับรองการทําประโยชนมีอาณาเขตติดตอคาบเก่ียวหรืออยูในเขตปาสงวนแหงชาติ
เขตอุทยานแหง ชาติ เขตรักษาพนั ธสุ ตั วป า เขตหา มลาสตั วปา หรอื เขตท่ไี ดจ ําแนกใหเปน เขตปา ไมถาวรตามมติ
คณะรฐั มนตรี ใหผูวา ราชการจังหวัดแตง ตง้ั คณะกรรมการรวมกนั ออกไปตรวจพสิ ูจนท ่ีดนิ ประกอบดว ยปา ไมอาํ เภอ
หรือผูที่ปา ไมจงั หวัดมอบหมายสําหรับทองที่ที่ไมมีปาไมอําเภอ เจาหนาท่ีบริหารงานท่ีดินอําเภอ ปลัดอําเภอ
(เจาพนกั งานปกครอง) และกรรมการอน่ื ตามท่เี หน็ สมควร เมื่อคณะกรรมการดงั กลา วไดทําการตรวจพิสูจนเ สรจ็ แลว
ใหเสนอความเห็นตอผูวาราชการจังหวัดวา สมควรออกหนังสือรับรองการทําประโยชนใหไดหรือไม เพียงใด
สาํ หรับที่ดินทไ่ี ดจาํ แนกใหเ ปน เขตปาไมถ าวร ใหแ ตต ้งั ผูแทนกรมพฒั นาท่ดี นิ เปนกรรมการดวยและขอ ๑๖ ทวิ
แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๙๖ ลงวันท่ี ๒๙ กุมภาพันธ
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ
๑๐๓
รวมเร่ืองทน่ี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในที่ดนิ
พ.ศ. ๒๕๑๕ ใหผูมีสิทธิครอบครองท่ีดินย่ืนคําขอตามแบบ น.ส. ๑ ข. ทายกฎกระทรวงนี้ และใหนําขอ ๗ (๒)
ขอ ๑๐ (๒) และ (๓) ขอ ๑๑ และขอ ๑๕ มาใชบงั คับโดยอนุโลม จากบทบัญญตั ิดงั กลา วจะเหน็ วาคณะกรรมการ
ตรวจพสิ ูจนท ีด่ นิ ตอ งทําความเหน็ เสนอผูวาราชการจังหวัดวา สมควรออกหนังสือรับรองการทําประโยชนหรือ
โฉนดทีด่ นิ ใหไดห รือไม เพียงใด เมื่อพิจารณาถึงถอยคําดังกลาวการแตงตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจนที่ดินตาม
กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๔๙๗)ฯ จึงดาํ เนนิ การเฉพาะกรณีที่มกี ารออกหนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนหรอื
การออกโฉนดทดี่ ินเทาน้นั ดังน้ัน เม่อื การเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. เปนการตรวจสอบเน้ือท่ีเชนเดียวกับ
การสอบเขตท่ดี ินตามนัยมาตรา ๖๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายทีด่ ิน ไมใชก ารออกหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน
แมท ด่ี ินดงั กลา วจะอยใู นเขตปาสงวนแหงชาติ เขตอทุ ยานแหงชาติ พน้ื ทีร่ กั ษาพนั ธุสัตวปา พ้ืนท่ีหามลาสัตวปา
พื้นทท่ี ไี่ ดจําแนกใหเปน เขตปาไมถาวรตามมตคิ ณะรัฐมนตรี ก็ไมตอ งดาํ เนินการแตงตั้งคณะกรรมการตรวจพิสูจน
ทด่ี ินตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ แตอยา งใด แตใ นการเปล่ยี น น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ตองพิจารณารปู แผนที่ เนอ้ื ที่
หลักฐานทด่ี นิ เดมิ ขางเคยี งประกอบดว ย โดยตองไมเ ปน การนาํ ทดี่ นิ นอกหลักฐานมารงั วดั เปลี่ยนเปน น.ส. ๓ ก.
การรังวัดเปล่ียน น.ส. ๓ เปน น.ส. ๓ ก. ทม่ี ีแนวเขตติดตอเขตปาไม การระวังช้ีและลงชื่อ
รับรองแนวเขตทีด่ นิ ตอ งถอื ปฏิบตั ิตามบันทึกขอตกลงระหวางกรมที่ดินและกรมปาไม วาดวยการตรวจพิสูจน
ท่ดี ินเพอ่ื ออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน ซ่ึงเก่ียวกับเขตปาไม พ.ศ. ๒๕๓๔ ขอ ๖.๕ และ
๖.๗ สําหรบั เจา หนา ทผ่ี มู อี าํ นาจระวังชี้และลงชื่อรบั รองแนวเขตท่ีดิน เดมิ กรมท่ดี ินไดว างแนวทางปฏิบตั ไิ ว ตาม
หนังสอื กรมทด่ี นิ ดว นทส่ี ุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๒๕๓ ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง การดําเนินการ
ตามประมวลกฎหมายท่ีดิน วา พื้นท่ีเขตปาไมท่ีอยูในความรับผิดชอบของกรมปาไม หมายถึง เขตปาสงวน
แหง ชาติ เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมทั้งเขตปาชายเลนตามมติคณะรฐั มนตรี
เฉพาะพ้ืนท่ีที่ไมอ ยูในเขตอุทยานแหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวป า เขตหามลา สตั วป า โดย
(๑) การระวังช้ีและลงชื่อรับรองแนวเขตปาไม สําหรับท่ีดินที่มีแนวเขตติดตอกับเขตปาไม
(ยกเวน ปาไมถ าวร) ใหดาํ เนนิ การดังน้ี
๑.๑ กรณีการเดนิ สํารวจ กรมปา ไมม อบหมายใหเจา หนา ท่ศี ูนยป ฏิบัติการทด่ี ินปาไม และ
เจาหนาทก่ี ลมุ ปฏิบัตภิ ารกจิ ในราชการบรหิ ารสวนภมู ิภาค (ดานปาไม) สังกัดสํานักงานทรพั ยากรธรรมชาติและ
สง่ิ แวดลอมจังหวัดทองที่ ซึ่งเปนขาราชการต้ังแตร ะดับ ๕ ขน้ึ ไป เปนผรู ะวงั ชแี้ ละลงชื่อรบั รองแนวเขต
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๑๐๔
รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน
๑.๒ กรณีการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นทดี่ ินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบเน้ือท่ี แบงแยก
และรวมหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ ิน ซ่ึงมีแนวเขตตดิ ตอ กบั เขตปา ไม กรมปา ไมมอบหมาย ดังน้ี
โฉนดทด่ี ิน ใหห ัวหนากลุม ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ในราชการบรหิ ารสวนภูมิภาค (ดานปาไม) สังกัด
สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองที่ หรือผูท่ีหัวหนากลุมปฏิบัติภารกิจฯ มอบหมาย
ซ่งึ เปนขา ราชการตง้ั แตร ะดบั ๕ ขึน้ ไป ออกไประวังชี้และลงชือ่ รับรองแนวเขตปา ไม
หนังสือรับรองการทําประโยชน ใหห วั หนาหนวยบรกิ ารปาไมอ าํ เภอทอ งท่ี หรอื ผูทีห่ วั หนา
หนวยบริการฯ มอบหมาย สําหรับทองท่ีที่ไมมีหนวยบรกิ ารปาไมอําเภอ ใหผูทห่ี ัวหนากลุมปฏิบัติภารกิจใน
ราชการสว นภมู ิภาค (ดา นปาไม) สังกดั สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอมจังหวัดทองท่ีมอบหมาย
ออกไประวังชีแ้ ละลงชื่อรบั รองแนวเขตปา ไม ซ่งึ ผูทไ่ี ดรับมอบหมายตองเปน ขา ราชการต้งั แตระดบั ๕ ข้นึ ไป
(๒) ในพื้นท่ีปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีเฉพาะพื้นที่ที่ไมอยูในเขตอุทยานแหงชาติ
เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา การระวังชี้และลงช่ือรับรองแนวเขตปาชายเลน ใหดําเนินการ
เชน เดยี วกบั ขอ (๑) แลวแตกรณี โดยดําเนนิ การรว มกับกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง
(๓) การดําเนนิ การทีเ่ ก่ยี วของกบั กรมอทุ ยานแหงชาติ สตั วปา และพันธุพืช ใหด ําเนินการ ดงั นี้
๓.๑ การเดนิ สาํ รวจ และการรงั วัดทําแผนที่เพ่อื ออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ีดนิ เฉพาะรายสอบเขต
ตรวจสอบเน้อื ที่ แบง แยก และรวมหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน กรณีแปลงท่ดี ินมีแนวเขตติดตอกบั แนวเขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรักษาพนั ธส ัตวป า หรอื เขตหามลา สตั วป า ใหห วั หนาอทุ ยานแหง ชาติ หวั หนาเขตรักษาพนั ธุส ตั วป า
หรอื ผทู ่ีไดร ับมอบหมายจากผปู ฏบิ ัตหิ นาทใ่ี นตาํ แหนงดังกลาว ซงึ่ เปน ขาราชการระดับ ๕ ขนึ้ ไป เปน ผรู ะวงั ชแ้ี ละ
ลงชอื่ รับรองแนวเขต
๓.๒ พ้นื ท่ปี า ชายเลนตามมตคิ ณะรัฐมนตรีเฉพาะบรเิ วณทีม่ กี ารกาํ หนดใหเปนเขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรักษาพันธุสัตวปา เขตหามลาสัตวปา ใหผูอํานวยการสํานักบริหารงานพื้นที่อนุรักษที่ ๒ - ๖
หรือผูท ่ไี ดร ับมอบหมายเปนผูระวังช้แี ละรับรองแนวเขต
ตอมามีการประกาศใชพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ประกอบ
กบั พระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา ราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ไดม ีการกาํ หนดตําแหนงขาราชการพลเรือนขนึ้ ใหม
และเพื่อใหก ารกาํ หนดหนาท่คี วามรบั ผดิ ชอบสอดคลองกบั บทบญั ญัติของกฎหมายดงั กลา ว กรมทด่ี นิ จงึ ไดย กเลกิ
แนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดินดังกลาวขางตน และไดวางแนวทางปฏิบัติใหม ตามหนังสือกรมที่ดิน
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมที่ดิน
๑๐๕
รวมเร่ืองทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นท่ีดนิ
ดว นมาก ที่ มท. ๐๕๑๖.๔/ว ๓๔๕๙๘ ลงวนั ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เร่อื ง การดําเนินการเก่ียวกับเขตปาไม
ตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ วา
(๑) การปฏิบัติงานรวมกับกรมปาไมในพื้นท่ีปาไม ซึ่งประกอบดวยปาสงวนแหงชาติ
เขตปาไมถาวรตามมติคณะรัฐมนตรี เขตวนอุทยาน รวมทั้งเขตปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะพื้นที่
ทีไ่ มอ ยูในเขตอทุ ยานแหงชาติ เขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า เขตหา มลา สตั วปา ในการระวังช้ีและลงช่ือรับรองแนวเขตปาไม
กรณกี ารเดินสาํ รวจ การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเฉพาะราย สอบเขต ตรวจสอบพ้ืนท่ี แบงแยก และรวม
หนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดนิ ซึง่ แนวเขตติดตอ กับเขตปาไม (ยกเวนปา ไมถ าวร) ใหเ จา หนา ทส่ี ํานักจัดการทรัพยากร
ปาไมท่ี ๑ - ๑๓ หรือสํานักจัดการทรัพยากรปาไมสาขาที่รับผิดชอบในพื้นที่ ซึ่งดํารงตําแหนงตั้งแตระดับ
ปฏบิ ตั กิ ารหรือชํานาญงานข้นึ ไป เปนผูระวังช้แี ละลงช่ือรับรองแนวเขต
(๒) การปฏิบัติงานรวมกับกรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืชในพื้นที่เขตอุทยาน
แหงชาติ เขตรกั ษาพันธุสตั วปา เขตหามลาสตั วป า และพื้นที่ปาชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี เฉพาะพ้ืนทถ่ี ูกกําหนด
ใหเปนเขตอุทยานแหงชาติ หรือเขตรักษาพันธสัตวปา หรือเขตหามลาสัตวปา ในการรังวัดทําแผนท่ีเพื่อออก
หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน สอบเขต ตรวจสอบเนือ้ ท่ี แบงแยก และรวมหนังสือแสดงสทิ ธิในท่ีดิน ท่ีมีอาณาเขต
ตดิ ตอกับพ้นื ท่ใี นความรับผดิ ชอบของกรมอุทยานแหง ชาตฯิ ใหห ัวหนาอุทยานแหงชาติ หวั หนา เขตรกั ษาพนั ธสุ ตั วป า
หัวหนาเขตหามลาสัตวปา หรือผูที่ไดรับมอบหมาย ซึ่งดํารงตาํ แหนงตั้งแตนักวิชาการปาไมปฏิบัติการหรือ
เจา พนักงานปาไมชํานาญงานขน้ึ ไป เปนผลู งนามรบั รองเขต
๖. อา งองิ
หนังสือกรมทด่ี นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๗๗๔ ลงวนั ท่ี ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตอบขอหารือสํานกั งาน
คณะกรรมการปองกันและปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐ
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทดี่ ิน
๑๐๖
รวมเรื่องท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๗
๒. เรอื่ ง : หารือกรณสี าํ นักงานการปฏริ ูปทีด่ นิ จงั หวัดศรสี ะเกษ ขอใหท บทวนคาํ สั่งสอบสวนเปรยี บเทยี บ
๓. ขอเท็จจรงิ : ประเดน็ ปญหา
ส.ป.ก. จังหวดั ศรสี ะเกษ ขอใหเจาพนักงานทดี่ ินทบทวนคําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบกรณีออก
โฉนดท่ดี นิ ตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ ระหวา งนาย ป. ผูข อออกโฉนดที่ดนิ กบั ส.ป.ก. จังหวัด
ศรีสะเกษ ผูโตแ ยงคดั คา น ตามคําส่งั เจา พนักงานท่ีดินจงั หวัดศรสี ะเกษ สาขากนั ทรลกั ษ ท่ี ๒๓/๒๕๕๖ ลงวันท่ี
๑๔ มถิ นุ ายน ๒๕๕๖ ซ่งึ สัง่ ใหออกโฉนดทดี่ ินแกนาย ป. เพราะเหน็ วา เปน ผูมีสิทธิในท่ีดินดีกวา ส.ป.ก. จังหวัด
ศรีสะเกษ ซึ่งจังหวัดเห็นวา คําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบเปนคําสั่งทางปกครอง ตามมาตรา ๕ (๑) แหง
พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ข้ันตอนที่กําหนดไวในมาตรา ๖๐ แหงประมวล
กฎหมายทด่ี ิน เปน วิธีปฏิบตั ิราชการทางปกครองทมี่ กี ฎหมายกาํ หนดไวเ ฉพาะ และมีหลักเกณฑที่ประกันความ
เปนธรรมไมตํ่ากวา เกณฑท ี่กาํ หนดไวใ นพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง จึงไมอาจทบทวนคําส่ัง
สอบสวนเปรียบเทยี บได
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา ๖๐
๔.๒ พระราชบัญญตั ิวธิ ปี ฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓, ๕ และมาตรา ๕๔
๔.๓ พระราชบัญญัติจดั ตั้งศาลปกครองและวิธพี ิจารณาคดปี กครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔๙
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ดี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๕ คาํ สงั่ ศาลปกครองสูงสุด ท่ี ๔๖/๒๕๓๗
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี นิ
๑๐๗
รวมเรื่องทีน่ ่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ีดิน
๕. ผลการพิจารณา
คําสั่งสอบสวนเปรียบเทียบเปนคําสั่งท่ีออกโดยเจาพนักงานที่ดินซ่ึงเปนเจาหนาท่ีรัฐ และมี
ผลกระทบตอ สิทธิในท่ดี ิน ดังนั้น คาํ สง่ั สอบสวนเปรียบเทียบจึงเปนคําส่ังทางปกครองท่ีกฎหมายไดกําหนดวิธี
ปฏิบตั ไิ วโดยเฉพาะ ตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน ซ่งึ มหี ลักเกณฑท่ีประกันความเปนธรรมหรือมี
มาตรฐานในการปฏบิ ตั ริ าชการไมต่าํ กวาหลักเกณฑท่ีกําหนดในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามนยั คําสงั่ ศาลปกครองสงู สดุ ที่ ๔๖/๒๕๔๗ จึงไมจ ําตอ งปฏบิ ตั ติ ามวธิ ีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครองที่กาํ หนดไว
ในพระราชบญั ญตั วิ ิธีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ อีก คูกรณจี งึ ตองดําเนนิ การตามวิธีการที่กําหนด
ไวใ นมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ซ่ึงตามประเด็นที่หารือเมื่อเจาพนักงานที่ดินไดมีคําสั่งสอบสวน
เปรยี บเทยี บแลว คําสัง่ ดงั กลาวเปนคาํ ส่งั ท่ีเสร็จเดด็ ขาดและไมสามารถทบทวนคาํ สงั่ ได เนื่องจากมาตรา ๖๐ ได
กําหนดวิธีการดาํ เนินการไวแ ลว สํานักงานการปฏริ ูปที่ดินจังหวดั ศรสี ะเกษ ซ่ึงเปนคูกรณไี มพ อใจคําสง่ั สอบสวน
เปรยี บเทยี บดงั กลา ว สามารถย่ืนฟองตอศาลภายในกาํ หนด ๖๐ วนั นบั แตว นั ท่ที ราบคําสัง่ ดังนั้น ความเหน็ ของ
จงั หวดั ท่เี หน็ วา ไมสามารถพิจารณาทบทวนคาํ สงั่ สอบสวนเปรียบเทียบตามมาตรา๖๐ แหง ประมวลกฎหมายทดี่ นิ ได
แตไมตัดสิทธคิ ูกรณฝี า ยท่ีไมพ อใจไปยื่นฟองตอศาลภายใน ๖๐ วัน นบั แตว ันทราบคาํ สงั่ นั้น ถกู ตอ งแลว
๖. อา งอิง
หนังสือกรมท่ีดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๖๒๐๘ ลงวันท่ี ๒๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ตอบขอหารือ
จังหวัดศรสี ะเกษ
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมทด่ี นิ
๑๐๘
รวมเรื่องท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอื่ ง : หารือการรงั วดั ออกโฉนดท่ีดนิ และแบง แยกในนามเดิม
๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญ หา
สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหารือกรณีเม่ือทําการรังวัดแลวปรากฏวามีทาง
สาธารณประโยชนพาดผานที่ดินของเกษตรกรโดยยงั มไิ ดมีการขออนญุ าตใชที่ดนิ กบั ส.ป.ก. ใหถ กู ตอ งแตอ ยา งใด
ซ่ึงกรณีดังกลาว ส.ป.ก. สระบุรี ไดหารือกับสาํ นักงานท่ีดินจงั หวัดสระบุรี สาขาหนองแค แลว มีความเห็น
ในเบ้อื งตนวา ส.ป.ก. ตองดําเนนิ การตามมาตรา ๒๖ (๑) แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม
พ.ศ. ๒๕๑๘ กลา วคือ “ถา ในเขตปฏิรปู ที่ดินนั้นมที ่ีดินอนั เปน สาธารณสมบัติของแผน ดนิ สําหรับพลเมืองใชรวมกัน
แตพ ลเมืองเลกิ ใชประโยชนในทดี่ นิ นน้ั ...ใหพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินน้ันมีผลเปนการถอนสภาพ
การเปน สาธารณสมบตั ิของแผนดินสาํ หรบั ท่ดี นิ ดงั กลาว โดยมติ องดําเนินการถอนสภาพ ตามประมวลกฎหมายทดี่ นิ
และให ส.ป.ก. มีอาํ นาจนําที่ดินมาใชใ นการปฏริ ูปที่ดนิ เพ่ือเกษตรกรรมได” ส.ป.ก. พจิ ารณาแลว เห็นวา เพ่ือให
การดําเนนิ การดงั กลา วเปนไปดวยความเรียบรอ ยและถกู ตองตามกฎหมาย และเกดิ ความเปน ธรรมแกเกษตรกร
ในการออกโฉนดท่ีดินในเขตปฏิรูปทีด่ ิน จึงขอหารือวากรมที่ดินสามารถออกโฉนดท่ีดินในแปลงที่เปนทาง
สาธารณประโยชนไ ดห รอื ไม
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ
มาตรา ๕๙ ในกรณที ่ผี มู สี ิทธิครอบครองทด่ี ินมาขอออกโฉนดท่ีดนิ หรอื หนงั สือรับรองการทาํ
ประโยชนเ ปน การเฉพาะรายไมวาจะไดมปี ระกาศของรฐั มนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม เม่ือพนักงาน
เจา หนา ท่ีพิจารณาเหน็ สมควร ใหด ําเนนิ การออกโฉนดทีด่ ินหรอื หนงั สือรับรองการทาํ ประโยชน แลวแตกรณีได
ตามหลกั เกณฑแ ละวธิ กี ารท่ีประมวลกฎหมายน้กี าํ หนด
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทดี่ ิน
๑๐๙
รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน
เพ่ือประโยชนแหงมาตรานี้ ผูมีสิทธิครอบครองที่ดินตามวรรคหน่งึ ใหหมายความรวมถึง
ผูซ่งึ ไดค รอบครองและทาํ ประโยชนในทดี่ นิ ตอเนอื่ งมาจากผูซ่ึงมีหลักฐานการแจงการครอบครองดว ย
๔.๒ ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๓๐๔ สาธารณสมบัติของแผนดนิ น้ัน รวมทรพั ยสนิ ทุกชนิดของแผน ดนิ ซึ่งใชเพอ่ื
สาธารณประโยชนหรือสงวนไวเพอื่ สาธารณประโยชนร ว มกัน
(๑) ทีด่ ินรกรางวา งเปลา และที่ดนิ ซ่งึ มีผูเวนคืนหรือทอดท้งิ หรือกลบั มา เปน ของแผนดิน
โดยประการอน่ื ตามกฎหมายทีด่ ิน
ฯลฯ
๔.๓ พระราชบัญญตั ิการปฏิรปู ทดี่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘
มาตรา ๒๖ เม่ือไดมีพระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏิรปู ทด่ี ินใชบ งั คับในทอ งที่ใดแลว
(๑) ถาในเขตปฏริ ปู ที่ดนิ นน้ั มที ี่ดินอันเปน สาธารณสมบตั ขิ องแผน ดินสําหรบั พลเมืองใชรวมกัน
แตพ ลเมืองเลิกใชประโยชนใ นทดี่ นิ น้ัน หรอื ไดเ ปลีย่ นสภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกันก็ดี หรือ
พลเมืองยังใชป ระโยชนท ่ีดินน้ันอยู หรือไดเปล่ียนสภาพจากการเปนท่ีดนิ สําหรบั พลเมอื งใชร วมกันเม่ือไดจัดท่ดี นิ
แปลงอืน่ ใหพลเมอื งใชร ว มกันแทน โดยคณะกรรมการประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแลวก็ดี ใหพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตปฏิรูปที่ดินนั้นมีผลเปนการถอนสภาพการเปนการเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับที่ดิน
ดังกลาวโดยมติ องดาํ เนินการถอนสภาพประมวลกฎหมายทีด่ นิ และให ส.ป.ก. มีอํานาจนําที่ดินนั้นมาใชในการ
ปฏิรูปทด่ี ินเพ่ือเกษตรกรรมได
ฯลฯ
มาตรา ๓๖ ทวิ บรรดาที่ดนิ หรอื อสงั หาริมทรัพยใดๆ ท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติน้ี
หรอื ไดมาโดยประการอ่นื ทีม่ ีวัตถปุ ระสงคเพ่อื ประโยชนใ นการปฏริ ปู ทีด่ นิ เพอ่ื เกษตรกรรมไมใ หถ อื วา เปนท่รี าชพัสดุ
และให ส.ป.ก. ผถู ือกรรมสทิ ธิ์เพ่อื ใชใ นการปฏิรปู ทดี่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม
ใหพ นักงานเจา หนาที่ตามประมวลกฎหมายท่ีดินมีอํานาจออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
เกีย่ วกบั ทีด่ นิ ของ ส.ป.ก. ตามวรรคหน่งึ ท้งั น้ี ตามท่ี ส.ป.ก. รอ งขอ
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคญั
กรมท่ีดิน
๑๑๐
รวมเรือ่ งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี ิน
ขอ ๑๔ ท่ีดินที่จะออกโฉนดท่ีดินตองเปนที่ดินที่ผูมีสิทธิในท่ีดินไดครอบครองและทํา
ประโยชนแลว และเปนท่ดี นิ ท่สี ามารถออกโฉนดท่ีดินไดตามกฎหมาย แตหามมิใหออกโฉนดท่ีดินสําหรับท่ีดิน
ดงั ตอ ไปนี้
(๑) ทดี่ ินที่ราษฎรใชประโยชนรว มกนั เชน ทางนา้ํ ทางหลวง ทะเลสาบ ท่ีชายตล่ิง
ฯลฯ
๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ีดินพิจารณาแลวเห็นวา การพิจารณาออกโฉนดท่ีดินจะตองเปนไปตามหลักเกณฑท่ี
กําหนดตามกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ กลาวคือ ท่ีดินที่นํามาออกโฉนดที่ดินตองเปนท่ีดินท่ีผูมีสิทธิในที่ดินไดครอบครองและทํา
ประโยชนแ ลว และเปนที่ดินที่สามารถออกโฉนดที่ดินได และไมเปนท่ีดินตองหามมิใหออกโฉนดท่ีดิน เชนเปน
ท่ดี นิ ท่รี าษฎรใชประโยชนรว มกนั เปน ตน
สําหรับกรณีที่ ส.ป.ก. ซ้ือที่ดิน น.ส. ๓ ก. หรือโฉนดที่ดินจากเอกชนและนํามาดําเนินการ
จัดทด่ี นิ พิจารณาไดดังนี้
๕.๑ กรณีที่ดินท่ี ส.ป.ก. จัดซ้ือมามีแนวเขตติดตอกันและมีทางสาธารณประโยชนปรากฏอยู
ตามสภาพในที่ดินที่จดั ซ้ือ การรับโอนท่ดี นิ จากเอกชน ส.ป.ก. ยอ มไดร บั โอนไปเฉพาะท่ดี ินบางสวนท่ีไมเปนทาง
สาธารณประโยชน เพราะทางสาธารณประโยชนไมวาเกิดขึ้นโดยสภาพหรือตามกฎหมายถือเปนท่ีดินของรัฐ
ไมสามารถโอนโดยการดาํ เนินการซือ้ ขายไดต ามกฎหมาย
๕.๒ กรณีที่ดนิ ที่ ส.ป.ก. จดั ซื้อมามีแนวเขตไมตดิ ตอ กนั โดยมีสาธารณประโยชนอยูระหวางที่ดิน
ทจี่ ดั ซอ้ื ส.ป.ก. ไมสามารถนําทางประโยชนท ่อี ยูร ะหวางทด่ี นิ ดังกลาวมารวมรงั วดั เพ่ือออกโฉนดทีด่ นิ ไดเ นอื่ งจาก
ทางสาธารณประโยชนเ ปน ทด่ี นิ ทตี่ องหามมใิ หออกโฉนดท่ีดนิ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออก
ตามความในพระราชบัญญตั ิใหใชประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔ (๑)
๕.๓ กรณีท่ดี ินท่ี ส.ป.ก. จดั ซ้อื มาแตเ ดิมไมมีสภาพทางสาธารณประโยชนอยูในที่ดินแตตอมา
ปรากฏทางโดยสภาพอยใู นทด่ี ิน กรณีนี้ข้ึนอยกู บั ขอ เท็จจริงในเรอื่ งการใชประโยชนวาทางดังกลาวมีสภาพเปน
ทางชั่วคราวหรือทางสาธารณประโยชนท่เี กดิ ขน้ึ โดยการใชประโยชนรวมกันของประชาชน ซ่ึงการใชประโยชน
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ดี ิน
๑๑๑
รวมเร่อื งที่นา่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทดี่ นิ
รว มกนั ตองเปนการใชใ นลักษณะทป่ี ระชาชนทวั่ ไปไดใช มิใชเปนการใชเพ่ือบุคคลหนงึ่ บุคคลใดและมีการใชเปน
ระยะเวลายาวนานมใิ ชเ พ่งิ เกิดขึ้น หากขอ เทจ็ จรงิ ยังไมมสี ภาพเปน ทางสาธารณประโยชนทางดงั กลา วก็ยังถอื วา
เปนสวนหนึ่งของท่ีดินตามหลักฐาน น.ส. ๓ เดิม ท่ีสามารถออกโฉนดที่ดินได แตถาขอเท็จจริงท่ีดินดังกลาว
ตกเปน ทางสาธารณประโยชนต ามท่ีกลาวมาแลวยอมไมส ามารถนาํ ไปออกโฉนดทด่ี นิ ได
๕.๔ ทางสาธารณประโยชนในเขตปฏิรปู ทด่ี นิ ซง่ึ พลเมืองเลกิ ใชประโยชนในท่ีดินหรือไดเปล่ียน
สภาพจากการเปนท่ดี ินสาํ หรับพลเมืองใชรวมกัน หรือพลเมืองยังใชประโยชนในท่ีดินนั้นอยู หรือยังไมเปลี่ยน
สภาพจากการเปนที่ดินสําหรับพลเมืองใชรวมกัน เม่ือไดจัดที่ดินแปลงอ่ืนใหพลเมืองใชรวมกันแทน โดย
คณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว พระราชกฤษฎีกากําหนดเขต
ปฏิรูปท่ีดินนั้นมีผลเปนการถอนสภาพการเปนสาธารณสมบัติของแผนดินสําหรับท่ีดินดังกลาวโดยมิตอง
ดําเนินการถอนสภาพตามประมวลกฎมายท่ดี ิน และให ส.ป.ก. มอี าํ นาจนําท่ีดินนั้นมาใชในการปฏิรูปที่ดินเพ่ือ
เกษตรกรรม และ ส.ป.ก. สามารถนาํ ทด่ี นิ ดงั กลาวมาออกโฉนดที่ดินตามประมวลกําหมายทดี่ นิ ได
๖. อา งอิง
หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๒๐๖๖ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ ตอบขอหารือ
เลขาธิการสํานกั งานการปฏิรูปที่ดนิ เพอ่ื เกษตรกรรม
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทดี่ นิ
๑๑๒
รวมเร่ืองท่ีน่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นท่ดี ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอ่ื ง : หารอื แนวทางปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั การออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏริ ปู ท่ีดิน
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จังหวดั สง เรอ่ื งหารือแนวทางปฏิบตั ิเก่ยี วกับการออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏิรปู ท่ดี ิน ดังน้ี
๓.๑ กรณที ่ีราษฎรนําหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ทอี่ อกโดยวิธีการเดินสํารวจ
ท้งั ทีแ่ จง การครอบครองท่ดี นิ และมไิ ดแจง การครอบครองทด่ี ินตามมาตรา ๕๘, ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ซงึ่ ไดน าํ รงั วดั สอบสวนสิทธแิ ละพิสจู นการทําประโยชนไ วก อนมีพระราชกฤษฎกี าประกาศกําหนดเขตปฏริ ปู ทดี่ นิ
แตเ จาพนักงานทด่ี ินไดล งนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลงั วนั ทพ่ี ระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏริ ูปทีด่ นิ มผี ลใชบงั คับแลว
มายนื่ คําขอออกโฉนดทดี่ ินตามมาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน น.ส. ๓ ก. ดังกลาว มสี ถานะทางกฎหมาย
เปนเชนใด หรือเปนหลกั ฐานที่ชอบดวยกฎหมาย และสามารถออกโฉนดที่ดนิ ใหแ กผ ขู อไดหรอื ไม อยา งไร
๓.๒ กรณีทมี่ ีพระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตที่ดนิ ใหเปนเขตปฏริ ูปทดี่ ินแลว จะสามารถออกโฉนดที่ดิน
ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ใหแกผูครอบครองทําประโยชนในท่ีดินมากอนวันท่ีประมวล
กฎหมายท่ีดินใชบังคับ โดยไมไดแจงการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ แตเปนผูซ่ึงไดแ จง ความประสงคจะไดสทิ ธิในท่ดี ินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวล
กฎหมายทดี่ นิ และผทู คี่ รอบครองตอ เนอ่ื งจากบุคคลดังกลา วหรอื ไม อยา งไร
จังหวัดพิจารณาแลวเห็นวา น.ส. ๓ ก. ดังกลาว เปน น.ส. ๓ ก. ที่ชอบดวยกฎหมายและ
สามารถนํามาใชเปนหลักฐานในการออกโฉนดที่ดินได และกรณีมีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน
พนักงานเจาหนา ทจี่ ะออกหนังสือแสดงสิทธใิ นทด่ี นิ ใหแกราษฎรที่ครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินมากอน
วนั ท่ปี ระมวลกฎหมายทดี่ นิ ใชบ งั คับโดยไมไ ดแ จงการครอบครองท่ีดินหรอื มิไดแ จงความประสงคจะไดสิทธิในท่ีดิน
ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินไมได แตเนื่องจากยังมี
ความเห็นไมสอดคลอ งตรงกัน จงึ หารือมาเปน แนวทางปฏบิ ตั ิ
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ีดิน
๑๑๓
รวมเรอ่ื งที่น่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิในท่ดี ิน
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สัง่ :
๔.๑ คณะกรรมการกฤษฎีกาไดมีความเห็นตามหนังสือ ท่ี นร ๐๖๐๑/๑๒๓๐ ลงวันท่ี ๙
ตุลาคม ๒๕๓๕ เรือ่ ง การเดนิ สํารวจออกโฉนดทีด่ ินในเขตปฏริ ูปทด่ี ิน และดวนที่สดุ ที่ นร ๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวนั ท่ี
๒๙ มนี าคม ๒๕๓๗ เรอื่ ง หารอื ขอ กฎหมายเกี่ยวกบั ท่ดี ินในเขตปฏิรปู ทดี่ นิ สรุปวา “เม่ือไดมีพระราชกฤษฎีกา
กําหนดเขตปฏิรูปทด่ี นิ ฯ แลว และในเขตปฏิรูปทด่ี ินดังกลาวไมวาจะเปนพื้นที่ท่ี ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการแลว
หรอื ยงั ไมไดเ ขา ไปดาํ เนนิ การก็ตาม พนักงานเจา หนาทจ่ี ะออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทด่ี นิ ใหแ กร าษฎรทค่ี รอบครอง
และทําประโยชนอ ยกู อ นวนั ที่ประมวลกฎหมายท่ีดินใชบ งั คบั ไมได ถาราษฎรดังกลาวไมไดแจงการครอบครอง
ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญตั ิใหใชป ระมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ทง้ั มิไดแจงความประสงคจ ะไดส ทิ ธิ
ในทด่ี นิ ตามมาตรา ๒๗ ตรี แหงประมวลกฎหมายที่ดินไวก อ นมกี ารกําหนดเขตปฏริ ปู ท่ดี ินเพื่อเกษตรกรรม”
๔.๒ หนงั สือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๐๖๙ ลงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง หารือ
แนวทางปฏิบตั ิราชการ ตอบขอ หารอื จังหวัดอาํ นาจเจรญิ
๕. ผลการพิจารณา
กรมท่ดี นิ พจิ ารณาแลว เหน็ วา
๕.๑ กรณที ีร่ าษฎรนาํ หนังสอื รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓ ก.) ท่ีออกโดยวิธีการเดินสํารวจ
ทง้ั ท่แี จง การครอบครองที่ดนิ และมไิ ดแ จงการครอบครองทดี่ นิ ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ซึง่ ไดนํารังวดั สอบสวนสทิ ธแิ ละพสิ ูจนการทําประโยชนไวก อนมีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏริ ปู ทดี่ นิ
แตเจาพนักงานท่ดี นิ ไดลงนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลงั วันท่พี ระราชกฤษฎกี ากาํ หนดเขตปฏริ ปู ที่ดนิ มผี ลใชบังคบั แลว
มายื่นคําขอออกโฉนดท่ีดินตามมาตรา ๕๙ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน จะดําเนินการใหผูขอไดหรือไม นั้น
กรมทด่ี ินไดเ คยวนิ ิจฉัยตอบขอหารือจังหวดั อํานาจเจรญิ ตามหนงั สือกรมทีด่ ิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๔๐๖๙ ลงวนั ท่ี
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรอ่ื ง หารือแนวทางปฏิบัตริ าชการ สรปุ ไดวา แมคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีความเห็น
ตามหนังสอื สาํ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร ๐๖๐๑/๑๒๓๐ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ เร่ือง การเดิน
สาํ รวจออกโฉนดท่ดี นิ ในเขตปฏิรูปท่ีดิน และดวนท่ีสุด ที่ นร ๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวันท่ี ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๗ เรื่อง
หารือขอ กฎหมายเก่ียวกับที่ดนิ ในเขตปฏริ ปู ท่ีดนิ สรุปวา “เมื่อไดม พี ระราชกฤษฎกี าประกาศกําหนดเขตปฏิรูป
ทด่ี นิ ฯ แลว และในเขตปฏิรปู ทดี่ นิ ดงั กลา วไมวาจะเปน พื้นท่ีที่ ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการแลวหรือยังไมไดเขาไป
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี นิ
๑๑๔
รวมเรือ่ งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ
ดําเนินการก็ตาม พนกั งานเจา หนาที่จะออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ดี ินใหแ กราษฎรทค่ี รอบครองและทาํ ประโยชน
อยกู อ นวันทปี่ ระมวลกฎหมายทีด่ นิ ใชบังคบั ไมได ถา ราษฎรดงั กลาวไมไ ดแ จงการครอบครองตามมาตรา ๕ แหง
พระราชบญั ญตั ใิ หใชป ระมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ทง้ั มิไดแ จงความประสงคจ ะไดส ิทธใิ นท่ดี ินตามมาตรา
๒๗ ตรี แหง ประมวลกฎหมายท่ีดินไวกอนมีการกําหนดเขตปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม” แตการประกาศเขต
ปฏิรูปที่ดินและความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกลาว ยอมไมมีผลยอนหลังในกระบวนการซ่ึงได
ดําเนนิ การไปโดยชอบดว ยกฎหมายแลว สิทธิของราษฎรที่มีอยูกอนตามประมวลกฎหมายที่ดิน ยอมควรมีอยู
ตามเดิม เทียงเคียงคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดําท่ี อ. ๖๑/๒๕๔๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม
๒๕๔๘ โดยศาลเห็นวา “การท่ีจะพิจารณาวาที่ดินแปลงใดจะออกโฉนดที่ดินไดหรือไม ตองใชกฎหมายและ
ระเบยี บในวนั ท่ียืน่ คําขอออกโฉนดที่ดนิ การพิจารณาถงึ คณุ สมบตั แิ ละสภาพที่ดินแปลงพิพาท จึงตองพิจารณา
จากบทบัญญัติของกฎหมายและระเบียบที่ใชบังคับอยูในวันท่ีย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดิน เพราะกฎหมายและ
ระเบยี บท่ีกาํ หนดคณุ สมบัติและสภาพท่ีดินท่ีจะออกโฉนดที่ดินหรือไม เทียบเคียงไดกับกฎหมายสารบัญญัติที่
จะตอ งใชก ฎหมายในขณะเกิดเหตมุ าบังคบั ใช จะนํากฎหมายสารบญั ญตั ใิ นขณะพิจารณาคดมี าใชบ งั คบั ยอ นหลงั
ไมได สวนวิธีการวาจะตองดาํ เนินการอยางไรน้ัน จะตองใชกฎหมายในขณะดําเนินการ เม่ือที่ดินแปลงพิพาท
มีการตรวจสอบลักษณะและสภาพท่ีดินไปแลว วา ไมตองหามออกโฉนดท่ีดินแตประการใด ผูถูกฟองคดีที่ ๓
จะอา งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ ซ่ึงมีผลบงั คับใชภายหลงั จากทผ่ี ูฟองคดยี น่ื คาํ ขอออกโฉนดทด่ี ิน
ไปแลว ๙ ปเ ศษ มาปฏิเสธการออกโฉนดทดี่ ินแปลงพิพาทใหก บั ผูฟ องคดี โดยอา งวา ทดี่ ินแปลงพพิ าทของผฟู อ งคดี
มีลักษณะตองหามมิใหอ อกโฉนดท่ีดนิ ตามกฎกระทรวงฉบบั ดังกลา ว จงึ เปน การไมช อบดว ยเหตผุ ลและความเปน ธรรม
ตามกฎหมายและระเบียบ” ดังน้ัน หากการนําเดินสํารวจออกหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
ในขณะนั้นอยใู นหลกั เกณฑทส่ี ามารถออก น.ส. ๓ ก. ได ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
แมเปนการลงนามใน น.ส. ๓ ก. ภายหลังพระราชกฤษฎกี าประกาศกาํ หนดเขตปฏิรูปที่ดนิ ก็ถอื วา เปน น.ส. ๓ ก.
ทชี่ อบดวยกฎหมายและสามารถใชเ ปนหลักฐานในการออกโฉนดทดี่ นิ ได
๕.๒ คณะกรรมการกฤษฎีกาไดมีความเห็นตามหนังสือสํานักงานกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๖๐๑/
๑๒๓๐ ลงวนั ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๓๕ เร่ือง การเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดินในเขตปฏิรูปที่ดิน และดวนที่สุด ที่ นร
๐๖๐๑/๒๐๙ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๓๗ เร่ือง หารือขอกฎหมายเก่ียวกับท่ีดินในเขตปฏิรูปท่ีดินไวแลว วา
“เมือ่ ไดม ีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏิรูปท่ีดินฯ แลว และในเขตปฏิรูปที่ดินดังกลาวไมวาจะเปน
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมท่ดี นิ
๑๑๕
รวมเรือ่ งทีน่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นทีด่ ิน
พื้นที่ท่ี ส.ป.ก. เขาไปดําเนินการก็ตาม พนักงานเจาหนาที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินใหแกราษฎรท่ี
ครอบครองและทาํ ประโยชน อยกู อ นวันทีป่ ระมวลกฎหมายที่ดนิ ใชบังคบั ไมได ถาราษฎรดังกลาวไมไดแจงการ
ครอบครองตามมาตรา ๕ แหง พระราชบญั ญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนมีกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม” ดังนน้ั ผูครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดนิ มากอนวนั ท่ปี ระมวลกฎหมายท่ีดนิ ใชบ งั คบั โดยไมได
แจง การครอบครองทด่ี ิน (ส.ค. ๑) แตเ ปนผซู ึ่งไดแ จงความประสงคจะไดสิทธิในท่ีดินตามมาตรา ๒๗ ตรี แหง
ประมวลกฎหมายที่ดิน ไวกอนมีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน รวมตลอดถึงบุคคลที่
ครอบครองตอ เน่อื งจากบคุ คลดังกลาว และที่ดินนั้นไมอ ยใู นพน้ื ท่ที ต่ี อ งหามมิใหออกโฉนดที่ดินประการอื่นตาม
กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบญั ญัตใิ หใชป ระมวลกฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
ขอ ๑๔ ก็สามารถขอออกโฉนดทดี่ นิ ตามมาตรา ๕๙ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายที่ดินไดตามหลักเกณฑและวิธีการที่
กาํ หนดในกฎกระทรวง ระเบียบของคณะกรรมการจัดที่ดินแหงชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๓๒) รวมทั้งหนังสอื สงั่ การ
ทเ่ี กย่ี วขอ ง
๖. อา งอิง
หนงั สอื กรมทดี่ นิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๑๑๑๔๙ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอหารือ
จงั หวดั สรุ ินทร
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน
๑๑๖
รวมเรอื่ งทีน่ ่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรื่อง : หารือการออกโฉนดที่ดิน
๓. ขอเทจ็ จริง : ประเด็นปญหา
ศูนยอ าํ นวยการเดินสํารวจออกโฉนดท่ีดิน จังหวัดขอนแกน - ชัยภูมิ - กาฬสินธุ หารือ กรณี
ราษฎรผูครอบครองทําประโยชนใ นทีด่ นิ จาํ นวน ๑๙ ราย ประสงคจ ะนาํ พนกั งานเจาหนา ท่ที าํ การรังวัดปก หลักเขต
เพอ่ื ออกโฉนดที่ดนิ โดยไมมหี ลักฐานทด่ี นิ ในทองทหี่ มู ๑๓ ตาํ บลโคกเครือ อาํ เภอหนองกรงุ ศรี จังหวัดกาฬสินธุ
ตําแหนงที่ดนิ ทร่ี าษฎรทง้ั ๑๙ ราย ครอบครองทาํ ประโยชนอ ยู สํานักงานการปฏริ ปู ทดี่ นิ จงั หวดั กาฬสินธุ ไดออก
หลักฐาน ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ใหแกราษฎรท้ัง ๑๙ ราย ภายหลังตรวจสอบพบวาเปนที่ดินอยูนอกเขตปฏิรูปที่ดิน
และราษฎรไดน าํ เอกสาร ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ทั้ง ๑๙ แปลง คืนใหกับสํานักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดกาฬสินธุ เพอ่ื
พิจารณายกเลิกแลว ศูนยอํานวยการเดินสํารวจจังหวัดขอนแกน - ชัยภูมิ – กาฬสินธุ เห็นวา ราษฎรท้ัง ๑๙ ราย
สามารถนําเดินสํารวจเพื่อออกโฉนดที่ดินได เพราะอยูในหลักเกณฑท่ีสามารถออกโฉนดที่ดินไดตามกฎหมาย
การพจิ ารณายกเลิก ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ เปน อาํ นาจหนาทข่ี อง ส.ป.ก. กาฬสินธุ จึงหารือวาความเห็นศนู ยอาํ นวยการ
เดินสาํ รวจฯ ถกู ตอ งหรือไม อยา งไร
๔. ขอ กฎหมาย ระเบียบ คําสั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๕๘ ทวิ
๔.๒ พระราชบญั ญัตกิ ารปฏิรูปท่ดี นิ เพ่อื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๔
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๔.๔ พระราชกฤษฎกี ากําหนดเขตทีด่ ิน ในทองที่ตาํ บลโคกเครือ และตําบลหนองใหญ อําเภอ
หนองกรงุ ศรี จงั หวัดกาฬสนิ ธุ ใหเปน เขตปฏิรูปทดี่ นิ พ.ศ. ๒๕๓๖
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมที่ดิน
๑๑๗
รวมเรื่องท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธิในที่ดิน
๕. ผลการพจิ ารณา
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญพิจารณาแลวเห็นวา ตามขอเท็จจริงท่ีหารือปรากฏวา
ราษฎรผูครอบครองทาํ ประโยชนในทดี่ นิ จาํ นวน ๑๙ ราย มีความประสงคจ ะนําพนักงานเจาหนาทีท่ ําการรังวัด
ปกหลกั เขตเพ่อื ออกโฉนดที่ดิน โดยไมมีหลักฐานที่ดิน ในทองที่หมูที่ ๑๓ ตําบลโคกเครือ อําเภอหนองกรุงศรี
จังหวดั กาฬสนิ ธุ แตปรากฏวาตาํ แหนง ที่ดินที่ราษฎรท้ัง ๑๙ ราย ครอบครองทําประโยชน น้ัน สํานักงานการ
ปฏริ ูปทด่ี ินจงั หวัดกาฬสนิ ธไุ ดอ อกหลกั ฐาน ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ซง่ึ จากการตรวจสอบตําแหนงท่ีดินในระวางแผนท่ี
เพอื่ การออกโฉนดท่ดี นิ พบวา ตาํ แหนง ของท่ดี นิ อยูในระวางแผนท่ี เพื่อการออกโฉนดที่ดินหมายเลข ๕๖๔๒ II
๒๐๔๖ ซง่ึ ไมไ ดอยูในเขตปาสงวนแหงชาติ “ปาดงมูล”หรอื เปนพื้นทต่ี อ งหา มมิใหอ อกโฉนดทีด่ ิน ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)ฯ และจากการตรวจสอบของสํานักงานการปฏิรปู ท่ีดินจังหวัดกาฬสินธุ ตามหนังสือ ที่
กส. ๐๐๑๑/๑๐๙๔ ลงวันท่ี ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๒๘ แจงวาที่ดินทั้ง ๑๘ ราย อยูนอกเขตปฏิรูปท่ีดินและราษฎร
ไดนําเอกสาร ส.ป.ก. ๔ - ๐๑ ทั้ง ๑๘ แปลง ดังกลาวไมอยูในเขตปฏิรูปที่ดิน คือ อยูนอกเขตปฏิรูปท่ีดินตาม
พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในทองท่ีตําบลโคกเครือ และตําบลหนองใหญ อําเภอหนองกรุงศรี จังหวัด
กาฬสนิ ธุ ใหเปนเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ พ.ศ. ๒๕๓๖ และไมใชทห่ี ลวงหวงหา มมใิ หอ อกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดนิ จงึ อยใู น
หลักเกณฑที่อาจออกหนังสือแสดงสทิ ธิในที่ดินได ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น
ศูนยอํานวยการเดินสํารวจฯ จึงสามารถดําเนินการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดินตามหลักเกณฑและวิธีการที่
กฎกระทรวงกําหนดไวใ หแกร าษฎร ทั้ง ๑๙ รายได ตามอาํ นาจหนาที่
๖. อา งองิ
หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๗๔๘ ลงวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตอบขอ
หารือศูนยอ าํ นวยการเดนิ สาํ รวจออกโฉนดที่ดินจงั หวัดขอนแกน - ชยั ภมู ิ - กาฬสนิ ธุ
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๑๑๘
รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอ่ื ง : หารือการออกโฉนดท่ดี นิ ในเขตปา ไมใ หแกส ํานกั งานการปฏริ ปู ทด่ี ินเพื่อเกษตรกรรม
๓. ขอ เท็จจรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดสงเรื่องหารือ กรณี สํานักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สาขาดานขุนทด แจงวา
สาํ นักงานการปฏริ ูปท่ดี นิ เพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ประสงคจะขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินในเขตพื้นท่ีดําเนินการ
ปฏิรูปท่ีดนิ ทองที่ตําบลหวยบง อาํ เภอดานขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยอาศัยหลักฐานหนังสืออนุญาตให
เขาทําประโยชนในเขตปฏิรูปท่ีดิน (ส.ป.ก.๔ – ๐๑) จํานวน ๑๐๐ แปลง ซึ่งจังหวัดเห็นวา ความเห็นของ
คณะกรรมการกฤษฎีกา เร่อื ง หารอื ขอ กฎหมายเก่ยี วกับการปฏบิ ัติตามพระราชบญั ญัตปิ าไมพ ุทธศกั ราช ๒๔๘๔
ในพ้ืนท่ีปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม (เรื่องเสร็จที่ ๗๙๑/๒๕๔๘) วา ท่ีดินท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติ
การปฏริ ปู ที่ดนิ เพ่ือเกษตรกรรมฯ มิใชก ารไดก รรมสิทธิ์ในทีด่ ินมาตามกฎหมายอื่นตามที่กําหนดในมาตรา ๓ (๒)
แหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน ซึ่งขดั แยง กบั มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมทดี่ นิ ครง้ั ท่ี ๔/๒๕๔๐
เมื่อวันท่ี ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ที่พิจารณาวา เมื่อ ส.ป.ก. รองขอใหออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน
พนักงานเจา หนาท่ีตามประมวลกฎหมายท่ีดนิ มีอาํ นาจดาํ เนนิ การใหไ ด แตส อดคลอ งกบั คําพิพากษาศาลฎีกาท่ี๘๓๗๑/
๒๕๕๑ และ ๖๖๗๑/๒๕๕๒ จึงหารือวา เม่ือ ส.ป.ก. รอ งขอใหอ อกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดิน พนกั งานเจา หนาที่
ตามประมวลกฎหมายที่ดินยงั คงมีอํานาจดาํ เนนิ การใหไ ด หรอื มแี นวทางการดําเนนิ การเปน ประการอื่น หรือไม
เพอ่ื จะไดแ จงสาํ นกั งานที่ดนิ จงั หวดั นครราชสมี า สาขาดา นขุนทด ถือปฏิบัติตอ ไป
๔. ขอกฎหมาย ระเบียบ คาํ สงั่ :
๔.๑ ประมวลกฎหมายท่ีดนิ มาตรา ๓, ๕๙
๔.๒ พระราชบญั ญัตกิ ารปฏิรูปทดี่ ินเพ่อื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๓๖ ทวิ ซงึ่ แกไขเพมิ่ เตมิ
โดยพระราชบญั ญตั กิ ารปฏริ ปู ที่ดนิ เพอ่ื เกษตรกรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒
มาตรา ๓๖ ทวิ “บรรดาที่ดินหรอื อสงั หาริมทรัพยใด ๆ ท่ี ส.ป.ก. ไดมาตามพระราชบัญญัติน้ี
หรือไดม าโดยประการอ่ืนท่มี วี ัตถปุ ระสงคเพ่ือประโยชนในการปฏริ ูปทีด่ นิ เพือ่ เกษตรกรรม ไมใหถอื วาเปนทรี่ าชพสั ดุ
และให ส.ป.ก. เปน ผถู ือกรรมสทิ ธิ์เพื่อใชใ นการปฏริ ูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ีดนิ
๑๑๙
รวมเร่ืองท่นี ่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในทีด่ นิ
ใหพนักงานเจาหนาท่ีตามประมวลกฎหมายที่ดินมีอํานาจออกหนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ีดนิ เกี่ยวกบั ทีด่ นิ ของ ส.ป.ก. ตามวรรคหนึง่ ทงั้ นี้ ตามท่ี ส.ป.ก. รองขอ”
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทดี่ ินพจิ ารณาแลวเหน็ วา ตามมาตรา ๓๖ ทวิ วรรคสอง แหง พระราชบญั ญตั กิ ารปฏิรูปที่ดิน
เพอื่ เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ บัญญัติใหพ นกั งานเจา หนาทต่ี ามประมวลกฎหมายทดี่ ินมอี าํ นาจออกหนงั สอื แสดงสทิ ธิ
ในท่ีดินใหกับ ส.ป.ก. เมอ่ื ส.ป.ก. รอ งขอ สวนการทีจ่ ะออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นท่ดี ินใหไดตามหลกั เกณฑวิธีการใด
นั้น จะตอ งนาํ บทบัญญัติแหง ประมวลกฎหมายท่ดี ิน และกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความใน
พระราชบัญญัติใหใชประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาประกอบการพิจารณา ดังนั้น แมท่ีดินท่ี ส.ป.ก.
ไดมาตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมฯ จะมิใชการไดกรรมสิทธิ์ในท่ีดินตามกฎหมายอื่น
ตามท่ีบญั ญตั ิไวใ นมาตรา ๓ (๒) แหง ประมวลกฎหมายทด่ี ิน แตการท่ี ส.ป.ก. ไดรับมอบท่ีดินมาดําเนินการจัดท่ีดิน
ตามวัตถปุ ระสงค ส.ป.ก. จงึ เปน ผมู สี ิทธิในที่ดินโดยชอบดว ยกฎหมาย ซง่ึ สามารถรองขอใหดําเนินการออกหนังสือ
แสดงสทิ ธิในทด่ี นิ เปน การเฉพาะรายได ทง้ั น้ี ตามนยั มาตรา ๕๙ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน ประกอบกับมาตรา ๓ (๑)
แหงประมวลกฎหมายทีด่ ิน และมาตรา ๓๖ ทวิ แหงพระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่ง
แกไ ขเพ่มิ เติมโดยพระราชบญั ญัตกิ ารปฏริ ปู ที่ดนิ เพ่อื เกษตรกรรม (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒
๖. อางอิง
หนงั สือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๗๖๑ ลงวนั ท่ี ๑๕ กุมภาพันธ พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จังหวัดนครราชสมี า
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมที่ดนิ
๑๒๐
รวมเรื่องทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นท่ีดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอื่ ง : หารอื แนวทางปฏิบัตติ ามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัติแกไ ขเพิ่มเตมิ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน
(ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
๓. ขอ เท็จจริง : ประเด็นปญหา
จังหวัดแจง วา สาํ นกั งานท่ดี นิ จังหวดั อดุ รธานี สาขากุมภวาป ไดขอหารอื แนวทางปฏิบัติ กรณี
นางสาว น ผูจดั การมรดกนาย ท ไดย ่ืนคาํ ขออกโฉนดทด่ี นิ โดยอาศยั หลักฐาน ส.ค. ๑ เลขท่ี ๑๓๘ หมูท่ี ๔ ตําบลแชแล
อาํ เภอกุมภาป จงั หวัดอดุ รธานี ซงึ่ เจา หนา ทไ่ี ดรังวัดและประกาศครบกาํ หนดแลว ไมมีผูใดโตแยงคัดคาน และไดมี
หนังสือแจงใหผูขอนําสําเนาหลักฐานการรังวัดและเอกสารท่ีเก่ียวของไปดําเนินการย่ืนคํารองตอศาลจังหวัด
อดุ รธานี ในระหวางรอผลการตรวจสอบกับระวางแผนทีร่ ปู ถายทางอากาศหรือระวางรปู ถา ยทางอากาศฉบบั ทที่ าํ ข้ึน
กอ นสุดเทาท่ีทางราชการมีอยูจากกรมที่ดิน ตามหนังสือกรมที่ดินดวนที่สุด ที่ มท. ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๗๗๐๑
ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓ เร่ือง การดําเนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวล
กฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ และหนังสือกรมทดี่ นิ ดว นทีส่ ดุ มท ๐๕๑๖.๒(๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันท่ี ๑๐
พฤษภาคม ๒๕๕๓ เร่ือง แนวทางปฏิบัติเพื่อดําเนินการตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพิ่มเติมประมวล
กฎหมายทีด่ ิน (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลังวันท่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๓ (แกไ ขเพิ่มเตมิ ) ศาลจงั หวดั อุดรธานี
ไดมีคําส่ังถงึ ทสี่ ดุ วา นางสาว น ผูจ ดั การมรดกนาย ท เปนผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบ
ดว ยกฎหมายอยูกอ นวนั ที่ประมวลกฎหมายทีด่ ินใชบงั คบั จงั หวดั พิจารณาแลว เหน็ วา เมอ่ื ศาลไดม คี าํ สง่ั ถงึ ทส่ี ดุ วา
ผรู อ งไดค รอบครองและทาํ ประโยชนในทีด่ นิ โดยชอบดว ยกฎหมายอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ
เจา พนกั งานที่ดนิ สามารถลงนามออกโฉนดท่ีดินได แตเพื่อความรอบคอบจึงขอหารือวาความเห็นของจังหวัด
ถูกตองหรือไมอ ยา งไร
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ ส่งั :
๔.๑ มาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั แิ กไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๕๕๓
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญ
กรมที่ดนิ
๑๒๑
รวมเรอื่ งท่ีน่าสนใจ
กลุ่มพัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในที่ดิน
๔.๒ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๗๗๐๑ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๓
เรื่อง การดาํ เนินการตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญัตแิ กไ ขเพิม่ เติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
ประกอบคําสงั่ กรมท่ีดนิ ที่ ๖๒๐/๒๕๕๓ ลงวันท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๕๓
๔.๓ หนังสือกรมท่ีดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท ๐๕๓๖.๒ (๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม
๒๕๕๓ เรอื่ ง แนวทางปฏิบตั เิ พื่อดาํ เนนิ การตามมาตรา ๘ แหงพระราชบญั ญัติแกไ ขเพ่ิมเตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน
(ฉบบั ที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ภายหลังวนั ที่ ๘ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๓ (แกไ ขเพิม่ เติม)
๔.๔ หนังสือกรมที่ดิน ดวนท่ีสุด ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๑๖๓๒ ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
เรอ่ื ง การขอหารือแนวทางปฏบิ ตั ิตามมาตรา ๘ แหง พระราชบญั ญตั ิแกไ ขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับท่ี ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ตอบขอหารือจังหวัดพัทลุง สรุปวา กรณีมีผูย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดิน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.๑
เลขที่ ๑๓๐ หมทู ี่ ๓ ตาํ บลดอนทราย อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง หลังจากที่มาตรา ๘ แหงพระราชบญั ญัติ
แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ใชบังคับ ซ่ึงตองดําเนินกาใหครบถวนตาม
บทบัญญัตดิ ังกลาว แตกรณที ห่ี ารือยงั ไมม ีการแจง ใหก รมท่ีดินตรวจสอบกับระวางแผนทรี่ ูปถา ยทางอากาศหรือ
ระวางรปู ถา ยทางอากาศฉบับท่ที ําขน้ึ กอนสดุ เทาทท่ี างราชการมีอยู ศาลไดม ีคาํ สงั่ วา ผูขอเปนผูครอบครองและ
ทาํ ประโยชนในทีด่ ินตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบญั ญตั แิ กไขเพม่ิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว และเมอื่ ศาลมีคาํ พพิ ากษาหรือคําสั่งถือวาศาลไดใชดุลยพินิจในการพิจารณาแลว จึงไมควร
ยอ นกลับไปดําเนินการอา นแปลภาพถายทางอากาศและแจงศาลอีก เนื่องจากเปนกระบวนการที่ตองทํากอน
เสนอความเห็นตอศาล ประกอบกับจากผลการตรวจสอบของจังหวัดในภายหลังปรากฏวา ที่ดินไมอยูในเขต
ปาสงวนแหงชาติ ทส่ี าธารณประโยชน หรือในพื้นท่ีทจ่ี ะตองมีการตรวจพิสูจนท่ีดินตามระเบียบกฎหมายกอน
และอยูในหลกั เกณฑท จ่ี ะออกโฉนดทีด่ ินใหแกผูข อได จึงใหจงั หวัดแจง สาํ นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั พทั ลงุ สาขาควนขนนุ
ออกโฉนดทีด่ นิ ใหแ กผขู อตามคาํ ส่ังศาลตอไป
๔.๕ หนังสือกรมที่ดินท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๖๑๑๖ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ เรื่อง การขอ
ขยายระยะเวลาตอศาลตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติแกไขเพ่มิ เติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑)
พ.ศ. ๒๕๕๑
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมทีด่ นิ
๑๒๒
รวมเรื่องที่นา่ สนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน
๕. ผลการพิจารณา
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสอื สําคัญพจิ ารณาแลวเหน็ วา ตามมาตรา ๘ แหงพระราชบัญญัติ
แกไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ กาํ หนดใหผูซง่ึ ครอบครองและทําประโยชน
ในท่ดี นิ อยกู อ นวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายทดี่ ินใชบงั คบั โดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) และ
ยังไมไดย ืน่ คาํ ขอออกโฉนดท่ดี ินหรือหนงั สอื รบั รองการทําประโยชน นาํ หลักฐานการแจงการครอบครองทดี่ นิ นนั้
มายืน่ คาํ ขอเพอื่ ออกโฉนดทด่ี นิ หรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนต อ พนงั กานเจาหนา ที่ภายในวนั ที่ ๘ กุมภาพันธ
๒๕๕๓ ซงึ่ ตามวรรคสาม กําหนดวา เมอ่ื พน กาํ หนดเวลาดังกลา ว หากมผี นู ําหลกั ฐานการแจง การครอบครองทด่ี นิ
มาขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทาํ ประโยชน พนักงานเจาหนาที่จะออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือ
รับรองการทาํ ประโยชนใ หไ ดต อเม่อื ศาลยตุ ิธรรมไดมคี าํ พิพากษาหรอื คําสงั่ ถึงท่ีสดุ วา ผนู ั้นเปน ผซู ึง่ ไดค รอบครอง
และทําประโยชนในท่ีดินโดยชอบดวยกฎหมายอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ และตามวรรคสี่
กาํ หนดวา ในการพิจารณาของศาลตามวรรคสาม ใหศ าลแจงใหกรมที่ดินทราบและใหกรมที่ดินตรวจสอบกับ
ระวางแผนทร่ี ูปถายทางอากาศหรือระวางรูปถายทางอากาศฉบับทท่ี าํ ขนึ้ กอนสุดเทา ทท่ี างราชการมอี ยู พรอ มทงั้
ทําความเห็นเสนอตอศาลวา ผูนั้นไดครอบครองหรือทาํ ประโยชนในท่ีดินน้ัน โดยชอบดวยกฎหมายกอนวันท่ี
ประมวลกฎหมายท่ีสุดใชบังคับหรือไม ภายใน ๑๘๐ วัน นับแตวันไดรับแจงจากศาล เวนแตศาลจะขยาย
ระยะเวลาเปนอยา งอ่ืน เพอ่ื ประกอบการพิจารณาของศาล กรมท่ีดินจึงไดกําหนดแนวทางปฏิบัตติ ามหนังสือ
กรมทด่ี นิ ดว นทสี่ ดุ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒ (๑)/ว ๑๔๗๘๙ ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เพ่อื ใหพนักงานเจาหนาท่ี
ปฏบิ ตั เิ ปนขน้ั ตอนกอ นเสนอความเหน็ ตอศาล โดยสรปุ วา เมอ่ื มีผยู ื่นคํารอ งตอศาลเพื่อขอใหศาลมีคําพิพากษา
หรือคําส่งั วา ผูรอ งเปน ผคู รอบครองและทําประโยชนในทดี่ นิ โดยชอบดว ยกฎหมายอยกู อนวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดิน
ใชบังคับ หากเปนกรณผี ยู ่นื คํารอ งไปยน่ื คํารองตอศาลโดยยังมิไดยื่นคํารอ งขอออกโฉนดท่ีดินที่สํานักงานที่ดิน
สาํ นกั งานท่ีดนิ จะแจงใหศาลทราบเพือ่ ใหผรู อ งมายืน่ คาํ ขอออกโฉนดท่ีดินท่ีสํานักงานที่ดินและดําเนินการตาม
ระเบยี บจนทราบตําแหนง ท่แี ลว สาํ นกั งานทด่ี ินจึงจะสงเรอ่ื งราวการรังวดั ทงั้ หมด ใหกรมที่ดินเพ่ือตรวจสอบกับ
ระวางแผนท่ีรปู ถายทางอากาศหรอื ระวางรูปถา ยทางอากาศฉบับทที่ าํ ขน้ึ กอ นสดุ เทา ทที่ างราชการมอี ยู และกรมทดี่ นิ
จะแจงผลการตรวจสอบใหจงั หวดั ทราบเพอ่ื รายงานผลการตรวจสอบพรอมกบั ความเห็นใหศาลทราบตามแบบ
รายงานความเห็นตอศาล สํานักงานท่ีดินท่ีรับคําขอจึงตองดําเนินการตรวจสอบตามแบบใหครบถวนกอนทํา
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมทีด่ ิน
๑๒๓
รวมเร่ืองท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ดี นิ
ความเห็นเสนอตอศาล โดยผานเจาพนักงานที่ดินจงั หวัดในฐานะเปนผูรับมอบอํานาจจากอธิบดีกรมที่ดิน
หากไมสามารถดําเนนิ การไดภายในระยะเวลาทีก่ ฎหมายกาํ หนดใหจังหวัดมหี นงั สอื ขอขยายระยะเวลาตอศาล
สําหรับกรณีที่หารือ นางสาว น ผูจัดการมรดก นาย ท ไดยื่นคําขอออกโฉนดที่ดิน พนักงาน
เจาหนา ท่รี บั คาํ ขอและดาํ เนินการรงั วดั แลว ในระหวางดําเนนิ การรอผลการตรวจสอบระวางแผนท่ีรูปถายทาง
อากาศหรอื ระวางรูปถา ยทางอากาศฉบับทท่ี ําข้นึ สุดเทาทีท่ างราชการมีอยูจ ากกรมทดี่ นิ ผขู อไดด าํ เนนิ การยน่ื คาํ รอ ง
ตอศาลในฐานะสวนตัวและผูจัดการมรดกของนาย ท เพ่ือใหศาลมีคําพิพากษาหรือคําส่ังวาผูขอเปนผูซ่ึงได
ครอบครองทาํ ประโยชนในทด่ี ินโดยชอบดวยกฎหมายมากอนวนั ทป่ี ระมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ และศาลจังหวัด
อุดรธานีไดพจิ ารณาและมีคาํ สง่ั ถงึ ทส่ี ุดในคดแี พงหมายเลขแดงที่ ๑๘๕๖/๒๕๔๗ (ที่ถกู ตองเปน ๒๕๕๗) ลงวันที่
๑ กันยายน ๒๕๕๗ วา ผูรองเปนผูมีสิทธิรับมรดกของผูตาย ทั้งนี้ ผูตายไดครอบครองทําประโยชนใน
ท่ีดินทม่ี ีสทิ ธิครอบครองตามแบบ ส.ค.๑ อยกู อนวนั ทีป่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ งั คบั เมื่อผูต ายถึงแกความตาย
ผูร องก็ครอบครองทําประโยชนในทด่ี นิ ตลอดมา ผรู อ งจงึ เปน ผูมสี ทิ ธคิ รอบครองในทดี่ ิน จึงมีคําส่ังวา นางสาว น
เปน ผซู ึ่งไดค รอบครองและทําประโยชนในที่ดินตามแบบแจง การครอบครองทดี่ นิ ส.ค. ๑ ทะเบียนการครอบครองท่ีดิน
เลขท่ี ๑๓๘ หมูท่ี ๔ ตําบลแชแล อําเภอกุมภวาป จังหวัดอุดรธานี โดยชอบดวยกฎหมายอยูกอนวันที่ประมวล
กฎหมายที่ดนิ ใชบงั คบั กรณีนี้ถือวาศาลมคี ําพพิ ากษาหรอื คําสั่งตามมาตรา ๘ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติ
แกไขเพ่มิ เตมิ ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ แลว และเมอ่ื ศาลมีคาํ พพิ ากษาหรอื คําส่ังถงึ ท่สี ุดแลว
ถอื วาศาลไดใชด ลุ ยพนิ ิจในการพจิ ารณาแลว กรณนี ้ไี มควรยอ นกลับไปดําเนนิ การอานแปลภาพถายทางอากาศ
และแจงศาลอกี เนื่องจากเปน กระบวนทีต่ องทํากอ นเสนอความเห็นตอ ศาล ดังน้ัน หากท่ีดินที่ขอออกโฉนดท่ีดิน
อยูใ นหลกั เกณฑท ี่สามารถออกโฉนดท่ดี ินใหผ ขู อไดไ มเ ปนที่สงวนหวงหา มทสี่ าธารณประโยชน หรือไมใชพื้นท่ีท่ี
จะตองมีการตรวจพิสูจนท่ีดินตามระเบียบกฎหมายกอนเจาพนักงานที่ดินมีอํานาจพิจารณาดําเนินการออก
โฉนดท่ดี นิ ใหผ ขู อตามคาํ สง่ั ศาลตอ ไปได
๖. อา งองิ
หนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๑๗๘๖๙ ลงวันท่ี ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จังหวดั อดุ รธานี
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สาํ คญั
กรมทดี่ นิ
๑๒๔
รวมเร่ืองท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสทิ ธใิ นทดี่ นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรื่อง : หารือประเภทเอกสารท่เี ก่ียวกบั ทดี่ นิ (ส.ค. ๑) เพอื่ ใชเปนหลกั ฐานในการพจิ ารณารับเขารวม
โครงการสรา งความเขมแข็งใหแ กเกษตรกรชาวสวนยาง
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญหา
การยางแหงประเทศไทยสง เรื่องหารือ กรณี เกษตรกรไดน าํ แบบแจงการครอบครองทีด่ นิ (ส.ค. ๑)
ท่ีพน กําหนดระยะเวลายืน่ คาํ ขอออกโฉนดทด่ี ิน หรือหนงั สอื รับรองการทําประโยชนม าย่ืนเร่ืองเพ่ือขอเขารวมโครงการ
สรา งความเขม แข็งใหแ กเ กษตรกรชาวสวนยาง จึงขอทราบรายละเอียด หลักเกณฑของแบบแจงการครอบครองท่ีดิน
(ส.ค. ๑) เพือ่ เปน แนวทางประกอบการพจิ ารณาสทิ ธิของเกษตรกรในการเขารว มโครงการฯ
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําสั่ง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายที่ดนิ มาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙
๔.๒ พระราชบญั ญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๓ พระราชบัญญัตแิ กไ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายทีด่ ิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบบั ที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๔
๕. ผลการพจิ ารณา
กรมทด่ี ินพิจารณาแลว เหน็ วา
๕.๑ แบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) เปนเอกสารท่ีออกตามมาตรา ๕ แหง
พระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ใหแกผูท ีแ่ จง ตอนายอําเภอทองท่ีวาตนเปนผูครอบครอง
และทําประโยชนในทด่ี ินอยูก อ นวนั ทปี่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ ังคับ โดยไมมีหนงั สือสําคัญแสดงกรรมสิทธ์ิท่ีดิน
เทา นน้ั ซึ่งการแจงดงั กลาวไมกอใหเ กดิ สิทธิข้ึนใหมแ กผแู จง แตประการใด กลา วคือ หากผูแจงมีสิทธิอยูโดยชอบ
ดวยกฎหมายอยูกอนการแจงก็คงมีสิทธิเชนนั้นตอไป แตถาไมมีสิทธิในท่ีดินนั้นมากอน เชน เดิมเปนที่สงวน
หรอื ท่ีหวงหามอยูกอน ผูแจง ไปแจง การครอบครองในทด่ี นิ เหลานี้ แมจะไดรบั ส.ค. ๑ ไวเปนหลักฐาน ก็ไมทําให
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมทด่ี นิ
๑๒๕
รวมเรอื่ งทีน่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธใิ นที่ดิน
กลายเปน ผูมสี ิทธใิ นท่ีดนิ หวงหา มนัน้ ได ทัง้ นี้ ตามนัยมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน
พ.ศ. ๒๔๙๗ ดังกลาว ซ่ึงผูครอบครองและทําประโยชนในที่ดินโดยชอบดวยกฎหมายสามารถนําหลักฐาน
แบบแจง การครอบครองท่ีดิน (ส.ค. ๑) ไปยืน่ คาํ ขอรงั วัดออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชนได
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
๕.๒ ตอมาไดมีพระราชบัญญัติแกไขเพ่ิมเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๘ วรรคแรก บญั ญตั ิวา “ใหผ ซู ่ึงไดครอบครองและทาํ ประโยชนในท่ีดินอยูกอนวันท่ีประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใชบังคับ โดยมีหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดิน และยังมิไดย่ืนคําขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชน นําหลกั ฐานการแจงการครอบครองทีด่ นิ น้นั มายนื่ คําขอเพือ่ ออกโฉนดที่ดินหรอื หนังสือรับรอง
การทําประโยชนต อ พนกั งานเจา หนา ทภ่ี ายในสองปน ับแตว นั ทพ่ี ระราชบญั ญัตินใ้ี ชบ งั คับ” และมาตรา ๘ วรรคสาม
บัญญตั ิวา “เมอื่ พนกาํ หนดเวลาตามวรรคหน่งึ หากมผี ูนําหลักฐานการแจงการครอบครองที่ดนิ มาขอออกโฉนดทดี่ นิ
หรอื หนงั สอื รับรองการทําประโยชน พนกั งานเจา หนา ที่จะออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรับรองการทําประโยชนให
ไดตอเม่ือศาลยุติธรรมไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งถึงท่ีสุดวา ผูนั้นเปนผูซ่ึงไดครอบครองและทําประโยชน
ในท่ีดินโดยชอบดว ยกฎหมายอยูก อ นวนั ที่ประมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคับ” ซึ่งเจตนารมณของพระราชบัญญัติ
แกไ ขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายท่ีดิน (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘ เปนการกําหนดเพื่อใหมีมาตรการ
เรง รัดผูมหี ลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดินมาดําเนินการเพื่อขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน
๕.๓ โดยผลของพระราชบญั ญตั แิ กไขเพมิ่ เติมประมวลกฎหมายท่ดี นิ (ฉบบั ท่ี ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑
มาตรา ๘ แมผคู รอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดนิ โดยมีหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) จะไมได
ยืน่ คาํ ขอภายในสองปน ับแตว ันที่พระราชบัญญัติดังกลา วใชบงั คับ.หากมีหลกั ฐานแบบแจงการครอบครองที่ดิน
(ส.ค. ๑) โดยชอบดว ยกฎหมาย เจาของท่ีดินกย็ งั คงมีสิทธคิ รอบครองในที่ดินโดยชอบดว ยกฎหมายตามประมวล
กฎหมายท่ีดิน โดยสามารถยน่ื เรอ่ื งขอออกโฉนดที่ดินหรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนได แตเ จา พนักงานที่ดนิ
สํานักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทดี่ นิ
๑๒๖
รวมเร่ืองทีน่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี นิ
จะออกโฉนดท่ีดินหรอื หนงั สือรบั รองการทําประโยชนใ หไ ดตอ เมอื่ ศาลไดม ีคาํ พิพากษาหรือคําส่ังถึงท่ีสุดวาผูน้ัน
เปนผูซึง่ ไดค รอบครองและทําประโยชนในทีด่ นิ โดยชอบดวยกฎหมายอยกู อนวนั ทปี่ ระมวลกฎหมายทด่ี นิ ใชบ งั คบั
แลวเทา นนั้
๖. อางอิง
หนงั สือกรมท่ีดิน ดวนที่สุด ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๕๓๖๐ ลงวันท่ี ๗ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอ
หารือผวู า การการยางแหงประเทศไทย
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมที่ดิน
๑๒๗
รวมเร่ืองทนี่ า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดนิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เร่อื ง : หารือกรณีราษฎรขอออกโฉนดทดี่ ินเฉพาะรายตามหลกั ฐานแบบแจง การครอบครองที่ดนิ (ส.ค. ๑)
๓. ขอ เทจ็ จริง : ประเดน็ ปญหา
จังหวัดสง เรอ่ื งหารือกรมทด่ี นิ กรณี นาย อ ไดย ื่นคาํ ขอรงั วัดออกโฉนดที่ดินเฉพาะราย โดยอาศัย
หลักฐานแบบแจงการครอบครองท่ดี ิน (ส.ค. ๑) เลขท่ี ๓, ๕, ๗, ๘, ๑๓, ๒๓, ๒๔, ๒๕, ๒๘, ๑๕๒ และ ๑๕๘
หมทู ่ี ๓ ตําบลปูยู อําเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ซึ่ง ส.ค. ๑ ดังกลาวทั้ง ๑๑ แปลง มีบุคคลสัญชาติมาเลเซีย
เปนผูแ จง การครอบครองทด่ี นิ (ส.ค. ๑) โดยไมปรากฏหลักฐานวา บุคคลดังกลาวไดเขา มาในประเทศไทยโดยชอบ
ดวยกฎหมายหรอื ไม เนือ่ งจากยงั ไมม แี นวทางปฏิบัตจิ งึ หารือวา
๓.๑ หลักฐานแบบแจงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ซ่ึงมีบุคคลสัญชาติมาเลเซียเปนผูแจง
การครอบครองท่ีดนิ ชอบดวยกฎหมายหรอื ไม
๓.๒ นาย อ ผูครอบครองทําประโยชนในที่ดินตอเนื่องมาจากบุคคลสัญชาติมาเลเซียซึ่งเปน
ผูแจง การครอบครองทีด่ ิน สามารถนาํ หลักฐานแบบแจงการครอบครองทดี่ นิ (ส.ค. ๑) มาใชเ ปน หลักฐานในการ
ขอออกโฉนดทด่ี นิ เฉพาะรายไดหรือไม
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คําส่ัง :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทด่ี ิน มาตรา ๕๙, ๘๖, ๘๘ และ ๙๔
๔.๒ พระราชบัญญตั ิใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๕
๔.๓ พระราชบญั ญัติทด่ี ินในสวนทีเ่ กี่ยวกับคนตา งดาว พุทธศักราช ๒๔๘๖
๔.๔ กฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายที่ดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ (๑๔)
๔.๕ มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมทด่ี ิน ครั้งท่ี ๑๐/๒๕๔๔ เมอื่ วนั ท่ี ๔
ตลุ าคม ๒๕๔๔ เรอ่ื ง ขอใหต รวจสอบ ส.ค. ๑
๔.๖ หนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท ๐๖๐๗/ว ๑๑๗๒ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๔
เรอ่ื ง สนธสิ ัญญาทางไมตรี พาณชิ ยและการเดินเรอื และการไดมาซึง่ กรรมสทิ ธิใ์ นทีด่ นิ ของคนตางดา ว
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนังสือสาํ คัญ
กรมท่ีดิน
๑๒๘
รวมเร่อื งท่นี า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธใิ นท่ีดิน
๔.๗ หนังสือกระทรวงการตางประเทศ ท่ี กต ๐๖๐๓/๓๖๑๑๖ ลงวันท่ี ๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๕
เรือ่ ง สนธสิ ญั ญาทางไมตรี พาณชิ ยและการเดินเรือ และการขอไดมาซึง่ กรรมสทิ ธิ์ในทดี่ นิ ของคนตางดา ว
๔.๘ หนังสือกรมท่ดี ิน ที่ ๔๑๔๘/๒๔๙๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ เวียนหนังสือตอบขอหารือ
จังหวัดพิษณุโลก เรื่อง หารือการแจงการครอบครองท่ีดิน สรุปไดวา คนตางดาวที่ถือสิทธิครอบครองที่ดิน
กอ นหรือภายหลงั วนั ใช พ.ร.บ. ท่ีดนิ ในสว นทเ่ี กีย่ วกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ และจะไดที่ดินมาโดยไดรับอนุญาต
จากพนกั งานเจาหนาที่ ตาม พ.ร.บ. ที่ดินในสวนท่ีเกี่ยวกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ หรือไมก็ตาม ตองแจงการ
ครอบครองที่ดินตามความในมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. ใหใ ชป ระมวลกฎหมายท่ีดนิ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพราะไมมีบทบัญญัติ
เปน ขอยกเวนไวแตประการใด เม่ือไดรับแจงการครอบครองที่ดินไวแลว หากปรากฏวาผูใดกระทําการฝาฝน
พ.ร.บ. ทีด่ ินในสว นทเ่ี กย่ี วกับคนตางดาวฯ ดังกลา วแลว กใ็ หพ นกั งานเจาหนาทีพ่ จิ ารณาดาํ เนินการในเรอ่ื งที่ฝาฝน
ไปตามควรแกก รณี
๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดินพิจารณาแลวเห็นวา ตามประเด็นท่ีจังหวัดหารือ กรมที่ดินไดพิจารณาเปนที่ยุติ
และแจงใหจงั หวัดทราบแลว ตามหนังสือกรมทดี่ ิน ที่ มท ๐๗๒๘/๒๗๓๗๑ ลงวันท่ี ๒๙ ตลุ าคม ๒๕๔๔ สรุปวา
ตามหนังสือกรมท่ีดิน ท่ี ๔๑๔๘/๒๔๙๘ ลงวันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๙๘ (เวียนหนังสือตอบขอหารือจังหวัด
พิษณโุ ลก เรื่อง หารือการแจงการครอบครองท่ีดิน) ไดวางแนวทางปฏิบัติวา คนตางดาวท่ีถือสิทธิครอบครอง
ทด่ี นิ กอนหรือหลงั วันใชพ ระราชบัญญตั ิท่ีดินในสวนทีเ่ ก่ียวกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ จะไดท่ีดินมาโดยไดรับ
อนุญาตจากพนักงานเจาหนาท่ีตามพระราชบัญญัติในสวนท่ีเกยี่ วกับคนตางดาว พ.ศ. ๒๔๘๖ หรือไมก็ตาม
ตอ งแจงการครอบครองทีด่ นิ ตามความในมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติใหใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน
๑๒๙
รวมเร่อื งทนี่ ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดนิ
เพราะไมมบี ทบญั ญัติเปนขอ ยกเวน ไว การทค่ี นตา งดา วสญั ชาตมิ าเลเซยี ไดแ จงการครอบครองที่ดิน (ส.ค. ๑) ไว
จงึ เปนการแจงทีช่ อบแลว คนไทยทค่ี รอบครองทําประโยชนใ นท่ีดินตอเนอื่ งจากคนตางดา ว จงึ สามารถนํา ส.ค. ๑
มาใชเ ปนหลักฐานในการออกหนงั สอื แสดงสิทธใิ นที่ดนิ ได
๖. อางอิง หนงั สอื กรมท่ีดนิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๕๕๕๘ ลงวันท่ี ๙ มีนาคม พ.ศ..๒๕๕๙ ตอบขอหารือจังหวัด
สตูล
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมทด่ี ิน
๑๓๐
รวมเรื่องท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทีด่ นิ
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เรอ่ื ง : การหา มโอนทดี่ นิ ภายในสิบป
๓. ขอเท็จจรงิ : ประเด็นปญ หา
๓.๑ สํานักงานอําเภอพิบูลมังสาหารไดมีหนังสือ ที่ สบ ๐๖๐๒/๑๑ ลงวันท่ี ๑๕ กันยายน
๒๕๕๗ หารือกรณีการหามโอนท่ีดินภายในสิบป วา วัดเปนนิติบุคคล เปนสถานท่ีราชการ จะไดรับขอยกเวน
ในเรื่องการหามโอนภายในสิบป ตามมาตรา ๕๘ ทวิ แหง ประมวลกฎหมายทด่ี นิ หรอื ไม อยา งไร
๓.๒ สํานักมาตรฐานการทะเบียนท่ีดินมีบันทึก ท่ี มท ๐๕๑๕.๒/๑๕๓๗ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน
๒๕๕๗ สง เรอื่ งใหส ํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั พจิ ารณา กรณสี ํานักงานอาํ เภอพบิ ลู มงั สาหารขอหารอื วา
วัดไดตั้งขน้ึ ถกู ตอ งตามกฎหมายเนื่องจากทางคณะสงฆไ ดแตงต้ังเจาอาวาสและไวยาวัจกรแลว กรณีที่วัดรับให
ท่ดี นิ จากชาวบาน แตไ มม ีหนงั สือแสดงกรรมสทิ ธิ์ (รวมที่ดนิ เดิมไมเกนิ ๑๕ ไร) วัดจะขอออกโฉนดทด่ี นิ ในนามของวดั
ไดห รือไม
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
มาตรา ๑ บญั ญตั วิ า ในประมวลกฎหมายน้ี
“ทบวงการเมือง” หมายความวา หนวยราชการที่มีฐานะเปนนิติบุคคลของราชการ
สว นกลาง สว นภูมิภาค หรือราชการสว นทองถนิ่
มาตรา ๕๘ ทวิ เม่ือไดส าํ รวจรงั วัดทําแผนท่ี หรือพิสจู นสอบสวนการทาํ ประโยชนในท่ีดิน
ตามมาตรา ๕๘ แลว ใหพ นักงานเจาหนา ที่ออกโฉนดทด่ี นิ หรือหนังสือรับรองการทําประโยชนแ ลวแตก รณีใหแก
บุคคลตาท่ีระบุไวในวรรคสอง เม่ือปรากฏวาที่ดินที่บุคคลน้ันครอบครองเปนที่ดินท่ีอาจออกโฉนดท่ดี ินหรือ
หนงั สือรับรองการทําประโยชนไ ดตามประมวลกฎหมายนี้
บุคคลซึ่งพนักงานเจาหนาที่อาจออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
ตามวรรคหน่งึ ใหไ ด คอื
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ีดิน
๑๓๑
รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลุม่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในท่ีดนิ
(๑) ผูซึ่งมีหลักฐานการแจงการครอบครองท่ีดิน มีใบจอง ใบเหยียบย่ํา หนังสือรับรอง
การทําประโยชน โฉนดตราจอง ตราจองทต่ี ราวา “ไดท ําประโยชนแลว” หรือเปนผูมีสิทธิตามกฎหมายวาดวย
การจัดท่ดี ินเพื่อการครองชพี
(๒) ผูซ ง่ึ ไดปฏิบัตติ ามมาตรา ๒๗ ตรี
(๓) ผูซึ่งครอบครองที่ดินและทําประโยชนในท่ีดินภายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายน้ี
ใชบังคบั และไมม ีใบจอง ใบเหยยี บยาํ่ หรอื ไมม ีหลักฐานวา เปน ผมู สี ทิ ธิตามกฎหมายวาดวยการจัดที่ดินเพื่อการ
ครองชพี
เพื่อประโยชนแ หงมาตราน้ี ผซู ่ึงมหี ลักฐานการแจง การครอบครองทดี่ ินตามวรรคสอง (๑)
ใหหมายความรวมถึงผูซึ่งไดครอบครองและทําประโยชนใ นท่ีดินตอ เนือ่ งมาจากบุคคลดงั กลา วดว ย
สําหรับบุคคลตามวรรคสอง (๒) และ (๓) ใหออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทํา
ประโยชน แลว แตกรณี ไดไมเกินหาสิบไร ถาเกินหาสิบไร จะตองไดรับอนมุ ัติจากผูวาราชการจังหวัดเปนการ
เฉพาะราย ท้ังนี้ ตามระเบยี บท่คี ณะกรรมการกําหนด
ภายในสิบปน ับแตวันท่ีไดรับโฉนดทดี่ นิ หรอื หนังสอื รบั รองการทาํ ประโยชนตามวรรคหน่ึง
หา มมใิ หบ คุ คลตามวรรคสอง (๓) ผูไดม าซึ่งสทิ ธิในทดี่ นิ ดังกลาวโอนทด่ี นิ ใหแ กผ ูอ่ืน เวน แตเปน การตกทอดทางมรดก
หรือการโอนใหแกทบวงการเมือง องคการของรัฐบาลตามกฎหมายวาดวยการจัดตั้งองคการของรัฐบาล
รฐั วสิ าหกจิ ท่จี ดั ต้งั ขึน้ โดยพระราชบัญญัติ หรอื โอนใหแกสหกรณเพ่ือชําระหนี้โดยไดรับอนุมัติการนายทะเบียน
สหกรณ
ภายในกาํ หนดระยะเวลาหามโอนตามวรรคหา ทด่ี นิ น้ันไมอ ยใู นขา ยแหง การบงั คบั คดี
มาตรา ๕๙ ในกรณที ี่มีผูมสี ิทธิครอบครองท่ีดินมาขอออกโฉนดท่ีดินหรือหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนเปนการเฉพาะรายไมวาจะมีประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๕๘ แลวหรือไมก็ตาม
เมื่อพนักงานเจาหนาที่พิจารณาเห็นสมควร ใหดาํ เนินการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทําประโยชน
แลว แตก รณี ไดตามหลกั เกณฑแ ละวธิ ีการทีป่ ระมวลกฎหมายนีก้ ําหนด
เพ่ือประโยชนแหงมาตรานี้ ผูมีสิทธิครอบครองท่ดี ินตามวรรคหน่งึ ใหหมายความรวมถึง
ผซู งึ่ ไดครอบครองและทําประโยชนในทดี่ นิ ตอ เนอ่ื งมาจากผูซง่ึ มีหลักฐานการแจง การครอบครองดวย
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมทด่ี ิน
๑๓๒
รวมเรือ่ งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในทดี่ นิ
๔.๒ ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๖๕ นิติบุคคลจะมีขึ้นไดก็แตดวยอาศัยอํานาจ
แหงประมวลกฎหมายน้หี รอื กฎหมายอืน่
๔.๓ พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
มาตรา ๗ ใหจัดระเบยี บบริหารราชการสว นกลางดงั น้ี
(๑) สาํ นกั นายกรฐั มนตรี
(๒) กระทรวง หรอื ทบวงซ่งึ มีฐานะเทียบเทา กระทรวง
(๓) ทบวง ซงึ่ สงั กัดสาํ นกั นายกรัฐมนตรีหรอื กระทรวง
(๔) กรม หรือสว นราชการที่เรยี กชอ่ื อยางอนื่ และมสี ถานะเปน กรม ซึ่งสังกัดหรือไมสังกัด
สาํ นักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง
สํานักนายกรฐั มนตรมี ฐี านะเปน กระทรวง
สว นราชการตาม (๑) (๒) (๓) และ (๔) มฐี านะเปน นิตบิ คุ คล
มาตรา ๕๑ ใหจัดระเบียบบริหารราชการสวนภมู ิภาคดงั น้ี
(๑) จังหวดั
(๒) อาํ เภอ
๔.๔ พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซง่ึ แกไขเพมิ่ เตมิ พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๓๕
มาตรา ๑๙ วัดท่ีฐานะเปนนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยใหมีฐานะ
เปน นติ ิบคุ คลตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ซง่ึ แกไ ขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั นิ ้ี
มาตรา ๓๑ วัดมีสองอยาง
(๑) วัดทไ่ี ดรบั พระราชทานวสิ ุงคามสีมา
(๒) สาํ นกั สงฆ
ใหวัดมฐี านะเปนนติ บิ ุคคล
เจาอาวาสเปนผแู ทนของวดั ในกิจกรรมทว่ั ไป
มาตรา ๓๔ การโอนกรรมสิทธ์ิทีว่ ัด ทธ่ี รณีสงฆ หรอื ศาสนสมบัติกลาง ใหกระทําไดแตก็
โดยพระราชบญั ญตั ิ เวน แตเปน กรณีตามวรรคสอง
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทีด่ นิ
๑๓๓
รวมเรอ่ื งที่น่าสนใจ
กล่มุ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดิน
การโอนกรรมสิทธท์ิ ่วี ดั ท่ธี รณสี งฆ หรือศาสนสมบัติกลาง ใหแกส วนราชการ รัฐวิสาหกจิ
หรอื หนอ ยงานอื่นของรฐั เมื่อมหาเถรสมาคมไมขดั ของและไดรับคาผาติกรรมจากสวนราชการ รัฐวสิ าหกจิ หรือ
หนว ยงานน้ันแลว ใหกระทําโดยพระราชกฤษฎีกา
หามมิใหบุคคลใดยกอายุความขึ้นตอสูกับวัดหรือสํานักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ
แลวแตก รณี ในเร่ืองทรพั ยสินอนั เปนทว่ี ัด ท่ธี รณสี งฆ หรือทีศ่ าสนสมบัติกลาง
มาตรา ๔๐ ศาสนสมบัตแิ บงออกเปนสองประเภท
(๑) ศาสนสมบตั กิ ลาง ไดแกท รพั ยส ินของพระศาสนา ซ่งึ มใิ ชข องวัดใดวดั หน่งึ
(๒) ศาสนสมบัติของวดั ไดแกท รพั ยสนิ ของวดั ใดวดั หนึง่
การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติกลาง ใหเปนอํานาจเจาหนาที่ของสํานักงาน
พระพทุ ธศาสนาแหง ชาติ เพื่อการนี้ใหถ อื วาสํานกั งานพระพุทธศาสนาแหงชาติ เปนเจาของศาสนสมบัติกลาง
นั้นดว ย
การดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด ใหเปนไปตามวิธีการท่ีกําหนดใน
กฎกระทรวง
๔.๕ กฎกระทรวงแบง สวนราชการสาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙
ฯลฯ
ขอ ๒ ใหสํานกั งานพระพุทธศาสนาแหง ชาติ มีภารกิจเก่ียวกบั การดําเนินงานสนองงาน
คณะสงฆและรัฐ โดยการทาํ นุบํารงุ สง เสรมิ กจิ การพระพทุ ธศาสนา ใหการอุปถมั ภ คมุ ครอง และสง เสรมิ พฒั นา
งานพระพุทธศาสนา ดูแล รักษา จัดการศาสนสมบัติ พัฒนาพุทธมณฑล ใหเปนศูนยกลางพระพุทธศาสนา
รวมทั้งใหการสนับสนนุ สงเสรมิ พัฒนาบุคลากรทางศาสนา โดยใหม อี าํ นาจหนา ที่ดงั ตอ ไปน้ี
(๑) ดาํ เนนิ การตามกฎหมายวา ดวยคณะสงฆ กฎหมายวา ดวยการการกําหนดวิทยฐานะ
ผสู าํ เรจ็ วชิ าการพระพทุ ธศาสนา รวมทง้ั กฎหมายและระเบียบทเี่ กี่ยวขอ ง
(๒) รับสนองงาน ประสานงาน และถวายการสนับสนุนกิจกรรมและการบริหารการ
ปกครองคณะสงฆ
(๓) เสนอแนวทางการกําหนดนโยบายและมาตรการในการคมุ ครองพระพทุ ธศาสนา
(๔) สง เสรมิ ดูแล รกั ษา และทํานุบํารุงศาสนสถานและศาสนวัตถุทางพระพทุ ธศาสนา
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมทด่ี นิ
๑๓๔
รวมเร่อื งท่ีน่าสนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นท่ีดนิ
(๕) ดูแล รกั ษา และจัดการวัดรา งและศาสนสมบัตกิ ลาง
(๖) พัฒนาพทุ ธมณฑลใหเปนศนู ยก ลางทางพระพุทธศาสนา
(๗) ทํานบุ ํารงุ พุทธศาสนศกึ ษา เพ่ือพฒั นาความรคู คู ณุ ธรรม
(๘) ปฏิบตั กิ ารอื่นใดตามทก่ี ฎหมายกําหนดใหเปนอาํ นาจหนา ท่ีของสาํ นักงานหรือตามที่
นายกรัฐมนตรหี รอื คณะรัฐมนตรีมอบหมาย
ขอ ๔ สวนราชการของสาํ นกั งานพระพุทธศาสนาแหงชาติ มีอํานาจหนาทีด่ ังตอ ไปน้ี
ก. ราชการบรหิ ารสว นราชการกลาง
ฯลฯ
(๓) กองพุทธศาสนสถาน มอี าํ นาจหนา ทด่ี งั ตอ ไปนี้
(ก) ดําเนินการเกี่ยวกับการสราง การตั้ง การรวม การยาย การยุบเลิก และการขอ
เปลยี่ นแปลงช่อื วดั การขอรบั พระราชทานวิสุงคามสีมา การยกวดั รา งใหเ ปนวดั ทม่ี พี ระสงฆ การขอพระราชทาน
ยกวัดราษฎรข น้ึ เปน พระอารามหลวง และการจดั ทาํ ทะเบยี นวัด
ฯลฯ
๔.๖ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทด่ี ิน พ.ศ. ๒๔๙๗
๔.๗ ระเบียบกรมท่ีดนิ วา ดวยการไดมาซึ่งท่ีดนิ ของวดั วาอารามตามมาตรา ๘๔ แหงประมวล
กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๕๕๒
ฯลฯ
ขอ ๖ การขอไดมาซ่งึ ที่ดินของวดั ใหพ นกั งานเจา ท่ตี รวจสอบกอนวา ทดี่ นิ ที่วัดขอไดมานน้ั
เปนท่ีดินท่ีวัดไดมากอนวันที่ประมวลกฎหมายท่ีดินมีผลใชบังคับ ซ่ึงไมตองขออนุญาตรัฐมนตรีวาการ
กระทรวงมหาดไทย ตามมาตรา ๘๔ แหงประมวลกฎหมายท่ีดินอีก หรือเปนท่ีดินที่วัดไดมาภายหลังวันที่
ประมวลกฎหมายที่ดิน มีผลใชบังคับแลวที่ตองดําเนินการขออนุญาตรัฐมนตรีวาการกระทรวงมหาดไทย
ตามมาตรา ๘๔ แหงประมวลกฎหมายท่ีดินกอน หากเปนที่ดินที่วัดไดมาภายหลังประมวลกฎหมายท่ีดิน
มีผลใชบ ังคับแลว ใหด าํ เนนิ การขอไดมาซ่ึงทดี่ นิ ของวัดตอไป
ขอ ๘ เอกสารหลักฐานของวัดทจ่ี ะตองย่ืนประกอบคําขอเพือ่ ใหเ จาหนา ท่ตี รวจสอบ ดงั น้ี
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมท่ีดิน
๑๓๕
รวมเร่ืองที่น่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธใิ นทด่ี นิ
(๑) หลักฐานท่แี สดงการเปนวดั ทมี่ ีฐานะเปน นติ บิ ุคคลตามกฎหมาย ไดแ ก
(ก) วัดที่ต้ังขึ้นตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ ใหใช
หลกั ฐานการประกาศการไดร บั พระราชทานพระบรมราชานญุ าตใหสรางวัด
(ข) วัดที่ตั้งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๔๘๔ ใหใชหลักฐานการประกาศ
ตง้ั วดั ของกระทรวงศึกษาธกิ าร
(ค) วัดท่ีตั้งขนึ้ กอนพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ หรือวัด
ทีต่ ง้ั ขึน้ ตามพระราชบญั ญตั ลิ กั ษณะปกครองคณะสงฆ ร.ศ. ๑๒๑ หรือวัดท่ีตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ
พุทธศักราช ๒๔๘๔ แตไมมีหลักฐานใหตรวจสอบ อนุโลมใหใชหนังสือรับรองสภาพวัด สําเนาทะเบียนวัด หรือ
ประวัติวัดท่ีรบั รองโดยทางราชการอยา งใดอยางหนึง่
(ง) วัดที่ตง้ั ข้นึ ตามพระราชบัญญตั คิ ณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ ใหใ ชหลกั ฐานการประกาศ
ตง้ั วดั ของกระทรวงศกึ ษาธิการ ซึง่ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
๕. ผลการพิจารณา
กรมทด่ี นิ พจิ ารณาแลวเหน็ วา การพจิ ารณาออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา ๕๘, ๕๘ ทวิ และมาตรา ๕๙
แหงประมวลกฎหมายท่ีดนิ มอี งคประกอบสําคัญ ๓ ประการ ไดแ ก ผูมีสทิ ธิขอออกโฉนดทดี่ ินจะตอ งเปนบุคคล
ซ่ึงไดแ กบ คุ คลธรรมดา หรือนติ ิบคุ คลตามกฎหมาย ซงึ่ ตองมีการครอบครองและทาํ ประโยชนในที่ดิน และท่ีดิน
ดังกลา ว ตองไมเ ปนที่ดินตอ งหา มมิใหออกโฉนดทด่ี ิน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความ
ในพระราชบญั ญตั ใิ หใ ชป ระมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๗ ขอ ๑๔
ตามประเด็นท่สี ํานักงานอาํ เภอพบิ ลู มังสาหารหารือ พจิ ารณาได ดงั นี้
๕.๑ กรณีวัดขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน วัดจะตองมีฐานะเปนนิติบุคคลตามกฎหมาย
โดยพจิ ารณาจากหลกั ฐานการต้ังวัด ซึง่ กรณีที่วดั ตัง้ ข้นึ ตามพระราชบัญญตั ิคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ จะตอ งมหี ลักฐาน
การประกาศตั้งของวัดของกระทรวงศึกษาธิการ (ปจจุบนั สาํ นักงานพระพุทธศาสนาแหงชาติ ตามพระราช
กฤษฎกี าแกไ ขบทบัญญตั ใิ หสอดคลอ งกบั การโอนอาํ นาจหนาที่ของสวนราชการใหเปนไป ตามพระราชบัญญัติ
ปรบั ปรงุ กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕) ซง่ึ ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
สาํ นักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คัญ
กรมทดี่ นิ
๑๓๖
รวมเรือ่ งที่น่าสนใจ
กลุม่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ นิ
สําหรับไวยาวัจกร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง คฤหัสถ
ผไู ดรบั แตง ต้ังใหมีหนาทเ่ี บิกจา ยนติ ยภตั และมอี ํานาจหนาที่ดูแลรักษาจัดการทรัพยสินของวัดตามที่เจาอาวาส
มอบหมายเปนหนงั สือ แมวดั จะมีการแตง ต้งั เจาอาวาสและมไี วยาวัจกร แตถ า ไมม หี ลกั ฐานการตงั้ วดั ยอ มไมถ อื วา
มีสถานะเปนนติ ิบคุ คลตามกฎหมาย
กรณีวัดซ่ึงมีฐานะเปนนิติบุคคล มีท่ีดินหรือรับใหที่ดิน โดยเปนที่ดินที่มีการครอบครอง
ทําประโยชนภายหลงั วนั ทีป่ ระมวลกฎหมายท่ีดินใชบังคบั และไมมีหนังสอื แสดงกรรมสทิ ธใิ์ นท่ีดนิ สามารถออก
โฉนดท่ีดินได โดยการเดินสาํ รวจออกโฉนดท่ีดิน ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายที่ดิน
แตตองอยูภายใตข อ กําหนดหามโอนสบิ ป ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหา แหง ประมวลกฎหมายท่ดี นิ
๕.๒ สถานท่ีใดเปนสถานที่ราชการหรือไมจะตองพิจารณาจากเจาของสถานที่ดังกลาว
เปนทบวงการเมอื ง ตามความในมาตรา ๑ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน หรือเปน สวนราชการตามพระราชบัญญัติ
ระเบียบบริหารราชการแผนดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซ่ึงแกไขเพมิ่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผนดนิ
(ฉบบั ที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ อนั ไดแ ก กระทรวง ทบวง กรมตางๆ จงั หวดั หรือเทศบาล องคก ารบริหารสวนจังหวัด
หรอื ไม ซง่ึ วัดมไิ ดเปนสวนราชการตามทีก่ ลาวมาแลว จึงไมถือวาเปนสถานท่ีราชการ ดังน้ัน หากท่ีดินดังกลาว
เปนที่ดินซึ่งไดมาภายหลังวันท่ีประมวลกฎหมายที่ดินใชบังคับ โดยไมมีหลักฐานในที่ดิน จะตองอยูภายใต
ขอกําหนดหา มโอนสบิ ปน บั แตว ันทีไ่ ดร บั โฉนดทด่ี ิน ตามมาตรา ๕๘ ทวิ วรรคหา แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน
๖. อางองิ
หนงั สือกรมทดี่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๓๗๕๘ ลงวันท่ี ๑๓ กมุ ภาพนั ธ พ.ศ. ๒๕๕๘ แจง เจาคณะอําเภอ
พบิ ลู มังสาหาร
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คัญ
กรมที่ดนิ
๑๓๗
รวมเร่อื งที่น่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธใิ นที่ดิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๘
๒. เร่อื ง : หารอื กรณอี อกใบแทนหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชนเพอ่ื จดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
๓. ขอ เทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จงั หวดั สงเร่อื หารอื กรมทด่ี ินกรณี นางสาว ร ยืน่ คาํ ขอลาออกใบแทนหนงั สือรับรองการทําประโยชน
(น.ส. ๓) เลขท่ี ๕๘๙ หมทู ี่ ๒ ตําบลศิลา อาํ เภอเมอื งขอนแกน จังหวัดขอนแกน โดยอา งวาเปนผูมสี ทิ ธิจดทะเบียนไดมา
โดยการครอบครองตาม มาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามคําพิพากษา ศาลจังหวัดขอนแกน
คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๕๗ ระหวาง นางสาว ร โจทก นาย ธ จําเลย แตไมได
หนังสือรบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓) มา จงั หวดั พจิ ารณาแลวมีประเด็นท่ีตองพิจารณาวาผูขอออกใบแทน
เปน ผมู ีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาแตไ มไดห นงั แสดงสิทธิในท่ีดินมา ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบญั ญัติใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗ (๓) หรือไม เนื่องจากมีขอเท็จจริง
แตกตางไปจากรณี กรมท่ดี นิ ทไี่ ดเ คยวางแนวทางปฏิบัติไวตามหนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันที่
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖ จงึ หารอื มาเพ่ือขอทราบแนวทางปฏิบตั ดิ งั กลา ว
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั่
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ และ ๑๓๗๗
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ.๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗
๔.๓ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยวาดวยการจัดทําหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินขึ้นใหม ในกรณี
ท่หี นงั สอื แสดงสิทธิในทดี่ ินฉบับสาํ นักงานท่ีดินเปน อนั ตราย ชาํ รดุ สูญหาย พ.ศ. ๒๕๒๔
๔.๔ ระเบียบกรมทีด่ ิน วา ดว ยการจดทะเบยี นสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับท่ีดินซึ่งไดมาโดยการ
ครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สําคัญ
กรมท่ดี นิ
๑๓๘
รวมเร่อื งทนี่ า่ สนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสทิ ธิในทดี่ นิ
๔.๕ คําสั่งกรมท่ีดิน ท่ี ๓/๒๕๐๗ ลงวนั ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๗ เรื่อง การออกใบแทนใบจอง
และหนังสือรับรองการทําประโยชน ตอบขอหารือจังหวัดระนอง เวียนโดยหนังสือกรมท่ีดินท่ี มท ๐๖๐๖/ว
๒๑๐๑ ลงวนั ท่ี ๒๐ มนี าคม ๒๕๑๐ สรปุ วา เม่อื สารบบและหนังสือรบั รองการทําประโยชนฉบับของพนักงาน
เจาหนาที่สูญหายทั้งหมด ยอมจะไมมีหลักฐานพอจะพิจารณาดําเนินการออกใบแทนหรือทําหนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนใหมไ ด ฉะน้ัน ควรใหเ จาหนา ท่ีออกไปทําการรังวดั ตรวจสอบยงั ท่ดี ินตามความเห็นของจังหวัด
เสียกอน เสร็จแลวใหถือหลักฐานการรังวัดนั้นพิจารณาดําเนินการทาํ หนังสือรับรองการทาํ ประโยชนขึ้นใหม
ทั้ง ๒ ฉบับ อนุโลมปฏิบัติตามนัยคําสั่งกรมที่ดนิ ที่ ๓/๒๕๐๗ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๗ ขอ ๒ (ง)
คาใชจายในการไปรังวดั ตรวจสอบท่ีดนิ ใหเ รียกจากเจาหนาท่ีผรู บั ผดิ ชอบในการเก็บรักษาสารบบและเอกสาร
ท่ีหายไป
๔.๖ หนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง
แนวทางปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั การออกใบแทนหนังสอื รับรองการทาํ ประโยชนเพอื่ จดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏบิ ตั ิไววา การยน่ื คําขอจดทะเบยี นไดม า
โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาท่ขี องผูจ ดทะเบยี นจะตอ งนาํ
หนงั สอื รับรองการทําประโยชนฉบบั เจาของที่ดนิ มาขอจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่กรณีผูขอไมไดหนังสือ
รบั รองการทําประโยชนมา พนกั งานเจาหนา ทไ่ี มอาจรบั คาํ ขอไวด ําเนนิ การ เวนแตกรณีทีศ่ าลมีคาํ พิพากษาหรือ
คาํ สั่งอนั ถงึ ทีส่ ุดเกยี่ วกบั หนงั สือรบั รองการทําประโยชน หรือเปนกรณีท่ีผูใดมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษา
หรือคําส่ังศาลและขอเท็จจริงปรากฏตามคาํ พิพากษาหรือคาํ สั่งของศาลดังกลาว ศาลไดพิเคราะหและวินิจฉัย
ในประเด็นแหงคดีและรับฟงไดวา โจทกหรือจําเลยซ่ึงเปนผูขอจดทะเบียนเปนผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินน้ัน
พนักงานเจาหนาท่สี ามารถออกใบแทนหนังสอื รับรองการทําประโยชน เพ่ือดําเนนิ การจดทะเบียนไดมาโดยการ
ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ใหไ ด
๕. ผลการพจิ ารณา
สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญพิจารณาแลวเห็นวา การจดทะเบียนไดมาโดยการ
ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ตามระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียน
สิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดยการครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามหนังสือกรมท่ีดินท่ี มท
สาํ นกั มาตรฐานการออกหนงั สอื สําคญั
กรมท่ดี ิน
๑๓๙
รวมเรอ่ื งท่นี า่ สนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสิทธิในที่ดิน
๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกใบแทนหนังสือ
รับรองการทําประโยชนเพื่อจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏบิ ตั วิ า การยนื่ คําขอจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาท่ีของผูขอจดทะเบยี นจะตองนําหนังสือรับรองการทําประโยชนฉบับ
เจาของท่ดี ินมาขอจดทะเบียนตอพนกั งานเจา หนา ท่ี กรณผี ขู อไมไดห นังสือรบั รองการทําประโยชนมา พนักงาน
เจาหนาที่ไมอาจรบั คําขอไวดําเนินการ เวนแตกรณีท่ีศาลมีคําพิพากษาหรือคําสั่งอันถึงท่ีสุดเก่ียวกับหนังสือ
รบั รองการทําประโยชน หรือเปนกรณีท่ีผูใดมีสิทธิจดทะเบียนตามคําพิพากษาหรือคาํ สั่งศาล และขอเท็จจริง
ปรากฏตามคําพิพากษาหรอื คําส่ังของศาลดงั กลาว ศาลไดพิเคราะหและวนิ จิ ฉยั ในประเดน็ แหง คดแี ละรบั ฟง ไดว า
โจทกหรือจาํ เลยซง่ึ เปนผขู อจดทะเบยี นเปน ผูมสี ิทธิครอบครองในท่ีดินน้ัน พนักงานเจาหนาที่สามารถออกใบแทน
หนงั สอื รับรองการทําประโยชน เพอ่ื ดาํ เนินการจดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ยม าตรา ๑๓๖๗ ใหไ ด ตามนัยขอ ๑๒ ประกอบกบั ขอ ๑๗ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญตั ใิ หใ ชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗
สําหรับกรณที ่ีจังหวัดขอนแกนหารือปรากฏขอเท็จจริงตามคําพิพากษาศาลจังหวัดขอนแกน
คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๒๖/๒๕๕๗ ระหวางนางสาว ร โจทก นาย ธ จําเลย โดยศาลไดพิพากษาวาครอบครอง
ในท่ีดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ทะเบียนเลขท่ี ๕๘๙, ๖๒๑ หมูที่ ๒ ตําบลศิลา
อาํ เภอเมอื งขอนแกน จงั หวัดขอนแกน เนื้อท่ี ๑ ไร ๓ งาน ๔ ตารางวา ตามแผนที่พิพาท ใหขับไลจําเลยและ
บริเวณออกจากทดี่ ินพพิ าท หา มจําเลยและบริวารเกยี่ วขอ งในที่ดินพิพาท โดยพิจารณาจําเลยขาดนัดย่ืนคําใหการ
ศาลจึงใหสืบพยานโจทกไปฝายเดียวและในขอเท็จจริงปรากฏวาเม่ือป พ.ศ. ๒๕๒๖ บิดามารดาโจทกซื้อท่ีดิน
พพิ าทตามหลกั ฐาน น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๘๙ และ ๖๒๑ หมูท ี่ ๒ ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแกน จังหวัดขอนแกน
ซง่ึ อยตู ิดกนั เน้ือที่ประมาณ ๒ ไร จากนาย ป โดยการสงมอบการครอบครองทด่ี นิ ใหบิดามารดาโจทกและไดเขา
ครอบครองทาํ ประโยชนโ ดยทาํ นาในทพี่ พิ าท เมอื่ ป พ.ศ. ๒๕๔๖ บดิ ามารดาไดยกที่ดินพิพาทใหโจทก โจทกจึง
เขาครอบครองและทําประโยชนในทด่ี นิ พพิ าทมาจนถงึ ปจ จุบัน เมื่อประมาณเดอื นกรกฎาคม ๒๕๕๖ จาํ เลยไดบกุ รกุ
เขา มารังวดั เพ่ือออกโฉนดท่ีดิน โจทกโ ตแยง วาเปน เจาของท่ดี ินพิพาท การที่นายประภาสฯ ขายท่ีดินใหแกบิดา
มารดาโจทก โดยการสง มอบการครอบครองทีด่ ิน เม่ือบิดามารดาโจทกย กใหโ ดยสง มอบการครอบครองทดี่ นิ สทิ ธิ
ครอบครองในที่ดนิ พพิ าทยอ มสน้ิ สุดลงตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๗๗ โจทกซึ่งก็เปนผู
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสาํ คญั
กรมที่ดิน
๑๔๐
รวมเรื่องท่ีนา่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในท่ีดนิ
ครอบครองและทําประโยชนในที่ดินพิพาทยอมไดส ทิ ธิครอบครองในท่ดี ินพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพง และ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ และมสี ิทธิขับไลจําเลยและบรวิ ารออกจากท่ดี นิ
กรณีนถ้ี ือวาปรากฏขอเทจ็ จริงในทางพิจารณาแลววา โจทกไดสิทธิครอบครองในท่ีดินพิพาท
โจทกจ งึ สามารถย่ืนคําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองที่ดิน ตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย และเมอ่ื ไมสามารถนําหนังสือรับรองการทําประโยชนฉบับเจาของที่ดินมาขอจดทะเบียนตอ
พนกั งานเจา หนา ที่ พนักงานเจาหนาทยี่ อ มสามารถดําเนินการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนเพื่อ
ดําเนินการจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครอง ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ใหได
ทั้งน้ี ตามระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับท่ีดินซ่งึ ไดมาโดยการครอบครอง
พ.ศ. ๒๕๕๑ และหนงั สือกรมท่ีดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวนั ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เรื่อง แนวทาง
ปฏิบัติเกี่ยวกับการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนเพ่ือจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
ประมวลกฎหมายแพงแลพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ขอ ๒ ซง่ึ กรมท่ีดินไดวางแนวทางปฏิบัติไวโดยชัดเจนแลว
แตเนื่องจากขอเท็จจริงปรากฏวา น.ส. ๓ เลขท่ี ๕๘๙ และ ๖๒๑ หมูที่ ๒ ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแกน
จงั หวดั ขอนแกน ฉบับสาํ นักงานท่ีดินและสารบบท่ีดินสูญหาย จึงตองดาํ เนินการจัดสรางขึ้นใหมตามมาตรา ๖๔
แหง ประมวลกฎหมายท่ีดนิ ทั้งนี้ โดยถอื ปฏบิ ตั ติ ามระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดว ยการจดั ทาํ หนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ีดินขึ้นใหม ในกรณีที่หนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินฉบับสํานักงานที่ดินเปนอันตราย ชํารุด สูญหาย พ.ศ. ๒๕๒๔
และหนังสือกรมที่ดิน ท่ี มท ๐๖๐๖/๑๖๔๖ ลงวันท่ี ๓ มีนาคม ๒๕๑๐ ตอบขอหารือจังหวัดระนอง เรื่อง
การออกใบแทนหนังสือรบั รองการทําประโยชน เวยี นโดยหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๖๐๖/๒๑๐๑ ลงวนั ที่ ๒๐
มีนาคม ๒๕๑๐
๖. อางองิ หนังสือกรมทีด่ นิ ที่ มท ๐๕๑๖.๕/๒๓๒๕๒ ลงวันที่ ๒๔ กนั ยายน ๒๕๕๘ ตอบขอหารือจังหวัด
ขอนแกน
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สือสําคัญ
กรมท่ีดนิ
๑๔๑
รวมเรือ่ งท่นี ่าสนใจ
กลมุ่ พฒั นามาตรฐานการออกหนังสอื แสดงสิทธิในทด่ี ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอ่ื ง : หารอื การออกใบแทนเพอื่ จดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครอง
๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเดน็ ปญ หา
จังหวัดสงเร่อื งหารอื กรณี นาย ส ไดย ่ืนคาํ ขอออกใบแทนหนังสือรบั รองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓)
เลขที่ ๘๙ หมูที่ ๖ ตําบลหาดเจาสําราญ อําเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เพื่อจดทะเบียนไดมาโดยการ
ครอบครอง ตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย โดยอางวา ศาลจังหวัดเพชรบุรีไดมี
คําพพิ ากษาใหต นไดสทิ ธิครอบครองท่ีดนิ ตามหลักฐานดังกลาว แตไมสามารถนําหนังสือรับรองการทําประโยชน
ฉบับเจา ของทีด่ นิ มาดาํ เนนิ การจดทะเบยี นได เน่อื งจากนาย..ย ไดน าํ หลกั ฐาน น.ส. ๓ ดังกลา ว ไปวางเปนหลักประกัน
ผูตองหา และศาลจังหวัดสมุทรปราการไดอ ายดั ท่ีดนิ ไว สํานกั งานที่ดนิ จงั หวัดเพชรบรุ ีไดมีหนังสือสอบถามศาลจังหวดั
สมทุ รปราการแลว ไดร ับแจง วา สาํ นักงานทีด่ นิ จังหวัดเพชรบุรไี มส ามารถออกใบแทน น.ส. ๓ ได จังหวัดพิจารณาแลว
เห็นวา เปน ปญหาทางปฏบิ ตั ิ จงึ หารือกรมที่ดนิ เพอื่ เปนแนวทางปฏบิ ตั ิตอ ไป
๔. ขอ กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย
มาตรา ๑๓๖๗ “บคุ คลใดยดึ ถอื ทรัพยสนิ โดยเจตนาจะยึดถือเพ่ือตน ทานวาบุคคลนั้นได
ซง่ึ สทิ ธิการครอบครอง”
๔.๒ ประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา ๖๓ มาตรา ๗๒
๔.๓ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ นิ พ.ศ. ๒๔๙๗ หมวด ๒ ขอ ๑๒ และ หมวด ๓ ขอ ๑๗ (๓)
๔.๔ ระเบียบกรมท่ดี นิ วา ดว ยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดยการ
ครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑
๔.๕ หนังสือกรมที่ดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/๑๒๖๗๓ ลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง
แนวทางปฏิบตั ิเกี่ยวกับการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเ พือ่ จดทะเบียนไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ตามมาตรา ๑๓๖๗
สาํ นักมาตรฐานการออกหนังสอื สําคญั
กรมทด่ี นิ
๑๔๒
รวมเรอ่ื งทน่ี ่าสนใจ
กลุ่มพฒั นามาตรฐานการออกหนงั สือแสดงสทิ ธิในทด่ี นิ
๕. ผลการพิจารณา
กรมที่ดนิ พจิ ารณาแลวเหน็ วา การจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหง
ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย ตามระเบยี บกรมทีด่ นิ วา ดว ยการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมเก่ยี วกับท่ีดนิ
ซ่ึงไดมาโดยการครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑ และตามหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท ๐๕๑๖.๒/ว ๑๒๖๗๓ ลงวันท่ี ๒๑
พฤษภาคม ๒๕๕๖ เร่ือง แนวทางปฏิบตั ิเกี่ยวกับการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทําประโยชนเ พอ่ื จดทะเบียน
ไดม าโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย ตามมาตรา ๑๓๖๗ ไดว างแนวทางปฏิบัติไววา
การย่ืนคําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ เปนหนาที่
ของผูขอจดทะเบียนจะตองนําหนงั สือรับรองการทําประโยชนฉบับเจาของที่ดินมาขอจดทะเบียนตอพนกั งาน
เจา หนาท่ีกรณผี ูขอไมไดหนังสอื รับรองการทําประโยชนม า พนักงานเจา หนา ท่ไี มอ าจรับคําขอไวดําเนินการ เวนแต
กรณีทศี่ าลมีคําพพิ ากษาหรือคาํ สง่ั อนั ถงึ ที่สดุ เกย่ี วกบั หนังสอื รับรองการทําประโยชน หรือเปนกรณีที่ผูใดมีสิทธิ
จดทะเบียนตามคําพิพากษาของศาล และขอเทจ็ จริงปรากฏตามคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาลดังกลาววา
ศาลไดพิเคราะหและวินิจฉัยในประเด็นแหงคดีแลวรับฟงไดวา โจทกหรือจาํ เลยซ่งึ เปนผขู อจดทะเบียนเปนผมู ี
สิทธิครอบครองในทดี่ ินน้นั พนักงานเจาหนา ทก่ี ส็ ามารถออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน เพ่ือดาํ เนนิ การ
จดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยใ หได ตามนัย ขอ ๑๒
ประกอบกับขอ ๑๗ (๓) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใช
ประมวลกฎหมายท่ีดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ แตต ามขอเทจ็ จริงที่จังหวัดหารือปรากฏวา ศาลจังหวัดสมุทรปราการไดมี
คาํ สัง่ อายดั ท่ดี ินและใหระงบั การทํานติ ิกรรมในที่ดิน ตามหนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๘๙ หมูท ี่ ๖
ตาํ บลหาดเจา สําราญ อําเภอเมอื งเพชรบรุ ี จังหวัดเพชรบรุ ี โดยหามการทาํ นติ ิกรรมในทด่ี ินแปลงน้ี ประกอบกับ
ศาลจงั หวดั สมุทรปราการไดแจง วา.ศาลจังหวัดเพชรบุรี ไดว ินจิ ฉยั แลว วา นาย ส ไมสามารถขอใหเจา พนกั งานทด่ี ิน
แกไขช่ือทางทะเบียนใหเปนผูมีชื่อใน น.ส. ๓ ดังกลาวได สํานักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีจึงไมสามารถออก
สํานกั มาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ
กรมท่ดี ิน
๑๔๓
รวมเรื่องทีน่ า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนังสือแสดงสิทธใิ นที่ดิน
ใบแทน น.ส. ๓ ใสช่ือนาย ส.ได ดังนั้น กรณีเรื่องท่ีหารือนี้.พนักงานเจาหนาท่ีจึงไมสามารถดําเนินการออกใบแทน.
น.ส. ๓ เพื่อจดทะเบียน ไดมาโดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
ใหแ กผขู อได
๖. อางองิ
หนังสือกรมที่ดนิ ท่ี มท ๐๕๑๖.๕/๒๑๙๒ ลงวนั ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตอบขอหารือ
จงั หวดั เพชรบุรี
สํานกั มาตรฐานการออกหนงั สือสําคญั
กรมท่ดี นิ
๑๔๔
รวมเรือ่ งทน่ี า่ สนใจ
กลมุ่ พัฒนามาตรฐานการออกหนงั สอื แสดงสทิ ธใิ นท่ดี ิน
๑. พ.ศ. ๒๕๕๙
๒. เรอื่ ง : หารือกรณีการออกใบแทนหนงั สอื รบั รองการทาํ ประโยชนเพ่ือจดทะเบยี นไดม าโดยการครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
๓. ขอเทจ็ จรงิ : ประเด็นปญ หา
จังหวัดสงเรื่องหารือ กรณี นาง ท ไดยื่นคําขอจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตาม
ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗ ตามหลกั ฐานหนงั สอื รับรองการทาํ ประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๖๓
และ ๖๕ หมูท ี่ ๓ ตาํ บลพยุห อําเภอเมอื งศรสี ะเกษ (ปจ จุบันเปนอาํ เภอพยุห) จังหวดั ศรีสะเกษ ตามคาํ พิพากษา
ศาลจงั หวดั ศรีสะเกษ ความแพง .คดีหมายเลขแดงท่ี ๒๑๕๖/๒๕๕๗ ลงวันท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ระหวาง นาง ท
โจทก นาย พ จําเลย แตไมไดนําหนงั สือรบั รองการทําประโยชน (น.ส. ๓) ฉบบั เจา ของทีด่ นิ มาประกอบการยื่นคําขอ
จึงขอออกใบแทน น.ส. ๓ เพ่อื ดําเนินการจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ จังหวัดพิจารณาแลวเห็นวา นาง ท มีหนาทจี่ ะตองนํา น.ส. ๓ ฉบับเจาของท่ีดินมา
ประกอบการยน่ื คําขอจดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗
กรณดี งั กลาวจึงไมอยใู นหลกั เกณฑและเงือ่ นไขทีจ่ ะขอออกใบแทนได เนอื่ งจากศาลจังหวัดศรีสะเกษมิไดมีคําส่ัง
หรอื คําพพิ ากษาถึงท่ีสุดเก่ียวกบั หนังสือรับรองการทําประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๖๓ และ ๖๕ แตประการใด
จึงหารอื วา เจา พนกั งานทีด่ ินจะดําเนนิ การออกใบแทน น.ส. ๓ เพอื่ จดทะเบยี นไดมาโดยการครอบครองตามประมวล
กฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๓๖๗ ตามความประสงคข องผขู อไดหรอื ไม
๔. ขอกฎหมาย ระเบยี บ คาํ สง่ั :
๔.๑ ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๓๖๗
๔.๒ กฎกระทรวง ฉบบั ท่ี ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติใหใชประมวล
กฎหมายทดี่ ิน พ.ศ. ๒๔๙๗ ขอ ๑๗
๔.๓ ระเบียบกรมท่ีดิน วาดวยการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเก่ียวกับที่ดินซึ่งไดมาโดย
การครอบครอง พ.ศ. ๒๕๕๑
สํานักมาตรฐานการออกหนงั สอื สาํ คญั
กรมท่ดี ิน