คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนัญพเิ ศษท่ี ๑๘๐๖/๒๕๖๐ ธนาคารกรงุ ไทย
จำกดั (มหาชน) โจทก
บริษทั บรหิ ารสินทรพั ย
กรงุ เทพพาณชิ ย
จำกัด (มหาชน) ผูร อง
นายธงชยั
กนกสินสมบตั ิ ผคู ัดคาน
นายสรุ ชัย ศรที อง
กบั พวก จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๗ (เดมิ )
พ.ร.บ. จดั ตงั้ ศาลลม ละลายและวธิ พี ิจารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔
เมื่อเจาพนักงานพิทักษทรัพยใชอำนาจยึดทรัพยหลักประกันซึ่งเปนกรรมสิทธิ์
รวมของจำเลยท่ี ๒ และผูคดั คานออกขายทอดตลาดรวมกัน ผรู อ งซงึ่ อยใู นฐานะเจาหน้ี
ตามคำพพิ ากษาและเจา หนจ้ี ำนองของผคู ดั คา นยอ มมสี ทิ ธยิ น่ื คำรอ งเพอ่ื ขอรบั ชำระหน้ี
จำนองในสวนของผคู ดั คานกง่ึ หนึ่งของทรัพยห ลกั ประกนั ทีเ่ จา พนักงานพิทักษท รัพยยึด
ออกขายทอดตลาดไดก อ นเจา หนอ้ี น่ื ตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๘๗ (เดมิ ) ประกอบ พ.ร.บ. จดั ตง้ั
ศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ทั้งนี้ แมผูคัดคาน
จะไมไดถูกพิทักษทรัพยเด็ดขาด ก็ไมเปนเหตุขัดของที่ผูรองจะรองขอใหบังคับเหนือ
ทรัพยหลักประกันเพื่อนำเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดทรัพยหลักประกันในสวนของ
ผคู ดั คา นมาชำระหนจ้ี ำนองใหแ กผ รู อ งโดยผรู อ งไมจ ำตอ งขอใหม กี ารบงั คบั คดใี นคดแี พง
เสยี กอ น ดงั น้ี ผรู อ งจงึ อาศยั อำนาจแหง การจำนอง มสี ทิ ธขิ อกนั เงนิ จากการขายทอดตลาด
ทรัพยหลักประกันในสวนของผูคัดคานซึ่งเปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมชำระหนี้จำนองแก
ผูรอ งได
_______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เม่อื วันท่ี ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๒
๙๓
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งกันเงินสวนที่ไดจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่
๑๒๖๒๔๐ และ ๑๒๖๒๔๑ ตำบลทา ขา ม อำเภอบางขนุ เทยี น กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
ในสวนของผคู ดั คา นซงึ่ เปนเจาของกรรมสิทธ์ริ วมกบั จำเลยท่ี ๒ ใหแ กผ รู อง
ผูคดั คา นยนื่ คำคัดคา นและแกไ ขคำคดั คานขอใหยกคำรอ ง
ศาลลม ละลายกลางมีคำส่ังยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปนพบั
ผรู อ งอทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา คดมี ปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตาม
อทุ ธรณข องผรู อ งวา ผูรอ งมีสิทธขิ อกันเงินท่ไี ดจากการขายทอดตลาดทรพั ยหลักประกนั ในสว น
ของผูคัดคานซึ่งเปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมหรือไม เห็นวา ผูรองเปนเจาหนี้จำนองของผูคัดคาน
ตามคำพิพากษาของศาลแพง เมื่อเจาพนักงานพิทักษทรัพยใชอำนาจยึดทรัพยหลักประกันซึ่ง
เปน กรรมสทิ ธร์ิ วมของจำเลยท่ี ๒ และผคู ดั คา นออกขายทอดตลาดรวมกนั โดยแบง แยกมไิ ด ผรู อ ง
ซึ่งอยูในฐานะเจาหนี้ตามคำพิพากษาและเจาหนี้จำนองของผูคัดคานยอมมีสิทธิยื่นคำรองตอ
ศาลลมละลายกลางเนื่องจากเปนการขายทอดตลาดในคดีลมละลาย เพื่อขอรับชำระหนี้จำนอง
ในสว นของผคู ดั คา นกง่ึ หนง่ึ ของทรพั ยห ลกั ประกนั ทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยย ดึ ออกขายทอดตลาด
ไดกอนเจาหนี้อื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๘๗ (เดิม) ประกอบ
พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ทง้ั น้ี
แมผ คู ดั คา นจะไมไ ดถ กู พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาด กไ็ มเ ปน เหตขุ ดั ขอ งทผ่ี รู อ งจะรอ งขอใหบ งั คบั เหนอื
ทรัพยหลักประกันเพื่อนำเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดทรัพยหลักประกันในสวนของผูคัดคาน
มาชำระหนี้จำนองใหแกผูรอง โดยผูรองไมจำตองขอใหมีการบังคับคดีในคดีแพงเสียกอน ดังนี้
ผูรองจึงอาศัยอำนาจแหงการจำนองมีสิทธิขอกันเงินจากการขายทอดตลาดทรัพยหลักประกัน
ในสว นของผคู ดั คา นซง่ึ เปน เจา ของกรรมสทิ ธร์ิ วมชำระหนจ้ี ำนองแกผ รู อ งได ทศ่ี าลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งยกคำรองนั้น ไมตองดวยความเห็นของศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ อุทธรณของผูรอง
ฟง ขึน้
พิพากษากลับ ใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยกันเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดที่ดิน
โฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๒๖๒๔๐ และ ๑๒๖๒๔๑ ตำบลทา ขา ม อำเภอบางขนุ เทยี น กรงุ เทพมหานคร
พรอมสิง่ ปลูกสราง ในสว นของผคู ัดคานใหแกผูรอ ง คา ฤชาธรรมเนยี มทัง้ สองศาลใหเ ปนพับ.
(อดศิ กั ดิ์ ศรธนะรัตน - ปฏกิ รณ คงพพิ ธิ - พนู ศักด์ิ เข็มแซมเกษ)
หมายเหตุ คดถี ึงท่สี ุด รตมิ า ชัยสโุ รจน - ยอ
อดิศักด์ิ เทยี นกริม - ตรวจ
๙๔
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดชี ำนัญพเิ ศษท่ี ๓๘๗๔/๒๕๖๑ บริษัทบริหารสนิ ทรัพย
พญาไท จำกัด โจทก
บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย
สุขุมวิท จำกัด ผูรอ ง
นายศริ ะณฏั ฐ วชั รพรจนิ ดาในฐานะ
ผจู ดั การมรดกของนายรณจะพงศ
วัชรพรจินดา กับพวก ผูค ดั คาน
บรษิ ัทสิทธิรนิ ทร
จำกดั กับพวก จำเลย
ป.ว.ิ พ. ตาราง ๑ ขอ (๒) (ก)
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓), ๑๗๙ วรรคทาย
จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ อ. และผูคัดคานที่ ๒ รวมกันจดทะเบียนจำนองที่ดินเพื่อเปน
ประกันหนี้ของจำเลยที่ ๔ ไวแกเจาหนี้เดิม สิทธิจำนองยอมครอบที่ดินจำนองทั้งแปลง
ผูรองในฐานะผูรับโอนสิทธิเรียกรองรวมทั้งสิทธิจำนองยอมมีบุริมสิทธิที่จะบังคับเหนือ
ที่ดินจำนองทั้งแปลง จึงมีสิทธิไดรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสวน
ของจำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และผูคดั คา นทัง้ สองซง่ึ แมมไิ ดเปนลูกหน้ีในคดลี ม ละลายน้ี และผูร อ ง
ไมจ ำตอ งฟอ งรอ งบงั คบั จำนองผคู ดั คา นทง้ั สองกอ น เพราะเปน การบงั คบั คดที เ่ี จา พนกั งาน
พิทักษท รัพยไดย ดึ ที่ดนิ จำนองท่จี ำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และผูคดั คา นทัง้ สองเปนผูถ ือกรรมสทิ ธ์ิ
รวมออกขายทอดตลาดไปทง้ั แปลงโดยแบง แยกกันไมได
เจาพนักงานพิทักษทรัพยยึดและขายทอดตลาดที่ดินที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๔
ถอื กรรมสทิ ธร์ิ วมกบั บคุ คลภายนอกอนั เปน การกระทำตามอำนาจหนา ทข่ี องเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยท ส่ี บื เนอ่ื งมาจากเจา หนผ้ี มู สี ทิ ธจิ ำนองขอรบั ชำระหนใ้ี นฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั
ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓) เมอ่ื มกี ารขายทอดตลาดทด่ี นิ จำนอง
แลว ยอ มทำใหก ารจำนองระงบั ไปเสมอื นการไดบ งั คบั จำนองแลว จงึ เปน กระบวนพจิ ารณา
สว นหนง่ึ ของการจดั การทรพั ยส นิ ของลกู หนใ้ี นคดลี ม ละลาย การทผ่ี รู อ งยน่ื คำรอ งขอให
มีคำสั่งใหผูรองไดรับเงินสวนของผูคัดคานทั้งสองจากเงินที่ไดจากการขายทอดตลาด
๙๕
ที่ดินจำนอง มิใชคำฟองหรือการรองขอใหบังคับจำนองโดยตรง ผูรองจึงไมตองเสียคา
ขน้ึ ศาลในศาลลม ละลายกลาง และอทุ ธรณข องผรู อ งเปน คดที ม่ี คี ำขอใหป ลดเปลอ้ื งทกุ ข
อันไมอาจคำนวณเปนราคาเงินได ตองเสียคาขึ้นศาลชั้นอุทธรณเพียง ๒๐๐ บาท ตาม
ตาราง ๑ ขอ (๒) (ก) ทาย ป.วิ.พ. ประกอบ พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙
วรรคทาย
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๔๗ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของจำเลยทง้ั สเ่ี ดด็ ขาด และวนั ท่ี ๒ ตลุ าคม ๒๕๔๙ พพิ ากษาใหเ ปน บคุ คลลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๑๒
กันยายน ๒๕๔๘ เจาพนักงานพิทักษทรัพยยึดที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๙๕๐๗ ตำบลหวยขวาง
(สามเสนนอกฝงเหนือ) อำเภอหวยขวาง (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร ซึ่งจำเลยที่ ๒ ที่ ๔
นายอดิเทพหรือนายรณจะพงศ และผูคัดคานที่ ๒ เปนผูถือกรรมสิทธิ์รวม โดยบรรษัทบริหาร
สินทรัพยไทยเปนผูรับโอนสิทธิจำนอง และวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๐ เจาพนักงานพิทักษทรัพย
ขายทอดตลาดที่ดนิ ไปในราคา ๒๙,๐๒๐,๐๐๐ บาท
ผรู อ งยน่ื คำรอ งวา จำเลยท่ี ๔ เปน หนบ้ี รษิ ทั เงนิ ทนุ หลกั ทรพั ยร ว มเสรมิ กจิ จำกดั (มหาชน)
เจาหนี้เดิมตามสัญญาวงเงินสินเชื่อลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๓๙ โดยไดทำสัญญากูยืมเงิน
เปนเงิน ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตกลงชำระดอกเบี้ยอัตรารอยละ บีบีแอล เอ็มโออาร + ๑.๕
(๑๓.๗๕ + ๑.๕) ตอ ป จำเลยท่ี ๒ และนายอดิเทพหรือนายรณจะพงศ ทำสญั ญาคำ้ ประกนั ยอม
รบั ผดิ อยา งลกู หนร้ี ว มและจำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ นายอดเิ ทพหรอื รณจะพงศก บั ผคู ดั คา นท่ี ๒ ทำสญั ญา
จำนองทด่ี นิ ซง่ึ ตอ มาเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยย ดึ ไวด งั กลา วในวงเงนิ ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตกลง
ชำระดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๒๕ ตอ ป ตอ มาวนั ท่ี ๖ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๔๙ นายอดเิ ทพหรอื รณจะพงศ
และผคู ดั คา นท่ี ๒ ทำสญั ญาปรบั โครงสรา งหนก้ี บั บรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทยผรู บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ ง
จากเจา หนเ้ี ดมิ แลว ไมป ฏบิ ตั ติ ามสญั ญา เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๘ บรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย
ยน่ื คำขอรบั ชำระหนอ้ี ยา งเจา หนม้ี ปี ระกนั ในทด่ี นิ ทจ่ี ำนองตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๖ (๓) ผูรองไดรับโอนสิทธิเรียกรองจากบรรษัทบริหารสินทรัพยไทยแลวขอสวมสิทธิ
เปน เจา หนแ้ี ทน เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม คี ำสง่ั อนญุ าต และศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั อนญุ าต
ใหผูรองไดรับชำระหนี้ ๒๖,๑๒๕,๑๓๘.๖๘ บาท ในฐานะเจาหนี้มีประกันในที่ดินจำนองจาก
กองทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๒ และท่ี ๔ ตามสว นกรรมสทิ ธร์ิ วมของจำเลยท่ี ๒ และท่ี ๔ หลงั จาก
เจาพนักงานพิทักษทรัพยขายทอดตลาดที่ดินจำนองแลวไดทำบัญชีแสดงรายการรับ-จายเงิน
๙๖
และจา ยเงนิ ตามสดั สว นการถอื กรรมสทิ ธร์ิ วมในสว นของจำเลยท่ี ๒ เปน เงนิ ๕,๗๕๗,๗๘๒.๔๘ บาท
และสวนของจำเลยที่ ๔ เปนเงิน ๕,๕๑๙,๕๗๖.๓๖ บาท ใหผูรองแลว แตสวนของผูคัดคานที่ ๑
เปนเงิน ๑๒,๐๖๘,๖๗๘.๓๕ บาท และสวนของผูคัดคานที่ ๒ เปนเงิน ๓,๙๐๐,๗๖๙.๒๕ บาท
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยร อการจา ยไว ทำใหผ รู อ งไมไ ดร บั เงนิ จาการขายทอดตลาดทด่ี นิ จำนอง
ในสว นของผคู ดั คา นทง้ั สอง ผรู อ งเปน เจา หนผ้ี มู บี รุ มิ สทิ ธเิ หนอื ทรพั ยจ ำนองและผคู ดั คา นทง้ั สอง
มหี นค้ี า งชำระตอ ผรู อ งตามสญั ญาปรบั โครงสรา งหนแ้ี ละสญั ญาจำนอง ขอใหม คี ำสง่ั ใหผ รู อ งไดร บั
เงนิ สว นของผคู ดั คา นท้ังสองกอ นเจา หนี้รายอนื่
ผูคัดคานทั้งสองยื่นคำคัดคานวา ผูคัดคานทั้งสองมิไดเปนลูกหนี้ตามคำพิพากษาของ
ผรู อ งและไมไ ดเ ปน ลกู หนใ้ี นคดลี ม ละลาย ผคู ดั คา นทง้ั สองไดป ฏบิ ตั ติ ามสญั ญาปรบั โครงสรา งหน้ี
โดยนำคนมาซื้อที่ดินจำนองจากการขายทอดตลาดตามขอตกลงแลว ผูรองมีสิทธิไดรับชำระหนี้
เพยี ง ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผรู อ งไดร บั ชำระหนจ้ี ากเงนิ ทไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาดทด่ี นิ จำนองแลว
๑๑,๒๗๗,๓๕๘.๘๔ บาท คงมีสิทธิไดรับชำระหนี้จากผูคัดคานทั้งสอง ๓,๗๒๒,๖๔๑.๑๖ บาท
และผรู อ งยงั ไมไ ดน ำสญั ญาปรบั โครงสรา งหนแ้ี ละสญั ญาจำนองดำเนนิ คดผี คู ดั คา นทง้ั สอง ผรู อ ง
ไมม อี ำนาจทีจ่ ะบังคบั คดีแกผ คู ัดคา นทงั้ สอง ไมอ าจขอรบั เงินตามคำรองขอใหย กคำรอง
เจา พนักงานพิทกั ษทรัพยไ มย ่นื คำคัดคา น
ศาลลมละลายกลาง มีคำส่ังยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนยี มใหเปนพับ
ผูรอ งอุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี
๒๕ เมษายน ๒๕๓๙ จำเลยที่ ๒ ที่ ๔ นายอดิเทพหรือนายรณจะพงศ และผูคัดคานที่ ๒ ทำ
สัญญาจำนองที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ ๘๙๕๐๗ ตำบลหวยขวาง (สามเสนนอกฝงเหนือ) อำเภอ
หวยขวาง (บางซื่อ) กรุงเทพมหานคร แกบริษัทเงินทุนหลักทรัพยรวมเสริมกิจ จำกัด (มหาชน)
เจา หนเ้ี ดมิ ในวงเงนิ ๒๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตกลงใหด อกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๒๕ ตอ ป เพอ่ื เปน ประกนั
หนข้ี องจำเลยท่ี ๔ ตามสำเนาหนงั สอื สญั ญาจำนองทด่ี นิ เปน ประกนั และสำเนาโฉนดทด่ี นิ ตอ มา
เมอ่ื ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๒ และท่ี ๔ เดด็ ขาดแลว บรรษทั บรหิ าร
สินทรัพยไทย เจาหนี้รายที่ ๑๗ ซึ่งรับโอนสิทธิเรียกรองจากเจาหนี้เดิมยื่นคำขอรับชำระหนี้ใน
ฐานะเจาหน้มี ปี ระกนั ในทดี่ ินจำนองตามพระราชบญั ญตั ลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓)
ผรู อ งไดร บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งจากเจา หนแ้ี ลว ขอสวมสทิ ธเิ ปน เจา หนแ้ี ทน และศาลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งอนุญาตใหผูรองไดรับชำระหนี้ตามสัญญาเงินกูเปนเงิน ๒๖,๑๒๕,๑๓๘.๖๘ บาท จาก
กองทรัพยสินของจำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ในฐานะเจาหนี้มีประกันโดยใหไดรับชำระหนี้จากการ
๙๗
ขายทอดตลาดที่ดินจำนองเฉพาะสวนของจำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ตามสวนกรรมสิทธิ์ รวมกอน
เจาหนี้อื่นภายในวงเงินจำนอง สวนที่ยังขาดอยูใหไดรับชำระหนี้อยางเจาหนี้สามัญตามสำเนา
คำขอรบั ชำระหนี้ สำเนาคำสัง่ ศาล และสำเนาความเห็นเจาพนักงานพทิ กั ษท รัพย เม่ือวันท่ี ๑๒
กนั ยายน ๒๕๔๘ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รัพยย ึดทีด่ นิ จำนองซ่งึ เปน กรรมสิทธิร์ วมของจำเลยท่ี ๒
จำนวน ๘๔.๖ สวน ของจำเลยที่ ๔ จำนวน ๘๑.๑ สวน ของนายอดิเทพหรือรณจะพงศจำนวน
๑๖๘ สว น และของผคู ดั คา นท่ี ๒ จำนวน ๕๔.๓ สว น และวนั ท่ี ๗ กนั ยายน ๒๕๕๐ เจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยขายทอดตลาดที่ดินไปในราคา ๒๙,๐๒๐,๐๐๐ บาท ตามสำเนาแบบรายงานการ
ยึดอสังหาริมทรัพย สำเนาประกาศขายทอดตลาดที่ดิน และสำเนารายงานเจาพนักงานพิทักษ
ทรัพย เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดทำบัญชีแสดงรายการรับ-จายเงิน แลวจายเงินสุทธิในสวน
ของจำเลยท่ี ๒ และท่ี ๔ รวมเปน เงนิ ๑๑,๒๗๗,๓๕๘.๘๔ บาท ใหผ รู อ งและกนั เงนิ ไวใ นสว นของ
นายอดิเทพหรือรณจะพงศเปนเงิน ๑๒,๐๖๘,๖๗๘.๓๕ บาท และของผูคัดคานที่ ๒ เปนเงิน
๓,๙๐๐,๗๖๙.๒๕ บาท ตามสำเนาบญั ชแี สดงรายการรบั -จา ยเงนิ ตอ มา วนั ท่ี ๒๘ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๙
นายอดิเทพหรือรณจะพงศถึงแกความตาย ผูคัดคานที่ ๑ เปนผูจัดการมรดกของนายอดิเทพ
หรือรณจะพงศตามสำเนาคำสง่ั ศาล
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามคำแกอ ทุ ธรณข องผคู ดั คา นทง้ั สองวา ผคู ดั คา นทง้ั สองหลดุ พน
ความรับผิดตอผูรองตามสัญญาปรับโครงสรางหนี้ลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ ๒๕๔๙ แลวหรือไม ที่
ผคู ดั คา นทง้ั สองแกอ ทุ ธรณว า เมอ่ื มกี ารขายทอดตลาดทด่ี นิ จำนองไดเ ปน เงนิ ๒๙,๐๒๐,๐๐๐ บาท
ซ่ึงเปนราคาไมตำ่ กวา ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามเงื่อนไขการชำระหนใี้ นสัญญาปรบั โครงสรา งหน้ี
ทผ่ี คู ดั คา นทง้ั สองทำไว ผคู ดั คา นทง้ั สองจงึ หลดุ พน ความรบั ผดิ แลว นน้ั เหน็ วา ตามสำเนาสญั ญา
ปรับโครงสรางหนี้ ขอ ๔ ระบุเงื่อนไขการชำระหนี้ของฝายผูคัดคานทั้งสองวาตองปฏิบัติตาม
ขอ ๔.๑ ถงึ ขอ ๔.๓ ซง่ึ เฉพาะขอ ๔.๒ กำหนดใหน ายอดเิ ทพหรอื รณจะพงศต อ งนำผเู ขา ประมลู
ซื้อที่ดินจำนองจากการขายทอดตลาดในราคาไมต่ำกวา ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในวันประกาศ
ขายทอดตลาดครั้งที่ ๑ แตทางนำสืบของผูคัดคานทั้งสอง คงมีผูคัดคานที่ ๑ และในฐานะผูรับ
มอบอำนาจของผูคัดคานที่ ๒ เบิกความตามบันทึกถอยคำแทนการซักถามพยานวา ผูคัดคาน
ทั้งสองปฏิบัติตามสัญญาปรับโครงสรางหนี้นำบุคคลมาซื้อที่ดินจำนองจากการขายทอดตลาด
แลวเทานั้น จึงเปนการกลาวอางลอย ๆ ไมมีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนใหนาเชื่อถือและ
รับฟงได สวนผูรองก็ยังนำสืบโตแยงอยูโดยมีนายกระเษมผูรับมอบอำนาจชวงและทนายความ
ผรู อ งเบกิ ความตามบนั ทกึ ถอ ยคำแทนการซกั ถามพยานวา ผคู ดั คา นทง้ั สองไมป ฏบิ ตั ติ ามเงอ่ื นไข
การชำระหนใ้ี นสญั ญาปรบั โครงสรา งหน้ี และยงั คงเปน หนผ้ี รู อ งตามสญั ญาปรบั โครงสรา งหนแ้ี ละ
๙๘
สญั ญาจำนองซง่ึ ผรู อ งไดร บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งจากบรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ไมไ ด
วา ผคู ดั คา นทง้ั สองไดน ำผเู ขา ประมลู ซอ้ื ทด่ี นิ ใหไ ดร าคาตามขอ ตกลงในสญั ญาปรบั โครงสรา งหน้ี
ผคู ดั คา นทง้ั สองจงึ ไมห ลดุ พน ความรบั ผดิ ตอ ผรู อ งตามสญั ญาปรบั โครงสรา งหน้ี และยงั คงเปน หน้ี
จำนองทตี่ อ งรับผิดตอ ผูรอ งตามสัญญาจำนอง คำแกอุทธรณข องผูคัดคา นทั้งสองฟงไมขึน้
ปญ หาตองวินจิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผูร อ งขอ แรกมวี า ผูรองมีสิทธิไดร บั ชำระหน้จี ำนอง
จากเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองในสวนของผูคัดคานทั้งสองดวยหรือไม เห็นวา
เมอ่ื จำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ นายอนวุ ฒั นห รอื รณจะพงศ และผคู ดั คา นท่ี ๒ รว มกนั จดทะเบยี นจำนองทด่ี นิ
เพื่อเปนประกันหนี้ของจำเลยที่ ๔ ไวแกเจาหนี้เดิม สิทธิจำนองยอมครอบที่ดินจำนองทั้งแปลง
ผรู อ งในฐานะผรู บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งรวมทง้ั สทิ ธจิ ำนองยอ มมบี รุ มิ สทิ ธทิ จ่ี ะบงั คบั เหนอื ทด่ี นิ จำนอง
ทั้งแปลง จึงมีสิทธิไดรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสวนของจำเลยที่ ๒ ที่ ๔
และผูคัดคานทั้งสองซึ่งแมมิไดเปนลูกหนี้ในคดีลมละลายนี้ และผูรองไมจำตองฟองรองบังคับ
จำนองผคู ดั คา นทง้ั สองกอ น เพราะเปน การบงั คบั คดที เ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ ดย ดึ ทด่ี นิ จำนอง
ทจ่ี ำเลยท่ี ๒ ท่ี ๔ และผคู ดั คา นทง้ั สองเปน ผถู อื กรรมสทิ ธร์ิ วมออกขายทอดตลาดไปทง้ั แปลงโดย
แบงแยกกันไมได ผูรองจึงมีสิทธิไดรับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ไดจากการขายทอดตลาด ที่ดิน
จำนองในสวนของผูคัดคานทั้งสองกอนเจาหนี้รายอื่นดวยตามสวนกรรมสิทธิ์รวมของผูคัดคาน
ทง้ั สองและภายในวงเงนิ จำนองซง่ึ ตอ งไมเ กนิ กวา ภาระหนท้ี ม่ี อี ยจู รงิ ทผ่ี คู ดั คา นทง้ั สองตอ งรบั ผดิ
ตอ ผูรอ ง ทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำรองนัน้ ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษไมเ ห็นพอ งดวย
อุทธรณข องผูร องขอ นฟ้ี ง ขึน้
ปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองขอตอไปมีวา ผูรองตองเสียคาขึ้นศาลใน
ศาลลม ละลายกลางและชน้ั อทุ ธรณอ ยา งคดมี ที นุ ทรพั ยห รอื ไม เหน็ วา คดนี เ้ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ยึดและขายทอดตลาดที่ดินที่จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ถือกรรมสิทธิ์รวมกับบุคคลภายนอกอันเปน
การกระทำตามอำนาจหนา ทข่ี องเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยท ส่ี บื เนอ่ื งมาจากเจา หนผ้ี มู สี ทิ ธจิ ำนอง
ขอรบั ชำระหนใ้ี นฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั ในทด่ี นิ จำนองตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๖ (๓) และเมอ่ื มกี ารขายทอดตลาดทด่ี นิ จำนองแลว ยอ มทำใหก ารจำนองระงบั ไปเสมอื น
การไดบังคับจำนองแลว จึงเปนกระบวนพิจารณาสวนหนึ่งของการจัดการทรัพยสินของลูกหนี้
ในคดีลมละลาย การที่ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งใหผูรองไดรับเงินสวนของผูคัดคานทั้งสอง
จากเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดที่ดินจำนองตามที่ผูรองมีสิทธิจำนอง มิใชคำฟองหรือการ
รองขอใหบังคับจำนองโดยตรง ผูรองจึงไมตองเสียคาขึ้นศาลในศาลลมละลายกลางและอุทธรณ
ของผรู อ งเปน คดที ม่ี คี ำขอใหป ลดเปลอ้ื งทกุ ขอ นั ไมอ าจคำนวณเปน ราคาเงนิ ได ตอ งเสยี คา ขน้ึ ศาล
๙๙
ชน้ั อทุ ธรณเ พยี ง ๒๐๐ บาท ตามตาราง ๑ ขอ (๒) (ก) ทา ยประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
ประกอบพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗๙ วรรคทาย ที่ศาลลมละลายกลาง
เรียกใหผูรองเสียคาขึ้นศาลเพิ่มมาชั้นศาลละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท เปนการไมถูกตอง และตองคืน
คา ขน้ึ ศาลทเี่ สียเกนิ มาแกผ รู อ ง อทุ ธรณข องผูรองขอ น้ีฟง ข้นึ เชน กนั
พพิ ากษากลับ ใหผรู อ งมีสิทธิไดร ับชำระหน้ีจำนองจากเงินท่ไี ดจากการขายทอดตลาด
ทด่ี นิ จำนองในสว นของผคู ดั คา นทง้ั สองกอ นเจา หนร้ี ายอน่ื ดว ยตามสว นกรรมสทิ ธร์ิ วมของผคู ดั คา น
ทง้ั สอง และภายในวงเงนิ จำนองซง่ึ ตอ งไมเ กนิ กวา ภาระหนท้ี ม่ี อี ยจู รงิ ทผ่ี คู ดั คา นทง้ั สองตอ งรบั ผดิ
ตอผูรอง และคืนคาขึ้นศาลในศาลลมละลายกลางและชั้นอุทธรณชั้นศาลละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท
แกผ ูรอง คา ฤชาธรรมเนียมทั้งสองชนั้ ศาลนอกจากท่สี ง่ั คนื ใหเ ปน พบั .
(องอาจ งามมศี รี - โชคชัย รุจนิ นิ นาท - วิเชยี ร วชิรประทปี )
นราธปิ บญุ ญพนิช - ยอ
อดศิ กั ดิ์ เทยี นกรมิ - ตรวจ
๑๐๐
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนญั พเิ ศษท่ี ๔๕๔๔/๒๕๖๒ ธนาคารกรงุ เทพ
(ประชมุ ใหญ) จำกัด (มหาชน) โจทก
บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย
สุขุมวิท จำกัด ผูรอง
นายประสทิ ธิ์ เย็นลบั จำเลย
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๘๗ (เดิม), ๓๒๒
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖
เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย ในการยดึ และรวบรวมทรพั ยส นิ ของจำเลยเปน การ
ใชอ ำนาจของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยต ามกฎหมายลม ละลาย ซง่ึ แตกตา งจากกระบวน
การบงั คบั คดใี นคดแี พง ทว่ั ไป หากบคุ คลใดเหน็ วา ตนมสี ทิ ธเิ หนอื ทรพั ยส นิ ทเ่ี จา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยย ดึ ไวอ ยา งไร ยอ มสามารถรอ งขอแสดงสทิ ธขิ องตนเพอ่ื เจา พนกั งานพทิ กั ษ
ทรัพยจะไดสอบสวนพยานหลักฐานและมีคำสั่ง เพราะอาจมีผลกระทบตอกองทรัพยสิน
ในคดีลมละลายและกระทบตอสิทธิของเจาหนี้ทั้งหลายที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไวได เมื่อ
เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำวินิจฉัยอยางไรแลว หากกระทบสิทธิเปนที่เสียหายแกตน
บคุ คลดงั กลา วกย็ อ มยน่ื คำรอ งตอ ศาลเพอ่ื มคี ำสง่ั อยา งหนง่ึ อยา งใดตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ ตอไป ผูรองอางวาผูรองรับโอนสิทธิเรียกรองในมูลหนี้ตาม
คำพิพากษาของจำเลยและนาง ว. กับพวก ตอมาจำเลยถูกพิทักษทรัพยเด็ดขาดและ
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยย ดึ ทด่ี นิ ทรพั ยจ ำนองทม่ี ชี อ่ื จำเลยและนาง ว. ถอื กรรมสทิ ธอ์ิ อก
ขายทอดตลาด ผรู อ งในฐานะผรู บั โอนสทิ ธจิ ำนองและเปน เจา หนบ้ี รุ มิ สทิ ธนิ าง ว. ผจู ำนอง
จึงมีสิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๘๗ (เดิม) หรือตามมาตรา ๓๒๒ ที่แกไขใหมที่จะกันเงิน
จากการขายทอดตลาดกึ่งหนึ่งเพื่อชำระหนี้บุริมสิทธิจำนอง โดยไมปรากฏวาผูรองได
ดำเนินการในชั้นเจาพนักงานพิทักษทรัพยมากอน กรณีจึงยังไมมีการสอบสวนพยาน
หลักฐานเกี่ยวกับสิทธิของผูรองตอทรัพยในคดีนี้ และไมมีคำสั่งอยางหนึ่งอยางใดอัน
กระทบตอสิทธขิ องผรู องใหไดรบั ความเสยี หาย ผรู อ งจงึ ยงั ไมอ าจยน่ื คำรอ งเปนคดนี ้ีได
_____________________________
๑๐๑
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาด เมอ่ื วนั ท่ี
๒๖ ธันวาคม ๒๕๔๘ และพพิ ากษาใหล ม ละลายเม่ือวนั ท่ี ๒๑ มนี าคม ๒๕๕๐
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งกันสวนเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดใหแกผูรองกึ่งหนึ่ง
เจาพนักงานพทิ ักษทรพั ยไมย่นื คำคัดคา น
ศาลลมละลายกลางมคี ำสงั่ ยกคำรอง คาฤชาธรรมเนยี มใหเ ปนพบั
ผรู อ งอุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั วา ผรู อ ง
มีสิทธิยื่นคำรองนี้หรือไม เห็นวา เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของลูกหนี้ อำนาจในการจัดการ
กจิ การและทรพั ยส นิ ของลกู หนย้ี อ มตกแกเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ตผ เู ดยี วตามพระราชบญั ญตั ิ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และคำสั่งพิทักษทรัพยถือเสมือนเปนหมายของศาลให
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ ขา ยดึ ดวงตรา สมดุ บญั ชี และเอกสารของลกู หน้ี และบรรดาทรพั ยส นิ
ซ่ึงอยูใ นความครอบครองของลูกหน้ี หรอื ของผอู ่นื อันอาจแบง ไดใ นคดลี มละลายตามมาตรา ๑๙
วรรคหนง่ึ เพอ่ื นำมาชำระหนใ้ี หแ กเ จา หน้ี ทง้ั ในการรวบรวมทรพั ยส นิ ในคดลี ม ละลาย เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยม อี ำนาจออกหมายเรยี กลกู หน้ี คสู มรสของลกู หน้ี หรอื บคุ คลหนง่ึ บคุ คลใดมาไตส วน
หรอื สอบสวน และมอี ำนาจสง่ั ใหบ คุ คลนน้ั ๆ สง เอกสารหรอื วตั ถพุ ยานซง่ึ อยใู นความยดึ ถอื หรอื
อำนาจของผูนั้นอันเกี่ยวกับกิจการหรือทรัพยสินของลูกหนี้ตาม มาตรา ๑๑๗ วรรคหนึ่ง ดวย
ดงั นน้ั ในการยดึ และรวบรวมทรพั ยส นิ ของจำเลยจงึ เปน การใชอ ำนาจของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ตามกฎหมายลมละลาย ซึ่งแตกตางจากกระบวนการบังคับคดีในคดีแพงทั่วไป หากบุคคลใด
เห็นวาตนมีสิทธิเหนือทรัพยสินที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยยึดไวอยางไร ยอมสามารถรองขอ
แสดงสิทธขิ องตนเพื่อเจา พนักงานพทิ กั ษท รัพยจ ะไดสอบสวนพยานหลักฐานและมีคำสั่ง เพราะ
อาจมีผลกระทบตอกองทรัพยสินในคดีลมละลายและกระทบตอสิทธิของเจาหนี้ทั้งหลายที่ยื่น
คำขอรับชำระหนี้ไวได เมื่อเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำวินิจฉัยอยางไรแลว หากกระทบสิทธิ
เปนที่เสียหายแกตน บุคคลดังกลาวก็ยอมยื่นคำรองตอศาลเพื่อมีคำสั่งอยางหนึ่งอยางใดตาม
มาตรา ๑๔๖ ตอไป คดีนี้ผูรองอางวาผูรองรับโอนสิทธิเรียกรองในมูลหนี้ตามคำพิพากษาของ
จำเลยและนางวจิ ติ รากบั พวก ตอ มาจำเลยถกู พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดและเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ยดึ ทด่ี นิ ทรพั ยจ ำนองทม่ี ชี อ่ื จำเลยและนางวจิ ติ ราถอื กรรมสทิ ธอ์ิ อกขายทอดตลาด ผรู อ งในฐานะ
ผูรับโอนสิทธิจำนองและเปนเจาหนี้บุริมสิทธินางวิจิตราผูจำนองจึงมีสิทธิตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๘๗ (เดิม) หรือตามมาตรา ๓๒๒ ที่แกไขใหม ที่จะกันเงินจาก
การขายทอดตลาดกึ่งหนึ่งเพื่อชำระหนี้บุริมสิทธิจำนอง โดยไมปรากฏวาผูรองไดดำเนินการ
๑๐๒
ในชน้ั เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม ากอ น กรณจี งึ ยงั ไมม กี ารสอบสวนพยานหลกั ฐานเกย่ี วกบั สทิ ธิ
ของผูรองตอทรัพยในคดีนี้ และไมมีคำสั่งอยางหนึ่งอยางใดอันกระทบตอสิทธิของผูรองใหไดรับ
ความเสียหาย ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษโดยมติที่ประชุมใหญจึงเห็นวาผูรองยังไมอาจยื่น
คำรองเปนคดีนี้ได ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกคำรองมานั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ
เห็นพอ งดวยในผล กรณไี มจ ำตองวนิ ิจฉยั อุทธรณของผูรอง
พิพากษายนื คา ฤชาธรรมเนียมชน้ั อทุ ธรณใหเ ปน พับ.
(สถาพร วสิ าพรหม - สิรพิ ร เปรมาสวัสดิ์ สุรมณี - เกยี รติคณุ แมนเลขา)
นราธิป บญุ ญพนชิ - ยอ
วริ ัตน วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ท่ีสุด
๑๐๓
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๔๐๑/๒๕๖๔ บรรษทั บรหิ าร
สินทรพั ยไทย โจทก
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดยอ ม
แหง ประเทศไทย ผูรอ ง
นางสาวกลั ยาณี
รุทระกาญจน ผคู ดั คา น
บริษทั มณี อินเตอรเนชัน่ แนล
จำกดั กับพวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๓๐๕, ๓๐๖, ๗๑๖
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖
ภายหลังจากศาลลมละลายกลางมีคําสั่งอนุญาตใหผูรองไดรับชําระหนี้ตาม
คําพิพากษาในคดีแพงแลว ผูรองทําสัญญาโอนสินทรัพยซึ่งรวมถึงสิทธิเรียกรองหนี้ตาม
คําพิพากษาในคดีดังกลาวที่มีทรัพยจํานองที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘ ใหแกบริษัท บ.
ผูรับโอน และตอมาเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคําสั่งอนุญาตใหผูรับโอนเขาสวมสิทธิ
เปน เจาหนี้แทนผูร อ งแลว หากผูร ับโอนประสงคจะขอรบั ชําระหนจ้ี าํ นองเพม่ิ เติมในสว น
ของผูคัดคานผูถือกรรมสิทธิ์รวม ก็เปนเรื่องที่ตองยื่นคําขอรับชําระหนี้จํานองตอ
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ไมอ าจยน่ื คาํ ขอโดยตรงตอ ศาลได ทง้ั เมอ่ื ผรู อ งโอนสทิ ธเิ รยี กรอ ง
ในหนต้ี ามคาํ พพิ ากษาใหแ กผ รู บั โอนไปแลว ผรู อ งจงึ ไมอ ยใู นฐานะเจา หนต้ี ามคาํ พพิ ากษา
ในคดแี พง ดงั กลา วอกี ตอ ไป ผรู อ งจงึ ไมม สี ทิ ธริ อ งขอใหน าํ เงนิ ทไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาด
ที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘ ตําบลบางกะป (ลาดพราวฝงเหนือ) อําเภอพญาไท (บางกะป)
กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง กรรมสทิ ธใ์ิ นสว นของผคู ดั คา นมาชาํ ระหนแ้ี กผ รู อ ง
อนึ่ง เมื่อศาลไดพิพากษาใหผูคัดคานและจําเลยที่ ๒ กับพวกรวมกันชําระเงิน
ใหแ กผ รู อ งหากไมช าํ ระใหย ดึ ทรพั ยจ าํ นอง ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๕๓๓๖๘ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
ออกขายทอดตลาดนําเงินมาชําระหนี้ หากไมพอใหยึดทรัพยสินอื่นของจําเลยที่ ๒ และ
๑๐๔
ผคู ดั คา นกบั พวกออกขายทอดตลาดชาํ ระหนใ้ี หแ กผ รู อ งจนครบถว น สทิ ธเิ รยี กรอ งในหน้ี
ตามคาํ พพิ ากษาดงั กลา วเปน สทิ ธเิ รยี กรอ งใหช าํ ระหนเ้ี งนิ จงึ เปน สทิ ธเิ รยี กรอ งทพ่ี งึ โอน
กันได เมื่อการโอนสิทธิเรียกรองระหวางผูรองกับผูรับโอน นอกจากจะเปนการโอนตาม
พ.ร.ก. บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย พ.ศ. ๒๕๔๑ แลว ยงั ไดค วามวา เมอ่ื ผรู อ งไดบ อกกลา วการ
โอนสิทธิเรียกรองใหผูคัดคานซึ่งเปนลูกหนี้ดวยแลว การโอนสิทธิเรียกรองดังกลาวจึง
สมบรู ณ ตามมาตรา ๓๐๖ วรรคหนง่ึ มผี ลใหส ทิ ธทิ จ่ี ะไดร บั ชาํ ระหนจ้ี ากการขายทอดตลาด
ทรัพยจาํ นองในหนี้ตามคาํ พิพากษาตกมาเปน สิทธขิ องผูรับโอน
_____________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒ เด็ดขาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๓ สงิ หาคม ๒๕๕๔ และพพิ ากษาใหจ ำเลยท่ี ๒ ลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ ตลุ าคม ๒๕๕๘
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหม คี ำสง่ั ใหผ รู อ งไดร บั ชำระหนจ้ี ากเงนิ ทข่ี ายทอดตลาดในสว นของ
ผูค ดั คา นกอนเจาหนร้ี ายอน่ื รวมทง้ั โจทกด ว ย
จำเลยท่ี ๒ และผคู ดั คานยน่ื คำคัดคา น ขอใหยกคำรอง
ศาลลมละลายกลางมีคำสงั่ ยกคำรอง คาฤชาธรรมเนยี มใหเ ปนพับ
ผูร อง ผคู ัดคานและจำเลยที่ ๒ อุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ปญหาที่ตองวินิจฉัยตาม
อุทธรณของผูรองวา ผูรองมีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากเงินที่ไดจากการขาย
ทอดตลาดที่ดิน โฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘ พรอมสิ่งปลูกสราง กรรมสิทธิ์ในสวนของผูคัดคานหรือไม
เห็นวา ภายหลังจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตใหผูรองไดรับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ในคดีแพง หมายเลขแดงที่ ธ.๒๓๔๒/๒๕๕๑ แลว ผูรองทำสัญญาโอนสินทรัพยซึ่งรวมถึงสิทธิ
เรียกรอง หนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกลาวที่มีทรัพยจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๓๖๘ ใหแก
บริษัทบริหารสินทรัพยกรุงเทพพาณิชย จำกัด (มหาชน) และตอมาเจาพนักงานพิทักษทรัพยมี
คำสง่ั อนญุ าตใหบ รษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยก รงุ เทพพาณชิ ย จำกดั (มหาชน) เขา สวมสทิ ธเิ ปน เจา หน้ี
แทนผูรองแลว หากบริษัทบริหารสินทรัพยกรุงเทพพาณิชย จำกัด (มหาชน) ประสงคจะขอรับ
ชำระหนี้จำนองเพิ่มเติมในสวนของผูคัดคานผูถือกรรมสิทธิ์รวม ก็เปนเรื่องที่ตองยื่นคำขอรับ
ชำระหนจ้ี ำนองตอ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ไมอ าจยน่ื คำขอโดยตรงตอ ศาลได ทง้ั เมอ่ื ผรู อ งโอน
สทิ ธเิ รยี กรอ งในหนต้ี ามคำพพิ ากษาใหแ กบ รษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยก รงุ เทพพาณชิ ย จำกดั (มหาชน)
ไปแลว ผูรองจึงไมอยูในฐานะเจาหนี้ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ ธ.๒๓๔๒/๒๕๕๑
๑๐๕
อกี ตอ ไป ผรู อ งจงึ ไมม สี ทิ ธริ อ งขอใหน ำเงนิ ทไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาดทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๕๓๓๖๘
ตำบลบางกะป (ลาดพรา วฝง เหนอื ) อำเภอพญาไท (บางกะป) กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
กรรมสิทธใิ์ นสว นของผคู ัดคา นมาชำระหนแี้ กผ ูรอง ทีศ่ าลลมละลายกลางยกคำรองของผรู องน้นั
ศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษเห็นพองดวย
ปญหาที่ตองวินิจฉัยอุทธรณของผูคัดคานและจำเลยที่ ๒ วา การที่ผูรองโอนสิทธิ
เรียกรองในหนี้ตามคำพิพากษาใหแกบริษัทบริหารสินทรัพยกรุงเทพพาณิชย จำกัด (มหาชน)
ไดโ อนไปดว ยหรอื ไม เหน็ วา คำพพิ ากษาของศาลแพง หมายเลขแดงท่ี ธ.๒๓๔๒/๒๕๕๑ ศาลได
พพิ ากษาใหผ คู ดั คา นและจำเลยท่ี ๒ กบั พวกรว มกนั ชำระเงนิ ใหแ กผ รู อ ง หากไมช ำระใหย ดึ ทรพั ย
จำนองทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๕๓๓๖๘ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งออกขายทอดตลาดนำเงนิ มาชำระหน้ี หากไม
พอใหย ดึ ทรพั ยส นิ อน่ื ของจำเลยท่ี ๒ และผคู ดั คา นกบั พวกออกขายทอดตลาดชำระหนใ้ี หแ กผ รู อ ง
จนครบถว น สทิ ธเิ รยี กรอ งในหนต้ี ามคำพพิ ากษาดงั กลา วเปน สทิ ธเิ รยี กรอ งใหช ำระหนเ้ี งนิ จงึ เปน
สิทธิเรียกรองที่พึงโอนกันได และการโอนสิทธิเรียกรองระหวางผูรองกับบริษัทบริหารสินทรัพย
กรงุ เทพพาณชิ ย จำกดั (มหาชน) นอกจากจะเปน การโอนตามพระราชกำหนดบรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย
พ.ศ. ๒๕๔๑ แลว ยังไดความวาผูรองยังไดบอกกลาวการโอนสิทธิเรียกรองใหผูคัดคาน ซึ่งเปน
ลูกหนี้ดวย การโอนสิทธิเรียกรองดังกลาวจึงสมบูรณ ตามมาตรา ๓๐๖ วรรคหนึ่ง มีผลใหสิทธิ
ทจ่ี ะไดร บั ชำระหนจ้ี ากการขายทอดตลาดทรพั ยจ ำนองในหนต้ี ามคำพพิ ากษาตกมาเปน สทิ ธขิ อง
บริษัทบริหารสินทรัพยกรุงเทพพาณิชย จำกัด (มหาชน) คำสั่งของศาลลมละลายกลางชอบแลว
อทุ ธรณของผูคัดคานและจำเลยท่ี ๒ ฟง ไมขึ้น
พพิ ากษายืน คา ฤชาธรรมเนยี มทง้ั สองฝา ยในชั้นอทุ ธรณใหเ ปน พับ.
(อดิศักด์ิ เทยี นกรมิ - สถาพร วสิ าพรหม - เกียรติคุณ แมน เลขา)
ภารดี เพ็ญเจรญิ - ยอ
วริ ตั น วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๐๖
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษท่ี ๑๔๔๘/๒๕๖๑ ธนาคารทหารไทย
จำกัด (มหาชน) โจทก
เจาพนกั งาน
พิทักษทรพั ย ผูรอง
นายศริ ิ เปย มสวุ รรณ
กบั พวก ผูคดั คา น
นายหมิน วงศส ุริยะวฒั นา
กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑), ๑๐๙ (๑), ๑๑๓, ๑๔๕ (๔)
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มวี ัตถุประสงคเ พื่อคุมครองประโยชนทั้งแกลกู หนี้
และเจา หนท้ี ง้ั ปวงโดยใหอ ำนาจเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ ขา จดั การทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี
เพื่อนำไปชำระหนี้ใหแกบรรดาเจาหนี้ทั้งหลายอยางเปนธรรม และชำระสะสางหนี้สิน
ของลูกหนี้ผูมีหนี้สินพนตัวใหเสร็จสิ้นไป การกระทำที่ฝาฝนตอกฎหมายดังกลาวยอม
กระทบตอ ประโยชนของผมู ีสวนไดเ สยี ทัง้ ปวง จงึ เปนกฎหมายอนั เกี่ยวกับความสงบ
เรียบรอยของประชาชน จำเลยที่ ๒ โอนที่ดินสวนของตนใหแกผูคัดคานที่ ๒ ภายหลัง
ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพย จึงเปนนิติกรรมที่มีวัตถุประสงคเปนการตองหามชัดแจงโดย
กฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบรอยของประชาชนตกเปนโมฆะ แมผูคัดคานที่ ๒
ไมท ราบวา ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๒ เดด็ ขาดกไ็ มอ าจยกความสจุ รติ ขน้ึ เปน
ขออา งเพ่ือลบลางบทกฎหมายดังกลา วได
การใชอำนาจของผรู องในฐานะเจา พนักงานพิทกั ษทรพั ยในการรวบรวมทรพั ยสิน
ทั้งหลายอันลกู หนมี้ ีอยูในเวลาเริม่ ตนแหงการลมละลายตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๐๙ (๑) เพอ่ื นำมาแบง แกบ รรดาเจา หน้ี เปน การใชส ทิ ธติ ดิ ตามเอาคนื ทรพั ยส นิ
ของลกู หนจ้ี ากนติ กิ รรมทเ่ี สยี เปลา กลบั เขา กองทรพั ยส นิ ของผลู ม ละลาย มใิ ชก ารรอ ง
ขอเพิกถอนการฉอฉลตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ ที่ถือวานิติกรรม
นั้นยงั มผี ลอยตู ราบจนกระทงั่ มีคำสัง่ ใหเ พกิ ถอน ซงึ่ ตองรอ งขอภายใน ๑ ป นับแตท ราบถึง
เหตุดงั กลา ว
๑๐๗
การรองขอเพิกถอนการจดทะเบียนนิติกรรมที่เปนโมฆะดังกลาวเปนการใชอำนาจ
ในการติดตามและจัดการทรัพยสินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑)
อนั เปน อำนาจเฉพาะของเจาพนักงานพทิ ักษท รัพยซ่ึงรองขอไดโ ดยทำเปน คำรองตอ ศาล
เปน คดสี าขาในคดลี ม ละลาย มไิ ดย น่ื ฟอ งเปน คดใี หมแ ตอ ยา งใด จงึ มใิ ชก ารฟอ งคดแี พง
เกี่ยวกับทรัพยสินในคดีลมละลายตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕ (๔)
ทจ่ี ะกระทำไดต อเมื่อไดรบั ความเห็นชอบของกรรมการเจา หน้ีหรอื จากท่ีประชมุ เจาหน้ี
_______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒ และพิพากษาใหจำเลยทั้งสองเปนบุคคลลมละลายเมื่อวันที่ ๖
สิงหาคม ๒๕๕๕
ผูรองยื่นคำรองวา ภายหลังศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒
เด็ดขาด จำเลยที่ ๒ ซึ่งมีชื่อถือสิทธิครองครองที่ดินตามหนังสือรับตามหนังสือรับรองการทำ
ประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๑๔ หมูที่ (๔) ๙ ตำบล (หนองรี) หลุมรัง อำเภอบอพลอย จังหวัด
กาญจนบรุ ี รว มกบั ผคู ดั คา นท่ี ๑ โอนขายทด่ี นิ ดงั กลา วใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ หลงั จากนน้ั ผคู ดั คา นท่ี ๒
แบง แยกทด่ี นิ ออกมาเปน แปลงยอ ยและโอนทด่ี นิ ดงั กลา วใหแ กผ คู ดั คา นอน่ื ขอใหเ พกิ ถอนรายการ
จดทะเบยี นซือ้ ขายที่ดินดังกลาวเฉพาะสว นของจำเลยที่ ๒ ตลอดสาย
ผูคัดคานทั้งสบิ ยืน่ คำคัดคา นขอใหย กคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดินระหวางผูคัดคานที่ ๑
กับจำเลยที่ ๒ ใหแกผูคัดคานที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เฉพาะสวนของจำเลยที่ ๒
รายการจดทะเบียนถือกรรมสิทธิ์ที่ดินรวมระหวางผูคัดคานที่ ๒ กับผูคัดคานที่ ๓ ถึงที่ ๕
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ ๒๕๕๕ รายการจดทะเบียนแบงกรรมสิทธิ์ที่ดินระหวางผูคัดคานที่ ๒
กับผูคัดคานที่ ๓ ถึงที่ ๕ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ รายการจดทะเบียนขายที่ดินระหวาง
ผูคัดคานท่ี ๒ กับผคู ดั คา นท่ี ๗ ถึงที่ ๑๐ เมื่อวนั ที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ในสารบญั จดทะเบยี น
หนงั สอื รบั รองการทำประโยชน (น.ส. ๓) เลขท่ี ๒๑๔ หมทู ่ี (๔) ๙ ตำบล (หนองร)ี หลมุ รงั อำเภอ
บอพลอย จังหวัดกาญจนบุรี เพิกถอนรายการจดทะเบียนใหเฉพาะสวนระหวางผูคัดคานที่ ๔
กบั ผคู ดั คา นท่ี ๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๙ ธนั วาคม ๒๕๕๗ ในสารบญั จดทะเบยี นหนงั สอื รบั รองการทำประโยชน
(น.ส. ๓ ข.) เลขที่ ๑ หมูที่ ๙ ตำบลหลุมรัง อำเภอบอพลอย จังหวัดกาญจนบุรี คำขออื่นใหยก
คา ฤชาธรรมเนียมใหเปนพับ
๑๐๘
ผูคัดคา นที่ ๒ ถึงที่ ๑๐ อุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตาม
อทุ ธรณข องผคู ดั คา นท่ี ๒ ถงึ ท่ี ๑๐ ในประการแรกวา ผรู อ งขอใหเ พกิ ถอนนติ กิ รรมการโอนทด่ี นิ
คดีนี้ไดหรือไม เห็นวา เมื่อศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒ เด็ดขาดแลว
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ บัญญัติใหเจาพนักงาน
พิทักษทรัพยแตผูเดียวมีอำนาจจัดการและจำหนายทรัพยสินของลูกหนี้ และหามมิใหลูกหนี้
กระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพยสินหรือกิจการของตน เวนแตจะไดกระทำตามคำสั่งหรือความ
เห็นชอบของศาล เจาพนักงานพิทักษทรัพย ผูจัดการทรัพย หรือที่ประชุมเจาหนี้ ตามที่บัญญัติ
ไวใ นกฎหมาย ดงั นน้ั เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยท่ี ๒ เดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ พฤษภาคม
๒๕๕๒ แลว จำเลยที่ ๒ จึงหมดอำนาจที่จะจัดการและจำหนายหรือกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับ
ทรัพยสินของตน อำนาจดังกลาวยอมตกแกผูรองในฐานะเจาพนักงานพิทักษทรัพยแตผูเดียว
ตามกฎหมาย จำเลยที่ ๒ จึงไมมีอำนาจขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓)
เลขที่ ๒๑๔ หมูที่ (๔) ๙ ตำบล (หนองรี) หลุมรัง อำเภอบอพลอย จังหวัดกาญจนบุรี ในสวน
ของตนแกผ คู ดั คา นท่ี ๒ ในวนั ท่ี ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ ซง่ึ เปน การกระทำเกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของตน
ภายหลงั วนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาด นติ กิ รรมการโอนสทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ ดงั กลา ว
จงึ เปน การฝา ฝน ตอ พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ ซง่ึ เปน
กฎหมายเก่ียวกบั ความสงบเรียบรอ ยของประชาชน นิตกิ รรมดังกลา วจงึ เสยี เปลา เปน โมฆะไมมี
ผลผูกพันกองทรัพยสินของจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๕๐
ทผ่ี คู ดั คา นท่ี ๗ ถงึ ท่ี ๑๐ อทุ ธรณว า นติ กิ รรมระหวา งจำเลยท่ี ๒ กบั ผคู ดั คา นท่ี ๒ ไมเ ปน โมฆะ
เพราะผูคัดคานที่ ๒ ไมทราบวาจำเลยที่ ๒ ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดขณะขายที่ดิน
ใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ นน้ั เหน็ วา กฎหมายลม ละลายเปน กฎหมายพเิ ศษแตกตา งจากกฎหมายแพง
ทว่ั ไป มวี ตั ถปุ ระสงคเ พอ่ื คมุ ครองประโยชนท ง้ั แกล กู หนแ้ี ละเจา หนท้ี ง้ั ปวง โดยใหอ ำนาจเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยเ ขา จดั การทรพั ยส นิ ของลกู หนเ้ี พอ่ื นำไปชำระหนใ้ี หแ กบ รรดาเจา หนท้ี ง้ั หลายอยา ง
เปนธรรม และชำระสะสางหนส้ี นิ ของลกู หนี้ผมู หี น้ีสนิ พนตวั ใหเ สรจ็ ส้ินไป การกระทำทฝ่ี าฝน ตอ
กฎหมายดงั กลา ว ยอ มกระทบตอ ประโยชนข องผมู สี ว นไดเ สยี ทง้ั ปวง จงึ เปน กฎหมายอนั เกย่ี วกบั
ความสงบเรียบรอยของประชาชน การโอนที่ดินของจำเลยที่ ๒ แกผูคัดคานที่ ๒ ที่ฝาฝนตอ
บทบญั ญตั แิ หง กฎหมายลม ละลาย ซง่ึ หา มมใิ หล กู หนก้ี ระทำการใด ๆ เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของตน
หลงั จากศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยแ ลว อนั เปน บทบงั คบั เดด็ ขาด จงึ เปน นติ กิ รรมทม่ี วี ตั ถปุ ระสงค
เปนการตองหามชัดแจงโดยกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบรอยของประชาชนโดยมิตอง
๑๐๙
คำนงึ วา คสู ญั ญาทกุ ฝา ยไดร ถู งึ วตั ถปุ ระสงคข องนติ กิ รรมทเ่ี ปน การตอ งหา มตามกฎหมายนน้ั หรอื ไม
แมผูคัดคานที่ ๒ ไมทราบวาศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒ เด็ดขาดก็ไมอาจยกความ
สุจริตขึ้นเปนขออางเพื่อลบลางบทกฎหมายดังกลาวได สวนที่ผูคัดคานที่ ๒ ถึงที่ ๑๐ อุทธรณ
ทำนองวา ผูคัดคานทั้งหลายตางไดสิทธิครอบครองในที่ดินแลว ผูรองไมอาจขอใหเพิกถอนนั้น
เหน็ วา คดนี เ้ี ปน การรอ งขอเพกิ ถอนนติ กิ รรมทเ่ี ปน โมฆะ เมอ่ื นติ กิ รรมการโอนระหวา งจำเลยท่ี ๒
กบั ผคู ดั คา นท่ี ๒ ตกเปน โมฆะ ยอ มเสยี เปลา ไมม ผี ลตามกฎหมาย ไมอ าจอา งสทิ ธใิ ด ๆ ทไ่ี ดจ าก
การอันเปน โมฆะนั้นได จึงมิใชก รณที ่จี ะกลา วอา งสทิ ธิการครอบครองท่ีดนิ โดยอา งเจตนายดึ ถือ
เพอ่ื ตนหรอื การแยง การครอบครองเพอ่ื มใิ หเ พกิ ถอนการจดทะเบยี นของผรู อ งได สว นทผ่ี คู ดั คา น
ท่ี ๓ ถงึ ท่ี ๖ อทุ ธรณว า ผรู อ งขอเพกิ ถอนนติ กิ รรมเกนิ กวา ๑ ป นบั แตว นั ทเ่ี จา หนไ้ี ดท ราบถงึ เหตุ
แหง การเพกิ ถอน ผรู อ งจงึ ไมม สี ทิ ธขิ อใหเ พกิ ถอนการโอนคดนี ไ้ี ดน น้ั เหน็ วา การรอ งขอเพกิ ถอน
การจดทะเบยี นนติ กิ รรมคดนี ้ี เปน การใชอ ำนาจของผรู อ งในฐานะเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยใ นการ
รวบรวมทรัพยสินทั้งหลายอันลูกหนี้มีอยูในเวลาเริ่มตนแหงการลมละลายตามพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๙ (๑) เพื่อนำมาแบงแกบรรดาเจาหนี้ อันเปนการใชสิทธิ
ตดิ ตามเอาคนื ทรัพยส ินของลกู หน้ีจากนติ กิ รรมท่ีเสียเปลา กลับเขากองทรัพยสินของผลู ม ละลาย
หาใชการรองขอเพิกถอนการฉอฉลตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓
ซ่ึงตอ งรอ งขอภายใน ๑ ป นบั แตท ราบถงึ เหตุดงั กลา วไม สว นอุทธรณข องผูคดั คานท่ี ๒ วาการ
ยื่นคำแถลงของเจาหนี้ที่ ๑ ตอผูรองเพื่อใหเพิกถอนการโอนเปนการใชสิทธิโดยไมสุจริตและ
ประมาทเลนิ เลอ อยา งรา ยแรงทไ่ี มร บี ตรวจสอบสบื หาทรพั ยส นิ ของจำเลยทง้ั สองนน้ั กม็ ไิ ดเ ปน เหตุ
ทำใหผูรองไมมีอำนาจยื่นคำรองขอเพิกถอนการโอนแตอยางใด ผูรองจึงขอใหเพิกถอนนิติกรรม
การโอนท่ดี นิ คดนี ้ีได อุทธรณข องผูค ดั คานท่ี ๒ ถึงท่ี ๑๐ ฟงไมข นึ้
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นท่ี ๗ ถงึ ท่ี ๑๐ ประการตอ ไปวา ผรู อ ง
ตอ งไดร บั ความเหน็ ชอบจากทป่ี ระชมุ เจา หนห้ี รอื กรรมการเจา หนก้ี อ นยน่ื ฟอ งคดนี ห้ี รอื ไม เหน็ วา
การรอ งขอเพกิ ถอนการจดทะเบยี นนติ กิ รรมของผรู อ งเปน การใชอ ำนาจในการตดิ ตามและจดั การ
ทรพั ยส นิ ของลกู หนต้ี ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๑) อนั เปน อำนาจเฉพาะ
ของเจาพนกั งานพิทักษท รัพยซึ่งรอ งขอไดโดยทำเปนคำรองตอศาลเปนคดสี าขาในคดลี มละลาย
มไิ ดย น่ื ฟอ งเปน คดใี หมแ ตอ ยา งใด การยน่ื คำรอ งขอเพกิ ถอนการจดทะเบยี นนติ กิ รรมการโอนทด่ี นิ
ของผรู อ งคดนี จ้ี งึ มใิ ชก ารฟอ งคดแี พง เกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ในคดลี ม ละลายตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕ (๔) ทจ่ี ะกระทำไดต อ เมอ่ื ไดร บั ความเหน็ ชอบของกรรมการเจา หน้ี หรอื
จากทป่ี ระชมุ เจา หนถ้ี า ไมไ ดต ง้ั กรรมการเจา หนไ้ี วต ามมาตรา ๔๑ แมผ รู อ งไมไ ดข อความเหน็ ชอบ
๑๑๐
จากกรรมการเจาหนี้หรือที่ประชุมเจาหนี้กอนยื่นคำรองคดีนี้ ก็ไมเปนการกระทำที่ฝาฝนตอ
กฎหมาย อทุ ธรณขอ นีข้ องผคู ัดคา นที่ ๗ ถึงที่ ๑๐ ฟงไมข น้ึ เชนกนั
อนึ่ง ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งเพิกถอนรายการจดทะเบียนตอมาภายหลังการโอน
เมอ่ื วนั ท่ี ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๕๔ ทง้ั หมด ซง่ึ รวมถงึ สว นของผคู ดั คา นท่ี ๑ ทข่ี ณะจดทะเบยี นโอนขาย
ที่ดินมิไดเปนนิติกรรมที่ตองหามดวยนั้นเปนการไมถูกตอง แมไมมีผูใดอุทธรณในปญหานี้
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษชอบทจ่ี ะยกขน้ึ วนิ จิ ฉยั ไดต ามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง
มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
พิพากษาแกเปนวา ใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนตอมาภายหลังวันที่ ๓ มิถุนายน
๒๕๕๔ เฉพาะสวนของจำเลยที่ ๒ ตลอดสาย โดยใหใสชื่อจำเลยที่ ๒ เปนผูถือสิทธิครอบครอง
กึ่งหนึ่งในสารบัญจดทะเบียนหนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓) เลขที่ ๒๑๔ หมูที่ (๔) ๙
ตำบล (หนองรี) หลุมรัง อำเภอบอพลอย จังหวัดกาญจนบุรี และกึ่งหนึ่งในสารบัญจดทะเบียน
หนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ข.) เลขที่ ๑ หมูที่ ๙ ตำบลหลุมรัง อำเภอบอพลอย
จังหวัดกาญจนบรุ ี นอกจากท่ีแกใ หเ ปนไปตามคำส่ังศาลลมละลายกลาง คาฤชาธรรมเนยี มช้ันนี้
ใหเ ปน พบั .
(โชคชยั รุจนิ นิ นาท - วเิ ชยี ร วชริ ประทปี - องอาจ งามมศี ร)ี
รตมิ า ชัยสโุ รจน - ยอ
วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงทส่ี ดุ
๑๑๑
คำพิพากษาศาลอุทธรณคดชี ำนัญพิเศษที่ ๕๘/๒๕๖๔ ธนาคารกรงุ ศรีอยธุ ยา
จำกดั (มหาชน) โจทก
เจาพนักงานพิทกั ษทรพั ย ผรู อง
นางสาวณัฎฐพร
โยคนั ชยั ผคู ดั คาน
นางสุชาดา สทุ ธสิ วสั ดิ์
กับพวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐, ๑๓๓๖
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒, ๒๔, ๗๙ วรรคหน่ึง, ๘๑/๑, ๑๐๙
แมจ ำเลยท่ี ๒ จะไดร บั การปลดจากลม ละลายตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๘๑/๑ แลว ก็มีผลเพียงใหจำเลยที่ ๒ หลุดพนจากการเปนบุคคลลมละลายและ
มีอำนาจในการจัดทรัพยสินหรือกิจการของตนซึ่งไดมานับแตวันที่ไดรับการปลดจาก
ลม ละลายแลว เทา นน้ั ผรู อ งยงั คงมอี ำนาจในการจดั การและรวบรวมทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๒
ซึ่งเปนทรัพยสินอันอาจแบงไดในคดีลมละลายตามมาตรา ๑๐๙ หาใชมีอำนาจเพียง
การจำหนา ยทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๒ ซง่ึ ตกอยแู กผ รู อ งเทา นน้ั ทง้ั จำเลยท่ี ๒ ซง่ึ ไดร บั การ
ปลดจากลมละลายยังมีหนาที่ชวยในการจำหนายและแบงทรัพยสินของตนซึ่งตกอยูกับ
ผรู อ งตามทผ่ี รู อ งตอ งการตามมาตรา ๗๙ วรรคหนง่ึ ดงั นน้ั เมอ่ื ทด่ี นิ พพิ าทเปน ทรพั ยส นิ
ที่จำเลยที่ ๒ มีอยูในเวลาเริ่มตนแหงการลมละลาย ผูรองจึงมีอำนาจในการจัดการและ
รวบรวมเพอ่ื แบง แกเ จา หนท้ี ง้ั หลาย และมอี ำนาจยน่ื คำรอ งขอเพกิ ถอนรายการจดทะเบยี น
นติ ิกรรมทดี่ ินพพิ าทระหวา งจำเลยที่ ๒ กับผูคัดคานได
จำเลยที่ ๒ จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทใหแกผูคัดคานภายหลังจากที่จำเลยที่ ๒
ถกู ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดแลว โดยไมป รากฏวา จำเลยท่ี ๒ กระทำตามคำสง่ั หรอื
ความเหน็ ชอบของศาล เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ผจู ดั การทรพั ยห รอื ทป่ี ระชมุ เจา หนแ้ี ต
อยางใด การจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทยอมเปนการฝาฝนตอ พ.ร.บ. ลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และมาตรา ๒๔ จงึ เปน นติ กิ รรมทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคเ ปน การตอ งหา ม
ชัดแจงโดยกฎหมายตกเปนโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐ แมจะมีการทำนิติกรรมนั้น
๑๑๒
โดยสจุ รติ เสยี คา ตอบแทนและไดจ ดทะเบยี นโดยสจุ รติ กต็ าม ผคู ดั คา นกไ็ มอ าจยกความ
สุจริตและเสียคาตอบแทนขึ้นอางเพื่อใหมีผลลบลางบทกฎหมายได ผูรองชอบที่จะยื่น
คำรอ งขอใหเ พกิ ถอนรายการจดทะเบยี นโอนทด่ี นิ ระหวา งจำเลยท่ี ๒ กบั ผคู ดั คา นได กรณี
ดังกลาวจำเลยที่ ๒ จึงยังคงเปนผูถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยูดังเดิม การขอใหเพิกถอน
รายการจดทะเบยี นทด่ี นิ พพิ าทดงั กลา ว จงึ เปน การใชส ทิ ธติ ดิ ตามเอาทรพั ยส นิ ของเจา ของ
คนื จากผูไ มม ีสิทธจิ ะยดึ ถือไวตาม มาตรา ๑๓๓๖ ซึง่ ไมม อี ายคุ วาม
_____________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ และพิพากษาใหลมละลายเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๔๘ ตอมา
จำเลยทง้ั สองไดรับการปลดจากลม ละลายตง้ั แตวนั ท่ี ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหศ าลมคี ำสง่ั เพกิ ถอนรายการจดทะเบยี นโอนทด่ี นิ ดงั กลา วระหวา ง
จำเลยที่ ๒ กับผูคัดคาน และแจงเจาพนักงานที่ดินใหดำเนินการเพิกถอนรายการจดทะเบียน
เพอ่ื ผรู อ งจะไดดำเนนิ การยึดและขายทอดตลาดที่ดนิ ดงั กลา ว และรวบรวมเขา กองทรัพยสินของ
จำเลยท่ี ๒ ในคดลี ม ละลาย
ผคู ัดคา นยื่นคำคัดคาน ขอใหยกคำรอง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินหนังสือรับรองการ
ทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๖๑๖ และ ๖๑๗ จังหวัดหนองคาย ระหวางจำเลยที่ ๒ กับ
ผคู ัดคา นเสีย สวนคำขออน่ื ใหย ก คา ฤชาธรรมเนียมใหเปนพบั
ผคู ัดคา นอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงยุติใน
เบื้องตนโดยที่คูความไมโตแยงกันวา ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒
เดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๔๖ และพพิ ากษาใหล ม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๑ ธนั วาคม ๒๕๔๘
จำเลยที่ ๒ ไดรับการปลดจากลมละลายตั้งแตวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ ตอมาเมื่อวันที่ ๘
กนั ยายน ๒๕๕๔ จำเลยท่ี ๒ ไดจ ดทะเบยี นโอนทด่ี นิ หนงั สอื รบั รองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
เลขที่ ๖๑๖ และ ๖๑๗ จังหวัดหนองคาย ใหแกผ ูค ัดคา น
คดีมีปญหาที่ตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูคัดคานประการแรกวา เมื่อจำเลยที่ ๒
ไดร บั การปลดจากลม ละลายแลว ผรู อ งมอี ำนาจยน่ื คำรอ งขอเพกิ ถอนรายการจดทะเบยี นนติ กิ รรม
ที่ดินพิพาทระหวางจำเลยที่ ๒ กับผูคัดคานหรือไม เห็นวา นับแตวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพย
๑๑๓
ของจำเลยท่ี ๒ เดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ มถิ นุ ายน ๒๕๔๖ จนถงึ วนั ทจ่ี ำเลยท่ี ๒ ไดร บั การปลดจาก
ลมละลายเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ จำเลยที่ ๒ มีชื่อเปนเจาของที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาท
จึงเปนของจำเลยที่ ๒ ที่มีอยูในเวลาเริ่มตนแหงการลมละลาย แมจำเลยที่ ๒ จะไดรับการปลด
จากลม ละลายตามพระราชบัญญตั ิลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๑/๑ แลว ก็ตาม แตการปลด
จำเลยที่ ๒ จากลมละลายดังกลาวมีผลเพียงใหจำเลยที่ ๒ หลุดพนจากการเปนบุคคลลมละลาย
และมีอำนาจในการจัดการทรัพยสินหรือกิจการของตนซึ่งไดมานับแตวันที่ไดรับการปลดจาก
ลม ละลายแลว เทา นน้ั ผรู อ งซง่ึ เปน เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยย งั คงมอี ำนาจในการจดั การและรวบรวม
ทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๒ อนั อาจแบง ไดใ นคดลี ม ละลายตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๐๙ หาใชม อี ำนาจเพยี งการจำหนา ยทรพั ยสินของจำเลยที่ ๒ ซึง่ ตกอยูแ กผ ูร อ งเทา นนั้
ตามทผ่ี คู ดั คา นอทุ ธรณ ทง้ั จำเลยท่ี ๒ ซง่ึ ไดร บั การปลดจากลม ละลายยงั มหี นา ทช่ี ว ยในการจำหนา ย
และแบงทรัพยสินของตนซึ่งตกอยูกับผูรองตามที่ผูรองตองการตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๗๙ วรรคหนง่ึ ดงั นน้ั เมอ่ื ทด่ี นิ พพิ าทเปน ทรพั ยส นิ ทจ่ี ำเลยท่ี ๒ มอี ยใู นเวลา
เรม่ิ ตน แหง การลม ละลาย ผรู อ งจงึ มอี ำนาจในการจดั การและรวบรวมเพอ่ื แบง แกเ จา หนท้ี ง้ั หลาย
และมีอำนาจยื่นคำรองขอเพิกถอนรายการจดทะเบียนนิติกรรมที่ดินพิพาทระหวางจำเลยที่ ๒
กบั ผูค ัดคา นได อุทธรณของผูคดั คานขอนฟี้ ง ไมข ้ึน
คดมี ปี ญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นตอ ไปวา คำรอ งขอเพกิ ถอนรายการ
จดทะเบยี นโอนทด่ี นิ พพิ าทขาดอายคุ วามแลว หรอื ไม เหน็ วา จำเลยท่ี ๒ ถกู ศาลสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
เด็ดขาดเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๖ และปลดจากลมละลาย เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๑
ระหวางนั้นอำนาจในการจัดการเกี่ยวกับทรัพยสินของจำเลยที่ ๒ ตกอยูแกเจาพนักงานพิทักษ
ทรพั ยต ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และหา มจำเลยท่ี ๒ กระทำการใด ๆ
เกี่ยวกับทรัพยสินหรือกิจการของตน เวนแตจะไดกระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาล
เจาพนักงานพิทักษทรัพย ผูจัดการทรัพยหรือที่ประชุมเจาหนี้ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๔ เมื่อขอเท็จจริงไดความวา จำเลยที่ ๒ จดทะเบียนขายที่ดินพิพาท
ใหแกผูคัดคาน ในวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ อันเปนเวลาภายหลังจากที่จำเลยที่ ๒ ถูกศาล
มคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดแลว โดยไมป รากฏวา จำเลยท่ี ๒ กระทำตามคำสง่ั หรอื ความเหน็ ชอบ
ของศาล เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ผจู ดั การทรพั ยห รอื ทป่ี ระชมุ เจา หนแ้ี ตอ ยา งใด การจดทะเบยี น
โอนขายที่ดินพิพาทยอมเปนการฝาฝนตอพระราชบัญญัติลมละลายพ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒
และมาตรา ๒๔ จึงเปนนิติกรรมที่มีวัตถุประสงคเปนการตองหามชัดแจงโดยกฎหมาย ตกเปน
โมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๕๐ แมจ ะมกี ารทำนติ กิ รรมนน้ั โดยสจุ รติ
๑๑๔
เสียคาตอบแทนและไดจดทะเบียนโดยสุจริตก็ตาม ผูคัดคานก็ไมอาจยกความสุจริตและเสียคา
ตอบแทนขน้ึ อา งเพอ่ื ใหม ผี ลลบลา งบทกฎหมายได ผรู อ งชอบทจ่ี ะยน่ื คำรอ งขอใหเ พกิ ถอนรายการ
จดทะเบียนโอนที่ดินระหวางจำเลยที่ ๒ กับผูคัดคานได โดยกรณีดังกลาว จำเลยที่ ๒ จึงยังคง
เปนผูถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยูดังเดิม การที่ผูรองขอใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดินพิพาท
ระหวา งจำเลยท่ี ๒ กบั ผคู ดั คา นตอ ศาลจงึ เปน การใชส ทิ ธติ ดิ ตามเอาทรพั ยส นิ ของเจา ของคนื จาก
ผูไมมีสิทธิจะยึดถือไว ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยมาตรา ๑๓๓๖ ซึ่งไมมีอายุความ
กรณจี งึ ไมจ ำตอ งวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณข อ อน่ื ของผคู ดั คา นอกี เพราะไมท ำใหผ ลคำพพิ ากษาเปลย่ี นแปลงไป
อทุ ธรณข องผูคดั คานฟงไมข นึ้
พพิ ากษายนื คา ฤชาธรรมเนยี มในชนั้ อุทธรณใ หเปน พับ.
(พูนศกั ดิ์ เข็มแซมเกษ - จกั รพันธ สอนสภุ าพ - ปฏิกรณ คงพพิ ธิ )
สรายทุ ธ เตชะวุฒพิ ันธุ - ยอ
วริ ตั น วศิ ิษฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ที่สดุ
๑๑๕
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพเิ ศษที่ ๕๐๔/๒๕๖๔ บริษทั บริหารสนิ ทรพั ย
สุขุมวทิ จำกัด โจทก
เจาพนักงานพิทกั ษทรัพย ผรู อ ง
นางชุตมิ า เกาเอี้ยน ผูค ดั คา น
นายมานพ ชนะกจิ
กบั พวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐, ๑๓๓๖
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒, ๒๔, ๘๕
เมื่อจำเลยที่ ๑ ถึงแกความตายในระหวางถูกศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพย และศาล
ลมละลายกลางมีคำสั่งใหจัดการทรัพยมรดกของจำเลยที่ ๑ โดยนาย อ. เปนผูจัดการ
มรดก การทน่ี าย อ. ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ กระทำไปเกย่ี วกบั ทรพั ยม รดก
จะใชไ ดเ พยี งใดหรอื ไมน น้ั ใหถ อื เสมอื นวา เปน การกระทำของลกู หนห้ี รอื บคุ คลลม ละลาย
ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๕ เมื่อนาย อ. ในฐานะผูจัดการมรดกของ
จำเลยที่ ๑ไดไถถอนการจำนองที่ดินพิพาทซึ่งเปนทรัพยที่จำเลยที่ ๑ มีอยูกอนที่ศาลมี
คำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดจากสหกรณ ก. และในวันเดียวกันนาย อ. ไดทำนิติกรรม
การโอนทด่ี นิ พพิ าทใหก บั นาง ล. อนั เปน ระยะเวลาภายหลงั จากทจ่ี ำเลยท่ี ๑ ถกู ศาลมคี ำสง่ั
พิทักษทรัพยเด็ดขาดแลวโดยไมปรากฏวานาย อ. กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบ
ของศาล เจาพนักงานพิทักษทรัพย ผูจัดการทรัพยหรือที่ประชุมเจาหนี้ การจดทะเบียน
ไถถ อนจำนองและจดทะเบยี นโอนขายทด่ี นิ พพิ าทยอ มเปน การฝา ฝน ตอ มาตรา ๒๒, ๒๔
ประกอบมาตรา ๘๕ จงึ เปน นติ กิ รรมทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคเ ปน การตอ งหา มชดั แจง โดยกฎหมาย
เปน โมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐ แมจ ะมกี ารทำนติ กิ รรมนน้ั โดยสจุ รติ เสยี คา ตอบแทน
และไดจดทะเบียนโดยสุจริต ก็ไมอาจยกความสุจริตขึ้นอางเพื่อมีผลเปนการลบลาง
บทกฎหมายดังกลาวได นาง ล. จึงไมใชผูมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทและไมอาจ
จดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทตอไปใหผูคัดคานได ผูคัดคานซึ่งเปนผูรับโอนยอมไมมีสิทธิ
ครอบครองทด่ี นิ พพิ าทแมจ ะรับโอนโดยสจุ รติ และเสยี คาตอบแทน
๑๑๖
การทผ่ี รู องขอใหเ พกิ ถอนรายการจดทะเบียนไถถอนจำนองทีด่ ินพพิ าทอนั เปน
โมฆะ เปนการใชส ิทธติ ิดตามเอาทรัพยสนิ ของเจาของคนื จากผูไมม สี ิทธจิ ะยดึ ถือไวต าม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๖ ซ่งึ ไมมอี ายคุ วาม
______________________________
ผรู อ งยน่ื คำรอ ง ขอใหศ าลมคี ำสง่ั เพกิ ถอนรายการจดทะเบยี นไถถ อนจำนองทด่ี นิ หนงั สอื
รบั รองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๑๖๘๙ ตำบลบางทอง อำเภอทา ยเหมอื ง จงั หวดั พงั งา
พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งระหวา งนายอรณุ ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ กบั สหกรณก ารเกษตร
ทา ยเหมอื ง จำกดั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๕๓ นติ กิ รรมการขายทด่ี นิ ระหวา งนายอรณุ ในฐานะ
ผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ กบั นางละออ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๕๓ และนติ กิ รรมการขายทด่ี นิ
ระหวา งนางละออกับผูคัดคา น เม่ือวนั ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยใหก ลบั คนื สูฐ านะเดิม
นายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ นางละออ และสหกรณการเกษตร
ทา ยเหมอื ง จำกดั ไมยน่ื คำคัดคาน
ผคู ัดคานยื่นคำคดั คา น ขอใหยกคำรอง
ศาลลม ละลายกลางพจิ ารณาแลว มคี ำสง่ั ใหเ พกิ ถอนสารบญั จดทะเบยี นรายการไถถ อน
จำนองที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๑๖๘๙ ตำบลบางทอง อำเภอ
ทายเหมือง จังหวัดพังงา พรอมสิ่งปลูกสราง เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓ ระหวางสหกรณ
การเกษตรทายเหมือง จำกัด กับนายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ รายการขาย
ทด่ี นิ หนงั สอื รบั รองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขท่ี ๑๖๘๙ ตำบลบางทอง อำเภอทา ยเหมอื ง
จงั หวดั พงั งา พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๕๓ ระหวา งนายอรณุ ในฐานะผจู ดั การ
มรดกของจำเลยท่ี ๑ กบั นางละออ และรายการขายทด่ี นิ หนงั สอื รบั รองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.)
เลขที่ ๑๖๘๙ ตำบลบางทอง อำเภอทายเหมือง จังหวัดพังงา พรอมสิ่งปลูกสราง เมื่อวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ระหวา งนางละออกบั ผคู ดั คา น คา ฤชาธรรมเนยี มใหเ ปน พบั
ผูคัดคา นอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงที่คูความ
ไมโ ตแ ยง กนั รบั ฟง เปน ยตุ วิ า โจทกฟ อ งใหจ ำเลยทง้ั หา ลม ละลาย ตอ มาวนั ท่ี ๑๖ กนั ยายน ๒๕๕๒
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั หา เดด็ ขาด และเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหจัดการทรัพยมรดกของจำเลยที่ ๑ และวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๓
ศาลจังหวัดพังงามีคำสั่งตั้งนายอรุณเปนผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ ผูรองไดทำการสอบสวน
๑๑๗
เกี่ยวกับการโอนที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๑๖๘๙ ตำบลบางทอง
อำเภอทายเหมือง จังหวัดพังงา แลวปรากฏวา เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ จำเลยที่ ๑ จด
ทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทไวกับสหกรณการเกษตรทายเหมือง จำกัด ตอมาวันที่ ๒๙ มีนาคม
๒๕๕๓ นายอรณุ ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ ไดไ ถถ อนจำนองทด่ี นิ พพิ าทจากสหกรณ
การเกษตรทายเหมือง จำกัด และในวันเดียวกันนายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑
ไดท ำนติ กิ รรมโอนขายทด่ี นิ พพิ าทใหก บั นางละออคสู มรสของนายอรณุ ตอ มาวนั ท่ี ๒๘ พฤศจกิ ายน
๒๕๕๔ นางละออไดท ำนติ ิกรรมโอนขายท่ดี ินพพิ าทใหกบั ผูคดั คาน
คดมี ปี ญ หาทจ่ี ะตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นวา ผรู อ งมอี ำนาจยน่ื คำรอ งขอให
เพิกถอนรายการจดทะเบียนไถถอนจำนองที่ดินพิพาทระหวางนายอรุณในฐานะผูจัดการมรดก
ของจำเลยที่ ๑ กับสหกรณการเกษตรทายเหมือง จำกัด เพิกถอนการขายที่ดินพิพาทระหวาง
นายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ กับนางละออ และระหวางนางละออกับผคู ดั คาน
หรอื ไม เห็นวา จำเลยที่ ๑ ไดรับสทิ ธิครอบครองทด่ี ินพิพาทมาต้งั แตว ันท่ี ๑๘ กันยายน ๒๕๕๑
อนั เปน เวลากอ นทศ่ี าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาด เมอ่ื ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
เด็ดขาดแลวอำนาจในการจัดการเก่ียวกบั ทรัพยสินของจำเลยท่ี ๑ ตกอยูแ กเจา พนกั งานพทิ ักษ
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ และหา มจำเลยท่ี ๑ ทำการใด ๆ เกย่ี วกบั
ทรัพยสินหรือกิจการของตน เวนแตจะไดกระทำตามคำสั่งหรือตามความเห็นชอบของศาล
เจาพนักงานพิทักษทรัพย ผูจัดการทรัพยหรือที่ประชุมเจาหนี้ ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๔ เมอื่ จำเลยท่ี ๑ ถึงแกความตายในระหวางถูกศาลมคี ำสงั่ พิทักษท รพั ย
และศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหจัดการทรัพยมรดกของจำเลยที่ ๑ โดยนายอรุณเปนผูจัดการ
มรดก การที่นายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ กระทำไปเกี่ยวกับทรัพยมรดก
จะใชไดเพียงใดหรือไมนั้น ใหถือเสมือนวาเปนการกระทำของลูกหนี้หรือบุคคลลมละลาย ตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๕ ดังนั้น เมื่อขอเท็จจริงไดความวานายอรุณ
ในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ ไดไถถอนการจำนองที่ดินพิพาทจากสหกรณการเกษตร
ทายเหมือง จำกัด เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓ และในวันเดียวกันนายอรุณในฐานะผูจัดการ
มรดกของจำเลยที่ ๑ ไดทำนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทใหกับนางละออคูสมรสของนายอรุณ
อนั เปน ระยะเวลาภายหลงั จากทจ่ี ำเลยท่ี ๑ ถกู ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดแลว โดยไมป รากฏ
วา นายอรณุ กระทำตามคำสง่ั หรอื ความเหน็ ชอบของศาลเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ผจู ดั การทรพั ย
หรอื ทป่ี ระชมุ เจา หนแ้ี ตอ ยา งใด การจดทะเบยี นไถถ อนจำนองและจดทะเบยี นโอนขายทด่ี นิ พพิ าท
ยอมเปนการฝาฝน ตอพระราชบญั ญตั ิลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๔ ประกอบ
๑๑๘
มาตรา ๘๕ จึงเปนนิติกรรมทีม่ วี ตั ถปุ ระสงคเปน การตอ งหา มชัดแจงโดยกฎหมายเปน โมฆะตาม
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๕๐ แมจะมีการทำนิติกรรมนั้นโดยสุจริต เสียคา
ตอบแทน และไดจ ดทะเบยี นโดยสจุ รติ กต็ าม กไ็ มอ าจยกความสจุ รติ ขน้ึ อา งเพอ่ื มผี ลเปน การลบลา ง
บทกฎหมายดงั กลา วไดน ติ กิ รรมไถถ อนจำนองระหวา งนายอรณุ ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑
กบั สหกรณก ารเกษตรทา ยเหมอื ง จำกดั และนติ กิ รรมการโอนขายทด่ี นิ ระหวา งนายอรณุ ในฐานะ
ผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑ กับนางละออ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๓ จึงเปนการเสียเปลา
มาแตเ รม่ิ แรก เสมอื นหนง่ึ ไมม กี ารทำนติ กิ รรมกนั และไมม ผี ลใด ๆ เกดิ ขน้ึ ตามกฎหมาย นางละออ
จงึ ไมใ ชผ มู สี ทิ ธคิ รอบครองในทด่ี นิ พพิ าทและไมอ าจจดทะเบยี นโอนทด่ี นิ พพิ าทตอ ไปใหผ คู ดั คา นได
ผูคัดคานซึ่งเปนผูรับโอนยอมไมมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทแมจะรับโอนโดยสุจริตและเสียคา
ตอบแทนก็ตาม ผูรองชอบที่จะยื่นคำรองขอใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนไถถอนจำนองที่ดิน
พพิ าทระหวา งนายอรณุ ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ กบั สหกรณก ารเกษตรทา ยเหมอื ง
จำกัด เพิกถอนการขายที่ดินพิพาทระหวางนายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑
กบั นางละออ และระหวา งนางละออกบั ผคู ดั คา นไดโ ดยกรณดี งั กลา วจำเลยท่ี ๑ จงึ ยงั คงเปน ผมู สี ทิ ธิ
ครอบครองทด่ี นิ พพิ าทอยดู งั เดมิ การทผ่ี รู อ งขอใหเ พกิ ถอนรายการจดทะเบยี นไถถ อนจำนองทด่ี นิ
พพิ าทระหวา งนายอรณุ ในฐานะผจู ดั การมรดกของจำเลยท่ี ๑ กบั สหกรณก ารเกษตรทา ยเหมอื ง
จำกัด เพิกถอนการขายที่ดินพิพาทระหวางนายอรุณในฐานะผูจัดการมรดกของจำเลยที่ ๑
กบั นางละออ และระหวา งนางละออกบั ผคู ดั คา นตอ ศาลจงึ เปน การใชส ทิ ธติ ดิ ตามเอาทรพั ยส นิ ของ
เจาของคืนจากผูไมมีสิทธิจะยึดถือไวตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๓๓๖
ซง่ึ ไมม อี ายคุ วาม กรณไี มจ ำตอ งวนิ จิ ฉยั อทุ ธรณข อ อน่ื ของผคู ดั คา นอกี เพราะไมท ำใหผ ลคำพพิ ากษา
เปลยี่ นแปลงไป อทุ ธรณของผูค ดั คา นฟง ไมข น้ึ
พพิ ากษายนื คาฤชาธรรมเนยี มในชนั้ อุทธรณใหเปนพับ.
(พนู ศักด์ิ เขม็ แซมเกษ - จกั รพันธ สอนสภุ าพ - ปฏกิ รณ คงพพิ ิธ)
สรายุทธ เตชะวฒุ ิพนั ธุ - ยอ
วริ ตั น วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
๑๑๙
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนัญพิเศษท่ี ๑๘๖๐/๒๕๖๔ ธนาคารกรงุ เทพ จำกดั
(มหาชน) โจทก
เจาพนักงานพทิ ักษท รัพย ผรู อ ง
นายยุทธพงษ บำรุงพันธุ
ในฐานะผจู ดั การมรดก
ของนางยพุ ินรตั น
แสงอรุณ ผคู ัดคา น
นายบุญเลศิ
อจั ฉริยปญญา จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓)
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดแลวผูรองซึ่งเปนเจาพนักงาน
พทิ กั ษท รพั ยเ ทา นน้ั ทม่ี อี ำนาจทำสญั ญาประนปี ระนอมยอมความหรอื ตอ สคู ดเี กย่ี วกบั
ทรพั ยส นิ ของจำเลย ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓) หนต้ี ามสญั ญา
ประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำขึ้นหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลย
เด็ดขาดแลวจึงไมสมบูรณเพราะเกิดขึ้นโดยฝาฝนขอหามของกฎหมายดังกลาว แมศาล
จังหวัดมีนบุรีมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไมผูกพันเจาพนักงาน
พิทักษทรัพยและศาลในคดีลมละลายใหตองถือตาม ซึ่งผูรองก็ไดพิจารณาสัญญา
ประนีประนอมยอมความดังกลา วและมคี ำสงั่ ไมง ดการขายทอดตลาดไปแลว โดยไมจ ำ
ตองมารองขอตอศาลใหเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความกอนแตอยางใด ทั้งการ
ทีผ่ ูรองย่นื คำรองขอใหศ าลลม ละลายกลางมคี ำส่งั เพกิ ถอนการทำสญั ญาประนีประนอม
ยอมความมีผลเปน อยา งเดียวกับการขอใหเ พกิ ถอนคำพพิ ากษาตามยอมซึง่ ตอ งกระทำโดย
ศาลสงู ในคดีแพงดังกลาว ไมใชศ าลลมละลายกลาง
______________________________
๑๒๐
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี
๔ ตุลาคม ๒๕๕๐ และพิพากษาใหจำเลยเปนบุคคลลมละลายเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๑
ตอมาจำเลยถึงแกความตาย ศาลมคี ำพพิ ากษาใหจ ดั การทรัพยม รดกของจำเลยเมือ่ วนั ที่ ๑๙
กรกฎาคม ๒๕๖๑
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งเพิกถอนการทำสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลง
วนั ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๑ ซึง่ จำเลยกระทำภายหลังศาลมีคำสัง่ พิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาด
ผคู ดั คา นยื่นคำคดั คานขอใหย กคำรอง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งวาสัญญาประนีประนอมยอมความระหวางจำเลยกับผูคัดคาน
ฉบับลงวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๑ เปน โมฆะ คาฤชาธรรมเนียมใหเปนพับ
ผูคดั คานอทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี าํ นญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ไดว า เมอ่ื วนั ท่ี
๓ เมษายน ๒๕๕๑ จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับนางยุพินรัตน โดยจำเลยตกลง
จะไปจดทะเบยี นโอนทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๓๐๕๒๓, ๓๐๕๖๑, ๓๔๔๕๑, ๓๔๖๓๒, ๓๔๖๓๓, ๓๔๖๓๔,
๓๔๖๕๙, ๓๖๗๙๗ ตำบลสองสลึง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๗๕๔๙
ตำบลสามงามทาโบสถ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ใหแกนางยุพินรัตน และศาลจังหวัดมีนบุรี
มคี ำพพิ ากษาตามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความดงั กลา ว ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ผคู ดั คา นยน่ื คำรอ งตอ ผรู อ งขอใหง ดการขายทอดตลาดทด่ี นิ มโี ฉนด ๘ แปลง ทจ่ี งั หวดั ระยองของ
จำเลย โดยอางวาศาลจังหวัดมีนบุรีไดมีคำพิพากษาตามยอมใหจำเลยโอนที่ดินตามประกาศ
ขายทอดตลาดดงั กลา วใหแ กน างยพุ นิ รตั นแ ลว จำเลยจงึ ไมใ ชเ จา ของกรรมสทิ ธใ์ิ นทด่ี นิ ทผ่ี รู อ งนำ
ออกขายทอดตลาด ผรู อ งสอบสวนแลว ปรากฏวา สญั ญาประนปี ระนอมยอมความและคำพพิ ากษา
ตามยอมดังกลาวทำขึ้นเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๑ อันเปนเวลาภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่ง
พิทักษทรัพยจำเลยเด็ดขาดแลว จึงเปนการตองหามตามมาตรา ๒๒ (๓) แหงพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ประกอบประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๕๐ จึงมีคำสั่งวา
สญั ญาประนปี ระนอมยอมความเปน โมฆะ ไมม เี หตใุ หง ดการขายทอดตลาด ตอ มาวนั ท่ี ๑ ตลุ าคม
๒๕๖๓ ผูรองมายื่นคำรองตอศาลลมละลายกลางเปนคดีนี้ขอใหมีคำสั่งเพิกถอนการทำสัญญา
ประนีประนอมยอมความ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งวาสัญญาประนีประนอมยอมความดังกลาว
เปนโมฆะ
๑๒๑
ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นมวี า คำสง่ั ศาลลม ละลายกลางทว่ี า สญั ญา
ประนีประนอมยอมความระหวางจำเลยกับผูคัดคานเปนโมฆะนั้นชอบหรือไม เห็นวา เมื่อศาลมี
คำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดแลว ผูรองซึ่งเจาพนักงานพิทักษทรัพยเทานั้นที่มีอำนาจ
ทำสญั ญาประนปี ระนอมยอมความหรอื ตอ สคู ดเี กย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของจำเลย ตามพระราชบญั ญตั ิ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓) หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่จำเลยทำขึ้น
หลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดแลวจึงไมสมบูรณเพราะเกิดขึ้นโดยฝาฝน
ขอ หา มของกฎหมายดงั กลา ว แมศ าลจงั หวดั มนี บรุ มี คี ำพพิ ากษาตามสญั ญาประนปี ระนอมยอมความ
กไ็ มผ กู พนั เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ละศาลในคดลี ม ละลายใหต อ งถอื ตาม ซง่ึ ผรู อ งกไ็ ดพ จิ ารณา
สญั ญาประนปี ระนอมยอมความดงั กลา วและมคี ำสง่ั ไมง ดการขายทอดตลาดไปแลว โดยไมจ ำตอ ง
มารองขอตอศาลใหเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความกอนแตอยางใด ทั้งการที่ผูรอง
ยน่ื คำรอ งขอใหศ าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั เพกิ ถอนการทำสญั ญาประนปี ระนอมยอมความมผี ลเปน
อยา งเดยี วกบั การขอใหเ พกิ ถอนคำพพิ ากษาตามยอมซง่ึ ตอ งกระทำโดยศาลสงู ในคดแี พง ดงั กลา ว
ไมใชศาลลมละลายกลาง ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งมานั้นศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ
ไมเหน็ พองดว ย อทุ ธรณของผูคัดคานฟงขน้ึ บางสว น
พิพากษากลบั ใหย กคำรอ ง คาฤชาธรรมเนยี มทัง้ สองศาลใหเปนพับ.
(เพชรนอ ย สมะวรรธนะ - สถาพร วิสาพรหม - เกยี รติคุณ แมนเลขา)
รติมา ชัยสุโรจน - ยอ
วิรัตน วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
๑๒๒
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณคดีชำนญั พเิ ศษท่ี ๔๘๑๘/๒๕๖๑ บรษิ ัทบรหิ ารสนิ ทรัพย
กรุงเทพพาณชิ ย จำกดั โจทก
เจา พนักงานพทิ กั ษท รพั ย ผรู อ ง
กองมรดกของ
นายชวาล รตภิ ักดี
หรอื โสตถวิ ันวงศ
กบั พวก ผูคดั คา น
บริษัทซี.เอส.
อินเตอรเนชนั่ แนล
อีเลค็ โทรนคิ ส จำกดั
กบั พวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม)
จำเลยที่ ๓ ทำหนังสือสัญญาโอนเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายใหแก
ผูคัดคานที่ ๒ พรอมทั้งยื่นคำขอโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาที่จดทะเบียนแลวและ
ชำระคาคำขอโอนสิทธิในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ นิติกรรมที่จำเลยที่ ๓ ไดกระทำลง
เพอ่ื โอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ จงึ เสรจ็ สน้ิ ในวนั
ดงั กลา ว แมศ าลจงั หวดั พระโขนงไดม คี ำสง่ั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ มนี าคม ๒๕๕๕ ใหน ายทะเบยี น
สำนกั เครอ่ื งหมายการคา ระงบั การจดทะเบยี นโอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ไวช ว่ั คราว
กอนก็ตาม แตคำสั่งของศาลจังหวัดพระโขนงมิไดทำใหการทำนิติกรรมโอนสิทธิใน
เครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายระหวางจำเลยที่ ๓ และผูคัดคานที่ ๒ ที่ไดทำขึ้น
กอ นหนา ตอ งเสยี ไป ทง้ั คำพพิ ากษาตามยอมของศาลจงั หวดั พระโขนงในเวลาตอ มากย็ งั
คงยนื ยนั สทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สอง สว นทน่ี ายทะเบยี นเขยี นขอ ความวา อนญุ าต
โอนลงวนั ท่ี ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๕ กเ็ ปน กรณที น่ี ายทะเบยี นดำเนนิ การตามคำขอโอนสทิ ธิ
และนิติกรรมการโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายที่จำเลยที่ ๓ และ
ผูคัดคานที่ ๒ ไดกระทำไวกอนหนา ทั้งตามหนังสือของสำนักเครื่องหมายการคาที่แจง
ใหผูคัดคานที่ ๒ ทราบวา ไดรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงรายการในทะเบียนโดยตาม
๑๒๓
รายการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเจาของก็ระบุชัดเจนวา มีการโอนเครื่องหมายการคา
ทง้ั สองเครอ่ื งหมายใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ จงึ ฟง ไดว า นติ กิ รรม
ที่จำเลยที่ ๓ ไดกระทำลงเพื่อโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายใหแก
ผูคัดคานที่ ๒ เกิดขึ้นในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๔ สวนการที่นายทะเบียนเครื่องหมาย
การคา จะดำเนนิ การเกย่ี วกบั การจดทะเบยี นโอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ในวนั ใดหลงั
จากนัน้ ก็เปนข้นั ตอนทนี่ ายทะเบียนตอ งดำเนินการตามกฎหมายทเ่ี กยี่ วของตอไป การ
ดำเนนิ การตามขน้ั ตอนของนายทะเบยี นในภายหลงั มใิ ชน ติ กิ รรมอนั จำเลยท่ี ๓ ไดก ระทำ
ลงทีผ่ รู อ งอาจรองขอใหเ พกิ ถอนได
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) บญั ญตั วิ า การขอใหศ าลเพกิ ถอน
การฉอ ฉลตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยน น้ั ใหเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยข อได
โดยทำเปน คำรอ ง ซง่ึ เปนเรือ่ งที่กฎหมายลม ละลายใหอำนาจแกเจาพนกั งานพิทักษท รพั ย
ทีจ่ ะกระทำการแทนเจา หนไ้ี ดเปน กรณีพเิ ศษโดยไมต อ งไปฟอ งเปน คดขี นึ้ มาใหมเทา นัน้
แตเ จา หนท้ี ี่มสี ิทธขิ อใหศาลเพิกถอนนติ กิ รรมใด ๆ อันลูกหนไ้ี ดกระทำลงไปทัง้ ที่รอู ยูว า
จะเปน ทางใหเ จา หนเ้ี สยี เปรยี บจะตอ งเปน ผทู เ่ี ปน เจา หนอ้ี ยแู ลว ในขณะทล่ี กู หนไ้ี ดท ำ
นติ กิ รรมดงั กลา ว เจา หนภ้ี ายหลงั จะถอื ยอ นไปวา ตนไดถ กู ฉอ ฉลดว ยตง้ั แตย งั ไมไ ดอ ยู
ในฐานะเจา หน้นี ้ันมิได คำรองของผูรอ งบรรยายวา การโอนสทิ ธิในเครอ่ื งหมายการคา
ดังกลา วทำใหโ จทกซ ึ่งย่นื คำขอรับชำระหนีจ้ ากกองมรดกของจำเลยท่ี ๓ ตอ งเสียเปรียบ
แตเ มอ่ื โจทกไ ดร บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งทม่ี ตี อ จำเลยท่ี ๓ มาจากบรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย
เมอ่ื วันท่ี ๑ สงิ หาคม ๒๕๕๕ ฐานะความเปน เจาหนขี้ องโจทกท่ีมตี อจำเลยท่ี ๓ จึงเกิดขึน้
นับแตวันดงั กลาวเปน ตนมา เมอ่ื จำเลยท่ี ๓ ทำนติ กิ รรมโอนสทิ ธิในเครื่องหมายการคา
ทง้ั สองเครอ่ื งหมายใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ กอ นโจทกไ ดร บั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งทม่ี ตี อ จำเลยท่ี ๓
โจทกจ งึ ไมอ ยใู นฐานะเจา หน้ีที่อาจเสียเปรียบได แมจ ำเลยที่ ๓ จะโอนสทิ ธใิ นเครือ่ งหมาย
การคาทั้งสองเครื่องหมายโดยไมมีคาตอบแทน ผูรองก็ไมมีสิทธิรองขอใหเพิกถอนการ
ฉอฉลได
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔
เด็ดขาดและพพิ ากษาใหจ ดั การทรพั ยม รดกของจำเลยท่ี ๓ เมื่อวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙
๑๒๔
ผูรองยื่นคำรองวา จำเลยที่ ๓ โอนสิทธิในเครื่องหมายการคา “SAFE - T - CUT”
และเครอ่ื งหมายการคา “เซฟ - ที - คทั ” ใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ โดยไมม คี า ตอบแทน อนั เปน นติ กิ รรม
ที่จำเลยที่ ๓ กระทำลงโดยรูวาเปนทางใหโจทกซึ่งเปนเจาหนี้เสียเปรียบ ขอใหมีคำสั่งเพิกถอน
การโอนเครอ่ื งหมายการคา “SAFE - T - CUT” และเครอ่ื งหมายการคา “เซฟ - ที - คทั ” ระหวา ง
จำเลยที่ ๓ กับผูคัดคานที่ ๒ ใหผูคัดคานที่ ๒ โอนเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายคืน
กองมรดกของจำเลยท่ี ๓ หากไมโ อนใหถ อื เอาคำสง่ั ของศาลแทนการแสดงเจตนา กรณที ไ่ี มอ าจ
กลบั คนื สฐู านะเดมิ ได ใหผ คู ดั คา นท่ี ๒ ชดใชร าคาเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายเปน เงนิ
๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันที่ศาลมีคำสั่งเปนตนไป
จนกวา จะชำระเสร็จ
ผูคัดคานทั้งสองยื่นคำคัดคา นขอใหยกคำรอง
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหเ พกิ ถอนการโอนเครอ่ื งหมายการคา “SAFE - T - CUT”
ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๖๘๙๖๘ ทะเบียนเลขที่ ค๙๒๖๑๔ และเครื่องหมายการคา
“เซฟ - ที - คัท” ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๑๔๒๔๕ ทะเบียนเลขที่ ค๖๑๐๐๔ ระหวาง
จำเลยที่ ๓ กับผูคัดคานที่ ๒ ที่ไดกระทำเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ และใหกองมรดกของ
จำเลยท่ี ๓ ผคู ดั คา นท่ี ๑ กบั ผคู ดั คา นท่ี ๒ กลบั คนื สฐู านะเดมิ โดยใหผ คู ดั คา นท่ี ๒ โอนเครอ่ื งหมาย
การคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายดงั กลา วคนื กองมรดกของจำเลยท่ี ๓ หากไมย อมปฏบิ ตั ใิ หถ อื เอาคำสง่ั
ของศาลเปน การแสดงเจตนา ในกรณที ไ่ี มอ าจกลบั คนื สฐู านะเดมิ ได ใหผ คู ดั คา นท่ี ๒ ชดใชร าคา
เครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายแทนเปน เงนิ ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พรอ มดอกเบย้ี ในอตั รา
รอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ในตน เงนิ ดงั กลา วนบั แตว นั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั ใหเ พกิ ถอนเปน ตน ไปจนกวา จะชำระ
เสรจ็ คาฤชาธรรมเนยี มใหเปนพับ
ผูคดั คานทัง้ สองอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติวา
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ จำเลยท่ี ๓ ทำหนงั สอื สญั ญาโอนเครอ่ื งหมายการคา “SAFE - T - CUT”
ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๖๘๙๖๘ ทะเบียนเลขที่ ค๙๒๖๑๔ และเครื่องหมายการคา
“เซฟ - ที - คทั ” ตามคำขอจดทะเบยี นเลขท่ี ๓๑๔๒๔๕ ทะเบยี นเลขท่ี ค๖๑๐๐๔ ใหแ กผ คู ดั คา น
ที่ ๒ และในวันเดียวกันไดยื่นคำขอโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาที่จดทะเบียนแลว ตอมาวันที่
๑๕ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๕ จำเลยท่ี ๔ ฟอ งจำเลยท่ี ๓ ในฐานะผจู ดั การมรดกของนางสมุ าลเี กย่ี วกบั
สิทธิในเครื่องหมายการคา ท้งั สองเครอื่ งหมายในสว นของนางสมุ าลตี อ ศาลจังหวัดพระโขนงเปน
คดีหมายเลขดำที่ พ.๒๔๐/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๕ คูความตกลงกันไดจึงทำสัญญา
ประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอม ตอมานายทะเบียนเครื่องหมายการคา
๑๒๕
มหี นงั สอื ลงวนั ท่ี ๒๙ ตลุ าคม ๒๕๕๕ แจง ผคู ดั คา นท่ี ๒ ใหท ราบวา ไดร บั จดทะเบยี นเปลย่ี นแปลง
รายการในทะเบยี นเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายตามคำรอ งลงวนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔
แลว
คดีมีปญหาตองวินิจฉัยประการแรกวา จำเลยที่ ๓ ไดกระทำนิติกรรมโอนสิทธิใน
เคร่อื งหมายการคา ท้งั สองเคร่ืองหมายในวนั ใด เห็นวา จำเลยท่ี ๓ ทำหนงั สอื สัญญาโอนเครอ่ื งหมาย
การคา ทง้ั สองเครอื่ งหมายใหแกผคู ดั คา นท่ี ๒ พรอ มท้ังยนื่ คำขอโอนสทิ ธิในเครื่องหมายการคา
ทจี่ ดทะเบยี นแลว และชำระคา คำขอโอนสทิ ธใิ นวนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ นิติกรรมทีจ่ ำเลยที่ ๓
ไดกระทำลงเพื่อโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายใหแกผูคัดคานที่ ๒ จึงเสร็จสิ้น
ในวนั ดงั กลา ว สว นทผ่ี รู อ งอา งวา ภายหลงั จำเลยท่ี ๓ ทำสญั ญาโอนและยน่ื คำขอโอนเครอ่ื งหมาย
การคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายแลว จำเลยท่ี ๔ ยน่ื ฟอ งจำเลยท่ี ๓ ในฐานะผจู ดั การมรดกของนางสมุ าลี
ตอ ศาลจงั หวดั พระโขนง ซง่ึ ศาลมคี ำสง่ั ใหร ะงบั การจดทะเบยี นโอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา
ดังกลาวชั่วคราว หลังจากศาลจังหวัดพระโขนงมีคำพิพากษาตามยอม นายทะเบียนเครื่องหมาย
การคาจึงจดทะเบียนโอนเครอ่ื งหมายการคา ท้งั สองเครอ่ื งหมายใหแกผ คู ัดคา นที่ ๒ ในวนั ที่ ๒๗
ตุลาคม ๒๕๕๕ นิติกรรมการโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายจึงเกิดในวัน
ดังกลาวนั้น แมศาลจังหวัดพระโขนงไดมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ใหนายทะเบียน
สำนักเครื่องหมายการคาระงับการจดทะเบียนโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาตามคำขอจดทะเบียน
เลขท่ี ๓๖๘๙๖๘ และเลขท่ี ๓๑๔๒๔๕ ไวช ว่ั คราวกอ นกต็ าม แตค ำสง่ั ของศาลจงั หวดั พระโขนง
มิไดทำใหการกระทำนิติกรรมโอนสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายระหวางจำเลยที่ ๓
และผูคดั คานที่ ๒ ที่ไดทำขนึ้ กอ นหนา ตองเสียไป ท้งั คำพิพากษาตามยอมของศาลจังหวัดพระโขนง
ในเวลาตอมาก็ยังคงยืนยันสิทธิในเครื่องหมายการคาทั้งสองเครื่องหมายของจำเลยที่ ๓ สวนที่
สำเนาเอกสารหมาย ร.๙ แผน ท่ี ๓ และ ร.๑๐ แผน ท่ี ๓ มขี อ ความเขยี นดว ยลายมอื ความวา
อนญุ าตโอนลงวนั ท่ี ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๕ กเ็ ปน กรณที น่ี ายทะเบยี นดำเนนิ การตามคำขอโอนสทิ ธิ
และนติ กิ รรมการโอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายทจ่ี ำเลยท่ี ๓ และผคู ดั คา นท่ี ๒
ไดกระทำไวกอนหนา อีกทั้งยังปรากฏตามหนังสือลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ของสำนัก
เครอ่ื งหมายการคา ทอ่ี อกมาภายหลงั วนั ดงั กลา วแจง ใหผ คู ดั คา นท่ี ๒ ทราบวา ไดร บั จดทะเบยี น
เปลย่ี นแปลงรายการในทะเบยี นตามคำรอ ง ก.๐๖ ลงวนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ โดยตามรายการ
จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเจาของกร็ ะบุชดั เจนวา มีการโอนเคร่อื งหมายการคาทั้งสองเคร่อื งหมาย
ใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ ขอ เทจ็ จรงิ จงึ รบั ฟง ไดว า นติ กิ รรมทจ่ี ำเลยท่ี ๓
ไดก ระทำลงเพอ่ื โอนสทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมายใหแ กผ คู ดั คา นท่ี ๒ เกดิ ขน้ึ ใน
๑๒๖
วนั ท่ี ๒๖ สงิ หาคม ๒๕๕๔ สว นการทน่ี ายทะเบยี นเครอ่ื งหมายการคา จะดำเนนิ การเกย่ี วกบั การ
จดทะเบียนโอนสิทธิในเครื่องหมายการคา ในวนั ใดหลงั จากน้นั กเ็ ปน ข้ันตอนทน่ี ายทะเบยี นตอ ง
ดำเนนิ การตามกฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ งตอ ไป การดำเนนิ การตามขน้ั ตอนของนายทะเบยี นในภายหลงั
มิใชน ติ กิ รรมอันจำเลยท่ี ๓ ไดกระทำลงทผ่ี ูรองอาจรอ งขอใหเพิกถอนได อุทธรณข องผคู ัดคา น
ทัง้ สองขอ นฟ้ี งข้นึ
คดีมีปญหาตองวินิจฉัยประการตอไปวา ผูรองมีสิทธิรองขอใหเพิกถอนนิติกรรมโอน
สทิ ธใิ นเครอ่ื งหมายการคา ทั้งสองเครื่องหมายระหวางจำเลยที่ ๓ กับผคู ดั คา นที่ ๒ หรอื ไม เหน็ วา
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม) บัญญัติวา การขอใหศาลเพิกถอน
การฉอ ฉลตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ยน ั้น ใหเจา พนกั งานพทิ กั ษทรพั ยขอไดโ ดยทำ
เปน คำรอง ซึ่งเปน เร่อื งท่ีกฎหมายลมละลายใหอำนาจแกเ จาพนกั งานพิทักษท รัพยท ี่จะกระทำการ
แทนเจา หนีไ้ ดเปน กรณีพเิ ศษโดยไมตองไปฟอ งเปนคดีขนึ้ มาใหมเ ทา นนั้ แตเจาหนี้ทมี่ สี ิทธิขอให
ศาลเพกิ ถอนนติ กิ รรมใด ๆ อนั ลกู หนไ้ี ดก ระทำลงไปทง้ั ทร่ี อู ยวู า จะเปน ทางใหเ จา หนเ้ี สยี เปรยี บ
จะตอ งเปน ผทู เ่ี ปน เจา หนอ้ี ยแู ลว ในขณะทล่ี กู หนไ้ี ดท ำนติ กิ รรมดงั กลา ว เจา หนภ้ี ายหลงั จะถอื ยอ น
ไปวาตนไดถ กู ฉอฉลดว ยตั้งแตยังไมไ ดอ ยใู นฐานะเจา หนนี้ ้ันมิได คำรอ งของผูรอ งบรรยายวา การ
โอนสทิ ธใิ นเคร่อื งหมายการคา ดงั กลา วทำใหโ จทกซ งึ่ ยืน่ คำขอรับชำระหนีจ้ ากกองมรดกของ
จำเลยที่ ๓ เปนเงิน ๕๐๗,๗๖๐,๘๙๙.๑๘ บาท ตองเสียเปรียบ แตเมื่อโจทกไดรับโอนสิทธิ
เรียกรองในมูลหนต้ี ามคำพพิ ากษา ๔ คดี ทม่ี ตี อ จำเลยท่ี ๓ มาจากบรรษทั บริหารสนิ ทรพั ยไ ทย
เม่อื วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ฐานะความเปน เจา หนข้ี องโจทกท่ีมีตอ จำเลยท่ี ๓ จึงเกดิ ข้นึ นับแต
วนั ดังกลาวเปน ตนมา เมอื่ จำเลยที่ ๓ ทำนติ ิกรรมโอนสิทธิในเครอ่ื งหมายการคา ทง้ั สองเครอ่ื งหมาย
ใหแกผูคัดคานที่ ๒ กอนโจทกไดรับโอนสิทธิเรียกรองที่มีตอจำเลยที่ ๓ เปนเวลา ๑๑ เดือนเศษ
โจทกจ งึ ไมอ ยใู นฐานะเจา หน้ที อี่ าจเสียเปรียบได แมจำเลยท่ี ๓ จะโอนสทิ ธิในเคร่ืองหมายการคา
ทั้งสองเครื่องหมายโดยไมมีคาตอบแทน ผูรองก็ไมมีสิทธิรองขอใหเพิกถอนการฉอฉลได ที่ศาล
ลมละลายกลางมคี ำสั่งมานั้น ศาลอุทธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษไมเ ห็นพอ งดวย อุทธรณของผคู ัดคาน
ทงั้ สองฟง ข้นึ
พิพากษากลับ ใหย กคำรอ ง คา ฤชาธรรมเนียมท้ังสองศาลใหเปนพบั .
(อดศิ กั ด์ิ ศรธนะรตั น - ปฏกิ รณ คงพิพธิ - พูนศกั ด์ิ เข็มแซมเกษ)
หมายเหตุ คดีถึงท่สี ุด รติมา ชัยสโุ รจน - ยอ
วิรัตน วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
๑๒๗
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณคดีชำนญั พเิ ศษที่ ๑๒๓๗/๒๕๖๒ ธนาคารกรงุ เทพ จำกดั
(มหาชน) โจทก
เจาพนักงานพิทกั ษทรพั ย ผูรอ ง
นางสาวปทมา
ศรศี ักดิ์ ผคู ดั คา น
บรษิ ทั อารโ ตว ดู
(ไทยแลนด) จำกัด
กบั พวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๐
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๓)
พ.ร.บ. ลมละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒, ๑๕, ๒๐
โจทกเ ปน เจา หนผ้ี ยู น่ื คำรอ งขอใหผ รู อ งดำเนนิ การเพกิ ถอนการขายทด่ี นิ พพิ าท
ของจำเลยที่ ๕ โจทกจึงเปนเจาหนี้ผูเกี่ยวของในเรื่องนี้ อายุความการใชสิทธิเรียกรอง
ของผรู อ งตอ งบงั คบั ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๐ โดยตอ งถอื อายคุ วามของเจา หนผ้ี เู กย่ี วขอ ง
ไดรูตนเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอนเปนเกณฑพิจารณา แมระหวางการพิจารณาของศาล
ลม ละลายกลาง มี พ.ร.บ. ลม ละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๕ ใหเ พม่ิ เตมิ พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ วรรคสอง ซง่ึ บญั ญตั ใิ หอ ายคุ วามการขอใหเ พกิ ถอน
ตามมาตรา ๑๑๓ วรรคหนง่ึ หา มมใิ หข อเมอ่ื พน หนง่ึ ปน บั แตเ วลาทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ไดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอนกต็ าม แตต าม พ.ร.บ. ลม ละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑
มาตรา ๒ และมาตรา ๒๐ ซึ่งเปนบทบัญญัติใหมีผลบังคับเฉพาะกาล ก็บัญญัติใหคดี
ลมละลายที่ไดยื่นฟองกอนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับคือวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๑
และยังคงคางพิจารณาอยูในระหวางปฏิบัติการของเจาพนักงานพิทักษทรัพย ใหบังคับ
ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ซง่ึ ใชอ ยกู อ นวนั ดงั กลา วจนกวา คดจี ะถงึ ทส่ี ดุ เมอ่ื คดนี ้ี
โจทกฟ อ งกอ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ดิ งั กลา วใชบ งั คบั คดขี องผรู อ งยงั คงตอ งใชอ ายคุ วาม
ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๐ บังคับอยูตามเดิม ขอเท็จจริงปรากฏวา โจทกไดตรวจสอบ
สารบบขอมูลทางทะเบียนของที่ดินพิพาทเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ วาจำเลยที่ ๕
๑๒๘
และนางประภาผูถือกรรมสิทธิ์รวมไดขายที่ดินพิพาทโดยอาจทำใหเจาหนี้เสียเปรียบ
จึงถือวาเปนวันที่โจทกไดรูตนเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอน และการที่เจาหนี้ไดรูตนเหตุ
อันเปนมูลใหเพิกถอนก็ไมจำเปนที่เจาหนี้จะตองรูแนชัดถึงขนาดเห็นไดวาลูกหนี้ทำ
นติ กิ รรมโดยรอู ยวู า เปน ทางใหเ จา หนต้ี อ งเสยี เปรยี บอนั เปน การฉอ ฉลเจา หนแ้ี ลว เพราะ
กรณเี พยี งแตใ หเ จา หนร้ี ถู งึ ตน เหตทุ จ่ี ะเปน มลู ใหด ำเนนิ การเพอ่ื ขอใหเ พกิ ถอนการฉอ ฉล
ไดตอไปเทานั้น สวนการรองขอเพิกถอนการฉอฉลเปนอำนาจหนาที่ตามกฎหมายของ
ผูรองที่จะตองพิจารณาดำเนินการสอบสวนเมื่อมีเจาหนี้รายใดมาแจงใหทราบถึงการ
จำหนา ยจา ยโอนทรพั ยส นิ ของลกู หน้ี หากตอ มาผรู อ งเหน็ วา มเี หตทุ จ่ี ะรอ งขอใหเ พกิ ถอน
การฉอ ฉลของลกู หนไ้ี ด กต็ อ งยน่ื คำรอ งตอ ศาลใหท นั ภายในกำหนดอายคุ วาม มใิ ชห นา ท่ี
เจา หนจ้ี ะตอ งพจิ ารณาจนรวู า การทำนติ กิ รรมของลกู หนเ้ี ปน ทางใหเ จา หนเ้ี สยี เปรยี บกอ น
ที่จะมาแจงใหผูรองทราบ เมื่อนับแตวันที่โจทกซึ่งเปนเจาหนี้ไดรูตนเหตุอันเปนมูลให
เพิกถอนดังกลาวจนถึงวันที่ผูรองยื่นคำรองคดีนี้เปนเวลาเกินกวาหนึ่งป คดีของผูรอง
จงึ ขาดอายคุ วามตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) ประกอบ ป.พ.พ.
มาตรา ๒๔๐
______________________________
คดีสบื เนอ่ื งมาจากโจทกฟ อ งขอใหม คี ำสั่งพทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทั้งหา เด็ดขาดวันที่
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งหาเด็ดขาด
วันที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘
ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหม คี ำสง่ั เพกิ ถอนนติ กิ รรมการซอ้ื ขายทด่ี นิ พพิ าทพรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง
ระหวา งจำเลยท่ี ๕ และนางประภากบั ผคู ัดคานเฉพาะสวนของจำเลยที่ ๕ และใหจ ำเลยที่ ๕
กับผูคัดคานกลับคืนสูฐานะเดิม โดยใหผูคัดคานโอนที่ดินพิพาทเฉพาะสวนของจำเลยที่ ๕
คนื กองทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๕ หากไมโ อนใหถ อื เอาคำสง่ั หรอื คำพพิ ากษาของศาลเปน การแสดง
เจตนาของผูคัดคาน กรณีไมอาจกลับคืนสูฐานะเดิมได ขอใหผูคัดคานชดใชราคาที่ดินพิพาท
เฉพาะสวนของจำเลยที่ ๕ เปนเงิน ๑,๐๑๗,๐๐๐ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละเจ็ดครึ่งตอป
ของตนเงินดังกลาวนับแตวันที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหเพิกถอนการซื้อขายเปนตนไป
จนกวาชำระเสร็จ
ผูค ดั คา นยน่ื คำคัดคา นขอใหยกคำรอง
ศาลลม ละลายกลางมีคำส่ังยกคำรอ ง คาฤชาธรรมเนียมใหเ ปนพับ
๑๒๙
ผูรองอทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ฟง ยตุ วิ า เมอ่ื วนั ท่ี
๒๐ มนี าคม ๒๕๕๘ จำเลยที่ ๕ และนางประภาจดทะเบยี นขายทดี่ นิ พพิ าทตามโฉนดที่ดนิ เลขท่ี
๑๕๐๘๗๕ ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนง กรงุ เทพมหานคร พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งเลขท่ี ๙๙๐/๓๘
แกผ คู ดั คา นในราคา ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตอ มาวนั ท่ี ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ โจทกฟ อ งจำเลยท่ี ๕
ขอใหล ม ละลายเปน คดนี ้ี และวนั ท่ี ๑๐ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๐ โจทกย น่ื คำรอ งขอใหผ รู อ งดำเนนิ การ
เพิกถอนการขายที่ดินพิพาทเฉพาะสวนของจำเลยที่ ๕ อางวาเปนการกระทำการฉอฉลของ
จำเลยที่ ๕ ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม) และมาตรา ๑๑๔
ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งมวี า คดขี องผรู อ งขาดอายคุ วามหรอื ไม ทผ่ี รู อ งอทุ ธรณว า
วันที่โจทกยื่นคำรองตอผูรองขอใหดำเนินการเพิกถอนการขายที่ดินพิพาทของจำเลยที่ ๕
เปน วนั ทโ่ี จทกแ ละผรู อ งไดร ถู งึ ตน เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอนนน้ั เหน็ วา โจทกเ ปน เจา หนผ้ี ยู น่ื คำรอ ง
ขอใหผ รู อ งดำเนนิ การเพกิ ถอนการขายทด่ี นิ พพิ าทของจำเลยท่ี ๕ โจทกจ งึ เปน เจา หนผ้ี เู กย่ี วขอ ง
ในเรอ่ื งน้ี อายคุ วามการใชส ทิ ธเิ รยี กรอ งของผรู อ งตอ งบงั คบั ตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
มาตรา ๒๔๐ โดยตองถืออายุความของเจาหนี้ผูเกี่ยวของไดรูตนเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอนเปน
เกณฑพิจารณา แมระหวางการพิจารณาของศาลลมละลายกลาง มีพระราชบัญญัติลมละลาย
(ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๕ ใหเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๑๓ วรรคสอง ซึ่งบัญญัติใหอายุความการขอใหเพิกถอนตามมาตรา ๑๑๓ วรรคหนึ่ง
หา มมใิ หข อเมอ่ื พน หนง่ึ ปน บั แตเ วลาทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ ดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอน
ก็ตาม แตตามพระราชบัญญัติลมละลาย (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒ และมาตรา ๒๐
ซึ่งเปนบทบัญญัติใหมีผลบังคับเฉพาะกาล ก็บัญญัติใหคดีลมละลายที่ไดยื่นฟองกอนวันที่
พระราชบัญญัตินี้ใชบังคับคือวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๑ และยังคงคางพิจารณาอยูในระหวาง
ปฏิบัติการของเจาพนักงานพิทักษทรัพยใหบังคับตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
ซึ่งใชอยูกอนวันดังกลาวจนกวาคดีจะถึงที่สุด เมื่อคดีนี้โจทกฟองวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘
กอนวันที่พระราชบัญญัติดังกลาวใชบังคับ คดีของผูรองยังคงตองใชอายุความตามประมวล
กฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๒๔๐ บังคับอยูตามเดิม ขอเท็จจริงปรากฏตามสำเนาคำรอง
ของโจทกเอกสารหมาย ร.๒๖ หรือ ค.๑๘ วาโจทกไดตรวจสอบสารบบขอมูลทางทะเบียนของ
ที่ดินพิพาททราบวา จำเลยที่ ๕ และนางประภาผูถือกรรมสิทธิ์รวมไดขายที่ดินพิพาทโดยอาจ
ทำใหเจาหนี้เสียเปรียบตามสำเนาโฉนดที่ดินและสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารทาย
คำรองหมายเลข ๓ ซึ่งตรงกับเอกสารหมาย ร.๔ และ ร.๘ เมื่อพิจารณาสำเนาเอกสารทั้งสอง
๑๓๐
ฉบับนี้แลว มีเจาพนักงานที่ดินรับรองสำเนาถูกตองโดยลงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๐ แสดงวา
โจทกไดไปตรวจสอบและขอคัดถายสำเนาเอกสารมาในวันดังกลาว โจทกจึงทราบการขายที่ดิน
พพิ าทของจำเลยท่ี ๕ ตง้ั แตว นั นน้ั แลว ซง่ึ ถอื วา เปน วนั ทโ่ี จทกไ ดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอน
และการทเ่ี จา หนไ้ี ดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอนกไ็ มจ ำเปน ทเ่ี จา หนจ้ี ะตอ งรแู นช ดั ถงึ ขนาดเหน็
ไดวาลกู หนี้ทำนติ กิ รรมโดยรูอยวู า เปนทางใหเจา หน้ีตอ งเสยี เปรียบอนั เปน การฉอ ฉลเจาหนี้แลว
เพราะกรณีเพียงแตใหเจาหนี้รูถึงตนเหตุที่จะเปนมูลใหดำเนินการเพื่อขอใหเพิกถอนการฉอฉล
ไดตอไปเทานั้น สวนการรองขอเพิกถอนการฉอฉลเปนอำนาจหนาที่ตามกฎหมายของผูรองที่
จะตองพิจารณาดำเนินการสอบสวนเมื่อมีเจาหนี้รายใดมาแจงใหทราบถึงการจำหนายจายโอน
ทรัพยสินของลูกหนี้ หากตอมาผูรองเห็นวามีเหตุที่จะรองขอใหเพิกถอนการฉอฉลของลูกหนี้ได
ก็ตองยื่นคำรองตอศาลใหทันภายในกำหนดอายุความ มิใชหนาที่เจาหนี้จะตองพิจารณาจนรูวา
การทำนิติกรรมของลูกหนี้เปนทางใหเจาหนี้เสียเปรียบกอนที่จะมาแจงใหผูรองทราบดังที่ผูรอง
อา งในอทุ ธรณ ดงั น้ี เมอ่ื นบั แตว นั ทโ่ี จทกซ ง่ึ เปน เจา หนไ้ี ดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอนดงั กลา ว
จนถงึ วันทีผ่ รู อ งย่ืนคำรอ งคดนี วี้ นั ที่ ๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๑ เปนเวลาเกินกวาหนึง่ ป คดขี องผรู อ ง
จึงขาดอายุความตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม) ประกอบ
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๒๔๐ ที่ศาลลมละลายกลางวินิจฉัยปญหาขอนี้และ
มีคำสงั่ ยกคำรอ งของผูรอ งนัน้ ชอบแลว อทุ ธรณของผรู อ งฟงไมข น้ึ
พพิ ากษายืน คา ฤชาธรรมเนียมในชน้ั อุทธรณใหเ ปน พบั .
(องอาจ งามมศี รี - โชคชยั รุจินินนาท - วิเชียร วชริ ประทปี )
รตมิ า ชยั สุโรจน - ยอ
วิรตั น วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ทีส่ ดุ
๑๓๑
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนญั พเิ ศษที่ ๘๙๐/๒๕๖๔ ธนาคารกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) โจทก
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ผูรอง
บริษทั บางกอกรบั เบอร
ดีเวลลอปเมนต
เซ็นเตอร จำกัด ผคู ัดคา น
บริษทั บางกอก รับเบอร จำกัด
(มหาชน) จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๐
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๓๑ วรรคสอง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๔๑, ๑๑๓ (เดมิ ), ๑๔๕ (๑) ถงึ (๕)
พ.ร.บ. ลม ละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๐
คดีรองขอใหศาลเพิกถอนการฉอฉลตาม ป.พ.พ. เปนคดีแพงที่เกี่ยวพันกับคดี
ตามกฎหมายวาดวยลมละลาย และ พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม)
ใหอ ำนาจเจา พนักงานพิทกั ษท รัพยกระทำการแทนเจาหนโี้ ดยไมตองไปฟองเปน คดีใหม
เมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งแลวจึงนำบทบัญญัติวาดวยการทุเลาการบังคับตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับได ทั้งจำเลยระบุในคำรองขอทุเลา
การบงั คบั วา เปน การขอทเุ ลาการบงั คบั คดใี นระหวา งการอทุ ธรณ และยน่ื มาพรอ มคำฟอ ง
อทุ ธรณโ ดยไมป รากฎวา เปน กรณที ม่ี เี หตฉุ กุ เฉนิ อยา งยง่ิ ตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๓๑ วรรคสอง
อำนาจสั่งคำรองฉบับดังกลาวเปนของศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ ศาลลมละลายกลาง
ไมมอี ำนาจสั่งคำรองขอทุเลาการบงั คับของจำเลย
โจทกฟ อ งขอใหจ ำเลยลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๒๓ กนั ยายน ๒๕๕๙ ศาลลม ละลายกลาง
มีคำสัง่ พิทักษท รพั ยของจำเลยเดด็ ขาดวนั ท่ี ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ คดีน้ีจึงเปน คดลี ม ละลาย
ที่ไดยนื่ ฟองกอ นวนั ท่ี พ.ร.บ. ลม ละลาย (ฉบบั ที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑ ใชบังคับ และยงั คงคาง
พิจารณาอยูในศาลหรืออยูระหวางปฏิบัติการของเจาพนักงานพิทักษทรัพย อายุความ
ทใ่ี ชบ งั คบั ตอ งเปน ไปตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) ซง่ึ ใชอ ยกู อ น
วนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ฉิ บบั ดงั กลา วใชบ งั คบั ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑
๑๓๒
มาตรา ๒๐ โดยบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา ๒๔๐ ที่หามมิใหรองขอเพิกถอนเมื่อพน ๑ ป
นบั แตเ วลาทเ่ี จา หนไ้ี ดร ตู น เหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอน เมอ่ื ผรู บั มอบอำนาจโจทกซ ง่ึ เปน
เจาหนี้ที่ยื่นคำรองขอใหผูรองยื่นคำรองขอใหศาลมีคำสั่งเพิกถอนนิติกรรมทราบเรื่อง
การทำสญั ญาเชา เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๖๑ ผรู อ งยน่ื คำรอ งคดนี ต้ี อ ศาลลม ละลายกลาง
เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ ยังไมพนกำหนด ๑ ป นับแตวันที่โจทกไดรูตนเหตุอันเปนมูล
ขอใหเพิกถอน คำรองของผูรองไมขาดอายุความ เจาหนี้รายอื่นไมใชเจาหนี้ที่ยื่นคำรอง
ขอใหผูรองยื่นคำรองขอใหศาลมีคำสั่งเพิกถอนนิติกรรม จึงไมนับอายุความนับแตวันที่
เจา หนร้ี ายอ่ืนทราบเร่อื งการทำสัญญาเชา ทพี่ ิพาท
การขอใหศ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมทเ่ี ปน การฉอ ฉลเกย่ี วกบั ทรพั ยส นิ ของจำเลยใน
คดลี ม ละลายนน้ั เปน กรณที ก่ี ฎหมายคอื พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ )
กำหนดขน้ั ตอนและตวั บคุ คลทม่ี อี ำนาจยน่ื คำรอ งไวโ ดยเฉพาะ คอื เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ทั้งมิใชการกระทำที่ตองไดรับความเห็นชอบจากกรรมการเจาหนี้หรือที่ประชุมเจาหนี้
ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕ (๑) ถงึ (๕) ประกอบมาตรา ๔๑ ผรู อ งจงึ
มีอำนาจดำเนินการไดโดยไมต อ งอาศยั อำนาจจากทป่ี ระชมุ เจา หน้ี
______________________________
คดีสบื เน่ืองมาจากโจทกย่ืนฟองขอใหจ ำเลยลม ละลายเม่ือวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๙
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสั่งพิทกั ษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดเมอื่ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งเพิกถอนการทำสัญญาเชาระหวางจำเลยกับผูคัดคาน
ลงวนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ รวม ๓ ฉบบั คอื สญั ญาเชา เลขท่ี ๐๖๐/๒๕๖๐ เลขท่ี ๐๖๑/๒๕๖๐
และเลขที่ ๐๙๒/๒๕๖๐
จำเลยและผูคดั คา นยนื่ คำคัดคา นและแกไ ขคำคดั คานขอใหยกคำรอง
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหเ พกิ ถอนการทำสญั ญาเชา เลขท่ี ๐๖๐/๒๕๖๐ เลขท่ี ๐๖๑/๒๕๖๐
และเลขที่ ๐๙๒/๒๕๖๐ ระหวางจำเลยกับผูคัดคาน ใหลบ ขีดฆา หรือเพิกถอนรายการจดทะเบียน
การเชาทัง้ ๓ ฉบบั ออกจากสารบัญจดทะเบยี นท่ดี ิน คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปนพับ
จำเลยและผูค ัดคานอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ปรากฏในสำนวนดวยวา
ในวันยื่นอุทธรณคำสั่ง ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๖๓ ของศาลลมละลายกลางนั้น จำเลยไดยื่น
คำรองลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ขอใหศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับในระหวางการอุทธรณ
๑๓๓
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั เมอ่ื วนั ท่ี ๒๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ ใหย กคำรอ ง จำเลยยน่ื อทุ ธรณ ลง
วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ รับ
อทุ ธรณฉ บบั ดงั กลา วมาดว ยนน้ั คดนี เ้ี ปน คดรี อ งขอใหศ าลเพกิ ถอนการฉอ ฉลตามประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย เปน คดแี พง ทเ่ี กย่ี วพนั กบั คดตี ามกฎหมายวา ดว ยลม ละลายและพระราชบญั ญตั ิ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) ใหอ ำนาจเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยก ระทำการแทน
เจา หนโ้ี ดยไมต อ งไปฟอ งเปน คดใี หม เมอ่ื ศาลมคี ำพพิ ากษาหรอื คำสง่ั แลว จงึ นำบทบญั ญตั วิ า ดว ย
การทเุ ลาการบงั คบั ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาใชบ งั คบั ได ทศ่ี าลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งวากฎหมายลมละลายไมนำการทุเลาการบังคับคดีมาใชและยกคำรองขอทุเลาการบังคับ
ของจำเลยจงึ เปน คำสง่ั ทม่ี ชิ อบ ทง้ั จำเลยระบใุ นคำรอ งขอทเุ ลาการบงั คบั วา เปน การขอทเุ ลาการ
บังคับคดีในระหวางการอุทธรณ และยื่นมาพรอมคำฟองอุทธรณ โดยไมปรากฏวาเปนกรณีที่มี
เหตุฉุกเฉินอยางยิ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาตรา ๒๓๑ วรรคสอง อำนาจ
สั่งคำรองฉบับดังกลาวเปนของศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ ศาลลมละลายกลางไมมีอำนาจ
สั่งคำรองขอทุเลาการบังคับของจำเลย จึงใหเพิกถอนคำสั่งศาลลมละลายกลาง ลงวันที่ ๒๓
พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓ ทใ่ี หย กคำรอ งขอทเุ ลาการบงั คบั ของจำเลย และศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
พิเคราะหแลวเห็นวา ไดทำคำพิพากษาคดีนี้เสร็จแลว จึงไมจำเปนตองสั่งคำรองขอทุเลาการ
บังคบั ของจำเลย
สำหรับอุทธรณของจำเลยและผูคัดคานเกี่ยวกับการขอใหเพิกถอนสัญญาเชานั้น
ขอเท็จจริงที่คูความไมโตแยงกันในชั้นนี้ฟงไดวา โจทกฟองขอใหจำเลยลมละลายเมื่อวันที่ ๒๓
กนั ยายน ๒๕๕๙ ตอ มาวนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ จำเลยทำสญั ญาเชา กบั ผคู ดั คา นรวม ๓ ฉบบั
คอื สญั ญาเชา เลขท่ี ๐๖๐/๒๕๖๐ เลขท่ี ๐๖๑/๒๕๖๐ และเลขท่ี ๐๙๒/๒๕๖๐ ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั
ตามอุทธรณของจำเลยและผูคัดคานขอแรกมีวา คำรองของผูรองขาดอายุความหรือไม จำเลย
และผูคัดคานอุทธรณในทำนองเดียวกันวา หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด จำเลย
ไดสงมอบรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพยสินและสัญญาเชาแกผูรองครบถวนแลวเปนเหตุใหในวันที่
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ผูรองมีหนังสือทวงถามคาเชาไปยังผูคัดคาน วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑
ผูรองแจงเรื่องสัญญาเชาและการรับเงินคาเชาตามสัญญาใหเจาหนี้ที่มาตรวจคำขอรับชำระหนี้
ทราบ นายนันทิภาคยผูรับมอบอำนาจโจทก เบิกความรับวา ไดเขารวมประชุมและตรวจคำขอ
รบั ชำระหนด้ี ว ย ผรู อ งชอบทจ่ี ะรอ งขอใหเ พกิ ถอนการทำสญั ญาเชา ดงั กลา วภายใน ๑ ป นบั จาก
วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๑ การที่ผูรองยื่นคำรองคดีนี้วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ คำรองของผูรอง
จึงขาดอายุความนั้น เห็นวา โจทกฟองขอใหจำเลยลมละลายเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๙
๑๓๔
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยเด็ดขาดวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ คดีนี้
จึงเปนคดีลมละลายที่ไดยื่นฟองกอนวันที่พระราชบัญญัติลมละลาย (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๑
ใชบ งั คบั และยงั คงคา งพจิ ารณาอยใู นศาลหรอื อยรู ะหวา งปฏบิ ตั กิ ารของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
อายุความที่ใชบังคับตองเปนไปตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดิม)
ซง่ึ ใชอ ยกู อ นวนั ทพ่ี ระราชบญั ญตั ฉิ บบั ดงั กลา วใชบ งั คบั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย (ฉบบั ท่ี ๑๐)
พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๒๐ โดยบงั คับตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๒๔๐ ทีห่ า ม
มิใหรองขอเพิกถอนเมื่อพน ๑ ป นับแตเวลาที่เจาหนี้ไดรูตนเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอน เมื่อ
นายนันทิภาคย ผูรับมอบอำนาจโจทกซึ่งเปนเจาหนี้ที่ยื่นคำรองขอใหผูรองยื่นคำรองขอใหศาล
มคี ำส่งั เพิกถอนนติ กิ รรม เบิกความวา พยานทราบเรื่องการทำสญั ญาเชา เม่ือวันท่ี ๑๑ เมษายน
๒๕๖๑ ผรู อ งยน่ื คำรอ งคดนี ต้ี อ ศาลลม ละลายกลางเมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ ยงั ไมพ น กำหนด
๑ ป นับแตวันที่โจทกไดรูตนเหตุอันเปนมูลขอใหเพิกถอน คำรองของผูรองไมขาดอายุความ
ที่นางอักษราพยานจำเลยและผูคัดคานเบิกความวา พยานเปนผูรับมอบอำนาจบริษัทพี เอ
แคปปต อล จำกดั เจา หนร้ี ายท่ี ๙๔๔ พยานไปทก่ี รมบงั คบั คดใี นวนั ท่ี ๙ มกราคม ๒๕๖๑ ซง่ึ เปน
วนั นัดตรวจคำขอรบั ชำระหน้ี เจา พนักงานพทิ กั ษท รพั ยไ ดชีแ้ จงรายละเอียดเกี่ยวกบั กิจการและ
ทรพั ยส นิ ตา ง ๆ ของจำเลยใหเ จา หนท้ี ง้ั หลายทราบ เจา หนร้ี ายท่ี ๙๔๔ และเจา หนอ้ี กี หลายสบิ ราย
ที่ไปตรวจคำขอรับชำระหนี้รับทราบเกี่ยวกับการทำสัญญาเชาที่พิพาทนั้น เจาหนี้รายที่ ๙๔๔
ไมใ ชเ จา หนท้ี ย่ี น่ื คำรอ งขอใหผ รู อ งยน่ื คำรอ งขอใหศ าลมคี ำสง่ั เพกิ ถอนนติ กิ รรม จงึ ไมน บั อายคุ วาม
นบั แตว นั ทน่ี างอกั ษราหรอื เจา หนร้ี ายอน่ื ทราบเรอ่ื งการทำสญั ญาเชา ทพ่ี พิ าท อทุ ธรณข องจำเลย
และผูค ัดคานขอ นีฟ้ ง ไมข นึ้
ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยและผคู ดั คา นขอ ตอ ไปมวี า สญั ญาเชา ระหวา ง
จำเลยกับผูคัดคานเปนนิติกรรมที่เปนการฉอฉลหรือไม นายวรวิชพยานผูรอง เบิกความวาเงิน
ที่จำเลยจะไดรับจากการนำทรัพยสินไปใหผูคัดคานเชาทั้ง ๓ สัญญา คำนวณแลวเปนเงินรวม
๑๓๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในระยะเวลา ๑๐ ป ไมรวมการเสียภาษี ที่ดินของจำเลยตามสัญญาเชา
เลขที่ ๐๖๐/๒๕๖๐ และเลขที่ ๐๖๑/๒๕๖๐ มีราคาประเมินเฉพาะที่ดิน ๑๙๕,๕๓๒,๘๐๐ บาท
และ ๑๓,๐๒๗,๙๔๐ บาท ตามลำดับ รวมเปน เงิน ๒๐๘,๕๖๐,๗๔๐ บาท สูงกวาเงินที่จะไดรับ
ตามสัญญาเชามาก ทั้งที่ยังไมรวมราคาของโรงงานและสิ่งปลูกสรางอื่น ๆ และมีโอกาสที่จะขาย
ไดร าคาสงู กวา ราคาประเมนิ กรณขี ายทอดตลาดมผี เู ขา แขง ขนั สรู าคาหลายราย ผคู ดั คา นซง่ึ เปน
ผูเชาทราบถึงสถานะทางการเงินของจำเลยเปนอยางดี เพราะกรรมการผูคัดคานที่ลงชื่อใน
สญั ญาเชา คอื พลเอกเชญิ ชยั และนางนชุ นาถลว นเปน กรรมการของจำเลยและเพง่ิ เขา เปน กรรมการ
๑๓๕
ของผูคัดคานเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ นายนันทิภาคยเบิกความวา จำเลยเคยปรับปรุง
โครงสรางหนี้ภายใตคณะกรรมการเพื่อสงเสริมการปรับปรุงโครงสรางหนี้เมื่อป ๒๕๔๓ แตไม
สำเรจ็ ตอ มาไดย น่ื คำรอ งขอใหฟ น ฟกู จิ การครง้ั ท่ี ๑ ศาลมคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การและมคี ำสง่ั เหน็ ชอบ
ดวยแผนฟนฟูกิจการ จำเลยชำระหนี้ไดตามแผนในชวงป ๒๕๔๕-๒๕๔๗ เริ่มหยุดชำระหนี้
ตง้ั แตเ ดอื นมกราคม ๒๕๔๘ หลงั จากนน้ั มกี ารยน่ื คำรอ งขอแกไ ขแผนอกี ๔ ครง้ั ทป่ี ระชมุ เจา หน้ี
ไมย อมรับแผน ศาลมีคำสัง่ ยกเลิกการฟน ฟูกิจการเมื่อวันท่ี ๒๐ กนั ยายน ๒๕๕๐ ในวนั ดงั กลาว
บรษิ ทั พี เอ แคปปต อล จำกดั ยน่ื คำรอ งขอใหฟ น ฟกู จิ การของจำเลยเปน ครง้ั ท่ี ๒ ศาลมคี ำสง่ั ให
ฟน ฟกู จิ การ และตอ มามคี ำสง่ั เหน็ ชอบดว ยแผนเมอ่ื วนั ท่ี ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๓ จำเลยชำระหน้ี
ตามแผนไดเพียง ๒ งวด แลวหยุดชำระหนี้ตั้งแตงวดเดือนมิถุนายน ๒๕๕๔ เรื่อยมาอางเหตุวา
ขาดสภาพคลอ งภายในกจิ การและแจง วา จะขอแกไ ขแผน แตไ มไ ดด ำเนนิ การใด ๆ จนศาลมคี ำสง่ั
ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การ ตอ มาจำเลยถกู ฟอ งขอใหล ม ละลายในคดนี ้ี หลงั จากศาลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษพิพากษายืน ศาลฎีกาไมอนุญาตให
จำเลยฎีกา เห็นวา โจทกฟองขอใหจำเลยลมละลายเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๙ สัญญาเชา
ระหวา งจำเลยกบั ผคู ดั คา นทำเมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ภายหลงั มกี ารขอใหจ ำเลยลม ละลาย
ตอ งดวยบทบญั ญตั ิพระราชบัญญัตลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๔ ทใี่ หสันนิษฐานไวก อ น
วาเปนการกระทำที่ลูกหนี้และผูที่ไดลาภงอกแตการนั้นรูอยูวาเปนทางใหเจาหนี้ตองเสียเปรียบ
การทำสัญญาเชาระหวางจำเลยกับผูคัดคานมีผลใหทรัพยสินของจำเลยเกิดภาระผูกพัน เงินที่
จะไดรับตามสัญญาเชานอกจากต่ำกวาราคาประเมินที่ดินที่ยังไมรวมราคาของโรงงานและ
สิ่งปลูกสรางอื่น ๆ เปนจำนวนมากแลว ยังตองใชเวลาตามสัญญาถึง ๑๐ ป ทั้งไดความวา
กรรมการของผคู ดั คา นทล่ี งชอ่ื ในสญั ญาเชา กเ็ ปน กรรมการของจำเลยอยดู ว ย ผคู ดั คา นยอ มทราบ
ถงึ สถานะทางการเงนิ ของจำเลยเปน อยา งดี ทจ่ี ำเลยนำสบื วา เหตทุ น่ี ำทรพั ยส นิ ออกใหผ คู ดั คา น
เชา เพอ่ื ใหธ รุ กจิ ผลติ รองเทา สามารถดำเนนิ การตอ ไปได เปน ประโยชนแ กเ จา หนเ้ี นอ่ื งจากจำเลย
จะไดค า เชา ผเู ชา จะดแู ลรกั ษาซอ มบำรงุ เครอ่ื งจกั รและทรพั ยส นิ ใหม สี ภาพดี กรรมสทิ ธใ์ิ นทรพั ยส นิ
ยังเปนของจำเลย ไมมีขอหามขายทรัพยสินระหวางสัญญาเชา สินคาคงคางไมเกิดการสูญเสีย
หากจำเลยถกู ศาลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาด กจิ การของจำเลยทด่ี ำเนนิ การอยู สนิ คา ทม่ี คี ำสง่ั
ซอ้ื และอยรู ะหวา งการผลติ ยงั ไมส ง มอบจะถกู ระงบั เกดิ ผลเสยี หาย อาจทำใหพ นกั งานและลกู จา ง
ของจำเลยประมาณ ๖,๐๐๐ คน ตอ งออกจากงาน จำเลยถอื หนุ ผคู ดั คา นรอ ยละ ๙๙ หากมผี ลกำไร
หรือเงินปนผลก็จะตกแกจำเลยนั้น มีน้ำหนักนอย ไมพอฟงหักลางขอสันนิษฐานของกฎหมาย
และพยานหลักฐานของผูรองดังกลาว ขอเท็จจริงฟงไดวา สัญญาเชาระหวางจำเลยกับผูคัดคาน
๑๓๖
เปนนิติกรรมที่จำเลยและผูคัดคานทำขึ้นโดยรูอยูวาเปนทางใหเจาหนี้ตองเสียเปรียบ จึงเปน
นติ กิ รรมท่เี ปน การฉอฉล ผรู อ งมีอำนาจย่ืนคำรองขอใหเ พิกถอนนติ ิกรรมดงั กลาวได
ทจ่ี ำเลยอทุ ธรณอ กี วา ผรู อ งมไิ ดเ รยี กประชมุ เจา หนเ้ี พอ่ื ขอใหม มี ตวิ า จะรอ งขอใหเ พกิ ถอน
การทำสญั ญาเชา ระหวา งจำเลยกบั ผคู ดั คา นหรอื ไม การกระทำของผรู อ งเปน การจดั การทรพั ยส นิ
ของจำเลยโดยขดั ตอ กฎหมายนน้ั เหน็ วา การขอใหศ าลเพกิ ถอนนติ กิ รรมทเ่ี ปน การฉอ ฉลเกย่ี วกบั
ทรพั ยส นิ ของจำเลยในคดลี ม ละลายนน้ั เปน กรณที ก่ี ฎหมายคอื พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) กำหนดขน้ั ตอนและตวั บคุ คลทม่ี อี ำนาจยน่ื คำรอ งไวโ ดยเฉพาะ คอื เจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ย ทง้ั มใิ ชก ารกระทำทต่ี อ งไดร บั ความเหน็ ชอบจากกรรมการเจา หนห้ี รอื ทป่ี ระชมุ เจา หน้ี
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๕ (๑) ถงึ (๕) ประกอบมาตรา ๔๑ ผรู อ ง
จึงมีอำนาจดำเนินการไดโดยไมตองอาศัยอำนาจจากที่ประชุมเจาหนี้ อุทธรณของจำเลยขอนี้
ฟงไมขึ้น ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนการทำสัญญาเชาระหวางจำเลยกับผูคัดคาน
มานั้นชอบแลว อุทธรณของจำเลยและผูค ัดคานทกุ ขอฟง ไมข ้นึ
พพิ ากษายืน คา ฤชาธรรมเนยี มในชัน้ นใ้ี หเ ปนพบั .
(พสิ ทุ ธ์ิ ศรีขจร - โชคชัย รุจินินนาท - องอาจ งามมศี ร)ี
นราธิป บญุ ญพนชิ - ยอ
วริ ตั น วศิ ษิ ฏว งศกร - ตรวจ
๑๓๗
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษที่ ๙๐/๒๕๖๕ บริษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ย
พญาไท จำกัด โจทก
เจาพนกั งานพทิ กั ษท รัพย ผรู อง
นางสาวกรวไิ ล
เยยี วยาสัตว ผคู ดั คาน
นายทองสุข แสงจันทร
กบั พวก จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐, ๒๓๗, ๒๔๐
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ), ๑๑๕
พ.ร.บ. จัดตัง้ ศาลลม ละลายและวิธพี ิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔
การรองขอใหศาลเพิกถอนเสียไดซึ่งนิติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ไดกระทำลงทั้งรู
อยวู า จะเปน ทางใหเ จา หนเ้ี สยี เปรยี บตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๒๓๗
นั้น เจาพนักงานพิทักษทรัพยจะตองยื่นคำขอโดยทำเปนคำรองตาม พ.ร.บ. ลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) ภายในหนง่ึ ป นบั แตเ วลาทเ่ี จา หนผ้ี เู กย่ี วขอ งไดร ตู น เหตุ
อันเปนมูลใหเพิกถอน หรือภายในสิบปนับแตไดทำนิติกรรมนั้นตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย มาตรา ๒๔๐ สวนการขอใหเพิกถอนการกระทำอันเปนการใหเปรียบ
ตามมาตรา ๑๑๕ นั้น กฎหมายมิไดบัญญัติอายุความไวโดยเฉพาะ จึงมีอายุความ ๑๐ ป
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๑๙๓/๓๐
การท่ี พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๓ (เดมิ ) และมาตรา ๑๑๕ บญั ญตั ิ
ใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยรองขอตอศาลใหเพิกถอนการฉอฉลหรือการกระทำอันเปน
การใหเ ปรยี บเจา หนไ้ี ดน น้ั เปน เรอ่ื งทก่ี ฎหมายลม ละลายใหอ ำนาจแกเ จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ผูรองในอันที่จะกระทำแทนเจาหนี้ไดเปนกรณีพิเศษ โดยทำเปนคำรองตอศาล
ในคดีลมละลายไมตองไปฟองเปนคดีแพงใหมเทานั้น แตอายุความยอมเปนไปตาม
บทบญั ญตั ขิ องกฎหมายในทางแพง ซง่ึ หาใชข อ กฎหมายอนั เกย่ี วดว ยความสงบเรยี บรอ ย
ของประชาชนแตประการใดไม เมื่อจำเลยที่ ๑ และผูคัดคานมิไดยื่นคำคัดคานปฏิเสธ
๑๓๘
ในคดีนี้มาตั้งแตแรกวา คดีของผูรองขาดอายุความตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง
ประกอบ พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔
คดีก็ไมมีประเด็นเรื่องของอายุความใหจำตองวินิจฉัย ที่ศาลลมละลายกลางวินิจฉัยวา
คดขี องผูรองขาดอายคุ วามโดยไมวนิ จิ ฉยั ในประเด็นขออน่ื อกี และใหยกคำรอ งนั้น ยอ ม
เปนการไมชอบ
_____________________________
คดีสืบเนอื่ งมาจากโจทกฟ องขอใหจ ำเลยทั้งสองลม ละลายเมอื่ วันท่ี ๑ มิถนุ ายน ๒๕๕๐
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั สองเดด็ ขาดเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐
และพพิ ากษาใหจ ำเลยท้ังสองลมละลายเมอ่ื วนั ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๒
ผรู องยื่นคำรอ งขอใหมีคำส่ังเพิกถอนการจำนองทดี่ ินระหวางจำเลยท่ี ๑ กบั ผคู ัดคาน
กับใหท ้งั สองฝายกลับคนื สูฐ านะเดิม
จำเลยที่ ๑ และผูคดั คานไมย่ืนคำคัดคาน
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหย กคำรอง คา ฤชาธรรมเนยี มใหเ ปนพับ
ผูร องอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงที่คูความมิได
โตแยงกันในชั้นนี้ฟงไดวา จำเลยที่ ๑ กับนางออนลี้ เปนเจาของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนด
เลขที่ ๑๘๔๒๕ ตำบลคลองสี่ (คลอง ๔ ออก) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี (ธัญบุรี)
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐ ซง่ึ เปน วนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั สองเดด็ ขาด
จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนจำนองที่ดินแปลงดังกลาวเฉพาะสวนกรรมสิทธิ์ของตนไวแกผูคัดคาน
เพอ่ื เปนประกนั การกยู มื เงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท
ปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองมีวา คำสั่งศาลลมละลายกลางวา คดีผูรอง
ขาดอายุความโดยมิไดวินิจฉัยประเด็นขออื่นและใหยกคำรองของผูรองชอบหรือไม เห็นวา
การรอ งขอใหศ าลเพกิ ถอนเสยี ไดซ ง่ึ นติ กิ รรมใด ๆ อนั ลกู หนไ้ี ดก ระทำลงทง้ั รอู ยวู า จะเปน ทาง
ใหเ จา หนเ้ี สยี เปรยี บตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๒๓๗ นน้ั เจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยจะตองยื่นคำขอโดยทำเปนคำรองตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๑๓ (เดิม) ภายในหนงึ่ ปน บั แตเ วลาทเ่ี จาหน้ผี เู กีย่ วขอ งไดร ูตน เหตอุ ันเปนมูลใหเ พิกถอน
หรือภายในสิบปนับแตไดทำนิติกรรมนั้น ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๒๔๐
สวนการขอใหเ พิกถอนการกระทำอนั เปนการใหเปรยี บตามพระราชบญั ญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
๑๓๙
มาตรา ๑๑๕ นน้ั กฎหมายมไิ ดบ ญั ญตั อิ ายคุ วามไวโ ดยเฉพาะ จงึ มอี ายคุ วาม ๑๐ ป ตามประมวล
กฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๙๓/๓๐ คดนี ้ี ศาลลม ละลายกลางวนิ จิ ฉยั วา ผรู อ งยน่ื คำรอ ง
ขอใหเพิกถอนนิติกรรมจำนองระหวางจำเลยที่ ๑ กับผูคัดคาน เมื่อพน ๑ ป นับแตเจาหนี้ผูเปน
โจทกแ ละผรู อ งทราบเหตอุ นั เปน มลู ใหเ พกิ ถอนและพน ๑๐ ป นบั แตม กี ารทำนติ กิ รรม เนอ่ื งจาก
จำเลยท่ี ๑ กบั ผคู ดั คา นจดทะเบยี นจำนองทด่ี นิ เฉพาะสว นตนตอ พนกั งานเจา หนา ทเ่ี มอ่ื วนั ท่ี ๑๓
พฤศจกิ ายน ๒๕๕๐ ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอใหเ พกิ ถอนนติ กิ รรมจำนองตอ ศาลเมอ่ื วนั ท่ี ๒๘ มถิ นุ ายน
๒๕๖๔ จงึ ขาดอายคุ วามตามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๒๔๐ และ ๑๙๓/๓๐ แลว
แตปญหาวาคดีขาดอายุความหรือไมนั้น เห็นวา การที่พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๑๓ (เดิม) และมาตรา ๑๑๕ บัญญัติใหเจาพนักงานพิทักษทรัพยรองขอตอศาลให
เพกิ ถอนการฉอ ฉลหรอื การกระทำอนั เปน การใหเ ปรยี บเจา หนไ้ี ดน น้ั เปน เรอ่ื งทก่ี ฎหมายลม ละลาย
ใหอำนาจแกเจาพนักงานพิทักษทรัพยผูรองในอันที่จะกระทำแทนเจาหนี้ไดเปนกรณีพิเศษ โดย
ทำเปนคำรองตอศาลในคดีลมละลายไมตองไปฟองเปนคดีแพงใหมเทานั้น แตอายุความยอม
เปนไปตามบทบัญญัติของกฎหมายในทางแพง ซึ่งอายุความทางแพงคือกำหนดระยะเวลาที่
กฎหมายบัญญัติใหใชสิทธิซึ่งเปนบุคคลสิทธิหรือสิทธิสวนบุคคลที่ใชบังคับสิทธิเรียกรองของตน
ตามกฎหมายอนั กอ ใหเ กดิ ผลวา หากเพกิ เฉยหรอื ปลอ ยปละละเลยจนระยะเวลาทก่ี ำหนดลว งพน ไป
สิทธิเรียกรองนั้นจะเปนอันยกขึ้นกลาวอางอีกมิได กำหนดอายุความทางแพงมีบัญญัติไวใน
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย บรรพ ๑ ซึ่งเปนหลักทั่วไป ถึงแมกำหนดอายุความจะถูก
บัญญัติไวโดยกฎหมายแตก็หาใชขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน
แตประการใดไม ซึ่งแตกตางจากอายุความในทางกฎหมายอาญา เมื่อจำเลยที่ ๑ และผูคัดคาน
มไิ ดย น่ื คำคดั คา นปฏเิ สธในคดนี ม้ี าตง้ั แตแ รกวา คดขี องผรู อ งขาดอายคุ วาม ตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง ประกอบพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและ
วธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ กรณไี มเ ปน ไปตามหลกั พจิ ารณาในศาลชน้ั ตน
คดีก็ไมมีประเด็นเรื่องของอายุความใหจำตองวินิจฉัย ศาลจึงไมอาจหยิบยกอายุความ ๑ ป และ
๑๐ ป ดังกลาว ซึ่งมิใชปญหาขอกฎหมายอันเกี่ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชนขึ้น
วินิจฉัยไดเองตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๒๙ และประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและ
วธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ทศ่ี าลลม ละลายกลางวนิ จิ ฉยั วา คดขี องผรู อ ง
ขาดอายุความโดยไมวินิจฉัยในประเด็นขออื่นอีกและใหยกคำรองนั้น ยอมเปนการไมชอบและ
ไมตองดวยความเห็นของศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ คำวินิจฉัยของศาลลมละลายกลางเปน
๑๔๐
กรณีมิไดปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงวาดวยคำพิพากษา
และคำสง่ั อนั มเี หตสุ มควรใหย กคำสง่ั ดงั กลา ว และยอ นสำนวนกลบั คนื ไปใหศ าลลม ละลายกลาง
มคี ำสง่ั ตามคำรอ งเสยี ใหม ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๒๔๓ (๑) ประกอบ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
อุทธรณของผรู องฟง ขน้ึ
พิพากษายกคำสั่งศาลลมละลายกลาง กับใหศ าลลม ละลายกลางมคี ำสั่งใหมต ามรูปคดี
คาฤชาธรรมเนียมในช้นั นีใ้ หเปน พบั .
(ชวลิต ยงพาณชิ ย - สถาพร วสิ าพรหม - เกยี รตคิ ุณ แมนเลขา)
นราธปิ บุญญพนิช - ยอ
วริ ัตน วศิ ิษฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ทส่ี ุด
๑๔๑
คำพิพากษาศาลอุทธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๓๘๖๐/๒๕๖๑ นายชูศักด์ิ ทรงเงินดี
ผูช ำระบัญชรี อ งขอให
บริษทั เงนิ ทุนหลกั ทรพั ย
เจาพระยา จำกัด
ลมละลาย
นางจนั ทนา พงษว ชิ ยั ผรู อ ง
เจาพนกั งาน
พิทักษทรพั ย ผคู ัดคาน
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๒, ๑๙๓/๑๔ (๑), ๑๙๓/๑๔ (๕), ๑๙๓/๓๐, ๘๑๖
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙ วรรคหน่ึง วรรคสอง
การทผ่ี คู ดั คา นในฐานะเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ จง ความเปน หนงั สอื ไปยงั ผรู อ ง
ใหชำระเงินแกกองทรัพยสินของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙
วรรคหนง่ึ เปน การบงั คบั ตามสทิ ธเิ รยี กรอ งของลกู หนซ้ี ง่ึ ผคู ดั คา นมอี ำนาจกระทำไดโ ดย
ไมต อ งฟอ งคดตี อ ศาล ถอื ไดว า เปน การกระทำการอน่ื ใดอนั มผี ลเปน อยา งเดยี วกนั กบั การ
ฟอ งคดอี นั เปน เหตใุ หอ ายคุ วามสะดดุ หยดุ ลงตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๔ (๕) แลว มใิ ช
ตองรอใหมกี ารออกหนังสือยืนยนั หน้ตี ามมาตรา ๑๑๙ วรรคสอง เสยี กอน
การทผ่ี รู อ งแตง ตง้ั ลกู หนเ้ี ปน ตวั แทนในการซอ้ื ขายหลกั ทรพั ยใ นตลาดหลกั ทรพั ย
แหงประเทศไทยและการที่ผูคัดคานใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้เรียกเอาเงินที่ลูกหนี้ได
ทดรองจา ยไปแทนผรู อ งในการซอ้ื หลกั ทรพั ยต ามคำสง่ั ของผรู อ งนน้ั เปน กรณที ผ่ี คู ดั คา น
ใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้ซึ่งเปนตัวแทนเรียกเอาเงินที่ไดออกทดรองจายไปในกิจการ
อนั ตวั การมอบหมายแกต นจากตวั การตาม ป.พ.พ. มาตรา ๘๑๖ ซง่ึ ไมม กี ฎหมายบญั ญตั ิ
ไวโ ดยเฉพาะจงึ มกี ำหนด ๑๐ ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐ ซง่ึ อายคุ วามนน้ั ตอ งเรม่ิ นบั
แตขณะที่ลูกหนี้อาจบังคับสิทธิเรียกรองไดเปนตนไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๒
เมื่อผูคัดคานอางวาลูกหนี้ไดออกเงินทดรองจายคาซื้อหลักทรัพยที่ผูรองมีคำสั่งซื้อ
ครบถว นแลว แตผ รู อ งมไิ ดช ำระเงนิ คา ซอ้ื หลกั ทรพั ยใ หแ กล กู หนต้ี ามกำหนด อายคุ วาม
ในการใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้จึงตองเริ่มนับเมื่อครบกำหนดที่ผูรองตองชำระเงินคา
ซอ้ื หลกั ทรพั ยค นื ใหแ กล กู หนต้ี ามทล่ี กู หนไ้ี ดอ อกเงนิ ทดรองแทนในแตล ะคราว แตผ รู อ ง
๑๔๒