The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Omb_Library, 2022-01-05 22:57:23

annual report_2560

annual report_2560

ในจังหวัด ด�ำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและเง่ือนไขการอนุญาตให้ดูดทรายด้วยแล้ว
ดงั นน้ั เรอื่ งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ ว จงึ ไมป่ รากฏวา่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทท่ี ม่ี หี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบไมป่ ฏบิ ตั ิ
ตามกฎหมาย หรอื ปฏบิ ตั นิ อกเหนอื อำ� นาจหนา้ ทตี่ ามกฎหมาย ปฏบิ ตั หิ รอื ละเลยไมป่ ฏบิ ตั ิ
หน้าท่ีท่ีก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องเรียนหรือประชาชนโดยไม่เป็นธรรมตามมาตรา
๑๓ (๑) (ก) (ข) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน
พ.ศ. ๒๕๕๒ ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยุติการพิจารณาเร่ืองร้องเรียนดังกล่าวตาม
มาตรา ๒๘ (๓) แหง่ พระราชบัญญตั ฉิ บับเดยี วกัน

คณะเจ้าหนา้ ที่สำ� นักงานผ้ตู รวจการแผ่นดนิ ลงพ้ืนทเี่ พื่อตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงตามคำ� รอ้ งเรยี น

ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ 101

เรอื่ งท่ี ๕

ปญั หาฝนุ่ ละอองและเสยี งจากการประกอบผลติ คอนกรตี ผสมเสรจ็ กอ่ ใหเ้ กดิ ความ
เดอื ดร้อนแก่ประชาชนในพ้นื ที่

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเร่ืองร้องเรียนจากผู้ประชาชนท่ีได้รับผลกระทบจากฝุ่น
ละอองและเสยี งจากการประกอบกจิ การโรงงานผลติ คอนกรตี ผสมเสรจ็ ซง่ึ ตง้ั อยตู่ ดิ กบั บา้ น
ของผู้ร้องเรียน โดยที่ผ่านมาผู้ร้องเรียนได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เก่ียวข้องในพ้ืนท่ีเพื่อ
ขอให้ช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ปัญหาความเดือด
รอ้ นดงั กล่าวยงั มไิ ด้รับการแกไ้ ขแต่อย่างใด
ผูต้ รวจการแผ่นดนิ จงึ ได้ขอให้จงั หวดั ช้ีแจงข้อเท็จจรงิ รวมถึงแนวทางในการแกไ้ ข
ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร้องเรียน ซ่ึงได้รับค�ำช้ีแจงว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ส่ง
เจา้ หนา้ ทเี่ ขา้ ตรวจสอบและแกไ้ ขปญั หา โดยผรู้ อ้ งเรยี นไดร้ บั การแกไ้ ขปญั หาจากหนว่ ยงาน
ในพ้ืนที่ และผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณฝุ่นละอองก็มีค่าไม่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
พรอ้ มทง้ั ไดแ้ จง้ ผลการตรวจวดั ใหผ้ รู้ อ้ งเรยี นทราบแลว้ ตอ่ มา ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดป้ ระสาน
กบั ผรู้ อ้ งเรยี นและไดร้ บั แจง้ วา่ ผลการตรวจวดั ปรมิ าณฝนุ่ ละอองนา่ จะมคี วามคลาดเคลอื่ น
เนอ่ื งจากในวันที่ท�ำการตรวจวัดมฝี นตก และปัจจบุ นั ผู้ร้องเรยี นยงั คงได้รับความเดอื ดรอ้ น
จากการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มอบหมายให้คณะเจ้าหน้าท่ี
สำ� นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ เดนิ ทางไปตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ บรเิ วณโรงงานทมี่ กี ารรอ้ งเรยี น
และประชุมพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวร่วมกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด
หน่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งและผรู้ อ้ งเรียน ผลการประชุมไดข้ ้อสรปุ ว่า จังหวดั ดังกล่าวจะแจ้งให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด�ำเนินการตามอ�ำนาจหน้าท่ี ก�ำชับให้ผู้ประกอบการจัดท�ำท่ีล้าง
ลอ้ รถขนสง่ ปนู คอนกรตี หนา้ สถานประกอบกจิ การเพอ่ื ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง ฉดี พน่ นำ�้ ทพี่ น้ื ทกุ ๆ
๓ ชว่ั โมง เพอื่ ปอ้ งกนั ฝนุ่ ละอองฟงุ้ กระจายในอากาศ ปรบั ปรงุ อาคารผสมปนู ใหม้ คี วามมดิ ชดิ
เป็นระบบปิด เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและกล่ิน รวมถึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการ
ย้ายบอ่ คายกากคอนกรตี ออกจากบริเวณรั้วทอ่ี ยใู่ กลบ้ า้ นของผ้รู ้องเรียน เพือ่ ป้องกันไม่ให้
เกดิ เสยี งดังสง่ ผลกระทบตอ่ ผูร้ ้องเรียน และในวนั เดยี วกันนีส้ ำ� นักงานอตุ สาหกรรมจงั หวัด

102 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ไดด้ ำ� เนนิ การตรวจวเิ คราะหป์ รมิ าณฝนุ่ ละอองอกี ครงั้ และจะทำ� การตรวจวเิ คราะหอ์ กี ครง้ั หนงึ่
ในชว่ งหลงั ฤดฝู น เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลการตรวจวเิ คราะหท์ ไี่ มค่ ลาดเคลอื่ น ซง่ึ ตอ่ มาผปู้ ระกอบกจิ การ
โรงงานคอนกรีตผสมเสรจ็ ดงั กลา่ วกไ็ ดด้ �ำเนินการแก้ไขปรบั ปรงุ สภาพโรงงานตามแนวทาง
ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกท้ังผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณฝุ่นละอองรวมถึง
ระดับเสยี งกม็ ีค่าไม่เกินเกณฑม์ าตรฐาน
ผ้ตู รวจการแผ่นดนิ พจิ ารณาแลว้ เห็นวา่ เรื่องร้องเรียนดงั กล่าวเป็นกรณที พ่ี นักงาน
เจ้าหน้าท่ีที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้ด�ำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ร้องเรียน
ตามอ�ำนาจหน้าที่แล้ว จึงได้วินิจฉัยให้ยุติการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว อน่ึง แม้ว่า
หนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งจะไดด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นใหแ้ กผ่ รู้ อ้ งเรยี นตามอำ� นาจ
หน้าท่ีแล้ว และผลการตรวจวิเคราะห์ปริมาณฝุ่นละอองและระดับเสียงมีค่าไม่เกินเกณฑ์
มาตรฐานก็ตาม แต่เน่ืองจากโรงงานผลิตคอนกรีตผสมเสร็จดังกล่าวต้ังอยู่ติดกับบ้านของ
ผรู้ อ้ งเรยี นซง่ึ กรณดี งั กลา่ วอาจเกดิ ปญั หาหรอื ขอ้ ขดั แยง้ ขน้ึ อกี ในอนาคต ดงั นน้ั ผตู้ รวจการ
แผน่ ดนิ จงึ มขี อ้ เสนอแนะใหจ้ งั หวดั กำ� ชบั หนว่ ยงานทม่ี หี นา้ ทก่ี ำ� กบั ดแู ลการประกอบกจิ การ
โรงงานและรกั ษาคณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มใหต้ รวจสอบและเฝา้ ระวงั การประกอบกจิ การโรงงาน
ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จดังกล่าวอย่างสม�่ำเสมอ รวมถึงบังคับใช้กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับ
การประกอบกจิ การโรงงานอยา่ งเครง่ ครดั แลว้ เพอ่ื ปอ้ งกนั มใิ หก้ ารประกอบกจิ การโรงงาน
ดังกล่าวสรา้ งความเดือดรอ้ นร�ำคาญต่อผรู้ ้องเรยี นหรอื ประชาชนท่ีอยอู่ าศยั ใกล้เคยี ง

เรือ่ งที่ ๖

นายกองค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลมีพฤติกรรมไมเ่ หมาะสม

ผรู้ อ้ งเรยี นขอใหต้ รวจสอบนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลมพี ฤตกิ รรมไมเ่ หมาะสม
ในหลายลักษณะ เช่น ดื่มสุราในสถานที่ราชการ ใช้ท่ีท�ำการองค์การบริหารส่วนต�ำบล
เปน็ ทพี่ กั อาศยั นำ� รถยนตแ์ ละนำ�้ มนั เชอ้ื เพลงิ ของราชการไปใชเ้ พอื่ ประโยชนส์ ว่ นตวั ตดิ ตงั้
กล้องวงจรปิดแต่ไม่เปิดใช้งานซ่ึงเป็นการใช้งบประมาณโดยมิชอบ ท้ังนี้ผู้ร้องเรียนเป็น
ผู้ปฏิบัติงานอยู่ทีอ่ งคก์ ารบริหารส่วนตำ� บล ผตู้ รวจการแผน่ ดินจงึ ปกปดิ ชอื่ และที่อย่ใู ห้กับ

ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ 103

ผ้รู ้องเรยี น เพอ่ื ความปลอดภยั ในหน้าทกี่ ารงานของผรู้ อ้ งเรียน และไดใ้ หจ้ งั หวดั ตรวจสอบ
ข้อเทจ็ จริง ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนข้อเทจ็ จริง พบว่า นายกองคก์ าร
บริหารส่วนต�ำบลมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่หลายประการจริงตามที่
ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้าง เช่น มีพฤติกรรมเมาสุราเป็นอาจิณ ใช้ส�ำนักงานเป็นที่พักอาศัย
น�ำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ส่วนตัวนอกเวลาราชการเป็นต้น จังหวัดจึงรายงาน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อรายงานหัวหนา้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติเนือ่ งจากวาระ
การดำ� รงตำ� แหนง่ ของนายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลนนั้ เปน็ ไปตามคำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษา
ความสงบแห่งชาติ
เพอ่ื ความชดั เจนในประเดน็ ดงั กลา่ ว ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ไดป้ ระสานเพอ่ื ขอขอ้ มลู
เพ่มิ เติมจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่นิ สรปุ วา่ ในกรณีทั่วไป อ�ำเภอจะมีหนงั สอื แจ้ง
ไปยังจังหวัดเพ่ือให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีค�ำส่ังให้นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลพ้นจาก
ต�ำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติสภาต�ำบลและองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗
มาตรา ๙๒ แต่กรณีที่ร้องเรียนน้ี จะต้องพิจารณาว่ามีการกระท�ำความผิดในช่วงเวลาใด
หากนายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลได้กระท�ำความผิดในช่วงท่ีมีค�ำสั่งหัวหน้าคณะรักษา
ความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๕๗ และวาระการด�ำรงต�ำแหน่งของนายกองค์การบริหาร
ส่วนต�ำบล เป็นไปตามค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนั้น การให้พ้นจาก
ต�ำแหน่งจึงเป็นอ�ำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามค�ำส่ังหัวหน้า
คณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินจึงหารือไปยัง
คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่า กรณีร้องเรียนน้ีผู้ใดเป็นผู้มีอ�ำนาจในการสั่งให้
นายกองค์การบริหารส่วนต�ำบลพ้นจากต�ำแหน่ง เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ
หากคณะกรรมการกฤษฎกี ามคี วามเหน็ วา่ เปน็ อำ� นาจของผวู้ า่ ราชการจงั หวดั กรมสง่ เสรมิ
การปกครองทอ้ งถนิ่ จะไดม้ หี นงั สอื แจง้ ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั มคี ำ� สง่ั ใหน้ ายกองคก์ ารบรหิ าร
สว่ นตำ� บลพน้ จากตำ� แหนง่ ตอ่ ไป แตห่ ากคณะกรรมการกฤษฎกี ามคี วามเหน็ วา่ เปน็ อำ� นาจ
ของหวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถน่ิ จะไดร้ ายงานไป
ยังหัวหนา้ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาตเิ พ่อื ส่งั การตอ่ ไป

104 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ผูต้ รวจการแผ่นดินไดแ้ จ้งให้กระทรวงมหาดไทยพจิ ารณาดำ� เนินการตามกฎหมาย
และรายงานใหส้ ำ� นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ทราบภายใน ๖๐ วนั เพอื่ ใหก้ ระทรวงมหาดไทย
เร่งรัดให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถ่ินด�ำเนินการให้เกิดการลงโทษผู้ท่ีมีพฤติกรรม
ไมเ่ หมาะสมเพ่ือไม่ใหเ้ จ้าหน้าทค่ี นอ่นื เอาเป็นเยี่ยงอย่าง

เร่อื งท่ี ๗

หนว่ ยงานเปลยี่ นแปลงสทิ ธริ กั ษาพยาบาลของผพู้ กิ ารโดยไมเ่ ปน็ ธรรมแกผ่ รู้ อ้ งเรยี น
ผู้ร้องเรียนได้มีหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีท่ี
ผู้ร้องเรียนส่งเงินเข้าสมทบกองทุนประกันสังคมในฐานะผู้ประกันตนมาอย่างต่อเน่ือง
ในระหวา่ งการทำ� งานไดเ้ ขา้ รบั การผา่ ตดั จอประสาทตา ทำ� ใหค้ วามสามารถในการมองเหน็
ไม่ชัดเจน แพทย์จึงได้ออกใบรับรองความพิการให้และผู้ร้องเรียนจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็น
คนพิการ และใช้สิทธิประกันสังคมในการเข้ารับการรักษาพยาบาลท่ีโรงพยาบาลเอกชน
แหง่ หนึ่งมาโดยตลอด ตอ่ มา เมือ่ วนั ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ผรู้ อ้ งเรียนจะเขา้ รบั การรกั ษา
ท่ีโรงพยาบาลเดิม ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าผู้ร้องเรียนไม่มีสิทธิประกันสังคมที่โรงพยาบาล
อีกต่อไป เน่ืองจากสิทธิในการรักษาพยาบาลของผู้ร้องเรียนถูกย้ายไปท่ีโรงพยาบาลกลาง
ผรู้ อ้ งเรยี นอา้ งวา่ ไดโ้ ทรศพั ทส์ อบถามขอ้ เทจ็ จรงิ ไปทศ่ี นู ยบ์ รกิ ารขอ้ มลู ๑๕๐๖ ไดร้ บั คำ� ตอบ
ว่าการเปล่ียนแปลงสิทธิดังกล่าวเป็นไปตามประกาศจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
โดยมผี ลตงั้ แตว่ นั ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ผู้ประกนั ตนทขี่ นึ้ ทะเบียนคนพิการจะต้องใช้สิทธิ
รักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลของรัฐตามท่ีก�ำหนด หรือโรงพยาบาลของรัฐท่ัวประเทศ
เทา่ นน้ั ผรู้ อ้ งเรยี นจงึ ไดโ้ ทรศพั ทส์ อบถามขอ้ เทจ็ จรงิ ดงั กลา่ วไปทห่ี นว่ ยงานดา้ นหลกั ประกนั
สุขภาพ (สายด่วน โทร. ๑๓๓๐) ได้รับค�ำตอบเช่นเดียวกัน ผู้ร้องเรียนเห็นว่าตนไม่ได้รับ
ความเปน็ ธรรม แมผ้ รู้ อ้ งเรยี นเปน็ ผพู้ กิ ารแตเ่ ปน็ ผปู้ ระกนั ตน ยอ่ มมสี ทิ ธทิ จ่ี ะเลอื กรบั บรกิ าร
จากสถานพยาบาลได้เช่นเดียวกับผปู้ ระกนั ตนรายอื่นที่ไมใ่ ชผ่ ูพ้ ิการ ซ่งึ ผรู้ อ้ งเรียนต้องการ
จะใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชนท่ีมีคุณภาพและสะดวกรวดเร็ว

ผูต้ รวจการแผ่นดนิ 105

นอกจากน้ี หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบกม็ ไิ ดท้ ำ� การประชาสมั พนั ธแ์ จง้ ใหผ้ ปู้ ระกนั ตนไดร้ บั ทราบ
ก่อนด้วย จงึ ขอใหม้ ีการตรวจสอบวิธกี ารปฏบิ ัตติ ่อผู้ประกนั ตนของหน่วยงานทเี่ ก่ียวข้อง
จากการแสวงหาข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม พบว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ไดม้ คี �ำสัง่ ท่ี ๕๘/๒๕๕๙ ส่งั ณ วันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง การรบั บริการสาธารณสขุ
ของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วย
การประกันสังคม มีสาระส�ำคัญว่า ให้คนพิการท่ีเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม
มีสิทธิรับบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และได้เริ่มด�ำเนินการ
ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๑๕ ตลุ าคม ๒๕๕๙ ทผี่ า่ นมา และหนว่ ยงานไดม้ หี นงั สอื ดว่ นทสี่ ดุ ท่ี รง ๐๖๒๖/
ว ๔๕๖๘ ลงวันท่ี ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ เร่ือง การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการ
ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
แจง้ แกผ่ อู้ ำ� นวยการสถานพยาบาลประกนั สงั คมทกุ แหง่ กรณคี ำ� สงั่ หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบ
แห่งชาติดงั กลา่ วแลว้
จากการสอบถามข้อมูลดังกล่าวไปท่ีหน่วยงานด้านหลักประกันสุขภาพ (สายด่วน
โทร. ๑๓๓๐) ได้รับการช้ีแจงว่า กรณีเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามค�ำส่ังหัวหน้าคณะรักษา
ความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๕๘/๒๕๕๙ และกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกนั สงั คม ซง่ึ ไดเ้ รม่ิ ดำ� เนนิ การ
ต้ังแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา โดยส�ำนักงานประกันสังคม จะต้องส่งข้อมูล
ผู้ประกันตนซึ่งเป็นผู้พิการแก่หน่วยงานหลักประกันสุขภาพ เพ่ือเปลี่ยนแปลงสิทธิในการ
รักษาพยาบาล และจากการสอบถามข้อมูลเรื่องดังกล่าวไปที่หน่วยงานด้านประกันสังคม
ได้รับการช้ีแจงว่า หน่วยงานได้ยกเลิกสิทธิการรักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมของ
ผู้พิการแล้ว โดยเป็นไปตามค�ำส่ังของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีค�ำสั่ง
ที่ ๕๘/๒๕๕๙
ผตู้ รวจการแผ่นดนิ ไดม้ หี นังสือขอให้หนว่ ยงานตน้ สังกัดชแ้ี จงข้อเทจ็ จริง ซึ่งตอ่ มา
ได้รบั การช้แี จงขอ้ เท็จจรงิ สรุปไดด้ ังนี้
๑. หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา ๔๔
ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย (ฉบับช่วั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ มีค�ำสง่ั หัวหนา้

106 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

คณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ ที่ ๕๘/๒๕๕๙ เรอื่ ง การรบั บริการสาธารณสขุ ของคนพิการ
ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
ลงวนั ท่ี ๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๙ มคี �ำส่ังดังตอ่ ไปนี้
ขอ้ ๑ นอกจากประโยชน์ทดแทนในฐานะผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วย
การประกนั สงั คมแลว้ ใหค้ นพกิ ารตามพระราชบญั ญตั สิ ง่ เสรมิ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ คนพกิ าร
พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคมมีสิทธิได้รับบริการ
สาธารณสุข ตามท่ีมีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามท่ีก�ำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วย
หลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วยประโยชน์ทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม
ตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่
เน่ืองจากการท�ำงานตามมาตรา ๖๓ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๕๓
ซ่ึงแกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญตั ิประกนั สงั คม (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๘
ข้อ ๒ ค่าใช้จ่ายเพ่ือการบริการสาธารณสุขตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกัน
สุขภาพแหง่ ชาติทจ่ี ่ายให้แก่คนพกิ ารตามขอ้ ๑ วรรคหนึ่ง ใหจ้ า่ ยจากกองทุนประกันสงั คม
ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกนั สงั คม ทงั้ น้ี ตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไข ทก่ี ระทรวง
การคลังก�ำหนดภายใน ๓๐ วันนับแต่วันท่ีค�ำส่ังน้ีมีผลใช้บังคับ มิให้น�ำมาตรา ๒๑ แห่ง
พระราชบัญญตั ิประกันสงั คม พ.ศ. ๒๕๓๓ ในส่วนที่เป็นวตั ถปุ ระสงคข์ องกองทนุ ประกัน
สังคม มาใช้บงั คับกับการจา่ ยเงินตามวรรคหนึ่ง
ขอ้ ๓ ภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ค�ำส่ังน้ีมีผลใช้บังคับ ให้ส�ำนักงบประมาณ
กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวง
สาธารณสุข กระทรวงแรงงาน ส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานอ่ืน
ที่เกี่ยวข้องด�ำเนินการในส่วนของตน หรือร่วมกันด�ำเนินการเพื่อให้คนพิการได้รับบริการ
สาธารณสุขตามคำ� สั่งนี้
ดังนั้น หน่วยงานจึงโอนย้ายสิทธิรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนที่เป็นคนพิการ
ไปใหห้ น่วยงานด้านหลกั ประกันสขุ ภาพ ต้ังแตว่ นั ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ โดยผ้ปู ระกนั ตน
ทเี่ ปน็ คนพกิ ารจะตอ้ งเขา้ รบั บรกิ ารทางการแพทยจ์ ากสถานพยาบาลเครอื ขา่ ยหนว่ ยบรกิ าร

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 107

สังกัดส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์และเง่ือนไขที่ส�ำนักงาน
หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาตกิ ำ� หนด สำ� หรบั ประโยชนท์ ดแทนกรณอี น่ื ๆ ไดแ้ ก่ เงนิ ทดแทน
การขาดรายไดใ้ นกรณผี ปู้ ระกนั ตนประสบอนั ตรายหรอื เจบ็ ปว่ ยอนั มใิ ชเ่ นอ่ื งจากการทำ� งาน
กรณคี ลอดบตุ ร กรณที ุพพลภาพ กรณสี งเคราะห์บตุ ร กรณีชราภาพ กรณีวา่ งงาน ยังคง
มีสิทธิเชน่ เดิมตามหลักเกณฑ์เง่อื นไขทสี่ �ำนกั งานประกนั สงั คมกำ� หนด ท้ังน้ี เพอื่ ให้เปน็ ไป
ตามคำ� ส่ังหวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแห่งชาตฉิ บบั ดังกล่าว
๒. กรณีคนพิการท่ีเป็นผู้ประกันตนถูกโอนสิทธิไปใช้ระบบหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติแล้วไม่ได้รับความสะดวก ต้องเข้ารับบริการในสถานพยาบาลเอกชนเดิม และ
สถานพยาบาลเอกชนท่ีอยู่ในระบบประกันสังคม ผู้ประกันตนสามารถน�ำใบเสร็จมายื่น
เบิกกับหน่วยงานประกันสังคมในพ้ืนที่/จังหวัด/สาขาโดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ หากมี
ค่าใช้จ่ายส่วนเกินให้หารือคณะกรรมการการแพทย์เพ่ือพิจารณาจ่ายเพ่ิมตามข้อ ๗
ของประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่องหลักเกณฑ์
และจ�ำนวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ฉกุ เฉนิ ลงวันท่ี ๑๑ เมษายน ๒๕๔๘ โดยจะเรง่ รัดดำ� เนนิ การใหแ้ ล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน
หากผู้ประกันตนท่ีเป็นคนพิการมีปัญหาในการใช้สิทธิรักษาพยาบาลหรือข้อร้องเรียน
ใหต้ ดิ ต่อสำ� นักงานหลักประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ (สายด่วน โทร. ๑๓๓๐)
๓. ปจั จบุ นั ผรู้ อ้ งเรยี นมสี ทิ ธริ กั ษาพยาบาลจากหนว่ ยงานดา้ นหลกั ประกนั สขุ ภาพ
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ท้ังน้ี หน่วยงานได้ช้ีแจงข้อมูลการเบิกค่ารักษาพยาบาล
ทีส่ ถานพยาบาลตามบตั รรับรองสทิ ธกิ ารรกั ษาพยาบาลเดมิ และไดส้ งั่ จ่ายเงินผา่ นธนาณตั ิ
เรียบร้อยแล้ว ส�ำหรับค่ารักษาพยาบาลส่วนเกินอยู่ระหว่างการพิจารณาตามหลักเกณฑ์
และจ�ำนวนเงินทดแทนค่าบริการทางการแพทย์กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ผลเป็นประการใดส�ำนกั งานประกันสงั คมจะมีหนงั สือแจง้ ใหผ้ รู้ อ้ งเรียนทราบต่อไป
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เก่ียวข้องแล้วเห็นว่า
เร่ืองร้องเรียนดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงว่า หน่วยงานได้ด�ำเนินการตามค�ำสั่งหัวหน้า
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งอาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญ

108 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มีค�ำส่ังท่ี ๕๘/๒๕๕๙ เรื่อง
การรับบริการสาธารณสุขของคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และกฎหมายวา่ ด้วยการประกันสงั คม ลงวันที่ ๑๕ กนั ยายน ๒๕๕๙ ซง่ึ ภายใน ๓๐ วนั
นับแต่วันท่ีค�ำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ หน่วยงานที่เก่ียวข้องต้องด�ำเนินการในส่วนของตนหรือ
ร่วมกันด�ำเนินการเพื่อให้คนพิการได้รับบริการสาธารณสุขตามค�ำสั่งดังกล่าว ดังนั้น
จึงโอนย้ายสิทธิรักษาพยาบาลของผู้ประกันตนที่เป็นคนพิการตามพระราชบัญญัติส่งเสริม
และพัฒนาคุณภาพชวี ติ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปให้หนว่ ยงานหลกั ประกนั สุขภาพ ตั้งแต่
วนั ที่ ๑๕ ตลุ าคม ๒๕๕๙ โดยผปู้ ระกนั ตนทเ่ี ปน็ คนพกิ ารจะตอ้ งเขา้ รบั บรกิ ารทางการแพทย์
จากสถานพยาบาลเครือข่ายหน่วยบริการสังกัดส�ำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ส�ำหรบั ประโยชน์ทดแทนกรณีอน่ื ๆ ยังคง มสี ิทธิเช่นเดมิ โดยคนพกิ ารท่เี ปน็ ผู้ประกนั ตน
และมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งเขา้ รบั บรกิ ารในสถานพยาบาลเอกชนเดมิ และสถานพยาบาลเอกชน
ท่ีอยู่ในระบบประกันสังคม สามารถน�ำใบเสร็จมาย่ืนเบิกกับหน่วยงานด้านประกันสังคม
ได้ โดยไมต่ ้องมีใบรับรองแพทย์ หากมีค่าใช้จ่ายสว่ นเกิน ตอ้ งส่งเรอ่ื งไปยงั คณะกรรมการ
การแพทย์เพื่อพจิ ารณาจา่ ยเพิ่ม สำ� หรับกรณขี องผรู้ ้องเรียน ปัจจุบนั มีสทิ ธริ ักษาพยาบาล
จากสำ� นกั งานหลักประกันสขุ ภาพแห่งชาติ ตงั้ แต่วนั ที่ ๑๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ และหน่วยงาน

ตวั อยา่ งบตั รและสมดุ ประจำ� ตวั คนพกิ าร

ผตู้ รวจการแผน่ ดิน 109

ด้านประกันสังคมได้มีหนังสือชี้แจงรายละเอียดการเบิกค่ารักษาพยาบาลให้ผู้ร้องเรียน
ไดร้ บั ทราบดว้ ยแลว้ กรณเี รอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วจงึ ยงั ไมป่ รากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ มกี ารไมป่ ฏบิ ตั ิ
ตามกฎหมาย หรอื ปฏบิ ตั นิ อกเหนอื อำ� นาจหนา้ ทตี่ ามกฎหมาย ปฏบิ ตั หิ รอื ละเลยไมป่ ฏบิ ตั ิ
หนา้ ท่ที ี่กอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายแกผ่ ้รู ้องเรยี นโดยไมเ่ ปน็ ธรรมตามมาตรา ๑๓ (๑) (ก) (ข)
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังนั้น
ผูต้ รวจการแผน่ ดินจึงวนิ จิ ฉัยให้ยุตกิ ารพจิ ารณาเรือ่ งร้องเรียนดังกลา่ วตามมาตรา ๒๘ (๓)
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยผ้ตู รวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒

เรื่องท่ี ๘

ปญั หาความเดอื ดรอ้ นจากการบงั คบั ใชพ้ ระราชบญั ญตั สิ ถานประกอบการเพอ่ื สขุ ภาพ
พ.ศ. ๒๕๕๙
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเร่ืองร้องเรียนโดยสรุปว่า ผู้ร้องเรียนเป็นผู้พิการ
ดา้ นการเคลอื่ นไหวและผพู้ กิ ารทางสายตาซง่ึ ประกอบอาชพี ใหบ้ รกิ ารนวดแผนไทยมาเปน็
เวลานาน ได้รับความเดือดร้อนจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพ่ือ
สขุ ภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซง่ึ กำ� หนดใหผ้ ทู้ ่จี ะขอขึน้ ทะเบียนเปน็ ผใู้ ห้บริการตอ้ งไดร้ ับวุฒิบัตร
หรือประกาศนียบัตรด้านการบริการสุขภาพที่ได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการ
สุขภาพเท่าน้ัน ท�ำให้ผู้ร้องเรียนและผู้พิการทางสายตาที่ประกอบอาชีพนวดแผนไทย
ไม่สามารถข้ึนทะเบียนเป็นผู้ให้บริการตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ
พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้ อีกท้ังยังต้องรับภาระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการสถาน
ประกอบการเพื่อสขุ ภาพ ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาท จงึ ไดน้ ำ� ความทกุ ข์ร้อนดังกลา่ วร้องเรยี น
ต่อผู้ตรวจการแผน่ ดนิ
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงขอให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องช้ีแจงข้อเท็จจริงสรุปว่า
พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพ่ือสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ และมีผลใช้บังคับวันที่
๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ มีเจตนารมณ์ในการควบคุมมาตรฐานเกี่ยวกับการประกอบกิจการ

110 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

และการใหบ้ รกิ ารในสถานประกอบการเพอ่ื สขุ ภาพและเปน็ การสรา้ งความปลอดภยั แกผ่ รู้ บั
บรกิ าร ตอ่ มาจงึ ไดม้ ปี ระกาศคณะกรรมการสถานประกอบการเพอื่ สขุ ภาพ เรอ่ื ง หลกั เกณฑ์
การรับรองวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรที่ผู้ด�ำเนินการหรือผู้ให้บริการได้รับจากสถาบัน
การศกึ ษา หนว่ ยงาน หรอื องคก์ รตา่ ง ๆ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซงึ่ มผี ลใชบ้ งั คบั ตงั้ แตว่ นั ท่ี ๒๔ ธนั วาคม
๒๕๕๙ เพ่ือก�ำหนดหลักเกณฑ์การรับรองวุฒิบัตรและประกาศนียบัตรที่ผู้ด�ำเนินการหรือ
ผู้ให้บริการได้รับ ซึ่งรวมถึงกรณีของผู้ให้บริการที่เป็นผู้พิการทางสายตาด้วย ตลอดจนถึง
หลกั สตู รดา้ นการบริการเพื่อสขุ ภาพท่กี รมสนบั สนุนบรกิ ารสุขภาพใหก้ ารรับรอง
ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพ่ือสุขภาพ
ฉบบั ละ ๑๐,๐๐๐ บาทนนั้ เปน็ อตั ราคา่ ธรรมเนยี มทกี่ ำ� หนดไวใ้ นทา้ ยพระราชบญั ญตั สิ ถาน
ประกอบการเพอ่ื สขุ ภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซง่ึ เปน็ อตั ราสงู สดุ ทส่ี ามารถเรยี กเกบ็ ได้ ทง้ั น้ี รฐั มนตรี
ว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีอ�ำนาจในการออกกฎกระทรวงก�ำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกิน
อัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ รวมท้ังการลดหรือการยกเว้นค่าธรรมเนียม ซึ่งการก�ำหนด
คา่ ธรรมเนยี มดงั กลา่ วอาจกำ� หนดใหแ้ ตกตา่ งกนั โดยคำ� นงึ ถงึ ประเภทและขนาดของสถาน
ประกอบการเพอื่ สขุ ภาพทกี่ ำ� หนดไวใ้ นใบอนญุ าต และตอ่ มาเมอื่ วนั ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐
ได้มีประกาศกฎกระทรวงก�ำหนดค่าธรรมเนียมและการช�ำระค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับ
การประกอบกิจการสถานประกอบการเพ่ือสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพ่ือก�ำหนดอัตรา
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพประเภทกิจการ
นวดเพ่ือสุขภาพและเพ่ือเสริมความงาม และประเภทอ่ืนตามที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง
ตามขนาดพืน้ ทใ่ี ห้บริการ กลา่ วคือ พนื้ ท่ไี ม่เกินหน่ึงรอ้ ยตารางเมตร ฉบับละ ๕๐๐ บาท
พื้นท่ีเกินหนึ่งร้อยตารางเมตรแต่ไม่เกินสองร้อยตารางเมตร ฉบับละ ๑,๕๐๐ บาท พ้ืนท่ี
เกนิ สองร้อยตารางเมตร แต่ไม่เกนิ สรี่ ้อยตารางเมตร ฉบบั ละ ๓,๐๐๐ บาท และพืน้ ท่เี กิน
สี่ร้อยตารางเมตร ฉบับละ ๕,๐๐๐ บาท
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดม้ อบหมายใหเ้ จา้ หนา้ ทสี่ ำ� นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ประสานงาน
กบั ผรู้ อ้ งเรยี น และไดร้ บั ทราบขอ้ เทจ็ จรงิ เพมิ่ เตมิ สรปุ วา่ เนอ่ื งจากประกาศคณะกรรมการ
สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับรองวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตร
ท่ีผู้ด�ำเนินการหรือผู้ให้บริการได้รับจากสถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ

ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 111

พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้รับรองหลักสูตรที่ผู้ร้องเรียนได้ผ่านการอบรม ผู้ร้องเรียนจึงได้ยื่นค�ำขอ
ข้ึนทะเบียนเป็นผู้ให้บริการกับกรมท่ีมีหน้าที่รับค�ำขอข้ึนทะเบียนไว้เป็นเรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งมีความเข้าใจเกี่ยวกับมีอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตการประกอบกิจการสถาน
ประกอบการเพอื่ สุขภาพ ซ่งึ ไดก้ ำ� หนดอตั ราคา่ ธรรมเนียมตามขนาดพืน้ ที่ให้บรกิ ารแล้ว
ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายท่ีเก่ียวข้องแล้วเห็นว่า
แม้พระราชบญั ญตั ิสถานประกอบการเพ่อื สุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรา ๒๓ จะกำ� หนดให้
ผู้ขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการต้องได้รับวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรด้านการบริการ
สุขภาพท่ีได้รับการรับรองจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพก็ตาม แต่ต่อมาคณะกรรมการ
สถานประกอบการเพอื่ สขุ ภาพไดอ้ อกประกาศคณะกรรมการสถานประกอบการเพอ่ื สขุ ภาพ
เรื่อง หลักเกณฑ์การรับรองวุฒิบัตรหรือประกาศนียบัตรท่ีผู้ด�ำเนินการหรือผู้ให้บริการ
ได้รับจากสถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีผลใช้บังคับ
ต้ังแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ เพ่ือก�ำหนดหลักเกณฑ์การรับรองวุฒิบัตรและ
ประกาศนียบัตรที่ผู้ด�ำเนินการหรือผู้ให้บริการได้รับ ซ่ึงรวมถึงกรณีของผู้ให้บริการที่เป็น
ผพู้ กิ ารทางสายตาดว้ ย ตลอดจนหลกั สตู รดา้ นการบรกิ ารเพอ่ื สขุ ภาพทห่ี นว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง
ให้การรับรอง ปัจจุบันผู้ร้องเรียนได้ยื่นค�ำขอข้ึนทะเบียนเป็นผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว
สว่ นการกำ� หนดอตั ราคา่ ธรรมเนยี มใบอนญุ าตประกอบกจิ การสถานประกอบการเพอื่ สขุ ภาพ
ฉบับละ ๑๐,๐๐๐ บาทน้ัน อัตราดังกล่าวเป็นอัตราค่าธรรมเนียมท่ีก�ำหนดไว้ในท้าย
พระราชบญั ญตั ิสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดทสี่ ามารถ

112 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

เรียกเก็บได้ ต่อมาเม่ือวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๐ ได้มีการประกาศกฎกระทรวงก�ำหนด
ค่าธรรมเนียมและการช�ำระค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานประกอบการ
เพื่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งก�ำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการ
สถานประกอบการเพอ่ื สขุ ภาพประเภทกจิ การนวดเพอื่ สขุ ภาพและเพอื่ เสรมิ ความงาม และ
ประเภทอน่ื ตามทกี่ ำ� หนดในกฎกระทรวง ตามขนาดพนื้ ทใี่ หบ้ รกิ าร โดยมอี ตั ราคา่ ธรรมเนยี ม
ฉบับละ ๕๐๐ - ๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ผู้ร้องเรียนได้รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว
เรื่องร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องเรียนได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนแล้ว ดังนั้น
ผตู้ รวจการแผ่นดินจงึ วนิ จิ ฉัยใหย้ ตุ ิการพิจารณาเร่ืองร้องเรียนดงั กล่าวตามมาตรา ๒๙ (๔)
แหง่ พระราชบัญญตั ิประกอบรฐั ธรรมนูญว่าด้วยผ้ตู รวจการแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒

เร่ืองท่ี ๙

การดำ� เนินการเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาหน้ีสินของขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ผู้ร้องเรียนได้มีหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องด้วยผู้ร้องเรียน
มีความเห็นว่า จากการท่ีรัฐบาลได้บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องแก้ไข
ปัญหาหน้ีสินของข้าราชการครูเป็นวาระเร่งด่วน โดยมีการเสนอให้ธนาคารของรัฐ
เปน็ ผดู้ ำ� เนนิ โครงการ เปน็ การแกไ้ ขปญั หาทไี่ มต่ รงกบั ประเดน็ ของปญั หา เนอื่ งจากธนาคาร
พาณิชย์ทุกแห่งย่อมด�ำเนินการโดยหวังผลก�ำไร และพบว่ามีข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาเขา้ ร่วมโครงการกับธนาคารของรฐั เปน็ จ�ำนวนนอ้ ย และมีข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาถูกธนาคารฟ้องคดีเป็นจ�ำนวนมาก จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน
ตรวจสอบและพิจารณาประสานงานเพ่ือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด�ำเนินการเพื่อให้มีการ
น�ำเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความม่ันคงตามโครงการของหน่วยงาน
ท่ีมีหน้าท่ีเกี่ยวกับการจัดสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษามาจัดต้ังเป็นกองทุน
ชว่ ยเหลอื ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทเี่ ปน็ หนขี้ นั้ วกิ ฤต และพฒั นาเปน็ สถาบนั
การเงนิ ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาในอนาคตตอ่ ไป โดยผรู้ อ้ งเรยี นเสนอให้
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาน�ำหน้ีสินท้ังหมดมารวมไว้ที่กองทุนช่วยเหลือ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาน้ี และช�ำระเงินคืนกองทุนระยะยาวในอัตรา

ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ 113

ดอกเบี้ยร้อยละสามต่อปี พร้อมกับมีมาตรการเชิงป้องกันเพ่ือไม่ให้ข้าราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศึกษากลบั ไปมีหน้สี ินอกี
จากการตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงเพ่ิมเติมของผู้ตรวจการแผ่นดิน พบว่า
เม่ือวันท่ี ๙ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรีไดร้ ับทราบโครงการลดภาระหนข้ี า้ ราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยธนาคารของรฐั ไดอ้ นมุ ตั วิ งเงนิ สนิ เชอ่ื ใหมใ่ หก้ บั ขา้ ราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษาทส่ี มคั รใจเขา้ รว่ มโครงการโดยใชเ้ งนิ บำ� เหนจ็ ตกทอด ซง่ึ เปน็ เงนิ
ท่ีทายาทจะได้รับในอนาคตเมื่อผู้กู้เสียชีวิต มาใช้ค้�ำประกันสินเช่ือ หรือเพ่ือขอเงินสินเช่ือ
ใหมเ่ พือ่ ลดภาระหนี้หรอื ปดิ บัญชหี น้ีสนิ ทมี่ ีอยูใ่ นปัจจบุ นั โดยธนาคารจะคิดอัตราดอกเบยี้
ต่�ำกว่าปกติ ซ่ึงจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ประมาณ
๒๘๓,๐๐๐ ราย ช่วยลดภาระหน้ีได้เฉล่ียรายละ ๓๐๐,๐๐๐-๖๐๐,๐๐๐ บาท ลดภาระ
การผอ่ นชำ� ระหนี้เดมิ ลงเดือนละ ๒,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ บาท หรอื บางรายก็สามารถชำ� ระหนี้
ปดิ บญั ชไี ด้ พรอ้ มทง้ั จะไดร้ บั ประโยชนจ์ ากอตั ราดอกเบยี้ ทลี่ ดลงจากเดมิ ปลี ะ รอ้ ยละ ๕.๘๕
- ๖.๗๐ เหลอื ปลี ะ รอ้ ยละ ๔ ทำ� ให้ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาทงั้ หมดมขี วญั
กำ� ลงั ใจในการทำ� งาน เกดิ การพฒั นาวชิ าชพี ครใู นภาพรวมและคณุ ภาพการศกึ ษาของประเทศ
ทั้งนี้ นายกรฐั มนตรมี ขี อ้ สงั เกตว่า เม่อื ธนาคารของรัฐปล่อยสนิ เชอื่ ใหม่แลว้ ควรใชว้ งเงินนี้
ให้ตรงตามวตั ถุประสงค์ คอื ตอ้ งใช้หนีเ้ ดิมก่อน มใิ ชเ่ พื่อสร้างหนีใ้ หม่ และไดม้ อบหมายให้
กระทรวงท่ีเก่ียวข้องพิจารณาตรวจสอบสถานะของผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษากอ่ นท่จี ะอนมุ ตั วิ งเงนิ สินเชอื่ ใหม่ ท้ังนี้ ธนาคารของรัฐมหี ลกั เกณฑ์การปล่อยกู้
ท่ีเข้มงวดพร้อมกับได้ตรวจสอบบัญชีของผู้กู้ และเมื่อเห็นว่ามีความเหมาะสมท่ีต้องให้
ความช่วยเหลือรายที่ประสบปัญหาหนี้สินข้ันวิกฤต ก็จะพิจารณาอนุมัติสินเช่ือให้ต่อไป
ขณะเดยี วกนั ธนาคารของรัฐก็ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการดังกลา่ ว เพื่ออนมุ ตั ิ
วงเงินสินเช่ือให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีสมัครใจเข้าร่วมโครงการ
ใช้เงินบ�ำเหน็จตกทอดมาค�้ำประกัน ซึ่งมีวงเงินสินเชื่อไม่เกินสิทธิที่ทายาทจะได้รับเม่ือผู้กู้
เสียชีวติ และคิดดอกเบี้ยต�ำ่ กวา่ อตั ราปกตขิ องธนาคาร โดยผ้กู ูไ้ มต่ อ้ งผ่อนช�ำระหน้วี งเงนิ
สินเชื่อใหม่ตลอดอายุสัญญา นอกจากนี้ หน่วยงานที่มีหน้าท่ีเก่ียวกับการจัดสวัสดิการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษาไดน้ ำ� เรอื่ งเสนอคณะกรรมการทเี่ กย่ี วขอ้ ง และคณะกรรมการฯ
ไดม้ ีมตพิ ิจารณาเห็นชอบการน�ำเงนิ บ�ำเหน็จตกทอดมาใช้ค�ำ้ ประกนั เงินกู้แล้ว

114 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ตอ่ มา หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งรว่ มกบั ธนาคารของรฐั ไดป้ ระชมุ เพอื่ พจิ ารณารา่ งบนั ทกึ
ข้อตกลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้สินเช่ือจนได้ข้อสรุปและคาดว่าจะสามารถด�ำเนิน
โครงการได้ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ โดยผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการนั้น จะต้องมีอายุตั้งแต่
๕๐ ปีบริบูรณ์ข้ึนไป ณ วันท่ียื่นกู้ เป็นสมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพ่ือนสมาชิก
ครุ สุ ภา (ช.พ.ค.) และกสู้ นิ เชอื่ โครงการ ช.พ.ค. ของธนาคารเจา้ ของโครงการดงั กลา่ วอยกู่ อ่ น
ไม่มีหนค้ี า้ งช�ำระกบั ทางธนาคาร หรอื ปรับปรงุ โครงสร้างหนี้ในคราวเดียวกัน ไมค่ ้างชำ� ระ
เงินสงเคราะห์รายศพรายเดือน และต้องระบชุ ่ือผูม้ ีสทิ ธริ บั เงนิ ช.พ.ค. ให้เรียบร้อยกอ่ นย่นื
คำ� ขอกดู้ ว้ ย โดยธนาคารจะอนมุ ตั วิ งเงนิ สนิ เชอ่ื ใหไ้ มเ่ กนิ รายละ ๗๐๐,๐๐๐ บาท คดิ ดอกเบยี้
ในอัตราร้อยละ ๔ ต่อปี ระยะเวลา ๒๐ ปี ยกเวน้ กรณีอายผุ ู้กู้เมอ่ื รวมกบั ระยะเวลาการกู้
แล้วเกิน ๗๕ ปี ใหล้ ดระยะเวลาการกู้ลงใหร้ วมแลว้ อายผุ ู้กู้ไม่เกิน ๗๕ ปี
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ไดม้ หี นงั สอื ขอใหห้ นว่ ยงานทม่ี หี นา้ ทเ่ี กยี่ วกบั การจดั สวสั ดกิ ารครู
และบุคลากรทางการศึกษาชี้แจงข้อเท็จจริงเพ่ิมเติม และได้รับค�ำชี้แจง สรุปสาระส�ำคัญ
ได้ว่า การดำ� เนนิ โครงการลดภาระหนี้สนิ ข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษาเป็นการ
ดำ� เนนิ การตามนโยบายของรฐั บาล โดยธนาคารของรฐั แหง่ หนงึ่ ดำ� เนนิ การรว่ มกบั กระทรวง
ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ตอ่ มา ธนาคารของรฐั ดงั กลา่ วไดอ้ นุมตั ิ “มาตรการแกไ้ ขปญั หาหนี้สนิ ครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา ปี ๒๕๕๘” เพอื่ บรรเทาความเดอื ดรอ้ นใหแ้ กข่ า้ ราชการครทู มี่ ภี าระ
หนีส้ นิ กับธนาคาร แตเ่ นอ่ื งจากมาตรการดังกลา่ วอาจไมเ่ พยี งพอทชี่ ว่ ยเหลอื ข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ธนาคารจึงเสนอ “โครงการลดภาระหนี้สินข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษา” และร่วมมือกับหน่วยงานท่ีมีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการครู
และบุคลากรทางการศึกษาเพอ่ื บรรเทาภาระการผ่อนชำ� ระหนี้สนิ เดมิ และไมเ่ ปน็ การเพ่มิ
ภาระหนส้ี นิ ใหก้ บั ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา ดว้ ยการใหผ้ กู้ มู้ สี ว่ นในการแกไ้ ข
ปญั หาของตวั เองดว้ ยความสมคั รใจ โดยนำ� เงนิ บำ� เหนจ็ ตกทอดทท่ี ายาทพงึ ไดร้ บั ในอนาคต
มาค�้ำประกันสินเช่ือ เพ่ือเป็นการลดภาระหนี้สินเดิม ซึ่งผู้กู้จะได้รับประโยชน์จากอัตรา
ดอกเบ้ยี ทต่ี ำ่� กวา่ โครงการเดิม และไม่ตอ้ งผอ่ นช�ำระหนว้ี งเงนิ สนิ เชอ่ื ใหมต่ ลอดอายุสัญญา
ทงั้ ส้ิน โดยเงนิ กูจ้ ะแบ่งออกเปน็ สองส่วน คือ สว่ นทน่ี ำ� มาช�ำระหนีเ้ งนิ กู้เดมิ และปรบั ลด
เงินงวดบัญชีเดิมลง เพื่อลดภาระการส่งช�ำระรายเดือน และส่วนที่ช�ำระดอกเบี้ยเงินกู้
ตามสัญญาใหม่ และจ่ายเงินสงเคราะห์รายศพรายเดือนเพื่อรักษาสถานภาพสมาชิก

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 115

ตลอดอายุสญั ญากูใ้ หม่ การดำ� เนนิ การ “โครงการลดภาระหนีข้ ้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศึกษา” จึงเป็นการด�ำเนินการตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานในการส่งเสริม
สวัสดิการ สวัสดิภาพ สิทธิประโยชน์เก้ือกูลอ่ืน และความมั่นคงของผู้ประกอบวิชาชีพ
ทางการศึกษาตามท่ีกฎหมายก�ำหนด และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซ่ึงขณะน้ี
หน่วยงานได้แต่งต้ังคณะท�ำงานศึกษาและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่าง
ครบวงจรแล้ว และจากการประสานงานของผูต้ รวจการแผน่ ดินในเรอ่ื งดังกล่าว หนว่ ยงาน
ทม่ี หี นา้ ทเ่ี กยี่ วกบั การจดั สวสั ดกิ ารครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาไดร้ บั แนวคดิ และขอ้ เสนอ
ของผรู้ อ้ งเรยี นในการดำ� เนนิ โครงการเพอื่ แกไ้ ขปญั หาหนส้ี นิ ของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากร
ทางการศึกษาเพ่ือน�ำเสนอต่อคณะกรรมการท่ีเก่ียวข้องเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสม
และความเปน็ ไปได้ต่อไป
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดพ้ จิ ารณาขอ้ เทจ็ จรงิ
และขอ้ กฎหมายทเี่ กย่ี วขอ้ งแลว้ เหน็ วา่ “โครงการ
ลดภาระหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การศึกษา” เป็นการดำ� เนนิ การตามนโยบายของ
รัฐบาล เพ่ือแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการครู
และบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยใหผ้ กู้ มู้ สี ว่ นในการ
แก้ไขปัญหาของตัวเองด้วยความสมัครใจ ด้วยการน�ำเงินบ�ำเหน็จตกทอดมาค้�ำประกัน
สินเชื่อใหม่ ซึ่งผู้กู้จะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต�่ำกว่าโครงการเดิม และไม่ต้อง
ผอ่ นชำ� ระหนว้ี งเงนิ สนิ เช่อื ใหม่ตลอดอายสุ ญั ญา โดยเงินกจู้ ะแบ่งออกเป็นสองส่วน เพอ่ื ใช้
ช�ำระหน้ีเงินกู้เดิม และปรับโครงสร้างหนี้เพ่ือลดภาระการช�ำระรายเดือน พร้อมกับช�ำระ
ดอกเบี้ยเงินกู้ตามสัญญาใหม่ และจ่ายเงินฌาปนกิจสงเคราะห์รายเดือนเพ่ือรักษา
สมาชิกภาพตลอดอายุสัญญากู้ใหม่ การด�ำเนินการโครงการดังกล่าวจึงเป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ของหน่วยงานที่จัดตั้งข้ึนเพื่อส่งเสริมสวัสดิการ สวัสดิภาพ สิทธิประโยชน์
เกอ้ื กลู อน่ื และความมนั่ คงของผปู้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศกึ ษาตามทก่ี ฎหมายกำ� หนด และ
สอดคล้องกบั นโยบายของรฐั บาล นอกจากนี้ ยังปรากฏว่าหนว่ ยงานไดแ้ ต่งตั้งคณะทำ� งาน
ศึกษาและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาหน้สี ินครอู ย่างครบวงจรด้วยแล้ว

116 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ส�ำหรับ แนวคิดและข้อเสนอของผู้ร้องเรียนท่ีประสงค์จะให้มีการจัดตั้งกองทุน
ชว่ ยเหลอื ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา โดยใชเ้ งนิ จากกองทนุ เงนิ สนบั สนนุ พเิ ศษ
และส่งเสริมความม่ันคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ และพัฒนาเป็นสถาบันการเงินของ
ขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศกึ ษาในอนาคตนนั้ หนว่ ยงานทมี่ หี นา้ ทเี่ กยี่ วกบั การจดั
สวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้น�ำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป
เร่ืองร้องเรียนดังกล่าวจึงเป็นกรณีท่ีหน่วยงานได้ด�ำเนินการไปตามข้ันตอนและผู้ร้องเรียน
ได้รับความพึงพอใจจากการประสานงานดังกล่าว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยุติ
การพิจารณาเร่ืองร้องเรียนดังกล่าวตามมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติประกอบ
รฐั ธรรมนญู ว่าด้วยผูต้ รวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๕๒

ผตู้ รวจการแผ่นดิน 117

๒.๓.๓ เรื่องร้องเรียนกรณีการละเลยการปฏิบัติหน้าท่ีท่ีก่อให้เกิด
ความเสยี หายแก่ผู้ร้องเรียน

เรอ่ื งท่ี ๑

ปัญหาความเดือดร้อนจากการด�ำเนินการเอกสารสิทธิในที่ดินท�ำกินท่ีล่าช้า
และไมถ่ ูกต้อง

ผู้ตรวจการแผ่นดนิ ไดร้ ับเรอื่ งรอ้ งเรียนจากประชาชน จำ� นวน ๑๗๗ ราย สรุปไดว้ ่า
ส�ำนักงานที่ดินจังหวัดด�ำเนินการออกโฉนดท่ีดินล่าช้า ไม่ด�ำเนินการออกโฉนดที่ดินให้กับ
ผู้ร้องเรียน และออกโฉนดที่ดินไม่เต็มตามจ�ำนวนที่ครอบครอง เป็นเหตุให้ผู้ร้องเรียน
และคณะไดร้ บั ความเดอื ดร้อนเสยี หายและไม่ได้รับความเปน็ ธรรม
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่มี
ผไู้ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นเปน็ จำ� นวนมาก และเพอ่ื ใหก้ ารแกไ้ ขปญั หาเปน็ ไปดว้ ยความรวดเรว็
จึงได้แต่งต้ังคณะท�ำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยจัดให้มีการประชุม
พจิ ารณาเรอื่ งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วรว่ มกบั หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นายอำ� เภอ
หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งระดบั จงั หวดั สำ� นกั งานทดี่ นิ ในเขตพน้ื ทท่ี ม่ี กี ารรอ้ งเรยี น ฝา่ ยปกครอง
และองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ผลการประชมุ สรปุ ไดว้ า่ ผรู้ อ้ งเรยี นทง้ั ๑๗๗ ราย ไดค้ รอบครอง
ท�ำประโยชน์ในท่ดี นิ ท้ังในและนอกเขตพน้ื ทีด่ ำ� เนนิ การปฏริ ูปทด่ี ิน และผู้รอ้ งเรยี นบางราย
มีหลักฐานการครอบครองและมเี อกสารสทิ ธิในท่ดี ิน เชน่ ส.ค. ๑, น.ส. ๓., น.ส. ๓ ก. และ
โฉนดทดี่ ิน ทัง้ น้ี สำ� หรับผ้รู ้องเรียนท่ีมหี ลักฐานการครอบครอง สำ� นักงานทด่ี นิ จงั หวัด จะได้
ดำ� เนินการตรวจสอบและชีแ้ จงข้อเท็จจริงให้กรมท่ดี นิ และจงั หวดั เพื่อรวบรวมรายงานตอ่
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ต่อไป และสำ� หรบั ผรู้ อ้ งเรยี นที่ไม่มหี ลักฐานการครอบครอง สำ� นักงาน
ที่ดินไม่สามารถด�ำเนินการออกโฉนดที่ดินให้ได้ เน่ืองจากท้องที่ที่มีการร้องเรียนอยู่ในเขต
ทมี่ พี ระราชกฤษฎกี ากำ� หนดใหเ้ ปน็ เขตปฏริ ปู ทด่ี นิ หากประชาชนไดค้ รอบครองทำ� ประโยชน์
ในท่ดี นิ โดยไม่มหี ลกั ฐานการแจง้ การครอบครอง (ส.ค. ๑) หรือมไิ ด้แจ้งความประสงค์จะได้
สิทธิในที่ดิน ย่อมไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะออกโฉนดที่ดินให้ได้ ท้ังน้ี ส�ำหรับผู้ร้องเรียน

118 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ท่ีครอบครองที่ดินในเขตพ้ืนท่ีด�ำเนินการปฏิรูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรมและไม่มีหลักฐาน
การครอบครอง สามารถด�ำเนินการออก ส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้กับผู้ร้องเรียนได้ ซ่ึงกรณี
ดังกล่าวหน่วยงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัด จะได้ด�ำเนินการตรวจสอบต�ำแหน่งท่ีดินของ
ผู้ที่ไม่มีหลักฐานการครอบครองอีกครั้ง พร้อมผลการตรวจสอบการออกเอกสาร ส.ป.ก.
๔-๐๑ ให้กบั ผรู้ ้องเรยี น และจะรายงานผลมายังผูต้ รวจการแผ่นดินตอ่ ไป
ต่อมา ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้มอบหมายให้คณะท�ำงานเดินทางไปตรวจสอบ
ขอ้ เทจ็ จรงิ ในพนื้ ทแี่ ละรว่ มประชมุ พจิ ารณาเรอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วกบั หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ ง
สรปุ ไดว้ า่ สามารถแบง่ กลมุ่ ผูร้ ้องเรียนไดเ้ ปน็ ๒ กลุม่ ใหญ่ ๆ คอื กลุ่มผ้รู ้องเรียนทมี่ หี ลกั ฐาน
การครอบครองที่ดิน และกลุ่มผู้ร้องเรียนท่ีไม่มีหลักฐานการครอบครอง ซึ่งมีผู้ร้องเรียน
ท่ีมีท่ีดินอยู่ในและนอกเขตพ้ืนที่ด�ำเนินการปฏิรูปที่ดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณา
ข้อเท็จจริงจากค�ำร้องเรียน หนังสือช้ีแจงของหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง และเอกสารหลักฐาน
ประกอบข้อกฎหมายแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนจ�ำนวน ๓๑ ราย (จ�ำนวน
๓๒ เร่อื งรอ้ งเรียน) ท่มี ีหลักฐานการครอบครองที่ดนิ และมีผรู้ อ้ งเรยี นจำ� นวน ๑๔๕ ราย
ที่ไม่มหี ลักฐานการครอบครองทดี่ นิ โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. สำ� หรับผู้ร้องเรยี นทม่ี หี ลกั ฐานการครอบครองที่ดนิ จ�ำนวน ๓๑ ราย สามารถ
แยกพิจารณาตามขอ้ เทจ็ จรงิ ทแี่ ตกต่างกนั ไปได้เปน็ ๖ กลุ่มผูร้ ้องเรียน ดังนี้
กลมุ่ ที่ ๑ คือ กลุ่มผรู้ อ้ งเรียนทไี่ ม่สามารถออกโฉนดที่ดนิ ได้ เนื่องจากข้างเคยี ง
ของที่ดินไม่สอดคล้องสัมพันธก์ บั หลักฐานเดิม จำ� นวน ๒ ราย ผู้ตรวจการแผ่นดนิ พจิ ารณา
แล้วเห็นว่า เรื่องร้องเรียนท้ัง ๒ เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ร้องเรียนได้ยื่นค�ำขอออกโฉนด
ท่ีดินต่อส�ำนักงานที่ดินจังหวัด ซ่ึงสาเหตุท่ียังไม่สามารถด�ำเนินการออกโฉนดท่ีดินได้นั้น
เน่ืองจากผลรังวัดปรากฏว่าที่ดินข้างเคียงไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับหลักฐานเดิม ส�ำนักงาน
ทด่ี ินจังหวัด จึงได้มีหนงั สือให้ผรู้ อ้ งเรยี นทง้ั ๒ ราย แจ้งเจา้ ของทด่ี ินแปลงขา้ งเคยี ง พร้อม
หลักฐานท่ีดินเพ่ือท�ำการสอบสวนเพิ่มเติมภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ซ่ึงผู้ร้องเรียนท้ัง
๒ ราย ได้น�ำพยานบุคคลไปท�ำการสอบสวนเพม่ิ เติมแล้ว ปัจจุบันอยรู่ ะหวา่ งการดำ� เนินการ
ของส�ำนักงานทีด่ นิ จังหวัด

ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 119

กลมุ่ ท่ี ๒ คือ กลุ่มผรู้ อ้ งเรยี นทีเ่ พ่งิ ยน่ื ค�ำขอออกโฉนดท่ดี นิ ต่อส�ำนักงานท่ดี ิน
จงั หวดั จำ� นวน ๓ ราย ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ ในวนั ทผ่ี รู้ อ้ งเรยี นทง้ั ๓ ราย
ได้ร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินน้ัน ผู้ร้องเรียนทั้ง ๓ ราย มิได้ย่ืนค�ำขอออกโฉนดท่ีดิน
แตอ่ ยา่ งใด ส�ำนกั งานท่ีดนิ จังหวัด จึงไดม้ หี นงั สือแจ้งใหผ้ ้รู อ้ งเรยี นทง้ั ๓ ราย นำ� หลักฐาน
การครอบครองท่ีดินมายื่นค�ำขอออกโฉนดที่ดิน ซ่ึงผู้ร้องเรียนท้ัง ๓ ราย ได้ย่ืนค�ำขอ
ดงั กลา่ วแลว้ ปจั จบุ นั อยู่ระหวา่ งการด�ำเนินการของส�ำนกั งานที่ดนิ จงั หวดั
กลมุ่ ท่ี ๓ คือ กลุม่ ผู้ร้องเรียนที่ยงั ไมส่ ามารถออกโฉนดทีด่ นิ ได้ เนอ่ื งจากต้อง
ตรวจสอบตำ� แหนง่ ทด่ี นิ ทข่ี อออกโฉนดทดี่ นิ วา่ อยใู่ นเขตพน้ื ทด่ี ำ� เนนิ การปฏริ ปู ทด่ี นิ หรอื ไม่
จ�ำนวน ๕ ราย ผูต้ รวจการแผ่นดนิ พจิ ารณาแล้วเห็นวา่ เจา้ หน้าท่ีสำ� นกั งานทีด่ นิ จังหวดั
ไดด้ �ำเนินการรงั วัดท่ดี นิ ให้กบั ผ้รู อ้ งเรยี นทงั้ ๕ ราย และได้ดำ� เนนิ การปิดประกาศการออก
โฉนดท่ดี ินใหก้ ับผู้รอ้ งเรยี นทั้ง ๕ รายแล้ว แต่เนื่องจากทดี่ นิ ท้ัง ๕ แปลงดงั กล่าวอยู่ในเขต
ปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม ส�ำนักงานที่ดินจังหวัดได้มีตรวจสอบที่ดินของผู้ร้องเรียนทั้ง
๕ ราย ว่าขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินน้ีอยู่ในเขตพื้นท่ีด�ำเนินการปฏิรูปท่ีดินและคัดค้าน
การออกโฉนดทีด่ ินหรอื ไม่ อย่างไร ซ่งึ จากการตรวจสอบ พบว่า ไมม่ ีการคัดคา้ นการออก
โฉนดที่ดินของผู้ร้องเรียนจ�ำนวน ๓ ราย แต่ส�ำหรับท่ีดินของผู้ร้องเรียน จ�ำนวน ๒ ราย
ยังไม่เป็นท่ียุติว่าอยู่ในหรือนอกเขตพื้นท่ีด�ำเนินการปฏิรูปที่ดิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่าง
การตรวจสอบและสำ� นกั งานทดี่ นิ จังหวดั ไดแ้ จ้งให้ผรู้ ้องเรียนทั้ง ๕ ราย ทราบและเข้าใจถงึ
ข้นั ตอนการดำ� เนนิ การดังกล่าวแลว้
กลุ่มที่ ๔ คือ กลุ่มผู้ร้องเรียนที่ยังไม่ได้ย่ืนค�ำขอออกโฉนดท่ีดินต่อส�ำนักงาน
ทดี่ ินจังหวัด จำ� นวน ๗ ราย ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พิจารณาแลว้ เห็นวา่ ผรู้ ้องเรียนทั้ง ๗ ราย
มหี ลกั ฐานการครอบครองทีด่ นิ (ส.ค.๑) แตผ่ ้รู อ้ งเรียนมิไดน้ ำ� หลักฐานดงั กล่าวไปยื่นคำ� ขอ
ออกโฉนดทด่ี นิ ตอ่ สำ� นกั งานทด่ี นิ จงั หวดั แตอ่ ยา่ งใด เปน็ เหตใุ หส้ ำ� นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั ไมส่ ามารถ
ด�ำเนนิ การตามความประสงค์ของผ้รู ้องเรยี นได้
กลุ่มท่ี ๕ คือ กลุ่มผู้ร้องเรียนที่อ้างว่าได้รับหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินแล้ว
แต่ยังมีที่ดินคงเหลือซ่ึงยังไม่ได้ออกเอกสารสิทธิ จ�ำนวน ๑๕ ราย ผู้ตรวจการแผ่นดิน
พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เอกสารสทิ ธใิ นทด่ี นิ ทผี่ รู้ อ้ งเรยี นทงั้ ๑๕ รายไดค้ รอบครองทำ� ประโยชน์

120 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

นั้น ส่วนมากออกโดยอาศัยหลักฐานการครอบครองเดิมและในการรังวัดออกเอกสารสิทธิ
ในท่ีดินแต่ละราย มีเจ้าของที่ดินเดิมเป็นผู้น�ำพิสูจน์สิทธิการท�ำประโยชน์ในที่ดิน ซ่ึงเป็น
การน�ำรังวัดชี้แนวเขตที่ดินที่ตนเองครอบครองท�ำประโยชน์ครบถ้วนตามหลักฐาน
การครอบครองเดิม และมีการรับรองแนวเขตจากเจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงทุกด้าน
จงึ เปน็ การออกเอกสารสทิ ธใิ นทด่ี นิ ทถี่ กู ตอ้ งตามหลกั เกณฑ์ ขนั้ ตอน และวธิ กี ารทกี่ ฎหมาย
บัญญัติไว้ทุกประการ ดังน้ัน การที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้างว่ายังคงมีเนื้อท่ีคงเหลือท่ียังไม่ได้
ออกเอกสารสทิ ธใิ นทด่ี นิ ทดี่ นิ บรเิ วณดงั กลา่ วจงึ เปน็ ทด่ี นิ ทอ่ี ยนู่ อกหลกั ฐานการครอบครอง
และเนอื่ งจากพน้ื ทด่ี งั กลา่ วไดม้ พี ระราชกฤษฎกี า กำ� หนดเขตทดี่ นิ ในทอ้ งทด่ี งั กลา่ ว ใหเ้ ปน็
เขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๑ ประกอบกับได้เคยมีความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เร่ืองเสร็จที่ ๗๘๑/๒๕๓๕ เห็นว่า ถ้าผู้ครอบครองและท�ำประโยชน์ในท่ีดินโดยไม่ได้แจ้ง
การความประสงค์จะได้สิทธิในท่ีดินไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าท่ีและต่อมาท่ีดินน้ันถูกก�ำหนด
เปน็ เขตปฏริ ปู ทดี่ นิ เพอ่ื เกษตรกรรม ผนู้ น้ั กไ็ มม่ สี ทิ ธมิ านำ� ทำ� การรงั วดั เพราะถอื วา่ ไมม่ สี ทิ ธิ
ครอบครองในที่ดินน้ัน จึงเป็นกรณีท่ีส�ำนักงานท่ีดินจังหวัดไม่สามารถด�ำเนินการออก
เอกสารสิทธใิ นท่ีดนิ ใหก้ ับผูร้ ้องเรียนตามความประสงคไ์ ด้
กลุ่มที่ ๖ คือ กลุ่มผู้ร้องเรียนที่ยื่นค�ำขอยกเลิกการออกโฉนดที่ดิน จ�ำนวน
๑ ราย ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ร้องเรียนได้น�ำหลักฐาน ส.ค.๑
ไปยน่ื คำ� ขอออกโฉนดทดี่ นิ ตอ่ สำ� นกั งานทดี่ นิ จงั หวดั แตป่ รากฏวา่ ในเวลาตอ่ มาวา่ รอ้ งเรยี น
ไดไ้ ปยื่นคำ� ขอยกเลกิ การออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวแลว้
๒. ส�ำหรับผู้ร้องเรียนที่ไม่มีหลักฐานการครอบครองที่ดิน จ�ำนวน ๑๔๕ ราย
สามารถแยกพจิ ารณาตามข้อเทจ็ จริงท่ีแตกตา่ งกนั ไปไดเ้ ป็น ๒ กลมุ่ ดงั นี้
กลุ่มท่ี ๑ คือ กลุ่มผู้ร้องเรียนท่ีมีที่ดินอยู่ในเขตพ้ืนที่ด�ำเนินการปฏิรูปท่ีดิน
จ�ำนวน ๑๑๗ ราย ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ดินบริเวณท่ีผู้ร้องเรียนท้ัง
๑๑๗ ราย ไดค้ รอบครองและทำ� ประโยชนไ์ ดม้ พี ระราชกฤษฎกี าประกาศกำ� หนดใหเ้ ปน็ เขต
ปฏริ ปู ทด่ี นิ หากผรู้ อ้ งเรยี นทง้ั ๑๑๗ ราย ไดค้ รอบครองทำ� ประโยชนใ์ นทดี่ นิ โดยไมม่ หี ลกั ฐาน
การแจง้ การครอบครอง (ส.ค. ๑) ตามมาตรา ๕ แหง่ พระราชบญั ญตั ใิ หใ้ ชป้ ระมวลกฎหมาย
ที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ หรือมิได้แจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน ตามมาตรา ๒๗ ตรี

ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 121

แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กรณจี งึ ไม่อย่ใู นหลกั เกณฑท์ ี่จะสามารถออกหนงั สือแสดงสทิ ธิ
ในท่ีดินแก่ผู้ร้องเรียนทั้ง ๑๑๗ รายได้ ท้ังน้ีเป็นไปตามนัยความเห็นของคณะกรรมการ
กฤษฎีกา ตามหนังสือส�ำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนท่ีสุด ที่ นร ๐๖๐๑/๒๐๙
ลงวนั ท่ี ๒๙ มนี าคม ๒๕๓๗ แตเ่ นอ่ื งจากทด่ี นิ ทผ่ี รู้ อ้ งเรยี นทง้ั ๑๑๗ ราย ไดค้ รอบครองและ
ทำ� ประโยชนต์ ง้ั อยใู่ นเขตพนื้ ทดี่ ำ� เนนิ การปฏริ ปู ทดี่ นิ สำ� นกั งานการปฏริ ปู ทด่ี นิ เพอ่ื เกษตรกรรม
(ส.ป.ก) จึงสามารถด�ำเนินการออก ส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้กับผู้ร้องเรียนท้ัง ๑๑๗ รายได้
ซ่ึงขณะนี้อยู่ระหว่าง ส.ป.ก. ในพื้นท่ีด�ำเนินการส�ำรวจรังวัดท่ีดินให้กับผู้ร้องเรียนทั้ง
๑๑๗ ราย หลังจากนั้น ส.ป.ก. ในพื้นท่ีจะได้รวบรวมข้อเท็จจริงและจัดท�ำบัญชีรายชื่อ
เกษตรกรซงึ่ มสี ทิ ธจิ ะไดร้ บั ทด่ี นิ จากการปฏริ ปู ทด่ี นิ ตามทไี่ ดม้ กี ารยนื่ คำ� รอ้ งขอเขา้ ทำ� ประโยชน์
ในเขตปฏริ ปู ทด่ี นิ ตามขนาดการถอื ครองทไี่ ดท้ ำ� การสำ� รวจรงั วดั โดยนำ� เสนอคณะอนกุ รรมการ
คัดเลือกเกษตรกรผู้ท่ีจะได้รับที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในที่ดินของรัฐ
ใหค้ วามเหน็ ชอบและนำ� เสนอคณะกรรมการปฏริ ปู ทดี่ นิ จงั หวดั พจิ ารณาอนญุ าตใหเ้ กษตรกร
ผู้ถือครองท่ีดินเข้าท�ำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามระเบียบคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน
เพอ่ื เกษตรกรรมวา่ ดว้ ย หลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขในการคดั เลอื กเกษตรกรซงึ่ จะมสี ทิ ธิ
ไดร้ บั ที่ดนิ จากการปฏริ ูปที่ดนิ เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป
กลุ่มที่ ๒ คือ กลุ่มผู้ร้องเรียนที่มีที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินแต่อยู่นอกพื้นที่
ด�ำเนนิ การปฏริ ูปท่ีดนิ จ�ำนวน ๒๘ ราย ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ พจิ ารณาแล้วเหน็ ว่า ทีด่ ินบรเิ วณที่
ผรู้ ้องเรยี นทงั้ ๒๘ ราย ครอบครองและท�ำประโยชนต์ ัง้ อยนู่ อกพนื้ ท่ีดำ� เนินการปฏริ ปู ท่ดี นิ
จึงไม่สามารถด�ำเนินการออกเอกสาร ส.ป.ก. ๔-๐๑ ให้แก่ผู้ร้องเรียนท้ัง ๒๘ รายได้
แต่เนื่องจากท่ีดินบริเวณท่ีผู้ร้องเรียนทั้ง ๒๘ รายได้ครอบครองและท�ำประโยชน์
คณะรฐั มนตรไี ดม้ มี ตเิ มอ่ื วนั ที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๐๖ ใหท้ ด่ี นิ บรเิ วณดงั กลา่ วเปน็ เขตทด่ี นิ
จดั สรรเพือ่ การเกษตรกรรมและใช้เพ่อื ประโยชนอ์ ยา่ งอืน่ ดังนัน้ พื้นท่ดี งั กลา่ วจงึ เปน็ พ้ืนที่
ท่ี ส.ป.ก. อยู่ระหวา่ งด�ำเนนิ การปรบั ปรุงเขตปฏิรูปที่ดนิ ให้คงเหลอื เฉพาะเขตด�ำเนนิ การฯ
หากตอ่ มา ส.ป.ก. ดำ� เนนิ การปรบั ปรงุ เขตปฏริ ปู ทดี่ นิ และดำ� เนนิ การออกพระราชกฤษฎกี า
แกไ้ ขเขตปฏริ ปู ทดี่ นิ แลว้ เสรจ็ ทดี่ นิ บรเิ วณทผ่ี รู้ อ้ งเรยี นไดค้ รอบครองและทำ� ประโยชนอ์ าจ
ดำ� เนินการขอออกเอกสารสทิ ธิในท่ดี ินตามโครงการเดนิ สำ� รวจออกโฉนดท่ดี ินได้

122 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ส�ำนักงานที่ดินจังหวัด
และส�ำนักงานการปฏิรูปท่ีดินจังหวัดท่ีมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ไม่ปฏิบัติ
ตามกฎหมาย หรอื ปฏบิ ตั นิ อกเหนอื อำ� นาจหนา้ ทตี่ ามกฎหมาย ปฏบิ ตั หิ รอื ละเลยไมป่ ฏบิ ตั ิ
หนา้ ทที่ กี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกผ่ รู้ อ้ งเรยี นและคณะโดยไมเ่ ปน็ ธรรม ตามมาตรา ๑๓ (๑)
(ก) (ข) แหง่ พระราชบัญญตั ิประกอบรัฐธรรมนูญวา่ ด้วยผู้ตรวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๕๒
ดังน้ัน ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยุติการพิจารณาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวตามมาตรา
๒๘ (๓) แห่งพระราชบญั ญตั ิดงั กลา่ ว
อนง่ึ เพอ่ื เปน็ การกำ� ชบั และเรง่ รดั ใหห้ นว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งดำ� เนนิ การตามหลกั เกณฑ์
ขั้นตอน และวิธีการในการออกเอกสารสิทธิในท่ีดินให้เสร็จส้ิน ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มี
ข้อเสนอแนะดงั นี้
๑. ผู้ว่าราชการจังหวัดและอธิบดีกรมที่ดินก�ำชับและเร่งรัดให้ส�ำนักงานที่ดิน
จงั หวดั ดำ� เนนิ การออกโฉนดทด่ี นิ ใหแ้ กผ่ รู้ อ้ งเรยี นทมี่ หี ลกั ฐานการครอบครองทด่ี นิ กลมุ่ ที่ ๑
และกลุ่มที่ ๒ โดยเร็วต่อไป ส�ำหรับผู้ร้องเรียนท่ีมีหลักฐานการครอบครองท่ีดินกลุ่มท่ี ๔
ที่ยังไม่ได้ย่ืนค�ำขอออกโฉนดท่ีดินให้เร่งรัดให้ส�ำนักงานท่ีดินประสานกับผู้ร้องเรียนท้ัง
๗ ราย เพ่อื นำ� หลักฐานการครอบครองท่ีดนิ เพอ่ื ด�ำเนินการออกโฉนดทด่ี ินตอ่ ไป
๒. ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามเร่งรัดการด�ำเนินการของส�ำนักงานปฏิรูปที่ดิน
จังหวัดในการตรวจสอบต�ำแหน่งท่ีตั้งของท่ีดินของผู้ร้องเรียนท่ีมีหลักฐานการครอบครอง
ทีด่ ินกลุ่มท่ี ๓ เพือ่ แจ้งผลใหส้ �ำนกั งานที่ดนิ จงั หวดั ด�ำเนนิ การตามหลกั เกณฑ์และข้นั ตอน
ในการออกโฉนดทีด่ ินใหแ้ ก่ผู้ร้องเรียนกลุ่มนโ้ี ดยเร็ว
๓. ผู้ว่าราชการจังหวัดและเลขาธิการส�ำนักงานการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม
กำ� ชบั และเรง่ รดั ส�ำนักงานการปฏริ ปู ท่ีดินจังหวดั ให้ดำ� เนนิ การออก ส.ป.ก ๔-๐๑ แกก่ ลมุ่
ผู้ร้องเรียนท่ีไม่มีหลักฐานการครอบครองท่ีดิน แต่มีพื้นท่ีอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน
เพื่อเกษตรกรรม จ�ำนวน ๑๑๗ ราย และเม่ือด�ำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาแก้ไข
เขตปฏริ ปู ทดี่ นิ แลว้ เสรจ็ ใหป้ ระสานงานกบั กรมทด่ี นิ เพอ่ื ดำ� เนนิ การเดนิ สำ� รวจการออกโฉนด
ทดี่ นิ เพอื่ แกไ้ ขปญั หาใหก้ บั กลมุ่ ผรู้ อ้ งเรยี นทมี่ ที ด่ี นิ อยใู่ นเขตปฏริ ปู แตอ่ ยนู่ อกพน้ื ทดี่ ำ� เนนิ การ
ปฏริ ปู ทีด่ นิ จ�ำนวน ๒๘ ราย รวมถึงประชาชนในพ้นื ท่ีรายอืน่

ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ 123

คณะเจ้าหนา้ ทส่ี ำ� นกั งานผู้ตรวจการแผ่นดนิ ลงพนื้ ทเี่ พื่อตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ
เก่ียวกับปัญหาในการออกโฉนดทดี่ ินทีล่ ่าชา้ และไมถ่ ูกตอ้ ง

ผูต้ รวจการแผ่นดนิ และคณะผูบ้ ริหารมอบโฉนดทด่ี นิ ให้แก่ผรู้ อ้ งเรยี น
ซึ่งเปน็ ผลส�ำเรจ็ เป็นรปู ธรรมจากการแกไ้ ขปัญหาเรื่องรอ้ งเรยี นโดยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ

124 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

เรื่องที่ ๒

หน่วยงานที่รับผิดชอบขาดการติดตามเพื่อบังคับให้เอกชนผู้ท�ำละเมิดคืนสภาพ
บ่อบ�ำบัดนำ�้ เสยี ของหมู่บา้ น
ผรู้ อ้ งเรยี นขอใหต้ รวจสอบการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องผวู้ า่ ราชการจงั หวดั ในฐานะประธาน
คณะกรรมการจดั สรรทดี่ นิ จงั หวดั กรณไี มม่ คี ำ� สง่ั ใหบ้ รษิ ทั ดำ� เนนิ การจดั ทำ� บอ่ บำ� บดั นำ�้ เสยี
ของหมู่บ้านกลับคืนสู่สภาพเดิม โดยผู้ร้องเรียนได้มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม
ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอให้ต้ังกรรมการสอบสวน และด�ำเนินคดีตามกฎหมายกับ
บริษัทเอกชนท่ีท�ำการกลบบ่อบ�ำบัดน้�ำเสียของหมู่บ้าน ส่งผลให้เกิดปัญหาน�้ำท่วมซ้�ำซาก
จงั หวดั ได้ตรวจสอบแลว้ สรปุ วา่ ท่ีประชุมคณะกรรมการจัดสรรทีด่ ินจงั หวัด มีมตใิ หบ้ ริษทั
ระงบั การกระทำ� ทใี่ หบ้ คุ คลอนื่ เขา้ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นทดี่ นิ แปลงทต่ี งั้ บอ่ บำ� บดั นำ้� เสยี และให้
ดำ� เนนิ การแกไ้ ขปรบั ปรงุ บอ่ บำ� บดั นำ้� เสยี ใหค้ งสภาพเดมิ ภายใน ๖๐ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดร้ บั แจง้
และเม่ือครบระยะเวลาตามค�ำสั่งข้างต้นแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ พบว่า
บรษิ ทั ยงั ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำ� สงั่ ของคณะกรรมการ จงึ ไปแจง้ ความรอ้ งทกุ ข์
กลา่ วโทษกบั บรษิ ทั ตอ่ เจา้ หนา้ ทตี่ ำ� รวจเปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ ซง่ึ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พจิ ารณาแลว้
เหน็ วา่ หากรอผลคดใี หถ้ งึ ทส่ี ดุ จะตอ้ งใชร้ ะยะเวลานาน และประชาชนยงั คงตอ้ งประสบกบั
ความเดอื ดรอ้ นตอ่ ไป ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ และคณะจงึ ลงพน้ื ทเ่ี พอ่ื ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ และ
ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาน้�ำท่วมขังของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
จากการกลบบอ่ บำ� บดั นำ�้ เสยี โดยทปี่ ระชมุ มแี นวทางการแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วโดยใหบ้ รษิ ทั
เอกชนด�ำเนินการแก้ไขแผนผังโครงการและวิธีการจัดสรรที่ดิน ต่อมา จังหวัดได้รายงาน
ผลการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามแนวทางท่ีผู้ตรวจการแผ่นดินได้ร่วมตรวจสอบพื้นที่และ
หาข้อสรุปกับรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อ�ำเภอ เทศบาล
ผ้แู ทนบริษัท และผู้รอ้ งเรียน โดยหน่วยงานท่ีเกี่ยวขอ้ งเหน็ วา่ การลงพืน้ ทีแ่ กไ้ ขปัญหาของ
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ในครงั้ นี้ ไดร้ บั การยอมรบั แนวทางปฏบิ ตั จิ ากทกุ ฝา่ ยทเี่ กย่ี วขอ้ ง จงึ เหน็ ควร
ยึดแนวทางการแก้ไขปัญหาในคร้ังน้ีเป็นหลกั ในการติดตามผลการด�ำเนินงานตอ่ ไป

ผูต้ รวจการแผน่ ดนิ 125

ตอ่ มา หนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งแจง้ วา่ บรษิ ทั ไดด้ ำ� เนนิ การขอแกไ้ ขแผนผงั โครงการตอ่
คณะกรรมการจดั สรรทดี่ ินจังหวัดแลว้ แตเ่ น่อื งจากขณะนบ้ี รษิ ัทอยรู่ ะหว่างการด�ำเนินคดี
กรณฝี า่ ฝนื คำ� สงั่ คณะกรรมการและคดยี งั ไมถ่ งึ ทส่ี ดุ จงึ มมี ตใิ หร้ อผลคดใี หถ้ งึ ทส่ี ดุ กอ่ น และ
หนว่ ยงานท่เี กยี่ วข้องไดม้ ีหนังสอื ประสานงานไปยงั ศาลเพื่อขอทราบผลคดี ทราบวา่ บรษิ ทั
ไดช้ ำ� ระคา่ ปรบั เปน็ เงนิ ๖๕๒,๕๐๐ บาท เรยี บรอ้ ยแลว้ และไดด้ ำ� เนนิ การรอ้ื ถอนสง่ิ ปลกู สรา้ ง
ออกจากที่ดินโฉนด พร้อมทั้งได้ระงับการกระท�ำที่ให้บุคคลอื่นเข้าไปใช้ประโยชน์ในท่ีดิน
เรียบร้อยแล้ว ต่อมา บริษัทได้ย่ืนค�ำขอแก้ไขแผนผังโครงการจัดสรรที่ดิน โดยขอเปลี่ยน
ระบบถังบ�ำบัดน้�ำเสียรวม ซ่ึงเดิมจัดท�ำเป็นบ่อกึ่งธรรมชาติ (FACULTATIVE POND)
มาเปน็ การใชบ้ อ่ บำ� บดั นำ้� เสยี รวมระบบตะกอนเรง่ (ACTIBVATED–SLUDGE PROCESSES)
ขนาด ๑,๔๐๐,๐๐๐ ลิตร ชนิดเติมอากาศ ซึ่งคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดได้มีมติ
อนุญาตให้บริษัทเปล่ียนระบบบ่อบ�ำบัดน�้ำเสียรวมตามที่ขอได้ ในเวลาต่อมาหน่วยงาน
ที่เก่ียวข้องได้ท�ำการตรวจสอบบ่อบ�ำบัดน้�ำเสียของบริษัท ผลการตรวจปรากฏว่า บริษัท
ได้ด�ำเนินการจัดท�ำบ่อบ�ำบัดน้�ำเสียเสร็จเรียบร้อย และถูกต้องตรงตามแผนผังโครงการ
ท่ไี ดร้ ับอนญุ าตตามมติคณะกรรมการจัดสรรทด่ี ินจงั หวดั แล้ว
ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เก่ียวข้องแล้ว เห็นว่า
บริษัทได้ด�ำเนินการจัดท�ำบ่อบ�ำบัดน�้ำเสียกลับคืนสู่สภาพเดิมเสร็จเรียบร้อย และถูกต้อง
ตรงตามแผนผังโครงการท่ีได้รับอนุญาตตามมติคณะกรรมการจัดสรรที่ดินจังหวัดแล้ว
ประกอบกบั ผูต้ รวจการแผ่นดิน พรอ้ มหนว่ ยงานท่เี กยี่ วขอ้ ง ผ้รู ้องเรยี น และบริษัทไดล้ งพื้นที่
เพื่อติดตามผลการด�ำเนินการเรื่องร้องเรียน ณ บริเวณที่ตั้งบ่อบ�ำบัดน้�ำเสีย เมื่อวันท่ี
๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ แล้วดังน้ัน เร่ืองร้องเรียนดังกล่าวเป็นกรณีที่หน่วยงานได้แก้ไข
ความเดือดร้อนให้ผู้ร้องเรียนอย่างเหมาะสมแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยุติ
การพิจารณาเรอื่ งรอ้ งเรียนตามมาตรา ๒๙ (๔) แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนูญ
วา่ ด้วยผูต้ รวจการแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒

126 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ผ้ตู รวจการแผน่ ดินลงพื้นท่เี พอื่ ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ
กรณกี ารร้องเรยี นปัญหาจากการกลบบ่อบ�ำบัดนำ�้ เสียของหม่บู า้ น

ผ้ตู รวจการแผ่นดนิ 127

เร่ืองท่ี ๓

หนว่ ยงานไมด่ ำ� เนนิ การปรบั ปรงุ ซอ่ มแซมสะพานขา้ มคลองและถนนทช่ี ำ� รดุ เสยี หาย

ผรู้ อ้ งเรยี นและประชาชนในชมุ ชนแหง่ หนงึ่ ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น เนอื่ งจากสะพานไม้
ข้ามคลองช�ำรุด เสียหาย ถนนที่ชาวบ้านในชุมชนใช้เป็นทางเข้าออกระยะทางประมาณ
๓ กิโลเมตร มีสภาพช�ำรุดท�ำใหก้ ารสัญจรเปน็ ไปดว้ ยความยากล�ำบาก ก่อให้เกดิ อุบตั เิ หตุ
แกผ่ ใู้ ชถ้ นนดงั กลา่ ว ผรู้ อ้ งเรยี นและประชาชนในชมุ ชนไดเ้ คยรอ้ งเรยี นตอ่ หนว่ ยงานราชการ
ท่ีเก่ียวข้อง เพ่ือขอให้ด�ำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมสะพานข้ามคลองและถนนหลายครั้ง
แต่ปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข ผู้ร้องเรียนจึงร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน
เพ่อื ดำ� เนินการตรวจสอบและแก้ไขปญั หาความเดือดรอ้ นดงั กล่าว
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามค�ำร้องเรียนในเบื้องต้นแล้วเห็นว่า
ปัญหาตามค�ำร้องเรียนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจ�ำวันของผู้ร้องเรียนและประชาชน
ในชุมชน ซ่ึงจ�ำเป็นต้องได้รับการแก้ไขความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ผู้ตรวจการแผ่นดิน
จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพ้ืนท่ี และประชุมร่วมกับผู้ร้องเรียนและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ผลการประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันว่าองค์การบริหารส่วนต�ำบลที่มีหน้าที่ดูแล
รับผิดชอบในท้องที่ดังกล่าวจะจัดหาผู้รับจ้างด�ำเนินโครงการก่อสร้างสะพานคอนกรีต
เสริมเหล็กเพ่ือทดแทนสะพานไม้เดิมที่ช�ำรุดเสียหายและปรับปรุงซ่อมแซมถนนระยะทาง
ประมาณ ๓ กิโลเมตร ซ่ึงโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทาง
ในการสัญจรเข้าออกจากชุมชนได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้ ในเบ้ืองต้นองค์การ
บริหารส่วนต�ำบลจะน�ำหินคลุกไปเทบนถนนท่ีช�ำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ เพื่อเป็นการบรรเทา
ความเดอื ดรอ้ นของประชาชน
จากนน้ั ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดป้ ระสานงานกบั อำ� เภอและองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
อย่างต่อเนื่อง เพ่ือติดตามความคืบหน้าในการก่อสร้างสะพานและปรับปรุงซ่อมแซมถนน
ได้รับทราบข้อมลู ว่ามีปัญหาและอุปสรรคในพื้นที่ ท�ำใหก้ ารดำ� เนนิ โครงการดงั กล่าวล่าชา้
ไมเ่ สรจ็ สนิ้ ตามระยะเวลาทก่ี ำ� หนดไวใ้ นสญั ญา ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ไดล้ งพนื้ ทเี่ พอื่ ตรวจสอบ
ขอ้ เทจ็ จรงิ อกี ครง้ั หนง่ึ พบวา่ มแี นวสายไฟฟา้ แรงตำ�่ และแนวทอ่ ประปากดี ขวางการกอ่ สรา้ ง

128 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

ทำ� ใหผ้ รู้ บั จา้ งตอ้ งชะลอการดำ� เนนิ โครงการไวก้ อ่ น ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดเ้ รง่ รดั ประสานงาน
กบั การไฟฟา้ นครหลวงและการประปานครหลวงขอใหต้ รวจสอบพน้ื ทแ่ี ละพจิ ารณาดำ� เนนิ การ
แก้ไข เพ่ือให้ผู้รับจ้างสามารถด�ำเนินการก่อสร้างสะพานและปรับปรุงซ่อมแซมถนนต่อไป
ได้ เมื่อการไฟฟ้านครหลวงและการประปานครหลวงแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแนวสายไฟฟ้า
และแนวทอ่ ประปาทีก่ ีดขวางการก่อสร้างเรยี บรอ้ ยแล้ว ผตู้ รวจการแผน่ ดินจงึ ประสานกบั
องคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบลแจง้ ให้ผู้รบั จา้ งด�ำเนินการโครงการกอ่ สร้างสะพานและปรับปรงุ
ซ่อมแซมถนนทีช่ ำ� รุดให้แลว้ เสร็จโดยเร็ว
ตอ่ มา ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดป้ ระสานงานตดิ ตามผลการดำ� เนนิ การโครงการดงั กลา่ ว
จากองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลไดร้ บั รายงานวา่ ผรู้ บั จา้ งไดก้ อ่ สรา้ งสะพานคอนกรตี เสรมิ เหลก็
และปรับปรงุ ซอ่ มแซมถนนระยะทาง ๓ กิโลเมตร เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบนั ผู้รอ้ งเรยี น
และชาวบา้ นสามารถใชส้ ะพานและถนนในการสญั จรไดอ้ ยา่ งสะดวกและปลอดภยั มากยงิ่ ขนึ้
สรา้ งความพอใจใหก้ บั ผรู้ อ้ งเรยี นและประชาชนในชุมชนเป็นอย่างมาก
อยา่ งไรกด็ ี การดำ� เนนิ โครงการดงั กลา่ วเสรจ็ สน้ิ ลา่ ชา้ เกนิ กวา่ ทกี่ ำ� หนดไวใ้ นสญั ญา
แม้จะเป็นด้วยเหตุอันเน่ืองมาจากปัญหาและอุปสรรคในพ้ืนท่ี แต่ท�ำให้การเดินทางของ
ประชาชนเป็นไปด้วยความยากล�ำบาก ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเสนอแนะให้จังหวัด
กำ� ชบั ราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ในจงั หวดั วา่ เมอ่ื ไดร้ บั ทราบความเดอื ดรอ้ นหรอื ไดร้ บั ขอ้ รอ้ งเรยี น
จากประชาชน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเรื่องที่เก่ียวกับปัญหาความเดือดร้อนจากการบริการ
สาธารณะที่รัฐจัดทำ� ข้ึนเพื่ออำ� นวยประโยชน์แกป่ ระชาชน น้นั ขอให้หน่วยงานที่เกย่ี วข้อง
ตระหนักถึงความส�ำคัญและความจ�ำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวตามอ�ำนาจ
หน้าที่ เพื่อขจัดความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงมีการช้ีแจงถึงปัญหาและ
อปุ สรรคในการดำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาใหป้ ระชาชนไดร้ บั ทราบ ทง้ั นี้ เพอ่ื เปน็ การเสรมิ สรา้ ง
ความเขา้ ใจอันดีรว่ มกันระหว่างหนว่ ยงานและประชาชนในพืน้ ท่ีดว้ ย

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 129

คณะเจา้ หน้าท่ีสำ� นกั งานผตู้ รวจการแผ่นดนิ ลงพ้ืนทเ่ี พ่ือตรวจสอบข้อเทจ็ จริง

เร่ืองที่ ๔

ปญั หาถนนสาธารณะชำ� รุดเสยี หาย กอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายแกผ่ ้ใู ชเ้ ส้นทาง

ผู้ร้องเรียนและประชาชนในชุมชนได้รับความเดือดร้อนจากการใช้เส้นทางจราจร
บนถนนสาธารณะสายหน่ึงซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลและองค์การบริหาร
สว่ นตำ� บล ในพืน้ ท่ีจังหวดั แหง่ หน่ึง ซึง่ เป็นถนนท่ีมีสภาพความเสียหายเกนิ กว่าร้อยละ ๘๐
มสี ภาพเป็นหลุมเป็นบ่อ ประชาชนในพน้ื ท่ตี อ้ งทนใชม้ าตลอดกวา่ ๑๐ ปี และเกดิ อุบัตเิ หตุ
กบั ผใู้ ชเ้ สน้ ทางเสมอ ไมม่ หี นว่ ยงานหรอื ผเู้ กย่ี วขอ้ งเขา้ มาดแู ลใหค้ วามชว่ ยเหลอื แตอ่ ยา่ งใด
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือขอให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริง และมี
หนังสือติดตามทวงถามอีกหลายครั้งเนื่องจากหน่วยงานช้ีแจงข้อเท็จจริงด้วยความล่าช้า
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงเดินทางลงพ้ืนท่ีเพื่อประชุมแก้ไขปัญหาเร่ืองร้องเรียนและตรวจสอบ
ข้อเทจ็ จริงในพน้ื ที่ จากการตรวจสอบปรากฎมีข้อเทจ็ จริง สรุปไดด้ ังน้ี
ถนนสายท่ีเป็นปญั หานั้น หนว่ ยงานด้านทางหลวงชนบทไดถ้ า่ ยโอนภารกจิ ใหก้ บั
องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ตง้ั แต่วนั ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ถนนสายดังกล่าวจึงอยใู่ น
ความดูแลรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ซ่ึงผลจากการประชุม สรุปแนวทาง
การแกไ้ ขปญั หาในถนนสายตา่ ง ๆ ดงั นี้

130 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

๑. เส้นทางตามคำ� รอ้ งเรียน ไดแ้ ก่
- เสน้ ทางจากอำ� เภอหนง่ึ ไปยงั ตำ� บลแหง่ หนง่ึ นน้ั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั
ไดจ้ ดั สรรงบประมาณ รายจ่ายประจ�ำปี ๒๕๖๐ เปน็ ค่าซอ่ มแซมถนนแล้ว
- เส้นทางจากอ�ำเภอไปยังหมู่บ้านแห่งที่หน่ึงและหมู่บ้านแห่งที่สอง จะได้
ด�ำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพ้ืนที่ได้ใช้ประโยชน์
โดยการดำ� เนนิ การรว่ มกนั ระหวา่ งองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั เทศบาล และองคก์ ารบรหิ าร
ส่วนต�ำบลท่ีดูแลรับผิดชอบในพ้ืนท่ี โดยนายกเทศมนตรีจะได้ประสานงานกับส�ำนักงาน
ทางหลวงชนบทในการนำ� เครือ่ งจกั รและบคุ ลากรมาดำ� เนินงานในพนื้ ทใี่ ห้
๒. เส้นทางด้านข้างอ�ำเภอ องค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ด�ำเนินการจัดตั้ง
งบประมาณเพือ่ ด�ำเนินงานในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แลว้
๓. เส้นทางในหมู่บ้าน ได้มีการเสนอของบประมาณแล้ว โดยเป็นงบประมาณ
ประจำ� ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑

ผู้ตรวจการแผ่นดนิ รว่ มประชุมเพอื่ แก้ไขปญั หาเร่อื งรอ้ งเรียนกับหน่วยงานที่เกย่ี วขอ้ ง

หลงั การประชมุ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พรอ้ มดว้ ยคณะเจา้ หนา้ ทส่ี ำ� นกั งานผตู้ รวจการ
แผ่นดินได้เดินทางไปตรวจสอบสภาพพื้นท่ีท่ีมีการร้องเรียนพร้อมกับหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง
พบว่า สภาพถนนมลี กั ษณะเป็นหลุมบ่อ ซงึ่ เปน็ เหตุใหเ้ กิดอนั ตรายผใู้ ชเ้ ส้นทางไมป่ ลอดภยั ได้
จึงได้ก�ำชับให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเร่งรัดด�ำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นท่ี
ได้ใชเ้ ส้นทางได้สะดวกโดยเร็ว

ผ้ตู รวจการแผ่นดนิ 131

ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ลงพ้ืนทเ่ี พอ่ื ตรวจสอบขอ้ เท็จจริง

ต่อมา หนว่ ยงานที่เก่ียวข้องไดร้ ายงานการด�ำเนินการแกไ้ ขปัญหาดังกลา่ วเพิม่ เติม
ว่า องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ได้จดั การประมูลงานจ้างซ่อมแซมถนนตามท่ีมีการร้องเรยี น
ซงึ่ เป็นโครงการงบประมาณรายจ่ายประจ�ำปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จ�ำนวน ๕ โครงการ
ดว้ ยระบบอิเลก็ ทรอนิกส์ และทำ� สญั ญาจ้างกับผู้รบั จ้างดำ� เนินการเรยี บร้อยแล้ว
ผตู้ รวจการแผ่นดินได้พจิ ารณาข้อเท็จจรงิ และข้อกฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ ง รวมท้งั จาก
การลงพน้ื ทต่ี รวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ และรว่ มประชมุ หารอื กบั หนว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งแลว้ เหน็ วา่
ปญั หาถนนชำ� รดุ เสยี หายนนั้ หนว่ ยงานในพน้ื ทไ่ี ดด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาแลว้ และองคก์ าร
บรหิ ารสว่ นจงั หวดั ซง่ึ เปน็ หนว่ ยดแู ลรบั ผดิ ชอบไดต้ ง้ั งบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปงี บประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ซอ่ มแซมถนนเสน้ ทางสายท่ีช�ำรดุ เสียหาย โดยได้ผรู้ ับจา้ งและท�ำสัญญาจา้ ง
เรียบร้อยแล้ว ส่วนถนนอีกเส้นทางก็ได้มีการเสนอของบประมาณด�ำเนินการประจ�ำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ แล้ว นอกจากนี้ได้มีการแก้ไขปรับปรุงเส้นทางในเบ้ืองต้น
เพอื่ ให้ประชาชนในพน้ื ท่ีได้ใช้ประโยชน์โดยสะดวกดว้ ย เรื่องร้องเรยี นดงั กล่าวจงึ เปน็ กรณี
ทีห่ นว่ ยงานท่ีมหี น้าที่รบั ผดิ ชอบได้ดำ� เนินการแกไ้ ขปญั หาความเดอื ดรอ้ นและไมเ่ ปน็ ธรรม
ใหแ้ กผ่ รู้ อ้ งเรยี นอยา่ งเหมาะสมแลว้ ดงั นน้ั ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ วนิ จิ ฉยั ใหย้ ตุ กิ ารพจิ ารณา
เรือ่ งร้องเรยี นดังกลา่ วตามมาตรา ๒๙ (๔) แห่งพระราชบญั ญัตปิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย
ผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ และมีหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ใหผ้ ้รู อ้ งเรยี นทราบแล้ว

132 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

เรือ่ งที่ ๕

ปัญหาถนนท่ีมสี ภาพชำ� รดุ เสียหายและไม่ไดร้ ับการซอ่ มแซม
ผู้ร้องเรียนร้องเรียนว่าหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องไม่ด�ำเนินการซ่อมแซมถนนท่ีเป็นหลุม
เปน็ บอ่ และเม่อื ฝนตกลงมาจึงทำ� ให้นำ้� ทว่ มขงั หลมุ บอ่ ดังกลา่ ว จงึ เปน็ เหตใุ ห้ชาวบา้ นท่ีใช้
เสน้ ทางสญั จรดงั กลา่ วประสบอบุ ตั เิ หตหุ ลายครง้ั เนอ่ื งจากเสน้ ทางนเ้ี ปน็ ทางหลกั ทเ่ี ชอื่ มตอ่
ระหวา่ งหมบู่ า้ นกบั เขตอ�ำเภอ
ภายหลงั จากที่ไดร้ ับการรอ้ งเรยี นเรอ่ื งดงั กล่าว ผตู้ รวจการแผน่ ดินได้มอบหมายให้
เจา้ หนา้ ท่สี ำ� นกั งานผูต้ รวจการแผ่นดนิ ประสานกบั ผูร้ อ้ งเรียนเพือ่ ให้ส่งภาพถ่ายถนนช�ำรุด
ตามท่ีได้ร้องเรียน และมีหนังสือขอให้จังหวัดช้ีแจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารหลักฐาน
ประกอบการพจิ ารณาเรอื่ งรอ้ งเรยี น ซงึ่ จงั หวดั ไดม้ หี นงั สอื รายงานผลการดำ� เนนิ การแจง้ แก่
ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ วา่ ถนนเสน้ ท่ีมีปญั หาตามคำ� ร้องเรยี น ไมไ่ ดอ้ ยูใ่ นความรบั ผิดชอบของ
องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลตามทผ่ี รู้ อ้ งเรยี นกลา่ วอา้ ง แตอ่ ยใู่ นความรบั ผดิ ชอบขององคก์ าร
บริหารส่วนจังหวัด ดังน้ัน อ�ำเภอจึงได้แจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวให้แก่องค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดทราบ และต่อมาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้ด�ำเนินการซ่อมแซมถนนสาย
ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้ประสานไปยังผู้ร้องเรียนเพื่อสอบถาม
ผลการดำ� เนนิ การซอ่ มแซมถนนเพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ เทจ็ จรงิ ทถ่ี กู ตอ้ งครบถว้ น ซง่ึ ผรู้ อ้ งเรยี นไดแ้ จง้ วา่
หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องได้มาด�ำเนินการซ่อมบ�ำรุงถนนให้แล้ว และได้ส่งภาพถ่ายสภาพ
ของถนนในปจั จบุ นั มายงั ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พรอ้ มทงั้ ไดก้ ลา่ วคำ� ขอบคณุ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ
ทชี่ ว่ ยแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วดว้ ย ดงั นน้ั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วจงึ เปน็ กรณที หี่ นว่ ยงานไดแ้ กไ้ ข
ความเดือดร้อนและความไม่เป็นธรรมอย่างเหมาะสมแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงวินิจฉัย
ใหย้ ตุ กิ ารพจิ ารณาเรอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ ว ตามมาตรา ๒๙ (๔) แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบ
รัฐธรรมนญู ว่าดว้ ยผตู้ รวจการแผ่นดนิ พ.ศ. ๒๕๕๒

ผตู้ รวจการแผ่นดนิ 133

ภาพถ่ายสภาพถนน กอ่ น และหลังซ่อมแซม

เร่ืองที่ ๖

องคก์ ารปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ มไิ ดต้ รวจสอบและแกไ้ ขปญั หากลนิ่ เหมน็ จากฟารม์ สกุ ร
ผรู้ อ้ งเรยี นและชาวบา้ นอาศยั อยใู่ นหมบู่ า้ นแหง่ หนง่ึ ในภาคเหนอื ไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ น
จากกลนิ่ ไมพ่ งึ ประสงคข์ องฟารม์ เลย้ี งสกุ รทมี่ กี ารเลยี้ งสกุ ร ประมาณ ๕๐๐ ตวั และอยใู่ กล้
จากบา้ นพกั อาศยั ของประชาชนประมาณ ๓๐๐ เมตร มาเปน็ ระยะเวลายาวนานผรู้ อ้ งเรยี น
และคณะไดร้ อ้ งเรยี นตอ่ หนว่ ยงานราชการทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ตง้ั แตป่ ี ๒๕๕๔ แตไ่ มม่ คี วามคบื หนา้
ในการแกป้ ญั หาแตป่ ระการใด ผรู้ อ้ งเรยี นและคณะจงึ เสนอเรอื่ งรอ้ งเรยี นตอ่ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ
ใหช้ ว่ ยแกไ้ ขปัญหาความเดอื ดร้อนดังกลา่ ว

134 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามค�ำร้องเรียนประกอบกับการชี้แจง
ของหน่วยงานแล้วเห็นว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการ
ท่ีเป็นอันตรายต่อสุขภาพให้กับผู้ประกอบการฟาร์มเล้ียงสุกร ต้ังแต่ปี ๒๕๕๓ – ๒๕๕๗
เมื่อเกดิ กรณีมีการร้องเรยี น องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ จงึ ชะลอการออกใบอนุญาต และ
ใหฟ้ ารม์ เลยี้ งสกุ รแกไ้ ขปญั หาโดยทำ� ฝาปดิ ทอ่ ระบายนำ้� คลมุ ผา้ ยางบอ่ นำ�้ ตอ่ ทอ่ แกส๊ ชวี ภาพ
ซ่ึงผลการตรวจสอบน�้ำจากบอ่ แก๊สและน้ำ� บาดาลอยใู่ นเกณฑม์ าตรฐาน แตผ่ ปู้ ระกอบการ
ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจนับจ�ำนวนสุกรที่ก�ำหนดให้ลดจ�ำนวนเหลือ ๒๐๐ ตัว
ท้ังนี้ เน่ืองจากพระราชบัญญัติการอ�ำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทาง
ราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ มผี ลใชบ้ งั คบั แลว้ และการประกอบกจิ การฟารม์ เลย้ี งสกุ รเปน็ ไปตาม
หลักเกณฑ์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินก�ำหนดไว้ในข้อบัญญัติ ดังนั้น องค์กรปกครอง
สว่ นทอ้ งถนิ่ จงึ ไดพ้ จิ ารณาตอ่ ใบอนญุ าตประกอบกจิ การทเี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพประจำ� ปี
พ.ศ. ๒๕๕๙ ใหฟ้ ารม์ เล้ียงสุกรแบบมีเงอ่ื นไข
แม้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจะด�ำเนินการให้ฟาร์มเล้ียงสุกรแก้ไขปัญหาตาม
อ�ำนาจหน้าที่ท่ีกฎหมายก�ำหนดแล้ว แต่เม่ือผู้ตรวจการแผ่นดินได้สอบถามผู้ร้องเรียน
และคณะ ปรากฏวา่ ยงั คงไดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นจากกลนิ่ ไมพ่ งึ ประสงคจ์ ากฟารม์ เลย้ี งสกุ รอยู่
ดังนั้น ผู้ตรวจการแผน่ ดนิ จงึ ไดม้ อบหมายใหเ้ จา้ หนา้ ทสี่ ำ� นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ลงพืน้ ท่ี
และประชมุ รว่ มกนั ระหวา่ งผปู้ ระกอบการ ผไู้ ดร้ บั ผลกระทบ และหนว่ ยงานราชการทเี่ กย่ี วขอ้ ง
เพ่ือร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหากล่ินไม่พึงประสงค์จากฟาร์มเลี้ยงสุกรอย่างเป็น
ระบบ ผลจากการประชมุ สรปุ ไดว้ า่ จะใชก้ ระบวนการทดสอบทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการตรวจ
พสิ จู นม์ ลพษิ โดยขอรบั ความสนบั สนนุ จากกรมควบคมุ มลพษิ ซง่ึ ผปู้ ระกอบการ ผรู้ อ้ งเรยี น
และคณะจะยอมรับผลการตรวจดังกล่าวและถือเป็นข้อยุติ พร้อมแต่งต้ังคณะท�ำงาน
เพอ่ื ติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างเปน็ รูปธรรม
เมอื่ ไดผ้ ลการตรวจพสิ จู นจ์ ากกรมควบคมุ มลพษิ แลว้ ปรากฏวา่ คา่ นำ�้ ไมผ่ า่ นเกณฑ์
มาตรฐาน ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ขอใหก้ รมควบคมุ มลพษิ จดั ทำ� ขอ้ แนะนำ� ในการจดั การกลน่ิ เหมน็
และน้�ำเสียให้ผู้ประกอบการฟาร์มเล้ียงสุกรถือปฏิบัติ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และคณะท�ำงานตดิ ตามตรวจสอบฟาร์มเล้ียงสุกรเปน็ ประจ�ำ อย่างนอ้ ยสปั ดาหล์ ะ ๑ คร้งั

ผ้ตู รวจการแผ่นดนิ 135

โดยไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า ท้ังน้ี ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ติดตามและเร่งรัด
การด�ำเนินการของหน่วยงานราชการที่เก่ียวข้องและรายงานความคืบหน้าให้ผู้ร้องเรียน
และคณะทราบเปน็ ระยะ จนในทสี่ ดุ คณะทำ� งานไดร้ ายงานผลการตรวจสอบวา่ ฟารม์ เลยี้ ง
สกุ รไดด้ ำ� เนนิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามขอ้ แนะนำ� แลว้ และผรู้ อ้ งเรยี นและคณะแจง้ วา่ กลน่ิ จาก
ฟาร์มเล้ียงสุกรเบาบางลงแล้วและผู้ร้องเรียนและคณะมีความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหา
มาก องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ จงึ ตอ่ ใบอนญุ าตประกอบกจิ การทเ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ
ประจำ� ปี ๒๕๖๐ ให้แก่ผู้ประกอบการฟาร์มเล้ียงสุกรดังกล่าว ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดิน
จึงไดว้ ินิจฉัยยุติกรณรี ้องเรียนดงั กลา่ ว
อยา่ งไรกต็ าม ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ เลง็ เหน็ วา่ ปจั จบุ นั มผี ปู้ ระกอบกจิ การฟารม์ ปศสุ ตั ว์
เปน็ จำ� นวนมาก โดยเฉพาะฟารม์ เลยี้ งสกุ รตามกรณรี อ้ งเรยี น ซงึ่ หากขาดการบรหิ ารจดั การ
ทถ่ี กู วธิ ี อาจสง่ ผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ มและกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาตอ่ สขุ อนามยั ของประชาชน
ท้ังในชุมชน ซึ่งจากกรณีตามค�ำร้องเรียนแล้ว พบว่า สาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจาก
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้อาศัยอ�ำนาจตามมาตรา ๓๑ - ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติ
การสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ประกอบกับมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาต�ำบล
และองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ ออกข้อบัญญัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ซง่ึ กำ� หนดหลกั เกณฑใ์ ชบ้ งั คบั แกก่ ารประกอบกจิ การเปน็ การทวั่ ไป มไิ ดก้ ำ� หนดหลกั เกณฑ์
ท่ีเป็นการเฉพาะส�ำหรับกิจการฟาร์มเล้ียงสุกร เมื่อผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
ทข่ี อ้ บญั ญตั ดิ งั กลา่ วกำ� หนดไว้ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ จงึ ตอ้ งพจิ ารณาออกใบอนญุ าตให้
โดยที่การประกอบกิจการฟาร์มเล้ียงสุกรดังกล่าวมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ
อย่างแท้จริง เป็นผลให้เกิดกรณีการร้องเรียน ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินซ่ึงมีอ�ำนาจและ
หนา้ ทใ่ี นการใหข้ อ้ เสนอแนะตอ่ หนว่ ยงานของรฐั ทเ่ี กย่ี วขอ้ งใหข้ จดั หรอื ระงบั ความเดอื ดรอ้ น
หรือความไม่เป็นธรรม จึงมีเสนอแนะให้กระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้รักษาการตาม
พระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ปรบั ปรงุ แกไ้ ขพระราชบญั ญตั กิ ารสาธารณสขุ
พ.ศ. ๒๕๓๕ จากเดิมความในมาตรา ๓๓ ก�ำหนดให้ “เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจก�ำหนด
เง่อื นไขโดยเฉพาะใหผ้ ้รู บั ใบอนุญาตปฏบิ ตั ิเพอ่ื ปอ้ งกันอนั ตรายต่อสขุ ภาพของสาธารณชน
เพ่ิมเติมจากที่ก�ำหนดไว้โดยท่ัวไปในข้อก�ำหนดของท้องถิ่นตามมาตรา ๓๒ (๑) ก็ได้”

136 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

จงึ ขอใหเ้ พม่ิ เตมิ บทบญั ญตั ดิ งั กลา่ ว “โดยกำ� หนดใหแ้ ตล่ ะทอ้ งถน่ิ สำ� รวจในพน้ื ทวี่ า่ มกี จิ การ
ประเภทใดบ้างที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แล้วจึงออกข้อบัญญัติใช้บังคับเฉพาะกิจการ”
ตัวอย่างเช่นกรณีร้องเรียน ควรพิจารณาออกข้อบัญญัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เรอื่ ง กจิ การทเ่ี ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ พ.ศ. ๒๕๕๑ ประเภทฟารม์ เลีย้ งสุกร โดยกำ� หนด
หลักเกณฑ์และเง่ือนไขให้ชัดเจนตามท่ีคณะกรรมการสาธารณสุข ฉบับท่ี ๓/๒๕๔๙
เรื่อง การควบคุมกิจการเล้ียงสุกร ลงวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๔๙ ประกอบกับประกาศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรือ่ ง มาตรฐานฟาร์มเล้ยี งสกุ รของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๒
ลงวนั ที่ ๓ พฤศจกิ ายน ๒๕๔๒ ไดใ้ หค้ ำ� แนะนำ� ไว้ พรอ้ มกนั นี้ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดม้ หี นงั สอื
แจง้ ใหจ้ งั หวดั ทกี่ ำ� กบั ดแู ลแจง้ ใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตามกรณรี อ้ งเรยี นและแหง่ อนื่
ก�ำชับให้เจ้าพนักงานท้องถ่ินตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และผู้มี
สว่ นเกยี่ วขอ้ งไดเ้ ขม้ งวด กวดขนั และหมน่ั สอดสอ่ งดแู ลการประกอบกจิ การทเี่ ปน็ อนั ตราย
ต่อสขุ ภาพใหเ้ ป็นไปตามอ�ำนาจหนา้ ทีท่ ก่ี ฎหมายกำ� หนดตอ่ ไปแลว้

คณะเจา้ หน้าทส่ี ำ� นกั งานผตู้ รวจการแผ่นดนิ ลงพ้ืนที่เพ่ือตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ
กรณีการร้องเรียนปัญหาความเดอื ดรอ้ นจากกล่ินเหมน็ จากฟารม์ สุกร

ผตู้ รวจการแผน่ ดิน 137

เรอื่ งท่ี ๗

ปญั หาในการดำ� เนนิ การบงั คบั ตามสญั ญาใหเ้ ชา่ พนื้ ทข่ี องรฐั อนั ทำ� ใหร้ ฐั เสยี ประโยชน์

ผรู้ อ้ งเรยี นเสนอเรอ่ื งรอ้ งเรยี นตอ่ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ขอใหต้ รวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ กรณี
หน่วยงานแห่งหนึ่งได้ให้บริษัทเอกชนเช่าพื้นท่ีที่ได้เวนคืนเพ่ือใช้ก่อสร้างถนน เนื้อท่ีรวม
๒๕-๓-๑๐ ไร่ ระยะเวลา ๓ ปี สัญญาดังกล่าวระบุให้คู่สัญญาท�ำธุรกิจที่จอดรถยนต์
เน้ือที่ ๑๑-๑-๓๒.๕ ไร่ คา่ เช่าปที ี่ ๑ ตารางวาละ ๑๖๔ บาท ต่อเดือน ปที ่ี ๒ และ ปที ี่ ๓
ตารางวาละ ๑๗๒ บาท ต่อเดือน และให้จดั ท�ำสวนหย่อม ๑๔-๑-๗๗.๕ ไร่ ค่าเชา่ ตารางวาละ
๓๐ บาท ต่อเดอื น ตลอดระยะเวลา ๓ ปี แตผ่ ู้รอ้ งเรยี นตรวจสอบ พบว่า พ้ืนที่ดงั กลา่ วไมม่ ี
การสร้างสวนหย่อม แต่ได้น�ำพื้นท่ีส่วนใหญ่ไปสร้างที่จอดรถยนต์และร้านค้าซึ่งไม่เป็นไป
ตามสัญญา ท�ำให้ทางราชการเสียประโยชน์ได้รับค่าเช่าน้อยกว่าท่ีควรจะได้รับ และไม่
ปรากฏว่าหนว่ ยงานไดใ้ ช้สิทธบิ อกเลกิ สญั ญาหรอื ด�ำเนนิ การใหเ้ ปน็ ตามสัญญา
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ส�ำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่
ตรวจสอบ พบว่า พื้นท่ีส่วนใหญ่ใช้ประกอบธุรกิจเป็นร้านค้าและท่ีจอดรถ ส�ำหรับส่วนท่ี
สรา้ งเปน็ สวนหยอ่ มมเี นอ้ื ทไี่ มม่ ากนกั และยงั คงมกี ารใชพ้ นื้ ทเ่ี พอื่ ประกอบการธรุ กจิ โดยปกติ
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ใหห้ นว่ ยงานชแ้ี จงขอ้ เทจ็ จรงิ สรปุ ไดว้ า่ หนว่ ยงานไดใ้ หบ้ รษิ ทั
เอกชนเช่าพ้ืนท่ีซึ่งได้เวนคืน เน้ือที่รวม ๑๐,๓๑๐ ตารางวา โดยให้ท�ำธุรกิจจอดรถยนต์
๔,๕๓๒.๕๐ ตารางวา และใหท้ �ำสวนหยอ่ ม ๕,๗๗๗.๕๐ ตารางวา มกี �ำหนดระยะเวลาเชา่
๓ ปี สน้ิ สดุ สญั ญาเชา่ วนั ที่ ๑๑ มนี าคม ๒๕๖๐ โดยบรษิ ทั มรี ะยะเวลาเขา้ ปรบั ปรงุ พน้ื ทแี่ ละ
กอ่ สรา้ งโดยไมค่ ดิ คา่ เชา่ ๑๘๐ วนั ซงึ่ หนว่ ยงานไดต้ รวจสอบการปรบั ปรงุ พนื้ ทเ่ี ชา่ เปน็ ระยะ
มาโดยตลอดตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๕๗ แต่การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อบริษัทปรับปรุงพื้นท่ีเช่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว หน่วยงานเข้าตรวจสอบพื้นที่เช่าเมื่อวันท่ี
๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ พบว่า มีการปรับปรุงเป็นพื้นท่ีท�ำธุรกิจจอดรถยนต์และจัดท�ำ
สวนหย่อมตามวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดไว้ในสัญญาเช่า แต่เน้ือท่ีของแต่ละวัตถุประสงค์
เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กล่าวคือพื้นที่ท�ำธุรกิจจอดรถยนต์มีเน้ือท่ี ๙,๓๖๗ ตารางวา
เพิ่มขึ้นจากท่ีก�ำหนดไว้ในสัญญาเช่า และพื้นที่จัดท�ำสวนหย่อมมีเน้ือที่ ๙๔๓ ตารางวา

138 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

ลดลงจากทก่ี �ำหนดไวใ้ นสญั ญาเชา่ สำ� หรับเง่ือนไขอน่ื ๆ ของสญั ญายังคงเป็นตามท่กี �ำหนดไว้
ในสัญญา ดงั น้ัน เม่อื ตรวจพบว่าเนือ้ ทีข่ องแต่ละวัตถุประสงคเ์ ปลยี่ นแปลงไปจากท่ีก�ำหนดไว้
ในสัญญาเช่า บริษัทเอกชนจึงต้องช�ำระค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนท่ีดินเพิ่มให้หน่วยงาน
เดือนละ ๑,๖๘๓,๘๐๒.๒๕ บาท นับตั้งแต่วันท่ี ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และเน่ืองจาก
สญั ญาเช่าจะสิ้นสุดวนั ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๐ หนว่ ยงานพจิ ารณาแลว้ เหน็ ว่าเพื่อประโยชน์
ของหน่วยงานและเพื่อให้การคิดค่าเช่าเป็นไปตามที่บริษัทได้ใช้พ้ืนท่ีจริง จึงมีหนังสือ
ลงวันที่ ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๕๙ แจง้ ใหบ้ ริษัทช�ำระคา่ เชา่ คา่ ภาษโี รงเรอื นและทด่ี นิ ใหเ้ ปน็ ไป
ตามทบ่ี รษิ ทั ไดใ้ ชพ้ น้ื ทจี่ รงิ นบั ตง้ั แตว่ นั ท่ี ๑๑ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๙ ถงึ วนั ที่ ๑๑ สงิ หาคม ๒๕๕๙
รวมเปน็ เงนิ ๙,๒๖๖,๐๓๖.๕๐ แตบ่ รษิ ทั ไดข้ อผอ่ นชำ� ระหนดี้ งั กลา่ วเปน็ รายเดอื น เดอื นละ
๑,๕๔๔,๓๓๙.๔๒ บาท เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ งวดสุดท้ายช�ำระไม่เกินวันท่ี
๑๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (รวม ๖ งวด) ซ่งึ เป็นวนั สนิ้ สุดสัญญาเช่า ปจั จบุ ันบรษิ ทั ได้ชำ� ระคา่ เชา่
และคา่ ภาษโี รงเรอื นและทดี่ นิ ตามทกี่ ำ� หนดไวใ้ นสญั ญาเชา่ รวมทง้ั คา่ เชา่ และคา่ ภาษโี รงเรอื น
และทด่ี ินส่วนทเี่ พม่ิ ขนึ้ พร้อมทัง้ ผอ่ นช�ำระค่าเช่าและค่าภาษโี รงเรือนและทด่ี ินท่ีต้องช�ำระ
เพม่ิ ตามพนื้ ทที่ ใี่ ชจ้ รงิ ครบถว้ นแลว้ อยา่ งไรกด็ ี หนว่ ยงานเหน็ วา่ หากแจง้ บอกเลกิ สญั ญาเชา่
จะท�ำให้เกิดการฟ้องคดีและมีผลกระทบกับความเสียหายของผู้เช่า และท�ำให้เกิดเป็น
ภาพลกั ษณท์ ไี่ มด่ กี บั หนว่ ยงาน หนว่ ยงานจงึ เหน็ ควรไมใ่ หเ้ อกชนรายใหมเ่ ชา่ พน้ื ทใี่ นบรเิ วณ
ดงั กลา่ วเพมิ่ เตมิ และเมอ่ื สญั ญาเชา่ ของผเู้ ชา่ รายเดมิ สน้ิ สดุ ลง หนว่ ยงานจะไมต่ อ่ สญั ญาเชา่
ให้กับผู้เช่าทุกราย ทั้งน้ี ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้เช่าทราบว่าพ้ืนท่ีในบริเวณดังกล่าว จะน�ำไป
จดั เตรยี มไวเ้ พอ่ื การกอ่ สรา้ งเสน้ ทางตามแผนของโครงการกอ่ สรา้ งของหนว่ ยงาน แตบ่ รษิ ทั
เอกชนยังไม่ได้ส่งมอบพ้ืนที่คืนให้กับหน่วยงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพ่ือฟ้อง
ด�ำเนนิ คดี
ท้ังนี้ เม่ือได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานท่ีได้รับจากหน่วยงาน พบว่า เจ้าหน้าท่ี
ของหนว่ ยงานดงั กลา่ วไดร้ ายงานใหต้ น้ สงั กดั ทราบถงึ การใชพ้ นื้ ทท่ี ำ� ธรุ กจิ และทจ่ี อดรถยนต์
เกนิ กวา่ ทตี่ กลงกนั ไวใ้ นสญั ญา ตงั้ แตเ่ มอื่ วนั ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ประกอบกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ
ซึ่งหน่วยงานก็ทราบว่าผู้เช่ายังคงครอบครองใช้ประโยชน์ในพ้ืนที่เช่าเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นหน่วยงานควรจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าช�ำระค่าเช่าและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเพ่ิม

ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 139

นับต้ังแต่วันท่ี ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซ่ึงผู้เชา่ เรมิ่ ผดิ เง่อื นไขสัญญาโดยชดั แจ้งจนถึงวันที่
ผู้เช่าออกไปจากพื้นท่ี แต่กลับปรากฏหน่วยงานการแจ้งให้ผู้เช่าช�ำระค่าเช่าและค่าภาษี
โรงเรือนและที่ดินเพิ่มตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
จงึ เหน็ ว่าเปน็ การปฏิบตั หิ น้าท่ีโดยไม่ถูกต้องท�ำให้หน่วยงานของรัฐ เสยี หาย ไดค้ ่าเช่าจาก
ผู้เช่าน้อยกว่าที่ควรจะได้รับ และยังไม่ปรากฏว่าหน่วยงานท่ีถูกร้องเรียนได้ด�ำเนินการ
สอบสวนความผดิ ของเจา้ หนา้ ที่ท่ีรับผดิ ชอบแต่อยา่ งใด ดงั น้ัน ผูต้ รวจการแผ่นดินจงึ อาศยั
อำ� นาจตามมาตรา ๓๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ปิ ระกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดนิ
พ.ศ. ๒๕๕๒ แจ้งไปยงั หนว่ ยงานทีถ่ กู ร้องเรียนใหพ้ จิ ารณาแตง่ ตงั้ คณะกรรมการสอบสวน
ขอ้ เทจ็ จริงในเรอื่ งดงั กล่าว หากพบวา่ เปน็ ความบกพรอ่ งของเจา้ หน้าท่ีหรอื เป็นการปฏบิ ัติ
หน้าท่ีโดยไม่ชอบ หรือเป็นการทุจริตเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ก็ให้พิจารณาด�ำเนินการ
ทางวนิ ยั กบั ผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง รวมทงั้ ใหพ้ จิ ารณาใชส้ ทิ ธเิ รยี กรอ้ งคา่ เชา่ และคา่ ภาษโี รงเรอื นและ
ท่ีดินเพ่ิมจากบริษัทเอกชนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลการด�ำเนินการ
มายังผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน ๖๐ วัน นับแต่ได้รับหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยของ
ผตู้ รวจการแผน่ ดิน

สภาพพื้นทต่ี ามสัญญาเชา่ พน้ื ทข่ี องรฐั กรณีทม่ี ีขอ้ พพิ าท

140 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

เรือ่ งท่ี ๘

หน่วยงานไม่ด�ำเนินการตรวจสอบการบุกรุกสระน�้ำสาธารณประโยชน์และที่ดิน
สาธารณประโยชน์

ผตู้ รวจการแผน่ ดินได้รับเรือ่ งร้องเรียนซ่ึงมีสาระสำ� คญั สรุปได้วา่ ผรู้ ้องเรียนได้เคย
ยนื่ หนงั สอื รอ้ งเรยี นถงึ หนว่ ยงานของรฐั เพอื่ ขอใหต้ รวจสอบการบกุ รกุ ทด่ี นิ สาธารณประโยชน์
จำ� นวน ๒ แหง่ คอื สระนำ้� สาธารณประโยชนท์ อี่ ยใู่ นเขต น.ส. ๓ ก. และสระนำ�้ สาธารณประโยชน์
ทอ่ี ยใู่ นเขตการปฏริ ูปทดี่ นิ (ส.ป.ก.) และการขดุ ท�ำลายถนนสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน
แต่หน่วยงานมิได้ด�ำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงหรือสอบสวนหาตัวผู้กระท�ำความผิด
แตอ่ ยา่ งใด
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ จงึ ขอใหห้ นว่ ยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งชแ้ี จงขอ้ เทจ็ จรงิ ซงึ่ สามารถสรปุ ได้
ดงั น้ี
๑. กรณกี ารบกุ รกุ พนื้ ทส่ี ระนำ้� สาธารณประโยชนท์ อี่ ยใู่ นเขต น.ส. ๓ ก. มปี ระชาชน
ในพ้ืนที่ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการบุกรุกพื้นท่ีสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ซ่ึงเป็น
สระนำ้� ทตี่ ง้ั อยทู่ างทศิ เหนอื ของหมบู่ า้ น มเี นอ้ื ทป่ี ระมาณ ๒ ไร่ หนว่ ยงานไดย้ นื่ ขอรงั วดั พน้ื ท่ี
ดังกล่าว ผลการตรวจสอบการรังวัด ปรากฏว่า หนังสือส�ำคัญส�ำหรับท่ีหลวงท่ีตรวจสอบ
ไม่ตรงกับต�ำแหน่งแปลงที่ขอรังวัด ซ่ึงต�ำแหน่งที่ขอรังวัดเป็นพื้นท่ีสระน�้ำของประชาชน
ในพื้นที่เป็นผู้ครอบครอง ซ่ึงเอกสารท่ีระบุต�ำแหน่งในหนังสือส�ำคัญส�ำหรับท่ีหลวงนั้น
อยอู่ ีกจุดหน่งึ พนกั งานส�ำนักงานทีด่ ินจงึ ได้ยกเลกิ การรังวัดพ้นื ทด่ี งั กลา่ ว
๒. กรณกี ารบกุ รกุ ทด่ี นิ สาธารณประโยชน์ สระนำ้� สาธารณะประโยชนท์ อ่ี ยใู่ นเขต
การปฏิรูปท่ีดินหน่วยงานได้ตรวจสอบแนวเขตพ้ืนท่ีสระน�้ำ พบว่า มีแนวเขตไม่ชัดเจน
ติดกบั ทด่ี ินของประชาชนรายอนื่ หน่วยงานจงึ ไดข้ อความอนุเคราะหห์ นว่ ยงานการปฏิรูป
ทด่ี นิ จงั หวดั มารงั วดั แนวเขตทดี่ นิ ซง่ึ ตดิ กบั ทดี่ นิ ของประชาชนรายอนื่ นนั้ ปรากฏวา่ มกี ารบกุ รกุ
ที่ดินสาธารณประโยชน์จริง และประชาชนได้แจ้งให้ผู้ท่ีบุกรุกปรับปรุงบริเวณพื้นท่ีดิน
สาธารณประโยชน์เสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว

ผู้ตรวจการแผ่นดนิ 141

๓. กรณีการขุดท�ำลายถนนสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ประชาชนในหมู่บ้าน
ได้ประสานให้คู่กรณีท่ีถูกกล่าวหา มาด�ำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนนเพ่ือให้ประชาชน
สามารถสัญจรได้สะดวก ปัจจุบันการด�ำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมถนนได้ด�ำเนินการ
เสร็จเรยี บรอ้ ยแล้วตามแนวเขตท่หี น่วยงานส่วนการปฏริ ูปท่ดี ินจังหวัดก�ำหนดไว้
ภายหลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประสานงาน และพิจารณาข้อเท็จจริงและ
ข้อกฎหมายทีเ่ กย่ี วขอ้ งแลว้ เหน็ วา่
๑. กรณีการบุกรุกพื้นท่ีสระน�้ำสาธารณประโยชน์บริเวณทิศเหนือของหมู่บ้าน
ปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ สระนำ้� ดงั กลา่ วตง้ั อยใู่ นพนื้ ทขี่ องประชาชน ไมใ่ ชส่ ระนำ้� สาธารณประโยชน์
ตามทผี่ ้รู อ้ งเรียนเข้าใจวา่ มกี ารออกหนังสอื สำ� คัญสำ� หรับทหี่ ลวงแต่อย่างใด
๒. กรณีการบุกรุกท่ีสาธารณประโยชน์ สระน�้ำ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ปรากฏว่า มีประชาชนบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์จริง หน่วยงานได้แจ้งให้ผู้บุกรุก
ด�ำเนินการแก้ไขปรับปรุงท่ีสาธารณประโยชน์ตามแนวเขตที่หน่วยงานการปฏิรูปที่ดิน
ประจ�ำจงั หวัดกำ� หนด ปจั จุบนั ไดม้ กี ารแก้ไขเสร็จเรยี บร้อยแล้ว
๓. กรณีการขุดท�ำลายถนนสาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ปัจจุบันคู่กรณีท่ีถูก
กลา่ วหาได้ด�ำเนินการปรบั ปรงุ ซอ่ มแซมถนนดังกล่าวเสรจ็ เรยี บร้อยแลว้
เรอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วจงึ เปน็ กรณที หี่ นว่ ยราชการทมี่ หี นา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบไดด้ ำ� เนนิ การ
แกไ้ ขความเดอื ดร้อนใหแ้ ก่ผู้รอ้ งเรยี นและประชาชนอยา่ งเหมาะสมแล้ว ดงั นน้ั ผตู้ รวจการ
แผ่นดินจึงวินิจฉัยให้ยุติการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องเรียนและคณะตามมาตรา
๒๙ (๔) แหง่ พระราชบญั ญตั ิประกอบรฐั ธรรมนญู วา่ ดว้ ยผตู้ รวจการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๕๒

142 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

เรอื่ งที่ ๙

หนว่ ยงานละเลยไม่แกไ้ ขปัญหาในการปรบั ปรุงระบบไฟฟ้าส่องสวา่ ง

ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดร้ บั คำ� รอ้ งเรยี นทางอนิ เทอรเ์ นต็ ผา่ นอปุ กรณเ์ คลอ่ื นท่ี (โมบาย
แอปพลเิ คชั่น) จากประชาชนในเขตพืน้ ท่ีแห่งหน่งึ ในกรุงเทพมหานคร วา่ ได้รบั ความเดอื ดร้อน
จากปัญหาระบบไฟฟ้าส่องสว่างช�ำรุดไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติมาเป็นเวลานาน และ
ไดม้ กี ารแจง้ ใหร้ ฐั วสิ าหกจิ การไฟฟา้ ทร่ี ับผดิ ชอบเขา้ มาดำ� เนินการแกไ้ ขปญั หาแลว้ แตไ่ มไ่ ด้
รับการแก้ไข และประชาชนในพื้นท่ีเห็นว่าปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนได้รับ
อนั ตรายในช่วงเวลากลางคนื ดังนน้ั จงึ ขอใหผ้ ู้ตรวจการแผ่นดนิ ได้ด�ำเนินการประสานงาน
และแกไ้ ขปญั หาความเดือดรอ้ นตอ่ ไป
เม่ือผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเร่ืองร้องเรียนดังกล่าวแล้วเห็นว่า เป็นเรื่องร้องเรียน
ท่ีส่งผลกระทบตอ่ ประชาชนเปน็ จำ� นวนมากและตอ้ งไดร้ บั การแกไ้ ขปัญหาทร่ี วดเรว็ จงึ ได้
มอบหมายให้เจ้าหน้าท่ีส�ำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินประสานงานทางโทรศัพท์ไปยัง
หน่วยงานที่รับผิดชอบในพ้ืนท่ีเพ่ือแจ้งข้อมูลสภาพปัญหาความเดือดร้อนท่ีเกิดข้ึนและ
ขอใหท้ างหนว่ ยงานเรง่ รดั การดำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาโดยการซอ่ มแซมระบบไฟฟา้ สอ่ งสวา่ ง
ใหก้ บั สสู่ ภาพการใชง้ านไดต้ ามปกติ ซงึ่ อาจลา่ ชา้ แลว้ สง่ ผลกระทบตอ่ ประชาชนสว่ นรว่ มได้
ภายหลังจากการประสานงาน ต่อมาวนั รุ่งข้นึ ทางรฐั วิสาหกิจการไฟฟ้าได้มกี ารด�ำเนินการ
ซอ่ มแซมบำ� รุงระบบไฟฟ้าสอ่ งสว่างให้กลบั ใชง้ านไดต้ ามปกติ
จากกรณีเรื่องร้องเรียนในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานท่ีท�ำหน้าจัดท�ำบริการ
สาธารณะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสาธารณูปโภคจะต้องมีการให้บริการแก้ไขปัญหา
ท่ีรวดเร็ว ทั้งนี้หากมีการด�ำเนินการท่ีล่าช้าอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในส่วนร่วม
ซง่ึ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดต้ ระหนกั ถงึ ความสำ� คญั ดงั กลา่ วจงึ ไดม้ นี โยบายใหม้ กี ารแกไ้ ขปญั หา
ทั้งในรูปแบบการประสานงานอย่างไม่เป็นทางการและเป็นทางการตามสภาพปัญหาของ
เร่ืองร้องเรียนท่ีเกิดข้ึน ดังเช่นในกรณีเรื่องร้องเรียนในเรื่องน้ีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้
รปู แบบการประสานงานทไ่ี มเ่ ปน็ ทางการเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาเรอื่ งรอ้ งเรยี นและไดร้ บั ความรว่ มมอื
ในการตอบสนองท่ีรวดเรว็ จากหนว่ ยงานท่ีรบั ผิดชอบ

ผู้ตรวจการแผน่ ดิน 143

เรอ่ื งที่ ๑๐

หน่วยงานละเลยไม่แก้ไขปญั หาระบบสง่ น้�ำทีช่ ำ� รดุ

ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดร้ บั คำ� รอ้ งเรยี นผา่ นทางศนู ยร์ บั เรอื่ งรอ้ งเรยี นทางโทรศพั ทแ์ ละ
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (โทร. ๑๖๗๖) จากประชาชนในพน้ื ทแ่ี หง่ หนง่ึ ในกรงุ เทพมหานครวา่ ในพนื้ ที่
ประสบปัญหาจากการที่ระบบส่งน�้ำประปาช�ำรุด ท�ำให้มีน้�ำประปารั่วซึมบริเวณทางเท้า
สรา้ งความเดอื ดรอ้ นใหก้ บั ประชาชนซงึ่ สญั จรผา่ นไปมาในพนื้ ทดี่ งั กลา่ ว และไดม้ กี ารแจง้ ให้
หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบเพอ่ื ใหด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาหลายแลว้ แต่ ยงั ไมไ่ ดม้ กี ารดำ� เนนิ การ
แตป่ ระการใด จงึ นำ� เรอ่ื งดงั กลา่ วเสนอตอ่ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ เพอ่ื ขอใหต้ รวจสอบและแกไ้ ข
ปัญหาความเดอื ดรอ้ นดงั กลา่ ว
ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดร้ บั เรอ่ื งรอ้ งเรยี นไวพ้ จิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ กรณตี ามเรอ่ื งรอ้ งเรยี น
เปน็ กรณที ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ความเดอื ดรอ้ นกบั ประชาชนโดยสว่ นรวม รวมทงั้ หากมกี ารดำ� เนนิ การ
แกไ้ ขปญั หาทล่ี า่ ชา้ จะเกดิ เปน็ ความสญู เสยี ทรพั ยากรนำ�้ โดยเปลา่ ประโยชน์ ดงั นน้ั ผตู้ รวจการ
แผ่นดนิ จึงมอบหมายใหเ้ จา้ หน้าท่สี �ำนกั งานผตู้ รวจการแผ่นดินใช้กระบวนการแก้ไขปัญหา
อย่างไม่เป็นทางการโดยการประสานงานทางโทรศัพท์ไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ
ซ่ึงผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีความร่วมมือกับหน่วยงานดังกล่าวตามบันทึกความร่วมมือ
เพ่ือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในด้านสาธารณูปโภคไว้ก่อนหน้านี้
เพ่ือแจ้งให้หน่วยงานทราบถึงสภาพปัญหาที่เกิดข้ึน พร้อมทั้งขอความร่วมมือหน่วยงาน
ในการเรง่ รดั การแกไ้ ขปญั หาอยา่ งรวดเรว็ ซงึ่ ภายหลงั จากทผ่ี ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ไดป้ ระสานงาน
และได้มีการติดตามความคืบหน้าในการด�ำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ต่อมา
ประมาณ ๑ สปั ดาห์ หนว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบไดด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาเรอื่ งรอ้ งเรยี นโดยการ
ซอ่ มแซมระบบสง่ น้ำ� ประปาเป็นทเี่ รียบรอ้ ยแลว้
จากกรณเี รอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ ว ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ ใหค้ วามสำ� คญั ในการแกไ้ ขปญั หา
ความเดือดร้อนให้กับประชาชนด้วยความรวดเร็วโดยเฉพาะในด้านสาธารณูปโภค ซึ่งเป็น
ปญั หาทเ่ี กดิ ไดบ้ อ่ ยครง้ั และตอ้ งไดร้ บั การแกไ้ ขปญั หาอยา่ งรวดเรว็ ดงั นน้ั ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ
จึงได้มีนโยบายความร่วมมือโดยการท�ำบันทึกข้อตกลงเพ่ือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกับ

144 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

รฐั วสิ าหกจิ ทเี่ กย่ี วขอ้ งเพอ่ื ใหก้ ระบวนการแกไ้ ขปญั หามคี วามรวดเรว็ โดยการใชก้ ระบวนการ
ในรปู แบบทไ่ี มเ่ ปน็ ทางการ ซงึ่ จากกรณเี รอ่ื งรอ้ งเรยี นดงั กลา่ วแสดงใหเ้ หน็ ถงึ ประสทิ ธภิ าพ
ของหน่วยงานท่ีให้บริการด้านสาธารณูปโภคในการร่วมมือกับผู้ตรวจการแผ่นดินแก้ไข
ปญั หาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน และเพอื่ สง่ เสรมิ ใหห้ นว่ ยงานของรฐั ดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็
ตามหลกั การบริหารจัดการภาครัฐสมยั ใหม่

เรอ่ื งที่ ๑๑

หนว่ ยงานของรฐั ละเลยไมจ่ ดั ใหม้ นี ำ้� สำ� หรบั การอปุ โภคบรโิ ภคใหแ้ กป่ ระชาชนในพนื้ ที่
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับค�ำร้องเรียนจากผู้ร้องเรียนผ่านทางศูนย์รับเร่ืองร้องเรียน
ทางโทรศัพทแ์ ละอเิ ล็กทรอนิกส์ (โทร. ๑๖๗๖) ว่า ผ้รู ้องเรียนและประชาชนในพืน้ ทอ่ี ำ� เภอ
แหง่ หนงึ่ ประสบปญั หาการขาดแคลนนำ้� เพอ่ื การอปุ โภคบรโิ ภค อนั เนอ่ื งมาจากการซอ่ มแซม
ระบบการส่งน้�ำในพื้นท่ีดังกล่าว และประชาชนในพ้ืนท่ีได้ติดต่อให้เทศบาลในพื้นที่ได้
ดำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาโดยการจดั รถนำ�้ เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารเปน็ การชว่ั คราว แตท่ างเทศบาลมไิ ด้
ด�ำเนินการแต่ประการใด ดังนั้น จึงร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดินเพ่ือตรวจสอบและ
แกไ้ ขปัญหาดงั กล่าว
เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้วเห็นว่าเป็นปัญหาที่ต้องมี
การด�ำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเนื่องจากกระทบต่อการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน
ของประชาชน จึงได้ประสานงานทางโทรศพั ท์ไปยงั เทศบาลซึง่ รบั ผิดชอบในพนื้ ทีด่ งั กล่าว
เพื่อให้ข้อมูลถึงสภาพปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพ้ืนท่ี พร้อมทั้งขอให้ทาง
เทศบาลไดด้ ำ� เนนิ การแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วเปน็ การเรง่ ดว่ น ตอ่ มาทางเทศบาลไดม้ กี ารดำ� เนนิ การ
แก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการจัดรถน�้ำเข้าไปให้บริการแก่ประชาชนในพ้ืนท่ีเพ่ือเป็นการ
บรรเทา ความเดอื ดรอ้ น

ผู้ตรวจการแผ่นดิน 145

เร่ืองร้องเรียนในเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าเป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ราชการส่วนท้องถ่ินซึ่งต้องให้บริการแก่ประชาชนและมีการตอบสนองและแก้ไขปัญหา
ในพื้นที่อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนด้านสาธารณูปโภคข้ันพ้ืนฐาน
ซ่ึงหากละเลยไม่ปฏิบัติหน้าท่ีแล้วย่อมท�ำให้ประชาชนขาดความเช่ือมั่นและเกิดความ
ไม่พึงพอใจในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ในเรื่องร้องเรียนดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินท�ำหน้าท่ี
ในการประสานงานเพื่อน�ำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเสนอให้หน่วยงานในพื้นที่
เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาให้กบั ประชาชนไดอ้ ย่างรวดเร็วโดยใชก้ ระบวนการท่ไี ม่ยุ่งยากซับซอ้ น

146 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐

๒.๓.๔ เรอ่ื งร้องเรียนกรณีหน่วยงานไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย

เรอื่ งที่ ๑

การปฏิบัติหน้าท่ีของหน่วยงานของรัฐท่ีได้รับโอนที่นาโดยผลของกฎหมายหาก
ประสงค์จะน�ำสินทรัพย์ที่ได้ออกประมูลขายทอดตลาดจะต้องให้ผู้เช่าเดิมใช้สิทธิซื้อทรัพย์
ก่อนหรือไม่
ผู้ร้องเรียนและคณะเคยเป็นเจ้าของท่ีดิน และใช้ท่ีดินท�ำการเกษตรเพาะปลูกข้าว
ตอ่ มากลมุ่ ผรู้ อ้ งเรยี นไดน้ ำ� ทด่ี นิ จดทะเบยี นจำ� นองกบั ผปู้ ระกอบการโรงสขี า้ วและไดเ้ ชา่ ทด่ี นิ
เพื่อท�ำนามาโดยตลอด แต่ไม่ได้ไถ่ถอนจ�ำนองจนท�ำให้กรรมสิทธ์ิในท่ีดินตกเป็นของ
ผู้ประกอบการโรงสีข้าว หลังจากน้ันผู้ประกอบการโรงสีข้าวได้น�ำท่ีดินแปลงดังกล่าวไป
จดทะเบยี นจำ� นองกบั ธนาคาร และเมอื่ ประมาณปี ๒๕๔๐ ธนาคารทรี่ บั จำ� นองทด่ี นิ ประสบ
ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลในขณะนั้นจึงได้จัดต้ังหน่วยงานขึ้นมาเพื่อบริหารจัดการ
หน้ีสินต่าง ๆ ของธนาคาร ต่อมากลุ่มผู้ร้องเรียนได้มีหนังสือขอซ้ือที่ดินจากหน่วยงานรัฐ
แตม่ คี ดขี อ้ พพิ าทระหวา่ งหนว่ ยงานรฐั กบั ทายาทของผปู้ ระกอบการโรงสขี า้ ว กลมุ่ ผรู้ อ้ งเรยี น
จึงได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด ศาลปกครองสูงสุดได้มีค�ำพิพากษา โดยสรุปว่า
กลุ่มผู้ร้องเรียนจะต้องด�ำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อน จึงจะมีสิทธิ
ย่ืนฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด จากนั้นเมื่อประมาณปี ๒๕๕๖ หน่วยงานรัฐดังกล่าว
ส้ินสภาพไปโดยผลของกฎหมาย แต่ยังคงจัดการสินทรัพย์ไม่แล้วเสร็จ อ�ำนาจหน้าท่ี
ตามกฎหมายในส่วนท่ีเกี่ยวข้องเก่ียวกับการจัดการสินทรัพย์จึงโอนไปยังหน่วยงานของรัฐ
อีกแหง่ หนึ่ง ซงึ่ เมอ่ื ปี ๒๕๕๙ กลุม่ ผ้รู อ้ งเรยี นไดท้ ำ� หนังสอื ขอซ้อื ท่ดี ินจากหน่วยงานของรัฐ
ทร่ี บั โอนสนิ ทรพั ย์ แตเ่ นอื่ งจากหนว่ ยงานเห็นวา่ จะต้องนำ� ออกประมูลขายทอดตลาด และ
หากกลุ่มผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นผู้เช่าที่นาประสงค์จะซื้อที่ดิน สามารถเข้าสู้ราคาในการประมูล
ขายคร้ังน้ีได้ โดยได้ก�ำหนดราคาประมูลเรม่ิ ตน้ ไว้ทปี่ ระมาณ ๑๑ ลา้ นบาท

ผตู้ รวจการแผ่นดิน 147

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียน
ดังกล่าวแล้ว เห็นว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกรณี
ทจี่ ำ� เปน็ เร่งดว่ น ทจ่ี ะต้องดำ� เนินการแก้ไขปัญหา
ให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว จึงได้เชิญหน่วยงานรัฐ
ท่ีเก่ียวข้องท้ังหมดเข้าร่วมประชุมหาแนวทาง
แก้ไขปัญหา โดยหน่วยงานให้ความเห็นว่า
หน่วยงานไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ในการเช่ากับกลุ่มผู้ร้องเรียน หน่วยงานจึงสามารถน�ำท่ีดิน
ออกขายโดยไม่จ�ำต้องสอบถามกลุ่มผู้ร้องเรียนก่อน แม้กลุ่มผู้ร้องเรียนจะอ้างว่าเป็นผู้เช่า
ที่นาเดิมและประสงค์จะซ้ือทรัพย์ตามท่ีพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
พ.ศ. ๒๕๒๔ ก�ำหนดไวก้ ็ตาม เน่ืองจากหน่วยงานเหน็ ว่า มาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญตั ิ
ดงั กลา่ ว กำ� หนดวา่ พระราชบญั ญตั นิ มี้ ใิ หใ้ ชบ้ งั คบั แกก่ ารเชา่ ทด่ี นิ เพอ่ื ประกอบเกษตรกรรม
ที่รัฐ หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและสหกรณ์นิคม
เปน็ ผใู้ หเ้ ชา่ นน้ั ซง่ึ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ กรณดี งั กลา่ วเปน็ เรอื่ งทม่ี กี ฎหมาย
ก�ำหนดขั้นตอนให้ผู้ให้เช่าหรือผู้รับโอนกรรมสิทธ์ิในที่นาจะต้องปฏิบัติตามข้ันตอน
ของกฎหมาย ตามที่พระราชบญั ญัติการเช่าทด่ี นิ เพือ่ เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ มาตรา ๕๓
วรรคแรก กำ� หนดวา่ ผใู้ หเ้ ชา่ จะขายนาไดต้ อ่ เมอื่ ไดแ้ จง้ ใหผ้ เู้ ชา่ นาทราบ โดยทำ� เปน็ หนงั สอื
แสดงความจำ� นงจะขายนา พรอ้ มทั้งระบุราคาท่จี ะขายและวธิ ีการช�ำระเงนิ ย่ืนตอ่ ประธาน
คณะกรรมการเช่าท่ีนาเพ่ือเกษตรกรรมต�ำบล เพื่อแจ้งให้ผู้เช่านาทราบภายในสิบห้าวัน
และถา้ ผเู้ ชา่ นาแสดงความจำ� นงจะซอ้ื นาเปน็ หนงั สอื ยน่ื ตอ่ ประธานคณะกรรมการเชา่ ทน่ี า
เพ่ือเกษตรกรรมต�ำบล ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งผู้ให้เช่านาต้องขายนาแปลง
ดังกล่าวให้ผู้เช่านาตามราคาและวิธีการท่ีแจ้งไว้ การท่ีหน่วยงานอ้างว่ามิได้อยู่ในฐานะ
ผู้ให้เช่านานั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า กลุ่มผู้ร้องเรียนได้มีการน�ำเงินมาวางเป็นค่าเช่านา
ต่อส�ำนักงานวางทรัพย์กรมบังคับคดีเร่ือยมา ประกอบกับมีการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไว้
ซึ่งสามารถตรวจสอบจากสารบบของทางราชการได้ ซึ่งหากรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่ากลุ่มเป็น
ผู้เช่านาที่แท้จริงย่อมถือได้ว่ามีการช�ำระค่าเช่านาให้แก่ผู้ให้เช่าหรือเจ้าหนี้ตามกฎหมาย
และเม่ือพิจารณาความในมาตรา ๕๔ ท่ีก�ำหนดว่า ถ้าผู้ให้เช่านาขายที่นาไปโดยมิได้

148 รายงานประจ�ำปี ๒๕๖๐

ปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๕๓ ไม่ว่านานัน้ จะถูกโอนไปยงั ผใู้ ด ผู้เช่านามสี ิทธซิ ้ือนาจากผู้รบั โอนนนั้
ตามราคาและวธิ กี ารชำ� ระเงนิ ทผ่ี รู้ บั โอนซอ้ื ไวห้ รอื ตามราคาตลาด ในขณะนนั้ แลว้ แตร่ าคาใด
จะสูงกว่ากัน หรือภายในสามปีนับแต่ผู้ให้เช่านาโอนนาน้ัน และมาตรา ๕๔ วรรคสอง
ก�ำหนดว่า ถ้าผู้รับโอนตามวรรคหนึ่งไม่ยอมขายนาให้แก่ผู้เช่านาผู้เช่านาอาจร้องขอต่อ
คณะกรรมการเชา่ ทน่ี าเพอ่ื เกษตรกรรมตำ� บล เพอ่ื วนิ จิ ฉยั ใหผ้ นู้ น้ั ขายนาได้ จากบทบญั ญตั ิ
ดงั กลา่ วจงึ เหน็ ไดว้ า่ เปน็ เรอ่ื งทก่ี ฎหมายบงั คบั ใหผ้ ทู้ ไี่ ดร้ บั โอนทน่ี าจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอน
ของกฎหมาย อกี ทั้งเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกลา่ วกต็ ราขน้ึ เพ่ือเปน็ การคมุ้ ครอง
ผลประโยชน์ของผู้เช่านา ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้อาศัยอ�ำนาจตามความในมาตรา ๓๒
แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๕๒ ขอให้
หนว่ ยงานพจิ ารณาดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปขนั้ ตอนของพระราชบญั ญตั พิ ระราชบญั ญตั กิ ารเชา่
ทด่ี นิ เพอ่ื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ รวมถงึ ขอใหห้ นว่ ยราชการทเี่ กย่ี วขอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลอื
ด้านการให้ค�ำแนะน�ำในส่วนท่ีเก่ียวข้อง และขอให้ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร พิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านแหล่งเงนิ ทุนส�ำหรบั กลมุ่ ชาวบา้ นในการขอซอ้ื
ทีด่ ินดังกล่าว
ตอ่ มา หน่วยงานดงั กลา่ วไดม้ หี นังสอื รายงานผลการด�ำเนนิ การตามผลการวนิ จิ ฉัย
ของผู้ตรวจการแผ่นดิน สรุปว่า หน่วยงานได้ขอความอนุเคราะห์ไปยังคณะกรรมการ
เชา่ ทด่ี นิ เพอื่ เกษตรกรรมประจำ� ตำ� บลเพอ่ื ดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชบญั ญตั กิ ารเชา่
ที่ดินเพอ่ื เกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ ตามทีผ่ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ได้มีขอ้ เสนอแนะแลว้ นอกจากน้ี
หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งไดม้ หี นงั สอื รายงานผลวา่ ไดด้ ำ� เนนิ การใหค้ วามชว่ ยเหลอื กลมุ่ ผรู้ อ้ งเรยี น
ตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีดังกล่าวจึงเป็นเร่ืองที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน
ได้ด�ำเนินการแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี และได้รับความร่วมมือจาก
ทุกฝ่ายที่เก่ียวข้องอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดภาระในการต้องน�ำคดีข้ึนสู่ศาล ด้วยการใช้
มาตรการทางภายในของฝ่ายปกครองในการจัดการแก้ไขปัญหา ตลอดจนค�ำนึงถึง
กลมุ่ ผ้รู อ้ งเรียนทเี่ ป็นผูป้ ระกอบอาชพี ท�ำนา ใหส้ ามารถเข้าถงึ แหล่งทำ� กนิ ได้ด้วยการเขา้ ซ้อื
ทด่ี นิ กอ่ นทจี่ ะน�ำออกประมลู ขายทอดตลาด

ผตู้ รวจการแผน่ ดิน 149

เรือ่ งที่ ๒

การปฏบิ ตั หิ นา้ ทสี่ มาชกิ สภาองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บลของบคุ คลผขู้ าดคณุ สมบตั ิ
ในการด�ำรงต�ำแหน่ง
ผรู้ อ้ งเรยี นขอใหผ้ ตู้ รวจการแผน่ ดนิ ตรวจสอบนายก
องค์การบริหารส่วนต�ำบล กรณีมิได้แจ้งเรื่องสมาชิกสภา
องค์การบริหารส่วนต�ำบลถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย
ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ ให้อ�ำเภอทราบ ท�ำให้องค์การบริหาร
ส่วนต�ำบลต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ท่ีขาดคุณสมบัติ
ในการด�ำรงต�ำแหน่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วจึงแจ้งให้จังหวัดพิจารณา
ด�ำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
จังหวัดตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ แลว้ โดยอา้ งถงึ ความเหน็ ของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๖๐๕/๒๕๕๑ กรณกี ารสน้ิ สดุ สมาชกิ ภาพของสมาชกิ สภาเทศบาล เพราะตกเปน็
บุคคลล้มละลาย สรุปได้ว่า เม่ือศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว หากยังคง
ปฏบิ ตั หิ นา้ ทอี่ ยู่ การปฏบิ ตั หิ นา้ ทน่ี น้ั ไมถ่ กู กระทบกระเทอื นและมผี ลใชไ้ ด้ ดงั นน้ั การไดร้ บั
คา่ ตอบแทนและคา่ ปว่ ยการอนื่ ๆ อนั เนอื่ งจากการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ จงึ ไมอ่ าจกลา่ วไดว้ า่ เปน็ การ
รับไปโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย ทางราชการจึงไม่อาจเรียกเงินดังกล่าวคืนได้
จงึ ให้ยุตเิ รื่องร้องเรียนในประเดน็ ดงั กลา่ ว
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงตรวจสอบข้อมูลและรายละเอียดของความเห็นของ
คณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมทั้งประสานไปยังหน่วยงานต้นเรื่องตามความเห็นของ
คณะกรรมการกฤษฎกี าเรอ่ื งดงั กลา่ ว ทำ� ใหพ้ บวา่ ขอ้ เทจ็ จรงิ ของเรอ่ื งรอ้ งเรยี นและขอ้ เทจ็ จรงิ
ของเรื่องอันเป็นท่ีมาของความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาน้ัน มีความแตกต่างกัน
ในประเด็นเร่ืองการทราบถึงการล้มละลายของสมาชิกซึ่งน�ำไปสู่การสิ้นสุดสมาชิกภาพ

150 รายงานประจำ� ปี ๒๕๖๐


Click to View FlipBook Version