The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peamyow, 2022-04-08 22:29:18

ติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร

รหัสวิชา 20104-2005

Keywords: ไฟฟ้า

11. การเดินสายหกั มมุ
ภายในอาคารหรือบ้านเรือนทั่วไปจะมีรูปทรงเป็นส่ีเหลี่ยมผืนผ้า เม่ือต้อง
เดินสายผ่าน บริเวณดังกล่าวต้องหักมุมโค้งไปตามผนังหรือมุมของต้นเสา
ระยะห่างระหว่างเข็มขัดรัดสายตัว สุดท้ายกับรัศมีความโค้งต้องให้มีระยะห่าง
พอสมควร อย่าให้ใกล้หรือห่างจนเกินไปจะทาให้สาย ไม่เรียบ โดยจะสังเกตเห็น
แสงลอดผา่ นใตส้ ายไฟฟา้ ตวั อย่างเชน่ สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (มม.2) ต้องใชร้ ัศมี
ความโคง้ ไมต่ ่ากวา่ 2.5 เซนติเมตร ดงั รูปที่ 5.5

รปู ที่ 5.5 การหกั มมุ โค้ง สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (มม.2)

ถา้ หากหกั มมุ โคง้ ของสายหลาย ๆ เสน้ อาจจะต้องเพิ่มเขม็ ขดั รดั สายตามมมุ โคง้
อีก หนงึ่ ตัว เพ่ือให้การจับยึดแข็งแรงมากขน้ึ ดังรูปท่ี 5.6

รปู ท่ี 5.6 การตดิ ต้ังเขม็ ขดั รดั สายตามมมุ โคง้ เมอ่ื ต้องโคง้ สายหลาย ๆ เส้น

12. การเดนิ สายไฟฟ้าบนอาคารไมแ้ ละอาคารคอนกรีตฉาบปูน
วิธีการเดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขัดรัดสายบนอาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบ
ปนู มีหลกั ปฏบิ ัติ ดงั น้ี

12.1 เลือกตะปูให้เหมาะสม กล่าวคือ ตอกไม้ใช้ขนาด ½ น้ิว 3/8 น้ิว
และตอกบน คอนกรีตฉาบปูนใชข้ นาด 5/16 น้ิว

12.2 หงายด้านมีคมขึ้นและต้องหันหัวเขม็ ขัดรัดสายไปในทศิ ทางเดยี วกัน
12.3 เม่ือจาเป็นต้องเดินสายไฟฟ้าบนคานควรเดินชิดขอบของคาน จะ
เดินชดิ ขอบบน หรอื ขอบล่างก็ได้ตามความเหมาะสม

12.4 วางแผนก่อนเดินสายไฟฟ้า หมายถึง ต้องสารวจก่อนว่าจะให้สายเส้น
ใดอยู่ด้านล่าง อยู่กลาง หรืออยู่ด้านบน เพราะจะทาให้สายไขว้กันหรือสายทับกัน
ซึ่งผิดหลกั การเดนิ สายไฟฟา้

12.5 อาคารคอนกรีตฉาบปูนต้องใช้เหล็กนาศูนย์ หรือท่ีเรียกว่าเหล็กตอก
นา ตอกนา กอ่ นทีจ่ ะตอกตะปเู ขา้ ไป เปน็ การป้องกันไมใ่ หต้ ะปูงอ

5.1.2 การเดินสายไฟฟ้าในท่อร้อยสาย
การเดินสายไฟฟ้าในท่อร้อยสายจะใช้ติดต้ังภายในโรงงานอุตสาหกรรม

เนื่องจากภายใน โรงงานมีความช้ืน สารเคมีและโอกาสท่ีสายไฟฟ้าจะถูกกระทบ
กระแทกมีมากกวา่ ในบ้านเรือนทั่วไป ที่สาคัญอีกอย่างคือมีความปลอดภัย เม่ือเกิด
ประกายไฟหรือเกิดการอาร์ก นอกจากน้ีการเดินสาย ไฟฟ้าในท่อร้อยสายยังถูก
นามาใช้ในการติดตั้งภายในอาคาร สานักงานขนาดใหญ่ที่ใช้สายจานวน มาก
กระแสจานวนมาก ส่วนใหญ่จะใช้ท่อร้อยสายในช่วงระหว่างสายเมนเข้าไปยัง
ต้คู วบคุม (Main CB) นอกจากนอ้ี าจจะเป็นการเดินสายเฉพาะจุด หรือเม่ือมีการ
ตดิ ต้ังต่อเตมิ ในภายหลัง ก็เปน็ ได้ทั้งการเดินดว้ ยท่อโลหะจาพวกท่อ EMT. และการ
ใชท้ ่อพวี ีซีสีเหลอื ง

1. วธิ ีการเดินสายในทอ่ วิธที ีน่ ิยมใช้ในปัจจบุ ันมหี ลายอยา่ ง ดังนี้
1.1 เดินในท่อโลหะหนา ท่อโลหะหนาปานกลาง และท่อโลหะบาง ผลิต

จากเหล็ก อาบสังกะสี ยาวท่อนละ 6 เมตร ท่อโลหะหนาและและท่อโลหะหนา
ปานกลางสามารถทาเกลียว ได้ ใช้งานทดแทนกันได้ นอกจากน้ียังใช้ฝังดินได้อีก
ด้วย

1.2 เดินในท่อโลหะอ่อน หรือที่เรียกว่าท่อเฟล็กซิเบลิ (flexible metal
conduit) มี ลักษณะเป็นแกนโลหะอ่อน พันซ้อนทับกัน นิยมใช้ในบริเวณท่ีมีการ
ส่นั สะเทอื น เชน่ เชอื่ มต่อ ระหวา่ งรางเดนิ สายกับเครื่องจักร แต่ห้ามใชฝ้ ังดิน

1.3 เดินในท่อโลหะอ่อนกันของเหลว หรือที่เรียกว่าท่อเอ็มเฟล็ก
(MFLEX) ประกอบ ด้วยโลหะข้ึนรูปขัดกันเป็นเกลียว มีเชือกคั่นระหวา่ งร่องโดยมี
ฉนวนพีวซี ีหอ่ หมุ้ เพื่อป้องกนั การ รัว่ ของสายไฟฟ้า

1.4 เดินในท่ออโลหะแข็ง ท่ีใช้งานท่ัวไป ได้แก่ ท่อพีวีซี และพีอี ท่อพีวีซี
ไม่คงทนต่อแสงอัลตราไวโอเลต ดังน้ันเม่ือตากแดดเป็นระยะเวลานานจะกรอบ
และแตกเป็นขุย ส่วนท่อพีอี จะติดไฟง่าย ดังน้ันท่อชนิดนี้จึงเหมาะสาหรับติดตงั้ ใน
ท่ีโล่ง เดนิ ซอ่ นในผนัง พน้ื หรือเพดาน

2. วิธีการดัดท่อ เครื่องมือดัดท่อหรือท่ีเรียกว่า เบนเดอร์ (bender) แต่ละชนิด

เหมาะสาหรับ ท่อแต่ละประเภทดังน้ี

ท่อโลหะบาง จะใช้ EMT. bender

ท่อโลหะหนาปานกลาง จะใช้ IMC. hickey

ทอ่ โลหะหนา จะใช้ rigid bender หรือท่ีดัดท่อไฮดรอลิกส์

ควรจะเลือกขนาด bender ให้พอดีกับขนาดของท่อร้อยสายไฟฟ้า ถ้า
หากใช้ bender ขนาดใหญ่เกินไปอาจจะทาให้ท่อแบน ส่งผลให้พ้ืนที่หน้าตัด
ภายในท่อลดลง ทาให้การร้อยสายทาได้ลาบาก ดังน้ันการดดั ท่อจะต้องระมัดระวัง
ไม่ให้ท่อเสียรูปทรง เส้น ผ่านศูนย์กลางภายในท่อจะต้องเท่าเดิมหรือลดลงน้อย
ท่ีสุด องค์ประกอบท่ีสาคัญอีกอย่างหน่ึงคือ รัศมีความโค้ง โดยจะวัดจากจุด
ศูนย์กลางความโค้งถึงขอบด้านในของท่อท่ีโค้ง โดยทั่ว ๆ ไป รัศมีความโค้งของท่อ
ท่ีดัดจะต้องไม่ต่ากว่า 6 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ สาหรับงานภาค สนาม
ส่วนใหญจ่ ะมีคา่ ประมาณ 6 - 8 เท่าหรือมากกว่า ดังตารางท่ี 5.1

ตารางที่ 5.1 รศั มคี วามโค้งของทอ่ ขนาดตา่ ง ๆ

ขนาดท่อ (นวิ้ ) รัศมคี วามโค้งต่าสดุ (นวิ้ )
½ 4
¾ 5
1 6
1¼ 8
1½ 10
2 12

ขนาดท่อ (นิ้ว) รัศมีความโคง้ ต่าสุด (นิ้ว)
2½ 15
3 18
3½ 21
4 24
4½ 27
5 30
6 36

การดัดท่อแบง่ ออกเปน็ 2 วิธี คอื
วิธีท่ี 1 ใช้เบนเดอร์ในการดัดท่อ วิธีการคือ นาท่อสอดเข้ากับเบนเดอร์

วางลงบน พ้ืนราบ ใช้เท้าเหยียบเบนเดอร์และอีกข้างหน่ึงเหยียบท่อให้แน่นกับพ้ืน
จากนั้นใช้มือดงึ เบนเดอร์ เข้าหาลาตัว

วิธีท่ี 2 ใช้แรงกด วิธีการคือตั้งเบนเดอร์ให้อยู่กับที่ นาท่อสอดเข้ากับเบน
เดอร์ จากนั้น กดท่อลงด้านล่าง

2.1 ระยะความสูงของเบนเดอร์ดัดท่อ เบนเดอร์สาหรับดัดท่อจะมีระยะ
ความสูง (take up) ดังตารางท่ี 5.2 ซึ่งเป็นระยะที่ท่อถูกดัดให้โค้งงอ ดังรูปที่ 5.7
ใช้เบนเดอร์ ½ น้ิว ดัดท่อ ½ นว้ิ โค้งทามุม 80 องศา ระยะ take up เท่ากับ 5
น้วิ

ขนาดเบนเดอร์ (นิ้ว) ระยะ take up (น้วิ )
½ 5
¾ 6
1 8

รูปที่ 5.7 แสดงการดดั ท่อและวดั ระยะ take up

ตารางท่ี 5.2 ระยะ take up ของเบนเดอร์

2.2 การคานวณความยาวจากปลายท่อ เช่น ต้องการดัดท่อขนาด ¾ นิ้ว ให้สูง
จากพ้ืน 38 น้วิ วิธีการคือ ใช้ระยะความสูงลบดว้ ยระยะ take up (6 นวิ้ ) ดงั นั้น
หัวลูกศรบนเบนเดอร์ จะตรงกับระยะ 32 นิ้ว (วัดจากปลายท่อ) เมื่อดัดเป็นมุม
90 องศา จะวัดระยะความยาวจาก ปลายทอ่ เท่ากบั 38 นิ้วพอดี ดังรูปที่ 5.8

รปู ท่ี 5.8 การคานวณความยาวของทอ่ ¾ น้วิ

3. การดัดท่อรูปตัวยู (U) วิธีการคือ คัดท่อท่ีปลายด้านหนึ่งให้โค้งงอ 90
องศา ลาดับต่อ ไปวัดและทาเครอื่ งหมาย (mark) บนท่อจากจุดที่อยู่กับท่ี (จดุ X)
ไปยังจุดท่ีต้องดัดท่อ (จุด Y) โดยให้จุด Y ตรงกับตาแหน่ง B บนเบนเดอร์ จากนน้ั
ค่อย ๆ ดัดท่อให้โคง้ ทามุม 90 องศา จะ ได้ทอ่ รปู ตวั ยู ดงั รปู ท่ี 5.9

รปู ที่ 5.9 แสดงการดัดท่อรปู ตัวยู (U)

4. การดัดคอม้า เรียกอีกอย่างว่า การทาออฟเซต (OFF SET) หมายถึง การ
ยกระดบั ความสงู ของท่อใหส้ งู ขึ้นและโคง้ งอเท่ากนั แต่กระทาในทิศทางตรงกันข้าม
วตั ถุประสงค์ของการทา OFF SET คือ
1. เพ่ือตอ่ เขา้ กบั กล่องตอ่ สาย กล่องสวิตช/์ ปลก๊ั

รูปท่ี 5.10 การดดั คอมา้ (OFF SET

2. เพื่อดดั ท่อขา้ มสิง่ กดี ขวาง (ทา OFF SET จานวน 2 คร้ัง)
การดัดคอม้าเร่ิมจากการดัดท่อให้โค้งพอประมาณ เม่ือเสร็จแล้วให้ถอดเบน

เดอร์ออก พลิกท่อกลับให้อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม จากน้ันจึงดัดท่ออีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งปลายท่อท้ังสอง ด้านขนานกันพอดี เม่ือดัดเสร็จเรียบร้อยจะมีลักษณะ
ดังรูปที่ 5.10 สาหรับการดัดท่อข้าม ส่ิงกีดขวางจะต้องดัดออฟเซตจานวน 2 ครั้ง
หรือการดดั 3 ตาแหน่ง ลกั ษณะดังรปู ที่ 5.11 (ก) และ (ข)

5. การดดั ทอ่ เพอ่ื การแก้ไข
5.1 การดดั กลบั คนื ถา้ หากดัดทอ่ มากเกนิ ไปสามารถแก้ไขดว้ ยการใช้ท่อท่ี

มีขนาด ใหญ่กว่าเล็กน้อยหรือด้ามเบนเดอร์สวมลงในท่อนั้น จากน้ันจึงค่อย ๆ ดัน
ใหท้ อ่ กลับคนื ดังรูปที่ 5.12 (ก)

5.2 การแก้ไขเมอื่ ทอ่ บุ๋ม จะใช้เหล็กกระทงุ้ ทีผ่ วิ ด้านในดังรูป (ข)

6. การติดตั้งท่อโลหะรอ้ ยสาย หลังจากทาการดดั ท่อร้อยสายเสร็จเรียบร้อยจะตอ้ ง
นามา ประกอบตอ่ เช่ือมเข้าด้วยกันใหม้ คี วามแขง็ แรง ดงั รูปท่ี 5.13
7. การร้อยสายเข้าท่อ เคร่ืองมือที่ใช้ร้อยสายไฟฟ้าเข้าไปในท่อเรียกว่า ฟิชเทป
(fish tape) ทาจากเหล็กท่ีมีความเหนียวและที่บริเวณปลายฟิชเทปจะทาเป็นห่วง
คล้องเข้ากับสายไฟฟ้า เพ่ือป้องกันสายหลุดขณะที่กาลังร้อยสาย ลักษณะดังรูปที่
5.14 การร้อยสายควรปฏิบัติงาน อย่างน้อยสองคน กล่าวคือ คนหนึ่งส่งสายและ
อีกคนหนงึ่ ดงึ สาย บางครัง้ อาจจะตอ้ งใช้สารลด ความฝืดแตต่ ้องไมเ่ ปน็ อันตรายกับ
ฉนวนของสายไฟฟา้

รปู ที่ 5.13 แสดงการประกอบทอ่ EMT.
รปู ท่ี 5.14 การร้อยสายเขา้ ท่อ

8. ขอ้ ควรระวังในการติดต้งั ทอ่ โลหะรอ้ ยสาย
การเดนิ สายไฟฟ้าในท่อร้อยสายจะประกอบด้วยข้ันตอนการดัดท่อ การตดั ท่อ การ
ประกอบท่อ การร้อยสายไฟฟา้ และการติดตัง้ อปุ กรณ์

8.1 การดดั ทอ่
1. มุมในการดัดท่อสาหรับการร้อยสายหน่ึงจุดต้องไม่เกิน 360 องศา ถ้า

มากกวา่ นี้ จะทาใหล้ าบากในการร้อยสาย
2. เลือกเบนเดอร์ให้มีขนาดพอดีกับท่อที่จะดัดและระวังอย่าให้ท่อบุ๋มหรือ

แบน

8.2 การตัดทอ่
1. การตัดท่อทุกคร้ังควรใช้คัตเตอร์ตัดท่อ หรือเลื่อยตัดเหล็ก ยกเว้นท่อ

โลหะอ่อน (flexible) ใหใ้ ชค้ มี ตัด
2. บรเิ วณปลายทอ่ ท่ตี ัดต้องลบคมทุกครง้ั ดว้ ยรมี เมอรห์ รอื วัสดุอื่น ๆ

วิธีการตัดท่อ EMT
1) ตดั ดว้ ยคัตเตอร์สาหรับตัดท่อ
คัตเตอร์สาหรับตัดท่อ EMT จะมีลักษณะคล้ายกับคัตเตอร์ตัดท่อทองแดงของ
ระบบปรับอากาศ ข้ันตอนการตัดทอ่ มดี งั น้ี

1.1 ทาเครื่องหมายในตาแหนง่ ท่จี ะตัดท่อ
1.2 คลายด้ามของคัตเตอร์ให้มีขนาดใหญ่กว่าท่อ EMT เล็กน้อย จากน้ันนา
คตั เตอรส์ วมเขา้ กบั ทอ่ โดยวางใบมดี ใหต้ รงกบั เครื่องหมายท่กี าหนดไว้
1.3 หมุนด้ามคัตเตอร์ให้ใบมีดสัมผัสกับท่อ จากน้ันหมุนด้ามคัตเตอร์อีก
เลก็ นอ้ ย เพอ่ื ใหใ้ บมีดกดลงบนท่อ

1.4 ใช้มือข้างหน่ึงจับท่อและประคองคัตเตอร์ไว้ให้อยู่ในร่องของคัตเตอร์
ส่วน มืออีกข้างหน่ึงจับด้ามคัตเตอร์ให้หมุนไปรอบ ๆ ท่อ ประมาณ 2-3 รอบ
ขณะนี้จะสังเกตเหน็ รอยคัตเตอรป์ รากฏอยู่ท่ีทอ่

1.5 หมุนด้ามคัตเตอร์ให้ใบมีดกดลึกลงไปอีกพอประมาณพร้อมกับหมุน
ด้าม คัตเตอร์ไปรอบ ๆ ท่อ

1.6 ปฏบิ ตั เิ ช่นนี้จนกระทัง่ ทอ่ ขาดออกจากกนั
ข้อควรระวังคอื ไมค่ วรกดใบมดี มากเกนิ ไป จะทาใหท้ ่อบบุ จนเสียรูปทรง

รปู ท่ี 5.15 ตดั ด้วยคตั เตอรส์ าหรับตัดทอ่

1.7 ทาการลบคมทอ่ ดว้ ยการใช่รีมเมอร์ (reamer) ในทางปฏิบัติ ถา้ หาก
ไม่มี รมี เมอรอ์ าจจะใชค้ ีมช่างไฟฟา้ หรือคีมรวม สอดเขา้ ไปในทอ่ พรอ้ มกบั หมนุ ไป
มาก็สามารถ ลบคมได้ในระดบั หน่ึง

2) ตดั ด้วยเล่อื ยตดั เหล็ก
ขอ้ ควรระวังในการตัดก็คือ จะต้องจับท่อให้แน่นอยู่กับที่ ไม่เช่นน้ันแล้วอาจจะ ทา
ใหใ้ บเล่ือยหกั ได้ ซง่ึ ทาได้ 2 วธิ ี คือ

2.1 ใชม้ อื จับทอ่ EMT ใหแ้ นน่ โดยการวางปลายทอ่ ไว้บนโต๊ะหรือใช้วธิ ีสอดเข้า
กบั bender

2.2 ใช้ปากกาจับท่อ วิธีนี้ท่อจะถูกจับได้แน่นมาก ทาให้สามารถปฏิบัติงานได้
งา่ ย

รปู ที่ 5.16 การตัดทอ่ EMT ดว้ ยเลื่อยตดั เหลก็

รปู ที่ 5.17 ปากกาจับทอ่

8.3 การประกอบท่อ
1. ต้องยึดกบั โครงสรา้ งของอาคารอยา่ งแข็งแรง
2. ต้องจับยึดด้วยอุปกรณ์จับยึดและมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้า เช่น คัปปล้ิง

คอนเนคเตอร์ ลอ็ กนทั บุชช่งิ เป็นต้น

5.3 การเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเดนิ สายและในรางเคเบิล
5.3.1 การเดนิ สายไฟฟ้าในรางเดินสาย
รางเดนิ สาย หรือที่เรียกวา่ ไวร์เวย์ (wire way) ผลิตจากเหล็กแผ่นพับ

ข้ึนรูป พร้อมกับฝาปิดมีทั้งแบบเจาะรูระบายอากาศและแบบปิดทึบจะป้องกัน
สนิมด้วยการพ่นสีชุบสังกะสี หรือการเคลือบผิวแบบอ่ืน เช่น polyester,
thermoplastic ความหนา 1 มิลลเิ มตร ความสูง 50 - 200 มิลลิเมตร

ดังนั้นจงึ สามารถเดินสายได้จานวนหลาย ๆ เสน้ ในรางอนั เดียวกัน

1. ขอ้ กาหนดเบอื้ งต้นเกยี่ วกบั รางเดนิ สายไฟฟา้
1.1 ต้องติดต้งั ในท่เี ปดิ โลง่ เทา่ นนั้ ถ้าตดิ ต้ังภายนอกอาคารตอ้ งเป็นชนิดกัน
ฝน และต้อง มคี วามแขง็ แรงเพยี งพอท่ีจะไมเ่ สยี รูปภายหลังการติดต้ัง
1.2 ห้ามใชร้ างเดินสายในบรเิ วณทอ่ี าจเกิดความเสยี หายทางกายภาพใน
บริเวณที่มไี อ ท่ีทาให้ผกุ ร่อนหรอื ในสถานที่อนั ตราย นอกจากจะระบไุ ว้เป็นอยา่ ง
อน่ื
1.3 พนื้ ท่ีหนา้ ตัดของตัวนาและฉนวนท้ังหมดรวมกนั ต้องไม่เกนิ 20% ของ
พน้ื ที่ หนา้ ตัดภายในรางเดนิ สาย

1.4 จุดปลายรางเดินสายตอ้ งปดิ
1.5 ต้องจับยึดอย่างม่ันคง แข็งแรงทุกระยะ 1.5 เมตร สูงสุดไม่เกิน 3
เมตร
1.6 หา้ มต่อรางเดนิ สายตรงจุดทผี่ ่านผนังหรอื พน้ื
1.7 การต่อสายทาได้เฉพาะในส่วนที่สามารถเปิดออกและเข้าถึงได้
สะดวกตลอดเวลา เท่านั้น และพ้ืนท่ีหน้าตัดของตัวนาและฉนวน รวมท้ังหัวต่อ
สายรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 75% ของ พ้ืนท่ีหน้าตัดภายในของรางเดินสาย ณ
จดุ ตอ่ สาย
1.8 ห้ามใช้รางเดนิ สายเปน็ ตวั นาสาหรับตอ่ ลงดนิ

2. ลักษณะของรางเดนิ สายไฟฟ้า แสดงดงั รูปท่ี 5.21

รูปที่ 5.21 แสดงลักษณะรางเดนิ สายไฟฟา้ แบบพลาสตกิ แบบตา่ งๆ



รปู ที่ 5.21 แสดงลกั ษณะการประกอบรางเดนิ สายไฟฟา้

5.2.2 การเดนิ สายไฟฟ้าในรางเคเบลิ
รางเคเบิล หรือที่เรียกวา่ เคเบิลเทรย์ (cable tray) ใช้ตดิ ตง้ั ระบบไฟฟ้าท้ังใน
และนอกอาคาร ซ่ึงนิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเนือ่ งจากการตดิ ตัง้ ทาไดร้ วดเร็ว
ไม่ยุ่งยาก และสามารถใช้งาน กับระบบไฟฟ้ากาลัง ระบบแสงสว่าง ระบบส่ือสาร
วัดคุมการติดตั้งหรือเปล่ียนแปลงขนาด สายเคเบิลทาได้สะดวก รางเคเบิลแบ่ง
ออกเป็น 3 แบบ คอื

1. แบบรางมีช่องระบายอากาศ
2. แบบบนั ได หรือทีเ่ รยี กว่า Ladder
3. แบบดา้ นลา่ งทบึ

ลักษณะดังรูปที่ 5.22 ปัจจุบันนิยมใช้เฉพาะแบบรางมีช่องระบายอากาศและ
แบบบันได โครงสร้างรางเคเบิลผลิตจากโลหะเคลือบผิวด้วยการชุบกัลวาไนซ์
(hot dip galvanize) หรือการ เคลือบผิวแบบอื่น เช่น Epoxy, Polyester,
thermoplastic หรอื สังกะสี ขนาดความกว้างมาตรฐาน 200, 300, 400, 5000,
600 และ 800 มลิ ลเิ มตร ความยาวมาตรฐานท่อนละ 3 เมตร

รปู ท่ี 5.22 รางเคเบลิ แบบตา่ ง ๆ

รปู ท่ี 5.22 สว่ นประกอบของรางเคเบลิ

5.5 การต่อวงจรไฟฟา้ แสงสวา่ ง

วงจรแสงสวา่ ง (Lighting Circuit) คือ การต่อวงจรหลอดไฟฟ้านน่ั เอง ในที่นี้จะ
กลา่ วถงึ หลอดไส้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ วงจรสวิตช์บันได และสุดท้ายจะกล่าวถงึ
แบบแปลนท่ีใชเ้ ขียน ในงานตดิ ตัง้ ไฟฟ้าที่ช่างไฟฟา้ จาเปน็ ต้องทาความเข้าใจ
หลอดไฟฟ้า (Lamp)
หลอดไฟฟ้าที่ใชต้ ามบา้ นเรอื นทว่ั ไปจะมี 2 ชนิด คอื

1. หลอดอนิ แคนเดสเซนต์ (Incandescent Lamp)
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)

5.5.1 หลอดอินแคนเดสเซนต์
หลอดอนิ แคนเดสเซนต์ ท่ีเรารจู้ กั กันทวั่ ไปวา่ “หลอดไส”้ ซึ่งเราเรียกตามจุดท่ใี ห้ กาเนดิ แสง
สวา่ ง นัน่ คอื ไส้หลอด ไสห้ ลอดนัน้ ทามาจากขดลวดทังสเตน

1. กระเปาะแกว้ (Bulb)
ลักษณะของกระเปาะแกว้ มรี ูปรา่ งหลายรปู แบบแตกตา่ งกนั

2. ขว้ั หลอด (Base)
ขั้วหลอดทามาจากทองเหลอื งหรืออะลูมิเนยี ม ทาหนา้ ที่เปน็ จดุ เชอ่ื มตอ่ วงจร

ของ ไส้หลอดให้ครบวงจร ขณะใช้งานตอ้ งนาขวั้ หลอดขนั เขา้ กับฐานหลอด

3. ไส้หลอด (Filament)
ไสห้ ลอดทาหน้าทีใ่ นการเปล่งแสงสว่างออกมา เมื่อไดร้ ับความร้อนจาก
กระแสไฟฟา้ ไส้หลอดทามาจากขดลวดทังสเตน

4. แก๊สทบ่ี รรจุ (Fill Gas)

แก๊สทีบ่ รรจุจะเปน็ แกส๊ เฉอื่ ย เช่น แก๊สอาร์กอน ทาหน้าท่ลี ดการสญู เสียของ
ความรอ้ น ทีเ่ กดิ จากไสห้ ลอด

5. ตวั พยงุ ไสห้ ลอด (Supports Wires)

ตวั พยงุ ไสห้ ลอดมลี กั ษณะเป็นเส้นทามาจากโมลดิ นิ ัม ทาหน้าท่ีช่วยพยุงไส้
หลอดทีฝ่ งั ในแกว้ บตั ตอน (Button) และลดการสูญเสยี ความรอ้ น

6. ลวดตัวนาไฟฟ้า (Lead-In Wires)

ทาหนา้ ท่ีเปน็ ตวั กลางนากระแสไฟฟ้าเขา้ และออกจากไสห้ ลอดและช่วยพยุง
ไสห้ ลอด

7. แก้วหุ้มลวดตวั นาไฟฟา้ (Stem Press)
ทาหน้าท่ีป้องกันอากาศไมใ่ หเ้ ข้าสู่ภายในหลอด

8. แผ่นหกั เหความร้อน (Heat Deflecting Disc)
ทาหนา้ ทหี่ กั เหความร้อนท่ีไหลเขา้ ไปในแกว้ ห้มุ ลวดตัวนาไฟฟ้าเพ่อื ลดการ

ไหลเวยี น ของแกส๊ ร้อน
9. ท่อไลอ่ ากาศออก (Exhaust Tube)

ทาหน้าท่ีไลอ่ ากาศและบรรจุแกส๊ เข้าไปยังหลอดไฟก่อนปิดผนึกหลอดไฟ
ขณะทาการ ผลิตหลอดไฟฟา้

การต่อใช้งานของหลอดอนิ แคนเดสเซนต์

วงจรการตอ่ ใชง้ านของหลอดอินแคนเดสเซอรจ์ ะมีลกั ษณะการตอ่ วงจร


Click to View FlipBook Version