The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กฎหมายเมาแล้วขับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chayada Sangphadung, 2020-10-22 02:57:03

กฎหมายเมาแล้วขับ

กฎหมายเมาแล้วขับ

See discussions, stats, and author profiles for this publication at: https://www.researchgate.net/publication/323965788

“”

Book · January 2015

CITATIONS READS

0 689

1 author:

Waiphot Kulachai
Burapha University
45 PUBLICATIONS   3 CITATIONS   

SEE PROFILE

All content following this page was uploaded by Waiphot Kulachai on 23 March 2018.

The user has requested enhancement of the downloaded file.

การบังคับใช้กฎหมาย

“เมาแลว้ ขับ”

secivreS tropsnarT

โครงการพัฒนาศักยภาพการปฏบิ ัตงิ านของเจา้ หน้าทตี่ าำ รวจจราจร

สนบั สนุนโดย สำานักงานกองทุนสนบั สนุนการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.)

การบังคบั ใช้กฎหมาย
“เมาแลว้ ขับ”

โครงการพัฒนาศักยภาพการปฏบิ ตั ิงานของเจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจจราจร

สนบั สนุนโดย ส�ำ นกั งานกองทนุ สนับสนนุ การสร้างเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.)

การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”

โดย พนั ตำ�รวจโท ดร.ไวพจน์ กลุ าชยั
พันต�ำ รวจเอกหญงิ จนิ ดา กลบั กลาย

ปีที่พมิ พ์ พ.ศ. 2558
จ�ำ นวนพิมพ์ 300 เล่ม

จัดพิมพแ์ ละเผยแพร่ โดย
ศูนยว์ จิ ยั และพฒั นากองบัญชาการศึกษา
ศนู ย์วชิ าการเพอ่ื ความปลอดภยั ทางถนน

สนบั สนุน โดย
สำ�นักงานกองทนุ สนับสนนุ การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ

ที่ติดตอ่ เลขที่ 100 ถนนวิภาวดรี งั สิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กรงุ เทพมหานคร 10900


พมิ พ์ที่ ห้างหุ้นสว่ นจำ�กัด โรงพมิ พอ์ ักษรไทย (น.ส.พ. ฟา้ เมอื งไทย)
เลขที่ 85, 87, 89, 91 ซอยจรัญสนทิ วงศ์ 40 ถนนจรัญสนิทวงศ์
แขวงบางย่ีขนั เขตบางพลัด กรงุ เทพมหานคร 10700
โทร. 0-2424-4557, 0-2424-0694 แฟกซ์ 0-2433-2858

คำ�นยิ ม

โครงการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ
จราจร เป็นโครงการที่ดีที่มุ่งเน้นพัฒนาให้เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจราจรมีความรู้
และทกั ษะในการปฏบิ ตั งิ านดา้ นความปลอดภยั ทางถนนใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ
ได้มีการพัฒนาความรู้ทางวิชาการ ด้านวิศวกรรมจราจร การบริหารจัดการ
ตลอดจนยทุ ธวธิ ใี นการปฏบิ ตั งิ าน โดยไดพ้ ฒั นาหนงั สอื คมู่ อื และต�ำ รา จ�ำ นวน 7 เลม่
เพอ่ื ใหค้ วามร้แู กเ่ จ้าหน้าท่ีตำ�รวจให้สามารถปฏิบัตหิ นา้ ทีไ่ ดด้ ยี ่ิงข้ึน
สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ ตระหนักถึงความสำ�คัญของชีวิตประชาชน
ผใู้ ชร้ ถใช้ถนน จึงได้นำ�ชุดความรูเ้ หล่านี้ไปเผยแพร่ และใช้เปน็ ส่วนหน่ึงของการ
ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำ�รวจในสายงานจราจรเพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจได้มีความรู้
และศกั ยภาพในการทำ�งานท่ีดยี ง่ิ ข้ึน
ผมมีความยินดีอย่างย่ิงท่ีได้มีโอกาสรับหน้าที่บริหารงานจราจรของ
สำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติ และได้นำ�ความรู้ทางวิชาการมาปรับใช้ในการบริหาร
งานจราจร เชน่ โครงการแกไ้ ขปญั หาจราจรในพน้ื ทกี่ รงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล
อย่างบูรณาการ การจัดชอ่ งทางเดนิ รถพเิ ศษ (reversible lane) ในชว่ งเทศกาล
และการปรบั ปรงุ จดุ เสย่ี งทางถนนเพอ่ื ลดอบุ ตั เิ หตุ เปน็ ตน้ และผมหวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ
ท่ีว่าองคค์ วามร้ตู ามโครงการนจ้ี ะทำ�ให้เจ้าหนา้ ท่ีตำ�รวจและผู้สนใจทุกท่าน มศี กั ยภาพ
ในการปฏิบัติงานด้านความปลอดภัยทางถนนท่ีดีย่ิงขึ้น สมดังเจตนารมณ์ของ
การพัฒนาหนงั สอื ทกุ เล่ม

พลตำ�รวจโท (ประวุฒิ ถาวรศริ ิ)

ผชู้ ่วยผบู้ ัญชาการต�ำ รวจแหง่ ชาติ

ค�ำ นยิ ม

ชุดความรู้ด้านการจราจร ท่ีท่านกำ�ลังอ่านอยู่นี้ เกิดจากความวิริยะ
อุตสาหะของข้าราชการตำ�รวจกลุ่มหนึ่งท่ีได้รวมตัวกัน มีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนา
องค์ความรู้ด้านความปลอดภัยทางถนน และพัฒนาข้าราชการตำ�รวจให้มีความรู้
ความสามารถในงานด้านความปลอดภัยทางถนน โดยมีเป้าหมายสู่การบังคับใช้
กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถลดอุบัติเหตุทางถนนที่ทำ�ให้คนไทย
บาดเจบ็ พกิ ารและเสยี ชวี ติ จ�ำ นวนมาก ซงึ่ ขา้ ราชการต�ำ รวจกลมุ่ นี้ เปน็ การผสมผสาน
ระหว่างบุคลากรฝ่ายวิชาการ และบุคลากรผู้มีประสบการณ์จากการปฏิบัติงาน
เข้าด้วยกัน ได้ประชุมหารือ ค้นคว้า เก็บตัวอย่าง ตรวจสถานที่จริง สัมภาษณ์
ใชก้ ระบวนการศึกษาทกุ รปู แบบ เพื่อใหช้ ุดความร้เู ป็นชุดความรู้ท่ีดที ี่สุด
จากการทผี่ มไดม้ โี อกาสเปน็ ทป่ี รกึ ษาตง้ั แตด่ �ำ รงต�ำ แหนง่ รองผบู้ ญั ชาการ
ศกึ ษา และได้ต้งั ศนู ยว์ จิ ัยและพฒั นากองบัญชาการศึกษา จงึ ได้เหน็ กระบวนการ
ท�ำ งานมาตง้ั แตเ่ รมิ่ วเิ คราะหแ์ ละพฒั นาหลกั สตู รจราจรใหม้ เี นอ้ื หาดา้ นความปลอดภยั
ทางถนน มกี ารฝกึ อบรมครตู น้ แบบ และรวบรวมความรทู้ สี่ �ำ คญั จนเกดิ เปน็ ชดุ ความรู้
ด้านการจราจร ชดุ นข้ี ึน้ จึงขอให้ขา้ ราชการตำ�รวจท่ีปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ด้านการจราจร
ได้ศึกษา ค้นคว้า และใช้เป็นคู่มือและแนวทางในการปฏิบัติงานสร้างความมั่นใจ
ในการทำ�งาน และบังคับใช้กฎหมายได้อย่างถูกต้องเป็นธรรม ให้กับประชาชน
จึงถอื เปน็ การไดป้ ฏิบัตหิ น้าทใ่ี หบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงคอ์​ ย่างมปี ระสิทธิภาพ

พลต�ำ รวจโท

(อำ�นวย น่มิ มะโน)

ผ้บู ญั ชาการตำ�รวจภูธร ภาค 1

กิตติกรรมประกาศ

โครงการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจจราจร
เปน็ โครงการระยะท่ี 2 ตอ่ จากโครงการพฒั นาหลกั สตู รดา้ นความปลอดภยั ทางถนน
ส�ำ หรบั เจา้ หนา้ ทต่ี ำ�รวจจราจร ของกองบญั ชาการศกึ ษา โดยศูนยว์ จิ ัยและพัฒนา
กองบัญชาการศึกษา และข้าราชการตำ�รวจจากหลายหน่วยงาน ได้ร่วมเป็น
คณะนกั วจิ ยั โครงการไดด้ �ำ เนนิ การมาตง้ั แต่ปีพ.ศ.2556-2557ภายใตก้ ารสนบั สนนุ
ของสำ�นักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์วิชาการ
เพือ่ ความปลอดภยั ทางถนน (ศวปถ.)
นอกจากองคค์ วามรทู้ สี่ ำ�คญั สำ�หรับผู้ปฏบิ ตั งิ านดา้ นการจราจร จ�ำ นวน
7 เรือ่ ง ท่ีทางคณะนักวจิ ยั ได้รวบรวมและจดั ทำ�ขน้ึ เพอ่ื ใชเ้ ป็นตำ�ราในการศกึ ษา
ค้นคว้า และเป็นคู่มือในการปฏิบัติงานด้านการจราจรแล้ว กองบัญชาการศึกษา
ร่วมกับศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้มีการรวมกลุ่ม
เพ่ือแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจจราจรและภาคี
เครือข่าย รวมท้ังการจัดเวทีรับฟังความเห็นนักกฎหมาย นักวิชาการ เจ้าหน้าที่
ตำ�รวจจราจรผู้มีประสบการณ์ เพ่ือการพัฒนาหลักสูตรและการจัดทำ�องค์ความรู้
ด้านการจราจรอีกด้วย
ความส�ำ เรจ็ ทเ่ี กดิ จากการด�ำ เนนิ โครงการพฒั นาศกั ยภาพการปฏบิ ตั งิ าน
ของเจ้าหนา้ ทตี่ �ำ รวจจราจร นับวา่ เป็นประโยชนอ์ ยา่ งย่งิ ซงึ่ กองบัญชาการศกึ ษา
จะได้นำ�องค์ความรู้ไปเผยแพร่แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ของ
กองบญั ชาการศึกษาและผู้เกี่ยวขอ้ งต่อไป ขอขอบคุณสำ�นักงานกองทุนสนบั สนุน
การสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) ศนู ยว์ ชิ าการเพ่อื ความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.)
กลุ่มงานอาจารย์/เลขานุการศูนย์วิจัยและพัฒนากองบัญชาการศึกษา นักวิจัย
และผเู้ กย่ี วข้องทกุ ทา่ น

พลตำ�รวจโท (พรหมธร ภาคอัต)

ผบู้ ัญชาการศึกษา

คำ�นำ�

เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจจราจร เป็นกลุ่มบุคคลท่ีมีหน้าท่ีเก่ียวข้องโดยตรงต่อ
สวัสดิภาพของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน การผลักดันให้เจ้าหน้าที่ตำ�รวจจราจร
มีความรู้ความสามารถดา้ นความปลอดภยั ทางถนนอย่างย่ังยนื จึงเปน็ เร่อื งส�ำ คัญ
ทจี่ ะน�ำ ไปสกู่ ารพฒั นาความปลอดภยั ทางถนนของประเทศไทย แนวทางการพฒั นา
ศักยภาพตำ�รวจจราจรให้ย่ังยืนตามโครงการพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงาน
ของเจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจจราจร ประกอบดว้ ย การพฒั นาองคค์ วามรดู้ า้ นความปลอดภยั
ทางถนน และพัฒนาข้าราชการตำ�รวจให้มีความรู้ความสามารถในงานด้าน
ความปลอดภยั ทางถนน โดยไดร้ วบรวมและพฒั นาองคค์ วามรดู้ า้ นความปลอดภยั
ทางถนนส�ำ หรบั ต�ำ รวจจราจรทส่ี �ำ คญั ไดแ้ ก่1)การปอ้ งกนั แกไ้ ขอนั ตราย108บนถนน
ตามหลักวิศกรรมจราจร 2) การจัดการข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน 3) เทคโนโลยี
การจราจร 4) แหล่งทุนเพื่อพัฒนางานด้านการจราจร 5) การบังคับใช้กฎหมาย
“เมาแล้วขับ” 6) การตั้งจุดตรวจจราจรให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัย
7) ถอดบทเรียนความสำ�เร็จ ครูต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนนสำ�หรับ
เจา้ หน้าทต่ี ำ�รวจจราจร
องค์ความรู้ เรื่อง การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ถือว่า
มีความสำ�คัญอย่างยิ่งต่อการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ จำ�นวนผู้เสียชีวิต จำ�นวน
ผู้บาดเจ็บ ตลอดจนความสูญเสียในทรัพย์สินจากอุบัติเหตุทางถนน แต่การท่ี
เจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจจะบงั คบั ใชก้ ฎหมายไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และมปี ระสทิ ธผิ ลนนั้
จะตอ้ งมอี งคค์ วามรใู้ นเรอ่ื งของกฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ ง รปู แบบและวธิ กี ารตงั้ จดุ ตรวจ
วิธีการทดสอบสภาพร่างกายและสภาพจิตใจของผู้ขับข่ี วิธีการและแนวทาง
ในการสังเกตผู้ขับขี่ท่ีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอื่น
รวมถงึ จิตวทิ ยาในพูดคุยกับผตู้ ้องหา เป็นต้น

หนงั สือเลม่ นี้ เปน็ การรวบรวมองคค์ วามรู้ต่าง ๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกบั การบังคบั
ใช้กฎหมาย “เมาเล้วขับ” ซ่ึงจะเป็นประโยชน์อย่างย่ิงต่อเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจทุกระดับ
สำ�หรับใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติงานจริง หรือนำ�องค์ความรู้บางส่วนไปประยุกต์ใช้กับ
การปฏบิ ตั ิงานรวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรูใ้ หก้ บั บุคคลอื่นทสี่ นใจตอ่ ไป
พนั ต�ำ รวจโท ดร.ไวพจน์ กลุ าชยั
พนั ตำ�รวจเอกหญิง จนิ ดา กลบั กลาย



สารบญั สารบัญ

บทท ี่ หน้า
1 ความรเู้ บื้องตน้ เกย่ี วกบั แอลกอฮอล ์ 1
ความหมายของแอลกอฮอล์ 5
ประเภทของแอลกอฮอล ์ 7
ชนิดของเคร่ืองดมื่ แอลกอฮอลท์ ่ีได้รบั ความนิยม 8
สาเหตขุ องการบรโิ ภคเครือ่ งด่มื แอลกอฮอล์ 16
ผลกระทบของการดม่ื แอลกอฮอล์ 19
เอกสารอ้างอิง 29
2 การบรโิ ภคแอลกอฮอล ์ 33
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวปี ยโุ รป 35
การบรโิ ภคแอลกอฮอล์ในทวปี อเมรกิ าเหนอื 46
การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นทวีปออสเตรเลยี /โอเชียนเนีย 51
การบรโิ ภคแอลกอฮอล์ในทวีปเอเชีย 55
การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นภมู ภิ าคอาเซยี น 62
เอกสารอา้ งอิง 76

สารบัญ (ต่อ)

บทที ่ หน้า
3 แอลกอฮอลแ์ ละอบุ ตั ิเหตทุ างถนน 77
แอลกอฮอล์และอบุ ัตเิ หตทุ างถนนในทวปี ยุโรป 79
แอลกอฮอลแ์ ละอุบตั เิ หตุทางถนนในทวปี อเมริกา 85
แอลกอฮอล์และอบุ ัติเหตทุ างถนนในทวีปออสเตรเลยี 87
แอลกอฮอล์และอุบัตเิ หตุทางถนนในทวปี เอเชยี 88
แอลกอฮอล์และอุบัตเิ หตทุ างถนนในภมู ภิ าคอาเซยี น 91
เอกสารอา้ งอิง 94
4 กฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 97
กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” ในทวีปยโุ รป 99
กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ในทวปี อเมริกา 116
กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ในทวปี ออสเตรเลยี 122
กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ในทวปี เอเชีย 131
กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ในภมู ภิ าคอาเซยี น 140
เอกสารอา้ งอิง 150

สารบญั (ต่อ)

บทท่ี หน้า

5 ผลของการบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” 151
ผลของการบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ในทวีปยโุ รป 153
ผลของการบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” ในทวีปอเมริกา 162
ผลของการบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” ในทวปี ออสเตรเลีย 164
ผลของการบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” ในทวีปเอเชยี 167
ผลของการบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ในภมู ิภาคอาเซยี น 169
เอกสารอา้ งองิ 172
6 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศไทย 179
ความเป็นมา 181
กฎหมายทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 185
อัตราโทษ 187
การตัง้ จุดตรวจวดั แอลกอฮอล ์ 190
การตรวจวดั แอลกอฮอลใ์ นสหรฐั อเมรกิ า 215
ปญั หาและอปุ สรรคในการบังคับใช้กฎหมาย 242
เทคนคิ และจิตวทิ ยาในการบังคับใชก้ ฎหมาย 245
ขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย 246
เอกสารอ้างองิ 248

สารบัญภาพ

ภาพ หน้า

1 แผนทแี่ สดงอตั ราการบริโภคแอลกอฮอล์ของคนแตล่ ะประเทศ 39
ในทวีปยโุ รป
2 อตั ราการบรโิ ภคเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ของคนในทวปี ยุโรป 41
ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2008
3 อัตราการบริโภคเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ของคนในทวปี ยุโรปกลาง 42
ฝั่งตะวันออกและยุโรปตะวนั ออก ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
4 อัตราการบริโภคเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอลข์ องคนในทวีปยุโรป 43
กลุ่มประเทศนอร์ดิค ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
5 อตั ราการบริโภคเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอลข์ องคนในกลุ่มประเทศยโุ รป 44
ตะวันตกและยโุ รปกลางฝ่งั ตะวันตก ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
6 อตั ราการบรโิ ภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนในกลมุ่ ประเทศยโุ รป 45
ตอนใต้ ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
7 จ�ำ นวนผเู้ สยี ชีวิตจากกรณี “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศ 81
สาธารณรฐั เชค็

สารบญั ภาพ (ต่อ)

ภาพ หน้า
8 การอบรมชแ้ี จงการปฏิบตั งิ าน 196
9 การตรวจวัดแอลกอฮอล์เบอื้ งตน้ 199
10 การตรวจวัดแอลกอฮอลแ์ บบยนื ยนั ผล 201
11 การน�ำ ส่งตวั ผ้ตู ้องหาใหก้ บั พนกั งานสอบสวนของ สน.ท้องท่ี 203
12 ขน้ั ตอนการบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 205
13 AlcoBlow 207
14 ชุดเครอ่ื งมอื ตรวจวดั แอลกอฮอล์แบบยนื ยนั ผล Lion SD-400 209
15 ALCOQUANT 6020 212
16 ตวั อยา่ งหนงั สือรบั รองการสอบเทยี บเครอ่ื งมอื วัดแอลกอฮอล์ 214
17 ตวั อย่างการตง้ั จุดตรวจในสหรัฐอเมริกา 1 223
18 ตัวอย่างการต้ังจดุ ตรวจในสหรัฐอเมรกิ า 2 224

สารบญั ตาราง

ตาราง หน้า

1 อัตราความเสยี่ งของการดม่ื แอลกอฮอล์ 26
2 ปรมิ าณการบรโิ ภคแอลกอฮอลข์ องคนในทวปี ยโุ รป 38
3 สรุปอัตราการบรโิ ภคแอลกอฮอล์ของคนในทวีปยุโรป 40
4 เปรยี บเทยี บอตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอล์ในทวปี อเมริกาเหนอื 50
5 เปรยี บเทียบอัตราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นทวีปออสเตรเลีย/ 54
โอเชยี นเนยี
6 เปรยี บเทียบอัตราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นทวีปเอเชีย 61
7 เปรยี บเทียบอตั ราการบริโภคแอลกอฮอล์ในภูมิภาค 75
เอเชียตะวันออกเฉียงใต ้
8 เปรียบเทยี บระดับแอลกอฮอล์ในเลอื ด (BAC) ทก่ี ฎหมายก�ำ หนด 100
ของประเทศในทวปี ยโุ รป
9 อัตราโทษ “เมาแล้วขบั ” ของประเทศองั กฤษ 103
10 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศสาธารณรัฐเชค็ 106
11 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขับ” ของประเทศไอรแ์ ลนด์ 109

สารบัญตาราง (ต่อ)

ตาราง หน้า

12 อตั ราโทษ “เมาแลว้ ขับ” ของประเทศนอรเ์ วย์ 112
13 อตั ราโทษ “เมาแล้วขบั ” ของประเทศสวีเดน 115
14 อตั ราโทษสำ�หรับบคุ คลท่ีบรรลนุ ติ ิภาวะ 117
15 อตั ราโทษกรณียังไมบ่ รรลุนติ ภิ าวะ 120
16 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของออสเตรเลยี นแคปติ อลเทอริทอรี 123
ประเทศออสเตรเลยี
17 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขับ” ของนอรท์ เทริ ์นเทอริทอรี 124
ประเทศออสเตรเลยี
18 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขับ” ของรฐั นวิ เซาทเ์ วลส์ ประเทศออสเตรเลีย 125
19 อัตราโทษ “เมาแล้วขบั ” ของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย 126
20 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของรฐั เซาท์ออสเตรเลยี 128
ประเทศออสเตรเลีย

สารบัญตาราง (ต่อ)

ตาราง หน้า

21 อัตราโทษ “เมาแล้วขับ” ของประเทศนวิ ซีแลนด์ 130
22 ระดับแอลกอฮอลใ์ นเลอื ดของผขู้ ับขีใ่ นกลุม่ ประเทศทวปี เอเชีย 132
23 อัตราโทษ “เมาแล้วขบั ” ของประเทศเกาหลีใต้ 135
24 อตั ราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศญี่ปุ่น 137
25 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศจีน 139
26 ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขบั ขีใ่ นกลุม่ ประเทศอาเซยี น 141
27 ปรมิ าณแอลกอฮอลต์ ามท่กี ฎหมายก�ำ หนดของประเทศเวียดนาม 143
28 อตั ราโทษ “เมาแลว้ ขับ” ของประเทศเวยี ดนาม 144
29 อตั ราโทษ “เมาแล้วขับ” ของประเทศสิงคโปร์ 148
30 อัตราโทษ “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศไทย 187

1บทท่ี

ความรูเ้ บื้องตน้
เกี่ยวกบั แอลกอฮอล์



ความร้เู บือ้ งต้นเกี่ยวกับแอลกอฮอล์

“แอลกอฮอล์” เป็นสิ่งที่มนุษย์เราคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ทุกชนชาติจะมีเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ซ่ึงมีลักษณะหรือรูปแบบท่ีแตกต่างกัน
ออกไป เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ถูกสร้างสรรค์ข้ึนในแต่ละสังคม
เพอ่ื ใชเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของความเช่ือ พิธกี รรม ประเพณแี ละวัฒนธรรม ตลอดจน
ใชป้ ระกอบในงานพธิ เี พอื่ สรา้ งความบนั เทงิ เรงิ รมยใ์ หก้ บั คนในสงั คม โดยในชว่ ง
2,000-3,000 ปี ก่อนคริสตกาล แอลกอฮอล์ถูกใช้เพ่ือวัตถุประสงค์ทางการ
แพทย์ การสังคม การศาสนา และการบันเทิงเริงรมย์ในหลาย ๆ ประเทศ
ยกเว้นทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ (Rose & Cherpitel, 2011, p.9)
แตเ่ ดมิ นน้ั แอลกอฮอลไ์ มใ่ ชข่ องเหลวแตเ่ ปน็ แปง้ และค�ำ วา่ “alcohol” เปน็ ค�ำ
ทม่ี ตี น้ ก�ำ เนดิ มาจากภาษาอาหรบั “al-kuhul” ซง่ึ หมายถงึ แปง้ ส�ำ หรบั ดวงตา
ตอ่ มามกี ารใหค้ ำ�นยิ ามใหมว่ า่ หมายถงึ จติ วญิ ญาณทถ่ี กู แบง่ แยกอยา่ งประณตี
อยา่ งไรกต็ าม รปู แบบการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นปจั จบุ นั ไดเ้ ปลยี่ นแปลงไปจาก
สมยั กอ่ น ๆ อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั ในขณะทป่ี รมิ าณแอลกอฮอลท์ บี่ รโิ ภคกเ็ พม่ิ ขนึ้ กวา่
ในอดตี อยา่ งมาก (Freeman & Parry, 2006, p.2)

การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 3

สำ�หรับประเทศไทย แอลกอฮอล์ เป็นเคร่ืองดื่มท่ีแฝงอยู่ในวิถีชีวิต
ของคนไทยมาเปน็ เวลาชา้ นานและหาซอ้ื งา่ ยโดยทวั่ ไป (ปรางคท์ พิ ย์ อจุ ะรตั น,
สุคนธ์ ไข่แก้ว, วัฒนา พันธ์ุศักดิ์ และสุธีรา ฮุ่นตระกูล, 2011, หน้า 55)
การครอบครองสุราถือว่าเป็นสิ่งไม่ผิดกฎหมาย และสังคมไทยเองก็ยอมรับ
วา่ การดม่ื เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลเ์ ปน็ เรอ่ื งปกติ เพราะมกี ารดมื่ กนั อยา่ งแพรห่ ลาย
ทั้งในงานเล้ียงสังสรรค์ หรืองานประเพณีต่าง ๆ ดังน้ัน แอลกอฮอล์จึงยังคง
ไดร้ บั ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลายในสังคมไทย
Rose and Cherpitel (2011, p.1) กลา่ ววา่ แอลกอฮอลเ์ ปน็ สารเสพตดิ
ทมี่ คี วามพเิ ศษเมอื่ เทยี บกบั บรรดาสารเสพตดิ เพอื่ ความบนั เทงิ เรงิ รมยท์ ง้ั หลาย
เน่ืองจาก แอลกอฮอล์ทำ�ให้ผู้ดื่มมีความสนุกสนานโดยไม่ได้เป็นอันตรายต่อ
ตนเองหรือผูอ้ ่นื แตใ่ นขณะเดยี วกนั ผ้ทู ด่ี ่มื สุราประมาณร้อยละ 15 จะมีการ
ดม่ื มากขนึ้ จนถงึ ขนั้ เสพตดิ หรอื กลายเปน็ ผตู้ ดิ สรุ าเรอื้ รงั ซง่ึ ในทา้ ยทส่ี ดุ แลว้ จะ
สร้างปญั หาทงั้ ตอ่ ตนเอง ผู้อ่ืน และสงั คมโดยรวมได้ เช่น ปญั หาอาชญากรรม
อุบัติเหตุ การเจ็บป่วย การติดเช้ือ และอาจทำ�ให้เสียชีวิต นอกจากนั้น
ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการเรียนและการทำ�งาน รวมถึงความเสี่ยง
ต่อการติดเช้ือเอดส์ และความรุนแรงในครอบครัว โดยผู้ที่ถูกกระทำ�หรือ
ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและสตรี ในขณะเดียวกัน ยังมีผลเสีย
ต่อเศรษฐกิจของประเทศจำ�นวนมหาศาลซ่ึงไม่สามารถประเมินค่าได้
(ปรางค์ทิพย์ อุจะรตั น และคณะ, 2011, หน้า 55)

4 การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

ความหมายของแอลกอฮอล์

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (2557) อธิบายว่า
“เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล”์ หมายถงึ เครอื่ งดมื่ ทไ่ี ดจ้ ากการหมกั ผลไมห้ รอื เมลด็ พชื
ชนดิ ต่าง ๆ โดยปกตแิ ลว้ แอลกอฮอล์จะไม่มีรส กลิน่ และสี แตร่ ส กลนิ่ และสี
ในเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์เกิดจากส่วนประกอบในการหมักและการแต่งกล่ิน
เคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์แต่ละชนิดจะมีระดับความเข้มข้นของแอลกอฮอล์
ท่ีแตกต่างกัน เช่น สุรามีแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 40 ไวน์มีแอลกอฮอล์
ประมาณร้อยละ 12 เบียร์มีแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 5 เป็นต้น
อยา่ งไรกต็ ามการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นปรมิ าณทม่ี ากจะมฤี ทธต์ิ อ่ การกดประสาท
ทำ�ให้สมองทำ�งานช้าลง พูดจาไม่ชัด เดินเซ สับสน มึนงง และหากบริโภค
แอลกอฮอล์อย่างรวดเร็วและในปริมาณท่ีมาก แอลกอฮอล์จะมีฤทธ์ิกดระบบ
ทางเดนิ หายใจ ทำ�ใหร้ ะบบการหายใจลม้ เหลว และอาจท�ำ ใหเ้ สยี ชวี ิตได้
สถาบันการแพทย์ด้านอุบัติเหตุและสาธารณภัย กรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสขุ (2557) ใหค้ �ำ จ�ำ กดั ความของ “เครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล”์ วา่
หมายถึง เคร่ืองด่ืมที่มีเอทิลแอลกอฮอล์ผสมอยู่ในปริมาณไม่เกิน 60 ดีกรี
ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้บริโภคได้ โดยแอลกอฮอล์จัดเป็นสิ่งเสพติด
ประเภทหนึ่ง เมื่อบริโภคเข้าไปและมีการสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน
จะท�ำ ใหเ้ กดิ การตดิ แอลกอฮอลไ์ ด้ เมอื่ ใดทห่ี ยดุ การบรโิ ภครา่ งกายจะมปี ฏกิ ริ ยิ า
การตอบสนอง เรียกว่า อาการลงแดง

การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 5

ส่วนความหมายของ “เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์” ท่ีระบุในพระราช-
บญั ญตั คิ วบคมุ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 หมายถงึ สรุ าตามกฎหมายวา่
ดว้ ยสุรา แตไ่ ม่รวมถึงยา วตั ถุออกฤทธต์ิ อ่ จิตและประสาท ตลอดจนยาเสพตดิ
ให้โทษตามกฎหมาย ซ่ึงสุราตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 อธิบายว่า
“สุรา” คือ “วัตถุทั้งหลายหรือของผสมที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถดื่มกิน
ได้เช่นเดียวกับน้ําสุราหรือซ่ึงด่ืมกินไม่ได้ แต่เม่ือได้ผสมกับน้ําหรือของเหลว
อยา่ งอ่ืนแล้ว สามารถดม่ื กินได้เชน่ เดียวกัน”
ในขณะท่ี National Collaborating Centre for Mental Health
ของประเทศอังกฤษ (2011, p.11) อธิบายว่า การใช้แอลกอฮอล์ท่ีเป็น
อันตรายจะเกี่ยวข้องกับรูปแบบการใช้สารที่ส่งผลกระทบด้านจิตวิทยาซึ่งก่อ
ให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพท้ังทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ นอกจากนั้น
ยงั ส่งผลเสยี ตอ่ สงั คม ตลอดจนผลกระทบทางสังคมตอ่ ตัวผ้ดู มื่ เองดว้ ย
ดงั น้ัน “เคร่ืองด่มื แอลกอฮอล์” จงึ หมายถึง เครื่องด่ืมทีม่ สี ว่ นผสม
ของเอทลิ แอลกอฮอลใ์ นปรมิ าณทส่ี ามารถบรโิ ภคได้ เมอื่ ดม่ื ตดิ ตอ่ กนั เปน็ ระยะ
เวลานาน และในปรมิ าณท่ีมากขน้ึ จะเกดิ การตดิ ได้ นอกจากนน้ั ยังก่อใหเ้ กดิ
อันตรายต่อสุขภาพทั้งทางด้านร่างกายและทางด้านจิตใจ และยังส่งผลเสีย
ต่อสงั คม ตลอดจนผลกระทบทางสงั คมต่อตัวผดู้ ม่ื เองด้วย

6 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

ประเภทของแอลกอฮอล์

องค์กรพัฒนาสุราไทย (2557) จำ�แนกประเภทของสุราออกเป็น
2 ประเภทตามวธิ ีการผลติ ได้แก่
1. สุราที่ได้จากการแช่ หรือการหมัก (Fermentation) หมายถึง
สุราที่ได้จากการหมักวัตถุดิบกับราหรือยีสต์ รวมถึงสุราที่ได้จากการแช่หรือ
หมกั แตม่ กี ารน�ำ มาผสมกบั สรุ ากลน่ั สรุ าประเภทนมี้ ปี รมิ าณแอลกอฮอลไ์ มเ่ กนิ
15 ดกี รี เช่น ไวน์ แชมเปญ สาโท อุ แช่ ไวนค์ ลู เลอร์ ไวน์ และ เบยี ร์ เป็นตน้
2. สุราที่ได้จากการกล่ัน (Distillation) หมายถึง การนำ�เอาสุรา
ที่ได้จากการแช่หรือหมักมากลั่นเพื่อให้ได้ปริมาณแอลกอฮอล์ท่ีสูงขึ้น
รวมถงึ สรุ ากลน่ั ทผ่ี สมกบั สรุ าแช่ แตม่ ปี รมิ าณแอลกอฮอลเ์ กนิ กวา่ 15 ดกี รี เชน่
บร่ันดี วสิ กี้ ยนิ รัม วอดกา้ และเหลา้ ขาว เปน็ ต้น

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 7

ชนิดของเครือ่ งดม่ื แอลกอฮอลท์ ี่ได้รับความนยิ ม

เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลม์ หี ลากหลายประเภท แตเ่ ครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ซ่ึงเป็นท่ีรู้จักและได้รับความนิยมในปัจจุบัน ประกอบด้วย ไวน์ เบียร์ บรั่นดี
วสิ กี้ ยนิ รมั วอดกา้ และสรุ าขาว หรือเหลา้ ขาว เป็นต้น
1. ไวน์ (Wine) เปน็ สรุ าหมกั ชนดิ หนง่ึ ใชอ้ งนุ่ เปน็ วตั ถดุ บิ โดยท�ำ การ
หมักองุ่นด้วยยีสต์ ซ่ึงจะทำ�หน้าท่ีเปล่ียนน้ําตาลในองุ่นให้เป็นแอลกอฮอล์
นอกจากนน้ั ไวนย์ งั สามารถผลติ ไดจ้ ากการหมกั นา้ํ ผลไมช้ นดิ อนื่ ๆ เชน่ หมอ่ น
มะยมกระทอ้ นสบั ปะรดกระเจยี๊ บลน้ิ จ่ีเชอร่ีแอปเปล้ิ กลว้ ยหอมและพลมั เปน็ ตน้
อย่างไรก็ตาม ผลไม้แต่ละประเภทจะให้กลิ่นและรสชาติของไวน์ที่แตกต่าง
กันออกไป ส่วนใหญ่จะเรียกช่ือไวน์ตามช่ือผลไม้ชนิดนั้น ๆ เช่น ไวน์หม่อน
ไวนม์ ะยม เปน็ ตน้ ไวนส์ ว่ นใหญม่ ปี รมิ าณแอลกอฮอลป์ ระมาณรอ้ ยละ 10-15 โดย
สามารถแบง่ ออกเปน็ หลายชนดิ ตามเทคนคิ การผลติ ความหวานและสขี องไวน์
1.1 แบ่งตามเทคนคิ การผลิต ประกอบด้วย 3 ประเภท ไดแ้ ก่
1.1.1 Table wine หรอื เรียกอกี อยา่ งวา่ Still wine หรือ
Natural wine ไวนป์ ระเภทนถ้ี อื วา่ เปน็ ไวนแ์ ทห้ รอื ไวนธ์ รรมชาติ ไมม่ ฟี องกา๊ ซ
เป็นส่วนประกอบ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

8 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

1) ไวน์แดง (Red wine) เป็นไวนท์ ่ีใช้องุ่นแดงหรอื
อง่นุ มว่ งเป็นวัตถดุ ิบหลักในการผลิต
2) ไวน์ขาว (White wine) เป็นไวน์ที่ใช้องุ่นขาว
หรอื องนุ่ เขยี วเปน็ วตั ถดุ บิ หลกั ในการผลติ ไวนข์ าวมคี วามแตกตา่ งจากไวนแ์ ดง
2 ประการ คือ ชนิดขององนุ่ ที่นำ�มาผลติ และข้นั ตอนการหมกั โดยไวน์ขาวจะ
ไม่เอาเปลือกและกา้ นขององุ่นมาหมักรวมกับเนอื้ ขององนุ่
3) ไวน์ชมพู (Rose wine) เป็นไวน์ที่ใช้องุ่นแดง
ในการผลิต ข้ันตอนการหมักไวนช์ มพจู ะหมกั เปลอื กและกา้ นรวมไปด้วย โดย
ใช้เวลาหมักเป็นระยะเวลาประมาณ 21 ช่ัวโมง หลังจากน้ัน จึงแยกเศษของ
เปลือกและก้านออก สว่ นวธิ ีการผลติ ในขน้ั ตอนอื่น ๆ จะใชว้ ิธีการเดยี วกันกบั
การผลติ ไวนแ์ ดง
1.1.2 Fortified wine คือ ไวน์ที่มีการเติมแอลกอฮอล์
จากบรั่นดีหรือวอดก้าในระหว่างกระบวนการผลิต โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อเพม่ิ ปริมาณแอลกอฮอล์ในไวน์ใหส้ งู ขึน้
1.1.3 Sparkling wine คือ ไวน์ท่ีผ่านการหมักแบบ
ธรรมดาและหมักต่อไปอีกในขวดด้วยการเติมน้ําตาลและยีสต์จนเกิดก๊าซ
คารบ์ อนไดออกไซด์ แลว้ ขจดั ยสี ตอ์ อกไป หรอื มกี ารอดั กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์
เขา้ ไปกอ่ นบรรจขุ วด ดงั นนั้ ไวนป์ ระเภทนจี้ งึ มฟี องของกา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์
และมีความซา่ นอกจากนน้ั ยงั มปี รมิ าณแอลกอฮอล์ใกลเ้ คยี งกบั Table wine
โดยไวนป์ ระเภทนี้ทเี่ ราร้จู ักกันดีก็คือ แชมเปญ นน่ั เอง

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 9

1.2 แบ่งตามรสชาติ ประกอบด้วย 3 ประเภท ได้แก่
1.2.1 ไวนห์ วาน (Sweet wine) คอื ไวนท์ มี่ ปี รมิ าณนา้ํ ตาล
สูงและมีปริมาณของแอลกอฮอล์ต่ํา มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ระหว่าง
รอ้ ยละ 8-10
1.2.2 ไวน์จดื (Dry wine) คอื ไวนท์ ่ไี มม่ รี สหวานหรือมีรส
หวานน้อยมาก ไวนป์ ระเภทน้มี ีปรมิ าณแอลกอฮอลเ์ ชน่ เดยี วกบั Table wine
1.2.3 Dessert wine คอื ไวน์ทีเ่ กดิ จากการปล่อยใหเ้ ชื้อ
ยสี ตเ์ ปลย่ี นนาํ้ ตาลในนาํ้ องนุ่ หมกั จนหมด แลว้ ปลอ่ ยทง้ิ ไวใ้ หต้ กตะกอนไปพรอ้ ม
กบั สารแขวนลอยอ่ืน ๆ ทำ�ใหไ้ วนช์ นิดนอ้ี าจมรี สขมเนือ่ งจากการหมักบ่มของ
เชอ้ื ยสี ต์ มีปรมิ าณแอลกอฮอลส์ ูงประมาณร้อยละ 15
1.3 แบ่งตามสี ประกอบดว้ ย 3 ประเภท ได้แก่
1.3.1 ไวน์ขาว (White wine) คือ ไวน์ท่ีได้จากการหมัก
นาํ้ องนุ่ ขาวหรือองุ่นเขยี ว มักมีสีขาวใสหรือมีสเี หลอื งอ่อนจนถึงเหลืองอำ�พนั
1.3.2 ไวนแ์ ดง (Red wine) คือ ไวนท์ ไ่ี ดจ้ ากการหมกั นา้ํ
องนุ่ แดงหรอื องุ่นม่วง มักมีสีแดงจนถงึ สมี ว่ ง
1.3.3 ไวน์ชมพู (Rose wine หรอื Pink wine) คือ ไวน์
ที่ได้จากการหมักน้าํ องุ่นพันธุ์สีชมพู มักมสี ชี มพูออ่ นจนถึงสชี มพูเขม้

10 การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

2. เบียร์ (Beer) เป็นเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ประเภทสุราแช่
มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมโดยปริมาณแอลกอฮอล์ได้มาจากการหมัก
น้ําตาลท่ีได้มาจากการเปล่ียนแป้งของเมล็ดธัญพืช หรือข้าวมอลต์ โดยทั่วไป
มีแอลกอฮอล์ประมาณร้อยละ 4-6 ประเภทของเบียร์ สามารถจำ�แนกได้
ตามชนิดของเชื้อยสี ตท์ ใี่ ชใ้ นการหมกั ดังนี้
2.1 การหมักโดยใช้ยีสต์ที่ลอยตัวอยู่เหนือผิวเบียร์เม่ือเสร็จส้ิน
การหมัก เรียกยีสต์ชนิดน้ีว่าท็อปยีสต์ (Top yeast) เบียร์ที่ได้จากการหมัก
โดยใช้ยีสต์ประเภทนีไ้ ดแ้ ก่ วที เบยี ร์ (Wheat beer) ไวทเ์ บยี ร์ (White beer)
อัลท์เบยี ร์ (Alt beer) เคลิ ช์ (Koelsch) เอล (Ale) พอร์ทเทอร์ (Porter) และ
สเตาท์ (Stout)
2.2 การหมักเบียร์โดยใช้ยีสต์ที่จมลงสู่ก้นถังหมัก เมื่อเสร็จ
สิ้นกระบวนการหมัก เรียกยีสต์ชนิดนี้ว่า บ็อททอมยีสต์ (Bottom yeast)
เบยี รท์ ไ่ี ดจ้ ากการหมกั โดยใชย้ สี ตป์ ระเภทน้ี ไดแ้ ก่ ลาเกอรเ์ บยี ร์ (Lager beer)
พลิ เซ่นเบียร์ (Pilsen beer) เบยี รด์ �ำ (Dark beer) บ๊อคเบียร์ (Bock beer)
ไอซเ์ บยี ร์ (Ice beer) เบยี รท์ ป่ี ราศจากแอลกอฮอล์ (Alcohol free beer) และ
ไดเอท็ เบยี ร์ (Diet beer)

การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 11

3. บร่ันดี (Brandy) เป็นเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ที่ได้จากการกลั่น
น้าํ ผลไมท้ ีผ่ า่ นการหมัก หรอื ไวนต์ า่ ง ๆ ซึง่ ส่วนใหญจ่ ะใช้ องนุ่ แอปเปิ้ล พลมั
หรอื เชอรี่ เปน็ วตั ถดุ บิ หากผลติ จากองนุ่ จะเรยี กวา่ บรน่ั ดี แตถ่ า้ ผลติ จากผลไม้
อนื่ จะเรยี กชอื่ ตามผลไมน้ นั้ ๆ กรรมวธิ กี ารผลติ โดยทว่ั ไปจะเรม่ิ ตน้ จากการหมกั
นา้ํ องนุ่ แลว้ น�ำ มากลนั่ หลงั จากนนั้ จงึ น�ำ ไปบม่ ตอ่ ในถงั ไมโ้ อค๊ ซง่ึ จะท�ำ ใหร้ ะดบั
แอลกอฮอลท์ มี่ อี ยเู่ ดมิ ลดลง ยง่ิ บม่ ไวน้ านระดบั แอลกอฮอลก์ จ็ ะลดตา่ํ ลงเรอื่ ย ๆ
หากบ่มเกิน 50 ปีข้ึนไป จะมีระดับแอลกอฮอล์ลดลงต่ํากว่า 40 ดีกรี และ
เมือ่ บรรจุขวดจะมีแอลกอฮอล์เหลือเพียง 36 ดีกรเี ทา่ นัน้ ทำ�ใหบ้ รน่ั ดมี ีความ
พิเศษเฉพาะตวั และมคี วามสขุ ุม นุ่มนวลจากการเก็บบม่ อนั ยาวนาน บรัน่ ดที ่มี ี
ปรมิ าณแอลกอฮอลป์ ระมาณร้อยละ 35-50 สามารถแบง่ ออกเปน็ 3 ประเภท
ดังน้ี
3.1 บร่นั ดีพน้ื เมือง (Domestic brandy) คือ บรนั่ ดที ผ่ี ลิตจาก
องุ่นแล้วนำ�มากล่ันเป็นบร่ันดีอีกครั้ง เช่น บร่ันดีไทย (Regency brandy)
บร่ันดเี ยอรมัน (German brandy) เป็นต้น
3.2 บรั่นดีมาตรฐาน (Regular brandy) ส่วนมากเป็นบร่ันดี
ท่ีนำ�เข้าจากตา่ งประเทศ
3.3 บร่ันดีเกรดสูง (Premium brandy) เป็นบร่ันดีราคาแพง
ทเ่ี ก็บบ่มไวใ้ นถังไม้โอ๊คเปน็ ระยะเวลานาน โดยระบุคณุ ภาพเปน็ อกั ษรยอ่ หรือ
ชื่อพเิ ศษ เช่น คอนยัค (Cognac) อารม์ ายคั (Armagnac) เป็นต้น

12 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

สว่ นบรน่ั ดที ไ่ี มไ่ ดใ้ ชอ้ งนุ่ เปน็ วตั ถดุ บิ สามารถท�ำ มาจากผลไมป้ ระเภท
ต่าง ๆ ซึ่งจะมีสีและรสชาติแตกต่างกันออกไปตามประเภทของผลไม้ บร่ันดี
ประเภทนี้เรียกว่า บร่ันดีผลไม้ (Fruit brandy) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
(1) บรั่นดีผลไม้สีขาว (White fruit brandy) ผลิตจากการกล่ันผลไม้โดย
ไม่ต้องบ่มในถังไม้ ซึ่งจะให้กล่ินหอมและรสชาติของผลไม้ชนิดนั้น ๆ และ
(2) บรน่ั ดผี ลไมม้ สี ี (Color fruit brandy) ผลติ จากการกล่ันผลไม้แลว้ นำ�ไป
เก็บบ่มในถังไม้โอ๊ค ผลไม้ท่ีนิยมนำ�มากลั่น เช่น แอปเป้ิล เชอร์รี่ พลัม แพร์
และราสเบอร์ร่ี เปน็ ต้น
4. วิสก้ี (Whisky) เปน็ เครือ่ งดื่มแอลกอฮอลท์ ไ่ี ด้โดยการกลน่ั จาก
ธญั พืชซ่ึงหมกั เอาไวใ้ นถงั ไมโ้ อค๊ เปน็ เวลานานหลายปี ธญั พชื ท่ีใช้ทำ�วิสก้ี ไดแ้ ก่
ข้าวบาร์เลย์ ข้าวมอลต์ ข้าวไรย์ ข้าวสาลี และข้าวโพด เคร่ืองด่ืมประเภทน้ี
มปี รมิ าณแอลกอฮอลป์ ระมาณร้อยละ 40-50 สามารถแบง่ เป็นหลายประเภท
เชน่ Grain whisky, Pure malt whisky และ Single malt whisky เป็นต้น
5. ยนิ (Gin) เปน็ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลท์ ไ่ี ดจ้ ากการกลนั่ กากนา้ํ ตาล
และเมลด็ ธญั พชื ทผ่ี า่ นการหมกั แลว้ เชน่ เมลด็ ขา้ วโพด เมลด็ ขา้ วบารเ์ ลย่ ์ เมลด็
ข้าวไรย์ เป็นต้น ยินเป็นสุราขาวใสไม่มีสี มีความลงตัวระหว่างความไม่หวาน
(Dry) มีกล่ินรสหอมสดชื่นของสมุนไพรและเคร่ืองเทศนานาชนิด ทำ�ให้ยินมี
ความแตกต่างจากสุราทั่วไป ปจั จุบันนิยมผลิตกนั มากขน้ึ ในหลาย ๆ ประเทศ
นอกจากนน้ั การเปลยี่ นแปลงวธิ กี ารผลติ และสว่ นผสมจะท�ำ ใหก้ ลนิ่ และรสชาติ
ของยนิ มคี วามแตกตา่ งกันออกไป

การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 13

6. รัม (Rum) เป็นเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ท่ีได้จากการกล่ัน โดย
วัตถดุ บิ หลักทใี่ ช้ในการผลิต ได้แก่ นํา้ ตาลจากออ้ ย (Sugar cane) และกากนาํ้
ตาลจากออ้ ย จดุ เดน่ ของรมั อยทู่ กี่ ลน่ิ หอมของนาํ้ ตาลออ้ ยทเ่ี จอื จางอยใู่ นนาํ้ รมั
การผลติ รมั ตอ้ งใชค้ วามละเอยี ดออ่ นในการผลติ เพอ่ื เกบ็ รกั ษาคณุ สมบตั นิ ไ้ี วใ้ ห้
ดที ีส่ ุด รมั มีปริมาณแอลกอฮอลร์ ้อยละ 40 และแบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ดังน้ี
6.1 รัมสขี าว (White rum หรือ Light rum) แตใ่ นขบวนการ
ผลติ ค็อกเทลจะเรยี กวา่ รัมใส (Clear rum)
6.2 รัมสีเงิน (Silver rum) คือ เป็นรัมที่ต้องเก็บบ่มในถังไม้
เพ่อื ใหก้ ลนิ่ รสดีขึน้ เหมาะส�ำ หรับนำ�ไปผสมคอ็ กเทลทีไ่ มต่ ้องการใหส้ เี ปลีย่ น
6.3 รมั สที อง (Gold rum) เป็นรัมท่ีมีสเี หลอื งใส เกดิ จากการ
เก็บบ่มไว้ในถังไม้เพื่อให้เกิดสีหรือมีการผสมสี กลิ่น หรือรสด้วยคาราเมล
(Caramel) ที่ได้จากการเค่ียวน้ําตาลจนเป็นสีเหลืองทอง เพ่ือให้ได้เหล้ารัม
ที่มสี ี กลนิ่ และรสชาติดีขึ้น
6.4 รมั สดี �ำ (Dark rum) เปน็ รมั ท่ีได้จากการเก็บบม่ ไว้ในถังไม้
เพ่ือให้เกิดสี มีการผสมกับคาราเมลที่ได้จากการเคี่ยวน้ําตาลจนเป็นสีดำ�
เกือบไหม้ ซ่ึงช่วยให้ได้สี กลิน่ และรสชาตดิ ีข้นึ

14 การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

7. วอดกา้ (Vodka) เปน็ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลท์ ไี่ ดจ้ ากการหมกั แลว้
นำ�ไปกลัน่ วตั ถุดบิ ในการผลติ ท่ีสำ�คญั ได้แก่ มันฝรงั่ เมลด็ ขา้ วโพด และเมลด็
ขา้ วสาลีแตส่ ว่ นใหญจ่ ะใชธ้ ญั พชื ในการผลติ ท�ำ ใหม้ สี ขี าวใสและมกี ลนิ่ เพยี งเลก็ นอ้ ย
โดยทั่วไปมีปริมาณแอลกอฮอล์ร้อยละ 40-60 หากพิจารณาความหมายตาม
ที่ระบุไว้ในกฎหมาย วอดก้าจะต้องไม่มีสี ไม่มีกล่ิน และไม่มีรส เอกลักษณ์
เหลา่ นท้ี �ำ ใหว้ อดกา้ เปน็ เหลา้ ใชผ้ สมทดี่ ที ส่ี ดุ เพราะแอลกอฮอลบ์ รสิ ทุ ธจ์ิ ะชว่ ย
เน้นรสชาติของส่ิงที่ผสมลงไปทำ�ให้เกิดความหอมหวานยิ่งข้ึน นอกจากนั้น
ยงั ใช้ผสมกับสรุ าอื่น ๆ ไดท้ ุกชนดิ และท่ีสำ�คัญ วอดก้ายงั ไดร้ ับการพสิ จู น์แล้ว
วา่ เม่อื บริโภคเข้าไปแล้วจะท�ำ ใหเ้ กิดอาการเมาคา้ งในวนั รุ่งขน้ึ ได้น้อยท่สี ุด
8. สรุ าขาว หรอื เหลา้ ขาว (Spirit) เปน็ สรุ ากลน่ั ทปี่ ราศจากเครอ่ื งยอ้ ม
หรือส่ิงผสมปรุงแต่ง มีปริมาณแอลกอฮอล์ตํ่ากว่า 80 ดีกรี วัตถุดิบท่ีใช้ทำ�
สุราขาว ได้แก่ กากนํ้าตาล ข้าว ปลายข้าว นาํ้ ตาลมะพร้าว ตาลโตนด หรือ
น้ําหวานจากพืชตระกูลปาล์ม เป็นต้น เป็นสุราท่ีมีการควบคุมการหมักและ
การกล่ันอย่างพิถีพิถัน มีการตรวจสอบวิเคราะห์คุณภาพทุกขั้นตอน
ในกระบวนการผลิตโดยห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและได้รับ
การอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และนํ้าที่นำ�มาใช้ในการปรุงแต่ง
หรอื ปรับดีกรีของสุราจะต้องเป็นน้าํ ท่สี ะอาดปราศจากแรธ่ าตุ

การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” 15

สาเหตุของการบรโิ ภคเคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล์

การที่คนเราตัดสินในบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์น้ัน มีสาเหตุ
แตกต่างกันออกไปในแตล่ ะบคุ คล ซง่ึ Freeman and Parry (2006, pp.2-5)
กล่าวว่า สาเหตทุ ี่ท�ำ ให้คนดื่มเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอล์ ประกอบดว้ ยเหตผุ ลหลาย
ประการ ดังนี้
1. เพ่ือการเข้าสังคม เน่ืองจากแอลกอฮอล์จะช่วยทำ�ให้คนเรารู้สึก
ผอ่ นคลาย ปรบั เปลย่ี นตนเองเข้ากบั คนอ่นื ๆ ได้งา่ ยข้ึน
2. การด่มื เนื่องจากพิธีกรรม โดยส่วนใหญแ่ ลว้ ทง้ั ในสังคมไทยหรือ
ในสังคมนานาชาติ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักจะถูกนำ�มาเป็นส่วนประกอบใน
พธิ กี รรมต่าง ๆ ดงั น้นั จงึ ไมแ่ ปลกใจเลยว่าในงานพิธกี รรมหรอื กจิ กรรมพิเศษ
ตา่ ง ๆ มกั มีการด่ืมแอลกอฮอลอ์ ยา่ งแพรห่ ลาย
3. เพื่อสรา้ งความสมั พนั ธแ์ ละสรา้ งเครือข่ายทางสังคม
4. การด่มื แอลกอฮอลเ์ ป็นทีย่ อมรับในสังคม ดังน้ัน จงึ ไมค่ ่อยมีการ
วพิ ากษว์ จิ ารณ์คนทีด่ ่มื สรุ าหรือเคร่อื งดม่ื แอลกอฮอลม์ ากนัก
5. เพื่อบ่งบอกถึงรสนิยม วัฒนธรรมและชนช้ันทางสังคม คนโดย
ทว่ั ไป เชน่ คนใชแ้ รงงานนยิ มดมื่ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลท์ รี่ าคาถกู ในขณะทคี่ นซง่ึ
มฐี านะทางสงั คมและสถานภาพทางเศรษฐกจิ ดี จะนยิ มดมื่ เครอื่ งดม่ื ราคาแพง
เช่น ไวน์คณุ ภาพสูง เป็นต้น

16 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

6. เพื่อลดความเครียด จากงานวจิ ัยของ Sayette ในปี ค.ศ. 1999
พบว่า คนนิยมดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความเครียด อย่างไรก็ตาม
การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ไม่สามารถลดความเครียดให้กับทุกคนได้ ท้ังนี้
เน่ืองมาจากหลายปัจจัย เช่น เพศ ประวัติการด่ืมสุราของคนในครอบครัว
คณุ สมบตั สิ ่วนบุคคล และกระบวนการคดิ เปน็ ต้น
7. เพื่อแสดงความเป็น “ชาย” ผู้ชายมักจะด่ืมสุราหรือเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์เพ่ือแสดงความเป็น “ชาย” ย่ิงถา้ ด่มื ได้ในปริมาณทมี่ ากกวา่ และ
รวดเร็วกว่าผู้อ่ืน บุคคลนั้นก็จะมีความภูมิใจว่าตนเองมีความเป็น” ชาย” สูง
ในขณะทผี่ หู้ ญงิ บางคนกต็ อ้ งการแสดงใหเ้ หน็ วา่ ตนเองกเ็ กง่ ไมแ่ พผ้ ชู้ าย ดงั นน้ั
จึงแสดงความเก่งด้วยการดื่มเครื่องดมื่ แอลกอฮอลแ์ บบเดียวกับผู้ชายนั่นเอง
8. ด่ืมเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์เน่ืองจากความยากจนข้นแค้น โดย
คนบางส่วนท่ีต้องประสบกับปัญหาความยากจน ไม่มีอันจะกิน ทำ�ให้ต้องหา
ทางออกเพอ่ื ลบเลอื นความเจบ็ ปวด ความทอ้ แท้ ความสน้ิ หวงั ดว้ ยการดม่ื สรุ า
หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะยิ่งดื่มนานเท่าไหร่ก็ทำ�ให้ลืมความเจ็บปวด
ไปไดใ้ นระหวา่ งทดี่ ม่ื แตค่ วามจรงิ แลว้ กลบั ท�ำ ใหบ้ คุ คลนน้ั ยากจนยง่ิ ขน้ึ เพราะ
ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาบริโภค และยิ่งทำ�ให้มี
ความเจบ็ ปวด ท้อแท้และสน้ิ หวงั กับชวี ติ มากกวา่ เดิม

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 17

9. วัยรุ่นบางส่วนโดยเฉพาะผู้ชายมักจะดื่มสุราหรือเคร่ืองด่ืม
แอลกอฮอลเ์ พราะตอ้ งการแสดงใหเ้ หน็ วา่ ตนเองเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญแ่ ลว้ ในขณะท่ี
บางคนตอ้ งการเพียงแค่ “โชวห์ ญิง” หรือเรียกร้องความสนใจจากเพศตรงขา้ ม
10. ด่ืมเพอ่ื ความบนั เทิงเริงรมย์ เพราะการด่ืมเครื่องดืม่ แอลกอฮอล์
จะทำ�ให้ผู้ดื่มเกิดความผ่อนคลาย มีอารมณ์เบิกบานใจ และกล้าแสดงออก
ทางอารมณ์มากขึ้น
11. อิทธิพลหรือแรงกดดันจากกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นผู้ชาย
ท่ีมักถือว่าการดื่มสุราเป็นปทัสถานทางสังคมของกลุ่ม หากคนใดไม่ดื่ม
ตามเพ่ือนก็เกรงว่าตนเองจะถูกกดดนั หรอื กีดกนั ออกจากกลุ่ม หรอื คนในกลมุ่
ไมย่ อมรับ ดงั นนั้ จึงต้องทำ�ตามคา่ นิยมของกลมุ่ ดว้ ย
12. อิทธิพลของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ถึงแม้ว่าบริษัทผู้ผลิต
สนิ คา้ ประเภทสุราและเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอลจ์ ะออกมาให้ขอ้ มลู วา่ การโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ไม่มีส่วนส่งเสริมให้คนในประเทศดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์
เพม่ิ มากขนึ้ แตใ่ นความเปน็ จรงิ แลว้ การโฆษณาประชาสมั พนั ธม์ อี ทิ ธพิ ลอยา่ งมาก
ต่อการตัดสินใจด่มื โดยเฉพาะอย่างย่ิง ในกลุม่ วัยรุน่

18 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”

ผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์

การด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากมีการ
ด่มื ในปริมาณทมี่ ากจนเกินไป อาจส่งผลกระทบทง้ั ต่อตนเอง ครอบครัว และ
สงั คมโดยรวมได้ องค์การอนามยั โลก (WHO) ระบุวา่ แอลกอฮอลเ์ ปน็ ปัจจยั
เส่ียงต่อสุขภาพของคนกว่า 60 โรค เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจวาย
โรคระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด โรคตบั แขง็ และมะเรง็ ประเภทต่าง ๆ เป็นตน้
(as cited in National Collaborating Centre for Mental Health, 2011, p.22)
สว่ นส�ำ นกั งานเครอื ขา่ ยองคก์ รงดเหลา้ (2548, หนา้ 19-37) ระบวุ า่ การดม่ื สรุ า
หรือเคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล์จะส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ ที่สำ�คัญ 4 ด้านได้แก่
ด้านสุขภาพ ด้านครอบครัว ดา้ นสังคม และด้านเศรษฐกจิ ดังนี้
1. ผลกระทบดา้ นสขุ ภาพ เนอื่ งจากเหลา้ หรอื เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์
จะมีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งสามารถละลายในน้ําและไขมันได้
โดยเฉพาะสุรา หากนำ�มาผสมโซดาแล้วดื่ม จะทำ�ให้ร่างกายสามารถดูดซึม
เข้าไปได้เช่นเดียวกับน้ํา ดังนั้น เม่ือแอลกอฮอล์ถูกบริโภคเข้าไปในร่างกาย
จะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดภายในเวลา 5 นาที และใช้เวลาในการถูก
ดูดซึมไปยงั อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายภายในเวลา 10-30 นาที โดยสว่ นใหญ่
รอ้ ยละ 20-30 จะถกู ดดู ซมึ บรเิ วณกระเพาะอาหาร บางสว่ นถกู ดดู ซมึ เขา้ ไปในล�ำ ไส้
และตับตามล�ำ ดับ ในขณะทบ่ี างสว่ นถกู ดดู ซึมเขา้ สู่หัวใจผา่ นทางกระแสเลือด
โดยแอลกอฮอล์จะถูกขับออกมาทางลมหายใจ ปัสสาวะ และเหง่ือ ดังนั้น
การที่แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จึงส่งผลกระทบ
ในด้านสขุ ภาพหลายประการ ได้แก่

การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 19

1.1 ผลกระทบต่อช่องปากและลำ�คอ การดื่มแอลกอฮอล์
จะส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณช่องปากและลำ�คอ หรืออาการ
“เหล้าบาดคอ” นน่ั เอง
1.2 ผลกระทบต่อผิวหนังและหลอดเลือด การดื่มเคร่ืองดื่ม
แอลกอฮอล์ส่งผลกระทบต่อหลอดเลือด 2 ลักษณะ ได้แก่ (1) หลอดเลือด
ขยายตัว จะท�ำ ให้ผูด้ ่มื เกิดอาการหน้าแดง ตัวแดง และ (2) หลอดเลอื ดหดตวั
สง่ ผลใหเ้ กดิ อาการหนา้ ซดี ซงึ่ การทหี่ ลอดเลอื ดหดตวั นจี้ ะเปน็ อนั ตรายตอ่ ชวี ติ
มากกว่าแบบแรก
1.3 ผลกระทบต่อสมอง แอลกอฮอล์เป็นสารท่ีมีพิษต่อสมอง
โดยตรง เพราะแอลกอฮอลเ์ ปน็ ตน้ เหตทุ �ำ ใหเ้ ซลลส์ มองขยายตวั จนเกดิ อาการ
ท่ีเรียกว่า “สมองบวม” ซึ่งในท่ีสุดจะทำ�ให้เซลล์สมองลีบเหี่ยว เส่ือม และ
ตายลง เพราะเกิดการสญู เสียของเหลวในเซลล์สมอง
1.4 ผลกระทบต่อหัวใจ การด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งผล
ให้หวั ใจถูกกระตุ้นใหส้ บู ฉีดโลหติ เรว็ ข้นึ ดังนั้น หัวใจจึงท�ำ งานหนักข้นึ ซ่ึงจะ
สง่ ผลใหก้ ลา้ มเนอื้ หวั ใจหนาขนึ้ จนน�ำ ไปสภู่ าวะ “หวั ใจโต” และอาจเกดิ อาการ
หวั ใจวายหรือหัวใจล้มเหลวได้

20 การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ”

1.5 ผลกระทบต่อกระเพาะอาหาร การดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์
ท่ีมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ตํ่าเพียงร้อยละ 10 ก็สามารถกระตุ้นนํ้าย่อยใน
กระเพาะอาหารได้ สง่ ผลใหเ้ กดิ แผลในกระเพาะอาหารและล�ำ ไส้ หากดมื่ เครอ่ื งดม่ื
แอลกอฮอล์ท่ีมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงมาก อาจทำ�ให้การเย่ือบุของกระเพาะ
อาหารเกิดการอักเสบเฉียบพลันและหากดื่มติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
อาจทำ�ให้เลอื ดออกในกระเพาะอาหาร อาเจียนเปน็ สีดำ� และอจุ าระเป็นสีด�ำ
ในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเย่ือหลอดอาหารฉีกขาด ซึ่งในกรณีน้ี อาจทำ�ให้
ผดู้ ื่มอาเจียนออกมาเป็นเลอื ดและเสียเลือดมาก
1.6 ผลกระทบตอ่ ตบั เนอื่ งจากแอลกอฮอลเ์ ปน็ สารพษิ ทรี่ า่ งกาย
ไมต่ อ้ งการ ดังนัน้ ตับต้องท�ำ หน้าท่ใี นการยอ่ ยสลาย ตับจึงเปน็ อวัยวะท่ไี ดร้ ับ
ผลกระทบจากการด่ืมแอลกอฮอล์มากที่สุด เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ทำ�ให้
เซลล์ตัวถูกทำ�ลายและเซลล์ท่ีถูกทำ�ลายจะถูกแทนท่ีโดยไขมัน ซึ่งนำ�ไปสู่
อาการของตับอักเสบ และเมื่อเซลล์ตับตายไปถึงระดับหน่ึงจะมีพังผืดเกิดข้ึน
บรเิ วณเซลลท์ ถี่ กู ท�ำ ลาย ท�ำ ใหเ้ กดิ อาการทเี่ รยี กวา่ “ตบั แขง็ ” โดยทรี่ า่ งกายไม่
สามารถสร้างเซลลใ์ หม่ขนึ้ มาทดแทนได้ ด้วยเหตุน้ี หากเซลล์ยิง่ ถกู ท�ำ ลายมาก
ผดู้ ื่มก็มโี อกาสทจ่ี ะเสยี ชวี ิตมากขน้ึ ดว้ ย

การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 21

1.7 ผลกระทบตอ่ ระดบั ความสามารถทางปญั ญา จากการศกึ ษา
ในประเทศไทย พบวา่ การดื่มเครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอลต์ ้ังแตอ่ ายุยังนอ้ ย จะทำ�ให้
ระดบั ความสามารถทางเชาวน์ปญั ญาของผดู้ ่ืมลดลง
1.8 ผลกระทบต่อสภาพทางจิต เน่ืองจากการเผาผลาญ
แอลกอฮอลใ์ นรา่ งกายจะกอ่ ให้เกิดสาร “เตตราไฮโดรไอโสควโิ นลีนส์” ซ่ึงเป็น
ตัวทำ�ลายสารเคมีในสมองซึ่งทำ�ให้คนเรารู้สึกเป็นสุขและสงบ สารที่เกิดจาก
การเผาผลาญดงั กลา่ ว จงึ สง่ ผลใหผ้ ดู้ ม่ื มอี ารมณอ์ อ่ นไหวงา่ ย และมคี วามอดทน
ต่อสิ่งตา่ ง ๆ นอ้ ยลง ขาดสมาธแิ ละสุขภาพเสือ่ มโทรม ในขณะเดยี วกัน การท่ี
สมองสว่ นนอกเกดิ อาการฝอ่ กส็ ง่ ผลตอ่ อาการเสอื่ มทางจติ เชน่ เดยี วกนั อาการ
ที่พบมากโดยส่วนใหญ่ ประกอบด้วย อาการประสาทหลอน หวาดระแวง
ความจ�ำ เสื่อม ซึมเศร้า หวาดกลัวผิดปกติ และภาวะตืน่ กลัว ซึง่ อาการเหลา่ นี้
จะน�ำ ไปสภู่ าวะแทรกซอ้ นอนื่ ๆ เชน่ ระบบหวั ใจ ระบบประสาทและระบบยอ่ ย
อาหารท�ำ งานผดิ ปกติ เปน็ ตน้
1.9 รา่ งกายแกก่ อ่ นวยั เนอ่ื งจากแอลกอฮอลท์ �ำ ใหอ้ วยั วะตา่ ง ๆ
ของร่างกาย เช่น ตับ หัวใจ ไต และสมอง ต้องทำ�งานหนักกว่าปกติ ดังน้ัน
อวัยวะต่าง ๆ จงึ เสอื่ มสภาพก่อนวยั อนั ควร จึงท�ำ ให้ผดู้ ื่มหน้าแก่ก่อนวัย และ
หมดสมรรถภาพทางเพศก่อนวัยอันควร

22 การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

1.10 ผลกระทบต่อทารกในครรภ์ การดื่มสุราของมารดาทำ�ให้
ทารกในครรภม์ โี อกาสสงู ที่จะเกิดมามคี วามพกิ ารของอวยั วะตา่ ง ๆ เช่น หวั ใจ
ตบั ไต กระดกู เปน็ ตน้ นอกจากนน้ั ยงั สง่ ผลใหท้ ารกมรี า่ งกายแคระแกรน และ
อาจมคี วามพกิ ารทางสมองไดเ้ นอ่ื งจากเนอ้ื เยอื่ ของสมองถกู ท�ำ ลาย จากผลการ
ศึกษา พบวา่ เด็กทารกที่เกดิ จากมารดาทดี่ ม่ื สุรา จะมีลักษณะที่ส�ำ คญั ดงั น้ี
1) นาํ้ หนักน้อยกวา่ เกณฑ์ปกติ
2) ปากแหวง่ เพดานโหว่ ดวงตาและกรามมขี นาดเลก็ กวา่ ปกติ
3) สมองเล็ก
4) หวั ใจผิดปกติ
5) แขนและขาเจรญิ เตบิ โตผิดปกติ
6) ความสามารถในการดดู นมนอ้ ย
7) ร้องโยเย
8) รูปร่างแคระแกรน
9) หลบั ยาก
10) ระดบั เชาวน์ปญั ญาต่าํ

การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 23

2. ผลกระทบดา้ นครอบครวั การทสี่ มาชกิ ในครอบครวั ดม่ื เครอ่ื งดมื่
แอลกอฮอล์จนติดหรือด่ืมจนเป็นนิสัย จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของผู้ด่ืม
หลายประการ ดังนี้
2.1 การเพม่ิ ขน้ึ ของคา่ ใชจ้ า่ ย เนอ่ื งจากตอ้ งใชเ้ งนิ หรอื รายไดส้ ว่ น
หนง่ึ ไปซอื้ เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลห์ รอื สรุ ามาบรโิ ภค ท�ำ ใหต้ อ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเพม่ิ
ขน้ึ โดยไม่จ�ำ เปน็ ซ่ึงอาจกอ่ ให้เกิดปัญหาอ่ืน ๆ ตามมาในภายหลงั ได้
2.2 การทะเลาะเบาะแว้งและการทำ�ร้ายร่างกาย การด่ืมสุรา
สง่ ผลใหเ้ กดิ อารมณอ์ อ่ นไหว ขาดความอดทน และขาดสตยิ ง้ั คดิ ดงั นนั้ จงึ สง่ ผล
ใหเ้ กดิ การทะเลาะเบาะแวง้ ภายในครอบครวั ได้ อาจมคี วามรนุ แรงถงึ ขนั้ ท�ำ รา้ ย
รา่ งกายและจติ ใจกนั ในขณะทส่ี มาชกิ ของครอบครัวซง่ึ เป็นเด็กก็จะซึมซับเอา
ความรุนแรงดงั กล่าว
2.3 สมาชกิ ในครอบอาจเกดิ การซมึ เศรา้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เดก็
ท่ตี ้องเผชิญกบั การทะเลาเบาะแวง้ ของบดิ าและมารดา จะเกดิ ความรู้สึกตกใจ
โดดเดี่ยว ไร้ทพ่ี งึ่ ไม่สบายใจและเกิดอาการซึมเศร้าได้
3. ผลกระทบด้านสังคม การดื่มสุราหรือเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์
นอกจากจะส่งผลกระทบตอ่ ตนเอง และตอ่ ครอบครัวแลว้ ยังสง่ ผลกระทบต่อ
สงั คมโดยรวม ได้แก่

24 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

3.1 เพม่ิ ภาระแกบ่ คุ ลากรดา้ นสาธารณสขุ เนอ่ื งจากสภาพการณ์
โดยทว่ั ไปเจ้าหน้าท่ีของโรงพยาบาลต่าง ๆ มภี าระรับผดิ ชอบกบั ปริมาณผปู้ ว่ ย
จำ�นวนมาก และการด่ืมสุราก่อให้เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงการบาดเจ็บจากการ
ทะเลาะววิ าท ส่งผลใหต้ อ้ งรับภาระหนักย่งิ กว่าเดิม โดยร้อยละ 90 ของผูป้ ่วย
ทเี่ ขา้ รบั การรกั ษานอกเวลาท�ำ งานเปน็ ผปู้ ว่ ยทไ่ี ดร้ บั อบุ ตั เิ หตอุ นั มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ ง
กับการดื่มสุราหรือเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์
3.2 ปญั หาอาชญากรรม โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ คดเี กย่ี วกบั การท�ำ ให้
เสียทรัพย์ คดเี กยี่ วกบั ความผิดทางเพศ และคดีความผดิ ตอ่ ร่างกาย
3.3 ปญั หาอบุ ตั เิ หตทุ างถนน เนอ่ื งจากการดมื่ สรุ ามผี ลตอ่ โอกาส
ในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่ง หน่วยจัดการความรู้เพื่อความปลอดภัยทาง
ถนน (จรป.) ระบุว่า ผู้ขับข่ีที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดระหว่าง 20-40
มลิ ลกิ รมั เปอรเ์ ซน็ ต์ มคี วามเสย่ี งตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตถุ งึ ขน้ั เสยี ชวี ติ มากกวา่ คนท่ี
ไมด่ ม่ื 3-4 เทา่ ในขณะทรี่ ะดบั แอลกอฮอลร์ ะหวา่ ง 50-70 มลิ ลกิ รมั เปอรเ์ ซน็ ต์
ผดู้ มื่ มโี อกาสเสยี่ งมากกวา่ ถงึ 6-17 เทา่ และยงิ่ มรี ะดบั แอลกอฮอลส์ งู มากเทา่ ใด
ก็ยิ่งมคี วามเส่ยี งสูงมากขึน้ ดังรายละเอยี ดในตาราง 1

การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 25

ตาราง 1
อัตราความเสี่ยงของการดื่มแอลกอฮอล์

ระดับแอลกอฮอล ์ ระดบั ความเส่ียงเม่อื เทียบกับคนไมด่ ่ืม
20-40 มิลลิกรัมเปอรเ์ ซ็นต์ 3-4 เท่า
50-70 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต ์ 6-17 เทา่
100-140 มิลลกิ รัมเปอร์เซ็นต์
สูงกวา่ 150 มลิ ลิกรมั เปอร์เซ็นต ์ 29-240 เท่า
300 เทา่

ที่มา: เครอื ขา่ ยองค์กรงดเหล้า (2548, หนา้ 31)

การทคี่ นดม่ื เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลม์ คี วามเสย่ี งตอ่ การเกดิ อบุ ตั เิ หตสุ งู
เนอื่ งจาก การด่มื สรุ าทำ�ใหก้ ารมองเหน็ ไมช่ ัด เห็นภาพซ้อน สมองตอบสนอง
หรือส่ังการช้าลง และเกิดความลำ�พองใจ เป็นต้น ด้วยเหตุน้ีปัญหาอุบัติเหตุ
ทางทอ้ งถนนจงึ กลายเป็นสาเหตุทที่ ำ�ใหค้ นไทยเสียชวี ติ เปน็ อันดับ 3 รองจาก
ปญั หาโรคดา้ นเพศสมั พนั ธแ์ ละบหุ ร่ี (เครอื ขา่ ยองคก์ รงดเหลา้ , 2548, หนา้ 34)

26 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”

4. ผลกระทบดา้ นเศรษฐกิจ
4.1 ผลกระทบต่อระบบบริการสุขภาพ การดื่มสุราส่งผลให้
ระบบบริการสุขภาพต้องรับภาระหนักขึ้น จากการศึกษาของ มนทรัตน์
ถาวรเจรญิ ทรัพย์ และคณะ (2551, หน้า iii) พบว่า ในปี พ.ศ. 2549 มีจำ�นวน
ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอันเนื่องมาจากสาเหตุท่ีเกี่ยวข้องกับการบริโภคสุรา
จำ�นวน 3.03 ล้านคน ซ่ึงเม่ือเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
กับผู้ป่วยด้วยโรคอื่น ๆ พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านอุบัติเหตุจราจรมีจำ�นวนสูงท่ีสุด
(1,233 ลา้ นบาท) รองลงมาคอื โรคเอดส์ (1,088 ลา้ นบาท) การใชแ้ อลกอฮอล์
ในทางที่ผิด (574 ล้านบาท) ลมชัก (537 ล้านบาท) และภาวะการติดสุรา
(430 ล้านบาท) ตามลำ�ดับ ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านอุบัติเหตุจราจรส่วนหน่ึง
กเ็ กดิ ขน้ึ จากปญั หาการดม่ื สรุ าดว้ ย สว่ นสถาบนั วจิ ยั เพอื่ การพฒั นาประเทศไทย
(อา้ งถงึ ใน เครือข่ายองค์กรงดเหลา้ , 2548, หน้า 35-36) ระบวุ ่า หากสามารถ
ลดอบุ ตั เิ หตจุ ราจรอนั เนอ่ื งมาจากการดม่ื สรุ าลงไดร้ อ้ ยละ 50 จะชว่ ยลดจ�ำ นวน
ผู้เสยี ชวี ติ ลงไดถ้ ึงปีละ 2,900 คน
4.2 ผลกระทบต่อรายได้ของครอบครัว การดื่มสุราทำ�ให้
ครอบครัวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มข้ึน จากการศึกษาของมูลนิธิเพื่อนหญิง (อ้างถึงใน
เครือข่ายองคก์ รงดเหล้า, 2548, หน้า 36) ระบวุ ่า ค่าใช้จ่ายของครอบครัวท่ี
มีผูด้ ื่มสุราอยู่ระหวา่ ง 150-300 บาทต่อวนั เมอื่ คดิ เทียบกบั จ�ำ นวนผู้ดืม่ ข้นั ตา่ํ
ซงึ่ มีอยปู่ ระมาณ 13 ล้านคนทว่ั ประเทศ ท�ำ ให้คิดเปน็ ค่าใชจ้ ่ายในการด่ืมสุรา
ถึง 4.68 หมน่ื ล้านบาท

การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 27

4.3 ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซ่ึงจากการศึกษาของ
มนทรัตน์ ถาวรเจรญิ ทรพั ย์ และคณะ (2551, หนา้ ii) พบว่า ในปี พ.ศ. 2549
คนไทยบรโิ ภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลค์ ดิ เปน็ มลู คา่ สงู ถงึ 156,105 ลา้ นบาท หรอื
คดิ เปน็ รอ้ ยละ 1.99 ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ โดยมลู คา่ ความสญู เสยี
ทเ่ี กดิ ขึ้นประกอบดว้ ย ตน้ ทนุ ดา้ นการเสยี ชีวติ ก่อนวยั อันควร (รอ้ ยละ 65.7)
รองลงมาคือ ตน้ ทนุ ด้านการสูญเสยี ประสิทธิภาพในการท�ำ งาน (รอ้ ยละ 30.1)
ตน้ ทนุ ดา้ นคา่ รกั ษาพยาบาล (รอ้ ยละ 3.5) ตน้ ทนุ ดา้ นการสญู เสยี ทรพั ยส์ นิ จาก
อบุ ตั เิ หตจุ ราจร(รอ้ ยละ0.5)และตน้ ทนุ ดา้ นการบงั คบั ใชก้ ฎหมายและการฟอ้ งรอ้ ง
คดคี วาม (ร้อยละ 0.2) ตามล�ำ ดับ ซึ่งสถาบนั วจิ ัยเพ่อื การพฒั นาประเทศไทย
(อา้ งถึงใน เครอื ขา่ ยองคก์ รงดเหลา้ , 2548, หน้า 35-36) ระบุว่า หากสามารถ
ลดอุบัติเหตุจราจรอันเนื่องมาจากการด่ืมสุราลงได้ร้อยละ 50 จะช่วยลดค่า
ใชจ้ า่ ยในการรักษาพยาบาลของภาครัฐลงไดถ้ งึ ปลี ะ 13,975 ล้านบาท

28 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ”

เอกสารอา้ งองิ

กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2557). ความหมายของเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์ [online]. สืบคน้ เม่ือวันที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก
http://www.dmh.moph.go.th/news/view.asp?id=964

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. (2548). ไวน์ [online]. สืบค้นเม่ือวันที่ 10
กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.moac.go.th/builder/mu/
index.php?page=580&clicksub=580&sub=285

จักรพันธ์ กิตตินรรัตน์ และนิพิฐพนธ์ สนิทเหลือ. (2554). ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
กับการด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา
ในเขตกรงุ เทพมหานคร. กรงุ เทพฯ: ศนู ยว์ จิ ยั ปญั หาสรุ า, ส�ำ นกั งาน
กองทนุ สนับสนุนการสร้างเสรมิ สุขภาพ (สสส.)

ปรางคท์ พิ ย์ อุจะรัตน, สุคนธ์ ไขแ่ กว้ , วัฒนา พนั ธศุ์ กั ดิ์ และสุธีรา ฮุ่นตระกลู .
(2011). พฤติกรรมการด่ืมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนไทย
เขตเมอื ง: กรณศี กึ ษาชมุ ชนบา้ นบุ เขตบางกอกนอ้ ย กรงุ เทพมหานคร.
Journal of Nursing Science, 29 (1), หน้า 53-62.

มนทรตั น์ ถาวรเจรญิ ทรพั ย์ และคณะ. (2551). การศกึ ษาตน้ ทนุ ผลกระทบทาง
สงั คม สขุ ภาพ และเศรษฐกจิ ของการบรโิ ภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์
ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: ศนู ย์วิจยั ปัญหาสรุ า.

การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 29

สถาบันการแพทย์ด้านอุบัติเหตุและสาธารณภัย กรมการแพทย์ กระทรวง
สาธารณสุข. (2557). ประเภทของสุรา [online]. สืบคน้ เม่ือวนั ที่
10 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www. thaiantialcohol.com/
th/index.php

สารานุกรมไทยส�ำ หรับเยาวชน. (2557). การผลิตเบยี ร์ [online]. สืบค้นเมือ่
วันท่ี 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://kanchanapisek.or.th/
kp6/BOOK23/chapter10/t23-10-l1.htm

สำ�นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า. (2557). พระราชบญั ญัติควบคมุ เคร่อื งด่ืม
แอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 [online]. สืบคน้ เมอ่ื วนั ที่ 24 กมุ ภาพนั ธ์
2557 จาก http://council.pcru.ac.th/ attachments/
article/59/Alcohol_law51.pdf

ส�ำ นักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2557). พระราชบญั ญตั สิ รุ า พ.ศ. 2493
[online]. สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก http://www.
senate.go.th/w3c/senate/pictures/com

ส�ำ นกั งานเครอื ขา่ ยองคก์ รงดเหลา้ . (2548). เลกิ ดม่ื เหลา้ กนั เถอะนะ. กรงุ เทพฯ:
บรษิ ทั พิมพด์ ี จ�ำ กัด.

องคก์ รพฒั นาสรุ าไทย. (2557). ชนดิ ของเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ [online]. สบื คน้
เมอ่ื วันที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ 2557 จาก: http://www.chaopraya.
biz/index.php

30 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”

Freeman, M., & Parry, C. (2006). Alcohol use literature review. Soul:
Soul City.

National Collaborating Centre for Mental Health. (2011). Alcohol-use
disorders: The nice guideline on diagnosis, assessment
and management of harmful drinking and alcohol
dependence. London: The British Psychological Society.

Rose, M.E., & Cherpitel, C.J. (2011). Alcohol: Its history, pharmacology,
and treatment. USA: Hazelden Foundation.

การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 31


Click to View FlipBook Version