2บทที่
การบริโภค
แอลกอฮอล์
การบรโิ ภคแอลกอฮอล์
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวปี ยโุ รป
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวีปยุโรปนั้นเกิดขึ้นมาช้านานต้ังแต่สมัย
กรีกและโรมัน อย่างไรก็ตาม การด่ืมเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของคนยุโรปจะมี
ความแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ แต่ละวัฒนธรรม ซึ่งในท่ีนี้จะอธิบาย
ถึงรูปแบบการด่ืมเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของคนในภูมิภาคนี้ โดยย่อ ดังนี้
(WHO, 2012, pp.10-13)
1. กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกและยุโรปกลางฝ่ังตะวันออก
ประกอบด้วย ประเทศ บลั แกเรีย สาธารณรฐั เชค็ เอสโทเนีย ฮังการี ลัตเวีย
ลิทวั เนยี โปแลนด์ โรมาเนยี สโลวาเกีย และสโลเวเนีย ซ่งึ เป็นกล่มุ ประเทศท่มี ี
สถานภาพทางเศรษฐกจิ ตาํ่ เมอ่ื เทยี บกบั ประเทศอนื่ ๆ ในยโุ รปดว้ ยกนั ตลอดจน
มผี ลติ ภณั ฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และอ�ำ นาจการซ้ือตา่ํ กวา่ ครึ่งหนึ่ง
ของค่าเฉล่ียในประเทศยุโรป อย่างไรก็ตาม การบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์
ของคนในภูมิภาคนี้ กลับสูงกว่าประเทศอ่ืน ๆ ในทวีปยุโรป และส่วนใหญ่
เป็นการดืม่ ตามประเพณีนยิ มและตามพธิ กี รรมต่าง ๆ ไมว่ า่ ประเทศน้ันจะเป็น
ประเทศที่นิยมด่ืมเบียร์อย่างเช่น สาธารณรัฐเช็ค และสโลวาเกีย หรือแม้แต่
ประเทศทนี่ ยิ มดม่ื ไวนอ์ ยา่ งเชน่ บลั แกเรยี ฮงั การี โรมาเนยี และสโลเวเนยี กต็ าม
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 35
2. กลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกและยุโรปกลางฝ่ังตะวันตก ได้แก่
ประเทศ ออสเตรีย เบลเยียม ฝร่ังเศส เยอรมัน ไอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก
เนเธอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งประเทศเหล่านี้
เป็นประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ยกเว้นประเทศสวิสเซอร์แลนด์
เพียงประเทศเดียว ประเทศในกลุ่มน้ีเป็นกลุ่มประเทศท่ีร่ํารวย มีผลิตภัณฑ์
มวลรวมภายในประเทศสงู กวา่ คา่ เฉลยี่ ของกลมุ่ ประเทศสหภาพยโุ รป มากกวา่
รอ้ ยละ10ของประเทศในกลมุ่ นี้คนในประเทศจะนยิ มดม่ื เบยี รม์ ากกวา่ เครอื่ งดมื่
แอลกอฮอล์ประเภทอื่น ยกเว้นประเทศฝรั่งเศสที่นิยมดื่มไวน์เป็นหลัก
ความถใี่ นการดม่ื จะใกลเ้ คยี งกบั กลมุ่ คนในแถบทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น ในขณะท่ี
การเมาในที่สาธารณะจะไม่ได้รับการยอมรับมากนักในประเทศอังกฤษและ
ไอร์แลนด์ แต่มีการยอมรับในเรื่องดังกล่าวมากขึ้นในประเทศเยอรมันและ
เนเธอรแ์ ลนด์ นอกจากนนั้ กลมุ่ คนในประเทศยโุ รปกลางฝงั่ ตะวนั ตกมกั บรโิ ภค
แอลกอฮอลร์ ะหวา่ งม้ืออาหาร และมีปัญหาทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การดมื่ สรุ ามากกวา่
คนในกลุม่ ประเทศยโุ รปตอนใต้
36 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
3. กลมุ่ ประเทศนอร์ดิค ประเทศในกลุ่มนไ้ี ดแ้ ก่ ประเทศ เดนมาร์ก
ฟนิ แลนด์ ไอซแ์ ลนด์ นอรเวย์ และสวเี ดน ซง่ึ เปน็ กลมุ่ ประเทศทมี่ ผี ลติ ภณั ฑม์ วลรวม
ในประเทศสูงท่ีสุดในกลุ่มประเทศยุโรป คนทางตอนเหนือและตะวันออก
เฉยี งเหนอื ของยโุ รปในภมู ภิ าคนสี้ ว่ นใหญน่ ยิ มดมื่ สรุ า (Spirit) ตามประเพณนี ยิ ม
ส่วนการดื่มเพื่อความบันเทิงเริงรมย์นั้นเพิ่งเร่ิมแพร่หลายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1500
เปน็ ตน้ มา ดังนั้น ลกั ษณะพเิ ศษของการดื่มจะมักไมค่ ่อยดื่มเป็นประจ�ำ จะด่มื
เฉพาะในวนั หยุดหรือเทศกาลส�ำ คัญต่าง ๆ และมักดื่มในปริมาณทมี่ าก ดังนนั้
การเมาในทส่ี าธารณะของคนในประเทศกลมุ่ นจี้ งึ ไดร้ บั การยอมรบั ไมถ่ อื วา่ เปน็
สง่ิ ทน่ี า่ รงั เกยี จเทา่ ใดนกั อยา่ งไรกต็ าม ปรมิ าณการดมื่ ของคนในแถบนใี้ นภาพรวม
จะมีปริมาณที่ตํ่ากว่าค่าเฉล่ียการด่ืมของคนในทวีปยุโรป ส่วนเดนมาร์กเป็น
ประเทศเดยี วทม่ี ลี กั ษณะและรปู แบบการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ กลเ้ คยี งกบั คนใน
กลมุ่ ประเทศยุโรปกลางฝง่ั ตะวนั ตก
4. กลุ่มประเทศยุโรปตอนใต้ ได้แก่ ประเทศ ไซปรัส กรีซ อิตาลี
มอลตา โปรตเุ กส และสเปน กลมุ่ ประเทศทางตอนใตข้ องยุโรปนยิ มผลิตและ
ดื่มไวน์เป็นหลัก และมักด่ืมเป็นประจำ�ทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการด่ืมไวน์
ระหว่างการรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่จะหลีกเล่ียงการด่ืมในปริมาณท่ี
มากจนเมามาย ดังน้ัน การเมาในที่สาธารณะจึงไม่ได้รับการยอมรับของคน
ในประเทศยุโรปตอนใต้ ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์โดยรวมค่อนข้างสูง
ยกเว้นในประเทศไซปรัสและมอลตา
การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 37
โดยภาพรวมแล้วคนในทวีปยุโรปมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉลี่ยประมาณ 12.4 ลิตรต่อปี หรอื 26.9 กรมั ตอ่ วนั ในขณะทคี่ า่ เฉลย่ี ของ
การบริโภคแอลกอฮอล์ทั่วโลกอยู่ที่ 6.1 ลิตรต่อปี แสดงให้เห็นว่าคนในแถบ
ยโุ รปมกี ารบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นปรมิ าณทสี่ งู กวา่ คา่ เฉลย่ี ทวั่ โลกถงึ กวา่ สองเทา่
ดงั รายละเอียดในตาราง 2
ตาราง 2
ปรมิ าณการบรโิ ภคแอลกอฮอล์ของคนในทวปี ยโุ รป
ภมู ิภาค ปริมาณการบรโิ ภคแอลกอฮอล์ (ลติ ร/ป)ี
ยุโรปตะวนั ออกและยุโรปกลางฝั่งตะวนั ออก 14.5
ยุโรปตะวนั ตกและยุโรปกลางฝ่งั ตะวนั ตก 12.4
กลุ่มประเทศนอร์ดคิ 10.4
ยโุ รปตอนใต้ 11.2
สหภาพยุโรป 12.4
ทม่ี า: ปรบั จากของ WHO (2012, p.12)
38 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
หากพิจารณาแยกรายประเทศ พบว่า คนประเทศนอร์เวย์มีอัตรา
การบริโภคแอลกอฮอล์ต่ําท่ีสุดคือ 7-9 ลิตรต่อคนต่อปี ในขณะท่ีประเทศ
สาธารณรัฐเช็ค และสโลเวเนียมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์สูงท่ีสุดคือ
15-19 ลิตรตอ่ คนตอ่ ปี ดังรายละเอยี ดในภาพ 1 และตาราง 3
ภาพ 1 แผนที่แสดงอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ของคนแต่ละประเทศ
ในทวปี ยโุ รป
ที่มา: ปรบั จากของ WHO (2012, p.13)
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 39
ตาราง 3
สรุปอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ของคนในทวีปยโุ รป
ปริมาณการบริโภค (ลิตร/ป)ี ประเทศ
7-9 นอรเวย์
9-12 เบลเยยี ม เนเธอร์แลนด์ สวสิ เซอรแ์ ลนด์ อิตาลี สวเี ดน
12-15 สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ โปรตเุ กส สเปน สโลเวเนีย
ฮังการี ฝรัง่ เศส เยอรมัน เดนมารก์ ฟินแลนด์ โปแลนด์
ออสเตรีย ลิทวั เนีย ลตั เวีย เอสโทเนีย
15-19 สาธารณรฐั เช็ค สโลเวเนีย
ท่ีมา: ปรับจากของ WHO (2012, p.13)
40 การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
แนวโนม้ การบรโิ ภคแอลกอฮอล์ของคนในทวปี ยโุ รป
โดยภาพรวมแลว้ การบรโิ ภคแอลกอฮอลข์ องคนในทวปี ยโุ รปตงั้ แตป่ ี
ค.ศ. 2000 เป็นตน้ มา มลี กั ษณะทคี่ ่อนขา้ งไมเ่ ปลยี่ นแปลงมากนัก แต่ภายหลัง
จากปี ค.ศ. 2008 อัตราการบริโภคเครื่องดม่ื แอลกอฮอลม์ แี นวโนม้ ลดลงอยา่ ง
ชัดเจน โดยเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมมากท่ีสุดได้แก่ เบียร์
รองลงมาคือ ไวน์ สุรา และเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ประเภทอื่น ๆ ตามลำ�ดับ
ดังภาพ 2
ภาพ 2 อตั ราการบรโิ ภคเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลข์ องคนในทวปี ยโุ รป ระหวา่ งปี
ค.ศ. 2000-2008
ที่มา: WHO (2012, p.14)
การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 41
แตเ่ มอื่ พจิ ารณาแยกพ้ืนท่ี พบวา่ กลุ่มยโุ รปตอนกลางฝัง่ ตะวนั ออก
และยโุ รปตะวนั ออก นิยมดืม่ เบียร์มากที่สุด รองลงมาคอื สุรา ในขณะทไี่ วน์ได้
รับความนิยมนอ้ ยกวา่ ดงั แสดงในภาพ 3
ภาพ 3 อัตราการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของคนในทวีปยุโรปกลาง
ฝงั่ ตะวันออกและยโุ รปตะวนั ออก ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
ทม่ี า: WHO (2012, p.15)
42 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
ส�ำ หรบั กลมุ่ ประเทศนอรด์ คิ มอี ตั ราการบรโิ ภคเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ตํ่าท่ีสุดเม่ือเทียบกับภูมิภาคอ่ืน โดยเบียร์ได้รับความนิยมสูงท่ีสุด รองลงมา
คอื ไวน์ สรุ า และเคร่อื งด่มื แอลกอฮอลป์ ระเภทอืน่ ๆ ตามลำ�ดบั ดังแสดงใน
ภาพ 4
ภาพ 4 อัตราการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของคนในทวีปยุโรป
กลมุ่ ประเทศนอร์ดคิ ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2008
ท่ีมา: WHO (2012, p.15)
การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 43
ในขณะที่คนในยุโรปตอนกลางฝ่ังตะวันตกและยุโรปตะวันตก
มีความนิยมในการดื่มเบียร์และไวน์ในระดับท่ีใกล้เคียงกัน โดยเบียร์ยังได้รับ
ความนิยมมากทสี่ ุด รองลงมาคอื ไวน์ สุรา และเครอ่ื งดื่มแอลกอฮอลป์ ระเภท
อ่ืน ๆ ตามล�ำ ดบั ดังแสดงในภาพ 5
ภาพ 5 อัตราการบริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ของคนในกลุ่มประเทศยุโรป
ตะวนั ตกและยโุ รปกลางฝงั่ ตะวันตก ระหว่างปี ค.ศ. 2000-2008
ทม่ี า: WHO (2012, p.15)
44 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
ส่วนอัตราการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของคนในทวีปยุโรป
ตอนใต้น้ัน ไวน์ เป็นเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
รองลงมาคือ เบยี ร์ สรุ า และเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล์ประเภทอน่ื ๆ ตามล�ำ ดับ
ดงั แสดงในภาพ 6
ภาพ 6 อัตราการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของคนในกลุ่มประเทศยุโรป
ตอนใต้ ระหวา่ งปี ค.ศ. 2000-2008
ท่ีมา: WHO (2012, p.15)
การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 45
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวีปอเมรกิ าเหนอื
ทวปี อเมรกิ าเหนอื ประกอบดว้ ย สหรฐั อเมรกิ า แคนาดา เมก็ ซโิ กและ
กรีนแลนด์ ทวีปอเมริกาเหนอื ครอบคลุมพน้ื ทกี่ วา่ 24.7 แสนตารางกิโลเมตร
มีประชากรกวา่ 565 ล้านคน คิดเปน็ รอ้ ยละ 7.5 ของประชากรโลกทั้งหมด
การบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นทวปี อเมรกิ าเหนอื จะแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะประเทศ
ซึ่งในท่ีน้ีจะกล่าวถึงการบริโภคแอลกอฮอล์ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา
และเม็กซิโกเป็นหลัก ดงั น้ี
46 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
1. การบริโภคแอลกอฮอล์ในประเทศสหรฐั อเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกามีประชากรประมาณ 312 ล้านคน
โดยมปี ระชากรทมี่ อี ายุ 15 ปขี น้ึ ไปคดิ เปน็ รอ้ ยละ 80 ของประชากรทง้ั ประเทศ
จากการรายงานของ The National Institute on Alcohol Abuse and
Alcoholism (NIH) ของสหรฐั อเมริกา ระบถุ งึ ผลการส�ำ รวจในปี ค.ศ. 2012
พบวา่ รอ้ ยละ 87.6 ของประชาชนชาวสหรฐั อเมรกิ าทมี่ อี ายุ 18 ปขี น้ึ ไปเคยดมื่
แอลกอฮอล์ ในขณะที่ร้อยละ 71 รายงานว่าเคยดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง
1 ปที ผี่ า่ นมา และรอ้ ยละ 56.3 รายงานวา่ ดมื่ แอลกอฮอลใ์ นชว่ ง 1 เดอื นทผี่ า่ นมา
ในขณะทรี่ อ้ ยละ 7.1 เปน็ กลมุ่ คนทดี่ ม่ื สรุ าหนกั (NIH, 2014) องคก์ ารอนามยั โลก
(World Health Organization-WHO) ซึ่งทำ�การสำ�รวจและจัดทำ�รายงาน
ชอ่ื ว่า “Global status report on alcohol and health” ระบุว่าในช่วง
ระหว่างปี ค.ศ. 2003-2005 ประชาชนของสหรัฐอเมริกาบริโภคเครื่องด่ืม
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี ประมาณ 9.5 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี และลดลงเพยี งเลก็ นอ้ ยเปน็
9.2 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปใี นชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดย
เฉลีย่ สงู กวา่ ผหู้ ญิงคือประมาณ 13.6 ลติ รต่อคนตอ่ ปี ส่วนผู้หญิงมีการบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี เพยี ง4.9ลติ รตอ่ คนตอ่ ปีจากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก
ยังให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับชนิดของเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ซึ่งคนอเมริกันชอบ
ด่ืมประกอบด้วย เบียร์ สุรา และไวน์ในอัตราส่วนร้อยละ 50, 33 และ 17
ตามล�ำ ดับ (WHO, 2014)
การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 47
2. การบรโิ ภคแอลกอฮอล์ในประเทศแคนาดา
แคนาดาเป็นประเทศท่ีมีประชากรน้อยกว่าสหรัฐอเมริกา คือ
มีเพียง 34.13 ลา้ นคน โดยมปี ระชากรท่มี อี ายุ 15 ปขี ้ึนไปคดิ เปน็ รอ้ ยละ 84
ของประชากรทงั้ ประเทศ องคก์ ารอนามยั โลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศ
แคนาดามอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลส์ งู กวา่ ประชากรของสหรฐั อเมรกิ า โดย
ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 มคี ่าเฉลีย่ อยูท่ ป่ี ระมาณ 9.8 ลิตรตอ่ คนต่อปี และ
เพิม่ เปน็ 10.2 ลติ รต่อคนต่อปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 15.1 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ
มีการบรโิ ภคแอลกอฮอล์โดยเฉลยี่ เพียง 5.5 ลติ รต่อคนต่อปี จากรายงานของ
องคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ซึ่งคนแคนาดาชอบด่ืมประกอบด้วย เบียร์ สุรา และไวน์ในอัตราส่วนร้อยละ
51, 27 และ 22 ตามลำ�ดับ (WHO, 2014) อย่างไรก็ตาม จากการศึกษา
ของ Thomas (2012, p.5) ระบุว่าในปี ค.ศ. 2010 ชาวแคนาดาจำ�นวนมาก
เคยด่ืมเครื่องดม่ื แอลกอฮอล์ ซ่ึงจากการสำ�รวจประชากรที่มีอายุ 15 ปขี ้ึนไป
พบวา่ ผู้ชายรอ้ ยละ 91 และผ้หู ญิงร้อยละ 87 เคยดืม่ เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนัน้ ในรายงานดังกล่าว ยงั ระบวุ า่ ผชู้ ายและผ้หู ญิงร้อยละ 80 และ 74
ด่ืมสรุ าในชว่ ง 1 ปีทผ่ี า่ นมา และร้อยละ 69 และ 58 ของผชู้ ายและผูห้ ญงิ ดมื่
เครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล์ในช่วง 1 เดือนที่ผา่ นมา จากข้อมูลการรายงานของทัง้ 2
หน่วยงานอาจมีความแตกต่างกันบ้างเพียงเล็กน้อย แต่ผลการสำ�รวจแสดง
ใหเ้ หน็ วา่ คนแคนาดามแี นวโนม้ ในการบรโิ ภคเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลเ์ พม่ิ มากขน้ึ
48 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
3. การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศเม็กซโิ ก
เม็กซิโก เป็นประเทศที่มีชายแดนติดต่อกับสหรัฐอเมริกา
มีประชากรถึง 118 ลา้ นคน โดยมปี ระชากรท่มี ีอายุ 15 ปีข้ึนไปคดิ เปน็ รอ้ ยละ
70 ของประชากรทงั้ ประเทศ ซ่งึ ประชากรประมาณ 9.17 ลา้ นคนเป็นชนเผ่า
อินเดียนแดงท่ีมีภาษาพูดแตกต่างกันถึง 81 ภาษา (WHO, 2000, p.14)
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศเม็กซิโกมีอัตราการ
บรโิ ภคแอลกอฮอลต์ า่ํ กวา่ ประชากรของสหรฐั อเมรกิ าและแคนาดา โดยในชว่ งปี
ค.ศ. 2003-2005 มคี า่ เฉล่ียอยทู่ ป่ี ระมาณ 8.5 ลิตรตอ่ คนตอ่ ปี และลดลงเป็น
7.2 ลิตรต่อคนตอ่ ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉล่ียสูงกว่าผู้หญิงคือประมาณ 12.4 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการ
บรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี เพยี ง 2.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานขององคก์ าร
อนามัยโลก ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซึ่งคน
เม็กซโิ กชอบดม่ื ประกอบด้วย เบยี ร์ สรุ า ไวน์ และเครอื่ งด่ืมอ่ืน ๆ ในอตั ราส่วน
ร้อยละ 76, 22, 1 และ 1 ตามลำ�ดบั (WHO, 2014)
การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 49
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนในประเทศ
กลุ่มทวีปอเมริกาเหนือ มีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ลดลงเพียงเล็กน้อย
ยกเวน้ แคนาดา ทปี่ ระชาชนมอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลเ์ พมิ่ ขน้ึ จาก 9.8 ลติ ร
ตอ่ คนต่อปี เป็น 10.2 ลติ รต่อคนต่อปี ดงั รายละเอียดในตาราง 4
ตาราง 4
เปรยี บเทียบอตั ราการบริโภคแอลกอฮอล์ในทวปี อเมรกิ าเหนือ
อัตราการบริโภคชว่ ง อตั ราการบริโภคช่วง
ประเทศ ปี ค.ศ. 2003-2005 ปี ค.ศ. 2008-2010 เพิม่ /ลด
(ลิตร/คน/ป)ี
เม็กซิโก 8.5 (ลิตร/คน/ปี)
สหรฐั อเมรกิ า 9.5 7.2
แคนาดา 9.8 9.2
10.2
ที่มา: WHO (2014)
50 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวีปออสเตรเลยี /โอเชียนเนยี
ทวีปออสเตรเลีย/โอเชียนเนีย ประกอบด้วย 10 ประเทศได้แก่
เครอื รฐั ออสเตรเลยี นวิ ซแี ลนด์ หมเู่ กาะคกุ สาธารณรฐั หมเู่ กาะฟจิ ิ สาธารณรฐั
คิรบิ าส สาธารณรฐั หมเู่ กาะมาแชลล์ สหพันธรัฐไมโครนเี ซีย สาธารณรัฐนาอรู ู
สาธารณรัฐปาเลา และปาปัวนิวกินี ซึ่งในส่วนน้ีจะกล่าวถึงเฉพาะการบริโภค
แอลกอฮอลใ์ นประเทศออสเตรเลียและนวิ ซแี ลนด์เป็นหลัก ดงั นี้
การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 51
1. การบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศออสเตรเลยี
ประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศท่ีต้ังอยู่ในซีกโลกใต้ระหว่าง
มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ประมาณ 7.7 ล้านตาราง
กิโลเมตร ถือว่าเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก รองจาก
ประเทศรัสเซีย แคนาดา จีน สหรัฐอเมรกิ า และบราซลิ มปี ระชากรประมาณ
23.3 ลา้ นคน ประกอบดว้ ยชนเชอื้ สายยโุ รปรอ้ ยละ 92 ชาวเอเชยี รอ้ ยละ 7 และ
ชาวพน้ื เมอื งอะบอรจิ นิ ส์ รอ้ ยละ 1 (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากร
ทม่ี อี ายุ 15 ปีข้นึ ไป มีสดั ส่วนรอ้ ยละ 81 ของประชากรทั้งประเทศ (WHO, 2012)
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศออสเตรเลียมีอัตราการ
บริโภคแอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลยี่ อยทู่ ีป่ ระมาณ 10.1 ลิตร
ต่อคนต่อปี และเพม่ิ เป็น 12.2 ลติ รตอ่ คนต่อปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดย
ผชู้ ายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผูห้ ญิงคอื ประมาณ 17.3 ลิตรตอ่ คน
ต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ีย 7.2 ลิตรต่อคนต่อปี
จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดมื่
แอลกอฮอลซ์ งึ่ คนออสเตรเลยี นยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย เบยี ร์ สรุ า ไวน์ และเครอื่ งดม่ื
อืน่ ๆ ในอตั ราส่วนร้อยละ 44, 37, 12 และ 7 ตามลำ�ดบั (WHO, 2014)
52 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
2. การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศนิวซแี ลนด์
นิวซีแลนด์ เป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในภาคพ้ืนแปซิฟิกตอนใต้
ห่างจากประเทศไทยประมาณ 11,000 กิโลเมตร มีพ้ืนท่ี 271,534 ตาราง
กิโลเมตร ประชากรทงั้ หมด 4.5 ลา้ นคน ประกอบดว้ ยชนผิวขาวรอ้ ยละ 69.8
ชนพนื้ เมอื งเมารรี ้อยละ 7.9 ชาวเอเชยี รอ้ ยละ 5.7 ชาวเกาะแปซฟิ กิ ใต้ ร้อยละ
4.4 และชนชาตอิ นื่ ๆ รอ้ ยละ 12 (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากร
ทม่ี อี ายุ 15 ปขี นึ้ ไป มสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 80 ของประชากรทง้ั ประเทศ (WHO, 2012)
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศนิวซีแลนด์มีอัตราการ
บริโภคแอลกอฮอลใ์ นช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉล่ยี อยู่ทป่ี ระมาณ 9.4 ลติ ร
ต่อคนต่อปี และเพ่ิมเป็น 10.9 ลิตรต่อคนต่อปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010
โดยผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยสูงกว่าผู้หญิงคือประมาณ 15.7 ลิตร
ต่อคนต่อปี ส่วนผูห้ ญงิ มกี ารบริโภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉล่ีย 6.3 ลติ รตอ่ คนต่อปี
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ยังให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเก่ียวกับชนิดของ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซ่ึงคนนิวซีแลนด์นิยมดื่มประกอบด้วย เบียร์ สุรา ไวน์
และเครื่องดื่มอื่น ๆ ในอัตราส่วนร้อยละ 38, 34, 15 และ 12 ตามลำ�ดับ
(WHO, 2014)
การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 53
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ประชาชนในทวีป
ออสเตรเลีย/โอเชียนเนีย โดยเฉพาะประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
มีแนวโน้มในการบริโภคแอลกอฮอล์สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังรายละเอียด
ในตาราง 5
ตาราง 5
เปรียบเทียบอตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นทวีปออสเตรเลีย/โอเชียนเนยี
อัตราการบรโิ ภคชว่ ง อตั ราการบรโิ ภคชว่ ง
ประเทศ ปี ค.ศ. 2003-2005 ปี ค.ศ. 2008-2010 เพิ่ม/ลด
(ลติ ร/คน/ป)ี
นิวซีแลนด ์ 9.4 (ลติ ร/คน/ปี)
ออสเตรเลีย 10.1 10.9
12.2
ที่มา: WHO (2014)
54 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
การบริโภคแอลกอฮอล์ในทวปี เอเชีย
ทวเี อเชียประกอบด้วยประเทศตา่ ง ๆ จำ�นวนมาก โดยเอเชียกลาง
มปี ระเทศซงึ่ เกดิ จากการแยกตวั ของสหภาพโซเวยี ตเปน็ หลกั ไดแ้ ก่ คาซคั สถาน
เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คีร์กิสถาน และทาจิกิสถาน สำ�หรับเอเชีย
ตะวนั ออกประกอบด้วย เกาหลีใต้ ญป่ี ุน่ จนี ไต้หวัน เกาหลีเหนือ มองโกเลีย
ฮอ่ งกง (เขตบรหิ ารพเิ ศษของจีน) และมาเก๊า (เขตบรหิ ารพิเศษของจีน) ส่วน
เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ประกอบดว้ ย ไทย อินโดนเี ซยี เมียนมาร์ ลาว กมั พูชา
มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และติมอร์เลสเต เอเชียใต้
ประกอบด้วย อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ เนปาล ภูฏาน
ศรีลังกาและมัลดีฟส์ ส่วนเอเชียตะวันตกหรือตะวันออกกลาง ประกอบด้วย
ซาอุดิอาระเบีย อิรัก อิหร่าน เยเมน โอมาน ซีเรีย จอร์แดน สหรัฐอาหรับ
เอมเิ รตส์ คเู วต กาตาร์ เลบานอน และบาห์เรน แต่เนือ่ งจากประเทศในกล่มุ
ตะวนั ออกกลางสว่ นใหญป่ ระชาชนนบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม และมขี อ้ หา้ มเรอ่ื งการ
บรโิ ภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ ดงั นน้ั ประชาชนของประเทศในตะวันออกกลาง
จึงมีอัตราการบริโภคเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ตํ่ามากหรือไม่มีเลย ในส่วนน้ีจึง
นำ�เสนอข้อมูลตัวอย่างการบริโภคแอลกอฮอล์ของประชาชนในทวีปเอเชีย
เฉพาะประเทศจนี ญ่ีป่นุ เกาหลีใต้ อินเดีย และคาซัคสถาน ซงึ่ มีรายละเอียด
ดงั นี้
การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 55
1. การบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศจีน
จีนเป็นประเทศท่ีต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออก มีพื้นท่ี 9,640,821
ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 19 เท่า มีประชากร
ประมาณ 1,350 ล้านคน (กระทรวงการต่างประเทศ, 2557) ประชากร
ทมี่ อี ายุ 15 ปขี น้ึ ไป มสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 82 ของประชากรทง้ั ประเทศ (WHO, 2012)
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศจีนมีอัตราการบริโภค
แอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลยี่ อยทู่ ปี่ ระมาณ 4.9 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี
และเพ่ิมเป็น 6.7 ลิตรต่อคนต่อปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชาย
บริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยสูงกว่าผู้หญิงคือประมาณ 10.9 ลิตรต่อคนต่อปี
สว่ นผู้หญงิ มีการบรโิ ภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ีย 2.2 ลิตรต่อคนตอ่ ปี จากรายงาน
ขององค์การอนามัยโลก ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของเคร่ืองดื่ม
แอลกอฮอลซ์ ึ่งคนจีนนิยมดื่มประกอบด้วย สุรา เบยี ร์ และไวน์ ในอัตราสว่ น
ร้อยละ 69, 28 และ 3 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014)
56 การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
2. การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศญป่ี นุ่
ญ่ีปุ่นเป็นประเทศท่ีตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก มีพื้นที่ 377,930
ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ 127 ลา้ นคน (กระทรวงการตา่ งประเทศ,
2557) ประชากรท่ีมีอายุ 15 ปขี ้ึนไป มสี ดั ส่วนร้อยละ 87 ของประชากรทงั้
ประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามัยโลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศ
ญ่ีปุ่นมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลี่ยอยู่ท่ี
ประมาณ 8.0 ลิตรต่อคนต่อปี และลดลงเป็น 7.2 ลิตรต่อคนต่อปี ในช่วงปี
ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ียสูงกว่าผู้หญิงคือ
ประมาณ 8.0 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ีย
7.2 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานขององคก์ ารอนามัยโลก ยงั ใหข้ อ้ มูลเพิ่มเติม
เกี่ยวกับชนิดของเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซ่ึงคนญี่ปุ่นนิยมดื่มประกอบด้วย
สุรา เบยี ร์ ไวน์ และอื่น ๆ ในอัตราสว่ นร้อยละ 52, 19, 4 และ 25 ตามลำ�ดบั
(WHO, 2014) โดยเคร่อื งด่ืมประเภทอน่ื ๆ ทคี่ นญปี่ ุ่นนยิ มดืม่ คือ สาเก นัน่ เอง
การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ” 57
3. การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศเกาหลใี ต้
เกาหลใี ตเ้ ปน็ ประเทศทต่ี ง้ั อยใู่ นเอเชยี ตะวนั ออก มพี นื้ ที่ 99,392
ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 50 ลา้ นคน (กระทรวงการต่างประเทศ,
2557) ประชากรท่ีมีอายุ 15 ปีขนึ้ ไป มีสัดส่วนรอ้ ยละ 84 ของประชากรท้ัง
ประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามยั โลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศ
เกาหลีใต้มีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลี่ยอยู่
ท่ีประมาณ 12.3 ลิตรต่อคนต่อปี และในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 มีอัตรา
การบรโิ ภคคงเดมิ คอื 12.3 ลิตรต่อคนต่อปี โดยผู้ชายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดย
เฉลย่ี สูงกวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 21.0 ลิตรตอ่ คนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี เพยี ง 3.9 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก
ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลซ์ งึ่ คนเกาหลใี ตน้ ยิ ม
ดม่ื ประกอบด้วย เบียร์ สรุ า ไวน์ และอื่น ๆ ในอตั ราสว่ นร้อยละ 25, 3, 2 และ
70 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014) โดยเคร่ืองดม่ื ประเภทอ่นื ๆ ท่คี นเกาหลีใต้นยิ ม
ดืม่ คือ โซจู นั่นเอง
58 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
4. การบริโภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศอนิ เดยี
อนิ เดยี เปน็ ประเทศทต่ี งั้ อยใู่ นเอเชยี ใต้ มพี น้ื ที่ 3,287,590 ตาราง
กิโลเมตร เปน็ ประเทศที่ใหญเ่ ป็นอันดับ 7 ของโลก มปี ระชากรประมาณ 1.21
พันล้านคน (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรที่มีอายุ 15 ปีข้นึ ไป
มสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 70 ของประชากรทงั้ ประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามยั โลก
รายงานวา่ ประชากรของประเทศอนิ เดยี มอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี
ค.ศ. 2003-2005 เฉลยี่ อยทู่ ป่ี ระมาณ 3.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี และเพม่ิ เปน็ 4.3 ลติ ร
ตอ่ คนตอ่ ปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู
กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 8.0 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ มกี ารบรโิ ภคแอลกอฮอล์
โดยเฉล่ียเพียง 0.5 ลิตรต่อคนต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซึ่งคนอินเดีย
นิยมดื่มประกอบดว้ ย สุรา เบยี ร์ และไวน์ ในอัตราสว่ นร้อยละ 93, 7 และ 1
ตามลำ�ดับ (WHO, 2014)
การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 59
5. การบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นประเทศคาซัคสถาน
คาซคั สถานเปน็ ประเทศทตี่ งั้ อยใู่ นเอเชยี กลาง มพี นื้ ที่ 2,717,300
ตารางกโิ ลเมตร เปน็ ประเทศทใ่ี หญเ่ ปน็ อนั ดบั 9 ของโลก มปี ระชากรประมาณ
17.7 ลา้ นคน (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปขี นึ้ ไป
มีสดั สว่ นร้อยละ 75 ของประชากรทั้งประเทศ (WHO, 2012) องค์การอนามัย
โลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศคาซคั สถานมอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอล์
ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลี่ยอยู่ท่ีประมาณ 11.3 ลิตรต่อคนต่อปี และ
ลดลงเป็น 10.3 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 15.7 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ
มีการบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลี่ยเพยี ง 5.5 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานของ
องคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ซ่งึ คนคาซคั สถานนยิ มดื่มประกอบดว้ ย สุรา เบียร์ ไวนแ์ ละอนื่ ๆ ในอตั ราสว่ น
ร้อยละ 65, 32, 3 และ 1 ตามล�ำ ดับ (WHO, 2014)
60 การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
จากข้อมูลท่ีกล่าวมาตอนต้น แสดงให้เห็นว่าประชาชนของ
ประเทศในทวีปเอเชียมีแนวโน้มการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ในลักษณะ
ที่แตกตา่ งกันออกไป โดยประชาชนของประเทศจีนและอินเดยี มแี นวโน้มการ
บริโภคแอลกอฮอล์สูงข้ึน ส่วนประชาชนของประเทศญ่ีปุ่นและคาซัคสถานมี
แนวโนม้ การบรโิ ภคแอลกอฮอลล์ ดลง ในขณะทปี่ ระชาชนของเกาหลใี ตม้ อี ตั รา
การบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับที่ไม่เปล่ียนแปลง อยา่ งไรกต็ าม เกาหลีใต้เป็น
ประเทศทปี่ ระชาชนมอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลค์ อ่ นขา้ งสงู เมอ่ื เปรยี บเทยี บ
กับประเทศอนื่ ๆ ดังแสดงรายละเอยี ดในตาราง 6
ตาราง 6
เปรยี บเทยี บอัตราการบริโภคแอลกอฮอลใ์ นทวปี เอเชยี
อัตราการบรโิ ภคช่วง อตั ราการบรโิ ภคชว่ ง เพิ่ม/ลด
ประเทศ ปี ค.ศ. 2003-2005 ปี ค.ศ. 2008-2010 -
(ลติ ร/คน/ปี)
จีน 4.9 (ลติ ร/คน/ปี)
ญป่ี นุ่ 8.0 6.7
เกาหลีใต ้ 12.3 7.2
อินเดีย 3.6 12.3
คาซัคสถาน 11.3 4.3
10.3
ท่ีมา: WHO (2014)
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 61
การบริโภคแอลกอฮอล์ในภมู ภิ าคอาเซยี น
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนประกอบด้วย
11 ประเทศไดแ้ ก่ บรไู น กมั พชู า อนิ โดนเี ซยี ลาว มาเลเซยี เมยี นมาร์ ฟลิ ปิ ปนิ ส์
สิงคโปร์ ไทย ติมอรเ์ ลสเต และเวยี ดนาม ซ่งึ รายละเอยี ดการบริโภคแอลกอฮอล์
ของประชาชนในประเทศต่าง ๆ ของภูมิภาคนีม้ รี ายละเอียด ดงั น้ี
62 การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
1. บรูไน
บรูไนเป็นประเทศท่ีต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพ้ืนท่ี
5,765 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 4.14 แสนคน โดยประชากร
รอ้ ยละ 67 นบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากร
ท่ีมอี ายุ 15 ปีข้นึ ไป มสี ัดสว่ นร้อยละ 73 ของประชากรทั้งประเทศ (WHO, 2012)
องค์การอนามยั โลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศบรูไนมีอตั ราการบรโิ ภค
แอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลยี่ อยทู่ ปี่ ระมาณ 0.3 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี
และลดลงเปน็ 0.9 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 1.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ
มกี ารบรโิ ภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ยี เพยี ง 0.1 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานของ
องคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ชนดิ ของเครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอล์
ซงึ่ คนบรูไนนยิ มดื่มประกอบด้วย เบียร์ สรุ าไวน์และอืน่ ๆ ในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ
90, 7, 2 และ 1 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014)
การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ” 63
2. กมั พชู า
กัมพูชาเป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่
181,035 ตารางกิโลเมตร หรือมขี นาด 1 ใน 3 ของประเทศไทย มปี ระชากร
ประมาณ 14.14 ล้านคน (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรท่ีมีอายุ
15 ปีข้ึนไป มีสัดส่วนร้อยละ 68 ของประชากรท้ังประเทศ (WHO, 2012)
องคก์ ารอนามยั โลกรายงานวา่ ประชากรของประเทศกมั พชู ามอี ตั ราการบรโิ ภค
แอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลย่ี อยทู่ ป่ี ระมาณ 4.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี
และลดลงเปน็ 5.5 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 9.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ
มีการบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ียเพียง 1.7 ลิตรต่อคนตอ่ ปี จากรายงานของ
องคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอล์
ซงึ่ คนกมั พชู านยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย เบยี ร์ สรุ า และไวน์ ในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ 53,
46 และ 1 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014)
64 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ”
3. อนิ โดนีเซยี
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มพี น้ื ทที่ ง้ั ทางบกและทางนา้ํ 5,070,606 ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ
241 ลา้ นคน รอ้ ยละ 82.5 ของชาวอินโดนีเซียนบั ถอื ศาสนาอสิ ลาม (กระทรวง
การตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปขี น้ึ ไป มสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 70 ของ
ประชากรทงั้ ประเทศ(WHO,2012)องคก์ ารอนามยั โลกรายงานวา่ ประชากรของ
ประเทศอนิ โดนเี ซยี มอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นชว่ งปีค.ศ.2003-2005เฉลย่ี
อยทู่ ป่ี ระมาณ 0.6 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี และมอี ตั ราการบรโิ ภคคงเดมิ คอื 0.6 ลติ รตอ่
คนตอ่ ปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลยี่ สงู กวา่
ผู้หญิงคือประมาณ 1.1 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉลี่ยเพียง 0.1 ลิตรต่อคนต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับชนิดของเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซ่ึงคนอินโดนีเซีย
นยิ มดม่ื ประกอบด้วย เบยี ร์ สรุ า และไวน์ ในอตั ราส่วนรอ้ ยละ 85, 15 และ 1
ตามลำ�ดับ (WHO, 2014)
การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 65
4. ลาว
ลาวเป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพ้ืนท่ี
236,800 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 6.7 ลา้ นคน (กระทรวงการ
ตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปขี นึ้ ไปมีสัดส่วนร้อยละ 63 ของ
ประชากรท้ังประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามัยโลกรายงานว่า ประชากร
ของประเทศลาวมอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลย่ี
อยทู่ ปี่ ระมาณ 6.7 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี และเพม่ิ ขนึ้ เปน็ 7.3 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี ในชว่ งปี
ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยสูงกว่าผู้หญิงคือ
ประมาณ 12.5 ลิตรตอ่ คนต่อปี ส่วนผหู้ ญงิ มกี ารบริโภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉล่ีย
เพยี ง 2.3 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพม่ิ
เตมิ เกย่ี วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดมื่ แอลกอฮอลซ์ งึ่ คนลาวนยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย สรุ า
เบียร์ และไวน์ ในอตั ราส่วนร้อยละ 64, 36 และ 1 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014)
66 การบังคบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
5. มาเลเซีย
มาเลเซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพ้ืนที่
329,758 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 29.5 ลา้ นคน ร้อยละ 60.0
ของชาวมาเลเซียนับถือศาสนาอิสลาม (กระทรวงการต่างประเทศ, 2557)
ประชากรที่มีอายุ 15 ปขี ้นึ ไป มสี ัดสว่ นร้อยละ 72 ของประชากรท้งั ประเทศ
(WHO, 2012) องคก์ ารอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศมาเลเซีย
มอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอล์ในชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลี่ยอยทู่ ่ปี ระมาณ
0.8 ลิตรต่อคนต่อปี และมีอัตราการบริโภคเพ่ิมข้ึนเป็น 1.3 ลิตรต่อคนต่อปี
ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยสูงกว่า
ผู้หญิงคือประมาณ 2.5 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉลี่ยเพียง 0.2 ลิตรต่อคนต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
ยังให้ข้อมูลเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเคร่อื งด่มื แอลกอฮอลซ์ ่ึงคนมาเลเซยี นยิ ม
ดม่ื ประกอบดว้ ย เบยี ร์ สรุ า และไวน์ ในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ 76, 22 และ 2 ตามล�ำ ดบั
(WHO, 2014)
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 67
6. เมียนมาร์
เมียนมารเ์ ปน็ ประเทศท่ตี ้ังอย่ใู นเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ มพี ื้นที่
657,740 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 58.38 ล้านคน ประชาชน
ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ (กระทรวงการต่างประเทศ, 2557) ประชากรที่
มอี ายุ 15 ปขี นึ้ ไป มสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 74 ของประชากรทง้ั ประเทศ (WHO, 2012)
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศเมียนมาร์มีอัตราการ
บรโิ ภคแอลกอฮอล์ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลี่ยอยูท่ ปี่ ระมาณ 0.6 ลิตรต่อ
คนตอ่ ปี และเพมิ่ ขึ้นเป็น 0.7 ลิตรตอ่ คนตอ่ ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดย
ผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ียสูงกว่าผู้หญิงคือประมาณ 1.4 ลิตรต่อคน
ตอ่ ปี ส่วนผู้หญงิ มีการบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ยี เพยี ง 0.0 ลิตรต่อคนต่อปี
จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ยังให้ข้อมูลเพ่ิมเติมเกี่ยวกับชนิดของ
เครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ซงึ่ คนเมียนมารน์ ิยมดืม่ ประกอบดว้ ย เบียร์ สุรา และไวน์
ในอตั ราสว่ นร้อยละ 82, 12 และ 6 ตามลำ�ดบั (WHO, 2014)
68 การบงั คับใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
7. ฟิลปิ ปินส์
ฟิลปิ ปินส์เป็นประเทศที่ตง้ั อย่ใู นเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีพ้ืนท่ี
300,300 ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ 98 ลา้ นคน ประชาชนสว่ นใหญ่
นบั ถอื ศาสนาครสิ ต์ (กระทรวงการตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปี
ขน้ึ ไป มีสดั สว่ นร้อยละ 65 ของประชากรทง้ั ประเทศ (WHO, 2012) องคก์ าร
อนามัยโลกรายงานว่า ประชากรของประเทศฟิลิปปินส์มีอัตราการบริโภค
แอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005 เฉลยี่ อยทู่ ปี่ ระมาณ 6.4 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี
และลดลงเปน็ 5.4 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภค
แอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 9.2 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี สว่ นผหู้ ญงิ
มกี ารบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี เพียง 1.7 ลติ รตอ่ คนต่อปี จากรายงานของ
องคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู เพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์
ซงึ่ คนฟิลปิ ปินส์นยิ มดื่มประกอบด้วย สรุ า เบียร์ และไวน์ ในอัตราส่วนร้อยละ
73, 27 และ 1 ตามลำ�ดับ (WHO, 2014)
การบงั คบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 69
8. สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพ้ืนที่
699.4 ตารางกโิ ลเมตร มปี ระชากรประมาณ 5.31 ลา้ นคน ประชาชนสว่ นใหญ่
นับถอื ศาสนาพทุ ธประมาณรอ้ ยละ 42.5 (กระทรวงการต่างประเทศ, 2557)
ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปขี ึ้นไป มีสัดส่วนรอ้ ยละ 83 ของประชากรทง้ั ประเทศ
(WHO, 2012) องคก์ ารอนามยั โลกรายงานว่า ประชากรของประเทศสิงคโปร์
มอี ัตราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นช่วงปี ค.ศ. 2003-2005 เฉล่ียอยู่ทป่ี ระมาณ
1.0 ลิตรต่อคนตอ่ ปี และลดลงเป็น 2.0 ลิตรต่อคนตอ่ ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-
2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ คอื ประมาณ 2.8 ลติ ร
ตอ่ คนต่อปี สว่ นผหู้ ญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉลย่ี เพยี ง 1.2 ลิตรต่อคน
ต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับชนิด
ของเครื่องดม่ื แอลกอฮอลซ์ ง่ึ คนสิงคโปร์นยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย เบียร์ สุรา ไวน์
และอืน่ ๆ ในอัตราส่วนร้อยละ 70, 15, 13 และ 2 ตามลำ�ดับ (WHO, 2014)
70 การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ”
9. ไทย
ไทยเป็นประเทศท่ีต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นท่ี
513,120 ตารางกิโลเมตร มปี ระชากรประมาณ 64.5 ลา้ นคน ประชาชนสว่ น
ใหญ่นับถือศาสนาพุทธประมาณร้อยละ 93.8 (กรมการปกครอง กระทรวง
มหาดไทย, 2555) ประชากรท่ีมีอายุ 15 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนร้อยละ 81 ของ
ประชากรทง้ั ประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามัยโลกรายงานว่า ประชากร
ของประเทศไทยมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2005
เฉลี่ยอยู่ทีป่ ระมาณ 6.8 ลติ รต่อคนต่อปี และเพ่ิมข้นึ เป็น 7.1 ลติ รตอ่ คนต่อปี
ในชว่ งปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผชู้ ายบรโิ ภคแอลกอฮอลโ์ ดยเฉลย่ี สงู กวา่ ผหู้ ญงิ
คือประมาณ 13.8 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์โดย
เฉลยี่ เพยี ง 0.8 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี จากรายงานขององคก์ ารอนามยั โลก ยงั ใหข้ อ้ มลู
เพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ชนดิ ของเครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลซ์ ง่ึ คนไทยนยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย
สรุ า เบยี ร์ และไวน์ ในอตั ราสว่ นรอ้ ยละ 73, 27 และ 1 ตามล�ำ ดบั (WHO, 2014)
การบังคับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขับ” 71
10. ติมอร์เลสเต
ติมอร์เลสเตเป็นประเทศที่ต้ังอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มีพื้นท่ี 14,874 ตารางกิโลเมตร มปี ระชากรประมาณ 1.2 ล้านคน ประชาชน
ส่วนใหญ่นับถือศาสนาครสิ ตท์ ้งั สองนกิ ายประมาณร้อยละ 94 (กระทรวงการ
ตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทมี่ ีอายุ 15 ปีขึ้นไป มสี ดั ส่วนร้อยละ 53 ของ
ประชากรทั้งประเทศ (WHO, 2012) องคก์ ารอนามัยโลกรายงานว่า ประชากร
ของประเทศติมอร์เลสเตมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ในช่วงปี ค.ศ. 2003-
2005 เฉลย่ี อยู่ทปี่ ระมาณ 0.9 ลิตรตอ่ คนตอ่ ปี และลดลงเปน็ 0.6 ลิตรต่อคน
ต่อปี ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผ้ชู ายบรโิ ภคแอลกอฮอล์โดยเฉลี่ยสูงกว่า
ผู้หญิงคือประมาณ 1.0 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนผู้หญิงมีการบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉล่ียเพียง 0.1 ลิตรต่อคนต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งคนติมอร์เลสเต
นิยมดมื่ ประกอบดว้ ย ไวน์ สรุ า และเบียรใ์ นอัตราสว่ นรอ้ ยละ 76, 15 และ 9
ตามล�ำ ดับ (WHO, 2014)
72 การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแล้วขบั ”
11. เวยี ดนาม
เวยี ดนามเป็นประเทศท่ีตงั้ อย่ใู นเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มพี ืน้ ที่
331,690 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 87.8 ล้านคน ไม่มีศาสนา
ประจำ�ชาติ มีประชาชนนับถือศาสนาพุทธประมาณร้อยละ 9.3 (กระทรวง
การตา่ งประเทศ, 2557) ประชากรทม่ี อี ายุ 15 ปขี นึ้ ไปมสี ดั สว่ นรอ้ ยละ 77 ของ
ประชากรทัง้ ประเทศ (WHO, 2012) องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากร
ของประเทศเวยี ดนามมอี ตั ราการบรโิ ภคแอลกอฮอลใ์ นชว่ งปี ค.ศ. 2003-2005
เฉลย่ี อยูท่ ี่ประมาณ 3.8 ลติ รตอ่ คนตอ่ ปี และเพิม่ ขนึ้ เป็น 6.6 ลติ รต่อคนต่อปี
ในช่วงปี ค.ศ. 2008-2010 โดยผู้ชายบริโภคแอลกอฮอล์โดยเฉล่ียสูงกว่า
ผู้หญงิ คอื ประมาณ 12.1 ลิตรต่อคนตอ่ ปี ส่วนผหู้ ญงิ มีการบริโภคแอลกอฮอล์
โดยเฉล่ียเพียง 0.2 ลิตรต่อคนต่อปี จากรายงานขององค์การอนามัยโลก
ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนิดของเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ซ่ึงคนเวียดนาม
นยิ มดม่ื ประกอบดว้ ย เบียร์ สุรา ไวน์ และอ่ืน ๆ ในอัตราสว่ นร้อยละ 97, 2, 1
และ 1 ตามล�ำ ดับ (WHO, 2014)
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 73
จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้มีแนวโน้มในการบริโภคแอลกอฮอล์ในอัตราท่ีสูงขึ้น ยกเว้น
ฟิลิปปินส์และติมอร์เลสเต ท่ีประชาชนมีแนวโน้มบริโภคแอลกอฮอล์ลดลง
ส่วนอินโดนีเซียมีอัตราการบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับท่ีต่ําและคงที่เน่ืองจาก
เปน็ ประเทศที่มปี ระชาชนนับถือศาสนาอสิ ลามในสดั ส่วนท่ีสงู ดงั รายละเอยี ด
ในตาราง 7
74 การบังคับใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”
ตาราง 7
เปรียบเทยี บอตั ราการบริโภคแอลกอฮอล์ในภมู ิภาคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้
อตั ราการบรโิ ภคชว่ ง อัตราการบรโิ ภคช่วง
ประเทศ ปี ค.ศ. 2003-2005 ปี ค.ศ. 2008-2010 เพิ่ม/ลด
(ลติ ร/คน/ปี) -
บรูไน 0.3 (ลติ ร/คน/ป)ี
กมั พูชา 4.6 0.9
อินโดนเี ซยี 0.6 5.5
ลาว 6.7 0.6
มาเลเซยี 0.8 7.3
เมยี นมาร ์ 0.6 1.3
ฟิลิปปินส์ 6.5 0.7
สิงคโปร ์ 1.0 5.4
ไทย 6.8 2.0
ติมอร์เลสเต 0.9 7.1
เวยี ดนาม 3.8 0.6
6.6
ทมี่ า: WHO (2014)
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขับ” 75
เอกสารอ้างองิ
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. (2555). สถิติประชากร พ.ศ. 2555.
กรงุ เทพฯ: กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย.
กระทรวงการต่างประเทศ. (2557). เครือรัฐออสเตรเลีย. สืบค้นเม่ือวันที่
21 ตุลาคม 2557 จาก http://www.mfa.go.th/main/th/
world/75/26794-เครอื รัฐออสเตรเลีย.html
The Institute on Alcohol Abuse and Alcoholism (NIH). (2014).
Alcohol facts and statistics. Retrieved 21 October
2014 from http://www.niaaa.nih.gov/alcohol-health/
overview-alcohol-consumption/alcohol-facts-and-
statistics
Thomas, G. (2012). Levels and patterns of alcohol use in Canada.
Ottawa: Canadian Centre on Substance Abuse (CCSA).
World Health Organization. (2000). Surveys of drinking patterns and
problems in seven developing countries. Retrieved 21
October 2014 from http://www.unicri.it/min. san.bollettino/
dati/AlcBrochur.pdf
World Health Organization. (2012). Alcohol in the European Union:
Consumption, harm and policy approaches. Copenhagen:
World Health Organization.
World Health Organization. (2012). Alcohol consumption: Levels
and patterns. Copenhagen: World Health Organization.
76 การบงั คบั ใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขับ”
3บทที่
แอลกอฮอล์
และอุบัติเหตทุ างถนน
การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 77
แอลกอฮอล์และอบุ ัติเหตุทางถนน
แอลกอฮอลแ์ ละอบุ ตั ิเหตุทางถนนในทวีปยโุ รป
แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำ�คัญสาเหตุหนึ่งของการเกิดอุบัติเหตุ
บนท้องถนน และก่อให้เกิดการสูญเสียท้ังในชีวิตและทรัพย์สินจำ�นวนมาก
จากการศึกษาของ Hurst, Harte and Frith (1994) แสดงให้เห็นวา่ การด่ืม
เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอลแ์ ละมปี รมิ าณแอลกอฮอลใ์ นเลอื ดสงู ขนึ้ จาก 100 มลิ ลกิ รมั
เปอร์เซ็นต์ เป็น 130 และ 180 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะมีโอกาสในการเกิด
อบุ ัตเิ หตเุ พ่มิ สงู ขนึ้ ถึง 4, 6 และ 17 เทา่ ตามล�ำ ดบั นอกจากแอลกอฮอลจ์ ะเป็น
ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังส่งผลต่อความรุนแรงของอุบัติเหตุ
ทเ่ี กดิ ข้ึนด้วย ซึง่ จากการศึกษาของ Simpson and Mayhew (1991) พบว่า
ผขู้ บั ขท่ี ม่ี รี ะดบั แอลกอฮอลใ์ นเลอื ดสงู กวา่ 150 มลิ ลกิ รมั เปอรเ์ ซน็ ต์ มคี วามเสย่ี ง
ที่จะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าคนที่ไม่เมาถึง 200 เท่า และจากการศึกษา
ของ ETSC (1999) ก็พบว่า ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ท่ีได้รับบาดเจ็บ
จากอบุ ตั เิ หตทุ างถนนในทวปี ยโุ รปเปน็ ผทู้ เี่ ราเรยี กวา่ “พวกเมาแลว้ ขบั ” ส�ำ หรบั
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนขอนำ�เสนอกรณีตัวอย่างเพียง 4 ประเทศ ได้แก่
สาธารณรัฐเช็ค ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสวเี ดน
การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 79
1. แอลกอฮอลแ์ ละอุบัติเหตุทางถนนในประเทศสาธารณรัฐเชค็
จากรายงานของ European Transport Safety Council
หรือ ETSC (2012, p.22) ระบุว่า จำ�นวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน
และเก่ียวข้องกับแอลกอฮอล์ในประเทศสาธารณรัฐเช็คเร่ิมลดลงตั้งแต่ปี
ค.ศ. 2000-2007 และจำ�นวนผูเ้ สียชวี ิตได้เพ่ิมข้ึนเปน็ 85 ราย ในปี ค.ศ. 2008
ส่วนในปี ค.ศ. 2009 และ 2010 มีจำ�นวนผู้เสียชีวิต 127 และ 108 ราย
ตามลำ�ดบั ซงึ่ ในปี ค.ศ. 2010 น้นั ถือวา่ อตั ราสว่ นของผ้เู สยี ชีวิตจากอบุ ัติเหตุ
ทางถนนทมี่ สี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั แอลกอฮอลค์ ดิ เปน็ รอ้ ยละ 13 ของผเู้ สยี ชวี ติ ทง้ั หมด
นอกจากน้ัน รายงานของกระทรวงคมนาคมของประเทศสาธารณรัฐเช็ค
ยังประมาณการว่าร้อยละ 69 ของอบุ ัติเหตทุ ่ที ำ�ใหม้ ีผู้เสียชีวติ มีสว่ นเกยี่ วข้อง
กบั แอลกอฮอล์ โดยพบว่าผู้ขบั ขที่ ีเ่ สยี ชวี ิตมรี ะดับแอลกอฮอลใ์ นเลอื ด (BAC)
100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์หรือสูงกว่า ในขณะเดียวกันสัดส่วนของอุบัติเหตุ
ซ่ึงเกดิ จากการ “เมาแล้วขบั ” เพิ่มขน้ึ จากร้อยละ 3.4 ในปี ค.ศ. 2007 เปน็
รอ้ ยละ 7.9, 14.1 และ 13.5 ในปี ค.ศ. 2008, 2009 และ 2010 ตามล�ำ ดับ
โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้ขับข่ีจักรยาน (ร้อยละ 33) คนเดินเท้า
(ร้อยละ 16.2) รวมถึงผู้ขับข่ีวัยหนุ่มสาว และมักเกิดอุบัติเหตุระหว่าง
คนื วันหยุดสุดสัปดาห์
80 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ”
จำ�นวนผเู้ สียชวี ิต
160 ปี
140
120
100
80
60
40
20
0 2000 2001 2002 2003 2004 2005 2006 2007 2008 2009 2010
ภาพ 7 จ�ำ นวนผเู้ สยี ชวี ติ จากกรณี “เมาแลว้ ขบั ” ของประเทศสาธารณรฐั เชค็
ทีม่ า: ETSC (2012)
การบงั คับใช้กฎหมาย “เมาแลว้ ขบั ” 81
2. แอลกอฮอล์และอุบตั เิ หตุทางถนนในประเทศไอร์แลนด์
ไอร์แลนด์เป็นประเทศที่ประสบความสำ�เร็จอย่างมากในการ
ลดอุบัติเหตุทางถนน ท้ังนี้ เน่ืองจากมาตรการและนโยบายเชิงกลยุทธ์ของ
รัฐบาลที่เริ่มเอาจริงเอาจังกับปัญหาความปลอดภัยทางถนนมาต้ังแต่ปี
ค.ศ. 1998 ด้วยการพัฒนาเครือข่ายถนน การสร้างสะพานกว่าร้อยแห่ง
รวมถงึ การเจาะอโุ มงค์ โดยค�ำ นงึ ถงึ ความสอดคลอ้ งกบั แหลง่ ทตี่ ง้ั ของมรดกชาติ
และการปกปอ้ งสงิ่ แวดลอ้ ม ไอรแ์ ลนดเ์ รมิ่ ตน้ การตอ่ สกู้ บั ปญั หา “เมาแลว้ ขบั ”
อย่างจริงจังในช่วงระหว่าง ปี ค.ศ. 2001-2010 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวน้ี
ทำ�ให้สามารถลดจำ�นวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงได้ถึงร้อยละ
48 จาก 411 รายในปี ค.ศ. 2001 เป็น 212 รายในปี ค.ศ. 2010 และ
ในปี ค.ศ. 2011 จำ�นวนผู้เสียชีวิตลดลงเหลือเพียง 186 ราย หรือมีจำ�นวน
ผู้เสยี ชวี ติ 42 รายต่อประชากรหน่งึ ลา้ นคน (ETSC, 2012, p.30)
82 การบังคบั ใชก้ ฎหมาย “เมาแล้วขับ”