The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peamyow, 2022-04-08 22:29:18

ติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร

รหัสวิชา 20104-2005

Keywords: ไฟฟ้า

2. ตรวจสอบด้วยเคร่ืองมือทดสอบ การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าทต่ี ดิ ตง้ั ภายในอาคาร ส่วนใหญจ่ ะ
ใช้มัลตมิ ิเตอร์ เมกเกอร์ หรือ insulation tester meter เคร่ืองวัดความตา้ นทานการต่อลงดิน การ
ตรวจสอบทั่ว ๆ ไป ได้แก่ การวัดค่าความต้านทานของไส้หลอดไฟฟ้า ความต้านทานของ บัลลาสต์
ตรวจสอบเซลรก์ ติ เบรกเกอร์ (CB) ตรวจสอบรเี ลย์ ตรวจสอบฉนวนของสายไฟฟา้

รปู ที่ 10.1 การใชเ้ ทสแลมป์เป็นเครื่องมอื ทดสอบ

10.1.1 เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงต่า แบ่งตามลักษณะการใช้งานมี 2 ชนิด คือ เซอร์กิตเบรก

เกอร์ 1 เฟส และเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ 3 เฟส

ก. เซอร์กิตเบรกเกอร์ 1 เฟส ประกอบด้วย CB. ขนาด 1 ข้ัว (1 pole) ใช้กับตู้ โหลดเซ็นเตอร (load

center) หรือ Consumer unit โดยทั่วไปจะเรียกว่าลูกซีบี ทาหน้าที่เหมือนกับสวติ ช์ธรรมดา กล่าวคือ

จะใช้ตดั วงจรเฉพาะเส้นท่ีมีไฟ (Line) ดงั รูปที่ 10.2 (ก) อีกชนิดหน่งึ คือ CB. ขนาด 2 ข้ัว (2 Pole) ดงั

รปู (ข)

รปู ที่ 10.2 CB. ท่ีใชก้ นั ระบบ 1 เฟส

ข. เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ 3 เฟส จะมีขนาด 3 ข้วั (3 Pole) ดังรปู ท่ี 10.3

รูปที่ 10.3 CB. แบบต่าง ๆ ทีใ่ ช้กนั ระบบ 3 เฟส

1. การตรวจสอบเซอร์กติ เบรกกอร์
CB.จะมีคันโยกเป็นส่วนที่เคล่ือนไหว ดังนั้นโดยท่ัวไปจะตรวจสอบระบบทางกล

ตรวจสอบหนา้ สมั ผัสและความเป็นฉนวนระหวา่ งขัว (pole) วธิ ตี รวจสอบมหี ลกั ปฏิบัติดงั นhี
1.1 การตรวจสอบระบบทางกล

รปู ที่ 10.4 การทดสอบดว้ ยการดปุ่มรเี ซต็

1.2 การตรวจสอบหนา้ สัมผัสและความเป็นฉนวน
โดยทั่วไปจะใช้มัลติมิเตอร์วดั ความดา้ นทานเน่ืองจากราคาลูกและใช้งานไดด้ ีมหี ลกั ปฏิบัติดังน้ี
ก. ทดสอบหน้าสัมผัสด้วยการจับคันโยกดันขึ้นด้านบนตาแหนง่ “ON” ดังรูปท่ี 10.5 ใช้มัลติมิเตอร์ (ย่าน

วัด R  1 หรือ R  10) ตรวจสอบที่ขั้ว 1 – 2, 3 – 4 และ 5 – 6 ถ้าอยู่ในสภาพปกติเข็มของมัลติ
มเิ ตอรต์ อ้ งชที้ ศี่ นู ยโ์ อหม์ แตถ่ ้าหากเข็มไม่กระดกิ แสดงวา่ หนา้ สัมผัสต่อกันไม่สนทิ นอกจากนย้ี ังสามารถใช้
เทสแลมป์ ดังรปู ที่ 10.1 ทาการตรวจสอบได้เชน่ คนั

รปู ที่ 10.5 วิธกี ารตรวจสอบหนา้ สมั ผัสดว้ ยมลั ตมิ ิเตอร์

ข. ทดสอบความเป็นฉนวน ใชม้ ลตมิ ิเตอร์ (ย่านวดั R  10K) ตรวจสอบที่ข้วั 1 – 3, 1

– 5, 3 – 5, 2 – 4, 2 – 6, 4 – 6 และข้ัวใดข้ัวหนงึ่ (ระหวา่ งขั้ว 1 – 6) กับเฟรม (frame) ถ้าหากเข็ม

ของมัลติมิเตอร์ไม่กระดิก ดังรูปที่ 10.6 แสดงว่ามีค่าความต้านทานสูงและเป็นฉนวนที่ดี และเม่ือกด

กันโยกลงสู่ตาแหน่ง “OFF” ให้ทาการทดสอบซ้าอีกคร้ัง ค่าความต้านทานควรมีค่าเท่าเดิม จงึ จะถือ

วา่ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์มีสภาพความเป็นฉนวนท่ีดพี รอ้ มที่จะนา ไปใชง้ าน

รปู ท่ี 10.6 วธิ ีการตรวจสอบความเปน็ ฉนวนดว้ ยมลั ตมิ ิเตอร์

2. การซ่อมบารงุ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ ส่งิ ทต่ี ้องคานงึ และคอยตรวจสอบบารงุ รักษามีดังต่อไปน้ี
2.1 ข้ัวตอ่ สายของเซอร์กติ เบรกเกอร์
ก. ข้ัวตอ่ หลวมหรือไม่
ข. มีรอยไหมเ้ กรียมท่ีเกิดจากการอารก์ บริเวณอุดต่อหรอื ไม่
ค. อยา่ ให้แมลงทาความสกปรกบรเิ วณข้วั ต่อ เช่น เศษดินตา่ ง ๆ

2.2 หนา้ สัมผสั
ก. หน้าสมั ผัสของสว่ นท่เี คล่ือนที่กบั สว่ นทีอ่ ยู่กับท่ีจะต้องแนบสนิทกัน
ข. เมอื่ หนา้ สมั ผัสตอ่ ถงึ กัน ค่าความต้านทานตอ้ งมีคา่ ศนู ย์โอหม์

2.3 สภาพท่วั ไปของการตดิ ตงั้ และจับยึด
ก. ต้องแขง็ แรง ไม่ผกุ รอ่ น
ข. ยดึ ติดกบั แปน้ รองอยา่ งม่ันคง ไมห่ ลวม

2.4 ขนาดเหมาะสมกับโหลด เมอ่ื มีโหลดเพ่ิมเศษจะต้องตรวจสอบกระแสวา่ เหมาะสมกบั พกิ ัดของเซอร์กิต
เบรกเกอร์หรือไม่

10.1.2 ความเป็นฉนวนของสายไฟฟา้
สายไฟฟ้าคือส่ือกลางในการนากระแสไฟฟ้าไปยังเคร่ืองใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า

เคร่ืองเช่ือมไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และอื่น ๆ ดังน้ัน สายไฟฟ้าจึงถูกใช้งานภายใต้ ส่ิงแวดล้อมที่ต่างกัน
โอกาสท่ฉี นวนจะถลอกหรอื หลอมละลายจึงไม่เทา่ กนั

1. สาเหตทุ ี่ทาใหฉ้ นวนเส่ือม
1.1 อณุ หภูมิ เนือ่ งจากติดต้งั ใกล้กับอุปกรณท์ ่ใี หค้ วามรอ้ น เชน่ เตาอบ สะเก็ดจากการเชือ่ ม
1.2 ฉนวนหอ่ หุ้มบรเิ วณรอยตอ่ ไม่ดี เกดิ จากการทางานเร่งรบี ของผู้ปฏบิ ตั งิ านหรือใช้วสั ดุ

อปุ กรณ์ที่ไม่มีคณุ ภาพ

1.3 กระแสไหลผา่ นมากเกนิ ไป ทาใหฉ้ นวนหลอมละลายเนื่องจากสาเหตุตอ่ ไปน้ี
ก. ติดต้ังสายขนาดเลก็ เกนิ ไป
ข. มีการตดิ ตง้ั อปุ กรณ์เพ่มิ เตมิ แต่ขนาดสายเทา่ เดมิ
ค. ติดตั้งอปุ กรณืป้องกันไม่เหมาะสม

1.4 สายไฟฟ้าถกู กดทับ ทาให้สายไฟฟา้ ถกู เสยี ดสีจนถลอกถึงสายตัวนา
1.5 การส่ันสะเทือน ทาใหส้ ายไฟฟา้ ถกู เสยี ดสจี นถลอกถึงสายตวั นา
1.6 รอยตอ่ หลวมทาให้เกิดความร้อนเนือ่ งจากการอาร์คในบรเิ วณดังกลา่ ว และเปน็ สาเหตใุ หฉ้ นวนท่ี
ห่อหุ้มหลอมละลาย

2. การตรวจสอบความเป็นฉนวนของสายไฟฟา้
สายไฟฟ้าท่ีถลอกหรือฉีกขาดเป็นสาเหตุของการลัดวงจรและเป็นสาเหตุให้ถูก กระแสไฟฟา้ ดูด แต่ถ้าหาก
เป็นการร้อยสายไฟฟ้าในท่อร้อยสายหรือเดินสายในจุดซ่อนเร้นไม่ สามารถสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า
จาเป็นตอ้ งใชเ้ ครอื่ งมือทดสอบที่เรียกว่า เมกฺ เกอร์ หรอื insulation tester meter

2.1 วธิ ีทดสอบฉนวนของสายไฟฟา้ เมือ่ เดินสายไฟฟา้ ด้วยเข็มขดั รดั สาย
ก. เมื่อเปน็ วงจรควบคุมการปิด – เปิดหลอดไฟฟ้า ดังรูปที่ 10.7 ให้ใช้ เมกเกอร์ทดสอบท่ีขั้ว L

และข้ัว N

รปู ท่ี 10.7 การทดสอบฉนวนเม่อื เดนิ สายไฟฟา้ ดว้ ยเขม็ ขัดรดั สาย

1. ถ้าค่าความต้านทานเท่ากับศูนย์ หรือน้อยกว่า 0.5 เมกะโอห์ม แสดงว่า ฉนวนเสื่อมคุณภาพควรเปล่ียน
สายใหม่
2. ถา้ ความตา้ นทานมากกว่า 0.5 เมกะโอห์ม แสดงวา่ ฉนวนยังไมเ่ สื่อมคณุ ภาพและสามารถใชง้ านต่อไปได้
ข. ใส่หลอดเช้ากับจุด 1, 2 จากนั้นตรวจสอบความเป็นฉนวนระหว่างสายไฟฟา้ กับดนิ
1. ถา้ คา่ ความต้านทานนอ้ ยกว่า 0.5 เมกะโอหม์ แสดงวา่ ฉนวนเสอ่ื ม คณุ ภาพควรเปลยี่ นสายใหม่
2. ถ้าค่าความตา้ นทานมากกว่า 0.5 เมกะโอห์ม แสดงว่าฉนวนยังไม่ เสื่อมคุณภาพและสามารถใช้งานต่อไป
ได้

2.2 วิธกี ารทดสอบฉนวนของสายไฟฟ้าเมอ่ื เดนิ สายไฟฟา้ ในทอ่ ร้อยสาย
สมมติว่าในท่อร้อยสายไฟฟ้ามีสายไฟฟ้าจานวน 3 เส้น ดังรูปท่ี 10.8 ก่อนที่จะทดสอบต้องตรวจสอบให้
แน่ใจว่าข้อตอ่ ต่าง ๆ ของท่อ EMT ถกู ต่อเข้าด้วยกันอยา่ งแขง็ แรง ทุกชุดมีหลักปฏิบัติงา่ ย ๆ ดงั น้ี

รปู ท่ี 10.8 การทดสอบฉนวนของสายไฟฟ้าเม่อื เดินสายไฟฟา้ ในทอ่ รอ้ ยสาย

ก. ใช้เมกเกอร์หรือ insulation tester meter ทดสอบท่ีข้ัวใด ๆ (ข้ัวที่ 1, 2 หรือ 3) กับ
กล่องต่อสาย ผลการยอมรับว่าฉนวนเส่ือมคุณภาพแล้วหรือยังสามารถใช้งานได้ จะใช้หลักเกณฑ์
เชน่ เดียวกบั การทดสอบตามรูปท่ี 10.7

ข. ทดสอบระหวา่ งสายไฟฟ้ากบั ดนิ ใช้หลกั เกณฑ์เดยี วกัน

3. การบารุงรกั ษาฉนวนของสายไฟฟ้า สง่ิ ทีต่ อ้ งคานงึ และคอยตรวจสอบบารงุ รกั ษามีดงั ต่อไปน้ี
3.1 หมัน่ ตรวจสอบและทาความสะอาดในบริเวณที่สายไฟฟา้ เขา้ ถึง เช่น บนฝ้า เพดาน หนูอาจกัด
ฉนวนขาดจนเหน็ ตัวนาและเป็นเหตุใหเ้ กิดการลดั วงจร
3.2 ตรวจสอบกระแส อย่าให้เกินพิกัดของสายไฟฟ้าที่จะทนได้ โดยการใช้ แคลมป์มิเตอร (clamp
meter)
3.3 ตดิ ต้ังอุปกรณป์ ้องกันวงจรขนาดทเี่ หมาะสม

3.4 อยา่ ใหส้ ายไฟฟา้ ถกู แสงแดด เน่อื งจากสายไฟฟา้ ท่ีใชต้ ิดตั้งภายในอาคาร ส่วนใหญถ่ กู
ออกแบบใหใ้ ชใ้ นร่มเท่าน้นั
3.5 ระวงั อย่าใหส้ ายไฟฟา้ ถกู กดทบั ด้วยส่ิงของท่มี ีคมหรือมนี ้าหนักมากถา้ หลกี เลยี่ งไมไ่ ดค้ วรทา
ฉนวนครอบสายกอ่ นท่จี ะถกู กดทับ

10.1.3 รเี ลย์กระแสเกนิ (over current relay: O/C)

จากคุณสมบัตขิ องรีเลย์กระแสเกินท่ีสามารถตรวจจับกระแสผิดปกตทิ ี่มีค่าต่า ๆ และเวลาของการส่งสัญญาณเพ่ือส่ัง
ตัดวงจรของเซอร์กิตเบรกเกอร์ยังสามารถปรับตั้งได้ การตรวจสอบรีเลย์กระแสเกินส่วนใหญ่จะได้จากการทดลอง มี
ข้อควรปฏิบัตดิ ังนี้

1. ตรวจสอบกระแสตา่ สุดที่ทาให้รีเลย์ทางาน หมายถึง กระแสต่าสุดท่ีทาให้จาน ของรเี ลย์หมุน และเป็น
กระแสท่ีส่งั ใหเซอรก์ ิตเบรกเกอรป์ ลดสง่ิ ผดิ ปกติออกจากระบบ

2. ตรวจสอบเวลาตา่ สุดท่ีทาใหร้ เี ลยส์ ่ังปลดวงจร
3. ตรวจสอบการปรบั คา่ min. pick up current
4. ตรวจสอบหนา้ สมั ผัส
5. ตรวจสอบค่า operating time ให้ตรงตาม standard curve

10.2 การตรวจสอบและแก้ไขข้อบกพร่องของหมอ้ แปลงไฟฟา้
อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกอาคารท่ีจาเป็นต้องตรวจสอบและซ่อมบารุงเพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดสภาวะ
ผิดปกตทิ ี่อาจจะเกิดข้นึ ในระบบจ่ายไฟฟ้า อปุ กรณ์ทส่ี าคัญก็คอื หม้อแปลงไฟฟา้
10.2.1 นา้ มันหมอ้ แปลงไฟฟ้า
หม้อแปลงไฟฟ้า หรอื ท่ีเรยี กวา่ ทรานส์ฟอรเ์ มอร์ (transformer) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
หม้อแปลงแบบท่ใี ช้ของเหลวระบายความรอ้ น และหมอ้ แปลงแบบแห้ง

1. หม้อแปลงแบบท่ใี ช้ของเหลว (liquid-filled transformer) ทีเ่ ราคุ้นเคยก็คือ หม้อแปลงชนิดท่ีใชน้ ้ามัน
(oil-filled transformer) เรยี กอกี อย่างว่า oil immersed น้ามันจะทาหน้าที่เป็นฉนวนระหว่างขดลวดกับ
ตัวถังและระหว่างขดลวดกับแกนเหล็ก ที่ตัวถังจะมีครีบระบายความร้อนเพ่ือให้ความร้อนระบายออกจาก
หม้อแปลง หรอื อาจจะมีการทาถังระบายความร้อน (radiator) โดยการติดต้ังพดั ลมเป่าลมเป็นการระบาย
ความรอ้ นให้หม้อแปลงมีประสิทธิภาพสูงขึ้นประมาณ 15% (สาหรบั หม้อแปลงขนาด 750 3 2,000 kVA)
และ 25% (สาหรบั หม้อแปลงขนาด 2,500 - 10,000 kVA)

ลกั ษณะโครงสร้างภายนอกอาจจะแตกตา่ งกันตามการออกแบบของผผู้ ลติ ดังรูปที่ 10.9

ส่วนประกอบท่สี าคญั มีดงั น้ี

1. ขดลวดแรงดันสงู 9. จุดทตี่ ิดตัง้ รีเลยป์ อ้ งกนั ชนดิ buchholz (ถา้ ต้องการ)

2. ขดลวดแรงดันตา่ 10. บุชช่งิ แรงดันสงู

3. แกนเหล็ก 11. ขั้วตอ่ สายแรงดนั สูง

4. ครบี ระบายความร้อน 12. ขว้ั ต่อสายแรงดันต่า

5. ตวั เปลย่ี นแทป 13. บชุ ชิง่ แรงดนั ตา่

6. ชอ่ งวา่ งปลายแหลม

(ใช้ป้องกันแรงดันสูงเกินไป)

7. ถงั พักนา้ มัน 14. ช่องสาหรบั เสียบเทอรโ์ มมิเตอร์

8. เกจแสดงระดบั นา้ มนั

รปู ท่ี 10.9 โครงสรา้ งของหมอ้ แปลงชนดิ ระบายความร้อนดว้ ยของเหลว

2. หม้อแปลงแบบแห้ง ท่ีนิยมใช้งานทั่วไปคือชนิดทุ้มดว้ ยฉนวนอีพ็อกซี (epoxy หรือ cast resin dry
type transformer) ใช้อากาศในการระบายความร้อน จึงไม่มีอันตรายจากการลุกไหม้และระเบิด
เหมือนกับหม้อแปลงชนิดท่ีใช้นามัน นอกจากนี้ยังไม่ต้องการการบารุงรักษา สามารถติดต้ังได้ทุกสถานท่ี
ถ้าหากติดต้ังภายนอกอาคารก็เพียงแต่ทาตัวถังครอบหม้อแปลง เพื่อกันความช้ืน โครงสร้างของหม้อ
แปลงแบบแห้งชนดิ cast resin แสดงตงั รูปท่ี 10.10

รปู ท่ี 10.10 โครงสร้างพงหมอ้ แปลงแบบแหง้

ตารางท่ี 10.1 คุณลักษณะของนามันในหม้อแปลงและผลกแทบทเ่ี กิดขึน้

คณุ ลักษณะจาเพาะ ผลกระทบทเ่ี กิดขึ้น
ความหนดื ถา้ นามันหมอ้ แปลงมีความหนดื ต่า จะทาให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนดี
ถา้ อณุ หภมู สิ ูงข้ึนจะทาให้คา่ ความแข็งแรงเชงิ กาบงั ไฟฟ้ามคี ่าต่า แตจ่ ะทาให้แก๊สที่ละลายในน้ามันเกิดการแตก
ความแข็งแรงเชงิ กาบังไฟฟ้า ตัวมาก ขึน้ และคา่ ความเป็นฉนวนของนามันจะลดลง
เป็นระดับอณุ หภูมิทไี่ อนา้ มันบนผวิ นามันสามารถติดไฟขึ้นเองโดยธรรมชาติ ถ้าน้ามันหม้อแปลงมีจดุ วาบไฟต่า
จดุ ไวไฟ จะทาใหน้ ามันระเหยไดง้ า่ ยและขยายตัวไดม้ าก น่นั คอื ทาให้ความดนั ภายในหม้อแปลงมคี ่าสงู
เป็นค่าท่ีระบุไว้เพ่ือฟ้องกันมิให้น้ามันกลายเป็นน้าแข็ง ในสภาวะท่ีมีอุณหภูมิต่า โดยท่ัวไปจะกาหนดไว้
ความหนาแน่น ประมาณ 0.895 g/cm3 ท่ี 20°c

คณุ ลกั ษณะจาเพาะ ผลกระทบทีเ่ กดิ ข้ึน
จุดไหลเท เป็นค่าที่มีความสมั พันธก์ บั ความหนาแน่น ซึง่ จะเป็นคา่ อณุ หภมู ทิ ตี่ ่าที่สุดท่ีน้ามนั ยงั ไหลได้

ค่ามูลนามันและความเป็นกรด เป็นคา่ ท่เี กิดขน้ึ ภายหลังจากที่นามันทาปฏิกิริยากับอากาศ หากมีค่าสูงจะทาให้ประสิทธิภาพการระบายความ
ร้อนต่าา และยังอาจมผี ลต่อการไหลเวียนของนามันในท่อนามันด้วย เพราะว่ามีมูลนามันไปเกาะภายในท่อนา
ความแข็งแรงเชิงไฟฟา้ มนั
การปะปนของสารอ่นื
เปน็ ค่าที่ระบคุ วามสามารถในการทนต่อแรงดันไฟฟ้า เพื่อ ใหน้ ามนั คงคา่ ความเป็นฉนวนได้ดี

ได้แก่ สารจาพวกกามะถันและนา้ ซง่ึ กรณีของกามะถนั น้นั จะต้อองไม่มีอยู่เลยในน้ามัน ส่วนน้าก็จะต้องอยู่ใน
พิกัด ท้ังน้ี เพื่อรักษาความเปน็ ฉนวนของนามัน

10.2.2 การตดิ ตั้งหม้อแปลงไฟฟ้า
1. ตอ้ งตดิ ตงั้ หมอ้ แปลงให้ได้ระดบั บนฐานรองรบั ท่มี ั่นคงแข็งแรง
2. จุดต่อต่าง ๆ ควรให้น้อยที่สุด หน้าสัมผัสของจุดต่อควรขัดทาความสะอาดด้วย แปรงลวดเพ่ือขจัด

ออกไซด์ และควรใชค้ อมปาวด์ (compound) ทาให้ทัว่ ผวิ หนา้ สมั ผสั ก่อนที่จะ ต่อสายเข้าขัว้ ตอ่ ต่าง ๆ
3. การทาความสะอาดบชุ ชิ่งให้ใชผ้ า้ นม่ิ และสะอาด
4. ปรับตาแหน่งของ tap changer ตามความต้องการ โดยขยบั ไปมาเพื่อให้หนา้ สมั ผสั สนิทกันดยี ิ่งขนึ้
5. ตรวจสอบการติดตั้งฟิวส์ล่อฟ้าและการต่อสายดินร่วมระหวา่ งล่อฟ้าแรงสูงกับ ถังหม้อแปลง และ

การต่อลงดนิ ของสายนวิ ทรลั แรงตา่

6. วดั คา่ ความตา้ นทานของดนิ สายตอ่ ลงดนิ ต้องมีค่าไม่เกนิ 5 โอหม์
7. ตรวจสอบระดับน้ามันหมอ้ แปลงและตรวจความชื้นของนา้ มันหมอ้ แปลง โดยดู จากสีของ silica gel
สภาพปกตดิ จี ะเป็นสีน้าเงนิ สาหรับ silica gel ท่ีดูดอมความชืน้ หรอื เสื่อม สภาพจะเป็นสีชมพู
8. ตรวจสอบและจัดตง้ั เขม็ วดั อุณหภมู ิใหถ้ ูกต้อง
9. ก่อนจา่ ยไฟควรใชเ้ มกเกอร์ (megger) วัดค่าความตา้ นทานของฉนวน (insulation resistance) ระหว่าง
ขดลวดแรงสูงกับแรงต่า และระหว่างขดลวดทั่งสองกับถังหม้อแปลง ค่าท่ีวัดได้ไม่ควรต่ากว่าตัวเลข ดัง
ตารางท่ี 10.2 (ทีอ่ ณุ หภมู ิ 40 - 50 องศาเซลเซยี ส)

ตารางท่ี 10.2 ค่าความเปน็ ฉนวนของหมอ้ แปลง (MW)

ระบบแรงตา่ (400/230 V) 50 - 100
ระบบ 11 kv 100 – 200
125 - 250
ระบบ 22 - 33 kv

10. ขณะทดลองจา่ ยโหลดควรวัดกระแสและแรงดัน (ต้านแรงต่า) และวดั กระแส ขณะโหลดสงู สดุ ด้วย
11. นาตวั อยา่ งน้ามนั ไปวดั คา่ ฉนวนนามนั ดังนี้
สาหรับระบบ 3 เฟส พิกัด 100 kVA ช้ืนไป ทุก 6 เดอื น ค่าฉนวนของน้ามัน หม้อแปลงต้องไม่ตา่ กวา่ ค่าจาก
ตารางที่ 10.3 และถ้าหากพบว่ามีน้าและตะกอนปนอยู่ด้วย ค่าฉนวนจะต่ากว่าที่กาหนดจะต้องสับเปล่ียน
หมอ้ แปลงถูกใหม่
12. บันทึกการตรวจสอบช้างตน้ และเก็บรักษาไว้เพื่อประโยชนใ์ นการซอ่ มบารุงในอนาคต

ตารางท่ี 10.3 คา่ ฉนวนนา้ มันหมอ้ แปลง 3 เฟส 100 kVA ข้ึนไป

ระบบ (kV) kV/2.5 มม.
11 25
22 30
33 32


Click to View FlipBook Version