The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Siriwimon Intam, 2024-01-11 11:24:45

วิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

44 3. การคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชา ภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะวิชา ภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5. ทักษะการอ่านและการเขียน การคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีความใฝ่เรียนรู้แตกต่างกัน (สูง ปานกลาง และต่ำ) หลังได้รับการสอนด้วยแบบฝึก ทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นิรันตี นิมิตกุล (ม.ป.ป.) ศึกษาเรื่อง “ผลการพัฒนาความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาไทย โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6” : การวิจัย ครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาไทย โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน จับใจความภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ต่อการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านสระพัง จำนวน 27 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านจับ ใจความภาษาไทย โดยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC จำนวน 8 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวม 16 ชั่วโมง โดยใช้แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านจับใจความ และแบบวัดความพึงพอใจต่อการจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ดำเนินการทดลองโดยใช้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ ค่า t (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาไทย โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRCของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค CIRC อยู่ในระดับมาก เสาวนีย์ โพธิ์เต็ง (2557) ศึกษาเรื่อง “การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกับแบบฝึกทักษะ” :


45 การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกับแบบฝึกทักษะ และ 2) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกับ แบบฝึกทักษะ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/2 โรงเรียนเทศบาล 3 (เทศบาล สงเคราะห์) สังกัดเทศบาลเมืองราชบุรีจังหวัดราชบุรี ที่เรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 25 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Samping) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) แบบฝึกทักษะเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย และ 4) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย ร่วมกับแบบฝึกทักษะเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติ ค่าเฉลี่ย ( x ) ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) ค่าที (t-test) แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน(t-test Dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกับแบบฝึกทักษะ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกับ แบบฝึกทักษะ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด อัญชสา ยิ้มถนอม (2553) ศึกษาเรื่อง “การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3” : การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทยสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพ 2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนเรื่องการสร้างคำในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการเรียนด้วย บทเรียนสำเร็จรูป 3) ศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียน สำเร็จรูปเรื่องการสร้างคำในภายาไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 46 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม ระยะเวลาในการทดลอง 2 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 1 ชั่วโมง รวม : ชั่วโมง รวมการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) บทเรียน สำเร็จรูป เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย 2) แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องการสร้างคำในภาษาไทย 3) แบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการสร้างคำในภายาไทย 4) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนชั้น


46 มัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป เรื่องการสร้างคำในภาษาไทยการวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วนเขี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติทคสอบที่แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t - test dependent) ผลการวิจัยพบว่า 1.ประสิทธิภาพของบทเรียนสำเร็จรูปเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ 91. 34/88.47 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปสูงกว่าก่อนการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ 0.05 3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความคิดเห็นต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปอยู่ในระดับมาก 6. กรอบแนวคิดการวิจัย ตัวแปรต้น หรือตัวแปรอิสระ การจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ เรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการ สร้างคำ วิชาภาษาไทย ประกอบด้วย - ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำใน ภาษาไทย


บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี โดยผู้วิจัยได้นำเสนอ วิธีดำเนินการศึกษาตามหัวข้อดังนี้ 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 2. แบบแผนการวิจัย 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 4. การสร้างและหาประสิทธิภาพของเครื่องมือ 5. การรวบรวมข้อมูล 6. การวิเคราะห์ข้อมูล 7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 1.1 ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 3 ห้อง รวม 107 คน ประกอบด้วย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4, 1/5, และ 1/6 1.2 กลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 1 ห้อง คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวนนักเรียน 35 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง 2. แบบแผนการวิจัย การศึกษาครั้งนี้มีแบบแผนการวิจัย (Experimental Design) กลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One group Pretest –Posttest Design)


46 ตารางที่ 1 รูปแบบการทดลองแบบกลุ่มตัวอย่างเดียว ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน สัญลักษณ์ที่ใช้ในแบบแผนการทดลอง E แทน กลุ่มทดลอง (Experimental Group) T1 แทน การทดสอบก่อนเรียน (Pretest) X แทน รูปแบบการเรียนแบบกลุ่ม (CIRC) T2 แทน การทดสอบหลังเรียน (Posttest) 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วยแผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย การพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้นการทดลอง และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 3.1 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับ แบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 5 ชุด 5 ชั่วโมง ดังนี้ 3.1.1 แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 5 แผน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 คำมูล แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 คำประสม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 คำซ้อน แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 การจำแนกคำซ้อนและคำประสม แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 คำซ้ำ 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 3.2.1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ กลุ่ม สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง E T1 X T2


47 4. การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือ การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยของเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเครื่องมือที่ใช้ใน การเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย 4.1 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย 4.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 1. แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 5 แผนการจัดการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ละ 1 ชั่วโมง รวม 5 ชั่วโมง ตามขั้นตอนดังนี้ 1.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สาระที่ 4 หลักภาษาและการใช้ภาษา มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงขแงภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญา ทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 1.2 วิเคราะห์และกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้ 1.3 เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยสอดคล้องกับ จุดประสงค์การเรียรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.3.1 คำมูล (1 ชั่วโมง) 1.3.2 คำประสม (1 ชั่วโมง) 1.3.3 คำซ้อน (1 ชั่วโมง) 1.3.4 การจำแนกคำซ้อนและคำประสม (1 ชั่วโมง) 1.3.5 คำซ้อน (1 ชั่วโมง) 1.4 นำแผนการจัดการเรียนรู้ที่เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการสอนภาษาไทยและการวัดผลประเมินผล เพื่อตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ของแผนการจัดการเรียนรู้ 1.5 ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญนำ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ไม่ใช่กลุ่ม ตัวอย่าง 66 คน คละความสามารถ เพื่อดูความเหมาะสมของกระบวนการจัดการเรียนรู้เวลาที่ใช้และปัญหาที่ เกิดขึ้นแล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข 1.6 นำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ไปใช้กับนักเรียนกลุ่ม ตัวอย่างต่อไป 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ จำนวน 20 ข้อ ตามขั้นตอนดังนี้


48 2.1 ศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการวัดและการประเมินผลทางการศึกษาในเรื่อง การวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย วิธีการสร้างแบบทดสอบและการเขียนข้อสอบตามกลุ่มสาระ การ เรียนรู้รายวิชาภาษาไทย 2.2 วิเคราะห์และกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ และกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย จากนั้นสร้างตารางวิเคราะห์ข้อสอบให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ 2.3 สร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทยเป็นแบบชนิด เลือกตอบ 4 ตัวเลือก โดยวัดผลการเรียนรู้ 4 ด้าน ตามแนวคิดของคอล์ฟเฟอร์ (Klopfer, 1971) คือ 1) ด้าน ความรู้ ความจำ 2) ด้านความเข้าใจ 3) ด้านกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ทางภาษาไทย 4) ด้านการนำ ความรู้ไปใช้ จำนวน 20 ข้อ 2.4 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำ ในภาษาไทย เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนภาษาไทยและการวัดผลประเมินผล เพื่อตรวจสอบ ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย โดยพิจารณาจากค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of item objective congruence : IOC) ระหว่างข้อคำถาม และจุดประสงค์การเรียนรู้โดยให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่านพิจารณาตรวจสอบให้คะแนน ดังนี้ ให้คะแนนเป็น + 1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแบบทดสอบ มีความเหมาะสมและ สอดคล้องกัน ให้คะแนนเป็น 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าองค์ประกอบของแบบทดสอบ มีความเหมาะสม และสอดคล้องกัน ให้คะแนนเป็น -1 เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแบบทดสอบ มีความไม่เหมาะสม และไม่สอดคล้องกัน แล้วนำคะแนนที่ได้มาหาค่าดัชนีความสอดคล้องของแบบทดสอบ โดยดัชนีความ สอดคล้องขององค์ประกอบที่มีค่า IOC ที่ใช้ได้มีค่าระหว่าง 0.67 - 1.00 2.5 ปรับปรุงแก้ไขแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การสร้างคำใน ภาษาไทย ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญแล้วนำไปทดสอบกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ไม่ใช่กลุ่ม ตัวอย่างที่ผ่านการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย แล้วนำคะแนนการทดสอบ มาวิเคราะห์หาความยากง่าย (p) และอำนาจจำแนก (r) เป็นรายข้อ โดยมีความยากง่ายระหว่าง 0.21 - 0.75 และอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.23 - 0.65 2.6 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 20 ข้อ ที่คัดเลือกไว้มา วิเคราะห์หาความเชื่อมั่นทั้งฉบับ โดยคำนวณจากสูตร KR - 20 โดยพิจารณาค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับตั้งแต่ 0.72 2.7 นำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำใน ภาษาไทย ที่หาคุณภาพเรียบร้อยแล้วไปทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างต่อไป


49 5. การเก็บรวบรวมข้อมูล การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ผู้วิจัยมีขั้นตอนการ เก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้ 1. ศึกษาหลักสูตร วิเคราะห์หลักสูตร กำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และสาระการเรียนรู้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เกี่ยวกับเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย 2. ศึกษาวิธีสร้างและเขียนแบบทดสอบประเภทเลือกตอบจากหนังสือการวัดผลการศึกษาของ สมนึก ภัททิยธนี(2549) 3. ติดต่อประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนเพื่อขอความร่วมมือในการศึกษา 4. เลือกชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 5. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย และประเมินความสอดคล้องเนื้อหา (IOC) 6. สร้างและหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์คัดเลือกคุณภาพ ค่า IOC ค่าความยาก ค่าอำนาจจำแนก และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 7. สร้างแบบวัดความพึงพอใจและประเมินความเหมาะสม 8. นำไปใช้จัดกรรมการเรียนรู้โดยการชี้แจงกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง 9. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาษาไทย เพื่อนำคะแนนมาวิเคราะห์เป็นคะแนนก่อนเรียน 10. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง โดยผู้วิจัยและผู้ช่วยนักวิจัยเป็นผู้ออกแบบการกิจกรรม การเรียนรู้เอง ใช้เวลา 5 ชั่วโมง โดยผู้วิจัยดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนตัวอย่าง โดยใช้แผน การจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 5 ชุด/แผน 5 ชั่วโมง โดยระหว่างการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ ครูผู้สอน และผู้ช่วยผู้วิจัย จะทำการสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะการเรียนรู้การสร้างคำของนักเรียน ไปด้วย 11. เมื่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทำการทดสอบหลังเรียน (Post-test) กับนักเรียนกลุ่มเดิมใน แต่ละโรงเรียน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ซึ่งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนภาษาไทย เป็นเอกสารทั้งสองฉบับเป็นชุดเดียวกันกับที่ใช้ทคสอบก่อนเรียน วัดหลังการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ 12. หาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย E1/E2 13. นำคะแนนจากการตรวจแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบประเมินทักษะเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย มาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีทางสถิติ เพื่อตรวจสอบสมมติฐาน


50 6. การวิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้ดำเนินการ การวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามเกณฑ์ร้อยละ 80 ด้วยค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ และประสิทธิภาพของ ผลลัพธ์(E1/E2) 2. วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียนมาคิดคะแนนเป็นร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) แล้วนำคะแนนมาทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test Dependent 3. วิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะ เรื่อง กรสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย หลังเรียนมาคิดคะแนนเป็นร้อยละ ค่าเฉลี่ยและ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) แล้วนำคะแนนมาทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test for One Sample เทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด คือ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 7. สถิติที่ใช้ในการวิจัย 1. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์หาคุณภาพเครื่องมือ 1.1 การหาค่าความเที่ยงตรง (Validity) ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำใน ภาษาไทย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินทักษะ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ สูตรดัชนีความสอดคล้อง IOC ดังนี้(สมนึก ภัททิยธนี, 2558: 220-221) IOC = N R เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับเนื้อหา หรือระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งหมด N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด


51 1.2 การหาค่าความยากและค่าอำนาจจำแนกแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่งเป็น แบบทดสอบแบบอิงกลุ่ม โดยใช้สูตร ดังนี้(สมนึก ภัททิยธนี, 2558: 195) N R p = f Ru Rl r − = เมื่อ P แทน ค่าความยาก R แทน ค่าอำนาจจำแนก R แทน จำนวนผู้ตอบถูกทั้งหมด (Ru+Rl) N แทน จำนวนคนในกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำ (ซึ่งเท่ากับ 2f) f แทน จำนวนคนในกลุ่มสูงหรือกลุ่มต่ำ Ru แทน จำนวนคนในกลุ่มสูงที่ตอบข้อนั้นถูก Rl แทน จำนวนคนในกลุ่มต่ำที่ตอบข้อนั้นถูก 1.3 การหาค่าความเชื่อมั่นแบบทดสอบวัดวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ค่าความ เชื่อมั่นด้วยสูตร KR-20 ดังนี้(สมนึก ภัททิยธนี, 2558: 223) − − − = tt 2 s pq 1 n 1 n KR 20 : r เมื่อ tt r แทนค่า ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ n แทนค่า จำนวนข้อของแบบทดสอบทั้งฉบับ P แทนค่า อัตราส่วนของผู้ตอบถูกในข้อนั้น q แทนค่า อัตราส่วนของผู้ตอบผิดในข้อนั้น S 2 แทนค่า ความแปรปรวนของคะแนนทั้งฉบับ 2. สถิติพื้นฐาน ดังนี้ 2.1 ร้อยละ (Percentage) มีสูตรคำนวณ ดังนี้(สมบัติ ท้ายเรือคำ, 2553: 29) 100 N f p =


52 เมื่อ p แทน ร้อยละ f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด 2.2 ค่าเฉลี่ย (Mean) มีสูตรคำนวณ ดังนี้(สมบัติ ท้ายเรือคำ, 2553: 29) N x X = เมื่อ X แทน ค่าเฉลี่ย x แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลุ่ม N แทน จำนวนคะแนนในกลุ่ม 2.3 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) มีสูตรคำนวณ ดังนี้ (สมบัติ ท้ายเรือคำ, 2553: 123) ( ) N(N 1) N X X S.D. 2 2 − − = เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน x แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด X แทน คะแนนแต่ละตัว N แทน จำนวนคะแนนในกลุ่ม 3. การวิเคราะห์หาประสิทธิภาพและดัชนีประสิทธิผล ของการจัดการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3.1 หาค่าประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้(E1/E2) ตามเกณฑ์80/80 การหาค่า E1 และ E2 ใช้สูตร ดังนี้(เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) 100 A N X E1 = เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ


53 x แทน คะแนนรวมของแบบฝึกหัดหรือ แบบทดสอบย่อยทุกชุดรวมกัน A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกหัดทุกชุดรวมกัน N แทน จำนวนนักเรียนทั้งหมด 100 B N x E2 = เมื่อ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ x แทน คะแนนรวมของแบบแบบทดสอบหลังเรียน B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน N แทน จำนวนนักเรียนทั้งหมด 80 ตัวแรก หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมดที่ได้จากกิจกรรมกลุ่ม การ ปฏิบัติการทดลอง และการทดสอบย่อย ด้วยการจัดการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ประโยค สำหรับ นักเรียนชั้นมัธมศึกษาปีที่ 1ซึ่งต้องได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 80 ตัวหลัง หมายถึง ร้อยละของคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมดที่ได้จากแบบทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนรู้ตามการจัดการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ประโยค สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ซึ่งต้องได้คะแนนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 3.2 การหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้(E.I) ใช้สูตร ดังนี้(เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) คะแนนรวมจากแบบทดสอบหลังเรียน – คะแนนรวมจากแบบทดสอบก่อนเรียน ผลคูณของคะแนนเต็มกับจำนวนคน – คะแนนรวมจากแบบทดสอบก่อนเรียน 4. สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน 4.1 การเปรียบเทียบทักษะเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย หลังเรียนกับเกณฑ์ ใช้สูตร คำนวณหาค่า t-test แบบ One Samples (พวงรัตน์ ทวีรัตน์, 2543: 165-167) n S X μ t − = ดัชนีประสิทธิผล =


54 เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤต เพื่อทราบนัยสำคัญ X แทน ค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง n แทน จำนวนคะแนนในแต่ละกลุ่ม S แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน μ แทน ค่าเฉลี่ยของประชากร 4.2 การเปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สูตรคำนวณหาค่า t-test แบบ Dependent Samples (บุญชม ศรีสะอาด, 2556: 68) (N 1) N D ( D) D t 2 2 − − = เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤต เพื่อทราบนัยสำคัญ D แทน ความแตกต่างระหว่างคะแนนแต่ละคู่ N แทน จำนวนกลุ่มตัวอย่างหรือจำนวนคู่ แทน ผลรวม df แทน ความเป็นอิสระมีค่าเท่ากับ N – 1


บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ผู้วิจัยได้นำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตาม จุดประสงค์ของการวิจัยดังต่อไปนี้ 1. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียน การวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ผู้วิจัยได้เสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 4.1 ลำดับขั้นตอนการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 ลำดับขั้นตอนการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ลำดับขั้นตอนในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี โดยการหาร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (X) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการ สร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนวิชา ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะ การสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80


56 4.2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ตอนที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำใน ภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี โดยการหาร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (X) และสาวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการ สร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 80 ตารางที่ 2 การแสดงประสิทธิภาพกระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ จำนวน 35 คน เลขที่ ก่อนเรียน (20) คะแนนระหว่างเรียน รวม ระหว่างเรียน (50) หลังเรียน (20) แผนที่ 1 (10) แผนที่ 2 (10) แผนที่ 3 (10) แผนที่ 4 (10) แผนที่ 5 (10) 1. 8 6 6 7 9 10 38 17 2. 4 6 7 7 8 9 37 15 3. 4 6 7 8 8 9 38 15 4. 4 7 7 8 9 10 41 17 5. 3 6 6 8 8 9 37 16 6. 5 6 8 8 8 10 40 17 7. 7 5 7 7 8 9 36 16 8. 4 6 6 8 8 9 37 17 9. 4 7 7 8 8 10 40 17 10 4 6 6 7 8 9 36 16 11. 6 7 7 8 9 10 41 17 12. 4 7 8 9 9 10 43 17 13. 6 6 7 7 8 10 38 16 14. 3 6 6 7 9 10 38 16 15. 4 6 7 7 9 10 39 16 16. 4 7 7 8 9 10 41 17


57 เลขที่ ก่อนเรียน (20) คะแนนระหว่างเรียน รวม ระหว่างเรียน (50) หลังเรียน (20) แผนที่ 1 (10) แผนที่ 2 (10) แผนที่ 3 (10) แผนที่ 4 (10) แผนที่ 5 (10) 17. 2 7 8 8 8 10 41 17 18. 4 7 7 9 9 10 42 17 19. 3 6 8 9 9 10 42 16 20. 6 7 8 8 9 10 42 16 21. 3 6 7 8 9 10 40 16 22. 3 7 8 8 9 10 42 17 23. 7 6 7 7 9 10 39 17 24. 3 6 7 7 8 10 38 15 25. 7 7 8 8 9 10 42 17 26. 3 8 8 8 9 10 43 15 27. 8 7 8 8 9 10 42 17 28. 2 6 8 8 9 10 41 18 29. 3 7 8 9 9 10 43 18 30. 4 7 8 8 9 10 42 18 31. 6 6 8 9 8 10 41 17 32. 5 7 8 8 9 10 42 17 33. 4 7 7 9 9 10 42 17 34. 7 7 8 9 9 10 43 16 35. 4 7 7 8 9 10 41 17 รวม 158 228 255 278 303 344 1408 580 ̅ 4.51 6.51 7.29 7.94 8.66 9.83 40.23 16.57 S.D. 1.65 0.61 0.71 0.68 0.48 0.38 2.16 0.81 ร้อยละ 22.57 13.03 14.57 15.89 17.31 19.66 80.46 82.86 จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 ที่เรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้คะแนนเฉลี่ยนก่อนเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน


58 เท่ากับ 4.51 คิดเป็นร้อยละ 22.57 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.65 ส่วนคะแนนเฉลี่ยระหว่างเรียน ได้จากการทำแบบฝึกทักษะเท่ากับ 39.57 คิดเป็นร้อยละ 80.46 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.46 และได้คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเท่ากับ 16.57 คิดเป็นร้อยละ 82.86 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.81 ตารางที่ 3 แสดงประสิทธิภาพของผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จำนวน 35 คน จำนวน นักเรียน (N) คะแนนแบบฝึกทักษะ (E1) คะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียน (E1) คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 35 50 40.23 80.46 20 16.57 82.86 จากตารางที่ 3แสดงให้เห็นว่าผลการจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.46/82.86 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบ ฝึกทักษะ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ E1/E2 = 80/80 ตอนที่ 2 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึก ทักษะการสร้างคำ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จำนวน 35 คน โดยได้คะแนนจากการทำแบบทดสอบ ก่อนเรียนและหลังเรียนเพื่อตรวจสอบความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักภาษา เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย และทำแบบทดสอบหลังเรียหลังจากการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ โดยใช้แบบทดสอบเป็นฉบับเดียวกันทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน จากนั้นได้นำคะแนนของผู้เรียนมาวิเคราะห์ซึ่ง ปรากฏผลดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 4 แสดงผลรวมคะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละของคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับ แบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 จำนวน 35 คน เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน


59 เลขที่ คะแนนก่อนเรียน (20) คะแนนหลังเรียน (20) ผลต่างคะแนน (D) 1 7 15 8.00 2 8 17 9.00 3 7 16 9.00 4 8 17 9.00 5 10 18 8.00 6 9 15 6.00 7 9 16 7.00 8 7 15 8.00 9 9 18 9.00 10 9 17 8.00 11 10 19 9.00 12 7 15 8.00 13 8 16 8.00 14 9 18 9.00 15 6 16 10.00 16 10 17 7.00 17 10 18 8.00 18 12 16 4.00 19 6 16 10.00 20 8 17 9.00 21 8 17 9.00 22 12 19 7.00 23 7 17 10.00 24 8 18 10 25 7 18 11 26 8 18 10 27 7 18 11 28 8 18 10 29 10 18 8 30 9 18 9 31 9 18 9 32 7 18 11


60 เลขที่ คะแนนก่อนเรียน (20) คะแนนหลังเรียน (20) ผลต่างคะแนน (D) 33 9 18 9 34 9 18 9 35 10 18 8 รวม 297 601.00 304 ̅ 4.51 16.57 - S.D. 1.65 0.81 - ร้อยละ 22.57 82.86 - จากตารางที่ 4 แสดงให้เห็นว่าผลการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวน การจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 ได้คะแนนสอบก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 คิดเป็นร้อยละ 22.57 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.65 และได้คะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ย เท่ากับ 16.57 คิดเป็นร้อยละ 82.86 แสดงว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และคะแนนหลังเรียนไม่น้อยกว่า 80 ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จากนั้นผู้วิจัยนำคะแนนของการทดสอบก่อนเรียนและ หลังเรียนไปวิเคราะห์หาดัชนีประสิทธิผลปรากฏดังตารางต่อไปนี้ ตารางที่ 5 แสดงคะแนนเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที่แบบไม่อิสระและระดับนัยสำคัญ ทางสถิติของการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้ กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (N = 35) ผลการ ทดสอบ ̅ S.D. t-test sig ก่อนเรียน 4.51 1.65 35.930 0.00 หลังเรียน 16.57 0.81 * มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตารางที่ 5 พบว่า การทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนน เฉลี่ยเท่ากับ 4.51 คะแนน และ 16.57 คะแนน ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5


61 ดังนี้ การวิจัยเรื่อง เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบ ฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 มีประสิทธิภาพสูงถึงเกณฑ์ร้อยละ 80 ซึ่งทำให้นักเรียนมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนรายวิชาภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ เป็นวิธีการสอนแบบกลุ่มที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการคิด วิเคราะห์และช่วยให้ ผู้เรียนเข้าใจในเนื้อหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนและเข้าใจเนื้อหารายวิชา ภาษาไทยในหลักภาษา เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย เพิ่มมากขึ้น


บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ในการวิจัย เรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ผู้วิจัยนำเสนอการสรุปผลการวิจัย อภิปรายผล และเสนอแนะ โดยมีลำดับดังนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 5.2 สมมติฐานของการวิจัย 5.3 สรุปผลการวิจัย 5.4 อภิปรายผลการวิจัย 5.5 ข้อเสนอแนะ 5.1 วัตถุประสงค์ของการวิจัย 5.1.1 เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทยโดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ โรงเรียนกุดจับ ประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 5.1.2 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 5.2 สมมติฐานของการวิจัย 5.2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวน การเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ร้อยละ 80 5.2.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวน การเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.3 สรุปผลการวิจัย 5.3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวน การเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.46/82.86 แสดงว่าการจัด การเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพผ่าน เกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ร้อยละ 80 และสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน


63 5.3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวน การเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีนัยสำคัญที่ .05 ซึ่งนักเรียนได้คะแนนทดสอบก่อนเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 คิดเป็นร้อยละ 22.57 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.65 และได้คะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 16.57 คิดเป็นร้อยละ 82.86 แสดงว่านักเรียนมี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.4 อภิปรายผลการวิจัย ในการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยมีประเด็นที่จะอภิปรายผลการวิจัยดังนี้ จากผลการวิจัย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะ การสร้างคำ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีนัยสำคัญที่ .05 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 ที่เรียนรายวิชา ภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ ได้คะแนนทดสอบเฉลี่ยเท่ากับ 4.51 คิดเป็นร้อยละ 22.57 โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.65 และได้ คะแนนทดสอบหลังเรียนเฉลี่ยเท่ากับ 16.57 คิดเป็นร้อยละ 82.86 แสดงว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และคะแนนหลังเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก การจัดการเรียนรู้รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับ แบบฝึกทักษะการสร้างคำ ยังเป็นรูปแบบการสอนที่แปลกใหม่ ช่วยเสริมสร้างความสนุกสนานและพัฒนา กระบวนการทำงานกลุ่ม ดัง ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2555) กล่าวว่าเทคนิคการเรียนแบบร่วมมือที่แบ่งกลุ่มเรียน ตามระดับความสามารถ ซึ่งในกลุ่มจะประกอบไปด้วยนักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านแตกต่างกัน กิจกรรมมีการฝึกเป็นทีม ฝึกเป็นรายบุคคล มีการประเมินผลโดยเพื่อน การฝึกเพิ่มเติมและการทดสอบ มีการจัดระบบการให้รางวัลแก่ทีมที่ทำกิจกรรมบรลุเป้าหมาย โดยการประเมินผลการเรียนของสมาชิกทุกคน ในทีม มีการเพิ่มโอกาสและเวลาการฝึกการอ่านการเขียนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ศิริจันทร์ ไชย เดช (2556) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ที่มีต่อความสามารถในการเขียนสรุป ความภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า ความสามารถในการเขียนสรุปความภาษาไทยหลัง เรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาบีที่ 3 โรงเรียนนาขามวิทยา ที่เรียนโดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC สูงกว่าความสามารถดังกล่าวก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นอกจากนั้น ผู้วิจัยยังพบว่า การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการเรียนร่วมมือเทคนิค CIRC เป็น การจัดการเรียนแบบร่วมมือที่แบ่งระดับผู้เรียนตามความสามารถซึ่งในแต่ละกลุ่มจะประกอบด้วย ผู้เรียนที่มี ความสามารถทางการเรียน สูง ปานกลาง และต่ำ เมื่อนำมาจัดกิจกรรมเป็นการคลความสามารถภายในกลุ่ม เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือกัน ความสำเร็จจะเป็นของทุกคนภายในกลุ่ม (ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์, 2552) ซึ่งสอดคล้อง กับงานวิจัยของ เพ็ญพิชญา ภูกิ่งแก้ว (2557) ได้ศึกษาความสามารถในการอ่าน การอ่านการเขียนภาษาไทย และพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับแผนผังความคิด ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถในการเขียนภาษาไทยของนักเรียนจัดการเรียนรู้


64 แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับแผนผังความคิด หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนและสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ .05 นอกจากนั้น ผู้วิจัยยังพบว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ จากการใช้แบบฝึกทักษะมี ความสำคัญที่จะทำให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น และกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจในบทเรียนมาก ยิ่งขึ้นสามารถพัฒนาและเสริมสร้างประสบการณ์ ตลอดจนนำความรู้ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และผู้เรียนเรียนรู้ จากการกระทำจริงจึงทำให้จดจำสิ่งที่เรียนได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ ทำให้เกิดทัศนคติที่ดีทราบ ความก้าวหน้าและข้อบกพร่องจากผลการเรียนที่ตรวจสอบด้วยตนเอง ส่งผลทำให้เกิดแรงจูงใจและ ประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากผู้วิจัยได้สร้างแบบฝึกทักษะจำนวน 5 แบบฝึก ได้แก่ แบบฝึกทักษะที่ 1 เรื่องคำมูล แบบฝึกทักษะที่ 2 เรื่องคำประสม แบบฝึกทักษะที่ 3 เรื่องคำซ้อน แบบฝึก ทักษะที่ 4 การจำแนกคำซ้อนและคำประสม และแบบฝึกทักษะที่ 5 เรื่องคำซ้ำ แบบฝึกทักษะที่สร้างขึ้น ประกอบด้วยชื่อแบบฝึกทักษะ คำชี้แจง ใบความรู้ กิจกรรมแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และเฉลย จากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนของนักเรียนหลังจากสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะพบว่า นักเรียนสามารถนำ ความรู้ที่ตนได้รับจาการเรียนรู้แบบกระบวนการกลุ่ม CIRC ไปใช้ในการทำแบบฝึกทักษะ จึงกล่าวได้ว่า แบบฝึกทักษะทำให้เกิดคงทนในเนื้อหาที่เรียน ดัง สุนีรัตน์ บดสันเทียะ (2548) กล่าวว่า ความสามารถใน การอ่านออกเสียงคำควบกล้ำ ร ล ว กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษปีที่ 4 ที่ได้รับ การสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เท่ากับ 84.83 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ร้อยละ 75 และความสามารถใน การอ่านออกเสียงคำควบกล้ำ ร ล ว กลุ่มสาระ การเรียนรู้ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า การสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะสูงกว่าการสอนโดยการฝึกทักษะตามคู่มือครูอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.46 และการสอนโดยการฝึกทักษะตามคู่มือครู มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 6.14 จากผลการวิจัยและการอภิปรายดังกล่าว เป็นเหตุผลสำคัญที่สนับสนุนว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาไทย เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะ การสร้างคำ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 5.5 ข้อเสนอแนะ จากการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ค้นพบข้อสังเกตจากประสบการณ์ตรงที่อาจก่อให้เกิดประโยชน์ศึกษา ต่อไปนี้ ข้อเสนอแนะเพื่อการนำผลการวิจัยไปใช้ 1. การจัดกิจกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC นั้นสามารถช่วยทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจใน การเรียนหรือในการทำกิจกรรมกลุ่มและมีความกระตือรือร้นจริง แต่ผู้สอนจำเป็นต้องอธิบายกติกา รวมถึง วิธีการเล่นกิจกรรมให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ รวมถึงสาธิตวิธีการเล่นให้เห็นเป็นรูปธรรมมากว่าการบอกเพียง กติกาการทำกิจกรรม จะส่งผลให้เกิดความเบื่อหน่าย ผู้เรียนไม่เข้าใจในกติกาการเล่นกิจกรรมและไม่สนใจที่จะ


65 เข้าร่วมทำกิจกรรม ดังนั้น กติกาการเล่นกิจกรรมหรือกติกาการแข่งขันในแต่ละครั้ง จึงไม่ควรยากเกินความ เข้าใจของนักเรียน 2. การจัดกิจกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC เหมาะสมกับการบูรณาการเข้ากับทุกรายวิชา แต่เนื้อหาการศึกษาจะต้องไม่ยากจนเกินไปสำหรับผู้เรียน หรือผู้สอนจำเป็นต้องงมีการอธิบายเนื้อหาอย่าง ละเอียดอย่างชัดเจน เนื่องจากกิจกรรมการเรียนรู้ต้องอาศัยทักษะการคิด วิเคราะห์ตามขอบเขตของเวลาที่ ผู้สอนได้กำหนด 3. แบบฝึกทักษะเรื่องการสร้างคำในภาษาไทย เป็นแบบฝึกทักษะที่นักเรียนทำด้วยตนเอง จากการ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนพบว่า นักเรียนมักข้ามขั้นตอนการศึกษาคำแนะนำในการทำแบบฝึกทักษะ ขั้นตอนการศึกษาใบความรู้ ขั้นตอนการอ่านและการทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำชี้แจงแต่ละกิจกรรม โดยลงมือ ทำแบบฝึกทักษะเลย เมื่อพบปัญหาจึงกลับมาศึกษาใบความรู้ ดังนั้นก่อนการทำแบบฝึกทักษะผู้สอนควร แนะนำผู้เรียนให้ปฏิบัติตามขั้นตอน โดยเริ่มจาก ศึกษาใบความรู้ อ่านและทำความเข้าใจคำชี้แจงของแต่ละ กิจกรรม จากนั้นจึงลงมือทำแบบฝึกทักษะ และตรวจสอบความถูกต้องจากเฉลย ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรมีการศึกษาวิจัยโดยใช้กลุ่มตัวอย่างในระดับชั้นอื่นในการทดลอง เพื่อศึกษาการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะการสร้างคำ อาจจะส่งผลการเรียนรู้ของกลุ่มตัวอย่างที่แตกต่างกันออกไป 2. ควรมีการประยุกต์ใช้ความรู้จากสาระการเรียนรู้อื่น ๆ เข้ากับกระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับแบบฝึกทักษะ เพื่อให้นักเรียนเกิดความสนใจและประยุกต์ใช้ความรู้ตามความถนันของตนเอง 3. ควรมีการปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC ร่วมกับสื่อประเภทอื่น ๆ เช่น บอร์ดเกม หรือ เว็บไซต์สร้างสื่อออนไลน์ เพื่อความทันสมัยของกิจกรรมสอดคล้องกับสื่อในยุคปัจจุบันและสอดคล้องกับช่วงวัย ของผู้เรียน


66 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักกสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. กันต์ดนัย วรจิตติพล. (2542). “การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฎนครปฐม จังหวัดนครปฐม”.วิทยานิพนธ์ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ บัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. กาญจนา นาคสกุล. (2555). ภาษาไทย ภาษาธรรม. กรุงเทพฯ: สมาคมครูภาษาไทยแห่งประเทศไทย กำชัย ทองหล่อ. (2540). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ: รวมสาส์น. ขนิษฐา แสงภักดี. (2540). การใช้แบบฝึกพัฒนาการเขียนสรุปความ 2 จากบทร้อยแก้ว “พัฒนากูล” จังหวัดสระบุรี. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ขวัญชนก อยู่ศรี. (2565). ผลการจัดการเรียนรู้แบบการสอนเขียนที่เน้นกระบวนการร่วมกับเทคนิค CIRC ที่มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย และความสามารถในการเขียนสื่อความของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566, จาก http://grad.vru.ac.th/Database_thesis/thesis/file_pdf/Full_61c6ce3b1033b.pdf. คณะอักษรศาสตร์. (2505). ปัญหาการใช้ภาษาไทย “การประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย เรื่อง ปัญหา การใช้คำไทย”. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. จินตนา ชูเชิด. (2537). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคำยากภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 โดยการใช้เกมกับการใช้แบบฝึก. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต การมัธยมศึกษา (กศ.ม.). มหาวิทยาลัยบูรพา. จินตนา บางโรย. (2542). การศึกษาการสร้างคำในภาษาไทย จากหนังสือพิมพ์รายวันเพื่อการเรียนการสอน วิชาภาษาไทยระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ฉวีวรรณ ผิวผ่อง. (2555). การพัฒนาชุดการสอน เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2558). นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. นนทบุรี: พีบาลานซ์ดีไซต์ แอนปริ้นติ้ง. ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และคณะ. (2550). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ม.1 ช่วงชั้นที่ 3.กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์. ณัฐพงศ์ สาวงศ์ตุ้ย. (2542). “การพัฒนาแบบฝึกที่มีประสิทธิภาพเรื่องการสะกดคำยากวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาการประถมศึกษาบัณฑิต วิทยาลัย มหาวิทยาลัยสารคาม.


67 ดวงเดือน พิทักษ์ทิม. (2553). การพัฒนาชุดการสอนวิชาภาษาไทย เรื่อง การจำแนกคำในภาษาไทย สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการหลักสูตรและการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. ดวงเดือน อ่อนน่วม และคณะ. (2536). เรื่องน่ารู้สำหรับครูคณิตศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ทิศนา แขมมณี. (2553). ศาสตร์การสอน. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทิศนา แขมมณี. (2555). ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. นงเยาว์ บวงสรวง. (2535). “การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การสะกดคำของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริม ทักษะกับวิธีการเขียนตามคำบอก” ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนท่ายางวิทยา จังหวัดเพชรบุรี. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการสอนภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์. นภาเพ็ญ แสนสามารถ. (2562). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาภาษาไทย โดยใช้การเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ร่วมกับการอ่านการเขียนแบบแจกลูกสะกดคำ เพื่อเสริมสร้างทักษะการอ่านและการเขียน การคิดวิเคราะห์ และสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566, จาก https://gsmis.snru.ac.th/e-thesis/thesis_detail?r=60421231125. นวลนุช สีทองดี. (2541). การสร้างแบบฝึกเสริมทักษะทางการภาษาเรื่อง การเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด แม่กด เสริมทักษะวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความบกพร่องทาง การได้ยิน. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. นาตยา ปีลันธนานนท์. (2543). การศึกษามาตรฐาน. กรุงเทพฯ: แม็ค. นิรันตี นิมิตกุล. (ม.ป.ป.). ผลการพัฒนาความสามารถในการอ่านจับใจความภาษาไทย โดยการจัดกิจกรรม การเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566, จาก https://so05.tci-thaijo.org/index.php/sikkha/article/view/137600. เนาวรัตน์ ชื่นมณี. (2540). การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทยการสะกดคำยาก เรื่อง เป็ดหาย สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต การมัธยมศึกษา (กศ.ม.). มหาวิทยาลัยสารคาม. ปาริชาติ สุขประเสริฐ. (2536). การเปรียบเทียบความสามารถทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ และแรงจูงใจใฝ่ สัมฤทธิ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการใช้กิจกรรมตาม คู่มือครู. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต การมัธยมศึกษา (กศ.ม). มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. พรรณี ชูทัย. (2552). จิตวิทยาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ: วรวุฒิการพิมพ์. พรสวรรค์ คำบุญ. (2534). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนการเขียนคำยากของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 ที่เรียนโดยใช้และไม่ใช้แบบฝึก โรงเรียนร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์. วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. เพ็ญพิชชา ภูกิ่งแก้ว. (2557). การศึกษาความสามารถในการอ่านการเขียนภาษาไทย และพฤติกรรม การทำงานกลุ่ม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค


68 CIRC ร่วมกับแผนผังความคิด. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครราชสีมา. ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ. (2547). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ม.3 ช่วงชั้นที่ 3.กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์. มะลิ อาจวิชัย. (2540). การพัฒนาแบบฝึกทักษะภาษาไทย เรื่อง การเขียนสะกดคำไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด แม่กน แม่กด และแม่กบ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต การมัธยมศึกษา (กศ.ม.). มหาวิทยาลัยสารคาม. ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554. กรุงเทพฯ: บริษัทอักษรเจริญทัศน์ อจท.จำกัด. วรพรรณ สิทธิเลิศ. (2538). การเรียนการสอนทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจวิชาภาษาอังกฤษโดยใช้ ซี ไอ อาร์ ซี (CIRC). วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต การมัธยมศึกษา (กศ.ม.). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วรรณ แก้วแพรก. (2526). คู่มือการเขียนชั้นประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2555). เทคนิคและยุทธวิธีพัฒนาการคิดการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ. (2557). รายงานผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET). สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566, จาก http://www.onetresult.niets.or.th/ AnnouncementWeb/MainSch/MainSch.aspx?mi=3. สมถวิล วิเศษสมบัติ. (2544). สอบภาษาไทยง่ายนิดเดียว. กรุงเทพฯ: อักษรไทย. สุจริต เพียรชอบ และสายใจ อินทรัมพรรย์. (2538). วิธีการสอนมัธยมศึกษา. กรุงเทพฯ: ไชยพัฒนาพานิชย์. สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์. (2540). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ :ไทยวัฒนาพานิช. สุนีรัตน์ บดสันเทียะ. (2548). เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านออกเสียงควบกล้ำ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะกับการสอนโดย ฝึกทักษะตามคู่มือครู. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. เสาวนีย์ โพธิ์เต็ง. (2557). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยร่วมกันแบบฝึกทักษะ. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566, จาก https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/8742?attempt=2&. ศิริจันทร์ ไชยเดช. (2556). ผลการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค CIRC ที่มีต่อความสามารถในการเขียนสรุป ความภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. อดุลย์ ภูปลื้ม. (2539). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์การเขียนสะกดคำสำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกที่จัดคำเป็นกลุ่มและแบบฝึกที่จัดคำคละคำ. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การประถมศึกษา). มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. อัจฉรา ชีวพันธ์. (2531). บรรณาธิการสาระสาธิต. กรุงเทพฯ: คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.


69 อัญชลี แจ่มเจริญ และคณะ. (2526). วิธีการสอนภาษาอังกฤษชั้นประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. อัญชสา ยิ้มถนอม. (2553). การพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย สำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566, จาก https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/8449. อารีย์ วาศน์อำนวย. (2545). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจตามแนวการสอน ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการนิเทศบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.


ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ


71 รายนามผู้เชี่ยวชาญ 1. นางกาญจนา โคตรโสภา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สาขาวิชาภาษาไทย โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ จังหวัดอุดรธานี 2. นางอภิญญา ชุมพล ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สาขาวิชาภาษาไทย โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ จังหวัดอุดรธานี 3. นางสาวจิราพร ฮุยเสนา ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะชำนาญการ สาขาวิชาภาษาไทย โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ จังหวัดอุดรธานี


ภาคผนวก ข เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย


73 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวิชา ท21102 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การสร้างคำในภาษาไทย เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง คำมูล เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวสิริวิมล อินแต้ม โรงเรียนกุดจับประชาสรรค์ วันที่สอน 21 พฤศจิกายน 2566 12.00 - 12.50 ม.1/4 วันที่สอน 23 พฤศจิกายน 2566 12.50 – 12.40 ม.1/5 วันที่สอน 22 พฤศจิกายน 2566 12.00 - 12.50 ม.1/6 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมิปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็น 1.2 ตัวชี้วัด ม.1/2 สร้างคำในภาษาไทย 2.จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 นักเรียนสามารถอธิบายความหมายและลักษณะของคำมูลได้ (K) 2.2 นักเรียนสามารถจำแนกประเภทของคำมูลได้(P) 2.3 นักเรียนมีความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรม (A) 3. สาระสำคัญ คำมูล หมายถึง คำที่ใช้ในภาษาพูดมาตั้งแต่ดั้งเดิม อาจจะเป็นคำพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ แต่ต้องเป็นคำที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง อาจจะเป็นคำไทยแท้หรือคำที่มาจากภาษาอื่นก็ได้ คำมูลเป็น คำตั้งต้นสำหรับการสร้างคำขึ้นในภาษาไทย 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 การสร้างคำในภาษาไทย เรื่อง คำมูล 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา


74 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6.1 มีวินัย 6.2 ใฝ่เรียนรู้ 6.3 มุ่งมั่นในการทำงาน 7. ชิ้นงานหรือภาระงาน 7.1 แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล 8. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ CIRC 8.1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1. นักเรียนทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 1 2. นักเรียนสังเกตคำและอ่านออกเสียงคำศัพท์จาก “ต้นไม้คำมูล” ซึ่งมีคำศัพท์ดังต่อไปนี้ ได้แก่คำ ว่า พ่อ ขนม ผลไม้ และบอล 3. นักเรียนสังเกตความแตกต่างของคำกับพยางค์ของคำที่ยกตัวอย่าง และครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหา 8.2 ขั้นกิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน โดยมีนักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน คละกัน พร้อมให้แต่ละกลุ่มตั้งชื่อกลุ่มตนเองเป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ 2. นักเรียนศึกษาเรื่อง คำมูล จากใบความรู้ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสาระสำคัญ และรับบัตรสะสมแต้มจากครู 3. นักเรียนทำกิจกรรม “ใส่มูล ให้ต้นไม้” โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันแยกคำมูลแต่ละชนิด ให้ถูกต้องตามที่กำหนด คือ คำมูลพยางค์เดียว และคำมูลหลายพยางค์ 4. นักเรียนร่วมกันทำกิจกรรม “ใส่มูล ให้ต้นไม้” จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้อง กลุ่มไหนที่สามารถแยกคำมูลที่กำหนดได้ถูกต้อง และรวดเร็วจะได้รับลายเซ็นจากครูเพื่อสะสม แต้ม และนักเรียนคนใดที่สามารถสะสมแต้มได้ครบที่ครูกำหนดสามารถนำแต้มมาแลกของรางวัลจากครูได้ 8.3 ขั้นสรุป 1. นักเรียนร่วมกันสรุปความรู้ เรื่อง คำมูล จากการตอบคำถามต่อไปนี้ - คำมูล คืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร (แนวทางการตอบ : คำมูล หมายถึง คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณ์ในตัวเอง เป็นคำที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ อาจจะเป็นคำไทยแท้หรือเป็นคำที่มาจากภาษาอื่นได้ และจะเป็นคำพยางค์เดียว หรือหลายพยางค์ก็ได้ )


75 - คำมูล มีกี่ประเภทอะไรบ้าง (แนวทางการตอบ : คำมูลมี 2 ประเภท 1) คำมูลพยางค์เดียว คือ คำพยางค์เดียวที่ มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัว จะเป็นคำที่มาจากภาษาใดก็ได้ และเป็นคำชนิดใดก็ได้ เช่น พ่อ แม่ นก) - นักเรียนยกตัวอย่างคำมูลมาคนละ 3 คำ (แนวทางการตอบ : บาส โต๊ะ พ่อ) 2. นักเรียนรับมอบหมายแบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล ไปทำ พร้อมนำส่งชั่วโมงถัดไป 9. สื่อและอุปกรณ์การเรียน 9.1 แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล 9.2 ใบความรู้ เรื่อง คำมูล 9.3 กิจกรรม “ใส่มูล ให้ต้นไม้” 9.4 คำศัพท์ต้นไม้คำมูล 9.5 บัตรสะสมแต้ม 10. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ วิธีการวัด เครื่องมือที่ใช้วัด เกณฑ์การประเมิน 1. นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายและลักษณะ ของคำมูลได้ (K) การตอบคำถาม จำนวน 5 ข้อ 5 คะแนน แบบประเมิน การตอบคำถาม ผู้เรียนตอบคำถามได้ 3 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินใน ระดับร้อยละ 70 2. นักเรียนสามารถจำแนก ประเภทของคำมูลได้(P) แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล แบบประเมิน แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล ผู้เรียนได้คะแนน 18 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินใน ระดับร้อยละ 80 3. นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม (A) สังเกตพฤติกรรม การเรียน แบบสังเกตพฤติกรรม การเรียน ผู้เรียนได้คะแนน 18 คะแนนขึ้นไปถือว่าผ่าน เกณฑ์การประเมินใน ระดับร้อยละ 70


76 แบบฝึกทักษะ เรื่อง คำมูล


77


78 ใบความรู้ เรื่อง คำมูล


79


80 กิจกรรม “ใส่มูล ให้ต้นไม้”


81 คำศัพท์ต้นไม้คำมูล


82 บัตรสะสมแต้ม


83 เกณฑ์การให้คะแนนการตอบคำถาม เรื่อง คำมูล (Rubric Scores) ประเด็นการ ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน 5 4 3 2 1 คำถาม เรื่อง คำมูล ผู้เรียนตอบ คำถามได้ถูกต้อง ผู้เรียนตอบ คำถามได้ถูกต้อง 4 ข้อ ผู้เรียนตอบ คำถามได้ถูกต้อง 3 ข้อ ผู้เรียนตอบ คำถามได้ถูกต้อง 2 ข้อ ผู้เรียนตอบ คำถามได้ถูกต้อง 1 ข้อ เกณฑ์การประเมิน ผู้เรียนตอบคำถามถูกได้รับคะแนนข้อละ 1 คะแนน (ตอบคำถามถูก 1 ข้อ ได้ 1 คะแนน) ผู้เรียนตอบคำถามได้ ถูกต้อง 4 - 5 คะแนน ถือว่า ดีมาก ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 3 คะแนน ถือว่า ดี ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 2 คะแนน ถือว่า ปานกลาง ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 0 - 1 คะแนน ถือว่า ปรับปรุง ลงชื่อผู้ประเมิน……………………...........…………… (นางสาวสิริวิมล อินแต้ม) วันที่.........เดือน................พ.ศ..............


84 แบบประเมินการตอบคำถาม เรื่อง คำมูล คำชี้แจง : ให้ผู้สอนทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่การประเมินที่กำหนด เลขที่ ชื่อ-สกุล คำถาม การประเมินผล ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ข้อที่ 5 รวม 5 ผ่าน ไม่ผ่าน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. เกณฑ์การให้คะแนน ผู้เรียนตอบคำถามถูกได้รับคะแนนข้อละ 1 คะแนน (ตอบคำถามถูก 1 ข้อ ได้ 1 คะแนน) ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 4 - 5 คะแนน ถือว่า ดีมาก ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 3 คะแนน ถือว่า ดี ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 2 คะแนน ถือว่า ปานกลาง ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 0 - 1 คะแนน ถือว่า ปรับปรุง ลงชื่อผู้ประเมิน……………………...........…………… (นางสาวสิริวิมล อินแต้ม) วันที่.........เดือน................พ.ศ..............


แบบปแบบฝึกทักษะคำชี้แจง : ให้ผู้สอนทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่การประเมินที่กำหนด ที่ ชื่อ – สกุล คำมูลพยางค์เดียว ข้อที่ 1 ข้อที่ 2 ข้อที่ 3 ข้อที่ 4 ข้อที่ 5 ข้อที่ 6 ข้อที่ 7 ข้อที่ 8 ข้อที่ 9 ้ี่101. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.


85 ระเมิน ะ เรื่อง คำมูล คำถาม เกณฑ์การประเมิน คำมูลหลายพยางค์ ข้อที 10 ข้อที่ 11 ข้อที่ 12 ข้อที่ 13 ข้อที่ 14 ข้อที่ 15 ข้อที่ 16 ข้อที่ 17 ข้อที่ 18 ข้อที่ 19 ข้อที่ 20 รวม 10 ผ่าน ไม่ ผ่าน


เกณฑ์การให้คะแนน ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 18 - 20 คะแนน ถือว่า ดีมาก ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 16 - 17 คะแนน ถือว่า ดี ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 14 - 15 คะแนน ถือว่า ปานกลาง ผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้อง 0 - 13 คะแนน ถือว่า ปรับปรุง


86 ลงชื่อผู้ประเมิน……………………...........…………… (นางสาวสิริวิมล อินแต้ม) วันที่.........เดือน................พ.ศ..............


เกณฑ์การให้คะแนน แบบเกณฑ์การตัดสินคุณภาพ : ผู้เรียนทำคะแนนได้ตั้งแต่ 16 - 24 ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์กประเด็นการประเมิน 4 เขียนระบุข้อตกลงได้ เขียนระบุข้อตกลงได้ เขียนระบุขสนใจกิจกรรมที่ผู้สอนนำมา สนใจร่วมกิจกรรมตั้งใจฟังว่า ต้องทำอะไร สนใจรแต่ไม่ปฏิบมีความกระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม สนใจมีความต้องการมีส่วน ร่วมในกิจกรรม สนใจมีควาร่วมในกิกิให้ความร่วมมือและอยู่ใน กฎระเบียบเรียบร้อย อยู่ในกฎระเบียบของชั้นเรียน และให้ความร่วมมือใน กิจกรรมเป็นอย่างดี ไม่ค่อยอยู่ใชั้นเรียน แตกิจกรรมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความคิดริเริ่มที่ดีสร้างสรรค์ มีความคิมีการพูดที่ชัดเจน มีมารยาทที่ดี มีการพูดที่ชัดเจน มีมารยาทที่ ดี กล้าแสดงออก มีการพูดที่ชัดี


87 สังเกตพฤติกรรมการเรียน การประเมินร้อยละ 80 เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 ข้อตกลงได้ 3 ข้อ เขียนระบุข้อตกลงได้ 2 ข้อ ไม่สามารถเขียนระบุ ข้อตกลงได้ ร่วมกิจกรรม บัติตามเท่าที่ควร ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่ ค่อยฟังที่ผู้สอนอธิบาย ไม่สนใจ ไม่มีส่วนร่วมใน กิจกรรม ามต้องการมีส่วน กิจกรรมในบาง กิจกรรม ไร้ความรู้สึกสนใจในกิจกรรม แต่ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรม แสดงพฤติกรรมในเชิงลบ ต่อต้าน ไม่ร่วมกิจกรรม ในกฎระเบียบของ ต่ให้ความร่วมมือใน รมเป็นอย่างดี ไม่ค่อยอยู่ในกฎระเบียบของชั้น เรียน คุยกับเพื่อนเสียงดังบ้าง แต่ยังคงให้ความร่วมมือใน กิจกรรม ไม่อยู่ในกฎระเบียบของชั้น เรียน และไม่ให้ความ ร่วมมือในกิจกรรม รบกวน ผู้อื่นขณะเรียน ดที่ดีสร้างสรรค์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์น้อย ยึดหลักการเดิม ไม่มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ชัดเจน มีมารยาทที่ เขินอาย การพูดมีเสียงเบา มีมารยาทที่ดี เขินอาย ไม่มีการพูดที่ชัดเจน มารยาท เขินอายไม่สบตา ผู้ฟัง


แบบสังเกตพฤติคำชี้แจง : ให้ผู้สอนทำเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องที่การประเมินที่กำหนด เลขที่ ชื่อ - สกุล ประเด็เขียนระบุข้อตกลงได้ (4) สนใจกิจกรรมที่ผู้สอนนำมา (4) มีความกระตือรือร้นในการทำ กิจกรรม1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10.


Click to View FlipBook Version