The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว 15 เขต<br>15. ทำแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว ภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2563 – 2567)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

15 Clusters: (15) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา

แผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว 15 เขต<br>15. ทำแผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว ภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชีวิตลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2563 – 2567)

Keywords: แผนปฏิบัติการพัฒนาการท่องเที่ยว 15 เขต,เขตพัฒนาการท่องเที่ยว,แผนพัฒนาการท่องเที่ยวลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา

4) เป็นที่ตั้งของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางพาราเพื่อการส่งออกที่สำคัญของ
ประเทศ มโี รงงานแปรรปู ยางพาราและไม้ยางพารา 262 แหง่ เงนิ ลงทุน 26,929.93 ลา้ นบาท

5) เป็นแหล่งผลิตและแปรรูปอาหารทะเลมากที่สุดในภาคใต้ โดยมีโรงงาน
จำนวน 162 แหง่ เงินลงทุน 1,570.32 ลา้ นบาท ผลติ อาหารทะเลเยือกแข็ง อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง
หอ้ งเย็น ผลติ ปลากระป๋อง กงุ้ กระป๋อง และแปรรปู สตั วน์ ำ้ เป็นผลิตภณั ฑ์ เช่น ลกู ชน้ิ ปลาเสน้ ปอู ัด เป็นตน้

6) มพี น้ื ทรี่ าบลุ่มรอบทะเลสาบสงขลาที่เปน็ แหลง่ ผลิตข้าวทีส่ ำคญั ของภาค
7) มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น เมืองเก่า
สงขลา สถาบันทักษิณคดีศึกษา แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เช่น หาดสมิหลา หาดชลาทัศน์ แหลมสน
อ่อน และแหล่งการค้าชอปปิ้ง เช่น ตลาดกิมหยง รวมทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวตามประเพณีวัฒนธรรม
ตลอดปี
8) เป็นประตูเชอ่ื มโยงเศรษฐกจิ กบั ประเทศเพื่อนบา้ น โดยเฉพาะการค้าและการขนส่ง
และการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ไปสู่นานาชาติ โดยมีด่านชายแดน 3 ด่าน
โดยเฉพาะดา่ นชายแดนสะเดาทมี่ มี ูลค่าการคา้ ชายแดนสงู สดุ ของประเทศ
9) มโี ครงข่ายคมนาคมเชื่อมโยงการเดินทางและการขนสง่ ทางรถยนต์ ทางรถไฟ
ทางเรือ และทางเคร่อื งบิน เช่ือมโยงกบั จงั หวัดในภาคใต้และประเทศมาเลเซีย
10) เปน็ แหลง่ ผลติ พลังงานทส่ี ำคัญของประเทศ ทง้ั ปิโตรเลียมกลางทะเลอ่าวไทย
โรงไฟฟา้ โรงแยกก๊าซจะนะ และการผลติ พลงั งานไฟฟ้าจากกังหันลม
11) มีศนู ยก์ ลางการบริหารทางการแพทย์ (Medical Hub) โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์ ทม่ี อี งค์ความรดู้ ้านการแพทย์ และบคุ ลากรทางการแพทย์ที่มีความเชย่ี วชาญ
รวมทั้งโรงพยาบาลรักษาโรคเฉพาะทาง โรงพยาบาลจิตเวช โรงพยาบาลประจำจังหวัดและโรงพยาบาล
เอกชนท่ีมชี ื่อเสียง
12) มีสถานกงสลุ มาเลเซยี อินโดนีเซยี และจีน
13) มีอัตลักษณ์ของความเป็นเมืองสองทะเลเชื่อมต่อกันระหว่างทะเลสาบสงขลา
และทะเลอ่าวไทย ทำให้มีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย และมีแผนแม่บทการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบ
สงขลาเป็นแนวทางในการอนุรักษแ์ ละพฒั นาอยา่ งเป็นรปู ธรรม
1.2 ขอ้ มลู พ้ืนฐานจงั หวดั สงขลา
1) ที่ตั้ง ขนาดพื้นท่ี จังหวัดสงขลาตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ตอนล่าง
ระหวา่ งละติจูดที่ 6 องศา 17 ลปิ ดา ถงึ 7 องศา 56 ลิปดาเหนอื และลองตจิ ดู ท่ี 100 องศา 01 ลิปดา
ตะวันออก ถึง 101 องศา 06 ลิปดาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 4 เมตร มีพื้นที่รวม
7,393.89 ตารางกิโลเมตร หรือ 4.62 ล้านไร่ มีขนาดเป็นอันดับที่ 27 ของประเทศ อยู่ห่างจาก
กรงุ เทพฯ โดยทางรถไฟ 947 กโิ ลเมตร โดยทางรถยนต์ 950 กิโลเมตร โดยมอี าณาเขตติดต่อดงั นี้
ทิศเหนือ ติดกบั จงั หวดั นครศรธี รรมราชและจังหวัดพัทลุง
ทศิ ใต้ ตดิ กบั จังหวัดยะลา ปัตตานี และรัฐเปอรล์ ิสของประเทศมาเลเซยี
ทศิ ตะวันออก ติดกับ ทะเลอ่าวไทย
ทิศตะวนั ตก ตดิ กับ จงั หวัดพทั ลงุ และจงั หวดั สตลู
2) สภาพภูมิประเทศ ทางตอนเหนือเป็นคาบสมุทรแคบและยาวยื่นลงมาทางใต้
เรียกว่า คาบสมุทรสทิงพระ ทิศเหนือส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ทิศตะวันออกเป็นที่ราบริมทะเล ทิศใต้และ
ทศิ ตะวันตกเป็นภเู ขาและที่ราบสูงซึง่ เป็นแหลง่ กำเนิดต้นน้ำลำธารทสี่ ำคัญ

สำนกั งานการท่องเที่ยวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 130 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

3) การปกครอง จังหวัดสงขลา แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 16 อำเภอ 127 ตำบล
1,023 หมู่บ้าน สำหรับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์กรบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง
เทศบาลนคร 2 แห่ง เทศบาลเมือง 11 แหง่ เทศบาลตำบล 35 แหง่ และองค์กรบริหารส่วนตำบล 92 แหง่

4) ประชากร ปี 2559 จังหวัดสงขลามีประชากร รวมทั้งสิ้น 1,417,440 คน
คิดเปน็ รอ้ ยละ 15.2 ของภาคใต้ แยกเปน็ เพศชาย 691,618 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 48.80 ของประชากร
ทั้งหมด และเพศหญิง 725,822 คน คิดเป็นร้อยละ 51.20 ของประชากรทั้งหมด ครัวเรือนทั้งส้ิน
497,127 ครวั เรอื น และมอี ตั ราการเพ่ิมของประชากรในปี 2559 รอ้ ยละ 3.00 โดยอำเภอหาดใหญ่มี
ประชากรมากทสี่ ุด จำนวน 390,074 คน รองลงมา คือ อำเภอเมอื ง จำนวน 163,329 คน

5) เศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2558 จังหวัดมีผลิตภัณฑ์มวลรวม 234,911 ล้านบาท
เป็นอันดบั 1 ของภาค ขยายตวั เพ่ิมข้นึ จากปีทผ่ี า่ นมา ร้อยละ 5.05 มรี ายได้เฉลี่ยตอ่ หวั 153,505 บาท
ตอ่ ปี เป็นอันดบั 5 ของภาค สาขาท่ีสร้างรายได้ให้มากทสี่ ุดคือสาขาอุตสาหกรรม มมี ูลค่า 83,274 ลา้ นบาท
คดิ เป็นร้อยละ 35.45 ของมลู ค่าผลิตภัณฑ์รวมจังหวัด รองลงมาคือสาขาเกษตรกรรม มีมลู คา่ 31,626 ล้าน
บาท คดิ เป็นร้อยละ 13.47 ของมลู คา่ ผลติ ภณั ฑร์ วมจังหวดั

6) เกษตรกรรม มีพื้นที่เกษตรกรรม 2,266,426 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 49.04
ของพื้นที่จังหวัด พ้ืนท่ีชลประทาน 581,601 ไร่ โดยมีอาชีพเกษตรกรรมท่ีสำคัญ ได้แก่ การทำสวน
ยางพารา นาข้าว สวนปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ ประมงทะเลและการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง และเลี้ยงปศุสัตว์
โดยปี 2559 มีพื้นที่ปลูกยางพารา 2,084,918 ไร่ มากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ ปริมาณผลผลิต
482,770 ตัน และผลผลิตเฉลี่ย 263 กก. ต่อไร่ สูงกว่าภาคและประเทศ ทั้งนี้ผลผลิตส่วนใหญ่เป็น
วัตถุดิบสำคัญในการแปรรูปขั้นต้นของโรงงานอุตสาหกรรมยางพาราในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ราบลุ่มบริเวณ
รอบทะเลสาบสงขลาจะเปน็ พื้นที่ปลูกข้าวและเพาะเลีย้ งสัตว์น้ำท่ีสำคัญของจังหวัด การประมงในจังหวดั
สงขลา เป็นการทำประมงพืน้ บ้านในทะเลสาบสงขลา การทำประมงทะเลโดยมีท่าเทยี บเรอื ประมงสงขลา
รองรับเรือประมงหมุนเวียนเข้ามาเทียบท่าเพื่อขนถ่ายสัตว์น้ำ ในปี 2559 มีปริมาณสัตว์น้ำ 23,591
เมตริกตนั มลู คา่ 592 ลา้ นบาท

7) การค้า จงั หวดั สงขลาเป็นศนู ยก์ ลางทางการค้าการลงทุนของภาคใต้ตอนล่าง
และเป็นชุมทางการขนส่ง การขนถ่ายสินค้ามายาวนาน ทั้งทางรถไฟ รถยนต์ และทางอากาศ ที่เชื่อมโยง
ระหว่างภาคใต้ตอนบนกับประเทศมาเลเซียและนานาชาติ โดยมีด่านชายแดนสะเดาและด่านชายแดน
ปาดังเบซาร์เป็นประตูการค้าที่สำคัญที่มีมูลค่าการค้าชายแดนที่มี มูลค่าการค้าชายแดนสูงสุดของของ
ประเทศและมลู คา่ การคา้ ชายแดนไทย – มาเลเซยี ปี 2559 มีมลู คา่ การค้าชายแดน 492,862.86 ลา้ น
บาท คิดเป็นร้อยละ 98.3 ของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-มาเลเซียและร้อยละ 41.05 ของมูลค่าการค้า
ชายแดนทั้งประเทศ

8) อุตสาหกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรมรวม 1,993 แห่ง เงินลงทุน 75,311
ลา้ นบาท การจ้างงาน 66,215 คน ส่วนใหญ่เปน็ โรงงานอตุ สาหกรรมเกษตร ท่ผี ลติ เพื่อการสง่ ออก ไดแ้ ก่
อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราและไม้ยางพารา เช่น โรงงานถุงมือยาง ผลิตยางแผ่น
รมควัน ยางแท่ง แปรรูปยางพารา ผลิตชิ้นส่วนเคร่ืองเรือน เฟอร์นิเจอร์ แผ่นปาร์ติเกิลบอร์ด และผลิตไม้อัด
ประสาน และอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการประมง ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง อาหารทะเล
แช่แข็ง ห้องเย็น นอกจากนั้นยังมีอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การส่งและจำหน่ายก๊าซจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ
ผลิตกระแสไฟฟ้า และอุตสาหกรรมบริการ โรงงานส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในอำเภอหาดใหญ่ อำเภอเมือง และอำเภอ
สะเดา

สำนักงานการทอ่ งเท่ียวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 131 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

9) การท่องเที่ยว มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งแหล่งท่องเที่ยวทาง
ธรรมชาติทางทะเล โดยมีชายหาดสวยงาม และมีแหล่งท่องเที่ยวประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญ เช่น
ย่านเมอื งเก่าที่มอี าคารบ้านเรือนแบบชโิ นโปรตุกสี มเี มอื งหาดใหญ่และเมืองชายแดนสะเดาเป็นศูนย์กลาง
การค้าและความบันเทิงที่เป็นที่นยิ มของนักท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยในปี 2559 มีรายได้จาก
นกั ทอ่ งเท่ยี ว 52,982.67 ลา้ นบาท คิดเปน็ รอ้ ยละ 8.26 ของรายไดจ้ ากการทอ่ งเท่ยี วทงั้ ภาคใต้ เพม่ิ ข้ึน
จากปีที่ผ่านมาร้อยละ 14.15 และมีนักท่องเที่ยว 6.52 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.21 ของ
นักท่องเที่ยวรวมภาคใต้ โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้อยละ 38.11 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลเซยี
และจนี

1.3 ศักยภาพ และประเดน็ ปญั หาสำคัญ
1) ศกั ยภาพ/โอกาส
(1) มีศักยภาพในการเชื่อมโยงพื้นท่ีเศรษฐกิจหลักกับพื้นที่เศรษฐกิจของ

ประเทศมาเลเซยี เนื่องจากมีเขตพัฒนาเศรษฐกจิ พิเศษบรเิ วณด่านชายแดนอำเภอสะเดาสามารถเช่ือมโยง
การพฒั นากบั พนื้ ทีเ่ ศรษฐกิจ Chuping Valley รฐั เปอรล์ ิสของมาเลเซีย

(2) เป็น 1 ใน 10 ของพื้นที่เป้าหมายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อ
พัฒนาเป็นพื้นท่ีเศรษฐกิจใหม่บรเิ วณชายแดน สำหรับเป็นประตูเศรษฐกิจเชื่อมโยงกบั ประเทศเพื่อนบ้าน
สามารถพฒั นาโครงสรา้ งพ้ืนฐานท่จี ำเป็นให้มคี วามสะดวกและไดม้ าตรฐานแก้ไขปัญหาความแออัดบริเวณ
ด่านชายแดน และกระตุน้ การลงทนุ และการการเตบิ โตทางเศรษฐกจิ

(3) เป็นศูนย์กลางการผลิต การแปรรูปผลผลิตการเกษตรและประมงที่
สำคญั เพอื่ การส่งออกของประเทศ ได้แก่ ยางพารา อาหารทะเล

(๔) มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศาสนา
ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ธรรมชาติ การเกษตร การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เชิงสุขภาพ และการกีฬาเป็น
ศูนยก์ ลางการศึกษาของภาค โดยมีมหาวิทยาลยั ช้ันนำตงั้ อยู่ในพื้นที่

(5) เป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนล่าง มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทาง
น้ำ และทางอากาศ รองรับการขนส่งและโลจิสติกส์ท่ีเช่ือมโยงกับพื้นที่ภาคใต้และประเทศเพื่อนบ้านไปสู่
นานาชาติ และพร้อมรองรับการพัฒนาในอนาคต และเป็นศูนย์บริการการแพทย์ สาธารณสุข และ
การศึกษาของภาค

(6) เป็นเมืองเป้าหมายการพัฒนาเมืองสีเขียว (Green City) เป็นโครงการ
สำคัญภายใต้กรอบความร่วมมือ IMT-GT ทำให้จังหวัดสงขลามีโอกาสในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและเมือง
ให้น่าอยู่ยงิ่ ข้ึน

2) ประเดน็ ปัญหา
(1) ประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรต่ำ เนื่องจากยังใช้การผลิต

แบบเดิม และมีการแปรรูปเป็นระดับต้นน้ำและกลางน้ำเป็นเพียงวัตถุดิบเพื่อการส่งออก และการบริหาร
จัดการของสถาบันเกษตรกรยังไม่มีประสทิ ธิภาพ โดยเฉพาะด้านการแปรรูปและการตลาดแบบครบวงจร
ขาดแคลนแรงงานภาคเกษตร ประมง และภาคการผลิตในโรงงานอตุ สาหกรรม

(2) โครงสรา้ งพน้ื ฐาน และสิง่ อำนวยความสะดวกและบริการการท่องเที่ยว
ยังไมไ่ ดม้ าตรฐาน และรวมทง้ั ขาดบุคลากรดา้ นการท่องเทย่ี วระดับมอื อาชพี โดยเฉพาะดา้ นทกั ษะภาษา

(3) สถานการณค์ วามไม่สงบในพ้ืนที่ ส่งผลตอ่ ภาพลักษณ์การค้า การลงทุน
และการทอ่ งเที่ยวในพืน้ ทจี่ งั หวดั ชายแดนภาคใต้ รวมทงั้ ปัญหาความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ

สำนักงานการท่องเท่ียวและกีฬาจงั หวัดสงขลา 132 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

(4) ปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่เมืองหลักและเมืองเศรษฐกิจของ
จงั หวดั โดยเฉพาะเมอื งหาดใหญ่ ดา่ นชายแดนเมืองสะเดาและเมืองสงขลา และการเชือ่ มโยงการคมนาคม
ขนส่งท้ังทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ยังไม่มีประสิทธิภาพทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงและไม่
สะดวก

(5) ทรัพยากรธรรมชาติถูกบุกรุก เสื่อมโทรม และปัญหาสิ่งแวดล้อมจาก
ขยะและของเสยี จากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม

2. จังหวัดพัทลุง

2.1 จดุ เด่นของจังหวดั พัทลุง
1) เป็นเมืองต้นกำเนิดศิลปะการแสดง มโนห์ราและหนังตะลุง ซึ่งตกทอดเป็นมรดก

ทางวัฒนธรรมของภาคใต้ และแหล่งท่องเท่ียวทางโบราณสถานและโบราณวัตถุ อาทิ วัดวงั เป็นปูชนียสถานที่
สำคัญแหง่ หนง่ึ ของจงั หวัดพทั ลุง

ภาพที่ 47 แผนทจ่ี ังหวัดพทั ลุง
ท่ีมา: http//www.google.co.th/maps

2) มสี ถานทท่ี ่องเทีย่ วทางธรรมชาตทิ ี่สวยงาม อาทิ อทุ ยานนกนำ้ ทะเลน้อย และ
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เป็นที่อาศัยของนกน้ำหลากพันธุ์ และมีความโดดเด่นด้านพืชไม้นานาพันธ์ุ
โดยเฉพาะดอกบวั และควายนำ้

สำนักงานการทอ่ งเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 133 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

3) มีทรัพยากรทางธรรมชาติท่ีมีความอุดมสมบรู ณ์ โดยมีป่าเทือกเขาบรรทัดเป็น
แหล่งต้นน้ำ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัด และเป็นป่าต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำ น้ำตก และ
ลุม่ นำ้ สายสำคญั ท่ีไหลลงสทู่ ะเลสาบ รวมทง้ั มีพน้ื ที่ชุ่มนำ้ ของประเทศท่มี ีความอุดมสมบรู ณ์ และความหลากหลาย
ทางชวี ภาพสูง

4) มีแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งด้านการเกษตร และ
เศรษฐกจิ พอเพยี งที่เปน็ ต้นแบบในการเป็นแหล่งเรียนรู้

5) มีภูมิประเทศเหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรม ได้แก่ ยางพารา ข้าว
โดยเฉพาะข้าวพันธุ์พื้นเมืองสังข์หยดที่มีการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) การเล้ียงสัตว์ เช่น ไก่
เน้อื สุกร โคเนอื้ โคนม เปน็ ต้น

2.2 ข้อมลู พ้นื ฐาน
1) ทต่ี ้งั ขนาดพน้ื ท่ี จงั หวัดพัทลงุ ต้ังอยู่ทางทิศตะวันออกของภาคใต้ของประเทศ

ไทย ระหว่างละติจูดท่ี 7 องศา 6 ลบิ ดาเหนือ ถงึ 7 องศา 53 ลิบดาเหนือ และลองตจิ ูดที่ 99 องศา 44
ลิบดาตะวนั ออก ถงึ 100 องศา 26 ลปิ ดาตะวนั ออก มเี นือ้ ท่ี 2,140,296 ไร่ หรอื 3,424.474 ตาราง
กโิ ลเมตร คดิ เป็นร้อยละ 0.67 ของประเทศ ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 856 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขต
ติดตอ่ ดงั นี้

ทิศเหนือ อำเภอชะอวด อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราชและ
อำเภอระโนด จงั หวัดสงขลา

ทิศใต้ อำเภอรัตภูมิ อำเภอควนเนียง จังหวดั สงขลา และอำเภอควน-
กาหลง จงั หวดั สตูล

ทิศตะวนั ออก ทะเลสาบพัทลุง-สงขลาซึ่งเป็นน่านน้ำติดต่อกับอำเภอระโนด
อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอสทิงพระ และอำเภอสิงหนคร
จงั หวดั สงขลา

ทศิ ตะวันตก เทือกเขาบรรทัด ซึ่งเป็นแนวติดต่อกับอำเภอหว้ ยยอด อำเภอ
เมือง อำเภอนาโยง อำเภอย่านตาขาว และอำเภอปะเหลียน
จังหวดั ตรงั

2) สภาพภูมิประเทศ จังหวัดพัทลุงมีสภาพภูมิประเทศลักษณะเป็นภูเขาและ
ที่ราบสูงทางด้านทิศตะวันตก ประกอบด้วยเทือกเขาบรรทัด ถัดมาทางทิศตะวันออกเป็นพื้นที่ราบสลับท่ี
ดอน และเป็นพื้นที่ราบลุ่มจดทะเลสาบสงขลาพื้นท่ีทั้งหมดประมาณ ๓,๔๒๔ ตารางกิโลเมตร หรือ
๒,๑๔๐,๒๙๖ ไร่ เป็นพื้นดิน ๑,๙๑๙,๔๔๖ ไร่ พื้นน้ำ ๒๒๐,๘๕๐ ไร่ เป็นพื้นที่ทางเกษตร ๑,๓๒๗,๒๗๐
ไร่ พืน้ ทีป่ ่า ๓๘๔,๔๓๘ ไร่ และพนื้ ทีอ่ ืน่ ๆ ๔๒๘,๕๘๘ ไร่

3) การปกครอง จังหวัดพัทลุงแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ 65
ตำบล 670 หมู่บ้าน องค์กรบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 47 แห่ง
และองค์กรบริหารส่วนตำบล 25 แหง่

4) ประชากร ในปี 2560 จังหวัดพัทลุงมีประชากร จำนวน 524,857 คน
แยกเป็น เพศชาย 255,997 คน เพศหญิง 268,860 คน จำนวนครัวเรือน 190,016 ครัวเรือน
อำเภอทม่ี ีประชากรมากท่ีสุด คอื อำเภอเมือง 87,331 คน รองลงมา คือ อำเภอควนขนุน 80,163 คน
และอำเภอป่าบอน 43,842 คน ตามลำดับ ความหนาแน่นของประชากรประมาณ 153.27 คนต่อ
ตารางกโิ ลเมตร และมอี ัตราการเพิม่ ประชากรเฉล่ยี รอ้ ยละ 0.22

สำนกั งานการท่องเทยี่ วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 134 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

5) เศรษฐกิจ ปี 2559 จังหวัดพัทลุงมีผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งสิ้น 35,108 ล้าน
บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ร้อยละ 11.66 โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 5 ปี (2555-2559) คิดเป็น
ร้อยละ 1.32 โครงสร้างการผลิตขึ้นอยู่กับสาขาเกษตรเปน็ หลกั โดยมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม 10,618
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.82 รองลงมาคือ สาขาการขายส่ง ขายปลีกมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม
4,156 คิดเปน็ ร้อยละ10.83 และการศกึ ษามีมูลค่าผลิตภณั ฑ์มวลรวม 3,635 ล้านบาท คดิ เป็นร้อยละ
9.43 รายได้เฉลี่ยต่อหัวเทา่ กับ 69,159 บาทต่อปี อันดับที่ 13 ของภาค ต่ำกว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของ
ภาคใต้ 130,978 บาทตอ่ ปี และตำ่ กว่าคา่ เฉลี่ยของประเทศ 215,455 บาทตอ่ ปี

6) เกษตรกรรม ปี 2559 ผลิตภัณฑ์มวลรวมสาขาเกษตรกรรม มีมูลค่า
10,618 ล้านบาท หดตัวจากปีก่อนร้อยละ 1.06 โดยในปี 2560 มพี ้นื ทีเ่ กษตรกรรมท้ังสิน้ 1,307,806 ไร่
คิดเป็นร้อยละ 61.08 ของพื้นที่จังหวัด พืชเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ไม้ผล และปาล์มน้ำมนั
แบ่งเป็นพื้นที่ ปลูกข้าวนาปีจำนวน 127,587 ไร่ ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 1.08 ปริมาณผลผลิต
52,311 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 446 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกยางพารา 891,023 ไร่ ลดลงจากปี 2559
ร้อยละ 0.73 ปริมาณผลผลิตรวม 185,692 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 246 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกปาล์ม
น้ำมัน 61,063 ไร่ ปริมาณผลผลติ เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 31.51 ปริมาณผลผลิต 90,979 ตัน
ผลผลติ เฉลย่ี 2,446 ตนั ไมผ้ ลประกอบดว้ ย ทุเรียน เงาะ มังคดุ และลองกอง มีพ้นื ทปี่ ลกู รวม 30,391
ไร่ ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 2.20 มีปรมิ าณผลผลติ รวม 3,125 ตัน

7) ปศุสัตว์ ในปี 25๖๐ การเลี้ยงปศุสัตว์ในจังหวัดพัทลุงที่สำคญั ได้แก่ โค สุกร
และไก่ โดยปริมาณการเลี้ยงโค จำนวน 16,548 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 6.90 มีปริมาณ
การเลี้ยงสุกร จำนวน 316,078 ตัว เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 0.83 และปริมาณเลี้ยงไก่ จำนวน
10,066,434 ตวั เพิ่มขึน้ จากปี 2559 ร้อยละ 0.82

8) อุตสาหกรรม ปี 2559 มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสาขาอุตสาหกรรมมีมูลค่า
3,653 ล้านบาท หดตวั จากปกี อ่ นรอ้ ยละ 9.36 อุตสาหกรรมส่วนใหญข่ องจังหวัดพัทลุงเป็นอุตสาหกรรม
ต่อเนื่องจากการเกษตร อาทิ อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมแปรรูปไก่และเนื้อไก่แช่เข็ง
อุตสาหกรรมโรงสีขา้ วและการอบข้าวเปลือก จงั หวดั พัทลุงมีโรงงานอตุ สาหกรรมท้ังส้ิน 800 แหง่ จำนวน
เงนิ ลงทนุ รวม 6,859 ลา้ นบาท มีการจ้างงานรวม 5,537 คน

9) การท่องเที่ยว จังหวัดพัทลุงมีสถานท่ีท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยงาม เช่น
อุทยานนกน้ำทะเลน้อย อุทยานแห่งชาตเิ ขาปู่-เขาย่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด หาดแสนสุข
ลำปำ บ่อน้ำร้อน น้ำเย็นเขาชัยสน เขาอกทะลุ และน้ำตกที่สวยงามที่มีแหล่งต้นน้ำจากเทือกเขาบรรทัด
เช่น น้ำตกไพรวัลย์ น้ำตกโนราห์ เป็นต้น รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีชื่อเสียง เช่น ตลาดใต้โหนด
ตลาดสวนไผ่ นอกจากนี้ยงั มีสถานท่ีท่องเทีย่ วเชิงศาสนาและวัฒนธรรมทีส่ ำคัญและมีชื่อเสยี ง อาทิ วังเจ้า
เมืองพัทลุง วัดเขียนบางแก้ว พระพุทธนิรโรคันตรายชัยวัฒน์จตุรทิศ เป็นต้น โดยในปี 2561 มีจำนวน
นักท่องเที่ยวรวม 1,684,560 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 7.3 โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย
ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.0 และมีนักท่องเที่ยว
ตา่ งชาติเพยี งร้อยละ 1.0 และมีรายได้จากการท่องเท่ยี วรวม 3,489.08 ลา้ นบาท เพม่ิ ข้ึนจากปี 2560
ร้อยละ 10.6 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุงมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นจากการส่งเสริม
การท่องเที่ยวโดยชุมชน

10) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีพืน้ ทป่ี า่ ทัง้ ส้ิน 384,778 ไร่ คิดเป็น
รอ้ ยละ 17.98 ของพน้ื ที่ทัง้ หมดของจังหวัดพัทลุง และร้อยละ 3.48 ของพนื้ ที่ปา่ ในภาคใต้

สำนกั งานการท่องเท่ียวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 135 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

2.3 ศกั ยภาพ และประเดน็ ปญั หาสำคัญ
1) ศักยภาพ
(๑) ภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มน้ำเหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรม ได้แก่

ยางพารา ข้าว โดยเฉพาะข้าวพนั ธพ์ุ ืน้ เมอื งสังข์หยดที่มกี ารจดทะเบยี นสง่ิ บ่งช้ีทางภูมศิ าสตร์ การเลี้ยงสัตว์
เช่น ไก่เนอ้ื สุกร โคเนื้อ โคนม เป็นตน้

(๒) มีแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งด้านการเกษตร
และเศรษฐกิจพอเพยี ง

(๓) มีทรัพยากรทางการท่องเที่ยว ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมท่ีสามารถ
พัฒนาเป็นแหล่งท่องเทย่ี วชมุ ชน

(๔) มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์จากภูมิปัญญาท้องถ่ิน
และวัฒนธรรมของจังหวดั ทโ่ี ดดเด่นและมศี ักยภาพในการพัฒนาทางการตลาดเพื่อสามารถสรา้ งงาน สร้าง
อาชีพใหแ้ กช่ มุ ชน

(๕) มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ป่าที่เป็นแหล่ง
ต้นน้ำและเป็นพื้นท่ีชุม่ น้ำของประเทศที่คงความหลากหลายทางชวี ภาพ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคญั
ของจังหวดั

(๖) ทำเลที่ตั้งจังหวัดอยู่กึ่งกลางของภาคใต้สามารถเชื่อมโยงการคมนาคม
กับจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการค้า การท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย อันดามัน และภาคใต้
ชายแดน

2) ประเด็นปัญหา
(๑) ด้านการเกษตร ประสบปัญหาด้านคุณภาพและราคาผลผลิตทาง

การเกษตรตกต่ำ ไดแ้ ก่ ยางพารา ผลไม้ ทำให้ประชาชนมีรายไดไ้ มแ่ น่นอน
(๒) ด้านสังคม การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ เช่น ยาบ้า ใบกระท่อม

ส่ีคูณรอ้ ย เปน็ ตน้ ผู้สูงอายขุ าดการดูแลส่งผลต่อการมีคุณภาพชีวิตทด่ี ี
(๓) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนนสายหลักและสายรองชำรุดเสียหายหลาย

สายเนือ่ งจากประสบปัญหาอุทกภยั ในชว่ งหน้าฝน ทำใหเ้ ปน็ อุปสรรคในการสญั จรไปมาของประชาชนและ
การขนส่งผลผลติ ทางการเกษตร รวมทัง้ เส้นทางเขา้ ส่แู หล่งทอ่ งเท่ียว

(๔) ด้านการท่องเท่ียว ขาดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน
โดยเฉพาะแหลง่ ท่องเท่ยี วทางธรรมชาติ เนอ่ื งจากส่วนใหญต่ ้ังอยู่ในพ้นื ทีอ่ ุทยานฯ

(๕) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า พันธุ์พืชเสี่ยงต่อ
การสูญพันธุ์ ประสบปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ราบลุ่มที่เป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญของจังหวัด และปัญหาภัย
แล้งในพื้นที่การเกษตร รวมทั้งการแพร่ขยายของวัชพืชในทะเลสาบสงขลา (พื้นที่จังหวัดพัทลุง) ทำให้มี
ความตื้นเขนิ ของแหล่งนำ้

สำนักงานการทอ่ งเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 136 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

3. จังหวดั นครศรธี รรมราช

3.1 จดุ เด่นของจงั หวัดนครศรธี รรมราช
1) มวี ฒั นธรรม ประเพณี แบบวิถีชาวพุทธท่เี ป็นอัตลกั ษณ์
2) มีโบราณสถานและศาสนสถานที่มีชื่อเสียง และมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

สำคัญของจงั หวัด ได้แก่ วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร กำแพงเมอื งเก่า หมูบ่ ้านคีรวี ง เป็นต้น
3) มีตลาดกลางสินค้าเกษตรท่ีสำคัญในภาคใต้ (ตลาดกลางหัวอิฐ) และเป็น

จดุ ศนู ย์กลางในการกระจายสินค้า
4) เปน็ แหล่งเลย้ี งโคเนอ้ื ไก่ สกุ ร ทสี่ ำคญั ของภาคใต้
5) เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ เช่น ยางพารา (ผลผลิตสูงเป็นอันดับ 3

ของภาคใต้) ปาล์มนำ้ มัน (ผลผลติ สงู เปน็ อนั ดบั 4 ของภาคใต)้ แหล่งผลติ ผลไมท้ ่ีมีคุณภาพ มงั คุด (ผลผลติ
อันดับ 1 ของภาคใต้) และทุเรียน (ผลผลิตเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้) และการเพาะเลี้ยงกุ้ง (ผลผลิตสูง
เปน็ อันดับ 2 ของภาคใต้)

6) เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 225 กม. ที่ประกอบด้วย
หาดทราย ปา่ ชายเลน และมคี วามอดุ มสมบรู ณ์ของทรัพยากรทางทะเล เช่น กุง้ หอย ปู ปลา ที่เป็นแหล่ง
อาหารทางทะเล และมีแหลง่ น้ำที่อดุ มสมบรู ณ์ มีพ้นื ท่ตี น้ นำ้ มพี ้นื ที่ปา่ พรุท่เี ปน็ แหล่งรบั น้ำทร่ี องรบั การประกอบ
อาชพี ทางด้านการเกษตรการประมง และธุรกจิ การท่องเทีย่ ว

ภาพที่ 48 แผนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ทม่ี า: http//www.google.co.th/maps

7) เป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน
Southern Economic Corridor (SEC) ซึ่งจะพัฒนาเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และเป็นต้นแบบการพัฒนา
ศนู ยก์ ลางความเจรญิ ในแตล่ ะภมู ิภาคของประเทศ

สำนกั งานการท่องเที่ยวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 137 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

3.2 ขอ้ มลู พ้ืนฐานจังหวัด
๑) สภาพพน้ื ที่ จงั หวัดนครศรีธรรมราช ตงั้ อยู่ทางตอนกลางของภาคใต้ ห่างจาก

กรุงเทพฯ 780 กโิ ลเมตร มเี น้ือท่ีประมาณ 9,942.502 ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ 6,214,064 ไร่
มีพื้นที่มากเป็นลำดับที่ 16 ของประเทศ หรือประมาณ ร้อยละ 1.98 ของพื้นท่ีทั้งประเทศ ที่ตั้งของ
จังหวัดตั้งอยู่ประมาณละติจูดที่ 9 องศาเหนือ และลองติจูด 10 องศาตะวันออก โดยมีอาณาเขตติดต่อ
ดังนี้

ทศิ เหนอื ติดตอ่ กับ จงั หวดั สรุ าษฎร์ธานี
ทศิ ใต้ ติดต่อกบั จงั หวัดสงขลา จังหวัดพัทลุง และจงั หวดั ตรงั
ทศิ ตะวนั ออก ตดิ ตอ่ กับ ทะเลอา่ วไทย
ทิศตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กับ จังหวดั สุราษฎร์ธานี และจังหวดั กระบ่ี
๒) สภาพภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศของจังหวัดนครศรีธรรมราช แบ่งได้
เปน็ 3 ส่วน คือ
(1) บริเวณเทือกเขาตอนกลาง ได้แก่ บริเวณเทือกเขานครศรีธรรมราช มี
อาณาเขตตั้งแต่ตอนเหนือของจังหวัดลงไปถึงใต้สุด ได้แก่ อำเภอสิชล อำเภอขนอม อำเภอท่าศาลา
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอลานสกา อำเภอพรหมคีรี อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอชะอวด อำเภอ
จุฬาภรณ์ และอำเภอพระพรหม ในเขตเทือกเขานี้มีภูเขาสูงสุดในจังหวัด คือ เขาหลวง ซึ่งสูงประมาณ
1,835 เมตร เหนือระดับนำ้ ทะเล
(2) บรเิ วณทีร่ าบชายฝ่ังดา้ นตะวันออก ได้แก่ บริเวณเทอื กเขาตอนกลางไป
ทางตะวนั ออกถึงฝั่งทะเลอา่ วไทย จำแนกได้เป็น 2 ตอน คอื ตงั้ แตอ่ ำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ลงไปทาง
ใต้ ท่ีมคี วามกว้างจากบรเิ วณเทือกเขาตอนกลางไปถึงชายฝง่ั ทะเลระยะทางประมาณ 95 กิโลเมตร ได้แก่
อำเภอปากพนัง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอหัวไทร และอำเภอชะอวด และอกี บริเวณหน่ึงคือ ตง้ั แต่อำเภอท่าศาลา
ขนึ้ ไปทางทิศเหนือ อำเภอที่อยู่ในเขตพื้นทร่ี าบดา้ นน้คี ือ อำเภอขนอม อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา
(3) บริเวณที่ราบด้านตะวันตก ได้แก่ บริเวณท่ีราบระหว่างเทือกเขา
นครศรีธรรมราช และเทือกเขาบรรทัด ซ่ึงมีลักษณะเป็นเนินเขาอยู่เป็นแห่งๆ อำเภอท่ีอยู่ท่ีราบด้านนี้ คือ
อำเภอพิปูน อำเภอท่งุ ใหญ่ อำเภอฉวาง อำเภอนาบอน อำเภอบางขัน อำเภอถำ้ พรรณรา และอำเภอทุ่งสง
๓) การปกครอง แบ่งเขตการปกครองตามลักษณะพื้นท่ีเป็น 23 อำเภอ 165
ตำบล 1,551 หมู่บ้าน การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย องค์กรบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง
เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 3 แห่ง เทศบาลตำบล 50 แห่ง และองค์กรบริหารส่วนตำบล 130
แห่ง
๔) ประชากร ปี 2561 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีประชากรจำนวน 1,560,433
คน เปน็ เพศชาย 771,530 คน คิดเปน็ ร้อยละ 49.40 ของประชากรท้ังหมด และเป็นเพศหญิง 788,903
คน คิดเปน็ ร้อยละ 50.60 ของประชากรทง้ั หมด และมีจำนวน 565,508 ครวั เรอื น อำเภอที่มีประชากร
มากที่สุดคือ อำเภอเมือง 156,998 คน รองลงมา คือ อำเภอทุ่งสง 117,158 คน และอำเภอท่าศาลา
113,323 คน ตามลำดับ ความหนาแนน่ ของประชากรประมาณ 156.95 คน ต่อตารางกิโลเมตร และมี
อัตราการเพิ่มของประชากรจากปี 2560 ร้อยละ 0.19 (สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง,
2561)

สำนกั งานการท่องเที่ยวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 138 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

5) เศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด ปี 255๙ ณ ราคาปัจจุบัน 150,515
ล้านบาท มรี ายไดเ้ ฉลย่ี ต่อหวั 98,627 บาท เป็นลำดบั ที่ 9 ของภาค และลำดับท่ี 37 ของประเทศ สาขา
การผลิตท่ีทำรายได้ให้แก่จังหวัดมากทสี่ ุดคือ สาขาการเกษตร มูลค่า 38,807 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ
25.78 รองลงมาได้แก่ สาขาอุตสาหกรรม 18,189 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.08 และสาขาการขายส่ง
และการขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ มูลค่า 17,192.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.42 และ ภาคเกษตร
มีพนื้ ท่ที ัง้ หมด 6.2 ล้านไร่

6) เกษตรกรรม มีการปลูกไม้ยืนต้นที่สำคัญคือ คือ ยางพาราปาล์มน้ำมัน และ
ไม้ผล โดยมีไม้ผลทีส่ ำคัญคือ มังคุด ทุเรียน เงาะ และลองกอง รวมทั้งการเล้ียงสัตว์ และทำประมงในบาง
พื้นที่ของจังหวัด ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชมีพื้นที่เกษตรกรรม 2.89 ล้านไร่ (ร้อยละ 46.6 ของพื้นที่
จังหวัด) ประกอบด้วย พื้นที่เพาะปลูกยางพารา 1.5 ล้านไร่ (ร้อยละ 51.9) พื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมัน
510,580 ไร่ (ร้อยละ 17.7) พื้นที่เพาะปลูกข้าว 328,184 ไร่ (ร้อยละ 11.4) และพ้ืนที่การเกษตร
อนื่ ๆ 551,236 ไร่ (รอ้ ยละ 19.1)

7) อุตสาหกรรม ปี 2560 มีการลงทุนกิจการอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 1,919 แห่ง
มีเงินลงทุนรวม 58,506.7 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงาน 23,604 คน ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่
ต่อเนื่องจากการเกษตร ได้แก่ (1) อุตสาหกรรมยาง ประกอบด้วย การผลิตยางแผ่นผึ่งแห้ง ยางแผ่นรมควัน
ยางแท่ง ยางเครป และน้ำยางข้น มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 153 โรงงาน มูลค่าเงินลงทุน 3,473.9 ล้าน
บาท คนงาน 4,804 คน (2) อุตสาหกรรมแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ มีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 175
โรงงาน มูลค่าเงินลงทุน 2,470.7 ล้านบาท คนงาน 5,153 คน และ (3) อุตสาหกรรมอโลหะ
ประกอบด้วย กิจการเกี่ยวกับผลิตคอนกรีตบล็อก ผลิตปูนขา ผลิตเครื่องปั้นดินเผา และผลิตอิฐดินเผา
ปัจจุบันมีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 144 โรงงาน มูลค่าเงินทุน 16,023.2 ล้านบาท คนงาน 2,459 คน
(สำนกั งานอุตสาหกรรมจงั หวดั นครศรีธรรมราช, 2560)

8) การท่องเที่ยว ภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยว ปี 2559 มีจำนวน ผู้เยี่ยมเยือน
ทั้งสิ้น 3,565,814 คน คิดเป็นร้อยละ 7.8 ของจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในภาคใต้ เป็นชาวไทย 3,484,288 คน
เป็นชาวต่างชาติ 81,526 คน มีรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมด 14,465.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
2.1 ของการท่องเที่ยวของภาคใต้ จำนวนวันพักเฉลี่ยเท่ากับ 2.4 วัน (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,
2560)

ลักษณะทางเศรษฐกจิ

1. จงั หวัดสงขลา

สถานการณ์ เศรษฐกจิ ของจังหวดั สงขลามีขนาดเศรษฐกจิ ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ มีแนวโน้ม
ไม่ดีมากนักในช่วงปี พ.ศ. 2557 - 2559 เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเน่ือง ในปี พ.ศ. 2559 GPP
ของจังหวัดสงขลาเป็น 240,532 ลา้ นบาทและเพม่ิ เปน็ 241,838 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 ซึ่งมูลค่า
ปัจจุบันเพิ่มขึ้น แต่หากเปรียบเทียบมูลค่ากับปีฐาน พบว่า อัตราการขยายตัวติดลบ โครงสร้างการผลิต
พบว่า สัดส่วนการผลิตภาคบริการและอื่นๆ มีแนวโน้มลดลงในขณะที่สัดส่วนภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้น การผลิตทุกภาคมีอัตราการขยายตัวลดลง ยกเว้นภาคการค้าซึ่งมีสัดส่วนไม่สูงมากนักแต่มีอัต รา
การขยายตัวทเ่ี พ่มิ ขน้ึ ในขณะทร่ี ายไดต้ อ่ คนตอ่ ปขี องประชากรค่อนข้างสงู แตม่ ีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย

สำนกั งานการทอ่ งเทย่ี วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 139 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 49 GPP จงั หวดั สงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพท่ี 50 โครงสรา้ งการผลติ ของจังหวดั สงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

ผลกระทบ เศรษฐกิจหดตัวส่งผลให้รายได้ของประชาชนลดลง ทำให้ผู้บริโภคเพิ่ม
ความระมัดระวงั ในการตัดสินใจซอื้ สินค้ามากขึน้

แนวทางการพัฒนา ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเป็นปัจจัยภายนอกประเภทอุปสรรคหรือ
ภัยคุกคามท่ีส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภค ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวและซื้อสินค้าของ
ผู้บริโภคของลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

สำนักงานการทอ่ งเท่ียวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 140 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

ภาพท่ี 51 GPP ภาคเกษตรจังหวัดสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพที่ 52 GPP ภาคอุตสาหกรรมจังหวดั สงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562.

สำนักงานการทอ่ งเท่ยี วและกีฬาจงั หวัดสงขลา 141 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ภาพท่ี 53 GPP ภาคการคา้ จังหวดั สงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562.

ภาพที่ 54 GPP ภาคบรกิ ารและอื่นๆ จังหวัดสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนกั งานการทอ่ งเที่ยวและกฬี าจงั หวดั สงขลา 142 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

2. จงั หวัดพทั ลุง

สถานการณ์ เศรษฐกิจของจังหวัดพัทลุงมีขนาดเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเปรียบเทียบ
กับจังหวัดอื่นในภาคใต้ เป็นลำดับที่ 13 จาก 14 จังหวัด มีแนวโน้มไม่ดีมากนักในช่วงปี พ.ศ. 2557 -
2559 เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี พ.ศ. 2559 GPP ของจังหวัดพัทลุงเป็น 36,549
ล้านบาทและลดลงเป็น 36,479 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 แต่หากเปรียบเทียบมูลค่ากับปีฐาน พบว่า
อัตราการขยายตัวติดลบเกือบร้อยละ 4 โครงสร้างการผลิต พบว่า สัดส่วนการผลิตภาคบริการและอื่นๆ
และภาคเกษตรมีแนวโน้มลดลงในขณะที่สัดส่วนภาคอุตสาหกรรมและภาคการค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
การผลิตภาคการเกษตรและภาคการบริการและอื่นๆ มีอัตราการขยายตัวลดลง ในขณะที่
ภาคอุตสาหกรรมและภาคการค้ามีอัตราการขยายตัวที่เพ่ิมขึ้น ในขณะที่รายได้ต่อคนต่อปีของประชากร
ค่อนข้างสงู แต่มแี นวโน้มลดลงเลก็ นอ้ ย

ผลกระทบ เศรษฐกิจหดตัวส่งผลให้รายได้ของประชาชนลดลง ทำให้ผู้บริโภคเพิ่ม
ความระมัดระวงั ในการตัดสินใจซ้อื สนิ ค้ามากขน้ึ

แนวทางการพัฒนา ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเป็นปัจจัยภายนอกประเภทอุปสรรคหรือ
ภัยคุกคามที่ส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภค ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเท่ียวและซื้อสินค้าของ
ผบู้ รโิ ภคของลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

ภาพที่ 55 GPP จงั หวัดพัทลุง ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนกั งานการทอ่ งเท่ียวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 143 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ภาพที่ 56 โครงสร้างการผลิตของจังหวัดพทั ลุง ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

ภาพท่ี 57 GPP ภาคการเกษตรจงั หวัดพัทลงุ ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนักงานการทอ่ งเทีย่ วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 144 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 58 GPP ภาคอตุ สาหกรรมจงั หวดั พัทลุง ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562.

ภาพท่ี 59 GPP ภาคการค้าจังหวัดพทั ลงุ ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนกั งานการท่องเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 145 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 60 GPP ภาคบริการและอ่ืนๆ จังหวัดพัทลุง ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562.

3. จังหวดั นครศรีธรรมราช

สถานการณ์ เศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราชมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เมื่อเปรียบเทียบ
กบั จงั หวดั อืน่ ในภาคใต้เป็นลำดับท่ี 4 จาก 14 จังหวัด ภาวะเศรษฐกิจจงั หวัดมแี นวโนม้ ไม่ดมี ากนกั ในช่วง
ปี พ.ศ. 255 6 - 2557 เศรษฐกิจอยู่ในภาวะหดตัวตวั ในชว่ งปี พ.ศ. 2558 - 2560 เศรษฐกิจมีอัตรา
การขยายดีอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ.2559 GPP ของจงั หวัดนครศรีธรรมราชเป็น 150,764 ล้านบาทและ
เพิ่มข้ึนเป็น 153,574 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 แต่หากเปรียบเทียบมูลค่ากับปีฐาน พบว่า อัตราการ
ขยายตัวตดิ ลบร้อยละ 1.1 โครงสร้างการผลิต พบว่า สัดสว่ นการผลิตภาคบริการและอื่นๆ มสี ัดสว่ นที่สูงกว่า
ภาคอื่น ประมาณร้อยละ 53 ของการผลิตทั้งหมดและมีอัตราการขยายตัวของสัดส่วนอย่างต่อเนื่อง
ในขณะทส่ี ดั ส่วนของภาคการผลิตทเ่ี หลือมีสดั สว่ นค่อนข้างคงท่ี การผลิตภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม
และภาคการบริการและอื่นๆ มอี ัตราการขยายตวั ลดลง ในขณะท่ีภาคการค้ามีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มข้ึน
ในขณะท่ีรายได้ต่อคนตอ่ ปีของประชากรค่อนข้างสูงแต่มแี นวโนม้ เพม่ิ ขึ้นเล็กนอ้ ย

ผลกระทบ เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อยส่งผลให้รายได้ของประชาชนเพิ่มข้ึน
เล็กน้อย ยังไม่เพียงพอไปกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ทำให้ผู้บริโภคยงั มีความระมัดระวังในการตัดสินใจ
ซ้อื สินคา้ มากขน้ึ

แนวทางการพัฒนา ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเป็นปัจจัยภายนอกประเภทอุปสรรคหรือภัย
คุกคามที่ส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภค ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวและซื้อสินค้าของ
ผ้บู ริโภคของลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

สำนกั งานการทอ่ งเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 146 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพที่ 61 GPP จังหวัดนครศรธี รรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพท่ี 62 โครงสร้างการผลิตจังหวัดนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนกั งานการท่องเที่ยวและกฬี าจงั หวดั สงขลา 147 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

ภาพที่ 63 GPP ภาคการเกษตรจังหวัดนครศรธี รรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพที่ 64 GPP ภาคอตุ สาหกรรมจงั หวดั นครศรธี รรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนักงานการท่องเท่ยี วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 148 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 65 GPP ภาคการค้าจังหวดั นครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562.

ภาพที่ 66 GPP ภาคบริการและอนื่ ๆ จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนกั งานการทอ่ งเที่ยวและกีฬาจงั หวัดสงขลา 149 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

4. ภาวะเศรษฐกิจภาพรวม 3 จงั หวัด

สถานการณ์ ภาวะทางเศรษฐกิจของ 3 จังหวัดในพื้นท่ีลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา มีแนวโน้ม
ไม่ดีมากนักในช่วงปี พ.ศ. 2557 - 2560 เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี
พ.ศ. 2559 - 2560 มูลค่าทางเศรษฐกิจ ณ ระดับราคาปัจจุบันมีอัตราการขยายตัว แต่เทียบกับปีฐาน
กลบั พบว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะหดตวั ร้อยละ 2.25 โดยในปี พ.ศ.2559 GPP รวมของทั้ง 3 จังหวัดเป็น
427,846 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเป็น 431,891 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2560 ด้านโครงสร้างการผลิต
พบว่า การผลิตภาคบริการและอื่นๆ มีสัดส่วนร้อยละ 55 ของการผลิตทั้งหมด แต่สัดส่วนมีแนวโน้ม
ปรับตัวลดลง ในขณะที่สัดส่วนของภาคการผลิตที่เหลือมีสัดส่วนค่อนข้างคงที่ การผลิตภาคการเกษตร
ภาคอุตสาหกรรม และภาคการบรกิ ารและอ่นื ๆ มีอัตราการขยายตัวลดลง ในขณะทีภ่ าคการค้ามีอัตราการขยายตัว
ทเี่ พม่ิ ข้ึน ในขณะที่รายไดต้ ่อคนตอ่ ปีของประชากรค่อนข้างสงู แต่มแี นวโน้มเพม่ิ ขึน้ เล็กน้อย

ผลกระทบ เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวเล็กน้อยส่งผลให้รายได้ของประชาชนเพิ่มข้ึน
เล็กน้อย ยังไม่เพียงพอไปกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ทำให้ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังในการ
ตัดสนิ ใจซื้อสนิ ค้ามากข้ึน

แนวทางการพัฒนา ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเป็นปัจจัยภายนอกประเภทอุปสรรคหรือภัย
คุกคามที่ส่งผลต่อการตัดสินใจบริโภค ซึ่งสุดท้ายจะส่งผลต่อการตัดสินใจท่องเที่ยวและซื้อสินค้าของ
ผ้บู รโิ ภคของลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

ภาพท่ี 67 GPP จงั หวดั ลุม่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนกั งานการท่องเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 150 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ภาพท่ี 68 โครงสรา้ งการผลติ จังหวดั ลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพที่ 69 GPP ภาคการเกษตรจังหวดั ล่มุ น้ำทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 151 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

ภาพที่ 70 GPP ภาคอตุ สาหกรรมจงั หวดั ลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562.

ภาพที่ 71 GPP ภาคการค้าจังหวัดล่มุ น้ำทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนกั งานการท่องเทีย่ วและกีฬาจงั หวัดสงขลา 152 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพที่ 72 GPP ภาคบริการและอ่นื ๆ จงั หวัดลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ, 2562.

5. เศรษฐกจิ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเปรยี บเทียบกับภูมิภาคอืน่

สถานการณ์ จังหวัดสงขลาเป็นจังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ในขณะท่ี
จังหวัดนครศรีธรรมราชมขี นาดเศรษฐกิจเปน็ ลำดับท่ี 4 และจงั หวดั พัทลุงเป็นลำดับท่ี 13 รวม 3 จังหวัด
มีขนาดเศรษฐกิจเป็นร้อยละ 31.5 ของภาคใต้ ในขณะที่รายไดต้ ่อคนต่อปขี องทั้ง 3 จังหวัดไม่สูงมากนัก
โดยจังหวัดสงขลาประชากรมีรายได้ต่อคนต่อปีเป็นลำดับที่ 6 ในขณะที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และ
จังหวัดพทั ลงุ เปน็ ลำดับท่ี 10 และ 13 ตามลำดบั

ผลกระทบ การท่องเที่ยวในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นการท่องเที่ยวโดยคนในพื้นที่เป็น
หลัก ดังนั้นการที่ใน 3 จังหวัดรอบทะเลสาบมีประชากรและขนาดเศรษฐกิจมากกว่า 1/3 ของภาคใต้
ยอ่ มมศี ักยภาพในการท่องเทย่ี วทั้งทางด้านอปุ สงค์และอุปทาน

แนวทางการพัฒนา 3 จังหวัดในพื้นที่มีศักยภาพค่อนข้างสูงทั้งทางด้านอุปสงค์และ
อปุ ทานควรส่งเสรมิ ให้เกิดการท่องเทยี่ วโดยชมุ ชน ซ่งึ เปน็ ศกั ยภาพของพน้ื ทห่ี รืออุปทานท่ีมีศักยภาพ และ
ส่งเสรมิ ให้นักทอ่ งเท่ียวมีการเท่ียวในพื้นท่ี และกระตุ้นการประชาสมั พันธ์ผา่ นสื่อออนไลน์โดยคนในพืน้ ที่

สำนักงานการท่องเทีย่ วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 153 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ภาพท่ี 73 ขนาดเศรษฐกจิ ของจังหวดั ในลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลาเปรียบเทยี บกับภมู ิภาคอ่ืน
ทม่ี า: สำนักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพท่ี 74 รายได้ต่อหวั ของจังหวดั ในล่มุ น้ำทะเลสาบสงขลาเปรยี บเทยี บกับภมู ิภาคอืน่
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

สำนักงานการท่องเท่ยี วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 154 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ลกั ษณะทางสังคม

1. ประชากร

สถานการณ์ ปี พ.ศ. 2561 จังหวัดสงขลามีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้
รองลงมาเปน็ จังหวดั นครศรีธรรมราช และ สุราษฎรธ์ านี ในกลุ่ม 3 จังหวดั ลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา จังหวัด
สงขลาและจังหวดั นครศรีธรรมราชมปี ระชากรจงั หวัดละประมาณ 1.5 ลา้ นคน ในขณะท่ีที่จังหวัดพัทลุงมี
ประชากรประมาณ 0.5 ล้านคน รวม 3 จังหวัดมีประชากร 3.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 38.84 ของ
ประชากรในภาคใต้ทงั้ หมด

ผลกระทบ จำนวนประชากรคือฐานผู้บริโภครายใหญ่ ประกอบการท่องเที่ยวรอบลุ่มน้ำ
ทะเลสาบสงขลาเป็นการท่องเท่ียวของจงั หวดั รอบๆ พ้ืนท่ี

แนวทางการพัฒนา 3 จังหวัดในพื้นที่มีศักยภาพค่อนข้างสูงทั้งทางด้านอุปสงค์และ
อปุ ทานควรสง่ เสริมให้เกดิ การท่องเท่ยี วโดยชุมชน ซง่ึ เปน็ ศกั ยภาพของพนื้ ที่หรืออปุ ทานทมี่ ีศักยภาพ และ
ส่งเสรมิ ใหน้ ักทอ่ งเทย่ี วมีการเทยี่ วในพืน้ ที่ และกระต้นุ การประชาสมั พันธผ์ ่านส่อื ออนไลน์โดยคนในพ้ืนที่

ภาพที่ 75 จำนวนประชากรของจังหวดั ในกลุม่ จงั หวัดภาคใต้ฝง่ั อ่าวไทย ปี พ.ศ. 2556 - 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562.

สำนักงานการท่องเทย่ี วและกีฬาจงั หวัดสงขลา 155 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 76 จำนวนประชากรของจงั หวัดภาคใต้ ปี พ.ศ. 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562.

2. รายได้ รายจา่ ย หนสี้ ิน สงู กว่าค่าเฉล่ยี ประเทศเล็กน้อย

สถานการณ์ ในปี 2560 จังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช มีเส้นความยากจน
(Poverty line) (ค่าใช้จ่ายทั้งปวงที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของคนวัยผู้ใหญ่เฉลี่ยตลอดหนึ่ง) เป็น
2,880 บาท 2,865 บาท และ 2,687 บาทต่อคนต่อปี อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นใน
ภาคใต้ กลุ่มภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีรายได้เฉลี่ย 28,464 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน สูงกว่าค่าเฉลี่ย
ระดับประเทศท่ีมีรายจ่ายเฉลี่ย 22,039 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน ซ่ึงไม่สูงมากนักเมื่อเปรียบเทียบกับ
ภมู ภิ าคอ่ืน โดยภาพรวมถือว่ามีสถานการณท์ ี่ระดับกลาง ไม่สู้ดนี กั ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ซบเซา
อย่างต่อเน่ืองในช่วงหลายปีที่ผา่ น โดยเฉพาะภาคการเกษตรท่ีเปน็ กลุ่มประชากรส่วนมากของจงั หวดั ที่มี
แนวโนม้ หดตัวอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ซง่ึ เป็นผลจากราคาพืชเศรษฐกจิ หลักปรับตวั ลดลง

ผลกระทบ ภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด
จากเครื่องช้ีขา้ งตน้ แสดงให้เหน็ ว่า เศรษฐกิจครวั เรือนมปี ญั หา ซึ่งจะส่งผลตอ่ ความเป็นอยู่และสภาพสังคม
ของประชาชนในโอกาสต่อไป

แนวทางการพัฒนา จังหวัดควรส่งเสริมให้มีการสร้างงานสร้างอาชีพสำหรับประชาชน
เพื่อให้ประชาชนมีรายได้และอาชพี ที่มั่นคง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายที่ไม่ได้ก่อให้เกดิ
รายได้

สำนักงานการทอ่ งเท่ียวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 156 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 77 เส้นความยากจนของจงั หวดั ในภาคใต้ ปี พ.ศ. 2560
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ, 2562.

ภาพที่ 78 สดั สว่ นคนจน ปี พ.ศ. 2560
ทมี่ า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนกั งานการท่องเทยี่ วและกีฬาจงั หวัดสงขลา 157 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ภาพท่ี 79 รายได้เฉล่ยี ต่อครัวเรอื น ปี พ.ศ. 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ, 2562.

ภาพท่ี 80 รายจา่ ยเฉลย่ี ต่อครัวเรือน ปี พ.ศ. 2560
ทมี่ า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

สำนักงานการทอ่ งเทยี่ วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 158 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ภาพที่ 81 หน้ีสินเฉล่ียตอ่ ครัวเรือน ปี พ.ศ. 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ, 2562.

ภาพที่ 82 อตั ราการขยายตัวของหนี้สนิ เฉล่ียต่อครัวเรือน ปี พ.ศ. 2560
ทม่ี า: สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562.

สำนักงานการทอ่ งเท่ยี วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 159 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

3. จำนวนผสู้ ูงอายุมีการขยายตัวเพม่ิ ขึน้ ตามการเปล่ยี นแปลงของประเทศ

สถานการณ์ ในช่วงเวลา 2556 – 2560 สัดส่วนของประชากรช่วง 0 - 14 ปี และ 15
- 59 ปีลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สัดส่วนของประชากรสูงวัย (อายุมากกว่า 60 ปี) มีการขยายตัว
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 12.99 ของประชากรทั้งจังหวัดในปี 2556 เป็นร้อยละ 14.52 ในปี
2560 ซึ่งมีลักษณะการเปลี่ยนแปลงเป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งในภาพรวมของประเทศ ภาคใต้ และ
กลุ่มจงั หวัดภาคใตฝ้ ั่งอ่าวไทย โดยในช่วงเวลาดังกล่าว 3 จังหวัดในพ้นื ทล่ี ุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลามดี ชั นีการสูงวัย
อยู่ระหว่าง 60.37 – 71.28 ซึ่งมีค่าต่ำกวา่ 100 แสดงให้เห็นว่า จำนวนประชากรผู้สูงอายุยงั มีจำนวน
นอ้ ยกว่าประชากรในวัยเด็ก อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีการสูงวัยมีอัตราการขยายตัวท่ีค่อนข้างสูงและต่อเนื่อง
เนื่องจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในขณะที่ประชากรในวัยเด็กมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากอัตราการเกิด
นอ้ ยลง

ผลกระทบ จากสถานการณ์ข้างต้น ในอนาคตกลุ่มผู้สูงอายุจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวท่ี
ลักษณะเฉพาะ ต้องการดูแลด้านสุขภาพ โครงสร้างพื้นฐานที่ต้องอำนวยความสะดวกเฉพาะกลุ่ม ใน
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้สูงอายใุ นพื้นที่เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพด้านการทอ่ งเที่ยว เช่น การเป็นนักเล่าเรื่อง เป็น
ภมู ปิ ญั ญาของพ้ืนท่ี

แนวทางการพัฒนา ส่งเสริมกจิ กรรมเพ่ือดูแล รักษา และใชป้ ระโยชนจ์ ากคนสูงวัย ให้มากขน้ึ

ภาพท่ี 83 โครงสรา้ งประชากร ปี พ.ศ. 2555-2580
ทม่ี า: สำนกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2562.

สำนกั งานการทอ่ งเทย่ี วและกีฬาจงั หวัดสงขลา 160 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ทรพั ยากรธรรมชาติ

1. ป่าไม้

พ้ืนที่ป่าไม้รวมของ 3 จังหวดั ลมุ่ น้ำทะเลสาบสงขลา ในปี พ.ศ. 2560 เป็น 2,024,634 ไร่
คิดเป็นร้อยละ 39.20 ของกลุ่มอ่าวไทย หรอื รอ้ ยละ 18.26 ของภาคใต้ มีพ้นื ท่ีเพมิ่ ขน้ึ เลก็ นอ้ ย

2. คุณภาพนำ้ แหลง่ น้ำธรรมชาติมแี นวโน้มเสื่อมโทรม

แหล่งน้ำตามธรรมชาติในพื้นท่ีลุ่มน้ำ ประกอบด้วยแหล่งน้ำสำคัญ คือ ทะเลสาบสงขลา
และทะเลหลวง โดยมีพื้นที่บริเวณชุมชน แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่อุตสาหกรรม พื้นที่บริเวณชายฝั่งที่เป็น
แหล่งเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและบริเวณท่าเทียบเรือประมง มีคุณภาพน้ำระดับพอใช้ แหล่งกำเนิดน้ำเสียส่วน
ใหญ่มาจากชุมชนขนาดใหญ่ในเขตเทศบาล และแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำขนาดใหญ่ยังไม่มีระบบบำบัด
น้ำเสียหรือมีระบบบำบัดน้ำเสียแต่มีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือขีดความสามารถของระบบ
บำบัดน้ำเสียไม่ครอบคลุมพื้นที่แหล่งกำเนิดหลักหรือน้ำเสียเข้าระบบไม่เป็นไปตามที่ออกแบบ การขาด
ความร่วมมือในการจ่ายค่าบริการบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งการบริหารจัดการควบคุมมลพิษในด้านกฎหมาย
การบังคับใช้และการติดตามตรวจสอบไม่มีประสทิ ธิภาพเพียงพอ ทำให้มีน้ำเสียที่ยังไม่ผ่านการบำบัดไหล
ลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสียตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง
แหล่งที่มาของน้ำเสียมาจากบ้านเรือนและชุมชน การประกอบธุรกิจท่องเที่ยว และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ชายฝั่ง การรั่วไหลของน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำและทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจน
ธุรกิจท่องเที่ยวและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดล้อมเป็นมูลค่ามหาศาล ดังนั้น ในการจัดการคุณภาพน้ำจึงต้องคำนึงถึงการวิเคราะห์
ขีดความสามารถของแหลง่ น้ำและปริมาณน้ำเสียท่ีลงสู่แหลง่ น้ำควบคูไ่ ปกับการควบคมุ การปล่อยของเสีย
จากแหลง่ กำเนดิ ไม่ใหเ้ กินมาตรฐาน

ตารางที่ 10 พน้ื ทปี่ า่ ไม้

จงั หวดั / ภาค 2556 2557 2558 2559 หนว่ ย : ไร่

ประเทศ 102,119,540 102,285,401 102,240,982 102,174,805 2560
11,076,833
ภาคใต/้ ใตช้ ายแดน 11,050,348 11,059,476 11,074,005 9,349,247 102,156,351
1,727,586 11,088,343
ภาคใต้ 9,345,707 9,317,420 9,347,275 4,188,377 9,357,748
5,160,869 1,730,596
กลมุ่ จังหวัดภาคใต้ชายแดน 1,704,642 1,742,056 1,726,730 4,192,489
805,587 5,165,259
กลมุ่ จังหวดั ฝัง่ อันดามัน 4,189,416 4,179,194 4,184,541 2,338,120
1,105,396 798,174
กลมุ่ จังหวัดฝงั่ อา่ วไทย 5,156,290 5,138,226 5,162,734 2,342,450
383,288 1,110,447
ชุมพร 787,831 808,098 804,299 528,477
385,093
สุราษฎร์ธานี 2,335,660 2,325,695 2,334,882 529,094

นครศรธี รรมราช 1,061,726 1,082,971 1,104,210

พัทลงุ 390,575 384,623 384,778

สงขลา 580,498 536,840 534,566

ทีม่ า: กลมุ่ งานบรหิ ารยุทธศาสตรก์ ลุม่ จงั หวัดภาคใต้ฝ่ังอา่ วไทย, 2561

สำนักงานการทอ่ งเท่ียวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 161 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ตารางท่ี 11 คุณภาพน้ำของแหลง่ น้ำสำคญั ของภาคใต้

ชอ่ื แม่นำ้ /แหลง่ นำ้ 2555 2556 2557 2558 2559

ชุมพร เส่อื มโทรม เสือ่ มโทรม พอใช้ ดี พอใช้
ดีมาก ดี
ตาปีตอนบน ดี ดี ดี
ดี พอใช้
ตาปีตอนล่าง พอใช้ พอใช้ พอใช้ ดี ดี
ดี
พมุ ดวง พอใช้ ดี พอใช้ พอใช้ พอใช้
พอใช้ เสื่อมโทรม
ปากพนงั พอใช้ พอใช้ พอใช้ พอใช้
ดี พอใช้
ทะเลน้อย เสื่อมโทรม พอใช้ พอใช้ ดี พอใช้
ดี
ทะเลหลวง พอใช้ พอใช้ พอใช้ ดี ดี
ดี
ทะเลสาบสงขลา พอใช้ พอใช้ พอใช้ ดี
ดี
ปัตตานตี อนบน พอใช้ ดี ดี

ปตั ตานีตอนลา่ ง พอใช้ พอใช้ พอใช้

สายบุรี พอใช้ พอใช้ ดี

ตรัง เส่ือมโทรม ดี ดี

ท่มี า: กลมุ่ งานบริหารยุทธศาสตรก์ ล่มุ จงั หวดั ภาคใตฝ้ ั่งอ่าวไทย, 2561

3. ปัญหาส่ิงแวดล้อมธรรมชาติ

แหล่งธรรมชาติของพื้นที่ 3 จังหวัดรอบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาหลายพื้นที่ถูกทำลายจาก
สาเหตุภัยธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ ประกอบกบั การพัฒนาทผี่ ่านมาไมไ่ ดใ้ ห้ความสำคัญกับการอนุรักษ์
สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ทำให้ขาดการจัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ขาดการควบคุม
การใช้ประโยชนท์ ดี่ ินบริเวณโดยรอบ

ตารางที่ 12 พ้นื ทเ่ี ส่ยี งต่อการเกดิ ดนิ ถล่มภาคใต้

พ้ืนที่เสยี งตอ่ การเกิดดินถลม่ ปี พ.ศ. 2553 พื้นทีเ่ สียงต่อการเกดิ ดินถล่มปี พ.ศ. 2555

กลมุ่ จงั หวดั /จงั หวดั จำนวน จำนวน

จำนวนอำเภอ จำนวนตำบล หมบู่ ้าน จำนวนอำเภอ จำนวนตำบล หมบู่ า้ น

สงขลา 10 34 217 16 121 649

พทั ลุง 5 9 40 11 60 397

ชมุ พร 8 30 137 8 61 404

สรุ าษฎรธ์ านี 12 26 84 19 108 506

นครศรีธรรมราช 15 39 180 23 160 935

กล่มุ จังหวดั ฝัง่ อา่ วไทย 50 138 658 77 510 2891

ภาคใต้11จงั หวดั 78 230 955 118 741 3843

ภาคใต้ 98 295 1628 153 929 4676

สดั สว่ น(ร้อยละ)

กลุ่มจงั หวัดฝง่ั อา่ วไทย 20.00 24.64 32.98 20.78 23.73 22.45

ภาคใต้11จังหวดั 12.82 14.78 22.72 13.56 16.33 16.89

ภาคใต้ 10.20 11.53 13.33 10.46 13.02 13.88

ท่มี า: กลมุ่ งานบริหารยุทธศาสตรก์ ลุ่มจงั หวัดภาคใตฝ้ ่งั อ่าวไทย, 2561

สำนักงานการท่องเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 162 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

ตารางที่ 13 สถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ ปี 2549 - 2560

จำนวน (หมู่บา้ น)

จังหวัด/กลมุ่ จงั หวัด 2557 2558 2559 2560

สงขลา 678 - 591 823

ชุมพร 384 246 659 728

พัทลงุ 390 84 676 666

สุราษฎรธ์ านี 440 435 1,085 794

นครศรธี รรมราช 741 454 1,524 1,555

กล่มุ จังหวดั ฝัง่ อา่ วไทย 2,633 1,219 4,535 4,566

ภาคใต้11จงั หวดั 3,182 1,494 5,511 6,243

ภาคใต้ 4,413 1,494 6,873 7,831

ประเทศ 15,044 5,962 24,473 48,903

ท่ีมา: ศูนยอ์ ำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั กระทรวงมหาดไทย

4. อุทกภยั

ปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จังหวดั พัทลงุ เกิดปญั หาอุทกภยั เพิ่มขน้ึ อยา่ งมาก ประชาชนไดร้ บั ความเดือดร้อน
สงู ถึง 135,282 ครัวเรอื น หรอื เปน็ ครง่ึ หนง่ึ ของครัวเรือนในภาคใต้ฝ่ังอ่าวไทย เพ่ิมจากปีที่ผ่านมาอย่างมาก

ตารางที่ 14 สถานการณ์อทุ กภยั ภาคใต้ ปี 2557 - 2560

จังหวัด/กลมุ่ จงั หวัด 2557 2558 2559 2560

จำนวน (ครวั เรอื น)

สงขลา 49,098 - 37,135 78,286

ชมุ พร 19,183 - 20,247 -

พทั ลงุ 5,065 407 27,526 135,282

สุราษฎรธ์ านี 13,457 16,111 46,268 37,608

นครศรธี รรมราช 54,972 28,637 120,438 4,013

กลุม่ จงั หวดั ฝัง่ อ่าวไทย 141,775 45,155 251,614 255,189

ภาคใต1้ 1จังหวดั 155,864 53,499 266,822 291,719

ภาคใต้ 287,239 53,499 321,366 409,488

ประเทศ 601,796 212,739 577,426 1,333,791

อัตราการขยายตวั (ร้อยละ)

3 จังหวัดลุ่มนำ้ ทะเลสาบสงขลา

กลุ่มจังหวดั ฝง่ั อา่ วไทย -68.15 457.22 1.42

ภาคใต้11จังหวดั -65.68 398.74 9.33

ภาคใต้ -81.37 500.70 27.42

ประเทศ -64.65 171.42 130.99

ท่มี า ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย

สำนักงานการทอ่ งเท่ียวและกีฬาจงั หวัดสงขลา 163 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

5. ปัญหาสง่ิ แวดล้อมเมอื ง

ปัญหาที่เกิดจากชุมชนที่มีการอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นหรือชุมชนแออัดที่มักพบเห็น คือ
การบุกรุกพื้นที่และสิทธิในการถือครองพื้นที่ ซึ่งการบุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ จากสาเหตุปัญหา
ประชากรที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อีกทั้งจากการอพยพย้ายถิ่น ทำให้เกิดความต้องการถือครองที่ดินว่างเปล่า
สำหรับทอี่ ยอู่ าศัย ปัญหาท่สี ามารถพบเห็นได้ในพ้ืนท่ชี ุมชนแออัด คอื ปัญหาด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อม และ
สขุ อนามัย เนือ่ งจากการอาศัยรวมกนั ของคนจำนวนมากมักก่อให้เกิดของเสยี ทง้ั นำ้ เสยี ขยะมลู ฝอย สิ่งปฏิกูล
ตามมา ประกอบกับการอยอู่ าศัยในพ้ืนท่ีที่ไมม่ เี อกสารสทิ ธิ์ ทำใหก้ ารเขา้ ไปจดั การปญั หาต่างๆ ดำเนนิ การ
ได้ยาก การให้บริการสาธารณปู โภคไมส่ ามารถดำเนินการไดเ้ พราะขดั ต่อขอ้ กฎหมาย จงึ ทำให้ชุมชนแออัด
เปน็ แหล่งเสอ่ื มโทรม

พื้นที่ใน 3 จังหวัดมีปัญหาระบบกำจัดขยะที่ถูกหลักวิชาการไม่เพียงพอกับปริมาณขยะท่ี
เกิดขึ้น ทำใหม้ ีขยะมลู ฝอยที่ยังไม่ไดร้ ับการให้บริการเกบ็ ขนและรวบรวม และขยะมลู ฝอยตกค้างสะสมใน
สถานท่ีกำจัดขยะมูลฝอยท่ีไม่ถูกหลักวิชาการ โดยจังหวัดที่มีปัญหาวิกฤติด้านการจัดการขยะมูลฝอย
ตกค้างสะสม มาจากการสำรวจเมื่อปี 2557 โดยได้มีการปรับปรุงในรูปแบบการปิดกลบในสถานที่กำจัด
ขยะมูลฝอยพื้นที่เดิม แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์หรือกำจัดให้หมดไป ในขณะเดียวกันระบบการจัดขยะ
มูลฝอยที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐส่วนใหญ่ประสบปัญหาขา ดการบริหารจัดการที่มี
ประสิทธิภาพ เนือ่ งจากขาดบุคลากรท่ีมีความเช่ียวชาญในการเดินระบบ ขาดงบประมาณสนับสนุนในการดูแล
และบำรุงรักษา นอกจากนั้น การจัดการขยะมูลฝอยที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ในเขตเทศบาล
และองคก์ รบรหิ ารสว่ นตำบลยงั ไม่สามารถดำเนนิ การได้ครอบคลุมทั้งพืน้ ท่ี

การจัดการของเสียอันตรายชุมชนยังมีการทิ้งรวมไปกับขยะมูลฝอยทั่วไปโดยไม่มีการคัดแยก
การจดั การมูลฝอยตดิ เชอ้ื กย็ ังมปี ญั หาเตาเผามูลฝอยติดเชอ้ื เนอื่ งจากพ้ืนท่จี งั หวัดสงขลาไม่มีสถานท่ีกำจัด
มลู ฝอยติดเชื้อ ทำให้สถานพยาบาลของรฐั และเอกชนต้องเลือกใช้บริการเก็บขน และกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ
ของเอกชนทั้งในและนอกพื้นท่ี แต่ยังไม่มีระบบติดตามตรวจสอบการดำเนินการเก็บขนและกำจัดมูลฝอย
ติดเชื้อของเอกชนตามกฎกระทรวงฯ ทำให้เอกชนบางรายลักลอบทิ้งมูลฝอยติดเช้ือในที่สาธารณะหรือ
นำไปเก็บ และกำจัดอย่างไม่ถูกต้อง นอกจากนั้น สถานบริการพยาบาลที่มีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อยัง
จำกัดเฉพาะในระดับโรงพยาบาลเท่าน้ัน หากไม่มีการผลักดันให้มีการขับเคล่ือนองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใน
ระดับนโยบายให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ.2559 - 2564
อย่างจรงิ จงั และตอ่ เนอื่ ง จะทำใหก้ ารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ของเสยี อนั ตรายชมุ ชน และมูลฝอยติดเชื้อ
ไดม้ กี ารบรหิ ารจัดการอย่างเหมาะสมต่อไป

สำนักงานการท่องเท่ยี วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 164 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

ภาพที่ 84 สถานการณป์ ริมาณขยะ
ที่มา: กลมุ่ งานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจงั หวัดภาคใตฝ้ งั่ อ่าวไทย, 2561

ตารางท่ี 15 ปรมิ าณขยะตกค้าง

จงั หวัด 2556 2557 2558 2559

ปริมาณ (ตนั ) 147,645.06
51,672.75
สงขลา 2,471,840.40 100,945.20 95,788.26 263,499.30
67,052.19
ชมุ พร 235,008.75 116,491.05 122,007.30 1,093,053.33
1,622,922.63
สุราษฎรธ์ านี 1,003,332.60 319,493.55 259,588.05 2,127,006.78
2,250,075.73
พัทลงุ 84,577.50 35,377.26 48,430.59 9,956,568.57

นครศรธี รรมราช 1,265,358.00 1,047,357.60 1,114,591.20 -1.07
-5.65
ภาคใตฝ้ ั่งอา่ วไทย 5,060,117.25 1,619,664.66 1,640,405.40 -7.01
-5.05
ภาคใต1้ 1จงั หวัด 5,625,756.04 2,308,463.68 2,254,331.54
2559
ภาคใต้ 6,003,039.19 2,398,882.26 2,419,780.34
592,976.99
รวมทว่ั ประเทศ 19,873,447.88 14,799,821.25 10,486,281.79 134,637.55
377,504.90
อตั ราการขยายตัว(ร้อยละ) 191,340.91
368,388.38
ภาคใต้ฝัง่ อา่ วไทย -67.99 1.28 1,664,848.73
2,704,408.28
ภาคใต้11จงั หวัด -58.97 -2.34

ภาคใต้ -60.04 0.87

ประเทศ -25.53 -29.15

ทม่ี า: กลมุ่ งานบรหิ ารยุทธศาสตร์กลมุ่ จงั หวดั ภาคใตฝ้ ง่ั อ่าวไทย, 2561

ตารางที่ 16 ปริมาณขยะท่ีเกิดข้ึนตอ่ วนั

จังหวดั 2556 2557 2558

ปริมาณ (กโิ ลกรัม) 585,450.60 592,824.99
135,082.85 133,221.35
สงขลา 582,967.01 387,220.35 391,036.80
189,099.20 190,946.10
ชุมพร 134,663.10 395,945.21 400,604.36
1,692,798.21 1,708,633.60
สุราษฎรธ์ านี 357,039.35 2,713,568.47 2,721,607.15

พทั ลุง 183,536.21

นครศรีธรรมราช 380,333.65

ภาคใต้ฝงั่ อา่ วไทย 1,638,539.32

ภาคใต้11จังหวัด 2,607,416.18

สำนักงานการท่องเท่ียวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 165 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

จังหวดั 2556 2557 2558 2559
3,431,730.76
ภาคใต้ 3,287,942.81 3,409,978.45 3,466,403.58 27,057,269.46

รวมทว่ั ประเทศ 26,774,549.85 26,171,360.76 26,854,357.44 -2.56
-0.63
อัตราการขยายตัว(รอ้ ยละ) -1.00
0.76
ภาคใต้ฝัง่ อ่าวไทย 3.31 0.94
2559
ภาคใต้11จังหวัด 4.07 0.30
245,846.43
ภาคใต้ 3.71 1.65 15,074.50
95,502.25
ประเทศ -2.25 2.61 12,775.00
33,280.70
ที่มา: กลมุ่ งานบริหารยุทธศาสตร์กลมุ่ จงั หวัดภาคใตฝ้ ่ังอ่าวไทย, 2561 402,478.88
845,957.53
ตารางท่ี 17 ปริมาณขยะที่กำจัดถูกต้อง 999,651.73
9,753,016.03
จงั หวดั 2556 2557 2558
60.29
ปรมิ าณ (กโิ ลกรมั ) 40.68
31.50
สงขลา 27,269.15 200,636.85 199,837.50 15.36

ชมุ พร 14,673.00 13,030.50 10,658.00 2559

สรุ าษฎรธ์ านี - - 6,205.00 205,480.60
11,917.25
พทั ลุง 12,045.00 25,002.50 25,550.00 58,016.75
70,312.33
นครศรีธรรมราช 8,285.50 8,285.50 8,840.30 33,167.55
378,894.48
ภาคใตฝ้ ัง่ อ่าวไทย 62,272.65 246,955.35 251,090.80 658,196.78
944,708.24
ภาคใต้11จังหวัด 333,646.50 586,543.50 601,353.20 5,805,201.00

ภาคใต้ 364,613.10 715,545.45 760,186.60 5.58
7.72
รวมทัว่ ประเทศ 7,421,224.32 7,877,893.06 8,454,731.78 2.82
18.41
อัตราการขยายตัว(รอ้ ยละ)

ภาคใตฝ้ งั่ อา่ วไทย 296.57 1.67

ภาคใต้11จังหวัด 75.80 2.52

ภาคใต้ 96.25 6.24

ประเทศ 6.15 7.32

ที่มา: กลมุ่ งานบริหารยุทธศาสตรก์ ลุ่มจังหวัดภาคใตฝ้ ง่ั อา่ วไทย, 2561

ตารางท่ี 18 ปรมิ าณขยะที่ถูกนำไปใชป้ ระโยชน์

จงั หวัด 2556 2557 2558

ปรมิ าณ (ตันต่อปี)

สงขลา 217,096.69 214,811.27 229,956.48

ชมุ พร 2,834.23 2,832.40 3,051.40

สรุ าษฎร์ธานี 5,521.36 35,449.53 35,778.03

พทั ลงุ 53,022.25 66,072.30 66,703.75

นครศรีธรรมราช 5,759.70 19,847.99 23,384.48

ภาคใต้ฝงั่ อ่าวไทย 284,234.23 339,013.49 358,874.14

ภาคใต้11จังหวดั 524,052.29 621,609.47 611,033.30

ภาคใต้ 747,561.40 890,352.31 918,766.70

รวมทว่ั ประเทศ 5,132,517.22 4,820,622.94 4,902,595.24

อตั ราการขยายตัว(ร้อยละ)

ภาคใต้ฝง่ั อ่าวไทย 19.27 5.86

ภาคใต้11จังหวัด 18.62 -1.70

ภาคใต้ 19.10 3.19

ประเทศ -6.08 1.70

ทม่ี า: กลมุ่ งานบรหิ ารยุทธศาสตร์กลมุ่ จงั หวัดภาคใตฝ้ ัง่ อา่ วไทย, 2561

สำนักงานการทอ่ งเที่ยวและกีฬาจงั หวดั สงขลา 166 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

6. การเกดิ ไฟไหม้ป่า

ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จังหวัดสงขลามีสถานการณ์ไฟไหม้ป่า จำนวน ๑ ครั้ง พื้นที่ ๕๐ ไร่
จงั หวดั พทั ลุง เกิด 2 คร้ัง พื้นท่ี 366 ไร่ จงั หวัดนครศรธี รรมราช เกิด 16 คร้งั พืน้ ท่ี 211 ไร่ รวม 19 ครั้ง
พื้นที่ 627 ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมา ซึ่งยังมีปัญหาน้อยเม่ือเทียบกับปัญหาการเกิดไฟไหม้ของภาคเหนือ
และในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดพัทลุงที่มีปัญหาไฟไหม้ในพื้นที่ป่าในพื้นที่บริเวณลุ่มน้ำ
ทะเลสาบ ซ่ึงเกดิ จากการเผาป่าเพื่อทำการเกษตรปลกู ปาลม์ นำ้ มัน และจับสตั วน์ ้ำ

ตารางท่ี 19 สถติ ิการเกิดไฟไหม้ปา่ ทว่ั ประเทศ แยกเปน็ จงั หวดั

2556 2557 2558 2559 2560

จำนวน พ้ืนท่ีถกู จำนวน พ้ืนทถี่ ูก จำนวน พ้ืนท่ีถกู จำนวน พ้ืนที่ถกู จำนวน พ้ืนท่ีถกู
ทีเ่ กิด ไฟไหม้ ทีเ่ กิด ไฟไหม้
ทเ่ี กิด ไฟไหม้ ทเ่ี กิด ไฟไหม้ ทเี่ กิด ไฟไหม้ (คร้งั ) (ไร่) (คร้ัง) (ไร)่

(ครั้ง) (ไร่) (คร้งั ) (ไร่) (ครั้ง) (ไร่) 5 120 1 50
18 758 --
สงขลา 1 18 4 117 3 63 6 59 --
2 225 --
ชมุ พร 12 368 20 1,311 11 333 113 11,505 16 211
12 932 2 366
สรุ าษฎรธ์ านี 4 107 11 139 3 27 1 15 --
6 46 --
พังงา 3 550 6 497 - - 20 401 --
4 123 --
นครศรีธรรมราช 17 348 93 4,233 23 857 15 --
--
พัทลุง 4 614 1 3 3 42 -- --
1 40 12
ระนอง 4 18 3 101 2 308 15 3,274 19 627
156 13,599 19 627
กระบ่ี - - 9 803 3 16 188 14,188 20 629
204 17,502 4,650 75,419
ตรงั 4 1,006 21 939 8 122 6,846 125,896

สตูล - - 7 217 - -

ภเู ก็ต 2 16 4 38 - -

ปตั ตานี - -- -- -

ยะลา - - - - - -

นราธิวาส 3 133 25 475 11 834

ภาคใต้ฝ่ังอา่ วไทย 41 2,004 135 6,299 43 1,322

ภาคใต้ 11 จงั หวัด 51 3,044 179 8,397 56 1,768

ภาคใต้ 54 3,177 204 8,872 67 2,601

รวมท่ัวประเทศ 5,257 58,517 4,207 50,723 4,982 60,453

ทมี่ า: กลมุ่ งานบรหิ ารยุทธศาสตรก์ ลมุ่ จังหวัดภาคใต้ฝ่งั อ่าวไทย, 2561

สำนักงานการท่องเท่ียวและกฬี าจงั หวัดสงขลา 167 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

พน้ื ทสี่ ำคัญเฉพาะในทะเลสาบสงขลา

1. แรมซาร์ไซต์

อนุสัญญาแรมซาร์ (Ramsar Convention) หรืออนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ
ระหว่างประเทศ ปัจจุบันมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาทั้งสิ้น 169 ประเทศ มีจำนวนพื้นที่
แรมซาร์ไซต์ 2,241 แห่ง รวมพื้นที่ 215,240,652 เฮกตาร์ หรือ 1,345.255 ล้านไร่ประเทศไทย
14 แห่ง พื้นที่ 399,713.84 เฮกตาร์ หรือ 2.49 ล้านไร่ (องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงาน
ประเทศไทย, 2562)

พื้นที่ชุ่มน้ำ หมายถึง ที่ลุ่ม ที่ราบลุ่ม ที่ลุ่มแฉะ พรุ แหล่งน้ำท้ังทีเ่ กิดเองตามธรรมชาติและ
ทม่ี นุษย์สร้างข้นึ ทงั้ ที่มีน้ำขงั หรือทว่ มอย่างถาวรหรือชวั่ คร้ังช่ัวคราว ท้ังทเ่ี ปน็ แหล่งนำ้ น่งิ และน้ำไหล ทั้งท่ี
เป็นนำ้ จืด น้ำกร่อยและน้ำเค็ม รวมไปถึงชายฝ่ังทะเลและท่ีในทะเล ในบรเิ วณซึ่งเม่ือน้ำลดลงต่ำสุด มีความลึก
ของระดบั น้ำไมเ่ กนิ 6 เมตร (กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ปา่ และพันธุพ์ ืช, 2551)

พื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง, อำเภอชะอวด,
อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลาย
ทางชีวภาพสูง อันมีคุณค่ายิ่งต่อระบบนิเวศ การดำรงชีวิตของประชาชน แหล่งรวมความรู้ทางธรรมชาติ
วทิ ยา วฒั นธรรม และมคี วามสวยงามของทิวทศั น์ในการพกั ผ่อนหย่อนใจ เปน็ สถานทีท่ ่องเทย่ี วทางภาคใต้
สมควรแก่การอนุรักษ์ให้เกิดประโยชน์แก่มวลชีวิตที่เกี่ยวข้องอย่างยั่งยืนตลอดไป และจำเป็นทีต่ ้องมีการจัดการ
อนุรักษพ์ น้ื ที่น้ีใหเ้ หมาะสม

ภาพที่ 85 แรมซา่ ไซส์
ท่ีมา: กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตวป์ า่ และพันธุพ์ ชื , 2551.

พืชพันธุ์ในบริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จะมีความแตกต่างกันตามสภาพลักษณะภูมิประเทศ
โดยแบ่งเป็น 5 ประเภท ดังน้ี

1) บริเวณป่าพรุ เป็นบริเวณที่มีน้ำท่วมตลอดปี มีพันธุ์ไม้เด่น ได้แก่ ต้นเสม็ด ซึ่งเป็น
แหล่งทำรังของนกน้ำขนาดใหญ่ เช่น นกกาบบัว และนกกระสาแดง บริเวณป่าพรุควนขี้เสียนและป่าพรุควนเคร็ง
ส่วนใหญ่เป็นพชื ลม้ ลกุ ได้แก่ กก กระจดู หนู กระจูด เสมด็ ขาว เสม็ดชุน กูดยาง ผกั กูด แห้ว ลำเพ็ง ลิเภา

สำนกั งานการท่องเทยี่ วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 168 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

2) บรเิ วณพนื้ น้ำ มีพชื นำ้ นานาชนิด เชน่ สาหร่าย กง กระจดู ผักตบชวา บัวชนิดต่างๆ
โดยเฉพาะบัวสาย จะขนึ้ เตม็ พืน้ นำ้ และไดช้ ่อื วา่ เป็นทะเลบวั ทส่ี วยงามท่สี ดุ ในประเทศไทย

3) บริเวณป่าดิบช้ืน อยู่บริเวณเชิงเขา พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ สมอขาว ตะเคียนทอง ประดู่
ทองหลางนำ้ ยางนา เมา่ ไขป่ ลา ต้นเนียน กาแซะ เชียด กะพ้อแดง และพืชช้ันลา่ ง พวกกะทือ เฟิร์นตะไบ
ตีนนกยงู

4) บริเวณพื้นที่เกษตรกรรม เป็นแหล่งที่อยู่ของชุมชน มีการเพาะปลูกนาข้าว ไม้ผล
ยางพารา และวชั พืชต่างๆ

5) บริเวณทงุ่ นา ประกอบด้วย ตน้ กก ลำภู และหญา้ ชนิดต่างๆ
ป่าพรุควนขี้เสียน ได้รับการจัดตั้งให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับโลก ตั้งแต่วันที่
13 กันยายน 2541 เกิดขึ้นเนื่องจากการประชุมรับรองอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญ
ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแหล่งที่อยู่อาศัยของนกน้ำที่เมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 2
กุมภาพันธ์ 2514 (ค.ศ.1971) อนุสัญญานี้เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลซึ่งกำหนดกรอบความร่วมมือ
เพ่ือการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และยับยั้งการสูญหายของพื้นที่ชุ่มน้ำโลก
ซ่ึงจะต้องจัดการใชป้ ระโยชน์อย่างชาญฉลาดตามเง่อื นไขของอนุสัญญา

2. เกาะรังนก

“เกาะรงั นก” หรือ “เกาะส่ีเกาะห้า” หมูเ่ กาะกลางทะเลสาบสงขลา เหตุที่เรียกวา่ “เกาะสี่
เกาะห้า” นั้น เพราะเมื่อมองมาจากทางทิศเหนือหรือทิศใตจ้ ะเห็นเกาะ 4 เกาะ แต่ถ้ามองมาจากทางทิศ
ตะวันตกจะเห็นเป็นเกาะ 5 เกาะ ลักษณะเด่นของเกาะสี่เกาะหา้ คอื ความเป็นเกาะท่ีมีถ้ำโพรงมากมายท่ี
กลายเป็นแหล่งอาศัยทำรังของนกนางแอ่นทะเลจำนวนมาก ทำให้ที่นีถ่ ูกเรียกขานในอกี ชือ่ หนึ่งว่า “เกาะ
รังนก” ต้ังอยู่ในท้องที่ตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ห่างจากเกาะหมากไปทางทิศ
ตะวันตกประมาณ 1.6 กิโลเมตร การเดินทางมายังเกาะจะมีบริการเรือแบบเหมาลำจากท่าเรือเทศบาล
ตำบลปากพะยูน

ประวัติเกาะรังนก ในสมยั ท่คี รั้งหน่ึงพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัวเคยเสด็จมา
ประทับแรม ก่อนเสด็จไปยังเกาะหมาก ที่ตั้งขนาบอยู่หน้าเกาะสี่เกาะห้า ปัจจุบันสามารถสักการะ
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าเกาะ พร้อมชม
รอยจารกึ พระปรมาภไิ ธยย่อ รชั กาลที่ 5 ท่จี ารึกไว้บริเวณหนา้ ผาเบอื้ งหลัง

กิจกรรมท่องเที่ยว เป็นเพราะหมู่เกาะสี่เกาะห้าประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะใหญ่มากมาย
อาทเิ ช่น เกาะท้ายถ้ำดำ เกาะรา้ นไก่ เกาะรูสมิ เกาะหนา้ เทวดา หรือเกาะมวย ฯลฯ ทีม่ ีลักษณะเป็นภูเขา
หนิ ปูนเขยี วครึ้มไปด้วยตน้ ไม้ที่ ขนึ้ ตามซอกของโขดหิน และระหวา่ งเขาหินเป็นท่ีราบลุ่มชุ่มน้ำ เต็มไปด้วย
ต้นกกและกระจูด ท่ีนจ่ี ึงเหมาะสำหรบั การชมธรรมชาติของนกั นยิ มไพร ชมถ้ำรงั นก ซึง่ สามารถเลือกชมได้
ถึง 7 เกาะด้วยกัน ได้แก่ เกาะท้ายถ้ำดำ เกาะรูสิม เกาะหน้าเทวดา เกาะมวย เกาะกันตัง เกาะยายโส
และเกาะตาโส ท้ังน้ี พ้ืนที่ดังกล่าวอยู่ในเขตสมั ปทานรังนก หากตอ้ งการเข้าชม ต้องขออนุญาตจากบริษัท
ผรู้ บั สมั ปทานเสียก่อน

สำนักงานการทอ่ งเทยี่ วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 169 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

สำนกั งานการทอ่ งเท่ยี วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 170 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

บทที่ 6 วิถชี วี ิตลมุ่ นำ้ ทะเลสาบสงขลา

พื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาเป็นพื้นที่ท่ีมีทรัพยากรที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ มี
ความโดดเด่นและมีชื่อเสียงระดับโลก ทั้งแหล่งท่องเที่ยวด้านทรัพยากรธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วิถีชีวติ
ศิลปะ และวฒั นธรรม

วถิ ีชวี ิตรายจังหวัดในพืน้ ท่ี

ขอ้ มลู จากแผนพัฒนาของพ้นื ที่จังหวัดและกลุ่มจงั หวดั ซง่ึ ประกอบด้วยแผนพฒั นากลุ่มจังหวัดฝ่ัง
อ่าวไทย (สำนักบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย , 2562) จังหวัดสงขลา (สำนักงาน
จังหวัดสงขลา, 2562) จังหวัดพัทลุง (สำนักงานจังหวัดพัทลุง, 2562) และจังหวัดนครศรีธรรมราช
(สำนักงานจังหวัดนครศรีธรรมราช, 2562) ด้านศักยภาพด้านการท่องเที่ยว พบว่าพื้นที่ใน 3 จังหวัด
ลุม่ น้ำทะเลสาบสงขลาเป็นพืน้ ท่ีท่ีมศี กั ยภาพค่อนข้างสงู และมีวิถีชีวิตท่โี ดดเด่นร่วมกนั ในบางประเดน็

ตารางท่ี 20วถิ ชี วี ติ รายจงั หวัด

ศักยภาพ สงขลา พัทลุง นครศรธี รรมราช
- อุทยานนกน้ำทะเลนอ้ ย - แหลมตะลุมพุก
ทรพั ยากรธรรมชาติ - หาดสมิหลา - หาดแสนสุขลำปำ - หาดในเพลา
- แหลมจองถนน - หาดขนอม
- หาดชลาทศั น์ - รังนกนางแอน่ เกาะสี่ - ปลาโลมาสีชมพู
- อา่ วท่งุ ใส
- แหลมสนอ่อน เกาะหา้ - อทุ ยานเขาหลวง
- เขตรักษาพนั ธุ์สตั ว์ป่า - น้ำตกกรงุ ชิง
- หาดเก้าเสง้ - นำ้ ตกพรหมโลก
เทือกเขาบรรทัด - น้ำตกกระโรม
- หาดสะกอม - นำ้ ตกไพรวลั ย์ - อุทยานแห่งชาตินำ้ ตกโยง
- นำ้ ตกตะโหมดหรือนำ้ ตก - นำ้ ตกท่าแพ
- หาดทรายแกว้
หมอ่ มจ้ยุ - บา้ นคีรีวง
- ทะเลสาบสงขลา - บอ่ น้ำรอ้ น บ่อนำ้ เย็น - ชุมชนไมเ้ รียง
- โครงการพระราชดำรลิ ุ่มน้ำ
- สถานแสดงพันธุ์สตั ว์นำ้ (ธารน้ำเยน็ )
- ภูเขาเจ็ดยอด ปากพนัง
สงขลา - อุทยานเขาป-ู่ เขาย่า - OTOP เครอื่ งถม
- ภเู ขาอกทะลุ - กฬี าวัวชน
- สวนสัตวส์ งขลา - วดั ถำ้ สุมะโน - กีฬานกกรงหวั จกุ

- เขาตงั กวน - แกะรปู หนังตะลุง
- OTOP กระจดู ทะเลน้อย
- สวนสาธารณะเทศบาล - กะลามะพรา้ วชยั บรุ ี
- ประมงริมฝ่งั ทะเลสาบ
นครหาดใหญ่ - ผา้ ทอลานขอ่ ย
- ผา้ ทอแพรวา
- อทุ ยานนกน้ำ คขู ดุ - ยกยอยกั ษ์บา้ นปากประ
- วิถีชุมชนบา้ นช่องฟืน
- นำ้ ตกโตนงาชา้ ง

- น้ำตกบรพิ ัตร

- อทุ ยานแห่งชาตสิ นั กาลาครี ี

- เกาะหน-ู เกาะแมว

วิถีชีวติ - สถาบันทักษิณคดีศึกษา

- ชุนชนสทิงหมอ้

- เกาะยอ

- ตลาดน้ำคลองแห

- ตลาดรมิ น้ำคลองแดน

- ประมงรมิ ฝัง่ ทะเลสาบ

- โหนด นา เล

- กฬี าววั ชน

สำนักงานการทอ่ งเที่ยวและกฬี าจงั หวดั สงขลา 171 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

ศักยภาพ สงขลา พทั ลงุ นครศรีธรรมราช
ประวัติศาสตร/์ ศาสนา - กฬี านกกรงหวั จกุ - เทศกาลล่องเรอื แลนก - งานลานสกามาราธอน
- ตลาดกมิ หยง
ความเชอ่ื ศลิ ปะ - ตลาดสนั ตสิ ุข ทะเลนอ้ ย นานาชาติ
วฒั นธรรม ประเพณี - สะพานติณสลู านนท์ - เขา ป่า นา เล - ขนอมเฟสติวลั
- สะพานเฉลมิ พระเกียรติ - กฬี าวัวชน - เทศกาลแข่งตกปลาทราย
- กีฬานกกรงหวั จกุ
- วดั พระเจดยี ์งาม - ตลาดนัดใต้โหนด ประจำปี
- วดั พะโคะ - ตลาดนัดสวนไผ่
- วัดจะทง้ิ พระ - นาโปแก - พระบรมธาตเุ จดยี ์
- วัดมัชฌิมาวาส - ตลาดนัดลำปำ - พระพุทธสิหิงค์
- วัดชยั มงคล - สำเภาไทย - วดั เจดยี ไ์ อไ้ ข่
- วดั ถำ้ ลอด - บงิ้ นาคาเฟ่ - โบราณสถานเขาคา
- วดั ขวด - สะพานเฉลมิ พระเกยี รติ - หบุ เขาช่องคอย
- เจดยี ์เขาตังกวน - วงั เจา้ เมอื งพัทลงุ - อนุสาวรยี ์วีรไทย
- ตวั เมอื งเก่าสงขลา - วัดเขียนบางแกว้
- พิพธิ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติ - วดั วงั (พ่อจา่ ดำ)
- วัดคูหาสวรรค์
สงขลา - พระพทุ ธนิรโรคันตราย- - ประเพณมี าฆบูชาแหผ่ า้
- อโุ มงคป์ ระวัตศิ าสตร์ ข้ึนธาตุ
ชยั วฒั น์จตุรทศิ
เขานำ้ ค้าง - ศูนยว์ ฒั นธรรม - ประเพณสี วดดา้ น
- วัดมหตั ตมงั คลาราม - บุญสารทเดือนสบิ
บ้านตะโหมด - แข่งเรอื เพรียว
(วัดหาดใหญ่ใน)
- วัดคงคาเลียบ - พพิ ิธภณั ฑห์ นังตะลุง (ปากนคร, ปากพนงั ,
- พิพธิ ภณั ฑพ์ ธำมะรงค์ - หม่บู ้านหัตถกรรมรปู - เชยี รใหญ)่
- ศาลหลกั เมอื งสงขลา - ประเพณีใหท้ านไฟ
- พระตำหนกั เขานอ้ ย หนงั ตะลุง - ประเพณแี หน่ างดาน
- สวนประวตั ิศาสตร์ - มโนราห์บ้านทา่ แค
- วดั เขาอ้อ/วดั เขา
พล.อ.เปรม ติณสลู านนท์
- ประเพณที อดผ้าป่า เมอื งเกา่
- หนงั ตะลุง
สามคั คี ปดิ ทองหลวง- - มโนราห์
ปู่ทวดเหยยี บนำ้ ทะเลจืด - เพลงบอก
- ประเพณีหม่ ผ้า
พระสวุ รรณเมาลกิ ศรตี นั
มหาธาตุ
- ประเพณเี ปล่ียนผ้าพระ-
สามองค์
- ประเพณแี หผ่ ้าขน้ึ เขากฎุ

สำนกั งานการทอ่ งเทีย่ วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 172 มหาวิทยาลัยราชภฏั สงขลา

ศกั ยภาพ สงขลา พทั ลงุ นครศรธี รรมราช

- ประเพณตี ายาย - แขง่ โพนลากพระ - มหกรรมสงกรานตเ์ มอื งนคร
- ประเพณลี ากพระตัก - การแข่งขนั ซัดตม้ - หนงั ตะลุง
- ลิเกป่า/ซาไก - มโนหร์ า
บาตรเทโว - แหผ่ ้าขึ้นธาตุ - เพลงบอก
- ประเพณีวันสารท หรือ - ประเพณวี นั สารท หรือ
วัดเขียนบางแก้ว
ประเพณชี ิงเปรต - ประเพณวี ันสารท หรือ ประเพณีชิงเปรต
- ศลิ ปะแนวสตรีทอารต์ - ประเพณีกวนขา้ วยาคู
ประเพณชี ิงเปรต - ประเพณที ำขวญั ขา้ ว
“ถนนนางงาม”
- เทศกาลตรษุ จนี หาดใหญ่ ประจำปี
- เทศกาลกนิ เจ หาดใหญ่
- แข่งขันนกเขาเสียง

นานาชาติ
- สงกรานตเ์ ฟสตวิ ัล
- เทศกาลอาหารสองทะเล
- สมโภชศาลเจา้ พอ่ หลกั

เมืองสงขลา
- แข่งเรอื ยาวประเพณี

วิถศี รัทธา

1. หลวงปู่ทวดเหยียบนำ้ ทะเลจดื

หลวงปู่ทวด (หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ, หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด, สมเด็จเจ้าพระราช
มุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์) เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทยจากตำนานท้องถิ่นซึ่งยังไม่ปรากฏหลักฐาน
ในทางประวัติศาสตร์ยืนยันความมีอยู่จริง ประวัติที่พิมพ์เผยแพร่กล่าวว่าท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รูป
สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา (Jirattikul Srisuwan, 2018) ผู้ที่ศรัทธาในหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่าพระเครือ่ ง
ที่สร้างเนื่องด้วยท่านจะมีอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้มีพระเครื่องหลวงปู่ทวดในครอบครอง ปัจจุบัน
หลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ในตำนานที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก รูปสำคัญ 1 ใน 2 มหา
เกจอิ าจารย์ของเมอื งไทย คู่กบั สมเดจ็ พระพฒุ าจารย์ (โต พรฺ หฺมรสํ ี) (หลวงปู่โต) ท่มี ตี วั ตนจริง

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวด เป็นที่รู้จักของชาวไทยทุกภูมิภาคในฐานะพระ
ศักดิ์สิทธ์ิที่มีอิทธิปาฏิหาริย์และอภิญญาแก่กล้าจนได้สมญาว่า “หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด” ประวัติ
อันพิสดารของท่านมีเล่าสืบกันมาไม่รู้จบส้ิน ยิ่งนานวันยิ่งซับซ้อนและขยายวงกว้างออกไปกลายเป็น
ความเชื่อความศรทั ธาอย่างฝังใจ

เมื่อประมาณสี่ร้อยปีที่ผ่านมาในตอนปลายรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุงศรีอยุธยา
ณ หมู่บ้านสวนจนั ทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทง้ิ พระ ตรงกบั วนั ศกุ ร์ เดือนส่ี ปีมะโรง พทุ ธศักราช 2125 ได้
มีทารกเพศชายผู้หนึ่งถือกำเนิดจากครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตอันเป็นกุศล ชอบ
ทำบุญสุนทานยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ปราศจากการเบียดเบียนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ทารกน้อยผู้นี้มี
นามว่า “ปู” เป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ในขณะเยาว์วัย ทารกผู้นั้นยังความอัศจรรย์ให้แก่บิดามารดา
ตลอดจนญาติพี่น้องทั้งหลาย ด้วยอยู่มาวันหนึ่งมีงูตระบองสลาตัวใหญ่มาขดพันอยู่รอบเปลที่ทารกน้อย
นอนหลับอยู่ และงูใหญ่ตัวนั้นไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้เปลที่ทารกน้อยนอนอยู่เลย จนกระทั่งบิดามารดา

สำนักงานการทอ่ งเทีย่ วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 173 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ของเด็กเกิดความสงสยั ว่า พญางูตัวนั้นนา่ จะเป็นเทพยดาแปลงมาเพื่อให้เห็นเป็นอัศจรรย์ในบารมีของลกู
เราเปน็ แนแ่ ท้ จงึ รบี หาขา้ วตอกดอกไม้และธูปเทียนมาบูชาสกั การะ งูใหญ่จงึ คลายลำตวั ออกจากเปลน้อย
เลื้อยหายไป ต่อมาเมื่อพญางูจากไปแล้ว บิดามารดาทั้งญาติต่างพากันมาที่เปลด้วยความห่วงใยทารก ก็
ปรากฏว่าเด็กชายปูยังคงนอนหลับอยู่เป็นปกติ แต่เหนือทรวงอกของทารกกลับมีดวงแก้วดวงหนึ่งมีแสง
รุ่งเรืองเป็นรัศมีหลากสี ตาหู นางจันทร์จึงเก็บรักษาไว้ นับแต่บัดน้ันฐานะความเป็นอยู่การทำมาหากินก็
จำเรญิ รงุ่ เรอื งขนึ้ เป็นลำดบั อยสู่ ุขสบายตลอดมา

เมื่อกาลล่วงมานานจนเด็กชายปูอายุได้เจ็ดขวบ บิดาได้นำไปฝากสมภารจวง วัดกุฏิหลวง
(วัดดีหลวง) เพื่อให้เล่าเรียนหนงั สอื เด็กชายปูมีความเฉลยี วฉลาดมาก สามารถเรียนหนังสือขอมและไทย
ได้อย่างรวดเร็ว ครั้นอายุได้ 15 ปี ก็บรรพชาเป็นสามเณรและบิดาได้มอบแก้ววิเศษไว้เป็นของประจำตัว
ต่อมาสามเณรปูได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระชินเสน ที่วัดสีหยัง (สีคูยัง) ครั้นอายุครบอุปสมบทจึงได้
เดินทางไปศกึ ษาต่อท่นี ครศรธี รรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปยิ ทสั สี ได้ทำการอปุ สมบทมฉี ายาว่า “ราโม
ธมฺมิโก” แตค่ นทว่ั ไปเรียกท่านว่า “เจา้ สามีราม” หรอื “เจา้ สามรี าโม” เจา้ สามีรามไดศ้ ึกษาอยู่ท่ีวัดท่าแพ
วัดสีมาเมือง และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด เมื่อเห็นว่าการศึกษาที่นครศรีธรรมราชเพียงพอแล้วจึงขอโดยสาร
เรือสำเภาเดินทางไปกรุงศรีอยธุ ยา ขณะเดินทางถึงเมืองชุมพร เกิดคลื่นทะเลป่ันป่วน เรือไม่สามารถแล่น
ฝ่าคลืน่ ลมไปได้ต้องทอดสมออยู่ถึงเจ็ดวัน ทำใหเ้ สบียงอาหารและน้ำหมดบรรดาลูกเรือต้ังข้อสงสยั ว่าการที่เกิด
เหตุอาเพสในครั้งนี้เพราะเจ้าสามรี าม จึงตกลงใจให้ส่งเจ้าสามรี ามข้ึนเกาะและได้นิมนต์ให้เจ้าสามีรามลง
เรือมาด ขณะที่นั่งอยู่ในเรือมาดนั้น ท่านได้ห้อยเท้าแช่ลงไปในทะเลก็บังเกิดอัศจรรย์น้ำทะเลบริเวณนั้น
เป็นประกายแวววาวโชติชว่ ง เจา้ สามีรามจึงบอกใหล้ ูกเรือตักน้ำขึ้นมาด่ืมก็รสู้ ึกว่าเปน็ น้ำจืด จึงช่วยกันตัก
ไว้จนเพยี งพอ นายสำเภาจึงนิมนตใ์ หท้ ่านข้นึ สำเภาอีก และตง้ั แตน่ ั้นมาเจา้ สามีรามก็เปน็ ชตี น้ หรืออาจารย์
สืบมา

เมื่อถึงกรุงศรีอยุธยาก็ได้ไปพำนักอยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะท่ีวัดลุมพลีนาวาส ต่อมาได้ไป
พำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช ได้ศึกษาธรรมและภาษาบาลี ณ ที่นั้นจนเชี่ยวชาญจึงทูลลาสมเด็จ
พระสังฆราชไปจำพรรษาท่ีวัดราชนุวาส เมื่อประมาณ พ.ศ. 2149 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถ
กระทัง่ วนั หนึ่งถงึ กาลเวลาที่ชื่อเสียงของหลวงปู่ทวดหรือเจา้ สามรี ามจะระบือลือล่ันไปทวั่ กรุงสยาม จึงได้มี
เหตุพสิ ดารอบุ ตั ิขึ้นในรัชสมัยของพระเอกาทศรถ กล่าวคอื สมยั นั้นพระเจา้ วฏั ฏะคามินี แห่งประเทศลังกา
ซ่ึงเคยเปน็ เมอื งขน้ึ ของอาณาจักรแหลมทองทางภาคใต้ คิดแกม้ ือด้วยการทา้ พนนั แปลธรรมะ และต้องการ
จะแผ่พระบรมเดชานุภาพมาทางแหลมทอง ใคร่จะได้กรุงศรีอยุธยามาเป็นประเทศราช แต่พระองค์ไม่
ปรารถนาให้เกิดศึกสงครามเสียชีวิตแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงทรงวางแผนการเมืองด้วยสันติวิธี คิด
หาทางรวบรดั เอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองข้นึ ด้วยสติปญั ญาเปน็ สำคัญ เมื่อคดิ ไดด้ ังนั้น พระเจ้ากรุงลังกาจึง
มีพระบรมราชโองการส่ังให้พนักงานท้องพระคลังเบิกจ่ายทองคำบริสุทธิ์แล้วให้ช่างทองประจำราชสำนัก
ไปหล่อ ทองคำเหล่านั้นให้เป็นตัวอักษรบาลีเล็กเท่าใบมะขาม ตามพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์ จำนวน
84,000 ตัว จากนน้ั ก็ทรงรับส่งั ใหพ้ ราหมณ์ผู้เฒ่าอนั มฐี านะเทยี บเท่าปุโรหติ จำนวนเจ็ดทา่ นคุมเรือสำเภา
เจ็ดลำบรรทุกเสื้อผ้าแพรพรรณ และของมีค่าออกเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาพร้อมกับปริศนาธรรมของ
พระองค์ เมื่อพราหมณท์ ้ังเจด็ เดินทางลุล่วงมาถึงกรุงสยามแล้วก็เขา้ เฝา้ ถวายพระราชสาสน์ ของกษัตริย์ตน
แก่พระเจ้าเอกาทศรถ มีใจความในพระราชสาส์นว่าพระเจ้ากรุงลังกาขอท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแปล
และเรียบเรยี งเมลด็ ทองคำตามลำดับให้เสรจ็ ภายในกำหนดเจ็ดวนั นับแต่วันท่ีได้รับพระราชสาส์นนี้เป็นต้น
ไป ถ้าทรงกระทำไม่สำเร็จตามสัญญาก็จะยึดกรุงศรีอยธุ ยาให้อยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์ และ

สำนกั งานการทอ่ งเท่ยี วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 174 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

ทางกรุงสยามจะต้องส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทองอีกทั้งเครื่องราชบรรณาการแก่กรุงลังกาตลอดไปทุกปีเยี่ยง
ประเทศราชท้งั หลาย

เมื่อพระเอกาทศรถทรงทราบความดังนั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้สังฆการีเขียน
ประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระเถระทั่วพระมหานคร ให้กระทำหน้าที่เรียบเรียงและแปลตัวอักษร
ทองคำในครั้งนี้ แต่ก็ไม่มีท่านผู้ใดสามารถเรียบเรียงและแปลอักษรทองคำในครั้งนี้ได้จนกาลเวลาลุล่วง
ผ่านไปได้หกวัน ยังความปริวิตกแก่พระองค์และไพร่ฟ้าประชาชนต่างพากันโจษขานถึงเรื่องนี้ให้อ้ืออึงไปหมด
ครั้นราตรีกาลยามหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าพระบรรทมทรงสุบินว่า ได้มีพระยาช้างเผือก
ลักษณะบริบูรณ์เฉกเช่นพระยาคชสารเชือกหนึ่ง ผายผันมาจากทางทิศตะวันตก เยื้องย่างเข้ามาใน
พระราชนิเวศน์แลว้ กา้ วเข้าไปยืนผงาดตระหงา่ นบนพระแท่นพลางเปล่งเสยี งโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งส่ีทิศ
เสียงทโี่ กญจนาทดว้ ยอำนาจของพระยาคชสารเชือกน้ันยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตืน่ จากพระบรรทม รุ่งเช้า
เมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการ ได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบ
ถวายบงั คมทลู วา่ เร่ืองนี้หมายถึงชัยชนะทยี่ ิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่ว
สารทศิ เป็นที่เกรงขามแก่อริราชทัง้ ปวง ทงั้ จะมพี ระภกิ ษุหนุ่มรูปหน่งึ จากทางทิศตะวันตก มาช่วยขันอาสา
แปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำปริศนาได้สำเร็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ฟังดังนั้นจึงค่อยเบาพระทัย และ
รับสัง่ ให้ขา้ ราชบรพิ ารท้งั มวลออกตามหาพระภกิ ษรุ ูปนั้นทันที

ต่อมาสังฆการีได้พยายามเสาะแสวงหาจนไปพบ “เจ้าสามีราม” ที่วัดราชานุวาส และเมื่อ
ได้ไต่ถามได้ความว่าท่านมาจากเมืองตะลุง (พัทลุงในปัจจุบัน) เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย สังฆการี จึงเล่า
ความตามเป็นจริงให้เจ้าสามีรามฟังทั้งได้อ้างตอนท้ายว่า “เห็นจะมีท่านองค์เดียวที่ตรงกับพระสุบินของ
พระเจา้ อยู่หวั จึงใคร่ขอนมิ นตใ์ ห้ไปช่วยแก้ไขในเร่ืองร้ายดังกลา่ วให้กลายเป็นดี ณ โอกาสน้”ี ครั้นแล้วเจ้า
สามีรามก็ตามสังฆการีไปยังท่ีประชุมสงฆ์ ณ ท้องพระโรง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้พนักงานปูพรมให้
ท่านนั่งในที่อันควร พราหมณ์ทั้งเจ็ดคนได้ประมาทเจ้าสามีรามโดยว่า เอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปริศนา
เจ้าสามีรามก็แก้คำพราหมณ์วา่ กมุ ารเมอ่ื ออกมาแต่ครรภ์พระมารดา ก่ีเดือนกี่วนั จงึ รคู้ วำ่ กี่เดือนก่ีวันจึงรู้
น่ัง ก่เี ดอื นกี่วนั จงึ รู้คลาน จะวา่ รู้คว่ำแก่ หรอื จะว่าร้นู งั่ แก่ หรือจะว่าร้คู ลานแก่ ทำไมจงึ วา่ เราจะแก้ปริศนา
ธรรมมิได้ พราหมณ์ก็นิ่งไปไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ จากนั้นจึงรีบนำบาตรใส่อักษรทองคำเข้าไป
ประเคนแกเ่ จา้ สามีราม

สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้แก่
เจ้าสามีรามให้ครอง 7 วัน แต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะ พระองค์ก็จนพระทัยแต่
พระประสงคอ์ ันแรงกลา้ ท่ีจะสนองคุณความดีความชอบอนั ใหญ่ยิ่งใหแ้ กท่ ่านในครัง้ น้ี จงึ พระราชทานสมณศักด์ิให้
เจ้าสามีรามเป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” ในเวลานั้น พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์หรือ
หลวงพ่อทวดได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชานุวาส ศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่เป็นเวลาหลายปี ด้วยความสงบ
รม่ เย็นเปน็ สุขตลอดมา

ต่อจากนั้น กรุงศรีอยุธยาเกิดโรคห่าระบาดไปทั่วเมือง ประชาราษฎรล้มป่วยเจ็บตายลง
เป็นอันมาก ประชาชนพลเมืองเดือดร้อนเป็นยิ่งนัก สมัยนั้นหยูกยาก็ไม่มี นยิ มใช้รกั ษาป้องกันด้วยอำนาจ
คณุ พระศรีรตั นตรยั พระเจา้ อย่หู วั ทรงพระวติ กกังวลมากเพราะไม่มีวธิ ีใดจะชว่ ยรักษาและป้องกันโรคนี้ได้
ทรงระลึกถึงพระราชมุนีฯ มีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์ท่านเจ้าเฝ้า ท่านได้ช่วยไว้อีกคร้ังโดยรำลึกถึงคุณ
พระศรีรัตนตรัยและดวงแก้ววิเศษ แล้วทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมแกป่ ระชาชนทั่วท้ังพระนคร โรคห่าก็
หายขาดด้วยอำนาจคุณความดีและคุณธรรมอันสงู ส่ง ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านขึ้นเป็น

สำนักงานการทอ่ งเท่ยี วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 175 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

พระสังฆราชมีนามว่า “พระสังฆราชคูรูปาจารย์” และทรงพอพระราชหฤทัยในองค์ท่านเป็นอย่างย่ิง ถึงกับทรง
มีรับสงั่ วา่ “หากสมเดจ็ เจา้ ฯ ประสงคส์ ่งิ ใด หรือจะบรู ณะวัดวาอารามใดๆ ข้าพเจา้ จะอปุ ถัมภท์ ุกประการ”

ครนั้ กาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเดจ็ เจ้าฯได้เข้าเฝ้าถวายพระพรทูลลาจะกลบั ภูมิลำเนาเดิม
พระองค์ทรงอาลยั มาก ไมก่ ล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า “สมเด็จอยา่ ละทิ้งโยม” แล้วเสดจ็ มาส่งสมเด็จเจ้าฯ
จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง
ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถาน
ศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถ่ินนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำเภอปากพนัง ที่
หวั ลำภใู หญ่ อำเภอหัวไทร และอกี หลายแห่ง

ต่อจากน้ัน ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นจุดหมายปลายทาง
ประชาชนต่างซึ่งชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ และได้พร้อมกันถวายนามท่านว่า
“สมเดจ็ เจา้ พะโคะ” และเรียกช่ือวดั พัทธสงิ ห์บรรพตพะโคะว่า “วัดพะโคะ” มาจนบัดน้ี สมเดจ็ เจา้ ฯ เห็น
วดั พระโคะเส่ือมโทรมมาก เน่อื งจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมอื นวดั รา้ ง สมเดจ็ เจ้าฯ กับท่าน
อาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ยินดีและ
อนโุ มทนาเป็นอยา่ งย่ิง โปรดใหน้ ายช่างผูช้ ำนาญ 500 คน และทรงพระราชทานส่งิ ของตา่ งๆ และเงินตรา
เพื่อการนี้เปน็ จำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ่งสำคัญในวัดพะโคะคือ พระสุวรรณมาลิก
เจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระอรหันต์นามว่าพระมหาอโนมทัสสีได้เป็นผู้
เดนิ ทางไปอญั เชิญมาจากประเทศอนิ เดยี สมเด็จเจ้าฯ ได้จำพรรษาเผยแผ่ธรรมท่ีวดั พะโคะอย่หู ลายพรรษา

ขณะท่ีสมเดจ็ เจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนวา่ ท่านมอี ายุกาลถึง 80 ปี
เศษ อยู่มาวนั หน่ึงท่านถอื ไมเ้ ท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตวั ไมเ้ ท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น 3 คด ชาวบา้ นเรียกว่า
“ไม้เท้า 3 คด” ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะท่ีท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเล
อยู่น้ัน ไดม้ ีเรอื โจรสลัดจนี แลน่ เลยี บชายฝ่งั มา พวกโจรจีนเห็นทา่ นเดนิ อยู่คิดเหน็ วา่ ทา่ นเป็นคนประหลาด
เพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน
เหตมุ หศั จรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรอื ลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิง่ อยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจน
หมดความสามารถเรือก็ยังไมเ่ คลื่อน จงึ ไดจ้ อดเรือน่งิ อยู่ ณ ทนี่ นั้ เป็นเวลาหลายวันหลายคนื ในท่ีสุดน้ำจืด
ที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วย
กระหายน้ำเปน็ อย่างมาก สมเดจ็ เจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขน้ั ที่สดุ แล้ว ท่าน
จงึ เหยยี บกราบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยืน่ เท้าเหยยี บลงบนผิวนำ้ ทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พน้ ความสังเกตของพวก
โจรจีนไปได้ เม่อื ท่านยกเท้าข้นึ จากพื้นน้ำทะเลแล้วก็สง่ั ให้พวกโจรตกั นำ้ ตรงนั้นมาด่มื ชิมดู พวกโจรจีนแม้
จะไม่เช่ือก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงน้ัน
แปรสภาพเปน็ น้ำจืดเปน็ ท่ีอัศจรรย์ยง่ิ นัก พวกโจรจีนได้เหน็ ประจักษ์ในคุณอภินหิ ารของท่านเช่นนั้น ก็พา
กนั หวาดเกรงภัยท่จี ะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้น
ฝ่ังต่อไป เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวดั ถึงท่ีแห่งหนึง่ ท่านหยดุ พักเหนื่อย ได้เอา “ไม้เท้า 3 คด”
พิงไวก้ บั ต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาตน้ ยางสองต้นน้ันสูงใหญ่ข้นึ ลำต้นและกิง่ ก้านสาขาเปล่ียนไป
จากสภาพเดิมกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่า ต้นยางไม้เท้า ซึ่ง
เป็นสถานที่ศกั ดส์ิ ทิ ธ์แิ ห่งหนึ่งปรากฏอยถู่ งึ ทุกวันน้ี

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงปู่ทวดครองสมณเพศและจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่ง
ของประชาราษฎร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของ
พระพุทธองค์ ประดุจรม่ โพธ์ริ ่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนตลอดมา หลังจากน้นั หลายพรรษา สมเดจ็ เจา้ ฯ

สำนกั งานการทอ่ งเทยี่ วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 176 มหาวิทยาลยั ราชภัฏสงขลา

หายไปจากวัดพะโคะเที่ยวจาริกเผยแผ่ธรรมะไปหลายแห่ง จากหลักฐานทราบว่าท่านได้ไปพำนักที่เมือง
ไทรบุรี ชาวบา้ นเรยี กท่านว่า “ท่านลังกา” และได้ไปพำนกั ท่วี ัดช้างไห้ ชาวบ้านเรยี กทา่ นว่า “ทา่ นช้างให้”
ดังนี้ ท่านได้สั่งแก่ศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพเม่ือใด ขอให้ช่วยกันจดั การหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัด
ชา้ งใหด้ ว้ ย ขณะหามศพพักแรมน้นั ณ ที่ใดนำ้ เหลอื งไหลลงส่พู ืน้ ดิน ทต่ี รงน้ันให้เอาเสาไมแ้ ก่นปักหมายไว้
ตอ่ ไปขา้ งหน้าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สทิ ธ์ิอยูม่ าไม่นานเท่าไร ท่านกไ็ ด้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ปวงศาสนิกได้
นำพระศพมาไว้ที่วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สถานที่ที่สมเด็จเจ้าฯ เคยพำนักอยู่ หรือไปมา
นับไดด้ งั น้ี วัดกุฎิหลวง วดั สหี ยงั วดั เสมาเมอื ง นครศรีธรรมราช กรงุ ศรีอยธุ ยา วดั พะโคะ วัดเกาะใหญ่ วัดไทรบุรี
และวดั ช้างให้

สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญา
ญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหาริย์ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่สถานท่ีใด ที่นั่นจะเป็น
ศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจาริกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม
หลักการปฏิบัติของท่านเป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์คือช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้
ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ สมดังคำว่า
“พทุ ธงั ธมั มัง สงั ฆัง สรณัง คัจฉามิ” ตลอดไป

2. วดั พระมหาธาตวุ รมหาวหิ าร

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเดิมเรียกว่าวัดพระบรมธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิด
วรมหาวิหาร และมีอายุการก่อสร้างเก่าแก่ โดยมีความสำคัญทางศาสนามาแต่โบราณ อีกทั้งมีโบราณสถานท่ี
สำคัญของประวัติศาสตร์ทางโบราณคดีและศาสนา (กระทรวงวัฒนธรรม, 2558) วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
หรือ ที่ชาวนครศรธี รรมราชเรียกว่า “วัดพระธาตุ” โบราณสถานสถานที่ศกั ดิ์สิทธิ์ และเป็นสัญลักษณ์ของ
จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่รู้จักกันแพร่หลายก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุ-
วรมหาวิหาร เนื่องจากเป็นท่ีบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ประกาศ
จดทะเบียนวดั พระมหาธาตุเป็นโบราณสถาน นับเปน็ ปชู นียสถานทสี่ ำคัญทส่ี ุดแหง่ หนง่ึ ของภาคใต้

พระบรมธาตุเจดีย์เป็นเจดีย์สถาปัตยกรรมแบบล้านนา มีจุดเด่นที่ยอดเจดีย์ ซึ่งหุ้มด้วย
ทองคำแท้ จากความเชอ่ื เลา่ สบื ตอบกันมาวา่ องคพ์ ระธาตุประกอบดว้ ยทองรปู พรรณและของมีคา่ มากมาย
จรดปลายเจดีย์ ซึ่งสิ่งของมีค่าเหล่านี้พุทธศาสนิกชนนำมาถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้ตนได้
พบกบั นพิ พาน ดว้ ยความมีช่ือเสยี งและศกั ด์สิ ิทธขิ์ องพระบรมธาตุเจดยี ์ ดึงดูดใหผ้ ูค้ นจากท่ัวสารทิศแวะมา
กราบไหว้ขอพร คู่ไปกับพิธีปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง คือ การนำผ้าขึ้นธาตุ ตามตำนานเชื่อว่า หากใครได้นำผ้า
ข้ึนธาตแุ ละขอพรกจ็ ะสมหวงั

ความมหัศจรรยอ์ ย่างหนึ่งขององคพ์ ระบรมธาตุ คอื องค์พระธาตจุ ะไมม่ ีเงาทอดลงพ้ืนไม่ว่า
แสงอาทิตย์จะส่องกระทบไปทางใด ซึ่งยังไม่มีใครหาคำตอบ ได้ว่าเป็นเพราะอะไร จากความมหัศจรรย์นี้
ททท. จึงให้เจดยี ์นี้เป็น ๑ ใน Unseen Thailand ของเมืองไทย นอกจากพระบรมธาตุเแลว้ เจดยี ์องคเ์ ลก็
ที่รายลอ้ มรอบองคพ์ ระธาตุมากมายเป็นส่ิงที่แปลกตาแกน่ ักท่องเท่ียวท่ีได้พบเห็นเจดยี ์นเี้ รียกว่า องค์เจดีย์บริวาร
ซ่ึงมีทง้ั หมด ๑๔๙ องค์เจดีย์บริวาร คือ เจดยี ์ทีล่ กู หลานบรรพบุรษุ ได้สรา้ งไวส้ ืบต่อกนั มาเรอ่ื ยๆ เพือ่ บรรจุ
อัฐิของญาติผู้ล่วงลับไปแล้วโดยอธิษฐานว่าขอให้ญาติของตนได้มาเกิดในศาสนาของพระพุทธองค์อีกครั้งใน
ภพหน้า นอกจากความหัศจรรย์ของพระธาตุไร้เงาแล้ว เจดีย์บริวารที่เรียงรายล้อมรอบองค์พระบรมธาตุ
เป็นสิ่งมหศั จรรยซ์ ง่ึ เราไมค่ ่อยได้เห็นจากทใ่ี ดเชน่ กัน

สำนกั งานการทอ่ งเทีย่ วและกฬี าจงั หวดั สงขลา 177 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

วดั พระมหาธาตุวรมหาวหิ าร ตงั้ อยู่ภายในเขตกำแพงเมืองโบราณ ค่อนมาทางทิศใต้ เน้ือท่ี
๒๕ ไร่ ๒ งาน มีถนนราชดำเนินตัดผ่านหน้าวัด เข้าใจว่าเดิมคงเป็นถนนโบราณ ประวัติการสร้างวัดไม่มี
หลักฐานปรากฏแน่ชัดนอกจากประวัติจากตำนานที่กล่าวถึงการก่อสร้างพระมหาธาตุ ซึ่งเป็นเอกสารท่ี
เขยี นขึน้ จากคำบอกเลา่ ภายหลงั เหตุการณจ์ ริงเป็นเวลายาวนานมาก หลักฐานทางเอกสารทีช่ ัดเจนปรากฏ
ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์กล่าวว่าวัดนี้เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมา
พระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ อุปราชปักษ์ใต้ทรงนิมนต์พระสงฆ์จาก
วัดเพชรจริกมาดูแลรักษาวัด และคราวที่รัชกาลที่ ๖ เสด็จประพาสเมืองนครได้โปรดพระราชทานนามวัดว่า
วดั พระมหาธาตุวรมหาวหิ าร

ประวัติจากตำนานทเ่ี ล่าเรื่องการก่อสร้างพระบรมธาตุมหี ลายสำนวนสามารถประมวล เนื้อหา
ได้ว่า เม่ือพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เมอื งต่างๆ ในแวน่ แคว้นชมพูทวีปได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
ไปเก็บรักษา เคารพบูชา มีเมืองหนึ่งชื่อเมืองทนธบุรี ได้พระทันตธาตุมาเก็บรักษาไว้ ต่อมามีกษัตริย์จาก
เมืองอน่ื ยกทัพมาเพื่อขอแบ่งพระทันตธาตุ กษัตริย์สงิ หราชเจา้ เมืองทนธบุรีเห็นว่าจะรักษาเมืองไว้มิได้ จึง
ให้พระนางเหมชาลาและเจ้าชายทนทกมุ ารพระธิดาและพระโอรสอญั เชิญพระทันตธาตุ ลงเรือหนีไปลังกา
เผอิญเรือกำป่ันถูกพายุพัดเรือแตก ทั้งสองพระองค์มาขึ้นฝั่ง ณ หาดทรายแก้วแล้วฝังพระทันตธาตุไว้
เรื่องราวดำเนินต่อไปจนทั้งสองพระองค์ได้กลับไปลังกาโดยมีพระทันตธาตุส่วนหนึ่งยังฝังอยู่ที่หาดทรายแก้ว
ต่อมาพระเจ้าศรีธรรมโศกราชได้มาพบพระทันตธาตุ และโปรดให้สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐาน
พระบรมสารีริกธาตุและสร้างเมือง ณ หาดทรายแก้ว จนสำเร็จ เมืองดังกล่าวก็คือ เมืองนครศรีธรรมราช
พระบรมธาตุเจดีย์ก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ นครศรีธรรมราช ซึ่งเชื่อกันวา่ เดิมเป็นเจดยี ์แบบอิทธิพลศิลปะ
ศรีวิชัย คือเป็นเจดีย์ทรงมณฑป มีหลังคาเป็นสถูปห้ายอดคล้ายพระบรมธาตุเจดีย์ที่อำเภอไชยา จังหวัด
สุราษฎร์ธานี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๕ ต่อมา พระสถูปแบบศรีวิชัยทรุดโทรมลง จึงได้มีการสร้าง
เจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกาซึ่งเป็นเจดีย์องค์ปัจจุบันครอบไว้ เชื่อกันว่าในขณะนั้นคือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘
อิทธิพลพทุ ธศาสนาแบบลังกาในดนิ แดนนครศรธี รรมราช เขม้ แขง็ มาก นครศรธี รรมราชจงึ ได้รับอทิ ธพิ ลทั้ง
ศาสนาและศิลปกรรมจากลังกา ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุลทรงวินิจฉัยว่าพระบรมธาตุเจดีย์
ปัจจุบันมีลักษณะคล้ายเจดีย์กิริเวเทระในเมืองโบโลนนารุวะ ประเทศศรีลังกา สร้างในสมัยพระเจ้า-
ปรากรมพาหุมหาราช ราวต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ พระบรมธาตุเจดีย์ ก็ควรสร้างหลังจากนั้นมาก ส่วน
สถาปัตยกรรมอื่นๆ ภายในวัดพระมหาธาตุฯ ล้วนเป็นของที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาเป็นส่วนใหญ่จะมี
สงิ่ กอ่ สรา้ งในสมยั ธนบรุ แี ละรัตนโกสินทรต์ อนตน้ อยูบ่ า้ ง เชน่ วหิ ารทบั เกษตร วิหารพระแอด เป็นตน้

3. ตามรอยเสดจ็ พระพทุ ธเจ้าหลวง

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือ พระพุทธเจ้าหลวง แห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้ทรงอุทิศให้กับภารกิจของบ้านเมือง ทั้งด้านการเมือง
การปกครอง การพัฒนาประเทศอย่างอเนกประการ พระองค์ได้ทรงสอดส่องดูแลทุกข์สุขของอาณา
ประชาราษฎร์อย่างใกล้ชิด ดังเห็นได้จากการเสด็จประพาสต้นและการเสด็จประพาสหัวเมืองอย่างทั่วถึง
โดยเฉพาะหัวเมืองปักษ์ใต้ตลอดแหลมมลายู ในปีพุทธศักราช 2432 อันเป็นปีที่พระบาทสมเด็จ-
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้ตลอดแหลมมลายูครั้งนั้นได้เสด็จ
เกาะสี่เกาะห้าดังข้อความที่ปรากฏในพระหัตถเลขา จดหมายเหตุเสด็จประพาสแหลมมลายู ร.ศ. 108
ดงั นี้ (กรมประชาสัมพันธ์, 2554)

สำนกั งานการท่องเทย่ี วและกฬี าจงั หวัดสงขลา 178 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา

วันที่ 22 กรกฎาคม ออกจากเมืองสงขลา ผ่านปากจ่า เกาะญวน ปากพะยูน เกาะปราบ
ถึงเกาะรังนก (เกาะสเี่ กาะหา้ ) ประทับแรมพลบั พลาท่ีประทบั บนเกาะมวย

วนั ที่ 23 กรกฎาคม ประพาสหนา้ พลับพลาและถ้ำใหญ่ ถำ้ พระ ถำ้ ยหู ลี ถ้ำแรงวัว ถ้ำลูซิม
บนเกาะดำ แลว้ ไปถ้ำเสอื ถำ้ แรดท้ายเกาะมวย ทอดพระเนตรเกาะเขม็

วันที่ 24 กรกฎาคม จารึกอักษร จ.ป.ร. และศักราช 108 ไว้ที่หน้าผาเทวดาแล้วเสด็จขน้ึ
เขาชันซง่ึ เป็นเกาะใหญอ่ ย่หู ลังเกาะสี่เกาะหา้ มีการไล่จง รงุ่ ข้นึ เสด็จไปพัทลงุ

วันท่ี 25 – 26 กรกฎาคม เสดจ็ เมืองพัทลุง
วันที่ 27 กรกฎาคม จากเมืองพัทลงุ ถึงเกาะสี่เกาะห้า ประทบั แรม
วนั ที่ 28 กรกฎาคม ออกจากเกาะสีเ่ กาะห้าถึงเมืองสงขลา
จากการเสด็จประพาสครั้งนั้น จึงถือเป็นปีสำคัญสำหรับเมืองพัทลุง ถือเป็นเหตุการณ์ทาง
ประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การจดจำไว้อย่างยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็น
พระมหากษตั ริย์ไทยพระองค์แรกท่ีไดท้ รงเสด็จเยี่ยมพสกนกิ รไพร่ฟ้าของแผ่นดินถึงถ่ินเมืองพทั ลุง ที่ต้ังอยู่
ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก และการเสด็จประพาสหัวเมืองภาคใต้เต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง
เพราะการคมนาคมไมส่ ะดวกเชน่ ทุกวันนี้
เพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์อันสำคัญ จังหวัดพัทลุง โดยเทศบาลเมืองพัทลุง
เทศบาลตำบลปากพะยูน องค์กรบริหารส่วนตำบลเกาะหมาก อำเภอปากพะยูน ได้พร้อมใจกันจัดงาน
"ย้อนรอยประวัติศาสตร์ตามรอยเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง” ตั้งแต่วันที่ 22 – 26 กรกฎาคม 2554 โดย
ในช่วงวันที่ 22 - 24 กรกฎาคม 2554 จัดงานที่บริเวณ หน่วยพิทักษ์ป่าอ่าวท่ายาง ตำบลเกาะหมาก
อำเภอปากพะยูน และในช่วงระหวา่ งวนั ท่ี 24 – 26 กรกฎาคม งานจดั บรเิ วณหาดแสนสุขลำปำ เทศบาล
เมืองพัทลุง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง สำหรับกิจกรรมภายในงานมีมากมายหลากหลายทั้งกิจกรรม
เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พธิ ีบวงสรวง พธิ ที ำบุญตกั บาตรทางน้ำ การประกวด
วาดภาพ ลานเสวนาเรอ่ื งเก่าเล่าอดีต การแสดงแสงสีเสียงและสื่อผสม การแสดงของนักเรียนจากโรงเรียน
ต่างๆ ขบวนแห่เทิดพระเกียรติ การแต่งกายย้อนยุค การแข่งเรือพาย การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และ
กจิ กรรมอืน่ ๆ อกี มากมาย
นอกจากกิจกรรมที่จัดข้ึนดังกล่าว ผู้มาเที่ยวงานยังสามารถไปเท่ียวชมสถานที่ท่องเที่ยวท่ี
สำคญั ทพี่ ระพทุ ธเจ้าหลวงได้เคยเสด็จประพาสอันได้แก่ เขาชนั เกาะสี่-เกาะหา้ ที่ได้ชื่อวา่ เปน็ ดินแดนแห่ง
ขมุ ทรัพยข์ องจังหวดั พทั ลงุ เพราะบนเกาะแหง่ นเ้ี ป็นเกาะรังนกท่ีมมี ูลค่ามหาศาล และธรรมชาติของเกาะก็
มีความงดงามมากอีกแห่งหนึ่งคือที่หาดแสนสุขลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง ที่ซึ่งเคยเสด็จประทับแรม ใกล้ๆ
กันก็มีวังเจ้าเมืองพัทลุง พิพิธภัณฑ์แห่งประวัติศาสตร์ วัดวัง เขาอกทะลุ ถ้ำมาลัยเทพนิมติ วัดคูหาสวรรค์
ลว้ นแลว้ แตม่ คี วามสำคญั ทางประวัตศิ าสตรท์ ีน่ า่ ศึกษาและนา่ เทย่ี วชมเปน็ อย่างย่งิ

4. นางเลือดขาว

"ตำนานนางเลือดขาว" ปรากฏอยูใ่ นเรอ่ื งเล่าทีส่ บื ทอดกันมาอยา่ งยาวนาน ตำนานดังกล่าว
ได้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง ทั้งในภาคใต้จรดแหลมมลายู แต่ละพื้นที่ก็เล่าเหมือนบ้างแตกต่างบ้าง
โดยในภาคใต้ มีทั้งจังหวัดพัทลุง สงขลา ชุมพร นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ตรัง เล่าต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น
จนกลายเป็นตำนานประจำท้องถิ่นไปแล้ว ตำนานนางเลือดขาวที่แพร่หลายในจังหวัดพัทลุงและจังหวัด
อนื่ ๆ ในภาคใต้นั้น มปี รากฏที่มาจากสองทางด้วยกัน คือ (หาดใหญ่โฟกสั , 2561)

สำนักงานการทอ่ งเทย่ี วและกีฬาจงั หวดั สงขลา 179 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สงขลา


Click to View FlipBook Version