ธนาคารกสกิ รไทย จำกดั (มหาชน) มหี นงั สอื ใหโ จทกช ำระหนต้ี ามหนงั สอื คำ้ ประกนั เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓
กรกฎาคม ๒๕๕๙ โจทกไดชำระหนี้คาประกันชดเชยใหแกธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
เปน เงิน ๒,๙๒๖,๒๐๐ บาท โจทกจ ึงรับชวงสิทธิจากธนาคารกสกิ รไทย จำกัด (มหาชน) ไลเบย้ี
ใหจำเลยชำระคืนเปนตนเงิน ๒,๙๒๖,๒๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป
ของตนเงินดังกลาว นับแตวันที่โจทกไดชำระเงินใหแกเจาหนี้ของจำเลยไปจนถึงวันฟอง
(ฟอ งวนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๖๓) คดิ เปน ดอกเบย้ี ๘๙๑,๐๖๑.๘๙ บาท รวมเปน ตน เงนิ และดอกเบย้ี
๓,๘๑๗,๒๕๑.๘๙ บาท
มีปญหาท่ีตอ งวนิ ิจฉยั วา จำเลยมหี นส้ี ินลนพนตวั หรอื ไม เห็นวา ขณะโจทกสง หนังสอื
ทวงถามครั้งที่ ๑ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๓ จำเลยมีภูมิลำเนาอยูบานเลขที่ ๑๓๒/๓๗๒
ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จงั หวัดสมุทรปราการ พนกั งานไปรษณียรายงานผลการสง
ทห่ี นา ซองหนงั สอื ทวงถามวา ไมมผี รู ับตามจา หนา แตต อมาวนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๓ ซ่ึงเปน
วนั หลงั จากโจทกม กี ารสง หนงั สอื ทวงถามใหจ ำเลยโดยชอบไมถ งึ ๓๐ วนั ไดม กี ารยา ยทอ่ี ยขู อง
จำเลยออกจากบา นเลขทด่ี งั กลา วเขา ไปอยใู นทะเบยี นบา นกลางเปน การถาวร โดยไมม กี ารแจง
ใหโจทกซึ่งเปนเจาหนี้ทราบ กรณีถือไดวาเปนการจงใจหลีกเลี่ยงหลบซอนโจทกไมใหทำการ
ติดตามทวงถามไดถูกตอง ทั้งในเวลาโจทกฟองคดีนี้ ก็สงหมายเรียกและสำเนาคำฟองใหแก
จำเลยไมได จนตองประกาศหนังสือพิมพ ดังนี้ ถือไดวาจำเลยไดไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู
เพื่อประวิงการชำระหนี้หรือมิใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ พฤติการณของจำเลยจึงตองดวยขอ
สันนิษฐานตามกฎหมายวาเปนผูมีหนี้สินลนพนตัว ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๘ (๔) ข แลว กรณีไมจำตองวินิจฉัยอีกวา ลูกหนี้ไมมีทรัพยสินอยางหนึ่งอยางใดที่จะ
พงึ ยดึ มาชำระหนไี้ ด หรือลกู หน้ีไดร ับหนังสอื ทวงถามจากเจา หน้ีใหช ำระหนีแ้ ลวไมน อยกวา สอง
ครง้ั ซง่ึ มรี ะยะเวลาหา งกนั ไมน อ ยกวา สามสบิ วนั และลกู หนไ้ี มช ำระหน้ี อนั ตอ งดว ยขอ สนั นษิ ฐาน
วามีหนี้สินลนพนตัว ตามมาตรา ๘ (๕) (๙) หรือไม ทั้งนี้ เพราะโจทกสามารถนำสืบใหเขาขอ
สันนิษฐานตามมาตรา ๘ อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดก็ได จำเลยมีหนาที่นำพยานหลักฐานมา
สืบหักลางขอสันนิษฐานดังกลาว เมื่อจำเลยไมนำสืบพยาน ขอเท็จจริงจึงรับฟงไดวา จำเลยมี
หน้ีสนิ ลน พนตวั และเมอื่ ปรากฏวา จำเลยเปน หนีโ้ จทกตัง้ แตป ๒๕๕๙ แตไมเ คยชำระหนีใ้ หแก
โจทกเ ลย จึงไมมีเหตอุ ื่นทีไ่ มสมควรใหจำเลยลม ละลาย ทีศ่ าลลม ละลายกลางมีคำพพิ ากษา
ยกฟอ งโจทกม านน้ั ไมต อ งดว ยความเหน็ ของศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ อทุ ธรณข องโจทกฟ ง ขน้ึ
๔๓
พิพากษากลับ ใหพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ และใหจ ำเลยใชค า ฤชาธรรมเนยี มทง้ั สองศาลแทนโจทก โดยใหห กั จาก
กองทรพั ยส นิ ของจำเลย เฉพาะคา ทนายความใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยก ำหนดตามทเ่ี หน็ สมควร.
(พูนศกั ด์ิ เขม็ แซมเกษ - จกั รพนั ธ สอนสภุ าพ - ปฏิกรณ คงพิพิธ)
รตมิ า ชัยสุโรจน - ยอ
วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงท่สี ดุ
๔๔
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดชี ำนญั พิเศษท่ี ๕๕/๒๕๖๕ ธนาคารพฒั นาวสิ าหกจิ
ขนาดกลางและขนาดยอม
แหงประเทศไทย โจทก
บริษทั เนินตองกรุป
จำกัด กับพวก จำเลย
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๔๑ (๕), ๒๔๕ (๑)
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖, ๙, ๑๐ (๒), ๑๔
พ.ร.บ. จดั ตงั้ ศาลลม ละลายและวิธีพิจารณาคดลี มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
จำเลยที่ ๒ มิไดเปนผูรับมอบอำนาจของจำเลยที่ ๓ จึงไมมีอำนาจยื่นอุทธรณ
แทนจำเลยท่ี ๓ คำสง่ั รบั อทุ ธรณข องจำเลยท่ี ๓ ซง่ึ อทุ ธรณร วมมาในฉบบั เดยี วกบั จำเลย
อื่นอีก ๔ คน เปนการไมชอบ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมรับวินิจฉัยอุทธรณของ
จำเลยท่ี ๓
โจทกเปนเจาหนี้มีประกันของจำเลยที่ ๑ ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๖ การฟองจำเลยที่ ๑ โจทกตองปฏิบัติตามมาตรา ๑๐ (๒) โดยตองกลาวในฟอง
เกี่ยวกับหลักประกันสิ่งปลูกสรางวา ถาจำเลยที่ ๑ ลมละลายแลว โจทกจะยอมสละ
หลักประกันเพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย หรือตีราคาหลักประกันมาในฟองซึ่งเมื่อ
หักกับจำนวนหนี้ของโจทกแลว เงินยังขาดอยูสำหรับจำเลยที่ ๑ เปนจำนวนไมนอยกวา
สองลานบาท แตโจทกไมไดบรรยายฟองใหปรากฏขอความตามบทบัญญัติดังกลาว
คำฟองของโจทกสำหรับจำเลยที่ ๑ จึงไมชอบที่ศาลจะรับไวพิจารณา แมจำเลยที่ ๑ มิได
ใหการตอสูและไมไดยกขึ้นอางในชั้นนี้ แตเปนปญหาอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอย
ของประชาชน ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษยกขน้ึ วนิ จิ ฉยั ได ตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๔๒ (๕)
ประกอบ พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
คำสั่งของศาลลม ละลายกลางท่พี ทิ ักษท รัพยของจำเลยที่ ๑ จึงไมชอบ
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐ (๒) ใหสิทธิเจาหนี้มีประกันฟองคดี
ลมละลายไดโดยตีราคาหลักประกันมาในฟองหักกับจำนวนหนี้ มิไดบัญญัติใหเจาหนี้
มปี ระกนั ตอ งบงั คบั ชำระหนจ้ี ากหลกั ประกนั กอ น แลว นำหนท้ี เ่ี หลอื มาฟอ งเปน คดลี ม ละลาย
เมอ่ื โจทกย งั มไิ ดร บั ชำระหนต้ี ามคำพพิ ากษาจนครบถว น และยงั มหี นค้ี า งชำระอนั เปน หน้ี
ที่อาจกำหนดจำนวนไดโดยแนนอนไมนอยกวาหนึ่งลานบาทสำหรับจำเลยที่เปนบุคคล
๔๕
ธรรมดาและจำนวนไมน อ ยกวา สองลา นบาทสำหรบั จำเลยทเ่ี ปน นติ บิ คุ คล จงึ เขา หลกั เกณฑ
ที่โจทกจะฟองคดีลมละลายได ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙ แมขณะที่
โจทกฟ อ งคดนี ย้ี งั มไิ ดข ายทอดตลาดหลกั ประกนั ทง้ั หมดตามคำพพิ ากษาในคดแี พง โจทก
กม็ ีสทิ ธนิ ำหน้ีตามคำพิพากษาคดีแพง มาฟอ งขอใหจำเลยท่ี ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ลมละลาย
เจาพนักงานบังคับคดีดำเนินการกำหนดราคาทรัพยเพื่อขายทอดตลาดที่ดิน
จำนองที่ยึดท้งั เกาแปลงใหมโดยไดเปรียบเทยี บกบั ราคาประเมนิ ของกรมทด่ี ินและราคา
ตลาด ซง่ึ ปรากฏวา ทด่ี นิ ทง้ั เกา แปลงรวมสง่ิ ปลกู สรา งทย่ี ดึ มรี าคารวม ๑๑๘,๔๖๒,๒๖๐ บาท
ซง่ึ มจี ำนวนสงู กวา หนท้ี ฝ่ี า ยจำเลยคา งชำระแกโ จทกต ามฟอ งมาก โจทกจ งึ มที างทจ่ี ะบงั คบั
ชำระหนี้จากหลักประกันของลูกหนี้รวมตามคำพิพากษาไดเต็มจำนวนหนี้ และจะมีผล
ใหหนี้ตามคำพิพากษาของฝายจำเลยซึ่งเปนลูกหนี้รวมตามคำพิพากษาคนอื่นระงับสิ้น
ไปดวย กรณีถือวามีเหตุที่ไมควรใหจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ลมละลาย ตาม พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ และเนอ่ื งจากจำเลยท่ี ๓ ตอ งรว มรบั ผดิ กบั จำเลยท่ี ๒
ท่ี ๔ และท่ี ๕ ในมลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาดงั กลา วดว ย คำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดทอ่ี ทุ ธรณ
นน้ั เกย่ี วดว ยการชำระหนอ้ี นั ไมอ าจแบง แยกได ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษพพิ ากษาถงึ
จำเลยที่ ๓ ได ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๕ (๑) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลมละลายและ
วิธพี จิ ารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
_____________________________
โจทกฟองขอใหมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งหาเด็ดขาดและพิพากษาใหเปน
บคุ คลลม ละลาย
จำเลยทั้งหาใหก ารขอใหยกฟอง
ศาลลม ละลายกลางมีคำสง่ั พิทกั ษทรพั ยข องจำเลยทง้ั หา เดด็ ขาด ตามพระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ และใหจ ำเลยทงั้ หาใชค า ฤชาธรรมเนยี มแทนโจทก โดยหกั
จากกองทรัพยสินของจำเลยทั้งหา เฉพาะคาทนายความใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยกำหนด
ตามทเี่ หน็ สมควร
จำเลยท้ังหาอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา สำหรับอุทธรณของจำเลย
ท่ี ๓ ซึ่งอทุ ธรณร วมมาในฉบบั เดียวกนั กบั จำเลยอนื่ อกี ๔ คน โดยจำเลยท่ี ๒ ลงลายมอื ชือ่ เปน
๔๖
ผูอุทธรณและระบุวาเปนผูรับมอบอำนาจจากจำเลยทั้งหานั้น ไมปรากฏในสำนวนวาจำเลยที่ ๓
ไดม อบอำนาจใหจ ำเลยท่ี ๒ ดำเนนิ คดแี ทน จำเลยท่ี ๒ จงึ มไิ ดเ ปน ผรู บั มอบอำนาจของจำเลยท่ี ๓
ในการดำเนินคดีแทน และไมมีอำนาจยื่นอุทธรณแทนจำเลยที่ ๓ ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่ง
รับอุทธรณของจำเลยที่ ๓ มาดวย เปนการไมชอบ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมรับวินิจฉัย
อทุ ธรณข องจำเลยที่ ๓
คดีในสวนจำเลยที่ ๑ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นสมควรวินิจฉัยกอนวา คำฟอง
โจทกสำหรับจำเลยที่ ๑ ชอบดวยกฎหมายหรือไม เห็นวา มูลหนี้ที่โจทกนำมาฟองคดีนี้เปนหนี้
ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ ธ.๕๔/๒๕๕๓ ของศาลแพง ซึ่งปรากฏตามสำเนาคำฟอง
คดีแพง ขอ ๙.๒ วา จำเลยที่ ๑ จำนองสิ่งปลูกสรางอาคารคอนกรีตเลขที่ ๗๓/๑๐๗ และเลขที่
๗๓/๑๓๖ หมูที่ ๓ ตำบลกมลา อำเภอกะทู จังหวัดภูเก็ต เปนประกันหนี้แกโจทก สิ่งปลูกสราง
ที่จำนองนี้ตรงกับที่ระบุในสำเนาหนังสือสัญญาจำนองสิ่งปลูกสรางเปนประกัน ทั้งตามสำเนา
คำพิพากษา ศาลแพงมีคำพิพากษาใหโจทกบังคับจำนองยึดสิ่งปลูกสรางที่จำนองรายนี้ของ
จำเลยท่ี ๑ ตามคำฟอ งของโจทก สว นคำฟอ งของโจทกค ดนี ้ี ขอ ๑ หนา ๔ โจทกย งั กลา วดว ยวา
โจทกย งั ไมไ ดด ำเนนิ การบงั คบั คดสี ง่ิ ปลกู สรา งทจ่ี ำนองของจำเลยท่ี ๑ แสดงใหเ หน็ วา สง่ิ ปลกู สรา ง
ที่จำนองรายนี้ยังคงเปนประกันหนี้แกโจทกอยู โจทกจึงเปนเจาหนี้มีประกันของจำเลยที่ ๑ ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖ การฟองจำเลยที่ ๑ โจทกตองปฏิบัติตาม
มาตรา ๑๐ (๒) โดยตอ งกลา วในฟอ งเกย่ี วกบั หลกั ประกนั สง่ิ ปลกู สรา งวา ถา จำเลยท่ี ๑ ลม ละลาย
แลว โจทกจ ะยอมสละหลกั ประกนั เพอ่ื ประโยชนแ กเ จา หนท้ี ง้ั หลาย หรอื ตรี าคาหลกั ประกนั มาใน
ฟอง ซง่ึ เม่ือหกั กบั จำนวนหน้ขี องโจทกแ ลว เงนิ ยังขาดอยสู ำหรับจำเลยท่ี ๑ เปนจำนวนไมน อ ย
กวา สองลา นบาท แตโจทกไ มไดบ รรยายฟอ งใหป รากฏขอความตามบทบัญญัติดงั กลา ว คำฟอง
ของโจทกส ำหรบั จำเลยท่ี ๑ จงึ ไมช อบทศ่ี าลจะรบั ไวพ จิ ารณา แมจ ำเลยท่ี ๑ มไิ ดใ หก ารตอ สแู ละ
ไมไ ดย กขน้ึ อา งในชน้ั น้ี แตเ ปน ปญ หาขอ กฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของประชาชน
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษยกขึ้นวินิจฉัยได ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑ คำสง่ั ของศาลลม ละลายกลางทพ่ี ทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๑ จงึ ไมช อบ
กรณีไมจำตองพิจารณาอุทธรณของจำเลยที่ ๑ คงมีปญหาที่ตองพิจารณาเฉพาะอุทธรณของ
จำเลยที่ ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ ตอ ไป
ทจ่ี ำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ อทุ ธรณว า การทโ่ี จทกไ ดร บั ยกเวน ไมต อ งปด อากรแสตมป
ในหนังสือมอบอำนาจและหนังสือมอบอำนาจชวงตามพระราชกฤษฎีกา เปนการขัดตอหลัก
๔๗
ความเสมอภาค ไมช อบดว ยรฐั ธรรมนญู นน้ั เหน็ วา เปน ขอ ทเ่ี พง่ิ ยกขน้ึ อา งในอทุ ธรณ มไิ ดโ ตแ ยง
ไวในคำใหการของจำเลย จึงไมไดยกขึ้นวากันมาแลวโดยชอบในศาลลมละลายกลาง เปนขอ
อุทธรณที่มิชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบ
พระราชบัญญัติจัดตั้งลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔
ศาลอุทธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษไมรบั วินิจฉยั อทุ ธรณของจำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ ในสว นน้ี
ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ มเี พยี งขอ เดยี ววา โจทก
มสี ทิ ธนิ ำหนต้ี ามคำพพิ ากษาคดแี พง มาฟอ งขอใหจ ำเลยดงั กลา วลม ละลายหรอื ไม เหน็ วา แมใ น
การบังคับคดี โจทกจะตองบังคับชำระหนี้จากหลักประกันกอนตามคำพิพากษาในคดีแพงก็ตาม
แตเปนเรื่องของการบังคับคดีซึ่งเจาหนี้ตามคำพิพากษาตองดำเนินการตามลำดับขั้นตอนที่
คำพิพากษากำหนด สวนการฟองคดีลมละลาย มิใชเปนการฟองเพื่อบังคับทรัพยสินของลูกหนี้
ชำระหนี้แกเจาหนี้ดังเชนคดีแพงทั่วไป เนื่องจากเปนการฟองเพื่อจัดการทรัพยสินของลูกหนี้
ตามกระบวนการที่กฎหมายลมละลายกำหนด และเพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย มิใชเฉพาะ
แกเจาหนี้ผูเปนโจทกเทานั้น จึงเปนเรื่องการใชสิทธิตามกฎหมายคนละสวนกัน และไมถือวา
ขดั แยงกนั ประกอบกับแมแ ตล ูกหนี้คนทม่ี หี ลกั ประกันใหไ วแ กเจา หน้ี พระราชบญั ญตั ิลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐ (๒) ก็ยังใหสิทธิเจาหนี้มีประกันฟองคดีลมละลายได โดยตีราคาหลัก
ประกันมาในฟองหักกับจำนวนหนี้ มิไดบัญญัติใหเจาหนี้มีประกันตองบังคับชำระหนี้จากหลัก
ประกันกอน แลวนำหนี้ที่เหลือมาฟองเปนคดีลมละลาย ดังนี้ เมื่อโจทกยังมิไดรับชำระหนี้ตาม
คำพิพากษาจนครบถวน และยังมีหนี้คางชำระอันเปนหนี้ที่อาจกำหนดจำนวนไดโดยแนนอน
ไมน อ ยกวา หนง่ึ ลา นบาทสำหรบั จำเลยท่ี ๒ และท่ี ๔ และจำนวนไมน อ ยกวา สองลา นบาท สำหรบั
จำเลยที่ ๕ กับขอเท็จจริงฟงไดตามคำสั่งของศาลลมละลายกลางวา จำเลยดังกลาวมีหนี้สินลน
พน ตวั จงึ เขา หลกั เกณฑท โ่ี จทกจ ะฟอ งคดลี ม ละลายไดต ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙ แมข ณะทโ่ี จทกฟ อ งคดนี ย้ี งั มไิ ดข ายทอดตลาดหลกั ประกนั ทง้ั หมดตามคำพพิ ากษาใน
คดีแพง โจทกก็มีสิทธินำหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพงมาฟองขอใหจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕
ลม ละลาย อุทธรณของจำเลยที่ ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ ฟง ไมข ึ้น
ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตอ ไปมวี า กรณมี เี หตทุ ไ่ี มค วรใหจ ำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ ลม ละลาย
หรือไม เห็นวา โจทกประเมินราคาที่ดินที่ยึดภายหลังจากเจาพนักงานบังคับคดียึดไวถึงหกป
แตกลับมีราคาต่ำกวาราคาประเมินของเจาพนักงานบังคับคดีมาก และไมปรากฏวาไดพิจารณา
ราคาตลาดที่มีการซื้อขายกันจริง ทั้งโจทกมิไดนำผูประเมินราคามานำสืบใหเห็นวาการประเมิน
ราคาของโจทกม ีหลกั เกณฑห รอื วธิ ีการทน่ี าเช่ือถือและรบั ฟงได สวนฝายจำเลยมสี ำเนารายงาน
๔๘
ระเบียบวาระการประชุมคณะกรรมการกำหนดราคาทรัพย สำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต
มาแสดงวา เจาพนักงานบังคับคดีดำเนินการกำหนดราคาทรัพยเพื่อขายทอดตลาดที่ดินจำนอง
ที่ยึดทั้งเกาแปลงใหมเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๑ โดยไดเปรียบเทียบกับราคาประเมินของ
กรมที่ดินและราคาตลาดดวย ซึ่งปรากฏวาที่ดินทั้งเกาแปลงรวมสิ่งปลูกสรางที่ยึดมีราคารวม
๑๑๘,๔๖๒,๒๖๐ บาท เมอ่ื การประเมนิ ราคาใหมด งั กลา วเปน การดำเนนิ การตามวธิ ปี ฏบิ ตั ใิ นการ
บงั คบั คดตี ามกฎกระทรวงและคำสง่ั กรมบงั คบั คดใี นเรอ่ื งน้ี และเจา พนกั งานบงั คบั คดจี ะใชร าคา
ประเมนิ ใหมป ระกอบการขายทอดตลาดทรพั ยต อ ไป จงึ ฟง ไดว า ทด่ี นิ เกา แปลงทย่ี ดึ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
มีราคาตามที่ประเมินใหม ซึ่งมีจำนวนสูงกวาหนี้ที่ฝายจำเลยคางชำระแกโจทกตามฟองมาก
โจทกจ งึ มที างทจ่ี ะบงั คบั ชำระหนจ้ี ากหลกั ประกนั ของนายอาจลกู หนร้ี ว มตามคำพพิ ากษาไดเ ตม็
จำนวนหนี้ และจะมีผลใหหนี้ตามคำพิพากษาของฝายจำเลยซึ่งเปนลูกหนี้รวมตามคำพิพากษา
คนอื่นระงับสิ้นไปดวย กรณีถือวามีเหตุที่ไมควรใหจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ลมละลาย ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ และเนื่องจากจำเลยที่ ๓ ตองรวมรับผิดกับ
จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกลาวดวย คำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดที่
อุทธรณนั้นเกี่ยวดวยการชำระหนี้อันไมอาจแบงแยกได ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษพิพากษา
ถึงจำเลยที่ ๓ ได ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๔๕ (๑) ประกอบ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๒ ถงึ ท่ี ๕ นน้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
ไมเห็นพอ งดวย
อนง่ึ ทผ่ี รู บั มอบอำนาจจำเลยท่ี ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๔ และท่ี ๕ ยน่ื คำรอ งขอระบพุ ยานเพม่ิ เตมิ
ชั้นอุทธรณพรอมบัญชีพยานลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ นั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ
เหน็ วา ไมม เี หตจุ ำเปน ทจ่ี ะรบั ฟง พยานหลกั ฐานตามคำรอ งเนอ่ื งจากไดว นิ จิ ฉยั พยานหลกั ฐานอน่ื
ซึ่งเพยี งพอใหรบั ฟง แลว จึงไมอนญุ าตใหจำเลยดังกลาวอางพยานหลักฐานเพ่ิมเตมิ ในช้ันน้ี
พิพากษากลับ ใหยกฟองโจทก และยกอุทธรณของจำเลยที่ ๓ คาฤชาธรรมเนียม
ทงั้ สองศาลใหเปน พบั .
(องอาจ งามมีศรี - ฐานติ ศริ ิจันทรสวา ง - วเิ ชยี ร วชิรประทีป)
หมายเหตุ คดีถงึ ทีส่ ุด รติมา ชยั สุโรจน - ยอ
วริ ตั น วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
๔๙
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๕๖/๒๕๖๕ บริษทั บี วนิ ๙๘๘๙ จำกดั
หรือบริษัทโมเดิรน เทจ
เฮาสแอนดดีไซน จำกัด โจทก
นายธราพงษ สขุ ะอาคม
กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙ (๓)
แมสัญญาประนีประนอมยอมความจะกำหนดจำนวนเงนิ คา เสยี หายไวแ นน อน
หากผิดสัญญาจำเลยทั้งสองจะชดใชเงินเปนจำนวน ๒๐,๘๕๕,๑๑๔.๖๔ บาท แตหนี้ที่จะ
ตองชำระเงินจำนวนดังกลาวจะเกิดขึ้นตอเมื่อจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอม
ยอมความ ซึ่งขอเท็จจริงเพียงวาศาลแรงงานภาค ๖ ออกหมายบังคับคดียังไมอาจฟง
เปน ยตุ ไิ ดว า จำเลยทง้ั สองผดิ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความและมหี นเ้ี งนิ ทต่ี อ งชำระเงนิ
ใหแกโจทก เพราะจำเลยทั้งสองยังโตแยงวาตนมิไดผิดสัญญาและขอใหเพิกถอนหมาย
บังคับคดีอยู ปญหาวาจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความแลวหรือไมเปน
ประเดน็ ทย่ี งั โตแ ยง กนั อยใู นชน้ั บงั คบั คดี ดงั จะเหน็ ไดจ ากรายงานกระบวนพจิ ารณาของ
ศาลแรงงานภาค ๖ ทแ่ี มจ ำเลยทง้ั สองจะถอนคำรอ งขอใหเ พกิ ถอนหมายบงั คบั คดแี ตก ย็ งั
แถลงยืนยันวา ตนไมไ ดผ ดิ สัญญาประนปี ระนอมยอมความ และหากฝายโจทกจะดำเนนิ
การบงั คบั คดี ฝา ยจำเลยทง้ั สองกจ็ ะโตแ ยง คดั คา นในภายหลงั ขอ โตแ ยง ดงั กลา วเปน เรอ่ื ง
ที่คูความจะตองไปดำเนินการที่ศาลแรงงานภาค ๖ ซึ่งเปนศาลที่ออกหมายบังคับคดี
เพื่อใหไดขอยุติกอนวาจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม ในชั้นนี้
หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกลาวจึงยังไมอาจกำหนดจำนวนไดโดยแนนอนตาม
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙ (๓) โจทกจึงฟองขอใหจำเลยทั้งสองเปนบุคคล
ลมละลายไมได
_____________________________
โจทกฟอ งขอใหม คี ำสัง่ พิทักษทรัพยข องจำเลยทง้ั สองเด็ดขาดและพพิ ากษาใหจ ำเลย
ท้งั สองเปนบุคคลลมละลาย
๕๐
จำเลยทง้ั สองใหก ารขอใหยกฟอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยจำเลยทั้งสองเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ และใหจำเลยทั้งสองใชคาฤชาธรรมเนียมแทนโจทกโดยให
หกั จากกองทรพั ยส นิ ของจำเลยทง้ั สอง เฉพาะคา ทนายความใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยก ำหนด
ตามทเ่ี ห็นสมควร
จำเลยท้งั สองอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษแผนกคดลี ม ละลายวินิจฉัยวา ขอ เท็จจริงเบื้องตนฟงไดวา
เม่ือวนั ท่ี ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑ โจทกก บั จำเลยท้งั สองและนางผาสขุ ไดท ำสัญญาประนปี ระนอม
ยอมความกันที่ศาลแรงงานภาค ๖ ตกลงใหจำเลยทั้งสองประกอบกิจการตามวัตถุประสงคของ
จำเลยที่ ๒ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร และนครสวรรคเทานั้น
โดยใชสถานที่ประกอบกิจการหลักอยูที่จังหวัดพิษณุโลก และจะไมเปดสาขาในจังหวัดพิจิตร
สุโขทยั ตาก กำแพงเพชร และนครสวรรคอกี จำเลยทั้งสองตกลงจะหยุดประกอบกิจการทส่ี าขา
ขอนแกน มีกำหนด ๕ ป นับแตว ันทำสัญญา ซง่ึ ศาลแรงงานภาค ๖ ไดพพิ ากษาตามยอม ตอ มา
วันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๒ โจทกยื่นคำรองวาจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ
ขอใหศาลออกหมายตั้งเจาพนักงานบังคับคดี ศาลแรงงานภาค ๖ ออกหมายบังคับคดีใหในวัน
ดังกลาว ตอมาวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำเลยทั้งสองยื่นคำรองขอใหเพิกถอนหมายบังคับคดี
โดยอา งวา ไมไ ดก ระทำผดิ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ ศาลแรงงานภาค ๖ นดั ไตส วนในวนั ท่ี
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เมื่อถึงวันนัดจำเลยทั้งสองแถลงยืนยันวาไมไดผิดสัญญาประนีประนอม
ยอมความ และขอถอนคำรองขอเพิกถอนหมายบังคับคดีโดยแถลงวาหากโจทกดำเนินการ
บังคับคดี ฝายจำเลยทั้งสองจะโตแยงคัดคานตอศาลในภายหลัง ศาลแรงงานภาค ๖ อนุญาต
ใหถอนคำรองไดโดยกำชับฝายโจทกวาหากจะมีการบังคับคดีโดยกลาวอางวามีการผิดสัญญา
ประนปี ระนอมยอมความในขอ ใดขอ หนง่ึ ตอ งดำเนนิ การบงั คบั คดใี หเ ปน ไปตามกฎหมาย ตอ มา
วันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓ โจทกจึงมาฟองตอศาลลมละลายกลางเปนคดีนี้ขอใหพิทักษทรัพย
จำเลยทง้ั สองเดด็ ขาด จำเลยทง้ั สองจงึ ยน่ื คำรอ งลงวนั ท่ี ๒ เมษายน ๒๕๖๔ ตอ ศาลแรงงานภาค ๖
ขอใหเ พกิ ถอนหมายบงั คบั คดอี กี ครง้ั ซง่ึ ศาลแรงงานภาค ๖ นดั ไตส วนวนั ท่ี ๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๔
กอนถึงวันนัดศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ ๒๗
พฤษภาคม ๒๕๖๔ คดีมีปญหาที่จะตองวินิจฉัยวา จำเลยทั้งสองเปนหนี้โจทกอันอาจกำหนด
จำนวนไดโ ดยแนน อนแลว หรอื ไม เหน็ วา แมส ญั ญาประนปี ระนอมยอมความจะกำหนดจำนวนเงนิ
คา เสยี หายไวแ นน อนหากผดิ สญั ญาจำเลยทง้ั สองจะชดใชเ งนิ เปน จำนวน ๒๐,๘๕๕,๑๑๔.๖๔ บาท
๕๑
แตหนี้ที่จะตองชำระเงินจำนวนดังกลาวจะเกิดขึ้นตอเมื่อจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอม
ยอมความ ซึ่งขอเท็จจริงเพียงวาศาลแรงงานภาค ๖ ออกหมายบังคับคดียังไมอาจฟงเปนยุติ
ไดวาจำเลยทั้งสองผิดสัญญาประนีประนอมยอมความและมีหนี้เงินที่ตองชำระใหแกโจทก เพราะ
จำเลยทง้ั สองยงั โตแยงวาตนมิไดผดิ สญั ญาและขอใหเพิกถอนหมายบงั คับคดีอยู ปญ หาวา จำเลย
ทง้ั สองผดิ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความแลว หรอื ไมเ ปน ประเดน็ ทย่ี งั โตแ ยง กนั อยใู นชน้ั บงั คบั คดี
ดังจะเห็นไดจากรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานภาค ๖ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ที่แมจำเลยทั้งสองจะถอนคำรองขอใหเพิกถอนหมายบังคับคดีแตก็ยังแถลงยืนยันวาตนไมได
ผดิ สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ และหากฝา ยโจทกจ ะดำเนนิ การบงั คบั คดี ฝา ยจำเลยทง้ั สอง
ก็จะโตแยงคัดคานในภายหลัง ขอโตแยงดังกลาวเปนเรื่องที่คูความจะตองไปดำเนินการที่
ศาลแรงงานภาค ๖ ซง่ึ เปน ศาลทอ่ี อกหมายบงั คบั คดี เพอ่ื ใหไ ดข อ ยตุ กิ อ นวา จำเลยทง้ั สองผดิ สญั ญา
ประนปี ระนอมยอมความหรอื ไม ในชน้ั นห้ี นต้ี ามคำพพิ ากษาตามยอมดงั กลา วจงึ ยงั ไมอ าจกำหนด
จำนวนไดโดยแนนอนตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙ (๓) โจทกจึงฟอง
ขอใหจำเลยทั้งสองเปนบุคคลลมละลายไมได ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด
จำเลยทง้ั สองมาไมต อ งดว ยความเหน็ ของศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ อทุ ธรณข องจำเลยทง้ั สอง
ฟงข้ึน
พิพากษากลับ ใหย กฟอ งโจทก คา ฤชาธรรมเนียมทง้ั สองศาลเปนพบั .
(เพชรนอ ย สมะวรรธนะ - สถาพร วิสาพรหม - เกยี รติคุณ แมนเลขา)
รตมิ า ชยั สุโรจน - ยอ
วิรตั น วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
๕๒
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณคดชี ำนญั พเิ ศษท่ี ๑๖๖๖/๒๕๖๐ บริษัทบริหารสินทรัพย
สขุ มุ วิท จำกดั โจทก
ธนาคารกรงุ เทพ จำกดั
(มหาชน) เจา หนี้
นายวเิ ชยี รหรือ
ธนัชสรณ ศรจี งใจ
กบั พวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒), ๑๙๓/๑๗, ๑๙๓/๓๒
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนง่ึ
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) เดิม
พ.ร.บ. จดั ต้ังศาลลม ละลายและวธิ ีพิจารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
หนต้ี ามคำพพิ ากษาทเ่ี จา หนน้ี ำมายน่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี ปน สทิ ธเิ รยี กรอ งทเ่ี กดิ ขน้ึ
โดยคำพพิ ากษาของศาลทถ่ี งึ ทส่ี ดุ มกี ำหนดอายคุ วาม ๑๐ ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๒
เมอ่ื ลกู หนท้ี ่ี ๑ ผดิ นดั ชำระหนต้ี ามคำพพิ ากษาตามยอมตง้ั แตง วดแรก เจา หนจ้ี งึ อาจบงั คบั
สิทธิเรียกรองตามคำพิพากษาตามยอมไดนับแตวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๔๐ เปนตนไป
เจาหนี้นำมูลหนี้ดังกลาวมาขอรับชำระหนี้เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ จึงพนกำหนด
อายุความ ๑๐ ป
เจาหนี้เพิ่งกลาวอางมาในอุทธรณและแสดงพยานเอกสารที่ไดฟองลูกหนี้ที่ ๑
เปน คดลี ม ละลายมาทา ยอทุ ธรณ เปน การอา งเขา มาภายหลงั จากทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ไดส อบสวนพยานหลกั ฐานเจา หนเ้ี สรจ็ สน้ิ และศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำขอรบั
ชำระหนข้ี องเจา หนต้ี าม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) เดมิ แลว จงึ เปน
ขอเท็จจริงที่ไมไดยกขึ้นวากันมาแลวในชั้นสอบสวนของเจาพนักงานพิทักษทรัพยและ
ศาลลม ละลายกลาง ตอ งหา มตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนง่ึ ประกอบ พ.ร.บ. จดั ตง้ั
ศาลลม ละลายและวิธพี ิจารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
เจา หนท้ี ง้ั หลายไมว า จะเปน เจา หนต้ี ามคำพพิ ากษาหรอื เจา หนผ้ี เู ปน โจทกก ต็ าม
มีหนาที่ตองนำพยานหลักฐานมาแสดงตอเจาพนักงานพิทักษทรัพยในชั้นสอบสวนเพื่อ
พสิ จู นใ หเ หน็ วา มลู หนท้ี ย่ี น่ื คำขอรบั ชำระหนย้ี งั คงมอี ยจู รงิ กอ นวนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
๕๓
และลกู หนตี้ องรบั ผดิ ในหนดี้ งั กลา ว มใิ ชห นาท่ีเจา พนักงานพิทักษท รัพยทต่ี องเรียกพยาน
หลักฐานเกี่ยวกับการฟองคดีลมละลายของเจาหนี้หรือเรียกพยานเจาหนี้มาสอบสวน
เพิ่มเติมเพื่อพิสูจนวามูลหนี้ที่ขอรับชำระของเจาหนี้ยังไมขาดอายุความ แมปรากฏวา
พยานเอกสารทีส่ ง ไดแ ก สำเนาคำพิพากษาตามยอม สญั ญาประนีประนอมยอมความ
และบญั ชคี า ฤชาธรรมเนยี ม จะมตี ราประทบั หมายเอกสารของศาลลม ละลายกลางใน
คดลี มละลายทเี่ จาหนเ้ี คยฟองลกู หน้ีท่ี ๑ ปรากฏอยู แตก รณีจะถอื วา อายคุ วามบังคบั สทิ ธิ
เรียกรองของเจาหนส้ี ะดุดหยดุ ลงเพราะเหตเุ จาหน้ีไดฟ องคดลี ม ละลายนน้ั กต็ อ งมิใชเปน
เรื่องที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้นใหยกคำฟอง หรือคดีเสร็จไปโดยการจำหนายคดีเพราะ
เหตถุ อนฟอ ง หรอื ทง้ิ ฟอ ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๗ อนั ถอื วา อายคุ วามไมเ คยสะดดุ
หยดุ ลงดวย ซง่ึ ไมใ ชเ รอ่ื งท่ปี รากฏไดจากเอกสารดังกลา ว
______________________________
คดสี ืบเนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำส่งั พทิ ักษท รพั ยของลกู หนี้ (จำเลย) ทัง้ สอง
เดด็ ขาด เม่ือวนั ท่ี ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐
เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นมลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาตามยอมของศาลจงั หวดั นครปฐม
คดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๒๓๐๗/๒๕๓๙ เปน เงนิ ๑๓,๒๕๓,๗๘๒ บาท ในฐานะเจา หนไ้ี มม ปี ระกนั
จากกองทรพั ยสินของลกู หนท้ี ี่ ๑ ตามพระราชบญั ญตั ิลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมม ีผใู ดโตแยง คำขอรับชำระหน้ขี องเจาหน้ีรายนี้
เจาพนักงานพิทักษทรัพยยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้น ตาม
พระราชบญั ญัตลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) เดิม
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ตามความเห็นของ
เจา พนักงานพิทกั ษท รพั ย
เจา หน้อี ทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพเิ ศษแผนกคดีลมละลายวนิ ิจฉัยวา ขอ เทจ็ จรงิ รับฟงไดเ ปน ยตุ ิวา
ลูกหนี้ที่ ๑ เปนหนี้เจาหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพงหมายเลขแดงที่ ๒๓๐๗/๒๕๓๙ ของศาล
จังหวดั นครปฐม ซ่ึงพิพากษาตามยอมเมื่อวันท่ี ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๙ โดยลูกหน้ีที่ ๑ ตกลง
ชำระหน้แี กเจาหนใี้ หเสร็จสิ้นภายในเดอื นมิถุนายน ๒๕๔๐ ดวยการผอนชำระเปน รายเดอื น
เริ่มชำระงวดแรกภายในสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๔๐ แตลูกหนี้ที่ ๑ ผิดนัดชำระหนี้ตั้งแตงวดแรก
๕๔
เจาหนี้ไดนำยึดทรัพยหลักประกันออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้บางสวนแลว ลูกหนี้ที่ ๑
ยังคงเปน หนีค้ า งชำระเจาหนี้คดิ ถงึ วันพิทกั ษท รัพยเ ปน เงนิ ๑๓,๒๕๓,๗๘๒ บาท
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องเจา หนว้ี า หนต้ี ามคำพพิ ากษาทข่ี อรบั ชำระหน้ี
ขาดอายคุ วามหรอื ไม เหน็ วา หนต้ี ามคำพพิ ากษาทเ่ี จา หนน้ี ำมายน่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นคดนี เ้ี ปน
สทิ ธเิ รยี กรอ งทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยคำพพิ ากษาของศาลทถ่ี งึ ทส่ี ดุ มกี ำหนดอายคุ วาม ๑๐ ป ตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓๒ ในการสอบสวนคำขอรับชำระหนี้รายนี้ปรากฏใน
สำนวนคำขอรับชำระหนี้มีพยานหลักฐานที่พิสูจนถึงมูลหนี้ที่ขอรับชำระ ไดแก สำเนาคำฟอง
คำพพิ ากษาตามยอม สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ บญั ชคี า ฤชาธรรมเนยี ม บญั ชแี สดงรายการ
รบั จา ยเงนิ ในคดแี พง และบญั ชแี สดงภาระหนส้ี นิ เทา นน้ั ซง่ึ รบั ฟง ไดว า ลกู หนท้ี ่ี ๑ เปน หนเ้ี จา หน้ี
ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกลาวจริง เมื่อลูกหนี้ที่ ๑ ผิดนัดชำระหนี้ตามคำพิพากษาตามยอม
ตั้งแตงวดแรก เจาหนี้จึงอาจบังคับสิทธิเรียกรองตามคำพิพากษาตามยอมไดนับแตวันที่ ๑
กุมภาพันธ ๒๕๔๐ เปนตนไป เมื่อเจาหนี้นำมูลหนี้ดังกลาวมาขอรับชำระหนี้จากกองทรัพยสิน
ของลูกหนีท้ ี่ ๑ เมื่อวันท่ี ๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ จงึ พนกำหนดอายุความ ๑๐ ป ไมมสี ทิ ธิยืน่ คำขอรบั
ชำระหน้ีได
เจาหนี้ไมมีพยานหลักฐานในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ที่แสดงใหเห็นชัดเจนวาสิทธิ
เรยี กรอ งตามคำพพิ ากษาทข่ี อรบั ชำระหนน้ี น้ั เจา หนไ้ี ดฟ อ งลกู หนท้ี ่ี ๑ เปน คดลี ม ละลายไวก อ น
หนี้ดังกลาวขาดอายุความ อันเปนเหตุใหอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) แลว ทง้ั ผรู บั มอบอำนาจของเจา หนท้ี เ่ี ขา ใหถ อ ยคำตอ เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยใ นการสอบสวนคำขอรบั ชำระหนก้ี ไ็ มไ ดใ หก ารถงึ เรอ่ื งดงั กลา ว เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
จึงตองทำความเห็นไปตามพยานหลักฐานเทาที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนเจาหนี้เพิ่ง
กลาวอางมาในอุทธรณและแสดงพยานเอกสารที่ไดฟองลูกหนี้ที่ ๑ เปนคดีลมละลายมาทาย
อุทธรณ เปนการอางเขามาภายหลังจากที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดสอบสวนพยานหลักฐาน
เจา หนเ้ี สรจ็ สน้ิ และศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนต้ี ามพระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) เดิม แลว จึงเปน ขอเทจ็ จริงท่ีไมไ ดยกขนึ้ วากนั มาแลว
ในชั้นสอบสวนของเจาพนักงานพิทักษทรัพย และศาลลมละลายกลาง ตองหามตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลลมละลายและวธิ พี ิจารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
การขอรบั ชำระหนใ้ี นคดลี ม ละลาย เจา หนท้ี ง้ั หลายไมว า จะเปน เจา หนต้ี ามคำพพิ ากษา
หรอื เจา หนผ้ี เู ปน โจทกก ต็ าม มหี นา ทต่ี อ งนำพยานหลกั ฐานมาแสดงตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
๕๕
ในชน้ั สอบสวนเพอ่ื พสิ จู นใ หเ หน็ วา มลู หนท้ี ย่ี น่ื คำขอรบั ชำระหนย้ี งั คงมอี ยจู รงิ กอ นวนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั
พทิ กั ษท รพั ยแ ละลกู หนต้ี อ งรบั ผดิ ในหนด้ี งั กลา ว แมเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม อี ำนาจออกหมายเรยี ก
ใหเจาหนี้ ลูกหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนในเรื่องหนี้สิน แลวทำความเห็นสงสำนวนเรื่องหนี้สิน
ที่ขอรับชำระนั้นตอศาลตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๕ เดิม ก็ตาม
แตก ไ็ มใ ชห นา ทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยท ต่ี อ งเรยี กพยานหลกั ฐานเกย่ี วกบั การฟอ งคดลี ม ละลาย
ของเจาหนี้ในคดีหมายเลขดำที่ ล.๑๔๔/๒๕๕๐ หรือเรียกพยานเจาหนี้มาสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อ
พสิ จู นว า มลู หนท้ี ข่ี อรบั ชำระของเจา หนไ้ี มข าดอายคุ วาม ทง้ั ทเ่ี จา หนต้ี ดิ ใจอา งพยานหลกั ฐานและ
คำใหการผูรับมอบอำนาจเพียงเทาที่สงในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ แมปรากฏวาพยานเอกสาร
ทส่ี ง ไดแ กส ำเนาคำพพิ ากษาตามยอม สญั ญาประนปี ระนอมยอมความ และบญั ชคี า ฤชาธรรมเนยี ม
จะมตี ราประทบั หมายเอกสารของศาลลม ละลายกลางในคดลี ม ละลายทเ่ี จา หนเ้ี คยฟอ งลกู หนท้ี ่ี ๑
ปรากฏอยู แตกรณีจะถือวาอายุความบังคับสิทธิเรียกรองของเจาหนี้สะดุดหยุดลงเพราะเหตุ
เจา หนไ้ี ดฟ อ งคดลี ม ละลายนน้ั กต็ อ งมใิ ชเ ปน เรอ่ื งทม่ี คี ำพพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ นน้ั ใหย กคำฟอ ง หรอื คดี
เสรจ็ ไปโดยการจำหนา ยคดเี พราะเหตถุ อนฟอ ง หรอื ทง้ิ ฟอ งตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๑๙๓/๑๗ อนั ถอื วา อายคุ วามไมเ คยสะดดุ หยดุ ลงดว ย ซง่ึ ไมใ ชเ รอ่ื งทป่ี รากฏไดจ ากเอกสาร
ดังกลาว จึงเปนขอเท็จจริงที่เจาหนี้จะตองแสดงพยานหลักฐานตอเจาพนักงานพิทักษทรัพย
หรือขอสงเพิ่มเติมกอนเจาพนักงานพิทักษทรัพยเสร็จการสอบสวนเพื่อทำความเห็นสงสำนวน
คำขอรับชำระหนี้ตอศาล ดังนั้น ขอเท็จจริงจึงรับฟงไมไดวาหนี้ตามคำพิพากษาที่เจาหนี้ขอรับ
ชำระหนน้ี น้ั ไมข าดอายคุ วาม ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำขอรบั ชำระหนต้ี ามความเหน็ ของ
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นพองดวย อุทธรณของเจาหนี้
ฟงไมข ึ้น
พิพากษายนื คาฤชาธรรมเนยี มในช้นั นี้ใหเ ปน พบั .
(โชคชัย รุจนิ นิ นาท - วเิ ชียร วชริ ประทปี - องอาจ งามมีศร)ี
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
อดศิ ักดิ์ เทียนกริม - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงทส่ี ดุ
๕๖
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดชี ำนัญพิเศษที่ ๒๓๓๓/๒๕๖๐ โอเจเอม็ อาร โฮลด้งิ โจทก
ลิมิเตด็ เจา หน้ี
โอเจเอม็ อาร โฮลดง้ิ จำเลย
ลิมิเตด็
บริษทั พเี คเอน็ เอส
(ประเทศไทย) จำกดั
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕)
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๘
พ.ร.บ. จัดตงั้ ศาลลมละลายและวธิ พี จิ ารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
เจา หนจ้ี ดทะเบยี นเปน นติ บิ คุ คลและมสี ำนกั งานตง้ั อยทู ห่ี มเู กาะเคยแ มน จงึ เปน
เจา หนต้ี า งประเทศซง่ึ มภี มู ลิ ำเนาอยนู อกราชอาณาจกั รจะขอรบั ชำระหนใ้ี นคดลี ม ละลาย
ไดต อ เมอ่ื ไดป ฏบิ ตั ติ ามเงอ่ื นไขท่ี พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๘ กำหนดโดย
ตองพิสูจนวาเจาหนี้ในประเทศไทยก็มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีลมละลายตามกฎหมาย
และในศาลแหง ประเทศของตนไดใ นทำนองเดยี วกนั และตอ งแถลงวา ตนไดร บั หรอื มสี ทิ ธิ
จะไดร บั ทรพั ยส นิ หรอื สว นแบง จากทรพั ยส นิ ของลกู หนค้ี นเดยี วกนั นน้ั นอกราชอาณาจกั ร
เปนจำนวนเทาใดหรือไม และถามีตนยอมสงทรัพยสินหรือสวนแบงจากทรัพยสินของ
ลูกหนี้ดังกลาวแลวมารวมในกองทรัพยสินของลูกหนี้ในราชอาณาจักร เมื่อเจาหนี้เพียง
แตแถลงขอเท็จจริงและนำสงพยานเอกสารเกี่ยวกับมูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้เทานั้น โดย
มิไดปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกลาว เจาหนี้จึงไมมีสิทธิจะขอรับชำระหนี้ได ปญหาดังกลาว
เปนขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน แมไมมีคูความฝายใด
ยกขึ้นอุทธรณ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได ตาม ป.วิ.พ.
มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หน้ี (จำเลย) เดด็ ขาด
เม่อื วันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
๕๗
เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามสัญญาโอนสิทธิเรียกรองจากการกูยืมเงิน
สญั ญากยู มื เงนิ ดอกเบย้ี ระหวา งผดิ นดั และคา ฤชาธรรมเนยี ม รวม ๘,๑๑๑,๙๖๙,๒๒๘.๓๘ บาท
จากกองทรัพยสินของลูกหนี้ในฐานะเจาหนี้ไมมีประกัน ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมม ผี ูใ ดโตแ ยง คำขอรับชำระหนีข้ องเจา หน้ีรายนี้
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว มคี วามเหน็ วา มลู หนต้ี ามสญั ญาโอนสทิ ธเิ รยี กรอ ง
จากการกยู มื เงิน อนั ดบั ที่ ๑ และท่ี ๒ ลูกหนเ้ี ปน เพียงผูรบั โอนสิทธเิ รยี กรองในมลู หนก้ี ยู ืมเงนิ
ที่เจาหนี้มีตอบริษัทบีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด มิใชผูกูยืมเงินที่จะตองรับผิดชำระหนี้แก
เจา หน้ี มลู หนต้ี ามสญั ญาโอนสทิ ธเิ รยี กรอ ง และสญั ญากยู มื เงนิ อนั ดบั ท่ี ๓ ท่ี ๔ และท่ี ๕ เจา หน้ี
ไมไ ดน ำตน ฉบบั สญั ญากยู มื เงนิ และหลกั ฐานการรบั มอบเงนิ ตามสญั ญากยู มื เงนิ ดงั กลา วมาแสดง
ตอเจาพนักงานพิทักษทรัพย จึงรับฟงไมไดวาเจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้ และไมมีสิทธิไดรับ
ชำระมูลหน้ดี อกเบ้ียในอนั ดับท่ี ๖ ดว ย สวนคาธรรมเนยี มในชนั้ ฟองคดีลมละลายคดีนี้ เปน หน้ี
ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด เจาหนี้จึงไมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ เห็นควรให
ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๐๗ (๑) เดิม
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ตามความเห็นของ
เจา พนักงานพทิ ักษทรัพย
เจาหนอี้ ทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา คดีมีปญหาท่ตี องวินิจฉยั
ในเบื้องตนวา เจาหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ไดหรือไม เห็นวา เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยมี
นางสาวปะราลี เปน ผรู บั มอบอำนาจตามสำเนาหนงั สอื มอบอำนาจ (POWER OF ATTORNEY)
ในสำนวนคำขอรับชำระหนี้ของเจาพนักงานพิทักษทรัพย และนางสาวปะราลีมอบอำนาจชวง
ใหน ายศวิ าวธุ กบั นางสาวกานตส ดุ า เปน ผรู บั มอบอำนาจชว งมอี ำนาจยน่ื คำขอรบั ชำระหน้ี คำรอ ง
และเอกสาร รวมถงึ ใหถ อ ยคำตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ พอ่ื พสิ จู นห น้ี ตอ มานางสาวกานตส ดุ า
ยน่ื คำแถลงขอ เทจ็ จรงิ กบั นำสง พยานเอกสารประกอบการสอบสวนในเรอ่ื งหนส้ี นิ ตอ เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ย ซง่ึ ปรากฏวา เจา หนจ้ี ดทะเบยี นเปน นติ บิ คุ คลและมสี ำนกั งานตง้ั อยทู ห่ี มเู กาะเคยแ มน
เดมิ ชื่อ ฮทั ชสิ ัน เทเลคอมมวิ นเิ คชนั่ ส อนิ เตอรเนช่ันแนล (เคยแ มน) โฮลดงิ้ ส ลิมิเต็ด ตามสำเนา
หนังสือมอบอำนาจ (POWER OF ATTORNEY) และสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนจัดตั้ง
๕๘
บรษิ ทั (Certificate Of Incorporation) กบั สำเนาหนงั สอื รบั รองการจดทะเบยี นเปลย่ี นชอ่ื บรษิ ทั
(Certificate of Incorporation on Change of Name) เจาหนี้จึงเปนเจาหนี้ตางประเทศซึ่งมี
ภูมลิ ำเนาอยูนอกราชอาณาจกั รจะขอรบั ชำระหน้ีในคดลี ม ละลายไดตอเม่ือไดป ฏบิ ัตติ ามเงอ่ื นไข
ที่พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๘ กำหนด โดยตองพิสูจนวาเจาหนี้ใน
ประเทศไทยกม็ สี ทิ ธขิ อรบั ชำระหนใ้ี นคดลี ม ละลายตามกฎหมายและในศาลแหง ประเทศของตนได
ในทำนองเดียวกัน และเจาหนี้ตางประเทศดังกลาวตองแถลงวาตนไดรับหรือมีสิทธิจะไดรับ
ทรพั ยส นิ หรอื สว นแบง จากทรพั ยส นิ ของลกู หนค้ี นเดยี วกนั นน้ั นอกราชอาณาจกั รเปน จำนวนเทา ใด
หรือไม และถามี ตนยอมสงทรัพยสินหรือสวนแบงจากทรัพยสินของลูกหนี้ดังกลาวแลวมารวม
ในกองทรพั ยส นิ ของลกู หนใ้ี นราชอาณาจกั ร เมอ่ื เจา หนเ้ี พยี งแตแ ถลงขอ เทจ็ จรงิ และนำสง พยาน
เอกสารเกี่ยวกับมูลหนี้ที่ขอรับชำระหนี้เทานั้น โดยมิไดปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกลาว เจาหนี้จึง
ไมม สี ทิ ธขิ อรบั ชำระหนไ้ี ด ปญ หาดงั กลา วเปน ขอ กฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ยของ
ประชาชน แมไ มม คี คู วามฝา ยใดยกขน้ึ อทุ ธรณ ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษมอี ำนาจยกขน้ึ วนิ จิ ฉยั
เองได ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบพระราชบัญญัติ
จดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑ ทศ่ี าลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจาพนักงานพิทักษทรัพยนั้น ศาลอุทธรณ
คดีชำนัญพิเศษเห็นพองดวยในผล กรณีไมจำตองวินิจฉัยอุทธรณของเจาหนี้เพราะไมทำใหผล
แหง คดเี ปลี่ยนแปลง
พพิ ากษายืน คา ฤชาธรรมเนยี มในช้นั อุทธรณใ หเ ปน พบั .
(โชคชยั รจุ นิ นิ นาท - วิเชียร วชริ ประทปี - องอาจ งามมศี รี)
นราธปิ บุญญพนชิ - ยอ
วริ ตั น วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงท่สี ดุ
๕๙
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพิเศษที่ ๒๓๓๑/๒๕๖๑ ธนาคารอาคารสงเคราะห โจทก
ธนาคารอาคารสงเคราะห เจา หนี้
นางสาวชลิตาหรอื ชลิดาหรอื
ทรรศมล ถาวรเวช จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒), ๑๙๓/๑๕, ๑๙๓/๓๒
ป.ว.ิ พ. มาตรา มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑)
มูลหนี้ที่เจาหนี้นำมายื่นคำขอรับชำระหนี้เปนสิทธิเรียกรองที่เกิดขึ้นโดย
คำพิพากษาของศาลท่ถี ึงทสี่ ุด มกี ำหนดอายคุ วามสิบปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๒
โดยวันท่คี ำพิพากษาถงึ ท่ีสุดน้ันตอ งพิจารณาตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ทีบ่ ญั ญัติ
ใหคำพิพากษาหรือคำส่งั ใด ซ่งึ อาจอุทธรณ ฎีกาหรอื มีคำขอใหพิจารณาใหมไ ดน ้ัน ถามิได
อุทธรณ ฎกี าหรือรองขอใหพ ิจารณาคดีใหมภ ายในเวลาท่ีกำหนดไวใ หถ อื วา เปน ท่ีสุด
ตั้งแตระยะเวลาเชนวานั้นไดสิ้นสุดลง เมื่อตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา
ลกู หน้ีขาดนัดยืน่ คำใหก ารและไมปรากฏวาลกู หนีไ้ ดขอใหพ จิ ารณาคดใี หม การท่ีเจาหน้ี
นำคดีมาฟองขอใหล ูกหนล้ี มละลายเม่ือวันท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๕๓ ยอ มอยภู ายในกำหนด
อายคุ วามสบิ ปน บั แตว นั ทค่ี ำพพิ ากษาถงึ ทส่ี ดุ เจา หนม้ี สี ทิ ธนิ ำหนต้ี ามคำพพิ ากษาดงั กลา ว
มาฟอ งขอใหล กู หนล้ี ม ละลายได และมผี ลเทา กบั เปน การฟอ งคดเี พอ่ื ใหช ำระหนอ้ี ยา งหนง่ึ
ตามวธิ กี ารท่ี พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ บญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ ซง่ึ ทำใหอ ายคุ วามสะดดุ
หยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) และทำใหระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้น ไมนับ
เขาในอายุความตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคหนึ่ง ตองเริ่มนับอายุความใหมตั้งแตเหตุที่
ทำใหอายุความสะดุดหยุดลงไดสิ้นสุดไปแลวตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง ดังนั้น
คำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนซ้ี ง่ึ ยน่ื ตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ มอ่ื วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔
เปน การยน่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นระหวา งเวลาทอ่ี ายคุ วามสะดดุ หยดุ ลง กรณจี งึ ไมเ ปน การ
ตอ งหา มมใิ หไดร ับชำระหนีต้ าม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑)
_______________________________
๖๐
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เม่อื วันที่ ๑๕ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๔
เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นมลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาของศาลจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา คดแี พง
หมายเลขแดงที่ ๑๘๖๒/๒๕๔๓ จำนวน ๒,๕๙๒,๗๔๖.๐๑ บาท จากกองทรัพยสินของลูกหนี้
ในฐานะเจาหนี้ไมม ีประกันตามพระราชบญั ญัตลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมม ีผูใ ดโตแ ยง คำขอรบั ชำระหนีร้ ายน้ี
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว มคี วามเหน็ วา ศาลจงั หวดั ฉะเชงิ เทรามคี ำพพิ ากษา
เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๔๓ อายุความสิทธิเรียกรองดังกลาวจึงครบกำหนดสิบปในวันที่ ๑๓
กนั ยายน ๒๕๕๓ เจา หนย้ี น่ื ฟอ งคดนี ต้ี อ ศาลลม ละลายกลางเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๕๓ เปน การ
ยื่นฟองเมื่อพนกำหนดอายุความและไมมีผลทำใหอายุความสะดุดหยุดลง เจาหนี้ยื่นคำขอรับ
ชำระหนว้ี นั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ จงึ เปน การยน่ื คำขอรบั ชำระหนข้ี ณะทอ่ี ายคุ วามในการใชส ทิ ธิ
เรียกรองตามคำพิพากษาสิ้นสุดแลว หนี้ดังกลาวจึงขาดอายุความ ตองหามมิใหยื่นคำขอรับ
ชำระหนต้ี ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ เหน็ สมควรใหย กคำขอรบั ชำระหน้ี
ของเจา หน้ีเสยี ทงั้ ส้นิ ตามพระราชบัญญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) (เดมิ )
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนต้ี ามความเหน็ ของเจา พนกั งาน
พิทักษท รัพย
เจา หนอ้ี ุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี าํ นญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง เปน ยตุ วิ า ลกู หน้ี
เปน หนเ้ี จา หนต้ี ามคำพพิ ากษาของศาลจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา คดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๑๘๖๒/๒๕๔๓
ซง่ึ ศาลไดม คี ำพพิ ากษาเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๔๓ ใหล กู หนช้ี ำระเงนิ แก เจา หน้ี ๑,๔๕๔,๙๗๕.๒๕ บาท
พรอมดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๑๙ ตอป ของตนเงิน ๑,๒๒๐,๙๔๙.๓๖ บาท นับถัดจากวันฟอง
เปนตนไปจนกวาจะชำระเสร็จ หากลูกหนี้ไมชำระใหยึดที่ดินตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๕๓๕๗๙
ตำบลศีรษะกระบือ อำเภอองครักษ จังหวัดนครนายก พรอมสิ่งปลูกสรางออกขายทอดตลาด
นำเงนิ ชำระหนแ้ี กเ จา หน้ี หากไดเ งนิ ไมพ อใหย ดึ ทรพั ยส นิ อน่ื ของลกู หนอ้ี อกขายทอดตลาดนำเงนิ
ชำระหนเ้ี จา หนี้จนครบถวน กับใหใชคาฤชาธรรมเนียมแทนเจา หน้ีโดยกำหนดคาทนายความให
๒,๕๐๐ บาท ลูกหนี้มิไดชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจาหนี้นำเจาพนักงานบังคับคดียึดทรัพย
หลักประกันออกขายทอดตลาดเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ เจาหนี้เปนผูประมูลซื้อและ
หักสวนไดใชแทนราคาเปนเงิน ๑๑๘,๐๕๖ บาท คงเหลือหนี้จำนวน ๒,๔๖๗,๖๑๔.๖๙ บาท
๖๑
ตอมาวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ เจาหนี้นำมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกลาวมาฟองลูกหนี้เปน
คดีลมละลายคดีนี้ หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของลูกหนี้เด็ดขาด เจาหนี้นำมูลหนี้ตาม
คำพิพากษาดังกลาวมายื่นขอรับชำระหนี้จากกองทรัพยสินของลูกหนี้ คดีมีปญหาตองวินิจฉัย
ตามอทุ ธรณข องเจา หนว้ี า หนต้ี ามคำพพิ ากษาทเ่ี จา หนน้ี ำมายน่ื คำขอรบั ชำระหนข้ี าดอายคุ วาม
อนั ตอ งหา มมใิ หไ ดร บั ชำระหนต้ี ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑) หรอื ไม
เหน็ วา มลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาทเ่ี จา หนน้ี ำมายน่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี ปน สทิ ธเิ รยี กรอ งทเ่ี กดิ ขน้ึ โดย
คำพิพากษาของศาลที่ถึงที่สุด มีกำหนดอายุความสิบป ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๙๓/๓๒ และอายุความดังกลาวตองเริ่มนับแตวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งศาล
จงั หวดั ฉะเชงิ เทรามคี ำพพิ ากษาคดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๑๘๖๒/๒๕๔๓ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๔๓
วันที่คำพิพากษาถึงที่สุดนั้น ตองพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ที่บัญญัติใหคำพิพากษาหรือคำสั่งใด ซึ่งอาจอุทธรณ ฎีกา หรือมีคำขอ
ใหพ จิ ารณาใหมไ ดน น้ั ถา มไิ ดอ ทุ ธรณ ฎกี าหรอื รอ งขอใหพ จิ ารณาคดใี หมภ ายในเวลาทก่ี ำหนดไว
ใหถือวาเปนที่สุดตั้งแตระยะเวลาเชนวานั้นไดสิ้นสุดลง เมื่อตามคำพิพากษาของศาลจังหวัด
ฉะเชิงเทราลูกหนี้ขาดนัดยื่นคำใหการและไมปรากฏวาลูกหนี้ไดขอใหพิจารณาคดีใหม การที่
เจาหนี้นำคดีมาฟองขอใหลูกหนี้ลมละลายเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ ยอมอยูภายในกำหนด
อายุความสิบปนับแตวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด เจาหนี้มีสิทธินำหนี้ตามคำพิพากษาดังกลาว
มาฟองขอใหลูกหนี้ลมละลายได และมีผลเทากับเปนการฟองคดีเพื่อใหชำระหนี้อยางหนึ่งตาม
วิธีการที่พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ บัญญัติไวโดยเฉพาะ ซึ่งทำใหอายุความสะดุด
หยุดลงตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) และทำใหระยะเวลาที่ลวง
ไปกอ นนน้ั ไมน บั เขา ในอายคุ วามตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคหนง่ึ ตอ งเรม่ิ นบั อายคุ วามใหมต ง้ั แต
เหตุที่ทำใหอายุความสะดุดหยุดลงไดสิ้นสุดไปแลวตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ วรรคสอง ดังนั้นคำขอ
รบั ชำระหนข้ี องเจา หนซ้ี ง่ึ ยน่ื ตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ มอ่ื วนั ท่ี ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ เปน การ
ย่ืนคำขอรับชำระหนี้ในระหวา งเวลาที่อายุความสะดดุ หยดุ ลง เจาหน้ีจงึ มีสทิ ธิเรยี กรอ งใหล ูกหน้ี
ชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได กรณีจึงไมเปนการตองหามมิใหได
รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑) ที่ศาลลมละลายกลาง
มีคำส่ังใหย กคำขอรบั ชำระหนขี้ องเจาหน้ีเสียท้ังส้ินตามความเห็นของเจา พนักงานพทิ ักษท รพั ย
นัน้ ศาลอทุ ธรณค ดชี าํ นัญพิเศษไมเหน็ พอ งดว ย อุทธรณข องเจาหนฟ้ี ง ขน้ึ
สำหรับปญหาวาเจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้เพียงใดนั้น ศาล
อุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นสมควรวินิจฉัยปญหาดังกลาวไปทีเดียว โดยไมจำตองยอนสำนวน
๖๒
ไปใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยทำความเห็นและใหศาลลมละลายกลางมีคำสั่งอีก เห็นวา เมื่อ
ขอ เทจ็ จรงิ ตามสำนวนการสอบสวนของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ ดค วามวา หลงั จากศาลจงั หวดั
ฉะเชิงเทรามีคำพิพากษาดังกลาวแลว ลูกหนี้ไมชำระหนี้ตามคำพิพากษา เจาหนี้บังคับคดียึด
ทรัพยหลักประกันออกขายทอดตลาดในคดีดังกลาวเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๔๘ เจาหนี้
เปนผูประมูลซื้อและหักสวนไดใชแทนราคาเปนเงิน ๑๑๘,๐๕๖ บาท คงเหลือหนี้จำนวน
๒,๔๖๗,๖๑๔.๖๙ บาท ตามสำเนาบัญชีแสดงรายการรับ-จา ยเงินครง้ั ท่ี ๑ เจาหนีจ้ งึ มสี ิทธิไดร บั
ชำระหนต้ี ามยอดหนท้ี เ่ี หลอื จำนวน ๒,๔๖๗,๖๑๔.๖๙ บาท พรอ มดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๑๙ ตอ ป
ของตนเงิน ๑,๒๒๐,๙๔๙.๓๖ บาท นับแตวันขายทอดตลาดถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพย
ลกู หนเ้ี ดด็ ขาด แตท ง้ั นต้ี อ งไมเ กนิ จำนวนเงนิ ทเ่ี จา หนข้ี อรบั ชำระหนจ้ี ากกองทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี
พิพากษากลับ ใหเจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้จำนวน ๒,๔๖๗,๖๑๔.๖๙ บาท พรอม
ดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๑๙ ตอป ของตนเงิน ๑,๒๒๐,๙๔๙.๓๖ บาท นับแตวันขายทอดตลาด
(วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ ๒๕๔๘) ถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยลูกหนี้เด็ดขาด แตรวมแลวตอง
ไมเกิน ๒,๕๙๒,๗๔๖.๐๑ บาท ตามที่เจาหนี้ขอรับชำระหนี้จากกองทรัพยสินของลูกหนี้ ตาม
พระราชบัญญัตลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๗) คา ฤชาธรรมเนยี มในชนั้ นี้ใหเ ปนพบั .
(สิรพิ ร เปรมาสวัสด์ิ สรุ มณี - ณรงค กลนั่ วารินทร - เกียรติคุณ แมนเลขา)
รติมา ชยั สโุ รจน - ยอ
วริ ัตน วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ทส่ี ดุ
๖๓
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พิเศษท่ี ๒๘๙๕/๒๕๖๒ ธนาคารอาคารสงเคราะห โจทก
การไฟฟา นครหลวง เจา หนี้
นายแสวง มนัสสกุล จำเลย
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๗๑ (เดิม)
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๗)
ภายในกําหนดระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๑ (เดิม) เจาหนี้ไดดําเนินการ
บังคับคดีโดยยื่นคํารองขอเฉลี่ยทรัพยในคดีแพงและศาลมีคําสั่งอนุญาตแลว ซึ่งโจทก
ในคดแี พง ดังกลา วไดน าํ เจาพนักงานบงั คับคดยี ึดท่ีดนิ พรอมสิ่งปลูกสรางของลกู หนี้ ดงั น้ี
แมจะลวงเลยระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๑ (เดิม) แตไมปรากฏขอเท็จจริงวามีการ
ขายทอดตลาดทรัพยทย่ี ึดแลว ตองถอื วา ทรพั ยด ังกลา วอยใู นระหวางการบงั คบั คดขี าย
ทอดตลาดตามขน้ั ตอนการดาํ เนนิ การของเจา พนกั งานบงั คบั คดี เจา หนย้ี อ มมสี ทิ ธไิ ดร บั
ชําระหนี้โดยสวนเฉลี่ยจากเงินสุทธิที่ไดจากการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสราง
ซ่งึ เจาหนไี้ ดร ับอนุญาตใหเ ฉลย่ี ทรพั ยดงั กลา วได แมว า เจา หนี้จะนาํ มูลหน้ตี ามคําพพิ ากษา
มายื่นคําขอรับชําระหนี้เมื่อลวงเลยกําหนดอายุความ ๑๐ ป นับแตวันที่คําพิพากษาถึง
ที่สุดแลวก็ตาม แตสิทธิของเจาหนี้ในอันที่จะไดรับชําระหนี้โดยการเฉลี่ยทรัพยจากเงิน
สุทธิที่ไดจากการขายทอดตลาดทรัพยที่มีการดําเนินการบังคับคดีแลวยอมไดรับความ
คมุ ครอง เจา หนจ้ี งึ มสี ทิ ธไิ ดร บั ชาํ ระหนโ้ี ดยเฉลย่ี จากเงนิ สทุ ธทิ ไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาด
ทีด่ นิ พรอมสง่ิ ปลกู สรา งของลูกหนที้ ่ยี ึดไวใ นคดแี พงโดยเฉล่ียกบั เจาหนร้ี ายอนื่ หากขาย
ทอดตลาดแลว เจา หนไ้ี ดร บั ชาํ ระหนโ้ี ดยสว นเฉลย่ี นอ ยกวา จาํ นวนหนท้ี ค่ี า งชาํ ระ หนส้ี ว น
ทเ่ี กนิ นน้ั เจา หนไ้ี มม สี ทิ ธไิ ดร บั ชาํ ระหนอ้ี กี เนอ่ื งจากยน่ื คาํ ขอรบั ชาํ ระหนเ้ี กนิ กาํ หนดเวลา
บังคับคดีทีก่ ฎหมายกาํ หนดไว
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หน้ี (จำเลย) เดด็ ขาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๗ มถิ นุ ายน ๒๕๕๙
เจาหนี้เปนเจาหนี้รายที่ ๗๔ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาเปนเงิน
๘๑๑,๘๒๔.๙๖ บาท จากกองทรัพยสินของลูกหนี้ในฐานะเจาหนี้ไมมีประกันตามพระราชบัญญัติ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
๖๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ลูกหนี้โตแยงคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้รายนี้วา หนี้ตาม
คำพิพากษาพนกำหนดระยะเวลาบังคับคดตี ามกฎหมายแลว ขอใหยกคำขอรบั ชำระหนี้
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว ทำความเหน็ วา เหน็ ควรใหย กคำขอรบั ชำระหน้ี
ของเจาหนเ้ี สยี ทง้ั สิ้นตามพระราชบัญญตั ิลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) (เดิม)
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจาพนักงาน
พิทักษทรัพย
เจา หนี้อทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณคดีชำนัญพเิ ศษแผนกคดลี มละลายวินจิ ฉัยวา ขอเทจ็ จรงิ รับฟง ไดเ ปนยตุ วิ า
ลกู หนเ้ี ปน หนเ้ี จา หนต้ี ามคำพพิ ากษาของศาลแพง รวม ๒ คดี ไดแ ก คดหี มายเลขแดงท่ี ๑๐๖๖๖/๒๕๒๗
และคดีหมายเลขแดงที่ ๒๒๙๙๗/๒๕๒๙ หลงั จากศาลพพิ ากษาแลวลกู หนไ้ี มชำระหนี้ เจา หน้ี
จึงดำเนินการบังคับคดีโดยยื่นคำรองขอเฉลี่ยทรัพยในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๒๖๓/๒๕๒๘
ของศาลแพง และศาลมีคำสั่งอนุญาตแลว ซึ่งโจทกในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๒๖๓/๒๕๒๘ ของ
ศาลแพง ไดน ำเจา พนกั งานบงั คบั คดยี ดึ ทด่ี นิ ทต่ี ำบลคนั นายาว อำเภอบางกะป กรงุ เทพมหานคร
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งของลกู หน้ี รวม ๘๕ โฉนด เพอ่ื นำออกขายทอดตลาดชำระหน้ี ตอ มาเมอ่ื ศาล
มคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หนเ้ี ดด็ ขาด เจา หนจ้ี งึ นำมลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาดงั กลา วมายน่ื ขอรบั
ชำระหน้ตี อเจาพนักงานพิทักษท รัพยเม่ือวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
คดมี ีปญหาตอ งวินิจฉยั ตามอุทธรณของเจาหนว้ี า เจาหน้ีมสี ิทธไิ ดรับชำระหน้ีจากกอง
ทรัพยสินของลูกหนี้หรือไม เพียงใด เห็นวา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
มาตรา ๒๗๑ (เดมิ ) บญั ญตั ใิ หเ จา หนต้ี ามคำพพิ ากษาชอบทจ่ี ะรอ งขอใหบ งั คบั คดตี ามคำพพิ ากษา
หรือคำสั่งนั้นไดภ ายในสิบปน ับแตว นั มีคำพพิ ากษาหรือคำส่ัง โดยอาศยั และตามคำบังคับทอ่ี อก
ตามคำพพิ ากษาหรอื คำสั่งนน้ั ซ่ึงปรากฏวา ภายในกำหนดระยะเวลาดงั กลาว เจาหน้ไี ดด ำเนนิ การ
บงั คบั คดโี ดยยน่ื คำรอ งขอเฉลย่ี ทรพั ยใ นคดหี มายเลขแดงท่ี ๑๒๒๖๓/๒๕๒๘ ของศาลแพง และ
ศาลมคี ำสัง่ อนุญาตแลว ซึ่งโจทกในคดแี พงดังกลา วไดนำเจา พนักงานบังคับคดียดึ ท่ีดินของลกู หนี้
รวม ๘๕ โฉนด พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง ดงั น้ี แมจ ะลว งเลยระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณา
ความแพง มาตรา ๒๗๑ (เดมิ ) แตไมป รากฏขอเทจ็ จริงวา มีการขายทอดตลาดทรัพยทีย่ ึดแลว
ตอ งถอื วา ทรพั ยด งั กลา วยงั อยใู นระหวา งการบงั คบั คดขี ายทอดตลาดตามขน้ั ตอนการดำเนนิ การ
ของเจาพนักงานบงั คบั คดี เจา หน้ียอ มมีสิทธิไดร บั ชำระหนโี้ ดยสว นเฉล่ยี จากเงนิ สทุ ธิที่ไดจ าก
การขายทอดตลาดทด่ี นิ และสง่ิ ปลกู สรา งซง่ึ เจา หนไ้ี ดร บั อนญุ าตใหเ ฉลย่ี ทรพั ยด งั กลา วได ดงั นน้ั
๖๕
แมว า ศาลลม ละลายกลางจะมคี ำสง่ั พิทกั ษท รัพยข องลกู หน้ีเดด็ ขาด และเจา หน้นี ำมูลหนี้ตาม
คำพพิ ากษาทัง้ สองคดมี ายืน่ คำขอรบั ชำระหน้ีลวงเลยกำหนดอายคุ วาม ๑๐ ป นบั แตวนั ที่
คำพิพากษาถึงท่ีสุดแลวกต็ าม แตสทิ ธิของเจา หนใี้ นอันทจี่ ะไดร บั ชำระหนี้โดยการเฉล่ียทรพั ย
จากเงนิ สทุ ธทิ ไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาดทรพั ยท ม่ี กี ารดำเนนิ การบงั คบั คดแี ลว ยอ มไดร บั ความ
คุมครอง เจาหนีจ้ ึงมีสิทธทิ ่ีจะไดรับชำระหนีโ้ ดยสว นเฉลีย่ จากเงินสุทธิทีไ่ ดจากการขายทอดตลาด
ที่ดินพรอมสิ่งปลูกสรางของลูกหนี้ที่ยึดไวในคดีหมายเลขแดงที่ ๑๒๒๖๓/๒๕๒๘ ของศาลแพง
โดยเฉลี่ยกับเจาหนรี้ ายอ่นื หากขายทอดตลาดแลวเจาหนี้ไดร ับชำระหนีโ้ ดยสวนเฉลีย่ นอ ยกวา
จำนวนหนี้ที่คางชำระ หนี้สวนที่เกินนั้น เจาหนี้ไมมีสิทธิไดรับชำระหนี้อีกเนื่องจากยื่นคำขอรับ
ชำระหนเ้ี กนิ กำหนดระยะเวลาบงั คบั คดที ก่ี ฎหมายกำหนดไว ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย ก
คำขอรบั ชำระหนี้ตามความเห็นของเจา พนกั งานพทิ ักษทรัพยนั้น ศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษ
ไมเ หน็ พองดว ย อุทธรณข องเจาหนี้ฟง ขึน้
พิพากษากลับ ใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่
๑๐๖๖๖/๒๕๒๗ และคดีหมายเลขแดงที่ ๒๒๙๙๗/๒๕๒๙ ของศาลแพง จากเงินสุทธิที่ไดจาก
การขายทอดตลาดท่ดี นิ ของลูกหนี้ รวม ๘๕ โฉนด พรอมสิ่งปลูกสรา งที่เจา หนไี้ ดยื่นคำรองขอ
เฉลี่ยทรัพยในคดีหมายเลขแดงท่ี ๑๒๒๖๓/๒๕๒๘ ของศาลแพง โดยเฉลี่ยกบั เจา หน้ีรายอื่นใน
ฐานะเจาหนี้ไมมีประกันตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๗) แตทั้งนี้
ตอ งไมเ กนิ ๘๑๑,๘๒๔.๙๖ บาท ตามทีเ่ จาหนีข้ อมา คา ฤชาธรรมเนยี มชั้นอุทธรณใ หเปน พบั .
(อดิศักดิ์ ศรธนะรตั น - ปฏิกรณ คงพพิ ธิ - พูนศักดิ์ เข็มแซมเกษ)
รติมา ชยั สโุ รจน - ยอ
วิรตั น วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ที่สุด
๖๖
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนัญพเิ ศษที่ ๖๕๐๘/๒๕๖๒ บริษทั บริหารสนิ ทรพั ย
(ประชมุ ใหญ) สุขุมวทิ จำกัด โจทก
บรรษทั บริหารสินทรัพยไทย
โดยบรษิ ทั บริหารสินทรัพย
กรุงเทพพาณชิ ย จำกดั
(มหาชน) ผเู ขาสวมสทิ ธิ
เปน คคู วามแทน เจา หนี้
บรษิ ัทซัพพอรต ซสิ เต็มส
(ประเทศไทย) จำกัด
กับพวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๒๙, ๑๙๓/๓๐
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓), ๙๔ (๑)
แมสัญญากูเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งตองดวยลักษณะของสัญญาบัญชีเดินสะพัดจะ
ไมไดกำหนดเวลาชำระหนี้ไว แตสัญญาบัญชีเดินสะพัดเปนเอกเทศสัญญาที่มีลักษณะ
เฉพาะโดยสัญญาจะคงสภาพอยูตอไปไดจะตองมีการเดินสะพัดทางบัญชีอยางตอเนื่อง
และภายในเวลาอันสมควร เมื่อปรากฏวาวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๓๒ ลูกหนี้ที่ ๑ ทำสัญญา
กเู บิกเงนิ เกินบัญชกี บั ธนาคาร ก. เจา หนีเ้ ดิม วงเงินกู ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตอ มาวันท่ี ๑๘
มิถุนายน ๒๕๓๔ ลูกหนี้ที่ ๑ ขอลดวงเงินกูเหลือ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงสันนิษฐานไดวา
ในชวงเวลาดังกลาวลูกหนี้ที่ ๑ กับเจาหนี้เดิมยังมีการเดินสะพัดทางบัญชีตอกัน แตเมื่อ
เจา หนม้ี ไิ ดน ำสง รายการเคลอ่ื นไหวทางบญั ชกี ระแสรายวนั ของลกู หนท้ี ่ี ๑ ตอ เจา พนกั งาน
พิทักษทรัพย จึงไมปรากฏวาหลังจากมีการขอลดวงเงินกูแลว สัญญายังเดินสะพัดทาง
บญั ชตี อ กนั หรอื ไม เมอ่ื สญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี ขอ ๒ กำหนดใหล กู หนท้ี ่ี ๑ ชำระดอกเบย้ี
เปน รายเดอื นทกุ วนั สน้ิ สดุ ของเดอื น และขอ ๓ กำหนดวา หากมดี อกเบย้ี คา งชำระลกู หนท้ี ่ี ๑
ยอมตกลงใหเจาหนี้เดิมคิดดอกเบี้ยทบเขากับตนเงินเดือนละหนึ่งครั้ง ในระหวาง
วันที่ ๒๐ ถึงวันสิ้นเดือน จะเปนวันใดแลวแตความสะดวกของเจาหนี้เดิม เปนกรณีที่
คูสัญญากำหนดใหมีการหักทอนบัญชีกันทุกเดือน จึงถือวาวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๔
๖๗
อันเปนวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการขอลดวงเงินกูเปนวันหักทอนบัญชีครั้งสุดทาย
หลังจากนั้นไมมีหลักฐานการเดินสะพัดทางบัญชีตอกันอีก ถือวาสัญญาบัญชีเดินสะพัด
เลกิ กนั โดยปรยิ ายในวนั ดงั กลา ว สทิ ธเิ รยี กรอ งของเจา หนต้ี ามสญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี
จงึ เกดิ ขน้ึ นบั แตว นั ท่ี ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๔ และกฎหมายมไิ ดก ำหนดอายคุ วามของสญั ญา
บัญชีเดินสะพัดไวจึงมีกำหนดอายุความ ๑๐ ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐ เจาหนี้ยื่น
คำขอรับชำระหนี้ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ พนกำหนด ๑๐ ป หนี้ดังกลาวยอม
ขาดอายคุ วามแลว
กระบวนพจิ ารณาคดลี ม ละลายในชน้ั ยน่ื คำขอรบั ชำระหน้ี ลกู หนไ้ี มจ ำตอ งใหก าร
ตอสูคดีเชนคดีแพงสามัญ ทั้ง พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓) ใหอำนาจ
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ตผ เู ดยี วฟอ งรอ งหรอื ตอ สคู ดใี ด ๆ เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี
เจาพนักงานพิทักษทรัพยจึงมีอำนาจที่จะอางเอาอายุความมาเปนมูลทำความเห็น
ยกคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนไ้ี ด ซง่ึ หนท้ี ข่ี าดอายคุ วามถอื เปน หนท้ี จ่ี ะฟอ งรอ งใหบ งั คบั คดี
ไมได ตองหามมิใหขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๔ (๑) กรณีไมอาจนำบทบัญญัติตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๒๙ มาใชบ ังคบั ในคดลี มละลายได
______________________________
คดีสบื เนอ่ื งมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสง่ั พทิ ักษทรพั ยข องลูกหนี้ (จำเลย) ทัง้ สอง
เดด็ ขาด เมือ่ วนั ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๒
เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นมลู หนก้ี เู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี หนก้ี ยู มื เงนิ โดยออกตว๋ั สญั ญา
ใชเ งนิ และหนอ้ี าวลั หรอื รบั รองตว๋ั แลกเงนิ เปน เงนิ ๗,๙๒๑,๓๖๒,๘๖๓.๕๗ บาท จากกองทรพั ยส นิ
ของลูกหนี้ที่ ๑ในฐานะเจาหนี้ไมมีประกัน ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมมีผูใดโตแ ยงคำขอรบั ชำระหน้ีของเจา หนร้ี ายน้ี
เจาพนักงานพิทักษทรัพยสอบสวนแลวทำความเห็นวา ลูกหนี้ที่ ๑ เปนหนี้ธนาคาร
กรงุ เทพฯ เจา หนเ้ี ดมิ ในมลู หน้ี ๓ อนั ดบั สำหรบั มลู หนอ้ี นั ดบั ๑ หนก้ี เู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี มลี กั ษณะ
เปน สญั ญาบญั ชเี ดนิ สะพดั ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๘๕๖ เจา หนม้ี ไิ ดน ำสง
รายการเคลื่อนไหวทางบัญชีกระแสรายวันของลูกหนี้ที่ ๑ ตอเจาพนักงานพิทักษทรัพย คงนำสง
เพียงรายการคำนวณภาระหนี้นับแตวันที่เจาหนี้ไดรับโอนหนี้มาเทานั้น จึงไมอาจทราบไดวา
ลกู หนท้ี ่ี ๑ ชำระหนค้ี รง้ั สดุ ทา ยวนั ใดและเจา หนเ้ี ดมิ หกั ทอนบญั ชเี มอ่ื ใด สญั ญาเบกิ เงนิ เกนิ บญั ชี
๖๘
ระบวุ า เจา หนจ้ี ะคำนวณดอกเบย้ี ทกุ วนั สน้ิ เดอื น จงึ อาจถอื ไดว า ลกู หนท้ี ่ี ๑ ผดิ นดั ชำระหนน้ี บั แต
วันหักทอนบัญชีงวดแรก คือ วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๒ เปนตนไป เจาหนี้ยอมบังคับตามสิทธิ
เรียกรองใหลูกหนท้ี ี่ ๑ ชำระหนไ้ี ดนบั แตวันที่ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๒ และจะครบกำหนด ๑๐ ป
ในวนั ท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒ เมอ่ื เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนว้ี นั ท่ี ๒๒ ธนั วาคม ๒๕๕๒ จงึ ลว งพน
ระยะเวลา ๑๐ ป หนี้ดังกลาวขาดอายุความแลว มูลหนี้อันดับ ๒ หนี้กูยืมเงินโดยออกตั๋วสัญญา
ใชเงิน ลูกหนี้ที่ ๑ ทำหนังสือขอรับเงินกูไวเปนหลักฐานการกูยืมเงินและออกตั๋วสัญญาใชเงิน
ตามจำนวนเงินกูพรอมดอกเบี้ยตามวันครบกำหนด จึงเปนตั๋วสัญญาใชเงินที่ถึงกำหนดใชเงิน
ตามวันที่กำหนดไวในตั๋ว ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๙๑๓ (๑) ประกอบ
มาตรา ๙๘๕ วรรคหนึ่ง เมื่อลูกหนี้ที่ ๑ ไมชำระหนี้ตามกำหนด เจาหนี้ตองใชสิทธิเรียกรอง
ภายใน ๑๐ ป นบั แตว นั ทต่ี ว๋ั สญั ญาใชเ งนิ แตล ะฉบบั ถงึ กำหนดชำระ เมอ่ื นบั ถงึ วนั ทเ่ี จา หนย้ี น่ื คำ
ขอรับชำระหนี้ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ พนกำหนด ๑๐ ป หนี้ทั้งหมดดังกลาวยอมขาด
อายุความแลว มูลหนี้อันดับ ๓ หนี้อาวัลหรือรับรองตั๋วแลกเงิน เจาหนี้ตองใชสิทธิเรียกรอง
ภายใน ๑๐ ป นับแตวันที่ตั๋วแลกเงินแตละฉบับถึงกำหนดชำระ เมื่อนับถึงวันที่เจาหนี้ยื่นคำขอ
รับชำระหนี้ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ พนกำหนด ๑๐ ป หนี้ทั้งหมดดังกลาวยอม
ขาดอายุความแลวเชนเดียวกัน จึงเห็นควรใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้น
ตามพระราชบญั ญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) (เดมิ )
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ตามความเห็นของ
เจา พนกั งานพิทกั ษทรัพย
เจา หนีอ้ ทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงเบื้องตนรับฟง
เปนยุติวา เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ ๓ อันดับ ไดแก
หนี้กเู บกิ เงนิ เกินบญั ชี หน้ีกยู ืมเงินโดยออกตั๋วสัญญาใชเ งนิ และหนอ้ี าวลั หรอื รบั รองตั๋วแลกเงิน
รวมเปน เงนิ ๗,๙๒๑,๓๖๒,๘๖๓.๕๗ บาท จากกองทรพั ยส นิ ของลกู หนท้ี ่ี ๑ ในฐานะเจา หนไ้ี มม ี
ประกนั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวน
แลวทำความเห็นวาหนี้ทั้งหมดดังกลาวขาดอายุความแลว เห็นควรใหยกคำขอรับชำระหนี้ของ
เจา หนเ้ี สยี ทง้ั สน้ิ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนต้ี ามความเหน็ ของ
เจาพนกั งานพทิ กั ษทรพั ย
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องเจา หนป้ี ระการแรกวา มลู หนต้ี ามสญั ญากเู บกิ เงนิ
เกินบัญชีขาดอายุความแลวหรือไม ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษโดยมติที่ประชุมใหญเห็นวา
๖๙
แมสญั ญากูเบกิ เงนิ เกินบัญชซี ่งึ ตองดว ยลักษณะของสัญญาบัญชีเดนิ สะพดั จะไมไดก ำหนดเวลา
ชำระหนี้ไว แตสัญญาบัญชีเดินสะพัดเปนเอกเทศสัญญาที่มีลักษณะเฉพาะ โดยสัญญาจะคง
สภาพอยูตอไปไดจะตองมีการเดินสะพัดทางบัญชีอยางตอเนื่องและภายในเวลาอันสมควร เมื่อ
ปรากฏวา วนั ท่ี ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๓๒ ลกู หนท้ี ่ี ๑ ทำสญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชกี บั ธนาคารกรงุ เทพฯ
พาณชิ ยก าร จำกดั เจา หนเ้ี ดมิ วงเงนิ กู ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามสญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี ตอ มา
วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๔ ลูกหนี้ที่ ๑ ขอลดวงเงินกูเหลือ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามบันทึก
ขอ ตกลงแกไ ขสญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี ครง้ั ทห่ี นง่ึ จงึ สนั นษิ ฐานไดว า ในชว งเวลาดงั กลา วลกู หน้ี
ท่ี ๑ กบั เจา หนเ้ี ดมิ ยงั มกี ารเดนิ สะพดั ทางบญั ชตี อ กนั แตเ มอ่ื เจา หนม้ี ไิ ดน ำสง รายการเคลอ่ื นไหว
ทางบัญชีกระแสรายวันของลูกหนี้ที่ ๑ ตอเจาพนักงานพิทักษทรัพย จึงไมปรากฏวาหลังจากมี
การขอลดวงเงนิ กแู ลว คสู ญั ญายงั เดนิ สะพดั ทางบญั ชตี อ กนั หรอื ไม เมอ่ื สญั ญากเู บกิ เงนิ เกนิ บญั ชี
ขอ ๒ กำหนดใหล กู หนท้ี ่ี ๑ ชำระดอกเบย้ี เปน รายเดอื น ทกุ วนั สน้ิ สดุ ของเดอื น และขอ ๓ กำหนด
วา หากมดี อกเบย้ี คา งชำระลกู หนท้ี ่ี ๑ ยอมตกลงใหเ จา หนเ้ี ดมิ คดิ ดอกเบย้ี ทบเขา กบั ตน เงนิ เดอื นละ
หนง่ึ ครง้ั ในระหวา งวนั ท่ี ๒๐ ถงึ วนั สน้ิ เดอื น จะเปน วนั ใดแลว แตค วามสะดวกของเจา หนเ้ี ดมิ เปน
กรณีที่คูสัญญากำหนดใหมีการหักทอนบัญชีกันทุกเดือน จึงถือวาวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๔
อันเปนวันสิ้นเดือนของเดือนที่มีการขอลดวงเงินกูเปนวันหักทอนบัญชีครั้งสุดทาย หลังจากนั้น
ไมม หี ลกั ฐานการเดนิ สะพดั ทางบญั ชตี อ กนั อกี ถอื วา สญั ญาบญั ชเี ดนิ สะพดั เลกิ กนั โดยปรยิ ายใน
วันดังกลาว สิทธิเรียกรองของเจาหนี้ตามสัญญากูเบิกเงินเกินบัญชีจึงเกิดขึ้นนับแตวันที่ ๑
กรกฎาคม ๒๕๓๔ และกฎหมายมไิ ดก ำหนดอายคุ วามของสญั ญาบญั ชเี ดนิ สะพดั ไว จงึ มกี ำหนด
อายุความ ๑๐ ป ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓๐ เจาหนี้ยื่นคำขอรับ
ชำระหนี้ในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ พนกำหนด ๑๐ ป หนี้ดังกลาวยอมขาดอายุความแลว
ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ในมูลหนี้กูเบิกเงินเกินบัญชี
เพราะขาดอายคุ วามตามความเหน็ ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยน น้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
เห็นพองดวยในผล อทุ ธรณข องเจา หน้ีขอน้ีฟงไมขนึ้
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องเจา หนป้ี ระการตอ ไปวา เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
มอี ำนาจยกเรอ่ื งอายคุ วามมาเปน เหตทุ ำความเหน็ เสนอศาลใหม คี ำสง่ั ยกคำขอรบั ชำระหนไ้ี ดห รอื ไม
เจา หนอ้ี ทุ ธรณท ำนองวา แมห นข้ี องเจา หนจ้ี ะขาดอายคุ วามกไ็ มต อ งหา มมใิ หข อรบั ชำระหนต้ี าม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑) อีกทั้งลูกหนี้ที่ ๑ ไมไดใหการตอสูเรื่อง
อายุความ เจาพนักงานพิทักษทรัพยไมมีอำนาจยกเรื่องอายุความมาเปนเหตุทำความเห็นเสนอ
ศาลใหมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ได เห็นวา กระบวนพิจารณาคดีลมละลายในชั้นยื่นคำขอรับ
๗๐
ชำระหน้ี ลกู หนไ้ี มจ ำตอ งใหก ารตอ สคู ดเี ชน คดแี พง สามญั ทง้ั พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๒๒ (๓) ใหอ ำนาจเจา พนักงานพทิ ักษท รัพยแตผเู ดียวฟอ งรอ งหรือตอสูคดีใด ๆ เกีย่ วกบั
ทรัพยสินของลูกหนี้ เจาพนักงานพิทักษทรัพยจึงมีอำนาจที่จะอางเอาอายุความมาเปนมูลทำ
ความเห็นยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ได ซึ่งหนี้ที่ขาดอายุความถือเปนหนี้ที่จะฟองรองให
บังคับคดีไมได ตองหามมิใหขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๔ (๑) กรณีไมอาจนำบทบัญญัติตาม
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๒๙ ซึ่งบัญญัติวา “เมื่อไมไดยกอายุความขึ้น
เปนขอตอสู ศาลจะอางเอาอายุความมาเปนเหตุยกฟองไมได” มาใชบังคับในคดีลมละลายได
ทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยท ำความเหน็ วา หนท้ี เ่ี จา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนท้ี ง้ั หมดขาดอายคุ วาม
และศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนต้ี ามความเหน็ ของเจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยน ัน้ ชอบแลว อทุ ธรณข องเจาหน้ลี ว นฟงไมข ึน้
พิพากษายนื คา ฤชาธรรมเนียมในชัน้ น้ใี หเปนพับ.
(อดิศกั ดิ์ ศรธนะรตั น - ปฏิกรณ คงพิพธิ - พูนศักดิ์ เข็มแซมเกษ)
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
วริ ัตน วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถึงที่สดุ
๗๑
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษท่ี ๔๖๙/๒๕๖๓ บริษัทบรหิ ารสนิ ทรัพย
กรงุ เทพพาณชิ ย จำกดั โจทก
ธนาคารธนชาต จำกดั (มหาชน)
โดยบริษทั บริหารสนิ ทรพั ย
กรุงเทพพาณชิ ย จำกดั (มหาชน)
ผเู ขาสวมสทิ ธิ
เปนคูค วามแทน เจา หน้ี
บริษัทสตารบล็อค กรปุ จำกดั
(มหาชน) กบั พวก จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนง่ึ , ๙๐/๗๐ วรรคสอง, ๙๐/๗๕
กอนคดีนี้ ศาลลมละลายกลางเคยมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่ ๑ ในคดี
หมายเลขแดงที่ ๕๗๔/๒๕๔๓ เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีดังกลาว ศาลมีคำสั่ง
เห็นชอบตามแผนฟนฟูกิจการและเจาหนี้ไดรับชำระหนี้บางสวนแลว แผนฟนฟูกิจการ
ที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดังกลาวจึงผูกมัดเจาหนี้ดวยตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง เมื่อตอมาศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่ ๑
ตามมาตรา ๙๐/๗๐ วรรคสอง ลูกหนี้ที่ ๑ จะยังตองรับผิดในหนี้ที่เจาหนี้ยื่นคำขอรับ
ชำระหนีไ้ วใ นคดีฟนฟกู ิจการเพียงใดยอ มเปน ไปตามมาตรา ๙๐/๗๕ ทีบ่ ัญญตั ิวา “คำสัง่
ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การมผี ลใหล กู หนห้ี ลดุ พน จากหนท้ี ง้ั ปวงซง่ึ อาจขอรบั ชำระหนใ้ี นการ
ฟนฟูกิจการได เวนแตหนี้ซึ่งเจาหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการจะไดขอรับ
ชำระหนไ้ี วแ ลว ...” เชน นก้ี ารยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การจงึ มผี ลใหล กู หนท้ี ่ี ๑ คงรบั ผดิ ชำระหน้ี
ตามทก่ี ำหนดไวใ นแผนฟน ฟกู จิ การและชำระหนส้ี ว นทข่ี าดอยไู มค รบถว นตามแผนตอ ไป
เทานั้น เจาหนี้จึงมีสิทธิเรียกรองเฉพาะใหลูกหนี้ที่ ๑ ชำระเงินจำนวนดังกลาว มิใชสวน
ทขี่ าดอยูจากจำนวนท่ีเจาพนักงานพทิ ักษทรพั ยม คี ำส่งั อนญุ าตใหไ ดร บั ชำระหนี้
_____________________________
๗๒
คดีสบื เนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำส่ังพทิ กั ษทรพั ยของลกู หนี้ (จำเลย) ทัง้ สอง
เดด็ ขาด เมอ่ื วนั ท่ี ๓๐ มนี าคม ๒๕๕๒ และมคี ำพพิ ากษาใหล กู หนท้ี ง้ั สองลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๓๑
พฤษภาคม ๒๕๕๔
เจาหนี้ซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๑๖ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาเปนเงิน
รวม ๖๓๕,๘๙๘,๘๗๗.๓๖ บาท จากกองทรัพยสินของลูกหนี้ที่ ๑ ในฐานะเจาหนี้ไมมีประกัน
ตามพระราชบญั ญตั ลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมมผี ใู ดโตแ ยงคำขอรับชำระหนข้ี องเจาหนรี้ ายน้ี
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว ทำความเหน็ วา เจา หนม้ี สี ทิ ธเิ รยี กรอ งใหล กู หน้ี
ท่ี ๑ ชำระหนต้ี ามคำพพิ ากษา รวมเงนิ ตน และดอกเบย้ี คดิ ถงึ วนั พทิ กั ษท รพั ยก บั คา ฤชาธรรมเนยี ม
และคา ทนายความ เปน เงนิ ๗๕๖,๗๐๕,๕๔๘.๖๓ บาท แตเ จา หนข้ี อมา ๖๓๕,๘๙๘,๘๗๗.๓๖ บาท
สว นคา เบย้ี ประกนั ภยั พยานหลกั ฐานไมเ พยี งพอใหร บั ฟง จงึ ตอ งหา มมใิ หข อรบั ชำระหน้ี เหน็ ควร
ใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพงกรุงเทพใต คดีหมายเลขแดง
ท่ี ๒๑๔๒/๒๕๔๓ เปน เงนิ ๖๓๕,๘๙๘,๘๗๗.๓๖ บาท จากกองทรพั ยส นิ ของลกู หนท้ี ่ี ๑ ในฐานะ
เจาหนี้ไมมีประกัน ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ โดยใหไดรับชำระ
โดยสว นเฉลย่ี อยา งเจา หนส้ี ามญั ตามมาตรา ๑๓๐ (๗) โดยมเี งอ่ื นไขวา หากเจา หนไ้ี ดร บั ชำระหนจ้ี าก
นายสุเทพ หรือ นายโสวัฒน และ/หรือ บริษัทเอสจี สตาร พร็อพเพอรตี้ส จำกัด จำเลยรวมใน
คดแี พง และ/หรอื หากไดร บั ชำระหนจ้ี ากการบงั คบั จำนองกบั ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๓๙๗๗๖, ๓๙๗๗๗
ตำบลชองนนทรีย, ชองนนทรีย (คลองเตย) อำเภอยานนาวา (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง กรรมสทิ ธข์ิ องลกู หนท้ี ่ี ๑ และ/หรอื ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๒๓๘๙๒๔ ตำบลพระโขนง
(ที่ ๑๑ พระโขนงฝงเหนือ) อำเภอคลองเตย (พระโขนง) กรุงเทพมหานคร พรอมสิ่งปลูกสราง
กรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ที่ ๑ และ/หรือ ที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๙๓๗๕ ตำบลไรสม อำเภอเมืองเพชรบุรี
จังหวัดเพชรบุรี พรอมสิ่งปลูกสราง กรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ที่ ๑ แลวเพียงใด ใหสิทธิของเจาหนี้ที่
จะไดรับชำระหนใ้ี นคดนี ้ลี ดลงเพียงน้นั
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั อนญุ าตใหเ จา หนไ้ี ดร บั ชำระหนต้ี ามความเหน็ ของเจา พนกั งาน
พิทักษท รัพย
เจาหน้อี ทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดเ ปน ยตุ วิ า
ลูกหนี้ที่ ๑ เปนหนี้บริษัทเงินทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เจาหนี้เดิม ตามคำพิพากษาตามยอม
๗๓
ของศาลแพง กรงุ เทพใต คดหี มายเลขแดงท่ี ๒๑๔๒/๒๕๔๓ ซง่ึ ไดพ พิ ากษาเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ มนี าคม ๒๕๔๓
หลังจากนั้นธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เจาหนี้ ขอเขาสวมสิทธิแทนเจาหนี้เดิมและ
ศาลไดมีคำสั่งอนุญาตใหสวมสิทธิแลว ตอมาบริษัทบริหารสินทรัพย กรุงเทพพาณิชย จำกัด
(มหาชน) ไดร บั ซอ้ื และรบั โอนสนิ ทรพั ยด อ ยคณุ ภาพตลอดจนหลกั ประกนั ทกุ ประเภทจากเจา หน้ี
และขอสวมสทิ ธแิ ทนธนาคารธนชาต จำกดั (มหาชน) เจา หนร้ี ายท่ี ๑๖ ตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
คดีมีปญหาวา เจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้คดีนี้เพียงใด เห็นวา ขอเท็จจริงตามอุทธรณ
ของเจาหนี้ไดความวา กอนคดีนี้ ศาลลมละลายกลางเคยมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่ ๑
ในคดหี มายเลขแดงท่ี ๕๗๔/๒๕๔๓ และมคี ำสง่ั เหน็ ชอบตามแผนฟน ฟกู จิ การ เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั
ชำระหนใ้ี นคดดี งั กลา วและไดร บั ชำระหนแ้ี ลว บางสว นดว ยการรบั โอนทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๓๙๗๗๖,
๓๙๗๗๗ ตำบลชอ งนนทรยี , ชอ งนนทรยี (คลองเตย) อำเภอยานนาวา (พระโขนง) กรงุ เทพมหานคร
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๒๓๘๙๒๔ ตำบลพระโขนง (ท่ี ๑๑ พระโขนงฝง เหนอื ) อำเภอ
คลองเตย (พระโขนง) กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง และทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๒๙๓๗๕ ตำบล
ไรสม อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี พรอมสิ่งปลูกสราง อันเปนกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ที่ ๑
เปนการชำระหนี้จำนองเปนเงิน ๕๘,๑๘๙,๐๐๐ บาท และไดรับชำระหนี้ในคดีฟนฟูกิจการเปน
เงินอีก ๔๐,๘๘๕.๘๘ บาท รวมเปนเงิน ๕๘,๒๒๙,๘๘๕.๘๘ บาท เพื่อการชำระหนี้เงินตนตาม
เงื่อนไขในแผนฟนฟูกิจการ ตอมาศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการ อันเปน
ขอ เท็จจรงิ ทไี่ มม ปี รากฏในชนั้ สอบสวนคำขอรบั ชำระหนค้ี ดนี ี้ ซงึ่ เปนสาระสำคญั แกคดี เปน เหตุ
ใหก ารคดิ คำนวณยอดหนท้ี เ่ี จา หนม้ี สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระและการเสนอความเหน็ ตอ ศาลของเจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยคลาดเคลื่อนไป จึงเปนกรณีสมควรที่ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษจะวินิจฉัยเพื่อให
การพจิ ารณาคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนเ้ี ปน ไปโดยถกู ตอ งและเพอ่ื ประโยชนแ หง ความยตุ ธิ รรม
เพราะมผี ลกระทบตอ สว นไดเ สยี ของเจา หนท้ี ง้ั ปวง รวมทง้ั ลกู หนท้ี ไ่ี มค วรรบั ผดิ เกนิ กวา หนท้ี ต่ี อ ง
ชำระ เมอ่ื ขอ เทจ็ จรงิ ไดค วามตามอทุ ธรณข องเจา หนแ้ี ละคำแกอ ทุ ธรณข องเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
วา กอนคดีนี้ ศาลลมละลายกลางเคยมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่ ๑ ในคดีหมายเลขแดง
ที่ ๕๗๔/๒๕๔๓เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีดังกลาว ศาลมีคำสั่งเห็นชอบตามแผนฟนฟู
กิจการและเจาหนี้ไดรับชำระหนี้บางสวนแลว แผนฟนฟูกิจการที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดังกลาว
จึงผูกมัดเจาหนี้ดวยตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง เมื่อ
ตอ มาศาลมคี ำสง่ั ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การของลกู หนท้ี ่ี ๑ ตามมาตรา ๙๐/๗๐ วรรคสอง ลกู หนท้ี ่ี ๑
จะยังตองรับผิดในหนี้ที่เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไวในคดีฟนฟูกิจการเพียงใดยอมเปนไปตาม
มาตรา ๙๐/๗๕ ที่บัญญัติวา "คำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการมีผลใหลูกหนี้หลุดพนจากหนี้ทั้งปวง
๗๔
ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการได เวนแตหนี้ซึ่งเจาหนี้อาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟู
กิจการจะไดขอรับชำระหนี้ไวแลว..." เชนนี้การยกเลิกการฟนฟูกิจการจึงมีผลใหลูกหนี้ที่ ๑
คงรบั ผดิ ชำระหนต้ี ามทก่ี ำหนดไวใ นแผนฟน ฟกู จิ การและชำระหนส้ี ว นทข่ี าดอยไู มค รบถว นตามแผน
ตอไปเทานั้น เจาหนี้จึงมีสิทธิเรียกรองเฉพาะใหลูกหนี้ที่ ๑ ชำระเงินจำนวนดังกลาว มิใชสวนที่
ขาดอยูจากจำนวนที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งอนุญาตใหไดรับชำระหนี้ เมื่อขอเท็จจริง
จากการสอบสวนในเรื่องหนี้สินของเจาพนักงานพิทักษทรัพยยังไมปรากฏวาเจาหนี้มีสิทธิไดรับ
ชำระหนต้ี ามทก่ี ำหนดในแผนฟน ฟกู จิ การเทา ไร และลกู หนท้ี ่ี ๑ ยงั ชำระหนไ้ี มค รบถว นตามแผน
ฟนฟูกิจการเพียงใด จึงยังไมอาจพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ไดชอบที่เจาพนักงาน
พทิ กั ษท รพั ยจ ะตอ งสอบสวนคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนใ้ี หมแ ละดำเนนิ การตามกฎหมายตอ ไป
พพิ ากษายกคำสง่ั ของศาลลม ละลายกลาง ใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนคำขอ
รับชำระหนี้ของเจาหนี้และทำความเห็นเสนอศาลลมละลายกลางเพื่อมีคำสั่งใหมตอไป คาฤชา
ธรรมเนยี มในชน้ั นใ้ี หเ ปนพับ.
(โชคชยั รุจินนิ นาท - วิเชยี ร วชริ ประทปี - องอาจ งามมศี รี)
สรายุทธ เตชะวุฒพิ นั ธุ - ยอ
วริ ตั น วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ทีส่ ดุ
๗๕
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษท่ี ๑๓๖๕/๒๕๖๓ ธนาคารกรุงไทย โจทก
จำกดั (มหาชน) เจา หน้ี
ธนาคารกรงุ ไทย จำเลย
จำกัด (มหาชน)
นายชาลี บญุ วานิช
กบั พวก
ป.พ.พ. มาตรา ๗๔๗, ๗๔๙
การจำนำตาม ป.พ.พ. มาตรา ๗๔๗ ตองมีการสงมอบทรัพยจำนำใหอยูในการ
ครอบครองของผูรับจำนำ จึงจะถือวามีการจำนำเปนหลักประกัน เมื่อพิจารณาสัญญา
จำนำและรกั ษาทรพั ยท ง้ั สองฉบบั เหน็ ไดว า สนิ คา ขา วเปลอื กขา วสารทจ่ี ำนำตกลงใหเ กบ็
ไวในโกดังซึ่งเปนที่อยูตามสัญญาของลูกหนี้ทั้งสี่และเปนที่ดินกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ที่ ๒
ถงึ ท่ี ๔ ซง่ึ เทา กบั วา ทรพั ยจ ำนำคงเกบ็ รกั ษาอยกู บั ลกู หนท้ี ง้ั สน่ี น่ั เอง แมต ามสญั ญาตกลง
ใหลูกหนี้ที่ ๔ เปนผูรักษาทรัพยจำนำ แตลูกหนี้ที่ ๔ ก็มีความผูกพันเปนทั้งผูค้ำประกัน
และเปนผูจำนองที่ดินเปนประกันในมูลหนี้ตามสัญญาขายตั๋วเงินที่มีการนำขาวเปลือก
และขา วสารมาจำนำเปน หลกั ประกนั ทง้ั ถกู ฟอ งบงั คบั รว มกบั ลกู หนอ้ี น่ื ตามคำพพิ ากษา
ศาลจงั หวดั นครปฐมในเวลาตอ มาดว ย ลกู หนท้ี ่ี ๔ จงึ มใิ ชบ คุ คลภายนอกทค่ี สู ญั ญาจำนำ
ตกลงกนั ใหเ ปน ผเู กบ็ รกั ษาทรพั ยส นิ ทจ่ี ำนำตามมาตรา ๗๔๙ ได นอกจากนก้ี ารนำสนิ คา
ขา วเปลอื กเขา เกบ็ หรอื นำออกจากโกดงั ทเ่ี กบ็ รกั ษาเปน สง่ิ ทล่ี กู หนท้ี ่ี ๑ และท่ี ๒ สามารถ
ทำได เพยี งแตแ จง เปน ลายลกั ษณอ กั ษรแกเ จา หนผ้ี รู บั จำนำกอ นเทา นน้ั ซง่ึ หมายความวา
แทจ รงิ แลว สนิ คา ขา วเปลอื กทร่ี ะบเุ ปน ทรพั ยจ ำนำมไิ ดม กี ารสง มอบใหอ ยใู นการครอบครอง
ของเจา หนแ้ี ตอ ยา งใด แตอ ยกู บั ฝา ยลกู หนท้ี อ่ี าจนำไปใชห มนุ เวยี นในกจิ การคา ปกตขิ อง
โรงสีขา วทด่ี ำเนนิ การอยไู ด ยิ่งกวา นน้ั เมื่อพจิ ารณาจากสญั ญา ขอ ๔ ทกี่ ำหนดใหลูกหนี้
ท่ี ๑ และท่ี ๒ ผจู ำนำจา ยคา ใชจ า ยในการดแู ลและเกบ็ รกั ษาทรพั ยจ ำนำใหแ กเ จา หนเ้ี พยี ง
เดือนละ ๑๐๐ บาท เพื่อนำไปเปนคาตอบแทนที่จะจายแกผูรักษาทรัพยนั้น นับวาเปน
จำนวนนอยมากเมื่อเทียบกับมูลคาสินคาขาวเปลือกตามสัญญาจำนำและรักษาทรัพย
ที่มีมากกวา ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงเชื่อวาสัญญาจำนำและรักษาทรัพยทำขึ้นเพียงเปน
แบบพิธีเทานั้น เพื่อใหเห็นวาการจำนำมีขึ้นตามสัญญาดังกลาว คดีฟงไดแตเพียงวา
คูส ัญญาไดท ำสัญญาจำนำและรกั ษาทรพั ยกนั โดยลกู หนี้ที่ ๑ และท่ี ๒ มิไดมีการสง มอบ
๗๖
ทรพั ยจ ำนำแกเ จา หนจ้ี รงิ จงึ ถอื ไมไ ดว า เปน การจำนำตามบทบญั ญตั แิ หง ประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ยล กั ษณะจำนำ เมอ่ื ไมม กี ารจำนำ จงึ ไมม มี ลู หนท้ี เ่ี จา หนจ้ี ะขอรบั ชำระหน้ี
ในความเสียหายอันเกิดแกทรัพยจำนำจากกองทรัพยสินของลูกหนี้ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔
ในคดีลมละลายได
_____________________________
คดสี ืบเนือ่ งมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสง่ั พิทกั ษท รพั ยของลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งส่ี
เด็ดขาดเมื่อวันที่ ๗ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๔
เจาหนเี้ ปน เจา หน้ีรายท่ี ๒ ยืน่ คำขอรับชำระหนใี้ นมลู หน้ีตามสัญญาจำนำและรกั ษา
ทรพั ยเ ปน เงนิ ๑๒๙,๓๑๑,๒๘๒.๑๘ บาท ในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั จากกองทรพั ยส นิ ของลกู หนท้ี ่ี ๑
ท่ี ๒ และท่ี ๔ ตามพระราชบัญญตั ลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓)
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมม ีผใู ดโตแยง คำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หน้รี ายนี้
เจาพนักงานพิทักษทรัพยสอบสวนแลวทำความเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของ
เจา หนร้ี ายนี้ตามพระราชบญั ญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๗ (๑) เดมิ
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ตามความเห็นของ
เจาพนกั งานพิทกั ษทรพั ย
เจาหนี้อทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉยั วา ขอ เทจ็ จริงรับฟงไดเปนยุติวา
เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๕ และวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒ ตกลง
ทำสญั ญารบั ชำระหน้ี (กรณขี ายตว๋ั สญั ญาใชเ งนิ ) กบั เจา หน้ี รวม ๒ ครง้ั เปน เงนิ ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยมีขอตกลงวา ลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒ จะชำระเงินใหครบตามจำนวน
ในตั๋วสัญญาใชเงินภายในวันที่ตั๋วสัญญาใชเงินครบกำหนดชำระ หากเจาหนี้ไมไดรับชำระเงิน
ตามตั๋วสัญญาใชเงินที่ลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒ ขายแกเจาหนี้เมื่อตั๋วสัญญาใชเงินถึงกำหนดแลว
ลกู หนท้ี ่ี ๑ และท่ี ๒ ยนิ ยอมจา ยดอกเบย้ี ในอตั ราดอกเบย้ี สงู สดุ ตามประกาศของเจา หน้ี ซง่ึ ขณะ
ทำสัญญาเทากับอัตรารอยละ ๑๔.๕ ตอป ของจำนวนเงินที่คางชำระจนกวาจะชำระเสร็จ
นอกจากนี้ลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒ ยังไดทำสัญญาตกลงจำนำสินคาขาวเปลือก ขาวสาร กับเจาหนี้
ผูรับจำนำเปนเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และ ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามลำดับ โดยยอมใหดอกเบี้ย
อัตรารอยละ ๑๔.๕ ตอป และลูกหนี้ที่ ๔ ตกลงเปนผูรักษาทรัพยจำนำดังกลาว โดยเก็บรักษา
ณ โกดงั โรงสขี า วทวโี ชค ที่ลูกหนี้ที่ ๔ เปนผคู รอบครองอยู ตอ มาทรัพยจ ำนำดงั กลา วไดสูญหายไป
๗๗
เจา หนแ้ี จง ความรอ งทกุ ขต อ พนกั งานสอบสวนแลว เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ กอ นยน่ื คำขอ
รบั ชำระหนค้ี ดนี ้ี เจา หนไ้ี ดฟ อ งลกู หนท้ี ง้ั สต่ี อ ศาลจงั หวดั นครปฐมเปน คดแี พง เพอ่ื บงั คบั ชำระหน้ี
เงินกู หนี้ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งหนี้สัญญารับชำระหนี้ (กรณีขายตั๋วสัญญาใชเงิน)
ที่เกีย่ วเนือ่ งกบั สญั ญาจำนำและรกั ษาทรัพยทขี่ อรับชำระหนร้ี ายนี้ และศาลจงั หวดั นครปฐมไดมี
คำพิพากษาตามยอมแลวในคดีแพงหมายเลขแดงที่ ๓๕๕/๒๕๕๐ แตลูกหนี้ทั้งสี่ผิดนัดชำระหนี้
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจาหนี้จึงยึดทรัพยจำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมา
ชำระหน้ี ภายหลงั บงั คบั จำนองทด่ี นิ หลกั ประกนั ในคดแี ลว ไมพ อชำระหน้ี เจา หนไ้ี ดน ำมลู หนต้ี าม
คำพพิ ากษาทเ่ี หลอื ไปยน่ื ขอรบั ชำระหนเ้ี ปน เจา หนร้ี ายท่ี ๑ ในคดลี ม ละลายแลว สำหรบั การขอรบั
ชำระหนี้รายนี้ จึงเปนกรณีเจาหนี้ขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ที่อางความเสียหายจากการที่
ทรัพยจำนำสูญหายซึ่งเจาหนี้อางวาลูกหนี้ที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ตองรับผิดตามสัญญาจำนำและ
รักษาทรพั ย
คดีมีปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของเจาหนี้วา เจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้ตาม
คำขอรับชำระหนี้หรือไม เห็นวา ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๗๔๗ บัญญัติวา
“อันวาจำนำนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกวาผูจำนำ สงมอบสังหาริมทรัพยสิ่งหนึ่งใหแก
บคุ คลอีกคนหน่ึง เรียกวาผูรับจำนำ เพ่อื เปน ประกันการชำระหน้”ี ดังน้ัน การจำนำจึงตองมกี าร
สง มอบทรพั ยจ ำนำใหอ ยใู นการครอบครองของผรู บั จำนำ จงึ จะถอื วา มกี ารจำนำเปน หลกั ประกนั
ขอเท็จจริงไดความจากบันทึกถอยคำแทนการซักถามพยานของนายอาทร พนักงานผูดูแล
ติดตามหนี้ของเจาหนี้วา ในการขอกูเงินจากเจาหนี้ ลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒ ไดนำใบเสร็จรับเงิน
จากซอ้ื ขายขา วจำนวน ๙๐,๔๑๓,๑๓๒ บาท มาขอกเู งนิ และจำนำขา วเปลอื กไวก บั เจา หน้ี โดยมี
ลูกหนี้ที่ ๔ ตกลงเปนผูรักษาทรัพยจำนำดังกลาว แตเมื่อพิจารณาสัญญาจำนำและรักษาทรัพย
ทง้ั สองฉบบั ซง่ึ มขี อ ความและเงอ่ื นไขแหง สญั ญาเหมอื นกนั นน้ั เหน็ ไดว า สนิ คา ขา วเปลอื กขา วสาร
ทจ่ี ำนำตกลงใหเ กบ็ ไวใ นโกดงั บรเิ วณโรงสขี า วทวโี ชค เลขท่ี ๒ ถนนเพชรเกษม ตำบลหนองดนิ แดง
อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม บนที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๒๙๑๔, ๒๙๙๗๘ ตำบล
หนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม และที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๙๓๐๔ ตำบล
หนองงูเหลือม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม อันเปนที่อยูตามสัญญาของลูกหนี้ทั้งสี่
และเปน ทด่ี นิ ทเ่ี ปน กรรมสทิ ธข์ิ องลกู หนท้ี ่ี ๒ ถงึ ท่ี ๔ ซง่ึ เทา กบั วา ทรพั ยจ ำนำคงเกบ็ รกั ษาอยกู บั
ลูกหนี้ทั้งสี่นั่นเอง แมตามสัญญาตกลงใหลูกหนี้ที่ ๔ เปนผูรักษาทรัพยจำนำ แตลูกหนี้ที่ ๔ ก็มี
ความผกู พนั เปน ทง้ั ผคู ำ้ ประกนั และเปน ผจู ำนองทด่ี นิ เปน ประกนั ในมลู หนต้ี ามสญั ญาขายตว๋ั เงนิ
ทม่ี กี ารนำขา วเปลอื กและขา วสารมาจำนำเปน หลกั ประกนั ทง้ั ถกู ฟอ งบงั คบั รว มกบั ลกู หนอ้ี น่ื ตาม
๗๘
คำพิพากษาศาลจังหวัดนครปฐมในเวลาตอมาดวย ลูกหนี้ที่ ๔ จึงมิใชบุคคลภายนอกที่คูสัญญา
จำนำตกลงกนั ใหเปน ผูเก็บรักษาทรัพยส ินทจ่ี ำนำตามมาตรา ๗๔๙ ได นอกจากนี้สญั ญา ขอ ๓
ที่ระบุวา “การสงมอบทรัพยสินจำนำใหผูรักษาทรัพย ผูจำนำตองจัดนำสง ณ สถานที่เก็บรักษา
ดังกลาวขางตน... ผูจำนำตองจดแจง คุณภาพ ปริมาณ ชนิดและราคาทรัพยสินจำนำเปน
ลายลกั ษณอ กั ษรแจง ใหผ รู บั จำนำทราบกอ น ตลอดทง้ั การนำทรพั ยส นิ จำนำออกทกุ ครง้ั เพอ่ื การ
ไถถ อนจำนำบางสว น ตอ งไดร บั อนญุ าตจากผรู บั จำนำเปน ลายลกั ษณอ กั ษรกอ นทกุ ครง้ั ” นน้ั แสดง
วา การนำสนิ คา ขา วเปลอื กเขาเก็บหรอื นำออกจากโกดงั ทเี่ ก็บรกั ษาเปน สง่ิ ทล่ี กู หนี้ท่ี ๑ และที่ ๒
สามารถทำได เพยี งแตแ จง เปน ลายลกั ษณอ กั ษรแกเ จา หนผ้ี รู บั จำนำกอ นเทา นน้ั ซง่ึ หมายความ
วาแทจริงแลวสินคาขาวเปลือกที่ระบุเปนทรัพยจำนำมิไดมีการสงมอบใหอยูในการครอบครอง
ของเจา หนแ้ี ตอ ยา งใด แตอ ยกู บั ฝา ยลกู หนท้ี อ่ี าจนำไปใชห มนุ เวยี นในกจิ การคา ปกตขิ องโรงสขี า ว
ที่ดำเนินการอยูได ยิ่งกวานั้นเมื่อพิจารณาจากสัญญา ขอ ๔ ที่กำหนดใหลูกหนี้ที่ ๑ และที่ ๒
ผูจำนำจายคาใชจายในการดูแลและเก็บรักษาทรัพยจำนำใหแกเจาหนี้เพียงเดือนละ ๑๐๐ บาท
เพอ่ื นำไปเปน คา ตอบแทนทจ่ี ะจา ยแกผ รู กั ษาทรพั ยน น้ั นบั วา เปน จำนวนนอ ยมาก เมอ่ื เทยี บกบั
มูลคาสินคาขาวเปลือกตามสัญญาจำนำและรักษาทรัพยที่มีมากกวา ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จึงเชื่อ
วา สญั ญาจำนำและรกั ษาทรพั ยท ำขน้ึ เพยี งเปน แบบพธิ เี ทา นน้ั เพอ่ื ใหเ หน็ วา การจำนำมขี น้ึ ตาม
สญั ญาดงั กลา ว คดฟี ง ไดแ ตเ พยี งวา คสู ญั ญาไดท ำสญั ญาจำนำและรกั ษาทรพั ยก นั โดยลกู หนท้ี ่ี ๑
และท่ี ๒ มิไดม กี ารสง มอบทรพั ยจ ำนำแกเ จาหนจี้ รงิ จงึ ถอื ไมไ ดว าเปนการจำนำตามบทบัญญัติ
แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยลักษณะจำนำ เมื่อไมมีการจำนำ จึงไมมีมูลหนี้ที่เจาหนี้
จะขอรับชำระหนี้ในความเสียหายอันเกิดแกทรัพยจำนำจากกองทรัพยสินของลูกหนี้ที่ ๑ ที่ ๒
และที่ ๔ ในคดีลมละลายได ที่ศาลลมละลายกลางยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นของ
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นดวยในผล สวนอุทธรณขออื่น
ไมจำตองวนิ จิ ฉยั เพราะไมท ำใหผ ลแหง คดเี ปล่ียนแปลง
พพิ ากษายืน คาฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณใ หเปนพับ.
(โชคชัย รุจนิ ินนาท - วิเชยี ร วชริ ประทีป - องอาจ งามมศี ร)ี
รตมิ า ชัยสโุ รจน - ยอ
วริ ัตน วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถึงท่สี ุด
๗๙
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๖๗๖/๒๕๖๔ ธนาคารกรงุ ไทย จำกดั
(มหาชน) โจทก
บริษัทบริหารสนิ ทรพั ย
กรุงเทพพาณิชย จำกดั เจา หนี้
นายดิโรจนหรือฉตั รชัย
หัชสฬี หาหรอื หัชลฬี หา จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ (๑)
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๒, ๑๙๓/๑๔ (๒), ๑๙๓/๑๕
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๕ วรรคหน่ึง
ขออางตามอุทธรณของลูกหนี้ที่วา หนี้ตามสัญญาที่เปนมูลตามคำพิพากษาใน
คดีแพง ซึ่งโจทกนำมาขอรับชำระหนี้ขาดอายุความ เปนขอตอสูที่ลูกหนี้จะตองยกขึ้น
ตอ สหู รอื ยกขน้ึ อทุ ธรณใ นคดแี พง เมอ่ื ลกู หนม้ี ไิ ดใ หก ารตอ สใู นคดแี พง จนศาลมคี ำพพิ ากษา
ถึงที่สุด คำพิพากษาดังกลาวยอมผูกพันลูกหนี้ซึ่งเปนคูความในกระบวนพิจารณาของ
ศาลที่พิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง สิทธิเรียกรองดังกลาวเกิดขึ้นโดย
คำพิพากษาของศาลท่ถี ึงทสี่ ุดจงึ มีอายคุ วามสิบปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๒
เจาหนี้ฟองขอลูกหนี้ใหลมละลายเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ จึงเปนการ
ฟองคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกรองหรือเพื่อใหชำระหนี้โดยชอบภายในกำหนดสิบป
ยอมทำใหอ ายคุ วามสะดุดหยุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) เม่ืออายุความสะดดุ
หยุดลงแลวระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้นไมนับรวมเขาในอายุความ และเมื่อเหตุที่ทำให
อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงเวลาใดใหเริ่มนับอายุความใหมตั้งแตเวลานั้นตาม
มาตรา ๑๙๓/๑๕ เมอ่ื นบั แตว นั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ทศ่ี าลมคี ำสง่ั จำหนา ยคดลี ม ละลาย
ออกจากสารบบความ อันถือไดวาเปนเหตุที่ทำใหอายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดลงถึง
วนั ท่ี ๒๕ สงิ หาคม ๒๕๕๒ ซง่ึ เจา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหนย้ี งั ไมพ น สบิ ป คำขอรบั ชำระหน้ี
ของเจาหนจ้ี ึงไมข าดอายุความ
_____________________________
๘๐
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องลกู หน้ี (จำเลย) เดด็ ขาด
เมื่อวนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๒
เจาหนี้เปนเจาหนี้รายที่ ๒ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ มูลหนี้ตามคำพิพากษาเปนเงิน
๖,๐๓๕,๘๙๖.๕๑ บาท จากกองทรพั ยส นิ ของลกู หนใ้ี นฐานะเจา หนไ้ี มม ปี ระกนั ตามพระราชบญั ญตั ิ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔
เจาพนักงานพิทักษทรัพยนัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ไมมีผูใดโตแยง คำขอรบั ชำระหน้ีของเจา หนร้ี ายน้ี
เจาพนักงานพิทักษทรัพยสอบสวนแลว เห็นวา มูลหนี้เกิดขึ้นกอนวันที่ศาลมีคำสั่ง
พทิ กั ษท รพั ยล กู หนเ้ี ดด็ ขาด ยงั ไมข าดอายคุ วาม ไมต อ งหา มมใิ หข อรบั ชำระหน้ี เหน็ ควรใหเ จา หน้ี
ไดร บั ชำระหนม้ี ลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาเปน เงนิ ๓,๖๑๙,๓๒๐.๕๑ บาท จากกองทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี
ในฐานะเจาหนี้ไมมีประกันตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ โดยใหไดรับ
ชำระหนโ้ี ดยสว นเฉลย่ี อยา งเจา หนส้ี ามญั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๗)
สว นทข่ี อเกนิ มาใหย กเสยี
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั อนญุ าตใหเ จา หนไ้ี ดร บั ชำระหนต้ี ามความเหน็ ของเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รัพย
ลกู หนี้อุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติ
โดยคูความมิไดโตแยงวา เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ ศาลแพงพิพากษาใหลูกหนี้ชำระเงิน
๙๔๒,๒๗๗.๓๖ บาท พรอ มดอกเบย้ี จนกวา จะชำระเสรจ็ แกธ นาคารสหธนาคาร จำกดั (มหาชน)
กับใหใชคาฤชาธรรมเนียมแทนโจทก โดยกำหนดคาทนายความให ๕,๐๐๐ บาท วันที่ ๑๗
สิงหาคม ๒๕๔๙ เจาหนี้ไดรับอนุญาตใหเขาสวมสิทธิแทนธนาคารสหธนาคาร จำกัด (มหาชน)
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เจาหนี้ฟองลูกหนี้ใหลมละลาย วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั จำหนา ยคดเี สยี จากสารบบความ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๕ เนอ่ื งจากลกู หนถ้ี กู พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดในคดหี มายเลขแดงท่ี ๗๐๓๔/๒๕๕๒ เจา หน้ี
จึงนำมูลหนี้ตามคำพิพากษาดังกลาวมาขอรับชำระหนี้เห็นควรวินิจฉัยตามคำแกอุทธรณของ
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ สยี กอ นวา ลกู หนย้ี น่ื อทุ ธรณภ ายในกำหนดหรอื ไม เหน็ วา ลกู หนไ้ี ดร บั
หมายแจงคำสั่งศาลโดยวิธีปดหมายเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ลูกหนี้ไดขอขยายเวลา
อุทธรณเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งศาลอนุญาตใหลูกหนี้ยื่นอุทธรณไดถึงวันที่ ๒๘
กนั ยายน ๒๕๖๓ จากนน้ั ลกู หนไ้ี ดย น่ื คำขอและไดร บั อนญุ าตใหข ยายเวลายน่ื อทุ ธรณอ กี หลายครง้ั
๘๑
โดยครั้งสุดทายไดรับอนุญาตใหขยายเวลาถึงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๔ ลูกหนี้ยื่นอุทธรณในวัน
ดังกลาว จึงเปน การยื่นอุทธรณภ ายในกำหนด
มปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องลกู หนว้ี า เจา หนม้ี สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระหนห้ี รอื ไม เหน็ วา
ขออางตามอุทธรณของลูกหนี้ที่วา หนี้ตามสัญญาที่เปนมูลตามคำพิพากษาในคดีแพง ซึ่งโจทก
นำมาขอรับชำระหนี้ขาดอายุความ เปนขอตอสูที่ลูกหนี้จะตองยกขึ้นตอสูหรือยกขึ้นอุทธรณใน
คดีแพง เมื่อลูกหนี้มิไดใหการตอสูในคดีแพงจนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คำพิพากษาดังกลาว
ยอมผูกพันลูกหนี้ซึ่งเปนคูความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๕ วรรคหนึ่ง สิทธิเรียกรองดังกลาวเกิดขึ้นโดยคำพิพากษา
ของศาลที่ถึงที่สุดจึงมีอายุความสิบปตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓๒
สวนที่ลูกหนี้อางวายอดหนี้ที่เจาหนี้ขอสวมสิทธิมีเพียง ๘๑๕,๗๘๐.๕๕ บาท ไมเขาเกณฑที่จะ
ฟองลูกหนี้ใหลมละลาย การฟองคดีไมทำใหอายุความสะดุดหยุดลงนั้น ก็ปรากฏตามสำเนา
คำฟอง เอกสารหมาย จ.๘ วา เจาหนี้บรรยายฟองวา เมื่อคำนวณถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๐
ลกู หนเ้ี ปน หนเ้ี จา หนร้ี วมตน เงนิ และดอกเบย้ี เปน เงนิ ๓,๓๑๑,๖๕๙.๕๑ บาท ซง่ึ เปน หนท้ี ก่ี ำหนด
จำนวนไดโดยแนนอนไมนอยกวาหนึ่งลานบาท ลูกหนี้ถูกยึดทรัพยตามหมายบังคับคดีหรือไมมี
ทรัพยสินอยางหนึ่งอยางใดที่จะพึงยึดมาชำระหนี้ได ตองดวยขอสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘ (๕) วา ลกู หนม้ี หี นส้ี นิ ลน พน ตวั ศาลแพง มคี ำพพิ ากษาเมอ่ื วนั ท่ี
๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๐ เจา หนฟ้ี อ งขอลกู หนใ้ี หล ม ละลายเปน คดหี มายเลขดำท่ี ล.๑๒๘๕๕/๒๕๕๐
เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ จึงเปนการฟองคดีเพื่อตั้งหลักฐานสิทธิเรียกรองหรือเพื่อให
ชำระหนโ้ี ดยชอบภายในกำหนดสบิ ป ยอ มทำใหอ ายคุ วามสะดดุ หยดุ ลงตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๒) เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแลวระยะเวลาที่ลวงไปกอนนั้น
ไมนบั รวมเขาในอายคุ วามและเมอ่ื เหตทุ ีท่ ำใหอ ายคุ วามสะดดุ หยุดลงส้ินสดุ ลงเวลาใด ใหเรม่ิ นับ
อายคุ วามใหมต ง้ั แตเ วลานน้ั ตามมาตรา ๑๙๓/๑๕ เมอ่ื นบั แตว นั ท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ทศ่ี าล
มีคำสั่งจำหนายคดีลมละลายออกจากสารบบความ อันถือไดวาเปนเหตุที่ทำใหอายุความสะดุด
หยุดลงสิ้นสุดลงถึงวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ซึ่งเจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังไมพนสิบป
คำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หน้ี จงึ ไมข าดอายคุ วาม สว นขอ อา งทว่ี า ลกู หนม้ี ที รพั ยส นิ เปน บา นพรอ ม
ทด่ี นิ ในโครงการหมบู า นลดั ดารมย ปน เกลา ซง่ึ มรี าคาประเมนิ ๑๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ลกู หนจ้ี งึ มไิ ด
มีหนี้สินลนพนตัวนั้น เปนเรื่องที่ลูกหนี้จะตองยกขึ้นเปนขอตอสูในคดีลมละลาย ขออางตาม
อทุ ธรณข องลกู หนไี้ มมีนำ้ หนักรบั ฟง หักลางพยานของเจาหนี้ อทุ ธรณข อ อ่นื ไมอาจเปลี่ยนแปลง
ผลคดไี มจ ำตอ งวนิ จิ ฉยั ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั อนญุ าตใหเ จา หนร้ี บั ชำระหนต้ี ามความเหน็
๘๒
ของเจาพนักงานพิทักษทรัพย ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นพองดวย อุทธรณของลูกหนี้
ฟงไมข นึ้
พพิ ากษายนื คาฤชาธรรมเนยี มในชั้นน้ีใหเปนพบั .
(วเิ ชียร วชริ ประทีป - โชคชยั รุจินินนาท - องอาจ งามมีศร)ี
สรายุทธ เตชะวุฒิพนั ธุ - ยอ
วริ ัตน วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
๘๓
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พิเศษที่ ๑๔๐๔/๒๕๖๑ ธนาคารกรุงไทย
จำกดั (มหาชน) โจทก
บริษัทบรหิ ารสินทรพั ย
สขุ ุมวิท จำกดั ผูรอง
เจา พนักงาน
พิทกั ษทรัพย ผคู ัดคา น
นางสาวหรือนางมิ่งมิตร
โสภณ จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๙๕, ๑๐๙
ผรู อ งยน่ื คำรอ งในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั ทม่ี สี ทิ ธเิ หนอื ทรพั ยจ ำนองอนั เปน หลกั
ประกันของจำเลยตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕ ซึ่งทรัพยจำนองของ
จำเลยเปนทรัพยสินในคดีลมละลายอันอาจแบงแกเจาหนี้ไดตามมาตรา ๑๐๙ แมผูรอง
หมดสทิ ธบิ งั คบั คดเี พราะพน กำหนดระยะเวลาบงั คบั คดใี นคดแี พง ตามกฎหมายแลว กต็ าม
ผูคัดคานก็ยังคงมีอำนาจและหนาที่รวบรวมและจัดการทรัพยสินนั้นในคดีลมละลายได
ตอไป เพราะเปนการดำเนินการตามบทบัญญัติมาตรา ๒๒ (๑) มิใชกรณีที่ผูรองขอให
บังคับคดีในคดีแพง และแมวาทรัพยจำนองมีราคาไมคุมหรือไมพอชำระหนี้จำนองของ
ผูรองแตก็ยังมิใชเหตุที่ผูคัดคานจะอางไมยึดทรัพยจำนองตามอำนาจและหนาที่ของ
ผคู ดั คา น เพราะหากมภี าระแกก องทรพั ยส นิ กช็ อบทจ่ี ะใหผ รู อ งเปน ผรู บั ผดิ ชอบคา ใชจ า ยได
การที่ผูคัดคานไมยึดทรัพยจำนองเพื่อนำออกขายทอดตลาดนั้น ยอมจะทำใหทรัพย
จำนองยงั คงตดิ จำนองหรอื มภี าระหนจ้ี ำนองอยโู ดยผคู ดั คา นมไิ ดจ ดั การชำระหนจ้ี ำนอง
แกผ รู อ ง ทง้ั หากมใิ หผ รู อ งบงั คบั แกท รพั ยจ ำนองไดท ง้ั ในคดแี พง และคดลี ม ละลายตามท่ี
ผูคัดคานมีคำสั่งกลับจะไมเปนประโยชนแกฝายเจาหนี้และลูกหนี้ที่ยังไมไดชำระสะสาง
หนีส้ นิ ท่มี ีอยูและอาจทำใหม ีเหตขุ ัดขอ งตอ การนำทรพั ยจำนองไปใชป ระโยชนอ ีกดวย
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของจำเลยเด็ดขาด
๘๔
ผรู อ งยน่ื คำรอ งวา ขอใหม คี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นยดึ ทรพั ยจ ำนองดงั กลา วเพอ่ื ขายทอดตลาด
นำเงินมาชำระหนีแ้ กเ จา หนี้
ผคู ดั คานยนื่ คำคัดคา น ขอใหย กคำรอง
ศาลลม ละลายกลาง มคี ำสงั่ ยกคำรอง คาฤชาธรรมเนียมในชนั้ น้ใี หเ ปน พบั
ผูรองอทุ ธรณโดยไดรับอนุญาตจากศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พิเศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี
๒๗ มกราคม ๒๕๕๕ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหผ คู ดั คา นมคี ำสง่ั ใหผ รู อ งไดร บั เงนิ จากการขายทอดตลาด
ทรพั ยจ ำนองกอ นเจา หนร้ี ายอน่ื ในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๕ ผคู ดั คา นมคี ำสง่ั ใหผ รู อ งใชส ทิ ธบิ งั คบั คดแี พง กบั ทรพั ยห ลกั ประกนั ตามสำเนาคำรอ ง
ตอมาวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๖ และวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ผูรอง
ยื่นคำรองขอใหผูคัดคานยึดทรัพยจำนองตามคำพิพากษาตามยอม คือ ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่
๑๖๘๘๐๔ ตำบลทาทราย อำเภอเมืองนนทบุรี (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี พรอมสิ่งปลูกสราง
ของจำเลยตามสำเนาคำรอ ง คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งวา ผรู อ งขอใหผ คู ดั คา น
ยึดทรัพยจำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แกผูรองไดหรือไมเห็นวาเมื่อศาลมีคำสั่ง
พิทักษทรัพยของลูกหนี้เด็ดขาด ผูคัดคานแตผูเดียวมีอำนาจจัดการและจำหนายทรัพยสินของ
ลูกหนี้ หรือกระทำการที่จำเปนเพื่อใหกิจการของลูกหนี้ที่คางอยูเสร็จสิ้นไปตามพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) คดนี ีผ้ ูรองไดย ่นื คำรอ งในฐานะเจา หนม้ี ีประกนั ท่มี สี ทิ ธิ
เหนือทรัพยจำนองอันเปนหลักประกันของจำเลยตามมาตรา ๙๕ ซึ่งทรัพยจำนองของจำเลย
เปนทรัพยสินในคดีลมละลายอันอาจแบงแกเจาหนี้ไดตามมาตรา ๑๐๙ แมไดความวาผูรองหมด
สิทธิบังคับคดีเพราะพนกำหนดระยะเวลาบังคับคดีในคดีแพงตามกฎหมายแลวก็ตามผูคัดคาน
ก็ยังคงมีอำนาจและหนาที่รวบรวมและจัดการทรัพยสินนั้นในคดีลมละลายไดตอไปเพราะเปน
การดำเนินการตามบทบัญญัติของมาตรา ๒๒ (๑) ดังกลาวมิใชกรณีที่ผูรองขอใหบังคับคดีใน
คดีแพง และแมวาทรัพยจำนองมีราคาไมคุมหรือไมพอชำระหนี้จำนองของผูรองแตก็ยังมิใชเหตุ
ที่ผูคัดคานจะอางไมยึดทรัพยจำนองตามอำนาจและหนาที่ของผูคัดคาน เพราะหากมีภาระแก
กองทรพั ยสนิ กช็ อบทีจ่ ะใหผ ูรองเปนผูรับผดิ ชอบคาใชจ ายไดการที่ผคู ดั คานไมยดึ ทรัพยจำนอง
เพื่อนำออกขายทอดตลาดนั้น ยอมจะทำใหทรัพยจำนองยังคงติดจำนองหรือมีภาระหนี้จำนอง
อยโู ดยผคู ดั คา นมไิ ดจ ดั การชำระหนจ้ี ำนองแกผ รู อ งตามทผ่ี รู อ งยน่ื คำรอ ง ทง้ั หากมใิ หผ รู อ งบงั คบั
แกท รพั ยจ ำนองไดท ง้ั ในคดแี พงและคดีลม ละลายตามที่ผูคดั คานมีคำสง่ั กลบั จะไมเ ปน ประโยชน
แกฝายเจาหนี้และลูกหนี้ที่ยังไมไดชำระสะสางหนี้สินที่มีอยูและอาจทำใหมีเหตุขัดของตอการ
๘๕
นำทรัพยจำนองไปใชประโยชนอีกดวย ดังนั้น เมื่อผูรองในฐานะเจาหนี้มีประกันไดใชสิทธิยื่น
คำขอรับชำระหนี้จำนองแลว ผูรองจึงขอใหผูคัดคานยึดทรัพยจำนองออกขายทอดตลาดนำเงิน
มาชำระหนี้แกผูรองได และผูคัดคานชอบที่จะตองรับคำขอรับชำระหนี้ของผูรองเพื่อดำเนินการ
ตอ ไป ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำรอ งของผรู อ งนน้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษไมเ หน็ พอ งดว ย
อทุ ธรณข องผูรองฟง ขึน้
พิพากษากลับ ใหผูคัดคานรับคำขอรับชำระหนี้ในฐานะเจาหนี้มีประกันของผูรองเพื่อ
ดำเนินการสอบสวนสิทธิของผูรองและมีคำสั่ง แลวยึดทรัพยจำนองหลักประกันของผูรองออก
ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แกผูรองตามสิทธิตอไป ทั้งนี้ หากเปนภาระแกกองทรัพยสิน
ก็ใหผูรองเปนผูเสียคาใชจา ยในการนี้ คาฤชาธรรมเนียมท้งั สองศาลใหเปนพบั .
(องอาจ งามมีศรี - โชคชยั รจุ นิ ินนาท - วิเชยี ร วชิรประทปี )
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
อดศิ กั ด์ิ เทียนกริม - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงท่ีสุด
๘๖
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษที่ ๑๓๑๕/๒๕๖๒ กรมสรรพากร โจทก
บรษิ ทั บริหารสินทรพั ย
สขุ มุ วทิ จำกัด ผูร อง
เจาพนกั งาน
พิทักษทรัพย ผูค ดั คาน
นายณรงคธน เอนกสัมพันธ
ในฐานะหุนสวน
ผจู ัดการหางหุนสวนจำกดั
เอนกสัมพนั ธณ รงคธน จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๑๐๙, ๑๔๕ (๒), ๑๔๖
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของลูกหนี้เด็ดขาดแลว ผูคัดคานมีอำนาจในการ
รวบรวมและจัดการทรัพยสินของลูกหนี้ ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒
ทรัพยสินของลูกหนี้ที่ผูคัดคานมีอำนาจดำเนินการ คือ ทรัพยสินตามที่บัญญัติไวตาม
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ ซง่ึ รวมถงึ ทรพั ยท กุ ประเภทของลกู หนท้ี ม่ี อี ยู
ในเวลาเรม่ิ ตน แหง การลม ละลายตามมาตรา ๑๐๙ (๑) ไมว า ทรพั ยน น้ั จะเปน หลกั ประกนั
แกเ จา หนร้ี ายใดหรอื ไม ผคู ดั คา นยอ มมอี ำนาจรวบรวมทรพั ยส นิ ดงั กลา วเขา กองทรพั ยส นิ
ได เวน แตจ ะเปน กรณตี ามมาตรา ๑๑๐ วรรคสาม การทผ่ี คู ดั คา นสละสทิ ธไิ มด ำเนนิ การ
กบั ทรพั ยส นิ ของลกู หนต้ี อ งปรากฏวา ผคู ดั คา นไดร บั ความเหน็ ชอบจากกรรมการเจา หน้ี
ตามมาตรา๑๔๕ (๒) แลว เมือ่ ทดี่ ินพิพาทเปน ทรพั ยของลกู หน้ีทม่ี มี ากอนลมละลายและ
ไมปรากฏวากรรมการเจาหนี้มีมติเห็นชอบใหผูคัดคานสละสิทธิในที่ดินดังกลาวตาม
มาตรา ๑๔๕ (๒) ผคู ดั คา นจงึ ยงั คงมหี นา ทใ่ี นการรวบรวมจดั การทรพั ยด งั กลา วโดยไมต อ ง
คำนึงวาทรัพยดังกลาวจะเปนหลักประกันของเจาหนี้และราคาทรัพยมีมูลคานอยกวา
ภาระหนี้หรือไม เมื่อผูรองในฐานะเจาหนี้มีประกันเลือกที่จะใชสิทธิมายื่นคำรองให
ผูคัดคานดำเนินการบังคับบุริมสิทธิของผูรองกับที่ดินพิพาท ผูคัดคานจำตองรับคำรอง
เพื่อดำเนนิ การสอบสวนสทิ ธขิ องผรู อ ง และยึดทรัพยจำนองออกขายทอดตลาดตอไป
______________________________
๘๗
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ ตลุ าคม ๒๕๕๐ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของลกู หน้ี (จำเลย) เด็ดขาดและพพิ ากษาใหล ม ละลายเม่อื วันท่ี ๖ มนี าคม ๒๕๕๒
ผูรองยื่นคำรอง ขอใหกลับคำสั่งผูคัดคานโดยใหผูคัดคานยึดทรัพยหลักประกันที่ดิน
โฉนดเลขที่ ๔๗๓๙๕ ตำบลหวยทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม พรอมสิ่งปลูกสราง
ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนีใ้ หแกผรู อง
ผคู ัดคา นยื่นคำคัดคา น ขอใหย กคำรอง
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสัง่ ใหยกคำรอ ง คา ฤชาธรรมเนยี มใหเปน พบั
ผูรองอุทธรณโ ดยไดร ับอนุญาตจากศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพิเศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ เบอ้ื งตน ทค่ี คู วาม
มไิ ดอ ทุ ธรณโ ตแ ยง กนั รบั ฟง เปน ยตุ วิ า เดมิ ลกู หนเ้ี ปน หนธ้ี นาคารศรนี คร จำกดั (มหาชน) เจา หน้ี
เดมิ ในมลู หนต้ี ามคำพพิ ากษาของศาลจงั หวดั เชยี งใหม คดแี พง หมายเลขแดงท่ี ย.๒๑๗๙/๒๕๔๔
ซึ่งพิพากษาใหลูกหนี้และจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ในคดีแพงดังกลาวชำระเงิน ๗๕๕,๒๔๗.๗๙ บาท
พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๑๓.๗๕ ตอป ของตนเงิน ๔๔๒,๖๘๔.๕๗ บาท นับถัดจากวันฟอง
เปน ตน ไปจนกวา จะชำระเสรจ็ แกเ จา หนเ้ี ดมิ หากไมช ำระใหย ดึ ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๔๗๓๙๕ ตำบล
หวยทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม พรอมสิ่งปลูกสรางของลูกหนี้ออกขายทอดตลาด
นำเงินมาชำระหนี้ หากไดเงินไมพอใหยึดทรัพยสินอื่นของลูกหนี้กับพวกบังคับชำระหนี้จนครบ
กบั ใหล กู หนก้ี บั พวกใชค า ฤชาธรรมเนยี มแทนเจา หนเ้ี ดมิ โดยกำหนดคา ทนายความ ๒,๕๐๐ บาท
ตอมาเจาหนี้เดิมโอนสิทธิเรียกรองและสิทธิการรับจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๔๗๓๙๕ ตำบล
หวยทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม ใหแกผูรอง ศาลจังหวัดเชียงใหมมีคำสั่งอนุญาต
ใหผรู อ งสวมสิทธิเปน เจาหนีต้ ามคำพพิ ากษาแทนเจา หน้ีเดมิ
คดมี ปี ญ หาตามคำแกอ ทุ ธรณข องผคู ดั คา นวา ผรู อ งยน่ื คำรอ งคดั คา นคำสง่ั ของผคู ดั คา น
ตอศาลภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไวหรือไม เห็นวา แมปญหาเรื่องผูรองใชสิทธิรอง
คัดคานคำสั่งของผูคัดคานภายในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๔๖ หรือไม จะเปนปญหาขอกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบรอยของประชาชน
ซง่ึ ศาลสามารถหยบิ ขน้ึ วนิ จิ ฉยั ไดเ องตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๑๔๒ (๕)
ก็ตาม แตการวินิจฉัยปญหาขอกฎหมายดังกลาวจำเปนตองอาศัยขอเท็จจริงที่ไดมาจากการ
ดำเนนิ กระบวนพจิ ารณาโดยชอบในศาลลม ละลายกลาง เมอ่ื ทางนำสบื ของผรู อ งและผคู ดั คา นในชน้ั
พจิ ารณาไมป รากฏขอ เทจ็ จรงิ ดงั กลา ว ศาลจงึ หยบิ ยกขอ เทจ็ จรงิ ตามคำแกอ ทุ ธรณม าวนิ จิ ฉยั เปน
ขอ กฎหมายไมไ ดแ ละถอื เปน ขอ แกอ ทุ ธรณท ไ่ี มไ ดย กขน้ึ วา กนั มาแลว โดยชอบในศาลลม ละลายกลาง
๘๘
ไมชอบดวยตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๒๘/๑ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึ่ง
ศาลอุทธรณค ดชี ำนญั พิเศษไมร ับวนิ ิจฉยั
ปญหาตอไปตามอุทธรณของผูรองมีวา ผูคัดคานมีหนาที่ยึดและขายทอดตลาดทรัพย
หลักประกันเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ใหแกผูรองหรือไม เห็นวา เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของ
ลูกหนี้เด็ดขาด ผูคัดคานแตเพียงผูเดียวมีอำนาจในการรวบรวมและจัดการทรัพยสินของลูกหนี้
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ทรพั ยส นิ ของลกู หนท้ี ผ่ี คู ดั คา นมอี ำนาจ
ดำเนนิ การ คอื ทรพั ยส นิ ตามทบ่ี ญั ญตั ไิ วต ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙
ซง่ึ รวมถงึ ทรพั ยท กุ ประเภทของลกู หนท้ี ม่ี อี ยใู นเวลาเรม่ิ ตน แหง การลม ละลายตามมาตรา ๑๐๙ (๑)
ไมวาทรัพยนั้นจะเปนหลักประกันแกเจาหนี้รายใดหรือไม ผูคัดคานยอมมีอำนาจหนาที่รวบรวม
ทรัพยส นิ ดังกลาวของลกู หนี้เขา กองทรัพยส นิ เพ่อื จัดการได เวนแตจ ะเปนกรณตี ามมาตรา ๑๑๐
วรรคสาม การที่ผูคัดคานจะสละสิทธิไมดำเนินการกับทรัพยสินใดของลูกหนี้ไดตองปรากฏวา
ผูคัดคานไดรับความเห็นชอบจากกรรมการเจาหนี้ตามมาตรา ๑๔๕ (๓) แลว เมื่อขอเท็จจริง
ปรากฏวา ทดี่ ินโฉนดเลขที่ ๔๗๓๙๕ ตำบลหวยทราย อำเภอสันกำแพง จงั หวดั เชยี งใหม พรอม
สง่ิ ปลกู สรา ง เปน ทรพั ยท ล่ี กู หนม้ี มี ากอ นลม ละลาย และไมป รากฏวา กรรมการเจา หนม้ี มี ตเิ หน็ ชอบ
ใหผ คู ดั คา นสละสทิ ธใิ นทด่ี นิ ดงั กลา ว ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕ (๓)
ผูคัดคานจึงยังคงตองมีหนาที่ในการรวบรวมจัดการทรัพยสินดังกลาว โดยไมคำนึงวาทรัพย
ดังกลาวจะเปนหลักประกันของเจาหนี้และราคาทรัพยมีมูลคานอยกวาภาระหนี้หรือไม ดังนั้น
เมอ่ื ผรู อ งในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั เลอื กทจ่ี ะใชส ทิ ธมิ ายน่ื คำรอ งใหผ คู ดั คา นดำเนนิ การบงั คบั บรุ มิ สทิ ธิ
ของผูรองกับที่ดินดังกลาว ผูคัดคานจำตองรับคำรองเพื่อดำเนินการสอบสวนสิทธิของผูรอง
และยดึ ทรพั ยจ ำนองออกขายทอดตลาดตอ ไป การทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำรอ งของผรู อ ง
ศาลอทุ ธรณคดชี าํ นัญพิเศษไมเหน็ พองดว ย อทุ ธรณข องผรู องฟง ข้นึ
พพิ ากษากลบั ใหผ คู ดั คา นรบั คำรอ งเพอ่ื ดำเนนิ การสอบสวนสทิ ธขิ องผรู อ ง และยดึ ทรพั ย
จำนองออกขายทอดตลาดตอ ไปโดยใหผ รู อ งเปน ผรู บั ผดิ ชอบคา ใชจ า ยในการยดึ และขายทอดตลาด
ทรพั ย คา ฤชาธรรมเนียมทัง้ สองศาลใหเ ปนพบั .
(สิริพร เปรมาสวัสดิ์ สรุ มณี - สถาพร วสิ าพรหม - เกียรติคณุ แมน เลขา)
หมายเหตุ คดถี ึงท่ีสุด ภารดี เพญ็ เจริญ - ยอ
วริ ตั น วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
๘๙
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนัญพเิ ศษท่ี ๑๑๐๔/๒๕๖๓ บริษทั บริหารสินทรัพย
(ประชุมใหญ) กรงุ ศรอี ยธุ ยา จำกัด โจทก
บรษิ ัทบรหิ ารสนิ ทรพั ย
สขุ มุ วิท จำกัด ผูรอง
เจาพนักงาน
พิทักษทรพั ย ผคู ดั คาน
นายศุภชัย บูรณะกจิ
กบั พวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕, ๙๖
ผูรองเปนเจาหนี้มีประกันผูมีสิทธิเหนือทรัพยสินของลูกหนี้ในทางจำนองยอม
มสี ทิ ธไิ ดร บั ชำระหนจ้ี ากทรพั ยห ลกั ประกนั ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕
หรือมาตรา ๙๖ แมผูรองเคยยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพยสินของจำเลยที่ ๑ ตาม
มาตรา ๙๖ (๓) แตไดถอนคำขอรับชำระหนี้แลว ซึ่งการขอถอนคำขอรับหนี้ยอมลบลาง
ผลแหงการยื่นคำขอและทำใหเจาหนี้กลับคืนสูฐานะเดิมเสมือนหนึ่งมิไดมีการยื่นคำขอ
รับชำระหนี้เลย ผูรองยังคงเปนเจาหนี้มีประกันตามมาตรา ๙๕ จึงมีสิทธิขอใหผูคัดคาน
ดำเนนิ การขายทอดตลาดทรพั ยส นิ อนั เปน หลกั ประกนั แลว นำเงนิ มาชำระหนใ้ี หแ กผ รู อ งได
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสามเด็ดขาด
เม่อื วันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๔๗
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งใหผูคัดคานรับคำรองขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๕
เพื่อนำเงนิ ท่ไี ดจ ากการขายทอดตลาดทรัพยจ ำนองชำระหนใี้ หผรู อง
ผูคดั คานยืน่ คำคัดคานขอใหย กคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมคี ำส่งั ใหย กคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปนพับ
ผูร องอุทธรณโ ดยไดรับอนุญาตจากศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติ
โดยคคู วามมไิ ดโ ตแ ยง วา เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ผรู อ งไดย น่ื คำขอรบั ชำระหนจ้ี ากกอง
๙๐
ทรัพยสินของจำเลยที่ ๑ ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแกน คดีหมายเลขแดงที่
๒๓๗๙/๒๕๔๔ ในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓)
เปนเงิน ๑,๓๕๒,๒๕๐.๒๔ บาท มีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่
๑๑๑๔, ๑๑๑๕ และ ๑๑๑๖ ตำบลโนนทอน (สำราญ) อำเภอเมืองขอนแกน จังหวัดขอนแกน
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งเปน หลกั ประกนั วนั ท่ี ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๕๓ สำนกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั ขอนแกน
ไดส ง เงนิ คงเหลอื สทุ ธจิ ากการขายทอดตลาดทรพั ยห ลกั ประกนั ๒๗๗,๔๖๕ บาท เขา กองทรพั ยส นิ
ของจำเลยที่ ๑ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๕ ผูรองขอถอนคำขอรับชำระหนี้ ตอมาวันที่ ๗
มถิ นุ ายน ๒๕๖๑ ผรู อ งนำหนต้ี ามคำพพิ ากษาของศาลจงั หวดั ขอนแกน ดงั กลา วมาขอรบั ชำระหน้ี
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม คี ำสง่ั วา มลู หน้ี
ที่ผูรองขอรับชำระหนี้ ผูรองไดยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๙๖ (๓) และไดขอถอนคำขอรับ
ชำระหนโ้ี ดยไมป ระสงคจ ะดำเนนิ การใด ๆ กบั จำเลยท่ี ๑ อกี ตอ ไป ยกคำรอ ง มปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั
ตามอุทธรณของผูรองวา ผูรองมีสิทธิไดรับชำระหนี้หรือไม ผูรองอุทธรณวา จำเลยที่ ๑ เปนหนี้
ผูรอง ๒ มูลหนี้ คือ หนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพง คดีหมายเลขแดงที่ ๑๙๙๘๒/๒๕๔๑ และ
หนี้ตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดขอนแกน คดีหมายเลขแดงที่ ๒๓๗๙/๒๕๔๔ หนี้ตาม
คำพิพากษาของศาลแพงมีบุคคลภายนอกชำระหนี้แทนจำเลยที่ ๑ แลวตามสัญญาปรับปรุง
โครงสรา งหนี้ สว นหนต้ี ามคำพิพากษาของศาลจงั หวดั ขอนแกนทีผ่ รู องยน่ื คำขอรบั ชำระหน้แี ละ
ไดถอนคำขอรับชำระหนี้นั้น ผูรองยังไมเคยไดรับชำระหนี้ การถอนคำขอรับชำระหนี้เกิดจาก
ความสำคัญผิดไมทำใหหนี้ระงับ ผูรองจึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ
โดยมตทิ ป่ี ระชมุ ใหญเ หน็ วา ผรู อ งเปน เจา หนม้ี ปี ระกนั ผมู สี ทิ ธเิ หนอื ทรพั ยส นิ ของลกู หนใ้ี นทางจำนอง
ยอ มมสี ทิ ธิไดร ับชำระหนจ้ี ากทรพั ยห ลักประกันตามมาตรา ๙๕ หรอื มาตรา ๙๖ แมผูรองเคยย่นื
คำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพยสินของจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๙๖ (๓) แตไดถอนคำขอรับ
ชำระหนี้แลว ซึ่งการขอถอนคำขอรับชำระหนี้ยอมลบลางผลแหงการยื่นคำขอและทำใหเจาหนี้
กลบั คนื สฐู านะเดมิ เสมอื นหนง่ึ มไิ ดม กี ารยน่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี ลย ผรู อ งยงั คงเปน เจา หนม้ี ปี ระกนั
ตามมาตรา ๙๕ จึงมีสิทธิขอใหผูคัดคานดำเนินการขายทอดตลาดทรัพยสินอันเปนหลักประกัน
แลวนำเงินมาชำระหนี้ใหแกผูรองได แตเมื่อมีการขายทอดตลาดที่ดินทรัพยหลักประกันและสง
เงินคงเหลือสุทธิเขากองทรัพยสินของจำเลยที่ ๑ แลว ผูคัดคานยอมมีหนาที่นำเงินดังกลาว
ชำระหนี้ใหผูรองกอนเจาหนี้อื่นตามสิทธิของผูรอง ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกคำรองของ
ผรู อง ศาลอุทธรณค ดีชำนัญพเิ ศษไมเห็นพอ งดว ย อทุ ธรณของผูรองฟงขนึ้
๙๑
พิพากษากลับ ใหผูคัดคานรับคำรองขอรับชำระหนี้ในฐานะเจาหนี้มีประกันของผูรอง
เพื่อดำเนนิ การสอบสวนสทิ ธิของผูรองและมีคำสัง่ ตอไป คา ฤชาธรมเนยี มท้ังสองศาลใหเปนพับ.
(วเิ ชียร วชิรประทีป - โชคชัย รจุ นิ ินนาท - องอาจ งามมีศร)ี
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
วิรตั น วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
๙๒