คำพิพากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พเิ ศษที่ ๑๙๒๕/๒๕๖๔ บรรษัทบรหิ าร
สินทรัพยไทย โจทก
บรษิ ัทบริหาร
สินทรัพยส ุขุมวทิ จำกดั ผรู อง
นางสาววลิ าสินยี
หรอื นฤพร ซาเสน
กับพวก จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖, ๑๕๘
การที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยยึดบานซึ่งปลูกอยูบนที่ดินของจำเลยที่ ๒ แลว
ตอ มานาง บ. ยน่ื คำรอ งขอใหป ลอ ยทรพั ยท ถ่ี กู ยดึ โดยอา งวา เปน บา นของตน เจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยสอบสวนแลวมีคำสั่งปลอยบานคืนใหแกนาง บ. ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๘ เมอ่ื ผรู อ งไมเ หน็ ดว ยกบั คำสง่ั ดงั กลา วและมคี วามประสงคใ หศ าล
ลม ละลายกลางดำเนนิ กระบวนพจิ ารณาและมคี ำสง่ั กลบั หรอื แกไ ขคำสง่ั ของเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ย ผรู อ งตอ งยน่ื คำขอโดยทำเปน คำรอ งตอ ศาลลม ละลายกลางภายในกำหนด
เวลา ๑๔ วนั นบั แตว นั ทไ่ี ดท ราบคำสง่ั ซง่ึ ศาลลม ละลายกลางมอี ำนาจสง่ั ยนื ตาม กลบั หรอื
แกไ ข หรอื สง่ั ประการใดตามทเ่ี หน็ สมควรเปน รายๆ ไป ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๔๖ ไมใ ชก รณกี ารยน่ื อทุ ธรณค ำสง่ั ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยต อ ศาลอทุ ธรณ
ตามทผ่ี ูรอ งอาง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ บญั ญตั วิ า “ถา บคุ คลลม ละลาย เจา หน้ี
หรอื บคุ คลใดไดร บั ความเสยี หายโดยการกระทำหรอื คำวนิ จิ ฉยั ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
บุคคลนั้นอาจยื่นคำขอโดยทำเปนคำรองตอศาลภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแตวันที่
ไดทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น ศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ หรือแกไข หรือสั่ง
ประการใดตามทเ่ี หน็ สมควร” ดงั น้ี เมอ่ื กฎหมายบญั ญตั ใิ หศ าลมอี ำนาจสง่ั เกย่ี วกบั เนอ้ื หา
การกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจาพนักงานพิทักษทรัพยตามมาตรา ๑๔๖ อำนาจในการ
สั่งคำรองขอขยายระยะเวลายื่นคำรองตามมาตรา ๑๔๖ ยอมเปนของศาล สำหรับคำสั่ง
ของเจาพนักงานพิทักษทรัพยในคำรองขอตรวจสำนวนและคัดถายเอกสารของผูรอง
เจาพนักงานพิทักษทรัพยชอบที่จะมีคำสั่งวาอนุญาตหรือไมอนุญาตใหคัดถายเอกสาร
๑๙๓
การทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยร ะบใุ นคำสง่ั ดว ยวา ครบนดั โตแ ยง คำสง่ั ของเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยใ นวนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๔ นน้ั นอกจากจะเปน คำสง่ั ทไ่ี มเ กย่ี วขอ งกบั เนอ้ื หา
ในคำรอ งของผรู อ งแลว ยงั เปน การกระทำโดยไมม อี ำนาจ ไมม ผี ลเปน การขยายระยะเวลา
ยื่นคำรอ งคดั คานคำส่ังตามมาตรา ๑๔๖ และไมใชเ หตสุ ดุ วิสัยทจ่ี ะใหส ทิ ธิผรู องยนื่ คำรอง
ขอขยายระยะเวลายื่นคำรองคัดคานคำสั่งเจาพนักงานพิทักษทรัพยหลังพนระยะเวลา
ท่กี ฎหมายกำหนด
______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั สองเดด็ ขาด
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๗ กนั ยายน ๒๕๕๔ และพพิ ากษาใหจ ำเลยทง้ั สองเปน บคุ คลลม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๑๔
สงิ หาคม ๒๕๕๕ ตอ มาวนั ท่ี ๗ กุมภาพันธ ๒๕๖๒ เจาพนักงานพิทกั ษท รพั ยไดยึดทด่ี นิ โฉนด
เลขที่ ๒๕๕๓ ตำบลเสือโกก อำเภอวาปปทุม จังหวัดมหาสารคาม พรอมบานเลขที่ ๘ และ
เลขที่ ๑๓๓ หมูที่ ๑๒ ตำบลเสือโกก อำเภอวาปปทุม จังหวัดมหาสารคาม ที่ดินแปลงดังกลาว
มีชื่อจำเลยที่ ๒ เปนผูถือกรรมสิทธิ์ วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ นางบุญมายื่นคำรองวา
บานเลขที่ ๑๓๓ เปนของตนทป่ี ลูกอาศยั มาแลวเปน เวลา ๓๐ ป ขอใหเ จา พนกั งานพิทักษท รพั ย
ปลอ ยทรพั ยด งั กลา ว เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว มคี ำสง่ั เมอ่ื วนั ท่ี ๒ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๔
ใหปลอ ยบานเลขท่ี ๑๓๓ คืนใหแกนางบญุ มา
ผูรองซึ่งเปนผูสวมสิทธิแทนบรรษัทบริหารสินทรัพยไทย เจาหนี้รายที่ ๓ ยื่นคำรอง
เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ วา คดีนี้จะครบกำหนดระยะเวลาคัดคานคำสั่งของเจาพนักงาน
พิทักษทรัพยในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำรองขอตรวจสำนวน
และคัดถายเอกสารพรอมหมายแจงคำสั่งแนบทายคำรอง เนื่องจากขณะนี้ยังอยูระหวางการ
พิจารณาของผูมีอำนาจเจาหนี้รายที่ ๓ วาจะยื่นคัดคานคำสั่งของเจาพนักงานพิทักษทรัพยหรือไม
จึงขอขยายระยะเวลายื่นคำรองคัดคานคำสั่งของเจาพนักงานพิทักษทรัพยครั้งที่ ๑ ไปอีก ๓๐ วัน
นับแตวนั ครบกำหนด
ศาลลมละลายกลางตรวจคำรอ งแลว มีคำสง่ั ในวนั เดยี วกันวา ปรากฏตามเอกสารทา ย
คำรองวา ผูรองทราบคำสั่งเจาพนักงานพิทักษทรัพยในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ ผูรองตอง
ยน่ื คำรอ งคดั คา นคำสง่ั เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยภ ายในระยะเวลา ๑๔ วนั นบั แตท ราบคำสง่ั นน้ั
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ ซึ่งจะครบระยะเวลา ๑๔ วัน ในวันที่
๙ มนี าคม ๒๕๖๔ ผรู องย่ืนคำรอ งขอขยายระยะเวลาเกินกำหนดโดยไมป รากฏเหตุสุดวสิ ัย จึงให
ยกคำรอ ง
๑๙๔
ผูร องอทุ ธรณโดยไดร บั อนญุ าตจากศาลอุทธรณค ดีชำนญั พเิ ศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ทค่ี คู วามไมโ ตแ ยง
กันฟงไดวา หลังจากเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ ใหปลอย
บานเลขที่ ๑๓๓ ซึ่งตั้งอยูบนที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๕๕๓ ตำบลเสือโกก อำเภอวาปปทุม จังหวัด
มหาสารคาม คนื ใหแ กน างบญุ มา ผรู อ งยน่ื คำรอ งลงวนั ท่ี ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๔ ตอ เจา พนกั งาน
พิทักษทรัพยเพื่อขอตรวจสำนวนและคัดถายเอกสาร เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งเมื่อวันที่
๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ วา “อนญุ าตใหคัดถาย และถือวา ทราบคำสง่ั ในวนั น้ี ครบกำหนดโตแ ยง
คำสั่ง จพท. ในวันที่ ๑๐ มี.ค. ๖๔ ใหผูรองทราบคำสั่ง” นางสาวปารีนาผูรับมอบอำนาจผูรอง
ลงชื่อรับทราบคำสั่งในวันเดียวกัน ปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองขอแรกมีวา คำสั่ง
ของเจาพนักงานพิทักษทรัพยที่ใหปลอยบานเลขที่ ๑๓๓ คืนแกนางบุญมา เปนคำสั่งที่ผูรอง
ตองโตแยงภายในกำหนดเวลา ๑๔ วัน นับแตวันที่ไดทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้นตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ หรอื ไม เหน็ วา การทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ยึดบานเลขที่ ๑๓๓ ซึ่งปลูกอยูบนที่ดินของจำเลยที่ ๒ แลวตอมานางบุญมายื่นคำรองขอ
ใหป ลอ ยทรพั ยท ถ่ี กู ยดึ โดยอา งวา เปน บา นของตน เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยส อบสวนแลว มคี ำสง่ั
ปลอยบานเลขที่ ๑๓๓ คืนใหแกนางบุญมาซึ่งเจาพนักงานพิทักษทรัพยมีอำนาจทำไดตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๘ เมอ่ื ผรู อ งไมเ หน็ ดว ยกบั คำสง่ั ดงั กลา วและ
มีความประสงคใหศาลลมละลายกลางดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งกลับหรือแกไขคำสั่ง
ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย ผรู อ งตอ งยน่ื คำขอโดยทำเปน คำรอ งตอ ศาลลม ละลายกลางภายใน
กำหนดเวลา ๑๔ วัน นับแตวันที่ไดทราบคำสั่ง ซึ่งศาลลมละลายกลางมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ
หรือแกไข หรือสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรเปนราย ๆ ไป ตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ ไมใ ชก รณีการยื่นอทุ ธรณคำส่งั ของเจา พนกั งานพิทักษท รัพยตอศาล
อทุ ธรณตามท่ผี ูร อ งอาง อทุ ธรณของผรู อ งขอนฟ้ี งไมข นึ้
ปญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งขอ ตอ ไปมวี า ผรู อ งยน่ื คำรอ งขอขยายระยะเวลา
ยื่นคำรองคัดคานคำสั่งของเจาพนักงานพิทักษทรัพยเกินกำหนดเวลา ๑๔ วัน ตามที่บัญญัติไว
ในพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ หรอื ไม เหน็ วา ไดค วามจากสำเนาเอกสาร
ทา ยคำรอ งขอขยายระยะเวลาคดั คา นคำสง่ั ฉบบั ลงวนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๔ ของผรู อ งวา หลงั จาก
มีคำสั่งใหปลอยบานเลขที่ ๑๓๓ คืนใหแกนางบุญมา เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดแจงคำสั่ง
ดงั กลา วไปยงั ผรู อ งตามสำเนาหมายแจง คำสง่ั ท่ี ยธ๐๕๐๗/๐๒๐๒๐ ลงวนั ท่ี ๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๔
ผูรองยื่นคำรองลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ ตอเจาพนักงานพิทักษทรัพยขอตรวจสำนวน
๑๙๕
และคัดถายเอกสาร ระบุชื่อเอกสารวา คำสั่งใหปลอยบานเลขที่ ๑๓๓ ซึ่งตั้งอยูบนโฉนดที่ดิน
เลขที่ ๒๕๕๓ ตำบลเสือโกก อำเภอวาปปทุม จังหวัดมหาสารคาม คืนแกผูรอง (นางบุญมา)
เพื่อไปดำเนินการประกอบสำนวนคดีตอไป เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๓
กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๔ วา “อนญุ าตใหค ดั ถา ยและถอื วา ทราบคำสง่ั ในวนั น้ี ครบนดั โตแ ยง คำสง่ั จพท.
ในวนั ท่ี ๑๐ ม.ี ค. ๖๔ ใหผ รู อ งทราบคำสง่ั ” โดยมนี างสาวปารนี าผรู บั มอบอำนาจผรู อ งลงลายมอื ชอ่ื
รับทราบคำสั่งดังกลาวในวันเดียวกัน การระบุในคำรองวาขอคัดถายคำสั่งใหปลอยบานเลขที่
๑๓๓ แสดงใหเห็นวาผูรองไดรับหมายแจงคำสั่งและทราบคำสั่งของเจาพนักงานพิทักษทรัพยที่
ใหปลอยบานเลขที่ ๑๓๓ คืนแกนางบุญมาแลวจึงยื่นคำรองขอตรวจสำนวนและคัดถายคำสั่ง
ดังกลาวเพื่อประกอบการดำเนินคดีตอไป ดังนี้ เมื่อนับจากวันที่ลงในคำรองขอคัดถายคำสั่งคือ
วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ ๒๕๖๔ ครบกำหนด ๑๔ วัน ในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ หรือหากจะนับ
จากวันที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยอนุญาตใหคัดถายคำสั่งคือวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ ๒๕๖๔
ครบกำหนดเวลา ๑๔ วัน ในวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๔ การที่ผูรองยื่นคำรองขอขยายระยะเวลา
ยน่ื คำรอ งคดั คา นคำสง่ั ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยต อ ศาลลม ละลายกลางเมอ่ื วนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๔
จึงพนกำหนด ๑๔ วัน ไปแลว ที่ผูรองอางในอุทธรณวา เจาพนักงานพิทักษทรัพยเปน
ผกู ำหนดวา วนั ท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๔ เปน วนั ครบ ๑๔ วนั เพอ่ื ใหผ รู อ งทำการโตแ ยง คำสง่ั ถอื วา
เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดขยายระยะเวลาโตแยงคำสั่งใหผูรองโดยอาศัยประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๓ ประกอบดวยพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ นั้น
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔๖ บัญญัติวา “ถาบุคคลลมละลาย เจาหนี้
หรือบุคคลใดไดรับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจาพนักงานพิทักษทรัพย
บุคคลนั้นอาจยื่นคำขอโดยทำเปนคำรองตอศาลภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแตวันที่ไดทราบ
การกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น ศาลมีอำนาจสั่งยืนตาม กลับ หรือแกไข หรือสั่งประการใดตาม
ที่เห็นสมควร” ดังนี้ เมื่อกฎหมายบัญญัติใหศาลมีอำนาจสั่งเกี่ยวกับเนื้อหาการกระทำหรือ
คำวินิจฉัยของเจาพนักงานพิทักษทรัพยตามมาตรา ๑๔๖ อำนาจในการสั่งคำรองขอขยาย
ระยะเวลายื่นคำรองตามมาตรา ๑๔๖ ยอมเปนของศาล ซึ่งผูรองก็ทราบขอกฎหมายดังกลาว
จึงไดยื่นคำรองฉบับที่พิพาทตอศาลลมละลายกลาง สำหรับคำสั่งของเจาพนักงานพิทักษทรัพย
ในคำรอ งฉบบั วนั ท่ี ๑๙ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๔ นน้ั ผรู อ งมคี วามประสงคข อตรวจสำนวนและคดั ถา ย
เอกสาร เจาพนักงานพิทักษทรัพยชอบที่จะมีคำสั่งวาอนุญาตหรือไมอนุญาตใหคัดถายเอกสาร
การทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยร ะบใุ นคำสง่ั ดว ยวา ครบนดั โตแ ยง คำสง่ั ของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ในวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ นั้น นอกจากจะเปนคำสั่งที่ไมเกี่ยวของกับเนื้อหาในคำรอง
๑๙๖
ของผูรองแลว ยังเปนการกระทำโดยไมมีอำนาจ ไมมีผลเปนการขยายระยะเวลายื่นคำรอง
คัดคานคำสั่งตามมาตรา ๑๔๖ และไมใชเหตุสุดวิสัยที่จะใหสิทธิผูรองยื่นคำรองขอขยายระยะ
เวลายน่ื คำรอ งคดั คา นคำสง่ั เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยห ลงั พน ระยะเวลาทก่ี ฎหมายกำหนด ทศ่ี าล
ลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ยกคำรอ งของผรู อ งมานน้ั ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษเหน็ พอ งดว ยอทุ ธรณ
ของผูรอ งฟง ไมข ึน้
พพิ ากษายนื คา ฤชาธรรมเนียมในช้นั นี้ใหเปน พับ.
(พสิ ทุ ธ์ิ ศรขี จร - ฐานติ ศริ จิ ันทรส วา ง - องอาจ งามมศี ร)ี
นราธปิ บุญญพนิช - ยอ
วริ ตั น วศิ ิษฏว งศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงทส่ี ุด
๑๙๗
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพเิ ศษท่ี ๑๙๖๔/๒๕๖๔ กองทนุ รวมบางกอก
แคปปต อล โจทก
นายสุธรรม
ถนอมบูรณเจริญ ผรู อง
เจาพนักงาน
พิทกั ษทรพั ย กบั พวก ผคู ัดคาน
บริษัทเอส.ท.ี ไทเทลิ
จำกดั กบั พวก จำเลย
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๔), ๑๗๙ (๔)
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๔) และมาตรา ๑๗๙ (๔) บัญญัติ
ใหคิดคาธรรมเนียมในอัตรารอยละสามของเงินสุทธิที่รวบรวมไดโดยนำเงินในกองทรัพยสิน
ของลูกหนชี้ ำระคาธรรมเนยี มซง่ึ มผี ลเทากับใหลกู หน้เี ปนผชู ำระคา ธรรมเนยี มในกรณี
ที่สามารถรวบรวมทรพั ยส ินของลกู หน้ไี ดส ำเร็จ โดยมิไดมีบทบัญญตั ิใดระบถุ ึงกรณีท่ยี ัง
ไมอาจรวบรวมเงินไดสุทธิเพราะเหตุไมมีการขายทอดตลาดทรัพยสินที่เจาพนักงาน
พิทักษทรัพยยึดไวดังเชนกรณีที่มีการถอนการยึดในคดีนี้ การที่ผูรองยอมชำระหนี้แทน
จำเลยที่ ๒ และขอใหถอนการยึดที่ดินเพียง ๒ แปลง เพื่อรักษาสิทธิในฐานะเจาของรวม
อันเปนเหตุการณที่เกิดขึ้นหลังจากมีการยึดทรัพยอันเปนสวนหนึ่งของการรวบรวมทรัพยสิน
และไมไดรับประโยชนอยางอื่นเพิ่มเติมนอกจากตองการใหการบังคับคดียุติลงเทานั้น
เงินจำนวนที่เจาหนี้รายที่ ๑ และที่ ๔ ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จึงมิใชเงินสุทธิที่ไดจากการ
รวบรวมทรัพยสินของลูกหนี้ ผูคัดคานที่ ๑ จึงไมมีอำนาจเรียกเก็บคาธรรมเนียมในการ
รวบรวมทรพั ยส ินจากผรู อ ง
_____________________________
คดีเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางไดมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ ๒๕๕๕ ผูคัดคานที่ ๑ ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๒๑๔ ตำบลสะพานสูง
อำเภอบางกะป กรงุ เทพมหานคร และทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๓๖๕๖ ตำบลบางมด อำเภอบางขนุ เทยี น
กรงุ เทพมหานคร ซง่ึ เปน กรรมสทิ ธร์ิ ว มกนั ระหวา งผรู อ งกบั จำเลยท่ี ๒ เนอ่ื งจากไดม าในระหวา ง
๑๙๘
อยูกินฉันสามีภรรยา ในระหวางประกาศขายทอดตลาดผูรองไดวางเงินชำระหนี้ใหแกโจทก
ซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๑ และผูคัดคานที่ ๒ ซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๔ ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้จนครบ
จำนวน รวมทง้ั ชำระคา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ และคา ธรรมเนยี มการยดึ แลว ไมม กี าร
ขายตอ ผคู ดั คา นท่ี ๑ จนผคู ดั คา นท่ี ๑ งดการขายทอดตลาดและถอนการยดึ ทด่ี นิ ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี
๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ผูรองยื่นคำรองตอผูคัดคานที่ ๑ ขอใหคืนคาธรรมเนียมในการรวบรวม
ทรพั ยสิน ๔,๑๕๘,๔๒๙.๖๐ บาท แตผูคัดคา นที่ ๑ มคี ำสั่งยกคำรอง
ผูรองยื่นคำรองขอใหเพิกถอนคำสั่งของผูคัดคานที่ ๑ และใหผูคัดคานที่ ๑ คืนเงิน
๔,๑๕๘,๔๒๙.๖๐ บาท ใหแ กผ ูรอ ง
ผคู ัดคานที่ ๑ ยืน่ คำคัดคานขอใหยกคำรอง
โจทกแ ละผูค ดั คานท่ี ๒ ยน่ื คำคดั คานทำนองเดยี วกัน ขอใหยกคำรอ ง
ศาลลม ละลายกลางมีคำสงั่ ยกคำรอง คาฤชาธรรมเนียมใหเปนพับ
ผรู อ งอุทธรณโดยไดรับอนุญาตจากศาลอทุ ธรณคดชี ำนัญพเิ ศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ทค่ี คู วามไมโ ตแ ยง
กนั ในชน้ั นร้ี บั ฟง ไดเ ปน ทย่ี ตุ วิ า หลงั จากศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยทง้ั สอง
เด็ดขาด มีเจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวม ๕ ราย แตตอมาเจาหนี้รายที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕
ขอถอนคำขอรบั ชำระหน้ี เจา หนผ้ี เู ปน โจทกซ ง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๑ ไดย น่ื คำรอ งตอ ผคู ดั คา นท่ี ๑
ขอใหยึดที่ดินรวม ๖ แปลง รวมทั้งที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๒๑๔ ตำบลสะพานสูง อำเภอบางกะป
กรงุ เทพมหานคร และทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๓๖๕๖ ตำบลบางมด อำเภอบางขนุ เทยี น กรงุ เทพมหานคร
ตอ มาในระหวา งประกาศขายทอดตลาดผรู อ งซง่ึ มกี รรมสทิ ธร์ิ ว มกบั จำเลยท่ี ๒ ในทด่ี นิ ทง้ั สองแปลง
ดงั กลา วไดว างเงนิ เพอ่ื ชำระหนใ้ี หแ กโ จทก และผคู ดั คา นท่ี ๒ ซง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๔ โดยผคู ดั คา น
ที่ ๑ เรียกเก็บคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสินในอัตรารอยละสามของยอดหนี้ของโจทก
และผูคัดคานที่ ๒ เปนเงิน ๑๓๘,๖๑๔,๓๒๐.๑๒ บาท คำนวณเปนเงิน ๔,๑๕๘,๔๒๙.๖๐ บาท
และเรยี กคา ธรรมเนยี มการยดึ แลว ไมม กี ารขายอกี รอ ยละสองของราคาทด่ี นิ ทง้ั สองแปลงเปน เงนิ
๓๔๕,๙๓๙.๖๐ บาท รวมกับคาธรรมเนียมและคาใชจายอื่น ๆ ผูรองไมโตแยงคัดคานในสวนที่
เรยี กเกบ็ คา ธรรมเนยี มการยดึ แลว ไมม กี ารขาย คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ในปญ หาวา ผคู ดั คา นท่ี ๑
มีอำนาจเรียกเก็บคาธรรมเนียมการรวบรวมทรัพยสินจากผูรองไดหรือไม ผูรองอุทธรณวาผูรอง
เปนเพียงผูมีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินรวมกับจำเลยที่ ๒ ไมไดเกี่ยวของกับการยึดที่ดินและมิไดรับ
ประโยชนอยางอื่นนอกจากการรักษาสิทธิในฐานะเจาของที่ดิน ตางจากเจาหนี้ผูเปนโจทกซึ่ง
ดำเนินการใหผูคัดคานที่ ๑ ยึดทรัพยสินของจำเลยที่ ๒ จึงตองเปนผูรับผิดชำระคาธรรมเนียม
๑๙๙
ในการรวบรวมทรพั ยส นิ เหน็ วา แมว า พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๔)
และมาตรา ๑๗๙ (๔) บัญญัติใหคิดคาธรรมเนียมในอัตรารอยละสามของเงินสุทธิที่รวบรวมได
โดยนำเงินในกองทรัพยสินของลูกหนี้ชำระคาธรรมเนียมซึ่งมีผลเทากับใหลูกหนี้เปนผูชำระ
คา ธรรมเนยี มในกรณที ส่ี ามารถรวบรวมทรพั ยส นิ ของลกู หนไ้ี ดส ำเรจ็ โดยมไิ ดม บี ทบญั ญตั ใิ ดระบถุ งึ
กรณีที่ยังไมอาจรวบรวมเงินไดสุทธิเพราะเหตุไมมีการขายทอดตลาดทรัพยสินที่เจาพนักงาน
พทิ กั ษท รพั ยย ดึ ไวด งั เชน ทม่ี กี ารถอนการยดึ ในคดนี ้ี ดงั นน้ั การทผ่ี รู อ งยอมชำระหนแ้ี ทนจำเลยท่ี ๒
และขอใหถ อนการยดึ ทด่ี นิ เพยี ง ๒ แปลง เพอ่ื รกั ษาสทิ ธใิ นฐานะเจา ของรวมอนั เปน เหตกุ ารณท ่ี
เกิดขึ้นหลังจากมีการยึดทรัพยอันเปนสวนหนึ่งของการรวบรวมทรัพยสิน และผูรองก็ไมไดรับ
ประโยชนอ ยา งอน่ื เพม่ิ เตมิ นอกจากตอ งการใหก ารบงั คบั คดยี ตุ ลิ งเทา นน้ั เงนิ ตามจำนวนทโ่ี จทก
และผูคัดคานที่ ๒ ยื่นคำขอรับชำระหนี้รวม ๑๓๘,๖๑๔,๓๒๐.๑๒ บาท จึงมิใชเงินสุทธิที่ไดจาก
การรวบรวมทรัพยสินของลูกหนี้ ผูคัดคานที่ ๑ จึงไมมีอำนาจเรียกเก็บคาธรรมเนียมสวนนี้
จากผูรอง ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกคำรองนั้นไมตองดวยความเห็นของศาลอุทธรณ
คดชี ำนัญพิเศษ อุทธรณข องผรู องฟง ข้ึน
พพิ ากษากลับ ใหแกไ ขคำสงั่ ของผคู ัดคานที่ ๑ ตามรายงานเจาพนักงานพิทักษท รพั ย
ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ เปนใหผูคัดคานที่ ๑ คืนคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสิน
๔,๑๕๘,๔๒๙.๖๐ บาท ใหแ กผรู อ ง คาฤชาธรรมเนียมทง้ั สองศาลใหเปน พบั .
(เกียรตคิ ณุ แมนเลขา - สถาพร วิสาพรหม - เพชรนอ ย สมะวรรธนะ)
ภารดี เพ็ญเจริญ - ยอ
วริ ัตน วศิ ิษฏว งศกร - ตรวจ
๒๐๐
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษที่ ๒๐๓๐/๒๕๖๔ ธนาคารเพอื่ การ โจทก
สง ออกและนำเขา ผคู ัดคา น
แหงประเทศไทย
เจา พนักงาน จำเลย
พิทักษทรัพย
บรษิ ัทเอ.พี.ออคดิ ส
จำกดั กบั พวก
ป.ว.ิ พ. มาตรา ๑๖๑ วรรคหน่งึ
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๒), ๑๗๙ (๔)
พ.ร.บ. จดั ตั้งศาลลมละลายและวธิ ีพจิ ารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
ที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๙๙๙ ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
ของจำเลยที่ ๒ ติดจำนองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตรซึ่งเปนเจาหนี้
มปี ระกนั ทไ่ี มไ ดย น่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นคดลี ม ละลาย หากจำเลยท่ี ๒ ไดร บั เงนิ คา ทดแทน
ที่ดินที่ถูกเวนคืนแลวเจาหนี้มีประกันดังกลาวยอมมีสิทธิไดรับชำระหนี้จำนองจากเงิน
คาทดแทนที่ดินกอนเจาหนี้อื่น หากมีเงินเหลือจึงนำไปชำระแกโจทกซึ่งเปนเจาหนี้ใน
คดลี ม ละลายรายเดยี วทเ่ี หลอื อยใู นขณะทผ่ี คู ดั คา นมคี ำสง่ั อายดั เงนิ คา ทดแทนทด่ี นิ และ
เงินอื่นใดไปยังแขวงทางหลวงนครปฐม เมื่อตอมาโจทกถอนคำขอรับชำระหนี้จนไมมี
เจา หนเ้ี หลอื อยู จงึ มเี หตทุ จ่ี ำเลยท่ี ๒ ไมค วรถกู พพิ ากษาใหล ม ละลาย และศาลลม ละลายกลาง
มีคำสั่งยกเลิกการลมละลายจำเลยที่ ๒ ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๓๕ (๒) การที่จะใหจำเลยที่ ๒ ตองเสียคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสิน
สำหรบั ทรพั ยส นิ ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ยในอตั รารอ ยละ ๒ ของราคาทรพั ยส นิ ทอ่ี ายดั
จำนวน ๑๑๑,๒๑๙,๖๐๐ บาท ตามมาตรา ๑๗๙ (๔) โดยไมพิจารณายอดหนี้ของเจาหนี้
ทเ่ี หลอื ในขณะผคู ดั คา นมคี ำสง่ั อายดั ประกอบดว ยยอ มเปน การไมย ตุ ธิ รรมแกจ ำเลยท่ี ๒
ซึ่งเปนผูรับผิดในชั้นที่สุดสำหรับคาฤชาธรรมเนียมทั้งปวง ทั้งจำเลยที่ ๒ เปนผูแจงแก
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ องวา จะมสี ทิ ธไิ ดร บั เงนิ จากการเวนคนื ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๗๙๙๙
แสดงวาจำเลยที่ ๒ มีความสุจริตในการดำเนินคดีและมีเหตุสมควร อาศัยอำนาจตาม
ป.วิ.พ. มาตรา ๑๖๑ วรรคหนึ่ง ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณา
๒๐๑
คดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑ จงึ กำหนดคา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ
ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ยใหจ ำเลยท่ี ๒ รบั ผดิ ชำระอตั รารอ ยละ ๒ ของยอดหนท้ี โ่ี จทก
ย่นื คำขอรับชำระหน้เี ปน เงนิ ๑๕,๙๘๘,๘๘๒.๗๓ บาท ซ่ึงเปนยอดหนข้ี องเจาหน้ีที่เหลือ
ในขณะผูค ดั คา นมีคำสง่ั อายัด
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยทั้งสองเด็ดขาด
เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ และมีคำสั่งยกเลิกการลมละลายของจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ ๙
มีนาคม ๒๕๖๓
จำเลยท่ี ๒ ยน่ื คำรอ งขอใหม คี ำสง่ั ใหผ คู ดั คา นประกาศแจง ยกเลกิ การลม ละลายจำเลยท่ี ๒
ในราชกิจจานุเบกษา และใหจำเลยที่ ๒ ไมตองรับผิดชำระคาธรรมเนียมอายัดแลวไมมีการขาย
หรือจำหนาย
ผูค ัดคานยืน่ คำคดั คานขอใหย กคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำส่งั ยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมใหเ ปน พับ
จำเลยที่ ๒ อทุ ธรณโ ดยไดรับอนญุ าตจากศาลอุทธรณค ดีชำนัญพิเศษ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ ทค่ี คู วามไมโ ตแ ยง
กันในชั้นนี้รับฟงไดเปนที่ยุติวา จำเลยที่ ๒ เปนเจาของที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๙๙๙ ตำบลแหลมบัว
อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษทรัพยของจำเลยที่ ๒ เด็ดขาด
มเี จา หนย้ี น่ื คำขอรบั ชำระหน้ี ๒ ราย คอื สำนกั งานประกนั สงั คม ยน่ื คำขอรบั ชำระหน้ี ๖,๒๔๐ บาท
เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๑ และโจทกย น่ื คำขอรบั ชำระหน้ี ๑๕,๙๘๘,๘๘๒.๗๓ บาท เปน เจา หน้ี รายท่ี ๒
เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๒ เจาหนี้รายที่ ๑ ยื่นคำรองขอถอนคำขอรับชำระหนี้ ผูคัดคานมี
คำสั่งอนุญาต ตอมาจำเลยที่ ๒ ขอประนอมหนี้กอนลมละลาย โดยคำขอประนอมหนี้ขอหนึ่ง
ระบวุ า หากจำเลยท่ี ๒ ไดร บั เงนิ จากการเวนคนื ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๗๙๙๙ กอ นระยะเวลาชำระหน้ี
ตามขอ อน่ื จำเลยท่ี ๒ จะนำเงนิ มาชำระหนส้ี ว นทเ่ี หลอื แกเ จา หนร้ี ายท่ี ๒ ทนั ที ทป่ี ระชมุ เจา หน้ี
มีมติพิเศษยอมรับคำขอประนอมหนี้กอนลมละลาย ผูคัดคานรายงานศาลขอใหนัดไตสวน
จำเลยที่ ๒ โดยเปดเผยและกำหนดวันนั่งพิจารณาคำขอประนอมหนี้กอนลมละลาย ตอมา
จำเลยท่ี ๒ แจง ตอ ผคู ดั คา นวา แขวงทางหลวงนครปฐม กรมทางหลวง มหี นงั สอื แจง จำเลยท่ี ๒
ใหไปเจรจาตกลงซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๙๙๙ ที่ถูกเวนคืน โดยกำหนดเงินคาทดแทนที่ดิน
๑๑๑,๒๐๙,๖๐๐ บาท และคาเสียหายอื่น ๆ ๑๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงิน ๑๑๑,๒๑๙,๖๐๐ บาท
๒๐๒
ผูคัดคานเรียกประชุมเจาหนี้ครั้งอื่น ที่ประชุมเจาหนี้มีมติใหจำเลยที่ ๒ ไปเจรจาตกลงซื้อขาย
ทด่ี นิ ดงั กลา วกบั แขวงทางหลวงนครปฐมไดใ นราคา ๑๑๑,๒๐๙,๖๐๐ บาท เพอ่ื ใหผ คู ดั คา นอายดั
เงนิ รวบรวมเขา กองทรพั ยส นิ ของจำเลยท่ี ๒ ตามคำขอประนอมหนก้ี อ นลม ละลาย เมอ่ื วนั ท่ี ๒๕
ธันวาคม ๒๕๖๒ ผูคัดคานมีหนังสือถึงผูอำนวยการแขวงทางหลวงนครปฐมแจงเรื่องที่ประชุม
เจาหนี้มีมติอนุญาตใหจำเลยที่ ๒ เจรจาตกลงซื้อขายที่ดินกับแขวงทางหลวงนครปฐมโดยมี
คา ทดแทนไมต ำ่ กวา ๑๑๑,๒๐๙,๖๐๐ บาท และขออายดั เงนิ คา ทดแทนทด่ี นิ และเงนิ อน่ื ใดทจ่ี ำเลย
ที่ ๒ มีสิทธิไดรับ ตอมาวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ ๒๕๖๓ โจทกยื่นคำรองขอถอนคำขอรับชำระหนี้
เนื่องจากไดรับชำระหนี้จำนวน ๗,๒๐๐,๐๐๐ บาท จากมารดาของจำเลยที่ ๒ แลว ผูคัดคานมี
คำสั่งอนุญาตและรายงานศาล วันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกเลิก
การลม ละลายจำเลยท่ี ๒ กบั ยกเลกิ นดั ไตส วนจำเลยท่ี ๒ โดยเปด เผยและพจิ ารณาคำขอประนอมหน้ี
หลังจากนั้นผูคัดคานมีคำสั่งใหจำเลยที่ ๒ ชำระคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสินสำหรับ
ทรัพยสินที่ไมมีการขายหรือจำหนายในอัตรารอยละ ๒ ของราคาทรัพยสินที่อายัดจำนวน
๑๑๑,๒๑๙,๖๐๐ บาท คิดเปนเงิน ๒,๒๒๔,๓๙๒ บาท คดีมีปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของ
จำเลยท่ี ๒ แตเ พียงวา คาธรรมเนยี มทีจ่ ำเลยที่ ๒ จะตอ งชำระในการรวบรวมทรัพยสนิ ควรคิด
ในอตั รารอ ยละ ๒ ของทรพั ยส นิ ทผ่ี คู ดั คา นรวบรวมไดซ ง่ึ ตอ งไมเ กนิ จำนวนหนท้ี จ่ี ำเลยท่ี ๒ ตอ ง
รบั ผิดหรือไม เห็นวา ท่ดี ินโฉนดเลขท่ี ๗๙๙๙ ของจำเลยที่ ๒ ตดิ จำนองธนาคารเพือ่ การเกษตร
และสหกรณการเกษตรซึ่งเปนเจาหนี้มีประกันที่ไมไดยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีลมละลาย หาก
จำเลยที่ ๒ ไดรับเงินคาทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนแลวเจาหนี้มีประกันดังกลาวยอมมีสิทธิไดรับ
ชำระหนี้จำนองจากเงินคาทดแทนที่ดินกอนเจาหนี้อื่น หากมีเงินเหลือจึงนำไปชำระแกโจทก
ซึ่งเปนเจาหนี้ในคดีลมละลายรายเดียวที่เหลืออยูในขณะที่ผูคัดคานมีคำสั่งอายัดเงินคาทดแทน
ที่ดินและเงินอื่นใดไปยังแขวงทางหลวงนครปฐม เมื่อตอมาโจทกถอนคำขอรับชำระหนี้จนไมมี
เจาหนี้เหลืออยู จึงมีเหตุที่จำเลยที่ ๒ ไมควรถูกพิพากษาใหลมละลาย และศาลลมละลายกลาง
มคี ำสง่ั ยกเลกิ การลม ละลายจำเลยท่ี ๒ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๒)
การทจ่ี ะใหจ ำเลยท่ี ๒ ตอ งเสยี คา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ สำหรบั ทรพั ยส นิ ทไ่ี มม กี าร
ขายหรือจำหนายในอัตรารอยละ ๒ ของราคาทรัพยสินที่อายัดจำนวน ๑๑๑,๒๑๙,๖๐๐ บาท
ตามมาตรา ๑๗๙ (๔) โดยไมพิจารณายอดหนี้ของเจาหนี้ที่เหลือในขณะผูคัดคานมีคำสั่งอายัด
ประกอบดวยยอมเปนการไมยุติธรรมแกจำเลยที่ ๒ ซึ่งเปนผูรับผิดในชั้นที่สุดสำหรับคาฤชา
ธรรมเนียมทั้งปวง ทั้งจำเลยที่ ๒ เปนผูแจงแกเจาพนักงานพิทักษทรัพยเองวาจะมีสิทธิไดรับ
เงินจากการเวนคืนที่ดินโฉนดเลขที่ ๗๙๙๙ แสดงวาจำเลยที่ ๒ มีความสุจริตในการดำเนินคดี
๒๐๓
และมเี หตสุ มควร อาศยั อำนาจตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๑๖๑ วรรคหนง่ึ
ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา
๒๘/๑ จงึ กำหนดคา ธรรมเนยี มในการรวบรวมทรพั ยส นิ ทไ่ี มม กี ารขายหรอื จำหนา ยใหจ ำเลยท่ี ๒ รบั ผดิ
ชำระอัตรารอยละ ๒ ของยอดหนี้ที่โจทกยื่นคำขอรับชำระหนี้เปนเงิน ๑๕,๙๘๘,๘๘๒.๗๓ บาท
ซึ่งเปนยอดหนี้ของเจาหนี้ที่เหลือในขณะผูคัดคานมีคำสั่งอายัด ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่ง
ยกคำรองมาน้นั ศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษไมเ ห็นพอ งดว ย อทุ ธรณข องจำเลยท่ี ๒ ฟงขึน้
พิพากษาแกเปนวา ใหจำเลยที่ ๒ ชำระคาธรรมเนียมในการรวบรวมทรัพยสินที่ไมมี
การขายหรอื จำหนา ยในอตั รารอ ยละ ๒ ของราคาทรพั ยส นิ ทอ่ี ายดั ไปยงั แขวงทางหลวงนครปฐม
แตไมเกินรอยละ ๒ ของยอดหนี้ที่โจทกยื่นคำขอรับชำระหนี้ ๑๕,๙๘๘,๘๘๒.๗๓ บาท
คาธรรมเนียมสวนอื่นใหเปนไปตามคำสั่งเจาพนักงานพิทักษทรัพย นอกจากที่แกใหเปนไปตาม
คำสง่ั ศาลลม ละลายกลาง คาฤชาธรรมเนยี มในชน้ั นใ้ี หเปน พับ.
(ปฏิกรณ คงพิพธิ - จกั รพนั ธ สอนสุภาพ - พูนศักด์ิ เขม็ แซมเกษ)
นราธิป บุญญพนิช - ยอ
วิรตั น วศิ ษิ ฏวงศกร - ตรวจ
๒๐๔
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณคดีชำนัญพเิ ศษที่ ๓๘๕๖/๒๕๖๑ เจา พนักงานพิทกั ษทรัพย
ของบริษัทสยามเหลก็
รดี เยน็ ครบวงจร จำกดั
(มหาชน) โจทก
หา งหุนสวนจำกัด
ทวแี อร จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๕๑๖
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนึง่
พ.ร.บ. จดั ตง้ั ศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔
ศาลลมละลายกลางวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจฟองของโจทกวา แมจะฟงไดวา
เจาหนผี้ เู ปน โจทกใ นคดีลม ละลายมอบอำนาจให ส. ดำเนนิ คดีโดยไมชอบดวยกฎหมาย
ตามที่จำเลยตอสูก็ตาม แตโจทกในฐานะเจาพนักงานพิทักษทรัพยของลูกหนี้เปนผูฟอง
คดีเองโดยแตงให ส. เปนทนายโจทกได โจทกจึงมีอำนาจฟอง แตจำเลยยังคงอุทธรณ
เหมือนกับที่จำเลยใหการตอสูคดีวา เจาหนี้ผูเปนโจทกในคดีลมละลายไมมีอำนาจ
มอบอำนาจให ส. ดำเนินคดีแทน อุทธรณของจำเลยในสวนนี้มิไดโตแยงคำพิพากษา
ของศาลลมละลายกลางที่ไดวินิจฉัยขางตนวาไมถูกตองหรือไมชอบอยางไร จึงเปน
อุทธรณที่ไมชัดแจงและไมเปนสาระแกคดีอันควรไดรับการวินิจฉัย เพราะไมมีผลที่จะ
เปลย่ี นแปลงคำพพิ ากษาของศาลลม ละลายกลางเปน อยา งอน่ื ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
ไมร ับวินิจฉัยอุทธรณของจำเลยดงั กลาวตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนง่ึ ประกอบดว ย
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔
จำเลยซ้ือทรัพยของลกู หน้ใี นคดีลมละลายจากการขายทอดตลาดของโจทกใน
ราคา ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท โดยทำหนงั สอื สญั ญาซอ้ื ขายและวางเงนิ มดั จำไว ๒๕๐,๐๐๐ บาท
ตอ มาจำเลยไมชำระราคาสวนท่เี หลือ โจทกขายทอดตลาดทรัพยใหมโดยมผี ซู ้ือไดใ น
ราคา ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท เสียคาใชจายในการขายทอดตลาดทรัพยใหม ๕,๕๐๙ บาท
โจทกฟองใหจำเลยชำระสวนที่ขาดของราคาและคาใชจายในการขายทอดตลาดใหม
รวม ๓๐๕,๕๐๙ บาท เปนการดำเนินการตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๑๖ มิใชเรื่องที่โจทกตอง
บอกเลิกสญั ญาซอ้ื ขายตอ จำเลยกอนเพื่อใหสัญญาเลกิ กันแลว เรียกคาเสยี หาย และมใิ ช
กรณที คี่ ูส ญั ญาสมคั รใจเลิกสญั ญาตอ กนั โดยปรยิ าย
๒๐๕
เงนิ มดั จำ ๒๕๐,๐๐๐ บาท ทโ่ี จทกร บิ ตามสญั ญาซอ้ื ขายเปน เงนิ ทไ่ี ดจ ากการขาย
ทอดตลาดทรพั ยข องลูกหนซ้ี ึง่ จะตองรวบรวมเขาไวในกองทรัพยสินของลูกหนี้ ถือเปน
สวนหนงึ่ ของราคาทีจ่ ำเลยไดช ำระใหโ จทกแลว ตอ งนำไปหกั ออกจากเงนิ สว นตา งของ
ราคาในการขายทอดตลาดทรัพยใหมดวย เมื่อรวมกับคาใชจายในการขายทอดตลาด
ทรพั ยใ หมแลว จำเลยจงึ ตองรบั ผิดเงินสวนตา งทขี่ าดอยูแกโ จทก ๕๕,๕๐๙ บาท
______________________________
โจทกฟ อ ง ขอใหบ งั คบั จำเลยชำระเงนิ ๓๐๕,๕๐๙ บาท พรอ มดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๗.๕
ตอป ของตน เงนิ ดงั กลาวนับแตว ันถัดจากวนั ฟอ งเปน ตนไปจนกวา ชำระเสรจ็ แกโจทก
จำเลยใหการ ขอใหจ ำเลยรับผดิ ชำระเงนิ ๕๐,๐๐๐ บาท แกโจทก
ศาลลมละลายกลางพิพากษาใหจำเลยชำระเงิน ๓๐๕,๕๐๙ บาท พรอมดอกเบี้ยอัตรา
รอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ ดงั กลา วนบั แตว นั ท่ี ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐ เปน ตน ไปจนกวา ชำระเสรจ็
แกโจทกและใหจำเลยใชคาฤชาธรรมเนียมแทนโจทกโดยกำหนดคาทนายความ ๖,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงฟงยุติวา โจทก
ยดึ ทรพั ยร วม ๔๓ รายการ ของบรษิ ทั ส. ลกู หนใ้ี นคดลี ม ละลายหมายเลขแดงท่ี ล.๑๘๗๕/๒๕๕๗
ของศาลลมละลายกลาง ตอมาวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ โจทกขายทอดตลาดทรัพยดังกลาว
จำเลยเปนผูซื้อในราคา ๖,๓๐๐,๐๐๐ บาท และทำหนังสือสัญญาซื้อขายกับโจทกโดยวางเงิน
มดั จำ ๒๕๐,๐๐๐ บาท เมอ่ื ครบกำหนดระยะเวลาใหจ ำเลยชำระราคาสว นทเ่ี หลอื ภายใน ๑๕ วนั
นบั แตว นั ซอ้ื จำเลยไมช ำระ โจทกข ายทอดตลาดทรพั ยใ หมว นั ท่ี ๗ ตลุ าคม ๒๕๕๙ นายอมรเปน
ผูซื้อในราคา ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท คดีมีปญหาตามอุทธรณของจำเลยขอแรกวาโจทกมีอำนาจฟอง
หรือไม เห็นวา ศาลลมละลายกลางวินิจฉัยวาแมจะฟงไดวาเจาหนี้ผูเปนโจทกในคดีลมละลาย
มอบอำนาจใหนายสนทยาดำเนินคดีโดยไมชอบดวยกฎหมายตามที่จำเลยตอสูก็ตาม แตโจทก
ในฐานะเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยข องลกู หนเ้ี ปน ผฟู อ งคดเี องตามอำนาจหนา ทจ่ี ดั การและจำหนา ย
ตลอดจนรวบรวมทรัพยสินและฟองคดีเกี่ยวกับทรัพยสินของลูกหนี้ในคดีลมละลายตาม พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ โดยแตง ใหน ายสนทยาเปน ทนายโจทกต ามใบแตง ทนายความ
ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ทั้งโจทกและจำเลยเปนคูสัญญาตามหนังสือสัญญาซื้อขาย โจทก
จึงมีอำนาจฟอง แตจำเลยยังคงอุทธรณเหมือนกับที่จำเลยใหการตอสูคดีวาเจาหนี้ผูเปนโจทก
ในคดลี ม ละลายไมม อี ำนาจมอบอำนาจใหน ายสนทยาดำเนนิ คดแี ทน ทง้ั ทค่ี ดนี โ้ี จทกด ำเนนิ คดเี อง
๒๐๖
และไมไ ดม อบอำนาจใหผ ใู ดเปน ผรู บั มอบอำนาจดำเนนิ คดแี ทน อทุ ธรณข องจำเลยในสว นนม้ี ไิ ด
โตแยงคำพิพากษาของศาลลมละลายกลางที่ไดวินิจฉัยขางตนวาไมถูกตองหรือไมชอบอยางไร
จึงเปนอุทธรณที่ไมชัดแจงและไมเปนสาระแกคดีอันควรไดรับการวินิจฉัย เพราะไมมีผลที่จะ
เปลย่ี นแปลงคำพพิ ากษาของศาลลม ละลายกลางเปน อยา งอน่ื ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษไมร บั
วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณข องจำเลยสว นดงั กลา วตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๒๕ วรรคหนง่ึ ประกอบดว ย พ.ร.บ.
จดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลายพ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔ สว นทจ่ี ำเลยอทุ ธรณว า
เมอ่ื จำเลยผดิ สญั ญาซอ้ื ขายไมช ำระเงนิ ตามสญั ญา โจทกไ มไ ดใ ชส ทิ ธบิ อกเลกิ สญั ญาตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๓๘๘ สัญญาซื้อขายยังไมเลิกกันเห็นวา คดีนี้โจทกฟองเรียกรองใหจำเลยรับผิดเงิน
สว นตา งหรอื สว นทข่ี าดของราคาและคา ใชจ า ยในการขายทอดตลาดใหมอ นั เนอ่ื งจากจำเลยซง่ึ เปน
ผูซื้อในการขายทอดตลาดทรัพยครั้งกอนไมชำระราคาภายในกำหนดระยะเวลาตามสัญญาซื้อ
ขายทท่ี ำไวก บั โจทกอ นั เปน ความรบั ผดิ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๑๖ ทง้ั ตามบทบญั ญตั แิ หง กฎหมาย
ดังกลาวก็กำหนดใหผูทอดตลาด ซึ่งในเรื่องนี้คือโจทกเอาทรัพยที่เคยขายทอดตลาดไปนั้นออก
ขายอีกครั้ง จึงเปนกรณีที่กฎหมายบัญญัติวิธีปฏิบัติเมื่อผูซื้อไมชำระราคาไวเปนการเฉพาะ
โดยใหน ำทรพั ยอ อกขายทอดตลาดใหม ซง่ึ มผี ลเสมอื นเปน การยกเลกิ หรอื เพกิ ถอนการขายทอดตลาด
ทรัพยครั้งกอนและกำหนดความรับผิดของผูซื้อคนเดิมที่ละเลยไมใชราคานั้น กรณีมิใชเรื่องที่
โจทกตองบอกเลิกสัญญาซื้อขายตอจำเลยกอนเพื่อใหสัญญาเลิกกันแลวเรียกคาเสียหาย และ
การที่โจทกนำทรัพยออกขายทอดตลาดใหมก็มิใชกรณีที่คูสัญญาสมัครใจเลิกสัญญาตอกันโดย
ปรยิ ายดงั ทจ่ี ำเลยอทุ ธรณ เพราะเปน เรอ่ื งทโ่ี จทกด ำเนนิ การตามกฎหมายทบ่ี ญั ญตั ไิ วโ ดยเฉพาะ
ดงั กลาว อทุ ธรณข องจำเลยในขอ นี้ฟงไมขึ้น
ปญ หาตองวินจิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยขอตอไปมวี า จำเลยตอ งรับผดิ ชำระเงินสว น
ตา งทข่ี าดอยตู ามฟอ งแกโ จทกเ พยี งใด เหน็ วา เงนิ มดั จำ ๒๕๐,๐๐๐ บาท ทจ่ี ำเลยวางไวต อ โจทก
เปนเงินที่โจทกริบไวตามสัญญาซื้อขาย จึงเปนเงินที่ไดจากการขายทอดตลาดทรัพยของลูกหนี้
ซึ่งจะตองรวบรวมเขาไวในกองทรัพยสินของลูกหนี้ตอไป ถือวาเปนสวนหนึ่งของเงินสวนตาง
ของราคาทจ่ี ำเลยไดช ำระแลว ตอ งนำไปหกั ออกจากเงนิ สว นตา งของราคาในการขายทอดตลาด
ทรพั ยใ หมต ามทโ่ี จทกเ รยี กมาดว ย คงเหลอื เงนิ สว นตา งของราคาทข่ี าดอยู ๕๐,๐๐๐ บาท เมอ่ื รวม
กับคาใชจายในการขายทอดตลาดทรัพยใหมเปนเงิน ๕,๕๐๙ บาท ซึ่งจำเลยมิไดอุทธรณโตแยง
วา ไมถ กู ตอ ง จำเลยจงึ ตอ งรบั ผดิ เงนิ สว นตา งทข่ี าดอยแู กโ จทก ๕๕,๕๐๙ บาท ทศ่ี าลลม ละลายกลาง
วินิจฉัยวา เงินมัดจำที่ริบไมเปนการชำระราคาบางสวนของจำเลยที่จะนำมาหักออกจาก
เงินสวนตางของราคาไดนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมเห็นพองดวย อุทธรณของจำเลย
ขอนฟี้ งขน้ึ สวนอทุ ธรณข องจำเลยขอ อ่นื ไมทำใหผลคดีเปลย่ี นแปลงไป จงึ ไมว นิ ิจฉัยให
๒๐๗
อนง่ึ จำเลยอทุ ธรณโ ตแ ยง คำพพิ ากษาของศาลลม ละลายกลางในประเดน็ เงนิ สว นตา งของ
ราคาในการขายทอดตลาดใหมซ ง่ึ พพิ ากษาใหจ ำเลยชำระเปน เงนิ ๓๐๐,๐๐๐ บาท และคา ใชจ า ย
ในการขายทอดตลาดใหม ๕,๕๐๙ บาท แตจ ำเลยเหน็ วา ตอ งรบั ผดิ เงนิ สว นนเ้ี พยี ง ๕๐,๐๐๐ บาท
จำนวนทุนทรัพยที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณมีจำนวน ๒๕๕,๕๐๙ บาท แตจำเลยเสียคาขึ้นศาล
ชน้ั อทุ ธรณม าตามทนุ ทรพั ยท โ่ี จทกฟ อ งในศาลลม ละลายกลางเปน เงนิ ๖,๑๑๐ บาท เปน การเสยี
เกนิ มา ๑,๐๐๐ บาท จึงตองคืนคาขน้ึ ศาลชัน้ อทุ ธรณสว นท่เี สียเกินแกจำเลย
พพิ ากษาแกเ ปน วา ใหจ ำเลยชำระเงนิ ๕๕,๕๐๙ บาท พรอ มดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๗.๕
ตอป ของตนเงินดังกลาวนับแตวันถัดจากวันฟอง (ฟองวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๐) เปนตนไป
จนกวา จะชำระเสรจ็ แกโ จทก และใหจ ำเลยใชค า ฤชาธรรมเนยี มในศาลลม ละลายกลางแทนโจทก
เฉพาะคา ขน้ึ ศาลใหใ ชต ามทนุ ทรพั ยท โ่ี จทกช นะคดใี นชน้ั อทุ ธรณ กบั ใหค นื คา ขน้ึ ศาลชน้ั อทุ ธรณ
ที่จำเลยเสียเกินมา ๑,๐๐๐ บาท แกจำเลย สวนคาฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ นอกจากที่สั่งคืน
ใหเ ปนพบั นอกจากทแี่ กใหเปน ไปตามคำพิพากษาของศาลลมละลายกลาง.
(องอาจ งามมีศรี - โชคชัย รุจนิ นิ นาท - วเิ ชยี ร วชิรประทปี )
สรายทุ ธ เตชะวุฒพิ นั ธุ - ยอ
อดิศักดิ์ เทียนกริม - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถึงทสี่ ุด
๒๐๘
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณคดีชำนญั พเิ ศษที่ ๖๓๖๗/๒๕๖๒ ธนาคารอาคารสงเคราะห โจทก
(ประชุมใหญ) นางดวงเดอื น
จรี พันธภ กั ดี จำเลย
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนงึ่ , ๑๓๕ (๒)
หลงั จากจำเลยยน่ื คำขอประนอมหนก้ี อ นลม ละลาย จำเลยชำระหนเ้ี พยี งบางสว น
และไมต รงตามกำหนดอนั เปน การผดิ นดั ตามทต่ี กลงไวใ นการประนอมหน้ี และเจา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยร ายงานศาลถงึ เหตดุ งั กลา ว จงึ ชอบทศ่ี าลลม ละลายกลางมอี ำนาจสง่ั ยกเลกิ
การประนอมหนี้อันเปนขั้นตอนตามที่บัญญัติไวตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๖๐ วรรคหนง่ึ เพอ่ื ใหค ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ยเ ดด็ ขาดมผี ลตอ ไป แตเ มอ่ื ปรากฏขอ เทจ็ จรงิ
ตามรายงานของเจาพนักงานพิทักษทรัพยวาภายหลังจากจำเลยผิดนัดไมชำระหนี้
ดังกลาวแลว เจาหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียวไดยื่นคำรองขอถอนคำขอรับ
ชำระหนี้ จึงไมมีกรณีที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยจะตองรวบรวมทรัพยสินของจำเลย
ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ใหแกเจาหนี้อีก และเปนกรณีที่ไมมีเจาหนี้คนใด
ยื่นคำขอรับชำระหนี้อันเปนเหตุที่จำเลยไมควรถูกพิพากษาใหลมละลายตาม พ.ร.บ.
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๒) ชอบทศ่ี าลจะมคี ำสง่ั ยกเลกิ การลม ละลายไปเสยี
ทีเดยี ว โดยไมจ ำตอ งพิพากษาใหจ ำเลยลม ละลายกอน
______________________________
เจาพนักงานพิทักษทรัพยรายงานวา จำเลยผิดนัดไมชำระหนี้ตามที่ไดตกลงไวในการ
ประนอมหนี้ ขอใหยกเลิกการประนอมหนี้และพิพากษาใหจำเลยลมละลายตามพระราชบัญญัติ
ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ ตามมาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๐
เจา หนซ้ี ง่ึ ยน่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี พยี งรายเดยี วไดข อถอนคำขอรบั ชำระหนแ้ี ละเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
มคี ำสง่ั อนญุ าตแลว จงึ เปน เหตทุ จ่ี ำเลยไมค วรถกู พพิ ากษาใหล ม ละลาย ขอใหย กเลกิ การลม ละลาย
ของจำเลยเสยี ดว ยตามพระราชบญั ญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๒)
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหย กเลกิ การประนอมหน้ี พพิ ากษาใหจ ำเลยลม ละลายและ
ยกเลิกการลมละลายตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนึ่ง และ
มาตรา ๑๓๕ (๒)
๒๐๙
จำเลยอุทธรณโ ดยไดรับอนญุ าตจากศาลอุทธรณคดชี ำนญั พิเศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา มีปญหาที่ตองวินิจฉัยตาม
อทุ ธรณข องจำเลยวา เมอ่ื จำเลยผดิ นดั ไมช ำระหนใ้ี หแ กเ จา หนต้ี ามทไ่ี ดต กลงไวใ นการประนอมหน้ี
แตเจาหนี้ดังกลาวซึ่งยื่นคำขอรับชำระหนี้เพียงรายเดียวถอนคำขอรับชำระหนี้และเจาพนักงาน
พิทักษทรัพยมีคำสั่งอนุญาตแลว ศาลจำตองพิพากษาใหจำเลยลมละลายตามพระราชบัญญัติ
ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนง่ึ หรอื ไม ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษโดยมตทิ ป่ี ระชมุ ใหญ
เห็นวาเมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดเปนที่ยุติวาหลังจากจำเลยยื่นคำขอประนอมหนี้กอนลมละลาย
โดยตกลงผอ นชำระหนใ้ี หแ กเ จา หน้ี จำเลยชำระหนเ้ี พยี งบางสว นและไมต รงตามกำหนดอนั เปน
การผิดนัดตามที่ตกลงไวในการประนอมหนี้ และเจาพนักงานพิทักษทรัพยรายงานศาลถึงเหตุ
ดังกลาว จึงชอบที่ศาลลมละลายกลางมีอำนาจสั่งยกเลิกการประนอมหนี้อันเปนขั้นตอนตามที่
บญั ญตั ไิ วต ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖๐ วรรคหนง่ึ เพอ่ื ใหค ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
เดด็ ขาดมผี ลตอ ไป แตเ มอ่ื ปรากฏขอ เทจ็ จรงิ ตามรายงานของเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยว า ภายหลงั
จากจำเลยผดิ นดั ไมช ำระหนด้ี งั กลา วแลว เจา หนท้ี ย่ี น่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี พยี งรายเดยี วไดย น่ื คำรอ ง
ขอถอนคำขอรบั ชำระหน้ี จงึ ไมม กี รณที เ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ ะตอ งรวบรวมทรพั ยส นิ ของจำเลย
ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ใหแกเจาหนี้อีก และเปนกรณีที่ไมมีเจาหนี้คนใดยื่นคำขอ
รับชำระหนี้อันเปนเหตุที่จำเลยไมควรถูกพิพากษาใหลมละลายตามพระราชบัญญัติลมละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๕ (๒) ซง่ึ ชอบทจ่ี ะมคี ำสง่ั ยกเลกิ การลม ละลายไปเสยี ทเี ดยี ว ทศ่ี าลลม ละลายกลาง
มีคำพิพากษาใหจำเลยลมละลายแลวจึงมีคำสั่งยกเลิกการลมละลายนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญ
พิเศษไมเ ห็นพอ งดว ย อทุ ธรณข องจำเลยฟง ขึ้น
พิพากษาแกเปนวา ใหยกเลิกการประนอมหนี้กอนลมละลายและยกเลิกการลมละลาย
สว นคำขอใหพพิ ากษาใหจ ำเลยลม ละลายใหยกเสีย คาฤชาธรรมเนยี มในชน้ั อุทธรณใหเปน พับ.
(เกยี รตคิ ุณ แมนเลขา - สถาพร วิสาพรหม - สริ พิ ร เปรมาสวัสด์ิ สุรมณี)
นราธปิ บญุ ญพนชิ - ยอ
อดศิ กั ด์ิ เทยี นกริม - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถึงทีส่ ุด
๒๑๐
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณค ดชี ำนัญพเิ ศษที่ ๒๕๘/๒๕๖๓ หา งหุนสว นจำกัด
(ประชมุ ใหญ) อมุ บุญธุรกจิ
หรอื หา งหุนสว นจำกดั
มหานครสรุ นารเี มืองใหม โจทก
นายปรชี า สุวรรณชาติ ผรู อ ง
บรษิ ทั สรุ นคร
เมอื งใหม จำกัด จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๐๗๗, ๑๐๘๗
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗, ๒๙
โจทกซึ่งเปนเจาหนี้แกลงใหศาลใชอํานาจตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๑๗ จาํ เลยซง่ึ เปน ลกู หนี้ไดย น่ื คาํ รองขอ และศาลลมละลายกลางมคี าํ ส่ังใหโ จทก
ชดใชค าเสยี หายใหแกจาํ เลย ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๙ แลว โจทก
ซึ่งเปนเจาหนี้ไมปฏิบัติตามคําสั่งศาล ศาลลมละลายกลางจึงมีอํานาจออกหมายบังคับ
คดแี กโ จทก โจทกเ ปน นติ บิ คุ คลประเภทหา งหนุ สว นจาํ กดั ผรู อ งในฐานะหนุ สว นผจู ดั การ
ซึ่งเปนหุนสวนประเภทไมจํากัดความรับผิดจึงอยูในสถานะลูกหนี้ และตองรวมรับผิด
กับโจทกที่จะถูกบังคับคดีเชนเดียวกับโจทกโดยไมจําตองฟองเปนคดีใหม ตาม ป.พ.พ.
มาตรา ๑๐๗๗ (๒) และมาตรา ๑๐๘๗ จาํ เลยจงึ สามารถบงั คบั คดเี อาแกโ จทกแ ละผรู อ งได
แตก ารบังคบั คดศี าลจะตอ งออกคาํ บังคบั แกล กู หนตี้ ามคําพพิ ากษาเสยี กอ น หากลกู หน้ี
ไมปฏิบัติตามคําบังคับ จึงจะสามารถออกหมายบังคับคดีตามคําขอของเจาหนี้ตาม
คําพิพากษาไดตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗๖ ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลมละลายและ
วิธพี ิจารณาคดลี มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ การทีศ่ าลลม ละลายกลางออกหมาย
บังคับคดแี กผูรองโดยยงั มไิ ดอ อกคําบังคบั นนั้ ยอ มเปนการไมชอบ
______________________________
คดสี บื เนือ่ งมาจากโจทกฟอ งขอใหจำเลยลมละลาย ระหวา งพจิ ารณา โจทกย ่นื คำรอ ง
ขอใหพ ิทักษทรัพยของลูกหนชี้ ่ัวคราว ศาลลมละลายกลางมีคำส่ังใหพ ทิ กั ษทรพั ยของจำเลย
๒๑๑
ชั่วคราว โดยใหโจทกวางเงินประกันคาเสียหาย ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตอมาศาลลมละลายกลาง
พิพากษายกฟอง และศาลฎีกาพิพากษายืน จำเลยยื่นคำรองขอใหศาลมีคำสั่งใหโจทกชดใช
คาเสียหาย ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๙ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่ง
ใหโจทกชำระคาเสยี หายใหแ กจ ำเลย
จำเลยยน่ื คำขอใหอ อกหมายบงั คบั คดแี กโ จทกแ ละผรู อ งซง่ึ เปน หนุ สว นผจู ดั การของโจทก
โจทกยืน่ คำคัดคา น ขอใหยกคำขอ
ศาลลม ละลายกลางมคี ำส่งั ใหอ อกหมายบงั คับคดแี กโจทกแ ละผูรอ ง
ผูรองอทุ ธรณโดยไดรับอนญุ าตจากศาลอทุ ธรณค ดีชำนญั พเิ ศษ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงรับฟงเปนยุติวา
เมอื่ โจทกย ่ืนฟอ งขอใหจำเลยลมละลาย โจทกไดยน่ื คำรองขอใหพ ิทักษทรัพยของลูกหน้ชี ั่วคราว
และศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหพ ทิ กั ษท รพั ยข องจำเลยชว่ั คราว ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย
พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๗ ตอ มาปรากฏภายหลงั วา โจทกซ ง่ึ เปน เจา หนแ้ี กลง ใหศ าลใชอ ำนาจตาม
มาตรา ๑๗ เมื่อจำเลยซึ่งเปนลูกหนี้ยื่นคำรองขอ ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหโจทกชดใช
คา เสยี หายใหแ กจ ำเลย ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๙ เจา หนไ้ี มป ฏบิ ตั ิ
ตามคำสั่งศาล จำเลยยื่นคำขอใหออกหมายบังคับคดีแกโจทกและผูรองซึ่งเปนหุนสวนผูจัดการ
ของโจทก ศาลลม ละลายกลางมีคำสั่งใหออกหมายบังคบั คดแี กโจทกและผูร อง
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องผรู อ งประการแรกวา ศาลลม ละลายกลางดำเนนิ
กระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือไม เห็นวา กระบวนพิจารณาชั้นจำเลยรองขอใหโจทกซึ่งเปน
เจา หนช้ี ดใชค า เสยี หาย ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๙ เปน การพจิ ารณา
วาเจาหนี้คือโจทกไดแกลงใหศาลใชอำนาจตามมาตรา ๑๗ หรือไม อันเปนกระบวนพิจารณา
ระหวางโจทกกับจำเลย การที่จำเลยไมนำสงหมายนัดและสำเนาคำรองใหแกผูรอง จึงมิใชการ
ดำเนินกระบวนผิดระเบียบหรือไมชอบดวยกฎหมายแตอยางใด สวนกรณีตอมาเมื่อศาลมีคำสั่ง
ใหโจทกชดใชคาเสียหายแกจำเลย แตโจทกไมปฏิบัติ จำเลยจึงไดขอใหศาลออกหมายบังคับคดี
แกโจทกและผูร อ งนั้น เปน การดำเนนิ การในช้นั บังคบั คดี ซึ่งเปนกระบวนพิจารณาคนละสว นกัน
การดำเนินกระบวนพิจารณาดังกลาวจึงไมเปนการผิดระเบียบ ที่ศาลลมละลายกลางยกคำรอง
ของผูรองในสว นน้ี ศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษเหน็ พอ งดว ย อทุ ธรณข อ น้ขี องผูรองฟงไมข้นึ
ปญหาที่ตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูรองประการตอไปมีวา จำเลยสามารถบังคับคดี
เอาแกผูรองไดหรือไม เห็นวา เมื่อขอเท็จจริงเปนยุติวา ปรากฏภายหลังวาโจทกซึ่งเปนเจาหนี้
แกลง ใหศ าลใชอ ำนาจตามมาตรา ๑๗ จำเลยซง่ึ เปน ลกู หนไ้ี ดย น่ื คำรอ งขอ และศาลลม ละลายกลาง
๒๑๒
มคี ำสง่ั ใหโ จทกช ดใชค า เสยี หายใหแ กจ ำเลย ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๙
โจทกซ ง่ึ เปน เจา หนไ้ี มป ฏบิ ตั ติ ามคำสง่ั ศาล ซง่ึ ตามมาตรา ๒๙ บญั ญตั ใิ หศ าลมอี ำนาจบงั คบั เจา หน้ี
นน้ั เสมอื นหนง่ึ วา เปน ลกู หนต้ี ามคำพพิ ากษา อนั เปน กระบวนการในชน้ั บงั คบั คดที ต่ี อ งพจิ ารณา
วาจะสามารถบังคับคดีเอาแกผูใดไดบาง เมื่อโจทกไมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ศาลลมละลายกลาง
จงึ มอี ำนาจออกหมายบงั คบั คดแี กโ จทก และกรณนี โ้ี จทกเ ปน นติ บิ คุ คลประเภทหา งหนุ สว นจำกดั
ซึ่งประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๐๗๗ บัญญัติวา “อันหางหุนสวนจำกัดนั้น คือ
หา งหนุ สว นประเภทหนง่ึ ซง่ึ มผี เู ปน หนุ สว นสองจำพวกดงั จะกลา วตอ ไปน้ี คอื (๒) ผเู ปน หนุ สว น
คนเดียวหรือหลายคนซึ่งตองรับผิดรวมกันในบรรดาหนี้ของหางหุนสวนไมมีจำกัดจำนวนอีก
จำพวกหนึ่ง” และมาตรา ๑๐๘๗ บัญญัติวา “อันหางหุนสวนจำกัดนั้น ทานวาตองใหแตเฉพาะ
ผูเปนหุนสวนจำพวกไมจำกัดความรับผิดเทานั้นเปนผูจัดการ” ตามบทบัญญัติของกฎหมาย
ดังกลาว ผูเปนหุนสวนประเภทไมจำกัดความรับผิดตองรวมรับผิดในบรรดาหนี้ของหางโดยไม
จำกัดจำนวน และผูจะเปนหุนสวนผูจัดการในหางหุนสวนจำกัดจะมีไดเฉพาะหุนสวนประเภท
ไมจ ำกดั ความรบั ผดิ เทา นน้ั ดงั นน้ั ผรู อ งในฐานะหนุ สว นผจู ดั การซง่ึ เปน หนุ สว นประเภทไมจ ำกดั
ความรับผดิ จึงตอ งรว มรับผิดกบั โจทกโ ดยไมจำกดั จำนวน เม่ือโจทกอ ยใู นสถานะเสมอื นหนึง่ วา
เปนลูกหนี้ตามคำพิพากษา ผูรองในฐานะหุนสวนผูจัดการซึ่งเปนหุนสวนประเภทไมจำกัด
ความรบั ผดิ จงึ อยใู นสถานะลกู หนแ้ี ละตอ งรว มรบั ผดิ กบั โจทกท จ่ี ะถกู บงั คบั คดเี ชน เดยี วกบั โจทก
โดยไมจำตองฟองเปนคดีใหม จำเลยจึงสามารถบังคับคดีเอาแกโจทกและผูรองได แตการบังคับ
คดศี าลจะตอ งออกคำบงั คบั แกล กู หนต้ี ามคำพพิ ากษาเสยี กอ น หากลกู หนไ้ี มป ฏบิ ตั ติ ามคำบงั คบั
จงึ จะสามารถออกหมายบงั คบั คดตี ามคำขอของเจา หนต้ี ามคำพพิ ากษาได ตามประมวลกฎหมาย
วธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๒๗๖ ประกอบพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณา
คดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ ที่ศาลลมละลายกลางออกหมายบังคับคดีแกผูรองโดย
ยงั มไิ ดอ อกคำบงั คบั นน้ั ไมต อ งดว ยความเหน็ ของศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ อทุ ธรณข องผรู อ ง
ฟงขึ้นบางสว น
พพิ ากษาแกเ ปน ใหย กคำสง่ั ศาลลม ละลายกลางทอ่ี อกหมายบงั คบั คดแี กผ รู อ ง นอกจาก
ที่แกใหเปนไปตามคำสงั่ ของศาลลมละลายกลาง คา ฤชาธรรมเนียมช้ันอทุ ธรณใ หเ ปน พบั .
(สถาพร วิสาพรหม - สริ พิ ร เปรมาสวัสด์ิ สรุ มณี - เกยี รตคิ ณุ แมนเลขา)
ภารดี เพญ็ เจรญิ - ยอ
วิรตั น วศิ ิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดีถงึ ที่สุด
๒๑๓
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษท่ี ๖๗๕/๒๕๖๔ บรรษทั ประกนั สนิ เชื่อ
อตุ สาหกรรมขนาดยอ ม โจทก
นายพนู บุษรา ผูรอ ง
เจา พนกั งาน
พิทกั ษท รพั ย กับพวก ผูคัดคาน
บรษิ ัท ช. จรสั ซี
ซอลท จำกดั กบั พวก จำเลย
ป.วิ.พ. มาตรา ๒๗ วรรคหน่ึง, ๒๔๓ (๑), ๓๒๓ วรรคหา
พ.ร.บ. จัดตง้ั ศาลลมละลายและวธิ พี ิจารณาคดลี มละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔, ๒๘/๑
การพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับการขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนอันเกิดขึ้น
จากการรองขอใหปลอยทรัพยตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๓๒๓ วรรคหา ที่บัญญัติวา “ในกรณี
ที่ศาลไดมีคำสั่งยกคำรองขอที่ยื่นไวตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถาโจทกหรือเจาหนี้
ตามคำพพิ ากษาทไ่ี ดร บั ความเสยี หายเนอ่ื งจากการยน่ื คำรอ งขอดงั กลา วเหน็ วา คำรอ งขอนน้ั
ไมมีมูลและยื่นเขามาเพื่อประวิงการบังคับคดี บุคคลดังกลาวอาจยื่นคำรองตอศาล
ภายในสามสิบวันนับแตวันที่ศาลไดมีคำสั่งยกคำรองขอ เพื่อขอใหศาลสั่งใหผูกลาวอาง
ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนสำหรบั ความเสยี หายทเ่ี กดิ ขน้ึ แกต นได ในกรณเี ชน วา น้ี ใหศ าล
มอี ำนาจสง่ั ใหแ ยกการพจิ ารณาเปน สำนวนตา งหากจากคดเี ดมิ และเมอ่ื ศาลไตส วนแลว
เหน็ วา คำรอ งนน้ั ฟง ได ใหศ าลมคี ำสง่ั ใหผ กู ลา วอา งชดใชค า สนิ ไหมทดแทนตามจำนวนท่ี
ศาลเหน็ สมควร ถา บคุ คลดงั กลา วไมป ฏบิ ตั ติ ามคำสง่ั ศาล โจทกห รอื เจา หนต้ี ามคำพพิ ากษา
อาจรองขอใหศาลบังคับคดีแกบุคคลนั้นเสมือนหนึ่งวาเปนลูกหนี้ตามคำพิพากษา”
ในการพิจารณาและมีคำสั่งศาลจึงตองทำการไตสวนขอเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณของ
ผรู อ งและความเสยี หายตามคำรอ งขอใหช ดใชค า สนิ ไหมทดแทนของผคู ดั คา นท่ี ๒ กอ น
ที่จะมีคำสั่ง แตการที่ศาลลมละลายกลางพิจารณาคำรองของผูคัดคานที่ ๒ แลวมีคำสั่ง
โดยไมไ ตส วน จงึ เปน การไมป ฏิบัตติ ามบทบัญญัติของกฎหมายในขอ ทม่ี งุ หมายจะยังให
การเปน ไปดว ยความยตุ ธิ รรมตาม ป.ว.ิ พ. มาตรา ๒๗ วรรคหนง่ึ ประกอบ พ.ร.บ. จดั ตง้ั
ศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ และมิไดปฏิบัติ
ตามบทบญั ญตั แิ หง ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง วา ดว ยคำพพิ ากษาและคำสง่ั
๒๑๔
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษจงึ ชอบทจ่ี ะยกคำสง่ั ของศาลลม ละลายกลาง และมคี ำสง่ั ใหม
เสียใหถูกตองตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๔๓ (๑) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลลมละลายและ
วธิ พี ิจารณาคดีลม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑
_______________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ มถิ นุ ายน ๒๕๕๗ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั พทิ กั ษท รพั ย
ของจำเลยทง้ั สเ่ี ดด็ ขาด และพพิ ากษาใหล ม ละลายเมอ่ื วนั ท่ี ๕ เมษายน ๒๕๕๙ ธนาคารกรงุ ไทย
จำกัด (มหาชน) โดยผูคัดคานที่ ๒ ผูสวมสิทธิแทนซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๗ ยื่นคำขอรับชำระหนี้
มูลหนี้ตามคำพิพากษาคดีแพงหมายเลขแดงที่ ๒๙๙/๒๕๔๙ ของศาลจังหวัดเพชรบุรี รวม
๑๒๓,๗๔๒,๑๘๘.๕๒ บาท อยา งเจา หนม้ี ปี ระกนั เหนอื ทด่ี นิ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา งรวม ๗ แปลง และ
นำยดึ ทด่ี นิ ทเ่ี ปน หลกั ประกนั ซง่ึ รวมทง้ั ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๙๗๑๖ ตำบลบางแกว อำเภอบา นแหลม
จงั หวดั เพชรบรุ ี ของจำเลยท่ี ๒ ผรู อ งยน่ื คำรอ งคดั คา นการยดึ และขอใหป ลอ ยทรพั ยเ ฉพาะทด่ี นิ
๑ ไร ซ่ึงเปนสว นหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๗๑๖ โดยอางวาไดส ิทธโิ ดยการครอบครองปรปก ษ
ผูคัดคานที่ ๑ สอบสวนแลวมีคำสั่งไมใหถอนการยึด ผูรองจึงยื่นคำรองตอศาลลมละลายกลาง
ขอใหกลับคำสั่งของผูคัดคานที่ ๑ ในระหวางการพิจารณาศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหผูรอง
วางเงินประกันการชำระคาสินไหมทดแทนแกผูคัดคานที่ ๒ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท และตอมา
มีคำสงั่ ยกคำรอ งขอใหป ลอ ยทรพั ยแ ละคนื เงนิ ประกันคา สินไหมทดแทนใหแกผูรอง
ผคู ดั คา นท่ี ๒ ยน่ื คำรอ งขอใหบ งั คบั ผรู อ งชำระเงนิ ดงั กลา วพรอ มดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ
๗.๕ ตอ ป นับแตว นั ทศี่ าลมีคำสงั่ ใหผ ูรอ งชำระเปนตน ไปจนกวาจะชำระเสรจ็ แกผูค ดั คา นที่ ๒
ศาลลมละลายกลางตรวจคำรองแลวมีคำสั่งวา ตามทางไตสวนคำรองขอขัดทรัพยนั้น
ผูรองขัดทรัพยมีพฤติการณในการรองขัดทรัพยโดยสุจริต ไมมีพฤติการณที่จะประวิงคดีเพื่อให
เกิดความเสียหายแกผูอื่นแตประการใด ทั้งเมื่อศาลมีคำสั่งใหวางเงินประกันความเสียหายก็ทำ
ตามคำสั่งศาลภายในเวลาที่กำหนด จึงไมมีเหตุที่ผูรองขัดทรัพยตองชดใชคาสินไหมทดแทนแก
ผูค ัดคา นที่ ๒ แตอยา งใด ยกคำรอง คา ฤชาธรรมเนียมในชนั้ นี้ใหเปนพับ
ผคู ัดคานท่ี ๒ อทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ปญ หาทต่ี อ งวนิ จิ ฉยั ในชน้ั น้ี
ตามอทุ ธรณข องผคู ดั คา นท่ี ๒ วา ศาลลม ละลายกลางตอ งไตส วนคำรอ งของผคู ดั คา นท่ี ๒ ทข่ี อให
ผรู อ งชดใชค า สนิ ไหมทดแทนกอ นมคี ำสง่ั หรอื ไม เหน็ วา การทผ่ี รู อ งยน่ื คำรอ งตอ ศาลลม ละลายกลาง
๒๑๕
ขอใหก ลบั คำสง่ั ของผคู ดั คา นท่ี ๑ ทม่ี คี ำสง่ั ไมใ หถ อนการยดึ และขอใหศ าลมคี ำสง่ั ใหป ลอ ยทรพั ย
ซง่ึ พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๘ บญั ญตั ใิ หศ าลพจิ ารณาและมคี ำสง่ั ชข้ี าด
เหมอื นอยา งคดธี รรมดา แตเ นอ่ื งจากพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ และพระราชบญั ญตั ิ
จัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ ไมไดบัญญัติถึงเรื่องการขอให
ชดใชคาสินไหมทดแทนอันเกิดขึ้นจากการรองขอใหปลอยทรัพยในคดีลมละลายไวโดยเฉพาะ
จึงตองนำบทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลมตาม
มาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังนั้น ในการพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับการขอให
ชดใชค า สนิ ไหมทดแทนอนั เกดิ ขน้ึ จากการรอ งขอใหป ลอ ยทรพั ยจ งึ ตอ งบงั คบั ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๓๒๓ วรรคหา ที่บัญญัติวา “ในกรณีท่ศี าลไดมีคำสั่งยกคำรอ งขอ
ที่ยื่นไวตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถาโจทกหรือเจาหนี้ตามคำพิพากษาที่ไดรับความเสียหาย
เนื่องจากการยื่นคำรองขอดังกลาวเห็นวาคำรองขอนั้นไมมีมูลและยื่นเขามาเพื่อประวิงการ
บังคับคดี บุคคลดังกลาวอาจยื่นคำรองตอศาลภายในสามสิบวันนับแตวันที่ศาลไดมีคำสั่งยก
คำรอ งขอ เพอ่ื ขอใหศาลส่ังใหผ ูกลา วอางชดใชค าสนิ ไหมทดแทนสำหรับความเสยี หายท่เี กดิ ขึน้
แกต นได ในกรณเี ชน วา น้ี ใหศ าลมอี ำนาจสง่ั ใหแ ยกการพจิ ารณาเปน สำนวนตา งหากจากคดเี ดมิ
และเมื่อศาลไตสวนแลวเห็นวาคำรองนั้นฟงได ใหศาลมีคำสั่งใหผูกลาวอางชดใชคาสินไหม
ทดแทนตามจำนวนทศ่ี าลเหน็ สมควร ถา บคุ คลดงั กลา วไมป ฏบิ ตั ติ ามคำสง่ั ศาล โจทกห รอื เจา หน้ี
ตามคำพพิ ากษาอาจรอ งขอใหศ าลบงั คบั คดแี กบ คุ คลนน้ั เสมอื นหนง่ึ วา เปน ลกู หนต้ี ามคำพพิ ากษา”
ในการพิจารณาและมีคำสั่งศาลจึงตองทำการไตสวนขอเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณของผูรอง
และความเสียหายตามคำรองขอใหชดใชคาสินไหมทดแทนของผูคัดคานที่ ๒ กอนที่จะมีคำสั่ง
แตก ารทศ่ี าลลม ละลายกลางพจิ ารณาคำรอ งของผคู ดั คา นท่ี ๒ แลว มคี ำสง่ั โดยไมไ ตส วน จงึ เปน
การไมป ฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญตั ขิ องกฎหมายในขอ ทม่ี งุ หมายจะยงั ใหก ารเปน ไปดว ยความยตุ ธิ รรม
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๗ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ และมิไดปฏิบัติตาม
บทบญั ญตั แิ หง ประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง วา ดว ยคำพพิ ากษาและคำสง่ั ศาลอทุ ธรณ
คดีชำนัญพิเศษจึงชอบที่จะยกคำสั่งของศาลลมละลายกลางและมีคำสั่งใหมเสียใหถูกตองตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๔๓ (๑) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๘/๑ อทุ ธรณข อ นข้ี องผคู ดั คา น
ที่ ๒ ฟงขึ้น และในชั้นนี้ยังไมจำตองวินิจฉัยอุทธรณขออื่นของผูคัดคานที่ ๒ เพราะไมทำให
ผลแหงคดเี ปลีย่ นแปลงไป
๒๑๖
พพิ ากษาใหย กคำสง่ั ของศาลลม ละลายกลางทส่ี ง่ั ยกคำรอ งตามคำรอ งของผคู ดั คา นท่ี ๒
ฉบับลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ ใหศาลลมละลายกลางรับคำรองและไตสวนคำรองของ
ผูคัดคานท่ี ๒ แลว มีคำสั่งใหมต ามรูปคดี คาฤชาธรรมเนยี มในชน้ั อทุ ธรณใหเ ปนพบั .
(เกยี รติคุณ แมน เลขา - สถาพร วสิ าพรหม - อดิศกั ด์ิ เทียนกริม)
สรายทุ ธ เตชะวฒุ พิ นั ธุ - ยอ
วิรตั น วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงท่สี ดุ
๒๑๗
คำพิพากษาศาลอทุ ธรณคดีชำนญั พเิ ศษท่ี ๒๓๒๙/๒๕๖๑ บริษทั รวมดี เอ็นจิเนยี รงิ่
แอนด ทรานสปอรต จำกดั โจทก
บริษทั นครไทย
สตรปิ มลิ จำกดั (มหาชน)
หรือบรษิ ทั จี เจ สตลี
จำกดั (มหาชน) จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๑๒, ๑๙๓/๓๐
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๒๗, ๙๐/๖๐ วรรคหน่ึง, ๙๐/๗๕
แผนฟน ฟกู จิ การของจำเลยทศ่ี าลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบแลว มผี ลผกู พนั เจา หนซ้ี ง่ึ มสี ทิ ธิ
ไดร บั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟกู จิ การ ทำใหโ จทกซ ง่ึ เปน เจา หนม้ี สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระหนต้ี ามแผน
ฟน ฟกู จิ การแทนสทิ ธใิ นการไดร บั ชำระหนต้ี ามมลู หนเ้ี ดมิ ตาม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง แมตอมาผูบริหารแผนแถลงวาไดปฏิบัติตามแผนครบถวน
และศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการของจำเลย จำเลยก็ยังคงตอง
ผูกพันรับผิดชำระหนี้แกโจทกซึ่งเปนเจาหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการที่ได
ขอรับชำระหนี้ไวแลว ตามคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการและตามที่กำหนด
ไวในแผนฟน ฟูกิจการตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๗๕
โจทกฟ อ งจำเลยโดยใชส ทิ ธเิ รยี กรอ งตามแผนฟน ฟกู จิ การทศ่ี าลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบแลว
เมื่อพิจารณา พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง ซึ่งบัญญัติวา
“แผนซง่ึ ศาลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบแลว ผกู มดั เจา หนซ้ี ง่ึ อาจขอรบั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟกู จิ การได
และเจาหนี้ซึ่งมีสิทธิไดรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๙๐/๒๗” เห็นได
วา สทิ ธเิ รยี กรอ งของเจา หนต้ี ามแผนฟน ฟกู จิ การยอ มเกดิ มขี น้ึ ไดก แ็ ตโ ดยคำสง่ั เหน็ ชอบ
ดวยแผนของศาล และสิทธิเรียกรองตามแผนฟนฟูกิจการอาจสิ้นไปเมื่อศาลมีคำสั่ง
ยกเลิกคำสั่งใหฟนฟูกิจการ แตคดีนี้ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการ
ของจำเลย จำเลยจงึ ตอ งผกู พนั ชำระหนต้ี ามแผนตอ ไป สทิ ธเิ รยี กรอ งตามแผนฟน ฟกู จิ การ
ที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดังกลาวไมมีกฎหมายบัญญัติอายุความไวโดยเฉพาะ จึงมีกำหนด
สบิ ปต าม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐
______________________________
๒๑๘
โจทกฟองและแกไขคำฟองขอใหบังคับจำเลยชำระเงิน ๔,๑๒๘,๖๖๓.๘๙ บาท พรอม
ดอกเบย้ี อตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ ๑,๘๐๒,๐๙๐.๒๗ บาท นบั ถดั จากวนั ฟอ งเปน ตน ไป
จนกวาจะชำระเสร็จ
จำเลยใหการและแกไ ขคำใหการขอใหยกฟอ ง
ศาลลม ละลายกลางพพิ ากษาใหจ ำเลยชำระหนแ้ี กโ จทกเ ปน เงนิ ๑,๘๐๒,๐๙๐.๒๗ บาท
พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป นับแตวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เปนตนไปจนกวาจะ
ชำระหนี้เสร็จแกโจทก กับใหจำเลยใชคาฤชาธรรมเนียมแทนโจทก โดยกำหนดคาทนายความ
๑๐,๐๐๐ บาท คำขออ่นื นอกจากนี้ใหยก
จำเลยอุทธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา ขอเท็จจริงที่คูความ
ไมโตแยงกันฟงเปนยุติไดวา จำเลยเชาสินคาประเภทตูออฟฟศพรอมอุปกรณจากโจทกหลาย
รายการและชำระคาเชาสินคาใหแกโจทกบางสวน คงคางชำระคาเชา ๑,๗๑๖,๐๗๕.๑๘ บาท
ตอ มาศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของจำเลยตามคดหี มายเลขแดงท่ี ฟ.๒๔/๒๕๔๓
โจทกยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีฟนฟูกิจการ เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งใหโจทกไดรับ
ชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการตามมูลหนี้คาเชาตูออฟฟศและอุปกรณตาง ๆ เปนเงินทั้งสิ้น
๑,๘๐๒,๐๙๐.๒๗ บาท พรอ มดอกเบย้ี ในอตั รารอ ยละ ๗.๕ ตอ ป ของตน เงนิ ๑,๗๑๖,๐๗๕.๑๘ บาท
นบั แตว นั ถดั จากวนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของจำเลยเปน ตน ไปจนกวา จะไดร บั ชำระหนเ้ี สรจ็
ตอมาศาลลมละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผนและขอเสนอขอแกไขแผนตามมติที่ประชุม
เจาหนี้ โดยแผนฟนฟูกิจการกำหนดใหโจทกอยูในกลุมเจาหนี้กลุมที่ ๑๓ และใหจำเลยชำระหนี้
ใหแกเจาหนี้กลุมที่ ๑๓ เปนจำนวนรอยละ ๗๕ ของจำนวนหนี้เงินตนที่มีสิทธิไดรับชำระหนี้
ภายในกำหนด ๘ ป นบั จากวนั ทม่ี ผี ลใชบ งั คบั คอื วนั ท่ี ๓๑ ตลุ าคม ๒๕๔๖ ตอ มาวนั ท่ี ๒ มนี าคม ๒๕๕๒
ศาลลม ละลายกลางมคี ำส่ังยกเลกิ การฟนฟูกิจการของจำเลย เม่อื ครบกำหนดชำระหนต้ี ามแผน
ฟน ฟูกจิ การ จำเลยไมช ำระหนีใ้ หแ กโ จทก
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยประการแรกวา จำเลยตอ งรบั ผดิ ชำระหน้ี
ตนเงินตามแผนฟนฟูกิจการใหแกโจทกเพียงใด เห็นวา เมื่อศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผนฟนฟู
กิจการของจำเลย แผนฟนฟูกิจการของจำเลยที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบแลวมีผลผูกมัดโจทกผูเปน
เจาหน้ซี ึ่งมสี ทิ ธไิ ดร ับชำระหนใี้ นการฟน ฟูกจิ การ ทำใหโ จทกมีสทิ ธิไดร ับชำระหน้ตี ามแผนฟน ฟู
กจิ การ แทนสทิ ธใิ นการไดร บั ชำระหนต้ี ามมลู หนเ้ี ดมิ ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง แมตอมาผูบริหารแผนยื่นคำแถลงวาผูบริหารแผนไดปฏิบัติตามแผน
๒๑๙
ครบถวน และศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการของจำเลย จำเลยก็ยังคงตอง
ผูกพันรับผิดชำระหนี้แกโจทกซึ่งเปนเจาหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการที่ไดขอรับ
ชำระหนี้ไวแลว ตามคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการและตามที่กำหนดไวในแผนฟนฟู
กิจการตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๗๕ เมื่อแผนฟนฟูกิจการที่ศาล
มีคำสั่งเห็นชอบกำหนดใหโจทกอยูในกลุมเจาหนี้ กลุมที่ ๑๓ และกำหนดใหจำเลยชำระหนี้แก
เจา หนก้ี ลมุ นต้ี ามจำนวนในสกลุ เงนิ ตามหนเ้ี ปน จำนวนรอ ยละ ๗๕ ของจำนวนหนเ้ี งนิ ตน ทม่ี สี ทิ ธิ
ไดร บั ชำระหน้ี และตน เงนิ ทเ่ี จา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม คี ำสง่ั อนญุ าตใหโ จทกม สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระหน้ี
เปน เงนิ ๑,๗๑๖,๐๗๕.๑๘ บาท จำเลยจงึ ตอ งรบั ผดิ ชำระหนใ้ี หแ กโ จทกเ ปน จำนวนรอ ยละ ๗๕ ของ
ตน เงนิ ๑,๗๑๖,๐๗๕.๑๘ บาท ตามทก่ี ำหนดในแผนฟน ฟกู จิ การ คดิ เปน เงนิ ๑,๒๘๗,๐๕๖.๓๙ บาท
ที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหจำเลยรับผิดเต็มจำนวนตามคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟนฟู
กิจการของเจาพนักงานพิทักษทรัพยนั้น ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษไมเห็นพองดวย อุทธรณ
ของจำเลยขอ น้ีฟง ขนึ้
คดมี ปี ญ หาตอ งวนิ จิ ฉยั ตามอทุ ธรณข องจำเลยประการสดุ ทา ยวา ฟอ งโจทกข าดอายคุ วาม
หรือไม เห็นวา คดีนี้โจทกฟองจำเลยโดยใชสิทธิเรียกรองตามแผนฟนฟูกิจการที่ศาลมีคำสั่ง
เห็นชอบแลว เมื่อพิจารณาพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง
ซึ่งบัญญัติวา “แผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแลว ผูกมัดเจาหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟู
กิจการไดและเจาหนี้ซึ่งมีสิทธิไดรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการ ทั้งนี้ ตามมาตรา ๙๐/๒๗”
เห็นไดวาสิทธิเรียกรองของเจาหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการยอมเกิดมีขึ้นไดก็แตโดยคำสั่งเห็นชอบ
ดวยแผนของศาล และสิทธิเรียกรองตามแผนฟนฟูกิจการอาจสิ้นไปเมื่อศาลมีคำสั่งยกเลิกคำสั่ง
ใหฟนฟูกิจการ แตคดีนี้ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการของจำเลย จำเลยจึง
ตองผูกพันชำระหนี้ตามแผนตอไป สิทธิเรียกรองตามแผนฟนฟูกิจการที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบ
ดงั กลา วไมม กี ฎหมายบญั ญตั อิ ายคุ วามไวโ ดยเฉพาะ จงึ มกี ำหนดสบิ ปต ามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๓๐ สิทธิเรียกรองตามคำฟองหาใชสิทธิเรียกรองโดยอาศัยมูลหนี้
คาเชาสินคาอันจะมีอายุความหาปดังที่จำเลยอุทธรณไม ขอเท็จจริงปรากฏวาแผนฟนฟูกิจการ
ที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบ ขอ ๖.๑๒ กำหนดใหจำเลยชำระหนี้แกเจาหนี้กลุมที่ ๑๓ ซึ่งรวมถึงโจทก
ภายในกำหนด ๘ ป นับจากวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๖ ซึ่งเปนวันที่แผนมีผลใชบังคับ จึงครบ
กำหนดชำระหนี้ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ โจทกจึงอาจบังคับสิทธิเรียกรองใหจำเลยชำระหนี้
ตามแผนฟนฟูกิจการไดนับแตวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เปนตนไป ตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา ๑๙๓/๑๒ โจทกฟองคดีนี้เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ยังไมพนกำหนด
สบิ ป ฟอ งโจทกจ งึ ไมขาดอายุความ อุทธรณข อ นี้ของจำเลยฟง ไมขึ้น
๒๒๐
พิพากษาแกเปนวา ใหจำเลยชำระหนี้แกโจทกเปนเงิน ๑,๒๘๗,๐๕๖.๓๙ บาท พรอม
ดอกเบี้ยในอัตรารอยละ ๗.๕ ตอป ของจำนวนเงินดังกลาว นับแตวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
เปน ตน ไปจนกวา จะชำระเสรจ็ แกโ จทก นอกจากทแ่ี กใ หเ ปน ไปตามคำพพิ ากษาศาลลม ละลายกลาง
คาฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณใ หเ ปน พบั .
(สิริพร เปรมาสวสั ดิ์ สุรมณี - ณรงค กลั่นวารนิ ทร - เกยี รตคิ ุณ แมนเลขา)
รตมิ า ชัยสโุ รจน - ยอ
อดศิ ักดิ์ เทยี นกรมิ - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี งึ ทีส่ ดุ
๒๒๑
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดชี ำนญั พิเศษท่ี ๔๕๔๖/๒๕๖๑ บรษิ ทั แคนาดอยล ผูรอ งขอ
กรุป จำกดั ผูรอ ง
ธนาคารทหารไทย ลูกหนี้
จำกดั (มหาชน)
บรษิ ทั แคนาดอล
เอเชีย จำกัด
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๔), ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนง่ึ , ๙๐/๑๓
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนึ่ง หามไมใหเจาหนี้
ตามคำพิพากษาบังคับคดีแกทรัพยสินของลูกหนี้ ถามูลแหงหนี้ตามคำพิพากษานั้น
เกิดขึ้นกอนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผน เวนแตศาลที่รับคำรองขอมีคำสั่งเปน
อยางอื่นนั้น เปนบทบัญญัติสวนหนึ่งของกระบวนการฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่กฎหมาย
กำหนดใหเกิดสภาวะหยุดนิ่งหรือสภาวะพักการชำระหนี้นับแตวันที่ศาลไดมีคำสั่งรับ
คำรอ งขอใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนไ้ี วพ จิ ารณา โดยมวี ตั ถปุ ระสงคท จ่ี ะสงวนรกั ษาทรพั ยส นิ
ของลูกหนี้ไวเพื่อประโยชนแกการฟนฟูกิจการของลูกหนี้หรือการรวบรวมทรัพยสินของ
ลกู หนม้ี าจดั สรรชำระหนแ้ี กเ จา หนอ้ี ยา งเปน ธรรมตามทก่ี ฎหมายกำหนดหรอื ตามเงอ่ื นไข
การชำระหนี้ในแผนฟนฟูกจิ การ
เมือ่ มูลแหงหน้ตี ามคำพิพากษาเปนหนคี้ าจา งซ่งึ เกดิ ขนึ้ หลงั จากศาลมีคำสั่งต้ัง
ผูทำแผนและกอนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผน ทั้งลูกหนี้ยังอยูระหวางผูบริหาร
แผนดำเนนิ ตามแผนฟน ฟกู จิ การ ซง่ึ ยงั คงมสี ภาวะหยดุ นง่ิ หรอื พกั การชำระหนใ้ี นระหวา ง
การฟน ฟูกิจการของลกู หน้ี กรณีตอ งหามมใิ หเจา หน้ีตามคำพิพากษาบังคับคดแี กทรัพย
ของลูกหนี้ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนึ่ง แมเจาหนี้
ตามคำพิพากษาจะไดรับอนุญาตจากศาลลมละลายกลางใหฟองเรียกรองหนี้แรงงาน
เอาจากลูกหนี้ได อันเปนขอยกเวนที่ใหศาลที่รับคำรองขอใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้จะ
มีคำสั่งเปนอยางอื่นไดตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๔) ประกอบ
มาตรา ๙๐/๑๓ ก็ตาม แตหากเจาหนี้ตามคำพิพากษาที่ชนะคดีตามฟองนั้นจะบังคับคดี
แกทรัพยสินของลูกหนี้ซึ่งเปนลูกหนี้ตามคำพิพากษาตอไป ก็ยังจะตองยื่นคำรองขอให
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั อนญุ าตใหบ งั คบั คดดี ว ย เพราะเปน ขน้ั ตอนคนละสว นกนั กบั
๒๒๒
การฟอ งคดี และการบงั คบั คดแี กท รพั ยส นิ ของลกู หนอ้ี าจมผี ลกระทบตอ การฟน ฟกู จิ การ
ของลูกหนี้ได จึงเปนอำนาจของศาลที่จะพิจารณาอีกครั้งหนึ่งวาจะอนุญาตใหบังคับคดี
หรอื ไมต าม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนง่ึ ประกอบมาตรา
๙๐/๑๓ เมอ่ื ไมป รากฏวา ศาลลม ละลายกลางไดม คี ำสง่ั อนญุ าตใหเ จา หนต้ี ามคำพพิ ากษา
คดแี รงงานดำเนนิ การบงั คบั คดแี กท รพั ยส นิ ของลกู หนไ้ี ด การทเ่ี จา พนกั งานบงั คบั คดยี ดึ และ
ขายทอดตลาดทรพั ยของลูกหน้ี จงึ เปนการฝา ฝนตอบทบญั ญัติของกฎหมายดงั กลาว
______________________________
ผูรองซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๑๑๔ ยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งเพิกถอนการยึดและการขาย
ทอดตลาดทรพั ยข องเจา พนกั งานบงั คบั คดี ใหร ะงบั การจา ยเงนิ ทไ่ี ดจ ากการขายทอดตลาดทรพั ย
ในคดีแรงงาน ระงับการขนยายทรพั ยทข่ี ายทอดตลาด และหา มยึดทรพั ยข องลกู หน้ีเพิม่
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งวา กรณีไมมีเหตุเพิกถอนการขายทอดตลาดทรัพย แตคดี
อยรู ะหวา งการไตส วนคำรอ งขอใหผ บู รหิ ารแผนพน จากตำแหนง จงึ ใหก กั เงนิ ทไ่ี ดจ ากการขาย
ทอดตลาดทรัพยไ วเ พอ่ื รอฟง ผลการไตสวนคำรอ ง แจง เจา พนกั งานบังคบั คดที ราบ
ผรู องอทุ ธรณ
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา คดีนี้ผูรองซึ่งเปนเจาหนี้
ทข่ี อรบั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟกู จิ การของลกู หนย้ี น่ื คำรอ งขอใหศ าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั เพกิ ถอน
การยึดและการขายทอดตลาดทรัพยของลูกหนี้ที่เจาพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีใน
คดแี รงงาน เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั ตามคำรอ งของผรู อ งประการใดแลว คำสง่ั ของศาลมใิ ชค ำสง่ั อยา งหนง่ึ
อยา งใดที่ยกเวน ใหอทุ ธรณไ ดต าม พระราชบัญญตั จิ ัดตง้ั ศาลลมละลายและวิธีพจิ ารณาคดลี ม ละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๕ (๑) ถงึ (๕) อทุ ธรณข องผรู อ งจงึ ตอ งหา มมใิ หอ ทุ ธรณ แตเ มอ่ื พจิ ารณา
ปญหาตามอุทธรณของผูรองที่วา การที่เจาพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดทรัพยของ
ลกู หนี้เปน การฝา ฝน ตอพระราชบญั ญัตลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) หรอื ไม
ปรากฏขอเท็จจริงตามสำนวนวา ลูกจางของลูกหนี้รวม ๒๗ ราย ยื่นคำรองขอใหศาลลมละลายกลาง
มีคำส่งั อนุญาตใหฟ องลกู หนี้ใหชำระคาจางคา งจายของเดอื นเมษายนและเดอื นพฤษภาคม ๒๕๕๙
ศาลมีคำสั่งอนุญาตเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตอมาลูกจางของลูกหนี้ไดฟองลูกหนี้ตอศาล
แรงงานภาค ๒ ศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เปนคดีแรงงานหมายเลข
แดงที่ ๑๒๑๔ - ๑๒๔๐/๒๕๕๙ ซึง่ พิพากษาใหลกู หน้ชี ำระคา จางคางจา ยพรอมดอกเบย้ี แกลกู จา ง
แตละคน หลงั จากนน้ั ลกู จางของลูกหน้ีในฐานะเจาหนต้ี ามคำพพิ ากษาไดดำเนนิ การบงั คบั คดี
๒๒๓
เจา พนกั งานบงั คบั คดี สำนกั งานบงั คบั คดจี งั หวดั ระยอง ไดย ดึ ทรพั ยข องลกู หนซ้ี ง่ึ เปน เครอ่ื งจกั ร
รวม ๑๒ รายการ และขายทอดตลาดทรัพยทั้งหมดไปเมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ เห็นวา
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนึ่ง หามไมใหเจาหนี้ตาม
คำพพิ ากษาบงั คบั คดแี กท รพั ยส นิ ของลกู หน้ี ถา มลู แหง หนต้ี ามคำพพิ ากษานน้ั เกดิ ขน้ึ กอ นวนั ท่ี
ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผน เวนแตศาลที่รับคำรองขอมีคำสั่งเปนอยางอื่นนั้น เปนบทบัญญัติ
สวนหนึ่งของกระบวนการฟนฟูกิจการของลูกหนี้ที่กฎหมายกำหนดใหเกิดสภาวะหยุดนิ่งหรือ
สภาวะพกั การชำระหนน้ี บั แตว นั ทศ่ี าลไดม คี ำสง่ั รบั คำรอ งขอใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนไ้ี วพ จิ ารณา
โดยมีวัตถุประสงคที่จะสงวนรักษาทรัพยสินของลูกหนี้ไวเพื่อประโยชนแกการฟนฟูกิจการของ
ลูกหนี้หรือการรวบรวมทรัพยสินของลูกหนี้มาจัดสรรชำระหนี้แกเจาหนี้อยางเปนธรรมตามที่
กฎหมายกำหนดหรือตามเงื่อนไขการชำระหนี้ในแผนฟนฟูกิจการ เมื่อขอเท็จจริงรับฟงไดวา
มลู แหง หนต้ี ามคำพพิ ากษาของเจา หนต้ี ามคำพพิ ากษาในคดแี รงงานดงั กลา ว เปน หนค้ี า จา งคา ง
จายของเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ จึงเปนหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งตั้ง
ผทู ำแผนและกอ นวนั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบดว ยแผน ทง้ั ลกู หนย้ี งั อยรู ะหวา งผบู รหิ ารแผนดำเนนิ การ
ตามแผนฟนฟูกิจการ ซึ่งยังคงมีสภาวะหยุดนิ่งหรือพักการชำระหนี้ในระหวางการฟนฟูกิจการ
ของลูกหนี้ กรณีตองหามมิใหเจาหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแกทรัพยสินของลูกหนี้ตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนง่ึ แมเ จา หนต้ี ามคำพพิ ากษา
ทง้ั ๒๗ ราย จะไดร บั อนญุ าตจากศาลลม ละลายกลางใหฟ อ งเรยี กรอ งหนแ้ี รงงานเอาจากลกู หนไ้ี ด
อันเปนขอยกเวนที่ใหศาลที่รับคำรองขอใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้จะมีคำสั่งเปนอยางอื่นไดตาม
พระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๑๒ (๔) ประกอบมาตรา ๙๐/๑๓ ก็ตาม
แตหากเจาหนี้ตามคำพิพากษาที่ชนะคดีตามฟองนั้นจะบังคับคดีแกทรัพยสินของลูกหนี้ซึ่งเปน
ลูกหนี้ตามคำพิพากษาตอไป ก็ยังจะตองยื่นคำรองขอใหศาลลมละลายกลางมีคำสั่งอนุญาตให
บังคับคดีดวย เพราะเปนขั้นตอนคนละสวนกันกับการฟองคดี และการบังคับคดีแกทรัพยสิน
ของลกู หน้อี าจมีผลกระทบตอการฟนฟูกจิ การของลกู หน้ไี ด จึงเปน อำนาจของศาลท่ีจะพิจารณา
อีกครั้งหนึ่งวาจะอนุญาตใหบังคับคดีหรือไม ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๐/๑๒ (๕) วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา ๙๐/๑๓ เมื่อไมปรากฏวาศาลลมละลายกลาง
ไดมีคำสั่งอนุญาตใหเจาหนี้ตามคำพิพากษาคดีแรงงานดำเนินการบังคับคดีแกทรัพยสินของ
ลูกหนี้ได การที่เจาพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดทรัพยของลูกหนี้ จึงเปนการฝาฝน
ตอบทบัญญัติของกฎหมายดังกลาว ที่ศาลลมละลายกลางมิไดมีคำสั่งใหเพิกถอนการยึดและ
การขายทอดตลาดทรพั ยข องเจา พนกั งานบงั คบั คดนี น้ั เปน การไมช อบ ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษ
๒๒๔
พิจารณาเห็นสมควรเพื่อประโยชนแหงความยุติธรรม จำเปนตองแกไขขอผิดพลาดตาม
พระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๖ วรรคส่ี
พพิ ากษากลบั ใหเ พกิ ถอนการยดึ และการขายทอดตลาดทรพั ยข องลกู หนท้ี เ่ี จา พนกั งาน
บังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดระยอง ดำเนินการบังคับคดีในคดีแรงงานหมายเลขแดงที่
๑๒๑๔ - ๑๒๔๐/๒๕๕๙ ของศาลแรงงานภาค ๒ คา ฤชาธรรมเนียมในชั้นนใี้ หเปน พบั .
(องอาจ งามมศี รี - โชคชยั รุจนิ นิ นาท - วเิ ชยี ร วชิรประทปี )
รตมิ า ชัยสุโรจน - ยอ
อดิศักด์ิ เทียนกรมิ - ตรวจ
หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน ตามคำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี ๘๓๙๗/๒๕๖๓
๒๒๕
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณคดีชำนญั พิเศษที่ ๖๔๒๘/๒๕๖๒ บริษัทเอน็ เนอรย ่ี เอิรธ
จำกัด (มหาชน) ลูกหนีผ้ ูรองขอ
บรษิ ัทอีวาย คอรป อเรท
แอดไวซอรี่ เซอรว สิ เซส
จำกัด ผูรอง
บริษทั ธนาคารกสกิ รไทย
จำกัด (มหาชน) ผคู ดั คา น
พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๕๘๓ มาตรา ๙๐/๔๘, ๙๐/๕๘ วรรคสาม
เมื่อศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนการทำสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ
แลว ตอมาศาลลมละลายกลางมีคำสั่งไมเห็นชอบดวยแผนฟนฟูกิจการ และมีคำสั่ง
ยกเลกิ คำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนต้ี าม พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๕๘
วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๐/๔๘ วรรคสี่ แลว ผลของคำสั่งดังกลาวยอมทำใหคำสั่ง
ใหฟนฟูกิจการและกระบวนการตาง ๆ ในคดีฟนฟูกิจการของลูกหนี้เปนอันยกเลิก
เพิกถอนไป เสมือนวาไมเคยมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้นั้น อำนาจหนาที่ในการ
จัดการกิจการและทรัพยสินของลูกหนี้กลับมาเปนของผูบริหารของลูกหนี้ รวมทั้งสิทธิ
และหนาที่ระหวางเจาหนี้กับลูกหนี้ยอมกลับไปเปนดังเดิมที่มีตอกันอยูกอนศาลมีคำสั่ง
ใหฟ น ฟกู จิ การ ดงั นน้ั เมอ่ื ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ไมเ หน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การและ
มคี ำสง่ั ยกเลกิ คำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนแ้ี ลว การรอ งขอเพกิ ถอนสญั ญาหลกั ประกนั
ทางธุรกิจเปนคดีสาขา ซึ่งเปนกระบวนการหนึ่งในคดีฟนฟูกิจการของลูกหนี้จึงเปนอัน
ยกเลกิ ไปดว ย สญั ญาหลกั ประกนั ทางธรุ กจิ ทท่ี ำขน้ึ ระหวา งผคู ดั คา นและลกู หนก้ี อ นศาล
มีคำสัง่ ใหฟนฟกู จิ การจงึ กลับมามีผลผกู พนั กันตอ
______________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้ และตั้งบริษัท
อีวาย คอรปอเรท แอดไวซอรี่ เซอรวิสเซส จำกัด ปนผูทำแผน เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๐
ตอ มาวนั ท่ี ๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ไมเ หน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การ
และมคี ำส่ังยกเลิกคำสง่ั ใหฟน ฟูกจิ การของลกู หนี้
ผูรองยื่นคำรองขอใหมีคำสั่งเพิกถอนการทำนิติกรรมสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ซึ่ง
ลูกหนี้ไดกระทำลงกอนมีการยื่นคำรองขอฟนฟูกิจการ โดยมีจุดมุงหมายใหผูคัดคานไดเปรียบ
เจา หนี้อืน่ ตามพระราชบัญญัตลิ มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๔๑
๒๒๖
ผูค ดั คา นยืน่ คำคดั คานขอใหยกคำรอ ง
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเพิกถอนการทำสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ลงวันที่
๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐ ระหวา งลกู หนก้ี บั ผคู ดั คา น และการจดทะเบยี นสญั ญาหลกั ประกนั ทางธรุ กจิ
ลงวนั ท่ี ๑๙ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐ ของผคู ดั คา นตอ สำนกั งานทะเบยี นหลกั ประกนั ทางธรุ กจิ กรมพฒั นา
ธรุ กิจ คาฤชาธรรมเนยี มใหเ ปนพบั
ผูคดั คานอุทธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ รบั ฟง ไดว า ภายหลงั
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหเ พกิ ถอนการทำสญั ญาหลกั ประกนั ทางธรุ กจิ ลงวนั ท่ี ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๕๖๐
ระหวางลูกหนี้กับผูคัดคาน และการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ลงวันที่ ๑๙
มิถุนายน ๒๕๖๐ ของผูคัดคานตอสำนักงานทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจ
ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๔๑ ตอ มาวนั ท่ี ๑๕ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑
ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ไมเ หน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การและมคี ำสง่ั ยกเลกิ คำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การ
ของลูกหนี้ เห็นวา เมื่อศาลลมละลายกลางมีคำสั่งไมเห็นชอบดวยแผนฟนฟูกิจการ และมีคำสั่ง
ยกเลกิ คำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนต้ี ามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๕๘
วรรคสาม ประกอบมาตรา ๙๐/๔๘ วรรคส่ี แลว ผลของคำสง่ั ดงั กลา วยอ มทำใหค ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การ
และกระบวนการตาง ๆ ในคดีฟน ฟกู จิ การของลกู หนเ้ี ปน อันยกเลกิ เพกิ ถอนไป เสมือนวาไมเคย
มีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้นั้น อำนาจหนาที่ในการจัดการกิจการและทรัพยสินของลูกหนี้
กลับมาเปนของผูบริหารของลูกหนี้ รวมทั้งสิทธิและหนาที่ระหวางเจาหนี้กับลูกหนี้ยอมกลับไป
เปนดังเดิมที่มีตอกันอยูกอนศาลมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการ ดังนั้น เมื่อศาลลมละลายกลางมีคำสั่ง
ไมเ หน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การและมคี ำสง่ั ยกเลกิ คำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนแ้ี ลว การรอ งขอ
เพิกถอนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเปนคดีสาขา ซึ่งเปนกระบวนการหนึ่งในคดีฟนฟูกิจการ
ของลูกหนี้จึงเปนอันยกเลิกไปดวย สัญญาหลักประกันทางธุรกิจที่ทำขึ้นระหวางผูคัดคานและ
ลูกหนี้กลับมามีผลผูกพันกันตอ เมื่อเปนเชนนี้แลว จึงไมจำตองวินิจฉัยอุทธรณของผูคัดคาน
อีกตอ ไป
พพิ ากษากลับ ใหยกคำรอ ง คาฤชาธรรมเนียมชั้นอทุ ธรณใ หเปนพับ.
(โชคชยั รุจินินนาท - วิเชียร วชริ ประทปี - องอาจ งามมีศรี)
ภารดี เพ็ญเจรญิ - ยอ
วิรตั น วิศิษฏวงศกร - ตรวจ
หมายเหตุ คดถี ึงที่สดุ
๒๒๗
คำพพิ ากษาศาลอทุ ธรณค ดีชำนญั พเิ ศษที่ ๔๕๐/๒๕๖๔ บรษิ ัทบริหารสินทรพั ย
สุขุมวิท จำกัด โจทก
บรษิ ัทแอล พี เอ็น เพลทมิล
จำกัด (มหาชน) จำเลย
ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐
พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศและวิธีพิจารณาคดี
ทรพั ยสินทางปญ ญาและการคาระหวา งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนง่ึ , ๙๐/๗๕
ในวนั ชส้ี องสถานของศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศกลาง
กรรมการผูจัดการจำเลยและเปนผูรับมอบอำนาจของจำเลยแถลงวาเขาใจคำฟองแลว
โดยชดั แจง โดยไมจ ำตอ งใหโ จทกแ กฟ อ งอกี และแถลงสละประเดน็ เรอ่ื งฟอ งเคลอื บคลมุ
ศาลจึงไมไดกำหนดเปนประเด็นขอพิพาท เมื่อศาลทรัพยสินทางปญญาและการคา
ระหวางประเทศกลางโอนคดีไปยังศาลลมละลายกลาง เนื่องจากประธานศาลอุทธรณ
คดีชำนัญพิเศษวินิจฉัยวา คดีไมอยูในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพยสินทาง
ปญญาและการคาระหวางประเทศ กระบวนพิจารณาดังกลาวก็ไมเสียไป ตาม พ.ร.บ.
จัดตั้งศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพยสิน
ทางปญญาและการคาระหวางประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙ จึงไมมีประเด็นขอพิพาท
เรอื่ งฟองโจทกเคลือบคลมุ อกี ตอไป
จำเลยมคี วามผกู พนั ตอ งชำระหนใ้ี หแ กโ จทกต ามแผนฟน ฟกู จิ การซง่ึ ศาลมคี ำสง่ั
เห็นชอบแลวตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง แมศาลจะมี
คำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการของจำเลยแลวก็ตาม คำสั่งดังกลาวก็ไมมีผลเปลี่ยนแปลง
ความผูกพันในหนี้ของจำเลยกับเจาหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการ กลาวคือ คำสั่งยกเลิก
การฟนฟูกิจการมีผลใหจำเลยหลุดพนจากหนี้ทั้งปวงซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟู
กจิ การได เวน แตห นซ้ี ง่ึ เจา หนท้ี อ่ี าจขอรบั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟกู จิ การจะไดข อรบั ชำระหน้ี
ไวแลว ตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๗๕ จำเลยยังคงมีหนาที่ชำระหนี้
ใหแกโจทกจนครบถว นตามแผนฟนฟกู ิจการตอไป
สทิ ธเิ รยี กรอ งของโจทกท จ่ี ะไดร บั ชำระหนต้ี ามแผนฟน ฟกู จิ การเปน สทิ ธเิ รยี กรอ ง
ที่ตางไปจากสิทธิเรียกรองเดิมตามสัญญาเลตเตอรออฟเครดิตและสัญญาทรัสทรีซีท
๒๒๘
และเปน สทิ ธเิ รยี กรอ งทไ่ี มม บี ทบญั ญตั แิ หง กฎหมายกำหนดไวเ ปน การเฉพาะวา มอี ายคุ วาม
เทาใด จงึ มกี ำหนดอายุความ ๑๐ ป ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐
_____________________________
คดสี บื เนอ่ื งมาจากเมอ่ื วนั ท่ี ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๔๕ ศาลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การ
ของจำเลยและตง้ั บรษิ ทั แอลพเี อน็ แพลนเนอร จำกดั เปน ผทู ำแผน ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๖ สงิ หาคม ๒๕๔๖
ศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผนฟนฟูกิจการของจำเลย โดยมีบริษัทแอลพีเอ็น แพลนเนอร จำกัด
เปน ผบู รหิ ารแผน และวนั ท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ศาลมคี ำสง่ั ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การของจำเลย
โจทกยื่นฟองจำเลยตอศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลางวา
เดมิ จำเลยทำสญั ญาสนิ เชอ่ื ประเภทตา ง ๆ รวมถงึ สญั ญาทรสั ทร ซี ที (การขอเครดติ เพอ่ื รบั สนิ คา
ไปกอนชำระเงิน) จำนวน ๔ ฉบับ กับธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) โดยจำเลยไดนำที่ดิน
โฉนดเลขที่ ๑๗๐๖, ๑๗๓๘, ๔๐๙๐๘ ถึง ๔๐๙๑๓, ๔๒๗๗๒, ๔๗๘๑๔, ๕๖๑๗๒, ๕๖๒๐๙,
๖๐๘๓๔ ถึง ๖๐๘๓๗, ๖๒๔๐๔, ๖๒๔๐๕, ๖๔๕๔๐, ๖๙๐๓๕ ถึง ๖๙๐๔๔, ๖๙๔๓๑, ๙๓๑๘๘
และตราจองเลขที่ ๑๙๘, น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑, ๒๖/๒๕๐๐, ๒๗/๒๕๐๐ ตำบลบางปลากด อำเภอ
พระสมทุ รเจดยี จงั หวดั สมทุ รปราการ พรอ มสง่ิ ปลกู สรา ง มาจดทะเบยี นจำนองไวเ พอ่ื เปน ประกนั
การชำระหนด้ี งั กลา ว ตอ มาเมอ่ื วนั ท่ี ๑๓ ตลุ าคม ๒๕๔๑ ธนาคารมหานคร จำกดั (มหาชน) ไดโ อน
กจิ การทง้ั หมดรวมถงึ สทิ ธเิ รยี กรอ งทม่ี ตี อ จำเลยใหแ กธ นาคารกรงุ ไทย จำกดั (มหาชน) วนั ท่ี ๒๑
กนั ยายน ๒๕๔๓ ธนาคารกรงุ ไทย จำกดั (มหาชน) ไดโ อนสทิ ธเิ รยี กรอ งทม่ี ตี อ จำเลยใหแ กโ จทก
และวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๔ โจทกไดโอนสิทธิเรียกรองที่มีตอจำเลยดังกลาวใหแกบรรษัท
บริหารสนิ ทรัพยไทย แตจ ำเลยไมส ามารถชำระหน้ไี ด จงึ ย่นื คำรองขอฟนฟูกิจการ และเมอ่ื วันที่
๑๙ สงิ หาคม ๒๕๔๕ ศาลมคี ำสง่ั อนญุ าตใหฟ น ฟกู จิ การของจำเลย โดยกอ นการขอฟน ฟกู จิ การ
ภาระหนข้ี องจำเลยรวมถงึ หลกั ประกนั ทม่ี อี ยกู บั ธนาคารมหานคร จำกดั (มหาชน) ทง้ั หมดไดโ อน
มาใหแ กบ รรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทย เมอ่ื คำนวณเฉพาะภาระหนต้ี ามสญั ญาทรสั ทร ซี ที ทง้ั ๔ ฉบบั
ถึงวันที่ศาลมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการ สำหรับสัญญาฉบับที่ ๑ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๘
คดิ เปน ตน เงนิ และดอกเบย้ี รวม ๖๐,๕๔๓,๙๘๒.๕๑ บาท สญั ญาฉบบั ท่ี ๒ ลงวนั ท่ี ๒๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๘
คิดเปนตนเงินและดอกเบี้ยรวม ๕๘,๘๗๔,๓๓๘.๔๔ บาท สัญญา ฉบับที่ ๓ ลงวันที่ ๙
ธนั วาคม ๒๕๔๐ คดิ เปน ตน เงนิ และดอกเบย้ี รวม ๑๔๐,๙๓๒,๔๓๐.๖๔ บาท และสญั ญาฉบบั ท่ี ๔
ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๔๐ คิดเปนตนเงินและดอกเบี้ยรวม ๓๐,๕๗๓,๓๔๘.๔๘ บาท รวมเปน
ตน เงนิ และดอกเบย้ี ทง้ั สน้ิ ๒๙๐,๙๒๔,๐๙๙.๙๖ บาท หลงั จากศาลมคี ำสง่ั ใหจ ำเลยฟน ฟกู จิ การแลว
๒๒๙
เมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ ตลุ าคม ๒๕๔๕ บรรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทยนำมลู หนต้ี ามสญั ญาทรสั ทร ซี ที ๔ ฉบบั
และมูลหนี้อื่นรวม ๙ มูลหนี้ ยื่นขอรับชำระหนี้ตอเจาพนักงานพิทักษทรัพยกับไดรับโอนหนี้จาก
โจทกเ พม่ิ เตมิ รวมเปน ตน เงนิ ๔,๘๐๕,๘๘๔,๓๐๔.๓๗ บาท และดอกเบย้ี ๒,๘๗๙,๙๔๖,๙๓๘.๓๙ บาท
รวมภาระหน้ีทั้งสน้ิ ๗,๖๘๕,๘๘๔,๔๗๕.๗๖ บาท ซึง่ ภาระหนด้ี ังกลาวแยกเปน สว นเฉพาะภาระ
หนี้ตนเงินตามสัญญาทรัสทรีซีท ๔ ฉบับ เปนเงิน ๑๖๖,๙๕๔,๖๙๓.๕๖ บาท คิดเปนสัดสวน
รอ ยละ ๓.๔ ของจำนวนหนต้ี น เงนิ ทบ่ี รรษทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยไ ทยยน่ื ขอรบั ชำระหนด้ี งั กลา วขา งตน
ตอมาเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ โจทกรับโอนสิทธิเรียกรองในหนี้ดังกลาวมาจากบรรษัท
บริหารสินทรัพยไทย โดยบอกกลาวการโอน ทวงถามใหชำระหนี้และไถถอนจำนองใหจำเลย
ทราบแลว จำเลยเริ่มชำระหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการตั้งแตวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๔๖ เปนตนมาจน
กระทั่งศาลมีคำสั่งยกเลิกการฟนฟูกิจการเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ แตจำเลยยังชำระหนี้
ตามแผนฟน ฟกู จิ การไมค รบถว น จำเลยชำระหนใ้ี หโ จทกค รง้ั สดุ ทา ยเมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗
เปน เงนิ ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท หลงั จากนน้ั จำเลยผดิ นดั ไมช ำระหนแ้ี กโ จทกอ กี ณ วนั ท่ี ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘
คงเหลือตนเงินคางชำระ ๑,๙๑๑,๒๙๑,๒๕๒.๑๐ บาท และดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๑๕ ตอป
คิดถึงวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เปนเงิน ๑,๓๔๓,๖๓๒,๓๓๙.๑๕ บาท ซึ่งในการชำระหนี้ตาม
แผนฟนฟูกิจการของจำเลยนั้น ไดรวมภาระหนี้ทั้งหมดเปนจำนวนเดียวกันและทำการชำระหนี้
รวมกัน โดยไมไดแบงแยกวาชำระหนี้ในมูลหนี้ใด อันเปนการชำระหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการที่
ไมอ าจแบง แยกได ดงั นน้ั เมอ่ื นำสดั สว นรอ ยละ ๓.๔ ตามภาระหนส้ี ญั ญาทรสั ทร ซี ที ทง้ั ๔ ฉบบั
มาคำนวณกับฐานตนเงินทั้งหมด ๑,๙๑๑,๒๙๑,๒๕๒.๑๐ บาท และดอกเบี้ยคางชำระ
๑,๓๔๓,๖๓๒,๓๓๙.๑๕ บาท จะคดิ เปน ภาระหนค้ี งคา งเฉพาะตามสญั ญาทรสั ทร ซี ที ทง้ั ๔ ฉบบั
เปนตนเงิน ๖๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บาท และดอกเบี้ย ๔๕,๖๘๓,๔๙๙.๕๓ บาท และเมื่อคำนวณ
ดอกเบย้ี ในอตั รารอ ยละ ๑๕ ตอ ป ของตน เงนิ ๖๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บาท นบั แตว นั ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
จนถึงวันฟองคดีนี้ จำเลยคงคางชำระดอกเบี้ยอีก ๘๕๔,๘๖๔.๓๒ บาท รวมเปนหนี้คาง
ชำระทง้ั สน้ิ จำนวน ๑๑๑,๕๔๓,๖๘๖.๔๒ บาท ขอใหจ ำเลยชำระเงนิ ๑๑๑,๕๔๓,๖๘๖.๔๒ บาท
พรอมดอกเบี้ยอัตรารอยละ ๑๕ ตอป จากตนเงิน ๖๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บาท นับถัดจากวันฟอง
เปน ตน ไปจนกวา จะชำระเสรจ็ แกโ จทก หากไมช ำระหรอื ชำระไมค รบถว น ใหย ดึ ทรพั ยจ ำนองและ
ทรพั ยส นิ อนื่ ของจำเลยออกขายทอดตลาดชำระหนโ้ี จทกจ นครบ
จำเลยใหก ารขอใหยกฟอง
ระหวา งพจิ ารณา ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศกลางเหน็ วา กรณี
มีปญหาวา คดีอยูในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวาง
๒๓๐
ประเทศกลางหรอื ไม จงึ เสนอปญ หาดงั กลา วใหป ระธานศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษเปน ผวู นิ จิ ฉยั
ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศและวธิ พี จิ ารณาคดี
ทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา งประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙ ตอ มาประธานศาลอทุ ธรณ
คดชี ำนญั พเิ ศษวนิ จิ ฉยั วา คดไี มอ ยใู นอำนาจพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและ
การคา ระหวา งประเทศ แตเ ปน คดแี พง ทเ่ี กย่ี วพนั กบั คดฟี น ฟกู จิ การโดยตรง จงึ เปน คดลี ม ละลาย
และอยูในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลลมละลาย ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลาย
และวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓ และมาตรา ๗ ศาลทรัพยสินทางปญญา
และการคาระหวางประเทศกลางจึงโอนคดไี ปยงั ศาลลมละลายกลาง
ศาลลมละลายกลางพิพากษาใหจำเลยชำระเงิน ๑๑๑,๕๔๓,๖๘๖.๔๒ บาท พรอม
ดอกเบ้ยี อัตรารอยละ ๑๕ ตอป ของตนเงนิ ๖๕,๐๐๕,๓๒๒.๕๗ บาท นบั ถัดจากวันฟอ ง (ฟอง
วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘) เปนตนไปจนกวาจะชำระเสร็จแกโจทก หากไมชำระหรือชำระ
ไมค รบถว น ใหย ดึ ทด่ี นิ โฉนดเลขท่ี ๑๗๐๖, ๑๗๓๘, ๔๐๙๐๘ ถงึ ๔๐๙๑๓, ๔๒๗๗๒, ๔๗๘๑๔,
๕๖๑๗๒, ๕๖๒๐๙, ๖๐๘๓๔ ถงึ ๖๐๘๓๗, ๖๒๔๐๔, ๖๒๔๐๕, ๖๔๕๔๐, ๖๙๐๓๕ ถงึ ๖๙๐๔๔,
๖๙๔๓๑, ๙๓๑๘๘ และตราจองเลขที่ ๑๙๘, น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๑, ๒๖/๒๕๐๐, ๒๗/๒๕๐๐
ตำบลบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย จังหวัดสมุทรปราการ พรอมสิ่งปลูกสราง ออกขาย
ทอดตลาดชำระหนี้โจทก หากไดเงินไมพอใหยึดทรัพยสินอื่นของจำเลยชำระหนี้โจทกจนครบ
กับใหจ ำเลยชำระคาฤชาธรรมเนยี มแทนโจทก โดยกำหนดคาทนายความให ๓๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณโดยไดร บั ยกเวนคา ธรรมเนยี มศาลช้ันอุทธรณทั้งหมด
ศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีลมละลายวินิจฉัยวา มีปญหาที่ตองวินิจฉัยตาม
อุทธรณของจำเลยประการแรกวา ศาลลมละลายกลางไมไดหยิบยกประเด็นเรื่องฟองโจทก
เคลอื บคลมุ ขน้ึ วนิ จิ ฉยั ชอบแลว หรอื ไม เหน็ วา ในวนั ท่ี ๓๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๘ ซง่ึ เปน วนั ชส้ี องสถาน
ศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาวา
ทนายโจทกไดนำเอกสารตาง ๆ ที่เกี่ยวของกับประเด็นที่จำเลยตอสูมาใหกรรมการผูจัดการจำเลย
และเปน ผรู บั มอบอำนาจของจำเลยตรวจสอบแลว แถลงวา เขา ใจคำฟอ งแลว โดยชดั แจง โดยไม
จำตอ งใหโ จทกแ กฟ อ งอกี และกรรมการผจู ดั การจำเลยและเปน ผรู บั มอบอำนาจของจำเลยแถลง
สละประเด็นเรื่องฟองเคลือบคลุม ศาลจึงไมไดกำหนดเปนประเด็นขอพิพาท ในวันดังกลาวจำเลย
ก็ไมคัดคานกระบวนพิจารณาแตอยางใด และเมื่อศาลทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวาง
ประเทศกลางโอนคดีไปยังศาลลมละลายกลาง เนื่องจากประธานศาลอุทธรณคดีชำนัญพิเศษ
๒๓๑
วนิ จิ ฉยั วา คดไี มอ ยใู นอำนาจพจิ ารณาพพิ ากษาของศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญาและการคา ระหวา ง
ประเทศ กระบวนพจิ ารณาดงั กลา วกไ็ มเ สยี ไป ตามพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลทรพั ยส นิ ทางปญ ญา
และการคาระหวางประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพยสินทางปญญาและการคาระหวางประเทศ
พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๙ จึงไมมีประเด็นขอพิพาทเรื่องฟองโจทกเคลือบคลุมอีกตอไป ที่ศาล
ลม ละลายกลางไมไ ดห ยบิ ยกประเดน็ ดงั กลา วขน้ึ วนิ จิ ฉยั ชอบแลว อทุ ธรณข องจำเลยขอ นฟ้ี ง ไมข น้ึ
และการที่จำเลยอุทธรณวาฟองโจทกเคลือบคลุม จึงเปนการอุทธรณในขอที่มิไดยกขึ้นวากันมา
แลว โดยชอบในศาลชน้ั ตน ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหนง่ึ
ประกอบพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔
ศาลอุทธรณคดีชำนญั พเิ ศษจึงไมร ับวินิจฉัยเรอื่ งฟองเคลือบคลมุ ตามที่จำเลยอาง
ปญหาที่ตองวินิจฉัยตามอุทธรณของจำเลยตอไปมีวา จำเลยมีหนี้ที่จะตองชำระใหแก
โจทกห รอื ไมเ พยี งใด เหน็ วา หลงั จากทศ่ี าลลม ละลายกลางมคี ำสง่ั เหน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การ
ของจำเลย ผูบริหารแผนเสนอขอแกไขแผนฟนฟูกิจการหลายครั้ง ในระหวางปฏิบัติตามแผน
เมอ่ื วนั ท่ี ๔ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๖ โจทกไ ดร บั อนญุ าตจากเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยใ หเ ขา สวมสทิ ธิ
เปนคูความแทนบรรษัทบริหารสินทรัพยไทยเปนเจาหนี้รายที่ ๑๓ ซึ่งเปนเจาหนี้กลุมที่ ๑ ตาม
คำรอ งขอสวมสทิ ธิ โดยนายอธวิ ฒุ พิ ยานโจทกเ บกิ ความวา แผนฟน ฟกู จิ การไดก ำหนดหลกั เกณฑ
การชำระหนี้แกเจาหนี้กลุมที่ ๑ ใหมีสิทธิไดรับชำระหนี้รอยละ ๑๐๐ โดยศาลมีคำสั่งเห็นดวย
ขอ เสนอขอแกไ ขแผนครง้ั สดุ ทา ยเมอ่ื วนั ท่ี ๔ กมุ ภาพนั ธ ๒๕๕๖ ตามแผนฟน ฟกู จิ การฉบบั แกไ ข
ครั้งที่ ๘/๒๕๕๖ จำเลยยังมีภาระหนี้ที่จะตองชำระใหโจทกภายในป ๒๕๖๐ ดังนั้น จำเลยจึงมี
ความผูกพันตองชำระหนี้ใหแกโจทกตามแผนฟนฟูกิจการดังกลาว ซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแลว
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง แมศาลจะมีคำสั่งยกเลิก
การฟนฟูกิจการของจำเลยเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๖ แลวก็ตาม คำสั่งดังกลาวก็ไมมีผล
เปลย่ี นแปลงความผกู พนั ในหนข้ี องจำเลยกบั เจา หนต้ี ามแผนฟน ฟกู จิ การ กลา วคอื คำสง่ั ยกเลกิ
การฟน ฟกู จิ การมผี ลใหจ ำเลยหลดุ พน จากหนท้ี ง้ั ปวงซง่ึ อาจขอรบั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟกู จิ การได
เวนแตหนี้ซึ่งเจาหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการจะไดขอรับชำระหนี้ไวแลว ตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๗๕ จำเลยยงั คงมหี นา ทช่ี ำระหนใ้ี หแ กโ จทก
จนครบถว นตามแผนฟน ฟกู จิ การตอ ไป ดงั นน้ั เมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การของจำเลย
แลว แตจำเลยชำระหนี้ใหโจทกยังไมครบ และมีการคางชำระหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการ โจทกคง
มีสิทธิไดรับชำระหนี้จากจำเลยตามจำนวนที่ระบุไวในแผนฟนฟูกิจการที่คางชำระ การที่โจทก
นำภาระหนเ้ี ดมิ ของจำเลยทเ่ี กดิ ขน้ึ กอ นการยน่ื คำรอ งขอฟน ฟกู จิ การมาบรรยายในฟอ งนน้ั เปน
๒๓๒
เพียงการบรรยายรายละเอียดถึงที่มาแหงมูลหนี้ตามจำนวนหนี้ที่กำหนดไวในแผนฟนฟูกิจการ
เทานั้น และเนื่องจากการขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการโจทกไดขอรับชำระหนี้รวมทั้งหมด
๙ มลู หน้ี เปน จำนวนเดยี วกนั และเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยม คี ำสง่ั อนญุ าตใหโ จทกไ ดร บั ชำระหน้ี
เต็มตามขอ ตามสำเนาคำขอรับชำระหนี้และสำเนาคำสั่งเจาพนักงานพิทักษทรัพย และในการ
ปรับปรุงโครงสรางหนี้ แผนฟนฟูกิจการ ขอ ๗.๒.๒ ก. ไดกำหนดใหหนี้ใหมของจำเลยเปนหนี้
สว นท่ี ๑ และขอ ๗.๒.๒ ข. ไดก ำหนดใหแ บง หนเ้ี ดมิ ของจำเลยทง้ั หมดออกเปน ๘ สว น (สว นท่ี ๒
ถงึ สว นท่ี ๙) โดยแบง หนข้ี องโจทกซ ง่ึ เปน เจา หนก้ี ลมุ ท่ี ๑ ออกเปน หลายสว น และจดั ใหอ ยใู นหน้ี
สว นท่ี ๓ ถงึ สว นท่ี ๘ ซง่ึ การชำระหนแ้ี ตล ะสว นใหโ จทกต ามแผนฟน ฟกู จิ การมไิ ดแ บง แยกวา เปน
การชำระหนี้ในมูลหนี้ของโจทกตามคำขอรับชำระหนี้ประเภทใดบาง ดังนั้น เมื่อจำเลยผิดนัด
ชำระหนี้ การแยกคำนวณหนี้เพื่อเรียกรองใหจำเลยรับผิดชำระหนี้ที่คางจึงตองคำนวณตาม
สดั สว นของมลู หนเ้ี ดมิ ทโ่ี จทกย น่ื คำขอรบั ชำระหนเ้ี ปน สำคญั จงึ ฟง ไดว า โจทกฟ อ งเรยี กใหจ ำเลย
ชำระหนี้ตามมูลหนี้ที่จำเลยคางชำระในแผนฟนฟูกิจการ มิใชตามมูลหนี้เดิมตามที่จำเลยอาง
จำเลยจึงมีหนาที่ตองชำระหนี้ที่คางใหแกโจทกจนครบถวนตามแผนฟนฟูกิจการ สวนที่จำเลย
อุทธรณวา ในระหวางดำเนินการตามแผนฟนฟูกิจการ จำเลยไดนำเงิน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ไปผอ นชำระหนใ้ี หแ กโ จทก แตโ จทกน ำไปตดั ชำระดอกเบย้ี ทง้ั จำนวนไมต ดั ชำระตน เงนิ เปน การ
ไมชอบดวยกฎหมายเพราะจำเลยแจงความประสงคใหโจทกนำเงินไปหักชำระตนเงินกอน
และโจทกไดใหจำเลยนำเงินไปวางใหโจทก ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจะตองนำไปจัดสรรใหแก
เจาหนใี้ นแผนฟนฟูกจิ การ แตโจทกนำไปหักชำระหนีใ้ หแกโ จทกเ อง เห็นวา การที่จำเลยนำเงิน
๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปผอนชำระใหโจทก แมจำเลยจะแจงความประสงคใหโจทกนำเงินไปหัก
ชำระตนเงินกอน แตโจทกมิไดตกลงดวย และตามแผนฟนฟูกิจการก็มิไดระบุใหจำเลยกระทำ
เชนนี้ได จึงจะถือวามีการตกลงกันไวแลวไมได เมื่อการชำระหนี้ของจำเลยไมพอชำระหนี้
ใหแกโจทกทั้งหมด การชำระหนี้จึงตองชำระดอกเบี้ยที่คางชำระซึ่งเกิดขึ้นกอนวันชำระหนี้
หากมีเงินเหลือจากชำระดอกเบี้ยจึงนำไปชำระตนเงิน ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย
มาตรา ๓๒๙ วรรคหนึ่ง การที่โจทกนำเงินจำนวนดังกลาวไปชำระดอกเบี้ยทั้งหมด โดยไมได
นำไปชำระตนเงิน จึงไมใชการกระทำที่ไมชอบดวยกฎหมาย สวนเงิน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
ทจ่ี ำเลยอทุ ธรณอ า งวา โจทกน ำไปหกั ชำระหนแ้ี กโ จทกเ อง โดยไมน ำไปจดั สรรแกเ จา หนท้ี กุ ราย
ตามแผนฟน ฟกู ิจการ และภายหลงั ศาลมคี ำส่งั ยกเลิกการฟนฟูกจิ การของจำเลย จำเลยไดผอ น
ชำระหนี้ตามแผนฟนฟูกิจการในป ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ เปนเงินสูงถึง ๔๙,๑๐๓,๙๘๕.๕๐ บาท
และชำระป ๒๕๖๐ และ ๒๕๖๑ อีกเปน เงินจำนวนกวา ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เหน็ วา จำเลย
๒๓๓
ไมไดใหการยกขอตอสูในเรื่องดังกลาวมาโตแยงวา มูลหนี้ตามฟองของโจทกไมถูกตอง การที่จำเลย
นำสืบถึงขอเท็จจริงดังกลาวเปนการนำสืบนอกคำใหการ เปนขอที่มิไดยกขึ้นวากันมาแลวโดยชอบ
ในศาลชั้นตน ตามประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง มาตรา ๒๒๕ วรรคหน่ึง ประกอบ
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลลมละลายและวิธีพิจารณาคดีลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๔
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษจงึ ไมร บั วนิ จิ ฉยั สว นทจ่ี ำเลยอทุ ธรณว า ไดช ำระหนใ้ี หโ จทกใ นป ๒๕๖๐
และ ๒๕๖๑ เปนเงินอีกกวา ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เห็นวา เงินจำนวนดังกลาวเปนเงินที่
จำเลยชำระใหโจทกภายหลังจากที่โจทกฟองคดีนี้แลว ซึ่งปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา
ของศาลลม ละลายกลาง ฉบบั ลงวนั ท่ี ๑๐ ตลุ าคม ๒๕๖๐ วนั ท่ี ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๖๐ และวนั ท่ี ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๖๑ ใจความวาทนายโจทกและทนายจำเลยแถลงรวมกันวา จำเลยไดชำระหนี้
ใหโ จทกแ ลว ประมาณ ๓๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เปน การชำระหนใ้ี นมลู หนท้ี เ่ี กย่ี วพนั กบั คดหี มายเลข
ดำท่ี พก.๒/๒๕๖๐ ของศาลลม ละลายกลาง ยงั เหลอื ยอดหนท้ี ต่ี อ งชำระอกี ประมาณ ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
จำนวนเงนิ ทจ่ี ำเลยชำระและยอดหนท้ี ค่ี า งชำระดงั กลา วมากกวา มลู หนใ้ี นคดนี ้ี นา เชอ่ื วา เงนิ กวา
๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เปนเงินที่จำเลยชำระหนี้ใหโจทกตามขอตกลงอื่น มิไดชำระหนี้ใหโจทก
ในคดีนี้ เมื่อการชำระหนี้แกโจทกตามแผนฟนฟูกิจการของจำเลยไมไดแบงแยกวาชำระหนี้ใน
มูลหนี้ประเภทใด ดังนั้น การฟองใหจำเลยรับผิดชำระหนี้ใหโจทกจึงสามารถนำสัดสวนรอยละ ๓.๔
ตามภาระหนส้ี ญั ญาทรสั ทร ซี ที ทง้ั ๔ ฉบบั มาคำนวณกบั ฐานตน เงนิ ทง้ั หมดทย่ี น่ื ขอรบั ชำระหน้ี
และดอกเบี้ยคางชำระทั้งหมดโดยเทียบสัดสวนไดเพราะเมื่อรวมทุกคดีแลวโจทกก็ไมมีสิทธิไดรับ
ชำระหนเ้ี กนิ กวา จำนวนทข่ี อรบั ชำระหนแ้ี ละตามทก่ี ำหนดในแผนฟน ฟกู จิ การ จำเลยจงึ ตอ ง
รบั ผิดชำระหนีใ้ หแกโจทกต ามฟอ ง อทุ ธรณขอ นข้ี องจำเลยฟง ไมข ้ึนเชน เดยี วกัน
มปี ญหาท่ตี องวนิ จิ ฉัยตามอุทธรณของจำเลยประการสดุ ทายวา ฟองโจทกขาดอายุความ
หรอื ไม เหน็ วา เมอื่ บรรษัทบรหิ ารสินทรัพยไทยเจาหนีเ้ ดมิ ไดย ่นื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นการฟน ฟู
กิจการของจำเลย และแผนฟนฟูกิจการของจำเลยที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบแลวกำหนดใหจำเลย
ตอ งชำระหนใ้ี หแกโจทกซ่ึงเปน เจา หนก้ี ลุม ท่ี ๑ สิทธิเรยี กรองของโจทกท่จี ะไดรบั ชำระหนี้ตาม
แผนฟนฟูกิจการจึงเปนสิทธิเรียกรองที่ตางไปจากสิทธิเรียกรองตามสัญญาเลตเตอรออฟเครดิต
และสัญญาทรัสทรีซีท และเปนสิทธิเรียกรองที่ไมมีบทบัญญัติแหงกฎหมายกำหนดไวเปนการ
เฉพาะวามอี ายคุ วามเทาใด จงึ มีกำหนดอายคุ วาม ๑๐ ป ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย
มาตรา ๑๙๓/๓๐ สวนดอกเบี้ยคางชำระมีกำหนดอายุความ ๕ ป ตามมาตรา ๑๙๓/๓๓ (๑)
เมอ่ื ภายหลงั ศาลมคี ำสง่ั ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การ ผลของคำสง่ั ยกเลกิ การฟน ฟกู จิ การสำหรบั โจทก
ซึ่งเปนเจาหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ คือยังคงมีสิทธิเรียกรองที่จะไดรับชำระหนี้ตามที่กำหนดไว
๒๓๔
ในแผนฟน ฟกู จิ การทศ่ี าลใหค วามเหน็ ชอบแลว ตอ ไป ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๐/๗๕ และมาตรา ๙๐/๗๖ ดังน้นั เมื่อจำเลยยังคงมกี ารชำระหน้ใี หแ กโจทกต ามแผน
ฟน ฟูกจิ การเรือ่ ยมา โดยชำระหนีค้ ร้ังสุดทา ยเมือ่ วนั ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๗ หลังจากนั้นจำเลย
ผิดนัดไมชำระหนี้ อายุความ ๑๐ ป สำหรับเงินตน และ ๕ ป สำหรับดอกเบี้ยคางชำระ ในสิทธิ
เรียกรองที่เกิดขึ้นจึงเริ่มนับแตขณะที่จำเลยผิดนัดดังกลาว ซึ่งโจทกอาจบังคับสิทธิเรียกรอง
ไดต ามประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย มาตรา ๑๙๓/๑๒ การทโ่ี จทกน ำคดมี าฟอ งเมอ่ื วนั ท่ี ๓๑
สงิ หาคม ๒๕๕๘ จงึ ยงั ไมล ว งพน อายคุ วาม ๑๐ ป และ ๕ ป มลู หนเ้ี งนิ ตน และดอกเบย้ี คา งชำระ
ตามฟอ งของโจทก จงึ ยงั ไมข าดอายคุ วาม ทศ่ี าลลม ละลายกลางพพิ ากษาใหจ ำเลยชำระหนโ้ี จทก
ตามฟอ ง ศาลอทุ ธรณค ดีชำนัญพิเศษเหน็ พองดว ย อทุ ธรณข องจำเลยลว นฟง ไมข ้ึน
พิพากษายืน ใหจำเลยใชคาฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณแทนโจทก โดยกำหนด
คา ทนายความ ๑๕,๐๐๐ บาท.
(พนู ศกั ดิ์ เขม็ แซมเกษ - จกั รพนั ธ สอนสุภาพ - ปฏกิ รณ คงพพิ ธิ )
นราธิป บุญญพนชิ - ยอ
วริ ัตน วศิ ิษฏว งศกร - ตรวจ
๒๓๕
คำพพิ ากษาศาลอุทธรณค ดีชำนญั พิเศษที่ ๒๑๒๔/๒๕๖๔ บรษิ ทั ทที แี อนดท ี
จำกัด (มหาชน) ลกู หน้ผี รู องขอ
บริษทั อยุธยา ลิมิเต็ด เจาหน้ี
บริษัทคลาวด
คอมพิวต้งิ โซลูช่นั ส
จำกัด กบั พวก ผโู ตแ ยง
พ.ร.บ. ลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๒, ๙๐/๖๐ วรรคหนง่ึ , ๙๐/๗๘
ผโู ตแ ยง ท่ี ๒ เปน เจา หนร้ี ายหนง่ึ ทย่ี น่ื คำรอ งคดั คา นคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หน้ี
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ งึ ตอ งแจง กำหนดนดั สอบสวนหนใ้ี หผ โู ตแ ยง ท่ี ๒ ทราบ เพอ่ื จะ
ไดมีโอกาสโตแยงหรือเสนอพยานหลักฐานหักลางพยานหลักฐานที่เจาหนี้เสนอตอเจา
พนักงานพิทักษทรัพย อันเปนการดำเนินการตามหลักฟงความทุกฝาย แตเจาพนักงาน
พทิ กั ษท รพั ยก ม็ อี ำนาจทจ่ี ะใชด ลุ พนิ จิ ในการพจิ ารณาวา จะนำพยานหลกั ฐานใดมาพจิ ารณา
หรือหากเจาพนักงานพิทักษทรัพยเห็นวาพยานหลักฐานเทาที่ไดสอบสวนมาเพียงพอ
ที่จะทำความเห็นเรื่องหนี้ที่ขอรับชำระตอศาล หรือพยานที่อางมาใหการฟุมเฟอยเกิน
สมควร หรือประวิงใหชักชาหรือไมเกี่ยวกับประเด็น เจาพนักงานพิทักษทรัพยก็ยอม
มีอำนาจที่จะงดการสอบสวนได เมื่อเจาพนักงานพิทักษทรัพยเห็นวาพยานหลักฐานที่
ปรากฏอยูในสำนวนเพียงพอและสามารถที่จะทำความเห็นได จึงอาจไมจำเปนตองแจง
ใหผูโตแยงที่ ๒ ทราบ เพื่อใหมาตรวจสอบหรือเสนอพยานหลักฐานอื่นใดเพิ่มเติมอีก
ทั้งการทำความเห็นของเจาพนักงานพิทักษทรัพยก็เปนความเห็นเชนเดียวกับที่เคย
มีคำสั่งไวในชั้นฟนฟูกิจการ กรณีจึงอาจไมมีความจำเปนที่จะตองใหผูโตแยงที่ ๒ เสนอ
พยานหลักฐานเพื่อโตแยงคัดคานใด ๆ อีก ถือไดวาเจาพนักงานพิทักษทรัพยใชดุลพินิจ
ในการสอบสวนและงดสอบสวนพยานหลกั ฐานท่ไี มจ ำเปนหรือฟุม เฟอยเกินจำเปนตาม
ทเ่ี หน็ สมควร และไมท ำใหผ โู ตแ ยง ท่ี ๒ เสยี หายหรอื เสยี เปรยี บ กระบวนการและขน้ั ตอน
ตลอดจนวธิ ีการสอบสวนหน้ขี องเจาพนักงานพิทักษท รพั ยจงึ ชอบดว ยกฎหมายแลว
ในระหวางการฟนฟูกิจการ เจาหนี้ไดรับโอนสิทธิเรียกรองมาจากเจาหนี้เดิม
๘ ราย ซึ่งตามคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการของเจาหนี้เดิมทั้ง ๘ ราย
เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งใหเจาหนี้เดิมทั้ง ๘ ราย ดังกลาวไดรับชำระหนี้ โดยให
๒๓๖
ไดรับชำระดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดแบบไมทบตนนับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให
ฟน ฟกู จิ การเปน ตน ไปจนกวา ลกู หนจ้ี ะชำระเสรจ็ การขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนใ้ี นกรณี
ที่ลูกหนี้ที่ขอฟนฟูกิจการแลวตอมาถูกศาลสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาด เจาหนี้จึงชอบที่จะได
รับชำระหนี้ตามจำนวนหนี้ที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยหรือศาลเคยมีคำสั่งอนุญาตใหได
รับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการไวตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๒
เพราะคำสั่งศาลที่ใหพิทักษทรัพยเด็ดขาดไมกระทบถึงการใดที่ไดกระทำโดยสุจริตและ
เปน ไปตามแผนแลว กอ นศาลมคี ำสง่ั เชน วา นน้ั และมผี ลใหห นท้ี เ่ี จา หนม้ี สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระ
ในการฟนฟูกิจการกลับคืนสูสถานะดังที่เปนอยูเดิม เวนแตสภาพแหงหนี้ในขณะนั้นจะ
ไมเ ปดชอ งใหกระทำไดต ามมาตรา ๙๐/๗๘ ดงั นัน้ เม่ือเจาพนักงานพิทักษท รพั ยมีคำสัง่
ใหเ จา หน้ีเดมิ ทง้ั ๘ ราย ในชนั้ ฟนฟูกจิ การไดรบั ชำระหนี้ในสว นดอกเบยี้ นบั แตว นั ท่ี ๗
พฤศจิกายน ๒๕๕๑ เปนตนไปจนกวาจะชำระเสร็จแบบไมทบตน เจาหนี้ในฐานะที่เปน
ผรู บั โอนสิทธิเรยี กรองมาจากเจาหนที้ ้งั ๘ ราย ดังกลาว จึงตองผกู พนั ที่จะไดรับชำระหน้ี
ในสวนดอกเบี้ยเพียงเทาที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีคำสั่งไวในชั้นฟนฟูกิจการแลวเทานั้น
เจา หนจ้ี งึ หามสี ทิ ธไิ ดร บั ดอกเบย้ี แบบทบตน ตง้ั แตว นั ทศ่ี าลมคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การ (วนั ท่ี ๗
พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑) ถึงวนั ท่ีศาลมคี ำสั่งพิทกั ษท รพั ย (วนั ที่ ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๙)
อัตราสว นในการแปลงหน้ีเปนทุนเพ่ือใชในการคำนวณเพื่อหักชำระหน้ใี นช้ัน
ฟน ฟกู จิ การจะตอ งใชใ นอตั ราเทา ใดนน้ั ตามแผนฟน ฟกู จิ การระบวุ า ใหใ ชอ ตั ราหน้ี ๑ บาท
คดิ เปน หนุ ๑ หนุ ซง่ึ แผนฟน ฟกู จิ การดงั กลา วเมอ่ื ศาลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบแลว ยอ มผกู มดั
เจาหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการไดและเจาหนี้ซึ่งมีสิทธิไดรับชำระหนี้
ในการฟนฟูกิจการตาม พ.ร.บ. ลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๖๐ วรรคหนึ่ง โดย
เจา หนีเ้ ปน เจาหนีซ้ ่ึงอาจขอรบั ชำระหน้ใี นการฟนฟูกจิ การไดย อมตองถกู ผกู มัดตามแผน
ฟนฟูกิจการนั้นดวย แมตอมาลูกหนี้จะถูกพิทักษทรัพยเด็ดขาดก็ไมกระทบถึงการใด
ที่ไดก ระทำโดยสุจริตและเปน ไปตามแผนแลวกอนมีคำสงั่ เชนวา นั้นตามมาตรา ๙๐/๗๘
การที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดคำนวณการแปลงหนี้เปนทุนโดยใชอัตราหนี้ ๑ บาท
คดิ เปนหุน ๑ หนุ จงึ ถูกตอ งแลว
_____________________________
คดีสืบเนื่องมาจากศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการของลูกหนี้เมื่อวันที่ ๗
พฤศจกิ ายน ๒๕๕๑ และตง้ั บรษิ ทั พี แพลนเนอร จำกดั เปน ผทู ำแผนเมอ่ื วนั ท่ี ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๒
๒๓๗
ตอมาศาลมีคำสั่งเห็นชอบดวยแผนฟนฟูกิจการโดยมีผูทำแผนเปนผูบริหารแผนเมื่อวันที่ ๒๘
ธนั วาคม ๒๕๕๓ ศาลมคี ำสง่ั เหน็ ชอบดว ยขอ เสนอขอแกไ ขแผนครง้ั ท่ี ๑ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ ตลุ าคม ๒๕๕๔
และมคี ำสง่ั ตง้ั บรษิ ทั พซี แี อล แพลนเนอร จำกดั เปน ผบู รหิ ารแผนคนใหมเ มอ่ื วนั ท่ี ๓ มนี าคม ๒๕๕๗
และมีคำสั่งเห็นชอบดวยขอเสนอขอแกไขแผนครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
ตามคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๕๕/๒๕๕๑ ของศาลลมละลายกลาง ตอมาเมื่อระยะเวลาดำเนินการ
ตามแผนสน้ิ สดุ ลง แตก ารฟน ฟกู จิ การยงั ไมเ ปน ผลสำเรจ็ ตามแผน ศาลลม ละลายกลางจงึ มคี ำสง่ั
พิทักษทรัพยของลูกหนี้เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๗๐
วรรคสอง เม่อื วนั ที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙
เจาหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เปนเจาหนี้ในมูลหนี้เงินกู จำนำ และโอนสิทธิเรียกรอง
จำนวน ๑๒ อันดับ รวมเปนเงิน ๒๐,๕๘๗,๔๙๘,๘๑๕.๐๓ บาท จากกองทรัพยสินของลูกหนี้
ในฐานะเจาหนม้ี ปี ระกันตามพระราชบัญญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๖ (๓)
เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดใหบรรดาเจาหนี้และลูกหนี้ตรวจคำขอรับชำระหนี้ตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๐๔ แลว ผโู ตแ ยง ท่ี ๑ ซง่ึ เปน เจา หนร้ี ายท่ี ๑๗๔๕
ผูโตแยงที่ ๒ ซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๑๗๔๗ และผูโตแยงที่ ๓ ซึ่งเปนเจาหนี้รายที่ ๑๗๖๕ โตแยง
คำขอรับชำระหนข้ี องเจาหน้ีรายน้ี
เจาพนักงานพิทักษทรัพยสอบสวนแลวทำความเห็นวา การโอนสิทธิเรียกรองระหวาง
ผูโอนกับเจาหนี้ชอบดวยกฎหมาย เห็นควรใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ในมูลหนี้อันดับ ๑ และ
อนั ดบั ๒ ซง่ึ รบั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งมาจาก แอฟวะนวิ เอเชยี สเปเชย่ี ล ซติ เุ อชน่ั ส ฟน ด ท,ู แอล พี
เจา หน้ี รายท่ี ๖ รวมเปน เงนิ ๔,๘๙๘,๘๗๐,๙๑๒.๖๖ บาท มลู หนอ้ี นั ดบั ๓ รบั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ ง
มาจากแอฟวะนิว เอเชีย สเปเชี่ยลซิตุเอชั่นส ฟนด ทรี, แอล พี เจาหนี้รายที่ ๗ เปนเงิน
๓,๒๒๗,๑๖๖,๗๖๒.๘๒ บาท มูลหนี้อันดับ ๔ รับโอนสิทธิเรียกรองมาจาก แอฟวะนิว เอเชีย
อินเตอรเนชั่นแนล ลิมิเต็ด เจาหนี้รายที่ ๘ เปนเงิน ๗๖,๘๘๘,๒๓๗.๕๘ บาท มูลหนี้อันดับ ๕
และอนั ดบั ๖ รบั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งมาจาก เคลยี รว อเตอร แคปปต อล พารท เนอรส ฟน ด ทรี แอล พี
เจา หนร้ี ายท่ี ๑๕ รวมเปน เงนิ ๒,๓๗๕,๖๐๑,๘๓๒.๙๓ บาท มลู หนอ้ี นั ดบั ๗ และอนั ดบั ๘ รบั โอน
สิทธิเรียกรองมาจาก เครดิต อินดัสเตรียล เอ คอมเมอรเชียล สาขาสิงคโปร เจาหนี้รายที่ ๑๖
รวมเปน เงนิ ๑,๔๔๓,๓๐๙,๙๓๖.๖๖ บาท มลู หนอ้ี นั ดบั ๙ รบั โอนสทิ ธเิ รยี กรอ งมาจาก กองทนุ รวม
ไทยดีเวลลอปเมนท เจาหนี้รายที่ ๑๙ เปนเงิน ๑,๖๔๘,๗๕๐,๖๔๑.๘๐ บาท มูลหนี้อันดับ ๑๐
และอันดับ ๑๑ รับโอนสิทธิเรียกรองมาจาก ซีวีไอจีวีเอฟ (ลักซ) มาสเตอร เอส เอ อาร แอล
เจาหนี้รายที่ ๔๐ รวมเปนเงิน ๔๗๙,๕๗๙,๗๗๕.๖๐ บาท และมูลหนี้อันดับ ๑๒ รับโอนสิทธิ
๒๓๘
เรียกรองมาจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทบริหารสินทรัพยสาทร จำกัด
ผูสวมสิทธิแทน เจาหนี้รายที่ ๔๑ เปนเงิน ๔๗๓,๔๙๖,๐๖๐.๒๕ บาท รวมเปนเงินทั้งสิ้น
๑๔,๖๒๓,๖๖๔,๑๖๐.๑๐ บาท ในฐานะเจา หนม้ี ปี ระกนั ตามพระราชบญั ญตั ลิ ม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓
มาตรา ๙๖ (๓) โดยใหไ ดร บั ชำระหนจ้ี ากการขายทอดตลาดหนุ ของบรษิ ทั ทที แี อนดท ี ซบั สไครเบอร
เซอรวิสเซส จำกัด ๙๙๙,๙๙๓ หุน กอนเจาหนี้อื่นในวงเงินจำนำเปนเงิน ๙,๙๙๙,๙๓๐ บาท
หากยังขาดอยูเทาใด ใหไดรับชำระหนี้โดยสวนเฉลี่ยอยางเจาหนี้สามัญจากกองทรัพยสินของ
ลกู หนีต้ ามพระราชบัญญัติลม ละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๓๐ (๗) สว นทข่ี อเกินมาใหยกเสยี
ศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ตามความเห็นของเจาพนักงาน
พิทกั ษท รพั ย
เจาหน้แี ละผโู ตแยง ที่ ๒ อทุ ธรณ
ศาลอทุ ธรณค ดชี ำนญั พเิ ศษแผนกคดลี ม ละลายวนิ จิ ฉยั วา ขอ เทจ็ จรงิ เบอ้ื งตน ทค่ี คู วาม
ไมโ ตแ ยง กนั รบั ฟง เปน ยตุ ไิ ดว า เมอ่ื วนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ศาลลม ละลายกลางในคดหี มายเลข
แดงท่ี ฟ.๒๕/๒๕๔๓ มคี ำสง่ั ใหฟ น ฟกู จิ การของลกู หนซ้ี ง่ึ ขณะนน้ั ใชช อ่ื เดมิ วา บรษิ ทั ไทยเทเลโฟน
แอนด เทเลคอมมวิ นเิ คชน่ั จำกดั (มหาชน) และมคี ำสง่ั เหน็ ชอบดว ยแผนฟน ฟกู จิ การเมอ่ื วนั ท่ี ๒๗
ธนั วาคม ๒๕๔๓ โดยลกู หนต้ี กลงทำสญั ญาปรบั โครงสรา งหนฉ้ี บบั ลงวนั ท่ี ๒๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๔
รวมทง้ั สญั ญาวา ดว ยขอ ตกลงรว ม (Common Terms Agreement) กบั บรรดาเจา หนต้ี ามขอ ตกลง
ในแผนฟนฟูกิจการ และศาลลมละลายกลางมีคำสั่งใหยกเลิกการฟนฟูกิจการ เมื่อวันที่ ๒๔
ธันวาคม ๒๕๔๔ ตอมาลูกหนี้ยื่นคำรองขอฟนฟูกิจการอีกครั้งและศาลมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการ
เปนคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๕๕/๒๕๕๑ ของศาลลมละลายกลาง เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการ
ดำเนนิ การตามแผนฟน ฟกู จิ การ ๕ ป แลว การฟน ฟกู จิ การไมส ำเรจ็ ตามแผน ศาลลม ละลายกลาง
จึงมีคำสั่งพิทักษทรัพยของลูกหนี้เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา
๙๐/๗๐ วรรคสอง เมอ่ื วนั ท่ี ๑๕ มนี าคม ๒๕๕๙ ในระหวา งการฟน ฟกู จิ การเจา หนเ้ี ดมิ ของลกู หน้ี
ตามแผนฟน ฟกู จิ การ ๘ ราย ประกอบดว ยแอฟวะนวิ เอเชยี สเปเชย่ี ล ซติ เุ อชน่ั ส ฟน ด ท,ู แอล พี
เจา หนร้ี ายท่ี ๖ แอฟวะนวิ เอเชยี สเปเชย่ี ล ซติ เุ อชน่ั ส ฟน ด ทร,ี แอล พี เจา หนร้ี ายท่ี ๗ แอฟวะนวิ
เอเชีย อินเตอรเ นชัน่ แนล ลมิ เิ ตด็ เจาหนี้รายที่ ๘ เคลยี รวอเตอร แคปปต อล พารท เนอรส ฟน ด
ทรี แอล พี เจาหนี้รายที่ ๑๕ เครดิต อินตัสเตรียล เอ คอมเมอรเชียล, สาขาสิงคโปร เจาหนี้
รายท่ี ๑๖ กองทนุ รวมไทยดเี วลลอปเมนท กองทุนจดทะเบียนภายใตก ฎหมายแหง ประเทศไทย
โดยบริษัทหลักทรัพยจัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด เจาหนี้รายที่ ๑๙ ซีวีไอจีวีเอฟ (ลักซ)
มาสเตอร เอส เอ อาร แอล เจาหนี้รายที่ ๔๐ และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) โดย
๒๓๙
บรษิ ทั บรหิ ารสนิ ทรพั ยส าทร จำกดั ผสู วมสทิ ธแิ ทน เจา หนร้ี ายท่ี ๔๑ ไดโ อนสทิ ธเิ รยี กรอ งในหน้ี
สกุลเงินเหรียญสหรัฐและสกุลเงินบาทใหเจาหนี้ ซึ่งเปนนิติบุคคลประเภทบริษัท จดทะเบียนจัด
ตั้งภายใตกฎหมายแหงหมูเกาะบริติช เวอรจิน โดยมีบริษัทอันดามัน ซี แมเนจเมนท ลิมิเต็ด
เปน ผมู อี ำนาจกระทำการแทน ซง่ึ เจา หนใ้ี นประเทศไทยสามารถยน่ื คำขอรบั ชำระหนใ้ี นคดลี ม ละลาย
ตามพระราชบัญญัติลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๖ มาตรา ๔๔๖ ของหมูเกาะบริติช เวอรจิน ได และ
เจา หนไ้ี มเ คยไดร บั ทรพั ยส นิ หรอื สว นแบง จากทรพั ยส นิ ของลกู หนน้ี อกราชอาณาจกั รและยอมสง
ทรพั ยส นิ หรอื สว นแบง จากทรพั ยส นิ ของลกู หนม้ี ารวมในกองทรพั ยส นิ ของลกู หนใ้ี นราชอาณาจกั ร
กรณเี หน็ สมควรวนิ จิ ฉยั ตามอุทธรณข องผูโ ตแ ยงท่ี ๒ และทเี่ จาพนกั งานพทิ กั ษทรพั ย
แกอ ทุ ธรณก อ นวา อทุ ธรณข องผโู ตแ ยง ท่ี ๒ เปน อทุ ธรณท ไ่ี มไ ดโ ตแ ยง คำสง่ั ของศาลลม ละลายกลาง
เปนอุทธรณที่ไมแจงชัด ตองหามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๒๒๓
(ที่ถกู มาตรา ๒๒๕ วรรคหนงึ่ ) ประกอบพระราชบัญญตั จิ ดั ต้งั ศาลลม ละลายและวิธีพจิ ารณาคดี
ลมละลาย พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ (ที่ถูก มาตรา ๒๔) หรือไม เห็นวา แมอุทธรณของผูโตแยง
ที่ ๒ จะมิไดโตแยงคำสั่งศาลลมละลายกลางที่อนุญาตใหเจาหนี้ไดรับชำระหนี้ตามความเห็น
ของเจาพนักงานพิทักษทรัพยวาไมชอบอยางไร ที่ถูกเจาหนี้ควรมีสิทธิไดรับชำระหนี้ในแตละ
มูลหนี้เพียงใดก็ตาม แตการที่ผูโตแยงที่ ๒ อุทธรณอางวา กระบวนการในการสอบสวนหนี้ของ
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ มช อบเนอ่ื งจากมไิ ดแ จง วนั กำหนดนดั สอบสวนใหผ โู ตแ ยง ท่ี ๒ ทราบ
ผูโตแยงที่ ๒ จึงไมมีโอกาสที่จะโตแยงคัดคานหรือเสนอพยานหลักฐานเพื่อหักลางคำขอรับ
ชำระหนี้ของเจาหนี้อันเปนการนำไปสูการวินิจฉัยวา เจาหนี้ควรจะไดรับชำระหนี้หรือไมหรือ
ไดร บั ชำระหนม้ี ากนอ ยเพยี งใด ถอื เปน การโตแ ยง คำสง่ั ของศาลลม ละลายกลางแลว อทุ ธรณข อง
ผโู ตแ ยง ท่ี ๒ จงึ ชอบดว ยกฎหมาย สว นทผ่ี โู ตแ ยง ท่ี ๒ อทุ ธรณต อ มาวา ผโู ตแ ยง ท่ี ๒ เปน เจา หน้ี
รายหนึ่งที่ไดยื่นคำรองคัดคานคำขอรับชำระหนี้ของเจาหนี้ไว แตในกระบวนการ ขั้นตอน และ
วิธีการสอบสวนหนี้ของเจาพนักงานพิทักษทรัพยมิไดแจงใหผูโตแยงที่ ๒ ทราบถึงกำหนดนัด
สอบสวนหนเ้ี ลย ทำใหผ โู ตแ ยง ท่ี ๒ ไมม โี อกาสไดโ ตแ ยง หรอื ตรวจสอบความถกู ตอ งของเอกสาร
หรอื พยานหลกั ฐานทเ่ี จา หนเ้ี สนอ และไมม โี อกาสเสนอพยานหลกั ฐานเพอ่ื หกั ลา งพยานหลกั ฐาน
ของเจา หน้ี ทง้ั ไมม โี อกาสซกั คา นพยานของเจา หนอ้ี นั เปน การขดั หลกั การฟง ความทกุ ฝา ย ซง่ึ หาก
ผโู ตแ ยง ท่ี ๒ ไดม โี อกาสรว มสอบสวนหนแ้ี ลว เจา หนอ้ี าจไมไ ดร บั ชำระหนห้ี รอื ไดร บั ชำระหนน้ี อ ยลง
การดำเนินการและการทำความเห็นของเจาพนักงานพิทักษทรัพยจึงไมชอบดวยกฎหมายนั้น
คดีจึงมีปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของผูโตแยงที่ ๒ วา การสอบสวนหนี้ของเจาพนักงาน
พิทักษทรัพยชอบดวยกฎหมายหรือไม เห็นวา ผูโตแยงที่ ๒ เปนเจาหนี้รายหนึ่งที่ยื่นคำรอง
๒๔๐
คดั คา นคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนไ้ี ว เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ งึ ตอ งแจง กำหนดนดั สอบสวน
หนี้ใหผูโตแยงที่ ๒ ทราบเพื่อที่ผูโตแยงที่ ๒ จะไดมีโอกาสโตแยง หรือเสนอพยานหลักฐาน
เพื่อหักลางพยานหลักฐานที่เจาหนี้เสนอตอเจาพนักงานพิทักษทรัพยอันเปนการดำเนินการ
ตามหลกั ฟง ความทกุ ฝา ยดงั ทผ่ี โู ตแ ยง ท่ี ๒ อทุ ธรณ แตอ ยา งไรกด็ ี ในการสอบสวนหนเ้ี จา พนกั งาน
พทิ กั ษท รพั ยก ม็ อี ำนาจทจ่ี ะใชด ลุ พนิ จิ ในการพจิ ารณาวา จะนำพยานหลกั ฐานใดมาพจิ ารณาหรอื
หากเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยเ หน็ วา พยานหลกั ฐานเทา ทไ่ี ดส อบสวนมาเพยี งพอทจ่ี ะทำความเหน็
เรื่องหนี้ทขี่ อรับชำระตอศาล หรือพยานท่อี างมาใหก ารฟุมเฟอ ยเกินสมควร หรอื ประวงิ ใหช ักชา
หรอื ไมเ ก่ียวกบั ประเดน็ เจาพนกั งานพิทกั ษทรัพยกย็ อ มมีอำนาจทจี่ ะงดการสอบสวนได ซ่งึ เมือ่
พจิ ารณาความเหน็ ตามคำขอรบั ชำระหนข้ี องเจา หนข้ี องเจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยแ ลว เหน็ ไดว า
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ ดใ หค วามสำคญั แกค ำรอ งคดั คา นของผโู ตแ ยง ทง้ั สามแลว โดยกำหนด
ประเด็นจากขอโตแยงคัดคานเพื่อใชเปนหลักในการวินิจฉัยทำความเห็น โดยเฉพาะประเด็นที่
เกี่ยวกับความชอบดวยกฎหมายของการโอนสิทธิเรียกรอง เจาพนักงานพิทักษทรัพยก็อาศัย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๖๗๑-๕๖๗๒/๒๕๖๐ ซึ่งทั้งเจาหนี้และผูโตแยงที่ ๒ ตางเปนคูความในคดี
ดงั กลา วยอ มตองถกู ผกู พันตามผลของคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความแพง
มาตรา ๑๔๕ วรรคหนง่ึ ประกอบพระราชบญั ญตั จิ ดั ตง้ั ศาลลม ละลายและวธิ พี จิ ารณาคดลี ม ละลาย
พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๔ สวนในประเด็นที่เกี่ยวกับการคิดคำนวณดอกเบี้ยและจำนวนหนี้
เจาพนักงานพิทักษทรัพยก็อาศัยขอสัญญาในสัญญาวาดวยขอตกลงรวม (Common Terms
Agreement) แผนฟน ฟกู จิ การ และกฎหมาย เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยจ งึ เหน็ วา พยานหลกั ฐาน
ที่ปรากฏอยูในสำนวนเพียงพอและสามารถที่จะทำความเห็นได จึงอาจไมจำเปนตองแจงให
ผูโตแยงที่ ๒ ทราบ เพื่อใหมาตรวจสอบหรือเสนอพยานหลักฐานอื่นใดเพิ่มเติมอีก ทั้งการทำ
ความเห็นของเจาพนักงานพิทักษทรัพยก็เปนความเห็นเชนเดียวกับที่เคยมีคำสั่งไวในชั้นฟนฟู
กิจการ กรณีจึงอาจไมมีความจำเปนที่จะตองใหผูโตแยงที่ ๒ เสนอพยานหลักฐานเพื่อโตแยง
คดั คา นใด ๆ อกี ถอื ไดว า เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยไ ดใ ชด ลุ พนิ จิ ในการสอบสวนและงดสอบสวน
พยานหลักฐานที่ไมจำเปนหรือฟุมเฟอยเกินจำเปนตามที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยเห็นสมควร
และไมทำใหผูโตแยงที่ ๒ เสียหายหรือเสียเปรียบ ดังนี้ แมเจาพนักงานพิทักษทรัพยจะมิไดแจง
กำหนดนัดสอบสวนหนี้ใหผูโตแยงที่ ๒ ทราบก็ตาม กระบวนการและขั้นตอนตลอดจนวิธีการ
สอบสวนหนี้ของเจาพนักงานพิทักษทรัพยจึงชอบดวยกฎหมายแลว อุทธรณของผูโตแยงที่ ๒
ฟง ไมข ึ้น
๒๔๑
คดีมีปญหาตองวินิจฉัยตามอุทธรณของเจาหนี้และที่เจาพนักงานพิทักษทรัพย
แกอุทธรณวา เจาหนี้มีสิทธิไดรับชำระหนี้เพียงใด โดยเจาหนี้อุทธรณทำนองวา เจาหนี้มีสิทธิ
ที่จะไดรับชำระหนี้เปนเงิน ๒๐,๖๕๗,๑๔๖,๘๖๐.๖๘ บาท มิใช ๑๔,๖๒๓,๖๖๔,๑๖๐.๑๐ บาท
ดังที่เจาพนักงานพิทักษทรัพยมีความเห็นและที่ศาลลมละลายกลางมีคำสั่ง ซึ่งเหตุที่ทำให
เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ยท ำความเหน็ วา เจา หนม้ี สี ทิ ธไิ ดร บั ชำระหนเ้ี พยี ง ๑๔,๖๒๓,๖๖๔,๑๖๐.๑๐ บาท
เน่ืองมาจากเหตุสองประการ คอื (๑) เจาหนมี้ ีสทิ ธิคิดดอกเบีย้ ทบตนสำหรับดอกเบี้ยผดิ นัด
ที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งใหฟนฟูกิจการ (วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) ถึงวันที่ศาลมี
คำสั่งพิทักษทรัพย (วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙) เพราะรวมระยะเวลาแลวเปนระยะเวลามากกวา ๗ ป
เจาหนี้มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบตนไดเพราะเปนดอกเบี้ยคางชำระเกินกวา ๑ ป แลว ตามสัญญา
วาดวยขอตกลงรวม ขอ ๖.๓ (ค) แตเจาพนักงานพิทักษทรัพยมิไดคิดดอกเบี้ยทบตนให และ (๒)
ในการคำนวณการแปลงหนเ้ี ปน ทนุ เพอ่ื นำมาหกั ชำระหนใ้ี นชน้ั ฟน ฟกู จิ การ เจา พนกั งานพทิ กั ษท รพั ย
ใชอ ัตราการชำระหน้ีในอัตราหน้ี ๑ บาท คดิ เปนหนุ ๑ หุน ตามแผนฟน ฟูกิจการฉบับซ่งึ ไดรับ
ความเห็นชอบจากที่ประชุมเจาหนี้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ขอ ๖.๒ ซึ่งที่ถูกจะตอง
ใชอัตราหนี้ ๐.๑๓ บาท คิดเปนหุน ๑ หุน ซึ่งเปนมูลคาตามความเปนจริง ไมใชมูลคาที่กำหนด
ไวตามแผนฟนฟูกิจการ จึงทำใหจำนวนเงินที่นำมาหักชำระหนี้สูงกวาความเปนจริงนั้น เห็นวา
ในระหวางการฟนฟกู ิจการ เจา หน้ีไดร บั โอนสิทธิเรียกรองมาจากเจาหนีเ้ ดมิ ๘ ราย ซง่ึ ตามคำสงั่
คำขอรับชำระหนี้ในการฟนฟูกิจการของเจาหนี้เดิมทั้ง ๘ ราย เจาพนักงานพิทักษทรัพยไดวินิจฉัย
ทำนองเดียวกัน โดยแบงมูลหนี้เงินกูออกเปน ๓ กลุม เงินกูกลุม ก. เจาพนักงานพิทักษทรัพย
เห็นวา เมื่อมีดอกเบี้ยคางชำระเกิน ๑ ป เจาหนี้เดิมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบตนไดถึงวันที่ศาล
มีคำสงั่ ใหฟ น ฟกู จิ การ สวนเงินกูกลมุ ข. และ ค. เจา พนักงานพิทักษทรพั ยเ ห็นวา ขอ ตกลงรวม
ขอ ๖.๓ (ค) ที่ระบวุ า “ถาดอกเบี้ยกรณผี ดิ นดั ใด ๆ สำหรบั จำนวนเงินทีเ่ กนิ กำหนดชำระ คา งจาย
อยเู ปน เวลาไมน อยกวา หนึ่งป จะถูกนำไปทบเขากบั จำนวนเงินทเี่ กนิ กำหนดชำระและจำนวนเงิน
ทั้งหมดจะมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่อธิบายไวในขอ (ก) ขางตน” เปนขอตกลงที่ใหอำนาจ
เจาหนี้ในการที่จะคิดดอกเบี้ยทบตนหากมีดอกเบี้ยผิดนัดที่คางชำระอยูเปนเวลาไมนอยกวา
๑ ป แตส ญั ญาวา ดว ยขอ ตกลงรว มดงั กลา วไดท ำขน้ึ ในชน้ั ทล่ี กู หนม้ี กี ารฟน ฟกู จิ การในคดหี มายเลข
แดงที่ ฟ.๒๕/๒๕๔๓ ของศาลลมละลายกลาง ซึ่งตามแผนฟนฟูกิจการฉบับลงวันที่ ๒๙
พฤศจิกายน ๒๕๔๓ เอกสารหมาย จ.๕ ขอ ๔.๓.๒ (ค) (๒), ๔.๓.๓ (ค) (๒) กำหนด
ใหดอกเบี้ยที่พักชำระไมถือเปนดอกเบี้ยผิดนัดตามแผนฟนฟูกิจการดังกลาว และยังมีดอกเบี้ย
คางชำระไมถึง ๑ ป เจาหนี้เดิมจึงไมอาจคิดดอกเบี้ยทบตนได เจาพนักงานพิทักษทรัพยจึง
๒๔๒