The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กฎหมายเมาแล้วขับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Chayada Sangphadung, 2020-10-22 02:57:03

กฎหมายเมาแล้วขับ

กฎหมายเมาแล้วขับ

เทคนคิ พน้ื ฐานในการสงั เกต
การท่ีเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจมีอำ�นาจหน้าที่ในการหยุดรถเพื่อเรียกตรวจ
เบอื้ งตน้ เจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจสามารถอาศยั ความสามารถดว้ ยระบบประสาทสมั ผสั
3 สว่ น ได้แก่ การมองเห็น การไดย้ ิน และการดมกล่นิ
1. การมองเห็น ในระหว่างที่พูดคุยหรือทำ�การสัมภาษณ์ผู้ขับขี่
เจ้าหน้าที่ตำ�รวจสามารถตรวจพบลักษณะของผู้ขับขี่ท่ีสามารถบ่งชี้ถึงอิทธิพล
ของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอ่ืนได้ด้วยสายตา โดยสังเกตจากลักษณะ
ดังตอ่ ไปนี้
1) อาการตาแดง
2) เส้อื ผ้าทีเ่ ปื้อนดนิ
3) น้ิวท่ีแสดงอาการง่มุ งา่ ม คลำ�โนน่ คล�ำ นี่
4) ภาชนะหรอื ขวดเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลท์ อี่ ยภู่ ายในยานพาหนะ
5) ยาเสพตดิ หรอื อปุ กรณใ์ นการเสพสารเสพตดิ
6) แผลถลอก รอยบวมปูด หรอื รอยขีดขว่ น
7) การแสดงอาการผดิ ปกติ

การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 233

2. การได้ยิน เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจอาจใช้ทักษะในการฟัง ซึ่งจะทำ�ให้
สามารถตรวจจับอาการของคนเมา ซง่ึ มกั จะมกี ารพดู ในลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้แก่
1) การพดู ลิ้นพนั กนั
2) ยอมรบั ว่าดื่ม
3) การแสดงการตอบสนองทข่ี าดความตอ่ เนื่อง
4) ใชภ้ าษาผดิ
5) ใช้ประโยคค�ำ พูดทผ่ี ดิ ปกตจิ ากคนทั่วไป
3. การดมกล่ิน ในระหว่างทำ�การสัมภาษณ์ เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ
อาจอาศัยการดมกล่นิ ทอี่ อกมาจากตัวของผู้ขบั ข่ี ได้แก่
1) กล่นิ เครื่องดมื่ แอลกอฮอล์
2) กลน่ิ กัญชา
3) กลิน่ ของนํ้ายาดบั กลิ่นปาก
4) กลิน่ อื่น ๆ ท่มี ลี ักษณะผิดปกติ

234 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”

เทคนิคในการต้ังคำ�ถาม
ในบางคร้ัง การต้ังคำ�ถามให้ผู้ขับขี่ตอบทำ�ให้เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ
สามารถตรวจพบได้ว่าผู้ขับขี่คนน้ันขับข่ีภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์
หรือสารเสพตดิ หรอื ไม่ โดยมเี ทคนิคทส่ี ำ�คญั 3 เทคนิค ไดแ้ ก่
1. การสั่งให้ทำ�สองสิ่งพร้อมกัน เช่น ส่ังให้แสดงใบอนุญาตขับขี่
และสำ�เนาคู่มือจดทะเบียนยานพาหนะ หากเจ้าหน้าที่ตำ�รวจพบอาการ
ดังต่อไปนี้ ให้สันนิษฐานได้ว่าผู้ขับขี่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์
หรอื สารเสพตดิ อ่นื เช่น
1) ลมื แสดงเอกสารทงั้ สองประเภทตามทเ่ี จา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจรอ้ งขอ
2) แสดงเอกสารอื่นซึ่งเจา้ หน้าทต่ี �ำ รวจไม่ไดร้ ้องขอ
3) หาเอกสารทง้ั สองประเภทไมเ่ จอ
4) มือไม้ส่ันเทาหรือทำ�กระเป๋าสตางค์ ใบอนุญาตขับขี่หรือ
ส�ำ เนาคู่มอื จดทะเบยี นยานพาหนะหลน่
5) ไม่สามารถหยิบจับเอกสารด้วยปลายนวิ้ ได้

การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 235

2. ต้ังคำ�ถามเพ่ือรบกวนสมาธิหรือทำ�ให้ผู้ขับขี่วอกแวก เช่น
ในระหวา่ งทผ่ี ขู้ บั ขกี่ �ำ ลงั คน้ หาใบอนญุ าตขบั ขต่ี ามทรี่ อ้ งขอตามขอ้ 1 เจา้ หนา้ ท่ี
ต�ำ รวจอาจถามค�ำ ถามเพอื่ เปน็ การรบกวนสมาธขิ องผขู้ บั ขี่ เชน่ ตอนนเ้ี วลาเทา่
ไหรแ่ ลว้ ครบั ? หากเจา้ หนา้ ทพ่ี บอาการตอบสนองดงั ตอ่ ไปนี้ ใหส้ นั นษิ ฐานไดว้ า่
ผู้ขบั ขต่ี กอยูภ่ ายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอลห์ รอื สารเสพติดอนื่ เช่น
1) เพกิ เฉยและยงั คงค้นหาใบอนญุ าตขับข่ตี อ่ ไป
2) ลมื ค้นหาใบอนุญาตขบั ขี่หลังจากท่ตี อบคำ�ถามแลว้
3) ตอบคำ�ถามผิดอยา่ งชดั เจน
3. ตั้งคำ�ถามในลักษณะท่ีไม่เป็นปกติ เช่น ชื่อกลางของคุณ
คืออะไรครบั ? ซง่ึ ผ้ขู ับข่ีทตี่ กอยู่ภายใตอ้ ทิ ธิพลของแอลกอฮอล์หรอื สารเสพตดิ
อื่นจะอาศัยเวลาในการประมวลผลข้อมูลก่อนที่จะตอบ ซ่ึงในบางคร้ัง
จะไม่ตอบคำ�ถามตรงตามที่เจ้าหน้าที่ตำ�รวจต้องการ แต่อาจบอกชื่อ
แรกของตนเองแทน แสดงให้เห็นว่าผู้ขับขี่ไม่สนใจคำ�ถามที่มีลักษณะผิดปกติ
แต่จะตอบในสง่ิ ท่เี จ้าหนา้ ทไ่ี มไ่ ด้ถามแทน เปน็ ต้น

236 การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

เทคนคิ การสังเกตอาการขณะออกจากยานพาหนะ
ในระหว่างท่ีเจ้าหน้าที่ตำ�รวจสั่งให้ผู้ขับขี่ออกมาจากยานพาหนะ
เจา้ หน้าที่ต�ำ รวจสามารถสังเกตอาการของผขู้ บั ขีท่ ่ีบง่ ชถ้ี งึ การตกอยใู่ ตอ้ ิทธิพล
ของแอลกอฮอล์หรอื สารเสพติดอน่ื โดยพจิ ารณาไดจ้ ากอาการดังต่อไปน้ี
1. แสดงอาการโกรธเกรีย้ วหรือแสดงพฤตกิ รรมท่ีผดิ ปกติ
2. ไม่สามารถทำ�ตามค�ำ ส่ังของเจา้ หนา้ ที่ได้
3. ไมส่ ามารถเปดิ ประตยู านพาหนะได้
4. ออกจากยานพาหนะโดยยังเขา้ เกยี ร์ไว้
5. ปนี ออกจากยานพาหนะ
6. ยนื พิงยานพาหนะไว้
7. ใช้มือจับยานพาหนะไวเ้ พื่อรกั ษาสมดุลของรา่ งกาย

การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 237

เทคนคิ อ่นื ๆ
นอกเหนอื จากเทคนิคตา่ ง ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว เจา้ หน้าท่ีต�ำ รวจ
สามารถนำ�เทคนคิ อืน่ ๆ มาใชเ้ พอ่ื ตรวจคดั กรองผู้ขับขีท่ ตี่ กอยู่ภายใตอ้ ทิ ธพิ ล
ของแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอ่ืน เช่น การท่องตัวอักษร การนับเลข
และการนับนิ้ว
1. การท่องตวั อักษร เจา้ หนา้ ท่ตี ำ�รวจอาจสงั่ ให้ผูข้ บั ขท่ี ่องตวั อักษร
ภาษาอังกฤษโดยใหเ้ ร่มิ ทอ่ งจากอักษรตวั อืน่ ที่ไม่ใชอ่ ักษร “A” และจบลงด้วย
ตวั อกั ษรอ่นื ท่ไี ม่ใช่ “Z” เช่น ให้ทอ่ งจาก “D” ถึง “M” เป็นต้น
2. การนบั เลข หมายถงึ เจา้ หนา้ ที่ตำ�รวจจะสง่ั ใหผ้ ู้ขับข่นี บั เลขถอย
หลัง เช่น นบั จาก “66” ลงมาจนถงึ “48” เป็นตน้ โดยควรหลกี เล่ียงตวั เลข
ทขี่ น้ึ ต้นหรือลงทา้ ยดว้ ย “0” หรือ “5” เพราะเป็นตวั เลขทน่ี ับง่าย
3. การนบั น้วิ หมายถึง การใหผ้ ู้ขับข่ีใช้ปลายน้ิวช้ี นิ้วกลาง น้ิวนาง
และน้ิวก้อยมาสัมผัสกับปลายนิ้วหัวแม่มือ พร้อมให้นับเลข 1, 2, 3 และ 4
ไปดว้ ยตามลำ�ดับ หลังจากน้ัน ให้ทำ�ยอ้ นกลับอีกครง้ั หนง่ึ โดยนบั จาก 4, 3, 2
และ 1 ซึ่งปลายนิ้วก้อยจะเร่ิมสัมผัสกับปลายน้ิวหัวแม่มือก่อน หลังจากน้ัน
จงึ เปน็ ปลายนิ้วนาง นิว้ กลาง และนิว้ ช้ี ตามล�ำ ดบั

238 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

3. ขน้ั ตอนการตรวจสอบกอ่ นการจบั กมุ (Prearrest screening)
ในขน้ั ตอนน้ี เจา้ หน้าทีต่ ำ�รวจจะท�ำ การทดสอบสภาพรา่ งกายและสภาพจติ ใจ
ของผู้ขับขี่ ก่อนที่จะทำ�การตรวจวัดด้วยเครื่องมือตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์
เพื่อยืนยันผลต่อไป ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการของเจ้าหน้าที่ตำ�รวจที่สำ�คัญ
3 วิธี ได้แก่
1) การสังเกตอาการตากระตุก (Nystagmus) มีแนวทาง
ในการสังเกต 2 ลักษณะได้แก่ การสังเกตอาการตากระตุกในแนวนอน
(Horizontal gaze nystagmus) และการสังเกตอาการตากระตุกในแนวดิ่ง
(Vertical gaze nystagmus)
(1) การสังเกตอาการตากระตุกในแนวนอน (Horizontal
gaze nystagmus) เป็นแนวทางในการสังเกตของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ
โดยเจ้าหน้าที่ตำ�รวจจะส่ังให้ผู้ขับข่ีกรอกตาไปด้านซ้ายและด้านขวา และ
คอยสังเกตว่าผู้ขับข่ีมีอาการตากระตุกหรือไม่ หากมี แสดงให้เห็นว่าบุคคล
นน้ั ไดร้ ับอิทธิพลของแอลกอฮอล์
(2) การสังเกตอาการตากระตุกในแนวดิ่ง (Vertical Gaze
Nystagmus) เป็นแนวทางในการสังเกตของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ โดยเจ้าหน้าท่ี
ต�ำ รวจจะสง่ั ใหผ้ ขู้ บั ขก่ี รอกตาขน้ึ ลงในแนวดงิ่ และคอยสงั เกตวา่ ผขู้ บั ขม่ี อี าการ
ตากระตกุ หรอื ไม่ หากมี แสดงใหเ้ หน็ วา่ บคุ คลนน้ั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลของแอลกอฮอล์

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 239

2) การเดินและหมุนตัว (Walk-and-turn) หมายถึง
แนวทางในการสังเกตการทรงตัวของผู้ขบั ขี่ ประกอบดว้ ย 2 ขัน้ ตอนได้แก่
(1) ขั้นตอนการฟังคำ�อธิบาย (Instruction stage)
เป็นขั้นตอนที่เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจส่ังให้ผู้ขับข่ียืนในลักษณะที่เอาส้นเท้าข้างหนึ่ง
ไปต่อที่ปลายนิ้วเท้าอีกข้างหน่ึง แนบแขนทั้งสองไว้ข้างลำ�ตัวรอฟังคำ�สั่ง
ของเจ้าหนา้ ท่ตี �ำ รวจ
(2) ข้ันตอนการเดิน (Walking stage) เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจจะ
ส่งั ให้ผขู้ บั ขกี่ า้ วเดินตามเส้นทก่ี �ำ หนดไปขา้ งหน้าพร้อมกบั นบั จ�ำ นวนกา้ วดงั ๆ
จนครบ 9 ก้าว หลังจากน้ัน ใหห้ มนุ ตัวกลับและเดินกลบั มาท่ีเดิมอีก 9 กา้ ว
การทดสอบเช่นน้ีจะมีส่ิงบ่งชี้ว่าผู้ขับข่ีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์
โดยสังเกตได้จากลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
- ไม่สามารถรักษาสมดุลของร่างกายได้ในขณะที่ฟัง
ค�ำ อธบิ ายจากเจา้ หนา้ ท่ี
- เร่มิ ตน้ เดนิ เร็วเกนิ ไป
- หยุดเป็นช่วง ๆ ในระหวา่ งการเดิน
- ไม่ได้เดินโดยเอาส้นเท้าอีกข้างหนึ่งสัมผัสกับปลายนิ้ว
ของเทา้ อกี ขา้ งหนึง่
- เดินออกนอกเส้นทก่ี ำ�หนด
- ใช้แขนเพ่ือชว่ ยทรงตวั
- เสียการทรงตัวตอนหมนุ ตัวกลบั
- นับจ�ำ นวนกา้ วผิด

240 การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำ�รวจอาจยุติการทดสอบหาก
ผู้ขับขี่ก้าวออกนอกเส้นท่ีกำ�หนดจำ�นวน 3 ครั้งหรือมากกว่า หรือมีอันตราย
ทผ่ี ู้ขับข่ีอาจลม้ หรอื ผู้ขบั ข่ีไม่สามารถทำ�การทดสอบตามทก่ี ำ�หนดได้
3) การยืนขาเดียว (One-leg stand) หมายถึง แนวทาง
ในการสังเกตการทรงตัวของผขู้ ับข่ี ประกอบดว้ ย 2 ขนั้ ตอนไดแ้ ก่
(1) ข้ันตอนการฟังคำ�อธิบาย (Instruction stage)
เป็นข้นั ตอนทีเ่ จ้าหนา้ ทตี่ ำ�รวจใหย้ นื ตรง แนบแขนทัง้ สองไวข้ ้างลำ�ตวั รอคำ�ส่งั
จากเจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจ
(2) ข้นั การทรงตัวและการนับ (Balancing and counting
stage) เป็นข้ันตอนที่เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจสั่งให้ผู้ขับข่ียกเท้าข้างใดข้างหนึ่ง
ข้ึนจากพื้นประมาณ 6 น้ิว โดยให้เท้าท่ียกข้ึนขนานกับพื้นดิน ให้ผู้ขับขี่มอง
ท่ีเท้าซ่ึงยกขึ้นและเร่ิมนับเลขเสียงดัง ๆ โดยเร่ิมจาก 1001, 1002, 1003
ไปเรอ่ื ย ๆ จนกวา่ เจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจจะบอกใหห้ ยดุ โดยทว่ั ไปแลว้ เจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวจ
จะใช้เวลาในการทดสอบการยืนขาเดียวประมาณ 30 วินาที ผู้ขับขี่ท่ีตกอยู่
ภายใต้อิทธพิ ลของแอลกอฮอล์จะมอี าการดงั ต่อไปน้ี
- เอียงไปเอียงมาในขณะทีพ่ ยายามทรงตัว
- ใช้แขนช่วยทรงตัว
- กระโดดขาเดยี ว
- วางเท้าลง
หากผู้ขับข่ีวางเท้าลงกับพ้ืน 3 ครั้งหรือมากกว่า ภายในระยะ
เวลา 30 วนิ าที หรือผู้ขบั ขไ่ี ม่สามารถปฏบิ ตั ิตามคำ�สงั่ ได้ ก็ให้ยตุ กิ ารทดสอบ
เพราะหลกั ฐานแสดงใหเ้ หน็ แลว้ วา่ ผขู้ บั ขต่ี กอยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของแอลกอฮอล์

การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 241

ปัญหาและอปุ สรรคในการบังคบั ใช้กฎหมาย

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” ของเจา้ หนา้ ทต่ี �ำ รวจตอ้ งประสบ
กบั ปัญหาและอุปสรรคหลายประการ ไดแ้ ก่
1. ปัญหาด้านกำ�ลังพล ปัจจุบันกำ�ลังพลที่ปฏิบัติหน้าท่ีเกี่ยวกับ
การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” มจี �ำ นวนไม่เพียงพอ เนือ่ งจาก ส�ำ นักงาน
ตำ�รวจแห่งชาติได้ปรับโครงสร้างองค์การแต่ยังไม่มีการปรับเพิ่มตำ�แหน่ง
ของเจ้าหน้าท่ีที่ปฏิบัติงานในด้านน้ีโดยตรง ส่งผลให้ไม่สามารถดำ�เนินการ
ต้ังจุดตรวจได้ครอบคลุมพ้ืนที่ กรณีตัวอย่างของกองบังคับการตำ�รวจจราจร
ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ”
เปน็ การเฉพาะโดยตรง มกี �ำ ลังพลไมเ่ พียงพอ ดงั นัน้ จึงสามารถจัดชุดปฏิบัติ
ชุดปฏิบัติการเพ่ือตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้เพียง 6 ชุดปฏิบัติการต่อวัน
นอกจากนั้น ในแต่ละชุดมีจำ�นวนเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจเพียง 6-7 นาย ซ่ึงมีไม่
เพียงพอและเหมาะสมกับการตั้งจุดตรวจ อย่างไรก็ตาม ได้มีการแก้ไขปัญหา
โดยการน�ำ อาสาจราจรเข้ามาร่วมในการปฏบิ ัตหิ น้าที่ด้วย

242 การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”

2. ปัญหาด้านงบประมาณ เน่ืองจากงบประมาณด้านการจราจร
ท่ีได้รับจากสำ�นักงานตำ�รวจแห่งชาติโดยตรงมีอัตราส่วนไม่มากนักเมื่อ
เทยี บกบั งบประมาณของสายงานอนื่ ๆ ดงั นนั้ การจดั หาวสั ดุ อปุ กรณ์ ทจี่ �ำ เปน็
ในการปฏิบัติงานบางส่วนต้องขอรับการสนับสนุนจากท้ังองค์การภาครัฐและ
ภาคเอกชน ตลอดจนภาคเี ครอื ขา่ ยตา่ ง ๆ ทต่ี ระหนกั ถงึ ความปลอดภยั ทางถนน
3. ปัญหาด้านเครื่องมือตรวจวัดแอลกอฮอล์ เครื่องตรวจวัด
แอลกอฮอล์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีจำ�นวนจำ�กัด และเคร่ืองมือตรวจวัดบาง
เครอื่ งถกู ใชง้ านมากวา่ 15 ปี สง่ ผลให้เกิดการชำ�รดุ ระหว่างการปฏบิ ตั หิ น้าที่
หรือไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แตกต่างจากการบังคับใช้กฎหมาย
“เมาแล้วขับ” ในประเทศญี่ปุ่น ที่สถานีตำ�รวจแต่ละแห่งจะมีชุดเคร่ืองมือ
และอุปกรณ์ในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ทั้งแบบทดสอบเบื้องต้นกับแบบ
ยืนยันผลในจำ�นวนที่เพียงพอ นอกจากนั้น รถของสายตรวจแต่ละคันไม่ว่า
จะเป็นรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์จะมีชุดของเคร่ืองมือและอุปกรณ์ดังกล่าว
พร้อม สามารถทำ�การเรียกผู้ขับขี่ท่ีมีพฤติกรรมการขับข่ีที่สันนิษฐานได้ว่า
“เมาแล้วขับ” ไดท้ นั ที (Kulachai, 2011, p.19)
4. ปญั หาดา้ นระบบขอ้ มลู การกระท�ำ ผดิ ซา้ํ ในกรณที ผ่ี กู้ ระท�ำ ความ
ผดิ มกี ารกระท�ำ ความผดิ ซาํ้ ยงั ไมม่ รี ะบบตรวจสอบทชี่ ดั เจนและไมม่ กี ารลงโทษ
ในอตั ราท่ีหนักกวา่ ครง้ั แรก ดงั นั้น อตั ราโทษทไ่ี ม่ได้แตกต่างจากคนกระทำ�ผดิ
ในคร้งั แรก ในขณะเดียวกนั อตั ราโทษกรณี “เมาแล้วขับ” ยังเปน็ อัตราโทษที่
ไม่รุนแรงเม่ือเทียบกบั อตั ราโทษของประเทศอน่ื ๆ จงึ ทำ�ใหป้ ระชาชนไมเ่ กรง
กลวั เทา่ ใดนัก

การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 243

5. ปญั หาดา้ นการตดั สนิ ของศาล จากการปฏิบัตงิ านของเจ้าหนา้ ที่
ตำ�รวจพบว่า การตัดสินของศาลในแต่ละแห่งจะมีการตัดสินลงโทษ
ผู้กระทำ�ความผิดในอัตราที่แตกต่างกัน ทำ�ให้ขาดความเป็นมาตรฐานในการ
ลงโทษผู้กระทำ�ความผิด
6. ปัญหาด้านผู้ขับขี่ ประกอบด้วยหลายลักษณะ ได้แก่
การปฏเิ สธและไมใ่ หค้ วามรว่ มมอื กบั เจา้ หนา้ ทตี่ �ำ รวนในการตรวจวดั แอลกอฮอล์
การใช้อำ�นาจและอิทธิพลของตนเอง การใช้อำ�นาจและอิทธิพลของผู้อ่ืน
ในการบีบบังคับเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ นอกจากน้ัน เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจต้องเผชิญ
กับผู้ขับขี่ที่ใช้วาจาหยาบคาย ข่มขู่ หรือบางรายนอกจากไม่ให้ความร่วมมือ
แลว้ ยงั แสดงอาการเพกิ เฉย ไมพ่ ดู ไมค่ ยุ กบั เจา้ หนา้ ที่ ในขณะทบ่ี างรายไมย่ อม
ลงจากรถ ท�ำ ใหเ้ จ้าหน้าท่ีทำ�การตรวจวดั ได้ลำ�บาก
7. ปัญหาท่ีเกิดจากสื่อสังคมออนไลน์ ปัญหานี้เป็นปัญหาท่ีเกิดข้ึน
มาใหม่เน่ืองจากมีการจัดต้ังกลุ่ม การจัดทำ�เว็บเพจเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
การต้ังจุดตรวจของเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ โดยสมาชิกจะต้องเสียค่าธรรมเนียม
เวบ็ เพจลกั ษณะนจี้ ะคอยใหข้ อ้ มลู และรายละเอยี ดเกย่ี วกบั การตง้ั จดุ ตรวจของ
เจ้าหนา้ ที่ เป็นการอำ�นวยความสะดวกให้สมาชิกของเวบ็ เพจหลีกเล่ยี งการถกู
เรียกตรวจวัดแอลกอฮอล์โดยเจา้ หนา้ ท่ตี �ำ รวจ อย่างไรกต็ าม เจา้ หนา้ ทตี่ ำ�รวจ
ได้ดำ�เนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวหลายแนวทางจนทำ�ให้เว็บเพจในลักษณะ
ดงั กล่าวไดร้ บั ความเชอื่ ถือจากสมาชกิ น้อยลง

244 การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

Transport Services

เทคนิคและจติ วทิ ยาในการบังคับใช้กฎหมาย

การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” เจ้าหน้าท่ีตำ�รวจต้องเผชิญ
กับผู้ขับขี่ท่ีมีพฤติกรรมท่ีแตกต่างกัน ดังน้ัน ในบางครั้งต้องใช้เทคนิคและ
จิตวิทยาค่อนข้างสูงในการโน้มน้าวผู้ขับข่ีเพื่อให้ความร่วมมือในการตรวจวัด
ระดับแอลกอฮอล์ ซึ่งเทคนคิ และจติ วิทยาท่ีเจ้าหนา้ ทีต่ �ำ รวจใชป้ ระกอบดว้ ย
1. ใช้กิริยาวาจาท่ีสุภาพ นุ่มนวล มีความอดทนต่อพฤติกรรม
ของผู้ขับขี่
2. ในกรณีท่ีผู้ขับข่ีไม่ยอมลงจากยานพาหนะ เจ้าหน้าที่ตำ�รวจต้อง
มคี วามอดทน ใจเย็นและใชเ้ ทคนคิ ในการโนม้ นา้ วด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ
3. ไมต่ อบโตผ้ ้ขู บั ขี่ทกุ กรณี
4. กรณีท่ีต้องบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” ในท้องถิ่นต่าง ๆ
ท่ีประชาชนในท้องถ่ินนั้นมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง บางคร้ัง
อาจจำ�เป็นต้องใช้คนในท้องถ่ินเป็นอาสาจราจรเพ่ือทำ�หน้าที่ในการโน้มน้าว
และชักจูงผู้ขับขี่เพ่ือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าท่ีตำ�รวจ เพราะคนที่พูด
ภาษาเดียวกันจะช่วยทำ�ให้ผู้ขับขี่เกิดความรู้สึกผ่อนคลายมากย่ิงขึ้น และ
เกิดความรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน เมื่อผู้ขับขี่ผ่อนคลายลงแล้วค่อยอธิบาย
หลักข้อกฎหมายให้ผขู้ ับข่ไี ดร้ ับทราบ

การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 245

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย

จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำ�รวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยตรงเก่ียวกับ
การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” จำ�นวน 5 นาย ทำ�ให้ได้ข้อเสนอแนะ
เชงิ นโยบาย ดังน้ี
1. การปรับแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและสามารถ
ปฏิบัตไิ ด้
2. การเพ่มิ อัตราโทษกรณี “เมาแลว้ ขับ” ใหส้ ูงขึ้น โดยเฉพาะอัตรา
โทษในกรณที กี่ ่อใหเ้ กดิ อบุ ัติเหตทุ างถนนจนทำ�ให้มผี ู้บาดเจ็บและเสียชวี ติ
3. ควรปรับแก้ไขอัตราโทษให้สอดคล้องกับปริมาณแอลกอฮอล์
ที่ตรวจพบ
4. ควรมีระบบท่ีเชื่อมโยงข้อมูลการกระทำ�ความผิดซ้ําระหว่าง
หนว่ ยงานของต�ำ รวจ อยั การและศาลเพอ่ื เปน็ ขอ้ มลู ประกอบการพจิ ารณาลงโทษ
ในอตั ราท่รี ุนแรงขึ้นหากผ้ขู ับขี่มีการกระทำ�ผิดซํ้า
5. การยกเลิกสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและ
การประกนั ภยั เชน่ หากผขู้ บั ขที่ ี่ “เมาแลว้ ขบั ” เปน็ ขา้ ราชการ ขบั ขยี่ านพาหนะ
ในขณะท่ีอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์และก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนตนเอง
ได้รับบาดเจ็บ ผู้ขับข่ีคนดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิการเป็นข้าราชการด้าน
การรักษาพยาบาลได้ แต่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
ที่เกิดข้ึนเอง หรือในกรณีการประกันภัยรถยนต์ ผู้ขับขี่คนดังกล่าวต้องไม่ได้
รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ นอกจากนั้น จะต้องมีระบบเชื่อมโยงข้อมูล
การประกันภัยรถยนต์ของบุคคลดังกล่าวเพ่ือตรวจสอบและเพิ่มอัตราเบ้ีย
ประกันในการทำ�ประกันคร้ังต่อไป ไม่ว่าผู้ขับข่ีจะทำ�ประกันกับบริษัทใหม่
กต็ าม เปน็ ต้น

246 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”

6. การผลักดันการบังคับใช้กฎหมายกรณี “เมาแล้วขับ” เปน็ วาระ
แห่งชาติท่ตี ้องใหค้ วามส�ำ คญั เปน็ พิเศษ
7. การเสริมสร้างภาคีเครือข่ายในการในการร่วมกันรณรงค์และ
แก้ไขปญั หา “เมาแล้วขบั ”
8. การเสริมสร้างจิตสำ�นึกด้านความปลอดภัยทางถนนและ
ความรับผดิ ชอบต่อสังคม
9. ปลูกฝังค่านิยมในการดื่มสุราหรือเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ
ใ ห้ กั บ เ ย า ว ช น ท่ี จ ะ เ ติ บ โ ต เ ป็ น กำ � ลั ง สำ � คั ญ ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ใ น อ น า ค ต
โดยทุกภาคส่วนต้องรณรงค์ให้มีความเข้มข้นและเอาจริงเอาจังมากกว่า
ในปัจจบุ ัน
10. การส่งเสริมและสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำ�เนินการ
บังคับใช้กฎหมายกรณี “เมาแล้วขับ” อยา่ งจริงจงั
11. ปรับโครงสร้างองค์กรและจัดสรรกำ�ลังพลให้เพียงพอกับ
การปฏิบัติงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย
12. จัดสรรและจัดหาเครื่องมือในการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์
ใหท้ ันสมยั และมจี ำ�นวนที่เพยี งพอตอ่ การปฏบิ ตั ิงานของเจา้ หนา้ ท่ตี �ำ รวจ

การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 247

เอกสารอ้างองิ

วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ. (2556). หลักการต้ังจุดตรวจ. เอกสารประกอบการ
บรรยายหลักสูตรสารวัตร, กองบัญชาการศึกษา สำ�นักงานตำ�รวจ
แห่งชาต.ิ

สงคราม เสงยี่ มพกั ตร.์ (2549). ยทุ ธศาสตรก์ ารจดั การความปลอดภยั ทางถนน
ของไทย: ศกึ ษากรณกี ารบงั คบั ใชก้ ฎหมายในการตรวจจบั ผขู้ บั ขท่ี ด่ี มื่
เครอื่ งด่มื แอลกอฮอล์. ดุษฎนี พิ นธ์รฐั ประศาสนศาสตรดุษฎบี ัณฑติ ,
บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนดสุ ิต.

Kulachai, W. (2011). The success of policy implementation against
drunk driving in Bangkok: A structural equation modeling.
Unpublished independent study, National Graduate
Institute for Policy Studies.

State of California. (2007). HPM 70.4 (Driving Under the Influence
Enforcement Manual). Retrieved 12 December 2014
from http://www.californiaduiguide. com/documents/
chp_docs/driving%20under%20the%20influence%20
enforcement%20manual.pdf

248 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”

รายช่อื ท่ปี รึกษาและผทู้ รงคณุ วุฒิ

พลตำ�รวจโท อำ�นวย นิม่ มะโน ผูบ้ ญั ชาการตำ�รวจภธู ร ภาค 1

พลตำ�รวจโท พรหมธร ภาคอัต ผู้บญั ชาการศกึ ษา

พลต�ำ รวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบู้ งั คับการกองวจิ ยั ส�ำ นักงานตำ�รวจแห่งชาติ

ศาสตราจารย์ พลต�ำ รวจตรี พงษ์สันต์ คงตรแี กว้ อาจารย์ (สบ 6) กลมุ่ งานอาจารย์

กองบญั ชาการศึกษา โรงเรียนนายร้อยตำ�รวจ

พลต�ำ รวจตรี สุรตั น์ อรุณฤกษ์ถวิล อาจารย์ (สบ 6) กลมุ่ งานอาจารย์

กองบญั ชาการศกึ ษา

พนั ต�ำ รวจเอก สุรศกั ดิ์ เลาหพบิ ูลยก์ ุล อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานอาจารย์

กองบัญชาการศกึ ษา

พนั ต�ำ รวจเอก วรี ะวทิ ย์ วัจนะพุกกะ รองผูบ้ งั คบั การตำ�รวจจราจร

กองบญั ชาการต�ำ รวจนครบาล

พนั ตำ�รวจเอกหญงิ สมพร เหล่าอ�ำ นวยชยั ผบู้ ังคบั การฝ่ายการเงิน 6 กองการเงนิ

นายแพทย์ ธนะพงศ์ จินวงษ ์ ผจู้ ดั การศนู ย์วชิ าการเพ่อื ความปลอดภัยทางถนน

รองศาสตราจารย์ ดร.ธวชั ชัย เหลา่ ศริ หิ งษท์ อง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี

รองศาสตราจารย์ ดร.สรวิศ นฤปิติ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั

รองศาสตราจารย์ ดร.กณั วีร์ กนิษฐ์พงศ์ ศูนย์วิจัยอบุ ัตเิ หตุแห่งประเทศไทย

สถาบันเทคโนโลยแี ห่งเอเชีย

ดร.เตอื นใจ ฟกู ุดะ สมาคมวิจัยวทิ ยาการขนสง่ แห่งเอเชยี (ATRANS)

นายนพดล สนั ติภากรณ ์ กรรมการผ้จู ดั การ

บรษิ ทั กลางคุ้มครองผูป้ ระสบภัยจากรถ จ�ำ กัด

การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 249

รายช่ือคณะวจิ ัย

พนั ต�ำ รวจเอกหญงิ จินดา กลบั กลาย อาจารย์ (สบ 5) กลุม่ งานอาจารย์

กองบญั ชาการศึกษา/หัวหนา้ คณะนักวิจัย

พันตำ�รวจเอก ษณกร มนั่ เมอื ง ผกู้ ำ�กบั การฝา่ ยกจิ การนักศกึ ษา

สถาบนั ฝึกอบรมระหวา่ งประเทศ

วา่ ดว้ ยการด�ำ เนนิ การให้เปน็ ไปตามกฎหมาย

กองบญั ชาการศกึ ษา

พนั ตำ�รวจโทหญงิ ดวงฤดี เอ้ยี วสนิ ทรัพย์ อาจารย์ (สบ 3) กลุ่มงานอาจารย์

กองบัญชาการศกึ ษา

พนั ต�ำ รวจโท ไวพจน์ กุลาชัย อาจารยป์ ระจำ�คณะรัฐศาสตรแ์ ละนิตศิ าสตร์

มหาวทิ ยาลัยบูรพา

พนั ตำ�รวจโท พเิ ชษฐ์ คำ�ภรี านนท์ สารวตั ร กลุ่มงานอนิ เทอร์เน็ต

สำ�นกั งานเทคโนโลยีและการสื่อสาร

พันตำ�รวจโท ภาณพุ งศ์ ภาณดุ ุลกิตต ิ สารวตั รงานวศิ วกรรมจราจร กองกับการ 4

กองบงั คบั การต�ำ รวจจราจร

พันต�ำ รวจโท อมรชัย ลลี าขจรจิตร ผชู้ ว่ ยนายเวร รองผ้บู ัญชาการตำ�รวจแห่งชาติ

พันต�ำ รวจโท สทิ ธิพงษ์ ศรเี ลอจันทร์ อาจารย์ (สบ 2) กลมุ่ งานอาจารย์

กองบัญชาการศกึ ษา

นายวฒั นดนัย ธนญั ชยั นักวิชาการอิสระ

สิบต�ำ รวจตรีหญิง ศศวิ มิ ล เสง้ นยุ้ ผู้บังคบั หมู่ กล่มุ งานอาจารย์

กองบญั ชาการศึกษา/เจ้าหนา้ ท่ี

250 การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”

View publication stats


Click to View FlipBook Version