ผิดนัดไมชำระหนี้ดังกลาว โดยคำสั่งซื้อหลักทรัพยครั้งสุดทายของลูกหนี้มีกำหนดชำระ
วนั ท่ี ๓๑ สงิ หาคม ๒๕๓๕ การทผ่ี คู ดั คา นมหี นงั สอื ทวงหนไ้ี ปถงึ ผรู อ งเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม
๒๕๔๗ จึงพนกำหนด ๑๐ ป นับแตลูกหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกรองใหผูรองชำระเงินตาม
คำสั่งซื้อหลักทรัพยในแตละคราวแลว หนี้ตามหนังสือทวงหนี้และหนังสือยืนยันหนี้ของ
ผูคัดคา นจึงขาดอายคุ วาม
การที่ลูกหนี้นำเงินคาขายหลักทรัพยและเงินปนผลจากหลักทรัพยคงคางใน
บัญชีของผูรองไปหักชำระดอกเบี้ยที่ลูกหนี้อางวาผูรองคางชำระนั้นเปนการดำเนินการ
ของลกู หนเ้ี พยี งฝา ยเดยี ว ทง้ั ผรู อ งยนื ยนั วา ไดช ำระหนต้ี ามคำสง่ั ซอ้ื หลกั ทรพั ยแ กล กู หน้ี
ครบถว นแลว การกระทำดงั กลา วของลกู หนจ้ี งึ ไมอ าจถอื ไดว า เปน กรณที ผ่ี รู อ งรบั สภาพหน้ี
ตอลูกหนี้ตามสิทธิเรียกรองโดยชำระหนี้ใหบางสวน ชำระดอกเบี้ย หรือกระทำการใด
อนั ปราศจากขอ สงสยั แสดงใหเ หน็ เปน ปรยิ ายวา ยอมรบั สภาพหนต้ี ามสทิ ธเิ รยี กรอ ง การ
ดำเนนิ การดงั กลา วจงึ ไมเ ปน เหตใุ หอ ายคุ วามสะดดุ หยดุ ลงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑)
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องบรษิ ทั เงนิ ทนุ หลกั ทรพั ย
เจา พระยา จำกดั ลกู หน้ี เดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๔๔ ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๔๗
ผคู ดั คา นมหี นงั สอื ทวงหนใ้ี หผ รู อ งชำระหนต้ี ามสญั ญาแตง ตง้ั ใหเ ปน ตวั แทนซอ้ื ขายหลกั ทรพั ยแ ละ
เปดบญั ชีเดนิ สะพดั เปน เงนิ ๑๖,๓๑๒,๘๙๐.๒๑ บาท พรอ มดอกเบย้ี อตั รารอยละ ๒๑ ตอป ของ
ตน เงนิ ๕,๖๐๖,๖๔๘.๗๗ บาท นบั แตว นั ท่ี ๑๗ ตลุ าคม ๒๕๔๔ เปน ตน ไปจนกวา จะชำระเสรจ็ แก
ผคู ดั คา น ผรู อ งมหี นงั สอื ปฏเิ สธหนภ้ี ายในกำหนด ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๕๑ ผคู ดั คา น
มีหนังสือยืนยันหนี้ไปยังผูรอง ผูรองยื่นคำรองคัดคานตอศาลลมละลายกลางวาการสงหนังสือ
ยืนยันหนี้ไมชอบ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งวาการสงหนังสือยืนยันหนี้ของผูคัดคานไมชอบ
ดว ยกฎหมายและมคี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นสง หนงั สอื ยนื ยนั หนไ้ี ปยงั ผรู อ งอกี ครง้ั หนง่ึ ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๗
เมษายน ๒๕๖๐ ผูคัดคานมีหนังสือยืนยันหนี้ไปยังผูรองอีกครั้ง ใหผูรองชำระเงินตามจำนวน
ท่รี ะบใุ นหนังสอื ทวงหน้ี
ผรู อ งยน่ื คำรอ งคดั คา นหนงั สอื ยนื ยนั หน้ี ขอใหม คี ำสง่ั จำหนา ยชอ่ื ผรู อ งจากบญั ชลี กู หน้ี
ผูคัดคานยื่นคำคดั คานขอใหยกคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสงั่ ใหจำหนายชือ่ ผรู อ งออกจากบัญชลี กู หนี้ คาฤชาธรรมเนยี ม
ใหเปน พับ
๑๔๓
ผคู ดั คา นอุทธรณ
ศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพิเศษแผนกคดลี มละลายวินจิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จริงฟงยตุ วิ า ผรู อ ง
ซึง่ เปน ลกู คา ของลูกหน้ไี ดม อบอำนาจใหลูกหน้เี ปน นายหนา ตัวแทนเพ่ือทำการซื้อขายหลกั ทรพั ย
ในตลาดหลกั ทรพั ยแ หง ประเทศไทยตามคำสง่ั ของผรู อ ง ลกู หนจ้ี ะออกเงนิ ทดรองใหแ กผ รู อ งในการ
ซอ้ื หลกั ทรพั ยแ ละรบั เงนิ คา ขายหลกั ทรพั ยแ ทนผรู อ ง ผรู อ งตกลงชำระคา ซอ้ื หลกั ทรพั ยท ล่ี กู หน้ี
ไดทำการสั่งซื้อตามคำสั่งของผูรองภายใน ๓ วัน นับจากวันสั่งซื้อ มีปญหาตองวินิจฉัยตาม
อุทธรณของผคู ัดคา นประการแรกวา คดีขาดอายคุ วามแลวหรอื ไม เห็นวา การทีผ่ คู ัดคานในฐานะ
เจา พนกั งานพิทกั ษท รพั ยแ จง ความเปน หนงั สือไปยงั ผรู อ งใหช ำระเงินแกกองทรัพยสนิ ของลกู หน้ี
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙ วรรคหนึ่ง เปนการบังคับตามสิทธิ
เรยี กรอ งของลกู หนซ้ี ง่ึ ผคู ดั คา นมอี ำนาจกระทำไดโ ดยไมต อ งฟอ งคดตี อ ศาล ถอื ไดว า เปน การ
กระทำการอน่ื ใดอนั มผี ลเปน อยา งเดยี วกนั กบั การฟอ งคดอี นั เปน เหตใุ หอ ายคุ วามสะดดุ หยดุ ลง
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แลว มิใชตองรอใหมีการออก
หนังสอื ยนื ยันหนต้ี ามมาตรา ๑๑๙ วรรคสอง เสียกอ น ดังทีศ่ าลลมละลายกลางวินจิ ฉัย แตก าร
ทผ่ี รู อ งแตง ตง้ั ลกู หนเ้ี ปน ตวั แทนในการซอ้ื ขายหลกั ทรพั ยใ นตลาดหลกั ทรพั ยแ หง ประเทศไทย
และการที่ผูคัดคานใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้เรียกเอาเงินที่ลูกหนี้ไดทดรองจายไปแทนผูรอง
ในการซอ้ื หลกั ทรพั ยต ามคำสง่ั ของผรู อ งนน้ั เปน กรณที ผ่ี คู ดั คา นใชส ทิ ธเิ รยี กรอ งของลกู หน้ี
ซง่ึ เปน ตวั แทนเรยี กเอาเงนิ ทไ่ี ดอ อกทดรองจา ยไปในกจิ การอนั ตวั การมอบหมายแกต นจากตวั การ
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๘๑๖ ซึ่งไมมีกฎหมายบัญญัติไวโดยเฉพาะจึงมี
กำหนด ๑๐ ป ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓๐ ซึ่งอายุความนั้นตอง
เรม่ิ นบั แตข ณะทล่ี กู หนอ้ี าจบงั คบั สทิ ธเิ รยี กรอ งไดเ ปน ตน ไป ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๑๙๓/๑๒ อายุความในการใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้ในการเรียกเงินคาซื้อหลักทรัพย
ทล่ี กู หนไ้ี ดอ อกเงนิ ทดรองแทนผรู อ งจงึ ตอ งเรม่ิ นบั เมอ่ื ครบกำหนดทผ่ี รู อ งตอ งชำระเงนิ ตาม
คำสั่งซื้อหลักทรัพยที่ลูกหนี้ไดออกเงินทดรองจายแทนผูรองในแตละคราวแตผูรองไมชำระ
โดยหนีพ้ พิ าทในคดีนีเ้ กดิ ขึ้นระหวางวันท่ี ๒๐ สิงหาคม ๒๕๓๕ ถงึ วนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๓๕
โดยเมือ่ วันท่ี ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๓๕ ผรู อ งมคี ำสงั่ ซ้อื หลกั ทรพั ยเปน เงิน ๑๑,๑๙๙,๔๖๘.๗๕ บาท
และวนั เดยี วกันผูรองมคี ำส่งั ขายหลกั ทรพั ยเปน เงิน ๗,๑๐๗,๒๘๕ บาท ครบกำหนดชำระคา
ซื้อขายหลักทรัพยในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๕ ตอมาเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ ผูรองมี
คำสั่งซื้อหลักทรัพยเปนเงิน ๑๐,๓๙๔,๒๑๒.๕๐ บาท และมีคำสั่งขายหลักทรัพยเปนเงิน
๑๖,๐๐๕,๘๙๗.๘๗ บาท ครบกำหนดชำระคา ซ้อื ขายหลกั ทรัพยใ นวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๓๕
๑๔๔
เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๕ ผูรองมีคำสั่งซื้อหลักทรัพยเปนเงิน ๑๑,๖๕๒,๙๗๕ บาท และมี
คำสั่งขายหลักทรัพยเปนเงิน ๑๑,๘๗๔,๖๐๓.๖๑ บาท ครบกำหนดชำระคาซื้อขายหลักทรัพย
ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๕ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๓๕ ผูรองมีคำสั่งซื้อหลักทรัพยเปน
เงิน ๓๖๗,๓๒๗.๕๐ บาท ครบกำหนดชำระคาซื้อหลักทรัพยในวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๓๕
และเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ ผูรองมีคำสั่งซื้อหลักทรัพยเปนเงิน ๕๐,๗๕๒.๕๐ บาท
ครบกำหนดชำระคาซ้อื หลกั ทรพั ยในวนั ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ ตอ มาเมื่อวนั ท่ี ๒๗ สงิ หาคม ๒๕๓๕
ลูกหนี้ไมรับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพยของผูรองอีกตอไป เมื่อผูคัดคานอางวาลูกหนี้ไดออกเงิน
ทดรองจายคาซื้อหลักทรัพยที่ผูรองมีคำสั่งซื้อครบถวนแลว แตผูรองมิไดชำระเงินคาซื้อหลักทรัพย
ใหแ กล กู หนต้ี ามกำหนด อายคุ วามในการใชส ทิ ธเิ รยี กรอ งของลกู หนจ้ี งึ ตอ งเรม่ิ นบั เมอ่ื ครบกำหนด
ทผ่ี รู อ งตอ งชำระเงนิ คา ซอ้ื หลกั ทรพั ยค นื ใหแ กล กู หนต้ี ามทล่ี กู หนไ้ี ดอ อกเงนิ ทดรองแทนในแตล ะคราว
แตผ รู อ งผดิ นดั ไมชำระหนีด้ งั กลาว โดยคำสง่ั ซอื้ หลกั ทรัพยค รั้งสุดทา ยของผูรอ งมกี ำหนดชำระ
ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๕ ดังนี้ การที่ผูคัดคานมีหนังสือทวงหนี้ไปถึงผูรองเมื่อวันที่ ๑๕
มีนาคม ๒๕๔๗ จึงพนกำหนด ๑๐ ป นับแตลูกหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกรองใหผูรองชำระเงิน
ตามคำสั่งซื้อหลักทรัพยในแตละคราวแลว หนี้ตามหนังสือทวงหนี้และหนังสือยืนยันหนี้ของ
ผคู ดั คา นจงึ ขาดอายคุ วาม ทง้ั นแ้ี มจ ะปรากฏขอ เทจ็ จรงิ วา ลกู หนไ้ี ดห กั กลบลบหนค้ี า ซอ้ื หลกั ทรพั ย
กับคา ขายหลักทรพั ย และลกู หนน้ี ำเงินปนผลทไ่ี ดจ ากหลักทรพั ยค งคางในบญั ชีของผรู อ งไปหกั
ชำระดอกเบ้ียที่ลกู หนอ้ี างวาผูรองคางชำระระหวางเดือนกนั ยายน ๒๕๓๕ ถึงเดือนมิถนุ ายน ๒๕๔๔
ก็เปนการดำเนินการของลูกหนี้เพียงฝายเดียว ทั้งผูรองยืนยันวาผูรองไดชำระหนี้ตามคำสั่งซื้อ
หลกั ทรพั ยว นั ท่ี ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๓๕ แกล กู หนค้ี รบถว นแลว ไมม เี งนิ คา งชำระลกู หนอ้ี กี ลกู หน้ี
เปนฝายตองชำระเงินคาขายหลักทรัพยใหแกผูรอง การที่ลูกหนี้นำเงินคาขายหลักทรัพยและ
เงินปนผลไปหกั ชำระหนีจ้ งึ ไมอาจถอื ไดว าเปน กรณที ีผ่ รู อ งรบั สภาพหนี้ตอลูกหนีต้ ามสทิ ธิเรียกรอ ง
โดยชำระหนใ้ี หบ างสว น ชำระดอกเบย้ี หรอื กระทำการใด ๆ อนั ปราศจากขอ สงสยั แสดงใหเ หน็
เปนปริยายวายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกรอง การดำเนินการดังกลาวจึงไมเปนเหตุใหอายุความ
สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๑) สวนการที่ลูกหนี้ฟอง
ผูรองเปนคดีอาญาในขอหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘
ก็หาไดทำใหอายุความในการใชสิทธิเรียกรองคดีนี้สะดุดหยุดลงไม ครั้นเมื่อลูกหนี้ถูกศาลสั่ง
พิทักษทรัพยเด็ดขาดแลวผูคัดคานเขารวบรวมจัดการทรัพยสินของลูกหนี้และมีหนังสือทวงหนี้
ไปยังผูรองเมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๗ จึงเปนการทวงหนี้เมื่อพนกำหนดอายุความ ๑๐ ป
๑๔๕
คดีจึงขาดอายุความ ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหจำหนายชื่อผูรองออกจากบัญชีลูกหนี้นั้น
ศาลอุทธรณค ดีชำนญั พิเศษเหน็ พอ งดว ยในผล อทุ ธรณข องผคู ัดคา นฟง ไมขน้ึ
พิพากษายืน คาฤชาธรรมเนียมชั้นอทุ ธรณใหเปน พับ
(อดศิ ักด์ิ ศรธนะรัตน - ปฏกิ รณ คงพพิ ิธ - พนู ศักด์ิ เขม็ แซมเกษ)
รตมิ า ชยั สโุ รจน - ยอ
วริ ตั น วิศษิ ฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงทส่ี ดุ
๑๔๖
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษที่ ๑๘๓๙/๒๕๖๑ ธนาคารกรงุ ไทย
จำกดั (มหาชน) โจทก
นางยพุ า จนั ทรักษ ผรู อ ง
เจาพนักงาน
พิทกั ษท รพั ย ผูคดั คาน
บรษิ ัทเพชรนำ้ หน่ึง
พฒั นา จำกดั
หรอื บรษิ ัทซติ ี้ แอสเสท
จำกดั กบั พวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒
การทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ ะปฏเิ สธทรพั ยส นิ หรอื สทิ ธติ ามสญั ญาตาม พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒ ไดน น้ั จะตอ งเปน กรณที รพั ยส นิ หรอื สทิ ธติ ามสญั ญา
มภี าระเกนิ ควรกวา ประโยชนท ่จี ะพงึ ได แตส ิทธิของจำเลยท่ี ๑ ทจี่ ะไดร ับชำระเงินคา ที่ดิน
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งจากผรู อ ง โดยจำเลยท่ี ๑ ตอ งโอนทด่ี นิ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งและจดั ใหม ี
สาธารณปู โภคตา ง ๆ ตามสญั ญาจะซอ้ื จะขายใหผ รู อ ง เปน สทิ ธติ ามคำพพิ ากษาของศาล
ผคู ดั คา นไมม อี ำนาจไมย อมรบั ทรพั ยส นิ หรอื สทิ ธดิ งั กลา ว และการทจ่ี ำเลยท่ี ๑ ตอ งไปโอน
ทด่ี นิ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งและจดั ใหม สี าธารณปู โภคตา ง ๆ กเ็ ปน หนต้ี ามคำพพิ ากษาซง่ึ
จำเลยที่ ๑ ตองปฏิบัติตามดวย ผูคัดคานจะอางอำนาจตามมาตรา ๑๒๒ มาบอกปด
ความผกู พันวา เปนสทิ ธติ ามสญั ญาจะซ้อื จะขายหาไดไ ม
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสามเด็ดขาด
เม่อื วนั ท่ี ๒๙ มถิ ุนายน ๒๕๕๙
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหม คี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นปฏบิ ตั ติ ามคำพพิ ากษาศาลแพง คดหี มายเลขแดงท่ี
ผบ. ๑๑๙๖/๒๕๕๔
ผูคัดคานยื่นคำคัดคานวา ภาระที่จำเลยที่ ๑ ตองปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายมีเกิน
ควรกวา ประโยชนท จ่ี ำเลยท่ี ๑ พงึ จะได ผคู ดั คา นจงึ มอี ำนาจไมย อมรบั สทิ ธติ ามสญั ญานน้ั ขอให
ยกคำรอ ง
๑๔๗
ศาลลมละลายกลางมีคำสัง่ ยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปนพับ
ผูรองอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา เห็นวา การที่เจาพนักงาน
พทิ กั ษท รพั ยจ ะปฏเิ สธทรพั ยส นิ หรอื สทิ ธติ ามสญั ญาตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๒๒ ไดนั้นจะตองเปนกรณีทรัพยสินหรือสิทธิตามสัญญามีภาระเกินควรกวาประโยชน
ทจ่ี ะพงึ ได แตส ทิ ธขิ องจำเลยท่ี ๑ ทจ่ี ะไดร บั ชำระเงนิ ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท เปน สทิ ธติ ามคำพพิ ากษา
ของศาลแพง คดหี มายเลขแดงที่ ผบ.๑๑๙๖/๒๕๕๔ ที่พิพากษาใหจ ำเลยที่ ๑ แบง โอนกรรมสทิ ธ์ิ
ทด่ี นิ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งเนอ้ื ท่ี ๑๐๘ ตารางวา ตามโฉนดทด่ี นิ ทจ่ี ำเลยท่ี ๑ หรอื ตวั แทนไดข ออนญุ าต
จัดสรรที่ดินแกผูรองใหจำเลยที่ ๑ จัดใหมีไฟฟา น้ำประปา ถนนและสาธารณูปโภคตาง ๆ ที่ได
ตกลงตามสัญญาจะซื้อจะขายใหผูรอง หากไมสามารถดำเนินการผูรองจะเปนผูดำเนินการโดย
จำเลยที่ ๑ จะตองออกคาใชจายทั้งสิ้น ใหผูรองชำระคาที่ดินพรอมสิ่งปลูกสรางที่คางชำระ
๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ใหแ กจ ำเลยท่ี ๑ และใหจ ำเลยท่ี ๑ ชดใชค า ฤชาธรรมเนยี มแทนผรู อ งโดยกำหนด
คาทนายความ ๔,๐๐๐ บาท แมสิทธิดังกลาวจะสืบเนื่องมาจากการที่ผูรองและจำเลยที่ ๑ ทำ
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและบานพิพาทก็ตาม ผูคัดคานก็ไมมีอำนาจไมยอมรับทรัพยสินหรือ
สทิ ธดิ งั กลา วและโดยนยั เดยี วกนั การทจ่ี ำเลยท่ี ๑ จะตอ งไปจดั การแบง โอนกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ พรอ ม
สิ่งปลกู สรา งเนอื้ ท่ี ๑๐๘ ตารางวา ตามโฉนดท่ดี นิ ท่จี ำเลยที่ ๑ หรอื ตัวแทนไดขออนุญาตจดั สรร
ที่ดินแกผูรองและจัดใหมีไฟฟา น้ำประปา ถนนและสาธารณูปโภคตาง ๆ ที่ไดตกลงตามสัญญา
จะซื้อจะขายก็เปนหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งจำเลยที่ ๑ มีหนาที่ที่จะตองปฏิบัติตามดวย ดังนั้น
ผูคัดคานจะอางอำนาจตามมาตรา ๑๒๒ ดังกลาวมาบอกปดความผูกพันวาเปนสิทธิตามสัญญา
จะซื้อจะขายในกรณีเชน น้หี าไดไม
พพิ ากษากลบั ใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๑ ปฏบิ ตั ติ ามคำพพิ ากษาของ
ศาลแพง คดีหมายเลขแดงท่ี ผบ.๑๑๙๖/๒๕๕๔ คา ฤชาธรรมเนียมทั้งสองชั้นศาลใหเ ปนพับ.
(วเิ ชยี ร วชิรประทีป - โชคชัย รุจนิ นิ นาท - องอาจ งามมศี ร)ี
หมายเหตุ คดีถึงทสี่ ุด สรายุทธ เตชะวุฒพิ นั ธุ - ยอ
อดิศกั ด์ิ เทียนกรมิ - ตรวจ
๑๔๘
คำพิพากษาศาลอุทธรณค ดชี ำนัญพิเศษท่ี ๙๕๗/๒๕๖๔ นายสตีเฟน ฟุลแกม
กับพวก โจทก
บริษทั พาราไดซ ลากนู า
ภเู กต็ จำกดั ผูร อ ง
เจา พนักงาน
พิทักษทรัพย ผคู ดั คา น
บรษิ ทั นภวรรณ
เอเชีย จำกดั กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒
การทผ่ี คู ดั คา นจะไมย อมรบั สทิ ธติ ามสญั ญาทม่ี ตี อ บคุ คลอน่ื ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒ นน้ั หมายถงึ สทิ ธติ ามสญั ญาทจ่ี ำเลยจะพงึ ไดร บั หาใชส ทิ ธติ าม
สัญญาที่ผูอื่นจะพึงไดรับไม ขอเท็จจริงไดความวา ผูรองทำสัญญาจะซื้อจะขายหองชุด
พักอาศยั โดยผูรองชำระเงินแกผขู ายครบถว นตามสญั ญาแลว จำเลยท้ังสองยอ มไมม ี
สิทธใิ ด ๆ หรอื ประโยชนท่ีจะไดรับจากผรู องอกี จำเลยทัง้ สองคงมเี พียงหนาทท่ี ่ีจะตอ ง
ปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขาย คือกอสรางอาคารหองชุดพักอาศัยใหเสร็จ ดำเนินการ
จดทะเบียนอาคารชุดและจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุดตามกฎหมาย รวมทั้งโอนกรรมสิทธิ์
ใหแกผูรอง เมื่อผูรองไดฟองจำเลยทั้งสองกับพวกเปนจำเลยตอศาลจังหวัดภูเก็ตเปน
คดีแพงใหปฏิบัติตามสัญญาและมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันจนศาล
มีคำพิพากษาตามยอม สิทธิที่ปรากฏตามขอตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ
จึงหาใชสิทธิตามสัญญาอีกตอไป เพราะเปนสิทธิตามสัญญาประนีประนอมความซึ่งศาล
ไดพ พิ ากษาแลว อนั เปน สทิ ธติ ามคำพพิ ากษานน่ั เอง และการทจ่ี ำเลยทง้ั สองจะตอ งไป
จดทะเบยี นอาคารชุดและจัดต้งั นติ บิ ุคคลอาคารชดุ ตามกฎหมาย รวมทั้งดำเนนิ การปลอด
จำนองหองชุดดังกลาวนำมาโอนใหแกผูรองนั้น ถือไดวาเปนหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งจำเลย
ทัง้ สองผลู ม ละลายมีหนาทีท่ ต่ี อ งปฏิบตั ิตาม ผคู ัดคา นจงึ ไมอาจอางอำนาจตาม พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒ มาบอกปด ความผกู พนั ของจำเลยทง้ั สองผลู ม ละลาย
ตามสัญญาประนปี ระนอมยอมความดงั กลา วได
_____________________________
๑๔๙
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๐ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของจำเลยทง้ั สองเด็ดขาด และพพิ ากษาใหลมละลายเมื่อวนั ที่ ๔ กุมภาพนั ธ ๒๕๖๒ ตอ มาวนั ท่ี
๒๖ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๓ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหผ คู ดั คา นปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความ
ซงึ่ ศาลไดม คี ำพิพากษาตามยอมแลว ผูคัดคา นสอบสวนแลว มคี ำสั่งยกคำรอง
ผรู อ งยน่ื คำรอ งและแกไ ขคำรอ ง ขอใหม คี ำสง่ั กลบั หรอื แกไ ขคำสง่ั ของผคู ดั คา น ใหผ คู ดั คา น
ดำเนนิ การปลอดจำนอง จดทะเบยี นอาคารชดุ และจดทะเบยี นโอนหอ งชดุ ในอาคารชดุ พกั อาศยั
หลังที่ ๗ ชั้นที่ ๓ หอง ๗ พี (P) หรือหองชุดพักอาศัยเลขที่ ๑๓๓/๔ หมูที่ ๖ ตำบลเชิงทะเล
อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งตั้งอยูบนโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๓๘๓๖ เลขที่ดิน ๕๔ ตำบลเชิงทะเล
อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใหผูรอง หรือมีคำสั่งใหผูรองมีสิทธิในอาคารชุดพักอาศัยดังกลาว
และใหผูค ัดคา นดำเนนิ การแยกสง่ิ ปลกู สรา งในท่ดี ินใหแกผูรองโดยไมข ายทอดตลาด
ผูคัดคานย่นื คำคดั คาน ขอใหยกคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนคำสั่งผูคัดคาน ใหผูคัดคานพิจารณาและ
ดำเนนิ การใหเ ปน ไปตามสทิ ธขิ องผรู อ งตามกฎหมาย คำขออน่ื ใหย ก คา ฤชาธรรมเนยี มใหเ ปน พบั
ผูค ดั คานอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงไดวา เมื่อ
วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๔๙ ผูรองไดทำสัญญาจะซื้อจะขายหองชุดพักอาศัย โครงการชมตะวัน
เรสซิเดนเชี่ยล คอนโดมิเนียม อาคารหลังที่ ๗ ชั้นที่ ๓ หอง ๗ พี (P) เนื้อที่ ๕๔๐ ตารางเมตร
ปจจุบันคือหองชุดพักอาศัยเลขที่ ๑๓๓/๔ หมูที่ ๖ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ตั้งอยูบนที่ดินโฉนดเลขที่ ๓๓๘๓๖ เลขที่ดิน ๕๔ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ของจำเลยที่ ๑ โดยบริษัทชมตะวัน อพารทเมนทส จำกัด ผูขาย ตกลงจะกอสรางใหแลวเสร็จ
ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๐ และจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใหผูรองภายในหนึ่งเดือนนับแต
กอ สรา งและจดทะเบยี นอาคารชดุ แลว เสรจ็ ผรู อ งชำระเงนิ ตามสญั ญาแกผ ขู าย ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ครบถวนแลว และผูขายไดสงมอบหองชุดใหผูรองครอบครองตั้งแตวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
แตไ มส ามารถดำเนนิ การจดทะเบยี นโอนใหผ รู อ งได ผรู อ งจงึ ฟอ งคดจี ำเลยทง้ั สองในคดนี ใ้ี นฐานะ
ผรู ว มดำเนนิ การโครงการดงั กลา วกบั พวกตอ ศาลจงั หวดั ภเู กต็ คดรี ะหวา ง บรษิ ทั พาราไดซ ลากนู า
ภเู กต็ จำกดั โจทก บรษิ ทั ชมตะวนั อพารท เมน ทส จำกดั ท่ี ๑ บรษิ ทั นภวรรณ เอเชยี จำกดั ท่ี ๒
บริษัทวิธวัณ จำกัด ที่ ๓ บริษัทมหธน จำกัด ที่ ๔ นางสาวจุรีรัตน ประณีต ที่ ๕ จำเลย ตอมา
เมอ่ื วนั ท่ี ๔ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๖ ศาลจงั หวดั ภเู กต็ มคี ำพพิ ากษาตามยอม เปน คดหี มายเลขแดงท่ี
ผบ.๑๘๑/๒๕๕๖ ใหจ ำเลยในคดดี งั กลา วรว มกนั จดทะเบยี นอาคารชดุ พกั อาศยั หลงั ท่ี ๗ ชน้ั ท่ี ๓
๑๕๐
หอง ๗ พี (P) เนื้อที่ ๕๔๐ ตารางเมตร หรือหองชุดพักอาศัยเลขที่ ๑๓๓/๔ หมูที่ ๖ ตำบลเชิง
ทะเล อำเภอถลาง จงั หวดั ภเู กต็ และจดทะเบยี นจดั ตง้ั นติ บิ คุ คลอาคารชดุ ตามกฎหมายอาคารชดุ
รวมทั้งจดทะเบียนปลอดจำนองหองชุดนำมาโอนใหแกผูรองใหเสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน หากไม
ปฏบิ ตั ติ าม ใหผ รู อ งบงั คบั คดเี ปน เงนิ ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอ มดอกเบย้ี ในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป
นับแตว นั ฟองเปน ตน ไปจนกวา จะชำระเสรจ็ หอ งชดุ ดังกลาวตงั้ อยูบนท่ีดินโฉนดเลขที่ ๓๓๘๓๖
เลขที่ดิน ๕๔ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตของจำเลยที่ ๑ ที่ไดจดทะเบียนจำนอง
ไวก บั ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกดั (มหาชน)
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นวา ผคู ดั คา นมอี ำนาจปฏเิ สธไมป ฏบิ ตั ิ
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหวางผูรองกับจำเลยทั้งสองหรือไม ผูคัดคานอุทธรณ
ประการแรกวา ในการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์อาคารหองชุดพักอาศัยใหแกผูรอง ผูคัดคาน
จะตองดำเนินการไถถอนจำนองจากธนาคารไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) โดยจำเลยที่ ๑
มีภาระหนี้กับธนาคารดังกลาวตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ณ วันที่ศาลลมละลายกลาง
มีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาด เปนเงิน ๒๒๗,๕๔๒,๔๙๓.๘๖ บาท พรอมดอกเบี้ย
ผิดนัดนับแตวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๐ เปนตนไปจนถึงวันขายทอดตลาดทรัพยจำนอง
เมื่อเทียบกับความยุงยากหรือภาระที่จะตองปฏิบัติใหเปนไปตามสัญญาระหวางผูรองกับจำเลย
ทั้งสองแลวจึงเปนกรณีสิทธิตามสัญญามีภาระเกินควรกวาประโยชนที่จะพึงไดรับ เห็นวา การที่
ผคู ดั คา นจะไมย อมรบั สทิ ธติ ามสญั ญาทม่ี ตี อ บคุ คลอน่ื ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๒๒ นั้น หมายถึงสิทธิตามสัญญาที่จำเลยจะพึงไดรับ หาใชสิทธิตามสัญญาที่ผูอื่นจะ
พงึ ไดร บั ไม ขอ เทจ็ จรงิ ไดค วามวา ผรู อ งทำสญั ญาจะซอ้ื จะขายหอ งชดุ พกั อาศยั โดยผรู อ งชำระเงนิ
ตามสัญญาแกผูขายจำนวน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ครบถวนตามสัญญาแลว จำเลยทั้งสองยอม
ไมม สี ทิ ธใิ ด ๆ หรอื ประโยชนท จ่ี ะไดร บั จากผรู อ งอกี จำเลยทง้ั สองคงมเี พยี งหนา ทท่ี จ่ี ะตอ งปฏบิ ตั ิ
ตามสัญญาจะซื้อจะขาย คือ กอสรางอาคารหองชุดพักอาศัยใหเสร็จ ดำเนินการจดทะเบียน
อาคารชดุ และจดั ตง้ั นติ บิ คุ คลอาคารชดุ ตามกฎหมาย รวมทง้ั โอนกรรมสทิ ธใ์ิ หแ กผ รู อ ง เมอ่ื ผรู อ ง
ไดฟ อ งจำเลยทง้ั สองกบั พวกเปน จำเลยตอ ศาลจงั หวดั ภเู กต็ เปน คดแี พง ใหป ฏบิ ตั ติ ามสญั ญา และ
มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันจนศาลมีคำพิพากษาตามยอมใหเปนคดีหมายเลข
แดงท่ี ผบ.๑๘๑/๒๕๕๖ ของศาลจงั หวดั ภเู กต็ สทิ ธทิ ป่ี รากฏตามขอ ตกลงในสญั ญาประนปี ระนอม
ยอมความ จงึ หาใชส ทิ ธติ ามสญั ญาอกี ตอ ไป เพราะเปน สทิ ธติ ามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความ
ซึ่งศาลไดพิพากษาแลว อันเปนสิทธิตามคำพิพากษานั่นเอง และการที่จำเลยทั้งสองจะตองไป
๑๕๑
จดทะเบยี นอาคารชดุ และจดั ตง้ั นติ บิ คุ คลอาคารชดุ ตามกฎหมาย รวมทง้ั ดำเนนิ การปลอดจำนอง
หองชุดดังกลาวนำมาโอนใหแกผูรองนั้น ถือไดวาเปนหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งจำเลยทั้งสอง
ผลู ม ละลายมหี นา ทท่ี ต่ี อ งปฏบิ ตั ติ าม ผคู ดั คา นจงึ ไมอ าจอา งอำนาจตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๒ มาบอกปดความผูกพันของจำเลยทั้งสองผูลมละลายตามสัญญา
ประนีประนอมยอมความดังกลาวได และที่ผูคัดคานอุทธรณอางวา หองชุดอาคารที่พักที่ผูรอง
ขอใหป ฏบิ ตั ติ ามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความนน้ั ตง้ั อยบู นทด่ี นิ ทต่ี ดิ จำนองธนาคารไอซบี ซี ี (ไทย)
จำกัด (มหาชน) ผูคัดคานยังไมสามารถรวบรวมทรัพยสินของจำเลยทั้งสองได กองทรัพยสิน
ไมม เี งนิ ทจ่ี ะนำไปชำระหนใ้ี หแ กธ นาคารเพอ่ื ปลอดจำนองไดน น้ั เหน็ วา เมอ่ื การจดั การทรพั ยส นิ
และกิจการของจำเลยทั้งสองยังไมเสร็จสิ้น ขออางดังกลาวเปนเพียงปญหาในชั้นบังคับคดีที่ยัง
มิไดดำเนินการเทานั้น การชำระหนี้ยังไมถือวาเปนการพนวิสัย หากไดจดทะเบียนอาคารชุด
และแยกกรรมสิทธิ์เฉพาะสวนของผูรองแลว ภาระหนี้ที่ตองปลอดการจำนองเพื่อใหเปนไปตาม
คำพิพากษาตามยอมยอมไมสูงดังที่ผูคัดคานอาง สวนอุทธรณของผูคัดคานวา ตามสัญญา
ประนีประนอมยอมความขอ ๑ ซึ่งกำหนดใหดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุด
ตามกฎหมายอาคารชุด รวมทั้งจดทะเบียนปลอดจำนองหองชุดไดพนระยะเวลาตามสัญญา
ประนีประนอมยอมความแลวผูคัดคานไมสามารถกระทำการไดเนื่องจากสัญญาประนีประนอม
ยอมความและคำพพิ ากษาตามยอมไมไ ดก ำหนดใหถ อื เอาคำพพิ ากษาแทนการแสดงเจตนาของ
จำเลย ผูรองจึงตองบังคับคดีตามขอ ๒ ของสัญญาโดยบังคับเอากับหนี้เงิน ๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
พรอมดอกเบี้ยแทนนั้น เห็นวา เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของลูกหนี้คือจำเลยทั้งสองแลว
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ตผ เู ดยี วมอี ำนาจจดั การและจำหนา ยทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี หรอื กระทำการ
ทจ่ี ำเปน เพอ่ื ใหก จิ การของลกู หนท้ี ค่ี า งอยเู สรจ็ สน้ิ ไปตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๒๒ (๑) ดงั นน้ั ผคู ดั คา นจงึ มอี ำนาจจดั การกจิ การเกย่ี วกบั หอ งชดุ ทพ่ี กั อาศยั ตามสญั ญา
ประนีประนอมยอมความแทนจำเลยทั้งสองได หาใชเรื่องที่ผูรองตองอาศัยคำพิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของจำเลยแตอยางใดไม เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดหนาที่ให
จำเลยทั้งสองกระทำการตามขอ ตกลงเก่ยี วกับหอ งชดุ ท่ีพักอาศัยดังกลาวอันเปน กิจการเกี่ยวกับ
ทรพั ยสินของจำเลยท้งั สอง เปน หนที้ ี่ตองชำระโดยเฉพาะเจาะจง และไมใ ชกรณีท่สี ภาพแหงหน้ี
ไมเ ปด ชอ งใหบ งั คบั ไดแ ลว ผคู ดั คา นจงึ ไมอ าจปฏเิ สธไมป ฏบิ ตั ติ ามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความ
ระหวา งผรู อ งกบั จำเลยทง้ั สองได ทศ่ี าลลม ละลายกลางวนิ จิ ฉยั มานน้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
เห็นพองดวย อทุ ธรณข องผคู ดั คานฟงไมข้นึ
๑๕๒
พพิ ากษายนื คาฤชาธรรมเนยี มชนั้ อทุ ธรณใ หเ ปนพับ.
(โชคชยั รุจนิ ินนาท - วเิ ชยี ร วชริ ประทีป - องอาจ งามมีศรี)
สรายุทธ เตชะวฒุ ิพนั ธุ - ยอ
วิรัตน วิศิษฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ที่สดุ
๑๕๓
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พิเศษท่ี ๔๘๒๑/๒๕๖๑ บริษัทบรหิ ารสนิ ทรพั ย
สุขุมวิท จำกดั โจทก
ธนาคารกรุงศรีอยธุ ยา
จำกดั (มหาชน) ผูรอง
เจา พนกั งาน
พิทักษทรพั ย ผูค ดั คา น
นายชานนทห รอื
อานนท ไวยะวงษ
กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๑๗๙ (๔)
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๑ เด็ดขาดแลว อำนาจในการจัดการ
และจำหนา ยทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๑ ยอ มเปน ของผคู ดั คา นแตผ เู ดยี ว ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) แมไ มม เี จา หนน้ี ำยดึ ทรพั ย ผคู ดั คา นกม็ อี ำนาจยดึ ทรพั ยไ ดเ อง
และยึดทรัพยของจำเลยที่ ๑ ไดทั้งหมดโดยไมตองพิจารณาถึงจำนวนหนี้ของโจทก
เหมือนเชนคดีแพง เนื่องจากเปนการกระทำเพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย แมผูรอง
จะขอรบั ชำระหนอ้ี ยา งเจา หนม้ี ปี ระกนั กต็ าม เมอ่ื ทรพั ยห ลกั ประกนั มรี าคาประเมนิ สงู กวา
จำนวนหนท้ี ผ่ี รู อ งขอรบั ชำระหนม้ี าก มลู คา ทรพั ยห ลกั ประกนั สว นทเ่ี หลอื สามารถนำมา
แบงเฉลี่ยชำระหนี้ใหแกเจาหนี้รายอื่นได การขอยึดทรัพยหลักประกันของผูรองจึงเปน
ไปเพอ่ื ประโยชนแ กเ จา หนท้ี ง้ั หลาย การใหผ รู อ งเสยี คา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ
ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ยในอตั รารอ ยละ ๒ ของราคาทรพั ยส นิ ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ (๔) โดยไมพิจารณาถึงยอดหนี้ที่ผูรองขอรับชำระหนี้ยอมเปน
การไมชอบ คำสั่งกรมบังคับคดีที่ ๕๗๘/๒๕๔๙ เรื่อง การเรียกเก็บเงินคาธรรมเนียมใน
คดีแพงและคดีลมละลาย วา การคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขายใหคิดจากราคา
ประเมินขณะยึดของเจาพนักงานบังคับคดีเปรียบเทียบกับยอดหนี้ตามหมายบังคับคดี
โดยคิดดอกเบี้ยถึงวันที่วางคาธรรมเนียม หากจำนวนเงินใดนอยกวาใหใชจำนวนนั้น
เปนฐานในการคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขายได คำสั่งดังกลาวเปนแนวปฏิบัติ
เกี่ยวกับการทำบัญชีแสดงรายการรับ-จายเงินในคดีแพงซึ่งระบุใหนักบัญชีปฏิบัติแตก็
๑๕๔
กำหนดถงึ การคดิ คา ธรรมเนยี มยดึ แลว ไมม กี ารขายไวด ว ย นกั บญั ชแี ละผคู ดั คา นตา งเปน
เจาหนาที่กรมบังคับคดีดวยกัน ยอมตองปฏิบัติเชนเดียวกัน ผูคัดคานจึงตองคิดคา
ธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขาย โดยคิดจากราคาประเมินจากยอดเงินที่ผูรองขอรับ
ชำระหน้ีซง่ึ เปน จำนวนที่นอ ยกวา
_____________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๑ เด็ดขาด
เม่อื วนั ท่ี ๘ มนี าคม ๒๕๕๔
ผูรองซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๓ ยื่นคำรอง ขอใหมีคำสั่งใหผูคัดคานคิดคาธรรมเนียม
ยึดทรพั ยสินแลว ไมมกี ารขายจากยอดหน้ีที่ผรู องขอรบั ชำระหนี้
ผคู ัดคา นยื่นคำคดั คาน ขอใหยกคำรอ ง
ศาลลม ละลายกลางมคี ำส่งั ยกคำรอง คาฤชาธรรมเนยี มใหเ ปนพับ
ผูคัดคานอทุ ธรณโดยไดรับอนุญาตจากศาลอุทธรณคดชี ำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงฟงเปนยุติโดย
คคู วามมไิ ดโ ตแ ยง วา ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๑ เดด็ ขาด เมอ่ื วนั ท่ี ๘
มนี าคม ๒๕๕๔ ผรู อ งขอรบั ชำระหนจ้ี ากกองทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๑ มลู หนค้ี ำ้ ประกนั หนเ้ี บกิ เงนิ
เกินบัญชีเปนเงิน ๕,๙๓๒,๑๖๕.๔๗ บาท อยางเจาหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓) โดยมีที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๕๑๒, ๓๗๔๔, และ ๓๙๓๓ ตำบล
ทบั กวาง อำเภอแกง คอย จงั หวดั สระบรุ ี จำนองเปน หลกั ประกนั ผคู ดั คา นยดึ หลกั ประกนั ดงั กลา ว
ประเมินราคา ๔๘,๑๘๔,๕๐๐ บาท ตอมาเจาหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ทุกรายถอนคำขอรับชำระหนี้
ผูคัดคานถอนการยึดและเรียกใหผูรองชำระคาธรรมเนียมสำหรับทรัพยสินที่ไมมีการขายหรือ
จำหนายตามราคาประเมินในอตั รารอ ยละ ๒ ของราคาทรัพยเ ปน เงิน ๙๖๓,๓๒๔ บาท มปี ญหา
ตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งวา คา ธรรมเนยี มการยดึ ทรพั ยส นิ แลว ไมม กี ารขายตอ งคำนวณ
จากยอดหนท้ี ผ่ี รู อ งขอรบั ชำระหนห้ี รอื ไม เหน็ วา เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๑ แลว
อำนาจในการจดั การและจำหนา ยทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๑ ยอ มเปน ของผคู ดั คา นแตผ เู ดยี ว ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) แมไมมีเจาหนี้นำยึดทรัพย ผูคัดคาน
กม็ อี ำนาจยดึ ทรพั ยไ ดเ อง และยดึ ทรพั ยข องจำเลยท่ี ๑ ไดท ง้ั หมดโดยไมต อ งพจิ ารณาถงึ จำนวนหน้ี
ของโจทกเหมือนเชนคดีแพงเนื่องจากเปนการกระทำเพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย แมผูรอง
๑๕๕
จะขอรับชำระหน้อี ยา งเจา หนี้มีประกนั อนั จะทำใหผ รู องมีสทิ ธิรับชำระหนี้จากทรัพยหลักประกัน
กอนเจาหนี้อื่นก็ตาม แตคดีนี้ผูรองขอรับชำระหนี้เพียง ๕,๙๓๒,๑๖๕.๔๗ บาท ในขณะที่ทรัพย
หลกั ประกนั มรี าคาประเมนิ ถงึ ๔๘,๑๘๔,๕๐๐ บาท ซง่ึ สงู กวา จำนวนหนท้ี ผ่ี รู อ งขอรบั ชำระหนม้ี าก
จึงเห็นไดวามูลคาทรัพยหลักประกันสวนที่เหลือสามารถนำมาแบงเฉลี่ยชำระหนี้ใหแกเจาหนี้
รายอน่ื ได การขอยดึ ทรพั ยห ลกั ประกนั ของผรู อ งจงึ เปน ไปเพอ่ื ประโยชนแ กเ จา หนท้ี ง้ั หลาย การ
ใหผ รู องเสยี คา ธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสนิ ทไ่ี มมีการขายหรอื จำหนา ยในอตั รารอยละ ๒
ของราคาทรพั ยส นิ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ (๔) โดยไมพ จิ ารณา
ถึงยอดหนี้ที่ผูรองขอรับชำระยอมไมเปนธรรมแกผูรอง โดยเฉพาะแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการ
ทำบญั ชแี สดงรายรบั -จายเงินในคดแี พง แนบทา ยคำสงั่ กรมบงั คบั คดที ี่ ๕๗๘/๒๕๔๙ มกี ารระบุ
ถึงการคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขายไวในขอ ๑๒ วา การคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมี
การขาย ใหคิดจากราคาประเมินขณะยึดของเจาพนักงานบังคับคดีเปรียบเทียบกับยอดหนี้ตาม
หมายบังคับคดีโดยคิดดอกเบี้ยถึงวันที่วางชำระคาธรรมเนียม หากจำนวนเงินใดนอยกวาใหใช
จำนวนนั้นเปนฐานในการคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขาย แมผูคัดคานจะอางวาแนวทาง
ปฏิบัติดังกลาวใชกับการดำเนินการบังคับคดีแพง โดยพิจารณาไดจากชื่อเรื่องของแนวปฏิบัติ
และเนื้อหาซึ่งระบุวาใหคิดจากราคาประเมินขณะยึดของเจาพนักงานบังคับคดีเปรียบเทียบกับ
ยอดหนต้ี ามหมายบงั คบั คดกี ต็ าม แตก ป็ รากฏตามคำสง่ั กรมบงั คบั คดที ่ี ๕๗๘/๒๕๔๙ วา คำสง่ั
ดงั กลา วเปน คำสง่ั เรอ่ื ง การเรยี กเกบ็ เงนิ คา ธรรมเนยี มในคดแี พง และคดลี ม ละลาย ซง่ึ เปน การใช
บงั คบั ทง้ั คดแี พง และคดลี ม ละลาย เมอ่ื แนวทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การทำบญั ชแี สดงรายรบั -จา ยเงนิ
ในคดแี พง เปน เอกสารแนบทา ยคำสง่ั ดงั กลา วยอ มสามารถนำมาใชบ งั คบั เกย่ี วกบั การยดึ ทรพั ยแ ลว
ไมม กี ารขายในคดลี ม ละลายไดโ ดยอนโุ ลม สว นทผ่ี คู ดั คา นอา งวา แนวปฏบิ ตั ดิ งั กลา วมไิ ดก ำหนดให
ผูคัดคานซึ่งปฏิบัติหนาที่ในคดีลมละลายตองถือปฏิบัติโดยอนุโลมนั้น เห็นวา แมคำสั่งดังกลาว
เปน แนวทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การทำบญั ชแี สดงรายรบั -จา ยเงนิ ในคดแี พง ซง่ึ ระบใุ หน กั บญั ชปี ฏบิ ตั ิ
แตก ม็ กี ารกำหนดถงึ การคดิ คา ธรรมเนยี มยดึ แลว ไมม กี ารขายไวด ว ย ซง่ึ ทง้ั นกั บญั ชแี ละผคู ดั คา น
ตา งเปน เจา หนา ทก่ี รมบงั คบั คดดี ว ยกนั ดงั นน้ั ในเรอ่ื งเดยี วกนั ทง้ั นกั บญั ชแี ละผคู ดั คา นยอ มตอ ง
ปฏิบัติเชนเดียวกัน เมื่อผูคัดคานคิดคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขายก็ตองปฏิบัติใหเปนไป
ตามแนวปฏบิ ตั แิ นบคำสง่ั ดงั กลา ว โดยคดิ จากราคาประเมนิ จากยอดเงนิ ๕,๙๓๒,๑๖๕.๔๗ บาท
ทผ่ี รู อ งขอรบั ชำระหน้ี ซง่ึ เปน จำนวนทน่ี อ ยกวา ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำรอ งของผรู อ งนน้ั
ศาลอทุ ธรณคดชี ำนญั พเิ ศษไมเ หน็ พองดวย อทุ ธรณของผูร องฟง ขน้ึ
๑๕๖
พิพากษาแกเปนวา ใหผูรองเสียคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสินที่ไมมีการขาย
หรือจำหนายในอัตรารอยละ ๒ ของราคาทรัพยสินนั้น แตไมเกินจำนวนหนี้ที่ผูรองขอรับชำระ
นอกจากทแ่ี กใหเปน ไปตามคำสัง่ ของศาลลม ละลายกลาง คา ฤชาธรรมเนียมในชัน้ นี้ใหเปนพับ.
(วิเชยี ร วชริ ประทีป - โชคชยั รุจินนิ นาท - องอาจ งามมศี ร)ี
ภารดี เพ็ญเจรญิ - ยอ
วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ท่สี ุด
๑๕๗
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษท่ี ๕๑๐๗/๒๕๖๑ ธนาคารไทยพาณิชย
(ประชุมใหญ) จำกัด (มหาชน) โจทก
เจาพนักงาน
พิทักษท รพั ย ผคู ัดคาน
นายสรุ พนั ธุ
กอบเงินทอง จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒, ๑๐๙, ๑๒๑ วรรคหนง่ึ
จำเลยซ่ึงเปนสมาชิกกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการลาออกจากราชการ
กอ นทจ่ี ำเลยไดร บั การปลดจากการเปน บคุ คลลม ละลาย การลาออกจากราชการมผี ล
ใหส มาชกิ ภาพกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการของจำเลยสน้ิ สดุ ลง และมสี ทิ ธริ บั เงนิ
บำนาญ เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชยและประโยชนต อบแทนนบั จากวนั
ดงั กลา ว จงึ ตอ งถอื วา สทิ ธทิ จ่ี ำเลยไดร บั เงนิ จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการนน้ั
เปนทรัพยสินของจำเลยอันอาจแบงไดในคดีลมละลายตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๐๙ ผูคัดคานจึงมีอำนาจรวบรวมเขาในกองทรัพยสินของจำเลยเพื่อแบงใหแก
เจา หนท้ี ง้ั หลายตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ภายใตเ งอ่ื นไขทต่ี อ งจา ย
คาเลี้ยงชีพใหแกจำเลยที่เปนขาราชการตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๑
วรรคหนึง่ แมกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการสงเงนิ ดงั กลา วใหแกผูค ดั คา นเพอ่ื รวบรวม
เขากองทรัพยสินของจำเลยหลังจากจำเลยไดรับการปลดจากลมละลายแลว ก็เปนการ
ไดรับชำระหนี้ตามสิทธิเรียกรองของจำเลยที่เกิดขึ้นในระหวางถูกพิทักษทรัพย จำเลย
จึงมีสิทธิไดรับคาเลี้ยงชพี จากเงินท่ีกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขาราชการสง ใหแกผ คู ัดคา น
ซึ่งผูคัดคานมีหนาที่ตองกำหนดคาเลี้ยงชีพใหตามสิทธิของจำเลยตามสมควรแกฐานานุรูป
ตามกฎหมายตอไป
___________________________
คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ ศาลลมละลายกลางมีคำพิพากษา
ใหจำเลยเปนบุคคลลมละลาย ตอมาวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ จำเลยซึ่งเปนขาราชการและ
เปนสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญขาราชการไดลาออกจากการเปนขาราชการเปนเหตุให
๑๕๘
สมาชกิ ภาพสน้ิ สดุ ลงและมสี ทิ ธไิ ดร บั บำเหนจ็ บำนาญ เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชย
และผลประโยชนตอบแทนเงินดังกลาวตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญขาราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๕ จนกระทง่ั วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๙ จำเลยไดร บั การปลดจากการเปน
บคุ คลลม ละลาย ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ กองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการสง เงนิ สะสม
เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชย และผลประโยชนต อบแทนเงนิ ดงั กลา วรวม ๑,๐๓๘,๖๔๗.๙๑ บาท
ทีจ่ ำเลยมีสิทธไิ ดร ับใหแ กผ ูค ดั คา นในฐานะเจา พนกั งานพทิ ักษทรัพย
จำเลยยน่ื คำรอ งตอ ผคู ดั คา นขอใหม อบเงนิ ทไ่ี ดร บั จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการ
ใหแ กจำเลยเปน คาเล้ยี งชพี จำเลยและครอบครวั ภายหลังเกษียณอายุราชการ
ผคู ัดคานมีคำส่งั ใหยกคำรอง
จำเลยยื่นคำรองคัดคานคำสั่งของผูคัดคาน ขอใหมีคำสั่งใหผูคัดคานจายเงินที่ไดรับ
จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขาราชการใหแ กจำเลย
ผคู ดั คา นยน่ื คำคดั คา นวา จำเลยมสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการ
เพราะเหตลุ าออกจากราชการเมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ จงึ เปน ทรพั ยท จ่ี ำเลยไดม าในระหวา ง
เปน บคุ คลลม ละลายทผ่ี คู ดั คา นสามารถนำมาแบง ชำระใหแ กเ จา หนไ้ี ด และจำเลยไดร บั การปลด
จากการเปน บคุ คลลม ละลายแลว เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๙ จงึ ไมส ามารถรอ งขอใหผ คู ดั คา น
มอบเงินที่ไดรับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญขาราชการเปนคาลี้ยงชีพจำเลยและครอบครัวได
ขอใหยกคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำรอง คาฤชาธรรมเนียมใหเปน พับ
จำเลยอทุ ธรณโดยไดรบั อนุญาตศาลอทุ ธรณคดีชำนัญพเิ ศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ทค่ี คู วามไมโ ตแ ยง
กนั ในชน้ั นร้ี บั ฟง ไดเ ปน ทย่ี ตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ กนั ยายน ๒๕๕๔ จำเลยซง่ึ เปน ขา ราชการและเปน
สมาชกิ กองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการตกเปน บคุ คลลม ละลาย ตอ มาจำเลยลาออกจากราชการ
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ เปน เหตใุ หไ ดส ทิ ธริ บั เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชย
และผลประโยชนตอบแทนเงินของดังกลาวรวม ๑,๐๓๘,๖๔๗.๙๑ บาท จากกองทุนบำเหน็จ
บำนาญขา ราชการ จนกระทง่ั วนั ท่ี ๑๓ กนั ยายน ๒๕๕๙ จำเลยไดร บั การปลดจากการเปน บคุ คล
ลม ละลาย ตอ มากองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการสง เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชย
และผลประโยชนตอบแทนเงินดังกลาวใหแกผูคัดคานในฐานะเจาพนักงานพิทักษทรัพยเมื่อ
วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ จำเลยจึงยื่นคำรองตอผูคัดคานขอใหมอบเงินดังกลาว ทั้งหมดใหแก
จำเลยเพ่ือเปนคาเลยี้ งชีพของจำเลยและครอบครัว ผคู ดั คานมคี ำส่งั ยกคำรอง
๑๕๙
คดมี ปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ในขอ แรกตามทจ่ี ำเลยอทุ ธรณว า จำเลยมสี ทิ ธไิ ดร บั คา เลย้ี งชพี
จากเงนิ ท่กี องทนุ บำเหนจ็ บำนาญขาราชการสงใหแ กผ คู ดั คา นหลงั จากจำเลยไดรบั การปลดจาก
ลม ละลายแลว หรอื ไม ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษโดยทป่ี ระชมุ ใหญ เหน็ วา พระราชบญั ญตั กิ องทนุ
บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๔๔ บญั ญตั วิ า “สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สน้ิ สดุ ลง
เมื่อผูนั้นออกจากราชการ...” และมาตรา ๔๕ บัญญัติวา “สมาชิกมีสิทธิไดรับบำนาญ เงินสะสม
เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชยและผลประโยชนต อบแทนเงนิ ดงั กลา วตามหลกั เกณฑท ก่ี ำหนด
ไวในพระราชบัญญัตินี้เมื่อสมาชิกภาพของสมาชิกสิ้นสุดลง” ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเปนสมาชิก
กองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการลาออกจากราชการเมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ ซง่ึ มผี ลให
สมาชกิ ภาพสิ้นสดุ ลงและมีสทิ ธิรับเงนิ บำนาญ เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงินประเดมิ เงินชดเชยและ
ผลประโยชนต อบแทนนบั จากวนั ดงั กลา ว จงึ ตอ งถอื วา สทิ ธทิ จ่ี ำเลยไดร บั เงนิ จากกองทนุ บำเหนจ็
บำนาญขา ราชการนน้ั เปน ทรพั ยส นิ ของจำเลยอนั อาจแบง ไดใ นคดลี ม ละลายตามพระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ ผคู ดั คา นจงึ มอี ำนาจรวบรวมเขา ในกองทรพั ยส นิ ของจำเลย
เพื่อแบงใหแกเจาหนี้ทั้งหลายตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ภายใต
เงอ่ื นไขทต่ี อ งจา ยคา เลย้ี งชพี ใหแ กจ ำเลยทเ่ี ปน ขา ราชการตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๒๑ วรรคหนง่ึ ซง่ึ บญั ญตั วิ า “ถา ลกู หนเ้ี ปน ขา ราชการ เมอ่ื ศาลไดม คี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยแ ลว
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม สี ทิ ธริ บั เงนิ เดอื น บำนาญ บำเหนจ็ เบย้ี หวดั หรอื เงนิ ในทำนองเดยี วกนั น้ี
ของลกู หนจ้ี ากเจา หนา ทเ่ี พอ่ื รวบรวมแบง ใหแ กเ จา หนไ้ี ด แตเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ ะตอ งจา ย
คา เลย้ี งชพี ลกู หนแ้ี ละครอบครวั ตามสมควรแกฐ านานรุ ปู ” แมก องทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการ
สง เงนิ ดงั กลา วใหแ กผ คู ดั คา นเพอ่ื รวบรวมเขา กองทรพั ยส นิ ของจำเลยหลงั จากจำเลยไดร บั การปลด
จากลมละลายแลว ก็เปนการไดรับชำระหนี้ตามสิทธิเรียกรองของจำเลยที่เกิดขึ้นในระหวางถูก
พทิ ักษท รพั ย จำเลยจงึ มสี ทิ ธไิ ดร ับคาเล้ยี งชีพจากเงินท่กี องทุนบำเหน็จบำนาญขาราชการสง ให
แกผูคัดคานตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๑ วรรคหนึ่ง ซึ่งผูคัดคาน
มหี นา ทต่ี อ งกำหนดคา เลย้ี งชพี ใหต ามสทิ ธขิ องจำเลยตามสมควรแกฐ านานรุ ปู ตามกฎหมายตอ ไป
มปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตอ ไปวา สมควรกำหนดใหจ ำเลยและครอบครวั ไดร บั เงนิ คา เลย้ี งชพี
เพียงใด แมศาลลมละลายกลางยังมิไดวินิจฉัยปญหาขอนี้ แตเมื่อขอเท็จจริงตามทางนำสืบของ
จำเลยและผคู ดั คา นเพยี งพอแกก ารวนิ จิ ฉยั ในชน้ั อทุ ธรณ จงึ เหน็ สมควรยกปญ หาขอ นข้ี น้ึ วนิ จิ ฉยั
เสียทีเดียวโดยไมจำตองยอนสำนวนไปใหศาลลมละลายกลางพิพากษาใหม ปรากฏตามบันทึก
ถอ ยคำแทนการซกั ถามจำเลยวา หลงั จากจำเลยลาออกจากราชการเมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙
สำนักงานตำรวจแหงชาติไดจายเงินบำนาญตกเบิกในชวงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ถึงเดือน
๑๖๐
ตุลาคม ๒๕๕๙ เปนเงิน ๑๙๑,๔๑๘.๐๓ บาท โดยผูคัดคานไดอายัดเงินตกเบิกในชวงกอนจำเลย
ไดรบั การปลดจากลม ละลายไปเปนเงิน ๑๔๖,๖๘๔ บาท โดยไมป รากฏขอเท็จจริงวา ผูคดั คาน
ไดจายคาเลี้ยงชีพจากจำนวนเงินบำนาญสวนที่อายัด และจำเลยไมไดรับเงินบำนาญนับแต
ออกจากราชการในชวงเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ถึงวันปลดจากลมละลาย เมื่อพิจารณาประกอบ
ขอ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั คา ใชจ า ยดำรงชพี ของจำเลยและครอบครวั ตามเอกสารเกย่ี วกบั การเงนิ แนบทา ย
คำรองชี้แจงภาระรายจายที่จำเลยสงอางตอศาลลมละลายกลางวานางหรือนางสาวศริญญา
ภรรยาจำเลยเปนแมบ าน จำเลยมบี ตุ รอายุ ๑๐ ป กำลังศึกษาเลา เรยี นมีรายจา ยในครอบครวั ดงั ท่ี
ปรากฏตามใบเสรจ็ รบั เงนิ เปน คา ประกนั ชวี ติ เพอ่ื ผสู งู อายุ คา งวดเชา ซอ้ื รถยนตข องภรรยาจำเลย
คาประกันภัยรถยนต คาภาษีรถยนตประจำป คาบริการอินเทอรเน็ต คาใชโทรศัพท คาธรรมเนียม
การศึกษาของบุตร และตองชำระหนี้กูยืมเงินจากสถาบันการเงินที่จำเลยไดทำสัญญาภายหลัง
ปลดจากลมละลายแลว แมเอกสารการจายเงินคาน้ำประปาและคาใชไฟฟาเปนชื่อบุคคลอื่น
แตส ถานทใ่ี ชไฟฟาและนำ้ ประปาก็ตรงกบั ท่ีอยขู องจำเลยตามเอกสารขอมลู การขอสนิ เชื่อจาก
สถาบนั การเงินดงั กลา วขางตน ซึ่งระบวุ า จำเลยตอ งชำระเงินกูใ หแ กธ นาคารอตั ราเดอื นละ ๕,๙๐๐ บาท
การทจ่ี ำเลยลาออกจากราชการขณะดำรงตำแหนง ขา ราชการตำรวจระดบั สงู ยอ มมคี า ใชจ า ยทจ่ี ำเปน
และพอสมควรในการดำรงสถานะครอบครวั ในวยั เกษยี ณอายรุ าชการ แมไ ดร บั เงนิ บำนาญเดอื นละ
๓๐,๒๗๙.๙๓ บาท แตส ำหรบั สทิ ธไิ ดร บั เงนิ จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการ เพราะเหตลุ าออก
จากราชการกเ็ ปน เงนิ สะสม เงนิ สมทบ เงนิ ประเดมิ เงนิ ชดเชยและผลประโยชนต อบแทนจากเงนิ
ดงั กลา วทจ่ี า ยในครง้ั เดยี วตามสทิ ธขิ องจำเลยอนั เปน ผลจากการปฏบิ ตั หิ นา ทร่ี าชการ แมผ คู ดั คา น
มสี ทิ ธิรวบรวมไวในกองทรัพยสินของจำเลยเพื่อชำระใหแ กเ จาหนี้ แตกเ็ หน็ สมควรแบงจา ยเปน
คา เล้ยี งชีพจำเลยและครอบครวั สว นหนง่ึ เปนเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่ศาลลมละลายกลางมคี ำสง่ั
มาน้นั ศาลอุทธรณค ดชี ำนัญพิเศษไมเหน็ พองดว ย อุทธรณของจำเลยฟงข้ึนบางสวน
พิพากษากลับ ใหผูคัดคานจายเงินคาเลี้ยงชีพใหแกจำเลยและครอบครัวจากเงินที่ไดรับ
จากกองทนุ บำเหนจ็ บำนาญขา ราชการเปน เงนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท คา ฤชาธรรมเนยี มทง้ั สองศาล
ใหเปน พับ.
(เกยี รติคณุ แมน เลขา - ณรงค กล่ันวารนิ ทร - สิรพิ ร เปรมาสวสั ด์ิ สุรมณ)ี
หมายเหตุ คดถี ึงทสี่ ุด รติมา ชยั สโุ รจน - ยอ
วิรัตน วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
๑๖๑
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พิเศษท่ี ๑๖๙๔/๒๕๖๒ บริษัทบรหิ ารสินทรัพย
สขุ มุ วทิ จำกัด โจทก
นายกลุ วัสส ลลี าอธวิ ัชร ผรู อ ง
เจา พนักงาน
พทิ ักษท รพั ย ผคู ดั คาน
หา งหุนสวนจำกัด
แซทเทอรน คอมพวิ เตอร
(ประเทศไทย) จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๗, ๓๗๘
ตามสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายระหวางผูรองกับผูคัดคานที่ทำในวันที่ขาย
ทอดตลาด ขอ ๒.๓ ผูรองวางมัดจำเปนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และสัญญาจะนำเงินคาซื้อ
สว นทเ่ี หลอื ๑๓,๓๓๐,๐๐๐ บาท มาชำระแกผ คู ดั คา นภายใน ๑๕ วนั นบั แตว นั ซอ้ื เปน ตน ไป
ถา ไมน ำเงนิ ทเ่ี หลอื มาชำระภายในกำหนดยอมใหผ คู ดั คา นรบิ มดั จำทไ่ี ดว างไว มดั จำทผ่ี รู อ ง
ไดใ หผ คู ดั คา นในวนั ทำสญั ญาซอ้ื ขายจงึ มเี พยี ง ๕๐๐,๐๐๐ บาท สว นเงนิ ๒๖๐,๖๕๐ บาท
ทผ่ี รู อ งวางเพม่ิ ตอ ผคู ดั คา นในภายหลงั นน้ั ไดค วามวา ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอวางเงนิ คา ซอ้ื ทรพั ย
สว นท่ีเหลอื เมื่อคดีทีผ่ รู อ งรองขอเพิกถอนการขายทอดตลาดถงึ ทสี่ ุดและขอวางเงนิ เพิม่
เพื่อรวมกับมัดจำแลวมีจำนวนเทากับรอยละ ๕.๕ ของราคาซื้อทั้งหมดตามคำสั่ง
กรมบงั คบั คดที ่ี ๓๓๓/๒๕๕๑ เงนิ สว นนจ้ี งึ เปน เงนิ ทผ่ี รู อ งชำระราคาคา ซอ้ื บางสว นลว งหนา
ภายหลงั จากทำสญั ญาซอ้ื ขาย มใิ ชม ดั จำทว่ี างไวเ ปน ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาในวนั ท่ี
ทำสัญญาซื้อขายตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๗ เมื่อตอมาผูรองไมวางเงินคาซื้อสวนที่เหลือ
ภายในกำหนดเวลาที่ผูคัดคานอนุญาตใหขยายเวลา ผูรองเปนฝายผิดสัญญา ผูคัดคาน
มสี ทิ ธริ บิ มดั จำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ไดต ามสญั ญาเทา นน้ั ไมม สี ทิ ธริ บิ เงนิ สว นทผ่ี รู อ งวางเพม่ิ
เพราะมิใชมัดจำทใ่ี หริบไดตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๗๘ (๒)
_____________________________
๑๖๒
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๒
กรกฎาคม ๒๕๕๑ และพพิ ากษาใหล ม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๕๖ ผคู ดั คา นยดึ ทด่ี นิ ตาม
โฉนดเลขท่ี ๑๓๘๘๙๓ และ ๑๒๒๑๑๒ ตำบลหว ยขวาง (สามเสนนอกฝง เหนอื ) อำเภอหว ยขวาง
(บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร พรอมอาคารพาณิชยเลขที่ ๗๘๕/๑๙ และ ๗๘๕/๒๐ ของจำเลย
ตอมาขายทอดตลาดแกผูรองเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๗ ในราคา ๑๓,๘๓๐,๐๐๐ บาท
ผรู อ งยน่ื คำรอ งวา วนั ขายทอดตลาดทด่ี นิ ทง้ั สองแปลงพรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง ผรู อ งวางมดั จำ
๕๐๐,๐๐๐ บาท ตอ มามกี ารรอ งขอเพกิ ถอนการขายทอดตลาด ผรู อ งไดว างเงนิ เพม่ิ ๒๖๐,๖๕๐ บาท
สว นราคาทเ่ี หลอื ผคู ดั คา นใหผ รู อ งชำระเมอ่ื คดรี อ งขอเพกิ ถอนการขายทอดตลาดถงึ ทส่ี ดุ ขณะท่ี
คดีดงั กลาวยังไมถงึ ทส่ี ุด ผูคดั คานมคี ำสัง่ ริบเงินท่ีผูร องวางไวท ้ังหมดรวม ๗๖๐,๖๕๐ บาท และ
นำทรพั ยอ อกขายทอดตลาดใหม ผคู ดั คา นมสี ทิ ธริ บิ เพยี งมดั จำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท สว นเงนิ ทผ่ี รู อ ง
วางเพม่ิ มใิ ชเ งนิ ทผ่ี รู อ งไดใ หไ วใ นวนั ทำสญั ญาซอ้ื ขายไมใ ชม ดั จำทจ่ี ะรบิ ได เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ มนี าคม
๒๕๖๑ ผูรองยื่นคำรองขอใหผูคัดคานคืนเงินสวนนี้ ผูคัดคานมีคำสั่งยกคำรองขอใหมีคำสั่งให
ผคู ดั คา นคนื เงนิ ๒๖๐,๖๒๕ บาท (ทถ่ี กู ๒๖๐,๖๕๐ บาท) พรอ มดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป
ของตน เงินดงั กลาวนับแตว นั ท่ี ๑๒ มนี าคม ๒๕๖๑ เปน ตนไป
ผูคัดคานยื่นคำคัดคานวา หลังจากขายทอดตลาดทรัพย ผูรองยื่นคำรองขอเพิกถอน
การขายทอดตลาด เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๘ ผูรองวางเงินเพิ่ม ๒๖๐,๖๕๐ บาท ตอมา
ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดใหยกคำรองของผูรอง ผูคัดคานมีหมายแจงใหผูรองวางเงินคาซื้อทรัพยสวน
ทเ่ี หลอื วนั ท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอวางเงนิ เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั ถงึ ทส่ี ดุ ในคดที บ่ี คุ คล
ภายนอกรองขอเพิกถอนการขายทอดตลาดผูคัดคานมีคำสั่งอนุญาต หลังจากนั้นศาลมีคำสั่งถึง
ทส่ี ดุ ใหย กคำรอ งของบคุ คลภายนอก ผคู ดั คา นมหี มายแจง ใหผ รู อ งวางเงนิ คา ซอ้ื ทรพั ยส ว นทเ่ี หลอื
อกี ครง้ั วนั ท่ี ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอวางเงนิ เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั ถงึ ทส่ี ดุ ในคดที ผ่ี รู อ ง
รองขอเพิกถอนการขายทอดตลาดอีกคดีหนึ่ง ผูคัดคานเห็นวาไมมีเหตุที่จะอนุญาต และผูรอง
ผิดสัญญา มีคำสั่งริบมัดจำและขายทอดตลาดทรัพยใหมวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๑ ในราคา
๑๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเปนราคาต่ำกวาราคาที่ผูรองเคยเสนอไว ผูรองตองชำระราคาสวนตาง
ที่ขาดอยู ๔๓๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๑๕ ตอป จนกวาชำระเสร็จ คำสั่งของ
ผคู ดั คานชอบดว ยกฎหมายแลว ขอใหย กคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมคี ำสงั่ ยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปน พับ
ผรู อ งอทุ ธรณโดยไดรับอนุญาตจากศาลอุทธรณค ดีชำนญั พิเศษ
๑๖๓
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ผูรองซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๓๘๘๙๓ และ ๑๒๒๑๑๒ ตำบลหวยขวาง
(สามเสนนอกฝง เหนอื ) อำเภอหว ยขวาง (บางซอ่ื ) กรงุ เทพมหานคร พรอ มอาคารพาณชิ ยเ ลขท่ี
๗๘๕/๑๙ และ ๗๘๕/๒๐ ของจำเลยจากการขายทอดตลาดของผคู ดั คา นในราคา ๑๓,๘๓๐,๐๐๐ บาท
และวางเงนิ มดั จำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามสำเนาหนงั สอื สญั ญาซอ้ื ขาย ตอ มาผรู อ งยน่ื คำรอ งตอ ศาล
ลม ละลายกลางขอเพกิ ถอนการขายทอดตลาด เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๘ ผรู อ งวางเงนิ ตอ
ผคู ดั คา นเพม่ิ ๒๖๐,๖๕๐ บาท หลงั จากศาลมคี ำสง่ั ถงึ ทส่ี ดุ ยกคำรอ งขอเพกิ ถอนการขายทอดตลาด
ของผูรองและของบุคคลภายนอกอีกรายหนึ่ง ผูคัดคานแจงใหผูรองวางเงินคาซื้อสวนที่เหลือ
ผรู อ งไมว างเงนิ ภายในกำหนด อนั เปน การผดิ สญั ญา ผคู ดั คา นมคี ำสง่ั รบิ มดั จำและขายทอดตลาด
ทรัพยใหม วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ผูรองยื่นคำรองขอใหผูคัดคานคืนเงิน ๒๖๐,๖๕๐ บาท
ผูคัดคานมีคำสั่งยกคำรอง คดีมีปญหาที่ตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองวา ผูคัดคานตอง
คืนเงิน ๒๖๐,๖๕๐ บาทแกผูรองหรือไม เห็นวา ตามสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายระหวางผูรอง
กับผูคัดคานที่ทำในวันที่ขายทอดตลาดขอ ๒.๓ ผูรองวางมัดจำเปนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท และ
สัญญาจะนำเงินคาซื้อสวนที่เหลือ ๑๓,๓๓๐,๐๐๐ บาท มาชำระแกผูคัดคาน ภายใน ๑๕ วัน
นบั แตว นั ซอ้ื เปน ตน ไป ถา ไมน ำเงนิ ทเ่ี หลอื มาชำระภายในกำหนด ยอมใหผ คู ดั คา นรบิ มดั จำทไ่ี ด
วางไว มัดจำที่ผูรองไดใหผูคัดคานในวันทำสัญญาซื้อขายจึงมีเพียง ๕๐๐,๐๐๐ บาท สวนเงิน
๒๖๐,๖๕๐ บาท ทผ่ี รู อ งวางเพม่ิ ตอ ผคู ดั คา นในภายหลงั นน้ั ไดค วามวา ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอวางเงนิ
คา ซอ้ื ทรพั ยส ว นทเ่ี หลอื เมอ่ื คดที ผ่ี รู อ งรอ งขอเพกิ ถอนการขายทอดตลาดถงึ ทส่ี ดุ และขอวางเงนิ เพม่ิ
เพอ่ื รวมกบั มดั จำแลว มจี ำนวนเทา กบั รอ ยละ ๕.๕ ของราคาซอ้ื ทง้ั หมดตามคำสง่ั กรมบงั คบั คดที ่ี
๓๓๓/๒๕๕๑ เงนิ สว นนจ้ี งึ เปน เงนิ ทผ่ี รู อ งชำระราคาคา ซอ้ื บางสว นลว งหนา ภายหลงั จากทำสญั ญา
ซอ้ื ขาย มใิ ชม ดั จำทว่ี างไวเ ปน ประกนั การปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาในวนั ทท่ี ำสญั ญาซอ้ื ขายตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๓๗๗ เมื่อตอมาผูรองไมวางเงินคาซื้อสวนที่เหลือภายใน
กำหนดเวลาที่ผูคัดคานอนุญาตใหขยายเวลา ผูรองเปนฝายผิดสัญญา ผูคัดคานมีสิทธิริบมัดจำ
๕๐๐,๐๐๐ บาท ไดตามสัญญาเทานั้น ไมมีสิทธิริบเงินสวนที่ผูรองวางเพิ่มเพราะมิใชมัดจำที่ให
รบิ ไดต ามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๓๗๘ (๒) แมจ ะปรากฏตามคำคดั คา นและ
ทางนำสืบของผูคัดคานวา ผูคัดคานขายทอดตลาดทรัพยใหมแลวในราคา ๑๓,๔๐๐,๐๐๐ บาท
ผูรองตองชำระราคาสวนตางที่ขาดอยู ๔๓๐,๐๐๐ บาท แตเมื่อนำมัดจำที่ผูรองริบไวซึ่งถือไดวา
เปน สว นหนง่ึ ของราคาทผ่ี รู อ งไดช ำระแลว มาหกั จากเงนิ สว นตา งทข่ี าดอยเู ชอ่ื วา เพยี งพอชำระเงนิ
สว นตา งทข่ี าดอยแู ละคา ใชจ า ยในการขายทอดตลาดใหมแ ลว ผคู ดั คา นจงึ ตอ งคนื เงนิ สว นทผ่ี รู อ ง
๑๖๔
วางเพม่ิ นน้ั แกผ รู อ ง สว นทผ่ี รู อ งอทุ ธรณว า เมอ่ื สญั ญาซอ้ื ขายเลกิ กนั ผคู ดั คา นตอ งคนื เงนิ ดงั กลา ว
ใหแกผูรองพรอมดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๓๙๑ วรรคสอง โดย
ผูรองคิดดอกเบี้ยนับแตวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเปนวันที่ผูรองยื่นคำรองขอใหผูคัดคาน
คืนเงินนั้น เห็นวา ตามสัญญาซื้อขาย ขอ ๕ ผูรองตกลงวา กรณีสัญญายกเลิกหรือศาลมีคำสั่ง
เพกิ ถอนดว ยเหตใุ ดกด็ ี เปน เหตใุ หผ รู อ งไมไ ดก รรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ ทซ่ี อ้ื ผรู อ งไมต ดิ ใจเรยี กรอ งดอกเบย้ี
หรือคาเสียหายหรือเงินตาง ๆ ที่ชำระไปเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ขอตกลงนี้ยอมมีผลผูกพัน
ผูรองใหไมอาจเรียกรองดอกเบี้ยตามที่ขอ ประกอบกับเมื่อผูรองไมชำระราคาคาซื้อสวนที่เหลือ
ผคู ดั คา นตอ งนำทรพั ยอ อกขายทอดตลาดใหมต ามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๕๑๖
อันเปนเรื่องที่กฎหมายบัญญัติวิธีปฏิบัติเมื่อผูซื้อไมชำระราคาไวเปนการเฉพาะ โดยผูคัดคาน
ไมต อ งบอกเลกิ สญั ญาตอ ผรู อ งกอ น เพอ่ื จะใหส ญั ญาเลกิ กนั และกรณมี ผี ลเสมอื นเปน การยกเลกิ
หรอื เพกิ ถอนการขายทอดตลาดทผ่ี รู อ งเปน ผซู อ้ื เพราะเปน เรอ่ื งทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ
ดังกลาว ผูรองจึงไมมีสิทธิเรียกใหผูคัดคานรับผิดชำระดอกเบี้ยแกผูรอง ที่ศาลลมละลายกลาง
มีคำสั่งยกคำรองของผูรองนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษเห็นพองดวยบางสวนดังวินิจฉัย
ดังกลาว อุทธรณของผูร องฟงขึน้ บางสว น
พพิ ากษาแกเ ปน วา ใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ ๒๖๐,๖๕๐ บาท แกผ รู อ ง นอกจากทแ่ี กใ หเ ปน
ไปตามคำส่งั ของศาลลม ละลายกลาง คาฤชาธรรมเนยี มในช้ันอุทธรณใหเปน พบั .
(องอาจ งามมีศรี - โชคชัย รุจนิ ินนาท - วิเชยี ร วชริ ประทีป)
สรายุทธ เตชะวฒุ ิพนั ธุ - ยอ
วริ ัตน วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ทสี่ ดุ
๑๖๕
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนัญพิเศษท่ี ๓๔๓๐/๒๕๖๒ ธนาคารกรงุ ไทย โจทก
จำกัด (มหาชน) ผรู อ ง
ธนาคารกรงุ ไทย ผคู ัดคา น
จำกดั (มหาชน) จำเลย
เจา พนักงาน
พทิ ักษท รัพย
นางศุภาภรณหรือ
ลำพวน นอยไม
ป.ว.ิ อ. มาตรา ๑๑๙ วรรคสอง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑)
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาด เจาพนักงานพิทักษทรัพยแต
ผเู ดยี วมอี ำนาจจดั การและจำหนา ยทรพั ยส นิ ของลกู หนต้ี าม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๒๒ (๑) การยดึ ทด่ี นิ พพิ าทจงึ เปน อำนาจของผคู ดั คา น และกอ นมกี ารยดึ ทด่ี นิ พพิ าท
ผคู ดั คา นไดข อใหเ จาพนกั งานทดี่ ินตรวจสอบและอายัดทดี่ ินพพิ าท ซงึ่ ตามหนังสอื ของ
สำนักงานที่ดิน เจาพนักงานที่ดินเพียงแตแจงวาที่ดินพิพาทเปนของจำเลยและไดอายัด
ไวแ ลว เทา นัน้ มิไดมกี ารแจง วา ดินดังกลา วถกู อายดั ไวก อนแลว ในคดอี าญาของศาล
จังหวัดธัญบุรี อีกทั้งเหตุที่ผูรองนำยึดที่ดินพิพาทก็เนื่องจากผูคัดคานมีหมายแจงให
ผูรองมาดำเนินการนำยึดถึง ๓ ครั้ง การที่ผูรองนำหนังสือไปยื่นขอใหผูอำนวยการ
สำนกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั ปทมุ ธานี สาขาธญั บรุ ี ดำเนนิ การยดึ และขายทอดตลาดทด่ี นิ
พิพาทนั้น ผูรองเปนเพียงผูดำเนินการแทนผูคัดคานเทานั้น หาใชผูรองซึ่งเปนเจาหนี้
ผเู ปน โจทกใ นฐานะสว นตวั เปน ผยู ดึ ทรพั ยด งั กลา วแตอ ยา งใด แมผ รู บั มอบอำนาจของ
ผูรองจะระบุในคำขอใหยึดทรัพยวาที่ดินไมเปนหลักประกันในคดีอาญาก็ตาม แตก็ไม
ปรากฏวาผูรองหรือผูรับมอบอำนาจของผูรองทราบมากอนวาจำเลยนำที่ดินพิพาทไป
เปนหลักประกันในคดีอาญา ดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทไมอยูในขายที่จะถูกยึดเพื่อชำระหนี้
ใหแกเจาหนี้อื่นจนกวาความรับผิดตามสัญญาประกันจะระงับสิ้นไป ตาม ป.วิ.อ.
มาตรา ๑๑๙ วรรคสอง อันสงผลใหผคู ัดคา นไมมอี ำนาจรวบรวมทรพั ยสินดังกลาวของ
จำเลย ผูคัดคานจึงตอ งถอนการยึดเองและไมอ าจส่ังใหผรู อ งซ่ึงเปนเพียงตวั แทนของ
ผูค ัดคา นชำระคา ธรรมเนยี มยดึ แลวไมม ีการขายและคา ใชจ า ยในการบังคบั คดีได
______________________________
๑๖๖
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี
๒๗ มกราคม ๒๕๕๓ และพพิ ากษาใหเ ปน บคุ คลลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๓ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๔ ตอ มา
จำเลยไดรบั การปลดจากการลม ละลายเมื่อวนั ที่ ๒๔ กมุ ภาพันธ ๒๕๕๗
ผรู องย่ืนคำรองขอใหศาลมีคำส่ังเพกิ ถอนคำสง่ั ของผคู ดั คา น โดยใหผูรองไดร ับยกเวน
คาธรรมเนียมยึดแลวไมม ีการขายและคา ใชจ ายในการบงั คับคดี
ผคู ดั คา นยืน่ คำคัดคานขอใหย กคำรอ ง
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสั่งใหยกคำรอ ง คาฤชาธรรมเนยี มเปนพบั
ผรู อ งอทุ ธรณโดยไดร บั อนุญาตจากศาลอุทธรณคดีชำนญั พเิ ศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง เปน ยตุ โิ ดย
คคู วามมไิ ดโ ตแ ยง วา ผคู ดั คา นสอบสวนพบวา จำเลยเปน เจา ของทด่ี นิ พพิ าท โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๙๓๘๑๐
ตำบลบงึ ลาดสวาย อำเภอลำลกู กา จงั หวดั ปทมุ ธานี ผคู ดั คา นจงึ มหี นงั สอื ขอใหเ จา พนกั งานทด่ี นิ
จังหวัดปทมุ ธานี สาขาลำลกู กา อายดั ท่ดี ินพิพาท จากน้ันผคู ดั คานมหี มายแจงใหผูร อ งมานำยดึ
ที่ดินแปลงดังกลาวรวม ๓ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๕ วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๗ และ
วนั ท่ี ๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ตอ มาวนั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๙ ผรู อ งนำหนงั สอื ของผคู ดั คา นไปยน่ื
ขอใหสำนักงานบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี ยึดที่ดินพิพาทและขายทอดตลาดแทน
วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ศาลจังหวัดธัญบุรีมีหนังสือนำสงสำเนาหมายบังคับคดี ตนฉบับ
โฉนดที่ดิน และเอกสารอื่นประกอบการยึดที่ดินมายังสำนักงานบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี สาขา
ธัญบุรี เพื่อดำเนินการบังคับคดี เนื่องจากจำเลยนำที่ดินพิพาทไปเปนหลักประกันในคดีอาญา
ในการขอปลอยชั่วคราวบุคคลอื่นแลวผิดสัญญาประกันและศาลมีคำสั่งปรับนายประกัน วันที่ ๑
กันยายน ๒๕๖๐ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี สาขาธัญบุรี มีหนังสือสอบถามมายัง
ผูคัดคานวามเี หตุขัดขอ งในการถอนการยดึ ท่ีดินพพิ าทในคดีลม ละลายหรอื ไม วันท่ี ๗ กนั ยายน
๒๕๖๐ ผูคัดคานแจงไมมีเหตุขัดของในการถอนการยึดทรัพยไปยังสำนักงานบังคับคดี จังหวัด
ปทมุ ธานี สาขาธญั บรุ ี เนอ่ื งจากทด่ี นิ ดงั กลา วไมอ ยใู นขา ยทจ่ี ะถกู ยดึ หรอื อายดั เพอ่ื ชำระหนใ้ี หแ ก
เจา หนอี้ ืน่ จนกวาความรบั ผดิ ตามสัญญาประกนั จะระงับสนิ้ ไปตามประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณา
ความอาญา มาตรา ๑๑๙ วรรคสอง แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแกไข เพิ่มเติมประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลใชบังคับเมื่อวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๕๘ หลักจากนั้น วันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปทุมธานี
สาขาธญั บรุ ี มหี นงั สอื แจง ผคู ดั คา นวา ศาลจงั หวดั ธญั บรุ มี คี ำสง่ั ถอนการบงั คบั คดเี นอ่ื งจากจำเลย
ชำระคาปรับตามสัญญาประกันครบถวนแลว วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูคัดคานมีหมายถึง
ผูร องแจงใหม านำยึดทดี่ นิ พิพาทอกี ครัง้ เน่อื งจากความรบั ผดิ ตามสญั ญาประกันระงบั สิน้ ไปแลว
๑๖๗
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูคัดคานมีคำสั่งใหผูรองชำระคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขาย
และคาใชจา ยในการบงั คับคดเี ปนเงิน ๔,๔๔๕ บาท
มีปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองวา ผูรองจะตองชำระคาธรรมเนียมยึดแลว
ไมม กี ารขายและคา ใชจ า ยในการบงั คบั คดหี รอื ไม เหน็ วา เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลย
เด็ดขาด เจาพนักงานพิทักษทรัพยแตผูเดียวมีอำนาจจัดการและจำหนายทรัพยสินของลูกหนี้
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) การยึดที่ดินพิพาทจึงเปนอำนาจ
ของผูคัดคาน และกอนมีการยึดที่ดินพิพาท ผูคัดคานไดขอใหเจาพนักงานที่ดินตรวจสอบและ
อายดั ทด่ี นิ พพิ าท ซง่ึ ตามหนงั สอื ของสำนกั งานทด่ี นิ จงั หวดั ปทมุ ธานี สาขาลำลกู กา เจา พนกั งาน
ที่ดินเพียงแตแจงวาที่ดินพิพาทเปนของจำเลยและไดอายัดไวแลวเทานั้น มิไดมีการแจงวาที่ดิน
ดงั กลา วถกู อายดั ไวก อ นแลว ในคดอี าญาของศาลจงั หวดั ธญั บรุ ตี ง้ั แตป ๒๕๔๗ อกี ทง้ั เหตทุ ผ่ี รู อ ง
นำยึดที่ดินพิพาทก็เนื่องจากผูคัดคานมีหมายแจงใหผูรองมาดำเนินการนำยึดถึง ๓ ครั้ง การที่
ผรู อ งนำหนงั สอื ไปยน่ื ขอใหผ อู ำนวยการสำนกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั ปทมุ ธานี สาขาธญั บรุ ี ดำเนนิ การ
ยึดและขายทอดตลาดที่ดินพิพาทนั้น ผูรองเปนเพียงผูดำเนินการแทนผูคัดคานเทานั้น หาใช
ผูรอ งซึ่งเปนเจา หนผี้ เู ปนโจทกใ นฐานะสว นตัวเปนผยู ดึ ทรพั ยดงั กลาวแตอ ยา งใดไม แมคำขอให
ยึดทรัพยผูรับมอบอำนาจของผูรองจะระบุวาที่ดินไมเปนหลักประกันในคดีอาญาก็ตาม แตก็ไม
ปรากฏวาผูรองหรือผูรับมอบอำนาจของผูรองทราบมากอนวาจำเลยนำที่ดินพิพาทไปเปน
หลักประกันในคดอี าญา ดงั นนั้ เมอื่ ทดี่ นิ พิพาทไมอยูในขายท่ีจะถูกยดึ เพื่อชำระหนใี้ หแกเจา หน้ี
อื่นจนกวาความรับผิดตามสัญญาประกันจะระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา มาตรา ๑๑๙ วรรคสอง อันสงผลใหผูคัดคานไมมีอำนาจรวบรวมทรัพยสินดังกลาว
ของจำเลย ผคู ดั คา นจงึ ตอ งถอนการยดึ เองและไมอ าจสง่ั ใหผ รู อ งซง่ึ เปน เพยี งตวั แทนของผคู ดั คา น
ชำระคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขายและคาใชจายในการบังคับคดีได ที่ศาลลมละลายกลาง
มคี ำสัง่ ยกคำรองของผรู อ งทีข่ อใหเ พิกถอนคำสัง่ ของผูคัดคา นนน้ั ไมต อ งดวยความเห็นของศาล
อุทธรณคดชี ำนญั พิเศษ อุทธรณข องผรู อ งฟงขน้ึ
พิพากษากลับ ใหเพิกถอนคำสั่งของผูคัดคานที่ใหผูรองชำระคาธรรมเนียมยึดแลว
ไมมีการขายและคาใชจายในการบังคับคดี เปนเงิน ๔,๔๔๕ บาท คาฤชาธรรมเนียมในศาล
ลม ละลายกลางและในชนั้ นใี้ หเปนพบั .
(วิเชยี ร วชิรประทปี - โชคชยั รจุ นิ ินนาท - องอาจ งามมศี ร)ี
นราธปิ บญุ ญพนิช - ยอ
วริ ัตน วิศษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ท่ีสุด
๑๖๘
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๑๔๘๘/๒๕๖๓ ธนาคารไทยพาณชิ ย
จำกัด (มหาชน) โจทก
เจา พนักงาน
พิทกั ษท รัพย ผูคัดคาน
นายธีระวฒั น
ทองจติ ติ จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙
เงนิ ผลประโยชนต ามกรมธรรมป ระกนั ชวี ติ ของจำเลย ๑๔๑,๐๐๐ บาท เปน สทิ ธิ
เรียกรองของจำเลยผูเอาประกันภัยที่มีตอบริษัทผูรับประกันภัยตามสัญญาประกันชีวิต
ซึ่งจำเลยจะมีสิทธิเรียกรองเงินดังกลาวก็ตอเมื่อจำเลยยังคงมีชีวิตอยูจนถึงวันครบ
กำหนดสญั ญา เมอ่ื วนั ครบกำหนดสญั ญาเปน เวลาหลงั จากทม่ี กี ารปลดจำเลยจากลม ละลาย
สิทธิเรียกรองเงินนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นหลังปลดจำเลยจากลมละลายจึงมิใชทรัพยสินในคดี
ลม ละลายอนั อาจแบง แกเ จา หนไ้ี ดต าม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ แตไ ด
ความตามรายงานเจาพนักงานพิทักษทรัพยวา ในการใหการสอบสวนเกี่ยวกับกิจการ
และทรพั ยส นิ ของจำเลยตอ ผคู ดั คา น จำเลยไมไ ดแ จง ตอ ผคู ดั คา นวา ไดท ำสญั ญาประกนั
ชีวิตไว ซึ่งการที่ผูคัดคานไมทราบการทำสัญญาประกันชีวิตของจำเลยกอนเวลาปลด
จากลมละลาย ทำใหผูคัดคานไมไดใชอำนาจจัดการและรวบรวมเงินที่จำเลยมีสิทธิจะ
ไดร บั ตามกรมธรรมใ นชว งเวลาทผ่ี า นมาดงั กลา ว โดยเฉพาะหากผคู ดั คา นใชส ทิ ธเิ วนคนื
กรมธรรมตามเงื่อนไขกรมธรรม ซึ่งอยางชาที่สุดสามารถกระทำไดจนถึงวันกอนวันที่
ปลดจำเลยจากลม ละลายในป ๒๕๕๒ แลว ผคู ดั คา นจะมสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ คา เวนคนื กรมธรรม
ตามตารางมูลคากรมธรรมแนบทายกรมธรรมเปนเงิน ๕๑,๖๐๐ บาท เพื่อรวบรวมเขา
กองทรัพยสินของจำเลยและแบงแกบรรดาเจาหนี้ในคดีได ประกอบกับตามคำรองและ
อุทธรณของจำเลยก็ยอมใหผูคัดคานรวบรวมเงินเพียงจำนวนเทานี้ ถือไดวาจำเลยมิได
รับความเสียหายเปนเงิน ๕๑,๖๐๐ บาท และเมื่อหักเงินสวนนี้ออกแลวผูคัดคานจึงตอง
คนื เงนิ ผลประโยชนต ามกรมธรรมป ระกันชวี ิตสว นท่ีเหลอื ๘๙,๔๐๐ บาท แกจำเลย
______________________________
๑๖๙
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี
๒๓ มถิ นุ ายน ๒๕๔๘ และพพิ ากษาใหเ ปน บคุ คลลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ เมษายน ๒๕๔๙ ตอ มา
มกี ารปลดจำเลยจากลม ละลายตัง้ แตว นั ท่ี ๒๙ เมษายน ๒๕๕๒
จำเลยยื่นคำรองวา จำเลยยื่นคำรองตอผูคัดคานขอรับเงินตามกรมธรรมประกันชีวิต
จำนวน ๑๔๑,๐๐๐ บาท ซง่ึ บรษิ ทั กรงุ เทพประกนั ชวี ติ จำกดั (มหาชน) สง ใหแ กผ คู ดั คา น ผคู ดั คา น
มคี ำสง่ั วา เงนิ ดงั กลา วเปน ทรพั ยส นิ ในคดลี ม ละลายอนั อาจแบง แกเ จา หนไ้ี ดจ งึ ไมค นื เงนิ ใหจ ำเลย
และยกคำรอ ง คำสง่ั ของผคู ดั คา นไมช อบดว ยกฎหมายเพราะสญั ญาประกนั ชวี ติ ครบกำหนดสญั ญา
วนั ท่ี ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ซง่ึ ตามกรมธรรมจ ำเลยจะไดร บั เงนิ เมอ่ื มชี วี ติ อยจู นครบกำหนดสญั ญา
เงนิ ดงั กลา วเปน เงนิ ทจ่ี ำเลยมสี ทิ ธจิ ะไดร บั ภายหลงั จากวนั ทป่ี ลดจำเลยจากลม ละลายแลว จงึ ไมใ ช
ทรพั ยส นิ ในคดลี ม ละลายอนั อาจแบง แกเ จา หนไ้ี ด และหากผคู ดั คา นจะนำเงนิ ตามมลู คา กรมธรรม
จนถงึ วนั ทป่ี ลดจากลม ละลายเขา กองทรพั ยส นิ ของจำเลยกจ็ ะไดเ งนิ ไมเ กนิ ๕๑,๖๐๐ บาท สว นเงนิ
ที่เหลือ ๘๙,๔๐๐ บาท ตกเปนสิทธิของจำเลย ขอใหมีคำสั่งใหผูคัดคานคืนเงิน ๑๔๑,๐๐๐ บาท
หรือ ๘๙,๔๐๐ บาท ตามแตศาลจะใชดุลพินิจเห็นสมควร เพื่อประโยชนแหงความยุติธรรมแก
จำเลย
ผูคัดคานยื่นคำคัดคานวา สัญญาประกันชีวิตเริ่มตนกอนศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของ
จำเลยเดด็ ขาดแมม เี งอ่ื นไขใหจ ำเลยไดร บั ผลประโยชนต ามกรมธรรมเ มอ่ื ครบกำหนดสญั ญาอนั เปน
เวลาภายหลังปลดจำเลยจากลมละลาย ก็เปนผลสืบเนื่องมาจากสิทธิตามสัญญาอันมีมากอนที่
จำเลยไดร บั การปลดจากลม ละลาย เงนิ ทจ่ี ำเลยไดร บั เมอ่ื ครบกำหนดสญั ญาจงึ ถอื วา เปน ทรพั ยส นิ
ในคดลี ม ละลายอนั อาจแบง แกเ จา หนไ้ี ด คำสง่ั ของผคู ดั คา นชอบดว ยกฎหมายแลว ขอใหย กคำรอ ง
ศาลลม ละลายกลางมีคำส่งั ยกคำรอ ง คาฤชาธรรมเนียมใหเปน พับ
จำเลยอทุ ธรณโดยไดร บั อนุญาตจากศาลอทุ ธรณคดีชำนญั พิเศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงฟงยุติวา จำเลย
ทำสญั ญาประกนั ชวี ติ กบั บรษิ ทั กรงุ เทพประกนั ชวี ติ จำกดั (มหาชน) เรม่ิ สญั ญาวนั ท่ี ๓๐ มกราคม
๒๕๔๐ ครบกำหนดสัญญาวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ตอมาวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ บริษัท
ผรู บั ประกนั ภยั มหี นงั สอื แจง ผคู ดั คา นวา จำเลยมสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ ผลประโยชนเ มอ่ื ครบกำหนดสญั ญา
ตามกรมธรรม ๑๔๑,๐๐๐ บาท ผคู ดั คา นแจง ใหบ รษิ ทั ดงั กลา วสง เงนิ เขา กองทรพั ยส นิ ของจำเลย
หลงั จากนน้ั วนั ท่ี ๕ ตลุ าคม ๒๕๖๑ จำเลยยน่ื คำรอ งตอ ผคู ดั คา น ขอรบั เงนิ จำนวนนค้ี นื ผคู ดั คา นมี
คำสง่ั ยกคำรอ ง คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยวา ผคู ดั คา นตอ งคนื เงนิ ผลประโยชน
ตามกรมธรรมประกันชีวิตแกจำเลยหรือไม เพียงใด เห็นวา สิทธิเรียกรองที่ลูกหนี้มีตอผูอื่นโดย
มีอยูตั้งแตวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดอันเปนเวลาเริ่มตนแหงการลมละลายหรือไดมา
ภายหลังวันพิทักษทรัพยเด็ดขาดจนถึงเวลาปลดจากลมละลาย เปนทรัพยสินในคดีลมละลาย
๑๗๐
อันอาจแบงแกเจาหนี้ได ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ (๑) และ (๒)
และเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีอำนาจเก็บรวบรวมและรับเงินที่ลูกหนี้มีสิทธิจะไดรับจากผูอื่น
ตามสทิ ธเิ รยี กรอ งนน้ั ตามมาตรา ๒๒ (๒) สำหรบั เงนิ ผลประโยชนต ามกรมธรรมป ระกนั ชวี ติ ของ
จำเลย ๑๔๑,๐๐๐ บาท เปน สทิ ธเิ รยี กรอ งของจำเลยผเู อาประกนั ภยั ทม่ี ตี อ บรษิ ทั ผรู บั ประกนั ภยั
ตามสัญญาประกันชีวิต ซึ่งปรากฏตามกรมธรรมประกันชีวิตของจำเลย ในสวนขอกำหนดการ
จายเงิน ขอ ๓ วา ถาผูเอาประกันภัยมีชีวิตอยูจนครบกำหนดสัญญา บริษัทผูรับประกันภัยจะ
จา ยเงนิ ตามทต่ี กลงแกผ เู อาประกนั ภยั แสดงวา จำเลยจะมสี ทิ ธเิ รยี กรอ งเงนิ ตามขอ กำหนดนจ้ี าก
บรษิ ทั ผรู บั ประกนั ภยั กต็ อ เมอ่ื มเี หตกุ ารณท ว่ี า จำเลยยงั คงมชี วี ติ อยจู นถงึ วนั ครบกำหนดสญั ญา
คือวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ สิทธิที่จะไดรับเงินผลประโยชนของจำเลยยอมเกิดขึ้นในวันครบ
กำหนดสญั ญา ดงั น้ี เมอ่ื วนั ครบกำหนดสญั ญาเปน เวลาหลงั จากทม่ี กี ารปลดจำเลยจากลม ละลาย
สิทธิเรียกรองเงินนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นหลังปลดจำเลยจากลมละลาย จึงมิใชทรัพยสินในคดีลมละลาย
อนั อาจแบง แกเ จา หนไ้ี ดต ามบทบญั ญตั มิ าตรา ๑๐๙ ดงั กลา ว แตไ ดค วามตามรายงานเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยว า ในการใหก ารสอบสวนเกย่ี วกบั กจิ การและทรพั ยส นิ ของจำเลยตอ ผคู ดั คา น จำเลย
ไมไดแจงตอผูคัดคานวาไดทำสัญญาประกันชีวิตไว ซึ่งการที่ผูคัดคานไมทราบการทำสัญญา
ประกันชีวิตของจำเลยกอนเวลาปลดจากลมละลาย ทำใหผูคัดคานไมไดใชอำนาจจัดการและ
รวบรวมเงินที่จำเลยมีสิทธิจะไดรับตามกรมธรรมในชวงเวลาที่ผานมาดังกลาวโดยเฉพาะหาก
ผูคัดคานใชสิทธิเวนคืนกรมธรรมตามเงื่อนไขกรมธรรม ซึ่งอยางชาที่สุดสามารถกระทำไดจนถึง
วันกอนวันที่ปลดจำเลยจากลมละลายในป ๒๕๕๒ แลว ผูคัดคานจะมีสิทธิไดรับเงินคาเวนคืน
กรมธรรมตามตารางมูลคากรมธรรมแนบทายกรมธรรมเปนเงิน ๕๑,๖๐๐ บาท เพื่อรวบรวมเขา
กองทรัพยสินของจำเลยและแบงแกบรรดาเจาหนี้ในคดีได ประกอบกับตามคำรองและอุทธรณ
ของจำเลยก็ยอมใหผูคัดคานรวบรวมเงินเพียงจำนวนเทานี้ กรณีถือไดวา จำเลยมิไดรับความ
เสยี หายเปน เงนิ ๕๑,๖๐๐ บาท และเมอ่ื หกั เงนิ สว นนอ้ี อกแลว ผคู ดั คา นจงึ ตอ งคนื เงนิ ผลประโยชน
ตามกรมธรรมประกันชีวิตสวนที่เหลือ ๘๙,๔๐๐ บาท แกจำเลยดังที่จำเลยอุทธรณขอมา ที่ศาล
ลมละลายกลางมีคำสั่งยกคำรองนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมเห็นพองดวย อุทธรณของ
จำเลยฟง ขน้ึ
พพิ ากษาแกเ ปน วา ใหผ คู ดั คา นคนื เงนิ ผลประโยชนต ามกรมธรรมป ระกนั ชวี ติ ๘๙,๔๐๐ บาท
แกจ ำเลย นอกจากทแ่ี กใ หเ ปน ไปตามคำสง่ั ของศาลลม ละลายกลาง คา ฤชาธรรมเนยี มชน้ั อทุ ธรณ
ใหเปน พับ.
(องอาจ งามมศี รี - โชคชัย รจุ ินนิ นาท - วเิ ชยี ร วชิรประทีป)
รตมิ า ชยั สโุ รจน - ยอ
วริ ตั น วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๗๑
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนัญพเิ ศษที่ ๒๘๒๔/๒๕๖๓ ธนาคารไทยพาณิชย
จำกัด (มหาชน) โจทก
บรษิ ัทบรหิ ารสินทรพั ย
สขุ ุมวิท จำกดั ผรู อง
เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ย ผคู ัดคาน
นายเจริญชัย
พิทกั ษภ ูวดล กับพวก จำเลย
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๕๓ วรรคสอง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๙๕, ๑๓๕ (๑), ๑๗๙ (๔)
พ.ร.บ. จัดตง้ั ศาลลมละลายและวิธพี ิจารณาคดลี มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔
การทผ่ี รู อ งในฐานะผรู บั จำนองซง่ึ เปน เจา หนม้ี ปี ระกนั ใชส ทิ ธติ าม พ.ร.บ. ลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕ ยน่ื คำรองตอผูค ัดคา นท่มี ีอำนาจจดั การและจำหนายทรพั ยสิน
ของลูกหนี้ตามมาตรา ๒๒ (๑) โดยมีจุดประสงคใหมีการบังคับจำนองตอทรัพยสินของ
จำเลยท่ี ๓ เพอ่ื ใหไ ดเ งนิ ตามทผ่ี กู พนั กนั ตามสญั ญาจำนองมาชำระหนใ้ี หแ กผ รู อ ง จงึ ตอ ง
ถือวาผรู องเปนผูขอใหบ งั คบั คดีตามความหมายแหง ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๕๓ วรรคสอง
เพอ่ื ประโยชนข องผรู อ งจนมกี ารยดึ ทรพั ยจ ำนองทำใหเ กดิ คา ธรรมเนยี มในการรวบรวม
ทรพั ยสินตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ วรรคหนง่ึ (๔) และผรู อ งย่ืน
คำรองขอถอนคำขอรับชำระหนี้ดังกลาว เมื่อผูคัดคานมีคำสั่งอนุญาต แมตอมาศาล
ลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กเลกิ การลม ละลายของจำเลยท่ี ๓ ตามมาตรา ๑๓๕ (๑) เพราะ
เจา หนผ้ี เู ปน โจทกถอนคำขอรับชำระหนีโ้ ดยไมมีเจาหนร้ี ายใดรับเปนโจทกแทน ทำให
ผูคัดคานไมมีอำนาจจัดการและจำหนายทรัพยสินของจำเลยที่ ๓ ในคดีลมละลายไดตอไป
อันเปนผลตามกฎหมาย แตเมื่อการยึดทรัพยจำนองเปนการกระทำเพื่อประโยชนของผูรอง
ผูรองซึ่งเปนเจาหนี้ผูขอบังคับคดีจึงตองเปนผูชำระคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสิน
สำหรบั ทรพั ยส นิ ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ยตามมาตรา ๑๗๙ (๔) และ ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๕๓
วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ. จดั ต้งั ศาลลม ละลายและวธิ ีพจิ ารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๑๔
____________________________
๑๗๒
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหพ ทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั สามเดด็ ขาด
เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ และมีคำสั่งใหยกเลิกการลมละลายของจำเลยที่ ๑ และที่ ๓
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๑) เมอ่ื วันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๙
เนอ่ื งจากผรู อ งซง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๖ และเจา หนผ้ี เู ปน โจทกข อถอนคำขอรบั ชำระหน้ี โดยไมม ี
เจาหนีร้ ายใดรับเปนโจทกแ ทน
ผรู อ งยน่ื คำรอ งวา เมอ่ื วนั ท่ี ๒๓ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๓ หลงั จากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั
พิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๓ เด็ดขาด ผูรองใชสิทธิในฐานะเจาหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพง
หมายเลขแดงที่ ๑๔๑/๒๕๔๓ ของศาลจังหวัดมีนบุรี ยื่นคำรองขอรับชำระหนี้จำนองตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕ เหนอื ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๑๒๖๓๘ ตำบลโคกแฝด
(เจยี ระดบั ) อำเภอหนองจอก กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งของจำเลยท่ี ๓ ตอ ผคู ดั คา น
ผูคัดคานแจงใหผูรองนำเจาพนักงานพิทักษทรัพยในพื้นที่ซึ่งทรัพยตั้งอยูยึดทรัพยจำนองแลว
แตในระหวางรอการขายทอดตลาด ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกเลิกการลมละลายของ
จำเลยที่ ๓ เปนเหตุใหตองยกเลิกการยึดทรัพยจำนองดังกลาวโดยผลของกฎหมาย เนื่องจาก
ผคู ดั คา นไมม อี ำนาจจดั การทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๓ ตอ ไป แตผ คู ดั คา นกลบั มคี ำสง่ั ใหผ รู อ งชำระ
คา ธรรมเนยี มถอนการยดึ แลว ไมม กี ารขาย ๕๑,๑๙๖ บาท ทง้ั ทม่ี ไิ ดเ ปน ความบกพรอ งของผรู อ ง
ซึ่งใชสิทธิบังคับจำนองโดยสุจริต ผูรองจึงไมสมควรตองชำระคาธรรมเนียมดังกลาวตามคำสั่ง
ของผูคัดคาน ขอใหเพิกถอนคำสั่งของผูคัดคานและมีคำสั่งใหงดเวนการชำระคาธรรมเนียม
การยดึ โดยไมม กี ารขายหรือจำหนา ยทรพั ยจำนองตามคำรอง
ผคู ดั คานยนื่ คำคัดคา นวา การยกเลกิ ลม ละลายตามคำส่ังศาลลม ละลายกลางเกิดขึ้น
เนอ่ื งจากเจา หนผ้ี เู ปน โจทกร วมทง้ั ผรู อ งซง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๖ ขอถอนคำขอรบั ชำระหน้ี และไมม ี
เจา หนร้ี ายใดรบั เขา เปน โจทกแ ทนเจา หนผ้ี เู ปน โจทกเ ดมิ ผคู ดั คา นตอ งถอนการยดึ ทรพั ยจ ำนอง
เนอ่ื งจากไมม อี ำนาจจดั การทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๓ ตอ ไป การทผ่ี รู อ งไมใ ชส ทิ ธบิ งั คบั คดแี พง
ตามคำพิพากษาจนลวงเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดมาแตแรกทั้งที่สามารถกระทำได จึงไม
ใชผลทางกฎหมายทผ่ี ูร อ งจะปฏิเสธไมชำระคา ธรรมเนยี มการรวบรวมทรพั ยสนิ ขอใหย กคำรอง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกคำรอง คาฤชาธรรมเนียมเปนพับ และคำขออื่น
นอกจากน้ใี หยก
ผรู อ งอทุ ธรณโ ดยไดร บั อนุญาตจากศาลอทุ ธรณคดชี ำนญั พเิ ศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงที่คูความไม
โตแยง กันในชนั้ น้รี บั ฟงไดเปนทีย่ ตุ ิวา ผูรองเปนเจาหนีซ้ ง่ึ รับโอนสทิ ธิเรียกรองของผรู บั จำนอง
๑๗๓
ซึ่งเปนเจาหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพงหมายเลขแดงที่ ๑๔๑/๒๕๔๓ ของศาลจังหวัดมีนบุรี
ฉบับลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๔๓ ตอมาเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ ผูรองไดยื่นคำรอง
ตอ ผคู ดั คา นขอใชส ทิ ธริ บั ชำระหนใ้ี นฐานะผรู บั จำนองเหนอื ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๑๒๖๓๘ ตำบลโคกแฝด
(เจยี ระดบั ) อำเภอหนองจอก กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งของจำเลยท่ี ๓ ซง่ึ เปน ทรพั ย
จำนองในคดีดังกลาว ผูคัดคานจึงแจงใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยประจำสำนักงานบังคับคดี
กรงุ เทพมหานครเขตพน้ื ท่ี ๓ ในพน้ื ทซ่ี ง่ึ ทรพั ยต ง้ั อยยู ดึ และขายทอดตลาดทรพั ยจ ำนองดงั กลา ว
เพอ่ื นำเงนิ สง เขา กองทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๓ โดยผแู ทนผรู อ งไดน ำยดึ ทรพั ยจ ำนองเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ในระหวางรอการขายทอดตลาด ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกเลิกการ
ลม ละลายของจำเลยท่ี ๓ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๙ เนอ่ื งจากเจา หนผ้ี เู ปน โจทกเ ดมิ และผรู อ ง
ซง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๖ ซง่ึ เขา เปน โจทกแ ทนขอถอนคำขอรบั ชำระหนโ้ี ดยไมม เี จา หนร้ี ายใดเตม็ ใจ
กระทำการดงั กลา วตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๑) ผคู ดั คา นจงึ ถอน
การยดึ ทรพั ยจ ำนองและมคี ำสง่ั ใหผ รู อ งชำระคา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ สำหรบั ทรพั ยส นิ
ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ย มปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั วา ผรู อ งตอ งชำระคา ธรรมเนยี มในการรวบรวม
ทรัพยสินสำหรับทรัพยสินที่ไมมีการขายหรือจำหนายตามคำสั่งของผูคัดคานหรือไม เห็นวา
แมผ รู อ งซง่ึ รบั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งจากเจา หนต้ี ามคำพพิ ากษาในคดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๑๔๑/๒๕๔๓
ของศาลจงั หวดั มนี บรุ ี มไิ ดใ ชส ทิ ธบิ งั คบั คดตี ามผลคำพพิ ากษาในคดแี พง ดงั กลา ว แตก ารทผ่ี รู อ ง
ในฐานะผูรับจำนองซึ่งเปนเจาหนี้มีประกันใชสิทธิตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๕ ยื่นคำรองตอผูคัดคานที่มีอำนาจจัดการและจำหนายทรัพยสินของลูกหนี้ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) โดยมีจุดประสงคใหมีการบังคับจำนอง
ตอ ทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๓ เพอ่ื ใหไ ดเ งนิ ตามทผ่ี กู พนั กนั ตามสญั ญาจำนองมาชำระหนใ้ี หแ กผ รู อ ง
จงึ ตอ งถอื วา ผรู อ งเปน ผขู อใหบ งั คบั คดตี ามความหมายแหง ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
มาตรา ๑๕๓ วรรคสอง เมื่อผูคัดคานออกหนังสือถึงเจาพนักงานพิทักษทรัพยประจำสำนักงาน
บังคับคดีกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ ๓ ซึ่งทรัพยจำนองตั้งอยูใหดำเนินการยึดทรัพยจำนอง
เพอ่ื ประโยชนข องผรู อ งซง่ึ เปน ผขู อใหบ งั คบั คดี จนมกี ารยดึ ทรพั ยจ ำนอง ทำใหเ กดิ คา ธรรมเนยี ม
ในการรวบรวมทรพั ยส นิ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ วรรคหนง่ึ (๔)
และผรู อ งยน่ื คำรอ งขอถอนคำขอรบั ชำระหนด้ี งั กลา วเมอ่ื วนั ท่ี ๒๔ มถิ นุ ายน ๒๕๕๘ เมอ่ื ผคู ดั คา น
มีคำสั่งอนุญาต การดำเนินการเพื่อถอนการยึดทรัพยจำนองของจำเลยที่ ๓ จึงเปนไปตาม
คำขอของผรู อ ง แมตอมาศาลลม ละลายกลางมคี ำส่งั ใหยกเลิกการลม ละลายของจำเลยที่ ๓ ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๑) เพราะเจาหน้ผี ูเปน โจทกถอนคำขอรับ
๑๗๔
ชำระหนี้โดยไมมีเจาหนี้รายใดรับเปนโจทกแทน ทำใหผูคัดคานไมมีอำนาจจัดการและจำหนาย
ทรัพยสินของจำเลยที่ ๓ ในคดีลมละลายไดตอไปอันเปนผลตามกฎหมายซึ่งมิไดเกิดจากความ
ไมสุจริตหรือความบกพรองของผูรองจริงดังที่ผูรองกลาวอางในอุทธรณ แตเมื่อการยึดทรัพย
จำนองเปนการกระทำเพอ่ื ประโยชนของผูรอง ผรู องซึ่งเปน เจาหน้ีผูขอบงั คับคดจี ึงตองเปน ผูชำระ
คาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสินสำหรับทรัพยสินที่ไมมีการขายหรือจำหนายตาม
พระราชบญั ญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ วรรคหนง่ึ (๔) และประมวลกฎหมาย
วิธีพจิ ารณาความแพง มาตรา ๑๕๓ วรรคสอง ประกอบพระราชบญั ญตั ิจดั ตัง้ ศาลลม ละลายและ
วิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งมานั้น ศาล
อุทธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษเห็นพองดวย อทุ ธรณของผูรองฟงไมข ้ึน
พิพากษายนื คาฤชาธรรมเนยี มในชัน้ อุทธรณใ หเ ปน พบั .
(เกียรติคณุ แมน เลขา - สถาพร วิสาพรหม - อดิศักดิ์ เทยี นกรมิ )
ขอสงั เกต
คดลี ม ละลายตา งจากคดแี พง เนอ่ื งจากนบั แตศ าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยแ ลว เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยแ ตผ เู ดยี วมอี ำนาจรวบรวมทรพั ยส นิ ของลกู หนไ้ี ดเ อง ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) โดยไมจ ำตอ งมเี จา หนใ้ี ดมานำยดึ กอ นดงั เชน คดแี พง ดงั นน้ั ถา ตอ มา
มีเหตุใหถอนการยึด โจทกหรือเจาหนี้อื่นก็ไมตองรับผิดในคาธรรมเนียมยึดแลวไมมีการขาย
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ (๔) ประกอบประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๕๓ และมาตรา ๑๖๙/๒ วรรคทาย เวนแต เหตุถอนการยึดนั้น
เกิดขน้ึ เพราะโจทกถ อนฟอ ง หรือเจาหน้ีผูนำยดึ ไดข อถอนการยึดเสียเอง ตามนัยคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ ๓๙๐๔/๒๕๔๗ และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๐๘๕/๒๕๔๘ หรือเจาหนี้มีประกันที่
ยน่ื คำขอรบั ชำระหนต้ี ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓) ขอถอนคำขอรบั
ชำระหนี้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๙๘/๒๕๕๙ และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ
คดีชำนัญพิเศษท่ี ๔๘๒๑/๒๕๖๑
เกี่ยวกับคดีนี้แมผูรองเปนเพียงเจาหนี้มีประกันผูนำยึดโดยขอบังคับหลักประกันตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๕ มใิ ชผ ยู น่ื คำขอรบั ชำระหนส้ี ามญั สำหรบั สว น
ที่ขาดอยูจากการบังคับจำนองตามมาตรา ๙๖ และยังไมมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยเกี่ยวกับ
การคิดคาธรรมเนียมถอนการยึดตามมาตรา ๙๕ แตการที่ผูรองยื่นคำรองขอขายทอดตลาดบังคับ
๑๗๕
หลักประกันในคดีลมละลายก็เพื่อประโยชนของตนเองมิใชเพื่อประโยชนแกเจาหนี้ทั้งหลาย
เมื่อตอมาผูรองผูขอบังคับคดีไดขอถอนบังคับหลักประกันดังกลาวเสียเองแลว ผูรองจึงสมควร
ตอ งรบั ผดิ ในคา ธรรมเนยี มถอนการยดึ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ (๔)
ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๕๓ วรรคสอง และมาตรา ๑๖๙/๒
วรรคทา ย
สวนปญหาการที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยไมสามารถแตงตั้งเจาหนี้คนใดขึ้นมาแทน
เจาหนี้ผูเปนโจทกไดตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๖ ทั้งผูรองซึ่งเปน
ผูขอบังคับจำนองตามมาตรา ๙๕ ก็ไมมีสิทธิขอเขาเปนเจาหนี้ผูเปนโจทกแทนตามนัยคำพิพากษา
ศาลฎีกาที่ ๓๒๘๓/๒๕๓๒ จนเปนเหตใุ หศ าลสั่งยกเลิกการลม ละลายตามมาตรา ๑๓๕ (๑) นน้ั
กม็ ใิ ชป ญ หาในชน้ั เรยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี มถอนการยดึ เพราะผรู อ งขอถอนคำขอบงั คบั หลกั ประกนั
เสียกอน เทียบตามเหตุผลในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๙๘/๒๕๕๙ แตถาขอเท็จจริงเปลี่ยนไป
วาผูรองมิไดขอถอนคำขอบังคับหลักประกันตามมาตรา ๙๕ แตศาลยังคงมีคำสั่งยกเลิกการ
ลม ละลายตามมาตรา ๑๓๕ (๑) เพราะเจา พนักงานพทิ ักษท รพั ยไมอาจแตงตัง้ เจาหนค้ี นใดข้ึนมา
แทนเจา หนผ้ี เู ปน โจทกไ ดต ามมาตรา ๑๕๖ ผรู อ งกไ็ มต อ งรบั ผดิ ในคา ธรรมเนยี มสำหรบั ทรพั ยส นิ
ที่รวบรวมแลว ไมม กี ารขายเนื่องจากมกี ารยกเลิกการลมละลายโดยคำส่ังศาลน้ัน
(วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร)
ผูพ พิ ากษาศาลอทุ ธรณ
ประจำกองผชู ว ยผพู พิ ากษาศาลอทุ ธรณคดชี ำนญั พิเศษ
สรายุทธ เตชะวุฒพิ ันธุ - ยอ
วิรัตน วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ทสี่ ุด
๑๗๖
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดชี ำนัญพเิ ศษท่ี ๕๐๓/๒๕๖๔ บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรัพย
กรุงศรีอยุธยา จำกัด โจทก
บริษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย
อลั ฟาแคปปตอล จำกดั ผรู อ ง
เจา พนักงาน
พทิ กั ษทรัพย ผคู ัดคาน
นางอภิรดี
กัลยาพิเชฏฐ จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๐ วรรคสี่ (เดมิ ), ๒๙๖ วรรคสี่ (๒) (เดมิ )
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๐
การขายทอดตลาดในคดีแพง นาย ท. ผูซื้อทรัพยไดชําระราคาคาซื้อทรัพย
ครบถว นแลว และเจา พนกั งานบงั คบั คดไี ดท าํ บญั ชแี สดงรายการรบั -จา ย เสรจ็ เรยี บรอ ยแลว
ผูมีสวนไดเสียไดตรวจและรับรองบัญชีถูกตอง ทั้งเจาพนักงานบังคับคดีไดรายงานศาล
ถึงการบังคับคดีเสร็จสิ้นแลว การบังคับคดีจึงเสร็จลงแลวตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๖
วรรคสี่ (๒) (เดิม) ไมมีการกระทําอยางไรตอไปอีก สวนการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพยสิน
ที่ซื้อนั้น เปนหนาที่ของผูซื้อที่จะตองไปดําเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเอง ซึ่งเปน
อกี ขน้ั ตอนหนง่ึ ตา งหากจากการบงั คบั คดี การทผ่ี ซู อ้ื ทรพั ยย งั ไมไ ดไ ปดาํ เนนิ การเปลย่ี นแปลง
ทางทะเบยี นหาทาํ ใหก ารขายทอดตลาดทรพั ยท เ่ี สรจ็ ลงแลว เสยี ไปไม และแมผ ซู อ้ื ทรพั ย
จะไมไ ดไ ปดาํ เนนิ การเปลย่ี นแปลงทางทะเบยี นเปน เวลาเกนิ กวา ๑๐ ป แลว แตใ นคดแี พง
ดังกลาวก็ไมปรากฏวามีผูมีสวนไดเสียคนใดดําเนินการฟองรองวาการขายทอดตลาด
ดงั กลา วไมช อบ การขายทอดตลาดของเจา พนกั งานบงั คบั คดจี งึ มผี ลสมบรู ณต ามกฎหมาย
และไมเลกิ ไปโดยปริยาย
ศาลลม ละลายกลางมคี าํ สง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจาํ เลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ กนั ยายน
๒๕๕๒ แตปรากฏวาเจาพนักงานบังคับคดีไดทําการขายทอดตลาดทรัพยดังกลาวใหแก
นาย ท. ไปตง้ั แตว นั ท่ี ๒๘ กนั ยายน ๒๕๔๗ เมอ่ื พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๐
วรรคสอง บัญญัติวาการบังคับคดีนั้น ใหถือวาไดสําเร็จบริบูรณเมื่อพนกําหนดเวลาที่
อนญุ าตใหเจา หนอี้ นื่ ย่นื คําขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพง ซ่ึงตาม
๑๗๗
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๙๐ วรรคส่ี (เดมิ ) ไดก ําหนดเวลาที่เจา หนจ้ี ะย่ืนคําขอเฉลย่ี ไวโดยใหย น่ื
กอนสิ้นระยะเวลา ๑๔ วัน นับแตวันขายทอดตลาดทรัพยดังกลาว ฉะนั้น การบังคับคดี
ในคดีของศาลแพงดังกลาวจึงสําเร็จบริบูรณแลวกอนวันที่ศาลลมละลายกลางมีคําสั่ง
พทิ กั ษท รพั ยข องจาํ เลยเดด็ ขาด การบงั คบั คดขี องเจา พนกั งานบงั คบั คดจี งึ ใชย นั ผคู ดั คา น
ได ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๐ วรรคหนง่ึ และวรรคสอง ทง้ั บทบญั ญตั ิ
มาตรา ๑๑๐ ไมก ระทบถงึ ความสมบรู ณแ หง การซอ้ื โดยสจุ รติ ในการขายทอดตลาดทรพั ยส นิ
ตามคาํ สง่ั ศาลในคดแี พง ตามมาตรา ๑๑๐ วรรคทา ย ผคู ดั คา นจงึ ไมอ าจยดึ ทรพั ยด งั กลา ว
มาขายทอดตลาดซ้ำไดอกี
_____________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ กนั ยายน ๒๕๕๒ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของจำเลยเด็ดขาด
ผูรองยื่นคำรอง ขอใหมีคำสั่งใหผูคัดคานดำเนินการขายทอดตลาดทรัพยหลักประกัน
ในคดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๑๓๑๘๔/๒๕๔๒ ของศาลแพง
ผคู ดั คานไมย ื่นคำคัดคาน
ศาลลม ละลายกลางมคี ำส่งั ใหยกคำรอ ง คา ฤชาธรรมเนยี มใหเ ปน พบั
ผรู องอุทธรณโ ดยไดรับอนญุ าตจากศาลอุทธรณค ดีชำนญั พเิ ศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติใน
เบอ้ื งตน โดยทค่ี คู วามมไิ ดโ ตแ ยง กนั วา ผรู อ งเปน ผสู วมสทิ ธคิ ำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนผ้ี เู ปน โจทก
ซึ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้เปนเจาหนี้รายที่ ๒ อยางเจาหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓) แตที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๗๔๑๔ ตำบลพระประโทน อำเภอเมือง
นครปฐม จงั หวดั นครปฐม พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง ซง่ึ เปน หลกั ประกนั ถกู เจา หนใ้ี นคดแี พง ดำเนนิ การ
บังคับคดีและขายทอดตลาดไปตั้งแตวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗ มีนายทิวา เปนผูประมูลได
ในราคา ๕,๐๐๐ บาท โดยเปน การขายแบบมภี าระจำนองตดิ ไป นายทิวาชำระราคาคา ซือ้ ทรพั ย
ครบถวน และเจาพนักงานบังคับคดีไดทำรายการบัญชีรับจายเสร็จแลว แตยังมิไดมีการโอน
กรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยใ หแ กผ ซู อ้ื ผรู อ งจงึ ฟอ งผซู อ้ื ทรพั ยเ ปน คดแี พง หมายเลขแดงท่ี ๑๙๓๕/๒๕๖๑
ของศาลจงั หวดั นครปฐม แตศ าลพพิ ากษายกฟอ งเพราะไมม หี ลกั ฐานชดั วา จำเลยเปน ผซู อ้ื ทรพั ยจ รงิ
ผรู อ งจงึ ขอใหผ คู ดั คา นยดึ ทรพั ยห ลกั ประกนั ออกขายทอดตลาด แตผ คู ดั คา นมคี ำสง่ั วา การบงั คบั คดี
สำเร็จบริบูรณลงโดยไดยึดทรัพยขายทอดตลาดในคดีแพงไปแลว จึงไมสามารถดำเนินการ
๑๗๘
ยึดทรัพยไดอีกเพราะเปนการยึดซ้ำ ใหผูรองไปใชสิทธิตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๗๒๙ ตอ ไป
มีปญหาที่ตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองวา คำสั่งของผูคัดคานชอบแลวหรือไม
เหน็ วา การขายทอดตลาดในคดีแพง ของศาลแพง คดหี มายเลขแดงที่ ๑๓๑๘๔/๒๕๔๒ นายทวิ า
ผูซื้อทรัพยไดชำระราคาคาซื้อทรัพยครบถวนแลว และเจาพนักงานบังคับคดีไดทำบัญชีแสดง
รายการรบั -จา ย เสรจ็ เรยี บรอ ยแลว ตง้ั แตว นั ท่ี ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ผมู สี ว นไดเ สยี ไดต รวจและ
รับรองบัญชีถูกตองแลวเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ซึ่งผูรองก็รับมาในอุทธรณแลววา
เจา พนกั งานบงั คบั คดไี ดร ายงานศาลแพง ถงึ การบงั คบั คดเี สรจ็ สน้ิ แลว การบงั คบั คดจี งึ เสรจ็ ลงแลว
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๙๖ วรรคสี่ (๒) (เดิม) ไมมีการกระทำ
อยางไรตอไปอีก สวนการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินที่ซื้อนั้น เปนหนาที่ของผูซื้อที่จะตองไป
ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเอง ซึ่งเปนอีกขั้นตอนหนึ่งตางหากจากการบังคับคดีการที่
ผูซื้อทรัพยยังไมไดไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนหาทำใหการขายทอดตลาดทรัพย
ที่เสร็จลงแลวเสียไปไม และแมผูซื้อทรัพยจะไมไดไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนเปน
เวลาเกินกวา ๑๐ ป แลว แตในคดีแพงดังกลาวก็ไมปรากฏวามีผูมีสวนไดเสียคนใดดำเนินการ
ฟองรอ งวา การขายทอดตลาดดังกลา วไมชอบ การขายทอดตลาดของเจา พนักงานบังคับคดจี งึ มี
ผลสมบรู ณต ามกฎหมายและไมเ ลกิ ไปโดยปรยิ ายดงั ทผ่ี รู อ งอทุ ธรณ สว นทผ่ี รู อ งอทุ ธรณว า ทรพั ย
ดังกลาวยังเปนของจำเลยตลอดมาและมีอยูในขณะที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพย
ของจำเลยเด็ดขาด จึงอยูในอำนาจจัดการของผูคัดคาน และกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินยังไมโอนไป
เปนของผูซื้อทรัพย หากผูคัดคานดำเนินการยึดทรัพยตามความประสงคของผูรองที่ขอรับ
ชำระหนี้ไวแลวก็ไมเปนการยึดซ้ำนั้น เห็นวา ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๑๐ วรรคหนง่ึ บญั ญตั วิ า “คำสง่ั ของศาลทใ่ี หย ดึ หรอื อายดั ทรพั ยส นิ ของลกู หนไ้ี วช ว่ั คราว
หรือหมายบังคับคดีแกทรัพยสินของลูกหนี้นั้น จะใชยันแกเจาพนักงานพิทักษทรัพยของลูกหนี้
ไมไดเวนแตการบังคับคดีนั้นไดสำเร็จบริบูรณแลวกอนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพย” และตาม
วรรคสองของบทบญั ญตั ดิ งั กลา ว บญั ญตั วิ า “การบงั คบั คดนี น้ั ใหถ อื วา ไดส ำเรจ็ บรบิ รู ณเ มอ่ื พน
กำหนดเวลาที่อนุญาตใหเจาหนี้อื่นยื่นคำขอเฉลี่ยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง”
และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๙๐ วรรคสี่ (เดิม) อันเปนกฎหมาย
ที่ใชบังคับขณะนั้น บัญญัติวา “ในกรณีที่ยึดทรัพยสินเพื่อขายทอดตลาดหรือจำหนายโดยวิธีอื่น
คำขอเชน วา นใ้ี หย น่ื กอ นสน้ิ ระยะเวลาสบิ สว่ี นั นบั แตว นั ทม่ี กี ารขายทอดตลาดหรอื จำหนา ยทรพั ยส นิ
ทข่ี ายทอดตลาด หรอื จำหนา ยไดใ นครง้ั นน้ั ๆ” คดนี ศ้ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข อง
๑๗๙
จำเลยเด็ดขาด เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๒ แตปรากฏวาเจาพนักงานบังคับคดีไดทำการ
ขายทอดตลาดทรัพยดังกลาวใหแกนายทิวาผูซื้อทรัพยไปตั้งแตวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๔๗
เมื่อพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๐ วรรคสอง บัญญัติวา การบังคับคดีนั้น
ใหถือวาไดสำเร็จบริบูรณเมื่อพนกำหนดเวลาที่อนุญาตใหเจาหนี้อื่นยื่นคำขอเฉลี่ยตามประมวล
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๙๐
วรรคสี่ (เดิม) ไดกำหนดเวลาที่เจาหนี้จะยื่นคำขอเฉลี่ยไวโดยใหยื่นกอนสิ้นระยะเวลา ๑๔ วัน
นับแตว นั ขายทอดตลาดทรัพยดังกลา ว ฉะน้ัน การบังคบั คดใี นคดขี องศาลแพงดงั กลา วจงึ สำเรจ็
บรบิ รู ณแ ลว กอ นวนั ทศ่ี าลลม ลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาด การบงั คบั คดขี อง
เจาพนักงานบังคับคดีจึงใชยันผูคัดคานได ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา
๑๑๐ วรรคหนึ่งและวรรคสอง ทั้งบทบัญญัติมาตรา ๑๑๐ ไมกระทบถึงความสมบูรณแหงการซื้อ
โดยสุจริตในการขายทอดตลาดทรัพยสินตามคำสั่งศาลในคดีแพงตามมาตรา ๑๑๐ วรรคทาย
ผูคัดคานจึงไมอาจยึดทรัพยดังกลาวมาขายทอดตลาดซ้ำไดอีก ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยก
คำรอ งของผรู องมาน้ัน ศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษเหน็ พอ งดวย อุทธรณของผูรอ งฟงไมขน้ึ
พพิ ากษายืน คาฤชาธรรมเนยี มในช้ันอุทธรณใ หเ ปน พบั .
(พนู ศกั ด์ิ เขม็ แซมเกษ - จักรพนั ธ สอนสภุ าพ - ปฏกิ รณ คงพพิ ิธ)
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
วริ ัตน วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๘๐
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษที่ ๕๙๕/๒๕๖๔ บรรษัทบริหาร
สินทรพั ยไ ทย โจทก
บริษัทแชมปร ิช จำกัด ผูรอ ง
เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ย กับพวก ผคู ดั คาน
บรษิ ัทนอ มอนนั ต จำกดั จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๕๑๖
ผูรองเปนผูซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดของเจาพนักงานบังคับคดี
ในฐานะกระทำการตามที่ผูคัดคานที่ ๑ มอบหมาย ผูรองวางเงินมัดจำแลวแตไมชำระ
ราคาคาซื้อใหครบถวนภายในกำหนดเวลา เจาพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งริบเงินมัดจำ
ของผรู องและใหน ำทรัพยข ายทอดตลาดใหม อนั เปนการชอบดว ย ป.พ.พ. มาตรา ๕๑๖ แลว
สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระหวางผูรองกับผูคัดคานที่ ๑ จึงสิ้นสุดลงหรือระงับไปนับแต
เจาพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งนั้นแลว และผูคัดคานที่ ๑ จะตองจัดการจำหนายทรัพย
รายนี้ใหเสร็จสิ้นโดยดำเนินการขายทอดตลาดใหมตอไป ผูรองไมมีสิทธิเรียกรองใด ๆ
ใหผ ูค ัดคา นที่ ๑ ปฏบิ ัติตามสญั ญาซ้ือขายอีก มใิ ชวา สญั ญาซือ้ ขายยังคงมีอยูแ ละไมย ตุ ิ
ผูรองจึงไมอาจขอชำระเงินคาซื้อทรัพยทั้งหมดตอผูคัดคานที่ ๑ และใหผูคัดคานที่ ๑
โอนกรรมสทิ ธ์ิทด่ี ินพพิ าททั้งสามแปลงแกผ รู อง
_____________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี
๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๓ และพพิ ากษาใหจ ำเลยลมละลายวันท่ี ๑ สงิ หาคม ๒๕๕๔
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหม คี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นท่ี ๑ รบั เงนิ คา ซอ้ื ทรพั ย ๑,๑๓๖,๓๒๐,๐๐๐ บาท
และโอนกรรมสิทธทิ์ ดี่ นิ พิพาททง้ั สามแปลงแกผรู อง
ผคู ัดคานทงั้ สามตา งยนื่ คำคัดคา นขอใหยกคำรอง
ศาลลม ละลายกลางพจิ ารณาแลว วนิ จิ ฉยั วา ผคู ดั คา นท่ี ๒ และท่ี ๓ ไมม สี ว นไดเ สยี ในคดี
ไมมีสิทธิยื่นคำคัดคาน จึงไมจำตองวินิจฉัยประเด็นขอตอสูของผูคัดคานที่ ๒ และที่ ๓ สวนคดี
ระหวา งผรู อ งกบั ผคู ดั คา นท่ี ๑ ในปญ หาวา ผคู ดั คา นท่ี ๑ ควรรบั เงนิ คา ซอ้ื ทรพั ยแ ละโอนกรรมสทิ ธ์ิ
๑๘๑
ทด่ี นิ พพิ าทแกผ รู อ งหรอื ไม วนิ จิ ฉยั วา คดรี อ งขดั ทรพั ยถ งึ ทส่ี ดุ แลว หากผคู ดั คา นท่ี ๑ รบั เงนิ คา
ซื้อทรัพยจากผูรองและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแกผูรองจะไดเงินเขากองทรัพยสินของลูกหนี้
เปนทรัพยสินในคดีลมละลายอันอาจแบงแกเจาหนี้ได ซึ่งเปนวิธีที่สะดวกและเปนผลดีที่สุดตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๓ จงึ มคี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นท่ี ๑ รบั เงนิ คา ซอ้ื ทรพั ย
ทง้ั หมดตามสญั ญาซอ้ื ขายลงวนั ท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑,๑๓๖,๓๒๐,๐๐๐ บาท และโอน
กรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๑๕๒๔, ๑๙๐๘ และ ๑๕๒๑ ตำบลบางแจงรอ นนอก อำเภอราษฎรบ รู ณะ
กรุงเทพมหานคร แกผูรอง กับใหยกคำคัดคานของผูคัดคานที่ ๒ และที่ ๓ คาฤชาธรรมเนียม
ใหเปนพบั
ผคู ดั คา นที่ ๑ อุทธรณโดยไดรบั อนุญาตจากศาลอทุ ธรณค ดีชำนญั พเิ ศษ
ผคู ดั คา นท่ี ๒ และท่ี ๓ ยน่ื คำรอ งขออนญุ าตอทุ ธรณ ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษมคี ำสง่ั
ไมอนญุ าตใหอุทธรณ ไมร ับอุทธรณของผูค ัดคา นท้งั สองน้ี
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ผูรองเปนผูซื้อที่ดินพิพาทรวม ๓ แปลง ของจำเลยจากการขายทอดตลาด
ทรพั ยในคดหี มายเลขแดงที่ พ ๕๙๓๙/๒๕๔๕ ของศาลแพงธนบรุ ี ซง่ึ เจาพนักงานบงั คับคดขี าย
ทอดตลาดทรพั ยต ามทไ่ี ดร บั มอบหมายจากผคู ดั คา นท่ี ๑ และผรู อ งทำสญั ญาซอ้ื ขาย โดยวางเงนิ
มดั จำ ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท หลงั จากนน้ั วนั ท่ี ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๕๖ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอขยายระยะเวลา
วางเงนิ คา ซอ้ื สว นทเ่ี หลอื ออกไป ๓ เดอื น เจา พนกั งานบงั คบั คดมี คี ำสง่ั อนญุ าต ซง่ึ จะครบกำหนด
วางเงินวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๗ ตอมากอนครบกำหนดวางเงิน วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอขยายระยะเวลาวางเงนิ ออกไปจนกวา คดรี อ งขอใหป ลอ ยทรพั ยท ข่ี ายจะถงึ ทส่ี ดุ
เจาพนักงานบังคับคดีเห็นวามีผูขอเพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังไมถึงที่สุด มีคำสั่งไม
อนญุ าตใหขยายเวลาตามคำรองและใหผูรองวางเงินเพมิ่ เปน รอ ยละ ๕.๕ ของราคาซอื้ และวันท่ี
๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอขยายระยะเวลาวางเงนิ เพม่ิ ตามคำสง่ั เจา พนกั งานบงั คบั คดี
เนอื่ งจากผูรอ งย่ืนคำรองคดั คานคำส่งั เจาพนักงานบงั คบั คดตี อ ศาลแลว เจาพนักงานบงั คบั คดมี ี
คำสง่ั ไมอ นญุ าตและใหผ รู อ งวางเงนิ ตามกำหนดเวลาเดมิ ในวนั ท่ี ๒๕ มกราคม ๒๕๕๗ เมอ่ื ครบ
กำหนดเวลาดงั กลาวแลวผูรอ งไมวางเงนิ เม่อื วนั ท่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๕๗ เจา พนกั งานบงั คบั คดี
มคี ำสง่ั รบิ เงนิ มดั จำของผรู อ ง และใหน ำทด่ี นิ พพิ าททง้ั สามแปลงขายทอดตลาดใหม และวนั ท่ี ๒๓
กนั ยายน ๒๕๖๒ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอชำระเงนิ คา ซอ้ื ทรพั ยท ง้ั หมดตอ ผคู ดั คา นท่ี ๑ และใหผ คู ดั คา น
ท่ี ๑ โอนกรรมสิทธิท์ ีด่ ินพพิ าทแกผูรอง ผคู ดั คานท่ี ๑ มีคำสั่งยกคำรอ ง
๑๘๒
คดมี ปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นท่ี ๑ วา ผรู อ งขอชำระเงนิ คา ซอ้ื ทรพั ย
ท้งั หมดตอผูคดั คา นที่ ๑ และใหผูคัดคา นที่ ๑ โอนกรรมสทิ ธทิ์ ่ดี นิ พิพาททงั้ สามแปลงแกผ รู องได
หรือไม เห็นวา ในการขายทอดตลาดทรัพยของผูคัดคานที่ ๑ ถาผูซื้อชำระราคาคาซื้อครบถวน
ภายในกำหนดเวลาตามสญั ญาซ้อื ขายหรือตามท่ีผคู ดั คานท่ี ๑ ขยายระยะเวลาให การขายทอด
ตลาดนั้นเปนอันสำเร็จบริบูรณ และผูคัดคานที่ ๑ ตองโอนกรรมสิทธิ์แกผูซื้อตอไป แตหากผูซื้อ
ไมช ำระราคาคา ซอ้ื ใหค รบถว นภายในกำหนดเวลาดงั กลา วตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๕๑๕ ผคู ดั คา นท่ี ๑ จะตอ งรบิ เงนิ มดั จำทผ่ี ซู อ้ื วางไวต ามขอ ตกลงในสญั ญาซอ้ื ขายทผ่ี ซู อ้ื
ทำไว แลวตองนำทรัพยนั้นขายทอดตลาดใหม ถาและไดเงินเปนจำนวนสุทธิไมคุมราคาและคา
ขายทอดตลาดเดิม ผูซื้อเดิมตองรับผิดในสวนที่ขาดตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๕๑๖ กฎกระทรวง กำหนดหลกั เกณฑ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๔
ขอ ๒๔ และคำสั่งกรมบังคับคดีที่ ๓๓๓/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ขอ ๑๒ ทั้ง
ขอ เทจ็ จรงิ ยงั ไดค วามดว ยวา หลงั จากเจา พนกั งานบงั คบั คดมี คี ำสง่ั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๕๖
ใหผูรองวางเงินคาซื้อเพิ่มแลว ผูรองยื่นคำรองคัดคานตอศาลแพงธนบุรีขอใหมีคำสั่งเพิกถอน
คำสั่งของเจาพนักงานบังคับคดี ศาลมีคำสั่งยกคำรอง ศาลอุทธรณพิพากษายืน โดยวินิจฉัยวา
คำส่งั เจา พนกั งานบังคับคดที ี่ใหวางเงินคาซอ้ื เพิม่ และริบเงนิ มัดจำชอบแลว ผูร อ งฎีกา ศาลฎกี า
มีคำสงั่ ไมร บั คดตี ามฎกี าของผูร องไวพ ิจารณาพพิ ากษา และใหจำหนา ยคดี ผลแหงคำพพิ ากษา
และคำสง่ั อนั ถงึ ทส่ี ดุ ดงั กลา วยอ มผกู พนั ผรู อ งตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา
๑๔๕ วรรคหนง่ึ ดงั น้ี เมอ่ื เจา พนกั งานบงั คบั คดใี นฐานะกระทำการตามทผ่ี คู ดั คา นท่ี ๑ มอบหมาย
มคี ำสง่ั รบิ เงนิ มดั จำของผรู อ ง และใหน ำทรพั ยข ายทอดตลาดใหม อนั เปน การชอบตามบทบญั ญตั ิ
กฎหมายดงั กลา ว จงึ ทำใหส ญั ญาซอ้ื ขายทด่ี นิ พพิ าทระหวา งผรู อ งกบั ผคู ดั คา นท่ี ๑ สน้ิ สดุ ลงหรอื
ระงับไปนับแตเจาพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งนั้นแลว และผูคัดคานที่ ๑ จะตองจัดการจำหนาย
ทรัพยรายนี้ใหเสร็จสิ้นโดยดำเนินการขายทอดตลาดใหมตอไป ผูรองไมมีสิทธิเรียกรองใด ๆ
ใหผูคัดคานที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายอีก กรณีมิใชวาสัญญาซื้อขายยังคงมีอยูและไมยุติ
ดงั ทผ่ี รู อ งอา งตามคำรอ ง ผรู อ งจงึ ไมอ าจขอชำระเงนิ คา ซอ้ื ทรพั ยท ง้ั หมดตอ ผคู ดั คา นท่ี ๑ และให
ผคู ดั คา นท่ี ๑ โอนกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ พพิ าททง้ั สามแปลงแกผ รู อ ง สว นปญ หาตามอทุ ธรณข อ อน่ื ของ
ผูคัดคานที่ ๑ ไมจำตองวินิจฉัย เพราะมิไดทำใหผลคดีเปลี่ยนแปลงไป ที่ศาลลมละลายกลาง
วนิ จิ ฉยั และมคี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นท่ี ๑ ดำเนนิ การตามคำรอ งของผรู อ งนน้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
ไมเห็นพอ งดวย อุทธรณของผูคดั คา นท่ี ๑ ฟง ขึน้
พิพากษากลับ ใหย กคำรอ งของผูรอง คา ฤชาธรรมเนยี มในช้นั อุทธรณใ หเปนพับ.
(องอาจ งามมศี รี - โชคชยั รุจนิ นิ นาท - วิเชียร วชริ ประทปี )
๑๘๓
ขอ สงั เกต
ผรู อ งซอ้ื ทรพั ยไ ดจ ากการขายทอดตลาดทด่ี นิ ของจำเลยในราคา ๑,๑๓๖,๓๒๐,๐๐๐ บาท
เมื่อป ๒๕๕๖ โดยขอขยายเวลาชำระราคาสวนที่เหลือแตไมยอมวางเงินรอยละ ๕.๕ จำนวน
๕๙,๔๙๗,๖๐๐ บาท ตามเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายและในประกาศขายทอดตลาด จึงเปนการ
ผิดสัญญาซื้อขาย ที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งริบเงินมัดจำและใหนำทรัพยออกขายทอด
ตลาดใหม คำสั่งดังกลาวเปนที่สุดแลวตามคำสั่งศาลฎีกาที่ ๒๒๑๘/๒๕๕๙ การที่ตอมาผูรอง
ยน่ื คำรอ งพพิ าทเมอ่ื ป ๒๕๖๒ ขอใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยร บั เงนิ คา ซอ้ื ทรพั ยส ว นทเ่ี หลอื แลว
โอนกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ แกผ รู อ งจงึ เปน การลว งเลยเวลาตามสญั ญาแลว ทง้ั ขอ เสนอใหมข องผรู อ งทจ่ี ะ
ขอวางเงินซื้อทรัพยภายหลังผิดสัญญาซื้อขายแลวไมผูกพันเจาพนักงานพิทักษทรัพย ตามนัย
คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี ๔๕๗/๒๔๗๗
สำหรับคำสั่งของศาลลมละลายกลางที่ใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยรับเงินและโอน
กรรมสิทธิ์ที่ดินแกผูรองตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๓ เพราะเห็นวา
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม ไิ ดน ำสบื วา หากนำขายทอดตลาดใหมจ ะไดร าคามากกวา ครง้ั แรกนน้ั
เปน ขอ เทจ็ จรงิ ทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม ไิ ดก ลา วอา งใหม ภี าระการพสิ จู น และมไิ ดอ ยใู นประเดน็
พพิ าทวา เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม อี ำนาจรบั เงนิ และโอนกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ แกผ รู อ งโดยจะไมป ฏบิ ตั ิ
ตามคำสั่งที่ถึงที่สุดแลววาใหขายทอดตลาดใหมไดหรือไม เพราะถาเงินรายไดในการทอดตลาด
สวนหนึ่งสวนใดคางชำระอยูเพราะเหตุเจาพนักงานพิทักษทรัพย ผูคัดคานที่ ๑ ละเลยไมบังคับ
ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๕๑๕ หรอื มาตรา ๕๑๖ ผคู ดั คา นท่ี ๑ ผทู อดตลาด
จะตองรับผิดตามมาตรา ๕๑๗ การที่ศาลลมละลายกลางสั่งใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยรับเงิน
และโอนกรรมสทิ ธท์ิ ด่ี นิ แกผ รู อ งตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๒๓ โดยท่ี
สญั ญาซือ้ ขายเดิมเจา พนกั งานพิทกั ษทรพั ยสิน้ ความผกู พนั แลว ถอื ไดวาเปนการขายโดยวธิ ีอน่ื
นอกจากการขายทอดตลาด ตามมาตรา ๑๒๓ เจาพนักงานพิทักษทรัพยจะตองไดรับความ
เห็นชอบจากคณะกรรมการเจาหนี้หรือที่ประชุมเจาหนี้แลวเทานั้น เนื่องจากเปนเรื่องสำคัญ
เกี่ยวกับสวนไดเสียของบรรดาเจาหนี้ทุกคน ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๖๗/๒๕๐๘
ขอ เสนอใหมข องผรู อ งทจ่ี ะขอซอ้ื ทรพั ยใ นราคาเดมิ นน้ั จงึ มไิ ดท ำใหก องทรพั ยส นิ ของลกู หนจ้ี ำเลย
ไดร บั ประโยชนม ากขน้ึ แตอ ยา งใด ราคาประเมนิ ทด่ี นิ ของจำเลยปจ จบุ นั ไดเ ปลย่ี นแปลงไปมากแลว
การขายทอดตลาดใหมต ามคำสง่ั ทถ่ี งึ ทส่ี ดุ กลบั จะเปน ประโยชนแ กก องทรพั ยส นิ มากกวา เนอ่ื งจาก
ลูกหนี้จำเลยยังคงมีหนี้ที่ตองรับผิดตามยอดหนี้ที่เจาหนี้ทั้งหลายขอรับชำระหนี้จำนวนมาก
รวม ๔,๕๒๗,๑๘๙,๗๘๓.๗๒ บาท
(วิรัตน วิศิษฏวงศกร)
ผูพ ิพากษาศาลอุทธรณ
ประจำกองผชู วยผูพ พิ ากษาศาลอุทธรณคดีชำนัญพเิ ศษ
สรายุทธ เตชะวฒุ ิพนั ธุ - ยอ
วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๘๔
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดีชำนญั พเิ ศษที่ ๙๕๘/๒๕๖๔ บริษทั เจ.เอส.ที.
เซอรว สิ เซส จำกดั
กบั พวก โจทก
บรษิ ัท ปตท. จำกัด
(มหาชน) ผูรอง
เจาพนกั งาน
พทิ กั ษทรพั ย ผูค ดั คา น
บรษิ ัทนาแคป เอเซยี
แปซฟิ ก (ไทยแลนด)
จำกดั จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๒๓๖ (๕)
ป.รษั ฎากร มาตรา ๘๕/๑๕, ๘๕/๑๙
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๙, ๒๒
แมการถูกศาลพิพากษาใหลมละลายจะเปนสาเหตุหนึ่งที่ทำใหบริษัทเลิกกัน
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๒๓๖ (๕) ก็ตาม แตการฟองคดีลมละลายมีวัตถุประสงคเพื่อ
การจัดการทรัพยสินของลูกหนี้ จึงตางจากการเลิกบริษัทและชำระบัญชีตาม ป.พ.พ.
เนอ่ื งจากความเปน นติ บิ คุ คลของลกู หนใ้ี นคดลี ม ละลายยงั คงมอี ยตู ลอดเวลาแหง กระบวน
พิจารณา เชน ลูกหนี้ยังคงสามารถขอประนอมหนี้ไดทั้งกอนและหลังมีคำพิพากษาให
ลมละลาย หรือลูกหนี้อาจหลุดพนจากภาวะลมละลายไดดวยเหตุตาง ๆ ตามกฎหมาย
ความเปน นติ บิ คุ คลของจำเลยแมจ ะตกเปน บคุ คลลม ละลายกย็ งั ดำรงอยตู ามความมงุ หมาย
ของกฎหมายลมละลาย เมื่อจำเลยเปนผูประกอบการจดทะเบียนซึ่งมีหนาที่ในการออก
ใบกำกับภาษีและยังมิไดแจงการเลิกกิจการตาม ป.รัษฎากร มาตรา ๘๕/๑๕ ทั้งอธิบดี
กรมสรรพากรมไิ ดม คี ำสง่ั ใหข ดี ชอ่ื จำเลยออกจากทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ตามมาตรา ๘๕/๑๙
จำเลยจงึ ยงั คงมหี นา ทใ่ี นการออกใบกำกบั ภาษใี นฐานะผปู ระกอบการจดทะเบยี นอยตู อ ไป
เมื่อตอมาจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดและพิพากษาใหลมละลาย ผูคัดคานใน
ฐานะเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยท ม่ี อี ำนาจจดั การเกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ และกจิ การทง้ั ปวงของ
จำเลยแตเ พียงผูเดียวตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ทงั้ มีอำนาจในการ
๑๘๕
เขา ยดึ ดวงตรา สมดุ บญั ชี และเอกสารของลกู หนไ้ี ดต ามมาตรา ๑๙ วรรคหนง่ึ ผคู ดั คา น
จงึ มหี นา ทต่ี อ งออกใบกำกบั ภาษใี หแ กผ รู อ งซง่ึ เปน ผชู ำระเงนิ ใหแ กผ คู ดั คา น ในนามของ
จำเลย แมวาหนี้ที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นกอนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยจำเลยเด็ดขาด
ก็ตาม เพราะการออกใบกำกับภาษีมิไดเปนการกระทบกระเทือนตอกองทรัพยสินของ
จำเลยเปนเพียงการปฏิบัติหนาที่ของผูคัดคานอันเกี่ยวกับการจัดการกิจการตางๆ ของ
จำเลยผลู มละลายที่คางอยใู หเ สรจ็ ส้ินไปเทานั้น
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตอ มาวนั ท่ี ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ ศาลพิพากษาใหจำเลยลมละลาย
ผูรองยื่นคำรองขอใหมคี ำสง่ั ใหผคู ัดคานออกใบกำกบั ภาษใี หผูรอง
ผูค ัดคา นย่ืนคำคดั คา นวา ผูค ดั คานไมมหี นา ทต่ี องออกใบกำกับภาษีใหแกผูรอง
ศาลลมละลายกลางมคี ำสัง่ ใหย กคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเปน พับ
ผูรอ งอุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา เหน็ วา ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอให
ผคู ดั คา นออกใบกำกบั ภาษใี หผ รู อ งเมอ่ื ผรู อ งไดช ำระหนใ้ี หแ กผ คู ดั คา นไปตามคำพพิ ากษาของศาล
แตศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกคำรองโดยเห็นวาบริษัทจำเลยเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย มาตรา ๑๒๓๖ (๕) จงึ ไมจ ำตอ งจดทะเบยี นเลกิ ประกอบกจิ การตามประมวลรษั ฎากร
มาตรา ๘๕/๑๕ เมอ่ื จำเลยไมไ ดป ระกอบกิจการเนือ่ งดวยเหตลุ ม ละลาย จำเลยจงึ ไมอยูใ นสถานะ
ที่จะออกใบกำกับภาษีใหแกผูรองได กรณีมิใชเปนการจัดการกิจการและทรัพยสินของจำเลยซึ่ง
อยใู นอำนาจของผคู ัดคา นตามพระราชบญั ญตั ิลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ผูคดั คานจึง
ไมอาจออกใบกำกับภาษีใหผูรองไดนั้น คำสั่งดังกลาวแมไมตองดวยขอยกเวนที่จะอุทธรณไดตาม
พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ (๑)
ถงึ (๕) แตเ นอ่ื งจากคดนี ศ้ี าลลม ละลายกลางไดม คี ำสง่ั รบั อทุ ธรณข องผรู อ งแลว และศาลอทุ ธรณ
คดชี ำนญั พเิ ศษเหน็ สมควรเพอ่ื ประโยชนแ หง ความยตุ ธิ รรมจำเปน ตอ งแกไ ขขอ ผดิ พลาด จงึ รบั
อุทธรณของผูรองไวพิจารณาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๖ วรรคสี่ คดีนี้ขอเท็จจริงที่คูความไมโตแยงกันรับฟงเปนยุติวา ผูรองมี
ฐานะเปนรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงพลังงาน ผูรองกับจำเลยซึ่งเปนผูประกอบการที่ไดจดทะเบียน
มีหนาที่ออกใบกำกับภาษี ไดทำสัญญาวาจางเหมากอสรางโครงการวางทอสงกาซธรรมชาติ
๑๘๖
ไทรนอย-โรงไฟฟาพระนครเหนือ/ใต ลงวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๔๘ ตอมาผูรองกับจำเลยมีขอ
พิพาทกันตามสัญญาดังกลาว เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓ จำเลยยื่นคำเสนอขอพิพาทตอ
อนุญาโตตุลาการขอใหผูรองชำระเงินตามสัญญาวาจาง แตในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๓
จำเลยถูกศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด ผูคัดคานจึงเขามาวาคดีแทนจำเลย
อนญุ าโตตลุ าการมีคำวนิ ิจฉยั ช้ขี าดใหผรู องชำระหนแ้ี กจำเลย ผูคดั คา นจึงย่นื คำรองตอ ศาลแพง
ขอใหบังคับตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการและคัดคานคำรองขอเพิกถอนคำชี้ขาด
ของผูรอง ศาลแพงมีคำพิพากษาใหผูรองชำระเงิน ๑,๑๔๓,๗๑๐,๗๑๓.๑๕ บาท และ
๔๘,๐๔๔,๖๐๗.๖๐ ดอลลารส หรฐั พรอ มดอกเบย้ี ในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของแตล ะจำนวนนบั แต
วนั ทต่ี ามใบแจง หนแ้ี ตล ะฉบบั ถงึ กำหนดชำระเปน ตน ไป จนกวา จะชำระเสรจ็ แกผ คู ดั คา นหากหน้ี
จำนวนใดไมเคยมีใบแจงหนี้ใหคิดดอกเบี้ยในอัตราดังกลาวนับแตวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓
อันเปนวันที่ยื่นคำเสนอขอพิพาทตออนุญาโตตุลาการ ใหผูรองคืนหลักประกันการปฏิบัติตาม
สญั ญาแกผ คู ดั คา น คา ธรรมเนยี ม คา ใชจ า ยชน้ั อนญุ าโตตลุ าการและคา ปว ยการอนญุ าโตตลุ าการ
ใหเ ปน ไปตามบญั ชี แนบทา ยคำชข้ี าดใหผ รู อ งใชค า ฤชาธรรมเนยี มแทนผคู ดั คา นเฉพาะคา ขน้ึ ศาล
ใหใชเทาที่ชนะคดี โดยกำหนดคาทนายความ ๓๐,๐๐๐ บาท กับคาใชจายในการดำเนินคดี
๓๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นใหยก คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกา ผูรองยื่นคำรองขอชำระเงิน
พรอมดอกเบี้ยตามคำพิพากษา ๔,๕๔๓,๕๑๐,๐๕๔.๔๘ บาท ซึ่งผูคัดคานไดรับเงินดังกลาว
ไปจากศาลแลว แตย งั คงโตแ ยง วา ผรู อ งจะตอ งชำระเงนิ อกี ๑๔๘,๓๗๐,๙๒๕.๑๘ บาท เนอ่ื งจาก
เงินที่ผูรองไดชำระใหแกผูคัดคาน ดังกลาวประกอบดวยหนี้ที่มีใบแจงหนี้และที่ไมมีใบแจงหนี้
โดยในสว นหนท้ี ม่ี ใี บแจง หนร้ี วม ๖๒ ฉบบั ผรู อ งไดช ำระคา วา จา งพรอ มดอกเบย้ี และภาษมี ลู คา เพม่ิ
แตใ นสว นหนท้ี ไ่ี มม ใี บแจง หน้ี ศาลแพง มไิ ดพ พิ ากษาใหช ำระภาษมี ลู คา เพม่ิ ดว ย แตผ รู อ งประสงค
ทจ่ี ะชำระภาษมี ลู คา เพม่ิ ตามกฎหมายผคู ดั คา นปฏเิ สธไมอ อกใบกำกบั ภาษใี หแ กผ รู อ งทง้ั หนท้ี ม่ี ี
ใบแจงหนี้และที่ไมมีใบแจงหนี้โดยอางวาจำเลยถูกศาลพิพากษาใหลมละลายแลวเมื่อวันที่ ๒๑
มกราคม ๒๕๕๖ บริษัทจำเลยจึงเปนอันเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๑๒๓๖ (๕) อนั เปน การเลกิ กนั โดยผลของกฎหมาย กรณจี งึ ไมจ ำตอ งแจง การเลกิ กจิ การตาม
ประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๕/๑๕ จำเลยจึงไมอยูในฐานะที่จะออกใบกำกับภาษีได ทั้งการ
ออกใบกำกบั ภาษมี ใิ ชก ารจัดการทรัพยสนิ ของจำเลยที่จะอยูใ นอำนาจของผคู ัดคา น
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งวา ผคู ดั คา นมหี นา ทต่ี อ งออกใบกำกบั ภาษี
ใหแกผูรองหรือไม เห็นวา แมการถูกศาลพิพากษาใหลมละลายจะเปนสาเหตุหนึ่งที่ทำใหบริษัท
เลกิ กนั ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๒๓๖ (๕) กต็ าม แตก ารฟอ งคดลี ม ละลาย
๑๘๗
มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอ่ื การจดั การทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี การชำระบญั ชขี องบรษิ ทั ในคดลี ม ละลายจงึ ตา ง
จากการเลกิ บริษทั และชำระบัญชตี ามประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย เนือ่ งจากความเปน
นิติบุคคลของลูกหนี้ในคดีลมละลายยังคงมีอยูตลอดเวลาแหงกระบวนพิจารณา เชน ลูกหนี้
ยังคงสามารถขอประนอมหนี้ไดทั้งกอนและหลังมีคำพิพากษาใหลมละลายหรือลูกหนี้อาจ
หลุดพนจากภาวะลมละลายไดดวยเหตุตาง ๆ ตามกฎหมาย ดังนั้น ความเปนนิติบุคคลของ
จำเลยแมจะตกเปนบุคคลลมละลายก็ยังดำรงอยูตามความมุงหมายของกฎหมายลมละลาย
ดังท่ีผรู องอทุ ธรณ เมอื่ จำเลยเปน ผปู ระกอบการจดทะเบยี นตามประมวลรัษฎากรซึง่ มีหนา ทใี่ น
การออกใบกำกบั ภาษีนั้น นางณตั ฐา นติ กิ รชำนาญการ กรมสรรพากร พยานผูร อ งเบกิ ความ
ยืนยันวา ผูประกอบการที่ยังมิไดแจงการเลิกกิจการตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๘๕/๑๕
ก็ยังมีหนาที่ตองออกใบกำกับภาษีตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.๖๖/๒๕๓๙ หนาที่ในการออกใบ
กำกบั ภาษีจะสน้ิ สุดลงเม่อื มีการแจง การเลกิ กิจการตามมาตรา ๘๕/๑๕ และอธบิ ดกี รมสรรพากร
ไดม คี ำสง่ั ใหข ดี ชอ่ื ผปู ระกอบการจดทะเบยี นนน้ั ออกจากทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ ตามมาตรา ๘๕/๑๙
ซึ่งในขอ นน้ี างไปรมาเจา พนกั งานพิทักษท รพั ยก เ็ บิกความตอบทนายความผรู อ งถามคา นรับวา
เมื่อจำเลยถูกศาลพิพากษาใหลมละลายแลว ยังมิไดแจงการเลิกกิจการตอกรมสรรพากร จำเลย
จึงยังคงมีหนา ท่ใี นการออกใบกำกับภาษีในฐานะผูป ระกอบการจดทะเบียนอยูตอ ไป เม่อื จำเลย
ถูกศาลสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดและพิพากษาใหลมละลายในเวลาตอมา ผูคัดคานในฐานะ
เจาพนกั งานพทิ กั ษทรัพยที่มีอำนาจจดั การเกย่ี วกับทรัพยสนิ และกิจการทง้ั ปวงของจำเลยแตเ พยี ง
ผเู ดยี วตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ ทง้ั มอี ำนาจในการเขา ยดึ ดวงตรา
สมุดบัญชี และเอกสารของลูกหนี้ไดตามมาตรา ๑๙ วรรคหนึ่ง ผูคัดคานจึงมีหนาที่ตองออกใบ
กำกับภาษีใหแกผูรองซึ่งเปนผูชำระเงินใหแกผูคัดคานในนามของจำเลย แมวาหนี้ที่เกิดขึ้นนั้น
จะเกิดขึ้นกอนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยจำเลยเด็ดขาดก็ตามดังที่ผูรองอุทธรณ เพราะการ
ออกใบกำกับภาษีมิไดเปนการกระทบกระเทือนตอกองทรัพยสินของจำเลยเปนเพียงการปฏิบัติ
หนาที่ของผูคัดคานอันเกี่ยวกับการจัดการกิจการตาง ๆ ของจำเลยผูลมละลายที่คางอยูให
เสร็จสิ้นไปเทานั้น แตอยางไรก็ตาม สำหรับหนี้ที่ไมมีใบแจงหนี้ที่ผูรองชำระใหแกผูคัดคานตาม
คำพิพากษาซึ่งเปนจำนวนที่ยังไมรวมภาษีมูลคาเพิ่มนั้น เห็นวา การออกใบกำกับภาษี จำเลย
ซึ่งเปนผูประกอบการจดทะเบียนจะตองจัดทำในทันทีที่ความรับผิดในการเสียภาษีมูลคาเพิ่ม
เกิดขึ้น โดยในกรณีของการใหบริการนั้น ความรับผิดในการเสียภาษีมูลคาเพิ่มจะเกิดขึ้นเมื่อ
ไดมีการชำระคาบริการ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๘/๑ (๑) (๒) รวมทั้งมีหนาที่เรียกเก็บ
ภาษมี ลู คา เพม่ิ จากผรู อ งซง่ึ เปน ผรู บั บรกิ ารตามมาตรา ๘๒/๔ วรรคหนง่ึ ดงั นน้ั ผคู ดั คา นจะตอ ง
๑๘๘
ออกใบกำกับภาษสี ำหรบั หนีท้ ไ่ี มม ีใบแจง หน้ใี หแกผูร องกต็ อ เมอื่ ผูร องชำระภาษมี ลู คาเพม่ิ ใหแก
ผูคัดคานดวยแลว อุทธรณขออื่นของผูรองลวนเปนรายละเอียดปลีกยอยที่ไมทำใหผลของ
คำพพิ ากษาเปลย่ี นแปลงไปได จงึ ไมจ ำตอ งวนิ จิ ฉยั ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กคำรอ งของ
ผูร อ งมาน้ัน ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมเ ห็นพอ งดวย อทุ ธรณข องผูรองฟงข้นึ
พพิ ากษากลบั ใหผ คู ดั คา นออกใบกำกบั ภาษสี ำหรบั หนท้ี ม่ี ใี บแจง หน้ี และออกใบกำกบั
ภาษีสำหรับหน้ีท่ีไมมีใบแจงหนีใ้ หแ กผ รู อ งเม่ือผูรอ งชำระภาษีมูลคา เพ่มิ ใหแ กผูคัดคานแลวตาม
ประมวลรัษฎากร คำขออืน่ นอกจากนใี้ หย ก คา ฤชาธรรมเนียมในชนั้ อทุ ธรณใหเ ปนพบั .
(จกั รพนั ธ สอนสุภาพ - ปฏกิ รณ คงพพิ ิธ - พูนศักดิ์ เขม็ แซมเกษ)
ขอ สงั เกต
คดีลมละลายเปนการฟองรองเพื่อจัดการทรัพยสินของลูกหนี้ ผลของการชำระบัญชี
ในคดีลม ละลายจงึ ตางกับการเลิกบริษทั และการชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย
เนือ่ งจากความเปนนิตบิ คุ คลของลูกหน้ใี นคดลี ม ละลายยงั คงอยตู ลอดกระบวนพิจารณา ตามนัย
คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี ๓๙๐๒/๒๕๔๙ เชน ลูกหนีโ้ ดยกรรมการบรษิ ทั ยงั ขอประนอมหน้ไี ดท ง้ั
หลังพิทักษทรัพยเด็ดขาดและภายหลังมีคำพิพากษาใหลมละลาย หรือหากมีการแบงทรัพยสิน
ครั้งที่สุดมีการชำระหนี้เต็มจำนวนแลวศาลก็มีคำสั่งยกเลิกการลมละลายตามพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๓) สวนทรัพยสินถาหากยังเหลืออยูใหคืนลูกหนี้ไปตาม
มาตรา ๑๓๒ เมื่อหลุดพนจากคดีลมละลายแลวหากบริษัทลูกหนี้มิไดกลับมาดำเนินกิจการ
การดำเนนิ การใหส น้ิ สดุ สภาพนติ บิ คุ คลกต็ อ งดำเนนิ การถอนทะเบยี นตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา ๑๒๗๓/๑ ตอไป ท้ังการเลิกบริษทั เพราะเหตอุ น่ื นอกจากลม ละลายตาม
ประมวลกฎหมายแพง และพาณิชย มาตรา ๑๒๕๑ เมือ่ มกี ารต้ังผูชำระบญั ชี อำนาจกรรมการใน
ฐานะผูแทนนิติบุคคลหมดไป แตการเลิกบริษัทดวยเหตุลมละลายตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย มาตรา ๑๒๔๗ การชำระบญั ชบี รษิ ทั ใหจ ดั ทำตามกฎหมายลม ละลาย คอื ดำเนนิ การ
ชำระบญั ชโี ดยเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ พอ่ื รวบรวมและจำหนา ยทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี หรอื กระทำ
การทจ่ี ำเปน เพอ่ื ใหก จิ การทค่ี า งอยเู สรจ็ ไปตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒
และเมอ่ื ถกู พทิ กั ษท รพั ยแ ลว ลกู หนต้ี อ งสง มอบทรพั ยส นิ ดวงตรา สมดุ บญั ชี และเอกสารเกย่ี วกบั
ทรัพยสินและกิจการของตนทั้งหมดใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยตามมาตรา ๒๓ ประกอบ
๑๘๙
มาตรา ๑๙ วรรคหนง่ึ ทง้ั ตามมาตรา ๒๔ ลกู หนจ้ี ะกระทำการใดๆ เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ หรอื กจิ การ
ของตนมไิ ดแลว เวน แตศาล เจาพนกั งานพทิ ักษทรัพย หรอื ทีป่ ระชุมเจา หนม้ี คี ำส่ังหรอื ใหค วาม
เหน็ ชอบแลวตามที่บญั ญัตไิ วในพระราชบัญญตั ิลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
สำหรับขอยกเวนตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ลูกหนี้ยังสามารถดำเนินการไดดวย
ตนเองในระหวางถูกพิทักษทรัพยหรือลมละลาย ไดแก กรณีการตอสูคดีลมละลายทั้งในชั้นศาล
และชั้นเจาพนักงานพิทักษทรัพย เชน กรรมการบริษัทลงนามในคำคัดคานคำขอรับชำระหนี้
ของเจาหนี้ไดแมมิไดประทับตราบริษัท เพราะดวงตราถูกเจาพนักงานพิทักษทรัพยยึดไปแลว
(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๑๘/๒๕๓๘) หรือการดำเนินคดีแพงที่ไมเกี่ยวกับทรัพยสินของลูกหนี้
เชน บรษิ ัทลูกหนถ้ี ูกฟองรอ งเปนคดอี าญาได (คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๓๙๐๒/๒๕๔๙)
สว นอำนาจในการจดั กจิ การแทนลกู หนข้ี องเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยต ามพระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม อี ำนาจกระทำการตา งๆ ในนาม
ลกู หน้ี (คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๒๕๘๓/๒๕๓๑) เชน เพอ่ื ใหก จิ การทค่ี า งอยเู สรจ็ ไปเจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยบอกเลิกจางลูกจางของลูกหนี้ เจาพนักงานพิทักษทรัพยจึงถูกฟองเพื่อใหนำเงิน
จากกองทรัพยสินของลูกหนี้มาจายเงินคาชดเชยได (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๑๑๔/๒๕๒๘)
หรือเมื่อเจาพนักงานพิทักษทรัพยถูกแจงประเมินภาษีในขณะที่มีหนาที่จัดการแทนลูกหนี้ใน
ภาษีที่เกิดขึ้นหลังศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีหนาที่อุทธรณ
โตแยงการประเมิน เมื่อไมกระทำและไมชำระคาภาษีพรอมเงินเพิ่ม จึงถูกฟองรองบังคับให
ชำระคาภาษีดังกลาวตอศาลภาษีอากรกลางได (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๗๑๒/๒๕๓๔) ทั้ง
เจาพนักงานพิทักษทรัพยในฐานะผูดูแลกองทรัพยสินของลูกหนี้ยังมีอำนาจจัดการทรัพยสิน
แทนลูกหนี้ และมีหนาที่แบงชำระหนี้เงินจากกองทรัพยสินของลูกหนี้พระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ ใหกับเจาหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา ๒๗, ๙๑ ในหนี้เงิน
ทเ่ี กดิ กอ นวนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย และยงั มหี นา ทแ่ี บง ชำระหนภ้ี ายหลงั มคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ใหก บั ผทู ม่ี สี ทิ ธติ ามกฎหมายทล่ี กู หนม้ี คี วามผกู พนั ตอ งชำระตามกฎหมายอน่ื เชน ตามกฎหมาย
มหาชน ตวั อยา ง
- เมอ่ื นติ บิ คุ คลลกู หนแ้ี พค ดอี าญาแลว รฐั บงั คบั โทษปรบั ทางอาญาเอากบั กองทรพั ยส นิ
ในคดีลมละลายไดโดยไมต อ งยนื่ คำขอรับชำระหนก้ี อน (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๒๕๒/๒๕๕๙)
- หนภ้ี าระภาษแี มเ กดิ ขน้ึ ภายหลงั ลกู หนถ้ี กู พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดกไ็ มม กี ฎหมายยกเวน
ลูกหนี้ไมตองเสียภาษีและเงินเพิ่ม เจาพนักงานพิทักษทรัพยถูกฟองบังคับชำระหนี้คาภาษีและ
๑๙๐
เงนิ เพิม่ จากกองทรัพยส ินของลกู หน้ีได (คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ ๓๗๔/๒๕๓๔, ๓๗๑๒/๒๕๓๔)
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยใ นฐานะผมู อี ำนาจจดั กจิ การและทรพั ยส นิ แทนลกู หนจ้ี งึ ตอ งปฏบิ ตั ติ าม
ประมวลรัษฎากรเชนเดียวกับกรณีกอนศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยลูกหนี้เด็ดขาด (คำพิพากษา
ศาลฎีกาท่ี ๔๒๗๕/๒๕๖๐)
เกี่ยวกับคดีนี้ แมอุทธรณของผูรองตองหามอุทธรณแตมีเหตุจำตองแกไขขอผิดพลาด
คำสง่ั ของศาลลม ละลายกลาง ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๖ วรรคทาย เนื่องจากการเลิกบริษัทดวยเหตุลมละลายตามประมวล
กฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๒๔๗ จำเลยยงั คงสถานะความเปน นติ บิ คุ คลอยแู ละมหี นา ท่ี
ตอ งเสยี ภาษแี มถ กู พทิ กั ษท รพั ยห รอื ลม ละลายแลว ตามนยั คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๓๗๔/๒๕๓๔,
๓๗๑๒/๒๕๓๔, ๔๒๗๕/๒๕๖๐, ๕๒๕๒/๒๕๕๙ เมอ่ื ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า จำเลยเปน ผปู ระกอบการ
จดทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ แตเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยอ า งวา จำเลยไมม หี นา ทอ่ี อกใบกำกบั ภาษี
เพราะเลิกกิจการแลวนั้น ปรากฏวาจำเลยไมเคยแจงจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการพรอมกับ
คนื ใบทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ และอธบิ ดกี รมสรรพากรไดส ง่ั ขดี ชอ่ื ออกจากทะเบยี นภาษมี ลู คา เพม่ิ
ตามประมวลรษั ฎากร มาตรา ๘๕/๑๘ ประกอบคำสง่ั กรมสรรพากรท่ี ป.๖๖/๒๕๓๙ เรอ่ื ง การแจง
เลกิ ประกอบกจิ การตามมาตรา ๘๕/๑๕ แหง ประมวลรษั ฎากร เมอ่ื จำเลยยงั ไมถ กู ขดี ชอ่ื ออกจาก
การเปนผูประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลคาเพิ่ม และเจาพนักงานพิทักษทรัพยไดไปขอรับเงิน
ที่วางไวตอศาลแพงแทนจำเลยจากการบริการรับเหมากอสรางใหแกผูรองอันเปนกิจการที่อยูใน
บังคับตองเสียภาษีมูลคาเพิ่มตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๗๗/๒ แลว เมื่อจำเลยยังคงเปน
ผูประกอบการที่จดทะเบียนยอมมีสิทธิเรียกเก็บภาษีมูลคาเพิ่มจากผูรองซึ่งเปนผูซื้อสินคาหรือ
ผูรับบริการ จึงมีหนาที่ตามประมวลรัษฎากรตองออกใบกำกับภาษีใหแกผูรองเมื่อความรับผิด
ในการเสียภาษีมูลคาเพิ่มเกิดขึ้น (กรณีภาษีมูลคาเพิ่มที่เกิดจากการใหบริการ ใหความรับผิด
ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อไดรับชำระราคาคาบริการตามมาตรา ๗๘/๑ (๑)) ทั้งหากจำเลยผูเสียภาษี
มิไดจัดทำใบกำกับภาษีและสงมอบใหแกผูรับบริการตามที่กำหนดตองเสียเบี้ยปรับอีกสองเทา
ของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษีตามมาตรา ๘๙ (๕) และมีความรับผิดทางอาญาตาม
มาตรา ๙๐/๒ (๓) แหง ประมวลรษั ฎากร เมอ่ื จำเลยเปน บคุ คลลม ละลายซง่ึ ตอ งสง มอบหรอื ถกู ยดึ ดวงตรา
สมดุ บญั ชี และเอกสารเกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ และกจิ การของตนทง้ั หมดแลว จำเลยจงึ ไมส ามารถออก
ใบกำกับภาษีตามหนาที่ของตนไดดวยตนเอง เวนแตจะไดกระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบ
ของศาลหรือเจาพนักงานพิทักษทรัพยพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๔
ทั้งเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีอำนาจจัดกิจการเกี่ยวกับทรัพยสินและกิจการทั้งปวงของจำเลย
๑๙๑
แตเ พยี งผเู ดยี วจงึ มหี นา ทต่ี อ งดำเนนิ การออกใบกำกบั ภาษดี งั กลา วเมอ่ื มกี ารชำระคา บรกิ าร และ
ออกใบกำกับภาษีสำหรับหนี้สวนที่ไมมีใบแจงหนี้เมื่อผูรองชำระภาษีมูลคาเพิ่มใหแกผูคัดคาน
แลว แทนจำเลยตอไป ตามคำขอและประเดน็ ท่ีตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ ง
(วิรัตน วิศิษฏวงศกร)
ผูพิพากษาศาลอุทธรณ
ประจำกองผูชวยผพู พิ ากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษ
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
วริ ัตน วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๙๒