The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peamyow, 2022-04-08 22:29:18

ติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร

รหัสวิชา 20104-2005

Keywords: ไฟฟ้า

การติดต้งั ไฟฟ้าในอาคาร

หนว่ ยท่ี 1 หนว่ ยท่ี 6
หนว่ ยที่ 2 หนว่ ยที่ 7
หนว่ ยที่ 3 หนว่ ยท่ี 8
หนว่ ยท่ี 4 หนว่ ยท่ี 9

หนว่ ยที่ 5 ครูผูส้ อน หนว่ ยที่ 10

ครู ศภุ กฤต เพ่มิ เยาว์ แผนกวชิ าช่างไฟฟ้ากาลงั วทิ ยาลยั เทคนิคลาพนู

หนว่ ยท่ี 1

การปอ้ งกนั อบุ ัติภัยเกย่ี วกบั การปฏิบตั งิ าน
ทางไฟฟ้า

อนั ตรายเกดิ จากการใชไ้ ฟฟ้า

1.1 โอกาสท่จี ะประสบอนั ตรายจากไฟฟา้

1.1.1 เกิดจากการทกี่ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นรา่ งกายลงดนิ หรอื ครบวงจร
ภาษาชาวบา้ บ้านเรียกวา่ “ไฟดดู ” เชน่ เอามือไปจบั ส่วนทเ่ี ป็นโลหะของ
เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ทบี่ งั เอิญมไี ฟรว่ั เชน่ ตเู้ ยน็ กระทะไฟฟา้ หม้อหุงข้าว กระแสไฟฟ้าจะ
ผ่านเขา้ ทางมือลงสู่ดนิ ทีฝ่ ่าเท้า

1.1.2 เกิดจากการทร่ี า่ งกายของคนเราไปตอ่ เปน็ ส่วนหน่ึงของวงจรไฟฟ้า
ทาใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ครบวงจรในตวั โดยทไี่ มจ่ าเปน็ ต้องต่อลงดิน
เชน่ คนใช้มือสองข้างโหนสายไฟฟ้าเปลอื ยสองเสน้ ลกั ษณะนจี้ ะไดร้ บั อันตรายจาก
ไฟฟา้ แน่นอน

1.1.3 ไดร้ บั อนั ตรายจากแสงและความร้อนอนั เกดิ จากไฟฟ้ารัดวงจร
ที่เรยี กว่า “ไฟชอ็ ต” ทีพ่ บบอ่ ยคอื ผตู้ ดิ ต้งั เสาอากาศโทรทศั นซ์ ่งึ มกั จะเผอเรอ ทา
ใหโ้ ลหะที่จับถือพลาดไปถูกสายไฟฟา้ แรงสงู ซง่ึ นอกจากจะไดย้ ินเสียงระเบดิ จากการรัด
วงจรแล้ว อาจเปน็ อนั ตรายต่อดวงตาเนื่องจากแสงประกายไฟฟา้ ทีเ่ จดิ จ้า การะแสไฟฟา้
จะวิ่งผา่ นโลหะ ผ่านมอื ผ่านรา่ งกายลงดนิ สง่ ผลให้เกดิ บาดแผลไฟไหม้รุนแรง อาจจะต้อง
ตดั อวยั วะบางส่วนท้งิ เพ่อื รกั ษาชวี ติ ไว้

1.2 อันตรายท่มี ตี ่อรา่ งกาย

หากมกี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายคนเราจะทาอนั ตรายถึงหมดสตแิ ละ
เสียชวี ิตได้ผลท่ีเกดิ ต่อรางกายเมือ่ กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านแบ่งได้ 4 อาการดงั นี้

1.2.1 กระแสไฟฟ้าทาใหก้ ลา้ มเนอื้ หดและเกรง็
1.2.2 กระแสไฟฟา้ ทาใหร้ ะบบประสาทเกดิ การชะงกั งนั
1.2.3 กระแสไฟฟ้าจานวนเลก็ น้อย
1.2.4 กระแสไฟฟา้ เปน็ ตัวทาการทาลาย “เซลล์”



กระแสไฟฟ้ากับปฏิกิริยาทเ่ี กดิ ขึ้นกับร่างกายมนุษย์

ปรมิ าณกระแสไฟฟ้ าไหลผา่ น
รา่ งกายมนษุ ยเ์ ป็ นมลิ ลแิ อมแปร์
(mA) ปฏกิ ริ ยิ า

ตา่ กวา่ 0.5 ยงั ไมม่ ผี ลหรอื ไมร่ สู ้ กึ
รสู ้ กึ จ๊ักจหี้ รอื กระตกุ เล็กนอ้ ย
0.5 - 2

2-8 กระทบกระเทอื นตอ่ ระบบประสาท กลา้ มเนอ้ื หดตวั เกดิ อาการกระตกุ ปาน
กลาง หรอื รนุ แรงไมถ่ งึ ขนั้ อนั ตราย

8 - 20 กระทบกระเทอื นตอ่ ระบบประสาท เจ็บปวด กลา้ มเนอ้ื เกร็งหดตวั อยา่ งรนุ แรง

20 – 50 ปอดทางานผดิ ปกติ ไมส่ ามารถปลอ่ ยมอื ออกได ้ เกดิ การเปลย่ี นแปลงใน
สมอง มโี อกาสเสยี ชวี ติ ในเวลา 2-3 นาที

50 - 100 หวั ใจเตน้ ผดิ ปกติ เตน้ ออ่ น หรอื เตน้ ถร่ี ัว เกดิ การเปลย่ี นแปลงในสมอง ไม่
สามารถปลอ่ ยมอื หลดุ ออกได ้ มโี อกาสเสยี ชวี ติ ในเวลา 2 - 3 นาที

สงู กวา่ 100 หวั ใจหยดุ เตน้ ผวิ หนังไหม ้ หรอื เนอื้ เยอ่ื ไหมอ้ ยา่ งรนุ แรง กลา้ มเนอื้ ไม่
ทางาน

1.3 ความรนุ แรงเมื่อประสบอนั ตรายจากไฟฟ้า

ความรนุ แรงจะมากหรือน้อย ข้นึ อย่กู บั องคป์ ระกอบ 7 อยา่ ง ดังนี้
1.3.1 ระยะเวลา ถา้ ตดิ ไฟอยนู่ านอันตรายกจ็ ะมาก แต่ยงั มี

องคป์ ระกอบอย่างอืน่ อกี ถา้ หากคิดจะชว่ ยคนคนน้ันแลว้ ต้องรีบช่วยทันที
1.3.2 ปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ทไ่ี หลผา่ นรา่ งกาย ถา้ ปริมาณของกระแส

มากอนั ตรายกจ็ ะมาก โดยทั่วไปกระแสท่ีเป็นอนั ตรายต่อรา่ งกายมปี รมิ าณนอ้ ย
มาก กลา่ วคอื มคี ่าเพียงมิลลิแอมป์เท่าน้ัน

1.3.3 ข้นึ อยู่กบั ปรมิ าณแรงดันไฟฟา้ แรงดันไฟฟ้าเพียง 20 – 30 โวลต์
ก็จะทาใหเ้ กิดการช็อกได้ ถา้ ความต้านทานของการจดุ สมั ผัสต่ามากพอ จนเกิด
กระแสไหลผ่านรา่ งกายสงู ถึงกระแสช็อก ดังน้ัน แรงดนั ไฟฟา้ ตามบา้ น 220 โวลต์
ย่อมทาใหเ้ กดิ อันตรายถึงแกช่ วี ติ ได้

1.3.4 ขึ้นอยู่กบั สภาพผวิ หนงั ประกอบไปด้วยสว่ นท่ีสมั ผัสกับส่ิงทีม่ ีไฟ
และสว่ นทกี่ ระแสไฟฟ้าไหลลงดนิ ถ้าผิวหนงั แห้งจะมีความต้านทานมากกว่าผวิ หนงั
เปียก ฉะนั้นกระแสจงึ ไหลผา่ นไดน้ ้อยกวา่ ผวิ หนังเปยี ก

1.3.5 ขนึ้ อยกู่ บั เสน้ ทางทีก่ ระแสไฟฟ้าไหลผา่ น โอกาสท่จี ะทาให้
เสยี ชีวิตมากที่สดุ ถา้ หากกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านบริเวณกลา้ มเนอื้ ทรวงอก และ
ศรี ษะ

1.3.6 ขน้ึ อยกู่ ับความถี่ เมื่อความถีส่ งู ขึน้ จะทาให้ความตา้ นทานของ
ร่างกายตอ่ กระแสไฟฟา้ ลดลง และความตา้ นทานทีจ่ ุดสมั ผสั แทบจะไมม่ ีเลยหรือ
เทา่ กบั ศนู ย์

1.3.7 ข้นึ อยู่กับกรรมวธิ ใี นการช่วยเหลือและปฐมพยาบาล ถ้าชว่ ยไดเ้ ร็ว
ปฐมพยาบาลได้ดี นาสง่ แพทย์ได้เรว็ กจ็ ะทาให้มโี อกาสรอดชีวิตไดม้ ากขน้ึ

สรุป

โอกาสทจ่ี ะประสบอันตรายจากไฟฟา้ เกิดจากการทกี่ ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นรา่ งกาย

ลงดินหรือครบวงจร และ เกิดจากการทรี่ ่างกายของคนเราไปตอ่ เป็นสว่ นหน่งึ ของ
วงจรไฟฟา้ อันตรายท่ีเกดิ ตอ่ รางกายเมอื่ กระแสไฟฟา้ ไหลผ่านแบ่งได้ 4 อาการดังน้ี

1. กระแสไฟฟา้ ทาใหก้ ล้ามเนอื้ หดและเกร็ง
2. กระแสไฟฟา้ ทาใหร้ ะบบประสาทเกดิ การชะงกั งัน
3. กระแสไฟฟา้ จานวนเล็กนอ้ ย
4. กระแสไฟฟา้ เปน็ ตวั ทาการทาลาย “เซลล์”
ดังน้ันเมื่อปฏบิ ัติงานทางไฟฟ้าควรต้องใช้ความระมดั ระวงั และปฏิบตั ิงานด้วยความไม่
ประมาท

1.4 การป้องกันอุบัตภิ ยั จากกระแสไฟฟา้

ผู้ที่ปฏิบัติงานเก่ียวข้องกับไฟฟ้าจะมีโอกาสถูกไฟฟ้าดูดมากกว่าคน
ท่วั ไป ความระมัดระวงั อย่างเดยี วอาจจะไม่เพยี งพอถ้าหากขาดระบบป้องกนั ท่ี
ดี เพ่ือความปลอดภัยมากขึ้น จึงต้องหาวิธี ป้องกันให้มีความม่ันใจขณะที่
ปฏิบัตงิ าน โดยสามารถทาได้หลายวธิ ีดงั นี้

1.4.1 การใชไ้ ฟฟา้ แรงดนั ตา่
โดยทว่ั ไปจะใชห้ มอ้ แปลงลดระดับแรงดันใหต้ า่ กวา่ 30โวลต์ สว่ น

ใหญใ่ ชก้ บั ระบบควบคมุ ต่างๆ
ขอ้ ดีของการใชไ้ ฟฟ้าแรงดนั ตา่

1. ปลอดภยั เนื่องจากโอกาสทจ่ี ะถกู ไฟฟ้าดดู น้ันลดลง
2. ประหยัด เนื่องจากกาลงั วัตต์ต่าจงึ ใช้สายขนาดเลก็ ลง
3. ติดต้ังงา่ ย รวดเรว็

1.4.2 การใช้ฉนวนปอ้ งกนั การสมั ผัส
เราสามารถใชว้ ัสดทุ เ่ี ป็นฉนวนไฟฟ้ามาหอ่ หมุ้ หรอื ปอ้ งกนั การ

สมั ผสั กบั กระแสไฟฟา้ โดยตรง เป็นการลดและปอ้ งกนั อบุ ตั ิภยั ไดเ้ ปน็ อย่างดี ท่ี
เราค้นุ เคยกนั ดี ไดแ้ ก่ ผา้ เทปพันสาย ถงุ มือหนัง และอืน่ ๆ

1. ผ้าเทปพนั สาย ทาจากพลาสตกิ มีความเปน็ ฉนวนสงู และเหนยี ว ใช้
กบั ระดับ แรงดนั ตา่ กวา่ 600 โวลต์ เมอ่ื ใชง้ านควรพันหลาย ๆ ชั้นเพื่อเพิม่ ความ
เป็นฉนวนมากขน้ึ
ขอ้ ดีของการใชผ้ า้ เทปพันสาย

1.1 มีความเปน็ ฉนวนสงู
1.2 ใช้งานไดน้ าน
1.3 ราคาถกู มีจาหน่ายทวั่ ไป
2. ถุงมือยางและลงุ มือหนงั มีความเปน็ ฉนวนสงู กวา่ ผา้ เทปพันสาย
ก่อนใชง้ านตอ้ ง ตรวจดูใหแ้ นใ่ จวา่ ไมม่ รี อยขดี ขว่ นหรือฉกี ขาด

1.4.3 การใชร้ ะบบสายกราวดต์ อ่ ลงดนิ
โดยทวั่ ไปปลก๊ั ตวั เมยี ชนดิ 3 รู จะมขี ้ัว สาหรบั ตอ่ สายกราวดข์ อง

อุปกรณไ์ ฟฟา้ เพอ่ื เชอ่ื มตอ่ กบั หลกั ดนิ (ground rod) ดังรูปท่ี 1.1 (ข้ัว G หรือ )
ใชส้ าหรับปอ้ งกนั อันตรายเนือ่ งจากกระแสไฟฟ้าร่ัวลงโครงทเ่ี ปน็ โลหะของ
อุปกรณ์ ไฟฟา้ การต่อลงดนิ จึงเปน็ วิธีปอ้ งกนั อนั ตรายจากไฟฟ้าดูดไดด้ ีทสี่ ุด
ฉนวนของสายดนิ จะใชโ้ คด้ สเี ขียวหรือสเี ขียวสลบั เหลอื ง
ข้อดีของการตอ่ ลงดนิ

1. ปอ้ งกนั อนั ตรายจากกระแสไฟฟา้ ดดู
2. ช่วยใหอ้ ปุ กรณป์ อ้ งกนั กระแสไฟฟา้ เกนิ ขนาด ทางานไดผ้ ลดยี งิ่ ขนึ้

รปู ที่ 1.1 การตดิ ตง้ั สายดนิ ของปลก๊ั ชนดิ 3 รู

1.4.4 การตรวจสอบดว้ ยไขควงเทสไฟ
ตามมาตรฐานการใชโ้ คด้ สีกาหนดใหใ้ ชส้ ดี า เป็นสายทม่ี ไี ฟและสเี ทา

เป็นสายทไี่ มม่ ไี ฟ (นิวทรลั ) แต่ช่างไฟฟ้าสว่ นมากมกั จะไมค่ านงึ ถงึ ดงั น้นั ผทู้ ่ีมา
ซ่อมแซมในภายหลงั อาจจะถกู ไฟฟา้ ดดู เนอื่ งจากการเขา้ ใจในกรณดี งั กลา่ ว
ข้างตน้ ดงั นนั้ เพือ่ ความม่นั ใจจงึ ควรใช้ไขควงเทสไฟทาการทดสอบ ถา้ หาก
หลอดนีออนภายในไขควง เทสไฟไม่เรืองแสง แสดงวา่ สายตวั นานัน้ เป็นสาย
นิวทรัลแนน่ อน

รปู ที่ 1.2 แสดงการใชไ้ ขควงเทสไฟ

ขอ้ ดีของการใชไ้ ขควงเทสไฟคอื ปอ้ งกนั อนั ตรายจากไฟฟา้ ดดู ถ้าหากทราบ
วา่ สาย เสน้ ใดเปน็ สายนิวทรลั หรอื เป็นสายทมี่ ีไฟ

1.4.5 การใช้สวิตชต์ ัดวงจรอตั โนมัติ (Earth lealage circuit breaker)
เป็นอุปกรณป์ อ้ งกนั ทส่ี ามารถตดั วงจรไฟฟา้ ไดท้ นั ทเี มือ่ มกี ระแสไฟฟา้

ร่วั ไหลออกจากวงจร
ดังรปู ที่ 1.3 ปกติในวงจรไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟา้ ไหลในสายไฟทง้ั 2

เสน้ เทา่ กนั แต่ เม่อื เกดิ มกี ระแสไฟฟา้ ร่ัวไหลลงดนิ โดยผา่ นทางรา่ งกายหรอื ผ่าน
ตวั นาอื่น ๆ กต็ าม กระแสไฟฟา้ ที่ไหลในสายทง้ั สองจะไมเ่ ทา่ กนั เมื่อเกดิ ภาวะ
ดังกล่าวอปุ กรณต์ รวจสอบการรัว่ ของกระแสไฟฟา้ จะสง่ สัญญาณไปยงั สวิตช์
อัตโนมัติ โดยจะทาหนา้ ทต่ี ดั วงจรทนั ทกี อ่ นทจ่ี ะมผี ไู้ ดร้ ับอนั ตรายจาก
กระแสไฟฟ้าดดู

รปู ท่ี 1.3 วงจรตดั กระแสไฟฟ้าร่วั ไหลลงดนิ ( Earth leakage circuit breaker)

1.4.6 ใชท้ ป่ี ิดรเู ตา้ รบั (ปลก๊ั ตวั เมยี )
ปอ้ งกนั สงิ่ ของแปลกปลอมตกหลน่ ลงไปหรือ เด็กเลก็ ทช่ี ุกซน

สามารถปอ้ งกนั ไฟชอ็ ตหรือไฟดดู ไดใ้ นระดบั หนง่ึ
1.4.7 ใส่กุญแจล็อกและเขยี นขอ้ ความตดิ แขวนไว้

เพ่อื ป้องกนั ผอู้ น่ื ทไี่ มเ่ ขา้ ใจ อาจจะสบั คนั โยกอปุ กรณป์ อ้ งกนั
ปลอ่ ยไฟฟ้าเขา้ มาในขณะทก่ี าลงั ทางาน เช่น ข้อความ “ปิดไฟ ช่วั คราว ช่าง
กาลงั ซ่อม”

1.5 การชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยทางไฟฟ้า

เม่ือพบเหน็ ผปู้ ระสบอบุ ตั เิ หตุจากกระแสไฟฟา้ ดูดตอ้ งรีบชว่ ยเหลอื ผปู้ ่วยทนั ที อยา่
ให้ อวัยวะร่างกายแตะกบั ร่างกายหรือเสอื้ ผา้ ทเ่ี ปยี กชื้นของผถู้ กู ไฟฟา้ ดดู เปน็ อนั ขาด
มฉิ ะน้ันจะถูก ไฟฟา้ ดูดตามไปดว้ ย การชว่ ยเหลอื ผถู้ กู ไฟฟา้ ดดู ใหพ้ ้นจากกระแสไฟฟา้ ให้
เลอื กวธิ ีใดวธิ หี นงึ่ ดงั นี้

1. ตัดกระแสไฟฟา้ โดยปลดสวิตช์หรอื คทั เอาท์หรือดงึ เตา้ เสยี บ (ปลั๊กตัวผู้) ออก
2. หากตดั กระแสไฟฟา้ ไมไ่ ด้ใหใ้ ชไ้ ม้แห้งหรอื วสั ดทุ เ่ี ปน็ ฉนวนไฟฟ้าเขย่ี ส่ิงทมี่ ี
กระแสไฟฟ้าไหลอย่ใู นขณะนน้ั ออกไปใหพ้ ้น
3. ให้ใช้ผ้าหรือเชอื กแหง้ คลอ้ งแขน ขา หรอื ลาตวั ของผู้ถกู ไฟดดู ชกั ลากออกไปให้
พน้ จากสงิ่ ทมี่ ีกระแสไฟฟา้ ไหลอยใู่ นขณะนัน้

1.5.1 การให้ลมหายใจทางปาก (เป่าปาก)
1. วางผ้ปู ว่ ยนอนหงายใหศ้ รี ษะแหงนตา่ ลง ลาคอยดื และยกคางขนึ้
2. สอดนวิ้ หวั แม่มอื เขา้ ไปในปาก จบั ขากรรไกรลา่ งยกขน้ึ จนปากอา้ ออก
3. ล้วงเอาสง่ิ ของใด ๆ ท่ีอาจตดิ ค้างอยใู่ นปากและลาคอออกใหห้ มด เพือ่

ไม่ให้ขวาง ทางลม แลว้ บบี จมกู ไม่ใหล้ มออก
4. ทาบปากลงใหแ้ นบกบั ปากผปู้ ว่ ย แลว้ เปา่ ลมเขา้ เปน็ จังหวะประมาณ 12 -

15 ครัง้ ตอ่ นาที
5. ถ้าไมส่ ามารถอา้ ปากผปู้ ว่ ยได้ ใหใ้ ช้มือปดิ ปากแลว้ เป่าลมเขา้ ทางจมกู
6. ขณะนาผูป้ ว่ ยสง่ โรงพยาบาล ให้ทาการเปา่ ปากไปดว้ ยจนกว่าผู้ป่วยจะฟืน้

หรือได้ รบั ความชว่ ยเหลอื จากแพทยแ์ ลว้

การปฐมพยาบาลผูป้ ระสบอนั ตรายจากไฟฟา้ ดดู

1. การผายปอดโดยวธิ ีเปา่ ปาก

ใหผ้ ปู ้ ่ วยนอนหงายราบ จัดทา่ นอนใหเ้ หมาะสม

ตรวจสอบการหายใจของผปู ้ ่ วย โดยเอยี งหนา้ มองไปทางปลายเทา้ ผปู ้ ่ วย
ใหห้ ชู ดิ ปากผปู ้ ่ วย

ถา้ ผปู ้ ่ วยไมห่ ายใจ ใหผ้ ปู ้ ฐมพยาบาลทาการผายปอดดว้ ยการเป่ าปาก

การปฐมพยาบาลผูป้ ระสบอนั ตรายจากไฟฟา้ ดดู

2 การนวดหัวใจ

ตาแหน่งหนา้ อกจดุ นวดหวั ใจ

ขณะทก่ี ดหนา้ อกแตล่ ะครัง้ ตอ้ งนับจานวนครัง้ ทก่ี ดดงั น้ี หนง่ึ และสอง
และสาม และสี่ และหา้



1.5.2 การนวดหัวใจ
1. วางผู้ป่วยนอนหงาย ใหศ้ ีรษะแหงน ลาคอยดื
2. ลว้ งเอาสงิ่ ของใด ๆ ทอ่ี าจตดิ คา้ งอยใู่ นปากและลาคอออกใหห้ มด เพ่ือ

ไม่ใหข้ วางทางลม
3.นั่งคกุ เขา่ ลงระหว่างแขนซา้ ยกบั ลาตัวของผปู้ ว่ ย เอามือทงั้ สองขา้ ง

ซอ้ นทับกนั วางลงบนทรวงอกบรเิ วณหวั ใจเหยยี ดแขนตรงแลว้ กดสนั มือลงด้วย
นา้ หนกั ตวั ใหห้ นา้ อกยบุ ลงประมาณ 1 นิว้ ทาเปน็ จงั หวะประมาณ 60 ครั้งตอ่
นาที

4. ขณะนาส่งโรงพยาบาลใหน้ วดตอ่ ไปเรอื่ ย ๆ จนกวา่ ผ้ปู ว่ ยจะฟนื้ หรอื
ไดร้ บั ความ ชว่ ยเหลอื จากแพทยแ์ ลว้



1.6 ความปลอดภยั เก่ยี วกบั ไฟฟา้

เนอื่ งจากพลังงานไฟฟ้ามบี ทบาทตอ่ การดาเนนิ ชีวิตของมนุษย์ การเอาใจใส่
เร่ืองความปลอดภยั เชน่ การตรวจสอบ การซอ่ มบารงุ เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ตา่ ง ๆ จึงเป็น
หน้าทข่ี องทกุ คนจะต้องเรียนรู้ และทาความเขา้ ใจ ทั้งน้ีเพ่อื ความปลอดภัยในชวี ติ และ
ทรพั ย์สินของตนและผเู้ ก่ยี วขอ้ ง

1.6.1 การปฏบิ ัตเิ พอ่ื ความปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ย์สนิ
เพื่อความปลอดภยั ในชวี ิตและทรพั ยส์ นิ ควรยดึ หลกั ปฏบิ ตั ิดังน้ี
1. อย่าปล่อยใหส้ ายของเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าลอดใตเ้ ส่อื หรอื พรม หรือมขี อง

หนกั ทบั จะ ทาใหส้ ายหรอื ฉนวนฉกี ขาดอาจเกดิ อนั ตรายได้
2. อยา่ ใชเ้ คร่อื งมอื หรืออปุ กรณไ์ ฟฟ้าในขณะทร่ี ่างกายเปียก หรือยืนบน

พน้ื ทเ่ี ปียก
3. หากเห็นฟิวส์ในสะพานไฟ (cut out) ขาด แสดงว่าเกดิ การใชไ้ ฟฟา้

มากกวา่ ปกติ ให้แจง้ ผูค้ วบคมุ เพอ่ื ตรวจสอบโดยดว่ น

4. เมอ่ื เหน็ ประกายไฟหรือมคี วันใหป้ ิดสะพานไฟ (cut out) และแจง้
ใหผ้ ้คู วบคมุ ตรวจสอบทนั ที

5. รอยตอ่ ข้อตอ่ ของสายไฟฟ้าและปล๊กั มักจะเปน็ สาเหตหุ นึ่งที่
กอ่ ให้เกดิ การลดั วงจร ต้องตรวจสอบให้อยใู่ นสภาพเรยี บรอ้ ยกอ่ นใชง้ าน

6. ถา้ ไม่เขา้ ใจเรอ่ื งไฟฟา้ ดีพอ อย่าต่อไฟฟา้ ใชเ้ อง
7. อยา่ ใช้สายไฟล้วน ๆ แหยเ่ ข้าไปในรปู ลกั๊
8. อยา่ ใชส้ วติ ชป์ ดิ -เปดิ บนเตยี งนอน ท่านอาจนอนทบั แตกและถกู
ไฟฟ้าดดู

9. อย่าใชข้ ว้ั ตอ่ แยก เสยี บปลก๊ั หลายทาง เป็นการใชไ้ ฟฟา้ เกนิ กาลงั จะ
ทาให้สาย ปลกั๊ รอ้ นและเกดิ เพลงิ ไหม้

10. อุปกรณท์ ต่ี ้องตากแดด ตากฝนอยู่เสมอ เช่น สวิตชก์ ระดง่ิ ไฟฟ้า
จะต้องใชแ้ บบกนั น้าได้

11. ควรตอ่ สายดนิ ของเคร่อื งใช้ไฟฟ้าทกุ ชนดิ เพอื่ ปอ้ งกนั ไฟรั่ว
12. เตา้ เสยี บต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นโรงงานหรอื ในบา้ นพักควรใชแ้ บบ 3 ขั้ว โดย
มีขว้ั หนงึ่ เปน็ สายดิน

16.2 การปฏบิ ตั ิเพอื่ ความปลอดภัยขณะปฏบิ ตั ิงานติดตง้ั ไฟฟา้
เพื่อความปลอดภยั และไมป่ ระมาทควรยดึ หลกั ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี
1. การปฏบิ ัตงิ านเกย่ี วกบั ไฟฟา้ ต้องมีผ้ปู ฏบิ ตั ิงานรวมกนั อยา่ ง

นอ้ ย 2 คน เมอื่ เกดิ อุบัติเหตจุ ะชว่ ยเหลอื กนั ได้
2. ถา้ ผู้ปฏิบตั ิงานหยดุ พกั ระหวา่ งปฏบิ ตั งิ าน เชน่ พกั เทยี่ ง เมื่อ

กลับมาตอ้ งตรวจ สอบสะพานไฟ (cut out) หรอื เคร่ืองหมายตา่ ง ๆ ทที่ าไว้ กอ่ นที่
จะปฏบิ ตั ิงานตอ่ ไป

3. ผปู้ ฏิบตั งิ านกบั เครื่องเชอ่ื มจะตอ้ งแตง่ กายกะทดั รดั สวมเครื่อง
ป้องกนั เชน่ หน้ากาก ถงุ มอื หนัง แผน่ ปดิ อก ทกุ ครงั้

4. อยา่ เขา้ ใกลบ้ ริเวณตดิ ต้ังอปุ กรณจ์ า่ ยไฟ
5. ก่อนลงมอื ทางานต้องตรวจสอบว่าอปุ กรณเ์ หล่านน้ั ไม่มไี ฟ
6. การปฏบิ ตั ิงานตดิ ตง้ั ในและนอกอาคาร ควรสวมหมวกนิรภยั
โดยเฉพาะในเขต ที่กาลงั กอ่ สร้าง
7. ผู้ปฏิบัติงานควรยืนบนฉนวนไฟฟ้า เช่น แผ่นยาง พ้ืนไม้แห้ง อย่ายืน
ดว้ ยเท้าเปลา่ บนพื้นปูนหรอื พ้นื ทเี่ ปยี กแฉะ
8. ถ้าจาเป็นต้องปฏิบัติงานในบริเวณที่ไม่สามารถตัดไฟออกได้ จะต้อง
กั้นเขตเพ่อื ป้องกนั ไมใ่ ห้ผอู้ นื่ เขา้ ใกล้และมพี ืน้ ทหี่ รอื ช่องทางหนีไฟไดง้ ่าย



หนว่ ยท่ี 2
ชนดิ และการใชง้ านของสายไฟฟา้

จดุ ประสงคก์ ารสอน

2.1 รชู้ นดิ ของสายไฟฟา้
2.1.1 บอกสายตนั
2.1.2 บอกสายตีเกลยี ว

2.2 รูข้ ้อกาหนดทัว่ ไปเกี่ยวกบั สายไฟฟา้
2.2.1 บอกสีของฉนวนหมุ้ สายไฟฟา้
2.2.2 บอกชนดิ ของสายหมุ้ ฉนวน
2.2.3 บอกการใชง้ านของสายไฟฟ้า

2.1 ชนดิ ของสายไฟฟา้
สายไฟฟ้าสามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ คอื สายตนั และสายตเี กลยี ว
2.1.1 สายตัน (Solid wire) เรยี กอกี อยา่ งวา่ สายเดีย่ ว สว่ นมากจะเปน็ ขนาด

เล็กหุ้มฉนวน

2.1.2 สายตเี กลยี ว เรียกอีกอย่างว่า สายสแตรน (Stranded wire) จะนาเอา
สายเดยี่ วหลายเส้น มาพนั เป็นเกลยี ว สามารถทนแรงดึงไดด้ กี วา่ สายเด่ียว

ขนาดพ้ืนหนา้ ตดั ของสายไฟฟ้าวดั เป็นตารางมิลลิเมตร (มม.2) หรือท่ีเรียก
อีกอยา่ งหน่ึงวา่ สแควม์ ิล (Square mil: (mm.2)) ซ่ึงเป็นหน่วยวดั ในระบบเมตริก
ส่วนหน่วยวดั ของระบบ องั กฤษจะวดั เป็นเซอร์คูลาร์มิล(Circular mil) ปัจจุบนั

ผผู้ ลิตจะระบุชนิดและขนาดพ้ืนท่ีหนา้ ตดั ไวบ้ นสายไฟฟ้า ท้งั น้ีเพ่ือความสะดวก
ในการใชง้ าน

2.2 ข้อกาหนดทวั่ ไปเกย่ี วกบั สายไฟฟา้ ทคี่ วรทราบ มดี งั น้ี
2.2.1 สขี องฉนวนห้มุ สายไฟฟ้า โค้ดสมี าตรฐาน มดี งั น้ี
สายหมุ้ ฉนวนแกนเดยี ว ใช้ไดท้ กุ สี
สายหุ้มฉนวน 2 แกน ใช้สีเทาออ่ น ดา
สายหุ้มฉนวน 3 แกน ใช้สีเทาอ่อน ดา แดง
สายหมุ้ ฉนวน 4 แกน ใชส้ ีเทาอ่อน ดา แดง นา้ เงิน
สายหุ้มฉนวน 5 แกน ใช้สเี ทาอ่อน ดา แดง นา้ เงิน เหลือง
สาหรบั สายดนิ (earth) ใช้สายสเี ขียว หรือเขียวสลับเหลอื ง



ระบบ 1 เฟส
-สายเฟส ฉนวนต้องเปน็ สีน้าตาล
-สายนิวทรัล ฉนวนต้องเป็น สฟี า้
-สายดิน ฉนวนต้องเปน็ สีเขยี วแถบเหลอื ง
ระบบ 3 เฟส
-สายเฟส A ฉนวนตอ้ งเปน็ สีนา้ ตาล
-สายเฟส B ฉนวนต้องเปน็ สดี า
-สายเฟส C ฉนวนต้องเป็น สเี ทา
-สายนวิ ทรลั ฉนวนตอ้ งเปน็ สีฟา้
-สายดนิ ฉนวนตอ้ งเปน็ สีเขยี วแถบเหลือง

2.2.2 ชนิดของสายหุ้มฉนวน
สายทนี่ ิยมใชใ้ นงานติดต้ังไฟฟ้าทั่วไปที่ควรทราบไดแ้ ก่ สาย VAF,

VFF, VSF, THW, VCT และสาย NYY
ก. สาย VAF เนื่องจากมรี ูปทรงแบนจึงเรียกว่า สายแบนแกนคู่ ภายใน

ประกอบดว้ ย สายทองแดงจานวนสองเส้นห้มุ ดว้ ยฉนวนพีวีซีสองช้ันหรอื
(PVC/PVC) ดงั รปู ท่ี 2.1 (ก) เหมาะสาหรบั งานเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเข็มขดั รดั สาย
เน่อื งจากสามารถดัดโค้งงอไดด้ ี พิกัดแรงดนั 300 โวลต์ อณุ หภมู ิใช้งานไม่เกนิ 70
องศาเซลเซียส มหี ลายขนาด เช่น 2 ⨉ 1.5 (มม.2) หมายถงึ ภายในสาย VAF
ประกอบดว้ ยสายจานวน 2 เส้น แต่ละเส้นมีพ้นื ท่ีหนา้ ตดั เท่ากับ 1.5 ตาราง
มลิ ลเิ มตร

ข. สาย VFF ภายในประกอบดว้ ยสายทองแดงฝอยจานวนสองแกนหมุ้ ดว้ ย
ฉนวน พีวซี ชี ัน้ เดียว (pvc insulated) ดงั รปู ที่ 2.1 (ข) เหมาะสาหรบั งานท่ีตอ้ ง
เคลื่อนย้ายบ่อย ๆ พกิ ัดแรงดนั และอุณหภูมิใช้งานเหมือนกับสาย VAF

ค. สาย VSF ภายในประกอบด้วยสายทองแดงฝอยหมุ้ ดว้ ยฉนวนพวี ีซีชนั้ เดยี ว
จานวน หน่ึงเส้น ดังรปู ท่ี 2.1 (ค) เหมาะสาหรบั งานซอ่ มบารุงท่ัวไป พกิ ดั แรงดนั
และอณุ หภูมใิ ช้งาน เหมอื นกบั สาย VAF


Click to View FlipBook Version